📜

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

ขุทฺทกนิกาเย

อปทาน-อฏฺกถา

(ปโม ภาโค)

คนฺถารมฺภกถา

วนฺทิตฺวา สิรสา เสฏฺํ, พุทฺธมปฺปฏิปุคฺคลํ;

เยฺยสาครมุตฺติณฺณํ, ติณฺณํ สํสารสาครํ.

ตเถว ปรมํ สนฺตํ, คมฺภีรํ ทุทฺทสํ อณุํ;

ภวาภวกรํ สุทฺธํ, ธมฺมํ สมฺพุทฺธปูชิตํ.

ตเถว อนฆํ สงฺฆํ, อสงฺคํ สงฺฆมุตฺตมํ;

อุตฺตมํ ทกฺขิเณยฺยานํ, สนฺตินฺทฺริยมนาสวํ.

กเตน ตสฺส เอตสฺส, ปณาเมน วิเสสโต;

รตนตฺตเย วิเสเสน, วิเสสสฺสาทเรน เม.

เถเรหิ ธีรธีเรหิ, อาคมฺูหิ วิฺุภิ;

‘‘อปทานฏฺกถา ภนฺเต, กาตพฺพา’’ติ วิเสสโต.

ปุนปฺปุนาทเรเนว, ยาจิโตหํ ยสสฺสิภิ;

ตสฺมาหํ สาปทานสฺส, อปทานสฺสเสสโต.

วิเสสนยทีปสฺส, ทีปิสฺสํ ปิฏกตฺตเย;

ยถา ปาฬินเยเนว, อตฺถสํวณฺณนํ สุภํ.

เกน กตฺถ กทา เจตํ, ภาสิตํ ธมฺมมุตฺตมํ;

กิมตฺถํ ภาสิตฺเจตํ, เอตํ วตฺวา วิธึ ตโต.

นิทาเนสุ โกสลฺลตฺถํ, สุขุคฺคหณธารณํ;

ตสฺมา ตํ ตํ วิธึ วตฺวา, ปุพฺพาปรวิเสสิตํ.

ปุรา สีหฬภาสาย, โปราณฏฺกถาย จ;

ปิตํ ตํ น สาเธติ, สาธูนํ อิจฺฉิติจฺฉิตํ.

ตสฺมา ตมุปนิสฺสาย, โปราณฏฺกถานยํ;

วิวชฺเชตฺวา วิรุทฺธตฺถํ, วิเสสตฺถํ ปกาสยํ;

วิเสสวณฺณนํ เสฏฺํ, กริสฺสามตฺถวณฺณนนฺติ.

นิทานกถา

‘‘เกนกตฺถ กทา เจตํ, ภาสิตํ ธมฺมมุตฺตม’’นฺติ จ, ‘‘กริสฺสามตฺถวณฺณน’’นฺติ จ ปฏิฺาตตฺตา สา ปนายํ อปทานสฺสตฺถวณฺณนา ทูเรนิทานํ, อวิทูเรนิทานํ, สนฺติเกนิทานนฺติ อิมานิ ตีณิ นิทานานิ ทสฺเสตฺวา วณฺณิยมานา เย นํ สุณนฺติ, เตหิ สมุทาคมโต ปฏฺาย วิฺาตตฺตา ยสฺมา สุฏฺุ วิฺาตา นาม โหติ, ตสฺมา นํ ตานิ นิทานานิ ทสฺเสตฺวาว วณฺณยิสฺสาม.

ตตฺถ อาทิโต ตาว เตสํ นิทานานํ ปริจฺเฉโท เวทิตพฺโพ. ทีปงฺกรปาทมูลสฺมิฺหิ กตาภินีหารสฺส มหาสตฺตสฺส ยาว เวสฺสนฺตรตฺตภาวา จวิตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติ, ตาว ปวตฺโต กถามคฺโค ทูเรนิทานํ นาม. ตุสิตภวนโต ปน จวิตฺวา ยาว โพธิมณฺเฑ สพฺพฺุตปฺปตฺติ, ตาว ปวตฺโต กถามคฺโค อวิทูเรนิทานํ นาม. สนฺติเกนิทานํ ปน เตสุ เตสุ าเนสุ วิหรโต ตสฺมึ ตสฺมึเยว าเน ลพฺภตีติ.

๑. ทูเรนิทานกถา

ตตฺริทํ ทูเรนิทานํ นาม – อิโต กิร กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ จตุนฺนํ อสงฺขฺเยยฺยานํ มตฺถเก อมรวตี นาม นครํ อโหสิ. ตตฺถ สุเมโธ นาม พฺราหฺมโณ ปฏิวสติ, อุภโต สุชาโต มาติโต จ ปิติโต จ, สํสุทฺธคหณิโก ยาว สตฺตมา กุลปริวฏฺฏา, อกฺขิตฺโต อนุปกุฏฺโ ชาติวาเทน, อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคโต. โส อฺํ กมฺมํ อกตฺวา พฺราหฺมณสิปฺปเมว อุคฺคณฺหิ. ตสฺส ทหรกาเลเยว มาตาปิตโร กาลมกํสุ. อถสฺส ราสิวฑฺฒโก อมจฺโจ อายโปตฺถกํ อาหริตฺวา สุวณฺณรชตมณิมุตฺตาทิภริเต คพฺเภ วิวริตฺวา ‘‘เอตฺตกํ เต, กุมาร, มาตุ สนฺตกํ, เอตฺตกํ ปิตุ สนฺตกํ, เอตฺตกํ อยฺยกปยฺยกาน’’นฺติ ยาว สตฺตมา กุลปริวฏฺฏา ธนํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘เอตํ ปฏิปชฺชาหี’’ติ อาห. สุเมธปณฺฑิโต จินฺเตสิ – ‘‘อิมํ ธนํ สํหริตฺวา มยฺหํ ปิตุปิตามหาทโย ปรโลกํ คจฺฉนฺตา เอกกหาปณมฺปิ คเหตฺวา น คตา, มยา ปน คเหตฺวา คมนการณํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ, โส รฺโ อาโรเจตฺวา นคเร เภรึ จราเปตฺวา มหาชนสฺส ทานํ ทตฺวา ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. อิมสฺส ปนตฺถสฺส อาวิภาวตฺถํ อิมสฺมึ าเน สุเมธกถา กเถตพฺพา . สา ปเนสา กิฺจาปิ พุทฺธวํเส นิรนฺตรํ อาคตาเยว, คาถาพนฺเธน ปน อาคตตฺตา น สุฏฺุ ปากฏา, ตสฺมา ตํ อนฺตรนฺตรา คาถาสมฺพนฺธทีปเกหิ วจเนหิ สทฺธึ กเถสฺสาม.

สุเมธกถา

กปฺปสตสหสฺสาธิกานฺหิ จตุนฺนํ อสงฺขฺเยยฺยานํ มตฺถเก ทสหิ สทฺเทหิ อวิวิตฺตํ ‘‘อมรวตี’’ติ จ ‘‘อมร’’นฺติ จ ลทฺธนามํ นครํ อโหสิ, ยํ สนฺธาย พุทฺธวํเส วุตฺตํ –

‘‘กปฺเป จ สตสหสฺเส, จตุโร จ อสงฺขิเย;

อมรํ นาม นครํ, ทสฺสเนยฺยํ มโนรมํ;

ทสหิ สทฺเทหิ อวิวิตฺตํ, อนฺนปานสมายุต’’นฺติ. (พุ. วํ. ๒.๑-๒);

ตตฺถ ทสหิ สทฺเทหิ อวิวิตฺตนฺติ หตฺถิสทฺเทน อสฺสสทฺเทน รถสทฺเทน เภริสทฺเทน มุทิงฺคสทฺเทน วีณาสทฺเทน คีตสทฺเทน สงฺขสทฺเทน สมฺมสทฺเทน ตาฬสทฺเทน ‘‘อสฺนาถ ปิวถ ขาทถา’’ติ ทสเมน สทฺเทนาติ อิเมหิ ทสหิ สทฺเทหิ อวิวิตฺตํ อโหสิ. เตสํ ปน สทฺทานํ เอกเทสเมว คเหตฺวา –

‘‘หตฺถิสทฺทํ อสฺสสทฺทํ, เภริสงฺขรถานิ จ;

ขาทถ ปิวถ เจว, อนฺนปาเนน โฆสิต’’นฺติ. –

พุทฺธวํเส (พุ. วํ. ๒.๓-๕) อิมํ คาถํ วตฺวา –

‘‘นครํ สพฺพงฺคสมฺปนฺนํ, สพฺพกมฺมมุปาคตํ;

สตฺตรตนสมฺปนฺนํ, นานาชนสมากุลํ;

สมิทฺธํ เทวนครํว, อาวาสํ ปุฺกมฺมินํ.

‘‘นคเร อมรวติยา, สุเมโธ นาม พฺราหฺมโณ;

อเนกโกฏิสนฺนิจโย, ปหูตธนธฺวา.

‘‘อชฺฌายโก มนฺตธโร, ติณฺณํ เวทาน ปารคู;

ลกฺขเณ อิติหาเส จ, สธมฺเม ปารมึ คโต’’ติ. – วุตฺตํ;

อเถกทิวสํ โส สุเมธปณฺฑิโต อุปริปาสาทวรตเล รโหคโต หุตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสินฺโน เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘ปุนพฺภเว, ปณฺฑิต, ปฏิสนฺธิคฺคหณํ นาม ทุกฺขํ, ตถา นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน สรีรสฺส เภทนํ, อหฺจ ชาติธมฺโม, ชราธมฺโม, พฺยาธิธมฺโม, มรณธมฺโม, เอวํภูเตน มยา อชาตึ อชรํ อพฺยาธึ อมรณํ อทุกฺขํ สุขํ สีตลํ อมตมหานิพฺพานํ ปริเยสิตุํ วฏฺฏติ. อวสฺสํ ภวโต มุจฺจิตฺวา นิพฺพานคามินา เอเกน มคฺเคน ภวิตพฺพ’’นฺติ. เตน วุตฺตํ –

‘‘รโหคโต นิสีทิตฺวา, เอวํ จินฺเตสหํ ตทา;

ทุกฺโข ปุนพฺภโว นาม, สรีรสฺส จ เภทนํ.

‘‘ชาติธมฺโม ชราธมฺโม, พฺยาธิธมฺโม สหํ ตทา;

อชรํ อมรํ เขมํ, ปริเยสิสฺสามิ นิพฺพุตึ.

‘‘ยํนูนิมํ ปูติกายํ, นานากุณปปูริตํ;

ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺเฉยฺยํ, อนเปกฺโข อนตฺถิโก.

‘‘อตฺถิ เหหิติ โส มคฺโค, น โส สกฺกา น เหตุเย;

ปริเยสิสฺสามิ ตํ มคฺคํ, ภวโต ปริมุตฺติยา’’ติ.

ตโต อุตฺตริปิ เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘ยถา หิ โลเก ทุกฺขสฺส ปฏิปกฺขภูตํ สุขํ นาม อตฺถิ, เอวํ ภเว สติ ตปฺปฏิปกฺเขน วิภเวนาปิ ภวิตพฺพํ. ยถา จ อุณฺเห สติ ตสฺส วูปสมภูตํ สีตลมฺปิ อตฺถิ, เอวํ ราคคฺคิอาทีนํ วูปสเมน นิพฺพาเนนาปิ ภวิตพฺพํ. ยถา นาม ปาปสฺส ลามกสฺส ธมฺมสฺส ปฏิปกฺขภูโต กลฺยาโณ อนวชฺชภูโต ธมฺโมปิ อตฺถิเยว, เอวเมว ปาปิกาย ชาติยา สติ สพฺพชาติเขปนโต อชาติสงฺขาเตน นิพฺพาเนนาปิ ภวิตพฺพเมวา’’ติ. เตน วุตฺตํ –

‘‘ยถาปิ ทุกฺเข วิชฺชนฺเต, สุขํ นามปิ วิชฺชติ;

เอวํ ภเว วิชฺชมาเน, วิภโวปิจฺฉิตพฺพโก.

‘‘ยถาปิ อุณฺเห วิชฺชนฺเต, อปรํ วิชฺชติ สีตลํ;

เอวํ ติวิธคฺคิ วิชฺชนฺเต, นิพฺพานมฺปิจฺฉิตพฺพกํ.

‘‘ยถาปิ ปาเป วิชฺชนฺเต, กลฺยาณมปิ วิชฺชติ;

เอวเมว ชาติ วิชฺชนฺเต, อชาติปิจฺฉิตพฺพก’’นฺติ.

อปรมฺปิ จินฺเตสิ – ‘‘ยถา นาม คูถราสิมฺหิ นิมุคฺเคน ปุริเสน ทูรโตว ปฺจวณฺณปทุมสฺฉนฺนํ มหาตฬากํ ทิสฺวา ‘กตเรน นุ โข มคฺเคน เอตฺถ คนฺตพฺพ’นฺติ ตํ ตฬากํ คเวสิตุํ ยุตฺตํ. ยํ ตสฺส อคเวสนํ, น โส ตฬากสฺส โทโส, ปุริสสฺเสว โทโส. เอวํ กิเลสมลโธวเน อมตมหานิพฺพานตฬาเก วิชฺชนฺเต ยํ ตสฺส อคเวสนํ, น โส อมตมหานิพฺพานตฬากสฺส โทโส, ปุริสสฺเสว โทโส. ยถา จ โจเรหิ สมฺปริวาริโต ปุริโส ปลายนมคฺเค วิชฺชมาเนปิ สเจ น ปลายติ, น โส มคฺคสฺส โทโส, ปุริสสฺเสว โทโส. เอวเมว กิเลเสหิ ปริวาเรตฺวา คหิตสฺส ปุริสสฺส วิชฺชมาเนเยว นิพฺพานคามิมฺหิ สิเว มคฺเค มคฺคสฺส อคเวสนํ นาม น มคฺคสฺส โทโส, ปุริสสฺเสว โทโส. ยถา จ พฺยาธิปีฬิโต ปุริโส วิชฺชมาเน พฺยาธิติกิจฺฉเก เวชฺเช สเจ ตํ เวชฺชํ คเวสิตฺวา พฺยาธึ น ติกิจฺฉาเปติ, น โส เวชฺชสฺส โทโส, ปุริสสฺเสว โทโส. เอวเมว โย กิเลสพฺยาธิปีฬิโต กิเลสวูปสมมคฺคโกวิทํ วิชฺชมานเมว อาจริยํ น คเวสติ, ตสฺเสว โทโส, น กิเลสวินาสกสฺส อาจริยสฺส โทโส’’ติ. เตน วุตฺตํ –

‘‘ยถา คูถคโต ปุริโส, ตฬากํ ทิสฺวาน ปูริตํ;

น คเวสติ ตํ ตฬากํ, น โทโส ตฬากสฺส โส.

‘‘เอวํ กิเลสมลโธเว, วิชฺชนฺเต อมตนฺตเฬ;

น คเวสติ ตํ ตฬากํ, น โทโส อมตนฺตเฬ.

‘‘ยถา อรีหิ ปริรุทฺโธ, วิชฺชนฺเต คมนมฺปเถ;

น ปลายติ โส ปุริโส, น โทโส อฺชสสฺส โส.

‘‘เอวํ กิเลสปริรุทฺโธ, วิชฺชมาเน สิเว ปเถ;

น คเวสติ ตํ มคฺคํ, น โทโส สิวมฺชเส.

‘‘ยถาปิ พฺยาธิโต ปุริโส, วิชฺชมาเน ติกิจฺฉเก;

น ติกิจฺฉาเปติ ตํ พฺยาธึ, น โทโส โส ติกิจฺฉเก.

‘‘เอวํ กิเลสพฺยาธีหิ, ทุกฺขิโต ปริปีฬิโต;

น คเวสติ ตํ อาจริยํ, น โทโส โส วินายเก’’ติ.

อปรมฺปิ จินฺเตสิ – ‘‘ยถา มณฺฑนกชาติโก ปุริโส กณฺเ อาสตฺตํ กุณปํ ฉฑฺเฑตฺวา สุขํ คจฺเฉยฺย, เอวํ มยาปิ อิมํ ปูติกายํ ฉฑฺเฑตฺวา อนเปกฺเขน นิพฺพานนครํ ปวิสิตพฺพํ. ยถา จ นรนาริโย อุกฺการภูมิยํ อุจฺจารปสฺสาวํ กตฺวา น ตํ อุจฺฉงฺเคน วา อาทาย, ทุสฺสนฺเตน วา เวเตฺวา คจฺฉนฺติ, ชิคุจฺฉมานา ปน อนเปกฺขาว, ฉฑฺเฑตฺวา คจฺฉนฺติ, เอวํ มยาปิ อิมํ ปูติกายํ อนเปกฺเขน ฉฑฺเฑตฺวา อมตนิพฺพานนครํ ปวิสิตุํ วฏฺฏติ. ยถา จ นาวิกา นาม ชชฺชรํ นาวํ อนเปกฺขาว ฉฑฺเฑตฺวา คจฺฉนฺติ, เอวํ อหมฺปิ อิมํ นวหิ วณมุเขหิ ปคฺฆรนฺตํ กายํ ฉฑฺเฑตฺวา อนเปกฺโข นิพฺพานปุรํ ปวิสิสฺสามิ. ยถา จ ปุริโส นานารตนานิ อาทาย โจเรหิ สทฺธึ มคฺคํ คจฺฉนฺโต อตฺตโน รตนนาสภเยน เต ฉฑฺเฑตฺวา เขมํ มคฺคํ คณฺหาติ, เอวํ อยมฺปิ กรชกาโย รตนวิโลปกโจรสทิโส. สจาหํ เอตฺถ ตณฺหํ กริสฺสามิ, อริยมคฺคกุสลธมฺมรตนํ เม นสฺสิสฺสติ, ตสฺมา มยา อิมํ โจรสทิสํ กายํ ฉฑฺเฑตฺวา อมตมหานิพฺพานนครํ ปวิสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. เตน วุตฺตํ –

‘‘ยถาปิ กุณปํ ปุริโส, กณฺเ พทฺธํ ชิคุจฺฉิย;

โมจยิตฺวาน คจฺเฉยฺย, สุขี เสรี สยํวสี.

‘‘ตเถวิมํ ปูติกายํ, นานากุณปสฺจยํ;

ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺเฉยฺยํ, อนเปกฺโข อนตฺถิโก.

‘‘ยถา อุจฺจารฏฺานมฺหิ, กรีสํ นรนาริโย;

ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺฉนฺติ, อนเปกฺขา อนตฺถิกา.

‘‘เอวเมวาหํ อิมํ กายํ, นานากุณปปูริตํ;

ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺฉิสฺสํ, วจฺจํ กตฺวา ยถา กุฏึ.

‘‘ยถาปิ ชชฺชรํ นาวํ, ปลุคฺคํ อุทคาหินึ;

สามี ฉฑฺเฑตฺวา คจฺฉนฺติ, อนเปกฺขา อนตฺถิกา.

‘‘เอวเมวาหํ อิมํ กายํ, นวจฺฉิทฺทํ ธุวสฺสวํ;

ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺฉิสฺสํ, ชิณฺณนาวํว สามิกา.

‘‘ยถาปิ ปุริโส โจเรหิ, คจฺฉนฺโต ภณฺฑมาทิย;

ภณฺฑจฺเฉทภยํ ทิสฺวา, ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺฉติ.

‘‘เอวเมว อยํ กาโย, มหาโจรสโม วิย;

ปหายิมํ คมิสฺสามิ, กุสลจฺเฉทนา ภยา’’ติ.

เอวํ สุเมธปณฺฑิโต นานาวิธาหิ อุปมาหิ อิมํ เนกฺขมฺมูปสํหิตํ อตฺถํ จินฺเตตฺวา สกนิเวสเน อปริมิตโภคกฺขนฺธํ เหฏฺา วุตฺตนเยน กปณทฺธิกาทีนํ วิสฺสชฺเชตฺวา มหาทานํ ทตฺวา วตฺถุกาเม จ กิเลสกาเม จ ปหาย อมรนครโต นิกฺขมิตฺวา เอกโกว หิมวนฺเต ธมฺมิกํ นาม ปพฺพตํ นิสฺสาย อสฺสมํ กตฺวา ตตฺถ ปณฺณสาลฺจ จงฺกมฺจ มาเปตฺวา ปฺจหิ นีวรณโทเสหิ วชฺชิตํ ‘‘เอวํ สมาหิเต จิตฺเต’’ติอาทินา นเยน วุตฺเตหิ อฏฺหิ การณคุเณหิ สมุเปตํ อภิฺาสงฺขาตํ พลํ อาหริตุํ ตสฺมึ อสฺสมปเท นวโทสสมนฺนาคตํ สาฏกํ ปชหิตฺวา, ทฺวาทสคุณสมนฺนาคตํ วากจีรํ นิวาเสตฺวา, อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. เอวํ ปพฺพชิโต อฏฺโทสสมากิณฺณํ ตํ ปณฺณสาลํ ปหาย ทสคุณสมนฺนาคตํ รุกฺขมูลํ อุปคนฺตฺวา สพฺพํ ธฺวิกตึ ปหาย ปวตฺตผลโภชโน หุตฺวา นิสชฺชฏฺานจงฺกมนวเสเนว ปธานํ ปทหนฺโต สตฺตาหพฺภนฺตเรเยว อฏฺนฺนํ สมาปตฺตีนํ ปฺจนฺนฺจ อภิฺานํ ลาภี อโหสิ. เอวํ ตํ ยถาปตฺถิตํ อภิฺาพลํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘เอวาหํ จินฺตยิตฺวาน, เนกโกฏิสตํ ธนํ;

นาถานาถานํ ทตฺวาน, หิมวนฺตมุปาคมึ.

‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร, ธมฺมิโก นาม ปพฺพโต;

อสฺสโม สุกโต มยฺหํ, ปณฺณสาลา สุมาปิตา.

‘‘จงฺกมํ ตตฺถ มาเปสึ, ปฺจโทสวิวชฺชิตํ;

อฏฺคุณสมุเปตํ, อภิฺาพลมาหรึ.

‘‘สาฏกํ ปชหึ ตตฺถ, นวโทสมุปาคตํ;

วากจีรํ นิวาเสสึ, ทฺวาทสคุณมุปาคตํ.

‘‘อฏฺโทสสมากิณฺณํ, ปชหึ ปณฺณสาลกํ;

อุปาคมึ รุกฺขมูลํ, คุเณ ทสหุปาคตํ.

‘‘วาปิตํ โรปิตํ ธฺํ, ปชหึ นิรวเสสโต;

อเนกคุณสมฺปนฺนํ, ปวตฺตผลมาทิยึ.

‘‘ตตฺถปฺปธานํ ปทหึ, นิสชฺชฏฺานจงฺกเม;

อพฺภนฺตรมฺหิ สตฺตาเห, อภิฺาพล ปาปุณิ’’นฺติ.

ตตฺถ ‘‘อสฺสโม สุกโต มยฺหํ, ปณฺณสาลา สุมาปิตา’’ติ อิมาย ปน ปาฬิยา สุเมธปณฺฑิเตน อสฺสมปณฺณสาลจงฺกมา สหตฺถา มาปิตา วิย วุตฺตา. อยํ ปเนตฺถ อตฺโถ – มหาสตฺตฺหิ ‘‘หิมวนฺตํ อชฺโฌคาเหตฺวา อชฺช ธมฺมิกปพฺพตํ ปวิสิสฺสตี’’ติ ทิสฺวา สกฺโก วิสฺสกมฺมเทวปุตฺตํ อามนฺเตสิ – ‘‘ตาต, อยํ สุเมธปณฺฑิโต ‘ปพฺพชิสฺสามี’ติ นิกฺขนฺโต, เอตสฺส วสนฏฺานํ มาเปหี’’ติ. โส ตสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา รมณียํ อสฺสมํ, สุคุตฺตํ ปณฺณสาลํ, มโนรมํ จงฺกมฺจ มาเปสิ. ภควา ปน ตทา อตฺตโน ปุฺานุภาเวน นิปฺผนฺนํ ตํ อสฺสมปทํ สนฺธาย ‘‘สาริปุตฺต, ตสฺมึ ธมฺมิกปพฺพเต –

‘‘อสฺสโม สุกโต มยฺหํ, ปณฺณสาลา สุมาปิตา;

จงฺกมํ ตตฺถ มาเปสึ, ปฺจโทสวิวชฺชิต’’’นฺติ. –

อาห. ตตฺถ สุกโต มยฺหนฺติ สุฏฺุ กโต มยา. ปณฺณสาลา สุมาปิตาติ ปณฺณจฺฉทนสาลาปิ เม สุมาปิตา อโหสิ.

ปฺจโทสวิวชฺชิตนฺติ ปฺจิเม จงฺกมโทสา นาม ถทฺธวิสมตา, อนฺโตรุกฺขตา, คหนจฺฉนฺนตา , อติสมฺพาธตา, อติวิสาลตาติ. ถทฺธวิสมภูมิภาคสฺมิฺหิ จงฺกเม จงฺกมนฺตสฺส ปาทา รุชฺชนฺติ, โผฏา อุฏฺหนฺติ, จิตฺตํ เอกคฺคตํ น ลภติ, กมฺมฏฺานํ วิปชฺชติ. มุทุสมตเล ปน ผาสุวิหารํ อาคมฺม กมฺมฏฺานํ สมฺปชฺชติ. ตสฺมา ถทฺธวิสมภูมิภาคตา เอโก โทโสติ เวทิตพฺโพ. จงฺกมสฺส อนฺโต วา มชฺเฌ วา โกฏิยํ วา รุกฺเข สติ ปมาทมาคมฺม จงฺกมนฺตสฺส นลาฏํ วา สีสํ วา ปฏิหฺตีติ อนฺโตรุกฺขตา ทุติโย โทโส. ติณลตาทิคหนจฺฉนฺเน จงฺกเม จงฺกมนฺโต อนฺธการเวลายํ อุรคาทิเก ปาเณ อกฺกมิตฺวา วา มาเรติ, เตหิ วา ทฏฺโ ทุกฺขํ อาปชฺชตีติ คหนจฺฉนฺนตา ตติโย โทโส. อติสมฺพาเธ จงฺกเม วิตฺถารโต รตนิเก วา อฑฺฒรตนิเก วา จงฺกมนฺตสฺส ปริจฺเฉเท ปกฺขลิตฺวา นขาปิ องฺคุลิโยปิ ภิชฺชนฺตีติ อติสมฺพาธตา จตุตฺโถ โทโส. อติวิสาเล จงฺกเม จงฺกมนฺตสฺส จิตฺตํ วิธาวติ, เอกคฺคตํ น ลภตีติ อติวิสาลตา ปฺจโม โทโส. ปุถุลโต ปน ทิยฑฺฒรตนํ ทฺวีสุ ปสฺเสสุ รตนมตฺตํ อนุจงฺกมํ ทีฆโต สฏฺิหตฺถํ มุทุตลํ สมวิปฺปกิณฺณวาลุกํ จงฺกมํ วฏฺฏติ เจติยคิริมฺหิ ทีปปฺปสาทกมหามหินฺทตฺเถรสฺส จงฺกมํ วิย, ตาทิสํ ตํ อโหสิ. เตนาห – ‘‘จงฺกมํ ตตฺถ มาเปสึ, ปฺจโทสวิวชฺชิต’’นฺติ.

อฏฺคุณสมุเปตนฺติ อฏฺหิ สมณสุเขหิ อุเปตํ. อฏฺิมานิ สมณสุขานิ นาม ธนธฺปริคฺคหาภาโว, อนวชฺชปิณฺฑปาตปริเยสนภาโว, นิพฺพุตปิณฺฑปาตภุฺชนภาโว, รฏฺํ ปีเฬตฺวา ธนสารํ วา สีสกหาปณาทีนิ วา คณฺหนฺเตสุ ราชกุเลสุ รฏฺปีฬนกิเลสาภาโว, อุปกรเณสุ นิจฺฉนฺทราคภาโว, โจรวิโลเป นิพฺภยภาโว, ราชราชมหามตฺเตหิ อสํสฏฺภาโว, จตูสุ ทิสาสุ อปฺปฏิหตภาโวติ . อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘ยถา ตสฺมึ อสฺสเม วสนฺเตน สกฺกา โหนฺติ อิมานิ อฏฺ สุขานิ วินฺทิตุํ, เอวํ อฏฺคุณสมุเปตํ ตํ อสฺสมํ มาเปสิ’’นฺติ.

อภิฺาพลมาหรินฺติ ปจฺฉา ตสฺมึ อสฺสเม วสนฺโต กสิณปริกมฺมํ กตฺวา อภิฺานฺจ สมาปตฺตีนฺจ อุปฺปาทนตฺถาย อนิจฺจโต จ ทุกฺขโต จ วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ถามปฺปตฺตํ วิปสฺสนาพลํ อาหรึ. ยถา ตสฺมึ วสนฺโต ตํ พลํ อาหริตุํ สกฺโกมิ, เอวํ ตํ อสฺสมํ อภิฺตฺถาย วิปสฺสนาพลสฺส อนุจฺฉวิกํ กตฺวา มาเปสินฺติ อตฺโถ.

สาฏกํ ปชหึ ตตฺถ, นวโทสมุปาคตนฺติ เอตฺถายํ อนุปุพฺพิกถา. ตทา กิร กุฏิเลณจงฺกมาทิปฏิมณฺฑิตํ ปุปฺผูปคผลูปครุกฺขสฺฉนฺนํ รมณียํ มธุรสลิลาสยํ อปคตวาฬมิคภึสนกสกุณํ ปวิเวกกฺขมํ อสฺสมํ มาเปตฺวา อลงฺกตจงฺกมสฺส อุโภสุ อนฺเตสุ อาลมฺพนผลกํ สํวิธาย นิสีทนตฺถาย จงฺกมเวมชฺเฌ สมตลํ มุคฺควณฺณสิลํ มาเปตฺวา อนฺโต ปณฺณสาลาย ชฏามณฺฑลวากจีรติทณฺฑกุณฺฑิกาทิเก ตาปสปริกฺขาเร มณฺฑเป ปานียฆฏปานียสงฺขปานียสราวานิ, อคฺคิสาลายํ องฺคารกปลฺลทารุอาทีนีติ เอวํ ยํ ยํ ปพฺพชิตานํ อุปการาย สํวตฺตติ, ตํ สพฺพํ มาเปตฺวา ปณฺณสาลาย ภิตฺติยํ – ‘‘เย เกจิ ปพฺพชิตุกามา อิเม ปริกฺขาเร คเหตฺวา ปพฺพชนฺตู’’ติ อกฺขรานิ ฉินฺทิตฺวา เทวโลกเมว คเต วิสฺสกมฺมเทวปุตฺเต สุเมธปณฺฑิโต หิมวนฺตปาเท คิริกนฺทรานุสาเรน อตฺตโน นิวาสานุรูปํ ผาสุกฏฺานํ โอโลเกนฺโต นทีนิวตฺตเน วิสฺสกมฺมนิมฺมิตํ สกฺกทตฺติยํ รมณียํ อสฺสมํ ทิสฺวา จงฺกมนโกฏึ คนฺตฺวา ปทวฬฺชํ อปสฺสนฺโต ‘‘ธุวํ ปพฺพชิตา ธุรคาเม ภิกฺขํ ปริเยสิตฺวา กิลนฺตรูปา อาคนฺตฺวา ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา นิสินฺนา ภวิสฺสนฺตี’’ติ จินฺเตตฺวา โถกํ อาคเมตฺวา ‘‘อติวิย จิรายนฺติ, ชานิสฺสามี’’ติ ปณฺณสาลทฺวารํ วิวริตฺวา อนฺโต ปวิสิตฺวา อิโต จิโต จ โอโลเกนฺโต มหาภิตฺติยํ อกฺขรานิ วาเจตฺวา ‘‘มยฺหํ กปฺปิยปริกฺขารา เอเต, อิเม คเหตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อตฺตนา นิวตฺถปารุตํ สาฏกยุคํ ปชหิ. เตนาห ‘‘สาฏกํ ปชหึ ตตฺถา’’ติ. เอวํ ปวิฏฺโ อหํ, สาริปุตฺต, ตสฺสํ ปณฺณสาลายํ สาฏกํ ปชหึ.

นวโทสมุปาคตนฺติ สาฏกํ ปชหนฺโต นว โทเส ทิสฺวา ปชหินฺติ ทีเปติ. ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตานฺหิ สาฏกสฺมึ นว โทสา อุปฏฺหนฺติ. มหคฺฆภาโว เอโก โทโส, ปรปฏิพทฺธตาย อุปฺปชฺชนภาโว เอโก, ปริโภเคน ลหุํ กิลิสฺสนภาโว เอโก, กิลิฏฺโ หิ โธวิตพฺโพ จ รชิตพฺโพ จ โหติ, ปริโภเคน ชีรณภาโว เอโก, ชิณฺณสฺส หิ ตุนฺนํ วา อคฺคฬทานํ วา กาตพฺพํ โหติ, ปุน ปริเยสนาย ทุรภิสมฺภวภาโว เอโก, ตาปสปพฺพชฺชาย อสารุปฺปภาโว เอโก, ปจฺจตฺถิกานํ สาธารณภาโว เอโก, ยถา หิ นํ ปจฺจตฺถิกา น คณฺหนฺติ, เอวํ โคเปตพฺโพ โหติ, ปริภุฺชนฺตสฺส วิภูสนฏฺานภาโว เอโก, คเหตฺวา วิจรนฺตสฺส ขนฺธภารมหิจฺฉภาโว เอโกติ.

วากจีรํ นิวาเสสินฺติ ตทาหํ, สาริปุตฺต, อิเม นว โทเส ทิสฺวา สาฏกํ ปหาย วากจีรํ นิวาเสสึ, มุฺชติณํ หีรํ หีรํ กตฺวา คนฺเถตฺวา กตํ วากจีรํ นิวาสนปารุปนตฺถาย อาทิยินฺติ อตฺโถ.

ทฺวาทส คุณมุปาคตนฺติ ทฺวาทสหิ อานิสํเสหิ สมนฺนาคตํ. วากจีรสฺมิฺหิ ทฺวาทส อานิสํสา – อปฺปคฺฆํ สุนฺทรํ กปฺปิยนฺติ อยํ ตาว เอโก อานิสํโส, สหตฺถา กาตุํ สกฺกาติ อยํ ทุติโย, ปริโภเคน สณิกํ กิลิสฺสติ, โธวิยมาเนปิ ปปฺโจ นตฺถีติ อยํ ตติโย, ปริโภเคน ชิณฺเณปิ สิพฺพิตพฺพาภาโว จตุตฺโถ, ปุน ปริเยสนฺตสฺส สุเขน กรณภาโว ปฺจโม, ตาปสปพฺพชฺชาย สารุปฺปภาโว ฉฏฺโ, ปจฺจตฺถิกานํ นิรุปโภคภาโว สตฺตโม, ปริภุฺชนฺตสฺส วิภูสนฏฺานาภาโว อฏฺโม, ธารเณ สลฺลหุกภาโว นวโม, จีวรปจฺจเย อปฺปิจฺฉภาโว ทสโม, วากุปฺปตฺติยา ธมฺมิกอนวชฺชภาโว เอกาทสโม, วากจีเร นฏฺเปิ อนเปกฺขภาโว ทฺวาทสโมติ.

อฏฺโทสสมากิณฺณํ, ปชหึ ปณฺณสาลกนฺติ กถํ ปชหึ? โส กิร วรสาฏกยุคํ โอมุฺจนฺโต จีวรวํเส ลคฺคิตํ อโนชปุปฺผทามสทิสํ รตฺตํ วากจีรํ คเหตฺวา นิวาเสตฺวา ตสฺสูปริ อปรํ สุวณฺณวณฺณํ วากจีรํ ปริทหิตฺวา ปุนฺนาคปุปฺผสนฺถรสทิสํ สขุรํ อชินจมฺมํ เอกํสํ กตฺวา ชฏามณฺฑลํ ปฏิมุฺจิตฺวา จูฬาย สทฺธึ นิจฺจลภาวกรณตฺถํ สารสูจึ ปเวเสตฺวา มุตฺตาชาลสทิสาย สิกฺกาย ปวาฬวณฺณํ กุณฺฑิกํ โอทหิตฺวา ตีสุ าเนสุ วงฺกํ กาชํ อาทาย เอกิสฺสา กาชโกฏิยา กุณฺฑิกํ, เอกิสฺสา องฺกุสปจฺฉิติทณฺฑกาทีนิ โอลคฺเคตฺวา ขาริกาชํ อํเส กตฺวา ทกฺขิเณน หตฺเถน กตฺตรทณฺฑํ คเหตฺวา ปณฺณสาลโต นิกฺขมิตฺวา สฏฺิหตฺเถ มหาจงฺกเม อปราปรํ จงฺกมนฺโต อตฺตโน เวสํ โอโลเกตฺวา – ‘‘มยฺหํ มโนรโถ มตฺถกํ ปตฺโต, โสภติ วต เม ปพฺพชฺชา, พุทฺธปจฺเจกพุทฺธาทีหิ สพฺเพหิ ธีรปุริเสหิ วณฺณิตา โถมิตา อยํ ปพฺพชฺชา นาม, ปหีนํ เม คิหิพนฺธนํ, นิกฺขนฺโตสฺมิ เนกฺขมฺมํ, ลทฺธา เม อุตฺตมปพฺพชฺชา, กริสฺสามิ สมณธมฺมํ, ลภิสฺสามิ มคฺคผลสุข’’นฺติ อุสฺสาหชาโต ขาริกาชํ โอตาเรตฺวา จงฺกมเวมชฺเฌ มุคฺควณฺณสิลาปฏฺเฏ สุวณฺณปฏิมา วิย นิสินฺโน ทิวสภาคํ วีตินาเมตฺวา สายนฺหสมยํ ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา พิทลมฺจกปสฺเส กฏฺตฺถริกาย นิปนฺโน สรีรํ อุตุํ คาหาเปตฺวา พลวปจฺจูเส ปพุชฺฌิตฺวา อตฺตโน อาคมนํ อาวชฺเชสิ – ‘‘อหํ ฆราวาเส อาทีนวํ ทิสฺวา อมิตโภคํ อนนฺตยสํ ปหาย อรฺํ ปวิสิตฺวา เนกฺขมฺมคเวสโก หุตฺวา ปพฺพชิโต. อิโต ทานิ ปฏฺาย ปมาทจารํ จริตุํ น วฏฺฏติ, ปวิเวกฺหิ ปหาย วิจรนฺตํ มิจฺฉาวิตกฺกมกฺขิกา ขาทนฺติ, อิทานิ มยา วิเวกมนุพฺรูเหตุํ วฏฺฏติ, อหฺหิ ฆราวาสํ ปลิโพธโต ทิสฺวา นิกฺขนฺโต, อยฺจ มนาปา ปณฺณสาลา, เพลุวปกฺกวณฺณา ปริภณฺฑกตา ภูมิ, รชตวณฺณา เสตภิตฺติโย, กโปตปาทวณฺณํ ปณฺณจฺฉทนํ, วิจิตฺตตฺถรณวณฺโณ พิทลมฺจโก, นิวาสผาสุกํ วสนฏฺานํ, น เอตฺโต อติเรกตรา วิย เม เคหสมฺปทา ปฺายตี’’ติ ปณฺณสาลาย โทเส วิจินนฺโต อฏฺ โทเส ปสฺสิ.

ปณฺณสาลปริโภคสฺมิฺหิ อฏฺ อาทีนวา – มหาสมารมฺเภน ทพฺพสมฺภาเร สโมธาเนตฺวา กรณปริเยสนภาโว เอโก อาทีนโว, ติณปณฺณมตฺติกาสุ ปติตาสุ ตาสํ ปุนปฺปุนํ เปตพฺพตาย นิพทฺธชคฺคนภาโว ทุติโย, เสนาสนํ นาม มหลฺลกสฺส ปาปุณาติ, อเวลาย วุฏฺาปิยมานสฺส จิตฺเตกคฺคตา น โหตีติ อุฏฺาปนียภาโว ตติโย, สีตุณฺหาทิปฏิฆาเตน กายสฺส สุขุมาลกรณภาโว จตุตฺโถ , เคหํ ปวิฏฺเน ยํกิฺจิ ปาปํ สกฺกา กาตุนฺติ ครหาปฏิจฺฉาทนภาโว ปฺจโม, ‘‘มยฺห’’นฺติ ปริคฺคหกรณภาโว ฉฏฺโ, เคหสฺส อตฺถิภาโว นาเมส สทุติยกวาโส วิยาติ สตฺตโม, อูกามงฺคุลฆรโคฬิกาทีนํ สาธารณตาย พหุสาธารณภาโว อฏฺโม. อิติ อิเม อฏฺ อาทีนเว ทิสฺวา มหาสตฺโต ปณฺณสาลํ ปชหิ. เตนาห – ‘‘อฏฺโทสสมากิณฺณํ, ปชหึ ปณฺณสาลก’’นฺติ.

อุปาคมึ รุกฺขมูลํ, คุเณ ทสหุปาคตนฺติ ฉนฺนํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ทสหิ คุเณหิ อุเปตํ รุกฺขมูลํ อุปคโตสฺมีติ วทติ. ตตฺริเม ทส คุณา – อปฺปสมารมฺภตา เอโก คุโณ, อุปคมนมตฺตกเมว หิ ตตฺถ โหตีติ. อปฺปฏิชคฺคนตา ทุติโย, ตฺหิ สมฺมฏฺมฺปิ อสมฺมฏฺมฺปิ ปริโภคผาสุกํ โหติเยว. อนุฏฺาปนียภาโว ตติโย. ครหํ นปฺปฏิจฺฉาเทติ, ตตฺถ หิ ปาปํ กโรนฺโต ลชฺชตีติ ครหาย อปฺปฏิจฺฉนฺนภาโว จตุตฺโถ. อพฺโภกาสวาโส วิย กายํ น สนฺถมฺเภตีติ กายสฺส อสนฺถมฺภนภาโว ปฺจโม, ปริคฺคหกรณาภาโว ฉฏฺโ, เคหาลยปฏิกฺเขโป สตฺตโม. พหุสาธารเณ เคเห วิย ‘‘ปฏิชคฺคิสฺสามิ นํ, นิกฺขมถา’’ติ นีหรณกาภาโว อฏฺโม, วสนฺตสฺส สปฺปีติกภาโว นวโม, รุกฺขมูลเสนาสนสฺส คตคตฏฺาเน สุลภตาย อนเปกฺขภาโว ทสโมติ อิเม ทสคุเณ ทิสฺวา รุกฺขมูลํ อุปคโตสฺมีติ วทติ.

อิมานิ หิ เอตฺตกานิ การณานิ สลฺลกฺเขตฺวา มหาสตฺโต ปุนทิวเส ภิกฺขาย คามํ ปาวิสิ. อถสฺส สมฺปตฺตคาเม มนุสฺสา มหนฺเตน อุสฺสาเหน ภิกฺขํ อทํสุ. โส ภตฺตกิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา อสฺสมํ อาคมฺม นิสีทิตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘นาหํ ‘อาหารํ ลภามี’ติ ปพฺพชิโต, สินิทฺธาหาโร นาเมส มานมทปุริสมเท วฑฺเฒติ, อาหารมูลกสฺส จ ทุกฺขสฺส อนฺโต นตฺถิ, ยํนูนาหํ วาปิตโรปิตธฺนิพฺพตฺตกํ อาหารํ ปชหิตฺวา ปวตฺตผลโภชโน ภเวยฺย’’นฺติ. โส ตโต ปฏฺาย ตถา กตฺวา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต สตฺตาหพฺภนฺตเรเยว อฏฺ สมาปตฺติโย ปฺจ จ อภิฺาโย นิพฺพตฺเตสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘วาปิตํ โรปิตํ ธฺํ, ปชหึ นิรวเสสโต;

อเนกคุณสมฺปนฺนํ, ปวตฺตผลมาทิยึ.

‘‘ตตฺถปฺปธานํ ปทหึ, นิสชฺชฏฺานจงฺกเม;

อพฺภนฺตรมฺหิ สตฺตาเห, อภิฺาพล ปาปุณิ’’นฺติ.

ทีปงฺกโร พุทฺโธ

เอวํ อภิฺาพลํ ปตฺวา สุเมธตาปเส สมาปตฺติสุเขน วีตินาเมนฺเต ทีปงฺกโร นาม สตฺถา โลเก อุทปาทิ. ตสฺส ปฏิสนฺธิชาติโพธิ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเนสุ สกลาปิ ทสสหสฺสิโลกธาตุ สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธิ, มหาวิรวํ รวิ, ทฺวตฺตึส ปุพฺพนิมิตฺตานิ ปาตุรเหสุํ. สุเมธตาปโส สมาปตฺติสุเขน วีตินาเมนฺโต เนว ตํ สทฺทมสฺโสสิ, น จ ตานิ นิมิตฺตานิ อทฺทส. เตน วุตฺตํ –

‘‘เอวํ เม สิทฺธิปฺปตฺตสฺส, วสีภูตสฺส สาสเน;

ทีปงฺกโร นาม ชิโน, อุปฺปชฺชิ โลกนายโก.

‘‘อุปฺปชฺชนฺเต จ ชายนฺเต, พุชฺฌนฺเต ธมฺมเทสเน;

จตุโร นิมิตฺเต นาทฺทสํ, ฌานรติสมปฺปิโต’’ติ.

ตสฺมึ กาเล ทีปงฺกรทสพโล จตูหิ ขีณาสวสตสหสฺเสหิ ปริวุโต อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน รมฺมํ นาม นครํ ปตฺวา สุทสฺสนมหาวิหาเร ปฏิวสติ. รมฺมนครวาสิโน ‘‘ทีปงฺกโร กิร สมณิสฺสโร ปรมาภิสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺตวรธมฺมจกฺโก อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน อมฺหากํ รมฺมนครํ ปตฺวา สุทสฺสนมหาวิหาเร ปฏิวสตี’’ติ สุตฺวา สปฺปินวนีตาทีนิ เจว เภสชฺชานิ วตฺถจฺฉาทนานิ จ คาหาเปตฺวา คนฺธมาลาทิหตฺถา เยน พุทฺโธ, เยน ธมฺโม, เยน สงฺโฆ, ตนฺนินฺนา ตปฺโปณา ตปฺปพฺภารา หุตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา คนฺธมาลาทีหิ ปูเชตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนา ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกมึสุ.

