📜

๕. มงฺคลพุทฺธวํสวณฺณนา

โกณฺฑฺเ กิร สตฺถริ ปรินิพฺพุเต ตสฺส สาสนํ วสฺสสตสหสฺสํ ปวตฺติตฺถ. พุทฺธานุพุทฺธานํ สาวกานํ อนฺตรธาเนน สาสนมสฺส อนฺตรธายิ. โกณฺฑฺสฺส ปน อปรภาเค เอกมสงฺขฺเยยฺยมติกฺกมิตฺวา เอกสฺมึเยว กปฺเป จตฺตาโร พุทฺธา นิพฺพตฺตึสุ มงฺคโล, สุมโน, เรวโต, โสภิโตติ. ตตฺถ มงฺคโล ปน โลกนายโก กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ โสฬส อสงฺขฺเยยฺยานิ ปารมิโย ปูเรตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา ปฺจสุ ปุพฺพนิมิตฺเตสุ อุปฺปนฺเนสุ พุทฺธโกลาหลํ นาม อุทปาทิ, ตทา ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ เทวตาโย เอกสฺมึ จกฺกวาเฬ สนฺนิปติตฺวา อายาจนฺติ –

‘‘กาโล โข เต มหาวีร, อุปฺปชฺช มาตุกุจฺฉิยํ;

สเทวกํ ตารยนฺโต, พุชฺฌสฺสุ อมตํ ปท’’นฺติ. (พุ. วํ. ๑.๖๗);

เอวํ เทเวหิ อายาจิโต กตปฺจวิโลกโน ตุสิตา กายา จวิตฺวา สพฺพนครุตฺตเม อุตฺตรนคเร อนุตฺตรสฺส อุตฺตรสฺส นาม รฺโ กุเล อุตฺตราย นาม เทวิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตทา อเนกานิ ปาฏิหาริยานิ ปาตุรหุํ. ตานิ ทีปงฺกรพุทฺธวํเส วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิ. ตสฺสา อุตฺตราย กิร มหาเทวิยา กุจฺฉิสฺมึ สพฺพโลกมงฺคลสฺส มงฺคลสฺส มหาสตฺตสฺส ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺาย สรีรปฺปภา รตฺตินฺทิวํ อสีติหตฺถปฺปมาณํ ปเทสํ ผริตฺวา จนฺทาโลกสูริยาโลเกหิ อนภิภวนียา หุตฺวา อฏฺาสิ. สา จ อฺเนาโลเกน วินา อตฺตโน สรีรปฺปภาสมุทเยเนว อนฺธการํ วิธมิตฺวา อฏฺสฏฺิยา ธาตีหิ ปริจาริยมานา วิจรติ.

สา กิร เทวตาหิ กตารกฺขา ทสนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน ปรมสุรภิกุสุมผลธรสาขาวิฏเป กมลกุวลยสมลงฺกเต รุรุ-สีห-พฺยคฺฆ-คช-ควย-มหึสปสทวิวิธมิคคณวิจริเต ปรมรมณีเย อุตฺตรมธุรุยฺยาเน นาม มงฺคลุยฺยาเน มงฺคลมหาปุริสํ วิชายิ . โส ชาตมตฺโตว มหาสตฺโต สพฺพา ทิสา วิโลเกตฺวา อุตฺตราภิมุโข สตฺตปทวีติหาเรน คนฺตฺวา อาสภึ วาจํ นิจฺฉาเรสิ. ตสฺมิฺจ ขเณ สกลทสสหสฺสิโลกธาตูสุ เทวตา ทิสฺสมานสรีรา ทิพฺพมาลาทีหิ สมลงฺกตคตฺตา ตตฺถ ตตฺถ ตฺวา ชยมงฺคลถุติวจนานิ สมฺปวตฺเตสุํ. ปาฏิหาริยานิ วุตฺตนยาเนว. นามคฺคหณทิวเส ปนสฺส ลกฺขณปากา สพฺพมงฺคลสมฺปตฺติยา ชาโตติ ‘‘มงฺคลกุมาโร’’ ตฺเวว นามํ กรึสุ.

ตสฺส กิร ยสวา รุจิมา สิริมาติ ตโย ปาสาทา อเหสุํ. ยสวตีเทวิปฺปมุขานิ ตึสนาฏกิตฺถิสหสฺสานิ อเหสุํ. ตตฺถ มหาสตฺโต นววสฺสสหสฺสานิ ทิพฺพสุขสทิสํ สุขํ อนุภวิตฺวา ยสวติยา อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมึ สีลวํ นาม ปุตฺตํ ลภิตฺวา จตฺตาริ นิมิตฺตานิ ทิสฺวา อลงฺกตํ ปณฺฑรํ นาม สุนฺทรตุรงฺควรมารุยฺห มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิ. ตํ ปน ปพฺพชนฺตํ ติสฺโส มนุสฺสโกฏิโย อนุปพฺพชึสุ. เตหิ ปริวุโต มหาปุริโส อฏฺ มาเส ปธานจริยมจริ.

ตโต วิสาขปุณฺณมาย อุตฺตรคาเม อุตฺตรเสฏฺิโน ธีตาย อุตฺตราย นาม ทินฺนํ ปกฺขิตฺตทิพฺโพชํ มธุปายาสํ ปริภุฺชิตฺวา สุรภิกุสุมาลงฺกเต นีโลภาเส มโนรเม สาลวเน ทิวาวิหารํ วีตินาเมตฺวา อุตฺตเรน นาม อาชีวเกน ทินฺนา อฏฺ ติณมุฏฺิโย คเหตฺวา อสิตฺชนคิริสงฺกาสํ อกฺกนฺตวรกนกชาลกูฏํว สีตจฺฉายํ วิวิธมิคคณสมฺปาตวิรหิตํ มนฺทมาลุเตริตาย ฆนสาขาย สมลงฺกตํ นจฺจนฺตมิว ปีติยา วิโรจมานํ นาคโพธึ อุปสงฺกมิตฺวา มตฺตวรนาคคามี นาคโพธึ ปทกฺขิณํ กตฺวา ปุพฺพุตฺตรปสฺเส ตฺวา อฏฺปณฺณาสหตฺถวิตฺถตํ ติณสนฺถรํ สนฺถริตฺวา ตตฺถ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา จตุรงฺคสมนฺนาคตํ วีริยํ อธิฏฺหิตฺวา สพลํ มารพลํ วิทฺธํเสตฺวา ปุพฺเพนิวาสทิพฺพจกฺขุาณานิ ปฏิลภิตฺวา ปจฺจยาการสมฺมสนํ กตฺวา ขนฺเธสุ อนิจฺจาทิวเสน อภินิวิสิตฺวา อนุกฺกเมน อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ ปตฺวา –

‘‘อเนกชาติสํสารํ, สนฺธาวิสฺสํ อนิพฺพิสํ;

คหการํ คเวสนฺโต, ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนํ.

