📜
๑๔. จุทฺทสกนิปาโต
๑. ขทิรวนิยเรวตตฺเถรคาถาวณฺณนา
จุทฺทสกนิปาเต ¶ ¶ ¶ ยทา อหนฺติอาทิกา อายสฺมโต ขทิรวนิยเรวตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? กามฺจิมสฺส เถรสฺส คาถา เหฏฺา เอกกนิปาเต (เถรคา. อฏฺ. ๑. ขทิรวนิยตฺเถรคาถาวณฺณนา) อาคตา. ตตฺถ ปนสฺส อตฺตโน ภาคิเนยฺเยสุ สติชนนมตฺตํ ทสฺสิตนฺติ ตสฺสา เอกกนิปาเต สงฺคโห กโต. อิมา ปน เถรสฺส ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย ยาว ปรินิพฺพานา ปฏิปตฺติปกาสิตา คาถา อิมสฺมึ จุทฺทสกนิปาเต สงฺคหํ อาโรปิตา. ตตฺถ อฏฺุปฺปตฺติ เหฏฺา วุตฺตาเยว. อยํ ปน วิเสโส – เถโร กิร อรหตฺตํ ปตฺวา กาเลน กาลํ สตฺถุ ธมฺมเสนาปติปฺปภูตีนํ มหาเถรานฺจ อุปฏฺานํ คนฺตฺวา กติปาหเมว ตตฺถ วสิตฺวา ขทิรวนเมว ปจฺจาคนฺตฺวา ผลสมาปตฺติสุเขน พฺรหฺมวิหาเรหิ จ วีตินาเมติ. เอวํ คจฺฉนฺเต กาเล ชิณฺโณ วุฑฺโฒ วโย อนุปฺปตฺโต อโหสิ. โส เอกทิวสํ พุทฺธุปฏฺานํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค สาวตฺถิยา อวิทูเร อรฺเ วสิ. เตน จ สมเยน โจรา นคเร กตกมฺมา อารกฺขมนุสฺเสหิ อนุพนฺธา ปลายนฺตา เถรสฺส สมีเป คหิตภณฺฑํ ฉฑฺเฑตฺวา ปลายึสุ. มนุสฺสา อนุธาวนฺตา เถรสฺส สมีเป ภณฺฑํ ทิสฺวา เถรํ พนฺธิตฺวา ‘‘โจโร’’ติ สฺาย คเหตฺวา รฺโ ทสฺเสสุํ, ‘‘อยํ, เทว, โจโร’’ติ. ราชา เถรํ มฺุจาเปตฺวา, ‘‘กึ, ภนฺเต, ตุมฺเหหิ อิทํ โจริกกมฺมํ กตํ วา, โน วา’’ติ ปุจฺฉิ. เถโร กิฺจาปิ ชาติโต ปฏฺาย อตฺตนา ตาทิสํ น กตปุพฺพํ, ตํ ปพฺพชิตโต ปฏฺาย ปน อกตภาวสฺส, สพฺพโส กิเลสานํ สมุจฺฉินฺนตฺตา ตาทิสสฺส กรเณ อภพฺพตาย ปกาสนตฺถํ สมีเป ิตานํ ภิกฺขูนํ รฺโ จ ธมฺมํ เทเสนฺโต –
‘‘ยทา อหํ ปพฺพชิโต, อคารสฺมานคาริยํ;
นาภิชานามิ สงฺกปฺปํ, อนริยํ โทสสํหิตํ.
‘‘‘อิเม หฺนฺตุ วชฺฌนฺตุ, ทุกฺขํ ปปฺโปนฺตุ ปาณิโน’;
สงฺกปฺปํ นาภิชานามิ, อิมสฺมึ ทีฆมนฺตเร.
‘‘เมตฺตฺจ ¶ ¶ อภิชานามิ, อปฺปมาณํ สุภาวิตํ;
อนุปุพฺพํ ปริจิตํ, ยถา พุทฺเธน เทสิตํ.
‘‘สพฺพมิตฺโต สพฺพสโข, สพฺพภูตานุกมฺปโก;
เมตฺตจิตฺตฺจ ภาเวมิ, อพฺยาปชฺชรโต สทา.
‘‘อสํหีรํ อสํกุปฺปํ, จิตฺตํ อาโมทยามหํ;
พฺรหฺมวิหารํ ภาเวมิ, อกาปุริสเสวิตํ.
‘‘อวิตกฺกํ สมาปนฺโน, สมฺมาสมฺพุทฺธสาวโก;
อริเยน ตุณฺหีภาเวน, อุเปโต โหติ ตาวเท.
‘‘ยถาปิ ¶ ปพฺพโต เสโล, อจโล สุปฺปติฏฺิโต;
เอวํ โมหกฺขยา ภิกฺขุ, ปพฺพโตว น เวธติ.
