📜

๗. สตฺตกนิปาโต

๑. อุตฺตราเถรีคาถาวณฺณนา

สตฺตกนิปาเต มุสลานิ คเหตฺวานาติ อุตฺตราย เถริยา คาถา. อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิการา ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺตี, อนุกฺกเมน สมฺภาวิตกุสลมูลา สมุปจิตวิโมกฺขสมฺภารา ปริปกฺกวิมุตฺติปริปาจนียธมฺมา หุตฺวา, อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ อฺตรสฺมึ กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา อุตฺตราติ ลทฺธนามา อนุกฺกเมน วิฺุตํ ปตฺวา ปฏาจาราย เถริยา สนฺติกํ อุปสงฺกมิ. เถรี ตสฺสา ธมฺมํ กเถสิ. สา ธมฺมํ สุตฺวา สํสาเร ชาตสํเวคา สาสเน อภิปฺปสนฺนา หุตฺวา ปพฺพชิ. ปพฺพชิตฺวา จ กตปุพฺพกิจฺจา ปฏาจาราย เถริยา สนฺติเก วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา ภาวนมนุยุฺชนฺตี อุปนิสฺสยสมฺปนฺนตาย อินฺทฺริยานํ ปริปากํ คตตฺตา จ น จิรสฺเสว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อุทานวเสน –

๑๗๕.

‘‘มุสลานิ คเหตฺวาน, ธฺํ โกฏฺเฏนฺติ มาณวา;

ปุตฺตทารานิ โปเสนฺตา, ธนํ วินฺทนฺติ มาณวา.

๑๗๖.

‘‘ฆเฏถ พุทฺธสาสเน, ยํ กตฺวา นานุตปฺปติ;

ขิปฺปํ ปาทานิ โธวิตฺวา, เอกมนฺตํ นิสีทถ.

๑๗๗.

‘‘จิตฺตํ อุปฏฺเปตฺวาน, เอกคฺคํ สุสมาหิตํ;

ปจฺจเวกฺขถ สงฺขาเร, ปรโต โน จ อตฺตโต.

๑๗๘.

‘‘ตสฺสาหํ วจนํ สุตฺวา, ปฏาจารานุสาสนึ;

ปาเท ปกฺขาลยิตฺวาน, เอกมนฺเต อุปาวิสึ.

๑๗๙.

‘‘รตฺติยา ปุริเม ยาเม, ปุพฺพชาติมนุสฺสรึ;

รตฺติยา มชฺฌิเม ยาเม, ทิพฺพจกฺขุํ วิโสธยึ.

๑๘๐.

‘‘รตฺติยา ปจฺฉิเม ยาเม, ตโมกฺขนฺธํ ปทาลยึ;

เตวิชฺชา อถ วุฏฺาสึ, กตา เต อนุสาสนี.

๑๘๑.

‘‘สกฺกํว เทวา ติทสา, สงฺคาเม อปราชิตํ;

ปุรกฺขตฺวา วิหสฺสามิ, เตวิชฺชามฺหิ อนาสวา’’ติ. –

อิมา คาถา อภาสิ.

ตตฺถ จิตฺตํ อุปฏฺเปตฺวานาติ ภาวนาจิตฺตํ กมฺมฏฺาเน อุปฏฺเปตฺวา. กถํ? เอกคฺคํ สุสมาหิตํ ปจฺจเวกฺขถาติ ปฏิปตฺตึ อเวกฺขถ, สงฺขาเร อนิจฺจาติปิ, ทุกฺขาติปิ, อนตฺตาติปิ ลกฺขณตฺตยํ วิปสฺสถาติ อตฺโถ. อิทฺจ โอวาทกาเล อตฺตโน อฺเสฺจ ภิกฺขุนีนํ เถริยาทีนํ โอวาทสฺส อนุวาทวเสน วุตฺตํ. ปฏาจารานุสาสนินฺติ ปฏาจาราย เถริยา อนุสิฏฺึ. ‘‘ปฏาจาราย สาสน’’นฺติปิ วา ปาโ.

