📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
ขุทฺทกนิกาเย
เถรคาถา-อฏฺกถา
(ปโม ภาโค)
คนฺถารมฺภกถา
มหาการุณิกํ ¶ ¶ ¶ นาถํ, เยฺยสาครปารคุํ;
วนฺเท นิปุณคมฺภีร-วิจิตฺรนยเทสนํ.
วิชฺชาจรณสมฺปนฺนา, เยน นิยฺยนฺติ โลกโต;
วนฺเท ตมุตฺตมํ ธมฺมํ, สมฺมาสมฺพุทฺธปูชิตํ.
สีลาทิคุณสมฺปนฺโน, ิโต มคฺคผเลสุ โย;
วนฺเท อริยสงฺฆํ ตํ, ปฺุกฺเขตฺตํ อนุตฺตรํ.
วนฺทนาชนิตํ ปฺุํ, อิติ ยํ รตนตฺตเย;
หตนฺตราโย สพฺพตฺถ, หุตฺวาหํ ตสฺส เตชสา.
ยา ¶ ตา สุภูติอาทีหิ, กตกิจฺเจหิ ตาทิหิ;
เถเรหิ ภาสิตา คาถา, เถรีหิ จ นิรามิสา.
อุทานนาทวิธินา, คมฺภีรา นิปุณา สุภา;
สฺุตาปฏิสํยุตฺตา, อริยธมฺมปฺปกาสิกา.
เถรคาถาติ นาเมน, เถรีคาถาติ ตาทิโน;
ยา ขุทฺทกนิกายมฺหิ, สงฺคายึสุ มเหสโย.
ตาสํ ¶ คมฺภีราเณหิ, โอคาเหตพฺพภาวโต;
กิฺจาปิ ทุกฺกรา กาตุํ, อตฺถสํวณฺณนา มยา.
สหสํวณฺณนํ ยสฺมา, ธรเต สตฺถุ สาสนํ;
ปุพฺพาจริยสีหานํ, ติฏฺเตว วินิจฺฉโย.
ตสฺมา ¶ ตํ อวลมฺพิตฺวา, โอคาเหตฺวาน ปฺจปิ;
นิกาเย อุปนิสฺสาย, โปราณฏฺกถานยํ.
สุวิสุทฺธํ อสํกิณฺณํ, นิปุณตฺถวินิจฺฉยํ;
มหาวิหารวาสีนํ, สมยํ อวิโลมยํ.
ยาสํ อตฺโถ ทุวิฺเยฺโย, อนุปุพฺพิกถํ วินา;
ตาสํ ตฺจ วิภาเวนฺโต, ทีปยนฺโต วินิจฺฉยํ.
ยถาพลํ กริสฺสามิ, อตฺถสํวณฺณนํ สุภํ;
สกฺกจฺจํ เถรคาถานํ, เถรีคาถานเมว จ.
อิติ อากงฺขมานสฺส, สทฺธมฺมสฺส จิรฏฺิตึ;
ตทตฺถํ วิภชนฺตสฺส, นิสามยถ สาธโวติ.
กา ปเนตา เถรคาถา เถรีคาถา จ, กถฺจ ปวตฺตาติ, กามฺจายมตฺโถ คาถาสุ วุตฺโตเยว ปากฏกรณตฺถํ ปน ปุนปิ วุจฺจเต – ตตฺถ เถรคาถา ตาว สุภูติตฺเถราทีหิ ภาสิตา. ยา หิ เต อตฺตนา ยถาธิคตํ มคฺคผลสุขํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา กาจิ อุทานวเสน, กาจิ อตฺตโน สมาปตฺติวิหารปจฺจเวกฺขณวเสน, กาจิ ปุจฺฉาวเสน, กาจิ ปรินิพฺพานสมเย สาสนสฺส นิยฺยานิกภาววิภาวนวเสน อภาสึสุ, ตา สพฺพา สงฺคีติกาเล เอกชฺฌํ กตฺวา ‘‘เถรคาถา’’อิจฺเจว ธมฺมสงฺคาหเกหิ สงฺคีตา. เถรีคาถา ปน เถริโย อุทฺทิสฺส เทสิตา.
ตา ปน วินยปิฏกํ, สุตฺตนฺตปิฏกํ อภิธมฺมปิฏกนฺติ ตีสุ ปิฏเกสุ สุตฺตนฺตปิฏกปริยาปนฺนา. ทีฆนิกาโย, มชฺฌิมนิกาโย, สํยุตฺตนิกาโย, องฺคุตฺตรนิกาโย, ขุทฺทกนิกาโยติ ¶ ปฺจสุ นิกาเยสุ ขุทฺทกนิกายปริยาปนฺนา, สุตฺตํ, เคยฺยํ, เวยฺยากรณํ, คาถา, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ ¶ , ชาตกํ, อพฺภุตธมฺมํ, เวทลฺลนฺติ นวสุ สาสนงฺเคสุ คาถงฺคสงฺคหํ คตา.
‘‘ทฺวาสีติ พุทฺธโต คณฺหึ, ทฺเวสหสฺสานิ ภิกฺขุโต;
จตุราสีติสหสฺสานิ, เย เม ธมฺมา ปวตฺติโน’’ติ.
เอวํ ธมฺมภณฺฑาคาริเกน ปฏิฺาเตสุ จตุราสีติยา ธมฺมกฺขนฺธสหสฺเสสุ กติปยธมฺมกฺขนฺธสงฺคหํ คตา.
ตตฺถ ¶ เถรคาถา ตาว นิปาตโต เอกนิปาโต เอกุตฺตรวเสน ยาว จุทฺทสนิปาตาติ จุทฺทสนิปาโต โสฬสนิปาโต วีสตินิปาโต ตึสนิปาโต จตฺตาลีสนิปาโต ปฺาสนิปาโต สฏฺินิปาโต สตฺตตินิปาโตติ เอกวีสตินิปาตสงฺคหา. นิปาตนํ นิกฺขิปนนฺติ นิปาโต. เอโก เอเกโก คาถานํ นิปาโต นิกฺเขโป เอตฺถาติ เอกนิปาโต. อิมินา นเยน เสเสสุปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ตตฺถ เอกนิปาเต ทฺวาทส วคฺคา. เอเกกสฺมึ วคฺเค ทส ทส กตฺวา วีสุตฺตรสตํ เถรา, ตตฺติกา เอว คาถา. วุตฺตฺหิ –
‘‘วีสุตฺตรสตํ เถรา, กตกิจฺจา อนาสวา;
เอกกมฺหิ นิปาตมฺหิ, สุสงฺคีตา มเหสิภี’’ติ.
ทุกนิปาเต เอกูนปฺาส เถรา, อฏฺนวุติ คาถา; ติกนิปาเต โสฬส เถรา, อฏฺจตฺตาลีส คาถา; จตุกฺกนิปาเต เตรส เถรา, ทฺเวปฺาส คาถา; ปฺจกนิปาเต ทฺวาทส เถรา, สฏฺิ คาถา; ฉกฺกนิปาเต จุทฺทส เถรา, จตุราสีติ คาถา; สตฺตกนิปาเต ปฺจ เถรา, ปฺจตึส คาถา; อฏฺกนิปาเต ตโย เถรา, จตุวีสติ คาถา; นวกนิปาเต เอโก เถโร, นว คาถา; ทสนิปาเต สตฺต เถรา, สตฺตติ คาถา; เอกาทสนิปาเต เอโก เถโร, เอกาทส คาถา; ทฺวาทสนิปาเต ทฺเว เถรา, จตุวีสติ คาถา; เตรสนิปาเต เอโก เถโร, เตรส คาถา; จุทฺทสนิปาเต ทฺเว เถรา, อฏฺวีสติ คาถา; ปนฺนรสนิปาโต นตฺถิ, โสฬสนิปาเต ทฺเว เถรา, ทฺวตฺตึส คาถา; วีสตินิปาเต ทส เถรา, ปฺจจตฺตาลีสาธิกานิ ทฺเว คาถาสตานิ; ตึสนิปาเต ตโย เถรา, สตํ ปฺจ ¶ จ คาถา; จตฺตาลีสนิปาเต เอโก ¶ เถโร, ทฺเวจตฺตาลีส คาถา; ปฺาสนิปาเต เอโก เถโร, ปฺจปฺาส คาถา; สฏฺินิปาเต เอโก เถโร, อฏฺสฏฺิ คาถา; สตฺตตินิปาเต เอโก เถโร, เอกสตฺตติ คาถา. สมฺปิณฺเฑตฺวา ปน ทฺเวสตานิ จตุสฏฺิ จ เถรา, สหสฺสํ ตีณิ สตานิ สฏฺิ จ คาถาติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘สหสฺสํ โหนฺติ ตา คาถา, ตีณิ สฏฺิ สตานิ จ;
เถรา จ ทฺเว สตา สฏฺิ, จตฺตาโร จ ปกาสิตา’’ติ.
