📜

๗. สตฺตกนิปาโต

๑. สุนฺทรสมุทฺทตฺเถรคาถาวณฺณนา

สตฺตกนิปาเต อลงฺกตาติอาทิกา อายสฺมโต สุนฺทรสมุทฺทตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห อฺตรสฺส มหาวิภวสฺส เสฏฺิโน ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. สมุทฺโทติสฺส นามํ อโหสิ. รูปสมฺปตฺติยา ปน สุนฺทรสมุทฺโทติ ปฺายิตฺถ. โส ปมวเย ิโต ภควโต ราชคหปฺปเวเส พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา, ปฏิลทฺธสทฺโธ นิสฺสรณชฺฌาสยตาย ปพฺพชิตฺวา, ลทฺธูปสมฺปโท สมาทินฺนธุตธมฺโม ราชคหโต สาวตฺถึ คนฺตฺวา, กลฺยาณมิตฺตสฺส สนฺติเก วิปสฺสนาจารํ อุคฺคเหตฺวา, กมฺมฏฺานํ อนุยุฺชนฺโต วิหรติ. ตสฺส มาตา ราชคเห อุสฺสวทิวเส อฺเ เสฏฺิปุตฺเต สปชาปติเก อลงฺกตปฏิยตฺเต อุสฺสวกีฬํ กีฬนฺเต ทิสฺวา, ปุตฺตํ อนุสฺสริตฺวา โรทติ. ตํ ทิสฺวา อฺตรา คณิกา โรทนการณํ ปุจฺฉิ. สา ตสฺสา ตํ การณํ กเถสิ. ตํ สุตฺวา คณิกา ‘‘อหํ ตํ อาเนสฺสามิ, ปสฺส ตาว มม อิตฺถิภาว’’นฺติ วตฺวา ‘‘ยทิ เอวํ ตํเยว ตสฺส ปชาปตึ กตฺวา อิมสฺส กุลสฺส สามินึ กริสฺสามี’’ติ ตาย พหุํ ธนํ ทตฺวา , วิสฺสชฺชิตา มหตา ปริวาเรน สาวตฺถึ คนฺตฺวา, เถรสฺส ปิณฺฑาย วิจรณฏฺาเน เอกสฺมึ เคเห วสมานา ทิวเส ทิวเส อฺเหิ เถรสฺส สกฺกจฺจํ ปิณฺฑปาตํ ทาเปสิ. อลงฺกตปฏิยตฺตา จ หุตฺวา สุวณฺณปาทุกา อารุยฺห อตฺตานํ ทสฺเสสิ. อเถกทิวสํ เคหทฺวาเรน คจฺฉนฺตํ เถรํ ทิสฺวา, สุวณฺณปาทุกา โอมุฺจิตฺวา, อฺชลึ ปคฺคยฺห ปุรโต คจฺฉนฺตี นานปฺปการํ เถรํ กามนิมนฺตนาย นิมนฺเตสิ. ตํ สุตฺวา เถโร ‘‘ปุถุชฺชนจิตฺตํ นาม จฺจลํ, ยํนูน มยา อิทาเนว อุสฺสาโห กรณีโย’’ติ ตตฺเถว ิโต ภาวนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ฉฬภิฺโ อโหสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ –

๔๕๙.

‘‘อลงฺกตา สุวสนา, มาลธารี วิภูสิตา;

อลตฺตกกตาปาทา, ปาทุการุยฺห เวสิกา.

๔๖๐.

‘‘ปาทุกา โอรุหิตฺวาน, ปุรโต ปฺชลีกตา;

สา มํ สณฺเหน มุทุนา, มฺหิตปุพฺพํ อภาสถ.

๔๖๑.

‘‘‘ยุวาสิ ตฺวํ ปพฺพชิโต, ติฏฺาหิ มม สาสเน;

ภุฺช มานุสเก กาเม, อหํ วิตฺตํ ททามิ เต;

สจฺจํ เต ปฏิชานามิ, อคฺคึ วา เต หรามหํ.

๔๖๒.

‘‘‘ยทา ชิณฺณา ภวิสฺสาม, อุโภ ทณฺฑปรายนา;

อุโภปิ ปพฺพชิสฺสาม, อุภยตฺถ กฏคฺคโห’’’.

๔๖๓.

‘‘ตฺจ ทิสฺวาน ยาจนฺตึ, เวสิกํ ปฺชลีกตํ;

อลงฺกตํ สุวสนํ, มจฺจุปาสํว โอฑฺฑิตํ.

๔๖๔.

‘‘ตโต เม มนสีกาโร, โยนิโส อุทปชฺชถ;

อาทีนโว ปาตุรหุ, นิพฺพิทา สมติฏฺถ.

๔๖๕.

‘‘ตโต จิตฺตํ วิมุจฺจิ เม, ปสฺส ธมฺมสุธมฺมตํ;

ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ตตฺถ มาลธารีติ มาลาธารินี ปิฬนฺธปุปฺผทามา. วิภูสิตาติ อูนฏฺานสฺส ปูรณวเสน ปุปฺเผหิ เจว คนฺธวิเลปนาทีหิ จ วิภูสิตคตฺตา. ‘‘อลงฺกตา’’ติ อิมินา หตฺถูปคคีวูปคาทีหิ อาภรเณหิ อลงฺกรณํ อธิปฺเปตํ. อลตฺตกกตาปาทาติ ปริณตชยสุมนปุปฺผวณฺเณน ลาขารเสน รฺชิตจรณยุคฬา. สมาสปทฺเหตํ, ‘‘อลตฺตกกตปาทา’’ติ วตฺตพฺเพ คาถาสุขตฺถํ ทีฆํ กตฺวา วุตฺตํ. อสมาสภาเว ปน ‘‘ตสฺสา’’ติ วจนเสโส เวทิตพฺโพ. ปาทุการุยฺห เวสิกาติ เอกา รูปูปชีวิกา อิตฺถี ยถาวุตฺตเวสา สุวณฺณปาทุกา ปฏิมุฺจิตฺวา ‘‘ิตา’’ติ วจนเสโส.

ปาทุกา โอรุหิตฺวานาติ ปาทุกาหิ โอตริตฺวา, สุวณฺณปาทุกาโย โอมุฺจิตฺวาติ อตฺโถ. ปฺชลีกตาติ ปคฺคหิตอฺชลิกา สา เวสี มํ. สามํ วา วจนปรมฺปรํ วินา สยเมว อภาสถ. สณฺเหนาติ มฏฺเน. มุทุนาติ มธุเรน. ‘‘วจเนนา’’ติ อวุตฺตมฺปิ วุตฺตเมว โหติ, อภาสถาติ, วุตฺตตฺตา.

ยุวาสิตฺวํ ปพฺพชิโตติ ตฺวํ ปพฺพชนฺโต ยุวา, ทหโรเยว หุตฺวา ปพฺพชิโตสิ, นนุ ปพฺพชนฺเตน สตฺตเม ทสเก สมฺปตฺเตว ปพฺพชิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. ติฏฺาหิ มม สาสเนติ มม วจเน ติฏฺ.

