📜

๓. ติกนิปาโต

๑. องฺคณิกภารทฺวาชตฺเถรคาถาวณฺณนา

ติกนิปาเต อโยนิ สุทฺธิมนฺเวสนฺติ อายสฺมโต องฺคณิกภารทฺวาชตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺํ อุปจินนฺโต อิโต เอกตึเส กปฺเป สิขิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคณฺหิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท หิมวนฺตสมีเป อุกฺกฏฺเ นาม นคเร วิภวสมฺปนฺนสฺส พฺราหฺมณสฺส เคเห นิพฺพตฺติตฺวา องฺคณิกภารทฺวาโชติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต วิชฺชาสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คโต เนกฺขมฺมชฺฌาสยตาย ปริพฺพาชกปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อมรํ ตปํ จรนฺโต ตตฺถ ตตฺถ วิจรนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธํ ชนปทจาริกํ จรนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ตํ มิจฺฉาตปํ ปหาย สาสเน ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๒๓.๔๘-๕๑) –

‘‘อุสภํ ปวรํ วีรํ, เวสฺสภุํ วิชิตาวินํ;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, พุทฺธเสฏฺมวนฺทหํ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, วนฺทนาย อิทํ ผลํ.

‘‘จตุวีสติกปฺปมฺหิ, วิกตานนฺทนามโก;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา วิมุตฺติสุเขน วิหรนฺโต าตีนํ อนุกมฺปาย อตฺตโน ชาติภูมึ คนฺตฺวา พหู าตเก สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺาเปตฺวา ตโต นิวตฺติตฺวา กุรุรฏฺเ กุณฺฑิยสฺส นาม นิคมสฺส อวิทูเร อรฺเ วสนฺโต เกนจิเทว กรณีเยน อุคฺคารามํ คโต อุตฺตราปถโต อาคเตหิ สนฺทิฏฺเหิ พฺราหฺมเณหิ สมาคโต เตหิ, ‘‘โภ ภารทฺวาช, กึ ทิสฺวา พฺราหฺมณานํ สมยํ ปหาย อิมํ สมยํ คณฺหี’’ติ ปุจฺฉิโต เตสํ อิโต พุทฺธสาสนโต พหิทฺธา สุทฺธิ นตฺถีติ ทสฺเสนฺโต –

๒๑๙.

‘‘อโยนิ สุทฺธิมนฺเวสํ, อคฺคึ ปริจรึ วเน;

สุทฺธิมคฺคํ อชานนฺโต, อกาสึ อมรํ ตป’’นฺติ. – ปมํ คาถมาห;

ตตฺถ อโยนีติ อโยนิโส อนุปาเยน. สุทฺธินฺติ สํสารสุทฺธึ ภวนิสฺสรณํ. อนฺเวสนฺติ คเวสนฺโต. อคฺคึ ปริจรึ วเนติ ‘‘อยํ สุทฺธิมคฺโค’’ติ อธิปฺปาเยน อรฺายตเน อคฺคิหุตสาลายํ อคฺยาคารํ กตฺวา อาหุตึ ปคฺคณฺหนฺโต อคฺคิเทวํ ปริจรึ เวเท วุตฺตวิธินา ปูเชสึ. สุทฺธิมคฺคํ อชานนฺโต, อกาสึ อมรํ ตปนฺติ สุทฺธิยา นิพฺพานสฺส มคฺคํ อชานนฺโต อคฺคิปริจรณํ วิย ปฺจตปตปฺปนาทิอตฺตกิลมถานุโยคํ ‘‘สุทฺธิมคฺโค’’ติ มฺาย อกาสึ อจรึ ปฏิปชฺชึ.

เอวํ เถโร อสฺสมโต อสฺสมํ คจฺฉนฺโต วิย เวเท วุตฺตวิธินา อคฺคิปริจรณาทินา อนุฏฺาย สุทฺธิยา อปฺปตฺตภาเวน พหิทฺธา สุทฺธิยา อภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อิมสฺมึเยว สาสเน สุทฺธิ จ มยา อธิคตาติ ทสฺเสนฺโต –

๒๒๐.

‘‘ตํ สุเขน สุขํ ลทฺธํ, ปสฺส ธมฺมสุธมฺมตํ;

ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. – ทุติยคาถมาห;

ตตฺถ นฺติ ยสฺสตฺถาย สุทฺธึ อนฺเวสนฺโต ตสฺส มคฺคํ อชานนฺโต อคฺคึ ปริจรึ อมรํ ตปํ อจรึ, ตํ นิพฺพานสุขํ สุเขน สมถวิปสฺสนาย สุขาย ปฏิปทาย อตฺตกิลมถานุโยคํ อนุปคมฺม มยา ลทฺธํ ปตฺตํ อธิคตํ. ปสฺส ธมฺมสุธมฺมตนฺติ สตฺถุ สาสนธมฺมสฺส สุธมฺมตํ อวิปรีตนิยฺยานิกธมฺมสภาวํ ปสฺส ชานาหีติ ธมฺมาลปนวเสน วทติ, อตฺตานํ วา อาลปติ. ตสฺส ลทฺธภาวํ ปน ทสฺเสนฺโต –

‘‘ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. –

อาห , ตํ วุตฺตตฺถเมว. เอวํ สุทฺธิยา อธิคตตฺตา ‘‘อิโต ปฏฺายาหํ ปรมตฺถโต พฺราหฺมโณ’’ติ ทสฺเสนฺโต –

๒๒๑.

‘‘พฺรหฺมพนฺธุ ปุเร อาสึ, อิทานิ โขมฺหิ พฺราหฺมโณ;

เตวิชฺโช นฺหาตโกจมฺหิ, โสตฺติโย จมฺหิ เวทคู’’ติ. – ตติยํ คาถมาห;

ตสฺสตฺโถ – อิโต ปุพฺเพ ชาติมตฺเตน พฺราหฺมณภาวโต พฺราหฺมณานํ สมฺาย พฺรหฺมพนฺธุ นาม อาสึ. พาหิตปาปตฺตา ปน อิทานิ โข อรหตฺตาธิคเมน ปรมตฺถโต พฺราหฺมโณ จ อมฺหิ. อิโต ปุพฺเพ ภวสฺจยกรานํ ติสฺสนฺนํ เวทสงฺขาตานํ วิชฺชานํ อชฺฌยเนน สมฺามตฺเตน เตวิชฺโช นาม หุตฺวา อิทานิ ภวกฺขยกราย วิชฺชาย วเสน ติสฺสนฺนํ วิชฺชานํ อธิคตตฺตา ปรมตฺถโต เตวิชฺโช จ อมฺหิ. ตถา อิโต ปุพฺเพ ภวสฺสาทคธิตาย นฺหาตกวตนิปฺผตฺติยา สมฺามตฺเตน นฺหาตโก นาม หุตฺวา อิทานิ อฏฺงฺคิกมคฺคชเลน สุวิกฺขาลิตกิเลสมลตาย ปรมตฺถโต นฺหาตโก จมฺหิ. อิโต ปุพฺเพ อวิมุตฺตภวสฺสาทมนฺตชฺฌาเนน โวหารมตฺตโต โสตฺติโย นาม หุตฺวา อิทานิ สุวิมุตฺตภวสฺสาทธมฺมชฺฌาเนน ปรมตฺถโต โสตฺติโย จมฺหิ. อิโต ปุพฺเพ อปฺปฏินิสฺสฏฺปาปธมฺมานํ เวทานํ คตมตฺเตน เวทคู นาม หุตฺวา อิทานิ เวทสงฺขาเตน มคฺคาเณน สํสารมโหฆสฺส เวทสฺส จตุสจฺจสฺส จ ปารํ คตตฺตา อธิคตตฺตา าตตฺตา ปรมตฺถโต เวทคู ชาโตติ. ตํ สุตฺวา พฺราหฺมณา สาสเน อุฬารํ ปสาทํ ปเวเทสุํ.

องฺคณิกภารทฺวาชตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ปจฺจยตฺเถรคาถาวณฺณนา

ปฺจาหาหํปพฺพชิโตติ อายสฺมโต ปจฺจยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ วินตาย นาม นทิยา ตีเร คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส มนุฺทสฺสนานิ มหนฺตานิ อุทุมฺพรผลานิ โอจินิตฺวา อุปนาเมสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ ภทฺทกปฺเป กสฺสเป ภควติ โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺตวรธมฺมจกฺเก เวเนยฺยชนานุคฺคหํ กโรนฺเต ตสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา ภาวนมนุยุฺชนฺโต เอกทิวสํ สํสารทุกฺขํ จินฺเตตฺวา

อติวิย สฺชาตสํเวโค วิหาเร นิสินฺโน ‘‘อรหตฺตํ อปฺปตฺวา อิโต น นิกฺขมิสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อธิฏฺาย วายมนฺโต าณสฺส อปริปกฺกตฺตา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตุํ นาสกฺขิ. โส กาลงฺกตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โรหิตนคเร ขตฺติยกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ปจฺจโยติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต ปิตุ อจฺจเยน รชฺเช ปติฏฺิโต เอกทิวสํ มหาราชพลึ กาตุํ อารภิ. ตตฺถ มหาชโน สนฺนิปติ. ตสฺมึ สมาคเม ตสฺส ปสาทฺชนนตฺถํ สตฺถา มหาชนสฺส เปกฺขนฺตสฺเสว อากาเส เวสฺสวเณน นิมฺมิเต รตนมยกูฏาคาเร รตนมยสีหาสเน นิสีทิตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. มหโต ชนกายสฺส ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. ตํ ธมฺมํ สุตฺวา ปจฺจยราชาปิ รชฺชํ ปหาย ปุริมเหตุสฺโจทิโต ปพฺพชิ. โส ยถา กสฺสปสฺส ภควโต กาเล ปฏิฺํ อกาสิ, เอวํ ปฏิฺํ กตฺวา วิหารํ ปวิสิตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺโต าณสฺส ปริปากํ คตตฺตา ตาวเทว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๓๙.๑๕-๒๐) –

‘‘วินตานทิยา ตีเร, วิหาสิ ปุริสุตฺตโม;

อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, เอกคฺคํ สุสมาหิตํ.

‘‘ตสฺมึ ปสนฺนมานโส, กิเลสมลโธวเน;

อุทุมฺพรผลํ คยฺห, พุทฺธเสฏฺสฺสทาสหํ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ผลมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘อิมมฺหิ ภทฺทเก กปฺเป, สํวิคฺคมานมานโส;

กสฺสปสฺส ภควโต, สาสเน ปพฺพชึ อหํ.

‘‘ตถา ปพฺพชิโต สนฺโต, ภาวนํ อนุยุฺชิสํ;

น วิหารา นิกฺขมิสฺสํ, อิติ กตฺวาน มานสํ.

‘‘อุตฺตมตฺถํ อสมฺปตฺโต, น จ ปตฺโตมฺหิ ตาวเท;

อิทานิ ปน าณสฺส, ปริปาเกน นิพฺพุโต;

ปตฺโตมฺหิ อจลํ านํ, ผุสิตฺวา อจฺจุตํ ปทํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺติกิตฺตนมุเขน อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๒๒๒.

‘‘ปฺจาหาหํ ปพฺพชิโต, เสโข อปฺปตฺตมานโส;

วิหารํ เม ปวิฏฺสฺส, เจตโส ปณิธี อหุ.

๒๒๓.

‘‘นาสิสฺสํ น ปิวิสฺสามิ, วิหารโต น นิกฺขเม;

นปิ ปสฺสํ นิปาเตสฺสํ, ตณฺหาสลฺเล อนูหเต.

๒๒๔.

‘‘ตสฺส เมวํ วิหรโต, ปสฺส วีริยปรกฺกมํ;

ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. –

อิมา ติสฺโส คาถา อภาสิ.

ตตฺถ ปฺจาหาหํ ปพฺพชิโตติ ปฺจาโห อหํ, ปพฺพชิโต หุตฺวา ปฺจาโห, ปพฺพชิตทิวสโต ปฺจโม อโห นิฏฺิโตติ อตฺโถ. เสโข อปฺปตฺตมานโสติ อธิสีลสิกฺขาทีนํ สิกฺขนโต เสโข. อนวเสสโต มานํ สิยติ สมุจฺฉินฺทตีติ มานโส, อคฺคมคฺโค, ตํนิพฺพตฺติโต มานสโต อาคตํ มานสํ, อรหตฺตํ, ตํ, โส วา อปฺปตฺโต เอเตนาติ อปฺปตฺตมานโส. วิหารํ เม ปวิฏฺสฺส, เจตโส ปณิธี อหูติ เอวํ เสขสฺส เม วสนกวิหารํ โอวรกํ ปวิฏฺสฺส สโต เอวรูโป อิทานิ วุจฺจมานากาโร เจโตปณิธิ อโหสิ, เอวํ มยา จิตฺตํ ปณิหิตนฺติ อตฺโถ.

นาสิสฺสนฺติอาทินา จิตฺตปณิธึ ทสฺเสติ. ตตฺถ นาสิสฺสนฺติ ยํกิฺจิ โภชนํ น ภุฺชิสฺสํ น ภุฺชิสฺสามิ ตณฺหาสลฺเล มม หทยคเต อนูหเต อนุทฺธเตติ เอวํ สพฺพปเทสุ โยเชตพฺพํ. น ปิวิสฺสามีติ ยํกิฺจิ ปาตพฺพํ น ปิวิสฺสามิ. วิหารโต น นิกฺขเมติ อิมสฺมา อิทานิ มยา นิสินฺนคพฺภโต น นิกฺขเมยฺยํ. นปิ ปสฺสํ นิปาเตสฺสนฺติ มม สรีรสฺส ทฺวีสุ ปสฺเสสุ เอกมฺปิ ปสฺสํ กายกิลมถวิโนทนตฺถํ น นิปาเตสฺสํ, เอกปสฺเสนปิ น นิปชฺชิสฺสามีติ อตฺโถ.

ตสฺส เมวํ วิหรโตติ ตสฺส เม เอวํ จิตฺตํ ปณิธาย ทฬฺหวีริยาธิฏฺานํ กตฺวา วิปสฺสนานุโยควเสน วิหรโต. ปสฺส วีริยปรกฺกมนฺติ วิธินา อีรยิตพฺพโต ‘‘วีริยํ’’ ปรํ านํ อกฺกมนโต ‘‘ปรกฺกโม’’ติ จ ลทฺธนามํ อุสฺโสฬฺหีภูตํ วายามํ ปสฺส ชานาหิ. ยสฺส ปนานุภาเวน มยา ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนนฺติ วุตฺตตฺถเมว.

ปจฺจยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. พากุลตฺเถรคาถาวณฺณนา

โยปุพฺเพ กรณียานีติ อายสฺมโต พากุลตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ กิร อตีเต อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกสฺส อสงฺขฺเยยฺยสฺส มตฺถเก อโนมทสฺสิสฺส ภควโต อุปฺปตฺติโต ปุเรตรเมว พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตโย เวเท อุคฺคเหตฺวา ตตฺถ สารํ อปสฺสนฺโต ‘‘สมฺปรายิกตฺถํ คเวสิสฺสามี’’ติ อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ปพฺพตปาเท วิหรนฺโต ปฺจาภิฺาอฏฺสมาปตฺติลาภี หุตฺวา วิหรนฺโต พุทฺธุปฺปาทํ สุตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา สรเณสุ ปติฏฺิโต สตฺถุ อุทราพาเธ อุปฺปนฺเน อรฺโต เภสชฺชานิ อาหริตฺวา ตํ วูปสเมตฺวา ตตฺถ ปุฺํ อาโรคฺยตฺถาย ปริณาเมตฺวา ตโต จุโต พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ อปฺปาพาธานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา สยํ ตํ านนฺตรํ อากงฺขนฺโต ปณิธานํ กตฺวา ยาวชีวํ กุสลํ อุปจินิตฺวา สุคตีสุเยว สํสรนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต นิพฺพตฺติโต ปุเรตรเมว พนฺธุมตีนคเร พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺโต ปุริมนเยเนว อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ฌานาภิฺาลาภี หุตฺวา ปพฺพตปาเท วสนฺโต พุทฺธุปฺปาทํ สุตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา สรเณสุ ปติฏฺิโต ภิกฺขูนํ ติณปุปฺผกโรเค อุปฺปนฺเน ตํ วูปสเมตฺวา ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา ตโต จุโต พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เอกนวุติกปฺเป เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต กาเล พาราณสิยํ กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา ฆราวาสํ วสนฺโต เอกํ ชิณฺณํ วินสฺสมานํ มหาวิหารํ ทิสฺวา ตตฺถ อุโปสถาคาราทิกํ สพฺพํ อาวสถํ กาเรตฺวา ตตฺถ ภิกฺขุสงฺฆสฺส สพฺพํ เภสชฺชํ ปฏิยาเทตฺวา ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อมฺหากํ ภควโต อุปฺปตฺติโต ปุเรตรเมว โกสมฺพิยํ เสฏฺิเคเห นิพฺพตฺติ. โส อโรคภาวาย มหายมุนาย นฺหาปิยมาโน ธาติยา หตฺถโต มจฺเฉน คิลิโต มจฺเฉ เกวฏฺฏหตฺถคเต พาราณสิเสฏฺิภริยาย วิกฺกิณิตฺวา คหิเต ผาลิยมาเนปิ ปุฺพเลน อโรโคเยว หุตฺวา ตาย ปุตฺโตติ คเหตฺวา โปสิยมาโน ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ชนเกหิ มาตาปิตูหิ ‘‘อยํ อมฺหากํ ปุตฺโต, เทถ โน ปุตฺต’’นฺติ อนุโยเค กเต รฺา ‘‘อุภเยสมฺปิ สาธารโณ โหตู’’ติ ทฺวินฺนํ กุลานํ ทายาทภาเวน วินิจฺฉยํ กตฺวา ปิตตฺตา พากุโลติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต หุตฺวา มหตึ สมฺปตฺตึ อนุภวนฺโต อาสีติโก หุตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา สตฺตาหเมว ปุถุชฺชโน อโหสิ, อฏฺเม อรุเณ สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๔๐.๓๘๖-๔๑๑) –

‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร , โสภิโต นาม ปพฺพโต;

อสฺสโม สุกโต มยฺหํ, สกสิสฺเสหิ มาปิโต.

