📜
๒๑. มหานิปาโต
๑. วงฺคีสตฺเถรคาถาวณฺณนา
สตฺตตินิปาเต ¶ ¶ นิกฺขนฺตํ วต มํ สนฺตนฺติอาทิกา อายสฺมโต วงฺคีสตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร มหาโภคกุเล นิพฺพตฺโต, ปุริมนเยเนว วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ปฏิภานวนฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา สตฺถุ อธิการกมฺมํ กตฺวา – ‘‘อหมฺปิ อนาคเต ปฏิภานวนฺตานํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ กตฺวา, สตฺถารา พฺยากโต ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วงฺคีโสติ ลทฺธนาโม ตโย เพเท อุคฺคณฺหนฺโต อาจริยํ อาราเธตฺวา, ฉวสีสมนฺตํ นาม สิกฺขิตฺวา ฉวสีสํ นเขน อาโกเฏตฺวา ‘‘อยํ สตฺโต อสุกโยนิยํ นิพฺพตฺโต’’ติ ชานาติ.
พฺราหฺมณา ‘‘อยํ อมฺหากํ ชีวิตมคฺโค’’ติ ตฺวา วงฺคีสํ คเหตฺวา ปฏิจฺฉนฺนยาเน นิสีทาเปตฺวา คามนิคมราชธานิโย วิจรนฺติ. วงฺคีโสปิ ติวสฺสมตฺถเก มตานมฺปิ สีสํ อาหราเปตฺวา นเขน อาโกเฏตฺวา ‘‘อยํ ¶ สตฺโต อสุกโยนิยํ นิพฺพตฺโต’’ติ วตฺวา มหาชนสฺส กงฺขจฺเฉทนตฺถํ เต เต ชเน อาวาเหตฺวา อตฺตโน อตฺตโน คตึ กถาเปติ. เตน ตสฺมึ มหาชโน อภิปฺปสีทติ. โส ตํ นิสฺสาย มหาชนสฺส หตฺถโต สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ ลภตีติ. พฺราหฺมณา วงฺคีสมาทาย ยถารุจึ วิจริตฺวา ปุน สาวตฺถึ อคมํสุ. วงฺคีโส สตฺถุ คุเณ สุตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตุกาโม อโหสิ. พฺราหฺมณา ‘‘สมโณ โคตโม มายาย ตํ อาวฏฺเฏสฺสตี’’ติ ปฏิกฺขิปึสุ. วงฺคีโส เตสํ วจนํ อนาทิยิตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา มธุรปฏิสนฺถารํ กตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ.
ตํ สตฺถา ปุจฺฉิ – ‘‘วงฺคีส, กิฺจิ สิปฺปํ ชานาสี’’ติ? ‘‘อาม, โภ โคตม, ฉวสีสมนฺตํ นาม ชานามิ. เตน ติวสฺสมตฺถเก มตานมฺปิ สีสํ นเขน อาโกเฏตฺวา นิพฺพตฺตฏฺานํ ชานามี’’ติ. สตฺถา ตสฺส เอกํ นิรเย นิพฺพตฺตสฺส ¶ สีสํ ทสฺเสสิ, เอกํ มนุสฺเสสุ ¶ , เอกํ เทเวสุ, เอกํ ปรินิพฺพุตสฺส สีสํ ทสฺเสสิ. โส ปมํ สีสํ อาโกเฏตฺวา, ‘‘โภ โคตม, อยํ สตฺโต นิรเย นิพฺพตฺโต’’ติ อาห. ‘‘สาธุ, วงฺคีส, สุฏฺุ ตยา ทิฏฺํ. อยํ สตฺโต กุหึ นิพฺพตฺโต’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘มนุสฺสโลเก’’ติ. ‘‘อยํ กุหิ’’นฺติ? ‘‘เทวโลเก’’ติ ติณฺณนฺนมฺปิ นิพฺพตฺตฏฺานํ กเถสิ. ปรินิพฺพุตสฺส ปน สีสํ นเขน อาโกเฏนฺโต เนว อนฺตํ น โกฏึ ปสฺสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘น สกฺโกสิ วงฺคีสา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อุปปริกฺขามิ ตาวา’’ติ ปุนปฺปุนํ ปริวตฺเตตฺวา อาโกเฏนฺโตปิ พาหิรกมนฺเตน ขีณาสวสฺส คตึ กถํ ชานิสฺสติ, อถสฺส มตฺถกโต เสโท มุจฺจิ. โส ลชฺชิตฺวา ตุณฺหีภูโต อฏฺาสิ. อถ นํ สตฺถา – ‘‘กิลมสิ, วงฺคีสา’’ติ อาห. ‘‘อาม, โภ โคตม, อิมสฺส อุปฺปนฺนฏฺานํ ชานิตุํ น สกฺโกมิ, สเจ ตุมฺเห ชานาถ, กเถถา’’ติ. ‘‘วงฺคีส, อหํ เอตมฺปิ ชานามิ, อิโต อุตฺตริตรมฺปิ ชานามี’’ติ วตฺวา –
‘‘จุตึ โย เวทิ สตฺตานํ, อุปปตฺติฺจ สพฺพโส;
อสตฺตํ สุคตํ พุทฺธํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘ยสฺส คตึ น ชานนฺติ, เทวา คนฺธพฺพมานุสา;
ขีณาสวํ อรหนฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ. (ธ. ป. ๔๑๙-๔๒๐; สุ. นิ. ๖๔๘-๖๔๙) –
อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ. วงฺคีโส ‘‘เตน หิ, โภ โคตม, ตํ วิชฺชํ เม เทถา’’ติ อปจิตึ ทสฺเสตฺวา สตฺถุ สนฺติเก นิสีทิ. สตฺถา ‘‘อมฺเหหิ สมานลิงฺคสฺส เทมา’’ติ อาห. วงฺคีโส ‘‘ยํกิฺจิ กตฺวา มยา อิมํ มนฺตํ คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ พฺราหฺมเณ อาห – ‘‘ตุมฺเห มยิ ปพฺพชนฺเต มา จินฺตยิตฺถ, อหํ มนฺตํ อุคฺคณฺหิตฺวา สกลชมฺพุทีเป เชฏฺโก ภวิสฺสามิ, ตุมฺหากมฺปิ ¶ เตน ภทฺทกเมว ภวิสฺสตี’’ติ มนฺตตฺถาย สตฺถุสนฺติกํ อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. ตทา จ เถโร นิคฺโรธกปฺโป ภควโต สนฺติเก ิโต โหติ, ตํ ภควา อาณาเปสิ – ‘‘นิคฺโรธกปฺป, อิมํ ปพฺพาเชหี’’ติ. โส สตฺถุ อาณาย ตํ ปพฺพาเชสิ. อถสฺส สตฺถา ‘‘มนฺตปริวารํ ตาว อุคฺคณฺหาหี’’ติ ทฺวตฺตึสาการกมฺมฏฺานํ วิปสฺสนากมฺมฏฺานฺจ อาจิกฺขิ. โส ทฺวตฺตึสาการํ สชฺฌายนฺโตว วิปสฺสนํ ปฏฺเปสิ. พฺราหฺมณา วงฺคีสํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กึ, โภ วงฺคีส, สมณสฺม โคตมสฺส สนฺติเก สิปฺปํ สิกฺขิต’’นฺติ ¶ ปุจฺฉึสุ. ‘‘กึ สิปฺปสิกฺขเนน, คจฺฉถ ตุมฺเห, น มยฺหํ ตุมฺเหหิ กตฺตพฺพกิจฺจ’’นฺติ. พฺราหฺมณา ‘‘ตฺวมฺปิ ทานิ สมณสฺส โคตมสฺส วสํ อาปนฺโน, มายาย อาวฏฺฏิโต, กึ มยํ ตว สนฺติเก กริสฺสามา’’ติ อาคตมคฺเคเนว ปกฺกมึสุ. วงฺคีสตฺเถโร วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๕.๙๖-๑๔๒) –
‘‘ปทุมุตฺตโร ¶ นาม ชิโน, สพฺพธมฺเมสุ จกฺขุมา;
อิโต สตสหสฺสมฺหิ, กปฺเป อุปฺปชฺชิ นายโก.
‘‘ยถาปิ สาคเร อูมิ, คคเน วิย ตารกา;
เอวํ ปาวจนํ ตสฺส, อรหนฺเตหิ จิตฺติตํ.
‘‘สเทวาสุรนาเคหิ, มนุเชหิ ปุรกฺขโต;
สมณพฺราหฺมณากิณฺเณ, ชนมชฺเฌ ชินุตฺตโม.
‘‘ปภาหิ อนุรฺชนฺโต, โลเก โลกนฺตคู ชิโน;
วจเนน วิโพเธนฺโต, เวเนยฺยปทุมานิ โส.
‘‘เวสารชฺเชหิ สมฺปนฺโน, จตูหิ ปุริสุตฺตโม;
ปหีนภยสารชฺโช, เขมปฺปตฺโต วิสารโท.
‘‘อาสภํ ปวรํ านํ, พุทฺธภูมิฺจ เกวลํ;
ปฏิชานาติ โลกคฺโค, นตฺถิ สฺโจทโก กฺวจิ.
‘‘สีหนาทมสมฺภีตํ, นทโต ตสฺส ตาทิโน;
เทวา นโร วา พฺรหฺมา วา, ปฏิวตฺตา น วิชฺชติ.
‘‘เทเสนฺโต ปวรํ ธมฺมํ, สนฺตาเรนฺโต สเทวกํ;
ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ, ปริสาสุ วิสารโท.
‘‘ปฏิภานวตํ อคฺคํ, สาวกํ สาธุสมฺมตํ;
คุณํ พหุํ ปกิตฺเตตฺวา, เอตทคฺเค เปสิ ตํ.
‘‘ตทาหํ หํสวติยํ, พฺราหฺมโณ สาธุสมฺมโต;
สพฺพเวทวิทู ชาโต, วาคีโส วาทิสูทโน.
‘‘อุเปจฺจ ตํ มหาวีรํ, สุตฺวาหํ ธมฺมเทสนํ;
ปีติวรํ ปฏิลภึ, สาวกสฺส คุเณ รโต.
‘‘นิมนฺเตตฺวาว ¶ สุคตํ, สสงฺฆํ โลกนนฺทนํ;
สตฺตาหํ โภชยิตฺวาหํ, ทุสฺเสหจฺฉาทยึ ตทา.
‘‘นิปจฺจ สิรสา ปาเท, กโตกาโส กตฺชลี;
เอกมนฺตํ ิโต หฏฺโ, สนฺถวึ ชินมุตฺตมํ.
‘‘นโม เต วาทิมทฺทน, นโม เต อิสิสตฺตม;
นโม เต สพฺพโลกคฺค, นโม เต อภยํ กร.
‘‘นโม เต มารมถน, นโม เต ทิฏฺิสูทน;
นโม เต สนฺติสุขท, นโม เต สรณํ กร.
‘‘อนาถานํ ภวํ นาโถ, ภีตานํ อภยปฺปโท;
วิสฺสามภูมิ สนฺตานํ, สรณํ สรเณสินํ.
‘‘เอวมาทีหิ ¶ สมฺพุทฺธํ, สนฺถวิตฺวา มหาคุณํ;
อโวจํ วาทิสูทสฺส, คตึ ปปฺโปมิ ภิกฺขุโน.
‘‘ตทา อโวจ ภควา, อนนฺตปฏิภานวา;
โย โส พุทฺธํ อโภเชสิ, สตฺตาหํ สหสาวกํ.
‘‘คุณฺจ เม ปกิตฺเตสิ, ปสนฺโน เสหิ ปาณิภิ;
เอโส ปตฺถยเต านํ, วาทิสูทสฺส ภิกฺขุโน.
‘‘อนาคตมฺหิ อทฺธาเน, ลจฺฉเส ตํ มโนรถํ;
เทวมานุสสมฺปตฺตึ, อนุโภตฺวา อนปฺปกํ.
‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;
โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.
‘‘ตสฺส ธมฺเมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;
วงฺคีโส นาม นาเมน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโก.
‘‘ตํ สุตฺวา มุทิโต หุตฺวา, ยาวชีวํ ตทา ชินํ;
ปจฺจเยหิ อุปฏฺาสึ, เมตฺตจิตฺโต ตถาคตํ.
‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;
ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตุสิตํ อคมาสหํ.
‘‘ปจฺฉิเม ¶ จ ภเว ทานิ, ชาโต วิปฺปกุเล อหํ;
ปจฺจาชาโต ยทา อาสึ, ชาติยา สตฺตวสฺสิโก.
‘‘สพฺพเวทวิทู ชาโต, วาทสตฺถวิสารโท;
วาทิสฺสโร จิตฺตกถี, ปรวาทปฺปมทฺทโน.
‘‘วงฺเค ชาโตติ วงฺคีโส, วจเน อิสฺสโรติ วา;
วงฺคีโส อิติ เม นามํ, อภวี โลกสมฺมตํ.
‘‘ยทาหํ วิฺุตํ ปตฺโต, ิโต ปมโยพฺพเน;
ตทา ราชคเห รมฺเม, สาริปุตฺตมหทฺทสํ.
‘‘ปิณฺฑาย วิจรนฺตํ ตํ, ปตฺตปาณึ สุสํวุตํ;
อโลลกฺขึ มิตภาณึ, ยุคมตฺตํ นิทกฺขิตํ.
‘‘ตํ ทิสฺวา วิมฺหิโต หุตฺวา, อโวจํ มมนุจฺฉวํ;
กณิการํว นิจิตํ, จิตฺตํ คาถาปทํ อหํ.
‘‘อาจิกฺขิ โส เม สตฺถารํ, สมฺพุทฺธํ โลกนายกํ;
ตทา โส ปณฺฑิโต วีโร, อุตฺตรึ สมโวจ เม.
‘‘วิราคสํหิตํ วากฺยํ, กตฺวา ทุทฺทสมุตฺตมํ;
วิจิตฺตปฏิภาเนหิ, โตสิโต เตน ตาทินา.
‘‘นิปจฺจ ¶ สิรสา ปาเท, ปพฺพาเชหีติ มํ พฺรวิ;
ตโต มํ ส มหาปฺโ, พุทฺธเสฏฺมุปานยิ.
‘‘นิปจฺจ สิรสา ปาเท, นิสีทึ สตฺถุ สนฺติเก;
มมาห วทตํ เสฏฺโ, กจฺจิ วงฺคีส ชานาสิ.
‘‘กิฺจิ สิปฺปนฺติ ตสฺสาหํ, ชานามีติ จ อพฺรวึ;
มตสีสํ วนจฺฉุทฺธํ, อปิ พารสวสฺสิกํ;
ตว วิชฺชาวิเสเสน, สเจ สกฺโกสิ วาจย.
‘‘อาโมติ เม ปฏิฺาเต, ตีณิ สีสานิ ทสฺสยิ;
นิรยนรเทเวสุ, อุปปนฺเน อวาจยึ.
‘‘ตทา ขีณาสวสฺเสว, สีสํ ทสฺเสสิ นายโก;
ตโตหํ วิหตารพฺโภ, ปพฺพชฺชํ สมยาจิสํ.
‘‘ปพฺพชิตฺวาน ¶ สุคตํ, สนฺถวามิ ตหึ ตหึ;
ตโต มํ กพฺพวิตฺโตสิ, อุชฺฌายนฺติห ภิกฺขโว.
‘‘ตโต วีมํสนตฺถํ เม, อาห พุทฺโธ วินายโก;
ตกฺกิกา ปนิมา คาถา, านโส ปฏิภนฺติ ตํ.
‘‘น กพฺพวิตฺโตหํ วีร, านโส ปฏิภนฺติ มํ;
เตน หิ ทานิ วงฺคีส, านโส สนฺถวาหิ มํ.
‘‘ตทาหํ สนฺถวึ วีรํ, คาถาหิ อิสิสตฺตมํ;
านโส เม ตทา ตุฏฺโ, ชิโน อคฺเค เปสิ มํ.
‘‘ปฏิภาเนน จิตฺเตน, อฺเสมติมฺหํ;
เปสเล เตน สํวิคฺโค, อรหตฺตมปาปุณึ.
‘‘ปฏิภานวตํ อคฺโค, อฺโ โกจิ น วิชฺชติ;
ยถายํ ภิกฺขุ วงฺคีโส, เอวํ ธาเรถ ภิกฺขโว.
‘‘สตสหสฺเส กตํ กมฺมํ, ผลํ ทสฺเสสิ เม อิธ;
สุมุตฺโต สรเวโคว, กิเลเส ฌาปยึ มม.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ, ภวา สพฺเพ สมูหตา;
นาโคว พนฺธนํ เฉตฺวา, วิหรามิ อนาสโว.
