📜
๑๒. ทฺวาทสกนิปาโต
๑. สีลวตฺเถรคาถาวณฺณนา
ทฺวาทสกนิปาเต ¶ ¶ สีลเมวาติอาทิกา อายสฺมโต สีลวตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห พิมฺพิสารรฺโ ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, สีลวาติสฺส นามํ อโหสิ. ตํ วยปฺปตฺตํ ราชา อชาตสตฺตุ มาเรตุกาโม จณฺฑํ มตฺตหตฺถึ อาโรเปตฺวา นานาวิเธหิ อุปาเยหิ อุปกฺกมนฺโตปิ มาเรตุํ นาสกฺขิ ปจฺฉิมภวิกสฺส อรหตฺตํ อปฺปตฺวา อนฺตรา ชีวิตนฺตรายาภาวโต. ตสฺส ปวตฺตึ ¶ ทิสฺวา ภควา มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรํ อาณาเปสิ – ‘‘สีลวกุมารํ อาเนหี’’ติ. เถโร อิทฺธิพเลน สทฺธึ หตฺถินา ตํ อาเนสิ. กุมาโร หตฺถิโต โอรุยฺห ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. ภควา ตสฺส อชฺฌาสยานุรูปํ ธมฺมํ เทเสสิ. โส ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปตฺวา โกสลรฏฺเ วสติ. อถ นํ อชาตสตฺตุ ‘‘มาเรถา’’ติ ปุริเส อาณาเปสิ. เต เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ิตา เถเรน กถิตํ ธมฺมกถํ สุตฺวา สฺชาตสํเวคา ปสนฺนจิตฺตา หุตฺวา ปพฺพชึสุ. เถโร เตสํ –
‘‘สีลเมวิธ สิกฺเขถ, อสฺมึ โลเก สุสิกฺขิตํ.
สีลฺหิ สพฺพสมฺปตฺตึ, อุปนาเมติ เสวิตํ.
‘‘สีลํ รกฺเขยฺย เมธาวี, ปตฺถยาโน ตโย สุเข;
ปสํสํ วิตฺติลาภฺจ, เปจฺจ สคฺเค ปโมทนํ.
‘‘สีลวา หิ พหู มิตฺเต, สฺเมนาธิคจฺฉติ;
ทุสฺสีโล ปน มิตฺเตหิ, ธํสเต ปาปมาจรํ.
‘‘อวณฺณฺจ อกิตฺติฺจ, ทุสฺสีโล ลภเต นโร;
วณฺณํ กิตฺตึ ปสํสฺจ, สทา ลภติ สีลวา.
‘‘อาทิ ¶ ¶ สีลํ ปติฏฺา จ, กลฺยาณานฺจ มาตุกํ;
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ, ตสฺมา สีลํ วิโสธเย.
‘‘เวลา จ สํวรํ สีลํ, จิตฺตสฺส อภิหาสนํ;
ติตฺถฺจ สพฺพพุทฺธานํ, ตสฺมา สีลํ วิโสธเย.
‘‘สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ, สีลํ อาวุธมุตฺตมํ;
สีลมาภรณํ เสฏฺํ, สีลํ กวจมพฺภุตํ.
‘‘สีลํ เสตุ มเหสกฺโข, สีลํ คนฺโธ อนุตฺตโร;
สีลํ วิเลปนํ เสฏฺํ, เยน วาติ ทิโสทิสํ.
‘‘สีลํ สมฺพลเมวคฺคํ, สีลํ ปาเถยฺยมุตฺตมํ;
สีลํ เสฏฺโ อติวาโห, เยน ยาติ ทิโสทิสํ.
‘‘อิเธว นินฺทํ ลภติ, เปจฺจาปาเย จ ทุมฺมโน;
สพฺพตฺถ ทุมฺมโน พาโล, สีเลสุ อสมาหิโต.
‘‘อิเธว กิตฺตึ ลภติ, เปจฺจ สคฺเค จ สุมฺมโน;
สพฺพตฺถ สุมโน ธีโร, สีเลสุ สุสมาหิโต.
‘‘สีลเมว อิธ อคฺคํ, ปฺวา ปน อุตฺตโม;
มนุสฺเสสุ จ เทเวสุ, สีลปฺาณโต ชย’’นฺติ. –
อิมาหิ คาถาหิ ธมฺมํ เทเสสิ.
