📜
๖. ฉกฺกนิปาโต
๑. อุรุเวลกสฺสปตฺเถรคาถาวณฺณนา
ฉกฺกนิปาเต ¶ ¶ ทิสฺวาน ปาฏิหีรานีติอาทิกา อายสฺมโต อุรุเวลกสฺสปตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺโต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา, วยปฺปตฺโต สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ มหาปริสานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา, สยมฺปิ ตํ านนฺตรํ ปตฺเถตฺวา มหาทานํ ทตฺวา ปณิธานมกาสิ. ภควา จสฺส อนนฺตรายตํ ทิสฺวา, ‘‘อนาคเต โคตมพุทฺธสฺส สาสเน มหาปริสานํ อคฺโค ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ.
โส ¶ ตตฺถ ยาวชีวํ ปฺุานิ กตฺวา ตโต จวิตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิโต ทฺวานวุติกปฺปมตฺถเก ผุสฺสสฺส ภควโต เวมาติกกนิฏฺภาตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อฺเปิสฺส ทฺเว กนิฏฺภาตโร อเหสุํ. เต ตโยปิ พุทฺธปฺปมุขํ สงฺฆํ ปรมาย ปูชาย ปูเชตฺวา ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อมฺหากํ ภควโต นิพฺพตฺติโต ปุเรตรเมว พาราณสิยํ พฺราหฺมณกุเล ภาตโร หุตฺวา, อนุกฺกเมน นิพฺพตฺตา โคตฺตวเสน ตโยปิ กสฺสปา เอว นาม ชาตา. เต วยปฺปตฺตา ตโย เวเท อุคฺคณฺหึสุ. เตสํ เชฏฺภาติกสฺส ปฺจ มาณวกสตานิ ปริวาโร, มชฺฌิมสฺส ตีณิ, กนิฏฺสฺส ทฺเว. เต อตฺตโน คนฺเถ สารํ โอโลเกนฺตา ทิฏฺธมฺมิกเมว อตฺถํ ทิสฺวา ปพฺพชฺชํ โรเจสุํ. เตสุ เชฏฺภาตา อตฺตโน ปริวาเรน สทฺธึ อุรุเวลํ คนฺตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อุรุเวลกสฺสโป นาม ชาโต มหาคงฺคานทีวงฺเก ปพฺพชิโต นทีกสฺสโป นาม ชาโต, คยาสีเส ปพฺพชิโต คยากสฺสโป นาม ชาโต.
เอวํ เตสุ อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ วสนฺเตสุ พหูนํ ทิวสานํ อจฺจเยน อมฺหากํ โพธิสตฺโต มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา, ปฏิวิทฺธสพฺพฺุตฺาโณ อนุกฺกเมน ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตตฺวา, ปฺจวคฺคิยตฺเถเร อรหตฺเต ปติฏฺาเปตฺวา ยสปฺปมุเข ปฺจปฺาส สหายเก วิเนตฺวา สฏฺิ อรหนฺเต ‘‘จรถ, ภิกฺขเว, จาริก’’นฺติ วิสฺสชฺเชตฺวา, ภทฺทวคฺคิเย วิเนตฺวา อุรุเวลกสฺสปสฺส ¶ วสนฏฺานํ คนฺตฺวา วสนตฺถาย อคฺยาคารํ ปวิสิตฺวา ¶ , ตตฺถ กตนาคทมนํ อาทึ กตฺวา อฑฺฒุฑฺฒสหสฺเสหิ ปาฏิหาริเยหิ อุรุเวลกสฺสปํ สปริสํ วิเนตฺวา ปพฺพาเชสิ. ตสฺส ปพฺพชิตภาวํ ตฺวา อิตเรปิ ทฺเว ภาตโร สปริสา อาคนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชึสุ. สพฺเพว เอหิภิกฺขู อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา อเหสุํ.
สตฺถา ตํ สมณสหสฺสํ อาทาย คยาสีสํ คนฺตฺวา ปิฏฺิปาสาเณ นิสินฺโน อาทิตฺตปริยายเทสนาย สพฺเพ อรหตฺเต ปติฏฺาเปสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๔.๒๕๑-๒๙๕) –
‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, สพฺพโลกวิทู มุนิ;
อิโต สตสหสฺสมฺหิ, กปฺเป อุปฺปชฺชิ จกฺขุมา.
‘‘โอวาทโก วิฺาปโก, ตารโก สพฺพปาณินํ;
เทสนากุสโล พุทฺโธ, ตาเรสิ ชนตํ พหุํ.
‘‘อนุกมฺปโก การุณิโก, หิเตสี สพฺพปาณินํ;
สมฺปตฺเต ติตฺถิเย สพฺเพ, ปฺจสีเล ปติฏฺปิ.
‘‘เอวํ นิรากุลํ อาสิ, สฺุตํ ติตฺถิเยหิ จ;
วิจิตฺตํ อรหนฺเตหิ, วสีภูเตหิ ตาทิภิ.
‘‘รตนานฏฺปฺาสํ, อุคฺคโต โส มหามุนิ;
กฺจนคฺฆิยสงฺกาโส, พาตฺตึสวรลกฺขโณ.
‘‘วสฺสสตสหสฺสานิ, อายุ วิชฺชติ ตาวเท;
ตาวตา ติฏฺมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํ.
‘‘ตทาหํ หํสวติยา, พฺราหฺมโณ สาธุสมฺมโต;
อุเปจฺจ โลกปชฺโชตํ, อสฺโสสึ ธมฺมเทสนํ.
‘‘ตทา มหาปริสตึ, มหาปริสสาวกํ;
เปนฺตํ เอตทคฺคมฺหิ, สุตฺวาน มุทิโต อหํ.
‘‘มหตา ปริวาเรน, นิมนฺเตตฺวา มหาชินํ;
พฺราหฺมณานํ สหสฺเสน, สหทานมทาสหํ.
‘‘มหาทานํ ททิตฺวาน, อภิวาทิย นายกํ;
เอกมนฺตํ ิโต หฏฺโ, อิทํ วจนมพฺรวึ.
‘‘ตยิ ¶ สทฺธาย เม วีร, อธิการคุเณน จ;
ปริสา มหตี โหตุ, นิพฺพตฺตสฺส ตหึ ตหึ.
‘‘ตทา ¶ อโวจ ปริสํ, คชคชฺชิตสุสฺสโร;
กรวีกรุโต สตฺถา, เอตํ ปสฺสถ พฺราหฺมณํ.
‘‘เหมวณฺณํ มหาพาหุํ, กมลานนโลจนํ;
อุทคฺคตนุชํ หฏฺํ, สทฺธวนฺตํ คุเณ มม.
‘‘เอส ปตฺถยเต านํ, สีหโฆสสฺส ภิกฺขุโน;
อนาคตมฺหิ อทฺธาเน, ลจฺฉเส ตํ มโนรถํ.
‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;
โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.
‘‘ตสฺส ธมฺเมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;
กสฺสโป นาม โคตฺเตน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโก.
‘‘อิโต ทฺเวนวุเต กปฺเป, อหุ สตฺถา อนุตฺตโร;
อนูปโม อสทิโส, ผุสฺโส โลกคฺคนายโก.
‘‘โส จ สพฺพํ ตมํ หนฺตฺวา, วิชเฏตฺวา มหาชฏํ;
วสฺสเต อมตํ วุฏฺึ, ตปฺปยนฺโต สเทวกํ.
‘‘ตทา หิ พาราณสิยํ, ราชาปจฺจา อหุมฺหเส;
ภาตโรมฺห ตโย สพฺเพ, สํวิสฏฺาว ราชิโน.
‘‘วีรงฺครูปา พลิโน, สงฺคาเม อปราชิตา;
ตทา กุปิตปจฺจนฺโต, อมฺเห อาห มหีปติ.
‘‘เอถ คนฺตฺวาน ปจฺจนฺตํ, โสเธตฺวา อฏฺฏวีพลํ;
เขมํ วิชิริตํ กตฺวา, ปุน เทถาติ ภาสถ.
‘‘ตโต ¶ มยํ อโวจุมฺห, ยทิ เทยฺยาสิ นายกํ;
อุปฏฺานาย อมฺหากํ, สาธยิสฺสาม โว ตโต.
‘‘ตโต มยํ ลทฺธวรา, ภูมิปาเลน เปสิตา;
นิกฺขิตฺตสตฺถํ ปจฺจนฺตํ, กตฺวา ปุนรุเปจฺจ ตํ.
‘‘ยาจิตฺวา ¶ สตฺถุปฏฺานํ, ราชานํ โลกนายกํ;
มุนิวีรํ ลภิตฺวาน, ยาวชีวํ ยชิมฺห ตํ.
‘‘มหคฺฆานิ จ วตฺถานิ, ปณีตานิ รสานิ จ;
เสนาสนานิ รมฺมานิ, เภสชฺชานิ หิตานิ จ.
‘‘ทตฺวา สสงฺฆมุนิโน, ธมฺเมนุปฺปาทิตานิ โน;
สีลวนฺโต การุณิกา, ภาวนายุตฺตมานสา.
‘‘สทฺธา ปริจริตฺวาน, เมตฺตจิตฺเตน นายกํ;
นิพฺพุเต ตมฺหิ โลกคฺเค, ปูชํ กตฺวา ยถาพลํ.
‘‘ตโต จุตา สนฺตุสิตํ, คตา ตตฺถ มหาสุขํ;
อนุภูตา มยํ สพฺเพ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.
‘‘มายากาโร ยถา รงฺเค, ทสฺเสสิ วิกตึ พหุํ;
ตถา ภเว ภมนฺโตหํ, วิเทหาธิปตี อหุํ.
‘‘คุณาเจลสฺส วากฺเยน, มิจฺฉาทิฏฺิคตาสโย;
นรกํ มคฺคมารูฬฺโห, รุจาย มม ธีตุยา.
‘‘โอวาทํ นาทิยิตฺวาน, พฺรหฺมุนา นารเทนหํ;
พหุธา สํสิโต สนฺโต, ทิฏฺึ หิตฺวาน ปาปิกํ.
‘‘ปูรยิตฺวา วิเสเสน, ทส กมฺมปถานิหํ;
หิตฺวาน เทหมคมึ, สคฺคํ สภวนํ ยถา.
‘‘ปจฺฉิเม ภเว สมฺปตฺเต, พฺรหฺมพนฺธุ อโหสหํ;
พาราณสิยํ ผีตายํ, ชาโต วิปฺปมหากุเล.
‘‘มจฺจุพฺยาธิชราภีโต, โอคาเหตฺวา มหาวนํ;
นิพฺพานํ ปทเมสนฺโต, ชฏิเลสุ ปริพฺพชึ.
‘‘ตทา ทฺเว ภาตโร มยฺหํ, ปพฺพชึสุ มยา สห;
อุรุเวลายํ มาเปตฺวา, อสฺสมํ นิวสึ อหํ.
‘‘กสฺสโป นาม โคตฺเตน, อุรุเวลนิวาสิโก;
ตโต เม อาสิ ปฺตฺติ, อุรุเวลกสฺสโป อิติ.
‘‘นทีสกาเส ¶ ภาตา เม, นทีกสฺสปสวฺหโย;
อาสี สกาสนาเมน, คยายํ คยากสฺสโป.
‘‘ทฺเว สตานิ กนิฏฺสฺส, ตีณิ, มชฺฌสฺส ภาตุโน;
มม ปฺจ สตานูนา, สิสฺสา สพฺเพ มมานุคา.
‘‘ตทา อุเปจฺจ มํ พุทฺโธ, กตฺวาน วิวิธานิ เม;
ปาฏิหีรานิ โลกคฺโค, วิเนสิ นรสารถิ.
‘‘สหสฺสปริวาเรน, อโหสึ เอหิภิกฺขุโก;
เตเหว สห สพฺเพหิ, อรหตฺตมปาปุณึ.
‘‘เต เจวฺเ จ พหโว, สิสฺสา มํ ปริวารยุํ;
ภาสิตฺุจ สมตฺโถหํ, ตโต มํ อิสิสตฺตโม.
‘‘มหาปริสภาวสฺมึ, เอตทคฺเค เปสิ มํ;
อโห พุทฺเธ กตํ การํ, สผลํ เม อชายถ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา สีหนาทํ นทนฺโต –
‘‘ทิสฺวาน ¶ ปาฏิหีรานิ, โคตมสฺส ยสสฺสิโน;
น ตาวาหํ ปณิปตึ, อิสฺสามาเนน วฺจิโต.
‘‘มม สงฺกปฺปมฺาย, โจเทสิ นรสารถิ;
ตโต เม อาสิ สํเวโค, อพฺภุโต โลมหํสโน.
‘‘ปุพฺเพ ¶ ชฏิลภูตสฺส, ยา เม สิทฺธิ ปริตฺติกา;
ตาหํ ตทา นิรากตฺวา, ปพฺพชึ ชินสาสเน.
‘‘ปุพฺเพ ยฺเน สนฺตุฏฺโ, กามธาตุปุรกฺขโต;
ปจฺฉา ราคฺจ โทสฺจ, โมหฺจาปิ สมูหนึ.
‘‘ปุพฺเพนิวาสํ ชานามิ, ทิพฺพจกฺขุ วิโสธิตํ;
อิทฺธิมา ปรจิตฺตฺู, ทิพฺพโสตฺจ ปาปุณึ.
‘‘ยสฺส ¶ จตฺถาย ปพฺพชิโต, อคารสฺมานคาริยํ;
โส เม อตฺโถ อนุปฺปตฺโต, สพฺพสํโยชนกฺขโย’’ติ. –
อิมา ฉ คาถา อภาสิ.
ตตฺถ ทิสฺวาน ปาฏิหีรานีติ นาคราชทมนาทีนิ อฑฺฒุฑฺฒสหสฺสานิ ปาฏิหาริยานิ ทิสฺวา. ‘‘ปาฏิหีรํ, ปาฏิเหรํ, ปาฏิหาริย’’นฺติ หิ อตฺถโต เอกํ, พฺยฺชนเมว นานํ. ยสสฺสิโน’’ติ ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินา สเทวเก โลเก ยถาภุจฺจํ ปตฺถฏกิตฺติสทฺทสฺส. น ตาวาหํ ปณิปตินฺติ ยาว มํ ภควา ‘‘เนว โข ตฺวํ, กสฺสป, อรหา, นาปิ อรหตฺตมคฺคํ สมาปนฺโน, สาปิ เต ปฏิปทา นตฺถิ, ยาย ตฺวํ อรหา วา อสฺส, อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปนฺโน’’ติ น ตชฺเชสิ, ตาว อหํ น ปณิปาตนํ อกาสึ. กึการณา? อิสฺสามาเนน วฺจิโต, ‘‘อิมสฺส มยิ สาวกตฺตํ อุปคเต มม ลาภสกฺกาโร ปริหายิสฺสติ, อิมสฺส เอว วฑฺฒิสฺสตี’’ติ เอวํ ปรสมฺปตฺติอสหนลกฺขณาย อิสฺสาย เจว, ‘‘อหํ คณปาโมกฺโข พหุชนสมฺมโต’’ติ เอวํ อพฺภุนฺนติลกฺขเณน มาเนน จ วฺจิโต, ปลมฺภิโต หุตฺวาติ อตฺโถ.
มม สงฺกปฺปมฺายาติ มยฺหํ มิจฺฉาสงฺกปฺปํ ชานิตฺวา, ยํ ยํ ภควา อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฏิหาริยํ ทสฺเสติ, ตํ ตํ ทิสฺวา ‘‘มหิทฺธิโก โข มหาสมโณ มหานุภาโว’’ติ จินฺเตตฺวาปิ ‘‘น ตฺเวว โข อรหา ยถา อห’’นฺติ เอวํ ปวตฺตํ มิจฺฉาวิตกฺกํ ชานนฺโตปิ าณปริปากํ อาคเมนฺโต อชฺฌุเปกฺขิตฺวา ปจฺฉา เนรฺชราย มชฺเฌ สมนฺตโต อุทกํ อุสฺสาเรตฺวา เรณุหตาย ภูมิยา จงฺกมิตฺวา เตน อาภตนาวาย ิโต ตทาปิ ‘‘มหิทฺธิโก’’ติอาทิกํ จินฺเตตฺวา ปุน ‘‘น ตฺเวว โข อรหา ยถา อห’’นฺติ ปวตฺติตํ มิจฺฉาสงฺกปฺปํ ตฺวาติ อตฺโถ. โจเทสิ นรสารถีติ ตทา เม ¶ าณปริปากํ ตฺวา ‘‘เนว โข ตฺวํ อรหา’’ติอาทินา ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา มํ โจเทสิ นิคฺคณฺหิ. ตโต เม อาสิ สํเวโค, อพฺภุโต โลมหํสโนติ ตโต ยถาวุตฺตโจทนาเหตุ เอตฺตกํ กาลํ อภูตปุพฺพตาย อพฺภุโต โลมหํสนวเสน ปวตฺติยา โลมหํสโน ‘‘อนรหาว สมาโน ‘อรหา’ติ ¶ มฺิ’’นฺติ สํเวโค สโหตฺตปฺโป าณุปฺปาโท มยฺหํ อโหสิ.
