📜

๑๒. ปทุมุตฺตรพุทฺธวํสวณฺณนา

นารทพุทฺธสฺส สาสนํ นวุติวสฺสสหสฺสานิ ปวตฺติตฺวา อนฺตรธายิ. โส จ กปฺโป วินสฺสิตฺถ. ตโต ปรํ กปฺปานํ อสงฺขฺเยยฺยํ พุทฺธา โลเก น อุปฺปชฺชึสุ. พุทฺธสุฺโ วิคตพุทฺธาโลโก อโหสิ. ตโต กปฺเปสุ จ อสงฺขฺเยยฺเยสุ วีติวตฺเตสุ อิโต กปฺปสตสหสฺสมตฺถเก เอกสฺมึ กปฺเป เอโก วิชิตมาโร โอหิตภาโร เมรุสาโร อสํสาโร สตฺตสาโร สพฺพโลกุตฺตโร ปทุมุตฺตโร นาม พุทฺโธ โลเก อุทปาทิ. โสปิ ปารมิโย ปูเรตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จวิตฺวา หํสวตีนคเร สพฺพชนานนฺทกรสฺสานนฺทสฺส นาม รฺโ อคฺคมเหสิยา อุทิโตทิตกุเล ชาตาย สุชาตาย เทวิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ. สา เทวตาหิ กตารกฺขา ทสนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน หํสวตุยฺยาเน ปทุมุตฺตรกุมารํ วิชายิ. ปฏิสนฺธิยฺจสฺส ชาติยฺจ เหฏฺา วุตฺตปฺปการานิ ปาฏิหาริยานิ อเหสุํ.

ตสฺส กิร ชาติยํ ปทุมวสฺสํ วสฺสิ. เตนสฺส นามคฺคหณทิวเส าตกา ‘‘ปทุมุตฺตรกุมาโร’’ตฺเวว นามํ อกํสุ. โส ทสวสฺสสหสฺสานิ อคารํ อชฺฌาวสิ. นรวาหน-ยสวาหน-วสวตฺตินามกา ติณฺณํ อุตูนํ อนุจฺฉวิกา ตโย จสฺส ปาสาทา อเหสุํ. วสุทตฺตาเทวิปฺปมุขานํ อิตฺถีนํ สตสหสฺสานิ วีสติสหสฺสานิ จ ปจฺจุปฏฺิตานิ อเหสุํ. โส วสุทตฺตาย เทวิยา ปุตฺเต สพฺพคุณานุตฺตเร อุตฺตรกุมาเร นาม อุปฺปนฺเน จตฺตาริ นิมิตฺตานิ ทิสฺวา – ‘‘มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. ตสฺส จินฺติตมตฺเตว วสวตฺตินามโก ปาสาโท กุมฺภการจกฺกํ วิย อากาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา เทววิมานมิว ปุณฺณจนฺโท วิย จ คคนตเลน คนฺตฺวา โพธิรุกฺขํ มชฺเฌกโรนฺโต โสภิตพุทฺธวํสวณฺณนาย อาคตปาสาโท วิย ภูมิยํ โอตริ.