เถรีคาถา ปน เอกนิปาโต เอกุตฺตรวเสน ยาว นวนิปาตาติ นวนิปาโต เอกาทสนิปาโต, ทฺวาทสนิปาโต, โสฬสนิปาโต, วีสตินิปาโต, ตึสนิปาโต, จตฺตาลีสนิปาโต, มหานิปาโตติ ¶ โสฬสนิปาตสงฺคหา. ตตฺถ เอกนิปาเต อฏฺารส เถริโย, อฏฺารเสว คาถา; ทุกนิปาเต ทส เถริโย, วีสติ คาถา; ติกนิปาเต อฏฺ เถริโย, จตุวีสติ คาถา; จตุกฺกนิปาเต เอกา เถรี, จตสฺโส คาถา; ปฺจกนิปาเต ทฺวาทส เถริโย สฏฺิ คาถา; ฉกฺกนิปาเต อฏฺ เถริโย อฏฺจตฺตาลีส คาถา; สตฺตนิปาเต ติสฺโส เถริโย, เอกวีสติ คาถา; อฏฺ นิปาตโต ปฏฺาย ยาว โสฬสนิปาตา เอเกกา เถริโย ตํตํนิปาตปริมาณา คาถา; วีสตินิปาเต ปฺจ เถริโย, อฏฺารสสตคาถา; ตึสนิปาเต เอกา เถรี, จตุตฺตึส คาถา; จตฺตาลีสนิปาเต เอกา เถรี, อฏฺจตฺตาลีส คาถา; มหานิปาเตปิ เอกา เถรี, ปฺจสตฺตติ คาถา. เอวเมตฺถ นิปาตานํ คาถาวคฺคานํ คาถานฺจ ปริมาณํ เวทิตพฺพํ.
นิทานคาถาวณฺณนา
เอวํ ¶ ปริจฺฉินฺนปริมาณาสุ ปเนตาสุ เถรคาถา อาทิ. ตตฺถาปิ –
‘‘สีหานํว นทนฺตานํ, ทาีนํ คิริคพฺภเร;
สุณาถ ภาวิตตฺตานํ, คาถา อตฺถูปนายิกา’’ติ.
อยํ ปมมหาสงฺคีติกาเล อายสฺมตา อานนฺเทน เตสํ เถรานํ โถมนตฺถํ ภาสิตา คาถา อาทิ. ตตฺถ สีหานนฺติ สีหสทฺโท ‘‘สีโห, ภิกฺขเว, มิคราชา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๓๓) มิคราเช อาคโต. ‘‘อถ โข สีโห เสนาปติ เยน ภควา เตนุปสงฺกมี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๕.๓๔) ปฺตฺติยํ. ‘‘สีโหติ โข, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺเสตํ ¶ อธิวจนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๕.๙๙; ๑๐.๒๑) ตถาคเต. ตตฺถ ยถา ตถาคเต สทิสกปฺปนาย อาคโต, เอวํ อิธาปิ สทิสกปฺปนาวเสเนว เวทิตพฺโพ, ตสฺมา สีหานํวาติ สีหานํ อิว. สนฺธิวเสน สรโลโป ‘‘เอวํส เต’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๒) วิย. ตตฺถ อิวาติ นิปาตปทํ. สุณาถาติ อาขฺยาตปทํ. อิตรานิ นามปทานิ. สีหานํวาติ จ สมฺพนฺเธ สามิวจนํ. กามฺเจตฺถ สมฺพนฺธี สรูปโต น วุตฺโต, อตฺถโต ¶ ปน วุตฺโตว โหติ. ยถา หิ ‘‘โอฏฺสฺเสว มุขํ เอตสฺสา’’ติ วุตฺเต โอฏฺสฺส มุขํ วิย มุขํ เอตสฺสาติ อยมตฺโถ วุตฺโต เอว โหติ, เอวมิธาปิ ‘‘สีหานํวา’’ติ วุตฺเต สีหานํ นาโท วิยาติ อยมตฺโถ วุตฺโต เอว โหติ. ตตฺถ มุขสทฺทสนฺนิธานํ โหตีติ เจ, อิธาปิ ‘‘นทนฺตาน’’นฺติ ปทสนฺนิธานโต, ตสฺมา สีหานํวาติ นิทสฺสนวจนํ. นทนฺตานนฺติ ตสฺส นิทสฺสิตพฺเพน สมฺพนฺธทสฺสนํ. ทาีนนฺติ ตพฺพิเสสนํ. คิริคพฺภเรติ ตสฺส ปวตฺติฏฺานทสฺสนํ. สุณาถาติ สวเน นิโยชนํ. ภาวิตตฺตานนฺติ โสตพฺพสฺส ปภวทสฺสนํ. คาถาติ โสตพฺพวตฺถุทสฺสนํ. อตฺถุปนายิกาติ ตพฺพิเสสนํ. กามฺเจตฺถ ‘‘สีหานํ นทนฺตานํ ทาีน’’นฺติ ปุลฺลิงฺควเสน อาคตํ, ลิงฺคํ ปน ปริวตฺเตตฺวา ‘‘สีหีน’’นฺติอาทินา อิตฺถิลิงฺควเสนาปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เอกเสสวเสน วา สีหา จ สีหิโย จ สีหา, เตสํ สีหานนฺติอาทินา ¶ สาธารณา เหตา ติสฺโส นิทานคาถา เถรคาถานํ เถรีคาถานฺจาติ.
ตตฺถ สหนโต หนนโต จ สีโห. ยถา หิ สีหสฺส มิครฺโ พลวิเสสโยคโต สรภมิคมตฺตวรวารณาทิโตปิ ปริสฺสโย นาม นตฺถิ, วาตาตปาทิปริสฺสยมฺปิ โส สหติเยว, โคจราย ปกฺกมนฺโตปิ เตชุสฺสทตาย มตฺตคนฺธหตฺถิวนมหึสาทิเก สมาคนฺตฺวา อภีรู อฉมฺภี อภิภวติ, อภิภวนฺโต จ เต อฺทตฺถุ หนฺตฺวา ตตฺถ มุทุมํสานิ ภกฺขยิตฺวา สุเขเนว วิหรติ, เอวเมเตปิ มหาเถรา อริยพลวิเสสโยเคน สพฺเพสมฺปิ ปริสฺสยานํ สหนโต, ราคาทิสํกิเลสพลสฺส อภิภวิตฺวา หนนโต ปชหนโต เตชุสฺสทภาเวน กุโตจิปิ อภีรู อฉมฺภี ฌานาทิสุเขน วิหรนฺตีติ สหนโต หนนโต จ สีหา วิยาติ สีหา. สทฺทตฺถโต ปน ยถา กนฺตนตฺเถน อาทิอนฺตวิปลฺลาสโต ตกฺกํ วุจฺจติ, เอวํ หึสนฏฺเน สีโห เวทิตพฺโพ. ตถา สหนฏฺเน. ปิโสทราทิปกฺเขเปน นิรุตฺตินเยน ปน ¶ วุจฺจมาเน วตฺตพฺพเมว นตฺถิ.
