📜
๑๖. มหานิปาโต
๑. สุเมธาเถรีคาถาวณฺณนา
มหานิปาเต ¶ ¶ ¶ มนฺตาวติยา นคเรติอาทิกา สุเมธาย เถริยา คาถา. อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิการา ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺตี, สกฺกจฺจํ วิโมกฺขสมฺภาเร สมฺภาเรนฺตี โกณาคมนสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺวา, อตฺตโน สขีหิ กุลธีตาหิ สทฺธึ เอกชฺฌาสยา หุตฺวา มหนฺตํ อารามํ กาเรตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิยฺยาเทสิ. สา เตน ปฺุกมฺเมน กายสฺส เภทา ตาวตึสํ อุปคจฺฉิ. ตตฺถ ยาวตายุกํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา ตโต จุตา ยาเมสุ อุปปชฺชิ. ตโต จุตา ตุสิเตสุ, ตโต จุตา นิมฺมานรตีสุ, ตโต จุตา ปรนิมฺมิตวสวตฺตีสูติ อนุกฺกเมน ปฺจสุ กามสคฺเคสุ อุปฺปชฺชิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ เทวราชูนํ มเหสี หุตฺวา ตโต จุตา กสฺสปสฺส ภควโต กาเล มหาวิภวสฺส เสฏฺิโน ธีตา หุตฺวา อนุกฺกเมน วิฺุตํ ปตฺวา สาสเน อภิปฺปสนฺนา หุตฺวา รตนตฺตยํ อุทฺทิสฺส อุฬารปฺุกมฺมํ อกาสิ.
ตตฺถ ยาวชีวํ ธมฺมูปชีวินี กุสลธมฺมนิรตา หุตฺวา ตโต จุตา ตาวตึเสสุ นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ สุคตีสุเยว สํสรนฺตี, อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มนฺตาวตีนคเร โกฺจสฺส นาม รฺโ ธีตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺสา มาตาปิตโร สุเมธาติ นามํ อกํสุ. ตํ อนุกฺกเมน วุทฺธิปฺปตฺตวยปฺปตฺตกาเล มาตาปิตโร ‘‘วารณวตีนคเร อนิกรตฺตสฺส นาม รฺโ ทสฺสามา’’ติ สมฺมนฺเตสุํ. สา ปน ทหรกาลโต ปฏฺาย อตฺตโน สมานวยาหิ ราชกฺาหิ ทาสิชเนหิ จ สทฺธึ ภิกฺขุนุปสฺสยํ คนฺตฺวา ภิกฺขุนีนํ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา จิรกาลโต ปฏฺาย กตาธิการตาย สํสาเร ชาตสํเวคา สาสเน อภิปฺปสนฺนา หุตฺวา วยปฺปตฺตกาเล กาเมหิ วินิวตฺติตมานสา อโหสิ. เตน สา มาตาปิตูนํ าตีนํ สมฺมนฺตนํ สุตฺวา ‘‘น มยฺหํ ฆราวาเสน กิจฺจํ, ปพฺพชิสฺสามห’’นฺติ อาห. ตํ มาตาปิตโร ฆราวาเส นิโยเชนฺตา นานปฺปกาเรน ยาจนฺตาปิ สฺาเปตุํ นาสกฺขึสุ. สา ‘‘เอวํ เม ¶ ปพฺพชิตุํ ลพฺภตี’’ติ ขคฺคํ ¶ คเหตฺวา สยเมว อตฺตโน เกเส ฉินฺทิตฺวา เต เอว เกเส อารพฺภ ปฏิกฺกูลมนสิการํ ปวตฺเตนฺตี ตตฺถ กตาธิการตาย ภิกฺขุนีนํ สนฺติเก มนสิการวิธานสฺส สุตปุพฺพตฺตา จ อสุภนิมิตฺตํ ¶ อุปฺปาเทตฺวา ตตฺถ ปมชฺฌานํ อธิคจฺฉิ. อธิคตปมชฺฌานา จ อตฺตนา ฆราวาเส อุยฺโยเชตุํ อุปคเต มาตาปิตโร อาทึ กตฺวา อนฺโตชนปริชนํ สพฺพํ ราชกุลํ สาสเน อภิปฺปสนฺนํ กาเรตฺวา ฆรโต นิกฺขมิตฺวา ภิกฺขุนุปสฺสยํ คนฺตฺวา ปพฺพชิ. ปพฺพชิตฺวา จ วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา สมฺมเทว ปริปกฺกาณา วิมุตฺติปริปาจนียานํ ธมฺมานํ วิเสสิตาย น จิรสฺเสว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถรี ๒.๑.๑-๑๙) –
‘‘ภควติ โกณาคมเน, สงฺฆารามมฺหิ นวนิเวสมฺหิ;
สขิโย ติสฺโส ชนิโย, วิหารทานํ อทาสิมฺห.
‘‘ทสกฺขตฺตุํ สตกฺขตฺตุํ, ทสสตกฺขตฺตุํ สตานิ จ สตกฺขตฺตุํ;
เทเวสุ อุปปชฺชิมฺห, โก ปน วาโท มนุสฺเสสุ.
‘‘เทเวสุ มหิทฺธิกา อหุมฺห, มานุสกมฺหิ โก ปน วาโท;
สตฺตรตนสฺส มเหสี, อิตฺถิรตนํ อหํ อาสึ.
‘‘อิธ สฺจิตกุสลา, สุสมิทฺธกุลปฺปชา;
ธนฺชานี จ เขมา จ, อหมฺปิ จ ตโย ชนา.
‘‘อารามํ สุกตํ กตฺวา, สพฺพาวยวมณฺฑิตํ;
พุทฺธปฺปมุขสงฺฆสฺส, นิยฺยาเทตฺวา ปโมทิตา.
‘‘ยตฺถ ยตฺถูปปชฺชามิ, ตสฺส กมฺมสฺส วาหสา;
เทเวสุ อคฺคตํ ปตฺตา, มนุสฺเสสุ ตเถว จ.
‘‘อิมสฺมึเยว กปฺปมฺหิ, พฺรหฺมพนฺธุ มหายโส;
กสฺสโป นาม โคตฺเตน, อุปฺปชฺชิ วทตํ วโร.
‘‘อุปฏฺาโก มเหสิสฺส, ตทา อาสิ นริสฺสโร;
กาสิราชา กิกี นาม, พาราณสิปุรุตฺตเม.
‘‘ตสฺสาสุํ ¶ ¶ สตฺต ธีตโร, ราชกฺา สุเขธิตา;
พุทฺโธปฏฺานนิรตา, พฺรหฺมจริยํ จรึสุ ตา.
‘‘ตาสํ ¶ สหายิกา หุตฺวา, สีเลสุ สุสมาหิตา;
ทตฺวา ทานานิ สกฺกจฺจํ, อคาเรว วตํ จรึ.
‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;
ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสูปคา อหํ.
‘‘ตโต จุตา ยามมคํ, ตโตหํ ตุสิตํ คตา;
ตโต จ นิมฺมานรตึ, วสวตฺติปุรํ คตา.
‘‘ยตฺถ ยตฺถูปปชฺชามิ, ปฺุกมฺมสโมหิตา;
ตตฺถ ตตฺเถว ราชูนํ, มเหสิตฺตมหารยึ.
‘‘ตโต จุตา มนุสฺสตฺเต, ราชูนํ จกฺกวตฺตินํ;
มณฺฑลีนฺจ ราชูนํ, มเหสิตฺตมการยึ.
‘‘สมฺปตฺติมนุโภตฺวาน, เทเวสุ มานุเสสุ จ;
สพฺพตฺถ สุขิตา หุตฺวา, เนกชาตีสุ สํสรึ.
‘‘โส เหตุ โส ปภโว, ตมฺมูลํ สาว สาสเน ขนฺตี;
ตํ ปมสโมธานํ, ตํ ธมฺมรตาย นิพฺพานํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ, ภวา สพฺเพ สมูหตา;
นาคีว พนฺธนํ เฉตฺวา, วิหรามิ อนาสวา.
‘‘สฺวาคตํ วต เม อาสิ, พุทฺธเสฏฺสฺส สนฺติเก;
ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํ.
‘‘ปฏิสมฺภิทา ¶ จตสฺโส, วิโมกฺขาปิ จ อฏฺิเม;
ฉฬภิฺา สจฺฉิกตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อุทานวเสน –
‘‘มนฺตาวติยา นคเร, รฺโ โกฺจสฺส อคฺคมเหสิยา;
ธีตา อาสึ สุเมธา, ปสาทิตา สาสนกเรหิ.
‘‘สีลวตี จิตฺตกถา, พหุสฺสุตา พุทฺธสาสเน วินิตา;
มาตาปิตโร อุปคมฺม, ภณติ อุภโย นิสาเมถ.
‘‘นิพฺพานาภิรตาหํ ¶ , อสสฺสตํ ภวคตํ ยทิปิ ทิพฺพํ;
กิมงฺคํ ปน ตุจฺฉา กามา, อปฺปสฺสาทา พหุวิฆาตา.
‘‘กามา ¶ กฏุกา อาสี, วิสูปมา เยสุ มุจฺฉิตา พาลา;
เต ทีฆรตฺตํ นิรเย, สมปฺปิตา หฺนฺเต ทุกฺขิตา.
‘‘โสจนฺติ ปาปกมฺมา, วินิปาเต ปาปวทฺธิโน สทา;
กาเยน จ วาจาย จ, มนสา จ อสํวุตา พาลา.
‘‘พาลา เต ทุปฺปฺา, อเจตนา ทุกฺขสมุทโยรุทฺธา;
เทเสนฺเต อชานนฺตา, น พุชฺฌเร อริยสจฺจานิ.
‘‘สจฺจานิ ‘อมฺม’พุทฺธวรเทสิ, ตานิ เต พหุตรา อชานนฺตา เย;
อภินนฺทนฺติ ภวคตํ, ปิเหนฺติ เทเวสุ อุปปตฺตึ.
‘‘เทเวสุปิ อุปปตฺติ, อสสฺสตา ภวคเต อนิจฺจมฺหิ;
น จ สนฺตสนฺติ พาลา, ปุนปฺปุนํ ชายิตพฺพสฺส.
‘‘จตฺตาโร ¶ วินิปาตา, ทุเว จ คติโย กถฺจิ ลพฺภนฺติ;
น จ วินิปาตคตานํ, ปพฺพชฺชา อตฺถิ นิรเยสุ.
‘‘อนุชานาถ มํ อุภโย, ปพฺพชิตุํ ทสพลสฺส ปาวจเน;
อปฺโปสฺสุกฺกา ฆฏิสฺสํ, ชาติมรณปฺปหานาย.
‘‘กึ ภวคเต อภินนฺทิ, เตน กายกลินา อสาเรน;
ภวตณฺหาย นิโรธา, อนุชานาถ ปพฺพชิสฺสามิ.
‘‘พุทฺธานํ อุปฺปาโท, วิวชฺชิโต อกฺขโณ ขโณ ลทฺโธ;
สีลานิ พฺรหฺมจริยํ, ยาวชีวํ น ทูเสยฺยํ.
‘‘เอวํ ภณติ สุเมธา, มาตาปิตโร ‘น ตาว อาหารํ;
อาหริสฺสํ คหฏฺา, มรณวสํ คตาว เหสฺสามิ’.
‘‘มาตา ทุกฺขิตา โรทติ ปิตา จ;
อสฺสา สพฺพโส สมภิหโต;
ฆเฏนฺติ สฺาเปตุํ, ปาสาทตเล ฉมาปติตํ.
‘‘อุฏฺเหิ ¶ ปุตฺตก กึ โสจิ, เตน ทินฺนาสิ วารณวติมฺหิ;
ราชา อนีกรตฺโต, อภิรูโป ตสฺส ตฺวํ ทินฺนา.