‘‘อนงฺคณสฺส โปสสฺส, นิจฺจํ สุจิคเวสิโน;
วาลคฺคมตฺตํ ปาปสฺส, อพฺภมตฺตํว ขายติ.
‘‘นครํ ยถา ปจฺจนฺตํ, คุตฺตํ สนฺตรพาหิรํ;
เอวํ โคเปถ อตฺตานํ, ขโณ โว มา อุปจฺจคา.
‘‘นาภินนฺทามิ มรณํ, นาภินนฺทามิ ชีวิตํ;
กาลฺจ ปฏิกงฺขามิ, นิพฺพิสํ ภตโก ยถา.
‘‘นาภินนฺทามิ มรณํ, นาภินนฺทามิ ชีวิตํ;
กาลฺจ ปฏิกงฺขามิ, สมฺปชาโน ปติสฺสโต.
‘‘ปริจิณฺโณ มยา สตฺถา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํ;
โอหิโต ครุโก ภาโร, ภวเนตฺติ สมูหตา.
‘‘ยสฺส จตฺถาย ปพฺพชิโต, อคารสฺมานคาริยํ;
โส เม อตฺโถ อนุปฺปตฺโต, สพฺพสํโยชนกฺขโย.
‘‘สมฺปาเทถปฺปมาเทน, เอสา เม อนุสาสนี;
หนฺทาหํ ปรินิพฺพิสฺสํ วิปฺปมุตฺโตมฺหิ สพฺพธี’’ติ. – อิมา คาถา อภาสิ;
ตตฺถายํ ¶ อปุพฺพปทวณฺณนา อิมสฺมึ ทีฆมนฺตเรติ, ยทา อหํ ปพฺพชิโตมฺหิ, ตโต ปฏฺาย อยฺจ เม จริมกาโล, เอตสฺมึ ทีฆมนฺตเร กาเล ‘‘อิทํ มยฺหํ โหตู’’ติ อภิชฺฌาวเสน วา, ‘‘อิเม สตฺตา หฺนฺตู’’ติอาทินา พฺยาปาทวเสน วา อนริยํ โทสสํหิตํ สงฺกปฺปํ นาภิชานามีติ โยชนา.
เมตฺตฺจ ¶ อภิชานามีติ, มิชฺชติ สินิยฺหติ เอตายาติ เมตฺตา, อพฺยาปาโท. เมตฺตา เอติสฺสา อตฺถีติ เมตฺตา, เมตฺตาภาวนา เมตฺตาพฺรหฺมวิหาโร, ตํ เมตฺตํ. จ-สทฺเทน กรุณํ มุทิตํ อุเปกฺขฺจาติ อิตรพฺรหฺมวิหาเร สงฺคณฺหาติ. อภิชานามีติ, อภิมุขโต ชานามิ. อธิคตฺหิ ฌานํ ปจฺจเวกฺขโต ปจฺจเวกฺขณาณสฺส อภิมุขํ โหติ. กีทิสนฺติ อาห ‘‘อปฺปมาณ’’นฺติอาทิ. ตฺหิ ยถา พุทฺเธน ภควตา เทสิตํ, ตถา อโนทิสฺสกผรณวเสน อปริมาณสตฺตารมฺมณตาย อปฺปมาณํ. ปคุณพลวภาวาปาทเนน สุฏฺุ ภาวิตตฺตา สุภาวิตํ. ปมํ เมตฺตา, ตโต กรุณา, ตโต มุทิตา, ปจฺฉา อุเปกฺขาติ เอวํ อนุปุพฺพํ อนุกฺกเมน ปริจิตํ อาเสวิตํ, พหุลีกตํ อภิชานามีติ โยชนา.
สพฺเพสํ สตฺตานํ มิตฺโต, สพฺเพ วา เต มยฺหํ มิตฺตาติ สพฺพมิตฺโต. เมตฺตฺหิ ¶ ภาเวนฺโต สตฺตานํ ปิโย โหติ. สพฺพสโขติ, เอตฺถาปิ เอเสว นโย. สพฺพภูตานุกมฺปโกติ, สพฺพสตฺตานํ อนุคฺคณฺหนโก. เมตฺตจิตฺตฺจ ภาเวมีติ, เมตฺตาย สหิตํ สมฺปยุตฺตํ จิตฺตํ วิเสสโต ภาเวมิ, วฑฺเฒมิ, ปกาเสมิ วา อกเถนฺเตปิ ภาวนาย อุกฺกํสคตภาวโต. ‘‘เมตฺตํ จิตฺตฺจ ภาเวมี’’ติ วา ปาโ. ตสฺสตฺโถ เหฏฺา วุตฺตนโยว. อพฺยาปชฺชรโตติ, อพฺยาปชฺเช สตฺตานํ หิตูปสํหาเร อภิรโต. สทาติ, สพฺพกาลํ, เตน ตตฺถ สาตจฺจกิริยํ ทสฺเสติ.