‘‘มณฺฑปา จ พหู ตตฺถ, ปุปฺผิตา สินฺธุวารกา;

กปิตฺถา จ พหู ตตฺถ, ปุปฺผิตา ชีวชีวกา.

‘‘นิคฺคุณฺฑิโย พหู ตตฺถ, พทรามลกานิ จ;

ผารุสกา อลาพู จ, ปุณฺฑรีกา จ ปุปฺผิตา.

‘‘อาฬกา เพลุวา ตตฺถ, กทลี มาตุลุงฺคกา;

มหานามา พหู ตตฺถ, อชฺชุนา จ ปิยงฺคุกา.

‘‘โกสมฺพา สฬลา นิมฺพา, นิคฺโรธา จ กปิตฺถนา;

เอทิโส อสฺสโม มยฺหํ, สสิสฺโสหํ ตหึ วสึ.

‘‘อโนมทสฺสี ภควา, สยมฺภู โลกนายโก;

คเวสํ ปฏิสลฺลานํ, มมสฺสมมุปาคมิ.

‘‘อุเปตมฺหิ มหาวีเร, อโนมทสฺสิมหายเส;

ขเณน โลกนาถสฺส, วาตาพาโธ สมุฏฺหิ.

‘‘วิจรนฺโต อรฺมฺหิ, อทฺทสํ โลกนายกํ;

อุปคนฺตฺวาน สมฺพุทฺธํ, จกฺขุมนฺตํ มหายสํ.

‘‘อิริยฺจาปิ ทิสฺวาน, อุปลกฺเขสหํ ตทา;

อสํสยฺหิ พุทฺธสฺส, พฺยาธิ โน อุทปชฺชถ.

‘‘ขิปฺปํ อสฺสมมาคฺฉึ, มม สิสฺสาน สนฺติเก;

เภสชฺชํ กตฺตุกาโมหํ, สิสฺเส อามนฺตยึ ตทา.

‘‘ปฏิสฺสุณิตฺวาน เม วากฺยํ, สิสฺสา สพฺเพ สคารวา;

เอกชฺฌํ สนฺนิปตึสุ, สตฺถุคารวตา มม.

‘‘ขิปฺปํ ปพฺพตมารุยฺห, สพฺโพสธมหาสหํ;

ปานียโยคํ กตฺวาน, พุทฺธเสฏฺสฺสทาสหํ.

‘‘ปริภุตฺเต มหาวีเร, สพฺพฺุโลกนายเก;

ขิปฺปํ วาโต วูปสมิ, สุคตสฺส มเหสิโน.

‘‘ปสฺสทฺธํ ทรถํ ทิสฺวา, อโนมทสฺสี มหายโส;

สกาสเน นิสีทิตฺวา, อิมา คาถา อภาสถ.

‘‘โย เม ปาทาสิ เภสชฺชํ, พฺยาธิฺจ สมยี มม;

ตมหํ กิตฺตยิสฺสามิ, สุณาถ มม ภาสโต.

‘‘กปฺปสตสหสฺสานิ, เทวโลเก รมิสฺสติ;

วาทิเต ตูริเย ตตฺถ, โมทิสฺสติ สทา อยํ.

‘‘มนุสฺสโลกมาคนฺตฺวา , สุกฺกมูเลน โจทิโต;

สหสฺสกฺขตฺตุํ ราชา จ, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ.

‘‘ปฺจปฺาสกปฺปมฺหิ, อโนโม นาม ขตฺติโย;

จาตุรนฺโต วิชิตาวี, ชมฺพุมณฺฑสฺส อิสฺสโร.

‘‘สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล;

ตาวตึเสปิ โขเภตฺวา, อิสฺสรํ การยิสฺสติ.

‘‘เทวภูโต มนุสฺโส วา, อปฺปาพาโธ ภวิสฺสติ;

ปริคฺคหํ วิวชฺเชตฺวา, พฺยาธึ โลเก ตริสฺสติ.

‘‘อปริเมยฺเย อิโต กปฺเป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘ตสฺส ธมฺเมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;

สพฺพาสเว ปริฺาย, นิพฺพายิสฺสตินาสโว.

‘‘กิเลเส ฌาปยิตฺวาน, ตณฺหาโสตํ ตริสฺสติ;

พากุโล นาม นาเมน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโก.

‘‘อิทํ สพฺพํ อภิฺาย, โคตโม สกฺยปุงฺคโว;

ภิกฺขุสงฺเฆ นิสีทิตฺวา, เอตทคฺเค เปสฺสติ.

‘‘อโนมทสฺสี ภควา, สยมฺภู โลกนายโก;

วิเวกานุวิโลเกนฺโต, มมสฺสมมุปาคมิ.

‘‘อุปาคตํ มหาวีรํ, สพฺพฺุํ โลกนายกํ;

สพฺโพสเธน ตปฺเปสึ, ปสนฺโน เสหิ ปาณิภิ.

‘‘ตสฺส เม สุกตํ กมฺมํ, สุเขตฺเต พีชสมฺปทา;

เขเปตุํ เนว สกฺโกมิ, ตทา หิ สุกตํ มม.

‘‘ลาภา มม สุลทฺธํ เม, โยหํ อทฺทกฺขิ นายกํ;

เตน กมฺมาวเสเสน, ปตฺโตมฺหิ อจลํ ปทํ.

‘‘สพฺพเมตํ อภิฺาย, โคตโม สกฺยปุงฺคโว;

ภิกฺขุสงฺเฆ นิสีทิตฺวา, เอตทคฺเค เปสิ มํ.

‘‘อปริเมยฺเย อิโต กปฺเป, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, เภสชฺชสฺส อิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา เอกทิวสํ สตฺถารา อตฺตโน สาวเก ปฏิปาฏิยา านนฺตเร เปนฺเตน อปฺปาพาธานํ อคฺคฏฺาเน ปิโต โส ปรินิพฺพานสมเย สงฺฆมชฺเฌ ภิกฺขูนํ โอวาทมุเขน อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๒๒๕.

‘‘โย ปุพฺเพ กรณียานิ, ปจฺฉา โส กาตุมิจฺฉติ;

สุขา โส ธํสเต านา, ปจฺฉา จ มนุตปฺปติ.

๒๒๖.

‘‘ยฺหิ กยิรา ตฺหิ วเท, ยํ น กยิรา น ตํ วเท;

อกโรนฺตํ ภาสมานํ, ปริชานนฺติ ปณฺฑิตา.

๒๒๗.

‘‘สุสุขํ วต นิพฺพานํ, สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิตํ;

อโสกํ วิรชํ เขมํ, ยตฺถ ทุกฺขํ นิรุชฺฌตี’’ติ. – คาถาตฺตยมภาสิ;

ตตฺถ โย ปุพฺเพ กรณียานิ, ปจฺฉา โส กาตุมิจฺฉตีติ โย ปุคฺคโล ปุพฺเพ ปุเรตรํ ชราโรคาทีหิ อนภิภูตกาเลเยว กาตพฺพานิ อตฺตโน หิตสุขาวหานิ กมฺมานิ ปมาทวเสน อกตฺวา ปจฺฉา โส กาตพฺพกาลํ อติกฺกมิตฺวา กาตุํ อิจฺฉติ. โสติ จ นิปาตมตฺตํ. ตทา ปน ชราโรคาทีหิ อภิภูตตฺตา กาตุํ น สกฺโกติ, อสกฺโกนฺโต จ สุขา โส ธํสเต านา, ปจฺฉา จ มนุตปฺปตีติ โส ปุคฺคโล สุขา านา สคฺคโต นิพฺพานโต จ ตทุปายสฺส อนุปฺปาทิตตฺตา ปริหายนฺโต ‘‘อกตํ เม กลฺยาณ’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๓.๒๔๘; เนตฺติ. ๑๒๐) ปจฺฉา จ อนุตปฺปติ วิปฺปฏิสารํ อาปชฺชติ. -กาโร ปทสนฺธิกโร. อหํ ปน กรณียํ กตฺวา เอว ตุมฺเห เอวํ วทามีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยฺหิ กยิรา’’ติ ทุติยํ คาถมาห.

ตตฺถ ปริชานนฺตีติ ‘‘เอตฺตโก อย’’นฺติ ปริจฺฉิชฺช ชานนฺติ น พหุํ มฺนฺตีติ อตฺโถ. สมฺมาปฏิปตฺติวเสน หิ ยถาวาที ตถาการี เอว โสภติ, น ตโต อฺถา. กรณียปริยาเยน สาธารณโต วุตฺตมตฺถํ อิทานิ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘สุสุขํ วตา’’ติอาทินา ตติยํ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – สมฺมา สามํ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน ภควตา เทสิตํ สพฺพโส โสกเหตูนํ อภาวโต อโสกํ วิคตราคาทิรชตฺตา วิรชํ จตูหิ โยเคหิ อนุปทฺทุตตฺตา เขมํ นิพฺพานํ สุฏฺุ สุขํ วต, กสฺมา? ยตฺถ ยสฺมึ นิพฺพาเน สกลํ วฏฺฏทุกฺขํ นิรุชฺฌติ อจฺจนฺตเมว วูปสมตีติ.

พากุลตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. ธนิยตฺเถรคาถาวณฺณนา

สุขฺเจชีวิตุํ อิจฺเฉติ อายสฺมโต ธนิยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต สิขิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส นฬมาลาย ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห กุมฺภการกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ธนิโยติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต กุมฺภการกมฺเมน ชีวติ. เตน จ สมเยน สตฺถา ธนิยสฺส กุมฺภการสฺส สาลายํ นิสีทิตฺวา ปุกฺกุสาติสฺส กุลปุตฺตสฺส ฉธาตุวิภงฺคสุตฺตํ (ม. นิ. ๓.๓๔๒ อาทโย) เทเสสิ. โส ตํ สุตฺวา กตกิจฺโจ อโหสิ. ธนิโย ตสฺส ปรินิพฺพุตภาวํ สุตฺวา ‘‘นิยฺยานิกํ วต พุทฺธสาสนํ, ยตฺถ เอกรตฺติปริจเยนาปิ วฏฺฏทุกฺขโต มุฺจิตุํ สกฺกา’’ติ ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา กุฏิมณฺฑนานุยุตฺโต วิหรนฺโต กุฏิกรณํ ปฏิจฺจ ภควตา ครหิโต สงฺฆิเก เสนาสเน วสนฺโต วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๘.๑-๗) –

‘‘สุวณฺณวณฺณํ สมฺพุทฺธํ, อาหุตีนํ ปฏิคฺคหํ;

วิปินคฺเคน คจฺฉนฺตํ, อทฺทสํ โลกนายกํ.

‘‘นฬมาลํ คเหตฺวาน, นิกฺขมนฺโต จ ตาวเท;

ตตฺถทฺทสาสึ สมฺพุทฺธํ, โอฆติณฺณมนาสวํ.

‘‘ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, นฬมาลมปูชยึ;

ทกฺขิเณยฺยํ มหาวีรํ, สพฺพโลกานุกมฺปกํ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ มาลมภิโรปยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา เย ภิกฺขู ธุตงฺคสมาธาเนน อตฺตานํ อุกฺกํเสตฺวา สงฺฆภตฺตาทึ สาทิยนฺเต อฺเ ภิกฺขู อวชานนฺติ, เตสํ โอวาททานมุเขน อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๒๒๘.

‘‘สุขฺเจ ชีวิตุํ อิจฺเฉ, สามฺสฺมึ อเปกฺขวา;

สงฺฆิกํ นาติมฺเยฺย, จีวรํ ปานโภชนํ.

๒๒๙.

สุขฺเจ ชีวิตุํ อิจฺเฉ, สามฺสฺมึ อเปกฺขวา;

อหิ มูสิกโสพฺภํว, เสเวถ สยนาสนํ.

๒๓๐.

สุขฺเจ ชีวิตุํ อิจฺเฉ, สามฺสฺมึ อเปกฺขวา;

อิตรีตเรน ตุสฺเสยฺย, เอกธมฺมฺจ ภาวเย’’ติ. – ติสฺโส คาถา อภาสิ;

ตตฺถ สุขฺเจ ชีวิตุํ อิจฺเฉ, สามฺสฺมึ อเปกฺขวาติ สามฺสฺมึ สมณภาเว อเปกฺขวา สิกฺขาย ติพฺพคารโว หุตฺวา สุขํ ชีวิตุํ อิจฺเฉยฺย เจ, อเนสนํ ปหาย สามฺสุเขน สเจ ชีวิตุกาโมติ อตฺโถ . สงฺฆิกํ นาติมฺเยฺย, จีวรํ ปานโภชนนฺติ สงฺฆโต อาภตํ จีวรํ อาหารํ น อวมฺเยฺย, สงฺฆสฺส อุปฺปชฺชนกลาโภ นาม ปริสุทฺธุปฺปาโท โหตีติ ตํ ปริภุฺชนฺตสฺส อาชีวปาริสุทฺธิสมฺภเวน สามฺสุขํ หตฺถคตเมวาติ อธิปฺปาโย. อหิ มูสิกโสพฺภํวาติ อหิ วิย มูสิกาย ขตพิลํ เสเวถ เสเวยฺย เสนาสนํ. ยถา นาม สปฺโป สยมตฺตโน อาสยํ อกตฺวา มูสิกาย อฺเน วา กเต อาสเย วสิตฺวา เยน กามํ ปกฺกมติ, เอวเมวํ ภิกฺขุ สยํ เสนาสนกรณา สํกิเลสํ อนาปชฺชิตฺวา ยตฺถ กตฺถจิ วสิตฺวา ปกฺกเมยฺยาติ อตฺโถ.

อิทานิ วุตฺเต อวุตฺเต จ ปจฺจเย ยถาลาภสนฺโตเสเนว สามฺสุขํ โหติ, น อฺถาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อิตรีตเรน ตุสฺเสยฺยา’’ติ, เยน เกนจิ หีเนน วา ปณีเตน วา ยถาลทฺเธน ปจฺจเยน สนฺโตสํ อาปชฺเชยฺยาติ อตฺโถ. เอกธมฺมนฺติ อปฺปมาทภาวํ, ตฺหิ อนุยุฺชนฺตสฺส อนวชฺชํ สพฺพํ โลกิยสุขํ โลกุตฺตรสุขฺจ หตฺถคตเมว โหติ. เตนาห ภควา – ‘‘อปฺปมตฺโต หิ ฌายนฺโต, ปปฺโปติ วิปุลํ สุข’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๓๕๒; ธ. ป. ๒๗).

ธนิยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. มาตงฺคปุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา

อติสีตนฺติ อายสฺมโต มาตงฺคปุตฺตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หิมวนฺตสมีเป มหโต ชาตสฺสรสฺส เหฏฺา มหติ นาคภวเน มหานุภาโว นาคราชา หุตฺวา นิพฺพตฺโต เอกทิวสํ นาคภวนโต นิกฺขมิตฺวา วิจรนฺโต สตฺถารํ อากาเสน คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส อตฺตโน สีสมณินา ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โกสลรฏฺเ มาตงฺคสฺส นาม กุฏุมฺพิกสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺโต มาตงฺคปุตฺโตตฺเวว ปฺายิตฺถ. โส วิฺุตํ ปตฺโต อลสชาติโก หุตฺวา กิฺจิ กมฺมํ อกโรนฺโต าตเกหิ อฺเหิ จ ครหิโต ‘‘สุขชีวิโน อิเม สมณา สกฺยปุตฺติยา’’ติ สุขชีวิตํ อากงฺขนฺโต ภิกฺขูหิ กตปริจโย หุตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา อฺเ ภิกฺขู อิทฺธิมนฺเต ทิสฺวา อิทฺธิพลํ ปตฺเถตฺวา สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ภาวนํ อนุยุฺชนฺโต ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๘.๘-๒๙) –

‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, สพฺพธมฺมาน ปารคู;

วิเวกกาโม สมฺพุทฺโธ, คจฺฉเต อนิลฺชเส.

