📜

๑๕. โสฬสกนิปาโต

๑. อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถรคาถาวณฺณนา

โสฬสกนิปาเต เอส ภิยฺโยติอาทิกา อายสฺมโต อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร คหปติมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺวา เอกทิวสํ สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ อตฺตโน สาสเน ปมํ ปฏิวิทฺธธมฺมรตฺตฺูนํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา สยมฺปิ ตํ านนฺตรํ ปตฺเถนฺโต สตสหสฺสภิกฺขุปริวารสฺส สตฺถุโน สตฺตาหํ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา ปณิธานํ อกาสิ. สตฺถาปิสฺส อนนฺตรายตํ ทิสฺวา ภาวินึ สมฺปตฺตึ พฺยากาสิ. โส ยาวชีวํ ปุฺานิ กตฺวา สตฺถริ ปรินิพฺพุเต เจติเย ปติฏฺาปิยมาเน อนฺโตเจติเย รตนฆรํ กาเรสิ, เจติยํ ปริวาเรตฺวา สหสฺสรตนคฺฆิยานิ จ กาเรสิ.

โส เอวํ ปุฺานิ กตฺวา, ตโต จวิตฺวา, เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล มหากาโล นาม กุฏุมฺพิโก หุตฺวา อฏฺกรีสมตฺเต เขตฺเต สาลิคพฺภํ ผาเลตฺวา, คหิตสาลิตณฺฑุเลหิ อสมฺภินฺนขีรปายาสํ สมฺปาเทตฺวา, ตตฺถ มธุสปฺปิสกฺกราทโย ปกฺขิปิตฺวา, พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส อทาสิ. สาลิคพฺภํ ผาเลตฺวา คหิตคหิตฏฺานํ ปุน ปูรติ, ปุถุกกาเล ปุถุกคฺคํ นาม อทาสิ. ลายเน ลายนคฺคํ, เวณิกรเณ เวณคฺคํ, กลาปาทิกรเณ กลาปคฺคํ, ขลคฺคํ, ภณฺฑคฺคํ, มินคฺคํ, โกฏฺคฺคนฺติ; เอวํ เอกสสฺเส นว วาเร อคฺคทานํ นาม อทาสิ. ตมฺปิ สสฺสํ อติเรกตรํ สมฺปนฺนํ อโหสิ.

เอวํ ยาวชีวํ ปุฺานิ กตฺวา, ตโต จุโต เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สํสรนฺโต, อมฺหากํ ภควโต อุปฺปตฺติโต ปุเรตรเมว กปิลวตฺถุนครสฺส อวิทูเร โทณวตฺถุนามเก พฺราหฺมณคาเม พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส โกณฺฑฺโติ โคตฺตโต อาคตํ นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต ตโย เวเท อุคฺคเหตฺวา ลกฺขณมนฺเตสุ จ ปารํ อคมาสิ. เตน สมเยน อมฺหากํ โพธิสตฺโต ตุสิตปุรโต จวิตฺวา กปิลวตฺถุปุเร สุทฺโธทนมหาราชสฺส เคเห นิพฺพตฺติ. ตสฺส นามคฺคหณทิวเส อฏฺุตฺตรสเตสุ พฺราหฺมเณสุ อุปนีเตสุ เย อฏฺ พฺราหฺมณา ลกฺขณปริคฺคหณตฺถํ มหาตลํ อุปนีตา. โส เตสุ สพฺพนวโก หุตฺวา, มหาปุริสสฺส ลกฺขณนิปฺผตฺตึ ทิสฺวา, ‘‘เอกํเสน อยํ พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ นิฏฺํ คนฺตฺวา มหาสตฺตสฺส อภินิกฺขมนํ อุทิกฺขนฺโต วิจรติ.

โพธิสตฺโตปิ โข มหตา ปริวาเรน วฑฺฒมาโน อนุกฺกเมน วุทฺธิปฺปตฺโต าณปริปากํ คนฺตฺวา เอกูนตึสติเม วสฺเส มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมนฺโต อโนมานทีตีเร ปพฺพชิตฺวา อนุกฺกเมน อุรุเวลํ คนฺตฺวา ปธานํ ปทหิ. ตทา โกณฺฑฺโ มาณโว มหาสตฺตสฺส ปพฺพชิตภาวํ สุตฺวา, ลกฺขณปริคฺคาหกพฺราหฺมณานํ ปุตฺเตหิ วปฺปมาณวาทีหิ สทฺธึ อตฺตปฺจโม ปพฺพชิตฺวา, อนุกฺกเมน โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ อุปสงฺกมิตฺวา, ฉพฺพสฺสานิ ตํ อุปฏฺหนฺโต ตสฺส โอฬาริกาหารปริโภเคน นิพฺพินฺโน อปกฺกมิตฺวา อิสิปตนํ อคมาสิ. อถ โข โพธิสตฺโต โอฬาริกาหารปริโภเคน ลทฺธกายพโล เวสาขปุณฺณมายํ โพธิรุกฺขมูเล อปราชิตปลฺลงฺเก นิสินฺโน ติณฺณํ มารานํ มตฺถกํ มทฺทิตฺวา, อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา, สตฺตสตฺตาหํ โพธิมณฺเฑเยว วีตินาเมตฺวา, ปฺจวคฺคิยานํ าณปริปากํ ตฺวา, อาสาฬฺหีปุณฺณมายํ อิสิปตนํ คนฺตฺวา, เตสํ ธมฺมจกฺกปวตฺตนสุตฺตนฺตํ (มหาว. ๑๓ อาทโย; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑) เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน โกณฺฑฺตฺเถโร อฏฺารสหิ พฺรหฺมโกฏีหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ. อถ ปฺจมิยํ ปกฺขสฺส อนตฺตลกฺขณสุตฺตนฺตเทสนาย (มหาว. ๒๐; สํ. นิ. ๓.๕๙) อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑.๕๙๖-๖๑๒) –

‘‘ปทุมุตฺตรสมฺพุทฺธํ, โลกเชฏฺํ วินายกํ;

พุทฺธภูมิมนุปฺปตฺตํ, ปมํ อทฺทสํ อหํ.

