📜
๔. จตุกฺกนิปาโต
๑. ภทฺทากาปิลานีเถรีคาถาวณฺณนา
จตุกฺกนิปาเต ¶ ¶ ปุตฺโต พุทฺธสฺส ทายาโทติอาทิกา ภทฺทาย กาปิลานิยา เถริยา คาถา. สา กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณนฺตี สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุนึ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺตีนํ ¶ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา สยมฺปิ ตํ านนฺตรํ ปตฺเถตฺวา ยาวชีวํ ปฺุานิ กตฺวา ตโต จุตา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺตี อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ พาราณสิยํ กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา ปติกุลํ คนฺตฺวา, เอกทิวสํ อตฺตโน นนนฺทาย สทฺธึ กลหํ กโรนฺตี ตาย ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปิณฺฑปาเต ทินฺเน ‘‘อยํ อิมสฺส ทานํ ทตฺวา อุฬารสมฺปตฺตึ ลภิสฺสตี’’ติ ปจฺเจกพุทฺธสฺส หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา ภตฺตํ ฉฑฺเฑตฺวา กลลสฺส ปูเรตฺวา อทาสิ. มหาชโน ครหิ – ‘‘พาเล, ปจฺเจกพุทฺโธ เต กึ อปรชฺฌี’’ติ? สา เตสํ วจเนน ลชฺชมานา ปุน ปตฺตํ คเหตฺวา กลลํ นีหริตฺวา โธวิตฺวา คนฺธจุณฺเณน อุพฺพฏฺเฏตฺวา จตุมธุรสฺส ปูเรตฺวา อุปริ อาสิตฺเตน ปทุมคพฺภวณฺเณน สปฺปินา วิชฺโชตมานํ ปจฺเจกพุทฺธสฺส หตฺเถ เปตฺวา ‘‘ยถา อยํ ปิณฺฑปาโต โอภาสชาโต, เอวํ โอภาสชาตํ เม สรีรํ โหตู’’ติ ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ. สา ตโต จวิตฺวา สุคตีสุเยว สํสรนฺตี กสฺสปพุทฺธกาเล พาราณสิยํ มหาวิภวสฺส เสฏฺิโน ธีตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ปุพฺพกมฺมผเลน ทุคฺคนฺธสรีรา มนุสฺเสหิ ชิคุจฺฉิตพฺพา หุตฺวา สํเวคชาตา อตฺตโน อาภรเณหิ สุวณฺณิฏฺกํ กาเรตฺวา ภควโต เจติเย ปติฏฺเปสิ, อุปฺปลหตฺเถน จ ปูชํ อกาสิ. เตนสฺสา สรีรํ ตสฺมึเยว ภเว สุคนฺธํ มโนหรํ ชาตํ. สา ปติโน ปิยา มนาปา หุตฺวา ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา ตโต จุตา สคฺเค นิพฺพตฺติ. ตตฺถาปิ ยาวชีวํ ทิพฺพสุขํ อนุภวิตฺวา, ตโต จุตา พาราณสิรฺโ ธีตา หุตฺวา ตตฺถ เทวสมฺปตฺติสทิสํ สมฺปตฺตึ อนุภวนฺตี จิรกาลํ ปจฺเจกพุทฺเธ อุปฏฺหิตฺวา, เตสุ ปรินิพฺพุเตสุ สํเวคชาตา ตาปสปพฺพชฺชาย ปพฺพชิตฺวา อุยฺยาเน วสนฺตี ฌานานิ ภาเวตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จุตา สาคลนคเร โกสิยโคตฺตสฺส ¶ พฺราหฺมณกุลสฺส เคเห นิพฺพตฺติตฺวา มหตา ปริหาเรน วฑฺฒิตฺวา วยปฺปตฺตา มหาติตฺถคาเม ปิปฺผลิกุมารสฺส เคหํ นีตา. ตสฺมึ ปพฺพชิตุํ นิกฺขนฺเต มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ มหนฺตฺจ าติปริวฏฺฏํ ปหาย ปพฺพชฺชตฺถาย นิกฺขมิตฺวา ปฺจ วสฺสานิ ติตฺถิยาราเม ปวิสิตฺวา อปรภาเค ¶ มหาปชาปติโคตมิยา สนฺติเก ปพฺพชฺชํ อุปสมฺปทฺจ ¶ ลภิตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา น จิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถรี ๒.๓.๒๔๔-๓๑๓) –
‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, สพฺพธมฺมาน ปารคู;
อิโต สตสหสฺสมฺหิ, กปฺเป อุปฺปชฺชิ นายโก.
