📜

๒๐. ตมาลปุปฺผิยวคฺโค

๑-๑๐. ตมาลปุปฺผิยตฺเถรอปทานาทิวณฺณนา

วีสติเม วคฺเค ปมตฺเถราปทานํ อุตฺตานเมว.

. ทุติยตฺเถราปทาเน ยํ ทายวาสิโก อิสีติ อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา วเน วสนภาเวน ทายวาสิโก อิสีติ สงฺขํ คโต, อตฺตโน อนุกมฺปาย ตํ วนํ อุปคตสฺส สิทฺธตฺถสฺส สตฺถุโน วสนมณฺฑปจฺฉาทนตฺถาย ยํ ติณํ, ตํ ลายติ ฉินฺทตีติ อตฺโถ. ทพฺพฉทนํ กตฺวา อเนเกหิ ขุทฺทกทณฺฑเกหิ มณฺฑปํ กตฺวา ตํ ติเณน ฉาเทตฺวา สิทฺธตฺถสฺส ภควโต อหํ อทาสึ ปูเชสินฺติ อตฺโถ.

. สตฺตาหํ ธารยุํ ตตฺถาติ ตํ มณฺฑปํ ตตฺถ ิตา เทวมนุสฺสา สตฺตาหํ นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา นิสินฺนสฺส สตฺถุโน ธารยุํ ธาเรสุนฺติ อตฺโถ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมวาติ.

ตติยตฺเถรสฺส อปทาเน ขณฺฑผุลฺลิยตฺเถโรติ เอตฺถ ขณฺฑนฺติ กฏฺานํ ชิณฺณตฺตา ฉินฺนภินฺนฏฺานํ, ผุลฺลนฺติ กฏฺานํ ชิณฺณฏฺาเน กณฺณกิตมหิจฺฉตฺตกาทิปุปฺผนํ, ขณฺฑฺจ ผุลฺลฺจ ขณฺฑผุลฺลานิ, ขณฺฑผุลฺลานํ ปฏิสงฺขรณํ ปุนปฺปุนํ ถิรกรณนฺติ ขณฺฑผุลฺลปฏิสงฺขรณํ. อิมสฺส ปน เถรสฺส สมฺภารปูรณกาเล ผุสฺสสฺส ภควโต เจติเย ฉินฺนภินฺนฏฺาเน สุธาปิณฺฑํ มกฺเขตฺวา ถิรกรณํ ขณฺฑผุลฺลปฏิสงฺขรณํ นาม. ตสฺมา โส ขณฺฑผุลฺลิโย เถโรติ ปากโฏ อโหสิ. ตติยํ.

๑๗. จตุตฺถตฺเถรสฺสาปทาเน รฺโ พทฺธจโร อหนฺติ รฺโ ปริจารโก กมฺมการโก อโหสินฺติ อตฺโถ.

๑๙. ชลชุตฺตมนามิโนติ ชเล อุทเก ชาตํ ชลชํ, กึ ตํ ปทุมํ, ปทุเมน สมานนามตฺตา ปทุมุตฺตรสฺส ภควโตติ อตฺโถ. อุตฺตมปทุมนามสฺส ภควโตติ วา อตฺโถ. จตุตฺถํ.

ปฺจมํ อุตฺตานตฺถเมว.

๒๘. ฉฏฺเ นคเร ทฺวารวติยาติ มหาทฺวารวาตปานกวาฏผลกาหิ วติปาการฏฺฏาลโคปุรกทฺทโมทกปริขาหิ จ สมฺปนฺนํ นครนฺติ ทฺวารวตีนครํ, ทฺวารํ วติฺจ ปธานํ กตฺวา นครสฺส อุปลกฺขิตตฺตา ‘‘ทฺวารวตี นคร’’นฺติ โวหรนฺตีติ นคเร ทฺวารวติยาติ วุตฺตํ. มาลาวจฺโฉ ปุปฺผาราโม มม อโหสีติ อตฺโถ.

๓๑. เต กิสลยาติ เต อโสกปลฺลวา. ฉฏฺํ.

สตฺตมฏฺมนวมานิ อุตฺตานตฺถาเนว. ทสเมปิ อปุพฺพํ นตฺถีติ.

วีสติมวณฺณนา สมตฺตา.