‘‘อวิทูเร หิมวนฺตสฺส, มหาชาตสฺสโร อหุ;

ตตฺถ เม ภวนํ อาสิ, ปุฺกมฺเมน สํยุตํ.

‘‘ภวนา อภินิกฺขมฺม, อทฺทสํ โลกนายกํ;

อินฺทีวรํว ชลิตํ, อาทิตฺตํว หุตาสนํ.

‘‘วิจินํ นทฺทสํ ปุปฺผํ, ปูชยิสฺสนฺติ นายกํ;

สกํ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, อวนฺทึ สตฺถุโน อหํ.

‘‘มม สีเส มณึ คยฺห, ปูชยึ โลกนายกํ;

อิมาย มณิปูชาย, วิปาโก โหตุ ภทฺทโก.

‘‘ปทุมุตฺตโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;

อนฺตลิกฺเข ิโต สตฺถา, อิมํ คาถํ อภาสถ.

‘‘โส เต อิชฺฌตุ สงฺกปฺโป, ลภสฺสุ วิปุลํ สุขํ;

อิมาย มณิปูชาย, อนุโภหิ มหายสํ.

‘‘อิทํ วตฺวาน ภควา, ชลชุตฺตมนามโก;

อคมาสิ พุทฺธเสฏฺโ, ยตฺถ จิตฺตํ ปณีหิตํ.

‘‘สฏฺิกปฺปานิ เทวินฺโท, เทวรชฺชมการยึ;

อเนกสตกฺขตฺตุฺจ, จกฺกวตฺตี อโหสหํ.

‘‘ปุพฺพกมฺมํ สรนฺตสฺส, เทวภูตสฺส เม สโต;

มณิ นิพฺพตฺตเต มยฺหํ, อาโลกกรโณ มมํ.

‘‘ฉฬสีติสหสฺสานิ , นาริโย เม ปริคฺคหา;

วิจิตฺตวตฺถาภรณา, อามุกฺกมณิกุณฺฑลา.

‘‘อฬารปมฺหา หสุลา, สุสฺา ตนุมชฺฌิมา;

ปริวาเรนฺติ มํ นิจฺจํ, มณิปูชายิทํ ผลํ.

‘‘โสณฺณมยา มณิมยา, โลหิตงฺกมยา ตถา;

ภณฺฑา เม สุกตา โหนฺติ, ยทิจฺฉสิ ปิฬนฺธนา.

‘‘กูฏาคารา คหา รมฺมา, สยนฺจ มหารหํ;

มม สงฺกปฺปมฺาย, นิพฺพตฺตนฺติ ยทิจฺฉกํ.

‘‘ลาภา เตสํ สุลทฺธฺจ, เย ลภนฺติ อุปสฺสุตึ;

ปุฺกฺเขตฺตํ มนุสฺสานํ, โอสธํ สพฺพปาณินํ.

‘‘มยฺหมฺปิ สุกตํ กมฺมํ, โยหํ อทกฺขิ นายกํ;

วินิปาตา ปมุตฺโตมฺหิ, ปตฺโตมฺหิ อจลํ ปทํ.

‘‘ยํ ยํ โยนูปปชฺชามิ, เทวตฺตํ อถ มานุสํ;

ทิวสฺเจว รตฺติฺจ, อาโลโก โหติ เม สทา.

‘‘ตาเยว มณิปูชาย, อนุโภตฺวาน สมฺปทา;

าณาโลโก มยา ทิฏฺโ, ปตฺโตมฺหิ อจลํ ปทํ.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, ยํ มณึ อภิปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, มณิปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา ปุคฺคลาธิฏฺานวเสน โกสชฺชํ ครหนฺโต อตฺตโน จ วีริยารมฺภํ กิตฺเตนฺโต –

๒๓๑.

‘‘อติสีตํ อติอุณฺหํ, อติสายมิทํ อหุ;

อิติ วิสฺสฏฺกมฺมนฺเต, ขณา อจฺเจนฺติ มาณเว.

๒๓๒.

‘‘โย จ สีตฺจ อุณฺหฺจ, ติณา ภิยฺโย น มฺติ;

กรํ ปุริสกิจฺจานิ, โส สุขา น วิหายติ.

๒๓๓.

‘‘ทพฺพํ กุสํ โปฏกิลํ, อุสีรํ มุฺชปพฺพชํ;

อุรสา ปนุทิสฺสามิ, วิเวกมนุพฺรูหย’’นฺติ. – คาถาตฺตยมาห;

ตตฺถ อติสีตนฺติ หิมปาตวทฺทลาทินา อติวิย สีตํ, อิทํ อหูติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ. อติอุณฺหนฺติ ธมฺมปริตาปาทินา อติวิย อุณฺหํ, อุภเยนปิ อุตุวเสน โกสชฺชวตฺถุมาห. อติสายนฺติ ทิวสสฺส ปริณติยา อติสายํ, สายคฺคหเณเนว เจตฺถ ปาโตปิ สงฺคยฺหติ , ตทุภเยน กาลวเสน โกสชฺชวตฺถุมาห. อิตีติ อิมินา ปกาเรน. เอเตน ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา กมฺมํ กตฺตพฺพํ โหตี’’ติอาทินา (อ. นิ. ๘.๘๐; ที. นิ. ๓.๓๓๔) วุตฺตํ โกสชฺชวตฺถุํ สงฺคณฺหาติ. วิสฺสฏฺกมฺมนฺเตติ ปริจฺจตฺตโยคกมฺมนฺเต. ขณาติ พุทฺธุปฺปาทาทโย พฺรหฺมจริยวาสสฺส โอกาสา. อจฺเจนฺตีติ อติกฺกมนฺติ. มาณเวติ สตฺเต. ติณา ภิยฺโย น มฺตีติ ติณโต อุปริ น มฺติ, ติณํ วิย มฺติ, สีตุณฺหานิ อภิภวิตฺวา อตฺตนา กตฺตพฺพํ กโรติ. กรนฺติ กโรนฺโต. ปุริสกิจฺจานีติ วีรปุริเสน กตฺตพฺพานิ อตฺตหิตปรหิตานิ. สุขาติ สุขโต, นิพฺพานสุขโตติ อธิปฺปาโย. ตติยคาถาย อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว.

มาตงฺคปุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ขุชฺชโสภิตตฺเถรคาถาวณฺณนา

เย จิตฺตกถี พหุสฺสุตาติ อายสฺมโต ขุชฺชโสภิตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ ภควนฺตํ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ทสหิ คาถาหิ อภิตฺถวิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ปาฏลิปุตฺตนคเร พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ, ‘‘โสภิโต’’ติสฺส นามํ อโหสิ. โถกํ ขุชฺชธาตุกตาย ปน ขุชฺชโสภิโตตฺเวว ปฺายิตฺถ. โส วยปฺปตฺโต สตฺถริ ปรินิพฺพุเต อานนฺทตฺเถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๗.๔๙-๕๘) –

‘‘กกุธํ วิลสนฺตํว, เทวเทวํ นราสภํ;

รถิยํ ปฏิปชฺชนฺตํ, โก ทิสฺวา น ปสีทติ.

‘‘ตมนฺธการํ นาเสตฺวา, สนฺตาเรตฺวา พหุํ ชนํ;

าณาโลเกน โชตนฺตํ, โก ทิสฺวา น ปสีทติ.

‘‘วสีสตสหสฺเสหิ, นียนฺตํ โลกนายกํ;

อุทฺธรนฺตํ พหู สตฺเต, โก ทิสฺวา น ปสีทติ.

‘‘อาหนนฺตํ ธมฺมเภรึ, มทฺทนฺตํ ติตฺถิเย คเณ;

สีหนาทํ วินทนฺตํ, โก ทิสฺวา น ปสีทติ.

‘‘ยาวตา พฺรหฺมโลกโต, อาคนฺตฺวาน สพฺรหฺมกา;

ปุจฺฉนฺติ นิปุเณ ปฺเห, โก ทิสฺวา น ปสีทติ.

‘‘ยสฺสฺชลึ กริตฺวาน, อายาจนฺติ สเทวกา;

เตน ปุฺํ อนุโภนฺติ, โก ทิสฺวา น ปสีทติ.

‘‘สพฺเพ ชนา สมาคนฺตฺวา, สมฺปวาเรนฺติ จกฺขุมํ;

น วิกมฺปติ อชฺฌิฏฺโ, โก ทิสฺวา น ปสีทติ.

‘‘นครํ ปวิสโต ยสฺส, รวนฺติ เภริโย พหู;

วินทนฺติ คชา มตฺตา, โก ทิสฺวา น ปสีทติ.

‘‘วีถิยา คจฺฉโต ยสฺส, สพฺพาภา โชตเต สทา;

อพฺภุนฺนตา สมา โหนฺติ, โก ทิสฺวา น ปสีทติ.

‘‘พฺยาหรนฺตสฺส พุทฺธสฺส, จกฺกวาฬมฺปิ สุยฺยติ;

สพฺเพ สตฺเต วิฺาเปติ, โก ทิสฺวา น ปสีทติ.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, ยํ พุทฺธมภิกิตฺตยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, กิตฺตนาย อิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา ปมมหาสงฺคีติกาเล ราชคเห สตฺตปณฺณิคุหายํ สนฺนิปติเตน สงฺเฆน ‘‘อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามนฺเตหี’’ติ อาณตฺโต ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา เถรสฺส ปุรโต อุฏฺหิตฺวา สงฺฆสฺส สาสนํ อาโรเจตฺวา สยํ ปุเรตรํ อากาเสน คนฺตฺวา สตฺตปณฺณิคุหาทฺวารํ สมฺปาปุณิ. เตน จ สมเยน มารสฺส มารกายิกานฺจ ปฏิเสธนตฺถํ เทวสงฺเฆน เปสิตา อฺตรา เทวตา สตฺตปณฺณิคุหาทฺวาเร ิตา โหติ, ตสฺสา ขุชฺชโสภิโต เถโร อตฺตโน อาคมนํ กเถนฺโต –

๒๓๔.

‘‘เย จิตฺตกถี พหุสฺสุตา, สมณา ปาฏลิปุตฺตวาสิโน;

เตสฺตโรยมายุวา, ทฺวาเร ติฏฺติ ขุชฺชโสภิโต’’ติ. – ปมํ คาถมาห;

ตตฺถ จิตฺตกถีติ วิจิตฺตธมฺมกถิกา, สงฺขิปนํ, วิตฺถารณํ คมฺภีรกรณํ อุตฺตานีกรณํ กงฺขาวิโนทนํ ธมฺมปติฏฺาปนนฺติ เอวมาทีหิ นานานเยหิ ปเรสํ อชฺฌาสยานุรูปํ ธมฺมสฺส กถนสีลาติ อตฺโถ. พหุสฺสุตาติ ปริยตฺติปฏิเวธพาหุสจฺจปาริปูริยา พหุสฺสุตา. สพฺพโส สมิตปาปตาย สมณา. ปาฏลิปุตฺตวาสิโน, เตสฺตโรติ ปาฏลิปุตฺตนครวาสิตาย ปาฏลิปุตฺตวาสิโน, เตสํ อฺตโร, อยํ อายุวา ทีฆายุ อายสฺมา. ทฺวาเร ติฏฺตีติ สตฺตปณฺณิคุหาย ทฺวาเร ติฏฺติ, สงฺฆสฺส อนุมติยา ปวิสิตุนฺติ อตฺโถ. ตํ สุตฺวา สา เทวตา เถรสฺส อาคมนํ สงฺฆสฺส นิเวเทนฺตี –

๒๓๕.

‘‘เย จิตฺตกถี…เป… ทฺวาเร ติฏฺติ มาลุเตริโต’’ติ. – ทุติยํ คาถมาห;

ตตฺถ มาลุเตริโตติ อิทฺธิจิตฺตชนิเตน วายุนา เอริโต, อิทฺธิพเลน อาคโตติ อตฺโถ.

เอวํ ตาย เทวตาย นิเวทิเตน สงฺเฆน กโตกาโส เถโร สงฺฆสฺส สนฺติกํ คจฺฉนฺโต –

๒๓๖.

‘‘สุยุทฺเธน สุยิฏฺเน, สงฺคามวิชเยน จ;

พฺรหฺมจริยานุจิณฺเณน, เอวายํ สุขเมธตี’’ติ. –

อิมาย ตติยคาถาย อฺํ พฺยากาสิ.

ตตฺถ สุยุทฺเธนาติ ปุพฺพภาเค ตทงฺควิกฺขมฺภนปฺปหานวเสน กิเลเสหิ สุฏฺุ ยุชฺฌเนน. สุยิฏฺเนาติ อนฺตรนฺตรา กลฺยาณมิตฺเตหิ ทินฺนสปฺปายธมฺมทาเนน. สงฺคามวิชเยน จาติ สมุจฺเฉทปฺปหานวเสน สพฺพโส กิเลสาภิสงฺขารนิมฺมถเนน ลทฺธสงฺคามวิชเยน จ. พฺรหฺมจริยานุจิณฺเณนาติ อนุจิณฺเณน อคฺคมคฺคพฺรหฺมจริเยน. เอวายํ สุขเมธตีติ เอวํ วุตฺตปฺปกาเรน อยํ ขุชฺชโสภิโต นิพฺพานสุขํ ผลสมาปตฺติสุขฺจ เอธติ, อนุภวตีติ อตฺโถ.

ขุชฺชโสภิตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. วารณตฺเถรคาถาวณฺณนา

โยธ โกจิ มนุสฺเสสูติ อายสฺมโต วารณตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ กโรนฺโต อิโต ทฺวานวุเต กปฺเป ติสฺสสฺส ภควโต อุปฺปตฺติโต ปุเรตรเมว พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา พฺราหฺมณานํ วิชฺชาสิปฺเปสุ ปารคู หุตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา จตุปณฺณาสสหสฺสานํ อนฺเตวาสิกานํ มนฺเต วาเจนฺโต วสติ. เตน จ สมเยน ติสฺสสฺส ภควโต โพธิสตฺตภูตสฺส ตุสิตา กายา จวิตฺวา จริมภเว มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมเนน มหาปถวิกมฺโป อโหสิ. ตํ ทิสฺวา มหาชโน ภีโต สํวิคฺโค นํ อิสึ อุปสงฺกมิตฺวา ปถวิกมฺปนการณํ ปุจฺฉิ. โส ‘‘มหาโพธิสตฺโต มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมิ, เตนายํ ปถวิกมฺโป, ตสฺมา มา ภายถา’’ติ พุทฺธุปฺปาทสฺส ปุพฺพนิมิตฺตภาวํ กเถตฺวา สมสฺสาเสสิ, พุทฺธารมฺมณฺจ ปีตึ ปฏิเวเทสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โกสลรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วารโณติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต อฺตรสฺส อารฺกสฺส เถรสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ลทฺธปฺปสาโท ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรติ. โส เอกทิวสํ พุทฺธุปฏฺานํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค อหินกุเล อฺมฺํ กลหํ กตฺวา กาลงฺกเต ทิสฺวา ‘‘อิเม สตฺตา อฺมฺวิโรเธน ชีวิตกฺขยํ ปตฺตา’’ติ สํวิคฺคมานโส หุตฺวา ภควโต สนฺติกํ คโต, ตสฺส ภควา จิตฺตาจารํ ตฺวา ตทนุรูปเมว โอวาทํ เทนฺโต –

๒๓๗.

‘‘โยธ โกจิ มนุสฺเสสุ, ปรปาณานิ หึสติ;

อสฺมา โลกา ปรมฺหา จ, อุภยา ธํสเต นโร.

๒๓๘.

‘‘โย จ เมตฺเตน จิตฺเตน, สพฺพปาณานุกมฺปติ;

พหุฺหิ โส ปสวติ, ปุฺํ ตาทิสโก นโร.

๒๓๙.

‘‘สุภาสิตสฺส สิกฺเขถ, สมณูปาสนสฺส จ;

เอกาสนสฺส จ รโห, จิตฺตวูปสมสฺสา จา’’ติ. – ติสฺโส คาถา อภาสิ;

ตตฺถ โยธ โกจิ มนุสฺเสสูติ อิธ มนุสฺเสสุ โย โกจิ ขตฺติโย วา พฺราหฺมโณ วา เวสฺโส วา สุทฺโท วา คหฏฺโ วา ปพฺพชิโต วา. มนุสฺสคฺคหณฺเจตฺถ อุกฺกฏฺสตฺตนิทสฺสนนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปรปาณานิ หึสตีติ ปรสตฺเต มาเรติ วิพาธติ จ. อสฺมา โลกาติ อิธ โลกโต. ปรมฺหาติ ปรโลกโต. อุภยา ธํสเตติ อุภยโต ธํสติ, อุภยโลกปริยาปนฺนหิตสุขโต ปริหายตีติ อตฺโถ. นโรติ สตฺโต.