มหาปุริโส กิร ตโต ปาสาทโต โอตริตฺวา อรหตฺตทฺธชภูตานิ กาสายานิ วตฺถานิ เทวทตฺติยานิ ปารุปิตฺวา ตตฺเถว ปพฺพชิ. ปาสาโท ปนาคนฺตฺวา สกฏฺาเนเยว อฏฺาสิ. มหาสตฺเตน สหคตาย ปริสาย เปตฺวา อิตฺถิโย สพฺเพ ปพฺพชึสุ. มหาปุริโส เตหิ สห สตฺตาหํ ปธานจริยํ จริตฺวา วิสาขปุณฺณมาย อุชฺเชนินิคเม รุจานนฺทเสฏฺิธีตาย ทินฺนํ มธุปายาสํ ปริภุฺชิตฺวา สาลวเน ทิวาวิหารํ กตฺวา สายนฺหสมเย สุมิตฺตาชีวเกน ทินฺนา อฏฺ ติณมุฏฺิโย คเหตฺวา สลลโพธึ อุปคนฺตฺวา ตํ ปทกฺขิณํ กตฺวา อฏฺตฺตึสหตฺถวิตฺถตํ ติณสนฺถรํ สนฺถริตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา จตุรงฺควีริยํ อธิฏฺาย สมารํ มารพลํ วิธมิตฺวา ปเม ยาเม ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสริตฺวา ทุติเย ยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธตฺวา ตติเย ยาเม ปจฺจยาการํ สมฺมสิตฺวา อานาปานจตุตฺถชฺฌานโต วุฏฺาย ปฺจสุ ขนฺเธสุ อภินิวิสิตฺวา อุทยพฺพยวเสน สมปฺาส ลกฺขณานิ ทิสฺวา ยาว โคตฺรภุาณํ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อริยมคฺเคน สกลพุทฺธคุเณ ปฏิวิชฺฌิตฺวา สพฺพพุทฺธาจิณฺณํ ‘‘อเนกชาติสํสารํ…เป… ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ อุทานํ อุทาเนสิ. ตทา กิร ทสสหสฺสจกฺกวาฬพฺภนฺตรํ สกลมฺปิ อลงฺกโรนฺตํ วิย ปทุมวสฺสํ วสฺสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘นารทสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;

ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, อกฺโขโภ สาครูปโม.

.

‘‘มณฺฑกปฺโป วา โส อาสิ, ยมฺหิ พุทฺโธ อชายถ;

อุสฺสนฺนกุสลา ชนตา, ตมฺหิ กปฺเป อชายถา’’ติ.

ตตฺถ สาครูปโมติ สาครสทิสคมฺภีรภาโว. มณฺฑกปฺโป วา โส อาสีติ เอตฺถ ยสฺมึ กปฺเป ทฺเว สมฺมาสมฺพุทฺธา อุปฺปชฺชนฺติ, อยํ มณฺฑกปฺโป นาม. ทุวิโธ หิ กปฺโป สุฺกปฺโป อสุฺกปฺโป จาติ. ตตฺถ สุฺกปฺเป พุทฺธปจฺเจกพุทฺธจกฺกวตฺติโน น อุปฺปชฺชนฺติ. ตสฺมา คุณวนฺตปุคฺคลสุฺตฺตา ‘‘สุฺกปฺโป’’ติ วุจฺจติ.

อสุฺกปฺโป ปฺจวิโธ – สารกปฺโป มณฺฑกปฺโป วรกปฺโป สารมณฺฑกปฺโป ภทฺทกปฺโปติ. ตตฺถ คุณสารรหิเต กปฺเป คุณสารุปฺปาทกสฺส คุณสารชนนสฺส เอกสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปาตุภาเวน ‘‘สารกปฺโป’’ติ วุจฺจติ. ยสฺมึ ปน กปฺเป ทฺเว โลกนายกา อุปฺปชฺชนฺติ, โส ‘‘มณฺฑกปฺโป’’ติ วุจฺจติ. ยสฺมึ กปฺเป ตโย พุทฺธา อุปฺปชฺชนฺติ, เตสุ ปโม ทุติยํ พฺยากโรติ, ทุติโย ตติยนฺติ, ตตฺถ มนุสฺสา ปมุทิตหทยา อตฺตนา ปตฺถิตปณิธานวเสน วรยนฺติ. ตสฺมา ‘‘วรกปฺโป’’ติ วุจฺจติ. ยตฺถ ปน กปฺเป จตฺตาโร พุทฺธา อุปฺปชฺชนฺติ, โส ปุริมกปฺปโต วิสิฏฺตรตฺตา สารตรตฺตา ‘‘สารมณฺฑกปฺโป’’ติ วุจฺจติ. ยสฺมึ กปฺเป ปฺจ พุทฺธา อุปฺปชฺชนฺติ, โส ‘‘ภทฺทกปฺโป’’ติ วุจฺจติ. โส ปน อติทุลฺลโภ. ตสฺมึ ปน กปฺเป เยภุยฺเยน สตฺตา กลฺยาณสุขพหุลา โหนฺติ. เยภุยฺเยน ติเหตุกา กิเลสกฺขยํ กโรนฺติ, ทุเหตุกา สุคติคามิโน โหนฺติ, อเหตุกา เหตุํ ปฏิลภนฺติ. ตสฺมา โส กปฺโป ‘‘ภทฺทกปฺโป’’ติ วุจฺจติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อสุฺกปฺโป ปฺจวิโธ’’ติอาทิ. วุตฺตฺเหตํ โปราเณหิ –