ชฏิลภูตสฺสาติ ¶ ตาปสภูตสฺส. สิทฺธีติ ลาภสกฺการสมิทฺธิ. ปริตฺติกาติ อปฺปมตฺติกา. ตาหนฺติ ตํ อหํ. ตทาติ ภควโต โจทนาย สํเวคุปฺปตฺติกาเล. นิรากตฺวาติ อปเนตฺวา ฉฑฺเฑตฺวา, อนเปกฺโข หุตฺวาติ อตฺโถ. ‘‘อิทฺธีติ ภาวนามยอิทฺธี’’ติ วทนฺติ. ตทยุตฺตํ ตทา ตสฺส อฌานลาภีภาวโต. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘กามธาตุปุรกฺขโต’’ติ.
ยฺเน สนฺตุฏฺโติ ‘‘ยฺํ ยชิตฺวา สคฺคสุขํ อนุภวิสฺสามิ, อลเมตฺตาวตา’’ติ ยฺยชเนน สนฺตุฏฺโ นิฏฺิตกิจฺจสฺี. กามธาตุปุรกฺขโตติ กามสุคตึ อารพฺภ อุปฺปนฺนตณฺโห ยฺยชเนน กามโลกํ ปุรกฺขตฺวา ิโต. โส เจ ยฺโ ปาณาติปาตปฏิสํยุตฺโต โหติ, น เตน สุคตึ สกฺกา ลทฺธุํ. น หิ อกุสลสฺส อิฏฺโ กนฺโต วิปาโก นิพฺพตฺตติ. ยา ปน ตตฺถ ทานาทิกุสลเจตนา, ตาย สติ ปจฺจยสมวาเย สุคตึ คจฺเฉยฺย. ปจฺฉาติ ตาปสปพฺพชฺชาโต ปจฺฉา สตฺถุ โอวาเทน ตาปสลทฺธึ ปหาย จตุสจฺจกมฺมฏฺานานุโยคกาเล. สมูหนินฺติ วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา มคฺคปฏิปาฏิยา ราคฺจ โทสฺจ โมหฺจ อนวเสสโต สมุคฺฆาเตสึ.
ยสฺมา ปนายํ เถโร อริยมคฺเคน ราคาทโย สมูหนนฺโตเยว ฉฬภิฺโ อโหสิ, ตสฺมา ตํ อตฺตโน ฉฬภิฺภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปุพฺเพนิวาสํ ชานามี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปุพฺเพนิวาสํ ชานามีติ อตฺตโน ปเรสฺจ ปุพฺเพนิวาสํ อตีตาสุ ชาตีสุ นิพฺพตฺตกฺขนฺเธ ขนฺธปฏิพทฺเธ จ ปุพฺเพนิวาสาเณน หตฺถตเล อามลกํ วิย ปจฺจกฺขโต ชานามิ พุชฺฌามิ. ทิพฺพจกฺขุ วิโสธิตนฺติ ทิพฺพจกฺขุาณํ วิโสธิตํ, ปกติจกฺขุนา อาปาถคตํ ปกติรูปํ วิย ทิพฺพํ มานุสมฺปิ ทูรํ ติโรฏฺิตํ อติสุขุมฺจ รูปํ วิภาเวตุํ สมตฺถาณํ ภาวนาย มยา วิสุทฺธํ กตฺวา ปฏิลทฺธนฺติ อตฺโถ. อิทฺธิมาติ อธิฏฺานิทฺธิวิกุพฺพนิทฺธิอาทีหิ อิทฺธีหิ อิทฺธิมา, อิทฺธิวิธาณลาภีติ อตฺโถ. สราคาทิเภทสฺส ปเรสํ จิตฺตสฺส ชานนโต ปรจิตฺตฺู, เจโตปริยาณลาภีติ วุตฺตํ โหติ. ทิพฺพโสตฺจ ปาปุณินฺติ ทิพฺพโสตาณฺจ ปฏิลภึ.
โส ¶ เม อตฺโถ อนุปฺปตฺโต, สพฺพสํโยชนกฺขโยติ โย สพฺเพสํ สํโยชนานํ ขยภูโต ขเยน ¶ วา ลทฺธพฺโพ, โส สทตฺโถ ปรมตฺโถ จ มยา อริยมคฺคาธิคเมน อธิคโตติ. เอวเมตาย คาถาย เถรสฺส อฺาพฺยากรณํ อโหสีติ เวทิตพฺโพ.
อุรุเวลกสฺสปตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. เตกิจฺฉการิตฺเถรคาถาวณฺณนา
อติหิตา ¶ วีหีติอาทิกา อายสฺมโต เตกิจฺฉการิตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปฺุานิ อุปจินนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺวา เวชฺชสตฺเถ นิปฺผตฺตึ คโต. วิปสฺสิสฺส ภควโต อุปฏฺากํ อโสกํ นาม เถรํ พฺยาธิตํ อโรคมกาสิ, อฺเสฺจ สตฺตานํ โรคาภิภูตานํ อนุกมฺปาย เภสชฺชํ สํวิทหิ.
โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สุพุทฺธสฺส นาม พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺส ติกิจฺฉเกหิ คพฺภกาเล ปริสฺสยํ อปหริตฺวา ปริปาลิตตาย เตกิจฺฉการีติ นามํ อกํสุ. โส อตฺตโน กุลานุรูปานิ วิชฺชาฏฺานานิ สิปฺปานิ จ สิกฺขนฺโต วฑฺฒติ. ตทา จาณกฺโก สุพุทฺธสฺส ปฺาเวยฺยตฺติยํ กิริยาสุ อุปายโกสลฺลฺจ ทิสฺวา, ‘‘อยํ อิมสฺมึ ราชกุเล ปติฏฺํ ลภนฺโต มํ อภิภเวยฺยา’’ติ อิสฺสาปกโต รฺา จนฺทคุตฺเตน ตํ พนฺธนาคาเร ขิปาเปสิ. เตกิจฺฉการี ปิตุ พนฺธนาคารปฺปเวสนํ สุตฺวา ภีโต ปลายิตฺวา สาณวาสิตฺเถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อตฺตโน สํเวคการณํ เถรสฺส กเถตฺวา ปพฺพชิตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อพฺโภกาสิโก เนสชฺชิโก จ หุตฺวา วิหรติ, สีตุณฺหํ อคเณนฺโต ¶ สมณธมฺมเมว กโรติ, วิเสสโต พฺรหฺมวิหารภาวนมนุยฺุชติ. ตํ ทิสฺวา มาโร ปาปิมา ‘‘น อิมสฺส มม วิสยํ อติกฺกมิตุํ ทสฺสามี’’ติ วิกฺเขปํ กาตุกาโม สสฺสานํ นิปฺผตฺติกาเล เขตฺตโคปกวณฺเณน เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ นิปฺปณฺเฑนฺโต –
‘‘อติหิตา วีหิ, ขลคตา สาลี;
น จ ลเภ ปิณฺฑํ, กถมหํ กสฺส’’นฺติ. – อาห; ตํ สุตฺวา เถโร –
‘‘พุทฺธมปฺปเมยฺยํ ¶ อนุสฺสร ปสนฺโน, ปีติยา ผุฏสรีโร โหหิสิ สตตมุทคฺโค.
‘‘ธมฺมมปฺปเมยฺยํ ¶ …เป… สตตมุทคฺโค.
‘‘สงฺฆมปฺปเมยฺยํ…เป… สตตมุทคฺโค’’ติ. – อาห; ตํ สุตฺวา มาโร –
‘‘อพฺโภกาเส วิหรสิ, สีตา เหมนฺติกา อิมา รตฺโย;
มา สีเตน ปเรโต วิหฺิตฺโถ, ปวิส ตฺวํ วิหารํ ผุสิตคฺคฬ’’นฺติ. –
อาห. อถ เถโร –
‘‘ผุสิสฺสํ จตสฺโส อปฺปมฺาโย, ตาหิ จ สุขิโต วิหริสฺสํ;
นาหํ สีเตน วิหฺิสฺสํ, อนิฺชิโต วิหรนฺโต’’ติ. – อาห;
ตตฺถ อติหิตา วีหีติ วีหโย โกฏฺาคารํ อติเนตฺวา ปิตา, ตตฺถ ปฏิสามิตา ขลโต วา ฆรํ อุปนีตาติ อตฺโถ. วีหิคฺคหเณน เจตฺถ อิตรมฺปิ ธฺํ สงฺคณฺหาติ. สาลี ปน เยภุยฺเยน วีหิโต ¶ ปจฺฉา ปจฺจนฺตีติ อาห. ขลคตา สาลีติ ขลํ ธฺกรณฏฺานํ คตา, ตตฺถ ราสิวเสน มทฺทนจาวนาทิวเสน ิตาติ อตฺโถ. ปธานธฺภาวทสฺสนตฺถฺเจตฺถ สาลีนํ วิสุํ คหณํ, อุภเยนปิ คาเม, คามโต พหิ จ ธฺํ ปริปุณฺณํ ิตนฺติ ทสฺเสติ. น จ ลเภ ปิณฺฑนฺติ เอวํ สุลภธฺเ สุภิกฺขกาเล อหํ ปิณฺฑมตฺตมฺปิ น ลภามิ. อิทานิ กถมหํ กสฺสนฺติ อหํ กถํ กริสฺสามิ, กถํ ชีวิสฺสามีติ ปริหาสเกฬึ อกาสิ.
ตํ สุตฺวา เถโร ‘‘อยํ วราโก อตฺตนา อตฺตโน ปวตฺตึ มยฺหํ ปกาเสสิ, มยา ปน อตฺตนาว อตฺตา โอวทิตพฺโพ, น มยา กิฺจิ กเถตพฺพ’’นฺติ วตฺถุตฺตยานุสฺสติยํ อตฺตานํ นิโยเชนฺโต ‘‘พุทฺธมปฺปเมยฺย’’นฺติอาทินา ติสฺโส คาถา อภาสิ. ตตฺถ พุทฺธมปฺปเมยฺยํ อนุสฺสร ปสนฺโนติ สวาสนาย อวิชฺชานิทฺทาย อจฺจนฺตวิคเมน, พุทฺธิยา จ วิกสิตภาเวน พุทฺธํ ภควนฺตํ ปมาณกรานํ ราคาทิกิเลสานํ อภาวา อปริมาณคุณสมงฺคิตาย อปฺปเมยฺยปฺุกฺเขตฺตตาย จ อปฺปเมยฺยํ. โอกปฺปนลกฺขเณน อภิปฺปสาเทน ปสนฺโน, ปสนฺนมานโส ‘‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๗๔; สํ. นิ. ๕.๙๙๗) อนุสฺสร อนุ อนุ พุทฺธารมฺมณํ สตึ ปวตฺเตหิ, ปีติยา ผุฏสรีโร โหหิสิ. สตตมุทคฺโคติ อนุสฺสรนฺโตว ผรณลกฺขณาย ปีติยา สตตํ สพฺพทา ผุฏสรีโร ปีติสมุฏฺานปณีตรูเปหิ อชฺโฌตฺถฏสรีโร อุพฺเพคปีติยา ¶ อุทคฺโค กายํ อุทคฺคํ กตฺวา อากาสํ ลงฺฆิตุํ สมตฺโถ จ ภเวยฺยาสิ, พุทฺธานุสฺสติยา พุทฺธารมฺมณํ อุฬารํ ปีติโสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทยฺยาสิ. ยโต สีตุณฺเหหิ วิย ชิฆจฺฉาปิปาสาหิปิ อนภิภูโต โหหิสีติ อตฺโถ.
ธมฺมนฺติ ¶ อริยํ โลกุตฺตรธมฺมํ. สงฺฆนฺติ อริยํ ปรมตฺถสงฺฆํ. เสสํ วุตฺตนยเมว. อนุสฺสราติ ปเนตฺถ ‘‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม’’ติอาทินา ธมฺมํ, ‘‘สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’’ติอาทินา สงฺฆํ อนุสฺสราติ โยเชตพฺพํ.
เอวํ เถเรน รตนตฺตยคุณานุสฺสรเณ นิโยชนวเสน อตฺตนิ โอวทิเต ปุน มาโร วิเวกวาสโต นํ วิเวเจตุกาโม หิเตสีภาวํ ¶ วิย ทสฺเสนฺโต ‘‘อพฺโภกาเส วิหรสี’’ติ ปฺจมํ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – ตฺวํ, ภิกฺขุ, อพฺโภกาเส เกนจิ อปฏิจฺฉนฺเน วิวฏงฺคเณ วิหรสิ อิริยาปเถ กปฺเปสิ. เหมนฺติกา หิมปาตสมเย ปริยาปนฺนา อิมา สีตา รตฺติโย วตฺตนฺติ. ตสฺมา สีเตน ปเรโต อภิภูโต หุตฺวา มา วิหฺิตฺโถ วิฆาตํ มา อาปชฺชิ มา กิลมิ. ผุสิตคฺคฬํ ปิหิตกวาฏํ เสนาสนํ ปวิส, เอวํ เต สุขวิหาโร ภวิสฺสตีติ.
ตํ สุตฺวา เถโร ‘‘น มยฺหํ เสนาสนปริเยสนาย ปโยชนํ, เอตฺเถวาหํ สุขวิหารี’’ติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ผุสิสฺส’’นฺติอาทินา ฉฏฺํ คาถมาห. ตตฺถ ผุสิสฺสํ จตสฺโส อปฺปมฺาโยติ อปฺปมาณโคจรตาย ‘‘อปฺปมฺา’’ติ ลทฺธโวหาเร จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ผุสิสฺสํ ผุสิสฺสามิ, กาเลน กาลํ สมาปชฺชิสฺสามิ. ตาหิ จ สุขิโต วิหริสฺสนฺติ ตาหิ อปฺปมฺาหิ สุขิโต สฺชาตสุโข หุตฺวา วิหริสฺสํ จตฺตาโรปิ อิริยาปเถ กปฺเปสฺสามีติ. เตน มยฺหํ สพฺพกาเล สุขเมว, น ทุกฺขํ. ยโต นาหํ สีเตน วิหฺิสฺสํ อนฺตรฏฺเกปิ หิมปาตสมเย อหํ สีเตน น กิลมิสฺสามิ, ตสฺมา อนิฺชิโต วิหรนฺโต จิตฺตสฺส อิฺชิตการณานํ พฺยาปาทาทีนํ สุปฺปหีนตฺตา ปจฺจยุปฺปนฺนิฺชนาย จ อภาวโต สมาปตฺติสุเขเนว สุขิโต วิหริสฺสามีติ. เอวํ เถโร อิมํ คาถํ วทนฺโตเยว วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๘.๓๙-๔๔) –
‘‘นคเร พนฺธุมติยา, เวชฺโช อาสึ สุสิกฺขิโต;
อาตุรานํ สทุกฺขานํ, มหาชนสุขาวโห.
‘‘พฺยาธิตํ สมณํ ทิสฺวา, สีลวนฺตํ มหาชุตึ;
ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, เภสชฺชมททึ ตทา.
‘‘อโรโค อาสิ เตเนว, สมโณ สํวุตินฺทฺริโย;
อโสโก นาม นาเมน, อุปฏฺาโก วิปสฺสิโน.
‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ โอสธมทาสหํ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, เภสชฺชสฺส อิทํ ผลํ.
‘‘อิโต ¶ จ อฏฺเม กปฺเป, สพฺโพสธสนามโก;
สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหปฺผโล.
‘‘กิเลสา ¶ ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
เอตฺถ จ พินฺทุสารรฺโ กาเล อิมสฺส เถรสฺส อุปฺปนฺนตฺตา ตติยสงฺคีติยํ อิมา คาถา สงฺคีตาติ เวทิตพฺพา.
เตกิจฺฉการิตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. มหานาคตฺเถรคาถาวณฺณนา
ยสฺส สพฺรหฺมจารีสูติอาทิกา อายสฺมโต มหานาคตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺโต กกุสนฺธสฺส ภควโต กาเล ¶ กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ กกุสนฺธํ ภควนฺตํ อรฺํ อชฺโฌคาเหตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ฌานสุเขน นิสินฺนํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ตสฺส ทาฬิมผลํ อทาสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาเกเต มธุวาเสฏฺสฺส นาม พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, มหานาโคติสฺส นามํ อโหสิ. โส วิฺุตํ ปตฺโต ภควติ สาเกเต อฺชนวเน วิหรนฺเต อายสฺมโต ควมฺปติตฺเถรสฺส ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ เถรสฺเสว สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ตสฺโสวาเท ตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๕.๑-๗) –
‘‘กกุสนฺโธ มหาวีโร, สพฺพธมฺมาน ปารคู;
คณมฺหา วูปกฏฺโ โส, อคมาสิ วนนฺตรํ.
‘‘พีชมิฺชํ คเหตฺวาน, ลตาย อาวุณึ อหํ;
ภควา ตมฺหิ สมเย, ฌายเต ปพฺพตนฺตเร.
‘‘ทิสฺวานหํ เทวเทวํ, วิปฺปสนฺเนน เจตสา;
ทกฺขิเณยฺยสฺส วีรสฺส, พีชมิฺชมทาสหํ.
‘‘อิมสฺมึเยว ¶ กปฺปมฺหิ, ยํ มิฺชมททึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พีชมิฺชสฺสิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา วิมุตฺติสุเขน วิหรนฺโต เถโร ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู สพฺรหฺมจารีสุ คารวํ อกตฺวา วิหรนฺเต ทิสฺวา เตสํ โอวาททานวเสน –
‘‘ยสฺส ¶ สพฺรหฺมจารีสุ, คารโว นูปลพฺภติ;
ปริหายติ สทฺธมฺมา, มจฺโฉ อปฺโปทเก ยถา.
