📜

๓. ทีปงฺกรพุทฺธวํสวณฺณนา

รมฺมนครวาสิโนปิ เต อุปาสกา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา ปุน ภควนฺตํ ภุตฺตาวึ โอนีตปตฺตปาณึ มาลาคนฺธาทีหิ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา ทานานุโมทนํ โสตุกามา อุปนิสีทึสุ. อถ สตฺถา เตสํ ปรมมธุรํ หทยงฺคมํ ทานานุโมทนมกาสิ –

‘‘ทานํ นาม สุขาทีนํ, นิทานํ ปรมํ มตํ;

นิพฺพานํ ปน โสปานํ, ปติฏฺาติ ปวุจฺจติ.

‘‘ทานํ ตาณํ มนุสฺสานํ, ทานํ พนฺธุ ปรายนํ;

ทานํ ทุกฺขาธิปนฺนานํ, สตฺตานํ ปรมา คติ.

‘‘ทุกฺขนิตฺถรณฏฺเน , ทานํ นาวาติ ทีปิตํ;

ภยรกฺขณโต ทานํ, นครนฺติ จ วณฺณิตํ.

‘‘ทานํ ทุราสทฏฺเน, วุตฺตมาสิวิโสติ จ;

ทานํ โลภมลาทีหิ, ปทุมํ อนุปลิตฺตโต.

‘‘นตฺถิ ทานสโม โลเก, ปุริสสฺส อวสฺสโย;

ปฏิปชฺชถ ตสฺมา ตํ, กิริยาชฺฌาสเยน จ.

‘‘สคฺคโลกนิทานานิ, ทานานิ มติมา อิธ;

โก หิ นาม นโร โลเก, น ทเทยฺย หิเต รโต.

‘‘สุตฺวา เทเวสุ สมฺปตฺตึ, โก นโร ทานสมฺภวํ;

น ทชฺชา สุขปฺปทํ ทานํ, ทานํ จิตฺตปฺปโมทนํ.

‘‘ทาเนน ปฏิปนฺเนน, อจฺฉราปริวาริโต;

รมเต สุจิรํ กาลํ, นนฺทเน สุรนนฺทเน.

‘‘ปีติมุฬารํ วินฺทติ ทาตา, คารวมสฺมึ คจฺฉติ โลเก;

กิตฺติมนนฺตํ ยาติ จ ทาตา, วิสฺสสนีโย โหติ จ ทาตา.

‘‘ทตฺวา ทานํ ยาติ นโร โส, โภคสมิทฺธึ ทีฆฺจายุ;

สุสฺสรตมฺปิ จ วินฺทติ รูปํ, สคฺเค สทฺธึ กีฬติ เทเวหิ;

วิมาเนสุ ตฺวา นานา, มตฺตมยูราภิรุเตสุ.

‘‘โจราริราโชทกปาวกานํ, ธนํ อสาธารณเมว ทานํ;

ททาติ ตํ สาวกาณภูมึ, ปจฺเจกภูมึ ปน พุทฺธภูมิ’’นฺติ. –

เอวมาทินา นเยน ทานานุโมทนํ กตฺวา ทานานิสํสํ ปกาเสตฺวา ตทนนฺตรํ สีลกถํ กเถสิ. สีลํ นาเมตํ อิธโลกปรโลกสมฺปตฺตีนํ มูลํ.

‘‘สีลํ สุขานํ ปรมํ นิทานํ, สีเลน สีลี ติทิวํ ปยาติ;

สีลฺหิ สํสารมุปาคตสฺส, ตาณฺจ เลณฺจ ปรายนฺจ.

‘‘อวสฺสโย สีลสโม ชนานํ, กุโต ปนฺโ อิธ วา ปรตฺถ;

สีลํ คุณานํ ปรมา ปติฏฺา, ยถา ธรา ถาวรชงฺคมานํ.

‘‘สีลํ กิเรว กลฺยาณํ, สีลํ โลเก อนุตฺตรํ;

อริยวุตฺติสมาจาโร, เยน วุจฺจติ สีลวา’’. (ชา. ๑.๓.๑๑๘);

สีลาลงฺการสโม อลงฺกาโร นตฺถิ, สีลคนฺธสโม คนฺโธ นตฺถิ, สีลสมํ กิเลสมลวิโสธนํ นตฺถิ, สีลสมํ ปริฬาหูปสมํ นตฺถิ, สีลสมํ กิตฺติชนนํ นตฺถิ, สีลสมํ สคฺคาโรหณโสปานํ นตฺถิ, นิพฺพานนครปฺปเวสเน จ สีลสมํ ทฺวารํ นตฺถิ. ยถาห –

‘‘โสภนฺเตวํ น ราชาโน, มุตฺตามณิวิภูสิตา;

ยถา โสภนฺติ ยติโน, สีลภูสนภูสิตา.

‘‘สีลคนฺธสโม คนฺโธ, กุโต นาม ภวิสฺสติ;

โย สมํ อนุวาเต จ, ปฏิวาเต จ วายติ. (วิสุทฺธิ. ๑.๙);

‘‘น ปุปฺผคนฺโธ ปฏิวาตเมติ, น จนฺทนํ ตคฺครมลฺลิกา วา;

สตฺจ คนฺโธ ปฏิวาตเมติ, สพฺพา ทิสา สปฺปุริโส ปวายติ.

‘‘จนฺทนํ ตครํ วาปิ, อุปฺปลํ อถ วสฺสิกี;

เอเตสํ คนฺธชาตานํ, สีลคนฺโธ อนุตฺตโร. (ธ. ป. ๕๔-๕๕; มิ. ป. ๕.๔.๑);

‘‘น คงฺคา ยมุนา จาปิ, สรภู วา สรสฺวตี;

นินฺนคา วาจิรวตี, มหี วาปิ มหานที.

‘‘สกฺกุณนฺติ วิโสเธตุํ, ตํ มลํ อิธ ปาณินํ;

วิโสธยติ สตฺตานํ, ยํ เว สีลชลํ มลํ.

‘‘น ตํ สชลทา วาตา, น จาปิ หริจนฺทนํ;

เนว หารา น มณโย, น จนฺทกิรณงฺกุรา.

