📜
๕. ปฺจกนิปาโต
๑. ราชทตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา
ปฺจกนิปาเต ¶ ¶ ภิกฺขุ สิวถิกํ คนฺตฺวาติอาทิกา อายสฺมโต ราชทตฺตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร, ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปฺุํ อุปจินนฺโต, อิโต จตุทฺทเส กปฺเป พุทฺธสฺุเ โลเก ¶ กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต, เอกทิวสํ เกนจิเทว กรณีเยน วนนฺตํ อุปคโต ตตฺถ อฺตรํ ปจฺเจกพุทฺธํ รุกฺขมูเล นิสินฺนํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส สุปริสุทฺธํ อมฺพาฏกผลํ อทาสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ สตฺถวาหกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส มหาราชํ เวสฺสวณํ อาราเธตฺวา ปฏิลทฺธภาวโต มาตาปิตโร ราชทตฺโตติ นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต ปฺจหิ สกฏสเตหิ ภณฺฑํ อาทาย วาณิชฺชวเสน ราชคหํ อคมาสิ. เตน จ สมเยน ราชคเห อฺตรา คณิกา อภิรูปา ทสฺสนียา ปรมโสภคฺคโยคโต ทิวเส ทิวเส สหสฺสํ ลภติ. อถ โส สตฺถวาหปุตฺโต ทิวเส ทิวเส ตสฺสา คณิกาย สหสฺสํ ทตฺวา สํวาสํ กปฺเปนฺโต นจิรสฺเสว สพฺพํ ธนํ เขเปตฺวา ทุคฺคโต หุตฺวา ฆาสจฺฉาทนมตฺตมฺปิ อลภนฺโต อิโต จิโต จ ปริพฺภมนฺโต สํเวคปฺปตฺโต อโหสิ. โส เอกทิวสํ อุปาสเกหิ สทฺธึ เวฬุวนํ อคมาสิ.
เตน จ สมเยน สตฺถา มหติยา ปริสาย ปริวุโต ธมฺมํ เทเสนฺโต นิสินฺโน โหติ. โส ปริสปริยนฺเต นิสีทิตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา ธุตงฺคานิ สมาทิยิตฺวา สุสาเน วสติ. ตทา อฺตโรปิ สตฺถวาหปุตฺโต สหสฺสํ ทตฺวา ตาย คณิกาย สห วสติ. สา จ คณิกา ตสฺส หตฺเถ มหคฺฆรตนํ ทิสฺวา โลภํ อุปฺปาเทตฺวา อฺเหิ ธุตฺตปุริเสหิ ตํ มาราเปตฺวา ตํ รตนํ คณฺหิ. อถ ตสฺส สตฺถวาหปุตฺตสฺส มนุสฺสา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา โอจรกมนุสฺเส เปเสสุํ. เต รตฺติยํ ตสฺสา คณิกาย ฆรํ ปวิสิตฺวา ฉวิอาทีนิ อนุปหจฺเจว ตํ มาเรตฺวา สิวถิกาย ฉฑฺเฑสุํ. ราชทตฺตตฺเถโร อสุภนิมิตฺตํ คเหตุํ สุสาเน วิจรนฺโต ตสฺสา คณิกาย กเฬวรํ ¶ ปฏิกฺกุลโต มนสิ กาตุํ อุปคโต กติปยวาเร โยนิโส มนสิ กตฺวา อจิรมตภาวโต โสณสิงฺคาลาทีหิ อนุปหตฉวิตาย วิสภาควตฺถุตาย จ อโยนิโส ¶ มนสิกโรนฺโต, ตตฺถ กามราคํ อุปฺปาเทตฺวา สํวิคฺคตรมานโส อตฺตโน จิตฺตํ ปริภาสิตฺวา มุหุตฺตํ เอกมนฺตํ อปสกฺกิตฺวา อาทิโต อุปฏฺิตํ อสุภนิมิตฺตเมว คเหตฺวา โยนิโส มนสิกโรนฺโต ฌานํ อุปฺปาเทตฺวา ตํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา ตาวเทว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๔.๕๕-๕๙) –
‘‘วิปิเน พุทฺธํ ทิสฺวาน, สยมฺภุํ อปราชิตํ;
อมฺพาฏกํ คเหตฺวาน, สยมฺภุสฺส อทาสหํ.
‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ผลมททึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปีติโสมนสฺสชาโต –
‘‘ภิกฺขุ ¶ สิวถิกํ คนฺตฺวา, อทฺทส อิตฺถิมุชฺฌิตํ;
อปวิทฺธํ สุสานสฺมึ, ขชฺชนฺตึ กิมิหี ผุฏํ.
‘‘ยฺหิ เอเก ชิคุจฺฉนฺติ, มตํ ทิสฺวาน ปาปกํ;
กามราโค ปาตุรหุ, อนฺโธว สวตี อหุํ.
‘‘โอรํ โอทนปากมฺหา, ตมฺหา านา อปกฺกมึ;
สติมา สมฺปชาโนหํ, เอกมนฺตํ อุปาวิสึ.
‘‘ตโต เม มนสีกาโร, โยนิโส อุทปชฺชถ;
อาทีนโว ปาตุรหุ, นิพฺพิทา สมติฏฺถ.
‘‘ตโต จิตฺตํ วิมุจฺจิ เม, ปสฺส ธมฺมสุธมฺมตํ;
ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. –
อิมา ปฺจ คาถา อภาสิ.
ตตฺถ ¶ ภิกฺขุ สิวถิกํ คนฺตฺวาติ สํสาเร ภยสฺส อิกฺขนโต ภิกฺขุ, อสุภกมฺมฏฺานตฺถํ อามกสุสานํ อุปคนฺตฺวา. ‘‘ภิกฺขู’’ติ เจตํ อตฺตานํ สนฺธาย เถโร สยํ วทติ. อิตฺถินฺติ ถียติ เอตฺถ สุกฺกโสณิตํ สตฺตสนฺตานภาเวน สํหฺตีติ ถี, มาตุคาโม. เอวฺจ สภาวนิรุตฺติวเสน ‘‘อิตฺถี’’ติปิ วุจฺจติ. วฺฌาทีสุ ปน ตํสทิสตาย ตํสภาวานติวตฺตนโต จ ตพฺโพหาโร. ‘‘อิตฺถี’’ติ อิตฺถิกเฬวรํ วทติ. อุชฺฌิตนฺติ ปริจฺจตฺตํ อุชฺฌนิยตฺตา เอว อปวิทฺธํ อนเปกฺขภาเวน ขิตฺตํ. ขชฺชนฺตึ กิมิหี ผุฏนฺติ กิมีหิ ปูริตํ หุตฺวา ขชฺชมานํ.
ยฺหิ ¶ เอเก ชิคุจฺฉนฺติ, มตํ ทิสฺวาน ปาปกนฺติ ยํ อปคตายุอุสฺมาวิฺาณตาย มตํ กเฬวรํ ปาปกํ นิหีนํ ลามกํ เอเก โจกฺขชาติกา ชิคุจฺฉนฺติ, โอโลเกตุมฺปิ น อิจฺฉนฺติ. กามราโค ปาตุรหูติ ตสฺมึ กุณเป อโยนิโสมนสิการสฺส พลวตาย กามราโค มยฺหํ ปาตุรโหสิ อุปฺปชฺชิ. อนฺโธว สวตี อหุนฺติ ตสฺมึ กเฬวเร นวหิ ทฺวาเรหิ อสุจึ สวติ สนฺทนฺเต อสุจิภาวสฺส อทสฺสเนน อนฺโธ วิย อโหสึ. เตนาห –
‘‘รตฺโต อตฺถํ น ชานาติ, รตฺโต ธมฺมํ น ปสฺสติ;
อนฺธตมํ ตทา โหติ, ยํ ราโค สหเต นร’’นฺติ จ.
‘‘กามจฺฉนฺโท โข, พฺราหฺมณ, อนฺธกรโณ อจกฺขุกรโณ’’ติ จ อาทิ. เกจิ ปเนตฺถ ตการาคมํ กตฺวา ‘‘กิเลสปริยุฏฺาเนน อวสวตฺติ กิเลสสฺส วา วสวตฺตี’’ติ อตฺถํ วทนฺติ. อปเร ‘‘อนฺโธว อสติ อหุ’’นฺติ ปาฬึ ¶ วตฺวา ‘‘กามราเคน อนฺโธ เอว หุตฺวา สติรหิโต อโหสิ’’นฺติ อตฺถํ วทนฺติ. ตทุภยํ ปน ปาฬิยํ นตฺถิ.
โอรํ โอทนปากมฺหาติ โอทนปากโต โอรํ, ยาวตา กาเลน สุปริโธตตินฺตตณฺฑุลนาฬิยา โอทนํ ปจติ, ตโต โอรเมว กาลํ, ตโตปิ ลหุกาเลน ราคํ วิโนเทนฺโต, ตมฺหา านา อปกฺกมึ ยสฺมึ าเน ิตสฺส เม ราโค อุปฺปชฺชิ, ตมฺหา านา อปกฺกมึ อปสกฺกึ. อปกฺกนฺโตว สติมา สมฺปชาโนหํ สมณสฺํ อุปฏฺเปตฺวา สติปฏฺานมนสิการวเสน สติมา, สมฺมเทว ธมฺมสภาวชานเนน สมฺปชาโน ¶ จ หุตฺวา เอกมนฺตํ อุปาวิสึ, ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทึ. นิสินฺนสฺส จ ตโต เม มนสีกาโร, โยนิโส อุทปชฺชถาติอาทิ สพฺพํ เหฏฺา วุตฺตนยเมวาติ.
ราชทตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สุภูตตฺเถรคาถาวณฺณนา
อโยเคติอาทิกา อายสฺมโต สุภูตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปฺุานิ อุปจินนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต กาเล พาราณสิยํ คหปติมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปสนฺนมานโส สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺาย มาเส มาเส อฏฺกฺขตฺตุํ จตุชฺชาติยคนฺเธน สตฺถุ คนฺธกุฏึ ¶ โอปฺุชาเปสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน สุคนฺธสรีโร หุตฺวา, อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มคธรฏฺเ คหปติกุเล นิพฺพตฺติตฺวา สุภูโตติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต, นิสฺสรณชฺฌาสยตาย ฆราวาสํ ปหาย ติตฺถิเยสุ ปพฺพชิตฺวา ตตฺถ สารํ อลภนฺโต, สตฺถุ สนฺติเก อุปติสฺสโกลิตเสลาทิเก พหู สมณพฺราหฺมเณ ปพฺพชิตฺวา สามฺสุขํ อนุภวนฺเต ทิสฺวา สาสเน ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา อาจริยุปชฺฌาเย อาราเธตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วิเวกวาสํ วสนฺโต วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๕.๒๗๒-๓๐๘) –
‘‘อิมมฺหิ ภทฺทเก กปฺเป, พฺรหฺมพนฺธุ มหายโส;
กสฺสโป นาม โคตฺเตน, อุปฺปชฺชิ วทตํ วโร.
‘‘อนุพฺยฺชนสมฺปนฺโน, พาตฺตึสวรลกฺขโณ;
พฺยามปฺปภาปริวุโต, รํสิชาลสโมตฺถโฏ.
‘‘อสฺสาเสตา ยถา จนฺโท, สูริโยว ปภงฺกโร;
นิพฺพาเปตา ยถา เมโฆ, สาคโรว คุณากโร.
‘‘ธรณีริว ¶ สีเลน, หิมวาว สมาธินา;
อากาโส วิย ปฺาย, อสงฺโค อนิโล ยถา.
‘‘ตทาหํ พาราณสิยํ, อุปปนฺโน มหากุเล;
ปหูตธนธฺสฺมึ, นานารตนสฺจเย.
‘‘มหตา ปริวาเรน, นิสินฺนํ โลกนายกํ;
อุเปจฺจ ธมฺมมสฺโสสึ, อมตํว มโนหรํ.
‘‘ทฺวตฺตึสลกฺขณธโร, สนกฺขตฺโตว จนฺทิมา;
อนุพฺยฺชนสมฺปนฺโน, สาลราชาว ผุลฺลิโต.
‘‘รํสิชาลปริกฺขิตฺโต, ทิตฺโตว กนกาจโล;
พฺยามปฺปภาปริวุโต, สตรํสี ทิวากโร.
‘‘โสณฺณานโน ชินวโร, สมณีว สิลุจฺจโย;
กรุณาปุณฺณหทโย, คุเณน วิย สาคโร.
‘‘โลกวิสฺสุตกิตฺติ จ, สิเนรูว นคุตฺตโม;
ยสสา วิตฺถโต วีโร, อากาสสทิโส มุนิ.
‘‘อสงฺคจิตฺโต สพฺพตฺถ, อนิโล วิย นายโก;
ปติฏฺา สพฺพภูตานํ, มหีว มุนิสตฺตโม.
‘‘อนุปลิตฺโต โลเกน, โตเยน ปทุมํ ยถา;
กุวาทคจฺฉทหโน, อคฺคิกฺขนฺโธว โสภติ.
‘‘อคโท ¶ วิย สพฺพตฺถ, กิเลสวิสนาสโก;
คนฺธมาทนเสโลว, คุณคนฺธวิภูสิโต.
‘‘คุณานํ อากโร วีโร, รตนานํว สาคโร;
สินฺธูว วนราชีนํ, กิเลสมลหารโก.
‘‘วิชยีว มหาโยโธ, มารเสนาวมทฺทโน;
จกฺกวตฺตีว โส ราชา, โพชฺฌงฺครตนิสฺสโร.
‘‘มหาภิสกฺกสงฺกาโส, โทสพฺยาธิติกิจฺฉโก;
สลฺลกตฺโต ยถา เวชฺโช, ทิฏฺิคณฺฑวิผาลโก.
‘‘โส ¶ ตทา โลกปชฺโชโต, สนรามรสกฺกโต;
ปริสาสุ นราทิจฺโจ, ธมฺมํ เทสยเต ชิโน.
‘‘ทานํ ทตฺวา มหาโภโค, สีเลน สุคตูปโค;
ภาวนาย จ นิพฺพาติ, อิจฺเจวมนุสาสถ.
‘‘เทสนํ ตํ มหสฺสาทํ, อาทิมชฺฌนฺตโสภนํ;
สุณนฺติ ปริสา สพฺพา, อมตํว มหารสํ.
‘‘สุตฺวา สุมธุรํ ธมฺมํ, ปสนฺโน ชินสาสเน;
สุคตํ สรณํ คนฺตฺวา, ยาวชีวํ นมสฺสหํ.
‘‘มุนิโน คนฺธกุฏิยา, โอปฺุเชสึ ตทา มหึ;
จตุชฺชาเตน คนฺเธน, มาเส อฏฺ ทิเนสฺวหํ.
‘‘ปณิธาย สุคนฺธตฺตํ, สรีรวิสฺสคนฺธิโน;
ตทา ชิโน วิยากาสิ, สุคนฺธตนุลาภิตํ.