เอวํ ปรปีฬาลกฺขณํ ปาปธมฺมํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปรปีฬานิวตฺติลกฺขณํ กุสลํ ธมฺมํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โย จ เมตฺเตนา’’ติอาทินา ทุติยํ คาถมาห. ตตฺถ เมตฺเตน จิตฺเตนาติ เมตฺตาสมฺปยุตฺเตน จิตฺเตน อปฺปนาปตฺเตน อิตรีตเรน วา. สพฺพปาณานุกมฺปตีติ สพฺเพ ปาเณ อตฺตโน โอรสปุตฺเต วิย เมตฺตายติ. พหุฺหิ โส ปสวติ, ปุฺํ ตาทิสโก นโรติ โส ตถารูโป เมตฺตาวิหารี ปุคฺคโล พหุํ มหนฺตํ อนปฺปกํ กุสลํ ปสวติ ปฏิลภติ อธิคจฺฉติ.

อิทานิ ตํ สสมฺภาเร สมถวิปสฺสนาธมฺเม นิโยเชนฺโต ‘‘สุภาสิตสฺสา’’ติอาทินา ตติยํ คาถมาห. ตตฺถ สุภาสิตสฺส สิกฺเขถาติ อปฺปิจฺฉกถาทิเภทํ สุภาสิตํ ปริยตฺติธมฺมํ สวนธารณปริปุจฺฉาทิวเสน สิกฺเขยฺย. สมณูปาสนสฺส จาติ สมิตปาปานํ สมณานํ กลฺยาณมิตฺตานํ อุปาสกานํ กาเลน กาลํ อุปสงฺกมิตฺวา ปยิรุปาสนฺเจว ปฏิปตฺติยา เตสํ สมีปจริยฺจ สิกฺเขยฺย. เอกาสนสฺส จ รโห จิตฺตวูปสมสฺส จาติ เอกสฺส อสหายสฺส กายวิเวกํ อนุพฺรูหนฺตสฺส รโห กมฺมฏฺานานุโยควเสน อาสนํ นิสชฺชํ สิกฺเขยฺย. เอวํ กมฺมฏฺานํ อนุยุฺชนฺโต ภาวนฺจ มตฺถกํ ปาเปนฺโต สมุจฺเฉทวเสน กิเลสานํ จิตฺตสฺส วูปสมฺจ สิกฺเขยฺย. ยาหิ อธิสีลสิกฺขาทีหิ กิเลสา อจฺจนฺตเมว วูปสนฺตา ปหีนา โหนฺติ, ตา มคฺคผลสิกฺขา สิกฺขนฺตสฺส อจฺจนฺตเมว จิตฺตํ วูปสนฺตํ นาม โหตีติ. คาถาปริโยสาเน วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๗.๕๙-๗๒) –

‘‘อชฺโฌคาเหตฺวา หิมวํ, มนฺเต วาเจมหํ ตทา;

จตุปฺาสสหสฺสานิ, สิสฺสา มยฺหํ อุปฏฺหุํ.

‘‘อธิตา เวทคู สพฺเพ, ฉฬงฺเค ปารมึ คตา;

สกวิชฺชาหุปตฺถทฺธา, หิมวนฺเต วสนฺติ เต.

‘‘จวิตฺวา ตุสิตา กายา, เทวปุตฺโต มหายโส;

อุปฺปชฺชิ มาตุกุจฺฉิสฺมึ, สมฺปชาโน ปติสฺสโต.

‘‘สมฺพุทฺเธ อุปปชฺชนฺเต, ทสสหสฺสิ กมฺปถ;

อนฺธา จกฺขุํ อลภึสุ, อุปฺปชฺชนฺตมฺหิ นายเก.

‘‘สพฺพาการํ ปกมฺปิตฺถ, เกวลา วสุธา อยํ;

นิคฺโฆสสทฺทํ สุตฺวาน, อุพฺพิชฺชึสุ มหาชนา.

‘‘สพฺเพ ชนา สมาคมฺม, อาคจฺฉุํ มม สนฺติกํ;

วสุธายํ ปกมฺปิตฺถ, กึ วิปาโก ภวิสฺสติ.

‘‘อวจาสึ ตทา เตสํ, มา เภถ นตฺถิ โว ภยํ;

วิสฏฺา โหถ สพฺเพปิ, อุปฺปาโทยํ สุวตฺถิโก.

‘‘อฏฺเหตูหิ สมฺผุสฺส, วสุธายํ ปกมฺปติ;

ตถา นิมิตฺตา ทิสฺสนฺติ, โอภาโส วิปุโล มหา.

‘‘อสํสยํ พุทฺธเสฏฺโ, อุปฺปชฺชิสฺสติ จกฺขุมา;

สฺาเปตฺวาน ชนตํ, ปฺจสีเล กเถสหํ.

‘‘สุตฺวาน ปฺจสีลานิ, พุทฺธุปฺปาทฺจ ทุลฺลภํ;

อุพฺเพคชาตา สุมนา, ตุฏฺหฏฺา อหํสุ เต.

‘‘ทฺเวนวุเต อิโต กปฺเป, ยํ นิมิตฺตํ วิยากรึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พฺยากรณสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

วารณตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. วสฺสิกตฺเถรคาถาวณฺณนา

เอโกปิสทฺโธ เมธาวีติ อายสฺมโต วสฺสิกตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ กโรนฺโต อตฺถทสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต ปิลกฺขผลานิ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โกสลรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วสฺสิโกติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต สตฺถุ ยมกปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโต อาพาธิโก อโหสิ. อถ นํ าตกา เวชฺชปริทิฏฺเน เภสชฺชวิธินา อุปฏฺหิตฺวา อโรคมกํสุ. โส ตมฺหา อาพาธา วุฏฺิโต สํเวคชาโต ภาวนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๗.๔๐-๔๔) –

‘‘วนนฺตเร พุทฺธํ ทิสฺวา, อตฺถทสฺสึ มหายสํ;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, ปิลกฺขสฺส ผลํ อทา.

‘‘อฏฺารเส กปฺปสเต, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา อากาเสน าตกานํ สนฺติเก คนฺตฺวา อากาเส ิโต ธมฺมํ เทเสตฺวา เต สรเณสุ สีเลสุ จ ปติฏฺาเปสิ. เตสุ เกจิ กาลงฺกตา สรเณสุ สีเลสุ จ ปติฏฺิตตฺตา สคฺเค นิพฺพตฺตึสุ. อถ นํ สตฺถา พุทฺธุปฏฺานํ อุปคตํ ‘‘กึ เต, วสฺสิก, าตีนํ อาโรคฺย’’นฺติ ปุจฺฉิ. โส าตีนํ อตฺตนา กตํ อุปการํ สตฺถุ กเถนฺโต –

๒๔๐.

‘‘เอโกปิ สทฺโธ เมธาวี, อสฺสทฺธานีธ าตินํ;

ธมฺมฏฺโ สีลสมฺปนฺโน, โหติ อตฺถาย พนฺธุนํ.

๒๔๑.

‘‘นิคฺคยฺห อนุกมฺปาย, โจทิตา าตโย มยา;

าติพนฺธวเปเมน, การํ กตฺวาน ภิกฺขุสุ.

๒๔๒.

‘‘เต อพฺภตีตา กาลงฺกตา, ปตฺตา เต ติทิวํ สุขํ;

ภาตโร มยฺหํ มาตา จ, โมทนฺติ กามกามิโน’’ติ. –

ติสฺโส คาถา อภาสิ.

ตตฺถายํ ปมคาถาย อตฺโถ – โย กมฺมผลสทฺธาย จ รตนตฺตยสทฺธาย จ วเสน สทฺโธ, ตโต เอว กมฺมสฺสกตาณาทิโยคโต เมธาวี, สตฺถุ โอวาทธมฺเม นวโลกุตฺตรธมฺเม จ ิตตฺตา ธมฺมฏฺโ, อาจารสีลสฺส มคฺคสีลสฺส ผลสีลสฺส จ วเสน สีลสมฺปนฺโน, โส เอโกปิ ยถาวุตฺตาย สทฺธาย อภาเวน อสฺสทฺธานํ อิธ อิมสฺมึ โลเก ‘‘อมฺหากํ อิเม’’ติ าตพฺพฏฺเน าตีนํ, ตถา เปมพนฺธเนน พนฺธนฏฺเน ‘‘พนฺธู’’ติ จ ลทฺธนามานํ พนฺธวานํ อตฺถาย หิตาย โหตีติ.

เอวํ สาธารณโต วุตฺตมตฺถํ อตฺตูปนายิกํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘นิคฺคยฺหา’’ติอาทินา อิตรคาถา วุตฺตา. ตตฺถ นิคฺคยฺห อนุกมฺปาย, โจทิตา าตโย มยาติ อิทานิปิ ทุคฺคตา กุสลํ อกตฺวา อายตึ ปริกฺกิเลสํ ปุน มานุภวิตฺถาติ นิคฺคเหตฺวา าตโย มยา โอวทิตา. าติพนฺธวเปเมน ‘‘อมฺหากํ อยํ พนฺธโว’’ติ เอวํ ปวตฺเตน เปเมน มม โอวาทํ อติกฺกมิตุํ อสกฺโกนฺตา การํ กตฺวาน ภิกฺขูสุ ปสนฺนจิตฺตา หุตฺวา จีวราทิปจฺจยทาเนน เจว อุปฏฺาเนน จ ภิกฺขูสุ สกฺการสมฺมานํ กตฺวา เต อพฺภตีตา กาลงฺกตา หุตฺวา อิมํ โลกํ อติกฺกนฺตา. ปุน เตติ นิปาตมตฺตํ. ติทิวํ สุขนฺติ เทวโลกปริยาปนฺนสุขํ, สุขํ วา อิฏฺํ ติทิวํ อธิคตา. ‘‘เก ปน เต’’ติ อาห. ‘‘ภาตโร มยฺหํ มาตา จ, โมทนฺติ กามกามิโน’’ติ. อตฺตนา ยถากามิตวตฺถุกามสมงฺคิโน หุตฺวา อภิรมนฺตีติ อตฺโถ.

วสฺสิกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. ยโสชตฺเถรคาถาวณฺณนา

กาลปพฺพงฺคสงฺกาโสติ อายสฺมโต ยโสชตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล อารามโคปกกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ วิปสฺสึ ภควนฺตํ อากาเสน คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ลพุชผลํ อทาสิ.

โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถินครทฺวาเร เกวฏฺฏคาเม ปฺจกุลสตเชฏฺกสฺส เกวฏฺฏสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ยโสโชติสฺส นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต อตฺตโน สหาเยหิ เกวฏฺฏปุตฺเตหิ สทฺธึ มจฺฉคหณตฺถํ อจิรวติยํ นทิยํ ชาลํ ขิปิ. ตตฺเถโก สุวณฺณวณฺโณ มหามจฺโฉ อนฺโตชาลํ ปาวิสิ. ตํ เต รฺโ ปเสนทิสฺส ทสฺเสสุํ . ราชา ‘‘อิมสฺส สุวณฺณวณฺณสฺส มจฺฉสฺส วณฺณการณํ ภควา ชานาตี’’ติ มจฺฉํ คาหาเปตฺวา ภควโต ทสฺเสสิ. ภควา ‘‘อยํ กสฺสปสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาสเน โอสกฺกมาเน ปพฺพชิตฺวา มิจฺฉา ปฏิปชฺชนฺโต สาสนํ โอสกฺกาเปตฺวา นิรเย นิพฺพตฺโต เอกํ พุทฺธนฺตรํ นิรเย ปจฺจิตฺวา ตโต จุโต อจิรวติยํ มจฺโฉ หุตฺวา นิพฺพตฺโต’’ติ วตฺวา ตสฺส ภคินีนฺจ นิรเย นิพฺพตฺตภาวํ, ตสฺส ภาติกตฺเถรสฺส ปรินิพฺพุตภาวฺจ เตเนว กถาเปตฺวา อิมิสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา กปิลสุตฺตํ เทเสสิ.

สตฺถุ เทสนํ สุตฺวา ยโสโช สํเวคชาโต สทฺธึ อตฺตโน สหาเยหิ ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ปติรูเป าเน วสนฺโต เอกทิวสํ สปริโส ภควนฺตํ วนฺทิตุํ เชตวนํ อคมาสิ. ตสฺส อาคมเน เสนาสนปฺาปนาทินา วิหาเร อุจฺจาสทฺทมหาสทฺโท อโหสิ. ตํ สุตฺวา ‘‘ภควา สปริสํ ยโสชํ ปณาเมสี’’ติ (อุทา. ๒๓) สพฺพํ อุทาเน อาคตนเยน เวทิตพฺพํ. ปณามิโต ปน อายสฺมา ยโสโช กสาภิหโต ภทฺโท อสฺสาชานีโย วิย สํวิคฺคมานโส สทฺธึ ปริสาย วคฺคุมุทาย นทิยา ตีเร วสนฺโต ฆเฏนฺโต วายมนฺโต วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อนฺโตวสฺเสเยว ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๗.๓๒-๓๙) –

‘‘นคเร พนฺธุมติยา, อารามิโก อหํ ตทา;

อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, คจฺฉนฺตํ อนิลฺชเส.

‘‘ลพุชํ ผลมาทาย, พุทฺธเสฏฺสฺสทาสหํ;

อากาเสว ิโต สนฺโต, ปฏิคฺคณฺหิ มหายโส.

‘‘วิตฺติสฺชานโน มยฺหํ, ทิฏฺธมฺมสุขาวโห;

ผลํ พุทฺธสฺส ทตฺวาน, วิปฺปสนฺเนน เจตสา.

‘‘อธิคฺฉึ ตทา ปีตึ, วิปุลํ สุขมุตฺตมํ;

อุปฺปชฺชเตว รตนํ, นิพฺพตฺตสฺส ตหึ ตหึ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺํ ปน สมานํ สปริสํ อายสฺมนฺตํ ยโสชํ สตฺถา ปกฺโกสิตฺวา อาเนฺชสมาปตฺตินา ปฏิสนฺถารมกาสิ. โส สพฺเพปิ ธุตงฺคธมฺเม สมาทาย วตฺตติ. เตนสฺส สรีรํ กิสํ อโหสิ ลูขํ ทุพฺพณฺณํ, ตํ ภควา ปรมปฺปิจฺฉตาย ปสํสนฺโต –

๒๔๓.

‘‘กาลปพฺพงฺคสงฺกาโส , กิโส ธมนิสนฺถโต;

มตฺตฺู อนฺนปานมฺหิ, อทีนมานโส นโร’’ติ. – ปมํ คาถมาห;

ตตฺถ กาลปพฺพงฺคสงฺกาโสติ มํสูปจยวิคเมน กิสทุสณฺิตสรีราวยวตาย ทนฺติลตาปพฺพสทิสงฺโค, เตนาห ‘‘กิโส ธมนิสนฺถโต’’ติ. กิโสติ โมเนยฺยปฏิปทาปูรเณน กิสสรีโร. ธมนิสนฺถโตติ ธมนีหิ สนฺถตคตฺโต อปฺปมํสโลหิตตาย ปากฏีหิ กณฺฑรสิราหิ วิตตสรีโร. มตฺตฺูติ ปริเยสนปฏิคฺคหณปริโภควิสฺสชฺชเนสุ ปมาณฺู. อทีนมานโสติ โกสชฺชาทีหิ อนภิภูตตฺตา อลีนจิตฺโต อกุสีตวุตฺติ. นโรติ ปุริโส, โปริสสฺส ธุรสฺส วหนโต โปริสลกฺขณสมฺปนฺโน ปุริสโธรยฺโหติ อธิปฺปาโย.

เอวํ เถโร สตฺถารา ปสฏฺโ ปสฏฺภาวานุรูปํ อตฺตโน อธิวาสนขนฺติวีริยารมฺภวิเวกาภิรติกิตฺตนมุเขน ภิกฺขูนํ ธมฺมํ กเถนฺโต –

๒๔๔.

‘‘ผุฏฺโ ฑํเสหิ มกเสหิ, อรฺสฺมึ พฺรหาวเน;

นาโค สงฺคามสีเสว, สโต ตตฺราธิวาสเย.

๒๔๕.

‘‘ยถา พฺรหฺมา ตถา เอโก, ยถา เทโว ตถา ทุเว;

ยถา คาโม ตถา ตโย, โกลาหลํ ตตุตฺตริ’’นฺติ. –

อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ.

ตตฺถ นาโค สงฺคามสีเสวาติ ยถา นาม อาชาเนยฺโย หตฺถินาโค ยุทฺธมณฺฑเล อสิสตฺติโตมราทิปฺปหาเร อธิวาเสตฺวา ปรเสนํ วิทฺธํเสติ, เอวํ ภิกฺขุ อรฺสฺมึ พฺรหาวเน อรฺานิยํ ฑํสาทิปริสฺสเย สโต สมฺปชาโน อธิวาเสยฺย, อธิวาเสตฺวา จ ภาวนาพเลน มารพลํ วิธเมยฺย.

