📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
ขุทฺทกนิกาเย
เถรคาถา-อฏฺกถา
(ทุติโย ภาโค)
๔. จตุกฺกนิปาโต
๑. นาคสมาลตฺเถรคาถาวณฺณนา
อลงฺกตาติอาทิกา ¶ ¶ อายสฺมโต นาคสมาลตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต คิมฺหสมเย สูริยาตปสนฺตตฺตาย ¶ ภูมิยา คจฺฉนฺตํ สตฺถารํ ¶ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ฉตฺตํ อทาสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สกฺยราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา นาคสมาโลติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต าติสมาคเม ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา กิฺจิ กาลํ ภควโต อุปฏฺาโก อโหสิ. โส เอกทิวสํ นครํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ อลงฺกตปฏิยตฺตํ อฺตรํ นจฺจกึ มหาปเถ ตูริเยสุ วชฺชนฺเตสุ นจฺจนฺตึ ทิสฺวา, ‘‘อยํ จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผารวเสน กรชกายสฺส ตถา ตถา ปริวตฺติ, อโห อนิจฺจา สงฺขารา’’ติ ขยวยํ ปฏฺเปตฺวา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๖.๓๗-๔๘) –
‘‘องฺคารชาตา ปถวี, กุกฺกุฬานุคตา มหี;
ปทุมุตฺตโร ภควา, อพฺโภกาสมฺหิ จงฺกมิ.
‘‘ปณฺฑรํ ¶ ฉตฺตมาทาย, อทฺธานํ ปฏิปชฺชหํ;
ตตฺถ ทิสฺวาน สมฺพุทฺธํ, วิตฺติ เม อุปปชฺชถ.
‘‘มรีจิโยตฺถฏา ภูมิ, องฺคาราว มหี อยํ;
อุปหนฺติ มหาวาตา, สรีรสฺสาสุเขปนา.
‘‘สีตํ อุณฺหํ วิหนนฺตํ, วาตาตปนิวารณํ;
ปฏิคฺคณฺห อิมํ ฉตฺตํ, ผสฺสยิสฺสามิ นิพฺพุตึ.
‘‘อนุกมฺปโก การุณิโก, ปทุมุตฺตโร มหายโส;
มม สงฺกปฺปมฺาย, ปฏิคฺคณฺหิ ตทา ชิโน.
‘‘ตึสกปฺปานิ เทวินฺโท, เทวรชฺชมการยึ;
สตานํ ปฺจกฺขตฺตฺุจ, จกฺกวตฺตี อโหสหํ.
‘‘ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ;
อนุโภมิ สกํ กมฺมํ, ปุพฺเพ สุกตมตฺตโน.
‘‘อยํ เม ปจฺฉิมา ชาติ, จริโม วตฺตเต ภโว;
อชฺชาปิ เสตจฺฉตฺตํ เม, สพฺพกาลํ ธรียติ.
‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, ยํ ฉตฺตมททึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ฉตฺตทานสฺสิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา –
‘‘อลงฺกตา ¶ สุวสนา, มาลินี จนฺทนุสฺสทา;
มชฺเฌ มหาปเถ นารี, ตูริเย นจฺจติ นฏฺฏกี.
‘‘ปิณฺฑิกาย ปวิฏฺโหํ, คจฺฉนฺโต นํ อุทิกฺขิสํ;
อลงฺกตํ สุวสนํ, มจฺจุปาสํว โอฑฺฑิตํ.
‘‘ตโต เม มนสีกาโร, โยนิโส อุทปชฺชถ;
อาทีนโว ปาตุรหุ, นิพฺพิทา สมติฏฺถ.
‘‘ตโต ¶ จิตฺตํ วิมุจฺจิ เม, ปสฺส ธมฺมสุธมฺมตํ;
ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. –
จตูหิ คาถาหิ อตฺตโน ปฏิปตฺติกิตฺตนมุเขน อฺํ พฺยากาสิ.
ตตฺถ อลงฺกตาติ หตฺถูปคาทิอาภรเณหิ อลงฺกตคตฺตา. สุวสนาติ สุนฺทรวสนา โสภนวตฺถนิวตฺถา. มาลินีติ มาลาธารินี ปิฬนฺธิตปุปฺผมาลา. จนฺทนุสฺสทาติ จนฺทนานุเลปลิตฺตสรีรา. มชฺเฌ มหาปเถ นารี, ตูริเย นจฺจติ นฏฺฏกีติ ยถาวุตฺตฏฺาเน เอกา นารี นฏฺฏกี นาฏกิตฺถี นครวีถิยา มชฺเฌ ปฺจงฺคิเก ตูริเย วชฺชนฺเต นจฺจติ, ยถาปฏฺปิตํ นจฺจํ กโรติ.
ปิณฺฑิกายาติ ภิกฺขาย. ปวิฏฺโหนฺติ นครํ ปวิฏฺโ อหํ. คจฺฉนฺโต นํ อุทิกฺขิสนฺติ นครวีถิยํ คจฺฉนฺโต ปริสฺสยปริหรณตฺถํ วีถึ โอโลเกนฺโต ตํ นฏฺฏกึ โอโลเกสึ. กึ วิย? มจฺจุปาสํว โอฑฺฑิตนฺติ ยถา มจฺจุสฺส มจฺจุราชสฺส ปาสภูโต รูปาทิโก โอฑฺฑิโต โลเก อนุวิจริตฺวา ิโต เอกํเสน สตฺตานํ อนตฺถาวโห, เอวํ ¶ สาปิ อปฺปฏิสงฺขาเน ิตานํ อนฺธปุถุชฺชนานํ เอกํสโต อนตฺถาวหาติ มจฺจุปาสสทิสี วุตฺตา.
ตโตติ ตสฺมา มจฺจุปาสสทิสตฺตา. เมติ มยฺหํ. มนสีกาโร โยนิโส อุทปชฺชถาติ ‘‘อยํ อฏฺิสงฺฆาโต นฺหารุสมฺพนฺโธ มํเสน อนุปลิตฺโต ฉวิยา ปฏิจฺฉนฺโน อสุจิทุคฺคนฺธเชคุจฺฉปฏิกฺกูโล อนิจฺจุจฺฉาทนปริมทฺทนเภทนวิทฺธํสนธมฺโม อีทิเส วิกาเร ทสฺเสตี’’ติ เอวํ โยนิโส มนสิกาโร อุปฺปชฺชิ. อาทีนโว ปาตุรหูติ เอวํ กายสฺส สภาวูปธารณมุเขน ตสฺส จ ตํนิสฺสิตานฺจ จิตฺตเจตสิกานํ อุทยพฺพยํ สรสปภงฺคุตฺจ มนสิ กโรโต เตสุ จ ยกฺขรกฺขสาทีสุ วิย ภยโต อุปฏฺหนฺเตสุ ตตฺถ เม อเนกาการอาทีนโว โทโส ปาตุรโหสิ. ตปฺปฏิปกฺขโต จ นิพฺพาเน อานิสํโส. นิพฺพิทา สมติฏฺถาติ นิพฺพินฺทนํ อาทีนวานุปสฺสนานุภาวสิทฺธํ นิพฺพิทาาณํ มม หทเย สณฺาสิ, มุหุตฺตมฺปิ ¶ เตสํ รูปารูปธมฺมานํ คหเณ จิตฺตํ นาโหสิ, อฺทตฺถุ มฺุจิตุกามตาทิวเสน ตตฺถ อุทาสีนเมว ชาตนฺติ อตฺโถ.
ตโตติ ¶ วิปสฺสนาาณโต ปรํ. จิตฺตํ วิมุจฺจิ เมติ โลกุตฺตรภาวนาย วตฺตมานาย มคฺคปฏิปาฏิยา สพฺพกิเลเสหิ มม จิตฺตํ วิมุตฺตํ อโหสิ. เอเตน ผลุปฺปตฺตึ ทสฺเสติ. มคฺคกฺขเณ หิ กิเลสา วิมุจฺจนฺติ นาม, ผลกฺขเณ วิมุตฺตาติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
นาคสมาลตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ภคุตฺเถรคาถาวณฺณนา
อหํ มิทฺเธนาติอาทิกา อายสฺมโต ภคุตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต สตฺถริ ปรินิพฺพุเต ตสฺส ธาตุโย ปุปฺเผหิ ปูเชสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน นิมฺมานรตีสุ นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สกฺยราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ภคูติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต อนุรุทฺธกิมิเลหิ สทฺธึ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตฺวา พาลกโลณกคาเม วสนฺโต เอกทิวสํ ถินมิทฺธาภิภวํ วิโนเทตุํ วิหารโต นิกฺขมฺม จงฺกมํ อภิรุหนฺโต ปปติตฺวา ¶ ตเทว องฺกุสํ กตฺวา ถินมิทฺธํ วิโนเทตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๖.๔๙-๕๗) –
‘‘ปรินิพฺพุเต ภควติ, ปทุมุตฺตเร มหายเส;
ปุปฺผวฏํสเก กตฺวา, สรีรมภิโรปยึ.
‘‘ตตฺถ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, นิมฺมานํ อคมาสหํ;
เทวโลกคโต สนฺโต, ปฺุกมฺมํ สรามหํ.
‘‘อมฺพรา ปุปฺผวสฺโส เม, สพฺพกาลํ ปวสฺสติ;
สํสรามิ มนุสฺเส เจ, ราชา โหมิ มหายโส.
‘‘ตหึ กุสุมวสฺโส เม, อภิวสฺสติ สพฺพทา;
ตสฺเสว ปุปฺผปูชาย, วาหสา สพฺพทสฺสิโน.
‘‘อยํ ¶ ปจฺฉิมโก มยฺหํ, จริโม วตฺตเต ภโว;
อชฺชาปิ ปุปฺผวสฺโส เม, อภิวสฺสติ สพฺพทา.
‘‘สตสหสฺสิโต ¶ กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิโรปยึ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, เทหปูชายิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ผลสุเขน นิพฺพานสุเขน จ วีตินาเมนฺโต สตฺถารา เอกวิหารํ อนุโมทิตุํ อุปคเตน – ‘‘กจฺจิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, อปฺปมตฺโต วิหรสี’’ติ ปุฏฺโ อตฺตโน อปฺปมาทวิหารํ นิเวเทนฺโต –
‘‘อหํ มิทฺเธน ปกโต, วิหารา อุปนิกฺขมึ;
จงฺกมํ อภิรุหนฺโต, ตตฺเถว ปปตึ ฉมา.
‘‘คตฺตานิ ปริมชฺชิตฺวา, ปุนปารุยฺห จงฺกมํ;
จงฺกเม จงฺกมึ โสหํ, อชฺฌตฺตํ สุสมาหิโต.
‘‘ตโต เม มนสีกาโร, โยนิโส อุทปชฺชถ;
อาทีนโว ปาตุรหุ, นิพฺพิทา สมติฏฺถ.
‘‘ตโต จิตฺตํ วิมุจฺจิ เม, ปสฺส ธมฺมสุธมฺมตํ;
ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. –
อิมา จตสฺโส คาถา อภาสิ.
ตตฺถ มิทฺเธน ปกโตติ กายาลสิยสงฺขาเตน อสตฺติวิฆาตสภาเวน มิทฺเธน อภิภูโต. วิหาราติ เสนาสนโต. อุปนิกฺขมินฺติ จงฺกมิตุํ นิกฺขมึ. ตตฺเถว ปปตึ ฉมาติ ตตฺเถว จงฺกมโสปาเน นิทฺทาภิภูตตาย ภูมิยํ นิปตึ. คตฺตานิ ปริมชฺชิตฺวาติ ภูมิยํ ปตเนน ปํสุกิตานิ อตฺตโน สรีราวยวานิ อนุมชฺชิตฺวา. ปุนปารุยฺห จงฺกมนฺติ ‘‘ปติโต ทานาห’’นฺติ สงฺโกจํ อนาปชฺชิตฺวา ปุนปิ จงฺกมฏฺานํ อารุหิตฺวา. อชฺฌตฺตํ สุสมาหิโตติ โคจรชฺฌตฺเต กมฺมฏฺาเน นีวรณวิกฺขมฺภเนน สุฏฺุ สมาหิโต เอกคฺคจิตฺโต หุตฺวา จงฺกมินฺติ โยชนา. เสสํ วุตฺตนยเมว. อิทเมว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณํ อโหสิ.
ภคุตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. สภิยตฺเถรคาถาวณฺณนา
ปเร ¶ ¶ จาติอาทิกา อายสฺมโต สภิยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปฺุานิ อุปจินนฺโต กกุสนฺธสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิวาวิหาราย คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส อุปาหนํ ¶ อทาสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสเป ภควติ ปรินิพฺพุเต ปติฏฺิเต สุวณฺณเจติเย ฉหิ กุลปุตฺเตหิ สทฺธึ อตฺตสตฺตโม สาสเน ปพฺพชิตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺเ วิหรนฺโต วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺโต อิตเร อาห – ‘‘มยํ ปิณฺฑปาตาย คจฺฉนฺโต ชีวิเต สาเปกฺขา โหม, ชีวิเต สาเปกฺเขน จ น สกฺกา โลกุตฺตรธมฺมํ อธิคนฺตุํ, ปุถุชฺชนกาลงฺกิริยา จ ทุกฺขา. หนฺท, มยํ นิสฺเสณึ พนฺธิตฺวา ปพฺพตํ อภิรุยฺห กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขา สมณธมฺมํ กโรมา’’ติ. เต ตถา อกํสุ.
อถ เนสํ มหาเถโร อุปนิสฺสยสมฺปนฺนตฺตา ตทเหว ฉฬภิฺโ หุตฺวา อุตฺตรกุรุโต ปิณฺฑปาตํ อุปเนสิ. อิตเร – ‘‘ตุมฺเห, ภนฺเต, กตกิจฺจา ตุมฺเหหิ สทฺธึ สลฺลาปมตฺตมฺปิ ปปฺโจ, สมณธมฺมเมว มยํ กริสฺสาม, ตุมฺเห อตฺตนา ทิฏฺธมฺมสุขวิหารมนุยฺุชถา’’ติ วตฺวา ปิณฺฑปาตํ ปฏิกฺขิปึสุ. เถโร เน สมฺปฏิจฺฉาเปตุํ อสกฺโกนฺโต อคมาสิ.
ตโต เนสํ เอโก ทฺวีหตีหจฺจเยน อภิฺาปริวารํ อนาคามิผลํ สจฺฉิกตฺวา ตเถว วตฺวา เตหิ ปฏิกฺขิตฺโต อคมาสิ. เตสุ ขีณาสวตฺเถโร ปรินิพฺพายิ, อนาคามี สุทฺธาวาเสสุ อุปฺปชฺชิ. อิตเร ปุถุชฺชนกาลงฺกิริยเมว กตฺวา ฉสุ กามสคฺเคสุ อนุโลมปฏิโลมโต ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล เทวโลกา จวิตฺวา เอโก มลฺลราชกุเล ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, เอโก คนฺธารราชกุเล, เอโก พาหิรรฏฺเ, เอโก ราชคเห เอกิสฺสา กุลทาริกาย กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. อิตโร อฺตริสฺสา ปริพฺพาชิกาย กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ. สา กิร อฺตรสฺส ขตฺติยสฺส ธีตา, นํ มาตาปิตโร – ‘‘อมฺหากํ ธีตา สมยนฺตรํ ชานาตู’’ติ เอกสฺส ปริพฺพาชกสฺส นิยฺยาทยึสุ. อเถโก ปริพฺพาชโก ตาย สทฺธึ วิปฺปฏิปชฺชิ. สา เตน คพฺภํ คณฺหิ. ตํ คพฺภินึ ทิสฺวา ปริพฺพาชกา นิกฺกฑฺฒึสุ. สา อฺตฺถ ¶ คจฺฉนฺตี อนฺตรามคฺเค สภายํ วิชายิ. เตนสฺส สภิโยตฺเวว นามํ อกาสิ. โส วฑฺฒิตฺวา ปริพฺพาชกปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา นานาสตฺถานิ อุคฺคเหตฺวา ¶ มหาวาที หุตฺวา วาทปฺปสุโต วิจรนฺโต อตฺตนา สทิสํ อทิสฺวา นครทฺวาเร อสฺสมํ กาเรตฺวา ขตฺติยกุมาราทโย สิปฺปํ สิกฺขาเปนฺโต วิหรนฺโต อตฺตโน มาตุยา อิตฺถิภาวํ ชิคุจฺฉิตฺวา ฌานํ อุปฺปาเทตฺวา พฺรหฺมโลเก อุปฺปนฺนาย อภิสงฺขริตฺวา ทินฺเน วีสติปฺเห คเหตฺวา เต เต สมณพฺราหฺมเณ ปุจฺฉิ. เต จสฺส เตสํ ปฺหานํ อตฺถํ พฺยากาตุํ นาสกฺขึสุ. สภิยสุตฺตวณฺณนายํ (สุ. นิ. อฏฺ. ๒. สภิยสุตฺตวณฺณนา) ปน ¶ ‘‘สุทฺธาวาสพฺรหฺมา เต ปฺเห อภิสงฺขริตฺวา อทาสี’’ติ อาคตํ.
ยทา ปน ภควา ปวตฺตวรธมฺมจกฺโก อนุปุพฺเพน ราชคหํ อาคนฺตฺวา เวฬุวเน วิหาสิ, ตทา สภิโย ตตฺถ คนฺตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา เต ปฺเห ปุจฺฉิ. สตฺถา ตสฺส เต ปฺเห พฺยากาสีติ สพฺพํ สภิยสุตฺเต (สุ. นิ. สภิยสุตฺตํ) อาคตนเยน เวทิตพฺพํ. สภิโย ปน ภควตา เตสุ ปฺเหสุ พฺยากเตสุ ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๖.๒๗-๓๑) –
‘‘กกุสนฺธสฺส มุนิโน, พฺราหฺมณสฺส วุสีมโต;
ทิวาวิหารํ วชโต, อกฺกมนมทาสหํ.
‘‘อิมสฺมึเยว กปฺปมฺหิ, ยํ ทานมททึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, อกฺกมนสฺสิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหา ปน หุตฺวา เทวทตฺเต สงฺฆเภทาย ปรกฺกมนฺเต เทวทตฺตปกฺขิกานํ ภิกฺขูนํ โอวาทํ เทนฺโต –
‘‘ปเร จ น วิชานนฺติ, มยเมตฺถ ยมามเส;
เย จ ตตฺถ วิชานนฺติ, ตโต สมฺมนฺติ เมธคา.
‘‘ยทา จ อวิชานนฺตา, อิริยนฺตฺยมรา วิย;
วิชานนฺติ จ เย ธมฺมํ, อาตุเรสุ อนาตุรา.
‘‘ยํ ¶ กิฺจิ สิถิลํ กมฺมํ, สํกิลิฏฺฺจ ยํ วตํ;
สงฺกสฺสรํ พฺรหฺมจริยํ, น ตํ โหติ มหปฺผลํ.
‘‘ยสฺส สพฺรหฺมจารีสุ, คารโว นูปลพฺภติ;
อารกา โหติ สทฺธมฺมา, นภํ ปุถวิยา ยถา’’ติ. –
จตูหิ คาถาหิ ธมฺมํ เทเสสิ.
ตตฺถ ¶ ปเรติ ปณฺฑิเต เปตฺวา ตโต อฺเ – ‘‘อธมฺมํ ธมฺโม’’ติ ‘‘ธมฺมํ อธมฺโม’’ติอาทิเภทกรวตฺถุทีปนวเสน วิวาทปฺปสุตา ปเร นาม. เต ตตฺถ วิวาทํ กโรนฺตา ‘‘มยํ ยมามเส อุปรมาม นสฺสาม สตตํ สมิตํ มจฺจุสนฺติกํ คจฺฉามา’’ติ น ชานนฺติ. เย จ ตตฺถ วิชานนฺตีติ เย ตตฺถ ปณฺฑิตา – ‘‘มยํ มจฺจุสมีปํ คจฺฉามา’’ติ วิชานนฺติ. ตโต สมฺมนฺติ เมธคาติ เอวฺหิ เต ชานนฺตา โยนิโสมนสิการํ อุปฺปาเทตฺวา เมธคานํ กลหานํ วูปสมาย ปฏิปชฺชนฺติ. อถ เนสํ ตาย ปฏิปตฺติยา เต เมธคา สมฺมนฺติ. อถ วา ปเร จาติ เย สตฺถุ โอวาทานุสาสนิยา อคฺคหเณน สาสนโต พาหิรตาย ปเร, เต ยาว ‘‘มยํ มิจฺฉาคาหํ คเหตฺวา เอตฺถ อิธ โลเก ¶ สาสนสฺส ปฏินิคฺคาเหน ยมามเส วายมามา’’ติ น วิชานนฺติ, ตาว วิวาทา น วูปสมฺมนฺติ, ยทา ปน ตสฺส คาหสฺส วิสฺสชฺชนวเสน เย จ ตตฺถ เตสุ วิวาทปฺปสุเตสุ อธมฺมธมฺมาทิเก อธมฺมธมฺมาทิโต ยถาภูตํ วิชานนฺติ, ตโต เตสํ สนฺติกา เต ปณฺฑิตปุริเส นิสฺสาย วิวาทสงฺขาตา เมธคา สมฺมนฺตีติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ยทาติ ยสฺมึ กาเล. อวิชานนฺตาติ วิวาทสฺส วูปสมูปายํ, ธมฺมาธมฺเม วา ยาถาวโต อชานนฺตา. อิริยนฺตฺยมรา วิยาติ อมรา วิย ชรามรณํ อติกฺกนฺตา วิย อุทฺธตา อุนฺนฬา จปลา มุขรา วิปฺปกิณฺณวาจา หุตฺวา วตฺตนฺติ จรนฺติ วิจรนฺติ ตทา วิวาโท น วูปสมฺมเตว. วิชานนฺติ จ เย ธมฺมํ, อาตุเรสุ อนาตุราติ เย ปน สตฺถุ สาสนธมฺมํ ยถาภูตํ ชานนฺติ, เต กิเลสโรเคน อาตุเรสุ สตฺเตสุ อนาตุรา นิกฺกิเลสา อนีฆา วิหรนฺติ, เตสํ วเสน วิวาโท อจฺจนฺตเมว วูปสมฺมตีติ อธิปฺปาโย.
ยํ ¶ กิฺจิ สิถิลํ กมฺมนฺติ โอลิยิตฺวา กรเณน สิถิลคาหํ กตฺวา สาถลิภาเวน กตํ ยํ กิฺจิ กุสลกมฺมํ. สํกิลิฏฺนฺติ เวสีอาทิเก อโคจเร จรเณน, กุหนาทิมิจฺฉาชีเวน วา สํกิลิฏฺํ วตสมาทานํ. สงฺกสฺสรนฺติ สงฺกาหิ สริตพฺพํ, วิหาเร กิฺจิ อสารุปฺปํ สุตฺวา – ‘‘นูน อสุเกน กต’’นฺติ ปเรหิ อสงฺกิตพฺพํ, อุโปสถกิจฺจาทีสุ อฺตรกิจฺจวเสน สนฺนิปติตมฺปิ สงฺฆํ ทิสฺวา, ‘‘อทฺธา อิเม มม จริยํ ตฺวา มํ อุกฺขิปิตุกามา สนฺนิปติตา’’ติ เอวํ อตฺตโน วา อาสงฺกาหิ สริตํ อุสงฺกิตํ ปริสงฺกิตํ. น ตํ โหตีติ ตํ เอวรูปํ พฺรหฺมจริยํ สมณธมฺมกรณํ ตสฺส ปุคฺคลสฺส มหปฺผลํ น โหติ. ตสฺส อมหปฺผลภาเวเนว ปจฺจยทายกานมฺปิสฺส น มหปฺผลํ โหติ. ตสฺมา สลฺเลขวุตฺตินา ภวิตพฺพํ. สลฺเลขวุตฺติโน จ วิวาทสฺส อวสโร เอว นตฺถีติ อธิปฺปาโย.