‘‘คหการก ทิฏฺโสิ, ปุน เคหํ น กาหสิ;

สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคา, คหกูฏํ วิสงฺขตํ;

วิสงฺขารคตํ จิตฺตํ, ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ. (ธ. ป. ๑๕๓-๑๕๔) –

อุทานํ อุทาเนสิ.

มงฺคลสฺส ปน สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อฺเหิ พุทฺเธหิ อธิกตรา สรีรปฺปภา อโหสิ. ยถา ปน อฺเสํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ สมนฺตา อสีติหตฺถปฺปมาณา วา พฺยามปฺปมาณา วา สรีรปฺปภา อโหสิ, น เอวํ ตสฺส. ตสฺส ปน ภควโต สรีรปฺปภา นิจฺจกาลํ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อฏฺาสิ. ตรุคิริฆรปาการฆฏกวาฏาทโย สุวณฺณปฏฺฏปริโยนทฺธา วิย อเหสุํ. นวุติวสฺสสตสหสฺสานิ อายุ ตสฺส อโหสิ. เอตฺตกํ กาลํ จนฺทสูริยตารกาทีนํ ปภา นตฺถิ. รตฺตินฺทิวปริจฺเฉโท น ปฺายิตฺถ. ทิวา สูริยาโลเกน วิย สตฺตา นิจฺจํ พุทฺธาโลเกเนว สพฺพกมฺมานิ กโรนฺตา วิจรึสุ. สายํ ปุปฺผนกกุสุมานํ ปาโต จ รวนกสกุณาทีนฺจ วเสน โลโก รตฺตินฺทิวปริจฺเฉทํ สลฺลกฺเขสิ.

กึ ปน อฺเสํ พุทฺธานํ อยมานุภาโว นตฺถีติ? โน นตฺถิ. เตปิ หิ อากงฺขมานา ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ตโต วา ภิยฺโย อาภาย ผเรยฺยุํ. มงฺคลสฺส ปน ภควโต ปุพฺพปตฺถนาวเสน อฺเสํ พฺยามปฺปภา วิย สรีรปฺปภา นิจฺจเมว ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อฏฺาสิ. โส กิร โพธิสตฺตกาเล เวสฺสนฺตรตฺตภาวสทิเส อตฺตภาเว สปุตฺตทาโร วงฺกปพฺพตสทิเส ปพฺพเต วสิ. อเถโก สพฺพชนวิเหโก ขรทาิโก นาม มนุสฺสภกฺโข มเหสกฺโข ยกฺโข มหาปุริสสฺส ทานชฺฌาสยตํ สุตฺวา พฺราหฺมณวณฺเณน อุปสงฺกมิตฺวา มหาสตฺตํ ทฺเว ทารเก ยาจิ. มหาสตฺโต ‘‘ททามิ พฺราหฺมณสฺส ปุตฺตเก’’ติ หฏฺปหฏฺโ อุทกปริยนฺตํ ปถวึ กมฺเปนฺโต ทฺเว ทารเก อทาสิ. อถ โข ยกฺโข ตสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว มหาปุริสสฺส ตํ พฺราหฺมณวณฺณํ ปหาย อนลชาลปิงฺคลวิรูปนยโน วิสมวิรูปกุฏิลภีมทาโ จิปิฏกวิรูปนาโส กปิลผรุสทีฆเกโส นวทฑฺฒตาลกฺขนฺธสทิสกาโย หุตฺวา เต ทารเก มุฬาลกลาปํ วิย คเหตฺวา ขาทิ. มหาปุริสสฺส ยกฺขํ โอโลเกตฺวา มุเข วิวฏมตฺเต อคฺคิชาลํ วิย โลหิตธารํ อุคฺคิรนฺตํ ตสฺส มุขํ ทิสฺวาปิ เกสคฺคมตฺตมฺปิ โทมนสฺสํ น อุปฺปชฺชิ. ‘‘สุทินฺนํ วต เม ทาน’’นฺติ จินฺตยโต ปนสฺส สรีเร มหนฺตํ ปีติโสมนสฺสํ อุทปาทิ. โส ‘‘อิมสฺส เม นิสฺสนฺเทน อนาคเต อิมินา นีหาเรน รสฺมิโย นิกฺขมนฺตู’’ติ ปตฺถนมกาสิ. ตสฺส ตํ ปตฺถนํ นิสฺสาย พุทฺธภูตสฺส สรีรโต รสฺมิโย นิกฺขมิตฺวา เอตฺตกํ านํ ผรึสุ.

อปรมฺปิ ปุพฺพจริยํ ตสฺส อตฺถิ. อยํ กิร โพธิสตฺตกาเล เอกสฺส พุทฺธสฺส เจติยํ ทิสฺวา – ‘‘อิมสฺส พุทฺธสฺส มม ชีวิตํ ปริจฺจชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ทณฺฑทีปิกาเวนนิยาเมน สกลสรีรํ เวาเปตฺวา รตนมตฺตมกุฬํ สตสหสฺสคฺฆนิกํ สุวณฺณปาตึ สุคนฺธสปฺปิสฺส ปูราเปตฺวา ตตฺถ สหสฺสวฏฺฏิโย ชาเลตฺวา ตํ สีเสนาทาย สกลสรีรํ ชาลาเปตฺวา ชินเจติยํ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต สกลรตฺตึ วีตินาเมสิ. เอวํ ยาว อรุณุคฺคมนา วายมนฺตสฺส โลมกูปมตฺตมฺปิ อุสุมํ น คณฺหิ. ปทุมคพฺภํ ปวิฏฺกาโล วิย อโหสิ. ธมฺโม หิ นาเมส อตฺตานํ รกฺขนฺตํ รกฺขติ. เตนาห ภควา –

‘‘ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจารึ, ธมฺโม สุจิณฺโณ สุขมาวหาติ;

เอสานิสํโส ธมฺเม สุจิณฺเณ, น ทุคฺคตึ คจฺฉติ ธมฺมจารี’’ติ. (เถรคา. ๓๐๓; ชา. ๑.๑๐.๑๐๒; ๑.๑๕.๓๘๕);

อิมสฺสาปิ กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน ตสฺส สรีโรภาโส ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อฏฺาสิ (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา). เตน วุตฺตํ –

.