กึ ปน ตนฺติ อาห ‘‘ภุฺช มานุสเก กาเม’’ติ กาเม ปริภุฺชิตุกามสฺส รูปสมฺปตฺติ, วยสมฺปตฺติ, ปริวารสมฺปตฺติ, โภคสมฺปตฺติ จ อิจฺฉิตพฺพา. ตตฺถ ‘‘กุโต เม โภคสมฺปตฺตี’’ติ วเทยฺยาติ, อาห ‘‘อหํ วิตฺตํ ททามิ เต’’ติ. ‘‘ตยิทํ วจนํ กถํ สทฺทหาตพฺพ’’นฺติ มฺเยฺยาติ ตํ สทฺทหาเปนฺตี อาห ‘‘สจฺจํ เต ปฏิชานามิ, อคฺคึ วา เต หรามห’’นฺติ. ‘‘ภุฺช มานุสเก กาเม, อหํ วิตฺตํ ททามิ เต’’ติ ยทิทํ มยา ปฏิฺาตํ, ตํ เอกํเสน สจฺจเมว ปฏิชานามิ, สเจ เม น ปตฺติยายสิ, อคฺคึ วา เต หรามหํ อคฺคึ หริตฺวา อคฺคิปจฺจยํ สปถํ กโรมีติ อตฺโถ. อุภยตฺถ กฏคฺคโหติ อมฺหากํ อุภินฺนํ ชิณฺณกาเล ปพฺพชฺชนํ อุภยตฺถ ชยคฺคาโห. ยํ มยํ ยาว ทณฺฑปรายนกาลา โภเค ภุฺชาม, เอวํ อิธโลเกปิ โภเคหิ น ชียาม, มยํ ปจฺฉา ปพฺพชิสฺสาม, เอวํ ปรโลเกปิ โภเคหิ น ชียามาติ อธิปฺปาโย. ตโตติ ตํ นิมิตฺตํ, กาเมหิ นิมนฺเตนฺติยา ‘‘ยุวาสิ ตฺว’’นฺติอาทินา ‘‘ยทา ชิณฺณา ภวิสฺสามา’’ติอาทินา จ ตสฺสา เวสิยา วุตฺตวจนเหตุ. ตฺหิ วจนํ องฺกุสํ กตฺวา เถโร สมณธมฺมํ กโรนฺโต สทตฺถํ ปริปูเรสิ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.

สุนฺทรสมุทฺทตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรคาถาวณฺณนา

ปเร อมฺพาฏการาเมติอาทิกา อายสฺมโต ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร มหาโภเค กุเล นิพฺพตฺติตฺวา, วยปฺปตฺโต สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณนฺโต นิสินฺโน ตสฺมึ ขเณ สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ มฺชุสฺสรานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา, สยมฺปิ ตํ านํ ปตฺเถนฺโต พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา, ‘‘อโห วตาหมฺปิ อนาคเต อยํ ภิกฺขุ วิย เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน มฺชุสฺสรานํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปณิธานํ อกาสิ. ภควา จ ตสฺส อนนฺตรายตํ ทิสฺวา พฺยากริตฺวา ปกฺกามิ.

โส ตตฺถ ยาวชีวํ ปุฺานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต ผุสฺสสฺส ภควโต กาเล จิตฺตปตฺตโกกิโล หุตฺวา ราชุยฺยานโต มธุรํ อมฺพผลํ ตุณฺเฑนาทาย คจฺฉนฺโต สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ‘‘ทสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ. สตฺถา ตสฺส จิตฺตํ ตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา นิสีทิ. โกกิโล ทสพลสฺส ปตฺเต อมฺพปกฺกํ ปติฏฺาเปสิ. สตฺถา ตํ ปริภุฺชิ. โส โกกิโล ปสนฺนมานโส เตเนว ปีติสุเขน สตฺตาหํ วีตินาเมสิ. เตน จ ปุฺกมฺเมน มฺชุสฺสโร อโหสิ. กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล ปน เจติเย อารทฺเธ กึ ปมาณํ กโรม? สตฺตโยชนปฺปมาณํ. อติมหนฺตเมตํ. ฉโยชนปฺปมาณํ. เอตมฺปิ อติมหนฺตํ. ปฺจโยชนํ, จตุโยชนํ, ติโยชนํ, ทฺวิโยชนนฺติ วุตฺเต อยํ ตทา เชฏฺวฑฺฒกี หุตฺวา ‘‘เอถ, โภ, อนาคเต สุขปฏิชคฺคิยํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา รชฺชุยา ปริกฺขิปนฺโต คาวุตมตฺตเก ตฺวา ‘‘เอเกกํ มุขํ คาวุตํ คาวุตํ โหตุ, เจติยํ เอกโยชนาวฏฺฏํ โยชนุพฺเพธํ ภวิสฺสตี’’ติ อาห. เต ตสฺส วจเน อฏฺํสุ. อิติ อปฺปมาณสฺส พุทฺธสฺส ปมาณํ อกาสีติ. เตน ปน กมฺเมน นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน อฺเหิ นีจตรปฺปมาโณ โหติ.

โส อมฺหากํ สตฺถุ กาเล สาวตฺถิยํ มหาโภคกุเล นิพฺพตฺติ, ภทฺทิโยติสฺส นามํ อโหสิ. อติรสฺสตาย ปน ลกุณฺฑกภทฺทิโยติ ปฺายิตฺถ. โส สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา, ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา, พหุสฺสุโต ธมฺมกถิโก หุตฺวา มธุเรน สเรน ปเรสํ ธมฺมํ กเถสิ. อเถกสฺมึ อุสฺสวทิวเส เอเกน พฺราหฺมเณน สทฺธึ รเถน คจฺฉนฺตี อฺตรา คณิกา เถรํ ทิสฺวา ทนฺตวิทํสกํ หสิ. เถโร ตสฺสา ทนฺตฏฺิเก นิมิตฺตํ คเหตฺวา ฌานํ อุปฺปาเทตฺวา, ตํ ปาทกํ กตฺวา, วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา, อนาคามี อโหสิ. โส อภิณฺหํ กายคตาย สติยา วิหรนฺโต เอกทิวสํ อายสฺมตา ธมฺมเสนาปตินา โอวทิยมาโน อรหตฺเต ปติฏฺหิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๕.๑-๓๓) –

‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, สพฺพธมฺเมสุ จกฺขุมา;

อิโต สตสหสฺสมฺหิ, กปฺเป อุปฺปชฺชิ นายโก.

‘‘ตทาหํ หํสวติยํ เสฏฺิปุตฺโต มหทฺธโน;

ชงฺฆาวิหารํ วิจรํ, สงฺฆารามํ อคจฺฉหํ.

‘‘ตทา โส โลกปชฺโชโต, ธมฺมํ เทเสสิ นายโก;

มฺชุสฺสรานํ ปวรํ, สาวกํ อภิกิตฺตยิ.

‘‘ตํ สุตฺวา มุทิโต หุตฺวา, การํ กตฺวา มเหสิโน;

วนฺทิตฺวา สตฺถุโน ปาเท, ตํ านมภิปตฺถยึ.

‘‘ตทา พุทฺโธ วิยากาสิ, สงฺฆมชฺเฌ วินายโก;

อนาคตมฺหิ อทฺธาเน, ลจฺฉเส ตํ มโนรถํ.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘ตสฺส ธมฺเมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;

ภทฺทิโย นาม นาเมน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโก.

‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.

‘‘ทฺเวนวุเต อิโต กปฺเป, ผุสฺโส อุปฺปชฺชิ นายโก;

ทุราสโท ทุปฺปสโห, สพฺพโลกุตฺตโม ชิโน.

‘‘จรเณน จ สมฺปนฺโน, พฺรหา อุชุ ปตาปวา;

หิเตสี สพฺพสตฺตานํ, พหุํ โมเจสิ พนฺธนา.

‘‘นนฺทารามวเน ตสฺส, อโหสึ ผุสฺสโกกิโล;

คนฺธกุฏิสมาสนฺเน, อมฺพรุกฺเข วสามหํ.

‘‘ตทา ปิณฺฑาย คจฺฉนฺตํ, ทกฺขิเณยฺยํ ชินุตฺตมํ;

ทิสฺวา จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, มฺชุนาภินิกูชหํ.

‘‘ราชุยฺยานํ ตทา คนฺตฺวา, สุปกฺกํ กนกตฺตจํ;

อมฺพปิณฺฑํ คเหตฺวาน, สมฺพุทฺธสฺโสปนามยึ.

‘‘ตทา เม จิตฺตมฺาย, มหาการุณิโก ชิโน;

อุปฏฺากสฺส หตฺถโต, ปตฺตํ ปคฺคณฺหิ นายโก.