อถ วุฏฺาสินฺติ เตวิชฺชาภาวปฺปตฺติโต ปจฺฉา อาสนโต วุฏฺาสึ. อยมฺปิ เถรี เอกทิวสํ ปฏาจาราย เถริยา สนฺติเก กมฺมฏฺานํ โสเธตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานํ ปวิสิตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทิ. ‘‘น ตาวิมํ ปลฺลงฺกํ ภินฺทิสฺสามิ, ยาว เม น อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจตี’’ติ นิจฺฉยํ กตฺวา สมฺมสนํ อารภิตฺวา, อนุกฺกเมน วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา มคฺคปฏิปาฏิยา อภิฺาปฏิสมฺภิทาปริวารํ อรหตฺตํ ปตฺวา เอกูนวีสติยา ปจฺจเวกฺขณาาณาย ปวตฺตาย ‘‘อิทานิมฺหิ กตกิจฺจา’’ติ โสมนสฺสชาตา อิมา คาถา อุทาเนตฺวา ปาเท ปสาเรสิ อรุณุคฺคมนเวลายํ. ตโต สมฺมเทว วิภาตาย รตฺติยา เถริยา สนฺติกํ อุปคนฺตฺวา อิมา คาถา ปจฺจุทาหาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘กตา เต อนุสาสนี’’ติอาทิ. เสสํ สพฺพํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.

อุตฺตราเถรีคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. จาลาเถรีคาถาวณฺณนา

สตึอุปฏฺเปตฺวานาติอาทิกา จาลาย เถริยา คาถา. อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิการา ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มคเธสุ นาลกคาเม รูปสาริพฺราหฺมณิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ. ตสฺสา นามคฺคหณทิวเส จาลาติ นามํ อกํสุ, ตสฺสา กนิฏฺาย อุปจาลาติ, อถ ตสฺสา กนิฏฺาย สีสูปจาลาติ . อิมา ติสฺโสปิ ธมฺมเสนาปติสฺส กนิฏฺภคินิโย, อิมาสํ ปุตฺตานมฺปิ ติณฺณํ อิทเมว นามํ. เย สนฺธาย เถรคาถาย ‘‘จาเล อุปจาเล สีสูปจาเล’’ติ (เถรคา. ๔๒) อาคตํ.

อิมา ปน ติสฺโสปิ ภคินิโย ‘‘ธมฺมเสนาปติ ปพฺพชี’’ติ สุตฺวา ‘‘น หิ นูน โส โอรโก ธมฺมวินโย, น สา โอริกา ปพฺพชฺชา, ยตฺถ อมฺหากํ อยฺโย ปพฺพชิโต’’ติ อุสฺสาหชาตา ติพฺพจฺฉนฺทา อสฺสุมุขํ รุทมานํ าติปริชนํ ปหาย ปพฺพชึสุ. ปพฺพชิตฺวา จ ฆเฏนฺติโย วายมนฺติโย นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. อรหตฺตํ ปน ปตฺวา นิพฺพานสุเขน ผลสุเขน วิหรนฺติ.

ตาสุ จาลา ภิกฺขุนี เอกทิวสํ ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตา อนฺธวนํ ปวิสิตฺวา ทิวาวิหารํ นิสีทิ. อถ นํ มาโร อุปสงฺกมิตฺวา กาเมหิ อุปเนสิ. ยํ สนฺธาย สุตฺเต วุตฺตํ –

‘‘อถ โข จาลา ภิกฺขุนี ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรํ อาทาย สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตา เยน อนฺธวนํ, เตนุปสงฺกมิ ทิวาวิหาราย. อนฺธวนํ อชฺโฌคาเหตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิ. อถ โข มาโร ปาปิมา เยน จาลา ภิกฺขุนี, เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา จาลํ ภิกฺขุนึ เอตทโวจา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๖๗).

อนฺธวนมฺหิ ทิวาวิหารํ นิสินฺนํ มาโร อุปสงฺกมิตฺวา พฺรหฺมจริยวาสโต วิจฺฉินฺทิตุกาโม ‘‘กํ นุ อุทฺทิสฺส มุณฺฑาสี’’ติอาทึ ปุจฺฉิ. อถสฺส สตฺถุ คุเณ ธมฺมสฺส จ นิยฺยานิกภาวํ ปกาเสตฺวา อตฺตโน กตกิจฺจภาววิภาวเนน ตสฺส วิสยาติกฺกมํ ปเวเทสิ. ตํ สุตฺวา มาโร ทุกฺขี ทุมฺมโน ตตฺเถวนฺตรธายิ. อถ สา อตฺตนา มาเรน จ ภาสิตา คาถา อุทานวเสน กเถนฺตี –

๑๘๒.

