📜
๙. อโนมทสฺสีพุทฺธวํสวณฺณนา
โสภิตพุทฺเธ ¶ ¶ ปน ปรินิพฺพุเต ตสฺส อปรภาเค เอกมสงฺขฺเยยฺยํ พุทฺธุปฺปาทรหิตํ อโหสิ. อตีเต ปน ตสฺมึ อสงฺขฺเยยฺเย เอกสฺมึ กปฺเป ตโย พุทฺธา นิพฺพตฺตึสุ อโนมทสฺสี, ปทุโม, นารโทติ. ตตฺถ อโนมทสฺสี ภควา โสฬส อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ ปารมิโย ปูเรตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา เทเวหิ อภิยาจิโต ตโต จวิตฺวา จนฺทวติยํ นาม ราชธานิยํ ยสวา นามสฺส รฺโ กุเล สมุสฺสิตจารุปโยธราย ยโสธราย นาม อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ. อโนมทสฺสิกุมาเร กิร ยโสธราย เทวิยา กุจฺฉิคเต ตสฺส ปฺุปฺปภาเวน ปภา อสีติหตฺถปฺปมาณํ ¶ านํ ผริตฺวา อฏฺาสิ. จนฺทสูริยปฺปภาหิ อนภิภวนียาว อโหสิ. สา ทสนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน โพธิสตฺตํ สุจนฺทนุยฺยาเน วิชายิ. ปาฏิหาริยานิ เหฏฺา วุตฺตนยาเนว.
นามคฺคหณทิวเส ปนสฺส นามํ คณฺหนฺตา, ยสฺมา ชาติยํ อากาสโต สตฺต รตนานิ ปตึสุ, ตสฺมา อโนมานํ รตนานํ อุปฺปตฺติเหตุภูตตฺตา ‘‘อโนมทสฺสี’’ติ นามมกํสุ. โส อนุกฺกเมน วุทฺธิปฺปตฺโต ทิพฺเพหิ กามคุเณหิ ปริจาริยมาโน ทสวสฺสสหสฺสานิ อคารํ อชฺฌาวสิ. ตสฺส กิร สิริ อุปสิริ สิริวฑฺโฒติ ตโย ปาสาทา อเหสุํ. สิริมาเทวิปฺปมุขานิ เตวีสติ อิตฺถิสหสฺสานิ ปจฺจุปฏฺิตานิ อเหสุํ. โส สิริมาย เทวิยา อุปวาเณ นาม ปุตฺเต ชาเต จตฺตาริ นิมิตฺตานิ ทิสฺวา สิวิกายาเนน มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิ. ตํ ติสฺโส ชนโกฏิโย อนุปพฺพชึสุ.
เตหิ ปริวุโต มหาปุริโส ทส มาเส ปธานจริยํ จริ. ตโต วิสาขปุณฺณมาย อนุปมพฺราหฺมณคาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา อนุปมเสฏฺิธีตาย ทินฺนํ มธุปายาสํ ปริภฺุชิตฺวา สาลวเน ทิวาวิหารํ วีตินาเมตฺวา อโนมนามาชีวเกน ทินฺนา อฏฺ ติณมุฏฺิโย คเหตฺวา อชฺชุนรุกฺขโพธึ ปทกฺขิณํ กตฺวา อฏฺตฺตึสหตฺถวิตฺถตํ ติณสนฺถรํ สนฺถริตฺวา จตุรงฺควีริยํ อธิฏฺาย ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา สมารํ มารพลํ วิทฺธํเสตฺวา ตีสุ ยาเมสุ ติสฺโส วิชฺชา อุปฺปาเทตฺวา ¶ – ‘‘อเนกชาติสํสารํ…เป… ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ อุทานํ อุทาเนสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘โสภิตสฺส ¶ อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;
อโนมทสฺสี อมิตยโส, เตชสฺสี ทุรติกฺกโม.
‘‘โส เฉตฺวา พนฺธนํ สพฺพํ, วิทฺธํเสตฺวา ตโย ภเว;
อนิวตฺติคมนํ มคฺคํ, เทเสสิ เทวมานุเส.
‘‘สาคโรว อสงฺโขโภ, ปพฺพโตว ทุราสโท;
อากาโสว อนนฺโต โส, สาลราชาว ผุลฺลิโต.