ตตฺถ สีลเมวิธ สิกฺเขถ, อสฺมึ โลเกติ อิธาติ, นิปาตมตฺตํ, อิมสฺมึ สตฺตโลเก อตฺถกาโม กุลปุตฺโต จาริตฺตวาริตฺตาทิเภทํ อาทิโต สีลเมว สิกฺเขยฺย, สิกฺขนฺโต จ นํ สุสิกฺขิตํ อขณฺฑาทิภาวาปาทเนน สุฏฺุ สิกฺขิตํ สุปริสุทฺธํ ปริปุณฺณฺจ กตฺวา สิกฺเขยฺย. อสฺมึ ¶ โลเกติ วา อิมสฺมึ สงฺขารโลเก สิกฺขิตพฺพธมฺเมสุ สีลํ อาทิโต สิกฺเขยฺย. ทิฏฺิสมฺปตฺติยาปิ สีลสฺส ปติฏฺาภาวโต อาห ‘‘สีลํ หี’’ติอาทิ. ตตฺถ หีติ การณวจนํ. ยสฺมา สีลํ เสวิตํ ปริจิตํ รกฺขิตํ ¶ มนุสฺสสมฺปตฺติ, ทิพฺพสมฺปตฺติ, นิพฺพานสมฺปตฺตีติ เอตํ สพฺพสมฺปตฺตึ ตํสมงฺคิโน สตฺตสฺส อุปนาเมติ อาวหติ.
สีลํ สพฺพสมฺปตฺตึ อุปนาเมตีติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสนฺโต ‘‘สีลํ รกฺเขยฺยา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ รกฺเขยฺยาติ โคเปยฺย. ปาณาติปาตาทิโต หิ วิรมนฺโต วตฺตปฏิวตฺตฺจ ปูเรนฺโต ปฏิปกฺขาภิภวนโต ตํ รกฺขติ นาม. เมธาวีติ ปฺวา, อิทํ ตสฺส รกฺขนุปายทสฺสนํ าณพเลน หิสฺส สมาทานํ อวิโกปนฺจ โหติ. ปตฺถยาโนติ อิจฺฉนฺโต. ตโย สุเขติ ¶ ตีณิ สุขานิ. สุขนิมิตฺตํ วา ‘‘สุข’’นฺติ อธิปฺเปตํ. ปสํสนฺติ กิตฺตึ, วิฺูหิ วา ปสํสนํ. วิตฺติลาภนฺติ ตุฏฺิลาภํ. ‘‘วิตฺตลาภ’’นฺติ จ ปนฺติ, ธนลาภนฺติ อตฺโถ. สีลวา หิ อปฺปมตฺตตาย มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ อธิคจฺฉติ. เปจฺจาติ กาลงฺกตฺวา. สคฺเค ปโมทนนฺติ เทวโลเก อิฏฺเหิ กามคุเณหิ, โมทนฺจ ปตฺถยมาโนติ สมฺพนฺโธ. อิธโลเก ปสํสํ วิตฺติลาภํ ปรโลเก ทิพฺพสมฺปตฺติยา โมทนฺจ อิจฺฉนฺโต สีลํ รกฺเขยฺยาติ โยชนา.
สฺเมนาติ กายาทีนํ สํยเมน. สํยโต หิ กายทุจฺจริตาทีหิ กฺจิ อวิเหเนฺโต อภยทานํ ททนฺโต ปิยมนาปตาย มิตฺตานิ คนฺถติ. ธํสเตติ อเปติ. ปาปมาจรนฺติ ปาณาติปาตาทิปาปกมฺมํ กโรนฺโต. ทุสฺสีลฺหิ ปุคฺคลํ อตฺถกามา สตฺตา น ภชนฺติ, อฺทตฺถุ ปริวชฺเชนฺติ.
อวณฺณนฺติ อคุณํ, สมฺมุขา ครหํ วา. อกิตฺตินฺติ, อยสํ อสิโลกํ. วณฺณนฺติ คุณํ. กิตฺตินฺติ สิโลกํ ปตฺถฏยสตํ. ปสํสนฺติ สมฺมุขา โถมนํ.