คารโว ¶ นูปลพฺภตีติ อนุสาสนิยา อปทกฺขิณคฺคาหิภาเวน ครุกาตพฺเพสุ สพฺรหฺมจารีสุ ยสฺส ปุคฺคลสฺส คารโว ครุกรณํ น วิชฺชติ. อารกา โหติ สทฺธมฺมาติ โส เอวรูโป ปุคฺคโล ปฏิปตฺติสทฺธมฺมโตปิ ปฏิเวธสทฺธมฺมโตปิ ทูเร โหติ, น หิ ตํ ครู สิกฺขาเปนฺติ, อสิกฺขิยมาโน อนาทิยนฺโต น ปฏิปชฺชติ, อปฺปฏิปชฺชนฺโต กุโต สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌิสฺสตีติ. เตนาห – ‘‘อารกา โหติ สทฺธมฺมา’’ติ. ยถา กึ? ‘‘นภํ ปุถวิยา ยถา’’ติ ยถา นภํ อากาสํ ปุถวิยา ปถวีธาตุยา สภาวโต ทูเร. น กทาจิ สมฺมิสฺสภาโว. เตเนวาห –
‘‘นภฺจ ¶ ทูเร ปถวี จ ทูเร, ปารํ สมุทฺทสฺส ตทาหุ ทูเร;
ตโต หเว ทูรตรํ วทนฺติ, สตฺจ ธมฺโม อสตฺจ ราชา’’ติ.(ชา. ๒.๒๑.๔๑๔);
สภิยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. นนฺทกตฺเถรคาถาวณฺณนา
ธิรตฺถูติอาทิกา ¶ อายสฺมโต นนฺทกตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร มหาวิภโว เสฏฺิ หุตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ภิกฺขุโนวาทกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถตฺวา สตสหสฺสคฺฆนิเกน วตฺเถน ภควนฺตํ ปูเชตฺวา ปณิธานมกาสิ, สตฺถุ โพธิรุกฺเข ปทีปปูชฺจ ปวตฺเตติ. โส ตโต ปฏฺาย เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กกุสนฺธสฺส ภควโต กาเล กรวิกสกุโณ หุตฺวา มธุรกูชิตํ กูชนฺโต สตฺถารํ ปทกฺขิณํ อกาสิ. อปรภาเค มยูโร หุตฺวา อฺตรสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส วสนคุหาย ทฺวาเร ปสนฺนมานโส ทิวเส ทิวเส ติกฺขตฺตุํ มธุรวสฺสิตํ วสฺสิ, เอวํ ตตฺถ ตตฺถ ปฺุานิ กตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล สาวตฺถิยํ กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา นนฺทโกติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๖.๒๒-๒๖) –
‘‘ปทุมุตฺตรพุทฺธสฺส ¶ โพธิยา ปาทปุตฺตเม;
ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, ตโย อุกฺเก อธารยึ.
‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, โสหํ อุกฺกมธารยึ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, อุกฺกทานสฺสิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหา ปน หุตฺวา วิมุตฺติสุเขน วีตินาเมนฺโต สตฺถารา ภิกฺขุนีนํ โอวาเท อาณตฺโต เอกสฺมึ อุโปสถทิวเส ปฺจ ภิกฺขุนิสตานิ เอโกวาเทเนว อรหตฺตํ ปาเปสิ. เตน นํ ภควา ภิกฺขุโนวาทกานํ อคฺคฏฺาเน เปสิ. อเถกทิวสํ เถรํ สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ อฺตรา ปุราณทุติยิกา อิตฺถี กิเลสวเสน โอโลเกตฺวา หสิ. เถโร ตสฺสา ตํ กิริยํ ทิสฺวา สรีรสฺส ปฏิกฺกูลวิภาวนมุเขน ธมฺมํ กเถนฺโต –
‘‘ธิรตฺถุ ปูเร ทุคฺคนฺเธ, มารปกฺเข อวสฺสุเต;
นวโสตานิ เต กาเย, ยานิ สนฺทนฺติ สพฺพทา.
‘‘มา ¶ ¶ ปุราณํ อมฺิตฺโถ, มาสาเทสิ ตถาคเต;
สคฺเคปิ เต น รชฺชนฺติ, กิมงฺคํ ปน มานุเส.
‘‘เย จ โข พาลา ทุมฺเมธา, ทุมฺมนฺตี โมหปารุตา;
ตาทิสา ตตฺถ รชฺชนฺติ, มารขิตฺตมฺหิ พนฺธเน.
‘‘เยสํ ราโค จ โทโส จ, อวิชฺชา จ วิราชิตา;
ตาที ตตฺถ น รชฺชนฺติ, ฉินฺนสุตฺตา อพนฺธนา’’ติ. – คาถา อภาสิ;
ตตฺถ ธีติ ชิคุจฺฉนตฺเถ นิปาโต, รตฺถูติ ร-กาโร ปทสนฺธิกโร, ธี อตฺถุ ตํ ชิคุจฺฉามิ ตว ธิกฺกาโร โหตูติ อตฺโถ. ปูเรติอาทีนิ ตสฺสา ธิกฺกาตพฺพภาวทีปนานิ อามนฺตนวจนานิ. ปูเรติ อติวิย เชคุจฺเฉหิ นานากุณเปหิ นานาวิธอสุจีหิ สมฺปุณฺเณ. ทุคฺคนฺเธติ กุณปปูริตตฺตา เอว สภาวทุคฺคนฺเธ. มารปกฺเขติ ยสฺมา วิสภาควตฺถุ อนฺธปุถุชฺชนานํ อโยนิโสมนสิการนิมิตฺตตาย กิเลสมารํ วฑฺเฒติ, เทวปุตฺตมารสฺส จ โอตารํ ปวิฏฺํ เทติ. ตสฺมา มารสฺส ปกฺโข โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘มารปกฺเข’’ติ. อวสฺสุเตติ สพฺพกาลํ กิเลสาวสฺสวเนน ตหึ ตหึ อสุจินิสฺสนฺทเนน จ อวสฺสุเต. อิทานิสฺสา นวโสตานิ เต กาเย, ยานิ สนฺทนฺติ สพฺพทาติ ‘‘อกฺขิมฺหา อกฺขิคูถโก’’ติอาทินา (สุ. นิ. ๑๙๙) วุตฺตํ อสุจิโน อวสฺสวนฏฺานํ ทสฺเสติ.
เอวํ ¶ ปน นวฉิทฺทํ ธุวสฺสวํ อสุจิภริตํ กายํ ยถาภูตํ ชานนฺตี มา ปุราณํ อมฺิตฺโถติ ปุราณํ อชานนกาเล ปวตฺตํ หสิตลปิตํ กีฬิตํ มา มฺิ, ‘‘อิทานิปิ เอวํ ปฏิปชฺชิสฺสตี’’ติ มา จินฺเตหิ. มาสาเทสิ ตถาคเตติ ยถา อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา ปุริมกา พุทฺธสาวกา อาคตา, ยถา วา เต สมฺมาปฏิปตฺติยา คตา ปฏิปนฺนา, ยถา จ รูปารูปธมฺมานํ ตถลกฺขณํ ตถธมฺเม จ อริยสจฺจานิ อาคตา อธิคตา อวพุทฺธา, ตถา อิเมปีติ เอวํ ตถา อาคมนาทิอตฺเถน ตถาคเต อริยสาวเก ปกติสตฺเต วิย อวฺาย กิเลสวเสน จ ¶ อุปสงฺกมมานา มาสาเทสิ. อนาสาเทตพฺพตาย การณมาห. สคฺเคปิ เต น รชฺชนฺติ, กิมงฺคํ ปน มานุเสติ สพฺพฺุพุทฺเธนาปิ อกฺขาเนน ปริโยสาเปตุํ อสกฺกุเณยฺยสุเข สคฺเคปิ เต สาวกพุทฺธา น รชฺชนฺติ, สงฺขาเรสุ อาทีนวสฺส สุปริทิฏฺตฺตา ราคํ น ชเนนฺติ, กิมงฺคํ ปน มีฬฺหราสิสทิเส มานุเส กามคุเณ, ตตฺถ น รชฺชนฺตีติ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ.
เย จ โขติ เย ปน พาลฺยปฺปโยคโต พาลา, ธมฺโมชปฺาย อภาวโต ทุมฺเมธา, อสุเภ สุภานุปสฺสเนน ทุจินฺติตจินฺติตาย ทุมฺมนฺตี, โมเหน อฺาเณน สพฺพโส ปฏิจฺฉาทิตจิตฺตตาย โมหปารุตา ¶ ตาทิสา ตถารูปา อนฺธปุถุชฺชนา, ตตฺถ ตสฺมึ อิตฺถิสฺิเต, มารขิตฺตมฺหิ พนฺธเน มาเรน โอฑฺฑิเต มารปาเส, รชฺชนฺติ รตฺตา คิทฺธา คธิตา มุจฺฉิตา อชฺโฌปนฺนา ติฏฺนฺติ.
วิราชิตาติ เยสํ ปน ขีณาสวานํ เตลฺชนราโค วิย ทุมฺโมจนียสภาโว ราโค สปตฺโต วิย ลทฺโธกาโส ทุสฺสนสภาโว โทโส อฺาณสภาวา อวิชฺชา จ อริยมคฺควิราเคน สพฺพโส วิราชิตา ปหีนา สมุจฺฉินฺนา, ตาทิสา อคฺคมคฺคสตฺเถน ฉินฺนภวเนตฺติสุตฺตา ตโต เอว กตฺถจิปิ พนฺธนาภาวโต อพนฺธนา ตตฺถ ตสฺมึ ยถาวุตฺเต มารปาเส น รชฺชนฺติ. เอวํ เถโร ตสฺสา อิตฺถิยา ธมฺมํ กเถตฺวา คโต.
นนฺทกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ชมฺพุกตฺเถรคาถาวณฺณนา
ปฺจปฺาสาติอาทิกา อายสฺมโต ชมฺพุกตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปฺุานิ อุปจินนฺโต ติสฺสสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห ¶ นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต สตฺถุ สมฺมาสมฺโพธึ สทฺทหนฺโต โพธิรุกฺขํ วนฺทิตฺวา พีชเนน ปูเชสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต สาสเน ปพฺพชิตฺวา อฺตเรน อุปาสเกน การิเต อาราเม อาวาสิโก หุตฺวา วิหรติ เตน ¶ อุปฏฺียมาโน. อเถกทิวสํ เอโก ขีณาสวตฺเถโร ลูขจีวรธโร เกโสหรณตฺถํ อรฺโต คามาภิมุโข อาคจฺฉติ, ตํ ทิสฺวา โส อุปาสโก อิริยาปเถ ปสีทิตฺวา กปฺปเกน เกสมสฺสูนิ โอหาราเปตฺวา ปณีตโภชนํ โภเชตฺวา สุนฺทรานิ จีวรานิ ทตฺวา ‘‘อิเธว, ภนฺเต, วสถา’’ติ วสาเปติ. ตํ ทิสฺวา อาวาสิโก อิสฺสามจฺเฉรปกโต ขีณาสวตฺเถรํ อาห – ‘‘วรํ เต, ภิกฺขุ, อิมินา ปาปุปาสเกน อุปฏฺียมานสฺส เอวํ อิธ วสนโต องฺคุลีหิ เกเส ลฺุจิตฺวา อเจลสฺส สโต คูถมุตฺตาหารชีวน’’นฺติ. เอวฺจ ปน วตฺวา ตาวเทว วจฺจกุฏึ ปวิสิตฺวา ปายาสํ วฑฺเฒนฺโต วิย หตฺเถน คูถํ วฑฺเฒตฺวา วฑฺเฒตฺวา ยาวทตฺถํ ขาทิ, มุตฺตฺจ ปิวิ. อิมินา นิยาเมน ยาวตายุกํ ตฺวา กาลงฺกตฺวา นิรเย ปจฺจิตฺวา ปุน คูถมุตฺตาหาโร วสิตฺวา ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากาวเสเสน มนุสฺเสสุ อุปฺปนฺโนปิ ปฺจ ชาติสตานิ นิคณฺโ หุตฺวา คูถภกฺโข อโหสิ.