‘‘สฺวาคตํ วต เม อาสิ, พุทฺธเสฏฺสฺส สนฺติเก;
ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํ.
‘‘ปฏิสมฺภิทา จตสฺโส, วิโมกฺขาปิ จ อฏฺิเม;
ฉฬภิฺา สจฺฉิกตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหา ¶ ปน หุตฺวา เถโร สตฺถุ สนฺติกํ คจฺฉนฺโต จกฺขุปถโต ปฏฺาย จนฺเทน, สูริเยน, อากาเสน, มหาสมุทฺเทน, สิเนรุนา ปพฺพตราเชน, สีเหน มิครฺา, หตฺถินาเคนาติ เตน เตน สทฺธึ อุปเมนฺโต อเนเกหิ ปทสเตหิ สตฺถารํ วณฺเณนฺโตว อุปคจฺฉติ. เตน ตํ สตฺถา สงฺฆมชฺเฌ นิสินฺโน ปฏิภานวนฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปสิ. อถ เถเรน อรหตฺตปฺปตฺติโต ปุพฺเพ จ ปจฺฉา จ ตํ ตํ จิตฺตํ อาคมฺม ภาสิตา. เถรํ อุทฺทิสฺส อานนฺทตฺเถราทีหิ ภาสิตา จ –
‘‘นิกฺขนฺตํ ¶ วต มํ สนฺตํ, อคารสฺมานคาริยํ;
วิตกฺกา อุปธาวนฺติ, ปคพฺภา กณฺหโต อิเม.
‘‘อุคฺคปุตฺตา มหิสฺสาสา, สิกฺขิตา ทฬฺหธมฺมิโน;
สมนฺตา ปริกิเรยฺยุํ, สหสฺสํ อปลายินํ.
‘‘สเจปิ เอตฺตกา ภิยฺโย, อาคมิสฺสนฺติ อิตฺถิโย;
เนว มํ พฺยาธยิสฺสนฺติ, ธมฺเม สมฺหิ ปติฏฺิโต.
‘‘สกฺขี หิ เม สุตํ เอตํ, พุทฺธสฺสาทิจฺจพนฺธุโน;
นิพฺพานคมนํ มคฺคํ, ตตฺถ เม นิรโต มโน.
‘‘เอวฺเจ มํ วิหรนฺตํ, ปาปิม อุปคจฺฉสิ;
ตถา มจฺจุ กริสฺสามิ, น เม มคฺคมฺปิ ทกฺขสิ.
‘‘อรติฺจ ¶ รติฺจ ปหาย, สพฺพโส เคหสิตฺจ วิตกฺกํ;
วนถํ น กเรยฺย กุหิฺจิ, นิพฺพนโถ อวนโถ ส ภิกฺขุ.
‘‘ยมิธ ปถวิฺจ เวหาสํ, รูปคตํ ชคโตคธํ กิฺจิ;
ปริชียติ สพฺพมนิจฺจํ, เอวํ สเมจฺจ จรนฺติ มุตตฺตา.
‘‘อุปธีสุ ชนา คธิตาเส, ทิฏฺสุเต ปฏิเฆ จ มุเต จ;
เอตฺถ วิโนทย ฉนฺทมเนโช, โย เหตฺถ น ลิมฺปติ มุนิ ตมาหุ.
‘‘อถ สฏฺิสิตา สวิตกฺกา, ปุถุชฺชนตาย อธมฺมา นิวิฏฺา;
น จ วคฺคคตสฺส กุหิฺจิ, โน ปน ทุฏฺุลฺลคาหี ส ภิกฺขุ.
‘‘ทพฺโพ ¶ จิรรตฺตสมาหิโต, อกุหโก นิปโก อปิหาลุ;
สนฺตํ ปทํ อชฺฌคมา มุนิ, ปฏิจฺจ ปรินิพฺพุโต กงฺขติ กาลํ.
‘‘มานํ ปชหสฺสุ โคตม, มานปถฺจ ชหสฺสุ อเสสํ;
มานปถมฺหิ ส มุจฺฉิโต, วิปฺปฏิสารีหุวา จิรรตฺตํ.
‘‘มกฺเขน มกฺขิตา ปชา, มานหตา นิรยํ ปปตนฺติ;
โสจนฺติ ชนา จิรรตฺตํ, มานหตา นิรยํ อุปปนฺนา.
‘‘น ¶ หิ โสจติ ภิกฺขุ กทาจิ, มคฺคชิโน สมฺมา ปฏิปนฺโน;
กิตฺติฺจ สุขฺจานุโภติ, ธมฺมทโสติ ตมาหุ ตถตฺตํ.
‘‘ตสฺมา ¶ อขิโล อิธ ปธานวา, นีวรณานิ ปหาย วิสุทฺโธ;
มานฺจ ปหาย อเสสํ, วิชฺชายนฺตกโร สมิตาวี.
‘‘กามราเคน ฑยฺหามิ, จิตฺตํ เม ปริฑยฺหติ;
สาธุ นิพฺพาปนํ พฺรูหิ, อนุกมฺปาย โคตม.
‘‘สฺาย วิปริเยสา, จิตฺตํ เต ปริฑยฺหติ;
นิมิตฺตํ ปริวชฺเชหิ, สุภํ ราคูปสํหิตํ.
‘‘อสุภาย จิตฺตํ ภาเวหิ, เอกคฺคํ สุสมาหิตํ;
สติ กายคตา ตฺยตฺถุ, นิพฺพิทาพหุโล ภว.
‘‘อนิมิตฺตฺจ ภาเวหิ, มานานุสยมุชฺชห;
ตโต มานาภิสมยา, อุปสนฺโต จริสฺสสิ.
‘‘ตเมว ¶ วาจํ ภาเสยฺย, ยายตฺตานํ น ตาปเย;
ปเร จ น วิหึเสยฺย, สา เว วาจา สุภาสิตา.
‘‘ปิยวาจเมว ภาเสยฺย, ยา วาจา ปฏินนฺทิตา;
ยํ อนาทาย ปาปานิ, ปเรสํ ภาสเต ปิยํ.
‘‘สจฺจํ เว อมตา วาจา, เอส ธมฺโม สนนฺตโน;
สจฺเจ อตฺเถ จ ธมฺเม จ, อาหุ สนฺโต ปติฏฺิตา.
‘‘ยํ พุทฺโธ ภาสติ วาจํ, เขมํ นิพฺพานปตฺติยา;
ทุกฺขสฺสนฺตกิริยาย, สา เว วาจานมุตฺตมา.
‘‘คมฺภีรปฺโ เมธาวี, มคฺคามคฺคสฺส โกวิโท;
สาริปุตฺโต มหาปฺโ, ธมฺมํ เทเสติ ภิกฺขุนํ.
‘‘สํขิตฺเตนปิ เทเสติ, วิตฺถาเรนปิ ภาสติ;
สาลิกายิว นิคฺโฆโส, ปฏิภานํ อุทิยฺยติ.
‘‘ตสฺส ตํ เทสยนฺตสฺส, สุณนฺติ มธุรํ คิรํ;
สเรน รชนีเยน, สวนีเยน วคฺคุนา;
อุทคฺคจิตฺตา มุทิตา, โสตํ โอเธนฺติ ภิกฺขโว.
‘‘อชฺช ปนฺนรเส วิสุทฺธิยา, ภิกฺขู ปฺจสตา สมาคตา;
สํโยชนพนฺธนจฺฉิทา, อนีฆา ขีณปุนพฺภวา อิสี.
‘‘จกฺกวตฺตี ¶ ¶ ยถา ราชา, อมจฺจปริวาริโต;
สมนฺตา อนุปริเยติ, สาครนฺตํ มหึ อิมํ.
‘‘เอวํ วิชิตสงฺคามํ, สตฺถวาหํ อนุตฺตรํ;
สาวกา ปยิรุปาสนฺติ, เตวิชฺชา มจฺจุหายิโน.
‘‘สพฺเพ ภควโต ปุตฺตา, ปลาเปตฺถ น วิชฺชติ;
ตณฺหาสลฺลสฺส หนฺตารํ, วนฺเท อาทิจฺจพนฺธุนํ.
‘‘ปโรสหสฺสํ ภิกฺขูนํ, สุคตํ ปยิรุปาสติ;
เทเสนฺตํ วิรชํ ธมฺมํ, นิพฺพานํ อกุโตภยํ.
‘‘สุณนฺติ ¶ ธมฺมํ วิมลํ, สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิตํ;
โสภติ วต สมฺพุทฺโธ, ภิกฺขุสงฺฆปุรกฺขโต.
‘‘นาคนาโมสิ ภควา, อิสีนํ อิสิสตฺตโม;
มหาเมโฆว หุตฺวาน, สาวเก อภิวสฺสสิ.
‘‘ทิวา วิหารา นิกฺขมฺม, สตฺถุทสฺสนกมฺยตา;
สาวโก เต มหาวีร, ปาเท วนฺทติ วงฺคิโส.
‘‘อุมฺมคฺคปถํ มารสฺส, อภิภุยฺย จรติ ปภิชฺช ขีลานิ;
ตํ ปสฺสถ พนฺธปมฺุจ กรํ, อสิตํว ภาคโส ปวิภชฺช.
‘‘โอฆสฺส หิ นิตรณตฺถํ, อเนกวิหิตํ มคฺคํ อกฺขาสิ;
ตสฺมิฺจ อมเต อกฺขาเต, ธมฺมทสา ิตา อสํหีรา.
‘‘ปชฺโชตกโร อติวิชฺฌ, สพฺพิตีนํ อติกฺกมมทฺทส;
ตฺวา จ สจฺฉิกตฺวา จ, อคฺคํ โส เทสยิ ทสทฺธานํ.
‘‘เอวํ สุเทสิเต ธมฺเม, โก ปมาโท วิชานตํ ธมฺมํ;
ตสฺมา หิ ตสฺส ภควโต สาสเน, อปฺปมตฺโต สทา นมสฺสมนุสิกฺเข.
‘‘พุทฺธานุพุทฺโธ โย เถโร, โกณฺฑฺโ ติพฺพนิกฺกโม;
ลาภี สุขวิหารานํ, วิเวกานํ อภิณฺหโส.
‘‘ยํ สาวเกน ปตฺตพฺพํ, สตฺถุ สาสนการินา;
สพฺพสฺส ตํ อนุปฺปตฺตํ, อปฺปมตฺตสฺส สิกฺขโต.
‘‘มหานุภาโว ¶ เตวิชฺโช, เจโตปริยโกวิโท;
โกณฺฑฺโ พุทฺธทายาโท, ปาเท วนฺทติ สตฺถุโน.
‘‘นคสฺส ¶ ปสฺเส อาสีนํ, มุนึ ทุกฺขสฺส ปารคุํ;
สาวกา ปยิรุปาสนฺติ, เตวิชฺชา มจฺจุหายิโน.
‘‘เจตสา ¶ อนุปริเยติ, โมคฺคลฺลาโน มหิทฺธิโก;
จิตฺตํ เนสํ สมนฺเวสํ, วิปฺปมุตฺตํ นิรูปธึ.
‘‘เอวํ สพฺพงฺคสมฺปนฺนํ, มุนึ ทุกฺขสฺส ปารคุํ;
อเนกาการสมฺปนฺนํ, ปยิรุปาสนฺติ โคตมํ.
‘‘จนฺโท ยถา วิคตวลาหเก นเภ, วิโรจติ วีตมโลว ภาณุมา;
เอวมฺปิ องฺคีรส ตฺวํ มหามุนิ, อติโรจสิ ยสสา สพฺพโลกํ.
‘‘กาเวยฺยมตฺตา วิจริมฺห ปุพฺเพ, คามา คามํ ปุรา ปุรํ;
อถทฺทสาม สมฺพุทฺธํ, สพฺพธมฺมาน ปารคุํ.
‘‘โส เม ธมฺมมเทเสสิ, มุนิ ทุกฺขสฺส ปารคู;
ธมฺมํ สุตฺวา ปสีทิมฺห, สทฺธา โน อุทปชฺชถ.
‘‘ตสฺสาหํ วจนํ สุตฺวา, ขนฺเธ อายตนานิ จ;
ธาตุโย จ วิทิตฺวาน, ปพฺพชึ อนคาริยํ.
‘‘พหูนํ วต อตฺถาย, อุปฺปชฺชนฺติ ตถาคตา;
อิตฺถีนํ ปุริสานฺจ, เย เต สาสนการกา.
‘‘เตสํ โข วต อตฺถาย, โพธิมชฺฌคมา มุนิ;
ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนฺจ, เย นิยามคตทฺทสา.
‘‘สุเทสิตา จกฺขุมตา, พุทฺเธนาทิจฺจพนฺธุนา;
จตฺตาริ อริยสจฺจานิ, อนุกมฺปาย ปาณินํ.
‘‘ทุกฺขํ ทุกฺขสมุปฺปาทํ, ทุกฺขสฺส จ อติกฺกมํ;
อริยํ จฏฺงฺคิกํ มคฺคํ, ทุกฺขูปสมคามินํ.
‘‘เอวเมเต ¶ ตถา วุตฺตา, ทิฏฺา เม เต ยถา ตถา;
สทตฺโถ เม อนุปฺปตฺโต, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํ.
‘‘สฺวาคตํ วต เม อาสิ, มม พุทฺธสฺส สนฺติเก;
สุวิภตฺเตสุ ธมฺเมสุ, ยํ เสฏฺํ ตทุปาคมึ.
‘‘อภิฺาปารมิปฺปตฺโต, โสตธาตุ วิโสธิตา;
เตวิชฺโช อิทฺธิปตฺโตมฺหิ, เจโตปริยโกวิโท.
‘‘ปุจฺฉามิ ¶ สตฺถารมโนมปฺํ, ทิฏฺเว ธมฺเม โย วิจิกิจฺฉานํ เฉตฺตา;
อคฺคาฬเว กาลมกาสิ ภิกฺขุ, าโต ยสสฺสี อภินิพฺพุตตฺโต.
‘‘นิคฺโรธกปฺโป อิติ ตสฺส นามํ, ตยา กตํ ภควา พฺราหฺมณสฺส;
โส ตํ นมสฺสํ อจริ มุตฺยเปโข, อารทฺธวีริโย ทฬฺหธมฺมทสฺสี.
‘‘ตํ ¶ สาวกํ สกฺก มยมฺปิ สพฺเพ, อฺาตุมิจฺฉาม สมนฺตจกฺขุ;
สมวฏฺิตา โน สวนาย โสตา, ตุวํ โน สตฺถา ตฺวมนุตฺตโรสิ.
‘‘ฉินฺท โน วิจิกิจฺฉํ พฺรูหิ เมตํ, ปรินิพฺพุตํ เวทย ภูริปฺ;
มชฺเฌว โน ภาส สมนฺตจกฺขุ, สกฺโกว เทวาน สหสฺสเนตฺโต.
‘‘เย เกจิ คนฺถา อิธ โมหมคฺคา, อฺาณปกฺขา วิจิกิจฺฉานา;
ตถาคตํ ปตฺวา น เต ภวนฺติ, จกฺขฺุหิ เอตํ ปรมํ นรานํ.
‘‘โน ¶ เจ หิ ชาตุ ปุริโส กิเลเส, วาโต ยถา อพฺภฆนํ วิหาเน;
ตโมวสฺส นิวุโต สพฺพโลโก, โชติมนฺโตปิ น ปภาเสยฺยุํ.
‘‘ธีรา จ ปชฺโชตกรา ภวนฺติ, ตํ ตํ อหํ วีร ตเถว มฺเ;
วิปสฺสินํ ชานมุปาคมิมฺห, ปริสาสุ โน อาวิกโรหิ กปฺปํ.
‘‘ขิปฺปํ คิรํ เอรย วคฺคุ วคฺคุํ, หํโสว ปคฺคยฺห สณิกํ นิกูช;
พินฺทุสฺสเรน สุวิกปฺปิเตน, สพฺเพว เต อุชฺชุคตา สุโณม.
‘‘ปหีนชาติมรณํ อเสสํ, นิคฺคยฺห โธนํ วเทสฺสามิ ธมฺมํ;
น กามกาโร หิ ปุถุชฺชนานํ, สงฺเขยฺยกาโร จ ตถาคตานํ.
‘‘สมฺปนฺนเวยฺยากรณํ ¶ ตเวทํ, สมุชฺชุปฺสฺส สมุคฺคหีตํ;
อยมฺชลิ ปจฺฉิโม สุปฺปณามิโต, มา โมหยี ชานมโนมปฺ.
