📜

๕๕. ภทฺทิยวคฺโค

๑. ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรอปทานวณฺณนา

ปฺจปฺาสมวคฺเค ปมาปทาเน ปทุมุตฺตโร นาม ชิโนติอาทิกํ อายสฺมโต ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรสฺส อปทานํ. อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยานิ ปุฺานิ อุปจินนฺโต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร มหาโภคกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต สตฺถุ ธมฺมํ สุณนฺโต นิสินฺโน สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ มฺชุสฺสรานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา สยมฺปิ ตํ านนฺตรํ ปตฺเถนฺโต พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สปฺปิสกฺขราทิมธุรรสสมฺมิสฺสํ มหาทานํ ทตฺวา ‘‘อหมฺปิ, ภนฺเต, อนาคเต อยํ ภิกฺขุ วิย เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน มฺชุสฺสรานํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปณิธานํ อกาสิ. ภควา ตสฺส อนนฺตรายํ ทิสฺวา พฺยากริตฺวา ปกฺกามิ.

โส ยาวตายุกํ ปุฺานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อุภยสมฺปตฺติโย อนุภวิตฺวา ผุสฺสภควโต กาเล จิตฺรโกกิโล หุตฺวา นิพฺพตฺโต ราชุยฺยานโต มธุรํ อมฺพผลํ ตุณฺเฑนาทาย คจฺฉนฺโต สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ‘‘ทสฺสามิ พุทฺธสฺสา’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ. สตฺถา ตสฺส จิตฺตาจารํ ตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา นิสีทิ. โกกิโล ทสพลสฺส ปตฺเต อมฺพปกฺกํ เปสิ. สตฺถา ตสฺส โสมนสฺสุปฺปาทนตฺถํ ตสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว ตํ ปริภุฺชิ. อถ โส โกกิโล ปสนฺนมานโส เตเนว ปีติสุเขน สตฺตาหํ วีตินาเมสิ. เตเนว ปุฺกมฺเมน อุปฺปนฺนุปฺปนฺนภเว มฺชุสฺสโร อโหสิ. กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล วฑฺฒกิกุเล นิพฺพตฺเตตฺวา เชฏฺกวฑฺฒกี หุตฺวา ปากโฏ อโหสิ. ปรินิพฺพุเต ภควติ ตสฺส สรีรธาตุโย นิทหิตุํ สตฺตโยชนปฺปมาเณ ถูเป อารทฺเธ โส อาห – ‘‘โยชนาวฏฺฏํ โยชนุพฺเพธํ กโรมา’’ติ. เต สพฺเพ ตสฺส วจเน อฏฺํสุ. อิติ อปฺปมาณสฺส พุทฺธสฺส โอรปฺปมาณํ เจติยํ กาเรสิ, เตน กมฺเมน นิพฺพตฺตฏฺาเน อฺเหิ หีนปฺปมาโณ อโหสิ. โส อมฺหากํ ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา อติรสฺสตาย จ สุวณฺณปฏิมา วิย สุนฺทรสรีรตาย จ ลกุณฺฑกภทฺทิโยติ ปฺายิตฺถ. โส อปรภาเค สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา พหุสฺสุโต ธมฺมกถิโก หุตฺวา มธุเรน สเรน ปเรสํ ธมฺมํ กเถสิ.

อเถกสฺมึ อุสฺสวทิวเส เอเกน พฺราหฺมเณน สทฺธึ รเถน คจฺฉนฺตี เอกา คณิกา เถรํ ทิสฺวา ทนฺตวิทํสกํ หสิ. เถโร ตสฺสา ทนฺตฏฺิเก นิมิตฺตํ คเหตฺวา ฌานํ อุปฺปาเทตฺวา ตํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อนาคามี อโหสิ, โส อภิณฺหํ กายคตาย สติยา วิหรนฺโต เอกทิวสํ อายสฺมตา ธมฺมเสนาปตินา โอวทิยมาโน อนุสาสิยมาโน อรหตฺเต ปติฏฺหิ. เอกจฺเจ ภิกฺขู จ สามเณรา จ ตสฺส อรหตฺตปฺปตฺตภาวํ อชานนฺโต กณฺเณสุ คเหตฺวา กฑฺฒนฺติ, สีเส พาหาย หตฺถปาทาทีสุ วา คเหตฺวา จาเลตฺวา กีฬนฺตา วิเหเสุํ. อถ ภควา สุตฺวา – ‘‘มา, ภิกฺขเว, มม ปุตฺตํ วิเหเถา’’ติ อาห. ตโต ปฏฺาย ตํ ‘‘อรหา’’ติ ชานิตฺวา น วิเหเสุํ.

๑๒. โส อรหา หุตฺวา สฺชาตโสมนสฺโส อตฺตโน ปุพฺพจริตาปทานํ ปกาเสนฺโต ปทุมุตฺตโร นาม ชิโนติอาทิมาห. มฺชุนาภินิกูชหนฺติ มธุเรน เปมนิเยน สเรน อภินิกูชึ สทฺทํ นิจฺฉาเรสึ อหนฺติ อตฺโถ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมวาติ.

ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรอปทานวณฺณนา สมตฺตา.

๒. กงฺขาเรวตตฺเถรอปทานวณฺณนา

๓๔. ทุติยาปทาเน ปทุมุตฺตโร นาม ชิโนติอาทิกํ อายสฺมโต กงฺขาเรวตตฺเถรสฺส อปทานํ. อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยานิ ปุฺานิ อุปจินนฺโต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺโต, ตํ สพฺพํ ปาานุสาเรน สุวิฺเยฺยเมวาติ.

กงฺขาเรวตตฺเถรอปทานวณฺณนา สมตฺตา.

๓. สีวลิตฺเถรอปทานวณฺณนา

ตติยาปทาเน ปทุมุตฺตโร นาม ชิโนติอาทิกํ อายสฺมโต สีวลิตฺเถรสฺส อปทานํ. อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยานิ ปุฺานิ อุปจินนฺโต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺโต เหฏฺา วุตฺตนเยน วิหารํ คนฺตฺวา ปริสาย ปริยนฺเต ิโต ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ลาภีนํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยาปิ อนาคเต เอวรูเปน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ทสพลํ นิมนฺเตตฺวา สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิมินา อธิการกมฺเมน น อฺํ สมฺปตฺตึ ปตฺเถมิ, อนาคเต ปน เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน อหมฺปิ ตุมฺเหหิ โส เอตทคฺเค ปิตภิกฺขุ วิย ลาภีนํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. สตฺถา ตสฺส อนนฺตรายตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ เต ปตฺถนา อนาคเต โคตมสฺส พุทฺธสฺส สนฺติเก สมิชฺฌิสฺสตี’’ติ พฺยากริตฺวา ปกฺกามิ. โส กุลปุตฺโต ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ อุภยสมฺปตฺติโย อนุภวิตฺวา วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล พนฺธุมตีนครโต อวิทูเร เอกสฺมึ คามเก นิพฺพตฺติ, ตสฺมึ สมเย พนฺธุมตีนครวาสิโน รฺา สทฺธึ สากจฺฉิตฺวา ทสพลสฺส ทานํ อทํสุ.

เอกทิวสํ สพฺเพ เอกโต หุตฺวา ทานํ เทนฺตา ‘‘กึ นุ โข อมฺหากํ ทานคฺเค นตฺถี’’ติ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๐๗; เถรคา. อฏฺ. ๑.๕๙ สีวลิตฺเถรคาถาวณฺณนา) โอโลเกนฺตา มธุฺจ คุฬทธิฺจ นาทฺทสํสุ. เต ‘‘ยโต กุโตจิ อาหริสฺสามา’’ติ ชนปทโต นครปวิสนมคฺเคสุ ปุริเส เปสุํ. ตทา เอส กุลปุตฺโต อตฺตโน คามโต คุฬทธิวารกํ คเหตฺวา ‘‘กิฺจิเทว อาหริสฺสามี’’ติ นครํ คจฺฉนฺโต ‘‘มุขํ โธวิตฺวา โธตหตฺถปาโท ปวิสิสฺสามี’’ติ ผาสุกฏฺานํ โอโลเกนฺโต นงฺคลสีสปฺปมาณํ นิมฺมกฺขิกทณฺฑกมธุํ ทิสฺวา ‘‘ปุฺเน เม อิทํ อุปฺปนฺน’’นฺติ คเหตฺวา นครํ ปาวิสิ. นาคเรหิ ปิตปุริโส ตํ ทิสฺวา, ‘‘มาริส, กสฺส อิมํ หรสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘น กสฺสจิ, สามิ, วิกฺกายิกํ เม อิท’’นฺติ. ‘‘เตน หิ อิมํ กหาปณํ คเหตฺวา เอตํ มธุฺจ คุฬทธิฺจ เทหี’’ติ.

โส จินฺเตสิ – ‘‘อิทํ เม น พหุํ อคฺฆติ, อยฺจ เอกปฺปหาเรเนว พหุํ เทติ, วีมํสิสฺสามี’’ติ. ตโต นํ อาห – ‘‘นาหํ เอกกหาปเณน เทมี’’ติ. ‘‘ยทิ เอวํ ทฺเว กหาปเณ คเหตฺวา เทหี’’ติ. ‘‘ทฺวีหิปิ น เทมี’’ติ. เอเตนุปาเยน วฑฺเฒตฺวา ยาว สหสฺสํ ปาปุณิ, โส จินฺเตสิ – ‘‘อติอฺฉิตุํ น วฏฺฏติ, โหตุ ตาว อิมินา กตฺตพฺพกมฺมํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ . อถ นํ อาห – ‘‘น อิทํ พหุอคฺฆนกํ, ตฺวํ ปน พหุํ เทสิ, เกน กมฺเมน อิทํ คณฺหสี’’ติ. ‘‘อิธ, โภ, นครวาสิโน รฺา สทฺธึ ปฏิวิรุชฺฌิตฺวา วิปสฺสิสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ทานํ เทนฺตา อิทํ ทฺวยํ ทานคฺเค อปสฺสนฺตา มํ ปริเยสาเปนฺติ. สเจ อิทํ ทฺวยํ น ลภิสฺสนฺติ, นาครานํ ปราชโย ภวิสฺสติ. ตสฺมา สหสฺสํ ทตฺวา คณฺหามี’’ติ. ‘‘กึ ปเนตํ นาครานํ เอว วฏฺฏติ, อุทาหุ อฺเสมฺปิ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘ยสฺส กสฺสจิ ทาตุํ อวาริตเมต’’นฺติ. ‘‘อตฺถิ ปน โกจิ นาครานํ ทาเน เอกทิวสํ สหสฺสํ ทาตา’’ติ? ‘‘นตฺถิ, สมฺมา’’ติ. ‘‘อิเมสํ เม ทฺวินฺนํ สหสฺสคฺฆนกภาวํ ชานาสี’’ติ? ‘‘อาม, ชานามี’’ติ. ‘‘เตน หิ คจฺฉ, นาครานํ อาโรเจหิ – ‘เอโก ปุริโส อิมานิ ทฺเว มูเลน น เทติ, ตุมฺเหหิ สทฺธึ สหตฺเถเนว ทาตุกาโม, ตุมฺเห อิเมสํ ทฺวินฺนํ การณา นิพฺพิตกฺกา โหถา’’ติ. ‘‘ตฺวํ อิมสฺมึ ทาเน เชฏฺกภาคสฺส กายสกฺขี โหหี’’ติ วตฺวา คโต. โส ปน กุลปุตฺโต คามโต ปริพฺพยตฺถํ คหิตกหาปเณน ปฺจกฏุกํ คเหตฺวา จุณฺณํ กตฺวา ทธิโต กฺจิยํ วาเหตฺวา ตตฺถ มธุปฏลํ ปีเฬตฺวา ปฺจกฏุกจุณฺเณน โยเชตฺวา ปทุมินิปตฺเต ปกฺขิปิตฺวา ตํ สํวิทหิตฺวา อาทาย ทสพลสฺส อวิทูเร นิสีทิ. มหาชเนหิ อาหริยมานสฺส สกฺการสฺส อนฺตเร อตฺตโน ปตฺตวารํ โอโลเกนฺโต โอกาสํ ตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อยํ เม ทุคฺคตสกฺกาโร, อิมํ เม อนุกมฺปํ ปฏิจฺจ ปฏิคฺคณฺหถา’’ติ. สตฺถา ตสฺสานุกมฺปํ ปฏิจฺจ จตุมหาราเชหิ ทตฺติเยน เสลมยปตฺเตน ตํ ปฏิคฺคเหตฺวา ยถา อฏฺสฏฺิยา ภิกฺขุสตสหสฺสสฺส ทิยฺยมานํ น ขียติ, เอวํ อธิฏฺาสิ.

