📜
๒. ทุกนิปาโต
๑. อภิรูปนนฺทาเถรีคาถาวณฺณนา
ทุกนิปาเต ¶ ¶ อาตุรํ อสุจึ ปูตินฺติอาทิกา อภิรูปนนฺทาย สิกฺขมานาย คาถา. อยํ กิร วิปสฺสิสฺส ภควโต ¶ กาเล พนฺธุมตีนคเร คหปติมหาสาลสฺส ธีตา หุตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺิตา สตฺถริ ปรินิพฺพุเต ธาตุเจติยํ รตนปฏิมณฺฑิเตน สุวณฺณจฺฉตฺเตน ปูชํ กตฺวา, กาลงฺกตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ สุคตีสุเยว สํสรนฺตี อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุนคเร เขมกสฺส สกฺกสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมึ นิพฺพตฺติ. นนฺทาติสฺสา นามํ อโหสิ. สา อตฺตภาวสฺส อติวิย รูปโสภคฺคปฺปตฺติยา อภิรูปา ทสฺสนียา ปาสาทิกา อภิรูปนนฺทาตฺเวว ปฺายิตฺถ. ตสฺสา วยปฺปตฺตาย วาเรยฺยทิวเสเยว วรภูโต สกฺยกุมาโร กาลมกาสิ. อถ นํ มาตาปิตโร อกามํ ปพฺพาเชสุํ.
สา ปพฺพชิตฺวาปิ รูปํ นิสฺสาย อุปฺปนฺนมทา ‘‘สตฺถา รูปํ วิวณฺเณติ ครหติ อเนกปริยาเยน รูเป อาทีนวํ ทสฺเสตี’’ติ พุทฺธุปฏฺานํ น คจฺฉติ. ภควา ตสฺสา าณปริปากํ ตฺวา มหาปชาปตึ อาณาเปสิ ‘‘สพฺพาปิ ภิกฺขุนิโย ปฏิปาฏิยา โอวาทํ อาคจฺฉนฺตู’’ติ. สา อตฺตโน วาเร สมฺปตฺเต อฺํ เปเสสิ. ภควา ‘‘วาเร สมฺปตฺเต อตฺตนาว อาคนฺตพฺพํ, น อฺา เปเสตพฺพา’’ติ อาห. สา สตฺถุ อาณํ ลงฺฆิตุํ อสกฺโกนฺตี ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ พุทฺธุปฏฺานํ อคมาสิ. ภควา อิทฺธิยา เอกํ อภิรูปํ อิตฺถิรูปํ มาเปตฺวา ปุน ชราชิณฺณํ ทสฺเสตฺวา สํเวคํ อุปฺปาเทตฺวา –
‘‘อาตุรํ อสุจึ ปูตึ, ปสฺส นนฺเท สมุสฺสยํ;
อสุภาย จิตฺตํ ภาเวหิ, เอกคฺคํ สุสมาหิตํ.
‘‘อนิมิตฺตฺจ ภาเวหิ, มานานุสยมุชฺชห;
ตโต มานาภิสมยา, อุปสนฺตา จริสฺสสี’’ติ. –
อิมา ¶ ¶ ทฺเว คาถา อภาสิ. ตาสํ อตฺโถ เหฏฺา วุตฺตนโย เอว. คาถาปริโยสาเน อภิรูปนนฺทา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน –
‘‘นคเร พนฺธุมติยา, พนฺธุมา นาม ขตฺติโย;
ตสฺส รฺโ อหุํ ภริยา, เอกชฺฌํ จารยามหํ.
‘‘รโหคตา ¶ นิสีทิตฺวา, เอวํ จินฺเตสหํ ตทา;
อาทาย คมนียฺหิ, กุสลํ นตฺถิ เม กตํ.
‘‘มหาภิตาปํ กฏุกํ, โฆรรูปํ สุทารุณํ;
นิรยํ นูน คจฺฉามิ, เอตฺถ เม นตฺถิ สํสโย.
‘‘เอวาหํ จินฺตยิตฺวาน, ปหํเสตฺวาน มานสํ;
ราชานํ อุปคนฺตฺวาน, อิทํ วจนมพฺรวึ.
‘‘อิตฺถี นาม มยํ เทว, ปุริสานุคตา สทา;
เอกํ เม สมณํ เทหิ, โภชยิสฺสามิ ขตฺติย.
‘‘อทาสิ เม มหาราชา, สมณํ ภาวิตินฺทฺริยํ;
ตสฺส ปตฺตํ คเหตฺวาน, ปรมนฺเนน ปูรยึ.
‘‘ปูรยิตฺวา ปรมนฺนํ, สหสฺสคฺฆนเกนหํ;
วตฺถยุเคน ฉาเทตฺวา, อทาสึ ตุฏฺมานสา.
‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;
ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.
‘‘สหสฺสํ เทวราชูนํ, มเหสิตฺตมการยึ;
สหสฺสํ จกฺกวตฺตีนํ, มเหสิตฺตมการยึ.
‘‘ปเทสรชฺชํ ¶ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ;
นานาวิธํ พหุํ ปฺุํ, ตสฺส กมฺมผลา ตโต.
‘‘อุปฺปลสฺเสว เม วณฺณา, อภิรูปา สุทสฺสนา;
อิตฺถี สพฺพงฺคสมฺปนฺนา, อภิชาตา ชุตินฺธรา.
‘‘ปจฺฉิเม ¶ ภวสมฺปตฺเต, อชายึ สากิเย กุเล;
นารีสหสฺสปาโมกฺขา, สุทฺโธทนสุตสฺสหํ.
‘‘นิพฺพินฺทิตฺวา อคาเรหํ, ปพฺพชึ อนคาริยํ;
สตฺตมึ รตฺตึ สมฺปตฺวา, จตุสจฺจํ อปาปุณึ.
‘‘จีวรปิณฺฑปาตฺจ, ปจฺจยฺจ เสนาสนํ;
ปริเมตุํ น สกฺโกมิ, ปิณฺฑปาตสฺสิทํ ผลํ.
‘‘ยํ มยฺหํ ปุริมํ กมฺมํ, กุสลํ ชนิตํ มุนิ;
ตุยฺหตฺถาย มหาวีร, ปริจิณฺณํ พหุํ มยา.
‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ทานมททึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ปิณฺฑปาตสฺสิทํ ผลํ.
‘‘ทุเว คตี ปชานามิ, เทวตฺตํ อถ มานุสํ;
อฺํ คตึ น ชานามิ, ปิณฺฑปาตสฺสิทํ ผลํ.
‘‘อุจฺเจ ¶ กุเล ปชานามิ, ตโย สาเล มหาธเน;
อฺํ กุลํ น ชานามิ, ปิณฺฑปาตสฺสิทํ ผลํ.
‘‘ภวาภเว สํสริตฺวา, สุกฺกมูเลน โจทิตา;
อมนาปํ น ปสฺสามิ, โสมนสฺสกตํ ผลํ.
‘‘อิทฺธีสุ ¶ จ วสี โหมิ, ทิพฺพาย โสตธาตุยา;
เจโตปริยาณสฺส, วสี โหมิ มหามุเน.
‘‘ปุพฺเพนิวาสํ ชานามิ, ทิพฺพจกฺขุ วิโสธิตํ;
สพฺพาสวปริกฺขีณา, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว.