‘‘อคฺคมเหสี ภวิสฺสสิ, อนิกรตฺตสฺส ราชิโน ภริยา;
สีลานิ พฺรหฺมจริยํ, ปพฺพชฺชา ทุกฺกรา ปุตฺตก.
‘‘รชฺเช ¶ อาณา ธนมิสฺสริยํ, โภคา สุขา ทหริกาสิ;
ภฺุชาหิ กามโภเค, วาเรยฺยํ โหตุ เต ปุตฺต.
‘‘อถ ¶ เน ภณติ สุเมธา, มา เอทิสิกานิ ภวคตมสารํ;
ปพฺพชฺชา วา โหหิติ, มรณํ วา เม น เจว วาเรยฺยํ.
‘‘กิมิว ปูติกายมสุจึ, สวนคนฺธํ ภยานกํ กุณปํ;
อภิสํวิเสยฺยํ ภสฺตํ, อสกึ ปคฺฆริตํ อสุจิปุณฺณํ.
‘‘กิมิว ตหํ ชานนฺตี, วิกูลกํ มํสโสณิตุปลิตฺตํ;
กิมิกุลลยํ สกุณภตฺตํ, กเฬวรํ กิสฺส ทิยตีติ.
‘‘นิพฺพุยฺหติ สุสานํ, อจิรํ กาโย อเปตวิฺาโณ;
ฉุทฺโธ กฬิงฺครํ วิย, ชิคุจฺฉมาเนหิ าตีหิ.
‘‘ฉุทฺธูน นํ สุสาเน, ปรภตฺตํ นฺหายนฺติ ชิคุจฺฉนฺตา;
นิยกา มาตาปิตโร, กึ ปน สาธารณา ชนตา.
‘‘อชฺโฌสิตา อสาเร, กเฬวเร อฏฺินฺหารุสงฺฆาเต;
เขฬสฺสุจฺจารสฺสวปริปุณฺเณ ปูติกายมฺหิ.
‘‘โย นํ วินิพฺภุชิตฺวา, อพฺภนฺตรมสฺส พาหิรํ กยิรา;
คนฺธสฺส อสหมานา, สกาปิ มาตา ชิคุจฺเฉยฺย.
‘‘ขนฺธธาตุอายตนํ, สงฺขตํ ชาติมูลกํ ทุกฺขํ;
โยนิโส อนุวิจินนฺตี, วาเรยฺยํ กิสฺส อิจฺเฉยฺยํ.
‘‘ทิวเส ทิวเส ติสตฺติ, สตานิ นวนวา ปเตยฺยุํ กายมฺหิ;
วสฺสสตมฺปิ จ ฆาโต, เสยฺโย ทุกฺขสฺส เจวํ ขโย.
‘‘อชฺฌุปคจฺเฉ ¶ ¶ ฆาตํ, โย วิฺาเยวํ สตฺถุโน วจนํ;
ทีโฆ เตสํ สํสาโร, ปุนปฺปุนํ หฺมานานํ.
‘‘เทเวสุ ¶ มนุสฺเสสุ จ, ติรจฺฉานโยนิยา อสุรกาเย;
เปเตสุ จ นิรเยสุ จ, อปริมิตา ทิสฺสนฺเต ฆาตา.
‘‘ฆาตา นิรเยสุ พหู, วินิปาตคตสฺส ปีฬิยมานสฺส;
เทเวสุปิ อตฺตาณํ, นิพฺพานสุขา ปรํ นตฺถิ.
‘‘ปตฺตา เต นิพฺพานํ, เย ยุตฺตา ทสพลสฺส ปาวจเน;
อปฺโปสฺสุกฺกา ฆเฏนฺติ, ชาติมรณปฺปหานาย.
‘‘อชฺเชว ตาตภินิกฺขมิสฺสํ, โภเคหิ กึ อสาเรหิ;
นิพฺพินฺนา เม กามา, วนฺตสมา ตาลวตฺถุกตา.
‘‘สา เจวํ ภณติ ปิตรมนีกรตฺโต, จ ยสฺส สา ทินฺนา;
อุปยาสิ วารณวเต, วาเรยฺยมุปฏฺิเต กาเล.
‘‘อถ อสิตนิจิตมุทุเก, เกเส ขคฺเคน ฉินฺทิย สุเมธา;
ปาสาทํ ปิทหิตฺวา, ปมชฺฌานํ สมาปชฺชิ.
‘‘สา จ ตหึ สมาปนฺนา, อนีกรตฺโต จ อาคโต นครํ;
ปาสาเท จ สุเมธา, อนิจฺจสฺํ สุภาเวติ.
‘‘สา จ มนสิ กโรติ, อนีกรตฺโต จ อารุหี ตุริตํ;
มณิกนกภูสิตงฺโค, กตฺชลี ยาจติ สุเมธํ.
‘‘รชฺเช อาณา ธนมิสฺสริยํ, โภคา สุขา ทหริกาสิ;
ภฺุชาหิ กามโภเค, กามสุขา ทุลฺลภา โลเก.
‘‘นิสฺสฏฺํ เต รชฺชํ, โภเค ภฺุชสฺสุ เทหิ ทานานิ;
มา ทุมฺมนา อโหสิ, มาตาปิตโร เต ทุกฺขิตา.
‘‘ตํ ¶ ¶ ตํ ภณติ สุเมธา, กาเมหิ อนตฺถิกา วิคตโมหา;
มา กาเม อภินนฺทิ, กาเมสฺวาทีนวํ ปสฺส.
‘‘จาตุทฺทีโป ราชา, มนฺธาตา อาสิ กามโภคินมคฺโค;
อติตฺโต กาลงฺกโต, น จสฺส ปริปูริตา อิจฺฉา.
‘‘สตฺต ¶ รตนานิ วสฺเสยฺย, วุฏฺิมา ทสทิสา สมนฺเตน;
น จตฺถิ ติตฺติ กามานํ, อติตฺตาว มรนฺติ นรา.
‘‘อสิสูนูปมา กามา, กามา สปฺปสิโรปมา;
อุกฺโกปมา อนุทหนฺติ, อฏฺิกงฺกลสนฺนิภา.
‘‘อนิจฺจา อธุวา กามา, พหุทุกฺขา มหาวิสา;
อโยคุโฬว สนฺตตฺโต, อฆมูลา ทุขปฺผลา.
‘‘รุกฺขผลูปมา กามา, มํสเปสูปมา ทุขา;
สุปิโนปมา วฺจนิยา, กามา ยาจิตกูปมา.
‘‘สตฺติสูลูปมา กามา, โรโค คณฺโฑ อฆํ นิฆํ;
องฺคารกาสุสทิสา, อฆมูลํ ภยํ วโธ.
‘‘เอวํ พหุทุกฺขา กามา, อกฺขาตา อนฺตรายิกา;
คจฺฉถ น เม ภวคเต, วิสฺสาโส อตฺถิ อตฺตโน.
‘‘กึ มม ปโร กริสฺสติ, อตฺตโน สีสมฺหิ ฑยฺหมานมฺหิ;
อนุพนฺเธ ชรามรเณ, ตสฺส ฆาตาย ฆฏิตพฺพํ.
‘‘ทฺวารํ อปาปุริตฺวานหํ, มาตาปิตโร อนีกรตฺตฺจ;
ทิสฺวาน ฉมํ นิสินฺเน, โรทนฺเต อิทมโวจํ.
‘‘ทีโฆ ¶ พาลานํ สํสาโร, ปุนปฺปุนฺจ โรทตํ;
อนมตคฺเค ปิตุ มรเณ, ภาตุ วเธ อตฺตโน จ วเธ.
‘‘อสฺสุ ถฺํ รุธิรํ, สํสารํ อนมตคฺคโต สรถ;
สตฺตานํ สํสรตํ, สราหิ อฏฺีนฺจ สนฺนิจยํ.
‘‘สร จตุโรทธี, อุปนีเต อสฺสุถฺรุธิรมฺหิ;
สร เอกกปฺปมฏฺีนํ, สฺจยํ วิปุเลน สมํ.
‘‘อนมตคฺเค ¶ สํสรโต, มหึ ชมฺพุทีปมุปนีตํ;
โกลฏฺิมตฺตคุฬิกา, มาตา มาตุสฺเวว นปฺปโหนฺติ.
‘‘ติณกฏฺสาขาปลาสํ, อุปนีตํ อนมตคฺคโต สร;
จตุรงฺคุลิกา ฆฏิกา, ปิตุปิตุสฺเวว นปฺปโหนฺติ.
‘‘สร ¶ กาณกจฺฉปํ ปุพฺพสมุทฺเท, อปรโต จ ยุคฉิทฺทํ;
สิรํ ตสฺส จ ปฏิมุกฺกํ, มนุสฺสลาภมฺหิ โอปมฺมํ.
‘‘สร รูปํ เผณปิณฺโฑปมสฺส, กายกลิโน อสารสฺส;
ขนฺเธ ปสฺส อนิจฺเจ, สราหิ นิรเย พหุวิฆาเต.
‘‘สร กฏสึ วฑฺเฒนฺเต, ปุนปฺปุนํ ตาสุ ตาสุ ชาตีสุ;
สร กุมฺภีลภยานิ จ, สราหิ จตฺตาริ สจฺจานิ.
‘‘อมตมฺหิ วิชฺชมาเน, กึ ตว ปฺจกฏุเกน ปีเตน;
สพฺพา หิ กามรติโย, กฏุกตรา ปฺจกฏุเกน.
‘‘อมตมฺหิ วิชฺชมาเน, กึ ตว กาเมหิ เย ปริฬาหา;
สพฺพา หิ กามรติโย, ชลิตา กุถิตา กมฺปิตา สนฺตาปิตา.
‘‘อสปตฺตมฺหิ ¶ สมาเน, กึ ตว กาเมหิ เย พหุสปตฺตา;
ราชคฺคิโจรอุทกปฺปิเยหิ, สาธารณา กามา พหุสปตฺตา.
‘‘โมกฺขมฺหิ วิชฺชมาเน, กึ ตว กาเมหิ เยสุ วธพนฺโธ;
กาเมสุ หิ อสกามา, วธพนฺธทุขานิ อนุโภนฺติ.
‘‘อาทีปิตา ติณุกฺกา, คณฺหนฺตํ ทหนฺติ เนว มฺุจนฺตํ;
อุกฺโกปมา หิ กามา, ทหนฺติ เย เต น มฺุจนฺติ.
‘‘มา ¶ อปฺปกสฺส เหตุ, กามสุขสฺส วิปุลํ ชหี สุขํ;
มา ปุถุโลโมว พฬิสํ, คิลิตฺวา ปจฺฉา วิหฺสิ.
‘‘กามํ กาเมสุ ทมสฺสุ, ตาว สุนโขว สงฺขลาพทฺโธ;
กาหินฺติ ขุ ตํ กามา, ฉาตา สุนขํว จณฺฑาลา.
‘‘อปริมิตฺจ ทุกฺขํ, พหูนิ จ จิตฺตโทมนสฺสานิ;
อนุโภหิสิ กามยุตฺโต, ปฏินิสฺสช อทฺธุเว กาเม.
‘‘อชรมฺหิ วิชฺชมาเน, กึ ตว กาเมหิ เยสุ ชรา;
มรณพฺยาธิคหิตา, สพฺพา สพฺพตฺถ ชาติโย.
‘‘อิทมชรมิทมมรํ, อิทมชรามรํ ปทมโสกํ;
อสปตฺตมสมฺพาธํ, อขลิตมภยํ นิรุปตาปํ.
‘‘อธิคตมิทํ ¶ พหูหิ, อมตํ อชฺชาปิ จ ลภนียมิทํ;
โย โยนิโส ปยฺุชติ, น จ สกฺกา อฆฏมาเนน.
‘‘เอวํ ภณติ สุเมธา, สงฺขารคเต รตึ อลภมานา;
อนุเนนฺตี อนิกรตฺตํ, เกเส จ ฉมํ ขิปิ สุเมธา.