‘‘ทสฺสเนนปิ ตํ พุทฺธํ, โตสิตา โหนฺติ ปาณิโน;
พฺยาหรนฺตํ คิรํ สุตฺวา, อมตํ ปาปุณนฺติ เต’’ติ.
ตตฺถ อโนมทสฺสีติ อนุปมทสฺสโน, อมิตทสฺสโน วา. อมิตยโสติ อมิตปริวาโร, อมิตกิตฺติ วา. เตชสฺสีติ สีลสมาธิปฺาเตเชน สมนฺนาคโต. ทุรติกฺกโมติ ทุปฺปธํสิโย, อฺเน เทเวน วา มาเรน วา เกนจิ วา อติกฺกมิตุํ อสกฺกุเณยฺโยติ อตฺโถ. โส ¶ เฉตฺวา พนฺธนํ สพฺพนฺติ สพฺพํ ทสวิธํ สํโยชนํ ฉินฺทิตฺวา. วิทฺธํเสตฺวา ตโย ภเวติ ติภวูปคํ กมฺมํ กมฺมกฺขยกราเณน วิทฺธํเสตฺวา, อภาวํ กตฺวาติ อตฺโถ. อนิวตฺติคมนํ มคฺคนฺติ นิวตฺติยา ปวตฺติยา ปฏิปกฺขภูตํ นิพฺพานํ อนิวตฺตีติ วุจฺจติ, ตํ อนิวตฺตึ คจฺฉติ อเนนาติ อนิวตฺติคมโน. ตํ อนิวตฺติคมนํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ เทเสสีติ อตฺโถ. ‘‘ทสฺเสตี’’ติปิ ปาโ, โสเยวตฺโถ. เทวมานุเสติ เทวมนุสฺสานํ, สามิอตฺเถ อุปโยควจนํ ทฏฺพฺพํ.
อสงฺโขโภติ โขเภตุํ จาเลตุํ อสกฺกุเณยฺโยติ อกฺโขภิโย. ยถา หิ สมุทฺโท จตุราสีติโยชนสหสฺสคมฺภีโร อเนกโยชนสหสฺสภูตาวาโส อกฺโขภิโย, เอวํ อกฺโขภิโยติ อตฺโถ. อากาโสว อนนฺโตติ ยถา ปน อากาสสฺส อนฺโต นตฺถิ, อถ โข อนนฺโต อปฺปเมยฺโย อปาโร, เอวํ ภควาปิ พุทฺธคุเณหิ อนนฺโต อปฺปเมยฺโย อปาโร. โสติ โส ภควา. สาลราชาว ผุลฺลิโตติ สพฺพลกฺขณานุพฺยฺชนสมลงฺกตสรีรตฺตา สุผุลฺลิตสาลราชา วิย โสภตีติ อตฺโถ. ทสฺสเนนปิ ตํ พุทฺธนฺติ ตสฺส พุทฺธสฺส ทสฺสเนนาปีติ อตฺโถ. อีทิเสสุปิ ¶ สามิวจนํ ปยุชฺชนฺติ สทฺทสตฺถวิทู. โตสิตาติ ปริโตสิตา ปีณิตา. พฺยาหรนฺตนฺติ พฺยาหรนฺตสฺส, สามิอตฺเถ ¶ อุปโยควจนํ. อมตนฺติ นิพฺพานํ. ปาปุณนฺตีติ อธิคจฺฉนฺติ. เตติ เย ตสฺส คิรํ ธมฺมเทสนํ สุณนฺติ, เต อมตํ ปาปุณนฺตีติ อตฺโถ.
ภควา ปน โพธิมูเล สตฺตสตฺตาหํ วีตินาเมตฺวา พฺรหฺมุนา อายาจิโต ธมฺมเทสนาย พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โอโลเกนฺโต อตฺตนา สห ปพฺพชิเต ติโกฏิสงฺเข ชเน อุปนิสฺสยสมฺปนฺเน ทิสฺวา – ‘‘กตฺถ นุ โข เต เอตรหิ วิหรนฺตี’’ติ อุปธาเรนฺโต สุภวตีนคเร สุทสฺสนุยฺยาเน วิหรนฺเต ทิสฺวา อากาเสน คนฺตฺวา สุทสฺสนุยฺยาเน โอตริ. โส เตหิ ปริวุโต สเทวมนุสฺสาย ปริสาย มชฺเฌ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตสิ. ตตฺถ โกฏิสตานํ ปมาภิสมโย อโหสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ธมฺมาภิสมโย ตสฺส, อิทฺโธ ผีโต ตทา อหุ;
โกฏิสตานิ อภิสมึสุ, ปเม ธมฺมเทสเน’’ติ.