ยถา พฺรหฺมาติ ยถา พฺรหฺมา เอกโก จิตฺตปฺปโกปรหิโต ฌานสุเขน นิจฺจเมว สุขิโต วิหรติ ตถา เอโกติ ภิกฺขุปิ เอโก อทุติโย วิเวกสุขมนุพฺรูเหนฺโต สุขํ วิหรติ. เอกสฺส สามฺสุขํ ปณีตนฺติ หิ วุตฺตํ. เอเตน เอกวิหารี ภิกฺขุ ‘‘พฺรหฺมสโม’’ติ โอวาทํ เทติ. ยถา เทโว ตถา ทุเวติ ยถา เทวานํ อนฺตรนฺตรา จิตฺตปฺปโกโปปิ สิยา, ตถา ทฺวินฺนํ ภิกฺขูนํ สหวาเส ฆฏฺฏนาปิ ภเวยฺยาติ สทุติยวาเสน ภิกฺขุ ‘‘เทวสโม’’ติ วุตฺโต. ยถา คาโม ตถา ตโยติ อสฺมิเมว ปาเ ติณฺณํ ภิกฺขูนํ สหวาโส คามวาสสทิโส วิเวกวาโส น โหตีติ อธิปฺปาโย . โกลาหลํ ตตุตฺตรินฺติ ตโต ตยโต อุปริ จ พหูนํ สํวาโส โกลาหลํ อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทมหาชนสนฺนิปาตสทิโส, ตสฺมา เอกวิหารินา ภวิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโยติ.

ยโสชตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. สาฏิมตฺติยตฺเถรคาถาวณฺณนา

อหุ ตุยฺหํ ปุเร สทฺธาติ อายสฺมโต สาฏิมตฺติยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต สิทฺธตฺถสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ตาลวณฺฏํ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มคธรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา สาฏิมตฺติโยติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต เหตุสมฺปนฺนตาย อารฺกภิกฺขูนํ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๓๘.๔๓-๔๗) –

‘‘สิทฺธตฺถสฺส ภควโต, ตาลวณฺฏมทาสหํ;

สุมเนหิ ปฏิจฺฉนฺนํ, ธารยามิ มหารหํ.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ตาลวณฺฏมทาสหํ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ตาลวณฺฏสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา ภิกฺขู โอวทติ อนุสาสติ พหู จ สตฺเต ธมฺมํ กเถตฺวา สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺาเปสิ. อฺตรฺจ กุลํ อสฺสทฺธํ อปฺปสนฺนํ สทฺธํ ปสนฺนํ อกาสิ. เตน ตสฺมึ กุเล มนุสฺสา เถเร อภิปฺปสนฺนา อเหสุํ. ตตฺเถกา ทาริกา อภิรูปา ทสฺสนียา เถรํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺํ สกฺกจฺจํ โภชเนน ปริวิสติ. อเถกทิวสํ มาโร ‘‘เอวํ อิมสฺส อยโส วฑฺฒิสฺสติ, อปฺปติฏฺโ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา เถรสฺส รูเปน คนฺตฺวา ตํ ทาริกํ หตฺเถ อคฺคเหสิ. ทาริกา ‘‘นายํ มนุสฺสสมฺผสฺโส’’ติ จ อฺาสิ, หตฺถฺจ มุฺจาเปสิ. ตํ ทิสฺวา ฆรชโน เถเร อปฺปสาทํ ชเนสิ. ปุนทิวเส เถโร ตํ การณํ อนาวชฺเชนฺโต ตํ ฆรํ อคมาสิ. ตตฺถ มนุสฺสา อนาทรํ อกํสุ. เถโร ตํ การณํ อาวชฺเชนฺโต มารสฺส กิริยํ ทิสฺวา ‘‘ตสฺส คีวายํ กุกฺกุรกุณปํ ปฏิมุฺจตู’’ติ อธิฏฺหิตฺวา ตสฺส โมจนตฺถํ อุปคเตน มาเรน อตีตทิวเส กตกิริยํ กถาเปตฺวา ตํ ตชฺเชตฺวา วิสฺสชฺเชสิ. ตํ ทิสฺวา ฆรสามิโก ‘‘ขมถ, ภนฺเต, อจฺจย’’นฺติ ขมาเปตฺวา ‘‘อชฺชตคฺเค อหเมว, ภนฺเต, ตุมฺเห อุปฏฺหามี’’ติ อาห. เถโร ตสฺส ธมฺมํ กเถนฺโต –

๒๔๖.

‘‘อหุ ตุยฺหํ ปุเร สทฺธา, สา เต อชฺช น วิชฺชติ;

ยํ ตุยฺหํ ตุยฺหเมเวตํ, นตฺถิ ทุจฺจริตํ มม.

๒๔๗.

‘‘อนิจฺจา หิ จลา สทฺธา, เอวํ ทิฏฺา หิ สา มยา;

รชฺชนฺติปิ วิรชฺชนฺติ, ตตฺถ กึ ชิยฺยเต มุนิ.

๒๔๘.

‘‘ปจฺจติ มุนิโน ภตฺตํ, โถกํ โถกํ กุเล กุเล;

ปิณฺฑิกาย จริสฺสามิ, อตฺถิ ชงฺฆพลํ มมา’’ติ. –

ติสฺโส คาถา อภาสิ.

ตตฺถ อหุ ตุยฺหํ ปุเร สทฺธา, สา เต อชฺช น วิชฺชตีติ, อุปาสก, อิโต ปุพฺเพ ตว มยิ ‘‘อยฺโย ธมฺมจารี สมจารี’’ติอาทินา สทฺธา อโหสิ, สา สทฺธา เต ตว อชฺช อิทานิ น อุปลพฺภติ. ตสฺมา ยํ ตุยฺหํ ตุยฺหเมเวตนฺติ จตุปจฺจยทานํ, ตุยฺหเมว เอตํ โหตุ, น เตน มยฺหํ อตฺโถ, สมฺมา ปสนฺนจิตฺเตน หิ ทานํ นาม ทาตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. อถ วา ยํ ตุยฺหํ ตุยฺหเมเวตนฺติ ยํ ตว มยิ อชฺช อคารวํ ปวตฺตํ, ตํ ตุยฺหเมว, ตสฺส ผลํ ตยา เอว ปจฺจนุภวิตพฺพํ, น มยาติ อตฺโถ. นตฺถิ ทุจฺจริตํ มมาติ มม ปน ทุจฺจริตํ นาม นตฺถิ มคฺเคเนว ทุจฺจริตเหตูนํ กิเลสานํ สมุจฺฉินฺนตฺตา.

อนิจฺจา หิ จลา สทฺธาติ ยสฺมา โปถุชฺชนิกา สทฺธา อนิจฺจา เอกนฺติกา น โหติ, ตโต เอว จลา อสฺสปิฏฺเ ปิตกุมฺภณฺฑํ วิย, ถุสราสิมฺหิ นิขาตขาณุกํ วิย จ อนวฏฺิตา. เอวํ ทิฏฺา หิ สา มยาติ เอวํ ภูตา จ สา สทฺธา มยา ตยิ ทิฏฺา ปจฺจกฺขโต วิทิตา. รชฺชนฺติปิ วิรชฺชนฺตีติ เอวํ ตสฺสา อนวฏฺิตตฺตา เอว อิเม สตฺตา กทาจิ กตฺถจิ มิตฺตสนฺถววเสน รชฺชนฺติ สิเนหมฺปิ กโรนฺติ, กทาจิ วิรชฺชนฺติ วิรตฺตจิตฺตา โหนฺติ. ตตฺถ กึ ชิยฺยเต มุนีติ ตสฺมึ ปุถุชฺชนานํ รชฺชเน วิรชฺชเน จ มุนิ ปพฺพชิโต กึ ชิยฺยติ, กา ตสฺส หานีติ อตฺโถ.

‘‘สเจ มม ปจฺจเย น คณฺหถ, กถํ ตุมฺเห ยาเปถา’’ติ เอวํ มา จินฺตยีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปจฺจตี’’ติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ มุนิโน ปพฺพชิตสฺส ภตฺตํ นาม กุเล กุเล อนุฆรํ ทิวเส ทิวเส โถกํ โถกํ ปจฺจเต, น จ ตุยฺหํ เอว เคเห. ปิณฺฑิกาย จริสฺสามิ, อตฺถิ ชงฺฆพลํ มมาติ อตฺถิ เม ชงฺฆพลํ, นาหํ โอภคฺคชงฺโฆ น ขฺโช น จ ปาทโรคี, ตสฺมา ปิณฺฑิกาย มิสฺสกภิกฺขาย จริสฺสามิ, ‘‘ยถาปิ ภมโร ปุปฺผ’’นฺติอาทินา (ธ. ป. ๔๙; เนตฺติ. ๑๒๓) สตฺถารา วุตฺตนเยน ปิณฺฑาย จริตฺวา ยาเปสฺสามีติ ทสฺเสติ.

สาฏิมตฺติยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑. อุปาลิตฺเถรคาถาวณฺณนา

สทฺธายอภินิกฺขมฺมาติ อายสฺมโต อุปาลิตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร กุลฆเร นิพฺพตฺโต เอกทิวสํ สตฺถุ ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ วินยธรานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. โส ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กปฺปกเคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, อุปาลีติสฺส นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต อนุรุทฺธาทีนํ ฉนฺนํ ขตฺติยานํ ปสาทโก หุตฺวา ตถาคเต อนุปิยมฺพวเน วิหรนฺเต ปพฺพชนตฺถาย นิกฺขมนฺเตหิ ฉหิ ขตฺติเยหิ สทฺธึ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิ. ตสฺส ปพฺพชฺชาวิธานํ ปาฬิยํ อาคตเมว (จูฬว. ๓๓๐).

โส ปพฺพชิตฺวา อุปสมฺปนฺโน สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ‘‘มยฺหํ, ภนฺเต, อรฺวาสํ อนุชานาถา’’ติ อาห. ภิกฺขุ ตว อรฺเ วสนฺตสฺส เอกเมว ธุรํ วฑฺฒิสฺสติ, อมฺหากํ ปน สนฺติเก วสนฺตสฺส คนฺถธุรฺจ วิปสฺสนาธุรฺจ ปริปูเรสฺสตีติ. เถโร สตฺถุ วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑.๔๔๑-๕๙๕) –

‘‘นคเร หํสวติยา, สุชาโต นาม พฺราหฺมโณ;

อสีติโกฏินิจโย, ปหูตธนธฺวา.

‘‘อชฺฌายโก มนฺตธโร, ติณฺณํ เวทาน ปารคู;

ลกฺขเณ อิติหาเส จ, สธมฺเม ปารมึ คโต.

‘‘ปริพฺพาชา เอกสิขา, โคตมา พุทฺธสาวกา;

จรกา ตาปสา เจว, จรนฺติ มหิยา ตทา.

‘‘เตปิ มํ ปริวาเรนฺติ, พฺราหฺมโณ วิสฺสุโต อิติ;

พหุชฺชโน มํ ปูเชติ, นาหํ ปูเชมิ กิฺจนํ.

‘‘ปูชารหํ น ปสฺสามิ, มานตฺถทฺโธ อหํ ตทา;

พุทฺโธติ วจนํ นตฺถิ, ตาว นุปฺปชฺชเต ชิโน.

‘‘อจฺจเยน อโหรตฺตํ, ปทุมุตฺตรนามโก;

สพฺพํ ตมํ วิโนเทตฺวา, โลเก อุปฺปชฺชิ จกฺขุมา.

‘‘วิตฺถาริเก พาหุชฺเ, ปุถุภูเต จ สาสเน;

อุปาคมิ ตทา พุทฺโธ, นครํ หํสสวฺหยํ.

‘‘ปิตุ อตฺถาย โส พุทฺโธ, ธมฺมํ เทเสสิ จกฺขุมา;

เตน กาเลน ปริสา, สมนฺตา โยชนํ ตทา.

‘‘สมฺมโต มนุชานํ โส, สุนนฺโท นาม ตาปโส;

ยาวตา พุทฺธปริสา, ปุปฺเผหจฺฉาทยี ตทา.

‘‘จตุสจฺจํ ปกาเสนฺเต, เสฏฺเ จ ปุปฺผมณฺฑเป;

โกฏิสตสหสฺสานํ, ธมฺมาภิสมโย อหุ.

‘‘สตฺตรตฺตินฺทิวํ พุทฺโธ, วสฺเสตฺวา ธมฺมวุฏฺิโย;

อฏฺเม ทิวเส ปตฺเต, สุนนฺทํ กิตฺตยี ชิโน.

‘‘เทวโลเก มนุสฺเส วา, สํสรนฺโต อยํ ภเว;

สพฺเพสํ ปวโร หุตฺวา, ภเวสุ สํสริสฺสติ.

‘‘กปฺปสตสหสฺสมฺหิ, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘ตสฺส ธมฺเมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;

มนฺตาณิปุตฺโต ปุณฺโณติ, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโก.

‘‘เอวํ กิตฺตยิ สมฺพุทฺโธ, สุนนฺทํ ตาปสํ ตทา;

หาสยนฺโต ชนํ สพฺพํ, ทสฺสยนฺโต สกํ พลํ.

‘‘กตฺชลี นมสฺสนฺติ, สุนนฺทํ ตาปสํ ชนา;

พุทฺเธ การํ กริตฺวาน, โสเธสิ คติมตฺตโน.

‘‘ตตฺถ เม อหุ สงฺกปฺโป, สุตฺวาน มุนิโน วจํ;

อหมฺปิ การํ กสฺสามิ, ยถา ปสฺสามิ โคตมํ.

‘‘เอวาหํ จินฺตยิตฺวาน, กิริยํ จินฺตยึ มม;

กฺยาหํ กมฺมํ อาจรามิ, ปุฺกฺเขตฺเต อนุตฺตเร.

‘‘อยฺจ ปาิโก ภิกฺขุ, สพฺพปาิสฺส สาสเน;

วินเย อคฺคนิกฺขิตฺโต, ตํ านํ ปตฺถเย อหํ.

‘‘อิทํ เม อมิตํ โภคํ, อกฺโขภํ สาครูปมํ;

เตน โภเคน พุทฺธสฺส, อารามํ มาปเย อหํ.

‘‘โสภนํ นาม อารามํ, นครสฺส ปุรตฺถโต;

กิณิตฺวา สตสหสฺเสน, สงฺฆารามํ อมาปยึ.

‘‘กูฏาคาเร จ ปาสาเท, มณฺฑเป หมฺมิเย คุหา;

จงฺกเม สุกเต กตฺวา, สงฺฆารามํ อมาปยึ.

‘‘ชนฺตาฆรํ อคฺคิสาลํ, อโถ อุทกมาฬกํ;

นฺหานฆรํ มาปยิตฺวา, ภิกฺขุสงฺฆสฺสทาสหํ.

‘‘อาสนฺทิโย ปีเก จ, ปริโภเค จ ภาชเน;

อารามิกฺจ เภสชฺชํ, สพฺพเมตํ อทาสหํ.

‘‘อารกฺขํ ปฏฺเปตฺวาน, ปาการํ การยึ ทฬฺหํ;

มา นํ โกจิ วิเหเสิ, สนฺตจิตฺตาน ตาทินํ.

‘‘สตสหสฺเสนาวาสํ, สงฺฆาราเม อมาปยึ;

เวปุลฺลํ ตํ มาปยิตฺวา, สมฺพุทฺธํ อุปนามยึ.

‘‘นิฏฺาปิโต มยาราโม, สมฺปฏิจฺฉ ตุวํ มุนิ;

นิยฺยาเทสฺสามิ ตํ วีร, อธิวาเสหิ จกฺขุม.

‘‘ปทุมุตฺตโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;

มม สงฺกปฺปมฺาย, อธิวาเสสิ นายโก.

‘‘อธิวาสนมฺาย, สพฺพฺุสฺส มเหสิโน;

โภชนํ ปฏิยาเทตฺวา, กาลมาโรจยึ อหํ.

‘‘อาโรจิตมฺหิ กาลมฺหิ, ปทุมุตฺตรนายโก;

ขีณาสวสหสฺเสหิ, อารามํ เม อุปาคมิ.

‘‘นิสินฺนํ กาลมฺาย, อนฺนปาเนน ตปฺปยึ;

ภุตฺตาวึ กาลมฺาย, อิทํ วจนมพฺรวึ.

‘‘กีโต สตสหสฺเสน, ตตฺตเกเนว การิโต;

โสภโน นาม อาราโม, สมฺปฏิจฺฉ ตุวํ มุนิ.

‘‘อิมินารามทาเนน , เจตนาปณิธีหิ จ;

ภเว นิพฺพตฺตมาโนหํ, ลภามิ มม ปตฺถิตํ.

‘‘ปฏิคฺคเหตฺวา สมฺพุทฺโธ, สงฺฆารามํ สุมาปิตํ;

ภิกฺขุสงฺเฆ นิสีทิตฺวา, อิทํ วจนมพฺรวิ.

‘‘โย โส พุทฺธสฺส ปาทาสิ, สงฺฆารามํ สุมาปิตํ;

ตมหํ กิตฺตยิสฺสามิ, สุณาถ มม ภาสโต.