ปุน ¶ อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มนุสฺสโยนิยํ นิพฺพตฺตมาโนปิ อริยูปวาทพเลน ทุคฺคตกูเล นิพฺพตฺติตฺวา ถฺํ วา ขีรํ วา สปฺปึ วา ปายมาโน, ตํ ฉฑฺเฑตฺวา มุตฺตเมว ปิวติ, โอทนํ โภชิยมาโน, ตํ ฉฑฺเฑตฺวา คูถเมว ขาทติ, เอวํ คูถมุตฺตปริโภเคน วฑฺฒนฺโต วยปฺปตฺโตปิ ตเทว ปริภฺุชติ. มนุสฺสา ตโต วาเรตุํ อสกฺโกนฺตา ปริจฺจชึสุ. โส าตเกหิ ปริจฺจตฺโต นคฺคปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา น นฺหายติ, รโชชลฺลธโร เกสมสฺสูนิ ลฺุจิตฺวา อฺเ อิริยาปเถ ปฏิกฺขิปิตฺวา เอกปาเทน ติฏฺติ, นิมนฺตนํ น สาทิยติ, มาโสปวาสํ อธิฏฺาย ปฺุตฺถิเกหิ ทินฺนํ โภชนํ มาเส มาเส เอกวารํ กุสคฺเคน คเหตฺวา ทิวา ชิวฺหคฺเคน เลหติ, รตฺติยํ ปน ‘‘อลฺลคูถํ สปฺปาณก’’นฺติ อขาทิตฺวา สุกฺขคูถเมว ขาทติ, เอวํ กโรนฺตสฺส ปฺจปฺาสวสฺสานิ วีติวตฺตานิ มหาชโน ‘‘มหาตโป ปรมปฺปิจฺโฉ’’ติ มฺมาโน ตนฺนินฺโน ตปฺโปโณ อโหสิ.
อถ ภควา ตสฺส หทยพฺภนฺตเร ฆเฏ ปทีปํ วิย อรหตฺตูปนิสฺสยํ ปชฺชลนฺตํ ทิสฺวา สยเมว ตตฺถ คนฺตฺวา ธมฺมํ เทเสตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปตฺวา, เอหิภิกฺขูปสมฺปทาย ลทฺธูปสมฺปทํ วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺเต ปติฏฺาเปสิ. อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถาโร ปน ธมฺมปเท ¶ ‘‘มาเส มาเส กุสคฺเคนา’’ติ คาถาวณฺณนาย (ธ. ป. อฏฺ. ๑.ชมฺพุกตฺเถรวตฺถุ) วุตฺตนเยน ¶ เวทิตพฺโพ. อรหตฺเต ปน ปติฏฺิโต ปรินิพฺพานกาเล ‘‘อาทิโต มิจฺฉา ปฏิปชฺชิตฺวาปิ สมฺมาสมฺพุทฺธํ นิสฺสาย สาวเกน อธิคนฺตพฺพํ มยา อธิคต’’นฺติ ทสฺเสนฺโต –
‘‘ปฺจปฺาสวสฺสานิ, รโชชลฺลมธารยึ;
ภฺุชนฺโต มาสิกํ ภตฺตํ, เกสมสฺสุํ อโลจยึ.
‘‘เอกปาเทน อฏฺาสึ, อาสนํ ปริวชฺชยึ;
สุกฺขคูถานิ จ ขาทึ, อุทฺเทสฺจ น สาทิยึ.
‘‘เอตาทิสํ กริตฺวาน, พหุํ ทุคฺคติคามินํ;
วุยฺหมาโน มโหเฆน, พุทฺธํ สรณมาคมํ.
‘‘สรณคมนํ ปสฺส, ปสฺส ธมฺมสุธมฺมตํ;
ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. –
อิมา จตสฺโส คาถา อภาสิ.
ตตฺถ ปฺจปฺาสวสฺสานิ, รโชชลฺลมธารยินฺติ นคฺคปพฺพชฺชูปคมเนน นฺหานปฏิกฺเขปโต ปฺจาธิกานิ ปฺาสวสฺสานิ สรีเร ลคฺคํ อาคนฺตุกเรณุสงฺขาตํ รโช, สรีรมลสงฺขาตํ ชลฺลฺจ กาเยน ธาเรสึ. ภฺุชนฺโต มาสิกํ ภตฺตนฺติ รตฺติยํ คูถํ ขาทนฺโต โลกวฺจนตฺถํ มาโสปวาสิโก นาม หุตฺวา ปฺุตฺถิเกหิ ทินฺนํ โภชนํ มาเส มาเส เอกวารํ ชิวฺหคฺเค ปนวเสน ภฺุชนฺโต อโลจยินฺติ ตาทิสจฺฉาริกาปกฺเขเปน สิถิลมูลํ เกสมสฺสุํ องฺคุลีหิ ลฺุจาเปสึ.
เอกปาเทน ¶ อฏฺาสึ, อาสนํ ปริวชฺชยินฺติ สพฺเพน สพฺพํ อาสนํ นิสชฺชํ ปริวชฺเชสึ, ติฏฺนฺโต จ อุโภ หตฺเถ อุกฺขิปิตฺวา เอเกเนว ปาเทน อฏฺาสึ. อุทฺเทสนฺติ นิมนฺตนํ. อุทิสฺสกตนฺติ เกจิ. น สาทิยินฺติ น สมฺปฏิจฺฉึ ปฏิกฺขิปินฺติ อตฺโถ.
เอตาทิสํ กริตฺวาน, พหุํ ทุคฺคติคามินนฺติ เอตาทิสํ เอวรูปํ วิปากนิพฺพตฺตนกํ ทุคฺคติคามินํ พหุํ ปาปกมฺมํ ปุริมชาตีสุ อิธ จ กตฺวา อุปฺปาเทตฺวา. วุยฺหมาโน ¶ มโหเฆนาติ กาโมฆาทินา มหตา โอเฆน วิเสสโต ทิฏฺโเฆน อปายสมุทฺทํ ปติอากฑฺฒิยมาโน, พุทฺธํ สรณมาคมนฺติ ตาทิเสน ปฺุกมฺมจฺฉิทฺเทน กิจฺเฉน มนุสฺสตฺตภาวํ ลภิตฺวา อิทานิ ปฺุพเลน พุทฺธํ ‘‘สรณ’’นฺติ อาคมาสึ, ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา’’ติ อเวจฺจปสาเทน สตฺถริ ปสีทึ. สรณคมนํ ปสฺส, ปสฺส ธมฺมสุธมฺมตนฺติ อายตนคตํ มม สรณคมนํ ปสฺส, ปสฺส สาสนธมฺมสฺส ¶ จ สุธมฺมตํ โยหํ ตถามิจฺฉาปฏิปนฺโนปิ เอโกวาเทเนว สตฺถารา เอทิสํ สมฺปตฺตึ สมฺปาปิโต. ‘‘ติสฺโส วิชฺชา’’ติอาทินา ตํ สมฺปตฺตึ ทสฺเสติ เตนาห (อป. เถร ๒.๔๖.๑๗-๒๑) –
‘‘ติสฺสสฺสาหํ ภควโต, โพธิรุกฺขมวนฺทิยํ;
ปคฺคยฺห พีชนึ ตตฺถ, สีหาสนมพีชหํ.
‘‘ทฺเวนวุเต อิโต กปฺเป, สีหาสนมพีชหํ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พีชนาย อิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
ชมฺพุกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. เสนกตฺเถรคาถาวณฺณนา
สฺวาคตํ วตาติอาทิกา อายสฺมโต เสนกตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปฺุานิ อุปจินนฺโต สิขิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส โมรหตฺเถน ภควนฺตํ ปูเชสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา อุรุเวลกสฺสปตฺเถรสฺส ภคินิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ, เสนโกติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต พฺราหฺมณานํ วิชฺชาสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คโต ฆราวาสํ วสติ. เตน จ สมเยน มหาชโน สํวจฺฉเร สํวจฺฉเร ผคฺคุนมาเส อุตฺตรผคฺคุนนกฺขตฺเต อุสฺสวํ อนุภวนฺโต คยายํ ติตฺถาภิเสกํ กโรติ. เตน ตํ อุสฺสวํ ¶ ‘‘คยาผคฺคู’’ติ วทนฺติ. อถ ภควา ตาทิเส อุสฺสวทิวเส เวเนยฺยานุกมฺปาย คยาติตฺถสมีเป วิหรติ, มหาชโนปิ ติตฺถาภิเสกาธิปฺปาเยน ตโต ¶ ตโต ตํ านํ อุปคจฺฉติ. ตสฺมึ ขเณ เสนโกปิ ติตฺถาภิเสกตฺถํ ตํ านํ อุปคโต สตฺถารํ ธมฺมํ เทเสนฺตํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๖.๙-๑๖) –
‘‘โมรหตฺถํ ¶ คเหตฺวาน, อุเปสึ โลกนายกํ;
ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, โมรหตฺถมทาสหํ.
‘‘อิมินา โมรหตฺเถน, เจตนาปณิธีหิ จ;
นิพฺพายึสุ ตโย อคฺคี, ลภามิ วิปุลํ สุขํ.
‘‘อโห พุทฺโธ อโห ธมฺโม, อโห โน สตฺถุสมฺปทา;
ทตฺวานหํ โมรหตฺถํ, ลภามิ วิปุลํ สุขํ.
‘‘ติยคฺคี นิพฺพุตา มยฺหํ, ภวา สพฺเพ สมูหตา;
สพฺพาสวา ปริกฺขีณา, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว.
‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ทานมททึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, โมรหตฺถสฺสิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา สฺชาตโสมนสฺโส อุทานวเสน –
‘‘สฺวาคตํ วต เม อาสิ, คยายํ คยผคฺคุยา;
ยํ อทฺทสาสึ สมฺพุทฺธํ, เทเสนฺตํ ธมฺมมุตฺตมํ.
‘‘มหปฺปภํ คณาจริยํ, อคฺคปตฺตํ วินายกํ;
สเทวกสฺส โลกสฺส, ชินํ อตุลทสฺสนํ.
‘‘มหานาคํ มหาวีรํ, มหาชุติมนาสวํ;
สพฺพาสวปริกฺขีณํ, สตฺถารมกุโตภยํ.
‘‘จิรสงฺกิลิฏฺํ ¶ วต มํ, ทิฏฺิสนฺทานพนฺธิตํ;
วิโมจยิ โส ภควา, สพฺพคนฺเถหิ เสนก’’นฺติ. –
จตสฺโส คาถา อภาสิ.
ตตฺถ สฺวาคตํ วต เม อาสีติ มยา สุฏฺุ อาคตํ วต อาสิ. มม วา สุนฺทรํ วต อาคมนํ อาสิ. คยายนฺติ คยาติตฺถสมีเป. คยผคฺคุยาติ ‘‘คยาผคฺคู’’ติ ลทฺธโวหาเร ผคฺคุนมาสสฺส อุตฺตรผคฺคุนีนกฺขตฺเต. ‘‘ย’’นฺติอาทิ สฺวาคตภาวสฺส การณทสฺสนํ. ตตฺถ ยนฺติ ยสฺมา. อทฺทสาสินฺติ อทฺทกฺขึ. สมฺพุทฺธนฺติ สมฺมา สามํ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา สมฺพุทฺธํ. เทเสนฺตํ ธมฺมมุตฺตมนฺติ อุตฺตมํ อคฺคํ สพฺพเสฏฺํ เอกนฺตนิยฺยานิกํ ธมฺมํ เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ ภาสนฺตํ.