‘‘ปโรปรํ อริยธมฺมํ วิทิตฺวา, มา โมหยี ชานมโนมวีริย;
วารึ ยถา ฆมฺมนิ ฆมฺมตตฺโต, วาจาภิกงฺขามิ สุตํ ปวสฺส.
‘‘ยทตฺถิกํ พฺรหฺมจริยํ อจรี, กปฺปายโน กจฺจิสฺสตํ อโมฆํ;
นิพฺพายิ โส อาทุ สอุปาทิเสโส, ยถา วิมุตฺโต อหุ ตํ สุโณม.
‘‘อจฺเฉจฺฉิ ¶ ตณฺหํ อิธ นามรูเป, (อิติ ภควา,)
กณฺหสฺส โสตํ ทีฆรตฺตานุสยิตํ;
อตาริ ชาตึ มรณํ อเสสํ, อิจฺจพฺรวิ ภควา ปฺจเสฏฺโ.
‘‘เอส สุตฺวา ปสีทามิ, วโจ เต อิสิสตฺตม;
อโมฆํ กิร เม ปุฏฺํ, น มํ วฺเจสิ พฺราหฺมโณ.
‘‘ยถา วาที ตถา การี, อหุ พุทฺธสฺส สาวโก;
อจฺเฉจฺฉิ มจฺจุโน ชาลํ, ตตํ มายาวิโน ทฬฺหํ.
‘‘อทฺทส ภควา อาทึ, อุปาทานสฺส กปฺปิโย;
อจฺจคา วต กปฺปาโน, มจฺจุเธยฺยํ สุทุตฺตรํ.
‘‘ตํ ¶ เทวเทวํ วนฺทามิ, ปุตฺตํ เต ทฺวิปทุตฺตม;
อนุชาตํ มหาวีรํ, นาคํ นาคสฺส โอรส’’นฺติ. –
อิมา คาถา สงฺคีติกาเล เอกชฺฌํ กตฺวา สงฺคหํ อาโรปิตา. ตตฺถ ‘‘นิกฺขนฺตํ วต มํ สนฺต’’นฺติอาทโย ปฺจ คาถา อายสฺมา วงฺคีโส นโว อจิรปพฺพชิโต หุตฺวา วิหารํ อุปคตา อลงฺกตปฏิยตฺตา สมฺพหุลา อิตฺถิโย ทิสฺวา อุปฺปนฺนราโค ตํ วิโนเทนฺโต อภาสิ.
ตตฺถ นิกฺขนฺตํ วต มํ สนฺตํ, อคารสฺมานคาริยนฺติ อคารโต นิกฺขนฺตํ อนคาริยํ ปพฺพชิตํ มํ สมานํ. วิตกฺกาติ กามวิตกฺกาทโย ปาปวิตกฺกา. อุปธาวนฺตีติ มม จิตฺตํ อุปคจฺฉนฺติ. ปคพฺภาติ ปาคพฺภิยยุตฺตา วสิโน. ‘‘อยํ เคหโต นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิโต, นยิมํ อนุทฺธํสิตุํ ยุตฺต’’นฺติ เอวํ อปริหารโต นิลฺลชฺชา. กณฺหโตติ ¶ กาฬโต, ลามกภาวโตติ อตฺโถ. อิเมติ เตสํ อตฺตโน ปจฺจกฺขตา วุตฺตา.
อสุทฺธชีวิโน ปริวารยุตฺตา มนุสฺสา อุคฺคกิจฺจตาย ‘‘อุคฺคา’’ติ วุจฺจนฺติ, เตสํ ปุตฺตา อุคฺคปุตฺตา. มหิสฺสาสาติ มหาอิสฺสาสา. สิกฺขิตาติ ทฺวาทส วสฺสานิ อาจริยกุเล อุคฺคหิตสิปฺปา. ทฬฺหธมฺมิโนติ, ทฬฺหธนุโน ¶ . ทฬฺหธนุ นาม ทฺวิสหสฺสถามํ วุจฺจติ. ทฺวิสหสฺสถามนฺติ, จ ยสฺส อาโรปิตสฺส ชิยาย พนฺโธ โลหสีสาทีนํ ภาโร ทณฺเฑ คเหตฺวา ยาว กณฺฑปมาณา นภํ อุกฺขิตฺตสฺส ปถวิโต มุจฺจติ. สมนฺตา ปริกิเรยฺยุนฺติ สมนฺตโต กณฺเฑ ขิเปยฺยุํ. กิตฺตกาติ เจ อาห ‘‘สหสฺสํ อปลายิน’’นฺติ. ยุทฺเธ อปรํ มุขานํ สหสฺสมตฺตานํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สิกฺขิตา กตหตฺถา อุคฺคา ทฬฺหธนุโน มหิสฺสาสา อุคฺคปุตฺตา สหสฺสมตฺตา กทาจิปิ ยุทฺเธ ปราชยํ อปตฺตา อปฺปมตฺตา สมนฺตโต ตฺวา ถมฺภํ อุปนิสฺสาย สเจปิ วสฺเสยฺยุํ. ตาทิเสหิปิ อิสฺสาสสหสฺเสหิ สมนฺตา สเร ปริกิรียนฺเต สุสิกฺขิโต ปุริโส ทณฺฑํ คเหตฺวา สพฺเพ สเร อตฺตโน สรีเร อปตมาเน กตฺวา ปาทมูเล ปาเตยฺย. ตตฺถ เอโกปิ อิสฺสาโส ทฺเว สเร เอกโต ขิปนฺโต นาม นตฺถิ. อิตฺถิโย ปน รูปารมฺมณาทิวเสน ปฺจ ปฺจ สเร เอกโต ขิปนฺติ, เอวํ ขิปนฺติโย. เอตฺตกา ภิยฺโยติ อิมาหิ อิตฺถีหิ ภิยฺโยปิ พหู อิตฺถิโย อตฺตโน อิตฺถิกุตฺตหาสภาวาทิโต วิธํเสนฺติ.
สกฺขี หิ เม สุตํ เอตนฺติ สมฺมุขา มยา เอตํ สุตํ. นิพฺพานคมนํ มคฺคนฺติ ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตํ, นิพฺพานคามิมคฺโคติ อตฺโถ, วิปสฺสนํ สนฺธายาห. ตตฺถ เม นิรโต มโนติ ตสฺมึ วิปสฺสนามคฺเค มยฺหํ จิตฺตํ นิรตํ.
เอวฺเจ ¶ มํ วิหรนฺตนฺติ เอวํ อนิจฺจอสุภชฺฌานภาวนาย จ วิปสฺสนาภาวนาย จ วิหรนฺตํ มํ. ปาปิมาติ กิเลสมารํ อาลปติ. ตถา มจฺจุ กริสฺสามิ, น เม มคฺคมฺปิ ทกฺขสีติ มยา กตํ มคฺคมฺปิ ยถา น ปสฺสสิ, ตถา มจฺจุ อนฺตํ กริสฺสามีติ โยชนา.
อรติฺจาติอาทิกา ปฺจ คาถา อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปนฺเน อรติอาทิเก วิโนเทนฺเตน วุตฺตา. ตตฺถ อรตินฺติ อธิกุสเลสุ ธมฺเมสุ ปนฺตเสนาสเนสุ จ อุกฺกณฺนํ. รตินฺติ ปฺจกามคุณรตึ. ปหายาติ ปชหิตฺวา. สพฺพโส เคหสิตฺจ วิตกฺกนฺติ, เคหนิสฺสิตํ ปุตฺตทาราทิปฏิสํยุตฺตํ าติวิตกฺกาทิฺจ มิจฺฉาวิตกฺกํ อนวเสสโต ปหาย. วนถํ น กเรยฺย กุหิฺจีติ อชฺฌตฺติกพาหิรปฺปเภเท สพฺพสฺมึ วตฺถุสฺมึ ตณฺหํ น กเรยฺยํ. นิพฺพนโถ อวนโถ ส ภิกฺขูติ โย หิ สพฺเพน สพฺพํ ¶ นิตฺตณฺโห ¶ , ตโต เอว กตฺถจิปิ นนฺทิยา อภาวโต อวนโถ, โส ภิกฺขุ นาม สํสาเร ภยสฺส สมฺมเทว อิกฺขณตาย ภินฺนกิเลสตาย จาติ อตฺโถ.
ยมิธ ปถวิฺจ เวหาสํ, รูปคตํ ชคโตคธํ กิฺจีติ ยํกิฺจิ อิธ ปถวีคตํ ภูมินิสฺสิตํ เวหาสํ เวหาสฏฺํ เทวโลกนิสฺสิตํ รูปคตํ รูปชาตํ รุปฺปนสภาวํ ชคโตคธํ โลกิกํ ภวตฺตยปริยาปนฺนํ สงฺขตํ. ปริชียติ สพฺพมนิจฺจนฺติ สพฺพํ ตํ ชราภิภูตํ, ตโต เอว อนิจฺจํ ตโต เอว ทุกฺขํ อนตฺตาติ เอวํ ติลกฺขณาโรปนํ อาห. อยํ เถรสฺส มหาวิปสฺสนาติ วทนฺติ. เอวํ สเมจฺจ จรนฺติ มุตตฺตาติ เอวํ สเมจฺจ อภิสเมจฺจ วิปสฺสนาปฺาสหิตาย มคฺคปฺาย ปฏิวิชฺฌิตฺวา มุตตฺตา ปริฺาตตฺตภาวา ปณฺฑิตา จรนฺติ วิหรนฺติ.
อุปธีสูติ ขนฺธูปธิอาทีสุ. ชนาติ อนฺธปุถุชฺชนา. คธิตาเสติ ปฏิพทฺธจิตฺตา. เอตฺถ หิ วิเสสโต กามคุณูปธีสุ ฉนฺโท อปเนตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต อาห ทิฏฺสุเต ปฏิเฆ จ มุเต จาติ. ทิฏฺสุเตติ ทิฏฺเ เจว สุเต จ, รูปสทฺเทสูติ อตฺโถ. ปฏิเฆติ ฆฏฺฏนีเย โผฏฺพฺเพ. มุเตติ วุตฺตาวเสเส มุเต, คนฺธรเสสูติ วุตฺตํ โหติ. สารตฺถปกาสนิยํ (สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๑๐) ‘‘ปฏิฆปเทน คนฺธรสา คหิตา, มุตปเทน โผฏฺพฺพารมฺมณ’’นฺติ วุตฺตํ. เอตฺถ วิโนทย ฉนฺทมเนโชติ เอตสฺมึ ทิฏฺาทิเภเท ปฺจกามคุเณ กามจฺฉนฺทํ วิโนเทหิ, ตถา สติ สพฺพตฺถ อเนโช อวิกปฺโป ภวสิ. โย เหตฺถ น ลิมฺปติ มุนิ ตมาหูติ โย หิ เอตฺถ กามคุเณ ตณฺหาเลเปน น ลิมฺปติ, ตํ โมเนยฺยธมฺมฏฺโต ‘‘มุนี’’ติ ปณฺฑิตา วทนฺติ. ‘‘อถ สฏฺิสิตา’’ติ ปาฬีติ อธิปฺปาเยน เกจิ ‘‘สฏฺิธมฺมารมฺมณนิสฺสิตา’’ติ อตฺถํ วทนฺติ. ‘‘อฏฺสฏฺิสิตา ¶ สวิตกฺกา’’ติ ปน ปาฬิ, อปฺปกฺหิ อูนํ อธิกํ วา น คณนูปคํ โหตีติ. อฏฺสฏฺิสิตาติ ทฺวาสฏฺิทิฏฺิคตสนฺนิสฺสิตา มิจฺฉาวิตกฺกาติ อตฺโถติ เกจิ วทนฺติ. ทิฏฺิคติกา จ สตฺตาวาสาภาวลทฺธึ อชฺฌูปคตาติ อธิจฺจสมุปฺปนฺนวาทํ เปตฺวา อิตเรสํ วเสน ‘‘อถ สฏฺิสิตา สวิตกฺกา’’ติ วุตฺตํ. ยถา หิ ตณฺหาเลปาภาเวน ภิกฺขูติ วุจฺจติ, เอวํ ทิฏฺิเลปาภาเวนปีติ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ สฏฺิสิตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปุถุชฺชนตาย อธมฺมา ¶ นิวิฏฺาติ ¶ เต ปน มิจฺฉาวิตกฺกา นิจฺจาทิคาหวเสน อธมฺมา ธมฺมโต อเปตา ปุถุชฺชนตายํ อนฺธพาเล นิวิฏฺา อภินิวิฏฺา. น จ วคฺคคตสฺส กุหิฺจีติ ยตฺถ กตฺถจิ วตฺถุสฺมึ สสฺสตวาทาทิมิจฺฉาทิฏฺิวคฺคคโต, ตํลทฺธิโก น จ อสฺส ภเวยฺย. อฏฺกถายํ (สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๑๐) ปน ‘‘อถ สฏฺิสิตา สวิตกฺกา, ปุถู ชนตาย อธมฺมา นิวิฏฺา’’ติ ปทํ อุทฺธริตฺวา อถ ฉ อารมฺมณนิสฺสิตา ปุถู อธมฺมวิตกฺกา ชนตาย นิวิฏฺาติ วุตฺตํ. ตถา น จ วคฺคคตสฺส กุหิฺจีติ เตสํ วเสน น กตฺถจิ กิเลสวคฺคคโต ภเวยฺยาติ จ วุตฺตํ. โน ปน ทุฏฺุลฺลคาหี ส ภิกฺขูติ โย กิเลเสหิ ทูสิตตฺตา อติวิย ทุฏฺุลฺลตา จ ทุฏฺุลฺลานํ มิจฺฉาวาทานํ คณฺหนสีโล จ โน อสฺส โน ภเวยฺย, โส ภิกฺขุ นาม โหตีติ.
ทพฺโพติ ทพฺพชาติโก ปณฺฑิโต. จิรรตฺตสมาหิโตติ จิรกาลโต ปฏฺาย สมาหิโต. อกุหโกติ โกหฺรหิโต อสโ อมายาวี. นิปโกติ นิปุโณ เฉโก. อปิหาลูติ นิตฺตณฺโห. สนฺตํ ปทํ อชฺฌคมาติ, นิพฺพานํ อธิคโต. โมเนยฺยธมฺมสมนฺนาคตโต มุนิ. ปรินิพฺพุโตติ อารมฺมณกรณวเสน นิพฺพานํ ปฏิจฺจ สอุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุโต. กงฺขติ กาลนฺติ อิทานิ อนุปาทิเสสนิพฺพานตฺถาย กาลํ อาคเมติ. น ตสฺส กิฺจิ กรณียํ อตฺถิ, ยถา เอทิโส ภวิสฺสติ, ตถา อตฺตานํ สมฺปาเทตีติ อธิปฺปาโย.
มานํ ปชหสฺสูติอาทโย จตสฺโส คาถา ปฏิภานสมฺปตฺตึ นิสฺสาย อตฺตโน ปวตฺตมานํ มานํ วิโนเทนฺเตน วุตฺตา. ตตฺถ มานํ ปชหสฺสูติ เสยฺยมานาทินววิธํ มานํ ปริจฺจช. โคตมาติ โคตมโคตฺตสฺส ภควโต สาวกตฺตา อตฺตานํ โคตมโคตฺตํ กตฺวา อาลปติ. มานปถนฺติ มานสฺส ปวตฺติฏฺานภูตํ อโยนิโสมนสิการปริกฺขิตฺตํ ชาติอาทึ ตปฺปฏิพทฺธกิเลสปฺปหาเนน ชหสฺสุ ปชห. อเสสนฺติ สพฺพเมว. มานปถมฺหิ ส มุจฺฉิโตติ มานวตฺถุนิมิตฺตํ มุจฺฉํ อาปนฺโน. วิปฺปฏิสารีหุวา จิรรตฺตนฺติ อิมสฺมึ มานปถานุโยคกฺขเณ วีติวตฺเต ปุพฺเพว อรหตฺตํ ปาปุณิสฺส, ‘‘นฏฺโหมสฺมี’’ติ วิปฺปฏิสารี อหุวา อโหสิ.
มกฺเขน ¶ ¶ มกฺขิตา ปชาติ สูราทินา อตฺตานํ อุกฺกํเสตฺวา ปเร วมฺเภตฺวา ปรคุณมกฺขนลกฺขเณน มกฺเขน ปิสิตตฺตา มกฺขี. ปุคฺคโล หิ ยถา ยถา ปเรสํ คุเณ มกฺเขติ, ตถา ตถา อตฺตโน คุเณ ปฺุชติ นิรากโรติ นาม. มานหตาติ มาเนน หตคุณา. นิรยํ ปปตนฺตีติ นิรยํ อุปปชฺชนฺติ.
