📜

๒. ทุกนิปาโต

๑. ปมวคฺโค

๑. อุตฺตรตฺเถรคาถาวณฺณนา

ทุกนิปาเต นตฺถิ โกจิ ภโว นิจฺโจติอาทิกา อายสฺมโต อุตฺตรตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺํ อุปจินนฺโต สุเมธสฺส ภควโต กาเล วิชฺชาธโร หุตฺวา อากาเสน วิจรติ. เตน จ สมเยน สตฺถา ตสฺส อนุคฺคณฺหนตฺถํ วนนฺตเร อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทิ ฉพฺพณฺณพุทฺธรํสิโย วิสฺสชฺเชนฺโต. โส อนฺตลิกฺเขน คจฺฉนฺโต ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต อากาสโต โอรุยฺห สุวิสุทฺเธหิ วิปุเลหิ กณิการปุปฺเผหิ ภควนฺตํ ปูเชสิ, ปุปฺผานิ พุทฺธานุภาเวน สตฺถุ อุปริ ฉตฺตากาเรน อฏฺํสุ, โส เตน ภิยฺโยโสมตฺตาย ปสนฺนจิตฺโต หุตฺวา อปรภาเค กาลํ กตฺวา ตาวตึเส นิพฺพตฺติตฺวา อุฬารํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวนฺโต ยาวตายุกํ ตตฺถ ตฺวา ตโต จุโต เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห พฺราหฺมณมหาสาลปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, อุตฺตโรติสฺส นามํ อโหสิ. โส วิฺุตํ ปตฺโต พฺราหฺมณวิชฺชาสุ นิปฺผตฺตึ คนฺตฺวา ชาติยา รูเปน วิชฺชาย วเยน สีลาจาเรน จ โลกสฺส สมฺภาวนีโย ชาโต. ตสฺส ตํ สมฺปตฺตึ ทิสฺวา วสฺสกาโร มคธมหามตฺโต อตฺตโน ธีตรํ ทาตุกาโม หุตฺวา อตฺตโน อธิปฺปายํ ปเวเทสิ. โส นิสฺสรณชฺฌาสยตาย ตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา กาเลน กาลํ ธมฺมเสนาปตึ ปยิรุปาสนฺโต ตสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วตฺตสมฺปนฺโน หุตฺวา เถรํ อุปฏฺหติ.

เตน จ สมเยน เถรสฺส อฺตโร อาพาโธ อุปฺปนฺโน, ตสฺส เภสชฺชตฺถาย อุตฺตโร สามเณโร ปาโตว ปตฺตจีวรมาทาย วิหารโต นิกฺขนฺโต อนฺตรามคฺเค ตฬากสฺส ตีเร ปตฺตํ เปตฺวา อุทกสมีปํ คนฺตฺวา มุขํ โธวติ. อถ อฺตโร อุมงฺคโจโร อารกฺขปุริเสหิ อนุพทฺโธ อคฺคทฺวาเรเนว นครโต นิกฺขมิตฺวา ปลายนฺโต อตฺตนา คหิตํ รตนภณฺฑิกํ สามเณรสฺส ปตฺเต ปกฺขิปิตฺวา ปลายิ. สามเณโร ปตฺตสมีปํ อุปคโต. โจรํ อนุพนฺธนฺตา ราชปุริสา สามเณรสฺส ปตฺเต ภณฺฑิกํ ทิสฺวา, ‘‘อยํ โจโร, อิมินา โจริยํ กต’’นฺติ สามเณรํ ปจฺฉาพาหํ พนฺธิตฺวา วสฺสการสฺส พฺราหฺมณสฺส ทสฺเสสุํ. วสฺสกาโร จ ตทา รฺโ วินิจฺฉเย นิยุตฺโต หุตฺวา เฉชฺชเภชฺชํ อนุสาสติ. โส ‘‘ปุพฺเพ มม วจนํ นาทิยิ, สุทฺธปาสณฺฑิเยสุ ปพฺพชี’’ติ จ พทฺธาฆาตตฺตา กมฺมํ อโสเธตฺวาว ชีวนฺตเมว ตํ สูเล อุตฺตาเสสิ.

อถสฺส ภควา าณปริปากํ โอโลเกตฺวา ตํ านํ คนฺตฺวา วิปฺผุรนฺตหตฺถนขมณิมยูขสมฺภินฺนสิตาภตาย ปคฺฆรนฺตชาติหิงฺคุลกสุวณฺณรสธารํ วิย ชาลาคุณฺิตมุทุตลุนทีฆงฺคุลิหตฺถํ อุตฺตรสฺส สีเส เปตฺวา, ‘‘อุตฺตร, อิทํ เต ปุริมกมฺมสฺส ผลํ อุปฺปนฺนํ, ตตฺถ ตยา ปจฺจเวกฺขณพเลน อธิวาสนา กาตพฺพา’’ติ วตฺวา อชฺฌาสยานุรูปํ ธมฺมํ เทเสสิ. อุตฺตโร อมตาภิเสกสทิเสน สตฺถุ หตฺถสมฺผสฺเสน สฺชาตปฺปสาทโสมนสฺสตาย อุฬารํ ปีติปาโมชฺชํ ปฏิลภิตฺวา ยถาปริจิตํ วิปสฺสนามคฺคํ สมารูฬฺโห าณสฺส ปริปากํ คตตฺตา สตฺถุ จ เทสนาวิลาเสน ตาวเทว มคฺคปฏิปาฏิยา สพฺพกิเลเส เขเปตฺวา ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๖.๕๕-๙๒) –

‘‘สุเมโธ นาม สมฺพุทฺโธ, พาตฺตึสวรลกฺขโณ;

วิเวกกาโม ภควา, หิมวนฺตมุปาคมิ.

‘‘อชฺโฌคาเหตฺวา หิมวนฺตํ, อคฺโค การุณิโก มุนิ;

ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวาน, นิสีทิ ปริสุตฺตโม.

‘‘วิชฺชาธโร ตทา อาสึ, อนฺตลิกฺขจโร อหํ;

ติสูลํ สุคตํ คยฺห, คจฺฉามิ อมฺพเร ตทา.

‘‘ปพฺพตคฺเค ยถา อคฺคิ, ปุณฺณมาเยว จนฺทิมา;

วนํ โอภาสเต พุทฺโธ, สาลราชาว ผุลฺลิโต.

‘‘วนคฺคา นิกฺขมิตฺวาน, พุทฺธรํสีภิธาวเร;

นฬคฺคิวณฺณสงฺกาสา, ทิสฺวา จิตฺตํ ปสาทยึ.

‘‘วิจินํ อทฺทสํ ปุปฺผํ, กณิการํ เทวคนฺธิกํ;

ตีณิ ปุปฺผานิ อาทาย, พุทฺธเสฏฺมปูชยึ.

‘‘พุทฺธสฺส อานุภาเวน, ตีณิ ปุปฺผานิ เม ตทา;

อุทฺธํวณฺฏา อโธปตฺตา, ฉายํ กุพฺพนฺติ สตฺถุโน.

‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.

‘‘ตตฺถ เม สุกตํ พฺยมฺหํ, กณิการีติ ายติ;

สฏฺิโยชนมุพฺเพธํ, ตึสโยชนวิตฺถตํ.

‘‘สหสฺสกณฺฑํ สตเภณฺฑุ, ธชาลุ หริตามยํ;

สตสหสฺสนิยฺยูหา, พฺยมฺเห ปาตุภวึสุ เม.

‘‘โสณฺณมยา มณิมยา, โลหิตงฺกมยาปิ จ;

ผลิกาปิ จ ปลฺลงฺกา, เยนิจฺฉกา ยทิจฺฉกา.

‘‘มหารหฺจ สยนํ, ตูลิกา วิกตียุตํ;

อุทฺธโลมิฺจ เอกนฺตํ, พิมฺโพหนสมายุตํ.

‘‘ภวนา นิกฺขมิตฺวาน, จรนฺโต เทวจาริกํ;

ยถา อิจฺฉามิ คมนํ, เทวสงฺฆปุรกฺขโต.

‘‘ปุปฺผสฺส เหฏฺา ติฏฺามิ, อุปริจฺฉทนํ มม;

สมนฺตา โยชนสตํ, กณิกาเรหิ ฉาทิตํ.

‘‘สฏฺิตูริยสหสฺสานิ, สายํ ปาตํ อุปฏฺหุํ;

ปริวาเรนฺติ มํ นิจฺจํ, รตฺตินฺทิวมตนฺทิตา.

‘‘ตตฺถ นจฺเจหิ คีเตหิ, ตาเฬหิ วาทิเตหิ จ;

รมามิ ขิฑฺฑา รติยา, โมทามิ กามกามหํ.

‘‘ตตฺถ ภุตฺวา ปิวิตฺวา จ, โมทามิ ติทเส ตทา;

นารีคเณหิ สหิโต, โมทามิ พฺยมฺหมุตฺตเม.

‘‘สตานํ ปฺจกฺขตฺตุฺจ, เทวรชฺชมการยึ;

สตานํ ตีณิกฺขตฺตุฺจ, จกฺกวตฺตี อโหสหํ;

ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ.

‘‘ภเว ภเว สํสรนฺโต, มหาโภคํ ลภามหํ;

โภเค เม อูนตา นตฺถิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘ทุเว ภเว สํสรามิ, เทวตฺเต อถ มานุเส;

อฺํ คตึ น ชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘ทุเว กุเล ปชายามิ, ขตฺติเย จาปิ พฺราหฺมเณ;

นีเจ กุเล น ชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘หตฺถิยานํ อสฺสยานํ, สิวิกํ สนฺทมานิกํ;

ลภามิ สพฺพเมเวตํ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘ทาสีคณํ ทาสคณํ, นาริโย สมลงฺกตา;

ลภามิ สพฺพเมเวตํ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘โกเสยฺยกมฺพลิยานิ , โขมกปฺปาสิกานิ จ;

ลภามิ สพฺพเมเวตํ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘นววตฺถํ นวผลํ, นวคฺครสโภชนํ;

ลภามิ สพฺพเมเวตํ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘อิมํ ขาท อิมํ ภุฺช, อิมมฺหิ สยเน สย;

ลภามิ สพฺพเมเวตํ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘สพฺพตฺถ ปูชิโต โหมิ, ยโส อจฺจุคฺคโต มม;

มหาปกฺโข สทา โหมิ, อเภชฺชปริโส สทา;

าตีนํ อุตฺตโม โหมิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘สีตํ อุณฺหํ น ชานามิ, ปริฬาโห น วิชฺชติ;

อโถ เจตสิกํ ทุกฺขํ, หทเย เม น วิชฺชติ.

‘‘สุวณฺณวณฺโณ หุตฺวาน, สํสรามิ ภวาภเว;

เววณฺณิยํ น ชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘เทวโลกา จวิตฺวาน, สุกฺกมูเลน โจทิโต;

สาวตฺถิยํ ปุเร ชาโต, มหาสาเล สุอฑฺฒเก.

‘‘ปฺจ กามคุเณ หิตฺวา, ปพฺพชึ อนคาริยํ;

ชาติยา สตฺตวสฺโสหํ, อรหตฺตมปาปุณึ.

‘‘อุปสมฺปาทยี พุทฺโธ, คุณมฺาย จกฺขุมา;

ตรุโณ ปูชนีโยหํ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘ทิพฺพจกฺขุ วิสุทฺธํ เม, สมาธิกุสโล อหํ;

อภิฺาปารมิปฺปตฺโต, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘ปฏิสมฺภิทา อนุปฺปตฺโต, อิทฺธิปาเทสุ โกวิโท;

ธมฺเมสุ ปารมิปฺปตฺโต, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘ตึสกปฺปสหสฺสมฺหิ, ยํ พุทฺธมภิปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปุน หุตฺวา สูลโต อุฏฺหิตฺวา ปรานุทฺทยาย อากาเส ตฺวา ปาฏิหาริยํ ทสฺเสสิ. มหาชโน อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาโต อโหสิ. ตาวเทวสฺส วโณ สํรูฬฺหิ, โส ภิกฺขูหิ, ‘‘อาวุโส, ตาทิสํ ทุกฺขํ อนุภวนฺโต กถํ ตฺวํ วิปสฺสนํ อนุยุฺชิตุํ อสกฺขี’’ติ ปุฏฺโ, ‘‘ปเคว เม, อาวุโส, สํสาเร อาทีนโว, สงฺขารานฺจ สภาโว สุทิฏฺโ, เอวาหํ ตาทิสํ ทุกฺขํ อนุภวนฺโตปิ อสกฺขึ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา วิเสสํ อธิคนฺตุ’’นฺติ ทสฺเสนฺโต –

๑๒๑.

‘‘นตฺถิ โกจิ ภโว นิจฺโจ, สงฺขารา วาปิ สสฺสตา;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เต ขนฺธา, จวนฺติ อปราปรํ.

๑๒๒.

‘‘เอตมาทีนวํ ตฺวา, ภเวนมฺหิ อนตฺถิโก;

นิสฺสโฏ สพฺพกาเมหิ, ปตฺโต เม อาสวกฺขโย’’ติ. –

อิมํ คาถาทฺวยํ อภาสิ.

ตตฺถ นตฺถิ โกจิ ภโว นิจฺโจติ กมฺมภโว อุปปตฺติภโว กามภโว รูปภโว อรูปภโว สฺีภโว อสฺีภโว เนวสฺีนาสฺีภโว เอกโวการภโว จตุโวการภโว ปฺจโวการภโวติ เอวํเภโท, ตตฺถาปิ หีโน มชฺฌิโม อุกฺกฏฺโ ทีฆายุโก สุขพหุโล โวมิสฺสสุขทุกฺโขติ เอวํวิภาโค โยโกจิ นิจฺโจ ธุโว ถิโร อปโลกิยธมฺโม นตฺถิ ตํ ตํ การณํ ปฏิจฺจ สมุปฺปนฺนตฺตา. ยสฺมา จ เอตเทวํ, ตสฺมา สงฺขารา วาปิ สสฺสตา นตฺถีติ โยชนา. ปจฺจเยหิ สงฺขตตฺตา ‘‘สงฺขารา’’ติ ลทฺธนาเม หิ ปฺจกฺขนฺเธ อุปาทาย ภวสมฺาย สงฺขาราว หุตฺวา สมฺภูตา ชรามรเณน จ วิปริณมนฺตีติ อสสฺสตา วิปริณามธมฺมา. ตถา หิ เต ‘‘สงฺขารา’’ติ วุจฺจนฺติ. เตนาห อุปฺปชฺชนฺติ จ เต ขนฺธา, จวนฺติ อปราปรนฺติ. เต ภวปริยาเยน สงฺขารปริยาเยน จ วุตฺตา ปฺจกฺขนฺธา ยถาปจฺจยํ อปราปรํ อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ ชราย ปริปีฬิตา หุตฺวา จวนฺติ ปริภิชฺชนฺตีติ อตฺโถ. เอเตน ‘‘ภโว, สงฺขารา’’ติ จ ลทฺธโวหารา ปฺจกฺขนฺธา อุทยพฺพยสภาวาติ ทสฺเสติ. ยสฺมา ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา สงฺขาเร สมฺมสนฺตสฺส ตโยปิ ภวา อาทิตฺตํ วิย สงฺขเต อาทีนวํ โทสํ ปเคว วิปสฺสนาปฺาย ชานิตฺวา อนิจฺจลกฺขเณหิ ทิฏฺา สงฺขารา ทุกฺขานตฺตา วิภูตตรา อุปฏฺหนฺติ, เตนาห ภควา – ‘‘ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺขํ, ยํ ทุกฺขํ ตทนตฺตา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๕).

ยสฺมา ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา สงฺขาเร สมฺมสนฺตสฺส ตโยปิ ภวา อาทิตฺตํ วิย อคารํ สปฺปฏิภยา อุปฏฺหนฺติ, ตสฺมา อาห ‘‘ภเวนมฺหิ อนตฺถิโก’’ติ. เอวํ ปน สพฺพโส ภเวหิ วินิวตฺติยมานสฺส กาเมสุ อเปกฺขาย เลโสปิ น สมฺภวติเยว, เตนาห ‘‘นิสฺสโฏ สพฺพกาเมหี’’ติ, อมฺหีติ โยชนา. มานุเสหิ วิย ทิพฺเพหิปิ กาเมหิ นิวตฺติตจิตฺโตสฺมีติ อตฺโถ. ปตฺโต เม อาสวกฺขโยติ ยสฺมา เอวํ สุปริมชฺชิตสงฺขาโร ภเวสุ สุปริทิฏฺาทีนโว กาเมสุ จ อนาสตฺตมานโส ตสฺมา สูลมตฺถเก นิสินฺเนนาปิ เม มยา ปตฺโต อธิคโต อาสวกฺขโย นิพฺพานํ อรหตฺตฺจาติ. อฺเหิ จ สพฺรหฺมจารีหิ อปฺปตฺตมานเสหิ ตทธิคมาย อุสฺสาโห กรณีโยติ ภิกฺขูนํ โอวาทมทาสิ.

อุตฺตรตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ปิณฺโฑลภารทฺวาชตฺเถรคาถาวณฺณนา

นยิทํอนเยนาติอาทิกา อายสฺมโต ปิณฺโฑลภารทฺวาชตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล สีหโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา ปพฺพตคุหายํ วิหรติ. ภควา ตสฺส อนุคฺคหํ กาตุํ โคจราย ปกฺกนฺตกาเล สยนคุหํ ปวิสิตฺวา นิโรธํ สมาปชฺชิตฺวา นิสีทิ. สีโห โคจรํ คเหตฺวา นิวตฺโต คุหาทฺวาเร ภควนฺตํ ทิสฺวา หฏฺตุฏฺโ ชลชถลชปุปฺเผหิ ปูชํ กตฺวา จิตฺตํ ปสาเทนฺโต ภควโต อารกฺขตฺถาย อรฺเ วาฬมิเค อปเนตุํ ตีสุ เวลาสุ สีหนาทํ นทนฺโต พุทฺธคตาย สติยา อฏฺาสิ. ยถา ปมทิวสํ, เอวํ สตฺตาหํ ปูเชสิ. ภควา สตฺตาหจฺจเยน นิโรธา วุฏฺหิตฺวา ‘‘วตฺติสฺสติ อิมสฺส เอตฺตโก อุปนิสฺสโย’’ติ ตสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว อากาสํ ปกฺขนฺทิตฺวา วิหารเมว คโต. สีโห ปาลิเลยฺยกหตฺถี วิย พุทฺธวิโยคทุกฺขํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต กาลํ กตฺวา หํสวตีนคเร มหาโภคกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต นครวาสีหิ สทฺธึ วิหารํ คโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สตฺตาหํ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา ยาวชีวํ ปุฺานิ กตฺวา อปราปรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อมฺหากํ ภควโต กาเล โกสมฺพิยํ รฺโ อุเตนสฺส ปุโรหิตปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ ภารทฺวาโช นาม นาเมน. โส วยปฺปตฺโต ตโย เวเท อุคฺคเหตฺวา ปฺจ มาณวกสตานิ มนฺเต วาเจนฺโต มหคฺฆสภาเวน อนนุรูปาจารตฺตา เตหิ ปริจฺจชฺชนฺโต ราชคหํ คนฺตฺวา ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ลาภสกฺการํ ทิสฺวา สาสเน ปพฺพชิตฺวา โภชเน อมตฺตฺู หุตฺวา วิจรนฺโต สตฺถารา อุปาเยน มตฺตฺุตาย ปติฏฺาปิโต วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๐.๑๐๔-๑๐๙) –

‘‘มิคลุทฺโท ปุเร อาสึ, วิปิเน วิจรํ ตทา;

อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, สพฺพธมฺมาน ปารคุํ.

‘‘ปิยาลผลมาทาย, พุทฺธเสฏฺสฺสทาสหํ;

ปุฺกฺเขตฺตสฺส วีรสฺส, ปสนฺโน เสหิ ปาณิภิ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา ‘‘ภควโต สมฺมุขา ยํ สาวเกหิ ปตฺตพฺพํ, ตํ มยา ปตฺต’’นฺติ, ภิกฺขุสงฺเฆ จ ‘‘ยสฺส มคฺเค วา ผเล วา กงฺขา อตฺถิ, โส มํ ปุจฺฉตู’’ติ สีหนาทํ นทิ. เตน ตํ ภควา, ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ สีหนาทิกานํ ยทิทํ ปิณฺโฑลภารทฺวาโช’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๘๘, ๑๙๕) เอตทคฺเค เปสิ. โส เอกทิวสํ อตฺตโน สนฺติกํ อุปคตํ คิหิกาเล สหายภูตํ มจฺฉรึ มิจฺฉาทิฏฺิพฺราหฺมณํ อนุกมฺปมาโน ตสฺส ทานกถํ กเถตฺวา เตน จ ‘‘อยํ มม ธนํ วินาเสตุกาโม’’ติ ภกุฏึ กตฺวาปิ ‘‘ตุยฺหํ เอกภตฺตํ เทมี’’ติ วุตฺเต, ‘‘ตํ สงฺฆสฺส เทหิ มา มยฺห’’นฺติ สงฺฆสฺส ปริณาเมสิ. ปุน พฺราหฺมเณน ‘‘อยํ มํ พหูนํ ทาเปตุกาโม’’ติ อปฺปจฺจเย ปกาสิเต ทุติยทิวสํ ธมฺมเสนาปตินา สงฺฆคตาย ทกฺขิณาย มหปฺผลภาวปฺปกาสเนน ตํ ปสาเทตฺวา, ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ ‘อาหารเคเธน มํ ทาเน นีโยเชสี’ติ มฺติ, อาหารสฺส ปน มยา สพฺพโส ปริฺาตภาวํ น ชานาติ, หนฺท นํ ชานาเปมี’’ติ –

๑๒๓.

‘‘นยิทํ อนเยน ชีวิตํ, นาหาโร หทยสฺส สนฺติโก;

อาหารฏฺิติโก สมุสฺสโย, อิติ ทิสฺวาน จรามิ เอสนํ.

๑๒๔.

‘‘ปงฺโกติ หิ นํ อเวทยุํ, ยายํ วนฺทนปูชนา กุเลสุ;

สุขุมํ สลฺลํ ทุรุพฺพหํ, สกฺกาโร กาปุริเสน ทุชฺชโห’’ติ. –

คาถาทฺวยํ อภาสิ.

ตตฺถ นยิทํ อนเยน ชีวิตนฺติ อิทํ มม ชีวิตํ อนเยน อาเยน เวฬุทานปุปฺผทานาทิอเนสนาย น โหติ ชีวิตนิกนฺติยา อภาวโต. นาหาโร หทยสฺส สนฺติโกติ อาหาโร จ อาหริยมาโน มคฺคผลาณํ วิย หทยสฺส จิตฺตสฺส สนฺติกโร น โหติ, เกวลํ ปน สชฺชุกํ ขุทาปฏิฆาตมตฺตํ กโรตีติ อธิปฺปาโย. อถ วา นาหาโร หทยสฺส สนฺติโกติ อาหาโร รสตณฺหาวตฺถุ เม หทยสฺส สนฺติโก อาสตฺโต น โหติ รสตณฺหาย เอว อภาวโต. ‘‘สนฺติเก’’ติปิ ปนฺติ. โย หิ อาหารคิทฺโธ ลาภสกฺการปฺปสุโต วิจรติ, ตสฺส อาหาโร หทยสฺส สนฺติเก นาม อภิณฺหํ มนสิกาตพฺพโต. โย ปน ปริฺาตาหาโร, โส ตตฺถ ปหีนจฺฉนฺทราโค, น ตสฺสาหาโร หทยสฺส สนฺติเก นาม – ‘‘กถํ นุ โข ลเภยฺย’’นฺติอาทิมนสิกรณสฺเสว อภาวโต. ยทิ หิ ชีวิตนิกนฺติ อาหารรสตณฺหา จ นตฺถิ, อถ กสฺมา ปิณฺฑาย จรสีติ อนุโยคํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘อาหารฏฺิติโก สมุสฺสโย, อิติ ทิสฺวาน จรามิ เอสน’’นฺติ. อาหาโร โภชนํ ิติ านํ ปจฺจโย เอตสฺสาติ อาหารฏฺิติโก. ‘‘อาหารปฏิพทฺธวุตฺติโก สมุสฺสโย กาโย’’อิติ ทิสฺวาน เอวํ ตฺวา อิมมตฺถํ พุทฺธิยํ เปตฺวา จรามิ เอสนํ, ภิกฺขาปริเยสนํ กโรมีติ อตฺโถ.

ปจฺจยนิมิตฺตํ กุลานิ อุปสงฺกมนฺโต ตตฺถ วนฺทนปูชนาหิ ลาภสกฺกาเรหิ จ พชฺฌตีติ เอวํ มาทิเสสุ น จินฺเตตพฺพนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปงฺโก’’ติคาถํ อภาสิ. ตสฺสตฺโถ – ยา อยํ ปจฺจยนิมิตฺตํ อุปคตานํ ปพฺพชิตานํ กุเลสุ เคหวาสีสุ ปวตฺติสฺสติ คุณสมฺภาวนา ปูชนา จ, ยสฺมา ตํ อภาวิตตฺตานํ โอสีทาปนฏฺเน มลีนภาวกรเณน จ ปงฺโก กทฺทโมติ พุทฺธาทโย อเวทยุํ อพฺภฺาสุํ ปเวเทสุํ วา, ตสฺมา สา สปฺปุริสานํ พนฺธาย น โหติ สกฺการาสาย ปเคว ปหีนตฺตา. อสปฺปุริสสฺส ปน สกฺการาสา ทุวิฺเยฺยสภาวตาย ปีฬาชนนโต อนฺโต ตุทนโต อุทฺธริตุํ อสกฺกุเณยฺยโต จ สุขุมํ สลฺลํ ทุรุพฺพหํ. ตโต เอว เตน สกฺกาโร กาปุริเสน ทุชฺชโห ทุรุพฺพเหยฺโย ตสฺส ปหานปฏิปตฺติยา อปฺปฏิปชฺชนโต, สกฺการาสาปหาเนน ปหีโน โหตีติ. ตํ สุตฺวา พฺราหฺมโณ เถเร อภิปฺปสนฺโน อโหสิ.

ปิณฺโฑลภารทฺวาชตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. วลฺลิยตฺเถรคาถาวณฺณนา

มกฺกโฏ ปฺจทฺวารายนฺติอาทิกา อายสฺมโต วลฺลิยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต อิโต เอกตึเส กปฺเป กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ เกนจิเทว กรณีเยน อรฺํ คโต ตตฺถ นารทํ นาม ปจฺเจกสมฺพุทฺธํ รุกฺขมูเล วสนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส นเฬหิ สาลํ กตฺวา ติเณหิ ฉาเทตฺวา อทาสิ. จงฺกมนฏฺานฺจสฺส โสเธตฺวา วาลุกา โอกิริตฺวา อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณมหาสาลสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, วลฺลิโยติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต โยพฺพนมนุปฺปตฺโต อินฺทฺริยวสิโก หุตฺวา วิจรนฺโต กลฺยาณมิตฺตสํสคฺเคน ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๐.๙๓-๑๐๓) –

‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร, หาริโต นาม ปพฺพโต;

สยมฺภู นารโท นาม, รุกฺขมูเล วสี ตทา.

‘‘นฬาคารํ กริตฺวาน, ติเณน ฉาทยึ อหํ;

จงฺกมํ โสธยิตฺวาน, สยมฺภุสฺส อทาสหํ.

‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.

‘‘ตตฺถ เม สุกตํ พฺยมฺหํ, นฬกุฏิกนิมฺมิตํ;

สฏฺิโยชนมุพฺเพธํ, ตึสโยชนวิตฺถตํ.

‘‘จตุทฺทเสสุ กปฺเปสุ, เทวโลเก รมึ อหํ;

เอกสตฺตติกฺขตฺตุฺจ, เทวรชฺชมการยึ.

‘‘จตุตฺตึสติกฺขตฺตุฺจ, จกฺกวตฺตี อโหสหํ;

ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ.

‘‘ธมฺมปาสาทมารุยฺห, สพฺพาการวรูปมํ;

ยทิจฺฉกาหํ วิหเร, สกฺยปุตฺตสฺส สาสเน.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, นฬกุฏิยิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ปุถุชฺชนกาเล อตฺตโน จิตฺตสฺส รูปาทิอารมฺมเณสุ ยถากามปฺปวตฺติยา, อิทานิ อริยมคฺเคน นิคฺคหิตภาวสฺส จ วิภาวเนน อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๑๒๕.

‘‘มกฺกโฏ ปฺจทฺวารายํ, กุฏิกายํ ปสกฺกิย;

ทฺวาเรน อนุปริเยติ, ฆฏฺฏยนฺโต มุหุํ มุหุํ.

๑๒๖.

‘‘ติฏฺ มกฺกฏ มา ธาวิ, น หิ เต ตํ ยถา ปุเร;

นิคฺคหีโตสิ ปฺาย, เนว ทูรํ คมิสฺสสี’’ติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตตฺถ ฆฏฺฏยนฺโตติ อตฺตโน โลลภาเวน รุกฺขสฺส อฺํ สาขํ มุฺจิตฺวา อฺสฺส คหเณน อเนกวารํ ตตฺถ รุกฺขํ จาเลนฺโต ผลูปโภคมกฺกโฏ วิย เตน เตน จกฺขาทิทฺวาเรน รูปาทิอารมฺมเณสุ อฺํ มุฺจิตฺวา อฺํ คณฺหนฺโต จิตฺตสนฺตานสฺส สมาทานวเสน นิจฺจลํ าตุํ อปฺปทาเนน อภิกฺขณํ ฆฏฺฏยนฺโต จาเลนฺโต ตสฺมึเยว รูปาทิอารมฺมเณ อนุปริวตฺตติ ยถากามํ วิจรติ. วตฺตมานสมีปตาย เจตฺถ วตฺตมานวจนํ. เอวํ อนุปริยนฺโต จ ติฏฺ, มกฺกฏ, มา ธาวิ ตฺวํ, จิตฺตมกฺกฏ, อิทานิ ติฏฺ มา ธาวิ, อิโต ปฏฺาย เต ธาวิตุํ น สกฺกา, ตสฺมา น หิ เต ตํ ยถา ปูเร ยสฺมา ตํ อตฺตภาวเคหํ ปุพฺเพ วิย น เต เสวิตํ ปิหิตทฺวารภาวโต, กิฺจ นิคฺคหีโตสิ ปฺาย สยฺจ อิทานิ มคฺคปฺาย กิเลสาภิสงฺขารสงฺขาตานํ ปาทานํ เฉทเนน อจฺจนฺติกํ นิคฺคหํ ปตฺโตสิ, ตสฺมา เนว ทูรํ คมิสฺสสิ อิโต อตฺตภาวโต ทูรํ ทุติยาทิอตฺตภาวํ เนว คมิสฺสสิ ยาวจริมกจิตฺตํ เอว เต คมนนฺติ ทสฺเสติ. ‘‘เนโต ทูร’’นฺติปิ ปาโ, โส เอวตฺโถ.

วลฺลิยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. คงฺคาตีริยตฺเถรคาถาวณฺณนา

ติณฺณํ เม ตาลปตฺตานนฺติอาทิกา อายสฺมโต คงฺคาตีริยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต สาสเน อภิปฺปสนฺโน หุตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปานียมทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ อฺตรสฺส คหปติสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ‘‘ทตฺโต’’ติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต ฆราวาสํ วสนฺโต อคมนียฏฺานภาวํ อชานิตฺวา วีติกฺกมํ กตฺวา ปุน อคมนียฏฺานภาวํ ตฺวา สํเวคชาโต ปพฺพชิตฺวา ตํ กมฺมํ ชิคุจฺฉิตฺวา ลูขปฏิปตฺตึ อนุติฏฺนฺโต ปํสุกูลจีวรํ ฉวสิตฺตสทิสํ มตฺติกาปตฺตฺจ คเหตฺวา คงฺคาตีเร ตีหิ ตาลปตฺเตหิ กุฏิกํ กตฺวา วิหาสิ, เตเนวสฺส คงฺคาตีริโยติ สมฺา อโหสิ. โส ‘‘อรหตฺตํ อปฺปตฺวา น เกนจิ สลฺลปิสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อธิฏฺาย ปมํ สํวจฺฉรํ ตุณฺหีภูโต วจีเภทํ อกโรนฺโตว วิหาสิ. ทุติเย สํวจฺฉเร โคจรคาเม อฺตราย อิตฺถิยา ‘‘มูโค นุ โข โน’’ติ วีมํสิตุกามาย ปตฺเต ขีรํ อาสิฺจนฺติยา หตฺถวิหาเร กเตปิ โอกิริเต, ‘‘อลํ, ภคินี’’ติ วาจํ นิจฺฉริ. ตติเย ปน สํวจฺฉเร อนฺตรวสฺเสว ฆฏยนฺโต วายมนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณิ, เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๐.๕๑-๕๖) –

‘‘ปทุมุตฺตรพุทฺธสฺส , ภิกฺขุสงฺเฆ อนุตฺตเร;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, ปานีฆฏมปูรยึ.

‘‘ปพฺพตคฺเค ทุมคฺเค วา, อากาเส วาถ ภูมิยํ;

ยทา ปานียมิจฺฉามิ, ขิปฺปํ นิพฺพตฺตเต มม.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, ยํ ทานมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ทกทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหา ปน หุตฺวา อตฺตโน ปุพฺพภาคปฏิปตฺติยา วิภาวนมุเขน อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๑๒๗.

‘‘ติณฺณํ เม ตาลปตฺตานํ, คงฺคาตีเร กุฏี กตา;

ฉวสิตฺโตว เม ปตฺโต, ปํสุกูลฺจ จีวรํ.

๑๒๘.

‘‘ทฺวินฺนํ อนฺตรวสฺสานํ, เอกา วาจา เม ภาสิตา;

ตติเย อนฺตรวสฺสมฺหิ, ตโมขนฺโธ ปทาลิโต’’ติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตตฺถ ติณฺณํ เม ตาลปตฺตานํ, คงฺคาตีเร กุฏี กตาติ ตาลรุกฺขโต ปหิเตหิ ตีหิ ตาลปณฺเณหิ มยฺหํ วสฺสนปริหรณตฺถํ คงฺคาย นทิยา ตีเร กุฏิกา กตา. เตน อตฺตโน เสนาสนสนฺโตสํ ทสฺเสติ. วุตฺตฺหิ ธมฺมเสนาปตินา –

‘‘ปลฺลงฺเกน นิสินฺนสฺส, ชณฺณุเก นาภิวสฺสติ;

อลํ ผาสุวิหาราย, ปหิตตฺตสฺส ภิกฺขุโน’’ติ. (เถรคา. ๙๘๕; มิ. ป. ๖.๑.๑);

‘‘ตาลปตฺตีน’’นฺติปิ ปาโ, โส เอวตฺโถ. ฉวสิตฺโตว เม ปตฺโตติ มยฺหํ ปตฺโต ฉวสิตฺตสทิโส, มตานํ ขีรเสจนกุณฺฑสทิโสติ อตฺโถ . ปํสุกูลฺจ จีวรนฺติ จีวรฺจ เม อนฺตรมคฺคสุสานาทีสุ ฉฑฺฑิตนนฺตเกหิ กตํ ปํสุกูลํ. ปททฺวเยน ปริกฺขารสนฺโตสํ ทสฺเสติ.

ทฺวินฺนํอนฺตรวสฺสานนฺติ ทฺวีสุ อนฺตรวสฺเสสุ ปพฺพชิตโต อรหตฺตมปฺปตฺตสํวจฺฉเรสุ. เอกา วาจา เม ภาสิตาติ เอกา, ‘‘อลํ, ภคินี’’ติ ขีรปฏิกฺเขปวาจา เอว มยา วุตฺตา, อฺโ ตตฺถ วจีเภโท นาโหสิ. เตน อุกฺกํสคตํ กายวจีสํยมํ ทสฺเสติ. ตติเย อนฺตรวสฺสมฺหีติ ตติยสฺส สํวจฺฉรสฺส อพฺภนฺตเร, ตสฺมึ อปริปุณฺเณเยว. ตโมขนฺโธ ปทาลิโตติ อคฺคมคฺเคน ตโมขนฺโธ ภินฺโน, อวิชฺชานุสโย สมุจฺฉินฺโนติ อตฺโถ. เตน ตเทกฏฺตาย สพฺพกิเลสานํ อนวเสสปฺปหานํ วทติ.

คงฺคาตีริยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. อชินตฺเถรคาถาวณฺณนา

อปิ เจ โหติ เตวิชฺโชติอาทิกา อายสฺมโต อชินตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต พุทฺธสุฺเ โลเก กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เกนจิเทว กรณีเยน อรฺํ คโต ตตฺถ สุจินฺติตํ นาม ปจฺเจกสมฺพุทฺธํ อาพาเธน ปีฬิตํ นิสินฺนํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เภสชฺชตฺถาย ปสนฺนมานโส ฆตมณฺฑํ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ อฺตรสฺส ทลิทฺทพฺราหฺมณสฺส เคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตํ วิชายนกาเล อชินจมฺเมน สมฺปฏิจฺฉึสุ. เตนสฺส อชิโนตฺเวว นามํ อกํสุ. โส โภคสํวตฺตนิยสฺส กมฺมสฺส อกตตฺตา ทลิทฺทกุเล นิพฺพตฺโต วยปฺปตฺโตปิ อปฺปนฺนปานโภชโน หุตฺวา วิจรนฺโต เชตวนปฏิคฺคหเณ พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๓.๗๘-๘๗) –

‘‘สุจินฺติตํ ภควนฺตํ, โลกเชฏฺํ นราสภํ;

อุปวิฏฺํ มหารฺํ, วาตาพาเธน ปีฬิตํ.

‘‘ทิสฺวา จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, ฆตมณฺฑมุปานยึ;

กตตฺตา อาจิตตฺตา จ, คงฺคา ภาคีรถี อยํ.

‘‘มหาสมุทฺทา จตฺตาโร, ฆตํ สมฺปชฺชเร มม;

อยฺจ ปถวี โฆรา, อปฺปมาณา อสงฺขิยา.

‘‘มม สงฺกปฺปมฺาย, ภวเต มธุสกฺกรา;

จาตุทฺทีปา อิเม รุกฺขา, ปาทปา ธรณีรุหา.

‘‘มม สงฺกปฺปมฺาย, กปฺปรุกฺขา ภวนฺติ เต;

ปฺาสกฺขตฺตุํ เทวินฺโท, เทวรชฺชมการยึ.

‘‘เอกปฺาสกฺขตฺตุฺจ, จกฺกวตฺตี อโหสหํ;

ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ ทานมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ฆตมณฺฑสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวาปิ ปุริมกมฺมนิสฺสนฺเทน อปฺปลาภี อปฺปฺาโตว อโหสิ. อุทฺเทสภตฺตสลากภตฺตานิปิ ลามกาเนว ปาปุณนฺติ. กมฺมผเลเนว จ นํ ปุถุชฺชนา ภิกฺขู สามเณรา จ ‘‘อปฺปฺาโต’’ติ อวมฺนฺติ. เถโร เต ภิกฺขู สํเวเชนฺโต –

๑๒๙.

‘‘อปิ เจ โหติ เตวิชฺโช, มจฺจุหายี อนาสโว;

อปฺปฺาโตติ นํ พาลา, อวชานนฺติ อชานตา.

๑๓๐.

‘‘โย จ โข อนฺนปานสฺส, ลาภี โหตีธ ปุคฺคโล;

ปาปธมฺโมปิ เจ โหติ, โส เนสํ โหติ สกฺกโต’’ติ. –

คาถาทฺวยํ อภาสิ.

ตตฺถ อปีติ สมฺภาวเน นิปาโต. เจติ ปริกปฺปเน. โหตีติ ภวติ. ติสฺโส วิชฺชา เอตสฺสาติ เตวิชฺโช. มจฺจุํ ปชหตีติ มจฺจุหายี. กามาสวาทีนํ อภาเวน อนาสโว. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ทิพฺพจกฺขุาณํ ปุพฺเพนิวาสาณํ อาสวกฺขยาณนฺติ อิมาสํ ติสฺสนฺนํ วิชฺชานํ อธิคตตฺตา เตวิชฺโช ตโต เอว สพฺพโส กามาสวาทีนํ ปริกฺขีณตฺตา อนาสโว อายตึ ปุนพฺภวสฺส อคฺคหณโต มรณาภาเวน มจฺจุหายี ยทิปิ โหติ, เอวํ สนฺเตปิ อปฺปฺาโตติ นํ พาลา อวชานนฺติ ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ตํ สทตฺถํ อนุปาปุณิตฺวา ิตมฺปิ นํ อุตฺตมํ ปุริสํ ‘‘ธุตวาโท พหุสฺสุโต ธมฺมกถิโก’’ติ อุปฺปนฺนลาภสฺส อภาวโต ‘‘น ปฺาโต น ปากโฏ’’ติ พาลา ทุมฺเมธปุคฺคลา อวชานนฺติ, กสฺมา? อชานตา อชานนการณา คุณานํ อชานนเมว ตตฺถ การณนฺติ ทสฺเสติ.

ยถา จ คุณานํ อชานนโต พาลา ลาภครุตาย สมฺภาวนียมฺปิ อวชานนฺติ, เอวํ คุณานํ อชานนโต ลาภครุตาย เอวํ อวชานิตพฺพมฺปิ สมฺภาเวนฺตีติ ทสฺเสนฺโต ทุติยํ คาถํ อาห. ตตฺถ โยติ อนิยมวจนํ. -สทฺโท พฺยติเรเก, เตน ยถาวุตฺตปุคฺคลโต อิมสฺส ปุคฺคลสฺส วุจฺจมานํเยว วิเสสํ ชเนติ. โขติ อวธารเณ. อนฺนปานสฺสาติ นิทสฺสนมตฺตํ. ลาภีติ ลาภวา. อิธาติ อิมสฺมึ โลเก. ชรามรเณหิ ตสฺส ตสฺส สตฺตาวาสสฺส ปูรณโต คลนโต ปุคฺคโล. ปาปธมฺโมติ ลามกธมฺโม. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – โย ปน ปุคฺคโล จีวราทิปจฺจยมตฺตสฺเสว ลาภี โหติ, น ฌานาทีนํ, โส ปาปิจฺฉตาย ทุสฺสีลภาเวน หีนธมฺโมปิ สมาโน อิธ อิมสฺมึ โลเก พาลานํ ลาภครุตาย สกฺกโต ครุกโต โหตีติ.

อชินตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. เมฬชินตฺเถรคาถาวณฺณนา

ยทาหํธมฺมมสฺโสสินฺติอาทิกา อายสฺมโต เมฬชินตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต สุเมธสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ ภควนฺตํ ปิณฺฑาย คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส มธุรํ อาโมทผลํ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท พาราณสิยํ ขตฺติยกุเล นิพฺพตฺติตฺวา เมฬชิโนติ ลทฺธนาโม วิชฺชาสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คโต ปณฺฑิโต พฺยตฺโต ทิสาสุ ปากโฏ อโหสิ. โส ภควติ พาราณสิยํ อิสิปตเน วิหรนฺเต วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา ตทเหว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๑.๕๗-๖๒) –

‘‘สหสฺสรํสี ภควา, สยมฺภู อปราชิโต;

วิเวกา วุฏฺหิตฺวาน, โคจรายาภินิกฺขมิ.

‘‘ผลหตฺโถ อหํ ทิสฺวา, อุปคจฺฉึ นราสภํ;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, อวฏํ อททึ ผลํ.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อปรภาเค ภิกฺขูหิ, ‘‘อาวุโส, กึ ตยา อุตฺตริมนุสฺสธมฺโม อธิคโต’’ติ ปุฏฺโ สีหนาทํ นทนฺโต –

๑๓๑.

‘‘ยทาหํ ธมฺมมสฺโสสึ, ภาสมานสฺส สตฺถุโน;

น กงฺขมภิชานามิ, สพฺพฺู อปราชิเต.

๑๓๒.

‘‘สตฺถวาเห มหาวีเร, สารถีนํ วรุตฺตเม;

มคฺเค ปฏิปทายํ วา, กงฺขา มยฺหํ น วิชฺชตี’’ติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตตฺถ ยทาติ ยสฺมึ กาเล. อหนฺติ อตฺตานํ นิทฺทิสติ. ธมฺมนฺติ จตุสจฺจธมฺมํ. อสฺโสสินฺติ สุณึ. สตฺถุโนติ ทิฏฺธมฺมิกาทิอตฺเถหิ เวเนยฺยานํ สาสนฏฺเน สตฺถุโน. กงฺขนฺติ สํสยํ. สงฺขตมสงฺขตฺจ อนวเสสโต ชานนฏฺเน สพฺพฺู. กุโตจิปิ ปราชิตา ภาเวน อปราชิเต. เวเนยฺยสตฺตานํ สํสารกนฺตารโต นิพฺพานํ ปฏิวาหนฏฺเน สตฺถวาเห. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยโต ปภุติ อหํ สตฺถุโน ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส จตุสจฺจธมฺมํ อสฺโสสึ โสตทฺวารานุสาเรน อุปธาเรสึ อุปลภึ, ตโต ปฏฺาย อนวเสสสงฺขตาสงฺขตสมฺมุติธมฺมานํ สยมฺภูาเณน ชานนโต สพฺพฺู อนาวรณทสฺสาวิมฺหิ, ปฺจนฺนมฺปิ มารานํ อภิภวนโต เตหิ อปราชิตตฺตา สเทวเก โลเก อปฺปฏิหตธมฺมจกฺกตฺตา จ อปราชิเต, เวเนยฺยสตฺตานํ โลภกนฺตาราทิโต วาหนฏฺเน สตฺถวาเห, มหาวิกฺกนฺตตาย มหาวีเร, อฺเหิ ทุทฺทมานํ ปุริสทมฺมานํ สรณโต อจฺจนฺติเกน ทมเถน ทมนโต สารถีนํ ปวรภูเต อุตฺตเม สมฺมาสมฺพุทฺเธ , ‘‘พุทฺโธ นุ โข โน นุ โข’’ติ กงฺขํ นาภิชานามิ อปรปฺปจฺจยภาวโต. ตถารูเป เทสิเต อริยมคฺเค ตทุปาทายภูตาย จ สีลาทิปฏิปทาย ‘‘นิยฺยานิโก นุ โข น นุ โข’’ติ กงฺขา วิจิกิจฺฉา น วิชฺชติ นตฺถีติ. เอตฺถ จ อริยธมฺเม สํสยาภาวกถเนน อริยสงฺเฆปิ สํสยาภาโว กถิโตเยวาติ ทฏฺพฺพํ ตตฺถ ปติฏฺิตสฺส อนฺถาภาวโตติ.

เมฬชินตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. ราธตฺเถรคาถาวณฺณนา

ยถา อคารํ ทุจฺฉนฺนนฺติอาทิกา อายสฺมโต ราธตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน สตฺถารา เอกํ ภิกฺขุํ ปฏิภาเนยฺยกานํ อคฺคฏฺาเน ปิยมานํ ทิสฺวา สยํ ตํ านนฺตรํ ปตฺเถตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตสิ. สตฺถุ อุฬารฺจ ปูชํ อกาสิ. โส เอวํ กตปณิธาโน ตโต จุโต ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ปิณฺฑาย คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส มธุรานิ อมฺพผลานี อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อมฺหากํ ภควโต กาเล ราชคเห พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ราโธติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต หุตฺวา ฆราวาสํ วสนฺโต มหลฺลกกาเล ปุตฺตทาเรหิ อปสาทิโต, ‘‘กึ เม ฆราวาเสน, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ วิหารํ คนฺตฺวา เถเร ภิกฺขู อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา เตหิ ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ ชิณฺโณ น สกฺโกติ วตฺตปฏิวตฺตํ ปูเรตุ’’นฺติ ปฏิกฺขิตฺโต สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา อตฺตโน อชฺฌาสยํ ปเวเทตฺวา สตฺถารา อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ โอโลเกตฺวา อาณตฺเตน ธมฺมเสนาปตินา ปพฺพาชิโต วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๑.๖๓-๖๗) –

‘‘สุวณฺณวณฺณํ สมฺพุทฺธํ, อาหุตีนํ ปฏิคฺคหํ;

รถิยํ ปฏิปชฺชนฺตํ, ปาทผลํ อทาสหํ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา สตฺถุ สนฺติกาวจโร หุตฺวา วิจรนฺโต สตฺถุ ธมฺมเทสนาปฏิภานสฺส ปจฺจยภูตานํ ปฏิภานชานนกานํ อคฺโค ชาโต. เถรสฺส หิ ทิฏฺิสมุทาจารฺจ อาคมฺม ทสพลสฺส นวนวา ธมฺมเทสนา ปฏิภาติ. เตนาห ภควา – ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ปฏิภาเนยฺยกานํ ยทิทํ ราโธ’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๙, ๒๓๓). โส เอกทิวสํ ‘‘อิเม สตฺตา อภาวนาย ราเคน อภิภุยฺยนฺติ, ภาวนาย สติ ตํ นตฺถี’’ติ ภาวนํ โถเมนฺโต ‘‘ยถา อคาร’’นฺติอาทินา คาถาทฺวยมาห.

๑๓๓-๔. ตตฺถ อคารนฺติ ยํกิฺจิ เคหํ. ทุจฺฉนฺนนฺติ วิรฬจฺฉนฺนํ ฉิทฺทาวฉิทฺทํ. สมติวิชฺฌตีติ วสฺสวุฏฺิ วินิวิชฺฌติ. อภาวิตนฺติ ตํ อคารํ วุฏฺิ วิย ภาวนาย รหิตตฺตา อภาวิตํ จิตฺตํ. ราโค สมติวิชฺฌตีติ น เกวลํ ราโคว โทสโมหมานาทโยปิ สพฺพกิเลสา ตถารูปํ จิตฺตํ อติวิชฺฌนฺติเยว. สุภาวิตนฺติ สมถวิปสฺสนาภาวนาหิ สุฏฺุ ภาวิตํ, เอวรูปํ จิตฺตํ สุจฺฉนฺนํ เคหํ วุฏฺิ วิย ราคาทโย กิเลสา อติวิชฺฌิตุํ น สกฺโกนฺตีติ.

ราธตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. สุราธตฺเถรคาถาวณฺณนา

ขีณาหิ มยฺหํ ชาตีติอาทิกา อายสฺมโต สุราธตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต สิขิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส มาตุลุงฺคผลํ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท อนนฺตรํ วุตฺตสฺส ราธตฺเถรสฺส กนิฏฺโ หุตฺวา นิพฺพตฺติ, สุราโธติสฺส นามํ อโหสิ. โส เชฏฺภาตริ ราเธ ปพฺพชิเต สยมฺปิ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๑.๖๘-๗๒) –

‘‘กณิการํว ชลิตํ, ปุณฺณมาเยว จนฺทิมํ;

ชลนฺตํ ทีปรุกฺขํว, อทฺทสํ โลกนายกํ.

‘‘มาตุลุงฺคผลํ คยฺห, อทาสึ สตฺถุโน อหํ;

ทกฺขิเณยฺยสฺส วีรสฺส, ปสนฺโน เสหิ ปาณิภิ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา สาสนสฺส นิยฺยานิกภาวทสฺสนตฺถํ อฺํ พฺยากโรนฺโต ‘‘ขีณา หี มยฺห’’นฺติอาทินา คาถาทฺวยมาห.

๑๓๕-๖. ตตฺถ ขีณาติ ขยํ ปริโยสานํ คตา. ชาตีติ ภโว ภวนิพฺพตฺติ วา. วุสิตํ ชินสาสนนฺติ ชินสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาสนํ มคฺคพฺรหฺมจริยํ วุฏฺํ ปริวุฏฺํ. ปหีโน ชาลสงฺขาโตติ สตฺตสนฺตานสฺส โอตฺถรณโต นิสฺสริตุํ อปฺปทานโต จ ‘‘ชาลสงฺขาโต’’ติ จ ลทฺธนามา ทิฏฺิ อวิชฺชา จ ปหีนา มคฺเคน สมุจฺฉินฺนา. ภวเนตฺติ สมูหตาติ กามภวาทิกสฺส ภวสฺส นยนโต ปวตฺตนโต ภวเนตฺติสฺิตา ตณฺหา สมุคฺฆาฏิตา. ยสฺสตฺถาย ปพฺพชิโตติ ยสฺส อตฺถาย ยทตฺถํ อหํ อคารสฺมา เคหโต อนคาริยํ ปพฺพชฺชํ ปพฺพชิโต อุปคโต. โส สพฺเพสํ โอรมฺภาคิยุทฺธมฺภาคิยปฺปเภทานํ สํโยชนานํ พนฺธนานํ ขยภูโต อตฺโถ นิพฺพานสงฺขาโต ปรมตฺโถ อรหตฺตสงฺขาโต สทตฺโถ จ มยา อนุปฺปตฺโต อธิคโตติ อตฺโถ.

สุราธตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. โคตมตฺเถรคาถาวณฺณนา

สุขํสุปนฺตีติ อายสฺมโต โคตมตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺํ อุปจินนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส อาโมทผลมทาสิ. เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา โคตโมติ ลทฺธนาโม สตฺตวสฺสิกกาเล อุปนยนํ กตฺวา รตนภิกฺขํ จริตฺวา สหสฺสํ ลภิตฺวา ตํ ตาทิเส าเน เปตฺวา วตํ จรนฺโต โสฬสสตฺตรสวสฺสุทฺเทสิกกาเล อกลฺยาณมิตฺเตหิ กาเมสุ ปรินียมาโน เอกิสฺสา รูปูปชีวินิยา ตํ สหสฺสภณฺฑิกํ ทตฺวา พฺรหฺมจริยวินาสํ ปตฺวา ตาย จสฺส พฺรหฺมจาริรูปํ ทิสฺวา วิรตฺตากาเร ทสฺสิเต เอกรตฺติวาเสเนว นิพฺพินฺนรูโป อตฺตโน พฺรหฺมจริยนิวาสํ ธนชานิฺจ สริตฺวา ‘‘อยุตฺตํ มยา กต’’นฺติ วิปฺปฏิสารี อโหสิ. สตฺถา ตสฺส เหตุสมฺปตฺตึ จิตฺตาจารฺจ ตฺวา ตสฺส อาสนฺนฏฺาเน อตฺตานํ ทสฺเสสิ. โส สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส อุปสงฺกมิ, ตสฺส ภควา ธมฺมํ เทเสสิ. โส ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชนฺโต ขุรคฺเคเยว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๑.๘๐-๘๔) –

‘‘สุวณฺณวณฺณํ สมฺพุทฺธํ, อาหุตีนํ ปฏิคฺคหํ;

รถิยํ ปฏิปชฺชนฺตํ, อาโมทมททึ ผลํ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ฌานสุเขน ผลสุเขน วีตินาเมนฺตํ เอโก คิหิสหาโย อุปคนฺตฺวา, ‘‘อาวุโส, ตยา รตนภิกฺขาย ลทฺธํ ปพฺพชนฺโต กึ อกาสี’’ติ ปุจฺฉิ. ตํ สุตฺวา เถโร ‘‘อิทํ นาม กต’’นฺติ อนาจิกฺขิตฺวา มาตุคาเม โทสํ ปกาเสตฺวา อตฺตโน วีตราคภาเวน อฺํ พฺยากโรนฺโต ‘‘สุขํ สุปนฺตี’’ติอาทินา คาถาทฺวยมาห.

๑๓๗. ตตฺถ สุขํ สุปนฺติ มุนโย, เย อิตฺถีสุ น พชฺฌเรติ เย อิตฺถีสุ วิสยภูตาสุ นิมิตฺตภูตาสุ วา ราคพนฺธเนน น พชฺฌนฺติ, เต มุนโย ตปสฺสิโน สํยตินฺทฺริยา สุขํ สุปนฺติ สุขํ วิหรนฺติ, นตฺถิ เตสํ ทุกฺขนฺติ อธิปฺปาโย. ‘‘สุปนฺตี’’ติ หิ นิทสฺสนมตฺตเมตํ. สทา เวรกฺขิตพฺพาสูติ เอกํเสน สพฺพกาลํ รกฺขิตพฺพาสุ. อิตฺถิโย หิ สตฺตภูมิเก นิปฺปุริเส ปาสาเท อุปริภูมิยํ วสาเปตฺวาปิ, กุจฺฉิยํ ปกฺขิปิตฺวาปิ น สกฺกา รกฺขิตุํ, ตสฺมา ตา กิฏฺาทิคาวิโย วิย สพฺพกาลํ รกฺขณียา โหนฺติ. พหุจิตฺตตาย วา สามิเกน วตฺถาลงฺการานุปฺปทานาทินา จิตฺตฺถตฺตโต สพฺพกาลํ รกฺขิตพฺพา. สรีรสภาวํ วา มาลาคนฺธาทีหิ ปฏิจฺฉาทนวเสน รกฺขิตพฺพจิตฺตตาย รกฺขิตพฺพาติ. ยาสุ สจฺจํ สุทุลฺลภนฺติ ยาสุ สจฺจวจนํ ลทฺธุํ น สกฺกา, อิตฺถิโย หิ อคฺคิมฺปิ ปวิสนฺติ, วิสมฺปิ ขาทนฺติ, สตฺถมฺปิ อาหรนฺติ, อุพฺพนฺธิตฺวาปิ กาลํ กโรนฺติ, น ปน สจฺเจ าตุํ สกฺโกนฺติ. ตสฺมา เอวรูปา อิตฺถิโย วชฺเชตฺวา ิตา มุนโย สุขิตา วตาติ ทสฺเสติ.

๑๓๘. อิทานิ ยสฺส อปฺปหีนตฺตา เอวรูปาสุ อิตฺถีสุปิ พชฺฌนฺติ, ตสฺส กามสฺส อตฺตโน สุปฺปหีนตํ อจฺจนฺตนิฏฺิตตฺจ ทสฺเสนฺโต ทุติยํ คาถมาห. วธํ จริมฺห เต กามาติ อมฺโภ กาม, ตว วธํ อจฺจนฺตสมุจฺเฉทํ อริยมคฺเคน จริมฺห, ‘‘วธํ จริมฺหเส’’ติปิ ปาโ, วธาย ปหานาย มคฺคพฺรหฺมจริยํ อจริมฺหาติ อตฺโถ. อนณา ทานิ เต มยนฺติ อิทานิ อคฺคมคฺคปตฺติโต ปฏฺาย อิณภาวกราย ปหีนตฺตา กาม เต อนณา มยํ, น ตุยฺหํ อิณํ ธาเรม. อวีตราโค หิ ราคสฺส วเส วตฺตนโต ตสฺส อิณํ ธาเรนฺโต วิย โหติ, วีตราโค ปน ตํ อติกฺกมิตฺวา ปรเมน จิตฺติสฺสริเยน สมนฺนาคโต. อนณตฺตา เอว คจฺฉาม ทานิ นิพฺพานํ, ยตฺถ คนฺตฺวา น โสจติ ยสฺมึ นิพฺพาเน คมนเหตุ สพฺพโส โสกเหตูนํ อภาวโต น โสจติ, ตํ อนุปาทิเสสนิพฺพานเมว อิทานิ คจฺฉาม อนุปาปุณามาติ อตฺโถ.

โคตมตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. วสภตฺเถรคาถาวณฺณนา

ปุพฺเพ หนติ อตฺตานนฺติ อายสฺมโต วสภตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต พุทฺธสุฺเ โลเก พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต พฺราหฺมณานํ วิชฺชาสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คนฺตฺวา เนกฺขมฺมชฺฌาสยตาย ฆราวาสํ ปหาย ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา จุทฺทสสหสฺสตาปสปริวาโร หิมวนฺตสฺส อวิทูเร สมคฺเค นาม ปพฺพเต อสฺสมํ กาเรตฺวา วสนฺโต ฌานาภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา ตาปสานํ โอวาทานุสาสนิโย เทนฺโต เอกทิวสํ เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘อหํ โข ทานิ อิเมหิ ตาปเสหิ สกฺกโต ครุกโต ปูชิโต วิหรามิ, มยา ปน ปูเชตพฺโพ น อุปลพฺภติ, ทุกฺโข โข ปนายํ โลเก ยทิทํ อครุวาโส’’ติ. เอวํ ปน จินฺเตตฺวา ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิการตาย ปุริมพุทฺธานํ เจติเย อตฺตนา กตํ ปูชาสกฺการํ อนุสฺสริตฺวา ‘‘ยํนูนาหํ ปุริมพุทฺเธ อุทฺทิสฺส ปุลินเจติยํ กตฺวา ปูชํ กเรยฺย’’นฺติ หฏฺตุฏฺโ อิทฺธิยา ปุลินถูปํ สุวณฺณมยํ มาเปตฺวา สุวณฺณมยาทีหิ ติสหสฺสมตฺเตหิ ปุปฺเผหิ เทวสิกํ ปูชํ กโรนฺโต ยาวตายุกํ ปุฺานิ กตฺวา อปริหีนชฺฌาโน กาลํ กตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺโต. ตตฺถปิ ยาวตายุกํ ตฺวา ตโต จุโต ตาวตึเส นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท เวสาลิยํ ลิจฺฉวิราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วสโภติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต ภควโต เวสาลิคมเน พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๐.๕๗-๙๒) –

‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร, สมคฺโค นาม ปพฺพโต;

อสฺสโม สุกโต มยฺหํ, ปณฺณสาลา สุมาปิตา.

‘‘นารโท นาม นาเมน, ชฏิโล อุคฺคตาปโน;

จตุทฺทสสหสฺสานิ, สิสฺสา ปริจรนฺติ มํ.

‘‘ปฏิสลฺลีนโก สนฺโต, เอวํ จินฺเตสหํ ตทา;

สพฺโพ ชโน มํ ปูเชติ, นาหํ ปูเชมิ กิฺจนํ.

‘‘น เม โอวาทโก อตฺถิ, วตฺตา โกจิ น วิชฺชติ;

อนาจริยุปชฺฌาโย, วเน วาสํ อุเปมหํ.

‘‘อุปาสมาโน ยมหํ, ครุจิตฺตํ อุปฏฺเห;

โส เม อาจริโย นตฺถิ, วนวาโส นิรตฺถโก.

‘‘อายาคํ เม คเวสิสฺสํ, ครุํ ภาวนิยํ ตถา;

สาวสฺสโย วสิสฺสามิ, น โกจิ ครหิสฺสติ.

‘‘อุตฺตานกูลา นทิกา, สุปติตฺถา มโนรมา;

สํสุทฺธปุลินากิณฺณา, อวิทูเร มมสฺสมํ.

‘‘นทึ อมริกํ นาม, อุปคนฺตฺวานหํ ตทา;

สํวฑฺฒยิตฺวา ปุลินํ, อกํ ปุลินเจติยํ.

‘‘เย เต อเหสุํ สมฺพุทฺธา, ภวนฺตกรณา มุนี;

เตสํ เอตาทิโส ถูโป, ตํ นิมิตฺตํ กโรมหํ.

‘‘กริตฺวา ปุลินํ ถูปํ, โสวณฺณํ มาปยึ อหํ;

โสณฺณกิงฺกณิปุปฺผานิ, สหสฺเส ตีณิ ปูชยึ.

‘‘สายปาตํ นมสฺสามิ, เวทชาโต กตฺชลี;

สมฺมุขา วิย สมฺพุทฺธํ, วนฺทึ ปุลินเจติยํ.

‘‘ยทา กิเลสา ชายนฺติ, วิตกฺกา เคหนิสฺสิตา;

สรามิ สุกตํ ถูปํ, ปจฺจเวกฺขามิ ตาวเท.

‘‘อุปนิสฺสาย วิหรํ, สตฺถวาหํ วินายกํ;

กิเลเส สํวเสยฺยาสิ, น ยุตฺตํ ตว มาริส.

‘‘สห อาวชฺชิเต ถูเป, คารวํ โหติ เม ตทา;

กุวิตกฺเก วิโนเทสึ, นาโค ตุตฺตฏฺฏิโต ยถา.

‘‘เอวํ วิหรมานํ มํ, มจฺจุราชาภิมทฺทถ;

ตตฺถ กาลงฺกโต สนฺโต, พฺรหฺมโลกมคจฺฉหํ.

‘‘ยาวตายุํ วสิตฺวาน, ติทิเว อุปปชฺชหํ;

อสีติกฺขตฺตุํ เทวินฺโท, เทวรชฺชมการยึ.

‘‘สตานํ ตีณิกฺขตฺตุฺจ, จกฺกวตฺตี อโหสหํ;

ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ.

‘‘โสณฺณกิงฺกณิปุปฺผานํ, วิปากํ อนุโภมหํ;

ธาตีสตสหสฺสานิ, ปริวาเรนฺติ มํ ภเว.

‘‘ถูปสฺส ปริจิณฺณตฺตา, รโชชลฺลํ น ลิมฺปติ;

คตฺเต เสทา น มุจฺจนฺติ, สุปฺปภาโส ภวามหํ.

‘‘อโห เม สุกโต ถูโป, สุทิฏฺามริกา นที;

ถูปํ กตฺวาน ปุลินํ, ปตฺโตมฺหิ อจลํ ปทํ.

‘‘กุสลํ กตฺตุกาเมน, ชนฺตุนา สารคาหินา;

นตฺถิ เขตฺตํ อเขตฺตํ วา, ปฏิปตฺตีว สาธกา.

‘‘ยถาปิ พลวา โปโส, อณฺณวํตริตุสฺสเห;

ปริตฺตํ กฏฺมาทาย, ปกฺขนฺเทยฺย มหาสรํ.

‘‘อิมาหํ กฏฺํ นิสฺสาย, ตริสฺสามิ มโหทธึ;

อุสฺสาเหน วีริเยน, ตเรยฺย อุทธึ นโร.

‘‘ตเถว เม กตํ กมฺมํ, ปริตฺตํ โถกกฺจ ยํ;

ตํ กมฺมํ อุปนิสฺสาย, สํสารํ สมติกฺกมึ.

‘‘ปจฺฉิเม ภเว สมฺปตฺเต, สุกฺกมูเลน โจทิโต;

สาวตฺถิยํ ปุเร ชาโต, มหาสาเล สุอฑฺฒเก.

‘‘สทฺธา มาตา ปิตา มยฺหํ, พุทฺธสฺส สรณํ คตา;

อุโภ ทิฏฺปทา เอเต, อนุวตฺตนฺติ สาสนํ.

‘‘โพธิปปฏิกํ คยฺห, โสณฺณถูปมการยุํ;

สายปาตํ นมสฺสนฺติ, สกฺยปุตฺตสฺส สมฺมุขา.

‘‘อุโปสถมฺหิ ทิวเส, โสณฺณถูปํ วินีหรุํ;

พุทฺธสฺส วณฺณํ กิตฺเตนฺตา, ติยามํ วีตินามยุํ.

‘‘สห ทิสฺวานหํ ถูปํ, สรึ ปุลินเจติยํ;

เอกาสเน นิสีทิตฺวา, อรหตฺตมปาปุณึ.

‘‘คเวสมาโน ตํ วีรํ, ธมฺมเสนาปติทฺทสํ;

อคารา นิกฺขมิตฺวาน, ปพฺพชึ ตสฺส สนฺติเก.

‘‘ชาติยา สตฺตวสฺเสน, อรหตฺตมปาปุณึ;

อุปสมฺปาทยี พุทฺโธ, คุณมฺาย จกฺขุมา.

‘‘ทารเกเนว สนฺเตน, กิริยํ นิฏฺิตํ มยา;

กตํ เม กรณียชฺช, สกฺยปุตฺตสฺส สาสเน.

‘‘สพฺพเวรภยาตีโต, สพฺพสงฺคาติโค อิสิ;

สาวโก เต มหาวีร, โสณฺณถูปสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ทายกานุคฺคหํ กโรนฺโต เตหิ อุปนีเต ปจฺจเย น ปฏิกฺขิปติ, ยถาลทฺเธเยว ปริภุฺชติ. ตํ ปุถุชฺชนา ‘‘อยํ กายทฬฺหิพหุโล อรกฺขิตจิตฺโต’’ติ มฺมานา อวมฺนฺติ. เถโร ตํ อคเณนฺโตว วิหรติ. ตสฺส ปน อวิทูเร อฺตโร กุหกภิกฺขุ ปาปิจฺโฉ สมาโน อปฺปิจฺโฉ วิย สนฺตุฏฺโ วิย อตฺตานํ ทสฺเสนฺโต โลกํ วฺเจนฺโต วิหรติ. มหาชโน ตํ อรหนฺตํ วิย สมฺภาเวติ. อถสฺส สกฺโก เทวานมินฺโท ตํ ปวตฺตึ ตฺวา เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, กึ นาม กุหโก กโรตี’’ติ ปุจฺฉิ. เถโร ปาปิจฺฉํ ครหนฺโต –

๑๓๙.

‘‘ปุพฺเพ หนติ อตฺตานํ, ปจฺฉา หนติ โส ปเร;

สุหตํ หนฺติ อตฺตานํ, วีตํเสเนว ปกฺขิมา.

๑๔๐.

‘‘น พฺราหฺมโณ พหิวณฺโณ, อนฺโตวณฺโณ หิ พฺราหฺมโณ;

ยสฺมึ ปาปานิ กมฺมานิ, ส เว กณฺโห สุชมฺปตี’’ติ. – คาถาทฺวยมาห;

ตตฺถ ปุพฺเพ หนติ อตฺตานนฺติ กุหกปุคฺคโล อตฺตโน กุหกวุตฺติยา โลกํ วฺเจนฺโต ปาปิจฺฉตาทีหิ ปาปธมฺเมหิ ปมเมว อตฺตานํ หนติ, อตฺตโน กุสลโกฏฺาสํ วินาเสติ. ปจฺฉา หนติ โส ปเรติ โส กุหโก ปมํ ตาว วุตฺตนเยน อตฺตานํ หนฺตฺวา ปจฺฉา ปเร เยหิ ‘‘อยํ ภิกฺขุ เปสโล อริโย’’ติ วา สมฺภาเวนฺเตหิ การา กตา, เต หนติ เตสํ การานิ อตฺตนิ กตานิ อมหปฺผลานิ กตฺวา ปจฺจยวินาสเนน วินาเสติ. สติปิ กุหกสฺส อุภยหนเน อตฺตหนเน ปน อยํ วิเสโสติ ทสฺเสนฺโต อาห สุหตํ หนฺติ อตฺตานนฺติ. โส กุหโก อตฺตานํ หนนฺโต สุหตํ กตฺวา หนฺติ วินาเสติ, ยถา กึ? วีตํเสเนว ปกฺขิมาติ, วีตํโสติ ทีปกสกุโณ, เตน. ปกฺขิมาติ สากุณิโก. ยถา เตน วีตํสสกุเณน อฺเ สกุเณ วฺเจตฺวา หนนฺโต อตฺตานํ อิธ โลเกปิ หนติ วิฺุครหสาวชฺชสภาวาทินา, สมฺปรายํ ปน ทุคฺคติปริกฺกิเลเสน หนติเยว, น ปน เต สกุเณ ปจฺฉา หนฺตุํ สกฺโกติ, เอวํ กุหโกปิ โกหฺเน โลกํ วฺเจตฺวา อิธ โลเกปิ อตฺตานํ หนติ วิปฺปฏิสารวิฺุครหาทีหิ, ปรโลเกปิ ทุคฺคติปริกฺกิเลเสหิ, น ปน เต ปจฺจยทายเก อปายทุกฺขํ ปาเปติ. อปิจ กุหโก ทกฺขิณาย อมหปฺผลภาวกรเณเนว ทายกํ หนตีติ วุตฺโต, น นิปฺผลภาวกรเณน. วุตฺตฺเหตํ ภควตา – ‘‘ทุสฺสีลสฺส มนุสฺสภูตสฺส ทานํ ทตฺวา สหสฺสคุณา ทกฺขิณา ปาฏิกงฺขิตพฺพา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๗๙). เตนาห ‘‘สุหตํ หนฺติ อตฺตาน’’นฺติ.

เอวํ พาหิรปริมชฺชนมตฺเต ิตา ปุคฺคลา สุทฺธา นาม น โหนฺติ, อพฺภนฺตรสุทฺธิยา เอว ปน สุทฺธา โหนฺตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘น พฺราหฺมโณ’’ติ ทุติยํ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – อิริยาปถสณฺปนาทิพหิสมฺปตฺติมตฺเตน พฺราหฺมโณ น โหติ. สมฺปตฺติอตฺโถ หิ อิธ วณฺณ-สทฺโท. อพฺภนฺตเร ปน สีลาทิสมฺปตฺติยา พฺราหฺมโณ โหติ, ‘‘พาหิตปาโป พฺราหฺมโณ’’ติ กตฺวา. ตสฺมา ‘‘ยสฺมึ ปาปานิ ลามกานิ กมฺมานิ สํวิชฺชนฺติ, เอกํเสน โส กณฺโห นิหีนปุคฺคโล’’ติ สุชมฺปติ, เทวานมินฺท, ชานาหิ. ตํ สุตฺวา สกฺโก กุหกภิกฺขุํ ตชฺเชตฺวา ‘‘ธมฺเม วตฺตาหี’’ติ โอวทิตฺวา สกฏฺานเมว คโต.

วสภตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ทุกนิปาเต ปมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ทุติยวคฺโค

๑. มหาจุนฺทตฺเถรคาถาวณฺณนา

สุสฺสูสาติ อายสฺมโต มหาจุนฺทตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุมฺภการกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต กุมฺภการกมฺเมน ชีวนฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส เอกํ มตฺติกาปตฺตํ สฺวาภิสงฺขตํ กตฺวา ภควโต อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มคธรฏฺเ นาลกคาเม รูปสาริยา พฺราหฺมณิยา ปุตฺโต สาริปุตฺตตฺเถรสฺส กนิฏฺภาตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, จุนฺโทติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต ธมฺมเสนาปตึ อนุปพฺพชิตฺวา ตํ นิสฺสาย วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๑.๓๙-๕๐) –

‘‘นคเร หํสวติยา, กุมฺภกาโร อโหสหํ;

อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, โอฆติณฺณมนาสวํ.

‘‘สุกตํ มตฺติกาปตฺตํ, พุทฺธเสฏฺสฺสทาสหํ;

ปตฺตํ ทตฺวา ภควโต, อุชุภูตสฺส ตาทิโน.

‘‘ภเว นิพฺพตฺตมาโนหํ, โสณฺณถาเล ลภามหํ;

รูปิมเย จ โสวณฺเณ, ตฏฺฏิเก จ มณีมเย.

‘‘ปาติโย ปริภุฺชามิ, ปุฺกมฺมสฺสิทํ ผลํ;

ยสานฺจ ธนานฺจ, อคฺคภูโต จ โหมหํ.

‘‘ยถาปิ ภทฺทเก เขตฺเต, พีชํ อปฺปมฺปิ โรปิตํ;

สมฺมาธารํ ปเวจฺฉนฺเต, ผลํ โตเสติ กสฺสกํ.

‘‘ตเถวิทํ ปตฺตทานํ, พุทฺธเขตฺตมฺหิ โรปิตํ;

ปีติธาเร ปวสฺสนฺเต, ผลํ มํ โตสยิสฺสติ.

‘‘ยาวตา เขตฺตา วิชฺชนฺติ, สงฺฆาปิ จ คณาปิ จ;

พุทฺธเขตฺตสโม นตฺถิ, สุขโท สพฺพปาณินํ.

‘‘นโม เต ปุริสาชฺ, นโม เต ปุริสุตฺตม;

เอกปตฺตํ ททิตฺวาน, ปตฺโตมฺหิ อจลํ ปทํ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ปตฺตมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ปตฺตทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา อตฺตนา ปฏิลทฺธสมฺปตฺติยา การณภูตํ ครูปนิสฺสยํ วิเวกวาสฺจ กิตฺเตนฺโต –

๑๔๑.

‘‘สุสฺสูสา สุตวทฺธนี, สุตํ ปฺาย วทฺธนํ;

ปฺาย อตฺถํ ชานาติ, าโต อตฺโถ สุขาวโห.

๑๔๒.

‘‘เสเวถ ปนฺตานิ เสนาสนานิ, จเรยฺย สํโยชนวิปฺปโมกฺขํ;

สเจ รตึ นาธิคจฺเฉยฺย ตตฺถ, สงฺเฆ วเส รกฺขิตตฺโต สตีมา’’ติ. –

คาถาทฺวยํ อภาสิ.

ตตฺถ สุสฺสูสาติ โสตพฺพยุตฺตสฺส สพฺพสุตสฺส โสตุมิจฺฉา, ครุสนฺนิวาโสปิ. ทิฏฺธมฺมิกาทิเภทฺหิ อตฺถํ โสตุมิจฺฉนฺเตน กลฺยาณมิตฺเต อุปสงฺกมิตฺวา วตฺตกรเณน ปยิรุปาสิตฺวา ยทา เต ปยิรุปาสนาย อาราธิตจิตฺตา กฺจิ อุปนิสีทิตุกามา โหนฺติ, อถ เน อุปนิสีทิตฺวา อธิคตาย โสตุมิจฺฉาย โอหิตโสเตน โสตพฺพํ โหตีติ ครุสนฺนิวาโสปิ สุสฺสูสาเหตุตาย ‘‘สุสฺสูสา’’ติ วุจฺจติ. สา ปนายํ สุสฺสูสา สจฺจปฏิจฺจสมุปฺปาทาทิปฏิสํยุตฺตํ สุตํ ตํสมงฺคิโน ปุคฺคลสฺส วฑฺเฒติ พฺรูเหตีติ สุตวทฺธนี, พาหุสจฺจการีติ อตฺโถ. สุตํ ปฺาย วทฺธนนฺติ ยํ ตํ ‘‘สุตธโร สุตสนฺนิจโย’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๓๙; อ. นิ. ๔.๒๒) ‘‘อิเธกจฺจสฺส พหุกํ สุตํ โหติ สุตฺตํ เคยฺยํ เวยฺยากรณ’’นฺติ (อ. นิ. ๔.๖) จ เอวมาทินา นเยน วุตฺตํ พาหุสจฺจํ, ตํ อกุสลปฺปหานกุสลาธิคมนเหตุภูตํ ปฺํ วทฺเธตีติ สุตํ ปฺาย วทฺธนํ, วุตฺตฺเหตํ ภควตา –

‘‘สุตาวุโธ โข, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อกุสลํ ปชหติ, กุสลํ ภาเวติ, สาวชฺชํ ปชหติ, อนวชฺชํ ภาเวติ, สุทฺธํ อตฺตานํ ปริหรตี’’ติ (อ. นิ. ๗.๖๗).

ปฺาย อตฺถํ ชานาตีติ พหุสฺสุโต สุตมยาเณ ิโต ตํ ปฏิปตฺตึ ปฏิปชฺชนฺโต สุตานุสาเรน อตฺถูปปริกฺขาย ธมฺมนิชฺฌาเนน ภาวนาย จ โลกิยโลกุตฺตรเภทํ ทิฏฺธมฺมาทิวิภาคํ ทุกฺขาทิวิภาคฺจ อตฺถํ ยถาภูตํ ปชานาติ จ ปฏิวิชฺฌติ จ, เตนาห ภควา –

‘‘สุตสฺส ยถาปริยตฺตสฺส อตฺถมฺาย ธมฺมมฺาย ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปนฺโน โหตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๖).

‘‘ธตานํ ธมฺมานํ อตฺถํ อุปปริกฺขติ, อตฺถํ อุปปริกฺขโต ธมฺมา นิชฺฌานํ ขมนฺติ, ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติยา สติ ฉนฺโท ชายติ, ฉนฺทชาโต อุสฺสหติ, อุสฺสหิตฺวา ตุเลติ, ตุลยิตฺวา ปทหติ, ปหิตตฺโต สมาโน กาเยน เจว ปรมสจฺจํ สจฺฉิกโรติ, ปฺาย จ นํ อติวิชฺฌ ปสฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๒.๔๓๒) จ.

าโต อตฺโถ สุขาวโหติ ยถาวุตฺโต ทิฏฺธมฺมิกาทิอตฺโถ เจว ทุกฺขาทิอตฺโถ จ ยาถาวโต าโต อธิคโต โลกิยโลกุตฺตรเภทํ สุขํ อาวหติ นิปฺผาเทตีติ อตฺโถ.

ิตาย ภาวนาปฺาย สุตมตฺเตเนว น สิชฺฌตีติ ตสฺสา ปฏิปชฺชนวิธึ ทสฺเสนฺโต ‘‘เสเวถ…เป…วิปฺปโมกฺข’’นฺติ อาห. ตตฺถ เสเวถ ปนฺตานิ เสนาสนานีติ กายวิเวกมาห. เตน สํโยชนปฺปหานสฺส จ วกฺขมานตฺตา วิเวการหสฺเสว วิเวกวาโสติ สีลสํวราทโย อิธ อวุตฺตสิทฺธา เวทิตพฺพา. จเรยฺย สํโยชนวิปฺปโมกฺขนฺติ ยถา สํโยชเนหิ จิตฺตํ วิปฺปมุจฺจติ, ตถา วิปสฺสนาภาวนํ มคฺคภาวนฺจ จเรยฺย ปฏิปชฺเชยฺยาติ อตฺโถ. สเจ รตึ นาธิคจฺเฉยฺย ตตฺถาติ เตสุ ปนฺตเสนาสเนสุ ยถาลทฺเธสุ อธิกุสลธมฺเมสุ จ รตึ ปุพฺเพนาปรํ วิเสสสฺส อลาภโต อภิรตึ น ลเภยฺย, สงฺเฆ ภิกฺขุสมูเห รกฺขิตตฺโต กมฺมฏฺานปริคณฺหนโต รกฺขิตจิตฺโต ฉสุ ทฺวาเรสุ สติอารกฺขาย อุปฏฺปเนน สติมา วเสยฺย วิหเรยฺย, เอวํ วิหรนฺตสฺส จ อปิ นาม สํโยชนวิปฺปโมกฺโข ภเวยฺยาติ อธิปฺปาโย.

มหาจุนฺทตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. โชติทาสตฺเถรคาถาวณฺณนา

เย โข เตติ อายสฺมโต โชติทาสตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต สิขิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ปิณฺฑาย คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต กาสุมาริกผลํ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ปาทิยตฺถชนปเท วิภวสมฺปนฺนสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, โชติทาโสติสฺส นามํ อโหสิ. โส วิฺุตํ ปตฺวา ฆรมาวสนฺโต เอกทิวสํ มหากสฺสปตฺเถรํ อตฺตโน คาเม ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต โภเชตฺวา เถรสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา อตฺตโน คามสมีเป ปพฺพเต มหนฺตํ วิหารํ กาเรตฺวา เถรํ ตตฺถ วาเสตฺวา จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหนฺโต เถรสฺส ธมฺมเทสนาย ปฏิลทฺธสํเวโค ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๑.๕๑-๕๖) –

‘‘กณิการํว โชตนฺตํ, นิสินฺนํ ปพฺพตนฺตเร;

อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, โลกเชฏฺํ นราสภํ.

‘‘ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, สิเร กตฺวาน อฺชลึ;

กาสุมาริกมาทาย, พุทฺธเสฏฺสฺสทาสหํ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา ตีณิ ปิฏกานิ อุคฺคเหตฺวา วิเสสโต วินยปิฏเก สุกุสลภาวํ ปตฺวา ทสวสฺสิโก ปริสุปฏฺาโก จ หุตฺวา พหูหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ ภควนฺตํ วนฺทิตุํ สาวตฺถึ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค อทฺธานปริสฺสมวิโนทนตฺถํ ติตฺถิยานํ อารามํ ปวิสิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน เอกํ ปฺจตปํ ตปนฺตํ พฺราหฺมณํ ทิสฺวา, ‘‘กึ, พฺราหฺมณ, อฺสฺมึ ตปนีเย อฺํ ตปตี’’ติ อาห. ตํ สุตฺวา พฺราหฺมโณ กุปิโต, ‘‘โภ, มุณฺฑก, กึ อฺํ ตปนีย’’นฺติ อาห. เถโร ตสฺส –

‘‘โกโป จ อิสฺสา ปรเหนา จ, มาโน จ สารมฺภมโท ปมาโท;

ตณฺหา อวิชฺชา ภวสงฺคตี จ, เต ตปฺปนียา น หิ รูปขนฺโธ’’ติ. –

คาถาย ธมฺมํ เทเสสิ. ตํ สุตฺวา โส พฺราหฺมโณ ตสฺมึ ติตฺถิยาราเม สพฺเพ อฺติตฺถิยา จ เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชึสุ. เถโร เตหิ สทฺธึ สาวตฺถึ คนฺตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา กติปาหํ ตตฺถ วสิตฺวา อตฺตโน ชาติภูมึเยว คโต ทสฺสนตฺถํ อุปคเตสุ าตเกสุ นานาลทฺธิเก ยฺสุทฺธิเก โอวทนฺโต –

๑๔๓.

