📜

๓. ติกนิปาโต

๑. อปราสามาเถรีคาถาวณฺณนา

ติกนิปาเต ปณฺณวีสติวสฺสานีติอาทิกา อปราย สามาย เถริยา คาถา. อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิการา ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺตี วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล จนฺทภาคาย นทิยา ตีเร กินฺนรโยนิยํ นิพฺพตฺติ. สา ตตฺถ กินฺนเรหิ สทฺธึ กีฬาปสุตา วิจรติ. อเถกทิวสํ สตฺถา ตสฺสา กุสลพีชโรปนตฺถํ ตตฺถ คนฺตฺวา นทีตีเร จงฺกมิ. สา ภควนฺตํ ทิสฺวา หฏฺตุฏฺา สฬลปุปฺผานิ อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เตหิ ปุปฺเผหิ ภควนฺตํ ปูเชสิ. สา เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺตี อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โกสมฺพิยํ กุลฆเร นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺตา สามาวติยา สหายิกา หุตฺวา ตสฺสา มตกาเล สํเวคชาตา ปพฺพชิตฺวา ปฺจวีสติ วสฺสานิ จิตฺตสมาธานํ อลภิตฺวา มหลฺลิกากาเล สุคโตวาทํ ลภิตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถรี ๒.๒.๒๒-๒๙) –

‘‘จนฺทภาคานทีตีเร, อโหสึ กินฺนรี ตทา;

อทฺทสาหํ เทวเทวํ, จงฺกมนฺตํ นราสภํ.

‘‘โอจินิตฺวาน สฬลํ, พุทฺธเสฏฺสฺสทาสหํ;

อุปสิงฺฆิ มหาวีโร, สฬลํ เทวคนฺธิกํ.

‘‘ปฏิคฺคเหตฺวา สมฺพุทฺโธ, วิปสฺสี โลกนายโก;

อุปสิงฺฆิ มหาวีโร, เปกฺขมานาย เม ตทา.

‘‘อฺชลึ ปคฺคเหตฺวาน, วนฺทิตฺวา ทฺวิปทุตฺตมํ;

สกํ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, ตโต ปพฺพตมารุหึ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อุทานวเสน –

๓๙.

‘‘ปณฺณวีสติ วสฺสานิ, ยโต ปพฺพชิตาย เม;

นาภิชานามิ จิตฺตสฺส, สมํ ลทฺธํ กุทาจนํ.

๔๐.

‘‘อลทฺธา เจตโส สนฺตึ, จิตฺเต อวสวตฺตินี;

ตโต สํเวคมาปาทึ, สริตฺวา ชินสาสนํ.

๔๑.

‘‘พหูหิ ทุกฺขธมฺเมหิ, อปฺปมาทรตาย เม;

ตณฺหกฺขโย อนุปฺปตฺโต, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํ;

อชฺช เม สตฺตมี รตฺติ, ยโต ตณฺหา วิโสสิตา’’ติ. –

อิมา คาถา อภาสิ.

ตตฺถ จิตฺตสฺส สมนฺติ จิตฺตสฺส วูปสมํ, เจโตสมถมคฺคผลสมาธีติ อตฺโถ.

ตโตติ ตสฺมา จิตฺตวสํ วตฺเตตุํ อสมตฺถภาวโต. สํเวคมาปาทินฺติ สตฺถริ ธรนฺเตปิ ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกํ ปาเปตุํ อสกฺโกนฺตี ปจฺฉา กถํ ปาปยิสฺสามีติ สํเวคํ าณุตฺราสํ อาปชฺชึ. สริตฺวา ชินสาสนนฺติ กาณกจฺฉโปปมาทิสตฺถุโอวาทํ (สํ. นิ. ๕.๑๑๑๗; ม. นิ. ๓.๒๕๒) อนุสฺสริตฺวา. เสสํ วุตฺตนยเมว.

อปราสามาเถรีคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. อุตฺตมาเถรีคาถาวณฺณนา

จตุกฺขตฺตุํ ปฺจกฺขตฺตุนฺติอาทิกา อุตฺตมาย เถริยา คาถา. อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิการา ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺตี วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล พนฺธุมตีนคเร อฺตรสฺส กุฏุมฺพิกสฺส เคเห ฆรทาสี หุตฺวา นิพฺพตฺติ. สา วยปฺปตฺตา อตฺตโน อยฺยกานํ เวยฺยาวจฺจํ กโรนฺตี ชีวติ. เตน จ สมเยน พนฺธุมราชา ปุณฺณมีทิวเส อุโปสถิโก หุตฺวา ปุเรภตฺตํ ทานานิ ทตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณาติ. อถ มหาชนา ยถา ราชา ปฏิปชฺชติ, ตเถว ปุณฺณมีทิวเส อุโปสถงฺคานิ สมาทาย วตฺตนฺติ. อถสฺสา ทาสิยา เอตทโหสิ – ‘‘เอตรหิ โข มหาราชา มหาชนา จ อุโปสถงฺคานิ สมาทาย วตฺตนฺติ, ยํนูนาหํ อุโปสถทิวเสสุ อุโปสถสีลํ สมาทาย วตฺเตยฺย’’นฺติ. สา ตถา กโรนฺตี สุปริสุทฺธํ อุโปสถสีลํ รกฺขิตฺวา ตาวตึเสสุ นิพฺพตฺตา อปราปรํ สุคตีสุเยว สํสรนฺตี อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺวา ปฏาจาราย เถริยา สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา ตํ มตฺถกํ ปาเปตุํ นาสกฺขิ. ปฏาจารา เถรี ตสฺสา จิตฺตาจารํ ตฺวา โอวาทมทาสิ. สา ตสฺสา โอวาเท ตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถรี ๒.๒.๑-๒๑) –

‘‘นคเร พนฺธุมติยา, พนฺธุมา นาม ขตฺติโย;

ทิวเส ปุณฺณมาย โส, อุปวสิ อุโปสถํ.

‘‘อหํ เตน สมเยน, กุมฺภทาสี อหํ ตหึ;

ทิสฺวา สราชกํ เสนํ, เอวาหํ จินฺตยึ ตทา.

‘‘ราชาปิ รชฺชํ ฉฑฺเฑตฺวา, อุปวสิ อุโปสถํ;

สผลํ นูน ตํ กมฺมํ, ชนกาโย ปโมทิโต.

‘‘โยนิโส ปจฺจเวกฺขิตฺวา, ทุคฺคจฺจฺจ ทลิทฺทตํ;

มานสํ สมฺปหํสิตฺวา, อุปวสึ อุโปสถํ.

‘‘อหํ อุโปสถํ กตฺวา, สมฺมาสมฺพุทฺธสาสเน;

เตน กมฺเมน สุกเตน, ตาวตึสมคจฺฉหํ.

‘‘ตตฺถ เม สุกตํ พฺยมฺหํ, อุพฺภโยชนมุคฺคตํ;

กูฏาคารวรูเปตํ, มหาสนสุภูสิตํ.

‘‘อจฺฉรา สตสหสฺสา, อุปติฏฺนฺติ มํ สทา;

อฺเ เทเว อติกฺกมฺม, อติโรจามิ สพฺพทา.

‘‘จตุสฏฺิเทวราชูนํ, มเหสิตฺตมการยึ;

เตสฏฺิจกฺกวตฺตีนํ, มเหสิตฺตมการยึ.

‘‘สุวณฺณวณฺณา หุตฺวาน, ภเวสุ สํสรามหํ;

สพฺพตฺถ ปวรา โหมิ, อุโปสถสฺสิทํ ผลํ.

‘‘หตฺถิยานํ อสฺสยานํ, รถยานฺจ สีวิกํ;

ลภามิ สพฺพเมเวตํ, อุโปสถสฺสิทํ ผลํ.

‘‘โสณฺณมยํ รูปิมยํ, อโถปิ ผลิกามยํ;

โลหิตงฺคมยฺเจว, สพฺพํ ปฏิลภามหํ.