‘‘เอโก พุทฺโธ สารกปฺเป, มณฺฑกปฺเป ชินา ทุเว;

วรกปฺเป ตโย พุทฺธา, สารมณฺเฑ จตุโร พุทฺธา;

ปฺจ พุทฺธา ภทฺทกปฺเป, ตโต นตฺถาธิกา ชินา’’ติ.

ยสฺมึ ปน กปฺเป ปทุมุตฺตรทสพโล อุปฺปชฺชิ, โส สารกปฺโปปิ สมาโน คุณสมฺปตฺติยา มณฺฑกปฺปสทิสตฺตา ‘‘มณฺฑกปฺโป’’ติ วุตฺโต. โอปมฺมตฺเถ วา-สทฺโท ทฏฺพฺโพ. อุสฺสนฺนกุสลาติ อุปจิตปุฺา. ชนตาติ ชนสมูโห.

ปทุมุตฺตโร ปน ปริสุตฺตโร ภควา สตฺตาหํ โพธิปลฺลงฺเก วีตินาเมตฺวา – ‘‘ปถวิยํ ปาทํ นิกฺขิปิสฺสามี’’ติ ทกฺขิณํ ปาทํ อภินีหริ. อถ ปถวึ ภินฺทิตฺวา วิมลโกมลเกสรกณฺณิกานิ ชลชามลาวิกลวิปุลปลาสานิ ถลชานิ ชลชานิ อุฏฺหึสุ. เตสํ กิร ธุรปตฺตานิ นวุติหตฺถานิ เกสรานิ ตึสหตฺถานิ กณฺณิกา ทฺวาทสหตฺถา เอเกกสฺส นวฆฏปฺปมาณา เรณโว อเหสุํ. สตฺถา ปน อุพฺเพธโต อฏฺปณฺณาสหตฺโถ อโหสิ. ตสฺส อุภินฺนํ พาหานมนฺตรํ อฏฺารสหตฺถํ นลาฏํ ปฺจหตฺถํ หตฺถปาทา เอกาทสหตฺถา อเหสุํ. ตสฺส เอกาทสหตฺเถน ปาเทน ทฺวาทสหตฺถาย กณฺณิกาย อกฺกนฺตมตฺตาย นวฆฏปฺปมาณา เรณโว อุฏฺหิตฺวา อฏฺปณฺณาสหตฺถํ สรีรปฺปเทสํ อุคฺคนฺตฺวา มโนสิลาจุณฺณวิจุณฺณิตํ วิย กตฺวา ปจฺโจตฺถรนฺติ. ตทุปาทาย สตฺถา ปทุมุตฺตโรตฺเวว โลเก ปฺายิตฺถาติ สํยุตฺตภาณกา วทนฺติ.