‘‘ตทาหุ หํสวติยํ, วิเทโห นาม นามโต;
เสฏฺี ปหูตรตโน, ตสฺส ชายา อโหสหํ.
‘‘กทาจิ โส นราทิจฺจํ, อุเปจฺจ สปริชฺชโน;
ธมฺมมสฺโสสิ พุทฺธสฺส, สพฺพทุกฺขภยปฺปหํ.
‘‘สาวกํ ธุตวาทานํ, อคฺคํ กิตฺเตสิ นายโก;
สุตฺวา สตฺตาหิกํ ทานํ, ทตฺวา พุทฺธสฺส ตาทิโน.
‘‘นิปจฺจ สิรสา ปาเท, ตํ านมภิปตฺถยึ;
ส หาสยนฺโต ปริสํ, ตทา หิ นรปุงฺคโว.
‘‘เสฏฺิโน อนุกมฺปาย, อิมา คาถา อภาสถ;
ลจฺฉเส ปตฺถิตํ านํ, นิพฺพุโต โหหิ ปุตฺตก.
‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;
โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.
‘‘ตสฺส ธมฺเมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;
กสฺสโป นาม โคตฺเตน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโก.
‘‘ตํ ¶ สุตฺวา มุทิโต หุตฺวา, ยาวชีวํ ตทา ชินํ;
เมตฺตจิตฺโต ปริจริ, ปจฺจเยหิ วินายกํ.
‘‘สาสนํ โชตยิตฺวาน, โส มทฺทิตฺวา กุติตฺถิเย;
เวเนยฺยํ วินยิตฺวา จ, นิพฺพุโต โส สสาวโก.
‘‘นิพฺพุเต ¶ ตมฺหิ โลกคฺเค, ปูชนตฺถาย สตฺถุโน;
าติมิตฺเต สมาเนตฺวา, สห เตหิ อการยิ.
‘‘สตฺตโยชนิกํ ถูปํ, อุพฺพิทฺธํ รตนามยํ;
ชลนฺตํ สตรํสึว, สาลราชํว ผุลฺลิตํ.
‘‘สตฺตสตสหสฺสานิ, ปาติโย ตตฺถ การยิ;
นฬคฺคี วิย โชตนฺตี, รตเนเหว สตฺตหิ.
‘‘คนฺธเตเลน ปูเรตฺวา, ทีปานุชฺชลยี ตหึ;
ปูชนตฺถาย ¶ มเหสิสฺส, สพฺพภูตานุกมฺปิโน.
‘‘สตฺตสตสหสฺสานิ, ปุณฺณกุมฺภานิ การยิ;
รตเนเหว ปุณฺณานิ, ปูชนตฺถาย มเหสิโน.
‘‘มชฺเฌ อฏฺฏฺกุมฺภีนํ, อุสฺสิตา กฺจนคฺฆิโย;
อติโรจนฺติ วณฺเณน, สรเทว ทิวากโร.
‘‘จตุทฺวาเรสุ โสภนฺติ, โตรณา รตนามยา;
อุสฺสิตา ผลกา รมฺมา, โสภนฺติ รตนามยา.
‘‘วิโรจนฺติ ปริกฺขิตฺตา, อวฏํสา สุนิมฺมิตา;
อุสฺสิตานิ ปฏากานิ, รตนานิ วิโรจเร.