‘‘โย ยํ คนฺธกุฏิภูมึ, คนฺเธโนปฺุชเต สกึ;
เตน กมฺมวิปาเกน, อุปปนฺโน ตหึ ตหึ.
‘‘สุคนฺธเทโห สพฺพตฺถ, ภวิสฺสติ อยํ นโร;
คุณคนฺธยุตฺโต หุตฺวา, นิพฺพายิสฺสตินาสโว.
‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;
ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.
‘‘ปจฺฉิเม จ ภเว ทานิ, ชาโต วิปฺปกุเล อหํ;
คพฺภํ เม วสโต มาตา, เทเหนาสิ สุคนฺธิตา.
‘‘ยทา จ มาตุกุจฺฉิมฺหา, นิกฺขมามิ ตทา ปุรี;
สาวตฺถิ สพฺพคนฺเธหิ, วาสิตา วิย วายถ.
‘‘ปุปฺผวสฺสฺจ สุรภิ, ทิพฺพคนฺธํ มโนรมํ;
ธูปานิ จ มหคฺฆานิ, อุปวายึสุ ตาวเท.
‘‘เทวา ¶ จ สพฺพคนฺเธหิ, ธูปปุปฺเผหิ ตํ ฆรํ;
วาสยึสุ สุคนฺเธน, ยสฺมึ ชาโต อหํ ฆเร.
‘‘ยทา ¶ จ ตรุโณ ภทฺโท, ปเม โยพฺพเน ิโต;
ตทา เสลํ สปริสํ, วิเนตฺวา นรสารถิ.
‘‘เตหิ สพฺเพหิ ปริวุโต, สาวตฺถิปุรมาคโต;
ตทา พุทฺธานุภาวํ ตํ, ทิสฺวา ปพฺพชิโต อหํ.
‘‘สีลํ สมาธิปฺฺจ, วิมุตฺติฺจ อนุตฺตรํ;
ภาเวตฺวา จตุโร ธมฺเม, ปาปุณึ อาสวกฺขยํ.
‘‘ยทา ปพฺพชิโต จาหํ, ยทา จ อรหา อหุํ;
นิพฺพายิสฺสํ ยทา จาหํ, คนฺธวสฺโส ตทา อหุ.
‘‘สรีรคนฺโธ จ สทาติเสติ เม, มหารหํ จนฺทนจมฺปกุปฺปลํ;
ตเถว คนฺเธ อิตเร จ สพฺพโส, ปสยฺห วายามิ ตโต ตหึ ตหึ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ติตฺถิเยสุ ปพฺพชิตฺวา อตฺตโน ปตฺตํ อตฺตกิลมถานุโยคํ ทุกฺขํ, สาสเน ปพฺพชิตฺวา ปตฺตํ ฌานาทิสุขฺจ จินฺเตตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺติปจฺจเวกฺขณมุเขน อฺํ พฺยากโรนฺโต –
‘‘อโยเค ¶ ยฺุชมตฺตานํ, ปุริโส กิจฺจมิจฺฉโก;
จรํ เจ นาธิคจฺเฉยฺย, ตํ เม ทุพฺภคลกฺขณํ.
‘‘อพฺพูฬฺหํ อฆคตํ วิชิตํ, เอกฺเจ โอสฺสเชยฺย กลีว สิยา;
สพฺพานิปิ เจ โอสฺสเชยฺย อนฺโธว สิยา, สมวิสมสฺส อทสฺสนโต.
‘‘ยฺหิ กยิรา ตฺหิ วเท, ยํ น กยิรา น ตํ วเท;
อกโรนฺตํ ภาสมานํ, ปริชานนฺติ ปณฺฑิตา.
‘‘ยถาปิ รุจิรํ ปุปฺผํ, วณฺณวนฺตํ อคนฺธกํ;
เอวํ สุภาสิตา วาจา, อผลา โหติ อกุพฺพโต.
‘‘ยถาปิ ¶ รุจิรํ ปุปฺผํ, วณฺณวนฺตํ สุคนฺธกํ;
เอวํ สุภาสิตา วาจา, สผลา โหติ กุพฺพโต’’ติ. –
อิมา ปฺจ คาถา อภาสิ.
ตตฺถ อโยเคติ อยฺุชิตพฺเพ อเสวิตพฺเพ อนฺตทฺวเย. อิธ ปน อตฺตกิลมถานุโยควเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ยฺุชนฺติ ตสฺมึ อตฺตานํ ยฺุชนฺโต โยเชนฺโต ตถา ปฏิปชฺชนฺโต. กิจฺจมิจฺฉโกติ ¶ อุภยหิตาวหํ กิจฺจํ อิจฺฉนฺโต, ตปฺปฏิปกฺขโต อโยเค จรํ จรนฺโต เจ ภเวยฺย. นาธิคจฺเฉยฺยาติ ยถาธิปฺเปตํ หิตสุขํ น ปาปุเณยฺยาติ าโย. ตสฺมา ยํ อหํ ติตฺถิยมตวฺจิโต อโยเค ยฺุชึ, ตํ เม ทุพฺภคลกฺขณํ อปฺุสภาโว. ‘‘ปุริมกมฺมพฺยาโมหิโต อโยเค ยฺุชิ’’นฺติ ทสฺเสติ.
อพฺพูฬฺหํ อฆคตํ วิชิตนฺติ วิพาธนสภาวตาย อฆา นาม ราคาทโย, อฆานิ เอว อฆคตํ, อฆคตานํ วิชิตํ สํสารปฺปวตฺติ, เตสํ วิชโย กุสลธมฺมาภิภโว. ‘‘อฆคตํ วิชิต’’นฺติ อนุนาสิกโลปํ อกตฺวา วุตฺตํ. ตํ อพฺพูฬฺหํ อนุทฺธตํ เยน, ตํ อพฺพูฬฺหาฆคตํ วิชิตํ กตฺวา เอวํภูโต หุตฺวา, กิเลเส อสมุจฺฉินฺทิตฺวาติ อตฺโถ. เอกฺเจ โอสฺสเชยฺยาติ อทุติยตาย ปธานตาย จ เอกํ อปฺปมาทํ สมฺมาปโยคเมว วา โอสฺสเชยฺย ปริจฺจเชยฺย เจ. กลีว โส ปุคฺคโล กาฬกณฺณี วิย สิยา. สพฺพานิปิ เจ โอสฺสเชยฺยาติ สพฺพานิปิ วิมุตฺติยา ปริปาจกานิ สทฺธาวีริยสติสมาธิปฺินฺทฺริยานิ โอสฺสเชยฺย เจ, อภาวนาย ฉฑฺเฑยฺย เจ, อนฺโธว สิยา สมวิสมสฺส อทสฺสนโต.
ยถาติ โอปมฺมสมฺปฏิปาทนตฺเถ นิปาโต. รุจิรนฺติ โสภนํ. วณฺณวนฺตนฺติ วณฺณสณฺานสมฺปนฺนํ. อคนฺธกนฺติ คนฺธรหิตํ ปาลิภทฺทกคิริกณฺณิกชยสุมนาทิเภทํ. เอวํ สุภาสิตา วาจาติ สุภาสิตา วาจา นาม เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ วณฺณสณฺานสมฺปนฺนปุปฺผสทิสํ. ยถา หิ อคนฺธกํ ปุปฺผํ ¶ ธาเรนฺตสฺส สรีเร คนฺโธ น ผรติ, เอวํ เอตมฺปิ โย สกฺกจฺจสวนาทีหิ ¶ จ สมาจรติ, ตสฺส สกฺกจฺจํ อสมาจรนฺตสฺส ยํ ตตฺถ กตฺตพฺพํ, ตํ อกุพฺพโต สุตคนฺธํ ปฏิปตฺติคนฺธฺจ น อาวหติ อผลา โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘เอวํ สุภาสิตา วาจา, อผลา โหติ อกุพฺพโต’’ติ.
สุคนฺธกนฺติ สุมนจมฺปกนีลุปฺปลปุปฺผาทิเภทํ. เอวนฺติ ยถา ตํ ปุปฺผํ ธาเรนฺตสฺส สรีเร คนฺโธ ผรติ, เอวํ เตปิฏกพุทฺธวจนสงฺขาตา สุภาสิตา วาจาปิ โย สกฺกจฺจสวนาทีหิ ตตฺถ กตฺตพฺพํ กโรติ, อสฺส ปุคฺคลสฺส สผลา โหติ, สุตคนฺธปฏิปตฺติคนฺธานํ อาวหนโต มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา. ตสฺมา ยโถวาทํ ปฏิปชฺเชยฺย, ยถาการี ตถาวาที จ ภเวยฺยาติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
สุภูตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. คิริมานนฺทตฺเถรคาถาวณฺณนา
วสฺสติ ¶ เทโวติอาทิกา อายสฺมโต คิริมานนฺทตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปฺุานิ อุปจินนฺโต สุเมธสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ฆราวาสํ วสนฺโต อตฺตโน ภริยาย ปุตฺเต จ กาลงฺกเต โสกสลฺลสมปฺปิโต อรฺํ ปวิฏฺโ สตฺถารา ตตฺถ คนฺตฺวา ธมฺมํ กเถตฺวา โสกสลฺเล อพฺพูฬฺเห ปสนฺนมานโส สุคนฺธปุปฺเผหิ ปูเชตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา สิรสิ อฺชลึ กตฺวา อภิตฺถวิ.
โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห พิมฺพิสารรฺโ ปุโรหิตสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, คิริมานนฺโทติสฺส นามํ อโหสิ. โส วิฺุตํ ปตฺโต สตฺถุ ราชคหคมเน พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโต กติปยํ ทิวสํ คามกาวาเส วสิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตุํ ราชคหํ อคมาสิ. พิมฺพิสารมหาราชา ตสฺส อาคมนํ สุตฺวา อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อิเธว, ภนฺเต, วสถ, อหํ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหามี’’ติ สมฺปวาเรตฺวา คโต ¶ พหุกิจฺจตาย น สริ. ‘‘เถโร อพฺโภกาเส วสตี’’ติ เทวตา เถรสฺส เตมนภเยน วสฺสํ วาเรสุํ. ราชา อวสฺสนการณํ สลฺลกฺเขตฺวา เถรสฺส กุฏิกํ การาเปสิ. เถโร กุฏิกายํ วสนฺโต เสนาสนสปฺปายลาเภน สมาธานํ ¶ ลภิตฺวา วีริยสมตํ โยเชตฺวา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๔๐.๔๑๙-๔๔๘) –
‘‘ภริยา เม กาลงฺกตา, ปุตฺโต สิวถิกํ คโต;
มาตา ปิตา มตา ภาตา, เอกจิตมฺหิ ฑยฺหเร.
‘‘เตน โสเกน สนฺตตฺโต, กิโส ปณฺฑุ อโหสหํ;
จิตฺตกฺเขโป จ เม อาสิ, เตน โสเกน อฏฺฏิโต.
‘‘โสกสลฺลปเรโตหํ, วนนฺตมุปสงฺกมึ;
ปวตฺตผลํ ภฺุชิตฺวา, รุกฺขมูเล วสามหํ.
‘‘สุเมโธ นาม สมฺพุทฺโธ, ทุกฺขสฺสนฺตกโร ชิโน;
มมุทฺธริตุกาโม โส, อาคฺฉิ มม สนฺติกํ.
‘‘ปทสทฺทํ ¶ สุณิตฺวาน, สุเมธสฺส มเหสิโน;
ปคฺคเหตฺวานหํ สีสํ, อุลฺโลเกสึ มหามุนึ.
‘‘อุปาคเต มหาวีเร, ปีติ เม อุทปชฺชถ;
ตทาสิเมกคฺคมโน, ทิสฺวา ตํ โลกนายกํ.
‘‘สตึ ปฏิลภิตฺวาน, ปณฺณมุฏฺิมทาสหํ;
นิสีทิ ภควา ตตฺถ, อนุกมฺปาย จกฺขุมา.
‘‘นิสชฺช ตตฺถ ภควา, สุเมโธ โลกนายโก;
ธมฺมํ เม กถยี พุทฺโธ, โสกสลฺลวิโนทนํ.
‘‘อนวฺหิตา ตโต อาคุํ, อนนฺุาตา อิโต คตา;
ยถาคตา ตถา คตา, ตตฺถ กา ปริเทวนา.
‘‘ยถาปิ ปถิกา สตฺตา, วสฺสมานาย วุฏฺิยา;
สภณฺฑา อุปคจฺฉนฺติ, วสฺสสฺสาปตนาย เต.
‘‘วสฺเส ¶ จ เต โอรมิเต, สมฺปยนฺติ ยทิจฺฉกํ;
เอวํ มาตา ปิตา ตุยฺหํ, ตตฺถ กา ปริเทวนา.
‘‘อาคนฺตุกา ปาหุนกา, จลิเตริตกมฺปิตา;
เอวํ มาตา ปิตา ตุยฺหํ, ตตฺถ กา ปริเทวนา.
‘‘ยถาปิ อุรโค ชิณฺณํ, หิตฺวา คจฺฉติ สํ ตจํ;
เอวํ มาตา ปิตา ตุยฺหํ, สํ ตนุํ อิธ หียเร.
‘‘พุทฺธสฺส คิรมฺาย, โสกสลฺลํ วิวชฺชยึ;
ปาโมชฺชํ ชนยิตฺวาน, พุทฺธเสฏฺํ อวนฺทหํ.
‘‘วนฺทิตฺวาน มหานาคํ, ปูชยึ คิริมฺชรึ;
ทิพฺพคนฺธํ สมฺปวนฺตํ, สุเมธํ โลกนายกํ.
‘‘ปูชยิตฺวาน สมฺพุทฺธํ, สิเร กตฺวาน อฺชลึ;
อนุสฺสรํ คุณคฺคานิ, สนฺถวึ โลกนายกํ.
‘‘นิตฺติณฺโณสิ มหาวีร, สพฺพฺุ โลกนายก;
สพฺเพ สตฺเต อุทฺธรสิ, าเณน ตฺวํ มหามุเน.
‘‘วิมตึ ทฺเวฬฺหกํ วาปิ, สฺฉินฺทสิ มหามุเน;
ปฏิปาเทสิ เม มคฺคํ, ตว าเณน จกฺขุม.
‘‘อรหา วสิปตฺตา จ, ฉฬภิฺา มหิทฺธิกา;
อนฺตลิกฺขจรา ธีรา, ปริวาเรนฺติ ตาวเท.
‘‘ปฏิปนฺนา จ เสขา จ, ผลฏฺา สนฺติ สาวกา;
สุโรทเยว ปทุมา, ปุปฺผนฺติ ตว สาวกา.
‘‘มหาสมุทฺโทวกฺโขโภ ¶ , อตุโลปิ ทุรุตฺตโร;
เอวํ าเณน สมฺปนฺโน, อปฺปเมยฺโยสิ จกฺขุม.
‘‘วนฺทิตฺวาหํ โลกชินํ, จกฺขุมนฺตํ มหายสํ;
ปุถุทิสา นมสฺสนฺโต, ปฏิกุฏิโก อาคฺฉหํ.