‘‘โกณฺฑฺสฺส อปเรน, มงฺคโล นาม นายโก;

ตมํ โลเก นิหนฺตฺวาน, ธมฺโมกฺกมภิธารยิ.

.

‘‘อตุลาสิ ปภา ตสฺส, ชิเนหฺเหิ อุตฺตรึ;

จนฺทสูริยปฺปภํ หนฺตฺวา, ทสสหสฺสี วิโรจตี’’ติ.

ตตฺถ ตมนฺติ โลกนฺธการฺจ หทยตมฺจ. นิหนฺตฺวานาติ อภิภวิตฺวา. ธมฺโมกฺกนฺติ เอตฺถ อยํ ปน อุกฺกา-สทฺโท สุวณฺณการมูสาทีสุ อเนเกสุ อตฺเถสุ ทิสฺสติ. ตถาหิ ‘‘สณฺฑาเสน ชาตรูปํ คเหตฺวา อุกฺกามุเข ปกฺขิเปยฺยา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๖๐) อาคตฏฺาเน สุวณฺณการานํ มูสา ‘‘อุกฺกา’’ติ เวทิตพฺพา. ‘‘อุกฺกํ พนฺเธยฺย, อุกฺกํ พนฺธิตฺวา อุกฺกามุขํ อาลิมฺเปยฺยา’’ติ อาคตฏฺาเน กมฺมารานํ องฺคารกปลฺลํ. ‘‘กมฺมารานํ ยถา อุกฺกา, อนฺโต ฌายติ โน พหี’’ติ (ชา. ๒.๒๒.๖๔๙) อาคตฏฺาเน กมฺมารุทฺธนํ. ‘‘เอวํวิปาโก อุกฺกาปาโต ภวิสฺสตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๔, ๒๐๘) อาคตฏฺาเน วายุเวโค ‘‘อุกฺกา’’ติ วุจฺจติ. ‘‘อุกฺกาสุ ธาริยมานาสู’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๕๙) อาคตฏฺาเน ทีปิกา ‘‘อุกฺกา’’ติ วุจฺจติ. อิธาปิ ทีปิกา อุกฺกาติ อธิปฺเปตา (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๗๖ อาทโย). ตสฺมา อิธ ธมฺมมยํ อุกฺกํ อภิธารยิ, อวิชฺชนฺธการปฏิจฺฉนฺนสฺส อวิชฺชนฺธการาภิภูตสฺส โลกสฺส ธมฺมมยํ อุกฺกํ ธาเรสีติ อตฺโถ.

อตุลาสีติ อตุลฺยา อาสิ. อยเมว วา ปาโ, อฺเหิ พุทฺเธหิ อสทิสา อโหสีติ อตฺโถ. ชิเนหฺเหีติ ชิเนหิ อฺเหิ . จนฺทสูริยปฺปภํ หนฺตฺวาติ จนฺทสูริยานํ ปภํ อภิหนฺตฺวา. ทสสหสฺสี วิโรจตีติ จนฺทสูริยาโลกํ วินา พุทฺธาโลเกเนว ทสสหสฺสี วิโรจตีติ อตฺโถ.

มงฺคลสมฺมาสมฺพุทฺโธ ปน อธิคตโพธิาโณ โพธิมูเลเยว สตฺตสตฺตาหานิ วีตินาเมตฺวา พฺรหฺมุโน ธมฺมายาจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา – ‘‘กสฺส นุ โข อหํ อิมํ ธมฺมํ เทเสยฺย’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๘๔; ๒.๓๔๑; มหาว. ๑๐) อุปธาเรนฺโต อตฺตนา สห ปพฺพชิตานํ ภิกฺขูนํ ติสฺโส โกฏิโย อุปนิสฺสยสมฺปนฺนํ อทฺทส. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อิเม กุลปุตฺตา มํ ปพฺพชนฺตํ อนุปพฺพชิตา อุปนิสฺสยสมฺปนฺนา จ, เต มยา วิสาขปุณฺณมาย วิเวกตฺถิเกน วิสฺสชฺชิตา สิริวฑฺฒนนครํ อุปนิสฺสาย สิริวนคหนํ คนฺตฺวา วิหรนฺติ, หนฺทาหํ ตตฺถ คนฺตฺวา ธมฺมํ เตสํ เทเสสฺสามี’’ติ อตฺตโน ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา หํสราชา วิย คคนตลมพฺภุคฺคนฺตฺวา สิริวนคหเน ปจฺจุฏฺาสิ. เต จ ภิกฺขู ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา อนฺเตวาสิกวตฺตํ ทสฺเสตฺวา ภควนฺตํ ปริวาเรตฺวา นิสีทึสุ. เตสํ ภควา สพฺพพุทฺธนิเสวิตํ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตนฺตํ กเถสิ. ตโต ติสฺโส ภิกฺขุโกฏิโย อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. เทวมนุสฺสานํ โกฏิสตสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘โสปิ พุทฺโธ ปกาเสสิ, จตุโร สจฺจวรุตฺตเม;

เต เต สจฺจรสํ ปีตฺวา, วิโนเทนฺติ มหาตมํ.

.

‘‘ปตฺวาน โพธิมตุลํ, ปเม ธมฺมเทสเน;

โกฏิสตสหสฺสานํ, ธมฺมาภิสมโย อหู’’ติ.