มคฺคชิโนติ มคฺเคน วิชิตกิเลโส. กิตฺติฺจ สุขฺจาติ วิฺูหิ ปสํสิตฺจ กายิกเจตสิกสุขฺจ อนุโภตีติ ปฏิลภติ. ธมฺมทโสติ ตมาหุ ตถตฺตนฺติ ตํ ตถภาวํ สมฺมาปฏิปนฺนํ ยาถาวโต ธมฺมทสฺสีติ ปณฺฑิตา อาหุ.
อขิโลติ ปฺจเจโตขิลรหิโต. ปธานวาติ สมฺมปฺปธานวีริยสมฺปนฺโน. วิสุทฺโธติ นีวรณสงฺขาตวลาหกาปคเมน วิสุทฺธมานโส ¶ . อเสสนฺติ นววิธมฺปิ มานํ อคฺคมคฺเคน ปชหิตฺวา. วิชฺชายนฺตกโร สมิตาวีติ สพฺพโส สมิตกิเลโส ติวิธาย วิชฺชาย ปริโยสานปฺปตฺโต โหตีติ อตฺตานํ โอวทติ.
อเถกทิวสํ อายสฺมา อานนฺโท อฺตเรน ราชมหามตฺเตน นิมนฺติโต ปุพฺพณฺหสมยํ ตสฺส เคหํ คนฺตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ อายสฺมตา วงฺคีเสน ปจฺฉาสมเณน. อถ ตสฺมึ เคเห อิตฺถิโย สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตา เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา, วนฺทิตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ, ธมฺมํ สุณนฺติ. อถายสฺมโต วงฺคีสสฺส นวปพฺพชิตสฺส อารมฺมณํ ปริคฺคเหตุํ อสกฺโกนฺตสฺส วิสภาคารมฺมเณ ราโค อุปฺปชฺชิ. โส สทฺโธ อุชุชาติโก กุลปุตฺโต ‘‘อยํ เม ราโค วฑฺฒิตฺวา ทิฏฺธมฺมิกํ สมฺปรายิกมฺปิ อตฺถํ นาเสยฺยา’’ติ จินฺเตตฺวา ยถานิสินฺโนว เถรสฺส อตฺตโน ปวตฺตึ อาวิกโรนฺโต ‘‘กามราเคนา’’ติ คาถมาห. ตตฺถ ยทิปิ กิเลสรชฺชนปริฬาโห กายมฺปิ พาธติ, จิตฺตํ ปน พาเธนฺโต จิรตรํ พาเธตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘กามราเคน ฑยฺหามี’’ติ วตฺวา ‘‘จิตฺตํ เม ปริฑยฺหตี’’ติ วุตฺตํ. นิพฺพาปนนฺติ ราคนิพฺพาปนการณํ ราคปริฬาหสฺส นิพฺพาปนสมตฺถํ โอวาทํ กโรหีติ อตฺโถ.
สฺาย วิปริเยสาติอาทิกา คาถา เตน ยาจิเตน อายสฺมตา อานนฺเทน วุตฺตา. วิปริเยสาติ วิปลฺลาเสน อสุเภ สุภนฺติ ¶ ปวตฺเตน วิปรีตคฺคาเหน. นิมิตฺตนฺติ กิเลสชนกนิมิตฺตํ. ปริวชฺเชหีติ ปริพฺพช. สุภํ ราคูปสํหิตนฺติ ราควฑฺฒนารมฺมณํ สุภํ ปริวชฺเชนฺโต อสุภสฺาย ปริวชฺเชยฺย, สพฺพตฺถ อนภิรติสฺาย. ตสฺมา ตทุภยมฺปิ ทสฺเสนฺโต ‘‘อสุภายา’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ ¶ อสุภายาติ อสุภานุปสฺสนาย. จิตฺตํ ภาเวหิ เอกคฺคํ สุสมาหิตนฺติ อตฺตโน จิตฺตวิกฺเขปาภาเวน เอกคฺคํ อารมฺมเณสุ สุสมาหิตํ อปฺปิตํ กตฺวา ภาเวหิ ตว อสุภานุปสฺสนํ สุกรํ อกฺขามีติ. สติ กายคตา ตฺยตฺถูติ วุตฺตกายคตาสติภาวนา ตยา ภาวิตา พหุลีกตา โหตูติ อตฺโถ. นิพฺพิทาพหุโล ภวาติ อตฺตภาเว สพฺพสฺมิฺจ นิพฺเพทพหุโล โหหิ.
อนิมิตฺตฺจ ภาเวหีติ นิจฺจนิมิตฺตาทีนํ อุคฺฆาฏเนน วิเสสโต อนิจฺจานุปสฺสนา อนิมิตฺตา นาม, ตโต มานานุสยมุชฺชหาติ ตํ ภาเวนฺโต มคฺคปฏิปาฏิยา อคฺคมคฺคาธิคเมน มานานุสยํ สมุจฺฉินฺท. มานาภิสมยาติ มานสฺส ทสฺสนาภิสมยา เจว ปหานาภิสมยา จ. อุปสนฺโตติ สพฺพโส ราคาทีนํ สนฺตตาย อุปสนฺโต จริสฺสสิ วิหริสฺสสีติ อตฺโถ.
ตเมว วาจนฺติอาทิกา จตสฺโส คาถา ภควตา สุภาสิตสุตฺเต (สํ. นิ. ๑.๒๑๓) เทสิเต โสมนสฺสชาเตน เถเรน ภควนฺตํ สมฺมุขา ¶ อภิตฺถวนฺเตน วุตฺตา. ยายตฺตานํ น ตาปเยติ ยาย วาจาย เหตุภูตาย อตฺตานํ วิปฺปฏิสาเรน น ตาเปยฺย น วิเหเยฺย. ปเร จ น วิหึเสยฺยาติ ปเร จ ปเรหิ ภินฺทนฺโต น พาเธยฺย. สา เว วาจา สุภาสิตาติ สา วาจา เอกํเสน สุภาสิตา นาม, ตสฺมา ตเมว วาจํ ภาเสยฺยาติ โยชนา. อิมาย คาถาย อปิสุณวาจาวเสน ภควนฺตํ โถเมติ.
ปฏินนฺทิตาติ ปฏิมุขภาเวน นนฺทิตา ปิยายิตา สมฺปติ อายติฺจ สุณนฺเตหิ สมฺปฏิจฺฉิตา. ยํ อนาทายาติ ยํ วาจํ ภาสนฺโต ปาปานิ ปเรสํ อปฺปิยานิ อนิฏฺานิ ผรุสวจนานิ อนาทาย อคฺคเหตฺวา อตฺถพฺยฺชนมธุรํ ปิยเมว ทีเปติ. ตเมว ปิยวาจํ ภาเสยฺยาติ ปิยวาจาวเสน อภิตฺถวิ.
อมตาติ ¶ สาธุภาเวน อมตสทิสา. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘สจฺจํ หเว สาธุตรํ รสาน’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๗๓). นิพฺพานามตปจฺจยตฺตา วา อมตา. เอส ธมฺโม สนนฺตโนติ ยา อยํ สจฺจวาจา นาม, เอส โปราโณ ธมฺโม จริยา ปเวณิ. อิทเมว หิ โปราณานํ อาจิณฺณํ ยํ เต น อลิกํ ภาสึสุ. เตนาห – ‘‘สจฺเจ อตฺเถ จ ธมฺเม จ, อาหุ สนฺโต ปติฏฺิตา’’ติ. ตตฺถ สจฺเจ ปติฏฺิตตฺตา เอว อตฺตโน จ ปเรสฺจ อตฺเถ ปติฏฺิตา, อตฺเถ ปติฏฺิตตฺตา เอว ธมฺเม ปติฏฺิตา โหนฺตีติ เวทิตพฺพา. สจฺจวิเสสนเมว วา เอตํ. อิทฺหิ วุตฺตํ โหติ – สจฺเจ ปติฏฺิตา. กีทิเส? อตฺเถ จ ธมฺเม จ, ยํ ปเรสํ อตฺถโต อนเปตตฺตา อตฺถํ อนุปโรธกรํ, ธมฺมโต อนเปตตฺตา ธมฺมํ ธมฺมิกเมว อตฺถํ สาเธตีติ. อิมาย คาถาย สจฺจวาจาวเสน ¶ อภิตฺถวิ. เขมนฺติ อภยํ นิรุปทฺทวํ. เกน การเณนาติ เจ? นิพฺพานปตฺติยา ทุกฺขสฺสนฺตกิริยาย, ยสฺมา กิเลสนิพฺพานํ ปาเปติ, วฏฺฏทุกฺขสฺส จ อนฺตกิริยาย สํวฏฺฏติ, ตสฺมา เขมนฺติ อตฺโถ. อถ วา ยํ พุทฺโธ นิพฺพานปตฺติยา วา ทุกฺขสฺสนฺตกิริยาย วาติ ทฺวินฺนํ นิพฺพานธาตูนํ อตฺถาย เขมมคฺคปฺปกาสนโต เขมํ วาจํ ภาสติ. สา เว วาจานมุตฺตมาติ สา วาจา สพฺพวาจานํ เสฏฺาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อิมาย คาถาย มนฺตาวจนวเสน ภควนฺตํ อภิตฺถวนฺโต อรหตฺตนิกูเฏน โถมนํ ปริโยสาเปติ.
คมฺภีรปฺโติ ติสฺโส คาถา อายสฺมโต สาริปุตฺตตฺเถรสฺส ปสํสนวเสน วุตฺตา. ตตฺถ คมฺภีรปฺโติ คมฺภีเรสุ ขนฺธายตนาทีสุ ปวตฺตาย นิปุณาย ปฺาย สมนฺนาคตตฺตา คมฺภีรปฺโ. เมธาสงฺขาตาย ธมฺโมชปฺาย สมนฺนาคตตฺตา เมธาวี. ‘‘อยํ ทุคฺคติยา มคฺโค, อยํ สุคติยา มคฺโค, อยํ นิพฺพานสฺส ¶ มคฺโค’’ติ เอวํ มคฺเค จ อมคฺเค จ โกวิทตาย มคฺคามคฺคสฺส โกวิโท. มหติยา สาวกปารมีาณสฺส มตฺถกํ ปตฺตาย ปฺาย วเสน มหาปฺโ. ธมฺมํ เทเสติ ภิกฺขุนนฺติ สมฺมเทว ปวตฺตึ นิวตฺตึ วิภาเวนฺโต ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสติ. ตสฺสา ปน เทสนาย ปวตฺติอาการํ ทสฺเสตุํ ‘‘สํขิตฺเตนปี’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ตตฺถ สํขิตฺเตนปีติ ‘‘จตฺตาริมานิ, อาวุโส, อริยสจฺจานิ. กตมานิ จตฺตาริ? ทุกฺขํ อริยสจฺจํ…เป… อิมานิ โข, อาวุโส, จตฺตาริ อริยสจฺจานิ, ตสฺมา ¶ ติหาวุโส, อิทํ ทุกฺขนฺติ โยโค กรณีโย’’ติ เอวํ สํขิตฺเตนปิ เทเสติ. ‘‘กตมฺจาวุโส, ทุกฺขํ อริยสจฺจํ? ชาติปิ ทุกฺขา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๓๗๒-๓๗๓) นเยน ตาเนว วิภชนฺโต วิตฺถาเรนปิ ภาสติ. ขนฺธาทิเทสนาสุปิ เอเสว นโย. สาลิกายิว นิคฺโฆโสติ ยถา มธุรํ อมฺพปกฺกํ สายิตฺวา ปกฺเขหิ วาตํ ทตฺวา มธุรรวํ นิจฺฉาเรนฺติยา สาลิกาย นิคฺโฆโส, เอวํ เถรสฺส ธมฺมํ กเถนฺตสฺส มธุโร นิคฺโฆโส โหติ. ธมฺมเสนาปติสฺส หิ ปิตฺตาทีนํ วเสน อปลิพุทฺธวจนํ โหติ, อยทณฺเฑน ปหฏกํสถาลโก วิย สทฺโท นิจฺฉรติ. ปฏิภานํ อุทิยฺยตีติ กเถตุกมฺยตาย สติ สมุทฺทโต วีจิโย วิย อุปรูปริ อนนฺตํ ปฏิภานํ อุฏฺหติ.
ตสฺสาติ ธมฺมเสนาปติสฺส. ตนฺติ ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส. สุณนฺตีติ ยํ โน เถโร กเถติ, ตํ โน โสสฺสามาติ อาทรชาตา สุณนฺติ. มธุรนฺติ อิฏฺํ. รชนีเยนาติ กนฺเตน. สวนีเยนาติ กณฺณสุเขน. วคฺคุนาติ มฏฺเน มโนหเรน. อุทคฺคจิตฺตาติ โอทคฺยปีติยา วเสน อุทคฺคจิตฺตา อลีนจิตฺตา. มุทิตาติ อาโมทิตา ปาโมชฺเชน สมนฺนาคตา. โอเธนฺตีติ อวทหนฺติ อฺาย จิตฺตํ อุปฏฺเปนฺตา โสตํ อุปเนนฺติ.
อชฺช ¶ ปนฺนรเสติอาทิกา จตสฺโส คาถา ปวารณาสุตฺตนฺตเทสนาย (สํ. นิ. ๑.๒๑๕) สตฺถารํ มหาภิกฺขุสงฺฆปริวุตํ นิสินฺนํ ทิสฺวา โถเมนฺเตน วุตฺตา. ตตฺถ ปนฺนรเสติ ยสฺมิฺหิ สมเย ภควา ปุพฺพาราเม นิสีทนฺโต สายนฺหสมเย สมฺปตฺตปริสาย กาลยุตฺตํ สมยยุตฺตํ ธมฺมํ เทเสตฺวา, อุทกโกฏฺเก คตฺตานิ ปริสิฺจิตฺวา, วตฺถนิวสโน เอกํสํ สุคตมหาจีวรํ กตฺวา, มิคารมาตุปาสาเท มชฺฌิมถมฺภํ นิสฺสาย ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทิตฺวา, สมนฺตโต นิสินฺนํ ภิกฺขุสงฺฆํ อนุวิโลเกตฺวา ตทหุโปสเถ ปวารณาทิวเส นิสินฺโน โหติ, อิมสฺมึ ปนฺนรสีอุโปสเถติ อตฺโถ. วิสุทฺธิยาติ วิสุทฺธตฺถาย วิสุทฺธิปวารณาย. ภิกฺขู ปฺจสตา สมาคตาติ ¶ , ปฺจสตมตฺตา ภิกฺขู สตฺถารํ ปริวาเรตฺวา นิสชฺชวเสน เจว อชฺฌาสยวเสน จ สมาคตา. เต จ สํโยชนพนฺธนจฺฉิทาติ สํโยชนสงฺขาเต สนฺตานสฺส พนฺธนภูเต กิเลเส ¶ ฉินฺทิตฺวา ิตา. ตโต เอว อนีฆา ขีณปุนพฺภวา อิสีติ กิเลสทุกฺขาภาเวน นิทุกฺขา ขีณปุนพฺภวา, อเสกฺขานํ สีลกฺขนฺธาทีนํ เอสิตภาเวน อิสีติ.
วิชิตสงฺคามนฺติ วิชิตกิเลสสงฺคามตฺตา วิชิตมารพลตฺตา วิชิตสงฺคามํ. สตฺถวาหนฺติ อฏฺงฺคิเก อริยมคฺครเถ อาโรเปตฺวา เวเนยฺยสตฺเต วาเหติ สํสารกนฺตารโต อุตฺตาเรตีติ ภควา สตฺถวาโห. เตนาห พฺรหฺมา สหมฺปติ ‘‘อุฏฺเหิ, วีร, วิชิตสงฺคาม, สตฺถวาหา’’ติ (มหาว. ๘; ม. นิ. ๑.๒๘๒), ตํ สตฺถวาหํ อนุตฺตรํ สตฺถารํ สาวกา ปยิรุปาสนฺติ. เตวิชฺชา มจฺจุหายิโนติ เอวรูเปหิ สาวเกหิ ปริวาริโต จกฺกวตฺติ วิย ราชา อมจฺจปริวาริโต ชนปทจาริกวเสน สมนฺตา อนุปริเยตีติ โยชนา.
ปลาโปติ ตุจฺโฉ อนฺโตสารรหิโต, สีลรหิโตติ อตฺโถ. วนฺเท อาทิจฺจพนฺธุนนฺติ อาทิจฺจพนฺธุํ สตฺถารํ ทสพลํ วนฺทามีติ วทติ.