‘‘ยสฺส สพฺรหฺมจารีสุ, คารโว นูปลพฺภติ;
น วิรูหติ สทฺธมฺเม, เขตฺเต พีชํว ปูติกํ.
‘‘ยสฺส สพฺรหฺมจารีสุ, คารโว นูปลพฺภติ;
อารกา โหติ นิพฺพานา, ธมฺมราชสฺส สาสเน.
‘‘ยสฺส สพฺรหฺมจารีสุ, คารโว อุปลพฺภติ;
น วิหายติ สทฺธมฺมา, มจฺโฉ พวฺโหทเก ยถา.
‘‘ยสฺส สพฺรหฺมจารีสุ, คารโว อุปลพฺภติ;
โส วิรูหติ สทฺธมฺเม, เขตฺเต พีชํว ภทฺทกํ.
‘‘ยสฺส สพฺรหฺมจารีสุ, คารโว อุปลพฺภติ;
สนฺติเก โหติ นิพฺพานํ, ธมฺมราชสฺส สาสเน’’ติ. –
อิมา ฉ คาถา อภาสิ.
ตตฺถ สพฺรหฺมจารีสูติ สมานํ พฺรหฺมํ สีลาทิธมฺมํ จรนฺตีติ สพฺรหฺมจาริโน, สีลทิฏฺิสามฺคตา สหธมฺมิกา, เตสุ. คารโวติ ครุภาโว สีลาทิคุณนิมิตฺตํ ครุกรณํ. นูปลพฺภตีติ น วิชฺชติ น ปวตฺตติ, น อุปติฏฺตีติ อตฺโถ. นิพฺพานาติ กิเลสานํ นิพฺพาปนโต กิเลสกฺขยาติ อตฺโถ. ธมฺมราชสฺสาติ สตฺถุโน. สตฺถา หิ สเทวกํ โลกํ ยถารหํ โลกิยโลกุตฺตเรน ธมฺเมน รฺเชติ โตเสตีติ ธมฺมราชา. เอตฺถ จ ‘‘ธมฺมราชสฺส สาสเน’’ติ อิมินา นิพฺพานํ นาม ธมฺมราชสฺเสว สาสเน ¶ , น อฺตฺถ. ตตฺถ โย สพฺรหฺมจารีสุ ¶ คารวรหิโต, โส ยถา นิพฺพานา อารกา โหติ, ตถา ธมฺมราชสฺส สาสนโตปิ อารกา โหตีติ ทสฺเสติ. พวฺโหทเกติ พหุอุทเก. สนฺติเก โหติ นิพฺพานนฺติ นิพฺพานํ ตสฺส สนฺติเก สมีเป เอว โหติ. เสสํ วุตฺตนยเมว. อิมา เอว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณคาถา อเหสุํ.
มหานาคตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. กุลฺลตฺเถรคาถาวณฺณนา
กุลฺโล สิวถิกนฺติอาทิกา อายสฺมโต กุลฺลตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ ¶ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปฺุานิ อุปจินนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ กุฏุมฺพิยกุเล นิพฺพตฺติตฺวา กุลฺโลติ ลทฺธนาโม วิฺุตํ ปตฺโต สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิ. โส จ ราคจริตตฺตา ติพฺพราคชาติโก โหติ. เตนสฺส อภิกฺขณํ กิเลสา จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺนฺติ. อถสฺส สตฺถา จิตฺตาจารํ ตฺวา อสุภกมฺมฏฺานํ ทตฺวา, ‘‘กุลฺล, ตยา อภิณฺหํ สุสาเน จาริกา จริตพฺพา’’ติ อาห. โส สุสานํ ปวิสิตฺวา อุทฺธุมาตกาทีนิ ตานิ ตานิ อสุภานิ ทิสฺวา ตํ มุหุตฺตํ อสุภมนสิการํ อุปฺปาเทตฺวา สุสานโต นิกฺขนฺตมตฺโตว กามราเคน อภิภุยฺยติ. ปุน ภควา ตสฺส ตํ ปวตฺตึ ตฺวา เอกทิวสํ ตสฺส สุสานฏฺานํ คตกาเล เอกํ ตรุณิตฺถิรูปํ อธุนา มตํ อวินฏฺจฺฉวึ นิมฺมินิตฺวา ทสฺเสติ. ตสฺส ตํ ทิฏฺมตฺตสฺส ชีวมานวิสภาควตฺถุสฺมึ วิย สหสา ราโค อุปฺปชฺชติ. อถ นํ สตฺถา ตสฺส เปกฺขนฺตสฺเสว นวหิ วณมุเขหิ ปคฺฆรมานาสุจึ กิมิกุลากุลํ อติวิย พีภจฺฉํ ทุคฺคนฺธํ เชคุจฺฉํ ปฏิกฺกูลํ กตฺวา ทสฺเสสิ. โส ตํ เปกฺขนฺโต วิรตฺตจิตฺโต หุตฺวา อฏฺาสิ. อถสฺส ภควา โอภาสํ ผริตฺวา สตึ ชเนนฺโต –
‘‘อาตุรํ อสุจึ ปูตึ, ปสฺส กุลฺล สมุสฺสยํ;
อุคฺฆรนฺตํ ปคฺฆรนฺตํ, พาลานํ อภินนฺทิต’’นฺติ. –
อาห ¶ . ตํ สุตฺวา เถโร สมฺมเทว สรีรสภาวํ อุปธาเรนฺโต อสุภสฺํ ปฏิลภิตฺวา ตตฺถ ปมํ ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ตํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา –
‘‘กุลฺโล ¶ สิวถิกํ คนฺตฺวา, อทฺทส อิตฺถิมุชฺฌิตํ;
อปวิทฺธํ สุสานสฺมึ, ขชฺชนฺตึ กิมิหี ผุฏํ.
‘‘อาตุรํ…เป… พาลานํ อภินนฺทิตํ.
‘‘ธมฺมาทาสํ คเหตฺวาน, าณทสฺสนปตฺติยา;
ปจฺจเวกฺขึ อิมํ กายํ, ตุจฺฉํ สนฺตรพาหิรํ.
‘‘ยถา อิทํ ตถา เอตํ, ยถา เอตํ ตถา อิทํ;
ยถา อโธ ตถา อุทฺธํ, ยถา อุทฺธํ ตถา อโธ.
‘‘ยถา ทิวา ตถา รตฺตึ, ยถา รตฺตึ ตถา ทิวา;
ยถา ปุเร ตถา ปจฺฉา, ยถา ปจฺฉา ตถา ปุเร.
‘‘ปฺจงฺคิเกน ตุริเยน, น รตี โหติ ตาทิสี;
ยถา เอกคฺคจิตฺตสฺส, สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสโต’’ติ. –
อุทานวเสน อิมา คาถา อภาสิ.
ตตฺถ ¶ กุลฺโลติ อตฺตานเมว เถโร ปรํ วิย กตฺวา วทติ.
อาตุรนฺติ นานปฺปกาเรหิ ทุกฺเขหิ อภิณฺหํ ปฏิปีฬิตํ. อสุจินฺติ สุจิรหิตํ เชคุจฺฉํ ปฏิกฺกูลํ. ปูตินฺติ ทุคฺคนฺธํ. ปสฺสาติ สภาวโต โอโลเกหิ. กุลฺลาติ โอวาทกาเล ภควา เถรํ อาลปติ. อุทานกาเล ปน เถโร สยเมว อตฺตานํ วทติ. สมุสฺสยนฺติ สรีรํ. อุคฺฆรนฺตนฺติ อุทฺธํ วณมุเขหิ อสุจึ สวนฺตํ. ปคฺฆรนฺตนฺติ อโธ วณมุเขหิ สมนฺตโต จ อสุจึ สวนฺตํ. พาลานํ อภินนฺทิตนฺติ พาเลหิ อนฺธปุถุชฺชเนหิ ทิฏฺิตณฺหาภินนฺทนาหิ ‘‘อหํ มม’’นฺติ อภินิวิสฺส นนฺทิตํ.
ธมฺมาทาสนฺติ ธมฺมมยํ อาทาสํ. ยถา หิ สตฺตา อทาเสน อตฺตโน มุเข กาเย วา คุณโทเส ปสฺสนฺติ, เอวํ โยคาวจโร เยน อตฺตภาเว ¶ สํกิเลสโวทานธมฺเม ยาถาวโต ปสฺสติ, ตํ วิปสฺสนาาณํ อิธ ‘‘ธมฺมาทาส’’นฺติ วุตฺตํ. ตํ าณทสฺสนสฺส มคฺคาณสงฺขาตสฺส ธมฺมจกฺขุสฺส อธิคมาย อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปาเทตฺวา. ปจฺจเวกฺขึ อิมํ กายนฺติ อิมํ กรชกายํ นิจฺจสาราทิวิรหโต ตุจฺฉํ อตฺตปรสนฺตานานํ วิภาคโต สนฺตรพาหิรํ าณจกฺขุนา ปติอเวกฺขึ ปสฺสึ.
ยถา ปน ปจฺจเวกฺขึ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา อิท’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยถา อิทํ ตถา เอตนฺติ ยถา อิทํ มยฺหํ สรีรสงฺขาตํ อสุภํ อายุอุสฺมาวิฺาณานํ อนปคมา นานาวิธํ มาโยปมํ กิริยํ ทสฺเสติ, ตถาว เอตํ มตสรีรํ ปุพฺเพ เตสํ ธมฺมานํ อนปคมา อโหสิ. ยถา เอตํ เอตรหิ มตสรีรํ เตสํ ธมฺมานํ อปคมา น กิฺจิ กิริยํ ทสฺเสติ, ตถา อิทํ มม สรีรมฺปิ เตสํ ธมฺมานํ อปคมา นสฺสเตวาติ. ยถา จ อิทํ มม สรีรํ เอตรหิ สุสาเน น มตํ น สยิตํ, น อุทฺธุมาตกาทิภาวํ อุปคตํ, ตถา เอตํ เอตรหิ มตสรีรมฺปิ ปุพฺเพ ¶ อโหสิ. ยถา ปเนตํ เอตรหิ มตสรีรํ สุสาเน สยิตํ อุทฺธุมาตกาทิภาวํ อุปคตํ, ตถา อิทํ มม สรีรมฺปิ ภวิสฺสติ. อถ วา ยถา อิทํ มม สรีรํ อสุจิ ทุคฺคนฺธํ เชคุจฺฉํ ปฏิกฺกูลํ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา, ตถา เอตํ มตสรีรมฺปิ. ยถา วา เอตํ มตสรีรํ อสุจิอาทิสภาวฺเจว อนิจฺจาทิสภาวฺจ, ตถา อิทํ มม สรีรมฺปิ. ยถา อโธ ตถา อุทฺธนฺติ ยถา นาภิโต อโธ เหฏฺา อยํ กาโย อสุจิ ทุคฺคนฺโธ เชคุจฺโฉ ปฏิกฺกูโล อนิจฺโจ ทุกฺโข อนตฺตา จ, ตถา อุทฺธํ นาภิโต อุปริ อสุจิอาทิสภาโว จ. ยถา อุทฺธํ ตถา อโธติ ยถา จ นาภิโต, อุทฺธํ อสุจิอาทิสภาโว, ตถา อโธ นาภิโต เหฏฺาปิ.
ยถา ¶ ทิวา ตถา รตฺตินฺติ ยถา อยํ กาโย ทิวา ‘‘อกฺขิมฺหา อกฺขิคูถโก’’ติอาทินา (สุ. นิ. ๑๙๙) อสุจิ ปคฺฆรติ, ตถา รตฺติมฺปิ. ยถา รตฺตึ ตถา ทิวาติ ยถา จ รตฺตึ อยํ กาโย อสุจิ ปคฺฆรติ, ตถา ทิวาปิ, นยิมสฺส กาลวิภาเคน อฺถาภาโวติ อตฺโถ. ยถา ปุเร ตถา ปจฺฉาติ ยถา อยํ กาโย ปุเร ปุพฺเพ ตรุณกาเล อสุจิ ทุคฺคนฺโธ เชคุจฺโฉ ปฏิกฺกูโล, ตถา จ ปจฺฉา ชิณฺณกาเล. ยถา จ ปจฺฉา ชิณฺณกาเล อสุจิอาทิสภาโว, ตถา ปุเร ตรุณกาเลปิ ¶ . ยถา วา ปุเร อตีตกาเล สวิฺาณกาเล อสุจิอาทิสภาโว จ อนิจฺจาทิสภาโว จ, ตถา ปจฺฉา อนาคตกาเล อวิฺาณกาเลติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ปฺจงฺคิเกน ตุริเยนาติ ‘‘อาตตํ วิตตํ อาตตวิตตํ ฆนํ สุสีร’’นฺติ เอวํ ปฺจงฺคิเกน ปฺจหิ องฺเคหิ สมนฺนาคเตน ตุริเยน ปริจริยมานสฺส กามสุขสมงฺคิโน อิสฺสรชนสฺส ตาทิสี ตถารูปา รติ สุขสฺสาโท น โหติ. ยถา เอกคฺคจิตฺตสฺส, สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสโตติ สมถวิปสฺสนํ ยุคนทฺธํ กตฺวา อินฺทฺริยานํ เอกรสภาเวน วีถิปฏิปนฺนาย วิปสฺสนาย ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ ปสฺสนฺตสฺส โยคาวจรสฺส ยาทิสา ธมฺมรติ, ตสฺสา กลมฺปิ กามรติ น อุเปตีติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;
ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานต’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๗๔);
อิมา เอว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณคาถาปิ อเหสุํ.
กุลฺลตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. มาลุกฺยปุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา
มนุชสฺสาติอาทิกา ¶ อายสฺมโต มาลุกฺยปุตฺตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปฺุานิ อุปจินิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ โกสลรฺโ อคฺคาสนิกสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺส มาตา มาลุกฺยา นาม, ตสฺสา วเสน มาลุกฺยปุตฺโตตฺเวว ปฺายิตฺถ. โส วยปฺปตฺโต นิสฺสรณชฺฌาสยตาย ฆราวาสํ ปหาย ปริพฺพาชกปพฺพชฺชํ ¶ ปพฺพชิตฺวา วิจรนฺโต สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา สาสเน ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ. โส าตีสุ อนุกมฺปาย าติกุลํ อคมาสิ. ตํ าตกา ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน ปริวิสิตฺวา ธเนน ปโลเภตุกามา มหนฺตํ ธนราสึ ¶ ปุรโต อุปฏฺเปตฺวา ‘‘อิทํ ธนํ ตว สนฺตกํ, วิพฺภมิตฺวา อิมินา ธเนน ปุตฺตทารํ ปฏิชคฺคนฺโต ปฺุานิ กโรหี’’ติ ยาจึสุ. เถโร เตสํ อชฺฌาสยํ วิปริวตฺเตนฺโต อากาเส ตฺวา –
‘‘มนุชสฺส ปมตฺตจาริโน, ตณฺหา วฑฺฒติ มาลุวา วิย;
โส ปฺลวตี หุรา หุรํ, ผลมิจฺฉํว วนสฺมิ วานโร.
‘‘ยํ เอสา สหเต ชมฺมี, ตณฺหา โลเก วิสตฺติกา;
โสกา ตสฺส ปวฑฺฒนฺติ, อภิวฏฺํว พีรณํ.
‘‘โย เจตํ สหเต ชมฺมึ, ตณฺหํ โลเก ทุรจฺจยํ;
โสกา ตมฺหา ปปตนฺติ, อุทพินฺทูว โปกฺขรา.
‘‘ตํ โว วทามิ ภทฺทํ โว, ยาวนฺเตตฺถ สมาคตา;
ตณฺหาย มูลํ ขณถ, อุสีรตฺโถว พีรณํ;
มา โว นฬํว โสโตว, มาโร ภฺชิ ปุนปฺปุนํ.
‘‘กโรถ พุทฺธวจนํ, ขโณ โว มา อุปจฺจคา;
ขณาตีตา หิ โสจนฺติ, นิรยมฺหิ สมปฺปิตา.
‘‘ปมาโท รโช ปมาโท, ปมาทานุปติโต รโช;
อปฺปมาเทน วิชฺชาย, อพฺพเห สลฺลมตฺตโน’’ติ. –
อิมาหิ ฉหิ คาถาหิ ธมฺมํ เทเสติ.