‘‘อตฺถธมฺมนิรุตฺตีสุ, ปฏิภาเน ตเถว จ;
าณํ มม มหาวีร, อุปฺปนฺนํ ตว สนฺติเก.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปตฺวา ปน สา สยมฺปิ อุทานวเสน ตาเยว คาถา อภาสิ, อิทเมว จสฺสา อฺาพฺยากรณํ อโหสีติ.
อภิรูปนนฺทาเถรีคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. เชนฺตาเถรีคาถาวณฺณนา
เย ¶ อิเม สตฺต โพชฺฌงฺคาติอาทิกา เชนฺตาย เถริยา คาถา. ตสฺสา อตีตํ ปจฺจุปฺปนฺนฺจ วตฺถุ อภิรูปนนฺทาวตฺถุสทิสํ. อยํ ปน เวสาลิยํ ลิจฺฉวิราชกุเล นิพฺพตฺตีติ อยเมว วิเสโส. สตฺถารา เทสิตํ ธมฺมํ สุตฺวา เทสนาปริโยสาเน อรหตฺตํ ปตฺวา อตฺตนา อธิคตํ วิเสสํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปีติวเสน –
‘‘เย อิเม สตฺต โพชฺฌงฺคา, มคฺคา นิพฺพานปตฺติยา;
ภาวิตา เต มยา สพฺเพ, ยถา พุทฺเธน เทสิตา.
‘‘ทิฏฺโ หิ เม โส ภควา, อนฺติโมยํ สมุสฺสโย;
วิกฺขีโณ ชาติสํสาโร, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ. –
อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ.
ตตฺถ ¶ เย อิเม สตฺต โพชฺฌงฺคาติ เย อิเม สติธมฺมวิจยวีริยปีติปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาสงฺขาตา โพธิยา ยถาวุตฺตาย ธมฺมสามคฺคิยา ¶ , โพธิสฺส วา พุชฺฌนกสฺส ตํสมงฺคิโน ปุคฺคลสฺส องฺคภูตตฺตา ‘‘โพชฺฌงฺคา’’ติ ลทฺธนามา สตฺต ธมฺมา. มคฺคา นิพฺพานปตฺติยาติ นิพฺพานาธิคมสฺส อุปายภูตา. ภาวิตา เต มยา สพฺเพ, ยถา พุทฺเธน เทสิตาติ เต สตฺตตึส โพธิปกฺขิยธมฺมา สพฺเพปิ มยา ยถา พุทฺเธน ภควตา เทสิตา, ตถา มยา อุปฺปาทิตา จ วฑฺฒิตา จ.
ทิฏฺโ หิ เม โส ภควาติ หิ-สทฺโท เหตุอตฺโถ. ยสฺมา โส ภควา ธมฺมกาโย สมฺมาสมฺพุทฺโธ อตฺตนา อธิคตอริยธมฺมทสฺสเนน ทิฏฺโ, ตสฺมา อนฺติโมยํ สมุสฺสโยติ โยชนา. อริยธมฺมทสฺสเนน หิ พุทฺธา ภควนฺโต อฺเ จ อริยา ทิฏฺา นาม โหนฺติ, น รูปกายทสฺสนมตฺเตน. ยถาห – ‘‘โย โข, วกฺกลิ, ธมฺมํ ปสฺสติ, โส มํ ปสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๘๗) จ ‘‘สุตวา จ โข, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อริยานํ ทสฺสาวี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๐; สํ. นิ. ๓.๑) จ อาทิ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
เชนฺตาเถรีคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. สุมงฺคลมาตุเถรีคาถาวณฺณนา
สุมุตฺติกาติอาทิกา ¶ สุมงฺคลมาตาย เถริยา คาถา. อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิการา ตตฺถ ตตฺถ ภเว กุสลํ อุปจินิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ ทลิทฺทกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺตา อฺตรสฺส นฬการสฺส ทินฺนา ปมคพฺเภเยว ปจฺฉิมภวิกํ ปุตฺตํ ลภิ. ตสฺส สุมงฺคโลติ นามํ อโหสิ. ตโต ปฏฺาย สา สุมงฺคลมาตาติ ปฺายิตฺถ. ยสฺมา ปนสฺสา นามโคตฺตํ น ปากฏํ, ตสฺมา ‘‘อฺตรา เถรี ภิกฺขุนี อปฺาตา’’ติ ปาฬิยํ วุตฺตํ. โสปิสฺสา ปุตฺโต วิฺุตํ ปตฺโต ปพฺพชิตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา สุมงฺคลตฺเถโรติ ปากโฏ อโหสิ. ตสฺส มาตา ภิกฺขุนีสุ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺตี เอกทิวสํ คิหิกาเล อตฺตนา ลทฺธทุกฺขํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา สํเวคชาตา วิปสฺสนํ ¶ วฑฺเฒตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา อุทาเนนฺตี –
‘‘สุมุตฺติกา ¶ สุมุตฺติกา, สาธุมุตฺติกามฺหิ มุสลสฺส;
อหิริโก เม ฉตฺตกํ วาปิ, อุกฺขลิกา เม เทฑฺฑุภํ วาติ.
‘‘ราคฺจ อหํ โทสฺจ, จิจฺจิฏิ จิจฺจิฏีติ วิหนามิ;
สา รุกฺขมูลมุปคมฺม, ‘อโห สุข’นฺติ สุขโต ฌายามี’’ติ. –
อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ.
ตตฺถ สุมุตฺติกาติ สุมุตฺตา. ก-กาโร ปทปูรณมตฺตํ, สุฏฺุ มุตฺตา วตาติ อตฺโถ. สา สาสเน อตฺตนา ปฏิลทฺธสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ปสาทวเสน, ตสฺสา วา ปสํสาวเสน อามนฺเตตฺวา วุตฺตํ ‘‘สุมุตฺติกา สุมุตฺติกา’’ติ. ยํ ปน คิหิกาเล วิเสสโต ชิคุจฺฉติ, ตโต วิมุตฺตึ ทสฺเสนฺตี ‘‘สาธุมุตฺติกามฺหี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สาธุมุตฺติกามฺหีติ สมฺมเทว มุตฺตา วต อมฺหิ. มุสลสฺสาติ มุสลโต. อยํ กิร ทลิทฺทภาเวน คิหิกาเล สยเมว มุสลกมฺมํ กโรติ, ตสฺมา เอวมาห. อหิริโก เมติ มม สามิโก อหิริโก นิลฺลชฺโช, โส มม น รุจฺจตีติ วจนเสโส. ปกติยาว กาเมสุ วิรตฺตจิตฺตตาย กามาธิมุตฺตานํ ปวตฺตึ ชิคุจฺฉนฺตี วทติ. ฉตฺตกํ วาปีติ ชีวิตเหตุเกน กรียมานํ ฉตฺตกมฺปิ เม น รุจฺจตีติ อตฺโถ. วา-สทฺโท อวุตฺตสมุจฺจยตฺโถ, เตน ¶ เปฬาจงฺโกฏกาทึ สงฺคณฺหาติ. เวฬุทณฺฑาทีนิ คเหตฺวา ทิวเส ทิวเส ฉตฺตาทีนํ กรณวเสน ทุกฺขชีวิตํ ชิคุจฺฉนฺตี วทติ. ‘‘อหิตโก เม วาโต วาตี’’ติ เกจิ วตฺวา อหิตโก ชราวโห คิหิกาเล มม สรีเร วาโต วายตีติ อตฺถํ วทนฺติ. อปเร ปน ‘‘อหิตโก ปเรสํ ทุคฺคนฺธตโร จ มม สรีรโต วาโต วายตี’’ติ อตฺถํ วทนฺติ. อุกฺขลิกา เม เทฑฺฑุภํ วาตีติ เม มม ภตฺตปจนภาชนํ จิรปาริวาสิกภาเวน อปริสุทฺธตาย ¶ อุทกสปฺปคนฺธํ วายติ, ตโต อหํ สาธุมุตฺติกามฺหีติ โยชนา.