โส กุลปุตฺโต นิฏฺิตภตฺตกิจฺจํ ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน อาห – ‘‘ทิฏฺโ เม, ภนฺเต ภควา, อชฺช พนฺธุมตีนครวาสีหิ ตุมฺหากํ สกฺกาโร อาหริยมาโน, อหมฺปิ อิมสฺส นิสฺสนฺเทน นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตภเว ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต ภเวยฺย’’นฺติ. สตฺถา ‘‘เอวํ โหตุ กุลปุตฺตา’’ติ วตฺวา ตสฺส จ นครวาสีนฺจ ภตฺตานุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิ. โส กุลปุตฺโต ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สุปฺปวาสาย ราชธีตุยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตสฺส ปฏิสนฺธิคฺคหณกาลโต ปฏฺาย สายํ ปาตฺจ ปฺจปณฺณาการสตานิ สุปฺปวาสาย อุปนียนฺติ. อถสฺส สา ปุฺวีมํสนตฺถํ หตฺเถน พีชปจฺฉึ ผุสาเปนฺตี อฏฺาสิ. เอเกกพีชโต สลากสตํ สลากสหสฺสมฺปิ นิคฺคจฺฉติ, เอเกกกรีสเขตฺตโต ปณฺณาสมฺปิ สฏฺิปิ สกฏปมาณานิ อุปฺปชฺชนฺติ. โกฏฺปูรณกาเลปิสฺสา โกฏฺทฺวารํ หตฺเถน ผุสนฺติยา ราชธีตาย ปุฺเน คณฺหนฺตานํ คหิตคหิตํ ปุน ปูรติ. ปริปุณฺณภตฺตกุมฺภิโตปิ ‘‘ราชธีตาย ปุฺ’’นฺติ วตฺวา ยสฺส กสฺสจิ เทนฺตา นํ ยาว น อุกฺกฑฺฒนฺติ, น ตาว ภตฺตํ ขียติ. ทารเก กุจฺฉิคเตเยว สตฺต วสฺสานิ อติกฺกมึสุ.

คพฺเภ ปน ปริปกฺเก สตฺตาหํ มหาทุกฺขํ อนุโภสิ. สา สามิกํ อามนฺเตตฺวา – ‘‘ปุเร มรณา ชีวมานา ทานํ ทสฺสามี’’ติ สตฺถุ สนฺติกํ เปเสสิ – ‘‘คจฺฉ, สามิ, อิมํ ปวตฺตึ สตฺถุ อาโรเจตฺวา สตฺถารํ นิมนฺเตหิ, ยฺจ สตฺถา วทติ, ตํ สาธุกํ อุปลกฺเขตฺวา อาคนฺตฺวา มยฺหํ กเถหี’’ติ. โส คนฺตฺวา ตสฺสา สาสนํ สตฺถุ อาโรเจสิ – ‘‘สตฺถุ ภนฺเต, โกฬิยธีตา ปาเท วนฺทตี’’ติ. สตฺถา ตสฺสา อนุกมฺปํ ปฏิจฺจ – ‘‘สุขินี โหตุ สุปฺปวาสา โกฬิยธีตา อโรคา, อโรคํ ปุตฺตํ วิชายตู’’ติ อาห. โส ตํ สุตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา อตฺตโน คามาภิมุโข ปายาสิ. ตสฺส ปุเร อาคมนาเยว สุปฺปวาสาย กุจฺฉิโต ธมฺมกรณโต อุทกํ วิย คพฺโภ นิกฺขมิ, ปริวาเรตฺวา นิสินฺนชโน อสฺสุมุโข โรทิตุํ อารทฺโธ หฏฺตุฏฺโว ตสฺสา สามิกสฺส ตุฏฺิสาสนํ อาโรเจตุํ อคมาสิ. โส เตสํ อิงฺคิตํ ทิสฺวา – ‘‘ทสพเลน กถิตกถา นิปฺผนฺนา ภวิสฺสติ มฺเ’’ติ จินฺเตสิ. โส อาคนฺตฺวา สตฺถุ กถํ ราชธีตาย กเถสิ. ราชธีตา ตยา นิมนฺติตํ ชีวภตฺตเมว มงฺคลภตฺตํ ภวิสฺสติ, คจฺฉ สตฺตาหํ ทสพลํ นิมนฺเตหีติ. โส ตถา อกาสิ. สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ปวตฺตยึสุ. โส ทารโก าตีนํ สนฺตตฺตจิตฺตํ นิพฺพาเปนฺโต สีตลภาวํ กุรุมาโน ชาโตติ, สีวลิตฺเวว นามํ กรึสุ. โส สตฺต วสฺสานิ คพฺเภ วสิตตฺตา ชาตกาลโต ปฏฺาย สพฺพกมฺมกฺขโม อโหสิ. ธมฺมเสนาปติ สาริปุตฺตตฺเถโร สตฺตเม ทิวเส เตน สทฺธึ กถาสลฺลาปมกาสิ. สตฺถาปิ อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘โยมํ ปลิปถํ ทุคฺคํ, สํสารํ โมหมจฺจคา;

ติณฺโณ ปารงฺคโต ฌายี, อเนโช อกถํกถี;

อนุปาทาย นิพฺพุโต, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ. (ธ. ป. ๔๑๔; สุ. นิ. ๖๔๓);

อถ นํ เถโร เอวมาห – ‘‘กึ ปน ตยา เอวรูปํ ทุกฺขํ อนุภวิตฺวา ปพฺพชิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘ลภนฺโต ปพฺพเชยฺยํ, ภนฺเต’’ติ. สุปฺปวาสา ตํ เถเรน สทฺธึ กเถนฺตํ ทิสฺวา – ‘‘กึ นุ โข เม ปุตฺโต ธมฺมเสนาปตินา กเถตี’’ติ เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘มยฺหํ ปุตฺโต ตุมฺเหหิ สทฺธึ กึ กเถติ, ภนฺเต’’ติ? อตฺตนา อนุภุตฺตคพฺภวาสทุกฺขํ กเถตฺวา – ‘‘ตุมฺเหหิ อนุฺาโต ปพฺพชิสฺสามี’’ติ วทตีติ. ‘‘สาธุ ภนฺเต, ปพฺพาเชถ น’’นฺติ. เถโร ตํ วิหารํ เนตฺวา ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ ทตฺวา ปพฺพาเชนฺโต, ‘‘สีวลิ , ตุยฺหํ อฺเน โอวาเทน กมฺมํ นตฺถิ, ตยา สตฺต วสฺสานิ อนุภุตฺตทุกฺขเมว ปจฺจเวกฺขาหี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, ปพฺพชฺชาเยว ตุมฺหากํ ภาโร, ยํ ปน มยา สกฺกา กาตุํ, ตมหํ ชานิสฺสามี’’ติ. โส ปน ปมเกสวฏฺฏิยา โอโรปิตกฺขเณเยว โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ, ทุติยาย โอโรปิตกฺขเณ สกทาคามิผเล, ตติยาย อนาคามิผเล ปติฏฺาสิ. สพฺเพสํเยว เกสานํ โอโรปนฺจ อรหตฺตผลสจฺฉิกิริยา จ อปุเร อปจฺฉา อโหสิ.

อถ ภิกฺขุสงฺเฆ กถา อุทปาทิ – ‘‘อโห เอวํ ปุฺวาปิ เถโร สตฺตมาสาธิกานิ สตฺต สํวจฺฉรานิ มาตุคพฺเภ วสิตฺวา สตฺต ทิวสานิ มูฬฺหคพฺเภ วสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา – ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา – ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต – ‘‘น, ภิกฺขเว, อิมินา กุลปุตฺเตน อิมาย ชาติยา กตกมฺม’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริตฺวา อตีเต, ภิกฺขเว, พุทฺธุปฺปาทโต ปุเรตรเมว เอส กุลปุตฺโต พาราณสิยํ ราชกุเล นิพฺพตฺโต, ปิตุ อจฺจเยน รชฺเช ปติฏฺาย วิภวสมฺปนฺโน ปากโฏ อโหสิ. ตทา เอโก ปจฺจนฺตราชา ‘‘รชฺชํ คณฺหิสฺสามี’’ติ อาคนฺตฺวา นครํ อุปรุนฺธิตฺวา ขนฺธาวารํ กาเรตฺวา วิหาสิ. อถ ราชา มาตุยา สทฺธึ สมานจฺฉนฺโท หุตฺวา สตฺตาหํ ขนฺธาวารนคเร จตูสุ ทิสาสุ ทฺวารํ ปิธาเปสิ, นิกฺขมนฺตานํ ปวิสนฺตานฺจ ทฺวารมูฬฺหํ อโหสิ. อถ มิคทายวิหาเร ปจฺเจกพุทฺธา อุคฺโฆเสสุํ. ราชา สุตฺวา ทฺวารํ วิวราเปสีติ. ปจฺจนฺตราชาปิ ปลายิ. โส เตน กมฺมวิปาเกน นรกาทีสุ ทุกฺขมนุภวิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชกุเล นิพฺพตฺโตปิ มาตุยา สทฺธึ อิมํ เอวรูปํ ทุกฺขมนุภวิ. ตสฺส ปน ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย ภิกฺขุสงฺฆสฺส จตฺตาโร ปจฺจยา ยทิจฺฉกํ อุปฺปชฺชนฺติ. เอวํ เอตฺถ วตฺถุ สมุฏฺิตํ.