‘‘ยาวตา โพธิยา มูเล, ยกฺขา สพฺเพ สมาคตา;

สมฺพุทฺธํ ปริวาเรตฺวา, วนฺทนฺติ ปฺชลีกตา.

‘‘สพฺเพ เทวา ตุฏฺมนา, อากาเส สฺจรนฺติ เต;

พุทฺโธ อยํ อนุปฺปตฺโต, อนฺธการตโมนุโท.

‘‘เตสํ หาสปเรตานํ, มหานาโท อวตฺตถ;

กิเลเส ฌาปยิสฺสาม, สมฺมาสมฺพุทฺธสาสเน.

‘‘เทวานํ คิรมฺาย, วาจาสภิมุทีริหํ;

หฏฺโ หฏฺเน จิตฺเตน, อาทิภิกฺขมทาสหํ.

‘‘มม สงฺกปฺปมฺาย, สตฺถา โลเก อนุตฺตโร;

เทวสงฺเฆ นิสีทิตฺวา, อิมา คาถา อภาสถ.

‘‘สตฺตาหํ อภินิกฺขมฺม, โพธึ อชฺฌคมํ อหํ;

อิทํ เม ปมํ ภตฺตํ, พฺรหฺมจาริสฺส ยาปนํ.

‘‘ตุสิตา หิ อิธาคนฺตฺวา, โย เม ภิกฺขํ อุปานยิ;

ตมหํ กิตฺตยิสฺสามิ, สุโณถ มม ภาสโต.

‘‘ตึสกปฺปสหสฺสานิ, เทวรชฺชํ กริสฺสติ;

สพฺเพ เทเว อภิโภตฺวา, ติทิวํ อาวสิสฺสติ.

‘‘เทวโลกา จวิตฺวาน, มนุสฺสตฺตํ คมิสฺสติ;

สหสฺสธา จกฺกวตฺตี, ตตฺถ รชฺชํ กริสฺสติ.

‘‘กปฺปสตสหสฺสมฺหิ, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘ติทสา โส จวิตฺวาน, มนุสฺสตฺตํ คมิสฺสติ;

อคารา ปพฺพชิตฺวาน, ฉพฺพสฺสานิ วสิสฺสติ.

‘‘ตโต สตฺตมเก วสฺเส, พุทฺโธ สจฺจํ กเถสฺสติ;

โกณฺฑฺโ นาม นาเมน, ปมํ สจฺฉิกาหิติ.

‘‘นิกฺขนฺเตนานุปพฺพชึ, ปธานํ สุกตํ มยา;

กิเลเส ฌาปนตฺถาย, ปพฺพชึ, อนคาริยํ.

‘‘อภิคนฺตฺวาน สพฺพฺู, พุทฺโธ โลเก สเทวเก;

อิสินาเม มิคารฺเ, อมตเภริมาหนิ.

‘‘โส ทานิ ปตฺโต อมตํ, สนฺติปทมนุตฺตรํ;

สพฺพาสเว ปริฺาย, วิหรามิ อนาสโว.

‘‘ปฏิสมฺภิทา จตสฺโส…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อถ นํ สตฺถา อปรภาเค เชตวนมหาวิหาเร ภิกฺขุสงฺฆมชฺเฌ ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺโน ปมํ ปฏิวิทฺธธมฺมภาวํ ทีเปนฺโต, ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ รตฺตฺูนํ ยทิทํ อฺาสิโกณฺฑฺโ’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๘๘) เอตทคฺเค เปสิ. โส ทฺวีหิ อคฺคสาวเกหิ อตฺตนิ กรียมานํ ปรมนิปจฺจการํ คามนฺตเสนาสเน อากิณฺณวิหารฺจ ปริหริตุกาโม, วิเวกาภิรติยา วิหริตุกาโม จ อตฺตโน สนฺติกํ อุปคตานํ คหฏฺปพฺพชิตานํ ปฏิสนฺถารกรณมฺปิ ปปฺจํ มฺมาโน สตฺถารํ อาปุจฺฉิตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา ฉทฺทนฺเตหิ นาเคหิ อุปฏฺิยมาโน ฉทฺทนฺตทหตีเร ทฺวาทส วสฺสานิ วสิ. เอวํ ตตฺถ วสนฺตํ เถรํ เอกทิวสํ สกฺโก เทวราชา อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ิโต เอวมาห – ‘‘สาธุ เม, ภนฺเต, อยฺโย ธมฺมํ เทเสตู’’ติ. เถโร ตสฺส จตุสจฺจคพฺภํ ติลกฺขณาหตํ สุฺตปฏิสํยุตฺตํ นานานยวิจิตฺตํ อมโตคธํ พุทฺธลีลาย ธมฺมํ เทเสสิ. ตํ สุตฺวา สกฺโก อตฺตโน ปสาทํ ปเวเทนฺโต –

๖๗๓.