เต ปุนทิวเส มหาทานํ สชฺเชตฺวา นครํ อลงฺกริตฺวา ทสพลสฺส อาคมนมคฺคํ อลงฺกโรนฺตา อุทกภินฺนฏฺาเนสุ ปํสุํ ปกฺขิปิตฺวา สมํ ภูมิตลํ กตฺวา รชตปฏฺฏวณฺณํ วาลุกํ อากิรนฺติ, ลาเช เจว ปุปฺผานิ จ วิกิรนฺติ, นานาวิราเคหิ วตฺเถหิ ธชปฏาเก อุสฺสาเปนฺติ, กทลิโย เจว ปุณฺณฆฏปนฺติโย จ ปติฏฺาเปนฺติ. ตสฺมึ กาเล สุเมธตาปโส อตฺตโน อสฺสมปทา อากาสํ อุคฺคนฺตฺวา, เตสํ มนุสฺสานํ อุปริภาเคน อากาเสน คจฺฉนฺโต เต หฏฺตุฏฺเ มนุสฺเส ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข การณ’’นฺติ อากาสโต โอรุยฺห เอกมนฺตํ ิโต มนุสฺเส ปุจฺฉิ – ‘‘อมฺโภ, กสฺส ตุมฺเห อิธ วิสมํ มคฺคํ อลงฺกโรถา’’ติ? เตน วุตฺตํ –

‘‘ปจฺจนฺตเทสวิสเย , นิมนฺเตตฺวา ตถาคตํ;

ตสฺส อาคมนํ มคฺคํ, โสเธนฺติ ตุฏฺมานสา.

‘‘อหํ เตน สมเยน, นิกฺขมิตฺวา สกสฺสมา;

ธุนนฺโต วากจีรานิ, คจฺฉามิ อมฺพเร ตทา.

‘‘เวทชาตํ ชนํ ทิสฺวา, ตุฏฺหฏฺํ ปโมทิตํ;

โอโรหิตฺวาน คคนา, มนุสฺเส ปุจฺฉิ ตาวเท.

‘‘‘ตุฏฺหฏฺโ ปมุทิโต, เวทชาโต มหาชโน;

กสฺส โสธียติ มคฺโค, อฺชสํ วฏุมายน’’’นฺติ.

มนุสฺสา อาหํสุ – ‘‘ภนฺเต สุเมธ, น ตฺวํ ชานาสิ, ทีปงฺกโร ทสพโล สมฺมาสมฺพุทฺโธ สมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺตวรธมฺมจกฺโก จาริกํ จรมาโน อมฺหากํ นครํ ปตฺวา สุทสฺสนมหาวิหาเร ปฏิวสติ. มยํ ตํ ภควนฺตํ นิมนฺตยิมฺห, ตสฺเสตํ พุทฺธสฺส ภควโต อาคมนมคฺคํ อลงฺกโรมา’’ติ. อถ สุเมธตาปโส จินฺเตสิ – ‘‘พุทฺโธติ โข โฆสมตฺตกมฺปิ โลเก ทุลฺลภํ, ปเคว พุทฺธุปฺปาโท, มยาปิ อิเมหิ มนุสฺเสหิ สทฺธึ ทสพลสฺส มคฺคํ อลงฺกริตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส เต มนุสฺเส อาห – ‘‘สเจ, โภ, ตุมฺเห เอตํ มคฺคํ พุทฺธสฺส อลงฺกโรถ, มยฺหมฺปิ เอกํ โอกาสํ เทถ, อหมฺปิ ตุมฺเหหิ สทฺธึ มคฺคํ อลงฺกริสฺสามี’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ‘‘สุเมธตาปโส อิทฺธิมา’’ติ ชานนฺตา อุทกภินฺโนกาสํ สลฺลกฺเขตฺวา – ‘‘ตฺวํ อิมํ านํ อลงฺกโรหี’’ติ อทํสุ. สุเมโธ พุทฺธารมฺมณํ ปีตึ คเหตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ อิมํ โอกาสํ อิทฺธิยา อลงฺกริตุํ ปโหมิ, เอวํ อลงฺกโต น มํ ปริโตเสสฺสติ, อชฺช มยา กายเวยฺยาวจฺจํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ ปํสุํ อาหริตฺวา ตสฺมึ ปเทเส ปกฺขิปิ.

ตสฺส ตสฺมึ ปเทเส อนิฏฺิเตเยว ทีปงฺกรทสพโล มหานุภาวานํ ฉฬภิฺานํ ขีณาสวานํ จตูหิ สตสหสฺเสหิ ปริวุโต เทวตาสุ ทิพฺพคนฺธมาลาทีหิ ปูชยนฺตาสุ ทิพฺพตุริเยหิ วชฺชนฺตาสุ ทิพฺพสงฺคีเตสุ ปวตฺเตนฺเตสุ มนุสฺเสสุ มานุสเกหิ คนฺธมาลาทีหิ เจว ตุริเยหิ จ ปูชยนฺเตสุ อโนปมาย พุทฺธลีลาย มโนสิลาตเล วิชมฺภมาโน สีโห วิย ตํ อลงฺกตปฏิยตฺตํ มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. สุเมธตาปโส อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา อลงฺกตมคฺเคน อาคจฺฉนฺตสฺส ทสพลสฺส ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณปฏิมณฺฑิตํ อสีติยา อนุพฺยฺชเนหิ อนุรฺชิตํ พฺยามปฺปภาย สมฺปริวาริตํ มณิวณฺณคคนตเล นานปฺปการา วิชฺชุลตา วิย อาเวฬาเวฬภูตา เจว ยุคฬยุคฬภูตา จ ฉพฺพณฺณฆนพุทฺธรสฺมิโย วิสฺสชฺเชนฺตํ รูปโสภคฺคปฺปตฺตํ อตฺตภาวํ โอโลเกตฺวา – ‘‘อชฺช มยา ทสพลสฺส ชีวิตปริจฺจาคํ กาตุํ วฏฺฏติ, มา ภควา กลลํ อกฺกมิ, มณิผลกเสตุํ ปน อกฺกมนฺโต วิย สทฺธึ จตูหิ ขีณาสวสตสหสฺเสหิ มม ปิฏฺึ มทฺทมาโน คจฺฉตุ, ตํ เม ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ เกเส โมเจตฺวา อชินจมฺมชฏามณฺฑลวากจีรานิ กาฬวณฺเณ กลเล ปตฺถริตฺวา มณิผลกเสตุ วิย กลลปิฏฺเ นิปชฺชิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘เต เม ปุฏฺา วิยากํสุ, ‘พุทฺโธ โลเก อนุตฺตโร;

ทีปงฺกโร นาม ชิโน, อุปฺปชฺชิ โลกนายโก;

ตสฺส โสธียติ มคฺโค, อฺชสํ วฏุมายนํ’.

‘‘พุทฺโธติวจนํ สุตฺวาน, ปีติ อุปฺปชฺชิ ตาวเท;

พุทฺโธ พุทฺโธติ กถยนฺโต, โสมนสฺสํ ปเวทยึ.

‘‘ตตฺถ ตฺวา วิจินฺเตสึ, ตุฏฺโ สํวิคฺคมานโส;

‘อิธ พีชานิ โรปิสฺสํ, ขโณ เว มา อุปจฺจคา’.

‘‘ยทิ พุทฺธสฺส โสเธถ, เอโกกาสํ ททาถ เม;

อหมฺปิ โสธยิสฺสามิ, อฺชสํ วฏุมายนํ.

‘‘อทํสุ เต มโมกาสํ, โสเธตุํ อฺชสํ ตทา;

พุทฺโธ พุทฺโธติ จินฺเตนฺโต, มคฺคํ โสเธมหํ ตทา.

‘‘อนิฏฺิเต มโมกาเส, ทีปงฺกโร มหามุนิ;

จตูหิ สตสหสฺเสหิ, ฉฬภิฺเหิ ตาทิหิ;

ขีณาสเวหิ วิมเลหิ, ปฏิปชฺชิ อฺชสํ ชิโน.

‘‘ปจฺจุคฺคมนา วตฺตนฺติ, วชฺชนฺติ เภริโย พหู;

อาโมทิตา นรมรู, สาธุการํ ปวตฺตยุํ.

‘‘เทวา มนุสฺเส ปสฺสนฺติ, มนุสฺสาปิ จ เทวตา;

อุโภปิ เต ปฺชลิกา, อนุยนฺติ ตถาคตํ.

‘‘เทวา ทิพฺเพหิ ตุริเยหิ, มนุสฺสา มานุเสหิ จ;

อุโภปิ เต วชฺชยนฺตา, อนุยนฺติ ตถาคตํ.

‘‘ทิพฺพํ มนฺทารวํ ปุปฺผํ, ปทุมํ ปาริฉตฺตกํ;

ทิโสทิสํ โอกิรนฺติ, อากาสนภคตา มรู.

‘‘ทิพฺพํ จนฺทนจุณฺณฺจ, วรคนฺธฺจ เกวลํ;

ทิโสทิสํ โอกิรนฺติ, อากาสนภคตา มรู.

‘‘จมฺปกํ สลลํ นีปํ, นาคปุนฺนาคเกตกํ;

ทิโสทิสํ อุกฺขิปนฺติ, ภูมิตลคตา นรา.

‘‘เกเส มุฺจิตฺวาหํ ตตฺถ, วากจีรฺจ จมฺมกํ;

กลเล ปตฺถริตฺวาน, อวกุชฺโช นิปชฺชหํ.

‘‘อกฺกมิตฺวาน มํ พุทฺโธ, สห สิสฺเสหิ คจฺฉตุ;

มา นํ กลเล อกฺกมิตฺถ, หิตาย เม ภวิสฺสตี’’ติ.

โส ปน กลลปิฏฺเ นิปนฺนโกว ปุน อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา ทีปงฺกรทสพลสฺส พุทฺธสิรึ สมฺปสฺสมาโน เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘สเจ อหํ อิจฺเฉยฺยํ, สพฺพกิเลเส ฌาเปตฺวา สงฺฆนวโก หุตฺวา รมฺมนครํ ปวิเสยฺยํ, อฺาตกเวเสน ปน เม กิเลเส ฌาเปตฺวา นิพฺพานปฺปตฺติยา กิจฺจํ นตฺถิ, ยํนูนาหํ ทีปงฺกรทสพโล วิย ปรมาภิสมฺโพธึ ปตฺวา ธมฺมนาวํ อาโรเปตฺวา มหาชนํ สํสารสาครา อุตฺตาเรตฺวา ปจฺฉา ปรินิพฺพาเยยฺยํ, อิทํ มยฺหํ ปติรูป’’นฺติ. ตโต อฏฺ ธมฺเม สโมธาเนตฺวา พุทฺธภาวาย อภินีหารํ กตฺวา นิปชฺชิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘ปถวิยํ นิปนฺนสฺส, เอวํ เม อาสิ เจตโส;

‘อิจฺฉมาโน อหํ อชฺช, กิเลเส ฌาปเย มม.

‘‘‘กึ เม อฺาตเวเสน, ธมฺมํ สจฺฉิกเตนิธ;

สพฺพฺุตํ ปาปุณิตฺวา, พุทฺโธ เหสฺสํ สเทวเก.

‘‘‘กึ เม เอเกน ติณฺเณน, ปุริเสน ถามทสฺสินา;

สพฺพฺุตํ ปาปุณิตฺวา, สนฺตาเรสฺสํ สเทวกํ.

‘‘‘อิมินา เม อธิกาเรน, กเตน ปุริสุตฺตเม;

สพฺพฺุตํ ปาปุณิตฺวา, ตาเรมิ ชนตํ พหุํ.

‘‘‘สํสารโสตํ ฉินฺทิตฺวา, วิทฺธํเสตฺวา ตโย ภเว;

ธมฺมนาวํ สมารุยฺห, สนฺตาเรสฺสํ สเทวก’’’นฺติ.

ยสฺมา ปน พุทฺธตฺตํ ปตฺเถนฺตสฺส –

‘‘มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺติ, เหตุ สตฺถารทสฺสนํ;

ปพฺพชฺชา คุณสมฺปตฺติ, อธิกาโร จ ฉนฺทตา;

อฏฺธมฺมสโมธานา, อภินีหาโร สมิชฺฌตี’’ติ.

มนุสฺสตฺตภาวสฺมึเยว หิ ตฺวา พุทฺธตฺตํ ปตฺเถนฺตสฺส ปตฺถนา สมิชฺฌติ, นาคสฺส วา สุปณฺณสฺส วา เทวตาย วา สกฺกสฺส วา ปตฺถนา โน สมิชฺฌติ. มนุสฺสตฺตภาเวปิ ปุริสลิงฺเค ิตสฺเสว ปตฺถนา สมิชฺฌติ, อิตฺถิยา วา ปณฺฑกนปุํสกอุภโตพฺยฺชนกานํ วา โน สมิชฺฌติ. ปุริสสฺสปิ ตสฺมึ อตฺตภาเว อรหตฺตปฺปตฺติยา เหตุสมฺปนฺนสฺเสว ปตฺถนา สมิชฺฌติ, โน อิตรสฺส. เหตุสมฺปนฺนสฺสาปิ ชีวมานพุทฺธสฺเสว สนฺติเก ปตฺเถนฺตสฺเสว ปตฺถนา สมิชฺฌติ, ปรินิพฺพุเต พุทฺเธ เจติยสนฺติเก วา โพธิมูเล วา ปตฺเถนฺตสฺส น สมิชฺฌติ. พุทฺธานํ สนฺติเก ปตฺเถนฺตสฺสปิ ปพฺพชฺชาลิงฺเค ิตสฺเสว สมิชฺฌติ, โน คิหิลิงฺเค ิตสฺส. ปพฺพชิตสฺสปิ ปฺจาภิฺาอฏฺสมาปตฺติลาภิโนเยว สมิชฺฌติ, น อิมาย คุณสมฺปตฺติยา วิรหิตสฺส. คุณสมฺปนฺเนนปิ เยน อตฺตโน ชีวิตํ พุทฺธานํ ปริจฺจตฺตํ โหติ, ตสฺเสว อิมินา อธิกาเรน อธิการสมฺปนฺนสฺส สมิชฺฌติ, น อิตรสฺส. อธิการสมฺปนฺนสฺสาปิ ยสฺส พุทฺธการกธมฺมานํ อตฺถาย มหนฺโต ฉนฺโท จ อุสฺสาโห จ วายาโม จ ปริเยฏฺิ จ, ตสฺเสว สมิชฺฌติ, น อิตรสฺส.

ตตฺริทํ ฉนฺทมหนฺตตาย โอปมฺมํ – สเจ หิ เอวมสฺส โย สกลจกฺกวาฬคพฺภํ เอโกทกีภูตํ อตฺตโน พาหุพเลน อุตฺตริตฺวา ปารํ คนฺตุํ สมตฺโถ, โส พุทฺธตฺตํ ปาปุณาติ. โย วา ปน สกลจกฺกวาฬคพฺภํ เวฬุคุมฺพสฺฉนฺนํ วิยูหิตฺวา มทฺทิตฺวา ปทสา คจฺฉนฺโต ปารํ คนฺตุํ สมตฺโถ, โส พุทฺธตฺตํ ปาปุณาติ. โย วา ปน สกลจกฺกวาฬคพฺภํ สตฺติโย อาโกเฏตฺวา นิรนฺตรํ สตฺติผลสมากิณฺณํ ปทสา อกฺกมมาโน ปารํ คนฺตุํ สมตฺโถ, โส พุทฺธตฺตํ ปาปุณาติ. โย วา ปน สกลจกฺกวาฬคพฺภํ วีตจฺจิตงฺคารภริตํ ปาเทหิ มทฺทมาโน ปารํ คนฺตุํ สมตฺโถ, โส พุทฺธตฺตํ ปาปุณาตีติ. โย เอเตสุ เอกมฺปิ อตฺตโน ทุกฺกรํ น มฺติ, ‘‘อหํ เอตมฺปิ ตริตฺวา วา คนฺตฺวา วา ปารํ คมิสฺสามี’’ติ เอวํ มหนฺเตน ฉนฺเทน จ อุสฺสาเหน จ วายาเมน จ ปริเยฏฺิยา จ สมนฺนาคโต โหติ, เอตสฺเสว ปตฺถนา สมิชฺฌติ, น อิตรสฺส. ตสฺมา สุเมธตาปโส อิเม อฏฺ ธมฺเม สโมธาเนตฺวาว พุทฺธภาวาย อภินีหารํ กตฺวา นิปชฺชิ.

ทีปงฺกโรปิ ภควา อาคนฺตฺวา สุเมธตาปสสฺส สีสภาเค ตฺวา มณิสีหปฺชรํ อุคฺฆาเฏนฺโต วิย ปฺจวณฺณปสาทสมฺปนฺนานิ อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา กลลปิฏฺเ นิปนฺนํ สุเมธตาปสํ ทิสฺวา ‘‘อยํ ตาปโส พุทฺธตฺตาย อภินีหารํ กตฺวา นิปนฺโน, สมิชฺฌิสฺสติ นุ โข เอตสฺส ปตฺถนา, อุทาหุ โน’’ติ อนาคตํสาณํ เปเสตฺวา อุปธาเรนฺโต – ‘‘อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ อติกฺกมิตฺวา อยํ โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ิตโกว ปริสมชฺเฌ พฺยากาสิ – ‘‘ปสฺสถ โน ตุมฺเห อิมํ อุคฺคตปํ ตาปสํ กลลปิฏฺเ นิปนฺน’’นฺติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ. อยํ พุทฺธตฺตาย อภินีหารํ กตฺวา นิปนฺโน, สมิชฺฌิสฺสติ อิมสฺส ปตฺถนา. อยฺหิ อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ จตุนฺนํ อสงฺขเยยฺยานํ มตฺถเก โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสติ. ตสฺมึ ปนสฺส อตฺตภาเว กปิลวตฺถุ นาม นครํ นิวาโส ภวิสฺสติ, มายา นาม เทวี มาตา, สุทฺโธทโน นาม ราชา ปิตา, อคฺคสาวโก อุปติสฺโส นาม เถโร, ทุติยสาวโก โกลิโต นาม, พุทฺธุปฏฺาโก อานนฺโท นาม, อคฺคสาวิกา เขมา นาม เถรี, ทุติยสาวิกา อุปฺปลวณฺณา นาม เถรี ภวิสฺสติ. อยํ ปริปกฺกาโณ มหาภินิกฺขมนํ กตฺวา มหาปธานํ ปทหิตฺวา นิคฺโรธรุกฺขมูเล ปายาสํ ปฏิคฺคเหตฺวา เนรฺชราย ตีเร ปริภุฺชิตฺวา โพธิมณฺฑํ อารุยฺห อสฺสตฺถรุกฺขมูเล อภิสมฺพุชฺฌิสฺสตีติ. เตน วุตฺตํ –

‘‘ทีปงฺกโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;

อุสฺสีสเก มํ ตฺวาน, อิทํ วจนมพฺรวิ.

‘‘‘ปสฺสถ อิมํ ตาปสํ, ชฏิลํ อุคฺคตาปนํ;

อปริเมยฺเย อิโต กปฺเป, พุทฺโธ โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘‘อหุ กปิลวฺหยา รมฺมา, นิกฺขมิตฺวา ตถาคโต;

ปธานํ ปทหิตฺวาน, กตฺวา ทุกฺกรการิกํ.

‘‘‘อชปาลรุกฺขมูเล, นิสีทิตฺวา ตถาคโต;

ตตฺถ ปายาสํ ปคฺคยฺห, เนรฺชรมุเปหิติ.

‘‘‘เนรฺชราย ตีรมฺหิ, ปายาสํ อท โส ชิโน;

ปฏิยตฺตวรมคฺเคน, โพธิมูลมุเปหิติ.

‘‘‘ตโต ปทกฺขิณํ กตฺวา, โพธิมณฺฑํ อนุตฺตโร;

อสฺสตฺถรุกฺขมูลมฺหิ, พุชฺฌิสฺสติ มหายโส.

‘‘‘อิมสฺส ชนิกา มาตา, มายา นาม ภวิสฺสติ;

ปิตา สุทฺโธทโน นาม, อยํ เหสฺสติ โคตโม.

‘‘‘อนาสวา วีตราคา, สนฺตจิตฺตา สมาหิตา;

โกลิโต อุปติสฺโส จ, อคฺคา เหสฺสนฺติ สาวกา;

อานนฺโท นามุปฏฺาโก, อุปฏฺิสฺสติ ตํ ชินํ.

‘‘‘เขมา อุปฺปลวณฺณา จ, อคฺคา เหสฺสนฺติ สาวิกา;

อนาสวา วีตราคา, สนฺตจิตฺตา สมาหิตา;

โพธิ ตสฺส ภควโต, อสฺสตฺโถติ ปวุจฺจตี’’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๖๐-๖๘);

ตํ สุตฺวา สุเมธตาปโส – ‘‘มยฺหํ กิร ปตฺถนา สมิชฺฌิสฺสตี’’ติ โสมนสฺสปฺปตฺโต อโหสิ. มหาชโน ทีปงฺกรทสพลสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘สุเมธตาปโส กิร พุทฺธพีชํ พุทฺธงฺกุโร’’ติ หฏฺตุฏฺโ อโหสิ. เอวฺจสฺส อโหสิ – ‘‘ยถา นาม มนุสฺสา นทึ ตรนฺตา อุชุเกน ติตฺเถน อุตฺตริตุํ อสกฺโกนฺตา เหฏฺาติตฺเถน อุตฺตรนฺติ, เอวเมว มยมฺปิ ทีปงฺกรทสพลสฺส สาสเน มคฺคผลํ อลภมานา อนาคเต ยทา ตฺวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ, ตทา ตว สมฺมุขา มคฺคผลํ สจฺฉิกาตุํ สมตฺถา ภเวยฺยามา’’ติ ปตฺถนํ ปยึสุ. ทีปงฺกรทสพโลปิ โพธิสตฺตํ ปสํสิตฺวา อฏฺปุปฺผมุฏฺีหิ ปูเชตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. เตปิ จตุสตสหสฺสสงฺขา ขีณาสวา โพธิสตฺตํ คนฺเธหิ จ มาลาหิ จ ปูเชตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกมึสุ. เทวมนุสฺสา ปน ตเถว ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา ปกฺกนฺตา.

โพธิสตฺโต สพฺเพสํ ปฏิกฺกนฺตกาเล สยนา วุฏฺาย ‘‘ปารมิโย วิจินิสฺสามี’’ติ ปุปฺผราสิมตฺถเก ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทิ. เอวํ นิสินฺเน โพธิสตฺเต สกลทสสหสฺสจกฺกวาเฬ เทวตา สาธุการํ ทตฺวา ‘‘อยฺย สุเมธตาปส, โปราณกโพธิสตฺตานํ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา ‘ปารมิโย วิจินิสฺสามา’ติ นิสินฺนกาเล ยานิ ปุพฺพนิมิตฺตานิ นาม ปฺายนฺติ, ตานิ สพฺพานิปิ อชฺช ปาตุภูตานิ, นิสฺสํสเยน ตฺวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ. มยเมตํ ชานาม ‘ยสฺเสตานิ นิมิตฺตานิ ปฺายนฺติ, เอกนฺเตน โส พุทฺโธ โหติ’, ตฺวํ อตฺตโน วีริยํ ทฬฺหํ กตฺวา ปคฺคณฺหา’’ติ โพธิสตฺตํ นานปฺปการาหิ ถุตีหิ อภิตฺถวึสุ. เตน วุตฺตํ –

‘‘อิทํ สุตฺวาน วจนํ, อสมสฺส มเหสิโน;

อาโมทิตา นรมรู, พุทฺธพีชํ กิร อยํ.

‘‘อุกฺกุฏฺิสทฺทา วตฺตนฺติ, อปฺโผเฏนฺติ หสนฺติ จ;

กตฺชลี นมสฺสนฺติ, ทสสหสฺสี สเทวกา.

‘‘ยทิมสฺส โลกนาถสฺส, วิรชฺฌิสฺสาม สาสนํ;

อนาคตมฺหิ อทฺธาเน, เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํ.

‘‘ยถา มนุสฺสา นทึ ตรนฺตา, ปฏิติตฺถํ วิรชฺฌิย;

เหฏฺา ติตฺเถ คเหตฺวาน, อุตฺตรนฺติ มหานทึ.

‘‘เอวเมว มยํ สพฺเพ, ยทิ มุฺจามิมํ ชินํ;

อนาคตมฺหิ อทฺธาเน, เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํ.

‘‘ทีปงฺกโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;

มม กมฺมํ ปกิตฺเตตฺวา, ทกฺขิณํ ปาทมุทฺธริ.

‘‘เย ตตฺถาสุํ ชินปุตฺตา, สพฺเพ ปทกฺขิณมกํสุ มํ;

นรา นาคา จ คนฺธพฺพา, อภิวาเทตฺวาน ปกฺกมุํ.

‘‘ทสฺสนํ เม อติกฺกนฺเต, สสงฺเฆ โลกนายเก;

หฏฺตุฏฺเน จิตฺเตน, อาสนา วุฏฺหึ ตทา.

‘‘สุเขน สุขิโต โหมิ, ปาโมชฺเชน ปโมทิโต;

ปีติยา จ อภิสฺสนฺโน, ปลฺลงฺกํ อาภุชึ ตทา.

‘‘ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา, เอวํ จินฺเตสหํ ตทา;

‘วสีภูโต อหํ ฌาเน, อภิฺาปารมึ คโต.

‘‘‘ทสสหสฺสิโลกมฺหิ, อิสโย นตฺถิ เม สมา;

อสโม อิทฺธิธมฺเมสุ, อลภึ อีทิสํ สุขํ’.

‘‘ปลฺลงฺกาภุชเน มยฺหํ, ทสสหสฺสาธิวาสิโน;

มหานาทํ ปวตฺเตสุํ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘ยา ปุพฺเพ โพธิสตฺตานํ, ปลฺลงฺกวรมาภุเช;

นิมิตฺตานิ ปทิสฺสนฺติ, ตานิ อชฺช ปทิสฺสเร.

‘‘สีตํ พฺยาปคตํ โหติ, อุณฺหฺจ อุปสมฺมติ;

ตานิ อชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘ทสสหสฺสี โลกธาตู, นิสฺสทฺทา โหนฺติ นิรากุลา;

ตานิ อชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘มหาวาตา น วายนฺติ, น สนฺทนฺติ สวนฺติโย;

ตานิ อชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘ถลชา ทกชา ปุปฺผา, สพฺเพ ปุปฺผนฺติ ตาวเท;

เตปชฺช ปุปฺผิตา สพฺเพ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘ลตา วา ยทิ วา รุกฺขา, ผลภารา โหนฺติ ตาวเท;

เตปชฺช ผลิตา สพฺเพ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘อากาสฏฺา จ ภูมฏฺา, รตนา โชตนฺติ ตาวเท;

เตปชฺช รตนา โชตนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘มานุสกา จ ทิพฺพา จ, ตุริยา วชฺชนฺติ ตาวเท;

เตปชฺชุโภ อภิรวนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘วิจิตฺตปุปฺผา คคนา, อภิวสฺสนฺติ ตาวเท;

เตปิ อชฺช ปวสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘มหาสมุทฺโท อาภุชติ, ทสสหสฺสี ปกมฺปติ;

เตปชฺชุโภ อภิรวนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘นิรเยปิ ทสสหสฺเส, อคฺคี นิพฺพนฺติ ตาวเท;

เตปชฺช นิพฺพุตา อคฺคี, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘วิมโล โหติ สูริโย, สพฺพา ทิสฺสนฺติ ตารกา;

เตปิ อชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘อโนวฏฺเน อุทกํ, มหิยา อุพฺภิชฺชิ ตาวเท;

ตมฺปชฺชุพฺภิชฺชเต มหิยา, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘ตาราคณา วิโรจนฺติ, นกฺขตฺตา คคนมณฺฑเล;

วิสาขา จนฺทิมายุตฺตา, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘พิลาสยา ทรีสยา, นิกฺขมนฺติ สกาสยา;

เตปชฺช อาสยา ฉุทฺธา, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘น โหติ อรติ สตฺตานํ, สนฺตุฏฺา โหนฺติ ตาวเท;

เตปชฺช สพฺเพ สนฺตุฏฺา, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘โรคา ตทุปสมฺมนฺติ, ชิฆจฺฉา จ วินสฺสติ;

ตานิปชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘ราโค ตทา ตนุ โหติ, โทโส โมโห วินสฺสติ;

เตปชฺช วิคตา สพฺเพ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘ภยํ ตทา น ภวติ, อชฺชเปตํ ปทิสฺสติ;

เตน ลิงฺเคน ชานาม, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘รโช นุทฺธํสติ อุทฺธํ, อชฺชเปตํ ปทิสฺสติ;

เตน ลิงฺเคน ชานาม, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘อนิฏฺคนฺโธ ปกฺกมติ, ทิพฺพคนฺโธ ปวายติ;

โสปชฺช วายติ คนฺโธ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘สพฺเพ เทวา ปทิสฺสนฺติ, ปยิตฺวา อรูปิโน;

เตปชฺช สพฺเพ ทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘ยาวตา นิรยา นาม, สพฺเพ ทิสฺสนฺติ ตาวเท;

เตปชฺช สพฺเพ ทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘กุฏฺฏา กวาฏา เสลา จ, น โหนฺตาวรณา ตทา;

อากาสภูตา เตปชฺช, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘จุตี จ อุปปตฺติ จ, ขเณ ตสฺมึ น วิชฺชติ;

ตานิปชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘ทฬฺหํ ปคฺคณฺห วีริยํ, มา นิวตฺต อภิกฺกม;

มยมฺเปตํ วิชานาม, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๗๐-๑๐๗);

โพธิสตฺโต ทีปงฺกรทสพลสฺส จ ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตานฺจ วจนํ สุตฺวา ภิยฺโยโสมตฺตาย สฺชาตุสฺสาโห หุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘พุทฺธา นาม อโมฆวจนา, นตฺถิ พุทฺธานํ กถาย อฺถตฺตํ. ยถา หิ อากาเส ขิตฺตเลฑฺฑุสฺส ปตนํ ธุวํ, ชาตสฺส มรณํ, รตฺติกฺขเย สูริยุคฺคมนํ, อาสยา นิกฺขนฺตสีหสฺส สีหนาทนทนํ, ครุคพฺภาย อิตฺถิยา ภารโมโรปนํ ธุวํ อวสฺสมฺภาวี, เอวเมว พุทฺธานํ วจนํ นาม ธุวํ อโมฆํ, อทฺธา อหํ พุทฺโธ ภวิสฺสามี’’ติ. เตน วุตฺตํ –

‘‘พุทฺธสฺส วจนํ สุตฺวา, ทสสหสฺสีน จูภยํ;

ตุฏฺหฏฺโ ปโมทิโต, เอวํ จินฺเตสหํ ตทา.

‘‘อทฺเวชฺฌวจนา พุทฺธา, อโมฆวจนา ชินา;

วิตถํ นตฺถิ พุทฺธานํ, ธุวํ พุทฺโธ ภวามหํ.

‘‘ยถา ขิตฺตํ นเภ เลฑฺฑุ, ธุวํ ปตติ ภูมิยํ;

ตเถว พุทฺธเสฏฺานํ, วจนํ ธุวสสฺสตํ;

วิตถํ นตฺถิ พุทฺธานํ, ธุวํ พุทฺโธ ภวามหํ.

‘‘ยถาปิ สพฺพสตฺตานํ, มรณํ ธุวสสฺสตํ;

ตเถว พุทฺธเสฏฺานํ, วจนํ ธุวสสฺสตํ.

‘‘ยถา รตฺติกฺขเย ปตฺเต, สูริยุคฺคมนํ ธุวํ;

ตเถว พุทฺธเสฏฺานํ, วจนํ ธุวสสฺสตํ.

‘‘ยถา นิกฺขนฺตสยนสฺส, สีหสฺส นทนํ ธุวํ;

ตเถว พุทฺธเสฏฺานํ, วจนํ ธุวสสฺสตํ.

‘‘ยถา อาปนฺนสตฺตานํ, ภารโมโรปนํ ธุวํ;

ตเถว พุทฺธเสฏฺานํ, วจนํ ธุวสสฺสต’’นฺติ. (พุ. วํ. ๒.๑๐๘-๑๑๔);

โส ‘‘ธุวาหํ พุทฺโธ ภวิสฺสามี’’ติ เอวํ กตสนฺนิฏฺาโน พุทฺธการเก ธมฺเม อุปธาเรตุํ – ‘‘กหํ นุ โข พุทฺธการกา ธมฺมา, กึ อุทฺธํ, อุทาหุ อโธ, ทิสาวิทิสาสู’’ติ อนุกฺกเมน สกลํ ธมฺมธาตุํ วิจินนฺโต โปราณกโพธิสตฺเตหิ อาเสวิตนิเสวิตํ ปมํ ทานปารมึ ทิสฺวา เอวํ อตฺตานํ โอวทิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย ปมํ ทานปารมึ ปูเรยฺยาสิ. ยถา หิ นิกฺกุชฺชิโต อุทกกุมฺโภ นิสฺเสสํ กตฺวา อุทกํ วมติเยว, น ปจฺจาหรติ, เอวเมว ธนํ วา ยสํ วา ปุตฺตทารํ วา องฺคปจฺจงฺคํ วา อโนโลเกตฺวา สมฺปตฺตยาจกานํ สพฺพํ อิจฺฉิติจฺฉิตํ นิสฺเสสํ กตฺวา ททมาโน โพธิมูเล นิสีทิตฺวา พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ปมํ ทานปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘หนฺท พุทฺธกเร ธมฺเม, วิจินามิ อิโต จิโต;

อุทฺธํ อโธ ทส ทิสา, ยาวตา ธมฺมธาตุยา.

‘‘วิจินนฺโต ตทา ทกฺขึ, ปมํ ทานปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อนุจิณฺณํ มหาปถํ.

‘‘อิมํ ตฺวํ ปมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

ทานปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.

‘‘ยถาปิ กุมฺโภ สมฺปุณฺโณ, ยสฺส กสฺสจิ อโธกโต;

วมเตวุทกํ นิสฺเสสํ, น ตตฺถ ปริรกฺขติ.

‘‘ตเถว ยาจเก ทิสฺวา, หีนมุกฺกฏฺมชฺฌิเม;

ททาหิ ทานํ นิสฺเสสํ, กุมฺโภ วิย อโธกโต’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๑๑๕-๑๑๙);

อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริมฺปิ อุปธารยโต ทุติยํ สีลปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย สีลปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ. ยถา หิ จมรี มิโค นาม ชีวิตํ อโนโลเกตฺวา อตฺตโน วาลเมว รกฺขติ, เอวํ ตฺวมฺปิ อิโต ปฏฺาย ชีวิตมฺปิ อโนโลเกตฺวา สีลเมว รกฺขมาโน พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ทุติยํ สีลปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.

‘‘วิจินนฺโต ตทา ทกฺขึ, ทุติยํ สีลปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.

‘‘อิมํ ตฺวํ ทุติยํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

สีลปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.

‘‘ยถาปิ จมรี วาลํ, กิสฺมิฺจิ ปฏิลคฺคิตํ;

อุเปติ มรณํ ตตฺถ, น วิโกเปติ วาลธึ.

‘‘ตเถว จตูสุ ภูมีสุ, สีลานิ ปริปูรย;

ปริรกฺข สทา สีลํ, จมรี วิย วาลธิ’’นฺติ. (พุ. วํ. ๒.๑๒๐-๑๒๔);

อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริมฺปิ อุปธารยโต ตติยํ เนกฺขมฺมปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย เนกฺขมฺมปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ. ยถา หิ จิรํ พนฺธนาคาเร วสมาโน ปุริโส น ตตฺถ สิเนหํ กโรติ, อถ โข อุกฺกณฺติเยว, อวสิตุกาโม โหติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ สพฺพภเว พนฺธนาคารสทิเส กตฺวา สพฺพภเวหิ อุกฺกณฺิโต มุจฺจิตุกาโม หุตฺวา เนกฺขมฺมาภิมุโขว โหหิ. เอวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ตติยํ เนกฺขมฺมปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.

‘‘วิจินนฺโต ตทา ทกฺขึ, ตติยํ เนกฺขมฺมปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.

‘‘อิมํ ตฺวํ ตติยํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

เนกฺขมฺมปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.

‘‘ยถา อนฺทุฆเร ปุริโส, จิรวุตฺโถ ทุขฏฺฏิโต;

น ตตฺถ ราคํ ชเนติ, มุตฺติเมว คเวสติ.

‘‘ตเถว ตฺวํ สพฺพภเว, ปสฺส อนฺทุฆรํ วิย;

เนกฺขมฺมาภิมุโข โหหิ, ภวโต ปริมุตฺติยา’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๑๒๕-๑๒๙);

อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริมฺปิ อุปธารยโต จตุตฺถํ ปฺาปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย ปฺาปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ. หีนมชฺฌิมุกฺกฏฺเสุ กฺจิ อวชฺเชตฺวา สพฺเพปิ ปณฺฑิเต อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหํ ปุจฺเฉยฺยาสิ. ยถา หิ ปิณฺฑปาติโก ภิกฺขุ หีนาทิเภเทสุ กุเลสุ กิฺจิ อวชฺเชตฺวา ปฏิปาฏิยา ปิณฺฑาย จรนฺโต ขิปฺปํ ยาปนํ ลภติ, เอวํ ตฺวมฺปิ สพฺพปณฺฑิเต อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉนฺโต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ จตุตฺถํ ปฺาปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.

‘‘วิจินนฺโต ตทา ทกฺขึ, จตุตฺถํ ปฺาปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.

‘‘อิมํ ตฺวํ จตุตฺถํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

ปฺาปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.

‘‘ยถาปิ ภิกฺขุ ภิกฺขนฺโต, หีนมุกฺกฏฺมชฺฌิเม;

กุลานิ น วิวชฺเชนฺโต, เอวํ ลภติ ยาปนํ.

‘‘ตเถว ตฺวํ สพฺพกาลํ, ปริปุจฺฉํ พุธํ ชนํ;

ปฺาปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๑๓๐-๑๓๔);

อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริมฺปิ อุปธารยโต ปฺจมํ วีริยปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย วีริยปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ, ยถา หิ สีโห มิคราชา สพฺพิริยาปเถสุ ทฬฺหวีริโย โหติ, เอวํ ตฺวมฺปิ สพฺพภเวสุ สพฺพิริยาปเถสุ ทฬฺหวีริโย อโนลีนวีริโย สมาโน พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ปฺจมํ วีริยปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.

‘‘วิจินนฺโต ตทา ทกฺขึ, ปฺจมํ วีริยปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.

‘‘อิมํ ตฺวํ ปฺจมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

วีริยปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.

‘‘ยถาปิ สีโห มิคราชา, นิสชฺชฏฺานจงฺกเม;

อลีนวีริโย โหติ, ปคฺคหิตมโน สทา.

‘‘ตเถว ตฺวํ สพฺพภเว, ปคฺคณฺห วีริยํ ทฬฺหํ;

วีริยปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๑๓๕-๑๓๙);

อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริมฺปิ อุปธารยโต ฉฏฺํ ขนฺติปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย ขนฺติปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ, สมฺมานเนปิ อวมานเนปิ ขโมว ภเวยฺยาสิ. ยถา หิ ปถวิยํ นาม สุจิมฺปิ นิกฺขิปนฺติ อสุจิมฺปิ, น เตน ปถวี สิเนหํ ปฏิฆํ กโรติ, ขมติ สหติ อธิวาเสติเยว, เอวเมว ตฺวมฺปิ สมฺมานเนปิ อวมานเนปิ ขโมว สมาโน พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ฉฏฺํ ขนฺติปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.

‘‘วิจินนฺโต ตทา ทกฺขึ, ฉฏฺมํ ขนฺติปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.

‘‘อิมํ ตฺวํ ฉฏฺมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

ตตฺถ อทฺเวชฺฌมานโส, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสิ.

‘‘ยถาปิ ปถวี นาม, สุจิมฺปิ อสุจิมฺปิ จ;

สพฺพํ สหติ นิกฺเขปํ, น กโรติ ปฏิฆํ ตยา.

‘‘ตเถว ตฺวมฺปิ สพฺเพสํ, สมฺมานาวมานกฺขโม;

ขนฺติปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๑๔๐-๑๔๔);

อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริมฺปิ อุปธารยโต สตฺตมํ สจฺจปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย สจฺจปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ, อสนิยา มตฺถเก ปตมานายปิ ธนาทีนํ อตฺถาย ฉนฺทาทีนํ วเสน สมฺปชานมุสาวาทํ นาม มา ภาสิ. ยถา หิ โอสธี ตารกา นาม สพฺพอุตูสุ อตฺตโน คมนวีถึ ชหิตฺวา อฺาย วีถิยา น คจฺฉติ, สกวีถิยาว คจฺฉติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ สจฺจํ ปหาย มุสาวาทํ นาม อวทนฺโตเยว พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ สตฺตมํ สจฺจปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.

‘‘วิจินนฺโต ตทา ทกฺขึ, สตฺตมํ สจฺจปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.

‘‘อิมํ ตฺวํ สตฺตมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

ตตฺถ อทฺเวชฺฌวจโน, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสิ.

‘‘ยถาปิ โอสธี นาม, ตุลาภูตา สเทวเก;

สมเย อุตุวสฺเส วา, น โวกฺกมติ วีถิโต.

‘‘ตเถว ตฺวมฺปิ สจฺเจสุ, มา โวกฺกมสิ วีถิโต;

สจฺจปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๑๔๕-๑๔๙);

อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริมฺปิ อุปธารยโต อฏฺมํ อธิฏฺานปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย อธิฏฺานปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ, ยํ อธิฏฺาสิ, ตสฺมึ อธิฏฺาเน นิจฺจโลว ภเวยฺยาสิ. ยถา หิ ปพฺพโต นาม สพฺพาสุ ทิสาสุ วาเตหิ ปหโฏ น กมฺปติ น จลติ, อตฺตโน าเนเยว ติฏฺติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ อตฺตโน อธิฏฺาเน นิจฺจโล โหนฺโตว พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ อฏฺมํ อธิฏฺานปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.

‘‘วิจินนฺโต ตทา ทกฺขึ, อฏฺมํ อธิฏฺานปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.

‘‘อิมํ ตฺวํ อฏฺมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

ตตฺถ ตฺวํ อจโล หุตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสิ.

‘‘ยถาปิ ปพฺพโต เสโล, อจโล สุปฺปติฏฺิโต;

น กมฺปติ ภุสวาเตหิ, สกฏฺาเนว ติฏฺติ.

‘‘ตเถว ตฺวมฺปิ อธิฏฺาเน, สพฺพทา อจโล ภว;

อธิฏฺานปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๑๕๐-๑๕๔);

อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริมฺปิ อุปธารยโต นวมํ เมตฺตาปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย เมตฺตาปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ, หิเตสุปิ อหิเตสุปิ เอกจิตฺโต ภเวยฺยาสิ. ยถา หิ อุทกํ นาม ปาปชนสฺสปิ กลฺยาณชนสฺสปิ สีตภาวํ เอกสทิสํ กตฺวา ผรติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ สพฺเพสุ สตฺเตสุ เมตฺตจิตฺเตน เอกจิตฺโตว โหนฺโต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ นวมํ เมตฺตาปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.

‘‘วิจินนฺโต ตทา ทกฺขึ, นวมํ เมตฺตาปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.

‘‘อิมํ ตฺวํ นวมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

เมตฺตาย อสโม โหหิ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.

‘‘ยถาปิ อุทกํ นาม, กลฺยาเณ ปาปเก ชเน;

สมํ ผรติ สีเตน, ปวาเหติ รโชมลํ.

‘‘ตเถว ตฺวมฺปิ หิตาหิเต, สมํ เมตฺตาย ภาวย;

เมตฺตาปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๑๕๕-๑๕๙);

อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริมฺปิ อุปธารยโต ทสมํ อุเปกฺขาปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย อุเปกฺขาปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ, สุเขปิ ทุกฺเขปิ มชฺฌตฺโตว ภเวยฺยาสิ. ยถา หิ ปถวี นาม สุจิมฺปิ อสุจิมฺปิ ปกฺขิปมาเน มชฺฌตฺตาว โหติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ สุขทุกฺเขสุ มชฺฌตฺโตว โหนฺโต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ทสมํ อุเปกฺขาปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.

‘‘วิจินนฺโต ตทา ทกฺขึ, ทสมํ อุเปกฺขาปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.

‘‘อิมํ ตฺวํ ทสมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

ตุลาภูโต ทฬฺโห หุตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสิ.

‘‘ยถาปิ ปถวี นาม, นิกฺขิตฺตํ อสุจึ สุจึ;

อุเปกฺขติ อุโภเปเต, โกปานุนยวชฺชิตา.

‘‘ตเถว ตฺวมฺปิ สุขทุกฺเข, ตุลาภูโต สทา ภว;

อุเปกฺขาปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๑๖๐-๑๖๔);

ตโต จินฺเตสิ – ‘‘อิมสฺมึ โลเก โพธิสตฺเตหิ ปูเรตพฺพา โพธิปริปาจนา พุทฺธการกธมฺมา เอตฺตกาเยว , ทส ปารมิโย เปตฺวา อฺเ นตฺถิ. อิมาปิ ทส ปารมิโย อุทฺธํ อากาเสปิ นตฺถิ, เหฏฺา ปถวิยมฺปิ, ปุรตฺถิมาทีสุ ทิสาสุปิ นตฺถิ, มยฺหํเยว ปน หทยพฺภนฺตเร ปติฏฺิตา’’ติ. เอวํ ตาสํ หทเย ปติฏฺิตภาวํ ทิสฺวา สพฺพาปิ ตา ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาย ปุนปฺปุนํ สมฺมสนฺโต อนุโลมปฏิโลมํ สมฺมสติ, ปริยนฺเต คเหตฺวา อาทึ ปาเปติ, อาทิมฺหิ คเหตฺวา ปริยนฺตํ ปาเปติ, มชฺเฌ คเหตฺวา อุภโต โกฏึ ปาเปตฺวา โอสาเปติ, อุภโต โกฏีสุ คเหตฺวา มชฺฌํ ปาเปตฺวา โอสาเปติ. พาหิรกภณฺฑปริจฺจาโค ทานปารมี นาม, องฺคปริจฺจาโค ทานอุปปารมี นาม, ชีวิตปริจฺจาโค ทานปรมตฺถปารมี นามาติ ทส ปารมิโย ทส อุปปารมิโย ทส ปรมตฺถปารมิโยติ สมตฺตึส ปารมิโย เตลยนฺตํ วินิวฏฺเฏนฺโต วิย มหาเมรุํ มตฺถํ กตฺวา จกฺกวาฬมหาสมุทฺทํ อาลุเฬนฺโต วิย จ สมฺมสติ. ตสฺเสวํ ทส ปารมิโย สมฺมสนฺตสฺส ธมฺมเตเชน จตุนหุตาธิกทฺวิโยชนสตสหสฺสพหลา อยํ มหาปถวี หตฺถินา อกฺกนฺตนฬกลาโป วิย, ปีฬิยมานํ อุจฺฉุยนฺตํ วิย จ มหาวิรวํ วิรวมานา สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธิ. กุลาลจกฺกํ วิย เตลยนฺตจกฺกํ วิย จ ปริพฺภมิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘เอตฺตกาเยว เต โลเก, เย ธมฺมา โพธิปาจนา;

ตทุทฺธํ นตฺถิ อฺตฺร, ทฬฺหํ ตตฺถ ปติฏฺห.