‘‘เย โข เต เวมิสฺเสน, นานตฺเตน จ กมฺมุนา;

มนุสฺเส อุปรุนฺธนฺติ, ผรุสูปกฺกมา ชนา;

เตปิ ตตฺเถว กีรนฺติ, น หิ กมฺมํ ปนสฺสติ.

๑๔๔.

‘‘ยํ กโรติ นโร กมฺมํ, กลฺยาณํ ยทิ ปาปกํ;

ตสฺส ตสฺเสว ทายาโท, ยํ ยํ กมฺมํ ปกุพฺพตี’’ติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตตฺถ เยติ อนิยมุทฺเทโส. เตติ อนิยมโต เอว ปฏินิทฺเทโส. ปททฺวยสฺสาปิ ‘‘ชนา’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. โขติ นิปาตมตฺตํ. เวมิสฺเสนาติ วรตฺตขณฺฑาทินา สีสาทีสุ เวทาเนน. ‘‘เวธมิสฺเสนา’’ติปิ ปาฬิ, โส เอวตฺโถ. นานตฺเตน จ กมฺมุนาติ หนนฆาตนหตฺถปาทาทิจฺเฉทเนน ขุทฺทกเสฬทานาทินา จ นานาวิเธน ปรูปฆาตกมฺเมน. มนุสฺเสติ นิทสฺสนมตฺตํ, ตสฺมา เย เกจิ สตฺเตติ อธิปฺปาโย. อุปรุนฺธนฺตีติ วิพาเธนฺติ. ผรุสูปกฺกมาติ ทารุณปโยคา, กุรูรกมฺมนฺตาติ อตฺโถ. ชนาติ สตฺตา. เตปิ ตตฺเถว กีรนฺตีติ เต วุตฺตปฺปการา ปุคฺคลา ยาหิ กมฺมการณาหิ อฺเ พาธึสุ. ตตฺเถว ตาสุเยว การณาสุ สยมฺปิ กีรนฺติ ปกฺขิปียนฺติ, ตถารูปํเยว ทุกฺขํ อนุภวนฺตีติ อตฺโถ. ‘‘ตเถว กีรนฺตี’’ติ จ ปาโ, ยถา สยํ อฺเสํ ทุกฺขํ อกํสุ, ตเถว อฺเหิ กรียนฺติ, ทุกฺขํ ปาปียนฺตีติ อตฺโถ, กสฺมา? น หิ กมฺมํ ปนสฺสติ กมฺมฺหิ เอกนฺตํ อุปจิตํ วิปากํ อทตฺวา น วิคจฺฉติ, อวเสสปจฺจยสมวาเย วิปจฺจเตวาติ อธิปฺปาโย.

อิทานิ ‘‘น หิ กมฺมํ ปนสฺสตี’’ติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิภชิตฺวา สตฺตานํ กมฺมสฺสกตํ วิภาเวตุํ ‘‘ยํ กโรตี’’ติ คาถํ อภาสิ. ตสฺสตฺโถ ยํ กมฺมํ กลฺยาณํ กุสลํ, ยทิ วา ปาปกํ อกุสลํ สตฺโต กโรติ, กโรนฺโต จ ตตฺถ ยํ กมฺมํ ยถา ผลทานสมตฺถํ โหติ, ตถา ปกุพฺพติ อุปจิโนติ. ตสฺส ตสฺเสว ทายาโทติ ตสฺส ตสฺเสว กมฺมผลสฺส คณฺหนโต เตน เตน กมฺเมน ทาตพฺพวิปากสฺส ภาคี โหตีติ อตฺโถ. เตนาห ภควา – ‘‘กมฺมสฺสกา, มาณว, สตฺตา กมฺมทายาทา’’ติอาทิ (ม. นิ. ๓.๒๘๙). อิมา คาถา สุตฺวา เถรสฺส าตกา กมฺมสฺสกตายํ ปติฏฺหึสูติ.

โชติทาสตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. เหรฺกานิตฺเถรคาถาวณฺณนา

อจฺจยนฺติอโหรตฺตาติ อายสฺมโต เหรฺกานิตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต ปเรสํ ภตโก หุตฺวา ชีวนฺโต เอกทิวสํ สุชาตสฺส นาม สตฺถุสาวกสฺส ปํสุกูลํ ปริเยสนฺตสฺส อุปฑฺฒทุสฺสํ ปริจฺจชิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน ตาวตึเสสุ นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โกสลรฺโ คามโภชกสฺส โจรโวสาสกสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, เหรฺกานีติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต ปิตุ อจฺจเยน รฺา ตสฺมึเยว คามโภชกฏฺาเน ปิโต เชตวนปฏิคฺคหเณ พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ อตฺตโน กนิฏฺสฺส ตํ านนฺตรํ ทาเปตฺวา ราชานํ อาปุจฺฉิตฺวา ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๐.๓๑-๔๐) –

‘‘ปทุมุตฺตรภควโต, สุชาโต นาม สาวโก;

ปํสุกูลํ คเวสนฺโต, สงฺกาเร จรเต ตทา.

‘‘นคเร หํสวติยา, ปเรสํ ภตโก อหํ;

อุปฑฺฒทุสฺสํ ทตฺวาน, สิรสา อภิวาทยึ.

‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.

‘‘เตตฺตึสกฺขตฺตุํ เทวินฺโท, เทวรชฺชมการยึ;

สตฺตสตฺตติกฺขตฺตุฺจ, จกฺกวตฺตี อโหสหํ.

‘‘ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ;

อุปฑฺฒทุสฺสทาเนน, โมทามิ อกุโตภโย.

‘‘อิจฺฉมาโน จหํ อชฺช, สกานนํ สปพฺพตํ;

โขมทุสฺเสหิ ฉาเทยฺยํ, อฑฺฒทุสฺสสฺสิทํ ผลํ.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, ยํ ทานมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, อฑฺฒทุสฺสสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน กนิฏฺภาตรํ ตโต กมฺมโต นิวตฺเตตุกาโม ตสฺมึเยว กมฺเม อภิรตํ ทิสฺวา ตํ โจเทนฺโต –

๑๔๕.

‘‘อจฺจยนฺติ อโหรตฺตา, ชีวิตํ อุปรุชฺฌติ;

อายุ ขียติ มจฺจานํ, กุนฺนทีนํว โอทกํ.

๑๔๖.

‘‘อถ ปาปานิ กมฺมานิ, กรํ พาโล น พุชฺฌติ;

ปจฺฉาสฺส กฏุกํ โหติ, วิปาโก หิสฺส ปาปโก’’ติ. –

คาถาทฺวยํ อภาสิ.

ตตฺถ อจฺจยนฺตีติ อติกฺกมนฺติ, ลหุํ ลหุํ อปคจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. อโหรตฺตาติ รตฺตินฺทิวา. ชีวิตํ อุปรุชฺฌตีติ ชีวิตินฺทฺริยฺจ ขณิกนิโรธวเสน นิรุชฺฌติ. วุตฺตฺหิ ‘‘ขเณ ขเณ, ตฺวํ ภิกฺขุ, ชายสิ จ ชิยฺยสิ จ มิยฺยสิ จ จวสิ จ อุปปชฺชสิ จา’’ติ. อายุ ขียติ มจฺจานนฺติ มริตพฺพสภาวตฺตา มจฺจาติ ลทฺธนามานํ อิเมสํ สตฺตานํ อายุ ‘‘โย จิรํ ชีวติ, โส วสฺสสตํ อปฺปํ วา ภิยฺโย’’ติ (ที. นิ. ๒.๙๑; สํ. นิ. ๒.๑๔๓; อ. นิ. ๗.๗๔) เอวํ ปริจฺฉินฺนกาลปรมายุ ขียติ ขยฺจ สมฺเภทฺจ คจฺฉติ, ยถา กึ? กุนฺนทีนํว โอทกํ ยถา นาม กุนฺนทีนํ ปพฺพเตยฺยานํ ขุทฺทกนทีนํ อุทกํ จิรํ น ติฏฺติ, ลหุตรํ ขียติ, อาคตมตฺตํเยว วิคจฺฉติ, เอวํ สตฺตานํ อายุ ลหุตรํ ขียติ ขยํ คจฺฉติ. เอตฺถ จ อุทกเมว ‘‘โอทก’’นฺติ วุตฺตํ, ยถา มโนเยว มานสนฺติ.

อถปาปานิ กมฺมานิ, กรํ พาโล น พุชฺฌตีติ เอวํ สํสาเร อนิจฺเจปิ สมาเน พาโล โลภวเสน วา โกธวเสน วา ปาปานิ กมฺมานิ กโรติ, กโรนฺโตปิ น พุชฺฌติ, ปาปํ กโรนฺโต จ ‘‘ปาปํ กโรมี’’ติ อพุชฺฌนโก นาม นตฺถิ, ‘‘อิมสฺส กมฺมสฺส เอวรูโป ทุกฺโข วิปาโก’’ติ ปน อชานนโต ‘‘น พุชฺฌตี’’ติ วุตฺตํ. ปจฺฉาสฺส กฏุกํ โหตีติ ยทิปิ ปาปสฺส กมฺมสฺส อายูหนกฺขเณ ‘‘อิมสฺส กมฺมสฺส เอวรูโป วิปาโก’’ติ น พุชฺฌติ, ตโต ปจฺฉา ปน นิรยาทีสุ นิพฺพตฺตสฺส อสฺส พาลสฺส กฏุกํ อนิฏฺํ ทุกฺขเมว โหติ. วิปาโก หิสฺส ปาปโก ยสฺมา อสฺส ปาปกมฺมสฺส นาม วิปาโก ปาปโก นิหีโน อนิฏฺโ เอวาติ. อิมํ ปน โอวาทํ สุตฺวา เถรสฺส กนิฏฺภาตา ราชานํ อาปุจฺฉิตฺวา ปพฺพชิตฺวา นจิรสฺเสว สทตฺถํ นิปฺผาเทสิ.

เหรฺกานิตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. โสมมิตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา

ปริตฺตํทารุนฺติ อายสฺมโต โสมมิตฺตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต สิขิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต พุทฺธคุเณ สุตฺวา ปสนฺนมานโส เอกทิวสํ กึสุกรุกฺขํ ปุปฺผิตํ ทิสฺวา ปุปฺผานิ คเหตฺวา สตฺถารํ อุทฺทิสฺส อากาเส ขิปิตฺวา ปูเชสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท พาราณสิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา โสมมิตฺโตติ ลทฺธนาโม ติณฺณํ เวทานํ ปารคู หุตฺวา วิมเลน นาม เถเรน กตปริจยตฺตา อภิณฺหํ ตสฺส สนฺติกํ คจฺฉนฺโต ธมฺมํ สุตฺวา สาสเน ลทฺธปฺปสาโท ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท วตฺตปฏิวตฺตํ ปูเรนฺโต วิจรติ. วิมลตฺเถโร ปน กุสีโต มิทฺธพหุโล รตฺตินฺทิวํ วีตินาเมติ. โสมมิตฺโต ‘‘กุสีตํ นาม นิสฺสาย โก คุโณ’’ติ ตํ ปหาย มหากสฺสปตฺเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ตสฺส โอวาเท ตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺเต ปติฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๐.๒๕-๓๐) –

‘‘กึสุกํ ปุปฺผิตํ ทิสฺวา, ปคฺคเหตฺวาน อฺชลึ;

พุทฺธเสฏฺํ สริตฺวาน, อากาเส อภิปูชยึ.

‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ, ภวา สพฺเพ สมูหตา;

นาโคว พนฺธนํ เฉตฺวา, วิหรามิ อนาสโว.

‘‘สฺวาคตํ วต เม อาสิ, มม พุทฺธสฺส สนฺติเก;

ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา วิมลตฺเถรํ โอวาเทน ตชฺเชนฺโต –

๑๔๗.

‘‘ปริตฺตํ ทารุมารุยฺห, ยถา สีเท มหณฺณเว;

เอวํ กุสีตมาคมฺม, สาธุชีวีปิ สีทติ;

ตสฺมา ตํ ปริวชฺเชยฺย, กุสีตํ หีนวีริยํ.

๑๔๘.

‘‘ปวิวิตฺเตหิ อริเยหิ, ปหิตตฺเตหิ ฌายิภิ;

นิจฺจํ อารทฺธวีริเยหิ, ปณฺฑิเตหิ สหาวเส’’ติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตตฺถ ปริตฺตํ ทารุมารุยฺห, ยถา สีเท มหณฺณเวติ เปสโลปิ กุลปุตฺโต กุสีตํ อลสปุคฺคลํ นิสฺสาย สีทติ สํสาเร ปตติ, น ตสฺส ปารํ นิพฺพานํ คจฺฉติ. ยสฺมา เอตเทวํ, ตสฺมา ตํ อธิกุสลธมฺมวเสน สีสํ อนุกฺขิปิตฺวา กุจฺฉิตํ สีทนโต กุสีตํ วีริยารมฺภาภาวโต หีนวีริยํ ปุคฺคลํ สพฺพถา วชฺเชยฺย, น ตสฺส ทิฏฺานุคตึ อาปชฺเชยฺยาติ อตฺโถ.

เอวํ ปุคฺคลาธิฏฺานาย คาถาย โกสชฺเช อาทีนวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วีริยารมฺเภ อานิสํเส ทสฺเสตุํ ‘‘ปวิวิตฺเตหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตสฺสตฺโถ – เย ปน กายวิเวกสมฺภเวน ปวิวิตฺตา, ตโต เอว กิเลเสหิ อารกตฺตา อริยา, นิพฺพานํ ปติเปสิตตฺตตาย ปหิตตฺตา อารมฺมณูปนิชฺฌานวเสน ลกฺขณูปนิชฺฌานวเสน จ ฌายิโน, สพฺพกาลํ ปคฺคหิตวีริยตาย อารทฺธวีริยา, โลกิยโลกุตฺตรเภทาย ปฺาย สมนฺนาคตตฺตา ปณฺฑิตา, เตหิเยว สห อาวเสยฺย สทตฺถํ นิปฺผาเทตุกาโม สํวเสยฺยาติ. ตํ สุตฺวา วิมลตฺเถโร สํวิคฺคมานโส วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา สทตฺถํ อาราเธสิ. สฺวายมตฺโถ ปรโต อาคมิสฺสติ.

โสมมิตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. สพฺพมิตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา

ชโน ชนมฺหิ สมฺพทฺโธติ อายสฺมโต สพฺพมิตฺตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต อิโต ทฺวานวุเต กปฺเป ติสฺสสฺส ภควโต กาเล เนสาทกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วนจาริโก หุตฺวา วเน มิเค วธิตฺวา มํสํ ขาทนฺโต ชีวติ. อถสฺส ภควา อนุคฺคณฺหนตฺถํ วสนฏฺานสมีเป ตีณิ ปทเจติยานิ ทสฺเสตฺวา ปกฺกามิ. โส อตีตกาเล สมฺมาสมฺพุทฺเธสุ กตปริจยตฺตา จกฺกงฺกิตานิ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส โกรณฺฑปุปฺเผหิ ปูชํ กตฺวา เตน ปุฺกมฺเมน ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถินคเร พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ, สพฺพมิตฺโตติสฺส นามํ อโหสิ. โส วิฺุตํ ปตฺโต เชตวนปฏิคฺคหเณ พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺเ วิหรนฺโต วสฺสํ อุปคนฺตฺวา วุฏฺวสฺโส ภควนฺตํ วนฺทิตุํ สาวตฺถึ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค มาควิเกหิ โอฑฺฑิเต ปาเส มิคโปตกํ พทฺธํ อทฺทส. มาตา ปนสฺส มิคี ปาสํ อปฺปวิฏฺาปิ ปุตฺตสิเนเหน ทูรํ น คจฺฉติ, มรณภเยน ปาสสมีปมฺปิ น อุปคจฺฉติ มิคโปตโก จ ภีโต อิโต จิโต จ ปริวตฺเตนฺโต กรุณํ วิลปติ, ตํ ทิสฺวา เถโร , ‘‘อโห สตฺตานํ สฺเนหเหตุกํ ทุกฺข’’นฺติ คจฺฉนฺโต ตโต ปรํ สมฺพหุเล โจเร เอกํ ปุริสํ ชีวคาหํ คเหตฺวา ปลาลเวณิยา สรีรํ เวเตฺวา ฌาเปนฺเต, ตฺจ มหาวิรวํ วิรวนฺตํ ทิสฺวา ตทุภยํ นิสฺสาย สฺชาตสํเวโค เตสํ โจรานํ สุณนฺตานํเยว –

๑๔๙.

‘‘ชโน ชนมฺหิ สมฺพทฺโธ, ชนเมวสฺสิโต ชโน;

ชโน ชเนน เหียติ, เหเติ จ ชโน ชนํ.

๑๕๐.

‘‘โก หิ ตสฺส ชเนนตฺโถ, ชเนน ชนิเตน วา;

ชนํ โอหาย คจฺฉํ ตํ, เหยิตฺวา พหุํ ชน’’นฺติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตตฺถ ชโนติ อนฺธพาลชโน. ชนมฺหีติ อฺเ ชเน. สมฺพทฺโธติ ตณฺหาพนฺธเนน พทฺโธ. ‘‘อยํ เม ปุตฺโต, มาตา’’ติอาทินา ปฏิพทฺโธ. อยเมว วา ปาโ, ‘‘อิเม มํ โปเสนฺติ, อหํ อิเม นิสฺสาย ชีวามี’’ติ ปฏิพทฺธจิตฺโตติ อตฺโถ. ชนเมวสฺสิโต ชโนติ ‘‘อยํ เม ปุตฺโต, ธีตา’’ติอาทินา อฺเมว ชนํ อฺโ ชโน อสฺสิโต ตณฺหาย อลฺลีโน ปริคฺคยฺห ิโต. ชโน ชเนน เหียติ, เหเติ จ ชโน ชนนฺติ กมฺมสฺสกตาย ยถาภูตาวโพธสฺส จ อภาวโต อชฺฌุเปกฺขนํ อกตฺวา โลภวเสน ยถา ชโน ชนํ อสฺสิโต, เอวํ โทสวเสน ชโน ชเนน เหียติ วิพาธียติ. ‘‘ตยิทํ มยฺหํว อุปริ เหนผลวเสน ปริปติสฺสตี’’ติ อชานนฺโต เหเติ จ ชโน ชนํ.

โก หิ ตสฺส ชเนนตฺโถติ ตสฺส อฺชนสฺส อฺเน ชเนน ตณฺหาวเสน อสฺสิเตน โทสวเสน เหิเตน วา โก อตฺโถ. ชเนน ชนิเตน วาติ มาตาปิตา หุตฺวา เตน อฺเน ชเนน ชนิเตน วา โก อตฺโถ. ชนํ โอหาย คจฺฉํ ตํ, เหยิตฺวา พหุํ ชนนฺติ ยสฺมา สํสาเร จรโต ชนสฺส อยเมวานุรูปา ปฏิปตฺติ, ตสฺมา ตํ ชนํ, ตสฺส จ พาธิกา ยา สา ตณฺหา จ, โย จ โส โทโส เอว พหุํ ชนํ พาธยิตฺวา ิโต, ตฺจ โอหาย สพฺพโส ปหาย ปริจฺจชิตฺวา คจฺฉํ, เตหิ อนุปทฺทุตํ านํ คจฺเฉยฺยํ ปาปุเณยฺยนฺติ อตฺโถ. เอวํ ปน วตฺวา เถโร ตาวเทว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตมปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๐.๑๕-๒๔) –

‘‘วนกมฺมิโก ปุเร อาสึ, ปิตุมาตุมเตนหํ;

ปสุมาเรน ชีวามิ, กุสลํ เม น วิชฺชติ.

‘‘มม อาสยสามนฺตา, ติสฺโส โลกคฺคนายโก;

ปทานิ ตีณิ ทสฺเสสิ, อนุกมฺปาย จกฺขุมา.

‘‘อกฺกนฺเต จ ปเท ทิสฺวา, ติสฺสนามสฺส สตฺถุโน;

หฏฺโ หฏฺเน จิตฺเตน, ปเท จิตฺตํ ปสาทยึ.

‘‘โกรณฺฑํ ปุปฺผิตํ ทิสฺวา, ปาทปํ ธรณีรุหํ;

สโกสกํ คเหตฺวาน, ปทเสฏฺมปูชยึ.

‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.

‘‘ยํ ยํ โยนุปปชฺชามิ, เทวตฺตํ อถ มานุสํ;

โกรณฺฑกฉวิ โหมิ, สุปฺปภาโส ภวามหํ.

‘‘ทฺเวนวุเต อิโต กปฺเป, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ปทปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

เต ปน โจรา เถรสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา สํเวคชาตา ปพฺพชิตฺวา ธมฺมานุธมฺมํ ปฏิปชฺชึสูติ.

สพฺพมิตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. มหากาฬตฺเถรคาถาวณฺณนา

กาฬีอิตฺถีติ อายสฺมโต มหากาฬตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เกนจิเทว กรณีเยน อรฺํ คโต ตตฺถ อฺตรสฺส รุกฺขสฺส สาขาย โอลมฺพมานํ ปํสุกูลจีวรํ ทิสฺวา ‘‘อริยทฺธโช โอลมฺพตี’’ติ ปสนฺนจิตฺโต กิงฺกณิปุปฺผานิ คเหตฺวา ปํสุกูลํ ปูเชสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท เสตพฺยนคเร สตฺถวาหกุเล นิพฺพตฺติตฺวา มหากาโฬติ ลทฺธนาโม วิฺุตํ ปตฺวา ฆราวาสํ วสนฺโต ปฺจหิ สกฏสเตหิ ภณฺฑํ คเหตฺวา วาณิชฺชวเสน สาวตฺถึ คโต เอกมนฺตํ สกฏสตฺถํ นิเวเสตฺวา อทฺธานปริสฺสมํ วิโนเทตฺวา อตฺตโน ปริสาย สทฺธึ นิสินฺโน สายนฺหสมยํ คนฺธมาลาทิหตฺเถ อุปาสเก เชตวนํ คจฺฉนฺเต ทิสฺวา สยมฺปิ เตหิ สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา โสสานิกงฺคํ อธิฏฺาย สุสาเน วสติ. อเถกทิวสํ กาฬี นาม เอกา อิตฺถี ฉวฑาหิกา เถรสฺส กมฺมฏฺานตฺถาย อจิรมตสรีรํ อุโภ สตฺถี ภินฺทิตฺวา อุโภ จ พาหู ภินฺทิตฺวา สีสฺจ ทธิถาลกํ วิย ภินฺทิตฺวา สพฺพํ องฺคปจฺจงฺคํ สมฺพนฺธเมว กตฺวา เถรสฺส โอโลเกตุํ โยคฺยฏฺาเน เปตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เถโร ตํ ทิสฺวา อตฺตานํ โอวทนฺโต –

๑๕๑.

‘‘กาฬี อิตฺถี พฺรหตี ธงฺกรูปา, สตฺถิฺจ เภตฺวา อปรฺจ สตฺถึ;

พาหฺจ เภตฺวา อปรฺจ พาหํ, สีสฺจ เภตฺวา ทธิถาลกํว;

เอสา นิสินฺนา อภิสนฺทหิตฺวา.

๑๕๒.

‘‘โย เว อวิทฺวา อุปธึ กโรติ, ปุนปฺปุนํ ทุกฺขมุเปติ มนฺโท;

ตสฺมา ปชานํ อุปธึ น กยิรา, มาหํ ปุน ภินฺนสิโร สยิสฺส’’นฺติ. –

คาถาทฺวยํ อภาสิ.

ตตฺถ กาฬีติ ตสฺสา นามํ, กาฬวณฺณตฺตา วา เอวํ วุตฺตํ. พฺรหตีติ มหาสรีรา อาโรหปริณาหวตี. ธงฺกรูปาติ กาฬวณฺณตฺตา เอว กากสทิสรูปา. สตฺถิฺจ เภตฺวาติ มตสรีรสฺส สตฺถึ ชณฺณุเภทเนน ภฺชิตฺวา. อปรฺจ สตฺถินฺติ อิตรฺจ สตฺถึ ภฺชิตฺวา. พาหฺจ เภตฺวาติ พาหฏฺิฺจ อคฺคพาหฏฺาเนเยว ภฺชิตฺวา. สีสฺจ เภตฺวา ทธิถาลกํวาติ มตสรีรสฺส สีสํ ภินฺทิตฺวา ภินฺนตฺตา เอว เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ ปคฺฆรนฺตํ ทธิถาลกํ วิย, ปคฺฆรนฺตํ มตฺถลุงฺคํ กตฺวาติ อตฺโถ. เอสา นิสินฺนา อภิสนฺทหิตฺวาติ ฉินฺนภินฺนาวยวํ มตสรีรํ เต อวยเว ยถาาเนเยว ปเนน สนฺทหิตฺวา สหิตํ กตฺวา มํสาปณํ ปสาเรนฺตี วิย เอสา นิสินฺนา.

โย เว อวิทฺวา อุปธึ กโรตีติ โย อิมาย อุปฏฺาปิตํ กมฺมฏฺานํ ทิสฺวาปิ อวิทฺวา อกุสโล กมฺมฏฺานํ ฉฑฺเฑตฺวา อโยนิโสมนสิกาเรน กิเลสูปธึ อุปฺปาเทติ, โส มนฺโท มนฺทปฺโ สํสารสฺส อนติวตฺตนโต ปุนปฺปุนํ อปราปรํ นิรยาทีสุ ทุกฺขํ อุเปติ. ตสฺมา ปชานํ อุปธึ น กยิราติ ตสฺมาติ ยสฺมา เจตเทวํ, ตสฺมา. ปชานํ อุปธินฺติ ‘‘อิธ ยํ ทุกฺขํ สมฺโภตี’’ติ ปชานนฺโต โยนิโส มนสิกโรนฺโต กิเลสูปธึ น กยิรา น อุปฺปาเทยฺย. กสฺมา? มาหํ ปุน ภินฺนสิโร สยิสฺสนฺติ ยถยิทํ มตสรีรํ ภินฺนสรีรํ สยติ, เอวํ กิเลสูปธีหิ สํสาเร ปุนปฺปุนํ อุปฺปตฺติยา กฏสิวฑฺฒโก หุตฺวา ภินฺนสิโร อหํ มา สยิสฺสนฺติ. เอวํ วทนฺโต เอว เถโร วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๐.๘-๑๔) –

‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร , อุทงฺคโณ นาม ปพฺพโต;

ตตฺถทฺทสํ ปํสุกูลํ, ทุมคฺคมฺหิ วิลมฺพิตํ.

‘‘ตีณิ กิงฺกณิปุปฺผานิ, โอจินิตฺวานหํ ตทา;

หฏฺโ หฏฺเน จิตฺเตน, ปํสุกูลมปูชยึ.

‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ปูชิตฺวา อรหทฺธชํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

มหากาฬตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. ติสฺสตฺเถรคาถาวณฺณนา

พหูสปตฺเต ลภตีติ อายสฺมโต ติสฺสตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺํ อุปจินนฺโต ปิยทสฺสิสฺส ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต สิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คนฺตฺวา กาเมสุ อาทีนวํ ทิสฺวา ฆราวาสํ ปหาย ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อรฺายตเน สาลวเน อสฺสมํ กาเรตฺวา วสติ. ภควา ตสฺส อนุคฺคณฺหนตฺถํ อสฺสมสฺส อวิทูเร สาลวเน นิโรธํ สมาปชฺชิตฺวา นิสีทิ. โส อสฺสมโต นิกฺขมิตฺวา ผลาผลตฺถาย คจฺฉนฺโต ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส จตฺตาโร ทณฺเฑ เปตฺวา ภควโต อุปริ ปุปฺผิตาหิ สาลสาขาหิ สาขามณฺฑปํ กตฺวา สตฺตาหํ นวนเวหิ สาลปุปฺเผหิ ภควนฺตํ ปูเชนฺโต อฏฺาสิ พุทฺธารมฺมณํ ปีตึ อวิชหนฺโต. สตฺถา สตฺตาหสฺส อจฺจเยน นิโรธโต วุฏฺหิตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ จินฺเตสิ. ตาวเทว สตสหสฺสมตฺตา ขีณาสวา สตฺถารํ ปริวาเรสุํ. ภควา ตสฺส ภาวินึ สมฺปตฺตึ วิภาเวนฺโต อนุโมทนํ วตฺวา ปกฺกามิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ติสฺโสติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต ติณฺณํ เวทานํ ปารคู หุตฺวา ปฺจมตฺตานิ มาณวกสตานิ มนฺเต วาเจนฺโต ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต หุตฺวา สตฺถุ ราชคหคมเน พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๙.๑๙๐-๒๒๐) –

‘‘อชฺโฌคาเหตฺวา สาลวนํ, สุกโต อสฺสโม มม;

สาลปุปฺเผหิ สฺฉนฺโน, วสามิ วิปิเน ตทา.

‘‘ปิยทสฺสี จ ภควา, สยมฺภู อคฺคปุคฺคโล;

วิเวกกาโม สมฺพุทฺโธ, สาลวนมุปาคมิ.

‘‘อสฺสมา อภินิกฺขมฺม, ปวนํ อคมาสหํ;

มูลผลํ คเวสนฺโต, อาหิณฺฑามิ วเน ตทา.

‘‘ตตฺถทฺทสาสึ สมฺพุทฺธํ, ปิยทสฺสึ มหายสํ;

สุนิสินฺนํ สมาปนฺนํ, วิโรจนฺตํ มหาวเน.

‘‘จตุทณฺเฑ เปตฺวาน, พุทฺธสฺส อุปรี อหํ;

มณฺฑปํ สุกตํ กตฺวา, สาลปุปฺเผหิ ฉาทยึ.

‘‘สตฺตาหํ ธารยิตฺวาน, มณฺฑปํ สาลฉาทิตํ;

ตตฺถ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, พุทฺธเสฏฺมวนฺทหํ.

‘‘ภควา ตมฺหิ สมเย, วุฏฺหิตฺวา สมาธิโต;

ยุคมตฺตํ เปกฺขมาโน, นิสีทิ ปุริสุตฺตโม.

‘‘สาวโก วรุโณ นาม, ปิยทสฺสิสฺส สตฺถุโน;

วสีสตสหสฺเสหิ, อุปคจฺฉิ วินายกํ.

‘‘ปิยทสฺสี จ ภควา, โลกเชฏฺโ นราสโภ;

ภิกฺขุสงฺเฆ นิสีทิตฺวาน, สิตํ ปาตุกรี ชิโน.

‘‘อนุรุทฺโธ อุปฏฺาโก, ปิยทสฺสิสฺส สตฺถุโน;

เอกํสํ จีวรํ กตฺวา, อปุจฺฉิตฺถ มหามุนึ.

‘‘โก นุ โข ภควา เหตุ, สิตกมฺมสฺส สตฺถุโน;

การเณ วิชฺชมานมฺหิ, สตฺถา ปาตุกเร สิตํ.

‘‘สตฺตาหํ สาลจฺฉทนํ, โย เม ธาเรสิ มาณโว;

ตสฺส กมฺมํ สริตฺวาน, สิตํ ปาตุกรึ อหํ.

‘‘อโนกาสํ น ปสฺสามิ, ยตฺถ ปุฺํ วิปจฺจติ;

เทวโลเก มนุสฺเส วา, โอกาโสว น สมฺมติ.

‘‘เทวโลเก วสนฺตสฺส, ปุฺกมฺมสมงฺคิโน;

ยาวตา ปริสา ตสฺส, สาลจฺฉนฺนา ภวิสฺสติ.

‘‘ตตฺถ ทิพฺเพหิ นจฺเจหิ, คีเตหิ วาทิเตหิ จ;

รมิสฺสติ สทา สนฺโต, ปุฺกมฺมสมาหิโต.

‘‘ยาวตา ปริสา ตสฺส, คนฺธคนฺธี ภวิสฺสติ;

สาลสฺส ปุปฺผวสฺโส จ, ปวสฺสิสฺสติ ตาวเท.

‘‘ตโต จุโตยํ มนุโช, มานุสํ อาคมิสฺสติ;

อิธาปิ สาลจฺฉทนํ, สพฺพกาลํ ธริสฺสติ.

‘‘อิธ นจฺจฺจ คีตฺจ, สมฺมตาฬสมาหิตํ;

ปริวาเรสฺสนฺติ มํ นิจฺจํ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘อุคฺคจฺฉนฺเต จ สูริเย, สาลวสฺสํ ปวสฺสติ;

ปุฺกมฺเมน สํยุตฺตํ, วสฺสเต สพฺพกาลิกํ.

‘‘อฏฺารเส กปฺปสเต, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘ตสฺส ธมฺเมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;

สพฺพาสเว ปริฺาย, นิพฺพายิสฺสตินาสโว.

‘‘ธมฺมํ อภิสเมนฺตสฺส, สาลจฺฉนฺนํ ภวิสฺสติ;

จิตเก ฌายมานสฺส, ฉทนํ ตตฺถ เหสฺสติ.

‘‘วิปากํ กิตฺตยิตฺวาน, ปิยทสฺสี มหามุนิ;

ปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ, ตปฺเปนฺโต ธมฺมวุฏฺิยา.

‘‘ตึสกปฺปานิ เทเวสุ, เทวรชฺชมการยึ;

สฏฺิ จ สตฺตกฺขตฺตุฺจ, จกฺกวตฺตี อโหสหํ.

‘‘เทวโลกา อิธาคนฺตฺวา, ลภามิ วิปุลํ สุขํ;

อิธาปิ สาลจฺฉทนํ, มณฺฑปสฺส อิทํ ผลํ.

‘‘อยํ ปจฺฉิมโก มยฺหํ, จริโม วตฺตเต ภโว;

อิธาปิ สาลจฺฉทนํ, เหสฺสติ สพฺพกาลิกํ.

‘‘มหามุนึ โตสยิตฺวา, โคตมํ สกฺยปุงฺควํ;

ปตฺโตมฺหิ อจลํ านํ, หิตฺวา ชยปราชยํ.

‘‘อฏฺารเส กปฺปสเต, ยํ พุทฺธมภิปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

โส อรหตฺตํ ปน ปตฺวา วิเสสโต ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต อโหสิ. ตตฺถ เกจิ ปุถุชฺชนภิกฺขู เถรสฺส ลาภสกฺการํ ทิสฺวา พาลภาเวน อสหนาการํ ปเวเทสุํ. เถโร ตํ ตฺวา ลาภสกฺกาเร อาทีนวํ ตตฺถ อตฺตโน อลคฺคภาวฺจ ปกาเสนฺโต –

๑๕๓.

‘‘พหู สปตฺเต ลภติ, มุณฺโฑ สงฺฆาฏิปารุโต;

ลาภี อนฺนสฺส ปานสฺส, วตฺถสฺส สยนสฺส จ.

๑๕๔.

‘‘เอตมาทีนวํ ตฺวา, สกฺกาเรสุ มหพฺภยํ;

อปฺปลาโภ อนวสฺสุโต, สโต ภิกฺขุ ปริพฺพเช’’ติ. –

คาถาทฺวยํ อภาสิ.

ตสฺสตฺโถ – สิขมฺปิ อเสเสตฺวา มุณฺฑิตเกสตาย มุณฺโฑ, ฉินฺทิตฺวา สงฺฆาฏิตกาสาวธาริตาย สงฺฆาฏิปารุโต, เอวํ เววณฺณิยํ อชฺฌุปคโต ปรายตฺตวุตฺติโก ปพฺพชิโต สเจ อนฺนปานาทีนํ ลาภี โหติ, โสปิ พหู สปตฺเต ลภติ, ตสฺส อุสูยนฺตา พหู สมฺภวนฺติ. ตสฺมา เอตํ เอวรูปํ ลาภสกฺกาเรสุมหพฺภยํ วิปุลภยํ อาทีนวํ โทสํ วิทิตฺวา อปฺปิจฺฉตํ สนฺโตสฺจ หทเย เปตฺวา อนวชฺชุปฺปาทสฺสาปิ อุปฺปนฺนสฺส ลาภสฺส ปริวชฺชเนน อปฺปลาโภ, ตโต เอว ตตฺถ ตณฺหาวสฺสุตาภาเวน อนวสฺสุโต, สํสาเร ภยสฺส อิกฺขนโต ภินฺนกิเลสตาย วา ภิกฺขุ สนฺตุฏฺิฏฺานียสฺส สติสมฺปชฺสฺส วเสน สโต หุตฺวา ปริพฺพเช จเรยฺย วิหเรยฺยาติ. ตํ สุตฺวา เต ภิกฺขู ตาวเทว เถรํ ขมาเปสุํ.

ติสฺสตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. กิมิลตฺเถรคาถาวณฺณนา

ปาจีนวํสทายมฺหีติอาทิกา อายสฺมโต กิมิลตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? ตสฺส ปุพฺพโยโค สํเวคุปฺปตฺติ ปพฺพชฺชา จ เอกกนิปาเต ‘‘อภิสตฺโต’’ติ คาถาย สํวณฺณนายํ วุตฺตาเยว. ตาย จ คาถาย เถเรน อตฺตโน วิเสสาธิคมสฺส การณํ ทสฺสิตํ. อิธ ปน อธิคตวิเสสสฺส อตฺตโน อายสฺมตา จ อนุรุทฺเธน อายสฺมตา จ นนฺทิเยน สห สมคฺควาโส ทสฺสิโตติ เวทิตพฺพํ. สมคฺควาสํ ปน วสนฺตา เต ยถา จ วสึสุ, ตํ ทสฺเสนฺโต –

๑๕๕.

‘‘ปาจีนวํสทายมฺหิ, สกฺยปุตฺตา สหายกา;

ปหายานปฺปเก โภเค, อุฺเฉ ปตฺตาคเต รตา.

๑๕๖.

‘‘อารทฺธวีริยา ปหิตตฺตา, นิจฺจํ ทฬฺหปรกฺกมา;

รมนฺติ ธมฺมรติยา, หิตฺวาน โลกิยํ รติ’’นฺติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตตฺถ ปาจีนวํสทายมฺหีติ ปาจีนวํสนามเก รกฺขิตโคปิเต สหปริจฺเฉเท วเน. ตฺหิ วนํ คามสฺส ปาจีนทิสายํ ิตตฺตา วํสคุมฺพปริกฺขิตฺตตฺตา จ ‘‘ปาจีนวํสทาโย’’ติ วุตฺโต, วํสวนภาเวน วาติ. สกฺยปุตฺตาติ อนุรุทฺธตฺเถราทโย สกฺยราชกุมารา. สหายกาติ สํเวคุปฺปตฺติปพฺพชฺชาสมณธมฺมกรณสํวาเสหิ สห อยนโต ปวตฺตนโต สหายกา. ปหายานปฺปเก โภเคติ อุฬาเรน ปุฺานุภาเวน อธิคเต กุลปรมฺปราคเต จ มหนฺเต โภคกฺขนฺเธ ฉฑฺเฑตฺวา. ‘‘สหายานปฺปเก’’ติปิ ปาฬิ. อุฺเฉ ปตฺตาคเต รตาติ อุฺฉาจริยาย อาภตตฺตา อุฺเฉ ปตฺเต อาคตตฺตา ปตฺตาคเต ปตฺตปริยาปนฺเน รตา อภิรตา, สงฺฆภตฺตาทิอติเรกลาภํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ชงฺฆพลํ นิสฺสาย ภิกฺขาจริยาย ลทฺเธน มิสฺสกภตฺเตเนว สนฺตุฏฺาติ อตฺโถ.

อารทฺธวีริยาติ อุตฺตมตฺถสฺส อธิคมาย อาทิโตว ปเคว สมฺปาทิตวีริยา. ปหิตตฺตาติ นินฺนโปณปพฺภารภาเวน กาเลน กาลํ สมาปชฺชเนน จ นิพฺพานํ ปติเปสิตจิตฺตา. นิจฺจํ ทฬฺหปรกฺกมาติ วตฺตปฏิปตฺตีสุ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานุโยเคน สพฺพกาลํ อสิถิลปรกฺกมา. รมนฺติ ธมฺมรติยา, หิตฺวาน โลกิยํ รตินฺติ โลเก วิทิตตาย โลกปริยาปนฺนตาย จ โลกิยํ รูปารมฺมณาทิรตึ ปหาย มคฺคปฺาย ปชหิตฺวา โลกุตฺตรธมฺมรติยา อคฺคผลนิพฺพานาภิรติยา จ รมนฺติ อภิรมนฺตีติ.

กิมิลตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. นนฺทตฺเถรคาถาวณฺณนา

อโยนิโส มนสิการาติ อายสฺมโต นนฺทตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต ภควโต สนฺติเก ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา สยมฺปิ ตํ านนฺตรํ ปตฺเถนฺโต ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ปูชาสกฺการพหุลํ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา, ‘‘อหมฺปิ อนาคเต ตุมฺหาทิสสฺส พุทฺธสฺส เอวรูโป สาวโก ภเวยฺย’’นฺติ ปณิธานํ กตฺวา ตโต ปฏฺาย เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อตฺถทสฺสิสฺส ภควโต กาเล วินตาย นาม นทิยา มหนฺโต กจฺฉโป หุตฺวา นิพฺพตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ นทิยา ปารํ คนฺตุํ ตีเร ิตํ ทิสฺวา สยํ ภควนฺตํ ตาเรตุกาโม สตฺถุ ปาทมูเล นิปชฺชิ . สตฺถา ตสฺส อชฺฌาสยํ โอโลเกตฺวา ปิฏฺึ อภิรุหิ. โส หฏฺตุฏฺโ เวเคน โสตํ ฉินฺทนฺโต สีฆตรํ ปรตีรเมว ปาเปสิ. ภควา ตสฺส อนุโมทนํ วทนฺโต ภาวินึ สมฺปตฺตึ กเถตฺวา ปกฺกามิ.

โส เตน ปุฺกมฺเมน สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุสฺมึ สุทฺโธทนมหาราชสฺส ปุตฺโต หุตฺวา มหาปชาปติยา โคตมิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ. ตสฺส นามคฺคหณทิวเส าติสงฺฆํ นนฺเทนฺโต ชาโตติ นนฺโทตฺเวว นามํ อกํสุ. ตสฺส วยปฺปตฺตกาเล สตฺถา ปวตฺตวรธมฺมจกฺโก โลกานุคฺคหํ กโรนฺโต กปิลวตฺถุํ คนฺตฺวา าติสมาคเม โปกฺขรวสฺสํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา เวสฺสนฺตรชาตกํ (ชา. ๒.๒๒.๑๖๕๕ อาทโย) กเถตฺวา ทุติยทิวเส ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ ‘‘อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺยา’’ติ (ธ. ป. ๑๖๘) คาถาย ปิตรํ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปตฺวา นิเวสนํ คนฺตฺวา ‘‘ธมฺมํ จเร สุจริต’’นฺติ (ธ. ป. ๑๖๙) คาถาย มหาปชาปตึ โสตาปตฺติผเล ราชานํ สกทาคามิผเล ปติฏฺาเปตฺวา ตติเย ทิวเส นนฺทกุมารสฺส อภิเสกนิเวสนปฺปเวสนวิวาหมงฺคเลสุ วตฺตมาเนสุ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา นนฺทกุมารสฺส หตฺเถ ปตฺตํ ทตฺวา มงฺคลํ วตฺวา ตสฺส หตฺถโต ปตฺตํ อคเหตฺวาว วิหารํ คโต ตํ ปตฺตหตฺถํ วิหารํ อาคตํ อนิจฺฉมานํเยว ปพฺพาเชตฺวา ตถา ปพฺพชิตตฺตาเยว อนภิรติยา ปีฬิตํ ตฺวา อุปาเยน ตสฺส ตํ อนภิรตึ วิโนเทสิ. โส โยนิโส ปฏิสงฺขาย วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๙.๑๔๘-๑๖๓) –

‘‘อตฺถทสฺสี ตุ ภควา, สยมฺภู โลกนายโก;

วินตานทิยา ตีรํ, อุปาคจฺฉิ ตถาคโต.

‘‘อุทกา อภินิกฺขมฺม, กจฺฉโป วาริโคจโร;

พุทฺธํ ตาเรตุกาโมหํ, อุเปสึ โลกนายกํ.

‘‘อภิรูหตุ มํ พุทฺโธ, อตฺถทสฺสี มหามุนิ;

อหํ ตํ ตารยิสฺสามิ, ทุกฺขสฺสนฺตกโร ตุวํ.

‘‘มม สงฺกปฺปมฺาย, อตฺถทสฺสี มหายโส;

อภิรูหิตฺวา เม ปิฏฺึ, อฏฺาสิ โลกนายโก.

‘‘ยโต สรามิ อตฺตานํ, ยโต ปตฺโตสฺมิ วิฺุตํ;

สุขํ เม ตาทิสํ นตฺถิ, ผุฏฺเ ปาทตเล ยถา.

‘‘อุตฺตริตฺวาน สมฺพุทฺโธ, อตฺถทสฺสี มหายโส;

นทิตีรมฺหิ ตฺวาน, อิมา คาถา อภาสถ.

‘‘ยาวตา วตฺตเต จิตฺตํ, คงฺคาโสตํ ตรามหํ;

อยฺจ กจฺฉโป ราชา, ตาเรสิ มม ปฺวา.

‘‘อิมินา พุทฺธตรเณน, เมตฺตจิตฺตวตาย จ;

อฏฺารเส กปฺปสเต, เทวโลเก รมิสฺสติ.

‘‘เทวโลกา อิธาคนฺตฺวา, สุกฺกมูเลน โจทิโต;

เอกาสเน นิสีทิตฺวา, กงฺขาโสตํ ตริสฺสติ.

‘‘ยถาปิ ภทฺทเก เขตฺเต, พีชํ อปฺปมฺปิ โรปิตํ;

สมฺมาธารํ ปเวจฺฉนฺเต, ผลํ โตเสติ กสฺสกํ.

‘‘ตเถวิทํ พุทฺธเขตฺตํ, สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิตํ;

สมฺมาธารํ ปเวจฺฉนฺเต, ผลํ มํ โตสยิสฺสติ.

‘‘ปธานปหิตตฺโตมฺหิ, อุปสนฺโต นิรูปธิ;

สพฺพาสเว ปริฺาย, วิหรามิ อนาสโว.

‘‘อฏฺารเส กปฺปสเต, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ตรณาย อิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา วิมุตฺติสุขํ อนุภวนฺโต ‘‘อโห สตฺถุ อุปายโกสลฺลํ, เยนาหํ ภวปงฺกโต อุทฺธริตฺวา นิพฺพานถเล ปติฏฺาปิโต’’ติ อตฺตโน ปหีนสํกิเลสํ ปฏิลทฺธฺจ สุขํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา สฺชาตโสมนสฺโส อุทานวเสน –

๑๕๗.

‘‘อโยนิโส มนสิการา, มณฺฑนํ อนุยุฺชิสํ;

อุทฺธโต จปโล จาสึ, กามราเคน อฏฺฏิโต.

๑๕๘.

‘‘อุปายกุสเลนาหํ, พุทฺเธนาทิจฺจพนฺธุนา;

โยนิโส ปฏิปชฺชิตฺวา, ภเว จิตฺตํ อุทพฺพหิ’’นฺติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตตฺถ อโยนิโส มนสิการาติ อนุปายมนสิการโต อสุภํ กายํ สุภโต มนสิ กริตฺวา สุภโต มนสิการเหตุ, อสุภํ กายํ สุภสฺายาติ อตฺโถ. มณฺฑนนฺติ หตฺถูปคาทิอาภรเณหิ เจว มาลาคนฺธาทีหิ จ อตฺตภาวสฺส อลงฺกรณํ. อนุยุฺชิสนฺติ อนุยุฺชึ, สรีรสฺส วิภูสนปฺปสุโต อโหสินฺติ อตฺโถ. อุทฺธโตติ ชาติโคตฺตรูปโยพฺพนมทาทีหิ อุทฺธโต อวูปสนฺตจิตฺโต. จปโลติ วนมกฺกโฏ วิย อนวฏฺิตจิตฺตตาย โลโล, กายมณฺฑนวตฺถมณฺฑนาทิจาปลฺเย ยุตฺตตาย วา จปโล จ. อาสินฺติ อโหสึ. กามราเคนาติ วตฺถุกาเมสุ ฉนฺทราเคน อฏฺฏิโต ปีฬิโต วิพาธิโต อาสินฺติ โยชนา.

อุปายกุสเลนาติ วิเนยฺยานํ ทมนูปายจฺเฉเกน โกวิเทน พุทฺเธน ภควตา เหตุภูเตน. เหตุอตฺเถ หิ เอตํ กรณวจนํ. ปลุฏฺมกฺกฏีเทวจฺฉราทสฺสเนน หิ อุปกฺกิตวาทโจทนาย อตฺตโน กามราคาปนยนํ สนฺธาย วทติ. ภควา หิ อายสฺมนฺตํ นนฺทตฺเถรํ ปมํ ชนปทกลฺยาณึ อุปาทาย ‘‘ยถายํ มกฺกฏี, เอวํ กกุฏปาทินิโย อุปาทาย ชนปทกลฺยาณี’’ติ มหติยา อาณิยา ขุทฺทกํ อาณึ นีหรนฺโต ฉฑฺฑโก วิย, สิเนหปาเนน สรีรํ กิเลเทตฺวา วมนวิเรจเนหิ โทสํ นีหรนฺโต ภิสกฺโก วิย จ กกุฏปาทินิทสฺสเนน ชนปทกลฺยาณิยํ วิรตฺตจิตฺตํ กาเรตฺวา ปุน อุปกฺกิตวาเทน กกุฏปาทินีสุปิ จิตฺตํ วิราเชตฺวา สมฺมเทว สมถวิปสฺสนานุโยเคน อริยมคฺเค ปติฏฺาเปสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘โยนิโส ปฏิปชฺชิตฺวา, ภเว จิตฺตํ อุทพฺพหิ’’นฺติ. อุปาเยน าเยน สมฺมเทว สมถวิปสฺสนาย วิสุทฺธิปฏิปทํ ปฏิปชฺชิตฺวา ภเว สํสารปงฺเก นิมุคฺคฺจ เม จิตฺตํ อริยมคฺเคน หตฺเถน อุตฺตารึ, นิพฺพานถเล ปติฏฺาเปสินฺติ อตฺโถ.

อิมํ อุทานํ อุทาเนตฺวา เถโร ปุนทิวเส ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห – ‘‘ยํ เม, ภนฺเต, ภควา ปาฏิโภโค ปฺจนฺนํ อจฺฉราสตานํ ปฏิลาภาย กกุฏปาทานํ, มุฺจามหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ เอตสฺมา ปฏิสฺสวา’’ติ (อุทา. ๒๒). ภควาปิ, ‘‘ยเทว โข เต, นนฺท, อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุตฺตํ, อถาหํ มุตฺโต เอตสฺมา ปฏิสฺสวา’’ติ (อุทา. ๒๒) อาห. อถสฺส ภควา สวิเสสํ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตํ ตฺวา ตํ คุณํ วิภาเวนฺโต, ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารานํ ยทิทํ นนฺโท’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๙, ๒๓๐) อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารภาเวน อคฺคฏฺาเน เปสิ. เถโร หิ ‘‘ยเมวาหํ อินฺทฺริยานํ อสํวรํ นิสฺสาย อิมํ วิปฺปการํ ปตฺโต, ตเมวาหํ สุฏฺุ นิคฺคเหสฺสามี’’ติ อุสฺสาหชาโต พลวหิโรตฺตปฺโป ตตฺถ จ กตาธิการตฺตา อินฺทฺริยสํวเร อุกฺกํสปารมึ อคมาสีติ.

นนฺทตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. สิริมตฺเถรคาถาวณฺณนา

ปเร จ นํ ปสํสนฺตีติ อายสฺมโต สิริมตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต ปารมิโย ปูเรตฺวา ตุสิตภวเน ิตกาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฏุภานํ สกฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปฺจมานํ ปทโก เวยฺยากรโณ โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย เนกฺขมฺมชฺฌาสยตาย กาเม ปหาย ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา จตุราสีติสหสฺสปริมาเณน ตาปสคเณน ปริวุโต หิมวนฺตปฺปเทเส เทวตาภินิมฺมิเต อสฺสเม ฌานาภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา วสนฺโต ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิการตาย ลกฺขณมนฺเตสุ อาคตนิยาเมน จ พุทฺธคุเณ อนุสฺสริตฺวา อตีเต พุทฺเธ อุทฺทิสฺส อฺตรสฺมึ นทีนิวตฺตเน ปุลินเจติยํ กตฺวา ปูชาสกฺการาภิรโต อโหสิ. ตํ ทิสฺวา ตาปสา, ‘‘กํ อุทฺทิสฺส อยํ ปูชาสกฺกาโร กรียตี’’ติ ปุจฺฉึสุ. โส เตสํ ลกฺขณมนฺเต อาหริตฺวา ตตฺถ อาคตานิ มหาปุริสลกฺขณานิ วิภชิตฺวา ตทนุสาเรน อตฺตโน พเล ตฺวา พุทฺธคุเณ กิตฺเตสิ. ตํ สุตฺวา เตปิ ตาปสา ปสนฺนมานสา ตโต ปฏฺาย สมฺมาสมฺพุทฺธํ อุทฺทิสฺส ถูปปูชํ กโรนฺตา วิหรนฺติ.

เตน จ สมเยน ปทุมุตฺตรโพธิสตฺโต ตุสิตกายา จวิตฺวา มาตุกุจฺฉึ โอกฺกนฺโต โหติ. จริมภเว ทฺวตฺตึส ปุพฺพนิมิตฺตานิ ปาตุรเหสุํ , สพฺเพ จ อจฺฉริยพฺภูตธมฺมา. ตาปโส ตานิ อนฺเตวาสิกานํ ทสฺเสตฺวา ภิยฺโยโสมตฺตาย สมฺมาสมฺพุทฺเธสุ เตสํ ปสาทํ วฑฺเฒตฺวา กาลํ กตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เตหิ อตฺตโน สรีรสฺส ปูชาย กรียมานาย ทิสฺสมานรูโป อาคนฺตฺวา, ‘‘อหํ ตุมฺหากํ อาจริโย พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺโต, ตุมฺเห อปฺปมตฺตา ปุลินเจติยปูชมนุยุฺชถ, ภาวนาย จ ยุตฺตปฺปยุตฺตา โหถา’’ติ วตฺวา พฺรหฺมโลกเมว คโต.

เอวํ โส เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ คหปติกุเล นิพฺพตฺติ, ตสฺส ชาตทิวสโต ปฏฺาย ตสฺมึ กุเล สิริสมฺปตฺติยา วฑฺฒมานตฺตา สิริมาตฺเวว นามํ อกํสุ. ตสฺส ปทสา คมนกาเล กนิฏฺภาตา นิพฺพตฺติ, ตสฺส ‘‘อยํ สิรึ วฑฺเฒนฺโต ชาโต’’ติ สิริวฑฺโฒติ นามํ อกํสุ. เต อุโภปิ เชตวนปฺปฏิคฺคหเณ พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺธา ปพฺพชึสุ. เตสุ สิริวฑฺโฒ น ตาว อุตฺตริมนุสฺสธมฺมสฺส ลาภี อโหสิ, จตุนฺนํ ปจฺจยานํ ลาภี, คหฏฺปพฺพชิตานํ สกฺกโต ครุกโต, สิริมตฺเถโร ปน ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย ตาทิเสน กมฺมจฺฉิทฺเทน อปฺปลาภี อโหสิ พหุชนาสมฺภาวิโต, สมถวิปสฺสนาสุ กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๙.๑๑๑-๑๔๗) –

‘‘ปพฺพเต หิมวนฺตมฺหิ, เทวโล นาม ตาปโส;

ตตฺถ เม จงฺกโม อาสิ, อมนุสฺเสหิ มาปิโต.

‘‘ชฏาภาเรน ภริโต, กมณฺฑลุธโร สทา;

อุตฺตมตฺถํ คเวสนฺโต, วิปินา นิกฺขมึ ตทา.

‘‘จุลฺลาสีติสหสฺสานิ, สิสฺสา มยฺหํ อุปฏฺหุํ;

สกกมฺมาภิปสุตา, วสนฺติ วิปิเน ตทา.

‘‘อสฺสมา อภินิกฺขมฺม, อกํ ปุลินเจติยํ;

นานาปุปฺผํ สมาเนตฺวา, ตํ เจติยมปูชยึ.

‘‘ตตฺถ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, อสฺสมํ ปวิสามหํ;

สพฺเพ สิสฺสา สมาคนฺตฺวา, เอตมตฺถํ ปุจฺฉึสุ มํ.

‘‘ปุลิเนน กโต ถูโป, ยํ ตฺวํ เทว นมสฺสสิ;

มยมฺปิ าตุมิจฺฉาม, ปุฏฺโ อาจิกฺข โน ตุวํ.

‘‘นิทฺทิฏฺา นุ มนฺตปเท, จกฺขุมนฺโต มหายสา;

เต โข อหํ นมสฺสามิ, พุทฺธเสฏฺเ มหายเส.

‘‘กีทิสา เต มหาวีรา, สพฺพฺู โลกนายกา;

กถํวณฺณา กถํสีลา, กีทิสา เต มหายสา.

‘‘พาตฺตึสลกฺขณา พุทฺธา, จตฺตาลีสทิชาปิ จ;

เนตฺตา โคปขุมา เตสํ, ชิฺชุกา ผลสนฺนิภา.

‘‘คจฺฉมานา จ เต พุทฺธา, ยุคมตฺตฺจ เปกฺขเร;

น เตสํ ชาณุ นทติ, สนฺธิสทฺโท น สุยฺยติ.

‘‘คจฺฉมานา จ สุคตา, อุทฺธรนฺตาว คจฺฉเร;

ปมํ ทกฺขิณํ ปาทํ, พุทฺธานํ เอส ธมฺมตา.

‘‘อสมฺภีตา จ เต พุทฺธา, มิคราชาว เกสรี;

เนวุกฺกํเสนฺติ อตฺตานํ, โน จ วมฺเภนฺติ ปาณินํ.

‘‘มานาวมานโต มุตฺตา, สมา สพฺเพสุ ปาณิสุ;

อนตฺตุกฺกํสกา พุทฺธา, พุทฺธานํ เอส ธมฺมตา.

‘‘อุปฺปชฺชนฺตา จ สมฺพุทฺธา, อาโลกํ ทสฺสยนฺติ เต;

ฉปฺปการํ ปกมฺเปนฺติ, เกวลํ วสุธํ อิมํ.

‘‘ปสฺสนฺติ นิรยฺเจเต, นิพฺพาติ นิรโย ตทา;

ปวสฺสติ มหาเมโฆ, พุทฺธานํ เอส ธมฺมตา.

‘‘อีทิสา เต มหานาคา, อตุลา จ มหายสา;

วณฺณโต อนติกฺกนฺตา, อปฺปเมยฺยา ตถาคตา.

‘‘อนุโมทึสุ เม วากฺยํ, สพฺเพ สิสฺสา สคารวา;

ตถา จ ปฏิปชฺชึสุ, ยถาสตฺติ ยถาพลํ.

‘‘ปฏิปูเชนฺติ ปุลินํ, สกกมฺมาภิลาสิโน;

สทฺทหนฺตา มม วากฺยํ, พุทฺธสกฺกตมานสา.

‘‘ตทา จวิตฺวา ตุสิตา, เทวปุตฺโต มหายโส;

อุปฺปชฺชิ มาตุกุจฺฉิมฺหิ, ทสสหสฺสิ กมฺปถ.

‘‘อสฺสมสฺสาวิทูรมฺหิ, จงฺกมมฺหิ ิโต อหํ;

สพฺเพ สิสฺสา สมาคนฺตฺวา, อาคจฺฉุํ มม สนฺติเก.

‘‘อุสโภว มหี นทติ, มิคราชาว กูชติ;

สุสุมาโรว สฬติ, กึ วิปาโก ภวิสฺสติ.

‘‘ยํ ปกิตฺเตมิ สมฺพุทฺธํ, สิกตาถูปสนฺติเก;

โส ทานิ ภควา สตฺถา, มาตุกุจฺฉิมุปาคมิ.

‘‘เตสํ ธมฺมกถํ วตฺวา, กิตฺตยิตฺวา มหามุนึ;

อุยฺโยเชตฺวา สเก สิสฺเส, ปลฺลงฺกมาภุชึ อหํ.

‘‘พลฺจ วต เม ขีณํ, พฺยาธินา ปรเมน ตํ;

พุทฺธเสฏฺํ สริตฺวาน, ตตฺถ กาลงฺกโต อหํ.

‘‘สพฺเพ สิสฺสา สมาคนฺตฺวา, อกํสุ จิตกํ ตทา;

กเฬวรฺจ เม คยฺห, จิตกํ อภิโรปยุํ.

‘‘จิตกํ ปริวาเรตฺวา, สีเส กตฺวาน อฺชลึ;

โสกสลฺลปเรตา เต, วิกฺกนฺทึสุ สมาคตา.

‘‘เตสํ ลาลปฺปมานานํ, อคมํ จิตกํ ตทา;

อหํ อาจริโย ตุมฺหํ, มา โสจิตฺถ สุเมธสา.

‘‘สทตฺเถ วายเมยฺยาถ, รตฺตินฺทิวมตนฺทิตา;

มา โว ปมตฺตา อหุตฺถ, ขโณ โว ปฏิปาทิโต.

‘‘สเก สิสฺเสนุสาสิตฺวา, เทวโลกํ ปุนาคมึ;

อฏฺารส จ กปฺปานิ, เทวโลเก รมามหํ.

‘‘สตานํ ปฺจกฺขตฺตุฺจ, จกฺกวตฺตี อโหสหํ;

อเนกสตกฺขตฺตุฺจ, เทวรชฺชมการยึ.

‘‘อวเสเสสุ กปฺเปสุ, โวกิณฺโณ สํสรึ อหํ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, อุปฺปาทสฺส อิทํ ผลํ.

‘‘ยถา โกมุทิเก มาเส, พหู ปุปฺผนฺติ ปาทปา;

ตเถวาหมฺปิ สมเย, ปุปฺผิโตมฺหิ มเหสินา.

‘‘วีริยํ เม ธุรโธรยฺหํ, โยคกฺเขมาธิวาหนํ;

นาโคว พนฺธนํ เฉตฺวา, วิหรามิ อนาสโว.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, ยํ พุทฺธมภิกิตฺตยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, กิตฺตนาย อิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺฺหิ สมานํ อายสฺมนฺตํ สิริมตฺเถรํ ‘‘อริโย’’ติ อชานนฺตา ปุถุชฺชนา ภิกฺขู สามเณรา จ อปฺปลาภิตาย โลกสฺส อนภิคตภาเวน อสมฺภาเวนฺตา ยํกิฺจิ กเถตฺวา ครหนฺติ. สิริวฑฺฒตฺเถรํ ปน ปจฺจยานํ ลาภิภาเวน โลกสฺส สกฺกตครุกตภาวโต สมฺภาเวนฺตา ปสํสนฺติ. เถโร ‘‘อวณฺณารหสฺส นาม วณฺณภณนํ, วณฺณารหสฺส จ อวณฺณภณนํ อสฺส ปุถุชฺชนภาวสฺส โทโส’’ติ ปุถุชฺชนภาวฺจ ครหนฺโต –

๑๕๙.

‘‘ปเร จ นํ ปสํสนฺติ, อตฺตา เจ อสมาหิโต;

โมฆํ ปเร ปสํสนฺติ, อตฺตา หิ อสมาหิโต.

๑๖๐.

‘‘ปเร จ นํ ครหนฺติ, อตฺตา เจ สุสมาหิโต;

โมฆํ ปเร ครหนฺติ, อตฺตา หิ สุสมาหิโต’’ติ.

– คาถาทฺวยมภาสิ.

ตตฺถ ปเรติ อตฺตโต อฺเ ปเร นาม, อิธ ปน ปณฺฑิเตหิ อฺเ พาลา ปเรติ อธิปฺเปตา. เตสฺหิ อชานิตฺวา อปริโยคาเหตฺวา ภาสนโต ครหา วิย ปสํสาปิ อปฺปมาณภูตา. นฺติ นํ ปุคฺคลํ. ปสํสนฺตีติ อวิทฺทสุภาเวน ตณฺหาวิปนฺนตาย วา, อถ วา อภูตํเยว ปุคฺคลํ ‘‘อสุโก ภิกฺขุ ฌานลาภี, อริโย’’ติ วา อภูตคุณโรปเนน กิตฺเตนฺติ อภิตฺถวนฺติ. โย ปเนตฺถ -สทฺโท, โส อตฺตูปนยตฺโถ. เตน ปเร นํ ปุคฺคลํ ปสํสนฺติ จ, ตฺจ โข เตสํ ปสํสนมตฺตํ, น ปน ตสฺมึ ปสํสาย วตฺถุ อตฺถีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ. อตฺตา เจ อสมาหิโตติ ยํ ปุคฺคลํ ปเร ปสํสนฺติ, โส เจ สยํ อสมาหิโต มคฺคสมาธินา ผลสมาธินา อุปจารปฺปนาสมาธิมตฺเตเนว วา น สมาหิโต, สมาธานสฺส ปฏิปกฺขภูตานํ กิเลสานํ อปฺปหีนตฺตา วิกฺขิตฺโต วิพฺภนฺตจิตฺโต โหติ เจติ อตฺโถ. ‘‘อสมาหิโต’’ติ จ เอเตน สมาธินิมิตฺตานํ คุณานํ อภาวํ ทสฺเสติ. โมฆนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส ‘‘วิสมํ จนฺทิมสูริยา ปริวตฺตนฺตี’’ติอาทีสุ วิย. ปเร ปสํสนฺตีติ เย ตํ อสมาหิตํ ปุคฺคลํ ปสํสนฺติ, เต โมฆํ มุธา อมูลกํ ปสํสนฺติ. กสฺมา? อตฺตา หิ อสมาหิโต ยสฺมา ตสฺส ปุคฺคลสฺส จิตฺตํ อสมาหิตํ, ตสฺมาติ อตฺโถ.

ทุติยคาถายํ ครหนฺตีติ อตฺตโน อวิทฺทสุภาเวน โทสนฺตราย วา อริยํ ฌานลาภิฺจ สมานํ ‘‘อสุโก ภิกฺขุ ชาคริยํ นานุยุฺชติ อนฺตมโส โคทุหนมตฺตมฺปิ กาลํ เกวลํ กายทฬฺหิพหุโล นิทฺทาราโม ภสฺสาราโม สงฺคณิการาโม วิหรตี’’ติอาทินา อปฺปฏิปชฺชมานตาวิภาวเนน วา คุณปริธํสเนน วา ครหนฺติ นินฺทนฺติ, อุปกฺโกสนฺติ วาติ อตฺโถ. เสสํ ปมคาถาย วุตฺตปริยาเยน เวทิตพฺพํ. เอวํ เถเรน อิมาหิ คาถาหิ อตฺตโน นิกฺกิเลสภาเว สิริวฑฺฒสฺส จ สกิเลสภาเว ปกาสิเต ตํ สุตฺวา สิริวฑฺโฒ สํเวคชาโต วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว สทตฺถํ ปริปูเรสิ, ครหกปุคฺคลา จ เถรํ ขมาเปสุํ.

สิริมตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ทุติยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ตติยวคฺโค

๑. อุตฺตรตฺเถรคาถาวณฺณนา

ขนฺธามยา ปริฺาตาติ อายสฺมโต อุตฺตรตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺโต อิโต จตุนวุเต กปฺเป สิทฺธตฺถสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต สาสเน ลทฺธปฺปสาโท หุตฺวา อุปาสกตฺตํ ปฏิเวเทสิ. โส สตฺถริ ปรินิพฺพุเต อตฺตโน าตเก สนฺนิปาเตตฺวา พหุํ ปูชาสกฺการํ สมฺภริตฺวา ธาตุปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาเกเต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา อุตฺตโรติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต เกนจิเทว กรณีเยน สาวตฺถึ คโต กณฺฑมฺพมูเล กตํ ยมกปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ปสีทิตฺวา ปุน กาฬการามสุตฺตเทสนาย (อ. นิ. ๔.๒๔) อภิวฑฺฒมานสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา สตฺถารา สทฺธึ ราชคหํ คนฺตฺวา อุปสมฺปชฺชิตฺวา ตตฺเถว วสนฺโต วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๙.๑๐๖-๑๑๐) –

‘‘นิพฺพุเต โลกนาถมฺหิ, สิทฺธตฺเถ โลกนายเก;

มม าตี สมาเนตฺวา, ธาตุปูชํ อกาสหํ.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ ธาตุมภิปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ธาตุปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา สตฺถริ สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต พุทฺธุปฏฺานตฺถํ ราชคหโต สาวตฺถึ อุปคโต ภิกฺขูหิ ‘‘กึ, อาวุโส, ปพฺพชฺชากิจฺจํ ตยา มตฺถกํ ปาปิต’’นฺติ ปุฏฺโ อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๑๖๑.

‘‘ขนฺธา มยา ปริฺาตา, ตณฺหา เม สุสมูหตา;

ภาวิตา มม โพชฺฌงฺคา, ปตฺโต เม อาสวกฺขโย.

๑๖๒.

‘‘โสหํ ขนฺเธ ปริฺาย, อพฺพหิตฺวาน ชาลินึ;

ภาวยิตฺวาน โพชฺฌงฺเค, นิพฺพายิสฺสํ อนาสโว’’ติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตตฺถ ขนฺธาติ ปฺจุปาทานกฺขนฺธา. ปริฺาตาติ ‘‘อิทํ ทุกฺขํ, น อิโต ภิยฺโย’’ติ ปริจฺฉิชฺช าตา ภาวิตา. เตน ทุกฺขสฺส อริยสจฺจสฺส ปริฺาภิสมยมาห. ตณฺหาติ ตสติ ปริตสตีติ ตณฺหา. สุสมูหตาติ สมุคฺฆาฏิตา. เอเตน สมุทยสจฺจสฺส ปหานาภิสมยํ วทติ. ภาวิตา มม โพชฺฌงฺคาติ โพธิสงฺขาตาย สติอาทิธมฺมสามคฺคิยา, ตํสมงฺคิโน วา โพธิสงฺขาตสฺส อริยปุคฺคลสฺส องฺคาติ โพชฺฌงฺคา. สติธมฺมวิจยวีริยปีติปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาสงฺขาตา มคฺคปริยาปนฺนา ธมฺมา มยา ภาวิตา อุปฺปาทิตา วฑฺฒิตา. โพชฺฌงฺคคฺคหเณเนว เจตฺถ ตํสหจริตตาย สพฺเพ มคฺคธมฺมา, สพฺเพ จ โพธิปกฺขิยธมฺมา คหิตาติ ทฏฺพฺพา. เอเตเนว มคฺคสจฺจสฺส ภาวนาภิสมยํ ทสฺเสติ. ปตฺโต เม อาสวกฺขโยติ กามาสวาทโย อาสวา ขียนฺติ เอตฺถาติ อาสวกฺขโยติ ลทฺธนาโม อสงฺขตธมฺโม มยา ปตฺโต อธิคโต. เอเตน นิโรธสจฺจสฺส สจฺฉิกิริยาภิสมยํ กเถติ. เอตฺตาวตา อตฺตโน สอุปาทิเสสนิพฺพานสมฺปตฺตึ ทสฺเสติ.

อิทานิ ปน อนุปาทิเสสนิพฺพานสมฺปตฺตึ ทสฺเสนฺโต ‘‘โสห’’นฺติอาทินา ทุติยํ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – โสหํ เอวํ วุตฺตนเยน ขนฺเธ ปริฺาย ปริชานิตฺวา, ตถา ปริชานนฺโต เอว สกอตฺตภาวปรอตฺตภาเวสุ อชฺฌตฺติกพาหิรายตเนสุ อตีตาทิเภทภินฺเนสุ สํสิพฺพนาการํ ปุนปฺปุนํ ปวตฺติสงฺขาตํ ชาลํ เอตสฺส อตฺถีติ ชาลินีติ ลทฺธนามํ ตณฺหํ อพฺพหิตฺวาน มม จิตฺตสนฺตานโต อุทฺธริตฺวา, ตถา นํ อุทฺธรนฺโตเยว วุตฺตปฺปเภเท โพชฺฌงฺเค ภาวยิตฺวาน เต ภาวนาปาริปูรึ ปาเปตฺวา ตโต เอว อนาสโว หุตฺวา ิโต อิทานิ จริมกจิตฺตนิโรเธน อนุปาทาโน วิย ชาตเวโท นิพฺพายิสฺสํ ปรินิพฺพายิสฺสามีติ.

อุตฺตรตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ภทฺทชิตฺเถรคาถาวณฺณนา

ปนาโทนาม โส ราชาติ อายสฺมโต ภทฺทชิตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต พฺราหฺมณานํ วิชฺชาสิปฺเปสุ ปารํ คนฺตฺวา กาเม ปหาย ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อรฺายตเน อสฺสมํ กาเรตฺวา วสนฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ อากาเสน คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส อฺชลึ ปคฺคยฺห อฏฺาสิ. สตฺถา ตสฺส อชฺฌาสยํ ตฺวา อากาสโต โอตริ. โอติณฺณสฺส ปน ภควโต มธุฺจ ภิสมุฬาลฺจ สปฺปิฺจ ขีรฺจ อุปนาเมสิ, ตสฺส ตํ ภควา อนุกมฺปํ อุปาทาย ปฏิคฺคเหตฺวา อนุโมทนํ วตฺวา ปกฺกามิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน ตุสิเต นิพฺพตฺโต ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา ตโต อปราปรํ สุคตีสุเยว สํสรนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล มหทฺธโน เสฏฺิ หุตฺวา อฏฺสฏฺิภิกฺขุสหสฺสํ โภเชตฺวา ติจีวเรน อจฺฉาเทสิ.

เอวํ พหุํ กุสลํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา ตโต จวิตฺวา มนุสฺเสสุ อุปฺปนฺโน พุทฺธสุฺเ โลเก ปฺจ ปจฺเจกพุทฺธสตานิ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหิตฺวา ตโต จุโต ราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา รชฺชํ อนุสาสนฺโต ปุตฺตํ ปจฺเจกโพธึ อธิคนฺตฺวา ิตํ อุปฏฺหิตฺวา ตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส ธาตุโย คเหตฺวา เจติยํ กตฺวา ปูเชสิ. เอวํ ตตฺถ ตตฺถ ตานิ ปุฺานิ กตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ภทฺทิยนคเร อสีติโกฏิวิภวสฺส ภทฺทิยเสฏฺิสฺส เอกปุตฺตโก หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ภทฺทชีติสฺส นามํ อโหสิ. ตสฺส กิร อิสฺสริยโภคปริวาราทิสมฺปตฺติ จริมภเว โพธิสตฺตสฺส วิย อโหสิ.

ตทา สตฺถา สาวตฺถิยํ วสฺสํ วสิตฺวา ภทฺทชิกุมารํ สงฺคณฺหิตุํ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ภทฺทิยนครํ คนฺตฺวา ชาติยาวเน วสิ ตสฺส าณปริปากํ อาคมยมาโน. โสปิ อุปริ ปาสาเท นิสินฺโน สีหปฺชรํ วิวริตฺวา โอโลเกนฺโต ภควโต สนฺติเก ธมฺมํ โสตุํ คจฺฉนฺตํ มหาชนํ ทิสฺวา ‘‘กตฺถายํ มหาชโน คจฺฉตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตํ การณํ สุตฺวา สยมฺปิ มหตา ปริวาเรน สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณนฺโต สพฺพาภรณปฏิมณฺฑิโตว สพฺพกิเลเส เขเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๖.๙๘-๑๑๖) –

‘‘โอคฺคยฺห ยํ โปกฺขรณึ, นานากุฺชรเสวิตํ;

อุทฺธรามิ ภิสํ ตตฺถ, ฆาสเหตุ อหํ ตทา.

‘‘ภควา ตมฺหิ สมเย, ปทุมุตฺตรสวฺหโย;

รตฺตมฺพรธโร พุทฺโธ, คจฺฉเต อนิลฺชเส.

‘‘ธุนนฺโต ปํสุกูลานิ, สทฺทํ อสฺโสสหํ ตทา;

อุทฺธํ นิชฺฌายมาโนหํ, อทฺทสํ โลกนายกํ.

‘‘ตตฺเถว ิตโก สนฺโต, อายาจึ โลกนายกํ;

มธุํ ภิเสหิ สหิตํ, ขีรํ สปฺปึ มุฬาลิกํ.

‘‘ปฏิคฺคณฺหาตุ เม พุทฺโธ, อนุกมฺปาย จกฺขุมา;

ตโต การุณิโก สตฺถา, โอโรหิตฺวา มหายโส.

‘‘ปฏิคฺคณฺหิ มมํ ภิกฺขํ, อนุกมฺปาย จกฺขุมา;

ปฏิคฺคเหตฺวา สมฺพุทฺโธ, อกา เม อนุโมทนํ.

‘‘สุขี โหตุ มหาปุฺ, คติ ตุยฺหํ สมิชฺฌตุ;

อิมินา ภิสทาเนน, ลภสฺสุ วิปุลํ สุขํ.

‘‘อิทํ วตฺวาน สมฺพุทฺโธ, ชลชุตฺตมนามโก;

ภิกฺขมาทาย สมฺพุทฺโธ, อากาเสนาคมา ชิโน.

‘‘ตโต ภิสํ คเหตฺวาน, อาคจฺฉึ มม อสฺสมํ;

ภิสํ รุกฺเข ลคฺเคตฺวาน, มม ทานํ อนุสฺสรึ.

‘‘มหาวาโต อุฏฺหิตฺวา, สฺจาเลสิ วนํ ตทา;

อากาโส อภินาทิตฺถ, อสนี จ ผลี ตทา.

‘‘ตโต เม อสนีปาโต, มตฺถเก นิปตี ตทา;

โสหํ นิสินฺนโก สนฺโต, ตตฺถ กาลงฺกโต อหํ.

‘‘ปุฺกมฺเมน สฺุตฺโต, ตุสิตํ อุปปชฺชหํ;

กเฬวรํ เม ปติตํ, เทวโลเก รมามหํ.

‘‘ฉฬสีติสหสฺสานิ , นาริโย สมลงฺกตา;

สายํ ปาตํ อุปฏฺนฺติ, ภิสทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘มนุสฺสโยนิมาคนฺตฺวา, สุขิโต โหมหํ ตทา;

โภเค เม อูนตา นตฺถิ, ภิสทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘อนุกมฺปิตโก เตน, เทวเทเวน ตาทินา;

สพฺพาสวา ปริกฺขีณา, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, ยํ ภิสํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ภิสทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺเต ปน เตน อธิคเต สตฺถา ภทฺทิยเสฏฺึ อามนฺเตสิ – ‘‘ตว ปุตฺโต อลงฺกตปฏิยตฺโต ธมฺมํ สุณนฺโต อรหตฺเต ปติฏฺาสิ, เตนสฺส อิทาเนว ปพฺพชิตุํ ยุตฺตํ, โน เจ ปพฺพชติ, ปรินิพฺพายิสฺสตี’’ติ. เสฏฺิ ‘‘น มยฺหํ ปุตฺตสฺส ทหรสฺเสว สโต ปรินิพฺพาเนน กิจฺจํ อตฺถิ, ปพฺพาเชถ น’’นฺติ อาห. ตํ สตฺถา ปพฺพาเชตฺวา อุปสมฺปาเทตฺวา ตตฺถ สตฺตาหํ วสิตฺวา โกฏิคามํ ปาปุณิ, โส จ คาโม คงฺคาตีเร. โกฏิคามวาสิโน พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ปวตฺเตสุํ. ภทฺทชิตฺเถโร สตฺถารา อนุโมทนาย อารทฺธมตฺตาย พหิคามํ คนฺตฺวา ‘‘คงฺคาตีเร มคฺคสมีเป สตฺถุ อาคตกาเล วุฏฺหิสฺสามี’’ติ สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา นิสีทิ. มหาเถเรสุ อาคจฺฉนฺเตสุปิ อวุฏฺหิตฺวา สตฺถุ อาคตกาเลเยว วุฏฺหิ. ปุถุชฺชนภิกฺขู, ‘‘อยํ อธุนา ปพฺพชิโต มหาเถเรสุ อาคจฺฉนฺเตสุ มานตฺถทฺโธ หุตฺวา น วุฏฺาสี’’ติ อุชฺฌายึสุ. โกฏิคามวาสิโน สตฺถุ ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ พหู นาวาสงฺฆาเฏ พนฺธึสุ, สตฺถา ‘‘หนฺทสฺส อานุภาวํ ปกาเสมี’’ติ นาวาสงฺฆาเฏ ตฺวา, ‘‘กหํ, ภทฺทชี’’ติ ปุจฺฉิ. ภทฺทชิตฺเถโร ‘‘เอโสหํ, ภนฺเต’’ติ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา อฺชลึ กตฺวา อฏฺาสิ. สตฺถา, ‘‘เอหิ, ภทฺทชิ, อมฺเหหิ สทฺธึ เอกนาวํ อภิรุหา’’ติ. โส อุปฺปติตฺวา สตฺถุ ิตนาวายํ อฏฺาสิ. สตฺถา คงฺคามชฺฌํ คตกาเล, ‘‘ภทฺทชิ, ตยา มหาปนาทราชกาเล อชฺฌาวุฏฺรตนปาสาโท กห’’นฺติ อาห. ‘‘อิมสฺมึ าเน นิมุคฺโค’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภทฺทชิ, สพฺรหฺมจารีนํ กงฺขํ ฉินฺทา’’ติ. ตสฺมึ ขเณ เถโร สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อิทฺธิพเลน คนฺตฺวา ปาสาทถูปิกํ ปาทงฺคุลนฺตเรน สนฺนิรุมฺภิตฺวา ปฺจวีสติโยชนํ ปาสาทํ คเหตฺวา อากาเส อุปฺปติ, อุปฺปตนฺโต จ ปฺาส โยชนานิ ปาสาทํ อุทกโต อุกฺขิปิ. อถสฺส ปุริมภเว าตกา ปาสาทคเตน โลเภน มจฺฉกจฺฉปมณฺฑูกา หุตฺวา ตสฺมึ ปาสาเท อุฏฺหนฺเต ปริวตฺติตฺวา อุทเก ปตึสุ. สตฺถา เต ปตนฺเต ทิสฺวา ‘‘าตกา เต, ภทฺทชิ, กิลมนฺตี’’ติ อาห. เถโร สตฺถุ วจเนน ปาสาทํ วิสฺสชฺเชสิ. ปาสาโท ยถาาเน เอว ปติฏฺหิ. สตฺถา ปารงฺคโต ภิกฺขูหิ ‘‘กทา, ภนฺเต, ภทฺทชิตฺเถเรน อยํ ปาสาโท อชฺฌาวุฏฺโ’’ติ ปุฏฺโ มหาปนาทชาตกํ (ชา. ๑.๓.๔๐-๔๑) กเถตฺวา มหาชนํ ธมฺมามตํ ปาเยสิ. เถโร ปน อตฺตโน อชฺฌาวุฏฺปุพฺพํ สุวณฺณปาสาทํ ทสฺเสตฺวา –

๑๖๓.

‘‘ปนาโท นาม โส ราชา, ยสฺส ยูโป สุวณฺณโย;

ติริยํ โสฬสุพฺเพโธ, อุพฺภมาหุ สหสฺสธา.

๑๖๔.

‘‘สหสฺสกณฺโฑ สตเคณฺฑุ, ธชาลุ หริตามโย;

อนจฺจุํ ตตฺถ คนฺธพฺพา, ฉ สหสฺสานิ สตฺตธา’’ติ. –

ทฺวีหิ คาถาหิ วณฺเณนฺโต อฺํ พฺยากาสิ.

ตตฺถ ปนาโท นาม โส ราชาติ อตีเต ปนาโท นาม โส ราชา อโหสีติ อตฺตภาวอนฺตรหิตตาย อตฺตานํ ปรํ วิย นิทฺทิสติ. โส เอว หิ รชฺเช ิตกาลโต ปฏฺาย สทา อุสฺสาหสมฺปตฺติอาทินา มหตา ราชานุภาเวน มหตา จ กิตฺติสทฺเทน สมนฺนาคตตฺตา ‘‘ราชา มหาปนาโท’’ติ ปฺายิตฺถ. ยสฺส ยูโป สุวณฺณโยติ ยสฺส รฺโ อยํ ยูโป ปาสาโท สุวณฺณมโย. ติริยํ โสฬสุพฺเพโธติ วิตฺถารโต โสฬสกณฺฑปาตปฺปมาโณ. โส ปน อฑฺฒโยชนมตฺโต โหติ. อุพฺภามาหุ สหสฺสธาติ อุพฺภํ อุจฺจํ เอวมสฺส ปาสาทสฺส สหสฺสธา สหสฺสกณฺฑปฺปมาณมาหุ. โส ปน โยชนโต ปฺจวีสติโยชนปฺปมาโณ โหติ. เกจิ ปเนตฺถ คาถาสุขตฺถํ ‘‘อาหู’’ติ ทีฆํ กตํ. อาหุ อโหสีติ อตฺถํ วทนฺติ.

