📜

๑๐. ทสกนิปาโต

๑. กาฬุทายิตฺเถรคาถาวณฺณนา

ทสกนิปาเต องฺคาริโนติอาทิกา อายสฺมโต กาฬุทายิตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปทุมุตฺตรพุทฺธสฺส กาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺโต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ กุลปฺปสาทกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ตชฺชํ อภินีหารกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ.

โส ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อมฺหากํ โพธิสตฺตสฺส มาตุกุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธิคฺคหณทิวเส กปิลวตฺถุสฺมึเยว อมจฺจเคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. โพธิสตฺเตน สทฺธึ เอกทิวสํเยว ชาโตติ ตํทิวสํเยว นํ ทุกูลจุมฺพเฏ นิปชฺชาเปตฺวา โพธิสตฺตสฺส อุปฏฺานํ นยึสุ. โพธิสตฺเตน หิ สทฺธึ โพธิรุกฺโข, ราหุลมาตา, จตฺตาโร นิธี, อาโรหนิยหตฺถี, อสฺสกณฺฑโก, ฉนฺโน กาฬุทายีติ อิเม สตฺต เอกทิวสํเยว ชาตตฺตา สหชาตา นาม อเหสุํ. อถสฺส นามคฺคหณทิวเส สกลนครสฺส อุทคฺคจิตฺตทิวเส ชาตตฺตา อุทายีตฺเวว นามํ อกํสุ, โถกํ กาฬธาตุกตฺตา ปน กาฬุทายีติ ปฺายิตฺถ. โส โพธิสตฺเตน สทฺธึ กุมารกีฬํ กีฬนฺโต วุทฺธึ อคมาสิ.

อปรภาเค โลกนาเถ มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา อนุกฺกเมน สพฺพฺุตํ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺเก ราชคหํ อุปนิสฺสาย เวฬุวเน วิหรนฺเต สุทฺโธทนมหาราชา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ปุริสสหสฺสปริวารํ เอกํ อมจฺจํ ‘‘ปุตฺตํ เม อิธาเนหี’’ติ เปเสสิ. โส ธมฺมเทสนาเวลาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต ิโต ธมฺมํ สุตฺวา สปริโส อรหตฺตํ ปาปุณิ. อถ เน สตฺถา ‘‘เอถ, ภิกฺขโว’’ติ หตฺถํ ปสาเรติ. สพฺเพ ตงฺขณํเยว อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา วสฺสสฏฺิกตฺเถรา วิย อเหสุํ. อรหตฺตํ ปตฺตโต ปฏฺาย ปน อริยา มชฺฌตฺตาว โหนฺติ, ตสฺมา รฺา ปหิตสาสนํ ทสพลสฺส น กเถสิ. ราชา ‘‘เนว คตพลโกฏฺโก อาคจฺฉติ, น สาสนํ สุยฺยตี’’ติ อปรมฺปิ อมจฺจํ ปุริสสหสฺเสน เปเสสิ . ตสฺมิมฺปิ ตถา ปฏิปนฺเน อปรนฺติ เอวํ นวหิ อมจฺเจหิ สทฺธึ นว ปุริสสหสฺสานิ เปเสสิ สพฺเพ อรหตฺตํ ปตฺวา ตุณฺหี อเหสุํ.

อถ ราชา จินฺเตสิ – ‘‘เอตฺตกา ชนา มยิ สิเนหาภาเวน ทสพลสฺส อิธาคมนตฺถาย น กิฺจิ กถยึสุ, อยํ โข ปน อุทายี ทสพเลน สมวโย สหปํสุกีฬิโก, มยิ จ สิเนหวา, อิมํ เปเสสฺสามี’’ติ ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘ตาต, ตฺวํ ปุริสสหสฺสปริวาโร ราชคหํ คนฺตฺวา ทสพลํ อาเนหี’’ติ วตฺวา เปเสสิ. โส ปน คจฺฉนฺโต ‘‘สจาหํ, เทว, ปพฺพชิตุํ ลภิสฺสามิ, เอวาหํ ภควนฺตํ อิธาเนสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘ยํ กิฺจิ กตฺวา มม ปุตฺตํ ทสฺเสหี’’ติ วุตฺโต ราชคหํ คนฺตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนาเวลาย ปริสปริยนฺเต ิโต ธมฺมํ สุตฺวา สปริวาโร อรหตฺตํ ปตฺวา เอหิภิกฺขุภาเว ปติฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๔.๔๘-๖๓) –

‘‘ปทุมุตฺตรพุทฺธสฺส, โลกเชฏฺสฺส ตาทิโน;

อทฺธานํ ปฏิปนฺนสฺส, จรโต จาริกํ ตทา.

‘‘สุผุลฺลํ ปทุมํ คยฺห, อุปฺปลํ มลฺลิกฺจหํ;

ปรมนฺนํ คเหตฺวาน, อทาสึ สตฺถุโน อหํ.

‘‘ปริภุฺชิ มหาวีโร, ปรมนฺนํ สุโภชนํ;

ตฺจ ปุปฺผํ คเหตฺวาน, ชนสฺส สมฺปทสฺสยิ.

‘‘อิฏฺํ กนฺตํ ปิยํ โลเก, ชลชํ ปุปฺผมุตฺตมํ;

สุทุกฺกรํ กตํ เตน, โย เม ปุปฺผํ อทาสิทํ.

‘‘โย ปุปฺผมภิโรเปสิ, ปรมนฺนฺจทาสิ เม;

ตมหํ กิตฺตยิสฺสามิ, สุณาถ มม ภาสโต.

‘‘ทส อฏฺ จกฺขตฺตุํ โส, เทวรชฺชํ กริสฺสติ;

อุปฺปลํ ปทุมฺจาปิ, มลฺลิกฺจ ตทุตฺตริ.

‘‘อสฺส ปุฺวิปาเกน, ทิพฺพคนฺธสมายุตํ;

อากาเส ฉทนํ กตฺวา, ธารยิสฺสติ ตาวเท.

‘‘ปฺจวีสติกฺขตฺตุฺจ , จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ;

ปถพฺยา รชฺชํ ปฺจสตํ, วสุธํ อาวสิสฺสติ.

‘‘กปฺปสตสหสฺสมฺหิ, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘สกกมฺมาภิรทฺโธ โส, สุกฺกมูเลน โจทิโต;

สกฺยานํ นนฺทิชนโน, าติพนฺธุ ภวิสฺสติ.

‘‘โส ปจฺฉา ปพฺพชิตฺวาน, สุกฺกมูเลน โจทิโต;

สพฺพาสเว ปริฺาย, นิพฺพายิสฺสตินาสโว.

‘‘ปฏิสมฺภิทมนุปฺปตฺตํ, กตกิจฺจมนาสวํ;

โคตโม โลกพนฺธุ ตํ, เอตทคฺเค เปสฺสติ.

‘‘ปธานปหิตตฺโต โส, อุปสนฺโต นิรูปธิ;

อุทายี นาม นาเมน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโก.

‘‘ราโค โทโส จ โมโห จ, มาโน มกฺโข จ ธํสิโต;

สพฺพาสเว ปริฺาย, วิหรามิ อนาสโว.

‘‘โตสยิฺจาปิ สมฺพุทฺธํ, อาตาปี นิปโก อหํ;

ปสาทิโต จ สมฺพุทฺโธ, เอตทคฺเค เปสิ มํ.

‘‘ปฏิสมฺภิทา จตสฺโส…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ‘‘น ตาวายํ ทสพลสฺส กุลนครํ คนฺตุํ กาโล, วสนฺเต ปน อุปคเต ปุปฺผิเตสุ วนสณฺเฑสุ หริตติณสฺฉนฺนาย ภูมิยา คมนกาโล ภวิสฺสตี’’ติ กาลํ ปฏิมาเนนฺโต วสนฺเต สมฺปตฺเต สตฺถุ กุลนครํ คนฺตุํ คมนมคฺควณฺณํ สํวณฺเณนฺโต –

๕๒๗.

‘‘องฺคาริโน ทานิ ทุมา ภทนฺเต, ผเลสิโน ฉทนํ วิปฺปหาย;

เต อจฺจิมนฺโตว ปภาสยนฺติ, สมโย มหาวีร ภาคีรสานํ.

๕๒๘.

‘‘ทุมานิ ผุลฺลานิ มโนรมานิ, สมนฺตโต สพฺพทิสา ปวนฺติ;

ปตฺตํ ปหาย ผลมาสสานา, กาโล อิโต ปกฺกมนาย วีร.

๕๒๙.

‘‘เนวาติสีตํ น ปนาติอุณฺหํ, สุขา อุตุ อทฺธนิยา ภทนฺเต;

ปสฺสนฺตุ ตํ สากิยา โกฬิยา จ, ปจฺฉามุขํ โรหินิยํ ตรนฺตํ.

๕๓๐.

‘‘อาสาย กสเต เขตฺตํ, พีชํ อาสาย วปฺปติ;

อาสาย วาณิชา ยนฺติ, สมุทฺทํ ธนหารกา;

ยาย อาสาย ติฏฺามิ, สา เม อาสา สมิชฺฌตุ.

๕๓๑.

‘‘ปุนปฺปุนฺเจว วปนฺติ พีชํ, ปุนปฺปุนํ วสฺสติ เทวราชา;

ปุนปฺปุนํ เขตฺตํ กสนฺติ กสฺสกา, ปุนปฺปุนํ ธฺมุเปติ รฏฺํ.

๕๓๒.

‘‘ปุนปฺปุนํ ยาจนกา จรนฺติ, ปุนปฺปุนํ ทานปตี ททนฺติ;

ปุนปฺปุนํ ทานปตี ททิตฺวา, ปุนปฺปุนํ สคฺคมุเปนฺติ านํ.

๕๓๓.

‘‘วีโร หเว สตฺตยุคํ ปุเนติ, ยสฺมึ กุเล ชายติ ภูริปฺโ;

มฺามหํ สกฺกติ เทวเทโว, ตยา หิ ชาโต มุนิ สจฺจนาโม.

๕๓๔.

‘‘สุทฺโธทโน นาม ปิตา มเหสิโน, พุทฺธสฺส มาตา ปน มายนามา;

ยา โพธิสตฺตํ ปริหริย กุจฺฉินา, กายสฺส เภทา ติทิวมฺหิ โมทติ.

๕๓๕.

‘‘สา โคตมี กาลกตา อิโต จุตา, ทิพฺเพหิ กาเมหิ สมงฺคิภูตา;

สา โมทติ กามคุเณหิ ปฺจหิ, ปริวาริตา เทวคเณหิ เตหิ.

๕๓๖.

‘‘พุทฺธสฺส ปุตฺโตมฺหิ อสยฺหสาหิโน, องฺคีรสสฺสปฺปฏิมสฺส ตาทิโน;

ปิตุปิตา มยฺหํ ตุวํสิ สกฺก, ธมฺเมน เม โคตม อยฺยโกสี’’ติ. –

อิมา คาถา อภาสิ.

ตตฺถ องฺคาริโนติ องฺคารานิ วิยาติ องฺคารานิ, รตฺตปวาฬวณฺณานิ รุกฺขานํ ปุปฺผปลฺลวานิ, ตานิ เอเตสํ สนฺตีติ องฺคาริโน, อติโลหิตกุสุมกิสลเยหิ องฺคารวุฏฺิสํปริกิณฺณา วิยาติ อตฺโถ. อิทานีติ อิมสฺมึ กาเล. ทุมาติ รุกฺขา. ภทนฺเตติ, ภทฺทํ อนฺเต เอตสฺสาติ ภทนฺเตติ เอกสฺส ทการสฺส โลปํ กตฺวา วุจฺจติ, คุณวิเสสยุตฺโต, คุณวิเสสยุตฺตานฺจ อคฺคภูโต สตฺถา. ตสฺมา ภทนฺเตติ สตฺถุ อาลปนํ. ปจฺจตฺตวจนฺเจตํ เอการนฺตํ ‘‘สุกเฏ ปฏิกมฺเม สุเข ทุกฺเขปิ เจ’’ติอาทีสุ วิย. อิธ ปน สมฺโพธนตฺเถ ทฏฺพฺพํ. เตน วุตฺตํ ‘‘ภทนฺเตติ อาลปน’’นฺติ. ‘‘ภทฺทสทฺทสมานตฺถํ ปทนฺตรเมก’’นฺติ เกจิ. ผลานิ เอสนฺตีติ ผเลสิโน. อเจตเนปิ หิ สเจตนกิริยมาโรเปตฺวา โวหรนฺติ, ยถา กุลํ ปติตุกามนฺติ, ผลานิ คเหตุมารทฺธา สมฺปตฺติผลคหณกาลาติ อตฺโถ. ฉทนํ วิปฺปหายาติ ปุราณปณฺณานิ ปชหิตฺวา สมฺปนฺนปณฺฑุปลาสาติ อตฺโถ. เตติ ทุมา. อจฺจิมนฺโตว ปภาสยนฺตีติ ทีปสิขาวนฺโต วิย ชลิตอคฺคี วิย วา โอภาสยนฺติ สพฺพา ทิสาติ อธิปฺปาโย. สมโยติ กาโล, ‘‘อนุคฺคหายา’’ติ วจนเสโส. มหาวีราติ มหาวิกฺกนฺต. ภาคี รสานนฺติ อตฺถรสาทีนํ ภาคี. วุตฺตฺเหตํ ธมฺมเสนาปตินา – ‘‘ภาคี วา ภควา อตฺถรสสฺส ธมฺมรสสฺสา’’ติอาทิ (จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๒). มหาวีร, ภาคีติ จ อิทมฺปิ ทฺวยํ สมฺโพธนวจนํ ทฏฺพฺพํ. ภาคีรถานนฺติ ปน ปาเ ภคีรโถ นาม อาทิราชา. ตพฺพํสชาตตาย สากิยา ภาคีรถา, เตสํ ภาคีรถานํ อุปการตฺถนฺติ อธิปฺปาโย.

ทุมานีติ ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตํ, ทุมา รุกฺขาติ อตฺโถ. สมนฺตโต สพฺพทิสา ปวนฺตีติ, สมนฺตโต สพฺพภาคโต สพฺพทิสาสุ จ ผุลฺลานิ, ตถา ผุลฺลตฺตา เอว สพฺพทิสา ปวนฺติ คนฺธํ วิสฺสชฺเชนฺติ. อาสมานาติ อาสีสนฺตา คหิตุกามา. เอวํ รุกฺขโสภาย คมนมคฺคสฺส รามเณยฺยตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ‘‘เนวาติสีต’’นฺติอาทินา อุตุสมฺปตฺตึ ทสฺเสติ. สุขาติ นาติสีตนาติอุณฺหภาเวเนว สุขา อิฏฺา. อุตุ อทฺธนิยาติ อทฺธานคมนโยคฺคา อุตุ. ปสฺสนฺตุ ตํ สากิยา โกฬิยา จ, ปจฺฉามุขํ โรหินิยํ ตรนฺตนฺติ โรหินี นาม นที สากิยโกฬิยชนปทานํ อนฺตเร อุตฺตรทิสโต ทกฺขิณมุขา สนฺทติ, ราชคหํ จสฺสา ปุรตฺถิมทกฺขิณาย ทิสาย, ตสฺมา ราชคหโต กปิลวตฺถุํ คนฺตุํ ตํ นทึ ตรนฺตา ปจฺฉามุขา หุตฺวา ตรนฺติ. เตนาห ‘‘ปสฺสนฺตุ ตํ…เป… ตรนฺต’’นฺติ. ‘‘ภควนฺตํ ปจฺฉามุขํ โรหินึ นาม นทึ อติกฺกมนฺตํ สากิยโกฬิยชนปทวาสิโน ปสฺสนฺตู’’ติ กปิลวตฺถุคมนาย ภควนฺตํ อายาจนฺโต อุสฺสาเหติ.

อิทานิ อตฺตโน ปตฺถนํ อุปมาหิ ปกาเสนฺโต ‘‘อาสาย กสเต’’ติ คาถมาห. อาสาย กสเต เขตฺตนฺติ กสฺสโก กสนฺโต เขตฺตํ ผลาสาย กสติ. พีชํ อาสาย วปฺปตีติ กสิตฺวา จ วปนฺเตน ผลาสาย เอว พีชํ วปฺปติ นิกฺขิปียติ. อาสาย วาณิชา ยนฺตีติ ธนหารกา วาณิชา ธนาสาย สมุทฺทํ ตริตุํ เทสํ อุปคนฺตุํ สมุทฺทํ นาวาย ยนฺติ คจฺฉนฺติ. ยาย อาสาย ติฏฺามีติ เอวํ อหมฺปิ ยาย อาสาย ปตฺถนาย ภควา ตุมฺหากํ กปิลปุรคมนปตฺถนาย อิธ ติฏฺามิ. สา เม อาสา สมิชฺฌตุ, ตุมฺเหหิ ‘‘กปิลวตฺถุ คนฺตพฺพ’’นฺติ วทติ, อาสาย สทิสตาย เจตฺถ กตฺตุกมฺยตาฉนฺทํ อาสาติ อาห.

คมนมคฺคสํวณฺณนาทินา อเนกวารํ ยาจนาย การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปุนปฺปุน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตสฺสตฺโถ – สกึ วุตฺตมตฺเตน วปฺเป อสมฺปชฺชมาเน กสฺสกา ปุนปฺปุนํ ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ พีชํ วปนฺติ. ปชฺชุนฺโน เทวราชาปิ เอกวารเมว อวสฺสิตฺวา ปุนปฺปุนํ กาเลน กาลํ วสฺสติ. กสฺสกาปิ เอกวารเมว อกสิตฺวา สสฺสสมฺปตฺติอตฺถํ ปํสุํ กทฺทมํ วา มุทุํ กาตุํ เขตฺตํ ปุนปฺปุนํ กสนฺติ. เอกวารเมว ธฺํ สงฺคหํ กตฺวา ‘‘อลเมตฺตาวตา’’ติ อปริตุสฺสนโต โกฏฺาคาราทีสุ ปฏิสามนวเสน มนุสฺเสหิ อุปนียมานํ ปุนปฺปุนํ สาลิอาทิธฺํ รฏฺํ อุเปติ อุปคจฺฉติ.

ยาจนกาปิ ยาจนฺตา ปุนปฺปุนํ กุลานิ จรนฺติ อุปคจฺฉนฺติ, น เอกวารเมว, ยาจิตา ปน เตสํ ปุนปฺปุนํ ทานปตี ททนฺติ, น สกึเยว. ตถา ปน เทยฺยธมฺมํ ปุนปฺปุนํ ทานปตี ททิตฺวา ทานมยํ ปุฺํ อุปจินิตฺวา ปุนปฺปุนํ อปราปรํ สคฺคมุเปนฺติ านํ ปฏิสนฺธิวเสน เทวโลกํ อุปคจฺฉนฺติ. ตสฺมา อหมฺปิ ปุนปฺปุนํ ยาจามิ ภควา มยฺหํ มโนรถํ มตฺถกํ ปาเปหีติ อธิปฺปาโย.