‘‘โกเสยฺยกมฺพลิยานิ, โขมกปฺปาสิกานิ จ;

มหคฺฆานิ จ วตฺถานิ, สพฺพํ ปฏิลภามหํ.

‘‘อนฺนํ ปานํ ขาทนียํ, วตฺถเสนาสนานิ จ;

สพฺพเมตํ ปฏิลเภ, อุโปสถสฺสิทํ ผลํ.

‘‘วรคนฺธฺจ มาลฺจ, จุณฺณกฺจ วิเลปนํ;

สพฺพเมตํ ปฏิลเภ, อุโปสถสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กูฏาคารฺจ ปาสาทํ, มณฺฑปํ หมฺมิยํ คุหํ;

สพฺพเมตํ ปฏิลเภ, อุโปสถสฺสิทํ ผลํ.

‘‘ชาติยา สตฺตวสฺสาหํ, ปพฺพชึ อนคาริยํ;

อฑฺฒมาเส อสมฺปตฺเต, อรหตฺตมปาปุณึ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ, ภวา สพฺเพ สมูหตา;

สพฺพาสวปริกฺขีณา, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, อุโปสถสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อุทานวเสน –

๔๒.

‘‘จตุกฺขตฺตุํ ปฺจกฺขตฺตุํ, วิหารา อุปนิกฺขมึ;

อลทฺธา เจตโส สนฺตึ, จิตฺเต อวสวตฺตินี.

๔๓.

‘‘สา ภิกฺขุนึ อุปาคจฺฉึ, ยา เม สทฺธายิกา อหุ;

สา เม ธมฺมมเทเสสิ, ขนฺธายตนธาตุโย.

๔๔.

‘‘ตสฺสา ธมฺมํ สุณิตฺวาน, ยถา มํ อนุสาสิ สา;

สตฺตาหํ เอกปลฺลงฺเกน, นิสีทึ ปีติสุขสมปฺปิตา;

อฏฺมิยา ปาเท ปสาเรสึ, ตโมขนฺธํ ปทาลิยา’’ติ. –

อิมา คาถา อภาสิ.

ตตฺถ สา ภิกฺขุนึ อุปาคจฺฉึ, ยา เม สทฺธายิกา อหูติ ยา มยา สทฺธาตพฺพา สทฺเธยฺยวจนา อโหสิ, ตํ ภิกฺขุนึ สาหํ อุปคจฺฉึ อุปสงฺกมึ, ปฏาจาราเถรึ สทฺธาย วทติ. ‘‘สา ภิกฺขุนี อุปคจฺฉิ, ยา เม สาธยิกา’’ติปิ ปาโ. สา ปฏาจารา ภิกฺขุนี อนุกมฺปาย มํ อุปคจฺฉิ, ยา มยฺหํ สทตฺถสฺส สาธิกาติ อตฺโถ. สา เม ธมฺมมเทเสสิ, ขนฺธายตนธาตุโยติ สา ปฏาจารา เถรี ‘‘อิเม ปฺจกฺขนฺธา, อิมานิ ทฺวาทสายตนานิ, อิมา อฏฺารส ธาตุโย’’ติ ขนฺธาทิเก วิภชิตฺวา ทสฺเสนฺตี มยฺหํ ธมฺมํ เทเสสิ.

ตสฺสาธมฺมํ สุณิตฺวานาติ ตสฺสา ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺตาย เถริยา สนฺติเก ขนฺธาทิวิภาคปุพฺพงฺคมํ อริยมคฺคํ ปาเปตฺวา เทสิตสณฺหสุขุมวิปสฺสนาธมฺมํ สุตฺวา. ยถา มํ อนุสาสิ สาติ สา เถรี ยถา มํ อนุสาสิ โอวทิ, ตถา ปฏิปชฺชนฺตี ปฏิปตฺตึ มตฺถกํ ปาเปตฺวาปิ สตฺตาหํ เอกปลฺลงฺเกน นิสีทึ. กถํ? ปีติสุขสมปฺปิตาติ ฌานมเยน ปีติสุเขน สมงฺคีภูตา. อฏฺมิยา ปาเท ปสาเรสึ, ตโมขนฺธํ ปทาลิยาติ อนวเสสํ โมหกฺขนฺธํ อคฺคมคฺเคน ปทาเลตฺวา อฏฺเม ทิวเส ปลฺลงฺกํ ภินฺทนฺตี ปาเท ปสาเรสึ. อิทเมว จสฺสา อฺาพฺยากรณํ อโหสิ.

อุตฺตมาเถรีคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. อปรา อุตฺตมาเถรีคาถาวณฺณนา

เย อิเม สตฺต โพชฺฌงฺคาติอาทิกา อปราย อุตฺตมาย เถริยา คาถา. อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิการา ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺตี วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล พนฺธุมตีนคเร กุลทาสี หุตฺวา นิพฺพตฺติ. สา เอกทิวสํ สตฺถุ สาวกํ เอกํ ขีณาสวตฺเถรํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานสา ตีณิ โมทกานิ อทาสิ. สา เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺตี อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โกสลชนปเท อฺตรสฺมึ พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺตา ชนปทจาริกํ จรนฺตสฺส สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺธา ปพฺพชิตฺวา นจิรสฺเสว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถรี ๒.๒.๓๐-๓๖) –

‘‘นคเร พนฺธุมติยา, กุมฺภทาสี อโหสหํ;

มม ภาคํ คเหตฺวาน, คจฺฉํ อุทกหาริกา.

‘‘ปนฺถมฺหิ สมณํ ทิสฺวา, สนฺตจิตฺตํ สมาหิตํ;

ปสนฺนจิตฺตา สุมนา, โมทเก ตีณิทาสหํ.

‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

เอกนวุติกปฺปานิ, วินิปาตํ น คจฺฉหํ.

‘‘สมฺปตฺติ ตํ กริตฺวาน, สพฺพํ อนุภวึ อหํ;

โมทเก ตีณิ ทตฺวาน, ปตฺตาหํ อจลํ ปทํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อุทานวเสน –

๔๕.

‘‘เย อิเม สตฺต โพชฺฌงฺคา, มคฺคา นิพฺพานปตฺติยา;

ภาวิตา เต มยา สพฺเพ, ยถา พุทฺเธน เทสิตา.

๔๖.

‘‘สุฺตสฺสานิมิตฺตสฺส, ลาภินีหํ ยทิจฺฉกํ;

โอรสา ธีตา พุทฺธสฺส, นิพฺพานาภิรตา สทา.

๔๗.

‘‘สพฺเพ กามา สมุจฺฉินฺนา, เย ทิพฺพา เย จ มานุสา;

วิกฺขีโณ ชาติสํสาโร, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ. –

อิมา คาถา อภาสิ.

ตตฺถ สุฺตสฺสานิมิตฺตสฺส, ลาภินีหํ ยทิจฺฉกนฺติ สุฺตสมาปตฺติยา จ อนิมิตฺตสมาปตฺติยา จ อหํ ยทิจฺฉกํ ลาภินี, ตตฺถ ยํ ยํ สมาปชฺชิตุํ อิจฺฉามิ ยตฺถ ยตฺถ ยทา ยทา, ตํ ตํ ตตฺถ ตตฺถ ตทา ตทา สมาปชฺชิตฺวา วิหรามีติ อตฺโถ. ยทิปิ หิ สุฺตาปฺปณิหิตาทินามกสฺส ยสฺส กสฺสจิปิ มคฺคสฺส สุฺตาทิเภทํ ติวิธมฺปิ ผลํ สมฺภวติ. อยํ ปน เถรี สุฺตานิมิตฺตสมาปตฺติโยว สมาปชฺชติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สุฺตสฺสานิมิตฺตสฺส, ลาภินีหํ ยทิจฺฉก’’นฺติ. เยภุยฺยวเสน วา เอตํ วุตฺตํ. นิทสฺสนมตฺตเมตนฺติ อปเร.