อถ วา ยถา มิคราชา เกสรสีโห อตฺตโน เตชุสฺสทตาย เอกจารี วิหรติ, น กฺจิ สหายํ ปจฺจาสีสติ, เอวเมเตปิ เตชุสฺสทตาย วิเวกาภิรติยา จ เอกจาริโนติ เอกจริยฏฺเนปิ สีหา วิยาติ สีหา, เตนาห – ภควา ‘‘สีหํเวกจรํ นาค’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๓๐; สุ. นิ. ๑๖๘).
อถ ¶ วา อสนฺตาสนชวปรกฺกมาทิวิเสสโยคโต สีหา วิยาติ สีหา, เอเต มหาเถรา. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, อสนิยา ผลนฺติยา น สนฺตสนฺติ, กตเมว ทฺเว? ภิกฺขุ จ ขีณาสโว สีโห จ มิคราชา’’ติ (อ. นิ. ๒.๖๐).
ชโวปิ สีหสฺส อฺเหิ อสาธารโณ, ตถา ปรกฺกโม. ตถา หิ โส อุสภสตมฺปิ ลงฺฆิตฺวา วนมหึสาทีสุ นิปตติ, โปตโกปิ สมาโน ปภินฺนมทานมฺปิ มตฺตวรวารณานํ ปฏิมานํ ภินฺทิตฺวา ¶ ทนฺตกฬีรํว ขาทติ. เอเตสํ ปน อริยมคฺคชโว อิทฺธิชโว จ อฺเหิ อสาธารโณ, สมฺมปฺปธานปรกฺกโม จ นิรติสโย. ตสฺมา สีหานํวาติ สีหสทิสานํ วิย. สีหสฺส เจตฺถ หีนูปมตา ทฏฺพฺพา, อจฺจนฺตวิสิฏฺสฺส สหนาทิอตฺถสฺส เถเรสฺเวว ลพฺภนโต.
นทนฺตานนฺติ คชฺชนฺตานํ. โคจรปรกฺกมตุฏฺิเวลาทีสุ หิ ยถา สีหา อตฺตโน อาสยโต นิกฺขมิตฺวา วิชมฺภิตฺวา สีหนาทํ อภีตนาทํ นทนฺติ, เอวํ เอเตปิ วิสยชฺฌตฺตปจฺจเวกฺขณอุทานาทิกาเลสุ อิมํ อภีตนาทํ นทึสุ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สีหานํว นทนฺตาน’’นฺติ. ทาีนนฺติ ทาาวนฺตานํ. ปสฏฺทาีนํ, อติสยทาานนฺติ วา อตฺโถ. ยถา หิ สีหา อติวิย ทฬฺหานํ ติกฺขานฺจ จตุนฺนํ ทาานํ พเลน ปฏิปกฺขํ อภิภวิตฺวา อตฺตโน มโนรถํ มตฺถกํ ปูเรนฺติ, เอวเมเตปิ จตุนฺนํ อริยมคฺคทาานํ พเลน อนาทิมติ สํสาเร อนภิภูตปุพฺพปฏิปกฺขํ ¶ อภิภวิตฺวา อตฺตโน มโนรถํ มตฺถกํ ปาเปสุํ. อิธาปิ ทาา วิยาติ ทาาติ สทิสกปฺปนาวเสเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
คิริคพฺภเรติ ปพฺพตคุหายํ, สมีปตฺเถ ภุมฺมวจนํ. ‘‘คิริควฺหเร’’ติ เกจิ ปนฺติ. ปพฺพเตสุ วนคหเน วนสณฺเฑติ อตฺโถ. อิทํ ปน เนสํ วิโรจนฏฺานทสฺสนฺเจว สีหนาทสฺส โยคฺยภูมิทสฺสนฺจ. นทนฺตานํ คิริคพฺภเรติ โยชนา. ยถา หิ สีหา เยภุยฺเยน คิริคพฺภเร อฺเหิ ทุราสทตาย ชนวิวิตฺเต วสนฺตา อตฺตโน ทสฺสเนน อุปฺปชฺชนกสฺส ขุทฺทกมิคสนฺตาสสฺส ปริหรณตฺถํ โคจรคมเน สีหนาทํ นทนฺติ, เอวเมเตปิ อฺเหิ ทุราสทคิริคพฺภรสทิเสว สฺุาคาเรวสนฺตา คุเณหิ ขุทฺทกานํ ปุถุชฺชนานํ ตณฺหาทิฏฺิปริตฺตาสปริวชฺชนตฺถํ วกฺขมานคาถาสงฺขาตํ อภีตนาทํ นทึสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘สีหานํว นทนฺตานํ, ทาีนํ คิริคพฺภเร’’ติ.
สุณาถาติ ¶ สวนาณตฺติกวจนํ, เตน วกฺขมานานํ คาถานํ สนฺนิปติตาย ปริสาย โสตุกามตํ อุปฺปาเทนฺโต สวเน อาทรํ ชเนติ, อุสฺสาหํ สมุฏฺาเปนฺโต คารวํ พหุมานฺจ อุปฏฺเปติ. อถ วา ‘‘สีหาน’’นฺติอาทีนํ ¶ ปทานํ สทิสกปฺปนาย วินา มุขฺยวเสเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ตสฺมา ทฬฺหติกฺขภาเวน ปสฏฺาติสยทาตาย ทาีนํ คิริคพฺภเร นทนฺตานํ สีหคชฺชิตํ คชฺชนฺตานํ สีหานํ มิคราชูนํ วิย เตสํ อภีตนาทสทิสา คาถา สุณาถาติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘ยถา สีหนาทํ นทนฺตานํ สีหานํ มิคราชูนํ กุโตจิปิ ภยาภาวโต โส อภีตนาโท ตทฺมิคสนฺตาสกโร, เอวํ ภาวิตตฺตานํ อปฺปมตฺตานํ เถรานํ สีหนาทสทิสิโย สพฺพโส ภยเหตูนํ สุปฺปหีนตฺตา อภีตนาทภูตา, ปมตฺตชนสนฺตาสกรา คาถา สุณาถา’’ติ.
ภาวิตตฺตานนฺติ ภาวิตจิตฺตานํ. จิตฺตฺหิ ‘‘อตฺตา หิ กิร ทุทฺทโม (ธ. ป. ๑๕๙) โย เว ิตตฺโต ตสรํว อุชฺชู’’ติ (สุ. นิ. ๒๑๗) จ ‘‘อตฺตสมฺมาปณิธี’’ติ ¶ (ขุ. ปา. ๕.๔; สุ. นิ. ๒๖๓) จ เอวมาทีสุ อตฺตาติ วุจฺจติ, ตสฺมา อธิจิตฺตานุโยเคน สมถวิปสฺสนาภิวฑฺฒิตจิตฺตานํ สมถวิปสฺสนาภาวนามตฺถกํ ปาเปตฺวา ิตานนฺติ อตฺโถ. อถ วา ภาวิตตฺตานนฺติ ภาวิตสภาวานํ, สภาวภูตสีลาทิภาวิตานนฺติ อตฺโถ. คียตีติ คาถา, อนุฏฺุภาทิวเสน อิสีหิ ปวตฺติตํ จตุปฺปทํ ฉปฺปทํ วา วจนํ. อฺเสมฺปิ ตํสทิสตาย ตถา วุจฺจนฺติ. อตฺตตฺถาทิเภเท อตฺเถ อุปเนนฺติ เตสุ วา อุปนิยฺยนฺตีติ อตฺถูปนายิกา.