อิทานิ ยทตฺถํ สตฺถารํ กปิลวตฺถุคมนํ ยาจติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘วีโร หเว’’ติคาถมาห. ตสฺสตฺโถ – วีโร วีริยวา มหาวิกฺกนฺโต ภูริปฺโ มหาปฺโ ปุริโส ยสฺมึ กุเล ชายติ นิพฺพตฺตติ, ตตฺถ หเว เอกํเสน สตฺตยุคํ สตฺตปุริสยุคํ ยาวสตฺตมํ ปิตามหยุคํ สมฺมาปฏิปตฺติยา ปุเนติ โสเธตีติ โลกวาโท อติวาโท อฺเสุ. ภควา ปน สพฺเพสํ เทวานํ อุตฺตมเทวตาย เทวเทโว ปาปนิวารเณน กลฺยาณปติฏฺาปเนน ตโต ปรมฺปิ โสเธตุํ สกฺกติ สกฺโกตีติ มฺามิ อหํ. กสฺมา? ตยา หิ ชาโต มุนิ สจฺจนาโม ยสฺมา ตยา สตฺถารา อริยาย ชาติยา ชาโต มุนิภาโว, มุนิ วา สมาโน อตฺตหิตปรหิตานํ อิธโลกปรโลกานฺจ มุนนฏฺเน ‘‘มุนี’’ติ อวิตถนาโม, โมนวา วา มุนิ, ‘‘สมโณ ปพฺพชิโต อิสี’’ติ อวิตถนาโม ตยา ชาโต. ตสฺมา สตฺตานํ เอกนฺตหิตปฏิลาภเหตุภาวโต ภควา ตว ตตฺถ คมนํ ยาจามาติ อตฺโถ.

อิทานิ ‘‘สตฺตยุค’’นฺติ วุตฺเต ปิตุยุคํ ทสฺเสตุํ ‘‘สุทฺโธทโน นามา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สุทฺธํ โอทนํ ชีวนํ เอตสฺสาติ สุทฺโธทโน. พุทฺธปิตา หิ เอกํสโต สุวิสุทฺธกายวจีมโนสมาจาโร สุวิสุทฺธาชีโว โหติ ตถา อภินีหารสมฺปนฺนตฺตา. มายนามาติ กุลรูปสีลาจาราทิสมฺปตฺติยา าติมิตฺตาทีหิ ‘‘มา ยาหี’’ติ วตฺตพฺพคุณตาย ‘‘มายา’’ติ ลทฺธนามา. ปริหริยาติ ธาเรตฺวา. กายสฺส เภทาติ สเทวกสฺส โลกสฺส เจติยสทิสสฺส อตฺตโน กายสฺส วินาสโต อุทฺธํ. ติทิวมฺหีติ ตุสิตเทวโลเก.

สาติ มายาเทวี. โคตมีติ โคตฺเตน ตํ กิตฺเตติ. ทิพฺเพหิ กาเมหีติ, ตุสิตภวนปริยาปนฺเนหิ ทิพฺเพหิ วตฺถุกาเมหิ. สมงฺคิภูตาติ สมนฺนาคตา. กามคุเณหีติ กามโกฏฺาเสหิ, ‘‘กาเมหี’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘กามคุเณหี’’ติ วจเนน อเนกภาเคหิ วตฺถุกาเมหิ ปริจาริยตีติ ทีเปติ. เตหีติ ยสฺมึ เทวนิกาเย นิพฺพตฺติ, เตหิ ตุสิตเทวคเณหิ, เตหิ วา กามคุเณหิ. ‘‘สมงฺคิภูตา ปริวาริตา’’ติ จ อิตฺถิลิงฺคนิทฺเทโส ปุริมตฺตภาวสิทฺธํ อิตฺถิภาวํ, เทวตาภาวํ วา สนฺธาย กโต, เทวูปปตฺติ ปน ปุริสภาเวเนว ชาตา.

เอวํ เถเรน ยาจิโต ภควา ตตฺถ คมเน พหูนํ วิเสสาธิคมํ ทิสฺวา วีสติสหสฺส ขีณาสวปริวุโต ราชคหโต อตุริตจาริกาวเสน กปิลวตฺถุคามิมคฺคํ ปฏิปชฺชิ. เถโร อิทฺธิยา กปิลวตฺถุํ คนฺตฺวา รฺโ ปุรโต อากาเส ิโต อทิฏฺปุพฺพํ เวสํ ทิสฺวา รฺา ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ ปุจฺฉิโต, ‘‘สเจ อมจฺจปุตฺตํ ตยา ภควโต สนฺติกํ เปสิตํ มํ น ชานาสิ, เอวํ ปน ชานาหี’’ติ ทสฺเสนฺโต –

‘‘พุทฺธสฺส ปุตฺโตมฺหิ อสยฺหสาหิโน, องฺคีรสสฺสปฺปฏิมสฺส ตาทิโน;

ปิตุปิตา มยฺหํ ตุวํสิ สกฺก, ธมฺเมน เม โคตม อยฺยโกสี’’ติ. –

โอสานคาถมาห.

ตตฺถ พุทฺธสฺส ปุตฺโตมฺหีติ, สพฺพฺุพุทฺธสฺส อุเร ชาตตาย โอรสปุตฺโต อมฺหิ. อสยฺหสาหิโนติ, อภิสมฺโพธิโต ปุพฺเพ เปตฺวา มหาโพธิสตฺตํ อฺเหิ สหิตุํ วหิตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา อสยฺหสฺส สกลสฺส โพธิสมฺภารสฺส มหาการุณิกาธิการสฺส จ สหนโต วหนโต, ตโต ปรมฺปิ อฺเหิ สหิตุํ อภิภวิตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา อสยฺหานํ ปฺจนฺนํ มารานํ สหนโต อภิภวนโต, อาสยานุสยจริตาธิมุตฺติอาทิวิภาคาวโพธเนน ยถารหํ เวเนยฺยานํ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหิ อนุสาสนีสงฺขาตสฺส อฺเหิ อสยฺหสฺส พุทฺธกิจฺจสฺส จ สหนโต, ตตฺถ วา สาธุการีภาวโต อสยฺหสาหิโน. องฺคีรสสฺสาติ องฺคีกตสีลาทิสมฺปตฺติกสฺส. ‘‘องฺคมงฺเคหิ นิจฺฉรณกโอภาสสฺสา’’ติ อปเร. เกจิ ปน ‘‘องฺคีรโส, สิทฺธตฺโถติ ทฺเว นามานิ ปิตราเยว คหิตานี’’ติ วทนฺติ. อปฺปฏิมสฺสาติ อนูปมสฺส. อิฏฺานิฏฺเสุ ตาทิลกฺขณปฺปตฺติยา ตาทิโน. ปิตุปิตา มยฺหํ ตุวํสีติ อริยชาติวเสน มยฺหํ ปิตุ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส โลกโวหาเรน ตฺวํ ปิตา อสิ. สกฺกาติ ชาติวเสน ราชานํ อาลปติ. ธมฺเมนาติ สภาเวน อริยชาติ โลกิยชาตีติ ทฺวินฺนํ ชาตีนํ สภาวสโมธาเนน โคตมาติ ราชานํ โคตฺเตน อาลปติ. อยฺยโกสีติ ปิตามโห อสิ. เอตฺถ จ ‘‘พุทฺธสฺส ปุตฺโตมฺหี’’ติอาทึ วทนฺโต เถโร อฺํ พฺยากาสิ.

เอวํ ปน อตฺตานํ ชานาเปตฺวา หฏฺตุฏฺเน รฺา มหารเห ปลฺลงฺเก นิสีทาเปตฺวา อตฺตโน ปฏิยาทิตสฺส นานคฺครสสฺส โภชนสฺส ปตฺตํ ปูเรตฺวา ทินฺเน คมนาการํ ทสฺเสติ. ‘‘กสฺมา คนฺตุกามตฺถ, ภุฺชถา’’ติ จ วุตฺเต, ‘‘สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ภุฺชิสฺสามี’’ติ. ‘‘กหํ ปน สตฺถา’’ติ? ‘‘วีสติสหสฺสภิกฺขุปริวาโร ตุมฺหากํ ทสฺสนตฺถาย มคฺคํ ปฏิปนฺโน’’ติ. ‘‘ตุมฺเห อิมํ ปิณฺฑปาตํ ปริภุฺชิตฺวา ยาว มม ปุตฺโต อิมํ นครํ สมฺปาปุณาติ, ตาวสฺส อิโตว ปิณฺฑปาตํ หรถา’’ติ. เถโร ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา รฺโ ปริสาย จ ธมฺมํ กเถตฺวา สตฺถุ อาคมนโต ปุเรตรเมว สกลํ ราชนิเวสนํ รตนตฺตเย อภิปฺปสนฺนํ กโรนฺโต สพฺเพสํ ปสฺสนฺตานํเยว สตฺถุ อาหริตพฺพภตฺตปุณฺณํ ปตฺตํ อากาเส วิสฺสชฺเชตฺวา สยมฺปิ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปิณฺฑปาตํ อุปเนตฺวา สตฺถุ หตฺเถ เปสิ. สตฺถา ตํ ปิณฺฑปาตํ ปริภุฺชิ. เอวํ สฏฺิโยชนํ มคฺคํ ทิวเส ทิวเส โยชนํ คจฺฉนฺตสฺส สตฺถุ ราชเคหโตว ภตฺตํ อาหริตฺวา อทาสิ. อถ นํ ภควา ‘‘มยฺหํ ปิตุ มหาราชสฺส สกลนิเวสนํ ปสาเทสี’’ติ กุลปฺปสาทกานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.

กาฬุทายิตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. เอกวิหาริยตฺเถรคาถาวณฺณนา

ปุรโตปจฺฉโต วาติอาทิกา อายสฺมโต เอกวิหาริยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต กสฺสปทสพลสฺส กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา วิเวกวาสํ วสิ.

โส เตน ปุฺกมฺเมน เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ภควติ ปรินิพฺพุเต ธมฺมาโสกรฺโ กนิฏฺภาตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อโสกมหาราชา กิร สตฺถุ ปรินิพฺพานโต ทฺวินฺนํ วสฺสสตานํ อุปริ อฏฺารสเม วสฺเส สกลชมฺพุทีเป เอกรชฺชาภิเสกํ ปตฺวา อตฺตโน กนิฏฺํ ติสฺสกุมารํ โอปรชฺเช เปตฺวา เอเกน อุปาเยน ตํ สาสเน อภิปฺปสนฺนํ อกาสิ. โส เอกทิวสํ มิควํ คโต อรฺเ โยนกมหาธมฺมรกฺขิตตฺเถรํ หตฺถินาเคน สาลสาขํ คเหตฺวา พีชิยมานํ นิสินฺนํ ทิสฺวา สฺชาตปสาโท ‘‘อโห วตาหมฺปิ อยํ มหาเถโร วิย ปพฺพชิตฺวา อรฺเ วิหเรยฺย’’นฺติ จินฺเตสิ. เถโร ตสฺส จิตฺตาจารํ ตฺวา ตสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว อากาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา อโสการาเม โปกฺขรณิยา อภิชฺชมาเน อุทเก ตฺวา จีวรฺจ อุตฺตราสงฺคฺจ อากาเส โอลคฺเคตฺวา นฺหายิตุํ อารภิ. กุมาโร เถรสฺส อานุภาวํ ทิสฺวา อภิปฺปสนฺโน อรฺโต นิวตฺติตฺวา ราชเคหํ คนฺตฺวา ‘‘ปพฺพชิสฺสามี’’ติ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ตํ อเนกปฺปการํ ยาจิตฺวา ปพฺพชฺชาธิปฺปายํ นิวตฺเตตุํ นาสกฺขิ. โส อุปาสโก หุตฺวา ปพฺพชฺชาสุขํ ปตฺเถนฺโต –

๕๓๗.

‘‘ปุรโต ปจฺฉโต วาปิ, อปโร เจ น วิชฺชติ;

อตีว ผาสุ ภวติ, เอกสฺส วสโต วเน.

๕๓๘.

‘‘หนฺท เอโก คมิสฺสามิ, อรฺํ พุทฺธวณฺณิตํ;

ผาสุ เอกวิหาริสฺส, ปหิตตฺตสฺส ภิกฺขุโน.

๕๓๙.

‘‘โยคี-ปีติกรํ รมฺมํ, มตฺตกุฺชรเสวิตํ;

เอโก อตฺถวสี ขิปฺปํ, ปวิสิสฺสามิ กานนํ.

๕๔๐.

‘‘สุปุปฺผิเต สีตวเน, สีตเล คิริกนฺทเร;

คตฺตานิ ปริสิฺจิตฺวา, จงฺกมิสฺสามิ เอกโก.

๕๔๑.

‘‘เอกากิโย อทุติโย, รมณีเย มหาวเน;

กทาหํ วิหริสฺสามิ, กตกิจฺโจ อนาสโว.

๕๔๒.

‘‘เอวํ เม กตฺตุกามสฺส, อธิปฺปาโย สมิชฺฌตุ;

สาธยิสฺสามหํเยว, นาฺโ อฺสฺส การโก’’ติ. –

อิมา ฉ คาถา อภาสิ.

ตตฺถ ปุรโต ปจฺฉโต วาติ อตฺตโน ปุรโต วา ปจฺฉโต วา, วา-สทฺทสฺส วิกปฺปตฺถตฺตา ปสฺสโต วา อปโร อฺโ ชโน น วิชฺชติ เจ, อตีว อติวิย ผาสุ จิตฺตสุขํ ภวติ. เอกวิหารีภาเวน เอกสฺส อสหายสฺส. วเน วสโตติ จิรปริจิเตน วิเวกชฺฌาสเยน อากฑฺฒิยมานหทโย โส รตฺตินฺทิวํ มหาชนปริวุตสฺส วสโต สงฺคณิกวิหารํ นิพฺพินฺทนฺโต วิเวกสุขฺจ พหุํ มฺนฺโต วทติ.

หนฺทาติ โวสฺสคฺคตฺเถ นิปาโต, เตน อิทานิ กรียมานสฺส อรฺคมนสฺส นิจฺฉิตภาวมาห. เอโก คมิสฺสามีติ ‘‘สุฺาคาเร โข, คหปติ, ตถาคตา อภิรมนฺตี’’ติอาทิวจนโต (จูฬว. ๓๐๖) พุทฺเธหิ วณฺณิตํ ปสฏฺํ อรฺํ เอโก อสหาโย คมิสฺสามิ วาสาธิปฺปาเยน อุปคจฺฉามิ. ยสฺมา เอกวิหาริสฺส านาทีสุ อสหายภาเวน เอกวิหาริสฺส นิพฺพานํ ปฏิเปสิตจิตฺตตาย ปหิตตฺตสฺส อธิสีลสิกฺขาทิกา ติสฺโส สิกฺขา สิกฺขโต ภิกฺขุโน อรฺํ ผาสุ อิฏฺํ สุขาวหนฺติ อตฺโถ.

โยคี-ปีติกรนฺติ โยคีนํ ภาวนาย ยุตฺตปฺปยุตฺตานํ อปฺปสทฺทาทิภาเวน ฌานวิปสฺสนาทิปีตึ อาวหนโต โยคี-ปีติกรํ. วิสภาคารมฺมณาภาเวน ปฏิสลฺลานสารุปฺปตาย รมฺมํ. มตฺตกุฺชรเสวิตนฺติ มตฺตวรวารณวิจริตํ, อิมินาปิ พฺรหารฺภาเวน ชนวิเวกํเยว ทสฺเสติ. อตฺถวสีติ อิธ อตฺโถติ สมณธมฺโม อธิปฺเปโต. ‘‘กถํ นุ โข โส เม ภเวยฺยา’’ติ ตสฺส วสํ คโต.

สุปุปฺผิเตติ สุฏฺุ ปุปฺผิเต. สีตวเนติ ฉายูทกสมฺปตฺติยา สีเต วเน. อุภเยนปิ ตสฺส รมณียตํเยว วิภาเวติ. คิริกนฺทเรติ คิรีนํ อพฺภนฺตเร กนฺทเร. กนฺติ หิ อุทกํ, เตน ทาริตํ นินฺนฏฺานํ กนฺทรํ นาม. ตาทิเส สีตเล คิริกนฺทเร ฆมฺมปริตาปํ วิโนเทตฺวา อตฺตโน คตฺตานิ ปริสิฺจิตฺวา นฺหายิตฺวา จงฺกมิสฺสามิ เอกโกติ กตฺถจิ อนายตฺตวุตฺติตํ ทสฺเสติ.

เอกากิโยติ เอกากี อสหาโย. อทุติโยติ ตณฺหาสงฺขาตทุติยาภาเวน อทุติโย. ตณฺหา หิ ปุริสสฺส สพฺพทา อวิชหนฏฺเน ทุติยา นาม. เตนาห ภควา – ‘‘ตณฺหาทุติโย ปุริโส, ทีฆมทฺธาน สํสร’’นฺติ (อิติวุ. ๑๕, ๑๐๕).

เอวํ เม กตฺตุกามสฺสาติ ‘‘หนฺท เอโก คมิสฺสามี’’ติอาทินา วุตฺตวิธินา อรฺํ คนฺตฺวา ภาวนาภิโยคํ กตฺตุกามสฺส เม. อธิปฺปาโย สมิชฺฌตูติ ‘‘กทาหํ วิหริสฺสามิ, กตกิจฺโจ อนาสโว’’ติ เอวํ ปวตฺโต มโนรโถ อิชฺฌตุ สิทฺธึ ปาปุณาตุ. อรหตฺตปฺปตฺติ จ ยสฺมา น อายาจนมตฺเตน สิชฺฌติ, นาปิ อฺเน สาเธตพฺพา, ตสฺมา อาห ‘‘สาธยิสฺสามหํเยว, นาฺโ อฺสฺส การโก’’ติ.

เอวํ อุปราชสฺส ปพฺพชฺชาย ทฬฺหนิจฺฉยตํ ตฺวา ราชา อโสการามคมนียํ มคฺคํ อลงฺการาเปตฺวา กุมารํ สพฺพาลงฺการวิภูสิตํ มหติยา เสนาย มหจฺจราชานุภาเวน วิหารํ เนสิ. กุมาโร ปธานฆรํ คนฺตฺวา มหาธมฺมรกฺขิตตฺเถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิ, อเนกสตา มนุสฺสา ตํ อนุปพฺพชึสุ. รฺโ ภาคิเนยฺโย สงฺฆมิตฺตาย สามิโก อคฺคิพฺรหฺมาปิ ตเมว อนุปพฺพชิ. โส ปพฺพชิตฺวา หฏฺตุฏฺโ อตฺตนา กาตพฺพํ ปกาเสนฺโต –

๕๔๓.

‘‘เอส พนฺธามิ สนฺนาหํ, ปวิสิสฺสามิ กานนํ;

น ตโต นิกฺขมิสฺสามิ, อปฺปตฺโต อาสวกฺขยํ.

๕๔๔.

‘‘มาลุเต อุปวายนฺเต, สีเต สุรภิคนฺธิเก;

อวิชฺชํ ทาลยิสฺสามิ, นิสินฺโน นคมุทฺธนิ.

๕๔๕.

‘‘วเน กุสุมสฺฉนฺเน, ปพฺภาเร นูน สีตเล;

วิมุตฺติสุเขน สุขิโต, รมิสฺสามิ คิริพฺพเช’’ติ. –

ติสฺโส คาถา อภาสิ.