‘‘อุฏฺาย ¶ อนิกรตฺโต, ปฺชลิโก ยาจตสฺสา ปิตรํ โส;
วิสฺสชฺเชถ สุเมธํ, ปพฺพชิตุํ วิโมกฺขสจฺจทสฺสา.
‘‘วิสฺสชฺชิตา มาตาปิตูหิ, ปพฺพชิ โสกภยภีตา;
ฉ อภิฺา สจฺฉิกตา, อคฺคผลํ สิกฺขมานาย.
‘‘อจฺฉริยมพฺภุตํ ตํ, นิพฺพานํ อาสิ ราชกฺาย;
ปุพฺเพนิวาสจริตํ, ยถา พฺยากริ ปจฺฉิเม กาเล.
‘‘ภควติ โกณาคมเน, สงฺฆารามมฺหิ นวนิเวสมฺหิ;
สขิโย ติสฺโส ชนิโย, วิหารทานํ อทาสิมฺห.
‘‘ทสกฺขตฺตุํ สตกฺขตฺตุํ, ทสสตกฺขตฺตุํ สตานิ จ สตกฺขตฺตุํ;
เทเวสุ อุปปชฺชิมฺห, โก ปน วาโท มนุสฺเสสุ.
‘‘เทเวสุ มหิทฺธิกา อหุมฺห, มานุสกมฺหิ โก ปน วาโท;
สตฺตรตนสฺส ¶ มเหสี, อิตฺถิรตนํ อหํ อาสึ.
‘‘โส เหตุ โส ปภโว, ตํ มูลํ สาว สาสเน ขนฺตี;
ตํ ปมสโมธานํ, ตํ ธมฺมรตาย นิพฺพานํ.
‘‘เอวํ กโรนฺติ เย สทฺทหนฺติ, วจนํ อโนมปฺสฺส;
นิพฺพินฺทนฺติ ภวคเต, นิพฺพินฺทิตฺวา วิรชฺชนฺตี’’ติ. –
อิมา คาถา อภาสิ.
ตตฺถ มนฺตวติยา นคเรติ มนฺตวตีติ เอวํนามเก นคเร. รฺโ โกฺจสฺสาติ โกฺจสฺส นาม รฺโ มเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ ชาตา ธีตา อาสึ. สุเมธาติ นาเมน สุเมธา. ปสาทิตา สาสนกเรหีติ ¶ สตฺถุสาสนกเรหิ อริเยหิ ธมฺมเทสนาย สาสเน ปสาทิตา สฺชาตรตนตฺตยปฺปสาทา กตา.
สีลวตีติ ¶ อาจารสีลสมฺปนฺนา. จิตฺตกถาติ จิตฺตธมฺมกถา. พหุสฺสุตาติ ภิกฺขุนีนํ สนฺติเก ปริยตฺติธมฺมสฺสุติยุตา. พุทฺธสาสเน วินีตาติ เอวํ ปวตฺติ, เอวํ นิวตฺติ, อิติ สีลํ, อิติ สมาธิ, อิติ ปฺาติ สุตฺตานุคเตน (ที. นิ. ๒.๑๘๖) โยนิโสมนสิกาเรน ตทงฺคโต กิเลสานํ วินิวตฺตตฺตา พุทฺธานํ สาสเน วินีตา สํยตกายวาจาจิตฺตา. อุภโย นิสาเมถาติ ตุมฺเห ทฺเวปิ มม วจนํ นิสาเมถ, มาตาปิตโร อุปคนฺตฺวา ภณตีติ โยชนา.
ยทิปิ ทิพฺพนฺติ เทวโลกปริยาปนฺนมฺปิ ภวคตํ นาม สพฺพมฺปิ อสสฺสตํ อนิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ. กิมงฺคํ ปน ตุจฺฉา กามาติ กิมงฺคํ ปน มานุสกา กามา, เต สพฺเพปิ อสารกภาวโต ตุจฺฉา ริตฺตา, สตฺถธารายํ มธุพินฺทุ วิย อปฺปสฺสาทา, เอตรหิ อายติฺจ วิปุลทุกฺขตาย พหุวิฆาตา.
กฏุกาติ อนิฏฺา. สปฺปฏิภยฏฺเน อาสีวิสูปมา. เยสุ กาเมสุ. มุจฺฉิตาติ อชฺโฌสิตา. สมปฺปิตาติ สกมฺมุนา สพฺพโส อปฺปิตา ขิตฺตา, อุปปนฺนาติ อตฺโถ ¶ . หฺนฺเตติ พาธียนฺติ.
วินิปาเตติ อปาเย.
อเจตนาติ อตฺตหิตเจตนาย อภาเวน อเจตนา. ทุกฺขสมุทโยรุทฺธาติ ตณฺหานิมิตฺตสํสาเร อวรุทฺธา. เทเสนฺเตติ จตุสจฺจธมฺเม เทสิยมาเน. อชานนฺตาติ อตฺถํ อชานนฺตา. น พุชฺฌเร อริยสจฺจานีติ ทุกฺขาทีนิ อริยสจฺจานิ น ปฏิพุชฺฌนฺติ.
อมฺมาติ มาตรํ ปมุขํ กตฺวา อาลปติ. เต พหุตรา อชานนฺตาติ เย อภินนฺทนฺติ ภวคตํ ปิเหนฺติ เทเวสุ อุปปตฺตึ พุทฺธวรเทสิตานิ สจฺจานิ อชานนฺตา, เตเยว จ อิมสฺมึ โลเก พหุตราติ โยชนา.
ภวคเต อนิจฺจมฺหีติ สพฺพสฺมึ ภเว อนิจฺเจ เทเวสุ อุปปตฺติ น สสฺสตา, เอวํ สนฺเตปิ ¶ น จ สนฺตสนฺติ พาลา น อุตฺตสนฺติ น สํเวคํ อาปชฺชนฺติ. ปุนปฺปุนํ ชายิตพฺพสฺสาติ อปราปรํ อุปปชฺชมานสฺส.
จตฺตาโร วินิปาตาติ นิรโย ติรจฺฉานโยนิ เปตฺติวิสโย อสุรโยนีติ อิเม จตฺตาโร สุขสมุสฺสยโต วินิปาตคติโย. มนุสฺสเทวูปปตฺติสฺิตา ¶ ปน ทฺเวว คติโย กถฺจิ กิจฺเฉน กสิเรน ลพฺภนฺติ ปฺุกมฺมสฺส ทุกฺกรตฺตา. นิรเยสูติ สุขรหิเตสุ อปาเยสุ.
อปฺโปสฺสุกฺกาติ อฺกิจฺเจสุ นิรุสฺสุกฺกา. ฆฏิสฺสนฺติ วายมิสฺสํ ภาวนํ อนุยฺุชิสฺสามิ, กายกลินา อสาเรน ภวคเต กึ อภินนฺทิเตนาติ โยชนา.
ภวตณฺหาย นิโรธาติ ภวคตาย ตณฺหาย นิโรธเหตุ นิโรธตฺถํ.
พุทฺธานํ อุปฺปาโท ลทฺโธ, วิวชฺชิโต นิรยูปปตฺติอาทิโก อฏฺวิโธ อกฺขโณ, ขโณ นวโม ขโณ ลทฺโธติ โยชนา. สีลานีติ จตุปาริสุทฺธิสีลานิ. พฺรหฺมจริยนฺติ ¶ สาสนพฺรหฺมจริยํ. น ทูเสยฺยนฺติ น โกเปยฺยามิ.
น ตาว อาหารํ อาหริสฺสํ คหฏฺาติ ‘‘เนว ตาว อหํ คหฏฺา หุตฺวา อาหารํ อาหริสฺสามิ, สเจ ปพฺพชฺชํ น ลภิสฺสามิ, มรณวสเมว คตา ภวิสฺสามี’’ติ เอวํ สุเมธา มาตาปิตโร ภณตีติ โยชนา.
อสฺสาติ สุเมธาย. สพฺพโส สมภิหโตติ อสฺสูหิ สพฺพโส อภิหตมุโข. ฆเฏนฺติ สฺาเปตุนฺติ ปาสาทตเล ฉมาปติตํ สุเมธํ มาตา จ ปิตา จ คิหิภาวาย สฺาเปตุํ ฆเฏนฺติ วายมนฺติ. ‘‘ฆเฏนฺติ วายมนฺตี’’ติปิ ปาโ, โส เอวตฺโถ.
กึ โสจิเตนาติ ‘‘ปพฺพชฺชํ น ลภิสฺสามี’’ติ กึ โสจเนน. ทินฺนาสิ วารณวติมฺหีติ วารณวตีนคเร ทินฺนา อสิ. ‘‘ทินฺนาสี’’ติ วตฺวา ปุนปิ ‘‘ตฺวํ ทินฺนา’’ติ วจนํ ทฬฺหํ ทินฺนภาวทสฺสนตฺถํ.
รชฺเช อาณาติ อนิกรตฺตสฺส รชฺเช ตว อาณา ปวตฺตติ. ธนมิสฺสริยนฺติ อิมสฺมึ กุเล ¶ ปติกุเล จ ธนํ อิสฺสริยฺจ, โภคา สุขา อติวิย อิฏฺา โภคาติ สพฺพมิทํ ตุยฺหํ อุปฏฺิตํ หตฺถคตํ. ทหริกาสีติ ตรุณี จาสิ, ตสฺมา ภฺุชาหิ กามโภเค. เตน การเณน วาเรยฺยํ โหตุ เต ปุตฺตาติ โยชนา.
เนติ มาตาปิตโร. มา เอทิสิกานีติ เอวรูปานิ รชฺเช อาณาทีนิ มา ภวนฺตุ. กสฺมาติ เจ อาห ‘‘ภควตมสาร’’นฺติอาทิ.
กิมิวาติ ¶ กิมิ วิย. ปูติกายนฺติ อิมํ ปูติกเฬวรํ. สวนคนฺธนฺติ วิสฺสฏฺวิสฺสคนฺธํ. ภยานกนฺติ อวีตราคานํ ภยาวหํ. กุณปํ อภิสํวิเสยฺยํ ภสฺตนฺติ กุณปภริตํ จมฺมปสิพฺพกํ, อสกึ ปคฺฆริตํ อสุจิปุณฺณํ นานปฺปการสฺส อสุจิโน ปุณฺณํ หุตฺวา ¶ อสกึ สพฺพกาลํ อธิปคฺฆรนฺตํ ‘‘มม อิท’’นฺติ อภินิเวเสยฺยํ.
กิมิว ตหํ ชานนฺตี, วิกูลกนฺติ อติวิย ปฏิกฺกูลํ อสุจีหิ มํสเปสีหิ โสณิเตหิ จ อุปลิตฺตํ อเนเกสํ กิมิกุลานํ อาลยํ สกุณานํ ภตฺตภูตํ. ‘‘กิมิกุลาลสกุณภตฺต’’นฺติปิ ปาโ, กิมีนํ อวสิฏฺสกุณานฺจ ภตฺตภูตนฺติ อตฺโถ. ตํ อหํ กเฬวรํ ชานนฺตี ิตา. ตํ มํ อิทานิ วาเรยฺยวเสน กิสฺส เกน นาม การเณน ทิยฺยตีติ ทสฺเสติ. ตสฺส ตฺจ ทานํ กิมิว กึ วิย โหตีติ โยชนา.
นิพฺพุยฺหติ สุสานํ, อจิรํ กาโย อเปตวิฺาโณติ อยํ กาโย อจิเรเนว อปคตวิฺาโณ สุสานํ นิพฺพุยฺหติ อุปนียติ. ฉุทฺโธติ ฉฑฺฑิโต. กฬิงฺครํ วิยาติ นิรตฺถกกฏฺขณฺฑสทิโส. ชิคุจฺฉมาเนหิ าตีหีติ าติชเนหิปิ ชิคุจฺฉมาเนหิ.