‘‘หตฺถี อสฺสา รถา ปตฺตี, เสนา จ จตุรงฺคินี;

ปริวาเรสฺสนฺติมํ นิจฺจํ, สงฺฆารามสฺสิทํ ผลํ.

‘‘สฏฺิ ตูรสหสฺสานิ, เภริโย สมลงฺกตา;

ปริวาเรสฺสนฺติมํ นิจฺจํ, สงฺฆารามสฺสิทํ ผลํ.

‘‘ฉฬสีติสหสฺสานิ, นาริโย สมลงฺกตา;

วิจิตฺตวตฺถาภรณา, อามุตฺตมณิกุณฺฑลา.

‘‘อฬารปมฺหา หสุลา, สุสฺา ตนุมชฺฌิมา;

ปริวาเรสฺสนฺติมํ นิจฺจํ, สงฺฆารามสฺสิทํ ผลํ.

‘‘ตึสกปฺปสหสฺสานิ, เทวโลเก รมิสฺสติ;

สหสฺสกฺขตฺตุํ เทวินฺโท, เทวรชฺชํ กริสฺสติ.

‘‘เทวราเชน ปตฺตพฺพํ, สพฺพํ ปฏิลภิสฺสติ;

อนูนโภโค หุตฺวาน, เทวรชฺชํ กริสฺสติ.

‘‘สหสฺสกฺขตฺตุํ จกฺกวตฺตี, ราชา รฏฺเ ภวิสฺสติ.

ปถพฺยา รชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ.

‘‘กปฺปสตสหสฺสมฺหิ, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘ตสฺส ธมฺเมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;

อุปาลิ นาม นาเมน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโก.

‘‘วินเย ปารมึ ปตฺวา, านาาเน จ โกวิโท;

ชินสาสนํ ธาเรนฺโต, วิหริสฺสตินาสโว.

‘‘สพฺพเมตํ อภิฺาย, โคตโม สกฺยปุงฺคโว;

ภิกฺขุสงฺเฆ นิสีทิตฺวา, เอตทคฺเค เปสฺสติ.

‘‘อปริเมยฺยุปาทาย, ปตฺเถมิ ตว สาสนํ;

โส เม อตฺโถ อนุปฺปตฺโต, สพฺพสํโยชนกฺขโย.

‘‘ยถา สูลาวุโต โปโส, ราชทณฺเฑน ตชฺชิโต;

สูเล สาตํ อวินฺทนฺโต, ปริมุตฺตึว อิจฺฉติ.

‘‘ตเถวาหํ มหาวีร, ภวทณฺเฑน ตชฺชิโต;

กมฺมสูลาวุโต สนฺโต, ปิปาสาเวทนฏฺฏิโต.

‘‘ภเว สาตํ น วินฺทามิ, ฑยฺหนฺโต ตีหิ อคฺคิภิ;

ปริมุตฺตึ คเวสามิ, ยถาปิ ราชทณฺฑิโต.

‘‘ยถา วิสาโท ปุริโส, วิเสน ปริปีฬิโต;

อคทํ โส คเวเสยฺย, วิสฆาตายุปาลนํ.

‘‘คเวสมาโน ปสฺเสยฺย, อคทํ วิสฆาตกํ;

ตํ ปิวิตฺวา สุขี อสฺส, วิสมฺหา ปริมุตฺติยา.

‘‘ตเถวาหํ มหาวีร, ยถา วิสหโต นโร;

สมฺปีฬิโต อวิชฺชาย, สทฺธมฺมาคทเมสหํ.

‘‘ธมฺมาคทํ คเวสนฺโต, อทฺทกฺขึ สกฺยสาสนํ;

อคฺคํ สพฺโพสธานํ ตํ, สพฺพสลฺลวิโนทนํ.

‘‘ธมฺโมสธํ ปิวิตฺวาน, วิสํ สพฺพํ สมูหนึ;

อชรามรํ สีติภาวํ, นิพฺพานํ ผสฺสยึ อหํ.

‘‘ยถา ภูตฏฺฏิโต โปโส, ภูตคฺคาเหน ปีฬิโต;

ภูตเวชฺชํ คเวเสยฺย, ภูตสฺมา ปริมุตฺติยา.

‘‘คเวสมาโน ปสฺเสยฺย, ภูตวิชฺชาสุ โกวิทํ;

ตสฺส โส วิหเน ภูตํ, สมูลฺจ วินาสเย.

‘‘ตเถวาหํ มหาวีร, ตมคฺคาเหน ปีฬิโต;

าณาโลกํ คเวสามิ, ตมโต ปริมุตฺติยา.

‘‘อถทฺทสํ สกฺยมุนึ, กิเลสตมโสธนํ;

โส เม ตมํ วิโนเทสิ, ภูตเวชฺโชว ภูตกํ.

‘‘สํสารโสตํ สฺฉินฺทึ, ตณฺหาโสตํ นิวารยึ;

ภวํ อุคฺฆาฏยึ สพฺพํ, ภูตเวชฺโชว มูลโต.

‘‘ครุโฬ ยถา โอปตติ, ปนฺนคํ ภกฺขมตฺตโน;

สมนฺตา โยชนสตํ, วิกฺโขเภติ มหาสรํ.

‘‘ปนฺนคํ โส คเหตฺวาน, อโธสีสํ วิเหยํ;

อาทาย โส ปกฺกมติ, เยนกามํ วิหงฺคโม.

‘‘ตเถวาหํ มหาวีร, ยถาปิ ครุโฬ พลี;

อสงฺขตํ คเวสนฺโต, โทเส วิกฺขาลยึ อหํ.

‘‘ทิฏฺโ อหํ ธมฺมวรํ, สนฺติปทมนุตฺตรํ;

อาทาย วิหราเมตํ, ครุโฬ ปนฺนคํ ยถา.

‘‘อาสาวตี นาม ลตา, ชาตา จิตฺตลตาวเน;

ตสฺสา วสฺสสหสฺเสน, เอกํ นิพฺพตฺตเต ผลํ.

‘‘ตํ เทวา ปยิรุปาสนฺติ, ตาวทูรผเล สติ;

เทวานํ สา ปิยา เอวํ, อาสาวตี ลตุตฺตมา.

‘‘สตสหสฺสุปาทาย, ตาหํ ปริจเร มุนิ;

สายํ ปาตํ นมสฺสามิ, เทวา อาสาวตึ ยถา.

‘‘อวฺฌา ปาริจริยา, อโมฆา จ นมสฺสนา;

ทูราคตมฺปิ มํ สนฺตํ, ขโณยํ น วิราธยิ.

‘‘ปฏิสนฺธึ น ปสฺสามิ, วิจินนฺโต ภเว อหํ;

นิรูปธิ วิปฺปมุตฺโต, อุปสนฺโต จรามหํ.

‘‘ยถาปิ ปทุมํ นาม, สูริยรํเสน ปุปฺผติ;

ตเถวาหํ มหาวีร, พุทฺธรํเสน ปุปฺผิโต.

‘‘ยถา พลากโยนิมฺหิ, น วิชฺชติ ปุโม สทา;

เมเฆสุ คชฺชมาเนสุ, คพฺภํ คณฺหนฺติ ตา สทา.

‘‘จิรมฺปิ คพฺภํ ธาเรนฺติ, ยาว เมโฆ น คชฺชติ;

ภารโต ปริมุจฺจนฺติ, ยทา เมโฆ ปวสฺสติ.

‘‘ปทุมุตฺตรพุทฺธสฺส, ธมฺมเมเฆน คชฺชโต;

สทฺเทน ธมฺมเมฆสฺส, ธมฺมคพฺภํ อคณฺหหํ.

‘‘สตสหสฺสุปาทาย, ปุฺคพฺภํ ธเรมหํ;

นปฺปมุจฺจามิ ภารโต, ธมฺมเมโฆ น คชฺชติ.

‘‘ยทา ตุวํ สกฺยมุนิ, รมฺเม กปิลวตฺถเว;

คชฺชสิ ธมฺมเมเฆน, ภารโต ปริมุจฺจหํ.

‘‘สุฺตํ อนิมิตฺตฺจ, ตถาปฺปณิหิตมฺปิ จ;

จตุโร จ ผเล สพฺเพ, ธมฺเมวํ วิชนยึ อหํ.

‘‘อปริเมยฺยุปาทาย, ปตฺเถมิ ตว สาสนํ;

โส เม อตฺโถ อนุปฺปตฺโต, สนฺติปทมนุตฺตรํ.

‘‘วินเย ปารมึ ปตฺโต, ยถาปิ ปาิโก อิสิ;

น เม สมสโม อตฺถิ, ธาเรมิ สาสนํ อหํ.

‘‘วินเย ขนฺธเก จาปิ, ติกจฺเฉเท จ ปฺจเก;

เอตฺถ เม วิมติ นตฺถิ, อกฺขเร พฺยฺชเนปิ วา.

‘‘นิคฺคเห ปฏิกมฺเม จ, านาาเน จ โกวิโท;

โอสารเณ วุฏฺาปเน, สพฺพตฺถ ปารมึ คโต.

‘‘วินเย ขนฺธเก วาปิ, นิกฺขิปิตฺวา ปทํ อหํ;

อุภโต วินิเวเตฺวา, รสโต โอสเรยฺยหํ.

‘‘นิรุตฺติยา สุกุสโล, อตฺถานตฺเถ จ โกวิโท;

อนฺาตํ มยา นตฺถิ, เอกคฺโค สตฺถุ สาสเน.

‘‘รูปทกฺโข อหํ อชฺช, สกฺยปุตฺตสฺส สาสเน;

กงฺขํ สพฺพํ วิโนเทมิ, ฉินฺทามิ สพฺพสํสยํ.

‘‘ปทํ อนุปทฺจาปิ, อกฺขรฺจาปิ พฺยฺชนํ;

นิทาเน ปริโยสาเน, สพฺพตฺถ โกวิโท อหํ.

‘‘ยถาปิ ราชา พลวา, นิคฺคณฺหิตฺวา ปรนฺตเป;

วิชินิตฺวาน สงฺคามํ, นครํ ตตฺถ มาปเย.

‘‘ปาการํ ปริขฺจาปิ, เอสิกํ ทฺวารโกฏฺกํ;

อฏฺฏาลเก จ วิวิเธ, การเย นคเร พหู.

‘‘สิงฺฆาฏกํ จจฺจรฺจ, สุวิภตฺตนฺตราปณํ;

การเยยฺย สภํ ตตฺถ, อตฺถานตฺถวินิจฺฉยํ.

‘‘นิคฺฆาตตฺถํ อมิตฺตานํ, ฉิทฺทาฉิทฺทฺจ ชานิตุํ;

พลกายสฺส รกฺขาย, เสนาปจฺจํ เปติ โส.

‘‘อารกฺขตฺถาย ภณฺฑสฺส, นิธานกุสลํ นรํ;

มา เม ภณฺฑํ วินสฺสีติ, ภณฺฑรกฺขํ เปติ โส.

‘‘มมตฺโต โหติ โย รฺโ, วุทฺธึ ยสฺส จ อิจฺฉติ;

ตสฺสาธิกรณํ เทติ, มิตฺตสฺส ปฏิปชฺชิตุํ.

‘‘อุปฺปาเตสุ นิมิตฺเตสุ, ลกฺขเณสุ จ โกวิทํ;

อชฺฌายกํ มนฺตธรํ, โปโรหิจฺเจ เปติ โส.

‘‘เอเตหงฺเคหิ สมฺปนฺโน, ขตฺติโยติ ปวุจฺจติ;

สทา รกฺขนฺติ ราชานํ, จกฺกวาโกว ทุกฺขิตํ.

‘‘ตเถว ตฺวํ มหาวีร, หตามิตฺโตว ขตฺติโย;

สเทวกสฺส โลกสฺส, ธมฺมราชาติ วุจฺจติ.

‘‘ติตฺถิเย นิหนิตฺวาน, มารฺจาปิ สเสนกํ;

ตมนฺธการํ วิธมิตฺวา, ธมฺมนครํ อมาปยิ.

‘‘สีลํ ปาการกํ ตตฺถ, าณํ เต ทฺวารโกฏฺกํ;

สทฺธา เต เอสิกา วีร, ทฺวารปาโล จ สํวโร.

‘‘สติปฏฺานมฏฺฏาลํ, ปฺา เต จจฺจรํ มุเน;

อิทฺธิปาทฺจ สิงฺฆาฏํ, ธมฺมวีถิ สุมาปิตา.

‘‘สุตฺตนฺตํ อภิธมฺมฺจ, วินยฺจาปิ เกวลํ;

นวงฺคํ พุทฺธวจนํ, เอสา ธมฺมสภา ตว.

‘‘สุฺตํ อนิมิตฺตฺจ, วิหารฺจปฺปณีหิตํ;

อาเนฺชฺจ นิโรโธ จ, เอสา ธมฺมกุฏี ตว.

‘‘ปฺาย อคฺโค นิกฺขิตฺโต, ปฏิภาเน จ โกวิโท;

สาริปุตฺโตติ นาเมน, ธมฺมเสนาปตี ตว.

‘‘จุตูปปาตกุสโล , อิทฺธิยา ปารมึ คโต;

โกลิโต นาม นาเมน, โปโรหิจฺโจ ตวํ มุเน.

‘‘โปราณกวํสธโร, อุคฺคเตโช ทุราสโท;

ธุตวาทีคุเณนคฺโค, อกฺขทสฺโส ตวํ มุเน.

‘‘พหุสฺสุโต ธมฺมธโร, สพฺพปาี จ สาสเน;

อานนฺโท นาม นาเมน, ธมฺมารกฺโข ตวํ มุเน.

‘‘เอเต สพฺเพ อติกฺกมฺม, ปเมสิ ภควา มมํ;

วินิจฺฉยํ เม ปาทาสิ, วินเย วิฺุเทสิตํ.

‘‘โย โกจิ วินเย ปฺหํ, ปุจฺฉติ พุทฺธสาวโก;

ตตฺถ เม จินฺตนา นตฺถิ, ตฺเวตฺถํ กเถมหํ.

‘‘ยาวตา พุทฺธเขตฺตมฺหิ, เปตฺวา ตํ มหามุนิ;

วินเย มาทิโส นตฺถิ, กุโต ภิยฺโย ภวิสฺสติ.

‘‘ภิกฺขุสงฺเฆ นิสีทิตฺวา, เอวํ คชฺชติ โคตโม;

อุปาลิสฺส สโม นตฺถิ, วินเย ขนฺธเกสุ จ.

‘‘ยาวตา พุทฺธภณิตํ, นวงฺคํ สตฺถุสาสนํ;

วินโยคธํ ตํ สพฺพํ, วินยมูลปสฺสิโน.

‘‘มม กมฺมํ สริตฺวาน, โคตโม สกฺยปุงฺคโว;

ภิกฺขุสงฺเฆ นิสีทิตฺวา, เอตทคฺเค เปสิ มํ.

‘‘สตสหสฺสุปาทาย, อิมํ านํ อปตฺถยึ;

โส เม อตฺโถ อนุปฺปตฺโต, วินเย ปารมึ คโต.

‘‘สกฺยานํ นนฺทิชนโน, กปฺปโก อาสหํ ปุเร;

วิชหิตฺวาน ตํ ชาตึ, ปุตฺโต ชาโต มเหสิโน.

‘‘อิโต ทุติยเก กปฺเป, อฺชโส นาม ขตฺติโย;

อนนฺตเตโช อมิตยโส, ภูมิปาโล มหทฺธโน.

‘‘ตสฺส รฺโ อหํ ปุตฺโต, จนฺทโน นาม ขตฺติโย;

ชาติมเทนุปตฺถทฺโธ, ยสโภคมเทน จ.

‘‘นาคสตสหสฺสานิ, สพฺพาลงฺการภูสิตา;

ติธาปภินฺนา มาตงฺคา, ปริวาเรนฺติ มํ สทา.

‘‘สพเลหิ ปเรโตหํ, อุยฺยานํ คนฺตุกามโก;

อารุยฺห สิริกํ นาคํ, นครา นิกฺขมึ ตทา.

‘‘จรเณน จ สมฺปนฺโน, คุตฺตทฺวาโร สุสํวุโต;

เทวโล นาม สมฺพุทฺโธ, อาคจฺฉิ ปุรโต มม.

‘‘เปเสตฺวา สิริกํ นาคํ, พุทฺธํ อาสาทยึ ตทา;

ตโต สฺชาตโกโป โส, นาโค นุทฺธรเต ปทํ.

‘‘นาคํ รุณฺณมนํ ทิสฺวา, พุทฺเธ โกธํ อกาสหํ;

วิเหสยิตฺวา สมฺพุทฺธํ, อุยฺยานํ อคมาสหํ.

‘‘สาตํ ตตฺถ น วินฺทามิ, สิโร ปชฺชลิโต ยถา;

ปริฬาเหน ฑยฺหามิ, มจฺโฉว พฬิสาทโก.

‘‘สสาครนฺตา ปถวี, อาทิตฺตา วิย โหติ เม;

ปิตุ สนฺติกุปาคมฺม, อิทํ วจนมพฺรวึ.