ตตฺถ เอส พนฺธามิ สนฺนาหนฺติ เอสาหํ วีริยสงฺขาตํ สนฺนาหํ พนฺธามิ, กาเย จ ชีวิเต จ นิรเปกฺโข วีริยสนฺนาเหน สนฺนยฺหามิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา นาม สูโร ปุริโส ปจฺจตฺถิเก ปจฺจุปฏฺิเต ตํ เชตุกาโม อฺํ กิจฺจํ ปหาย กวจปฏิมุจฺจนาทินา ยุทฺธาย สนฺนยฺหติ, ยุทฺธภูมิฺจ คนฺตฺวา ปจฺจตฺถิเก อเชตฺวา ตโต น นิวตฺตติ, เอวมหมฺปิ กิเลสปจฺจตฺถิเก เชตุํ อาทิตฺตมฺปิ สีสํ เจลฺจ อชฺฌุเปกฺขิตฺวา จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานวีริยสนฺนาหํ สนฺนยฺหามิ, กิเลเส อเชตฺวา กิเลสวิชยโยคฺคํ วิเวกฏฺานํ น วิสฺสชฺเชมีติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปวิสิสฺสามิ กานนํ น ตโต นิกฺขมิสฺสามิ, อปฺปตฺโต อาสวกฺขย’’นฺติ.

‘‘มาลุเต อุปวายนฺเต’’ติอาทินา อรฺฏฺานสฺส กมฺมฏฺานภาวนาโยคฺยตํ วทติ, รมิสฺสามิ นูน คิริพฺพเชติ โยชนา. ปพฺพตปริกฺเขเป อภิรมิสฺสามิ มฺเติ อนาคตตฺถํ ปริกปฺเปนฺโต วทติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

เอวํ วตฺวา เถโร อรฺํ ปวิสิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโต อุปชฺฌาเยน สทฺธึ กลิงฺครฏฺํ อคมาสิ. ตตฺถสฺส ปาเท จมฺมิกาพาโธ อุปฺปชฺชิ, ตํ ทิสฺวา เอโก เวชฺโช ‘‘สปฺปึ, ภนฺเต, ปริเยสถ, ติกิจฺฉิสฺสามิ น’’นฺติ อาห. เถโร สปฺปิปริเยสนํ อกตฺวา วิปสฺสนาย เอว กมฺมํ กโรติ, โรโค วฑฺฒติ, เวชฺโช เถรสฺส ตตฺถ อปฺโปสฺสุกฺกตํ ทิสฺวา สยเมว สปฺปึ ปริเยสิตฺวา เถรํ อโรคํ อกาสิ. โส อโรโค หุตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๔.๑-๑๒) –

‘‘อิมมฺหิ ภทฺทเก กปฺเป, พฺรหฺมพนฺธุ มหายโส;

กสฺสโป นาม โคตฺเตน, อุปฺปชฺชิ วทตํ วโร.

‘‘นิปฺปปฺโจ นิราลมฺโพ, อากาสสมมานโส;

สุฺตาพหุโล ตาที, อนิมิตฺตรโต วสี.

‘‘อสงฺคจิตฺโต นิกฺเลโส, อสํสฏฺโ กุเล คเณ;

มหาการุณิโก วีโร, วินโยปายโกวิโท.

‘‘อุยฺยุตฺโต ปรกิจฺเจสุ, วินยนฺโต สเทวเก;

นิพฺพานคมนํ มคฺคํ, คตึ ปงฺกวิโสสนํ.

‘‘อมตํ ปรมสฺสาทํ, ชรามจฺจุนิวารณํ;

มหาปริสมชฺเฌ โส, นิสินฺโน โลกตารโก.

‘‘กรวีกรุโต นาโถ, พฺรหฺมโฆโส ตถาคโต;

อุทฺธรนฺโต มหาทุคฺคา, วิปฺปนฏฺเ อนายเก.

‘‘เทเสนฺโต วิรชํ ธมฺมํ, ทิฏฺโ เม โลกนายโก;

ตสฺส ธมฺมํ สุณิตฺวาน, ปพฺพชึ อนคาริยํ.

‘‘ปพฺพชิตฺวา ตทาปาหํ, จินฺเตนฺโต ชินสาสนํ;

เอกโกว วเน รมฺเม, วสึ สํสคฺคปีฬิโต.

‘‘สกฺกายวูปกาโส เม, เหตุภูโต มมาภวี;

มนโส วูปกาสสฺส, สํสคฺคภยทสฺสิโน.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา เถเร ตตฺถ วิหรนฺเต ราชา โกฏิธนปริจฺจาเคน โภชกคิริวิหารํ นาม กาเรตฺวา เถรํ ตตฺถ วาเสสิ. โส ตตฺถ วิหรนฺโต ปรินิพฺพานกาเล –

๕๔๖.

‘‘โสหํ ปริปุณฺณสงฺกปฺโป, จนฺโท ปนฺนรโส ยถา;

สพฺพาสวปริกฺขีโณ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ. –

โอสานคาถมาห. สา อุตฺตานตฺถาว. ตเทว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณํ อโหสีติ.

เอกวิหาริยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. มหากปฺปินตฺเถรคาถาวณฺณนา

อนาคตํโย ปฏิกจฺจ ปสฺสตีติอาทิกา อายสฺมโต มหากปฺปินตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร กุลฆเร นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ภิกฺขุโอวาทกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ตชฺชํ อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ.

โส ตตฺถ ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล พาราณสิยํ กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต ปุริสสหสฺสคณเชฏฺโก หุตฺวา คพฺภสหสฺสปฏิมณฺฑิตํ มหนฺตํ ปริเวณํ การาเปสิ. เต สพฺเพปิ ชนา ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา ตํ อุปาสกํ เชฏฺกํ กตฺวา สปุตฺตทารา เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรึสุ. เตสุ คณเชฏฺโก อมฺหากํ สตฺถุ นิพฺพตฺติโต ปุเรตรเมว ปจฺจนฺตเทเส กุกฺกุฏนามเก นคเร ราชเคเห นิพฺพตฺติ, ตสฺส กปฺปิโนติ นามํ อโหสิ. เสสปุริสา ตสฺมึเยว นคเร อมจฺจกุเล นิพฺพตฺตึสุ. กปฺปินกุมาโร ปิตุ อจฺจเยน ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา มหากปฺปินราชา นาม ชาโต. โส สุตวิตฺตกตาย ปาโตว จตูหิ ทฺวาเรหิ สีฆํ ทูเต เปเสสิ – ‘‘ยตฺถ พหุสฺสุเต ปสฺสถ, ตโต นิวตฺติตฺวา มยฺหํ อาโรเจถา’’ติ.

เตน จ สมเยน อมฺหากํ สตฺถา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา สาวตฺถึ อุปนิสฺสาย วิหรติ. ตสฺมึ กาเล สาวตฺถิวาสิโน วาณิชา สาวตฺถิยํ อุฏฺานกภณฺฑํ คเหตฺวา ตํ นครํ คนฺตฺวา ภณฺฑํ ปฏิสาเมตฺวา ‘‘ราชานํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ ปณฺณาการหตฺถา รฺโ อาโรจาเปสุํ. เต ราชา ปกฺโกสาเปตฺวา นิยฺยาทิตปณฺณากาเร วนฺทิตฺวา ิเต ‘‘กุโต อาคตตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สาวตฺถิโต, เทวา’’ติ. ‘‘กจฺจิ โว รฏฺํ สุภิกฺขํ, ธมฺมิโก ราชา’’ติ? ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘กีทิโส ธมฺโม ตุมฺหากํ เทเส อิทานิ ปวตฺตตี’’ติ? ‘‘ตํ, เทว, น สกฺกา อุจฺฉิฏฺมุเขหิ กเถตุ’’นฺติ. ราชา สุวณฺณภิงฺคาเรน อุทกํ ทาเปสิ. เต มุขํ วิกฺขาเลตฺวา ทสพลาภิมุขา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา, ‘‘เทว, อมฺหากํ เทเส พุทฺธรตนํ นาม อุปฺปนฺน’’นฺติ อาหํสุ. รฺโ ‘‘พุทฺโธ’’ติ วจเน สุตมตฺเตเยว สกลสรีรํ ผรมานา ปีติ อุปฺปชฺชิ. ตโต ‘‘พุทฺโธติ, ตาตา, วเทถา’’ติ อาห. ‘‘พุทฺโธติ, เทว, วทามา’’ติ. เอวํ ติกฺขตฺตุํ วทาเปตฺวา ‘‘พุทฺโธติ ปทํ อปริมาณ’’นฺติ ตสฺมึเยว ปเท ปสนฺโน สตสหสฺสํ ทตฺวา ‘‘อปรํ วเทถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เทว, โลเก ธมฺมรตนํ นาม อุปฺปนฺน’’นฺติ. ตมฺปิ สุตฺวา ตเถว สตสหสฺสํ ทตฺวา ‘‘อปรํ วเทถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เทว, สงฺฆรตนํ นาม อุปฺปนฺน’’นฺติ. ตมฺปิ สุตฺวา ตเถว สตสหสฺสํ ทตฺวา ‘‘พุทฺธสฺส ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามี’’ติ ตโตว นิกฺขมิ. อมจฺจาปิ ตเถว นิกฺขมึสุ. โส อมจฺจสหสฺเสน สทฺธึ คงฺคาตีรํ ปตฺวา ‘‘สเจ สตฺถา สมฺมาสมฺพุทฺโธ, อิเมสํ อสฺสานํ ขุรมตฺตมฺปิ มา เตเมตู’’ติ สจฺจาธิฏฺานํ กตฺวา อุทกปิฏฺเเนว ปูรํ คงฺคานทึ อติกฺกมิตฺวา อปรมฺปิ อฑฺฒโยชนวิตฺถารํ นทึ ตเถว อติกฺกมิตฺวา ตติยํ จนฺทภาคํ นาม มหานทึ ปตฺวา ตมฺปิ ตาย เอว สจฺจกิริยาย อติกฺกมิ.

สตฺถาปิ ตํทิวสํ ปจฺจูสสมยํเยว มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฏฺาย โลกํ โวโลเกนฺโต ‘‘อชฺช มหากปฺปิโน ติโยชนสติกํ รชฺชํ ปหาย อมจฺจสหสฺสปริวาโร มม สนฺติเก ปพฺพชิตุํ อาคมิสฺสตี’’ติ ทิสฺวา ‘‘มยา เตสํ ปจฺจุคฺคมนํ กาตุํ ยุตฺต’’นฺติ ปาโตว สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต สยเมว อากาเสน คนฺตฺวา จนฺทภาคาย นทิยา ตีเร เตสํ อุตฺตรณติตฺถสฺสาภิมุขฏฺาเน มหานิคฺโรธมูเล ปลฺลงฺเกน นิสินฺโน ฉพฺพณฺณพุทฺธรสฺมิโย วิสฺสชฺเชสิ. เต เตน ติตฺเถน อุตฺตรนฺตา พุทฺธรสฺมิโย อิโต จิโต จ วิธาวนฺติโย โอโลเกนฺโต ภควนฺตํ ทิสฺวา ‘‘ยํ สตฺถารํ อุทฺทิสฺส มยํ อาคตา, อทฺธา โส เอโส’’ติ ทสฺสเนเนว นิฏฺํ คนฺตฺวา ทิฏฺฏฺานโต ปฏฺาย โอนมิตฺวา ปรมนิปจฺจาการํ กโรนฺตา ภควนฺตํ อุปสงฺกมึสุ. ราชา ภควโต โคปฺผเกสุ คเหตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ สทฺธึ อมจฺจสหสฺเสน. สตฺถา เตสํ ธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน สทฺธึ ปริสาย อรหตฺเต ปติฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๔.๖๖-๑๐๗) –

‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, สพฺพธมฺมาน ปารคู;

อุทิโต อชฏากาเส, รวีว สรทมฺพเร.

‘‘วจนาภาย โพเธติ, เวเนยฺยปทุมานิ โส;

กิเลสปงฺกํ โสเสติ, มติรํสีหิ นายโก.

‘‘ติตฺถิยานํ ยเส หนฺติ, ขชฺโชตาภา ยถา รวิ;

สจฺจตฺถาภํ ปกาเสติ, รตนํว ทิวากโร.

‘‘คุณานํ อายติภูโต, รตนานํว สาคโร;

ปชฺชุนฺโนริว ภูตานิ, ธมฺมเมเฆน วสฺสติ.

‘‘อกฺขทสฺโส ตทา อาสึ, นคเร หํสสวฺหเย;

อุเปจฺจ ธมฺมมสฺโสสึ, ชลชุตฺตมนามิโน.

‘‘โอวาทกสฺส ภิกฺขูนํ, สาวกสฺส กตาวิโน;

คุณํ ปกาสยนฺตสฺส, ตปฺปยนฺตสฺส เม มนํ.

‘‘สุตฺวา ปตีโต สุมโน, นิมนฺเตตฺวา ตถาคตํ;

สสิสฺสํ โภชยิตฺวาน, ตํ านมภิปตฺถยึ.

‘‘ตทา หํสสมภาโค, หํสทุนฺทุภินิสฺสโน;

ปสฺสเถตํ มหามตฺตํ, วินิจฺฉยวิสารทํ.

‘‘ปติตํ ปาทมูเล เม, สมุคฺคตตนูรุหํ;

ชีมูตวณฺณํ ปีณํสํ, ปสนฺนนยนานนํ.

‘‘ปริวาเรน มหตา, ราชยุตฺตํ มหายสํ;

เอโส กตาวิโน านํ, ปตฺเถติ มุทิตาสโย.

‘‘อิมินา ปณิปาเตน, จาเคน ปณิธีหิ จ;

กปฺปสตสหสฺสานิ, นุปปชฺชติ ทุคฺคตึ.

‘‘เทเวสุ เทวโสภคฺคํ, มนุสฺเสสุ มหนฺตตํ;

อนุโภตฺวาน เสเสน, นิพฺพานํ ปาปุณิสฺสติ.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘ตสฺส ธมฺเมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;

กปฺปิโน นาม นาเมน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโก.

‘‘ตโตหํ สุกตํ การํ, กตฺวาน ชินสาสเน;

ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตุสิตํ อคมาสหํ.

‘‘เทวมานุสรชฺชานิ, สตโส อนุสาสิย;

พาราณสิยมาสนฺเน, ชาโต เกณิยชาติยํ.

‘‘สหสฺสปริวาเรน, สปชาปติโก อหํ;

ปฺจปจฺเจกพุทฺธานํ, สตานิ สมุปฏฺหึ.

‘‘เตมาสํ โภชยิตฺวาน, ปจฺฉาทมฺห ติจีวรํ;

ตโต จุตา มยํ สพฺเพ, อหุมฺห ติทสูปคา.

‘‘ปุโน สพฺเพ มนุสฺสตฺตํ, อคมิมฺห ตโต จุตา;

กุกฺกุฏมฺหิ ปุเร ชาตา, หิมวนฺตสฺส ปสฺสโต.

‘‘กปฺปิโน นามหํ อาสึ, ราชปุตฺโต มหายโส;

เสสามจฺจกุเล ชาตา, มเมว ปริวารยุํ.

‘‘มหารชฺชสุขํ ปตฺโต, สพฺพกามสมิทฺธิมา;

วาณิเชหิ สมกฺขาตํ, พุทฺธุปฺปาทมหํ สุณึ.

‘‘พุทฺโธ โลเก สมุปฺปนฺโน, อสโม เอกปุคฺคโล;

โส ปกาเสติ สทฺธมฺมํ, อมตํ สุขมุตฺตมํ.

‘‘สุยุตฺตา ตสฺส สิสฺสา จ, สุมุตฺตา จ อนาสวา;

สุตฺวา เนสํ สุวจนํ, สกฺกริตฺวาน วาณิเช.

‘‘ปหาย รชฺชํ สามจฺโจ, นิกฺขมึ พุทฺธมามโก;

นทึ ทิสฺวา มหาจนฺทํ, ปูริตํ สมติตฺติกํ.

‘‘อปฺปติฏฺํ อนาลมฺพํ, ทุตฺตรํ สีฆวาหินึ;

คุณํ สริตฺวา พุทฺธสฺส, โสตฺถินา สมติกฺกมึ.

‘‘ภวโสตํ สเจ พุทฺโธ, ติณฺโณ โลกนฺตคู วิทู;

เอเตน สจฺจวชฺเชน, คมนํ เม สมิชฺฌตุ.

‘‘ยทิ สนฺติคโม มคฺโค, โมกฺโข จจฺจนฺติกํ สุขํ;

เอเตน สจฺจวชฺเชน, คมนํ เม สมิชฺฌตุ.

‘‘สงฺโฆ เจ ติณฺณกนฺตาโร, ปุฺกฺเขตฺโต อนุตฺตโร;

เอเตน สจฺจวชฺเชน, คมนํ เม สมิชฺฌตุ.

‘‘สห กเต สจฺจวเร, มคฺคา อปคตํ ชลํ;

ตโต สุเขน อุตฺติณฺโณ, นทีตีเร มโนรเม.

‘‘นิสินฺนํ อทฺทสํ พุทฺธํ, อุเทนฺตํว ปภงฺกรํ;

ชลนฺตํ เหมเสลํว, ทีปรุกฺขํว โชติตํ.

‘‘สสึว ตาราสหิตํ, สาวเกหิ ปุรกฺขตํ;

วาสวํ วิย วสฺสนฺตํ, เทสนาชลทนฺตรํ.

‘‘วนฺทิตฺวาน สหามจฺโจ, เอกมนฺตมุปาวิสึ;

ตโต โน อาสยํ ตฺวา, พุทฺโธ ธมฺมมเทสยิ.

‘‘สุตฺวาน ธมฺมํ วิมลํ, อโวจุมฺห มยํ ชินํ;

ปพฺพาเชหิ มหาวีร, นิพฺพินฺทามฺห มยํ ภเว.

‘‘สฺวกฺขาโต ภิกฺขเว ธมฺโม, ทุกฺขนฺตกรณาย โว;

จรถ พฺรหฺมจริยํ, อิจฺจาห มุนิสตฺตโม.

‘‘สห วาจาย สพฺเพปิ, ภิกฺขุเวสธรา มยํ;

อหุมฺห อุปสมฺปนฺนา, โสตาปนฺนา จ สาสเน.

‘‘ตโต เชตวนํ คนฺตฺวา, อนุสาสิ วินายโก;

อนุสิฏฺโ ชิเนนาหํ, อรหตฺตมปาปุณึ.

‘‘ตโต ภิกฺขุสหสฺสานิ, อนุสาสิมหํ ตทา;

มมานุสาสนกรา, เตปิ อาสุํ อนาสวา.

‘‘ชิโน ตสฺมึ คุเณ ตุฏฺโ, เอตทคฺเค เปสิ มํ;

ภิกฺขุโอวาทกานคฺโค, กปฺปิโนติ มหาชเน.