สหสฺสกณฺโฑติ สหสฺสภูมิโก. สตเคณฺฑูติ อเนกสตนิยฺยูหโก. ธชาลูติ ตตฺถ ตตฺถ นิยฺยูหสิขราทีสุ ปติฏฺาปิเตหิ ยฏฺิธชปฏากธชาทิธเชหิ สมฺปนฺโน. หริตามโยติ จามีกรสุวณฺณมโย. เกจิ ปน ‘‘หริตชาติมณิสริกฺขโก’’ติ วทนฺติ . คนฺธพฺพาติ นฏา. ฉ สหสฺสานิ สตฺตธาติ ฉมตฺตานิ คนฺธพฺพสหสฺสานิ สตฺตธา ตสฺส ปาสาทสฺส สตฺตสุ าเนสุ รฺโ อภิรมาปนตฺถํ นจฺจึสูติ อตฺโถ. เต เอวํ นจฺจนฺตาปิ ราชานํ หาเสตุํ นาสกฺขึสุ. อถ สกฺโก เทวราชา เทวนเฏ เปเสตฺวา สมชฺชํ กาเรสิ, ตทา ราชา หสีติ.

ภทฺทชิตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. โสภิตตฺเถรคาถาวณฺณนา

สติมา ปฺวาติ อายสฺมโต โสภิตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ปุพฺเพนิวาสาณลาภีนํ ภิกฺขูนํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา สยมฺปิ ตํ านนฺตรํ อุทฺทิสฺส ปตฺถนํ กตฺวา ปุฺานิ กตฺวา สุคตีสุเยว สํสรนฺโต สุเมธสฺส ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต พฺราหฺมณานํ วิชฺชาสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คนฺตฺวา เนกฺขมฺมาธิมุตฺโต ฆราวาสํ ปหาย ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺตสฺส สมีเป อรฺายตเน อสฺสมํ กาเรตฺวา วนมูลผลาผเลน ยาเปนฺโต พุทฺธุปฺปาทํ สุตฺวา สพฺพตฺถ เอกรตฺติวาเสเนว ภทฺทวตีนคเร สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปสนฺนมานโส ‘‘ตุวํ สตฺถา จ เกตุ จา’’ติอาทีหิ ฉหิ คาถาหิ อภิตฺถวิ , สตฺถา จสฺส ภาวินึ สมฺปตฺตึ ปกาเสสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ. โสภิโตติสฺส นามํ อกํสุ. โส อปเรน สมเยน สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ฉฬภิฺโ อโหสิ. ปุพฺเพนิวาสาเณ จิณฺณวสี จ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๙.๔๖-๗๔) –

‘‘ทกฺขิเณ หิมวนฺตสฺส, สุกโต อสฺสโม มม;

อุตฺตมตฺถํ คเวสนฺโต, วสามิ วิปิเน ตทา.

‘‘ลาภาลาเภน สนฺตุฏฺโ, มูเลน จ ผเลน จ;

อนฺเวสนฺโต อาจริยํ, วสามิ เอกโก อหํ.

‘‘สุเมโธ นาม สมฺพุทฺโธ, โลเก อุปฺปชฺชิ ตาวเท;

จตุสจฺจํ ปกาเสติ, อุทฺธรนฺโต มหาชนํ.

‘‘นาหํ สุโณมิ สมฺพุทฺธํ, นปิ เม โกจิ สํสติ;

อฏฺวสฺเส อติกฺกนฺเต, อสฺโสสึ โลกนายกํ.

‘‘อคฺคิทารุํ นีหริตฺวา, สมฺมชฺชิตฺวาน อสฺสมํ;

ขาริภารํ คเหตฺวาน, นิกฺขมึ วิปินา อหํ.

‘‘เอกรตฺตึ วสนฺโตหํ, คาเมสุ นิคเมสุ จ;

อนุปุพฺเพน จนฺทวตึ, ตทาหํ อุปสงฺกมึ.

‘‘ภควา ตมฺหิ สมเย, สุเมโธ โลกนายโก;

อุทฺธรนฺโต พหู สตฺเต, เทเสติ อมตํ ปทํ.

‘‘ชนกายมติกฺกมฺม, วนฺทิตฺวา ชินสาครํ;

เอกํสํ อชินํ กตฺวา, สนฺถวึ โลกนายกํ.

‘‘ตุวํ สตฺถา จ เกตุ จ, ธโช ยูโป จ ปาณินํ;

ปรายโน ปติฏฺา จ, ทีโป จ ทฺวิปทุตฺตโม.

‘‘เนปุฺโ ทสฺสเน วีโร, ตาเรสิ ชนตํ ตุวํ;

นตฺถฺโ ตารโก โลเก, ตวุตฺตริตโร มุเน.

‘‘สกฺกา เถเว กุสคฺเคน, ปเมตุํ สาครุตฺตเม;

น ตฺเวว ตว สพฺพฺุ, าณํ สกฺกา ปเมตเว.

‘‘ตุลทณฺเฑ เปตฺวาน, มหึ สกฺกา ธเรตเว;

นตฺเวว ตว ปฺาย, ปมาณมตฺถิ จกฺขุม.

‘‘อากาโส มินิตุํ สกฺกา, รชฺชุยา องฺคุเลน วา;

นตฺเวว ตว สพฺพฺุ, สีลํ สกฺกา ปเมตเว.

‘‘มหาสมุทฺเท อุทกํ, อากาโส จ วสุนฺธรา;

ปริเมยฺยานิ เอตานิ, อปฺปเมยฺโยสิ จกฺขุม.

‘‘ฉหิ คาถาหิ สพฺพฺุํ, กิตฺตยิตฺวา มหายสํ;

อฺชลึ ปคฺคเหตฺวาน, ตุณฺหี อฏฺาสหํ ตทา.

‘‘ยํ วทนฺติ สุเมโธติ, ภูริปฺํ สุเมธสํ;

ภิกฺขุสงฺเฆ นิสีทิตฺวา, อิมา คาถา อภาสถ.

‘‘โย เม าณํ ปกิตฺเตสิ, วิปฺปสนฺเนน เจตสา;

ตมหํ กิตฺตยิสฺสามิ, สุณาถ มม ภาสโต.

‘‘สตฺตสตฺตติ กปฺปานิ, เทวโลเก รมิสฺสติ;

สหสฺสกฺขตฺตุํ เทวินฺโท, เทวรชฺชํ กริสฺสติ.

‘‘อเนกสตกฺขตฺตุฺจ, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ;

ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ.

‘‘เทวภูโต มนุสฺโส วา, ปุฺกมฺมสมาหิโต;

อนูนมนสงฺกปฺโป, ติกฺขปฺโ ภวิสฺสติ.

‘‘ตึสกปฺปสหสฺสมฺหิ, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘อคารา อภินิกฺขมฺม, ปพฺพชิสฺสติกิฺจโน;

ชาติยา สตฺตวสฺเสน, อรหตฺตํ ผุสิสฺสติ.

‘‘ยโต สรามิ อตฺตานํ, ยโต ปตฺโตสฺมิ สาสนํ;

เอตฺถนฺตเร น ชานามิ, เจตนํ อมโนรมํ.

‘‘สํสริตฺวา ภเว สพฺเพ, สมฺปตฺตานุภวึ อหํ;

โภเค เม อูนตา นตฺถิ, ผลํ าณสฺส โถมเน.

‘‘ติยคฺคี นิพฺพุตา มยฺหํ, ภวา สพฺเพ สมูหตา;

สพฺพาสวา ปริกฺขีณา, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว.

‘‘ตึสกปฺปสหสฺสมฺหิ, ยํ าณมถวึ อหํ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลํ าณสฺส โถมเน.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

โส อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปุพฺเพนิวาสํ อนุปฏิปาฏิยา อนุสฺสรนฺโต ยาว อสฺภเว อจิตฺตกปฏิสนฺธิ, ตาว อทฺทส. ตโต ปฺจ กปฺปสตานิ จิตฺตปฺปวตฺตึ อทิสฺวา อวสาเนว ทิสฺวา ‘‘กิเมต’’นฺติ อาวชฺเชนฺโต นยวเสน ‘‘อสฺภโว ภวิสฺสตี’’ติ นิฏฺํ อคมาสิ. เตนาห ภควา – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อสฺสตฺตา นาม ทีฆายุกา เทวา, ตโต จุโต โสภิโต อิธูปปนฺโน, โส เอตํ ภวํ ชานาติ, โสภิโต อนุสฺสรตี’’ติ (ปารา. ๒๓๒ อตฺถโต สมานํ). เอวํ นยวเสน อนุสฺสรนฺตสฺส อนุสฺสรณโกสลฺลํ ทิสฺวา สตฺถา เถรํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปสิ. ตโต เอว จายํ อายสฺมา สวิเสสํ อตฺตโน ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณํ ตสฺส จ ปจฺจยภูตํ ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา โสมนสฺสชาโต ตทตฺถทีปนํ อุทานํ อุทาเนนฺโต –

๑๖๕.

‘‘สติมา ปฺวา ภิกฺขุ, อารทฺธพลวีริโย;

ปฺจ กปฺปสตานาหํ, เอกรตฺตึ อนุสฺสรึ.

๑๖๖.

‘‘จตฺตาโร สติปฏฺาเน, สตฺต อฏฺ จ ภาวยํ;

ปฺจ กปฺปสตานาหํ, เอกรตฺตึ อนุสฺสริ’’นฺติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตตฺถ สติมาติ สยํ สมุทาคมนสมฺปนฺนาย สติปฏฺานภาวนาปาริปูริยา สติเวปุลฺลปฺปตฺติยา จ สติมา. ปฺวาติ ฉฬภิฺาปาริปูริยา ปฺาเวปุลฺลปฺปตฺติยา จ ปฺวา. ภินฺนกิเลสตาย ภิกฺขุ. สทฺธาทิพลานฺเจว จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานวีริยสฺส จ สํสิทฺธิปาริปูริยา อารทฺธพลวีริโย. สทฺธาทีนฺเหตฺถ พลคฺคหเณน คหณํ สติปิ สติอาทีนํ พลภาเว, ยถา ‘‘โคพลิพทฺธา ปุฺาณสมฺภารา’’ติ. ปฺจ กปฺปสตานาหํ, เอกรตฺตึ อนุสฺสรินฺติ เอกรตฺตึ วิย อนุสฺสรึ. วิย-สทฺโท หิ อิธ ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ, เอเตน ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาเณ อตฺตโน าณวสีภาวํ ทีเปติ.

อิทานิ ยาย ปฏิปตฺติยา อตฺตโน สติมนฺตาทิภาโว สาติสยํ ปุพฺเพนิวาสาณฺจ สิทฺธํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘จตฺตาโร’’ติอาทินา ทุติยํ คาถมาห. ตตฺถ จตฺตาโร สติปฏฺาเนติ กายานุปสฺสนาทิเก อตฺตโน วิสยเภเทน จตุพฺพิเธ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสเก สติสงฺขาเต สติปฏฺาเน. สตฺตาติ สตฺต โพชฺฌงฺเค. อฏฺาติ อฏฺ มคฺคงฺคานิ. สติปฏฺาเนสุ หิ สุปฺปติฏฺิตจิตฺตสฺส สตฺต โพชฺฌงฺคา ภาวนาปาริปูรึ คตา เอว โหนฺติ, ตถา อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค. เตนาห ธมฺมเสนาปติ – ‘‘จตูสุ สติปฏฺาเนสุ สุปฺปติฏฺิตจิตฺตา สตฺต โพชฺฌงฺเค ยถาภูตํ ภาเวตฺวา’’ติอาทีหิ (ที. นิ. ๓.๑๔๓) สตฺตโกฏฺาสิเกสุ สตฺตตึสาย โพธิปกฺขิยธมฺเมสุ เอกสฺมึ โกฏฺาเส ภาวนาปาริปูรึ คจฺฉนฺเต อิตเร อคจฺฉนฺตา นาม นตฺถีติ. ภาวยนฺติ ภาวนาเหตุ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

โสภิตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. วลฺลิยตฺเถรคาถาวณฺณนา

ยํกิจฺจํ ทฬฺหวีริเยนาติอาทิกา อายสฺมโต วลฺลิยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต สุเมธสฺส ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต วิชฺชาสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คโต อสีติโกฏิวิภวํ ปหาย ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ปพฺพตปาเท อรฺายตเน เอกิสฺสา นทิยา ตีเร อสฺสมํ กาเรตฺวา วิหรนฺโต อตฺตโน อนุคฺคณฺหนตฺถํ อุปคตํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส อชินจมฺมํ ปตฺถริตฺวา อทาสิ . ตตฺถ นิสินฺนํ ภควนฺตํ ปุปฺเผหิ จ จนฺทเนน จ ปูเชตฺวา อมฺพผลานิ ทตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิ. ตสฺส ภควา นิสินฺนาสนสมฺปตฺตึ ปกาเสนฺโต อนุโมทนํ วตฺวา ปกฺกามิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท เวสาลิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ‘‘กณฺหมิตฺโต’’ติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต สตฺถุ เวสาลิคมเน พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ มหากจฺจานตฺเถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิ. โส มนฺทปฺโ ทนฺธปรกฺกโม จ หุตฺวา จิรํ กาลํ วิฺุํ สพฺรหฺมจารึ นิสฺสาเยว วสติ. ภิกฺขู ‘‘ยถา นาม วลฺลิ รุกฺขาทีสุ กิฺจิ อนิสฺสาย วฑฺฒิตุํ น สกฺโกติ, เอวมยมฺปิ กฺจิ ปณฺฑิตํ อนิสฺสาย วฑฺฒิตุํ น สกฺโกตี’’ติ วลฺลิโยตฺเวว สมุทาจรึสุ. อปรภาเค ปน เวณุทตฺตตฺเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ตสฺส โอวาเท ตฺวา สโต สมฺปชาโน หุตฺวา วิหรนฺโต าณสฺส ปริปากํ คตตฺตา ปฏิปตฺติกฺกมํ เถรํ ปุจฺฉนฺโต –

๑๖๗.

‘‘ยํ กิจฺจํ ทฬฺหวีริเยน, ยํ กิจฺจํ โพทฺธุมิจฺฉตา;

กริสฺสํ นาวรชฺฌิสฺสํ, ปสฺส วีริยํ ปรกฺกมํ.

๑๖๘.

‘‘ตฺวฺจ เม มคฺคมกฺขาหิ, อฺชสํ อมโตคธํ;

อหํ โมเนน โมนิสฺสํ, คงฺคาโสโตว สาคร’’นฺติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตตฺถ ยํ กิจฺจํ ทฬฺหวีริเยนาติ ทฬฺเหน วีริเยน ถิเรน ปรกฺกเมน, ทฬฺหวีริเยน วา ปุริสโธรยฺเหน ยํ กิจฺจํ กาตพฺพํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ. ยํ กิจฺจํ โพทฺธุมิจฺฉตาติ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ นิพฺพานเมว วา โพทฺธุํ พุชฺฌิตุํ อิจฺฉนฺเตน ปฏิวิชฺฌิตุกาเมน ยํ กิจฺจํ กรณียํ. กริสฺสํ นาวรชฺฌิสฺสนฺติ ตมหํ ทานิ กริสฺสํ น วิราเธสฺสํ, ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชิสฺสามิ. ปสฺส วีริยํ ปรกฺกมนฺติ ยถา ปฏิปชฺชมาเน ธมฺเม วิธินา อีรณโต ‘‘วีริยํ’’, ปรํ ปรํ านํ อกฺกมนโต ‘‘ปรกฺกโม’’ติ จ ลทฺธนามํ สมฺมาวายามํ ปสฺส น สทฺธเมวาติ อตฺตโน กตฺตุกามตํ ทสฺเสติ.

ตฺวฺจาติ กมฺมฏฺานทายกํ กลฺยาณมิตฺตํ อาลปติ. เมติ มยฺหํ. มคฺคมกฺขาหีติ อริยมคฺคํ กเถหิ, โลกุตฺตรมคฺคสมฺปาปกํ จตุสจฺจกมฺมฏฺานํ กเถหีติ อตฺโถ. อฺชสนฺติ อุชุกํ มชฺฌิมปฏิปทาภาเวน อนฺตทฺวยสฺส อนุปคมนโต. อมเต นิพฺพาเน สมฺปาปกภาเวน ปติฏฺิตตฺตา อมโตคธํ. โมเนนาติ าเณน มคฺคปฺาย. โมนิสฺสนฺติ ชานิสฺสํ นิพฺพานํ ปฏิวิชฺฌิสฺสํ ปาปุณิสฺสํ. คงฺคาโสโตว สาครนฺติ ยถา คงฺคาย โสโต สาครํ สมุทฺทํ อวิรชฺฌนฺโต เอกํสโต โอคาหติ, เอวํ ‘‘อหํ กมฺมฏฺานํ อนุยุฺชนฺโต มคฺคาเณน นิพฺพานํ อธิคมิสฺสามิ, ตสฺมา ตํ กมฺมฏฺานํ เม อาจิกฺขถา’’ติ เถรํ กมฺมฏฺานํ ยาจิ.

ตํ สุตฺวา เวณุทตฺตตฺเถโร ตสฺส กมฺมฏฺานํ อทาสิ. โสปิ กมฺมฏฺานํ อนุยุฺชนฺโต นจิรสฺเสว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๙.๗๕-๑๐๕) –

‘‘ปฺจ กามคุเณ หิตฺวา, ปิยรูเป มโนรเม;

อสีติ โกฏิโย หิตฺวา, ปพฺพชึ อนคาริยํ.

‘‘ปพฺพชิตฺวาน กาเยน, ปาปกมฺมํ วิวชฺชยึ;

วจีทุจฺจริตํ หิตฺวา, นทีกูเล วสามหํ.

‘‘เอกกํ มํ วิหรนฺตํ, พุทฺธเสฏฺโ อุปาคมิ;

นาหํ ชานามิ พุทฺโธติ, อกาสึ ปฏิสนฺถารํ.

‘‘กริตฺวา ปฏิสนฺถารํ, นามโคตฺตมปุจฺฉหํ;

เทวตานุสิ คนฺธพฺโพ, อทุ สกฺโก ปุรินฺทโท.

‘‘โก วา ตฺวํ กสฺส วา ปุตฺโต, มหาพฺรหฺมา อิธาคโต;

วิโรเจสิ ทิสา สพฺพา, อุทยํ สูริโย ยถา.

‘‘สหสฺสารานิ จกฺกานิ, ปาเท ทิสฺสนฺติ มาริส;

โก วา ตฺวํ กสฺส วา ปุตฺโต, กถํ ชาเนมุ ตํ มยํ.

‘‘นามโคตฺตํ ปเวเทหิ, สํสยํ อปเนหิ เม;

นมฺหิ เทวา น คนฺธพฺโพ, นมฺหิ สกฺโก ปุรินฺทโท.

‘‘พฺรหฺมภาโว จ เม นตฺถิ, เอเตสํ อุตฺตโม อหํ;

อตีโต วิสยํ เตสํ, ทาลยึ กามพนฺธนํ.

‘‘สพฺเพ กิเลเส ฌาเปตฺวา, ปตฺโต สมฺโพธิมุตฺตมํ;

ตสฺส วาจํ สุณิตฺวาหํ, อิทํ วจนมพฺรวึ.

‘‘ยทิ พุทฺโธสิ สพฺพฺู, นิสีท ตฺวํ มหามุเน;

ตมหํ ปูชยิสฺสามิ, ทุกฺขสฺสนฺตกโร ตุวํ.

‘‘ปตฺถริตฺวาชินจมฺมํ , อทาสิ สตฺถุโน อหํ;

นิสีทิ ตตฺถ ภควา, สีโหว คิริคพฺภเร.

‘‘ขิปฺปํ ปพฺพตมารุยฺห, อมฺพสฺส ผลมคฺคหึ;

สาลกลฺยาณิกํ ปุปฺผํ, จนฺทนฺจ มหารหํ.

‘‘ขิปฺปํ ปคฺคยฺห ตํ สพฺพํ, อุเปตฺวา โลกนายกํ;

ผลํ พุทฺธสฺส ทตฺวาน, สาลปุปฺผมปูชยึ.

‘‘จนฺทนํ อนุลิมฺปิตฺวา, อวนฺทึ สตฺถุโน อหํ;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, วิปุลาย จ ปีติยา.

‘‘อชินมฺหิ นิสีทิตฺวา, สุเมโธ โลกนายโก;

มม กมฺมํ ปกิตฺเตสิ, หาสยนฺโต มมํ ตทา.

‘‘อิมินา ผลทาเนน, คนฺธมาเลหิ จูภยํ;

ปฺจวีเส กปฺปสเต, เทวโลเก รมิสฺสติ.

‘‘อนูนมนสงฺกปฺโป, วสวตฺตี ภวิสฺสติ;

ฉพฺพีสติกปฺปสเต, มนุสฺสตฺตํ คมิสฺสติ.

‘‘ภวิสฺสติ จกฺกวตฺตี, จาตุรนฺโต มหิทฺธิโก;

เวภารํ นาม นครํ, วิสฺสกมฺเมน มาปิตํ.

‘‘เหสฺสติ สพฺพโสวณฺณํ, นานารตนภูสิตํ;

เอเตเนว อุปาเยน, สํสริสฺสติ โส ภเว.

‘‘สพฺพตฺถ ปูชิโต หุตฺวา, เทวตฺเต อถ มานุเส;

ปจฺฉิเม ภเว สมฺปตฺเต, พฺรหฺมพนฺธุ ภวิสฺสติ.

‘‘อคารา อภินิกฺขมฺม, อนคารี ภวิสฺสติ;

อภิฺาปารคู หุตฺวา, นิพฺพายิสฺสตินาสโว.

‘‘อิทํ วตฺวาน สมฺพุทฺโธ, สุเมโธ โลกนายโก;

มม นิชฺฌายมานสฺส, ปกฺกามิ อนิลฺชเส.

‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.

‘‘ตุสิตโต จวิตฺวาน, นิพฺพตฺตึ มาตุกุจฺฉิยํ;

โภเค เม อูนตา นตฺถิ, ยมฺหิ คพฺเภ วสามหํ.

‘‘มาตุกุจฺฉิคเต มยิ, อนฺนปานฺจ โภชนํ;

มาตุยา มม ฉนฺเทน, นิพฺพตฺตติ ยทิจฺฉกํ.

‘‘ชาติยา ปฺจวสฺเสน, ปพฺพชึ อนคาริยํ;

โอโรปิตมฺหิ เกสมฺหิ, อรหตฺตมปาปุณึ.

‘‘ปุพฺพกมฺมํ คเวสนฺโต, โอเรน นาทฺทสํ อหํ;

ตึสกปฺปสหสฺสมฺหิ, มม กมฺมมนุสฺสรึ.

‘‘นโม เต ปุริสาชฺ, นโม เต ปุริสุตฺตม;

ตว สาสนมาคมฺม, ปตฺโตมฺหิ อจลํ ปทํ.

‘‘ตึสกปฺปสหสฺสมฺหิ, ยํ พุทฺธมภิปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโต เถโร อิมาเยว คาถา อภาสีติ.

วลฺลิยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. วีตโสกตฺเถรคาถาวณฺณนา

เกเส เม โอลิขิสฺสนฺตีติอาทิกา อายสฺมโต วีตโสกตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต สิทฺธตฺถสฺส ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา พฺราหฺมณานํ วิชฺชาสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คโต กาเม ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา มหตา อิสิคเณน ปริวุโต อรฺเ วสนฺโต พุทฺธุปฺปาทํ สุตฺวา หฏฺตุฏฺโ ‘‘อุทุมฺพรปุปฺผสทิสา ทุลฺลภทสฺสนา พุทฺธา ภควนฺโต, อิทาเนว อุปคนฺตพฺพา’’ติ มหติยา ปริสาย สทฺธึ สตฺถารํ ทฏฺุํ คจฺฉนฺโต ทิยฑฺฒโยชเน เสเส พฺยาธิโก หุตฺวา พุทฺธคตาย สฺาย กาลงฺกโต เทเวสุ อุปฺปชฺชิตฺวา อปราปรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท อฏฺารสวสฺสาธิกานํ ทฺวินฺนํ วสฺสสตานํ มตฺถเก ธมฺมาโสกรฺโ กนิฏฺภาตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ตสฺส วีตโสโกติ นาม อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต ขตฺติยกุมาเรหิ สิกฺขิตพฺพวิชฺชาสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คโต คิริทตฺตตฺเถรํ นิสฺสาย คิหิภูโต สุตฺตนฺตปิฏเก อภิธมฺมปิฏเก จ วิสารโท หุตฺวา เอกทิวสํ มสฺสุกมฺมสมเย กปฺปกสฺส หตฺถโต อาทาสํ คเหตฺวา กายํ โอโลเกนฺโต วลิตปลิตาทีนิ ทิสฺวา สฺชาตสํเวโค วิปสฺสนาย จิตฺตํ โอตาเรตฺวา ภาวนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ตสฺมึเยว อาสเน โสตาปนฺโน หุตฺวา คิริทตฺตตฺเถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๙.๙-๒๖) –

‘‘อชฺฌายโก มนฺตธโร, ติณฺณํ เวทาน ปารคู;

ลกฺขเณ อิติหาเส จ, สนิฆณฺฑุสเกฏุเภ.

‘‘นทีโสตปฏิภาคา, สิสฺสา อายนฺติ เม ตทา;

เตสาหํ มนฺเต วาเจมิ, รตฺตินฺทิวมตนฺทิโต.

‘‘สิทฺธตฺโถ นาม สมฺพุทฺโธ, โลเก อุปฺปชฺชิ ตาวเท;

ตมนฺธการํ นาเสตฺวา, าณาโลกํ ปวตฺตยิ.

‘‘มม อฺตโร สิสฺโส, สิสฺสานํ โส กเถสิ เม;

สุตฺวาน เต เอตมตฺถํ, อาโรเจสุํ มมํ ตทา.

‘‘พุทฺโธ โลเก สมุปฺปนฺโน, สพฺพฺู โลกนายโก;

ตสฺสานุวตฺตติ ชโน, ลาโภ อมฺหํ น วิชฺชติ.

‘‘อธิจฺจุปฺปตฺติกา พุทฺธา, จกฺขุมนฺโต มหายสา;

ยํนูนาหํ พุทฺธเสฏฺํ, ปสฺเสยฺยํ โลกนายกํ.

‘‘อชินํ เม คเหตฺวาน, วากจีรํ กมณฺฑลุํ;

อสฺสมา อภินิกฺขมฺม, สิสฺเส อามนฺตยึ อหํ.

‘‘โอทุมฺพริกปุปฺผํว, จนฺทมฺหิ สสกํ ยถา;

วายสานํ ยถา ขีรํ, ทุลฺลโภ โลกนายโก.

‘‘พุทฺโธ โลกมฺหิ อุปฺปนฺโน, มนุสฺสตฺตมฺปิ ทุลฺลภํ;

อุโภสุ วิชฺชมาเนสุ, สวนฺจ สุทุลฺลภํ.

‘‘พุทฺโธ โลเก สมุปฺปนฺโน, จกฺขุํ ลจฺฉาม โน ภวํ;

เอถ สพฺเพ คมิสฺสาม, สมฺมาสมฺพุทฺธสนฺติกํ.

‘‘กมณฺฑลุธรา สพฺเพ, ขราชินนิวาสิโน;

เต ชฏาภารภริตา, นิกฺขมุํ วิปินา ตทา.

‘‘ยุคมตฺตํ เปกฺขมานา, อุตฺตมตฺถํ คเวสิโน;

อาสตฺติโทสรหิตา, อสมฺภีตาว เกสรี.

‘‘อปฺปกิจฺจา อโลลุปฺปา, นิปกา สนฺตวุตฺติโน;

อุฺฉาย จรมานา เต, พุทฺธเสฏฺมุปาคมุํ.

‘‘ทิยฑฺฒโยชเน เสเส, พฺยาธิ เม อุปปชฺชถ;

พุทฺธเสฏฺํ สริตฺวาน, ตตฺถ กาลงฺกโต อหํ.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ สฺมลภึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธสฺายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๑๖๙.

‘‘เกเส เม โอลิขิสฺสนฺติ, กปฺปโก อุปสงฺกมิ;

ตโต อาทาสมาทาย, สรีรํ ปจฺจเวกฺขิสํ.

๑๗๐.

‘‘ตุจฺโฉ กาโย อทิสฺสิตฺถ, อนฺธกาเร ตโม พฺยคา;

สพฺเพ โจฬา สมุจฺฉินฺนา, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตตฺถ เกเส เม โอลิขิสฺสนฺติ, กปฺปโก อุปสงฺกมีติ คิหิกาเล มสฺสุกมฺมสมเย ‘‘มม เกเส โอลิขิสฺสํ กปฺเปมี’’ติ เกสาทีนํ เฉทนาทิวเสน กปฺปนโต กปฺปโก นฺหาปิโต มํ อุปคจฺฉิ. ตโตติ กปฺปกโต. สรีรํ ปจฺจเวกฺขิสนฺติ สพฺพกายิเก อาทาเส ปลิตวลิตมุขนิมิตฺตาทิทสฺสนมุเขน ‘‘อภิภูโต วต ชราย เม กาโย’’ติ ชราภิภูตํ อตฺตโน สรีรํ ปจฺจเวกฺขึ. เอวํ ปจฺจเวกฺขโต จ ตุจฺโฉ กาโย อทิสฺสิตฺถ นิจฺจธุวสุขสภาวาทีหิ ริตฺโต หุตฺวา เม กาโย อทิสฺสถ ปฺายิ. กสฺมา? อนฺธกาเร ตโม พฺยคา เยน อโยนิโสมนสิการสงฺขาเตน ตมสา อตฺตโน กาเย อนฺธคตา วิชฺชมานมฺปิ อสุภาทิสภาวํ อปสฺสนฺตา อวิชฺชมานํ สุภาทิอาการํ คณฺหนฺติ, ตสฺมึ อนฺธกาเร อนฺธกรณฏฺาเน กาเย โยนิโสมนสิการสงฺขาเตน าณาโลเกน อวิชฺชาตโม วิคโต, ตโต เอว สพฺเพ โจฬา สมุจฺฉินฺนา โจรา วิย กุสลภณฺฑจฺเฉทนโต, สาธูหิ อลาตพฺพโต อสงฺคเหตพฺพโต สงฺการกูฏาทีสุ ฉฑฺฑิตปิโลติกขณฺฑํ วิย อิสฺสรชเนน อริยชเนน ชิคุจฺฉิตพฺพตาย โจฬา วิยาติ วา ‘‘โจฬา’’ติ ลทฺธนามา กิเลสา สมุจฺฉินฺนา. อคฺคมคฺเคน สมุคฺฆาฏิตตฺตา เอว จ เนสํ นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ นตฺถีติ.

วีตโสกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ปุณฺณมาสตฺเถรคาถาวณฺณนา

ปฺจ นีวรเณ หิตฺวาติอาทิกา อายสฺมโต ปุณฺณมาสตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต ติสฺสสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถริ อรฺเ วิหรนฺเต ปํสุกูลจีวรํ ทุมสาขาย ลคฺเคตฺวา คนฺธกุฏึ ปวิฏฺเ ธนุหตฺโถ คหนํ ปวิฏฺโ สตฺถุ ปํสุกูลํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ธนุํ นิกฺขิปิตฺวา พุทฺธคุเณ อนุสฺสริตฺวา ปํสุกูลํ วนฺทิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ กุฏุมฺพิยกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส กิร ชาตทิวเส ตสฺมึ เคเห สพฺพภาชนานิ สุวณฺณรตนมเยหิ มาเสหิ ปริปุณฺณาเนว อเหสุํ. เตนสฺส ปุณฺณมาโสตฺเวว นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต ทารปริคฺคหํ กตฺวา เอกสฺมึ ปุตฺเต อุปฺปนฺเน ฆราวาสํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา คามกาวาเส วสนฺโต ฆเฏนฺโต วายมนฺโต ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๙.๑-๘) –

‘‘ติสฺโส นามาสิ ภควา, สยมฺภู อคฺคปุคฺคโล;

ปํสุกูลํ เปตฺวาน, วิหารํ ปาวิสี ชิโน.

‘‘วินตํ ธนุมาทาย, ภกฺขตฺถาย จรึ อหํ;

มณฺฑลคฺคํ คเหตฺวาน, กานนํ ปาวิสึ อหํ.

‘‘ตตฺถทฺทสํ ปํสุกูลํ, ทุมคฺเค ลคฺคิตํ ตทา;

จาปํ ตตฺเถว นิกฺขิปฺป, สิเร กตฺวาน อฺชลึ.

‘‘ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, วิปุลาย จ ปีติยา;

พุทฺธเสฏฺํ สริตฺวาน, ปํสุกูลํ อวนฺทหํ.

‘‘ทฺเวนวุเต อิโต กปฺเป, ปํสุกูลมวนฺทหํ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, วนฺทนาย อิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา สาวตฺถึ อุปคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา สุสาเน วสติ, ตสฺส จ อจิราคตสฺเสว สโต ปุตฺโต กาลมกาสิ. ทารกมาตา เถรสฺส อาคตภาวํ สุตฺวา, ‘‘มา อิทํ อปุตฺตกํ สาปเตยฺยํ ราชาโน หเรยฺยุ’’นฺติ ตํ อุปฺปพฺพาเชตุกามา มหตา ปริวาเรน เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ปโลเภตุํ อารภิ. เถโร อตฺตโน วีตราคภาวชานาปนตฺถํ อากาเส ตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺติกิตฺตนมุเขน ตสฺสา ธมฺมํ เทเสนฺโต –

๑๗๑.

‘‘ปฺจ นีวรเณ หิตฺวา, โยคกฺเขมสฺส ปตฺติยา;

ธมฺมาทาสํ คเหตฺวาน, าณทสฺสนมตฺตโน.

๑๗๒.

‘‘ปจฺจเวกฺขึ อิมํ กายํ, สพฺพํ สนฺตรพาหิรํ;

อชฺฌตฺตฺจ พหิทฺธา จ, ตุจฺโฉ กาโย อทิสฺสถา’’ติ. –

คาถาทฺวยํ อภาสิ.

ตตฺถ ปฺจ นีวรเณ หิตฺวาติ กามจฺฉนฺทาทิเก ปฺจ นีวรเณ ปหาย ฌานาธิคเมน วิทฺธํเสตฺวา. โยคกฺเขมสฺส ปตฺติยาติ กามโยคาทีหิ จตูหิ โยเคหิ เขมสฺส อนุปทฺทุตสฺส นิพฺพานสฺส อธิคมาย. ธมฺมาทาสนฺติ ธมฺมภูตํ อาทาสํ. ยถา หิ อาทาโส โอโลเกนฺตสฺส รูปกาเย คุณาคุณํ อาทํเสติ, เอวํ วิปสฺสนาสงฺขาโต ธมฺมานํ สามฺวิเสสาวโพธนโต าณทสฺสนภูโต ธมฺมาทาโส วิปสฺสนฺตสฺส โวทานสํกิเลสธมฺมวิภาวเนน ตปฺปหานสาธเนน จ วิเสสโต นามกาเย คุณํ อาทํเสติ. เตนาห –

‘‘ธมฺมาทาสํ คเหตฺวาน, าณทสฺสนมตฺตโน;

ปจฺจเวกฺขึ อิมํ กายํ, สพฺพํ สนฺตรพาหิร’’นฺติ. –

อิมํ กายํ ธมฺมสมูหํ มม อตฺตภาวํ อชฺฌตฺติกพาหิรายตนภาวโต สนฺตรพาหิรํ สพฺพํ อนวเสสํ ธมฺมาทาสํ คเหตฺวา ‘‘อนิจฺจ’’นฺติปิ ‘‘ทุกฺข’’นฺติปิ ‘‘อนตฺตา’’ติปิ ปติอเวกฺขึ าณจกฺขุนา ปสฺสึ. เอวํ ปสฺสตา จ มยา อชฺฌตฺตฺจ พหิทฺธา จาติ อตฺตโน สนฺตาเน ปรสนฺตาเน จ ตุจฺโฉ กาโย อทิสฺสถ นิจฺจสาราทิวิรหิโต ตุจฺโฉ ขนฺธปฺจกสงฺขาโต อตฺตภาวกาโย าณจกฺขุนา ยาถาวโต อปสฺสิตฺถ. สกลมฺปิ หิ ขนฺธปฺจกํ ‘‘อวิชฺชานิวุตสฺส, ภิกฺขเว, พาลสฺส ตณฺหาสํยุตฺตสฺส เอวมยํ กาโย สมุทาคโต’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๑๙) ‘‘กาโย’’ติ วุจฺจติ. ‘‘อทิสฺสถา’’ติ จ อิมินา ยเทว กาเย ทฏฺพฺพํ, ตํ ทิฏฺํ, น ทานิสฺส กิฺจิ มยา ปสฺสิตพฺพํ อตฺถีติ กตกิจฺจตํ ทสฺเสนฺโต อฺํ พฺยากาสิ. เอวํ เถโร อิมาหิ คาถาหิ ปุราณทุติยิกาย ธมฺมํ เทเสตฺวา ตํ สรเณสุ จ สีเลสุ จ สมฺปติฏฺาเปตฺวา อุยฺโยเชสิ.

ปุณฺณมาสตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. นนฺทกตฺเถรคาถาวณฺณนา

ยถาปิภทฺโท อาชฺโติ อายสฺมโต นนฺทกตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ กโรนฺโต สิขิสฺส ภควโต กาเล ปจฺจนฺตเทเส อุปฺปชฺชิตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต วนจาริโก หุตฺวา วิจรนฺโต เอกทิวสํ สตฺถุ จงฺกมนฏฺานํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต วาลุกา โอกิริ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท จมฺปายํ คหปติกุเล นิพฺพตฺติ, ตสฺส นนฺทโกติ นามํ อกํสุ. เชฏฺกภาตา ปนสฺส ภรโต นาม. ตสฺส ปุพฺพโยโค อนนฺตรวตฺถุสฺมึ อาวิภวิสฺสติ. เต อุโภปิ วิฺุตํ ปตฺวา อายสฺมนฺตํ โสณํ โกฬิวิสํ ปพฺพชิตํ สุตฺวา ‘‘โสโณปิ นาม ตถาสุขุมาโล ปพฺพชิ, กิมงฺคํ ปน มย’’นฺติ ปพฺพชึสุ. เตสุ ภรโต นจิรสฺเสว วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ฉฬภิฺโ อโหสิ. นนฺทโก ปน กิเลสานํ พลวภาเวน ตาว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตุํ นาสกฺขิ, วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรติ เอว. อถสฺส ภรตตฺเถโร อาสยํ ตฺวา อวสฺสโย ภวิตุกาโม ตํ ปจฺฉาสมณํ กตฺวา วิหารโต นิกฺขมิตฺวา มคฺคสมีเป นิสินฺโน วิปสฺสนากถํ กเถสิ.

เตน จ สมเยน สกฏสตฺเถ คจฺฉนฺเต เอโก สกเฏ ยุตฺโต โคโณ จิกฺขลฺลฏฺาเน สกฏํ อุทฺธริตุํ อสกฺโกนฺโต ปริปติ. ตโต นํ สตฺถวาโห สกฏา โมเจตฺวา ติณฺจ ปานียฺจ ทตฺวา ปริสฺสมํ อปเนตฺวา ปุน ธุเร โยเชสิ. ตโต โคโณ วูปสนฺตปริสฺสโม ลทฺธพโล ตํ สกฏํ จิกฺขลฺลฏฺานโต อุทฺธริตฺวา ถเล ปติฏฺาเปสิ. อถ ภรตตฺเถโร นนฺทกสฺส ‘‘ปสฺสสิ โน ตฺวํ, อาวุโส นนฺทก, อิมสฺส กมฺม’’นฺติ ตํ นิทสฺเสตฺวา เตน ‘‘ปสฺสามี’’ติ วุตฺเต ‘‘อิมมตฺถํ สุฏฺุ อุปธาเรหี’’ติ อาห. อิตโร ‘‘ยถายํ โคโณ วูปสนฺตปริสฺสโม ปงฺกฏฺานโต ภารํ อุพฺพหติ, เอวํ มยาปิ สํสารปงฺกโต อตฺตา อุทฺธริตพฺโพ’’ติ ตเมวารมฺมณํ กตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๘.๙๐-๙๕) –

‘‘มิคลุทฺโท ปุเร อาสึ, อรฺเ กานเน อหํ;

วาตมิคํ คเวสนฺโต, จงฺกมํ อทฺทสํ อหํ.

‘‘อุจฺฉงฺเคน ปุลินํ คยฺห, จงฺกเม โอกิรึ อหํ;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, สุคตสฺส สิรีมโต.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ปุลินํ โอกิรึ อหํ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ปุลินสฺส อิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน เชฏฺภาติกสฺส ภรตตฺเถรสฺส สนฺติเก อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๑๗๓.

‘‘ยถาปิ ภทฺโท อาชฺโ, ขลิตฺวา ปติติฏฺติ;

ภิยฺโย ลทฺธาน สํเวคํ, อทีโน วหเต ธุรํ.

๑๗๔.

‘‘เอวํ ทสฺสนสมฺปนฺนํ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาวกํ;

อาชานียํ มํ ธาเรถ, ปุตฺตํ พุทฺธสฺส โอรส’’นฺติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตตฺถ ภิยฺโย ลทฺธาน สํเวคํ, อทีโน วหเต ธุรนฺติ ‘‘มยฺหํ ชาติพลวีริยานํ อนนุจฺฉวิกเมตํ ยทิทํ อาคตสฺส ภารสฺส อวหน’’นฺติ สํเวคํ ลภิตฺวา อทีโน อทีนมานโส อลีนจิตฺโต. ‘‘อลีโน’’ติ วา ปาโ, โส เอว อตฺโถ. ภิยฺโย ปุนปฺปุนํ ภิยฺโยโสมตฺตาย อตฺตโน ธุรํ ภารํ วหเต อุพฺพหติ. เสสํ เหฏฺา รมณียวิหาริตฺเถรสฺส คาถาวณฺณนายํ วุตฺตนยเมว.

นนฺทกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. ภรตตฺเถรคาถาวณฺณนา

เอหิ, นนฺทก, คจฺฉามาติ อายสฺมโต ภรตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร อโนมทสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ มนุฺทสฺสนํ มุทุสุขสมฺผสฺสํ อุปาหนทฺวยํ คเหตฺวา คจฺฉนฺโต สตฺถารํ จงฺกมนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส อุปาหนา อุปนาเมตฺวา, ‘‘อภิรุหตุ ภควา อุปาหนา, ยํ มม อสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ อาห. อภิรุหิ ภควา ตสฺส อนุคฺคณฺหนตฺถํ อุปาหนา. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท จมฺปานคเร คหปติกุเล นิพฺพตฺติ, ภรโตติสฺส นามํ อโหสิ. โส วิฺุตํ ปตฺโต โสณตฺเถรสฺส ปพฺพชิตภาวํ สุตฺวา ‘‘โสปิ นาม ปพฺพชี’’ติ สฺชาตสํเวโค ปพฺพชิตฺวา กตปุพฺพกิจฺโจ วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๘.๗๑-๘๙) –

‘‘อโนมทสฺสี ภควา, โลกเชฏฺโ นราสโภ;

ทิวาวิหารา นิกฺขมฺม, ปถมารุหิ จกฺขุมา.

‘‘ปานธึ สุกตํ คยฺห, อทฺธานํ ปฏิปชฺชหํ;

ตตฺถทฺทสาสึ สมฺพุทฺธํ, ปตฺติกํ จารุทสฺสนํ.

‘‘สกํ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, นีหริตฺวาน ปานธึ;

ปาทมูเล เปตฺวาน, อิทํ วจนมพฺรวึ.

‘‘อภิรูห มหาวีร, สุคตินฺท วินายก;

อิโต ผลํ ลภิสฺสามิ, โส เม อตฺโถ สมิชฺฌตุ.

‘‘อโนมทสฺสี ภควา, โลกเชฏฺโ นราสโภ;

ปานธึ อภิรูหิตฺวา, อิทํ วจนมพฺรวิ.

‘‘โย ปานธึ เม อทาสิ, ปสนฺโน เสหิ ปาณิภิ;

ตมหํ กิตฺตยิสฺสามิ, สุณาถ มม ภาสโต.

‘‘พุทฺธสฺส คิรมฺาย, สพฺเพ เทวา สมาคตา;

อุทคฺคจิตฺตา สุมนา, เวทชาตา กตฺชลี.

‘‘ปานธีนํ ปทาเนน, สุขิโตยํ ภวิสฺสติ;

ปฺจปฺาสกฺขตฺตุฺจ, เทวรชฺชํ กริสฺสติ.

‘‘สหสฺสกฺขตฺตุํ ราชา จ, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ;

ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ.

‘‘อปริเมยฺเย อิโต กปฺเป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘ตสฺส ธมฺเมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;

สพฺพาสเว ปริฺาย, นิพฺพายิสฺสตินาสโว.

‘‘เทวโลเก มนุสฺเส วา, นิพฺพตฺติสฺสติ ปุฺวา;

เทวยานปฏิภาคํ, ยานํ ปฏิลภิสฺสติ.

‘‘ปาสาทา สิวิกา วยฺหํ, หตฺถิโน สมลงฺกตา;

รถา วาชฺสํยุตฺตา, สทา ปาตุภวนฺติ เม.

‘‘อคารา นิกฺขมนฺโตปิ, รเถน นิกฺขมึ อหํ;

เกเสสุ ฉิชฺชมาเนสุ, อรหตฺตมปาปุณึ.

‘‘ลาภา มยฺหํ สุลทฺธํ เม, วาณิชฺชํ สุปฺปโยชิตํ;

ทตฺวาน ปานธึ เอกํ, ปตฺโตมฺหิ อจลํ ปทํ.

‘‘อปริเมยฺเย อิโต กปฺเป, ยํ ปานธิมทาสหํ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ปานธิสฺส อิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา อตฺตโน กนิฏฺภาติเกน นนฺทกตฺเถเรน เหฏฺา วุตฺตนเยน อฺาพฺยากรเณ กเต ‘‘อิทานิ นนฺทโกปิ อรหา ชาโต, หนฺท มยํ อุโภปิ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วุสิตพฺรหฺมจริยตํ นิเวเทสฺสามาติ อุปฺปนฺนํ ปริวิตกฺกํ นนฺทกตฺเถรสฺส กเถนฺโต –

๑๗๕.

‘‘เอหิ นนฺทก คจฺฉาม, อุปชฺฌายสฺส สนฺติกํ;

สีหนาทํ นทิสฺสาม, พุทฺธเสฏฺสฺส สมฺมุขา.

๑๗๖.

‘‘ยาย โน อนุกมฺปาย, อมฺเห ปพฺพาชยี มุนิ;

โส โน อตฺโถ อนุปฺปตฺโต, สพฺพสํโยชนกฺขโย’’ติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตตฺถ นนฺทกาติ อาลปนํ. เอหีติ ตสฺส อตฺตโน สนฺติกกรณํ. คจฺฉามาติ เตน อตฺตนา จ เอกชฺฌํ กาตพฺพกิริยาวจนํ, อุปชฺฌายสฺสาติ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส, สมฺมาสมฺพุทฺโธ หิ สมนฺตจกฺขุนา พุทฺธจกฺขุนา จ สตฺตานํ อาสยานุสยจริตาทีนํ ยถาภูตวิโลกเนน สเทวกสฺส โลกสฺส วชฺชาวชฺชํ อุปนิชฺฌายตีติ วิเสสโต อุปชฺฌาโยติ วตฺตพฺพตํ อรหติ. ยทตฺถํ คมนํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สีหนาทํ นทิสฺสาม, พุทฺธเสฏฺสฺส สมฺมุขา’’ติ อาห. ยถาภุจฺจคุณาภิพฺยาหารตาย อภีตนาทภาวโต สีหนาทํ พุทฺธสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ตโต เอว สพฺพสตฺตุตฺตมตาย เสฏฺสฺส, พุทฺธานํ วา สาวกพุทฺธาทีนํ เสฏฺสฺส สมฺมุขา ปุรโต นทิสฺสามาติ อตฺโถ.

ยถา ปน สีหนาทํ นทิตุกาโม, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยายา’’ติ คาถมาห. ตตฺถ ยายาติ ยทตฺถํ, ยาย ยทตฺถานุปฺปตฺติยาติ อตฺโถ. โนติ อมฺหากํ. อนุกมฺปายาติ อนุคฺคณฺหเนน อมฺเห ทฺเวปิ ปพฺพาชยิ ปพฺพาเชสิ. มุนีติ ภควา. โส โน อตฺโถ อนุปฺปตฺโตติ โส อตฺโถ สพฺเพสํ สํโยชนานํ ขยภูตํ อรหตฺตผลํ โน อมฺเหหิ อนุปฺปตฺโต, อธิคโตติ อตฺโถ.

ภรตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. ภารทฺวาชตฺเถรคาถาวณฺณนา

นทนฺติ เอวํ สปฺปฺาติ อายสฺมโต ภารทฺวาชตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต อิโต เอกตึเส กปฺเป กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สุมนํ นาม ปจฺเจกพุทฺธํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ปริปกฺกํ วลฺลิการผลํ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา โคตฺตนาเมน ภารทฺวาโชตฺเวว ปฺายิตฺถ. โส วยปฺปตฺโต ฆราวาสํ วสนฺโต เอกปุตฺตํ ลภิ. ตสฺส ‘‘กณฺหทินฺโน’’ติ นามํ อกาสิ. ตสฺส วิฺุตํ ปตฺตกาเล ‘‘ตาต, อสุกสฺส นาม อาจริยสฺส สนฺติเก สิปฺปํ สิกฺขิตฺวา เอหี’’ติ ตํ ตกฺกสิลํ เปเสสิ. โส คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค สตฺถุ สาวกํ อฺตรํ มหาเถรํ กลฺยาณมิตฺตํ ลภิตฺวา ตสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา กตปุพฺพกิจฺโจ วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๘.๖๖-๗๐) –

‘‘สุมโน นาม สมฺพุทฺโธ, ตกฺกรายํ วสี ตทา;

วลฺลิการผลํ คยฺห, สยมฺภุสฺส อทาสหํ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อถสฺส ปิตา ภารทฺวาโช เวฬุวเน วิหรนฺตํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปพฺพชิตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. อถ ปุตฺโต สตฺถารํ วนฺทิตุํ ราชคหํ อาคโต สตฺถุ สนฺติเก นิสินฺนํ ปิตรํ ทิสฺวา ตุฏฺจิตฺโต ‘‘ปิตาปิ โข เม ปพฺพชิโต, กึ นุ โข เตน ปพฺพชฺชากิจฺจํ มตฺถกํ ปาปิต’’นฺติ วีมํสนฺโต ขีณาสวภาวํ ตฺวา ตํ สีหนาทํ นทาเปตุกาโม, ‘‘สาธุ, โข ตุมฺเหหิ กตํ ปพฺพชนฺเตหิ, ปพฺพชฺชากิจฺจํ ปน มตฺถกํ ปาปิต’’นฺติ ปุจฺฉิ. ภารทฺวาโช ปุตฺตสฺส อธิคมํ ทีเปนฺโต –

๑๗๗.

‘‘นทนฺติ เอวํ สปฺปฺา, สีหาว คิริคพฺภเร;

วีรา วิชิตสงฺคามา, เชตฺวา มารํ สวาหนํ.

๑๗๘.

‘‘สตฺถา จ ปริจิณฺโณ เม, ธมฺโม สงฺโฆ จ ปูชิโต;

อหฺจ วิตฺโต สุมโน, ปุตฺตํ ทิสฺวา อนาสว’’นฺติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตตฺถ นทนฺตีติ ยถาภุจฺจคุณาภิพฺยาหารวเสน อภีตนาทํ นทนฺติ คชฺชนฺติ. เอวนฺติ อิทานิ วตฺตพฺพาการทสฺสนํ. สปฺปฺาติ อคฺคมคฺคปฺาธิคเมน สพฺพปฺาธิคเมน สพฺพปฺาเวปุลฺลปฺปตฺตา. วีราติ จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานวีริยสมฺปนฺนตาย วีรา, ตโต เอว อนวเสสสํกิเลสปกฺขนิมฺมถเนน สวาหนํ กิเลสมารํ อภิสงฺขารมารํ เทวปุตฺตมารฺจ เชตฺวา สพฺพโส วิชิตสงฺคามา นทนฺติ สปฺปฺาติ สมฺพนฺโธ.

เอวํ วิเชตพฺพวิชเยน สีหนาทํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อาราเธตพฺพสมาราธเนน อิจฺฉิตพฺพสิทฺธิยา จ ตํ ทสฺเสตุํ, ‘‘สตฺถา จ ปริจิณฺโณ เม’’ติ ทุติยํ คาถมาห. ตตฺถ สตฺถา จ ปริจิณฺโณ เมติ มม สตฺถา สมฺมาสมฺพุทฺโธ ยถานุสิฏฺํ โอวาทานุสาสนีกรเณน มยา ปริจิณฺโณ อุปาสิโต, น ธมฺมาธิกรณํ วิโสสิโตติ อธิปฺปาโย. ธมฺโม สงฺโฆ จ ปูชิโตติ นววิโธปิ โลกุตฺตรธมฺโม, ยถาปฏิปตฺติยาคตมคฺคานุปฺปตฺติยา สีลทิฏฺิสามฺคมเนน อริยสงฺโฆ จ มยา ปูชิโต มานิโต. อหฺจ วิตฺโต สุมโน, ปุตฺตํ ทิสฺวา อนาสวนฺติ มม ปุตฺตํ อนาสวํ สพฺพโส ขีณาสวํ ทิสฺวา ทสฺสนเหตุ อหมฺปิ วิตฺโต นิรามิสาย ปีติยา ตุฏฺโ, ตโตเยว นิรามิเสน โสมนสฺเสน สุมโน ชาโตติ อตฺโถ.

ภารทฺวาชตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. กณฺหทินฺนตฺเถรคาถาวณฺณนา

อุปาสิตาสปฺปุริสาติ อายสฺมโต กณฺหทินฺนตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต อิโต จตุนวุเต กปฺเป กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ โสภิตํ นาม ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต ปุนฺนาคปุปฺเผหิ ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา กณฺหทินฺโนติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา โจทิยมาโน ธมฺมเสนาปตึ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๘.๖๑-๖๕) –

‘‘โสภิโต นาม สมฺพุทฺโธ, จิตฺตกูเฏ วสี ตทา;

คเหตฺวา คิริปุนฺนาคํ, สยมฺภุํ อภิปูชยึ.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ พุทฺธมภิปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๑๗๙.

‘‘อุปาสิตา สปฺปุริสา, สุตา ธมฺมา อภิณฺหโส;

สุตฺวาน ปฏิปชฺชิสฺสํ, อฺชสํ อมโตคธํ.

๑๘๐.

‘‘ภวราคหตสฺส เม สโต, ภวราโค ปุน เม น วิชฺชติ;

น จาหุ น จ เม ภวิสฺสติ, น จ เม เอตรหิ วิชฺชตี’’ติ. –

คาถาทฺวยํ อภาสิ.

ตตฺถ อุปาสิตาติ ปริจริตา ปฏิปตฺติปยิรุปาสนาย ปยิรุปาสิตา. สปฺปุริสาติ สนฺเตหิ สีลาทิคุเณหิ สมนฺนาคตา ปุริสา, อริยปุคฺคลา สาริปุตฺตตฺเถราทโย. เอเตน ปุริมจกฺกทฺวยสมฺปตฺติมตฺตโน ทสฺเสติ. น หิ ปติรูปเทสวาเสน วินา สปฺปุริสูปนิสฺสโย สมฺภวติ. สุตา ธมฺมาติ สจฺจปฏิจฺจสมุปฺปาทาทิปฏิสํยุตฺตธมฺมา โสตทฺวารานุสาเรน อุปธาริตา. เอเตน อตฺตโน พาหุสจฺจํ ทสฺเสนฺโต ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสมฺปตฺตึ ทสฺเสติ. อภิณฺหโสติ พหุโส น กาเลน กาลํ. อิทฺจ ปทํ ‘‘อุปาสิตา สปฺปุริสา’’ติ เอตฺถาปิ โยเชตพฺพํ. สุตฺวาน ปฏิปชฺชิสฺสํ, อฺชสํ อมโตคธนฺติ เต ธมฺเม สุตฺวา ตตฺถ วุตฺตรูปารูปธมฺเม สลกฺขณาทิโต ปริคฺคเหตฺวา อนุกฺกเมน วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อมโตคธํ นิพฺพานปติฏฺํ ตํสมฺปาปกํ อฺชสํ อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ ปฏิปชฺชึ ปาปุณึ.

ภวราคหตสฺสเม สโตติ ภวราเคน ภวตณฺหาย อนาทิมติ สํสาเร หตสฺส อุปทฺทุตสฺส มม สโต สมานสฺส, อคฺคมคฺเคน วา หตภวราคสฺส. ภวราโค ปุน เม น วิชฺชตีติ ตโต เอว ปุน อิทานิ ภวราโค เม นตฺถิ. น จาหุ น เม ภวิสฺสติ, น จ เม เอตรหิ วิชฺชตีติ ยทิปิ ปุพฺเพ ปุถุชฺชนกาเล เสกฺขกาเล จ เม ภวราโค อโหสิ, อคฺคมคฺคปฺปตฺติโต ปน ปฏฺาย น จาหุ น จ อโหสิ, อายติมฺปิ น เม ภวิสฺสติ, เอตรหิ อธุนาปิ น จ เม วิชฺชติ น จ อุปลพฺภติ, ปหีโนติ อตฺโถ. ภวราควจเนเนว เจตฺถ ตเทกฏฺตาย มานาทีนมฺปิ อภาโว วุตฺโตติ สพฺพโส ปริกฺขีณภวสํโยชนตํ ทสฺเสติ.

กณฺหทินฺนตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ตติยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. จตุตฺถวคฺโค

๑. มิคสิรตฺเถรคาถาวณฺณนา

ยโตอหํ ปพฺพชิโตติ อายสฺมโต มิคสิรตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต กุสฏฺกํ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โกสลรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา มิคสิรนกฺขตฺเตน ชาตตฺตา มิคสิโรติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต พฺราหฺมณานํ วิชฺชาสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คโต ฉวสีสมนฺตํ นาม สิกฺขิ, ยํ ปริชปฺเปตฺวา ติวสฺสมตฺถเก มตานมฺปิ สีสํ นเขน อาโกเฏตฺวา ‘‘อยํ สตฺโต อสุกฏฺาเน นิพฺพตฺโต’’ติ ชานาติ.

โส ฆราวาสํ อนิจฺฉนฺโต ปริพฺพาชกปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ตํ วิชฺชํ นิสฺสาย โลเกน สกฺกโต ครุกโต ลาภี หุตฺวา วิจรนฺโต สาวตฺถึ อุปคโต สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา อตฺตโน อานุภาวํ ปกาเสนฺโต – ‘‘อหํ, โภ โคตม, มตานํ นิพฺพตฺตฏฺานํ ชานามี’’ติ วตฺวา, ‘‘กถํ ปน ตฺวํ ชานาสี’’ติ วุตฺเต, ‘‘ฉวสีสานิ อาหราเปตฺวา มนฺตํ ปริชปฺเปตฺวา นเขน สีสํ อาโกเฏนฺโต นิรยาทิกํ เตหิ เตหิ นิพฺพตฺตฏฺานํ ชานามี’’ติ กเถสิ. อถสฺส ภควา ปรินิพฺพุตสฺส ภิกฺขุโน สีสกปาลํ อาหราเปตฺวา, ‘‘กเถหิ ตาว ตสฺส คตึ, ยสฺสิทํ สีสกปาล’’นฺติ อาห. โส ตํ กปาลํ มนฺตํ ปริชปฺเปตฺวา นเขน อาโกเฏตฺวา เนว อนฺตํ น โกฏึ ปสฺสติ. อถ สตฺถารา, ‘‘น สกฺโกสิ ปริพฺพาชกา’’ติ วุตฺเต , ‘‘อุปปริกฺขิสฺสามิ ตาวา’’ติ วตฺวา ปุนปฺปุนํ ปริวตฺเตนฺโตปิ น ปสฺสเตว. พาหิรกมนฺเตน หิ ขีณาสวสฺส คตึ กถํ ชานิสฺสติ, อถสฺส มตฺถกโต กจฺเฉหิ จ เสโท มุจฺจิ. โส ลชฺชิตฺวา ตุณฺหีภูโต อฏฺาสิ. สตฺถา ‘‘กิลมสิ ปริพฺพาชกา’’ติ อาห. โส ‘‘อาม, กิลมามิ, น อิมสฺส คตึ ชานามิ, ตุมฺเห ปน ชานาถา’’ติ. ‘‘อหํ เอตํ ชานามิ, อิโต อุตฺตริตรมฺปิ ชานามี’’ติ วตฺวา ‘‘นิพฺพานํ คโต โส’’ติ อาห. ปริพฺพาชโก ‘‘อิมํ วิชฺชํ มยฺหํ เทถา’’ติ อาห. ‘‘เตน หิ ปพฺพชา’’ติ วตฺวา ตํ ปพฺพาเชตฺวา ปมํ สมถกมฺมฏฺาเน นิโยเชตฺวา ฌานาภิฺาสุ ปติฏฺิตสฺส วิปสฺสนาย กมฺมํ อุปทิสิ. โส วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๘.๕๖-๖๐) –

‘‘กสฺสปสฺส ภควโต, พฺราหฺมณสฺส วุสีมโต;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, กุสฏฺกมทาสหํ.

‘‘อิมสฺมึเยว กปฺปสฺมึ, กุสฏฺกมทาสหํ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, กุสฏฺกสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๑๘๑.

‘‘ยโต อหํ ปพฺพชิโต, สมฺมาสมฺพุทฺธสาสเน;

วิมุจฺจมาโน อุคฺคจฺฉึ, กามธาตุํ อุปจฺจคํ.

๑๘๒.

‘‘พฺรหฺมุโน เปกฺขมานสฺส, ตโต จิตฺตํ วิมุจฺจิ เม;

อกุปฺปา เม วิมุตฺตีติ, สพฺพสํโยชนกฺขยา’’ติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตตฺถ ยโต อหํ ปพฺพชิโต, สมฺมาสมฺพุทฺธสาสเนติ ยโต ปภุติ อหํ ปพฺพชิโต พุทฺธสฺส ภควโต สาสเน, ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย. วิมุจฺจมาโน อุคฺคจฺฉินฺติ สํกิเลสปกฺขโต ปมํ ตาว สมถวิปสฺสนาหิ วิมุจฺจมาโน โวทานธมฺมสวเนน อุฏฺหึ. เอวํ อุคฺคจฺฉนฺโต กามธาตุํ อุปจฺจคํ อนาคามิมคฺเคน อจฺจนฺตเมว กามธาตุํ อติกฺกมึ.

พฺรหฺมุโน เปกฺขมานสฺส, ตโต จิตฺตํ วิมุจฺจิ เมติ สเทวกสฺส โลกสฺส อคฺคภูตตฺตา เสฏฺฏฺเน พฺรหฺมุโน พุทฺธสฺส ภควโต มหากรุณาโยเคน ‘‘อยํ กุลปุตฺโต มม สาสเน ปพฺพชิตฺวา กถํ นุ โข ปฏิปชฺชตี’’ติ เปกฺขนฺตสฺส ตโต อนาคามิมคฺคาธิคมโต ปจฺฉา อคฺคมคฺคาธิคเมน มม จิตฺตํ สพฺพสํกิเลสโต อจฺจนฺตเมว มุจฺจิ. อกุปฺปาเม วิมุตฺตีติ, สพฺพสํโยชนกฺขยาติ ตถาวิมุตฺตจิตฺตตฺตา เอว สพฺเพสํ สํโยชนานํ ขยา ปริกฺขยา อิติ เอวํ อกุปฺปา เม วิมุตฺตีติ อฺํ พฺยากาสิ.

มิคสิรตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. สิวกตฺเถรคาถาวณฺณนา

อนิจฺจานิคหกานีติ อายสฺมโต สิวกตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ ภควนฺตํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ปสฺสิตฺวา ปสนฺนมานโส ปตฺตํ อาทาย กุมฺมาสสฺส ปูเรตฺวา อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ, สิวโกติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต วิชฺชาสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คโต เนกฺขมฺมชฺฌาสยตาย กาเม ปหาย ปริพฺพาชกปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา วิจรนฺโต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๖.๑๑๗-๑๒๑) –

‘‘เอสนาย จรนฺตสฺส, วิปสฺสิสฺส มเหสิโน;

ริตฺตกํ ปตฺตํ ทิสฺวาน, กุมฺมาสํ ปูรยึ อหํ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ภิกฺขมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, กุมฺมาสสฺส อิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๑๘๓.

‘‘อนิจฺจานิ คหกานิ, ตตฺถ ตตฺถ ปุนปฺปุนํ;

คหการํ คเวสนฺโต, ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนํ.

๑๘๔.

‘‘คหการก ทิฏฺโสิ, ปุน เคหํ น กาหสิ;

สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคา, ถูณิกา จ วิทาลิตา;

วิมริยาทิกตํ จิตฺตํ, อิเธว วิธมิสฺสตี’’ติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตตฺถ อนิจฺจานิ คหกานิ, ตตฺถ ตตฺถ ปุนปฺปุนนฺติ ตสฺมึ ตสฺมึ ภเว ปุนปฺปุนํ นิพฺพตฺตมานานิ คหกานิ อตฺตภาวเคหานิ น นิพฺพานิ อนวฏฺิตานิ อิตฺตรานิ ปริตฺตกาลานิ. คหการํ คเวสนฺโตติ อิมสฺส อตฺตภาวเคหสฺส การกํ ตณฺหาวฑฺฒกึ ปริเยสนฺโต เอตฺตกํ กาลํ อนุวิจรินฺติ อธิปฺปาโย. ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนนฺติ อิทํ คหการกคเวสนสฺส การณวจนํ . ยสฺมา ชราพฺยาธิมรณมิสฺสตาย ชาติ นาเมสา ปุนปฺปุนํ อุปคนฺตุํ ทุกฺขา, น จ สา ตสฺมึ อทิฏฺเ นิวตฺตติ, ตสฺมา ตํ คเวสนฺโต วิจรินฺติ อตฺโถ.

คหการกทิฏฺโสีติ อิทานิ ปน เยน โส สกฺกา ทฏฺุํ, เตน อริยมคฺคาณจกฺขุนา คหการก ทิฏฺโ อสิ. ปุน เคหนฺติ ปุน อิมสฺมึ สํสารวฏฺเฏ อตฺตภาวสงฺขาตํ มม เคหํ น กาหสิ น กริสฺสสิ. สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคาติ ตว สพฺพา อนวเสสกิเลสผาสุกา มยา ภคฺคา. ถูณิกา จ วิทาลิตาติ อิทานิ ตยา กาตพฺพสฺส อตฺตภาวเคหสฺส อวิชฺชาสงฺขาตา กณฺณิกา จ ภินฺนา. วิมริยาทิกตํ จิตฺตนฺติ มม จิตฺตํ วิคตนฺตํ กตํ, อายตึ อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปาทิตํ. ตโต เอว อิเธว วิธมิสฺสติ อิมสฺมึเยว ภเว วิทฺธํสิสฺสติ, จริมกจิตฺตนิโรเธน นิรุชฺฌิสฺสตีติ อตฺโถ.

สิวกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. อุปวาณตฺเถรคาถาวณฺณนา

อรหํ สุคโตติ อายสฺมโต อุปวาณตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล ทลิทฺทกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต ภควติ ปรินิพฺพุเต ตสฺส ธาตุํ คเหตฺวา มนุสฺสเทวนาคครุฬกุมฺภณฺฑยกฺขคนฺธพฺเพหิ สตฺตรตนมเย สตฺตโยชนิเก ถูเป กเต ตตฺถ สุโธตํ อตฺตโน อุตฺตราสงฺคํ เวฬคฺเค อาพนฺธิตฺวา ธชํ กตฺวา ปูชํ อกาสิ. ตํ คเหตฺวา อภิสมฺมตโก นาม ยกฺขเสนาปติ เทเวหิ เจติยปูชารกฺขณตฺถํ ปิโต อทิสฺสมานกาโย อากาเส ธาเรนฺโต เจติยํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ อกาสิ. โส ตํ ทิสฺวา ภิยฺโยโสมตฺตาย ปสนฺนมานโส อโหสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา อุปวาโณติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต เชตวนปฏิคฺคหเณ พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต อรหตฺตํ ปตฺวา ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๖.๑๒๒-๑๗๘) –

‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, สพฺพธมฺมาน ปารคู;

ชลิตฺวา อคฺคิกฺขนฺโธว, สมฺพุทฺโธ ปรินิพฺพุโต.

‘‘มหาชนา สมาคมฺม, ปูชยิตฺวา ตถาคตํ;

จิตฺตํ กตฺวาน สุคตํ, สรีรํ อภิโรปยุํ.

‘‘สรีรกิจฺจํ กตฺวาน, ธาตุํ ตตฺถ สมานยุํ;

สเทวมนุสฺสา สพฺเพ, พุทฺธถูปํ อกํสุ เต.

‘‘ปมา กฺจนมยา, ทุติยา จ มณิมยา;

ตติยา รูปิยมยา, จตุตฺถี ผลิกามยา.

‘‘ตตฺถ ปฺจมิกา เจว, โลหิตงฺกมยา อหุ;

ฉฏฺา มสารคลฺลสฺส, สพฺพํ รตนมยูปริ.

‘‘ชงฺฆา มณิมยา อาสิ, เวทิกา รตนามยา;

สพฺพโสณฺณมโย ถูโป, อุทฺธํ โยชนมุคฺคโต.

‘‘เทวา ตตฺถ สมาคนฺตฺวา, เอกโต มนฺตยุํ ตทา;

มยมฺปิ ถูปํ กสฺสาม, โลกนาถสฺส ตาทิโน.

‘‘ธาตุ อาเวณิกา นตฺถิ, สรีรํ เอกปิณฺฑิตํ;

อิมมฺหิ พุทฺธถูปมฺหิ, กสฺสาม กฺจุกํ มยํ.

‘‘เทวา สตฺตหิ รตฺเนหิ, อฺํ วฑฺเฒสุํ โยชนํ;

ถูโป ทฺวิโยชนุพฺเพโธ, ติมิรํ พฺยปหนฺติ โส.

‘‘นาคา ตตฺถ สมาคนฺตฺวา, เอกโต มนฺตยุํ ตทา;

มนุสฺสา เจว เทวา จ, พุทฺธถูปํ อกํสุ เต.

‘‘มา โน ปมตฺตา อสฺสุมฺห, อปฺปมตฺตา สเทวกา;

มยมฺปิ ถูปํ กสฺสาม, โลกนาถสฺส ตาทิโน.

‘‘อินฺทนีลํ มหานีลํ, อโถ โชติรสํ มณึ;

เอกโต สนฺนิปาเตตฺวา, พุทฺธถูปํ อฉาทยุํ.

‘‘สพฺพํ มณิมยํ อาสิ, ยาวตา พุทฺธเจติยํ;

ติโยชนสมุพฺเพธํ, อาโลกกรณํ ตทา.

‘‘ครุฬา จ สมาคนฺตฺวา, เอกโต มนฺตยุํ ตทา;

มนุสฺสา เทวนาคา จ, พุทฺธปูชํ อกํสุ เต.

‘‘มา โน ปมตฺตา อสฺสุมฺห, อปฺปมตฺตา สเทวกา;

มยมฺปิ ถูปํ กสฺสาม, โลกนาถสฺส ตาทิโน.

‘‘สพฺพํ มณิมยํ ถูปํ, อกรุํ เต จ กฺจุกํ;

โยชนํ เตปิ วฑฺเฒสุํ, อายตํ พุทฺธเจติยํ.

‘‘จตุโยชนมุพฺเพโธ, พุทฺธถูโป วิโรจติ;

โอภาเสติ ทิสา สพฺพา, สตรํสีว อุคฺคโต.

‘‘กุมฺภณฺฑา จ สมาคนฺตฺวา, เอกโต มนฺตยุํ ตทา;

มนุสฺสา เจว เทวา จ, นาคา จ ครุฬา ตถา.

‘‘ปจฺเจกํ พุทฺธเสฏฺสฺส, อกํสุ ถูปมุตฺตมํ;

มา โน ปมตฺตา อสฺสุมฺห, อปฺปมตฺตา สเทวกา.

‘‘มยมฺปิ ถูปํ กสฺสาม, โลกนาถสฺส ตาทิโน;

รตเนหิ ฉาเทสฺสาม, อายตํ พุทฺธเจติยํ.

‘‘โยชนํ เตปิ วฑฺเฒสุํ, อายตํ พุทฺธเจติยํ;

ปฺจโยชนมุพฺเพโธ, ถูโป โอภาสเต ตทา.

‘‘ยกฺขา ตตฺถ สมาคนฺตฺวา, เอกโต มนฺตยุํ ตทา;

มนุสฺสา เทวนาคา จ, ครุฬา จ กุมฺภณฺฑกา.

‘‘ปจฺเจกํ พุทฺธเสฏฺสฺส, อกํสุ ถูปมุตฺตมํ;

มา โน ปมตฺตา อสฺสุมฺห, อปฺปมตฺตา สเทวกา.

‘‘มยมฺปิ ถูปํ กสฺสาม, โลกนาถสฺส ตาทิโน;

ผลิกา ฉาทยิสฺสาม, อายตํ พุทฺธเจติยํ.

‘‘โยชนํ เตปิ วฑฺเฒสุํ, อายตํ พุทฺธเจติยํ;

ฉโยชนิกมุพฺเพโธ, ถูโป โอภาสเต ตทา.

‘‘คนฺธพฺพา จ สมาคนฺตฺวา, เอกโต มนฺตยุํ ตทา;

มนุชา เทวตา นาคา, กุมฺภณฺฑา ครุฬา ตถา.

‘‘สพฺเพ อกํสุ พุทฺธถูปํ, มยเมตฺถ อการกา;

มยมฺปิ ถูปํ กสฺสาม, โลกนาถสฺส ตาทิโน.

‘‘เวทิโย สตฺต กตฺวาน, ธชํ ฉตฺตํ อกํสุ เต;

สพฺพโสณฺณมยํ ถูปํ, คนฺธพฺพา การยุํ ตทา.

‘‘สตฺตโยชนมุพฺเพโธ, ถูโป โอภาสเต ตทา;

รตฺตินฺทิวา น ายนฺติ, อาโลโก โหติ สพฺพทา.

‘‘อภิโภนฺติ น ตสฺสาภา, จนฺทสูรา สตารกา;

สมนฺตา โยชนสเต, ปทีโปปิ น ปชฺชลิ.

‘‘เตน กาเลน เย เกจิ, ถูปํ ปูเชนฺติ มานุสา;

น เต ถูปํ อารุหนฺติ, อมฺพเร อุกฺขิปนฺติ เต.

‘‘เทเวหิ ปิโต ยกฺโข, อภิสมฺมตนามโก;

ธชํ วา ปุปฺผทามํ วา, อภิโรเปติ อุตฺตรึ.

‘‘น เต ปสฺสนฺติ ตํ ยกฺขํ, ทามํ ปสฺสนฺติ คจฺฉโต;

เอวํ ปสฺสิตฺวา คจฺฉนฺตา, สพฺเพ คจฺฉนฺติ สุคฺคตึ.

‘‘วิรุทฺธา เย ปาวจเน, ปสนฺนา เย จ สาสเน;

ปาฏิหีรํ ทฏฺุกามา, ถูปํ ปูเชนฺติ มานุสา.

‘‘นคเร หํสวติยา, อโหสึ ภตโก ตทา;

อาโมทิตํ ชนํ ทิสฺวา, เอวํ จินฺเตสหํ ตทา.

‘‘อุฬาโร ภควา เนโส, ยสฺส ธาตุฆเร ทิสํ;

อิมา จ ชนตา ตุฏฺา, การํ กุพฺพํ น ตปฺปเร.

‘‘อหมฺปิ การํ กสฺสามิ, โลกนาถสฺส ตาทิโน;

ตสฺส ธมฺเมสุ ทายาโท, ภวิสฺสามิ อนาคเต.

‘‘สุโธตํ รชเกนาหํ, อุตฺตเรยฺยํ ปฏํ มม;

เวฬคฺเค อาลคฺเคตฺวาน, ธชํ อุกฺขิปิมมฺพเร.

‘‘อภิสมฺมตโก คยฺห, อมฺพเร หาสิ เม ธชํ;

วาเตริตํ ธชํ ทิสฺวา, ภิยฺโย หาสํ ชเนสหํ.

‘‘ตตฺถ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, สมณํ อุปสงฺกมึ;

ตํ ภิกฺขุํ อภิวาเทตฺวา, วิปากํ ปุจฺฉหํ ธเช.

‘‘โส เม กเถสิ อานนฺที, ปีติสฺชนนํ มม;

ตสฺส ธชสฺส วิปากํ, อนุโภสฺสสิ สพฺพทา.

‘‘หตฺถิอสฺสรถาปตฺตี, เสนา จ จตุรงฺคินี;

ปริวาเรสฺสนฺติ ตํ นิจฺจํ, ธชทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘สฏฺิตูริยสหสฺสานิ, เภริโย สมลงฺกตา;

ปริวาเรสฺสนฺติ ตํ นิจฺจํ, ธชทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘ฉฬสีติ สหสฺสานิ, นาริโย สมลงฺกตา;

วิจิตฺตวตฺถาภรณา, อามุกฺกมณิกุณฺฑลา.

‘‘อฬารปมฺหา หสุลา, สุสฺา ตนุมชฺฌิมา;

ปริวาเรสฺสนฺติ ตํ นิจฺจํ, ธชทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘ตึสกปฺปสหสฺสานิ, เทวโลเก รมิสฺสสิ;

อสีติกฺขตฺตุํ เทวินฺโท, เทวรชฺชํ กริสฺสสิ.

‘‘สหสฺสกฺขตฺตุํ ราชา จ, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ;

ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ.

‘‘กปฺปสตสหสฺสมฺหิ, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘เทวโลกา จวิตฺวาน, สุกฺกมูเลน โจทิโต;

ปุฺกมฺเมน สฺุตฺโต, พฺรหฺมพนฺธุ ภวิสฺสสิ.

‘‘อสีติโกฏึ ฉฑฺเฑตฺวา, ทาเส กมฺมกเร พหู;

โคตมสฺส ภควโต, สาสเน ปพฺพชิสฺสสิ.

‘‘อาราธยิตฺวา สมฺพุทฺธํ, โคตมํ สกฺยปุงฺควํ;

อุปวาโณติ นาเมน, เหสฺสสิ สตฺถุ สาวโก.

‘‘สตสหสฺเส กตํ กมฺมํ, ผลํ ทสฺเสสิ เม อิธ;

สุมุตฺโต สรเวโคว, กิเลเส ฌาปยึ มม.

‘‘จกฺกวตฺติสฺส สนฺตสฺส, จาตุทฺทีปิสฺสรสฺส เม;

ตีณิ โยชนานิ สามนฺตา, อุสฺสียนฺติ ธชา สทา.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ธชทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อถายสฺมา อุปวาโณ ภควโต อุปฏฺาโก อโหสิ. เตน จ สมเยน ภควโต วาตาพาโธ อุปฺปชฺชิ. เถรสฺส จ คิหิสหาโย เทวหิโต นาม พฺราหฺมโณ สาวตฺถิยํ ปฏิวสติ. โส เถรํ จตูหิ ปจฺจเยหิ ปเวเทสิ. อถายสฺมา อุปวาโณ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ตสฺส พฺราหฺมณสฺส นิเวสนํ อุปคจฺฉิ. พฺราหฺมโณ ‘‘เกนจิ อฺเน ปโยชเนน เถโร อาคโต’’ติ ตฺวา, ‘‘วเทยฺยาถ, ภนฺเต, เกนตฺโถ’’ติ อาห. เถโร ตสฺส พฺราหฺมณสฺส ปโยชนํ อาจิกฺขนฺโต –

๑๘๕.

‘‘อรหํ สุคโต โลเก, วาเตหาพาธิโก มุนิ;

สเจ อุณฺโหทกํ อตฺถิ, มุนิโน เทหิ พฺราหฺมณ.

๑๘๖.

‘‘ปูชิโต ปูชเนยฺยานํ, สกฺกเรยฺยาน สกฺกโต;

อปจิโตปเจยฺยานํ, ตสฺส อิจฺฉามิ หาตเว’’ติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตสฺสตฺโถ – โย อิมสฺมึ โลเก ปูชเนยฺยานํ ปูเชตพฺเพหิ สกฺกาทีหิ เทเวหิ มหาพฺรหฺมาทีหิ จ พฺรหฺเมหิ ปูชิโต, สกฺกเรยฺยานํ สกฺกาตพฺเพหิ พิมฺพิสารโกสลราชาทีหิ สกฺกโต, อปเจยฺยานํ อปจายิตพฺเพหิ มเหสีหิ ขีณาสเวหิ อปจิโต, กิเลเสหิ อารกตฺตาทินา อรหํ, โสภนคมนาทินา สุคโต สพฺพฺู มุนิ มยฺหํ สตฺถา เทวเทโว สกฺกานํ อติสกฺโก พฺรหฺมานํ อติพฺรหฺมา, โส ทานิ วาเตหิ วาตเหตุ วาตกฺโขภนิมิตฺตํ อาพาธิโก ชาโต. สเจ, พฺราหฺมณ, อุณฺโหทกํ อตฺถิ, ตสฺส วาตาพาธวูปสมนตฺถํ ตํ หาตเว อุปเนตุํ อิจฺฉามีติ. ตํ สุตฺวา พฺราหฺมโณ อุณฺโหทกํ ตทนุรูปํ วาตารหฺจ เภสชฺชํ ภควโต อุปนาเมสิ. เตน จ สตฺถุ โรโค วูปสมิ. ตสฺส ภควา อนุโมทนํ อกาสีติ.

อุปวาณตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. อิสิทินฺนตฺเถรคาถาวณฺณนา

ทิฏฺามยาติ อายสฺมโต อิสิทินฺนตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ กโรนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต พีชนึ คเหตฺวา โพธิยา ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สุนาปรนฺตชนปเท เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺติตฺวา อิสิทินฺโนติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต สตฺถุ จนฺทนมาฬปฏิคฺคหเณ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา โสตาปนฺโน หุตฺวา อคารํ อชฺฌาวสติ. ตสฺส หิตานุกมฺปินี เทวตา ตํ โจเทนฺตี –

๑๘๗.

‘‘ทิฏฺา มยา ธมฺมธรา อุปาสกา, กามา อนิจฺจา อิติ ภาสมานา;

สารตฺตรตฺตา มณิกุณฺฑเลสุ, ปุตฺเตสุ ทาเรสุ จ เต อเปกฺขา.

๑๘๘.

‘‘อทฺธา น ชานนฺติ ยโตธ ธมฺมํ, กามา อนิจฺจา อิติ จาปิ อาหุ;

ราคฺจ เตสํ น พลตฺถิ เฉตฺตุํ, ตสฺมา สิตา ปุตฺตทารํ ธนฺจา’’ติ. –

คาถาทฺวยมภาสิ.

ตตฺถ ทิฏฺา มยา ธมฺมธรา อุปาสกา, กามา อนิจฺจา อิติ ภาสมานาติ อิเธกจฺเจ ปริยตฺติธมฺมธรา อุปาสกา มยา ทิฏฺา, ปริยตฺติธมฺมธรตฺตา เอว ‘‘กามา นาเมเต อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา’’ติ กาเมสุ อาทีนวปฏิสํยุตฺตํ ธมฺมํ ภาสมานา, สยํ ปน สารตฺตรตฺตา มณิกุณฺฑเลสุ, ปุตฺเตสุ ทาเรสุ จ เต อเปกฺขาติ สารตฺตา หุตฺวา พหลราครตฺตา มณีสุ กุณฺฑเลสุ จ, มณิจิเตสุ วา กุณฺฑเลสุ, ปุตฺเตสุ ปุตฺตธีตาสุ ทาเรสุ จ อธิคตสฺเนหา, อฺํ ภณนฺตา อฺํ กโรนฺตา ทิฏฺา มยาติ อตฺโถ.