‘‘อิเม ธมฺเม สมฺมสโต, สภาวรสลกฺขเณ;

ธมฺมเตเชน วสุธา, ทสสหสฺสี ปกมฺปถ.

‘‘จลติ รวติ ปถวี, อุจฺฉุยนฺตํว ปีฬิตํ;

เตลยนฺเต ยถา จกฺกํ, เอวํ กมฺปติ เมทนี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๑๖๕-๑๖๗);

มหาปถวิยา กมฺปมานาย รมฺมนครวาสิโน สณฺาตุํ อสกฺโกนฺตา ยุคนฺตวาตพฺภาหตา มหาสาลา วิย มุจฺฉิตา ปปตึสุ. ฆฏาทีนิ กุลาลภาชนานิ ปวฏฺฏนฺตานิ อฺมฺํ ปหรนฺตานิ จุณฺณวิจุณฺณานิ อเหสุํ. มหาชโน ภีตตสิโต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กึ นุ โข ภควา นาคาวฏฺโฏ อยํ, ภูตยกฺขเทวตาสุ อฺตราวฏฺโฏ วาติ น หิ มยํ เอตํ ชานาม, อปิจ โข สพฺโพปิ อยํ มหาชโน อุปทฺทุโต, กึ นุ โข อิมสฺส โลกสฺส ปาปกํ ภวิสฺสติ, อุทาหุ กลฺยาณํ, กเถถ โน เอตํ การณ’’นฺติ อาห. อถ สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘ตุมฺเห มา ภายถ, มา จินฺตยิตฺถ, นตฺถิ โว อิโตนิทานํ ภยํ. โย โส มยา อชฺช ‘สุเมธปณฺฑิโต อนาคเต โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสตี’ติ พฺยากโต, โส อิทานิ ทส ปารมิโย สมฺมสติ, ตสฺส สมฺมสนฺตสฺส วิโลเฬนฺตสฺส ธมฺมเตเชน สกลทสสหสฺสี โลกธาตุ เอกปฺปหาเรน กมฺปติ เจว รวติ จา’’ติ อาห. เตน วุตฺตํ –

‘‘ยาวตา ปริสา อาสิ, พุทฺธสฺส ปริเวสเน;

ปเวธมานา สา ตตฺถ, มุจฺฉิตา เสสิ ภูมิยา.

‘‘ฆฏาเนกสหสฺสานิ, กุมฺภีนฺจ สตา พหู;

สฺจุณฺณมถิตา ตตฺถ, อฺมฺํ ปฆฏฺฏิตา.

‘‘อุพฺพิคฺคา ตสิตา ภีตา, ภนฺตา พฺยถิตมานสา;

มหาชนา สมาคมฺม, ทีปงฺกรมุปาคมุํ.

‘‘กึ ภวิสฺสติ โลกสฺส, กลฺยาณมถ ปาปกํ;

สพฺโพ อุปทฺทุโต โลโก, ตํ วิโนเทหิ จกฺขุม.

‘‘เตสํ ตทา สฺาเปสิ, ทีปงฺกโร มหามุนิ;

วิสฺสตฺถา โหถ มา ภาถ, อิมสฺมึ ปถวิกมฺปเน.

‘‘ยมหํ อชฺช พฺยากาสึ, ‘พุทฺโธ โลเก ภวิสฺสติ’;

เอโส สมฺมสติ ธมฺมํ, ปุพฺพกํ ชินเสวิตํ.

‘‘ตสฺส สมฺมสโต ธมฺมํ, พุทฺธภูมึ อเสสโต;

เตนายํ กมฺปิตา ปถวี, ทสสหสฺสี สเทวเก’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๑๖๘-๑๗๔);

มหาชโน ตถาคตสฺส วจนํ สุตฺวา หฏฺตุฏฺโ มาลาคนฺธวิเลปนํ อาทาย รมฺมนครา นิกฺขมิตฺวา โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา มาลาคนฺธาทีหิ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา รมฺมนครเมว ปาวิสิ. โพธิสตฺโตปิ ทส ปารมิโย สมฺมสิตฺวา วีริยํ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาย นิสินฺนาสนา วุฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘พุทฺธสฺส วจนํ สุตฺวา, มโน นิพฺพายิ ตาวเท;

สพฺเพ มํ อุปสงฺกมฺม, ปุนาปิ อภิวนฺทิสุํ.

‘‘สมาทิยิตฺวา พุทฺธคุณํ, ทฬฺหํ กตฺวาน มานสํ;

ทีปงฺกรํ นมสฺสิตฺวา, อาสนา วุฏฺหึ ตทา’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๑๗๕-๑๗๖);

อถ โพธิสตฺตํ อาสนา วุฏฺหนฺตํ สกลทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา สนฺนิปติตฺวา ทิพฺเพหิ มาลาคนฺเธหิ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘อยฺย สุเมธตาปส, ตยา อชฺช ทีปงฺกรทสพลสฺส ปาทมูเล มหตี ปตฺถนา ปตฺถิตา, สา เต อนนฺตราเยน สมิชฺฌตุ, มา เต ภยํ วา ฉมฺภิตตฺตํ วา อโหสิ, สรีเร อปฺปมตฺตโกปิ โรโค มา อุปฺปชฺชตุ, ขิปฺปํ ปารมิโย ปูเรตฺวา สมฺมาสมฺโพธึ ปฏิวิชฺฌ. ยถา ปุปฺผูปคผลูปครุกฺขา สมเย ปุปฺผนฺติ เจว ผลนฺติ จ, ตเถว ตฺวมฺปิ ตํ สมยํ อนติกฺกมิตฺวา ขิปฺปํ สมฺโพธิมุตฺตมํ ผุสสฺสู’’ติอาทีนิ ถุติมงฺคลานิ ปยิรุทาหํสุ. เอวฺจ ปยิรุทาหิตฺวา อตฺตโน อตฺตโน เทวฏฺานเมว อคมํสุ. โพธิสตฺโตปิ เทวตาหิ อภิตฺถวิโต – ‘‘อหํ ทส ปารมิโย ปูเรตฺวา กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ จตุนฺนํ อสงฺขฺเยยฺยานํ มตฺถเก พุทฺโธ ภวิสฺสามี’’ติ วีริยํ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาย นภํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา หิมวนฺตเมว อคมาสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘ทิพฺพํ มานุสกํ ปุปฺผํ, เทวา มานุสกา อุโภ;

สโมกิรนฺติ ปุปฺเผหิ, วุฏฺหนฺตสฺส อาสนา.

‘‘เวทยนฺติ จ เต โสตฺถึ, เทวา มานุสกา อุโภ;

มหนฺตํ ปตฺถิตํ ตุยฺหํ, ตํ ลภสฺสุ ยถิจฺฉิตํ.

‘‘สพฺพีติโย วิวชฺชนฺตุ, โสโก โรโค วินสฺสตุ;

มา เต ภวนฺตฺวนฺตรายา, ผุส ขิปฺปํ โพธิมุตฺตมํ.

‘‘ยถาปิ สมเย ปตฺเต, ปุปฺผนฺติ ปุปฺผิโน ทุมา;

ตเถว ตฺวํ มหาวีร, พุทฺธาเณน ปุปฺผสุ.

‘‘ยถา เย เกจิ สมฺพุทฺธา, ปูรยุํ ทส ปารมี;

ตเถว ตฺวํ มหาวีร, ปูรย ทส ปารมี.

‘‘ยถา เย เกจิ สมฺพุทฺธา, โพธิมณฺฑมฺหิ พุชฺฌเร;

ตเถว ตฺวํ มหาวีร, พุชฺฌสฺสุ ชินโพธิยํ.

‘‘ยถา เย เกจิ สมฺพุทฺธา, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺตยุํ;

ตเถว ตฺวํ มหาวีร, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺตย.

‘‘ปุณฺณมาเย ยถา จนฺโท, ปริสุทฺโธ วิโรจติ;

ตเถว ตฺวํ ปุณฺณมโน, วิโรจ ทสสหสฺสิยํ.

‘‘ราหุมุตฺโต ยถา สูริโย, ตาเปน อติโรจติ;

ตเถว โลกา มุจฺจิตฺวา, วิโรจ สิริยา ตุวํ.

‘‘ยถา ยา กาจิ นทิโย, โอสรนฺติ มโหทธึ;

เอวํ สเทวกา โลกา, โอสรนฺตุ ตวนฺติเก.

‘‘เตหิ ถุตปฺปสตฺโถ โส, ทส ธมฺเม สมาทิย;

เต ธมฺเม ปริปูเรนฺโต, ปวนํ ปาวิสี ตทา’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๑๗๗-๑๘๗);

สุเมธกถา นิฏฺิตา.

รมฺมนครวาสิโนปิ โข นครํ ปวิสิตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ อทํสุ. สตฺถา เตสํ ธมฺมํ เทเสตฺวา มหาชนํ สรณาทีสุ ปติฏฺเปตฺวา รมฺมนครา นิกฺขมิ. ตโต อุทฺธมฺปิ ยาวตายุกํ ติฏฺนฺโต สพฺพํ พุทฺธกิจฺจํ กตฺวา อนุกฺกเมน อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ สพฺพํ พุทฺธวํเส วุตฺตนเยเนว วิตฺถาเรตพฺพํ. วุตฺตฺหิ ตตฺถ –

‘‘ตทา เต โภชยิตฺวาน, สสงฺฆํ โลกนายกํ;

อุปคจฺฉุํ สรณํ ตสฺส, ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโน.

‘‘สรณคมเน กฺจิ, นิเวเสสิ ตถาคโต;

กฺจิ ปฺจสุ สีเลสุ, สีเล ทสวิเธ ปรํ.

‘‘กสฺสจิ เทติ สามฺํ, จตุโร ผลมุตฺตเม;

กสฺสจิ อสเม ธมฺเม, เทติ โส ปฏิสมฺภิทา.

‘‘กสฺสจิ วรสมาปตฺติโย, อฏฺ เทติ นราสโภ;

ติสฺโส กสฺสจิ วิชฺชาโย, ฉฬภิฺา ปเวจฺฉติ.

‘‘เตน โยเคน ชนกายํ, โอวทติ มหามุนิ;

เตน วิตฺถาริกํ อาสิ, โลกนาถสฺส สาสนํ.

‘‘มหาหนูสภกฺขนฺโธ, ทีปงฺกรสนามโก;

พหู ชเน ตารยติ, ปริโมเจติ ทุคฺคตึ.

‘‘โพธเนยฺยํ ชนํ ทิสฺวา, สตสหสฺเสปิ โยชเน;

ขเณน อุปคนฺตฺวาน, โพเธติ ตํ มหามุนิ.

‘‘ปมาภิสมเย พุทฺโธ, โกฏิสตมโพธยิ;

ทุติยาภิสมเย นาโถ, นวุติโกฏิมโพธยิ.

‘‘ยทา จ เทวภวนมฺหิ, พุทฺโธ ธมฺมมเทสยิ;

นวุติโกฏิสหสฺสานํ, ตติยาภิสมโย อหุ.

‘‘สนฺนิปาตา ตโย อาสุํ, ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโน;

โกฏิสตสหสฺสานํ, ปโม อาสิ สมาคโม.

‘‘ปุน นารทกูฏมฺหิ, ปวิเวกคเต ชิเน;

ขีณาสวา วีตมลา, สมึสุ สตโกฏิโย.

‘‘ยมฺหิ กาเล มหาวีโร, สุทสฺสนสิลุจฺจเย;

นวุติโกฏิสหสฺเสหิ, ปวาเรสิ มหามุนิ.

‘‘อหํ เตน สมเยน, ชฏิโล อุคฺคตาปโน;

อนฺตลิกฺขมฺหิ จรโณ, ปฺจาภิฺาสุ ปารคู.

‘‘ทสวีสสหสฺสานํ, ธมฺมาภิสมโย อหุ;

เอกทฺวินฺนํ อภิสมยา, คณนโต อสงฺขิยา.

‘‘วิตฺถาริกํ พาหุชฺํ, อิทฺธํ ผีตํ อหู ตทา;

ทีปงฺกรสฺส ภควโต, สาสรํ สุวิโสธิตํ.

‘‘จตฺตาริ สตสหสฺสานิ, ฉฬภิฺา มหิทฺธิกา;

ทีปงฺกรํ โลกวิทุํ ปริวาเรนฺติ สพฺพทา.

‘‘เย เกจิ เตน สมเยน, ชหนฺติ มานุสํ ภวํ;

อปฺปตฺตมานสา เสขา, ครหิตา ภวนฺติ เต.

‘‘สุปุปฺผิตํ ปาวจนํ, อรหนฺเตหิ ตาทิภิ;

ขีณาสเวหิ วิมเลหิ, อุปโสภติ สพฺพทา.

‘‘นครํ รมฺมวตี นาม, สุเทโว นาม ขตฺติโย;

สุเมธา นาม ชนิกา, ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโน.

‘‘ทสวสฺสสหสฺสานิ, อคารํ อชฺฌ โส วสิ;

หํสา โกฺจา มยูรา จ, ตโย ปาสาทมุตฺตมา.

‘‘ตีณิ สตสหสฺสานิ, นาริโย สมลงฺกตา;

ปทุมา นาม สา นารี, อุสภกฺขนฺโธ อตฺรโช.

‘‘นิมิตฺเต จตุโร ทิสฺวา, หตฺถิยาเนน นิกฺขมิ;

อนูนทสมาสานิ, ปธาเน ปทหี ชิโน.

‘‘ปธานจารํ จริตฺวาน, อพุชฺฌิ มานสํ มุนิ;

พฺรหฺมุนา ยาจิโต สนฺโต, ทีปงฺกโร มหามุนิ.

‘‘วตฺติ จกฺกํ มหาวีโร, นนฺทาราเม สิรีฆเร;

นิสินฺโน สิรีสมูลมฺหิ, อกาสิ ติตฺถิยมทฺทนํ.

‘‘สุมงฺคโล จ ติสฺโส จ, อเหสุํ อคฺคสาวกา;

สาคโต นามุปฏฺาโก, ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโน.

สุนนฺทา จ‘‘นนฺทา เจว สุนนฺทา จ, อเหสุํ อคฺคสาวิกา;

โพธิ ตสฺส ภควโต, ปิปฺผลีติ ปวุจฺจติ.

‘‘ตปุสฺสภลฺลิกา นาม, อเหสุํ อคฺคุปฏฺกา;

สิริมา โกณา อุปฏฺิกา, ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโน.

‘‘อสีติหตฺถมุพฺเพโธ, ทีปงฺกโร มหามุนิ;

โสภติ ทีปรุกฺโขว, สาลราชาว ผุลฺลิโต.

‘‘ปภา วิธาวติ ตสฺส, สมนฺตา ทฺวาทส โยชเน;

สตสหสฺสวสฺสานิ, อายุ ตสฺส มเหสิโน;

ตาวตา ติฏฺมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํ.

‘‘โชตยิตฺวาน สทฺธมฺมํ, สนฺตาเรตฺวา มหาชนํ;

ชลิตฺวา อคฺคิขนฺโธว, นิพฺพุโต โส สสาวโก.

‘‘สา จ อิทฺธิ โส จ ยโส, ตานิ จ ปาเทสุ จกฺกรตนานิ;

สพฺพํ ตมนฺตรหิตํ, นนุ ริตฺตา สพฺพสงฺขาราติ.

‘‘ทีปงฺกโร ชิโน สตฺถา, นนฺทารามมฺหิ นิพฺพุโต;

ตตฺเถตสฺส ชินถูโป, ฉตฺตึสุพฺเพธโยชโน’’ติ. (พุ. วํ. ๓.๑-๓๑);

โกณฺฑฺโ พุทฺโธ

ทีปงฺกรสฺส ปน ภควโต อปรภาเค เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา โกณฺฑฺโ นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต โกฏิสตสหสฺสํ, ทุติเย โกฏิสหสฺสํ , ตติเย นวุติโกฏิโย. ตทา โพธิสตฺโต วิชิตาวี นาม จกฺกวตฺตี หุตฺวา โกฏิสตสหสฺสสฺส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ อทาสิ. สตฺถา โพธิสตฺตํ ‘‘พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากริตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. โส สตฺถุ ธมฺมกถํ สุตฺวา รชฺชํ นิยฺยาเตตฺวา ปพฺพชิ. โส ตีณิ ปิฏกานิ อุคฺคเหตฺวา อฏฺ สมาปตฺติโย จ ปฺจ อภิฺาโย จ อุปฺปาเทตฺวา อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติ. โกณฺฑฺพุทฺธสฺส ปน รมฺมวตี นาม นครํ, สุนนฺโท นาม ขตฺติโย ปิตา, สุชาตา นาม เทวี มาตา, ภทฺโท จ สุภทฺโท จ ทฺเว อคฺคสาวกา, อนุรุทฺโธ นามุปฏฺาโก, ติสฺสา จ อุปติสฺสา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, สาลกลฺยาณิรุกฺโข โพธิ, อฏฺาสีติหตฺถุพฺเพธํ สรีรํ, วสฺสสตสหสฺสํ อายุปฺปมาณํ อโหสิ.

‘‘ทีปงฺกรสฺส อปเรน, โกณฺฑฺโ นาม นายโก;

อนนฺตเตโช อมิตยโส, อปฺปเมยฺโย ทุราสโท’’.

ตสฺส อปรภาเค เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา เอกสฺมึ กปฺเปเยว จตฺตาโร พุทฺธา นิพฺพตฺตึสุ – มงฺคโล, สุมโน, เรวโต, โสภิโตติ. มงฺคลสฺส ภควโต ตีสุ สาวกสนฺนิปาเตสุ ปมสนฺนิปาเต โกฏิสตสหสฺสํ ภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย โกฏิสตสหสฺสํ, ตติเย นวุฏิโกฏิโย. เวมาติกภาตา กิรสฺส อานนฺทกุมาโร นาม นวุติโกฏิสงฺขาย ปริสาย สทฺธึ ธมฺมสฺสวนตฺถาย สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิ. สตฺถา ตสฺส อนุปุพฺพิกถํ กเถสิ. โส สทฺธึ ปริสาย สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. สตฺถา เตสํ กุลปุตฺตานํ ปุพฺพจริตํ โอโลเกนฺโต อิทฺธิมยปตฺตจีวรสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา ทกฺขิณหตฺถํ ปสาเรตฺวา ‘‘เอถ ภิกฺขโว’’ติ อาห. สพฺเพ ตงฺขณฺเว อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา สฏฺิวสฺสิกเถรา วิย อากปฺปสมฺปนฺนา หุตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปริวารยึสุ. อยมสฺส ตติโย สาวกสนฺนิปาโต อโหสิ.

ยถา ปน อฺเสํ พุทฺธานํ สมนฺตา อสีติหตฺถปฺปมาณาเยว สรีรปฺปภา อโหสิ, น เอวํ ตสฺส. ตสฺส ปน ภควโต สรีรปฺปภา นิจฺจกาลํ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อฏฺาสิ. รุกฺขปถวีปพฺพตสมุทฺทาทโย อนฺตมโส อุกฺขลิยาทีนิ อุปาทาย สุวณฺณปฏฺฏปริโยนทฺธา วิย อเหสุํ. อายุปฺปมาณํ ปนสฺส นวุติวสฺสสหสฺสานิ อโหสิ. เอตฺตกํ กาลํ จนฺทิมสูริยาทโย อตฺตโน ปภาย วิโรจิตุํ นาสกฺขึสุ, รตฺตินฺทิวปริจฺเฉโท น ปฺายิตฺถ. ทิวา สูริยาโลเกน วิย สตฺตา นิจฺจํ พุทฺธาโลเกเนว วิจรึสุ. สายํ ปุปฺผิตกุสุมานํ ปาโต จ รวนกสกุณาทีนฺจ วเสน โลโก รตฺตินฺทิวปริจฺเฉทํ สลฺลกฺเขสิ.

กึ ปน อฺเสํ พุทฺธานํ อยมานุภาโว นตฺถีติ? โน นตฺถิ. เตปิ หิ อากงฺขมานา ทสสหสฺสิโลกธาตุํ วา ตโต วา ภิยฺโย อาภาย ผเรยฺยุํ. มงฺคลสฺส ปน ภควโต ปุพฺพปตฺถนาวเสน อฺเสํ พฺยามปฺปภา วิย สรีรปฺปภา นิจฺจเมว ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อฏฺาสิ. โส กิร โพธิสตฺตจริยจรณกาเล เวสฺสนฺตรสทิเส อตฺตภาเวิโต สปุตฺตทาโร วงฺกปพฺพตสทิเส ปพฺพเต วสิ. อเถโก ขรทาิโก นาม ยกฺโข มหาปุริสสฺส ทานชฺฌาสยตํ สุตฺวา พฺราหฺมณวณฺเณน อุปสงฺกมิตฺวา มหาสตฺตํ ทฺเว ทารเก ยาจิ. มหาสตฺโต ‘‘ททามิ, พฺราหฺมณ, ปุตฺตเก’’ติ วตฺวา หฏฺปหฏฺโ อุทกปริยนฺตํ มหาปถวึ กมฺเปนฺโต ทฺเวปิ ทารเก อทาสิ. ยกฺโข จงฺกมนโกฏิยํ อาลมฺพนผลกํ นิสฺสาย ตฺวา ปสฺสนฺตสฺเสว มหาสตฺตสฺส มุลาลกลาปํ วิย ทารเก ขาทิ. มหาปุริสสฺส ยกฺขํ โอโลเกตฺวา มุเข วิวฏมตฺเต อคฺคิชาลํ วิย โลหิตธารํ อุคฺคิรมานํ ตสฺส มุขํ ทิสฺวาปิ เกสคฺคมตฺตมฺปิ โทมนสฺสํ น อุปฺปชฺชิ. ‘‘สุทินฺนํ วต เม ทาน’’นฺติ จินฺตยโต ปนสฺส สรีเร มหนฺตํ ปีติโสมนสฺสํ อุทปาทิ. โส ‘‘อิมสฺส เม ทานสฺส นิสฺสนฺเทน อนาคเต อิมินาว นีหาเรน สรีรโต รสฺมิโย นิกฺขมนฺตู’’ติ ปตฺถนํ อกาสิ. ตสฺส ตํ ปตฺถนํ นิสฺสาย พุทฺธภูตสฺส สรีรโต รสฺมิโย นิกฺขมิตฺวา เอตฺตกํ านํ ผรึสุ.

อปรมฺปิสฺส ปุพฺพจริยํ อตฺถิ. โส กิร โพธิสตฺตกาเล เอกสฺส พุทฺธสฺส เจติยํ ทิสฺวา ‘‘อิมสฺส พุทฺธสฺส มยา ชีวิตํ ปริจฺจชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ทณฺฑกทีปิกาเวนนิยาเมน สกลสรีรํ เวาเปตฺวา รตนมตฺตมกุฬํ สตสหสฺสคฺฆนิกํ สุวณฺณปาตึ สปฺปิสฺส ปูราเปตฺวา ตตฺถ สหสฺสวฏฺฏิโย ชาเลตฺวา ตํ สีเสนาทาย สกลสรีรํ ชาลาเปตฺวา เจติยํ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต สกลรตฺตึ วีตินาเมติ. เอวํ ยาว อรุณุคฺคมนา วายมนฺตสฺสาปิสฺส โลมกูปมตฺตมฺปิ อุสุมํ น คณฺหิ. ปทุมคพฺภํ ปวิฏฺกาโล วิย อโหสิ. ธมฺโม หิ นาเมส อตฺตานํ รกฺขนฺตํ รกฺขติ. เตนาห ภควา –

‘‘ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจารึ, ธมฺโม สุจิณฺโณ สุขมาวหาติ;

เอสานิสํโส ธมฺเม สุจิณฺเณ, น ทุคฺคตึ คจฺฉติ ธมฺมจารี’’ติ. (เถรคา. ๓๐๓; ชา. ๑.๑๐.๑๐๒) –

อิมสฺสปิ กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน ตสฺส ภควโต สรีโรภาโส ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อฏฺาสิ.

ตทา อมฺหากํ โพธิสตฺโต สุรุจิ นาม พฺราหฺมโณ หุตฺวา ‘‘สตฺถารํ นิมนฺเตสฺสามี’’ติ อุปสงฺกมิตฺวา มธุรธมฺมกถํ สุตฺวา ‘‘สฺเว มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถ, ภนฺเต’’ติ อาห. ‘‘พฺราหฺมณ, กิตฺตเกหิ เต ภิกฺขูหิ อตฺโถ’’ติ? ‘‘กิตฺตกา ปน โว, ภนฺเต, ปริวารภิกฺขู’’ติ อาห. ตทา สตฺถุ ปมสนฺนิปาโตเยว โหติ, ตสฺมา ‘‘โกฏิสตสหสฺส’’นฺติ อาห. ‘‘ภนฺเต, สพฺเพหิปิ สทฺธึ มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ. สตฺถา อธิวาเสสิ. พฺราหฺมโณ สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา เคหํ คจฺฉนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อหํ เอตฺตกานํ ภิกฺขูนํ ยาคุภตฺตวตฺถาทีนิ ทาตุํ สกฺโกมิ, นิสีทนฏฺานํ ปน กถํ ภวิสฺสตี’’ติ?

ตสฺส สา จินฺตา จตุราสีติโยชนสหสฺสมตฺถเก ิตสฺส เทวรฺโ ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนสฺส อุณฺหภาวํ ชเนสิ. สกฺโก ‘‘โก นุ โข มํ อิมมฺหา านา จาเวตุกาโม’’ติ ทิพฺพจกฺขุนา โอโลเกนฺโต มหาปุริสํ ทิสฺวา ‘‘สุรุจิ นาม พฺราหฺมโณ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา นิสีทนฏฺานตฺถาย จินฺเตสิ, มยาปิ ตตฺถ คนฺตฺวา ปุฺโกฏฺาสํ คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ วฑฺฒกิวณฺณํ นิมฺมินิตฺวา วาสิผรสุหตฺโถ มหาปุริสสฺส ปุรโต ปาตุรโหสิ. ‘‘อตฺถิ นุ โข กสฺสจิ ภติยา กตฺตพฺพกิจฺจ’’นฺติ อาห. มหาปุริโส ตํ ทิสฺวา ‘‘กึ กมฺมํ กริสฺสสี’’ติ อาห. ‘‘มม อชานนสิปฺปํ นาม นตฺถิ, เคหํ วา มณฺฑปํ วา โย ยํ กาเรติ, ตสฺส ตํ กาตุํ ชานามี’’ติ. ‘‘เตน หิ มยฺหํ กมฺมํ อตฺถี’’ติ. ‘‘กึ, อยฺยา’’ติ? ‘‘สฺวาตนาย เม โกฏิสตสหสฺสภิกฺขู นิมนฺติตา. เตสํ นิสีทนมณฺฑปํ กริสฺสสี’’ติ? ‘‘อหํ นาม กเรยฺยํ สเจ เม ภตึ ทาตุํ สกฺขิสฺสถา’’ติ. ‘‘สกฺขิสฺสามิ, ตาตา’’ติ. ‘‘สาธุ กริสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา เอกํ ปเทสํ โอโลเกสิ. ทฺวาทสเตรสโยชนปฺปมาโณ ปเทโส กสิณมณฺฑลํ วิย สมตโล อโหสิ. โส ‘‘เอตฺตเก าเน สตฺตรตนมโย มณฺฑโป อุฏฺหตู’’ติ จินฺเตตฺวา โอโลเกสิ. ตาวเทว ปถวึ ภินฺทิตฺวา มณฺฑโป อุฏฺหิ. ตสฺส โสวณฺณมเยสุ ถมฺเภสุ รชตมยา ฆฏกา อเหสุํ, รชตมเยสุ โสวณฺณมยา, มณิมเยสุ ถมฺเภสุ ปวาฬมยา, ปวาฬมเยสุ มณิมยา, สตฺตรตนมเยสุ ถมฺเภสุ สตฺตรตนมยา ฆฏกา อเหสุํ. ตโต ‘‘มณฺฑปสฺส อนฺตรนฺตเร กิงฺกณิกชาลํ โอลมฺพตู’’ติ โอโลเกสิ. สห โอโลกเนเนว ชาลํ โอลมฺพิ. ยสฺส มนฺทวาเตริตสฺส ปฺจงฺคิกสฺเสว ตูริยสฺส มธุรสทฺโท นิจฺฉรติ. ทิพฺพสงฺคีติวตฺตนกาโล วิย อโหสิ. ‘‘อนฺตรนฺตรา คนฺธทามมาลาทามานิ โอลมฺพนฺตู’’ติ จินฺเตนฺตสฺส มาลาทามานิ โอลมฺพึสุ. ‘‘โกฏิสตสหสฺสสงฺขานํ ภิกฺขูนํ อาสนานิ จ อาธารกานิ จ ปถวึ ภินฺทิตฺวา อุฏฺหนฺตู’’ติ จินฺเตสิ, ตาวเทว อุฏฺหึสุ. ‘‘โกเณ โกเณ เอเกกา อุทกจาฏิโย อุฏฺหนฺตู’’ติ จินฺเตสิ, อุทกจาฏิโย อุฏฺหึสุ.

โส เอตฺตกํ มาเปตฺวา พฺราหฺมณสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘เอหิ, อยฺย, ตว มณฺฑปํ โอโลเกตฺวา มยฺหํ ภตึ เทหี’’ติ อาห. มหาปุริโส คนฺตฺวา มณฺฑปํ โอโลเกสิ. โอโลเกนฺตสฺเสว จ สกลสรีรํ ปฺจวณฺณาย ปีติยา นิรนฺตรํ ผุฏํ อโหสิ. อถสฺส มณฺฑปํ โอโลเกตฺวา เอตทโหสิ – ‘‘นายํ มณฺฑโป มนุสฺสภูเตน กโต, มยฺหํ ปน อชฺฌาสยํ มยฺหํ คุณํ อาคมฺม อทฺธา สกฺกภวนํ อุณฺหํ ภวิสฺสติ. ตโต สกฺเกน เทวรฺา อยํ มณฺฑโป การิโต ภวิสฺสตี’’ติ. ‘‘น โข ปน เม ยุตฺตํ เอวรูเป มณฺฑเป เอกทิวสํเยว ทานํ ทาตุํ, สตฺตาหํ ทสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. พาหิรกทานฺหิ ตตฺตกมฺปิ สมานํ โพธิสตฺตานํ ตุฏฺึ กาตุํ น สกฺโกติ, อลงฺกตสีสํ ปน ฉินฺทิตฺวา อฺชิตอกฺขีนิ อุปฺปาเฏตฺวา หทยมํสํ วา อุพฺพฏฺเฏตฺวา ทินฺนกาเล โพธิสตฺตานํ จาคํ นิสฺสาย ตุฏฺิ นาม โหติ. อมฺหากมฺปิ หิ โพธิสตฺตสฺส สิวิราชชาตเก เทวสิกํ ปฺจกหาปณสตสหสฺสานิ วิสฺสชฺเชตฺวา จตูสุ ทฺวาเรสุ นครมชฺเฌ จ ทานํ เทนฺตสฺส ตํ ทานํ จาคตุฏฺึ อุปฺปาเทตุํ นาสกฺขิ. ยทา ปนสฺส พฺราหฺมณวณฺเณน อาคนฺตฺวา สกฺโก เทวราชา อกฺขีนิ ยาจิ, ตทา ตานิ อุปฺปาเฏตฺวา ททมานสฺเสว หาโส อุปฺปชฺชิ, เกสคฺคมตฺตมฺปิ จิตฺตํ อฺถตฺตํ นาโหสิ. เอวํ ทินฺนทานํ นิสฺสาย โพธิสตฺตานํ ติตฺติ นาม นตฺถิ. ตสฺมา โสปิ มหาปุริโส ‘‘สตฺตาหํ มยา โกฏิสตสหสฺสสงฺขานํ ภิกฺขูนํ ทานํ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตสฺมึ มณฺฑเป นิสีทาเปตฺวา สตฺตาหํ ควปานํ นาม อทาสิ. ควปานนฺติ มหนฺเต มหนฺเต โกลมฺเพ ขีรสฺส ปูเรตฺวา อุทฺธเนสุ อาโรเปตฺวา ฆนปากปกฺเก ขีเร โถเก ตณฺฑุเล ปกฺขิปิตฺวา ปกฺกมธุสกฺกรจุณฺณสปฺปีหิ อภิสงฺขตโภชนํ วุจฺจติ. มนุสฺสาเยว ปน ปริวิสิตุํ นาสกฺขึสุ. เทวาปิ เอกนฺตริกา หุตฺวา ปริวิสึสุ. ทฺวาทสเตรสโยชนปฺปมาณํ านมฺปิ ภิกฺขู คณฺหิตุํ นปฺปโหสิเยว , เต ปน ภิกฺขู อตฺตโน อานุภาเวน นิสีทึสุ. ปริโยสานทิวเส ปน สพฺพภิกฺขูนํ ปตฺตานิ โธวาเปตฺวา เภสชฺชตฺถาย สปฺปินวนีตเตลมธุผาณิตานํ ปูเรตฺวา ติจีวเรหิ สทฺธึ อทาสิ, สงฺฆนวกภิกฺขุนา ลทฺธจีวรสาฏกา สตสหสฺสคฺฆนิกา อเหสุํ.

สตฺถา อนุโมทนํ กโรนฺโต – ‘‘อยํ ปุริโส เอวรูปํ มหาทานํ อทาสิ, โก นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ อุปธาเรนฺโต – ‘‘อนาคเต กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ ทฺวินฺนํ อสงฺขฺเยยฺยานํ มตฺถเก โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ทิสฺวา มหาปุริสํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ตฺวํ เอตฺตกํ นาม กาลํ อติกฺกมิตฺวา โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. มหาปุริโส พฺยากรณํ สุตฺวา ‘‘อหํ กิร พุทฺโธ ภวิสฺสามิ, โก เม ฆราวาเสน อตฺโถ, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ตถารูปํ สมฺปตฺตึ เขฬปิณฺฑํ วิย ปหาย สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา อภิฺาโย จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา อายุปริโยสาเน พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติ.

มงฺคโล พุทฺโธ

มงฺคลสฺส ปน ภควโต นครํ อุตฺตรํ นาม อโหสิ, ปิตาปิ อุตฺตโร นาม ขตฺติโย, มาตาปิ อุตฺตรา นาม เทวี, สุเทโว จ ธมฺมเสโน จ ทฺเว อคฺคสาวกา, ปาลิโต นามุปฏฺาโก, สีวลี จ อโสกา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, นาครุกฺโข โพธิ, อฏฺาสีติหตฺถุพฺเพธํ สรีรํ อโหสิ. นวุติ วสฺสสหสฺสานิ ตฺวา ปรินิพฺพุเต ปน ตสฺมึ เอกปฺปหาเรเนว ทส จกฺกวาฬสหสฺสานิ เอกนฺธการานิ อเหสุํ. สพฺพจกฺกวาเฬสุ มนุสฺสานํ มหนฺตํ อาโรทนปริเทวนํ อโหสิ.

‘‘โกณฺฑฺสฺส อปเรน, มงฺคโล นาม นายโก;

ตมํ โลเก นิหนฺตฺวาน, ธมฺโมกฺกมภิธารยี’’ติ. (พุ. วํ. ๕.๑);

สุมโน พุทฺโธ

เอวํ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ อนฺธการํ กตฺวา ปรินิพฺพุตสฺส ตสฺส ภควโต อปรภาเค สุมโน นาม สตฺถา โลเก อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา. ปมสนฺนิปาเต โกฏิสตสหสฺสภิกฺขู อเหสุํ. ทุติเย กฺจนปพฺพตมฺหิ นวุติโกฏิสหสฺสานิ, ตติเย อสีติโกฏิสหสฺสานิ. ตทา มหาสตฺโต อตุโล นาม นาคราชา อโหสิ มหิทฺธิโก มหานุภาโว. โส ‘‘พุทฺโธ อุปฺปนฺโน’’ติ สุตฺวา าติสงฺฆปริวุโต นาคภวนา นิกฺขมิตฺวา โกฏิสตสหสฺสภิกฺขุปริวารสฺส ตสฺส ภควโต ทิพฺพตูริเยหิ อุปหารํ กาเรตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา ปจฺเจกํ ทุสฺสยุคานิ ทตฺวา สรเณสุ ปติฏฺาสิ. โสปิ นํ สตฺถา ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต นครํ เมขลํ นาม อโหสิ, สุทตฺโต นาม ราชา ปิตา, สิริมา นาม มาตา เทวี, สรโณ จ ภาวิตตฺโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา, อุเทโน นามุปฏฺาโก, โสณา จ อุปโสณา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, นาครุกฺโข โพธิ, นวุติหตฺถุพฺเพธํ สรีรํ อโหสิ, นวุติเยว วสฺสสหสฺสานิ อายุปฺปมาณํ อโหสิ.

‘‘มงฺคลสฺส อปเรน, สุมโน นาม นายโก;

สพฺพธมฺเมหิ อสโม, สพฺพสตฺตานมุตฺตโม’’ติ. (พุ. วํ. ๖.๑);

เรวโต พุทฺโธ

ตสฺส อปรภาเค เรวโต นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา. ปมสนฺนิปาเต คณนา นตฺถิ, ทุติเย โกฏิสตสหสฺสภิกฺขู อเหสุํ, ตถา ตติเย. ตทา โพธิสตฺโต อติเทโว นาม พฺราหฺมโณ หุตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สรเณสุ ปติฏฺาย สิรสิ อฺชลึ เปตฺวา ตสฺส สตฺถุโน กิเลสปฺปหาเน วณฺณํ สุตฺวา อุตฺตราสงฺเคน ปูชํ อกาสิ. โสปิ นํ ‘‘พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ปน ภควโต นครํ สุธฺวตี นาม อโหสิ, ปิตา วิปุโล นาม ขตฺติโย, มาตา วิปุลา นาม, วรุโณ จ พฺรหฺมเทโว จ ทฺเว อคฺคสาวกา, สมฺภโว นามุปฏฺาโก, ภทฺทา จ สุภทฺทา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, นาครุกฺโข โพธิ, สรีรํ อสีติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, อายุ สฏฺิ วสฺสสหสฺสานีติ.

‘‘สุมนสฺส อปเรน, เรวโต นาม นายโก;

อนูปโม อสทิโส, อตุโล อุตฺตโม ชิโน’’ติ. (พุ. วํ. ๗.๑);

โสภิโต พุทฺโธ

ตสฺส อปรภาเค โสภิโต นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา. ปมสนฺนิปาเต โกฏิสตํ ภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย นวุติโกฏิโย, ตติเย อสีติโกฏิโย. ตทา โพธิสตฺโต อชิโต นาม พฺราหฺมโณ หุตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สรเณสุ ปติฏฺาย พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ อทาสิ. โสปิ นํ ‘‘พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ปน ภควโต นครํ สุธมฺมํ นาม อโหสิ, ปิตา สุธมฺโม นาม ราชา, มาตาปิ สุธมฺมา นาม เทวี, อสโม จ สุเนตฺโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา, อโนโม นามุปฏฺาโก, นกุลา จ สุชาตา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, นาครุกฺโข โพธิ , อฏฺปณฺณาสหตฺถุพฺเพธํ สรีรํ อโหสิ, นวุติ วสฺสสหสฺสานิ อายุปฺปมาณนฺติ.

‘‘เรวตสฺส อปเรน, โสภิโต นาม นายโก;

สมาหิโต สนฺตจิตฺโต, อสโม อปฺปฏิปุคฺคโล’’ติ. (พุ. วํ. ๘.๑);

อโนมทสฺสี พุทฺโธ

ตสฺส อปรภาเค เอกํ อสงฺขเยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา เอกสฺมึ กปฺเป ตโย พุทฺธา นิพฺพตฺตึสุ อโนมทสฺสี, ปทุโม, นารโทติ. อโนมทสฺสิสฺส ภควโต ตโย สาวกสนฺนิปาตา. ปเม อฏฺ ภิกฺขุสตสหสฺสานิ อเหสุํ, ทุติเย สตฺต, ตติเย ฉ. ตทา โพธิสตฺโต เอโก ยกฺขเสนาปติ อโหสิ มหิทฺธิโก มหานุภาโว, อเนกโกฏิสตสหสฺสานํ ยกฺขานํ อธิปติ. โส ‘‘พุทฺโธ อุปฺปนฺโน’’ติ สุตฺวา อาคนฺตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ อทาสิ. โสปิ นํ สตฺถา ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. อโนมทสฺสิสฺส ปน ภควโต จนฺทวตี นาม นครํ อโหสิ, ยสวา นาม ราชา ปิตา, ยโสธรา นาม มาตา เทวี, นิสโภ จ อโนโม จ ทฺเว อคฺคสาวกา, วรุโณ นามุปฏฺาโก, สุนฺทรี จ สุมนา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, อชฺชุนรุกฺโข โพธิ, อฏฺปฺาสหตฺถุพฺเพธํ สรีรํ อโหสิ, วสฺสสตสหสฺสํ อายุปฺปมาณนฺติ.

‘‘โสภิตสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;

อโนมทสฺสี อมิตยโส, เตชสฺสี ทุรติกฺกโม’’ติ. (พุ. วํ. ๙.๑);

ปทุโม พุทฺโธ

ตสฺส อปรภาเค ปทุโม นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา. ปมสนฺนิปาเต โกฏิสตสหสฺสํ ภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย ตีณิ สตสหสฺสานิ, ตติเย อคามเก อรฺเ มหาวนสณฺฑวาสีนํ ภิกฺขูนํ ทฺเว สตสหสฺสานิ. ตทา โพธิสตฺโต สีโห หุตฺวา สตฺถารํ นิโรธสมาปตฺตึ สมาปนฺนํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปีติโสมนสฺสชาโต ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิตฺวา สตฺตาหํ พุทฺธารมฺมณํ ปีตึ อวิชหิตฺวา ปีติสุเขเนว โคจราย อปกฺกมิตฺวา ชีวิตปริจฺจาคํ กตฺวา ภควนฺตํ ปยิรุปาสมาโน อฏฺาสิ. สตฺถา สตฺตาหจฺจเยน นิโรธา วุฏฺิโต สีหํ โอโลเกตฺวา ‘‘ภิกฺขุสงฺเฆปิ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา สงฺฆํ วนฺทิสฺสตี’’ติ ‘‘ภิกฺขุสงฺโฆ อาคจฺฉตู’’ติ จินฺเตสิ. ภิกฺขู ตาวเทว อาคมึสุ. สีโหปิ ภิกฺขุสงฺเฆ จิตฺตํ ปสาเทติ. สตฺถา ตสฺส มนํ โอโลเกตฺวา ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. ปทุมสฺส ปน ภควโต จมฺปกํ นาม นครํ อโหสิ, อสโม นาม ราชา ปิตา, มาตา อสมา นาม เทวี, สาโล จ อุปสาโล จ ทฺเว อคฺคสาวกา, วรุโณ นามุปฏฺาโก, รามา จ สุรามา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, โสณรุกฺโข นาม โพธิ, อฏฺปณฺณาสหตฺถุพฺเพธํ สรีรํ อโหสิ, อายุ วสฺสสตสหสฺสนฺติ.

‘‘อโนมทสฺสิสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;

ปทุโม นาม นาเมน, อสโม อปฺปฏิปุคฺคโล’’ติ. (พุ. ว. ๑๐.๑);

นารโท พุทฺโธ

ตสฺส อปรภาเค นารโท นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา. ปมสนฺนิปาเต โกฏิสตสหสฺสํ ภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย นวุติโกฏิสหสฺสานิ, ตติเย อสีติโกฏิสหสฺสานิ. ตทา โพธิสตฺโต อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ปฺจสุ อภิฺาสุ อฏฺสุ จ สมาปตฺตีสุ จิณฺณวสี หุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา โลหิตจนฺทเนน ปูชํ อกาสิ. โสปิ นํ สตฺถา ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ปน ภควโต ธฺวตี นาม นครํ อโหสิ, สุเทโว นาม ขตฺติโย ปิตา, อโนมา นาม มาตา เทวี, ภทฺทสาโล จ ชิตมิตฺโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา, วาเสฏฺโ นามุปฏฺาโก, อุตฺตรา จ ผคฺคุนี จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, มหาโสณรุกฺโข นาม โพธิ, สรีรํ อฏฺาสีติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, นวุติ วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.

‘‘ปทุมสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;

นารโท นาม นาเมน, อสโม อปฺปฏิปุคฺคโล’’ติ. (พุ. วํ. ๑๑.๑);

ปทุมุตฺตโร พุทฺโธ

นารทพุทฺธสฺส ปน อปรภาเค อิโต สตสหสฺสกปฺปมตฺถเก เอกสฺมึ กปฺเป เอโกว ปทุมุตฺตโร นาม พุทฺโธ อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา. ปเม สนฺนิปาเต โกฏิสตสหสฺสํ ภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย เวภารปพฺพเต นวุติโกฏิสหสฺสานิ, ตติเย อสีติโกฏิสหสฺสานิ. ตทา โพธิสตฺโต ชฏิโล นาม มหารฏฺิโย หุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆส สจีวรํ ทานํ อทาสิ. โสปิ นํ สตฺถา ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. ปทุมุตฺตรสฺส ปน ภควโต กาเล ติตฺถิยา นาม นาเหสุํ. สพฺพเทวมนุสฺสา พุทฺธเมว สรณํ อคมํสุ. ตสฺส นครํ หํสวตี นาม อโหสิ, ปิตา อานนฺโท นาม ขตฺติโย, มาตา สุชาตา นาม เทวี, เทวโล จ สุชาโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา, สุมโน นามุปฏฺาโก, อมิตา จ อสมา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, สาลรุกฺโข โพธิ, สรีรํ อฏฺปณฺณาสหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, สรีรปฺปภา สมนฺตโต ทฺวาทสโยชนานิ คณฺหิ, วสฺสสตสหสฺสํ อายูติ.