ราคฺจ อหํ โทสฺจ, จิจฺจิฏิ จิจฺจิฏีติ วิหนามีติ อหํ กิเลสเชฏฺกํ ราคฺจ โทสฺจ จิจฺจิฏิ จิจฺจิฏีติ อิมินา สทฺเทน สทฺธึ วิหนามิ วินาเสมิ, ปชหามีติ อตฺโถ. สา กิร อตฺตโน สามิกํ ชิคุจฺฉนฺตี เตน ทิวเส ทิวเส ผาลิยมานานํ สุกฺขานํ เวฬุทณฺฑาทีนํ สทฺทํ ครหนฺตี ตสฺส ปหานํ ราคโทสปหาเนน สมํ กตฺวา อโวจ. สา รุกฺขมูลมุปคมฺมาติ สา อหํ สุมงฺคลมาตา วิวิตฺตํ รุกฺขมูลํ อุปสงฺกมิตฺวา. สุขโต ฌายามีติ สุขนฺติ ฌายามิ, กาเลน กาลํ สมาปชฺชนฺตี ผลสุขํ นิพฺพานสุขฺจ ปฏิสํเวทิยมานา ¶ ผลชฺฌาเนน ฌายามีติ อตฺโถ. อโห สุขนฺติ อิทํ ปนสฺสา สมาปตฺติโต ปจฺฉา ปวตฺตมนสิการวเสน วุตฺตํ, ปุพฺพาโภควเสนาติปิ ยุชฺชเตว.
สุมงฺคลมาตุเถรีคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. อฑฺฒกาสิเถรีคาถาวณฺณนา
ยาว กาสิชนปโทติอาทิกา อฑฺฒกาสิยา เถริยา คาถา. อยํ กิร กสฺสปสฺส ทสพลสฺส กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺวา ภิกฺขุนีนํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺธา ปพฺพชิตฺวา ภิกฺขุนิสีเล ิตํ อฺตรํ ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺตํ ขีณาสวตฺเถรึ คณิกาวาเทน อกฺโกสิตฺวา, ตโต จุตา นิรเย ปจฺจิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กาสิกรฏฺเ อุฬารวิภเว เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วุทฺธิปฺปตฺตา ปุพฺเพ กตสฺส วจีทุจฺจริตสฺส นิสฺสนฺเทน านโต ปริภฏฺา คณิกา อโหสิ. นาเมน อฑฺฒกาสี ¶ นาม. ตสฺสา ปพฺพชฺชา จ ทูเตน อุปสมฺปทา จ ขนฺธเก อาคตาเยว. วุตฺตฺเหตํ –
เตน โข ปน สมเยน อฑฺฒกาสี คณิกา ภิกฺขุนีสุ ปพฺพชิตา โหติ. สา จ สาวตฺถึ คนฺตุกามา โหติ ‘‘ภควโต สนฺติเก อุปสมฺปชฺชิสฺสามี’’ติ. อสฺโสสุํ โข ธุตฺตา – ‘‘อฑฺฒกาสี กิร คณิกา ¶ สาวตฺถึ คนฺตุกามา’’ติ. เต มคฺเค ปริยุฏฺึสุ. อสฺโสสิ โข อฑฺฒกาสี คณิกา ‘‘ธุตฺตา กิร มคฺเค ปริยุฏฺิตา’’ติ. ภควโต สนฺติเก ทูตํ ปาเหสิ – ‘‘อหฺหิ อุปสมฺปชฺชิตุกามา, กถํ นุ โข มยา ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ? อถ โข ภควา เอตสฺมึ นิทาเน เอตสฺมึ ปกรเณ ธมฺมึ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทูเตนปิ อุปสมฺปาเทตุ’’นฺติ (จูฬว. ๔๓๐).
เอวํ ลทฺธูปสมฺปทา ปน วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺตี น จิรสฺเสว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถรี ๒.๔.๑๖๘-๑๘๓) –
‘‘อิมมฺหิ ภทฺทเก กปฺเป, พฺรหฺมพนฺธุ มหายโส;
กสฺสโป นาม โคตฺเตน, อุปฺปชฺชิ วทตํ วโร.
‘‘ตทาหํ ¶ ปพฺพชิตฺวาน, ตสฺส พุทฺธสฺส สาสเน;
สํวุตา ปาติโมกฺขมฺหิ, อินฺทฺริเยสุ จ ปฺจสุ.
‘‘มตฺตฺุนี จ อสเน, ยุตฺตา ชาคริเยปิ จ;
วสนฺตี ยุตฺตโยคาหํ, ภิกฺขุนึ วิคตาสวํ.
‘‘อกฺโกสึ ทุฏฺจิตฺตาหํ, คณิเกติ ภณึ ตทา;
เตน ปาเปน กมฺเมน, นิรยมฺหิ อปจฺจิสํ.
‘‘เตน กมฺมาวเสเสน, อชายึ คณิกากุเล;
พหุโสว ปราธีนา, ปจฺฉิมาย จ ชาติยํ.
‘‘กาสีสุ เสฏฺิกุลชา, พฺรหฺมจารีพเลนหํ;
อจฺฉรา วิย เทเวสุ, อโหสึ รูปสมฺปทา.
‘‘ทิสฺวาน ทสฺสนียํ มํ, คิริพฺพชปุรุตฺตเม;
คณิกตฺเต นิเวเสสุํ, อกฺโกสนพเลน เม.
‘‘สาหํ ¶ สุตฺวาน สทฺธมฺมํ, พุทฺธเสฏฺเน เทสิตํ;
ปุพฺพวาสนสมฺปนฺนา, ปพฺพชึ อนคาริยํ.
‘‘ตทูปสมฺปทตฺถาย, คจฺฉนฺตี ชินสนฺติกํ;
มคฺเค ธุตฺเต ิเต สุตฺวา, ลภึ ทูโตปสมฺปทํ.
‘‘สพฺพกมฺมํ ปริกฺขีณํ, ปฺุํ ปาปํ ตเถว จ;
สพฺพสํสารมุตฺติณฺณา ¶ , คณิกตฺตฺจ เขปิตํ.
‘‘อิทฺธีสุ จ วสี โหมิ, ทิพฺพาย โสตธาตุยา;
เจโตปริยาณสฺส, วสี โหมิ มหามุเน.
‘‘ปุพฺเพนิวาสํ ¶ ชานามิ, ทิพฺพจกฺขุ วิโสธิตํ;
สพฺพาสวปริกฺขีณา, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว.