อถ วา ภาวิตตฺตานนฺติ ภาวิตตฺตาภาวานํ, อตฺตภาโว หิ อาหิโต อหํ มาโน เอตฺถาติ ‘‘อตฺตา’’ติ วุจฺจติ, โส จ เตหิ อปฺปมาทภาวนาย อนวชฺชภาวนาย ภาวิโต สมฺมเทว คุณคนฺธํ คาหาปิโต. เตน เตสํ กายภาวนา สีลภาวนา จิตฺตภาวนา ปฺาภาวนาติ จตุนฺนมฺปิ ภาวนานํ ปริปุณฺณภาวํ ทสฺเสติ. ‘‘ภาวนา’’ติ จ สมฺโพธิปฏิปทา อิธาธิปฺเปตา. ยายํ สจฺจสมฺโพธิ อตฺถิ, สา ทุวิธา อภิสมยโต ตทตฺถโต จ. สมฺโพธิ ปน ติวิธา สมฺมาสมฺโพธิ ปจฺเจกสมฺโพธิ สาวกสมฺโพธีติ. ตตฺถ สมฺมา สามํ สพฺพธมฺมานํ พุชฺฌนโต โพธนโต จ สมฺมาสมฺโพธิ. สพฺพฺุตฺาณปทฏฺานํ มคฺคาณํ มคฺคาณปทฏฺานฺจ สพฺพฺุตฺาณํ ‘‘สมฺมาสมฺโพธี’’ติ วุจฺจติ. เตนาห –
‘‘พุทฺโธติ ¶ โย โส ภควา สยมฺภู อนาจริยโก ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ สามํ สจฺจานิ อภิสมฺพุชฺฌิ, ตตฺถ จ สพฺพฺุตํ ปตฺโต พเลสุ จ วสีภาว’’นฺติ (มหานิ. ๑๙๒; จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิทฺเทส ๙๗; ปฏิ. ม. ๑.๑๖๑).
โพธเนยฺยโพธนตฺโถ ¶ หิ พเลสุ วสีภาโว. ปจฺเจกํ สยเมว โพธีติ ปจฺเจกสมฺโพธิ, อนนุพุทฺโธ สยมฺภูาเณน สจฺจาภิสมโยติ อตฺโถ. สมฺมาสมฺพุทฺธานฺหิ สยมฺภูาณตาย สยเมว ปวตฺตมาโนปิ สจฺจาภิสมโย สานุพุทฺโธ อปริมาณานํ สตฺตานํ สจฺจาภิสมยสฺส เหตุภาวโต. อิเมสํ ปน โส เอกสฺสาปิ สตฺตสฺส สจฺจาภิสมยเหตุ น โหติ. สตฺถุ ธมฺมเทสนาย สวนนฺเต ชาตาติ สาวกา. สาวกานํ สจฺจาภิสมโย สาวกสมฺโพธิ. ติวิธาเปสา ¶ ติณฺณํ โพธิสตฺตานํ ยถาสกํ อาคมนียปฏิปทาย มตฺถกปฺปตฺติยา สติปฏฺานาทีนํ สตฺตตึสาย โพธิปกฺขิยธมฺมานํ ภาวนาปาริปูรีติ เวทิตพฺพา อิตราภิสมยานํ ตทวินาภาวโต. น หิ สจฺฉิกิริยาภิสมเยน วินา ภาวนาภิสมโย สมฺภวติ, สติ จ ภาวนาภิสมเย ปหานาภิสมโย ปริฺาภิสมโย จ สิทฺโธเยว โหตีติ.
ยทา หิ มหาโพธิสตฺโต ปริปูริตโพธิสมฺภาโร จริมภเว กตปุพฺพกิจฺโจ โพธิมณฺฑํ อารุยฺห – ‘‘น ตาวิมํ ปลฺลงฺกํ ภินฺทิสฺสามิ, ยาว น เม อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจิสฺสตี’’ติ ปฏิฺํ กตฺวา อปราชิตปลฺลงฺเก นิสินฺโน อสมฺปตฺตาย เอว สฺฌาเวลาย มารพลํ วิธมิตฺวา ปุริมยาเม ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาเณน อเนกาการโวกาเร ปุพฺเพ นิวุตฺถกฺขนฺเธ อนุสฺสริตฺวา มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุวิโสธเนน จุตูปปาตาณอนาคตํสาณานิ อธิคนฺตฺวา ปจฺฉิมยาเม ‘‘กิจฺฉํ วตายํ โลโก อาปนฺโน ชายติ จ ชียติ จ มียติ จ จวติ จ อุปปชฺชติ จ, อถ จ ปนิมสฺส ทุกฺขสฺส นิสฺสรณํ นปฺปชานาติ ชรามรณสฺสา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๕๗) ชรามรณโต ปฏฺาย ปฏิจฺจสมุปฺปาทมุเขน วิปสฺสนํ อภินิวิสิตฺวา มหาคหนํ ฉินฺทิตุํ นิสทสิลายํ ผรสุํ นิเสนฺโต วิย กิเลสคหนํ ฉินฺทิตุํ โลกนาโถ าณผรสุํ เตเชนฺโต พุทฺธภาวาย เหตุสมฺปตฺติยา ¶ ปริปากํ คตตฺตา สพฺพฺุตฺาณาธิคมาย วิปสฺสนํ คพฺภํ คณฺหาเปนฺโต อนฺตรนฺตรา นานาสมาปตฺติโย สมาปชฺชิตฺวา ยถาววตฺถาปิเต นามรูเป ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา อนุปทธมฺมวิปสฺสนาวเสน อเนกาการโวการสงฺขาเร สมฺมสนฺโต ฉตฺตึสโกฏิสตสหสฺสมุเขน สมฺมสนวารํ วิตฺถาเรตฺวา ตตฺถ มหาวชิราณสงฺขาเต วิปสฺสนาาเณ ติกฺเข สูเร ปสนฺเน วุฏฺานคามินิภาเวน ปวตฺตมาเน ยทา ตํ มคฺเคน ฆเฏติ, ตทา มคฺคปฏิปาฏิยา ทิยฑฺฒกิเลสสหสฺสํ เขเปนฺโต อคฺคมคฺคกฺขเณ สมฺมาสมฺโพธึ อธิคจฺฉติ นาม, อคฺคผลกฺขณโต ปฏฺาย ¶ อธิคโต นาม. สมฺมาสมฺพุทฺธภาวโต ทสพลจตุเวสารชฺชาทโยปิ ตสฺส ตทา หตฺถคตาเยว โหนฺตีติ อยํ ตาว อภิสมยโต สมฺมาสมฺโพธิปฏิปทา. ตทตฺถโต ปน มหาภินีหารโต ปฏฺาย ยาว ตุสิตภวเน นิพฺพตฺติ, เอตฺถนฺตเร ปวตฺตํ โพธิสมฺภารสมฺภรณํ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ สพฺพาการสมฺปนฺนํ จริยาปิฏกวณฺณนายํ วิตฺถารโต วุตฺตเมวาติ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว คเหตพฺพํ.
ปจฺเจกโพธิสตฺตาปิ ¶ ปจฺเจกโพธิยา กตาภินีหารา อนุปุพฺเพน สมฺภตปจฺเจกสมฺโพธิสมฺภารา ตาทิเส กาเล จริมตฺตภาเว ิตา าณสฺส ปริปากคตภาเวน อุปฏฺิตํ สํเวคนิมิตฺตํ คเหตฺวา สวิเสสํ ภวาทีสุ อาทีนวํ ทิสฺวา สยมฺภูาเณน ปวตฺติ ปวตฺติเหตุํ นิวตฺติ นิวตฺติเหตฺุจ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘โส ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ โยนิโส มนสิ กโรตี’’ติอาทินา อาคตนเยน จตุสจฺจกมฺมฏฺานํ ปริพฺรูเหนฺตา อตฺตโน อภินีหารานุรูปํ สงฺขาเร ปริมทฺทนฺตา อนุกฺกเมน วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา มคฺคปฏิปาฏิยา อคฺคมคฺคํ อธิคจฺฉนฺตา ปจฺเจกสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌนฺติ นาม, อคฺคผลกฺขณโต ปฏฺาย ปจฺเจกสมฺพุทฺธา นาม หุตฺวา สเทวกสฺส โลกสฺส อคฺคทกฺขิเณยฺยา โหนฺติ.