ปโรสหสฺสนฺติอาทิกา จตสฺโส คาถา นิพฺพานปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมิยา กถาย ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสนฺตํ ภควนฺตํ โถเมนฺเตน วุตฺตา. ตตฺถ ปโรสหสฺสนฺติ อติเรกสหสฺสํ, อฑฺฒเตฬสานิ ภิกฺขุสหสฺสานิ สนฺธาย วุตฺตํ. อกุโตภยนฺติ นิพฺพาเน กุโตจิปิ ภยํ นตฺถิ. นิพฺพานํ ปตฺตสฺส จ กุโตจิปิ ภยํ นตฺถีติ นิพฺพานํ อกุโตภยํ นาม.
‘‘อาคุํ น กโรตี’’ติอาทินา (สุ. นิ. ๕๒๗) วุตฺตการเณหิ ภควา นาโคติ วุจฺจตีติ นาคนาโมสิ ภควาติ. อิสีนํ อิสิสตฺตโมติ สาวกปจฺเจกพุทฺธอิสีนํ อุตฺตโม อิสิ, วิปสฺสีสมฺมาสมฺพุทฺธโต ¶ ปฏฺาย อิสีนํ วา สตฺตมโก อิสิ. มหาเมโฆวาติ จาตุทฺทีปิกมหาเมโฆ วิย หุตฺวา.
ทิวา วิหาราติ ปฏิสลฺลานฏฺานโต. สาวโก เต, มหาวีร, ปาเท วนฺทติ วงฺคีโสติ อิทํ เถโร อรหตฺตํ ปตฺวา อตฺตโน วิเสสาธิคมํ ปกาเสนฺโต วทติ.
อุมฺมคฺคปถนฺติอาทิกา ¶ จตสฺโส คาถา ภควตา ‘‘กึ นุ เต, วงฺคีส, อิมา คาถาโย ปุพฺเพ ปริวิตกฺกิตา, อุทาหุ านโส เจตา ปฏิภนฺตี’’ติ ปุจฺฉิเตน านโส ปฏิภนฺตีติ ทสฺเสนฺเตน วุตฺตา. กสฺมา ปเนวํ ตํ ภควา อโวจ? สงฺฆมชฺเฌ กิร กถา อุทปาทิ – ‘‘วงฺคีสตฺเถโร วิสฺสฏฺคนฺโถ เนว อุทฺเทเสน, น ปริปุจฺฉาย, น โยนิโสมนสิกาเรน กมฺมํ กโรติ. คาถํ ¶ พนฺธนฺโต วณฺณปทานิ กโรนฺโต วิจรตี’’ติ. อถ ภควา ‘‘อิเม ภิกฺขู วงฺคีสสฺส ปฏิภานสมฺปตฺตึ น ชานนฺติ, อหมสฺส ปฏิภานสมฺปตฺตึ ชานาเปสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘กึ นุ โข, วงฺคีสา’’ติอาทินา ปุจฺฉติ. อุมฺมคฺคปถนฺติ อเนกานิ กิเลสุปฺปชฺชนปถานิ. วฏฺฏปฺปสุตปถตาย หิ ปถนฺติ วุตฺตํ. ปภิชฺช ขีลานีติ ราคาทิขีลานิ ปฺจ ภินฺทิตฺวา จรสิ. ตํ ปสฺสถาติ เอวํ อภิภุยฺย จ ฉินฺทิตฺวา จ จรนฺตํ พุทฺธํ ปสฺสถ. พนฺธปมฺุจกรนฺติ พนฺธนโมจนกรํ. อสิตนฺติ อนิสฺสิตํ. ภาคโส ปฏิภชฺชาติ สติปฏฺานาทิโกฏฺาสโต ธมฺมํ ปฏิภชฺชนียํ กตฺวา. ปวิภชฺชาติปิ ปาโ. อุทฺเทสาทิโกฏฺาสโต ปกาเรน วิภชิตฺวา วิภชิตฺวา ธมฺมํ เทเสตีติ อตฺโถ.
โอฆสฺสาติ กามาทิจตุโรฆสฺส. อเนกวิหิตนฺติ สติปฏฺานาทิวเสน อเนกวิธํ อฏฺตึสาย วา กมฺมฏฺานานํ วเสน อเนกปฺปการํ อมตาวหํ มคฺคํ อกฺขาสิ อภาสิ. ตสฺมิฺจ อมเต อกฺขาเตติ ตสฺมึ เตน อกฺขาเต อมเต อมตาวเห. ธมฺมทสาติ ธมฺมสฺส ปสฺสิตาโร. ิตา อสํหีราติ เกนจิ อสํหาริยา หุตฺวา ปติฏฺิตา. อติวิชฺฌาติ อติวิชฺฌิตฺวา. สพฺพฏฺิตีนนฺติ สพฺเพสํ ทิฏฺิฏฺานานํ วิฺาณฏฺิตีนํ วา. อติกฺกมมทฺทสาติ อติกฺกมภูตํ นิพฺพานํ อทฺทส. อคฺคนฺติ อุตฺตมํ ธมฺมํ. อคฺเคติ วา ปาโ, ปมตรนฺติ อตฺโถ. ทสทฺธานนฺติ ปฺจวคฺคิยานํ อคฺคํ ธมฺมํ, อคฺเค วา อาทิโต เทสยีติ อตฺโถ.
ตสฺมาติ ยสฺมา ‘‘เอส ธมฺโม สุเทสิโต’’ติ ชานนฺเตน ปมาโท น กาตพฺโพ, ตสฺมา อนุสิกฺเขติ ติสฺโส สิกฺขา วิปสฺสนาปฏิปาฏิยา มคฺคปฏิปาฏิยา จ สิกฺเขยฺย.
พุทฺธานุพุทฺโธติอาทิกา ¶ ติสฺโส คาถา อายสฺมโต อฺาตโกณฺฑฺตฺเถรสฺส โถมนวเสน วุตฺตา. ตตฺถ พุทฺธานุพุทฺโธติ พุทฺธานํ อนุพุทฺโธ ¶ . พุทฺธา หิ ปมํ จตฺตาริ สจฺจานิ พุชฺฌึสุ, ปจฺฉา เถโร สพฺพปมํ, ตสฺมา พุทฺธานุพุทฺโธติ. ถิเรหิ สีลกฺขนฺธาทีหิ สมนฺนาคตตฺตา เถโร, อกุปฺปธมฺโมติ อตฺโถ. ติพฺพนิกฺกโมติ ทฬฺหวีริโย. สุขวิหารานนฺติ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ. วิเวกานนฺติ ติณฺณมฺปิ วิเวกานํ. สพฺพสฺส ตนฺติ ยํ สพฺพสาวเกน ปตฺตพฺพํ, อสฺส อเนน ตํ อนุปฺปตฺตํ. อปฺปมตฺตสฺส สิกฺขโตติ อปฺปมตฺเตน หุตฺวา สิกฺขนฺเตน.
เตวิชฺโช ¶ เจโตปริยโกวิโทติ ฉสุ อภิฺาสุ จตสฺโส วทติ, อิตรา ทฺเว ยทิปิ น วุตฺตา, เถโร ปน ฉฬภิฺโว. ยสฺมา เถรํ หิมวนฺเต ฉทฺทนฺตทหโต อาคนฺตฺวา ภควติ ปรมนิปจฺจการํ ทสฺเสตฺวา, วนฺทนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานเสน ภควโต สมฺมุขา เถรํ อภิตฺถวนฺเตน อิมา คาถา วุตฺตา, ตสฺมา ‘‘โกณฺฑฺโ พุทฺธทายาโท, ปาเท วนฺทติ สตฺถุโน’’ติ วุตฺตํ.
นคสฺส ปสฺเสติอาทิกา ติสฺโส คาถา ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ สพฺเพเหว อรหนฺเตหิ ภควติ กาฬสิลายํ วิหรนฺเต อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เตสํ ภิกฺขูนํ จิตฺตํ สมนฺเวสนฺโต อรหตฺตผลวิมุตฺตึ ปสฺสิตฺถ. ตํ ทิสฺวา อายสฺมา วงฺคีโส ภควนฺตํ เถเร จ อภิตฺถวนฺโต อภาสิ. ตตฺถ นคสฺส ปสฺเสติ อิสิคิลิปพฺพตสฺส ปสฺเส กาฬสิลายํ. อาสีนนฺติ นิสินฺนํ.
เจตสาติ อตฺตโน เจโตปริยาเณน. จิตฺตํ เนสํ สมนฺเวสนฺติ เตสํ ขีณาสวภิกฺขูนํ จิตฺตํ สมนฺเวสนฺโต. อนุปริเยตีติ อนุกฺกเมน ปริจฺฉินฺทติ.
เอวํ สพฺพงฺคสมฺปนฺนํ ‘‘มุนึ ทุกฺขสฺส ปารคุ’’นฺติ วุตฺตาย สตฺถุสมฺปตฺติยา เจว ‘‘เตวิชฺชา มจฺจุหายิโน’’ติ วุตฺตาย สาวกสมฺปตฺติยา จาติ สพฺเพหิ องฺเคหิ สมฺปนฺนํ สมนฺนาคตํ. มุนินฺติ หิ อิมินา ปเทน โมนสงฺขาเตน าเณน สตฺถุ อนวเสสเยฺยาวโพโธ วุตฺโตติ อนาวรณาเณน ทสพลาณาทีนํ สงฺคโห กโต โหติ, เตนสฺส าณสมฺปทํ ทสฺเสติ. ทุกฺขสฺส ปารคุนฺติ อิมินา ปหานสมฺปทํ. ตทุภเยน จ สตฺถุ อานุภาวสมฺปทาทโย ทสฺสิตา โหนฺติ. เตวิชฺชา มจฺจุหายิโนติ อิมินา สาวกานํ าณสมฺปตฺติทีปเนน จ นิพฺพานธาตุยา อธิคมทีปเนน จ ปททฺวเยน ¶ สตฺถุสาวกสมฺปตฺติ ทสฺสิตา โหติ. ตถา หิ ยถาวุตฺตมตฺถํ ปากฏตรํ กาตุํ ‘‘มุนึ ทุกฺขสฺส ปารคุํ. อเนกาการสมฺปนฺนํ, ปยิรุปาสนฺติ โคตม’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ อเนกาการสมฺปนฺนนฺติ อเนเกหิ อากาเรหิ สมฺปนฺนํ, อเนกาการคุณสมนฺนาคตนฺติ อตฺโถ.
จนฺโท ¶ ยถาติ คาถา ภควนฺตํ จมฺปานคเร คคฺคราย โปกฺขรณิยา ตีเร มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน อเนเกหิ จ เทวนาคสหสฺเสหิ ปริวุตํ อตฺตโน วณฺเณน จ ยสสา จ วิโรจมานํ ทิสฺวา โสมนสฺสชาเตน อภิตฺถวนฺเตน วุตฺตา. ตตฺถ จนฺโท ยถา วิคตวลาหเก นเภติ ยถา สรทสมเย อปคตวลาหเก วลาหกสทิเสน อฺเน จ มหิกาทินา อุปกฺกิเลเสน วิมุตฺเต อากาเส ปุณฺณจนฺโท วิโรจติ, วีตมโลว ภาณุมาติ เตเนว วลาหกาทิอุปกฺกิเลสวิคเมน วิคตมโล ภาณุมา สูริโย ยถา วิโรจติ. เอวมฺปิ, องฺคีรส, ตฺวนฺติ เอวํ องฺเคหิ นิจฺฉรณชุตีหิ ชุติมนฺต ตฺวมฺปิ มหามุนิ ภควา, อติโรจสิ อตฺตโน ยสสา สเทวกํ โลกํ อติกฺกมิตฺวา วิโรจสีติ.
กาเวยฺยมตฺตาติอาทิกา ¶ ทส คาถา อรหตฺตํ ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา สตฺถุ อตฺตโน จ คุเณ วิภาเวนฺเตน วุตฺตา. ตตฺถ กาเวยฺยมตฺตาติ กาเวยฺเยน กพฺพกรเณน มตฺตา มานิตา สมฺภาวิตา คุโณทยํ อาปนฺนา. อทฺทสามาติ อทฺทสิมฺหา.
อทฺธา โน อุทปชฺชถาติ รตนตฺตยํ อทฺธา อมฺหากํ อุปการตฺถาย อุปฺปชฺชิ.
วจนนฺติ สจฺจปฏิสํยุตฺตํ ธมฺมกถํ. ขนฺเธ อายตนานิ จ ธาตุโย จาติ ปฺจกฺขนฺเธ ทฺวาทสายตนานิ, อฏฺารส ธาตุโย จ. อิมสฺมึ าเน ขนฺธาทิกถา วตฺตพฺพา. สา วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๔๒๑ อาทโย) วิตฺถาริตา เอวาติ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา. วิทิตฺวานาติ รูปาทิวิภาคาทิโต อนิจฺจตาทิโต จ ปุพฺพภาคาเณน ชานิตฺวา.
เย เต สาสนการกาติ เย เต สตฺตา ตถาคตานํ สาสนการกา, เตสํ พหูนํ อตฺถาย วต อุปฺปชฺชนฺติ ตถาคตา.
เย ¶ นิยามคตทฺทสาติ นิยาโม เอว นิยามคตํ, เย ภิกฺขู ภิกฺขุนิโย จ สมฺมตฺตนิยามํ อทฺทสํสุ อธิคจฺฉึสุ. เตสํ อตฺถาย วต โพธึ สมฺมาสมฺโพธึ อชฺฌคมา, มุนิ ภควาติ โยชนา.
สุเทสิตาติ เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ สงฺเขปโต วิตฺถารโต จ สุฏฺุ เทสิตา. จกฺขุมตาติ ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมตา. อตฺตหิตกาเมหิ อรณียานิ กรณียานิ อริยภาวกรานิ, อริยสฺส วา ภควโต สจฺจานีติ อริยสจฺจานิ. ทุกฺขนฺติอาทิ เตสํ อริยสจฺจานํ สรูปทสฺสนํ ¶ . อิมสฺมึ าเน อริยสจฺจกถา วตฺตพฺพา, สา สพฺพาการโต วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๕๒๙ อาทโย) วิตฺถาริตาติ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา. เอวเมเต ตถาติ เอเต ทุกฺขาทโย อริยสจฺจธมฺมา เอวํ ทุกฺขาทิปฺปกาเรน ตถา อวิตถา อนฺถา. วุตฺตา ทิฏฺา เม เต ยถา ตถาติ ยถา สตฺถารา วุตฺตา, ตถา มยา ทิฏฺา, อริยมคฺคาเณน ปฏิวิทฺธตฺตา เอวํ เตสํ. สทตฺโถ เม อนุปฺปตฺโต อรหตฺตํ มยา สจฺฉิกตํ. ตโต จ กตํ พุทฺธสฺส ภควโต สาสนํ โอวาทานุสิฏฺิยํ อนุปติฏฺโ.
สฺวาคตํ วต เม อาสีติ สุอาคมนํ วต เม อโหสิ. มม พุทฺธสฺส สนฺติเกติ มม สมฺพุทฺธสฺส ภควโต สนฺติเก สมีเป.
อภิฺาปารมิปฺปตฺโตติ ฉนฺนมฺปิ อภิฺานํ ปารมึ, อุกฺกํสํ อธิคโต. อิมินา หิ ปเทน วุตฺตเมวตฺถํ วิวริตุํ ‘‘โสตธาตุ วิโสธิตา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ปุจฺฉามิ สตฺถารนฺติอาทิกา ทฺวาทส คาถา อตฺตโน อุปชฺฌายสฺส ปรินิพฺพุตภาวํ ปุจฺฉนฺเตน วุตฺตา. อายสฺมโต นิคฺโรธกปฺปตฺเถรสฺส หิ ¶ ปรินิพฺพานกาเล อายสฺมา วงฺคีโส อสมฺมุขา อโหสิ. ทิฏฺปุพฺพฺจ เตน ตสฺส หตฺถกุกฺกุจฺจาทิ, ปุพฺพวาสนาวเสน หิ ตาทิสฺจ อายสฺมโต ปิลินฺทวจฺฉสฺส วสลวาเทน สมุทาจาโร วิย ขีณาสวานมฺปิ โหติเยว. เตน ‘‘ปรินิพฺพุโต นุ โข เม อุปชฺฌาโย, อุทาหุ โน’’ติ อุปฺปนฺนปริวิตกฺโก สตฺถารํ ปุจฺฉิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อุปชฺฌายสฺส ปรินิพฺพุตภาวํ ปุจฺฉนฺเตน วุตฺตา’’ติ. ตตฺถ สตฺถารนฺติ ทิฏฺธมฺมิกาทีหิ เวเนยฺยานํ ¶ อนุสาสกํ. อโนมปฺนฺติ โอมํ วุจฺจติ ปริตฺตํ ลามกํ. น โอมปฺํ อโนมปฺํ, มหาปฺนฺติ อตฺโถ. ทิฏฺเว ธมฺเมติ ปจฺจกฺขเมว, อิมสฺมึเยว อตฺตภาเวติ อตฺโถ. วิจิกิจฺฉานนฺติ สํสยานํ เอวรูปานํ วา ปริวิตกฺกานํ เฉตฺตา. อคฺคาฬเวติ อคฺคาฬวเจติยสงฺขาเต วิหาเร. าโตติ ปากโฏ. ยสสฺสีติ ลาภสกฺการสมฺปนฺโน. อภินิพฺพุตตฺโตติ อุปสนฺตสภาโว อปริฑยฺหมานจิตฺโต.