ตตฺถ จตุโรติ จตฺตาริ. สจฺจวรุตฺตเมติ สจฺจานิ จ วรานิ จ สจฺจวรานิ, สจฺจานิ อุตฺตมานีติ อตฺโถ. ‘‘จตฺตาโร สจฺจวรุตฺตเม’’ติปิ ปาโ, ตสฺส จตฺตาริ สจฺจวรานิ อุตฺตมานีติ อตฺโถ. เต เตติ เต เต เทวมนุสฺสา พุทฺเธน ภควตา วินีตา. สจฺจรสนฺติ จตุสจฺจปฏิเวธามตรสํ ปิวิตฺวา. วิโนเทนฺติ มหาตมนฺติ เตน เตน มคฺเคน ปหาตพฺพํ โมหตมํ วิโนเทนฺติ, วิทฺธํเสนฺตีติ อตฺโถ. ปตฺวานาติ ปฏิวิชฺฌิตฺวา. โพธินฺติ เอตฺถ ปนายํ โพธิ-สทฺโท –

‘‘มคฺเค ผเล จ นิพฺพาเน, รุกฺเข ปฺตฺติยํ ตถา;

สพฺพฺุเต จ าณสฺมึ, โพธิสทฺโท ปนาคโต’’.

ตถา หิ ปเนส – ‘‘โพธิ วุจฺจติ จตูสุ มคฺเคสุ าณ’’นฺติอาทีสุ (จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๒๑) มคฺเค อาคโต. ‘‘อุปสมาย อภิฺาย สมฺโพธาย สํวตฺตตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๓; ๓.๓๒๓; มหาว. ๑๓; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; ปฏิ. ม. ๒.๓๐) เอตฺถ ผเล. ‘‘ปตฺวาน โพธึ อมตํ อสงฺขต’’นฺติ เอตฺถ นิพฺพาเน. ‘‘อนฺตรา จ คยํ อนฺตรา จ โพธิ’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๘๕; ๒.๓๔๑; มหาว. ๑๑) เอตฺถ อสฺสตฺถรุกฺเข. ‘‘โพธิ โข ราชกุมาโร โภโต โคตมสฺส ปาเท สิรสา วนฺทตี’’ติ เอตฺถ (ม. นิ. ๒.๓๒๔; จูฬว. ๒๖๘) ปฺตฺติยํ. ‘‘ปปฺโปติ โพธึ วรภูริเมธโส’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๑๗) เอตฺถ สพฺพฺุตฺาเณ. อิธาปิ สพฺพฺุตฺาเณ ทฏฺพฺโพ. อรหตฺตมคฺคาเณปิ วฏฺฏติ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๓; อุทา. อฏฺ. ๑; ปารา. อฏฺ. ๑.๑๑; จริยา. อฏฺ. นิทานกถา). อตุลนฺติ ตุลรหิตํ ปมาณาตีตํ, อปฺปมาณนฺติ อตฺโถ. สมฺโพธึ ปตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส ตสฺส ภควโต ปเม ธมฺมเทสเนติ อตฺโถ คเหตพฺโพ.

ยทา ปน จิตฺตํ นาม นครํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺโต จมฺปกรุกฺขมูเล กณฺฑมฺพรุกฺขมูเล อมฺหากํ ภควา วิย ติตฺถิยานํ มานมทฺทนํ ยมกปาฏิหาริยํ กตฺวา สุราสุรยุวติรติสมฺภวเน รุจิรนวกนกรชตมยวรภวเน ตาวตึสภวเน ปาริจฺฉตฺตกรุกฺขมูเล ปณฺฑุกมฺพลสิลาตเล นิสีทิตฺวา อภิธมฺมํ กเถสิ, ตทา โกฏิสตสหสฺสานํ เทวตานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ, อยํ ทุติโย อภิสมโย. ยทา ปน สุนนฺโท นาม จกฺกวตฺติราชา สุรภินคเร ปูริตจกฺกวตฺติวตฺโต หุตฺวา จกฺกรตนํ ปฏิลภิ. ตํ กิร มงฺคลทสพเล โลเก อุปฺปนฺเน จกฺกรตนํ านา โอสกฺกิตํ ทิสฺวา สุนนฺโท ราชา วิคตานนฺโท พฺราหฺมเณ ปริปุจฺฉิ – ‘‘อิมํ จกฺกรตนํ มม กุสเลน นิพฺพตฺตํ, กสฺมา านา โอสกฺกิต’’นฺติ? ตโต เต ตสฺส รฺโ โอสกฺกนการณํ พฺยากรึสุ. ‘‘จกฺกวตฺติรฺโ อายุกฺขเยน วา ปพฺพชฺชูปคมเนน วา พุทฺธปาตุภาเวน วา จกฺกรตนํ านา โอสกฺกตีติ วตฺวา ตุยฺหํ ปน, มหาราช, อายุกฺขโย นตฺถิ, อติทีฆายุโก ตฺวํ, มงฺคโล ปน สมฺมาสมฺพุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน, เตน เต จกฺกรตนํ โอสกฺกิต’’นฺติ. ตํ สุตฺวา สุนนฺโท จกฺกวตฺติราชา สปริชโน ตํ จกฺกรตนํ สิรสา วนฺทิตฺวา อายาจิ – ‘‘ยาวาหํ ตวานุภาเวน มงฺคลทสพลํ สกฺกริสฺสามิ, ตาว ตฺวํ มา อนฺตรธายสฺสู’’ติ. อถ นํ จกฺกรตนํ ยถาาเนเยว อฏฺาสิ.

ตโต สมุปาคตานนฺโท สุนนฺโท จกฺกวตฺติราชา ฉตฺตึสโยชนปริมณฺฑลาย ปริสาย ปริวุโต สพฺพโลกมงฺคลํ มงฺคลทสพลํ อุปสงฺกมิตฺวา สสาวกสงฺฆํ สตฺถารํ มหาทาเนน สนฺตปฺเปตฺวา อรหนฺตานํ โกฏิสตสหสฺสานํ กาสิกวตฺถานิ ทตฺวา ตถาคตสฺส สพฺพปริกฺขาเร ทตฺวา สกลโลกวิมฺหยกรํ ภควโต ปูชํ กตฺวา มงฺคลํ สพฺพโลกนาถํ อุปสงฺกมิตฺวา ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ วิมลกมลมกุฬสมมฺชลึ สิรสิ กตฺวา วนฺทิตฺวา ธมฺมสฺสวนตฺถาย เอกมนฺตํ นิสีทิ. ปุตฺโตปิ ตสฺส อนุราชกุมาโร นาม ตเถว นิสีทิ.