ยโตติ ยสฺมา เต อุปาสกา สารตฺตรตฺตา มณิกุณฺฑเลสุ ปุตฺเตสุ ทาเรสุ จ อเปกฺขวนฺโต, ตสฺมา อิธ อิมสฺมึ พุทฺธสาสเน ธมฺมํ ยาถาวโต อทฺธา เอกํเสน น ชานนฺติ. เอวํ ภูตา จ ‘‘กามา อนิจฺจา’’อิติ จาปิ อาหุ อโหสิ, สตฺตปกติ วิจิตฺตสภาวาติ อธิปฺปาโย. ราคฺจ เตสํ น พลตฺถิ เฉตฺตุนฺติ เตสํ อุปาสกานํ ยสฺมา ราคํ เฉตฺตุํ สมุจฺฉินฺทิตุํ ตาทิสํ าณพลํ นตฺถิ, ตสฺมา เตน การเณน สิตา ตณฺหาวเสน นิสฺสิตา ปุตฺตทารํ ธนฺจ อลฺลีนา น วิสฺสชฺเชนฺตีติ สพฺพเมตํ เทวตา ตํเยว อุปาสกํ อุทฺทิสฺส อฺาปเทเสน กเถสิ. ตํ สุตฺวา อุปาสโก สํเวคชาโต ปพฺพชิตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๘.๔๖-๕๐) –

‘‘วิปสฺสิโน ภควโต, โพธิยา ปาทปุตฺตเม;

สุมโน พีชนึ คยฺห, อพีชึ โพธิมุตฺตมํ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, อพีชึ โพธิมุตฺตมํ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พีชนาย อิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโต อิมา เอว คาถา อภาสีติ.

อิสิทินฺนตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. สมฺพุลกจฺจานตฺเถรคาถาวณฺณนา

เทโวจาติ อายสฺมโต สมฺพุลกจฺจานตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ กโรนฺโต อิโต จตุนวุติกปฺปมตฺถเก กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตรํสึ นาม ปจฺเจกพุทฺธํ นิโรธา วุฏฺหิตฺวา ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ตาลผลํ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มคธรฏฺเ คหปติกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ‘‘สมฺพุโล’’ติ ลทฺธนาโม กจฺจานโคตฺตตาย สมฺพุลกจฺจาโนติ ปฺายิตฺถ.

โส วยปฺปตฺโต สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺตสมีเป เภรวาย นาม ปพฺพตคุหายํ วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต วิหรติ. อเถกทิวสํ มหา อกาลเมโฆ สตปฏลสหสฺสปฏโล ถเนนฺโต คชฺชนฺโต วิชฺชุลฺลตา นิจฺฉาเรนฺโต คฬคฬายนฺโต อุฏฺหิตฺวา วสฺสิตุํ อารภิ, อสนิโย ผลึสุ. ตํ สทฺทํ สุตฺวา อจฺฉตรจฺฉุวนมหึสหตฺถิอาทโย ภีตตสิตา ภีตรวํ วิรวึสุ. เถโร ปน อารทฺธวิปสฺสนตฺตา กาเย ชีวิเต จ นิรเปกฺโข วิคตโลมหํโส ตํ อจินฺเตนฺโต วิปสฺสนายเมว กมฺมํ กโรนฺโต ฆมฺมาปคเมน อุตุสปฺปายลาเภน สมาหิตจิตฺโต ตาวเทว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา สห อภิฺาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๑.๘๕-๙๐) –

‘‘สตรํสี นาม ภควา, สยมฺภู อปราชิโต;

วิเวกา วุฏฺหิตฺวาน, โคจรายาภินิกฺขมิ.

‘‘ผลหตฺโถ อหํ ทิสฺวา, อุปคจฺฉึ นราสภํ;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, ตาลผลํ อทาสหํ.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา โสมนสฺสชาโต อุทานวเสน อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๑๘๙.

‘‘เทโว จ วสฺสติ, เทโว จ คฬคฬายติ,

เอกโก จาหํ เภรเว พิเล วิหรามิ;

ตสฺส มยฺหํ เอกกสฺส เภรเว พิเล วิหรโต,

นตฺถิ ภยํ วา ฉมฺภิตตฺตํ วา โลมหํโส วา.

๑๙๐.

‘‘ธมฺมตา มเมสา ยสฺส เม, เอกกสฺส เภรเว พิเล;

วิหรโต นตฺถิ ภยํ วา, ฉมฺภิตตฺตํ วา โลมหํโส วา’’ติ. –

คาถาทฺวยํ อภาสิ.

ตตฺถ เทโว จ วสฺสติ, เทโว จ คฬคฬายตีติ เทโว เมโฆ วสฺสติ จ, ‘‘คฬคฬา’’ติ จ กโรนฺโต คชฺชตีติ อตฺโถ. คชฺชนฺตสฺส หิ อนุกรณเมตํ. เอกโก จาหํ เภรเว พิเล วิหรามีติ อหฺจ เอกโก อสหาโย สปฺปฏิภยายํ ปพฺพตคุหายํ วสามิ, ตสฺส มยฺหํ เอวํภูตสฺส เม สโต นตฺถิ ภยํ วา ฉมฺภิตตฺตํ วา โลมหํโส วาติ จิตฺตุตฺราสสฺิตํ ภยํ วา ตํนิมิตฺตกํ สรีรสฺส ฉมฺภิตตฺตํ วา โลมหํสนมตฺตํ วา นตฺถิ.

กสฺมาติ ตตฺถ การณมาห ‘‘ธมฺมตา มเมสา’’ติ. อปริฺาตวตฺถุกสฺส หิ ตตฺถ อปฺปหีนจฺฉนฺทราคตาย ภยาทินา ภวิตพฺพํ, มยา ปน สพฺพโส ตตฺถ ปริฺาตํ, ตตฺถ จ ฉนฺทราโค สมุจฺฉินฺโน, ตสฺมา ภยาทีนํ อภาโว ธมฺมตา มเมสา มม ธมฺมสภาโว เอโสติ อฺํ พฺยากาสิ.

สมฺพุลกจฺจานตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. นิตกตฺเถรคาถาวณฺณนา

กสฺสเสลูปมํ จิตฺตนฺติ อายสฺมโต นิตกตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ กโรนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล พนฺธุมตีนคเร อารามโคปโก หุตฺวา ชีวนฺโต เอกทิวสํ ภควนฺตํ อากาเสน คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส นาฬิเกรผลํ ทาตุกาโม อโหสิ. สตฺถา ตํ อนุคฺคณฺหนฺโต อากาเสเยว ตฺวา ปฏิคฺคณฺหิ. โส ตํ ทตฺวา อุฬารํ ปีติโสมนสฺสํ ปฏิสํเวทิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โกสลรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา นิตโกติ ลทฺธนาโม วิฺุตํ ปตฺโต สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺเ วิหรนฺโต ฆเฏนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๑.๙๑-๙๙) –

‘‘นคเร พนฺธุมติยา, อารามิโก อหํ ตทา;

อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, คจฺฉนฺตํ อนิลฺชเส.

‘‘นาฬิเกรผลํ คยฺห, พุทฺธเสฏฺสฺสทาสหํ;

อากาเส ิตโก สนฺโต, ปฏิคฺคณฺหิ มหายโส.

‘‘วิตฺติสฺชนโน มยฺหํ, ทิฏฺธมฺมสุขาวโห;

ผลํ พุทฺธสฺส ทตฺวาน, วิปฺปสนฺเนน เจตสา.

‘‘อธิคจฺฉึ ตทา ปีตึ, วิปุลฺจ สุขุตฺตมํ;

อุปฺปชฺชเตว รตนํ, นิพฺพตฺตสฺส ตหึ ตหึ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘ทิพฺพจกฺขุ วิสุทฺธํ เม, สมาธิกุสโล อหํ;

อภิฺาปารมิปฺปตฺโต, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา เถเร ผลสุเขน นิพฺพานสุเขน วิหรนฺเต ปธานปริคฺคาหโก เถโร ตํ อารฺายตนํ คนฺตฺวา ตตฺถ วสนฺตานํ ภิกฺขูนํ ปริคฺคณฺหนตฺถํ ‘‘กสฺส เสลูปม’’นฺติอาทินา ปมํ คาถมาห.

๑๙๑. ตตฺถ กสฺส เสลูปมํ จิตฺตํ, ิตํ นานุปกมฺปตีติ อิมสฺมึ อรฺายตเน วสนฺเตสุ กสฺส ภิกฺขุโน จิตฺตํ อคฺคผลาธิคเมน เอกฆนสิลามยปพฺพตูปมํ สพฺเพสํ อิฺชนานํ อภาวโต วสีภาวปฺปตฺติยา จ ิตํ สพฺเพหิปิ โลกธมฺเมหิ นานุกมฺปติ น เวธติ. อิทานิสฺส อกมฺปนาการํ สทฺธึ การเณน ทสฺเสตุํ ‘‘วิรตฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ วิรตฺตํ รชนีเยสูติ วิราคสงฺขาเตน อริยมคฺเคน รชนีเยสุ ราคุปฺปตฺติเหตุภูเตสุ เตภูมกธมฺเมสุ วิรตฺตํ, ตตฺถ สพฺพโส สมุจฺฉินฺนราคนฺติ อตฺโถ. กุปฺปนีเยติ ปฏิฆฏฺานีเย, สพฺพสฺมิมฺปิ อาฆาตวตฺถุสฺมึ. น กุปฺปตีติ น ทุสฺสติ น วิการํ อาปชฺชติ. ยสฺเสวํ ภาวิตํ จิตฺตนฺติ ยสฺส อริยปุคฺคลสฺส จิตฺตํ มโน เอวํ วุตฺตนเยน ตาทิภาเวน ภาวิตํ, กุโต ตํ ทุกฺขเมสฺสตีติ ตํ ปุคฺคลํ กุโต สตฺตโต สงฺขารโต วา ทุกฺขํ อุปคมิสฺสติ, น ตาทิสสฺส ทุกฺขํ อตฺถีติ อตฺโถ.

๑๙๒. เอวํ อนิยมวเสน ปุจฺฉิตมตฺถํ นิตกตฺเถโร อตฺตูปนายิกํ กตฺวา วิสฺสชฺเชนฺโต ‘‘มม เสลูปมํ จิตฺต’’นฺติอาทินา ทุติยคาถาย อฺํ พฺยากาสิ. ตํ วุตฺตตฺถเมว.

นิตกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. โสณโปฏิริยปุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา

น ตาว สุปิตุํ โหตีติ อายสฺมโต โสณสฺส โปฏิริยปุตฺตสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร สิขิสฺส ภควโต กาเล วนจโร หุตฺวา ชีวนฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต กุรฺชิยผลํ สตฺถุโน อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุสฺมึ โปฏิริยสฺส นาม คามโภชกสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, โสโณติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต ภทฺทิยสฺส สากิยรฺโ เสนาปติ อโหสิ. อถ ภทฺทิยราเช เหฏฺา วุตฺตนเยน ปพฺพชิเต, เสนาปติ ‘‘ราชาปิ นาม ปพฺพชิ, กึ มยฺหํ ฆราวาเสนา’’ติ ปพฺพชิ? ปพฺพชิตฺวา ปน นิทฺทาราโม วิหรติ, น ภาวนมนุยุฺชติ. ตํ ภควา อนุปิยายํ อมฺพวเน วิหรนฺโต อตฺตโน โอภาสํ ผราเปตฺวา เตนสฺส สตึ ชเนตฺวา อิมาย คาถาย ตํ โอวทนฺโต –

๑๙๓.

‘‘น ตาว สุปิตุํ โหติ, รตฺติ นกฺขตฺตมาลินี;

ปฏิชคฺคิตุเมเวสา, รตฺติ โหติ วิชานตา.

๑๙๔.

‘‘หตฺถิกฺขนฺธาวปติตํ , กุฺชโร เจ อนุกฺกเม;

สงฺคาเม เม มตํ เสยฺโย, ยฺเจ ชีเว ปราชิโต’’ติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตตฺถ น ตาว สุปิตุํ โหติ, รตฺติ นกฺขตฺตมาลินีติ อฏฺหิ อกฺขเณหิ วชฺชิตํ นวมํ ขณํ ลภิตฺวา ิตสฺส วิฺุชาติกสฺส ยาว น อรหตฺตํ หตฺถคตํ โหติ, ตาว อยํ นกฺขตฺตมาลินี รตฺติ สุปิตุํ นิทฺทายิตุํ น โหติ, สุปนสฺส กาโล น โหติ. อปิจ โข ปฏิชคฺคิตุเมเวสา, รตฺติ โหติ วิชานตาติ เอสา รตฺติ นาม มนุสฺสานํ มิคปกฺขีนฺจ นิทฺทูปคมเนน วิเสสโต นิสฺสทฺทเวลาภูตา ปฏิปตฺตึ อตฺตนิ สฺชคฺคิตุํ ชาคริยานุโยคมนุยุฺชิตุเมว วิชานตา วิฺุนา อิจฺฉิตา โหตีติ.

ตํ สุตฺวา โสโณ สํวิคฺคตรมานโส หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา อพฺโภกาสิกงฺคํ อธิฏฺาย วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต ‘‘หตฺถิกฺขนฺโธว ปติต’’นฺติ ทุติยํ คาถมาห. ตตฺถ อวปติตนฺติ อวมุขํ ปติตํ อุทฺธํปาทํ อโธมุขํ ปติตํ. กุฺชโร เจ อนุกฺกเมติ กุฺชโร อนุกฺกเมยฺย เจ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยทาหํ หตฺถิมารุหิตฺวา สงฺคามํ ปวิฏฺโ หตฺถิกฺขนฺธโต ปติโต, ตทาหํ สงฺคาเม เตน หตฺถินา มทฺทิโต มโต อโหสึ เจ, ตํ เม มรณํ เสยฺโย, ยฺเจ อิทานิ กิเลเสหิ ปราชิโต ชีเวยฺยํ, ตํ น เสยฺโยติ. อิมํ คาถํ วทนฺโตเยว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๒.๑-๖) –

‘‘มิคลุทฺโท ปุเร อาสึ, วิปิเน วิจรํ อหํ;

อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, สพฺพธมฺมาน ปารคุํ.

‘‘กุรฺชิยผลํ คยฺห, พุทฺธเสฏฺสฺสทาสหํ;

ปุฺกฺเขตฺตสฺส ตาทิโน, ปสนฺโน เสหิ ปาณิภิ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ‘‘สตฺถารา วุตฺตํ, อตฺตนา วุตฺต’’นฺติ อุภยฺหิ คาถํ ‘‘หตฺถิกฺขนฺธาวปติต’’นฺติอาทินา ปจฺจุทาหาสิ. เตน อิทเมว อฺาพฺยากรณํ อโหสีติ.

โสณโปฏิริยปุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. นิสภตฺเถรคาถาวณฺณนา

ปฺจกามคุเณ หิตฺวาติ อายสฺมโต นิสภตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต กปิตฺถผลมทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โกลิยชนปเท กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา นิสโภติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต สากิยโกลิยานํ สงฺคาเม พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา ตทเหว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๒.๗-๑๑) –

‘‘สุวณฺณวณฺณํ สมฺพุทฺธํ, อาหุตีนํ ปฏิคฺคหํ;

รถิยํ ปฏิปชฺชนฺตํ, กปิตฺถํ อททึ ผลํ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

โส อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน สหายภิกฺขู ปมาทวิหาเรน กาลํ วีตินาเมนฺเต ทิสฺวา เต โอวทนฺโต –

๑๙๕.

‘‘ปฺจ กามคุเณ หิตฺวา, ปิยรูเป มโนรเม;

สทฺธาย ฆรา นิกฺขมฺม, ทุกฺขสฺสนฺตกโร ภเว’’ติ. –

ปมํ คาถํ อภาสิ.

ตสฺสตฺโถ – พาลปุถุชฺชนสฺส ปิยายิตพฺพสภาวตาย ปิยรูเป มนุฺสภาวตาย มโนรเม รูปาทิเก ปฺจ กามคุเณ กามโกฏฺาเส หิตฺวา ปหาย ปริจฺจชิตฺวา กมฺมผลสทฺธาย รตนตฺตยสทฺธาย จ วเสน ฆรา ฆรพนฺธนโต นิกฺขมฺม นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชฺชํ อุปคโต วิฺุชาติโก ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย ฆเฏนฺโต วายมนฺโต วฏฺฏทุกฺขสฺส อนฺตกโร ภเว ภเวยฺยาติ. เอวํ เต ภิกฺขู โอวทิตฺวา ‘‘อยํ ปเร เอว สฺาเปนฺโต วิหรติ, ‘‘สยํ ปน อการโก’ติ มา จินฺตยิตฺถา’’ติ เตสํ อตฺตโน ปฏิปนฺนภาวํ ปกาเสนฺโต –

๑๙๖.

‘‘นาภินนฺทามิ มรณํ, นาภินนฺทามิ ชีวิตํ;

กาลฺจ ปฏิกงฺขามิ, สมฺปชาโน ปติสฺสโต’’ติ. –

ทุติยคาถาย อฺํ พฺยากาสิ. ตตฺถ นาภินนฺทามิ มรณนฺติ มรณํ น อภิกงฺขามิ. นาภินนฺทามิ ชีวิตนฺติ อิทํ ปน ตสฺส การณวจนํ, ยสฺมา นาภินนฺทามิ ชีวิตํ, ตสฺมา นาภินนฺทามิ มรณนฺติ. โย หิ อายตึ ชาติชรามรณาย กิเลสาภิสงฺขาเร อาจิโนติ อุปจิโนติ, โส ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺตึ อภินนฺทนฺโต นานฺตริยกตาย อตฺตโน มรณมฺปิ อภินนฺทติ นาม การณสฺส อปฺปหีนตฺตา, ขีณาสโว ปน สพฺพโส อาจยคามิธมฺเม ปหาย อปจยคามิธมฺเม ปติฏฺิโต ปริฺาตวตฺถุโก สพฺพโส ชีวิตํ อนภินนฺทนฺโต มรณมฺปิ อนภินนฺทติ นาม การณสฺส เอว สุปฺปหีนตฺตา. เตนาห – ‘‘นาภินนฺทามิ มรณํ, นาภินนฺทามิ ชีวิต’’นฺติ. ยทิ เอวํ ขีณาสวสฺส ปรินิพฺพานาภิกงฺขา, ยาว ปรินิพฺพานา อวฏฺานฺจ กถนฺติ อาห ‘‘กาลฺจ ปฏิกงฺขามิ, สมฺปชาโน ปติสฺสโต’’ติ, กิเลสปรินิพฺพาเน สิทฺเธ สติปฺาเวปุลฺลปฺปตฺติยา สโต สมฺปชาโน เกวลํ ขนฺธปรินิพฺพานกาลํ ปฏิกงฺขามิ, ตํ อุทิกฺขมาโน อาคมยมาโน วิหรามิ, น ปน เม มรเณ ชีวิเต วา อภินนฺทนา อตฺถิ อรหตฺตมคฺเคเนว ตสฺส สมุคฺฆาฏิตตฺตาติ.

นิสภตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. อุสภตฺเถรคาถาวณฺณนา

อมฺพปลฺลวสงฺกาสนฺติ อายสฺมโต อุสภตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ กโรนฺโต สิขิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส โกสมฺพผลํ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุสฺมึ สากิยราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา อุสโภติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต สตฺถุ าติสมาคเม พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิ. โส ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย สมณธมฺมํ อกตฺวา ทิวา สงฺคณิการาโม สกลรตฺตึ นิทฺทายมาโน วีตินาเมติ. โส เอกทิวสํ มุฏฺสฺสติ อสมฺปชาโน นิทฺทํ โอกฺกนฺโต สุปิเน เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา อมฺพปลฺลววณฺณํ จีวรํ ปารุปิตฺวา หตฺถิคีวายํ นิสีทิตฺวา นครํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺํ ตตฺเถว มนุสฺเส สมฺปตฺเต ทิสฺวา ลชฺชาย หตฺถิกฺขนฺธโต โอรุยฺห อตฺตานํ ทิสฺวา ปฏิพุทฺโธ, ‘‘อีทิสํ นาม สุปินํ มุฏฺสฺสตินา อสมฺปชาเนน นิทฺทายมาเนน มยา ทิฏฺ’’นฺติ อุปฺปนฺนสํเวโค วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๒.๑๒-๑๖) –

‘‘กกุธํ วิลสนฺตํว, เทวเทวํ นราสภํ;

รถิยํ ปฏิปชฺชนฺตํ, โกสมฺพํ อททึ ตทา.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อถ เถโร ยถาทิฏฺํ สุปินํ องฺกุสํ กตฺวา อรหตฺตสฺส อธิคตตฺตา ตสฺเสว สุปินสฺส กิตฺตนวเสน อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๑๙๗.

‘‘อมฺพปลฺลวสงฺกาสํ, อํเส กตฺวาน จีวรํ;

นิสินฺโน หตฺถิคีวายํ, คามํ ปิณฺฑาย ปาวิสึ.

๑๙๘.

‘‘หตฺถิกฺขนฺธโต โอรุยฺห, สํเวคํ อลภึ ตทา;

โสหํ ทิตฺโต ตทา สนฺโต, ปตฺโต เม อาสวกฺขโย’’ติ. – คาถาทฺวยมาห;

ตตฺถ อมฺพปลฺลวสงฺกาสํ, อํเส กตฺวาน จีวรนฺติ อมฺพปลฺลวาการํ ปวาฬวณฺณํ จีวรํ ขนฺเธ กริตฺวา อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา. คามนฺติ อตฺตโน ราชธานึ หตฺถิกฺขนฺเธ นิสินฺโน ปิณฺฑาย ปาวิสึ, ปวิฏฺมตฺโตว มหาชเนน โอโลกิยมาโน หตฺถิกฺขนฺธโต โอรุยฺห ิโต ปฏิพุชฺฌึ, ปพุทฺโธว สํเวคํ อลภึ ตทา ‘‘มุฏฺสฺสติ อสมฺปชาโน หุตฺวา นิทฺทาโยกฺกมเนน เอตํ ชาต’’นฺติ. อปเร ปน ‘‘ราชาว หุตฺวา รตฺติภาเค เอวรูปํ สุปินํ ทิสฺวา วิภาตาย รตฺติยา หตฺถิกฺขนฺธํ อารุยฺห นครวีถิยํ จรนฺโต ตํ สุปินํ สริตฺวา หตฺถิกฺขนฺธโต โอรุยฺห สํเวคํ ลภิตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา อุทานํ อุทาเนนฺโต อิมา คาถา อภาสี’’ติ วทนฺติ. ทิตฺโตติ ตสฺมึ ราชกาเล ชาติมทโภคมทาทิปริทปฺปิโต สมาโน สํเวคมลภินฺติ โยชนา.

อุสภตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. กปฺปฏกุรตฺเถรคาถาวณฺณนา

อยมิติกปฺปโฏติ อายสฺมโต กปฺปฏกุรตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ. อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ ภควนฺตํ วินตาย นาม นทิยา ตีเร อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสินฺนํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส เกตกปุปฺเผหิ ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ ทุคฺคตกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ยาว วยปฺปตฺติ, ตาว อฺํ อุปายํ อชานนฺโต กปฺปฏขณฺฑนิวาสโน สราวหตฺโถ ตตฺถ ตตฺถ กุรํ ปริเยสนฺโต วิจริ, เตน กปฺปฏกุโรตฺเวว ปฺายิตฺถ. โส วยปฺปตฺโต ติณํ วิกฺกิณิตฺวา ชีวิกํ กปฺเปนฺโต เอกทิวสํ ติณลาวนตฺถํ อรฺํ คโต ตตฺถ อฺตรํ ขีณาสวตฺเถรํ ทิสฺวา ตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา นิสีทิ. ตสฺส เถโร ธมฺมํ กเถสิ. โส ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ‘‘กึ เม อิมาย กิจฺฉชีวิกายา’’ติ ปพฺพชิตฺวา อตฺตโน นิวตฺถกปฺปฏโจฬํ เอกสฺมึ าเน นิกฺขิปิ. ยทา จสฺส อนภิรติ อุปฺปชฺชติ, ตทา ตํ กปฺปฏํ โอโลเกนฺตสฺส อนภิรติ วิคจฺฉติ, สํเวคํ ปฏิลภิ. เอวํ กโรนฺโต สตฺตกฺขตฺตุํ อุปฺปพฺพชิ. ตสฺส ตํ การณํ ภิกฺขู ภควโต อาโรเจสุํ. อเถกทิวสํ กปฺปฏกุโร ภิกฺขุ ธมฺมสภายํ ปริสปริยนฺเต นิสินฺโน นิทฺทายติ, ตํ ภควา โจเทนฺโต –

๑๙๙.

‘‘อยมิติ กปฺปโฏ กปฺปฏกุโร, อจฺฉาย อติภริตาย;

อมตฆฏิกายํ ธมฺมกฏมตฺโต, กตปทํ ฌานานิ โอเจตุํ.

๒๐๐.

‘‘มา โข ตฺวํ กปฺปฏ ปจาเลสิ, มา ตฺวํ อุปกณฺณมฺหิ ตาเฬสฺสํ;

น หิ ตฺวํ กปฺปฏ มตฺตมฺาสิ, สงฺฆมชฺฌมฺหิ ปจลายมาโน’’ติ. –

คาถาทฺวยํ อภาสิ.

ตตฺถ อยมิติ กปฺปโฏ กปฺปฏกุโรติ กปฺปฏกุโร ภิกฺขุ ‘‘อยํ มม กปฺปโฏ, อิมํ ปริทหิตฺวา ยถา ตถา ชีวามี’’ติ เอวํ อุปฺปนฺนมิจฺฉาวิตกฺโก อจฺฉาย อติภริตาย อมตฆฏิกายํ มม อมตฆเฏ ตหํ ตหํ วสฺสนฺเต ‘‘อมตมธิคตํ อหมนุสาสามิ, อหํ ธมฺมํ เทเสมิ’’ (มหาว. ๑๒; ม. นิ. ๑.๒๘๖; ๒.๓๔๒). ‘‘อนฺธีภูตสฺมึ โลกสฺมึ, อาหฺฉํ อมตทุนฺทุภิ’’นฺติอาทินา (มหาว. ๑๑; ม. นิ. ๑.๒๘๕; ๒.๓๔๑) โฆเสตฺวา มยา ธมฺมามเต ปวสฺสิยมาเน กตปทํ ฌานานิ โอเจตุํ โลกิยโลกุตฺตรชฺฌานานิ อุปเจตุํ ภาเวตุํ กตปทํ กฏมคฺควิหิตภาวนามคฺคํ อิทํ มม สาสนํ, ตถาปิ ธมฺมกฏมตฺโต มม สาสนธมฺมโต อุกฺกณฺจิตฺโต อปคตมานโส กปฺปฏกุโรติ ตํ โจเทตฺวา ปุนปิสฺส สโหฑฺฒํ โจรํ คณฺหนฺโต วิย ปมาทวิหารํ ทสฺเสนฺโต ‘‘มา โข ตฺวํ, กปฺปฏ, ปจาเลสี’’ติ คาถมาห.

ตตฺถ มา โข ตฺวํ, กปฺปฏ, ปจาเลสีติ ตฺวํ, กปฺปฏกุร, ‘‘มม ธมฺมํ สุณิสฺสามี’’ติ นิสีทิตฺวา มา โข ปจาเลสิ มา ปจลาหิ มา นิทฺทํ อุปคจฺฉิ. มา ตฺวํ อุปกณฺณมฺหิ ตาเฬสฺสนฺติ ตํ นิทฺทายมานํ อุปกณฺณมฺหิ กณฺณสมีเป เทสนาหตฺเถน อหํ มา ปตาเฬสฺสํ. ยถา อิโต ปรํ กิเลสปฺปหานาย อหํ ตํ น โอวเทยฺยํ, ตถา ปฏิปชฺชาหีติ อตฺโถ. น หิ ตฺวํ, กปฺปฏ, มตฺตมฺาสีติ ตฺวํ, กปฺปฏ, สงฺฆมชฺฌมฺหิ ปจลายมาโน มตฺตํ ปมาณํ น วา มฺสิ, ‘‘อยมติทุลฺลโภ ขโณ ปฏิลทฺโธ, โส มา อุปชฺฌคา’’ติ เอตฺตกมฺปิ น ชานาสิ, ปสฺส ยาว จ เต อปรทฺธนฺติ โจเทสิ.

เอวํ ภควตา ทฺวีหิ คาถาหิ คาฬฺหํ ตํ นิคฺคยฺห โจทนาย กตาย อฏฺิเวธวิทฺโธ วิย จณฺฑคโช มคฺคํ โอตรนฺโต วิย จ สฺชาตสํเวโค วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๒.๑๗-๒๒) –

‘‘วินตานทิยา ตีเร, วิหาสิ ปุริสุตฺตโม;

อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, เอกคฺคํ สุสมาหิตํ.

‘‘มธุคนฺธสฺส ปุปฺเผน, เกตกสฺส อหํ ตทา;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, พุทฺธเสฏฺมปูชยึ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา สตฺถารา วุตฺตคาถาทฺวยเมว อตฺตโน อรหตฺตาธิคมนสฺส องฺกุสภูตนฺติ ปจฺจุทาหาสิ. เตนสฺส ตเทว อฺาพฺยากรณํ อโหสีติ.

กปฺปฏกุรตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

จตุตฺถวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ปฺจมวคฺโค

๑. กุมารกสฺสปตฺเถรคาถาวณฺณนา

อโหพุทฺธา อโห ธมฺมาติ อายสฺมโต กุมารกสฺสปตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปาปุณิ. ‘‘กุลเคเห’’ติ ปน องฺคุตฺตรฏฺกถายํ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๑๗) วุตฺตํ. โส สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ จิตฺตกถิกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา สยมฺปิ ตํ านนฺตรํ อากงฺขนฺโต ปณิธานํ กตฺวา ตทนุรูปานิ ปุฺานิ กโรนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต กาเล สมณธมฺมํ กตฺวา สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห เสฏฺิธีตาย กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. สา กิร กุมาริกากาเลเยว ปพฺพชิตุกามา หุตฺวา มาตาปิตโร ยาจิตฺวา ปพฺพชฺชํ อลภมานา กุลฆรํ คตาปิ คพฺภสณฺิตมฺปิ อชานนฺตี สามิกํ อาราเธตฺวา เตน อนุฺาตา ภิกฺขุนีสุ ปพฺพชิตา. ตสฺสา คพฺภินิภาวํ ทิสฺวา ภิกฺขุนิโย เทวทตฺตํ ปุจฺฉึสุ. โส ‘‘อสฺสมณี’’ติ อาห. ปุน ทสพลํ ปุจฺฉึสุ. สตฺถา อุปาลิตฺเถรํ ปฏิจฺฉาเปสิ. เถโร สาวตฺถินครวาสีนิ กุลานิ วิสาขฺจ อุปาสิกํ ปกฺโกสาเปตฺวา สราชิกาย ปริสาย วินิจฺฉินนฺโต ‘‘ปุเร ลทฺโธ คพฺโภ, ปพฺพชฺชา อโรคา’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘สุวินิจฺฉิตํ อธิกรณ’’นฺติ เถรสฺส สาธุการํ อทาสิ.

สา ภิกฺขุนี สุวณฺณพิมฺพสทิสํ ปุตฺตํ วิชายิ. ตํ ราชา ปเสนทิโกสโล โปเสสิ. ‘‘กสฺสโป’’ติ จสฺส นามํ อกํสุ. อปรภาเค อลงฺกริตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ เนตฺวา ปพฺพาเชสิ. กุมารกาเล ปพฺพชิตตฺตา ภควตา ‘‘กสฺสปํ ปกฺโกสถ, อิทํ ผลํ วา ขาทนียํ วา กสฺสปสฺส เทถา’’ติ วุตฺเต ‘‘กตรกสฺสปสฺสา’’ติ. ‘‘กุมารกสฺสปสฺสา’’ติ. เอวํ คหิตนามตฺตา รฺโ โปสาวนิกปุตฺตตฺตา จ วุฑฺฒกาเลปิ กุมารกสฺสโปตฺเวว ปฺายิตฺถ.

โส ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย วิปสฺสนาย เจว กมฺมํ กโรติ, พุทฺธวจนฺจ อุคฺคณฺหาติ. อถ เตน สทฺธึ ปพฺพตมตฺถเก สมณธมฺมํ กตฺวา อนาคามี หุตฺวา สุทฺธาวาเส นิพฺพตฺโต มหาพฺรหฺมา ‘‘วิปสฺสนาย มุขํ ทสฺเสตฺวา มคฺคผลปฺปตฺติยา อุปายํ กริสฺสามี’’ติ ปฺจทส ปฺเห อภิสงฺขริตฺวา อนฺธวเน วสนฺตสฺส เถรสฺส ‘‘อิเม ปฺเห สตฺถารํ ปุจฺเฉยฺยาสี’’ติ อาจิกฺขิตฺวา คโต. โส เต ปฺเห ภควนฺตํ ปุจฺฉิ. ภควาปิสฺส พฺยากาสิ. เถโร สตฺถารา กถิตนิยาเมเนว เต อุคฺคณฺหิตฺวา วิปสฺสนํ คพฺภํ คณฺหาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๔.๑๕๐-๑๗๗) –

‘‘อิโต สตสหสฺสมฺหิ, กปฺเป อุปฺปชฺชิ นายโก;

สพฺพโลกหิโต วีโร, ปทุมุตฺตรนามโก.

‘‘ตทาหํ พฺราหฺมโณ หุตฺวา, วิสฺสุโต เวทปารคู;

ทิวาวิหารํ วิจรํ, อทฺทสํ โลกนายกํ.

‘‘จตุสจฺจํ ปกาเสนฺตํ, โพธยนฺตํ สเทวกํ;

วิจิตฺตกถิกานคฺคํ, วณฺณยนฺตํ มหาชเน.

‘‘ตทา มุทิตจิตฺโตหํ, นิมนฺเตตฺวา ตถาคตํ;

นานารตฺเตหิ วตฺเถหิ, อลงฺกริตฺวาน มณฺฑปํ.

‘‘นานารตนปชฺโชตํ, สสงฺฆํ โภชยึ ตหึ;

โภชยิตฺวาน สตฺตาหํ, นานคฺครสโภชนํ.

‘‘นานาจิตฺเตหิ ปุปฺเผหิ, ปูชยิตฺวา สสาวกํ;

นิปจฺจ ปาทมูลมฺหิ, ตํ าน ปตฺถยึ อหํ.

‘‘ตทา มุนิวโร อาห, กรุเณกรสาสโย;

ปสฺสเถตํ ทิชวรํ, ปทุมานนโลจนํ.

‘‘ปีติปาโมชฺชพหุลํ , สมุคฺคตตนูรุหํ;

หาสมฺหิตวิสาลกฺขํ, มม สาสนลาลสํ.

‘‘ปติตํ ปาทมูเล เม, เอกาวตฺถสุมานสํ;

เอส ปตฺเถติ ตํ านํ, วิจิตฺตกถิกตฺตนํ.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘ตสฺส ธมฺเมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;

กุมารกสฺสโป นาม, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโก.

‘‘วิจิตฺตปุปฺผทุสฺสานํ, รตนานฺจ วาหสา;

วิจิตฺตกถิกานํ โส, อคฺคตํ ปาปุณิสฺสติ.

‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.

‘‘ปริพฺภมํ ภวาภเว, รงฺคมชฺเฌ ยถา นโฏ;

สาขมิคตฺรโช หุตฺวา, มิคิยา กุจฺฉิโมกฺกมึ.

‘‘ตทา มยิ กุจฺฉิคเต, วชฺฌวาโร อุปฏฺิโต;

สาเขน จตฺตา เม มาตา, นิคฺโรธํ สรณํ คตา.

‘‘เตน สา มิคราเชน, มรณา ปริโมจิตา;

ปริจฺจชิตฺวา สปาณํ, มเมวํ โอวที ตทา.

‘‘นิคฺโรธเมว เสเวยฺย, น สาขมุปสํวเส;

นิคฺโรธสฺมึ มตํ เสยฺโย, ยฺเจ สาขมฺหิ ชีวิตํ.

‘‘เตนานุสิฏฺา มิคยูถเปน, อหฺจ มาตา จ ตเถตเร จ;

อาคมฺม รมฺมํ ตุสิตาธิวาสํ, คตา ปวาสํ สฆรํ ยเถว.

‘‘ปุโน กสฺสปวีรสฺส, อตฺถเมนฺตมฺหิ สาสเน;

อารุยฺห เสลสิขรํ, ยุฺชิตฺวา ชินสาสนํ.

‘‘อิทานาหํ ราชคเห, ชาโต เสฏฺิกุเล อหุํ;

อาปนฺนสตฺตา เม มาตา, ปพฺพชิ อนคาริยํ.

‘‘สคพฺภํ ตํ วิทิตฺวาน, เทวทตฺตมุปานยุํ;

โส อโวจ วินาเสถ, ปาปิกํ ภิกฺขุนึ อิมํ.

‘‘อิทานิปิ มุนินฺเทน, ชิเนน อนุกมฺปิตา;

สุขินี อชนี มยฺหํ, มาตา ภิกฺขุนุปสฺสเย.

‘‘ตํ วิทิตฺวา มหีปาโล, โกสโล มํ อโปสยิ;

กุมารปริหาเนน, นาเมนาหฺจ กสฺสโป.

‘‘มหากสฺสปมาคมฺม, อหํ กุมารกสฺสโป;

วมฺมิกสทิสํ กายํ, สุตฺวา พุทฺเธน เทสิตํ.

‘‘ตโต จิตฺตํ วิมุจฺจิ เม, อนุปาทาย สพฺพโส;

ปายาสึ ทมยิตฺวาหํ, เอตทคฺคมปาปุณึ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา จิตฺตกถิกภาเวน สตฺถารา เอตทคฺเค ปิโต อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา รตนตฺตยคุณวิภาวนมุเขน อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๒๐๑.

‘‘อโห พุทฺธา อโห ธมฺมา, อโห โน สตฺถุ สมฺปทา;

ยตฺถ เอตาทิสํ ธมฺมํ, สาวโก สจฺฉิกาหิติ.

๒๐๒.

‘‘อสงฺเขยฺเยสุ กปฺเปสุ, สกฺกายาธิคตา อหู;

เตสมยํ ปจฺฉิมโก, จริโมยํ สมุสฺสโย;

ชาติมรณสํสาโร, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตตฺถ อโหติ อจฺฉริยตฺเถ นิปาโต. พุทฺธาติ สพฺพฺุพุทฺธา, คารววเสน พหุวจนํ, อโห อจฺฉริยา สมฺพุทฺธาติ อตฺโถ. ธมฺมาติ ปริยตฺติธมฺเมน สทฺธึ นว โลกุตฺตรธมฺมา. อโห โน สตฺถุ สมฺปทาติ อมฺหากํ สตฺถุ ทสพลสฺส อโห สมฺปตฺติโย. ยตฺถาติ ยสฺมึ สตฺถริ พฺรหฺมจริยวาเสน. เอตาทิสํ ธมฺมํ, สาวโก สจฺฉิกาหิตีติ เอตาทิสํ เอวรูปํ สุวิสุทฺธชฺฌานาภิฺาปริวารํ อนวเสสกิเลสกฺขยาวหํ สนฺตํ ปณีตํ อนุตฺตรํ ธมฺมํ สาวโกปิ นาม สจฺฉิกริสฺสติ, ตสฺมา เอวํวิธคุณวิเสสาธิคมเหตุภูตา อโห อจฺฉริยา พุทฺธา ภควนฺโต, อจฺฉริยา ธมฺมคุณา, อจฺฉริยา อมฺหากํ สตฺถุ สมฺปตฺติโยติ รตนตฺตยสฺส คุณาธิมุตฺตึ ปเวเทสีติ. ธมฺมสมฺปตฺติกิตฺตเนเนว หิ สงฺฆสุปฺปฏิปตฺติ กิตฺติตา โหตีติ.

เอวํ สาธารณวเสน ทสฺสิตํ ธมฺมสฺส สจฺฉิกิริยํ อิทานิ อตฺตุปนายิกํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘อสงฺเขยฺเยสู’’ติ คาถมาห. ตตฺถ อสงฺเขยฺเยสูติ คณนปถํ วีติวตฺเตสุ มหากปฺเปสุ. สกฺกายาติ ปฺจุปาทานกฺขนฺธา. เต หิ ปรมตฺถโต วิชฺชมานธมฺมสมูหตาย ‘‘สกฺกายา’’ติ วุจฺจนฺติ. อหูติ นิวตฺตนูปายสฺส อนธิคตตฺตา อนปคตา อเหสุํ. เตสมยํ ปจฺฉิมโก จริโมยํ สมุสฺสโยติ ยสฺมา อยํ สพฺพปจฺฉิมโก, ตโต เอว จริโม, ตสฺมา ชาติมรณสหิโต ขนฺธาทิปฏิปาฏิสฺิโต สํสาโร อิทานิ อายตึ ปุนพฺภวาภาวโต ปุนพฺภโว นตฺถิ, อยมนฺติมา ชาตีติ อตฺโถ.

กุมารกสฺสปตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ธมฺมปาลตฺเถรคาถาวณฺณนา

โย หเว ทหโร ภิกฺขูติ อายสฺมโต ธมฺมปาลตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต อตฺถทสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เกนจิเทว กรณีเยน วนนฺตํ อุปคโต สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ปิลกฺขผลมทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สตฺถริ ปรินิพฺพุเต อวนฺติรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ธมฺมปาโลติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สิปฺปํ อุคฺคเหตฺวา ปฏินิวตฺเตนฺโต อนฺตรามคฺเค เอกสฺมึ วิหาเร อฺตรํ เถรํ ทิสฺวา ตสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๓๙.๒๑-๒๕) –

‘‘วนนฺตเร พุทฺธํ ทิสฺวา, อตฺถทสฺสึ มหายสํ;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, ปิลกฺขสฺสาททึ ผลํ.

‘‘อฏฺารเส กปฺปสเต, ยํ ผลมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา สมาปตฺติสุเขน วีตินาเมนฺโต เอกทิวสํ ตสฺมึ วิหาเร ทฺเว สามเณเร รุกฺขคฺเค ปุปฺผานิ โอจินนฺเต อารูฬฺหสาขาย ภคฺคาย ปตนฺเต ทิสฺวา เถโร อิทฺธานุภาเวน หตฺเถน คเหตฺวา อโรเคเยว ภูมิยํ เปตฺวา เตสํ สามเณรานํ ธมฺมํ เทเสนฺโต –

๒๐๓.

‘‘โย หเว ทหโร ภิกฺขุ, ยุฺชติ พุทฺธสาสเน;

ชาคโร ส หิ สุตฺเตสุ, อโมฆํ ตสฺส ชีวิตํ.