‘‘นารทสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;

ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, อกฺโขโภ สาครูปโม’’ติ. (พุ. วํ. ๑๒.๑);

สุเมโธ พุทฺโธ

ตสฺส อปรภาเค ตึส กปฺปสหสฺสานิ อติกฺกมิตฺวา สุเมโธสุชาโต จาติ เอกสฺมึ กปฺเป ทฺเว พุทฺธา นิพฺพตฺตึสุ. สุเมธสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา. ปมสนฺนิปาเต สุทสฺสนนคเร โกฏิสตํ ขีณาสวา อเหสุํ, ทุติเย นวุติโกฏิโย, ตติเย อสีติโกฏิโย. ตทา โพธิสตฺโต อุตฺตโร นาม มาณโว หุตฺวา นิทหิตฺวา ปิตํเยว อสีติโกฏิธนํ วิสฺสชฺเชตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา สรเณสุ ปติฏฺาย นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิ. โสปิ นํ ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. สุเมธสฺส ภควโต สุทสฺสนํ นาม นครํ อโหสิ, สุทตฺโต นาม ราชา ปิตา, มาตาปิ สุทตฺตา นาม เทวี, สรโณ จ สพฺพกาโม จ ทฺเว อคฺคสาวกา, สาคโร นามุปฏฺาโก, รามา จ สุรามา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, มหานีปรุกฺโข โพธิ, สรีรํ อฏฺาสีติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, อายุ นวุติ วสฺสสหสฺสนฺติ.

‘‘ปทุมุตฺตรสฺส อปเรน, สุเมโธ นาม นายโก;

ทุราสโท อุคฺคเตโช, สพฺพโลกุตฺตโม มุนี’’ติ. (พุ. วํ. ๑๓.๑);

สุชาโต พุทฺโธ

ตสฺส อปรภาเค สุชาโต นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา. ปมสนฺนิปาเต สฏฺิ ภิกฺขุสตสหสฺสานิ อเหสุํ, ทุติเย ปฺาสํ, ตติเย จตฺตาลีสํ. ตทา โพธิสตฺโต จกฺกวตฺติราชา หุตฺวา ‘‘พุทฺโธ อุปฺปนฺโน’’ติ สุตฺวา อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สทฺธึ สตฺตหิ รตเนหิ จตุมหาทีปรชฺชํ ทตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิ. สกลรฏฺวาสิโน รฏฺุปฺปาทํ คเหตฺวา อารามิกกิจฺจํ สาเธนฺตา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิจฺจํ มหาทานํ อทํสุ. โสปิ นํ สตฺถา ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต นครํ สุมงฺคลํ นาม อโหสิ, อุคฺคโต นาม ราชา ปิตา, ปภาวตี นาม มาตา, สุทสฺสโน จ สุเทโว จ ทฺเว อคฺคสาวกา, นารโท นามุปฏฺาโก, นาคา จ นาคสมาลา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, มหาเวฬุรุกฺโข โพธิ. โส กิร มนฺทจฺฉิทฺโท ฆนกฺขนฺโธ อุปริ นิคฺคตาหิ มหาสาขาหิ โมรปิฺฉกลาโป วิย วิโรจิตฺถ. ตสฺส ภควโต สรีรํ ปณฺณาสหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, อายุ นวุติ วสฺสสหสฺสนฺติ.

‘‘ตตฺเถว มณฺฑกปฺปมฺหิ, สุชาโต นาม นายโก;

สีหหนูสภกฺขนฺโธ, อปฺปเมยฺโย ทุราสโท’’ติ. (พุ. วํ. ๑๔.๑);

ปิยทสฺสี พุทฺโธ

ตสฺส อปรภาเค อิโต อฏฺารสกปฺปสตมตฺถเก เอกสฺมึ กปฺเป ปิยทสฺสี, อตฺถทสฺสี,  ธมฺมทสฺสีติ ตโย พุทฺธา นิพฺพตฺตึสุ. ปิยทสฺสิสฺสปิ ภควโต ตโย สาวกสนฺนิปาตา. ปเม โกฏิสตสหสฺสํ ภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย นวุติโกฏิโย, ตติเย อสีติโกฏิโย. ตทา โพธิสตฺโต กสฺสโป นาม มาณโว ติณฺณํ เวทานํ ปารงฺคโต หุตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา โกฏิสตสหสฺสธนปริจฺจาเคน สงฺฆารามํ กาเรตฺวา สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺาสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘อฏฺารสกปฺปสตจฺจเยน พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต อโนมํ นาม นครํ อโหสิ, ปิตา สุทินฺโน นาม ราชา, มาตา จนฺทา นาม, ปาลิโต จ สพฺพทสฺสี จ ทฺเว อคฺคสาวกา, โสภิโต นามุปฏฺาโก, สุชาตา จ ธมฺมทินฺนา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, กกุธรุกฺโข โพธิ, สรีรํ อสีติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, นวุติ วสฺสสหสฺสํ อายูติ.

‘‘สุชาตสฺส อปเรน, สยมฺภู โลกนายโก;

ทุราสโท อสมสโม, ปิยทสฺสี มหายโส’’ติ. (พุ. วํ. ๑๕.๑);

อตฺถทสฺสี พุทฺโธ

ตสฺส อปรภาเค อตฺถทสฺสี นาม ภควา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา. ปเม อฏฺนวุติ ภิกฺขุสตสหสฺสานิ อเหสุํ, ทุติเย อฏฺาสีติสตสหสฺสานิ, ตถา ตติเย. ตทา โพธิสตฺโต สุสีโม นาม มหิทฺธิโก ตาปโส หุตฺวา เทวโลกโต มนฺทารวปุปฺผจฺฉตฺตํ อาหริตฺวา สตฺถารํ ปูเชสิ, โสปิ นํ ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต โสภนํ นาม นครํ อโหสิ, สาคโร นาม ราชา ปิตา, สุทสฺสนา นาม มาตา, สนฺโต จ อุปสนฺโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา, อภโย นามุปฏฺาโก, ธมฺมา จ สุธมฺมา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, จมฺปกรุกฺโข โพธิ, สรีรํ อสีติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, สรีรปฺปภา สมนฺตโต สพฺพกาลํ โยชนมตฺตํ ผริตฺวา อฏฺาสิ, อายุ วสฺสสตสหสฺสนฺติ.

‘‘ตตฺเถว มณฺฑกปฺปมฺหิ, อตฺถทสฺสี นราสโภ;

มหาตมํ นิหนฺตฺวาน, ปตฺโต สมฺโพธิมุตฺตม’’นฺติ. (พุ. วํ. ๑๖.๑);

ธมฺมทสฺสี พุทฺโธ

ตสฺส อปรภาเค ธมฺมทสฺสี นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา. ปเม โกฏิสตํ ภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย นวุติโกฏิโย, ตติเย อสีติโกฏิโย. ตทา โพธิสตฺโต สกฺโก เทวราชา หุตฺวา ทิพฺพคนฺธปุปฺเผหิ จ ทิพฺพตูริเยหิ จ ปูชํ อกาสิ, โสปิ นํ สตฺถา ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต สรณํ นาม นครํ อโหสิ, ปิตา สรโณ นาม ราชา, มาตา สุนนฺทา นาม เทวี, ปทุโม จ ผุสฺสเทโว จ ทฺเว อคฺคสาวกา, สุเนตฺโต นามุปฏฺาโก, เขมา จ สพฺพนามา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, รตฺตงฺกุรรุกฺโข โพธิ, ‘‘พิมฺพิชาโล’’ติปิ วุจฺจติ, สรีรํ ปนสฺส อสีติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, วสฺสสตสหสฺสํ อายูติ.

‘‘ตตฺเถว มณฺฑกปฺปมฺหิ, ธมฺมทสฺสี มหายโส;

ตมนฺธการํ วิธมิตฺวา, อติโรจติ สเทวเก’’ติ. (พุ. วํ. ๑๗.๑);

สิทฺธตฺโถ พุทฺโธ

ตสฺส อปรภาเค อิโต จตุนวุติกปฺปมตฺถเก เอกสฺมึ กปฺเป เอโกว สิทฺธตฺโถ นาม สมฺมาสมฺพุทฺโธ อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา. ปมสนฺนิปาเต โกฏิสตํ ภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย นวุติโกฏิโย, ตติเย อสีติโกฏิโย. ตทา โพธิสตฺโต อุคฺคเตโช อภิฺาพลสมฺปนฺโน มงฺคโล นาม ตาปโส หุตฺวา มหาชมฺพุผลํ อาหริตฺวา ตถาคตสฺส อทาสิ. สตฺถา ตํ ผลํ ปริภุฺชิตฺวา ‘‘จตุนวุติกปฺปมตฺถเก พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต นครํ เวภารํ นาม อโหสิ, ปิตา ชยเสโน นาม ราชา, มาตา สุผสฺสา นาม เทวี, สมฺพโล จ สุมิตฺโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา, เรวโต นามุปฏฺาโก, สีวลา จ สุรามา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา , กณิการรุกฺโข โพธิ, สรีรํ สฏฺิหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, วสฺสสตสหสฺสํ อายูติ.

‘‘ธมฺมทสฺสิสฺส อปเรน, สิทฺธตฺโถ โลกนายโก;

นิหนิตฺวา ตมํ สพฺพํ, สูริโย อพฺภุคฺคโต ยถา’’ติ. (พุ. วํ. ๑๘.๑);

ติสฺโส พุทฺโธ

ตสฺส อปรภาเค อิโต ทฺวานวุติกปฺปมตฺถเก ติสฺโส ผุสฺโสติ เอกสฺมึ กปฺเป ทฺเว พุทฺธา นิพฺพตฺตึสุ. ติสฺสสฺส ภควโต ตโย สาวกสนฺนิปาตา. ปมสนฺนิปาเต ภิกฺขูนํ โกฏิสตํ อโหสิ, ทุติเย นวุติโกฏิโย, ตติเย อสีติโกฏิโย. ตทา โพธิสตฺโต มหาโภโค มหายโส สุชาโต นาม ขตฺติโย หุตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา มหิทฺธิกภาวํ ปตฺวา ‘‘พุทฺโธ อุปฺปนฺโน’’ติ สุตฺวา ทิพฺพมนฺทารวปทุมปาริจฺฉตฺตกปุปฺผานิ อาทาย จตุปริสมชฺเฌ คจฺฉนฺตํ ตถาคตํ ปูเชสิ, อากาเส ปุปฺผวิตานํ อกาสิ. โสปิ นํ สตฺถา ‘‘อิโต ทฺเวนวุติกปฺปมตฺถเก พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต เขมํ นาม นครํ อโหสิ, ปิตา ชนสนฺโธ นาม ขตฺติโย, มาตา ปทุมา นาม เทวี, พฺรหฺมเทโว จ อุทโย จ ทฺเว อคฺคสาวกา, สุมโน นามุปฏฺาโก, ผุสฺสา จ สุทตฺตา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, อสนรุกฺโข โพธิ, สรีรํ สฏฺิหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, วสฺสสตสหสฺสํ อายูติ.

‘‘สิทฺธตฺถสฺส อปเรน, อสโม อปฺปฏิปุคฺคโล;

อนนฺตเตโช อมิตยโส, ติสฺโส โลกคฺคนายโก’’ติ. (พุ. วํ. ๑๙.๑);

ผุสฺโส พุทฺโธ

ตสฺส อปรภาเค ผุสฺโส นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา. ปมสนฺนิปาเต สฏฺิ ภิกฺขุสตสหสฺสานิ อเหสุํ, ทุติเย ปณฺณาส, ตติเย ทฺวตฺตึส. ตทา โพธิสตฺโต วิชิตาวี นาม ขตฺติโย หุตฺวา มหารชฺชํ ปหาย สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ตีณิ ปิฏกานิ อุคฺคเหตฺวา มหาชนสฺส ธมฺมกถํ กเถสิ, สีลปารมิฺจ ปูเรสิ. โสปิ นํ ‘‘พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต กาสิ นาม นครํ อโหสิ, ชยเสโน นาม ราชา ปิตา, สิริมา นาม มาตา, สุรกฺขิโต จ ธมฺมเสโน จ ทฺเว อคฺคสาวกา, สภิโย นามุปฏฺาโก, จาลา จ อุปจาลา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, อามลกรุกฺโข โพธิ, สรีรํ อฏฺปณฺณาสหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, นวุติ วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.

‘‘ตตฺเถว มณฺฑกปฺปมฺหิ, อหุ สตฺถา อนุตฺตโร;

อนูปโม อสมสโม, ผุสฺโส โลกคฺคนายโก’’ติ. (พุ. วํ. ๒๐.๑);

วิปสฺสี พุทฺโธ

ตสฺส อปรภาเค อิโต เอกนวุติกปฺเป วิปสฺสี นาม ภควา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา. ปมสนฺนิปาเต อฏฺสฏฺิ ภิกฺขุสตสหสฺสํ อโหสิ, ทุติเย เอกสตสหสฺสํ, ตติเย อสีติสหสฺสานิ. ตทา โพธิสตฺโต มหิทฺธิโก มหานุภาโว อตุโล นาม นาคราชา หุตฺวา สตฺตรตนขจิตํ โสวณฺณมยํ มหาปีํ ภควโต อทาสิ. โสปิ นํ ‘‘อิโต เอกนวุติกปฺเป พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต พนฺธุมตี นาม นครํ อโหสิ, พนฺธุมา นาม ราชา ปิตา, พนฺธุมตี นาม มาตา, ขณฺโฑ จ ติสฺโส จ ทฺเว อคฺคสาวกา, อโสโก นามุปฏฺาโก, จนฺทา จ จนฺทมิตฺตา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, ปาฏลิรุกฺโข โพธิ, สรีรํ อสีติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, สรีรปฺปภา สทา สตฺต โยชนานิ ผริตฺวา อฏฺาสิ, อสีติ วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.

‘‘ผุสฺสสฺส จ อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;

วิปสฺสี นาม นาเมน, โลเก อุปฺปชฺชิ จกฺขุมา’’ติ. (พุ. วํ. ๒๑.๑);

สิขี พุทฺโธ

ตสฺส อปรภาเค อิโต เอกตฺตึสกปฺเป สิขี จ เวสฺสภูจาติ ทฺเว พุทฺธา อเหสุํ. สิขิสฺสาปิ ภควโต ตโย สาวกสนฺนิปาตา. ปมสนฺนิปาเต ภิกฺขุสตสหสฺสํ อโหสิ, ทุติเย อสีติสหสฺสานิ, ตติเย สตฺตติสหสฺสานิ. ตทา โพธิสตฺโต อรินฺทโม นาม ราชา หุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สจีวรํ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา สตฺตรตนปฏิมณฺฑิตํ หตฺถิรตนํ ทตฺวา หตฺถิปฺปมาณํ กตฺวา กปฺปิยภณฺฑํ อทาสิ. โสปิ นํ สตฺถา ‘‘อิโต เอกตฺตึสกปฺเป พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ปน ภควโต อรุณวตี นาม นครํ อโหสิ, อรุโณ นาม ขตฺติโย ปิตา, ปภาวตี นาม มาตา, อภิภู จ สมฺภโว จ ทฺเว อคฺคสาวกา, เขมงฺกโร นามุปฏฺาโก, สขิลา จ ปทุมา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, ปุณฺฑรีกรุกฺโข โพธิ, สรีรํ สตฺตติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, สรีรปฺปภา โยชนตฺตยํ ผริตฺวา อฏฺาสิ, สตฺตติ วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.

‘‘วิปสฺสิสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;

สิขิวฺหโย อาสิ ชิโน, อสโม อปฺปฏิปุคฺคโล’’ติ. (พุ. วํ. ๒๒.๑);

เวสฺสภู พุทฺโธ

ตสฺส อปรภาเค เวสฺสภู นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา. ปมสนฺนิปาเต อสีติ ภิกฺขุสหสฺสานิ อเหสุํ, ทุติเย สตฺตติ, ตติเย สฏฺิ. ตทา โพธิสตฺโต สุทสฺสโน นาม ราชา หุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สจีวรํ มหาทานํ ทตฺวา ตสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา อาจารคุณสมฺปนฺโน พุทฺธรตเน จิตฺตีการปีติพหุโล อโหสิ. โสปิ นํ ภควา ‘‘อิโต เอกตฺตึสกปฺเป พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ปน ภควโต อโนมํ นาม นครํ อโหสิ, สุปฺปตีโต นาม ราชา ปิตา, ยสวตี นาม มาตา, โสโณ จ อุตฺตโร จ ทฺเว อคฺคสาวกา, อุปสนฺโต นามุปฏฺาโย, รามา จ สุรามา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, สาลรุกฺโข โพธิ, สรีรํ สฏฺิหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, สฏฺิ วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.

‘‘ตตฺเถว มณฺฑกปฺปมฺหิ, อสโม อปฺปฏิปุคฺคโล;

เวสฺสภู นาม นาเมน, โลเก อุปฺปชฺชิ โส ชิโน’’ติ. (พุ. วํ. ๒๓.๑);

กกุสนฺโธ พุทฺโธ

ตสฺส อปรภาเค อิมสฺมึ กปฺเป จตฺตาโร พุทฺธา นิพฺพตฺตา กกุสนฺโธ, โกณาคมโน, กสฺสโป, อมฺหากํ ภควาติ. กกุสนฺธสฺส ภควโต เอโกว สาวกสนฺนิปาโต, ตตฺถ จตฺตาลีส ภิกฺขุสหสฺสานิ อเหสุํ. ตทา โพธิสตฺโต เขโม นาม ราชา หุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สปตฺตจีวรํ มหาทานฺเจว อฺชนาทิเภสชฺชานิ จ ทตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปพฺพชิ. โสปิ นํ สตฺถา ‘‘พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. กกุสนฺธสฺส ปน ภควโต เขมํ นาม นครํ อโหสิ, อคฺคิทตฺโต นาม พฺราหฺมโณ ปิตา, วิสาขา นาม พฺราหฺมณี มาตา, วิธุโร จ สฺชีโว จ ทฺเว อคฺคสาวกา, พุทฺธิโช นามุปฏฺาโก, สามา จ จมฺปา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, มหาสิรีสรุกฺโข โพธิ, สรีรํ จตฺตาลีสหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, จตฺตาลีส วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.

‘‘เวสฺสภุสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;

กกุสนฺโธ นาม นาเมน, อปฺปเมยฺโย ทุราสโท’’ติ. (พุ. วํ. ๒๔.๑);

โกณาคมโน พุทฺโธ

ตสฺส อปรภาเค โกณาคมโน นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ เอโกว สาวกสนฺนิปาโต, ตตฺถ ตึส ภิกฺขุสหสฺสานิ อเหสุํ. ตทา โพธิสตฺโต ปพฺพโต นาม ราชา หุตฺวา อมจฺจคณปริวุโต สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมเทสนํ สุตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา ปตฺตุณฺณจีนปฏโกเสยฺยกมฺพลทุกูลานิ เจว สุวณฺณปฏิกฺจ ทตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิ. โสปิ นํ สตฺถา ‘‘พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต โสภวตี นาม นครํ อโหสิ, ยฺทตฺโต นาม พฺราหฺมโณ ปิตา, อุตฺตรา นาม พฺราหฺมณี มาตา, ภิยฺยโส จ อุตฺตโร จ ทฺเว อคฺคสาวกา, โสตฺถิโช นามุปฏฺาโก, สมุทฺทา จ อุตฺตรา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, อุทุมฺพรรุกฺโข โพธิ, สรีรํ ตึสหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, ตึส วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.

‘‘กกุสนฺธสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;

โกณาคมโน นาม ชิโน, โลกเชฏฺโ นราสโภ’’ติ. (พุ. วํ. ๒๕.๑);

กสฺสโป พุทฺโธ

ตสฺส อปรภาเค กสฺสโป นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ เอโกว สาวกสนฺนิปาโต, ตตฺถ วีสติ ภิกฺขุสหสฺสานิ อเหสุํ. ตทา โพธิสตฺโต โชติปาโล นาม มาณโว หุตฺวา ติณฺณํ เวทานํ ปารคู ภูมิยฺเจว อนฺตลิกฺเข จ ปากโฏ ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส มิตฺโต อโหสิ. โส เตน สทฺธึ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมกถํ สุตฺวา ปพฺพชิตฺวา อารทฺธวีริโย ตีณิ ปิฏกานิ อุคฺคเหตฺวา วตฺตาวตฺตสมฺปตฺติยา พุทฺธสาสนํ โสเภสิ. โสปิ นํ สตฺถา ‘‘พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต ชาตนครํ พาราณสี นาม อโหสิ, พฺรหฺมทตฺโต นาม พฺราหฺมโณ ปิตา, ธนวตี นาม พฺราหฺมณี มาตา, ติสฺโส จ ภารทฺวาโช จ ทฺเว อคฺคสาวกา, สพฺพมิตฺโต นามุปฏฺาโก, อนุฬา จ อุรุเวฬา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, นิคฺโรธรุกฺโข โพธิ, สรีรํ วีสติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, วีสติ วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.

‘‘โกณาคมนสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;

กสฺสโป นาม โคตฺเตน, ธมฺมราชา ปภงฺกโร’’ติ. (พุ. วํ. ๒๖.๑);

ยสฺมึ ปน กปฺเป ทีปงฺกรทสพโล อุทปาทิ, ตสฺมึ อฺเปิ ตโย พุทฺธา อเหสุํ. เตสํ สนฺติเก โพธิสตฺตสฺส พฺยากรณํ นตฺถิ, ตสฺมา เต อิธ น ทสฺสิตา. อฏฺกถายํ ปน ตณฺหงฺกรโต ปฏฺาย สพฺเพปิ พุทฺเธ ทสฺเสตุํ อิทํ วุตฺตํ –

‘‘ตณฺหงฺกโร เมธงฺกโร, อโถปิ สรณงฺกโร;

ทีปงฺกโร จ สมฺพุทฺโธ, โกณฺฑฺโ ทฺวิปทุตฺตโม.

‘‘มงฺคโล จ สุมโน จ, เรวโต โสภิโต มุนิ;

อโนมทสฺสี ปทุโม, นารโท ปทุมุตฺตโร.

‘‘สุเมโธ จ สุชาโต จ, ปิยทสฺสี มหายโส;

อตฺถทสฺสี ธมฺมทสฺสี, สิทฺธตฺโถ โลกนายโก.

‘‘ติสฺโส ผุสฺโส จ สมฺพุทฺโธ, วิปสฺสี สิขี เวสฺสภู;

กกุสนฺโธ โกณาคมโน, กสฺสโป จาปิ นายโก.

‘‘เอเต อเหสุํ สมฺพุทฺธา, วีตราคา สมาหิตา;

สตรํสีว อุปฺปนฺนา, มหาตมวิโนทนา;

ชลิตฺวา อคฺคิขนฺธาว, นิพฺพุตา เต สสาวกา’’ติ.

โคตโม พุทฺโธ

ตตฺถ อมฺหากํ โพธิสตฺโต ทีปงฺกราทีนํ จตุวีสติยา พุทฺธานํ สนฺติเก อธิการํ กโรนฺโต กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ อาคโต. กสฺสปสฺส ปน ภควโต โอรภาเค เปตฺวา อิมํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อฺโ พุทฺโธ นาม นตฺถิ. อิติ ทีปงฺกราทีนํ จตุวีสติยา พุทฺธานํ สนฺติเก ลทฺธพฺยากรโณ ปน โพธิสตฺโต เยเนน –

‘‘มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺติ, เหตุ สตฺถารทสฺสนํ;

ปพฺพชฺชา คุณสมฺปตฺติ, อธิกาโร จ ฉนฺทตา;

อฏฺธมฺมสโมธานา, อภินีหาโร สมิชฺฌตี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๕๙) –

อิเม อฏฺ ธมฺเม สโมธาเนตฺวา ทีปงฺกรปาทมูเล กตาภินีหาเรน ‘‘หนฺท พุทฺธกเร ธมฺเม, วิจินามิ อิโต จิโต’’ติ อุสฺสาหํ กตฺวา ‘‘วิจินนฺโต ตทา ทกฺขึ, ปมํ ทานปารมิ’’นฺติ ทานปารมิตาทโย พุทฺธการกธมฺมา ทิฏฺา, ปูเรนฺโตเยว ยาว เวสฺสนฺตรตฺตภาโว อาคมิ. อาคจฺฉนฺโต จ เย เต กตาภินีหารานํ โพธิสตฺตานํ อานิสํสา สํวณฺณิตา –

‘‘เอวํ สพฺพงฺคสมฺปนฺนา, โพธิยา นิยตา นรา;

สํสรํ ทีฆมทฺธานํ, กปฺปโกฏิสเตหิปิ.

‘‘อวีจิมฺหิ นุปฺปชฺชนฺติ, ตถา โลกนฺตเรสุ จ;

นิชฺฌามตณฺหา ขุปฺปิปาสา, น โหนฺติ กาลกฺชิกา.

‘‘น โหนฺติ ขุทฺทกา ปาณา, อุปฺปชฺชนฺตาปิ ทุคฺคตึ;

ชายมานา มนุสฺเสสุ, ชจฺจนฺธา น ภวนฺติ เต.

‘‘โสตเวกลฺลตา นตฺถิ, น ภวนฺติ มูคปกฺขิกา;

อิตฺถิภาวํ น คจฺฉนฺติ, อุภโตพฺยฺชนปณฺฑกา.

‘‘น ภวนฺติ ปริยาปนฺนา, โพธิยา นิยตา นรา;

มุตฺตา อานนฺตริเกหิ, สพฺพตฺถ สุทฺธโคจรา.

‘‘มิจฺฉาทิฏฺึ น เสวนฺติ, กมฺมกิริยทสฺสนา;

วสมานาปิ สคฺเคสุ, อสฺํ นุปปชฺชเร.

‘‘สุทฺธาวาเสสุ เทเวสุ, เหตุ นาม น วิชฺชติ;

เนกฺขมฺมนินฺนา สปฺปุริสา, วิสํยุตฺตา ภวาภเว;

จรนฺติ โลกตฺถจริยาโย, ปูเรนฺติ สพฺพปารมี’’ติ.

เต อานิสํเส อธิคนฺตฺวาว อาคโต. ปารมิโย ปูเรนฺตสฺส จสฺส อกิตฺติพฺราหฺมณกาเล, สงฺขพฺราหฺมณกาเล, ธนฺจยราชกาเล, มหาสุทสฺสนราชกาเล, มหาโควินฺทกาเล, นิมิมหาราชกาเล, จนฺทกุมารกาเล, วิสยฺหเสฏฺิกาเล, สิวิราชกาเล, เวสฺสนฺตรราชกาเลติ ทานปารมิตาย ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส สสปณฺฑิตชาตเก –

‘‘ภิกฺขาย อุปคตํ ทิสฺวา, สกตฺตานํ ปริจฺจชึ;

ทาเนน เม สโม นตฺถิ, เอสา เม ทานปารมี’’ติ. (จริยา. ๑.ตสฺสุทฺทาน) –

เอวํ อตฺตปริจฺจาคํ กโรนฺตสฺส ทานปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. ตถา สีลวนาคราชกาเล, จมฺเปยฺยนาคราชกาเล, ภูริทตฺตนาคราชกาเล, ฉทฺทนฺตนาคราชกาเล, ชยทฺทิสราชปุตฺตกาเล, อลีนสตฺตุกุมารกาเลติ สีลปารมิตาย ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส สงฺขปาลชาตเก –

‘‘สูเลหิ วิชฺฌยนฺโตปิ, โกฏฺฏิยนฺโตปิ สตฺติภิ;

โภชปุตฺเต น กุปฺปามิ, เอสา เม สีลปารมี’’ติ. (จริยา. ๒.๙๑) –

เอวํ อตฺตปริจฺจาคํ กโรนฺตสฺส สีลปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. ตถา โสมนสฺสกุมารกาเล, หตฺถิปาลกุมารกาเล, อโยฆรปณฺฑิตกาเลติ มหารชฺชํ ปหาย เนกฺขมฺมปารมิตาย ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส จูฬสุตโสมชาตเก –

‘‘มหารชฺชํ หตฺถคตํ, เขฬปิณฺฑํว ฉฑฺฑยึ;

จชโต น โหติ ลคฺคนํ, เอสา เม เนกฺขมฺมปารมี’’ติ. –

เอวํ นิสฺสงฺคตาย รชฺชํ ฉฑฺเฑตฺวา นิกฺขมนฺตสฺส เนกฺขมฺมปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. ตถา วิธุรปณฺฑิตกาเล, มหาโควินฺทปณฺฑิตกาเล, กุทฺทาลปณฺฑิตกาเล, อรกปณฺฑิตกาเล, โพธิปริพฺพาชกกาเล, มโหสธปณฺฑิตกาเลติ ปฺาปารมิตาย ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส สตฺตุภสฺตชาตเก เสนกปณฺฑิตกาเล –

‘‘ปฺาย วิจินนฺโตหํ, พฺราหฺมณํ โมจยึ ทุขา;

ปฺาย เม สโม นตฺถิ, เอสา เม ปฺาปารมี’’ติ. –

อนฺโตภสฺตคตํ สปฺปํ ทสฺเสนฺตสฺส ปฺาปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. ตถา วีริยปารมิตาทีนมฺปิ ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส มหาชนกชาตเก –

‘‘อตีรทสฺสี ชลมชฺเฌ, หตา สพฺเพว มานุสา;

จิตฺตสฺส อฺถา นตฺถิ, เอสา เม วีริยปารมี’’ติ. –

เอวํ มหาสมุทฺทํ ตรนฺตสฺส วีริยปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. ขนฺติวาทิชาตเก –

‘‘อเจตนํว โกฏฺเฏนฺเต, ติณฺเหน ผรสุนา มมํ;

กาสิราเช น กุปฺปามิ, เอสา เม ขนฺติปารมี’’ติ. –

เอวํ อเจตนภาเวน วิย มหาทุกฺขํ อธิวาเสนฺตสฺส ขนฺติปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. มหาสุตโสมชาตเก –

‘‘สจฺจวาจํ อนุรกฺขนฺโต, จชิตฺวา มม ชีวิตํ;

โมเจสึ เอกสตํ ขตฺติเย, เอสา เม สจฺจปารมี’’ติ. –

เอวํ ชีวิตํ จชิตฺวา สจฺจมนุรกฺขนฺตสฺส สจฺจปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. มูคปกฺขชาตเก –

‘‘มาตาปิตา น เม เทสฺสา, นปิ เทสฺสํ มหายสํ;

สพฺพฺุตํ ปิยํ มยฺหํ, ตสฺมา วตมธิฏฺหิ’’นฺติ. (จริยา. ๓.๖๕) –

เอวํ ชีวิตมฺปิ จชิตฺวา วตํ อธิฏฺหนฺตสฺส อธิฏฺานปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. สุวณฺณสามชาตเก –

‘‘น มํ โกจิ อุตฺตสติ, นปิหํ ภายามิ กสฺสจิ;

เมตฺตาพเลนุปตฺถทฺโธ, รมามิ ปวเน ตทา’’ติ. (จริยา. ๓.๑๑๓) –

เอวํ ชีวิตมฺปิ อโนโลเกตฺวา เมตฺตายนฺตสฺส เมตฺตาปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. โลมหํสชาตเก –

‘‘สุสาเน เสยฺยํ กปฺเปมิ, ฉวฏฺิกํ อุปนิธายหํ;

คามณฺฑลา อุปาคนฺตฺวา, รูปํ ทสฺเสนฺตินปฺปก’’นฺติ. (จริยา. ๓.๑๑๙) –

เอวํ คามทารเกสุ นิฏฺุภนาทีหิ เจว มาลาคนฺธูปหาราทีหิ จ สุขทุกฺขํ อุปฺปาเทนฺเตสุปิ อุเปกฺขํ อนติวตฺเตนฺตสฺส อุเปกฺขาปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถารโต ปเนส อตฺโถ จริยาปิฏกโต คเหตพฺโพติ. เอวํ ปารมิโย ปูเรตฺวา เวสฺสนฺตรตฺตภาเว ิโต –

‘‘อเจตนายํ ปถวี, อวิฺาย สุขํ ทุขํ;

สาปิ ทานพลา มยฺหํ, สตฺตกฺขตฺตุํ ปกมฺปถา’’ติ. (จริยา. ๑.๑๒๔) –

เอวํ มหาปถวิกมฺปนาทีนิ มหาปุฺานิ กริตฺวา อายุปริโยสาเน ตโต จุโต ตุสิตภวเน นิพฺพตฺติ. อิติ ทีปงฺกรปาทมูลโต ปฏฺาย ยาว อยํ ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติ, เอตฺตกํ านํ ทูเรนิทานํ นามาติ เวทิตพฺพํ.

ทูเรนิทานกถา นิฏฺิตา.

๒. อวิทูเรนิทานกถา

ตุสิตปุเร วสนฺเตเยว ปน โพธิสตฺเต พุทฺธโกลาหลํ นาม อุทปาทิ. โลกสฺมิฺหิ ตีณิ โกลาหลานิ มหนฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติ กปฺปโกลาหลํ, พุทฺธโกลาหลํ, จกฺกวตฺติโกลาหลนฺติ. ตตฺถ ‘‘วสฺสสตสหสฺสจฺจเยน กปฺปุฏฺานํ ภวิสฺสตี’’ติ โลกพฺยูหา นาม กามาวจรเทวา มุตฺตสิรา วิกิณฺณเกสา รุทมุขา อสฺสูนิ หตฺเถหิ ปุฺฉมานา รตฺตวตฺถนิวตฺถา อติวิย วิรูปเวสธาริโน หุตฺวา มนุสฺสปเถ วิจรนฺตา เอวํ อาโรเจนฺติ – ‘‘มาริสา, อิโต วสฺสสตสหสฺสจฺจเยน กปฺปุฏฺานํ ภวิสฺสติ, อยํ โลโก วินสฺสิสฺสติ, มหาสมุทฺโทปิ สุสฺสิสฺสติ, อยฺจ มหาปถวี สิเนรุ จ ปพฺพตราชา อุฑฺฑยฺหิสฺสนฺติ วินสฺสิสฺสนฺติ, ยาว พฺรหฺมโลกา โลกวินาโส ภวิสฺสติ, เมตฺตํ มาริสา, ภาเวถ, กรุณํ, มุทิตํ, อุเปกฺขํ มาริสา, ภาเวถ, มาตรํ อุปฏฺหถ, ปิตรํ อุปฏฺหถ, กุเล เชฏฺาปจายิโน โหถา’’ติ. อิทํ กปฺปโกลาหลํ นาม. ‘‘วสฺสสหสฺสจฺจเยน ปน สพฺพุฺุพุทฺโธ โลเก อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ โลกปาลเทวตา ‘‘อิโต, มาริสา, วสฺสสหสฺสจฺจเยน สพฺพฺุพุทฺโธ โลเก อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ อุคฺโฆเสนฺติโย อาหิณฺฑนฺติ. อิทํ พุทฺธโกลาหลํ นาม. ‘‘วสฺสสตสฺสจฺจเยน จกฺกวตฺติราชา อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ เทวตาโย ‘‘อิโต มาริสา วสฺสสตจฺจเยน จกฺกวตฺติราชา โลเก อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ อุคฺโฆเสนฺติโย อาหิณฺฑนฺติ. อิทํ จกฺกวตฺติโกลาหลํ นาม. อิมานิ ตีณิ โกลาหลานิ มหนฺตานิ โหนฺติ.

เตสุ พุทฺธโกลาหลสทฺทํ สุตฺวา สกลทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา เอกโต สนฺนิปติตฺวา ‘‘อสุโก นาม สตฺโต พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ตํ อุปสงฺกมิตฺวา อายาจนฺติ. อายาจมานา จ ปุพฺพนิมิตฺเตสุ อุปฺปนฺเนสุ อายาจนฺติ. ตทา ปน สพฺพาปิ ตา เอเกกจกฺกวาเฬ จาตุมหาราชสกฺกสุยามสนฺตุสิตสุนิมฺมิตวสวตฺติมหาพฺรหฺเมหิ สทฺธึ เอกจกฺกวาเฬ สนฺนิปติตฺวา ตุสิตภวเน โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘มาริส, ตุมฺเหหิ ทส ปารมิโย ปูเรนฺเตหิ น สกฺกสมฺปตฺตึ, น มารพฺรหฺมจกฺกวตฺติสมฺปตฺตึ ปตฺเถนฺเตหิ ปูริตา, โลกนิตฺถรณตฺถาย ปน สพฺพฺุตํ ปตฺเถนฺเตหิ ปูริตา, โส โว ทานิ กาโล, มาริส, พุทฺธตฺตาย, สมโย, มาริส, พุทฺธตฺตายา’’ติ ยาจึสุ.

อถ มหาสตฺโต เทวตานํ ปฏิฺํ อทตฺวาว กาลทีปเทสกุลชเนตฺติอายุปริจฺเฉทวเสน ปฺจมหาวิโลกนํ นาม วิโลเกสิ. ตตฺถ ‘‘กาโล นุ โข, อกาโล นุ โข’’ติ ปมํ กาลํ วิโลเกสิ. ตตฺถ วสฺสสตสหสฺสโต อุทฺธํ วฑฺฒิตอายุกาโล กาโล นาม น โหติ. กสฺมา? ตทา หิ สตฺตานํ ชาติชรามรณานิ น ปฺายนฺติ. พุทฺธานฺจ ธมฺมเทสนา ติลกฺขณมุตฺตา นาม นตฺถิ. เตสํ ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา’’ติ กเถนฺตานํ ‘‘กึ นาเมตํ กเถนฺตี’’ติ เนว โสตพฺพํ น สทฺธาตพฺพํ มฺนฺติ, ตโต อภิสมโย น โหติ, ตสฺมึ อสติ อนิยฺยานิกํ สาสนํ โหติ. ตสฺมา โส อกาโล. วสฺสสตโต อูนอายุกาโลปิ กาโล นาม น โหติ. กสฺมา? ตทา หิ สตฺตา อุสฺสนฺนกิเลสา โหนฺติ, อุสฺสนฺนกิเลสานฺจ ทินฺโน โอวาโท โอวาทฏฺาเน น ติฏฺติ, อุทเก ทณฺฑราชิ วิย ขิปฺปํ วิคจฺฉติ. ตสฺมา โสปิ อกาโล. วสฺสสตสหสฺสโต ปน ปฏฺาย เหฏฺา, วสฺสสตโต ปฏฺาย อุทฺธํ อายุกาโล กาโล นาม. ตทา จ วสฺสสตายุกาโล, อถ มหาสตฺโต ‘‘นิพฺพตฺติตพฺพกาโล’’ติ กาลํ ปสฺสิ.

ตโต ทีปํ วิโลเกนฺโต สปริวาเร จตฺตาโร ทีเป โอโลเกตฺวา ‘‘ตีสุ ทีเปสุ พุทฺธา น นิพฺพตฺตนฺติ, ชมฺพุทีเปเยว นิพฺพตฺตนฺตี’’ติ ทีปํ ปสฺสิ.

ตโต ‘‘ชมฺพุทีโป นาม มหา, ทสโยชนสหสฺสปริมาโณ, กตรสฺมึ นุ โข ปเทเส พุทฺธา นิพฺพตฺตนฺตี’’ติ โอกาสํ วิโลเกนฺโต มชฺฌิมเทสํ ปสฺสิ. มชฺฌิมเทโส นาม ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย คชงฺคลํ นาม นิคโม, ตสฺส ปเรน มหาสาลา, ตโต ปรา ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ปุรตฺถิมทกฺขิณาย ทิสาย สลฺลวตี นาม นที, ตโต ปรา ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ทกฺขิณาย ทิสาย เสตกณฺณิกํ นาม นิคโม, ตโต ปรา ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ปจฺฉิมาย ทิสาย ถูณํ นาม พฺราหฺมณคาโม, ตโต ปรา ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. อุตฺตราย ทิสาย อุสีรทฺธโช นาม ปพฺพโต, ตโต ปรา ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ’’ติ เอวํ วินเย (มหาว. ๒๕๙) วุตฺโต ปเทโส . โส อายามโต ตีณิ โยชนสตานิ, วิตฺถารโต อฑฺฒเตยฺยานิ, ปริกฺเขปโต นว โยชนสตานีติ เอตสฺมึ ปเทเส พุทฺธา, ปจฺเจกพุทฺธา, อคฺคสาวกา, อสีติ มหาสาวกา, จกฺกวตฺติราชาโน, อฺเ จ มเหสกฺขา ขตฺติยพฺราหฺมณคหปติมหาสาลา อุปฺปชฺชนฺติ. อิทฺเจตฺถ กปิลวตฺถุ นาม นครํ, ตตฺถ มยา นิพฺพตฺติตพฺพนฺติ นิฏฺํ อคมาสิ.

ตโต กุลํ วิโลเกนฺโต ‘‘พุทฺธา นาม เวสฺสกุเล วา สุทฺทกุเล วา น นิพฺพตฺตนฺติ. โลกสมฺมเต ปน ขตฺติยกุเล วา พฺราหฺมณกุเล วาติ ทฺวีสุเยว กุเลสุ นิพฺพตฺตนฺติ. อิทานิ จ ขตฺติยกุลํ โลกสมฺมตํ, ตตฺถ นิพฺพตฺติสฺสามิ. สุทฺโธทโน นาม ราชา เม ปิตา ภวิสฺสตี’’ติ กุลํ ปสฺสิ.

ตโต มาตรํ วิโลเกนฺโต ‘‘พุทฺธมาตา นาม โลลา สุราธุตฺตา น โหติ, กปฺปสตสหสฺสํ ปน ปูริตปารมี ชาติโต ปฏฺาย อขณฺฑปฺจสีลาเยว โหติ. อยฺจ มหามายา นาม เทวี เอทิสี, อยํ เม มาตา ภวิสฺสติ. กิตฺตกํ ปนสฺสา อายูติ ทสนฺนํ มาสานํ อุปริ สตฺต ทิวสานี’’ติ ปสฺสิ.

อิติ อิมํ ปฺจมหาวิโลกนํ วิโลเกตฺวา ‘‘กาโล เม, มาริสา, พุทฺธภาวายา’’ติ เทวตานํ สงฺคหํ กโรนฺโต ปฏิฺํ ทตฺวา ‘‘คจฺฉถ, ตุมฺเห’’ติ ตา เทวตา อุยฺโยเชตฺวา ตุสิตเทวตาหิ ปริวุโต ตุสิตปุเร นนฺทนวนํ ปาวิสิ. สพฺพเทวโลเกสุ หิ นนฺทนวนํ อตฺถิเยว. ตตฺถ นํ เทวตา ‘‘อิโต จุโต สุคตึ คจฺฉ, อิโต จุโต สุคตึ คจฺฉา’’ติ ปุพฺเพ กตกุสลกมฺโมกาสํ สารยมานา วิจรนฺติ. โส เอวํ เทวตาหิ กุสลํ สารยมานาหิ ปริวุโต ตตฺถ วิจรนฺโตเยว จวิตฺวา มหามายาย เทวิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ.

ตสฺส อาวิภาวตฺถํ อยํ อนุปุพฺพิกถา – ตทา กิร กปิลวตฺถุนคเร อาสาฬฺหินกฺขตฺตํ สงฺฆุฏฺํ อโหสิ, มหาชโน นกฺขตฺตํ กีฬติ. มหามายาปิ เทวี ปุเร ปุณฺณมาย สตฺตมทิวสโต ปฏฺาย วิคตสุราปานํ มาลาคนฺธวิภูติสมฺปนฺนํ นกฺขตฺตกีฬํ อนุภวมานา สตฺตเม ทิวเส ปาโตว อุฏฺาย คนฺโธทเกน นฺหายิตฺวา จตฺตาริ สตสหสฺสานิ วิสฺสชฺเชตฺวา มหาทานํ ทตฺวา สพฺพาลงฺการวิภูสิตา วรโภชนํ ภุฺชิตฺวา อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺาย อลงฺกตปฏิยตฺตํ สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา สิริสยเน นิปนฺนา นิทฺทํ โอกฺกมมานา อิมํ สุปินํ อทฺทส – จตฺตาโร กิร นํ มหาราชาโน สยเนเนว สทฺธึ อุกฺขิปิตฺวา หิมวนฺตํ เนตฺวา สฏฺิโยชนิเก มโนสิลาตเล สตฺตโยชนิกสฺส มหาสาลรุกฺขสฺส เหฏฺา เปตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. อถ เนสํ เทวิโย อาคนฺตฺวา เทวึ อโนตตฺตทหํ เนตฺวา มนุสฺสมลหรณตฺถํ นฺหาเปตฺวา ทิพฺพวตฺถํ นิวาสาเปตฺวา คนฺเธหิ วิลิมฺปาเปตฺวา ทิพฺพปุปฺผานิ ปิฬนฺธาเปตฺวา ตโต อวิทูเร เอโก รชตปพฺพโต อตฺถิ, ตสฺส อนฺโต กนกวิมานํ อตฺถิ, ตตฺถ ปาจีนสีสกํ ทิพฺพสยนํ ปฺาเปตฺวา นิปชฺชาเปสุํ. อถ โพธิสตฺโต เสตวรวารโณ หุตฺวา ตโต อวิทูเร เอโก สุวณฺณปพฺพโต อตฺถิ, ตตฺถ วิจริตฺวา ตโต โอรุยฺห รชตปพฺพตํ อภิรุหิตฺวา อุตฺตรทิสโต อาคมฺม รชตทามวณฺณาย โสณฺฑาย เสตปทุมํ คเหตฺวา โกฺจนาทํ นทิตฺวา กนกวิมานํ ปวิสิตฺวา มาตุสยนํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ทกฺขิณปสฺสํ ผาเลตฺวา กุจฺฉึ ปวิฏฺสทิโส อโหสีติ. เอวํ อุตฺตราสาฬฺหนกฺขตฺเตน ปฏิสนฺธึ คณฺหิ.

ปุนทิวเส ปพุทฺธา เทวี ตํ สุปินํ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา จตุสฏฺิมตฺเต พฺราหฺมณปาโมกฺเข ปกฺโกสาเปตฺวา โคมยหริตูปลิตฺตาย ลาชาทีหิ กตมงฺคลสกฺการาย ภูมิยา มหารหานิ อาสนานิ ปฺาเปตฺวา ตตฺถ นิสินฺนานํ พฺราหฺมณานํ สปฺปิมธุสกฺขราภิสงฺขตสฺส วรปายาสสฺส สุวณฺณรชตปาติโย ปูเรตฺวา สุวณฺณรชตปาตีหิเยว ปฏิกุชฺชิตฺวา อทาสิ, อฺเหิ จ อหตวตฺถกปิลคาวิทานาทีหิ เต สนฺตปฺเปสิ. อถ เนสํ สพฺพกาเมหิ สนฺตปฺปิตานํ พฺราหฺมณานํ สุปินํ อาโรจาเปตฺวา ‘‘กึ ภวิสฺสตี’’ติ ปุจฺฉิ. พฺราหฺมณา อาหํสุ – ‘‘มา จินฺตยิ, มหาราช, เทวิยา เต กุจฺฉิมฺหิ คพฺโภ ปติฏฺิโต, โส จ โข ปุริสคพฺโภ, น อิตฺถิคพฺโภ, ปุตฺโต เต ภวิสฺสติ, โส สเจ อคารํ อชฺฌาวสิสฺสติ, ราชา ภวิสฺสติ จกฺกวตฺตี. สเจ อคารา นิกฺขมฺม ปพฺพชิสฺสติ, พุทฺโธ ภวิสฺสติ โลเก วิวฏจฺฉโท’’ติ.