‘‘เทวโลกา จวิตฺวาน, สมฺปชาโน ปติสฺสโต;
โอกฺกมึ มาตุยา กุจฺฉึ, สนฺธาวนฺโต ภวาภเว.
‘‘อคารา ¶ อภินิกฺขมฺม, ปพฺพชึ อนคาริยํ;
อาตาปี นิปโก ฌายี, ปฏิสลฺลานโคจโร.
‘‘ปธานํ ปทหิตฺวาน, โตสยิตฺวา มหามุนึ;
จนฺโทวพฺภฆนา มุตฺโต, วิจรามิ อหํ สทา.
‘‘วิเวกมนุยุตฺโตมฺหิ, อุปสนฺโต นิรูปธิ;
สพฺพาสเว ปริฺาย, วิหรามิ อนาสโว.
‘‘ตึสกปฺปสหสฺสมฺหิ, ยํ พุทฺธมภิปูชยึ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อถ เถรสฺส อรหตฺตปฺปตฺติยา หฏฺตุฏฺเ วิย เทเว วสฺสนฺเต อุปริ ตํ วสฺสเน นิโยชนมุเขน อฺํ พฺยากโรนฺโต –
‘‘วสฺสติ เทโว ยถาสุคีตํ, ฉนฺนา เม กุฏิกา สุขา นิวาตา;
ตสฺสํ วิหรามิ วูปสนฺโต, อถ เจ ปตฺถยสี ปวสฺส เทว.
‘‘วสฺสติ เทโว ยถาสุคีตํ, ฉนฺนา เม กุฏิกา สุขา นิวาตา;
ตสฺสํ วิหรามิ สนฺตจิตฺโต, อถ เจ ปตฺถยสี ปวสฺส เทว.
‘‘วสฺสติ เทโว…เป… ตสฺสํ วิหรามิ วีตราโค…เป….
‘‘วสฺสติ เทโว…เป… ตสฺสํ วิหรามิ วีตโทโส…เป….
‘‘วสฺสติ เทโว…เป… ตสฺสํ วิหรามิ วีตโมโห;
อถ เจ ปตฺถยสี ปวสฺส เทวา’’ติ. – อิมา ปฺจ คาถา อภาสิ;
ตตฺถ ¶ ยถาสุคีตนฺติ สุคีตานุรูปํ, สุนฺทรสฺส อตฺตโน เมฆคีตสฺส อนุรูปเมวาติ อตฺโถ. วลาหโก หิ ยถา อคชฺชนฺโต เกวลํ วสฺสนฺโต น โสภติ, เอวํ สตปฏลสหสฺสปฏเลน อุฏฺหิตฺวา ถนยนฺโต คชฺชนฺโต วิชฺชุลฺลตา นิจฺฉาเรนฺโตปิ อวสฺสนฺโต น โสภติ, ตถาภูโต ปน หุตฺวา วสฺสนฺโต โสภตีติ วุตฺตํ ‘‘วสฺสติ เทโว ยถาสุคีต’’นฺติ. เตนาห – ‘‘อภิตฺถนย, ปชฺชุนฺน’’ ¶ , (จริยา. ๓.๘๙; ชา. ๑.๑.๗๕) ‘‘คชฺชิตา เจว วสฺสิตา จา’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๐๑; ปุ. ป. ๑๕๗) จ. ตสฺสํ วิหรามีติ ตสฺสํ กุฏิกายํ อริยวิหารคพฺเภน อิริยาปถวิหาเรน วิหรามิ. วูปสนฺตจิตฺโตติ อคฺคผลสมาธินา สมฺมเทว อุปสนฺตมานโส.
เอวํ เถรสฺส อเนกวารํ กตํ อุยฺโยชนํ สิรสา สมฺปฏิจฺฉนฺโต วลาหกเทวปุตฺโต นินฺนฺจ ถลฺจ ปูเรนฺโต มหาวสฺสํ วสฺสาเปสิ.
คิริมานนฺทตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. สุมนตฺเถรคาถาวณฺณนา
ยํ ปตฺถยาโนติอาทิกา อายสฺมโต สุมนตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปฺุานิ อุปจินนฺโต อิโต ปฺจนวุเต กปฺเป พุทฺธสฺุเ โลเก กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกํ ปจฺเจกพุทฺธํ พฺยาธิตํ ทิสฺวา หรีตกํ อทาสิ ¶ . โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โกสลรฏฺเ คหปติกุเล นิพฺพตฺติตฺวา สุมโนติ ลทฺธนาโม สุเขน วฑฺฒิ. ตสฺส ปน มาตุโล ปพฺพชิตฺวา อรหา หุตฺวา อรฺเ วิหรนฺโต สุมเน วยปฺปตฺเต ตํ ปพฺพาเชตฺวา จริตานุกูลํ กมฺมฏฺานํ อทาสิ. โส ตตฺถ โยคกมฺมํ กโรนฺโต จตฺตาริ ฌานานิ ปฺจ จ อภิฺาโย นิพฺพตฺเตสิ. อถสฺส เถโร วิปสฺสนาวิธึ อาจิกฺขิ. โส จ นจิเรเนว วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺเต ปติฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๔.๖๐-๗๑) –
‘‘หรีตกํ อามลกํ, อมฺพชมฺพุวิภีตกํ;
โกลํ ภลฺลาตกํ พิลฺลํ, สยเมว หรามหํ.
‘‘ทิสฺวาน ¶ ปพฺภารคตํ, ฌายึ ฌานรตํ มุนึ;
อาพาเธน อาปีเฬนฺตํ, อทุตียํ มหามุนึ.
‘‘หรีตกํ คเหตฺวาน, สยมฺภุสฺส อทาสหํ;
ขาทมตฺตมฺหิ เภสชฺเช, พฺยาธิ ปสฺสมฺภิ ตาวเท.
‘‘ปหีนทรโถ พุทฺโธ, อนุโมทมกาสิ เม;
เภสชฺชทาเนนิมินา, พฺยาธิวูปสเมน จ.
‘‘เทวภูโต ¶ มนุสฺโส วา, ชาโต วา อฺชาติยา;
สพฺพตฺถ สุขิโต โหตุ, มา จ เต พฺยาธิมาคมา.
‘‘อิทํ วตฺวาน สมฺพุทฺโธ, สยมฺภู อปราชิโต;
นภํ อพฺภุคฺคมี ธีโร, หํสราชาว อมฺพเร.
‘‘ยโต หรีตกํ ทินฺนํ, สยมฺภุสฺส มเหสิโน;
อิมํ ชาตึ อุปาทาย, พฺยาธิ เม นุปปชฺชถ.
‘‘อยํ ปจฺฉิมโก มยฺหํ, จริโม วตฺตเต ภโว;
ติสฺโส วิชฺชา สจฺฉิกตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํ.
‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, เภสชฺชมททึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, เภสชฺชสฺส อิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺเต ปน ปติฏฺิโต เอกทิวสํ มาตุลตฺเถรสฺส อุปฏฺานํ อคมาสิ. ตํ เถโร อธิคมํ ปุจฺฉิ, ตํ พฺยากโรนฺโต –
‘‘ยํ ปตฺถยาโน ธมฺเมสุ, อุปชฺฌาโย อนุคฺคหิ;
อมตํ อภิกงฺขนฺตํ, กตํ กตฺตพฺพกํ มยา.
‘‘อนุปฺปตฺโต สจฺฉิกโต, สยํ ธมฺโม อนีติโห;
วิสุทฺธาโณ นิกฺกงฺโข, พฺยากโรมิ ตวนฺติเก.
‘‘ปุพฺเพนิวาสํ ชานามิ, ทิพฺพจกฺขุ วิโสธิตํ;
สทตฺโถ เม อนุปฺปตฺโต, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํ.
‘‘อปฺปมตฺตสฺส ¶ เม สิกฺขา, สุสฺสุตา ตว สาสเน;
สพฺเพ เม อาสวา ขีณา, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว.
‘‘อนุสาสิ มํ อริยวตา, อนุกมฺปิ อนุคฺคหิ;
อโมโฆ ตุยฺหโมวาโท, อนฺเตวาสิมฺหิ สิกฺขิโต’’ติ. –
อิมาหิ ปฺจหิ คาถาหิ สีหนาทํ นทนฺโต อฺํ พฺยากาสิ.
ตตฺถ ยํ ปตฺถยาโน ธมฺเมสุ, อุปชฺฌาโย อนุคฺคหิ. อมตํ อภิกงฺขนฺตนฺติ สมถวิปสฺสนาทีสุ อนวชฺชธมฺเมสุ ยํ ธมฺมํ มยฺหํ ปตฺถยนฺโต อากงฺขนฺโต อุปชฺฌาโย อมตํ นิพฺพานํ อภิกงฺขนฺตํ มํ โอวาททานวเสน อนุคฺคณฺหิ. กตํ กตฺตพฺพกํ มยาติ ตสฺส อธิคมตฺถํ กตฺตพฺพํ ปริฺาทิโสฬสวิธํ กิจฺจํ กตํ นิฏฺาปิตํ มยา.
ตโต ¶ เอว อนุปฺปตฺโต อธิคโต จตุพฺพิโธปิ มคฺคธมฺโม สจฺฉิกโต. สยํ ธมฺโม อนีติโหติ สยํ อตฺตนาเยว นิพฺพานธมฺโม ผลธมฺโม จ อนีติโห อสนฺทิทฺโธ อตฺตปจฺจกฺโข กโต, ‘‘อิติห, อิติ กิรา’’ติ ปวตฺติยา อิติหสงฺขาตํ สํสยํ สมุจฺฉินฺทนฺโตเยว อริยมคฺโค ปวตฺตติ. เตนาห ‘‘วิสุทฺธาโณ นิกฺกงฺโข’’ติอาทิ. ตตฺถ วิสุทฺธาโณติ สพฺพสํกิเลสวิสุทฺธิยา วิสุทฺธาโณ. ตวนฺติเกติ ตว สมีเป.
สทตฺโถติ อรหตฺตํ. สิกฺขาติ ¶ อธิสีลสิกฺขาทโย. สุสฺสุตาติ ปริยตฺติพาหุสจฺจสฺส ปฏิเวธพาหุสจฺจสฺส จ ปาริปูริวเสน สุฏฺุ สุตา. ตว สาสเนติ ตว โอวาเท อนุสิฏฺิยํ ิตสฺส.
อริยวตาติ สุวิสุทฺธสีลาทิวตสมาทาเนน. อนฺเตวาสิมฺหิ สิกฺขิโตติ ตุยฺหํ สมีเป จิณฺณพฺรหฺมจริยวาสตาย อนฺเตวาสี สิกฺขิตวา สิกฺขิตอธิสีลาทิสิกฺโข อมฺหีติ.
สุมนตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. วฑฺฒตฺเถรคาถาวณฺณนา
สาธู ¶ หีติอาทิกา อายสฺมโต วฑฺฒตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยานิ ปฺุานิ อุปจินนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ภารุกจฺฉนคเร คหปติกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วฑฺโฒติ ลทฺธนาโม อนุปุพฺเพน วฑฺฒติ. อถสฺส มาตา สํสาเร สฺชาตสํเวคา ปุตฺตํ าตีนํ นิยฺยาเทตฺวา ภิกฺขุนีนํ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺตี อรหตฺตํ ปาปุณิตฺวา อปเรน สมเยน ปุตฺตมฺปิ วิฺุตํ ปตฺตํ เวฬุทนฺตตฺเถรสฺส สนฺติเก ปพฺพาเชสิ. โส ปพฺพชิโต พุทฺธวจนํ อุคฺคเหตฺวา พหุสฺสุโต ธมฺมกถิโก หุตฺวา คนฺถธุรํ วหนฺโต เอกทิวสํ ‘‘เอกโก สนฺตรุตฺตโรว มาตรํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ ภิกฺขุนุปสฺสยํ อคมาสิ. ตํ ทิสฺวา มาตา ‘‘กสฺมา ตฺวํ เอกโก สนฺตรุตฺตโรว อิธาคโต’’ติ โจเทสิ. โส มาตรา โจทิยมาโน ‘‘อยุตฺตํ มยา กต’’นฺติ อุปฺปนฺนสํเวโค วิหารํ คนฺตฺวา ทิวาฏฺาเน นิสินฺโน วิปสฺสิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา มาตุ โอวาทสมฺปตฺติปกาสนมุเขน อฺํ พฺยากโรนฺโต –
‘‘สาธู ¶ หิ กิร เม มาตา, ปโตทํ อุปทํสยิ;
ยสฺสาหํ วจนํ สุตฺวา, อนุสิฏฺโ ชเนตฺติยา;
อารทฺธวีริโย ปหิตตฺโต, ปตฺโต สมฺโพธิมุตฺตมํ.
‘‘อรหา ทกฺขิเณยฺโยมฺหิ, เตวิชฺโช อมตทฺทโส;
เชตฺวา นมุจิโน เสนํ, วิหรามิ อนาสโว.
‘‘อชฺฌตฺตฺจ พหิทฺธา จ, เย เม วิชฺชึสุ อาสวา;
สพฺเพ อเสสา อุจฺฉินฺนา, น จ อุปฺปชฺชเร ปุน.
‘‘วิสารทา โข ภคินี, เอวมตฺถํ อภาสยิ;
อปิหา นูน มยิปิ, วนโถ เต น วิชฺชติ.
‘‘ปริยนฺตกตํ ทุกฺขํ, อนฺติโมยํ สมุสฺสโย;
ชาติมรณสํสาโร, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ. – อิมา คาถา อภาสิ;
ตตฺถ ¶ ¶ สาธู หิ กิร เม มาตา, ปโตทํ อุปทํสยีติ สาธุ วต มาตา มยฺหํ โอวาทสงฺขาตํ ปโตทํ ทสฺเสติ, เตน เม วีริยํ อุตฺเตเชนฺตี อุตฺตมงฺเค ปฺาสีเส วิชฺฌิ. ยสฺสาติ ยสฺสา เม มาตุยา. สมฺโพธินฺติ อรหตฺตํ. อยฺเหตฺถ โยชนา – ชเนตฺติยา เม อนุสิฏฺโ ยสฺสา อนุสาสนีภูตํ วจนํ สุตฺวา อหํ อารทฺธวีริโย ปหิตตฺโต วิหรนฺโต อุตฺตมํ อคฺคผลํ สมฺโพธึ อรหตฺตํ ปตฺโต.
ตโต เอว อารกตฺตา กิเลเสหิ อรหา ปฺุกฺเขตฺตตาย ทกฺขิเณยฺโย ทกฺขิณารโห อมฺหิ. ปุพฺเพนิวาสาณาทิวิชฺชาตฺตยสฺส อธิคตตฺตา เตวิชฺโช นิพฺพานสฺส สจฺฉิกตตฺตา อมตทฺทโส นมุจิโน มารสฺส เสนํ กิเลสวาหินึ โพธิปกฺขิยเสนาย ชินิตฺวา ตสฺส ชิตตฺตาเยว อนาสโว สุขํ วิหรามีติ.