ตทา สุนนฺทจกฺกวตฺติราชปฺปมุขานํ เตสํ ภควา อนุปุพฺพิกถํ กเถสิ. สุนนฺโท จกฺกวตฺตี สทฺธึ ปริสาย สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. อถ สตฺถา เตสํ ปุพฺพจริยํ โอโลเกนฺโต อิทฺธิมยปตฺตจีวรสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา จกฺกชาลสมลงฺกตํ ทกฺขิณหตฺถํ ปสาเรตฺวา – ‘‘เอถ, ภิกฺขโว’’ติ อาห. สพฺเพ ตงฺขณํเยว ทุวงฺคุลเกสา อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา วสฺสสฏฺิกตฺเถรา วิย อากปฺปสมฺปนฺนา หุตฺวา ภควนฺตํ ปริวารยึสุ. อยํ ตติโย อภิสมโย อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘สุรินฺทเทวภวเน, พุทฺโธ ธมฺมมเทสยิ;

โกฏิสตสหสฺสานํ, ทุติยาภิสมโย อหุ.

.

‘‘ยทา สุนนฺโท จกฺกวตฺตี, สมฺพุทฺธํ อุปสงฺกมิ;

ตทา อาหนิ สมฺพุทฺโธ, ธมฺมเภรึ วรุตฺตมํ.

.

‘‘สุนนฺทสฺสานุจรา ชนตา, ตทาสุํ นวุติโกฏิโย;

สพฺเพปิ เต นิรวเสสา, อเหสุํ เอหิภิกฺขุกา’’ติ.

ตตฺถ สุรินฺทเทวภวเนติ ปุน เทวินฺทภวเนติ อตฺโถ. ธมฺมนฺติ อภิธมฺมํ. อาหนีติ อภิหนิ. วรุตฺตมนฺติ วโร ภควา อุตฺตมํ ธมฺมเภรินฺติ อตฺโถ. อนุจราติ นิพทฺธจรา เสวกา. อาสุนฺติ อเหสุํ. ‘‘ตทาสิ นวุติโกฏิโย’’ติปิ ปาโ. ตสฺส ชนตา อาสิ, สา ชนตา กิตฺตกาติ เจ, นวุติโกฏิโยติ อตฺโถ.

อถ มงฺคเล กิร โลกนาเถ เมขเล ปุเร วิหรนฺเต ตสฺมึเยว ปุเร สุเทโว จ ธมฺมเสโน จ มาณวกา มาณวกสหสฺสปริวารา ตสฺส ภควโต สนฺติเก เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพชึสุ . มาฆปุณฺณมาย ทฺวีสุ อคฺคสาวเกสุ สปริวาเรสุ อรหตฺตํ ปตฺเตสุ สตฺถา โกฏิสตสหสฺสภิกฺขุคณมชฺเฌ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ, อยํ ปโม สนฺนิปาโต อโหสิ. ปุน อุตฺตราราเม นาม อนุตฺตเร าติสมาคเม ปพฺพชิตานํ โกฏิสตสหสฺสานํ สมาคเม ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ, อยํ ทุติโย สนฺนิปาโต อโหสิ. สุนนฺทจกฺกวตฺติภิกฺขุคณสมาคเม นวุติโกฏิสหสฺสานํ ภิกฺขูนํ มชฺเฌ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ, อยํ ตติโย สนฺนิปาโต อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘สนฺนิปาตา ตโย อาสุํ, มงฺคลสฺส มเหสิโน;

โกฏิสตสหสฺสานํ, ปโม อาสิ สมาคโม.

.

‘‘ทุติโย โกฏิสตสหสฺสานํ, ตติโย นวุติโกฏินํ;

ขีณาสวานํ วิมลานํ, ตทา อาสิ สมาคโม’’ติ.

ตทา อมฺหากํ โพธิสตฺโต สุรุจิพฺราหฺมณคาเม สุรุจิ นาม พฺราหฺมโณ หุตฺวา ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฏุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปฺจมานํ ปทโก เวยฺยากรโณ โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย อโหสิ. โส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ทสพลสฺส มธุรธมฺมกถํ สุตฺวา ภควติ ปสีทิตฺวา สรณํ คนฺตฺวา – ‘‘สฺเว มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ สสาวกสงฺฆํ ภควนฺตํ นิมนฺเตสิ. โส ภควตา ‘‘พฺราหฺมณ, กิตฺตเกหิ ภิกฺขูหิ เต อตฺโถ’’ติ วุตฺโต – ‘‘กิตฺตกา ปน โว, ภนฺเต, ปริวารา ภิกฺขู’’ติ อาห. ตทา ปมสนฺนิปาโตว โหติ, ตสฺมา ‘‘โกฏิสตสหสฺส’’นฺติ วุตฺเต – ‘‘ยทิ เอวํ, ภนฺเต, สพฺเพหิปิ สทฺธึ มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ นิมนฺเตสิ. สตฺถา อธิวาเสสิ.

พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา อตฺตโน ฆรํ คจฺฉนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อหํ เอตฺตกานํ ภิกฺขูนํ ยาคุภตฺตวตฺถาทีนิ ทาตุํ สกฺโกมิ, นิสีทนฏฺานํ ปน กถํ ภวิสฺสตี’’ติ. ตสฺส กิร สา จินฺตนา จตุราสีติโยชนสหสฺสปฺปมาเณ เมรุมตฺถเก ิตสฺส เทวราชสฺส ทสสตนยนสฺส ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนสฺส อุณฺหาการํ ชเนสิ. อถ สกฺโก เทวราชา อาสนสฺส อุณฺหภาวํ ทิสฺวา – ‘‘โก นุ โข มํ อิมมฺหา านา จาเวตุกาโม’’ติ สมุปฺปนฺนปริวิตกฺโก ทิพฺเพน จกฺขุนา มนุสฺสโลกํ โอโลเกนฺโต มหาปุริสํ ทิสฺวา – ‘‘อยํ มหาสตฺโต พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา ตสฺส นิสีทนตฺถาย จินฺเตสิ, มยาปิ ตตฺถ คนฺตฺวา ปุฺโกฏฺาสํ คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ วฑฺฒกีวณฺณํ นิมฺมินิตฺวา วาสิผรสุหตฺโถ มหาปุริสสฺส ปุรโต ปาตุรโหสิ. โส ‘‘อตฺถิ นุ โข กสฺสจิ ภติยา กตฺตพฺพกมฺม’’นฺติ อาห.