มหปฺปภนฺติ มหติยา สรีรปฺปภาย าณปฺปภาย จ สมนฺนาคตํ. คณาจริยนฺติ ภิกฺขุปริสาทีนํ คณานํ อุตฺตเมน ทมเถน อาจารสิกฺขาปเนน คณาจริยํ. อคฺคภูตานํ สีลาทีนํ ¶ คุณานํ อธิคเมน อคฺคปฺปตฺตํ. เทวมนุสฺสาทีนํ ปรเมน วินเยน วินยนโต, สยํ นายกรหิตตฺตา จ วินายกํ. เกนจิ อนภิภูโต หุตฺวา สกลํ โลกํ อภิภวิตฺวา ิตตฺตา, ปฺจนฺนมฺปิ มารานํ ชิตตฺตา จ สเทวกสฺส โลกสฺส ชินํ สเทวเก โลเก อคฺคชินํ, พาตฺตึสวรมหาปุริสลกฺขณอสีติอนุพฺยฺชนาทิปฏิมณฺฑิตรูปกายตาย ทสพลจตุเวสารชฺชาทิคุณปฏิมณฺฑิตธมฺมกายตาย จ ¶ สเทวเกน โลเกน อปริเมยฺยทสฺสนตาย อสทิสทสฺสนตาย จ อตุลทสฺสนํ.
คติพลปรกฺกมาทิสมฺปตฺติยา มหานาคสทิสตฺตา, นาเคสุปิ ขีณาสเวสุ มหานุภาวตาย จ มหานาคํ. มารเสนาวิมถนโต มหาวิกฺกนฺตตาย จ มหาวีรํ. มหาชุตินฺติ มหาปตาปํ มหาเตชนฺติ อตฺโถ. นตฺถิ เอตสฺส จตฺตาโรปิ อาสวาติ อนาสวํ. สพฺเพ อาสวา สวาสนา ปริกฺขีณา เอตสฺสาติ สพฺพาสวปริกฺขีณํ. กามํ สาวกพุทฺธา ปจฺเจกพุทฺธา จ ขีณาสวาว, สพฺพฺุพุทฺธา เอว ปน สวาสเน อาสเว เขเปนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อนาสว’’นฺติ วตฺวา ปุน ‘‘สพฺพาสวปริกฺขีณ’’นฺติ วุตฺตํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สพฺเพ อาสวา สวาสนา ปริกฺขีณา เอตสฺสาติ สพฺพาสวปริกฺขีณ’’นฺติ. ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหิ ยถารหํ เวเนยฺยานํ อนุสาสนโต สตฺถารํ, จตุเวสารชฺชวิสารทตาย กุโตจิปิ ¶ ภยาภาวโต อกุโตภยํ, เอวรูปํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ยํ ยสฺมา อทฺทสาสึ, ตสฺมา สฺวาคตํ วต เม อาสีติ โยชนา.
อิทานิ สตฺถุ ทสฺสเนน อตฺตนา ลทฺธคุณํ ทสฺเสนฺโต จตุตฺถํ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – กฺชิยปุณฺณลาพุ วิย ตกฺกภริตจาฏิ วิย วสาปีตปิโลติกา วิย จ สํกิเลสวตฺถูหิ อนมตคฺเค สํสาเร จิรกาลํ สํกิลิฏฺํ. คทฺทุลพนฺธิตํ วิย ถมฺเภ สารเมยํ สกฺกายถมฺเภ ทิฏฺิสนฺทาเนน, ทิฏฺิพนฺธเนน พนฺธิตํ พทฺธํ, ตโต วิโมเจนฺโต จ อภิชฺฌาทีหิ สพฺพคนฺเถ หิ มํ เสนกํ อริยมคฺคหตฺเถน, วิโมจยิ วต โส ภควา มยฺหํ สตฺถาติ ภควติ อภิปฺปสาทํ ปเวเทติ.
เสนกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. สมฺภูตตฺเถรคาถาวณฺณนา
โย ทนฺธกาเลติอาทิกา อายสฺมโต สมฺภูตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปฺุานิ กโรนฺโต พุทฺธสฺุเ โลเก จนฺทภาคาย นทิยา ¶ ตีเร กินฺนรโยนิยํ นิพฺพตฺโต. เอกทิวสํ อฺตรํ ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส วนฺทิตฺวา กตฺชลี อชฺชุนปุปฺเผหิ ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา สมฺภูโตติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต ภควโต ปรินิพฺพานสฺส ปจฺฉา ธมฺมภณฺฑาคาริกสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโต ¶ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๒.๒๘-๓๖) –
‘‘จนฺทภาคานทีตีเร, อโหสึ กินฺนโร ตทา;
อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, สยมฺภุํ อปราชิตํ.
‘‘ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, เวทชาโต กตฺชลี;
คเหตฺวา อชฺชุนํ ปุปฺผํ, สยมฺภุํ อภิปูชยึ.
‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;
ชหิตฺวา กินฺนรํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.
‘‘ฉตฺติสกฺขตฺตุํ ¶ เทวินฺโท, เทวรชฺชมการยึ;
ทสกฺขตฺตุํ จกฺกวตฺตี, มหารชฺชมการยึ.
‘‘ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ;
สุเขตฺเต วปฺปิตํ พีชํ, สยมฺภุมฺหิ อโห มม.
‘‘กุสลํ วิชฺชเต มยฺหํ, ปพฺพชึ อนคาริยํ;
ปูชารโห อหํ อชฺช, สกฺยปุตฺตสฺส สาสเน.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา วิมุตฺติสุเขน วิหรนฺโต วสฺสสตปรินิพฺพุเต ภควติ เวสาลิเกสุ วชฺชิปุตฺตเกสุ ทส วตฺถูนิ ปคฺคยฺห ิเตสุ กากณฺฑกปุตฺเตน ยสตฺเถเรน อุสฺสาหิเตหิ สตฺตสเตหิ ขีณาสเวหิ ตํ ทิฏฺึ ภินฺทิตฺวา สทฺธมฺมํ ปคฺคณฺหนฺเตหิ ธมฺมวินยสงฺคเห กเต เตสํ วชฺชิปุตฺตกานํ อุทฺธมฺมอุพฺพินยทีปเน ธมฺมสํเวเคน เถโร –
‘‘โย ทนฺธกาเล ตรติ, ตรณีเย จ ทนฺธเย;
อโยนิสํวิธาเนน, พาโล ทุกฺขํ นิคจฺฉติ.
‘‘ตสฺสตฺถา ปริหายนฺติ, กาฬปกฺเขว จนฺทิมา;
อายสกฺยฺจ ปปฺโปติ, มิตฺเตหิ จ วิรุชฺฌติ.
‘‘โย ¶ ทนฺธกาเล ทนฺเธติ, ตรณีเย จ ตารเย;
โยนิโส สํวิธาเนน, สุขํ ปปฺโปติ ปณฺฑิโต.
‘‘ตสฺสตฺถา ปริปูเรนฺติ, สุกฺกปกฺเขว จนฺทิมา;
ยโส กิตฺติฺจ ปปฺโปติ, มิตฺเตหิ น วิรุชฺฌตี’’ติ. –
อิมา คาถา ภณนฺโต อฺํ พฺยากาสิ.
ตตฺถ โย ทนฺธกาเล ตรตีติ กิสฺมิฺจิ กตฺตพฺพวตฺถุสฺมึ – ‘‘กปฺปติ นุ โข, น นุ โข กปฺปตี’’ติ วินยกุกฺกุจฺเจ อุปฺปนฺเน ยาว วิยตฺตํ วินยธรํ ปุจฺฉิตฺวา ตํ กุกฺกุจฺจํ น วิโนเทติ, ตาว ทนฺธกาเล ตสฺส กิจฺจสฺส ทนฺธายิตพฺพสมเย ตรติ มทฺทิตฺวา วีติกฺกมํ กโรติ. ตรณีเย จ ทนฺธเยติ คหฏฺสฺส ตาว สรณคมนสีลสมาทานาทิเก, ปพฺพชิตสฺส วตฺตปฏิวตฺตกรณาทิเก ¶ สมถวิปสฺสนานุโยเค จ ตริตพฺเพ สมฺปตฺเต สีฆํ ตํ กิจฺจํ อนนุยฺุชิตฺวา – ‘‘อาคมนมาเส ปกฺเข วา กริสฺสามี’’ติ ทนฺธาเยยฺย, ตํ กิจฺจํ อกโรนฺโตว กาลํ วีตินาเมยฺย. อโยนิสํวิธาเนนาติ เอวํ ทนฺธายิตพฺเพ ตรนฺโต ตริตพฺเพ จ ทนฺธายนฺโต อนุปายสํวิธาเนน อุปายสํวิธานาภาเวน พาโล, มนฺทพุทฺธิโก ปุคฺคโล, สมฺปติ อายติฺจ ทุกฺขํ อนตฺถํ ปาปุณาติ.
ตสฺสตฺถา ปริหายนฺตีติ ตสฺส ตถารูปสฺส ปุคฺคลสฺส ทิฏฺธมฺมิกาทิเภทา อตฺถา กาฬปกฺเข จนฺทิมา วิย, ปริหายนฺติ ทิวเส ¶ ทิวเส ปริกฺขยํ ปริยาทานํ คจฺฉนฺติ. ‘‘อสุโก ปุคฺคโล อสฺสทฺโธ อปฺปสนฺโน กุสีโต หีนวีริโย’’ติอาทินา. อายสกฺยํ วิฺูหิ ครหิตพฺพตํ ปปฺโปติ ปาปุณาติ. มิตฺเตหิ จ วิรุชฺฌตีติ ‘‘เอวํ ปฏิปชฺช, มา เอวํ ปฏิปชฺชา’’ติ โอวาททายเกหิ กลฺยาณมิตฺเตหิ ‘‘อวจนียา มย’’นฺติ โอวาทสฺส อนาทาเนเนว วิรุทฺโธ นาม โหติ.
เสสคาถาทฺวยสฺส วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เกจิ ปเนตฺถ – ‘‘ตรติ ทนฺธเย’’ติปทานํ อตฺถภาเวน ภาวนาจิตฺตสฺส ปคฺคหนิคฺคเห อุทฺธรนฺติ. ตํ ปจฺฉิมคาถาสุ ยุชฺชติ. ปุริมา หิ ทฺเว คาถา ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย จริตพฺพํ สมณธมฺมํ อกตฺวา กุกฺกุจฺจปกตตาย ทส วตฺถูนิ ทีเปตฺวา สงฺเฆน นิกฺกฑฺฒิเต วชฺชิปุตฺตเก สนฺธาย เถเรน วุตฺตา. ปจฺฉิมา ปน อตฺตสทิเส สมฺมา ปฏิปนฺเน สกตฺถํ นิปฺผาเทตฺวา ิเตติ.
สมฺภูตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ราหุลตฺเถรคาถาวณฺณนา
อุภเยนาติอาทิกา ¶ อายสฺมโต ราหุลตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปฺุานิ อุปจินนฺโต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ สิกฺขากามานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ¶ สยมฺปิ ตํ านนฺตรํ ปตฺเถตฺวา เสนาสนวิโสธนวิชฺโชตนาทิกํ อุฬารํ ปฺุํ กตฺวา ปณิธานมกาสิ. โส ตโต จวิตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท อมฺหากํ โพธิสตฺตํ ปฏิจฺจ ยโสธราย เทวิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติตฺวา ราหุโลติ ลทฺธนาโม มหตา ขตฺติยปริวาเรน วฑฺฒิ, ตสฺส ปพฺพชฺชาวิธานํ ขนฺธเก (มหาว. ๑๐๕) อาคตเมว. โส ปพฺพชิตฺวา สตฺถุ สนฺติเก อเนเกหิ สุตฺตปเทหิ สุลทฺโธวาโท ปริปกฺกาโณ วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๒.๖๘-๘๕) –
‘‘ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต, โลกเชฏฺสฺส ตาทิโน;
สตฺตภูมมฺหิ ปาสาเท, อาทาสํ สนฺถรึ อหํ.