‘‘สมยนฺตีธ สตฺตานํ, ปริฬาหํ สุรกฺขิตํ;

ยํ สเมติ อิทํ อริยํ, สีลํ อจฺจนฺตสีตลํ.

‘‘อตฺตานุวาทาทิภยํ, วิทฺธํสยติ สพฺพทา;

ชเนติ กิตฺติหาสฺจ, สีลํ สีลวโต สทา.

‘‘สคฺคาโรหณโสปานํ, อฺํ สีลสมํ กุโต;

ทฺวารํ วา ปน นิพฺพาน, นครสฺส ปเวสเน.

‘‘คุณานํ มูลภูตสฺส, โทสานํ พลฆาติโน;

อิติ สีลสฺส ชานาถ, อานิสํสมนุตฺตร’’นฺติ. (วิสุทฺธิ. ๑.๙);

เอวํ ภควา สีลานิสํสํ ทสฺเสตฺวา – ‘‘อิทํ ปน สีลํ นิสฺสาย อยํ สคฺโค ลภตี’’ติ ทสฺสนตฺถํ ตทนนฺตรํ สคฺคกถํ กเถสิ. อยํ สคฺโค นาม อิฏฺโ กนฺโต มนาโป เอกนฺตสุโข นิจฺจเมตฺถ กีฬา นิจฺจํ สมฺปตฺติโย ลภนฺติ. จาตุมหาราชิกา เทวา นวุติวสฺสสตสหสฺสานิ ทิพฺพสุขํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ ปฏิลภนฺติ. ตาวตึสา ติสฺโส วสฺสโกฏิโย สฏฺิ จ วสฺสสตสหสฺสานีติ เอวมาทิสคฺคคุณปฏิสํยุตฺตกถํ กเถสิ. เอวํ สคฺคกถาย ปโลเภตฺวา ปุน – ‘‘อยมฺปิ สคฺโค อนิจฺโจ อธุโว น ตตฺถ ฉนฺทราโค กาตพฺโพ’’ติ กามานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ เนกฺขมฺเม อานิสํสฺจ ปกาเสตฺวา อมตปริโยสานํ ธมฺมกถํ กเถสิ. เอวํ ตสฺส มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสตฺวา เอกจฺเจ สรเณสุ จ เอกจฺเจ ปฺจสีเลสุ จ เอกจฺเจ โสตาปตฺติผเล จ เอกจฺเจ สกทาคามิผเล เอกจฺเจ อนาคามิผเล เอกจฺเจ จตูสุปิ ผเลสุ เอกจฺเจ ตีสุ วิชฺชาสุ เอกจฺเจ ฉสุ อภิฺาสุ เอกจฺเจ อฏฺสุ สมาปตฺตีสุ ปติฏฺาเปตฺวา อุฏฺายาสนา รมฺมนครโต นิกฺขมิตฺวา สุทสฺสนมหาวิหารเมว ปาวิสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘ตทา เต โภชยิตฺวาน, สสงฺฆํ โลกนายกํ;

อุปคจฺฉุํ สรณํ ตสฺส, ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโน.

.

‘‘สรณาคมเน กฺจิ, นิเวเสติ ตถาคโต;

กฺจิ ปฺจสุ สีเลสุ, สีเล ทสวิเธ ปรํ.

.

‘‘กสฺสจิ เทติ สามฺํ, จตุโร ผลมุตฺตเม;

กสฺสจิ อสเม ธมฺเม, เทติ โส ปฏิสมฺภิทา.

.

‘‘กสฺสจิ วรสมาปตฺติโย, อฏฺ เทติ นราสโภ;

ติสฺโส กสฺสจิ วิชฺชาโย, ฉฬภิฺา ปเวจฺฉติ.

.

‘‘เตน โยเคน ชนกายํ, โอวทติ มหามุนิ;

เตน วิตฺถาริกํ อาสิ, โลกนาถสฺส สาสนํ.

.

‘‘มหาหนุสภกฺขนฺโธ , ทีปงฺกรสนามโก;

พหู ชเน ตารยติ, ปริโมเจติ ทุคฺคตึ.

.

‘‘โพธเนยฺยํ ชนํ ทิสฺวา, สตสหสฺเสปิ โยชเน;

ขเณน อุปคนฺตฺวาน, โพเธติ ตํ มหามุนี’’ติ.

ตตฺถ เตติ รมฺมนครวาสิโน อุปาสกา. สรณนฺติ เอตฺถ สรณํ สรณคมนํ สรณสฺส คนฺตา จ เวทิตพฺพา. สรติ หึสติ วินาเสตีติ สรณํ, กึ ตํ? รตนตฺตยํ. ตํ ปน สรณคตานํ เตเนว สรณคมเนน ภยํ สนฺตาสํ ทุกฺขํ ทุคฺคตึ ปริกฺกิเลสํ หนติ หึสติ วินาเสตีติ สรณนฺติ วุจฺจตีติ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘เย เกจิ พุทฺธํ สรณํ คตาเส, น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมึ;

ปหาย มานุสํ เทหํ, เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺติ. (ที. นิ. ๒.๓๓๒; สํ. นิ. ๑.๓๗);

‘‘เย เกจิ ธมฺมํ สรณํ คตาเส, น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมึ;

ปหาย มานุสํ เทหํ, เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺติ. (ที. นิ. ๒.๓๓๒; สํ. นิ. ๑.๓๗);

‘‘เย เกจิ สงฺฆํ สรณํ คตาเส, น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมึ;

ปหาย มานุสํ เทหํ, เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺตี’’ติ. (ที. นิ. ๒.๓๓๒; สํ. นิ. ๑.๓๗);

สรณคมนํ นาม รตนตฺตยปรายนาการปฺปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโท. สรณสฺส คนฺตา นาม ตํสมงฺคีปุคฺคโล. เอวํ ตาว สรณํ สรณคมนํ สรณสฺส คนฺตา จาติ อิทํ ตยํ เวทิตพฺพํ.