ตตฺถ ผีโตติ ผาติปฺปตฺโต พาหุชฺวเสน. โกฏิสตานีติ โกฏีนํ สตานิ โกฏิสตานิ. ‘‘โกฏิสตโย’’ติปิ ปาโ, ตสฺส สตโกฏิโยติ อตฺโถ.
อถาปเรน ¶ สมเยน โอสธีนครทฺวาเร อสนรุกฺขมูเล ยมกปาฏิหาริยํ กตฺวา อสุเรหิ ทุรภิภวเน ตาวตึสภวเน ปณฺฑุกมฺพลสิลายํ นิสินฺโน เตมาสํ อภิธมฺมวสฺสํ วสฺสาปยิ. ตทา อสีติเทวตาโกฏิโย อภิสมึสุ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ตโต ปรํ อภิสมเย, วสฺสนฺเต ธมฺมวุฏฺิโย;
อสีติโกฏิโยภิสมึสุ, ทุติเย ธมฺมเทสเน’’ติ.
ตตฺถ วสฺสนฺเตติ พุทฺธมหาเมเฆ วสฺสนฺเต. ธมฺมวุฏฺิโยติ ธมฺมกถาวสฺสวุฏฺิโย.
ตโต อปเรน สมเยน มงฺคลปฺหานิทฺเทเส อฏฺสตฺตติ โกฏิโย อภิสมึสุ. โส ตติโย อภิสมโย อโหสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ตโต ¶ ¶ ปรมฺปิ วสฺสนฺเต, ตปฺปยนฺเต จ ปาณินํ;
อฏฺสตฺตติโกฏีนํ, ตติยาภิสมโย อหู’’ติ.
ตตฺถ วสฺสนฺเตติ ธมฺมกถาสลิลธารํ วสฺสนฺเต. ตปฺปยนฺเตติ ธมฺมามตวสฺเสน ตปฺปยนฺเต, ตปฺปนํ กโรนฺเต ภควตีติ อตฺโถ.
อโนมทสฺสิสฺสปิ ภควโต ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ตตฺถ โสเรยฺยนคเร อิสิทตฺตสฺส รฺโ ธมฺเม เทสิยมาเน ปสีทิตฺวา เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพชิตานํ อฏฺนฺนํ อรหนฺตสตสหสฺสานํ มชฺเฌ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ. อยํ ปโม สนฺนิปาโต อโหสิ. ราธวตีนคเร สุนฺทรินฺธรสฺส นาม รฺโ ธมฺเม เทสิยมาเน เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพชิตานํ สตฺตนฺนํ อรหนฺตสตสหสฺสานํ มชฺเฌ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ. อยํ ทุติโย สนฺนิปาโต อโหสิ. ปุน โสเรยฺยนคเรเยว โสเรยฺยรฺา สห เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพชิตานํ ฉนฺนํ อรหนฺตสตสหสฺสานํ มชฺเฌ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ. อยํ ตติโย สนฺนิปาโต อโหสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘สนฺนิปาตา ตโย อาสุํ, ตสฺสาปิ จ มเหสิโน;
อภิฺาพลปฺปตฺตานํ, ปุปฺผิตานํ วิมุตฺติยา.
‘‘อฏฺสตสหสฺสานํ, สนฺนิปาโต ตทา อหุ;
ปหีนมทโมหานํ, สนฺตจิตฺตาน ตาทินํ.
‘‘สตฺตสตสหสฺสานํ, ทุติโย อาสิ สมาคโม;
อนงฺคณานํ วิรชานํ, อุปสนฺตาน ตาทินํ.