‘‘อาสีวิสํว กุปิตํ, อคฺคิกฺขนฺธํว อาคตํ;

มตฺตํว กุฺชรํ ทนฺตึ, ยํ สยมฺภุมสาทยึ.

‘‘อาสาทิโต มยา พุทฺโธ, โฆโร อุคฺคตโป ชิโน;

ปุรา สพฺเพ วินสฺสาม, ขมาเปสฺสาม ตํ มุนึ.

‘‘โน เจ ตํ นิชฺฌาเปสฺสาม, อตฺตทนฺตํ สมาหิตํ;

โอเรน สตฺตทิวสา, รฏฺํ เม วิธมิสฺสติ.

‘‘สุเมขโล โกสิโย จ, สิคฺคโว จาปิ สตฺตโก;

อาสาทยิตฺวา อิสโย, ทุคฺคตา เต สรฏฺกา.

‘‘ยทา กุปฺปนฺติ อิสโย, สฺตา พฺรหฺมจาริโน;

สเทวกํ วินาเสนฺติ, สสาครํ สปพฺพตํ.

‘‘ติโยชนสหสฺสมฺหิ, ปุริเส สนฺนิปาตยึ;

อจฺจยํ เทสนตฺถาย, สยมฺภุํ อุปสงฺกมึ.

‘‘อลฺลวตฺถา อลฺลสิรา, สพฺเพว ปฺชลีกตา;

พุทฺธสฺส ปาเท นิปติตฺวา, อิทํ วจนมพฺรวุํ.

‘‘ขมสฺสุ ตฺวํ มหาวีร, อภิยาจติ ตํ ชโน;

ปริฬาหํ วิโนเทหิ, มา โน รฏฺํ วินาสย.

‘‘สเทวมานุสา สพฺเพ, สทานวา สรกฺขสา;

อโยมเยน กูเฏน, สิรํ ภินฺเทยฺยุ เม สทา.

‘‘ทเก อคฺคิ น สณฺาติ, พีชํ เสเล น รูหติ;

อคเท กิมิ น สณฺาติ, โกโป พุทฺเธ น ชายติ.

‘‘ยถา จ ภูมิ อจลา, อปฺปเมยฺโย จ สาคโร;

อนนฺตโก จ อากาโส, เอวํ พุทฺธา อโขภิยา.

‘‘สทา ขนฺตา มหาวีรา, ขมิตา จ ตปสฺสิโน;

ขนฺตานํ ขมิตานฺจ, คมนํ ตํ น วิชฺชติ.

‘‘อิทํ วตฺวาน สมฺพุทฺโธ, ปริฬาหํ วิโนทยํ;

มหาชนสฺส ปุรโต, นภํ อพฺภุคฺคมี ตทา.

‘‘เตน กมฺเมนหํ วีร, หีนตฺตํ อชฺฌุปาคโต;

สมติกฺกมฺม ตํ ชาตึ, ปาวิสึ อภยํ ปุรํ.

‘‘ตทาปิ มํ มหาวีร, ฑยฺหมานํ สุสณฺิตํ;

ปริฬาหํ วิโนเทสิ, สยมฺภุฺจ ขมาปยึ.

‘‘อชฺชาปิ มํ มหาวีร, ฑยฺหมานํ ติหคฺคิภิ;

นิพฺพาเปสิ ตโย อคฺคี, สีติภาวฺจ ปาปยึ.

‘‘เยสํ โสตาวธานตฺถิ, สุณาถ มม ภาสโต;

อตฺถํ ตุยฺหํ ปวกฺขามิ, ยถา ทิฏฺํ ปทํ มม.

‘‘สยมฺภุํ ตํ วิมาเนตฺวา, สนฺตจิตฺตํ สมาหิตํ;

เตน กมฺเมนหํ อชฺช, ชาโตมฺหิ นีจโยนิยํ.

‘‘มา โว ขณํ วิราเธถ, ขณาตีตา หิ โสจเร;

สทตฺเถ วายเมยฺยาถ, ขโณ โว ปฏิปาทิโต.

‘‘เอกจฺจานฺจ วมนํ, เอกจฺจานํ วิเรจนํ;

วิสํ หลาหลํ เอเก, เอกจฺจานฺจ โอสธํ.

‘‘วมนํ ปฏิปนฺนานํ, ผลฏฺานํ วิเรจนํ;

โอสธํ ผลลาภีนํ, ปุฺกฺเขตฺตํ คเวสินํ.

‘‘สาสเนน วิรุทฺธานํ, วิสํ หลาหลํ ยถา;

อาสีวิโส ทิฏฺวิโส, เอวํ ฌาเปติ ตํ นรํ.

‘‘สกึ ปีตํ หลาหลํ, อุปรุนฺธติ ชีวิตํ;

สาสเนน วิรุชฺฌิตฺวา, กปฺปโกฏิมฺหิ ฑยฺหติ.

‘‘ขนฺติยา อวิหึสาย, เมตฺตจิตฺตวตาย จ;

สเทวกํ โส ตาเรติ, ตสฺมา เต อวิราธิยา.

‘‘ลาภาลาเภ น สชฺชนฺติ, สมฺมานนวิมานเน;

ปถวีสทิสา พุทฺธา, ตสฺมา เต น วิราธิยา.

‘‘เทวทตฺเต จ วธเก, โจเร องฺคุลิมาลเก;

ราหุเล ธนปาเล จ, สพฺเพสํ สมโก มุนิ.

‘‘เอเตสํ ปฏิโฆ นตฺถิ, ราโคเมสํ น วิชฺชติ;

สพฺเพสํ สมโก พุทฺโธ, วธกสฺโสรสสฺส จ.

‘‘ปนฺเถ ทิสฺวาน กาสาวํ, ฉฑฺฑิตํ มีฬฺหมกฺขิตํ;

สิรสฺมึ อฺชลึ กตฺวา, วนฺทิตพฺพํ อิสิทฺธชํ.

‘‘อพฺภตีตา จ เย พุทฺธา, วตฺตมานา อนาคตา;

ธเชนาเนน สุชฺฌนฺติ, ตสฺมา เอเต นมสฺสิยา.

‘‘สตฺถุกปฺปํ สุวินยํ, ธาเรมิ หทเยนหํ;

นมสฺสมาโน วินยํ, วิหริสฺสามิ สพฺพทา.

‘‘วินโย อาสโย มยฺหํ, วินโย านจงฺกมํ;

กปฺเปมิ วินเย วาสํ, วินโย มม โคจโร.

‘‘วินเย ปารมิปฺปตฺโต, สมเถ จาปิ โกวิโท;

อุปาลิ ตํ มหาวีร, ปาเท วนฺทติ สตฺถุโน.

‘‘โส อหํ วิจริสฺสามิ, คามา คามํ ปุรา ปุรํ;

นมสฺสมาโน สมฺพุทฺธํ, ธมฺมสฺส จ สุธมฺมตํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ตตฺถ หิ นํ สตฺถา สยเมว สกลํ วินยปิฏกํ อุคฺคณฺหาเปสิ. โส อปรภาเค ภารุกจฺฉกวตฺถุํ (ปารา. ๗๘) อชฺชุกวตฺถุํ (ปารา. ๑๕๘) กุมารกสฺสปวตฺถุนฺติ อิมานิ ตีณิ วตฺถูนิ วินิจฺฉยิ. สตฺถา เอเกกสฺมึ วินิจฺฉิเต สาธุการํ ทตฺวา ตโยปิ วินิจฺฉเย อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา เถรํ วินยธรานํ อคฺคฏฺาเน เปสิ. โส อปรภาเค เอกสฺมึ อุโปสถทิวเส ปาติโมกฺขุทฺเทสสมเย ภิกฺขู โอวทนฺโต –

๒๔๙.

‘‘สทฺธาย อภินิกฺขมฺม, นวปพฺพชิโต นโว;

มิตฺเต ภเชยฺย กลฺยาเณ, สุทฺธาชีเว อตนฺทิเต.

๒๕๐.

‘‘สทฺธาย อภินิกฺขมฺม, นวปพฺพชิโต นโว;

สงฺฆสฺมึ วิหรํ ภิกฺขุ, สิกฺเขถ วินยํ พุโธ.

๒๕๑.

‘‘สทฺธาย อภินิกฺขมฺม, นวปพฺพชิโต นโว;

กปฺปากปฺเปสุ กุสโล, จเรยฺย อปุรกฺขโต’’ติ. – ติสฺโส คาถา อภาสิ;

ตตฺถ สทฺธายาติ สทฺธานิมิตฺตํ, น ชีวิกตฺถนฺติ อตฺโถ. สทฺธายาติ วา กมฺมผลานิ รตนตฺตยคุณฺจ สทฺทหิตฺวา. อภินิกฺขมฺมาติ ฆราวาสโต นิกฺขมิตฺวา. นวปพฺพชิโตติ นโว หุตฺวา ปพฺพชิโต, ปมวเย เอว ปพฺพชิโต. นโวติ สาสเน สิกฺขาย อภินโว ทหโร. มิตฺเต ภเชยฺย กลฺยาเณ สุทฺธาชีเว อตนฺทิเตติ ‘‘ปิโย ครุ ภาวนีโย’’ติอาทินา (อ. นิ. ๗.๓๗) วุตฺตลกฺขเณ กลฺยาณมิตฺเต, มิจฺฉาชีววิวชฺชเนน สุทฺธาชีเว , อารทฺธวีริยตาย อตนฺทิเต ภเชยฺย อุปสงฺกเมยฺย, เตสํ โอวาทานุสาสนีปฏิคฺคหณวเสน เสเวยฺย. สงฺฆสฺมึ วิหรนฺติ สงฺเฆ ภิกฺขุสมูเห วตฺตปฏิวตฺตปูรณวเสน วิหรนฺโต. สิกฺเขถ วินยํ พุโธติ โพธาณตาสุกุสโล หุตฺวา วินยปริยตฺตึ สิกฺเขยฺย. วินโย หิ สาสนสฺส อายุ, ตสฺมึ ิเต สาสนํ ิตํ โหติ. ‘‘พุทฺโธ’’ติ จ ปนฺติ, โส เอวตฺโถ. กปฺปากปฺเปสูติ กปฺปิยากปฺปิเยสุ กุสโล สุตฺตวเสน สุตฺตานุโลมวเสน จ นิปุโณ เฉโก. อปุรกฺขโตติ น ปุรกฺขโต ตณฺหาทีหิ กุโตจิ ปุเรกฺขารํ อปจฺจาสีสนฺโต หุตฺวา วิหเรยฺย.

อุปาลิตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๒. อุตฺตรปาลตฺเถรคาถาวณฺณนา

ปณฺฑิตํ วต มํ สนฺตนฺติ อายสฺมโต อุตฺตรปาลตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต คมนมคฺเค เสตุํ การาเปสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา อุตฺตรปาโลติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต ยมกปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรติ. ตสฺส เอกทิวสํ อโยนิโสมนสิการวเสน อนุภูตารมฺมณํ อนุสฺสรนฺตสฺส กามราโค อุปฺปชฺชิ. โส ตาวเทว สโหฑฺฒํ โจรํ คณฺหนฺโต วิย อตฺตโน จิตฺตํ นิคฺคเหตฺวา สํเวคชาโต ปฏิปกฺขมนสิกาเรน กิเลเส วิกฺขมฺเภตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต ภาวนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๗.๑๖-๒๐) –

‘‘วิปสฺสิโน ภควโต, จงฺกมนฺตสฺส สมฺมุขา;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, เสตุํ การาปยึ อหํ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ เสตุํ การยึ อหํ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, เสตุทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา สีหนาทํ นทนฺโต –

๒๕๒.

‘‘ปณฺฑิตํ วต มํ สนฺตํ, อลมตฺถวิจินฺตกํ;

ปฺจ กามคุณา โลเก, สมฺโมหา ปาตยึสุ มํ.

๒๕๓.

‘‘ปกฺขนฺโท มารวิสเย, ทฬฺหสลฺลสมปฺปิโต;

อสกฺขึ มจฺจุราชสฺส, อหํ ปาสา ปมุจฺจิตุํ.

๒๕๔.

‘‘สพฺเพ กามา ปหีนา เม, ภวา สพฺเพ ปทาลิตา;

วิกฺขีโณ ชาติสํสาโร, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ. –

ติสฺโส คาถา อภาสิ.

ตตฺถ ปณฺฑิตํ วต มํ สนฺตนฺติ สุตจินฺตามยาย ปฺาย วเสน ปฺาสมฺปนฺนมฺปิ นาม มํ สมานํ. อลมตฺถวิจินฺตกนฺติ อตฺตโน จ ปเรสฺจ อตฺถํ หิตํ วิจินฺเตตุํ สมตฺถํ, อลํ วา ปริยตฺตํ อตฺถสฺส วิจินฺตกํ, กิเลสวิทฺธํสนสมตฺถํ อตฺถทสฺสินํ วา, สพฺพเมตํ อตฺตโน อนฺติมภวิกตาย เถโร วทติ. ปฺจ กามคุณาติ รูปาทโย ปฺจ กามโกฏฺาสา. โลเกติ เตสํ ปวตฺติฏฺานทสฺสนํ. สมฺโมหาติ สมฺโมหนิมิตฺตํ อโยนิโสมนสิการเหตุ. สมฺโมหาติ วา สมฺโมหนา สมฺโมหกรา. ปาตยึสูติ ธีรภาวโต ปาเตสุํ, โลกโต วา อุตฺตริตุกามํ มํ โลเก ปาตยึสูติ อตฺโถ.

ปกฺขนฺโทติ อนุปวิฏฺโ. มารวิสเยติ กิเลสวิสเย กิเลสมารสฺส ปวตฺติฏฺาเน, ตสฺส วสํ คโตติ อธิปฺปาโย. เทวปุตฺตมารสฺส วา อิสฺสริยฏฺาเน ตํ อนุปวิสิตฺวา ิโต. ทฬฺหสลฺลสมปฺปิโตติ ทฬฺหํ ถิรํ, ทฬฺเหน วา สลฺเลน สมปฺปิโต, ราคสลฺเลน หทยํ อาหจฺจ วิทฺโธ. อสกฺขึ มจฺจุราชสฺส, อหํ ปาสา ปมุจฺจิตุนฺติ อคฺคมคฺคสณฺฑาเสน ราคาทิสลฺลํ อนวเสสโต อุทฺธรนฺโตเยว ราคพนฺธนสงฺขาตา มจฺจุราชสฺส ปาสา อหํ ปริมุจฺจิตุํ อสกฺขึ, ตโต อตฺตานํ ปโมเจสึ.

ตโต เอว จ สพฺเพ กามา ปหีนา เม, ภวา สพฺเพ ปทาลิตาติ วตฺถารมฺมณาทิเภเทน อเนกเภทภินฺนา สพฺเพ กิเลสกามา อริยมคฺเคน สมุจฺเฉทวเสน มยา ปหีนา. กิเลสกาเมสุ หิ ปหีเนสุ วตฺถุกามาปิ ปหีนา เอว โหนฺติ. ตถา กามภวกมฺมภวาทโย ภวา สพฺเพ มคฺคาณาสินา ปทาลิตา วิทฺธํสิตา. กมฺมภเวสุ หิ ปทาลิเตสุ อุปปตฺติภวา ปทาลิตา เอว โหนฺติ. เอวํ กมฺมภวานํ ปทาลิตตฺตา เอว วิกฺขีโณ ชาติสํสาโร, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโวติ. ตสฺสตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว. อิทเมว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณํ อโหสิ.

อุตฺตรปาลตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๓. อภิภูตตฺเถรคาถาวณฺณนา

สุณาถาตโย สพฺเพติ อายสฺมโต อภิภูตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต เวสฺสภุสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต ตาทิเสน กลฺยาณมิตฺตสนฺนิสฺสเยน สาสเน อภิปฺปสนฺโน อโหสิ. โส สตฺถริ ปรินิพฺพุเต ตสฺส ธาตุํ คเหตุํ มหาชเน อุสฺสาหํ กโรนฺเต สยํ สพฺพปมํ คนฺโธทเกน จิตกํ นิพฺพาเปสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท เวปุรนคเร ราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา อภิภูโตติ ลทฺธนาโม ปิตุ อจฺจเยน รชฺชํ กาเรติ. ตสฺมิฺจ สมเย ภควา ชนปทจาริกํ จรนฺโต อนุปุพฺเพน ตํ นครํ ปาปุณิ. ตโต โส ราชา ‘‘ภควา กิร มม นครํ อนุปฺปตฺโต’’ติ สุตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ทุติยทิวเส มหาทานํ ปวตฺเตสิ. ภควา ภุตฺตาวี ตสฺส รฺโ อชฺฌาสยานุรูปํ อนุโมทนํ กโรนฺโตเยว วิตฺถารโต ธมฺมํ เทเสสิ. โส ธมฺมํ สุตฺวา ลทฺธปฺปสาโท รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๗.๑๑-๑๕) –

‘‘ทยฺหมาเน สรีรมฺหิ, เวสฺสภุสฺส มเหสิโน;

คนฺโธทกํ คเหตฺวาน, จิตํ นิพฺพาปยึ อหํ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, จิตํ นิพฺพาปยึ อหํ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, คนฺโธทกสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา วิมุตฺติสุเขน วิหรนฺเต ตสฺมึ ตสฺส าตกา อมจฺจา ปาริสชฺชา นาครา ชานปทาติ สพฺเพ สมาคนฺตฺวา, ‘‘ภนฺเต, กสฺมา ตฺวํ อมฺเห อนาเถ กตฺวา ปพฺพชิโต’’ติ ปริเทวึสุ. เถโร เต าติปมุเข มนุสฺเส ปริเทวนฺเต ทิสฺวา เตสํ อตฺตโน ปพฺพชฺชการณวิภาวนมุเขน ธมฺมํ กเถนฺโต –

๒๕๕.