เย ทิพฺพา เย จ มานุสาติ เย เทวโลกปริยาปนฺนา เย จ มนุสฺสโลกปริยาปนฺนา วตฺถุกามา, เต สพฺเพปิ ตปฺปฏิพทฺธฉนฺทราคปฺปหาเนน มยา สมฺมเทว อุจฺฉินฺนา, อปริโภคารหา กตา . วุตฺตฺหิ – ‘‘อภพฺโพ, อาวุโส, ขีณาสโว ภิกฺขุ กาเม ปริภุฺชิตุํ. เสยฺยถาปิ ปุพฺเพ อคาริยภูโต’’ติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

อปรา อุตฺตมาเถรีคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. ทนฺติกาเถรีคาถาวณฺณนา

ทิวาวิหารา นิกฺขมฺมาติอาทิกา ทนฺติกาย เถริยา คาถา. อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิการา ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺตี พุทฺธสุฺกาเล จนฺทภาคาย นทิยา ตีเร กินฺนรโยนิยํ นิพฺพตฺติ. สา เอกทิวสํ กินฺนเรหิ สทฺธึ กีฬนฺตี วิจรมานา อทฺทส อฺตรํ ปจฺเจกพุทฺธํ อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสินฺนํ. ทิสฺวาน ปสนฺนมานสา อุปสงฺกมิตฺวา สาลปุปฺเผหิ ปูชํ กตฺวา วนฺทิตฺวา ปกฺกามิ. สา เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺตี อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ โกสลรฺโ ปุโรหิตพฺราหฺมณสฺส เคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺวา เชตวนปฏิคฺคหเณ ปฏิลทฺธสทฺธา อุปาสิกา หุตฺวา ปจฺฉา มหาปชาปติโคตมิยา สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ราชคเห วสมานา เอกทิวสํ ปจฺฉาภตฺตํ คิชฺฌกูฏํ อภิรุหิตฺวา ทิวาวิหารํ นิสินฺนา หตฺถาโรหกสฺส อภิรุหนตฺถาย ปาทํ ปสาเรนฺตํ หตฺถึ ทิสฺวา ตเทว อารมฺมณํ กตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถรี ๒.๒.๘๖-๙๖) –

‘‘จนฺทภาคานทีตีเร , อโหสึ กินฺนรี ตทา;

อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, สยมฺภุํ อปราชิตํ.

‘‘ปสนฺนจิตฺตา สุมนา, เวทชาตา กตฺชลี;

สาลมาลํ คเหตฺวาน, สยมฺภุํ อภิปูชยึ.

‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

ชหิตฺวา กินฺนรีเทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.

‘‘ฉตฺตึสเทวราชูนํ, มเหสิตฺตมการยึ;

มนสา ปตฺถิตํ มยฺหํ, นิพฺพตฺตติ ยถิจฺฉิตํ.

‘‘ทสนฺนํ จกฺกวตฺตีนํ, มเหสิตฺตมการยึ;

โอจิตตฺตาว หุตฺวาน, สํสรามิ ภเวสฺวหํ.

‘‘กุสลํ วิชฺชเต มยฺหํ, ปพฺพชึ อนคาริยํ;

ปูชารหา อหํ อชฺช, สกฺยปุตฺตสฺส สาสเน.

‘‘วิสุทฺธมนสา อชฺช, อเปตมนปาปิกา;

สพฺพาสวปริกฺขีณา, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ พุทฺธมภิปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, สาลมาลายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปีติโสมนสฺสชาตา อุทานวเสน –

๔๘.

‘‘ทิวาวิหารา นิกฺขมฺม, คิชฺฌกูฏมฺหิ ปพฺพเต;

นาคํ โอคาหมุตฺติณฺณํ, นทีตีรมฺหิ อทฺทสํ.

๔๙.

‘‘ปุริโส องฺกุสมาทาย, ‘เทหิ ปาท’นฺติ ยาจติ;

นาโค ปสารยี ปาทํ, ปุริโส นาคมารุหิ.

๕๐.

‘‘ทิสฺวา อทนฺตํ ทมิตํ, มนุสฺสานํ วสํ คตํ;

ตโต จิตฺตํ สมาเธสึ, ขลุ ตาย วนํ คตา’’ติ. – อิมา คาถา อภาสิ;

ตตฺถ นาคํ โอคาหมุตฺติณฺณนฺติ หตฺถินาคํ นทิยํ โอคาหํ กตฺวา โอคยฺห ตโต อุตฺติณฺณํ. ‘‘โอคยฺห มุตฺติณฺณ’’นฺติ วา ปาโ. ม-กาโร ปทสนฺธิกโร. นทีตีรมฺหิ อทฺทสนฺติ จนฺทภาคาย นทิยา ตีเร อปสฺสึ.

กึ กโรนฺตนฺติ เจตํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ ‘‘ปุริโส’’ติอาทิ. ตตฺถ ‘เทหิ ปาท’นฺติ ยาจตีติ ‘‘ปาทํ เทหิ’’อิติ ปิฏฺิอาโรหนตฺถํ ปาทํ ปสาเรตุํ สฺํ เทติ, ยถาปริจิตฺหิ สฺํ เทนฺโต อิธ ยาจตีติ วุตฺโต.

ทิสฺวา อทนฺตํ ทมิตนฺติ ปกติยา ปุพฺเพ อทนฺตํ อิทานิ หตฺถาจริเยน หตฺถิสิกฺขาย ทมิตทมถํ อุปคมิตํ. กีทิสํ ทมิตํ? มนุสฺสานํ วสํ คตํ ยํ ยํ มนุสฺสา อาณาเปนฺติ, ตํ ตํ ทิสฺวาติ โยชนา. ตโตจิตฺตํ สมาเธสึ, ขลุ ตาย วนํ คตาติ ขลูติ อวธารณตฺเถ นิปาโต. ตโต หตฺถิทสฺสนโต ปจฺฉา, ตาย หตฺถิโน กิริยาย เหตุภูตาย, วนํ อรฺํ คตา จิตฺตํ สมาเธสึเยว. กถํ? ‘‘อยมฺปิ นาม ติรจฺฉานคโต หตฺถี หตฺถิทมกสฺส วเสน ทมถํ คโต, กสฺมา มนุสฺสภูตาย จิตฺตํ ปุริสทมกสฺส สตฺถุ วเสน ทมถํ น คมิสฺสตี’’ติ สํเวคชาตา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อคฺคมคฺคสมาธินา มม จิตฺตํ สมาเธสึ อจฺจนฺตสมาธาเนน สพฺพโส กิเลเส เขเปสินฺติ อตฺโถ.

ทนฺติกาเถรีคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. อุพฺพิริเถรีคาถาวณฺณนา