ตยา กตนฺติ ตาทิเส ฉายาสมฺปนฺเน นิคฺโรธรุกฺขมูเล นิสินฺนตฺตา ‘‘นิคฺโรธกปฺโป’’ติ ตยา กตํ นามํ. อิติ โส ยถา อตฺตนา อุปลกฺขิตํ ตถา วทติ. ภควา ปน น นิสินฺนตฺตา เอว ตํ ตถา อาลปติ, อปิ จ โข ตตฺถ อรหตฺตํ ปตฺตตฺตาปิ. พฺราหฺมณสฺสาติ ชาตึ สนฺธาย วทติ. โส กิร พฺราหฺมณมหาสาลกุลา ปพฺพชิโต. นมสฺสํ อจรินฺติ นมสฺสมาโน วิหาสึ. มุตฺยเปโขติ นิพฺพาเน ปติฏฺิโต.
ทฬฺหธมฺมทสฺสีติ ¶ ภควนฺตํ อาลปติ. ทฬฺหธมฺมฺหิ นิพฺพานํ อภิชฺชนฏฺเน, ตฺจ ภควา ปสฺสิ ทสฺเสสิ จ.
สกฺกาติปิ ภควนฺตเมว กุลนาเมน อาลปติ. มยมฺปิ สพฺเพติ, นิรวเสสปริสํ สงฺคณฺหิตฺวา อตฺตานํ ทสฺเสนฺโต วทติ. สมนฺตจกฺขูติปิ ภควนฺตเมว สพฺพฺุตฺาเณน อาลปติ. สมวฏฺิตาติ สมฺมา อวฏฺิตา, อาโภคํ กตฺวา ิตา. โนติ อมฺหากํ. สวนายาติ อิมสฺส ปฺหสฺส เวยฺยากรณํ สวนตฺถาย. โสตาติ โสตธาตุยา. ตุวํ โน สตฺถา ตฺวมนุตฺตโรสีติ ถุติวจนวเสน วทติ.
ฉินฺท โน วิจิกิจฺฉนฺติ วิจิกิจฺฉาปฏิรูปกํ ตํ ปริวิตกฺกํ สนฺธายาห. อกุสลวิจิกิจฺฉาย ปน เถโร นิพฺพิจิกิจฺโฉว. พฺรูหิ เมตนฺติ พฺรูหิ เม เอตํ. ยํ มยา ยาจิโตสิ ‘‘ตํ สาวกํ, สกฺก, มยมฺปิ สพฺเพ อฺาตุมิจฺฉามา’’ติ ยาจิโตว, ตํ พฺราหฺมณํ ปรินิพฺพุตํ เวทย ภูริปฺ. มชฺเฌว โน ภาสา’’ติ ปรินิพฺพุตํ ชานิตฺวา มหาปฺ ภควา มชฺเฌว อมฺหากํ สพฺเพสํ ภาส, ยถา สพฺเพ มยํ ชาเนยฺยาม. สกฺโกว เทวาน สหสฺสเนตฺโตติ ¶ , อิทํ ปน ถุติวจนเมว. อปิเจตฺถ อยมธิปฺปาโย – ยถา สกฺโก สหสฺสเนตฺโต เทวานํ มชฺเฌ เตหิ สกฺกจฺจํ สมฺปฏิจฺฉิตวจนํ ¶ ภาสติ, เอวํ อมฺหากํ มชฺเฌ อมฺเหหิ สมฺปฏิจฺฉิตวจนํ ภาสาติ.
เย เกจีติ อิมมฺปิ คาถํ ภควนฺตํ ถุนนฺโต วตฺตุกามตํ ชเนตุํ ภณติ. ตสฺสตฺโถ – เย เกจิ อภิชฺฌาทโย คนฺถา, เตสํ อปฺปหาเน สติ โมหวิจิกิจฺฉานํ ปหานาภาวโต โมหมคฺคาติ จ, อฺาณปกฺขาติ จ, วิจิกิจฺฉานาติ จ วุจฺจนฺติ. สพฺเพ เต ตถาคตํ ปตฺวา ตถาคตสฺส เทสนาพเลน วิทฺธํสิตา ภวนฺติ, นสฺสนฺติ. กึการณนฺติ? จกฺขฺุหิ เอตํ ปรมํ นรานํ, ยสฺมา ตถาคโต สพฺพคนฺถวิธมเนน ปฺาจกฺขุชนนโต นรานํ ปรมํ จกฺขุนฺติ วุตฺตํ โหติ.
โน เจ หิ ชาตูติ อิมมฺปิ คาถํ ถุนนฺโต เอว วตฺตุกามตํ ชเนนฺโต ภณติ. ตตฺถ ชาตูติ เอกํสวจนํ. ปุริโสติ ภควนฺตํ สนฺธายาห. โชติมนฺโตติ ปฺาโชติสมฺปนฺนา สาริปุตฺตาทโย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยทิ ภควา ปุรตฺถิมาทิเภโท วาโต วิย อพฺภฆนํ เทสนาเวเคน กิเลเส วิหเนยฺย, ตโต ยถา อพฺภฆนนิวุโต โลโก ตโมว โหติ เอกนฺธกาโร, เอวํ ¶ สพฺโพปิ โลโก อฺาณนิวุโต ตโมว สิยา. เย จาปิ อิเม อิทานิ โชติมนฺโต ขายนฺติ สาริปุตฺตาทโย, เตปิ น ภาเสยฺยุํ, น ทีเปยฺยุนฺติ.
ธีรา จาติ อิมมฺปิ คาถํ ปุริมนเยเนวาห. ตสฺสตฺโถ – ธีรา จ ปณฺฑิตปุริสา, ปชฺโชตกรา ภวนฺติ ปฺาปชฺโชตํ อุปฺปาเทนฺติ. ตํ ตสฺมา อหํ ตํ วีร ปธานวีริยสมนฺนาคต ภควา, ตเถว มฺเ ธีโร ปชฺโชตกโรตฺเวว มฺามิ. มยมฺปิ วิปสฺสินํ สพฺพธมฺเม ยถาภูตํ ปสฺสนฺตํ ภควนฺตํ ชานนฺตา เอว อุปาคมิมฺหา. ตสฺมา ‘‘ปริสาสุ โน อาวิกโรหิ กปฺปํ ปรินิพฺพุโตว ยถา นิคฺโรธกปฺปํ อาวิกโรหิ ปกาเสหี’’ติ.
ขิปฺปนฺติ อิมมฺปิ คาถํ ปุริมนเยเนว อาห. ตสฺสตฺโถ – ภควา ขิปฺปํ คิรํ เอรย วคฺคุ วคฺคุํ อจิรายมาโน วาจํ ภาส วคฺคุ มโนหรํ. หํโสว ยถา สุวณฺณหํโส โคจรํ ปริคฺคณฺหนฺโต ชาตสฺสรวนสณฺฑํ ทิสฺวา คีวํ ปคฺคยฺห ปกฺเข อุทฺธุนิตฺวา หฏฺตุฏฺโ สณิกํ อตรมาโน วคฺคุํ นิกูชติ ¶ คิรํ นิจฺฉาเรติ, เอวเมวํ ตฺวํ สณิกํ นิกูช อิมินา มหาปุริสลกฺขณฺตเรน พินฺทุสฺสเรน สุฏฺุ วิกปฺปิเตน อภิสงฺขเตน, เอเต มยํ สพฺเพ อุชุคตา อวิกฺขิตฺตมานสา หุตฺวา ตว นิกูชํ สุโณมาติ.
ปหีนชาติมรณนฺติ ¶ , อิทมฺปิ ปุริมนเยเนว อาห. ตตฺถ น สิสฺสตีติ อเสโส, ตํ อเสสํ, โสตาปนฺนาทโย วิย กิฺจิ อเสเสตฺวา ปหีนชาติมรณนฺติ วุตฺตํ โหติ. นิคฺคยฺหาติ นิพนฺธิตฺวา, โธนนฺติ ธุตสพฺพปาปํ. วเทสฺสามีติ กถาเปสฺสามิ ธมฺมํ. น กามกาโร โหหิ ปุถุชฺชนานนฺติ ปุถุชฺชนเสกฺขาทีนํ ติวิธานํ ชนานํ กามกาโร นตฺถิ, เต ยํ อิจฺฉนฺติ าตุํ วา วตฺตุํ วา, ตํ น สกฺโกนฺติ. สงฺเขยฺยกาโร จ ตถาคตานนฺติ ตถาคตานํ ปน วีมํสกาโร ปฺาปุพฺพงฺคมกิริยา, เต ยํ อิจฺฉนฺติ าตุํ วา วตฺตุํ วา, ตํ สกฺโกนฺติเยวาติ อธิปฺปาโย.
อิทานิ ตํ สงฺเขยฺยการํ ปกาเสนฺโต ‘‘สมฺปนฺนเวยฺยากรณ’’นฺติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – ตถา หิ ตว ภควา อิทํ สมุชฺชุปฺสฺส สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตภาเวน อุชุคตปฺสฺส สมฺมเทว วุตฺตํ ปวตฺติตํ สมฺปนฺนเวยฺยากรณํ ‘‘สนฺตติมหามตฺโต สตฺตตาลมตฺตํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสติ, สุปฺปพุทฺโธ สกฺโก สตฺตเม ทิวเส ปถวึ ปวิสิสฺสตี’’ติ เอวมาทึ สมุคฺคหิตํ สมฺมเทว อุคฺคหิตํ อวิปรีตํ ทิฏฺํ, ปุน สุฏฺุตรํ อฺชลึ ปณาเมตฺวา อาห. อยมฺชลิ ปจฺฉิโม สุปฺปณามิโตติ อยํ อปโรปิ อฺชลิ สุฏฺุตรํ ปณามิโต. มา โมหยี ชานนฺติ มา โน อวจเนน โมหยิ, ชานนฺโต ตสฺส คตึ. อโนมปฺาติ ภควนฺตํ อาลปติ.
ปโรปรนฺติ ¶ อิมํ ปน คาถํ อปเรนปิ ปริยาเยน อโมหนเมว ยาจนฺโต อาห. ตตฺถ ปโรปรนฺติ โลกุตฺตรโลกิยวเสน สุนฺทราสุนฺทรํ ทูเร สนฺติเก วา. อริยธมฺมนฺติ จตุสจฺจธมฺมํ. วิทิตฺวาติ ปฏิวิชฺฌิตฺวา. ชานนฺติ สพฺพํ เยฺยธมฺมํ ชานนฺโต. วาจาภิกงฺขามีติ ยถา ฆมฺมนิ ฆมฺมกาเล อุณฺหาภิตตฺโต ปุริโส กิลนฺโต ตสิโต วารึ, เอวํ เต วาจํ อภิกงฺขามิ. สุตํ ปวสฺสาติ สุตสงฺขาตํ สทฺทายตนํ ปวสฺส ปคฺฆร มฺุจ ปวตฺต. ‘‘สุตสฺส วสฺสา’’ติปิ ปาฬิ. วุตฺตปการสฺส สทฺทายตนสฺส วุฏฺึ วสฺสาติ อตฺโถ.
อิทานิ ¶ ยาทิสํ วาจํ อภิกงฺขติ, ตํ ปกาเสนฺโต ‘‘ยทตฺถิก’’นฺติ คาถมาห. ตตฺถ กปฺปายโนติ กปฺปเมว ปูชาวเสน วทติ. ยถา วิมุตฺโตติ ‘‘กึ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ยถา อเสกฺโข, อุทาหุ สอุปาทิเสสาย ยถา เสกฺโข’’ติ วา ปุจฺฉติ. เสสเมตฺถ ปากฏเมว.
เอวํ ทฺวาทสหิ คาถาหิ ยาจิโต ภควา ตํ วิยากโรนฺโต ‘‘อจฺเฉจฺฉี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อจฺเฉจฺฉิ ตณฺหํ อิธ นามรูเป (อิติ ภควา) กณฺหสฺส โสตํ ทีฆรตฺตานุสยิตนฺติ อิมสฺมึ ¶ นามรูเป กามตณฺหาทิเภทา ตณฺหา ทีฆรตฺตํ อปฺปหีนฏฺเน อนุสยิตา กณฺหนามกสฺส มารสฺส โสตนฺติปิ วุจฺจติ. ตํ กณฺหสฺส โสตมุตํ ทีฆรตฺตานุสยิตํ อิธ นามรูเป ตณฺหํ กปฺปายโน ฉินฺทิ. อิติ ภควาติ อิทํ ปน สงฺคีติการานํ วจนํ. อตาริ ชาตึ มรณํ อเสสนฺติ โส ตํ ตณฺหํ เฉตฺวา อเสสํ ชาติมรณํ อตริ อนุปาทิเสสาย ปรินิพฺพายีติ ทสฺเสติ, อิจฺจพฺรวิ ภควา ปฺจเสฏฺโติ อายสฺมตา วงฺคีเสน ปุฏฺโ ภควา เอวํ อโวจ ปฺจหิ สทฺธาทีหิ อินฺทฺริเยหิ อนฺสาธารเณหิ จกฺขูหิ วา เสฏฺโ. อถ วา ปฺจเสฏฺโติ ปฺจหิ สีลาทีหิ ธมฺมกฺขนฺเธหิ, ปฺจหิ วา เหตุสมฺปทาทีหิ เสฏฺโ อุตฺตโม ปวโรติ สงฺคีติการานเมวิทมฺปิ วจนํ.
เอวํ วุตฺเต ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทมานโส อายสฺมา วงฺคีโส ‘‘เอส สุตฺวา’’ติอาทิกา คาถาโย อาห. ตตฺถ ปมคาถายํ น มํ วฺเจสีติ ยสฺมา ปรินิพฺพุโต, ตสฺมา ตสฺส ปรินิพฺพุตภาวํ อิจฺฉนฺตํ มํ น วฺเจสิ, น วิสํวาเทสีติ อตฺโถ. เสสํ ปากฏเมว.
ทุติยคาถายํ ยสฺมา มุตฺยเปโข วิหาสิ, ตสฺมา ตํ สนฺธายาห ‘‘ยถา วาที ตถา การี, อหุ พุทฺธสฺส สาวโก’’ติ. มจฺจุโน ชาลํ ตต’’นฺติ เตภูมกวฏฺเฏ วิตฺถตํ มารสฺส ตณฺหาชาลํ. มายาวิโนติ ¶ พหุมายสฺส. ‘‘ตถา มายาวิโน’’ติปิ เกจิ ปนฺติ, เตสํ โย อเนกาหิ มายาหิ อเนกกฺขตฺตุํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิ. ตสฺส ตถา มายาวิโนติ อธิปฺปาโย.
ตติยคาถาย อาทินฺติ มูลการณํ. อุปาทานสฺสาติ วฏฺฏสฺส. วฏฺฏํ ทฬฺเหหิ กมฺมกิเลเสหิ อุปาทาตพฺพฏฺเน ‘‘อุปาทาน’’นฺติ วุตฺตํ. ตสฺส อุปาทานสฺส ¶ อาทึ อวิชฺชาตณฺหาทิเภทํ การณํ าณจกฺขุนา อทฺทส. กปฺโป กปฺปิโยติ เอวํ วตฺตุํ วฏฺฏติ ภควาติ อธิปฺปาเยน วทติ. อจฺจคา วตาติ อติกฺกนฺโต วต. มจฺจุเธยฺยนฺติ มจฺจุ เอตฺถ ธิยฺยตีติ มจฺจุเธยฺยํ, เตภูมกวฏฺฏํ สุทุตฺตรํ อจฺจคา วตาติ เวทชาโต วทติ.