สาวกา ปน สตฺถุ สพฺรหฺมจาริโน วา จตุสจฺจกมฺมฏฺานกถํ สุตฺวา ตสฺมึเยว ขเณ กาลนฺตเร วา ตชฺชํ ปฏิปตฺตึ อนุติฏฺนฺตา ฆเฏนฺตา วายมนฺตา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา, ยทิ วา ปฏิปทาย วฑฺฒนฺติยา, สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌนฺตา ¶ อตฺตโน อภินีหารานุรูปสิทฺธิอคฺคสาวกภูมิยา วา เกวลํ วา อคฺคมคฺคกฺขเณ สาวกสมฺโพธึ อธิคจฺฉนฺติ นาม. ตโต ปรํ สาวกพุทฺธา นาม โหนฺติ สเทวเก โลเก อคฺคทกฺขิเณยฺยา. เอวํ ตาว อภิสมยโต ปจฺเจกสมฺโพธิ สาวกสมฺโพธิ จ เวทิตพฺพา.
ตทตฺถโต ปน ยถา มหาโพธิสตฺตานํ เหฏฺิมปริจฺเฉเทน จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปานํ สตสหสฺสฺจ โพธิสมฺภารสมฺภรณํ อิจฺฉิตพฺพํ มชฺฌิมปริจฺเฉเทน อฏฺ ¶ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปานํ สตสหสฺสฺจ, อุปริมปริจฺเฉเทน โสฬส อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปานํ สตสหสฺสฺจ เอเต จ เภทา ปฺาธิกสทฺธาธิกวีริยาธิกวเสน เวทิตพฺพา. ปฺาธิกานฺหิ สทฺธา มนฺทา โหติ ปฺา ติกฺขา, ตโต จ อุปายโกสลฺลสฺส วิสทนิปุณภาเวน นจิรสฺเสว ปารมิโย ปาริปูรึ คจฺฉนฺติ. สทฺธาธิกานํ ปฺา มชฺฌิมา โหตีติ เตสํ นาติสีฆํ นาติสณิกํ ปารมิโย ปาริปูรึ คจฺฉนฺติ. วีริยาธิกานํ ปน ปฺา มนฺทา โหตีติ เตสํ จิเรเนว ปารมิโย ปาริปูรึ คจฺฉนฺติ. น เอวํ ปจฺเจกโพธิสตฺตานํ. เตสฺหิ สติปิ ปฺาธิกภาเว ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปานํ สตสหสฺสฺจ โพธิสมฺภารสมฺภรณํ อิจฺฉิตพฺพํ, น ตโต โอรํ. สทฺธาธิกวีริยาธิกาปิ วุตฺตปริจฺเฉทโต ปรํ กติปเย เอว กปฺเป อติกฺกมิตฺวา ปจฺเจกสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌนฺติ, น ตติยํ อสงฺขฺเยยฺยนฺติ. สาวกโพธิสตฺตานํ ปน เยสํ อคฺคสาวกภาวาย อภินีหาโร, เตสํ เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ กปฺปานํ สตสหสฺสฺจ สมฺภารสมฺภรณํ อิจฺฉิตพฺพํ. เยสํ มหาสาวกภาวาย, เตสํ กปฺปานํ สตสหสฺสเมว, ตถา พุทฺธสฺส มาตาปิตูนํ อุปฏฺากสฺส ปุตฺตสฺส จ. ตตฺถ ยถา –
‘‘มนุสฺสตฺตํ ¶ ลิงฺคสมฺปตฺติ, เหตุ สตฺถารทสฺสนํ;
ปพฺพชฺชา คุณสมฺปตฺติ, อธิกาโร จ ฉนฺทตา;
อฏฺธมฺมสโมหานา, อภินีหาโร สมิชฺฌตี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๕๙) –
เอวํ วุตฺเต อฏฺ ธมฺเม สโมธาเนตฺวา กตปณิธานานํ มหาโพธิสตฺตานํ มหาภินีหารโต ปภุติ สวิเสสํ ทานาทีสุ ยุตฺตปฺปยุตฺตานํ ทิวเส ทิวเส เวสฺสนฺตรทานสทิสํ มหาทานํ เทนฺตานํ ตทนุรูปสีลาทิเก สพฺพปารมิธมฺเม อาจินนฺตานมฺปิ ยถาวุตฺตกาลปริจฺเฉทํ อสมฺปตฺวา อนฺตรา เอว ¶ พุทฺธภาวปฺปตฺติ นาม นตฺถิ. กสฺมา? าณสฺส อปริปจฺจนโต. ปริจฺฉินฺนกาเล นิปฺผาทิตํ วิย หิ สสฺสํ พุทฺธาณํ ยถาปริจฺฉินฺนกาลวเสเนว วุทฺธึ วิรุฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชนฺตํ ¶ คพฺภํ คณฺหนฺตํ ปริปากํ คจฺฉตีติ เอวํ –
‘‘มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺติ, วิคตาสวทสฺสนํ;
อธิกาโร ฉนฺทตา เอเต, อภินีหารการณา’’ติ. (สุ. นิ. อฏฺ. ๑.ขคฺควิสาณสุตฺตวณฺณนา) –
อิเม ปฺจ ธมฺเม สโมธาเนตฺวา กตาภินีหารานํ ปจฺเจกโพธิสตฺตานํ ‘‘อธิกาโร ฉนฺทตา’’ติ ทฺวงฺคสมนฺนาคตาย ปตฺถนาย วเสน กตปณิธานานํ สาวกโพธิสตฺตานฺจ ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตกาลปริจฺเฉทํ อสมฺปตฺวา อนฺตรา เอว ปจฺเจกสมฺโพธิยา ยถาวุตฺตสาวกสมฺโพธิยา จ อธิคโม นตฺถิ. กสฺมา? าณสฺส อปริปจฺจนโต. อิเมสมฺปิ หิ ยถา มหาโพธิสตฺตานํ ทานาทิปารมีหิ ปริพฺรูหิตา ปฺาปารมี อนุกฺกเมน คพฺภํ คณฺหนฺตี ปริปากํ คจฺฉนฺตี พุทฺธาณํ ปริปูเรติ, เอวํ ทานาทีหิ ปริพฺรูหิตา อนุปุพฺเพน ยถารหํ คพฺภํ คณฺหนฺตี ปริปากํ คจฺฉนฺตี ปจฺเจกโพธิาณํ สาวกโพธิาณฺจ ปริปูเรติ. ทานปริจเยน เหเต ตตฺถ ตตฺถ ภเว อโลภชฺฌาสยตาย สพฺพตฺถ อสงฺคมานสา อนเปกฺขจิตฺตา หุตฺวา, สีลปริจเยน สุสํวุตกายวาจตาย สุปริสุทฺธกายวจีกมฺมนฺตา ปริสุทฺธาชีวา อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารา โภชเน มตฺตฺุโน หุตฺวา ชาคริยานุโยเคน จิตฺตํ สมาทหนฺติ, สฺวายํ เตสํ ชาคริยานุโยโค คตปจฺจาคติกวตฺตวเสน เวทิตพฺโพ.