โพธิสตฺตสฺส ปน มาตุกุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธิคฺคหณกฺขเณเยว เอกปฺปหาเรเนว สกลทสสหสฺสี โลกธาตุ สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธิ. ทฺวตฺตึส ปุพฺพนิมิตฺตานิ ปาตุรเหสุํ – ทสสุ จกฺกวาฬสหสฺเสสุ อปฺปมาโณ โอภาโส ผริ. ตสฺส ตํ สิรึ ทฏฺุกามา วิย อนฺธา จกฺขูนิ ปฏิลภึสุ, พธิรา สทฺทํ สุณึสุ, มูคา สมาลปึสุ, ขุชฺชา อุชุคตฺตา อเหสุํ, ปงฺคุลา ปทสา คมนํ ปฏิลภึสุ, พนฺธนคตา สพฺพสตฺตา อนฺทุพนฺธนาทีหิ มุจฺจึสุ, สพฺพนิรเยสุ อคฺคี นิพฺพายึสุ, เปตฺติวิสเยสุ ขุปฺปิปาสา วูปสมึสุ, ติรจฺฉานานํ ภยํ นาโหสิ, สพฺพสตฺตานํ โรโค วูปสมิ, สพฺพสตฺตา ปิยํวทา อเหสุํ, มธุเรนากาเรน อสฺสา หสึสุ, วารณา คชฺชึสุ, สพฺพตูริยานิ สกํ สกํ นินฺนาทํ มุฺจึสุ, อฆฏฺฏิตานิเยว มนุสฺสานํ หตฺถูปคาทีนิ อาภรณานิ วิรวึสุ, สพฺพา ทิสา วิปฺปสนฺนา อเหสุํ, สตฺตานํ สุขํ อุปฺปาทยมาโน มุทุสีตโล วาโต วายิ, อกาลเมโฆ วสฺสิ, ปถวิโตปิ อุทกํ อุพฺภิชฺชิตฺวา วิสฺสนฺทิ, ปกฺขิโน อากาสคมนํ วิชหึสุ, นทิโย อสนฺทมานา อฏฺํสุ, มหาสมุทฺโท มธุโรทโก อโหสิ, สพฺพตฺถกเมว ปฺจวณฺเณหิ ปทุเมหิ สฺฉนฺนตโล อโหสิ, ถลชชลชาทีนิ สพฺพปุปฺผานิ ปุปฺผึสุ, รุกฺขานํ ขนฺเธสุ ขนฺธปทุมานิ, สาขาสุ สาขาปทุมานิ, ลตาสุ ลตาปทุมานิ ปุปฺผึสุ, ฆนสิลาตลานิ ภินฺทิตฺวา อุปรูปริ สตปตฺตานิ หุตฺวา ทณฺฑปทุมานิ นาม นิกฺขมึสุ, อากาเส โอลมฺพกปทุมานิ นาม นิพฺพตฺตึสุ, สมนฺตโต ปุปฺผวสฺสานิ วสฺสึสุ. อากาเส ทิพฺพตูริยานิ วชฺชึสุ, สกลทสสหสฺสี โลกธาตุ วฏฺเฏตฺวา วิสฺสฏฺมาลาคุโฬ วิย, อุปฺปีเฬตฺวา พทฺธมาลากลาโป วิย, อลงฺกตปฏิยตฺตมาลาสนํ วิย จ เอกมาลามาลินี วิปฺผุรนฺตวาฬพีชนี ปุปฺผธูปคนฺธปริวาสิตา ปรมโสภคฺคปฺปตฺตา อโหสิ.

เอวํ คหิตปฏิสนฺธิกสฺส โพธิสตฺตสฺส ปฏิสนฺธิคฺคหณกาลโต ปฏฺาย โพธิสตฺตสฺส เจว โพธิสตฺตมาตุยา จ อุปทฺทวนิวารณตฺถํ ขคฺคหตฺถา จตฺตาโร เทวปุตฺตา อารกฺขํ คณฺหึสุ. โพธิสตฺตสฺส มาตุยา ปุริเสสุ ราคจิตฺตํ นุปฺปชฺชิ, ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตา จ อโหสิ สุขินี อกิลนฺตกายา. โพธิสตฺตฺจ อนฺโตกุจฺฉิคตํ วิปฺปสนฺเน มณิรตเน อาวุตปณฺฑุสุตฺตํ วิย ปสฺสติ. ยสฺมา จ โพธิสตฺเตน วสิตกุจฺฉิ นาม เจติยคพฺภสทิสา โหติ, น สกฺกา อฺเน สตฺเตน อาวสิตุํ วา ปริภุฺชิตุํ วา, ตสฺมา โพธิสตฺตมาตา สตฺตาหชาเต โพธิสตฺเต กาลํ กตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติ. ยถา จ อฺา อิตฺถิโย ทสมาเส อปฺปตฺวาปิ อติกฺกมิตฺวาปิ นิสินฺนาปิ นิปนฺนาปิ วิชายนฺติ, น เอวํ โพธิสตฺตมาตา. สา ปน โพธิสตฺตํ ทสมาเส กุจฺฉินา ปริหริตฺวา ิตาว วิชายติ. อยํ โพธิสตฺตมาตุธมฺมตา.

มหามายาปิ เทวี ปตฺเตน เตลํ วิย ทสมาเส กุจฺฉินา โพธิสตฺตํ ปริหริตฺวา ปริปุณฺณคพฺภา าติฆรํ คนฺตุกามา สุทฺโธทนมหาราชสฺส อาโรเจสิ – ‘‘อิจฺฉามหํ, เทว, กุลสนฺตกํ เทวทหนครํ คนฺตุ’’นฺติ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา กปิลวตฺถุโต ยาว เทวทหนครา มคฺคํ สมํ กาเรตฺวา กทลิปุณฺณฆฏธชปฏากาทีหิ อลงฺกาเรหิ อลงฺการาเปตฺวา เทวึ โสวณฺณสิวิกาย นิสีทาเปตฺวา อมจฺจสหสฺเสน อุกฺขิปาเปตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน เปเสสิ. ทฺวินฺนํ ปน นครานํ อนฺตเร อุภยนครวาสีนมฺปิ ลุมฺพินีวนํ นาม มงฺคลสาลวนํ อตฺถิ. ตสฺมึ สมเย มูลโต ปฏฺาย ยาว อคฺคสาขา สพฺพํ เอกปาลิผุลฺลํ อโหสิ, สาขนฺตเรหิ เจว ปุปฺผนฺตเรหิ จ ปฺจวณฺณา ภมรคณา นานปฺปการา จ สกุณสงฺฆา มธุรสฺสเรน วิกูชนฺตา วิจรนฺติ. สกลํ ลุมฺพินีวนํ จิตฺตลตาวนสทิสํ, มหานุภาวสฺส รฺโ สุสชฺชิตอาปานมณฺฑลํ วิย อโหสิ. เทวิยา ตํ ทิสฺวา สาลวเน กีฬิตุกามตา อุทปาทิ. อมจฺจา เทวึ คเหตฺวา สาลวนํ ปวิสึสุ. สา มงฺคลสาลมูลํ อุปคนฺตฺวา สาลสาขํ คณฺหิตุกามา อโหสิ, สาลสาขา สุเสทิตเวตฺตคฺคํ วิย โอณมิตฺวา เทวิยา หตฺถสมีปํ อุปคฺฉิ. สา หตฺถํ ปสาเรตฺวา สาขํ อคฺคเหสิ. ตาวเทว จ เทวิยา กมฺมชวาตา จลึสุ, อถสฺสา สาณึ ปริกฺขิปาเปตฺวา มหาชโน ปฏิกฺกมิ, สาลสาขํ คเหตฺวา ติฏฺมานาย เอว จสฺสา คพฺภวุฏฺานํ อโหสิ. ตงฺขณฺเว จตฺตาโร วิสุทฺธจิตฺตา มหาพฺรหฺมาโน สุวณฺณชาลํ อาทาย สมฺปตฺตา. เต เตน สุวณฺณชาเลน โพธิสตฺตํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา มาตุ ปุรโต ตฺวา ‘‘อตฺตมนา, เทวิ, โหหิ, มเหสกฺโข เต ปุตฺโต อุปฺปนฺโน’’ติ อาหํสุ.

ยถา ปน อฺเ สตฺตา มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมนฺตา ปฏิกูเลน อสุจินา มกฺขิตา นิกฺขมนฺติ, น เอวํ โพธิสตฺโต. โส ปน ธมฺมาสนโต โอตรนฺโต ธมฺมกถิโก วิย, นิสฺเสณิโต โอตรนฺโต ปุริโส วิย จ ทฺเว หตฺเถ ทฺเว จ ปาเท ปสาเรตฺวา ิตโกว มาตุกุจฺฉิสมฺภเวน เกนจิ อสุจินา อมกฺขิโต สุทฺโธ วิสโท กาสิกวตฺเถ นิกฺขิตฺตมณิรตนํ วิย โชเตนฺโต มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมิ. เอวํ สนฺเตปิ โพธิสตฺตสฺส จ โพธิสตฺตมาตุยา จ สกฺการตฺถํ อากาสโต ทฺเว อุทกธารา นิกฺขมิตฺวา โพธิสตฺตสฺส จ โพธิสตฺตมาตุยา จ สรีเร อุตุํ คาหาเปสุํ.

อถ นํ สุวณฺณชาเลน ปฏิคฺคเหตฺวา ิตานํ พฺรหฺมานํ หตฺถโต จตฺตาโร มหาราชาโน มงฺคลสมฺมตาย สุขสมฺผสฺสาย อชินปฺปเวณิยา คณฺหึสุ, เตสํ หตฺถโต มนุสฺสา ทุกูลจุมฺพฏเกน คณฺหึสุ, มนุสฺสานํ หตฺถโต มุจฺจิตฺวา ปถวิยํ ปติฏฺาย ปุรตฺถิมทิสํ โอโลเกสิ, อเนกานิ จกฺกวาฬสหสฺสานิ เอกงฺคณานิ อเหสุํ. ตตฺถ เทวมนุสฺสา คนฺธมาลาทีหิ ปูชยมานา ‘‘มหาปุริส, อิธ ตุมฺเหหิ สทิโส อฺโ นตฺถิ, กุเตตฺถ อุตฺตริตโร’’ติ อาหํสุ. เอวํ จตสฺโส ทิสา , จตสฺโส อนุทิสา จ เหฏฺา, อุปรีติ ทสปิ ทิสา อนุวิโลเกตฺวา อตฺตนา สทิสํ กฺจิ อทิสฺวา ‘‘อยํ อุตฺตราทิสา’’ติ สตฺตปทวีติหาเรน อคมาสิ มหาพฺรหฺมุนา เสตจฺฉตฺตํ ธารยมาเนน, สุยาเมน วาฬพีชนึ, อฺาหิ จ เทวตาหิ เสสราชกกุธภณฺฑหตฺถาหิ อนุคมฺมมาโน. ตโต สตฺตมปเท ิโต ‘‘อคฺโคหมสฺมิ โลกสฺสา’’ติอาทิกํ อาสภึ วาจํ นิจฺฉาเรนฺโต สีหนาทํ นทิ.

โพธิสตฺโต หิ ตีสุ อตฺตภาเวสุ มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺตมตฺโตว วาจํ นิจฺฉาเรสิ มโหสธตฺตภาเว, เวสฺสนฺตรตฺตภาเว, อิมสฺมึ อตฺตภาเว จาติ. มโหสธตฺตภาเว กิรสฺส มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมนฺตสฺเสว สกฺโก เทวราชา อาคนฺตฺวา จนฺทนสารํ หตฺเถ เปตฺวา คโต. โส ตํ มุฏฺิยํ กตฺวาว นิกฺขนฺโต. อถ นํ มาตา ‘‘ตาต, กึ คเหตฺวา อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘โอสธํ, อมฺมา’’ติ. อิติ โอสธํ คเหตฺวา อาคตตฺตา ‘‘โอสธทารโก’’ตฺเววสฺส นามํ อกํสุ. ตํ โอสธํ คเหตฺวา จาฏิยํ ปกฺขิปึสุ, อาคตาคตานํ อนฺธพธิราทีนํ ตเทว สพฺพโรควูปสมาย เภสชฺชํ อโหสิ. ตโต ‘‘มหนฺตํ อิทํ โอสธํ, มหนฺตํ อิทํ โอสธ’’นฺติ อุปฺปนฺนวจนํ อุปาทาย ‘‘มโหสโธ’’ตฺเววสฺส นามํ ชาตํ. เวสฺสนฺตรตฺตภาเว ปน มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมนฺโต ทกฺขิณหตฺถํ ปสาเรตฺวาว ‘‘อตฺถิ นุ โข, อมฺม, กิฺจิ เคหสฺมึ, ทานํ ทสฺสามี’’ติ วทนฺโต นิกฺขมิ. อถสฺส มาตา ‘‘สธเน กุเล นิพฺพตฺโตสิ, ตาตา’’ติ ปุตฺตสฺส หตฺถํ อตฺตโน หตฺถตเล กตฺวา สหสฺสตฺถวิกํ ปาเปสิ. อิมสฺมึ ปน อตฺตภาเว อิมํ สีหนาทํ นทีติ เอวํ โพธิสตฺโต ตีสุ อตฺตภาเวสุ มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺตมตฺโตว วาจํ นิจฺฉาเรสิ. ยถา จ ปฏิสนฺธิคฺคหณกฺขเณ ตถา ชาติกฺขเณปิสฺส ทฺวตฺตึส ปุพฺพนิมิตฺตานิ ปาตุรเหสุํ. ยสฺมึ ปน สมเย อมฺหากํ โพธิสตฺโต ลุมฺพินีวเน ชาโต, ตสฺมึเยว สมเย ราหุลมาตาเทวี, อานนฺทตฺเถโร,ฉนฺโน อมจฺโจ, กาฬุทายี อมจฺโจ, กณฺฑโก อสฺสราชา, มหาโพธิรุกฺโข, จตสฺโส นิธิกุมฺภิโย จ ชาตา. ตตฺถ เอกา นิธิกุมฺภี คาวุตปฺปมาณา, เอกา อฑฺฒโยชนปฺปมาณา, เอกา ติคาวุตปฺปมาณา, เอกา โยชนปฺปมาณา. คมฺภีรโต ปถวีปริยนฺตา เอว อโหสีติ. อิเม สตฺต สหชาตา นาม.

อุภยนครวาสิโน โพธิสตฺตํ คเหตฺวา กปิลวตฺถุนครเมว อคมํสุ. ตํ ทิวสํเยว จ ‘‘กปิลวตฺถุนคเร สุทฺโธทนมหาราชสฺส ปุตฺโต ชาโต, อยํ กุมาโร โพธิมูเล นิสีทิตฺวา พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ตาวตึสภวเน หฏฺตุฏฺา เทวสงฺฆา เจลุกฺเขปาทีนิ ปวตฺเตนฺตา กีฬึสุ. ตสฺมึ สมเย สุทฺโธทนมหาราชสฺส กุลูปโก อฏฺสมาปตฺติลาภี กาลเทวโล นาม ตาปโส ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ทิวาวิหารตฺถาย ตาวตึสภวนํ คนฺตฺวา ตตฺถ ทิวาวิหารํ นิสินฺโน ตา เทวตา ตถา กีฬมานา ทิสฺวา ‘‘กึ การณา ตุมฺเห เอวํ ตุฏฺมานสา กีฬถ, มยฺหมฺเปตํ การณํ กเถถา’’ติ ปุจฺฉิ. เทวตา อาหํสุ – ‘‘มาริส, สุทฺโธทนมหาราชสฺส ปุตฺโต ชาโต, โส โพธิมณฺเฑ นิสีทิตฺวา พุทฺโธ หุตฺวา ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตสฺสติ, ‘ตสฺส อนนฺตํ พุทฺธลีฬํ ทฏฺุํ, ธมฺมฺจ โสตุํ ลจฺฉามา’ติ อิมินา การเณน ตุฏฺามฺหา’’ติ. ตาปโส ตาสํ วจนํ สุตฺวา ขิปฺปํ เทวโลกโต โอรุยฺห ราชนิเวสนํ ปวิสิตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสินฺโน ‘‘ปุตฺโต กิร เต, มหาราช, ชาโต, ปสฺสิสฺสามิ น’’นฺติ อาห. ราชา อลงฺกตปฏิยตฺตํ กุมารํ อาหราเปตฺวา ตาปสํ วนฺทาเปตุํ อภิหริ. โพธิสตฺตสฺส ปาทา ปริวตฺติตฺวา ตาปสสฺส ชฏาสุ ปติฏฺหึสุ. โพธิสตฺตสฺส หิ เตนตฺตภาเวน วนฺทิตพฺพยุตฺตโก นาม อฺโ นตฺถิ. สเจ หิ อชานนฺตา โพธิสตฺตสฺส สีสํ ตาปสสฺส ปาทมูเล เปยฺยุํ, สตฺตธา ตสฺส มุทฺธา ผเลยฺย. ตาปโส ‘‘น เม อตฺตานํ นาเสตุํ ยุตฺต’’นฺติ อุฏฺายาสนา โพธิสตฺตสฺส อฺชลึ ปคฺคเหสิ. ราชา ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา อตฺตโน ปุตฺตํ วนฺทิ.

ตาปโส อตีเต จตฺตาลีส กปฺเป, อนาคเต จตฺตาลีสาติ อสีติ กปฺเป อนุสฺสรติ. โพธิสตฺตสฺส ลกฺขณสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘ภวิสฺสติ นุ โข พุทฺโธ, อุทาหุ โน’’ติ อาวชฺเชตฺวา อุปธาเรนฺโต ‘‘นิสฺสํสเยน พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘อจฺฉริยปุริโส อย’’นฺติ สิตํ อกาสิ. ตโต ‘‘อหํ อิมํ อจฺฉริยปุริสํ พุทฺธภูตํ ทฏฺุํ ลภิสฺสามิ นุ โข, โน’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘น ลภิสฺสามิ, อนฺตราเยว กาลํ กตฺวา พุทฺธสเตนปิ พุทฺธสหสฺเสนปิ คนฺตฺวา โพเธตุํ อสกฺกุเณยฺเย อรูปภเว นิพฺพตฺติสฺสามี’’ติ ทิสฺวา ‘‘เอวรูปํ นาม อจฺฉริยปุริสํ พุทฺธภูตํ ทฏฺุํ น ลภิสฺสามิ, มหตี วต เม ชานิ ภวิสฺสตี’’ติ ปโรทิ.

มนุสฺสา ทิสฺวา ‘‘อมฺหากํ อยฺโย อิทาเนว หสิตฺวา ปุน ปโรทิตฺวา ปติฏฺิโต, กึ นุ โข, ภนฺเต, อมฺหากํ อยฺยปุตฺตสฺส โกจิ อนฺตราโย ภวิสฺสตี’’ติ ตํ ปุจฺฉึสุ. ‘‘นตฺเถตสฺส อนฺตราโย, นิสฺสํสเยน พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ. ‘‘อถ กสฺมา, ภนฺเต, ปโรทิตฺถา’’ติ? ‘‘เอวรูปํ ปุริสํ พุทฺธภูตํ ทฏฺุํ น ลภิสฺสามิ, ‘มหตี วต เม ชานิ ภวิสฺสตี’ติ อตฺตานํ อนุโสจนฺโต โรทามี’’ติ อาห. ตโต โส ‘‘กึ นุ โข เม าตเกสุ โกจิ เอกํ พุทฺธภูตํ ทฏฺุํ ลภิสฺสตี’’ติ อุปธาเรนฺโต อตฺตโน ภาคิเนยฺยํ นาลกทารกํ อทฺทส. โส ภคินิยา เคหํ คนฺตฺวา ‘‘กหํ เต ปุตฺโต นาลโก’’ติ? ‘‘อตฺถิ เคเห, อยฺยา’’ติ. ‘‘ปกฺโกสาหิ น’’นฺติ ปกฺโกสาเปตฺวา อตฺตโน สนฺติกํ อาคตํ กุมารํ อาห – ‘‘ตาต, สุทฺโธทนมหาราชสฺส กุเล ปุตฺโต ชาโต, พุทฺธงฺกุโร เอโส, ปฺจตึส วสฺสานิ อติกฺกมิตฺวา พุทฺโธ ภวิสฺสติ, ตฺวํ เอตํ ทฏฺุํ ลภิสฺสสิ, อชฺเชว ปพฺพชาหี’’ติ. สตฺตาสีติโกฏิธเน กุเล นิพฺพตฺตทารโกปิ ‘‘น มํ มาตุโล อนตฺเถ นิโยเชสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตาวเทว อนฺตราปณโต กาสายานิ เจว มตฺติกาปตฺตฺจ อาหราเปตฺวา เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา ‘‘โย โลเก อุตฺตมปุคฺคโล, ตํ อุทฺทิสฺส มยฺหํ ปพฺพชฺชา’’ติ โพธิสตฺตาภิมุขํ อฺชลึ ปคฺคยฺห ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ปตฺตํ ถวิกาย ปกฺขิปิตฺวา อํสกูเฏ โอลคฺเคตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา สมณธมฺมํ อกาสิ. โส ปรมาภิสมฺโพธิปฺปตฺตํ ตถาคตํ อุปสงฺกมิตฺวา นาลกปฏิปทํ กถาเปตฺวา ปุน หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา อุกฺกฏฺปฏิปทํ ปฏิปนฺโน สตฺเตว มาเส อายุํ ปาเลตฺวา เอกํ สุวณฺณปพฺพตํ นิสฺสาย ิตโกว อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ.

โพธิสตฺตมฺปิ โข ปฺจมทิวเส สีสํ นฺหาเปตฺวา ‘‘นามคฺคหณํ คณฺหิสฺสามา’’ติ ราชภวนํ จตุชฺชาติยคนฺเธหิ วิลิมฺเปตฺวา ลาชปฺจมกานิ ปุปฺผานิ วิกิริตฺวา อสมฺภินฺนปายาสํ สมฺปาเทตฺวา ติณฺณํ เวทานํ ปารงฺคเต อฏฺสตํ พฺราหฺมเณ นิมนฺเตตฺวา ราชภวเน นิสีทาเปตฺวา สุโภชนํ โภชาเปตฺวา มหาสกฺการํ กตฺวา ‘‘กึ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ ลกฺขณานิ ปริคฺคหาเปสุํ. เตสุ –

‘‘ราโม ธโช ลกฺขโณ จาปิ มนฺตี, ยฺโ สุโภโช สุยาโม สุทตฺโต;

เอเต ตทา อฏฺ อเหสุํ พฺราหฺมณา, ฉฬงฺควา มนฺตํ วิยากรึสู’’ติ. (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๘๔) –

อิเม อฏฺเว พฺราหฺมณา ลกฺขณปริคฺคาหกา อเหสุํ. ปฏิสนฺธิคฺคหณทิวเส สุปิโนปิ เอเตเหว ปริคฺคหิโต . เตสุ สตฺต ชนา ทฺเว องฺคุลิโย อุกฺขิปิตฺวา ทฺวิธา นํ พฺยากรึสุ – ‘‘อิเมหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต สเจ อคารํ อชฺฌาวสิสฺสติ, ราชา ภวิสฺสติ จกฺกวตฺตี, สเจ ปพฺพชิสฺสติ, พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ สพฺพํ จกฺกวตฺติรฺโ สิริวิภวํ อาจิกฺขึสุ. เตสํ ปน สพฺพทหโร โคตฺตโต โกณฺฑฺโ นาม มาณโว โพธิสตฺตสฺส วรลกฺขณสมฺปตฺตึ โอโลเกตฺวา ‘‘อิมสฺส อคารมชฺเฌ านการณํ นตฺถิ, เอกนฺเตเนส วิวฏจฺฉโท พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ เอกเมว องฺคุลึ อุกฺขิปิตฺวา เอกํสพฺยากรณํ พฺยากาสิ. อยฺหิ กตาธิกาโร ปจฺฉิมภวิกสตฺโต ปฺาย อิตเร สตฺต ชเน อภิภวิตฺวา อิเมหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคตสฺส โพธิสตฺตสฺส เอกนฺตพุทฺธภาวสงฺขาตํ เอกเมว คหึ อทฺทส, ตสฺมา เอกํ องฺคุลึ อุกฺขิปิตฺวา เอวํ พฺยากาสิ. อถสฺส นามํ คณฺหนฺตา สพฺพโลกสฺส อตฺถสิทฺธิกรตฺตา ‘‘สิทฺธตฺโถ’’ติ นามํ อกํสุ.

อถ โข เต พฺราหฺมณา อตฺตโน อตฺตโน ฆรานิ คนฺตฺวา ปุตฺเต อามนฺตยึสุ – ‘‘ตาตา, อมฺเห มหลฺลกา, สุทฺโธทนมหาราชสฺส ปุตฺตํ สพฺพฺุตํ ปตฺตํ มยํ สมฺภาเวยฺยาม วา โน วา, ตุมฺเห ตสฺมึ กุมาเร สพฺพฺุตํ ปตฺเต ตสฺส สาสเน ปพฺพเชยฺยาถา’’ติ. เต สตฺตปิ ชนา ยาวตายุกํ ตฺวา ยถากมฺมํ คตา, โกณฺฑฺมาณโวเยว ปน อโรโค อโหสิ. โส มหาสตฺเต วุทฺธิมนฺวาย มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตฺวา อนกฺกเมน อุรุเวลํ คนฺตฺวา ‘‘รมณีโย วต อยํ ภูมิภาโค, อลํ วติทํ ปธานตฺถิกสฺส กุลปุตฺตสฺส ปธานายา’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา ตตฺถ วาสํ อุปคเต ‘‘มหาปุริโส ปพฺพชิโต’’ติ สุตฺวา เตสํ พฺราหฺมณานํ ปุตฺเต อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห – ‘‘สิทฺธตฺถกุมาโร กิร ปพฺพชิโต, โส นิสฺสํสเยน พุทฺโธ ภวิสฺสติ. สเจ ตุมฺหากํ ปิตโร อโรคา อสฺสุ, อชฺช นิกฺขมิตฺวา ปพฺพเชยฺยุํ. สเจ ตุมฺเหปิ อิจฺเฉยฺยาถ, เอถ, มยํ ตํ มหาปุริสํ อนุปพฺพชิสฺสามา’’ติ. เต สพฺเพ เอกจฺฉนฺทา ภวิตุํ นาสกฺขึสุ, เตสุ ตโย ชนา น ปพฺพชึสุ, โกณฺฑฺพฺราหฺมณํ เชฏฺกํ กตฺวา อิตเร จตฺตาโร ปพฺพชึสุ. เต ปฺจปิ ชนา ปฺจวคฺคิยตฺเถรา นาม ชาตา.

ตทา ปน สุทฺโธทนราชา – ‘‘กึ ทิสฺวา มยฺหํ ปุตฺโต ปพฺพชิสฺสตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘จตฺตาริ ปุพฺพนิมิตฺตานี’’ติ. ‘‘กตรฺจ กตรฺจา’’ติ? ‘‘ชราชิณฺณํ, พฺยาธิตํ, มตํ, ปพฺพชิต’’นฺติ. ราชา ‘‘อิโต ปฏฺาย เอวรูปานํ มม ปุตฺตสฺส สนฺติกํ อุปสงฺกมิตุํ มา อทตฺถ, มยฺหํ ปุตฺตสฺส พุทฺธภาเวน กมฺมํ นตฺถิ, อหํ มม ปุตฺตํ ทฺวิสหสฺสทีปปริวารานํ, จตุนฺนํ มหาทีปานํ, อิสฺสริยาธิปจฺจํ จกฺกวตฺติรชฺชํ กโรนฺตํ ฉตฺตึสโยชนปริมณฺฑลาย ปริสาย ปริวุตํ คคนตเล วิจรมานํ ปสฺสิตุกาโม’’ติ. เอวฺจ ปน วตฺวา อิเมสํ จตุปฺปการานํ นิมิตฺตานํ กุมารสฺส จกฺขุปเถ อาคมนนิวารณตฺถํ จตูสุ ทิสาสุ คาวุเต คาวุเต อารกฺขํ เปสิ. ตํ ทิวสฺจ มงฺคลฏฺาเน สนฺนิปติเตสุ อสีติยา าติกุลสหสฺเสสุ เอกเมโก เอกเมกํ ปุตฺตํ ปฏิชานิ – ‘‘อยํ พุทฺโธ วา โหตุ ราชา วา, มยํ เอกเมตํ ปุตฺตํ ทสฺสาม. สเจปิ พุทฺโธ ภวิสฺสติ, ขตฺติยสมณคเณเหว ปริวาริโต วิจริสฺสติ. สเจปิ ราชา ภวิสฺสติ, ขตฺติยกุมาเรเหว ปุรกฺขตปริวาริโต วิจริสฺสตี’’ติ. ราชาปิ โพธิสตฺตสฺส อุตฺตมรูปสมฺปนฺนา วิคตสพฺพโทสา ธาติโย ปจฺจุปฏฺาเปสิ. โพธิสตฺโต มหนฺเตน ปริวาเรน มหนฺเตน สิริโสภคฺเคน วฑฺฒติ.

อเถกทิวสํ รฺโ วปฺปมงฺคลํ นาม อโหสิ. ตํ ทิวสํ สกลนครํ เทวนครํ วิย อลงฺกโรนฺติ, สพฺเพ ทาสกมฺมกราทโย อหตวตฺถนิวตฺถา คนฺธมาลาทิปฏิมณฺฑิตา ราชกุเล สนฺนิปตนฺติ, รฺโ กมฺมนฺเต นงฺคลสหสฺสํ โยชยนฺติ, ตสฺมึ ปน ทิวเส เอเกนูนอฏฺสตนงฺคลานิ สทฺธึ พลิพทฺทรสฺมิโยตฺเตหิ รชตปริกฺขตานิ โหนฺติ. รฺโ อาลมฺพนนงฺคลํ ปน รตฺตสุวณฺณปริกฺขตํ โหติ. พลิพทฺทานํ สิงฺครสฺมิปโตทาปิ สุวณฺณปริกฺขตาว โหนฺติ. ราชา มหาปริวาเรน นิกฺขมนฺโต ปุตฺตํ คเหตฺวาว อคมาสิ. กมฺมนฺตฏฺาเน เอโก ชมฺพุรุกฺโข พหลปลาโส สนฺทจฺฉาโย อโหสิ. ตสฺส เหฏฺา กุมารสฺส สยนํ ปฺาเปตฺวา อุปริ สุวณฺณตารกขจิตวิตานํ พนฺธาเปตฺวา สาณิปากาเรน ปริกฺขิปาเปตฺวา อารกฺขํ เปตฺวา ราชา สพฺพาลงฺการํ อลงฺกริตฺวา อมจฺจคณปริวุโต นงฺคลกรณฏฺานํ อคมาสิ. ตตฺถ ราชา สุวณฺณนงฺคลํ คณฺหาติ, อมจฺจา เอเกนูนอฏฺสตรชตนงฺคลานิ, กสฺสกา เสสนงฺคลานิ. เต ตานิ คเหตฺวา อิโต จิโต จ กสนฺติ. ราชา ปน โอรโต วา ปารํ คจฺฉติ, ปารโต วา โอรํ อาคจฺฉติ.

เอตสฺมึ าเน มหาสมฺปตฺติ อโหสิ. โพธิสตฺตํ ปริวาเรตฺวา นิสินฺนา ธาติโย ‘‘รฺโ สมฺปตฺตึ ปสฺสามา’’ติ อนฺโตสาณิโต พหิ นิกฺขนฺตา. โพธิสตฺโต อิโต จิโต จ โอโลเกนฺโต กฺจิ อทิสฺวาว เวเคน อุฏฺาย ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อานาปาเน ปริคฺคเหตฺวา ปมชฺฌานํ นิพฺพตฺเตสิ. ธาติโย ขชฺชโภชฺชนฺตเร วิจรมานา โถกํ จิรายึสุ. เสสรุกฺขานํ ฉายา วีติวตฺตา, ตสฺส ปน ชมฺพุรุกฺขสฺส ฉายา ปริมณฺฑลา หุตฺวา อฏฺาสิ. ธาติโย ‘‘อยฺยปุตฺโต เอกโก’’ติ เวเคน สาณึ อุกฺขิปิตฺวา อนฺโต ปวิสมานา โพธิสตฺตํ สยเน ปลฺลงฺเกน นิสินฺนํ ตฺจ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ – ‘‘เทว, กุมาโร เอวํ นิสินฺโน, อฺเสํ รุกฺขานํ ฉายา วีติวตฺตา, ชมฺพุรุกฺขสฺส ปน ฉายา ปริมณฺฑลา ิตา’’ติ. ราชา เวเคนาคนฺตฺวา ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ‘‘อยํ เต, ตาต, ทุติยวนฺทนา’’ติ ปุตฺตํ วนฺทิ.

อถ อนุกฺกเมน โพธิสตฺโต โสฬสวสฺสุทฺเทสิโก ชาโต. ราชา โพธิสตฺตสฺส ติณฺณํ อุตูนํ อนุจฺฉวิเก ตโย ปาสาเท กาเรสิ – เอกํ นวภูมิกํ, เอกํ สตฺตภูมิกํ, เอกํ ปฺจภูมิกํ, จตฺตาลีสสหสฺสา จ นาฏกิตฺถิโย อุปฏฺาเปสิ. โพธิสตฺโต เทโว วิย อจฺฉราสงฺฆปริวุโต อลงฺกตนาฏกิตฺถีหิ ปริวุโต นิปฺปุริเสหิ ตูริเยหิ ปริจาริยมาโน มหาสมฺปตฺตึ อนุภวนฺโต อุตุวาเรน ตีสุ ปาสาเทสุ วิหาสิ. ราหุลมาตา ปนสฺส เทวี อคฺคมเหสี อโหสิ.

ตสฺเสวํ มหาสมฺปตฺตึ อนุภวนฺตสฺส เอกทิวสํ าติสงฺฆสฺส อพฺภนฺตเร อยํ กถา อุทปาทิ – ‘‘สิทฺธตฺโถ กีฬาปสุโตว วิจรติ, น กิฺจิ สิปฺปํ สิกฺขติ, สงฺคาเม ปจฺจุปฏฺิเต กึ กริสฺสตี’’ติ? ราชา โพธิสตฺตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ตาต, ตว าตกา ‘สิทฺธตฺโถ กิฺจิ สิปฺปํ อสิกฺขิตฺวา กีฬาปสุโตว วิจรตี’ติ วทนฺติ, เอตฺถ กึ สตฺตุ ปตฺตกาเล มฺสี’’ติ? ‘‘เทว, มม สิปฺปํ สิกฺขนกิจฺจํ นตฺถิ, นคเร มม สิปฺปทสฺสนตฺถํ เภรึ จราเปถ ‘อิโต สตฺตเม ทิวเส าตกานํ สิปฺปํ ทสฺเสสฺสามี’’’ติ. ราชา ตถา อกาสิ. โพธิสตฺโต อกฺขณเวธิวาลเวธิธนุคฺคเห สนฺนิปาตาเปตฺวา มหาชนสฺส มชฺเฌ อฺเหิ ธนุคฺคเหหิ อสาธารณํ าตกานํ ทฺวาทสวิธํ สิปฺปํ ทสฺเสสิ. ตํ สรภงฺคชาตเก อาคตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ตทา ตสฺส าติสงฺโฆ นิกฺกงฺโข อโหสิ.

อเถกทิวสํ โพธิสตฺโต อุยฺยานภูมึ คนฺตุกาโม สารถึ อามนฺเตตฺวา ‘‘รถํ โยเชหี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา มหารหํ อุตฺตมรถํ สพฺพาลงฺกาเรน อลงฺกริตฺวา กุมุทปตฺตวณฺเณ จตฺตาโร มงฺคลสินฺธเว โยเชตฺวา โพธิสตฺตสฺส ปฏิเวเทสิ. โพธิสตฺโต เทววิมานสทิสํ รถํ อภิรุหิตฺวา อุยฺยานาภิมุโข อคมาสิ. เทวตา ‘‘สิทฺธตฺถกุมารสฺส อภิสมฺพุชฺฌนกาโล อาสนฺโน, ปุพฺพนิมิตฺตํ ทสฺเสสฺสามา’’ติ เอกํ เทวปุตฺตํ ชราชิณฺณํ ขณฺฑทนฺตํ ปลิตเกสํ วงฺกํ โอภคฺคสรีรํ ทณฺฑหตฺถํ ปเวธมานํ กตฺวา ทสฺเสสุํ. ตํ โพธิสตฺโต เจว สารถิ จ ปสฺสนฺติ. ตโต โพธิสตฺโต, ‘‘สมฺม, โก นาเมส ปุริโส, เกสาปิสฺส น ยถา อฺเส’’นฺติ มหาปทาเน (ที. นิ. ๒.๔๕) อาคตนเยน สารถึ ปุจฺฉิตฺวา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘ธิรตฺถุ วต, โภ, ชาติ , ยตฺร หิ นาม ชาตสฺส ชรา ปฺายิสฺสตี’’ติ สํวิคฺคหทโย ตโตว ปฏินิวตฺติตฺวา ปาสาทเมว อภิรุหิ. ราชา ‘‘กึ การณา มม ปุตฺโต ขิปฺปํ ปฏินิวตฺตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ชิณฺณปุริสํ ทิสฺวา, เทวา’’ติ. ‘‘ชิณฺณกํ ทิสฺวา ปพฺพชิสฺสตีติ อาหํสุ, กสฺมา มํ นาเสถ, สีฆํ ปุตฺตสฺส นาฏกานิ สชฺเชถ, สมฺปตฺตึ อนุภวนฺโต ปพฺพชฺชาย สตึ น กริสฺสตี’’ติ วตฺวา อารกฺขํ วฑฺเฒตฺวา สพฺพทิสาสุ อทฺธโยชเน อทฺธโยชเน อารกฺขํ เปสิ.

ปุเนกทิวสํ โพธิสตฺโต ตเถว อุยฺยานํ คจฺฉนฺโต เทวตาภินิมฺมิตํ พฺยาธิตํ ปุริสํ ทิสฺวา ปุริมนเยเนว ปุจฺฉิตฺวา สํวิคฺคหทโย นิวตฺติตฺวา ปาสาทํ อภิรุหิ. ราชาปิ ปุจฺฉิตฺวา เหฏฺา วุตฺตนเยเนว สํวิทหิตฺวา ปุน วฑฺเฒตฺวา สมนฺตา ติคาวุตปฺปมาเณ ปเทเส อารกฺขํ เปสิ. อปรมฺปิ เอกทิวสํ โพธิสตฺโต ตเถว อุยฺยานํ คจฺฉนฺโต เทวตาภินิมฺมิตํ กาลงฺกตํ ทิสฺวา ปุริมนเยเนว ปุจฺฉิตฺวา สํวิคฺคหทโย ปุน นิวตฺติตฺวา ปาสาทํ อภิรุหิ. ราชาปิ ปุจฺฉิตฺวา เหฏฺา วุตฺตนเยเนว สํวิทหิตฺวา ปุน วฑฺเฒตฺวา สมนฺตโต โยชนปฺปมาเณ ปเทเส อารกฺขํ เปสิ. อปรํ ปเนกทิวสํ อุยฺยานํ คจฺฉนฺโต ตเถว เทวตาภินิมฺมิตํ สุนิวตฺถํ สุปารุตํ ปพฺพชิตํ ทิสฺวา ‘‘โก นาเมโส สมฺมา’’หิ สารถึ ปุจฺฉิ. สารถิ กิฺจาปิ พุทฺธุปฺปาทสฺส อภาวา ปพฺพชิตํ วา ปพฺพชิตคุเณ วา น ชานาติ, เทวตานุภาเวน ปน ‘‘ปพฺพชิโต นามายํ, เทวา’’ติ วตฺวา ปพฺพชฺชาย คุเณ วณฺเณสิ. โพธิสตฺโต ปพฺพชฺชาย รุจึ อุปฺปาเทตฺวา ตํ ทิวสํ อุยฺยานํ อคมาสิ. ทีฆภาณกา ปนาหุ – ‘‘จตฺตาริปิ นิมิตฺตานิ เอกทิวเสเนว ทิสฺวา อคมาสี’’ติ.

โส ตตฺถ ทิวสภาคํ กีฬิตฺวา มงฺคลโปกฺขรณิยํ นฺหายิตฺวา อตฺถงฺคเต สูริเย มงฺคลสิลาปฏฺเฏ นิสีทิ อตฺตานํ อลงฺการาเปตุกาโม, อถสฺส ปริจารกปุริสา นานาวณฺณานิ ทุสฺสานิ นานปฺปการา อาภรณวิกติโย มาลาคนฺธวิเลปนานิ จ อาทาย สมนฺตา ปริวาเรตฺวา อฏฺํสุ. ตสฺมึ ขเณ สกฺกสฺส นิสินฺนาสนํ อุณฺหํ อโหสิ. โส ‘‘โก นุ โข มํ อิมมฺหา านา จาเวตุกาโมสี’’ติ อุปธาเรนฺโต โพธิสตฺตสฺส อลงฺกาเรตุกามตํ ตฺวา วิสฺสกมฺมํ อามนฺเตสิ – ‘‘สมฺม วิสฺสกมฺม, สิทฺธตฺถกุมาโร อชฺช อฑฺฒรตฺตสมเย มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิสฺสติ, อยมสฺส ปจฺฉิโม อลงฺกาโร, ตฺวํ อุยฺยานํ คนฺตฺวา มหาปุริสํ ทิพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺกโรหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา เทวานุภาเวน ตงฺขณฺเว โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ตสฺเสว กปฺปกสทิโส หุตฺวา ทิพฺพทุสฺเสน โพธิสตฺตสฺส สีสํ เวเสิ. โพธิสตฺโต หตฺถสมฺผสฺเสเนว ‘‘นามํ มนุสฺโส, เทวปุตฺโต อย’’นฺติ อฺาสิ. เวเนน เวิตมตฺเต สีเส โมฬิยํ มณิรตนากาเรน ทุสฺสสหสฺสํ อพฺภุคฺคฺฉิ, ปุน เวเนฺตสฺส ทุสฺสสหสฺสนฺติ ทสกฺขตฺตุํ เวเนฺตสฺส ทส ทุสฺสสหสฺสานิ อพฺภุคฺคจฺฉึสุ. ‘‘สีสํ ขุทฺทกํ, ทุสฺสานิ พหูนิ , กถํ อพฺภุคฺคตานี’’ติ น จินฺเตตพฺพํ. เตสุ หิ สพฺพมหนฺตํ อามลกปุปฺผปฺปมาณํ, อวเสสานิ กทมฺพกปุปฺผปฺปมาณานิ อเหสุํ. โพธิสตฺตสฺส สีสํ กิฺชกฺขควจฺฉิตํ วิย กุยฺยกปุปฺผํ อโหสิ.

อถสฺส สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตสฺส สพฺพตาลาวจเรสุ สกานิ สกานิ ปฏิภานานิ ทสฺสยนฺเตสุ, พฺราหฺมเณสุ ‘‘ชยนนฺทา’’ติอาทิวจเนหิ, สุตมงฺคลิกาทีสุ จ นานปฺปกาเรหิ มงฺคลวจนตฺถุติโฆเสหิ สมฺภาเวนฺเตสุ สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตํ ตํ รถวรํ อภิรุหิ. ตสฺมึ สมเย ‘‘ราหุลมาตา ปุตฺตํ วิชาตา’’ติ สุตฺวา สุทฺโธทนมหาราชา ‘‘ปุตฺตสฺส เม ตุฏฺึ นิเวเทถา’’ติ สาสนํ ปหิณิ. โพธิสตฺโต ตํ สุตฺวา ‘‘ราหุ ชาโต, พนฺธนํ ชาต’’นฺติ อาห. ราชา ‘‘กึ เม ปุตฺโต อวจา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตํ วจนํ สุตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย เม นตฺตา ‘ราหุลกุมาโร’ตฺเวว นาม โหตู’’ติ อาห.

โพธิสตฺโตปิ โข รถวรํ อารุยฺห อติมหนฺเตน ยเสน อติมโนรเมน สิริโสภคฺเคน นครํ ปาวิสิ. ตสฺมึ สมเย กิสาโคตมี นาม ขตฺติยกฺา อุปริปาสาทวรตลคตา นครํ ปทกฺขิณํ กุรุมานสฺส โพธิสตฺตสฺส รูปสิรึ ทิสฺวา ปีติโสมนสฺสชาตา อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –

‘‘นิพฺพุตา นูน สา มาตา, นิพฺพุโต นูน โส ปิตา;

นิพฺพุตา นูน สา นารี, ยสฺสายํ อีทิโส ปตี’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา); –

โพธิสตฺโต ตํ สุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ เอวมาห – ‘เอวรูปํ อตฺตภาวํ ปสฺสนฺติยา มาตุ หทยํ นิพฺพายติ, ปิตุ หทยํ นิพฺพายติ, ปชาปติยา หทยํ นิพฺพายตี’ติ. กิสฺมึ นุ โข นิพฺพุเต หทยํ นิพฺพุตํ นาม โหตี’’ติ. อถสฺส กิเลเสสุ วิรตฺตมนสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ราคคฺคิมฺหิ นิพฺพุเต นิพฺพุตํ นาม โหติ, โทสคฺคิมฺหิ นิพฺพุเต นิพฺพุตํ นาม โหติ, โมหคฺคิมฺหิ นิพฺพุเต นิพฺพุตํ นาม โหติ, มานทิฏฺิอาทีสุ สพฺพกิเลสทรเถสุ นิพฺพุเตสุ นิพฺพุตํ นาม โหตี’’ติ. ‘‘อยํ เม สุสฺสวนํ สาเวติ, อหฺหิ นิพฺพานํ คเวสนฺโต วิจรามิ, อชฺเชว มยา ฆราวาสํ ฉฑฺเฑตฺวา นิกฺขมฺม ปพฺพชิตฺวา นิพฺพานํ คเวสิตุํ วฏฺฏติ, อยํ อิมิสฺสา อาจริยภาโค โหตู’’ติ กณฺโต โอมุฺจิตฺวา กิสาโคตมิยา สตสหสฺสคฺฆนกํ มุตฺตาหารํ เปเสสิ. สา ‘‘สิทฺธตฺถกุมาโร มยิ ปฏิพทฺธจิตฺโต หุตฺวา ปณฺณาการํ เปเสตี’’ติ โสมนสฺสชาตา อโหสิ.