‘‘สุรตฺตํ ¶ สุกตํ จิตฺตํ, เจติยํ รตนามยํ;
อติโรจติ วณฺเณน, สสฺโฌว ทิวากโร.
‘‘ถูปสฺส เวทิโย ติสฺโส, หริตาเลน ปูรยิ;
เอกํ มโนสิลาเยกํ, อฺชเนน จ เอกิกํ.
‘‘ปูชํ เอตาทิสํ รมฺมํ, กาเรตฺวา วรวาทิโน;
อทาสิ ทานํ สงฺฆสฺส, ยาวชีวํ ยถาพลํ.
‘‘สหาว เสฏฺินา เตน, ตานิ ปฺุานิ สพฺพโส;
ยาวชีวํ กริตฺวาน, สหาว สุคตึ คตา.
‘‘สมฺปตฺติโยนุโภตฺวาน, เทวตฺเต อถ มานุเส;
ฉายา วิย สรีเรน, สห เตเนว สํสรึ.
‘‘เอกนวุติโต ¶ กปฺเป, วิปสฺสี นาม นายโก;
อุปฺปชฺชิ จารุทสฺสโน, สพฺพธมฺมวิปสฺสโก.
‘‘ตทายํ พนฺธุปติยํ, พฺราหฺมโณ สาธุสมฺมโต;
อฑฺโฒ สนฺโต คุเณนาปิ, ธเนน จ สุทุคฺคโต.
‘‘ตทาปิ ตสฺสาหํ อาสึ, พฺราหฺมณี สมเจตสา;
กทาจิ โส ทิชวโร, สงฺคเมสิ มหามุนึ.
‘‘นิสินฺนํ ¶ ชนกายมฺหิ, เทเสนฺตํ อมตํ ปทํ;
สุตฺวา ธมฺมํ ปมุทิโต, อทาสิ เอกสาฏกํ.
‘‘ฆรเมเกน วตฺเถน, คนฺตฺวาเนตํ ส มพฺรวิ;
อนุโมท มหาปฺุํ, ทินฺนํ พุทฺธสฺส สาฏกํ.
‘‘ตทาหํ ¶ อฺชลึ กตฺวา, อนุโมทึ สุปีณิตา;
สุทินฺโน สาฏโก สามิ, พุทฺธเสฏฺสฺส ตาทิโน.
‘‘สุขิโต สชฺชิโต หุตฺวา, สํสรนฺโต ภวาภเว;
พาราณสิปุเร รมฺเม, ราชา อาสิ มหีปติ.
‘‘ตทา ตสฺส มเหสีหํ, อิตฺถิคุมฺพสฺส อุตฺตมา;
ตสฺสาติ ทยิตา อาสึ, ปุพฺพสฺเนเหน ภตฺตุโน.
‘‘ปิณฺฑาย วิจรนฺเต เต, อฏฺ ปจฺเจกนายเก;
ทิสฺวา ปมุทิโต หุตฺวา, ทตฺวา ปิณฺฑํ มหารหํ.
‘‘ปุโน นิมนฺตยิตฺวาน, กตฺวา รตนมณฺฑปํ;
กมฺมาเรหิ กตํ ปตฺตํ, โสวณฺณํ วต ตตฺตกํ.
‘‘สมาเนตฺวาน เต สพฺเพ, เตสํ ทานมทาสิ โส;
โสณฺณาสเน ปวิฏฺานํ, ปสนฺโน เสหิ ปาณิภิ.
‘‘ตมฺปิ ทานํ สหาทาสึ, กาสิราเชนหํ ตทา;
ปุนาหํ พาราณสิยํ, ชาตา กาสิกคามเก.
‘‘กุฏุมฺพิกกุเล ผีเต, สุขิโต โส สภาตุโก;
เชฏฺสฺส ภาตุโน ชายา, อโหสึ สุปติพฺพตา.