‘‘ขีณาสวสหสฺเสหิ, ปริกิณฺโณ มหามุนิ;
อุปาคมิ คนฺธกุฏึ, ทฺวิปทินฺโท นราสโภ.
‘‘วิโรเจนฺโต คนฺธกุฏึ, เทวเทโว นราสโภ;
ภิกฺขุสงฺเฆ ิโต สตฺถา, อิมา คาถา อภาสถ.
‘‘เยนายํ โชติตา เสยฺยา, อาทาโสว สุสนฺถโต;
ตมหํ กิตฺตยิสฺสามิ, สุณาถ มม ภาสโต.
‘‘โสณฺณมยา รูปิมยา, อโถ เวฬุริยามยา;
นิพฺพตฺติสฺสนฺติ ปาสาทา, เย เกจิ มนโส ปิยา.
‘‘จตุสฏฺิกฺขตฺตุํ เทวินฺโท, เทวรชฺชํ กริสฺสติ;
สหสฺสกฺขตฺตุํ จกฺกวตฺตี, ภวิสฺสติ อนนฺตรา.
‘‘เอกวีสติกปฺปมฺหิ, วิมโล นาม ขตฺติโย;
จาตุรนฺโต วิชิตาวี, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ.
‘‘นครํ เรณุวตี นาม, อิฏฺกาหิ สุมาปิตํ;
อายามโต ตีณิ สตํ, จตุรสฺสสมายุตํ.
‘‘สุทสฺสโน นาม ปาสาโท, วิสฺสกมฺเมน มาปิโต;
กูฏาคารวรูเปโต, สตฺตรตนภูสิโต.
‘‘ทสสทฺทาวิวิตฺตํ ¶ ตํ, วิชฺชาธรสมากุลํ;
สุทสฺสนํว นครํ, เทวตานํ ภวิสฺสติ.
‘‘ปภา ¶ นิคฺคจฺฉเต ตสฺส, อุคฺคจฺฉนฺเตว สูริเย;
วิโรเจสฺสติ ตํ นิจฺจํ, สมนฺตา อฏฺโยชนํ.
‘‘กปฺปสตสหสฺสมฺหิ, โอกฺกากกุลสมฺภโว;
โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.
‘‘ตุสิตา โส จวิตฺวาน, สุกฺกมูเลน โจทิโต;
โคตมสฺส ภควโต, อตฺรโช โส ภวิสฺสติ.
‘‘สเจวเสยฺย อคารํ, จกฺกวตฺตี ภเวยฺย โส;
อฏฺานเมตํ ยํ ตาที, อคาเร รติมชฺฌคา.
‘‘นิกฺขมิตฺวา อคารมฺหา, ปพฺพชิสฺสติ สุพฺพโต;
ราหุโล นาม นาเมน, อรหา โส ภวิสฺสติ.
‘‘กิกีว อณฺฑํ รกฺเขยฺย, จามรี วิย วาลธึ;
นิปโก สีลสมฺปนฺโน, มมํ รกฺขิ มหามุนิ.
‘‘ตสฺสาหํ ธมฺมมฺาย, วิหาสึ สาสเน รโต;
สพฺพาสเว ปริฺาย, วิหรามิ อนาสโว.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโต –
‘‘อุภเยเนว ¶ สมฺปนฺโน, ราหุลภทฺโทติ มํ วิทู;
ยฺจมฺหิ ปุตฺโต พุทฺธสฺส, ยฺจ ธมฺเมสุ จกฺขุมา.
‘‘ยฺจ เม อาสวา ขีณา, ยฺจ นตฺถิ ปุนพฺภโว;
อรหา ทกฺขิเณยฺโยมฺหิ, เตวิชฺโช อมตทฺทโส.
‘‘กามนฺธา ชาลปจฺฉนฺนา, ตณฺหาฉทนฉาทิตา;
ปมตฺตพนฺธุนา พทฺธา, มจฺฉาว กุมินามุเข.
‘‘ตํ ¶ กามํ อหมุชฺฌิตฺวา, เฉตฺวา มารสฺส พนฺธนํ;
สมูลํ ตณฺหมพฺพุยฺห, สีติภูโตสฺมิ นิพฺพุโต’’ติ. –
จตสฺโส คาถา อภาสิ.
ตตฺถ อุภเยเนว สมฺปนฺโนติ ชาติสมฺปทา, ปฏิปตฺติสมฺปทาติ อุภยสมฺปตฺติยาปิ สมฺปนฺโน สมนฺนาคโต. ราหุลภทฺโทติ มํ วิทูติ ‘‘ราหุลภทฺโท’’ติ มํ สพฺรหฺมจาริโน สฺชานนฺติ. ตสฺส หิ ¶ ชาตสาสนํ สุตฺวา โพธิสตฺเตน ‘‘ราหุ ชาโต, พนฺธนํ ชาต’’นฺติ วุตฺตวจนํ อุปาทาย สุทฺโธทนมหาราชา ‘‘ราหุโล’’ติ นามํ คณฺหิ. ตตฺถ อาทิโต ปิตรา วุตฺตปริยายเมว คเหตฺวา อาห – ‘‘ราหุลภทฺโทติ มํ วิทู’’ติ. ภทฺโทติ จ ปสํสาวจนเมตํ.
อิทานิ ตํ อุภยสมฺปตฺตึ ทสฺเสตุํ ‘‘ยฺจมฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยนฺติ ยสฺมา. จ-สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ. อมฺหิ ปุตฺโต พุทฺธสฺสาติ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส โอรสปุตฺโต อมฺหิ. ธมฺเมสูติ โลกิเยสุ โลกุตฺตเรสุ จ ธมฺเมสุ, จตุสจฺจธมฺเมสูติ อตฺโถ. จกฺขุมาติ มคฺคปฺาจกฺขุนา จกฺขุมา จ อมฺหีติ โยเชตพฺพํ.
ปุน อปราปเรหิปิ ปริยาเยหิ อตฺตนิ อุภยสมฺปตฺตึ ทสฺเสตุํ – ‘‘ยฺจ เม อาสวา ขีณา’’ติ คาถมาห. ตตฺถ ทกฺขิเณยฺโยติ ทกฺขิณารโห. อมตทฺทโสติ นิพฺพานสฺส ทสฺสาวี. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
อิทานิ ยาย วิชฺชาสมฺปตฺติยา จ วิมุตฺติสมฺปตฺติยา จ อภาเวน สตฺตกาโย กุมิเน พนฺธมจฺฉา วิย สํสาเร ปริวตฺตติ, ตํ อุภยสมฺปตฺตึ อตฺตนิ ทสฺเสตุํ ‘‘กามนฺธา’’ติ คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ กาเมหิ กาเมสุ วา อนฺธาติ กามนฺธา. ‘‘ฉนฺโท ราโค’’ติอาทิวิภาเคหิ (จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘) กิเลสกาเมหิ รูปาทีสุ วตฺถุกาเมสุ อนาทีนวทสฺสิตาย อนฺธีกตา. ชาลปจฺฉนฺนาติ สกลํ ภวตฺตยํ อชฺโฌตฺถริตฺวา ิเตน วิสตฺติกาชาเลน ปการโต ฉนฺนา ปลิคุณฺิตา. ตณฺหาฉทนฉาทิตาติ ตโต เอว ตณฺหาสงฺขาเตน ฉทเนน ฉาทิตา นิวุตา สพฺพโส ปฏิกุชฺชิตา. ปมตฺตพนฺธุนา พทฺธา, มจฺฉาว กุมินามุเขติ กุมินามุเข มจฺฉพนฺธานํ มจฺฉปสิพฺพกมุเข พทฺธา มจฺฉา วิย ปมตฺตพนฺธุนา มาเรน ¶ เยน ¶ กามพนฺธเนน พทฺธา อิเม สตฺตา ตโต น นิคจฺฉนฺติ อนฺโตพนฺธนคตาว โหนฺติ.
ตํ ตถารูปํ กามํ พนฺธนภูตํ อุชฺฌิตฺวา ปุพฺพภาคปฏิปตฺติยา ปหาย กิเลสมารสฺส พนฺธนํ เฉตฺวา, ปุน อริยมคฺคสตฺเถน อนวเสสโต สมุจฺฉินฺทิตฺวา ตโต เอว อวิชฺชาสงฺขาเตน มูเลน สมูลํ, กามตณฺหาทิกํ ตณฺหํ อพฺพุยฺห อุทฺธริตฺวา สพฺพกิเลสทรถปริฬาหาภาวโต, สีติภูโต สอุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา นิพฺพุโต, อหํ อสฺมิ โหมีติ อตฺโถ.
ราหุลตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. จนฺทนตฺเถรคาถาวณฺณนา
ชาตรูเปนาติอาทิกา ¶ อายสฺมโต จนฺทนตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปฺุานิ อุปจินนฺโต อิโต เอกตึเส กปฺเป พุทฺธสฺุเ โลเก รุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺโต สุทสฺสนํ นาม ปจฺเจกพุทฺธํ ปพฺพตนฺตเร วสนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส กุฏชปุปฺเผหิ ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ วิภวสมฺปนฺเน กุเล นิพฺพตฺติตฺวา จนฺทโนติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต ฆราวาสํ วสนฺโต สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา โสตาปนฺโน อโหสิ. โส เอกํ ปุตฺตํ ลภิตฺวา ฆราวาสํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺเ วิหรนฺโต สตฺถารํ วนฺทิตุํ สาวตฺถึ อาคโต สุสาเน วสติ. ตสฺส อาคตภาวํ สุตฺวา ปุราณทุติยิกา อลงฺกตปฏิยตฺตา ทารกํ อาทาย มหตา ปริวาเรน เถรสฺส สนฺติกํ คจฺฉติ – ‘‘อิตฺถิกุตฺตาทีหิ นํ ปโลเภตฺวา อุปฺปพฺพาเชสฺสามี’’ติ. เถโร ตํ อาคจฺฉนฺตึ ทูรโตว ทิสฺวา ‘‘อิทานิสฺสา อวิสโย ภวิสฺสามี’’ติ ยถารทฺธํ วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๒.๓๗-๔๓) –
‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร ¶ , วสโล นาม ปพฺพโต;
พุทฺโธ สุทสฺสโน นาม, วสเต ปพฺพตนฺตเร.
‘‘ปุปฺผํ เหมวนฺตํ มยฺห, เวหาสํ อคมาสหํ;
ตตฺถทฺทสาสึ สมฺพุทฺธํ, โอฆติณฺณมนาสวํ.
‘‘ปุปฺผํ กุฏชมาทาย, สิเร กตฺวาน อฺชลึ;
พุทฺธสฺส อภิโรเปสึ, สยมฺภุสฺส มเหสิโน.
‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิปูชยึ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา อากาเส ตฺวา ตสฺสา ธมฺมํ เทเสตฺวา สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺาเปตฺวา สยํ อตฺตนา ปุพฺเพ วสิตฏฺานเมว คโต. สหายภิกฺขูหิ – ‘‘วิปฺปสนฺนานิ โข เต, อาวุโส, อินฺทฺริยานิ, กจฺจิ ตยา สจฺจานิ ปฏิวิทฺธานี’’ติ ปุฏฺโ –
‘‘ชาตรูเปน สฺฉนฺนา, ทาสีคณปุรกฺขตา;
องฺเกน ปุตฺตมาทาย, ภริยา มํ อุปาคมิ.
‘‘ตฺจ ¶ ¶ ทิสฺวาน อายนฺตึ, สกปุตฺตสฺส มาตรํ;
อลงฺกตํ สุวสนํ, มจฺจุปาสํว โอฑฺฑิตํ.
‘‘ตโต เม มนสีกาโร, โยนิโส อุทปชฺชถ;
อาทีนโว ปาตุรหุ, นิพฺพิทา สมติฏฺถ.