โพธิสตฺโตปิ มหนฺเตน สิริโสภคฺเคน อตฺตโน ปาสาทํ อภิรุหิตฺวา สิริสยเน นิปชฺชิ. ตาวเทว จ นํ สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตา นจฺจคีตาทีสุ สุสิกฺขิตา เทวกฺา วิย รูปโสภคฺคปฺปตฺตา นาฏกิตฺถิโย นานาตูริยานิ คเหตฺวา สมฺปริวาเรตฺวา อภิรมาเปนฺติโย นจฺจคีตวาทิตานิ ปโยชยึสุ. โพธิสตฺโต กิเลเสสุ วิรตฺตจิตฺตตาย นจฺจาทีสุ อนภิรโต มุหุตฺตํ นิทฺทํ โอกฺกมิ. ตาปิ อิตฺถิโย ‘‘ยสฺสตฺถาย มยํ นจฺจาทีนิ ปโยเชม, โส นิทฺทํ อุปคโต, อิทานิ กิมตฺถํ กิลมิสฺสามา’’ติ คหิตคหิตานิ ตูริยานิ อชฺโฌตฺถริตฺวา นิปชฺชึสุ, คนฺธเตลปฺปทีปา ฌายนฺติ. โพธิสตฺโต ปพุชฺฌิตฺวา สยนปิฏฺเ ปลฺลงฺเกน นิสินฺโน อทฺทส ตา อิตฺถิโย ตูริยภณฺฑานิ อวตฺถริตฺวา นิทฺทายนฺติโย – เอกจฺจา ปคฺฆริตเขฬา, กิลินฺนคตฺตา, เอกจฺจา ทนฺเต ขาทนฺติโย, เอกจฺจา กากจฺฉนฺติโย, เอกจฺจา วิปฺปลปนฺติโย, เอกจฺจา วิวฏมุขี, เอกจฺจา อปคตวตฺถา ปากฏพีภจฺฉสมฺพาธฏฺานา. โส ตาสํ ตํ วิปฺปการํ ทิสฺวา ภิยฺโยโสมตฺตาย กาเมสุ วิรตฺตจิตฺโต อโหสิ. ตสฺส อลงฺกตปฏิยตฺตํ สกฺกภวนสทิสมฺปิ ตํ มหาตลํ วิวิธนานากุณปภริตํ อามกสุสานํ วิย อุปฏฺาสิ, ตโย ภวา อาทิตฺตเคหสทิสา ขาทึสุ – ‘‘อุปทฺทุตํ วต, โภ, อุปสฺสฏฺํ วต, โภ’’ติ อุทานํ ปวตฺเตสิ, อติวิยสฺส ปพฺพชฺชาย จิตฺตํ นมิ.

โส ‘‘อชฺเชว มยา มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตุํ วฏฺฏตี’’ติ สยนา วุฏฺาย ทฺวารสมีปํ คนฺตฺวา ‘‘โก เอตฺถา’’ติ อาห. อุมฺมาเร สีสํ กตฺวา นิปนฺโน ฉนฺโน – ‘‘อหํ, อยฺยปุตฺต, ฉนฺโน’’ติ อาห. ‘‘อชฺชาหํ มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตุกาโม, เอกํ เม อสฺสํ กปฺเปหี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ อสฺสภณฺฑกํ คเหตฺวา อสฺสสาลํ คนฺตฺวา คนฺธเตลปฺปทีเปสุ ชลนฺเตสุ สุมนปฏฺฏวิตานสฺส เหฏฺา รมณีเย ภูมิภาเค ิตํ กณฺฑกํ อสฺสราชานํ ทิสฺวา ‘‘อชฺช มยา อิมเมว กปฺเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ กณฺฑกํ กปฺเปสิ. โส กปฺปิยมาโนว อฺาสิ ‘‘อยํ กปฺปนา อติวิย คาฬฺหา, อฺเสุ ทิวเสสุ อุยฺยานกีฬาทิคมนกาเล กปฺปนา วิย น โหติ , มยฺหํ อยฺยปุตฺโต อชฺช มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตุกาโม ภวิสฺสตี’’ติ. ตโต ตุฏฺมานโส มหาหสิตํ หสิ, โส สทฺโท สกลนครํ ปตฺถริตฺวา คจฺเฉยฺย. เทวตา ปน นํ สนฺนิรุมฺภิตฺวา น กสฺสจิ โสตุํ อทํสุ.

โพธิสตฺโตปิ โข ฉนฺนํ เปเสตฺวาว ‘‘ปุตฺตํ ตาว ปสฺสิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา นิสินฺนปลฺลงฺกโต อุฏฺาย ราหุลมาตุยา วสนฏฺานํ คนฺตฺวา คพฺภทฺวารํ วิวริ. ตสฺมึ ขเณ อนฺโตคพฺเภ คนฺธเตลปฺปทีโป ฌายติ, ราหุลมาตา สุมนมลฺลิกาทีนํ ปุปฺผานํ อมฺพณมตฺเตน อภิปฺปกิณฺเณ สยเน ปุตฺตสฺส มตฺถเก หตฺถํ เปตฺวา นิทฺทายติ. โพธิสตฺโต อุมฺมาเร ปาทํ เปตฺวา ิตโกว โอโลเกตฺวา ‘‘สจาหํ เทวิยา หตฺถํ อปเนตฺวา มม ปุตฺตํ คณฺหิสฺสามิ, เทวี ปพุชฺฌิสฺสติ, เอวํ เม คมนนฺตราโย ภวิสฺสติ, พุทฺโธ หุตฺวาว อาคนฺตฺวา ปุตฺตํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ ปาสาทตลโต โอตริ. ยํ ปน ชาตกฏฺกถายํ ‘‘ตทา สตฺตาหชาโต ราหุลกุมาโร โหตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ เสสฏฺกถาสุ นตฺถิ, ตสฺมา อิทเมว คเหตพฺพํ.

เอวํ โพธิสตฺโต ปาสาทตลา โอตริตฺวา อสฺสสมีปํ คนฺตฺวา เอวมาห – ‘‘ตาต กณฺฑก, ตฺวํ อชฺช เอกรตฺตึ มํ ตารย, อหํ ตํ นิสฺสาย พุทฺโธ หุตฺวา สเทวกํ โลกํ ตารยิสฺสามี’’ติ. ตโต อุลฺลงฺฆิตฺวา กณฺฑกสฺส ปิฏฺึ อภิรุหิ. กณฺฑโก คีวโต ปฏฺาย อายาเมน อฏฺารสหตฺโถ โหติ, ตทนุจฺฉวิเกน อุพฺเพเธน สมนฺนาคโต ถามชวสมฺปนฺโน สพฺพเสโต โธตสงฺขสทิโส. โส สเจ หเสยฺย วา ปทสทฺทํ วา กเรยฺย, สทฺโท สกลนครํ อวตฺถเรยฺย, ตสฺมา เทวตา อตฺตโน อานุภาเวน ตสฺส ยถา น โกจิ สุณาติ, เอวํ หสิตสทฺทํ สนฺนิรุมฺภิตฺวา อกฺกมนอกฺกมนปทวาเร หตฺถตลานิ อุปนาเมสุํ. โพธิสตฺโต อสฺสวรสฺส ปิฏฺิเวมชฺฌคโต ฉนฺนํ อสฺสสฺส วาลธึ คาหาเปตฺวา อฑฺฒรตฺตสมเย มหาทฺวารสมีปํ ปตฺโต. ตทา ปน ราชา ‘‘เอวํ มม ปุตฺโต ยาย กายจิ เวลาย นครทฺวารํ วิวริตฺวา นิกฺขมิตุํ น สกฺขิสฺสตี’’ติ ทฺวีสุ ทฺวารกวาเฏสุ เอเกกํ ปุริสสหสฺเสน วิวริตพฺพํ กาเรสิ. โพธิสตฺโต ปน ถามพลสมฺปนฺโน หตฺถิคณนาย โกฏิสหสฺสหตฺถีนํ พลํ ธาเรสิ, ปุริสคณนาย ทสโกฏิสหสฺสปุริสานํ พลํ ธาเรสิ. โส จินฺเตสิ – ‘‘สเจ ทฺวารํ น วิวริยฺยติ, อชฺช กณฺฑกสฺส ปิฏฺเ นิสินฺโนว วาลธึ คเหตฺวา ิเตน ฉนฺเนน สทฺธึเยว กณฺฑกํ อูรุหิ นิปฺปีเฬตฺวา อฏฺารสหตฺถุพฺเพธํ ปาการํ อุปฺปติตฺวา อติกฺกมิสฺสามี’’ติ. ฉนฺโนปิ จินฺเตสิ – ‘‘สเจ ทฺวารํ น วิวริยฺยติ, อหํ อตฺตโน สามิกํ อยฺยปุตฺตํ ขนฺเธ นิสีทาเปตฺวา กณฺฑกํ ทกฺขิเณน หตฺเถน กุจฺฉิยํ ปริกฺขิปนฺโต อุปกจฺฉนฺตเร กตฺวา ปาการํ อุปฺปติตฺวา อติกฺกมิสฺสามี’’ติ. กณฺฑโกปิ จินฺเตสิ – ‘‘สเจ ทฺวารํ น วิวริยฺยติ, อหํ อตฺตโน สามิกํ ปิฏฺเ ยถานิสินฺนเมว ฉนฺเนน วาลธึ คเหตฺวา ิเตน สทฺธึเยว อุกฺขิปิตฺวา ปาการํ อุปฺปติตฺวา อติกฺกมิสฺสามี’’ติ. สเจ ทฺวารํ น วิวเรยฺย, ยถาจินฺติตเมว เตสุ ตีสุ ชเนสุ อฺตโร สมฺปาเทยฺย. ทฺวาเร ปน อธิวตฺถา เทวตา ทฺวารํ วิวริ.

ตสฺมึเยว ขเณ มาโร ปาปิมา ‘‘โพธิสตฺตํ นิวตฺเตสฺสามี’’ติ อาคนฺตฺวา อากาเส ิโต อาห – ‘‘มาริส, มา นิกฺขมิ, อิโต เต สตฺตเม ทิวเส จกฺกรตนํ ปาตุภวิสฺสติ, ทฺวิสหสฺสปริตฺตทีปปริวารานํ จตุนฺนํ มหาทีปานํ รชฺชํ กาเรสฺสสิ, นิวตฺต, มาริสา’’ติ. ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ? ‘‘อหํ วสวตฺตี’’ติ. ‘‘มาร, ชานามหํ มยฺหํ จกฺกรตนสฺส ปาตุภาวํ, อนตฺถิโกหํ รชฺเชน, ทสสหสฺสิโลกธาตุํ อุนฺนาเทตฺวา พุทฺโธ ภวิสฺสามี’’ติ อาห. มาโร ‘‘อิโต ทานิ เต ปฏฺาย กามวิตกฺกํ วา พฺยาปาทวิตกฺกํ วา วิหึสาวิตกฺกํ วา จินฺติตกาเล ชานิสฺสามี’’ติ โอตาราเปกฺโข ฉายา วิย อนุคจฺฉนฺโต อนุพนฺธิ.

โพธิสตฺโตปิ หตฺถคตํ จกฺกวตฺติรชฺชํ เขฬปิณฺฑํ วิย อนเปกฺโข ฉฑฺเฑตฺวา มหนฺเตน สกฺกาเรน นครา นิกฺขมิ. อาสาฬฺหิปุณฺณมาย อุตฺตราสาฬฺหนกฺขตฺเต วตฺตมาเน, นิกฺขมิตฺวา จ ปุน นครํ อปโลเกตุกาโม ชาโต. เอวฺจ ปนสฺส จิตฺเต อุปฺปนฺนมตฺเตเยว – ‘‘มหาปุริส, น ตยา นิวตฺเตตฺวา โอโลกนกมฺมํ กต’’นฺติ วทมานา วิย มหาปถวี กุลาลจกฺกํ วิย ฉิชฺชิตฺวา ปริวตฺติ. โพธิสตฺโต นคราภิมุโข ตฺวา นครํ โอโลเกตฺวา ตสฺมึ ปถวิปฺปเทเส กณฺฑกนิวตฺตนเจติยฏฺานํ ทสฺเสตฺวา คนฺตพฺพมคฺคาภิมุขํ กณฺฑกํ กตฺวา ปายาสิ มหนฺเตน สกฺกาเรน อุฬาเรน สิริโสภคฺเคน. ตทา กิรสฺส เทวตา ปุรโต สฏฺิ อุกฺกาสหสฺสานิ ธารยึสุ, ปจฺฉโต สฏฺิ , ทกฺขิณปสฺสโต สฏฺิ, วามปสฺสโต สฏฺีติ. อปรา เทวตา จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อปริมาณา อุกฺกา ธารยึสุ. อปรา เทวตา จ นาคสุปณฺณาทโย จ ทิพฺเพหิ คนฺเธหิ มาลาหิ จุณฺเณหิ ธูเปหิ ปูชยมานา คจฺฉนฺติ, ปาริจฺฉตฺตกปุปฺเผหิ เจว มนฺทารวปุปฺเผหิ จ ฆนเมฆวุฏฺิกาเล ธาราหิ วิย นภํ นิรนฺตรํ อโหสิ, ทิพฺพานิ สํคีตานิ ปวตฺตึสุ , สมนฺตโต อฏฺ ตูริยานิ, สฏฺิ ตูริยานีติ อฏฺสฏฺิ ตูริยสตสหสฺสานิ ปวตฺตยึสุ. เตสํ สทฺโท สมุทฺทกุจฺฉิยํ เมฆธนิตกาโล วิย, ยุคนฺธรกุจฺฉิยํ สาครนิคฺโฆสกาโล วิย จ วตฺตติ.

อิมินา สิริโสภคฺเคน คจฺฉนฺโต โพธิสตฺโต เอกรตฺเตเนว ตีณิ รชฺชานิ อติกฺกมฺม ตึสโยชนมตฺถเก อโนมานทีตีรํ ปาปุณิ. กึ ปน อสฺโส ตโต ปรํ คนฺตุํ น สกฺโกตีติ? โน น สกฺโกติ. โส หิ เอกํ จกฺกวาฬคพฺภํ นาภิยา ิตจกฺกสฺส เนมิวฏฺฏึ มทฺทนฺโต วิย อนฺตนฺเตน จริตฺวา ปุเรปาตราสเมว อาคนฺตฺวา อตฺตโน สมฺปาทิตํ ภตฺตํ ภุฺชิตุํ สมตฺโถ. ตทา ปน เทวนาคสุปณฺณาทีหิ อากาเส ตฺวา โอสฺสฏฺเหิ คนฺธมาลาทีหิ ยาว อูรุปฺปเทสา สฺฉนฺนสรีรํ อากฑฺฒิตฺวา คนฺธมาลาชฏํ ฉินฺทนฺตสฺส อติปปฺโจ อโหสิ, ตสฺมา ตึสโยชนมตฺตเมว อคมาสิ. อถ โพธิสตฺโต นทีตีเร ตฺวา ฉนฺนํ ปุจฺฉิ – ‘‘กา นาม อยํ นที’’ติ? ‘‘อโนมา นาม, เทวา’’ติ. ‘‘อมฺหากมฺปิ ปพฺพชฺชา อโนมา ภวิสฺสตี’’ติ ปณฺหิยา ฆฏฺเฏนฺโต อสฺสสฺส สฺํ อทาสิ. อสฺโส จ อุปฺปติตฺวา อฏฺุสภวิตฺถาราย นทิยา ปาริมตีเร อฏฺาสิ.

โพธิสตฺโต อสฺสปิฏฺิโต โอรุยฺห รชตปฏฺฏสทิเส วาฬุกาปุลิเน ตฺวา ฉนฺนํ อามนฺเตสิ – ‘‘สมฺม ฉนฺน, ตฺวํ มยฺหํ อาภรณานิ เจว กณฺฑกฺจ อาทาย คจฺฉ, อหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. ‘‘อหมฺปิ, เทว, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. โพธิสตฺโต ‘‘น ลพฺภา ตยา ปพฺพชิตุํ, คจฺเฉว ตฺว’’นฺติ ติกฺขตฺตุํ ปฏิพาหิตฺวา อาภรณานิ เจว กณฺฑกฺจ ปฏิจฺฉาเปตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อิเม มยฺหํ เกสา สมณสารุปฺปา น โหนฺติ, อฺโ โพธิสตฺตสฺส เกเส ฉินฺทิตุํ ยุตฺตรูโป นตฺถี’’ติ. ตโต ‘‘สยเมว ขคฺเคน ฉินฺทิสฺสามี’’ติ ทกฺขิเณน หตฺเถน อสึ คเหตฺวา วามหตฺเถน โมฬิยา สทฺธึ จูฬํ คเหตฺวา ฉินฺทิ. เกสา ทฺวงฺคุลมตฺตา หุตฺวา ทกฺขิณโต อาวฏฺฏมานา สีสํ อลฺลียึสุ. เตสํ ยาวชีวํ ตเทว ปมาณํ อโหสิ, มสฺสุ จ ตทนุรูปํ, ปุน เกสมสฺสุโอหารณกิจฺจํ นาม นาโหสิ. โพธิสตฺโต สห โมฬิยา จูฬํ คเหตฺวา ‘‘สจาหํ สมฺพุทฺโธ ภวิสฺสามิ, อากาเส ติฏฺตุ. โน เจ, ภูมิยํ ปตตู’’ติ อนฺตลิกฺเข ขิปิ. สา จูฬา โยชนปฺปมาณํ านํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา อากาเส อฏฺาสิ. สกฺโก เทวราชา ทิพฺพจกฺขุนา โอโลเกตฺวา โยชนิยรตนจงฺโกฏเกน สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตาวตึสภวเน จูฬามณิเจติยํ นาม ปติฏฺาเปสิ.

‘‘เฉตฺวาน โมฬึ วรคนฺธวาสิตํ, เวหายสํ อุกฺขิปิ สกฺยปุงฺคโว;

สหสฺสเนตฺโต สิรสา ปฏิคฺคหิ, รตนจงฺโกฏวเรน วาสโว’’ติ. (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๒๒);

ปุน โพธิสตฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อิมานิ กาสิกวตฺถานิ มยฺหํ น สมณสารุปฺปานี’’ติ. อถสฺส กสฺสปพุทฺธกาเล ปุราณสหายโก ฆฏิการมหาพฺรหฺมา เอกํ พุทฺธนฺตรํ ชรํ อปฺปตฺเตน มิตฺตภาเวน จินฺเตสิ – ‘‘อชฺช เม สหายโก มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขนฺโต, สมณปริกฺขารมสฺส คเหตฺวา คจฺฉิสฺสามี’’ติ.

‘‘ติจีวรฺจ ปตฺโต จ, วาสี สูจิ จ พนฺธนํ;

ปริสฺสาวเนน อฏฺเเต, ยุตฺตโยคสฺส ภิกฺขูโน’’ติ. –

อิเม อฏฺ ปริกฺขาเร อาหริตฺวา อทาสิ. โพธิสโต อรหทฺธชํ นิวาเสตฺวา อุตฺตมปพฺพชิตเวสํ คณฺหิตฺวา ‘‘ฉนฺน, ตฺวํ มม วจเนน มาตาปิตูนํ อาโรคฺยํ วเทหี’’ติ วตฺวา อุยฺโยเชสิ. ฉนฺโน โพธิสตฺตํ วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. กณฺฑโก ปน ฉนฺเนน สทฺธึ มนฺตยมานสฺส โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุณนฺโตว ‘‘นตฺถิ ทานิ มยฺหํ ปุน สามิโน ทสฺสน’’นฺติ จินฺเตตฺวา จกฺขุปถํ วิชหนฺโต โสกํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต หทเยน ผลิเตน กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน กณฺฑโก นาม เทวปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ฉนฺนสฺส ปมํ เอโกว โสโก อโหสิ, กณฺฑกสฺส ปน กาลกิริยาย ทุติเยน โสเกน ปีฬิโต โรทนฺโต ปริเทวนฺโต นครํ อคมาสิ.

โพธิสตฺโต ปพฺพชิตฺวา ตสฺมึเยว ปเทเส อนุปิยํ นาม อมฺพวนํ อตฺถิ, ตตฺถ สตฺตาหํ ปพฺพชฺชาสุเขน วีตินาเมตฺวา เอกทิวเสเนว ตึสโยชนมคฺคํ ปทสา คนฺตฺวา ราชคหํ ปาวิสิ. ปวิสิตฺวา จ สปทานํ ปิณฺฑาย จริ. สกลนครํ โพธิสตฺตสฺส รูปทสฺสเนเนว ธนปาลเก ปวิฏฺเ ราชคหํ วิย จ, อสุรินฺเท ปวิฏฺเ เทวนครํ วิย จ สงฺโขภํ อคมาสิ. ราชปุริสา คนฺตฺวา ‘‘เทว, เอวรูโป นาม สตฺโต นคเร ปิณฺฑาย จรติ, ‘เทโว วา มนุสฺโส วา นาโค วา สุปณฺโณ วา อสุโก นาม เอโส’ติ น ชานามา’’ติ อาโรเจสุํ. ราชา ปาสาทตเล ตฺวา มหาปุริสํ ทิสฺวา อจฺฉริยพฺภุตจิตฺโต ปุริเส อาณาเปสิ – ‘‘คจฺฉถ, ภเณ , วีมํสถ, สเจ อมนุสฺโส ภวิสฺสติ, นครา นิกฺขมิตฺวา อนฺตรธายิสฺสติ, สเจ เทวตา ภวิสฺสติ, อากาเสน คจฺฉิสฺสติ, สเจ นาโค ภวิสฺสติ, ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา คมิสฺสติ, สเจ มนุสฺโส ภวิสฺสติ, ยถาลทฺธํ ภิกฺขํ ปริภุฺชิสฺสตี’’ติ.

มหาปุริโสปิ โข มิสฺสกภตฺตํ สํหริตฺวา ‘‘อลํ เม เอตฺตกํ ยาปนายา’’ติ ตฺวา ปวิฏฺทฺวาเรเนว นครา นิกฺขมิตฺวา ปณฺฑวปพฺพตจฺฉายายํ ปุรตฺถิมาภิมุโข นิสีทิตฺวา อาหารํ ปริภุฺชิตุํ อารทฺโธ. อถสฺส อนฺตานิ ปริวตฺติตฺวา มุเขน นิกฺขมนาการปฺปตฺตานิ อเหสุํ. ตโต โส เตน อตฺตภาเวน เอวรูปสฺส อาหารสฺส จกฺขุนาปิ อทิฏฺปุพฺพตาย เตน ปฏิกูลาหาเรน อฏฺฏียมาโนปิ เอวํ อตฺตนา เอว อตฺตานํ โอวทิ – ‘‘สิทฺธตฺถ, ตฺวํ สุลภอนฺนปาเน กุเล ติวสฺสิกคนฺธสาลิโภชนํ นานคฺครเสหิ ภุฺชนฏฺาเน นิพฺพตฺติตฺวาปิ เอกํ ปํสุกูลิกํ ทิสฺวา ‘กทา นุ โข อหมฺปิ เอวรูโป หุตฺวา ปิณฺฑาย จริตฺวา ภุฺชิสฺสามิ, ภวิสฺสติ นุ โข เม โส กาโล’ติ จินฺเตตฺวา นิกฺขนฺโต, อิทานิ กินฺนาเมตํ กโรสี’’ติ เอวํ อตฺตานํ โอวทิตฺวา นิพฺพิกาโร หุตฺวา อาหารํ ปริภุฺชิ.

ราชปุริสา ตํ ปวตฺตึ ทิสฺวา คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา ทูตวจนํ สุตฺวา เวเคน นครา นิกฺขมิตฺวา โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อิริยาปถสฺมึเยว ปสีทิตฺวา โพธิสตฺตสฺส สพฺพํ อิสฺสริยํ นิยฺยาเตสิ. โพธิสตฺโต ‘‘มยฺหํ, มหาราช, วตฺถุกาเมหิ วา กิเลสกาเมหิ วา อตฺโถ นตฺถิ, อหํ ปรมาภิสมฺโพธึ ปตฺถยนฺโต นิกฺขนฺโต’’ติ อาห. ราชา อเนกปฺปการํ ยาจนฺโตปิ ตสฺส จิตฺตํ อลภิตฺวา ‘‘อทฺธา ตฺวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ , พุทฺธภูเตน ปน ตยา ปมํ มม วิชิตํ อาคนฺตพฺพ’’นฺติ ปฏิฺํ คณฺหิ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน ‘‘ปพฺพชฺชํ กิตฺตยิสฺสามิ, ยถา ปพฺพชิ จกฺขุมา’’ติ อิมํ ปพฺพชฺชาสุตฺตํ (สุ. นิ. ๔๐๗) สทฺธึ อฏฺกถาย โอโลเกตฺวา เวทิตพฺโพ.

โพธิสตฺโตปิ โข รฺโ ปฏิฺํ ทตฺวา อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน อาฬารฺจ กาลามํ อุทกฺจ รามปุตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา ‘‘นายํ มคฺโค โพธายา’’ติ ตมฺปิ สมาปตฺติภาวนํ อนลงฺกริตฺวา สเทวกสฺส โลกสฺส อตฺตโน ถามวีริยสนฺทสฺสนตฺถํ มหาปธานํ ปทหิตุกาโม อุรุเวลํ คนฺตฺวา ‘‘รมณีโย วตายํ ภูมิภาโค’’ติ ตตฺเถว วาสํ อุปคนฺตฺวา มหาปธานํ ปทหิ. เตปิ โข โกณฺฑฺปฺปมุขา ปฺจวคฺคิยา คามนิคมราชธานีสุ ภิกฺขาย จรนฺตา ตตฺถ โพธิสตฺตํ สมฺปาปุณึสุ. อถ นํ ฉพฺพสฺสานิ มหาปธานํ ปทหนฺตํ ‘‘อิทานิ พุทฺโธ ภวิสฺสติ, อิทานิ พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ปริเวณสมฺมชฺชนาทิกาย วตฺตปฏิปตฺติยา อุปฏฺหมานา สนฺติกาวจรา อเหสุํ. โพธิสตฺโตปิ โข ‘‘โกฏิปฺปตฺตํ ทุกฺกรการิกํ กริสฺสามี’’ติ เอกติลตณฺฑุลาทีหิปิ วีตินาเมสิ, สพฺพโสปิ อาหารุปจฺเฉทนํ อกาสิ. เทวตาปิ โลมกูเปหิ โอชํ อุปสํหรมานา ปกฺขิปึสุ.

อถสฺส ตาย นิราหารตาย ปรมกสิรปฺปตฺตตาย สุวณฺณวณฺโณปิ กาโย กาฬวณฺโณ อโหสิ, ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานิ ปฏิจฺฉนฺนานิ อเหสุํ. อปฺเปกทา อานาปานกชฺฌานํ ฌายนฺโต มหาเวทนาภิตุนฺโน วิสฺีภูโต จงฺกมนโกฏิยํ ปตติ. อถ นํ เอกจฺจา เทวตา ‘‘กาลงฺกโต สมโณ โคตโม’’ติ วทนฺติ. เอกจฺจา ‘‘วิหาโรตฺเวเวโส อรหต’’นฺติ จ อาหํสุ. ตตฺถ ยาสํ ‘‘กาลงฺกโต’’ติ สฺา อโหสิ, ตา คนฺตฺวา สุทฺโธทนมหาราชสฺส อาโรเจสุํ – ‘‘ตุมฺหากํ ปุตฺโต กาลงฺกโต’’ติ. ‘‘มม ปุตฺโต พุทฺโธ หุตฺวา กาลงฺกโต, อหุตฺวา’’ติ? ‘‘พุทฺโธ ภวิตุํ นาสกฺขิ, ปธานภูมิยํเยว ปติตฺวา กาลงฺกโต’’ติ. อิทํ สุตฺวา ราชา – ‘‘นาหํ สทฺทหามิ, มม ปุตฺตสฺส โพธึ อปฺปตฺวา กาลกิริยา นาม นตฺถี’’ติ ปฏิกฺขิปิ. ‘‘กสฺมา ปน ราชา น สทฺทหตี’’ติ? กาลเทวลตาปสวนฺทาปนทิวเส ชมฺพุรุกฺขมูเล จ ปาฏิหาริยานํ ทิฏฺตฺตา.

ปุน โพธิสตฺเต สฺํ ปฏิลภิตฺวา อุฏฺิเต ตา เทวตา คนฺตฺวา ‘‘อโรโค เต, มหาราช, ปุตฺโต’’ติ อาโรเจสุํ. ราชา ‘‘ชานามหํ มม ปุตฺตสฺส อมรณภาว’’นฺติ วทติ. มหาสตฺตสฺส ฉพฺพสฺสานิ ทุกฺกรการิกํ กโรนฺตสฺเสว อากาเส คณฺิกรณกาโล วิย อโหสิ. โส ‘‘อยํ ทุกฺกรการิกา นาม โพธาย มคฺโค น โหตี’’ติ โอฬาริกํ อาหารํ อาหาเรตุํ คามนิคเมสุ ปิณฺฑาย จริตฺวา อาหารํ อาหริ. อถสฺส ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานิ ปากติกานิ อเหสุํ, กาโยปิ สุวณฺณวณฺโณ อโหสิ. ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู ‘‘อยํ ฉพฺพสฺสานิ ทุกฺกรการิกํ กโรนฺโตปิ สพฺพฺุตํ ปฏิวิชฺฌิตุํ นาสกฺขิ, อิทานิ คามนิคมาทีสุ ปิณฺฑาย จริตฺวา โอฬาริกํ อาหารํ อาหรมาโน กึ สกฺขิสฺสติ, พาหุลิโก เอส ปธานวิพฺภนฺโต, สีสํ นฺหายิตุกามสฺส อุสฺสาวพินฺทุตกฺกนํ วิย อมฺหากํ เอตสฺส สนฺติกา วิเสสตกฺกนํ, กึ โน อิมินา’’ติ มหาปุริสํ ปหาย อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา อฏฺารสโยชนมคฺคํ คนฺตฺวา อิสิปตนํ ปวิสึสุ.

เตน โข ปน สมเยน อุรุเวลายํ เสนานิคเม เสนานิกุฏุมฺพิกสฺส เคเห นิพฺพตฺตา สุชาตา นาม ทาริกา วยปฺปตฺตา เอกสฺมึ นิคฺโรธรุกฺเข ปตฺถนํ อกาสิ – ‘‘สจาหํ สมชาติกํ กุลฆรํ คนฺตฺวา ปมคพฺเภ ปุตฺตํ ลภิสฺสามิ, อนุสํวจฺฉรํ เต สตสหสฺสปริจฺจาเคน พลิกมฺมํ กริสฺสามี’’ติ. ตสฺสา สา ปตฺถนา สมิชฺฌิ. สา มหาสตฺตสฺส ทุกฺกรการิกํ กโรนฺตสฺส ฉฏฺเ วสฺเส ปริปุณฺเณ วิสาขาปุณฺณมายํ พลิกมฺมํ กาตุกามา หุตฺวา ปุเรตรํเยว เธนุสหสฺสํ ลฏฺิมธุกวเน จราเปตฺวา, ตาสํ ขีรํ ปฺจ เธนุสตานิ ปาเยตฺวา, ตาสํ ขีรํ อฑฺฒติยานิ จ สตานีติ เอวํ ยาว โสฬสนฺนํ เธนูนํ ขีรํ อฏฺ เธนุโย ปิวนฺติ, ตาว ขีรสฺส พหลตฺจ มธุรตฺจ โอชวนฺตตฺจ ปตฺถยมานา ขีรปริวตฺตนํ นาม อกาสิ. สา วิสาขาปุณฺณมทิวเส ‘‘ปาโตว พลิกมฺมํ กริสฺสามี’’ติ รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฏฺาย ตา อฏฺ เธนุโย ทุหาเปสิ. วจฺฉกา เธนูนํ ถนมูลํ น อาคมํสุ, ถนมูเล ปน นวภาชเนสุ อุปนีตมตฺเตสุ อตฺตโน ธมฺมตาย ขีรธารา ปคฺฆรึสุ. ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา สุชาตา สหตฺเถเนว ขีรํ คเหตฺวา นวภาชเน ปกฺขิปิตฺวา สหตฺเถเนว อคฺคึ กตฺวา ปจิตุํ อารภิ.

ตสฺมึ ปายาเส ปจฺจมาเน มหนฺตา มหนฺตา ปุพฺพุฬา อุฏฺหิตฺวา ทกฺขิณาวฏฺฏา หุตฺวา สฺจรนฺติ. เอกผุสิตมฺปิ พหิ น อุปฺปตติ, อุทฺธนโต อปฺปมตฺตโกปิ ธูโม น อุฏฺหติ. ตสฺมึ สมเย จตฺตาโร โลกปาลา อาคนฺตฺวา อุทฺธเน อารกฺขํ คณฺหึสุ, มหาพฺรหฺมา ฉตฺตํ ธาเรสิ, สกฺโก อลาตานิ สมาเนนฺโต อคฺคึ ชาเลสิ. เทวตา ทฺวิสหสฺสทีปปริวาเรสุ จตูสุ มหาทีเปสุ เทวมนุสฺสานํ อุปกปฺปนโอชํ อตฺตโน เทวานุภาเวน ทณฺฑกพทฺธํ มธุปฏลํ ปีเฬตฺวา มธุํ คณฺหมานา วิย สํหริตฺวา ตตฺถ ปกฺขิปึสุ . อฺเสุ หิ กาเลสุ เทวตา กพเฬ กพเฬ โอชํ ปกฺขิปึสุ, สมฺโพธิปฺปตฺตทิวเส จ ปรินิพฺพานทิวเส จ อุกฺขลิยํเยว ปกฺขิปึสุ . สุชาตา เอกทิวเสเยว ตตฺถ อตฺตโน ปากฏานิ อเนกานิ อจฺฉริยานิ ทิสฺวา ปุณฺณํ นาม ทาสึ อามนฺเตสิ – ‘‘อมฺม ปุณฺเณ, อชฺช อมฺหากํ เทวตา อติวิย ปสนฺนา, มยา หิ เอตฺตเก กาเล เอวรูปํ อจฺฉริยํ นาม น ทิฏฺปุพฺพํ, เวเคน คนฺตฺวา เทวฏฺานํ ปฏิชคฺคาหี’’ติ. สา ‘‘สาธุ, อยฺเย’’ติ ตสฺสา วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตุริตตุริตา รุกฺขมูลํ อคมาสิ.

โพธิสตฺโตปิ โข ตสฺมึ รตฺติภาเค ปฺจ มหาสุปิเน (อ. นิ. ๕.๑๙๖) ทิสฺวา ปริคฺคณฺหนฺโต ‘‘นิสฺสํสยํ อชฺชาหํ พุทฺโธ ภวิสฺสามี’’ติ กตสนฺนิฏฺาโน ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน กตสรีรปฏิชคฺคโน ภิกฺขาจารกาลํ อาคมยมาโน ปาโตว อาคนฺตฺวา ตสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทิ, อตฺตโน ปภาย สกลํ รุกฺขมูลํ โอภาสยมาโน. อถ โข สา ปุณฺณา อาคนฺตฺวา อทฺทส โพธิสตฺตํ รุกฺขมูเล ปาจีนโลกธาตุํ โอโลกยมานํ นิสินฺนํ, สรีรโต จสฺส นิกฺขนฺตาหิ ปภาหิ สกลรุกฺขํ สุวณฺณวณฺณํ. ทิสฺวานสฺสา เอตทโหสิ – ‘‘อชฺช อมฺหากํ เทวตา รุกฺขโต โอรุยฺห สหตฺเถเนว พลิกมฺมํ สมฺปฏิจฺฉิตุํ นิสินฺนา มฺเ’’ติ อุพฺเพคปฺปตฺตา หุตฺวา เวเคน อาคนฺตฺวา สุชาตาย เอตมตฺถํ อาโรเจสิ.

สุชาตา ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ตุฏฺมานสา หุตฺวา ‘‘อชฺช ทานิ ปฏฺาย มม เชฏฺธีตุฏฺาเน ติฏฺาหี’’ติ ธีตุ อนุจฺฉวิกํ สพฺพาลงฺการํ อทาสิ. ยสฺมา ปน พุทฺธภาวํ ปาปุณนทิวเส สตสหสฺสคฺฆนิกา เอกา สุวณฺณปาติ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, ตสฺมา สา ‘‘สุวณฺณปาติยํ ปายาสํ ปกฺขิปิสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา สตสหสฺสคฺฆนิกํ สุวณฺณปาตึ นีหราเปตฺวา ตตฺถ ปายาสํ ปกฺขิปิตุกามา ปกฺกภาชนํ อาวชฺเชสิ. สพฺโพ ปายาโส ปทุมปตฺตโต อุทกํ วิย วตฺติตฺวา ปาติยํ ปติฏฺาสิ, เอกปาติปูรมตฺโตว อโหสิ. สา ตํ ปาตึ อฺาย ปาติยา ปฏิกุชฺชิตฺวา โอทาตวตฺเถน เวเตฺวา สยํ สพฺพาลงฺกาเรหิ อตฺตภาวํ อลงฺกริตฺวา ตํ ปาตึ อตฺตโน สีเส เปตฺวา มหนฺเตน อานุภาเวน นิคฺโรธรุกฺขมูลํ คนฺตฺวา โพธิสตฺตํ ทิสฺวา พลวโสมนสฺสชาตา ‘‘รุกฺขเทวตา’’ติ สฺาย ทิฏฺฏฺานโต ปฏฺาย โอนโตนตา คนฺตฺวา สีสโต ปาตึ โอตาเรตฺวา วิวริตฺวา สุวณฺณภิงฺคาเรน คนฺธปุปฺผวาสิตํ อุทกํ คเหตฺวา โพธิสตฺตํ อุปคนฺตฺวา อฏฺาสิ. ฆฏิการมหาพฺรหฺมุนา ทินฺโน มตฺติกาปตฺโต เอตฺตกํ กาลํ โพธิสตฺตํ อวิชหิตฺวา ตสฺมึ ขเณ อทสฺสนํ คโต, โพธิสตฺโต ปตฺตํ อปสฺสนฺโต ทกฺขิณหตฺถํ ปสาเรตฺวา อุทกํ สมฺปฏิจฺฉิ . สุชาตา สเหว ปาติยา ปายาสํ มหาปุริสสฺส หตฺเถ เปสิ, มหาปุริโส สุชาตํ โอโลเกสิ. สา อาการํ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘อยฺย, มยา ตุมฺหากํ ปริจฺจตฺตา, ตํ คณฺหิตฺวา ยถารุจิ กโรถา’’ติ วนฺทิตฺวา ‘‘ยถา มยฺหํ มโนรโถ นิปฺผนฺโน, เอวํ ตุมฺหากมฺปิ นิปฺผชฺชตู’’ติ วตฺวา สตสหสฺสคฺฆนิกมฺปิ สุวณฺณปาตึ ปุราณกปณฺณํ วิย ปริจฺจชิตฺวา อนเปกฺขาว ปกฺกามิ.

โพธิสตฺโตปิ โข นิสินฺนฏฺานา วุฏฺาย รุกฺขํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ปาตึ อาทาย เนรฺชราย ตีรํ คนฺตฺวา อเนเกสํ โพธิสตฺตสตสหสฺสานํ อภิสมฺพุชฺฌนทิวเส โอตริตฺวา นฺหานฏฺานํ สุปติฏฺิตํ นาม อตฺถิ, ตสฺสา ตีเร ปาตึ เปตฺวา สุปติฏฺิตติตฺเถ โอตริตฺวา นฺหตฺวา อเนกพุทฺธสตสหสฺสานํ นิวาสนํ อรหทฺธชํ นิวาเสตฺวา ปุรตฺถาภิมุโข นิสีทิตฺวา เอกฏฺิตาลปกฺกปฺปมาเณ เอกูนปณฺณาสปิณฺเฑ กตฺวา สพฺพํ อปฺโปทกมธุปายาสํ ปริภุฺชิ. โสเยวสฺส พุทฺธภูตส สตฺตสตฺตาหํ โพธิมณฺเฑ วสนฺตสฺส เอกูนปณฺณาสทิวสานิ อาหาโร อโหสิ. เอตฺตกํ กาลํ อฺโ อาหาโร นตฺถิ, น นฺหานํ, น มุขโธวนํ, น สรีรวฬฺโช, ฌานสุเขน ผลสมาปตฺติสุเขน จ วีตินาเมสิ. ตํ ปน ปายาสํ ภุฺชิตฺวา สุวณฺณปาตึ คเหตฺวา ‘‘สจาหํ อชฺช พุทฺโธ ภวิสฺสามิ, อยํ ปาติ ปฏิโสตํ คจฺฉตุ, โน เจ ภวิสฺสามิ, อนุโสตํ คจฺฉตู’’ติ วตฺวา นทีโสเต ปกฺขิปิ. สา โสตํ ฉินฺทมานา นทีมชฺฌํ คนฺตฺวา มชฺฌฏฺาเนเนว ชวสมฺปนฺโน อสฺโส วิย อสีติหตฺถมตฺตฏฺานํ ปฏิโสตํ คนฺตฺวา เอกสฺมึ อาวฏฺเฏ นิมุชฺชิตฺวา กาฬนาคราชภวนํ คนฺตฺวา ติณฺณํ พุทฺธานํ ปริโภคปาติโย ‘‘กิลิ กิลี’’ติ รวํ การยมานา ปหริตฺวา ตาสํ สพฺพเหฏฺิมา หุตฺวา อฏฺาสิ. กาโฬ นาคราชา ต สทฺทํ สุตฺวา ‘‘หิยฺโย เอโก พุทฺโธ นิพฺพตฺติ, ปุน อชฺช เอโก นิพฺพตฺโต’’ติ วตฺวา อเนเกหิ ปทสเตหิ ถุติโย วทมาโน อุฏฺาสิ. ตสฺส กิร มหาปถวิยา เอกโยชนติคาวุตปฺปมาณํ นภํ ปูเรตฺวา อาโรหนกาโล อชฺช วา หิยฺโย วา สทิโส อโหสิ.

โพธิสตฺโตปิ นทีตีรมฺหิ สุปุปฺผิตสาลวเน ทิวาวิหารํ กตฺวา สายนฺหสมยํ ปุปฺผานํ วณฺฏโต มุจฺจนกาเล เทวตาหิ อลงฺกเตน อฏฺูสภวิตฺถาเรน มคฺเคน สีโห วิย วิชมฺภมาโน โพธิรุกฺขาภิมุโข ปายาสิ. นาคยกฺขสุปณฺณาทโย ทิพฺเพหิ คนฺธปุปฺผาทีหิ ปูชยึสุ, ทิพฺพสํคีตาทีนิ ปวตฺตยึสุ, ทสสหสฺสี โลกธาตุ เอกคนฺธา เอกมาลา เอกสาธุการา อโหสิ. ตสฺมึ สมเย โสตฺถิโย นาม ติณหารโก ติณํ อาทาย ปฏิปเถ อาคจฺฉนฺโต มหาปุริสสฺส อาการํ ตฺวา อฏฺ ติณมุฏฺิโย อทาสิ. โพธิสตฺโต ติณํ คเหตฺวา โพธิมณฺฑํ อารุยฺห ทกฺขิณทิสาภาเค อุตฺตราภิมุโข อฏฺาสิ. ตสฺมึ ขเณ ทกฺขิณจกฺกวาฬํ โอสีทิตฺวา เหฏฺา อวีจิสมฺปตฺตํ วิย อโหสิ. อุตฺตรจกฺกวาฬํ อุลฺลงฺฆิตฺวา อุปริ ภวคฺคปฺปตฺตํ วิย อโหสิ. โพธิสตฺโต ‘‘อิทํ สมฺโพธิปาปุณนฏฺานํ น ภวิสฺสติ มฺเ’’ติ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต ปจฺฉิมทิสาภาคํ คนฺตฺวา ปุรตฺถิมาภิมุโข อฏฺาสิ, ตโต ปจฺฉิมจกฺกวาฬํ โอสีทิตฺวา เหฏฺา อวีจิสมฺปตฺตํ วิย อโหสิ, ปุรตฺถิมจกฺกวาฬํ อุลฺลงฺฆิตฺวา อุปริ ภวคฺคปฺปตฺตํ วิย อโหสิ. ิตฏฺิตฏฺาเน กิรสฺส เนมิวฏฺฏิปริยนฺเต อกฺกนฺตํ นาภิยา ปติฏฺิตมหาสกฏจกฺกํ วิย มหาปถวี โอนตุนฺนตา อโหสิ. โพธิสตฺโต ‘‘อิทมฺปิ สมฺโพธิปาปุณนฏฺานํ น ภวิสฺสติ มฺเ’’ติ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต อุตฺตรทิสาภาคํ คนฺตฺวา ทกฺขิณาภิมุโข อฏฺาสิ. ตโต อุตฺตรจกฺกวาฬํ โอสีทิตฺวา เหฏฺา อวีจิสมฺปตฺตํ วิย อโหสิ, ทกฺขิณจกฺกวาฬํ อุลฺลงฺฆิตฺวา อุปริ ภวคฺคปฺปตฺตํ วิย อโหสิ. โพธิสตฺโต ‘‘อิทมฺปิ สมฺโพธิปาปุณนฏฺานํ น ภวิสฺสติ มฺเ’’ติ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต ปุรตฺถิมทิสาภาคํ คนฺตฺวา ปจฺฉิมาภิมุโข อฏฺาสิ. ปุรตฺถิมทิสาภาเค ปน สพฺพพุทฺธานํ ปลฺลงฺกฏฺานํ อโหสิ, ตํ เนว ฉมฺภติ, น กมฺปติ. โพธิสตฺโต ‘‘อิทํ สพฺพพุทฺธานํ อวิชหิตํ อจลฏฺานํ กิเลสปฺชรวิทฺธํสนฏฺาน’’นฺติ ตฺวา ตานิ ติณานิ อคฺเค คเหตฺวา จาเลสิ, ตาวเทว จุทฺทสหตฺโถ ปลฺลงฺโก อโหสิ. ตานิปิ โข ติณานิ ตถารูเปน สณฺาเนน สณฺหึสุ, ยถารูปํ สุกุสโล จิตฺตกาโร วา โปตฺถกาโร วา อาลิขิตุมฺปิ สมตฺโถ นตฺถิ. โพธิสตฺโต โพธิกฺขนฺธํ ปิฏฺิโต กตฺวา ปุรตฺถาภิมุโข ทฬฺหมานโส หุตฺวา –

‘‘กามํ ตโจ จ นฺหารุ จ, อฏฺิ จ อวสิสฺสตุ;

อุปสุสฺสตุ นิสฺเสสํ, สรีเร มํสโลหิตํ. (อ. นิ. ๒.๕; ม. นิ. ๒.๑๘๔) –

‘น ตฺเววาหํ สมฺมาสมฺโพธึ อปฺปตฺวา อิมํ ปลฺลงฺกํ ภินฺทิสฺสามี’’’ติ อสนิสตสนฺนิปาเตนปิ อเภชฺชรูปํ อปราชิตปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทิ.