อาทีติ มูลํ. สีลฺหิ กุสลานํ ธมฺมานํ อาทิ. ยถาห – ‘‘ตสฺมาติห ตฺวํ, ภิกฺขุ, อาทิเมว วิโสเธหิ กุสเลสุ ธมฺเมสุ. โก จาทิ กุสลานํ ธมฺมานํ? สีลฺจ สุวิสุทฺธ’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๓๖๙). ปติฏฺาติ อธิฏฺานํ. สีลฺหิ สพฺเพสํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมานํ ปติฏฺา. เตนาห – ‘‘สีเล ปติฏฺายา’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๑.๒๓; ๑๙๒; เปฏโก. ๒๒; มิ. ป. ๒.๑.๙). กลฺยาณานฺจ มาตุกนฺติ สมถวิปสฺสนาทีนํ กลฺยาณธมฺมานํ มาตุภูตํ ¶ , ชนกนฺติ, อตฺโถ. ปมุขํ สพฺพธมฺมานนฺติ, สพฺเพสํ ปาโมชฺชาทีนํ อนวชฺชธมฺมานํ ปมุขํ มุขภูตํ, ปวตฺติทฺวารนฺติ อตฺโถ. ตสฺมาติ อาทิภาวาทิโต. วิโสธเยติ อกฺขณฺฑาทิภาเวน สมฺปาเทยฺย.
เวลาติ ทุจฺจริเตหิ อนติกฺกมนียฏฺเน เวลา, สีมาติ อตฺโถ ¶ . เวลายติ วา ทุสฺสิลฺยํ จลยติ วิทฺธํเสตีติ เวลา. สํวรํ สีลํ กายทุจฺจริตาทีนํ อุปฺปตฺติทฺวารสฺส ปิทหนโต. อภิหาสนนฺติ โตสนํ อวิปฺปฏิสารเหตุตาย จิตฺตสฺสาภิปฺปโมทนโต. ติตฺถฺจ สพฺพพุทฺธานนฺติ สาวกพุทฺธา, ปจฺเจกพุทฺธา, สมฺมาสมฺพุทฺธาติ สพฺเพสํ พุทฺธานํ กิเลสมลปฺปวาหเน นิพฺพานมหาสมุทฺทาวคาหเณ จ ติตฺถภูตฺจ.
สีลํ พลํ อปฺปฏิมนฺติ มารเสนปฺปมทฺทเน อสทิสํ พลํ เสนาถาโม จ. อาวุธมุตฺตมนฺติ สํกิเลสธมฺมานํ ¶ เฉทเน อุตฺตมํ ปหรณํ. คุณสรีโรปโสภนฏฺเน อาภรณํ. เสฏฺนฺติ สพฺพกาลํ อุตฺตมํ ทพฺพฺจ. สปาณปริตฺตานโต กวจมพฺภุตํ. ‘‘อพฺภิท’’นฺติ จ ปนฺติ, อเภชฺชนฺติ อตฺโถ.
อปายมโหฆาติกฺกมเน สํสารมโหฆาติกฺกมเน จ กิเลเสหิ อสํสีทนฏฺเน เสตุ. มเหสกฺโขติ มหพฺพโล. คนฺโธ อนุตฺตโรติ ปฏิวาตํ สพฺพทิสาสุ วายนโต อนุตฺตโร คนฺโธ สพฺพชนมโนหรตฺตา. เตนาห ‘‘เยน วาติ ทิโสทิส’’นฺติ เยน สีลคนฺเธน ตํสมงฺคี ทิโสทิสํ สพฺพา ทิสา วายติ. ‘‘ทิโสทิสา’’ติปิ ปาฬิ, ทส ทิสาติ อตฺโถ.
สมฺพลเมวคฺคนฺติ สมฺพลํ นาม ปุฏภตฺตํ. ยถา ปุฏภตฺตํ คเหตฺวา มคฺคํ คจฺฉนฺโต ปุริโส อนฺตรามคฺเค ชิฆจฺฉาทุกฺเขน น กิลมติ, เอวํ สีลสมฺปนฺโนปิ สุทฺธํ สีลสมฺพลํ คเหตฺวา สํสารกนฺตารํ ปฏิปนฺโน คตคตฏฺาเน น กิลมตีติ สีลํ อคฺคํ สมฺพลํ นาม. ตถา สีลํ ปาเถยฺยมุตฺตมํ โจราทีหิ อสาธารณตฺตา ตตฺถ ตตฺถ อิจฺฉิตพฺพสมฺปตฺตินิปฺผาทนโต จ. อติกฺกาเมนฺโต ตํ ตํ านํ ยถิจฺฉิตฏฺานํ วา วาเหติ สมฺปาเปตีติ อติวาโห, ยานํ. เกนจิ อนุปทฺทุตํ หุตฺวา อิจฺฉิตฏฺานปฺปตฺติเหตุตาย ¶ สีลํ เสฏฺํ อติวาโห. เยนาติ เยน อติวาเหน ยาติ ทิโสทิสนฺติ อคตึ คติฺจาปิ ตํ ตํ ทิสํ สุเขเนว คจฺฉติ.