อิทานิ ‘‘อนาสโว’’ติ วุตฺตมตฺถํ ปากฏตรํ กาตุํ ‘‘อชฺฌตฺตฺจา’’ ติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – อชฺฌตฺตํ อชฺฌตฺตวตฺถุกา จ พหิทฺธา พหิทฺธวตฺถุกา จ อาสวา เย มยฺหํ อริยมคฺคาธิคมโต ปุพฺเพ วิชฺชึสุ อุปลพฺภึสุ, เต สพฺเพ อนวเสสา อุจฺฉินฺนา อริยมคฺเคน สมุจฺฉินฺนา ปหีนา ปุน ทานิ กทาจิปิ น จ อุปฺปชฺเชยฺยุํ น อุปฺปชฺชิสฺสนฺติเยวาติ.
อิทานิ มาตุ วจนํ องฺกุสํ กตฺวา อตฺตนา อรหตฺตสฺส อธิคตตฺตา มาตรํ โถเมนฺโต ‘‘วิสารทา’’ติ คาถมาห. ตตฺถ วิสารทา โขติ เอกํเสน วิคตสารชฺชา. เอวํ มาตุ อตฺตโน ¶ จ อรหตฺตาธิคเมน สตฺถุ โอรสปุตฺตภาวํ อุลฺลเปนฺโต มาตรํ ‘‘ภคินี’’ติ อาห. เอตมตฺถํ อภาสยีติ เอตํ มม โอวาทภูตํ อตฺถํ อภณิ. เอวํ ปน มํ โอวทนฺตี น เกวลํ วิสารทา เอว, อถ โข อปิหา นูน มยิปิ ตว ปุตฺตเกปิ อปิหา อสนฺถวา มฺเ, กึ วา เอเตน ปริกปฺปเนน? วนโถ เต น วิชฺชติ อวิชฺชาทิโก วนโถ ตว สนฺตาเน นตฺเถว, ยา มํ ภวกฺขเย นิโยเชสีติ อธิปฺปาโย.
อิทานิ ‘‘ตยา นิโยชิตากาเรเนว มยา ปฏิปนฺน’’นฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปริยนฺตกต’’นฺติ โอสานคาถมาห, ตสฺสตฺโถ สุวิฺเยฺโยว.
วฑฺฒตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. นทีกสฺสปตฺเถรคาถาวณฺณนา
อตฺถาย ¶ วต เมติอาทิกา อายสฺมโต นทีกสฺสปตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺโต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล ¶ กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส อตฺตนา โรปิตสฺส อมฺพรุกฺขสฺส ปมุปฺปนฺนํ มโนสิลาวณฺณํ เอกํ อมฺพผลํ อทาสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มคธรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล อุรุเวลกสฺสปสฺส ภาตา หุตฺวา นิพฺพตฺโต. วยปฺปตฺโต นิสฺสรณชฺฌาสยตาย ฆราวาสํ อนิจฺฉนฺโต ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ตีหิ ตาปสสเตหิ สทฺธึ เนรฺชราย นทิยา ตีเร อสฺสมํ มาเปตฺวา วิหรติ. นทีตีเร วสนโต หิสฺส กสฺสปโคตฺตตาย จ นทีกสฺสโปติ สมฺา อโหสิ. ตสฺส ภควา สปริสสฺส เอหิภิกฺขุภาเวน อุปสมฺปทํ อทาสิ. ตํ สพฺพํ ขนฺธเก (มหาว. ๓๖-๓๙) อาคตเมว. โส ภควโต อาทิตฺตปริยายเทสนาย (มหาว. ๕๔; สํ. นิ. ๔.๒๘) อรหตฺเต ปติฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๔.๘๑-๘๗) –
‘‘ปทุมุตฺตรพุทฺธสฺส, โลกเชฏฺสฺส ตาทิโน;
ปิณฺฑาย วิจรนฺตสฺส, ธารโต อุตฺตมํ ยสํ.
‘‘อคฺคผลํ ¶ คเหตฺวาน, วิปฺปสนฺเนน เจตสา;
ทกฺขิเณยฺยสฺส วีรสฺส, อทาสึ สตฺถุโน อหํ.
‘‘เตน กมฺเมน ทฺวิปทินฺท, โลกเชฏฺ นราสภ;
ปตฺโตมฺหิ อจลํ านํ, หิตฺวา ชยปราชยํ.
‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, ยํ ทานมททึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, อคฺคทานสฺสิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺเต ปน ปติฏฺิโต อปรภาเค อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ทิฏฺิสมุคฺฆาตกิตฺตนมุเขน อฺํ พฺยากโรนฺโต –
‘‘อตฺถาย ¶ วต เม พุทฺโธ, นทึ เนรฺชรํ อคา;
ยสฺสาหํ ธมฺมํ สุตฺวาน, มิจฺฉาทิฏฺึ วิวชฺชยึ.
‘‘ยชึ อุจฺจาวเจ ยฺเ, อคฺคิหุตฺตํ ชุหึ อหํ;
เอสา สุทฺธีติ มฺนฺโต, อนฺธภูโต ปุถุชฺชโน.
‘‘ทิฏฺิคหนปกฺขนฺโท, ปรามาเสน โมหิโต;
อสุทฺธึ มฺิสํ สุทฺธึ, อนฺธภูโต อวิทฺทสุ.
‘‘มิจฺฉาทิฏฺิ ปหีนา เม, ภวา สพฺเพ วิทาลิตา;
ชุหามิ ทกฺขิเณยฺยคฺคึ, นมสฺสามิ ตถาคตํ.
‘‘โมหา สพฺเพ ปหีนา เม, ภวตณฺหา ปทาลิตา;
วิกฺขีโณ ชาติสํสาโร, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ. –
อิมา ปฺจ คาถา อภาสิ.
ตตฺถ อตฺถาย วต เมติ มยฺหํ อตฺถาย วต หิตาย วต. พุทฺโธติ สพฺพฺุพุทฺโธ. นทึ เนรฺชรํ อคาติ เนรฺชราสงฺขาตํ นทึ อคฺฉิ, ตสฺสา นทิยา ตีเร จ มม ภาตุ อุรุเวลกสฺสปสฺส อสฺสมํ อุปคโตติ อธิปฺปาโย.
อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘ยสฺสาห’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ยสฺสาติ ยสฺส พุทฺธสฺส ภควโต. ธมฺมํ สุตฺวานาติ จตุสจฺจปฏิสํยุตฺตํ ธมฺมํ สุตฺวา, โสตทฺวารานุสาเรน อุปลภิตฺวา. มิจฺฉาทิฏฺึ วิวชฺชยินฺติ ¶ ‘‘ยฺาทีหิ สุทฺธิ โหตี’’ติอาทินยปฺปวตฺตํ วิปรีตทสฺสนํ ปชหึ.
มิจฺฉาทิฏฺึ ¶ วิวชฺชยินฺติ วุตฺตเมวตฺถํ วิตฺถาเรตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘ยชิ’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ยชึ อุจฺจาวเจ ยฺเติ ปากฏยฺเ โสมยาควาชเปยฺยาทิเก นานาวิเธ ยฺเ ยชึ. อคฺคิหุตฺตํ ชุหึ อหนฺติ เตสํ ยฺานํ ยชนวเสน อาหุตึ ปคฺคณฺหนฺโต อคฺคึ ปริจรึ. เอสา สุทฺธีติ มฺนฺโตติ เอสา ยฺกิริยา อคฺคิปาริจริยา สุทฺธิเหตุภาวโต สุทฺธิ ‘‘เอวํ เม สํสารสุทฺธิ โหตี’’ติ มฺมาโน. อนฺธภูโต ปุถุชฺชโนติ ปฺาจกฺขุเวกลฺเลน อวิชฺชนฺธตาย อนฺธภูโต ปุถุชฺชโน หุตฺวา วนคหนปพฺพตคหนาทีนิ วิย ทุรติกฺกมนฏฺเน ทิฏฺิเยว คหนํ ทิฏฺิคหนํ ¶ , ตํ ปกฺขนฺโท อนุปวิฏฺโติ ทิฏฺิคหนปกฺขนฺโท. ปรามาเสนาติ ธมฺมสภาวํ อติกฺกมิตฺวา ‘‘อิทเมว สจฺจ’’นฺติ ปรามสนโต ปรามาสสงฺขาเตน มิจฺฉาภินิเวเสน. โมหิโตติ มูฬฺหภาวํ ปาปิโต. อสุทฺธึ มฺิสํ สุทฺธินฺติ อสุทฺธึ มคฺคํ ‘‘สุทฺธึ มคฺค’’นฺติ มฺิสํ มฺึ. ตตฺถ การณมาห ‘‘อนฺธภูโต อวิทฺทสู’’ติ. ยสฺมา อวิชฺชาย อนฺธภูโต, ตโต เอว ธมฺมาธมฺมํ ยุตฺตายุตฺตฺจ อวิทฺวา, ตสฺมา ตถา มฺินฺติ อตฺโถ.
มิจฺฉาทิฏฺิ ปหีนา เมติ เอวํภูตสฺส ปน สตฺถุ สมฺมุขา จตุสจฺจคพฺภํ ธมฺมกถํ สุตฺวา โยนิโส ปฏิปชฺชนฺตสฺส อริยมคฺคสมฺมาทิฏฺิยา สพฺพาปิ มิจฺฉาทิฏฺิ สมุจฺเฉทปฺปหานวเสน มยฺหํ ปหีนา. ภวาติ กามภวาทโย สพฺเพปิ ภวา อริยมคฺคสตฺเถน วิทาลิตา วิทฺธํสิตา. ชุหามิ ทกฺขิเณยฺยคฺคินฺติ อาหวนียาทิเก อคฺคี ฉฑฺเฑตฺวา สเทวกสฺส โลกสฺส อคฺคทกฺขิเณยฺยตาย สพฺพสฺส จ ปาปสฺส ทหนโต ทกฺขิเณยฺยคฺคึ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ชุหามิ ปริจรามิ. ตยิทํ มยฺหํ ทกฺขิเณยฺยคฺคิปริจรณํ ทธินวนีตมถิตสปฺปิอาทินิรเปกฺขํ สตฺถุ นมสฺสนเมวาติ อาห ‘‘นมสฺสามิ ตถาคต’’นฺติ. อถ วา ชุหามิ ทกฺขิเณยฺยคฺคินฺติ ทายกานํ ทกฺขิณาย มหปฺผลภาวกรเณน ปาปสฺส จ ทหเนน ทกฺขิเณยฺยคฺคิภูตํ อตฺตานํ ชุหามิ ปริจรามิ ตถา กตฺวา ปริจรามิ, ตถา กตฺวา ปริหรามิ. ปุพฺเพ อคฺคิเทวํ นมสฺสามิ, อิทานิ ปน นมสฺสามิ ตถาคตนฺติ.
โมหา สพฺเพ ปหีนา เมติ ทุกฺเข อฺาณาทิเภทา สพฺเพ โมหา มยฺหํ ปหีนา สมุจฺฉินฺนา, ตโต เอว ‘‘ภวตณฺหา ปทาลิตา. วิกฺขีโณ ชาติสํสาโร, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ ตีสุ ปเทสุ เม-สทฺโท อาเนตฺวา โยเชตพฺโพ.
นทีกสฺสปตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. คยากสฺสปตฺเถรคาถาวณฺณนา
ปาโต ¶ ¶ มชฺฌนฺหิกนฺติอาทิกา อายสฺมโต คยากสฺสปตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺโต อิโต เอกตึเส กปฺเป สิขิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต นิสฺสรณชฺฌาสยตาย ฆราวาสํ ปหาย ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อรฺายตเน ¶ อสฺสมํ กาเรตฺวา วนมูลผลาหาโร วสติ. เตน จ สมเยน ภควา เอโก อทุติโย ตสฺส อสฺสมสมีเปน คจฺฉติ. โส ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ิโต เวลํ โอโลเกตฺวา มโนหรานิ โกลผลานิ สตฺถุ อุปเนสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต นิสฺสรณชฺฌาสยตาย ฆราวาสํ ปหาย ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ทฺวีหิ ตาปสสเตหิ สทฺธึ คยายํ วิหรติ. คยายํ วสนโต หิสฺส กสฺสปโคตฺตตาย จ คยากสฺสโปติ สมฺา อโหสิ. โส ภควตา สทฺธึ ปริสาย เอหิภิกฺขูปสมฺปทํ ทตฺวา อาทิตฺตปริยายเทสนาย (มหาว. ๕๔) โอวทิยมาโน อรหตฺเต ปติฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๕.๘-๑๔) –
‘‘อชิเนน นิวตฺโถหํ, วากจีรธโร ตทา;
ขาริยา ปูรยิตฺวานํ, โกลํหาสึ มมสฺสมํ.
‘‘ตมฺหิ กาเล สิขี พุทฺโธ, เอโก อทุติโย อหุ;
มมสฺสมํ อุปคจฺฉิ, ชานนฺโต สพฺพกาลิกํ.
‘‘สกํ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, วนฺทิตฺวาน จ สุพฺพตํ;
อุโภ หตฺเถหิ ปคฺคยฺห, โกลํ พุทฺธสฺสทาสหํ.
‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ผลมททึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, โกลทานสฺสิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺเต ปน ปติฏฺิโต อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปาปปวาหนกิตฺตนมุเขน อฺํ พฺยากโรนฺโต –
‘‘ปาโต มชฺฌนฺหิกํ สายํ, ติกฺขตฺตุํ ทิวสสฺสหํ;
โอตรึ อุทกํ โสหํ, คยาย คยผคฺคุยา.
‘‘ยํ ¶ มยา ปกตํ ปาปํ, ปุพฺเพ อฺาสุ ชาติสุ;
ตํ ทานีธ ปวาเหมิ, เอวํทิฏฺิ ปุเร อหุํ.
‘‘สุตฺวา ¶ สุภาสิตํ วาจํ, ธมฺมตฺถสหิตํ ปทํ;
ตถํ ยาถาวกํ อตฺถํ, โยนิโส ปจฺจเวกฺขิสํ.
‘‘นินฺหาตสพฺพปาโปมฺหิ, นิมฺมโล ปยโต สุจิ;
สุทฺโธ สุทฺธสฺส ทายาโท, ปุตฺโต พุทฺธสฺส โอรโส.
‘‘โอคยฺหฏฺงฺคิกํ โสตํ, สพฺพปาปํ ปวาหยึ;
ติสฺโส วิชฺชา อชฺฌคมึ, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. –
อิมา ปฺจ คาถา อภาสิ.
ตตฺถ ปมคาถาย ตาว อยํ สงฺเขปตฺโถ – ปาโต สูริยุคฺคมนเวลายํ, มชฺฌนฺหิกํ ¶ มชฺฌนฺหเวลายํ, สายํ สายนฺหเวลายนฺติ ทิวสสฺส ติกฺขตฺตุํ ตโย วาเร อหํ อุทกํ โอตรึ โอคาหึ. โอตรนฺโต จ โสหํ น ยตฺถ กตฺถจิ ยทา วา ตทา วา โอตรึ, อถ โข คยาย มหาชนสฺส ‘‘ปาปปวาหน’’นฺติ อภิสมฺมเต คยาติตฺเถ, คยผคฺคุยา คยาผคฺคุนามเก ผคฺคุนีมาสสฺส อุตฺตรผคฺคุนีนกฺขตฺเต อนุสํวจฺฉรํ อุทโกโรหนมนุยุตฺโต อโหสินฺติ.