‘‘เอส ภิยฺโย ปสีทามิ, สุตฺวา ธมฺมํ มหารสํ;

วิราโค เทสิโต ธมฺโม, อนุปาทาย สพฺพโส’’ติ. – ปมํ คาถมาห;

ตตฺถ เอส ภิยฺโย ปสีทามิ, สุตฺวา ธมฺมํ มหารสนฺติ ยทิปิ อเนกวารํ สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ตตฺถ อภิปฺปสนฺโน. อิทานิ ปน ตุมฺเหหิ กถิตํ นานานยวิจิตฺตตาย อเสจนกตาย จ มหารสํ ธมฺมํ สุตฺวา เอโส อหํ ตโต ภิยฺโย ปสีทามิ. วิราโค เทสิโต ธมฺโม, อนุปาทาย สพฺพโสติ สพฺพสํกิเลสโต สพฺพสงฺขารโต จ วิรชฺชนโต วิราคชนนโต วิราโค. ตโต เอว รูปาทีสุ กฺจิ ธมฺมํ อนุปาทาย อคฺคเหตฺวา วิมุตฺติสาธนวเสน ปวตฺตตฺตา สพฺพโส อนุปาทาย เทสิโต.

เอวํ สกฺโก เทวราชา เถรสฺส เทสนํ โถเมตฺวา เถรํ อภิวาเทตฺวา สกฏฺานเมว คโต. อเถกทิวสํ เถโร มิจฺฉาวิตกฺเกหิ อภิภุยฺยมานานํ เอกจฺจานํ ปุถุชฺชนานํ จิตฺตาจารํ ทิสฺวา ตปฺปฏิปกฺขภูตฺจสฺส อนุกฺกมํ อนุสฺสริตฺวา, อตฺตโน จ สพฺพโส ตโต วินิวตฺติตมานสตํ อาวชฺเชตฺวา ตทตฺถํ ทีเปตฺวา –

๖๗๔.

‘‘พหูนิ โลเก จิตฺรานิ, อสฺมึ ปถวิมณฺฑเล;

มเถนฺติ มฺเ สงฺกปฺปํ, สุภํ ราคูปสํหิตํ.

๖๗๕.

‘‘รชมุหตฺจ วาเตน, ยถา เมโฆปสมฺมเย;

เอวํ สมฺมนฺติ สงฺกปฺปา, ยทา ปฺาย ปสฺสตี’’ติ. – ทฺเว คาถา อภาสิ;

ตตฺถ พหูนิ โลเก จิตฺรานีติ รูปาทิวเสน ตตฺถาปิ นีลปีตาทิวเสน อิตฺถิปุริสาทิวเสน จ อเนกานิ โลเก จิตฺตวิจิตฺตานิ อารมฺมณชาตานิ. อสฺมึ ปถวิมณฺฑเลติ ปจฺจกฺขภูตํ มนุสฺสโลกํ สนฺธาย วทติ. มเถนฺติ มฺเ สงฺกปฺปนฺติ ตชฺชํ ปุริสวายามสหิตํ อรณิสหิตํ วิย อคฺคึ อโยนิโสมนสิการาภิสงฺขาตานิ มิจฺฉาสงฺกปฺปานิ มเถนฺติ มฺเ มเถนฺตานิ วิย ติฏฺนฺติ. กีทิสํ? สุภํ ราคูปสํหิตํ, กามวิตกฺกนฺติ อตฺโถ. โส หิ สุภาการคฺคหเณน ‘‘สุโภ’’ติ โวหรียติ.

รชมุหตฺจวาเตนาติ -อิติ นิปาตมตฺตํ. ยถา คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส วาเตน อูหตํ อุฏฺิตํ รชํ มหาเมโฆ วสฺสนฺโต อุปสมฺมเย, วูปสเมยฺย. เอวํ สมฺมนฺติ สงฺกปฺปา, ยทา ปฺาย ปสฺสตีติ ยทา อริยสาวโก ตานิ โลกจิตฺรานิ สมุทยโต, อสฺสาทโต, อาทีนวโต, นิสฺสรณโต จ ยถาภูตํ ปฺาย ปสฺสติ, อถ ยถา ตํ รชํ อุหตํ เมเฆน, เอวํ สมฺมนฺติ ปฺาย สพฺเพปิ มิจฺฉาสงฺกปฺปา. น หิ อุปฺปนฺนาย สมฺมาทิฏฺิยา มิจฺฉาสงฺกปฺปา ปติฏฺํ ลภนฺติ. ยถา ปน ปฺาย ปสฺสติ, ตํ ทสฺเสนฺโต –

๖๗๖.

‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจาติ, ยทา ปฺาย ปสฺสติ;

อถ นิพฺพินฺทติ ทุกฺเข, เอส มคฺโค วิสุทฺธิยา.

๖๗๗.

‘‘สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขาติ…เป… เอส มคฺโค วิสุทฺธิยา.

๖๗๘.

‘‘สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตาติ, ยทา ปฺาย ปสฺสติ;

อถ นิพฺพินฺทติ ทุกฺเข, เอส มคฺโค วิสุทฺธิยา’’ติ. –

ติสฺโส คาถา อภาสิ.

ตตฺถ สพฺเพ สงฺขาราติ ฉฬารมฺมณสงฺคหา สพฺเพ เตภูมกา ปฺจกฺขนฺธา. อนิจฺจาติ ‘‘อาทิมชฺฌอนฺตวนฺตโต, อนิจฺจนฺติกโต, ตาวกาลิกโต, ตตฺถ ตตฺถ ภิชฺชนโต น นิจฺจา’’ติ ยทา วิปสฺสนาปฺาย ปสฺสติ. อถ นิพฺพินฺทติ ทุกฺเขติ อถ อิมสฺมึ วฏฺฏทุกฺเข นิพฺพินฺทติ, นิพฺพินฺทนฺโต ทุกฺขปริชานนาทิวิธินา สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌติ. เอส มคฺโค วิสุทฺธิยาติ เอส ยถาวุตฺโต วิปสฺสนาวิธิ าณทสฺสนวิสุทฺธิยา, อจฺจนฺตวิสุทฺธิยา จ มคฺโค อธิคมุปาโย.