ฉุทฺธูน นํ สุสาเนติ นํ กเฬวรํ สุสาเน ฉฑฺเฑตฺวา. ปรภตฺตนฺติ ปเรสํ โสณสิงฺคาลาทีนํ ภตฺตภูตํ. นฺหายนฺติ ชิคุจฺฉนฺตาติ ‘‘อิมสฺส ปจฺฉโต อาคตา’’ติ เอตฺตเกนาปิ ชิคุจฺฉมานา สสีสํ นิมุชฺชนฺตา นฺหายนฺติ, ปเคว ผุฏฺวนฺโต. นิยกา มาตาปิตโรติ อตฺตโน มาตาปิตโรปิ. กึ ปน สาธารณา ชนตาติ อิตโร ปน สมูโห ชิคุจฺฉตีติ กิเมว วตฺตพฺพํ.
อชฺโฌสิตาติ ตณฺหาวเสน อภินิวิฏฺา. อสาเรติ นิจฺจสาราทิสารรหิเต.
วินิพฺภุชิตฺวาติ ¶ วิฺาณวินิพฺโภคํ กตฺวา. คนฺธสฺส อสหมานาติ คนฺธํ อสฺส กายสฺส อสหนฺตี. สกาปิ มาตาติ อตฺตโน มาตาปิ ชิคุจฺเฉยฺย โกฏฺาสานํ วินิพฺภุชฺชเนน ปฏิกฺกูลภาวาย สุฏฺุตรํ ¶ อุปฏฺหนโต.
ขนฺธธาตุอายตนนฺติ ¶ รูปกฺขนฺธาทโย อิเม ปฺจกฺขนฺธา, จกฺขุธาตุอาทโย อิมา อฏฺารสธาตุโย, จกฺขายตนาทีนิ อิมานิ ทฺวาทสายตนานีติ เอวํ ขนฺธา ธาตุโย อายตนานิ จาติ สพฺพํ อิทํ รูปารูปธมฺมชาตํ สเมจฺจ สมฺภุยฺย ปจฺจเยหิ กตตฺตา สงฺขตํ, ตยิทํ ตสฺมึ ภเว ปวตฺตมานํ ทุกฺขํ, ชาติปจฺจยตฺตา ชาติมูลกนฺติ. เอวํ โยนิโส อุปาเยน อนุวิจินนฺตี จินฺตยนฺตี, วาเรยฺยํ วิวาหํ, กิสฺส เกน การเณน อิจฺฉิสฺสามิ.
‘‘สีลานิ พฺรหฺมจริยํ, ปพฺพชฺชา ทุกฺกรา’’ติ ยเทตํ มาตาปิตูหิ วุตฺตํ ตสฺส ปฏิวจนํ ทาตุํ ‘‘ทิวเส ทิวเส’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ทิวเส ทิวเส ติสตฺติสตานิ นวนวา ปเตยฺยุํ กายมฺหีติ ทิเน ทิเน ตีณิ สตฺติสตานิ ตาวเทว ปีตนิสิตภาเวน อภินวานิ กายสฺมึ สมฺปเตยฺยุํ. วสฺสสตมฺปิ จ ฆาโต เสยฺโยติ นิรนฺตรํ วสฺสสตมฺปิ ปตมาโน ยถาวุตฺโต สตฺติฆาโต เสยฺโย. ทุกฺขสฺส เจวํ ขโยติ เอวํ เจ วฏฺฏทุกฺขสฺส ปริกฺขโย ภเวยฺย, เอวํ มหนฺตมฺปิ ปวตฺติทุกฺขํ อธิวาเสตฺวา นิพฺพานาธิคมาย อุสฺสาโห กรณีโยติ อธิปฺปาโย.
อชฺฌุปคจฺเฉติ สมฺปฏิจฺเฉยฺย. เอวนฺติ วุตฺตนเยน. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย ปุคฺคโล อนมตคฺคํ สํสารํ อปริมาณฺจ วฏฺฏทุกฺขํ ทีเปนฺตํ สตฺถุโน วจนํ วิฺาย ิโต ยถาวุตฺตํ สตฺติฆาตทุกฺขํ สมฺปฏิจฺเฉยฺย, เตน เจว วฏฺฏทุกฺขสฺส ปริกฺขโย สิยาติ. เตนาห – ‘‘ทีโฆ เตสํ สํสาโร, ปุนปฺปุนฺจ หฺมานาน’’นฺติ, อปราปรํ ชาติชราพฺยาธิมรณาทีหิ พาธิยมานานนฺติ อตฺโถ.
อสุรกาเยติ กาลกฺจิกาทิ เปตาสุรนิกาเย. ฆาตาติ กายจิตฺตานํ อุปฆาตา วธา.
พหูติ ปฺจวิธพนฺธนาทิกมฺมการณวเสน ปวตฺติยมานา พหู อเนกฆาตา. วินิปาตคตสฺสาติ เสสาปายสงฺขาตํ วินิปาตํ อุปคตสฺสาปิ. ปีฬิยมานสฺสาติ ติรจฺฉานาทิอตฺตภาเว อภิฆาตาทีหิ อาพาธิยมานสฺส. เทเวสุปิ อตฺตาณนฺติ เทวตฺตภาเวสุปิ ตาณํ นตฺถิ ราคปริฬาหาทินา สทุกฺขสวิฆาตภาวโต. นิพฺพานสุขา ปรํ ¶ นตฺถีติ นิพฺพานสุขโต ¶ ปรํ อฺํ อุตฺตมํ สุขํ นาม นตฺถิ โลกิยสุขสฺส วิปริณามสงฺขารทุกฺขสภาวตฺตา ¶ . เตนาห ภควา – ‘‘นิพฺพานํ ปรมํ สุข’’นฺติ (ธ. ป. ๒๐๓-๒๐๔).
ปตฺตา เต นิพฺพานนฺติ เต นิพฺพานํ ปตฺตาเยว นาม. อถ วา เตเยว นิพฺพานํ ปตฺตา. เย ยุตฺตา ทสพลสฺส ปาวจเนติ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาสเน เย ยุตฺตา ปยุตฺตา.
นิพฺพินฺนาติ วิรตฺตา. เมติ มยา. วนฺตสมาติ สุวานวมถุสทิสา. ตาลวตฺถุกตาติ ตาลสฺส ปติฏฺานสทิสา กตา.
อถาติ ปจฺฉา, มาตาปิตูนํ อตฺตโน อชฺฌาสยํ ปเวเทตฺวา อนิกรตฺตสฺส จ อาคตภาวํ สุตฺวา. อสิตนิจิตมุทุเกติ อินฺทนีลภมรสมานวณฺณตาย อสิเต, ฆนภาเวน นิจิเต, สิมฺพลิตูลสมสมฺผสฺสตาย มุทุเก. เกเส ขคฺเคน ฉินฺทิยาติ อตฺตโน เกเส สุนิสิเตน อสินา ฉินฺทิตฺวา. ปาสาทํ ปิทหิตฺวาติ อตฺตโน วสนปาสาเท สิริคพฺภํ ปิธาย, ตสฺส ทฺวารํ ถเกตฺวาติ อตฺโถ. ปมชฺฌานํ สมาปชฺชีติ ขคฺเคน ฉินฺเน อตฺตโน เกเส ปุรโต เปตฺวา ตตฺถ ปฏิกฺกูลมนสิการํ ปวตฺเตนฺตี ยถาอุปฏฺิเต นิมิตฺเต อุปฺปนฺนํ ปมํ ฌานํ วสีภาวํ อาปาเทตฺวา สมาปชฺชิ.
สา จ สุเมธา ตหึ ปาสาเท สมาปนฺนา ฌานนฺติ อธิปฺปาโย. อนิจฺจสฺํ สุภาเวตีติ ฌานโต วุฏฺหิตฺวา ฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา ‘‘ยํกิฺจิ รูป’’นฺติอาทินา (อ. นิ. ๔.๑๘๑; ม. นิ. ๑.๒๔๔; ปฏิ. ม. ๑.๔๘) อนิจฺจานุปสฺสนํ สุฏฺุ ภาเวติ, อนิจฺจสฺาคหเณเนว เจตฺถ ทุกฺขสฺาทีนมฺปิ คหณํ กตนฺติ เวทิตพฺพํ.
มณิกนกภูสิตงฺโคติ มณิวิจิตฺเตหิ เหมมาลาลงฺกาเรหิ วิภูสิตคตฺโต.
รชฺเช อาณาติอาทิ ยาจิตาการนิทสฺสนํ. ตตฺถ อาณาติ อาธิปจฺจํ. อิสฺสริยนฺติ ยโส วิภวสมฺปตฺติ. โภคา สุขาติ อิฏฺา มนาปิยา กามูปโภคา. ทหริกาสีติ ตฺวํ อิทานิ ทหรา ตรุณี อสิ.
นิสฺสฏฺํ ¶ เต รชฺชนฺติ มยฺหํ สพฺพมฺปิ ติโยชนิกํ รชฺชํ ตุยฺหํ ปริจฺจตฺตํ, ตํ ปฏิปชฺชิตฺวา โภเค ¶ จ ภฺุชสฺสุ, อยํ มํ กาเมหิเยว นิมนฺเตตีติ มา ¶ ทุมฺมนา อโหสิ. เทหิ ทานานีติ ยถารุจิยา มหนฺตานิ ทานานิ สมณพฺราหฺมเณสุ ปวตฺเตหิ, มาตาปิตโร เต ทุกฺขิตา โทมนสฺสปฺปตฺตา ตว ปพฺพชฺชาธิปฺปายํ สุตฺวา ตสฺมา กาเม ปริภฺุชนฺตี. เตปิ อุปฏฺหนฺตี เตสํ จิตฺตํ ทุกฺขา โมเจหีติ เอวเมตฺถ ปทตฺถโยชนา เวทิตพฺพา.
มา กาเม อภินนฺทีติ วตฺถุกาเม กิเลสกาเม มา อภินนฺทิ. อถ โข เตสุ กาเมสุ อาทีนวํ โทสํ มยฺหํ วจนานุสาเรน ปสฺส าณจกฺขุนา โอโลเกหิ.
จาตุทฺทีโปติ ชมฺพุทีปาทีนํ จตุนฺนํ มหาทีปานํ อิสฺสโร. มนฺธาตาติ เอวํนาโม ราชา, กามโภคีนํ อคฺโค อคฺคภูโต อาสิ. เตนาห ภควา – ‘‘ราหุคฺคํ อตฺตภาวีนํ, มนฺธาตา กามโภคิน’’นฺติ (อ. นิ. ๔.๑๕). อติตฺโต กาลงฺกโตติ จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ กุมารกีฬาวเสน จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ โอปรชฺชวเสน จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ จกฺกวตฺตี ราชา หุตฺวา เทวโภคสทิเส โภเค ภฺุชิตฺวา ฉตฺตึสาย สกฺกานํ อายุปฺปมาณกาลํ ตาวตึสภวเน สคฺคสมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวาปิ กาเมหิ อติตฺโตว กาลงฺกโต. น จสฺส ปริปูริตา อิจฺฉา อสฺส มนฺธาตุรฺโ กาเมสุ อาสา น จ ปริปุณฺณา อาสิ.
สตฺต รตนานิ วสฺเสยฺยาติ สตฺตปิ รตนานิ, วุฏฺิมา เทโว ทสทิสา พฺยาเปตฺวา, สมนฺเตน สมนฺตโต ปุริสสฺส รุจิวเสน ยทิปิ วสฺเสยฺย, ยถา ตํ มนฺธาตุมหาราชสฺส เอวํ สนฺเตปิ น จตฺถิ ติตฺติ กามานํ, อติตฺตาว มรนฺติ นรา. เตนาห ภควา – ‘‘น กหาปณวสฺเสน, ติตฺติ กาเมสุ วิชฺชตี’’ติ (ธ. ป. ๑๘๖; ชา. ๑.๓.๒๓).