อิทานิ ตทา เยนาธิปฺปาเยน อุทโกโรหนมนุยุตฺตํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ มยา’’ติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – ‘‘ยํ มยา ปุพฺเพ อิโต อฺาสุ ชาตีสุ ปาปกมฺมํ อุปจิตํ. ตํ อิทานิ อิธ คยาติตฺเถ อิมิสฺสา จ คยาผคฺคุยา อิมินา อุทโกโรหเนน ปวาเหมิ อปเนมิ วิกฺขาเลมี’’ติ. ปุเร สตฺถุ สาสนุปคมนโต ปุพฺเพ เอวํทิฏฺิ เอวรูปวิปรีตทสฺสโน อหุํ อโหสึ.
ธมฺมตฺถสหิตํ ปทนฺติ วิภตฺติอโลเปน นิทฺเทโส. ธมฺเมน จ อตฺเถน จ สหิตโกฏฺาสํ, อาทิโต มชฺฌโต ปริโยสานโต จ ธมฺมูปสํหิตํ อตฺถูปสํหิตํ สุฏฺุ เอกนฺเตน นิยฺยานิกํ กตฺวา ภาสิตํ วาจํ สมฺมาสมฺพุทฺธวจนํ สุตฺวา เตน ปกาสิตํ ปรมตฺถภาเวน ตจฺฉภาวโต ตถํ ยถารหํ ปวตฺตินิวตฺติอุปายภาเว พฺยภิจาราภาวโต ยาถาวกํ ทุกฺขาทิอตฺถํ โยนิโส อุปาเยน ปริฺเยฺยาทิภาเวน ปจฺจเวกฺขิสํ ‘‘ทุกฺขํ ปริฺเยฺยํ, สมุทโย ปหาตพฺโพ, นิโรโธ สจฺฉิกาตพฺโพ ¶ , มคฺโค ภาเวตพฺโพ’’ติ ปติอเวกฺขึ, าณจกฺขุนา ปสฺสึ ปฏิวิชฺฌินฺติ อตฺโถ.
นินฺหาตสพฺพปาโปมฺหีติ เอวํ ปฏิวิทฺธสจฺจตฺตา เอว อริยมคฺคชเลน วิกฺขาลิตสพฺพปาโป อมฺหิ. ตโต เอว ราคมลาทีนํ อภาเวน นิมฺมลตฺตา นิมฺมโล. ตโต เอว ¶ ปริสุทฺธกายสมาจารตาย ปริสุทฺธวจีสมาจารตาย ปริสุทฺธมโนสมาจารตาย ปยโต สุจิสุทฺโธ. สวาสนสพฺพกิเลสมลวิสุทฺธิยา สุทฺธสฺส พุทฺธสฺส ภควโต โลกุตฺตรธมฺมทายสฺส อาทิยนโต ทายาโท. ตสฺเสว เทสนาาณสมุฏฺานอุโรวายามชนิตาภิชาติตาย โอรโส ปุตฺโต อมฺหีติ โยชนา.
ปุนปิ อตฺตโน ปรมตฺถโต นฺหาตกภาวเมว วิภาเวตุํ ‘‘โอคยฺหา’’ติ โอสานคาถมาห. ตตฺถ โอคยฺหาติ โอคาเหตฺวา อนุปวิสิตฺวา. อฏฺงฺคิกํ โสตนฺติ สมฺมาทิฏฺิอาทีหิ อฏฺงฺคสโมธานภูตํ มคฺคโสตํ. สพฺพปาปํ ปวาหยินฺติ อนวเสสํ ปาปมลํ ปกฺขาเลสึ, อริยมคฺคชลปวาหเนน ปรมตฺถนฺหาตโก อโหสึ. ตโต เอว ติสฺโส วิชฺชา อชฺฌคมึ, กตํ พุทฺธสฺส สาสนนฺติ วุตฺตตฺถเมว.
คยากสฺสปตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. วกฺกลิตฺเถรคาถาวณฺณนา
วาตโรคาภินีโตติอาทิกา ¶ อายสฺมโต วกฺกลิตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปฺุานิ อุปจินนฺโต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต สตฺถุ สนฺติกํ คจฺฉนฺเตหิ อุปาสเกหิ สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต ิโต ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ สทฺธาธิมุตฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา สยมฺปิ ตํ านํ ปตฺเถนฺโต สตฺตาหํ มหาทานํ ทตฺวา ปณิธานํ อกาสิ. สตฺถา ตสฺส อนนฺตรายตํ ทิสฺวา พฺยากริ.
โสปิ ¶ ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อมฺหากํ สตฺถุ กาเล สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ, วกฺกลีติสฺส นามํ อกํสุ. โส วุทฺธิปฺปตฺโต ตโย เวเท อุคฺคณฺหิตฺวา พฺราหฺมณสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คโต สตฺถารํ ทิสฺวา รูปกายสฺส สมฺปตฺติทสฺสเนน อติตฺโต สตฺถารา สทฺธึเยว วิจรติ. ‘‘อคารมชฺเฌ วสนฺโต นิจฺจกาลํ สตฺถารํ ทฏฺุํ น ลภิสฺสามี’’ติ สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา เปตฺวา โภชนเวลํ สรีรกิจฺจกาลฺจ เสสกาเล ยตฺถ ิเตน สกฺกา ทสพลํ ปสฺสิตุํ, ตตฺถ ิโต อฺํ กิจฺจํ ปหาย ภควนฺตํ โอโลเกนฺโตว วิหรติ. สตฺถา ตสฺส าณปริปากํ อาคเมนฺโต พหุกาลํ ตสฺมึ รูปทสฺสเนเนว วิจรนฺเต กิฺจิ อวตฺวา ปุเนกทิวสํ ¶ ‘‘กึ เต, วกฺกลิ, อิมินา ปูติกาเยน ทิฏฺเน? โย โข, วกฺกลิ, ธมฺมํ ปสฺสติ, โส มํ ปสฺสติ. โย มํ ปสฺสติ, โส ธมฺมํ ปสฺสติ. ธมฺมฺหิ, วกฺกลิ, ปสฺสนฺโต มํ ปสฺสติ, มํ ปสฺสนฺโต ธมฺมํ ปสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๘๗) อาห.
สตฺถริ เอวํ วทนฺเตปิ เถโร สตฺถุ ทสฺสนํ ปหาย อฺตฺถ คนฺตุํ น สกฺโกติ. ตโต สตฺถา ‘‘นายํ ภิกฺขุ สํเวคํ อลภิตฺวา พุชฺฌิสฺสตี’’ติ วสฺสูปนายิกทิวเส ‘‘อเปหิ, วกฺกลี’’ติ เถรํ ปณาเมสิ. โส สตฺถารา ปณามิโต สมฺมุเข าตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘กึ มยฺหํ ชีวิเตน, โยหํ สตฺถารํ ทฏฺุํ น ลภามี’’ติ คิชฺฌกูฏปพฺพเต ปปาตฏฺานํ อภิรุหิ. สตฺถา ตสฺส ตํ ปวตฺตึ ตฺวา ‘‘อยํ ภิกฺขุ มม สนฺติกา อสฺสาสํ อลภนฺโต มคฺคผลานํ อุปนิสฺสยํ นาเสยฺยา’’ติ อตฺตานํ ทสฺเสตุํ โอภาสํ วิสฺสชฺเชนฺโต –
‘‘ปาโมชฺชพหุโล ภิกฺขุ, ปสนฺโน พุทฺธสาสเน;
อธิคจฺเฉ ปทํ สนฺตํ, สงฺขารูปสมํ สุข’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๘๑) –
คาถํ วตฺวา ‘‘เอหิ, วกฺกลี’’ติ หตฺถํ ปสาเรสิ. เถโร ‘‘ทสพโล เม ทิฏฺโ, ‘เอหี’ติ อวฺหานมฺปิ ลทฺธ’’นฺติ พลวปีติโสมนสฺสํ อุปฺปาเทตฺวา ¶ ‘‘กุโต อาคจฺฉามี’’ติ อตฺตโน คมนภาวํ อชานิตฺวา สตฺถุ สมฺมุเข อากาเส ปกฺขนฺทนฺโต ปมปาเทน ปพฺพเต ิโตเยว สตฺถารา วุตฺตคาถํ ¶ อาวชฺเชนฺโต อากาเสเยว ปีตึ วิกฺขมฺเภตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณีติ องฺคุตฺตรฏฺกถายํ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๐๘) ธมฺมปทวณฺณนายฺจ (ธ. ป. อฏฺ. ๒.๓๘๑) อาคตํ.
อิธ ปน เอวํ วทนฺติ – ‘‘กึ เต, วกฺกลี’’ติอาทินา สตฺถารา โอวทิโต คิชฺฌกูเฏ วิหรนฺโต วิปสฺสนํ ปฏฺเปสิ, ตสฺส สทฺธาย พลวภาวโต เอว วิปสฺสนา วีถึ น โอตรติ, ภควา ตํ ตฺวา กมฺมฏฺานํ โสเธตฺวา อทาสิ. ปุน วิปสฺสนํ มตฺถกํ ปาเปตุํ นาสกฺขิเยว, อถสฺส อาหารเวกลฺเลน วาตาพาโธ อุปฺปชฺชิ, ตํ วาตาพาเธน ปีฬิยมานํ ตฺวา ภควา ตตฺถ คนฺตฺวา ปุจฺฉนฺโต –
‘‘วาตโรคาภินีโต ตฺวํ, วิหรํ กานเน วเน;
ปวิทฺธโคจเร ลูเข, กถํ ภิกฺขุ กริสฺสสี’’ติ. –
อาห. ตํ สุตฺวา เถโร –
‘‘ปีติสุเขน ¶ วิปุเลน, ผรมาโน สมุสฺสยํ;
ลูขมฺปิ อภิสมฺโภนฺโต, วิหริสฺสามิ กานเน.
‘‘ภาเวนฺโต สติปฏฺาเน, อินฺทฺริยานิ พลานิ จ;
โพชฺฌงฺคานิ จ ภาเวนฺโต, วิหริสฺสามิ กานเน.
‘‘อารทฺธวีริเย ปหิตตฺเต, นิจฺจํ ทฬฺหปรกฺกเม;
สมคฺเค สหิเต ทิสฺวา, วิหริสฺสามิ กานเน.
‘‘อนุสฺสรนฺโต สมฺพุทฺธํ, อคฺคํ ทนฺตํ สมาหิตํ;
อตนฺทิโต รตฺตินฺทิวํ, วิหริสฺสามิ กานเน’’ติ. –
จตสฺโส คาถา อภาสิ.
ตตฺถ วาตโรคาภินีโตติ วาตาพาเธน อเสริภาวํ อุปนีโต, วาตพฺยาธินา อภิภูโต. ตฺวนฺติ เถรํ อาลปติ. วิหรนฺติ เตน อิริยาปถวิหาเรน วิหรนฺโต. กานเน วเนติ กานนภูเต วเน, มหาอรฺเติ อตฺโถ. ปวิทฺธโคจเรติ วิสฺสฏฺโคจเร ทุลฺลภปจฺจเย. วาตโรคสฺส สปฺปายานํ สปฺปิอาทิเภสชฺชานํ อภาเวน ผรุสภูมิภาคตาย จ ลูเข ลูขฏฺาเน. กถํ ภิกฺขุ กริสฺสสีติ ภิกฺขุ ตฺวํ กถํ วิหริสฺสสีติ ภควา ปุจฺฉิ.
ตํ ¶ สุตฺวา เถโร นิรามิสปีติโสมนสฺสาทินา อตฺตโน สุขวิหารํ ปกาเสนฺโต ‘‘ปีติสุเขนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปีติสุเขนาติ อุพฺเพคลกฺขณาย ผรณลกฺขณาย จ ¶ ปีติยา ตํสมฺปยุตฺตสุเขน จ. เตนาห ‘‘วิปุเลนา’’ติ อุฬาเรนาติ อตฺโถ. ผรมาโน สมุสฺสยนฺติ ยถาวุตฺตปีติสุขสมุฏฺิเตหิ ปณีเตหิ รูเปหิ สกลํ กายํ ผราเปนฺโต นิรนฺตรํ ผุฏํ กโรนฺโต. ลูขมฺปิ อภิสมฺโภนฺโตติ อรฺาวาสชนิตํ สลฺเลขวุตฺติเหตุกํ ทุสฺสหมฺปิ ปจฺจยลูขํ อภิภวนฺโต อธิวาเสนฺโต. วิหริสฺสามิ กานเนติ ฌานสุเขน วิปสฺสนาสุเขน จ อรฺายตเน วิหริสฺสามีติ อตฺโถ. เตนาห – ‘‘สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทสิ’’นฺติ (ปารา. ๑๑).
‘‘ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;
ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานต’’นฺติ จ. (ธ. ป. ๓๗๔);
ภาเวนฺโต สติปฏฺาเนติ มคฺคปริยาปนฺเน กายานุปสฺสนาทิเก จตฺตาโร สติปฏฺาเน อุปฺปาเทนฺโต วฑฺเฒนฺโต จ. อินฺทฺริยานีติ มคฺคปริยาปนฺนานิ เอว สทฺธาทีนิ ปฺจินฺทฺริยานิ. พลานีติ ตถา สทฺธาทีนิ ¶ ปฺจ พลานิ. โพชฺฌงฺคานีติ ตถา สติสมฺโพชฺฌงฺคาทีนิ สตฺต โพชฺฌงฺคานิ. จ-สทฺเทน สมฺมปฺปธานอิทฺธิปาทมคฺคงฺคานิ สงฺคณฺหาติ. ตทวินาภาวโต หิ ตคฺคหเณเนว เตสํ คหณํ โหติ. วิหริสฺสามีติ ยถาวุตฺเต โพธิปกฺขิยธมฺเม ภาเวนฺโต มคฺคสุเขน ตทธิคมสิทฺเธน ผลสุเขน นิพฺพานสุเขน จ วิหริสฺสามิ.
อารทฺธวีริเยติ จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานวเสน ปคฺคหิตวีริเย. ปหิตตฺเตติ นิพฺพานํ ปติเปสิตจิตฺเต. นิจฺจํ ทฬฺหปรกฺกเมติ สพฺพกาลํ อสิถิลวีริเย. อวิวาทวเสน กายสามคฺคิทานวเสน จ สมคฺเค. ทิฏฺิสีลสามฺเน สหิเต สพฺรหฺมจารี ทิสฺวา. เอเตน กลฺยาณมิตฺตสมฺปตฺตึ ทสฺเสติ.