‘‘อตฺถธมฺมนิรุตฺตีสุ, ปฏิภาเน ตเถว จ;
าณํ มม มหาวีร, อุปฺปนฺนํ ตว สนฺติเก.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. (อป. เถรี ๒.๔.๑๖๘-๑๘๓);
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อุทานวเสน –
‘‘ยาว กาสิชนปโท, สุงฺโก เม ตตฺตโก อหุ;
ตํ กตฺวา เนคโม อคฺฆํ, อฑฺเฒนคฺฆํ เปสิ มํ.
‘‘อถ นิพฺพินฺทหํ รูเป, นิพฺพินฺทฺจ วิรชฺชหํ;
มา ปุน ชาติสํสารํ, สนฺธาเวยฺยํ ปุนปฺปุนํ;
ติสฺโส วิชฺชา สจฺฉิกตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. –
อิมา คาถา อภาสิ.
ตตฺถ ยาว กาสิชนปโท, สุงฺโก เม ตตฺตโก อหูติ กาสีสุ ชนปเทสุ ภโว สุงฺโก กาสิชนปโท, โส ยาว ยตฺตโก, ตตฺตโก มยฺหํ สุงฺโก อหุ อโหสิ. กิตฺตโก ปน โสติ? สหสฺสมตฺโต. กาสิรฏฺเ กิร ตทา สุงฺกวเสน เอกทิวสํ รฺโ อุปฺปชฺชนกอาโย อโหสิ สหสฺสมตฺโต, อิมายปิ ปุริสานํ หตฺถโต เอกทิวสํ ลทฺธธนํ ตตฺตกํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ยาว กาสิชนปโท, สุงฺโก ¶ เม ตตฺตโก อหู’’ติ. สา ปน กาสิสุงฺกปริมาณตาย กาสีติ สมฺํ ลภิ. ตตฺถ เยภุยฺเยน มนุสฺสา สหสฺสํ ทาตุํ อสกฺโกนฺตา ตโต อุปฑฺฒํ ทตฺวา ทิวสภาคเมว รมิตฺวา คจฺฉนฺติ, เตสํ วเสนายํ อฑฺฒกาสีติ ปฺายิตฺถ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ตํ กตฺวา เนคโม อคฺฆํ, อฑฺเฒนคฺฆํ เปสิ ม’’นฺติ. ตํ ปฺจสตมตฺตํ ธนํ อคฺฆํ ¶ กตฺวา เนคโม นิคมวาสิชโน อิตฺถิรตนภาเวน อนคฺฆมฺปิ ¶ สมานํ อฑฺเฒน อคฺฆํ นิมิตฺตํ อฑฺฒกาสีติ สมฺาวเสน มํ เปสิ, ตถา มํ โวหรีติ อตฺโถ.
อถ นิพฺพินฺทหํ รูเปติ เอวํ รูปูปชีวินี หุตฺวา ิตา. อถ ปจฺฉา สาสนํ นิสฺสาย รูเป อหํ นิพฺพินฺทึ ‘‘อิติปิ รูปํ อนิจฺจํ, อิติปิทํ รูปํ ทุกฺขํ, อสุภ’’นฺติ ปสฺสนฺตี ตตฺถ อุกฺกณฺึ. นิพฺพินฺทฺจ วิรชฺชหนฺติ นิพฺพินฺทนฺตี จาหํ ตโต ปรํ วิราคํ อาปชฺชึ. นิพฺพินฺทคฺคหเณน เจตฺถ ตรุณวิปสฺสนํ ทสฺเสติ, วิราคคฺคหเณน พลววิปสฺสนํ. ‘‘นิพฺพินฺทนฺโต วิรชฺชติ วิราคา วิมุจฺจตี’’ติ หิ วุตฺตํ. มา ปุน ชาติสํสารํ, สนฺธาเวยฺยํ ปุนปฺปุนนฺติ อิมินา นิพฺพินฺทนวิรชฺชนากาเร นิทสฺเสติ. ติสฺโส วิชฺชาติอาทินา เตสํ มตฺถกปฺปตฺตึ, ตํ วุตฺตนยเมว.
อฑฺฒกาสิเถรีคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. จิตฺตาเถรีคาถาวณฺณนา
กิฺจาปิ โขมฺหิ กิสิกาติอาทิกา จิตฺตาย เถริยา คาถา. อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิการา ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺตี อิโต จตุนฺนวุติกปฺเป จนฺทภาคาย นทิยา ตีเร กินฺนรโยนิยํ นิพฺพตฺติ. สา เอกทิวสํ เอกํ ปจฺเจกพุทฺธํ รุกฺขมูเล นิสินฺนํ ทิสฺวา ปสนฺนมานสา นฬปุปฺเผหิ ปูชํ กตฺวา วนฺทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. สา เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺตี อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห คหปติมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺวา สตฺถุ ราชคหปฺปเวสเน ปฏิลทฺธสทฺธา ปจฺฉา มหาปชาปติโคตมิยา สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา มหลฺลิกากาเล คิชฺฌกูฏปพฺพตํ อภิรุหิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺตี วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน –
‘‘จนฺทภาคานทีตีเร ¶ , อโหสึ กินฺนรี ตทา;
อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, สยมฺภุํ อปราชิตํ.
‘‘ปสนฺนจิตฺตา ¶ สุมนา, เวทชาตา กตฺชลี;
นฬมาลํ คเหตฺวาน, สยมฺภุํ อภิปูชยึ.
‘‘เตน ¶ กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;
ชหิตฺวา กินฺนรีเทหํ, อคจฺฉึ ติทสํ คตึ.
‘‘ฉตฺตึสเทวราชูนํ, มเหสิตฺตมการยึ;
ทสนฺนํ จกฺกวตฺตีนํ, มเหสิตฺตมการยึ;
สํเวเชตฺวาน เม จิตฺตํ, ปพฺพชึ อนคาริยํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ, ภวา สพฺเพ สมูหตา;
สพฺพาสวปริกฺขีณา, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว.
‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิปูชยึ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ปุปฺผปูชายิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
สา ปน อรหตฺตํ ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา –
‘‘กิฺจาปิ โขมฺหิ กิสิกา, คิลานา พาฬฺหทุพฺพลา;
ทณฺฑโมลุพฺภ คจฺฉามิ, ปพฺพตํ อภิรูหิย.
‘‘สงฺฆาฏึ นิกฺขิปิตฺวาน, ปตฺตกฺจ นิกุชฺชิย;
เสเล ขมฺเภสิมตฺตานํ, ตโมขนฺธํ ปทาลิยา’’ติ. –
อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ.
ตตฺถ กิฺจาปิ โขมฺหิ กิสิกาติ ยทิปิ อหํ ชราชิณฺณา อปฺปมํสโลหิตภาเวน กิสสรีรา อมฺหิ. คิลานา พาฬฺหทุพฺพลาติ ธาตฺวาทิวิกาเรน คิลานา, เตเนว เคลฺเน อติวิย ทุพฺพลา. ทณฺฑโมลุพฺภ คจฺฉามีติ ยตฺถ กตฺถจิ คจฺฉนฺตี กตฺตรยฏฺึ อาลมฺพิตฺวาว คจฺฉามิ. ปพฺพตํ อภิรูหิยาติ เอวํ ภูตาปิ วิเวกกามตาย คิชฺฌกูฏปพฺพตํ อภิรุหิตฺวา.