‘‘สตึ อุปฏฺเปตฺวาน, ภิกฺขุนี ภาวิตินฺทฺริยา;

ปฏิวิชฺฌิ ปทํ สนฺตํ, สงฺขารูปสมํ สุขํ.

๑๘๓.

‘‘กํ นุ อุทฺทิสฺส มุณฺฑาสิ, สมณี วิย ทิสฺสติ;

จ โรเจสิ ปาสณฺเฑ, กิมิทํ จรสิ โมมุหา.

๑๘๔.

‘‘อิโต พหิทฺธา ปาสณฺฑา, ทิฏฺิโย อุปนิสฺสิตา;

น เต ธมฺมํ วิชานนฺติ, น เต ธมฺมสฺส โกวิทา.

๑๘๕.

‘‘อตฺถิ สกฺยกุเล ชาโต, พุทฺโธ อปฺปฏิปุคฺคโล;

โส เม ธมฺมมเทเสสิ, ทิฏฺีนํ สมติกฺกมํ.

๑๘๖.

‘‘ทุกฺขํ ทุกฺขสมุปฺปาทํ, ทุกฺขสฺส จ อติกฺกมํ;

อริยํ จฏฺงฺคิกํ มคฺคํ, ทุกฺขูปสมคามินํ.

๑๘๗.

‘‘ตสฺสาหํ วจนํ สุตฺวา, วิหรึ สาสเน รตา;

ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํ.

๑๘๘.

‘‘สพฺพตฺถ วิหตา นนฺที, ตโมกฺขนฺโธ ปทาลิโต;

เอวํ ชานาหิ ปาปิม, นิหโต ตฺวมสิ อนฺตกา’’ติ. –

อิมา คาถา อภาสิ.

ตตฺถ สตึ อุปฏฺเปตฺวานาติ สติปฏฺานภาวนาวเสน กายาทีสุ อสุภทุกฺขานิจฺจานตฺตวเสน สตึ สุฏฺุ อุปฏฺิตํ กตฺวา. ภิกฺขุนีติ อตฺตานํ สนฺธาย วทติ. ภาวิตินฺทฺริยาติ อริยมคฺคภาวนาย ภาวิตสทฺธาทิปฺจินฺทฺริยา. ปฏิวิชฺฌิ ปทํ สนฺตนฺติ สนฺตํ ปทํ นิพฺพานํ สจฺฉิกิริยาปฏิเวเธน ปฏิวิชฺฌิ สจฺฉากาสิ. สงฺขารูปสมนฺติ สพฺพสงฺขารานํ อุปสมเหตุภูตํ. สุขนฺติ อจฺจนฺตสุขํ.

‘‘กํ นุ อุทฺทิสฺสา’’ติ คาถา มาเรน วุตฺตา. ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – อิมสฺมึ โลเก พหู สมยา เตสฺจ เทเสตาโร พหู เอว ติตฺถกรา, เตสุ กํ นุ โข ตฺวํ อุทฺทิสฺส มุณฺฑาสิ มุณฺฑิตเกสา อสิ. น เกวลํ มุณฺฑาว, อถ โข กาสาวธารเณน จ สมณี วิย ทิสฺสติ. น จ โรเจสิ ปาสณฺเฑติ ตาปสปริพฺพาชกาทีนํ อาทาสภูเต ปาสณฺเฑ เต เต สมยนฺตเร เนว โรเจสิ. กิมิทํ จรสิ โมมุหาติ กึ นามิทํ, ยํ ปาสณฺฑวิหิตํ อุชุํ นิพฺพานมคฺคํ ปหาย อชฺช กาลิกํ กุมคฺคํ ปฏิปชฺชนฺตี อติวิย มูฬฺหา จรสิ ปริพฺภมสีติ.