อิเธว นินฺทํ ลภตีติ อิธโลเกปิ ทุมฺมโน ราคาทีหิ ทูสิตจิตฺโต ‘‘ทุสฺสีโล ปาปธมฺโม’’ติ นินฺทํ ครหํ ลภติ. เปจฺจ ปรโลเกปิ อปาเย ‘‘ปุริสตฺตกลิ อวชาตา’’ติอาทินา ยมปุริสาทีหิ จ นินฺทํ ลภติ. น เกวลํ นินฺทเมว ลภติ, อถ โข สพฺพตฺถ ทุมฺมโน พาโล อิธโลเก ทุจฺจริตจรเณน ทูสิตจิตฺโต ปรโลเก กมฺมการณาทิวเสน ทุกฺขุปฺปตฺติยาติ สพฺพตฺถ พาโล ทุมฺมโน โหติ. กถํ? สีเลสุ อสมาหิโต สมฺมา สีเลสุ น ปิตจิตฺโต อปฺปติฏฺิตจิตฺโต.
อิเธว กิตฺตึ ลภตีติ อิธโลเกปิ สุมโน ‘‘สปฺปุริโส สีลวา กลฺยาณธมฺโม’’ติ กิตฺตึ ลภติ. เปจฺจ ปรโลเกปิ สคฺเค ‘‘อยํ สปฺปุริโส สีลวา กลฺยาณธมฺโม. ตถา หิ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปนฺโน’’ติอาทินา กิตฺตึ ลภติ. น เกวลํ กิตฺติเมว ลภติ, อถ โข ¶ ธีโร ธิติสมฺปนฺโน สีเลสุ สุฏฺุ สมาหิโต อปฺปิตจิตฺโต สุปติฏฺิตจิตฺโต สพฺพตฺถ อิธโลเก สุจริตจรเณน, ปรโลเก สมฺปตฺติปฏิลาเภน สุมโน โสมนสฺสปฺปตฺโต โหติ. สีลเมว อิธ อคฺคนฺติ ทุวิธํ สีลํ โลกิยํ โลกุตฺตรนฺติ. ตตฺถ โลกิยํ ตาว กามโลเก ขตฺติยมหาสาลาทีสุ, เทวโลเก พฺรหฺมโลเก จ อุปปตฺติวิเสสํ อาวหติ, ลาภีภาวาทิกสฺส จ การณํ ¶ โหติ. โลกุตฺตรํ ปน สกลมฺปิ วฏฺฏทุกฺขํ อติกฺกาเมตีติ สีลํ อคฺคเมว. ตถา หิ วุตฺตํ –
‘‘หีเนน พฺรหฺมจริเยน, ขตฺติเย อุปปชฺชติ;
มชฺฌิเมน จ เทวตฺตํ, อุตฺตเมน วิสุชฺฌตี’’ติ. (ชา. ๑.๘.๗๕);
อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ – ‘‘ลาภี อสฺสํ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาราน’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๖๕), ‘‘สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี’’ติ (ม. นิ. ๑.๖๕), ‘‘อิชฺฌติ, ภิกฺขเว, สีลวโต เจโตปณิธิ วิสุทฺธตฺตา’’ติ (อ. นิ. ๘.๓๕; ที. นิ. ๓.๓๓๗) จ.
โลกุตฺตรสีลสฺส ¶ ปน สพฺพโส ปหีนปฏิปกฺขสฺส สตฺตมภวโต ปฏฺาย สํสารทุกฺขํ วินิวตฺเตนฺตสฺส อคฺคภาเว วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. ปฺวา ปน อุตฺตโมติ ‘‘ปฺวา ปน ปุคฺคโล อุตฺตโม ปรโม เสฏฺโเยวา’’ติ ปุคฺคลาธิฏฺาเนน ปฺาย เอว เสฏฺภาวํ วทติ. อิทานิ สีลปฺานํ เสฏฺภาวํ กิจฺจโต ทสฺเสนฺโต ‘‘สีลปฺาณโต ชย’’นฺติ อาห. ชยนฺติ จ ลิงฺควิปลฺลาโส ทฏฺพฺโพ, อหูติ วา วจนเสโส. ตตฺถ ปชานนฏฺเน ปฺาณํ, สีลโต ปฺาณโต จ ปฏิปกฺขชโย. น หิ สีเลน วินา ปฺา สมฺภวติ, ปฺาย จ วินา สีลํ กิจฺจกรํ, อฺมฺโปการกฺเจตํ. วุตฺตฺหิ ‘‘สีลปริโธตา ปฺา, ปฺาปริโธตํ สีล’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๓๑๗) มนุสฺเสสุ จ เทเวสูติ อิทํ เนสํ านวิเสสทสฺสนํ. ตตฺถ หิ ตานิ สวิเสสานิ วตฺตนฺติ, สมาธิ ปเนตฺถ สีลปกฺขิโก ปฺาย อธิฏฺานภาวโต, ปฺาปกฺขิโก วา ภาเวตพฺพโต สีลาธิฏฺานโต จ.