อปรภาเค สตฺถา สาวตฺถึ อคมาสิ. เถโร ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ ปุฺพลํ วีมํสิสฺสามิ, ปฺจภิกฺขุสตานิ เทถา’’ติ. ‘‘คณฺห, สีวลี’’ติ. โส ปฺจสเต ภิกฺขู คเหตฺวา หิมวนฺตาภิมุขํ คจฺฉนฺโต อฏวิมคฺคํ คจฺฉติ. ตสฺส ปมํ ทิฏฺนิคฺโรเธ อธิวตฺถา เทวตา สตฺต ทิวสานิ ทานํ อทาสิ. อิติ โส –

‘‘นิคฺโรธํ ปมํ ปสฺสิ, ทุติยํ ปณฺฑวปพฺพตํ;

ตติยํ อจิรวติยํ, จตุตฺถํ วรสาครํ.

‘‘ปฺจมํ หิมวนฺตํ โส, ฉฏฺํ ฉทฺทนฺตุปาคมิ;

สตฺตมํ คนฺธมาทนํ, อฏฺมํ อถ เรวต’’นฺติ. (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๐๗; เถรคา. อฏฺ. ๑.๕๙ สีวลิตฺเถรคาถาวณฺณนา) –

สพฺพฏฺาเนสุ สตฺต สตฺต ทิวสาเนว ทานํ อทํสุ. คนฺธมาทนปพฺพเต ปน นาคทตฺตเทวราชา สตฺตสุ ทิวเสสุ เอกทิวสํ ขีรปิณฺฑปาตํ อทาสิ, เอกทิวสํ สปฺปิปิณฺฑปาตํ อทาสิ. อถ นํ ภิกฺขุสงฺโฆ อาห – ‘‘อาวุโส, อิมสฺส เทวรฺโ เนว เธนุโย ทุยฺหมานา ปฺายนฺติ, น ทธินิมฺมถนํ, กุโต เต, เทวราช, อิทํ อุปฺปชฺชตี’’ติ? ‘‘ภนฺเต, กสฺสปทสพลสฺส กาเล ขีรสลากภตฺตทานสฺเสตํ ผล’’นฺติ เทวราชา อาห.

อปรภาเค สตฺถา ขทิรวนิยเรวตตฺเถรสฺส ปจฺจุคฺคมนํ อกาสิ. กถํ? อถายสฺมา สาริปุตฺโต สตฺถารํ อาห – ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ กิร กนิฏฺภาตา เรวโต ปพฺพชิโต, โส อภิรเมยฺย วา น วา, คนฺตฺวา นํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ. ภควา เรวตสฺส อารทฺธวิปสฺสกภาวํ ตฺวา ทฺเว วาเร ปฏิกฺขิปิตฺวา ตติยวาเร ยาจิโต อรหตฺตปฺปตฺตภาวํ ตฺวา – สาริปุตฺต, อหมฺปิ คมิสฺสามิ ภิกฺขูนํ อาโรเจหีติ. เถโร ภิกฺขู สนฺนิปาตาเปตฺวา – ‘‘อาวุโส, สตฺถา จาริกํ จริตุกาโม, คนฺตุกามา อาคจฺฉนฺตู’’ติ สพฺเพสํเยว อาโรเจสิ. ทสพลสฺส จาริกตฺถาย คมนกาเล โอหิยฺยมานกภิกฺขู นาม อปฺปกา โหนฺติ, ‘‘สตฺถุ สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ ปสฺสิสฺสาม, มธุรธมฺมกถํ วา สุณิสฺสามา’’ติ เยภุยฺเยน คนฺตุกามา พหุตราว โหนฺติ. อิติ สตฺถา มหาภิกฺขุสงฺฆปริวาโร ‘‘เรวตํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ นิกฺขนฺโต.

อเถกสฺมึ ปเทเส อานนฺทตฺเถโร ทฺเวธาปถํ ปตฺวา ภควนฺตํ ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมึ าเน ทฺเวธาปโถ, กตรมคฺเคน ภิกฺขุสงฺโฆ คจฺฉตู’’ติ? ‘‘กตรมคฺโค, อานนฺท, อุชุโก’’ติ? ‘‘ภนฺเต, อุชุมคฺโค ตึสโยชนิโก อมนุสฺสปโถ. ปริหารมคฺโค ปน สฏฺิโยชนิโก เขโม สุภิกฺโข’’ติ. ‘‘อานนฺท, สีวลิ, อมฺเหหิ สทฺธึ อาคโต’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, อาคโต’’ติ. ‘‘เตน หิ สงฺโฆ อุชุมคฺคเมว คจฺฉตุ, สีวลิสฺส ปุฺํ วีมํสิสฺสามา’’ติ. สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆปริวาโร สีวลิตฺเถรสฺส ปุฺวีมํสนตฺถํ ตึสโยชนมคฺคํ อภิรุหิ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๐๓).

มคฺคํ อภิรุหนฏฺานโต ปฏฺาย เทวสงฺโฆ โยชเน โยชเน าเน นครํ มาเปตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส วสนตฺถาย วิหาเร ปฏิยาเทสิ. เทวปุตฺตา รฺา เปสิตกมฺมการา วิย หุตฺวา ยาคุขชฺชกาทีนิ คเหตฺวา – ‘‘กหํ, อยฺโย สีวลี’’ติ ปุจฺฉนฺตา คจฺฉนฺติ. เถโร สกฺการสมฺมานํ คาหาเปตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คจฺฉติ. สตฺถา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปริภุฺชิ. อิมินาว นิยาเมน สตฺถา สกฺการํ อนุภวนฺโต เทวสิกํ โยชนปรมํ คนฺตฺวา ตึสโยชนิกํ กนฺตารํ อติกฺกมฺม ขทิรวนิยเรวตตฺเถรสฺส วสนฏฺานํ ปตฺโต, เถโร สตฺถุ อาคมนํ ตฺวา อตฺตโน วสนฏฺาเน พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปโหนกวิหาเร ทสพลสฺส คนฺธกุฏึ รตฺติฏฺานทิวาฏฺานานิ จ อิทฺธิยา มาเปตฺวา ตถาคตสฺส ปจฺจุคฺคมนํ คโต. สตฺถา อลงฺกตปฏิยตฺเตน มคฺเคน วิหารํ ปาวิสิ. อถ ตถาคเต คนฺธกุฏึ ปวิฏฺเ ภิกฺขู วสฺสคฺเคน ปตฺตเสนาสนานิ ปวิสึสุ. เทวตา ‘‘อกาโล อาหารสฺสา’’ติ อฏฺวิธํ ปานกํ อาหรึสุ. สตฺถา สงฺเฆน สทฺธึ ปานกํ ปิวิ. อิมินา นิยาเมเนว ตถาคตสฺส สกฺการสมฺมานํ อนุภวนฺตสฺเสว อทฺธมาโส อติกฺกนฺโต.

อเถกจฺเจ อุกฺกณฺิตภิกฺขู เอกสฺมึ าเน นิสีทิตฺวา กถํ อุปฺปาทยึสุ – ‘‘ทสพโล ‘มยฺหํ อคฺคสาวกสฺส กนิฏฺภาตา’ติ วตฺวา เอวรูปํ นวกมฺมิกํ ภิกฺขุํ ปสฺสิตุํ อาคโต, อิมสฺส วิหารสฺส สนฺติเก เชตวนวิหาโร วา เวฬุวนวิหาราทโย วา กึ กริสฺสนฺติ? อยมฺปิ ภิกฺขุ เอวรูปสฺส นวกมฺมสฺส การโก, กึ นาม สมณธมฺมํ กริสฺสตี’’ติ? อถ สตฺถา จินฺเตสิ – ‘‘มยิ อิธ จิรํ วสนฺเต อิทํ านํ อากิณฺณํ ภวิสฺสติ, อารฺกา นาม ภิกฺขู ปวิเวกตฺถิกา โหนฺติ, เรวตสฺส ผาสุวิหาโร น ภวิสฺสตี’’ติ. ตโต เถรสฺส ทิวาฏฺานํ คโต. เถโรปิ เอกโกว จงฺกมนโกฏิยํ อาลมฺพนผลกํ นิสฺสาย ปาสาณผลเก นิสินฺโน สตฺถารํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา วนฺทิ.

อถ นํ สตฺถา ปุจฺฉิ – ‘‘เรวต, อิทํ วาฬมิคฏฺานํ, จณฺฑานํ หตฺถิอสฺสาทีนํ สทฺทํ สุตฺวา กึ กโรสี’’ติ? ‘‘เตสํ เม, ภนฺเต, สทฺทํ สุณโต อรฺปีติ นาม อุปฺปนฺนา’’ติ. สตฺถา อิมสฺมึ าเน เรวตตฺเถรสฺส ปฺจหิ คาถาสเตหิ อรฺานิสํสํ นาม กเถตฺวา ปุนทิวเส อวิทูรฏฺาเน ปิณฺฑาย จริตฺวา เรวตตฺเถรํ อามนฺเตตฺวา เยหิ ภิกฺขูหิ เถรสฺส อวณฺโณ กถิโต, เตสํ กตฺตรยฏฺิอุปาหนเตลนาฬิฉตฺตานํ ปมุสฺสนภาวมกาสิ. เต อตฺตโน ปริกฺขารตฺถาย นิวตฺตา อาคตมคฺเคเนว คจฺฉนฺตาปิ ตํ านํ สลฺลกฺเขตุํ น สกฺโกนฺติ. ปมฺหิ เต อลงฺกตปฏิยตฺเตน มคฺเคน คนฺตฺวา, ตํทิวสํ ปน วิสมมคฺเคน คจฺฉนฺตา ตสฺมึ ตสฺมึ าเน อุกฺกุฏิกํ นิสีทนฺตา ชณฺณุเกหิ คจฺฉนฺติ. เต คุมฺเพ จ คจฺเฉ จ กณฺฑเก จ มทฺทนฺตา อตฺตนา วสิตสภาคฏฺานํ คนฺตฺวา ตสฺมึ ตสฺมึ ขทิรขาณุเก ลคฺคิตํ อตฺตโน ฉตฺตํ สฺชานนฺติ, อุปาหนํ กตฺตรยฏฺึ เตลนาฬิฺจ สฺชานนฺติ. เต ตสฺมึ สมเย ‘‘อิทฺธิมา อยํ ภิกฺขู’’ติ ตฺวา อตฺตโน ปริกฺขารมาทาย ‘‘ทสพลสฺส ปฏิยตฺตสกฺกาโร นาม เอวรูโป โหตี’’ติ วทนฺตา อคมํสุ.

ปุรโต อาคเต ภิกฺขู, วิสาขา อุปาสิกา, อตฺตโน เคเห นิสินฺนกาเล ปุจฺฉิ – ‘‘มนาปํ นุ โข, ภนฺเต, เรวตสฺส วสนฏฺาน’’นฺติ? ‘‘มนาปํ, อุปาสิเก, นนฺทวนจิตฺตลตาวนปฏิภาคํ ตํ เสนาสน’’นฺติ. อถ เตสํ ปจฺฉโต อาคเต ภิกฺขู ปุจฺฉิ – ‘‘มนาปํ, อยฺยา, เรวตสฺส วสนฏฺาน’’นฺติ? ‘‘มา ปุจฺฉ, อุปาสิเก, กเถตุํ อยุตฺตฏฺานํ, เอตํ อุชฺชงฺคลสกฺขรปาสาณวิสมขทิรวนํ เอว, ตตฺถ โส ภิกฺขุ วสตี’’ติ.