ตํ สุตฺวา เถรี ปฏิวจนทานมุเขน ตํ ตชฺเชนฺตี ‘‘อิโต พหิทฺธา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อิโต พหิทฺธา ปาสณฺฑา นาม อิโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาสนโต พหิทฺธา กุฏีสกพหุการาทิกา. เต หิ สตฺตานํ ตณฺหาปาสํ ทิฏฺิปาสฺจ เฑนฺติ โอฑฺเฑนฺตีติ ปาสณฺฑาติ วุจฺจติ. เตนาห – ‘‘ทิฏฺิโย อุปนิสฺสิตา’’ติ สสฺสตทิฏฺิคตานิ อุเปจฺจ นิสฺสิตา, ทิฏฺิคตานิ อาทิยึสูติ อตฺโถ. ยทคฺเคน จ ทิฏฺิสนฺนิสฺสิตา, ตทคฺเคน ปาสณฺฑสนฺนิสฺสิตา. น เต ธมฺมํ วิชานนฺตีติ เย ปาสณฺฑิโน สสฺสตทิฏฺิคตสนฺนิสฺสิตา ‘‘อยํ ปวตฺติ เอวํ ปวตฺตตี’’ติ ปวตฺติธมฺมมฺปิ ยถาภูตํ น วิชานนฺติ. น เต ธมฺมสฺส โกวิทาติ ‘‘อยํ นิวตฺติ เอวํ นิวตฺตตี’’ติ นิวตฺติธมฺมสฺสาปิ อกุสลา, ปวตฺติธมฺมมคฺเคปิ หิ เต สํมูฬฺหา, กิมงฺคํ ปน นิวตฺติธมฺเมติ.

เอวํ ปาสณฺฑวาทานํ อนิยฺยานิกตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ กํ นุ อุทฺทิสฺส มุณฺฑาสีติ ปฺหํ วิสฺสชฺเชตุํ ‘‘อตฺถิ สกฺยกุเล ชาโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ทิฏฺีนํ สมติกฺกมนฺติ สพฺพาสํ ทิฏฺีนํ สมติกฺกมนุปายํ ทิฏฺิชาลวินิเวนํ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

จาลาเถรีคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. อุปจาลาเถรีคาถาวณฺณนา

สติมตีติอาทิกา อุปจาลาย เถริยา คาถา. ตสฺสา วตฺถุ จาลาย เถริยา วตฺถุมฺหิ วุตฺตเมว. อยมฺปิ หิ จาลา วิย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา อุทาเนนฺตี –

๑๘๙.

‘‘สติมตี จกฺขุมตี, ภิกฺขุนี ภาวิตินฺทฺริยา;

ปฏิวิชฺฌิ ปทํ สนฺตํ, อกาปุริสเสวิต’’นฺติ. –

อิมํ คาถํ อภาสิ.

ตตฺถ สติมตีติ สติสมฺปนฺนา, ปุพฺพภาเค ปรเมน สติเนปกฺเกน สมนฺนาคตา หุตฺวา ปจฺฉา อริยมคฺคสฺส ภาวิตตฺตา สติเวปุลฺลปฺปตฺติยา อุตฺตมาย สติยา สมนฺนาคตาติ อตฺโถ. จกฺขุมตีติ ปฺาจกฺขุนา สมนฺนาคตา, อาทิโต อุทยตฺถคามินิยา ปฺาย อริยาย นิพฺเพธิกาย สมนฺนาคตา หุตฺวา ปฺาเวปุลฺลปฺปตฺติยา ปรเมน ปฺาจกฺขุนา สมนฺนาคตาติ วุตฺตํ โหติ. อกาปุริสเสวิตนฺติ อลามกปุริเสหิ อุตฺตมปุริเสหิ อริเยหิ พุทฺธาทีหิ เสวิตํ.

‘‘กินฺนุ ชาตึ น โรเจสี’’ติ คาถา เถรึ กาเมสุ อุปหาเรตุกาเมน มาเรน วุตฺตา. ‘‘กึ นุ ตฺวํ ภิกฺขุนิ น โรเจสี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๖๗) หิ มาเรน ปุฏฺา เถรี อาห – ‘‘ชาตึ ขฺวาหํ, อาวุโส, น โรเจมี’’ติ. อถ นํ มาโร ชาตสฺส กามา ปริโภคา, ตสฺมา ชาติปิ อิจฺฉิตพฺพา, กามาปิ ปริภุฺชิตพฺพาติ ทสฺเสนฺโต –

๑๙๐.

‘‘กินฺนุ ชาตึ น โรเจสิ, ชาโต กามานิ ภุฺชติ;

ภุฺชาหิ กามรติโย, มาหุ ปจฺฉานุตาปินี’’ติ. –

คาถมาห.