อมฺม, ชีวาติอาทิกา อุพฺพิริยา เถริยา คาถา. อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิการา ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺตี ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺตา เอกทิวสํ มาตาปิตูสุ มงฺคลํ อนุภวิตุํ เคหนฺตรคเตสุ อทุติยา สยํ เคเห โอหีนา อุปกฏฺาย เวลาย ภควโต สาวกํ เอกํ ขีณาสวตฺเถรํ เคหทฺวารสมีเปน คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ภิกฺขํ ทาตุกามา, ‘‘ภนฺเต, อิธ ปวิสถา’’ติ วตฺวา เถเร เคหํ ปวิฏฺเ ปฺจปติฏฺิเตน เถรํ วนฺทิตฺวา โคนกาทีหิ อาสนํ ปฺาเปตฺวา อทาสิ. นิสีทิ เถโร ปฺตฺเต อาสเน. สา ปตฺตํ คเหตฺวา ปิณฺฑปาตสฺส ปูเรตฺวา เถรสฺส หตฺเถ เปสิ. เถโร อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิ. สา เตน ปุฺกมฺเมน ตาวตึเสสุ นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺถ ยาวตายุกํ อุฬารทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา ตโต จุตา สุคตีสุเยว สํสรนฺตี อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ คหปติมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา อุพฺพิรีติ ลทฺธนามา อภิรูปา ทสฺสนียา ปาสาทิกา อโหสิ. สา วยปฺปตฺตกาเล โกสลรฺา อตฺตโน เคหํ นีตา, กติปยสํวจฺฉราติกฺกเมน เอกํ ธีตรํ ลภิ. ตสฺสา ชีวนฺตีติ นามํ อกํสุ . ราชา ตสฺสา ธีตรํ ทิสฺวา ตุฏฺมานโส อุพฺพิริยา อภิเสกํ อทาสิ. ธีตา ปนสฺสา อาธาวิตฺวา ปริธาวิตฺวา วิจรณกาเล กาลมกาสิ. มาตา ยตฺถ ตสฺสา สรีรนิกฺเขโป กโต, ตํ สุสานํ คนฺตฺวา ทิวเส ทิวเส ปริเทวติ. เอกทิวสํ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา โถกํ นิสีทิตฺวา คตา อจิรวตีนทิยา ตีเร ตฺวา ธีตรํ อารพฺภ ปริเทวติ. ตํ ทิสฺวา สตฺถา คนฺธกุฏิยํ ยถานิสินฺโนว อตฺตานํ ทสฺเสตฺวา ‘‘กสฺมา วิปฺปลปสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘มม ธีตรํ อารพฺภ วิปฺปลปามิ, ภควา’’ติ. ‘‘อิมสฺมึ สุสาเน ฌาปิตา ตว ธีตโร จตุราสีติสหสฺสมตฺตา, ตาสํ กตร สนฺธาย วิปฺปลปสี’’ติ. ตาสํ ตํ ตํ อาฬาหนฏฺานํ ทสฺเสตฺวา –

๕๑.

‘‘อมฺม ชีวาติ วนมฺหิ กนฺทสิ, อตฺตานํ อธิคจฺฉ อุพฺพิริ;

จุลฺลาสีติสหสฺสานิ, สพฺพา ชีวสนามิกา;

เอตมฺหาฬาหเน ทฑฺฒา, ตาสํ กมนุโสจสี’’ติ. – สอุปฑฺฒคาถมาห;

ตตฺถ, อมฺม, ชีวาติ มาตุปจารนาเมน ธีตุยา อาลปนํ, อิทฺจสฺสา วิปฺปลปนาการทสฺสนํ. วนมฺหิ กนฺทสีติ วนมชฺเฌ ปริเทวสิ. อตฺตานํ อธิคจฺฉ อุพฺพิรีติ อุพฺพิริ ตว อตฺตานเมว ตาว พุชฺฌสฺสุ ยาถาวโต ชานาหิ. จุลฺลาสีติสหสฺสานีติ จตุราสีติสหสฺสานิ. สพฺพา ชีวสนามิกาติ ตา สพฺพาปิ ชีวนฺติ, ยา สมานนามิกา. เอตมฺหาฬาหเน ทฑฺฒาติ เอตมฺหิ สุสาเน ฌาปิตา. ตาสํ กมนุโสจสีติ ตาสุ ชีวนฺตีนามาสุ จตุราสีติสหสฺสมตฺตาสุ กํ สนฺธาย ตฺวํ อนุโสจสิ อนุโสกํ อาปชฺชสีติ เอวํ สตฺถารา ธมฺเม เทสิเต เทสนานุสาเรน าณํ เปเสตฺวา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา สตฺถุ เทสนาวิลาเสน อตฺตโน จ เหตุสมฺปตฺติยา ยถาาตาว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา มคฺคปฏิปาฏิยา อคฺคผเล อรหตฺเต ปติฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถรี ๒.๒.๓๗-๖๐) –

‘‘นคเร หํสวติยา, อโหสึ พาลิกา ตทา;

มาตา จ เม ปิตา เจว, กมฺมนฺตํ อคมํสุ เต.

‘‘มชฺฌนฺหิกมฺหิ สูริเย, อทฺทสํ สมณํ อหํ;

วีถิยา อนุคจฺฉนฺตํ, อาสนํ ปฺเปสหํ.

‘‘โคนกาวิกติกาหิ, ปฺเปตฺวา มมาสนํ;

ปสนฺนจิตฺตา สุมนา, อิทํ วจนมพฺรวึ.

‘‘สนฺตตฺตา กุถิตา ภูมิ, สูโร มชฺฌนฺหิเก ิโต;

มาลุตา จ น วายนฺติ, กาโล เจเวตฺถ เมหิติ.

‘‘ปฺตฺตมาสนมิทํ, ตวตฺถาย มหามุนิ;

อนุกมฺปํ อุปาทาย, นิสีท มม อาสเน.

‘‘นิสีทิ ตตฺถ สมโณ, สุทนฺโต สุทฺธมานโส;

ตสฺส ปตฺตํ คเหตฺวาน, ยถารนฺธํ อทาสหํ.

‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.

‘‘ตตฺถ เม สุกตํ พฺยมฺหํ, อาสเนน สุนิมฺมิตํ;

สฏฺิโยชนมุพฺเพธํ, ตึสโยชนวิตฺถตํ.

‘‘โสณฺณมยา มณิมยา, อโถปิ ผลิกามยา;

โลหิตงฺคมยา เจว, ปลฺลงฺกา วิวิธา มม.

‘‘ตูลิกาวิกติกาหิ, กฏฺฏิสฺสจิตฺตกาหิ จ;

อุทฺธเอกนฺตโลมี จ, ปลฺลงฺกา เม สุสณฺิตา.

‘‘ยทา อิจฺฉามิ คมนํ, หาสขิฑฺฑสมปฺปิตา;

สห ปลฺลงฺกเสฏฺเน, คจฺฉามิ มม ปตฺถิตํ.

‘‘อสีติเทวราชูนํ, มเหสิตฺตมการยึ;

สตฺตติจกฺกวตฺตีนํ, มเหสิตฺตมการยึ.

‘‘ภวาภเว สํสรนฺตี, มหาโภคํ ลภามหํ;

โภเค เม อูนตา นตฺถิ, เอกาสนสฺสิทํ ผลํ.

‘‘ทุเว ภเว สํสรามิ, เทวตฺเต อถ มานุเส;

อฺเ ภเว น ชานามิ, เอกาสนสฺสิทํ ผลํ.

‘‘ทุเว กุเล ปชายามิ, ขตฺติเย จาปิ พฺราหฺมเณ;

อุจฺจากุลีนา สพฺพตฺถ, เอกาสนสฺสิทํ ผลํ.

‘‘โทมนสฺสํ น ชานามิ, จิตฺตสนฺตาปนํ มม;

เววณฺณิยํ น ชานามิ, เอกาสนสฺสิทํ ผลํ.

‘‘ธาติโย มํ อุปฏฺนฺติ, ขุชฺชา เจลาปิกา พหู;

องฺเกน องฺกํ คจฺฉามิ, เอกาสนสฺสิทํ ผลํ.

‘‘อฺา นฺหาเปนฺติ โภเชนฺติ, อฺา รเมนฺติ มํ สทา;

อฺา คนฺธํ วิลิมฺปนฺติ, เอกาสนสฺสิทํ ผลํ.

‘‘มณฺฑเป รุกฺขมูเล วา, สุฺาคาเร วสนฺติยา;

มม สงฺกปฺปมฺาย, ปลฺลงฺโก อุปติฏฺติ.

‘‘อยํ ปจฺฉิมโก มยฺหํ, จริโม วตฺตเต ภโว;

อชฺชาปิ รชฺชํ ฉฑฺเฑตฺวา, ปพฺพชึ อนคาริยํ.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, ยํ ทานมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, เอกาสนสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺเต ปน ปติฏฺาย อตฺตนา อธิคตวิเสสํ ปกาเสนฺตี –

๕๒.