อสํหีรนฺติ น สํหีรํ, อาสนฺนปจฺจตฺถิเกน ราเคน อนากฑฺฒนิยํ. อสํกุปฺปนฺติ น กุปฺปํ, ทูรปจฺจตฺถิเกน พฺยาปาเทน อโกปิยํ, เอวํภูตํ กตฺวา มม เมตฺตจิตฺตํ อาโมทยามิ อภิปฺปโมทยามิ พฺรหฺมวิหารํ ภาเวมิ. อกาปุริสเสวิตนฺติ, กาปุริเสหิ นีจชเนหิ อเสวิตํ, อกาปุริเสหิ วา อริเยหิ พุทฺธาทีหิ เสวิตํ พฺรหฺมํ เสฏฺํ นิทฺโทสํ เมตฺตาทิวิหารํ ภาเวมิ วฑฺเฒมีติ อตฺโถ.
เอวํ ¶ อตฺตุทฺเทสวเสน ปฺจหิ คาถาหิ อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตํ อฺาปเทเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘อวิตกฺก’’นฺติอาทินา จตสฺโส คาถา อภาสิ. ตตฺถ อวิตกฺกํ สมาปนฺโนติ, วิตกฺกวิรหิตํ ทุติยาทิฌานํ สมาปนฺโน, เอเตน เถโร พฺรหฺมวิหารภาวนาย อฺาปเทเสน อตฺตนา ทุติยาทิฌานาธิคมมาห. ยสฺมา ปนายํ เถโร ตเมว ฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา เอกาสเนเนว อรหตฺตํ คณฺหิ, ตสฺมา ตมตฺถํ อฺาปเทเสเนว ทสฺเสนฺโต ‘‘อวิตกฺกํ สมาปนฺโน’’ติ วตฺวา ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสาวโก. อริเยน ตุณฺหีภาเวน, อุเปโต โหติ ตาวเท’’ติ อาห. ตตฺถ วจีสงฺขาราภาวโต อวิตกฺกาวิจารา สมาปตฺติ ‘‘อริโย ตุณฺหีภาโว’’ติ วทนฺติ. ‘‘สนฺนิปติตานํ โว, ภิกฺขเว, ทฺวยํ กรณียํ ธมฺมี วา กถา อริโย ¶ วา ตุณฺหีภาโว’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๗๓) ปน วจนโต ยา กาจิ สมาปตฺติ อริโย ตุณฺหีภาโว นาม. อิธ ปน จตุตฺถชฺฌานิกา อคฺคผลสมาปตฺติ อธิปฺเปตา.
อิทานิ ตสฺสาธิคตตฺตา โลกธมฺเมหิ อกมฺปนียตํ อุปมาย ปกาเสนฺโต ‘‘ยถาปิ ปพฺพโต’’ติ คาถมาห. ตตฺถ ยถาปิ ปพฺพโต เสโลติ, ยถา สิลามโย เอกฆนเสโล ปพฺพโต, น ปํสุปพฺพโต น มิสฺสกปพฺพโตติ อตฺโถ. อจโล สุปฺปติฏฺิโตติ, สุฏฺุ ปติฏฺิตมูโล ปกติวาเตหิ อจโล อกมฺปนีโย โหติ, ตสฺมา อรหตฺตํ นิพฺพานฺจ เอวํ โมหกฺขยา ภิกฺขุ, ปพฺพโตว น เวธตีติ โมหสฺส อนวเสสปฺปหานา, โมหมูลกตฺตา จ สพฺพากุสลานํ ปหีนสพฺพากุสโล ภิกฺขุ ยถา โส ปพฺพโต ปกติวาเตหิ, เอวํ โลกธมฺเมหิ น เวธติ น กมฺปติ, โมหกฺขโยติ วา ยสฺมา อรหตฺตํ นิพฺพานฺจ วุจฺจติ ¶ , ตสฺมา โมหกฺขยาติ โมหกฺขยสฺส เหตุ นิพฺพานสฺส อรหตฺตสฺส จ อธิคตตฺตา จตูสุ อริยสจฺเจสุ สุปฺปติฏฺิโต อสมาปนฺนกาเลปิ ปพฺพโต วิย น เวธติ, ปเคว สมาปนฺนกาเลติ อธิปฺปาโย.