ตสฺสาติ ตํ ทีปงฺกรํ, อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ ทฏฺพฺพํ. ‘‘อุปคจฺฉุํ สรณํ ตตฺถา’’ติปิ ปาโ. สตฺถุโนติ สตฺถารํ. สรณาคมเน กฺจีติ กฺจิ ปุคฺคลํ สรณคมเน นิเวเสตีติ อตฺโถ. กิฺจาปิ ปจฺจุปฺปนฺนวเสน วุตฺตํ, อตีตกาลวเสน ปน อตฺโถ คเหตพฺโพ. เอส นโย เสเสสุปิ. ‘‘กสฺสจิ สรณาคมเน’’ติปิ ปาโ, ตสฺสปิ โสเยวตฺโถ. กฺจิ ปฺจสุ สีเลสูติ กฺจิ ปุคฺคลํ ปฺจสุ วิรติสีเลสุ นิเวเสสีติ อตฺโถ. ‘‘กสฺสจิ ปฺจสุ สีเลสู’’ติปิ ปาโ, โสเยวตฺโถ. สีเล ทสวิเธ ปรนฺติ อปรํ ปุคฺคลํ ทสวิเธ สีเล นิเวเสสีติ อตฺโถ. ‘‘กสฺสจิ กุสเล ทสา’’ติปิ ปาโ, ตสฺส กฺจิ ปุคฺคลํ ทส กุสลธมฺเม สมาทเปสีติ อตฺโถ. กสฺสจิ เทติ สามฺนฺติ เอตฺถ ปรมตฺถโต สามฺนฺติ มคฺโค วุจฺจติ. ยถาห –

‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, สามฺํ? อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฏฺิ…เป… สมฺมาสมาธิ. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, สามฺ’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๓๖).

จตุโร ผลมุตฺตเมติ จตฺตาริ อุตฺตมานิ ผลานีติ อตฺโถ. -กาโร ปทสนฺธิกโร. ลิงฺควิปริยาเสน วุตฺตํ. ยโถปนิสฺสยํ จตฺตาโร มคฺเค จตฺตาริ จ สามฺผลานิ กสฺสจิ อทาสีติ อตฺโถ. กสฺสจิ อสเม ธมฺเมติ กสฺสจิ อสทิเส จตฺตาโร ปฏิสมฺภิทาธมฺเม อทาสิ.

กสฺสจิ วรสมาปตฺติโยติ กสฺสจิ ปน นีวรณวิคเมน ปธานภูตา อฏฺ สมาปตฺติโย อทาสิ. ติสฺโส กสฺสจิ วิชฺชาโยติ กสฺสจิ ปุคฺคลสฺส อุปนิสฺสยวเสน ทิพฺพจกฺขุาณปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณอาสวกฺขยาณานํ วเสน ติสฺโส วิชฺชาโย. ฉฬภิฺา ปเวจฺฉตีติ ฉ อภิฺาโย กสฺสจิ อทาสิ.

เตน โยเคนาติ เตน นเยน เตนานุกฺกเมน จ. ชนกายนฺติ ชนสมูหํ. โอวทตีติ โอวทิ. กาลวิปริยาเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อิโต อุปริปิ อีทิเสสุ วจเนสุ อตีตกาลวเสเนว อตฺโถ คเหตพฺโพ . เตน วิตฺถาริกํ อาสีติ เตน ทีปงฺกรสฺส ภควโต โอวาเทน อนุสาสนิยา วิตฺถาริกํ วิตฺถตํ วิสาลีภูตํ สาสนํ อโหสิ.

มหาหนูติ มหาปุริสานํ กิร ทฺเวปิ หนูนิ ปริปุณฺณานิ ทฺวาทสิยา ปกฺขสฺส จนฺทสทิสาการานิ โหนฺตีติ มหนฺตานิ หนูนิ ยสฺส โส มหาหนุ, สีหหนูติ วุตฺตํ โหติ. อุสภกฺขนฺโธติ อุสภสฺเสว ขนฺโธ ยสฺส ภวติ, โส อุสภกฺขนฺโธ. สุวฏฺฏิตสุวณฺณาลิงฺคสทิสรุจิรกฺขนฺโธ สมวฏฺฏจารุกฺขนฺโธติ อตฺโถ. ทีปงฺกรสนามโกติ ทีปงฺกรสนาโม . พหู ชเน ตารยตีติ พหู พุทฺธเวเนยฺเย ชเน ตาเรสิ. ปริโมเจตีติ ปริโมเจสิ. ทุคฺคตินฺติ ทุคฺคติโต. นิสฺสกฺกตฺเถ อุปโยควจนํ.

อิทานิ ตารณปริโมจนกรณาการทสฺสนตฺถํ ‘‘โพธเนยฺยํ ชน’’นฺติ คาถา วุตฺตา. ตตฺถ โพธเนยฺยํ ชนนฺติ โพธเนยฺยํ ปชํ, อยเมว วา ปาโ. ทิสฺวาติ พุทฺธจกฺขุนา วา สมนฺตจกฺขุนา วา ทิสฺวา. สตสหสฺเสปิ โยชเนติ อเนกสตสหสฺเสปิ โยชเน ิตํ. อิทํ ปน ทสสหสฺสิยํเยว สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

ทีปงฺกโร กิร สตฺถา พุทฺธตฺตํ ปตฺวา โพธิมูเล สตฺตสตฺตาหํ วีตินาเมตฺวา อฏฺเม สตฺตาเห มหาพฺรหฺมุโน ธมฺมชฺเฌสนํ ปฏิฺาย สุนนฺทาราเม ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตตฺวา โกฏิสตํ เทวมนุสฺสานํ ธมฺมามตํ ปาเยสิ. อยํ ปโม อภิสมโย อโหสิ.

อถ สตฺถา อตฺตโน ปุตฺตสฺส สมวฏฺฏกฺขนฺธสฺส อุสภกฺขนฺธสฺส นาม าณปริปากํ ตฺวา ตํ อตฺรชํ ปมุขํ กตฺวา ราหุโลวาทสทิสํ ธมฺมํ เทเสตฺวา เทวมนุสฺสานํ นวุติโกฏิโย ธมฺมามตํ ปาเยสิ. อยํ ทุติโย อภิสมโย อโหสิ.