ตตฺถ มนุชสฺสาติ สตฺตสฺส. ปมตฺตจาริโนติ สติโวสฺสคฺคลกฺขเณน ปมาเทน ปมตฺตจาริสฺส, เนว ฌานํ, น วิปสฺสนา ¶ , น มคฺคผลานิ วฑฺฒนฺติ. ยถา ปน รุกฺขํ สํสิพฺพนฺตี ปริโยนนฺธนฺตี ตสฺส วินาสาย มาลุวา ลตา วฑฺฒติ, เอวมสฺส ฉ ทฺวารานิ นิสฺสาย รูปาทีสุ ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชมานา ตณฺหา วฑฺฒติ. วฑฺฒมานาว ยถา มาลุวา ลตา อตฺตโน อปสฺสยภูตํ รุกฺขํ อชฺโฌตฺถริตฺวา ปาเตติ, เอวํ ตณฺหาวสิกํ ปุคฺคลํ อปาเย นิปาเตติ. โส ปฺลวตีติ โส ตณฺหาวสิโก ปุคฺคโล อปราปรํ ภวาภเว อุปฺลวติ ธาวติ. ยถา กึ? ผลมิจฺฉํว วนสฺมิ วานโร ยถา รุกฺขผลํ อิจฺฉนฺโต วานโร วนสฺมึ ธาวนฺโต รุกฺขสฺส เอกํ สาขํ คณฺหาติ, ตํ มฺุจิตฺวา อฺํ คณฺหาติ, ตํ มฺุจิตฺวา อฺนฺติ ‘‘สาขํ ¶ อลภิตฺวา นิสินฺโน’’ติ วตฺตพฺพตํ ¶ นาปชฺชติ; เอวเมว ตณฺหาวสิโก ปุคฺคโล หุรา หุรํ ธาวนฺโต ‘‘อารมฺมณํ อลภิตฺวา ตณฺหาย อปฺปวตฺตึ ปตฺโต’’ติ วตฺตพฺพตํ นาปชฺชติ.
ยนฺติ ยํ ปุคฺคลํ. เอสา ลามกภาเวน ชมฺมี วิสาหารตาย วิสมูลตาย วิสผลตาย วิสปริโภคตาย รูปาทีสุ วิสตฺตตาย อาสตฺตตาย จ วิสตฺติกาติ สงฺขํ คตา ฉทฺวาริกา ตณฺหา สหเต อภิภวติ ตสฺส ปุคฺคลสฺส. ยถา นาม วเน ปุนปฺปุนํ วสฺสนฺเต เทเว อภิวฏฺํ พีรณํ พีรณติณํ วฑฺฒติ, เอวํ วฏฺฏมูลกา โสกา อภิวฑฺฒนฺติ วุทฺธึ อาปชฺชนฺตีติ อตฺโถ.
โย เจตํ…เป… ทุรจฺจยนฺติ โย ปน ปุคฺคโล เอวํ วุตฺตปฺปการํ อติกฺกมิตุํ ปชหิตุํ ทุกฺกรตาย ทุรจฺจยํ ตณฺหํ สหเต อภิภวติ, ตมฺหา ปุคฺคลา วฏฺฏมูลกา โสกา ปปตนฺติ. ยถา นาม โปกฺขเร ปทุมปตฺเต ปติตํ อุทพินฺทุ น ปติฏฺาติ, เอวํ น ปติฏฺหนฺตีติ อตฺโถ.
ตํ โว วทามีติ เตน การเณน อหํ ตุมฺเห วทามิ. ภทฺทํ โวติ ภทฺทํ ตุมฺหากํ โหตุ, มา ตณฺหํ อนุวตฺตปุคฺคโล วิย วิภวํ อนตฺถํ ปาปุณาถาติ อตฺโถ. ยาวนฺเตตฺถ สมาคตาติ อิมสฺมึ าเน ยตฺตกา สนฺนิปติตา, ตตฺตกา. กึ วทสีติ เจ? ตณฺหาย มูลํ ขณถ อิมิสฺสา ฉทฺวาริกตณฺหาย มูลํ การณํ อวิชฺชาทิกิเลสคฺคหนํ อรหตฺตมคฺคาณกุทาเลน ขณถ สมุจฺฉินฺทถ. กึ วิยาติ? อุสีรตฺโถว พีรณํ ยถา อุสีเรน อตฺถิโก ปุริโส มหนฺเตน กุทาเลน พีรณาปรนามํ อุสีรํ นาม ติณํ ขณติ, เอวมสฺส มูลํ ขณถาติ อตฺโถ. มา โว นฬํว โสโตว, มาโร ภฺชิ ปุนปฺปุนนฺติ ตุมฺเห นทีตีเร ชาตํ นฬํ มหาเวเคน อาคโต นทีโสโต วิย กิเลสมาโร มจฺจุมาโร เทวปุตฺตมาโร จ ปุนปฺปุนํ มา ภฺชีติ อตฺโถ.
ตสฺมา กโรถ พุทฺธวจนํ ‘‘ฌายถ, ภิกฺขเว, มา ปมาทตฺถา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๑๕) วุตฺตํ พุทฺธสฺส ภควโต วจนํ กโรถ, ยถานุสิฏฺํ ปฏิปตฺติยา สมฺปาเทถ. ขโณ โว มา ¶ อุปจฺจคาติ โย หิ พุทฺธวจนํ น กโรติ, ตํ ¶ ปุคฺคลํ อยํ พุทฺธุปฺปาทกฺขโณ ปติรูปเทสวาเส อุปฺปตฺติกฺขโณ สมฺมทิฏฺิยา ปฏิลทฺธกฺขโณ ฉนฺนํ อายตนานํ อเวกลฺลกฺขโณติ สพฺโพปิ ขโณ อติกฺกมติ, โส ขโณ มา ตุมฺเห อติกฺกมตุ. ขณาตีตาติ เย หิ ตํ ขณํ อตีตา, เย วา ปุคฺคเล โส ขโณ อตีโต, เต นิรยมฺหิ สมปฺปิตา ตตฺถ นิพฺพตฺตา จิรกาลํ โสจนฺติ.
ปมาโท รโชติ รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ สติโวสฺสคฺคลกฺขโณ ปมาโท, สํกิเลสสภาวตฺตา ราครชาทิมิสฺสตาย ¶ จ รโช. ปมาทานุปติโต รโชติ โย หิ โกจิ รโช นาม ราคาทิโก, โส สพฺโพ ปมาทานุปติโต ปมาทวเสเนว อุปฺปชฺชติ. อปฺปมาเทนาติ อปฺปมชฺชเนน อปฺปมาทปฏิปตฺติยา. วิชฺชายาติ อคฺคมคฺควิชฺชาย. อพฺพเห สลฺลมตฺตโนติ อตฺตโน หทยนิสฺสิตํ ราคาทิสลฺลํ อุทฺธเรยฺย สมูหเนยฺยาติ.
มาลุกฺยปุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. สปฺปทาสตฺเถรคาถาวณฺณนา
ปณฺณวีสตีติอาทิกา อายสฺมโต สปฺปทาสตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุสฺมึ สุทฺโธทนมหาราชสฺส ปุโรหิตปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ตสฺส สปฺปทาโสติ นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต สตฺถุ าติสมาคเม ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา กิเลสาภิภเวน เจโตสมาธึ อลภนฺโต พฺรหฺมจริยํ จริตฺวา สํเวคชาโต ปจฺฉา สตฺถํ อาหรนฺโต โยนิโส มนสิการํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโต –
‘‘ปณฺณวีสติ วสฺสานิ, ยโต ปพฺพชิโต อหํ;
อจฺฉราสงฺฆาตมตฺตมฺปิ, เจโตสนฺติมนชฺฌคํ.
‘‘อลทฺธา จิตฺตสฺเสกคฺคํ, กามราเคน อฏฺฏิโต;
พาหา ปคฺคยฺห กนฺทนฺโต, วิหารา อุปนิกฺขมึ.
‘‘สตฺถํ ¶ วา อาหริสฺสามิ, โก อตฺโถ ชีวิเตน เม;
กถฺหิ สิกฺขํ ปจฺจกฺขํ, กาลํ กุพฺเพถ มาทิโส.
‘‘ตทาหํ ¶ ขุรมาทาย, มฺจกมฺหิ อุปาวิสึ;
ปรินีโต ขุโร อาสิ, ธมนึ เฉตฺตุมตฺตโน.
‘‘ตโต เม มนสีกาโร, โยนิโส อุทปชฺชถ;
อาทีนโว ปาตุรหุ, นิพฺพิทา สมติฏฺถ.
‘‘ตโต จิตฺตํ วิมุจฺจิ เม, ปสฺส ธมฺมสุธมฺมตํ;
ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. –
อิมา คาถา อภาสิ.
ตตฺถ ¶ ปณฺณวีสติวสฺสานิ, ยโต ปพฺพชิโต อหนฺติ ยโต ปฏฺาย อหํ ปพฺพชิโต ตานิมานิ ปณฺณวีสติวสฺสานิ. อจฺฉราสงฺฆาตมตฺตมฺปิ, เจโตสนฺติมนชฺฌคนฺติ โสหํ เอตฺตกํ กาลํ พฺรหฺมจริยํ จรนฺโต อจฺฉราสงฺฆาตมตฺตมฺปิ องฺคุลิโผฏนมตฺตมฺปิ ขณํ เจโตสนฺตึ เจตโส สมาธานํ น ลภึ.
เอวํ ปน อลทฺธา จิตฺตสฺเสกคฺคตํ, ตตฺถ การณมาห ‘‘กามราเคน อฏฺฏิโต’’ติ. ตตฺถ อฏฺฏิโตติ ปีฬิโต, อภิภูโตติ อตฺโถ. พาหา ปคฺคยฺห กนฺทนฺโตติ ‘‘อิทมิธ อติวิย อยุตฺตํ วตฺตติ, ยทาหํ นิยฺยานิเก สาสเน ปพฺพชิตฺวา อตฺตานํ กิเลสปงฺกโต อุทฺธริตุํ น สกฺโกมี’’ติ อุทฺธํมุโข พาหา ปคฺคยฺห กนฺทมาโน. วิหารา อุปนิกฺขมินฺติ วสนกวิหารโต พหิ นิกฺขนฺโต.
เยนาธิปฺปาเยน นิกฺขนฺโต, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สตฺถํ วา อาหริสฺสามี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สตฺถํ วา อาหริสฺสามีติ วา-สทฺโท วิกปฺปนตฺโถ. เตน ‘‘รุกฺขา วา ปปติสฺสามิ, อุพฺพนฺธิตฺวา วา มริสฺสามี’’ติอาทิเก มรณปฺปกาเร สงฺคณฺหาติ. สิกฺขนฺติ อธิสีลสิกฺขํ. ปจฺจกฺขนฺติ ปจฺจาจิกฺขนฺโต ปริจฺจชนฺโต. ‘‘ปจฺจกฺขา’’ติปิ ปาฬิ, ปจฺจกฺขายาติ อตฺโถ. กาลนฺติ มรณํ. กถฺหิ นาม มาทิโส สิกฺขาปจฺจกฺขาเนน กาลํ กเรยฺยาติ อตฺโถ. สิกฺขาปจฺจกฺขานฺหิ อริยสฺส วินเย มรณํ นาม. ยถาห ภควา – ‘‘มรณฺเหตํ ¶ , ภิกฺขเว, โย สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๖๓). ‘‘สิกฺขํ ปจฺจกฺขา’’ติ ปน ปาเ กถฺหิ นาม มาทิโส สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย กาลํ กเรยฺย, สิกฺขาสมงฺคี เอว ปน หุตฺวา กาลํ กเรยฺย? ตสฺมา สตฺถํ วา อาหริสฺสามิ, โก อตฺโถ ชีวิเตน เมติ โยชนา.
ตทาหนฺติ ยทา กิเลสาภิภเวน สมณธมฺมํ กาตุํ อสมตฺถตาย ชีวิเต นิพฺพินฺทนฺโต ตทา. ขุรนฺติ นิสิตขุรํ, ขุรสทิสํ วา สตฺถกํ. มฺจกมฺหิ อุปาวิสินฺติ ปเรสํ นิวารณภเยน โอวรกํ ปวิสิตฺวา มฺจเก นิสีทึ. ปรินีโตติ อุปนีโต, คเล ปิโตติ อธิปฺปาโย. ธมนินฺติ ‘‘กณฺเ ธมนึ, กณฺธมนึ คลวลย’’นฺติปิ วทนฺติ. เฉตฺตุนฺติ ฉินฺทิตุํ.
ตโต เม มนสีกาโร, โยนิโส อุทปชฺชถาติ ‘‘ยทาหํ มริสฺสามี’’ติ กณฺเ ธมนึ ฉินฺทิตุํ ขุรํ อุปเนสึ, ตโต ปรํ ‘‘อโรคํ นุ โข เม สีล’’นฺติ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส อกฺขณฺฑํ อจฺฉิทฺทํ สุปริสุทฺธํ ¶ สีลํ ทิสฺวา ปีติ อุปฺปชฺชิ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภิ, ปสฺสทฺธกายสฺส นิรามิสํ สุขํ อนุภวนฺตสฺส จิตฺตสฺส สมาหิตตาย วิปสฺสนาวเสน ¶ โยนิโส มนสิกาโร อุปฺปชฺชิ. อถ วา ตโตติ กณฺเ ขุรสฺส อุปนยโต วเณ ชาเต อุปฺปนฺนํ เวทนํ วิกฺขมฺเภนฺโต วิปสฺสนาย วเสน โยนิโสมนสิกาโร อุปฺปชฺชิ. อิทานิ ตโต ปรํ มคฺคผลปจฺจเวกฺขณาณํ อุปฺปนฺนภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘อาทีนโว ปาตุรหู’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตํ เหฏฺา วุตฺตตฺถเมว.
สปฺปทาสตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. กาติยานตฺเถรคาถาวณฺณนา
อุฏฺเหีติอาทิกา อายสฺมโต กาติยานตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปฺุานิ อุปจินิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ อฺตรสฺส โกสิยโคตฺตสฺส พฺราหฺมณสฺส ¶ ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺโต, มาตุโคตฺตวเสน ปน กาติยาโนติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต สามฺกานิตฺเถรสฺส คิหิสหาโย เถรํ ทิสฺวา ปพฺพชิโต สมณธมฺมํ กโรนฺโต รตฺตึ ‘‘นิทฺทาภิภวํ วิโนเทสฺสามี’’ติ จงฺกมํ อารุหิ. โส จงฺกมนฺโต นิทฺทาย อภิภูโต ปจลายมาโน ปริปติตฺวา ตตฺเถว อนนฺตรหิตาย ภูมิยา นิปชฺชิ, สตฺถา ตสฺส ตํ ปวตฺตึ ทิสฺวา สยํ ตตฺถ คนฺตฺวา อากาเส ตฺวา ‘‘กาติยานา’’ติ สฺํ อทาสิ. โส สตฺถารํ ทิสฺวา อุฏฺหิตฺวา วนฺทิตฺวา สํเวคชาโต อฏฺาสิ. อถสฺส สตฺถา ธมฺมํ เทเสนฺโต –
‘‘อุฏฺเหิ นิสีท กาติยาน, มา นิทฺทาพหุโล อหุ ชาครสฺสุ;
มา ตํ อลสํ ปมตฺตพนฺธุ, กูเฏเนว ชินาตุ มจฺจุราชา.
‘‘เสยฺยถาปิ มหาสมุทฺทเวโค, เอวํ ชาติชราติ วตฺตเต ตํ;
โส กโรหิ สุทีปมตฺตโน ตฺวํ, น หิ ตาณํ ตว วิชฺชเตว อฺํ.
‘‘สตฺถา หิ วิเชสิ มคฺคเมตํ, สงฺคา ชาติชราภยา อตีตํ;
ปุพฺพาปรรตฺตมปฺปมตฺโต, อนุยฺุชสฺสุ ทฬฺหํ กโรหิ โยคํ.
‘‘ปุริมานิ ปมฺุจ พนฺธนานิ, สงฺฆาฏิขุรมุณฺฑภิกฺขโภชี;
มา ¶ ขิฑฺฑารติฺจ มา นิทฺทํ, อนุยฺุชิตฺถ ฌาย กาติยาน.
‘‘ฌายาหิ ชินาหิ กาติยาน, โยคกฺเขมปเถสุ โกวิโทสิ;
ปปฺปุยฺย อนุตฺตรํ วิสุทฺธึ, ปรินิพฺพาหิสิ วารินาว โชติ.
‘‘ปชฺโชตกโร ¶ ¶ ปริตฺตรํโส, วาเตน วินมฺยเต ลตาว;
เอวมฺปิ ตุวํ อนาทิยาโน, มารํ อินฺทสโคตฺต นิทฺธุนาหิ;
โส เวทยิตาสุ วีตราโค, กาลํ กงฺข อิเธว สีติภูโต’’ติ. –
อิมา คาถา อภาสิ.
ตตฺถ อุฏฺเหีติ นิทฺทูปคมนโต อุฏฺหนฺโต อุฏฺานวีริยํ กโรหิ. ยสฺมา นิปชฺชา นาม โกสชฺชปกฺขิยา, ตสฺมา มา สยิ. นิสีทาติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา นิสีท. กาติยานาติ ตํ นาเมน อาลปติ. มา นิทฺทาพหุโล อหูติ นิทฺทาพหุโล นิทฺทาภิภูโต มา อหุ. ชาครสฺสูติ ชาคร, ชาคริยมนุยุตฺโต โหหิ. มา ตํ อลสนฺติ ชาคริยํ อนนุยฺุชนฺตํ ตํ อลสํ กุสีตํ ปมตฺตพนฺธุ มจฺจุราชา กูเฏเนว อทฺทุหเนน วิย เนสาโท มิคํ วา ปกฺขึ วา ชราโรเคหิ มา ชินาตุ มา อภิภวตุ, มา อชฺโฌตฺถรตูติ อตฺโถ.