๒๐๔.

‘‘ตสฺมา สทฺธฺจ สีลฺจ, ปสาทํ ธมฺมทสฺสนํ;

อนุยุฺเชถ เมธาวี, สรํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ. – อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ;

ตตฺถ โยติ อนิยมวจนํ. หเวติ ทฬฺหตฺเถ นิปาโต. ทหโรติ ตรุโณ. ภิกฺขตีติ ภิกฺขุ. ยุฺชตีติ ฆฏติ วายมติ. ชาคโรติ ชาครณธมฺมสมนฺนาคโต. สุตฺเตสูติ สุปนฺเตสุ. อิทํ วุตฺตํ โหติ โย ภิกฺขุ ทหโรว สมาโน ตรุโณ ‘‘ตถาหํ ปจฺฉา วุฑฺฒกาเล ชานิสฺสามี’’ติ อจินฺเตตฺวา พุทฺธานํ สาสเน อปฺปมาทปฏิปตฺติยํ ยุฺชติ สมถวิปสฺสนาภาวนาย โยคํ กโรติ, โส สุตฺเตสุ อวิชฺชานิทฺทาย สุตฺเตสุ ปมตฺเตสุ สทฺธาทิชาครธมฺมสมนฺนาคเมน ชาคโร, ตโต เอว อตฺตหิตปรหิตปาริปูริยา อโมฆํ อวฺฌํ ตสฺส ชีวิตํ, ยสฺมา จ เอตเทวํ, ตสฺมา สทฺธฺจ ‘‘อตฺถิ กมฺมํ อตฺถิ กมฺมวิปาโก’’ติอาทินยปฺปวตฺตํ กมฺมผลสทฺธฺจ, สทฺธูปนิพนฺธตฺตา สีลสฺส ตทุปนิสฺสยํ จตุปาริสุทฺธิสีลฺจ, ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวาขาโต ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน สงฺโฆ’’ติ เอวํ ปวตฺตรตนตฺตยปฺปสาทฺจ , วิปสฺสนาปฺาสหิตาย มคฺคปฺาย ปริฺาทิวเสน จตุสจฺจธมฺมทสฺสนฺจ เมธาวี ธมฺโมชปฺาย สมนฺนาคโต ภิกฺขุ พุทฺธานํ สาสนํ โอวาทํ อนุสิฏฺึ อนุสฺสรนฺโต อาทิตฺตมฺปิ อตฺตโน สีสํ อชฺฌุเปกฺขิตฺวา อนุยุฺเชถ, ตตฺถ อนุโยคํ อาตปฺปํ กเรยฺยาติ อตฺโถ.

ธมฺมปาลตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. พฺรหฺมาลิตฺเถรคาถาวณฺณนา

กสฺสินฺทฺริยานิ สมถงฺคตานีติ อายสฺมโต พฺรหฺมาลิตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส วนฺทิตฺวา ปาทผลํ อทาสิ. สตฺถา อนุโมทนํ วตฺวา ปกฺกามิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โกสลรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา พฺรหฺมาลีติ ลทฺธนาโม วิฺุตํ ปตฺโต เหตุสมฺปตฺติยา โจทิยมาโน สํสาเร สฺชาตสํเวโค ตาทิเสน กลฺยาณมิตฺตสนฺนิสฺสเยน พุทฺธสาสเน ปพฺพชิตฺวา ปติรูปกมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺเ วิหรนฺโต าณสฺส ปริปากคตตฺตา นจิรสฺเสว วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๑.๖๓-๖๗) –

‘‘สุวณฺณวณฺณํ สมฺพุทฺธํ, อาหุตีนํ ปฏิคฺคหํ;

รถิยํ ปฏิปชฺชนฺตํ, ปาทผลํ อทาสหํ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา มคฺคสุเขน ผลสุเขน วีตินาเมนฺโต เอกทิวสํ ปธานปริคฺคาหเกน เถเรน ตสฺมึ อรฺายตเน ภิกฺขู อุทฺทิสฺส วุตฺตํ ปธานานุโยคํ ปริคฺคณฺหนฺโต –

๒๐๕.

‘‘กสฺสินฺทฺริยานิ สมถงฺคตานิ, อสฺสา ยถา สารถินา สุทนฺตา;

ปหีนมานสฺส อนาสวสฺส, เทวาปิ กสฺส ปิหยนฺติ ตาทิโน.

๒๐๖.

‘‘มยฺหินฺทฺริยานิ สมถงฺคตานิ, อสฺสา ยถา สารถินา สุทนฺตา;

ปหีนมานสฺส อนาสวสฺส, เทวาปิ มยฺหํ ปิหยนฺติ ตาทิโน’’ติ. –

คาถาทฺวยํ อภาสิ.

ตสฺสตฺโถ – อิมสฺมึ อรฺายตเน วสนฺเตสุ ภิกฺขูสุ กสฺส ภิกฺขุโน เถรสฺส วา นวสฺส วา มชฺฌิมสฺส วา เฉเกน สารถินา สุทนฺตา อสฺสา วิย มนจฺฉฏฺานิ อินฺทฺริยานิ สมถํ ทนฺตภาวํ นิพฺพิเสวนภาวํ คตานิ. กสฺส นววิธมฺปิ มานํ ปหาย ิตตฺตา ปหีนมานสฺส จตุนฺนมฺปิ อาสวานํ อภาเวน อนาสวสฺส อิฏฺาทีสุ ตาทิลกฺขณปฺปตฺติยา ตาทิโน เทวาปิ ปิหยนฺติ มนุสฺสาปิ สมฺมาปฏิปตฺติทสฺสนาทินา จ อาทเรน ปตฺเถนฺตีติ.

ตตฺถ จ คาถายํ ปุริมฑฺเฒน อนาคามิมคฺคาธิคโม ปุฏฺโ, อนาคามิโนปิ หิ อินฺทฺริยานิ ปหีนกามราคพฺยาปาทตาย สมถํ นิพฺพิเสวนตํ คตานิ โหนฺติ. อิตเรน อรหตฺตมคฺคปฏิลาโภ, อรหา หิ ‘‘ปหีนมาโน อนาสโว ตาที’’ติ จ วุจฺจติ.

อถายสฺมา พฺรหฺมาลิ ปธานปริคฺคาหเกน วุตฺตํ ‘‘กสฺสินฺทฺริยานี’’ติ คาถํ ปจฺจนุภาสิ. ตทตฺถํ อตฺตูปนายิกวเสน วิสฺสชฺเชนฺโต ‘‘มยฺหินฺทฺริยานี’’ติอาทิกาย ทุติยคาถาย อฺํ พฺยากาสิ, ตตฺถ มยฺหินฺทฺริยานีติ มม จกฺขาทีนิ อินฺทฺริยานิ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

พฺรหฺมาลิตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. โมฆราชตฺเถรคาถาวณฺณนา

ฉวิปาปกจิตฺตภทฺทกาติ อายสฺมโต โมฆราชตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ลูขจีวรธรานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ตํ านนฺตรํ อากงฺขนฺโต ปณิธานํ กตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ กโรนฺโต อตฺถทสฺสิสฺส ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา พฺราหฺมณานํ วิชฺชาสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คโต พฺราหฺมณมาณเว วิชฺชาสิปฺปานิ สิกฺขาเปนฺโต เอกทิวสํ อตฺถทสฺสึ ภควนฺตํ ภิกฺขุสงฺฆปริวุตํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา สิรสิ อฺชลึ กตฺวา ‘‘ยาวตา รูปิโน สตฺตา’’ติอาทินา ฉหิ คาถาหิ อภิตฺถวิตฺวา ภาชนํ ปูเรตฺวา มธุํ อุปนาเมสิ. สตฺถา มธุํ ปฏิคฺคเหตฺวา อนุโมทนํ อกาสิ.

โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต กาเล กฏฺวาหนสฺส นาม รฺโ อมจฺโจ หุตฺวา เตน สตฺถุ อานยนตฺถํ ปุริสสหสฺเสน เปสิโต สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วีสติวสฺสสหสฺสานิ สมณธมฺมํ กตฺวา ตโต จุโต เอกํ พุทฺธนฺตรํ สุคตีสุเยว ปริวตฺเตนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา โมฆราชาติ ลทฺธนาโม พาวรีพฺราหฺมณสฺส สนฺติเก อุคฺคหิตสิปฺโป สํเวคชาโต ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ตาปสสหสฺสปริวาโร อชิตาทีหิ สทฺธึ สตฺถุ สนฺติกํ เปสิโต เตสํ ปนฺนรสโม หุตฺวา ปฺเห ปุจฺฉิตฺวา ปฺหวิสฺสชฺชนปริโยสาเน อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๔.๖๔-๘๓) –

‘‘อตฺถทสฺสี ตุ ภควา, สยมฺภู อปราชิโต;

ภิกฺขุสงฺฆปริพฺยูฬฺโห, รถิยํ ปฏิปชฺชถ.

‘‘สิสฺเสหิ สมฺปริวุโต, ฆรมฺหา อภินิกฺขมึ;

นิกฺขมิตฺวานหํ ตตฺถ, อทฺทสํ โลกนายกํ.

‘‘อภิวาทิย สมฺพุทฺธํ, สิเร กตฺวาน อฺชลึ;

สกํ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, สนฺถวึ โลกนายกํ.

‘‘ยาวตา รูปิโน สตฺตา, อรูปี วา อสฺิโน;

สพฺเพ เต ตว าณมฺหิ, อนฺโต โหนฺติ สโมคธา.

‘‘สุขุมจฺฉิกชาเลน, อุทกํ โย ปริกฺขิเป;

เย เกจิ อุทเก ปาณา, อนฺโตชาเล ภวนฺติ เต.

‘‘เยสฺจ เจตนา อตฺถิ, รูปิโน จ อรูปิโน;

สพฺเพ เต ตว าณมฺหิ, อนฺโต โหนฺติ สโมคธา.

‘‘สมุทฺธรสิมํ โลกํ, อนฺธการสมากุลํ;

ตว ธมฺมํ สุณิตฺวาน, กงฺขาโสตํ ตรนฺติ เต.

‘‘อวิชฺชานิวุเต โลเก, อนฺธกาเรน โอตฺถเฏ;

ตว าณมฺหิ โชตนฺเต, อนฺธการา ปธํสิตา.

‘‘ตุวํ จกฺขูสิ สพฺเพสํ, มหาตมปนูทโน;

ตว ธมฺมํ สุณิตฺวาน, นิพฺพายติ พหุชฺชโน.

‘‘ปุฏกํ ปูรยิตฺวาน, มธุขุทฺทมเนฬกํ;

อุโภ หตฺเถหิ ปคฺคยฺห, อุปเนสึ มเหสิโน.

‘‘ปฏิคฺคณฺหิ มหาวีโร, สหตฺเถน มหา อิสิ;

ภุฺชิตฺวา ตฺจ สพฺพฺู, เวหาสํ นภมุคฺคมิ.

‘‘อนฺตลิกฺเข ิโต สตฺถา, อตฺถทสฺสี นราสโภ;

มม จิตฺตํ ปสาเทนฺโต, อิมา คาถา อภาสถ.

‘‘เยนิทํ ถวิตํ าณํ, พุทฺธเสฏฺโ จ โถมิโต;

เตน จิตฺตปฺปสาเทน, ทุคฺคตึ โส น คจฺฉติ.

‘‘จตุทฺทสฺจ ขตฺตุํ โส, เทวรชฺชํ กริสฺสติ;

ปถพฺยา รชฺชํ อฏฺสตํ, วสุธํ อาวสิสฺสติ.

‘‘ปฺเจว สตกฺขตฺตุฺจ, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ;

ปเทสรชฺชํ อสงฺเขยฺยํ, มหิยา การยิสฺสติ.

‘‘อชฺฌายโก มนฺตธโร, ติณฺณํ เวทาน ปารคู;

โคตมสฺส ภควโต, สาสเน ปพฺพชิสฺสติ.

‘‘คมฺภีรํ นิปุณํ อตฺถํ, าเณน วิจินิสฺสติ;

โมฆราชาติ นาเมน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโก.

‘‘ตีหิ วิชฺชาหิ สมฺปนฺนํ, กตกิจฺจมนาสวํ;

โคตโม สตฺถวาหคฺโค, เอตทคฺเค เปสฺสติ.

‘‘หิตฺวา มานุสกํ โยคํ, เฉตฺวาน ภวพนฺธนํ;

สพฺพาสเว ปริฺาย, วิหรามิ อนาสโว.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา สตฺถลูขํ สุตฺตลูขํ รชนลูขนฺติ วิเสเสน ติวิเธนปิ ลูเขน สมนฺนาคตํ ปํสุกูลํ ธาเรสิ. เตน นํ สตฺถา ลูขจีวรธรานํ อคฺคฏฺาเน เปสิ. อปรภาเค ปุริมกมฺมปฺปจฺจยา ปริหารสฺส อกรณโต เถรสฺส สรีเร ททฺทุปีฬกาทีนิ อุปฺปชฺชิตฺวา วฑฺฒึสุ. โส ‘‘เสนาสนํ ทุสฺสตี’’ติ เหมนฺเตปิ มคธกฺเขตฺเตสุ ปลาลสนฺถารานิ อตฺถริตฺวา เสติ. ตํ เอกทิวสํ อุปฏฺานํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนํ สตฺถา ปฏิสนฺถารวเสน ‘‘ฉวิปาปกา’’ติอาทินา ปมคาถาย ปุจฺฉิ.

๒๐๗. ตตฺถ ฉวิปาปกาติ ททฺทุกจฺฉุปีฬกาหิ ภินฺนจฺฉวิภาวโต หีนจฺฉวิก ทุฏฺจฺฉวิก . จิตฺตภทฺทกาติ อนวเสสกิเลสปฺปหาเนน พฺรหฺมวิหารเสวนาย จ ภทฺทจิตฺต สุนฺทรจิตฺต. โมฆราชาติ ตสฺส อาลปนํ. สตตํ สมาหิโตติ อคฺคผลสมาธินา นิจฺจกาลํ อภิณฺหํ สมาหิตมานโส. เหมนฺติกสีตกาลรตฺติโยติ เหมนฺตสมเย สีตกาลรตฺติโย. อจฺจนฺตสํโยเค เจตํ อุปโยควจนํ. ‘‘เหมนฺติกา สีตกาลรตฺติโย’’ติปิ ปาฬิ. ตตฺถ เหมนฺติกาติ เหมนฺโตคธา เหมนฺตปริยาปนฺนาติ อตฺโถ. ภิกฺขุ ตฺวํ สีติ ภิกฺขุ โก ตฺวํ อสิ, เอวํภูโต ปเรสุ ตว เสนาสนํ กตฺวา อเทนฺเตสุ สงฺฆิกฺจ เสนาสนํ อปวิสนฺโต. กถํ กริสฺสสีติ ยถาวุตฺเต สีตกาเล กถํ อตฺตภาวํ ปวตฺเตสีติ สตฺถา ปุจฺฉิ. เอวํ ปน ปุฏฺโ เถโร สตฺถุ ตมตฺถํ กเถนฺโต –

๒๐๘.

‘‘สมฺปนฺนสสฺสา มคธา, เกวลา อิติ เม สุตํ;

ปลาลจฺฉนฺนโก เสยฺยํ, ยถฺเ สุขชีวิโน’’ติ. – คาถมาห;

ตตฺถ สมฺปนฺนสสฺสาติ นิปฺผนฺนสสฺสา. มคธาติ มคธรฏฺํ วทติ. มคธา นาม ชานปทิโน ราชกุมารา, เตสํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท รุฬฺหีวเสน ‘‘มคธา’’ตฺเวว พหุวจเนน วุจฺจติ. เกวลาติ อนวเสสา. อิติ เม สุตนฺติ เอวํ มยา สุตํ. ตตฺถ โย อทิฏฺโ ปเทโส, ตสฺส วเสน สุตนฺติ วุตฺตํ. เตน เอทิเส กาเล มคเธสุ ยตฺถ กตฺถจิ มยา วสิตุํ สกฺกาติ ทสฺเสติ. ปลาลจฺฉนฺนโก เสยฺยํ, ยถฺเ สุขชีวิโนติ ยถา อฺเ สุขชีวิโน ภิกฺขู เสนาสนสปฺปายํ ลทฺธา สุนฺทเรหิ อตฺถรณปาวุรเณหิ สุเขน สยนฺติ, เอวํ อหมฺปิ ปลาลสนฺถารเมว เหฏฺา สนฺถริตฺวา อุปริ ติริยฺจ ปลาลจฺฉทเนเนว ฉาทิตสรีรตาย ปลาลจฺฉนฺนโก เสยฺยํ สยึ, เสยฺยํ กปฺเปสินฺติ อตฺตโน ยถาลาภสนฺโตสํ วิภาเวติ.

โมฆราชตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. วิสาขปฺจาลปุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา

อุกฺขิเป โน จ ปริกฺขิเป ปเรติ อายสฺมโต วิสาขสฺส ปฺจาลปุตฺตสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺํ อุปจินนฺโต อิโต จุทฺทเส กปฺเป ปจฺจนฺตคาเม ทลิทฺทกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ ผลปริเยสนํ จรนฺเตหิ ตสฺมึ คาเม มนุสฺเสหิ สทฺธึ อรฺํ คโต ตตฺถ เอกํ ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส วลฺลิผลํ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มคธรฏฺเ มณฺฑลิกราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิสาโขติ ลทฺธนาโม ปฺจาลราชธีตุยา ปุตฺตภาวโต ปจฺฉา ปฺจาลปุตฺโตติ ปฺายิตฺถ. โส ปิตริ มเต รชฺชํ กาเรนฺโต สตฺถริ อตฺตโน คามสมีปคเต สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา สตฺถารา สทฺธึ สาวตฺถึ คโต วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๓๙.๓๑-๓๖) –

‘‘สพฺเพ ชนา สมาคมฺม, อคมึสุ วนํ ตทา;

ผลมนฺเวสมานา เต, อลภึสุ ผลํ ตทา.

‘‘ตตฺถทฺทสาสึ สมฺพุทฺธํ, สยมฺภุํ อปราชิตํ;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, วลฺลิผลมทาสหํ.

‘‘จตุทฺทเส อิโต กปฺเป, ยํ ผลมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา เถโร าตีนํ อนุกมฺปาย ชาติภูมึ อคมาสิ. ตตฺถ มนุสฺสา เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา กาเลน กาลํ ธมฺมํ สุณนฺตา เอกทิวสํ ‘‘กติหิ นุ โข, ภนฺเต, องฺเคหิ สมนฺนาคโต ธมฺมกถิโก โหตี’’ติ ธมฺมกถิกลกฺขณํ ปุจฺฉึสุ. เถโร เตสํ ธมฺมกถิกลกฺขณํ กเถนฺโต –

๒๐๙.

‘‘น อุกฺขิเป โน จ ปริกฺขิเป ปเร, น โอกฺขิเป ปารคตํ น เอรเย;

น จตฺตวณฺณํ ปริสาสุ พฺยาหเร, อนุทฺธโต สมฺมิตภาณิ สุพฺพโต.

๒๑๐.

‘‘สุสุขุมนิปุณตฺถทสฺสินา, มติกุสเลน นิวาตวุตฺตินา;

สํเสวิตพุทฺธสีลินา, นิพฺพานํ น หิ เตน ทุลฺลภ’’นฺติ. –

คาถาทฺวยํ อภาสิ.

ตตฺถ น อุกฺขิเปติ อตฺตานํ น อุกฺขิเปยฺย, ชาติอาทีหิ พาหุสจฺจาทีหิ จ อตฺตุกฺกํสนํ น กเรยฺย. โน จ ปริกฺขิเป ปเรติ ปเร ปรปุคฺคเล เตเหว ชาติอาทีหิ โน ปริกฺขิเป ปริจฺฉินฺทิตฺวา น ขิเปยฺย คุณปริธํสนวเสน วา น ขิเปยฺย. น โอกฺขิเป ปเร อิจฺเจวํ สมฺพนฺโธ. ปเร โอชฺฌาปนวเสน น โอกฺขิเป เหฏฺโต กตฺวา ปเร น โอโลกาเปยฺย, น โอชฺฌาเปยฺยาติ อตฺโถ. ‘‘น อุกฺขิเป’’ติ เกจิ ปนฺติ, โส เอวตฺโถ. ปารคตนฺติ สํสารปารํ วิย วิชฺชาย ปารํ คตํ ขีณาสวํ เตวิชฺชํ ฉฬภิฺํ วา น เอรเย น ฆฏฺฏเย น อาสาเทยฺย. น จตฺตวณฺณํ ปริสาสุ พฺยาหเรติ อตฺตโน วณฺณํ คุณํ ลาภสกฺการสิโลกํ นิกามยมาโน ขตฺติยปริสาทีสุ น ภาเสยฺย. อนุทฺธโตติ อุทฺธจฺจรหิโต. อุทฺธตสฺส หิ วจนํ นาทิยนฺติ. สมฺมิตภาณีติ สมฺมเทว มิตภาณี, กาเลน สาปเทสํ ปริยนฺตวตึ อตฺถสฺหิตเมว วาจํ ภาสนสีโลติ อตฺโถ. อิโต อฺถา วทนฺตสฺส วจนํ อคหณียํ โหติ. สุพฺพโตติ สุนฺทรวโต สีลสมฺปนฺโน. ‘‘สิยา’’ติ กิริยาปทํ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํ.

เอวํ เถโร สงฺเขเปเนว ธมฺมกถิกลกฺขณํ วตฺวา เตสํ คุณานํ อตฺตนิ ลพฺภมานตํ อธิมุจฺจิตฺวา ภิยฺโยโสมตฺตาย อภิปฺปสนฺนํ มหาชนํ ตฺวา ‘‘เอวํวิธสฺส ธมฺมกถิกสฺส วิมุตฺตายตนสนฺนิสฺสิตสฺส น นิพฺพานํ ทุลฺลภํ, อถ โข สุลภเมวา’’ติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สุสุขุมนิปุณตฺถทสฺสินา’’ติ ทุติยคาถมาห. ตสฺสตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว.

วิสาขปฺจาลปุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. จูฬกตฺเถรคาถาวณฺณนา

นทนฺติ โมรา สุสิขา สุเปขุณาติ อายสฺมโต จูฬกตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺโต อิโต เอกตึเส กปฺเป สิขิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ฉตฺตปณฺณิผลํ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา จูฬโกติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต ธนปาลทมเน สตฺถริ ลทฺธปฺปสาโท ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโต อินฺทสาลคุหายํ วสติ, โส เอกทิวสํ คุหาทฺวาเร นิสินฺโน มคธกฺเขตฺตํ โอโลเกสิ. ตสฺมึ ขเณ ปาวุสกาลเมโฆ คมฺภีรมธุรนิคฺโฆโส สตปฏลสหสฺสปฏโล อฺชน สิขรสนฺนิกาโส นภํ ปูเรตฺวา ปวสฺสติ, มยูรสงฺฆา จ เมฆคชฺชิตํ สุตฺวา หฏฺตุฏฺา เกกาสทฺทํ มุฺจิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ปเทเส นจฺจนฺตา วิจรนฺติ. เถรสฺสปิ อาวาสคพฺเภ เมฆวาตผสฺเสหิ อปคตธมฺมตฺตา ปสฺสทฺธกรชกาเย กลฺลตํ ปตฺเต อุตุสปฺปายลาเภน จิตฺตํ เอกคฺคํ อโหสิ, กมฺมฏฺานวีถึ โอตริ, โส ตํ ตฺวา กาลสมฺปทาทิกิตฺตนมุเขน อตฺตานํ ภาวนาย อุสฺสาเหนฺโต –

๒๑๑.

‘‘นทนฺติ โมรา สุสิขา สุเปขุณา, สุนีลคีวา สุมุขา สุคชฺชิโน;

สุสทฺทลา จาปิ มหามหี อยํ, สุพฺยาปิตมฺพุ สุวลาหกํ นภํ.

๒๑๒.

‘‘สุกลฺลรูโป สุมนสฺส ฌายตํ, สุนิกฺกโม สาธุ สุพุทฺธสาสเน;

สุสุกฺกสุกฺกํ นิปุณํ สุทุทฺทสํ, ผุสาหิ ตํ อุตฺตมมจฺจุตํ ปท’’นฺติ. –

ทฺเว คาถา อภาสิ.

ตตฺถ นทนฺติ โมรา สุสิขา สุเปขุณา, สุนีลคีวา สุมุขา สุคชฺชิโนติ เอเต มตฺถเก อุฏฺิตาหิ สุนฺทราหิ สิขาหิ สมนฺนาคตตฺตา สุสิขา, นานาวณฺเณหิ อเนเกหิ โสภเนหิ ภทฺทกปิฺเฉหิ สมนฺนาคตตฺตา สุเปขุณา, ราชีววณฺณสงฺกาสาย สุนฺทราย นีลวณฺณาย คีวาย สมนฺนาคตตฺตา สุนีลคีวา, สุนฺทรมุขตาย สุมุขา, มนุฺวาทิตาย สุคชฺชิโน, โมรา สิขณฺฑิโน ฉชฺชสํวาที เกกาสทฺทํ มุฺจนฺตา นทนฺติ รวนฺติ. สุสทฺทลา จาปิ มหามหี อยนฺติ อยฺจ มหาปถวี สุสทฺทลา สุนฺทรหริตติณา. สุพฺยาปิตมฺพูติ อภินววุฏฺิยา ตหํ ตหํ วิสฺสนฺทมานสลิลตาย สุฏฺุ พฺยาปิตชลา วิตตชลา. ‘‘สุสุกฺกตมฺพู’’ติปิ ปาโ, สุวิสุทฺธชลาติ อตฺโถ. สุวลาหกํ นภนฺติ อิทฺจ นภํ อากาสํ นีลุปฺปลทลสนฺนิเภหิ สมนฺตโต ปูเรตฺวา ิเตหิ สุนฺทเรหิ วลาหเกหิ เมเฆหิ สุวลาหกํ.

สุกลฺลรูโปสุมนสฺส ฌายตนฺติ อิทานิ อุตุสปฺปายลาเภน สุฏฺุ กลฺลรูโป กมฺมนิยสภาโว ตฺวํ, นีวรเณหิ อนชฺฌารูฬฺหจิตฺตตาย สุนฺทรมนสฺส โยคาวจรสฺส ยํ อารมฺมณูปนิชฺฌานวเสน ลกฺขณูปนิชฺฌานวเสน จ ฌายตํ. สุนิกฺกโม…เป… อจฺจุตํ ปทนฺติ เอวํ ฌายนฺโต จ สาธุ สุพุทฺธสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาสเน สุนฺทรนิกฺกโม หุตฺวา สุปริสุทฺธสีลตาย สุสุกฺกํ, วิสุทฺธสภาวตาย สพฺพสฺสปิ สํกิเลสสฺส โคจรภาวานุปคมนโต สุกฺกํ, นิปุณาณโคจรตาย นิปุณํ, ปรมคมฺภีรตาย สุทุทฺทสํ, ปณีตภาเวน เสฏฺภาเวน จ อุตฺตมํ, นิจฺจสภาวตาย อจฺจุตํ ปทํ ตํ นิพฺพานํ ผุสาหิ อตฺตปจฺจกฺขกรเณน สมฺมาปฏิปตฺติยา สจฺฉิกโรหีติ.

เอวํ เถโร อตฺตานํ โอวทนฺโตว อุตุสปฺปายลาเภน สมาหิตจิตฺโต วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๓๙.๓๗-๔๒) –

‘‘กณิการํว ชลิตํ, ปุณฺณมาเยว จนฺทิมํ;

ชลนฺตํ ทีปรุกฺขํว, อทฺทสํ โลกนายกํ.

‘‘กทลิผลํ ปคฺคยฺห, อทาสึ สตฺถุโน อหํ;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, วนฺทิตฺวาน อปกฺกมึ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ผลมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา เถโร อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปีติโสมนสฺสชาโต ‘‘นทนฺติ โมรา’’ติอาทินา ตาเยว คาถา ปจฺจุทาหาสิ. เตนสฺส อิทเมว อฺาพฺยากรณํ อโหสีติ.

จูฬกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. อนูปมตฺเถรคาถาวณฺณนา

นนฺทมานาคตํ จิตฺตาติ อายสฺมโต อนูปมตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺํ อุปจินนฺโต อิโต เอกตึเส กปฺเป กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ ปทุมํ นาม ปจฺเจกพุทฺธํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ รถิยํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส องฺโกลปุปฺเผหิ ปูเชสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โกสลรฏฺเ อิพฺภกุเล นิพฺพตฺติตฺวา รูปสมฺปตฺติยา อนูปโมติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต อุปนิสฺสยสมฺปนฺนตาย กาเม ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต อรฺเ วิหรติ. ตสฺส จิตฺตํ พหิทฺธา รูปาทิอารมฺมเณสุ วิธาวติ. กมฺมฏฺานํ ปริวฏฺฏติ. เถโร วิธาวนฺตํ จิตฺตํ นิคฺคณฺหนฺโต –

๒๑๓.

‘‘นนฺทมานาคตํ จิตฺตํ, สูลมาโรปมานกํ;

เตน เตเนว วชสิ, เยน สูลํ กลิงฺครํ.

๒๑๔.

‘‘ตาหํ จิตฺตกลึ พฺรูมิ, ตํ พฺรูมิ จิตฺตทุพฺภกํ;

สตฺถา เต ทุลฺลโภ ลทฺโธ, มานตฺเถ มํ นิโยชยี’’ติ. –

อิมาหิ ทฺวีหิ คาถาหิ โอวทิ.

ตตฺถ นนฺทมานาคตํ จิตฺตาติ นนฺทมาน อภินนฺทมาน จิตฺต อภินนฺทมานํ อาคตํ อุปฺปนฺนํ . สูลมาโรปมานกนฺติ ทุกฺขุปฺปตฺติฏฺานตาย สูลสทิสตฺตา สูลํ ตํ ตํ ภวํ กมฺมกิเลเสหิ เอตฺตกํ กาลํ อาโรปิยมานํ. เตน เตเนว วชสิ, เยน สูลํ กลิงฺครนฺติ ยตฺถ ยตฺถ สูลสงฺขาตา ภวา กลิงฺครสงฺขาตา อธิกุฏฺฏนกา กามคุณา จ เตน เตเนว, ปาปจิตฺต, วชสิ, ตํ ตเทว านํ อุปคจฺฉสิ, อตฺตโน อนตฺถํ น สลฺลกฺเขสิ.

ตาหํ จิตฺตกลึ พฺรูมีติ ตํ ตสฺมา ปมตฺตภาวโต จิตฺตกลึ จิตฺตกาลกณฺณึ อหํ กถยามิ. ปุนปิ ตํ พฺรูมิ กเถมิ จิตฺตทุพฺภกํ จิตฺตสงฺขาตสฺส อตฺตโน พหูปการสฺส สนฺตานสฺส อนตฺถาวหนโต จิตฺตทุพฺภึ. ‘‘จิตฺตทุพฺภคา’’ติปิ ปนฺติ. จิตฺตสงฺขาตอลกฺขิกอปฺปปุฺาติ อตฺโถ. กินฺติ พฺรูหีติ เจ? อาห ‘‘สตฺถา เต ทุลฺลโภ ลทฺโธ, มานตฺเถ มํ นิโยชยี’’ติ. กปฺปานํ อสงฺขฺเยยฺยมฺปิ นาม พุทฺธสุฺโ โลโก โหติ, สตฺถริ อุปฺปนฺเนปิ มนุสฺสตฺตสทฺธาปฏิลาภาทโย ทุลฺลภา เอว, ลทฺเธสุ จ เตสุ สตฺถาปิ ทุลฺลโภเยว โหติ. เอวํ ทุลฺลโภ สตฺถา อิทานิ ตยา ลทฺโธ, ตสฺมึ ลทฺเธ สมฺปติปิ อนตฺเถ อหิเต อายติฺจ อนตฺถาวเห ทุกฺขาวเห อกุสเล มํ มา นิโยเชสีติ. เอวํ เถโร อตฺตโน จิตฺตํ โอวทนฺโต เอว วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๓๗.๑๖-๑๙) –

‘‘ปทุโม นาม สมฺพุทฺโธ, จิตฺตกูเฏ วสี ตทา;

ทิสฺวาน ตํ อหํ พุทฺธํ, สยมฺภุํ อปราชิตํ.

‘‘องฺโกลํ ปุปฺผิตํ ทิสฺวา, โอจินิตฺวานหํ ตทา;

อุปคนฺตฺวาน สมฺพุทฺธํ, ปูชยึ ปทุมํ ชินํ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อนูปมตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. วชฺชิตตฺเถรคาถาวณฺณนา

สํสรํทีฆมทฺธานนฺติ อายสฺมโต วชฺชิตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต อิโต ปฺจสฏฺิเม กปฺเป เอกสฺมึ ปจฺจนฺตคาเม นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต วนจรโก หุตฺวา วิจรนฺโต เอกทิวสํ อุปสนฺตํ นาม ปจฺเจกพุทฺธํ ปพฺพตคุหายํ วิหรนฺตํ อทฺทส. โส ตสฺส อุปสมํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส จมฺปกปุปฺเผน ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โกสลรฏฺเ อิพฺภกุเล นิพฺพตฺโต ชาตทิวสโต ปฏฺาย มาตุคามหตฺถํ คโต โรทติ. พฺรหฺมโลกโต กิร จวิตฺวา อิธาคโต ยสฺมา มาตุคามสมฺผสฺสํ น สหติ, ตสฺมา มาตุคามสมฺผสฺสวชฺชนโต วชฺชิโตตฺเวว นามํ ชาตํ. โส วยปฺปตฺโต สตฺถุ ยมกปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา ตทเหว ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๓๗.๒๗-๓๐) –

‘‘อุปสนฺโต จ สมฺพุทฺโธ, วสตี ปพฺพตนฺตเร;

เอกจมฺปกมาทาย, อุปคจฺฉึ นรุตฺตมํ.

‘‘ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, ปจฺเจกมุนิมุตฺตมํ;

อุโภ หตฺเถหิ ปคฺคยฺห, ปูชยึ อปราชิตํ.

‘‘ปฺจสฏฺิมฺหิโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา อตฺตโน ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสริตฺวา ธมฺมสํเวเคน –

๒๑๕.

‘‘สํสรํ ทีฆมทฺธานํ, คตีสุ ปริวตฺติสํ;

อปสฺสํ อริยสจฺจานิ, อนฺธภูโต ปุถุชฺชโน.

๒๑๖.

‘‘ตสฺส เม อปฺปมตฺตสฺส, สํสารา วินฬีกตา;

สพฺพา คตี สมุจฺฉินฺนา, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ. – ทฺเว คาถา อภาสิ;

ตตฺถ สํสรนฺติ สํสรนฺโต, ตสฺมึ ตสฺมึ ภเว อาทานนิกฺเขปวเสน อปราปรํ สนฺธาวนฺโต. ทีฆมทฺธานนฺติ จิรกาลํ อนาทิมติ สํสาเร อปริมาณกาลํ. คตีสูติ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ วเสน สุคติทุคฺคตีสุ. ปริวตฺติสนฺติ ฆฏียนฺตํ วิย ปริพฺภมนฺโต จวนุปปชฺชนวเสน อปราปรํ ปริวตฺตึ. ตสฺส ปน ปริวตฺตนสฺส การณมาห ‘‘อปสฺสํ อริยสจฺจานิ, อนฺธภูโต ปุถุชฺชโน’’ติ. ทุกฺขาทีนิ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ าณจกฺขุนา อปสฺสนฺโต อปฺปฏิวิชฺฌนฺโต, ตโต เอว อวิชฺชนฺธตาย อนฺธภูโต ปุถูนํ ชนนาทีหิ การเณหิ ปุถุชฺชโน โหนฺโต คตีสุ ปริวตฺติสนฺติ โยชนา, เตเนวาห ภควา –

‘‘จตุนฺนํ , ภิกฺขเว, อริยสจฺจานํ อนนุโพธา อปฺปฏิเวธา เอวมิทํ ทีฆมทฺธานํ สนฺธาวิตํ สํสริตํ มมฺเจว ตุมฺหากฺจา’’ติ (มหาว. ๒๘๗; ที. นิ. ๒.๑๕๕; สํ. นิ. ๕.๑๐๙๑; เนตฺติ. ๑๑๔).

ตสฺส มยฺหํ วุตฺตนเยน ปุพฺเพ ปุถุชฺชนสฺเสว สโต อิทานิ สตฺถารา ทินฺนนเยน อปฺปมตฺตสฺส อปฺปมาทปฏิปตฺติยา สมถวิปสฺสนาภาวนํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ิตสฺส. สํสารา วินฬีกตาติ สํสรนฺติ สตฺตา เอเตหีติ ‘‘สํสารา’’ติ ลทฺธนามา กมฺมกิเลสา อคฺคมคฺเคน สมุจฺฉินฺนตฺตา วิคตนฬา นิมฺมูลา กตา. สพฺพา คตี สมุจฺฉินฺนาติ เอวํ กมฺมกิเลสวฏฺฏานํ วินฬีกตตฺตา นิรยาทิกา สพฺพาปิ คติโย สมฺมเทว อุจฺฉินฺนา วิทฺธํสิตา, ตโต เอว นตฺถิ ทานิ อายตึ ปุนพฺภโวติ อิทเมว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณํ อโหสีติ.

วชฺชิตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. สนฺธิตตฺเถรคาถาวณฺณนา

อสฺสตฺเถ หริโตภาเสติ อายสฺมโต สนฺธิตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต อิโต เอกตึเส กปฺเป สิขิสฺส ภควโต กาเล เอโก โคปาลโก อโหสิ. โส สตฺถริ ปรินิพฺพุเต อฺตรํ เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ตสฺส สนฺติเก พุทฺธคุณปฏิสํยุตฺตํ ธมฺมํ สุตฺวา ปสนฺนมานโส ‘‘กุหึ ภควา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ปรินิพฺพุตภาวํ สุตฺวา ‘‘เอวํ มหานุภาวา พุทฺธาปิ นาม อนิจฺจตาวสํ คจฺฉนฺติ, อโห สงฺขารา อทฺธุวา’’ติ อนิจฺจสฺํ ปฏิลภิ. ตํ เถโร โพธิปูชาย อุสฺสาเหสิ. โส กาเลน กาลํ โพธิรุกฺขสมีปํ คนฺตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา พุทฺธคุเณ อนุสฺสรนฺโต โพธึ วนฺทติ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โกสลรฏฺเ อิพฺภกุเล นิพฺพตฺติตฺวา สนฺธิโตติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต อนิจฺจตาปฏิสํยุตฺตํ ธมฺมกถํ สุตฺวา สํเวคชาโต ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา าณสฺส ปริปากํ คตตฺตา นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ. โส อตฺตโน ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺโต สิขิสฺส ภควโต กาเล โพธิวนฺทนํ พุทฺธานุสฺสตึ อนิจฺจสฺาปฏิลาภฺจ อนุสฺสริตฺวา ตทุปนิสฺสเยน อตฺตโน วิเสสาธิคมํ ปกาเสนฺโต –

๒๑๗.

‘‘อสฺสตฺเถ หริโตภาเส, สํวิรูฬฺหมฺหิ ปาทเป;

เอกํ พุทฺธคตํ สฺํ, อลภิตฺถํ ปติสฺสโต.

๒๑๘.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ สฺมลภึ ตทา;

ตสฺสา สฺาย วาหสา, ปตฺโต เม อาสวกฺขโย’’ติ. –

ทฺเว คาถา อภาสิ.

ตตฺถ อสฺสตฺเถติ อสฺสตฺถฏฺานีเย, ยฺวายํ เอตรหิ อมฺหากํ ภควโต โพธิรุกฺโข อสฺสตฺโถ, เอตสฺส าเน ตทา สิขิสฺส ภควโต โพธิรุกฺโข ปุณฺฑรีโก ิโตติ โส อสฺสตฺถฏฺานียตาย ‘‘อสฺสตฺเถ’’ติ วุตฺตํ. สตฺตานํ อสฺสาสชนนโต วา. อปเร ปน ‘‘อสฺสตฺถรุกฺขมูเล นิสีทิตฺวา ตทา พุทฺธานุสฺสติยา ภาวิตตฺตา เถโร ‘อสฺสตฺเถ’ติ อโวจา’’ติ วทนฺติ. หริโตภาเสติ หริเตหิ สารมณิวณฺเณหิ โอภาสมาเน. สํวิรูฬฺหมฺหีติ สุฏฺุ วิรูฬฺเห สุปฺปติฏฺิเต, สุฆนนิจิตปตฺตปลาสปลฺลเวหิ วิรูฬฺหสฺฉนฺเนติ จ วทนฺติ. ปาทเปติ รุกฺเข. เอกํ พุทฺธคตํ สฺํ, อลภิตฺถํ ปติสฺสโตติ พุทฺธารมฺมณํ อารมฺมณสฺส เอกชาติยตฺตา เอกํ ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินยปฺปวตฺตํ พุทฺธานุสฺสติสหคตํ สฺํ พุทฺธคุณานํ ปติปติสรณโต ปติสฺสโต หุตฺวา อลภึ.

กทา ปน สา สฺา ลทฺธา, กีวตาย สิทฺธาติ อาห ‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป’’ติอาทิ. อิโต ภทฺทกปฺปโต อุทฺธํ อาโรหนวเสน เอกตึเส กปฺเป. ยํ สฺนฺติ ยํ พุทฺธานุสฺสติสหคตํ สฺํ, ยํ วา พุทฺธานํ อนิจฺจตํ ทิสฺวา ตทนุสาเรน สพฺพาสงฺขาเรสุ ตทา อนิจฺจสฺํ อลภึ. ตสฺสา สฺาย วาหสาติ ตสฺสา ยถาวุตฺตาย สฺาย การณภาเวน ตํ อุปนิสฺสยํ กตฺวา. ปตฺโต เม อาสวกฺขโยติ อิทานิ มยา อาสวานํ ขโย นิโรโธ อธิคโตติ อิมาเยว จ อิมสฺส เถรสฺส อปทานคาถาปิ. ยถาห (อป. เถร ๑.๒๒.๒๗-๓๐) –

‘‘อสฺสตฺเถ หริโตภาเส…เป… ปตฺโต เม อาสวกฺขโย.

‘‘อิโต เตรสกปฺปมฺหิ, ธนิฏฺโ นาม ขตฺติโย;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

สนฺธิตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปฺจมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

นิฏฺิตา จ ทุกนิปาตวณฺณนา.