อสิสูนูปมา กามา อธิกุฏฺฏนฏฺเน, สปฺปสิโรปมา สปฺปฏิภยฏฺเน, อุกฺโกปมา ติณุกฺกูปมา อนุทหนฏฺเน. เตนาห ‘‘อนุทหนฺตี’’ติ. อฏฺิกงฺกลสนฺนิภา อปฺปสฺสาทฏฺเน.
มหาวิสาติ หลาหลาทิมหาวิสสทิสา. อฆมูลาติ อฆสฺส ทุกฺขสฺส มูลา การณภูตา. เตนาห ‘‘ทุขปฺผลา’’ติ.
รุกฺขปฺผลูปมา ¶ องฺคปจฺจงฺคานํ ผลิภฺชนฏฺเน. มํสเปสูปมา พหุสาธารณฏฺเน. สุปิโนปมา ¶ อิตฺตรปจฺจุปฏฺานฏฺเน มายา วิย ปโลภนโต. เตนาห ¶ ‘‘วฺจนิยา’’ติ, วฺจกาติ อตฺโถ. ยาจิตกูปมาติ ยาจิตกภณฺฑสทิสา ตาวกาลิกฏฺเน.
สตฺติสูลูปมา วินิวิชฺฌนฏฺเน. รุชฺชนฏฺเน โรโค ทุกฺขตาสุลภตฺตา. คณฺโฑ กิเลสาสุจิปคฺฆรณโต. ทุกฺขุปฺปาทนฏฺเน อฆํ. มรณสมฺปาปเนน นิฆํ. องฺคารกาสุสทิสา มหาภิตาปนฏฺเน. ภยเหตุตาย เจว วธกปหูตตาย จ ภยํ วโธ นาม, กามาติ โยชนา.
อกฺขาตา อนฺตรายิกาติ ‘‘สคฺคมคฺคาธิคมสฺส นิพฺพานคามิมคฺคสฺส จ อนฺตรายกรา’’ติ จกฺขุภูเตหิ พุทฺธาทีหิ วุตฺตา. คจฺฉถาติ อนิกรตฺตํ สปริสํ วิสฺสชฺเชติ.
กึ มม ปโร กริสฺสตีติ ปโร อฺโ มม กึ นาม หิตํ กริสฺสติ อตฺตโน สีสมฺหิ อุตฺตมงฺเค เอกาทสหิ อคฺคีหิ ฑยฺหมาเน. เตนาห ‘‘อนุพนฺเธ ชรามรเณ’’ติ. ตสฺส ชรามรณสฺส สีสฑาหสฺส, ฆาตาย สมุคฺฆาตาย, ฆฏิตพฺพํ วายมิตพฺพํ.
ฉมนฺติ ฉมายํ. อิทมโวจนฺติ อิทํ ‘‘ทีโฆ พาลานํ สํสาโร’’ติอาทิกํ สํเวคสํวตฺตนกํ วจนํ อโวจํ.
ทีโฆ พาลานํ สํสาโรติ กิเลสกมฺมวิปากวฏฺฏภูตานํ ขนฺธายตนาทีนํ ปฏิปาฏิปวตฺติสงฺขาโต สํสาโร อปริฺาตวตฺถุกานํ อนฺธพาลานํ ทีโฆ พุทฺธาเณนปิ อปริจฺฉินฺทนิโย. ยถา หิ อนุปจฺฉินฺนตฺตา อวิชฺชาตณฺหานํ อปริจฺฉินฺนตาเยว ภวปพนฺธสฺส ปุพฺพา โกฏิ น ปฺายติ, เอวํ ปราปิ โกฏีติ. ปุนปฺปุนฺจ โรทตนฺติ อปราปรํ โสกวเสน รุทนฺตานํ. อิมินาปิ อวิชฺชาตณฺหานํ อนุปจฺฉินฺนตํเยว เตสํ วิภาเวติ.
อสฺสุ ถฺํ รุธิรนฺติ ยํ าติพฺยสนาทินา ผุฏฺานํ โรทนฺตานํ ¶ อสฺสุ จ ทารกกาเล มาตุถนโต ปีตํ ถฺฺจ ยฺจ ปจฺจตฺถิเกหิ ฆาติตานํ รุธิรํ. สํสารํ อนมตคฺคโต สํสารสฺส อนุ อมตคฺคตฺตา าเณน อนุคนฺตฺวาปิ อมตอคฺคตฺตา อวิทิตคฺคตฺตา อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา สตฺตานํ สํสรตํ, อปราปรํ สํสรนฺตานํ สํสริตํ สราหิ, ตํ ‘‘กีว พหุก’’นฺติ อนุสฺสราหิ, อฏฺีนํ สนฺนิจยํ สราหิ อนุสฺสร, อุปธาเรหีติ อตฺโถ.
อิทานิ ¶ ¶ อาทีนวสฺส พหุภาวฺจ อุปมาย ทสฺเสตุํ ‘‘สร จตุโรทธี’’ติ คาถมาห. ตตฺถ สร จตุโรทธี อุปนีเต อสฺสุถฺรุธิรมฺหีติ อิเมสํ สตฺตานํ อนมตคฺคสํสาเร สํสรนฺตานํ เอเกกสฺสปิ อสฺสุมฺหิ ถฺเ รุธิรมฺหิ จ ปมาณโต อุปเมตพฺเพ จตุโรทธี จตฺตาโร มหาสมุทฺเท อุปมาวเสน พุทฺเธหิ อุปนีเต สร สราหิ. เอกกปฺปมฏฺีนํ, สฺจยํ วิปุเลน สมนฺติ เอกสฺส ปุคฺคลสฺส เอกสฺมึ กปฺเป อฏฺีนํ สฺจยํ เวปุลฺลปพฺพเตน สมํ อุปนีตํ สร. วุตฺตมฺปิ เจสํ –
‘‘เอกสฺเสเกน กปฺเปน, ปุคฺคลสฺสฏฺิสฺจโย;
สิยา ปพฺพตสโม ราสิ, อิติ วุตฺตํ มเหสินา.
‘‘โส โข ปนายํ อกฺขาโต, เวปุลฺโล ปพฺพโต มหา;
อุตฺตโร คิชฺฌกูฏสฺส, มคธานํ คิริพฺพเช’’ติ. (สํ. นิ. ๒.๑๓๓);
มหึ ชมฺพุทีปมุปนีตํ. โกลฏฺิมตฺตคุฬิกา, มาตา มาตุสฺเวว นปฺปโหนฺตีติ ชมฺพุทีโปติสงฺขาตํ มหาปถวึ โกลฏฺิมตฺตา พทรฏฺิมตฺตา คุฬิกา กตฺวา ตตฺเถเกกา ‘‘อยํ เม มาตุ, อยํ เม มาตุมาตู’’ติ เอวํ วิภาชิยมาเน ตา คุฬิกา มาตา มาตูสฺเวว นปฺปโหนฺติ, มาตา มาตูสุ อขีณาสฺเวว ปริยนฺติกา ตา คุฬิกา ปริกฺขยํ ปริยาทานํ คจฺเฉยฺยุํ, น ตฺเวว อนมตคฺเค สํสาเร สํสรโต สตฺตสฺส มาตุมาตโรติ ¶ . เอวํ ชมฺพุทีปมหึ สํสารสฺส ทีฆภาเวน อุปมาภาเวน อุปนีตํ มนสิ กโรหีติ.
ติณกฏฺสาขาปลาสนฺติ ติณฺจ กฏฺฺจ สาขาปลาสฺจ. อุปนีตนฺติ อุปมาภาเวน อุปนีตํ. อนมตคฺคโตติ สํสารสฺส อนมตคฺคภาวโต. จตุรงฺคุลิกา ฆฏิกาติ จตุรงฺคุลปฺปมาณานิ ขณฺฑานิ. ปิตุปิตุสฺเวว นปฺปโหนฺตีติ ปิตุปิตามเหสุ เอว ตา ฆฏิกา นปฺปโหนฺติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิมสฺมึ โลเก สพฺพํ ติณฺจ กฏฺฺจ สาขาปลาสฺจ จตุรงฺคุลิกา กตฺวา ตตฺเถเกกา ‘‘อยํ เม ปิตุ, อยํ เม ปิตามหสฺสา’’ติ วิภาชิยมาเน ตา ฆฏิกาว ปริกฺขยํ ปริยาทานํ คจฺเฉยฺยุํ, น ตฺเวว อนมตคฺเค สํสาเร สํสรโต สตฺตสฺส ปิตุปิตามหาติ. เอวํ ติณฺจ กฏฺฺจ สาขาปลาสฺจ สํสารสฺส ทีฆภาเวน อุปนีตํ สราหีติ. อิมสฺมึ ปน าเน –
‘‘อนมตคฺโคยํ ¶ , ภิกฺขเว, สํสาโร, ปุพฺพา โกฏิ น ปฺายติ อวิชฺชานีวรณานํ สตฺตานํ ¶ ตณฺหาสํโยชนานํ สนฺธาวตํ สํสรตํ. ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, กตมํ นุ โข พหุตรํ, ยํ วา โว อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา สนฺธาวตํ สํสรตํ อมนาปสมฺปโยคา มนาปวิปฺปโยคา กนฺทนฺตานํ โรทนฺตานํ อสฺสุปสฺสนฺนํ ปคฺฆริตํ, ยํ วา จตูสุ มหาสมุทฺเทสุ อุทก’’นฺติอาทิกา (สํ. นิ. ๒.๑๒๖) – ‘อนมตคฺคปาฬิ’ อาหริตพฺพา.
สร กาณกจฺฉปนฺติ อุภยกฺขิกาณํ กจฺฉปํ อนุสฺสร. ปุพฺพสมุทฺเท อปรโต จ ยุคฉิทฺทนฺติ ปุรตฺถิมสมุทฺเท อปรโต จ ปจฺฉิมุตฺตรทกฺขิณสมุทฺเท วาตเวเคน ปริพฺภมนฺตสฺส ยุคสฺส เอกจฺฉิทฺทํ. สิรํ ตสฺส จ ปฏิมุกฺกนฺติ กาณกจฺฉปสฺส สีสํ ตสฺส จ วสฺสสตสฺส วสฺสสตสฺส อจฺจเยน คีวํ อุกฺขิปนฺตสฺส สีสสฺส ยุคจฺฉิทฺเท ปเวสนฺจ สร. มนุสฺสลาภมฺหิ โอปมฺมนฺติ ตยิทํ สพฺพมฺปิ พุทฺธุปฺปาทธมฺมเทสนาสุ วิย มนุสฺสตฺตลาเภ โอปมฺมํ ¶ กตฺวา ปฺาย สร, ตสฺส อตีว ทุลฺลภสภาวตฺตํ สารชฺชภยสฺสาปิ อติจฺจสภาวตฺตา. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส มหาสมุทฺเท เอกจฺฉิคฺคฬฺหํ ยุคํ ปกฺขิเปยฺยา’’ติอาทิ (ม. นิ. ๓.๒๕๒; สํ. นิ. ๕.๑๑๑๗).
สร รูปํ เผณปิณฺโฑปมสฺสาติ วิมทฺทาสหนโต เผณปิณฺฑสทิสสฺส อเนกานตฺถสนฺนิปาตโต กายสงฺขาตสฺส กลิโน, นิจฺจสาราทิวิรเหน อสารสฺส รูปํ อสุจิทุคฺคนฺธํ เชคุจฺฉปฏิกฺกูลภาวํ สร. ขนฺเธ ปสฺส อนิจฺเจติ ปฺจปิ อุปาทานกฺขนฺเธ หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺเจ ปสฺส าณจกฺขุนา โอโลเกหิ. สราหิ นิรเย พหุวิฆาเตติ อฏฺ มหานิรเย โสฬสอุสฺสทนิรเย จ พหุวิฆาเต พหุทุกฺเข มหาทุกฺเข จ อนุสฺสร.