สงฺฆาฏึ ¶ นิกฺขิปิตฺวานาติ สนฺตรุตฺตรา เอว หุตฺวา ยถาสํหตํ อํเส ปิตํ สงฺฆาฏึ หตฺถปาเส ¶ เปตฺวา. ปตฺตกฺจ นิกุชฺชิยาติ มยฺหํ วลฺชนมตฺติกาปตฺตํ อโธมุขํ กตฺวา เอกมนฺเต เปตฺวา. เสเล ขมฺเภสิมตฺตานํ, ตโมขนฺธํ ปทาลิยาติ ปพฺพเต นิสินฺนา อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา อปทาลิตปุพฺพํ โมหกฺขนฺธํ ปทาเลตฺวา, เตเนว จ โมหกฺขนฺธปทาลเนน อตฺตานํ ¶ อตฺตภาวํ ขมฺเภสึ, มม สนฺตานํ อายตึ อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทเนน วิกฺขมฺเภสินฺติ อตฺโถ.
จิตฺตาเถรีคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. เมตฺติกาเถรีคาถาวณฺณนา
กิฺจาปิ โขมฺหิ ทุกฺขิตาติอาทิกา เมตฺติกาย เถริยา คาถา. อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิการา ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปฺุํ อุปจินนฺตี สิทฺธตฺถสฺส ภควโต กาเล คหปติกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺวา สตฺถุ เจติเย รตเนน ปฏิมณฺฑิตาย เมขลาย ปูชํ อกาสิ. สา เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺตี อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติ. เสสํ อนนฺตเร วุตฺตสทิสํ. อยํ ปน ปฏิภาคกูฏํ อภิรุหิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺตี วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถรี ๒.๑.๒๐-๒๕) –
‘‘สิทฺธตฺถสฺส ภควโต, ถูปการาปิกา อหุํ;
เมขลิกา มยา ทินฺนา, นวกมฺมาย สตฺถุโน.
‘‘นิฏฺิเต จ มหาถูเป, เมขลํ ปุนทาสหํ;
โลกนาถสฺส มุนิโน, ปสนฺนา เสหิ ปาณิภิ.
‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ เมขลมทํ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ถูปการสฺสิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ¶ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อุทานวเสน –
‘‘กิฺจาปิ ¶ โขมฺหิ ทุกฺขิตา, ทุพฺพลา คตโยพฺพนา;
ทณฺฑโมลุพฺภ คจฺฉามิ, ปพฺพตํ อภิรูหิย.
‘‘นิกฺขิปิตฺวาน สงฺฆาฏึ, ปตฺตกฺจ นิกุชฺชิย;
นิสินฺนา ¶ จมฺหิ เสลมฺหิ, อถ จิตฺตํ วิมุจฺจิ เม;
ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. –
อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ.
ตตฺถ ทุกฺขิตาติ โรคาภิภเวน ทุกฺขิตา สฺชาตทุกฺขา ทุกฺขปฺปตฺตา. ทุพฺพลาติ ตาย เจว ทุกฺขปฺปตฺติยา, ชราชิณฺณตาย จ พลวิรหิตา. เตนาห ‘‘คตโยพฺพนา’’ติ, อทฺธคตาติ อตฺโถ.
อถ จิตฺตํ วิมุจฺจิ เมติ เสลมฺหิ ปาสาเณ นิสินฺนา จมฺหิ, อถ ตทนนฺตรํ วีริยสมตาย สมฺมเทว โยชิตตฺตา มคฺคปฏิปาฏิยา สพฺเพหิปิ อาสเวหิ มม จิตฺตํ วิมุจฺจิ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
เมตฺติกาเถรีคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. มิตฺตาเถรีคาถาวณฺณนา
จาตุทฺทสึ ปฺจทสินฺติอาทิกา อปราย มิตฺตาย เถริยา คาถา. อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิการา ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺตี วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล ขตฺติยกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺวา พนฺธุมสฺส รฺโ อนฺเตปุริกา หุตฺวา วิปสฺสิสฺส ภควโต สาวิกํ เอกํ ขีณาสวตฺเถรึ ทิสฺวา ปสนฺนมานสา หุตฺวา ตสฺสา หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา ปณีตสฺส ขาทนียโภชนียสฺส ปูเรตฺวา มหคฺเฆน สาฏกยุเคน สทฺธึ อทาสิ. สา เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺตี อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุสฺมึ สกฺยราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺธา อุปาสิกา อโหสิ. สา อปรภาเค มหาปชาปติโคตมิยา สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ¶ กตปุพฺพกิจฺจา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺตี ¶ น จิรสฺเสว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถรี ๒.๑.๔๖-๕๙) –
‘‘นคเร พนฺธุมติยา, พนฺธุมา นาม ขตฺติโย;
ตสฺส รฺโ อหุํ ภริยา, เอกชฺฌํ จารยามหํ.
‘‘รโหคตา นิสีทิตฺวา, เอวํ จินฺเตสหํ ตทา;
อาทาย ¶ คมนียฺหิ, กุสลํ นตฺถิ เม กตํ.
‘‘มหาภิตาปํ กฏุกํ, โฆรรูปํ สุทารุณํ;
นิรยํ นูน คจฺฉามิ, เอตฺถ เม นตฺถิ สํสโย.
‘‘ราชานํ อุปสงฺกมฺม, อิทํ วจนมพฺรวึ;
เอกํ เม สมณํ เทหิ, โภชยิสฺสามิ ขตฺติย.
‘‘อทาสิ เม มหาราชา, สมณํ ภาวิตินฺทฺริยํ;
ตสฺส ปตฺตํ คเหตฺวาน, ปรมนฺเนน ปูรยึ.
‘‘ปูรยิตฺวา ปรมนฺนํ, คนฺธาเลปํ อกาสหํ;
ชาเลน ปิทหิตฺวาน, วตฺถยุเคน ฉาทยึ.
‘‘อารมฺมณํ มมํ เอตํ, สรามิ ยาวชีวิตํ;
ตตฺถ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, ตาวตึสมคจฺฉหํ.
‘‘ตึสานํ เทวราชูนํ, มเหสิตฺตมการยึ;
มนสา ปตฺถิตํ มยฺหํ, นิพฺพตฺตติ ยถิจฺฉิตํ.
‘‘วีสานํ จกฺกวตฺตีนํ, มเหสิตฺตมการยึ;
โอจิตตฺตาว หุตฺวาน, สํสรามิ ภเวสฺวหํ.
‘‘สพฺพพนฺธนมุตฺตาหํ ¶ , อเปตา เม อุปาทิกา;
สพฺพาสวปริกฺขีณา, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว.
‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ทานมททึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ปิณฺฑปาตสฺสิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. (อป. เถรี ๒.๑.๔๖-๕๙);
อรหตฺตํ ¶ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปีติโสมนสฺสชาตา อุทานวเสน –
‘‘จาตุทฺทสึ ปฺจทสึ, ยา จ ปกฺขสฺส อฏฺมี;
ปาฏิหาริยปกฺขฺจ, อฏฺงฺคสุสมาคตํ.