อิทานิ ปาปํ นาเมตํ อสุจิสีโล เอว สมาจรติ, น จ สุจิสีโล, สุจิสีลสฺส ปน ตํ อณุมตฺตมฺปิ ภาริยํ หุตฺวา อุปฏฺาตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อนงฺคณสฺสา’’ติอาทิคาถมาห ¶ . ตสฺสตฺโถ – ราคาทิองฺคณาภาวโต อนงฺคณสฺส สพฺพกาลํ สุจิอนวชฺชธมฺเม เอว คเวสนฺตสฺส สปฺปุริสสฺส วาลคฺคมตฺตํ เกสคฺคมตฺตํ ปาปสฺส เลสมตฺตมฺปิ สกลํ โลกธาตุํ ผริตฺวา ิตํ อพฺภมตฺตํ หุตฺวา อุปฏฺาติ, ตสฺมา น เอวรูเป กมฺเม มาทิสา อาสงฺกิตพฺพาติ อธิปฺปาโย.
ยสฺมา นิกฺกิเลเสสุปิ อนฺธพาลา เอวรูเป อปวาเท สมุฏฺาเปนฺติ, ตสฺมา อตฺถกาเมหิ สกฺกจฺจํ อตฺตา รกฺขิตพฺโพติ โอวาทํ เทนฺโต ‘‘นครํ ยถา’’ติอาทิคาถมาห. ตสฺสตฺโถ – ยถา ปน ปจฺจนฺตนครวาสีหิ มนุสฺเสหิ ปจฺจนฺตํ นครํ ทฺวารปาการาทีนิ ถิรานิ กโรนฺเตหิ สอนฺตรํ, อุทฺทาปปริขาทีนิ ถิรานิ กโรนฺเตหิ สพาหิรนฺติ สนฺตรพาหิรํ คุตฺตํ กรียติ, เอวํ ตุมฺเหหิปิ สตึ อุปฏฺเปตฺวา อชฺฌตฺติกานิ ฉ ทฺวารานิ ปิทหิตฺวา ทฺวารรกฺขิตํ สตึ อวิสฺสชฺเชตฺวา ยถา คยฺหมานานิ พาหิรานิ ฉ อายตนานิ อชฺฌตฺติกานิ อุปฆาตาย สํวตฺตนฺติ, ตถา อคฺคหเณน ตานิปิ ถิรานิ กตฺวา เตสํ อปฺปเวสาย ทฺวารรกฺขิตํ สตึ อปฺปหาย วิจรนฺตา อตฺตานํ โคเปถ. กสฺมา? ขโณ โว มา อุปจฺจคา. โย หิ เอวํ อตฺตานํ น โคเปติ, ตํ ปุคฺคลํ พุทฺธุปฺปาทกฺขโณ, มนุสฺสตฺตภาวกฺขโณ, มชฺฌิมเทเส อุปฺปตฺติกฺขโณ, สมฺมาทิฏฺิยา ปฏิลทฺธกฺขโณ, ฉนฺนํ อายตนานํ อเวกลฺลกฺขโณติ สพฺโพปิ อยํ ขโณ อติกฺกมติ, โส ขโณ ตุมฺเห มา อติกฺกมตูติ.
เอวํ ¶ เถโร อิมาย คาถาย สราชิกํ ปริสํ ภิกฺขู จ โอวทิตฺวา ปุน มรเณ ชีวิเต จ อตฺตโน สมจิตฺตตํ กตกิจฺจตฺจ ปกาเสนฺโต ‘‘นาภินนฺทามิ มรณ’’นฺติอาทิมาห. ตํ เหฏฺา วุตฺตตฺถเมว (เถรคา. อฏฺ. ๒.๖๐๗).
เอวํ ปน วตฺวา อตฺตโน ปรินิพฺพานกาลํ อุปฏฺิตํ ทิสฺวา สงฺเขเปเนว เนสํ โอวาทํ ทตฺวา ปรินิพฺพานํ ปเวเทนฺโต โอสานคาถมาห. ตตฺถ สมฺปาเทถปฺปมาเทนาติ สมฺปาเทตพฺพํ ทานสีลาทึ อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ, ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปเภเท คหฏฺวตฺเต สีลานุรกฺขเณ สมถอนุโยเค วิปสฺสนาภาวนาย จ ¶ อปฺปมตฺตา โหถ. เอสา เม อนุสาสนีติ ทานสีลาทีสุ น ปมชฺชถาติ เอสา มม อนุสิฏฺิ โอวาโท.
เอวํ ¶ สิขาปตฺตํ ปรหิตปฏิปตฺตึ ทีเปตฺวา อตฺตหิตปฏิปตฺติยาปิ มตฺถกํ คณฺหนฺโต ‘‘หนฺทาหํ ปรินิพฺพิสฺสํ, วิปฺปมุตฺโตมฺหิ สพฺพธี’’ติ อาห. ตตฺถ วิปฺปมุตฺโตมฺหิ สพฺพธีติ สพฺพโส กิเลเสหิ ภเวหิ จ วิปฺปมุตฺโต อมฺหิ, ตสฺมา เอกํเสน ปรินิพฺพายิสฺสามีติ.
เอวํ ปน วตฺวา อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสินฺโน เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา ปชฺชลนฺโต อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ.
ขทิรวนิยเรวตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. โคทตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา
ยถาปิ ภทฺโทติอาทิกา อายสฺมโต โคทตฺตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินิตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ สตฺถวาหกุเล นิพฺพตฺโต. โคทตฺโตติ นาเมน วยปฺปตฺโต ปิตริ กาลงฺกเต กุฏุมฺพํ สณฺเปนฺโต ปฺจหิ สกฏสเตหิ ภณฺฑํ อาทาย อปราปรํ สฺจริตฺวา วาณิชฺเชน ชีวิกํ กปฺเปติ ยถาวิภวํ ปฺุานิปิ กโรติ. โส เอกทิวสํ อนฺตรามคฺเค ธุเร ยุตฺตโคเณ วหิตุํ อสกฺโกนฺเต ปติเต มนุสฺเสสุ ตํ วุฏฺาเปตุํ อสกฺโกนฺเตสุ สยเมว คนฺตฺวา ตํ นงฺคุฏฺเ คาฬฺหํ วิชฺฌิ. โคโณ ‘‘อยํ อสปฺปุริโส มม พลาพลํ อชานนฺโต คาฬฺหํ วิชฺฌตี’’ติ กุทฺโธ มนุสฺสวาจาย, ‘‘โภ โคทตฺต, อหํ เอตฺตกํ กาลํ อตฺตโน พลํ อนิคุหนฺโต ตุยฺหํ ¶ ภารํ วหึ, อชฺช ปน อสมตฺถภาเวน ปติตํ มํ อติวิย พาธสิ, โหตุ, อิโต จวิตฺวา นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน ตํ พาเธตุํ สมตฺโถ ปฏิสตฺตุ ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนานุรูเปน อกฺโกสิ. ตํ สุตฺวา โคทตฺโต ‘‘เอวํ นาม สตฺเต พาเธตฺวา กึ อิมาย ชีวิกายา’’ติ สํเวคชาโต สพฺพํ วิภวํ ปหาย อฺตรสฺส มหาเถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปตฺวา สมาปตฺติสุเขน วีตินาเมนฺโต เอกทิวสํ อตฺตโน สนฺติกํ อุปคตานํ คหฏฺปพฺพชิตานํ อริยคณานํ โลกธมฺเม อารพฺภ ธมฺมํ กเถนฺโต –
‘‘ยถาปิ ¶ ภทฺโท อาชฺโ, ธุเร ยุตฺโต ธุรสฺสโห;
มถิโต อติภาเรน, สํยุคํ นาติวตฺตติ.
‘‘เอวํ ปฺาย เย ติตฺตา, สมุทฺโท วารินา ยถา;
น ปเร อติมฺนฺติ, อริยธมฺโมว ปาณินํ.
‘‘กาเล ¶ กาลวสํ ปตฺตา, ภวาภววสํ คตา;
นรา ทุกฺขํ นิคจฺฉนฺติ, เตธ โสจนฺติ มาณวา.
‘‘อุนฺนตา สุขธมฺเมน, ทุกฺขธมฺเมน โจนตา;
ทฺวเยน พาลา หฺนฺติ, ยถาภูตํ อทสฺสิโน.
‘‘เย จ ทุกฺเข สุขสฺมิฺจ, มชฺเฌ สิพฺพินิมจฺจคู;
ิตา เต อินฺทขีโลว, น เต อุนฺนตโอนตา.
‘‘น เหว ลาเภ นาลาเภ, น ยเส น จ กิตฺติยา;
น นินฺทายํ ปสํสาย, น เต ทุกฺเข สุขมฺหิ จ.
‘‘สพฺพตฺถ เต น ลิมฺปนฺติ, อุทพินฺทุว โปกฺขเร;
สพฺพตฺถ สุขิตา ธีรา, สพฺพตฺถ อปราชิตา.
‘‘ธมฺเมน จ อลาโภ โย, โย จ ลาโภ อธมฺมิโก;
อลาโภ ธมฺมิโก เสยฺโย, ยฺเจ ลาโภ อธมฺมิโก.
‘‘ยโส จ อปฺปพุทฺธีนํ, วิฺูนํ อยโส จ โย;
อยโสว เสยฺโย วิฺูนํ, น ยโส อปฺปพุทฺธินํ.
‘‘ทุมฺเมเธหิ ปสํสา จ, วิฺูหิ ครหา จ ยา;
ครหาว เสยฺโย วิฺูหิ, ยฺเจ พาลปฺปสํสนา.
‘‘สุขฺจ กามมยิกํ, ทุกฺขฺจ ปวิเวกิยํ;
ปวิเวกทุกฺขํ เสยฺโย, ยฺเจ กามมยํ สุขํ.