‘‘ตโต จิตฺตํ วิมุจฺจิ เม, ปสฺส ธมฺมสุธมฺมตํ;
ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. –
อิมาหิ คาถาหิ อตฺตโน ปฏิปตฺตึ กเถนฺโต อฺํ พฺยากาสิ.
ตตฺถ ชาตรูเปน สฺฉนฺนาติ ชาตรูปมเยน สีสูปคาทิอลงฺกาเรน อลงฺกรณวเสน ปฏิจฺฉาทิตสรีรา, สพฺพาภรณภูสิตาติ อตฺโถ. ทาสีคณปุรกฺขตาติ ยถารหํ อลงฺกตปฏิยตฺเตน อตฺตโน ทาสิคเณน ¶ ปุรโต กตา ปริวาริตาติ อตฺโถ. องฺเกน ปุตฺตมาทายาติ ‘‘อปิ นาม ปุตฺตมฺปิ ทิสฺวา เคหสฺสิตสาโต ภเวยฺยา’’ติ ปุตฺตํ อตฺตโน องฺเกน คเหตฺวา.
อายนฺตินฺติ อาคจฺฉนฺตึ. สกปุตฺตสฺส มาตรนฺติ มม โอรสปุตฺตสฺส ชนนึ, มยฺหํ ปุราณทุติยิกนฺติ อตฺโถ. สพฺพมิทํ เถโร อตฺตโน กามราคสมุจฺเฉทํ พหุมฺนฺโต วทติ. โยนิโส อุทปชฺชถาติ ‘‘เอวรูปาปิ นาม สมฺปตฺติ ชราพฺยาธิมรเณหิ อภิภุยฺยติ, อโห สงฺขารา อนิจฺจา อธุวา อนสฺสาสิกา’’ติ เอวํ โยนิโสมนสิกาโร อุปฺปชฺชิ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.
จนฺทนตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ธมฺมิกตฺเถรคาถาวณฺณนา
ธมฺโม หเวติอาทิกา อายสฺมโต ธมฺมิกตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปฺุานิ อุปจินนฺโต สิขิสฺส ภควโต กาเล มิคลุทฺทโก หุตฺวา เอกทิวสํ อรฺายตเน เทวปริสาย สตฺถุ ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส ‘‘ธมฺโม เอโส วุจฺจตี’’ติ เทสนาย นิมิตฺตํ คณฺหิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โกสลรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ธมฺมิโกติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต เชตวนปฏิคฺคหเณ ลทฺธปฺปสาโท ปพฺพชิตฺวา อฺตรสฺมึ คามกาวาเส อาวาสิโก หุตฺวา วิหรนฺโต ¶ อาคนฺตุกานํ ภิกฺขูนํ วตฺตาวตฺเตสุ อุชฺฌานพหุโล อกฺขโม อโหสิ. เตน ภิกฺขู ตํ วิหารํ ฉฑฺเฑตฺวา ปกฺกมึสุ. โส เอกโกว อโหสิ. วิหารสามิโก อุปาสโก ตํ การณํ สุตฺวา ภควโต ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. สตฺถา ตํ ภิกฺขุํ ปกฺโกเสตฺวา ตมตฺถํ ปุจฺฉิตฺวา เตน ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต – ‘‘นายํ อิทาเนว อกฺขโม, ปุพฺเพปิ อกฺขโม อโหสี’’ติ วตฺวา ภิกฺขูหิ ยาจิโต รุกฺขธมฺมํ (ชา. ๑.๑.๗๔) กเถตฺวา อุปริ ตสฺส โอวาทํ เทนฺโต –
‘‘ธมฺโม ¶ ¶ หเว รกฺขติ ธมฺมจารึ, ธมฺโม สุจิณฺโณ สุขมาวหาติ;
เอสานิสํโส ธมฺเม สุจิณฺเณ, น ทุคฺคตึ คจฺฉติ ธมฺมจารี.
‘‘น หิ ธมฺโม อธมฺโม จ, อุโภ สมวิปากิโน;
อธมฺโม นิรยํ เนติ, ธมฺโม ปาเปติ สุคฺคตึ.
‘‘ตสฺมา หิ ธมฺเมสุ กเรยฺย ฉนฺทํ, อิติ โมทมาโน สุคเตน ตาทินา;
ธมฺเม ิตา สุคตวรสฺส สาวกา, นียนฺติ ธีรา สรณวรคฺคคามิโน.
‘‘วิปฺโผฏิโต คณฺฑมูโล, ตณฺหาชาโล สมูหโต;
โส ขีณสํสาโร น จตฺถิ กิฺจนํ,
จนฺโท ยถา โทสินา ปุณฺณมาสิย’’นฺติ. – จตสฺโส คาถา อภาสิ;
ตตฺถ ธมฺโมติ โลกิยโลกุตฺตโร สุจริตธมฺโม. รกฺขตีติ อปายทุกฺขโต รกฺขติ, สํสารทุกฺขโต จ วิวฏฺฏูปนิสฺสยภูโต รกฺขติเยว. ธมฺมจารินฺติ ตํ ธมฺมํ จรนฺตํ ปฏิปชฺชนฺตํ. สุจิณฺโณติ สุฏฺุ จิณฺโณ กมฺมผลานิ สทฺทหิตฺวา สกฺกจฺจํ จิตฺตีกตฺวา อุปจิโต. สุขนฺติ โลกิยโลกุตฺตรสุขํ. ตตฺถ โลกิยํ ตาว กามาวจราทิเภโท ธมฺโม ยถาสกํ สุขํ ทิฏฺเ วา ธมฺเม อุปปชฺเช วา อปเร วา ปริยาเย อาวหติ นิปฺผาเทติ, อิตรํ ปน วิวฏฺฏูปนิสฺสเย ตฺวา จิณฺโณ ปรมฺปราย อาวหตีติ วตฺตุํ วฏฺฏติ อนุปนิสฺสยสฺส ตทภาวโต. เอสานิสํโส ธมฺเม สุจิณฺเณ, น ทุคฺคตึ คจฺฉติ ธมฺมจารีติ ธมฺมจารี ปุคฺคโล ธมฺเม สุจิณฺเณ ตํนิมิตฺตํ ทุคฺคตึ น คจฺฉตีติ เอโส ธมฺเม สุจิณฺเณ อานิสํโส อุทฺรโยติ อตฺโถ.
ยสฺมา ¶ ธมฺเมเนว สุคติคมนํ, อธมฺเมเนว จ ทุคฺคติคมนํ, ตสฺมา ‘‘ธมฺโม อธมฺโม’’ติ อิเม อฺมฺํ อสํกิณฺณผลาติ ทสฺเสตุํ ‘‘น หิ ธมฺโม’’ติอาทินา ทุติยํ คาถมาห. ตตฺถ อธมฺโมติ ธมฺมปฏิปกฺโข ทุจฺจริตํ. สมวิปากิโนติ สทิสวิปากา สมานผลา.
ตสฺมาติ ¶ ยสฺมา ธมฺมาธมฺมานํ อยํ ยถาวุตฺโต วิปากเภโท, ตสฺมา. ฉนฺทนฺติ กตฺตุกมฺยตาฉนฺทํ. อิติ โมทมาโน สุคเตน ตาทินาติ อิติ เอวํ วุตฺตปฺปกาเรน โอวาททาเนน สุคเตน สมฺมคฺคเตน สมฺมาปฏิปนฺเนน อิฏฺาทีสุ ตาทิภาวปฺปตฺติยา ตาทินามวตา เหตุภูเตน โมทมาโน ¶ ตุฏฺึ อาปชฺชมาโน ธมฺเมสุ ฉนฺทํ กเรยฺยาติ โยชนา. เอตฺตาวตา วฏฺฏํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิวฏฺฏํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ธมฺเม ิตา’’ติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ – ยสฺมา สุคตสฺส วรสฺส สุคเตสุ จ วรสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาวกา ตสฺส ธมฺเม ิตา ธีรา อติวิย อคฺคภูตสรณคามิโน เตเนว สรณคมนสงฺขาเต ธมฺเม ิตภาเวน สกลวฏฺฏทุกฺขโตปิ นียนฺติ นิสฺสรนฺติ, ตสฺมา หิ ธมฺเมสุ กเรยฺย ฉนฺทนฺติ.
เอวํ สตฺถารา ตีหิ คาถาหิ ธมฺเม เทสิเต เทสนานุสาเรน ยถานิสินฺโนว วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๒.๔๔-๕๐) –
‘‘มิคลุทฺโท ปุเร อาสึ, อรฺเ วิปิเน อหํ;
อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, เทวสงฺฆปุรกฺขตํ.
‘‘จตุสจฺจํ ปกาเสนฺตํ, เทเสนฺตํ อมตํ ปทํ;
อสฺโสสึ มธุรํ ธมฺมํ, สิขิโน โลกพนฺธุโน.
‘‘โฆเส จิตฺตํ ปสาเทสึ, อสมปฺปฏิปุคฺคเล;
ตตฺถ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, อุตฺตรึ ทุตฺตรํ ภวํ.
‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ สฺมลภึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, โฆสสฺายิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
ตถา อรหตฺเต ปติฏฺิโต. อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตนา อธิคตํ วิเสสํ สตฺถุ นิเวเทนฺโต จริมคาถาย อฺํ พฺยากาสิ.
ตตฺถ ¶ วิปฺโผฏิโตติ วิธุโต, มคฺคาเณน ปฏินิสฺสฏฺโติ อตฺโถ. คณฺฑมูโลติ อวิชฺชา. สา หิ คณฺฑติ สวติ. ‘‘คณฺโฑติ โข, ภิกฺขุ, ปฺจนฺเนตํ อุปาทานกฺขนฺธานํ อธิวจน’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๑๐๓; อ. นิ. ๖.๒๓; ๘.๕๖; ๙.๑๕; จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๓๗) เอวํ สตฺถารา วุตฺตสฺส ทุกฺขมูลโยคโต, กิเลสาสุจิปคฺฆรณโต, อุปฺปาทชราภงฺเคหิ อุทฺธุมาตปกฺกปภิชฺชนโต จ, คณฺฑาภิธานสฺส อุปาทานกฺขนฺธปฺจกสฺส ¶ มูลํ การณํ ตณฺหาชาโล สมูหโตติ ตณฺหาสงฺขาโต ชาโล มคฺเคน สมุคฺฆาฏิโต. โส ขีณสํสาโร น จตฺถิ กิฺจนนฺติ โส อหํ เอวํ ปหีนตณฺหาวิชฺชตาย ปริกฺขีณสํสาโร ปหีนภวมูลตฺตา เอว น จตฺถิ, น จ อุปลพฺภติ ราคาทิกิฺจนํ. จนฺโท ยถา โทสินา ปุณฺณมาสิยนฺติ ยถา นาม จนฺโท อพฺภมหิกาทิโทสรหิโต ปุณฺณมาสิยํ ปริปุณฺณกาเล เอวํ อหมฺปิ อรหตฺตาธิคเมน อเปตราคาทิกิฺจโน ปริปุณฺณธมฺมโกฏฺาโส อโหสินฺติ.
ธมฺมิกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. สปฺปกตฺเถรคาถาวณฺณนา
ยทา ¶ พลากาติอาทิกา อายสฺมโต สปฺปกตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปฺุานิ อุปจินนฺโต อิโต เอกตึเส กปฺเป มหานุภาโว นาคราชา หุตฺวา นิพฺพตฺโต สมฺภวสฺส นาม ปจฺเจกพุทฺธสฺส อพฺโภกาเส สมาปตฺติยา นิสินฺนสฺส มหนฺตํ ปทุมํ คเหตฺวา อุปริมุทฺธนิ ธาเรนฺโต ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา สปฺปโกติ ลทฺธนาโม วิฺุตํ ปตฺโต ภควโต สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อชกรณิยา ¶ นาม นทิยา ตีเร เลณคิริวิหาเร วสนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๒.๗๘-๘๓) –
‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร, โรมโส นาม ปพฺพโต;
พุทฺโธปิ สมฺภโว นาม, อพฺโภกาเส วสี ตทา.