‘‘อุโปสถํ อุปาคจฺฉึ, เทวกายาภินนฺทินี;
สาชฺช เอเกน ภตฺเตน, มุณฺฑา สงฺฆาฏิปารุตา;
เทวกายํ น ปตฺเถหํ, วิเนยฺย หทเย ทร’’นฺติ. – อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ;
ตตฺถ จาตุทฺทสึ ปฺจทสินฺติ ¶ จตุทฺทสนฺนํ ปูรณี จาตุทฺทสี, ปฺจทสนฺนํ ปูรณี ปฺจทสี, ตํ จาตุทฺทสึ ปฺจทสิฺจ, ปกฺขสฺสาติ สมฺพนฺโธ. อจฺจนฺตสํโยเค เจตํ อุปโยควจนํ. ยา จ ปกฺขสฺส อฏฺมี, ตฺจาติ โยชนา. ปาฏิหาริยปกฺขฺจาติ ปริหรณกปกฺขฺจ จาตุทฺทสีปฺจทสีอฏฺมีนํ ยถากฺกมํ อาทิโต อนฺตโต วา ปเวสนิคฺคมวเสน อุโปสถสีลสฺส ปริหริตพฺพปกฺขฺจ เตรสีปาฏิปทสตฺตมีนวมีสุ จาติ อตฺโถ. อฏฺงฺคสุสมาคตนฺติ ปาณาติปาตา เวรมณิอาทีหิ อฏฺหิ องฺเคหิ สุฏฺุ สมนฺนาคตํ. อุโปสถํ อุปาคจฺฉินฺติ อุปวาสํ อุปคมึ, อุปวสินฺติ อตฺโถ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘ปาณํ น หเน น จาทินฺนมาทิเย, มุสา น ภาเส น จ มชฺชโป สิยา;
อพฺรหฺมจริยา วิรเมยฺย เมถุนา, รตฺตึ น ภฺุเชยฺย วิกาลโภชนํ.
‘‘มาลํ ¶ น ธาเร น จ คนฺธมาจเร, มฺเจ ฉมายํ ว สเยถ สนฺถเต;
เอตฺหิ อฏฺงฺคิกมาหุโปสถํ, พุทฺเธน ทุกฺขนฺตคุนา ปกาสิต’’นฺติ. (สุ. นิ. ๔๐๒-๔๐๓);
เทวกายาภินนฺทินีติ ตตฺรูปปตฺติอากงฺขาวเสน จาตุมหาราชิกาทึ เทวกายํ อภิปตฺเถนฺตี อุโปสถํ อุปาคจฺฉินฺติ โยชนา. สาชฺช เอเกน ¶ ภตฺเตนาติ สา อหํ อชฺช อิมสฺมึเยว ทิวเส เอเกน ภตฺตโภชนกฺขเณน. มุณฺฑา สงฺฆาฏิปารุตาติ มุณฺฑิตเกสา สงฺฆาฏิปารุตสรีรา จ หุตฺวา ปพฺพชิตาติ อตฺโถ. เทวกายํ น ปตฺเถหนฺติ อคฺคมคฺคสฺส อธิคตตฺตา กฺจิ เทวนิกายํ อหํ น ปตฺถเย. เตเนวาห – ‘‘วิเนยฺย หทเย ทร’’นฺติ, จิตฺตคตํ กิเลสทรถํ สมุจฺเฉทวเสน วิเนตฺวาติ อตฺโถ. อิทเมว จสฺสา อฺาพฺยากรณํ อโหสิ.
มิตฺตาเถรีคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. อภยมาตุเถรีคาถาวณฺณนา
อุทฺธํ ¶ ปาทตลาติอาทิกา อภยมาตาย เถริยา คาถา. อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิการา ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปฺุานิ อุปจินนฺตี ติสฺสสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺวา เอกทิวสํ สตฺถารํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานสา ปตฺตํ คเหตฺวา กฏจฺฉุมตฺตํ ภิกฺขํ อทาสิ. สา เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺตี อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ตาทิเสน กมฺมนิสฺสนฺเทน อุชฺเชนิยํ ปทุมวตี นาม นครโสภิณี อโหสิ. ราชา พิมฺพิสาโร ตสฺสา รูปสมฺปตฺติอาทิเก คุเณ สุตฺวา ปุโรหิตสฺส อาจิกฺขิ – ‘‘อุชฺเชนิยํ กิร ปทุมวตี นาม คณิกา อโหสิ, ตมหํ ทฏฺุกาโมมฺหี’’ติ. ปุโรหิโต ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ มนฺตพเลน กุมฺภีรํ นาม ยกฺขํ อาวเหตฺวา ยกฺขานุภาเวน ราชานํ ตาวเทว อุชฺเชนีนครํ เนสิ. ราชา ตาย สทฺธึ เอกรตฺตึ สํวาสํ กปฺเปสิ. สา เตน คพฺภํ คณฺหิ. รฺโ จ อาโรเจสิ – ‘‘มม กุจฺฉิยํ คพฺโภ ปติฏฺหี’’ติ. ตํ สุตฺวา ราชา นํ ‘‘สเจ ปุตฺโต ภเวยฺย, วฑฺเฒตฺวา มมํ ทสฺเสหี’’ติ วตฺวา นามมุทฺทิกํ ทตฺวา อคมาสิ. สา ทสมาสจฺจเยน ปุตฺตํ วิชายิตฺวา นามคฺคหณทิวเส อภโยติ นามํ อกาสิ. ปุตฺตฺจ สตฺตวสฺสิกกาเล ‘‘ตว ปิตา พิมฺพิสารมหาราชา’’ติ รฺโ สนฺติกํ ปหิณิ. ราชา ตํ ปุตฺตํ ปสฺสิตฺวา ปุตฺตสิเนหํ ปฏิลภิตฺวา กุมารกปริหาเรน วฑฺเฒสิ. ตสฺส สทฺธาปฏิลาโภ ปพฺพชฺชา วิเสสาธิคโม จ เหฏฺา อาคโตเยว. ตสฺส มาตา อปรภาเค ปุตฺตสฺส อภยตฺเถรสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺธา ¶ ภิกฺขุนีสุ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย ¶ กมฺมํ กโรนฺตี นจิรสฺเสว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถรี ๒.๑.๖๐-๗๐) –
‘‘ปิณฺฑจารํ จรนฺตสฺส, ติสฺสนามสฺส สตฺถุโน;
กฏจฺฉุภิกฺขํ ปคฺคยฺห, พุทฺธเสฏฺสฺสทาสหํ.
‘‘ปฏิคฺคเหตฺวา สมฺพุทฺโธ, ติสฺโส โลกคฺคนายโก;
วีถิยา สณฺิโต สตฺถา, อกา เม อนุโมทนํ.
‘‘กฏจฺฉุภิกฺขํ ¶ ทตฺวาน, ตาวตึสํ คมิสฺสสิ;
ฉตฺตึสเทวราชูนํ, มเหสิตฺตํ กริสฺสสิ.
‘‘ปฺาสํ จกฺกวตฺตีนํ, มเหสิตฺตํ กริสฺสสิ;
มนสา ปตฺถิตํ สพฺพํ, ปฏิลจฺฉสิ สพฺพทา.
‘‘สมฺปตฺตึ อนุโภตฺวาน, ปพฺพชิสฺสสิ กิฺจนา;
สพฺพาสเว ปริฺาย, นิพฺพายิสฺสสินาสวา.
‘‘อิทํ วตฺวาน สมฺพุทฺโธ, ติสฺโส โลกคฺคนายโก;
นภํ อพฺภุคฺคมี วีโร, หํสราชาว อมฺพเร.