ทุกฺขาติ สปฺปฏิภยโต, อุทยพฺพยสมฺปฏิปีฬนโต, ทุกฺขมโต, สุขปฏิกฺเขปโต จ ทุกฺขา. เสสํ วุตฺตนยเมว.

สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตาติ สพฺเพปิ จตุภูมกา ธมฺมา อนตฺตา. อิธ ปน เตภูมกธมฺมาว คเหตพฺพา. เต หิ อสารโต, อวสวตฺตนโต, สุฺโต, อตฺตปฏิกฺเขปโต จ อนตฺตาติ วิปสฺสิตพฺพา. เสสํ ปุริมสทิสเมว.

เอวํ วิปสฺสนาวิธึ ทสฺเสตฺวา เตน วิธินา กตกิจฺจํ อตฺตานํ อฺํ วิย กตฺวา ทสฺเสนฺโต –

๖๗๙.

‘‘พุทฺธานุพุทฺโธ โย เถโร, โกณฺฑฺโ ติพฺพนิกฺกโม;

ปหีนชาติมรโณ, พฺรหฺมจริยสฺส เกวลี.

๖๘๐.

‘‘โอฆปาโส ทฬฺหขิโล, ปพฺพโต ทุปฺปทาลโย;

เฉตฺวา ขิลฺจ ปาสฺจ, เสลํ เภตฺวาน ทุพฺภิทํ;

ติณฺโณ ปารงฺคโต ฌายี, มุตฺโต โส มารพนฺธนา’’ติ. –

คาถาทฺวยมาห.

ตตฺถ พุทฺธานุพุทฺโธติ พุทฺธานํ อนุพุทฺโธ, สมฺมาสมฺพุทฺเธหิ พุชฺฌิตานิ สจฺจานิ เตสํ เทสนานุสาเรน พุชฺฌตีติ อตฺโถ. ถิเรหิ อเสกฺเขหิ สีลสาราทีหิ สมนฺนาคโตติ, เถโร. โกณฺฑฺโติ โคตฺตกิตฺตนํ. ติพฺพนิกฺกโมติ ทฬฺหวีริโย, ถิรปรกฺกโม. ชาติมรณานํ ปหีนการณตฺตา ปหีนชาติมรโณ. พฺรหฺมจริยสฺส เกวลีติ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส อนวเสสํ, อนวเสสโต วา มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส ปาริปูรโก, อถ วา เกวลี นาม กิเลเสหิ อสมฺมิสฺสตาย มคฺคาณํ ผลาณฺจ, ตํ อิมสฺมึ อตฺถีติ เกวลี. ยสฺมา ปน ตทุภยมฺปิ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส วเสน โหติ น อฺถา, ตสฺมา ‘‘พฺรหฺมจริยสฺส เกวลี’’ติ วุตฺตํ.

โอฆปาโสติ ‘‘กาโมโฆ, ภโวโฆ, ทิฏฺโโฆ, อวิชฺโชโฆ’’ติ (ธ. ส. ๑๑๕๖; วิภ. ๙๓๘) เอวํ วุตฺตา จตฺตาโร โอฆา – ‘‘อนฺตลิกฺขจโร ปาโส, ยฺวายํ จรติ มานโส’’ติ (มหาว. ๓๓; สํ. นิ. ๑.๑๕๑) เอวํ วุตฺโต ราคปาโส จ. ทฬฺหขิโลติ ‘‘สตฺถริ กงฺขติ, ธมฺเม กงฺขติ, สงฺเฆ กงฺขติ, สิกฺขาย กงฺขติ, สพฺรหฺมจารีสุ กุปิโต โหติ อนตฺตมโน อาหตจิตฺโต ขิลชาโต’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๘๕; อ. นิ. ๕.๒๐๕) เอวํ วุตฺโต ทฬฺโห ถิโร ปฺจวิโธ เจโตขิโล จ. ปจุรชเนหิ ปทาเลตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย ทุปฺปทาลโย. ตโต เอว ปพฺพตสทิสตาย ปพฺพโตติ จ สงฺขํ คโต. ‘‘ทุกฺเข อฺาณ’’นฺติอาทินา (วิภ. ๒๒๖; สํ. นิ. ๒.๒) วา นเยน วุตฺโต อฺาณปฺปเภโท จ. อิติ เอตํ สพฺพํ เฉตฺวา ขิลฺจ ปาสฺจาติ เอเตสุ จตุพฺพิเธสุ สํกิเลสธมฺเมสุ โย ขิลฺจ ปาสฺจ อริยมคฺคาณาสินา ฉินฺทิตฺวา. เสลํ เภตฺวาน ทุพฺภิทนฺติ เยน เกนจิ าเณน ฉินฺทิตุํ อสกฺกุเณยฺยํ อฺาณเสลํ วชิรูปมาเณน ฉินฺทิตฺวา, จตฺตาโรปิ โอเฆ ตริตฺวา, เตสํ ปรตีเร นิพฺพาเน ิตตฺตา ติณฺโณ ปารงฺคโต. อารมฺมณูปนิชฺฌานลกฺขเณน ลกฺขณูปนิชฺฌานลกฺขเณนาติ ทุวิเธนปิ ฌายี; มุตฺโต โส มารพนฺธนาติ โส เอวรูโป ขีณาสโว สพฺพสฺมาปิ กิเลสมารพนฺธนา มุตฺโต วิปฺปมุตฺโต วิสํยุตฺโตติ. อตฺตานเมว สนฺธาย เถโร วทติ.