‘‘ชีวิตฺจ ¶ อธมฺเมน, ธมฺเมน มรณฺจ ยํ;
มรณํ ธมฺมิกํ เสยฺโย, ยฺเจ ชีเว อธมฺมิกํ.
‘‘กามโกปปฺปหีนา ¶ เย, สนฺตจิตฺตา ภวาภเว;
จรนฺติ โลเก อสิตา, นตฺถิ เตสํ ปิยาปิยํ.
‘‘ภาวยิตฺวาน โพชฺฌงฺเค, อินฺทฺริยานิ พลานิ จ;
ปปฺปุยฺย ปรมํ สนฺตึ, ปรินิพฺพนฺตินาสวา’’ติ. – อิมา คาถา อภาสิ;
ตตฺถ อาชฺโติ, อุสภาชานีโย. ธุเร ยุตฺโตติ, สกฏธุเร โยชิโต. ธุรสฺสโหติ, ธุรวาโห. คาถาสุขตฺถฺเจตฺถ ทฺวิสการโต นิทฺเทโส กโต, สกฏภารํ วหิตุํ สมตฺโถติ อตฺโถ. มถิโต อติภาเรนาติ, อติภาเรน ครุภาเรน ปีฬิโต. ‘‘มทฺทิโต’’ติปิ ปาฬิ, โส เอวตฺโถ. สํยุคนฺติ, อตฺตโน ขนฺเธ ปิตํ ยุคํ นาติวตฺตติ น อติกฺกาเมติ, สมฺมา โย อุทฺธริตฺวา ธุรํ ฉฑฺเฑตฺวา น ติฏฺติ. เอวนฺติ ยถา โส โธรยฺโห อตฺตโน ภทฺราชานียตาย อตฺตโน ธีรวีรตาย อตฺตโน ภารํ นาติวตฺตติ น ปริจฺจชติ, เอวํ เย วารินา วิย มหาสมุทฺโท โลกิยโลกุตฺตราย ปฺาย ติตฺตา ธาตา ปริปุณฺณา, เต ปเร นิหีนปฺเ น อติมฺนฺติ, น ปริภวนฺติ. ตตฺถ ¶ การณมาห ‘‘อริยธมฺโมว ปาณิน’’นฺติ, ปาณินํ สตฺเตสุ อยํ อริยานํ ธมฺโม ยทิทํ เตสํ ปฺาย ปาริปูรึ คตตฺตา ลาภาทินา อตฺตานุกฺกํสนํ วิย อลาภาทินา ปเรสํ อวมฺภนํ.
เอวํ ปฺาปาริปูริยา อริยานํ สุขวิหารํ ทสฺเสตฺวา ตทภาวโต อนริยานํ ทุกฺขวิหารํ ทสฺเสตุํ ‘‘กาเล’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ กาเลติ ลาภาลาภาทินา สมงฺคีภูตกาเล. กาลวสํ ปตฺตาติ ลาภาทิกาลสฺส จ วสํ อุปคตา, ลาภาทินา โสมนสฺสิตา อลาภาทินา จ โทมนสฺสิตาติ อตฺโถ. ภวาภววสํ คตาติ ภวสฺส อภวสฺส จ วสํ อุปคตา วุทฺธิหานิโย อนุวตฺตนฺตา เต. นรา ทุกฺขํ นิคจฺฉนฺติ, เตธ โสจนฺติ มาณวาติ เต นรา ‘‘มาณวา’’ติ ลทฺธนามา สตฺตา ลาภาลาภาทิวเสน วุทฺธิหานิวเสน อนุโรธปฏิวิโรธํ อาปนฺนา อิธโลเก โสจนฺติ, ปรโลเก จ นิรยาทิทุกฺขํ คจฺฉนฺติ ปาปุณนฺตีติ อตฺโถ.
‘‘อุนฺนตา’’ติอาทินาปิ ¶ โลกธมฺมวเสน สตฺตานํ อนตฺถปฺปตฺติเมว ทสฺเสติ. ตตฺถ อุนฺนตา สุขธมฺเมนาติ สุขเหตุนา สุขปจฺจเยน โภคสมฺปตฺติอาทินา อุนฺนตึ คตา, โภคมทาทินา มตฺตาติ อตฺโถ. ทุกฺขธมฺเมน โจนตาติ ทุกฺขเหตุนา ทุกฺขปจฺจเยน โภควิปตฺติอาทินา นิหีนตํ คตา ทาลิทฺทิยาทินา กาปฺตํ ปตฺตา. ทฺวเยนาติ ยถาวุตฺเตน อุนฺนติโอนติทฺวเยน ลาภาลาภาทิทฺวเยน ¶ วา พาลปุถุชฺชนา หฺนฺติ, อนุโรธปฏิวิโรธวเสน วิพาธียนฺติ ปีฬิยนฺติ. กสฺมา? ยถาภูตํ อทสฺสิโน ยสฺมา เต ธมฺมสภาวํ ยาถาวโต นพฺภฺํสุ, ปริฺาตกฺขนฺธา ปหีนกิเลสา จ น โหนฺติ, ตสฺมาติ อตฺโถ. ‘‘ยถาภูตํ อทสฺสนา’’ติปิ ปนฺติ, อทสฺสนเหตูติ อตฺโถ. เย จ ทุกฺเข สุขสฺมิฺจ, มชฺเฌ สิพฺพินิมจฺจคูติ เย ปน อริยา ทุกฺขเวทนาย สุขเวทนาย มชฺฌตฺตตาเวทนาย จ ตปฺปฏิพทฺธํ ฉนฺทราคภูตํ สิพฺพินึ ตณฺหํ อคฺคมคฺคาธิคเมน อจฺจคู อติกฺกมึสุ, เต อินฺทขีโล วิย วาเตหิ โลกธมฺเมหิ อสมฺปกมฺปิยา ิตา, น เต อุนฺนตโอนตา, กทาจิปิ อุนฺนตา วา โอนตา วา น โหนฺติ สพฺพโส อนุนยปฏิฆาภาวโต.