วิสาขา ปุริมานํ ปจฺฉิมานฺจ ภิกฺขูนํ กถํ สุตฺวา, ‘‘เกสํ นุ โข กถา สจฺจา’’ติ ปจฺฉาภตฺตํ คนฺธมาลํ อาทาย ทสพลสฺส อุปฏฺานํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนา สตฺถารํ ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, เรวตตฺเถรสฺส วสนฏฺานํ เอกจฺเจ อยฺยา วณฺเณนฺติ, เอกจฺเจ นินฺทนฺติ, กิเมตํ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘วิสาเข, รมณิยํ วา โหตุ มา วา, ยสฺมึ าเน อริยานํ จิตฺตํ รมติ, ตเทว านํ รมณิยํ นามา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

‘‘คาเม วา ยทิ วารฺเ, นินฺเน วา ยทิ วา ถเล;

ยตฺถ อรหนฺโต วิหรนฺติ, ตํ ภูมิรามเณยฺยก’’นฺติ. (ธ. ป. ๙๘; เถรคา. ๙๙๑; สํ. นิ. ๑.๒๖๑);

อปรภาเค ภควา อริยคณมชฺเฌ นิสินฺโน เถรํ ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ลาภีนํ ยทิทํ, สีวลี’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๙๘, ๒๐๗) เอตทคฺเค เปสิ.

๕๔. อถายสฺมา สีวลิตฺเถโร อรหตฺตํ ปตฺวา ปตฺตเอตทคฺคฏฺาโน อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ สริตฺวา โสมนสฺสชาโต ปุพฺพจริตาปทานํ ปกาเสนฺโต ปทุมุตฺตโร นาม ชิโนติอาทิมาห. อนุตฺตานตฺถปทวณฺณนเมว กริสฺสาม.

๕๕. สีลํ ตสฺส อสงฺเขยฺยนฺติ ตสฺส ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต สีลํ อสงฺเขยฺยํ.

‘‘นว โกฏิสหสฺสานิ, อสีติสตโกฏิโย;

ปฺาสสตสหสฺสานิ, ฉตฺตึสา จ ปุนาปเร.

‘‘เอเต สํวรวินยา, สมฺพุทฺเธน ปกาสิตา;

เปยฺยาลมุเขน นิทฺทิฏฺา, สิกฺขาวินยสํวเร’’ติ. (วิสุทฺธิ. ๑.๒๐; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑.๑.๓๗) –

เอวํ วุตฺตสิกฺขาปทานิ ภิกฺขูนํ สาวกปฺตฺติวเสน วุตฺตานิ. ภควโต ปน สีลํ อสงฺเขยฺยเมว สํขาตุํ คเณตุํ อสกฺกุเณยฺยนฺติ อตฺโถ. สมาธิวชิรูปโม ยถา วชิรํ อินฺทนีลมณิเวฬุริยมณิผลิกมสารคลฺลาทีนิ รตนานิ วิชฺฌติ ฉิทฺทาวฉิทฺทํ กโรติ, เอวเมว ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต โลกุตฺตรมคฺคสมาธิ ปฏิปกฺขปจฺจนีกธมฺเม วิชฺฌติ ภินฺทติ สมุจฺฉินฺทตีติ อตฺโถ. อสงฺเขยฺยํ าณวรํ ตสฺส พุทฺธสฺส จตฺตาริ สจฺจานิ สตฺตตึสโพธิปกฺขิยธมฺเม สงฺขตาสงฺขตธมฺเม จ ชานิตุํ ปฏิวิชฺฌิตุํ สมตฺถํ สยมฺภูาณสพฺพฺุตฺาณาทิาณสมูหํ อสงฺเขยฺยํ, อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนาทิเภเทน สํขาวิรหิตนฺติ อตฺโถ. วิมุตฺติ จ อโนปมาติ สํกิเลเสหิ วิมุตฺตตฺตา โสตาปตฺติผลาทิกา จตสฺโส วิมุตฺติโย อนุปมา อุปมารหิตา ‘‘อิมา วิย ภูตา’’ติ อุปเมตุํ น สกฺกาติ อตฺโถ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมวาติ.

สีวลิตฺเถรอปทานวณฺณนา สมตฺตา.

๔. วงฺคีสตฺเถรอปทานวณฺณนา

จตุตฺถาปทาเน ปทุมุตฺตโร นาม ชิโนติอาทิกํ อายสฺมโต วงฺคีสตฺเถรสฺส อปทานํ. อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยานิ ปุฺานิ อุปจินนฺโต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร มหาโภคกุเล นิพฺพตฺโต วุทฺธิปฺปตฺโต ธมฺมํ โสตุํ คจฺฉนฺเตหิ นครวาสีหิ สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกภิกฺขุํ ปฏิภานวนฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา สตฺถุ อธิการกมฺมํ กตฺวา – ‘‘อหมฺปิ อนาคเต ปฏิภานวนฺตานํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ กตฺวา สตฺถารา พฺยากโต ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ อุภยสมฺปตฺติโย อนุภวิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา มาตุ ปริพฺพาชิกาภาเวน อปรภาเค ปริพฺพาชโกติ ปากโฏ วงฺคีโสติ จ ลทฺธนาโม ตโย เวเท อุคฺคณฺหิตฺวา ตโต อาจริยํ อาราเธตฺวา ฉวสีสชานนมนฺตํ นาม สิกฺขิตฺวา ฉวสีสํ นเขน อาโกเฏตฺวา – ‘‘อยํ สตฺโต อสุกโยนิยํ นิพฺพตฺโต’’ติ ชานาติ.

พฺราหฺมณา ‘‘อยํ อมฺหากํ ชิวิกาย มคฺโค’’ติ วงฺคีสํ คเหตฺวา คามนิคมราชธานิโย วิจรึสุ. วงฺคีโส ติวสฺสมตฺถเก มตานมฺปิ สีสํ อาหราเปตฺวา นเขน อาโกเฏตฺวา – ‘‘อยํ สตฺโต อสุกโยนิยํ นิพฺพตฺโต’’ติ วตฺวา มหาชนสฺส กงฺขาจฺเฉทนตฺถํ เต เต ชเน อาวาเหตฺวา อตฺตโน อตฺตโน คตึ กถาเปติ. เตน ตสฺมึ มหาชโน อภิปฺปสีทติ. โส ตํ นิสฺสาย มหาชนสฺส หตฺถโต สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ ลภติ. พฺราหฺมณา วงฺคีสํ อาทาย ยถารุจิ วิจรึสุ. วงฺคีโส สตฺถุ คุเณ สุตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตุกาโม อโหสิ. พฺราหฺมณา ‘‘สมโณ โคตโม มายาย ตํ อาวฏฺเฏสฺสตี’’ติ ปฏิกฺขิปึสุ.

วงฺคีโส เตสํ วจนํ อนาทิยิตฺวา, สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ปฏิสนฺถารํ กตฺวา, เอกมนฺตํ นิสีทิ. สตฺถา ตํ ปุจฺฉิ – ‘‘วงฺคีส, กิฺจิ สิปฺปํ ชานาตี’’ติ? ‘‘อาม, โภ โคตม, ฉวสีสมนฺตํ นาเมกํ ชานามิ, เตน ติวสฺสมตฺถเก มตานมฺปิ สีสํ นเขน อาโกเฏตฺวา นิพฺพตฺตฏฺานํ ชานามี’’ติ. อถ สตฺถา ตสฺส เอกํ นิรเย นิพฺพตฺตสฺส สีสํ, เอกํ มนุสฺเสสุ, เอกํ เทเวสุ, เอกํ ปรินิพฺพุตสฺส สีสํ อาหราเปตฺวา ทสฺเสสิ. โส ปมสีสํ อาโกเฏตฺวา, ‘‘โภ โคตม, อยํ สตฺโต นิรเย นิพฺพตฺโต’’ติ อาห. สาธุ วงฺคีส, สุฏฺุ ตยา ทิฏฺํ, ‘‘อยํ สตฺโต กุหึ นิพฺพตฺโต’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘มนุสฺสโลเก’’ติ. ‘‘อยํ กุหิ’’นฺติ? ‘‘เทวโลเก’’ติ. ติณฺณนฺนมฺปิ นิพฺพตฺตฏฺานํ กเถสิ. ปรินิพฺพุตสฺส ปน สีสํ นเขน อาโกเฏนฺโต เนว อนฺตํ น โกฏึ ปสฺสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘น สกฺโกสิ, วงฺคีสา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ปสฺสถ, โภ โคตม, อุปปริกฺขามิ ตาวาติ ปุนปฺปุนํ ปริวตฺเตตฺวาปิ พาหิรกมนฺเตน ขีณาสวสฺส สีสํ ชานิตุํ น สกฺโกติ. อถสฺส มตฺถกโต เสโท มุจฺจิ. โส ลชฺชิตฺวา ตุณฺหี อโหสิ’’. อถ นํ สตฺถา ‘‘กิลมสิ, วงฺคีสา’’ติ อาห. ‘‘อาม, โภ โคตม, อิมสฺส นิพฺพตฺตฏฺานํ ชานิตุํ น สกฺโกมิ. สเจ ตุมฺเห ชานาถ, กเถถา’’ติ. ‘‘วงฺคีส, อหํ เอตมฺปิ ชานามิ, อิโต อุตฺตริปิ ชานามี’’ติ วตฺวา –

‘‘จุตึ โย เวทิ สตฺตานํ, อุปปตฺติฺจ สพฺพโส;

อสตฺตํ สุคตํ พุทฺธํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.

‘‘ยสฺส คตึ น ชานนฺติ, เทวา คนฺธพฺพมานุสา;

ขีณาสวํ อรหนฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ. (ธ. ป. ๔๑๙-๔๒๐; สุ. นิ. ๖๔๘-๖๔๙) –

อิมา ทฺเว คาถาโย อภาสิ. โส เตน หิ, โภ โคตม, ตํ วิชฺชํ เม เทถาติ อปจิตึ ทสฺเสตฺวา สตฺถุ สนฺติเก นิสีทิ. สตฺถา ‘‘อมฺเหหิ สมานลิงฺคสฺส เทมา’’ติ อาห. วงฺคีโส ‘‘ยํ กิฺจิ กตฺวา มยา อิมํ มนฺตํ คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ พฺราหฺมเณ อุปคนฺตฺวา อาห – ‘‘ตุมฺเห มยิ ปพฺพชนฺเต มา จินฺตยิตฺถ, อหํ มนฺตํ อุคฺคณฺหิตฺวา สกลชมฺพุทีเป เชฏฺโก ภวิสฺสามิ, ตุมฺหากมฺปิ เตน ภทฺทเมว ภวิสฺสตี’’ติ โส มนฺตตฺถาย สตฺถุ สนฺติกํ อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. ตทา จ เถโร นิคฺโรธกปฺโป ภควโต สนฺติเก ิโต โหติ, ตํ ภควา อาณาเปสิ – ‘‘นิคฺโรธกปฺป, อิมํ ปพฺพาเชหี’’ติ. เถโร สตฺถุ อาณาย ตํ ปพฺพาเชตฺวา ‘‘มนฺตปริวารํ ตาว อุคฺคณฺหาหี’’ติ ทฺวตฺตึสาการกมฺมฏฺานํ วิปสฺสนากมฺมฏฺานฺจ อาจิกฺขิ. โส ทฺวตฺตึสาการกมฺมฏฺานํ สชฺฌายนฺโตว วิปสฺสนาย กมฺมฏฺานํ ปฏฺเปสิ. พฺราหฺมณา ตํ อุปสงฺกมิตฺวา – ‘‘กึ, โภ วงฺคีส, สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติเก สิปฺปํ อุคฺคหิต’’นฺติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘อาม สิกฺขิตํ’’. ‘‘เตน หิ เอหิ คมิสฺสามา’’ติ. ‘‘กึ สิปฺปสิกฺขเนน, คจฺฉถ ตุมฺเห น มยฺหํ ตุมฺเหหิ กตฺตพฺพกิจฺจ’’นฺติ. พฺราหฺมณา ‘‘ตฺวมฺปิ ทานิ สมณสฺส โคตมสฺส วสํ อาปนฺโน, มายาย อาวฏฺฏิโต, กึ มยํ ตว สนฺติเก กริสฺสามา’’ติ อาคตมคฺเคเนว ปกฺกมึสุ. วงฺคีโส วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ.