อเถกทิวสํ เถโร, อตฺตโน สทฺธิวิหาริกํ เอกํ ภิกฺขุํ อกลฺยาณมิตฺตสํสคฺเคน กุสีตํ หีนวีริยํ อุทฺธตํ อุนฺนฬํ วิหรนฺตํ ทิสฺวา, อิทฺธิยา ตตฺถ คนฺตฺวา, ตํ ‘‘มา, อาวุโส, เอวํ กริ, อกลฺยาณมิตฺเต ปหาย กลฺยาณมิตฺเต เสวนฺโต สมณธมฺมํ กโรหี’’ติ โอวทิ. โส เถรสฺส วจนํ นาทิยิ. เถโร ตสฺส อนาทิยเนน ธมฺมสํเวคปฺปตฺโต ปุคฺคลาธิฏฺานาย กถาย มิจฺฉาปฏิปตฺตึ ครหนฺโต สมฺมาปฏิปตฺตึ วิเวกวาสฺจ ปสํสนฺโต –

๖๘๑.

‘‘อุทฺธโต จปโล ภิกฺขุ, มิตฺเต อาคมฺม ปาปเก;

สํสีทติ มโหฆสฺมึ, อูมิยา ปฏิกุชฺชิโต.

๖๘๒.

‘‘อนุทฺธโต อจปโล, นิปโก สํวุตินฺทฺริโย;

กลฺยาณมิตฺโต เมธาวี, ทุกฺขสฺสนฺตกโร สิยา.

๖๘๓.

‘‘กาลปพฺพงฺคสงฺกาโส, กิโส ธมนิสนฺถโต;

มตฺตฺู อนฺนปานสฺมึ, อทีนมนโส นโร.

๖๘๔.

‘‘ผุฏฺโ ฑํเสหิ มกเสหิ, อรฺสฺมึ พฺรหาวเน;

นาโค สงฺคามสีเสว, สโต ตตฺราธิวาสเย.

๖๘๕-๖.

‘‘นาภินนฺทามิ มรณํ…เป… สมฺปชาโน ปติสฺสโต.

๖๘๗.

‘‘ปริจิณฺโณ มยา สตฺถา…เป… ภวเนตฺติ สมูหตา.

๖๘๘.

‘‘ยสฺส จตฺถาย ปพฺพชิโต, อคารสฺมานคาริยํ;

โส เม อตฺโถ อนุปฺปตฺโต, กึ เม สทฺธิวิหารินา’’ติ. –

อิมา คาถา อภาสิ.

ตตฺถ อุทฺธโตติ อุทฺธจฺจยุตฺโต อสมาหิโต วิกฺขิตฺตจิตฺโต. จปโลติ ปตฺตจีวรมณฺฑนาทินา จาปลฺเยน สมนฺนาคโต โลลปกติโก. มิตฺเต อาคมฺม ปาปเกติ อกลฺยาณมิตฺเต นิสฺสาย สมณธมฺมํ อกโรนฺโต. สํสีทติ มโหฆสฺมึ, อูมิยา ปฏิกุชฺชิโตติ ยถา มหาสมุทฺเท ปติตปุริโส สมุทฺทวีจีหิ โอตฺถโฏ สีสํ อุกฺขิปิตุํ อลภนฺโต ตตฺเถว สํสีทติ, เอวํ สํสารมโหฆสฺมึ ปริพฺภมนฺโต โกธุปายาสอูมิยา ปฏิกุชฺชิโต โอตฺถโฏ วิปสฺสนาวเสน ปฺาสีสํ อุกฺขิปิตุํ อลภนฺโต ตตฺเถว สํสีทติ.

นิปโกติ นิปุโณ, อตฺตตฺถปรตฺเถสุ กุสโล. สํวุตินฺทฺริโยติ มนจฺฉฏฺานํ อินฺทฺริยานํ สํวรเณน ปิหิตินฺทฺริโย. กลฺยาณมิตฺโตติ กลฺยาเณหิ มิตฺเตหิ สมนฺนาคโต. เมธาวีติ ธมฺโมชปฺาย สมงฺคีภูโต. ทุกฺขสฺสนฺตกโร สิยาติ โส ตาทิโส สกลสฺสาปิ วฏฺฏทุกฺขสฺส อนฺตกโร ภเวยฺย.

กาลปพฺพงฺคสงฺกาโสติอาทิ วิเวกาภิรติกิตฺตนํ. นาภินนฺทามีติอาทิ ปน กตกิจฺจภาวทสฺสนํ. ตํ สพฺพํ เหฏฺา (เถรคา. อฏฺ. ๒.๖๐๗) วุตฺตตฺถเมว. โอสาเน ปน กึ เม สทฺธิวิหารินาติ อตฺตโน สทฺธิวิหาริกํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตสฺมา เอทิเสน ทุพฺพเจน อนาทเรน สทฺธิวิหารินา กึ เม ปโยชนํ เอกวิหาโรเยว มยฺหํ รุจฺจตีติ อตฺโถ.

เอวํ ปน วตฺวา ฉทฺทนฺตทหเมว คโต. ตตฺถ ทฺวาทส วสฺสานิ วสิตฺวา อุปกฏฺเ ปรินิพฺพาเน สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปรินิพฺพานํ อนุชานาเปตฺวา ตตฺเถว คนฺตฺวา ปรินิพฺพายิ.

อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. อุทายิตฺเถรคาถาวณฺณนา

มนุสฺสภูตนฺติอาทิกา อายสฺมโต อุทายิตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺํ อุปจินิตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุสฺมึ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา อุทายีติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต สตฺถุ าติสมาคเม พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา, ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตโย หิ อิเม อุทายิตฺเถรา อมจฺจปุตฺโต ปุพฺเพ อาคโต กาฬุทายี, โกวริยปุตฺโต ลาลุทายี, อยํ พฺราหฺมณปุตฺโต มหาอุทายีติ. สฺวายํ เอกทิวสํ สตฺถารา เสตวารณํ สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตํ มหาชเนน ปสํสิยมานํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา นาโคปมสุตฺตนฺเต (อ. นิ. ๖.๔๓) เทสิเต เทสนาปริโยสาเน อตฺตโน าณพลานุรูปํ สตฺถุ คุเณ อนุสฺสริตฺวา, พุทฺธารมฺมณาย ปีติยา สมุสฺสาหิตมานโส ‘‘อยํ มหาชโน อิมํ ติรจฺฉานคตํ นาคํ ปสํสติ, น พุทฺธมหานาคํ. หนฺทาหํ พุทฺธมหาคนฺธหตฺถิโน คุเณ ปากเฏ กริสฺสามี’’ติ สตฺถารํ โถเมนฺโต –

๖๘๙.

‘‘มนุสฺสภูตํ สมฺพุทฺธํ, อตฺตทนฺตํ สมาหิตํ;

อิริยมานํ พฺรหฺมปเถ, จิตฺตสฺสูปสเม รตํ.

๖๙๐.

‘‘ยํ มนุสฺสา นมสฺสนฺติ, สพฺพธมฺมาน ปารคุํ;

เทวาปิ ตํ นมสฺสนฺติ, อิติ เม อรหโต สุตํ.

๖๙๑.

‘‘สพฺพสํโยชนาตีตํ , วนา นิพฺพนมาคตํ;

กาเมหิ เนกฺขมฺมรตํ, มุตฺตํ เสลาว กฺจนํ.

๖๙๒.

‘‘ส เว อจฺจรุจิ นาโค, หิมวาวฺเ สิลุจฺจเย;

สพฺเพสํ นาคนามานํ, สจฺจนาโม อนุตฺตโร.

๖๙๓.

‘‘นาคํ โว กิตฺตยิสฺสามิ, น หิ อาคุํ กโรติ โส;

โสรจฺจํ อวิหึสา จ, ปาทา นาคสฺส เต ทุเว.

๖๙๔.

‘‘สติ จ สมฺปชฺฺจ, จรณา นาคสฺส เตปเร;

สทฺธาหตฺโถ มหานาโค, อุเปกฺขาเสตทนฺตวา.

๖๙๕.

‘‘สติ คีวา สิโร ปฺา, วีมํสา ธมฺมจินฺตนา;

ธมฺมกุจฺฉิสมาวาโส, วิเวโก ตสฺส วาลธิ.

๖๙๖.

‘‘โส ฌายี อสฺสาสรโต, อชฺฌตฺตํ สุสมาหิโต;

คจฺฉํ สมาหิโต นาโค, ิโต นาโค สมาหิโต.

๖๙๗.

‘‘สยํ สมาหิโต นาโค, นิสินฺโนปิ สมาหิโต;

สพฺพตฺถ สํวุโต นาโค, เอสา นาคสฺส สมฺปทา.

๖๙๘.

‘‘ภุฺชติ อนวชฺชานิ, สาวชฺชานิ น ภุฺชติ;

ฆาสมจฺฉาทนํ ลทฺธา, สนฺนิธึ ปริวชฺชยํ.

๖๙๙.

‘‘สํโยชนํ อณุํ ถูลํ, สพฺพํ เฉตฺวาน พนฺธนํ;

เยน เยเนว คจฺฉติ, อนเปกฺโขว คจฺฉติ.

๗๐๐.

‘‘ยถาปิ อุทเก ชาตํ, ปุณฺฑรีกํ ปวฑฺฒติ;

โนปลิปฺปติ โตเยน, สุจิคนฺธํ มโนรมํ.

๗๐๑.

‘‘ตเถว จ โลเก ชาโต, พุทฺโธ โลเก วิหรติ;

โนปลิปฺปติ โลเกน, โตเยน ปทุมํ ยถา.

๗๐๒.

‘‘มหาคินิ ปชฺชลิโต, อนาหาโรปสมฺมติ;

องฺคาเรสุ จ สนฺเตสุ, นิพฺพุโตติ ปวุจฺจติ.

๗๐๓.

‘‘อตฺถสฺสายํ วิฺาปนี, อุปมา วิฺูหิ เทสิตา;

วิฺิสฺสนฺติ มหานาคา, นาคํ นาเคน เทสิตํ.

๗๐๔.

‘‘วีตราโค วีตโทโส, วีตโมโห อนาสโว;

สรีรํ วิชหํ นาโค, ปรินิพฺพิสฺสตฺยนาสโว’’ติ. – อิมา คาถา อภาสิ;