อถ สพฺพโลกุตฺตโร ปทุมุตฺตโร ภควา พฺรหฺมายาจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ธมฺมเทสนาย ภาชนภูเต สตฺเต โอโลเกนฺโต มิถิลนคเร เทวลํ สุชาตฺจาติ ทฺเว ราชปุตฺเต อุปนิสฺสยสมฺปนฺเน ทิสฺวา ตงฺขณฺเว อนิลปเถน คนฺตฺวา มิถิลุยฺยาเน โอตริตฺวา อุยฺยานปาเลน ทฺเวปิ ราชกุมาเร ปกฺโกสาเปสิ. เตปิ จ ‘‘อมฺหากํ ปิตุจฺฉาปุตฺโต ปทุมุตฺตรกุมาโร ปพฺพชิตฺวา สมฺมาสมฺโพธึ ปาปุณิตฺวา อมฺหากํ นครํ สมฺปตฺโต, หนฺท นํ มยํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสามา’’ติ สปริวารา ปทุมุตฺตรํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปริวาเรตฺวา นิสีทึสุ. ตทา ทสพโล เตหิ ปริวุโต ตาราคณปริวุโต ปุณฺณจนฺโท วิย วิโรจมาโน ตตฺถ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตสิ, ตทา โกฏิสตสหสฺสานํ ปโม ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต, ปเม ธมฺมเทสเน;

โกฏิสตสหสฺสานํ, ธมฺมาภิสมโย อหู’’ติ.

อถาปเรน สมเยน สรทตาปสสมาคเม มหาชนํ นิรยสนฺตาเปน สนฺตาเปตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต สตฺตตึสสตสหสฺสสงฺเข สตฺตกาเย ธมฺมามตํ ปาเยสิ, โส ทุติโย ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘ตโต ปรมฺปิ วสฺสนฺเต, ตปฺปยนฺเต จ ปาณิโน;

สตฺตตฺตึสสตสหสฺสานํ, ทุติยาภิสมโย อหู’’ติ.

ยทา ปน อานนฺทมหาราชา วีสติยา ปุริสสหสฺเสหิ วีสติยา อมจฺเจหิ จ สทฺธึ ปทุมุตฺตรสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สนฺติเก มิถิลนคเร ปาตุรโหสิ. ปทุมุตฺตโร จ ภควา เต สพฺเพ เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพาเชตฺวา เตหิ ปริวุโต คนฺตฺวา ปิตุสงฺคหํ กุรุมาโน หํสวติยา ราชธานิยา วสติ. ตตฺถ โส อมฺหากํ ภควา วิย กปิลปุเร คคนตเล รตนจงฺกเม จงฺกมนฺโต พุทฺธวํสํ กเถสิ, ตทา ปฺาสสตสหสฺสานํ ตติโย ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘ยมฺหิ กาเล มหาวีโร, อานนฺทํ อุปสงฺกมิ;

ปิตุสนฺติกํ อุปคนฺตฺวา, อาหนี อมตทุนฺทุภึ.

.

‘‘อาหเต อมตเภริมฺหิ, วสฺสนฺเต ธมฺมวุฏฺิยา;

ปฺาสสตสหสฺสานํ, ตติยาภิสมโย อหู’’ติ.

ตตฺถ อานนฺทํ อุปสงฺกมีติ ปิตรํ อานนฺทราชานํ สนฺธาย วุตฺตํ. อาหนีติ อภิหนิ. อาหเตติ อาหตาย. อมตเภริมฺหีติ อมตเภริยา, ลิงฺควิปลฺลาโส ทฏฺพฺโพ. ‘‘อาเสวิเต’’ติปิ ปาโ, ตสฺส อาเสวิตายาติ อตฺโถ. วสฺสนฺเต ธมฺมวุฏฺิยาติ ธมฺมวสฺสํ วสฺสนฺเตติ อตฺโถ. อิทานิ อภิสมยกรณูปายํ ทสฺเสนฺโต –

.

‘‘โอวาทโก วิฺาปโก, ตารโก สพฺพปาณินํ;

เทสนากุสโล พุทฺโธ, ตาเรสิ ชนตํ พหุ’’นฺติ. – อาห;

ตตฺถ โอวาทโกติ สรณสีลธุตงฺคสมาทานคุณานิสํสวณฺณนาย โอวทตีติ โอวาทโก. วิฺาปโกติ จตุสจฺจํ วิฺาเปตีติ วิฺาปโก, โพธโก. ตารโกติ จตุโรฆตารโก.