‘‘อทาสึ หฏฺจิตฺโตหํ, อมฺพปิณฺฑํ มหามุเน;

ปตฺเต ปกฺขิปฺป ปกฺเขหิ, ปฺชลึ กตฺวาน มฺชุนา.

‘‘สเรน รชนีเยน, สวนีเยน วคฺคุนา;

วสฺสนฺโต พุทฺธปูชตฺถํ, นีฬํ คนฺตฺวา นิปชฺชหํ.

‘‘ตทา มุทิตจิตฺตํ มํ, พุทฺธเปมคตาสยํ;

สกุณคฺฆิ อุปาคนฺตฺวา, ฆาตยี ทุฏฺมานโส.

‘‘ตโต จุโตหํ ตุสิเต, อนุโภตฺวา มหาสุขํ;

มนุสฺสโยนิมาคจฺฉึ, ตสฺส กมฺมสฺส วาหสา.

‘‘อิมมฺหิ ภทฺทเก กปฺเป, พฺรหฺมพนฺธุ มหายโส;

กสฺสโป นาม โคตฺเตน, อุปฺปชฺชิ วทตํ วโร.

‘‘สาสนํ โชตยิตฺวา โส, อภิภุยฺย กุติตฺถิเย;

วินยิตฺวาน เวเนยฺเย, นิพฺพุโต โส สสาวโก.

‘‘นิพฺพุเต ตมฺหิ โลกคฺเค, ปสนฺนา ชนตา พหู;

ปูชนตฺถาย พุทฺธสฺส, ถูปํ กุพฺพนฺติ สตฺถุโน.

‘‘สตฺตโยชนิกํ ถูปํ, สตฺตรตนภูสิตํ;

กริสฺสาม มเหสิสฺส, อิจฺเจวํ มนฺตยนฺติ เต.

‘‘กิกิโน กาสิราชสฺส, ตทา เสนาย นายโก;

หุตฺวาหํ อปฺปมาณสฺส, ปมาณํ เจติเย วทึ.

‘‘ตทา เต มม วากฺเยน, เจติยํ โยชนุคฺคตํ;

อกํสุ นรวีรสฺส, นานารตนภูสิตํ.

‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.

‘‘ปจฺฉิเม จ ภเว ทานิ, ชาโต เสฏฺิกุเล อหํ;

สาวตฺถิยํ ปุรวเร, อิทฺเธ ผีเต มหทฺธเน.

‘‘ปุรปฺปเวเส สุคตํ, ทิสฺวา วิมฺหิตมานโส;

ปพฺพชิตฺวาน น จิรํ, อรหตฺตมปาปุณึ.

‘‘เจติยสฺส ปมาณํ ยํ, อกรึ เตน กมฺมุนา;

ลกุณฺฑกสรีโรหํ, ชาโต ปริภวารโห.

‘‘สเรน มธุเรนาหํ, ปูชิตฺวา อิสิสตฺตมํ;

มฺชุสฺสรานํ ภิกฺขูนํ, อคฺคตฺตมนุปาปุณึ.

‘‘ผลทาเนน พุทฺธสฺส, คุณานุสฺสรเณน จ;

สามฺผลสมฺปนฺโน, วิหรามิ อนาสโว.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อปรภาเค อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๔๖๖.

‘‘ปเร อมฺพาฏการาเม, วนสณฺฑมฺหิ ภทฺทิโย;

สมูลํ ตณฺหมพฺพุยฺห, ตตฺถ ภทฺโทว ฌายติ.

๔๖๗.

‘‘รมนฺเตเก มุทิงฺเคหิ, วีณาหิ ปณเวหิ จ;

อหฺจ รุกฺขมูลสฺมึ, รโต พุทฺธสฺส สาสเน.

๔๖๘.

‘‘พุทฺโธ เจ เม วรํ ทชฺชา, โส จ ลพฺเภถ เม วโร;

คณฺเหหํ สพฺพโลกสฺส, นิจฺจํ กายคตํ สติ’’นฺติ. –

อิมา ติสฺโส คาถา อภาสิ.

ตตฺถ ปเรติ เสฏฺเ อธิเก, วิสิฏฺเติ อตฺโถ. อธิกวาจี หิ อยํ ปรสทฺโท ‘‘ปรํ วิย มตฺตายา’’ติอาทีสุ วิย. อมฺพาฏการาเมติ เอวํนามเก อาราเม. โส กิร ฉายูทกสมฺปนฺโน วนสณฺฑมณฺฑิโต รมณีโย โหติ เตน ‘‘ปเร’’ติ วิเสเสตฺวา วุตฺโต. ‘‘อมฺพาฏกวเน อมฺพาฏเกหิ อภิลกฺขิตวเน’’ติ จ วทนฺติ. วนสณฺฑมฺหีติ วนคหเน, ฆนนิจิตรุกฺขคจฺฉลตาสมูเห วเนติ อตฺโถ. ภทฺทิโยติ เอวํนามโก, อตฺตานเมว เถโร อฺํ วิย วทติ. สมูลํ ตณฺหมพฺพุยฺหาติ ตณฺหาย มูลํ นาม อวิชฺชา. ตสฺมา สาวิชฺชํ ตณฺหํ อคฺคมคฺเคน สมุคฺฆาเฏตฺวาติ อตฺโถ. ตตฺถ ภทฺโทว ฌายตีติ โลกุตฺตเรหิ สีลาทีหิ ภทฺโท สุนฺทโร ตสฺมึเยว วนสณฺเฑ กตกิจฺจตาย ทิฏฺธมฺมสุขวิหารวเสน อคฺคผลฌาเนน ฌายติ.

ผลสุเขน จ ฌานสมาปตฺตีหิ จ วีตินาเมตีติ อตฺตโน วิเวกรตึ ทสฺเสตฺวา ‘‘รมนฺเตเก’’ติ คาถายปิ พฺยติเรกมุเขน ตเมวตฺถํ ทสฺเสติ. ตตฺถ มุทิงฺเคหีติ องฺคิกาทีหิ มุรเชหิ. วีณาหีติ นนฺทินีอาทีหิ วีณาหิ. ปณเวหีติ ตุริเยหิ รมนฺติ เอเก กามโภคิโน, สา ปน เตสํ รติ อนริยา อนตฺถสํหิตา. อหฺจา ติ อหํ ปน, เอกโก พุทฺธสฺส ภควโต สาสเน รโต, ตโต เอว รุกฺขมูลสฺมึ รโต อภิรโต วิหรามีติ อตฺโถ.

เอวํ อตฺตโน วิเวกาภิรตึ กิตฺเตตฺวา อิทานิ ยํ กายคตาสติกมฺมฏฺานํ ภาเวตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต, ตสฺส ปสํสนตฺถํ ‘‘พุทฺโธ เจ เม’’ติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – สเจ พุทฺโธ ภควา ‘‘เอกาหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ วรํ ยาจามี’’ติ มยา ยาจิโต ‘‘อติกฺกนฺตวรา โข, ภิกฺขุ, ตถาคตา’’ติ อปฏิกฺขิปิตฺวา มยฺหํ ยถายาจิตํ วรํ ทเทยฺย, โส จ วโร มมาธิปฺปายปูรโก ลพฺเภถ มยฺหํ มโนรถํ มตฺถกํ ปาเปยฺยาติ เถโร ปริกปฺปวเสน วทติ. ‘‘ภนฺเต, สพฺโพ โลโก สพฺพกาลํ กายคตาสติกมฺมฏฺานํ ภาเวตู’’ติ ‘‘สพฺพโลกสฺส นิจฺจํ กายคตาสติ ภาเวตพฺพา’’ติ กตฺวา วรํ คณฺเห อหนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘คณฺเหหํ สพฺพโลกสฺส, นิจฺจํ กายคตํ สติ’’นฺติ. อิทานิ อปริกฺขณครหามุเขน ปริกฺขณํ ปสํสนฺโต –

๔๖๙.