๙๖. เอวํ เถโร อรหตฺตํ ปตฺวา อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ สริตฺวา โสมนสฺสชาโต ปุพฺพจริตาปทานํ ปกาเสนฺโต ปทุมุตฺตโร นาม ชิโนติอาทิมาห. อนุตฺตานตฺถเมว วณฺณยิสฺสาม.

๙๙. ปภาหิ อนุรฺชนฺโตติ โส ปทุมุตฺตโร ภควา นีลปีตาทิฉพฺพณฺณปภาหิ รํสีหิ อนุรฺชนฺโต ชลนฺโต โสภยมาโน วิชฺโชตมาโนติ อตฺโถ. เวเนยฺยปทุมานิ โสติ ปทุมุตฺตรสูริโย อตฺตโน วจนสงฺขาเตน สูริยรํสิยา เวเนยฺยชนสงฺขาตปทุมานิ วิเสเสน โพเธนฺโต ปโพเธนฺโต อรหตฺตมคฺคาธิคเมน ผุลฺลิตานิ กโรตีติ อตฺโถ.

๑๐๐. เวสารชฺเชหิ สมฺปนฺโนติ –

‘‘อนฺตราเย จ นิยฺยาเน, พุทฺธตฺเต อาสวกฺขเย;

เอเตสุ จตุฏฺาเนสุ, พุทฺโธ สุฏฺุ วิสารโท’’ติ. –

เอวํ วุตฺตจตุเวสารชฺชาเณหิ สมฺปนฺโน สมงฺคีภูโต สมนฺนาคโตติ อตฺโถ.

๑๐๕. วาคีโส วาทิสูทโนติ วาทีนํ ปณฺฑิตชนานํ อีโส ปธาโน ‘‘วาทีโส’’ติ วตฺตพฺเพ ท-การสฺส ค-การํ กตฺวา เอวํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. สกตฺถปรตฺถวาทํ สูทติ ปคฺฆราเปติ ปากฏํ กโรตีติ วาทิสูทโน.

๑๑๐. มารมสนาติ ขนฺธมาราทโย ปฺจมาเร มสติ ปรามสติ วิทฺธํเสตีติ มารมสโน. ทิฏฺิสูทนาติ โวหารปรมตฺถสงฺขาตํ ทิฏฺิทสฺสนํ สูทติ ปคฺฆรํ ทีเปตีติ ทิฏฺิสูทโน.

๑๑๑. วิสฺสามภูมิ สนฺตานนฺติ สกลสํสารสาคเร สนฺตานํ กิลมนฺตานํ โสตาปตฺติมคฺคาทิอธิคมาปเนน วิสฺสมภูมิ วิสฺสมฏฺานํ วูปสมนฏฺานนฺติ อตฺโถ.

๑๓๒. ตโตหํ วิหตารมฺโภติ ตโต ปจฺเจกพุทฺธสฺส สรีรทสฺสเนน อหํ วิหตารมฺโภ วินฏฺสารมฺโภ, วินฏฺมาโน นิมฺมโท หุตฺวา ปพฺพชฺชํ สํ สุฏฺุ ยาจึ สํยาจึ อาโรเจสินฺติ อตฺโถ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมวาติ.

วงฺคีสตฺเถรอปทานวณฺณนา สมตฺตา.

๕. นนฺทกตฺเถรอปทานวณฺณนา

ปฺจมาปทาเน ปทุมุตฺตโร นาม ชิโนติอาทิกํ อายสฺมโต นนฺทกตฺเถรสฺส อปทานํ. อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโรติอาทิ สพฺพํ ปาานุสาเรน สุวิฺเยฺยเมวาติ.

นนฺทกตฺเถรอปทานวณฺณนา สมตฺตา.

๖. กาฬุทายิตฺเถรอปทานวณฺณนา

ฉฏฺาปทาเน ปทุมุตฺตโร นาม ชิโนติอาทิกํ อายสฺมโต กาฬุทายิตฺเถรสฺส อปทานํ. อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยานิ ปุฺานิ อุปจินนฺโต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺโต วิฺุตํ ปตฺโต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ กุลปฺปสาทกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ตชฺชํ อภินีหารกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. สตฺถาปิ พฺยากาสิ. โส ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อมฺหากํ โพธิสตฺตสฺส มาตุกุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธิคฺคหณทิวเส เทวโลกโต จวิตฺวา กปิลวตฺถุสฺมึเยว อมจฺจกุเล ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. โพธิสตฺเตน สห เอกทิวเสเยว ชาโต, ตํทิวสํเยว นํ ทุกูลจุมฺพฏเกน นิปชฺชาเปตฺวา โพธิสตฺตสฺส อุปฏฺานํ นยึสุ. โพธิสตฺเตน หิ สทฺธึ โพธิรุกฺโข, ราหุลมาตา, จตฺตาโร นิธี , อาโรหนิยหตฺถี, กณฺฑโก, ฉนฺโน, กาฬุทายีติ อิเม สตฺต เอกทิวเส ชาตตฺตา สหชาตา นาม อเหสุํ. อถสฺส นามคฺคหณทิวเส สกลนครสฺส อุทคฺคจิตฺตทิวเส ชาตตฺตา อุทายีตฺเวว นามํ กรึสุ. โถกํ กาฬธาตุกตฺตา ปน กาฬุทายีติ ปฺายิตฺถ. โส โพธิสตฺเตน สทฺธึ กุมารกีฬํ กีฬนฺโต วุทฺธึ อคมาสิ.

อปรภาเค โลกนาเถ มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา อนุกฺกเมน สพฺพฺุตํ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺเก ราชคหํ อุปนิสฺสาย เวฬุวเน วิหรนฺเต สุทฺโธทนมหาราชา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ปุริสสหสฺสปริวารํ เอกํ อมจฺจํ ‘‘ปุตฺตํ เม อิธาเนหี’’ติ เปเสสิ. โส สตฺถุ ธมฺมเทสนาเวลายํ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต ิโต ธมฺมํ สุตฺวา สปริวาโร อรหตฺตํ ปาปุณิ. อถ เน สตฺถา ‘‘เอถ, ภิกฺขโว’’ติ หตฺถํ ปสาเรสิ. สพฺเพ ตํขณํเยว อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา วสฺสสฏฺิกตฺเถรา วิย อเหสุํ. อรหตฺตปฺปตฺตโต ปฏฺาย อริยา นาม มชฺฌตฺตาว โหนฺติ, ตสฺมา รฺา เปสิตสาสนํ ทสพลสฺส นาโรเจสิ. ราชา เนว คโต อาคจฺฉติ, น สาสนํ สุยฺยตีติ อปรมฺปิ อมจฺจํ ปุริสสหสฺสปริวารํ เปเสสิ. ตสฺมิมฺปิ ตถา ปฏิปนฺเน อปรมฺปีติ เอเตน นเยน นวปุริสสหสฺสปริวาเร นว อมจฺเจ เปเสสิ. สพฺเพ คนฺตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา ตุณฺหีภูตา อเหสุํ.

อถ ราชา จินฺเตสิ – ‘‘เอตฺตกา ชนา มยิ สิเนหาภาเวน ทสพลสฺส อิธาคมนตฺถาย น กิฺจิ กถยึสุ, อยํ โข ปน อุทายี ทสพเลน สมวโย สหปํสุกีฬิโก, มยิ จ สิเนหวา, อิมํ เปเสสฺสามี’’ติ. อถ ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘ตาต, ตฺวํ ปุริสสหสฺสปริวาโร คนฺตฺวา ทสพลํ อิธาเนหี’’ติ วตฺวา เปเสสิ. โส ปน คจฺฉนฺโต ‘‘สจาหํ, เทว, ปพฺพชิตุํ ลภิสฺสามิ, เอวาหํ ภควนฺตํ อิธาเนสฺสามี’’ติ วตฺวา รฺา ‘‘ปพฺพชิโตปิ มม ปุตฺตํ ทสฺเสหี’’ติ วุตฺโต ราชคหํ คนฺตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนาเวลาย ปริสปริยนฺเต ิโต ธมฺมํ สุตฺวา สปริวาโร อรหตฺตํ ปตฺวา เอหิภิกฺขุภาเว ปติฏฺาสิ. โส อรหตฺตํ ปตฺวา – ‘‘น ตาวายํ ทสพลสฺส กุลนครํ คนฺตุํ กาโล, วสฺสนฺเต ปน อุปคเต ปพฺพเตสุ วนสณฺเฑสุ หริตติณสฺฉนฺนาย ภูมิยา คมนกาโล ภวิสฺสตี’’ติ คมนกาลํ อาคเมนฺโต วสฺสนฺเต สมฺปตฺเต สตฺถุ กุลนครํ คนฺตุํ คมนวณฺณํ สํวณฺเณสิ. วุตฺตฺเจตํ เถรคาถาย (เถรคา. ๕๒๗-๕๓๐) –

‘‘องฺคาริโน ทานิ ทุมา ภทนฺเต, ผเลสิโน ฉทนํ วิปฺปหาย;

เต อจฺจิมนฺโตว ปภาสยนฺติ, สมโย มหาวีร ภาคี รสานํ.

‘‘ทุมานิ ผุลฺลานิ มโนรมานิ, สมนฺตโต สพฺพทิสา ปวนฺติ;

ปตฺตํ ปหาย ผลมาสสานา, กาโล อิโต ปกฺกมนาย วีร.

‘‘เนวาติสีตํ น ปนาติอุณฺหํ, สุขา อุตุ อทฺธนิยา ภทนฺเต;

ปสฺสนฺตุ ตํ สากิยา โกฬิยา จ, ปจฺฉามุขํ โรหินิยํ ตรนฺตํ.

‘‘อาสาย กสเต เขตฺตํ, พีชํ อาสาย วปฺปติ;

อาสาย วาณิชา ยนฺติ, สมุทฺทํ ธนหารกา;

ยาย อาสาย ติฏฺามิ, สา เม อาสา สมิชฺฌตุ.