‘‘สตสหสฺเส กตํ กมฺมํ, ผลํ ทสฺเสสิ เม อิธ;

ปมุตฺโต สรเวโคว, กิเลเส ฌาปยึ มม.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปตฺวา ปน เต สพฺเพว สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจึสุ. สตฺถา เต ‘‘เอถ, ภิกฺขโว’’ติ อาห. สา เอว เตสํ ปพฺพชฺชา อุปสมฺปทา จ อโหสิ. สตฺถา ตํ ภิกฺขุสหสฺสํ อาทาย อากาเสน เชตวนํ อคมาสิ. อเถกทิวสํ ภควา ตสฺสนฺเตวาสิเก ภิกฺขู อาห – ‘‘กจฺจิ, ภิกฺขเว, กปฺปิโน ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสตี’’ติ? ‘‘น, ภควา, เทเสติ . อปฺโปสฺสุกฺโก ทิฏฺธมฺมสุขวิหารมนุยุตฺโต วิหรติ, โอวาทมตฺตมฺปิ น เทตี’’ติ. สตฺถา เถรํ ปกฺโกสาเปตฺวา – ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, กปฺปิน, อนฺเตวาสิกานํ โอวาทมตฺตมฺปิ น เทสี’’ติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติ. ‘‘พฺราหฺมณ, มา เอวํ กริ, อชฺช ปฏฺาย อุปคตานํ ธมฺมํ เทเสหี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ เถโร สตฺถุ วจนํ สิรสา สมฺปฏิจฺฉิตฺวา เอโกวาเทเนว สมณสหสฺสํ อรหตฺเต ปติฏฺาเปสิ. เตน นํ สตฺถา ปฏิปาฏิยา อตฺตโน สาวเก เถเร านนฺตเร เปนฺโต ภิกฺขุโอวาทกานํ อคฺคฏฺาเน เปสิ. อเถกทิวสํ เถโร ภิกฺขุนิโย โอวทนฺโต –

๕๔๗.

‘‘อนาคตํ โย ปฏิกจฺจ ปสฺสติ, หิตฺจ อตฺถํ อหิตฺจ ตํ ทฺวยํ;

วิทฺเทสิโน ตสฺส หิเตสิโน วา, รนฺธํ น ปสฺสนฺติ สเมกฺขมานา.

๕๔๘.

‘‘อานาปานสตี ยสฺส, ปริปุณฺณา สุภาวิตา;

อนุปุพฺพํ ปริจิตา, ยถา พุทฺเธน เทสิตา;

โสมํ โลกํ ปภาเสติ, อพฺภา มุตฺโตว จนฺทิมา.

๕๔๙.

‘‘โอทาตํ วต เม จิตฺตํ, อปฺปมาณํ สุภาวิตํ;

นิพฺพิทฺธํ ปคฺคหีตฺจ, สพฺพา โอภาสเต ทิสา.

๕๕๐.

‘‘ชีวเต วาปิ สปฺปฺโ, อปิ วิตฺตปริกฺขโย;

ปฺาย จ อลาเภน, วิตฺตวาปิ น ชีวติ.

๕๕๑.

‘‘ปฺา สุตวินิจฺฉินี, ปฺา กิตฺติสิโลกวทฺธนี;

ปฺาสหิโต นโร อิธ, อปิ ทุกฺเขสุ สุขานิ วินฺทติ.

๕๕๒.

‘‘นายํ อชฺชตโน ธมฺโม, นจฺเฉโร นปิ อพฺภุโต;

ยตฺถ ชาเยถ มีเยถ, ตตฺถ กึ วิย อพฺภุตํ.

๕๕๓.

‘‘อนนฺตรฺหิ ชาตสฺส, ชีวิตา มรณํ ธุวํ;

ชาตา ชาตา มรนฺตีธ, เอวํ ธมฺมา หิ ปาณิโน.

๕๕๔.

‘‘น เหตทตฺถาย มตสฺส โหติ, ยํ ชีวิตตฺถํ ปรโปริสานํ;

มตมฺหิ รุณฺณํ น ยโส น โลกฺยํ, น วณฺณิตํ สมณพฺราหฺมเณหิ.

๕๕๕.

‘‘จกฺขุํ สรีรํ อุปหนฺติ เตน, นิหียติ วณฺณพลํ มตี จ;

อานนฺทิโน ตสฺส ทิสา ภวนฺติ, หิเตสิโน นาสฺส สุขี ภวนฺติ.

๕๕๖.

‘‘ตสฺมา หิ อิจฺเฉยฺย กุเล วสนฺเต, เมธาวิโน เจว พหุสฺสุเต จ;

เยสฺหิ ปฺาวิภเวน กิจฺจํ, ตรนฺติ นาวาย นทึว ปุณฺณ’’นฺติ. –

อิมา คาถา อภาสิ.

ตตฺถ อนาคตนฺติ น อาคตํ, อวินฺทนฺติ, อตฺโถ. ปฏิกจฺจาติ ปุเตตรํเยว. ปสฺสตีติ โอโลเกติ. อตฺถนฺติ กิจฺจํ. ตํ ทฺวยนฺติ หิตาหิตํ. วิทฺเทสิโนติ อมิตฺตา. หิเตสิโนติ มิตฺตา. รนฺธนฺติ ฉิทฺทํ. สเมกฺขมานาติ คเวสนฺตา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย ปุคฺคโล อตฺตโน หิตาวหํ อหิตาวหํ ตทุภยฺจ อตฺถํ กิจฺจํ อนาคตํ อสมฺปตฺตํ ปุเรตรํเยว ปฺาจกฺขุนา อหํ วิย ปสฺสติ วีมํสติ วิจาเรติ, ตสฺส อมิตฺตา วา อหิตชฺฌาสเยน มิตฺตา วา หิตชฺฌาสเยน รนฺธํ คเวสนฺตา น ปสฺสนฺติ, ตาทิโส ปฺวา ปุคฺคโล อจฺฉิทฺทวุตฺติ, ตสฺมา ตุมฺเหหิ ตถารูเปหิ ภวิตพฺพนฺติ.

อิทานิ อานาปานสติภาวนาย คุณํ ทสฺเสนฺโต ตตฺถ ตานิ โยเชตุํ ‘‘อานาปานสตี ยสฺสา’’ติ ทุติยํ คาถมาห. ตตฺถ อานนฺติ อสฺสาโส. อปานนฺติ ปสฺสาโส. อสฺสาสปสฺสาสนิมิตฺตารมฺมณา สติ อานาปานสติ. สติสีเสน เจตฺถ ตํสมฺปยุตฺตสมาธิภาวนา อธิปฺเปตา. ยสฺสาติ, ยสฺส โยคิโน. ปริปุณฺณา สุภาวิตาติ จตุนฺนํ สติปฏฺานานํ โสฬสนฺนฺจ อาการานํ ปาริปูริยา สพฺพโส ปุณฺณา สตฺตนฺนํ โพชฺฌงฺคานํ วิชฺชาวิมุตฺตีนฺจ ปาริปูริยา สุฏฺุ ภาวิตา วฑฺฒิตา. อนุปุพฺพํ ปริจิตา, ยถา พุทฺเธน เทสิตาติ ‘‘โส สโตว อสฺสสตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๓๗๔; ม. นิ. ๑.๑๐๗) ยถา ภควตา เทสิตา, ตถา อนุปุพฺพํ อนุกฺกเมน ปริจิตา อาเสวิตา ภาวิตา. โสมํ โลกํ ปภาเสติ, อพฺภา มุตฺโตว จนฺทิมาติ โส โยคาวจโร ยถา อพฺภาทิอุปกฺกิเลสา วิมุตฺโต จนฺโท จนฺทาโลเกน อิมํ โอกาสโลกํ ปภาเสติ, เอวํ อวิชฺชาทิอุปกฺกิเลสวิมุตฺโต าณาโลเกน อตฺตสนฺตานปติตํ ปรสนฺตานปติตฺจ สงฺขารโลกํ ปภาเสติ ปกาเสติ. ตสฺมา ตุมฺเหหิ อานาปานสติภาวนา ภาเวตพฺพาติ อธิปฺปาโย.

อิทานิ อตฺตานํ นิทสฺสนํ กตฺวา ภาวนาภิโยคสฺส สผลตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โอทาตํ วต เม จิตฺต’’นฺติ ตติยํ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – นีวรณมลวิคมโต โอทาตํ สุทฺธํ วต มม จิตฺตํ. ยถา ปมาณกรา ราคาทโย ปหีนา, อปฺปมาณฺจ นิพฺพานํ ปจฺจกฺขํ กตํ อโหสิ, ตถา ภาวิตตฺตา อปฺปมาณํ สุภาวิตํ, ตโต เอว จตุสจฺจํ นิพฺพิทฺธํ ปฏิวิชฺฌิตํ, สกลสํกิเลสปกฺขโต ปคฺคหิตฺจ หุตฺวา ทุกฺขาทิกา ปุพฺพนฺตาทิกา จ ทิสา โอภาสเต ตตฺถ วิติณฺณกงฺขตฺตา สพฺพธมฺเมสุ วิคตสมฺโมหตฺตา จ. ตสฺมา ตุมฺเหหิปิ เอวํ จิตฺตํ ภาเวตพฺพนฺติ ทสฺเสติ.

ยถา ภาวนามยา ปฺา จิตฺตมลวิโสธนาทินา ปุริสสฺส พหุปการา, เอวํ อิตราปีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ชีวเต วาปิ สปฺปฺโ’’ติ จตุตฺถคาถมาห. ตสฺสตฺโถ – ปริกฺขีณธโนปิ สปฺปฺชาติโก อิตรีตรสนฺโตเสน สนฺตุฏฺโ อนวชฺชาย ชีวิกาย ชีวติเยว. ตสฺส หิ ชีวิตํ ชีวิตํ นาม. เตนาห ภควา – ‘‘ปฺาชีวึ ชีวิตมาหุ เสฏฺ’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๗๓, ๒๔๖; สุ. นิ. ๑๘๔). ทุมฺเมธปุคฺคโล ปน ปฺาย อลาเภน ทิฏฺธมฺมิกํ สมฺปรายิกฺจ อตฺถํ วิราเธนฺโต วิตฺตวาปิ น ชีวติ, ครหาทิปฺปตฺติยา ชีวนฺโต นาม น ตสฺส โหติ, อนุปายฺุตาย วา ยถาธิคตํ ธนํ นาเสนฺโต ชีวิตมฺปิ สนฺธาเรตุํ น สกฺโกติเยว, ตสฺมา ปาริหาริยปฺาปิ ตุมฺเหหิ อปฺปมตฺเตหิ สมฺปาเทตพฺพาติ อธิปฺปาโย.

อิทานิ ปฺาย อานิสํเส ทสฺเสตุํ ‘‘ปฺา สุตวินิจฺฉินี’’ติ ปฺจมํ คาถมาห. ตตฺถ ปฺา สุตวินิจฺฉินีติ ปฺา นาเมสา สุตสฺส วินิจฺฉยินี, ยถาสุเต โสตปถมาคเต อตฺเถ ‘‘อยํ อกุสโล, อยํ กุสโล, อยํ สาวชฺโช, อยํ อนวชฺโช’’ติอาทินา วินิจฺฉยชนนี. กิตฺติสิโลกวทฺธนีติ กิตฺติยา สมฺมุขา ปสํสาย สิโลกสฺส ปตฺถฏยสภาวสฺส วทฺธนี, ปฺวโตเยว หิ กิตฺติอาทโย วิฺูนํ ปาสํสภาวโต. ปฺาสหิโตติ ปาริหาริยปฺาย, วิปสฺสนาปฺาย จ ยุตฺโต. อปิ ทุกฺเขสุ สุขานิ วินฺทตีติ เอกนฺตทุกฺขสภาเวสุ ขนฺธายตนาทีสุ สมฺมาปฏิปตฺติยา ยถาภูตสภาวาวโพเธน นิรามิสานิปิ สุขานิ ปฏิลภติ.

อิทานิ ตาสํ ภิกฺขุนีนํ อนิจฺจตาปฏิสํยุตฺตํ ธีรภาวาวหํ ธมฺมํ กเถนฺโต ‘‘นายํ อชฺชตโน ธมฺโม’’ติอาทินา เสสคาถา อภาสิ. ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – ยฺวายํ สตฺตานํ ชายนมียนสภาโว, อยํ ธมฺโม อชฺชตโน อธุนาคโต น โหติ, อภิณฺหปวตฺติกตาย น อจฺฉริโย, อพฺภุตปุพฺพตาภาวโต นาปิ อพฺภุโต. ตสฺมา ยตฺถ ชาเยถ มีเยถ, ยสฺมึ โลเก สตฺโต ชาเยยฺย, โส เอกํเสน มีเยถ, ตตฺถ กึ วิย? กึ นาม อพฺภุตํ สิยา? สภาวิกตฺตา มรณสฺส – น หิ ขณิกมรณสฺส กิฺจิ การณํ อตฺถิ. ยโต อนนฺตรฺหิ ชาตสฺส, ชีวิตา มรณํ ธุวํ ชาตสฺส ชาติสมนนฺตรํ ชีวิตโต มรณํ เอกนฺติกํ อุปฺปนฺนานํ ขนฺธานํ เอกํเสน ภิชฺชนโต. โย ปเนตฺถ ชีวตีติ โลกโวหาโร, โส ตทุปาทานสฺส อเนกปจฺจยายตฺตตาย อเนกนฺติโก, ยสฺมา เอตเทวํ, ตสฺมา ชาตา มรนฺตีธ, เอวํธมฺมา หิ ปาณิโนติ อยํ สตฺตานํ ปกติ, ยทิทํ ชาตานํ มรณนฺติ ชาติยา มรณานุพนฺธนตํ อาห.

อิทานิ ยสฺมา ตาสุ ภิกฺขุนีสุ กาจิ โสกพนฺธิตจิตฺตาปิ อตฺถิ, ตสฺมา ตาสํ โสกวิโนทนํ กาตุํ ‘‘น เหตทตฺถายาติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ น เหตทตฺถาย มตสฺส โหตีติ ยํ มตสฺส ชีวิตตฺถํ ชีวิตนิมิตฺตํ ปรโปริสานํ ปรปุคฺคลานํ รุณฺณํ, เอตํ ตสฺส มตสฺส สตฺตสฺส ชีวิตตฺถํ ตาว ติฏฺตุ, กสฺสจิปิ อตฺถาย น โหติ, เย ปน รุทนฺติ, เตสมฺปิ มตมฺหิ มตปุคฺคลนิมิตฺตํ รุณฺณํ, น ยโส น โลกฺยํ ยสาวหํ วิสุทฺธาวหฺจ น โหติ . น วณฺณิตํ สมณพฺราหฺมเณหีติ วิฺุปฺปสฏฺมฺปิ น โหติ, อถ โข วิฺุครหิตเมวาติ อตฺโถ.

น เกวลเมเตว เย รุทโต อาทีนวา, อถ โข อิเมปีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘จกฺขุํ สรีรํ อุปหนฺตี’’ติ คาถํ วตฺวา ตโต ปรํ โสกาทิอนตฺถปฏิพาหนตฺถํ กลฺยาณมิตฺตปยิรุปาสนายํ ตา นิโยเชนฺโต ‘‘ตสฺมา’’ติอาทินา โอสานคาถมาห. ตตฺถ ตสฺมาติ ยสฺมา รุณฺณํ รุทนฺตสฺส ปุคฺคลสฺส จกฺขุํ สรีรฺจ อุปหนฺติ วิพาธติ, เตน รุณฺเณน วณฺโณ พลํ มติ จ นิหียติ ปริหายติ, ตสฺส รุทนฺตสฺส ปุคฺคลสฺส ทิสา สปตฺตา อานนฺทิโน ปโมทวนฺโต ปีติวนฺโต ภวนฺติ. หิเตสิโน มิตฺตา ทุกฺขี ทุกฺขิตา ภวนฺติ ตสฺมา ธมฺโมชปฺาย สมนฺนาคตตฺตา เมธาวิโน ทิฏฺธมฺมิกาทิอตฺถสนฺนิสฺสิตสฺส พาหุสจฺจสฺส ปาริปูริยา พหุสฺสุเต, อตฺตโน กุเล วสนฺเต อิจฺเฉยฺย ปาฏิกงฺเขยฺย กุลูปเก กเรยฺย. เยสนฺติ เยสํ เมธาวีนํ พหุสฺสุตานํ ปณฺฑิตานํ ปฺาวิภเวน ปฺาพเลน ยถา มโหฆสฺส ปุณฺณํ นทึ นาวาย ตรนฺติ, เอวํ กุลปุตฺตา อตฺตโน อตฺถกิจฺจํ ตรนฺติ ปารํ ปาปุณนฺติ. เต อิจฺเฉยฺย กุเล วสนฺเตติ โยชนา.

เอวํ เถโร ตาสํ ภิกฺขุนีนํ ธมฺมํ กเถตฺวา วิสฺสชฺเชสิ. ตา เถรสฺส โอวาเท ตฺวา โสกํ วิโนเทตฺวา โยนิโส ปฏิปชฺชนฺติโย สทตฺถํ ปริปูเรสุํ.

มหากปฺปินตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. จูฬปนฺถกตฺเถรคาถาวณฺณนา

ทนฺธามยฺหํ คตีติอาทิกา อายสฺมโต จูฬปนฺถกตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? ยเทตฺถ อฏฺุปฺปตฺติวเสน วตฺตพฺพํ, ตํ อฏฺกนิปาเต มหาปนฺถกวตฺถุสฺมึ (เถรคา. อฏฺ. ๒.มหาปนฺถกตฺเถรคาถาวณฺณนา) วุตฺตเมว. อยํ ปน วิเสโส – มหาปนฺถกตฺเถโร อรหตฺตํ ปตฺวา อคฺคผลสุเขน วีตินาเมนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘กถํ นุ โข สกฺกา จูฬปนฺถกมฺปิ อิมสฺมึ สุเข ปติฏฺเปตุ’’นฺติ? โส อตฺตโน อยฺยกํ ธนเสฏฺึ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘สเจ, มหาเสฏฺิ, อนุชานาถ , อหํ จูฬปนฺถกํ ปพฺพาเชยฺย’’นฺติ. ‘‘ปพฺพาเชถ, ภนฺเต’’ติ. เถโร ตํ ปพฺพาเชสิ. โส ทสสุ สีเลสุ ปติฏฺิโต ภาตุ สนฺติเก –

‘‘ปทุมํ ยถา โกกนทํ สุคนฺธํ, ปาโต สิยา ผุลฺลมวีตคนฺธํ;

องฺคีรสํ ปสฺส วิโรจมานํ, ตปนฺตมาทิจฺจมิวนฺตลิกฺเข’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๒๓; อ. นิ. ๕.๑๙๕) –

คาถํ อุคฺคณฺหนฺโต จตูหิ มาเสหิ คเหตุํ นาสกฺขิ, คหิตคหิตํ ปทํ หทเย น ติฏฺติ. อถ นํ มหาปนฺถโก อาห – ‘‘ปนฺถก, ตฺวํ อิมสฺมึ สาสเน อภพฺโพ, จตูหิ มาเสหิ เอกคาถมฺปิ คเหตุํ น สกฺโกสิ. ปพฺพชิตกิจฺจํ ปน ตฺวํ กถํ มตฺถกํ ปาเปสฺสสิ? นิกฺขม อิโต’’ติ. โส เถเรน ปณามิโต ทฺวารโกฏฺกสมีเป โรทมาโน อฏฺาสิ.