‘‘เย มํ รูเปน ปามึสุ, เย จ โฆเสน อนฺวคู;

ฉนฺทราควสูเปตา, น มํ ชานนฺติ เต ชนา.

๔๗๐.

‘‘อชฺฌตฺตฺจ น ชานาติ, พหิทฺธา จ น ปสฺสติ;

สมนฺตาวรโณ พาโล, ส เว โฆเสน วุยฺหติ.

๔๗๑.

‘‘อชฺฌตฺตฺจ น ชานาติ, พหิทฺธา จ วิปสฺสติ;

พหิทฺธา ผลทสฺสาวี, โสปิ โฆเสน วุยฺหติ.

๔๗๒.

‘‘อชฺฌตฺตฺจ ปชานาติ, พหิทฺธา จ วิปสฺสติ;

อนาวรณทสฺสาวี, น โส โฆเสน วุยฺหตี’’ติ. –

อิมา จตสฺโส คาถา อภาสิ.

ตตฺถ เย มํ รูเปน ปามึสูติ เย ชนา อวิทฺทสู มม รูเปน อปสาทิเกน นิหีเนน ‘‘อาการสทิสี ปฺา’’ติ, ธมฺมสรีเรน จ มํ นิหีนํ ปามึสุ, ‘‘โอรโก อย’’นฺติ หีเฬนฺตา ปริจฺฉินฺทนวเสน มฺึสูติ อตฺโถ. เย จ โฆเสน อนฺวคูติ เย จ สตฺตา โฆเสน มฺชุนา มํ สมฺภาวนาวเสน อนุคตา พหุ มฺึสุ, ตํ เตสํ มิจฺฉา, น หิ อหํ รูปมตฺเตน อวมนฺตพฺโพ, โฆสมตฺเตน วา น พหุํ มนฺตพฺโพ, ตสฺมา ฉนฺทราควสูเปตา, น มํ ชานนฺติ เต ชนาติ เต ทุวิธาปิ ชนา ฉนฺทราคสฺส วสํ อุเปตา อปฺปหีนฉนฺทราคา สพฺพโส ปหีนฉนฺทราคํ มํ น ชานนฺติ.

อวิสโย เตสํ มาทิโส อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา จ อปริฺาตวตฺถุตายาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อชฺฌตฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อชฺฌตฺตนฺติ อตฺตโน สนฺตาเน ขนฺธายตนาทิธมฺมํ. พหิทฺธาติ ปรสนฺตาเน. อถ วา อชฺฌตฺตนฺติ, มม อพฺภนฺตเร อเสกฺขสีลกฺขนฺธาทึ. พหิทฺธาติ, มเมว อากปฺปสมฺปตฺติยาทิยุตฺตํ พหิทฺธา รูปธมฺมปฺปวตฺตึ จกฺขุวิฺาณาทิปฺปวตฺติฺจ. สมนฺตาวรโณติ เอวํ อชฺฌตฺตฺจ พหิทฺธา จ อชานเนน สมนฺตโต อาวรณยุตฺโต อาวฏาณคติโก. ส เว โฆเสน วุยฺหตีติ โส ปรเนยฺยพุทฺธิโก พาโล โฆเสน ปเรสํ วจเนน วุยฺหติ นิยฺยติ อากฑฺฒียติ.

พหิทฺธา จ วิปสฺสตีติ โย จ วุตฺตนเยน อชฺฌตฺตํ น ชานาติ, พหิทฺธา ปน สุตานุสาเรน อากปฺปสมฺปตฺติอาทิอุปธารเณน วา วิเสสโต ปสฺสติ. ‘‘คุณวิเสสยุตฺโต สิยา’’ติ มฺติ, โสปิ พหิทฺธา ผลทสฺสาวี นยคฺคาเหน ผลมตฺตํ คณฺหนฺโต วุตฺตนเยน โฆเสน วุยฺหติ, โสปิ มาทิเส น ชานาตีติ อตฺโถ.

โย ปน อชฺฌตฺตฺจ ขีณาสวสฺส อพฺภนฺตเร อเสกฺขสีลกฺขนฺธาทิคุณํ ชานาติ, พหิทฺธา จสฺส ปฏิปตฺติสลฺลกฺขเณน วิเสสโต คุณวิเสสโยคํ ปสฺสติ. อนาวรณทสฺสาวี เกนจิ อนาวโฏ หุตฺวา อริยานํ คุเณ ทฏฺุํ าตุํ สมตฺโถ, น โส โฆสมตฺเตน วุยฺหติ ยาถาวโต ทสฺสนโตติ.

ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ภทฺทตฺเถรคาถาวณฺณนา

เอกปุตฺโตติอาทิกา อายสฺมโต ภทฺทตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรํ ภควนฺตํ ภิกฺขุสงฺฆฺจ สตสหสฺสปริมาณํ จีวราทีหิ จตูหิ ปจฺจเยหิ ปูเชสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺติ. นิพฺพตฺตมาโน จ อปุตฺตเกสุ มาตาปิตูสุ เทวตายาจนาทีนิ กตฺวาปิ อลภนฺเตสุ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘สเจ, ภนฺเต, มยํ เอกํ ปุตฺตํ ลจฺฉาม, ตํ ตุมฺหากํ ทาสตฺถาย ทสฺสามา’’ติ วตฺวา อายาจิตฺวา คเตสุ สตฺถุ อธิปฺปายํ ตฺวา อฺตโร เทวปุตฺโต ขีณายุโก หุตฺวา ิโต สกฺเกน เทวรฺา ‘‘อมุกสฺมึ กุเล นิพฺพตฺตาหี’’ติ อาณตฺโต ตตฺถ นิพฺพตฺติ, ภทฺโทติสฺส นามํ อกํสุ. ตํ สตฺตวสฺสุทฺเทสิกํ ชาตํ มาตาปิตโร อลงฺกริตฺวา ภควโต สนฺติกํ เนตฺวา ‘‘อยํ โส, ภนฺเต, ตุมฺเห อายาจิตฺวา ลทฺธทารโก, อิมํ ตุมฺหากํ นิยฺยาเตมา’’ติ อาหํสุ. สตฺถา อานนฺทตฺเถรํ อาณาเปสิ – ‘‘อิมํ ปพฺพาเชหี’’ติ. อาณาเปตฺวา จ คนฺธกุฏึ ปาวิสิ. เถโร ตํ ปพฺพาเชตฺวา สงฺเขเปน วิปสฺสนามุขํ อาจิกฺขิ. โส อุปนิสฺสยสมฺปนฺนตฺตา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต สูริเย อโนคฺคเตเยว ภาวนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๕.๕๔-๖๙) –

‘‘ปทุมุตฺตรสมฺพุทฺธํ, เมตฺตจิตฺตํ มหามุนึ;

อุเปติ ชนตา สพฺพา, สพฺพโลกคฺคนายกํ.

‘‘สตฺตุกฺจ พทฺธกฺจ, อามิสํ ปานโภชนํ;

ททนฺติ สตฺถุโน สพฺเพ, ปุฺกฺเขตฺเต อนุตฺตเร.

‘‘อหมฺปิ ทานํ ทสฺสามิ, เทวเทวสฺส ตาทิโน;

พุทฺธเสฏฺํ นิมนฺเตตฺวา, สงฺฆมฺปิ จ อนุตฺตรํ.

‘‘อุยฺโยชิตา มยา เจเต, นิมนฺเตสุํ ตถาคตํ;

เกวลํ ภิกฺขุสงฺฆฺจ, ปุฺกฺเขตฺตํ อนุตฺตรํ.

‘‘สตสหสฺสปลฺลงฺกํ, โสวณฺณํ โคนกตฺถตํ;

ตูลิกาปฏลิกาย, โขมกปฺปาสิเกหิ จ;

มหารหํ ปฺาปยึ, อาสนํ พุทฺธยุตฺตกํ.