เสยฺยถาปีติ เสยฺยถา อปิ. มหาสมุทฺทเวโคติ มหาสมุทฺทสฺส อูมิเวโค. เอวนฺติ ยถา นาม มหาสมุทฺทอูมิเวโค อุปรูปริ อุฏฺหนฺโต ตํ อภิกฺกมิตุํ อสกฺโกนฺตํ ปุริสํ อภิภวติ, เอวํ ชาติ ชรา จ โกสชฺชาภิภูตํ ตํ อติวตฺตเต อุปรูปริ อชฺโฌตฺถรติ. โส กโรหีติ โส ตฺวํ, กาติยาน, จตูหิ โอเฆหิ อนชฺโฌตฺถรณียํ อรหตฺตผลสงฺขาตํ สุทีปํ อตฺตโน กโรหิ อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปาเทหิ. น หิ ตาณํ ตว วิชฺชเตว อฺนฺติ หีติ เหตุอตฺเถ นิปาโต. ยสฺมา ตโต อคฺคผลโต อฺํ ตว ตาณํ นาม อิธ วา หุรํ วา น อุปลพฺภติ, ตสฺมา ตํ อรหตฺตสงฺขาตํ สุทีปํ กโรหีติ.
สตฺถา หิ วิเชสิ มคฺคเมตนฺติ ยํ สาเธตุํ อวิสหนฺตา ยโต ปราชิตา ปุถู อฺติตฺถิยา, ตเทตํ ตสฺส สุทีปสฺส การณภูตํ ปฺจวิธสงฺคโต ชาติอาทิภยโต จ อตีตํ อริยมคฺคํ เทวปุตฺตมาราทิเก อภิภวิตฺวา ตุยฺหํ สตฺถา วิเชสิ สาเธสิ. ยสฺมา สตฺถุ สนฺตกํ ¶ นาม สาวเกน อธิคนฺตพฺพํ น วิสฺสชฺเชตพฺพํ, ตสฺมา ตสฺส อธิคมาย ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ ปุริมยามํ ปจฺฉิมยามฺจ ¶ , อปฺปมตฺโต สโต สมฺปชาโน หุตฺวา อนุยฺุช โยคํ ภาวนํ ทฬฺหฺจ กโรหิ.
ปุริมานิ ปมฺุจ พนฺธนานีติ ปุริมกานิ คิหิกาเล อาพทฺธานิ คิหิพนฺธนานิ กามคุณพนฺธนานิ ปมฺุจ วิสฺสชฺเชหิ, ตตฺถ อนเปกฺโข โหหิ. สงฺฆาฏิขุรมุณฺฑภิกฺขโภชีติ สงฺฆาฏิธารี ¶ ขุเรน กตสิรมุณฺโฑ ภิกฺขาหารโภชี, ติวิธมฺเปตํ ปุริมพนฺธนปโมกฺขสฺส ขิฑฺฑารตินิทฺทานนุโยคสฺส จ การณวจนํ. ยสฺมา ตฺวํ สงฺฆาฏิปารุโต มุณฺโฑ ภิกฺขาหาโร ชีวติ, ตสฺมา เต กามสุขานุโยโค ขิฑฺฑารตินิทฺทานุโยโค จ น ยุตฺโตติ ตโต ปุริมานิ ปมฺุจ พนฺธนานิ ขิฑฺฑารตึ นิทฺทฺจ มานุยฺุชิตฺถาติ โยชนา. ฌายาติ ฌายสฺสุ อารมฺมณูปนิชฺฌานํ อนุยฺุช.
ตํ ปน อนุยฺุชนฺโต เยน ฌาเนน ฌายโต กิเลสา สพฺพโส ชิตา โหนฺติ, ตํ ลกฺขณูปนิชฺฌานํ อนุยฺุชาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ฌายาหิ ชินาหี’’ติ อาห. โยคกฺเขมปเถสุ โกวิโทสีติ จตูหิ โยเคหิ เขมสฺส นิพฺพานสฺส ปถภูเตสุ โพธิปกฺขิยธมฺเมสุ กุสโล เฉโก อสิ, ตสฺมา ภาวนํ อุสฺสุกฺกาเปนฺโต อนุตฺตรํ อุตฺตรรหิตํ, วิสุทฺธึ นิพฺพานํ อรหตฺตฺจ ปปฺปุยฺย ปาปุณิตฺวา ปน ตฺวํ ปรินิพฺพาหิสิ. วารินาว โชตีติ มหตา สลิลวุฏฺินิปาเตน อคฺคิขนฺโธ วิย อริยมคฺควุฏฺินิปาเตน ปรินิพฺพายิสฺสติ.
ปชฺโชตกโรติ ปชฺโชตึ กโร ปทีโป. ปริตฺตรํโสติ ขุทฺทกจฺจิโก. วินมฺยเตติ วินมียติ อปนิยฺยติ. ลตาวาติ วลฺลิ วิย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา วฏฺฏิอาทิปจฺจยเวกลฺเลน ปริตฺตรํโส มนฺทปโภ ปทีโป อปฺปิกา ลตา วา วาเตน วิธมิยฺยติ วิทฺธํสิยฺยติ, เอวํ ตุวมฺปิ. โกสิยโคตฺตตาย, อินฺทสโคตฺต, อินฺทสมานโคตฺตํ. มารํ ตสฺส วเส อนาวตฺตนา อนุปาทานโต จ อนาทิยาโน, นิทฺธุนาหิ วิธเมหิ วิทฺธํเสหิ. เอวํ ปน วิทฺธํสมาโน โส ตฺวํ เวทยิตาสุ สพฺพาสุ เวทนาสุ วิคตจฺฉนฺทราโค อิเธว อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว สพฺพกิเลสทรถปริฬาหาภาเวน สีติภูโต นิพฺพุโต อตฺตโน ปรินิพฺพานกาลํ กงฺข อาคเมหีติ ¶ . เอวํ สตฺถารา อนุปาทิเสสํ นิพฺพานํ ปาเปตฺวา เทสนาย กตาย เถโร เทสนาวสาเน วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. อรหตฺตํ ปน ปตฺวา สตฺถารา เทสิตนิยาเมเนว อิมา คาถา อภาสิ. ตา เอว อิมา คาถา เถรสฺส อฺาพฺยากรณฺจ ชาตา.
กาติยานตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. มิคชาลตฺเถรคาถาวณฺณนา
สุเทสิโตติอาทิกา ¶ อายสฺมโต มิคชาลตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปฺุานิ อุปจินนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ วิสาขาย ¶ มหาอุปาสิกาย ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, มิคชาโลติสฺส นามํ อโหสิ. โส วิหารํ คนฺตฺวา อภิณฺหโส ธมฺมสฺสวเนน ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโต –
‘‘สุเทสิโต จกฺขุมตา, พุทฺเธนาทิจฺจพนฺธุนา;
สพฺพสํโยชนาตีโต, สพฺพวฏฺฏวินาสโน.
‘‘นิยฺยานิโก อุตฺตรโณ, ตณฺหามูลวิโสสโน;
วิสมูลํ อาฆาตนํ, เฉตฺวา ปาเปติ นิพฺพุตึ.
‘‘อฺาณมูลเภทาย, กมฺมยนฺตวิฆาฏโน;
วิฺาณานํ ปริคฺคเห, าณวชิรนิปาตโน.
‘‘เวทนานํ วิฺาปโน, อุปาทานปฺปโมจโน;
ภวํ องฺคารกาสุํว, าเณน อนุปสฺสโน.
‘‘มหารโส สุคมฺภีโร, ชรามจฺจุนิวารโณ;
อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค, ทุกฺขูปสมโน สิโว.
‘‘กมฺมํ กมฺมนฺติ ตฺวาน, วิปากฺจ วิปากโต;
ปฏิจฺจุปฺปนฺนธมฺมานํ, ยถาวาโลกทสฺสโน;
มหาเขมงฺคโม สนฺโต, ปริโยสานภทฺทโก’’ติ. – อิมา คาถา อภาสิ;
ตตฺถ ¶ สุเทสิโตติ สุฏฺุ เทสิโต, เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺถานํ ยาถาวโต วิภาวนวเสน เทสิโตติ อตฺโถ. อถ วา สุเทสิโตติ สมฺมา เทสิโต, ปวตฺตินิวตฺตีนํ ตทุภยเหตูนฺจ อวิปรีตโต ปกาสนวเสน ภาสิโต สฺวาขฺยาโตติ อตฺโถ. จกฺขุมตาติ มํสจกฺขุ, ทิพฺพจกฺขุ, ปฺาจกฺขุ, พุทฺธจกฺขุ, สมนฺตจกฺขูติ อิเมหิ ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมตา. พุทฺเธนาติ สพฺพฺุพุทฺเธน. อาทิจฺจพนฺธุนาติ อาทิจฺจโคตฺเตน. ทุวิโธ หิ โลเก ขตฺติยวํโส – อาทิจฺจวํโส, โสมวํโสติ. ตตฺถ อาทิจฺจวํโส, โอกฺกากราชวํโสติ ชานิตพฺพํ. ตโต สฺชาตตาย สากิยา อาทิจฺจโคตฺตาติ ภควา ‘‘อาทิจฺจพนฺธู’’ติ วุจฺจติ. อถ วา อาทิจฺจสฺส พนฺธูติปิ ภควา อาทิจฺจพนฺธุ, สฺวายมตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว. กามราคสํโยชนาทีนํ สพฺเพสํ สํโยชนานํ สมติกฺกมนภาวโต สพฺพสํโยชนาตีโต ตโต เอว กิเลสกมฺมวิปากวฏฺฏานํ วินาสนโต วิทฺธํสนโต สพฺพวฏฺฏวินาสโน, สํสารจารกโต ¶ นิยฺยานโต นิยฺยานิโก, สํสารมโหฆโต สมุตฺตรณฏฺเน อุตฺตรโณ, กามตณฺหาทีนํ สพฺพตณฺหานํ มูลํ อวิชฺชํ อโยนิโส มนสิการฺจ วิโสเสติ สุกฺขาเปตีติ ตณฺหามูลวิโสสโน, ติณฺณมฺปิ เวทานํ สมฺปฏิเวธสฺส ¶ วิทฺธํสนโต วิสสฺส ทุกฺขสฺส การณตฺตา วิสมูลํ, สตฺตานํ พฺยสนุปฺปตฺติฏฺานตาย อาฆาตนํ กมฺมํ กิเลสํ วา เฉตฺวา สมุจฺฉินฺทิตฺวา นิพฺพุตึ นิพฺพานํ ปาเปติ.
อฺาณสฺส มูลํ อโยนิโส มนสิกาโร อาสวา จ ‘‘อาสวสมุทยา อวิชฺชาสมุทโย’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๐๓) หิ วุตฺตํ, ตสฺส เภทาย วชิรูปมาเณน ภินฺทนตฺถาย. อถ วา ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทิวจนโต (วิภ. ๒๒๕-๒๒๖; สํ. นิ. ๒.๑) อฺาณํ มูลํ เอตสฺสาติ อฺาณมูลํ, ภวจกฺกํ, ตสฺส มคฺคาณวชิเรน ปทาลนตฺถํ เทสิโตติ สมฺพนฺโธ. กมฺมยนฺตวิฆาฏโนติ กมฺมฆฏิตสฺส อตฺตภาวยนฺตสฺส วิทฺธํสโน. วิฺาณานํ ปริคฺคเหติ กามภวาทีสุ ยถาสกกมฺมุนา วิฺาณคฺคหเณ อุปฏฺิเตติ วจนเสโส. ตตฺถ ตตฺถ หิ ภเว ปฏิสนฺธิยา คหิตาย ตํตํภวนิสฺสิตวิฺาณานิปิ คหิตาเนว โหนฺติ. าณวชิรนิปาตโนติ าณวชิรสฺส ¶ นิปาโต, าณวชิรํ นิปาเตตฺวา เตสํ ปทาเลตา. โลกุตฺตรธมฺโม หิ อุปฺปชฺชมาโน สตฺตมภวาทีสุ อุปฺปชฺชนารหานิ วิฺาณานิ ภินฺทตฺตเมว อุปฺปชฺชตีติ.
เวทนานํ วิฺาปโนติ สุขาทีนํ ติสฺสนฺนํ เวทนานํ ยถากฺกมํ ทุกฺขสลฺลานิจฺจวเสน ยาถาวโต ปเวทโก. อุปาทานปฺปโมจโนติ กามุปาทานาทีหิ จตูหิปิ อุปาทาเนหิ จิตฺตสนฺตานสฺส วิโมจโก. ภวํ องฺคารกาสุํว, าเณน อนุปสฺสโนติ กามภวาทินววิธมฺปิ ภวํ เอกาทสหิ อคฺคีหิ อาทิตฺตภาวโต สาธิกโปริสํ องฺคารกาสุํ วิย มคฺคาเณน อนุปจฺจกฺขโต ทสฺเสตา.
สนฺตปณีตภาวโต อติตฺติกรฏฺเน มหารโส ปริฺาทิวเสน วา มหากิจฺจตาย สามฺผลวเสน มหาสมฺปตฺติตาย จ มหารโส, อนุปจิตสมฺภาเรหิ ทุรวคาหตาย อลพฺภเนยฺยปติฏฺตาย จ สุฏฺุ คมฺภีโร ชรามจฺจุนิวารโณ, อายตึ ภวาภินิปฺผตฺติยา นิวตฺตเนน ชราย มจฺจุโน จ ปฏิเสธโก. อิทานิ ยถาวุตฺตคุณวิเสสยุตฺตํ ธมฺมํ สรูปโต ทสฺเสนฺโต ‘‘อริโย อฏฺงฺคิโก’’ติ วตฺวา ปุนปิ ตสฺส กติปเย คุเณ วิภาเวตุํ ‘‘ทุกฺขูปสมโน สิโว’’ติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ – ปริสุทฺธฏฺเน อริโย, สมฺมาทิฏฺิอาทิอฏฺธมฺมสโมธานตาย อฏฺงฺคิโก, นิพฺพานคเวสนฏฺเน มคฺโค สกลวฏฺฏทุกฺขวูปสมนฏฺเน ¶ ทุกฺขวูปสมโน, เขมฏฺเน สิโว.
ยถา อิโต พาหิรกสมเย อสมฺมาสมฺพุทฺธปเวทิตตฺตา กมฺมวิปาโก วิปลฺลาโส สิยาติ เอวํ อวิปลฺลาเสตฺวา ปฏิจฺจุปฺปนฺนธมฺมานํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺเนสุ ธมฺเมสุ กมฺมํ กมฺมนฺติ วิปากฺจ วิปากโต ¶ ตฺวาน ปุพฺพภาคาเณน ชานนเหตุ สสฺสตุจฺเฉทคฺคาหานํ วิธมเนน ยาถาวโต อาโลกทสฺสโน ตกฺกรสฺส โลกุตฺตราณาโลกสฺส ทสฺสโน. เกนจิ กฺจิ กทาจิปิ อนุปทฺทุตตฺตา มหาเขมํ นิพฺพานํ คจฺฉติ สตฺเต คเมติ จาติ มหาเขมงฺคโม, สพฺพกิเลสทรถปริฬาหวูปสมนโต สนฺโต, อกุปฺปาย เจโตวิมุตฺติยา อนุปาทิเสสาย จ นิพฺพานธาตุยา ปาปเนน ปริโยสานภทฺทโก สุเทสิโต จกฺขุมตาติ โยชนา.
เอวํ ¶ เถโร นานานเยหิ อริยธมฺมํ ปสํสนฺโต ตสฺส ธมฺมสฺส อตฺตนา อธิคตภาวํ อฺาปเทเสน ปกาเสสิ.
มิคชาลตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ปุโรหิตปุตฺตเชนฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา
ชาติมเทน มตฺโตหนฺติอาทิกา อายสฺมโต เชนฺตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปฺุานิ อุปจินิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ โกสลรฺโ ปุโรหิตสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ตสฺส เชนฺโตติ นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต ชาติมเทน โภคอิสฺสริยรูปมเทน จ มตฺโต อฺเ หีเฬนฺโต ครุฏฺานิยานมฺปิ อปจิตึ อกโรนฺโต มานถทฺโธ วิจรติ. โส เอกทิวสํ สตฺถารํ มหติยา ปริสาย ปริวุตํ ธมฺมํ เทเสนฺตํ ทิสฺวา อุปสงฺกมนฺโต ‘‘สเจ มํ สมโณ โคตโม ปมํ อาลปิสฺสติ, อหมฺปิ อาลปิสฺสามิ; โน เจ, นาลปิสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา อุปสงฺกมิตฺวา ิโต ภควติ ปมํ อนาลปนฺเต สยมฺปิ มาเนน อนาลปิตฺวา คมนาการํ ทสฺเสสิ. ตํ ภควา –
‘‘น มานํ พฺราหฺมณ สาธุ, อตฺถิกสฺสีธ พฺราหฺมณ;
เยน อตฺเถน อาคจฺฉิ, ตเมวมนุพฺรูหเย’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๐๑) –
คาถาย ¶ อชฺฌภาสิ. โส ‘‘จิตฺตํ เม สมโณ โคตโม ชานาตี’’ติ อภิปฺปสนฺโน ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ปรมนิปจฺจาการํ กตฺวา –
‘‘เกสุ น มานํ กยิราถ, เกสุ จสฺส สคารโว;
กฺยสฺส อปจิตา อสฺสุ, กฺยสฺสุ สาธุ สุปูชิตา’’ติ. –
ปุจฺฉิ. ตสฺส ภควา –
‘‘มาตริ ¶ ปิตริ จาปิ, อโถ เชฏฺมฺหิ ภาตริ;
อาจริเย จตุตฺถมฺหิ, สมณพฺราหฺมเณสุ จ.