ปุน ภควา อมรวตีนครทฺวาเร มหาสิรีสรุกฺขมูเล ยมกปาฏิหาริยํ กตฺวา มหาชนสฺส พนฺธนาโมกฺขํ กตฺวา เทวคณปริวุโต ทิวสกราติเรกชุติวิสรภวเน ตาวตึสภวเน ปาริจฺฉตฺตกมูเล ปรมสีตเล ปณฺฑุกมฺพลสิลาตเล นิสีทิตฺวา สพฺพเทวคณปีติสฺชนนึ อตฺตโน ชนนึ สุเมธาเทวึ ปมุขํ กตฺวา สพฺพโลกวิทิตวิสุทฺธิเทโว เทวเทโว ทีปงฺกโร ภควา สพฺพสตฺตหิตกรํ ปรมาติเรกคมฺภีรสุขุมํ พุทฺธิวิสทกรํ สตฺตปฺปกรณํ อภิธมฺมปิฏกํ เทเสตฺวา นวุติเทวโกฏิสหสฺสานํ ธมฺมามตํ ปาเยสิ. อยํ ตติโย อภิสมโย อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘ปมาภิสมเย พุทฺโธ, โกฏิสตมโพธยิ;

ทุติยาภิสมเย นาโถ, นวุติโกฏิมโพธยิ.

.

‘‘ยทา จ เทวภวนมฺหิ, พุทฺโธ ธมฺมมเทสยิ;

นวุติโกฏิสหสฺสานํ, ตติยาภิสมโย อหู’’ติ.

ทีปงฺกรสฺส ปน ภควโต ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ตตฺถ สุนนฺทาราเม โกฏิสตสหสฺสานํ ปโม สนฺนิปาโต อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

๑๐.

‘‘สนฺนิปาตา ตโย อาสุํ, ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโน;

โกฏิสตสหสฺสานํ, ปโม อาสิ สมาคโม’’ติ.

อถาปเรน สมเยน ทสพโล จตูหิ ภิกฺขุสตสหสฺเสหิ ปริวุโต คามนิคมนครปฏิปาฏิยา มหาชนานุคฺคหํ กโรนฺโต จาริกํ จรมาโน อนุกฺกเมน เอกสฺมึ ปเทเส มหาชนกตสกฺการํ สพฺพโลกวิสฺสุตํ อมนุสฺสปริคฺคหิตํ อติภยานกํ โอลมฺพามฺพุธรปริจุมฺพิตกูฏํ วิวิธสุรภิตรุกุสุมวาสิตกูฏํ นานามิคคณวิจริตกูฏํ นารทกูฏํ นาม ปรมรมณียํ ปพฺพตํ สมฺปาปุณิ. โส กิร ปพฺพโต นารเทน นาม ยกฺเขน ปริคฺคหิโต อโหสิ. ตตฺถ ปน ตสฺส ยกฺขสฺส อนุสํวจฺฉรํ มหาชโน มนุสฺสพลึ อุปสํหรติ.

อถ ทีปงฺกโร กิร ภควา ตสฺส มหาชนสฺส อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ตโต ภิกฺขุสงฺฆํ จาตุทฺทิสํ เปเสตฺวา อทุติโย อสหาโย มหากรุณาพลวสงฺคตหทโย ตฺจ ยกฺขํ วิเนตุํ ตํ นารทปพฺพตํ อภิรุหิ. อถ โส มนุสฺสภกฺโข สกหิตนิรเปกฺโข ปรวธทกฺโข ยกฺโข มกฺขํ อสหมาโน โกธปเรตมานโส ทสพลํ ภึสาเปตฺวา ปลาเปตุกาโม ตํ ปพฺพตํ จาเลสิ. โส กิร ปพฺพโต เตน จาลิยมาโน ภควโต อานุภาเวน ตสฺเสว มตฺถเก ปตมาโน วิย อโหสิ.

ตโต โส ภีโต – ‘‘หนฺท นํ อคฺคินา ฌาเปสฺสามี’’ติ มหนฺตํ อติภีมทสฺสนํ อคฺคิกฺขนฺธํ นิพฺพตฺเตสิ. โส อคฺคิกฺขนฺโธ ปฏิวาเต ขิตฺโต วิย อตฺตโนว ทุกฺขํ ชเนสิ, น ปน ภควโต จีวเร อํสุมตฺตมฺปิ ทฑฺฒุํ สมตฺโถ อโหสิ. ยกฺโข ปน ‘‘สมโณ ทฑฺโฒ, น ทฑฺโฒ’’ติ โอโลเกนฺโต ทสพลํ สรทสมยวิมลกรนิกรํ สพฺพชนรติกรํ รชนิกรมิว สีตลชลตลคตกมลกณฺณิกาย นิสินฺนํ วิย ภควนฺตํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อโห อยํ สมโณ มหานุภาโว, ยํ ยํ อิมสฺสาหํ อนตฺถํ กโรมิ, โส โส มมูปริเยว ปตติ, อิมํ ปน สมณํ มุฺจิตฺวา อฺํ เม ปฏิสรณํ ปรายนํ นตฺถิ, ปถวิยํ อุปกฺขลิตา ปถวึเยว นิสฺสาย อุฏฺหนฺติ, หนฺทาหํ อิมํเยว สมณํ สรณํ คมิสฺสามี’’ติ.

อเถวํ ปน โส จินฺเตตฺวา ภควโต จกฺกาลงฺกตตเลสุ ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา – ‘‘อจฺจโย มํ, ภนฺเต, อจฺจคมา’’ติ วตฺวา ภควนฺตํ สรณมคมาสิ. อถสฺส ภควา อนุปุพฺพิกถํ กเถสิ. โส เทสนาปริโยสาเน ทสหิ ยกฺขสหสฺเสหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตสฺมึ กิร ทิวเส สกลชมฺพุทีปตลวาสิโน มนุสฺสา ตสฺส พลิกมฺมตฺถํ เอเกกคามโต เอเกกํ ปุริสํ อาหรึสุ. อฺฺจ พหุติลตณฺฑุลกุลตฺถมุคฺคมาสาทึ สปฺปินวนีตเตลมธุผาณิตาทิฺจ อาหรึสุ. อถ โส ยกฺโข ตํ ทิวสํ อาภตตณฺฑุลาทิกํ สพฺพํ เตสํเยว ทตฺวา เต พลิกมฺมตฺถาย อานีตมนุสฺเส ทสพลสฺส นิยฺยาเตสิ.