เตน จ สมเยน สตฺถา ชีวกมฺพวเน วิหรติ. อถ ชีวโก ปุริสํ เปเสสิ, ‘‘ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ สตฺถารํ นิมนฺเตหี’’ติ. เตน จ สมเยน อายสฺมา มหาปนฺถโก ภตฺตุทฺเทสโก โหติ. โส ‘‘ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ ภิกฺขํ ปฏิจฺฉถ, ภนฺเต’’ติ วุตฺโต ‘‘จูฬปนฺถกํ เปตฺวา เสสานํ ปฏิจฺฉามี’’ติ อาห. ตํ สุตฺวา จูฬปนฺถโก ภิยฺโยโสมตฺตาย โทมนสฺสปฺปตฺโต อโหสิ. สตฺถา ตสฺส จิตฺตกฺเขทํ ตฺวา, ‘‘จูฬปนฺถโก มยา กเตน อุปาเยน พุชฺฌิสฺสตี’’ติ ตสฺส อวิทูเร าเน อตฺตานํ ทสฺเสตฺวา ‘‘กึ, ปนฺถก, โรทสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภาตา มํ, ภนฺเต, ปณาเมตี’’ติ อาห. ‘‘ปนฺถก, มา จินฺตยิ, มม สาสเน ตุยฺหํ ปพฺพชฺชา, เอหิ, อิมํ คเหตฺวา ‘รโชหรณํ, รโชหรณ’นฺติ มนสิ กโรหี’’ติ อิทฺธิยา สุทฺธํ โจฬกฺขณฺฑํ อภิสงฺขริตฺวา อทาสิ. โส สตฺถารา ทินฺนํ โจฬกฺขณฺฑํ ‘‘รโชหรณํ, รโชหรณ’’นฺติ หตฺเถน ปริมชฺชนฺโต นิสีทิ. ตสฺส ตํ ปริมชฺชนฺตสฺส กิลิฏฺธาตุกํ ชาตํ, ปุน ปริมชฺชนฺตสฺส อุกฺขลิปริปุฺฉนสทิสํ ชาตํ. โส าณสฺส ปริปกฺกตฺตา เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘อิทํ โจฬกฺขณฺฑํ ปกติยา ปริสุทฺธํ, อิมํ อุปาทิณฺณกสรีรํ นิสฺสาย กิลิฏฺํ อฺถา ชาตํ, ตสฺมา อนิจฺจํ ยถาเปตํ, เอวํ จิตฺตมฺปี’’ติ ขยวยํ ปฏฺเปตฺวา ตสฺมึเยว นิมิตฺเต ฌานานิ นิพฺพตฺเตตฺวา ฌานปาทกํ วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๒.๓๕-๕๔) –

‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;

คณมฺหา วูปกฏฺโ โส, หิมวนฺเต วสี ตทา.

‘‘อหมฺปิ หิมวนฺตมฺหิ, วสามิ อสฺสเม ตทา;

อจิราคตํ มหาวีรํ, อุเปสึ โลกนายกํ.

‘‘ปุปฺผจฺฉตฺตํ คเหตฺวาน, อุปคจฺฉึ นราสภํ;

สมาธึ สมาปชฺชนฺตํ, อนฺตรายมกาสหํ.

‘‘อุโภ หตฺเถหิ ปคฺคยฺห, ปุปฺผจฺฉตฺตํ อทาสหํ;

ปฏิคฺคเหสิ ภควา, ปทุมุตฺตโร มหามุนิ.

‘‘สพฺเพ เทวา อตฺตมนา, หิมวนฺตํ อุเปนฺติ เต;

สาธุการํ ปวตฺเตสุํ, อนุโมทิสฺสติ จกฺขุมา.

‘‘อิทํ วตฺวาน เต เทวา, อุปคจฺฉุํ นรุตฺตมํ;

อากาเส ธารยนฺตสฺส, ปทุมจฺฉตฺตมุตฺตมํ.

‘‘สตปตฺตฉตฺตํ ปคฺคยฺห, อทาสิ ตาปโส มม;

ตมหํ กิตฺตยิสฺสามิ, สุณาถ มม ภาสโต.

‘‘ปฺจวีสติกปฺปานิ, เทวรชฺชํ กริสฺสติ;

จตุตฺตึสติกฺขตฺตุฺจ, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ.

‘‘ยํ ยํ โยนึ สํสรติ, เทวตฺตํ อถ มานุสํ;

อพฺโภกาเส ปติฏฺนฺตํ, ปทุมํ ธารยิสฺสติ.

‘‘กปฺปสตสหสฺสมฺหิ , โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘ปกาสิเต ปาวจเน, มนุสฺสตฺตํ ลภิสฺสติ;

มโนมยมฺหิ กายมฺหิ, อุตฺตโม โส ภวิสฺสติ.

‘‘ทฺเว ภาตโร ภวิสฺสนฺติ, อุโภปิ ปนฺถกวฺหยา;

อนุโภตฺวา อุตฺตมตฺถํ, โชตยิสฺสนฺติ สาสนํ.

‘‘โสหํ อฏฺารสวสฺโส, ปพฺพชึ อนคาริยํ;

วิเสสาหํ น วินฺทามิ, สกฺยปุตฺตสฺส สาสเน.

‘‘ทนฺธา มยฺหํ คตี อาสิ, ปริภูโต ปุเร อหุํ;

ภาตา จ มํ ปณาเมสิ, คจฺฉ ทานิ สกํ ฆรํ.

‘‘โสหํ ปณามิโต สนฺโต, สงฺฆารามสฺส โกฏฺเก;

ทุมฺมโน ตตฺถ อฏฺาสึ, สามฺสฺมึ อเปกฺขวา.

‘‘ภควา ตตฺถ อาคจฺฉิ, สีสํ มยฺหํ ปรามสิ;

พาหาย มํ คเหตฺวาน, สงฺฆารามํ ปเวสยิ.

‘‘อนุกมฺปาย เม สตฺถา, อทาสิ ปาทปุฺฉนึ;

เอวํ สุทฺธํ อธิฏฺเหิ, เอกมนฺตมธิฏฺหํ.

‘‘หตฺเถหิ ตมหํ คยฺห, สรึ โกกนทํ อหํ;

ตตฺถ จิตฺตํ วิมุจฺจิ เม, อรหตฺตํ อปาปุณึ.

‘‘มโนมเยสุ กาเยสุ, สพฺพตฺถ ปารมึ คโต;

สพฺพาสเว ปริฺาย, วิหรามิ อนาสโว.

‘‘ปฏิสมฺภิทา จตสฺโส…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตมคฺเคเนวสฺส เตปิฏกํ ปฺจาภิฺา จ อาคมึสุ. สตฺถา เอเกน อูเนหิ ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ คนฺตฺวา ชีวกสฺส นิเวสเน ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. จูฬปนฺถโก ปน อตฺตโน ภิกฺขาย อปฺปฏิจฺฉิตตฺตา เอว น คโต. ชีวโก ยาคุํ ทาตุํ อารภิ, สตฺถา ปตฺตํ หตฺเถน ปิทหิ. ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, น คณฺหถา’’ติ วุตฺเต – ‘‘วิหาเร เอโก ภิกฺขุ อตฺถิ, ชีวกา’’ติ. โส ปุริสํ ปหิณิ, ‘‘คจฺฉ, ภเณ, วิหาเร นิสินฺนํ อยฺยํ คเหตฺวา เอหี’’ติ. จูฬปนฺถกตฺเถโรปิ รูเปน กิริยาย จ เอกมฺปิ เอเกน อสทิสํ ภิกฺขุสหสฺสํ นิมฺมินิตฺวา นิสีทิ. โส ปุริโส วิหาเร ภิกฺขูนํ พหุภาวํ ทิสฺวา คนฺตฺวา ชีวกสฺส กเถสิ – ‘‘อิมสฺมา ภิกฺขุสงฺฆา วิหาเร ภิกฺขุสงฺโฆ พหุตโร, ปกฺโกสิตพฺพํ อยฺยํ น ชานามี’’ติ. ชีวโก สตฺถารํ ปฏิปุจฺฉิ – ‘‘โกนาโม, ภนฺเต, วิหาเร นิสินฺโน ภิกฺขู’’ติ? ‘‘จูฬปนฺถโก นาม, ชีวกา’’ติ. ‘‘คจฺฉ , ภเณ, ‘จูฬปนฺถโก นาม กตโร’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตํ อาเนหี’’ติ. โส วิหารํ คนฺตฺวา ‘‘จูฬปนฺถโก นาม กตโร, ภนฺเต’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อหํ จูฬปนฺถโก’’,‘‘อหํ จูฬปนฺถโก’’ติ เอกปหาเรเนว ภิกฺขุสหสฺสมฺปิ กเถสิ. โส ปุนาคนฺตฺวา ตํ ปวตฺตึ ชีวกสฺส อาโรเจสิ. ชีวโก ปฏิวิทฺธสจฺจตฺตา ‘‘อิทฺธิมา มฺเ, อยฺโย’’ติ นยโต ตฺวา ‘‘คจฺฉ, ภเณ, ปมํ กถนกมยฺยเมว ‘ตุมฺเห สตฺถา ปกฺโกสตี’ติ วตฺวา จีวรกณฺเณ คณฺหา’’ติ อาห. โส วิหารํ คนฺตฺวา ตถา อกาสิ, ตาวเทว นิมฺมิตภิกฺขู อนฺตรธายึสุ. โส เถรํ คเหตฺวา อคมาสิ.

สตฺถา ตสฺมึ ขเณ ยาคุฺจ ขชฺชกาทิเภทฺจ ปฏิคฺคณฺหิ. ทสพเล ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา วิหารํ คเต ธมฺมสภายํ กถา อุทปาทิ – ‘‘อโห พุทฺธานํ อานุภาโว, ยตฺร หิ นาม จตฺตาโร มาเส เอกคาถํ คเหตุํ อสกฺโกนฺตมฺปิ ลหุเกน ขเณเนว เอวํ มหิทฺธิกํ อกํสู’’ติ. สตฺถา เตสํ ภิกฺขูนํ กถาสลฺลาปํ สุตฺวา อาคนฺตฺวา พุทฺธาสเน นิสชฺช, ‘‘กึ วเทถ, ภิกฺขเว’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อิมํ นาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, จูฬปนฺถเกน อิทานิ มยฺหํ โอวาเท ตฺวา โลกุตฺตรทายชฺชํ ลทฺธํ, ปุพฺเพ ปน โลกิยทายชฺช’’นฺติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต จูฬเสฏฺิชาตกํ (ชา. ๑.๑.๔) กเถสิ. อปรภาเค ตํ สตฺถา อริยคณปริวุโต ธมฺมาสเน นิสินฺโน มโนมยํ กายํ อภินิมฺมินนฺตานํ ภิกฺขูนํ เจโตวิวฏฺฏกุสลานฺจ อคฺคฏฺาเน เปสิ. โส อปเรน สมเยน ภิกฺขูหิ ‘‘ตถา ทนฺธธาตุเกน กถํ ตยา สจฺจานิ ปฏิวิทฺธานี’’ติ ปุฏฺโ ภาตุ ปณามนโต ปฏฺาย อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปกาเสนฺโต –

๕๕๗.

‘‘ทนฺธา มยฺหํ คตี อาสิ, ปริภูโต ปุเร อหํ;

ภาตา จ มํ ปณาเมสิ, คจฺฉ ทานิ ตุวํ ฆรํ.

๕๕๘.

‘‘โสหํ ปณามิโต สนฺโต, สงฺฆารามสฺส โกฏฺเก;

ทุมฺมโน ตตฺถ อฏฺาสึ, สาสนสฺมึ อเปกฺขวา.

๕๕๙.

‘‘ภควา ตตฺถ อาคจฺฉิ, สีสํ มยฺหํ ปรามสิ;

พาหาย มํ คเหตฺวาน, สงฺฆารามํ ปเวสยิ.

๕๖๐.

‘‘อนุกมฺปาย เม สตฺถา, ปาทาสิ ปาทปุฺฉนึ;

เอตํ สุทฺธํ อธิฏฺเหิ, เอกมนฺตํ สฺวธิฏฺิตํ.

๕๖๑.

‘‘ตสฺสาหํ วจนํ สุตฺวา, วิหาสึ สาสเน รโต;

สมาธึ ปฏิปาเทสึ, อุตฺตมตฺถสฺส ปตฺติยา.

๕๖๒.

‘‘ปุพฺเพนิวาสํ ชานามิ, ทิพฺพจกฺขุ วิโสธิตํ;

ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํ.

๕๖๓.

‘‘สหสฺสกฺขตฺตุมตฺตานํ, นิมฺมินิตฺวาน ปนฺถโก;

นิสีทมฺพวเน รมฺเม, ยาว กาลปฺปเวทนา.

๕๖๔.

‘‘ตโต เม สตฺถา ปาเหสิ, ทูตํ กาลปฺปเวทกํ;

ปเวทิตมฺหิ กาลมฺหิ, เวหาสาทุปสงฺกมึ.

๕๖๕.

‘‘วนฺทิตฺวา สตฺถุโน ปาเท, เอกมนฺตํ นิสีทหํ;

นิสินฺนํ มํ วิทิตฺวาน, อตฺถ สตฺถา ปฏิคฺคหิ.

๕๖๖.

‘‘อายาโค สพฺพโลกสฺส, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;

ปุฺกฺเขตฺตํ มนุสฺสานํ, ปฏิคฺคณฺหิตฺถ ทกฺขิณ’’นฺติ. –

อิมา คาถา อภาสิ.

ตตฺถ ทนฺธาติ, มนฺทา, จตุปฺปทิกํ คาถํ จตูหิ มาเสหิ คเหตุํ อสมตฺถภาเวน ทุพฺพลา. คตีติ าณคติ. อาสีติ, อโหสิ. ปริภูโตติ, ตโต เอว ‘‘มุฏฺสฺสติ อสมฺปชาโน’’ติ หีฬิโต. ปุเรติ, ปุพฺเพ ปุถุชฺชนกาเล. ภาตา จาติ สมุจฺจยตฺโถ จ-สทฺโท, น เกวลํ ปริภูโตว, อถ โข ภาตาปิ มํ ปณาเมสิ, ‘‘ปนฺถก, ตฺวํ ทุปฺปฺโ อเหตุโก มฺเ, ตสฺมา ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกํ ปาเปตุํ อสมตฺโถ , น อิมสฺส สาสนสฺส อนุจฺฉวิโก, คจฺฉ ทานิ ตุยฺหํ อยฺยกฆร’’นฺติ นิกฺกฑฺเฒสิ. ภาตาติ, ภาตรา.

โกฏฺเกติ, ทฺวารโกฏฺกสมีเป. ทุมฺมโนติ, โทมนสฺสิโต. สาสนสฺมึ อเปกฺขวาติ, สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาสเน สาเปกฺโข อวิพฺภมิตุกาโม.

ภควา ตตฺถ อาคจฺฉีติ, มหากรุณาสฺโจทิตมานโส มํ อนุคฺคณฺหนฺโต ภควา ยตฺถาหํ ิโต, ตตฺถ อาคจฺฉิ. อาคนฺตฺวา จ, ‘‘ปนฺถก, อหํ เต สตฺถา, น มหาปนฺถโก, มํ อุทฺทิสฺส ตว ปพฺพชฺชา’’ติ สมสฺสาเสนฺโต สีสํ มยฺหํ ปรามสิ ชาลาพนฺธนมุทุตลุนปีณวรายตงฺคุลิสมุปโสภิเตน วิกสิตปทุมสสฺสิรีเกน จกฺกงฺกิเตน หตฺถตเลน ‘‘อิทานิเยว มม ปุตฺโต ภวิสฺสตี’’ติ ทีเปนฺโต มยฺหํ สีสํ ปรามสิ. พาหาย มํ คเหตฺวานาติ, ‘‘กสฺมา ตฺวํ, อิธ ติฏฺสี’’ติ จนฺทนคนฺธคนฺธินา อตฺตโน หตฺเถน มํ ภุเช คเหตฺวา อนฺโตสงฺฆารามํ ปเวเสสิ. ปาทาสิปาทปุฺฉนินฺติ ปาทปุฺฉนึ กตฺวา ปาทาสิ ‘‘รโชหรณนฺติ มนสิ กโรหี’’ติ อทาสีติ อตฺโถ. ‘‘อทาสี’’ติ ‘‘ปาทปุฺฉนิ’’นฺติ จ ปนฺติ. เกจิ ปน ‘‘ปาทปุฺฉนิ’’นฺติ ปาทปุฺฉนโจฬกฺขณฺฑํ ปาทาสี’’ติ วทนฺติ. ตทยุตฺตํ อิทฺธิยา อภิสงฺขริตฺวา โจฬกฺขณฺฑสฺส ทินฺนตฺตา. เอตํ สุทฺธํ อธิฏฺเหิ, เอกมนฺตํ สฺวธิฏฺิตนฺติ, เอตํ สุทฺธํ โจฬกฺขณฺฑํ ‘‘รโชหรณํ, รโชหรณ’’นฺติ มนสิกาเรน สฺวธิฏฺิตํ กตฺวา เอกมนฺตํ เอกมนฺเต วิวิตฺเต คนฺธกุฏิปมุเข นิสินฺโน อธิฏฺเหิ ตถา จิตฺตํ สมาหิตํ กตฺวา ปวตฺเตหิ.

ตสฺสาหํ วจนํ สุตฺวาติ, ตสฺส ภควโต วจนํ โอวาทํ อหํ สุตฺวา ตสฺมึ สาสเน โอวาเท รโต อภิรโต หุตฺวา วิหาสึ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชึ. ปฏิปชฺชนฺโต จ สมาธึ ปฏิปาเทสึ, อุตฺตมตฺถสฺส ปตฺติยาติ, อุตฺตมตฺโถ นาม อรหตฺตํ, ตสฺส อธิคมาย กสิณปริกมฺมวเสน รูปชฺฌานานิ นิพฺพตฺเตตฺวา ฌานปาทกํ วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา มคฺคปฏิปาฏิยา อคฺคมคฺคสมาธึ สมฺปาเทสินฺติ อตฺโถ. เอตฺถ หิ สมาธีติ อุปจารสมาธิโต ปฏฺาย ยาว จตุตฺถมคฺคสมาธิ, ตาว สมาธิสามฺเน คหิโต, อคฺคผลสมาธิ ปน อุตฺตมตฺถคฺคหเณน, สาติสยํ เจวายํ สมาธิกุสโล, ตสฺมา ‘‘สมาธึ ปฏิปาเทสิ’’นฺติ อาห. สมาธิกุสลตาย หิ อยมายสฺมา เจโตวิวฏฺฏกุสโล นาม ชาโต, มหาปนฺถกตฺเถโร ปน วิปสฺสนากุสลตาย สฺาวิวฏฺฏกุสโล นาม. เอโก เจตฺถ สมาธิลกฺขเณ เฉโก, เอโก วิปสฺสนาลกฺขเณ, เอโก สมาธิคาฬฺโห, เอโก วิปสฺสนาคาฬฺโห เอโก องฺคสํขิตฺเต เฉโก, เอโก อารมฺมณสํขิตฺเต, เอโก องฺคววตฺถาเน, เอโก อารมฺมณววตฺถาเนติ วณฺเณนฺติ. อปิจ จูฬปนฺถกตฺเถโร สาติสยํ จตุนฺนํ รูปาวจรชฺฌานานํ ลาภิตาย เจโตวิวฏฺฏกุสโล วุตฺโต, มหาปนฺถกตฺเถโร สาติสยํ จตุนฺนํ อรูปาวจรชฺฌานานํ ลาภิตาย สฺาวิวฏฺฏกุสโล. ปโม วา รูปาวจรชฺฌานลาภี หุตฺวา ฌานงฺเคหิ วุฏฺาย อรหตฺตํ ปตฺโตติ เจโตวิวฏฺฏกุสโล, อิตโร อรูปาวจรชฺฌานลาภี หุตฺวา ฌานงฺเคหิ วุฏฺาย อรหตฺตํ ปตฺโตติ สฺาวิวฏฺฏกุสโล. มโนมยํ ปน กายํ นิพฺพตฺเตนฺโต อฺเ ตโย วา จตฺตาโร วา นิพฺพตฺตนฺติ, น พหุเก, เอกสทิเสเยว จ กตฺวา นิพฺพตฺเตนฺติ, เอกวิธเมว กมฺมํ กุรุมาเน. อยํ ปน เถโร เอกาวชฺชเนน สมณสหสฺสํ มาเปสิ, ทฺเวปิ น กาเยน เอกสทิเส อกาสิ, น เอกวิธํ กมฺมํ กุรุมาเน. ตสฺมา มโนมยํ กายํ อภินิมฺมินนฺตานํ อคฺโค นาม ชาโต.