‘‘นาติสีตํ นาติอุณฺหํ, นาติทุพฺภิกฺขฉาตกํ;

สทฺทลา หริตา ภูมิ, เอส กาโล มหามุนิ. (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๒๕);

‘‘ปุนปฺปุนฺเจว วปนฺติ พีชํ, ปุนปฺปุนํ วสฺสติ เทวราชา;

ปุนปฺปุนํ เขตฺตํ กสนฺติ กสฺสกา, ปุนปฺปุนํ ธฺมุเปติ รฏฺํ.

‘‘ปุนปฺปุนํ ยาจนกา จรนฺติ, ปุนปฺปุนํ ทานปตี ททนฺติ;

ปุนปฺปุนํ ทานปตี ททิตฺวา, ปุนปฺปุนํ สคฺคมุเปนฺติ านํ.

‘‘วีโร หเว สตฺตยุคํ ปุเนติ; ยสฺมึ กุเล ชายติ ภูริปฺโ;

มฺามหํ สกฺกติ เทวเทโว, ตยา หิ ชาโต มุนิ สจฺจนาโม.

‘‘สุทฺโธทโน นาม ปิตา มเหสิโน, พุทฺธสฺส มาตา ปน มายนามา;

ยา โพธิสตฺตํ ปริหริย กุจฺฉินา, กายสฺส เภทา ติทิวมฺหิ โมทติ.

‘‘สา โคตมี กาลกตา อิโต จุตา, ทิพฺเพหิ กาเมหิ สมงฺคิภูตา;

สา โมทติ กามคุเณหิ ปฺจหิ, ปริวาริตา เทวคเณหิ เตหิ.

‘‘พุทฺธสฺส ปุตฺโตมฺหิ อสยฺหสาหิโน, องฺคีรสสฺสปฺปฏิมสฺส ตาทิโน;

ปิตุปิตา มยฺหํ ตุวํสิ สกฺก, ธมฺเมน เม โคตม อยฺยโกสี’’ติ. (เถรคา. ๕๓๑-๕๓๖);

‘‘อมฺพา ปนสา กปิฏฺา จ, ปุปฺผปลฺลวลงฺกตา;

ธุวปฺผลานิ สวนฺติ, ขุทฺทามธุกกูปมา;

เสวมาโน อุโภ ปสฺเส, คนฺตุกาโล มหายสฺส.

‘‘ชมฺพู สุมธุรา นีปา, มธุคณฺฑิทิวปฺผลา;

ตา อุโภสุ ปชฺโชตนฺติ, คนฺตุกาโล มหายส.

‘‘ติณฺฑุกานิ ปิยาลานิ, โสณฺณวณฺณา มโนรมา;

ขุทฺทกปฺปผลา นิจฺจํ, คนฺตุกาโล มหายส.

‘‘กทลี ปฺจโมจฺจิ จ, สุปกฺกผลภูสิตา;

อุโภปสฺเสสุ ลมฺพนฺติ, คนฺตุกาโล มหายส.

‘‘มธุปฺผลธรา นิจฺจํ, โมรรุกฺขา มโนรมา;

ขุทฺทกปฺปผลา นิจฺจํ, คนฺตุกาโล มหายส.

‘‘หินฺตาลตาลปนฺตี จ, รชตกฺขนฺโธว โชตเร;

สุปกฺกผลสฺฉนฺนา, ขุทฺทกปฺปา มธุสฺสวา;

ผลานิ ตานิ ขาทนฺเต, คนฺตุกาโล มหายส.

‘‘อุทุมฺพรารุณาวณฺณา , สทาสุมธุรปฺผลา;

อุโภปสฺเสสุ ลมฺพนฺติ, คนฺตุกาโล มหายส.

‘‘อิตฺถมฺภูตา อเนกา เต, นานาผลธรา ทุมา;

อุโภปสฺเสสุ ลมฺพนฺติ, คนฺตุกาโล มหายส.

‘‘จมฺปกา สลฬา นาคา, สุคนฺธา มาลุเตริตา;

สุปุปฺผิตคฺคา โชตนฺติ, สุคนฺเธนาภิปูชยุํ;

สาทรา วินตาเนว, คนฺตุกาโล มหายส.

‘‘ปุนฺนาคา คิริปุนฺนาคา, ปุปฺผิตา ธรณีรุหา;

สุปุปฺผิตคฺคา โชตนฺติ, สุคนฺเธนาภิปูชยุํ;

สาทรา วินตุคฺคคฺคา, คนฺตุกาโล มหายส.

‘‘อโสกา โกวิฬารา จ, โสมนสฺสกรา วรา;

สุคนฺธา กณฺณิกา พนฺธา, รตฺตวณฺเณหิ ภูสิตา;

สาทรา วินตุคฺคคฺคา, สมโย เต มหายส.

‘‘กณฺณิการา ผุลฺลิตา นิจฺจํ, โสวณฺณรํสิโชตกา;

ทิพฺพคนฺธา ปวายนฺติ, ทิสา สพฺพานิ โสภยํ;

สาทรา วินตาเนว, สมโย เต มหายส.

‘‘สุปตฺตา คนฺธสมฺปนฺนา, เกตกี ธนุเกตกี;

สุคนฺธา สมฺปวายนฺติ, ทิสา สพฺพาภิคนฺธิโน;

สาทรา ปูชยนฺตาว, สมโย เต มหายส.

‘‘มลฺลิกา ชาติสุมนา, สุคนฺธา ขุทฺทมลฺลิกา;

ทิสา สพฺพา ปวายนฺติ, อุโภ มคฺเค ปโสภยํ;

สาทรา เต ปลมฺพนฺติ, สมโย เต มหายส.

‘‘สินฺธุวารา สีตคนฺธา, สุคนฺธา มาลุเตริตา;

ทิสา สพฺพาภิปูเชนฺตา, อุโภ มคฺเค ปโสภยํ;

สาทรา วินตุคฺคคฺคา, สมโย เต มหายส.

‘‘สีหา เกสรสีหา จ, จตุปฺปทนิเสวิตา;

อจฺฉมฺภีตา สุราปาเน, มิคราชา ปตาปิโน.

‘‘สีหนาเทน ปูเชนฺติ, สาทรา เต มิคาภิภู;

มคฺคมฺหิ อุภโต วูฬฺหา, สมโย เต มหายส.

‘‘พฺยคฺฆา สินฺธวา นกุลา, สาธุรูปา ภยานกา;

อากาเส สมฺปตนฺตาว, นิพฺภีตา เยน เกนจิ;

เตหิ เต สาทรา นตา, สมโย เต มหายส.

‘‘ติธา ปภินฺนา ฉทฺทนฺตา, สุรูปา สุสฺสรา สุภา;

สตฺตปฺปติฏฺิตงฺคา เต, อุโภ มคฺเคสุ กูชิโน;

สาทรา หาสมานาว, สมโย เต มหายส.

‘‘มิคา วราหา ปสทา, จิตฺราสาวยวา สุภา;

อาโรหปริณาเหน, สุรูปา องฺคสํยุตา;

อุโภ มคฺเค คายมานาว, สมโย เต มหายส.

‘‘โคกณฺณา สรภา รุรู, อาโรหปริณาหิโน;

สุรูปา องฺคสมฺปนฺนา, เสวมานาว อจฺฉรุํ;

เสวมานา เตหิ ตทา, สมโย เต มหายส.

‘‘ทีปี อจฺฉา ตรจฺฉา จ, ตุทรา วรุณา สทา;

เต ทานิ สิกฺขิตา สพฺเพ, เมตฺตาย ตว ตาทิโน;

เต ปจฺจเสวกา อทฺธา, สมโย เต มหายส.

‘‘สสา สิงฺคาลา นกุลา, กลนฺทกาฬกา พหู;

กสฺตุรา สูรา คนฺธา เต, เกวลา คายมานาว.

สมโย เต มหายส;

‘‘มยูรา นีลคีวา เต, สุสิขา สุภปกฺขิกา;

สุปิฺฉา เต สุนาทา จ, เวฬุริยมณิสนฺนิภา;

นาทํ กโรนฺตา ปูเชนฺติ, กาโล เต ปิตุทสฺสเน.

‘‘สุวณฺณจิตฺรหํสา จ, ชวหํสา วิหาจรา;

เต สพฺเพ อาสยา ฉุทฺธา, ชินทสฺสนพฺยาวฏา;

มธุรสฺสเรน กูชนฺติ, กาโล เต ปิตุทสฺสเน.

‘‘หํสา โกฺจา สุนทา เต, จกฺกวากา นทีจรา;

พกา พลากา รุจิรา, ชลกากา สรกุกฺกุฏา;

สาทราภินาทิโน เอเต, กาโล เต ปิตุทสฺสเน.

‘‘จิตฺรา สุรูปา สุสฺสรา, สาฬิกา สุวตณฺฑิกา;

รุกฺขคฺคา สมฺปตนฺตา เต, อุโภ มคฺเคสุ กูชิโน;

เตสุ เตสุ นิกูชนฺติ, กาโล เต ปิตุทสฺสเน.

‘‘โกกิลา สกลา จิตฺรา, สทา มฺชุสฺสรา วรา;

วิมฺหาปิตา เต ชนตํ, สทฺธิมิตฺตาทิเก สุรา;

สเรหิ ปูชยนฺตาว, กาโล เต ปิตุทสฺสเน.

‘‘ภิงฺกา กุรรา สารา, ปูริตา กานเน สทา;

นินฺนาทยนฺตา ปวนํ, อฺมฺสมงฺคิโน;

คายมานา สเรเนว, กาโล เต ปิตุทสฺสเน.

‘‘ติตฺติรา สุสรา สารา, สุสรา วนกุกฺกุฏา;

มฺชุสฺสรา รามเณยฺยา, กาโล เต ปิตุทสฺสเน.

‘‘เสตวาลุกสฺฉนฺนา, สุปติตฺถา มโนรมา;

มธุโรทกสมฺปุณฺณา, สรา โชตนฺติ เต สทา;

ตตฺถ นฺหตฺวา ปิวิตฺวา จ, สมโย เต าติทสฺสเน.

‘‘กุมฺภีรามกรากิณฺณา , วลยา มุฺชโรหิตา;

มจฺฉกจฺฉปพฺยาวิทฺธา, สรา สีโตทกา สุภา;

ตตฺถ นฺหตฺวา ปิวิตฺวา จ, สมโย เต าติทสฺสเน.

‘‘นีลุปฺปลสมากิณฺณา, ตถา รตฺตุปฺปเลหิ จ;

กุมุทุปฺปลสํกิณฺณา, สรา โสภนฺติเนกธา;

ตตฺถ สีตลกา โตยา, สมโย เต าติทสฺสเน.

‘‘ปุณฺฑรีเกหิ สฺฉนฺนา, ปทุเมหิ สโมหตา;

อุโภ มคฺเคสุ โสภนฺติ, โปกฺขรฺโ ตหึ ตหึ;

ตตฺโถทกานิ นฺหายนฺติ, สมโย เต าติทสฺสเน.