อถ สตฺถา เต มนุสฺเส เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพาเชตฺวา อนฺโตสตฺตาเหเยว สพฺเพ อรหตฺเต ปติฏฺาเปตฺวา มาฆปุณฺณมาย โกฏิสตภิกฺขุมชฺฌคโต จตุรงฺคสมนฺนาคเต สนฺนิปาเต ปาติโมกฺขมุทฺทิสิ. จตุรงฺคานิ นาม สพฺเพว เอหิภิกฺขู โหนฺติ, สพฺเพ ฉฬภิฺา โหนฺติ, สพฺเพ อนามนฺติตาว อาคตา, ปนฺนรสูโปสถทิวโส จาติ อิมานิ จตฺตาริ องฺคานิ นาม. อยํ ทุติโย สนฺนิปาโต อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

๑๑.

‘‘ปุน นารทกูฏมฺหิ, ปวิเวกคเต ชิเน;

ขีณาสวา วีตมลา, สมึสุ สตโกฏิโย’’ติ.

ตตฺถ ปวิเวกคเตติ คณํ ปหาย คเต. สมึสูติ สนฺนิปตึสุ.

ยทา ปน ทีปงฺกโร โลกนายโก สุทสฺสนนามเก ปพฺพเต วสฺสาวาสมุปคฺฉิ, ตทา กิร ชมฺพุทีปวาสิโน มนุสฺสา อนุสํวจฺฉรํ คิรคฺคสมชฺชํ กโรนฺติ. ตสฺมึ กิร สมชฺเช สนฺนิปติตา มนุสฺสา ทสพลํ ทิสฺวา ธมฺมกถํ สุตฺวา ตตฺร ปสีทิตฺวา ปพฺพชึสุ. มหาปวารณทิวเส สตฺถา เตสํ อชฺฌาสยานุกูลํ วิปสฺสนากถํ กเถสิ. ตํ สุตฺวา เต สพฺเพ สงฺขาเร สมฺมสิตฺวา วิปสฺสนานุปุพฺเพน มคฺคานุปุพฺเพน จ อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. อถ สตฺถา นวุติโกฏิสหสฺเสหิ สทฺธึ ปวาเรสิ. อยํ ตติโย สนฺนิปาโต อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

๑๒.

‘‘ยมฺหิ กาเล มหาวีโร, สุทสฺสนสิลุจฺจเย;

นวุติโกฏิสหสฺเสหิ, ปวาเรสิ มหามุนิ.

‘‘อหํ เตน สมเยน, ชฏิโล อุคฺคตาปโน;

อนฺตลิกฺขมฺหิ จรโณ, ปฺจาภิฺาสุ ปารคู’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา);

อยํ คาถา อฏฺสาลินิยา ธมฺมสงฺคหฏฺกถาย นิทานวณฺณนาย ทีปงฺกรพุทฺธวํเส ลิขิตา. อิมสฺมึ ปน พุทฺธวํเส นตฺถิ. นตฺถิภาโวเยว ปนสฺสา ยุตฺตตโร. กสฺมาติ เจ? เหฏฺา สุเมธกถาสุ กถิตตฺตาติ.

ทีปงฺกเร กิร ภควติ ธมฺมํ เทเสนฺเต ทสสหสฺสานฺจ วีสติสหสฺสานฺจ ธมฺมาภิสมโย อโหสิเยว. เอกสฺส ปน ทฺวินฺนํ ติณฺณํ จตุนฺนนฺติ จ อาทิวเสน อภิสมยานํ อนฺโต นตฺถิ. ตสฺมา ทีปงฺกรสฺส ภควโต สาสนํ วิตฺถาริกํ พาหุชฺํ อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

๑๓.

‘‘ทสวีสสหสฺสานํ , ธมฺมาภิสมโย อหุ;

เอกทฺวินฺนํ อภิสมยา, คณนาโต อสงฺขิยา’’ติ.

ตตฺถ ทสวีสสหสฺสานนฺติ ทสสหสฺสานํ วีสติสหสฺสานฺจ. ธมฺมาภิสมโยติ จตุสจฺจธมฺมปฺปฏิเวโธ. เอกทฺวินฺนนฺติ เอกสฺส เจว ทฺวินฺนฺจ , ติณฺณํ จตุนฺนํ…เป… ทสนฺนนฺติอาทินา นเยน อสงฺขฺเยยฺยาติ อตฺโถ. เอวํ อสงฺขฺเยยฺยาภิสมยตฺตา จ วิตฺถาริกํ มหนฺตปฺปตฺตํ พหูหิ ปณฺฑิเตหิ เทวมนุสฺเสหิ นิยฺยานิกนฺติ ชฺํ ชานิตพฺพํ อธิสีลสิกฺขาทีหิ อิทฺธฺจ สมาธิอาทีหิ ผีตฺจ อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

๑๔.

‘‘วิตฺถาริกํ พาหุชฺํ, อิทฺธํ ผีตํ อหู ตทา;

ทีปงฺกรสฺส ภควโต, สาสนํ สุวิโสธิต’’นฺติ.

ตตฺถ สุวิโสธิตนฺติ สุฏฺุ ภควตา โสธิตํ วิสุทฺธํ กตํ. ทีปงฺกรํ กิร สตฺถารํ สพฺพกาลํ ฉฬภิฺานํ มหิทฺธิกานํ ภิกฺขูนํ จตฺตาริ สตสหสฺสานิ ปริวาเรนฺติ. เตน จ สมเยน เย เสกฺขา กาลกิริยํ กโรนฺติ, เต ครหิตา ภวนฺติ, สพฺเพ ขีณาสวา หุตฺวาว ปรินิพฺพายนฺตีติ อธิปฺปาโย. ตสฺมา หิ ตสฺส ภควโต สาสนํ สุปุปฺผิตํ สุสมิทฺธํ ขีณาสเวหิ ภิกฺขูหิ อติวิย โสภิตฺถ. เตน วุตฺตํ –

๑๕.

‘‘จตฺตาริ สตสหสฺสานิ, ฉฬภิฺา มหิทฺธิกา;

ทีปงฺกรํ โลกวิทุํ, ปริวาเรนฺติ สพฺพทา.

๑๖.

‘‘เย เกจิ เตน สมเยน, ชหนฺติ มานุสํ ภวํ;

อปฺปตฺตมานสา เสขา, ครหิตา ภวนฺติ เต.