‘‘อพฺพหี ตว เม สลฺลํ, ทุทฺทสํ หทยสฺสิตํ;

ยํ เม โสกปเรตาย, ธีตุโสกํ พฺยปานุทิ.

๕๓.

‘‘สาชฺช อพฺพูฬฺหสลฺลาหํ, นิจฺฉาตา ปรินิพฺพุตา;

พุทฺธํ ธมฺมฺจ สงฺฆฺจ, อุเปมิ สรณํ มุนิ’’นฺติ. –

อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ.

ตตฺถ อพฺพหี วต เม สลฺลํ, ทุทฺทสํ หทยสฺสิตนฺติ อนุปจิตกุสลสมฺภาเรหิ ยาถาวโต ทุทฺทสํ มม จิตฺตสนฺนิสฺสิตํ ปีฬาชนนโต ทุนฺนีหรณโต อนฺโต ตุทนโต จ ‘‘สลฺล’’นฺติ ลทฺธนามํ โสกํ ตณฺหฺจ อพฺพหี วต นีหริ วต. ยํ เม โสกปเรตายาติ ยสฺมา โสเกน อภิภูตาย มยฺหํ ธีตุโสกํ พฺยปานุทิ อนวเสสโต นีหริ, ตสฺมา อพฺพหี วต เม สลฺลนฺติ โยชนา.

สาชฺช อพฺพูฬฺหสลฺลาหนฺติ สา อหํ อชฺช สพฺพโส อุทฺธฏตณฺหาสลฺลา ตโต เอว นิจฺฉาตา ปรินิพฺพุตา. มุนินฺติ สพฺพฺุพุทฺธํ ตทุปเทสิตมคฺคผลนิพฺพานปเภทํ นววิธโลกุตฺตรธมฺมฺจ, ตตฺถ ปติฏฺิตํ อฏฺอริยปุคฺคลสมูหสงฺขาตํ สงฺฆฺจ, อนุตฺตเรหิ เตหิ โยชนโต สกลวฏฺฏทุกฺขวินาสนโต จ สรณํ ตาณํ เลณํ ปรายณนฺติ, อุเปมิ อุปคจฺฉามิ พุชฺฌามิ เสวามิ จาติ อตฺโถ.

อุพฺพิริเถรีคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. สุกฺกาเถรีคาถาวณฺณนา

กึเม กตา ราชคเหติอาทิกา สุกฺกาย เถริยา คาถา. อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิการา ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺตี วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล พนฺธุมตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺตา อุปาสิกาหิ สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺธา ปพฺพชิตฺวา พหุสฺสุตา ธมฺมธรา ปฏิภานวตี อโหสิ. สา ตตฺถ พหูนิ วสฺสสหสฺสานิ พฺรหฺมจริยํ จริตฺวา ปุถุชฺชนกาลกิริยเมว กตฺวา ตุสิเต นิพฺพตฺติ. ตถา สิขิสฺส ภควโต, เวสฺสภุสฺส ภควโต กาเลติ เอวํ ติณฺณํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ สาสเน สีลํ รกฺขิตฺวา พหุสฺสุตา ธมฺมธรา อโหสิ, ตถา กกุสนฺธสฺส, โกณาคมนสฺส, กสฺสปสฺส จ ภควโต สาสเน ปพฺพชิตฺวา วิสุทฺธสีลา พหุสฺสุตา ธมฺมกถิกา อโหสิ.

เอวํ สา ตตฺถ ตตฺถ พหุํ ปุฺํ อุปจินิตฺวา สุคตีสุเยว สํสรนฺตี อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคหนคเร คหปติมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติ, สุกฺกาติสฺสา นามํ อโหสิ. สา วิฺุตํ ปตฺตา สตฺถุ ราชคหปเวสเน ลทฺธปฺปสาทา อุปาสิกา หุตฺวา อปรภาเค ธมฺมทินฺนาย เถริยา สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา สฺชาตสํเวคา ตสฺสา เอว สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺตี นจิรสฺเสว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถรี ๒.๔.๑๑๑-๑๔๒) –

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, วิปสฺสี นาม นายโก;

อุปฺปชฺชิ จารุทสฺสโน, สพฺพธมฺมวิปสฺสโก.

‘‘ตทาหํ พนฺธุมติยํ, ชาตา อฺตเร กุเล;

ธมฺมํ สุตฺวาน มุนิโน, ปพฺพชึ อนคาริยํ.

‘‘พหุสฺสุตา ธมฺมธรา, ปฏิภานวตี ตถา;

วิจิตฺตกถิกา จาปิ, ชินสาสนการิกา.

‘‘ตทา ธมฺมกถํ กตฺวา, หิตาย ชนตํ พหุํ;

ตโต จุตาหํ ตุสิตํ, อุปปนฺนา ยสสฺสินี.

‘‘เอกตฺตึเส อิโต กปฺเป, สิขี วิย สิขี ชิโน;

ตปนฺโต ยสสา โลเก, อุปฺปชฺชิ วทตํ วโร.

‘‘ตทาปิ ปพฺพชิตฺวาน, พุทฺธสาสนโกวิทา;

โชเตตฺวา ชินวากฺยานิ, ตโตปิ ติทิวํ คตา.

‘‘เอกตฺตึเสว กปฺปมฺหิ, เวสฺสภู นาม นายโก;

อุปฺปชฺชิตฺถ มหาาณี, ตทาปิ จ ตเถวหํ.

‘‘ปพฺพชิตฺวา ธมฺมธรา, โชตยึ ชินสาสนํ;

คนฺตฺวา มรุปุรํ รมฺมํ, อนุโภสึ มหาสุขํ.

‘‘อิมมฺหิ ภทฺทเก กปฺเป, กกุสนฺโธ ชินุตฺตโม;

อุปฺปชฺชิ นรสรโณ, ตทาปิ จ ตเถวหํ.

‘‘ปพฺพชิตฺวา มุนิมตํ, โชตยิตฺวา ยถายุกํ;

ตโต จุตาหํ ติทิวํ, อคํ สภวนํ ยถา.

‘‘อิมสฺมึเยว กปฺปมฺหิ, โกณาคมนนายโก;

อุปฺปชฺชิ โลกสรโณ, อรโณ อมตงฺคโต.

‘‘ตทาปิ ปพฺพชิตฺวาน, สาสเน ตสฺส ตาทิโน;

พหุสฺสุตา ธมฺมธรา, โชตยึ ชินสาสนํ.

‘‘อิมสฺมึเยว กปฺปมฺหิ, กสฺสโป มุนิมุตฺตโม;

อุปฺปชฺชิ โลกสรโณ, อรโณ มรณนฺตคู.

‘‘ตสฺสาปิ นรวีรสฺส, ปพฺพชิตฺวาน สาสเน;

ปริยาปุฏสทฺธมฺมา, ปริปุจฺฉา วิสารทา.

‘‘สุสีลา ลชฺชินี เจว, ตีสุ สิกฺขาสุ โกวิทา;

พหุํ ธมฺมกถํ กตฺวา, ยาวชีวํ มหามุเน.

‘‘เตน กมฺมวิปาเกน, เจตนาปณิธีหิ จ;

ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.

‘‘ปจฺฉิเม จ ภเว ทานิ, คิริพฺพชปุรุตฺตเม;

ชาตา เสฏฺิกุเล ผีเต, มหารตนสฺจเย.

‘‘ยทา ภิกฺขุสหสฺเสน, ปริวุโต โลกนายโก;

อุปาคมิ ราชคหํ, สหสฺสกฺเขน วณฺณิโต.

‘‘ทนฺโต ทนฺเตหิ สห ปุราณชฏิเลหิ, วิปฺปมุตฺโต วิปฺปมุตฺเตหิ;

สิงฺคีนิกฺขสวณฺโณ, ราชคหํ ปาวิสิ ภควา.