‘‘ปทุมุตฺตโร โลกวิทู, เทวเทโว นราสโภ;

ภิกฺขุสงฺฆปริพฺยูฬฺโห, มม ทฺวารมุปาคมิ.

‘‘ปจฺจุคฺคนฺตฺวาน สมฺพุทฺธํ, โลกนาถํ ยสสฺสินํ;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, อภินามยึ สงฺฆรํ.

‘‘ภิกฺขูนํ สตสหสฺสํ, พุทฺธฺจ โลกนายกํ;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, ปรมนฺเนน ตปฺปยึ.

‘‘ปทุมุตฺตโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;

ภิกฺขุสงฺเฆ นิสีทิตฺวา, อิมา คาถา อภาสถ.

‘‘เยนิทํ อาสนํ ทินฺนํ, โสวณฺณํ โคนกตฺถตํ;

ตมหํ กิตฺตยิสฺสามิ, สุณาถ มม ภาสโต.

‘‘จตุสตฺตติกฺขตฺตุํ โส, เทวรชฺชํ กริสฺสติ;

อนุโภสฺสติ สมฺปตฺตึ, อจฺฉราหิ ปุรกฺขโต.

‘‘ปเทสรชฺชํ สหสฺสํ, วสุธํ อาวสิสฺสติ;

เอกปฺาสกฺขตฺตุฺจ, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ.

‘‘สพฺพาสุ ภวโยนีสุ, อุจฺจากุลี ภวิสฺสติ;

โส จ ปจฺฉา ปพฺพชิตฺวา, สุกฺกมูเลน โจทิโต;

ภทฺทิโย นาม นาเมน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโก.

‘‘วิเวกมนุยุตฺโตมฺหิ, ปนฺตเสนนิวาสหํ;

ผลฺจาธิคตํ สพฺพํ, จตฺตกฺเลโสมฺหิ อชฺชหํ.

‘‘มม สพฺพํ อภิฺาย, สพฺพฺู โลกนายโก;

ภิกฺขุสงฺเฆ นิสีทิตฺวา, เอตทคฺเค เปสิ มํ.

‘‘ปฏิสมฺภิทา จตสฺโส, วิโมกฺขาปิ จ อฏฺิเม;

ฉฬภิฺา สจฺฉิกตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ตสฺส ภควา ฉฬภิฺุปฺปตฺตึ ตฺวา ‘‘เอหิ, ภทฺทา’’ติ อาห. โส ตาวเทว สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ปฺชลิโก สตฺถุ สมีเป อฏฺาสิ, สา เอว จสฺส อุปสมฺปทา อโหสิ. พุทฺธูปสมฺปทา นาม กิเรสา. เถโร ชาติโต ปฏฺาย อตฺตโน ปวตฺติยา กถนมุเขน อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๔๗๓.

‘‘เอกปุตฺโต อหํ อาสึ, ปิโย มาตุ ปิโย ปิตุ;

พหูหิ วตจริยาหิ, ลทฺโธ อายาจนาหิ จ.

๔๗๔.

‘‘เต จ มํ อนุกมฺปาย, อตฺถกามา หิเตสิโน;

อุโภ ปิตา จ มาตา จ, พุทฺธสฺส อุปนามยุํ.

๔๗๕.

‘‘กิจฺฉา ลทฺโธ อยํ ปุตฺโต, สุขุมาโล สุเขธิโต;

อิมํ ททาม เต นาถ, ชินสฺส ปริจารกํ.

๔๗๖.

‘‘สตฺถา จ มํ ปฏิคฺคยฺห, อานนฺทํ เอตทพฺรวิ;

ปพฺพาเชหิ อิมํ ขิปฺปํ, เหสฺสตฺยาชานิโย อยํ.

๔๗๗.

‘‘ปพฺพาเชตฺวาน มํ สตฺถา, วิหารํ ปาวิสี ชิโน;

อโนคฺคตสฺมึ สูริยสฺมึ, ตโต จิตฺตํ วิมุจฺจิ เม.

๔๗๘.

‘‘ตโต สตฺถา นิรากตฺวา, ปฏิสลฺลานวุฏฺิโต;

เอหิ ภทฺทาติ มํ อาห, สา เม อาสูปสมฺปทา.

๔๗๙.

‘‘ชาติยา สตฺตวสฺเสน, ลทฺธา เม อุปสมฺปทา;

ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, อโห ธมฺมสุธมฺมตา’’ติ. –

อิมา คาถา อภาสิ.

ตตฺถ วตจริยาหีติ, ‘‘เอวํ กตฺวา ปุตฺตํ ลภิสฺสถา’’ติ วุตฺตํ สมณพฺราหฺมณานํ วจนํ สุตฺวา, ขีรํ ปายิตฺวา, อนสนาทิวตจรเณหิ. อายาจนาหีติ เทวตายาจนาหิ สตฺถุอายาจนาย จ, อิทเมว เจตฺถ การณํ, อิตรํ เถโร มาตาปิตูนํ ปฏิปตฺติทสฺสนตฺถฺเจว กิจฺฉลทฺธภาวทสฺสนตฺถฺจ วทติ.

เตติ มาตาปิตโร. อุปนามยุนฺติ อุปนาเมสุํ.

สุเขธิโตติ สุขสํวฑฺฒิโต. เตติ ตุยฺหํ. ปริจารกนฺติ กึการํ.

เหสฺสตฺยาชานิโย อยนฺติ อยํ ทารโก มม สาสเน อาชานีโย ภวิสฺสติ. ตสฺมา ขิปฺปํ อชฺเชว ปพฺพาเชหีติ เอตํ อพฺรวิ, อาห.

ปพฺพาเชตฺวานาติ อานนฺทตฺเถเรน ปพฺพาเชตฺวา. วิหารนฺติ คนฺธกุฏึ. อโนคฺคตสฺมึ สูริยสฺมินฺติ สูริเย อนตฺถงฺคเตเยว. ตโต จิตฺตํ วิมุจฺจิ เมติ ตโต วิปสฺสนารมฺภโต ปรํ น จิเรเนว ขเณน สพฺพาสเวหิ เม จิตฺตํ วิมุจฺจิ, ขีณาสโว อโหสึ.

ตโตติ มม อาสวกฺขยโต ปจฺฉา. นิรากตฺวาติ อตฺตนา สมาปนฺนํ ผลสมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา ตโต วุฏฺาย. เตนาห ‘‘ปฏิสลฺลานวุฏฺิโต’’ติ. สา เม อาสูปสมฺปทาติ ยา มํ อุทฺทิสฺส ‘‘เอหิ, ภทฺทา’’ติ สตฺถุ วาจา ปวตฺตา, สา เอว เม มยฺหํ อุปสมฺปทา อาสิ. เอวํ ชาติยา สตฺตวสฺเสน, ลทฺธา เม อุปสมฺปทาติ สาติสยํ สตฺถารา อตฺตโน กตํ อนุคฺคหํ สาสนสฺส จ นิยฺยานิกตํ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘อโห ธมฺมสุธมฺมตา’’ติ.

เอตฺถ จ ‘‘จิตฺตํ วิมุจฺจิ เม’’ติ ขีณาสวภาวํ ปกาเสตฺวาปิ ปุน ‘‘ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา’’ติ โลกิยาภิฺเกเทสทสฺสนํ ฉฬภิฺภาววิภาวนตฺถํ. เตนาห อปทาเน ‘‘ฉฬภิฺา สจฺฉิกตา’’ติ.

ภทฺทตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. โสปากตฺเถรคาถาวณฺณนา

ทิสฺวาปาสาทฉายายนฺติอาทิกา อายสฺมโต โสปากตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต สิทฺธตฺถสฺส ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต พฺราหฺมณานํ วิชฺชาสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คโต กาเมสุ อาทีนวํ ทิสฺวา ฆราวาสํ ปหาย ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา เอกสฺมึ ปพฺพเต วิหรติ. สตฺถา อาสนฺนมรณํ ตํ ตฺวา ตสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. โส ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต อุฬารํ ปีติโสมนสฺสํ ปเวเทนฺโต ปุปฺผมยํ อาสนํ ปฺเปตฺวา อทาสิ. สตฺถา ตตฺถ นิสีทิตฺวา, อนิจฺจตาปฏิสํยุตฺตํ ธมฺมึ กถํ กเถตฺวา ตสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว อากาเสน อคมาสิ. โส ปุพฺเพ คหิตํ นิจฺจคฺคาหํ ปหาย อนิจฺจสฺํ หทเย เปตฺวา, กาลงฺกตฺวา, เทวโลเก อุปฺปชิตฺวา, อปราปรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต, อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห โสปากโยนิยํ นิพฺพตฺติ. โส ชาติอาคเตน โสปาโกติ นาเมน ปฺายิ. เกจิ ปน ‘‘วาณิชกุเล นิพฺพตฺโต, ‘โสปาโก’ติ ปน นามมตฺต’’นฺติ วทนฺติ. ตํ อปทานปาฬิยา วิรุชฺฌติ ‘‘ปจฺฉิเม ภเว สมฺปตฺเต, โสปากโยนุปาคมิ’’นฺติ วจนโต.

ตสฺส จตุมาสชาตสฺส ปิตา กาลมกาสิ, จูฬปิตา โปเสสิ. อนุกฺกเมน สตฺตวสฺสิโก ชาโต. เอกทิวสํ จูฬปิตา ‘‘อตฺตโน ปุตฺเตน กลหํ กโรตี’’ติ กุชฺฌิตฺวา, ตํ สุสานํ เนตฺวา, ทฺเว หตฺเถ รชฺชุยา เอกโต พนฺธิตฺวา, ตาย เอว รชฺชุยา มตมนุสฺสสฺส สรีเร คาฬฺหํ พนฺธิตฺวา คโต ‘‘สิงฺคาลาทโย ขาทนฺตู’’ติ. ปจฺฉิมภวิกตาย ทารกสฺส ปุฺผเลน สยํ มาเรตุํ น วิสหิ, สิงฺคาลาทโยปิ น อภิภวึสุ. ทารโก อฑฺฒรตฺตสมเย เอวํ วิปฺปลปติ –

‘‘กา คติ เม อคติสฺส, โก วา พนฺธุ อพนฺธุโน;

สุสานมชฺเฌ พนฺธสฺส, โก เม อภยทายโก’’ติ.

สตฺถา ตาย เวลาย เวเนยฺยพนฺธเว โอโลเกนฺโต ทารกสฺส หทยพฺภนฺตเร ปชฺชลนฺตํ อรหตฺตูปนิสฺสยํ ทิสฺวา โอภาสํ ผริตฺวา สตึ ชเนตฺวา เอวมาห –

‘‘เอหิ โสปาก มา ภายิ, โอโลกสฺสุ ตถาคตํ;

อหํ ตํ ตารยิสฺสามิ, ราหุมุเขว จนฺทิม’’นฺติ.

ทารโก พุทฺธานุภาเวน ฉินฺนพนฺธโน คาถาปริโยสาเน โสตาปนฺโน หุตฺวา คนฺธกุฏิสมฺมุเข อฏฺาสิ. ตสฺส มาตา ปุตฺตํ อปสฺสนฺตี จูฬปิตรํ ปุจฺฉิตฺวา เตนสฺส ปวตฺติยา อกถิตาย ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา วิจินนฺตี ‘‘พุทฺธา กิร อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ ชานนฺติ, ยํนูนาหํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา มม ปุตฺตสฺส ปวตฺตึ ชาเนยฺย’’นฺติ สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิ. สตฺถา, อิทฺธิยา ตํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มม ปุตฺตํ น ปสฺสามิ, อปิจ ภควา ตสฺส ปวตฺตึ ชานาตี’’ติ ตาย ปุฏฺโ –

‘‘น สนฺติ ปุตฺตา ตาณาย, น ปิตา นาปิ พนฺธวา;

อนฺตเกนาธิปนฺนสฺส, นตฺถิ าตีสุ ตาณตา’’ติ. (ธ. ป. ๒๘๘) –

ธมฺมํ กเถสิ. ตํ สุตฺวา สา โสตาปนฺนา อโหสิ. ทารโก อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๒.๑๑๒-๑๒๓) –

‘‘ปพฺภารํ โสธยนฺตสฺส, วิปิเน ปพฺพตุตฺตเม;

สิทฺธตฺโถ นาม ภควา, อาคจฺฉิ มม สนฺติกํ.

‘‘พุทฺธํ อุปคตํ ทิสฺวา, โลกเชฏฺสฺส ตาทิโน;

สนฺถรํ สนฺถริตฺวาน, ปุปฺผาสนมทาสหํ.

‘‘ปุปฺผาสเน นิสีทิตฺวา, สิทฺธตฺโถ โลกนายโก;

มมฺจ คติมฺาย, อนิจฺจตมุทาหริ.

‘‘อนิจฺจา วต สงฺขารา, อุปฺปาทวยธมฺมิโน;

อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ, เตสํ วูปสโม สุโข.

‘‘อิทํ วตฺวาน สพฺพฺู, โลกเชฏฺโ นราสโภ;

นภํ อพฺภุคฺคมี วีโร, หํสราชาว อมฺพเร.

‘‘สกํ ทิฏฺึ ชหิตฺวาน, ภาวยานิจฺจสฺหํ;

เอกาหํ ภาวยิตฺวาน, ตตฺถ กาลํ กโต อหํ.

‘‘ทฺเว สมฺปตฺตี อนุโภตฺวา, สุกฺกมูเลน โจทิโต;

ปจฺฉิเม ภเว สมฺปตฺเต, สปากโยนุปาคมึ.

‘‘อคารา อภินิกฺขมฺม, ปพฺพชึ อนคาริยํ;

ชาติยา สตฺตวสฺโสหํ, อรหตฺตมปาปุณึ.

‘‘อารทฺธวีริโย ปหิตตฺโต, สีเลสุ สุสมาหิโต;

โตเสตฺวาน มหานาคํ, อลตฺถํ อุปสมฺปทํ.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ปุปฺผทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ สฺํ ภาวยึ ตทา;

ตํ สฺํ ภาวยนฺตสฺส, ปตฺโต เม อาสวกฺขโย.

‘‘ปฏิสมฺภิทา จตสฺโส…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อถ ภควา อิทฺธึ ปฏิสํหริ. สาปิ ปุตฺตํ ทิสฺวา หฏฺตุฏฺโ ตสฺส ขีณาสวภาวํ สุตฺวา ปพฺพาเชตฺวา คตา. โส สตฺถารํ คนฺธกุฏิจฺฉายายํ จงฺกมนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา, วนฺทิตฺวา อนุจงฺกมิ. ตสฺส ภควา อุปสมฺปทํ อนุชานิตุกาโม ‘‘เอกํ นาม กิ’’นฺติอาทินา ทส ปฺเห ปุจฺฉิ. โสปิ สตฺถุ อธิปฺปายํ คณฺหนฺโต สพฺพฺุตฺาเณน สํสนฺเทนฺโต ‘‘สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกา’’ติอาทินา (ขุ. ปา. ๔.๑) เต ปฺเห วิสฺสชฺเชสิ. เตเนว เต กุมารปฺหา นาม ชาตา. สตฺถา ตสฺส ปฺหพฺยากรเณน อาราธิตจิตฺโต อุปสมฺปทํ อนุชานิ. เตน สา ปฺหพฺยากรณูปสมฺปทา นาม ชาตา. ตสฺสิมํ อตฺตโน ปวตฺตึ ปกาเสตฺวา เถโร อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๔๘๐.