อนุสฺสรนฺโต สมฺพุทฺธนฺติ สมฺมา สามํ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺธํ สพฺพสตฺตุตฺตมตาย, อคฺคํ อุตฺตเมน ทมเถน ทนฺตํ, อนุตฺตรสมาธินา สมาหิตํ อตนฺทิโต อนลโส หุตฺวา, รตฺตินฺทิวํ สพฺพกาลํ ‘‘อิติปิ โส ภควา อรห’’นฺติอาทินา อนุสฺสรนฺโต วิหริสฺสามิ. เอเตน พุทฺธานุสฺสติภาวนาย ¶ ยุตฺตาการทสฺสเนน สพฺพตฺถ กมฺมฏฺานานุโยคมาห, ปุริเมน ปาริหาริยกมฺมฏฺานานุโยคํ.
เอวํ ปน วตฺวา เถโร วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๔.๒๘-๖๕) –
‘‘อิโต สตสหสฺสมฺหิ, กปฺเป อุปฺปชฺชิ นายโก;
อโนมนาโม อมิโต, นาเมน ปทุมุตฺตโร.
‘‘ปทุมาการวทโน, ปทุมามลสุจฺฉวี;
โลเกนานุปลิตฺโตว, โตเยน ปทุมํ ยถา.
‘‘วีโร ปทุมปตฺตกฺโข, กนฺโต จ ปทุมํ ยถา;
ปทุมุตฺตรคนฺโธว, ตสฺมา โส ปทุมุตฺตโร.
‘‘โลกเชฏฺโ จ นิมฺมาโน, อนฺธานํ นยนูปโม;
สนฺตเวโส คุณนิธิ, กรุณามติสาคโร.
‘‘ส กทาจิ มหาวีโร, พฺรหฺมาสุรสุรจฺจิโต;
สเทวมนุชากิณฺเณ, ชนมชฺเฌ ชินุตฺตโม.
‘‘วทเนน สุคนฺเธน, มธุเรน รุเตน จ;
รฺชยํ ปริสํ สพฺพํ, สนฺถวี สาวกํ สกํ.
‘‘สทฺธาธิมุตฺโต สุมติ, มม ทสฺสนลาลโส;
นตฺถิ เอตาทิโส อฺโ, ยถายํ ภิกฺขุ วกฺกลิ.
‘‘ตทาหํ ¶ หํสวติยํ, นคเร พฺราหฺมณตฺรโช;
หุตฺวา สุตฺวา จ ตํ วากฺยํ, ตํ านมภิโรจยึ.
‘‘สสาวกํ ตํ วิมลํ, นิมนฺเตตฺวา ตถาคตํ;
สตฺตาหํ โภชยิตฺวาน, ทุสฺเสหจฺฉาทยึ ตทา.
‘‘นิปจฺจ สิรสา ตสฺส, อนนฺตคุณสาคเร;
นิมุคฺโค ปีติสมฺปุณฺโณ, อิทํ วจนมพฺรวึ.
‘‘โย โส ตยา สนฺถวิโต, อิโต สตฺตมเก มุนิ;
ภิกฺขุ สทฺธาวตํ อคฺโค, ตาทิโส โหมหํ มุเน.
‘‘เอวํ ¶ วุตฺเต มหาวีโร, อนาวรณทสฺสโน;
อิมํ วากฺยํ อุทีเรสิ, ปริสาย มหามุนิ.
‘‘ปสฺสเถตํ มาณวกํ, ปีตมฏฺนิวาสนํ;
เหมยฺโปจิตงฺคํ, ชนเนตฺตมโนหรํ.
‘‘เอโส อนาคตทฺธาเน, โคตมสฺส มเหสิโน;
อคฺโค สทฺธาธิมุตฺตานํ, สาวโกยํ ภวิสฺสติ.
‘‘เทวภูโต มนุสฺโส วา, สพฺพสนฺตาปวชฺชิโต;
สพฺพโภคปริพฺยูฬฺโห, สุขิโต สํสริสฺสติ.
‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;
โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.
‘‘ตสฺส ธมฺเมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;
วกฺกลิ นาม นาเมน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโก.
‘‘เตน กมฺมวิเสเสน, เจตนาปณิธีหิ จ;
ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.
‘‘สพฺพตฺถ สุขิโต หุตฺวา, สํสรนฺโต ภวาภเว;
สาวตฺถิยํ ปุเร ชาโต, กุเล อฺตเร อหํ.
‘‘โนนีตสุขุมาลํ มํ, ชาตปลฺลวโกมลํ;
มนฺทํ อุตฺตานสยนํ, ปิสาจภยตชฺชิตา.
‘‘ปาทมูเล มเหสิสฺส, สาเยสุํ ทีนมานสา;
อิมํ ททาม เต นาถ, สรณํ โหหิ นายก.
‘‘ตทา ปฏิคฺคหิ โส มํ, ภีตานํ สรโณ มุนิ;
ชาลินา จกฺกงฺกิเตน, มุทุโกมลปาณินา.
‘‘ตทา ปภุติ เตนาหํ, อรกฺเขยฺเยน รกฺขิโต;
สพฺพเวรวินิมุตฺโต, สุเขน ปริวุทฺธิโต.
‘‘สุคเตน ¶ วินา ภูโต, อุกฺกณฺามิ มุหุตฺตกํ;
ชาติยา สตฺตวสฺโสหํ, ปพฺพชึ อนคาริยํ.
‘‘สพฺพปารมิสมฺภูตํ ¶ , นีลกฺขินยนํ วรํ;
รูปํ สพฺพสุภากิณฺณํ, อติตฺโต วิหรามหํ.
‘‘พุทฺธรูปรตึ ตฺวา, ตทา โอวทิ มํ ชิโน;
อลํ วกฺกลิ กึ รูเป, รมเส พาลนนฺทิเต.
‘‘โย หิ ปสฺสติ สทฺธมฺมํ, โส มํ ปสฺสติ ปณฺฑิโต;
อปสฺสมาโน สทฺธมฺมํ, มํ ปสฺสมฺปิ น ปสฺสติ.
‘‘อนนฺตาทีนโว กาโย, วิสรุกฺขสมูปโม;
อาวาโส สพฺพโรคานํ, ปฺุโช ทุกฺขสฺส เกวโล.
‘‘นิพฺพินฺทิย ตโต รูเป, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;
ปสฺส อุปกฺกิเลสานํ, สุเขนนฺตํ คมิสฺสสิ.
‘‘เอวํ เตนานุสิฏฺโหํ, นายเกน หิเตสินา;
คิชฺฌกูฏํ สมารุยฺห, ฌายามิ คิริกนฺทเร.
‘‘ิโต ปพฺพตปาทมฺหิ, อสฺสาสยิ มหามุนิ;
วกฺกลีติ ชิโน วาจํ, ตํ สุตฺวา มุทิโต อหํ.
‘‘ปกฺขนฺทึ เสลปพฺภาเร, อเนกสตโปริเส;
ตทา พุทฺธานุภาเวน, สุเขเนว มหึ คโต.
‘‘ปุโนปิ ธมฺมํ เทเสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;
ตมหํ ธมฺมมฺาย, อรหตฺตมปาปุณึ.
‘‘สุมหาปริสมชฺเฌ, ตทา มํ จรณนฺตโค;
อคฺคํ สทฺธาธิมุตฺตานํ, ปฺเปสิ มหามติ.
‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ¶ ปน ปตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโตปิ เถโร อิมา เอว คาถา อภาสิ. อถ นํ สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆมชฺเฌ นิสินฺโน สทฺธาธิมุตฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
วกฺกลิตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. วิชิตเสนตฺเถรคาถาวณฺณนา
โอลคฺเคสฺสามีติอาทิกา ¶ ¶ อายสฺมโต วิชิตเสนตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺโต อตฺถทสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต ฆราวาสํ ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อรฺเ วิหรนฺโต อากาเสน คจฺฉนฺตํ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ปสนฺนาการํ ทสฺเสนฺโต อฺชลึ ปคฺคยฺห อฏฺาสิ. สตฺถา ตสฺส อชฺฌาสยํ ตฺวา อากาสโต โอตริ. โส ภควโต มโนหรานิ มธุรานิ ผลานิ อุปเนสิ, ปฏิคฺคเหสิ ภควา อนุกมฺปํ อุปาทาย. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โกสลรฏฺเ หตฺถาจริยกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิชิตเสโนติ ลทฺธนาโม วิฺุตํ ปาปุณิ. ตสฺส มาตุลา เสโน จ อุปเสโน จาติ ทฺเว หตฺถาจริยา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺธา ปพฺพชิตฺวา วาสธุรํ ปูเรนฺตา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. วิชิตเสโนปิ หตฺถิสิปฺเป นิปฺผตฺตึ คโต นิสฺสรณชฺฌาสยตาย ฆราวาเส อลคฺคมานโส สตฺถุ ยมกปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ มาตุลตฺเถรานํ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา เตสํ โอวาทานุสาสนิยา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต วิปสฺสนาวีถึ ลงฺฆิตฺวา พหิทฺธา นานารมฺมเณ วิธาวนฺตํ อตฺตโน จิตฺตํ โอวทนฺโต –
‘‘โอลคฺเคสฺสามิ เต จิตฺต, อาณิทฺวาเรว หตฺถินํ;
น ตํ ปาเป นิโยเชสฺสํ, กามชาลํ สรีรชํ.
‘‘ตฺวํ โอลคฺโค น คจฺฉสิ, ทฺวารวิวรํ คโชว อลภนฺโต;
น จ จิตฺตกลิ ปุนปฺปุนํ, ปสกฺก ปาปรโต จริสฺสสิ.
‘‘ยถา กฺุชรํ อทนฺตํ, นวคฺคหมงฺกุสคฺคโห;
พลวา อาวตฺเตติ อกามํ, เอวํ อาวตฺตยิสฺสํ ตํ.
‘‘ยถา วรหยทมกุสโล, สารถิปวโร ทเมติ อาชฺํ;
เอวํ ทมยิสฺสํ ตํ, ปติฏฺิโต ปฺจสุ พเลสุ.
‘‘สติยา ¶ ¶ ตํ นิพนฺธิสฺสํ, ปยุตฺโต เต ทเมสฺสามิ;
วีริยธุรนิคฺคหิโต, น ยิโต ทูรํ คมิสฺสเส จิตฺตา’’ติ. –
คาถา อภาสิ.
ตตฺถ โอลคฺเคสฺสามีติ สํวริสฺสามิ นิวาเรสฺสามิ. เตติ ตํ. อุปโยคตฺเถ หิ อิทํ สามิวจนํ ¶ . เต คมนนฺติ วา วจนเสโส. หตฺถินนฺติ จ หตฺถินฺติ อตฺโถ. จิตฺตาติ อตฺตโน จิตฺตํ อาลปติ. ยถา ตํ วาเรตุกาโม, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อาณิทฺวาเรว หตฺถิน’’นฺติ อาห. อาณิทฺวารํ นาม ปาการพทฺธสฺส นครสฺส ขุทฺทกทฺวารํ, ยํ ฆฏิกาฉิทฺเท อาณิมฺหิ ปกฺขิตฺเต ยนฺเตน วินา อพฺภนฺตเร ิเตหิปิ วิวริตุํ น สกฺกา. เยน มนุสฺสควสฺสมหึสาทโย น นิคฺคนฺตุํ สกฺกา. นครโต พหิ นิคฺคนฺตุกามมฺปิ หตฺถึ ยโต ปโลเภตฺวา หตฺถาจริโย คมนํ นิวาเรสิ. อถ วา อาณิทฺวารํ นาม ปลิฆทฺวารํ. ตตฺถ หิ ติริยํ ปลิฆํ เปตฺวา รุกฺขสูจิสงฺขาตํ อาณึ ปลิฆสีเส อาวุณนฺติ. ปาเปติ รูปาทีสุ อุปฺปชฺชนกอภิชฺฌาทิปาปธมฺเม ตํ น นิโยเชสฺสํ น นิโยชิสฺสามิ. กามชาลาติ กามสฺส ชาลภูตํ. ยถา หิ มจฺฉพนฺธมิคลุทฺทานํ ชาลํ นาม มจฺฉาทีนํ เตสํ ยถากามการสาธนํ, เอวํ อโยนิโสมนสิการานุปาติตํ จิตฺตํ มารสฺส กามการสาธนํ. เตน หิ โส สตฺเต อนตฺเถสุ ปาเตติ. สรีรชาติ สรีเรสุ อุปฺปชฺชนก. ปฺจโวการภเว หิ จิตฺตํ รูปปฏิพทฺธวุตฺติตาย ‘‘สรีรช’’นฺติ วุจฺจติ.
ตฺวํ โอลคฺโค น คจฺฉสีติ ตฺวํ, จิตฺตกลิ, มยา สติปฺาปโตทองฺกุเสหิ วาริโต น ทานิ ยถารุจึ คมิสฺสสิ, อโยนิโสมนสิการวเสน ยถากามํ วตฺติตุํ น ลภิสฺสสิ. ยถา กึ? ทฺวารวิวรํ คโชว อลภนฺโต นครโต คชนิโรธโต วา นิคฺคมนาย ทฺวารวิวรกํ อลภมาโน หตฺถี วิย. จิตฺตกลีติ จิตฺตกาฬกณฺณิ. ปุนปฺปุนนฺติ อปราปรํ. ปสกฺกาติ สรณสมฺปสฺสาสวเสน. ปาปรโตติ ปาปกมฺมนิรโต ปุพฺเพ วิย อิทานิ น จริสฺสสิ ตถา จริตุํ น ทสฺสามีติ อตฺโถ.
อทนฺตนฺติ ¶ อทมิตํ หตฺถิสิกฺขํ อสิกฺขิตํ. นวคฺคหนฺติ อจิรคหิตํ. องฺกุสคฺคโหติ หตฺถาจริโย. พลวาติ กายพเลน าณพเลน จ พลวา. อาวตฺเตติ อกามนฺติ อนิจฺฉนฺตเมว นิเสธนโต นิวตฺเตติ. เอวํ อาวตฺตยิสฺสนฺติ ยถา ยถาวุตฺตํ หตฺถึ หตฺถาจริโย, เอวํ ตํ จิตฺตํ จิตฺตกลึ ทุจฺจริตนิเสธนโต นิวตฺตยิสฺสามิ.
วรหยทมกุสโลติ ¶ อุตฺตมานํ อสฺสทมฺมานํ ทมเน กุสโล. ตโต เอว สารถิปวโร อสฺสทมฺมสารถีสุ วิสิฏฺโ ทเมติ อาชฺํ อาชานียํ อสฺสทมฺมํ เทสกาลานุรูปํ สณฺหผรุเสหิ ทเมติ วิเนติ นิพฺพิเสวนํ กโรติ. ปติฏฺิโต ปฺจสุ พเลสูติ สทฺธาทีสุ ปฺจสุ พเลสุ ปติฏฺิโต หุตฺวา อสฺสทฺธิยาทินิเสธนโต ตํ ทมยิสฺสํ ทเมสฺสามีติ อตฺโถ.