เอวํ เถโร เตสํ ภิกฺขูนํ สีลมุเขน ธมฺมํ เทเสนฺโต อตฺตโน สุวิสุทฺธสีลาทิคุณตาทีปเนน อฺํ พฺยากาสิ.
สีลวตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สุนีตตฺเถรคาถาวณฺณนา
นีเจ ¶ กุลมฺหีติอาทิกา อายสฺมโต สุนีตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ ¶ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปฺุานิ อุปจินิตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต พุทฺธสฺส สฺุกาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต พาลชเนหิ สทฺธึ กีฬาปสุโต หุตฺวา วิจรนฺโต เอกํ ปจฺเจกพุทฺธํ คาเม ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา, ‘‘กึ ตุยฺหํ สพฺพโส วณิตสรีรสฺส วิย สกลํ กายํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ภิกฺขาจรเณน, นนุ นาม กสิวาณิชฺชาทีหิ ชีวิกา กปฺเปตพฺพา? ตานิ เจ กาตุํ น สกฺโกสิ, ฆเร ฆเร มุตฺตกรีสาทีนิ นีหรนฺโต ปจฺฉา วตฺถุโสธเนน ชีวาหี’’ติ อกฺโกสิ. โส เตน กมฺเมน นิรเย ปจฺจิตฺวา ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากาวเสเสน มนุสฺสโลเกปิ พหูนิ ชาติสตานิ ¶ ปุปฺผฉฑฺฑกกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ตถา ชีวิกํ กปฺเปสิ. อิมสฺมิฺจ พุทฺธุปฺปาเท ปุปฺผฉฑฺฑกกุเล เอว นิพฺพตฺโต อุกฺการโสธนกมฺเมน ชีวิกํ กปฺเปติ ฆาสจฺฉาทนมตฺตมฺปิ อลภนฺโต.
อถ ภควา ปจฺฉิมยาเม พุทฺธาจิณฺณํ มหากรุณาสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺาย พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต สุนีตสฺส หทยพฺภนฺตเร ฆเฏ ปทีปํ วิย ปชฺชลนฺตํ อรหตฺตูปนิสฺสยํ ทิสฺวา วิภาตาย รตฺติยา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ราชคหํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ. ยสฺสํ วีถิยํ สุนีโต อุกฺการโสธนกมฺมํ กโรติ, ตํ วีถึ ปฏิปชฺชิ. สุนีโตปิ ตตฺถ ตตฺถ วิฆาสุจฺจารสงฺการาทิกํ ราสึ กตฺวา ปิฏเกสุ ปกฺขิปิตฺวา กาเชนาทาย ปริหรนฺโต ภิกฺขุสงฺฆปริวุตํ สตฺถารํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา สารชฺชมาโน สมฺภมากุลหทโย คมนมคฺคํ นิลียโนกาสฺจ อลภนฺโต กาชํ ภิตฺติปสฺเส เปตฺวา เอเกน ปสฺเสน อนุปวิสนฺโต วิย ภิตฺตึ อลฺลีโน ปฺชลิโก อฏฺาสิ. ‘‘ภิตฺติฉิทฺเทน อปกฺกมิตุกาโม อโหสี’’ติปิ วทนฺติ.