ตตฺถ มนุสฺสภูตนฺติ มนุสฺเสสุ ภูตํ, นิพฺพตฺตํ; มนุสฺสตฺตภาวํ วา ปตฺตํ. สตฺถา หิ อาสวกฺขยาณาธิคเมน สพฺพคติวิมุตฺโตปิ จริมตฺตภาเว คหิตปฏิสนฺธิวเสน ‘‘มนุสฺโส’’ตฺเวว โวหรียตีติ. คุณวเสน ปน เทวานํ อติเทโว, พฺรหฺมานํ อติพฺรหฺมา. สมฺพุทฺธนฺติ สยเมว พุชฺฌิตพฺพพุทฺธวนฺตํ. อตฺตทนฺตนฺติ อตฺตนาเยว ทนฺตํ. ภควา หิ อตฺตนาเยว อุปฺปาทิเตน อริยมคฺเคน จกฺขุโตปิ…เป… มนโตปิ อุตฺตเมน ทมเถน ทนฺโต. สมาหิตนฺติ อฏฺวิเธน สมาธินา มคฺคผลสมาธินา จ สมาหิตํ. อิริยมานํ พฺรหฺมปเถติ จตุพฺพิเธปิ พฺรหฺมวิหารปเถ, พฺรหฺเม วา เสฏฺเ ผลสมาปตฺติปเถ สมาปชฺชนวเสน ปวตฺตมานํ. กิฺจาปิ ภควา น สพฺพกาลํ ยถาวุตฺเต พฺรหฺมปเถ อิริยติ, ตตฺถ อิริยสามตฺถิยํ ปน ตนฺนินฺนตฺจ อุปาทาย ‘‘อิริยมาน’’นฺติ วุตฺตํ. จิตฺตสฺสูปสเม รตนฺติ จิตฺตสฺส อุปสมเหตุภูเต สพฺพสงฺขารสมเถ, นิพฺพาเน, อภิรตํ. ยํ มนุสฺสา นมสฺสนฺติ, สพฺพธมฺมาน ปารคุนฺติ ยํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ สพฺเพสํ ขนฺธายตนาทิธมฺมานํ อภิฺาปารคู, ปริฺาปารคู, ปหานปารคู, ภาวนาปารคู, สจฺฉิกิริยปารคู, สมาปตฺติปารคูติ ฉธา ปารคุํ ปรมุกฺกํสคตสมฺปตฺตึ ขตฺติยปณฺฑิตาทโย มนุสฺสา นมสฺสนฺติ. ธมฺมานุธมฺมปฏิปตฺติยา ปูเชนฺตา กาเยน วาจาย มนสา จ ตนฺนินฺนา ตปฺโปณา ตปฺปพฺภารา โหนฺติ. เทวาปิ ตํ นมสฺสนฺตีติ น เกวลํ มนุสฺสา เอว, อถ โข อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ เทวาปิ ตํ นมสฺสนฺติ. อิติ เม อรหโต สุตนฺติ เอวํ มยา อารกตฺตาทีหิ การเณหิ อรหโต, ภควโต, ธมฺมเสนาปติอาทีนฺจ ‘‘สตฺถา เทวมนุสฺสาน’’นฺติอาทิกํ วทนฺตานํ สนฺติเก เอวํ สุตนฺติ ทสฺเสติ.

สพฺพสํโยชนาตีตนฺติ สพฺพานิ ทสปิ สํโยชนานิ ยถารหํ จตูหิ มคฺเคหิ สห วาสนาย อติกฺกนฺตํ. วนา นิพฺพนมาคตนฺติ กิเลสวนโต ตพฺพิรหิตํ นิพฺพนํ อุปคตํ. กาเมหิ เนกฺขมฺมรตนฺติ สพฺพโส กาเมหิ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชฺชาฌานวิปสฺสนาทิเภเท เนกฺขมฺเม อภิรตํ. มุตฺตํ เสลาว กฺจนนฺติ อสารโต นิสฺสฏสารสภาวตฺตา เสลโต นิสฺสฏกฺจนสทิสํ เทวาปิ ตํ นมสฺสนฺตีติ โยชนา.

เว อจฺจรุจิ นาโคติ โส เอกํสโต อาคุํ น กโรติ, ปุนพฺภวํ น คจฺฉติ; นาโค วิย พลวาติ. ‘‘นาโค’’ติ ลทฺธนาโม สมฺมาสมฺพุทฺโธ, อจฺจรุจีติ อตฺตโน กายรุจิยา าณรุจิยา จ สเทวกํ โลกํ อติกฺกมิตฺวา รุจิ, โสภิ. ยถา กึ? หิมวาวฺเ สิลุจฺจเย, ยถา หิ หิมวา ปพฺพตราชา อตฺตโน ถิรครุมหาสารภาวาทีหิ คุเณหิ อฺเ ปพฺพเต อติโรจติ, เอวํ อติโรจตีติ อตฺโถ. สพฺเพสํ นาคนามานนฺติ อหินาคหตฺถินาคปุริสนาคานํ , เสขาเสขปจฺเจกพุทฺธนาคานํ วา. สจฺจนาโมติ สจฺเจเนว นาคนาโม. ตํ ปน สจฺจนามตํ ‘‘น หิ อาคุํ กโรตี’’ติอาทินา สยเมว วกฺขติ.

อิทานิ พุทฺธนาคํ อวยวโต จ ทสฺเสนฺโต นามโต ตาว ทสฺเสตุํ ‘‘น หิ อาคุํ กโรติ โส’’ติ อาห. ยสฺมา อาคุํ, ปาปํ, สพฺเพน สพฺพํ น กโรติ, ตสฺมา นาโคติ อตฺโถ. โสรจฺจนฺติ สีลํ. อวิหึสาติ กรุณา. ตทุภยํ สพฺพสฺสปิ คุณราสิสฺส ปุพฺพงฺคมนฺติ, กตฺวา พุทฺธนาคสฺส ปุริมปาทภาโว ตสฺส ยุตฺโตติ อาห ‘‘ปาทา นาคสฺส เต ทุเว’’ติ.

อปรปาทภาเวน วทนฺโต ‘‘สติ จ สมฺปชฺฺจ, จรณา นาคสฺส เตปเร’’ติ อาห. ‘‘ตฺยาปเร’’ติ วา ปาโ. เต อปเรตฺเวว ปทวิภาโค. อนวชฺชธมฺมานํ อาทาเน สทฺธา หตฺโถ เอตสฺสาติ, สทฺธาหตฺโถ. สุปริสุทฺธเวทนา าณปฺปเภทา อุเปกฺขา เสตทนฺตา เต เอตสฺส อตฺถีติ, อุเปกฺขาเสตทนฺตวา.