เอวํ ปน ปฏิปชฺชนฺตานํ อธิการสมฺปตฺติยา อปฺปกสิเรเนว อฏฺ สมาปตฺติโย ปฺจาภิฺา ฉฬภิฺา อธิฏฺานภูตา ปุพฺพภาควิปสฺสนา จ หตฺถคตาเยว โหนฺติ. วีริยาทโย ปน ตทนฺโตคธา เอว. ยฺหิ ปจฺเจกโพธิยา สาวกโพธิยา วา อตฺถาย ทานาทิปฺุสมฺภรเณ อพฺภุสฺสหนํ, อิทํ วีริยํ. ยํ ตทนุปโรธสฺส สหนํ, อยํ ขนฺติ. ยํ ทานสีลาทิสมาทานาวิสํวาทนํ, อิทํ สจฺจํ. สพฺพตฺถเมว อจลสมาธานาธิฏฺานํ, อิทํ อธิฏฺานํ ¶ . ยา ทานสีลาทีนํ ปวตฺติฏฺานภูเตสุ สตฺเตสุ หิเตสิตา, อยํ เมตฺตา. ยํ สตฺตานํ กตวิปฺปกาเรสุ อชฺฌุเปกฺขนํ, อยํ ¶ อุเปกฺขาติ. เอวํ ¶ ทานสีลภาวนาสุ สีลสมาธิปฺาสุ จ สิชฺฌมานาสุ วีริยาทโย สิทฺธา เอว โหนฺติ. สาเยว ปจฺเจกโพธิอตฺถาย สาวกโพธิอตฺถาย จ ทานาทิปฏิปทา เตสํ โพธิสตฺตานํ สนฺตานสฺส ภาวนโต ปริภาวนโต ภาวนา นาม. วิเสสโต ทานสีลาทีหิ สฺวาภิสงฺขเต สนฺตาเน ปวตฺตา สมถวิปสฺสนาปฏิปทา, ยโต เต โพธิสตฺตา ปุพฺพโยคาวจรสมุทาคมสมฺปนฺนา โหนฺติ. เตนาห ภควา –
‘‘ปฺจิเม, อานนฺท, อานิสํสา ปุพฺพโยคาวจเร. กตเม ปฺจ? อิธานนฺท, ปุพฺพโยคาวจโร ทิฏฺเว ธมฺเม ปฏิกจฺจ อฺํ อาราเธติ, โน เจ ทิฏฺเว ธมฺเม ปฏิกจฺจ อฺํ อาราเธติ, อถ มรณกาเล อฺํ อาราเธติ, อถ เทวปุตฺโต สมาโน อฺํ อาราเธติ, อถ พุทฺธานํ สมฺมุขีภาเว ขิปฺปาภิฺโ โหติ, อถ ปจฺฉิเม กาเล ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ โหตี’’ติ (สุ. นิ. อฏฺ. ๑.ขคฺควิสาณสุตฺตวณฺณนา).
อิติ ปุพฺพภาคปฏิปทาภูตาย ปารมิตาปริภาวิตาย สมถวิปสฺสนาภาวนาย นิโรธคามินิปฏิปทาภูตาย อภิสมยสงฺขาตาย มคฺคภาวนาย จ ภาวิตตฺตภาวา พุทฺธปจฺเจกพุทฺธพุทฺธสาวกา ภาวิตตฺตา นาม. เตสุ อิธ พุทฺธสาวกา อธิปฺเปตา.
เอตฺถ จ ‘‘สีหานํวา’’ติ อิมินา เถรานํ สีหสมานวุตฺติตาทสฺสเนน อตฺตโน ปฏิปกฺเขหิ อนภิภวนียตํ, เต จ อภิภุยฺย ปวตฺตึ ทสฺเสติ. ‘‘สีหานํว นทนฺตานํ…เป… คาถา’’ติ อิมินา เถรคาถานํ สีหนาทสทิสตาทสฺสเนน ตาสํ ปรวาเทหิ อนภิภวนียตํ, เต จ อภิภวิตฺวา ปวตฺตึ ทสฺเสติ. ‘‘ภาวิตตฺตาน’’นฺติ อิมินา ตทุภยสฺส การณํ วิภาเวติ. ภาวิตตฺตภาเวน เถรา อิธ สีหสทิสา วุตฺตา, เตสฺจ คาถา สีหนาทสทิสิโย. ‘‘อตฺถูปนายิกา’’ติ อิมินา อภิภวเน ปโยชนํ ทสฺเสติ. ตตฺถ เถรานํ ปฏิปกฺโข นาม สํกิเลสธมฺโม, ตทภิภโว ตทงฺคิวิกฺขมฺภนปฺปหาเนหิ สทฺธึ สมุจฺเฉทปฺปหานํ. ตสฺมึ สติ ปฏิปสฺสทฺธีปฺปหานํ นิสฺสรณปฺปหานฺจ สิทฺธเมว โหติ, ยโต เต ภาวิตตฺตาติ ¶ วุจฺจนฺติ. มคฺคกฺขเณ หิ อริยา อปฺปมาทภาวนํ ภาเวนฺติ นาม, อคฺคผลกฺขณโต ปฏฺาย ภาวิตตฺตา นามาติ ¶ วุตฺโตวายมตฺโถ.
เตสุ ตทงฺคปฺปหาเนน เนสํ สีลสมฺปทา ทสฺสิตา, วิกฺขมฺภนปฺปหาเนน สมาธิสมฺปทา, สมุจฺเฉทปฺปหาเนน ปฺาสมฺปทา, อิตเรน ตาสํ ผลํ ทสฺสิตํ. สีเลน จ เตสํ ปฏิปตฺติยา อาทิกลฺยาณตา ¶ ทสฺสิตา, ‘‘โก จาทิ กุสลานํ ธมฺมานํ? สีลฺจ สุวิสุทฺธํ’’ (สํ. นิ. ๕.๓๖๙), ‘‘สีเล ปติฏฺาย’’ (สํ. นิ. ๑.๒๓; วิสุทฺธิ. ๑.๑), ‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณ’’นฺติ (ธ. ป. ๑๘๓; ที. นิ. ๒.๙๐) จ วจนโต สีลํ ปฏิปตฺติยา อาทิกลฺยาณํว อวิปฺปฏิสาราทิคุณาวหตฺตา. สมาธินา มชฺเฌกลฺยาณตา ทสฺสิตา, ‘‘จิตฺตํ ภาวยํ’’, ‘‘กุสลสฺส อุปสมฺปทา’’ติ จ วจนโต สมาธิปฏิปตฺติยา มชฺเฌกลฺยาโณว, อิทฺธิวิธาทิคุณาวหตฺตา. ปฺาย ปริโยสานกลฺยาณตา ทสฺสิตา, ‘‘สจิตฺตปริโยทปนํ’’ (ธ. ป. ๑๘๓; ที. นิ. ๒.๙๐), ‘‘ปฺํ ภาวย’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๓; วิสุทฺธิ. ๑.๑) จ วจนโต ปฺา ปฏิปตฺติยา ปริโยสานํว, ปฺุตฺตรโต กุสลานํ ธมฺมานํ สาว กลฺยาณา อิฏฺานิฏฺเสุ ตาทิภาวาวหตฺตา.
‘‘เสโล ยถา เอกฆโน, วาเตน น สมีรติ; (มหาว. ๒๔๔);
เอวํ นินฺทาปสํสาสุ, น สมิฺชนฺติ ปณฺฑิตา’’ติ. (ธ. ป. ๘๑) –
หิ วุตฺตํ.
ตถา สีลสมฺปทาย เตวิชฺชภาโว ทสฺสิโต. สีลสมฺปตฺติฺหิ นิสฺสาย ติสฺโส วิชฺชา ปาปุณนฺติ. สมาธิสมฺปทาย ฉฬภิฺาภาโว. สมาธิสมฺปตฺติฺหิ นิสฺสาย ฉฬภิฺา ปาปุณนฺติ. ปฺาสมฺปทาย ปภินฺนปฏิสมฺภิทาภาโว. ปฺาสมฺปทฺหิ นิสฺสาย จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา ปาปุณนฺติ. อิมินา เตสํ เถรานํ เกจิ เตวิชฺชา, เกจิ ฉฬภิฺา, เกจิ ปฏิสมฺภิทาปตฺตาติ อยมตฺโถ ทสฺสิโตติ เวทิตพฺพํ.