‘‘สุณาถ าตโย สพฺเพ, ยาวนฺเตตฺถ สมาคตา;

ธมฺมํ โว เทสยิสฺสามิ, ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนํ.

๒๕๖.

‘‘อารมฺภถ นิกฺกมถ, ยุฺชถ พุทฺธสาสเน;

ธุนาถ มจฺจุโน เสนํ, นฬาคารํว กุฺชโร.

๒๕๗.

‘‘โย อิมสฺมึ ธมฺมวินเย, อปฺปมตฺโต วิหสฺสติ;

ปหาย ชาติสํสารํ, ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสตี’’ติ. – ติสฺโส คาถา อภาสิ;

ตตฺถ สุณาถาติ นิสาเมถ, อิทานิ มยา วุจฺจมานํ โอหิตโสตา โสตทฺวารานุสาเรน อุปธาเรถาติ อตฺโถ. าตโยติ าตี ปมุเข กตฺวา เตสํ สพฺเพสํ อาลปนํ, เตนาห ‘‘สพฺเพ ยาวนฺเตตฺถ สมาคตา’’ติ, ยาวนฺโต ยตฺตกา เอตฺถ สมาคเม, เอติสฺสํ วา มม ปพฺพชฺชาย สมาคตาติ อตฺโถ.

อิทานิ ยํ สนฺธาย ‘‘สุณาถา’’ติ สวนาณตฺติกวจนํ กตํ, ตํ ‘‘ธมฺมํ โว เทสยิสฺสามี’’ติ ปฏิชานิตฺวา ‘‘ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุน’’นฺติอาทินา เทเสตุํ อารภิ. ตตฺถ ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนนฺติ ชาติ นาเมสา คพฺโภกฺกนฺติมูลกาทิเภทสฺส ชราทิเภทสฺส จ อเนกวิหิตสฺส ทุกฺขสฺส อธิฏฺานภาวโต ทุกฺขา. สา ปุนปฺปุนํ ปวตฺตมานา อติวิย ทุกฺขา.

ตสฺสา ปน ชาติยา สมติกฺกมนตฺถํ อุสฺสาโห กรณีโยติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อารมฺภถา’’ติอาทิ. ตตฺถ อารมฺภถาติ อารมฺภธาตุสงฺขาตํ วีริยํ กโรถ. นิกฺกมถาติ โกสชฺชปกฺขโต นิกฺขนฺตตฺตา นิกฺกมธาตุสงฺขาตํ ตทุตฺตรึ วีริยํ กโรถ. ยุฺชถ พุทฺธสาสเนติ ยสฺมา สีลสํวโร อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา โภชเน มตฺตฺุตา สติสมฺปชฺนฺติ อิเมสุ ธมฺเมสุ ปติฏฺิตานํ ชาคริยานุโยควเสน อารมฺภนิกฺกมธาตุโย สมฺปชฺชนฺติ, ตสฺมา ตถาภูตา สมถวิปสฺสนาสงฺขาเต อธิสีลสิกฺขาทิสงฺขาเต วา ภควโต สาสเน ยุตฺตปฺปยุตฺตา โหถ. ธุนาถ มจฺจุโน เสนํ, นฬาคารํว กุฺชโรติ เอวํ ปฏิปชฺชนฺตา จ เตธาตุอิสฺสรสฺส มจฺจุราชสฺส วสํ สตฺเต เนตีติ ตสฺส เสนาสงฺขาตํ อพลํ ทุพฺพลํ ยถา นาม ถามพลูปปนฺโน กุฺชโร นเฬหิ กตํ อคารํ ขเณเนว วิทฺธํเสติ, เอวเมว กิเลสคณํ ธุนาถ วิธมถ วิทฺธํเสถาติ อตฺโถ.

เอวํ ปน พุทฺธสาสเน อุสฺสาหํ กโรนฺตสฺส เอกํสิโก ชาติทุกฺขสฺส สมติกฺกโมติ ทสฺเสนฺโต ‘‘โย อิมสฺมิ’’นฺติอาทินา ตติยํ คาถมาห. ตํ สุวิฺเยฺยเมว.

อภิภูตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๔. โคตมตฺเถรคาถาวณฺณนา

สํสรนฺติ อายสฺมโต โคตมตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ กโรนฺโต สิขิมฺหิ ภควติ ปรินิพฺพุเต ตสฺส จิตกํ เทวมนุสฺเสสุ ปูเชนฺเตสุ อฏฺหิ จมฺปกปุปฺเผหิ จิตกํ ปูเชสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สกฺยราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา โคตโมติ โคตฺตวเสเนว อภิลกฺขิตนาโม วยปฺปตฺโต สตฺถุ าติสมาคเม ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๗.๖-๑๐) –

‘‘ฌายมานสฺส ภควโต, สิขิโน โลกพนฺธุโน;

อฏฺ จมฺปกปุปฺผานิ, จิตกํ อภิโรปยึ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิโรปยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, จิตปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา วิมุตฺติสุเขน วิหรนฺโต เอกทิวสํ าตเกหิ ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, อมฺเห ปหาย ปพฺพชิโต’’ติ ปุฏฺโ สํสาเร อตฺตนา อนุภูตทุกฺขฺเจว อิทานิ อธิคตํ นิพฺพานสุขฺจ ปกาเสนฺโต –

๒๕๘.

‘‘สํสรฺหิ นิรยํ อคจฺฉิสฺสํ, เปตโลกมคมํ ปุนปฺปุนํ;

ทุกฺขมมฺหิปิ ติรจฺฉานโยนิยํ, เนกธา หิ วุสิตํ จิรํ มยา.

๒๕๙.

‘‘มานุโสปิ จ ภโวภิราธิโต, สคฺคกายมคมํ สกึ สกึ;

รูปธาตุสุ อรูปธาตุสุ, เนวสฺิสุ อสฺิสุฏฺิตํ.

๒๖๐.

‘‘สมฺภวา สุวิทิตา อสารกา, สงฺขตา ปจลิตา สเทริตา;

ตํ วิทิตฺวา มหมหตฺตสมฺภวํ, สนฺติเมว สติมา สมชฺฌค’’นฺติ. –

ตีหิ คาถาหิ เตสํ ธมฺมํ เทเสสิ.

ตตฺถ สํสรนฺติ อนาทิมติ สํสาเร สํสรนฺโต กมฺมกิเลเสหิ ปฺจสุ คตีสุ จวนุปปาตวเสน อปราปรํ สํสรนฺโตติ อตฺโถ. หีติ นิปาตมตฺตํ. นิรยํ อคจฺฉิสฺสนฺติ สฺชีวาทิกํ อฏฺวิธํ มหานิรยํ, กุกฺกุฬาทิกํ โสฬสวิธํ อุสฺสทนิรยฺจ ปฏิสนฺธิวเสน อุปคจฺฉึ . ‘‘ปุนปฺปุน’’นฺติ อิทํ อิธาปิ อาเนตพฺพํ . เปตโลกนฺติ เปตฺติวิสยํ, ขุปฺปิปาสาทิเภทํ เปตตฺตภาวนฺติ อตฺโถ. อคมนฺติ ปฏิสนฺธิวเสน อุปคจฺฉึ อุปปชฺชึ. ปุนปฺปุนนฺติ อปราปรํ. ทุกฺขมมฺหิปีติ อฺมฺํ ติขิณกสาปโตทาภิฆาตาทิทุกฺเขหิ ทุสฺสหายปิ. ลิงฺควิปลฺลาเสน เหตํ วุตฺตํ ‘‘ทุกฺขมมฺหิปี’’ติ. ติรจฺฉานโยนิยนฺติ มิคปกฺขิอาทิเภทาย ติรจฺฉานโยนิยํ. เนกธา หีติ โอฏฺโคณคทฺรภาทิวเสน เจว กากพลากกุลลาทิวเสน จ อเนกปฺปการํ อเนกวารฺจ จิรํ ทีฆมทฺธานํ มยา วุสิตํ นิจฺจํ อุตฺรสฺตมานสตาทิวเสน ทุกฺขํ อนุภูตํ. ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺตสตฺโต มหามูฬฺหตาย จิรตรํ ตตฺเถว อปราปรํ ปริวตฺตตีติ ทสฺสนตฺถํ อิธ ‘‘จิร’’นฺติ วุตฺตํ.

มานุโสปิ จ ภโวภิราธิโตติ มนุสฺสตฺตภาโวปิ มยา ตาทิเสน กุสลกมฺมุนา สมวาเยน อภิราธิโต สาธิโต อธิคโต. กาณกจฺฉโปปมสุตฺตเมตฺถ (ม. นิ. ๓.๒๕๒; สํ. นิ. ๕.๑๑๑๗) อุทาหริตพฺพํ. สคฺคกายมคมํ สกึ สกินฺติ สคฺคคติสงฺขาตํ กามาวจรเทวกายํ สกึ สกึ กทาจิ กทาจิ อุปปชฺชนวเสน อคจฺฉึ. รูปธาตุสูติ ปุถุชฺชนภวคฺคปริโยสาเนสุ รูปภเวสุ อรูปธาตุสูติ อรูปภเวสุ. เนวสฺิสุ อสฺิสุฏฺิตนฺติ รูปารูปธาตูสุ จ น เกวลํ สฺีสุ เอว, อถ โข เนวสฺีนาสฺีสุ อสฺีสุ จ อุปปชฺช ิตํ มยาติ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํ. เนวสฺิคฺคหเณน เหตฺถ เนวสฺีนาสฺีภโว คหิโต. ยทิปิเม ทฺเว ภวา รูปารูปธาตุคฺคหเณเนว คยฺหนฺติ, เย ปน อิโต พาหิรกา ตตฺถ นิจฺจสฺิโน ภววิโมกฺขสฺิโน จ, เตสํ ตสฺสา สฺาย มิจฺฉาภาวทสฺสนตฺถํ วิสุํ คหิตาติ ทฏฺพฺพํ.

เอวํ ทฺวีหิ คาถาหิ ภวมูลสฺส อนุปจฺฉินฺนตฺตา อนาทิมติ สํสาเร อตฺตโน วฏฺฏทุกฺขานุภวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตทุปจฺเฉเทน วิวฏฺฏสุขานุภวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สมฺภวา’’ติอาทินา ตติยํ คาถมาห. ตตฺถ สมฺภวาติ ภวา. กามภวาทโย เอว หิ เหตุปจฺจยสมวาเยน ภวนฺตีติ อิธ สมฺภวาติ วุตฺตา. สุวิทิตาติ วิปสฺสนาปฺาสหิตาย มคฺคปฺาย สุฏฺุ วิทิตา. อสารกาติอาทิ เตสํ วิทิตาการทสฺสนํ. ตตฺถ อสารกาติ นิจฺจสาราทิสารรหิตา. สงฺขตาติ สเมจฺจ สมฺภุยฺย ปจฺจเยหิ กตา. ปจลิตาติ สงฺขตตฺตา เอว อุปฺปาทชราทีหิ ปการโต จลิตา อนวฏฺิตา. สเทริตาติ สทา สพฺพกาลํ ภงฺเคน เอริตา, อิตฺตรา ภงฺคคามิโน ปภงฺคุโนติ อตฺโถ. ตํ วิทิตฺวามหมตฺตสมฺภวนฺติ ตํ ยถาวุตฺตํ สงฺขตสภาวํ อตฺตสมฺภวํ อตฺตนิ สมฺภูตํ อตฺตายตฺตํ อิสฺสราทิวเสน อปรายตฺตํ ปริฺาภิสมยวเสน อหํ วิทิตฺวา ตปฺปฏิปกฺขภูตํ สนฺติเมว นิพฺพานเมว มคฺคปฺาสติยา สติมา หุตฺวา สมชฺฌคํ อธิคจฺฉึ อริยมคฺคภาวนาย อนุปฺปตฺโตติ. เอวํ เถโร าตกานํ ธมฺมเทสนามุเขน อฺํ พฺยากาสิ.

โคตมตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๕. หาริตตฺเถรคาถาวณฺณนา

โย ปุพฺเพ กรณียานีติ อายสฺมโต หาริตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต สตฺถริ ปรินิพฺพุเต ตสฺส จิตกปูชาย กยิรมานาย คนฺเธน ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา หาริโตติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต ชาติมานํ นิสฺสาย อฺเ วสลวาเทน สมุทาจรติ. โส ภิกฺขูนํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิโตปิ จิรปริจิตตฺตา วสลสมุทาจารํ น วิสฺสชฺชิ. อเถกทิวสํ สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา สฺชาตสํเวโค วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อตฺตโน จิตฺตปฺปวตฺตึ อุปปริกฺขนฺโต มานุทฺธจฺจวิคฺคหิตตํ ทิสฺวา ตํ ปหาย วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๖.๖๓-๖๗) –

‘‘จิตาสุ กุรุมานาสุ, นานาคนฺเธ สมาหเฏ;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, คนฺธมุฏฺิมปูชยึ.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, จิตกํ ยมปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, จิตปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหา ปน หุตฺวา วิมุตฺติสุขํ อนุภวนฺโต ‘‘โย ปุพฺเพ กรณียานี’’ติอาทินา ตีหิ คาถาหิ ภิกฺขูนํ โอวาททานมุเขน อฺํ พฺยากาสิ. ตาสํ อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว.

หาริตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๖. วิมลตฺเถรคาถาวณฺณนา

ปาปมิตฺเตติ อายสฺมโต วิมลตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺํ อุปจินนฺโต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต สตฺถริ ปรินิพฺพุเต สาธุกีฬนทิวเสสุ วีติวตฺเตสุ สตฺถุ สรีรํ คเหตฺวา อุปาสเกสุ ฌาปนฏฺานํ คจฺฉนฺเตสุ สตฺถุ คุเณ อาวชฺชิตฺวา ปสนฺนมานโส สุมนปุปฺเผหิ ปูชมกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท พาราณสิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิมโลติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต โสมมิตฺตตฺเถรํ นิสฺสาย สาสเน ปพฺพชิตฺวา เตเนว อุสฺสาหิโต วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๖.๕๘-๖๒) –

‘‘นีหรนฺเต สรีรมฺหิ, วชฺชมานาสุ เภริสุ;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, ปฏฺฏิปุปฺผมปูชยึ.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, เทหปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน สหายสฺส ภิกฺขุสฺส โอวาทํ เทนฺโต –

๒๖๔.

‘‘ปาปมิตฺเต วิวชฺเชตฺวา, ภเชยฺยุตฺตมปุคฺคลํ;

โอวาเท จสฺส ติฏฺเยฺย, ปตฺเถนฺโต อจลํ สุขํ.

๒๖๕.

‘‘ปริตฺตํ ทารุมารุยฺห, ยถา สีเท มหณฺณเว;

เอวํ กุสีตมาคมฺม, สาธุชีวีปิ สีทติ;

ตสฺมา ตํ ปริวชฺเชยฺย, กุสีตํ หีนวีริยํ.

๒๖๖.

‘‘ปวิวิตฺเตหิ อริเยหิ, ปหิตตฺเตหิ ฌายิภิ;

นิจฺจํ อารทฺธวีริเยหิ, ปณฺฑิเตหิ สหาวเส’’ติ. –

ติสฺโส คาถา อภาสิ.

ตตฺถ ปาปมิตฺเตติ อกลฺยาณมิตฺเต อสปฺปุริเส หีนวีริเย. วิวชฺเชตฺวาติ ตํ อภชนวเสน ทูรโต วชฺเชตฺวา. ภเชยฺยุตฺตมปุคฺคลนฺติ สปฺปุริสํ ปณฺฑิตํ กลฺยาณมิตฺตํ โอวาทานุสาสนีคหณวเสน เสเวยฺย. โอวาเท จสฺส ติฏฺเยฺยาติ อสฺส กลฺยาณมิตฺตสฺส โอวาเท อนุสิฏฺิยํ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชนวเสน ติฏฺเยฺย. ปตฺเถนฺโตติ อากงฺขนฺโต. อจลํ สุขนฺติ นิพฺพานสุขํ ผลสุขฺจ. ตมฺปิ หิ อกุปฺปภาวโต ‘‘อจล’’นฺติ วุจฺจติ. เสสํ วุตฺตตฺถเมว.

วิมลตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ติกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปโม ภาโค นิฏฺิโต.