‘‘สุทินฺนํ เม ทานวรํ, สุยิฏฺา ยาคสมฺปทา;
กฏจฺฉุภิกฺขํ ทตฺวาน, ปตฺตาหํ อจลํ ปทํ.
‘‘ทฺเวนวุเต อิโต กปฺเป, ยํ ทานมททึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ภิกฺขาทานสฺสิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ¶ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปุตฺเตน อภยตฺเถเรน ธมฺมํ กเถนฺเตน โอวาทวเสน ยา คาถา ภาสิตา, อุทานวเสน สยมฺปิ ตา เอว ปจฺจุทาหรนฺตี –
‘‘อุทฺธํ ปาทตลา อมฺม, อโธ เว เกสมตฺถกา;
ปจฺจเวกฺขสฺสุมํ กายํ, อสุจึ ปูติคนฺธิกํ.
‘‘เอวํ วิหรมานาย, สพฺโพ ราโค สมูหโต;
ปริฬาโห สมุจฺฉินฺโน, สีติภูตามฺหิ นิพฺพุตา’’ติ. – อาห;
ตตฺถ ¶ ปมคาถาย ตาว อยํ สงฺเขปตฺโถ – อมฺม ปทุมวติ, ปาทตลโต อุทฺธํ เกสมตฺถกโต อโธ นานปฺปการอสุจิปูริตาย อสุจึ สพฺพกาลํ ปูติคนฺธวายนโต ปูติคนฺธิกํ, อิมํ กุจฺฉิตานํ อายตนตาย กายํ สรีรํ าณจกฺขุนา ปจฺจเวกฺขสฺสูติ. อยฺหิ ตสฺสา ปุตฺเตน โอวาททานวเสน ภาสิตา คาถา.
สา ตํ สุตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา อุทาเนนฺตี อาจริยปูชาวเสน ตเมว คาถํ ปมํ วตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺตึ กเถนฺตี ‘‘เอวํ วิหรมานายา’’ติ ทุติยํ คาถมาห.
ตตฺถ เอวํ วิหรมานายาติ เอวํ มม ปุตฺเตน อภยตฺเถเรน ‘‘อุทฺธํ ปาทตลา’’ติอาทินา ทินฺเน โอวาเท ตฺวา สพฺพกายํ ¶ อสุภโต ทิสฺวา เอกคฺคจิตฺตา ตตฺถ ภูตุปาทายเภเท รูปธมฺเม ตปฺปฏิพทฺเธ เวทนาทิเก อรูปธมฺเม ปริคฺคเหตฺวา ตตฺถ ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา อนิจฺจานุปสฺสนาทิวเสน วิหรมานาย. สพฺโพ ราโค สมูหโตติ วุฏฺานคามินิวิปสฺสนาย มคฺเคน ฆฏิตาย มคฺคปฏิปาฏิยา อคฺคมคฺเคน สพฺโพ ราโค มยา สมูหโต สมุคฺฆาฏิโต. ปริฬาโห สมุจฺฉินฺโนติ ตโต เอว สพฺโพ กิเลสปริฬาโห สมฺมเทว อุจฺฉินฺโน, ตสฺส จ สมุจฺฉินฺนตฺตา เอว สีติภูตา สอุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา นิพฺพุตา อมฺหีติ.
อภยมาตุเถรีคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. อภยาเถรีคาถาวณฺณนา
อภเย ภิทุโร กาโยติอาทิกา อภยตฺเถริยา คาถา. อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิการา ตตฺถ ¶ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปฺุํ อุปจินนฺตี สิขิสฺส ภควโต กาเล ขตฺติยมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺวา อรุณรฺโ อคฺคมเหสี อโหสิ. ราชา ตสฺสา เอกทิวสํ คนฺธสมฺปนฺนานิ สตฺต อุปฺปลานิ อทาสิ. สา ตานิ คเหตฺวา ‘‘กึ เม อิเมหิ ปิฬนฺธนฺเตหิ. ยํนูนาหํ อิเมหิ ภควนฺตํ ปูเชสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา นิสีทิ. ภควา จ ภิกฺขาจารเวลายํ ราชนิเวสนํ ปาวิสิ ¶ . สา ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานสา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา เตหิ ปุปฺเผหิ ปูเชตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิ. สา เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺตี อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท อุชฺเชนิยํ กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺวา อภยมาตุสหายิกา หุตฺวา ตาย ปพฺพชิตาย ตสฺสา สิเนเหน สยมฺปิ ปพฺพชิตฺวา ตาย สทฺธึ ราชคเห วสมานา เอกทิวสํ อสุภทสฺสนตฺถํ สีตวนํ อคมาสิ. สตฺถา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว ตสฺสา อนุภูตปุพฺพํ อารมฺมณํ ปุรโต กตฺวา ตสฺสา อุทฺธุมาตกาทิภาวํ ปกาเสสิ. ตํ ทิสฺวา สํเวคมานสา อฏฺาสิ. สตฺถา โอภาสํ ผริตฺวา ปุรโต นิสินฺนํ วิย อตฺตานํ ทสฺเสตฺวา –
‘‘อภเย ภิทุโร กาโย, ยตฺถ สตฺตา ปุถุชฺชนา;
นิกฺขิปิสฺสามิมํ เทหํ, สมฺปชานา สตีมตี.
‘‘พหูหิ ¶ ทุกฺขธมฺเมหิ, อปฺปมาทรตาย เม;
ตณฺหกฺขโย อนุปฺปตฺโต, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. –
อิมา คาถา อภาสิ. สา คาถาปริโยสาเน อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถรี ๒.๑.๗๑-๙๐) –
‘‘นคเร อรุณวติยา, อรุโณ นาม ขตฺติโย;
ตสฺส รฺโ อหุํ ภริยา, วาริตํ วารยามหํ.
‘‘สตฺตมาลํ คเหตฺวาน, อุปฺปลา เทวคนฺธิกา;
นิสชฺช ปาสาทวเร, เอวํ จินฺเตสิ ตาวเท.
‘‘กึ เม อิมาหิ มาลาหิ, สิรสาโรปิตาหิ เม;
วรํ เม พุทฺธเสฏฺสฺส, าณมฺหิ อภิโรปิตํ.
‘‘สมฺพุทฺธํ ¶ ปฏิมาเนนฺตี, ทฺวาราสนฺเน นิสีทหํ;
ยทา เอหิติ สมฺพุทฺโธ, ปูชยิสฺสํ มหามุนึ.
‘‘กกุโธ วิลสนฺโตว, มิคราชาว เกสรี;
ภิกฺขุสงฺเฆน สหิโต, อาคจฺฉิ วีถิยา ชิโน.
‘‘พุทฺธสฺส รํสึ ทิสฺวาน, หฏฺา สํวิคฺคมานสา;
ทฺวารํ อวาปุริตฺวาน, พุทฺธเสฏฺมปูชยึ.
‘‘สตฺต ¶ อุปฺปลปุปฺผานิ, ปริกิณฺณานิ อมฺพเร;
ฉทึ กโรนฺโต พุทฺธสฺส, มตฺถเก ธารยนฺติ เต.
‘‘อุทคฺคจิตฺตา สุมนา, เวทชาตา กตฺชลี;
ตตฺถ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, ตาวตึสมคจฺฉหํ.