‘‘เสตปุลินสํกิณฺณา, สุปติตฺถา มโนรมา;

สีโตทกมโหเฆหิ, สมฺปุณฺณา ตา นที สุภา;

อุโภ มคฺเคหิ สนฺทนฺติ, สมโย เต าติทสฺสเน.

‘‘มคฺคสฺส อุภโตปสฺเส, คามนิคมสมากุลา;

สทฺธา ปสนฺนา ชนตา, รตนตฺตยมามกา;

เตสํ สมฺปุณฺณสงฺกปฺโป, สมโย เต าติทสฺสเน.

‘‘เตสุ เตสุ ปเทเสสุ, เทวา มานุสฺสกา อุโภ;

คนฺธมาลาภิปูเชนฺติ, สมโย เต าติทสฺสเน’’ติ.

เอวํ เถโร สฏฺิมตฺตาหิ คาถาหิ สตฺถุ คมนวณฺณํ สํวณฺเณสิ. อถ โข ภควา ‘‘กาฬุทายี มม คมนํ ปตฺเถติ, ปูเรสฺสามิสฺส สงฺกปฺป’’นฺติ ตตฺถ คมเน พหูนํ วิเสสาธิคมํ ทิสฺวา วีสติสหสฺสขีณาสวปริวุโต ราชคหโต อตุริตจาริกาวเสน วุตฺตปฺปการผลาผเล อนุภวนฺโต ทฺวิปทจตุปฺปทาทิสมูหานํ เสวนปูชาย ปูชิยมาโน วุตฺตปฺปการสุคนฺธปุปฺผคนฺเธหิ คนฺธิยมาโน คามนิคมวาสีนํ สงฺคหํ กุรุมาโน กปิลวตฺถุคามิมคฺคํ ปฏิปชฺชิ. เถโร อิทฺธิยา กปิลวตฺถุํ คนฺตฺวา รฺโ ปุรโต อากาเส ิโต อทิฏฺปุพฺพํ เวสํ ทิสฺวา, รฺา – ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ ปุจฺฉิโต ‘‘สเจ อมจฺจปุตฺตํ ตยา ภควโต สนฺติเก เปสิตํ น ชานาสิ, เอวํ ชานาหี’’ติ วทนฺโต –

‘‘พุทฺธสฺส ปุตฺโตมฺหิ อสยฺหสาหิโน, องฺคีรสสฺสปฺปฏิมสฺส ตาทิโน;

ปิตุปิตา มยฺหํ ตุวํสิ สกฺก, ธมฺเมน เม โคตม อยฺยโกสี’’ติ. (เถรคา. ๕๓๖) – คาถมาห;

ตตฺถ พุทฺธสฺส ปุตฺโตมฺหีติ สพฺพฺุพุทฺธสฺส อุเร วายามชนิตาหิ ธมฺมเทสนาหิ ชาตตาย โอรสปุตฺโต อมฺหิ. อสยฺหสาหิโนติ อภิสมฺโพธิโต ปุพฺเพ เปตฺวา มหาโพธิสตฺตํ อฺเหิ สหิตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา อสยฺหสฺส สกลโพธิสมฺภารสฺส, มหากรุณากรสฺส จ สหนโต ตโต ปรมฺปิ อฺเหิ สหิตุํ อภิภวิตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา อสยฺหานํ ปฺจนฺนํ มารานํ สหนโต อภิภวนโต อาสยานุสยจริตาธิมุตฺติอาทิวิภาคาวโพเธน ยถารหํ เวเนยฺยานํ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหิ อนุสาสนีสงฺขาตสฺส อฺเหิ อสยฺหสฺส พุทฺธกิจฺจสฺส สหนโต ตตฺถ วา สาธุการีภาวโต อสยฺหสาหิโน. องฺคีรสสฺสาติ องฺคีกตสีลาทิสมฺปตฺติกสฺส. ‘‘องฺคมงฺเคหิ นิจฺฉรณกโอภาสสฺสา’’ติ อปเร. เกจิ ปน ‘‘องฺคีรโส สิทฺธตฺโถติ อิมานิ ทฺเว นามานิ ปิตราเยว คหิตานี’’ติ วทนฺติ. อปฺปฏิมสฺสาติ อนุปมสฺส อิฏฺาทีสุ ตาทิลขณสมฺปตฺติยา ตาทิโน. ปิตุปิตา มยฺหํ ตุวํสีติ อริยชาติวเสน มยฺหํ ปิตุ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส โลกโวหารวเสน ตฺวํ ปิตา อสิ. สกฺกาติ วํเสน ราชานํ อาลปติ. ธมฺเมนาติ สภาเวน อริยชาติโลกิยชาตีหิ ทฺวินฺนํ ชาตีนํ สภาวสโมธาเนน. โคตมาติ โคตฺเตน ราชานํ อาลปติ. อยฺยโกสีติ ปิตามโห อโหสิ. เอตฺถ จ ‘‘พุทฺธสฺส ปุตฺโตมฺหี’’ติอาทึ วทนฺโต เถโร อฺํ พฺยากาสิ.

เอวํ ปน อตฺตานํ ชานาเปตฺวา หฏฺตุฏฺเน รฺา มหารเห ปลฺลงฺเก นิสีทาเปตฺวา อตฺตโน ปฏิยาทิตสฺส นานคฺครสโภชนสฺส ปตฺตํ ปูเรตฺวา ปตฺเต ทินฺเน คมนาการํ ทสฺเสสิ. ‘‘กสฺมา คนฺตุกามตฺถ, ภุฺชถา’’ติ วุตฺเต, สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ภุฺชิสฺสามีติ. กหํ ปน สตฺถาติ? วีสติสหสฺสภิกฺขุปริวาโร ตุมฺหากํ ทสฺสนตฺถาย มคฺคํ ปฏิปนฺโนติ. ตุมฺเห อิมํ ปิณฺฑปาตํ ภุฺชถ, อฺํ ภควโต หรถ. ยาว จ มม ปุตฺโต อิมํ นครํ ปาปุณาติ, ตาวสฺส อิโตเยว ปิณฺฑปาตํ หรถาติ. เถโร ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา รฺโ จ ปริสาย จ ธมฺมํ เทเสตฺวา สตฺถุ อาคมนโต ปุเรตรเมว ราชนิเวสนํ รตนตฺตยคุเณสุ อภิปฺปสนฺนํ กโรนฺโต สพฺเพสํ ปสฺสนฺตานํเยว สตฺถุ อาหริตพฺพภตฺตปุณฺณํ ปตฺตํ อากาเส วิสฺสชฺเชตฺวา สยมฺปิ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปิณฺฑปาตํ อุปเนตฺวา สตฺถุ หตฺเถ เปสิ. สตฺถาปิ ตํ ปิณฺฑปาตํ ปริภุฺชิ. เอวํ สฏฺิโยชนํ มคฺคํ ทิวเส ทิวเส โยชนํ คจฺฉนฺตสฺส ภควโต ราชเคหโต ภตฺตํ อาหริตฺวา อทาสิ. ภควา กเมน กปิลวตฺถุนครํ ปตฺวา ปุนทิวเส ราชวีถิยํ ปิณฺฑาย จรติ. ตํ สุตฺวา สุทฺโธทนมหาราชา ตตฺถ คนฺตฺวา, ‘‘มา เอวํ กตฺตพฺพํ มฺิ, นยิทํ ราชวํสปฺปเวณี’’ติ. ‘‘อยํ ตุมฺหากํ, มหาราช, วํโส, อีทิโส อมฺหากํ ปน พุทฺธวํโส’’ติ วตฺวา –

‘‘อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺย, ธมฺมํ สุจริตํ จเร;

ธมฺมจารี สุขํ เสติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ.

‘‘ธมฺมํ จเร สุจริตํ, น นํ ทุจฺจริตํ จเร;

ธมฺมจารี สุขํ เสติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จา’’ติ. (ธ. ป. ๑๖๘-๑๖๙) –

ธมฺมํ เทเสสิ. ราชา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตโต ราชา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา สกมนฺทิเร โภเชตฺวา สมฺปวาเรตฺวา โภชนาวสาเน ธมฺมปาลชาตกํ (ชา. ๑.๑๐.๙๒ อาทโย) สุตฺวา สปริโส อนาคามิผเล ปติฏฺหิ. อปรภาเค เสตจฺฉตฺตสฺส เหฏฺา นิปนฺโนว อรหตฺตํ ปตฺวา ปรินิพฺพายิ.

ตโต ภควา ราหุลมาตุยา พิมฺพาเทวิยา ปาสาทํ คนฺตฺวา ตสฺสา ธมฺมํ เทเสตฺวา โสกํ วิโนเทตฺวา จนฺทกินฺนรีชาตกเทสนาย (ชา. ๑.๑๔.๑๘ อาทโย) ปสาทํ ชเนตฺวา นิคฺโรธารามํ อคมาสิ. อถ พิมฺพาเทวี ปุตฺตํ ราหุลกุมารํ อาห – ‘‘คจฺฉ, ตว ปิตุ สนฺตกํ ธนํ ยาจาหี’’ติ. กุมาโร ‘‘ทายชฺชํ , เม สมณ, เทหี’’ติ วตฺวา ภควนฺตํ อนุพนฺธิตฺวา, ‘‘สุขา, เต สมณ, ฉายา’’ติ วทนฺโต คจฺฉติ. ตํ ภควา นิคฺโรธารามํ เนตฺวา ‘‘โลกุตรทายชฺชํ คณฺหาหี’’ติ วตฺวา ปพฺพาเชสิ. อถ ภควา อริยคณมชฺเฌ นิสินฺโน ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ กุลปฺปสาทกานํ ยทิทํ กาฬุทายี’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๙, ๒๒๕) เถรํ เอตทคฺเค เปสิ.

๑๖๕. เถโร ปตฺตเอตทคฺคฏฺาโน อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ สริตฺวา โสมนสฺสชาโต ปุพฺพจริตาปทานํ ปกาเสนฺโต ปทุมุตฺตโร นาม ชิโนติอาทิคาถาโย อภาสิ. ตตฺถ อนุตฺตานปทเมว วณฺณยิสฺสาม.

๑๖๖. คุณาคุณวิทูติ คุณฺจ อคุณฺจ คุณาคุณํ, วณฺณาวณฺณํ, กุสลากุสลํ วา ตํ ชานาตีติ คุณาคุณวิทู. กตฺูติ อฺเหิ กตคุณํ ชานาตีติ กตฺู, เอกทิวสมฺปิ ภตฺตทานาทินา กตูปการสฺส รชฺชมฺปิ ทาตุํ สมตฺถตฺตา กตฺู. กตเวทีติ กตํ วินฺทติ อนุภวติ สมฺปฏิจฺฉตีติ กตเวที. ติตฺเถ โยเชติ ปาณิเนติ สพฺพสตฺเต นิพฺพานปเวสนุปาเย กุสลปเถ มคฺเค ธมฺมเทสนาย โยเชติ สมฺปโยเชติ ปติฏฺาเปตีติ อตฺโถ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว. คมนวณฺณนคาถานมตฺโถ เถรคาถายํ วุตฺโตเยวาติ.

กาฬุทายิตฺเถรอปทานวณฺณนา สมตฺตา.