ยทา ปน สตฺถา มิถิลนคเร มิถิลุยฺยาเน โกฏิสตสหสฺสภิกฺขุคณมชฺเฌ มาฆปุณฺณมาย ปุณฺณจนฺทสทิสวทโน ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ, โส ปโม สนฺนิปาโต อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘สนฺนิปาตา ตโย อาสุํ, ปทุมุตฺตรสฺส สตฺถุโน;

โกฏิสตสหสฺสานํ, ปโม อาสิ สมาคโม’’ติ.

ยทา ปน ภควา เวภารปพฺพตกูเฏ วสฺสาวาสํ วสิตฺวา ปพฺพตสนฺทสฺสนตฺถํ อาคตสฺส มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสตฺวา นวุติโกฏิสหสฺสานิ เอหิภิกฺขุภาเวน ปพฺพาเชตฺวา เตหิ ปริวุโต ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ, โส ทุติโย สนฺนิปาโต อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘ยทา พุทฺโธ อสมสโม, วสิ เวภารปพฺพเต;

นวุติโกฏิสหสฺสานํ, ทุติโย อาสิ สมาคโม’’ติ.

ปุน ภควติ คุณวติ ติโลกนาเถ มหาชนสฺส พนฺธนโมกฺขํ กุรุมาเน ชนปทจาริกํ จรมาเน อสีติโกฏิสหสฺสานํ ภิกฺขูนํ สนฺนิปาโต อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

๑๐.

‘‘ปุน จาริกํ ปกฺกนฺเต, คามนิคมรฏฺโต;

อสีติโกฏิสหสฺสานํ, ตติโย อาสิ สมาคโม’’ติ.

ตตฺถ คามนิคมรฏฺโตติ คามนิคมรฏฺเหิ. อยเมว วา ปาโ, ตสฺส คามนิคมรฏฺเหิ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตานนฺติ อตฺโถ.

ตทา อมฺหากํ โพธิสตฺโต อเนกธนโกฏิโก ชฏิโล นาม มหารฏฺิโก หุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส สจีวรํ วรทานมทาสิ. โสปิ ตํ ภตฺตานุโมทนาวสาเน ‘‘อนาคเต กปฺปสตสหสฺสมตฺถเก โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. เตน วุตฺตํ –

๑๑.

‘‘อหํ เตน สมเยน, ชฏิโล นาม รฏฺิโก;

สมฺพุทฺธปฺปมุขํ สงฺฆํ, สภตฺตํ ทุสฺสมทาสหํ.

๑๒.

‘‘โสปิ มํ พุทฺโธ พฺยากาสิ, สงฺฆมชฺเฌ นิสีทิย;

สตสหสฺเส อิโต กปฺเป, อยํ พุทฺโธ ภวิสฺสติ.

๑๓.

‘‘ปธานํ ปทหิตฺวาน…เป… เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํ.

๑๔.

‘‘ตสฺสาปิ วจนํ สุตฺวา, อุตฺตรึ วตมธิฏฺหึ;

อกาสึ อุคฺคทฬฺหํ ธิตึ, ทสปารมิปูริยา’’ติ.

ตตฺถ สมฺพุทฺธปฺปมุขํ สงฺฆนฺติ พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส, สามิอตฺเถ อุปโยควจนํ. สภตฺตํ ทุสฺสมทาสหนฺติ สจีวรํ ภตฺตํ อทาสึ อหนฺติ อตฺโถ. อุคฺคทฬหนฺติ อติทฬฺหํ. ธิตินฺติ วีริยํ อกาสินฺติ อตฺโถ.

ปทุมุตฺตรสฺส ปน ภควโต กาเล ติตฺถิยา นาม นาเหสุํ. สพฺเพ เทวมนุสฺสา พุทฺธเมว สรณมคมํสุ. เตน วุตฺตํ –

๑๕.