‘‘ทิสฺวา ปาสาทฉายายํ, จงฺกมนฺตํ นรุตฺตมํ;

ตตฺถ นํ อุปสงฺกมฺม, วนฺทิสฺสํ ปุริสุตฺตมํ.

๔๘๑.

‘‘เอกํสํ จีวรํ กตฺวา, สํหริตฺวาน ปาณโย;

อนุจงฺกมิสฺสํ วิรชํ, สพฺพสตฺตานมุตฺตมํ.

๔๘๒.

‘‘ตโต ปฺเห อปุจฺฉิ มํ, ปฺหานํ โกวิโท วิทู;

อจฺฉมฺภี จ อภีโต จ, พฺยากาสึ สตฺถุโน อหํ.

๔๘๓.

‘‘วิสฺสชฺชิเตสุ ปฺเหสุ, อนุโมทิ ตถาคโต;

ภิกฺขุสงฺฆํ วิโลเกตฺวา, อิมมตฺถํ อภาสถ.

๔๘๔.

‘‘‘ลาภา องฺคานํ มคธานํ, เยสายํ ปริภุฺชติ;

จีวรํ ปิณฺฑปาตฺจ, ปจฺจยํ สยนาสนํ;

ปจฺจุฏฺานฺจ สามีจึ, เตสํ ลาภา’ติ จาพฺรวิ.

๔๘๕.

‘‘‘อชฺชทคฺเค มํ โสปาก, ทสฺสนาโยปสงฺกม;

เอสา เจว เต โสปาก, ภวตุ อุปสมฺปทา’’’.

๔๘๖.

‘‘ชาติยา สตฺตวสฺเสน, ลทฺธาน อุปสมฺปทํ;

ธาเรมิ อนฺติมํ เทหํ, อโห ธมฺมสุธมฺมตา’’ติ. – อิมา คาถา อภาสิ;

ตตฺถ ปาสาทฉายายนฺติ คนฺธกุฏิจฺฉายายํ. วนฺทิสฺสนฺติ, อภิวนฺทึ.

สํหริตฺวาน ปาณโยติ อุโภ หตฺเถ กมลมกุฬากาเรน สงฺคเต กตฺวา, อฺชลึ ปคฺคเหตฺวาติ อตฺโถ. อนุจงฺกมิสฺสนฺติ จงฺกมนฺตสฺส สตฺถุโน อนุปจฺฉโต อนุคมนวเสน จงฺกมึ. วิรชนฺติ วิคตราคาทิรชํ.

ปฺเหติ กุมารปฺเห. วิทูติ เวทิตพฺพํ วิทิตวา, สพฺพฺูติ อตฺโถ. ‘‘สตฺถา มํ ปุจฺฉตี’’ติ อุปฺปชฺชนกสฺส ฉมฺภิตตฺตสฺส ภยสฺส จ เสตุฆาเตน ปหีนตฺตา อจฺฉมฺภีอภีโต จ พฺยากาสิ.

เยสายนฺติ เยสํ องฺคมคธานํ อยํ โสปาโก. ปจฺจยนฺติ คิลานปจฺจยํ. สามีจินฺติ มคฺคทานพีชนาทิสามีจิกิริยํ.

อชฺชทคฺเคติ ท-กาโร ปทสนฺธิกโร, อชฺช อคฺเค อาทึ กตฺวา, อชฺช ปฏฺาย. ‘‘อชฺชตคฺเค’’ติปิ ปาฬิ, อชฺชตํ อาทึ กตฺวาติ อตฺโถ. ทสฺสนาโยปสงฺกมาติ ‘‘หีนชจฺโจ, วยสา ตรุณตโร’’ติ วา อจินฺเตตฺวา ทสฺสนาย มํ อุปสงฺกม. เอสา เจวาติ ยา ตสฺส มม สพฺพฺุตฺาเณน สทฺธึ สํสนฺเทตฺวา กตา ปฺหวิสฺสชฺชนา. เอสาเยว เต ภวตุ อุปสมฺปทา อิติ จ อพฺรวีติ โยชนา. ‘‘ลทฺธา เม อุปสมฺปทา’’ติปิ ปาฬิ. เย ปน ‘‘ลทฺธาน อุปสมฺปท’’นฺติปิ ปนฺติ, เตสํ สตฺตวสฺเสนาติ สตฺตเมน วสฺเสนาติ อตฺโถ, สตฺตวสฺเสน วา หุตฺวาติ วจนเสโส. ยํ ปเนตฺถ อวุตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมว.

โสปากตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. สรภงฺคตฺเถรคาถาวณฺณนา

สเรหตฺเถหีติอาทิกา อายสฺมโต สรภงฺคตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห อฺตรสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, อนภิลกฺขิโตติสฺส กุลวํสาคตํ นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต กาเม ปหาย ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา สรติณานิ สยเมว ภฺชิตฺวา ปณฺณสาลํ กตฺวา วสติ. ตโต ปฏฺาย สรภงฺโคติสฺส สมฺา อโหสิ. อถ ภควา พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต ตสฺส อรหตฺตูปนิสฺสยํ ทิสฺวา, ตตฺถ คนฺตฺวา, ธมฺมํ เทเสสิ. โส ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปตฺวา ตตฺเถว วสติ. อถสฺส ตาปสกาเล กตา ปณฺณสาลา ชิณฺณา ปลุคฺคา อโหสิ. ตํ ทิสฺวา มนุสฺสา ‘‘กิสฺส, ภนฺเต, อิมํ กุฏิกํ น ปฏิสงฺขโรถา’’ติ อาหํสุ. เถโร ‘‘กุฏิกา ยถา ตาปสกาเล กตา, อิทานิ ตถา กาตุํ น สกฺกา’’ติ ตํ สพฺพํ ปกาเสนฺโต –

๔๘๗.

‘‘สเร หตฺเถหิ ภฺชิตฺวา, กตฺวาน กุฏิมจฺฉิสํ;

เตน เม สรภงฺโคติ, นามํ สมฺมุติยา อหุ.

๔๘๘.

‘‘น มยฺหํ กปฺปเต อชฺช, สเร หตฺเถหิ ภฺชิตุํ;

สิกฺขาปทา โน ปฺตฺตา, โคตเมน ยสสฺสินา’’ติ. – ทฺเว คาถา อภาสิ;

ตตฺถ สเร หตฺเถหิ ภฺชิตฺวาติ, ปุพฺเพ ตาปสกาเล สรติณานิ มม หตฺเถหิ ฉินฺทิตฺวา ติณกุฏึ กตฺวา อจฺฉิสํ วสึ, นิสีทิฺเจว นิปชฺชิฺจ. เตนาติ กุฏิกรณตฺถํ สรานํ ภฺชเนน. สมฺมุติยาติ อนฺวตฺถสมฺมุติยา สรภงฺโคติ, นามํ อหุ อโหสิ.

น มยฺหํ กปฺปเต อชฺชาติ อชฺช อิทานิ อุปสมฺปนฺนสฺส มยฺหํ สเร สรติเณ หตฺเถหิ ภฺชิตุํ น กปฺปเต น วฏฺฏติ. กสฺมา? สิกฺขาปทา โน ปฺตฺตา, โคตเมน ยสสฺสินาติ. เตน ยํ อมฺหากํ สตฺถารา สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ตํ มยํ ชีวิตเหตุนาปิ นาติกฺกมามาติ ทสฺเสติ.

เอวํ เอเกน ปกาเรน ติณกุฏิกาย อปฏิสงฺขรเณ การณํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อปเรนปิ ปริยาเยน นํ ทสฺเสนฺโต –

๔๘๙.