สร กฏสึ วฑฺเฒนฺเตติ ปุนปฺปุนํ ตาสุ ตาสุ ชาตีสุ อปราปรํ อุปฺปตฺติยา ปุนปฺปุนํ กฏสึ สุสานํ อาฬหนเมว วฑฺเฒนฺเต สตฺเต อนุสฺสร. ‘‘วฑฺฒนฺโต’’ติ วา ปาฬิ, ตฺวํ วฑฺฒนฺโตติ โยชนา. กุมฺภีลภยานีติ อุทรโปสนตฺถํ อกิจฺจการิตาวเสน โอทริกตฺตภยานิ. วุตฺตฺหิ ‘‘กุมฺภีลภยนฺติ โข, ภิกฺขเว, โอทริกตฺตสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ (อ. นิ. ๔.๑๒๒). สราหิ จตฺตาริ ¶ สจฺจานีติ ‘‘อิทํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ…เป… อยํ ทุกฺขนิโรธคามินิปฏิปทา อริยสจฺจ’’นฺติ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ ยาถาวโต อนุสฺสร อุปธาเรหิ.
เอวํ ราชปุตฺตี อเนกาการโวการํ อนุสฺสรณวเสน กาเมสุ สํสาเร จ อาทีนวํ ปกาเสตฺวา อิทานิ พฺยติเรเกนปิ ตํ ปกาเสตุํ ‘‘อมตมฺหิ วิชฺชมาเน’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อมตมฺหิ ¶ วิชฺชมาเนติ สมฺมาสมฺพุทฺเธน มหากรุณาย อุปนีเต สทฺธมฺมามเต อุปลพฺภมาเน. กึ ตว ปฺจกฏุเกน ปีเตนาติ ปริเยสนา ปริคฺคโห อารกฺขา ปริโภโค วิปาโก จาติ ปฺจสุปิ าเนสุ ติขิณตรทุกฺขานุพนฺธตาย สวิฆาตตฺตา สอุปายาสตฺตา กึ ตุยฺหํ ปฺจกฏุเกน ปฺจกามคุณรเสน ปีเตน? อิทานิ วุตฺตเมวตฺถํ ปากฏตรํ กโรนฺตี อาห – ‘‘สพฺพา หิ กามรติโย, กฏุกตรา ปฺจกฏุเกนา’’ติ ¶ , อติวิย กฏุกตราติ อตฺโถ.
เย ปริฬาหาติ เย กามา สมฺปติ กิเลสปริฬาเหน อายตึ วิปากปริฬาเหน จ สปริฬาหา มหาวิฆาตา. ชลิตา กุถิตา กมฺปิตา สนฺตาปิตาติ เอกาทสหิ อคฺคีหิ ปชฺชลิตา ปกฺกุถิตา จ หุตฺวา ตํสมงฺคีนํ กมฺปนกา สนฺตาปนกา จ.
อสปตฺตมฺหีติ สปตฺตรหิเต เนกฺขมฺเม. สมาเนติ สนฺเต วิชฺชมาเน. ‘‘พหุสปตฺตา’’ติ วตฺวา เยหิ พหู สปตฺตา, เต ทสฺเสตุํ ‘‘ราชคฺคี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ราชูหิ จ อคฺคินา จ โจเรหิ จ อุทเกน จ ทายาทาทิอปฺปิเยหิ จ ราชคฺคิโจรอุทกปฺปิเยหิ สาธารณโต เตสฺเวโวปมา วุตฺตา.
เยสุ วธพนฺโธติ เยสุ กาเมสุ กามนิมิตฺตํ มรณโปถนาทิปริกฺกิเลโส อนฺทุพนฺธนาทิพนฺโธ จ โหตีติ อตฺโถ. กาเมสูติอาทิ วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส ปากฏกรณํ. ตตฺถ หีติ เหตุอตฺเถ นิปาโต. ยสฺมา กาเมสุ กามเหตุ อิเม สตฺตา วธพนฺธนทุกฺขานิ อนุภวนฺติ ปาปุณนฺติ, ตสฺมา อาห – ‘‘อสกามา’’ติ, กามา นาเมเต อสนฺโต หีนา ลามกาติ อตฺโถ. ‘‘อหกามา’’ติ วา ปาโ, โส เอวตฺโถ. อหาติ หิ ลามกปริยาโย ‘‘อหโลกิตฺถิโย นามา’’ติอาทีสุ วิย.
อาทีปิตาติ ¶ ปชฺชลิตา. ติณุกฺกาติ ติเณหิ กตา อุกฺกา. ทหนฺติ เย เต มฺุจนฺตีติ เย สตฺตา เต กาเม น มฺุจนฺติ, อฺทตฺถุ คณฺหนฺติ, เต ทหนฺติเยว, สมฺปติ อายติฺจ ฌาเปนฺติ.
มา อปฺปกสฺส เหตูติ ปุปฺผสฺสาทสทิสสฺส ปริตฺตกสฺส กามสุขสฺส เหตุ วิปุลํ อุฬารํ ปณีตฺจ โลกุตฺตรํ สุขํ มา ชหิ มา ฉฑฺเฑหิ. มา ปุถุโลโมว พฬิสํ คิลิตฺวาติ อามิสโลเภน ¶ พฬิสํ คิลิตฺวา พฺยสนํ ปาปุณนฺโต ‘‘ปุถุโลโม’’ติ ลทฺธนาโม มจฺโฉ วิย กาเม อปริจฺจชิตฺวา มา ปจฺฉา วิหฺสิ ปจฺฉา วิฆาฏํ อาปชฺชสิ.
สุนโขว สงฺขลาพทฺโธติ ยถา คทฺทุเลน พทฺโธ ¶ สุนโข คทฺทุลพนฺเธน ถมฺเภ อุปนิพทฺโธ อฺโต คนฺตุํ อสกฺโกนฺโต ตตฺเถว ปริพฺภมติ, เอวํ ตฺวํ กามตณฺหาย พทฺโธ, อิทานิ กามํ ยทิปิ กาเมสุ ตาว ทมสฺสุ อินฺทฺริยานิ ทเมหิ. กาหินฺติ ขุ ตํ กามา, ฉาตา สุนขํว จณฺฑาลาติ ขูติ นิปาตมตฺตํ. เต ปน กามา ตํ ตถา กริสฺสนฺติ, ยถา ฉาตชฺฌตฺตา สปากา สุนขํ ลภิตฺวา อนยพฺยสนํ ปาเปนฺตีติ อตฺโถ.
อปริมิตฺจ ทุกฺขนฺติ อปริมาณํ ‘‘เอตฺตก’’นฺติ ปริจฺฉินฺทิตุํ อสกฺกุเณยฺยํ นิรยาทีสุ กายิกํ ทุกฺขํ. พหูนิ จ จิตฺตโทมนสฺสานีติ จิตฺเต ลพฺภมานานิ พหูนิ อเนกานิ โทมนสฺสานิ เจโตทุกฺขานิ. อนุโภหิสีติ อนุภวิสฺสสิ. กามยุตฺโตติ กาเมหิ ยุตฺโต, เต อปฺปฏินิสฺสชฺชนฺโต. ปฏินิสฺสช อทฺธุเว กาเมติ อทฺธุเวหิ อนิจฺเจหิ กาเมหิ วินิสฺสช อเปหีติ อตฺโถ.
ชรามรณพฺยาธิคหิตา, สพฺพา สพฺพตฺถ ชาติโยติ ยสฺมา หีนาทิเภทภินฺนา สพฺพตฺถ ภวาทีสุ ชาติโย ชรามรณพฺยาธินา จ คหิตา, เตหิ อปริมุตฺตา, ตสฺมา อชรมฺหิ นิพฺพาเน วิชฺชมาเน ชราทีหิ อปริมุตฺเตหิ กาเมหิ กึ ตว ปโยชนนฺติ โยชนา.
เอวํ นิพฺพานคุณทสฺสนมุเขน กาเมสุ ภเวสุ จ อาทีนวํ ปกาเสตฺวา อิทานิ นิพฺพตฺติตํ นิพฺพานคุณเมว ปกาเสนฺตี ‘‘อิทมชร’’นฺติอาทินา ทฺเว คาถา อภาสิ. ตตฺถ อิทมชรนฺติ อิทเมเวกํ อตฺตนิ ชราภาวโต อธิคตสฺส จ ชราภาวเหตุโต อชรํ. อิทมมรนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว ¶ นโย. อิทมชรามรนฺติ ตทุภยเมกชฺฌํ กตฺวา โถมนาวเสน วทติ. ปทนฺติ วฏฺฏทุกฺขโต มุจฺจิตุกาเมหิ ปพฺพชิตพฺพโต ปฏิปชฺชิตพฺพโต ปทํ. โสกเหตูนํ อภาวโต โสกาภาวโต จ อโสกํ. สปตฺตกรธมฺมาภาวโต อสปตฺตํ. กิเลสสมฺพาธาภาวโต อสมฺพาธํ. ขลิตสงฺขาตานํ ทุจฺจริตานํ อภาเวน อขลิตํ. อตฺตานุวาทาทิภยานํ วฏฺฏภยสฺส ¶ จ สพฺพโส อภาวา อภยํ. ทุกฺขูปตาปสฺส กิเลสสฺสาปิ อภาเวน นิรุปตาปํ. สพฺพเมตํ อมตมหานิพฺพานเมว สนฺธาย วทติ. ตฺหิ สา อนุสฺสวาทิสิทฺเธน อากาเรน อตฺตโน อุปฏฺหนฺตี เตสํ ปจฺจกฺขโต ทสฺเสนฺตี วิย ‘‘อิท’’นฺติ อโวจ.
อวิคตมิทํ ¶ พหูหิ อมตนฺติ อิทํ อมตํ นิพฺพานํ พหูหิ อนนฺตอปริมาเณหิ พุทฺธาทีหิ อริเยหิ อธิคตํ าตํ อตฺตโน ปจฺจกฺขํ กตํ. น เกวลํ เตหิ อธิคตเมว สนฺธาย วทติ, อถ โข อชฺชาปิ จ ลภนียํ อิทานิปิ อธิคมนียํ อธิคนฺตุํ สกฺกา. เกน ลภนียนฺติ อาห ‘‘โย โยนิโส ปยฺุชตี’’ติ, โย ปุคฺคโล โยนิโส อุปาเยน สตฺถารา ทินฺนโอวาเท ตฺวา ยฺุชติ สมฺมาปโยคฺจ กโรติ, เตน ลภนียนฺติ โยชนา. น จ สกฺกา อฆฏมาเนนาติ โย ปน โยนิโส น ปยฺุชติ, เตน อฆฏมาเนน น จ สกฺกา, กทาจิปิ ลทฺธุํ น สกฺกาเยวาติ อตฺโถ.
เอวํ ภณติ สุเมธาติ เอวํ วุตฺตปฺปกาเรน สุเมธา ราชกฺา สํสาเร อตฺตโน สํเวคทีปนึ กาเมสุ นิพฺเพธภาคินึ ธมฺมกถํ กเถติ. สงฺขารคเต รตึ อลภมานาติ อณุมตฺเตปิ สงฺขารปวตฺเต อภิรตึ อวินฺทนฺตี. อนุเนนฺตี อนิกรตฺตนฺติ อนิกรตฺตํ ราชานํ สฺาเปนฺตี. เกเส จ ฉมํ ขิปีติ อตฺตโน ขคฺเคน ฉินฺเน เกเส จ ภูมิยํ ขิปิ ฉฑฺเฑสิ.
ยาจตสฺสา ปิตรํ โสติ โส อนิกรตฺโต อสฺสา สุเมธาย ปิตรํ โกฺจราชานํ ยาจติ. กินฺติ ยาจตีติ อาห ‘‘วิสฺสชฺเชถ สุเมธํ, ปพฺพชิตุํ วิโมกฺขสจฺจทสฺสา’’ติ, สุเมธํ ราชปุตฺตึ ปพฺพชิตุํ วิสฺสชฺเชถ, สา จ ปพฺพชิตฺวา วิโมกฺขสจฺจทสฺสา อวิปรีตนิพฺพานทสฺสาวินี โหตูติ อตฺโถ.