อุตฺตมงฺคํ ปฺา, ตสฺสา อธิฏฺานํ สตีติ อาห ‘‘สติ คีวา สิโร ปฺา’’ติ. วีมํสา ธมฺมจินฺตนาติ ยถา ขาทิตพฺพาขาทิตพฺพสฺส โสณฺฑาย ปรามสนํ ฆายนฺจ หตฺถินาคสฺส วีมํสา นาม โหติ, เอวํ พุทฺธนาคสฺส กุสลาทิธมฺมจินฺตนา วีมํสา. สมา วสนฺติ เอตฺถาติ, สมาวาโส, ภาชนํ กุจฺฉิ เอว สมาวาโส, อภิฺาสมถานํ อาธานภาวโต สมถวิปสฺสนาสงฺขาโต ธมฺโม กุจฺฉิสมาวาโส เอตสฺสาติ ธมฺมกุจฺฉิสมาวาโส. วิเวโกติ อุปธิวิเวโก. ตสฺสาติ พุทฺธนาคสฺส. วาลธิ, ปริโยสานงฺคภาวโต.

ฌายีติ อารมฺมณูปนิชฺฌาเนน จ ฌายนสีโล. อสฺสาสรโตติ ปรมสฺสาสภูเต นิพฺพาเน รโต. อชฺฌตฺตํ สุสมาหิโตติ วิสยชฺฌตฺเต ผลสมาปตฺติยํ สุฏฺุ สมาหิโต ตทิทํ สมาธานํ สุฏฺุ สพฺพกาลิกนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘คจฺฉํ สมาหิโต นาโค’’ติอาทิ วุตฺตํ. ภควา หิ สวาสนสฺส อุทฺธจฺจสฺส ปหีนตฺตา วิกฺเขปาภาวโต นิจฺจํ สมาหิโตว. ตสฺมา ยํ ยํ อิริยาปถํ กปฺเปติ, ตํ ตํ สมาหิโตว กปฺเปสีติ.

สพฺพตฺถาติ, สพฺพสฺมึ โคจเร, สพฺพสฺมิฺจ ทฺวาเร สพฺพโส ปิหิตวุตฺติ. เตนาห – ‘‘สพฺพํ กายกมฺมํ าณปุพฺพงฺคมํ าณานุปริวตฺต’’นฺติอาทิ (เนตฺติ. ๑๕). เอสา นาคสฺส สมฺปทาติ เอสา ‘‘น หิ อาคุํ กโรติ โส’’ติอาทินา ‘‘สมฺพุทฺธ’’นฺติอาทินา เอว วา ยถาวุตฺตา วกฺขมานา จ พุทฺธคนฺธหตฺถิโน สมฺปตฺติ คุณปริปุณฺณา.

ภุฺชติอนวชฺชานีติ สมฺมาชีวสฺส อุกฺกํสปารมิปฺปตฺติยา ภุฺชติ อครหิตพฺพานิ, มิจฺฉาชีวสฺส สพฺพโส สวาสนานฺจ ปหีนตฺตา สาวชฺชานิ ครหิตพฺพานิ น ภุฺชติ อนวชฺชานิ ภุฺชนฺโต จ สนฺนิธึ ปริวชฺชยํ ภุฺชตีติ โยชนา.

สํโยชนนฺติ วฏฺฏทุกฺเขน สทฺธึ สนฺตานํ สํโยชนโต วฏฺเฏ โอสีทาปนสมตฺถํ ทสวิธมฺปิ สํโยชนํ. อณุํ ถูลนฺติ ขุทฺทกฺเจว มหนฺตฺจ. สพฺพํ เฉตฺวาน พนฺธนนฺติ มคฺคาเณน อนวเสสํ กิเลสพนฺธนํ ฉินฺทิตฺวา. เยน เยนาติ เยน เยน ทิสาภาเคน.

ยถา หิ อุทเก ชาตํ ปุณฺฑรีกํ อุทเก ปวฑฺฒติ โนปลิปฺปติ โตเยน, อนุปเลปสภาวตฺตา, ตเถว โลเก ชาโต พุทฺโธ โลเก วิหรติ, โนปลิปฺปติ โลเกน ตณฺหาทิฏฺิมานเลปาภาวโตติ โยชนา.

คินีติ อคฺคิ. อนาหาโรติ อนินฺธโน.

อตฺถสฺสายํ วิฺาปนีติ สตฺถุ คุณสงฺขาตสฺส อุปเมยฺยตฺถสฺส วิฺาปนี, ปกาสนี อยํ นาคูปมา. วิฺูหีติ สตฺถุ ปฏิวิทฺธจตุสจฺจธมฺมํ ปริชานนฺเตหิ อตฺตานํ สนฺธาย วทติ. วิฺิสฺสนฺตีติอาทิ การณวจนํ, ยสฺมา นาเคน มยา เทสิตํ นาคํ ตถาคตคนฺธหตฺถึ มหานาคา ขีณาสวา อตฺตโน วิสเย ตฺวา วิชานิสฺสนฺติ, ตสฺมา อฺเสํ ปุถุชฺชนานํ าปนตฺถํ อยํ อุปมา อมฺเหหิ ภาสิตาติ อธิปฺปาโย.

สรีรํวิชหํ นาโค, ปรินิพฺพิสฺสตฺยนาสโวติ โพธิมูเล สอุปาทิเสสปรินิพฺพาเนน อนาสโว สมฺมาสมฺพุทฺธนาโค, อิทานิ สรีรํ อตฺตภาวํ วิชหนฺโต ขนฺธปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพายิสฺสตีติ.

เอวํ จุทฺทสหิ อุปมาหิ มณฺเฑตฺวา, โสฬสหิ คาถาหิ, จตุสฏฺิยา ปาเทหิ สตฺถุ คุเณ วณฺเณนฺโต อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา เทสนํ นิฏฺาเปสิ.

อุทายิตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

โสฬสกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.