๑๗.

‘‘สุปุปฺผิตํ ปาวจนํ, อรหนฺเตหิ ตาทิหิ;

ขีณาสเวหิ วิมเลหิ, อุปโสภติ สพฺพทา’’ติ.

ตตฺถ จตฺตาริ สตสหสฺสานีติ คณนาย ทสฺสิตา เอวํ ทสฺสิตคณนา อิเม ภิกฺขูติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ฉฬภิฺา มหิทฺธิกา’’ติ วุตฺตนฺติ เอวมตฺโถ คเหตพฺโพ. อถ วา ฉฬภิฺา มหิทฺธิกาติ ฉฬภิฺานํ มหิทฺธิกานนฺติ สามิอตฺเถ ปจฺจตฺตวจนํ ทฏฺพฺพํ. ปริวาเรนฺติ สพฺพทาติ นิจฺจกาลํ ทสพลํ ปริวาเรนฺติ, ภควนฺตํ มุฺจิตฺวา กตฺถจิ น คจฺฉนฺตีติ อธิปฺปาโย. เตน สมเยนาติ ตสฺมึ สมเย. อยํ ปน สมย-สทฺโท สมวายาทีสุ นวสุ อตฺเถสุ ทิสฺสติ. ยถาห –

‘‘สมวาเย ขเณ กาเล, สมูเห เหตุทิฏฺิสุ;

ปฏิลาเภ ปหาเน จ, ปฏิเวเธ จ ทิสฺสตี’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑; ม. นิ. อฏฺ. ๑.มูลปริยายสุตฺตวณฺณนา; สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑; ธ. ส. อฏฺ. ๑ กามาวจรกุสลปทภาชนีย; ขุ. ปา. อฏฺ. มํคลสุตฺตวณฺณนา, เอวมิจฺจาทิปาวณฺณนา; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๒.๑.๑๘๔);

อิธ โส กาเล ทฏฺพฺโพ; ตสฺมึ กาเลติ อตฺโถ. มานุสํ ภวนฺติ มนุสฺสภาวํ. อปฺปตฺตมานสาติ อปฺปตฺตํ อนธิคตํ มานสํ เยหิ เต อปฺปตฺตมานสา. มานสนฺติ ราคสฺส จ จิตฺตสฺส จ อรหตฺตสฺส จ อธิวจนํ. ‘‘อนฺตลิกฺขจโร ปาโส, ยฺวายํ จรติ มานโส’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๕๑; มหาว. ๓๓) หิ เอตฺถ ปน ราโค ‘‘มานโส’’ติ วุตฺโต. ‘‘จิตฺตํ มโน มานสํ หทยํ ปณฺฑร’’นฺติ (ธ. ส. ๖; วิภ. ๑๘๔; มหานิ. ๑; จูฬนิ. ปารายนานุคีติคาถานิทฺเทส ๑๑๔) เอตฺถ จิตฺตํ. ‘‘อปฺปตฺตมานโส เสโข, กาลํ กยิรา ชเนสุตา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๕๙) เอตฺถ อรหตฺตํ. อิธาปิ อรหตฺตเมว อธิปฺเปตํ (ธ. ส. อฏฺ. ๕ กามาวจรกุสลนิทฺเทสวารกถา; มหานิ. อฏฺ. ๑). ตสฺมา อปฺปตฺตอรหตฺตผลาติ อตฺโถ. เสขาติ เกนฏฺเน เสขา? เสขธมฺมปฏิลาภฏฺเน เสขา. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘กิตฺตาวตา นุ โข, ภนฺเต, เสโข โหตีติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เสขาย สมฺมาทิฏฺิยา สมนฺนาคโต โหติ…เป… เสเขน สมฺมาสมาธินา สมนฺนาคโต โหติ. เอตฺตาวตา โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เสโข โหตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๓). อปิ จ สิกฺขนฺตีติ เสขา. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘สิกฺขติ, สิกฺขตีติ โข, ภิกฺขุ, ตสฺมา เสโขติ วุจฺจติ. กิฺจ สิกฺขติ? อธิสีลมฺปิ สิกฺขติ อธิจิตฺตมฺปิ อธิปฺมฺปิ สิกฺขตีติ โข, ภิกฺขุ, ตสฺมา เสโขติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๘๖).

สุปุปฺผิตนฺติ สุฏฺุ วิกสิตํ. ปาวจนนฺติ ปสตฺถํ วจนํ, วุทฺธิปฺปตฺตํ วา วจนํ ปวจนํ, ปวจนเมว ปาวจนํ, สาสนนฺติ อตฺโถ. อุปโสภตีติ อภิราชติ อติวิโรจติ. สพฺพทาติ สพฺพกาลํ. ‘‘อุปโสภติ สเทวเก’’ติปิ ปาโ.

ตสฺส ทีปงฺกรสฺส ภควโต รมฺมวตี นาม นครํ อโหสิ, สุเทโว นาม ขตฺติโย ปิตา, สุเมธา นาม เทวี มาตา, สุมงฺคโล จ ติสฺโส จาติ ทฺเว อคฺคสาวกา, สาคโต นาม อุปฏฺาโก, นนฺทา จ สุนนฺทา จาติ ทฺเว อคฺคสาวิกา, โพธิ ตสฺส ภควโต ปิปฺผลิรุกฺโข อโหสิ, อสีติหตฺถุพฺเพโธ, สตสหสฺสวสฺสานิ อายูติ. กึ ปนิเมสํ ชาตนคราทีนํ ทสฺสเน ปโยชนนฺติ เจ? วุจฺจเต – ยสฺส ยทิ เนว ชาตนครํ น ปิตา น มาตา ปฺาเยยฺย, อิมสฺส ปน เนว ชาตนครํ น ปิตา น มาตา ปฺายติ, เทโว วา สกฺโก วา ยกฺโข วา มาโร วา พฺรหฺมา วา เอส มฺเ, เทวานมฺปิ อีทิสํ ปาฏิหาริยํ อนจฺฉริยนฺติ มฺมานา น โสตพฺพํ น สทฺทหิตพฺพํ มฺเยฺยุํ, ตโต อภิสมโย น ภเวยฺย, อสติ อภิสมเย นิรตฺถโก พุทฺธุปฺปาโท ภเวยฺย, อนิยฺยานิกํ สาสนํ. ตสฺมา สพฺพพุทฺธานํ ชาตนคราทิโก ปริจฺเฉโท ทสฺเสตพฺโพ. เตน วุตฺตํ –

๑๘.