‘‘ฉนฺนํ สตสหสฺสานํ, ตติโย อาสิ สมาคโม;
อภิฺาพลปฺปตฺตานํ, นิพฺพุตานํ ตปสฺสิน’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ ตสฺสาปิ จ มเหสิโนติ ตสฺส มเหสิโน อโนมทสฺสิสฺสาปิ. ‘‘ตสฺสาปิ ทฺวิปทุตฺตโม’’ติปิ ปาโ, ตสฺสปิ ทฺวิปทุตฺตมสฺสาติ อตฺโถ. ลกฺขณํ สทฺทสตฺถโต คเหตพฺพํ. อภิฺาพลปฺปตฺตานนฺติ อภิฺานํ พลปฺปตฺตานํ, จิณฺณวสิตาย ขิปฺปนิสนฺติภาเวน อภิฺาสุ ¶ ถิรภาวปฺปตฺตานนฺติ อตฺโถ. ปุปฺผิตานนฺติ สพฺพผาลิผุลฺลภาเวน อติวิย โสภคฺคปฺปตฺตานํ. วิมุตฺติยาติ อรหตฺตผลวิมุตฺติยา.
อนงฺคณานนฺติ ¶ เอตฺถ อยํ องฺคณ-สทฺโท กตฺถจิ กิเลเสสุ ทิสฺสติ. ยถาห – ‘‘ตตฺถ กตมานิ ตีณิ องฺคณานิ? ราโค องฺคณํ โทโส องฺคณํ โมโห องฺคณ’’นฺติ (วิภ. ๙๒๔). ‘‘ปาปกานํ โข เอตํ, อาวุโส, อกุสลานํ อิจฺฉาวจรานํ อธิวจนํ ยทิทํ องฺคณ’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๖๐). กตฺถจิ กิสฺมิฺจิ มเล? ยถาห – ‘‘ตสฺเสว รชสฺส วา องฺคณสฺส วา ปหานาย วายมตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๘๔). กตฺถจิ ตถารูเป ภูมิภาเค ‘‘เจติยงฺคณํ โพธิยงฺคณํ ราชงฺคณ’’นฺติ. อิธ ปน กิเลเสสุ ทฏฺพฺโพ. ตสฺมา นิกฺกิเลสานนฺติ อตฺโถ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๕๗). วิรชานนฺติ ตสฺเสว เววจนํ. ตปสฺสินนฺติ กิเลสกฺขยกโร อริยมคฺคสงฺขาโต ตโป เยสํ อตฺถิ เต ตปสฺสิโน, เตสํ ตปสฺสีนํ, ขีณาสวานนฺติ อตฺโถ.
ตทา อมฺหากํ โพธิสตฺโต เอโก มเหสกฺโข ยกฺขเสนาปติ อโหสิ มหิทฺธิโก มหานุภาโว อเนกโกฏิสตสหสฺสานํ ยกฺขานํ อธิปติ. โส ‘‘พุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน’’ติ สุตฺวา อาคนฺตฺวา ปรมรุจิรทสฺสนํ สตฺตรตนมยํ อภิรุจิรรชนิกรมณฺฑลสทิสํ มณฺฑปํ นิมฺมินิตฺวา ตตฺถ สตฺตาหํ มหาทานํ พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส อทาสิ. อถ นํ ภควา ภตฺตานุโมทนสมเย ‘‘อนาคเต กปฺปสตสหสฺสาธิเก เอกสฺมึ อสงฺขฺเยยฺเย อติกฺกนฺเต โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘อหํ เตน สมเยน, ยกฺโข อาสึ มหิทฺธิโก;
เนกานํ ยกฺขโกฏีนํ, วสวตฺติมฺหิ อิสฺสโร.
‘‘ตทาปิ ตํ พุทฺธวรํ, อุปคนฺตฺวา มเหสินํ;
อนฺนปาเนน ตปฺเปสึ, สสงฺฆํ โลกนายกํ.
‘‘โสปิ มํ ตทา พฺยากาสิ, วิสุทฺธนยโน มุนิ;
อปริเมยฺยิโต กปฺเป, อยํ พุทฺโธ ภวิสฺสติ.
‘‘ปธานํ ¶ ปทหิตฺวาน…เป… เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํ.
‘‘ตสฺสาปิ ¶ วจนํ สุตฺวา, หฏฺโ สํวิคฺคมานโส;
อุตฺตรึ วตมธิฏฺาสึ, ทสปารมิปูริยา’’ติ.