เอวํ เวทนาธิฏฺานํ อรหโต อนุปเลปํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ โลกธมฺเม วิภชิตฺวา สพฺพตฺถกเมวสฺส อนุปเลปํ ทสฺเสนฺโต ‘‘น เหวา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ลาเภติ จีวราทีนํ ปจฺจยานํ ปฏิลาเภ. อลาเภติ เตสํเยว อปฺปฏิลาเภ อปคเม. น ยเสติ ปริวารหานิยํ อกิตฺติยฺจ. กิตฺติยาติ ปรมฺมุขา กิตฺตเน ปตฺถฏยสตายํ. นินฺทายนฺติ สมฺมุขา ครหายํ. ปสํสายนฺติ, ปจฺจกฺขโต คุณาภิตฺถวเน. ทุกฺเขติ ทุกฺเข อุปฺปนฺเน. สุเขติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย.
สพฺพตฺถาติ ¶ สพฺพสฺมึ ยถาวุตฺเต อฏฺวิเธปิ โลกธมฺเม, สพฺพตฺถ วา รูปาทิเก วิสเย เต ขีณาสวา น ลิมฺปนฺติ สพฺพโส ปหีนกิเลสตฺตา. ยถา กึ? อุทพินฺทุว โปกฺขเร ยถา กมลทเล ชลพินฺทุ อลฺลียิตฺวา ิตมฺปิ เตน น ลิมฺปติ, ชลพินฺทุนา จ กมลทลํ, อฺทตฺถุ วิสํสฏฺเมว, เอวเมเตปิ อุปฏฺิเต ลาภาทิเก, อาปาถคเต รูปาทิอารมฺมเณ จ วิสํสฏฺา เอวํ. ตโต เอว ธีรา ปณฺฑิตา สพฺพตฺถ ลาภาทีสุ าณมุเขน ปิยนิมิตฺตานํ โสกาทีนฺจ อภาวโต สุขิตา ¶ ลาภาทีหิ จ อนภิภวนียโต สพฺพตฺถ อปราชิตาว โหนฺติ.
อิทานิ ลาภาลาภาทีสุ เสยฺยํ นิทฺธาเรตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘ธมฺเมนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ธมฺเมน จ อลาโภ โยติ โย ธมฺมํ รกฺขนฺตสฺส ตํนิมิตฺตํ อลาโภ ลาภาภาโว, ลาภหานิ. โย จ ลาโภ อธมฺมิโก อธมฺเมน อฺาเยน พุทฺธปฏิกุฏฺเน วิธินา อุปฺปนฺโน, เตสุ ทฺวีสุ อลาโภ ธมฺมิโก ธมฺมาวโห เสยฺโย, ยาทิสํ ลาภํ ปริวชฺชนฺตสฺส อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, ตาทิโส อลาโภ ปาสํสตโร อตฺถาวโห. ยฺเจ ลาโภ อธมฺมิโกติ โย ลาโภ อธมฺเมน อุปฺปนฺโน, โส น เสยฺโยติ อธิปฺปาโย.