‘‘ปจฺเจกพุทฺธํ ¶ ทิสฺวาน, กนิยสฺส มม ภตฺตุโน;
ภาคนฺนํ ตสฺส ทตฺวาน, อาคเต ตมฺหิ ปาวทึ.
‘‘นาภินนฺทิตฺถ โส ทานํ, ตโต ตสฺส อทาสหํ;
อุขา อานิย ตํ อนฺนํ, ปุโน ตสฺเสว โส อทา.
‘‘ตทนฺนํ ¶ ฉฑฺฑยิตฺวาน, ทุฏฺา พุทฺธสฺสหํ ตทา;
ปตฺตํ กลลปุณฺณํ ตํ, อทาสึ ตสฺส ตาทิโน.
‘‘ทาเน ¶ จ คหเณ เจว, อปเจ ปทุเสปิ จ;
สมจิตฺตมุขํ ทิสฺวา, ตทาหํ สํวิชึ ภุสํ.
‘‘ปุโน ปตฺตํ คเหตฺวาน, โสธยิตฺวา สุคนฺธินา,
ปสนฺนจิตฺตา ปูเรตฺวา, สฆตํ สกฺกรํ อทํ.
‘‘ยตฺถ ยตฺถูปปชฺชามิ, สุรูปา โหมิ ทานโต;
พุทฺธสฺส อปกาเรน, ทุคฺคนฺธา วทเนน จ.
‘‘ปุน กสฺสปวีรสฺส, นิธายนฺตมฺหิ เจติเย;
โสวณฺณํ อิฏฺกํ วรํ, อทาสึ มุทิตา อหํ.
‘‘จตุชฺชาเตน คนฺเธน, นิจยิตฺวา ตมิฏฺกํ;
มุตฺตา ทุคฺคนฺธโทสมฺหา, สพฺพงฺคสุสมาคตา.
‘‘สตฺต ปาติสหสฺสานิ, รตเนเหว สตฺตหิ;
กาเรตฺวา ฆตปูรานิ, วฏฺฏีนิ จ สหสฺสโส.
‘‘ปกฺขิปิตฺวา ปทีเปตฺวา, ปยึ สตฺตปนฺติโย;
ปูชนตฺถํ โลกนาถสฺส, วิปฺปสนฺเนน เจตสา.
‘‘ตทาปิ ตมฺหิ ปฺุมฺหิ, ภาคินียิ วิเสสโต;
ปุน กาสีสุ สฺชาโต, สุมิตฺตา อิติ วิสฺสุโต.
‘‘ตสฺสาหํ ภริยา อาสึ, สุขิตา สชฺชิตา ปิยา;
ตทา ปจฺเจกมุนิโน, อทาสึ ฆนเวนํ.
‘‘ตสฺสาปิ ¶ ภาคินี อาสึ, โมทิตฺวา ทานมุตฺตมํ;
ปุนาปิ กาสิรฏฺมฺหิ, ชาโต โกลิยชาติยา.
‘‘ตทา ¶ โกลิยปุตฺตานํ, สเตหิ สห ปฺจหิ;
ปฺจ ปจฺเจกพุทฺธานํ, สตานิ สมุปฏฺหิ.
‘‘เตมาสํ ตปฺปยิตฺวาน, อทาสิ จ ติจีวเร;
ชายา ตสฺส ตทา อาสึ, ปฺุกมฺมปถานุคา.
‘‘ตโต จุโต อหุ ราชา, นนฺโท นาม มหายโส;
ตสฺสาปิ มเหสี อาสึ, สพฺพกามสมิทฺธินี.
‘‘ตทา ¶ ราชา ภวิตฺวาน, พฺรหฺมทตฺโต มหีปติ;
ปทุมวตีปุตฺตานํ, ปจฺเจกมุนินํ ตทา.
‘‘สตานิ ปฺจนูนานิ, ยาวชีวํ อุปฏฺหึ;
ราชุยฺยาเน นิวาเสตฺวา, นิพฺพุตานิ จ ปูชยึ.