‘‘ทิสฺวา พุทฺธานุภาวํ ตํ, สุตฺวาว คุณสฺจยํ;

พุทฺเธ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, ปูชยึ ตํ ยถาพลํ.

‘‘อปเรน จ กาเลน, ธมฺมทินฺนาย สนฺติเก;

อคารา นิกฺขมิตฺวาน, ปพฺพชึ อนคาริยํ.

‘‘เกเสสุ ฉิชฺชมาเนสุ, กิเลเส ฌาปยึ อหํ;

อุคฺคหึ สาสนํ สพฺพํ, ปพฺพชิตฺวา จิเรนหํ.

‘‘ตโต ธมฺมมเทเสสึ, มหาชนสมาคเม;

ธมฺเม เทสิยมานมฺหิ, ธมฺมาภิสมโย อหุ.

‘‘เนกปาณสหสฺสานํ, ตํ วิทิตฺวาติวิมฺหิโต;

อภิปฺปสนฺโน เม ยกฺโข, ภมิตฺวาน คิริพฺพชํ.

‘‘กึเม กตา ราชคเห มนุสฺสา, มธุํ ปีตาว อจฺฉเร;

เย สุกฺกํ น อุปาสนฺติ, เทเสนฺตึ อมตํ ปทํ.

‘‘ตฺจ อปฺปฏิวานียํ, อเสจนกโมชวํ;

ปิวนฺติ มฺเ สปฺปฺา, วลาหกมิวทฺธคู.

‘‘อิทฺธีสุ จ วสี โหมิ, ทิพฺพาย โสตธาตุยา;

เจโตปริยาณสฺส, วสี โหมิ มหามุเน.

‘‘ปุพฺเพนิวาสํ ชานามิ, ทิพฺพจกฺขุ วิโสธิตํ;

สพฺพาสวปริกฺขีณา, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว.

‘‘อตฺถธมฺมนิรุตฺตีสุ, ปฏิภาเน ตเถว จ;

าณํ มม มหาวีร, อุปฺปนฺนํ ตว สนฺติเก.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ปฺจสตภิกฺขุนิปริวารา มหาธมฺมกถิกา อโหสิ. สา เอกทิวสํ ราชคเห ปิณฺฑาย จริตฺวา กตภตฺตกิจฺจา ภิกฺขุนุปสฺสยํ ปวิสิตฺวา สนฺนิสินฺนาย มหติยา ปริสาย มธุภณฺฑํ ปีเฬตฺวา สุมธุรํ ปาเยนฺตี วิย อมเตน อภิสิฺจนฺตี วิย ธมฺมํ เทเสติ. ปริสา จสฺสา ธมฺมกถํ โอหิตโสตา อวิกฺขิตฺตจิตฺตา สกฺกจฺจํ สุณาติ. ตสฺมึ ขเณ เถริยา จงฺกมนโกฏิยํ รุกฺเข อธิวตฺถา เทวตา ธมฺมเทสนาย ปสนฺนา ราชคหํ ปวิสิตฺวา รถิยาย รถิยํ สิงฺฆาฏเกน สิงฺฆาฏกํ วิจริตฺวา ตสฺสา คุณํ วิภาเวนฺตี –

๕๔.

‘‘กึเม กตา ราชคเห มนุสฺสา, มธุํ ปีตาว อจฺฉเร;

เย สุกฺกํ น อุปาสนฺติ, เทเสนฺตึ พุทฺธสาสนํ.

๕๕.

‘‘ตฺจ อปฺปฏิวานียํ, อเสจนกโมชวํ;

ปิวนฺติ มฺเ สปฺปฺา, วลาหกมิวทฺธคู’’ติ. –

อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ.

ตตฺถ กึเม กตา ราชคเห มนุสฺสาติ อิเม ราชคเห มนุสฺสา กึ กตา, กิสฺมึ นาม กิจฺเจ พฺยาวฏา. มธุํ ปีตาว อจฺฉเรติ ยถา ภณฺฑมธุํ คเหตฺวา มธุํ ปีตวนฺโต วิสฺิโน หุตฺวา สีสํ อุกฺขิปิตุํ น สกฺโกนฺติ , เอวํ อิเมปิ ธมฺมสฺาย วิสฺิโน หุตฺวา มฺเ สีสํ อุกฺขิปิตุํ น สกฺโกนฺติ, เกวลํ อจฺฉนฺติเยวาติ อตฺโถ. เย สุกฺกํ นอุปาสนฺติ, เทเสนฺตึ พุทฺธสาสนนฺติ พุทฺธสฺส ภควโต สาสนํ ยาถาวโต เทเสนฺตึ ปกาเสนฺตึ สุกฺกํ เถรึ เย น อุปาสนฺติ น ปยิรุปาสนฺติ. เต อิเม ราชคเห มนุสฺสา กึ กตาติ โยชนา.

ตฺจอปฺปฏิวานียนฺติ ตฺจ ปน ธมฺมํ อนิวตฺติตภาวาวหํ นิยฺยานิกํ, อภิกฺกนฺตตาย วา ยถา โสตุชนสวนมโนหรภาเวน อนปนียํ, อเสจนกํ อนาสิตฺตกํ ปกติยาว มหารสํ ตโต เอว โอชวนฺตํ. ‘‘โอสธ’’นฺติปิ ปาฬิ. วฏฺฏทุกฺขพฺยาธิติกิจฺฉาย โอสธภูตํ. ปิวนฺติ มฺเ สปฺปฺา, วลาหกมิวทฺธคูติ วลาหกนฺตรโต นิกฺขนฺตํ อุทกํ นิรุทกกนฺตาเร ปถคา วิย ตํ ธมฺมํ สปฺปฺา ปณฺฑิตปุริสา ปิวนฺติ มฺเ ปิวนฺตา วิย สุณนฺติ.

มนุสฺสา ตํ สุตฺวา ปสนฺนมานสา เถริยา สนฺติกํ อุปสงฺกมิตฺวา สกฺกจฺจํ ธมฺมํ สุณึสุ. อปรภาเค เถริยา อายุปริโยสาเน ปรินิพฺพานกาเล สาสนสฺส นิยฺยานิกภาววิภาวนตฺถํ อฺํ พฺยากโรนฺตี –

๕๖.

‘‘สุกฺกา สุกฺเกหิ ธมฺเมหิ, วีตราคา สมาหิตา;

ธาเรติ อนฺติมํ เทหํ, เชตฺวา มารํ สวาหน’’นฺติ. – อิมํ คาถํ อภาสิ;

ตตฺถ สุกฺกาติ สุกฺกาเถรี อตฺตานเมว ปรํ วิย ทสฺเสติ. สุกฺเกหิ ธมฺเมหีติ สุปริสุทฺเธหิ โลกุตฺตรธมฺเมหิ. วีตราคา สมาหิตาติ อคฺคมคฺเคน สพฺพโส วีตราคา อรหตฺตผลสมาธินา สมาหิตา. เสสํ วุตฺตนยเมว.

สุกฺกาเถรีคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. เสลาเถรีคาถาวณฺณนา

นตฺถินิสฺสรณํ โลเกติอาทิกา เสลาย เถริยา คาถา. อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิการา ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺตี หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺตา มาตาปิตูหิ สมานชาติกสฺส กุลปุตฺตสฺส ทินฺนา, เตน สทฺธึ พหูนิ วสฺสสตานิ สุขสํวาสํ วสิตฺวา ตสฺมึ กาลงฺกเต สยมฺปิ อทฺธคตา วโยอนุปฺปตฺตา สํเวคชาตา กึกุสลคเวสินี กาเลน กาลํ อาราเมน อารามํ วิหาเรน วิหารํ อนุวิจรติ ‘‘สมณพฺราหฺมณานํ สนฺติเก ธมฺมํ โสสฺสามี’’ติ. สา เอกทิวสํ สตฺถุ โพธิรุกฺขํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ยทิ พุทฺโธ ภควา อสโม อสมสโม อปฺปฏิปุคฺคโล, ทสฺเสตุ เม อยํ โพธิ ปาฏิหาริย’’นฺติ นิสีทิ. ตสฺสา ตถา จิตฺตุปฺปาทสมนนฺตรเมว โพธิ ปชฺชลิ, สพฺพโสวณฺณมยา สาขา อุฏฺหึสุ, สพฺพา ทิสา วิโรจึสุ. สา ตํ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ปสนฺนมานสา ครุจิตฺตีการํ อุปฏฺเปตฺวา สิรสิ อฺชลึ ปคฺคยฺห สตฺตรตฺตินฺทิวํ ตตฺเถว นิสีทิ. สตฺตเม ทิวเส อุฬารํ ปูชาสกฺการํ อกาสิ. สา เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺตี อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท อาฬวีรฏฺเ อาฬวิกสฺส รฺโ ธีตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. เสลาติสฺสา นามํ อโหสิ. อาฬวิกสฺส ปน รฺโ ธีตาติ กตฺวา อาฬวิกาติปิ นํ โวหรนฺติ. สา วิฺุตํ ปตฺตา สตฺถริ อาฬวกํ ทเมตฺวา ตสฺส หตฺเถ ปตฺตจีวรํ ทตฺวา เตน สทฺธึ อาฬวีนครํ อุปคเต ทาริกา หุตฺวา รฺา สทฺธึ สตฺถุ สนฺติกํ อุปคนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺธา อุปาสิกา อโหสิ. สา อปรภาเค สฺชาตสํเวคา ภิกฺขุนีสุ ปพฺพชิตฺวา กตปุพฺพกิจฺจา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา สงฺขาเร สมฺมสนฺตี อุปนิสฺสยสมฺปนฺนตฺตา ปริปกฺกาณา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถรี ๒.๒.๖๑-๘๕) –

‘‘นคเร หํสวติยา, จาริกี อาสหํ ตทา;

อาราเมน จ อารามํ, จรามิ กุสลตฺถิกา.

‘‘กาฬปกฺขมฺหิ ทิวเส, อทฺทสํ โพธิมุตฺตมํ;

ตตฺถ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, โพธิมูเล นิสีทหํ.

‘‘ครุจิตฺตํ อุปฏฺเตฺวา, สิเร กตฺวาน อฺชลึ;

โสมนสฺสํ ปเวเทตฺวา, เอวํ จินฺเตสิ ตาวเท.

‘‘ยทิ พุทฺโธ อมิตคุโณ, อสมปฺปฏิปุคฺคโล;

ทสฺเสตุ ปาฏิหีรํ เม, โพธิ โอภาสตุ อยํ.

‘‘สห อาวชฺชิเต มยฺหํ, โพธิ ปชฺชลิ ตาวเท;

สพฺพโสณฺณมยา อาสิ, ทิสา สพฺพา วิโรจติ.

‘‘สตฺตรตฺตินฺทิวํ ตตฺถ, โพธิมูเล นิสีทหํ;

สตฺตเม ทิวเส ปตฺเต, ทีปปูชํ อกาสหํ.

‘‘อาสนํ ปริวาเรตฺวา, ปฺจทีปานิ ปชฺชลุํ;

ยาว อุเทติ สูริโย, ทีปา เม ปชฺชลุํ ตทา.

‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.

‘‘ตตฺถ เม สุกตํ พฺยมฺหํ, ปฺจทีปาติ วุจฺจติ;

สฏฺิโยชนมุพฺเพธํ, ตึสโยชนวิตฺถตํ.

‘‘อสงฺขิยานิ ทีปานิ, ปริวาเร ชลึสุ เม;

ยาวตา เทวภวนํ, ทีปาโลเกน โชตติ.

‘‘ปรมฺมุขา นิสีทิตฺวา, ยทิ อิจฺฉามิ ปสฺสิตุํ;

อุทฺธํ อโธ จ ติริยํ, สพฺพํ ปสฺสามิ จกฺขุนา.

‘‘ยาวตา อภิกงฺขามิ, ทฏฺุํ สุคตทุคฺคเต;

ตตฺถ อาวรณํ นตฺถิ, รุกฺเขสุ ปพฺพเตสุ วา.

‘‘อสีติเทวราชูนํ, มเหสิตฺตมการยึ;

สตานํ จกฺกวตฺตีนํ, มเหสิตฺตมการยึ.

‘‘ยํ ยํ โยนุปปชฺชามิ, เทวตฺตํ อถ มานุสํ;

ทีปสตสหสฺสานิ, ปริวาเร ชลนฺติ เม.

‘‘เทวโลกา จวิตฺวาน, อุปฺปชฺชึ มาตุกุจฺฉิยํ;

มาตุกุจฺฉิคตา สนฺตี, อกฺขิ เม น นิมีลติ.

‘‘ทีปสตสหสฺสานิ, ปุฺกมฺมสมงฺคิตา;

ชลนฺติ สูติกาเคเห, ปฺจทีปานิทํ ผลํ.

‘‘ปจฺฉิเม ภเว สมฺปตฺเต, มานสํ วินิวตฺตยึ;

อชรามตํ สีติภาวํ, นิพฺพานํ ผสฺสยึ อหํ.

‘‘ชาติยา สตฺตวสฺสาหํ, อรหตฺตมปาปุณึ;

อุปสมฺปาทยี พุทฺโธ, คุณมฺาย โคตโม.

‘‘มณฺฑเป รุกฺขมูเล วา, สุฺาคาเร วสนฺติยา;

ตทา ปชฺชลเต ทีปํ, ปฺจทีปานิทํ ผลํ.

‘‘ทิพฺพจกฺขุวิสุทฺธํ เม, สมาธิกุสลา อหํ;

อภิฺาปารมิปฺปตฺตา, ปฺจทีปานิทํ ผลํ.

‘‘สพฺพโวสิตโวสานา, กตกิจฺจา อนาสวา;

ปฺจทีปา มหาวีร, ปาเท วนฺทามิ จกฺขุม.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, ยํ ทีปมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ปฺจทีปานิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา เถรี สาวตฺถิยํ วิหรนฺตี เอกทิวสํ ปจฺฉาภตฺตํ สาวตฺถิโต นิกฺขมิตฺวา ทิวาวิหารตฺถาย อนฺธวนํ ปวิสิตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทิ. อถ นํ มาโร วิเวกโต วิจฺเฉเทตุกาโม อฺาตกรูเปน อุปคนฺตฺวา –

๕๗.

‘‘นตฺถิ นิสฺสรณํ โลเก, กึ วิเวเกน กาหสิ;

ภุฺชาหิ กามรติโย, มาหุ ปจฺฉานุตาปินี’’ติ. – คาถมาห;

ตสฺสตฺโถ – อิมสฺมึ โลเก สพฺพสมเยสุปิ อุปปริกฺขียมาเนสุ นิสฺสรณํ นิพฺพานํ นาม นตฺถิ เตสํ เตสํ สมณพฺราหฺมณานํ ฉนฺทโส ปฏิฺายมานํ โวหารมตฺตเมเวตํ, ตสฺมา กึ วิเวเกน กาหสิ เอวรูเป สมฺปนฺนปมวเย ิตา อิมินา กายวิเวเกน กึ กริสฺสสิ? อถ โข ภุฺชาหิ กามรติโย วตฺถุกามกิเลสกามสนฺนิสฺสิตา ขิฑฺฑารติโย ปจฺจนุโภหิ. กสฺมา? มาหุ ปจฺฉานุตาปินี ‘‘ยทตฺถํ พฺรหฺมจริยํ จรามิ, ตเทว นิพฺพานํ นตฺถิ, เตเนเวตํ นาธิคตํ, กามโภคา จ ปริหีนา, อนตฺโถ วต มยฺห’’นฺติ ปจฺฉา วิปฺปฏิสารินี มา อโหสีติ อธิปฺปาโย.