สตฺถา ตสฺส สมีปํ ปตฺวา ‘‘อยํ อตฺตโน กุสลมูลสฺโจทิตํ อุปคตํ มํ สารชฺชมาโน ชาติยา กมฺมสฺส จ นิหีนตาย สมฺมุขีภาวมฺปิ ลชฺชติ, หนฺทสฺส เวสารชฺชํ อุปฺปาเทสฺสามี’’ติ กรวีกรุตมฺชุนา สกลนครนินฺนาทวร-คมฺภีเรน พฺรหฺมสฺสเรน ‘‘สุนีตา’’ติ อาลปิตฺวา ‘‘กึ อิมาย ทุกฺขชีวิกาย ปพฺพชิตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ อาห. สุนีโต เตน สตฺถุ วจเนน อมเตน วิย อภิสิตฺโต อุฬารํ ปีติโสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทนฺโต ‘‘ภควา, สเจ มาทิสาปิ อิธ ปพฺพชฺชํ ลภนฺติ, กสฺมาหํ น ปพฺพชิสฺสามิ, ปพฺพาเชถ มํ ภควา’’ติ อาห ¶ . สตฺถา ‘‘เอหิ, ภิกฺขู’’ติ อาห. โส ตาวเทว เอหิภิกฺขุภาเวน ปพฺพชฺชํ อุปสมฺปทฺจ ลภิตฺวา อิทฺธิมยปตฺตจีวรธโร วสฺสสฏฺิกตฺเถโร วิย หุตฺวา สตฺถุ สนฺติเก อฏฺาสิ. ภควา ตํ วิหารํ เนตฺวา กมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิ. โส ปมํ อฏฺ สมาปตฺติโย, ปฺจ จ อภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ฉฬภิฺโ อโหสิ. ตํ สกฺกาทโย เทวา พฺรหฺมาโน จ อุปสงฺกมิตฺวา นมสฺสึสุ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ตา ¶ ¶ เทวตา สตฺตสตา อุฬารา, พฺรหฺมา จ อินฺโท อุปสงฺกมิตฺวา;
อาชานียํ ชาติชราภิภูตํ, สุนีตํ นมสฺสนฺติ ปสนฺนจิตฺตา’’ติอาทิ.
ภควา ตํเยว เทวสงฺฆปุรกฺขตํ ทิสฺวา สิตํ กตฺวา ปสํสนฺโต ‘‘ตเปน พฺรหฺมจริเยนา’’ติ คาถาย ธมฺมํ เทเสสิ. อถ นํ สมฺพหุลา ภิกฺขู สีหนาทํ นทาเปตุกามา, ‘‘อาวุโส สุนีต, กสฺมา กุลา ตฺวํ ปพฺพชิโต, กถํ วา ปพฺพชิโต, กถฺจ สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌี’’ติ ปุจฺฉึสุ. โส ตํ สพฺพํ ปกาเสนฺโต –
‘‘นีเจ กุลมฺหิ ชาโตหํ, ทลิทฺโท อปฺปโภชโน;
หีนกมฺมํ มมํ อาสิ, อโหสึ ปุปฺผฉฑฺฑโก.
‘‘ชิคุจฺฉิโต มนุสฺสานํ, ปริภูโต จ วมฺภิโต;
นีจํ มนํ กริตฺวาน, วนฺทิสฺสํ พหุกํ ชนํ.
‘‘อถทฺทสาสึ สมฺพุทฺธํ, ภิกฺขุสงฺฆปุรกฺขตํ;
ปวิสนฺตํ มหาวีรํ, มคธานํ ปุรุตฺตมํ.
‘‘นิกฺขิปิตฺวาน พฺยาภงฺคึ, วนฺทิตุํ อุปสงฺกมึ;
มเมว อนุกมฺปาย, อฏฺาสิ ปุริสุตฺตโม.
‘‘วนฺทิตฺวา สตฺถุโน ปาเท, เอกมนฺตํ ิโต ตทา;
ปพฺพชฺชํ อหมายาจึ, สพฺพสตฺตานมุตฺตมํ.
‘‘ตโต ¶ การุณิโก สตฺถา, สพฺพโลกานุกมฺปโก;
‘เอหิ ภิกฺขู’ติ มํ อาห, สา เม อาสูปสมฺปทา.
๖๒๖. ‘‘โสหํ เอโก อรฺสฺมึ, วิหรนฺโต อตนฺทิโต.
อกาสึ สตฺถุ วจนํ, ยถา มํ โอวที ชิโน.
‘‘รตฺติยา ปมํ ยามํ, ปุพฺพชาติมนุสฺสรึ;
รตฺติยา มชฺฌิมํ ยามํ, ทิพฺพจกฺขุํ วิโสธยึ;
รตฺติยา ปจฺฉิเม ยาเม, ตโมขนฺธํ ปทาลยึ.
‘‘ตโต ¶ รตฺยาวิวสาเน, สูริยุคฺคมนํ ปติ; (ชา. ๑.๑๑.๗๙);
อินฺโท พฺรหฺมา จ อาคนฺตฺวา, มํ นมสฺสึสุ ปฺชลี.