โสกภยภีตาติ ¶ าติวิโยคาทิเหตุโต สพฺพสฺมาปิ สํสารภยโต ภีตา าณุตฺตรวเสน อุตฺราสิตา. สิกฺขมานายาติ สิกฺขมานาย ¶ สมานาย ฉ อภิฺา สจฺฉิกตา, ตโต เอว อคฺคผลํ อรหตฺตํ สจฺฉิกตํ.
อจฺฉริยมพฺภุตํ ตํ, นิพฺพานํ อาสิ ราชกฺายาติ ราชปุตฺติยา สุเมธาย กิเลเสหิ ปรินิพฺพานํ อจฺฉริยํ อพฺภุตฺจ อาสิ. ฉฬภิฺาว สิทฺธิยา กถนฺติ เจ ปุพฺเพนิวาสจริตํ, ยถา พฺยากริ ปจฺฉิเม กาเลติ, ปจฺฉิเม ขนฺธปรินิพฺพานกาเล อตฺตโน ปุพฺเพนิวาสปริยาปนฺนจริตํ ยถา พฺยากาสิ, ตถา ตํ ชานิตพฺพนฺติ.
ปุพฺเพนิวาสํ ปน ตาย ยถา พฺยากตํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ภควติ โกณาคมเน’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ภควติ โกณาคมเนติ โกณาคมเน สมฺมาสมฺพุทฺเธ โลเก อุปฺปนฺเน. สงฺฆารามมฺหิ นวนิเวสมฺหีติ ¶ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส อภินวนิเวสิเต อาราเม. สขิโย ติสฺโส ชนิโย, วิหารทานํ อทาสิมฺหาติ ธนฺชานี เขมา อหฺจาติ มยํ ติสฺโส สขิโย อารามํ สงฺฆสฺส วิหารทานํ อทมฺห.
ทสกฺขตฺตุํ สตกฺขตฺตุนฺติ ตสฺส วิหารทานสฺส อานุภาเวน ทสวาเร เทเวสุ อุปปชิมฺห, ตโต มนุสฺเสสุ อุปปชฺชิตฺวา ปุน สตกฺขตฺตุํ เทเวสุ อุปปชฺชิมฺห, ตโตปิ มนุสฺเสสุ อุปปชฺชิตฺวา ปุน ทสสตกฺขตฺตุํ สหสฺสวารํ เทเวสุ อุปปชฺชิมฺห, ตโตปิ มนุสฺเสสุ อุปปชฺชิตฺวา ปุน สตานิ สตกฺขตฺตุํ ทสสหสฺสวาเร เทเวสุ อุปปชฺชิมฺห, โก ปน วาโท มนุสฺเสสุ. เอวํ มนุสฺเสสุ อุปฺปนฺนวาเรสุ กถาว นตฺถิ, อเนกสหสฺสวารํ อุปปชฺชิมฺหาติ อตฺโถ.
เทเวสุ มหิทฺธิกา อหุมฺหาติ เทเวสุ อุปปนฺนกาเล ตสฺมึ ตสฺมึ เทวนิกาเย มหิทฺธิกา มหานุภาวา อหุมฺห. มานุสกมฺหิ โก ปน วาโทติ มนุสฺสตฺตลาเภ มหิทฺธิกตาย กถาว นตฺถิ. อิทานิ ตเมว มนุสฺสตฺตภาเว อุกฺกํสตํ มหิทฺธิกตํ ทสฺเสนฺตี ‘‘สตฺตรตนสฺส มเหสี, อิตฺถิรตนํ อหํ อาสิ’’นฺติ อาห. ตตฺถ จกฺกรตนาทีนิ สตฺต รตนานิ เอตสฺส สนฺตีติ สตฺตรตโน, จกฺกวตฺตี, ตสฺส สตฺตรตนสฺส. ฉโทสรหิตา ¶ ปฺจกลฺยาณา อติกฺกนฺตมนุสฺสวณฺณา อปตฺตทิพฺพวณฺณาติ เอวมาทิคุณสมนฺนาคเมน อิตฺถีสุ รตนภูตา ¶ อหํ อโหสึ.
โส เหตูติ ยํ ตํ โกณาคมนสฺส ภควโต กาเล สงฺฆสฺส วิหารทานํ กตํ, โส ยถาวุตฺตาย ทิพฺพสมฺปตฺติยา จ เหตุ. โส ปภโว ตํ มูลนฺติ ตสฺเสว ปริยายวจนํ. สาว สาสเน ขนฺตีติ สา เอว อิธ สตฺถุสาสเน ธมฺเม นิชฺฌานกฺขนฺตี. ตํ ปมสโมธานนฺติ ตเทว สตฺถุสาสนธมฺเมน ปมํ สโมธานํ ปโม สมาคโม, ตเทว สตฺถุสาสนธมฺเม อภิรตาย ปริโยสาเน นิพฺพานนฺติ ผลูปจาเรน การณํ วทติ. อิมา ปน จตสฺโส คาถา เถริยา อปทานสฺส วิภาวนวเสน ปวตฺตตฺตา อปทานปาฬิยมฺปิ สงฺคหํ อาโรปิตา.
โอสานคาถาย เอวํ กโรนฺตีติ ยถา มยา ปุริมตฺตภาเว เอตรหิ จ กตํ ปฏิปนฺนํ, เอวํ อฺเปิ กโรนฺติ ปฏิปชฺชนฺติ. เก เอวํ กโรนฺตีติ อาห – ‘‘เย สทฺทหนฺติ วจนํ อโนมปฺสฺสา’’ติ, เยฺยปริยนฺติกาณตาย ปริปุณฺณปฺสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส วจนํ เย ปุคฺคลา สทฺทหนฺติ ‘‘เอวเมต’’นฺติ โอกปฺปนฺติ, เต เอวํ กโรนฺติ ปฏิปชฺชนฺติ. อิทานิ ตาย อุกฺกํสคตาย ¶ ปฏิปตฺติยา ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘นิพฺพินฺทนฺติ ภวคเต, นิพฺพินฺทิตฺวา วิรชฺชนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ตสฺสตฺโถ – เย ภควโต วจนํ ยาถาวโต สทฺทหนฺติ, เต วิสุทฺธิปฏิปทํ ปฏิปชฺชนฺตา สพฺพสฺมึ ภวคเต เตภูมเก สงฺขาเร วิปสฺสนาปฺาย นิพฺพินฺทนฺติ, นิพฺพินฺทิตฺวา จ ปน อริยมคฺเคน สพฺพโส วิรชฺชนฺติ, สพฺพสฺมาปิ ภวคตา วิมุจฺจนฺตีติ อตฺโถ. วิราเค อริยมคฺเค อธิคเต วิมุตฺตาเยว โหนฺตีติ.
เอวเมตา เถริกาทโย สุเมธาปริโยสานา คาถาสภาเคน อิธ เอกชฺฌํ สงฺคหํ อารูฬฺหา ‘‘ติสตฺตติปริมาณา’’ติ. ภาณวารโต ปน ทฺวาธิกา ฉสตมตฺตา เถริโย คาถา จ. ตา สพฺพาปิ ยถา สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาวิกาภาเวน เอกวิธา, ตถา อเสขภาเวน อุกฺขิตฺตปลิฆตาย สํกิณฺณปริกฺขตาย อพฺพูฬฺเหสิกตาย นิรคฺคลตาย ปนฺนภารตาย วิสฺุตฺตตาย ทสสุ อริยวาเสสุ วุฏฺวาสตาย จ, ตถา หิ ตา ปฺจงฺควิปฺปหีนา ฉฬงฺคสมนฺนาคตา เอการกฺขา ¶ จตุราปสฺเสนา ¶ ปณุนฺนปจฺเจกสจฺจา สมวยสฏฺเสนา อนาวิลสงฺกปฺปา ปสฺสทฺธกายสงฺขารา สุวิมุตฺตจิตฺตา สุวิมุตฺตปฺา จาติ เอวมาทินา (ที. นิ. ๓.๓๖๐) นเยน เอกวิธา.
สมฺมุขาปรมฺมุขาเภทโต ทุวิธา. ยา หิ สตฺถุธรมานกาเล อริยาย ชาติยา ชาตา มหาปชาปติโคตมิอาทโย, ตา สมฺมุขาสาวิกา นาม. ยา ปน ภควโต ขนฺธปรินิพฺพานโต ปจฺฉา อธิคตวิเสสา, ตา สติปิ สตฺถุธมฺมสรีรสฺส ปจฺจกฺขภาเว สตฺถุสรีรสฺส อปจฺจกฺขภาวโต ปรมฺมุขาสาวิกา นาม. ตถา อุภโตภาควิมุตฺติปฺาวิมุตฺติตาวเสน. อิธ ปาฬิยาคตา ปน อุภโตภาควิมุตฺตาเยว. ตถา สาปทานนาปทานเภทโต. ยาสฺหิ ปุริเมสุ สมฺมาสมฺพุทฺเธสุ ปจฺเจกพุทฺเธสุ สาวกพุทฺเธสุ วา ปฺุกิริยาวเสน กตาธิการตาสงฺขาตํ อตฺถิ อปทานํ, ตา สาปทานา. ยาสํ ตํ นตฺถิ, ตา นาปทานา. ตถา สตฺถุลทฺธูปสมฺปทา สงฺฆโต ลทฺธูปสมฺปทาติ ทุวิธา. ครุธมฺมปฏิคฺคหณมฺหิ ลทฺธูปสมฺปทา มหาปชาปติโคตมี สตฺถุสนฺติกาว ลทฺธูปสมฺปทตฺตา สตฺถุลทฺธูปสมฺปทา นาม. เสสา สพฺพาปิ สงฺฆโต ลทฺธูปสมฺปทา. ตาปิ เอกโตอุปสมฺปนฺนา อุภโตอุปสมฺปนฺนาติ ทุวิธา. ตตฺถ ยา ตา มหาปชาปติโคตมิยา สทฺธึ นิกฺขนฺตา ปฺจสตา สากิยานิโย, ตา เอกโตอุปสมฺปนฺนา ภิกฺขุสงฺฆโต เอว ลทฺธูปสมฺปทตฺตา มหาปชาปติโคตมึ เปตฺวา. อิตรา อุภโตอุปสมฺปนฺนา อุภโตสงฺเฆ อุปสมฺปทตฺตา.
เอหิภิกฺขุทุโก ¶ วิย เอหิภิกฺขุนิทุโก อิธ น ลพฺภติ. กสฺมา? ภิกฺขุนีนํ ตถา อุปสมฺปทาย อภาวโต. ยทิ เอวํ ยํ ตํ เถริคาถาย สุภทฺทาย กุณฺฑลเกสาย วุตฺตํ –
‘‘นิหจฺจ ชาณุํ วนฺทิตฺวา, สมฺมุขา อฺชลึ อกํ;
เอหิ ภทฺเทติ มํ อวจ, สา เม อาสูปสมฺปทา’’ติ. (เถรีคา. ๑๐๙);
ตถา อปทาเนปิ –
‘‘อายาจิโต ตทา อาห, เอหิ ภทฺเทติ นายโก;
ตทาหํ อุปสมฺปนฺนา, ปริตฺตํ โตยมทฺทส’’นฺติ. (อป. เถรี ๒.๓.๔๔);
ตํ ¶ กถนฺติ? นยิทํ เอหิภิกฺขุนิภาเวน ¶ อุปสมฺปทํ สนฺธาย วุตฺตํ. อุปสมฺปทาย ปน เหตุภาวโต ยา สตฺถุ อาณตฺติ, สา เม อาสูปสมฺปทาติ วุตฺตํ.
ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘เอหิ, ภทฺเท, ภิกฺขุนุปสฺสยํ คนฺตฺวา ภิกฺขุนีนํ สนฺติเก ปพฺพชฺช อุปสมฺปชฺชสฺสูติ มํ อโวจ อาณาเปสิ. สา สตฺถุ อาณา มยฺหํ อุปสมฺปทาย การณตฺตา อุปสมฺปทา อโหสี’’ติ. เอเตเนว อปทานคาถายปิ อตฺโถ สํวณฺณิโตติ ทฏฺพฺโพ.
เอวมฺปิ ภิกฺขุนิวิภงฺเค เอหิ ภิกฺขุนีติ อิทํ กถนฺติ? เอหิภิกฺขุนิภาเวน ภิกฺขุนีนํ อุปสมฺปทาย อสภาวโชตนวจนํ ตถา อุปสมฺปทาย ภิกฺขุนีนํ อภาวโต. ยทิ เอวํ, กถํ เอหิภิกฺขุนีติ วิภงฺเค นิทฺเทโส กโตติ? เทสนานยโสตปติตภาเวน. อยฺหิ โสตปติตตา นาม กตฺถจิ ลพฺภมานสฺสาปิ อนาหฏํ โหติ.
ยถา อภิธมฺเม มโนธาตุนิทฺเทเส (ธ. ส. ๕๖๖-๕๖๗) ลพฺภมานมฺปิ ฌานงฺคํ ปฺจวิฺาณโสตปติตตาย น อุทฺธฏํ กตฺถจิ เทสนาย อสมฺภวโต. ยถา ตตฺเถว วตฺถุนิทฺเทเส หทยวตฺถุ, กตฺถจิ อลพฺภมานสฺสาปิ คหณวเสน. ตถา ิตกปฺปินิทฺเทเส. ยถาห –
‘‘กตโม จ ปุคฺคโล ิตกปฺปี? อยฺจ ปุคฺคโล โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺโน ¶ อสฺส, กปฺปสฺส จ อุฑฺฑยฺหนเวลา อสฺส, เนว ตาว กปฺโป อุฑฺฑยฺเหยฺย, ยาวายํ ปุคฺคโล น โสตาปตฺติผลํ สจฺฉิกโรตี’’ติ (ปุ. ป. ๑๗).
เอวมิธาปิ อลพฺภมานคหณวเสน เวทิตพฺพํ, ปริกปฺปวจนฺเหตํ สเจ ภควา ภิกฺขุนิภาวโยคฺยํ กฺจิ มาตุคามํ เอหิ ภิกฺขุนีติ วเทยฺย, เอวมฺปิ ภิกฺขุนิภาโว สิยาติ. กสฺมา ปน ภควา เอวํ น กเถสีติ? ตถา กตาธิการานํ อภาวโต. เย ปน ‘‘อนาสนฺนสนฺนิหิตภาวโต’’ติ การณํ วตฺวา ‘‘ภิกฺขู เอว หิ สตฺถุ อาสนฺนจารี สทา สนฺนิหิตาว, ตสฺมา เต ‘เอหิภิกฺขู’ติ วตฺตพฺพตํ อรหนฺติ, น ภิกฺขุนิโย’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ. สตฺถุ อาสนฺนทูรภาวสฺส ภพฺพาภพฺพภาวาสิทฺธตฺตา. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘สงฺฆาฏิกณฺเณ ¶ เจปิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ คเหตฺวา ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺโธ อสฺส ปเท ปทํ นิกฺขิปนฺโต, โส จ โหติ อภิชฺฌาลุ กาเมสุ ติพฺพสาราโค พฺยาปนฺนจิตฺโต ปทุฏฺมนสงฺกปฺโป มุฏฺสฺสติ อสมฺปชาโน อสมาหิโต วิพฺภนฺตจิตฺโต ปากตินฺทฺริโย ¶ , อถ โข โส อารกาว มยฺหํ, อหฺจ ตสฺส. ตํ กิสฺส เหตุ? ธมฺมฺหิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น ปสฺสติ, ธมฺมํ อปสฺสนฺโต น มํ ปสฺสติ.
‘‘โยชนสเต เจปิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิหเรยฺย. โส จ โหติ อนภิชฺฌาลุ กาเมสุ น ติพฺพสาราโค อพฺยาปนฺนจิตฺโต อปฺปทุฏฺมนสงฺกปฺโป อุปฏฺิตสฺสติ สมฺปชาโน สมาหิโต เอกคฺคจิตฺโต สํวุตินฺทฺริโย, อถ โข โส สนฺติเกว มยฺหํ, อหฺจ ตสฺส. ตํ กิสฺส เหตุ? ธมฺมฺหิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปสฺสติ, ธมฺมํ ปสฺสนฺโต มํ ปสฺสตี’’ติ (อิติวุ. ๙๒).
ตสฺมา อการณํ เทสโต สตฺถุ อาสนฺนานาสนฺนตา. อกตาธิการตาย ปน ภิกฺขุนีนํ ตตฺถ อโยคฺยตา. เตน วุตฺตํ – ‘‘เอหิภิกฺขุนิทุโก อิธ น ลพฺภตี’’ติ. เอวํ ทุวิธา.
อคฺคสาวิกา, มหาสาวิกา, ปกติสาวิกาติ ติวิธา. ตตฺถ เขมา, อุปฺปลวณฺณาติ อิมา ทฺเว เถริโย อคฺคสาวิกา นาม. กามํ สพฺพาปิ ขีณาสวตฺเถริโย สีลสุทฺธิอาทิเก สมฺปาเทนฺติโย จตูสุ สติปฏฺาเนสุ สุปฏฺิตจิตฺตา สตฺตโพชฺฌงฺเค ยถาภูตํ ภาเวตฺวา มคฺคปฏิปาฏิยา อนวเสสโต กิเลเส เขเปตฺวา อคฺคผเล ปติฏฺหนฺติ. ตถาปิ ยถา สทฺธาวิมุตฺตโต ¶ ทิฏฺิปฺปตฺตสฺส ปฺาวิมุตฺตโต จ อุภโตภาควิมุตฺตสฺส ปุพฺพภาคภาวนาวิเสสสิทฺโธ อิจฺฉิโต วิเสโส, เอวํ อภินีหารมหนฺตตาปุพฺพโยคมหนฺตตาหิสสนฺตาเน สาติสยคุณวิเสสสฺส นิปฺผาทิตตฺตา สีลาทีหิ คุเณหิ มหนฺตา สาวิกาติ มหาสาวิกา. เตสุเยว ปน โพธิปกฺขิยธมฺเมสุ ปาโมกฺขภาเวน ธุรภูตานํ สมฺมาทิฏฺิสมฺมาสมาธีนํ สาติสยกิจฺจานุภาวนิพฺพตฺติยา การณภูตาย ตชฺชาภินีหารตาย สกฺกจฺจํ นิรนฺตรํ จิรกาลสมฺภูตาย สมฺมาปฏิปตฺติยา ยถากฺกมํ ปฺาย สมาธิมฺหิ จ อุกฺกํสปารมิปฺปตฺติยา สวิเสสํ ¶ สพฺพคุเณหิ อคฺคภาเว ิตตฺตา ตา ทฺเวปิ อคฺคสาวิกา นาม. มหาปชาปติโคตมิอาทโย ปน อภินีหารมหนฺตตาย ปุพฺพโยคมหนฺตตาย จ ปฏิลทฺธคุณวิเสสวเสน มหติโย สาวิกาติ มหาสาวิกา นาม. อิตรา เถริกา ติสฺสา วีรา ธีราติ เอวมาทิกา อภินีหารมหนฺตตาทีนํ อภาเวน ปกติสาวิกา นาม. ตา ปน อคฺคสาวิกา วิย มหาสาวิกา วิย จ น ปริมิตา, อถ โข อเนกสตานิ อเนกสหสฺสานิ เวทิตพฺพานิ. เอวํ ¶ อคฺคสาวิกาทิเภทโต ติวิธา. ตถา สฺุตวิโมกฺขาทิเภทโต ติวิธา.
ปฏิปทาทิวิภาเคน จตุพฺพิธา. อินฺทฺริยาธิกวิภาเคน ปฺจวิธา. ตถา ปฏิปตฺติยาทิวิภาเคน ปฺจวิธา. อนิมิตฺตวิมุตฺตาทิวเสน ฉพฺพิธา. อธิมุตฺติเภเทน สตฺตวิธา. ธุรปฏิปทาทิวิภาเคน อฏฺวิธา. วิมุตฺติวิภาเคน นววิธา ทสวิธา จ. ตา ปเนตา ยถาวุตฺเตน ธุรเภเทน วิภชฺชมานา วีสติ โหนฺติ, ปฏิปทาวิภาเคน วิภชฺชมานา จตฺตาลีส โหนฺติ. ปุน ปฏิปทาเภเทน ธุรเภเทน วิภชฺชมานา อสีติ โหนฺติ. อถ วา สฺุตาวิมุตฺตาทิวิภาเคน วิภชฺชมานา จตฺตาลีสาธิกานิ ทฺเวสตานิ โหนฺติ. ปุน อินฺทฺริยาธิกวิภาเคน วิภชฺชมานา ทฺวิสตุตฺตรสหสฺสํ โหนฺตีติ. เอวเมตาสํ เถรีนํ อตฺตโน คุณวเสเนว อเนกเภทภินฺนตา เวทิตพฺพา. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน เหฏฺา เถรคาถาสํวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว คเหตพฺโพติ.
สุเมธาเถรีคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
มหานิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิคมนคาถา
‘‘เย เต สมฺปนฺนสทฺธมฺมา, ธมฺมราชสฺส สตฺถุโน;
โอรสา มุขชา ปุตฺตา, ทายาทา ธมฺมนิมฺมิตา.
‘‘สีลาทิคุณสมฺปนฺนา, กตกิจฺจา อนาสวา;
สุภูติอาทโย เถรา, เถริโย เถริกาทโย.
‘‘เตหิ ยา ภาสิตา คาถา, อฺพฺยากรณาทินา;
ตา สพฺพา เอกโต กตฺวา, เถรคาถาติ สงฺคหํ.
‘‘อาโรเปสุํ มหาเถรา, เถรีคาถาติ ตาทิโน;
ตาสํ อตฺถํ ปกาเสตุํ, โปราณฏฺกถานยํ.
‘‘นิสฺสาย ยา สมารทฺธา, อตฺถสํวณฺณนา มยา;
สา ตตฺถ ปรมตฺถานํ, ตตฺถ ตตฺถ ยถารหํ.
‘‘ปกาสนา ปรมตฺถทีปนี, นาม นามโต;
สมฺปตฺตา ปรินิฏฺานํ, อนากุลวินิจฺฉยา;
ทฺวานวุติปริมาณา, ปาฬิยา ภาณวารโต.
‘‘อิติ ตํ สงฺขโรนฺเตน, ยํ ตํ อธิคตํ มยา;
ปฺุํ ตสฺสานุภาเวน, โลกนาถสฺส สาสนํ.
‘‘โอคาเหตฺวา วิสุทฺธาย, สีลาทิปฏิปตฺติยา;
สพฺเพปิ เทหิโน โหนฺตุ, วิมุตฺติรสภาคิโน.
‘‘จิรํ ¶ ติฏฺตุ โลกสฺมึ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาสนํ;
ตสฺมึ สคารวา นิจฺจํ, โหนฺตุ สพฺเพปิ ปาณิโน.
‘‘สมฺมา ¶ วสฺสตุ กาเลน, เทโวปิ ชคตีปติ;
สทฺธมฺมนิรโต โลกํ, ธมฺเมเนว ปสาสตู’’ติ.
พทรติตฺถวิหารวาสินา อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน
กตา
เถรีคาถานํ อตฺถสํวณฺณนา นิฏฺิตา.
เถรีคาถา-อฏฺกถา นิฏฺิตา.