ตสฺมึ สมเย มาโร ปาปิมา – ‘‘สิทฺธตฺถกุมาโร มยฺหํ วสํ อติกฺกมิตุกาโม, น ทานิสฺส อติกฺกมิตุํ ทสฺสามี’’ติ มารพลสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา เอตมตฺถํ อาโรเจตฺวา มารโฆสนํ นาม โฆสาเปตฺวา มารพลํ อาทาย นิกฺขมิ. สา มารเสนา มารสฺส ปุรโต ทฺวาทสโยชนา โหติ, ทกฺขิณโต จ วามโต จ ทฺวาทสโยชนา, ปจฺฉโต จกฺกวาฬปริยนฺตํ กตฺวา ิตา, อุทฺธํ นวโยชนุพฺเพธา โหติ, ยสฺสา อุนฺนทนฺติยา อุนฺนาทสทฺโท โยชนสหสฺสโต ปฏฺาย ปถวิอุนฺทฺริยนสทฺโทวิย สูยติ. อถ มาโร เทวปุตฺโต ทิยฑฺฒโยชนสติกํ คิริเมขลํ นาม หตฺถึ อภิรุหิตฺวา พาหุสหสฺสํ มาเปตฺวา นานาวุธานิ อคฺคเหสิ. อวเสสายปิ มารปริสาย ทฺเว ชนา เอกสทิสา เอกสทิสํ อาวุธํ คณฺหนฺตา นาเหสุํ. นานาวณฺณา นานปฺปการมุขา หุตฺวา นานาวุธานิ คณฺหนฺตา โพธิสตฺตํ อชฺโฌตฺถรมานา อาคมํสุ.

ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา ปน มหาสตฺตสฺส ถุติโย วทมานา อฏฺํสุ. สกฺโก เทวราชา วิชยุตฺตรสงฺขํ ธมมาโน อฏฺาสิ. โส กิร สงฺโข วีสหตฺถสติโก โหติ, สกึ วาตํ คาหาเปตฺวา ธมิยมาโน จตฺตาโร มาเส สทฺทํ กริตฺวา นิสฺสทฺโท โหติ. มหากาฬนาคราชา อติเรกปทสเตน วณฺณํ วณฺเณนฺโตว อฏฺาสิ, มหาพฺรหฺมา เสตจฺฉตฺตํ ธารยมาโน อฏฺาสิ. มารพเล ปน โพธิมณฺฑํ อุปสงฺกมนฺเต เตสํ เอโกปิ าตุํ นาสกฺขิ, สมฺมุขสมฺมุขฏฺาเนเนว ปลายึสุ. กาโฬ นาม นาคราชาปิ ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา ปฺจโยชนสติกํ มฺเชริกนาคภวนํ คนฺตฺวา อุโภหิ หตฺเถหิ มุขํ ปิทหิตฺวา นิปนฺโน. สกฺโก เทวราชาปิ วิชยุตฺตรสงฺขํ ปิฏฺิยํ กตฺวา จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อฏฺาสิ, มหาพฺรหฺมา เสตจฺฉตฺตํ โกฏิยํ คเหตฺวา พฺรหฺมโลกเมว อคมาสิ. เอกเทวตาปิ าตุํ สมตฺถา นาม นาโหสิ. มหาปุริโส ปน เอกโกว นิสีทิ.

มาโรปิ อตฺตโน ปริสํ อาห – ‘‘ตาตา, สุทฺโธทนปุตฺเตน สิทฺธตฺเถน สทิโส อฺโ ปุริโส นาม นตฺถิ, มยํ สมฺมุขา ยุทฺธํ ทาตุํ น สกฺขิสฺสาม, ปจฺฉาภาเคน ทสฺสามา’’ติ. มหาปุริโสปิ ตีณิ ปสฺสานิ โอโลเกตฺวา สพฺพเทวตานํ ปลาตตฺตา สุฺานิ อทฺทส. ปุน อุตฺตรปสฺเสน มารพลํ อชฺโฌตฺถรมานํ ทิสฺวา ‘‘อยํ เอตฺตโก ชโน มํ เอกกํ สนฺธาย มหนฺตํ วายามํ กโรติ, อิมสฺมึ าเน มยฺหํ มาตา วา ปิตา วา ภาตา วา อฺโ วา โกจิ าตโก นตฺถิ, อิมา ปน ทส ปารมิโยว มยฺหํ ทีฆรตฺตํ ปุฏฺปริชนสทิสา. ตสฺมา มยา ปารมิโยว พลคฺคํ กตฺวา ปารมิสตฺเถเนว ปหริตฺวา อิมํ พลกายํ วิทฺธํเสตุํ วฏฺฏตี’’ติ ทส ปารมิโย อาวชฺชมาโน นิสีทิ.

อถ โข มาโร เทวปุตฺโต – ‘‘วาเตเนว สิทฺธตฺถํ ปลาเปสฺสามี’’ติ วาตมณฺฑลํ สมุฏฺาเปสิ. ตงฺขณฺเว ปุรตฺถิมาทิเภทาวาตา สมุฏฺหิตฺวา อทฺธโยชนโยชนทฺวิโยชนติโยชนปฺปมาณานิ ปพฺพตกูฏานิ ปทาเลตฺวา วนคจฺฉรุกฺขาทีนิ อุทฺธํมูลานิ กตฺวา สมนฺตา คามนิคเม จุณฺณวิจุณฺเณ กาตุํ สมตฺถาปิ มหาปุริสสฺส ปุฺเตเชน วิหตานุภาวา โพธิสตฺตํ ปตฺวา โพธิสตฺตสฺส จีวรกณฺณมตฺตมฺปิ จาเลตุํ นาสกฺขึสุ. ตโต – ‘‘อุทเกน นํ อชฺโฌตฺถริตฺวา มาเรสฺสามี’’ติ มหาวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. ตสฺสานุภาเวน อุปรูปริ สตปฏลสหสฺสปฏลาทิเภทา วลาหกา อุฏฺหิตฺวา วสฺสึสุ. วุฏฺิธาราเวเคน ปถวี ฉิทฺทาวฉิทฺทา อโหสิ . วนรุกฺขาทีนํ อุปริภาเคน มหาเมโฆ อาคนฺตฺวา มหาสตฺตสฺส จีวเร อุสฺสาวพินฺทุคหณมตฺตมฺปิ เตเมตุํ นาสกฺขิ. ตโต ปาสาณวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. มหนฺตานิ มหนฺตานิ ปพฺพตกูฏานิ ธูมายนฺตานิ ปชฺชลนฺตานิ อากาเสนาคนฺตฺวา โพธิสตฺตํ ปตฺวา ทิพฺพมาลาคุฬภาวํ อาปชฺชึสุ. ตโต ปหรณวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. เอกโตธารา อุภโตธารา อสิสตฺติขุรปฺปาทโย ธูมายนฺตา ปชฺชลนฺตา อากาเสนาคนฺตฺวา โพธิสตฺตํ ปตฺวา ทิพฺพปุปฺผานิ อเหสุํ. ตโต องฺคารวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. กึสุกวณฺณา องฺคารา อากาเสนาคนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส ปาทมูเล ทิพฺพปุปฺผานิ หุตฺวา วิกิรึสุ. ตโต กุกฺกุฬวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. อจฺจุณฺโห อคฺคิวณฺโณ กุกฺกุโฬ อากาเสนาคนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส ปาทมูเล จนฺทนจุณฺณํ หุตฺวา นิปตติ. ตโต วาลุกาวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. อติสุขุมา วาลุกา ธูมายนฺตา ปชฺชลนฺตา อากาเสนาคนฺตฺวา มหาสตฺตสฺส ปาทมูเล ทิพฺพปุปฺผานิ หุตฺวา นิปตึสุ. ตโต กลลวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ, ตํ กลลํ ธูมายนฺตํ ปชฺชลนฺตํ อากาเสนาคนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส ปาทมูเล ทิพฺพวิเลปนํ หุตฺวา นิปตติ. ตโต ‘‘อิมินา ภึเสตฺวา สิทฺธตฺถํ ปลาเปสฺสามี’’ติ อนฺธการํ สมุฏฺาเปสิ. ตํ จตุรงฺคสมนฺนาคตํ อนฺธการํ วิย มหาตมํ หุตฺวา โพธิสตฺตํ ปตฺวา สูริยปฺปภาวิหตํ วิย อนฺธการํ อนฺตรธายิ.

เอวํ โส มาโร อิมาหิ นวหิ วาตวสฺสปาสาณปหรณองฺคารกุกฺกุฬวาลุกากลลนฺธการวุฏฺีหิ โพธิสตฺตํ ปลาเปตุํ อสกฺโกนฺโต – ‘‘กึ, ภเณ, ติฏฺถ, อิมํ สิทฺธตฺถกุมารํ คณฺหถ หนถ ปลาเปถา’’ติ อตฺตโน ปริสํ อาณาเปตฺวา สยมฺปิ คิริเมขลสฺส หตฺถิโน ขนฺเธ นิสินฺโน จกฺกาวุธํ อาทาย โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘สิทฺธตฺถ, อุฏฺเหิ เอตสฺมา ปลฺลงฺกา, นายํ ตุยฺหํ ปาปุณาติ, มยฺหํ เอส ปาปุณาตี’’ติ อาห. มหาสตฺโต ตสฺส วจนํ สุตฺวา อโวจ – ‘‘มาร, เนว ตยา ทส ปารมิโย ปูริตา, น อุปปารมิโย, น ปรมตฺถปารมิโย, นาปิ ปฺจ มหาปริจฺจาคา ปริจฺจตฺตา, น าตตฺถจริยา, น โลกตฺถจริยา, น พุทฺธตฺถจริยา ปูริตา, สพฺพา ตา มยาเยว ปูริตา, ตสฺมา นายํ ปลฺลงฺโก ตุยฺหํ ปาปุณาติ, มยฺเหเวโส ปาปุณาตี’’ติ.

มาโร กุทฺโธ โกธเวคํ อสหนฺโต มหาปุริสสฺส จกฺกาวุธํ วิสฺสชฺเชสิ. ตํ ตสฺส ทส ปารมิโย อาวชฺเชนฺตสฺเสว อุปริภาเค มาลาวิตานํ หุตฺวา อฏฺาสิ. ตํ กิร ขุรธารํ จกฺกาวุธํ อฺทา กุทฺเธน วิสฺสฏฺํ เอกคฺฆนปาสาณตฺถมฺเภ วํสกฬีเร วิย ฉินฺทนฺตํ คจฺฉติ. อิทานิ ปน ตสฺมึ มาลาวิตานํ หุตฺวา ิเต อวเสสา มารปริสา ‘‘อิทานิ สิทฺธตฺโถ ปลฺลงฺกโต วุฏฺาย ปลายิสฺสตี’’ติ มหนฺตมหนฺตานิ เสลกูฏานิ วิสฺสชฺเชสุํ, ตานิปิ มหาปุริสสฺส ทส ปารมิโย อาวชฺเชนฺตสฺส มาลาคุฬภาวํ อาปชฺชิตฺวา ภูมิยํ ปตึสุ. เทวตา จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ ิตา คีวํ ปสาเรตฺวา สีสํ อุกฺขิปิตฺวา ‘‘นฏฺโ วต, โภ, สิทฺธตฺถกุมารสฺส รูปคฺคปฺปตฺโต อตฺตภาโว, กึ นุ โข โส กริสฺสตี’’ติ โอโลเกนฺติ.

ตโต โพธิสตฺโต ‘‘ปูริตปารมีนํ โพธิสตฺตานํ สมฺพุชฺฌนทิวเส ปตฺตปลฺลงฺโก มยฺหํ ปาปุณาตี’’ติ วตฺวา ิตํ มารํ อาห – ‘‘มาร, ตุยฺหํ ทานสฺส ทินฺนภาเว โก สกฺขี’’ติ. มาโร ‘‘อิเม เอตฺตกาว ชนา สกฺขิโน’’ติ มารพลาภิมุขํ หตฺถํ ปสาเรสิ. ตสฺมึ ขเณ มารปริสาย ‘‘อหํ สกฺขิ, อหํ สกฺขี’’ติ ปวตฺตสทฺโท ปถวิอุนฺทฺริยนสทฺทสทิโส อโหสิ. อถ มาโร มหาปุริสํ อาห – ‘‘สิทฺธตฺถ, ตุยฺหํ ทานสฺส ทินฺนภาเว โก สกฺขี’’ติ. มหาปุริโส ‘‘ตุยฺหํ ตาว ทานสฺส ทินฺนภาเว สเจตนา สกฺขิโน, มยฺหํ ปน อิมสฺมึ าเน สเจตโน โกจิ สกฺขิ นาม นตฺถิ, ติฏฺตุ ตาว เม อวเสสอตฺตภาเวสุ ทินฺนทานํ, เวสฺสนฺตรตฺตภาเว ปน ตฺวา มยฺหํ สตฺตสตกมหาทานสฺส ตาว ทินฺนภาเว อเจตนาปิ อยํ ฆนมหาปถวี สกฺขี’’ติ จีวรคพฺภนฺตรโต ทกฺขิณหตฺถํ อภินีหริตฺวา ‘‘เวสฺสนฺตรตฺตภาเว ตฺวา มยฺหํ สตฺตสตกมหาทานสฺส ทินฺนภาเว ตฺวํ สกฺขิ, น สกฺขี’’ติ มหาปถวิยาภิมุขํ หตฺถํ ปสาเรสิ. มหาปถวี ‘‘อหํ เต ตทา สกฺขี’’ติ วิรวสเตน วิรวสหสฺเสน วิรวสตสหสฺเสน มารพลํ อวตฺถรมานา วิย อุนฺนทิ.

ตโต มหาปุริเส ‘‘ทินฺนํ เต, สิทฺธตฺถ, มหาทานํ อุตฺตมทาน’’นฺติ เวสฺสนฺตรทานํ สมฺมสนฺเต ทิยฑฺฒโยชนสติโก คิริเมขลหตฺถี ชณฺณุเกหิ ปถวิยํ ปติฏฺาสิ, มารปริสา ทิสาวิทิสา ปลายึสุ, ทฺเว เอกมคฺเคน คตา นาม นตฺถิ, สีสาภรณานิ เจว นิวตฺถวสนานิ จ ฉฑฺเฑตฺวา สมฺมุขสมฺมุขทิสาหิเยว ปลายึสุ. ตโต เทวสงฺฆา ปลายมานํ มารพลํ ทิสฺวา ‘‘มารสฺส ปราชโย ชาโต, สิทฺธตฺถกุมารสฺส ชโย ชาโต, ชยปูชํ กริสฺสามา’’ติ เทวตา เทวตานํ, นาคา นาคานํ, สุปณฺณา สุปณฺณานํ, พฺรหฺมาโน พฺรหฺมานํ โฆเสตฺวา คนฺธมาลาทิหตฺถา มหาปุริสสฺส สนฺติกํ โพธิปลฺลงฺกํ อาคมํสุ.

เอวํ คเตสุ ปน เตสุ –

‘‘ชโย หิ พุทฺธสฺส สิรีมโต อยํ, มารสฺส จ ปาปิมโต ปราชโย;

อุคฺโฆสยุํ โพธิมณฺเฑ ปโมทิตา, ชยํ ตทา เทวคณา มเหสิโน.

‘‘ชโย หิ พุทฺธสฺส สิรีมโต อยํ, มารสฺส จ ปาปิมโต ปราชโย;

อุคฺโฆสยุํ โพธิมณฺเฑ ปโมทิตา, ชยํ ตทา นาคคณา มเหสิโน.

‘‘ชโย หิ พุทฺธสฺส สิรีมโต อยํ, มารสฺส จ ปาปิมโต ปราชโย;

อุคฺโฆสยุํ โพธิมณฺเฑ ปโมทิตา, ชยํ ตทา สุปณฺณสงฺฆาปิ มเหสิโน.

‘‘ชโย หิ พุทฺธสฺส สิรีมโต อยํ, มารสฺส จ ปาปิมโต ปราชโย;

อุคฺโฆสยุํ โพธิมณฺเฑ ปโมทิตา, ชยํ ตทา พฺรหฺมคณา มเหสิโน’’ติ. –

อวเสสา ทสสุ จกฺกวาฬสหสฺเสสุ เทวตา มาลาคนฺธวิเลปเนหิ ปูชยมานา นานปฺปการา จ ถุติโย วทมานา อฏฺํสุ. เอวํ ธรมาเนเยว สูริเย มหาปุริโส มารพลํ วิธมิตฺวา จีวรูปริ ปตมาเนหิ โพธิรุกฺขงฺกุเรหิ รตฺตปวาฬทเลหิ วิย ปูชิยมาโน ปมยาเม ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสริตฺวา มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธตฺวา ปจฺฉิมยาเม ปฏิจฺจสมุปฺปาเท าณํ โอตาเรสิ. อถสฺส ทฺวาทสปทิกํ ปจฺจยาการํ วฏฺฏวิวฏฺฏวเสน อนุโลมปฏิโลมโต สมฺมสนฺตสฺส ทสสหสฺสี โลกธาตุ อุทกปริยนฺตํ กตฺวา ทฺวาทสกฺขตฺตุํ สงฺกมฺปิ.

มหาปุริเส ปน ทสสหสฺสิโลกธาตุํ อุนฺนาเทตฺวา อรุณุคฺคมนเวลาย สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิชฺฌนฺเต สกลา ทสสหสฺสี โลกธาตุ อลงฺกตปฏิยตฺตา อโหสิ. ปาจีนจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อุสฺสาปิตานํ ธชานํ ปฏากา ปจฺฉิมจกฺกวาฬมุขวฏฺฏึ ปหรนฺติ, ตถา ปจฺฉิมจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อุสฺสาปิตานํ ธชานํ ปฏากา ปาจีนจกฺกวาฬมุขวฏฺฏึ ปหรนฺติ, ทกฺขิณจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อุสฺสาปิตานํ ธชานํ ปฏากา อุตฺตรจกฺกวาฬมุขวฏฺฏึ ปหรนฺติ, อุตฺตรจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อุสฺสาปิตานํ ธชานํ ปฏากา ทกฺขิณจกฺกวาฬมุขวฏฺฏึ ปหรนฺติ, ปถวิตเล อุสฺสาปิตานํ ธชานํ ปฏากา พฺรหฺมโลกํ อาหจฺจ อฏฺํสุ, พฺรหฺมโลเก พทฺธานํ ธชานํ ปฏากา ปถวิตเล ปติฏฺหึสุ, ทสสหสฺเสสุ จกฺกวาเฬสุ ปุปฺผูปคา รุกฺขา ปุปฺผํ คณฺหึสุ, ผลูปคา รุกฺขา ผลปิณฺฑิภารสหิตา อเหสุํ. ขนฺเธสุ ขนฺธปทุมานิ ปุปฺผึสุ, สาขาสุ สาขาปทุมานิ, ลตาสุ ลตาปทุมานิ, อากาเส โอลมฺพกปทุมานิ, ฆนสิลาตลานิ ภินฺทิตฺวา อุปรูปริ สตปตฺตานิ หุตฺวา ทณฺฑกปทุมานิ อุฏฺหึสุ. ทสสหสฺสี โลกธาตุ วฏฺเฏตฺวา วิสฺสฏฺมาลาคุฬา วิย สุสนฺถตปุปฺผสนฺถาโร วิย จ ปุปฺผาภิกิณฺณา อโหสิ. จกฺกวาฬนฺตเรสุ อฏฺโยชนสหสฺสา โลกนฺตริกนิรยา สตฺตสูริยปฺปภาหิปิอโนภาสิตปุพฺพา ตทา เอโกภาสา อเหสุํ. จตุราสีติโยชนสหสฺสคมฺภีโร มหาสมุทฺโท มธุโรทโก อโหสิ, นทิโย น ปวตฺตึสุ, ชจฺจนฺธา รูปานิ ปสฺสึสุ, ชาติพธิรา สทฺทํ สุณึสุ, ชาติปีสปฺปิโน ปทสา คจฺฉึสุ, อนฺทุพนฺธนาทีนิ ฉิชฺชิตฺวา ปตึสุ.

เอวํ อปริมาเณน สิริวิภเวน ปูชิยมาโน มหาปุริโส อเนกปฺปกาเรสุ อจฺฉริยธมฺเมสุ ปาตุภูเตสุ สพฺพฺุตํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา สพฺพพุทฺเธหิ อวิชหิตํ อุทานํ อุทาเนสิ –

‘‘อเนกชาติสํสารํ, สนฺธาวิสฺสํ อนิพฺพิสํ;

คหการํ คเวสนฺโต, ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนํ.

‘‘คหการก ทิฏฺโสิ, ปุน เคหํ น กาหสิ;

สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคา, คหกูฏํ วิสงฺขตํ;

วิสงฺขารคตํ จิตฺตํ, ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ. (ธ. ป. ๑๕๓-๑๕๔);

อิติ ตุสิตภวนโต ปฏฺาย ยาว อยํ โพธิมณฺเฑ สพฺพฺุตปฺปตฺติ, เอตฺตกํ านํ อวิทูเรนิทานํ นามาติ เวทิตพฺพํ.

อวิทูเรนิทานกถา นิฏฺิตา.

๓. สนฺติเกนิทานกถา

‘‘สนฺติเกนิทานํ ปน ‘เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม’. ‘เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลาย’นฺติ จ เอวํ ตสฺมึ ตสฺมึ าเนเยว ลพฺภตี’’ติ วุตฺตํ. กิฺจาปิ เอวํ วุตฺตํ, อถ โข ปน ตมฺปิ อาทิโต ปฏฺาย เอวํ เวทิตพฺพํ – อุทานฺหิ อุทาเนตฺวา ชยปลฺลงฺเก นิสินฺนสฺส ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘อหํ กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ อิมสฺส ปลฺลงฺกสฺส การณา สนฺธาวึ, เอตฺตกํ เม กาลํ อิมสฺเสว ปลฺลงฺกสฺส การณา อลงฺกตสีสํ คีวาย ฉินฺทิตฺวา ทินฺนํ, สุอฺชิตานิ อกฺขีนิ หทยมํสฺจ อุปฺปาเฏวา ทินฺนํ, ชาลีกุมารสทิสา ปุตฺตา, กณฺหาชินกุมาริสทิสา ธีตโร, มทฺทีเทวิสทิสา ภริยาโย จ ปเรสํ ทาสตฺถาย ทินฺนา. อยํ เม ปลฺลงฺโก ชยปลฺลงฺโก ถิรปลฺลงฺโก, เอตฺถ เม นิสินฺนสฺส สงฺกปฺปา ปริปุณฺณา, น ตาว อิโต วุฏฺหิสฺสามี’’ติ อเนกโกฏิสตสหสฺสสมาปตฺติโย สมาปชฺชนฺโต สตฺตาหํ ตตฺเถว นิสีทิ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ภควา สตฺตาหํ เอกปลฺลงฺเกน นิสีทิ วิมุตฺติสุขปฏิสํเวที’’ติ (มหาว. ๑; อุทา. ๑).

อถ เอกจฺจานํ เทวตานํ ‘‘อชฺชาปิ นูน สิทฺธตฺถสฺส กตฺตพฺพกิจฺจํ อตฺถิ, ปลฺลงฺกสฺมิฺหิ อาลยํ น วิชหตี’’ติ ปริวิตกฺโก อุทปาทิ. สตฺถา เทวตานํ ปริวิตกฺกํ ตฺวา ตาสํ วิตกฺกวูปสมตฺถํ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ยมกปาฏิหาริยํ ทสฺเสสิ. มหาโพธิมณฺเฑ หิ กตปาฏิหาริยฺจ าติสมาคเม กตปาฏิหาริยฺจ ปาถิกปุตฺตสมาคเม กตปาฏิหาริยฺจ สพฺพํ กณฺฑมฺพรุกฺขมูเล กตยมกปาฏิหาริยสทิสํ อโหสิ.

เอวํ สตฺถา อิมินา ปาฏิหาริเยน เทวตานํ วิตกฺกํ วูปสเมตฺวา ปลฺลงฺกโต อีสกํ ปาจีนนิสฺสิเต อุตฺตรทิสาภาเค ตฺวา ‘‘อิมสฺมึ วต เม ปลฺลงฺเก สพฺพฺุตํ ปฏิวิทฺธ’’นฺติ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ ปูริตานํ ปารมีนํ พลาธิคมฏฺานํ ปลฺลงฺกํ โพธิรุกฺขฺจ อนิมิเสหิ อกฺขีหิ โอโลกยมาโน สตฺตาหํ วีตินาเมสิ, ตํ านํ อนิมิสเจติยํ นาม ชาตํ. อถ สตฺถา ปลฺลงฺกสฺส จ ิตฏฺานสฺส จ อนฺตรา จงฺกมํ มาเปตฺวา ปุรตฺถิมปจฺฉิมโต อายเต รตนจงฺกเม จงฺกมนฺโต สตฺตาหํ วีตินาเมสิ. ตํ านํ รตนจงฺกมเจติยํ นาม ชาตํ.

จตุตฺเถ ปน สตฺตาเห โพธิโต ปจฺฉิมุตฺตรทิสาภาเค เทวตา รตนฆรํ มาปยึสุ. ตตฺถ ภควา ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา อภิธมฺมปิฏกํ วิเสสโต เจตฺถ อนนฺตนยสมนฺตปฏฺานํ วิจินนฺโต สตฺตาหํ วีตินาเมสิ. อาภิธมฺมิกา ปนาหุ – ‘‘รตนฆรํ นาม น สตฺตรตนมยํ เคหํ, สตฺตนฺนํ ปน ปกรณานํ สมฺมสิตฏฺานํ ‘รตนฆร’นฺติ วุจฺจตี’’ติ. ยสฺมา ปเนตฺถ อุโภเปเต ปริยาเยน ยุชฺชนฺติ, ตสฺมา อุภยมฺเปตํ คเหตพฺพเมว. ตโต ปฏฺาย ปน ตํ านํ รตนฆรเจติยํ นาม ชาตํ. เอวํ สตฺถา โพธิสมีเปเยว จตฺตาริ สตฺตาหานิ วีตินาเมตฺวา ปฺจเม สตฺตาเห โพธิรุกฺขมูลา เยน อชปาลนิคฺโรโธ เตนุปสงฺกมิ. ตตฺราปิ ธมฺมํ วิจินนฺโต วิมุตฺติสุขฺจ ปฏิสํเวเทนฺโต นิสีทิ.

ตสฺมึ สมเย มาโร ปาปิมา ‘‘เอตฺตกํ กาลํ อนุพนฺธนฺโต โอตาราเปกฺโขปิ อิมสฺส น กิฺจิ ขลิตํ อทฺทสํ, อติกฺกนฺโตทานิ เอส มม วส’’นฺติ โทมนสฺสปฺปตฺโต มหามคฺเค นิสีทิตฺวา โสฬส การณานิ จินฺเตนฺโต ภูมิยํ โสฬส เลขา อากฑฺฒิ – ‘‘อหํ เอโส วิย ทานปารมึ น ปูเรสึ, เตนมฺหิ อิมินา สทิโส น ชาโต’’ติ เอกํ เลขํ อากฑฺฒิ. ตถา ‘‘อหํ เอโส วิย สีลปารมึ…เป… เนกฺขมฺมปารมึ, ปฺาปารมึ, วีริยปารมึ, ขนฺติปารมึ, สจฺจปารมึ, อธิฏฺานปารมึ, เมตฺตาปารมึ, อุเปกฺขาปารมึ น ปูเรสึ, เตนมฺหิ อิมินา สทิโส น ชาโต’’ติ ทสมํ เลขํ อากฑฺฒิ. ตถา ‘‘อหํ เอโส วิย อสาธารณสฺส อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาณสฺส ปฏิเวธาย อุปนิสฺสยภูตา ทส ปารมิโย น ปูเรสึ, เตนมฺหิ อิมินา สทิโส น ชาโต’’ติ เอกาทสมํ เลขํ อากฑฺฒิ. ตถา ‘‘อหํ เอโส วิย อสาธารณสฺส อาสยานุสยาณสฺส…เป… มหากรุณาสมาปตฺติาณสฺส, ยมกปาฏิหาริยาณสฺส, อนาวรณาณสฺส, สพฺพฺุตฺาณสฺส ปฏิเวธาย อุปนิสฺสยภูตา ทส ปารมิโย น ปูเรสึ, เตนมฺหิ อิมินา สทิโส น ชาโต’’ติ โสฬสมํ เลขํ อากฑฺฒิ. เอวํ มาโร อิเมหิ การเณหิ มหามคฺเค โสฬส เลขา อากฑฺฒิตฺวา นิสีทิ.

ตสฺมิฺจ สมเย ตณฺหา, อรติ, รคา จาติ ติสฺโส มารธีตโร (สํ. นิ. ๑.๑๖๑) ‘‘ปิตา โน น ปฺายติ, กหํ นุ โข เอตรหี’’ติ โอโลกยมานา ตํ โทมนสฺสปฺปตฺตํ ภูมึ เลขมานํ นิสินฺนํ ทิสฺวา ปิตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กสฺมา, ตาต, ตฺวํ ทุกฺขี ทุมฺมโน’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘อมฺมา, อยํ มหาสมโณ มยฺหํ วสํ อติกฺกนฺโต, เอตฺตกํ กาลํ โอโลเกนฺโต โอตารมสฺส ทฏฺุํ นาสกฺขึ, เตนมฺหิ ทุกฺขี ทุมฺมโน’’ติ. ‘‘ยทิ เอวํ มา จินฺตยิตฺถ, มยเมตํ อตฺตโน วเส กตฺวา อาทาย อาคมิสฺสามา’’ติ อาหํสุ. ‘‘น สกฺกา, อมฺมา, เอส เกนจิ วเส กาตุํ, อจลาย สทฺธาย ปติฏฺิโต เอส ปุริโส’’ติ. ‘‘ตาต, มยํ อิตฺถิโย นาม, อิทาเนว นํ ราคปาสาทีหิ พนฺธิตฺวา อาเนสฺสาม, ตุมฺเห มา จินฺตยิตฺถา’’ติ วตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ปาเท เต, สมณ , ปริจาเรมา’’ติ อาหํสุ. ภควา เนว ตาสํ วจนํ มนสิ อกาสิ, น อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา โอโลเกสิ, อนุตฺตเร อุปธิสงฺขเย วิมุตฺติยา วิเวกสุขฺเว อนุภวนฺโต นิสีทิ.

ปุน มารธีตโร ‘‘อุจฺจาวจา โข ปุริสานํ อธิปฺปายา, เกสฺจิ กุมาริกาสุ เปมํ โหติ, เกสฺจิ ปมวเย ิตาสุ, เกสฺจิ มชฺฌิมวเย ิตาสุ, เกสฺจิ ปจฺฉิมวเย ิตาสุ, ยํนูน มยํ นานปฺปกาเรหิ รูเปหิ ปโลเภตฺวา คณฺเหยฺยามา’’ติ เอกเมกา กุมาริกวณฺณาทิวเสน สกํ สกํ อตฺตภาวํ อภินิมฺมินิตฺวา กุมาริกา, อวิชาตา, สกึวิชาตา, ทุวิชาตา, มชฺฌิมิตฺถิโย, มหิตฺถิโย จ หุตฺวา ฉกฺขตฺตุํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ปาเท เต, สมณ, ปริจาเรมา’’ติ อาหํสุ. ตมฺปิ ภควา น มนสากาสิ, ยถา ตํ อนุตฺตเร อุปธิสงฺขเย วิมุตฺโต. เกจิ ปนาจริยา วทนฺติ – ‘‘ตา มหิตฺถิภาเวน อุปคตา ทิสฺวา ภควา – ‘เอตา ขณฺฑทนฺตา ปลิตเกสา โหนฺตู’ติ อธิฏฺาสี’’ติ. ตํ น คเหตพฺพํ. น หิ ภควา เอวรูปํ อธิฏฺานํ อกาสิ. ภควา ปน ‘‘อเปถ ตุมฺเห, กึ ทิสฺวา เอวํ วายมถ, เอวรูปํ นาม อวีตราคาทีนํ ปุรโต กาตุํ วฏฺฏติ. ตถาคตสฺส ปน ราโค ปหีโน, โทโส ปหีโน, โมโห ปหีโน’’ติ อตฺตโน กิเลสปฺปหานํ อารพฺภ –

‘‘ยสฺส ชิตํ นาวชียติ, ชิตมสฺส โนยาติ โกจิ โลเก;

ตํ พุทฺธมนนฺตโคจรํ, อปทํ เกน ปเทน เนสฺสถ.

‘‘ยสฺส ชาลินี วิสตฺติกา, ตณฺหา นตฺถิ กุหิฺจิ เนตเว;

ตํ พุทฺธมนนฺตโคจรํ, อปทํ เกน ปเทน เนสฺสถา’’ติ. (ธ. ป. ๑๗๙-๑๘๐) –

อิมา ธมฺมปเท พุทฺธวคฺเค ทฺเว คาถา วทนฺโต ธมฺมํ เทเสสิ. ตา ‘‘สจฺจํ กิร โน ปิตา อโวจ, ‘อรหํ สุคโต โลเก, น ราเคน สุวานโย’’’ติอาทีนิ (สํ. นิ. ๑.๑๖๑) วตฺวา ปิตุ สนฺติกํ อาคมึสุ.

ภควาปิ ตตฺเถว สตฺตาหํ วีตินาเมตฺวา ตโต มุจลินฺทมูลํ อคมาสิ. ตตฺถ สตฺตาหวทฺทลิกาย อุปฺปนฺนาย สีตาทิปฏิพาหนตฺถํ มุจลินฺเทน นาม นาคราเชน สตฺตกฺขตฺตุํ โภเคหิ ปริกฺขิตฺโต อสมฺพาธาย คนฺธกุฏิยํ วิหรนฺโต วิย วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวทิยมาโน สตฺตาหํ วีตินาเมตฺวา ราชายตนํ อุปสงฺกมิตฺวา ตตฺถปิ วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวทิยมาโนเยว สตฺตาหํ วีตินาเมสิ. เอตฺตาวตา สตฺต สตฺตาหานิ ปริปุณฺณานิ. เอตฺถนฺตเร เนว มุขโธวนํ, น สรีรปฏิชคฺคนํ , น อาหารกิจฺจํ อโหสิ, ฌานสุขผลสุเขเนว จ วีตินาเมสิ.

อถสฺส ตสฺมึ สตฺตสตฺตาหมตฺถเก เอกูนปฺาสติเม ทิวเส ตตฺถ นิสินฺนสฺส ‘‘มุขํ โธวิสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุทปาทิ. สกฺโก เทวานมินฺโท อคทหรีตกํ อาหริตฺวา อทาสิ, สตฺถา ตํ ปริภุฺชิ, เตนสฺส สรีรวฬฺโช อโหสิ. อถสฺส สกฺโกเยว นาคลตาทนฺตกฏฺฺเจว มุขโธวโนทกฺจ อทาสิ. สตฺถา ตํ ทนฺตกฏฺํ ขาทิตฺวาว อโนตตฺตทโหทเกน มุขํ โธวิตฺวา ตตฺเถว ราชายตนมูเล นิสีทิ.

ตสฺมึ สมเย ตปุสฺส ภลฺลิกา นาม ทฺเว วาณิชา ปฺจหิ สกฏสเตหิ อุกฺกลา ชนปทา มชฺฌิมเทสํ คจฺฉนฺตา ปุพฺเพ อตฺตโน าติสาโลหิตาย เทวตาย สกฏานิ สนฺนิรุมฺภิตฺวา สตฺถุ อาหารสมฺปาทเน อุสฺสาหิตา มนฺถฺจ มธุปิณฺฑิกฺจ อาทาย – ‘‘ปฏิคฺคณฺหาตุ โน, ภนฺเต, ภควา อิมํ อาหารํ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ สตฺถารํ อุปนาเมตฺวา อฏฺํสุ. ภควา ปายาสปฏิคฺคหณทิวเสเยว ปตฺตสฺส อนฺตรหิตตฺตา ‘‘น โข ตถาคตา หตฺเถสุ ปฏิคฺคณฺหนฺติ, กิมฺหิ นุ โข อหํ ปฏิคฺคณฺเหยฺย’’นฺติ จินฺเตสิ. อถสฺส จิตฺตํ ตฺวา จตูหิ ทิสาหิ จตฺตาโร มหาราชาโน อินฺทนีลมณิมเย ปตฺเต อุปนาเมสุํ, ภควา เต ปฏิกฺขิปิ. ปุน มุคฺควณฺณเสลมเย จตฺตาโร ปตฺเต อุปนาเมสุํ. ภควา จตุนฺนมฺปิ มหาราชานํ สทฺธานุรกฺขณตฺถาย จตฺตาโรปิ ปตฺเต ปฏิคฺคเหตฺวา อุปรูปริ เปตฺวา ‘‘เอโก โหตู’’ติ อธิฏฺาสิ. จตฺตาโรปิ มุขวฏฺฏิยํ ปฺายมานเลขา หุตฺวา มชฺฌิมปฺปมาเณน เอกตฺตํ อุปคมึสุ. ภควา ตสฺมึ ปจฺจคฺเฆ เสลมเย ปตฺเต อาหารํ ปฏิคฺคเหตฺวา ปริภุฺชิตฺวา อนุโมทนํ อกาสิ. เต ทฺเว ภาตโร วาณิชา พุทฺธฺจ ธมฺมฺจ สรณํ คนฺตฺวา ทฺเววาจิกา อุปาสกา อเหสุํ. อถ เนสํ ‘‘เอกํ โน, ภนฺเต, ปริจริตพฺพฏฺานํ เทถา’’ติ วทนฺตานํ ทกฺขิณหตฺเถน อตฺตโน สีสํ ปรามสิตฺวา เกสธาตุโย อทาสิ. เต อตฺตโน นคเร ตา ธาตุโย สุวณฺณสมุคฺคสฺส อนฺโต ปกฺขิปิตฺวา เจติยํ ปติฏฺาเปสุํ.

สมฺมาสมฺพุทฺโธ ปน ตโต วุฏฺาย ปุน อชปาลนิคฺโรธเมว คนฺตฺวา นิคฺโรธมูเล นิสีทิ. อถสฺส ตตฺถ นิสินฺนมตฺตสฺเสว อตฺตนา อธิคตธมฺมสฺส คมฺภีรตํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส สพฺพพุทฺธานํ อาจิณฺโณ – ‘‘กิจฺเฉน อธิคโต โข มฺยายํ ธมฺโม’’ติ ปเรสํ อเทเสตุกามตาการปฺปตฺโต วิตกฺโก อุทปาทิ. อถ โข พฺรหฺมา สหมฺปติ ‘‘นสฺสติ วต โภ โลโก, วินสฺสติ วต โภ โลโก’’ติ ทสหิ จกฺกวาฬสหสฺเสหิ สกฺกสุยามสนฺตุสิตนิมฺมานรติวสวตฺติมหาพฺรหฺมาโน อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ‘‘เทเสตุ, ภนฺเต, ภควา ธมฺม’’นฺติอาทินา นเยน ธมฺมเทสนํ อายาจิ.

สตฺถา ตสฺส ปฏิฺํ ทตฺวา ‘‘กสฺส นุ โข อหํ ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺย’’นฺติ จินฺเตนฺโต ‘‘อาฬาโร ปณฺฑิโต, โส อิมํ ธมฺมํ ขิปฺปํ อาชานิสฺสตี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา ปุน โอโลเกนฺโต ตสฺส สตฺตาหกาลงฺกตภาวํ ตฺวา อุทกํ อาวชฺเชสิ. ตสฺสาปิ อภิโทสกาลงฺกตภาวํ ตฺวา ‘‘พหูปการา โข เม ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู’’ติ ปฺจวคฺคิเย อารพฺภ มนสิ กตฺวา ‘‘กหํ นุ โข เต เอตรหิ วิหรนฺตี’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘พาราณสิยํ อิสิปตเน มิคทาเย’’ติ ตฺวา กติปาหํ โพธิมณฺฑสามนฺตาเยว ปิณฺฑาย จรนฺโต วิหริตฺวา ‘‘อาสาฬฺหิปุณฺณมายํ พาราณสึ คนฺตฺวา ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตสฺสามี’’ติ ปกฺขสฺส จาตุทฺทสิยํ ปจฺจูสสมเย ปจฺจุฏฺาย ปภาตาย รตฺติยา กาลสฺเสว ปตฺตจีวรมาทาย อฏฺารสโยชนมคฺคํ ปฏิปนฺโน อนฺตรามคฺเค อุปกํ นาม อาชีวกํ ทิสฺวา ตสฺส อตฺตโน พุทฺธภาวํ อาจิกฺขิตฺวา ตํ ทิวสเมว สายนฺหสมเย อิสิปตนํ สมฺปาปุณิ.

ปฺจวคฺคิยา ตถาคตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ อาวุโส, สมโณ โคตโม ปจฺจยพาหุลฺลาย อาวตฺติตฺวา ปริปุณฺณกาโย ปีณินฺทฺริโย สุวณฺณวณฺโณ หุตฺวา อาคจฺฉติ. อิมสฺส วนฺทนาทีนิ น กริสฺสาม, มหากุลปฺปสุโต โข ปเนส อาสนาภิหารํ อรหติ, เตนสฺส อาสนมตฺตํ ปฺาเปสฺสามา’’ติ กติกํ อกํสุ. ภควา สเทวกสฺส โลกสฺส จิตฺตาจารชานนสมตฺเถน าเณน ‘‘กึ นุ โข อิเม จินฺตยึสู’’ติ อาวชฺเชตฺวา จิตฺตํ อฺาสิ. อถ เตสุ สพฺพเทวมนุสฺเสสุ อโนทิสฺสกวเสน ผรณสมตฺถํ เมตฺตจิตฺตํ สงฺขิปิตฺวา โอทิสฺสกวเสน เมตฺตจิตฺเตน ผริ. เต ภควตา เมตฺตจิตฺเตน สํผุฏฺา ตถาคเต อุปสงฺกมนฺเต สกาย กติกาย สณฺาตุํ อสกฺโกนฺตา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา อภิวาทนาทีนิ สพฺพกิจฺจานิ อกํสุ. สมฺมาสมฺพุทฺธภาวํ ปนสฺส อชานนฺตา เกวลํ นาเมน จ อาวุโสวาเทน จ สมุทาจรึสุ.

อถ เน ภควา – ‘‘มา, ภิกฺขเว, ตถาคตํ นาเมน จ อาวุโสวาเทน จ สมุทาจรถ. อรหํ, ภิกฺขเว, ตถาคโต สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ อตฺตโน พุทฺธภาวํ าเปตฺวา ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺโน อุตฺตราสาฬฺหนกฺขตฺตโยเค วตฺตมาเน อฏฺารสหิ พฺรหฺมโกฏีหิ ปริวุโต ปฺจวคฺคิยตฺเถเร อามนฺเตตฺวา ติปริวฏฺฏํ ทฺวาทสาการํ ฉาณวิชมฺภนํ อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตนฺตํ (มหาว. ๑๓ อาทโย; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑) เทเสสิ. เตสุ โกณฺฑฺตฺเถโร เทสนานุสาเรน าณํ เปเสนฺโต สุตฺตปริโยสาเน อฏฺารสหิ พฺรหฺมโกฏีหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ. สตฺถา ตตฺเถว วสฺสํ อุปคนฺตฺวา ปุนทิวเส วปฺปตฺเถรํ โอวทนฺโต วิหาเรเยว นิสีทิ, เสสา จตฺตาโรปิ ปิณฺฑาย จรึสุ. วปฺปตฺเถโร ปุพฺพณฺเหเยว โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ . เอเตเนวุปาเยน ปุนทิวเส ภทฺทิยตฺเถรํ, ปุนทิวเส มหานามตฺเถรํ, ปุนทิวเส อสฺสชิตฺเถรนฺติ สพฺเพ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปตฺวา ปฺจมิยํ ปกฺขสฺส ปฺจปิ เถเร สนฺนิปาเตตฺวา อนตฺตลกฺขณสุตฺตนฺตํ (มหาว. ๒๐ อาทโย; สํ. นิ. ๓.๕๙) เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน ปฺจปิ เถรา อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ. อถ สตฺถา ยสสฺส กุลปุตฺตสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา ตํ รตฺติภาเค นิพฺพิชฺชิตฺวา เคหํ ปหาย นิกฺขนฺตํ ‘‘เอหิ ยสา’’ติ ปกฺโกสิตฺวา ตสฺมึเยว รตฺติภาเค โสตาปตฺติผเล, ปุนทิวเส อรหตฺเต ปติฏฺาเปตฺวา, อปเรปิ ตสฺส สหายเก จตุปฺาสชเน เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพาเชตฺวา อรหตฺตํ ปาเปสิ.

เอวํ โลเก เอกสฏฺิยา อรหนฺเตสุ ชาเตสุ สตฺถา วุฏฺวสฺโส ปวาเรตฺวา ‘‘จรถ ภิกฺขเว จาริก’’นฺติ สฏฺิภิกฺขู ทิสาสุ เปเสตฺวา สยํ อุรุเวลํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค กปฺปาสิกวนสณฺเฑ ตึสภทฺทวคฺคิยกุมาเร วิเนสิ. เตสุ สพฺพปจฺฉิมโก โสตาปนฺโน, สพฺพุตฺตโม อนาคามี อโหสิ. เตปิ สพฺเพ เอหิภิกฺขุภาเวเนว ปพฺพาเชตฺวา ทิสาสุ เปเสตฺวา อุรุเวลํ คนฺตฺวา อฑฺฒุฑฺฒปาฏิหาริยสหสฺสานิ ทสฺเสตฺวา อุรุเวลกสฺสปาทโย สหสฺสชฏิลปริวาเร เตภาติกชฏิเล วิเนตฺวา เอหิภิกฺขุภาเวน ปพฺพาเชตฺวา คยาสีเส นิสีทาเปตฺวา อาทิตฺตปริยายเทสนาย (มหาว. ๕๔) อรหตฺเต ปติฏฺาเปตฺวา เตน อรหนฺตสหสฺเสน ปริวุโต ‘‘พิมฺพิสารรฺโ ทินฺนปฏิฺํ โมเจสฺสามี’’ติ ราชคหนครูปจาเร ลฏฺิวนุยฺยานํ อคมาสิ. ราชา อุยฺยานปาลสฺส สนฺติกา ‘‘สตฺถา อาคโต’’ติ สุตฺวา ทฺวาทสนหุเตหิ พฺราหฺมณคหปติเกหิ ปริวุโต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา จกฺกวิจิตฺตตเลสุ สุวณฺณปฏฺฏวิตานํ วิย ปภาสมุทยํ วิสฺสชฺเชนฺเตสุ ตถาคตสฺส ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ สทฺธึ ปริสาย.