‘‘เตสุ ¶ น มานํ กยิราถ, เตสุ อสฺส สคารโว;
กฺยสฺส อปจิตา อสฺสุ, ตฺยสฺสุ สาธุ สุปูชิตา.
‘‘อรหนฺเต สีติภูเต, กตกิจฺเจ อนาสเว;
นิหจฺจ มานํ อตฺถทฺโธ, เต นมสฺเส อนุตฺตเร’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๐๑) –
ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺโต ธมฺมํ เทเสสิ. โส ตาย เทสนาย โสตาปนฺโน หุตฺวา ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต อรหตฺตํ ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺติกิตฺตนมุเขน อฺํ พฺยากโรนฺโต –
‘‘ชาติมเทน มตฺโตหํ, โภคอิสฺสริเยน จ;
สณฺานวณฺณรูเปน, มทมตฺโต อจาริหํ.
‘‘นาตฺตโน สมกํ กฺจิ, อติเรกฺจ มฺิสํ;
อติมานหโต พาโล, ปตฺถทฺโธ อุสฺสิตทฺธโช.
‘‘มาตรํ ปิตรฺจาปิ, อฺเปิ ครุสมฺมเต;
น กฺจิ อภิวาเทสึ, มานตฺถทฺโธ อนาทโร.
‘‘ทิสฺวา วินายกํ อคฺคํ, สารถีนํ วรุตฺตมํ;
ตปนฺตมิว อาทิจฺจํ, ภิกฺขุสงฺฆปุรกฺขตํ.
‘‘มานํ มทฺจ ฉฑฺเฑตฺวา, วิปฺปสนฺเนน เจตสา;
สิรสา อภิวาเทสึ, สพฺพสตฺตานมุตฺตมํ.
‘‘อติมาโน จ โอมาโน, ปหีนา สุสมูหตา;
อสฺมิมาโน สมุจฺฉินฺโน, สพฺเพ มานวิธา หตา’’ติ. –
อิมา คาถา อภาสิ.
ตตฺถ ชาติมเทน มตฺโตหนฺติ อหํ อุทิจฺเจ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺโต, ‘‘น มาทิโส อุภโต สุชาโต อฺโ อตฺถี’’ติ กุลมาเนน มตฺโต มานถทฺโธ อจารินฺติ โยชนา. โภคอิสฺสริเยน จาติ วิภเวน อาธิปจฺเจน จ เหตุภูเตน โภคสมฺปทฺจ อิสฺสริยสมฺปทฺจ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺนมเทน มตฺโต อหํ อจารินฺติ โยชนา. สณฺานวณฺณรูเปนาติ สณฺานํ ¶ อาโรหปริณาหสมฺปตฺติ, วณฺโณ ¶ โอทาตสามตาทิฉวิสมฺปตฺติ, รูปํ องฺคปจฺจงฺคโสภา. อิธาปิ วุตฺตนเยน โยชนา เวทิตพฺพา. มทมตฺโตติ วุตฺตปฺปการโต อฺเนปิ มเทน มตฺโต.
นาตฺตโน ¶ สมกํ กฺจีติ อตฺตโน สมกํ สทิสํ ชาติอาทีหิ สมานํ อติเรกํ วา กฺจิ น มฺิสํ น มฺึ, มยา สมานมฺปิ น มฺึ, กุโต อธิกนฺติ อธิปฺปาโย. อติมานหโต พาโลติ พาโล อหํ ตโต พาลภาวโต อติมาเนน ขตูปหตกุสลาจาโร, ตโต เอว ปตฺถทฺโธ อุสฺสิตทฺธโช ถมฺภวเสน ครูนมฺปิ นิปจฺจการสฺส อกรณโต ภุสํ ถทฺโธ อโนนมนถทฺธชาโต อุสฺสิตมานทฺธโช.
วุตฺตเมวตฺถํ ปากฏตรํ กาตุํ ‘‘มาตร’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อฺเติ เชฏฺภาตุอาทิเก, สมณพฺราหฺมเณ จ. ครุสมฺมเตติ ครูติ สมฺมเต ครุฏฺานิเย. อนาทโรติ อาทรรหิโต.
ทิสฺวา วินายกํ อคฺคนฺติ เอวํ มานถทฺโธ หุตฺวา วิจรนฺโต ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหิ เวเนยฺยานํ วินยนโต สยมฺภุตาย นายกภาวโต จ วินายกํ. สเทวเก โลเก สีลาทิคุเณหิ เสฏฺภาวโต อคฺคํ. ปุริสทมฺมานํ อจฺจนฺตตาย ทมนโต สารถีนํ วรุตฺตมํ, อติวิย อุตฺตมํ พฺยามปฺปภาทิโอภาเสน อาทิจฺจมิว ตปนฺตํ, โอภาสนฺตํ ภิกฺขุสงฺฆปุรกฺขตํ ธมฺมํ เทเสนฺตํ สพฺพสตฺตานํ อุตฺตมํ สตฺถารํ ทิสฺวา พุทฺธานุภาเวน สนฺตชฺชิโต ‘‘อหเมว เสฏฺโ, อฺเ หีนา’’ติ ปวตฺตมานํ โภคมทาทิมทฺจ ฉฑฺเฑตฺวา ปหาย วิปฺปสนฺเนน เจตสา สิรสา อภิวาเทสินฺติ โยชนา. กถํ ปนายํ มานถทฺโธ สมาโน สตฺถุ ทสฺสนมตฺเตน มานํ ปหาสีติ? น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ. สตฺถุ ทสฺสนมตฺเตน มานํ น ปหาสิ ‘‘น มานํ, พฺราหฺมณ, สาธู’’ติอาทิกาย ปน เทสนาย มานํ ปหาสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘มานํ มทฺจ ฉฑฺเฑตฺวา, วิปฺปสนฺเนน เจตสา. สิรสา อภิวาเทสิ’’นฺติ. วิปฺปสนฺเนน เจตสาติ จ อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ กรณวจนํ ทฏฺพฺพํ.
‘‘อหเมว ¶ เสฏฺโ’’ติ ปวตฺโต มาโน อติมาโน. ‘‘อิเม ปน นิหีนา’’ติ อฺเ หีนโต ทหนฺตสฺส มาโน ‘‘โอมาโน’’ติ วทนฺติ. ‘‘เสยฺโยหมสฺมี’’ติ ปน อฺํ อติกฺกมิตฺวา อตฺตานํ เสยฺยโต ทหนฺตสฺส ปวตฺโต เสยฺยมาโน อติมาโน. ‘‘หีโนหมสฺมี’’ติ ปวตฺโต หีนมาโน โอมาโน. ปหีนา สุสมูหตาติ เหฏฺิมมคฺเคหิ ปหีนา หุตฺวา อคฺคมคฺเคน สุฏฺุ สมุคฺฆาฏิตา. อสฺมิมาโนติ ‘‘เอโสหมสฺมี’’ติ ขนฺเธ ‘‘อห’’นฺติ ¶ คหณวเสน ปวตฺตมาโน. สพฺเพติ น เกวลํ อติมานโอมานอสฺมิมานา เอว, อถ โข เสยฺยสฺส เสยฺยมานาทโย นววิธา อนฺตรเภเทน อเนกวิธา จ สพฺเพ มานวิธา มานโกฏฺาสา หตา อคฺคมคฺเคน สมุคฺฆาฏิตาติ.
ปุโรหิตปุตฺตเชนฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. สุมนตฺเถรคาถาวณฺณนา
ยทา ¶ นโว ปพฺพชิโตติอาทิกา อายสฺมโต สุมนตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปฺุานิ อุปจินนฺโต สิขิสฺส ภควโต กาเล มาลาการกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สิขึ ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวา ปสนฺนมานโส สุมนปุปฺเผหิ ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท อฺตรสฺส อุปาสกสฺส เคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. โส จ อุปาสโก อายสฺมโต อนุรุทฺธตฺเถรสฺส อุปฏฺาโก อโหสิ. ตสฺส จ ตโต ปุพฺเพ ชาตาชาตา ทารกา มรึสุ. เตน โส ‘‘สจาหํ อิทานิ เอกํ ปุตฺตํ ลภิสฺสามิ, อยฺยสฺส อนุรุทฺธตฺเถรสฺส สนฺติเก ปพฺพาเชสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ. โส จ ทสมาสจฺจเยน ชาโต อโรโคเยว หุตฺวา อนุกฺกเมน วฑฺเฒนฺโต สตฺตวสฺสิโก อโหสิ, ตํ ปิตา เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพาเชสิ. โส ปพฺพชิตฺวา ตโต ปริปกฺกาณตฺตา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ หุตฺวา เถรํ อุปฏฺหนฺโต ‘‘ปานียํ อาหริสฺสามี’’ติ ฆฏํ อาทาย อิทฺธิยา อโนตตฺตทหํ อคมาสิ. อเถโก มิจฺฉาทิฏฺิโก นาคราชา อโนตตฺตทหํ ปฏิจฺฉาเทนฺโต สตฺตกฺขตฺตุํ โภเคน ปริกฺขิปิตฺวา ¶ อุปริ มหนฺตํ ผณํ กตฺวา สุมนสฺส ปานียํ คเหตุํ โอกาสํ น เทติ. สุมโน ครุฬรูปํ คเหตฺวา ตํ นาคราชํ อภิภวิตฺวา ปานียํ คเหตฺวา เถรสฺส วสนฏฺานํ อุทฺทิสฺส อากาเสน คจฺฉติ. ตํ สตฺถา เชตวเน นิสินฺโน ตถา คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ธมฺมเสนาปตึ อามนฺเตตฺวา, ‘‘สาริปุตฺต, อิมํ ปสฺสา’’ติอาทินา จตูหิ คาถาหิ ตสฺส คุเณ อภาสิ. อถ สุมนตฺเถโร –
‘‘ยทา นโว ปพฺพชิโต, ชาติยา สตฺตวสฺสิโก;
อิทฺธิยา อภิโภตฺวาน, ปนฺนคินฺทํ มหิทฺธิกํ.
‘‘อุปชฺฌายสฺส อุทกํ, อโนตตฺตา มหาสรา;
อาหรามิ ตโต ทิสฺวา, มํ สตฺถา เอตทพฺรวิ.
‘‘สาริปุตฺต อิมํ ปสฺส, อาคจฺฉนฺตํ กุมารกํ;
อุทกกุมฺภมาทาย, อชฺฌตฺตํ สุสมาหิตํ.
‘‘ปาสาทิเกน ¶ วตฺเตน, กลฺยาณอิริยาปโถ;
สามเณโรนุรุทฺธสฺส, อิทฺธิยา จ วิสารโท.
‘‘อาชานีเยน อาชฺโ, สาธุนา สาธุการิโต;
วินีโต อนุรุทฺเธน, กตกิจฺเจน สิกฺขิโต.
‘‘โส ¶ ปตฺวา ปรมํ สนฺตึ, สจฺฉิกตฺวา อกุปฺปตํ;
สามเณโร ส สุมโน, มา มํ ชฺาติ อิจฺฉตี’’ติ. –
อฺาพฺยากรณวเสน ฉ คาถา อภาสิ.
ตตฺถ อาทิโต ทฺเว คาถา สุมนตฺเถเรเนว ภาสิตา, อิตรา จตสฺโส ตํ ปสํสนฺเตน สตฺถารา ภาสิตา. ตา สพฺพา เอกชฺฌํ กตฺวา สุมนตฺเถโร ปจฺฉา อฺาพฺยากรณวเสน อภาสิ. ตตฺถ ปนฺนคินฺทนฺติ นาคราชํ. ตโตติ ตตฺถ, ยทา นโว ปพฺพชิโต ชาติยา สตฺตวสฺสิโก อิทฺธิพเลน มหิทฺธิกํ นาคราชํ อภิภวิตฺวา อโนตตฺตทหโต อุปชฺฌายสฺส ปานียํ อาหรามิ, ตสฺมึ กาเลติ อตฺโถ.
มํ ¶ อุทฺทิสฺส มยฺหํ สตฺถา เอตทพฺรวิ, ตํ ทสฺเสนฺโต, ‘‘สาริปุตฺต, อิมํ ปสฺสา’’ติอาทิมาห. อชฺฌตฺตํ สุสมาหิตนฺติ วิสยชฺฌตฺตภูเตน อคฺคผลสมาธินา สุฏฺุ สมาหิตํ.
ปาสาทิเกน วตฺเตนาติ ปสฺสนฺตานํ ปสาทาวเหน อาจารวตฺเตน, กรณตฺเถ อิทํ กรณวจนํ. กลฺยาณอิริยาปโถติ สมฺปนฺนิริยาปโถ. ปาสาทิเกน วตฺเตนาติ วา อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ กรณวจนํ. สมณสฺส ภาโว สามณฺยํ, สามฺนฺติ อตฺโถ. ตทตฺถํ อีรติ ปวตฺตตีติ สามเณโร, สมณุทฺเทโส. อิทฺธิยา จ วิสารโทติ อิทฺธิยมฺปิ พฺยตฺโต สุกุสโล. อาชานีเยนาติ ปุริสาชานีเยน. อตฺตหิตปรหิตานํ สาธนโต สาธุนา กตกิจฺเจน อนุรุทฺเธน สาธุ อุภยหิตสาธโก, สุฏฺุ วา อาชฺโ การิโต ทมิโต. อคฺควิชฺชาย วินีโต อเสกฺขภาวาปาทเนน สิกฺขิโต สิกฺขาปิโตติ อตฺโถ.
โส สามเณโร สุมโน ปรมํ สนฺตึ นิพฺพานํ ปตฺวา อคฺคมคฺคาธิคเมน อธิคนฺตฺวา สจฺฉิกตฺวา อตฺตปจฺจกฺขํ กตฺวา อกุปฺปตํ อรหตฺตผลํ อปฺปิจฺฉภาวสฺส ปรมุกฺกํสคตตฺตา มา มํ ชฺาติ มํ ‘‘อยํ ขีณาสโว’’ติ วา ‘‘ฉฬภิฺโ’’ติ วา โกจิปิ มา ชาเนยฺยาติ อิจฺฉติ อภิกงฺขตีติ.
สุมนตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. นฺหาตกมุนิตฺเถรคาถาวณฺณนา
วาตโรคาภินีโตติอาทิกา ¶ ¶ อายสฺมโต นฺหาตกมุนิสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปฺุานิ อุปจินิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต วิชฺชาฏฺานาทีสุ นิปฺผตฺตึ คโต นฺหาตกลกฺขณโยเคน นฺหาตโกติ ปฺายิตฺถ. โส ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ราชคหสฺส ติโยชนปฺปมาเณ าเน อรฺายตเน นีวาเรหิ ยาเปนฺโต อคฺคึ ปริจารยมาโน วสติ. ตสฺส สตฺถา ฆเฏ วิย ปทีปํ หทยพฺภนฺตเร ปชฺชลนฺตํ อรหตฺตูปนิสฺสยํ ทิสฺวา อสฺสมปทํ อคมาสิ. โส ภควนฺตํ ทิสฺวา หฏฺตุฏฺโ อตฺตโน ¶ อุปกปฺปนนิยาเมน อาหารํ อุปเนสิ. ตํ ภควา ปริภฺุชิ. เอวํ ตโย ทิวเส ทตฺวา จตุตฺถทิวเส ‘‘ภควา ตุมฺเห ปรมสุขุมาลา, กถํ อิมินา อาหาเรน ยาเปถา’’ติ อาห. ตสฺส สตฺถา อริยสนฺโตสคุณํ ปกาเสนฺโต ธมฺมํ เทเสสิ. ตาปโส ตํ สุตฺวา โสตาปนฺโน หุตฺวา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. ภควา ตํ อรหตฺเต ปติฏฺเปตฺวา คโต. โส ปน ตตฺเถว วิหรนฺโต อปรภาเค วาตาพาเธน อุปทฺทุโต อโหสิ. สตฺถา ตตฺถ คนฺตฺวา ปฏิสนฺถารมุเขน ตสฺส วิหารํ ปุจฺฉนฺโต –
‘‘วาตโรคาภินีโต ตฺวํ, วิหรํ กานเน วเน;
ปวิทฺธโคจเร ลูเข, กถํ ภิกฺขุ กริสฺสสี’’ติ. – คาถมาห; อถ เถโร –
‘‘ปีติสุเขน วิปุเลน, ผริตฺวาน สมุสฺสยํ;
ลูขมฺปิ อภิสมฺโภนฺโต, วิหริสฺสามิ กานเน.
‘‘ภาเวนฺโต สตฺต โพชฺฌงฺเค, อินฺทฺริยานิ พลานิ จ;
ฌานโสขุมฺมสมฺปนฺโน, วิหริสฺสํ อนาสโว.
‘‘วิปฺปมุตฺตํ กิเลเสหิ, สุทฺธจิตฺตํ อนาวิลํ;
อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขนฺโต, วิหริสฺสํ อนาสโว.
‘‘อชฺฌตฺตฺจ พหิทฺธา จ, เย เม วิชฺชึสุ อาสวา;
สพฺเพ อเสสา อุจฺฉินฺนา, น จ อุปฺปชฺชเร ปุน.
‘‘ปฺจกฺขนฺธา ปริฺาตา, ติฏฺนฺติ ฉินฺนมูลกา;
ทุกฺขกฺขโย อนุปฺปตฺโต, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ. –
อิมาหิ เสสคาถาหิ อตฺตโน วิหารํ สตฺถุ ปเวเทสิ.