‘‘เจติยานิ จ กาเรตฺวา, ปพฺพชิตฺวา อุโภ มยํ;
ภาเวตฺวา อปฺปมฺาโย, พฺรหฺมโลกํ อคมฺหเส.
‘‘ตโต จุโต มหาติตฺเถ, สุชาโต ปิปฺผลายโน;
มาตา สุมนเทวีติ, โกสิโคตฺโต ทิโช ปิตา.
‘‘อหํ มทฺเท ชนปเท, สากลาย ปุรุตฺตเม;
กปฺปิลสฺส ทิชสฺสาสึ, ธีตา มาตา สุจีมติ.
‘‘ฆรกฺจนพิมฺเพน, นิมฺมินิตฺวาน มํ ปิตา;
อทา กสฺสปธีรสฺส, กาเมหิ วชฺชิตสฺสมํ.
‘‘กทาจิ ¶ โส การุณิโก, คนฺตฺวา กมฺมนฺตเปกฺขโก;
กากาทิเกหิ ขชฺชนฺเต, ปาเณ ทิสฺวาน สํวิชิ.
‘‘ฆเรวาหํ ติเล ชาเต, ทิสฺวานาตปตาปเน;
กิมี กาเกหิ ขชฺชนฺเต, สํเวคมลภึ ตทา.
‘‘ตทา โส ปพฺพชี ธีโร, อหํ ตมนุปพฺพชึ;
ปฺจ วสฺสานิ นิวสึ, ปริพฺพาชวเต อหํ.
‘‘ยทา ปพฺพชิตา อาสิ, โคตมี ชินโปสิกา;
ตทาหํ ตมุปคนฺตฺวา, พุทฺเธน อนุสาสิตา.
‘‘น ¶ จิเรเนว กาเลน, อรหตฺตมปาปุณึ;
อโห กลฺยาณมิตฺตตฺตํ, กสฺสปสฺส สิรีมโต.
‘‘สุโต พุทฺธสฺส ทายาโท, กสฺสโป สุสมาหิโต;
ปุพฺเพนิวาสํ โย เวทิ, สคฺคาปายฺจ ปสฺสติ.
‘‘อโถ ชาติกฺขยํ ปตฺโต, อภิฺาโวสิโต มุนิ;
เอตาหิ ตีหิ วิชฺชาหิ, เตวิชฺโช โหติ พฺราหฺมโณ.
‘‘ตเถว ภทฺทากาปิลานี, เตวิชฺชา มจฺจุหายินี;
ธาเรติ อนฺติมํ เทหํ, ชิตฺวา มารํ สวาหนํ.
‘‘ทิสฺวา ¶ อาทีนวํ โลเก, อุโภ ปพฺพชิตา มยํ;
ตฺยมฺห ขีณาสวา ทนฺตา, สีติภูตามฺห นิพฺพุตา.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. (อป. เถรี ๒.๓.๒๔๔-๓๑๓);
อรหตฺตํ ¶ ปน ปตฺวา ปุพฺเพนิวาสาเณ จิณฺณวสี อโหสิ. ตตฺถ สาติสยํ กตาธิการตฺตา อปรภาเค ตํ สตฺถา เชตวเน อริยคณมชฺเฌ นิสินฺโน ภิกฺขุนิโย ปฏิปาฏิยา านนฺตเรสุ เปนฺโต ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺตีนํ อคฺคฏฺาเน เปสิ. สา เอกทิวสํ มหากสฺสปตฺเถรสฺส คุณาภิตฺถวนปุพฺพกํ อตฺตโน กตกิจฺจตาทิวิภาวนมุเขน อุทานํ อุทาเนนฺตี –
‘‘ปุตฺโต พุทฺธสฺส ทายาโท, กสฺสโป สุสมาหิโต;
ปุพฺเพนิวาสํ โยเวทิ, สคฺคาปายฺจ ปสฺสติ.