สติยา ¶ ตํ นิพนฺธิสฺสนฺติ โคจรชฺฌตฺตโต พหิ คนฺตุํ อเทนฺโต สติโยตฺเตน กมฺมฏฺานถมฺเภ, จิตฺตกลิ, ตํ นิพนฺธิสฺสามิ นิยเมสฺสามิ. ปยุตฺโต เต ทเมสฺสามีติ ตตฺถ นิพนฺธนฺโต เอว ยุตฺตปฺปยุตฺโต หุตฺวา เต ทเมสฺสามิ, สํกิเลสมลโต ตํ วิโสเธสฺสามิ. วีริยธุรนิคฺคหิโตติ ยถาวุตฺโต เฉเกน สุสารถินา ยุเค โยชิโต ยุคนิคฺคหิโต ยุคนฺตรคโต ตํ นาติกฺกมติ, เอวํ ตฺวมฺปิ จิตฺต, มม วีริยธุเร นิคฺคหิโต สกฺกจฺจการิตาย สาตจฺจการิตาย อฺถา วตฺติตุํ อลภนฺโต อิโต โคจรชฺฌตฺตโต ทูรํ พหิ น คมิสฺสสิ. ภาวนานุยุตฺตสฺส หิ กมฺมฏฺานโต อฺํ อาสนฺนมฺปิ ลกฺขณโต ทูรเมวาติ เอวํ เถโร อิมาหิ คาถาหิ อตฺตโน จิตฺตํ นิคฺคณฺหนฺโตว วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๕.๒๒-๓๐) –
‘‘สุวณฺณวณฺณํ สมฺพุทฺธํ, ทฺวตฺตึสวรลกฺขณํ;
วิปินคฺเคน คจฺฉนฺตํ, สาลราชํว ผุลฺลิตํ.
‘‘ติณตฺถรํ ปฺาเปตฺวา, พุทฺธเสฏฺํ อยาจหํ;
อนุกมฺปตุ มํ พุทฺโธ, ภิกฺขํ อิจฺฉามิ ทาตเว.
‘‘อนุกมฺปโก ¶ การุณิโก, อตฺถทสฺสี มหายโส;
มม สงฺกปฺปมฺาย, โอรูหิ มม อสฺสเม.
‘‘โอโรหิตฺวาน สมฺพุทฺโธ, นิสีทิ ปณฺณสนฺถเร;
ภลฺลาตกํ คเหตฺวาน, พุทฺธเสฏฺสฺสทาสหํ.
‘‘มม นิชฺฌายมานสฺส, ปริภฺุชิ ตทา ชิโน;
ตตฺถ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, อภิวนฺทึ ตทา ชินํ.
‘‘อฏฺารเส กปฺปสเต, ยํ ผลมททึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโตปิ อิมา คาถา อภาสิ.
วิชิตเสนตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ยสทตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา
อุปารมฺภจิตฺโตติอาทิกา อายสฺมโต ยสทตฺตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินิ. ตถา เหส ปทุมุตฺตรสฺส ¶ ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา พฺราหฺมณานํ วิชฺชาสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คโต กาเม ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อรฺเ วิหรนฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส อฺชลึ ปคฺคยฺห อภิตฺถวิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มลฺลรฏฺเ มลฺลราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ยสทตฺโตติ ลทฺธนาโม, วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สพฺพสิปฺปานิ สิกฺขิตฺวา สภิเยน ปริพฺพาชเกน สทฺธึเยว จาริกํ จรมาโน, อนุปุพฺเพน สาวตฺถิยํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา สภิเยน ปุฏฺปฺเหสุ ¶ วิสฺสชฺชิยมาเนสุ สยํ โอตาราเปกฺโข สุณนฺโต นิสีทิ ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส วาเท โทสํ ทสฺสามี’’ติ. อถสฺส ภควา จิตฺตาจารํ ตฺวา สภิยสุตฺตเทสนาวสาเน (สุ. นิ. สภิยสุตฺต) โอวาทํ เทนฺโต –
‘‘อุปารมฺภจิตฺโต ¶ ทุมฺเมโธ, สุณาติ ชินสาสนํ;
อารกา โหติ สทฺธมฺมา, นภโส ปถวี ยถา.
‘‘อุปารมฺภจิตฺโต ทุมฺเมโธ, สุณาติ ชินสาสนํ;
ปริหายติ สทฺธมฺมา, กาฬปกฺเขว จนฺทิมา.
‘‘อุปารมฺภจิตฺโต ทุมฺเมโธ, สุณาติ ชินสาสนํ;
ปริสุสฺสติ สทฺธมฺเม, มจฺโฉ อปฺโปทเก ยถา.
‘‘อุปารมฺภจิตฺโต ทุมฺเมโธ, สุณาติ ชินสาสนํ;
น วิรูหติ สทฺธมฺเม, เขตฺเต พีชํว ปูติกํ.
‘‘โย จ ตุฏฺเน จิตฺเตน, สุณาติ ชินสาสนํ;
เขเปตฺวา อาสเว สพฺเพ, สจฺฉิกตฺวา อกุปฺปตํ;
ปปฺปุยฺย ปรมํ สนฺตึ, ปรินิพฺพาตินาสโว’’ติ. –
อิมา ปฺจ คาถา อภาสิ.
ตตฺถ อุปารมฺภจิตฺโตติ สารมฺภจิตฺโต, โทสาโรปนาธิปฺปาโยติ อตฺโถ. ทุมฺเมโธติ นิปฺปฺโ. อารกา โหติ สทฺธมฺมาติ โส ตาทิโส ปุคฺคโล นภโส วิย ปถวี ปฏิปตฺติสทฺธมฺมโตปิ ทูเร โหติ, ปเคว ปฏิเวธสทฺธมฺมโต. ‘‘น ตฺวํ อิมํ ธมฺมวินยํ อาชานาสี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๘) วิคฺคาหิกกถํ อนุยุตฺตสฺส กุโต สนฺตนิปุโณ ปฏิปตฺติสทฺธมฺโม.
ปริหายติ สทฺธมฺมาติ นววิธโลกุตฺตรธมฺมโต ปุพฺพภาคิยสทฺธาทิสทฺธมฺมโตปิ นิหียติ. ปริสุสฺสตีติ วิสุสฺสติ กายจิตฺตานํ ปีณนรสสฺส ปีติปาโมชฺชาทิกุสลธมฺมสฺสาภาวโต. น วิรูหตีติ ¶ วิรูฬฺหึ วุทฺธึ น ปาปุณาติ. ปูติกนฺติ โคมยเลปทานาทิอภาเวน ปูติภาวํ ปตฺตํ.
ตุฏฺเน จิตฺเตนาติ อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ กรณวจนํ, อตฺตมโน ปมุทิโต หุตฺวาติ อตฺโถ. เขเปตฺวาติ สมุจฺฉินฺทิตฺวา. อกุปฺปตนฺติ อรหตฺตํ. ปปฺปุยฺยาติ ปาปุณิตฺวา. ปรมํ สนฺตินฺติ อนุปาทิเสสํ นิพฺพานํ. ตทธิคโม ¶ จสฺส เกวลํ กาลาคมนเมว, น โกจิวิโธติ ตํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ ‘‘ปรินิพฺพาตินาสโว’’ติ.
เอวํ สตฺถารา โอวทิโต สํเวคชาโต ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๔.๓๕-๔๓) –
‘‘กณิการํว ¶ ชลิตํ, ทีปรุกฺขํว โชติตํ;
กฺจนํว วิโรจนฺตํ, อทฺทสํ ทฺวิปทุตฺตมํ.
‘‘กมณฺฑลุํ เปตฺวาน, วากจีรฺจ กุณฺฑิกํ;
เอกํสํ อชินํ กตฺวา, พุทฺธเสฏฺํ ถวึ อหํ.
‘‘ตมนฺธการํ วิธมํ, โมหชาลสมากุลํ;
าณาโลกํ ทสฺเสตฺวาน, นิตฺติณฺโณสิ มหามุนิ.
‘‘สมุทฺธรสิมํ โลกํ, สพฺพาวนฺตมนุตฺตรํ;
าเณ เต อุปมา นตฺถิ, ยาวตา ชคโต คติ.
‘‘เตน าเณน สพฺพฺู, อิติ พุทฺโธ ปวุจฺจติ;
วนฺทามิ ตํ มหาวีรํ, สพฺพฺุตมนาวรํ.
‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, พุทฺธเสฏฺํ ถวึ อหํ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, าณตฺถวายิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโตปิ เถโร อิมา เอว คาถา อภาสิ.
ยสทตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. โสณกุฏิกณฺณตฺเถรคาถาวณฺณนา
อุปสมฺปทา ¶ จ เม ลทฺธาติอาทิกา อายสฺมโต โสณสฺส กุฏิกณฺณสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร วิภวสมฺปนฺโน เสฏฺิ หุตฺวา อุฬาราย อิสฺสริยสมฺปตฺติยา ิโต เอกทิวสํ สตฺถารํ สตสหสฺสขีณาสวปริวุตํ มหติยา ¶ พุทฺธลีฬาย มหนฺเตน พุทฺธานุภาเวน นครํ ปวิสนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส วนฺทิตฺวา อฺชลึ กตฺวา อฏฺาสิ. โส ปจฺฉาภตฺตํ อุปาสเกหิ สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา ภควโต สนฺติเก ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ กลฺยาณวากฺกรณานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา สยมฺปิ ตํ านํ ปตฺเถตฺวา มหาทานํ ทตฺวา ปณิธานํ อกาสิ. สตฺถา ตสฺส อนนฺตรายตํ ทิสฺวา ‘‘อนาคเต โคตมสฺส นาม สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาสเน กลฺยาณวากฺกรณานํ อคฺโค ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ.
โส ตตฺถ ยาวชีวํ ปฺุานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล สาสเน ปพฺพชิตฺวา วตฺตปฏิวตฺตานิ ปูเรนฺโต เอกสฺส ภิกฺขุโน จีวรํ สิพฺพิตฺวา อทาสิ. ปุน พุทฺธสฺุเ โลเก พาราณสิยํ ตุนฺนวาโย หุตฺวา เอกสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส จีวรโกฏึ ฉินฺนํ ฆเฏตฺวา อทาสิ. เอวํ ตตฺถ ตตฺถ ปฺุานิ กตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท อวนฺติรฏฺเ กุรรฆเร มหาวิภวสฺส เสฏฺิโน ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. โสโณติสฺส นามํ อกํสุ. โกฏิอคฺฆนกสฺส กณฺณปิฬนฺธนสฺส ธารเณน ‘‘โกฏิกณฺโณ’’ติ วตฺตพฺเพ กุฏิกณฺโณติ ปฺายิตฺถ.
โส อนุกฺกเมน วฑฺฒิตฺวา กุฏุมฺพํ สณฺเปนฺโต อายสฺมนฺเต มหากจฺจาเน กุลฆรํ นิสฺสาย ปวตฺตปพฺพเต วิหรนฺเต ตสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺาย ตํ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหิ. โส อปรภาเค สํสาเร สฺชาตสํเวโค เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา กิจฺเฉน กสิเรน ทสวคฺคํ สงฺฆํ สนฺนิปาเตตฺวา อุปสมฺปชฺชิตฺวา กติปยกาลํ เถรสฺส สนฺติเก วสิตฺวา, เถรํ อาปุจฺฉิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตุํ สาวตฺถึ อุปคโต, สตฺถารา เอกคนฺธกุฏิยํ วาสํ ลภิตฺวา ปจฺจูสสมเย อชฺฌิฏฺโ โสฬสอฏฺกวคฺคิยานํ ¶ อุสฺสารเณน สาธุการํ ทตฺวา ภาสิตาย ‘‘ทิสฺวา อาทีนวํ โลเก’’ติ (อุทา. ๔๖; มหาว. ๒๕๘) อุทานคาถาย ปริโยสาเน วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๔.๒๖-๓๔) –
‘‘ปทุมุตฺตโร ¶ นาม ชิโน, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;
วสีสตสหสฺเสหิ, นครํ ปาวิสี ตทา.
‘‘นครํ ¶ ปวิสนฺตสฺส, อุปสนฺตสฺส ตาทิโน;
รตนานิ ปชฺโชตึสุ, นิคฺโฆโส อาสิ ตาวเท.
‘‘พุทฺธสฺส อานุภาเวน, เภรี วชฺชุมฆฏฺฏิตา;
สยํ วีณา ปวชฺชนฺติ, พุทฺธสฺส ปวิสโต ปุรํ.
‘‘พุทฺธเสฏฺํ นมสฺสามิ, ปทุมุตฺตรมหามุนึ;
ปาฏิหีรฺจ ปสฺสิตฺวา, ตตฺถ จิตฺตํ ปสาทยึ.
‘‘อโห พุทฺโธ อโห ธมฺโม, อโห โน สตฺถุ สมฺปทา;
อเจตนาปิ ตูริยา, สยเมว ปวชฺชเร.
‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, ยํ สฺมลภึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธสฺายิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺเต ปน ปติฏฺิโต อตฺตโน อุปชฺฌาเยน อาจิกฺขิตนิยาเมน ปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ วินยธรปฺจเมน คเณน อุปสมฺปทา, ธุวนฺหานํ, จมฺมตฺถรณํ, คุณงฺคุณูปาหนํ, จีวรวิปฺปวาโสติ ปฺจ วเร ยาจิตฺวา เต สตฺถุ สนฺติกา ลภิตฺวา ปุนเทว อตฺตโน วสิตฏฺานํ คนฺตฺวา อุปชฺฌายสฺส ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถาโร ปน อุทานฏฺกถายํ อาคตนเยน เวทิตพฺโพ. องฺคุตฺตรฏฺกถายํ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๐๖) ปน ‘‘อุปสมฺปนฺโน หุตฺวา อตฺตโน อุปชฺฌายสฺส สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณี’’ติ วุตฺตํ.
โส อปรภาเค วิมุตฺติสุเขน วิหรนฺโต อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา โสมนสฺสชาโต อุทานวเสน –
‘‘อุปสมฺปทา จ เม ลทฺธา, วิมุตฺโต จมฺหิ อนาสโว;
โส จ เม ภควา ทิฏฺโ, วิหาเร จ สหาวสึ.
‘‘พหุเทว รตฺตึ ภควา, อพฺโภกาเสตินามยิ;
วิหารกุสโล สตฺถา, วิหารํ ปาวิสี ตทา.
‘‘สนฺถริตฺวาน ¶ สงฺฆาฏึ, เสยฺยํ กปฺเปสิ โคตโม;
สีโห เสลคุหายํว, ปหีนภยเภรโว.
‘‘ตโต กลฺยาณวากฺกรโณ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาวโก;
โสโณ อภาสิ สทฺธมฺมํ, พุทฺธเสฏฺสฺส สมฺมุขา.
‘‘ปฺจกฺขนฺเธ ¶ ปริฺาย, ภาวยิตฺวาน อฺชสํ;
ปปฺปุยฺย ปรมํ สนฺตึ, ปรินิพฺพิสฺสตฺยนาสโว’’ติ. –
อิมา ปฺจ คาถา อภาสิ.