อถ โข เตสํ พฺราหฺมณคหปติกานํ เอตทโหสิ – ‘‘กึ นุ โข มหาสมโณ อุรุเวลกสฺสเป พฺรหฺมจริยํ จรติ, อุทาหุ อุรุเวลกสฺสโป มหาสมเณ’’ติ. ภควา เตสํ เจตสฺสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย อุรุเวลกสฺสปํ คาถาย อชฺฌภาสิ –

‘‘กิเมว ทิสฺวา อุรุเวลวาสิ, ปหาสิ อคฺคึ กิสโกวทาโน;

ปุจฺฉามิ ตํ กสฺสป เอตมตฺถํ, กถํ ปหีนํ ตว อคฺคิหุตฺต’’นฺติ. –

เถโรปิ ภควโต อธิปฺปายํ วิทิตฺวา –

‘‘รูเป จ สทฺเท จ อโถ รเส จ, กามิตฺถิโย จาภิวทนฺติ ยฺา;

เอตํ มลนฺตี อุปธีสุ ตฺวา, ตสฺมา น ยิฏฺเ น หุเต อรฺชิ’’นฺติ. (มหาว. ๕๕) –

อิมํ คาถํ วตฺวา อตฺตโน สาวกภาวปฺปกาสนตฺถํ ตถาคตสฺส ปาทปิฏฺเ สีสํ เปตฺวา ‘‘สตฺถา เม, ภนฺเต ภควา, สาวโกหมสฺมี’’ติ วตฺวา เอกตาลํ ทฺวิตาลํ ติตาลนฺติ ยาว สตฺตตาลปฺปมาณํ สตฺตกฺขตฺตุํ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา โอรุยฺห ตถาคตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. ตํ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา มหาชโน ‘‘อโห มหานุภาวา พุทฺธา, เอวฺหิ ถามคตทิฏฺิโก นาม ‘อรหา’ติ มฺมาโน อุรุเวลกสฺสโปปิ ทิฏฺิชาลํ ภินฺทิตฺวา ตถาคเตน ทมิโต’’ติ สตฺถุ คุณกถํเยว กเถสิ. ภควา ‘‘นาหํ อิทานิเยว อุรุเวลกสฺสปํ ทเมมิ, อตีเตปิ เอส มยา ทมิโต’’ติ วตฺวา อิมิสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา มหานารทกสฺสปชาตกํ (ชา. ๒.๒๒.๑๑๕๓ อาทโย) กเถตฺวา จตฺตาริ สจฺจานิ ปกาเสสิ. ราชา เอกาทสหิ นหุเตหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ, เอกนหุตํ อุปาสกตฺตํ ปฏิเวเทสิ. ราชา สตฺถุ สนฺติเก นิสินฺโนเยว ปฺจ อสฺสาสเก ปเวเทตฺวา สรณํ คนฺตฺวา สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกมิ.

ปุนทิวเส เยหิ จ ภควา หิยฺโย ทิฏฺโ, เยหิ จ อทิฏฺโ, เต สพฺเพปิ ราชคหวาสิโน อฏฺารสโกฏิสงฺขา มนุสฺสา ตถาคตํ ทฏฺุกามา ปาโตว ราชคหโต ลฏฺิวนุยฺยานํ อคมํสุ. ติคาวุโต มคฺโค นปฺปโหสิ, สกลลฏฺิวนุยฺยานํ นิรนฺตรํ ผุฏํ อโหสิ. มหาชโน ทสพลสฺส รูปโสภคฺคปฺปตฺตํ อตฺตภาวํ ปสฺสนฺโตปิ ติตฺตึ กาตุํ นาสกฺขิ. วณฺณภูมิ นาเมสา. เอวรูเปสุ หิ าเนสุ ภควโต ลกฺขณานุพฺยฺชนาทิปฺปเภทา สพฺพาปิ รูปกายสิรี วณฺเณตพฺพา. เอวํ รูปโสภคฺคปฺปตฺตํ ทสพลสฺส สรีรํ ปสฺสมาเนน มหาชเนน นิรนฺตรํ ผุเฏ อุยฺยาเน จ คมนมคฺเค จ เอกภิกฺขุสฺสปิ นิกฺขมโนกาโส นาโหสิ. ตํ ทิวสํ กิร ภควโต ภตฺตํ ฉินฺนํ ภเวยฺย, ตสฺมา ‘‘ตํ มา อโหสี’’ติ สกฺกสฺส นิสินฺนาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. โส อาวชฺชมาโน ตํ การณํ ตฺวา มาณวกวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา พุทฺธธมฺมสงฺฆปฏิสํยุตฺตา ถุติโย วทมาโน ทสพลสฺส ปุรโต โอตริตฺวา เทวานุภาเวน โอกาสํ กตฺวา –

‘‘ทนฺโต ทนฺเตหิ สห ปุราณชฏิเลหิ, วิปฺปมุตฺโต วิปฺปมุตฺเตหิ;

สิงฺคีนิกฺขสวณฺโณ, ราชคหํ ปาวิสิ ภควา.

‘‘มุตฺโต มุตฺเตหิ…เป….

‘‘ติณฺโณ ติณฺเณหิ…เป….

‘‘สนฺโต สนฺเตหิ…เป… ราชคหํ ปาวิสิ ภควา.

‘‘ทสวาโส ทสพโล, ทสธมฺมวิทู ทสภิ จุเปโต;

โส ทสสตปริวาโร, ราชคหํ ปาวิสิ ภควา’’ติ. (มหาว. ๕๘) –

อิมาหิ คาถาหิ สตฺถุ วณฺณํ วทมาโน ปุรโต ปายาสิ. ตทา มหาชโน มาณวกสฺส รูปสิรึ ทิสฺวา ‘‘อติวิย อภิรูโป วตายํ มาณวโก, น โข ปน อมฺเหหิ ทิฏฺปุพฺโพ’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘กุโต อยํ มาณวโก, กสฺส วา อย’’นฺติ อาห. ตํ สุตฺวา มาณโว –

‘‘โย ธีโร สพฺพธิ ทนฺโต, สุทฺโธ อปฺปฏิปุคฺคโล;

อรหํ สุคโต โลเก, ตสฺสาหํ ปริจารโก’’ติ. – คาถมาห;

สตฺถา สกฺเกน กโตกาสํ มคฺคํ ปฏิปชฺชิตฺวา ภิกฺขุสหสฺสปริวุโต ราชคหํ ปาวิสิ. ราชา พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, ตีณิ รตนานิ วินา วสิตุํ น สกฺขิสฺสามิ, เวลาย วา อเวลาย วา ภควโต สนฺติกํ อาคมิสฺสามิ, ลฏฺิวนุยฺยานฺจ นาม อติทูเร, อิทํ ปน อมฺหากํ เวฬุวนุยฺยานํ นาติทูรํ นจฺจาสนฺนํ คมนาคมนสมฺปนฺนํ พุทฺธารหํ เสนาสนํ. อิทํ เม, ภนฺเต, ภควา ปฏิคฺคณฺหาตู’’ติ สุวณฺณภิงฺคาเรน ปุปฺผคนฺธวาสิตํ มณิวณฺณํ อุทกมาทาย เวฬุวนุยฺยานํ ปริจฺจชนฺโต ทสพลสฺส หตฺเถ อุทกํ ปาเตสิ. ตสฺมึ อาราเม ปฏิคฺคหิเตเยว ‘‘พุทฺธสาสนสฺส มูลานิ โอติณฺณานี’’ติ มหาปถวี กมฺปิ. ชมฺพุทีปตลสฺมิฺหิ เปตฺวา เวฬุวนํ อฺํ มหาปถวึ กมฺเปตฺวา คหิตเสนาสนํ นาม นตฺถิ. ตมฺพปณฺณิทีเปปิ เปตฺวา มหาวิหารํ อฺํ ปถวึ กมฺเปตฺวา คหิตเสนาสนํ นาม นตฺถิ. สตฺถา เวฬุวนารามํ ปฏิคฺคเหตฺวา รฺโ อนุโมทนํ กตฺวา อุฏฺายาสนา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต เวฬุวนํ อคมาสิ .

ตสฺมึ โข ปน สมเย สาริปุตฺโต จ โมคฺคลฺลาโน จาติ ทฺเว ปริพฺพาชกา ราชคหํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ อมตํ ปริเยสมานา. เตสุ สาริปุตฺโต อสฺสชิตฺเถรํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต ปยิรุปาสิตฺวา ‘‘เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา’’ติอาทิคาถํ (มหาว. ๖๐; อป. เถร ๑.๑.๒๘๖) สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย อตฺตโน สหายกสฺส โมคฺคลฺลานสฺสปิ ตเมว คาถํ อภาสิ. โสปิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. เต อุโภปิ สฺจยํ โอโลเกตฺวา อตฺตโน ปริสาย สทฺธึ ภควโต สนฺติเก ปพฺพชึสุ. เตสุ โมคฺคลฺลาโน สตฺตาเหน อรหตฺตํ ปาปุณิ, สาริปุตฺโต อฑฺฒมาเสน. อุโภปิ เต สตฺถา อคฺคสาวกฏฺาเน เปสิ. สาริปุตฺตตฺเถเรน จ อรหตฺตํ ปตฺตทิวเสเยว สนฺนิปาตํ อกาสิ.

ตถาคเต ปน ตสฺมิฺเว เวฬุวนุยฺยาเน วิหรนฺเต สุทฺโธทนมหาราชา ‘‘ปุตฺโต กิร เม ฉพฺพสฺสานิ ทุกฺกรการิกํ จริตฺวา ปรมาภิสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺตวรธมฺมจกฺโก ราชคหํ อุปนิสฺสาย เวฬุวเน วิหรตี’’ติ สุตฺวา อฺตรํ อมจฺจํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอหิ ภเณ, ตฺวํ ปุริสสหสฺสปริวาโร ราชคหํ คนฺตฺวา มม วจเนน ‘ปิตา เต สุทฺโธทนมหาราชา ทฏฺุกาโม’ติ วตฺวา มม ปุตฺตํ คณฺหิตฺวา เอหี’’ติ อาห. โส ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ รฺโ วจนํ สิรสา สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปุริสสหสฺสปริวาโร ขิปฺปเมว สฏฺิโยชนมคฺคํ คนฺตฺวา ทสพลสฺส จตุปริสมชฺเฌ นิสีทิตฺวา ธมฺมเทสนาเวลายํ วิหารํ ปาวิสิ. โส ‘‘ติฏฺตุ ตาว รฺา ปหิตสาสน’’นฺติ ปริสปริยนฺเต ิโต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ยถาิโตว สทฺธึ ปุริสสหสฺเสน อรหตฺตํ ปตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. ภควา ‘‘เอถ ภิกฺขโว’’ติ หตฺถํ ปสาเรสิ. สพฺเพ ตงฺขณฺเว อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา สฏฺิวสฺสิกตฺเถรา วิย อเหสุํ. อรหตฺตํ ปตฺตกาลโต ปฏฺาย ปน อริยา นาม มชฺฌตฺตาว โหนฺตีติ, โส รฺา ปหิตสาสนํ ทสพลสฺส น กเถสิ. ราชา – ‘‘เนว คโต อาคจฺฉติ, น สาสนํ สุยฺยตี’’ติ ‘‘เอหิ ภเณ, ตฺวํ คจฺฉา’’ติ เอเตเนว นิยาเมน อฺํ อมจฺจํ เปเสสิ. โสปิ คนฺตฺวา ปุริมนเยเนว สทฺธึ ปริสาย อรหตฺตํ ปตฺวา ตุณฺหี อโหสิ. ปุน ราชา ‘‘เอหิ ภเณ, ตฺวํ คจฺฉ, ตฺวํ คจฺฉา’’ติ เอเตเนว นิยาเมน อปเรปิ สตฺต อมจฺเจ เปเสสิ. เต สพฺเพ นว ปุริสสหสฺสปริวารา นว อมจฺจา อตฺตโน กิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา ตุณฺหีภูตา ตตฺเถว วิหรึสุ.

ราชา สาสนมตฺตมฺปิ อาหริตฺวา อาจิกฺขนฺตํ อลภิตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘เอตฺตกาปิ ชนา มยิ สิเนหาภาเวน สาสนมตฺตมฺปิ น ปจฺจาหรึสุ, โก นุ โข เม สาสนํ กริสฺสตี’’ติ สพฺพํ ราชพลํ โอโลเกนฺโต กาฬุทายึ อทฺทส. โส กิร รฺโ สพฺพตฺถสาธโก อพฺภนฺตริโก อติวิย วิสฺสาสิโก อมจฺโจ โพธิสตฺเตน สทฺธึ เอกทิวเส ชาโต สหปํสุกีฬโก สหาโย. อถ นํ ราชา อามนฺเตสิ – ‘‘ตาต กาฬุทายิ, อหํ มม ปุตฺตํ ทฏฺุกาโม นวปุริสสหสฺสปริวาเรน นว อมจฺเจ เปเสสึ, เตสุ เอโกปิ อาคนฺตฺวา สาสนมตฺตํ อาโรเจนฺโต นาม นตฺถิ. ทุชฺชาโน โข ปน เม ชีวิตนฺตราโย, ชีวมาโนเยวาหํ ปุตฺตํ ทฏฺุกาโม. สกฺขิสฺสสิ นุ โข เม ปุตฺตํ ทสฺเสตุ’’นฺติ? ‘‘สกฺขิสฺสามิ, เทว, สเจ ปพฺพชิตุํ ลภิสฺสามี’’ติ. ‘‘ตาต, ตฺวํ ปพฺพชิโต วา อปพฺพชิโต วา มยฺหํ ปุตฺตํ ทสฺเสหี’’ติ. โส ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ รฺโ สาสนํ อาทาย ราชคหํ คนฺตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนาเวลาย ปริสปริยนฺเต ิโต ธมฺมํ สุตฺวา สปริวาโร อรหตฺตํ ปตฺวา เอหิภิกฺขุภาเวน ปพฺพชิตฺวา วิหาสิ.

สตฺถา พุทฺโธ หุตฺวา ปมํ อนฺโตวสฺสํ อิสิปตเน วสิตฺวา วุฏฺวสฺโส ปวาเรตฺวา อุรุเวลํ คนฺตฺวา ตตฺถ ตโย มาเส วสนฺโต เตภาติกชฏิเล วิเนตฺวา ภิกฺขุสหสฺสปริวาโร ผุสฺสมาสปุณฺณมายํ ราชคหํ คนฺตฺวา ทฺเว มาเส วสิ. เอตฺตาวตา พาราณสิโต นิกฺขนฺตสฺส ปฺจ มาสา ชาตา, สกโล เหมนฺโต อติกฺกนฺโต. กาฬุทายิตฺเถรสฺส อาคตทิวสโต สตฺตฏฺทิวสา วีติวตฺตา. เถโร ผคฺคุณมาสปุณฺณมายํ จินฺเตสิ – ‘‘อติกฺกนฺโต ทานิ เหมนฺโต, วสนฺตสมโย อนุปฺปตฺโต, มนุสฺเสหิ สสฺสาทีนิ อุทฺธริตฺวา สมฺมุขสมฺมุขฏฺาเนหิ มคฺคา ทินฺนา, หริตติณสฺฉนฺนา ปถวี, สุปุปฺผิตา วนสณฺฑา, ปฏิปชฺชนกฺขมา มคฺคา, กาโล ทสพลสฺส าติสงฺคหํ กาตุ’’นฺติ. อถ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา –

‘‘องฺคาริโน ทานิ ทุมา ภทนฺเต, ผเลสิโน ฉทนํ วิปฺปหาย;

เต อจฺจิมนฺโตว ปภาสยนฺติ, สมโย มหาวีร ภาคี รสานํ…เป…. (เถรคา. ๕๒๗);

‘‘นาติสีตํ นาติอุณฺหํ, นาติทุพฺภิกฺขฉาตกํ;

สทฺทลา หริตา ภูมิ, เอส กาโล มหามุนี’’ติ. –

สฏฺิมตฺตาหิ คาถาหิ ทสพลสฺส กุลนครคมนวณฺณํ วณฺเณสิ. อถ นํ สตฺถา – ‘‘กึ นุ โข, อุทายิ, มธุรสฺสเรน คมนวณฺณํ วณฺเณสี’’ติ อาห. ‘‘ตุมฺหากํ, ภนฺเต, ปิตา สุทฺโธทนมหาราชา ตุมฺเห ปสฺสิตุกาโม, กโรถ าตกานํ สงฺคห’’นฺติ. ‘‘สาธุ, อุทายิ, กริสฺสามิ าตกานํ สงฺคหํ, ภิกฺขุสงฺฆสฺส อาโรเจหิ, คมิยวตฺตํ ปริปูเรสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ เถโร เตสํ อาโรเจสิ.

ภควา องฺคมคธวาสีนํ กุลปุตฺตานํ ทสหิ สหสฺเสหิ, กปิลวตฺถุวาสีนํ ทสหิ สหสฺเสหีติ สพฺเพเหว วีสติสหสฺเสหิ ขีณาสวภิกฺขูหิ ปริวุโต ราชคหา นิกฺขมิตฺวา ทิวเส ทิวเส โยชนํ คจฺฉติ. ‘‘ราชคหโต สฏฺิโยชนํ กปิลวตฺถุํ ทฺวีหิ มาเสหิ ปาปุณิสฺสามี’’ติ อตุริตจาริกํ ปกฺกามิ. เถโรปิ ‘‘ภควโต นิกฺขนฺตภาวํ รฺโ อาโรเจสฺสามี’’ติ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา รฺโ นิเวสเน ปาตุรโหสิ. ราชา เถรํ ทิสฺวา ตุฏฺจิตฺโต มหารเห ปลฺลงฺเก นิสีทาเปตฺวา อตฺตโน ปฏิยาทิตสฺส นานคฺครสโภชนสฺส ปตฺตํ ปูเรตฺวา อทาสิ. เถโร อุฏฺาย คมนาการํ ทสฺเสสิ. ‘‘นิสีทิตฺวา ภุฺช, ตาตา’’ติ. ‘‘สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ภุฺชิสฺสามิ, มหาราชา’’ติ. ‘‘กหํ ปน, ตาต, สตฺถา’’ติ? ‘‘วีสติสหสฺสภิกฺขุปริวาโร ตุมฺหากํ ทสฺสนตฺถาย จาริกํ นิกฺขนฺโต, มหาราชา’’ติ. ราชา ตุฏฺมานโส อาห – ‘‘ตุมฺเห อิมํ ปริภุฺชิตฺวา ยาว มม ปุตฺโต อิมํ นครํ ปาปุณาติ, ตาวสฺส อิโตว ปิณฺฑปาตํ ปริหรถา’’ติ. เถโร อธิวาเสสิ. ราชา เถรํ ปริวิสิตฺวา ปตฺตํ คนฺธจุณฺเณน อุพฺพฏฺเฏตฺวา อุตฺตมสฺส โภชนสฺส ปูเรตฺวา ‘‘ตถาคตสฺส เทถา’’ติ เถรสฺส หตฺเถ ปติฏฺาเปสิ. เถโร สพฺเพสํ ปสฺสนฺตานํเยว ปตฺตํ อากาเส ขิปิตฺวา สยมฺปิ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปิณฺฑปาตํ อาหริตฺวา สตฺถุ หตฺเถ เปสิ. สตฺถา ตํ ปริภุฺชิ. เอเตเนว อุปาเยน เถโร ทิวเส ทิวเส ปิณฺฑปาตํ อาหริ. สตฺถาปิ อนฺตรามคฺเค รฺโเยว ปิณฺฑปาตํ ปริภุฺชิ. เถโรปิ ภตฺตกิจฺจาวสาเน ทิวเส ทิวเส ‘‘อชฺช ภควา เอตฺตกํ อาคโต, อชฺช เอตฺตก’’นฺติ พุทฺธคุณปฏิสํยุตฺตาย จ กถาย สกลํ ราชกุลํ สตฺถุทสฺสนํ วินาเยว สตฺถริ สฺชาตปฺปสาทํ อกาสิ. เตเนว นํ ภควา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ กุลปฺปสาทกานํ ยทิทํ กาฬุทายี’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๙, ๒๒๕) เอตทคฺเค เปสิ.

สากิยาปิ โข อนุปฺปตฺเต ภควติ ‘‘อมฺหากํ าติเสฏฺํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ สนฺนิปติตฺวา ภควโต วสนฏฺานํ วีมํสมานา ‘‘นิคฺโรธสกฺกสฺส อาราโม รมณีโย’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ตตฺถ สพฺพํ ปฏิชคฺคนวิธึ กาเรตฺวา คนฺธปุปฺผหตฺถา ปจฺจุคฺคมนํ กโรนฺตา สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิเต ทหรทหเร นาครทารเก จ นาครทาริกาโย จ ปมํ ปหิณึสุ, ตโต ราชกุมาเร จ ราชกุมาริกาโย จ, เตสํ อนนฺตรา สามํ คนฺธปุปฺผาทีหิ ปูชยมานา ภควนฺตํ คเหตฺวา นิคฺโรธารามเมว อคมํสุ. ตตฺถ ภควา วีสติสหสฺสขีณาสวปริวุโต ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทิ . สากิยา นาม มานชาติกา มานตฺถทฺธา, เต ‘‘สิทฺธตฺถกุมาโร อมฺเหหิ ทหรตโร, อมฺหากํ กนิฏฺโ, ภาคิเนยฺโย, ปุตฺโต, นตฺตา’’ติ จินฺเตตฺวา ทหรทหเร ราชกุมาเร อาหํสุ – ‘‘ตุมฺเห วนฺทถ, มยํ ตุมฺหากํ ปิฏฺิโต นิสีทิสฺสามา’’ติ.

เตสุ เอวํ อวนฺทิตฺวา นิสินฺเนสุ ภควา เตสํ อชฺฌาสยํ โอโลเกตฺวา ‘‘น มํ าตโย วนฺทนฺติ, หนฺท ทานิ เต วนฺทาเปสฺสามี’’ติ อภิฺาปาทกํ จตุตฺถํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺาย อากาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา เตสํ สีเส ปาทปํสุํ โอกิรมาโน วิย กณฺฑมฺพรุกฺขมูเล ยมกปาฏิหาริยสทิสํ ปาฏิหาริยํ อกาสิ. ราชา ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ ชาตทิวเส กาลเทวลสฺส วนฺทนตฺถํ อุปนีตานํ โวปาเท ปริวตฺเตตฺวา พฺราหฺมณสฺส มตฺถเก ปติฏฺิเต ทิสฺวาปิ อหํ ตุมฺหากํ ปาเท วนฺทึ, อยํ เม ปมวนฺทนา. วปฺปมงฺคลทิวเส จ ชมฺพุจฺฉายาย สิริสยเน นิปนฺนานํ โวชมฺพุจฺฉายาย อปริวตฺตนํ ทิสฺวาปิ ปาเท วนฺทึ, อยํ เม ทุติยวนฺทนา. อิทานิ ปน อิมํ อทิฏฺปุพฺพํ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวาปิ อหํ ตุมฺหากํ ปาเท วนฺทามิ, อยํ เม ตติยวนฺทนา’’ติ. รฺา ปน วนฺทิเต ภควนฺตํ อวนฺทิตฺวา าตุํ สมตฺโถ นาม เอกสากิโยปิ นาโหสิ, สพฺเพ วนฺทึสุเยว.

อิติ ภควา าตโย วนฺทาเปตฺวา อากาสโต โอตริตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทิ. นิสินฺเน ภควติ สิขาปตฺโต าติสมาคโม อโหสิ, สพฺเพ เอกคฺคจิตฺตา หุตฺวา นิสีทึสุ. ตโต มหาเมโฆ โปกฺขรวสฺสํ วสฺสิ. ตมฺพวณฺณํ อุทกํ เหฏฺา วิรวนฺตํ คจฺฉติ, เตมิตุกาโมว เตเมติ, อเตมิตุกามสฺส สรีเร เอกพินฺทุมตฺตมฺปิ น ปตติ. ตํ ทิสฺวา สพฺเพ อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตา ชาตา ‘‘อโห อจฺฉริยํ, อโห อพฺภุต’’นฺติ กถํ สมุฏฺาเปสุํ. สตฺถา ‘‘น อิทาเนว มยฺหํ าติสมาคเม โปกฺขรวสฺสํ วสฺสติ, อตีเตปิ วสฺสี’’ติ อิมิสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา เวสฺสนฺตรชาตกํ (ชา. ๒.๒๒.๑๖๕๕ อาทโย) กเถสิ. ธมฺมกถํ สุตฺวา สพฺเพ อุฏฺาย วนฺทิตฺวา ปกฺกมึสุ. เอโกปิ ราชา วา ราชมหามตฺโต วา ‘‘สฺเว อมฺหากํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ วตฺวา คโต นาม นตฺถิ.

สตฺถา ปุนทิวเส วีสติภิกฺขุสหสฺสปริวุโต กปิลวตฺถุํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. ตํ น โกจิ คนฺตฺวา นิมนฺเตสิ, น ปตฺตํ วา อคฺคเหสิ. ภควา อินฺทขีเล ิโตว อาวชฺเชสิ – ‘‘กถํ นุ โข ปุพฺพพุทฺธา กุลนคเร ปิณฺฑาย จรึสุ, กึ อุปฺปฏิปาฏิยา อิสฺสรชนานํ ฆรานิ อคมํสุ, อุทาหุ สปทานจาริกํ จรึสู’’ติ? ตโต เอกพุทฺธสฺสปิ อุปฺปฏิปาฏิยา คมนํ อทิสฺวา ‘‘มยาปิ ทานิ อยเมว เตสํ วํโส ปคฺคเหตพฺโพ, อายติฺจ มม สาวกา มมฺเว อนุสิกฺขนฺตา ปิณฺฑจาริกวตฺตํ ปริปูเรสฺสนฺตี’’ติ โกฏิยํ นิวิฏฺเคหโต ปฏฺาย สปทานํ ปิณฺฑาย จริ. ‘‘อยฺโย กิร สิทฺธตฺถกุมาโร ปิณฺฑาย จรตี’’ติ ทฺวิภูมิกติภูมิกาทีสุ ปาสาเทสุ สีหปฺชรํ วิวริตฺวา มหาชโน ทสฺสนพฺยาวโฏ อโหสิ.

ราหุลมาตาปิ เทวี – ‘‘อยฺยปุตฺโต กิร อิมสฺมึเยว นคเร มหนฺเตน ราชานุภาเวน สุวณฺณสิวิกาทีหิ วิจริตฺวา อิทานิ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายวตฺถนิวาสโน กปาลหตฺโถ ปิณฺฑาย จรติ, โสภติ นุ โข’’ติ สีหปฺชรํ วิวริตฺวา โอโลกยมานา ภควนฺตํ นานาวิราคสมุชฺชลาย สรีรปฺปภาย นครวีถิโย โอภาเสตฺวา พฺยามปฺปภาปริกฺเขปสมุปพฺยูฬฺหาย อสีตานุพฺยฺชนปฺปภาสิตาย ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณปฏิมณฺฑิตาย อโนปมาย พุทฺธสิริยา วิโรจมานํ ทิสฺวา อุณฺหีสโต ปฏฺาย ยาว ปาทตลา –

‘‘สินิทฺธนีลมุทุกุฺจิตเกโส, สูริยนิมฺมลตลาภินลาโฏ;

ยุตฺตตุงฺคมุทุกายตนาโส, รํสิชาลวิกสิโต นรสีโห’’ติ. –

เอวมาทิกาหิ ทสหิ นรสีหคาถาหิ อภิตฺถวิตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ ปุตฺโต ปิณฺฑาย จรตี’’ติ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา สํวิคฺคหทโย หตฺเถน สาฏกํ สณฺฑเปนฺโต ตุริตตุริโต นิกฺขมิตฺวา เวเคน คนฺตฺวา ภควโต ปุรโต ตฺวา อาห – ‘‘กินฺนุ โข, ภนฺเต, อมฺเห ลชฺชาเปถ, กิมตฺถํ ปิณฺฑาย จรถ, กึ ‘เอตฺตกานํ ภิกฺขูนํ น สกฺกา ภตฺตํ ลทฺธุ’นฺติ สฺํ กริตฺถา’’ติ? ‘‘วํสจาริตฺตเมตํ, มหาราช, อมฺหาก’’นฺติ. ‘‘นนุ, ภนฺเต, อมฺหากํ วํโส นาม มหาสมฺมตขตฺติยวํโส, เอตฺถ จ เอกขตฺติโยปิ ภิกฺขาจรโก นาม นตฺถี’’ติ. ‘‘อยํ, มหาราช, ขตฺติยวํโส นาม ตว วํโส. อมฺหากํ ปน ‘ทีปงฺกโร โกณฺฑฺโ…เป… กสฺสโป’ติ อยํ พุทฺธวํโส นาม. เอเต จ อฺเ จ อเนกสหสฺสสงฺขา พุทฺธา ภิกฺขาจาเรเนว ชีวิกํ กปฺเปสุ’’นฺติ อนฺตรวีถิยํ ิโตว –

‘‘อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺย, ธมฺมํ สุจริตํ จเร;

ธมฺมจารี สุขํ เสติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จา’’ติ. (ธ. ป. ๑๖๘) –

อิมํ คาถมาห. คาถาปริโยสาเน ราชา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ.

‘‘ธมฺมฺจเร สุจริตํ, น นํ ทุจฺจริตํ จเร;

ธมฺมจารี สุขํ เสติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จา’’ติ. (ธ. ป. ๑๖๙) –

อิมํ คาถํ สุตฺวา สกทาคามิผเล ปติฏฺาสิ, มหาธมฺมปาลชาตกํ (ชา. ๑.๑๐.๙๒ อาทโย) สุตฺวา อนาคามิผเล ปติฏฺาสิ, มรณสมเย เสตจฺฉตฺตสฺส เหฏฺา สิริสยเน นิปนฺโนเยว อรหตฺตํ ปาปุณิ. อรฺวาเสน ปธานานุโยคกิจฺจํ รฺโ นาโหสิ. โส โสตาปตฺติผลํ สจฺฉิกตฺวาเยว ปน ภควโต ปตฺตํ คเหตฺวา สปริสํ ภควนฺตํ มหาปาสาทํ อาโรเปตฺวา ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน ปริวิสิ. ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน สพฺพํ อิตฺถาคารํ อาคนฺตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิ เปตฺวา ราหุลมาตรํ. สา ปน ‘‘คจฺฉ, อยฺยปุตฺตํ วนฺทาหี’’ติ ปริชเนน วุจฺจมานาปิ ‘‘สเจ มยฺหํ คุโณ อตฺถิ, สยเมว มม สนฺติกํ อยฺยปุตฺโต อาคมิสฺสติ, อาคตเมว นํ วนฺทิสฺสามี’’ติ วตฺวา น อคมาสิ.

ภควา ราชานํ ปตฺตํ คาหาเปตฺวา ทฺวีหิ อคฺคสาวเกหิ สทฺธึ ราชธีตาย สิริคพฺภํ คนฺตฺวา ‘‘ราชธีตา ยถารุจิ วนฺทมานา น กิฺจิ วตฺตพฺพา’’ติ วตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทิ. สา เวเคนาคนฺตฺวา โคปฺผเกสุ คเหตฺวา ปาทปิฏฺิยํ สีสํ ปริวตฺเตตฺวา ยถาชฺฌาสยํ วนฺทิ. ราชา ราชธีตาย ภควติ สิเนหพหุมานาทิคุณสมฺปตฺตึ กเถสิ – ‘‘ภนฺเต, มม ธีตา ‘ตุมฺเหหิ กาสายานิ วตฺถานิ นิวาสิตานี’ติ สุตฺวา ตโต ปฏฺาย กาสายวตฺถนิวตฺถา ชาตา, ตุมฺหากํ เอกภตฺติกภาวํ สุตฺวา เอกภตฺติกาว ชาตา, ตุมฺเหหิ มหาสยนสฺส ฉฑฺฑิตภาวํ สุตฺวา ปฏฺฏิกามฺจเกเยว นิปนฺนา, ตุมฺหากํ มาลาคนฺธาทีหิ วิรตภาวํ ตฺวา วิรตมาลาคนฺธาว ชาตา, อตฺตโน าตเกหิ ‘มยํ ปฏิชคฺคิสฺสามา’ติ สาสเน เปสิเตปิ เตสุ เอกาตกมฺปิ น โอโลเกสิ, เอวํ คุณสมฺปนฺนา เม, ภนฺเต, ธีตา’’ติ. ‘‘อนจฺฉริยํ, มหาราช, อยํ อิทานิ ตยา รกฺขิยมานา ราชธีตา ปริปกฺเก าเณ อตฺตานํ รกฺเขยฺย, เอสา ปุพฺเพ อนารกฺขา ปพฺพตปาเท วิจรมานา อปริปกฺเกปิ าเณ อตฺตานํ รกฺขี’’ติ วตฺวา จนฺทกินฺนรีชาตกํ (ชา. ๑.๑๔.๑๘ อาทโย) กเถตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ.

ปุนทิวเส ปน นนฺทสฺส ราชกุมารสฺส อภิเสกเคหปฺปเวสนวิวาหมงฺคเลสุ วตฺตมาเนสุ ตสฺส เคหํ คนฺตฺวา กุมารํ ปตฺตํ คาหาเปตฺวา ปพฺพาเชตุกาโม มงฺคลํ วตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. ชนปทกลฺยาณี กุมารํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘ตุวฏํ โข, อยฺยปุตฺต, อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ วตฺวา คีวํ ปสาเรตฺวา โอโลเกสิ. โส ภควนฺตํ ‘‘ปตฺตํ คณฺหถา’’ติ วตฺตุํ อวิสหมาโน วิหารํเยว อคมาสิ. ตํ อนิจฺฉมานํเยว ภควา ปพฺพาเชสิ. อิติ ภควา กปิลวตฺถุํ คนฺตฺวา ตติยทิวเส นนฺทํ ปพฺพาเชสิ.

สตฺตเม ทิวเส ราหุลมาตาปิ กุมารํ อลงฺกริตฺวา ภควโต สนฺติกํ เปเสสิ – ‘‘ปสฺส, ตาต, เอตํ วีสติสหสฺสสมณปริวุตํ สุวณฺณวณฺณํ พฺรหฺมรูปวณฺณํ สมณํ, อยํ เต ปิตา, เอตสฺส มหนฺตา นิธโย อเหสุํ ตฺยสฺส นิกฺขมนกาลโต ปฏฺาย น ปสฺสาม, คจฺฉ, นํ ทายชฺชํ ยาจาหิ – ‘อหํ, ตาต, กุมาโร อภิเสกํ ปตฺวา จกฺกวตฺตี ภวิสฺสามิ, ธเนน เม อตฺโถ, ธนํ เม เทหิ. สามิโก หิ ปุตฺโต ปิตุสนฺตกสฺสา’’’ติ. กุมาโร จ ภควโต สนฺติกํ คนฺตฺวาว ปิตุสิเนหํ ลภิตฺวา หฏฺจิตฺโต ‘‘สุขา เต, สมณ, ฉายา’’ติ วตฺวา อฺฺจ พหุํ อตฺตโน อนุรูปํ วทนฺโต อฏฺาสิ. ภควา กตภตฺตกิจฺโจ อนุโมทนํ วตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. กุมาโรปิ ‘‘ทายชฺชํ เม, สมณ, เทหิ, ทายชฺชํ เม, สมณ, เทหี’’ติ ภควนฺตํ อนุพนฺธิ. น ภควา กุมารํ นิวตฺตาเปสิ, ปริชโนปิ ภควตา สทฺธึ คจฺฉนฺตํ นิวตฺเตตุํ นาสกฺขิ. อิติ โส ภควตา สทฺธึ อารามเมว อคมาสิ.

ตโต ภควา จินฺเตสิ – ‘‘ยํ อยํ ปิตุสนฺตกํ ธนํ อิจฺฉติ, ตํ วฏฺฏานุคตํ สวิฆาตํ, หนฺทสฺส เม โพธิมณฺเฑ ปฏิลทฺธํ สตฺตวิธํ อริยธนํ เทมิ, โลกุตฺตรทายชฺชสฺส นํ สามิกํ กโรมี’’ติ อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อามนฺเตสิ – ‘‘เตน หิ, สาริปุตฺต, ราหุลํ ปพฺพาเชหี’’ติ. เถโร ตํ ปพฺพาเชสิ. ปพฺพชิเต จ ปน กุมาเร รฺโ อธิมตฺตํ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชิ, ตํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘สาธุ, ภนฺเต, อยฺยา มาตาปิตูหิ อนนุฺาตํ ปุตฺตํ น ปพฺพาเชยฺยุ’’นฺติ วรํ ยาจิ. ภควา จ ตสฺส วรํ ทตฺวา ปุเนกทิวเส ราชนิเวสเน กตภตฺตกิจฺโจ เอกมนฺตํ นิสินฺเนน รฺา ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ ทุกฺกรการิกกาเล เอกา เทวตา มํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘ปุตฺโต เต กาลงฺกโต’ติ อาห, ตสฺสา วจนํ อสทฺทหนฺโต ‘น มยฺหํ ปุตฺโต สมฺโพธึ อปฺปตฺวา กาลํ กโรตี’ติ ตํ ปฏิกฺขิปิ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘ตุมฺเห อิทานิ กึ สทฺทหิสฺสถ, เย ตุมฺเห ปุพฺเพปิ อฏฺิกานิ ทสฺเสตฺวา ‘ปุตฺโต เต มโต’ติ วุตฺเต น สทฺทหิตฺถา’’ติ อิมิสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา มหาธมฺมปาลชาตกํ กเถสิ. กถาปริโยสาเน ราชา อนาคามิผเล ปติฏฺหิ.

อิติ ภควา ปิตรํ ตีสุ ผเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ปุนเทว ราชคหํ คนฺตฺวา สีตวเน วิหาสิ. ตสฺมึ สมเย อนาถปิณฺฑิโก คหปติ ปฺจหิ สกฏสเตหิ ภณฺฑํ อาทาย ราชคหํ คนฺตฺวา อตฺตโน ปิยสหายกสฺส เสฏฺิโน เคหํ คนฺตฺวา ตตฺถ พุทฺธสฺส ภควโต อุปฺปนฺนภาวํ สุตฺวา พลวปจฺจูเส เทวตานุภาเวน วิวเฏน ทฺวาเรน สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย, ทุติเย ทิวเส พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา สาวตฺถึ อาคมนตฺถาย สตฺถุ ปฏิฺํ คเหตฺวา อนฺตรามคฺเค ปฺจจตฺตาลีสโยชนฏฺาเน สตสหสฺสํ ทตฺวา โยชนิเก โยชนิเก วิหารํ กาเรตฺวา เชตวนํ โกฏิสนฺถาเรน อฏฺารสหิ หิรฺโกฏีหิ กิณิตฺวา นวกมฺมํ ปฏฺเปสิ. โส มชฺเฌ ทสพลสฺส คนฺธกุฏึ กาเรสิ, ตํ ปริวาเรตฺวา อสีติยา มหาเถรานํ ปาฏิเยกฺกํ เอกสนฺนิเวสเน อาวาเส เอกกุฏิกทฺวิกุฏิกหํสวฏฺฏกทีฆรสฺสสาลามณฺฑปาทิวเสน เสสเสนาสนานิ โปกฺขรณิจงฺกมนรตฺติฏฺานทิวาฏฺานานิ จาติ อฏฺารสโกฏิปริจฺจาเคน รมณีเย ภูมิภาเค มโนรมํ วิหารํ กาเรตฺวา ทสพลสฺส อาคมนตฺถาย ทูตํ ปาเหสิ. สตฺถา ตสฺส วจนํ สุตฺวา มหาภิกฺขุสงฺฆปริวาโร ราชคหา นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน สาวตฺถินครํ ปาปุณิ.

มหาเสฏฺิปิ โข วิหารมหํ สชฺเชตฺวา ตถาคตสฺส เชตวนํ ปวิสนทิวเส ปุตฺตํ สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตํ กตฺวา อลงฺกตปฏิยตฺเตเหว ปฺจหิ กุมารสเตหิ สทฺธึ เปเสสิ. โส สปริวาโร ปฺจวณฺณวตฺถสมุชฺชลานิ ปฺจ ธชสตานิ คเหตฺวา ทสพลสฺส ปุรโต อโหสิ, เตสํ ปจฺฉโต มหาสุภทฺทา จูฬสุภทฺทาติ ทฺเว เสฏฺิธีตโร ปฺจหิ กุมาริกาสเตหิ สทฺธึ ปุณฺณฆเฏ คเหตฺวา นิกฺขมึสุ, ตาสํ ปจฺฉโต เสฏฺิภริยา สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตา ปฺจหิ มาตุคามสเตหิ สทฺธึ ปุณฺณปาติโย คเหตฺวา นิกฺขมิ, สพฺเพสํ ปจฺฉโต มหาเสฏฺิ อหตวตฺถนิวตฺโถ อหตวตฺถนิวตฺเถเหว ปฺจหิ เสฏฺิสเตหิ สทฺธึ ภควนฺตํ อพฺภุคฺคฺฉิ. ภควา อิมํ อุปาสกปริสํ ปุรโต กตฺวา มหาภิกฺขุสงฺฆปริวุโต อตฺตโน สรีรปฺปภาย สุวณฺณรสเสกสิฺจนานิ วิย วนนฺตรานิ กุรุมาโน อนนฺตาย พุทฺธลีลาย อปริมาณาย พุทฺธสิริยา เชตวนวิหารํ ปาวิสิ.

อถ นํ อนาถปิณฺฑิโก อาปุจฺฉิ – ‘‘กถาหํ, ภนฺเต, อิมสฺมึ วิหาเร ปฏิปชฺชามี’’ติ? ‘‘เตน หิ, คหปติ, อิมํ วิหารํ อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปติฏฺาเปหี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ มหาเสฏฺิ สุวณฺณภิงฺคารํ อาทาย ทสพลสฺส หตฺเถ อุทกํ ปาเตตฺวา ‘‘อิมํ เชตวนวิหารํ อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ อทาสิ. สตฺถา วิหารํ ปฏิคฺคเหตฺวา อนุโมทนํ กโรนฺโต –

‘‘สีตํ อุณฺหํ ปฏิหนฺติ, ตโต วาฬมิคานิ จ;

สรีสเป จ มกเส, สิสิเร จาปิ วุฏฺิโย.

‘‘ตโต วาตาตโป โฆโร, สฺชาโต ปฏิหฺติ;

เลณตฺถฺจ สุขตฺถฺจ, ฌายิตุฺจ วิปสฺสิตุํ.

‘‘วิหารทานํ สงฺฆสฺส, อคฺคํ พุทฺเธน วณฺณิตํ;

ตสฺมา หิ ปณฺฑิโต โปโส, สมฺปสฺสํ อตฺถมตฺตโน.

‘‘วิหาเร การเย รมฺเม, วาสเยตฺถ พหุสฺสุเต;

เตสํ อนฺนฺจ ปานฺจ, วตฺถเสนาสนานิ จ.

‘‘ทเทยฺย อุชุภูเตสุ, วิปฺปสนฺเนน เจตสา;

เต ตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺติ, สพฺพทุกฺขาปนูทนํ;

ยํ โส ธมฺมํ อิธฺาย, ปรินิพฺพาติ อนาสโว’’ติ. (จูฬว. ๒๙๕) –

วิหารานิสํสํ กเถสิ. อนาถปิณฺฑิโก ทุติยทิวสโต ปฏฺาย วิหารมหํ อารภิ. วิสาขาย วิหารมโห จตูหิ มาเสหิ นิฏฺิโต, อนาถปิณฺฑิกสฺส ปน วิหารมโห นวหิ มาเสหิ นิฏฺาสิ. วิหารมเหปิ อฏฺารเสว โกฏิโย ปริจฺจาคํ อคมํสุ. อิติ เอกสฺมึเยว วิหาเร จตุปณฺณาสโกฏิสงฺขํ ธนํ ปริจฺจชิ.

อตีเต ปน วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล ปุนพฺพสุมิตฺโต นาม เสฏฺิ สุวณฺณิฏฺกาสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตสฺมึเยว าเน โยชนปฺปมาณํ สงฺฆารามํ กาเรสิ. สิขิสฺส ปน ภควโต กาเล สิริวฑฺโฒ นาม เสฏฺิ สุวณฺณผาลสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตสฺมึเยว าเน ติคาวุตปฺปมาณํ สงฺฆารามํ กาเรสิ. เวสฺสภุสฺส ภควโต กาเล โสตฺถิโย นาม เสฏฺิ สุวณฺณหตฺถิปทสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตสฺมึเยว าเน อฑฺฒโยชนปฺปมาณํ สงฺฆารามํ กาเรสิ. กกุสนฺธสฺส ภควโต กาเล อจฺจุโต นาม เสฏฺิ สุวณฺณิฏฺกาสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตสฺมึเยว าเน คาวุตปฺปมาณํ สงฺฆารามํ กาเรสิ. โกณาคมนสฺส ภควโต กาเล อุคฺโค นาม เสฏฺิ สุวณฺณกจฺฉปสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตสฺมึเยว าเน อฑฺฒคาวุตปฺปมาณํ สงฺฆารามํ กาเรสิ. กสฺสปสฺส ภควโต กาเล สุมงฺคโล นาม เสฏฺิ สุวณฺณยฏฺิสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตสฺมึเยว าเน โสฬสกรีสปฺปมาณํ สงฺฆารามํ กาเรสิ. อมฺหากํ ปน ภควโต กาเล อนาถปิณฺฑิโก นาม เสฏฺิ กหาปณโกฏิสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตสฺมึเยว าเน อฏฺกรีสปฺปมาณํ สงฺฆารามํ กาเรสิ. อิทํ กิร านํ สพฺพพุทฺธานํ อวิชหิตฏฺานเมว.

อิติ มหาโพธิมณฺเฑ สพฺพฺุตปฺปตฺติโต ยาว มหาปรินิพฺพานมฺจา ยสฺมึ ยสฺมึ าเน ภควา วิหาสิ, อิทํ สนฺติเกนิทานํ นามาติ เวทิตพฺพํ.

สนฺติเกนิทานกถา นิฏฺิตา.

นิทานกถา นิฏฺิตา.

เถราปทานํ