๗. อภยตฺเถรอปทานวณฺณนา

สตฺตมาปทาเน ปทุมุตฺตโร นาม ชิโนติอาทิกํ อายสฺมโต อภยตฺเถรสฺส อปทานํ. อยมฺปิ ปุริมชินวเรสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิปฏฺฏูปนิสฺสยานิ ปุฺานิ อุปจินนฺโต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺโต. โส วุทฺธิมนฺวาย เวทงฺคปารโค สกปรสมยกุสโล เอกทิวสํ สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปสนฺนมานโส ภควนฺตํ คาถาหิ โถเมสิ. โส ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา ปุฺานิ กตฺวา ตโต จุโต เทวโลเก นิพฺพตฺโต อปราปรํ สุคตีสุเยวํ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห พิมฺพิสารรฺโ ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, อภโยตฺเววสฺส นามํ กรึสุ. โส วยปฺปตฺโต นิคณฺเหิ สทฺธึ วิสฺสาสิโก หุตฺวา จรนฺโต เอกทิวสํ นิคณฺเน นาฏปุตฺเตน สตฺถุ วาทาโรปนตฺถาย เปสิโต นิปุณปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา นิปุณพฺยากรณํ สุตฺวา ปสนฺโน สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา กมฺมฏฺานานุรูปํ าณํ เปเสตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ.

๑๙๕. โส อรหตฺตํ ปตฺวา อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ สริตฺวา โสมนสฺสชาโต ปุพฺพจริตาปทานํ ปกาเสนฺโต ปทุมุตฺตโร นาม ชิโนติอาทิมาห. ตํ สพฺพํ สุวิฺเยฺยเมวาติ.

อภยตฺเถรอปทานวณฺณนา สมตฺตา.

๘. โลมสกงฺคิยตฺเถรอปทานวณฺณนา

อฏฺมาปทาเน อิมมฺหิ ภทฺทเก กปฺเปติอาทิกํ อายสฺมโต โลมสกงฺคิยตฺเถรสฺส อปทานํ. อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยานิ ปุฺานิ อุปจินนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺโต สทฺโธ ปสนฺโน อโหสิ. อปโร จนฺทโน นาม ตสฺส สหาโย จาสิ. เต ทฺเวปิ สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปสนฺนมานสา ปพฺพชิตฺวา ยาวชีวํ สีลํ รกฺขิตฺวา สุปริสุทฺธสีลา ตโต จุตา เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ ทิพฺพสุขํ อนุภวึสุ. เตสุ อยํ อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สากิยกุเล นิพฺพตฺติตฺวา อปโร จนฺทโน เทวปุตฺโต หุตฺวา ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺติ. อถ โส สกฺยกุลปฺปสาทเกน กาฬุทายินา อาราธิเตน ภควตา สกฺยราชูนํ มานมทฺทนาย กตํ เวสฺสนฺตรธมฺมเทสนายํ (ชา. ๒.๒๒.๑๖๕๕ อาทโย) โปกฺขรวสฺสอิทฺธิปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ปพฺพชิตฺวา มชฺฌิมนิกาเย วุตฺตํ ภทฺเทกรตฺตสุตฺตนฺตเทสนํ สุตฺวา อรฺวาสํ วสนฺโต ภทฺเทกรตฺตสุตฺตนฺตเทสนานุสาสนํ (ม. นิ. ๓.๒๘๖ อาทโย) สริตฺวา ตทนุสาเรน าณํ เปเสตฺวา กมฺมฏฺานํ มนสิ กริตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ.

๒๒๕. อรหตฺตํ ปตฺวา อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ สริตฺวา สฺชาตโสมนสฺโส ปุพฺพจริตาปทานํ ปกาเสนฺโต อิมมฺหิ ภทฺทเก กปฺเปติอาทิมาห. ตตฺถ กปฺโป ตาว จตุพฺพิโธ – สารกปฺโป, วรกปฺโป, มณฺฑกปฺโป, ภทฺทกปฺโปติ. เตสุ ยสฺมึ กปฺเป เอโก พุทฺโธ อุปฺปชฺชติ, อยํ สารกปฺโป นาม. ยสฺมึ ทฺเว วา ตโย วา พุทฺธา อุปฺปชฺชนฺติ, อยํ วรกปฺโป นาม. ยสฺมึ จตฺตาโร พุทฺธา อุปฺปชฺชนฺติ, อยํ มณฺฑกปฺโป นาม. ยสฺมึ ปฺจ พุทฺธา อุปฺปชฺชนฺติ, อยํ ภทฺทกปฺโป นาม. อฺตฺถ ปน –

‘‘สารกปฺโป มณฺฑกปฺโป, สารมณฺฑกปฺโป ตถา;

วรกปฺโป ภทฺทกปฺโป, กปฺปา ปฺจวิธา สิยุํ.

‘‘เอโก ทฺเว ตโย จตฺตาโร, ปฺจ พุทฺธา ยถากฺกมํ;

เอเตสุ ปฺจกปฺเปสุ, อุปฺปชฺชนฺติ วินายกา’’ติ. –

เอวํ ปฺจ กปฺปา วุตฺตา. เตสุ อยํ กปฺโป ‘‘กกุสนฺโธ โกณาคมโน กสฺสโป โคตโม เมตฺเตยฺโย’’ติ ปฺจพุทฺธปฏิมณฺฑิตตฺตา ภทฺทกปฺโป นาม ชาโต.

ตสฺมา อิมสฺมึ ภทฺทกปฺปมฺหิ กสฺสโป นายโก อุปฺปชฺชีติ สมฺพนฺโธ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมวาติ.

โลมสกงฺคิยตฺเถรอปทานวณฺณนา สมตฺตา.

๙. วนวจฺฉตฺเถรอปทานวณฺณนา

นวมาปทาเน อิมมฺหิ ภทฺทเก กปฺเปติอาทิกํ อายสฺมโต วนวจฺฉตฺเถรสฺส อปทานํ. อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยานิ ปุฺานิ อุปจินนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺโต วิฺุตํ ปตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สทฺธาชาโต ปพฺพชิตฺวา ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ จริตฺวา ตโต จุโต เทวโลเก นิพฺพตฺโต, ตโต จุโต อรฺายตเน ภิกฺขูนํ สมีเป กโปตโยนิยํ นิพฺพตฺโต. เตสุ เมตฺตจิตฺโต ธมฺมํ สุตฺวา ตโต จุโต เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุสฺมึ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส มาตุกุจฺฉิคตกาเลเยว มาตุ โทหโฬ อุทปาทิ วเน วสิตุํ วเน วิชายิตุํ . ตโต อิจฺฉานุรูปวเสน วเน วสนฺติยา คพฺภวุฏฺานํ อโหสิ. คพฺภโต นิกฺขนฺตฺจ นํ กาสาวขณฺเฑน ปฏิคฺคเหสุํ. ตทา โพธิสตฺตสฺส อุปฺปนฺนกาโล, ราชา ตํ กุมารํ อาหราเปตฺวา สเหว โปเสสิ. อถ โพธิสตฺโต มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตฺวา ฉพฺพสานิ ทุกฺกรการิกํ กตฺวา พุทฺเธ ชาเต โส มหากสฺสปสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตสฺโสวาเท ปสนฺโน ตสฺส สนฺติกา พุทฺธุปฺปาทภาวํ สุตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปพฺพชิตฺวา นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อรหา อโหสิ.

๒๕๑. โส อรหตฺตํ ปตฺวา อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ สริตฺวา โสมนสฺสชาโต ปุพฺพจริตาปทานํ ปกาเสนฺโต อิมมฺหิ ภทฺทเก กปฺเปติอาทิมาห. ตตฺถ พฺรหฺมพนฺธุ มหายโสติ เอตฺถ พฺราหฺมณานํ พนฺธุ าตโกติ พฺราหฺมณพนฺธูติ วตฺตพฺเพ คาถาพนฺธสุขตฺถํ ‘‘พฺรหฺมพนฺธู’’ติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. โลกตฺตยพฺยาปกยสตฺตา มหายโส. เสสํ สพฺพํ สุวิฺเยฺยเมวาติ.

วนวจฺฉตฺเถรอปทานวณฺณนา สมตฺตา.

๑๐. จูฬสุคนฺธตฺเถรอปทานวณฺณนา

ทสมาปทาเน อิมมฺหิ ภทฺทเก กปฺเปติอาทิกํ อายสฺมโต สุคนฺธตฺเถรสฺส อปทานํ. อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยานิ ปุฺานิ อุปจินนฺโต กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล พาราณสิยํ วิภวสมฺปนฺเน กุเล นิพฺพตฺโต วิฺุตํ ปตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา สพฺพทา นมสฺสมาโน มหาทานํ ททมาโน มาสสฺส สตฺตกฺขตฺตุํ ภควโต คนฺธกุฏิยา จตุชฺชาติคนฺเธน วิลิมฺเปสิ. ‘‘มม นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน สรีรโต สุคนฺธคนฺโธ นิพฺพตฺตตู’’ติ ปตฺถนํ อกาสิ. ภควา ตํ พฺยากาสิ. โส ยาวตายุกํ ตฺวา ปุฺานิ กโรนฺโต ตโต จุโต เทวโลเก นิพฺพตฺโต กามาวจรโลกํ สรีรคนฺเธน สุคนฺธํ กุรุมาโน สุคนฺธเทวปุตฺโตติ ปากโฏ อโหสิ. โส เทวโลกสมฺปตฺติโย อนุภวิตฺวา ตโต จุโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มหาโภคกุเล นิพฺพตฺติ, ตสฺส มาตุกุจฺฉิคตสฺเสว มาตุยา สรีรคนฺเธน สกลเคหํ สกลนครฺจ สุคนฺเธน เอกคนฺธํ อโหสิ, ชาตกฺขเณ สกลํ สาวตฺถินครํ สุคนฺธกรณฺฑโก วิย อโหสิ, เตนสฺส สุคนฺโธติ นามํ กรึสุ. โส วุทฺธึ อคมาสิ. ตทา สตฺถา สาวตฺถิยํ ปตฺวา เชตวนมหาวิหารํ ปฏิคฺคเหสิ, ตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา นจิรสฺเสว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตสฺส อุปฺปนฺนทิวสโต ปฏฺาย ยาว ปรินิพฺพานา เอตฺถนฺตเร นิปนฺนฏฺานาทีสุ สุคนฺธเมว วายิ. เทวาปิ ทิพฺพจุณฺณทิพฺพคนฺธปุปฺผานิ โอกิรนฺติ.

๒๗๒. โสปิ เถโร อรหตฺตํ ปตฺวา อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ สริตฺวา โสมนสฺสชาโต ปุพฺพจริตาปทานํ ปกาเสนฺโต อิมมฺหิ ภทฺทเก กปฺเปติอาทิมาห. ตํ สพฺพํ เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานตฺถตฺตา จ สุวิฺเยฺยเมว, เกวลํ ปุฺนานตฺตํ นามนานตฺตฺจ วิเสโส.

จูฬสุคนฺธตฺเถรอปทานวณฺณนา สมตฺตา.

ปฺจปฺาสมวคฺควณฺณนา สมตฺตา.