ตสฺสตฺโถ – กึ นุ ตํ การณํ, เยน ตฺวํ อุปจาเล ชาตึ น โรเจสิ น โรเจยฺยาสิ, น ตํ การณํ อตฺถิ. ยสฺมา ชาโต กามานิ ภุฺชติ อิธ ชาโต กามคุณสํหิตานิ รูปาทีนิ ปฏิเสวนฺโต กามสุขํ ปริภุฺชติ. น หิ อชาตสฺส ตํ อตฺถิ, ตสฺมา ภุฺชาหิ กามรติโย กามขิฑฺฑารติโย อนุภว. มาหุ ปจฺฉานุตาปินี ‘‘โยพฺพฺเ สติ วิชฺชมาเนสุ โภเคสุ น มยา กามสุขมนุภูต’’นฺติ ปจฺฉานุตาปินี มา อโหสิ. อิมสฺมึ โลเก ธมฺมา นาม ยาวเทว อตฺถาธิคมตฺโถ อตฺโถ จ กามสุขตฺโถติ ปากโฏยมตฺโถติ อธิปฺปาโย.

ตํ สุตฺวา เถรี ชาติยา ทุกฺขนิมิตฺตตํ อตฺตโน จ ตสฺส วิสยาติกฺกมํ วิภาเวตฺวา ตชฺเชนฺตี –

๑๙๑.

‘‘ชาตสฺส มรณํ โหติ, หตฺถปาทาน เฉทนํ;

วธพนฺธปริกฺเลสํ, ชาโต ทุกฺขํ นิคจฺฉติ.

๑๙๒.

‘‘อตฺถิ สกฺยกุเล ชาโต, สมฺพุทฺโธ อปราชิโต;

โส เม ธมฺมมเทเสสิ, ชาติยา สมติกฺกมํ.

๑๙๓.

‘‘ทุกฺขํ ทุกฺขสมุปฺปาทํ, ทุกฺขสฺส จ อติกฺกมํ;

อริยํ จฏฺงฺคิกํ มคฺคํ, ทุกฺขูปสมคามินํ.

๑๙๔.

‘‘ตสฺสาหํ วจนํ สุตฺวา, วิหรึ สาสเน รตา;

ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํ.

๑๙๕.

‘‘สพฺพตฺถ วิหตา นนฺที, ตโมกฺขนฺโธ ปทาลิโต;

เอวํ ชานาหิ ปาปิม, นิหโต ตฺวมสิ อนฺตกา’’ติ. –

อิมา คาถา อภาสิ.

ตตฺถ ชาตสฺส มรณํ โหตีติ ยสฺมา ชาตสฺส สตฺตสฺส มรณํ โหติ, น อชาตสฺส. น เกวลํ มรณเมว, อถ โข ชราโรคาทโย ยตฺตกานตฺถา, สพฺเพปิ เต ชาตสฺส โหนฺติ ชาติเหตุกา. เตนาห ภควา – ‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา สมฺภวนฺตี’’ติ (มหาว. ๑; วิภ. ๒๒๕; อุทา. ๑). เตเนวาห – ‘‘หตฺถปาทาน เฉทน’’นฺติ หตฺถปาทานํ เฉทนํ ชาตสฺเสว โหติ, น อชาตสฺส. หตฺถปาทเฉทนาปเทเสน เจตฺถ พาตฺตึส กมฺมการณาปิ ทสฺสิตา เอวาติ ทฏฺพฺพํ. เตเนวาห – ‘‘วธพนฺธปริกฺเลสํ, ชาโต ทุกฺขํ นิคจฺฉตี’’ติ. ชีวิตวิโยชนมุฏฺิปฺปหาราทิสงฺขาตํ วธปริกฺเลสฺเจว อนฺทุพนฺธนาทิสงฺขาตํ พนฺธปริกฺเลสํ อฺฺจ ยํกิฺจิ ทุกฺขํ นาม ตํ สพฺพํ ชาโต เอว นิคจฺฉติ, น อชาโต, ตสฺมา ชาตึ น โรเจมีติ.

อิทานิ ชาติยา กามานฺจ อจฺจนฺตเมว อตฺตนา สมติกฺกนฺตภาวํ มูลโต ปฏฺาย ทสฺเสนฺตี – ‘‘อตฺถิ สกฺยกุเล ชาโต’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อปราชิโตติ กิเลสมาราทินา เกนจิ น ปราชิโต. สตฺถา หิ สพฺพาภิภู สเทวกํ โลกํ อฺทตฺถุ อภิภวิตฺวา ิโต , ตสฺมา อปราชิโต. เสสํ วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานเมว.

อุปจาลาเถรีคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

สตฺตกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.