‘‘นโม เต ปุริสาชฺ, นโม เต ปุริสุตฺตม;
ยสฺส เต อาสวา ขีณา, ทกฺขิเณยฺโยสิ มาริส.
‘‘ตโต ¶ ทิสฺวาน มํ สตฺถา, เทวสงฺฆปุรกฺขตํ;
สิตํ ปาตุกริตฺวาน, อิมมตฺถํ อภาสถ.
‘‘ตเปน พฺรหฺมจริเยน, สํยเมน ทเมน จ;
เอเตน พฺราหฺมโณ โหติ, เอตํ พฺราหฺมณมุตฺตม’’นฺติ. –
อิมาหิ คาถาหิ สีหนาทํ นทิ.
ตตฺถ นีเจติ ลามเก สพฺพนิหีเน. อุจฺจนีจภาโว หิ นาม สตฺตานํ อุปาทายุปาทาย, อยํ ปน สพฺพนิหีเน ปุกฺกุสกุเล อุปฺปนฺนตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘นีเจ กุลมฺหิ ชาโต’’ติ อาห. เตน วุตฺตํ – ‘‘นีเจติ ลามเก สพฺพนิหีเน’’ติ. ทลิทฺโทติ ทุคฺคโต, ทลิทฺทาปิ เกจิ กทาจิ ฆาสจฺฉาทนสฺส ลาภิโน, อกสิรวุตฺติโน โหนฺติ, อหํ ปน สพฺพกาลํ กสิรวุตฺติตาย หีโน อุทฺธนํ อุปฏฺปิตอุกฺขลิโก ทสฺสนยุตฺตํ เถวกมฺปิ อปสฺสึ เยวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อปฺปโภชโน’’ติ อาห. นีจกุลิกา ทลิทฺทาปิ เกจิ อนีจกมฺมาชีวา โหนฺติ, มยฺหํ ปน น ตถาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘หีนกมฺมํ มมํ อาสี’’ติ. กีทิสนฺติ เจ? อโหสึ ปุปฺผฉฑฺฑโก, หตฺถวิกลสฺส หตฺถวาติ วิย อุปจารวเสนายํ อิมสฺส สมฺา อโหสิ ยทิทํ ‘‘ปุปฺผฉฑฺฑโก’’ติ. มิลาตปุปฺผสนฺถรวณฺณตาย วา อุกฺการภูมิยา เอวํ วุตฺโต.
ชิคุจฺฉิโตติ ชาติยา เจว กมฺมุนา จ หีฬิโต. มนุสฺสานนฺติ มนุสฺเสหิ. ปริภูโตติ อวฺาโต. วมฺภิโตติ ขุํสิโต. นีจํ มนํ กริตฺวานาติ อฺเ มนุสฺเส สิเนรุํ วิย อุกฺขิปิตฺวา เตสํ ปาทปํสุโตปิ อตฺตานํ นิหีนํ กตฺวา ปวตฺติยา นีจํ นิหีนํ มนํ กตฺวา. วนฺทิสฺสํ ¶ พหุกํ ชนนฺติ ปุถุมหาชนํ ทิฏฺทิฏฺกาเล วนฺทึ สิรสิ อฺชลึ กโรนฺโต ปณามึ.
อถาติ อธิการนฺตรทีปเน นิปาโต. อทฺทสาสินฺติ อทฺทกฺขึ. มคธานนฺติ มคธา นาม ชานปทิโน ราชกุมารา, เตสํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท รุฬฺหิยา ‘‘มคธาน’’นฺติ วุตฺโต, มคธชนปทสฺสาติ อตฺโถ. ปุรุตฺตมนฺติ อุตฺตมํ นครํ.