‘‘สกลํ สมตฺตํ โรคํ, สรภงฺโค นาทฺทสํ ปุพฺเพ;

โสยํ โรโค ทิฏฺโ, วจนกเรนาติเทวสฺสา’’ติ. – อิมํ คาถมาห;

ตตฺถ สกลนฺติ สพฺพํ. สมตฺตนฺติ สมฺปุณฺณํ, สพฺพภาคโต อนวเสสนฺติ อตฺโถ. โรคนฺติ ทุกฺขทุกฺขตาทิวเสน รุชนฏฺเน โรคภูตํ อุปาทานกฺขนฺธปฺจกํ สนฺธาย วทติ. นาทฺทสํ ปุพฺเพติ สตฺถุ โอวาทปฏิลาภโต ปุพฺเพ น อทฺทกฺขึ. โสยํ โรโค ทิฏฺโ, วจนกเรนาติเทวสฺสาติ สมฺมุติเทวา อุปปตฺติเทวา วิสุทฺธิเทวาติ สพฺเพปิ เทเว อตฺตโน สีลาทิคุเณหิ อติกฺกมิตฺวา ิตตฺตา อติเทวสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส โอวาทปฏิกเรน สรภงฺเคน โส อยํ ขนฺธปฺจกสงฺขาโต โรโค วิปสฺสนาปฺาสหิตาย มคฺคปฺาย ปฺจกฺขนฺธโต ทิฏฺโ, ปริฺาโตติ อตฺโถ. เอเตน เอวํ อตฺตภาวกุฏิกายมฺปิ อนเปกฺโข พาหิรํ ติณกุฏิกํ กถํ ปฏิสงฺขริสฺสตีติ ทสฺเสติ.

อิทานิ ยํ มคฺคํ ปฏิปชฺชนฺเตน มยา อยํ อตฺตภาวโรโค ยาถาวโต ทิฏฺโ, สฺวายํ มคฺโค สพฺพพุทฺธสาธารโณ. เยน เนสํ โอวาทธมฺโมปิ มชฺเฌ ภินฺนสุวณฺณสทิโส ยตฺถาหํ ปติฏฺาย ทุกฺขกฺขยํ ปตฺโตติ เอวํ อตฺตโน อรหตฺตปฏิปตฺตึ พฺยากโรนฺโต –

๔๙๐.

‘‘เยเนว มคฺเคน คโต วิปสฺสี, เยเนว มคฺเคน สิขี จ เวสฺสภู;

กกุสนฺธโกณาคมโน จ กสฺสโป, เตนฺชเสน อคมาสิ โคตโม.

๔๙๑.

‘‘วีตตณฺหา อนาทานา, สตฺต พุทฺธา ขโยคธา;

เยหายํ เทสิโต ธมฺโม, ธมฺมภูเตหิ ตาทิภิ.

๔๙๒.

‘‘จตฺตาริ อริยสจฺจานิ, อนุกมฺปาย ปาณินํ;

ทุกฺขํ สมุทโย มคฺโค, นิโรโธ ทุกฺขสงฺขโย.

๔๙๓.

‘‘ยสฺมึ นิวตฺตเต ทุกฺขํ, สํสารสฺมึ อนนฺตกํ;

เภทา อิมสฺส กายสฺส, ชีวิตสฺส จ สงฺขยา;

อฺโ ปุนพฺภโว นตฺถิ, สุวิมุตฺโตมฺหิ สพฺพธี’’ติ. –

อิมา คาถา อภาสิ –

ตตฺถ เยเนว มคฺเคนาติ เยเนว สปุพฺพภาเคน อริเยน อฏฺงฺคิเกน มคฺเคน. คโตติ ปฏิปนฺโน นิพฺพานํ อธิคโต. วิปสฺสีติ วิปสฺสี สมฺมาสมฺพุทฺโธ. กกุสนฺธาติ อวิภตฺติโก นิทฺเทโส. ‘‘กกุสนฺธโกณาคมนา’’ติปิ ปาโ. เตนฺชเสนาติ เตเนว อฺชเสน อริยมคฺเคน.

อนาทานาติ อนุปาทานา อปฺปฏิสนฺธิกา วา. ขโยคธาติ นิพฺพาโนคธา นิพฺพานปติฏฺา. เยหายํ เทสิโต ธมฺโมติ เยหิ สตฺตหิ สมฺมาสมฺพุทฺเธหิ อยํ สาสนธมฺโม เทสิโต ปเวทิโต. ธมฺมภูเตหีติ ธมฺมกายตาย ธมฺมสภาเวหิ, นวโลกุตฺตรธมฺมโต วา ภูเตหิ ชาเตหิ, ธมฺมํ วา ปตฺเตหิ. ตาทิภีติ, อิฏฺาทีสุ ตาทิภาวปฺปตฺเตหิ.

‘‘จตฺตาริอริยสจฺจานี’’ติอาทินา เตหิ เทสิตํ ธมฺมํ ทสฺเสติ. ตตฺถ จตฺตารีติ คณนปริจฺเฉโท. อริยสจฺจานีติ ปริจฺฉินฺนธมฺมทสฺสนํ. วจนตฺถโต ปน อริยานิ จ อวิตถฏฺเน สจฺจานิ จาติ อริยสจฺจานิ, อริยสฺส วา ภควโต สจฺจานิ เตน เทสิตตฺตา, อริยภาวกรานิ วา สจฺจานีติ อริยสจฺจานิ. กุจฺฉิตภาวโต ตุจฺฉภาวโต จ ทุกฺขํ, อุปาทานกฺขนฺธปฺจกํ. ตํ ทุกฺขํ สมุเทติ เอตสฺมาติ สมุทโย, ตณฺหา. กิเลเส มาเรนฺโต คจฺฉติ, นิพฺพานตฺถิเกหิ มคฺคียตีติ วา มคฺโค, สมฺมาทิฏฺิอาทโย อฏฺ ธมฺมา. สํสารจารกสงฺขาโต นตฺถิ เอตฺถ โรโธ, เอตสฺมึ วา อธิคเต ปุคฺคลสฺส โรธาภาโว โหติ, นิรุชฺฌติ ทุกฺขเมตฺถาติ วา นิโรโธ, นิพฺพานํ. เตนาห ‘‘ทุกฺขสงฺขโย’’ติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.

ยสฺมินฺติ ยสฺมึ นิโรเธ นิพฺพาเน อธิคเต. นิวตฺตเตติ อริยมคฺคภาวนาย สติ อนนฺตกํ อปริยนฺตํ อิมสฺมึ สํสาเร ชาติอาทิทุกฺขํ น ปวตฺตติ อุจฺฉิชฺชติ, โส นิโรโธติ อยํ ธมฺมภูเตหิ สมฺมาสมฺพุทฺเธหิ เทสิโต ธมฺโมติ โยชนา. ‘‘เภทา’’ติอาทินา ‘‘โรโค ทิฏฺโ’’ติ ทุกฺขปริฺาย สูจิตํ อตฺตโน อรหตฺตปฺปตฺตึ สรูปโต ทสฺเสติ. ‘‘ยสฺมึ นิพฺพตฺตเต ทุกฺข’’นฺติ ปน ปาเ สกลคาถาย ตตฺถายํ โยชนา – ยสฺมึ ขนฺธาทิปฏิปาฏิสฺิเต สํสาเร อิทํ อนนฺตกํ ชาติอาทิทุกฺขํ นิพฺพตฺตํ, โส อิโต ทุกฺขปฺปตฺติโต อฺโ ปุนปฺปุนํ ภวนภาวโต ปุนพฺภโว. อิมสฺส ชีวิตินฺทฺริยสฺส สงฺขยา กายสงฺขาตสฺส ขนฺธปฺจกสฺส เภทา วินาสา อุทฺธํ นตฺถิ, ตสฺมา สพฺพธิ สพฺเพหิ กิเลเสหิ สพฺเพหิ ภเวหิ สุฏฺุ วิมุตฺโต วิสํยุตฺโต อมฺหีติ.

สรภงฺคตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

สตฺตกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.