ยโส ¶ จ อปฺปพุทฺธีนํ, วิฺูนํ อยโส จ โยติ โย อปฺปพุทฺธีนํ ทุปฺปฺานํ วเสน ปุคฺคลสฺส ยโส ลพฺภติ, โย จ วิฺูนํ ปณฺฑิตานํ วเสน อยโส ยสหานิ. อิเมสุ ทฺวีสุ อยโสว เสยฺโย วิฺูนํ. เต หิสฺส ยถา อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, เอวํ ยสหานึ อิจฺเฉยฺยุํ, ตถา จ ภพฺพชาติโก ตํ อคุณํ ปหาย คุเณ ปติฏฺเยฺย. น ยโส อปฺปพุทฺธีนนฺติ ทุปฺปฺานํ วเสน ยโส เสยฺโย โหติ, เต หิ อภูตคุณาภิพฺยาหารวเสนาปิ นํ อุปฺปาเทยฺยุํ, โส จสฺส อิธ เจว วิฺูครหาทินา สมฺปราเย จ ทุคฺคติยํ ทุกฺขปริกฺกิเลสาทินา อนตฺถาวโห. เตนาห ภควา – ‘‘ลาโภ สิโลโก สกฺกาโร, มิจฺฉาลทฺโธ จ โย ยโส’’ติ (สุ. นิ. ๔๔๐) ‘‘สกฺกาโร กาปุริสํ หนฺตี’’ติ (จูฬว. ๓๓๕; อ. นิ. ๔.๖๘) จ.
ทุมฺเมเธหีติ, นิปฺปฺเหิ. ยฺเจ พาลปฺปสํสนาติ พาเลหิ อวิทฺทสูหิ ยา นาม ปสํสนา.
กามมยิกนฺติ วตฺถุกามมยํ, กามคุเณ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺนํ. ทุกฺขฺจ ปวิเวกิยนฺติ ปวิเวกโต นิพฺพตฺตํ กายกิลมถวเสน ปวตฺตํ วิสมาสนุปตาปาทิเหตุกํ กายิกํ ทุกฺขํ, ตํ ปน นิรามิสวิวฏฺฏูปนิสฺสยตาย วิฺูนํ ปาสํสา. เตน วุตฺตํ ‘‘ปวิเวกทุกฺขํ เสยฺโย’’ติ.
ชีวิตฺจ ¶ ¶ อธมฺเมนาติ อธมฺเมน ชีวิกกปฺปนํ ชีวิตเหตุ อธมฺมจรณํ. ธมฺเมน มรณํ นาม ‘‘อิมํ นาม ปาปํ อกโรนฺตํ ตํ มาเรสฺสามี’’ติ เกนจิ วุตฺเต มาเรนฺเตปิ ตสฺมึ ปาปํ อกตฺวา ธมฺมํ อวิโกเปนฺตสฺส ธมฺมเหตุมรณํ ธมฺมิกํ เสยฺโยติ ตาทิสํ มรณํ ธมฺมโต อนเปตตฺตา ธมฺมิกํ สคฺคสมฺปาปนโต นิพฺพานุปนิสฺสยโต จ วิฺูนํ ปาสํสตรํ. ตถา หิ วุตฺตํ –
‘‘จเช ธนํ องฺควรสฺส เหตุ, องฺคํ จเช ชีวิตํ รกฺขมาโน;
องฺคํ ธนํ ชีวิตฺจาปิ สพฺพํ, จเช นโร ธมฺมมนุสฺสรนฺโต’’ติ. (ชา. ๒.๒๑.๔๗๐);
ยฺเจ ชีเว อธมฺมิกนฺติ ปุริโส ยํ ธมฺมโต อเปตํ ชีวิกํ ชีเวยฺย, ตํ น เสเวยฺย วิฺูหิ ครหิตตฺตา อปายสมฺปาปนโต จาติ อธิปฺปาโย.
อิทานิ ¶ ยถาวุตฺตํ ขีณาสวานํ อนุปเลปํ การณโต ทสฺเสนฺโต ‘‘กามโกปปหีนา’’ติอาทิคาถมาห.
ตตฺถ กามโกปปหีนาติ อริยมคฺเคน สพฺพโสว ปหีนา อนุโรธปฏิวิโรธา. สนฺตจิตฺตา ภวาภเวติ ขุทฺทเก เจว มหนฺเต จ ภเว อนวเสสปหีนกิเลสปริฬาหตาย วูปสนฺตจิตฺตา. โลเกติ ขนฺธาทิโลเก. อสิตาติ ตณฺหาทิฏฺินิสฺสยวเสน อนิสฺสิตา. นตฺถิ เตสํ ปิยาปิยนฺติ เตสํ ขีณาสวานํ กตฺถจิ ลาภาทิเก รูปาทิวิสเย จ ปิยํ วา อปิยํ วา นตฺถิ, ตํนิมิตฺตานํ กิเลสานํ สพฺพโส สมุจฺฉินฺนตฺตา.
อิทานิ ยาย ภาวนาย เต เอวรูปา ชาตา, ตํ ทสฺเสตฺวา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา เทสนาย กูฏํ คณฺหนฺโต ‘‘ภาวยิตฺวานา’’ติ โอสานคาถมาห. ตตฺถ ปปฺปุยฺยาติ, ปาปุณิตฺวา. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว. อิมา เอว จ คาถา เถรสฺส อฺาพฺยากรณาปิ อเหสุํ.
โคทตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
จุทฺทสกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.