ตตฺถ ¶ อุตฺตรึ วตมธิฏฺาสินฺติ ปารมิปูรณตฺถาย ภิยฺโยปิ ทฬฺหตรํ ปรกฺกมมกาสีติ อตฺโถ.
ตสฺส ปน อโนมทสฺสิสฺส ภควโต จนฺทวตี นาม นครํ อโหสิ, ยสวา นาม ราชา ปิตา, ยโสธรา นาม มาตา, นิสโภ จ อโนโม จ ทฺเว อคฺคสาวกา, วรุโณ นามุปฏฺาโก, สุนฺทรี จ สุมนา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, อชฺชุนรุกฺโข โพธิ, สรีรํ อฏฺปณฺณาสหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, วสฺสสตสหสฺสํ อายุ, สิริมา นาม อคฺคมเหสี, อุปวาโณ นามสฺส ปุตฺโต, ทสวสฺสสหสฺสานิ อคารํ อชฺฌาวสิ. โส สิวิกายาเนน นิกฺขมิ. สิวิกายาเนน คมนํ ปน โสภิตพุทฺธวํสวณฺณนาย ปาสาทคมเน วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ธมฺมโก นาม ราชา อุปฏฺาโก. ธมฺมาราเม กิร ภควา วิหาสีติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘นครํ จนฺทวตี นาม, ยสวา นาม ขตฺติโย;
มาตา ยโสธรา นาม, อโนมทสฺสิสฺส สตฺถุโน.
‘‘นิสโภ จ อโนโม จ, อเหสุํ อคฺคสาวกา;
วรุโณ นามุปฏฺาโก, อโนมทสฺสิสฺส สตฺถุโน.
‘‘สุนฺทรี จ สุมนา จ, อเหสุํ อคฺคสาวิกา;
โพธิ ตสฺส ภควโต, อชฺชุโนติ ปวุจฺจติ.
‘‘อฏฺปณฺณาสรตนํ, อจฺจุคฺคโต มหามุนิ;
ปภา นิทฺธาวตี ตสฺส, สตรํสีว อุคฺคโต.
‘‘วสฺสสตสหสฺสานิ, อายุ วิชฺชติ ตาวเท;
ตาวตา ติฏฺมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํ.
‘‘สุปุปฺผิตํ ¶ ปาวจนํ, อรหนฺเตหิ ตาทิหิ;
วีตราเคหิ วิมเลหิ, โสภิตฺถ ชินสาสนํ.
‘‘โส จ สตฺถา อมิตยโส, ยุคานิ ตานิ อตุลิยานิ;
สพฺพํ ตมนฺตรหิตํ, นนุ ริตฺตา สพฺพสงฺขารา’’ติ.
ตตฺถ ¶ ปภา นิทฺธาวตีติ ตสฺส สรีรโต ปภา นิกฺขมติ. สรีรปฺปภา ปนสฺส นิจฺจกาลํ ทฺวาทสโยชนปฺปมาณํ ปเทสํ ผริตฺวา ติฏฺติ. ยุคานิ ตานีติ อคฺคสาวกยุคาทีนิ ยุคฬานิ. สพฺพํ ¶ ตมนฺตรหิตนฺติ วุตฺตปฺปการํ สพฺพมฺปิ อนิจฺจมุขํ ปวิฏฺํ วินฏฺนฺติ อตฺโถ. ‘‘นนุ ริตฺตกเมว สงฺขารา’’ติปิ ปาโ, ตสฺส นนุ ริตฺตกา ตุจฺฉกาเยว สพฺเพ สงฺขาราติ อตฺโถ. ม-กาโร ปทสนฺธิกโร. เสสคาถาสุ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.
อิมสฺส ปน อโนมทสฺสิสฺส ภควโต สนฺติเก สาริปุตฺโต จ มหาโมคฺคลฺลาโน จาติ อิเม ทฺเว อคฺคสาวกา อคฺคสาวกภาวตฺถาย ปณิธานมกํสุ. อิเมสํ ปน เถรานํ วตฺถุ เจตฺถ กเถตพฺพํ. มยา คนฺถวิตฺถารภเยน น อุทฺธฏนฺติ.
อโนมทสฺสีพุทฺธวํสวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิฏฺิโต สตฺตโม พุทฺธวํโส.