อิทานิ อตฺตโน อธิคตวิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปุพฺเพนิวาสํ ชานามี’’ติอาทิมาห. กามฺจายํ เถโร ฉฬภิฺโ, ยา ปน อภิฺา อาสวกฺขยาณาธิคมสฺส พหูปการา, ตํ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ปุพฺเพนิวาสํ ชานามิ, ทิพฺพจกฺขุ วิโสธิต’’นฺติ วตฺวา ‘‘ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา’’ติ วุตฺตํ. ปุพฺเพนิวาสยถากมฺมุปคอนาคตํสาณานิ หิ วิปสฺสนาจารสฺส พหูปการานิ, น ตถา อิตราณานิ.

สหสฺสกฺขตฺตุนฺติ สหสฺสํ. ‘‘สหสฺสวาร’’นฺติ เกจิ วทนฺติ. เอกาวชฺชเนน ปน เถโร สหสฺเส มโนมเย กาเย นิมฺมินิ, น วาเรน. เต จ โข อฺมฺมสทิเส วิวิธฺจ กมฺมํ กโรนฺเต. ‘‘กึ ปน สาวกานมฺปิ เอวรูปํ อิทฺธินิมฺมานํ สมฺภวตี’’ติ? น สมฺภวติ สพฺเพสํ, อภินีหารสมฺปตฺติยา ปน อยเมว เถโร เอวมกาสิ, ตถา เหส อิมินา องฺเคน เอตทคฺเค ปิโต. ปนฺถโก นิสีทีติ อตฺตานเมว ปรํ วิย วทติ. อมฺพวเนติ, อมฺพวเน ชีวเกน กตวิหาเร. เวหาสาทุปสงฺกมินฺติ เวหาสาติ กรเณ นิสฺสกฺกวจนํ, เวหาเสนาติ อตฺโถ, -กาโร ปทสนฺธิกโร. อถาติ, มม นิสชฺชาย ปจฺฉา. ปฏิคฺคหีติ ทกฺขิโณทกํ ปฏิคฺคณฺหิ. อายาโค สพฺพโลกสฺสาติ, สพฺพสฺส สเทวกสฺส โลกสฺส อคฺคทกฺขิเณยฺยตาย เทยฺยธมฺมํ อาเนตฺวา ยชิตพฺพฏฺานภูโต. อาหุตีนํ ปฏิคฺคโหติ, มหาผลภาวกรเณน ทกฺขิณาหุตีนํ ปฏิคฺคณฺหโก. ปฏิคฺคณฺหิตฺถ ทกฺขิณนฺติ ชีวเกน อุปนีตํ ยาคุขชฺชาทิเภทํ ทกฺขิณํ ปฏิคฺคเหสิ.

อถ โข ภควา กตภตฺตกิจฺโจ อายสฺมนฺตํ จูฬปนฺถกํ อาณาเปสิ – ‘‘อนุโมทนํ กโรหี’’ติ. โส สิเนรุํ คเหตฺวา มหาสมุทฺทํ มนฺเถนฺโต วิย ปภินฺนปฏิสมฺภิทาปฺปตฺตตาย เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ สงฺโขเภนฺโต สตฺถุ อชฺฌาสยํ คณฺหนฺโต อนุโมทนํ อกาสิ. ตถา อุปนิสฺสยสมฺปนฺโนปิ จายมายสฺมา ตถารูปาย กมฺมปิโลติกาย ปริพาธิโต จตุปฺปทิกํ คาถํ จตูหิปิ มาเสหิ คเหตุํ นาสกฺขิ. ตํ ปนสฺส อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ โอโลเกตฺวา สตฺถา ปุพฺพจริยานุรูปํ โยนิโสมนสิกาเร นิโยเชสิ. ตถา หิ ภควา ตทา ชีวกสฺส นิเวสเน นิสินฺโน เอว ‘‘จูฬปนฺถกสฺส จิตฺตํ สมาหิตํ, วีถิปฏิปนฺนา วิปสฺสนา’’ติ ตฺวา ยถานิสินฺโนว อตฺตานํ ทสฺเสตฺวา, ‘‘ปนฺถก, ยทิปายํ ปิโลติกา สํกิลิฏฺา รชานุกิณฺณา, อิโต ปน อฺโ เอว อริยสฺส วินเย สํกิเลโส รโช จาติ ทสฺเสนฺโต –

‘‘ราโค รโช น จ ปน เรณุ วุจฺจติ, ราคสฺเสตํ อธิวจนํ รโชติ;

เอตํ รชํ วิปฺปชหิตฺวา ภิกฺขโว, วิหรนฺติ เต วีตรชสฺส สาสเน.

‘‘โทโส รโช…เป… สาสเน.

‘‘โมโห รโช…เป… วีตรชสฺส สาสเน’’ติ. –

อิมา ติสฺโส โอภาสคาถา อภาสิ. คาถาปริโยสาเน จูฬปนฺถโก อภิฺาปฏิสมฺภิทาปริวารํ อรหตฺตํ ปาปุณีติ.

จูฬปนฺถกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. กปฺปตฺเถรคาถาวณฺณนา

นานากุลมลสมฺปุณฺโณติอาทิกา อายสฺมโต กปฺปตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต สิทฺธตฺถสฺส ภควโต กาเล วิภวสมฺปนฺเน กุเล นิพฺพตฺติตฺวา ปิตุ อจฺจเยน วิฺุตํ ปตฺโต นานาวิราควณฺณวิจิตฺเตหิ วตฺเถหิ อเนกวิเธหิ อาภรเณหิ นานาวิเธหิ มณิรตเนหิ พหุวิเธหิ ปุปฺผทามมาลาทีหิ จ กปฺปรุกฺขํ นาม อลงฺกริตฺวา เตน สตฺถุ ถูปํ ปูเชสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มคธรฏฺเ มณฺฑลิกราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ปิตุ อจฺจเยน รชฺเช ปติฏฺิโต กาเมสุ อติวิย รตฺโต คิทฺโธ หุตฺวา วิหรติ. ตํ สตฺถา มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฏฺาย โลกํ โวโลเกนฺโต าณชาเล ปฺายมานํ ทิสฺวา, ‘‘กึ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ อาวชฺเชนฺโต, ‘‘เอส มม สนฺติเก อสุภกถํ สุตฺวา กาเมสุ วิรตฺตจิตฺโต หุตฺวา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ ตฺวา อากาเสน ตตฺถ คนฺตฺวา –

๕๖๗.

‘‘นานากุลมลสมฺปุณฺโณ , มหาอุกฺการสมฺภโว;

จนฺทนิกํว ปริปกฺกํ, มหาคณฺโฑ มหาวโณ.

๕๖๘.

‘‘ปุพฺพรุหิรสมฺปุณฺโณ, คูถกูเปน คาฬฺหิโต;

อาโปปคฺฆรโณ กาโย, สทา สนฺทติ ปูติกํ.

๕๖๙.

‘‘สฏฺิกณฺฑรสมฺพนฺโธ, มํสเลปนเลปิโต;

จมฺมกฺจุกสนฺนทฺโธ, ปูติกาโย นิรตฺถโก.

๕๗๐.

‘‘อฏฺิสงฺฆาตฆฏิโต, นฺหารุสุตฺตนิพนฺธโน;

เนเกสํ สํคตีภาวา, กปฺเปติ อิริยาปถํ.

๕๗๑.

‘‘ธุวปฺปยาโต มรณาย, มจฺจุราชสฺส สนฺติเก;

อิเธว ฉฑฺฑยิตฺวาน, เยนกามงฺคโม นโร.

๕๗๒.

‘‘อวิชฺชาย นิวุโต กาโย, จตุคนฺเถน คนฺถิโต;

โอฆสํสีทโน กาโย, อนุสยาชาลโมตฺถโต.

๕๗๓.

‘‘ปฺจนีวรเณ ยุตฺโต, วิตกฺเกน สมปฺปิโต;

ตณฺหามูเลนานุคโต, โมหจฺฉาทนฉาทิโต.

๕๗๔.

‘‘เอวายํ วตฺตเต กาโย, กมฺมยนฺเตน ยนฺติโต;

สมฺปตฺติ จ วิปตฺยนฺตา, นานาภาโว วิปชฺชติ.

๕๗๕.

‘‘เยมํ กายํ มมายนฺติ, อนฺธพาลา ปุถุชฺชนา;

วฑฺเฒนฺติ กฏสึ โฆรํ, อาทิยนฺติ ปุนพฺภวํ.

๕๗๖.

‘‘เยมํ กายํ วิวชฺเชนฺติ, คูถลิตฺตํว ปนฺนคํ;

ภวมูลํ วมิตฺวาน, ปรินิพฺพิสฺสนฺตินาสวา’’ติ. –

อิมาหิ คาถาหิ ตสฺส อสุภกถํ กเถสิ. โส สตฺถุ สมฺมุขา อเนกาการโวการํ ยาถาวโต สรีรสภาววิภาวนํ อสุภกถํ สุตฺวา สเกน กาเยน อฏฺฏียมาโน หรายมาโน ชิคุจฺฉมาโน สํวิคฺคหทโย สตฺถารํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ลเภยฺยาหํ, ภนฺเต, ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺช’’นฺติ ปพฺพชฺชํ ยาจิ. สตฺถา สมีเป ิตมฺตรํ ภิกฺขุํ อาณาเปสิ – ‘‘คจฺฉ, ภิกฺขุ, อิมํ ปพฺพาเชตฺวา อุปสมฺปาเทตฺวา อาเนหี’’ติ. โส ตํ ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ ทตฺวา ปพฺพาเชสิ. โส ขุรคฺเคเยว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เตร ๑.๔.๑๐๒-๑๐๗) –

‘‘สิทฺธตฺถสฺส ภควโต, ถูปเสฏฺสฺส สมฺมุขา;

วิจิตฺตทุสฺเส ลเคตฺวา, กปฺปรุกฺขํ เปสหํ.

‘‘ยํ ยํ โยนุปปชฺชามิ, เทวตฺตํ อถ มานุสํ;

โสภยนฺโต มม ทฺวารํ, กปฺปรุกฺโข ปติฏฺติ.

‘‘อหฺจ ปริสา เจว, เย เกจิ มมวสฺสิตา;

ตมฺหา ทุสฺสํ คเหตฺวาน, นิวาเสม มยํ สทา.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ รุกฺขํ ปยึ อหํ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, กปฺปรุกฺขสฺสิทํ ผลํ.

‘‘อิโต จ สตฺตเม กปฺเป, สุเจฬา อฏฺ ขตฺติยา;

สตฺตรตนสมฺปนฺนา, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.

‘‘ปฏิสมฺภิทา จตสฺโส…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน อฺํ พฺยากโรนฺโต ตา เอว คาถา อภาสิ. เตเนว ตา เถรคาถา นาม ชาตา.

ตตฺถ นานากุลมลสมฺปุณฺโณติ, นานากุเลหิ นานาภาเคหิ มเลหิ สมฺปุณฺโณ, เกสโลมาทินานาวิธอสุจิโกฏฺาสภริโตติ อตฺโถ. มหาอุกฺการสมฺภโวติ, อุกฺกาโร วุจฺจติ วจฺจกูปํ. ยตฺตกวยา มาตา, ตตฺตกํ กาลํ การปริเสทิตวจฺจกูปสทิสตาย มาตุ กุจฺฉิ อิธ ‘‘มหาอุกฺกาโร’’ติ อธิปฺเปโต. โส กุจฺฉิ สมฺภโว อุปฺปตฺติฏฺานํ เอตสฺสาติ มหาอุกฺการสมฺภโว. จนฺทนิกํวาติ จนฺทนิกํ นาม อุจฺฉิฏฺโทกคพฺภมลาทีนํ ฉฑฺฑนฏฺานํ, ยํ ชณฺณุมตฺตํ อสุจิภริตมฺปิ โหติ, ตาทิสนฺติ อตฺโถ. ปริปกฺกนฺติ, ปริณตํ ปุราณํ. เตน ยถา จณฺฑาลคามทฺวาเร นิทาฆสมเย ถุลฺลผุสิตเก เทเว วสฺสนฺเต อุทเกน สมุปพฺยูฬฺหมุตฺตกรีสอฏฺิจมฺมนฺหารุขณฺฑเขฬสิงฺฆาณิกาทินานากุณปภริตํ กทฺทโมทกาลุฬิตํ กติปยทิวสาติกฺกเมน สํชาต กิมิกุลากุลํ สูริยาตปสนฺตาปกุถิตํ อุปริ เผณปุพฺพุฬกานิ มุฺจนฺตํ อภินีลวณฺณํ ปรมทุคฺคนฺธํ เชคุจฺฉํ จนฺทนิกาวาฏํ เนว อุปคนฺตุํ, น ทฏฺุํ อรหรูปํ หุตฺวา ติฏฺติ, ตถารูโปยํ กาโยติ ทสฺเสติ. สทา ทุกฺขตามูลโยคโต อสุจิปคฺฆรณโต อุปฺปาทชรามรเณหิ อุทฺธุมายนปริปจฺจนภิชฺชนสภาวตฺตา จ มหนฺโต คณฺโฑ วิยาติ มหาคณฺโฑ. สพฺพตฺถกเมว ทุกฺขเวทนานุพทฺธตฺตา คณฺฑานํ สหนโต อสุจิวิสฺสนฺทนโต จ มหนฺโต วโณ วิยาติ มหาวโณ คูถกูเปน คาฬิโตติ, วจฺจกูเปน วจฺเจเนว วา ภริโต. ‘‘คูถกูปนิคาฬฺหิโต’’ติปิ ปาฬิ, วจฺจกูปโต นิกฺขนฺโตติ อตฺโถ. อาโปปคฺฆรโณ กาโย, สทา สนฺทติ ปูติกนฺติ, อยํ กาโย อาโปธาตุยา สทา ปคฺฆรณสีโล, ตฺจ โข ปิตฺตเสมฺหเสทมุตฺตาทิกํ ปูติกํ อสุจึเยว สนฺทติ, น กทาจิ สุจินฺติ อตฺโถ.

สฏฺิกณฺฑรสมฺพนฺโธติ , คีวาย อุปริมภาคโต ปฏฺาย สรีรํ วินทฺธมานา สรีรสฺส ปุริมปจฺฉิมทกฺขิณวามปสฺเสสุ ปจฺเจกํ ปฺจ ปฺจ กตฺวา วีสติ, หตฺถปาเท วินทฺธมานา เตสํ ปุริมปจฺฉิมปสฺเสสุ ปฺจ ปฺจ กตฺวา จตฺตาลีสาติ สฏฺิยา กณฺฑเรหิ มหานฺหารูหิ สพฺพโส พทฺโธ วินทฺโธติ สฏฺิกณฺฑรสมฺพนฺโธ. มํสเลปนเลปิโตติ, มํสสงฺขาเตน เลปเนน ลิตฺโต, นวมํสเปสิสตานุลิตฺโตติ อตฺโถ. จมฺมกฺจุกสนฺนทฺโธติ, จมฺมสงฺขาเตน กฺจุเกน สพฺพโส โอนทฺโธ ปริโยนทฺโธ ปริจฺฉินฺโน. ปูติกาโยติ, สพฺพโส ปูติคนฺธิโก กาโย. นิรตฺถโกติ, นิปฺปโยชโน. อฺเสฺหิ ปาณีนํ กาโย จมฺมาทิวินิโยเคน สิยา สปฺปโยชโน, น ตถา มนุสฺสกาโยติ. อฏฺิสงฺฆาตฆฏิโตติ, อติเรกติสตานํ อฏฺีนํ สงฺฆาเตน ฆฏิโต สมฺพนฺโธ. นฺหารุสุตฺตนิพนฺธโนติ, สุตฺตสทิเสหิ นวหิ นฺหารุสเตหิ นิพนฺธิโต. เนเกสํ สํคตีภาวาติ, จตุมหาภูตชีวิตินฺทฺริยอสฺสาสปสฺสาสวิฺาณาทีนํ สมวายสมฺพนฺเธน สุตฺตเมรกสมวาเยน ยนฺตํ วิย านาทิอิริยาปถํ กปฺเปติ.

ธุวปฺปยาโต มรณายาติ, มรณสฺส อตฺถาย เอกนฺตคมโน, นิพฺพตฺติโต ปฏฺาย มรณํ ปติ ปวตฺโต. ตโต เอว มจฺจุราชสฺส มรณสฺส สนฺติเก ิโต. อิเธว ฉฑฺฑยิตฺวานาติ, อิมสฺมึเยว โลเก กายํ ฉฑฺเฑตฺวา, ยถารุจิตฏฺานคามี อยํ สตฺโต, ตสฺมา ‘‘ปหาย คมนีโย อยํ กาโย’’ติ เอวมฺปิ สงฺโค น กาตพฺโพติ ทสฺเสติ.

อวิชฺชาย นิวุโตติ, อวิชฺชานีวรเณน นิวุโต ปฏิจฺฉาทิตาทีนโว, อฺถา โก เอตฺถ สงฺคํ ชเนยฺยาติ อธิปฺปาโย. จตุคนฺเถนาติ, อภิชฺฌากายคนฺถาทินา จตุพฺพิเธน คนฺเถน คนฺถิโต, คนฺถนิยภาเวน วินทฺธิโต. โอฆสํสีทโนติ, โอฆนิยภาเวน กาโมฆาทีสุ จตูสุ โอเฆสุ สํสีทนโก. อปฺปหีนภาเวน สนฺตาเน อนุ อนุ เสนฺตีติ อนุสยา, กามราคาทโย อนุสยา. เตสํ ชาเลน โอตฺถโต อภิภูโตติ อนุสยาชาลโมตฺถโต. มกาโร ปทสนฺธิกโร, คาถาสุขตฺถํ ทีฆํ กตฺวา วุตฺตํ. กามจฺฉนฺทาทินา ปฺจวิเธน นีวรเณน ยุตฺโต อธิมุตฺโตติ ปฺจนีวรเณ ยุตฺโต, กรณตฺเถ ภุมฺมวจนํ.