‘‘มหาเนลสฺส ฉาทนํ, ธาเรนฺติ มม มุทฺธนิ;
ทิพฺพคนฺธํ ปวายามิ, สตฺตุปฺปลสฺสิทํ ผลํ.
‘‘กทาจิ นียมานาย, าติสงฺเฆน เม ตทา;
ยาวตา ปริสา มยฺหํ, มหาเนลํ ธรียติ.
‘‘สตฺตติ เทวราชูนํ, มเหสิตฺตมการยึ;
สพฺพตฺถ อิสฺสรา หุตฺวา, สํสรามิ ภวาภเว.
‘‘เตสฏฺิ จกฺกวตฺตีนํ, มเหสิตฺตมการยึ;
สพฺเพ มมนุวตฺตนฺติ, อาเทยฺยวจนา อหุํ.
‘‘อุปฺปลสฺเสว ¶ เม วณฺโณ, คนฺโธ เจว ปวายติ;
ทุพฺพณฺณิยํ น ชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.
‘‘อิทฺธิปาเทสุ ¶ กุสลา, โพชฺฌงฺคภาวนารตา;
อภิฺาปารมิปฺปตฺตา, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.
‘‘สติปฏฺานกุสลา, สมาธิฌานโคจรา;
สมฺมปฺปธานมนุยุตฺตา, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.
‘‘วีริยํ เม ธุรโธรยฺหํ, โยคกฺเขมาธิวาหนํ;
สพฺพาสวปริกฺขีณา, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว.
‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิปูชยึ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. (อป. เถรี ๒.๑.๗๑-๙๐);
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อุทาเนนฺตี ตา เอว คาถา ปริวตฺติตฺวา อภาสิ.
ตตฺถ อภเยติ อตฺตานเมว อาลปติ. ภิทุโรติ ภิชฺชนสภาโว, อนิจฺโจติ อตฺโถ. ยตฺถ สตฺตา ปุถุชฺชนาติ ยสฺมึ ขเณน ภิชฺชนสีเล อสุจิทุคฺคนฺธเชคุจฺฉปฏิกฺกูลสภาเว ¶ กาเย อิเม อนฺธปุถุชฺชนา สตฺตา ลคฺคา ลคฺคิตา. นิกฺขิปิสฺสามิมํ เทหนฺติ อหํ ปน อิมํ เทหํ ปูติกายํ ปุน อนาทาเนน นิรเปกฺขา ขิปิสฺสามิ ฉฑฺเฑสฺสามิ. ตตฺถ การณมาห ‘‘สมฺปชานา สตีมตี’’ติ.
พหูหิ ทุกฺขธมฺเมหีติ ชาติชราทีหิ อเนเกหิ ทุกฺขธมฺเมหิ ผุฏฺายาติ อธิปฺปาโย. อปฺปมาทรตายาติ ตาย เอว ทุกฺโขติณฺณตาย ปฏิลทฺธสํเวคตฺตา สติอวิปฺปวาสสงฺขาเต อปฺปมาเท รตาย. เสสํ วุตฺตนยเมว. เอตฺถ จ สตฺถารา เทสิตนิยาเมน –
‘‘นิกฺขิปาหิ อิมํ เทหํ, อปฺปมาทรตาย เต;
ตณฺหกฺขยํ ปาปุณาหิ, กโรหิ พุทฺธสาสน’’นฺติ. –
ปาโ ¶ , เถริยา วุตฺตนิยาเมเนว ปน สํคีตึ อาโรปิตตฺตา. อปฺปมาทรตาย เตติ อปฺปมาทรตาย ตยา ภวิตพฺพนฺติ อตฺโถ.
อภยาเถรีคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. สามาเถรีคาถาวณฺณนา
จตุกฺขตฺตุํ ¶ ปฺจกฺขตฺตุนฺติอาทิกา สามาย เถริยา คาถา. อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิการา ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินิตฺวา สุคตีสุเยว สํสรนฺตี อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โกสมฺพิยํ คหปติมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา สามาติสฺสา นามํ อโหสิ. สา วิฺุตํ ปตฺตา สามาวติยา อุปาสิกาย ปิยสหายิกา หุตฺวา ตาย กาลงฺกตาย สฺชาตสํเวคา ปพฺพชิ. ปพฺพชิตฺวา จ สามาวติกํ อารพฺภ อุปฺปนฺนโสกํ วิโนเทตุํ อสกฺโกนฺตี อริยมคฺคํ คณฺหิตุํ นาสกฺขิ. อปรภาเค อาสนสาลาย นิสินฺนสฺส อานนฺทตฺเถรสฺส โอวาทํ สุตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา ตโต สตฺตเม ทิวเส สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ.
อรหตฺตํ ¶ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ตํ ปกาเสนฺตี –
‘‘จตุกฺขตฺตุํ ปฺจกฺขตฺตุํ, วิหารา อุปนิกฺขมึ;
อลทฺธา เจตโส สนฺตึ, จิตฺเต อวสวตฺตินี;
ตสฺสา เม อฏฺมี รตฺติ, ยโต ตณฺหา สมูหตา.
‘‘พหูหิ ทุกฺขธมฺเมหิ, อปฺปมาทรตาย เม;
ตณฺหกฺขโย อนุปฺปตฺโต, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. –
อุทานวเสน อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ.
ตตฺถ จตุกฺขตฺตุํ ปฺจกฺขตฺตุํ, วิหารา อุปนิกฺขมินฺติ ‘‘มม วสนกวิหาเร วิปสฺสนามนสิกาเรน นิสินฺนา สมณกิจฺจํ มตฺถกํ ปาเปตุํ อสกฺโกนฺตี อุตุสปฺปายาภาเวน นนุ โข มยฺหํ วิปสฺสนา มคฺเคน ฆฏฺเฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา จตฺตาโร ปฺจ จาติ นว วาเร วิหารา ¶ อุปสฺสยโต พหิ นิกฺขมึ. เตนาห ‘‘อลทฺธา เจตโส สนฺตึ, จิตฺเต อวสวตฺตินี’’ติ. ตตฺถ เจตโส สนฺตินฺติ อริยมคฺคสมาธึ สนฺธายาห. จิตฺเต อวสวตฺตินีติ วีริยสมตาย อภาเวน มม ภาวนาจิตฺเต น วสวตฺตินี. สา กิร อติวิย ปคฺคหิตวีริยา อโหสิ. ตสฺสา เม อฏฺมี รตฺตีติ ยโต ปฏฺาย อานนฺทตฺเถรสฺส สนฺติเก โอวาทํ ปฏิลภึ, ตโต ปฏฺาย รตฺตินฺทิวมตนฺทิตา วิปสฺสนาย ¶ กมฺมํ กโรนฺตี รตฺติยํ จตุกฺขตฺตุํ ปฺจกฺขตฺตุํ วิหารโต นิกฺขมิตฺวา มนสิการํ ปวตฺเตนฺตี วิเสสํ อนธิคนฺตฺวา อฏฺมิยํ รตฺติยํ วีริยสมตํ ลภิตฺวา มคฺคปฏิปาฏิยา กิเลเส เขเปสินฺติ อตฺโถ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ตสฺสา เม อฏฺมี รตฺติ, ยโต ตณฺหา สมูหตา’’ติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
สามาเถรีคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ทุกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.