‘‘พฺยาหตา ติตฺถิยา สพฺเพ, วิมนา ทุมฺมนา ตทา;

น เตสํ เกจิ ปริจรนฺติ, รฏฺโต นิจฺฉุภนฺติ เต.

๑๖.

‘‘สพฺเพ ตตฺถ สมาคนฺตฺวา, อุปคฺฉุํ พุทฺธสนฺติเก;

ตุวํ นาโถ มหาวีร, สรณํ โหหิ จกฺขุม.

๑๗.

‘‘อนุกมฺปโก การุณิโก, หิเตสี สพฺพปาณินํ;

สมฺปตฺเต ติตฺถิเย สพฺเพ, ปฺจสีเล ปติฏฺหิ.

๑๘.

‘‘เอวํ นิรากุลํ อาสิ, สุฺกํ ติตฺถิเยหิ ตํ;

วิจิตฺตํ อรหนฺเตหิ, วสีภูเตหิ ตาทิหี’’ติ.

ตตฺถ พฺยาหตาติ วิหตมานทปฺปา. ติตฺถิยาติ เอตฺถ ติตฺถํ เวทิตพฺพํ, ติตฺถกโร เวทิตพฺโพ, ติตฺถิยา เวทิตพฺพา. ตตฺถ สสฺสตาทิทิฏฺิวเสน ตรนฺติ เอตฺถาติ ติตฺถํ, ลทฺธิ. ตสฺสา ลทฺธิยา อุปฺปาทโก ติตฺถกโร, ติตฺเถ ภวา ติตฺถิยาติ. ปทุมุตฺตรสฺส กิร ภควโต กาเล ติตฺถิยา นาเหสุํ. เย ปน สนฺติ, เตปิ อีทิสา อเหสุนฺติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘พฺยาหตา ติตฺถิยา’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. วิมนาติ วิรูปมานสา. ทุมฺมนาติ ตสฺเสว เววจนํ. น เตสํ เกจิ ปริจรนฺตีติ เตสํ อฺติตฺถิยานํ เกจิปิ ปุริสา ปริกมฺมํ น กโรนฺติ, น ภิกฺขํ เทนฺติ, น สกฺกโรนฺติ, น ครุํ กโรนฺติ, น มาเนนฺติ, น ปูเชนฺติ, น อาสนา วุฏฺหนฺติ, น อฺชลิกมฺมํ กโรนฺตีติ อตฺโถ. รฏฺโตติ สกลรฏฺโตปิ. นิจฺฉุภนฺตีติ นีหรนฺติ, อุสฺสาเทนฺติ เตสํ นิวาสํ น เทนฺตีติ อตฺโถ. เตติ ติตฺถิยา.

อุปคฺฉุํ พุทฺธสนฺติเกติ เอวํ เตหิ รฏฺวาสีหิ มนุสฺเสหิ อุสฺสาทิยมานา สพฺเพปิ อฺติตฺถิยา สมาคนฺตฺวา ปทุมุตฺตรทสพลเมว สรณมคมํสุ. ‘‘ตฺวํ อมฺหากํ สตฺถา นาโถ คติ ปรายนํ สรณ’’นฺติ เอวํ วตฺวา สรณมคมํสูติ อตฺโถ. อนุกมฺปตีติ อนุกมฺปโก. กรุณาย จรตีติ การุณิโก. สมฺปตฺเตติ สมาคเต สรณมุปคเต ติตฺถิเย. ปฺจสีเล ปติฏฺหีติ ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปสีติ อตฺโถ. นิรากุลนฺติ อนากุลํ, อฺเหิ ลทฺธิเกหิ อสมฺมิสฺสนฺติ อตฺโถ. สุฺกนฺติ สุฺํ ริตฺตํ เตหิ ติตฺถิเยหิ. นฺติ ตํ ภควโต สาสนนฺติ วจนเสโส ทฏฺพฺโพ. วิจิตฺตนฺติ วิจิตฺตวิจิตฺตํ. วสีภูเตหีติ วสีภาวปฺปตฺเตหิ.