กามวิตกฺกาทินา มิจฺฉาวิตกฺเกน สมปฺปิโต สมสฺสิโตติ วิตกฺเกน สมปฺปิโต. ตณฺหามูเลนานุคโตติ, ตณฺหาสงฺขาเตน ภวมูเลน อนุพทฺโธ. โมหจฺฉาทนฉาทิโตติ, สมฺโมหสงฺขาเตน อาวรเณน ปลิคุณฺิโต. สพฺพเมตํ สวิฺาณกํ กรชกายํ สนฺธาย วทติ. สวิฺาณโก หิ อตฺตภาโว ‘‘อุจฺฉินฺนภวเนตฺติโก, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺส กาโย ติฏฺติ, อยฺเจว กาโย พหิทฺธา จ นามรูป’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑.๑๔๗) กาโยติ วุจฺจติ, เอวายํ วตฺตเต กาโยติ เอวํ ‘‘นานากุลมลสมฺปุณฺโณ’’ติอาทินา ‘‘อวิชฺชาย นิวุโต’’ติอาทินา จ วุตฺตปฺปกาเรน อยํ กาโย วตฺตติ, วตฺตนฺโต จ กมฺมยนฺเตน สุกตทุกฺกเฏน กมฺมสงฺขาเตน ยนฺเตน ยนฺติโต สงฺฆฏิโต. ยถา วา เขมนฺตํ คนฺตุํ น สกฺโกติ, ตถา สงฺโขภิโต สุคติทุคฺคตีสุ วตฺตติ ปริพฺภมติ. สมฺปตฺติ จ วิปตฺยนฺตาติ ยา เอตฺถ สมฺปตฺติ, สา วิปตฺติปริโยสานา. สพฺพฺหิ โยพฺพนํ ชราปริโยสานํ, สพฺพํ อาโรคฺยํ พฺยาธิปริโยสานํ, สพฺพํ ชีวิตํ มรณปริโยสานํ, สพฺโพ สมาคโม วิโยคปริโยสาโน. เตนาห ‘‘นานาภาโว วิปชฺชตี’’ติ. นานาภาโวติ, วินาภาโว วิปฺปโยโค, โส กทาจิ วิปฺปยุฺชกสฺส วเสน, กทาจิ วิปฺปยุฺชิตพฺพสฺส วเสนาติ วิวิธํ ปชฺชติ ปาปุณียติ.

เยมํ กายํ มมายนฺตีติ เย อนฺธพาลา ปุถุชฺชนา เอวํ อสุภํ อนิจฺจํ อธุวํ ทุกฺขํ อสารํ อิมํ กายํ ‘‘มม อิท’’นฺติ คณฺหนฺตา มมายนฺติ ฉนฺทราคํ อุปฺปาเทนฺติ, เต ชาติอาทีหิ นิรยาทีหิ จ โฆรํ ภยานกํ อปณฺฑิเตหิ อภิรมิตพฺพโต กฏสิสงฺขาตํ สํสารํ ปุนปฺปุนํ ชนนมรณาทีหิ วฑฺเฒนฺติ, เตนาห ‘‘อาทิยนฺติ ปุนพฺภว’’นฺติ.

เยมํ กายํ วิวชฺเชนฺติ, คูถลิตฺตํว ปนฺนคนฺติ ยถา นาม ปุริโส สุขกาโม ชีวิตุกาโม คูถคตํ อาสีวิสํ ทิสฺวา ชิคุจฺฉนิยตาย วา สปฺปฏิภยตาย วา วิวชฺเชติ น อลฺลียติ, เอวเมวํ เย ปณฺฑิตา กุลปุตฺตา อสุจิภาเวน เชคุจฺฉํ อนิจฺจาทิภาเวน สปฺปฏิภยํ อิมํ กายํ วิวชฺเชนฺติ ฉนฺทราคปฺปหาเนน ปชหนฺติ. เต ภวมูลํ อวิชฺชํ ภวตณฺหฺจ วมิตฺวา ฉฑฺเฑตฺวา อจฺจนฺตเมว ปหาย ตโต เอว สพฺพโส อนาสวา สอุปาทิเสสาย อนุปาทิเสสาย จ นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิสฺสนฺตีติ.

กปฺปตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. วงฺคนฺตปุตฺตอุปเสนตฺเถรคาถาวณฺณนา

วิวิตฺตํอปฺปนิคฺโฆสนฺติอาทิกา อายสฺมโต อุปเสนตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณมาโน สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ สมนฺตปาสาทิกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา สตฺถุ อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถตฺวา ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท นาลกคาเม รูปสารีพฺราหฺมณิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ, อุปเสโนติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต ตโย เวเท อุคฺคเหตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา อุปสมฺปทาย เอกวสฺสิโก ‘‘อริยคพฺภํ วฑฺเฒมี’’ติ เอกํ กุลปุตฺตํ อตฺตโน สนฺติเก อุปสมฺปาเทตฺวา เตน สทฺธึ สตฺถุ สนฺติกํ คโต. สตฺถารา จสฺส ตสฺส อวสฺสิกสฺส ภิกฺขุโน สทฺธิวิหาริกภาวํ สุตฺวา, ‘‘อติลหุํ โข ตฺวํ, โมฆปุริส, พาหุลฺลาย อาวตฺโต’’ติ (มหาว. ๗๕) ครหิโต. ‘‘อิทานาหํ ยทิปิ ปริสํ นิสฺสาย สตฺถารา ครหิโต, ปริสํเยว ปน นิสฺสาย สตฺถุ ปาสํโสปิ ภวิสฺสามี’’ติ วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๒.๘๖-๙๖) –

‘‘ปทุมุตฺตรํ ภควนฺตํ, โลกเชฏฺํ นราสภํ;

ปพฺภารมฺหิ นิสีทนฺตํ, อุปคจฺฉึ นรุตฺตมํ.

‘‘กณิการปุปฺผํ ทิสฺวา, วณฺเฏ เฉตฺวานหํ ตทา;

อลงฺกริตฺวา ฉตฺตมฺหิ, พุทฺธสฺส อภิโรปยึ.

‘‘ปิณฺฑปาตฺจ ปาทาสึ, ปรมนฺนํ สุโภชนํ;

พุทฺเธน นวเม ตตฺถ, สมเณ อฏฺ โภชยึ.

‘‘อนุโมทิ มหาวีโร, สยมฺภู อคฺคปุคฺคโล;

อิมินา ฉตฺตทาเนน, ปรมนฺนปเวจฺฉนา.

‘‘เตน จิตฺตปฺปสาเทน, สมฺปตฺติมนุโภสฺสสิ;

ฉตฺตึสกฺขตฺตุํ เทวินฺโท, เทวรชฺชํ กริสฺสติ.

‘‘เอกวีสติกฺขตฺตุฺจ, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ;

ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘สาสเน ทิพฺพมานมฺหิ, มนุสฺสตฺตํ คมิสฺสติ;

ตสฺส ธมฺเมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต.

‘‘อุปเสโนติ นาเมน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโก;

สมนฺตปาสาทิกตฺตา, อคฺคฏฺาเน เปสฺสติ.

‘‘จริมํ วตฺตเต มยฺหํ, ภวา สพฺเพ สมูหตา;

ธาเรมิ อนฺติมํ เทหํ, เชตฺวา มารํ สวาหนํ.

‘‘ปฏิสมฺภิทา จตสฺโส…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา สยมฺปิ สพฺเพ ธุตงฺคธมฺเม สมาทาย วตฺตติ, อฺเปิ ตทตฺถาย สมาทเปติ , เตน นํ ภควา สมนฺตปาสาทิกานํ อคฺคฏฺาเน เปสิ. โส อปเรน สมเยน โกสมฺพิยํ กลเห อุปฺปนฺเน ภิกฺขุสงฺเฆ จ ทฺวิธาภูเต เอเกน ภิกฺขุนา ตํ กลหํ ปริวชฺชิตุกาเมน ‘‘เอตรหิ โข กลโห อุปฺปนฺโน, สงฺโฆ ทฺวิธาภูโต, กถํ นุ โข มยา ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ ปุฏฺโ วิเวกวาสโต ปฏฺาย ตสฺส ปฏิปตฺตึ กเถนฺโต –

๕๗๗.

‘‘วิวิตฺตํ อปฺปนิคฺโฆสํ, วาฬมิคนิเสวิตํ;

เสเว เสนาสนํ ภิกฺขุ, ปฏิสลฺลานการณา.

๕๗๘.

‘‘สงฺการปุฺชา อาหตฺวา, สุสานา รถิยาหิ จ;

ตโต สงฺฆาฏิกํ กตฺวา, ลูขํ ธาเรยฺย จีวรํ.

๕๗๙.

‘‘นีจํ มนํ กริตฺวาน, สปทานํ กุลา กุลํ;

ปิณฺฑิกาย จเร ภิกฺขุ, คุตฺตทฺวาโร สุสํวุโต.

๕๘๐.

‘‘ลูเขนปิ วา สนฺตุสฺเส, นาฺํ ปตฺเถ รสํ พหุํ;

รเสสุ อนุคิทฺธสฺส, ฌาเน น รมตี มโน.

๕๘๑.

‘‘อปฺปิจฺโฉ เจว สนฺตุฏฺโ, ปวิวิตฺโต วเส มุนิ;

อสํสฏฺโ คหฏฺเหิ, อนาคาเรหิ จูภยํ.

๕๘๒.

‘‘ยถา ชโฬ ว มูโค ว, อตฺตานํ ทสฺสเย ตถา;

นาติเวลํ สมฺภาเสยฺย, สงฺฆมชฺฌมฺหิ ปณฺฑิโต.

๕๘๓.

‘‘น โส อุปวเท กฺจิ, อุปฆาตํ วิวชฺชเย;

สํวุโต ปาติโมกฺขสฺมึ, มตฺตฺู จสฺส โภชเน.

๕๘๔. ‘‘สุคฺคหีตนิมิตฺตสฺส, จิตฺตสฺสุปฺปาทโกวิโท.

สมถํ อนุยุฺเชยฺย, กาเลน จ วิปสฺสนํ.

๕๘๕.

‘‘วีริยสาตจฺจสมฺปนฺโน, ยุตฺตโยโค สทา สิยา;

น จ อปฺปตฺวา ทุกฺขนฺตํ, วิสฺสาสํ เอยฺย ปณฺฑิโต.

๕๘๖.

‘‘เอวํ วิหรมานสฺส, สุทฺธิกามสฺส ภิกฺขุโน;

ขียนฺติ อาสวา สพฺเพ, นิพฺพุติฺจาธิคจฺฉตี’’ติ. –

อิมา คาถา อภาสิ.

ตตฺถ วิวิตฺตนฺติ, ชนวิวิตฺตํ สุฺํ อรฺาทึ. อปฺปนิคฺโฆสนฺติ, นิสฺสทฺทํ สทฺทสงฺฆฏฺฏนรหิตํ. วาฬมิคนิเสวิตนฺติ, สีหพฺยคฺฆทีปิวาฬมิเคหิ จริตํ. อิมินาปิ ชนวิเวกํเยว ทสฺเสติ ปนฺตเสนาสนภาวทีปนโต. เสนาสนนฺติ, สยิตุํ อาสยิตุฺจ ยุตฺตภาเวน วสนฏฺานํ อิธ เสนาสนนฺติ อธิปฺเปตํ. ปฏิสลฺลานการณาติ, ปฏิสลฺลานนิมิตฺตํ, นานารมฺมณโต นิวตฺเตตฺวา กมฺมฏฺาเนเยว จิตฺตสฺส ปฏิ ปฏิ สมฺมเทว อลฺลียนตฺถํ.

เอวํ ภาวนานุรูปํ เสนาสนํ นิทฺทิสนฺโต เสนาสเน สนฺโตสํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ จีวราทีสุปิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สํการปุฺชา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สํการปุฺชาติ สํการานํ ปุฺชํ สํการปุฺชํ, ตโต กจวรฏฺานา. อาหตฺวาติ อาหริตฺวา. ตโตติ ตถา อาหฏโจฬกฺขณฺเฑหิ. กรเณ หิ อิทํ นิสฺสกฺกวจนํ ลูขนฺติ สตฺถลูขรชนลูขาทินา ลูขํ อวณฺณามฏฺํ. ธาเรยฺยาติ นิวาสนาทิวเสน ปริหเรยฺย, เอเตน จีวรสนฺโตสํ วทติ.

นีจ มนํ กริตฺวานาติ ‘‘อนฺตมิทํ, ภิกฺขเว, ชีวิกาน’’นฺติอาทิกํ (อิติวุ. ๙๑; สํ. นิ. ๓.๘๐) สุคโตวาทํ อนุสฺสริตฺวา นิหตมานทปฺปํ จิตฺตํ กตฺวา. สปทานนฺติ ฆเรสุ อวขณฺฑรหิตํ; อนุฆรนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘กุลา กุล’’นฺติ. กุลา กุลนฺติ กุลโต กุลํ, กุลานุปุพฺพิยา ฆรปฏิปาฏิยาติ อตฺโถ. ปิณฺฑิกายาติ มิสฺสกภิกฺขาย, อิมินา ปิณฺฑปาตสนฺโตสํ วทติ. คุตฺตทฺวาโรติ สุปิหิตจกฺขาทิทฺวาโร. สุสํวุโตติ หตฺถกุกฺกุจฺจาทีนํ อภาเวน สุฏฺุ สํวุโต.

ลูเขนปิ วาติ อปิสทฺโท สมุจฺจเย, วา-สทฺโท วิกปฺเป. อุภเยนปิ ลูเขนปิ อปฺเปนปิ เยน เกนจิ สุลเภน อิตรีตเรน สนฺตุสฺเส สมํ สมฺมา ตุสฺเสยฺย. เตนาห ‘‘นาฺํ ปตฺเถ รสํ พหุ’’นฺติ. นาฺํ ปตฺเถ รสํ พหุนฺติ อตฺตนา ยถาลทฺธโต อฺํ มธุราทิรสํ พหุํ ปณีตฺจ น ปตฺเถยฺย น ปิเหยฺย, อิมินา คิลานปจฺจเยปิ สนฺโตโส ทสฺสิโต โหติ. รเสสุ เคธวารณตฺถํ ปน การณํ วทนฺโต รเสสุ อนุคิทฺธสฺส, ฌาเน น รมตี มโน’’ติ อาห. อินฺทฺริยสํวรมฺปิ อปริปูเรนฺตสฺส กุโต วิกฺขิตฺตจิตฺตสมาธานนฺติ อธิปฺปาโย.

เอวํ จตูสุ ปจฺจเยสุ สลฺเลขปฏิปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อวสิฏฺกถาวตฺถูนิ ทสฺเสตุํ ‘‘อปฺปิจฺโฉ เจวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อปฺปิจฺโฉติ, อนิจฺโฉ จตูสุ ปจฺจเยสุ อิจฺฉารหิโต, เตน จตุพฺพิธปจฺจเยสุ ตณฺหุปฺปาทวิกฺขมฺภนมาห. สนฺตุฏฺโติ, จตูสุ ปจฺจเยสุ ยถาลาภสนฺโตสาทินา สนฺตุฏฺโ. โย หิ –

‘‘อตีตํ นานุโสเจยฺย, นปฺปชปฺเปยฺยนาคตํ;

ปจฺจุปฺปนฺเนน ยาเปยฺย, โส ‘สนฺตุฏฺโ’ติ ปวุจฺจตี’’ติ.

ปวิวิตฺโตติ คณสงฺคณิกํ ปหาย กาเยน ปวิวิตฺโต วูปกฏฺโ. จิตฺตวิเวกาทิเก หิ ปรโต วกฺขติ. วเสติ สพฺพตฺถ โยเชตพฺพํ. โมเนยฺยธมฺมสมนฺนาคเมน มุนิ. อสํสฏฺโติ ทสฺสนสวนสมุลฺลปนสมฺโภคกายสํสคฺคานํ อภาเวน อสํสฏฺโ ยถาวุตฺตสํสคฺครหิโต. อุภยนฺติ, คหฏฺเหิ อนาคาเรหิ จาติ อุภเยหิปิ อสํสฏฺโ. กรเณ หิ อิทํ ปจฺจตฺตวจนํ.

อตฺตานํ ทสฺสเย ตถาติ อชโฬ อมูโคปิ สมาโน ยถา ชโฬ วา มูโค วา, ตถา อตฺตานํ ทสฺเสยฺย, เอเตน ปาคพฺพิยปฺปหานมาห. ชโฬ ว มูโค วาติ จ คาถาสุขตฺถํ รสฺสตฺตํ กตํ, สมุจฺจยตฺโถ จ วาสทฺโท. นาติเวลํ สมฺภาเสยฺยาติ อติเวลํ อติกฺกนฺตปมาณํ น ภาเสยฺย, มตฺตภาณี อสฺสาติ อตฺโถ. สงฺฆมชฺฌมฺหีติ ภิกฺขุสงฺเฆ, ชนสมูเห วา.

น โส อุปวเท กฺจีติ โส ยถาวุตฺตปฏิปตฺติโก ภิกฺขุ หีนํ วา มชฺฌิมํ วา อุกฺกฏฺํ วา ยํกิฺจิ น วาจาย อุปวเทยฺย. อุปฆาตํ วิวชฺชเยติ กาเยน อุปฆาตํ ปริวิเหนํ วชฺเชยฺย. สํวุโต ปาติโมกฺขสฺมินฺติ ปาติโมกฺขมฺหิ ปาติโมกฺขสํวรสีเล สํวุโต อสฺส, ปาติโมกฺขสํวเรน ปิหิตกายวาโจ สิยาติ อตฺโถ. มตฺตฺู จสฺส โภชเนติ ปริเยสนปฏิคฺคหณปริโภควิสฺสชฺชเนสุ โภชเน ปมาณฺู สิยา.