ตตฺถ อุปสมฺปทา จ เม ลทฺธาติ ยา สา กิจฺเฉน ทสวคฺคํ ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาเตตฺวา อตฺตนา ลทฺธา อุปสมฺปทา. ยา จ ปน วรทานวเสน สพฺพปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ วินยธรปฺจเมน คเณน สตฺถารา อนฺุาตา อุปสมฺปทา, ตทุภยํ สนฺธายาห. จ-สทฺโท ¶ สมุจฺจยตฺโถ, เตน อิตเรปิ สตฺถุ สนฺติกา ลทฺธวเร สงฺคณฺหาติ. วิมุตฺโต จมฺหิ อนาสโวติ อคฺคมคฺเคน สกลกิเลสวตฺถุวิมุตฺติยา วิมุตฺโต จ อมฺหิ. ตโต เอว กามาสวาทีหิ อนาสโว อมฺหีติ โยชนา. โส จ เม ภควา ทิฏฺโติ ยทตฺถํ อหํ อวนฺติรฏฺโต สาวตฺถึ คโต, โส จ ภควา มยา อทิฏฺปุพฺโพ ทิฏฺโ. วิหาเร จ สหาวสินฺติ น เกวลํ ตสฺส ภควโต ทสฺสนเมว มยา ลทฺธํ, อถ โข วิหาเร สตฺถุ คนฺธกุฏิยํ สตฺถารา การณํ สลฺลกฺเขตฺวา วาเสนฺเตน สห อวสึ. ‘‘วิหาเรติ วิหารสมีเป’’ติ เกจิ.
พหุเทว รตฺตินฺติ ปมํ ยามํ ภิกฺขูนํ ธมฺมเทสนาวเสน กมฺมฏฺานโสธนวเสน จ, มชฺฌิมํ ยามํ เทวานํ พฺรหฺมูนฺจ กงฺขจฺเฉทนวเสน ภควา พหุเทว รตฺตึ อพฺโภกาเส อตินามยิ วีตินาเมสิ. วิหารกุสโลติ ทิพฺพพฺรหฺมอาเนฺชอริยวิหาเรสุ กุสโล. วิหารํ ปาวิสีติ อติเวลํ นิสชฺชจงฺกเมหิ อุปฺปนฺนปริสฺสมวิโนทนตฺถํ คนฺธกุฏึ ปาวิสิ.
สนฺถริตฺวาน สงฺฆาฏึ, เสยฺยํ กปฺเปสีติ จตุคฺคุณํ สงฺฆาฏึ ปฺาเปตฺวา สีหเสยฺยํ กปฺเปสิ. เตนาห ‘‘โคตโม สีโห เสลคุหายํว ปหีนภยเภรโว’’ติ. ตตฺถ โคตโมติ ภควนฺตํ โคตฺเตน กิตฺเตติ. สีโห เสลคุหายํวาติ เสลสฺส ปพฺพตสฺส คุหายํ. ยถา สีโห มิคราชา เตชุสฺสทตาย ปหีนภยเภรโว ทกฺขิเณน ปสฺเสน ¶ ปาเท ปาทํ อจฺจาธาย เสยฺยํ กปฺเปสิ, เอวํ จิตฺตุตฺราสโลมหํสนฉมฺภิตตฺตเหตูนํ กิเลสานํ สมุจฺฉินฺนตฺตา ปหีนภยเภรโว โคตโม ภควา เสยฺยํ กปฺเปสีติ อตฺโถ.
ตโตติ ปจฺฉา, สีหเสยฺยํ กปฺเปตฺวา ตโต วุฏฺหิตฺวา ‘‘ปฏิภาตุ ตํ ภิกฺขุ ธมฺโม ภาสิตุ’’นฺติ (อุทา. ๔๖) สตฺถารา อชฺเฌสิโตติ อตฺโถ. กลฺยาณวากฺกรโณติ สุนฺทรวจีกรโณ, ลกฺขณสมฺปนฺนวจนกฺกโมติ อตฺโถ. โสโณ อภาสิ สทฺธมฺมนฺติ โสฬส อฏฺกวคฺคิยสุตฺตานิ ¶ โสโณ กุฏิกณฺโณ, พุทฺธเสฏฺสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สมฺมุขา, ปจฺจกฺขโต อภาสีติ เถโร อตฺตานเมว ปรํ วิย อโวจ.
ปฺจกฺขนฺเธ ปริฺายาติ ปฺจุปาทานกฺขนฺเธ ตีหิปิ ปริฺาหิ ปริชานิตฺวา เต ปริชานนฺโตเยว, อฺชสํ อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ ภาวยิตฺวา, ปรมํ สนฺตึ นิพฺพานํ ปปฺปุยฺย ปาปุณิตฺวา ิโต อนาสโว. ตโต เอว อิทานิ ปรินิพฺพิสฺสติ อนุปาทิเสสนิพฺพานวเสน นิพฺพายิสฺสตีติ.
โสณกุฏิกณฺณตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๒. โกสิยตฺเถรคาถาวณฺณนา
โย ¶ เอว ครูนนฺติอาทิกา อายสฺมโต โกสิยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต อุจฺฉุขณฺฑิกํ อทาสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มคธรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ, โกสิโยติสฺส โคตฺตวเสน นามํ อกาสิ. โส วิฺุตํ ปตฺโต อายสฺมนฺตํ ธมฺมเสนาปตึ อภิณฺหํ อุปสงฺกมติ, ตสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุณาติ. โส เตน สาสเน ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา กมฺมฏฺานํ อนุยฺุชนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๔.๔๔-๔๙) –
‘‘นคเร ¶ พนฺธุมติยา, ทฺวารปาโล อโหสหํ;
อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, สพฺพธมฺมาน ปารคุํ.
‘‘อุจฺฉุขณฺฑิกมาทาย พุทฺธเสฏฺสฺสทาสหํ;
ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, วิปสฺสิสฺส มเหสิโน.
‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ อุจฺฉุมททึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, อุจฺฉุขณฺฑสฺสิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ¶ ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ครุวาสํ สปฺปุริสูปนิสฺสยฺจ ปสํสนฺโต –
‘‘โย เว ครูนํ วจนฺุ ธีโร, วเส จ ตมฺหิ ชนเยถ เปมํ;
โส ภตฺติมา นาม จ โหติ ปณฺฑิโต, ตฺวา จ ธมฺเมสุ วิเสสิ อสฺส.
‘‘ยํ อาปทา อุปฺปติตา อุฬารา, นกฺขมฺภยนฺเต ปฏิสงฺขยนฺตํ;
โส ถามวา นาม จ โหติ ปณฺฑิโต, ตฺวา จ ธมฺเมสุ วิเสสิ อสฺส.
‘‘โย เว สมุทฺโทว ิโต อเนโช, คมฺภีรปฺโ นิปุณตฺถทสฺสี;
อสํหาริโย นาม จ โหติ ปณฺฑิโต, ตฺวา จ ธมฺเมสุ วิเสสิ อสฺส.
‘‘พหุสฺสุโต ธมฺมธโร จ โหติ, ธมฺมสฺส โหติ อนุธมฺมจารี;
โส ตาทิโส นาม จ โหติ ปณฺฑิโต, ตฺวา จ ธมฺเมสุ วิเสสิ อสฺส.
‘‘อตฺถฺจ ¶ โย ชานาติ ภาสิตสฺส,
อตฺถฺจ ตฺวาน ตถา กโรติ;
อตฺถนฺตโร นาม ส โหติ ปณฺฑิโต,
ตฺวา จ ธมฺเมสุ วิเสสิ อสฺสา’’ติ. –
อิมา ปฺจ คาถา อภาสิ.
ตตฺถ ¶ โยติ ขตฺติยาทีสุ จตูสุ ปริสาสุ โย โกจิ. เวติ พฺยตฺตํ. ครูนนฺติ สีลาทิครุคุณยุตฺตานํ ปณฺฑิตานํ. วจนฺูติ เตสํ อนุสาสนีวจนํ ชานนฺโต, ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาโน ปฏิปชฺชิตฺวา จ ตสฺส ผลํ ชานนฺโตติ อตฺโถ. ธีโรติ ธิติสมฺปนฺโน. วเส จ ตมฺหิ ชนเยถ เปมนฺติ ตสฺมึ ครูนํ วจเน โอวาเท วเสยฺย ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺเชยฺย, ปฏิปชฺชิตฺวา ‘‘อิมินา วตาหํ โอวาเทน อิมํ ชาติอาทิทุกฺขํ วีติวตฺโต’’ติ ตตฺถ ชนเยถ เปมํ คารวํ อุปฺปาเทยฺย. อิทฺหิ ทฺวยํ ‘‘ครูนํ วจนฺุ ธีโร’’ติ ปททฺวเยน วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส ปากฏกรณํ. โสติ โย ครูนํ วจนฺู ธีโร, โส ยถานุสิฏฺํ ปฏิปตฺติยา ตตฺถ ภตฺติมา จ นาม โหติ, ชีวิตเหตุปิ ตสฺส อนติกฺกมนโต ปณฺฑิโต จ นาม โหติ. ตฺวา จ ธมฺเมสุ วิเสสิ อสฺสาติ ตถา ปฏิปชฺชนฺโต จ ตาย เอว ปฏิปตฺติยา จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ ชานนเหตุ ¶ โลกิยโลกุตฺตรธมฺเมสุ วิชฺชาตฺตยาทิวเสน ‘‘เตวิชฺโช, ฉฬภิฺโ, ปฏิสมฺภิทาปตฺโต’’ติ วิเสสิ วิเสสวา สิยาติ อตฺโถ.
ยนฺติ ยํ ปุคฺคลํ ปฏิปตฺติยา อนฺตรายกรณโต ‘‘อาปทา’’ติ ลทฺธโวหารา โสตุณฺหขุปฺปิปาสาทิปากฏปริสฺสยา เจว ราคาทิปฏิจฺฉนฺนปริสฺสยา จ อุปฺปติตา อุปฺปนฺนา, อุฬารา พลวนฺโตปิ นกฺขมฺภยนฺเต น กิฺจิ จาเลนฺติ. กสฺมา? ปฏิสงฺขยนฺตนฺติ ปฏิสงฺขายมานํ ปฏิสงฺขานพเล ิตนฺติ อตฺโถ. โสติ โย ทฬฺหตราหิ อาปทาหิปิ อกฺขมฺภนีโย, โส ถามวา ธิติมา ทฬฺหปรกฺกโม นาม โหติ. อนวเสสสํกิเลสปกฺขสฺส อภิภวนกปฺาพลสมงฺคิตาย ปณฺฑิโต จ นาม โหติ. ตถาภูโต จ ตฺวา จ ธมฺเมสุ วิเสสิ อสฺสาติ ตํ วุตฺตตฺถเมว.
สมุทฺโทว ¶ ิโตติ สมุทฺโท วิย ิตสภาโว. ยถา หิ จตุราสีติโยชนสหสฺสคมฺภีเร สิเนรุปาทสมีเป มหาสมุทฺโท อฏฺหิปิ ทิสาหิ อุฏฺิเตหิ ปกติวาเตหิ อนิฺชนโต ิโต อเนโช คมฺภีโร จ, เอวํ กิเลสวาเตหิ ติตฺถิยวาทวาเตหิ จ อกมฺปนียโต ิโต อเนโช. คมฺภีรสฺส อนุปจิตาณสมฺภาเรหิ อลทฺธคาธสฺส นิปุณสฺส สุขุมสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาทาทิอตฺถสฺส ปฏิวิชฺฌเนน คมฺภีรปฺโ นิปุณตฺถทสฺสี. อสํหาริโย นาม จ โหติ ปณฺฑิโต โส ตาทิโส ปุคฺคโล กิเลเสหิ เทวปุตฺตมาราทีสุ วา เกนจิ อสํหาริยตาย อสํหาริโย นาม โหติ, ยถาวุตฺเตน อตฺเถน ปณฺฑิโต จ นาม โหติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
พหุสฺสุโตติ ปริยตฺติพาหุสจฺจวเสน พหุสฺสุโต, สุตฺตเคยฺยาทิ พหุํ สุตํ เอตสฺสาติ พหุสฺสุโต. ตเมว ธมฺมํ สุวณฺณภาชเน ปกฺขิตฺตสีหวสํ วิย อวินสฺสนฺตเมว ธาเรตีติ ธมฺมธโร ¶ จ โหติ. ธมฺมสฺส โหติ อนุธมฺมจารีติ ยถาสุตสฺส ยถาปริยตฺตสฺส ธมฺมสฺส อตฺถมฺาย ธมฺมมฺาย นวโลกุตฺตรธมฺมสฺส อนุรูปํ ธมฺมํ ปุพฺพภาคปฏิปทาสงฺขาตํ จตุปาริสุทฺธิสีลธุตงฺคอสุภกมฺมฏฺานาทิเภทํ จรติ ปฏิปชฺชตีติ อนุธมฺมจารี โหติ, ‘‘อชฺช อชฺเชวา’’ติ ปฏิเวธํ อากงฺขนฺโต วิจรติ. โส ตาทิโส นาม จ โหติ ปณฺฑิโตติ โย ปุคฺคโล ยํ ครุํ นิสฺสาย พหุสฺสุโต ธมฺมธโร ธมฺมสฺส จ อนุธมฺมจารี โหติ. โส จ ตาทิโส เตน ครุนา สทิโส ปณฺฑิโต นาม โหติ ปฏิปตฺติยา สทิสภาวโต. ตถาภูโต ปน โส ตฺวา จ ธมฺเมสุ วิเสสิ อสฺส, ตํ วุตฺตตฺถํว.
อตฺถฺจ โย ชานาติ ภาสิตสฺสาติ โย ปุคฺคโล สมฺมาสมฺพุทฺเธน ภาสิตสฺส ปริยตฺติธมฺมสฺส ¶ อตฺถํ ชานาติ. ชานนฺโต ปน ‘‘อิธ สีลํ วุตฺตํ, อิธ สมาธิ, อิธ ปฺา’’ติ ตตฺถ ตตฺถ ยถาวุตฺตํ อตฺถฺจ ตฺวาน ตถา กโรติ ยถา สตฺถารา อนุสิฏฺํ, ตถา ปฏิปชฺชติ. อตฺถนฺตโร นาม ส โหติ ปณฺฑิโตติ โส เอวรูโป ปุคฺคโล อตฺถนฺตโร อตฺถการณา สีลาทิอตฺถชานนมตฺตเมว อุปนิสฺสยํ กตฺวา ปณฺฑิโต โหติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
เอตฺถ ¶ จ ปมคาถาย ‘‘โย เว ครูน’’นฺติอาทินา สทฺธูปนิสฺสโย วิเสสภาโว วุตฺโต, ทุติยคาถาย ‘‘ยํ อาปทา’’ติ อาทินา วีริยูปนิสฺสโย, ตติยคาถาย ‘‘โย เว สมุทฺโทว ิโต’’ติอาทินา สมาธูปนิสฺสโย, จตุตฺถคาถาย ‘‘พหุสฺสุโต’’ติอาทินา สตูปนิสฺสโย, ปฺจมคาถาย ‘‘อตฺถฺจ โย ชานาตี’’ติอาทินา ปฺูปนิสฺสโย วิเสสภาโว วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.
โกสิยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปฺจกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.