พฺยาภงฺคินฺติ กาชํ. ปพฺพชฺชํ อหมายาจินฺติ, ‘‘สุนีต, ปพฺพชิตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติ สตฺถารา โอกาเส กเต อหํ ปพฺพชฺชํ อยาจึ. อาสูปสมฺปทาติ ‘‘เอหิ, ภิกฺขู’’ติ สตฺถุ วจนมตฺเตน อาสิ อุปสมฺปทา. ยถา มํ โอวทีติ ‘‘เอวํ สมถปุพฺพงฺคมํ วิปสฺสนํ ภาเวหี’’ติ ยถา มํ โอวทิ, ตถา สตฺถุโน วจนํ อกาสึ ปฏิปชฺชึ. รตฺติยาติอาทิ ตสฺสา ปฏิปตฺติยา รสทสฺสนํ. ตตฺถ ปุพฺเพนิวาสาณํ ¶ อนาคตํสาณฺจ พหุกิจฺจนฺติ ‘‘ปมํ ยามํ ¶ มชฺฌิมํ ยาม’’นฺติ อจฺจนฺตสํโยควเสน อุปโยควจนํ วุตฺตํ. น ตถา อาสวกฺขยาณํ เอกาภิสมยวเสน ปวตฺตนโตติ ‘‘ปจฺฉิเม ยาเม’’ติ ภุมฺมวเสน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อินฺโทติ สกฺโก เทวราชา. พฺรหฺมาติ มหาพฺรหฺมา. อินฺทพฺรหฺมคฺคหเณน อฺเสํ กามเทวานํ พฺรหฺมูนฺจ อาคมนํ วุตฺตเมวาติ ทฏฺพฺพํ. อุกฺกฏฺนิทฺเทโส เหส ยถา ‘‘ราชา อาคโต’’ติ. นมสฺสึสูติ กาเยน วาจาย จ นมกฺการํ อกํสุ.
ตตฺถ กาเยน กตํ นมกฺการํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปฺชลี’’ติ วตฺวา วาจาย กตํ ทสฺเสตุํ ‘‘นโม เต’’ติอาทิ วุตฺตํ. เทวสงฺฆปุรกฺขตนฺติ เทวคฺคหเณน อุปปตฺติเทวภาวโต พฺรหฺมาโนปิ คหิตา. สิตํ ปาตุกริตฺวานาติ อตฺตโน โอวาทสฺส มหปฺผลตํ เทวพฺรหฺมูนฺจ คุณสมฺปตฺตึ นิสฺสาย สตฺถา สิตํ ปาตฺวากาสิ. ปาตุกโรนฺโต จ น อฺเ วิย ทนฺเต วิทํเสติ, มุขาธานํ ปน โถกํ วิวรติ, ตตฺตเกน จ อภิภูตทิพฺพผลิกมุตฺตรสฺมิโย อวหสิตตารกาสสิมรีจิโย สุสุกฺกทาสมฺภวา ฆนรสฺมิโย นิกฺขมิตฺวา ติกฺขตฺตุํ สตฺถุ มุขํ ปทกฺขิณํ กโรนฺติ, ตํ ทิสฺวา ปจฺฉโต คจฺฉนฺตาปิ สตฺถา สิตํ ปาตฺวากาสีติ สฺชานนฺติ.
ตเปนาติ ¶ อินฺทฺริยสํวเรน, ‘‘ธุตธมฺมสมาทาเนนา’’ติ เกจิ. สํยเมนาติ สีเลน. ทเมนาติ ปฺาย. พฺรหฺมจริเยนาติ อวสิฏฺเสฏฺจริยาย. เอเตนาติ ยถาวุตฺเตน ตปาทินา. พฺราหฺมโณ โหติ พาหิตปาปภาวโต. เอตนฺติ ตปาทิ ยถาวุตฺตํ. พฺราหฺมณมุตฺตมนฺติ อุตฺตมํ พฺราหฺมณํ, พฺราหฺมเณสุ วา อุตฺตมํ สพฺพเสฏฺํ, อหูติ วจนเสโส. พฺราหฺมณนฺติ วา พฺรหฺมฺมาห, เอวํ อุตฺตมํ พฺรหฺมฺํ, น ชจฺจาทีติ อธิปฺปาโย. น หิ ชาติกุลปเทสโคตฺตสมฺปตฺติอาทโย อริยภาวสฺส การณํ, อธิสีลสิกฺขาทโย เอว ปน การณํ. เตนาห –
‘‘ยถา สงฺการานสฺมึ, อุชฺฌิตสฺมึ มหาปเถ;
ปทุมํ ตตฺถ ชาเยถ, สุจิคนฺธํ มโนรมํ.
‘‘เอวํ สงฺการภูเตสุ, อนฺธภูเต ปุถุชฺชเน;
อติโรจติ ปฺาย, สมฺมาสมฺพุทฺธสาวโก’’ติ. (ธ. ป. ๕๘-๕๙);
เอวํ เถโร เตหิ ภิกฺขูหิ ปุจฺฉิตมตฺถํ อิมาหิ คาถาหิ วิสฺสชฺเชนฺโต สีหนาทํ นทีติ.
สุนีตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ทฺวาทสกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.