มหาสตฺโต ทิสฺวา ‘‘กึ กมฺมํ กาตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติ อาห. ‘‘มม อชานนสิปฺปํ นาม นตฺถิ, โย โย ยํ ยํ อิจฺฉติ มณฺฑปํ วา ปาสาทํ วา อฺํ วา กิฺจิ นิเวสนาทิกํ, ตสฺส ตสฺส ตํ ตํ กาตุํ สมตฺโถมฺหี’’ติ. ‘‘เตน หิ มยฺหํ กมฺมํ อตฺถี’’ติ. ‘‘กึ, อยฺยา’’ติ? ‘‘สฺวาตนาย มยา โกฏิสตสหสฺสภิกฺขู นิมนฺติตา, เตสํ นิสีทนมณฺฑปํ กริสฺสสี’’ติ? ‘‘อหํ นาม กเรยฺยํ, สเจ เม ภตึ ทาตุํ สกฺขิสฺสถา’’ติ. ‘‘สกฺขิสฺสามิ, ตาตา’’ติ. ‘‘ยทิ เอวํ, สาธุ, กริสฺสามี’’ติ วตฺวา เอกํ ปเทสํ โอโลเกสิ. โส ทฺวาทสโยชนปฺปมาโณ ปเทโส กสิณมณฺฑลํ วิย สมตโล ปรมรมณีโย อโหสิ. ปุน โส ‘‘เอตฺตเก าเน สตฺตรตนมโย ทฏฺพฺพสารมณฺโฑ มณฺฑโป อุฏฺหตู’’ติ จินฺเตตฺวา โอโลเกสิ. ตโต ตาวเทว มณฺฑปสทิโส ปถวิตลํ ภินฺทิตฺวา มณฺฑโป อุฏฺหิ. ตสฺส โสวณฺณมเยสุ ถมฺเภสุ รชตมยา ฆฏกา อเหสุํ, รชตมเยสุ ถมฺเภสุ โสวณฺณมยา ฆฏกา, มณิตฺถมฺเภสุ ปวาฬมยา ฆฏกา, ปวาฬมเยสุ ถมฺเภสุ มณิมยา ฆฏกา, สตฺตรตนมเยสุ ถมฺเภสุ สตฺตรตนมยา ฆฏกา อเหสุํ.

ตโต มณฺฑปสฺส อนฺตรนฺตราปิ กิงฺกิณิกชาลา โอลมฺพตู’’ติ โอโลเกสิ, สห โอโลกเนน กิงฺกิณิกชาลา โอลมฺพิ, ยสฺส มนฺทวาเตริตสฺส ปฺจงฺคิกสฺเสว ตุริยสฺส ปรมมโนรโม มธุโร สทฺโท นิจฺฉรติ, ทิพฺพสงฺคีติวตฺตนกาโล วิย อโหสิ. ‘‘อนฺตรนฺตรา ทิพฺพคนฺธทามปุปฺผทามปตฺตทามสตฺตรตนทามานิ โอลมฺพนฺตู’’ติ จินฺเตสิ, สห จินฺตาย ทามานิ โอลมฺพึสุ. ‘‘โกฏิสตสหสฺสสงฺขานํ ภิกฺขูนํ อาสนานิ จ กปฺปิยมหคฺฆปจฺจตฺถรณานิ อาธารกานิ จ ปถวึ ภินฺทิตฺวา อุฏฺหนฺตู’’ติ จินฺเตสิ, ตาวเทว อุฏฺหึสุ. ‘‘โกเณ โกเณ เอเกกา อุทกจาฏิ อุฏฺหตู’’ติ จินฺเตสิ, ตงฺขณํเยว อุทกจาฏิโย ปรมสีตเลน มธุเรน สุวิสุทฺธสุคนฺธกปฺปิยวารินา ปุณฺณา กทลิปณฺณปิหิตมุขา อุฏฺหึสุ. โส ทสสตนยโน เอตฺตกํ มาเปตฺวา พฺราหฺมณสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา – ‘‘เอหิ, อยฺย, ตว มณฺฑปํ ทิสฺวา มยฺหํ ภตึ เทหี’’ติ อาห. มหาปุริโส คนฺตฺวา ตํ มณฺฑปํ โอโลเกสิ. ตสฺส โอโลเกนฺตสฺเสว สกลสรีรํ ปฺจวณฺณาย ปีติยา นิรนฺตรํ ผุฏํ อโหสิ.

อถสฺส มณฺฑปํ โอโลกยโต เอตทโหสิ – ‘‘นายํ มณฺฑโป มนุสฺสภูเตน กโต, มยฺหํ อชฺฌาสยํ มยฺหํ คุณํ อาคมฺม อทฺธา สกฺกสฺส เทวรฺโ ภวนํ อุณฺหํ อโหสิ, ตโต สกฺเกน เทวานมินฺเทน อยํ มณฺฑโป นิมฺมิโต’’ติ. ‘‘น โข ปน เม ยุตฺตํ เอวรูเป มณฺฑเป เอกทิวสํเยว ทานํ ทาตุํ, สตฺตาหํ ทสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. พาหิรกทานํ นาม ตตฺตกมฺปิ สมานํ โพธิสตฺตานํ หทยํ ตุฏฺึ กาตุํ น สกฺโกติ, อลงฺกตสีสํ วา ฉินฺทิตฺวา อฺชิตานิ วา อกฺขีนิ อุปฺปาเฏตฺวา หทยมํสํ วา อุพฺพฏฺเฏตฺวา ทินฺนกาเล โพธิสตฺตานํ จาคํ นิสฺสาย ตุฏฺิ นาม โหติ. อมฺหากํ โพธิสตฺตสฺส หิ สิวิชาตเก (ชา. ๑.๑๕.๕๒ อาทโย) เทวสิกํ ปฺจกหาปณสตสหสฺสานิ วิสฺสชฺเชตฺวา จตูสุ นครทฺวาเรสุ นครมชฺเฌติ ปฺจสุ าเนสุ ทานํ เทนฺตสฺส ตํ ทานํ จาคตุฏฺึ อุปฺปาเทตุํ นาสกฺขิ. ยทา ปนสฺส พฺราหฺมณวณฺเณน อาคนฺตฺวา สกฺโก เทวราชา อกฺขีนิ ยาจิ, ตทา โส ตานิ จกฺขูนิ อุปฺปาเฏตฺวา อทาสิ, ททมานสฺเสว หาโส อุปฺปชฺชิ, เกสคฺคมตฺตมฺปิ จิตฺตสฺส อฺถตฺตํ นาโหสิ. เอวํ สพฺพฺุโพธิสตฺตานํ พาหิรทานํ นิสฺสาย ติตฺติ นาม นตฺถิ. ตสฺมา โสปิ มหาปุริโส – ‘‘มยา โกฏิสตสหสฺสสงฺขานํ ภิกฺขูนํ ทานํ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตสฺมึ มณฺฑเป นิสีทาเปตฺวา สตฺตาหํ ควปานํ นาม ทานํ อทาสิ.