ตตฺถ ¶ ฌานโสขุมฺมสมฺปนฺโนติ ฌานสุขุมภาเวน สมนฺนาคโต. ฌานสุขุมํ นาม อรูปชฺฌานํ, ตสฺมา อฏฺสมาปตฺติลาภิมฺหีติ วุตฺตํ โหติ. เตน อตฺตโน อุภโตภาควิมุตฺติตํ ทสฺเสติ. อปเร ปนาหุ – ‘‘โสขุมฺมนฺติ อคฺคมคฺคผเลสุ อธิปฺาสิกฺขา ¶ อธิปฺเปตา, ตโต ฌานคฺคหเณน ¶ อตฺตโน อุภโตภาควิมุตฺติตํ วิภาเวตี’’ติ. วิปฺปมุตฺตํ กิเลเสหีติ ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติยา สพฺพกิเลเสหิ วิมุตฺตํ, ตโต เอว สุทฺธจิตฺตํ, อนาวิลสงฺกปฺปตาย อนาวิลํ, ตีหิปิ ปเทหิ อรหตฺตผลจิตฺตเมว วทติ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว. อิมเมว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณํ อโหสีติ.
นฺหาตกมุนิตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๒. พฺรหฺมทตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา
อกฺโกธสฺสาติอาทิกา อายสฺมโต พฺรหฺมทตฺตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปฺุานิ อุปจินิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ โกสลรฺโ ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, พฺรหฺมทตฺโตติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต เชตวนมเห พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต สห ปฏิสมฺภิทาหิ ฉฬภิฺโ อโหสิ. ตํ เอกทิวสํ นคเร ปิณฺฑาย จรนฺตํ อฺตโร พฺราหฺมโณ อกฺโกสิ. เถโร ตํ สุตฺวาปิ ตุณฺหีภูโต ปิณฺฑาย จรติเยว, พฺราหฺมโณ ปุนปิ อกฺโกสิเยว. มนุสฺสา เอวํ อกฺโกสนฺตมฺปิ นํ ‘‘อยํ เถโร น กิฺจิ ภณตี’’ติ อาหํสุ. ตํ สุตฺวา เถโร เตสํ มนุสฺสานํ ธมฺมํ เทเสนฺโต –
‘‘อกฺโกธสฺส กุโต โกโธ, ทนฺตสฺส สมชีวิโน;
สมฺมทฺา วิมุตฺตสฺส, อุปสนฺตสฺส ตาทิโน.
‘‘ตสฺเสว เตน ปาปิโย, โย กุทฺธํ ปฏิกุชฺฌติ;
กุทฺธํ อปฺปฏิกุชฺฌนฺโต, สงฺคามํ เชติ ทุชฺชยํ.
‘‘อุภินฺนมตฺถํ จรติ, อตฺตโน จ ปรสฺส จ;
ปรํ สงฺกุปิตํ ตฺวา, โย สโต อุปสมฺมติ.
‘‘อุภินฺนํ ติกิจฺฉนฺตํ ตํ, อตฺตโน จ ปรสฺส จ;
ชนา มฺนฺติ พาโลติ, เย ธมฺมสฺส อโกวิทา. (สํ. นิ. ๑.๑๘๙);
‘‘อุปฺปชฺเช ¶ ¶ ¶ เต สเจ โกโธ, อาวชฺช กกจูปมํ;
อุปฺปชฺเช เจ รเส ตณฺหา, ปุตฺตมํสูปมํ สร.
‘‘สเจ ธาวติ จิตฺตํ เต, กาเมสุ จ ภเวสุ จ;
ขิปฺปํ นิคฺคณฺห สติยา, กิฏฺาทํ วิย ทุปฺปสุ’’นฺติ. –
อิมา คาถา อภาสิ.
ตตฺถ อกฺโกธสฺสาติ โกธรหิตสฺส มคฺเคน สมุจฺฉินฺนโกธสฺส. กุโต โกโธติ กุโต นาม เหตุ โกโธ อุปฺปชฺเชยฺย, ตสฺส อุปฺปตฺติการณํ นตฺถีติ อตฺโถ. ทนฺตสฺสาติ อุตฺตเมน ทเมน อคฺคมคฺคทมเถน ทนฺตสฺส. สมชีวิโนติ กายวิสมาทีนิ สพฺพโส ปหาย กายสมาทีนํ วเสน สมํ ชีวนฺตสฺส สตฺตฏฺานิเยน สมฺปชฺเน สมฺมเทว วตฺตนฺตสฺส. สมฺมทฺา วิมุตฺตสฺสาติ สมฺมา อฺาย อภิฺเยฺยาทิเก ธมฺเม ชานิตฺวา สพฺพาสเวหิ วิปฺปมุตฺตสฺส. ตโต เอว สพฺพกิเลสทรถปริฬาหวูปสเมน อุปสนฺตสฺส. อิฏฺาทีสุ ตาทิลกฺขณปฺปตฺติยา ตาทิโน ขีณาสวสฺส กุโต โกโธติ อฺาปเทเสน เถโร อตฺตโน โกธาภาวํ ตสฺส จ การณานิ วตฺวา อิทานิ โกเธ อโกเธ จ อาทีนวานิสํสทสฺสเนน ธมฺมํ กเถนฺโต ‘‘ตสฺเสวา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ โย กุทฺธํ ปฏิกุชฺฌตีติ โย ปุคฺคโล อตฺตโน อุปริ กุทฺธํ กุปิตํ ปุคฺคลํ ปฏิกุชฺฌติ, ตสฺเสว เตน ปฏิกุชฺฌนปจฺจกฺโกสนปฏิปฺปหรณาทินา ปาปิโย อิธโลเก วิฺูครหาทิวเสน ปรโลเก นิรยทุกฺขาทิวเสน อภทฺทกตรํ อกลฺยาณตรํ โหติ. กุชฺฌเนน ปน อกุทฺธสฺส ปาปํ โหตีติ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. เกจิ ปน ‘‘โย อกุทฺธํ ปฏิกุทฺธํ อารพฺภ กุชฺฌตี’’ติ อตฺถํ วทนฺติ. กุทฺธํ อปฺปฏิกุชฺฌนฺโตติ โย ปน กุทฺธํ ปุคฺคลํ ‘‘อยํ กุทฺโธ โกธปเรโต’’ติ ตฺวา น ปฏิกุชฺฌติ ขมติ, โส ทุชฺชยํ กิเลสสงฺคามํ เชติ นาม. น เกวลฺจสฺส กิเลสสงฺคามชโย เอว, อถ โข อุภยหิตปฏิปตฺติมฺปีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อุภินฺนมตฺถํ…เป… อุปสมฺมตี’’ติ. โย ปรํ ปุคฺคลํ สงฺกุปิตํ กุทฺธํ ‘‘โกธปเรโต’’ติ ตฺวา ตํ เมตฺตายนฺโต อชฺฌุเปกฺขนฺโต วา สโต ¶ สมฺปชาโน หุตฺวา อุปสมฺมติ ขมติ น ปฏิปฺผรติ. โส อตฺตโน จ ปรสฺส จาติ อุภินฺนํ อุภยโลกสุขาวหํ อตฺถํ หิตํ จรติ.
อุภินฺนํ ติกิจฺฉนฺตํ ตนฺติ ตํ อตฺตโน จ ปรสฺส จาติ อุภินฺนํ ทฺวินฺนํ โกธพฺยาธิติกิจฺฉาย ติกิจฺฉนฺตํ ขมนฺตํ ปุคฺคลํ เย ชนา ธมฺมสฺส อริยาจารธมฺเม อกุสลา, เต พาลา ‘‘อยํ อวิทฺทสุ โย อตฺตานํ อกฺโกสนฺตสฺส ปหรนฺตสฺส กิฺจิ น กโรตี’’ติ มฺนฺติ ¶ , ตํ เตสํ อโยนิโส มฺนนฺติ อธิปฺปาโย. ‘‘ติกิจฺฉน’’นฺติปิ ปนฺติ, ติกิจฺฉนสภาวนฺติ อตฺโถ.
เอวํ ¶ เถเรน วุจฺจมานํ ธมฺมํ สุตฺวา อกฺโกสกพฺราหฺมโณ สํวิคฺโค ปสนฺนจิตฺโต จ หุตฺวา เถรํ ขมาเปตฺวา ตสฺเสว สนฺติเก ปพฺพชิ. เถโร ตสฺส กมฺมฏฺานํ เทนฺโต ‘‘อิมสฺส เมตฺตาภาวนา ยุตฺตา’’ติ เมตฺตากมฺมฏฺานํ ทตฺวา โกธปริยุฏฺานาทีสุ ปจฺจเวกฺขณาทิวิธึ ทสฺเสนฺโต ‘‘อุปฺปชฺเช เต’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อุปฺปชฺเช เต สเจติ สเจ เต กมฺมฏฺานํ อนุยฺุชนฺตสฺส กฺจิ ปุคฺคลํ นิสฺสาย จิรปริจโย โกโธ อุปฺปชฺเชยฺย, ตสฺส วูปสมาย –
‘‘อุภโตทณฺฑเกน เจปิ, ภิกฺขเว, กกเจน โจรา โอจรกา องฺคมงฺคานิ โอกนฺเตยฺยุํ, ตตฺราปิ โย มโน ปทูเสยฺย, น เม โส เตน สาสนกโร’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๓๒) –
สตฺถารา วุตฺตํ กกจูปมํ โอวาทํ อาวชฺเชหิ. อุปฺปชฺเช เจ รเส ตณฺหาติ สเจ เต มธุราทิเภเท รเส ตณฺหา อภิลาโส อุปฺปชฺเชยฺย, ตสฺส วูปสมาย –
‘‘ปุตฺตมํสํ ชายมฺปติกา ยถา กนฺตารนิตฺถรณตฺถเมว ขาทึสุ, น รสตณฺหาย เอวํ กุลปุตฺโตปิ ปพฺพชิโต ปิณฺฑปาตํ ปฏิเสวติ…เป… ผาสุวิหาโร จา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๖๓ อตฺถโต สมานํ) –
เอวํ วุตฺตํ ปุตฺตมํสูปโมวาทํ สร อนุสฺสร.
สเจ ธาวติ เต จิตฺตนฺติ อโยนิโส มนสิ กโรโต ตว จิตฺตํ กาเมสุ ปฺจกามคุเณสุ ฉนฺทราควเสน, กามภวาทีสุ ภเวสุ ภวปตฺถนาวเสน สเจ ธาวติ สรติ ชวติ. ขิปฺปํ นิคฺคณฺห สติยา, กิฏฺาทํ ¶ วิย ทุปฺปสุนฺติ ตถา ธาวิตุํ อเทนฺโต ยถา นาม ปุริโส กิฏฺาทํ สสฺสขาทกํ ทุปฺปสุํ ทุฏฺโคณํ โยตฺเตน ถมฺเภ พนฺธิตฺวา อตฺตโน วเส วตฺเตติ, เอวํ สติยา สติโยตฺเตน สมฺมาธิถมฺเภ พนฺธนฺโต ขิปฺปํ สีฆเมว นิคฺคณฺห, ยถา กิเลสวิคเมน นิพฺพิเสวนํ โหติ, ตถา ทเมหีติ. เกจิ ปน ‘‘เถโร ปุถุชฺชโนว หุตฺวา อกฺโกสํ อธิวาเสนฺโต เตสํ มนุสฺสานํ อริยคุเณ ปกาเสนฺโต ธมฺมํ กเถตฺวา ปจฺฉา ทฺวีหิ คาถาหิ อตฺตานํ โอวทนฺโต วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโต อิมาเยว คาถา อภาสี’’ติ วทนฺติ.
พฺรหฺมทตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๓. สิริมณฺฑตฺเถรคาถาวณฺณนา
ฉนฺนมติวสฺสตีติอาทิกา ¶ อายสฺมโต สิริมณฺฑตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปฺุานิ อุปจินิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สํสุมารคิเร พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ¶ สิริมณฺโฑติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต เภสกลาวเน ภควติ วิหรนฺเต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท สมณธมฺมํ กโรนฺโต เอกสฺมึ อุโปสถทิวเส ปาติโมกฺขุทฺเทสฏฺาเน นิสินฺโน นิทานุทฺเทสสฺส ปริโยสาเน ‘‘อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหตี’’ติ (มหาว. ๑๓๔) ปาฬิยา อตฺถํ อุปธาเรนฺโต อาปนฺนํ อาปตฺตึ อนาวิกตฺวา ปฏิจฺฉาเทนฺโต อุปรูปริ อาปตฺติโย อาปชฺชติ, เตนสฺส น ผาสุ โหติ, อาวิกตฺวา ปน ยถาธมฺมํ ปฏิกโรนฺตสฺส ผาสุ โหตีติ อิมมตฺถํ มนสิ กตฺวา ‘‘อโห สตฺถุ สาสนํ สุวิสุทฺธ’’นฺติ ลทฺธปฺปสาโท ตถา อุปฺปนฺนํ ปีตึ วิกฺขมฺเภตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปสนฺนมานโส ภิกฺขูนํ โอวาทํ เทนฺโต –
‘‘ฉนฺนมติวสฺสติ, วิวฏํ นาติวสฺสติ;
ตสฺมา ฉนฺนํ วิวเรถ, เอวํ ตํ นาติวสฺสติ.
‘‘มจฺจุนาพฺภาหโต ¶ โลโก, ชราย ปริวาริโต;
ตณฺหาสลฺเลน โอติณฺโณ, อิจฺฉาธูปายิโต สทา. (สํ. นิ. ๑.๖๖);
‘‘มจฺจุนาพฺภาหโต โลโก, ปริกฺขิตฺโต ชราย จ;
หฺติ นิจฺจมตฺตาโณ, ปตฺตทณฺโฑว ตกฺกโร.
‘‘อาคจฺฉนฺตคฺคิขนฺธาว, มจฺจุ พฺยาธิ ชรา ตโย;
ปจฺจุคฺคนฺตุํ พลํ นตฺถิ, ชโว นตฺถิ ปลายิตุํ.
‘‘อโมฆํ ทิวสํ กยิรา, อปฺเปน พหุเกน วา;
ยํ ยํ วิชหเต รตฺตึ, ตทูนํ ตสฺส ชีวิตํ.
‘‘จรโต ติฏฺโต วาปิ, อาสีนสยนสฺส วา;
อุเปติ จริมา รตฺติ, น เต กาโล ปมชฺชิตุ’’นฺติ. –
อิมา คาถา อภาสิ.
ตตฺถ ฉนฺนนฺติ ฉาทิตํ ยถาภูตํ อวิวฏํ อปฺปกาสิตํ ทุจฺจริตํ. อติวสฺสตีติ อาปตฺติวสฺสฺเจว กิเลสวสฺสฺจ อติวิย วสฺสติ. อาปตฺติยา หิ ฉาทนํ อลชฺชิภาวาทินา ¶ ตาทิโสว, ฉาทเนน ตโต อฺถาว ปุนปิ ตถารูปํ ตโต วา ปาปิฏฺตรํ อาปตฺตึ อาปชฺเชยฺยาติ ฉาทนํ วสฺสนสฺส การณํ วุตฺตํ. วิวฏนฺติ ปกาสิตํ อปฺปฏิจฺฉนฺนํ. นาติวสฺสตีติ เอตฺถ อตีติ อุปสคฺคมตฺตํ, น วสฺสตีติ อตฺโถ. อวสฺสนฺเจตฺถ วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺพํ จิตฺตสนฺตานสฺส วิโสธิตตฺตา. ตสฺมาติ วุตฺตเมวตฺถํ การณภาเวน ปจฺจามสติ, ฉนฺนสฺส ทุจฺจริตสฺส อาปตฺติวสฺสาทีนํ อติวสฺสนโต วิวฏสฺส จ อวสฺสนโตติ อตฺโถ. ฉนฺนํ วิวเรถาติ ปุถุชฺชนภาเวน ฉาทนาธิปฺปาเย อุปฺปนฺเนปิ ตํ ¶ อนนุวตฺติตฺวา วิวเรถ อาวิกเรยฺย, ยถาธมฺมํ ปฏิกเรยฺย. เอวนฺติ วิวรเณน ยถาธมฺมํ ปฏิปตฺติยา. ตนฺติ ตํ ฉนฺนํ ทุจฺจริตํ. นาติวสฺสติ อาปตฺติวสฺสํ กิเลสวสฺสฺจ น วสฺสติ, สุทฺธนฺเต ปุคฺคลํ ปติฏฺเปตีติ อตฺโถ.