ตถา สีลสมฺปทาย เตสํ กามสุขานุโยคสงฺขาตสฺส อนฺตสฺส ปริวชฺชนํ ทสฺเสติ. สมาธิสมฺปทาย อตฺตกิลมถานุโยคสงฺขาตสฺส, ปฺาสมฺปทาย มชฺฌิมาย ปฏิปทาย เสวนํ ทสฺเสติ. ตถา สีลสมฺปทาย เตสํ วีติกฺกมปฺปหานํ กิเลสานํ ทสฺเสติ. สมาธิสมฺปทาย ปริยุฏฺานปฺปหานํ ¶ , ปฺาสมฺปทาย อนุสยปฺปหานํ ทสฺเสติ. สีลสมฺปทาย วา ทุจฺจริตสํกิเลสวิโสธนํ, สมาธิสมฺปทาย ¶ ตณฺหาสํกิเลสวิโสธนํ, ปฺาสมฺปทาย ทิฏฺิสํกิเลสวิโสธนํ ทสฺเสติ. ตทงฺคปฺปหาเนน วา เนสํ อปายสมติกฺกโม ทสฺสิโต. วิกฺขมฺภนปฺปหาเนน กามธาตุสมติกฺกโม, สมุจฺเฉทปฺปหาเนน สพฺพภวสมติกฺกโม ทสฺสิโตติ เวทิตพฺพํ.
‘‘ภาวิตตฺตาน’’นฺติ วา เอตฺถ สีลภาวนา, จิตฺตภาวนา ปฺาภาวนาติ ติสฺโส ภาวนา เวทิตพฺพา กายภาวนาย ตทนฺโตคธตฺตา. สีลภาวนา จ ปฏิปตฺติยา อาทีติ สพฺพํ ปุริมสทิสํ ¶ . ยถา ปน สีหนาทํ ปเร มิคคณา น สหนฺติ, กุโต อภิภเว, อฺทตฺถุ สีหนาโทว เต อภิภวติ เอวเมว อฺติตฺถิยวาทา เถรานํ วาเท น สหนฺติ, กุโต อภิภเว, อฺทตฺถุ เถรวาทาว เต อภิภวนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา, สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขา, สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา’’ติ (ธ. ป. ๒๗๗-๒๗๙) ‘‘นิพฺพานธาตู’’ติ จ ปวตฺตนโต. น หิ ธมฺมโต สกฺกา เกนจิ อฺถา กาตุํ อปฺปฏิวตฺตนียโต. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต อาวิภวิสฺสติ. เอวเมตฺถ สงฺเขเปเนว ปมคาถาย อตฺถวิภาวนา เวทิตพฺพา.
ทุติยคาถายํ ปน อยํ สมฺพนฺธทสฺสนมุเขน อตฺถวิภาวนา. ตตฺถ เยสํ เถรานํ คาถา สาเวตุกาโม, เต สาธารณวเสน นามโต โคตฺตโต คุณโต จ กิตฺเตตุํ ‘‘ยถานามา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อสาธารณโต ปน ตตฺถ ตตฺถ คาถาสฺเวว อาวิภวิสฺสติ. ตตฺถ ยถานามาติ ยํยํนามา, สุภูติ มหาโกฏฺิโกติอาทินา นเยน นามเธยฺเยน ปฺาตาติ อตฺโถ. ยถาโคตฺตาติ ยํยํโคตฺตา, โคตโม กสฺสโปติอาทินา นเยน กุลปเทเสน ยาย ยาย ชาติยา ปฺาตาติ อตฺโถ. ยถาธมฺมวิหาริโนติ ยาทิสธมฺมวิหาริโน, ปริยตฺติปรมตายํ อฏฺตฺวา ยถานุรูปํ สมาปตฺติวิหาริโน หุตฺวา วิหรึสูติ อตฺโถ. อถ วา ยถาธมฺมวิหาริโนติ ยถาธมฺมา วิหาริโน จ, ยาทิสสีลาทิธมฺมา ทิพฺพวิหาราทีสุ อภิณฺหโส ¶ วิหรมานา ยาทิสวิหารา จาติ อตฺโถ. ยถาธิมุตฺตาติ ยาทิสอธิมุตฺติกา สทฺธาธิมุตฺติปฺาธิมุตฺตีสุ ยํยํอธิมุตฺติกา สฺุตมุขาทีสุ วา ยถา ยถา นิพฺพานํ อธิมุตฺตาติ ยถาธิมุตฺตา. ‘‘นิพฺพานํ ¶ อธิมุตฺตานํ, อตฺถํ คจฺฉนฺติ อาสวา’’ติ (ธ. ป. ๒๒๖) หิ วุตฺตํ. อุภยฺเจตํ ปุพฺพภาควเสน เวทิตพฺพํ. อรหตฺตปฺปตฺติโต ปุพฺเพเยว หิ ยถาวุตฺตมธิมุจฺจนํ, น ปรโต. เตนาห ภควา –
‘‘อสฺสทฺโธ อกตฺู จ, สนฺธิจฺเฉโท จ โย นโร’’ติอาทิ. (ธ. ป. ๙๗).
‘‘ยถาวิมุตฺตา’’ติ วา ปาโ, ปฺาวิมุตฺติอุภโตภาควิมุตฺตีสุ ยํยํวิมุตฺติกาติ อตฺโถ. สปฺปฺาติ ติเหตุกปฏิสนฺธิปฺาย ปาริหาริกปฺาย ภาวนาปฺาย จาติ ติวิธายปิ ปฺาย ปฺวนฺโต. วิหรึสูติ ตาย เอว สปฺปฺตาย ยถาลทฺเธน ผาสุวิหาเรเนว วสึสุ. อตนฺทิตาติ อนลสา, อตฺตหิตปฏิปตฺติยํ ยถาพลํ ปรหิตปฏิปตฺติยฺจ อุฏฺานวนฺโตติ อตฺโถ.
เอตฺถ จ ปน นามโคตฺตคฺคหเณน เตสํ เถรานํ ปกาสปฺาตภาวํ ทสฺเสติ. ธมฺมวิหารคฺคหเณน สีลสมฺปทํ สมาธิสมฺปทฺจ ทสฺเสติ. ‘‘ยถาธิมุตฺตา สปฺปฺา’’ติ อิมินา ปฺาสมฺปทํ ¶ . ‘‘อตนฺทิตา’’ติ อิมินา สีลสมฺปทาทีนํ การณภูตํ วีริยสมฺปทํ ทสฺเสติ. ‘‘ยถานามา’’ติ อิมินา เตสํ ปกาสนนามตํ ทสฺเสติ. ‘‘ยถาโคตฺตา’’ติ อิมินา สทฺธานุสารีธมฺมานุสารีโคตฺตสมฺปตฺติสมุทาคมํ, ‘‘ยถาธมฺมวิหาริโน’’ติอาทินา สีลสมาธิปฺาวิมุตฺติวิมุตฺติาณทสฺสนํ สมฺปตฺติสมุทาคมํ, ‘‘อตนฺทิตา’’ติ อิมินา เอวํ อตฺตหิตสมฺปตฺติยํ ิตานํ ปรหิตปฏิปตฺตึ ทสฺเสติ.
อถ วา ‘‘ยถานามา’’ติ อิทํ เตสํ เถรานํ ครูหิ คหิตนามเธยฺยทสฺสนํ สมฺามตฺตกิตฺตนโต. ‘‘ยถาโคตฺตา’’ติ อิทํ กุลปุตฺตภาวทสฺสนํ กุลาปเทส กิตฺตนโต. เตน เนสํ สทฺธาปพฺพชิตภาวํ ทสฺเสติ ¶ . ‘‘ยถาธมฺมวิหาริโน’’ติ อิทํ จรณสมฺปตฺติทสฺสนํ สีลสํวราทีหิ สมงฺคีภาวทีปนโต ¶ . ‘‘ยถาธิมุตฺตา สปฺปฺา’’ติ อิทํ เนสํ วิชฺชาสมฺปตฺติทสฺสนํ อาสวกฺขยปริโยสานาย าณสมฺปตฺติยา อธิคมปริทีปนโต. ‘‘อตนฺทิตา’’ติ อิทํ วิชฺชาจรณสมฺปตฺตีนํ อธิคมูปายทสฺสนํ. ‘‘ยถานามา’’ติ วา อิมินา เตสํ ปกาสนนามตํเยว ทสฺเสติ. ‘‘ยถาโคตฺตา’’ติ ปน อิมินา ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสมฺปตฺตึ ทสฺเสติ. น หิ สมฺมาอปฺปณิหิตตฺตโน ปุพฺเพ จ อกตปฺุสฺส สทฺธานุสารีธมฺมานุสาริโน โคตฺตสมฺปตฺติสมุทาคโม สมฺภวติ. ‘‘ยถาธมฺมวิหาริโน’’ติ อิมินา เตสํ ปุริมจกฺกทฺวยสมฺปตฺตึ ทสฺเสติ. น หิ อปฺปติรูเป เทเส วสโต สปฺปุริสูปนิสฺสยรหิตสฺส จ ตาทิสา คุณวิเสสา สมฺภวนฺติ. ‘‘ยถาธิมุตฺตา’’ติ อิมินา สทฺธมฺมสวนสมฺปทาสมาโยคํ ทสฺเสติ. น หิ ปรโตโฆเสน วินา สาวกานํ สจฺจสมฺปฏิเวโธ สมฺภวติ. ‘‘สปฺปฺา อตนฺทิตา’’ติ อิมินา ยถาวุตฺตสฺส คุณวิเสสสฺส อพฺยภิจาริเหตุํ ทสฺเสติ ายารมฺภทสฺสนโต.