เอตฺถ ควปานนฺติ มหนฺเต มหนฺเต โกลมฺเพ ขีรสฺส ปูเรตฺวา อุทฺธเนสุ อาโรเปตฺวา ฆนปากปกฺเก ขีเร โถกโถเก ตณฺฑุเล ปกฺขิปิตฺวา ปกฺกมธุสกฺขรจุณฺณสปฺปีหิ อภิสงฺขตโภชนํ วุจฺจติ. อิทเมว จตุมธุรโภชนนฺติปิ วุจฺจติ. มนุสฺสาเยว ปน ปริวิสิตุํ นาสกฺขึสุ. เทวาปิ เอกนฺตริกา หุตฺวา ปริวิสึสุ. ทฺวาทสโยชนปฺปมาณมฺปิ ตํ านํ เต ภิกฺขู คณฺหิตุํ นปฺปโหสิเยว, เต ปน ภิกฺขู อตฺตโน อตฺตโน อนุภาเวน นิสีทึสุ. ปริโยสานทิวเส สพฺเพสํ ภิกฺขูนํ ปตฺเต โธวาเปตฺวา เภสชฺชตฺถาย สปฺปินวนีตมธุผาณิตาทีนํ ปูเรตฺวา ติจีวเรหิ สทฺธึ อทาสิ. ตตฺถ สงฺฆนวกภิกฺขุนา ลทฺธจีวรสาฏกา สตสหสฺสคฺฆนิกา อเหสุํ.

อถ สตฺถา อนุโมทนํ กโรนฺโต – ‘‘อยํ มหาปุริโส เอวรูปํ มหาทานํ อทาสิ, โก นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ อุปธาเรนฺโต – ‘‘อนาคเต กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ ทฺวินฺนํ อสงฺขฺเยยฺยานํ มตฺถเก โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ทิสฺวา ตโต มหาสตฺตํ อามนฺเตตฺวา – ‘‘ตฺวํ เอตฺตกํ นาม กาลํ อติกฺกมิตฺวา โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. อถ มหาปุริโส ภควโต พฺยากรณํ สุตฺวา ปมุทิตหทโย – ‘‘อหํ กิร พุทฺโธ ภวิสฺสามิ, น เม ฆราวาเสน อตฺโถ, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ตถารูปํ สมฺปตฺตึ เขฬปิณฺฑํ วิย ปหาย สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา อภิฺา จ อฏฺ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา อปริหีนชฺฌาโน ยาวตายุกํ ตฺวา อายุปริโยสาเน พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติ. เตน วุตฺตํ –

๑๐.

‘‘อหํ เตน สมเยน, สุรุจี นาม พฺราหฺมโณ;

อชฺฌายโก มนฺตธโร, ติณฺณํ เวทาน ปารคู.

๑๑.

‘‘ตมหํ อุปสงฺกมฺม, สรณํ คนฺตฺวาน สตฺถุโน;

สมฺพุทฺธปฺปมุขํ สงฺฆํ, คนฺธมาเลน ปูชยึ;

ปูเชตฺวา คนฺธมาเลน, ควปาเนน ตปฺปยึ.

๑๒.

‘‘โสปิ มํ พุทฺโธ พฺยากาสิ, มงฺคโล ทฺวิปทุตฺตโม;

อปริเมยฺยิโต กปฺเป, อยํ พุทฺโธ ภวิสฺสติ.

๑๓.

‘‘ปธานํ ปทหิตฺวาน…เป… เหสฺสาม สมฺมุขา อิม’’นฺติ. –

อฏฺ คาถา วิตฺถาเรตพฺพา.

๑๔.

‘‘ตสฺสาปิ วจนํ สุตฺวา, ภิยฺโย จิตฺตํ ปสาทยึ;

อุตฺตรึ วตมธิฏฺาสึ, ทสปารมิปูริยา.

๑๕.

‘‘ตทา ปีติมนุพฺรูหนฺโต, สมฺโพธิวรปตฺติยา;

พุทฺเธ ทตฺวาน มํ เคหํ, ปพฺพชึ ตสฺส สนฺติเก.

๑๖.

‘‘สุตฺตนฺตํ วินยํ จาปิ, นวงฺคํ สตฺถุสาสนํ;

สพฺพํ ปริยาปุณิตฺวา, โสภยึ ชินสาสนํ.

๑๗.

‘‘ตตฺถปฺปมตฺโต วิหรนฺโต, พฺรหฺมํ ภาเวตฺว ภาวนํ;

อภิฺาปารมึ คนฺตฺวา, พฺรหฺมโลกมคฺฉห’’นฺติ.

ตตฺถ คนฺธมาเลนาติ คนฺเธหิ เจว มาเลหิ จ. ควปาเนนาติ อิทํ วุตฺตเมว. ‘‘ฆตปาเนนา’’ติปิ เกจิ ปนฺติ. ตปฺปยินฺติ ตปฺเปสึ. อุตฺตรึ วตมธิฏฺาสินฺติ ภิยฺโยปิ วตมธิฏฺาสึ. ทสปารมิปูริยาติ ทสนฺนํ ปารมีนํ ปูรณตฺถาย. ปีตินฺติ หทยตุฏฺึ. อนุพฺรูหนฺโตติ วฑฺเฒนฺโต. สมฺโพธิวรปตฺติยาติ พุทฺธตฺตปฺปตฺติยา. พุทฺเธ ทตฺวานาติ พุทฺธสฺส ปริจฺจชิตฺวา . มํ เคหนฺติ มม เคหํ, สพฺพํ สาปเตยฺยํ จตุปจฺจยตฺถาย พุทฺธสฺส ภควโต ปริจฺจชิตฺวาติ อตฺโถ. ตตฺถาติ ตสฺมึ พุทฺธสาสเน. พฺรหฺมนฺติ พฺรหฺมวิหารภาวนํ ภาเวตฺวา.