อิทานิ ¶ ‘‘เอกํเสน สีฆํเยว จ อตฺตา โสเธตพฺโพ, อปฺปมาโท กาตพฺโพ’’ติ ตสฺส การณํ สํเวควตฺถุํ ทสฺเสนฺโต ‘‘มจฺจุนาพฺภาหโต โลโก’’ติอาทิมาห. ตตฺถ มจฺจุนาพฺภาหโต โลโกติ อยํ สพฺโพปิ สตฺตโลโก โจโร วิย โจรฆาตเกน, สพฺพวฏฺฏนิปาตินา มจฺจุนา มรเณน อภิหโต, น ตสฺส หตฺถโต มุจฺจติ. ชราย ปริวาริโตติ อยํ โลโก อุปฺปาทโต อุทฺธํ มรณูปนยนรสาย ชราย ปริวาริโต อชฺโฌตฺถโฏ, ชราสงฺฆาตปริมุกฺโกติ อตฺโถ. ตณฺหาสลฺเลน โอติณฺโณติ สรีรสฺส อนฺโต นิมุคฺเคน วิสปีตขุรปฺเปน วิย อุปาทานลกฺขเณน ตณฺหาสงฺขาเตน สลฺเลน โอติณฺโณ หทยพฺภนฺตเร โอคาฬฺโห. ตณฺหา หิ ปีฬาชนนโต อนฺโต ตุทนโต ทุรุทฺธารโต จ ‘‘สลฺโล’’ติ วุจฺจติ. อิจฺฉาธูปายิโตติ อารมฺมณาภิปตฺถนลกฺขณาย อิจฺฉาย สนฺตาปิโต. ตํ วิสยํ อิจฺฉนฺโต หิ ปุคฺคโล ยทิจฺฉิตํ วิสยํ ลภนฺโต วา อลภนฺโต วา ตาย เอว อนุทหนลกฺขณาย อิจฺฉาย สนฺตตฺโต ปริฬาหปฺปตฺโต โหติ. สทาติ สพฺพกาลํ, อิทฺจ ปทํ สพฺพปเทสุ โยเชตพฺพํ.
ปริกฺขิตฺโต ชราย จาติ น เกวลํ มจฺจุนา อพฺภาหโตเยว, อถ โข ชราย จ ปริกฺขิตฺโต. ชราย สมวรุทฺโธ ชราปาการปริกฺขิตฺโต, น ตํ สมติกฺกมตีติ อตฺโถ. หฺติ นิจฺจมตฺตาโณติ อตาโณ อสรโณ หุตฺวา นิจฺจกาลํ ชรามรเณหิ หฺติ วิพาธียติ. ยถา กึ? ปตฺตทณฺโฑว ตกฺกโร ยถา ตกฺกโร โจโร กตาปราโธ วชฺฌปฺปตฺโต อตาโณ ราชาณาย หฺติ, เอวมยํ โลโก ชรามรเณหีติ ทสฺเสติ.
อาคจฺฉนฺตคฺคิขนฺธาวาติ มหาวเน ฑยฺหมาเน ตํ อภิภวนฺตา มหนฺตา อคฺคิกฺขนฺธา วิย มจฺจุ พฺยาธิ ชราติ อิเม ตโย อนุทหนฏฺเน อคฺคิกฺขนฺธา อิมํ สตฺตโลกํ อภิภวนฺตา อาคจฺฉนฺติ ¶ , เตสํ ปน ปฏิพโล หุตฺวา ปจฺจุคฺคนฺตุํ อภิภวิตุํ พลํ อุสฺสาโห นตฺถิ, อิมสฺส โลกสฺส, ชโว นตฺถิ ปลายิตุํ ชวนฺเตสุ, อชฺโฌตฺถรนฺเตสุ. ยตฺถ เต นาภิภวนฺติ, ปิฏฺึ ทสฺเสตฺวา ตโต ปลายิตุมฺปิ อิมสฺส โลกสฺส ชงฺฆาชโว นตฺถิ, เอวํ ¶ อตฺตนา อสมตฺโถ มายาทีหิ อุปาเยหิ อปฺปฏิกาเร ติวิเธ พลวติ ปจฺจามิตฺเต นิจฺจุปฏฺิเต กึ กาตพฺพนฺติ เจ? อโมฆํ ¶ ทิวสํ กยิรา, อปฺเปน พหุเกน วาติ อปฺเปน อนฺตมโส คทฺทูหนมตฺตมฺปิ กาลํ ปวตฺติเตน พหุเกน วา สกลํ อโหรตฺตํ ปวตฺติเตน วิปสฺสนามนสิกาเรน อโมฆํ อวฺฌํ ทิวสํ กเรยฺย, ยสฺมา ยํ ยํ วิชหเต รตฺตึ, ตทูนํ ตสฺส ชีวิตํ อยํ สตฺโต ยํ ยํ รตฺตึ วิชหติ นาเสติ เขเปติ, ตทูนํ เตน อูนํ ตสฺส สตฺตสฺส ชีวิตํ โหติ. เอเตน รตฺติกฺขโย นาม ชีวิตกฺขโย ตสฺส อนิวตฺตนโตติ ทสฺเสติ. เตนาห –
‘‘ยเมกรตฺตึ ปมํ, คพฺเภ วสติ มาณโว;
อพฺภุฏฺิโตว โส ยาติ, ส คจฺฉํ น นิวตฺตตี’’ติ. (ชา. ๑.๑๕.๓๖๓);
น เกวลํ รตฺติวเสเนว, อถ โข อิริยาปถวเสนาปิ ชีวิตกฺขโย อุปธาเรตพฺโพติ อาห ‘‘จรโต’’ติอาทิ. จรโตติ คจฺฉนฺตสฺส. ติฏฺโตติ ิตํ กปฺเปนฺตสฺส. อาสีนสยนสฺส วาติ อาสีนสฺส สยนสฺส วา, นิสินฺนสฺส นิปชฺชนฺตสฺส วาติ อตฺโถ. ‘‘อาสีทน’’นฺติปิ ปนฺติ, ตตฺถ สามิอตฺเถ อุปโยควจนํ ทฏฺพฺพํ. อุเปติ จริมา รตฺตีติ จริมกจิตฺตสหิตา รตฺติ อุปคจฺฉติ, รตฺติคฺคหณฺเจตฺถ เทสนาสีสมตฺตํ. คมนาทีสุ เยน เกนจิ อิริยาปเถน สมงฺคีภูตสฺส จริมกาโลเยว, เตเนวสฺส อิริยาปถกฺขณา ชีวิตํ เขเปตฺวา เอว คจฺฉนฺติ, ตสฺมา น เต กาโล ปมชฺชิตุํ นายํ ตุยฺหํ ปมาทํ อาปชฺชิตุํ กาโล ‘‘อิมสฺมึ นาม กาเล มรณํ น โหตี’’ติ อวิทิตตฺตา. วุตฺตํ หิ –
‘‘อนิมิตฺตมนฺาตํ, มจฺจานํ อิธ ชีวิตํ;
กสิรฺจ ปริตฺตฺจ, ตฺจ ทุกฺเขน สํยุต’’นฺติ. (สุ. นิ. ๕๗๙);
ตสฺมา เอวํ อตฺตานํ โอวทิตฺวา อปฺปมตฺเตน ตีสุ สิกฺขาสุ อนุโยโค กาตพฺโพติ อธิปฺปาโย.
สิริมณฺฑตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๔. สพฺพกามิตฺเถรคาถาวณฺณนา
ทฺวิปาทโกติอาทิกา ¶ ¶ อายสฺมโต สพฺพกามิตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต สาสเน อุปฺปนฺนํ อพฺพุทํ โสเธตฺวา ปฏิปากติกํ เปนฺตํ เอกํ เถรํ ทิสฺวา, ‘‘อหมฺปิ อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน อพฺพุทํ โสเธตฺวา ปฏิปากติกํ เปตุํ สมตฺโถ ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ ปฏฺเปตฺวา ตทนุรูปานิ ปฺุานิ กตฺวา ¶ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท อปรินิพฺพุเต เอว ภควติ เวสาลิยํ ขตฺติยกุเล นิพฺพตฺติตฺวา สพฺพกาโมติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต าตเกหิ ทารปริคฺคหํ การิโต นิสฺสรณชฺฌาสยตาย ฆราวาสํ ชิคุจฺฉนฺโต ธมฺมภณฺฑาคาริกสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโต อุปชฺฌาเยน สทฺธึ เวสาลึ อุปคโต าติฆรํ อคมาสิ. ตตฺถ นํ ปุราณทุติยิกา ปติวิโยคทุกฺขิตา กิสา ทุพฺพณฺณา อนลงฺกตา กิลิฏฺวตฺถนิวสนา วนฺทิตฺวา โรทมานา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. ตํ ทิสฺวา เถรสฺส กรุณาปุรสฺสรํ เมตฺตํ อุปฏฺาปยโต อนุภูตารมฺมเณ อโยนิโสมนสิการวเสน สหสา กิเลโส อุปฺปชฺชิ.
โส เตน กสาหิ ตาฬิโต อาชานีโย วิย สฺชาตสํเวโค ตาวเทว สุสานํ คนฺตฺวา, อสุภนิมิตฺตํ อุคฺคเหตฺวา, ตตฺถ ปฏิลทฺธฌานํ ปาทกํ กตฺวา, วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา, อรหตฺตํ ปาปุณิ. อถสฺส สสุโร อลงฺกตปฏิยตฺตํ ธีตรํ อาทาย มหตา ปริวาเรน นํ อุปฺปพฺพาเชตุกาโม วิหารํ อคมาสิ. เถโร ตสฺสา อธิปฺปายํ ตฺวา อตฺตโน กาเมสุ วิรตฺตภาวํ สพฺพตฺถ จ อนุปลิตฺตตํ ปกาเสนฺโต –
‘‘ทฺวิปาทโกยํ อสุจิ, ทุคฺคนฺโธ ปริหีรติ;
นานากุณปปริปูโร, วิสฺสวนฺโต ตโต ตโต.
‘‘มิคํ นิลีนํ กูเฏน, พฬิเสเนว อมฺพุชํ;
วานรํ วิย เลเปน, พาธยนฺติ ปุถุชฺชนํ.
‘‘รูปา สทฺทา รสา คนฺธา, โผฏฺพฺพา จ มโนรมา;
ปฺจ กามคุณา เอเต, อิตฺถิรูปสฺมิ ทิสฺสเร.
‘‘เย เอตา อุปเสวนฺติ, รตฺตจิตฺตา ปุถุชฺชนา;
วฑฺเฒนฺติ กฏสึ โฆรํ, อาจินนฺติ ปุนพฺภวํ.
‘‘โย ¶ ¶ เจตา ปริวชฺเชติ, สปฺปสฺเสว ปทา สิโร;
โสมํ วิสตฺติกํ โลเก, สโต สมติวตฺตติ.
‘‘กาเมสฺวาทีนวํ ทิสฺวา, เนกฺขมฺมํ ทฏฺุ เขมโต;
นิสฺสโฏ สพฺพกาเมหิ, ปตฺโต เม อาสวกฺขโย’’ติ. –
อิมา คาถา อภาสิ.
ตตฺถ ทฺวิปาทโกติ ยทิปิ อปาทกาทโยปิ กายา อสุจีเยว, อธิการวเสน ปน อุกฺกฏฺปริจฺเฉเทน วา เอวํ วุตฺตํ. ยสฺมา วา อฺเ อสุจิภูตาปิ กายา โลณมฺพิลาทีหิ อภิสงฺขริตฺวา มนุสฺสานํ โภชเนปิ อุปนียนฺติ, น ปน มนุสฺสกาโย, ตสฺมา อสุจิตรสภาวมสฺส ทสฺเสนฺโต ‘‘ทฺวิปาทโก’’ติ อาห. อยนฺติ ตทา อุปฏฺิตํ อิตฺถิรูปํ ¶ สนฺธายาห. อสุจีติ อสุจิ เอว, น เอตฺถ กิฺจิปิ สุจีติ อตฺโถ. ทุคฺคนฺโธ ปริหีรตีติ ทุคฺคนฺโธ สมาโน ปุปฺผคนฺธาทีหิ สงฺขริตฺวา ปริหรียติ. นานากุณปปริปูโรติ เกสาทิอเนกปฺปการกุณปภริโต. วิสฺสวนฺโต ตโต ตโตติ ปุปฺผคนฺธาทีหิสฺส เชคุจฺฉภาวํ ปฏิจฺฉาเทตุํ วายมนฺตานมฺปิ ตํ วายามํ นิปฺผลํ กตฺวา นวหิ ทฺวาเรหิ เขฬสิงฺฆาณิกาทีนิ โลมกูเปหิ จ เสทชลฺลิกํ ‘วิสฺสวนฺโตเยว ปริหีรตี’ติ สมฺพนฺโธ.
เอวํ เชคุจฺโฉปิ สมาโน จายํ กาโย กูฏาทีหิ วิย มิคาทิเก อตฺตโน รูปาทีหิ อนฺธปุถุชฺชเน วฺเจติเยวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘มิค’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ มิคํ นิลีนํ กูเฏนาติ ปาสวากราทินา กูเฏน นิลีนํ, ปฏิจฺฉนฺนํ กตฺวา มิคํ วิย เนสาโท. วกฺขมาโน หิ อิว-สทฺโท อิธาปิ อาเนตฺวา โยเชตพฺโพ. พฬิเสเนว อมฺพุชนฺติ อมฺพุชํ มจฺฉํ อามิสพทฺเธน พฬิเสน วิย พาฬิสิโก. วานรํ วิย เลเปนาติ รุกฺขสิลาทีสุ ปกฺขิตฺเตน มกฺกฏเลเปน มกฺกฏํ วิย มิคลุทฺโท อนฺธปุถุชฺชนํ วฺเจนฺโต พาเธนฺตีติ.
เก ปน พาเธนฺตีติ อาห. ‘‘รูปา สทฺทา’’ติอาทิ. รูปาทโย หิ ปฺจ กามโกฏฺาสา วิเสสโต วิสภาควตฺถุสนฺนิสฺสยา วิปลฺลาสูปนิสฺสเยน อโยนิโสมนสิกาเรน ปริกฺขิตฺตานํ อนฺธปุถุชฺชนานํ มโน รเมนฺโต กิเลสวตฺถุตาย อนตฺถาวหภาวโต เต พาเธนฺติ นาม. เตน วุตฺตํ ‘‘รูปา สทฺทา…เป… อิตฺถิรูปสฺมิ ทิสฺสเร’’ติ.
อิตฺถิคฺคหณฺเจตฺถ ¶ อธิการวเสน กตนฺติ เวทิตพฺพํ. เตเนวาห ‘‘เย เอตา อุปเสวนฺตี’’ติอาทิ. ตสฺสตฺโถ – เย ปุถุชฺชนา เอตา อิตฺถิโย รตฺตจิตฺตา ราคาภิภูตจิตฺตา อุปโภควตฺถุสฺาย ¶ อุปเสวนฺติ. วฑฺเฒนฺติ กฏสึ โฆรนฺติ เต ชาติอาทีหิ นิรยาทีหิ จ โฆรํ, ภยานกํ, อนฺธพาเลหิ อภิรมิตพฺพโต กฏสิสงฺขาตํ สํสารํ ปุนปฺปุนํ อุปฺปตฺติมรณาทินา วฑฺเฒนฺติ. เตนาห ‘‘อาจินนฺติ ปุนพฺภว’’นฺติ.
โย เจตาติ โย ปน ปุคฺคโล เอตา อิตฺถิโย ตตฺถ ฉนฺทราคสฺส วิกฺขมฺภเนน วา สมุจฺฉินฺทเนน วา อตฺตโน ปาเทน สปฺปสฺส สิรํ วิย ปริวชฺเชติ, โส สพฺพํ โลกํ วิสชิตฺวา ิตตฺตา โลเก วิสตฺติกาสงฺขาตํ ตณฺหํ สโต หุตฺวา สมติวตฺตติ.
กาเมสฺวาทีนวํ ทิสฺวาติ ‘‘อฏฺิกงฺกลูปมา กามา พหุทุกฺขา พหุปายาสา’’ติอาทินา (ปาจิ. ๔๑๗; จูฬว. ๖๕; ม. นิ. ๑.๒๓๔) วตฺถุกาเมสุ กิเลสกาเมสุ อเนกาการโวการํ อาทีนวํ, โทสํ, ทิสฺวา. เนกฺขมฺมํ ทฏฺุ เขมโตติ กาเมหิ ภเวหิ จ นิกฺขนฺตภาวโต เนกฺขมฺมํ, ปพฺพชฺชํ ¶ , นิพฺพานฺจ, เขมโต, อนุปทฺทวโต, ทฏฺุ, ทิสฺวา. สพฺพกาเมหิปิ เตภูมกธมฺเมหิ นิสฺสโฏ วิสํยุตฺโต. สพฺเพปิ เตภูมกา ธมฺมา กามนียฏฺเน กามา, เตหิ จ เถโร วิสํยุตฺโต. เตนาห ‘‘ปตฺโต เม อาสวกฺขโย’’ติ.
เอวํ เถโร อาทิโต ปฺจหิ คาถาหิ ธมฺมํ กเถตฺวา ฉฏฺคาถาย อฺํ พฺยากาสิ. ตํ สุตฺวา สสุโร ‘‘อยํ สพฺพตฺถ อนุปลิตฺโต, น สกฺกา อิมํ กาเมสุ ปตาเรตุ’’นฺติ ยถาคตมคฺเคเนว คโต. เถโรปิ วสฺสสตปรินิพฺพุเต ภควติ อุปสมฺปทาย วีสวสฺสสติโก ปถพฺยา เถโร หุตฺวา, เวสาลิเกหิ วชฺชิปุตฺเตหิ อุปฺปาทิตํ สาสนสฺส อพฺพุทํ โสเธตฺวา, ทุติยํ ธมฺมสงฺคีตึ สงฺคายิตฺวา ‘‘อนาคเต ธมฺมาโสกกาเล อุปฺปชฺชนกํ อพฺพุทํ โสเธหี’’ติ ติสฺสมหาพฺรหฺมานํ อาณาเปตฺวา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ.
สพฺพกามิตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ฉกฺกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.