อปโร นโย – ‘‘ยถาโคตฺตา’’ติ เอตฺถ โคตฺตกิตฺตเนน เตสํ เถรานํ โยนิโสมนสิการสมฺปทํ ทสฺเสติ ยถาวุตฺตโคตฺตสมฺปนฺนสฺส โยนิโสมนสิการสมฺภวโต. ‘‘ยถาธมฺมวิหาริโน’’ติ เอตฺถ ธมฺมวิหารคฺคหเณน สทฺธมฺมสวนสมฺปทํ ทสฺเสติ สทฺธมฺมสวเนน วินา ตทภาวโต. ‘‘ยถาธิมุตฺตา’’ติ อิมินา มตฺถกปฺปตฺตํ ธมฺมานุธมฺมปฏิปทํ ทสฺเสติ. ‘‘สปฺปฺา’’ติ อิมินา สพฺพตฺถ สมฺปชานการิตํ. ‘‘อตนฺทิตา’’ติ อิมินา วุตฺตนเยน อตฺตหิตสมฺปตฺตึ ปริปูเรตฺวา ิตานํ ปเรสํ หิตสุขาวหาย ปฏิปตฺติยํ อกิลาสุภาวํ ทสฺเสติ. ตถา ‘‘ยถาโคตฺตา’’ติ อิมินา เนสํ สรณคมนสมฺปทา ทสฺสิตา สทฺธานุสารีโคตฺตกิตฺตนโต. ‘‘ยถาธมฺมวิหาริโน’’ติ อิมินา สีลกฺขนฺธปุพฺพงฺคโม สมาธิกฺขนฺโธ ทสฺสิโต. ‘‘ยถาธิมุตฺตา สปฺปฺา’’ติ อิมินา ปฺกฺขนฺธาทโย. สรณคมนฺจ สาวกคุณานํ อาทิ, สมาธิ มชฺเฌ, ปฺา ปริโยสานนฺติ อาทิมชฺฌปริโยสานทสฺสเนน สพฺเพปิ ¶ สาวกคุณา ทสฺสิตา โหนฺติ.
อีทิสี ¶ ปน คุณวิภูติ ยาย สมฺมาปฏิปตฺติยา เตหิ อธิคตา, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ ตตฺถ วิปสฺสิตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ เตสุ ¶ อรฺรุกฺขมูลปพฺพตาทีสุ วิวิตฺตเสนาสเนสุ. ตตฺถ ตตฺถาติ วา ตสฺมึ ตสฺมึ อุทานาทิกาเล. วิปสฺสิตฺวาติ สมฺปสฺสิตฺวา. นามรูปววตฺถาปนปจฺจยปริคฺคเหหิ ทิฏฺิวิสุทฺธิกงฺขาวิตรณวิสุทฺธิโย สมฺปาเทตฺวา กลาปสมฺมสนาทิกฺกเมน ปฺจมํ วิสุทฺธึ อธิคนฺตฺวา ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิยา มตฺถกํ ปาปนวเสน วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ผุสิตฺวาติ ปตฺวา สจฺฉิกตฺวา. อจฺจุตํ ปทนฺติ นิพฺพานํ. ตฺหิ สยํ อจวนธมฺมตฺตา อธิคตานํ อจฺจุติเหตุภาวโต จ นตฺถิ เอตฺถ จุตีติ ‘‘อจฺจุตํ’’. สงฺขตธมฺเมหิ อสมฺมิสฺสภาวตาย ตทตฺถิเกหิ ปฏิปชฺชิตพฺพตาย จ ‘‘ปท’’นฺติ จ วุจฺจติ. กตนฺตนฺติ กตสฺส อนฺตํ. โย หิ เตหิ อธิคโต อริยมคฺโค, โส อตฺตโน ปจฺจเยหิ อุปฺปาทิตตฺตา กโต นาม. ตสฺส ปน ปริโยสานภูตํ ผลํ กตนฺโตติ อธิปฺเปตํ. ตํ กตนฺตํ อคฺคผลํ. อถ วา ปจฺจเยหิ กตตฺตา นิปฺผาทิตตฺตา กตา นาม สงฺขตธมฺมา, ตนฺนิสฺสรณภาวโต กตนฺโต นิพฺพานํ. ตํ กตนฺตํ. ปจฺจเวกฺขนฺตาติ ‘‘อธิคตํ วต มยา อริยมคฺคาธิคเมน อิทํ อริยผลํ, อธิคตา อสงฺขตา ธาตู’’ติ อริยผลนิพฺพานานิ วิมุตฺติาณทสฺสเนน ปฏิปตฺตึ อเวกฺขมานา. อถ วา สจฺจสมฺปฏิเวธวเสน ยํ อริเยน กรณียํ ปริฺาทิโสฬสวิธํ กิจฺจํ อคฺคผเล ิเตน นิปฺผาทิตตฺตา ปริโยสาปิตตฺตา กตํ นาม, เอวํ กตํ ตํ ปจฺจเวกฺขนฺตา. เอเตน ปหีนกิเลสปจฺจเวกฺขณํ ทสฺสิตํ. ปุริมนเยน ปน อิตรปจฺจเวกฺขณานีติ เอกูนวีสติ ปจฺจเวกฺขณานิ ทสฺสิตานิ โหนฺติ.
อิมมตฺถนฺติ เอตฺถ อิมนฺติ สกโล เถรเถรีคาถานํ อตฺโถ อตฺตโน อิตเรสฺจ ตตฺถ สนฺนิปติตานํ ธมฺมสงฺคาหกมหาเถรานํ พุทฺธิยํ วิปริวตฺตมานตาย อาสนฺโน ปจฺจกฺโขติ จ กตฺวา วุตฺตํ. อตฺถนฺติ ‘‘ฉนฺนา เม กุฏิกา’’ติอาทีหิ ¶ คาถาหิ วุจฺจมานํ อตฺตูปนายิกํ ปรูปนายิกํ โลกิยโลกุตฺตรปฏิสํยุตฺตํ อตฺถํ. อภาสิสุนฺติ คาถาพนฺธวเสน กเถสุํ, ตํทีปนิโย อิทานิ มยา วุจฺจมานา เตสํ ภาวิตตฺตานํ คาถา อตฺตูปนายิกา สุณาถาติ โยชนา. เต จ มหาเถรา เอวํ กเถนฺตา ¶ อตฺตโน สมฺมาปฏิปตฺติปกาสนีหิ คาถาหิ สาสนสฺส เอกนฺตนิยฺยานิกวิภาวเนน ปเรปิ ตตฺถ สมฺมาปฏิปตฺติยํ นิโยเชนฺตีติ เอตมตฺถํ ทีเปติ อายสฺมา ธมฺมภณฺฑาคาริโก, ตถา ทีเปนฺโต จ อิมาหิ คาถาหิ เตสํ โถมนํ ตาสฺจ เตสํ วจนสฺส นิทานภาเวน ปนํ านคตเมวาติ ทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ.
นิทานคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.