‘‘ภวนา นิกฺขมิตฺวาน, ปทุมํ ธารยึ อหํ;
เอกาหํ ธารยิตฺวาน, ภวนํ ปุนราคมึ.
‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ พุทฺธมภิปูชยึ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
โส อรหตฺตํ ปตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตุํ สาวตฺถึ อาคโต าตีหิ อุปฏฺียมาโน ตตฺถ กติปาหํ ¶ วสิตฺวา ธมฺมํ เทเสตฺวา าตเก สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺาเปตฺวา ยถาวุตฺตฏฺานเมว คนฺตุกาโม อโหสิ. ตํ าตกา ‘‘อิเธว, ภนฺเต, วสถ, มยํ ปฏิชคฺคิสฺสามา’’ติ ยาจึสุ. โส คมนาการํ ทสฺเสตฺวา ิโต อตฺตนา วสิตฏฺานกิตฺตนาปเทเสน วิเวกาภิรตึ ปกาเสนฺโต –
‘‘ยทา พลากา สุจิปณฺฑรจฺฉทา, กาฬสฺส เมฆสฺส ภเยน ตชฺชิตา;
ปเลหิติ อาลยมาลเยสินี, ตทา นที อชกรณี รเมติ มํ.
‘‘ยทา พลากา สุวิสุทฺธปณฺฑรา, กาฬสฺส เมฆสฺส ภเยน ตชฺชิตา;
ปริเยสติ เลณมเลณทสฺสินี, ตทา นที อชกรณี รเมติ มํ.
‘‘กํ นุ ตตฺถ น รเมนฺติ, ชมฺพุโย อุภโต ตหึ;
โสเภนฺตี อาปคากูลํ, มม เลณสฺส ปจฺฉโต.
‘‘ตามตมทสงฺฆสุปฺปหีนา ¶ ¶ , เภกา มนฺทวตี ปนาทยนฺติ;
นาชฺช คิรินทีหิ วิปฺปวาสสมโย,
เขมา อชกรณี สิวา สุรมฺมา’’ติ. – จตสฺโส คาถา อภาสิ;
ตตฺถ ยทาติ ยสฺมึ กาเล. พลากาติ พลากาสกุณิกา. สุจิปณฺฑรจฺฉทาติ สุจิสุทฺธธวลปกฺขา. กาฬสฺส เมฆสฺส ภเยน ตชฺชิตาติ ชลภารภริตตาย กาฬสฺส อฺชนคิริสนฺนิกาสสฺส ปาวุสฺสกเมฆสฺส คชฺชโต วุฏฺิภเยน นิพฺพิชฺชิตา ภึสาปิตา. ปเลหิตีติ โคจรภูมิโต อุปฺปติตฺวา คมิสฺสติ. อาลยนฺติ นิลยํ อตฺตโน กุลาวกํ. อาลเยสินีติ ตตฺถ อาลยนํ นิลียนเมว อิจฺฉนฺตี. ตทา นที อชกรณี รเมติ มนฺติ ตสฺมึ ปาวุสฺสกกาเล อชกรณีนามิกา นที นโวทกสฺส ปูรา หารหารินี กุลงฺกสา มํ รเมติ มม จิตฺตํ อาราเธตีติ อุตุปเทสวิเสสกิตฺตนาปเทเสน วิเวกาภิรตึ ปกาเสสิ.
สุวิสุทฺธปณฺฑราติ สุฏฺุ วิสุทฺธปณฺฑรวณฺณา, อสมฺมิสฺสวณฺณา สพฺพเสตาติ อตฺโถ. ปริเยสตีติ มคฺคติ. เลณนฺติ วสนฏฺานํ. อเลณทสฺสินีติ วสนฏฺานํ อปสฺสนฺตี. ปุพฺเพ นิพทฺธวสนฏฺานสฺส อภาเวน อเลณทสฺสินี, อิทานิ ปาวุสฺสกกาเล เมฆคชฺชิเตน อาหิตคพฺภา ปริเยสติ เลณนฺติ นิพทฺธวสนฏฺานํ กุลาวกํ กโรตีติ อตฺโถ.
กํ นุ ตตฺถ…เป… ปจฺฉโตติ มม วสนกมหาเลณสฺส ปจฺฉโต ปจฺฉาภาเค อาปคากูลํ อชกรณีนทิยา อุภโตตีรํ ตหึ ตหึ อิโต จิโต จ โสเภนฺติโย นิจฺจกาลํ ผลภารนมิตสาขา ¶ สินิทฺธปณฺณจฺฉายา ชมฺพุโย ตตฺถ ตสฺมึ าเน กํ นาม สตฺตํ น รเมนฺติ นุ, สพฺพํ รเมนฺติเยว.
ตามตมทสงฺฆสุปฺปหีนาติ ¶ อมตํ วุจฺจติ อคทํ, เตน มชฺชนฺตีติ อมตมทา, สปฺปา, เตสํ สงฺโฆ อมตมทสงฺโฆ, ตโต สุฏฺุ ปหีนา อปคตา. เภกา มณฺฑูกิโย, มนฺทวตี สรวติโย, ปนาทยนฺติ ตํ านํ มธุเรน วสฺสิเตน นินฺนาทยนฺติ. นาชฺช ¶ คิรินทีหิ วิปฺปวาสสมโยติ อชฺช เอตรหิ อฺาหิปิ ปพฺพเตยฺยาหิ นทีหิ วิปฺปวาสสมโย น โหติ, วิเสสโต ปน วาฬมจฺฉสุสุมาราทิวิรหิตโต เขมา อชกรณี นที. สุนฺทรตลติตฺถปุลินสมฺปตฺติยา สิวา. สุฏฺุ รมฺมา รมณียา, ตสฺมา ตตฺเถว เม มโน รมตีติ อธิปฺปาโย.
เอวํ ปน วตฺวา าตเก วิสฺสชฺเชตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว คโต. สฺุาคาราภิรติทีปเนน อิทเมว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณํ อโหสีติ.
สปฺปกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๒. มุทิตตฺเถรคาถาวณฺณนา
ปพฺพชินฺติอาทิกา อายสฺมโต มุทิตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปฺุานิ อุปจินนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส เอกํ มฺจมทาสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โกสลรฏฺเ คหปติกุเล นิพฺพตฺติตฺวา มุทิโตติ ลทฺธนาโม วิฺุตํ ปาปุณิ. เตน จ สมเยน ตํ กุลํ รฺา เกนจิเทว กรณีเยน ปลิพุทฺธํ อโหสิ. มุทิโต ราชภยาภีโต ปลายิตฺวา อรฺํ ปวิฏฺโ อฺตรสฺส ขีณาสวตฺเถรสฺส วสนฏฺานํ อุปคจฺฉิ. เถโร ตสฺส ภีตภาวํ ตฺวา ‘‘มา ภายี’’ติ สมสฺสาเสสิ. โส ‘‘กิตฺตเกน นุ โข, ภนฺเต, กาเลน อิทํ เม ภยํ วูปสเมสฺสตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สตฺตฏฺมาเส อติกฺกมิตฺวา’’ติ วุตฺเต – ‘‘เอตฺตกํ กาลํ อธิวาเสตุํ น สกฺโกมิ, ปพฺพชิสฺสามหํ, ภนฺเต, ปพฺพาเชถ ม’’นฺติ ชีวิตรกฺขณตฺถํ ปพฺพชฺชํ ยาจิ. เถโร ตํ ปพฺพาเชสิ. โส ปพฺพชิตฺวา สาสเน ปฏิลทฺธสทฺโธ ภเย วูปสนฺเตปิ สมณธมฺมํเยว ¶ ¶ โรเจนฺโต กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต – ‘‘อรหตฺตํ อปฺปตฺวา อิมสฺมา วสนคพฺภา พหิ น นิกฺขมิสฺสามี’’ติอาทินา ปฏิฺํ กตฺวา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๓๖.๓๐-๓๓) –
‘‘วิปสฺสิโน ภควโต, โลกเชฏฺสฺส ตาทิโน;
เอกํ มฺจํ มยา ทินฺนํ, ปสนฺเนน สปาณินา.
‘‘หตฺถิยานํ อสฺสยานํ, ทิพฺพยานํ สมชฺฌคํ;
เตน มฺจกทาเนน, ปตฺโตมฺหิ อาสวกฺขยํ.
‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ มฺจมททึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, มฺจทานสฺสิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวเทนฺโต สหายภิกฺขูหิ อธิคตํ ปุจฺฉิโต อตฺตโน ปฏิปนฺนาการํ กเถนฺโต –
‘‘ปพฺพชึ ¶ ชีวิกตฺโถหํ, ลทฺธาน อุปสมฺปทํ;
ตโต สทฺธํ ปฏิลภึ, ทฬฺหวีริโย ปรกฺกมึ.
‘‘กามํ ภิชฺชตุยํ กาโย, มํสเปสี วิสียรุํ;
อุโภ ชณฺณุกสนฺธีหิ, ชงฺฆาโย ปปตนฺตุ เม.
‘‘นาสิสฺสํ น ปิวิสฺสามิ, วิหารา จ น นิกฺขเม;
นปิ ปสฺสํ นิปาเตสฺสํ, ตณฺหาสลฺเล อนูหเต.
‘‘ตสฺส เมวํ วิหรโต, ปสฺส วีริยปรกฺกมํ;
ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. –
จตสฺโส คาถา อภาสิ.
ตตฺถ ชีวิกตฺโถติ ชีวิกาย อตฺถิโก ชีวิกปฺปโยชโน. ‘‘เอตฺถ ปพฺพชิตฺวา นิพฺภโย สุเขน อกิลมนฺโต ชีวิสฺสามี’’ติ เอวํ ชีวิกตฺถาย ปพฺพชินฺติ อตฺโถ. ลทฺธาน อุปสมฺปทนฺติ ปมํ สามเณรปพฺพชฺชายํ ิโต ¶ ตฺติจตุตฺเถน กมฺเมน อุปสมฺปทํ ลภิตฺวา. ตโต สทฺธํ ปฏิลภินฺติ ตโต อุปสมฺปนฺนกาลโต ปฏฺาย กลฺยาณมิตฺเต เสวนฺโต ทฺเว มาติกา, ติสฺโส อนุโมทนา, เอกจฺจํ สุตฺตํ, สมถกมฺมฏฺานํ, วิปสฺสนาวิธิฺจ อุคฺคณฺหนฺโต พุทฺธาทีนํ มหานุภาวตํ ¶ ทิสฺวา – ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน สงฺโฆ’’ติ รตนตฺตเย สทฺธํ ปฏิลภึ. ทฬฺหวีริโย ปรกฺกมินฺติ เอวํ ปฏิลทฺธสทฺโธ หุตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว สจฺจปฏิเวธาย ทฬฺหวีริโย ถิรวีริโย หุตฺวา ปรกฺกมึ, อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย สมฺมเทว ปทหึ.
ยถา ปน ปรกฺกมึ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘กาม’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ กามนฺติ ยถากามํ เอกํสโต วา ภิชฺชตุ. อยํ กาโยติ อยํ มม ปูติกาโย, อิมินา วีริยปตาเปน ภิชฺชติ เจ, ภิชฺชตุ ฉินฺนภินฺนํ โหตุ. มํสเปสี วิสียรุนฺติ อิมินา ทฬฺหปรกฺกเมน อิมสฺมา กายา มํสเปสิโย วิสียนฺติ เจ, วิสียนฺตุ อิโต จิโต วิทฺธํสนฺตุ. อุโภ ชณฺณุกสนฺธีหิ, ชงฺฆาโย ปปตนฺตุ เมติ อุโภหิ ชณฺณุกสนฺธีหิ สห มม อุโภ ชงฺฆาโย สตฺถิโย อูรุพนฺธโต ภิชฺชิตฺวา ภูมิยํ ปปตนฺตุ. ‘‘ม’’นฺติปิ ปาโ, โส เอวตฺโถ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.
มุทิตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
จตุกฺกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.