ตสฺส ปน ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต หํสวตี นาม นครํ อโหสิ. ปิตา ปนสฺส อานนฺโท นาม ขตฺติโย, มาตา สุชาตา นาม เทวี, เทวโล จ สุชาโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา, สุมโน นามุปฏฺาโก, อมิตา จ อสมา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, สลลรุกฺโข โพธิ, สรีรํ อฏฺปณฺณาสหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, สรีรปฺปภา จสฺส สมนฺตา ทฺวาทส โยชนานิ คณฺหิ, วสฺสสตสหสฺสํ อายุ อโหสิ, วสุทตฺตา นาม อคฺคมเหสี, อุตฺตโร นาม ปุตฺโต อโหสิ. ปทุมุตฺตโร ปน ภควา ปรมาภิราเม นนฺทาราเม กิร ปรินิพฺพุโต. ธาตุโย ปนสฺส น วิกิรึสุ. สกลชมฺพุทีปวาสิโน มนุสฺสา สมาคมฺม ทฺวาทสโยชนุพฺเพธํ สตฺตรตนมยํ เจติยมกํสุ. เตน วุตฺตํ –

๑๙.

‘‘นครํ หํสวตี นาม, อานนฺโท นาม ขตฺติโย;

สุชาตา นาม ชนิกา, ปทุมุตฺตรสฺส สตฺถุโน.

๒๔.

‘‘เทวโล จ สุชาโต จ, อเหสุํ อคฺคสาวกา;

สุมโน นามุปฏฺาโก, ปทุมุตฺตรสฺส มเหสิโน.

๒๕.

‘‘อมิตา จ อสมา จ, อเหสุํ อคฺคสาวิกา;

โพธิ ตสฺส ภควโต, สลโลติ ปวุจฺจติ.

๒๗.

‘‘อฏฺปณฺณาสรตนํ, อจฺจุคฺคโต มหามุนิ;

กฺจนคฺฆิยสงฺกาโส, ทฺวตฺตึสวรลกฺขโณ.

๒๘.

‘‘กุฏฺฏา กวาฏา ภิตฺตี จ, รุกฺขา นคสิลุจฺจยา;

น ตสฺสาวรณํ อตฺถิ, สมนฺตา ทฺวาทสโยชเน.

๒๙.

‘‘วสฺสสตสหสฺสานิ, อายุ วิชฺชติ ตาวเท;

ตาวตา ติฏฺมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํ.

๓๐.

‘‘สนฺตาเรตฺวา พหุชนํ, ฉินฺทิตฺวา สพฺพสํสยํ;

ชลิตฺวา อคฺคิกฺขนฺโธว, นิพฺพุโต โส สสาวโก’’ติ.

ตตฺถ นคสิลุจฺจยาติ นคสงฺขาตา สิลุจฺจยา. อาวรณนฺติ ปฏิจฺฉาทนํ ติโรกรณํ. ทฺวาทสโยชเนติ สมนฺตโต ทฺวาทสโยชเน าเน ภควโต สรีรปฺปภา ผริตฺวา รตฺตินฺทิวํ ติฏฺตีติ อตฺโถ. เสสคาถาสุ สพฺพตฺถ ปากฏเมวาติ.

อิโต ปฏฺาย ปารมิปูรณาทิปุนปฺปุนาคตมตฺถํ สงฺขิปิตฺวา วิเสสตฺถเมว วตฺวา คมิสฺสาม. ยทิ ปน วุตฺตเมว ปุนปฺปุนํ วกฺขาม, กทา อนฺตํ คมิสฺสติ อยํ สํวณฺณนาติ.

ปทุมุตฺตรพุทฺธวํสวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิฏฺิโต ทสโม พุทฺธวํโส.