‘‘นครํ รมฺมวตี นาม, สุเทโว นาม ขตฺติโย;

สุเมธา นาม ชนิกา, ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโน.

๒๔.

‘‘สุมงฺคโล จ ติสฺโส จ, อเหสุํ อคฺคสาวกา;

สาคโต นามุปฏฺาโก, ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโน.

๒๕.

‘‘นนฺทา เจว สุนนฺทา จ, อเหสุํ อคฺคสาวิกา;

โพธิ ตสฺส ภควโต, ปิปฺผลีติ ปวุจฺจติ.

๒๗.

‘‘อสีติหตฺถมุพฺเพโธ, ทีปงฺกโร มหามุนิ;

โสภติ ทีปรุกฺโขว, สาลราชาว ผุลฺลิโต.

๒๘.

‘‘สตสหสฺสวสฺสานิ, อายุ ตสฺส มเหสิโน;

ตาวตา ติฏฺมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํ.

๒๙.

‘‘โชตยิตฺวาน สทฺธมฺมํ, สนฺตาเรตฺวา มหาชนํ;

ชลิตฺวา อคฺคิกฺขนฺโธว, นิพฺพุโต โส สสาวโก.

๓๐.

‘‘สา จ อิทฺธิ โส จ ยโส, ตานิ จ ปาเทสุ จกฺกรตนานิ;

สพฺพํ ตมนฺตรหิตํ, นนุ ริตฺตา สพฺพสงฺขารา’’ติ.

ตตฺถ สุเทโว นาม ขตฺติโยติ สุเทโว นามสฺส ขตฺติโย ปิตา อโหสีติ อตฺโถ. ชนิกาติ ชเนตฺติ. ปิปฺผลีติ ปิลกฺขกปีตนรุกฺโข โพธิ. อสีติหตฺถมุพฺเพโธติ อสีติหตฺถํ อุจฺจคฺคโต. ทีปรุกฺโข วาติ สมฺปชฺชลิตทีปมาลากุโล ทีปรุกฺโข วิย อาโรหปริณาหสณฺานปาริปูริสมฺปนฺโน ทฺวตฺตึสวรลกฺขณานุพฺยฺชนสมลงฺกตสรีโร วิปฺผุริตรํสิชาลาวิสรตาราคณสมุชฺชลมิว คคนตลํ ภควา ธรมานกาเล โสภตีติ โสภิตฺถ. สาลราชาว ผุลฺลิโตติ ปุปฺผิโต สพฺพผาลิผุลฺโล สาลราชรุกฺโข วิย จ สพฺพผาลิผุลฺโล โยชนสตุพฺเพโธ ปาริจฺฉตฺโต วิย จ อสีติหตฺถุพฺเพโธ ภควา อติวิย โสภติ.

สตสหสฺสวสฺสานีติ วสฺสสตสหสฺสานิ ตสฺส อายูติ อตฺโถ. ตาวตา ติฏฺมาโนติ ตาวตกํ กาลํ ติฏฺมาโน. ชนตนฺติ ชนสมูหํ. สนฺตาเรตฺวา มหาชนนฺติ ตารยิตฺวา มหาชนํ. ‘‘สนฺตาเรตฺวา สเทวก’’นฺติปิ ปาโ, ตสฺส สเทวกํ โลกนฺติ อตฺโถ. สา จ อิทฺธีติ สา จ สมฺปตฺติ อานุภาโว. โส จ ยโสติ โส จ ปริวาโร. สพฺพํ ตมนฺตรหิตนฺติ ตํ สพฺพํ วุตฺตปฺปการํ สมฺปตฺติชาตํ อนฺตรหิตํ อปคตนฺติ อตฺโถ. นนุ ริตฺตา สพฺพสงฺขาราติ สพฺเพ ปน สงฺขตธมฺมา นนุ ริตฺตา ตุจฺฉา, นิจฺจสาราทิรหิตาติ อตฺโถ.

เอตฺถ ปน นคราทิปริจฺเฉโท ปาฬิยมาคโตว. สมฺพหุลวาโร ปน นาคโต, โส อาเนตฺวา ทีเปตพฺโพ. เสยฺยถิทํ – ปุตฺตปริจฺเฉโท, ภริยาปริจฺเฉโท, ปาสาทปริจฺเฉโท, อคารวาสปริจฺเฉโท, นาฏกิตฺถิปริจฺเฉโท, อภินิกฺขมนปริจฺเฉโท, ปธานปริจฺเฉโท, วิหารปริจฺเฉโท, อุปฏฺากปริจฺเฉโทติ. เอเตสมฺปิ ทีปเน การณํ เหฏฺา วุตฺตเมว. ตสฺส ปน ทีปงฺกรสฺส ภริยานํ ติสตสหสฺสํ อโหสิ. ตสฺส อคฺคมเหสี ปทุมา นาม, ตสฺส ปน ปุตฺโต อุสภกฺขนฺโธ นาม. เตน วุตฺตํ –

‘‘ภริยา ปทุมา นาม, วิพุทฺธปทุมานนา;

อตฺรโช อุสภกฺขนฺโธ, ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโน.

‘‘หํสา โกฺจา มยูราขฺยา, ปาสาทาปิ ตโย มตา;

ทสวสฺสสหสฺสานิ, อคารํ อวสี กิร.

‘‘หตฺถิยาเนน นิกฺขนฺโต, นนฺทาราเม ชิโน วสี;

นนฺโท นามสฺสุปฏฺาโก, โลกานนฺทกโร กิรา’’ติ.

สพฺพพุทฺธานํ ปน ปฺจ เวมตฺตานิ โหนฺติ อายุเวมตฺตํ ปมาณเวมตฺตํ กุลเวมตฺตํ ปธานเวมตฺตํ รสฺมิเวมตฺตนฺติ. ตตฺถ อายุเวมตฺตํ นาม เกจิ ทีฆายุกา โหนฺติ เกจิ อปฺปายุกา. ตถา หิ ทีปงฺกรสฺส ปน ภควโต วสฺสสตสหสฺสํ อายุปฺปมาณํ อโหสิ, อมฺหากํ ภควโต วสฺสสตํ.