อิทานิ สตฺถริ อตฺตโน อุปชฺฌาเย จ ปสนฺนมานโส ปสนฺนาการํ วิภาเวนฺโต ‘‘ตํ เทวเทว’’นฺติ โอสานคาถมาห. ตตฺถ ตํ เทวเทวํ วนฺทามีติ สมฺมุติเทโว, อุปปตฺติเทโว, วิสุทฺธิเทโวติ เตสํ สพฺเพสมฺปิ เทวานํ อุตฺตมเทวตาย เทวเทวํ ทฺวิปทุตฺตม ภควา ตํ วนฺทามิ. น เกวลํ ตํเยว, อถ โข ตว สจฺจาภิสมฺโพธิยา อนุธมฺมชาตตฺตา อนุชาตํ, มารวิชเยน มหาวีริยตาย มหาวีรํ, อาคุอกรณาทิอตฺเถน นาคํ ตว ¶ อุเร วายามชนิตชาติตาย โอรสํ ปุตฺตํ นิคฺโรธกปฺปฺจ วนฺทามิ.
เอวเมเต สุภูติอาทโย วงฺคีสปริโยสานา ทฺวิสตํ จตุสฏฺิ จ มหาเถรา อิธ ปาฬิยํ อารูฬฺหา, เต สพฺเพ ยถา สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาวกภาเวน เอกวิธา. ตถา อเสกฺขภาเวน, อุกฺขิตฺตปลิฆตาย สํกิณฺณปริกฺขตาย, อพฺพุฬฺเหสิกตาย, นิรคฺคฬตาย, ปนฺนทฺธชตาย, ปนฺนภารตาย, วิสํยุตฺตตาย, ทสสุ อริยวาเสสุ วุฏฺวาสตาย จ. ตถา หิ เต ปฺจงฺควิปฺปหีนา, ฉฬงฺคสมนฺนาคตา, เอการกฺขา, จตุราปสฺเสนา, ปนุณฺณปจฺเจกสจฺจา, สมวยสฏฺเสนา, อนาวิลสงฺกปฺปา, ปสฺสทฺธกายสงฺขารา, สุวิมุตฺตจิตฺตา, สุวิมุตฺตปฺา จ (อ. นิ. ๑๐.๑๙). อิติ เอวมาทินา นเยน เอกวิธา.
เอหิภิกฺขุภาเวน อุปสมฺปนฺนา, น เอหิภิกฺขุภาเวน อุปสมฺปนฺนาติ ทุวิธา. ตตฺถ อฺาสิ โกณฺฑฺปฺปมุขา ปฺจวคฺคิยตฺเถรา, ยสตฺเถโร, ตสฺส สหายภูตา วิมโล สุพาหุ ปุณฺณชิ ควมฺปตีติ จตฺตาโร, อปเรปิ ตสฺส สหายภูตา ปฺจปฺาส, ตึส ภทฺทวคฺคิยา, อุรุเวลกสฺสปปฺปมุขา สหสฺสปุราณชฏิลา, ทฺเว อคฺคสาวกา, เตสํ ปริวารภูตา อฑฺฒเตรสสตา ¶ ปริพฺพาชกา, โจโร องฺคุลิมาลตฺเถโรติ สพฺเพ สหสฺสํ ปฺาสาธิกานิ ตีณิ สตานิ จ โหนฺติ. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘สตตฺตยํ ¶ สหสฺสฺจ, ปฺาสฺจ ปุนาปเร;
เอเต เถรา มหาปฺา, สพฺเพว เอหิภิกฺขุกา’’ติ.
น เกวลฺจ เอเต เอว, อถ โข อฺเปิ พหู สนฺติ. เสยฺยถิทํ – เสโล พฺราหฺมโณ, ตสฺส อนฺเตวาสิกภูตา ติสตพฺราหฺมณา, มหากปฺปิโน, ตสฺส ปริวารภูตํ ปุริสสหสฺสํ, สุทฺโธทนมหาราเชน เปสิตา กปิลวตฺถุวาสิโน ทสสหสฺสปุริสา, มหาพาวริยพฺราหฺมณสฺส อนฺเตวาสิกภูตา อชิตาทโย โสฬส สหสฺสปริมาณาติ. เอวํ วุตฺตโต อฺเ น เอหิภิกฺขุภาเวน อุปสมฺปทา, เต ปน สรณคมนูปสมฺปทา, โอวาทปฏิคฺคหณูปสมฺปทา, ปฺหาพฺยากรณูปสมฺปทา, ตฺติจตุตฺถกมฺมูปสมฺปทาติ อิเมหิ จตูหิ อากาเรหิ ลทฺธูปสมฺปทา. อาทิโต หิ เอหิภิกฺขุภาวูปคตา เถรา, เตสํ ภควา ปพฺพชฺชํ วิย ตีหิ สรณคมเนเหว อุปสมฺปทมฺปิ อนฺุาสิ, อยํ สรณคมนูปสมฺปทา. ยา ปน –
‘‘ตสฺมาติห เต, กสฺสป, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘ติพฺพํ เม หิโรตฺตปฺปํ, ปจฺจุปฏฺิตํ ภวิสฺสติ เถเรสุ นเวสุ มชฺฌิเมสู’ติ, เอวํ หิ เต, กสฺสป, สิกฺขิตพฺพํ. ตสฺมาติห เต, กสฺสป, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ¶ – ‘ยํกิฺจิ ธมฺมํ สุณิสฺสามิ กุสลูปสํหิตํ, สพฺพํ ตํ อฏฺึ กตฺวา มนสิ กริตฺวา สพฺพเจตสา สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณิสฺสามี’ติ, เอวฺหิ เต, กสฺสป, สิกฺขิตพฺพํ. ตสฺมาติห เต, กสฺสป, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘สาตสหคตา จ เม กายคตา สติ น วิชหิสฺสตี’ติ, เอวฺหิ เต, กสฺสป, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔).
อิมสฺส โอวาทสฺส ปฏิคฺคหเณน มหากสฺสปตฺเถรสฺส อนฺุาตอุปสมฺปทา, อยํ โอวาทปฏิคฺคหณูปสมฺปทา นาม. ยา ปุพฺพาราเม จงฺกมนฺเตน ภควตา ‘‘อุทฺธุมาตกสฺาติ วา โสปาก ‘รูปสฺา’ติ วา อิเม ธมฺมา นานตฺถา นานาพฺยฺชนา, อุทาหุ เอกตฺถา พฺยฺชนเมว นาน’’นฺติอาทินา อสุภนิสฺสิเตสุ ¶ ปฺเหสุ ปุจฺฉิเตสุ ภควนฺตํ อุปสงฺกมนฺเตน สตฺตวสฺสิเกน โสปากสามเณเรน ‘‘อุทฺธุมาตกสฺาติ วา ภควา ‘รูปสฺา’ติ วา อิเม ธมฺมา เอกตฺถา, พฺยฺชนเมว นาน’’นฺติอาทินา วิสฺสชฺชิเตสุ ‘‘อิมินา สพฺพฺุตฺาเณน สทฺธึ สํสนฺทิตฺวา อิเม ปฺหา พฺยากตา’’ติ อารทฺธจิตฺเตน ภควตา อนฺุาตอุปสมฺปทา. อยํ ปฺหาพฺยากรณูปสมฺปทา นาม. ตฺติจตุตฺถกมฺมูปสมฺปทา ปากฏาว.
ยถา เอหิภิกฺขุภาเวน อุปสมฺปทา, น เอหิภิกฺขุภาเวน อุปสมฺปทาติ ทุวิธา, เอวํ สมฺมุขาปรมฺมุขาเภทโตปิ ¶ ทุวิธา. เย หิ สตฺถุ ธรมานกาเล อริยาย ชาติยา ชาตา, เต อฺาสิโกณฺฑฺาทโย สมฺมุขสาวกา นาม. เย ปน ภควโต ปรินิพฺพานโต ปจฺฉา อธิคตวิเสสา, เต สติปิ สตฺถุ ธมฺมสรีรสฺส ปจฺจกฺขภาเว สตฺถุ สรีรสฺส อปจฺจกฺขภาวโต ปรมฺมุขสาวกา นาม.
ตถา อุภโตภาควิมุตฺตปฺาวิมุตฺตตาวเสน, อิธ ปาฬิยํ อาคตา ปน อุภโตภาควิมุตฺตา เอวาติ เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๕.๑๔๒) –
‘‘วิโมกฺขาปิ จ อฏฺิเม, ฉฬภิฺา สจฺฉิกตา’’ติ.
ตถา สาปทานานปทานเภทโต, เยสฺหิ ปุริเมสุ สมฺมาสมฺพุทฺเธสุ ปจฺเจกพุทฺธพุทฺธสาวเกสุปิ ปฺุกิริยาวเสน ปวตฺติตํ สาวกปารมิตาสงฺขาตํ อตฺถิ อปทานํ, เต สาปทานา, เสยฺยถาปิ อปทานปาฬิยํ อาคตา เถรา. เยสํ ปน ตํ นตฺถิ, เต อนปทานา.
กึ ปน สพฺเพน สพฺพํ ปุพฺพเหตุสมฺปตฺติยา วินา สจฺจาภิสมฺโพโธ สมฺภวตีติ? น สมฺภวติ. น หิ อุปนิสฺสยสมฺปตฺติรหิตสฺส อริยมคฺคาธิคโม อตฺถิ, ตสฺส สุทุกฺกรทุรภิสมฺภวสภาวโต. ยถาห ‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, กตมํ นุ โข ทุกฺกรตรํ วา ทุรภิสมฺภวตรํ วา’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๑๑๑๕). ยทิ เอวํ ¶ กสฺมา วุตฺตํ – ‘‘เยสํ ปน ตํ นตฺถิ, เต อนปทานา’’ติ? นยิทเมวํ ทฏฺพฺพํ ‘‘เย สพฺเพน สพฺพํ อุปนิสฺสยสมฺปตฺติรหิตา, เต อนปทานา’’ติ ตาทิสานํ อิธ อนธิปฺเปตตฺตา. เยสํ ปน อติอุกฺกํสคตํ อปทานํ นตฺถิ, เต อิธ ‘‘อนปทานา’’ติ วุตฺตา, น สพฺเพน สพฺพํ อุปนิสฺสยรหิตาเยว ¶ . ตถา หิ อิเม สตฺตา พุทฺธุปฺปาเทสุ อจฺฉริยาจินฺเตยฺยคุณวิภูติวิตฺถตํ พุทฺธานํ อานุภาวํ ปสฺสนฺตา จตุปฺปมาณิกสฺส โลกสฺส สพฺพถาปิ ปสาทาวหตฺตา สตฺถริ สทฺธํ ปฏิลภนฺติ. ตถา สทฺธมฺมสฺสวเนน, สาวกานํ สมฺมาปฏิปตฺติทสฺสเนน, กทาจิ มหาโพธิสตฺตานํ สมฺมาสมฺโพธิยา จิตฺตาภินีหารทสฺสเนน, เตสํ สนฺติเก โอวาทานุสาสนปฏิลาเภน จ สทฺธมฺเม สทฺธํ ปฏิลภนฺติ, เต ตตฺถ ปฏิลทฺธสทฺธา ยทิปิ สํสาเร นิพฺพาเน จ อาทีนวานิสํเส ปสฺสนฺติ, มหารชกฺขตาย ปน โยคกฺเขมํ อนภิสมฺภุนนฺตา อนฺตรนฺตรา วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลพีชํ อตฺตโน สนฺตาเน โรเปนฺติเยว สปฺปุริสูปนิสฺสยสฺส พหูการภาวโต. เตนาห (พุ. วํ. ๒.๗๒-๗๔) –
‘‘ยทิมสฺส ¶ โลกนาถสฺส, วิรชฺฌิสฺสาม สาสนํ;
อนาคตมฺหิ อทฺธาเน, เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํ.
‘‘ยถา มนุสฺสา นทึ ตรนฺตา, ปฏิติตฺถํ วิรชฺฌิย;
เหฏฺาติตฺเถ คเหตฺวาน, อุตฺตรนฺติ มหานทึ.
‘‘เอวเมว มยํ สพฺเพ, ยทิ มฺุจามิมํ ชินํ;
อนาคตมฺหิ อทฺธาเน, เหสฺสาม สมฺมุขา อิม’’นฺติ.
เอวํ วิวฏฺฏํ อุทฺทิสฺส อุปฺปาทิตกุสลจิตฺตํ สตสหสฺสาธิกจตุอสงฺขฺเยยฺยกาลนฺตเร วิโมกฺขาธิคมสฺส อุปนิสฺสโย น โหตีติ น สกฺกา วตฺตุํ. ปเคว ปตฺถนาวเสน อธิการํ กตฺวา ปวตฺติตํ. เอวํ ทุวิธาเปเต.
อคฺคสาวกา, มหาสาวกา, ปกติสาวกาติ ติวิธา. เตสุ อายสฺมา อฺาสิโกณฺฑฺโ, วปฺโป, ภทฺทิโย, มหานาโม, อสฺสชิ, นาลโก, ยโส, วิมโล, สุพาหุ, ปุณฺณชิ, ควมฺปติ, อุรุเวลกสฺสโป, นทีกสฺสโป, คยากสฺสโป, สาริปุตฺโต, มหาโมคฺคลฺลาโน, มหากสฺสโป, มหากจฺจายโน, มหาโกฏฺิโก, มหากปฺปิโน, มหาจุนฺโท, อนุรุทฺโธ, กงฺขาเรวโต, อานนฺโท, นนฺทโก, ภคุ, นนฺโท, กิมิโล, ภทฺทิโย, ราหุโล, สีวลิ, อุปาลิ ¶ , ทพฺโพ, อุปเสโน, ขทิรวนิยเรวโต, ปุณฺโณ มนฺตาณิปุตฺโต, ปุณฺโณ สุนาปรนฺตโก, โสโณ กุฏิกณฺโณ, โสโณ โกฬิวีโส, ราโธ, สุภูติ, องฺคุลิมาโล, วกฺกลิ, กาฬุทายี, มหาอุทายี, ปิลินฺทวจฺโฉ, โสภิโต, กุมารกสฺสโป, รฏฺปาโล ¶ , วงฺคีโส, สภิโย, เสโล, อุปวาโน, เมฆิโย, สาคโต, นาคิโต, ลกุณฺฑกภทฺทิโย, ปิณฺโฑลภารทฺวาโช, มหาปนฺถโก, จูฬปนฺถโก, พากุโล, กุณฺฑธาโน, ทารุจีริโย, ยโสโช, อชิโต, ติสฺสเมตฺเตยฺโย, ปุณฺณโก, เมตฺตคู, โธตโก, อุปสิโว, นนฺโท, เหมโก, โตเทยฺโย, กปฺโป, ชตุกณฺณิ, ภทฺราวุโธ, อุทโย, โปสาโล, โมฆราชา, ปิงฺคิโยติ เอเต อสีติมหาสาวกา นาม.
กสฺมา ปน เต เอว เถรา ‘‘มหาสาวกา’’ติ วุจฺจนฺตีติ? อภินีหารสฺส มหนฺตภาวโต. ตถา หิ ทฺเว อคฺคสาวกาปิ มหาสาวเกสุ อนฺโตคธา. เต หิ สาวกปารมีาณสฺส มตฺถกปฺปตฺติยา สาวเกสุ อคฺคธมฺมาธิคเมน อคฺคฏฺาเน ิตาปิ อภินีหารมหนฺตตาสามฺเน ‘‘มหาสาวกา’’ติปิ วุจฺจนฺติ. อิตเร ปน ปกติสาวเกหิ สาติสยมหาภินีหารา. ตถา หิ เต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กตปณิธานา. ตโต เอว สาติสยํ อภิฺาสมาปตฺตีสุ วสิโน ปภินฺนปฏิสมฺภิทา จ. กามํ สพฺเพปิ อรหนฺโต สีลวิสุทฺธิอาทิเก ¶ สมฺปาเทตฺวา จตูสุ สติปฏฺาเนสุ ปติฏฺิตจิตฺตา สตฺต โพชฺฌงฺเค ยถาภูตํ ภาเวตฺวา มคฺคปฏิปาฏิยา อนวเสสโต กิเลเส เขเปตฺวา อคฺคผเล ปติฏฺหนฺติ, ตถาปิ ยถา สทฺธาวิมุตฺตโต ทิฏฺิปฺปตฺตสฺส, ปฺาวิมุตฺตโต จ อุภโตภาควิมุตฺตสฺส ปุพฺพภาคภาวนาวิเสโส อทฺธา อิจฺฉิโต วิเสโส, เอวํ อภินีหารมหนฺตตาปุพฺพโยคมหนฺตตาหิ อตฺตสนฺตาเน สาติสยคุณวิเสสสฺส นิปฺผาทิตตฺตา สีลาทิคุเณหิ มหนฺตา สาวกาติ มหาสาวกา. เตสุเยว ปน เย โพธิปกฺขิยธมฺเมสุ ปาโมกฺขภาเวน ธุรภูตานํ สมฺมาทิฏฺิสมฺมาสมาธีนํ สาติสยกิจฺจนฺตรภาวนิปฺผตฺติยา การณภูตาย ตชฺชาภินีหาราภินิหตาย สกฺกจฺจํ นิรนฺตรํ จิรกาลํ ¶ สมาหิตาย สมฺมาปฏิปตฺติยา ยถากฺกมํ ปฺาย สมาธิสฺมิฺจ อุกฺกํสปารมิปฺปตฺติยา สวิเสสํ สพฺพคุเณหิ อคฺคภาเว ิตา. เต สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา สติปิ มหาสาวกตฺเต สาวกปารมิยา มตฺถเก สพฺพสาวกานํ อคฺคภาเว ิตตฺตา อภินีหารมหนฺตภาวโต, ปุพฺพโยคมหนฺตภาวโต จ ‘‘อคฺคสาวกา’’อิจฺเจว วุจฺจนฺติ. เย ปน อริยสาวกา อคฺคสาวกา วิย จ มหาสาวกา วิย จ น ปริมิตาว, อถ โข อเนกสตา อเนกสหสฺสา, เต ปกติสาวกา. อิธ ปาฬิยํ อารูฬฺหา ปน ปริมิตาว คาถาวเสน ปริคฺคหิตตฺตา. ตถาปิ มหาสาวเกสุปิ เกจิ อิธ ปาฬิยํ นารูฬฺหา.