‘‘อโถ ชาติกฺขยํ ปตฺโต, อภิฺาโวสิโต มุนิ;
เอตาหิ ตีหิ วิชฺชาหิ, เตวิชฺโช โหติ พฺราหฺมโณ.
‘‘ตเถว ภทฺทากาปิลานี, เตวิชฺชา มจฺจุหายินี;
ธาเรติ อนฺติมํ เทหํ, เชตฺวา มารํ สวาหนํ.
‘‘ทิสฺวา อาทีนวํ โลเก, อุโภ ปพฺพชิตา มยํ;
ตฺยมฺห ขีณาสวา ทนฺตา, สีติภูตามฺห นิพฺพุตา’’ติ. –
อิมา คาถา อภาสิ.
ตตฺถ ¶ ปุตฺโต พุทฺธสฺส ทายาโทติ พุทฺธานุพุทฺธภาวโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อนุชาตสุโต ตโต เอว ตสฺส ทายภูตสฺส นวโลกุตฺตรธมฺมสฺส อาทาเนน ทายาโท กสฺสโป โลกิยโลกุตฺตเรหิ สมาธีหิ สุฏฺุ สมาหิตจิตฺตตาย สุสมาหิโต. ปุพฺเพนิวาสํ โยเวทีติ โย มหากสฺสปตฺเถโร ปุพฺเพนิวาสํ อตฺตโน ปเรสฺจ นิวุตฺถกฺขนฺธสนฺตานํ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาเณน ปากฏํ กตฺวา อเวทิ อฺาสิ ปฏิวิชฺฌิ. สคฺคาปายฺจ ปสฺสตีติ ฉพฺพีสติเทวโลกเภทํ สคฺคํ จตุพฺพิธํ อปายฺจ ทิพฺพจกฺขุนา หตฺถตเล อามลกํ วิย ปสฺสติ.
อโถ ชาติกฺขยํ ปตฺโตติ ตโต ปรํ ชาติกฺขยสงฺขาตํ อรหตฺตํ ปตฺโต. อภิฺาย อภิวิสิฏฺเน าเณน อภิฺเยฺยํ ธมฺมํ อภิชานิตฺวา ปริฺเยฺยํ ปริชานิตฺวา ¶ , ปหาตพฺพํ ปหาย ¶ , สจฺฉิกาตพฺพํ สจฺฉิกตฺวา โวสิโต นิฏฺํ ปตฺโต กตกิจฺโจ. อาสวกฺขยปฺาสงฺขาตํ โมนํ ปตฺตตฺตา มุนิ.
ตเถว ภทฺทากาปิลานีติ ยถา มหากสฺสโป เอตาหิ ยถาวุตฺตาหิ ตีหิ วิชฺชาหิ เตวิชฺโช มจฺจุหายี จ, ตเถว ภทฺทากาปิลานี เตวิชฺชา มจฺจุหายินีติ. ตโต เอว ธาเรติ อนฺติมํ เทหํ, เชตฺวา มารํ สวาหนนฺติ อตฺตานเมว ปรํ วิย กตฺวา ทสฺเสติ.
อิทานิ ยถา เถรสฺส ปฏิปตฺติ อาทิมชฺฌปริโยสานกลฺยาณา, เอวํ มมปีติ ทสฺเสนฺตี ‘‘ทิสฺวา อาทีนว’’นฺติ โอสานคาถมาห. ตตฺถ ตฺยมฺห ขีณาสวา ทนฺตาติ เต มยํ มหากสฺสปตฺเถโร อหฺจ อุตฺตเมน ทเมน ทนฺตา สพฺพโส ขีณาสวา จ อมฺห. สีติภูตามฺห นิพฺพุตาติ ตโต เอว กิเลสปริฬาหาภาวโต สีติภูตา สอุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา นิพฺพุตา จ อมฺห ภวามาติ อตฺโถ.
ภทฺทากาปิลานีเถรีคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
จตุกฺกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.