ปมาณเวมตฺตํ นาม เกจิ ทีฆา โหนฺติ เกจิ รสฺสา. ตถา หิ ทีปงฺกโร อสีติหตฺถปฺปมาโณ อโหสิ, อมฺหากํ ปน ภควา อฏฺารสหตฺถปฺปมาโณ.

กุลเวมตฺตํ นาม เกจิ ขตฺติยกุเล นิพฺพตฺตนฺติ เกจิ พฺราหฺมณกุเล. ตถา หิ ทีปงฺกราทโย ขตฺติยกุเล นิพฺพตฺตึสุ, กกุสนฺธโกณาคมนาทโย พฺราหฺมณกุเล.

ปธานเวมตฺตํ นาม เกสฺจิ ปธานํ อิตฺตรเมว โหติ ยถา กสฺสปสฺส ภควโต , เกสฺจิ อทฺธนิยํ อมฺหากํ ภควโต วิย.

รสฺมิเวมตฺตํ นาม มงฺคลสฺส ภควโต สรีรสฺมิ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อฏฺาสิ, อมฺหากํ ภควโต พฺยามมตฺตํ. ตตฺร รสฺมิเวมตฺตํ อชฺฌาสยปฏิพทฺธํ โหติ. โย ยตฺตกํ อิจฺฉสิ, ตสฺส ตตฺตกํ สรีรปฺปภา ผรติ. มงฺคลสฺส ปน ‘‘ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผรตู’’ติ อชฺฌาสโย อโหสิ. ปฏิวิทฺธคุเณสุ ปน กสฺสจิ เวมตฺตํ นาม นตฺถิ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๑๒ อาทโย).

ตถา สพฺพพุทฺธานํ จตฺตาริ อวิชหิตฏฺานานิ นาม โหนฺติ. โพธิปลฺลงฺโก อวิชหิโต เอกสฺมึเยว าเน โหติ. ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนฏฺานํ อิสิปตเน มิคทาเย อวิชหิตเมว โหติ. เทโวโรหณกาเล สงฺกสฺสนครทฺวาเร ปมปาทกฺกโม อวิชหิโตว โหติ. เชตวเน คนฺธกุฏิยา จตฺตาริ มฺจปาทฏฺานานิ อวิชหิตาเนว โหนฺติ. วิหาโรปิ อวิชหิโตว. โส ปน ขุทฺทโก วา มหนฺโต วา โหติ.

อปรํ ปน อมฺหากํเยว ภควโต สหชาตปริจฺเฉทฺจ นกฺขตฺตปริจฺเฉทฺจ วิเสสํ. อมฺหากํ สพฺพฺุโพธิสตฺเตน กิร สทฺธึ ราหุลมาตา อานนฺทตฺเถโร ฉนฺโน กณฺฑโก อสฺสราชา นิธิกุมฺภา มหาโพธิรุกฺโข กาฬุทายีติ อิมานิ สต สหชาตานิ. มหาปุริโส กิร อุตฺตราสาฬฺหนกฺขตฺเตเนว มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมิ, มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิ , ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตสิ, ยมกปาฏิหาริยํ อกาสิ. วิสาขนกฺขตฺเตน ชาโต จ อภิสมฺพุทฺโธ จ ปรินิพฺพุโต จ, มาฆนกฺขตฺเตน ตสฺส สาวกสนฺนิปาโต เจว อายุสงฺขารโวสชฺชนฺจ อโหสิ, อสฺสยุชนกฺขตฺเตน เทโวโรหณนฺติ เอตฺตกํ อาหริตฺวา ทีเปตพฺพํ. อยํ สมฺพหุลวารปริจฺเฉโท. เสสคาถา สอุตฺตานา เอวาติ.

อิติ ภควา ทีปงฺกโร ยาวตายุกํ ตฺวา สพฺพพุทฺธกิจฺจํ กตฺวา อนุกฺกเมน อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ.

ยสฺมึ กิร กปฺเป ทีปงฺกรทสพโล อุทปาทิ, ตสฺมึ อฺเปิ ตณฺหงฺกโร, เมธงฺกโร, สรณงฺกโรติ ตโย พุทฺธา อเหสุํ. เตสํ สนฺติเก โพธิสตฺตสฺส พฺยากรณํ นตฺถิ. ตสฺมา เต อิธ น ทสฺสิตา. อฏฺกถายํ ปน ตมฺหา กปฺปา อาทิโต ปฏฺายุปฺปนฺนุปฺปนฺเน สพฺพพุทฺเธ ทสฺเสตุํ อิทํ วุตฺตํ –

‘‘ตณฺหงฺกโร เมธงฺกโร, อโถปิ สรณงฺกโร;

ทีปงฺกโร จ สมฺพุทฺโธ, โกณฺฑฺโ ทฺวิปทุตฺตโม.

‘‘มงฺคโล จ สุมโน จ, เรวโต โสภิโต มุนิ;

อโนมทสฺสี ปทุโม, นารโท ปทุมุตฺตโร.

‘‘สุเมโธ จ สุชาโต จ, ปิยทสฺสี มหายโส;

อตฺถทสฺสี ธมฺมทสฺสี, สิทฺธตฺโถ โลกนายโก.

‘‘ติสฺโส ผุสฺโส จ สมฺพุทฺโธ, วิปสฺสี สิขิ เวสฺสภู;

กกุสนฺโธ โกณาคมโน, กสฺสโป จาปิ นายโก.

‘‘เอเต อเหสุํ สมฺพุทฺธา, วีตราคา สมาหิตา;

สตรํสีว อุปฺปนฺนา, มหาตมวิโนทนา;

ชลิตฺวา อคฺคิกฺขนฺธาว, นิพฺพุตา เต สสาวกา’’ติ. (อป. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา; จริยา. อฏฺ. นิทานกถา; ชา. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา);

เอตฺตาวตา นาติสงฺเขปวิตฺถารวเสน กตาย

มธุรตฺถวิลาสินิยา พุทฺธวํส-อฏฺกถาย

ทีปงฺกรพุทฺธวํสวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิฏฺิโต ปโม พุทฺธวํโส.