เอวํ ติวิธาปิ เต อนิมิตฺตวิโมกฺขาทิเภทโต ติวิธา, วิโมกฺขสมธิคมวเสนปิ ติวิธา. ตโย หิ อิเม วิโมกฺขา สฺุโต วิโมกฺโข, อนิมิตฺโต วิโมกฺโข, อปฺปณิหิโต วิโมกฺโขติ. เต จ วิโมกฺขา สฺุตาทีหิ อนิจฺจานุปสฺสนาทีหิ ตีหิ อนุปสฺสนาหิ อธิคนฺตพฺพา. อาทิโต ¶ หิ อนิจฺจาทีสุ เยน เกนจิ อากาเรน วิปสฺสนาภินิเวโส โหติ. ยทา ปน วุฏฺานคามินิยา วิปสฺสนาย อนิจฺจาการโต สงฺขาเร สมฺมสนฺติยา มคฺควุฏฺานํ โหติ, ตทา วิปสฺสนา สติปิ ราคนิมิตฺตาทีนํ สมุคฺฆาฏเน สงฺขารนิมิตฺตํ ปน สา น วิสฺสชฺเชตีติ นิปฺปริยาเยน อนิมิตฺตนามํ อลภมานา อตฺตโน มคฺคสฺส อนิมิตฺตนามํ ทาตุํ น สกฺโกตีติ. กิฺจาปิ อภิธมฺเม อนิมิตฺตวิโมกฺโข น อุทฺธโฏ, สุตฺตนฺเต ปน ราคาทินิมิตฺตานํ สมุคฺฆาเฏน ลพฺภตีติ.
‘‘อนิมิตฺตฺจ ภาเวหิ, มานานุสยมุชฺชห;
ตโต มานาภิสมยา, อุปสนฺโต จริสฺสสี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๑๒) –
อาทินา หิ วิปสฺสนาย อนิมิตฺตวิโมกฺขภาโว อนุตฺตรสฺส อนิมิตฺตวิโมกฺขภาโว จ วุตฺโต. ยทา วุฏฺานคามินิยา วิปสฺสนาย ทุกฺขโต สงฺขาเร สมฺมสนฺติยา มคฺควุฏฺานํ โหติ, ตทา ¶ วิปสฺสนา ราคปณิธิอาทีนํ สมุคฺฆาฏเนน อปฺปณิหิตนามํ ลภตีติ อปฺปณิหิตวิโมกฺขํ นาม โหติ. ตทนนฺตโร จ มคฺโค อปฺปณิหิตวิโมกฺโข. ยทา ปน วุฏฺานคามินิยา วิปสฺสนาย อนตฺตากาเรน สมฺมสนฺติยา มคฺควุฏฺานํ โหติ, ตทา ¶ วิปสฺสนา อตฺตทิฏฺิยา สมุคฺฆาฏเนน สฺุตนามํ ลภตีติ สฺุตวิโมกฺขํ นาม โหติ. ตทนนฺตโร จ มคฺโค สฺุตวิโมกฺโข นาม โหติ. อิเมสุ อคฺคมคฺคภูเตสุ ตีสุ วิโมกฺเขสุ อิเมสํ เถรานํ เกจิ อนิมิตฺตวิโมกฺเขน มุตฺตา, เกจิ อปฺปณิหิตวิโมกฺเขน, เกจิ สฺุตวิโมกฺเขน. เตน วุตฺตํ – ‘‘อนิมิตฺตวิโมกฺขาทิเภทโต ติวิธา, วิโมกฺขสมธิคเมนปิ ติวิธา’’ติ.
ปฏิปทาวิภาเคน จตุพฺพิธา. จตสฺโส หิ ปฏิปทา – ทุกฺขปฏิปทา ทนฺธาภิฺา, ทุกฺขปฏิปทา ขิปฺปาภิฺา, สุขปฏิปทา ทนฺธาภิฺา, สุขปฏิปทา ขิปฺปาภิฺาติ. ตตฺถ รูปมุขาทีสุ วิปสฺสนาภินิเวเสสุ โย รูปมุเขน วิปสฺสนํ อภินิวิสิตฺวา จตฺตาริ มหาภูตานิ ปริคฺคเหตฺวา อุปาทารูปํ ปริคฺคณฺหาติ อรูปํ ปริคฺคณฺหาติ, รูปารูปํ ปน ปริคฺคณฺหนฺโต ทุกฺเขน กสิเรน กิลมนฺโต ปริคฺคเหตุํ สกฺโกติ, ตสฺส ทุกฺขปฏิปทา นาม โหติ, ปริคฺคหิตรูปารูปสฺส ปน วิปสฺสนาปริวาเส มคฺคปาตุภาวทนฺธตาย ทนฺธาภิฺา นาม โหติ. โยปิ รูปารูปํ ปริคฺคเหตฺวา นามรูปํ ววตฺถเปนฺโต ทุกฺเขน กสิเรน กิลมนฺโต ววตฺถเปติ, ววตฺถปิเต จ นามรูเป วิปสฺสนาปริวาสํ วสนฺโต จิเรน มคฺคํ อุปฺปาเทตุํ สกฺโกติ, ตสฺสปิ ทุกฺขปฏิปทา ทนฺธาภิฺา นาม โหติ. อปโร นามรูปมฺปิ ววตฺถเปตฺวา ปจฺจเย ปริคฺคณฺหนฺโต ทุกฺเขน กสิเรน กิลมนฺโต ปริคฺคณฺหาติ. ปจฺจเย จ ปริคฺคเหตฺวา วิปสฺสนาปริวาสํ วสนฺโต ¶ จิเรน มคฺคํ อุปฺปาเทติ, เอวมฺปิ ทุกฺขปฏิปทา ทนฺธาภิฺา นาม โหติ. อปโร ปจฺจเยปิ ปริคฺคเหตฺวา ลกฺขณานิ ปฏิวิชฺฌนฺโต ทุกฺเขน กสิเรน กิลมนฺโต ปฏิวิชฺฌติ, ปฏิวิทฺธลกฺขโณ จ วิปสฺสนาปริวาสํ วสนฺโต จิเรน มคฺคํ อุปฺปาเทติ, เอวมฺปิ ทุกฺขปฏิปทา ทนฺธาภิฺา นาม โหติ. อปโร ลกฺขณานิปิ ปฏิวิชฺฌิตฺวา วิปสฺสนาาเณ ติกฺเข สูเร ปสนฺเน วหนฺเต อุปฺปนฺนวิปสฺสนานิกนฺตึ ปริยาทิยมาโน ทุกฺเขน กสิเรน กิลมนฺโต ปริยาทิยติ, นิกนฺติฺจ ปริยาทิยิตฺวา วิปสฺสนาปริวาสํ วสนฺโต จิเรน มคฺคํ อุปฺปาเทติ, เอวมฺปิ ทุกฺขปฏิปทา ทนฺธาภิฺา นาม โหติ. ยถาวุตฺตาสุเยว ปฏิปทาสุ มคฺคปาตุภาวสฺส ขิปฺปตาย ทุกฺขปฏิปทา ขิปฺปาภิฺา, ตาสํ ปน ปฏิปทานํ อกิจฺฉสิทฺธิยํ มคฺคปาตุภาวสฺส ทนฺธตาย ขิปฺปตาย จ ยถากฺกมํ สุขปฏิปทา ทนฺธาภิฺา, สุขปฏิปทา ขิปฺปาภิฺา จ เวทิตพฺพา. อิมาสํ จตสฺสนฺนํ ปฏิปทานํ วเสน อคฺคมคฺคปฺปตฺติยา เถรานํ จตุพฺพิธตา เวทิตพฺพา. น หิ ปฏิปทาหิ ¶ วินา อริยมคฺคาธิคโม อตฺถิ. ตถา หิ อภิธมฺเม ‘‘ยสฺมึ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ นิยฺยานิกํ อปจยคามึ…เป… ¶ ทุกฺขปฏิปทํ ทนฺธาภิฺ’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๒๗๗) ปฏิปทาย สทฺธึเยว อริยมคฺโค วิภตฺโต, เตน วุตฺตํ ‘‘ปฏิปทาวิภาเคน จตุพฺพิธา’’ติ.
อินฺทฺริยาธิกวิภาเคน ปฺจวิธา. สติปิ เนสํ สจฺจาภิสมฺโพธสามฺเ เอกจฺเจ เถรา สทฺธุตฺตรา, เสยฺยถาปิ เถโร วกฺกลิ; เอกจฺเจ วีริยุตฺตรา, เสยฺยถาปิ เถโร มหาโสโณ, โกฬิวีโส; เอกจฺเจ สตุตฺตรา, เสยฺยถาปิ เถโร โสภิโต, เอกจฺเจ สมาธุตฺตรา, เสยฺยถาปิ เถโร จูฬปนฺถโก, เอกจฺเจ ปฺุตฺตรา, เสยฺยถาปิ เถโร อานนฺโท. ตถา หิ โส คติมนฺตตาย อตฺถโกสลฺลาทิวนฺตตาย จ ปสํสิโต, อยฺจ วิภาโค ปุพฺพภาเค ลพฺภมานวิเสสวเสน วุตฺโต. อคฺคมคฺคกฺขเณ ปน เสสานมฺปิ อินฺทฺริยานํ เอกสภาวา อิจฺฉิตาติ.
ตถา ปารมิปฺปตฺตา, ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺตา, ฉฬภิฺา, เตวิชฺชา, สุกฺขวิปสฺสกาติ ปฺจวิธา. สาวเกสุ หิ เอกจฺเจ สาวกปารมิยา มตฺถกปฺปตฺตา, ยถา ตํ อายสฺมา สาริปุตฺโต, อายสฺมา จ มหาโมคฺคลฺลาโน; เอกจฺเจ อตฺถปฏิสมฺภิทา ธมฺมปฏิสมฺภิทา นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา ปฏิภานปฏิสมฺภิทาติ อิมาสํ จตุนฺนํ ปฏิสมฺภิทานํ วเสน ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺตา; เอกจฺเจ อิทฺธิวิธาณาทีนํ อภิฺานํ วเสน ฉฬภิฺา; เอกจฺเจ ปุพฺเพนิวาสาณาทีนํ ติสฺสนฺนํ วิชฺชานํ วเสน เตวิชฺชา. เย ปน ขณิกสมาธิมตฺเต ตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อธิคตอคฺคมคฺคา, เต ¶ อาทิโต อนฺตรนฺตรา จ สมาธิเชน ฌานงฺเคน วิปสฺสนาพฺภนฺตรํ ปฏิสนฺธานานํ อภาวา สุกฺขา วิปสฺสนา เอเตสนฺติ สุกฺขวิปสฺสกา นาม. อยฺจ วิภาโค สาวกานํ สาธารณภาวํ อุปปริกฺขิตฺวา วุตฺโต. อิธ ปาฬิยํ อาคตา นตฺเถว สุกฺขวิปสฺสกา. เตเนวาห –
‘‘ปฏิสมฺภิทา จตสฺโส, วิโมกฺขาปิ จ อฏฺิเม;
ฉฬภิฺา สจฺฉิกตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติอาทิ. (อป. เถร ๑.๑.๓๗๔; ๒.๔๓.๑๔);
เอวํ ปารมิปฺปตฺตาทิวเสน ปฺจวิธา.
อนิมิตฺตาทิวเสน ฉพฺพิธา อนิมิตฺตวิมุตฺโตติอาทโย.
สทฺธาธุโร ¶ , ปฺาธุโรติ ทุวิธา. ตถา อปฺปณิหิตวิมุตฺโต ปฺาวิมุตฺโต จาติ. เอวํ อนิมิตฺตวิมุตฺตาทิวเสน จ ปริยายวิมุตฺตเภเทน สตฺตวิธา. จตูสุ หิ อรูปสมาปตฺตีสุ เอกเมกํ ¶ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺตา จตฺตาโร, นิโรธโต วุฏฺาย อรหตฺตํ ปตฺโต จาติ ปฺจ, อุภโตภาควิมุตฺตา, สทฺธาธุรปฺาธุรวเสน ทฺเว ปฺาวิมุตฺตาติ เอวํ วิมุตฺติเภเทน สตฺตวิธา.
ธุรปฏิปทาวิภาเคน อฏฺวิธา. โย หิ ทุกฺขปฏิปทาย ทนฺธาภิฺาย นิยฺยาติ, โส สทฺธาธุรปฺาธุรวเสน ทุวิธา, ตถา เสสปฏิปทาสุปีติ เอวํ ธุรปฏิปทาวิภาเคน อฏฺวิธา.
วิมุตฺติเภเทน นววิธา. ปฺจ อุภโตภาควิมุตฺตา, ทฺเว ปฺาวิมุตฺตา, ปฺาวิมุตฺติยํ เจโตวิมุตฺติยฺจ ปารมิปฺปตฺตา ทฺเว อคฺคสาวกา จาติ เอวํ นววิธา.
วิมุตฺติวเสเนว ทสวิธา. จตูสุ อรูปาวจรชฺฌาเนสุ จ เอกเมกํ ปาทกํ กตฺวา อรหตฺตํ ปตฺตา จตฺตาโร, สุกฺขวิปสฺสโกติ ปฺจ ปฺาวิมุตฺตา, ยถาวุตฺตา จ อุภโตภาควิมุตฺตา จาติ เอวํ วิมุตฺติเภเทเนว ทสวิธา. เต ยถาวุตฺเตน ธุรเภเทน ภิชฺชมานา วีสติ โหนฺติ. ปฏิปทาเภเทน ภิชฺชมานา จตฺตาลีสํ โหนฺติ. ปุน ปฏิปทาเภเทน ธุรเภเทน จ ภิชฺชมานา อสีติ โหนฺติ. อถ เต สฺุตวิมุตฺตาทิวิภาเคน ภิชฺชมานา จตฺตาลีสาธิกา ทฺเว สตานิ โหนฺติ. ปุน อินฺทฺริยาธิกภาเวน ภิชฺชมานา ทฺวิสตุตฺตรํ สหสฺสํ โหนฺตีติ. เอวํ อตฺตโน คุณวเสน อเนกเภทวิภตฺเตสุ มคฺคฏฺผลฏฺเสุ อริยสาวเกสุ เย อตฺตโน ปฏิปตฺติปวตฺติอาทิเก จ วิภาเวนฺติ. เย ‘‘ฉนฺนา เม กุฏิกา’’ติอาทิกา (เถรคา. ๑) คาถา อุทานาทิวเสน อภาสึสุ. เต จ อิธ คาถามุเขน สงฺคหํ อารูฬฺหา. เตนาห – ‘‘สีหานํว นทนฺตานํ…เป… ผุสิตฺวา อจฺจุตํ ปท’’นฺติ (เถรคา. นิทานคาถา). เอวเมตฺถ ปกิณฺณกกถา เวทิตพฺพา.
วงฺคีสตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
มหานิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.
พทรติตฺถมหาวิหารวาสินา อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน กตา
เถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.