มงฺคลสฺส ปน ภควโต นครํ อุตฺตรํ นาม อโหสิ, ปิตาปิสฺส อุตฺตโร นาม ราชา ขตฺติโย, มาตาปิ อุตฺตรา นาม, สุเทโว จ ธมฺมเสโน จ ทฺเว อคฺคสาวกา, ปาลิโต นาม อุปฏฺาโก, สีวลา จ อโสกา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, นาครุกฺโข โพธิ, อฏฺาสีติหตฺถุพฺเพธํ สรีรํ อโหสิ, นวุติวสฺสสหสฺสํ อายุปริมาณํ, ภริยา ปนสฺส ยสวตี นาม, สีวโล นาม ปุตฺโต, อสฺสยาเนน นิกฺขมิ. อุตฺตราราเม วสิ. อุตฺตโร นาม อุปฏฺาโก, ตสฺมึ ปน นวุติวสฺสสหสฺสานิ ตฺวา ปรินิพฺพุเต ภควติ เอกปฺปหาเรเนว ทสจกฺกวาฬสหสฺสานิ เอกนฺธการานิ อเหสุํ. สพฺพจกฺกวาเฬสุ มนุสฺสานํ มหนฺตํ อาโรทนปริเทวนํ อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

๑๘.

‘‘อุตฺตรํ นาม นครํ, อุตฺตโร นาม ขตฺติโย;

อุตฺตรา นาม ชนิกา, มงฺคลสฺส มเหสิโน.

๒๓.

‘‘สุเทโว ธมฺมเสโน จ, อเหสุํ อคฺคสาวกา;

ปาลิโต นามุปฏฺาโก, มงฺคลสฺส มเหสิโน.

๒๔.

‘‘สีวลา จ อโสกา จ, อเหสุํ อคฺคสาวิกา;

โพธิ ตสฺส ภควโต, นาครุกฺโขติ วุจฺจติ.

๒๖.

‘‘อฏฺาสีติ รตนานิ, อจฺจุคฺคโต มหามุนิ;

ตโต นิทฺธาวตี รํสี, อเนกสตสหสฺสิโย.

๒๗.

‘‘นวุติวสฺสสหสฺสานิ, อายุ วิชฺชติ ตาวเท;

ตาวตา ติฏฺมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํ.

๒๘.

‘‘ยถาปิ สาคเร อูมี, น สกฺกา ตา คเณตุเย;

ตเถว สาวกา ตสฺส, น สกฺกา เต คเณตุเย.

๒๙.

‘‘ยาว อฏฺาสิ สมฺพุทฺโธ, มงฺคโล โลกนายโก;

น ตสฺส สาสเน อตฺถิ, สกิเลสมรณํ ตทา.

๓๐.

‘‘ธมฺโมกฺกํ ธารยิตฺวาน, สนฺตาเรตฺวา มหาชนํ;

ชลิตฺวา ธุมเกตูว, นิพฺพุโต โส มหายโส.

๓๑.

‘‘สงฺขารานํ สภาวตฺตํ, ทสฺสยิตฺวา สเทวเก;

ชลิตฺวา อคฺคิกฺขนฺโธว, สูริโย อตฺถงฺคโต ยถา’’ติ.

ตตฺถ ตโตติ ตสฺส มงฺคลสฺส สรีรโต. นิทฺธาวตีติ นิทฺธาวนฺติ, วจนวิปริยาโย ทฏฺพฺโพ. รํสีติ รสฺมิโย. อเนกสตสหสฺสิโยติ อเนกสตสหสฺสา. อูมีติ วีจิโย ตรงฺคา. คเณตุเยติ คเณตุํ สงฺขาตุํ. เอตฺตกา สาคเร อูมิโยติ ยถา น สกฺกา คเณตุํ, เอวํ ตสฺส ภควโต สาวกาปิ น สกฺกา คเณตุํ, อถ โข คณนปถํ วีติวตฺตาติ อตฺโถ. ยาวาติ ยาวตกํ กาลํ. สกิเลสมรณํ ตทาติ สห กิเลเสหิ สกิเลโส, สกิเลสสฺส มรณํ สกิเลสมรณํ, ตํ นตฺถิ. ตทา กิร ตสฺส ภควโต สาสเน สาวกา สพฺเพ อรหตฺตํ ปตฺวาเยว ปรินิพฺพายึสุ. ปุถุชฺชนา วา โสตาปนฺนาทโย วา หุตฺวา น กาลมกํสูติ อตฺโถ. เกจิ ‘‘สมฺโมหมารณํ ตทา’’ติ ปนฺติ.

ธมฺโมกฺกนฺติ ธมฺมทีปกํ. ธูมเกตูติ อคฺคิ วุจฺจติ, อิธ ปน ปทีโป ทฏฺพฺโพ ตสฺมา ปทีโป วิย ชลิตฺวา นิพฺพุโตติ อตฺโถ. มหายโสติ มหาปริวาโร . เกจิ ‘‘นิพฺพุโต โส สสาวโก’’ติ ปนฺติ. สงฺขารานนฺติ สงฺขาตธมฺมานํ สปฺปจฺจยธมฺมานํ. สภาวตฺตนฺติ อนิจฺจาทิสามฺลกฺขณํ. สูริโย อตฺถงฺคโต ยถาติ ยถา สหสฺสกิรโณ ทิวสกโร สพฺพํ ตมคณํ วิธมิตฺวา สพฺพฺจ โลกํ โอภาเสตฺวา อตฺถมุปคจฺฉติ, เอวํ มงฺคลทิวสกโรปิ เวเนยฺยกมลวนวิกสนกโร สพฺพํ อชฺฌตฺติกพาหิรโลกตมํ วิธมิตฺวา อตฺตโน สรีรปฺปภาย ชลิตฺวา อตฺถงฺคโตติ อตฺโถ. เสสคาถา สพฺพตฺถ อุตฺตานา เอวาติ.

มงฺคลพุทฺธวํสวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิฏฺิโต ตติโย พุทฺธวํโส.