ตํ สุตฺวา เถรี ‘‘พาโล วตายํ มาโร, โย มม ปจฺจกฺขภูตํ นิพฺพานํ ปฏิกฺขิปติ. กาเมสุ จ มํ ปวาเรติ, มม ขีณาสวภาวํ น ชานาติ. หนฺท นํ ตํ ชานาเปตฺวา ตชฺเชสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา –

๕๘.

‘‘สตฺติสูลูปมา กามา, ขนฺธาสํ อธิกุฏฺฏนา;

ยํ ตฺวํ กามรตึ พฺรูสิ, อรตี ทานิ สา มม.

๕๙.

‘‘สพฺพตฺถ วิหตา นนฺที, ตโมกฺขนฺโธ ปทาลิโต;

เอวํ ชานาหิ ปาปิม, นิหโต ตฺวมสิ อนฺตกา’’ติ. – อิมํ คาถาทฺวยมาห;

ตตฺถ สตฺติสูลูปมา กามาติ กามา นาม เยน อธิฏฺิตา, ตสฺส สตฺตสฺส วินิวิชฺฌนโต นิสิตสตฺติ วิย สูลํ วิย จ ทฏฺพฺพา. ขนฺธาติ อุปาทานกฺขนฺธา. อาสนฺติ เตสํ. อธิกุฏฺฏนาติ ฉินฺทนาธิฏฺานา, อจฺจาทานฏฺานนฺติ อตฺโถ. ยโต ขนฺเธ อจฺจาทาย สตฺตา กาเมหิ เฉชฺชเภชฺชํ ปาปุณนฺติ. ยํ ตฺวํ กามรตึ พฺรูสิ, อรติ ทานิ สา มมาติ, ปาปิม, ตฺวํ ยํ กามรตึ รมิตพฺพํ เสวิตพฺพํ กตฺวา วทสิ, สา ทานิ มม นิรติชาติกตฺตา มีฬฺหสทิสา, น ตาย มม โกจิ อตฺโถ อตฺถีติ.

ตตฺถ การณมาห ‘‘สพฺพตฺถ วิหตา นนฺที’’ติอาทินา. ตตฺถ เอวํ ชานาหีติ ‘‘สพฺพโส ปหีนตณฺหาวิชฺชา’’ติ มํ ชานาหิ, ตโต เอว พลวิธมนวิสยาติกฺกมเนหิ อนฺตก ลามกาจาร, มาร, ตฺวํ มยา นิหโต พาธิโต อสิ, น ปนาหํ ตยา พาธิตพฺพาติ อตฺโถ.

เอวํ เถริยา มาโร สนฺตชฺชิโต ตตฺเถวนฺตรธายิ. เถรีปิ ผลสมาปตฺติสุเขน อนฺธวเน ทิวสภาคํ วีตินาเมตฺวา สายนฺเห วสนฏฺานเมว คตา.

เสลาเถรีคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. โสมาเถรีคาถาวณฺณนา

ยํตํ อิสีหิ ปตฺตพฺพนฺติอาทิกา โสมาย เถริยา คาถา. อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิการา ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺตี สิขิสฺส ภควโต กาเล ขตฺติยมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺวา อรุณรฺโ อคฺคมเหสี อโหสีติ สพฺพํ อตีตวตฺถุ อภยตฺเถริยา วตฺถุสทิสํ. ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ ปน อยํ เถรี ตตฺถ ตตฺถ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺตี อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห พิมฺพิสารสฺส รฺโ ปุโรหิตสฺส ธีตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺสา โสมาติ นามํ อโหสิ. สา วิฺุตํ ปตฺตา สตฺถุ ราชคหปเวสเน ปฏิลทฺธสทฺธา อุปาสิกา หุตฺวา อปรภาเค สฺชาตสํเวคา ภิกฺขุนีสุ ปพฺพชิตฺวา กตปุพฺพกิจฺจา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺตี น จิรสฺเสว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถรี ๒.๑.๗๑, ๘๐-๙๐) –

‘‘นคเร อรุณวติยา, อรุโณ นาม ขตฺติโย;

ตสฺส รฺโ อหุํ ภริยา, วาริตํ วารยามหํ.

‘‘ยาวตา…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. –

สพฺพํ อภยตฺเถริยา อปทานสทิสํ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา วิมุตฺติสุเขน สาวตฺถิยํ วิหรนฺตี เอกทิวสํ ทิวาวิหารตฺถาย อนฺธวนํ ปวิสิตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทิ. อถ นํ มาโร วิเวกโต วิจฺเฉเทตุกาโม อทิสฺสมานุรูโป อุปคนฺตฺวา อากาเส ตฺวา –

๖๐.

‘‘ยํ ตํ อิสีหิ ปตฺตพฺพํ, านํ ทุรภิสมฺภวํ;

น ตํ ทฺวงฺคุลปฺาย, สกฺกา ปปฺโปตุมิตฺถิยา’’ติ. – อิมํ คาถมาห;

ตสฺสตฺโถ – สีลกฺขนฺธาทีนํ เอสนฏฺเน ‘‘อิสี’’ติ ลทฺธนาเมหิ พุทฺธาทีหิ มหาปฺเหิ ปตฺตพฺพํ, ตํ อฺเหิ ปน ทุรภิสมฺภวํ ทุนฺนิปฺผาทนียํ. ยํ ตํ อรหตฺตสงฺขาตํ ปรมสฺสาสฏฺานํ, น ตํ ทฺวงฺคุลปฺาย นิหีนปฺาย อิตฺถิยา ปาปุณิตุํ สกฺกา. อิตฺถิโย หิ สตฺตฏฺวสฺสกาลโต ปฏฺาย สพฺพกาลํ โอทนํ ปจนฺติโย ปกฺกุถิเต อุทเก ตณฺฑุเล ปกฺขิปิตฺวา ‘‘เอตฺตาวตา โอทนํ ปกฺก’’นฺติ น ชานนฺติ, ปกฺกุถิยมาเน ปน ตณฺฑุเล ทพฺพิยา อุทฺธริตฺวา ทฺวีหิ องฺคุลีหิ ปีเฬตฺวา ชานนฺติ, ตสฺมา ทฺวงฺคุลิปฺายาติ วุตฺตา.

ตํ สุตฺวา เถรี มารํ อปสาเทนฺตี –

๖๑.

‘‘อิตฺถิภาโว โน กึ กยิรา, จิตฺตมฺหิ สุสมาหิเต;

าณมฺหิ วตฺตมานมฺหิ, สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสโต.

๖๒.

‘‘สพฺพตฺถ วิหตา นนฺที, ตโมกฺขนฺโธ ปทาลิโต;

เอวํ ชานาหิ ปาปิม, นิหโต ตฺวมสิ อนฺตกา’’ติ. –

อิตรา ทฺเว คาถา อภาสิ.

ตตฺถ อิตฺถิภาโว โน กึ กยิราติ มาตุคามภาโว อมฺหากํ กึ กเรยฺย, อรหตฺตปฺปตฺติยา กีทิสํ วิพนฺธํ อุปฺปาเทยฺย. จิตฺตมฺหิ สุสมาหิเตติ จิตฺเต อคฺคมคฺคสมาธินา สุฏฺุ สมาหิเต. าณมฺหิ วตฺตมานมฺหีติ ตโต อรหตฺตมคฺคาเณ ปวตฺตมาเน. สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสโตติ จตุสจฺจธมฺมํ ปริฺาทิวิธินา สมฺมเทว ปสฺสโต. อยฺเหตฺถ สงฺเขโป – ปาปิม, อิตฺถี วา โหตุ ปุริโส วา, อคฺคมคฺเค อธิคเต อรหตฺตํ หตฺถคตเมวาติ.

อิทานิ ตสฺส อตฺตนา อธิคตภาวํ อุชุกเมว ทสฺเสนฺตี ‘‘สพฺพตฺถ วิหตา นนฺที’’ติ คาถมาห. สา วุตฺตตฺถาเยว.

โสมาเถรีคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ติกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.