สุคฺคหีตนิมิตฺตสฺสาติ ‘‘เอวํ เม มนสิ กโรโต จิตฺตํ สมาหิตํ อโหสี’’ติ ตทาการํ สลฺลกฺเขนฺโต สุฏฺุ คหิตสมาธินิมิตฺโต อสฺส. ‘‘สุคฺคหีตนิมิตฺโต โส’’ติปิ ปาโ, โส โยคีติ อตฺโถ. จิตฺตสฺสุปฺปาทโกวิโทติ เอวํ ภาวยโต จิตฺตํ ลีนํ โหติ, ‘‘เอวํ อุทฺธต’’นฺติ ลีนสฺส อุทฺธตสฺส จ จิตฺตสฺส อุปฺปตฺติการเณ กุสโล อสฺส. ลีเน หิ จิตฺเต ธมฺมวิจยวีริยปีติสมฺโพชฺฌงฺคา ภาเวตพฺพา, อุทฺธเต ปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคา. สติสมฺโพชฺฌงฺโค ปน สพฺพตฺถ อิจฺฉิตพฺโพ. เตนาห ภควา – ‘‘ยสฺมิฺจ โข, ภิกฺขเว, สมเย ลีนํ จิตฺตํ โหติ, กาโล ตสฺมึ สมเย ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนายา’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔). สมถํ อนุยุฺเชยฺยาติ สมถภาวนํ ภาเวยฺย, อนุปฺปนฺนํ สมาธึ อุปฺปาเทยฺย, อุปฺปนฺนฺจ ยาว วสีภาวปฺปตฺติ, ตาว วฑฺเฒยฺย พฺยูเหยฺยาติ อตฺโถ. กาเลน จ วิปสฺสนนฺติ ยถาลทฺธํ สมาธึ นิกนฺติยา อปริยาทาเนน หานภาคิยํ ิติภาคิยํ วา อกตฺวา นิพฺเพธภาคิยํว กตฺวา กาเลน วิปสฺสนฺจ อนุยุฺเชยฺย. อถ วา กาเลน จ วิปสฺสนนฺติ สมถํ อนุยุฺชนฺโต ตสฺส ถิรีภูตกาเล สงฺโกจํ อนาปชฺชิตฺวา อริยมคฺคาธิคมาย วิปสฺสนํ อนุยุฺเชยฺย. ยถาห –

‘‘อถ วา สมาธิลาเภน, วิวิตฺตสยเนน วา;

ภิกฺขุ วิสฺสาสมาปาทิ, อปฺปตฺโต อาสวกฺขย’’นฺติ. (ธ. ป. ๒๗๑-๒๗๒);

เตน วุตฺตํ – ‘‘วีริยสาตจฺจสมฺปนฺโน’’ติอาทิ. สตตภาโว สาตจฺจํ, วีริยสฺส สาตจฺจํ, เตน สมฺปนฺโน สมนฺนาคโต, สตตปวตฺตวีริโย, นิจฺจปคฺคหิตวีริโยติ อตฺโถ. ยุตฺตโยโค สทา สิยาติ สพฺพกาลํ ภาวนานุยุตฺโต สิยา. ทุกฺขนฺตนฺติ วฏฺฏทุกฺขสฺส อนฺตํ ปริโยสานํ นิโรธํ นิพฺพานํ อปฺปตฺวา วิสฺสาสํ น เอยฺย น คจฺเฉยฺย. ‘‘อหํ ปริสุทฺธสีโล ฌานลาภี อภิฺาลาภี วิปสฺสนํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ิโต’’ติ วา วิสฺสฏฺโ น ภเวยฺยาติ อตฺโถ.

เอวํ วิหรมานสฺสาติ, เอวํ วิวิตฺตเสนาสนเสวนาทินา วิปสฺสนาวเสน ยุตฺตโยคตาปริโยสาเนน วิธินา วิหรนฺตสฺส. สุทฺธิกามสฺสาติ, าณทสฺสนวิสุทฺธึ อจฺจนฺตวิสุทฺธึ นิพฺพานํ อรหตฺตฺจ อิจฺฉนฺตสฺส. สํสาเร ภยสฺส อิกฺขโต ภิกฺขุโน, กามาสวาทโย สพฺเพ อาสวา ขียนฺติ ขยํ อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ, เตสํ ขยคมเนเนว สอุปาทิเสสอนุปาทิเสสปเภทํ ทุวิธมฺปิ นิพฺพานํ อธิคจฺฉติ ปาปุณาติ.

เอวํ เถโร ตสฺส ภิกฺขุโน โอวาททานาปเทเสน อตฺตนา ตถาปฏิปนฺนภาวํ ทีเปนฺโต อฺํ พฺยากาสิ.

วงฺคนฺตปุตฺตอุปเสนตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. (อปร)-โคตมตฺเถรคาถาวณฺณนา

วิชาเนยฺย สกํ อตฺถนฺติอาทิกา อายสฺมโต อปรสฺส โคตมตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินิตฺวา อมฺหากํ ภควโต อุปฺปตฺติโต ปุเรตรเมว สาวตฺถิยํ อุทิจฺจพฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ติณฺณํ เวทานํ ปารคู หุตฺวา, วาทมคฺคํ อุคฺคเหตฺวา อตฺตโน วาทสฺส อุปริ อุตฺตรึ วทนฺตํ อลภนฺโต เตหิ เตหิ วิคฺคาหิกกถํ อนุยุตฺโต วิจรติ. อถ อมฺหากํ ภควา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก อนุปุพฺเพน ยสาทิเก เวเนยฺเย วิเนตฺวา อนาถปิณฺฑิกสฺส อภิยาจนาย สาวตฺถึ อุปคจฺฉิ. ตทา สตฺถุ เชตวนปฏิคฺคเห ปฏิลทฺธสทฺโธ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. สตฺถา อฺตรํ ปิณฺฑจาริกํ ภิกฺขุํ อาณาเปสิ – ‘‘ภิกฺขุ, อิมํ ปพฺพาเชหี’’ติ. โส เตน ปพฺพาชิยมาโน ขุรคฺเคเยว อรหตฺตํ ปาปุณิตฺวา โกสลชนปทํ คนฺตฺวา ตตฺถ จิรํ วสิตฺวา ปุน สาวตฺถึ ปจฺจาคมิ. ตํ พหู าตกา พฺราหฺมณมหาสาลา อุปสงฺกมิตฺวา ปยิรุปาสิตฺวา นิสินฺนา ‘‘อิมสฺมึ โลเก พหู สมณพฺราหฺมณา สํสาเร สุทฺธิวาทา, เตสุ กตเมสํ นุ โข วาโท นิยฺยานิโก, กถํ ปฏิปชฺชนฺโต สํสารโต สุชฺฌตี’’ติ ปุจฺฉึสุ. เถโร เตสํ ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต –

๕๘๗.

‘‘วิชาเนยฺย สกํ อตฺถํ, อวโลเกยฺยาถ ปาวจนํ;

ยฺเจตฺถ อสฺส ปติรูปํ, สามฺํ อชฺฌูปคตสฺส.

๕๘๘.

‘‘มิตฺตํ อิธ จ กลฺยาณํ, สิกฺขา วิปุลํ สมาทานํ;

สุสฺสูสา จ ครูนํ, เอตํ สมณสฺส ปติรูปํ.

๕๘๙.

‘‘พุทฺเธสุ สคารวตา, ธมฺเม อปจิติ ยถาภูตํ;

สงฺเฆ จ จิตฺตีกาโร, เอตํ สมณสฺส ปติรูปํ.

๕๙๐.

‘‘อาจารโคจเร ยุตฺโต, อาชีโว โสธิโต อคารยฺโห;

จิตฺตสฺส จ สณฺปนํ, เอตํ สมณสฺส ปติรูปํ.

๕๙๑.

‘‘จาริตฺตํ อถ วาริตฺตํ, อิริยาปถิยํ ปสาทนิยํ;

อธิจิตฺเต จ อาโยโค, เอตํ สมณสฺส ปติรูปํ.

๕๙๒.

‘‘อารฺกานิ เสนาสนานิ, ปนฺตานิ อปฺปสทฺทานิ;

ภชิตพฺพานิ มุนินา, เอตํ สมณสฺส ปติรูปํ.

๕๙๓.

‘‘สีลฺจ พาหุสจฺจฺจ, ธมฺมานํ ปวิจโย ยถาภูตํ;

สจฺจานํ อภิสมโย, เอตํ สมณสฺส ปติรูปํ.

๕๙๔.

‘‘ภาเวยฺย จ อนิจฺจนฺติ, อนตฺตสฺํ อสุภสฺฺจ;

โลกมฺหิ จ อนภิรตึ, เอตํ สมณสฺส ปติรูปํ.

๕๙๕.

‘‘ภาเวยฺย จ โพชฺฌงฺเค, อิทฺธิปาทานิ อินฺทฺริยานิ พลานิ;

อฏฺงฺคมคฺคมริยํ, เอตํ สมณสฺส ปติรูปํ.

๕๙๖.

‘‘ตณฺหํ ปชเหยฺย มุนิ, สมูลเก อาสเว ปทาเลยฺย;

วิหเรยฺย วิปฺปมุตฺโต, เอตํ สมณสฺส ปติรูป’’นฺติ. –

อิมา คาถา อภาสิ.

ตตฺถ วิชาเนยฺย สกํ อตฺถนฺติ, วิฺูชาติโก ปุริโส อตฺตโน อตฺถํ ยาถาวโต วิจาเรตฺวา ชาเนยฺย. วิจาเรนฺโต จ อวโลเกยฺยาถ ปาวจนํ อิธ โลเก ปุถุสมณพฺราหฺมเณหิ สมฺมาสมฺพุทฺเธน จ ปวุตฺตํ ปาวจนํ, สมโย. ตตฺถ ยํ นิยฺยานิกํ, ตํ โอโลเกยฺย ปฺาจกฺขุนา ปสฺเสยฺย. อิเม หิ นานาติตฺถิยา สมณพฺราหฺมณา อนิจฺเจ ‘‘นิจฺจ’’นฺติ, อนตฺตนิ ‘‘อตฺตา’’ติ, อสุทฺธิมคฺคฺจ ‘‘สุทฺธิมคฺโค’’ติ มิจฺฉาภินิเวสิโน อฺมฺฺจ วิรุทฺธวาทา, ตสฺมา เนสํ วาโท อนิยฺยานิโก. สมฺมาสมฺพุทฺโธ ปน ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา, สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา, สนฺตํ นิพฺพาน’’นฺติ สยมฺภูาเณน ยถาภูตํ อพฺภฺาย ปเวเทติ, ตสฺมา ‘‘ตสฺส วาโท นิยฺยานิโก’’ติ สตฺถุ สาสนมหนฺตตํ โอโลเกยฺยาติ อตฺโถ. ยฺเจตฺถ อสฺส ปติรูปํ, สามฺํ อชฺฌูปคตสฺสาติ, สามฺํ สมณภาวํ ปพฺพชฺชํ อุปคตสฺส กุลปุตฺตสฺส ยํ เอตฺถ สาสเน ปพฺพชิตภาเว วา ปติรูปํ ยุตฺตรูปํ สารุปฺปํ อสฺส สิยา, ตมฺปิ อปโลเกยฺย.

กึ ปน ตนฺติ อาห ‘‘มิตฺตํ อิธ จ กลฺยาณ’’นฺติอาทิ. อิมสฺมึ สาสเน กลฺยาณมิตฺตํ เสวิยมานํ สมณสฺส ปติรูปนฺติ โยชนา. เอส นโย อิตเรสุปิ. กลฺยาณมิตฺตฺหิ นิสฺสาย อกุสลํ ปชหติ, กุสลํ ภาเวติ, สุทฺธมตฺตานํ ปริหรติ. สิกฺขา วิปุลํ สมาทานนฺติ วิปุลํ สิกฺขาสมาทานํ, มหติยา นิพฺพานาวหาย อธิสีลาทิสิกฺขาย อนุฏฺานนฺติ อตฺโถ. สุสฺสูสา จ ครูนนฺติ ครูนํ อาจริยุปชฺฌายาทีนํ กลฺยาณมิตฺตานํ โอวาทสฺส โสตุกมฺยตา ปาริจริยา จ. เอตนฺติ กลฺยาณมิตฺตเสวนาทิ.

พุทฺเธสุ สคารวตาติ สพฺพฺุพุทฺเธสุ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา’’ติ คารวโยโค ครุจิตฺตีกาโร. ธมฺเม อปจิติ ยถาภูตนฺติ อริยธมฺเม ยาถาวโต อปจายนํ อาทเรน อภิปูชนํ. สงฺเฆติ อริยสงฺเฆ. จิตฺตีกาโรติ สกฺกาโร สมฺมานนํ. เอตนฺติ รตนตฺตยครุกรณํ.

อาจารโคจเร ยุตฺโตติ กายิกวาจสิกวีติกฺกมนสงฺขาตํ อนาจารํ, ปิณฺฑปาตาทีนํ อตฺถาย อุปสงฺกมิตุํ อยุตฺตฏฺานภูตํ เวสิยาทิอโคจรฺจ ปหาย กายิกวาจสิกอวีติกฺกมนสงฺขาเตน อาจาเรน ปิณฺฑปาตาทีนํ อตฺถาย อุปสงฺกมิตุํ ยุตฺตฏฺานภูเตน โคจเรน จ ยุตฺโต สมฺปนฺโน, สมฺปนฺนอาจารโคจโรติ อตฺโถ. อาชีโว โสธิโตติ เวฬุทานาทึ พุทฺธปฏิกุฏฺํ อเนสนํ ปหาย อนวชฺชุปฺปาเท ปจฺจเย เสวนฺตสฺส อาชีโว โสธิโต โหติ สุวิสุทฺโธ, โสธิตตฺตา เอว อคารยฺโห วิฺูหิ. จิตฺตสฺส จ สณฺปนนฺติ ยถา จกฺขาทิทฺวาเรหิ รูปาทิอารมฺมเณสุ อภิชฺฌาทโย นปฺปวตฺตนฺติ, เอวํ ทิฏฺเ ทิฏฺมตฺตาทิวเสน จิตฺตสฺส สมฺมา ปนํ. เอตนฺติ อาจารโคจรสมฺปตฺติ อาชีวปาริสุทฺธิ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตาติ เอตํ ตยํ.

จาริตฺตนฺติ จริตฺวา ปริปูเรตพฺพสีลํ. วาริตฺตนฺติ วิรติยา อกรเณน ปริปูเรตพฺพสีลํ. อิริยาปถิยํ ปสาทนิยนฺติ ปเรสํ ปสาทาวหํ อากปฺปสมฺปตฺตินิมิตฺตํ อิริยาปถนิสฺสิตํ สมฺปชฺํ. อธิจิตฺเต จ อาโยโคติ สมถวิปสฺสนาสุ อนุโยโค ภาวนา.

อารฺกานีติ อรฺเ ปริยาปนฺนานิ. ปนฺตานีติ วิวิตฺตานิ.

สีลนฺติ จตุปาริสุทฺธิสีลํ. เหฏฺา หิ ภินฺทิตฺวา วุตฺตํ, อิธ อภินฺทิตฺวา วทติ. พาหุสจฺจนฺติ พหุสฺสุตภาโว. โส หิ ภาวนานุโยคสฺส พหุกาโร, โพชฺฌงฺคโกสลฺลอนุตฺตรสีติภาวอธิจิตฺตยุตฺตตาทีสุ สมฺมา ปวิจยพหุลสฺส สมถวิปสฺสนานุโยโค สมฺปชฺชติ. ธมฺมานํ ปวิจโย ยถาภูตนฺติ รูปารูปธมฺมานํ อวิปรีตสลกฺขณโต สามฺลกฺขณโต จ ปริวีมํสา. อิมินา อธิปฺาธมฺมวิปสฺสนมาห. สจฺจานํ อภิสมโยติ ทุกฺขาทีนํ อริยสจฺจานํ ปริฺาภิสมยาทิวเสน ปฏิเวโธ.

สฺวายํ สจฺจาภิสมโย ยถา โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ภาเวยฺยา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ภาเวยฺย จ อนิจฺจนฺติ ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติอาทินา (ธ. ป. ๒๗๗) อวิภาคโต ‘‘ยํ กิฺจิ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺน’’นฺติอาทินา (วิภ. ๒; สํ. นิ. ๓.๔๙) วิภาคโต วา สพฺพสงฺขาเรสุ อนิจฺจสฺํ ภาเวยฺย อุปฺปาเทยฺย เจว วฑฺเฒยฺย จาติ อตฺโถ. อนตฺตสฺนฺติ, ‘‘สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา’’ติ ปวตฺตํ อนตฺตสฺฺจ ภาเวยฺยาติ โยชนา. เอวํ เสเสสุปิ. อสุภสฺนฺติ, กรชกาเย สพฺพสฺมิมฺปิ วา เตภูมกสงฺขาเร กิเลสาสุจิปคฺฆรณโต ‘‘อสุภา’’ติ ปวตฺตสฺํ. ทุกฺขสฺาปริวารา หิ อยํ, เอเตเนว เจตฺถ ทุกฺขสฺาปิ คหิตาติ เวทิตพฺพํ. โลกมฺหิ จ อนภิรตินฺติ สพฺพโลเก เตภูมเกสุ สงฺขาเรสุ อนาภิรติสฺํ. เอเตน อาทีนวานุปสฺสนํ นิพฺพิทานุปสฺสนฺจ วทติ.

เอวํ ปน วิปสฺสนาภาวนํ อนุยุตฺโต ตํ อุสฺสุกฺกาเปนฺโต อิเม ธมฺเม วฑฺเฒยฺยาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภาเวยฺย จ โพชฺฌงฺเค’’ติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – โพธิยา สติอาทิสตฺตวิธธมฺมสามคฺคิยา, โพธิสฺส วา ตํสมงฺคิโน ปุคฺคลสฺส องฺคาติ โพชฺฌงฺคา, สติอาทโย ธมฺมา. เต สติอาทิเก สตฺตโพชฺฌงฺเค, ฉนฺทอาทีนิ จตฺตาริ อิทฺธิปาทานิ, สทฺธาทีนิ ปฺจินฺทฺริยานิ, สทฺธาทีนิเยว ปฺจ พลานิ, สมฺมาทิฏฺิอาทีนํ วเสน อฏฺงฺคอริยมคฺคฺจ. จ-สทฺเทน สติปฏฺานานิ สมฺมปฺปธานานิ จ คหิตานีติ สพฺเพปิ สตฺตตึสปฺปเภเท โพธิปกฺขิยธมฺเม ภาเวยฺย อุปฺปาเทยฺย เจว วฑฺเฒยฺย จ. ตตฺถ ยเทเตสํ ปมมคฺคกฺขเณ อุปฺปาทนํ, อุปริมคฺคกฺขเณ จ วฑฺฒนํ, เอตํ สมณสฺส ภิกฺขุโน สารุปฺปนฺติ.

เอวํ โพธิปกฺขิยสตฺตตึสธมฺเม ภาเวนฺโต ยถา มคฺคสจฺจํ ภาวนาภิสมยวเสน อภิสเมติ, เอวํ สมุทยสจฺจํ ปหานาภิสมยวเสน, นิโรธสจฺจํ สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน อภิสเมตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตณฺหํ ปชเหยฺยา’’ติ โอสานคาถมาห. ตตฺถ ตณฺหํ ปชเหยฺยาติ, กามตณฺหาทิปเภทํ สพฺพํ ตณฺหํ อริยมคฺเคน อนวเสสโต สมุจฺฉินฺเทยฺย, โมนํ วุจฺจติ าณํ, เตน สมนฺนาคตตฺตา มุนิ. สมูลเก อาสเว ปทาเลยฺยาติ กามราคานุสยาทิสมูลเก กามาสวาทิเก สพฺเพปิ อาสเว ภินฺเทยฺย สมุจฺฉินฺเทยฺย. วิหเรยฺย วิปฺปมุตฺโตติ เอวํ สพฺพโส กิเลสานํ ปหีนตฺตา สพฺพธิ วิมุตฺโต สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺคํ นิโรธํ นิพฺพานํ สจฺฉิกตฺวา วิหเรยฺย. เอตนฺติ ยเทตํ วิหรณํ, เอตํ สมณสฺส สมิตปาปสฺส ภิกฺขุโน ปติรูปํ สารุปฺปนฺติ อตฺโถ.

เอวํ เถโร สมณสารุปฺปปฏิปตฺติกิตฺตนมุเขน สาสนสฺส นิยฺยานิกภาวํ ตพฺพิโลมโต พาหิรกสมยสฺส อนิยฺยานิกตฺจ วิภาเวสิ. ตํ สุตฺวา เต พฺราหฺมณมหาสาลา สาสเน อภิปฺปสนฺนา สรณาทีสุ ปติฏฺหึสุ.

(อปร)-โคตมตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ทสกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.