📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
ขุทฺทกนิกาเย
จริยาปิฏก-อฏฺกถา
คนฺถารมฺภกถา
จริยา ¶ ¶ ¶ สพฺพโลกสฺส, หิตา ยสฺส มเหสิโน;
อจินฺเตยฺยานุภาวํ ตํ, วนฺเท โลกคฺคนายกํ.
วิชฺชาจรณสมฺปนฺนา, เยน นียนฺติ โลกโต;
วนฺเท ตมุตฺตมํ ธมฺมํ, สมฺมาสมฺพุทฺธปูชิตํ.
สีลาทิคุณสมฺปนฺโน, ิโต มคฺคผเลสุ โย;
วนฺเท อริยสงฺฆํ ตํ, ปฺุกฺเขตฺตํ อนุตฺตรํ.
วนฺทนาชนิตํ ¶ ปฺุํ, อิติ ยํ รตนตฺตเย;
หตนฺตราโย สพฺพตฺถ, หุตฺวาหํ ตสฺส เตชสา.
อิมสฺมึ ภทฺทกปฺปสฺมึ, สมฺภตา ยา สุทุกฺกรา;
อุกฺกํสปารมิปฺปตฺตา, ทานปารมิตาทโย.
ตาสํ สมฺโพธิจริยานํ, อานุภาววิภาวนํ;
สกฺเกสุ นิคฺโรธาราเม, วสนฺเตน มเหสินา.
ยํ ธมฺมเสนาปติโน, สพฺพสาวกเกตุโน;
โลกนาเถน จริยา-ปิฏกํ นาม เทสิตํ.
ยํ ขุทฺทกนิกายสฺมึ, สงฺคายึสุ มเหสโย;
ธมฺมสงฺคาหกา สตฺถุ, เหตุสมฺปตฺติทีปนํ.
ตสฺส ¶ สมฺโพธิสมฺภาร-วิภาคนยโยคโต;
กิฺจาปิ ทุกฺกรา กาตุํ, อตฺถสํวณฺณนา มยา.
สห สํวณฺณนํ ยสฺมา, ธรเต สตฺถุ สาสนํ;
ปุพฺพาจริยสีหานํ, ติฏฺเตว วินิจฺฉโย.
ตสฺมา ตํ อวลมฺพิตฺวา, โอคาหิตฺวา จ สพฺพโส;
ชาตกานุปนิสฺสาย, โปราณฏฺกถานยํ.
นิสฺสิตํ ¶ วาจนามคฺคํ, สุวิสุทฺธมนากุลํ;
มหาวิหารวาสีนํ, นิปุณตฺถวินิจฺฉยํ.
นีตเนยฺยตฺถเภทา จ, ปารมี ปริทีปยํ;
กริสฺสามิ ตํ จริยา-ปิฏกสฺสตฺถวณฺณนํ.
อิติ ¶ อากงฺขมานสฺส, สทฺธมฺมสฺส จิรฏฺิตึ;
วิภชนฺตสฺส ตสฺสตฺถํ, นิสามยถ สาธโวติ.
ตตฺถ จริยาปิฏกนฺติ เกนฏฺเน จริยาปิฏกํ? อตีตาสุ ชาตีสุ สตฺถุ จริยานุภาวปฺปกาสินี ปริยตฺตีติ กตฺวา, ปริยตฺติอตฺโถ หิ อยํ ปิฏกสทฺโท, ‘‘มา ปิฏกสมฺปทาเนนา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๖๖) วิย. อถ วา ยสฺมา สา ปริยตฺติ ตสฺเสว สตฺถุ ปุริมชาตีสุ จริยานํ อานุภาวปฺปกาสเนน ภาชนภูตา, ตสฺมาปิ ‘‘จริยาปิฏก’’นฺติ วุจฺจติ, ภาชนตฺโถปิ หิ ปิฏกสทฺโท นิทฺทิฏฺโ ‘‘อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย, กุทาลปิฏกํ อาทายา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๒๘; อ. นิ. ๓.๗๐) วิย. ตํ ปเนตํ จริยาปิฏกํ วินยปิฏกํ, สุตฺตนฺตปิฏกํ, อภิธมฺมปิฏกนฺติ ตีสุ ปิฏเกสุ สุตฺตนฺตปิฏกปริยาปนฺนํ. ทีฆนิกาโย, มชฺฌิมนิกาโย, สํยุตฺตนิกาโย, องฺคุตฺตรนิกาโย, ขุทฺทกนิกาโยติ ปฺจสุ นิกาเยสุ ขุทฺทกนิกายปริยาปนฺนํ. สุตฺตํ, เคยฺยํ, เวยฺยากรณํ, คาถา, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ, ชาตกํ, อพฺภุตธมฺมํ, เวทลฺลนฺติ นวสุ สาสนงฺเคสุ คาถาสงฺคหํ.
‘‘ทฺวาสีติ พุทฺธโต คณฺหึ, ทฺเวสหสฺสานิ ภิกฺขุโต;
จตุราสีติ สหสฺสานิ, เย เม ธมฺมา ปวตฺติโน’’ติ. (เถรคา. ๑๐๒๗) –
เอวํ ¶ ธมฺมภณฺฑาคาริเกน ปฏิฺาเตสุ จตุราสีติยา ธมฺมกฺขนฺธสหสฺเสสุ กติปยธมฺมกฺขนฺธสงฺคหํ. วคฺคโต อกิตฺติวคฺโค, หตฺถินาควคฺโค, ยุธฺชยวคฺโคติ วคฺคตฺตยสงฺคหํ. จริยโต อกิตฺติวคฺเค ทส, หตฺถินาควคฺเค ทส, ยุธฺชยวคฺเค ปฺจทสาติ ปฺจตึสจริยาสงฺคหํ. ตีสุ วคฺเคสุ อกิตฺติวคฺโค อาทิ, จริยาสุ อกิตฺติจริยา. ตสฺสาปิ –
‘‘กปฺเป จ สตสหสฺเส, จตุโร จ อสงฺขิเย;
เอตฺถนฺตเร ยํ จริตํ, สพฺพํ ตํ โพธิปาจน’’นฺติ. –
อยํ คาถา อาทิ. ตสฺส อิโต ปภุติ อนุกฺกเมน อตฺถสํวณฺณนา โหติ.
คนฺถารมฺภกถา นิฏฺิตา.
นิทานกถา
สา ¶ ปนายํ อตฺถสํวณฺณนา ยสฺมา ทูเรนิทานํ, อวิทูเรนิทานํ, สนฺติเกนิทานนฺติ อิมานิ ตีณิ นิทานานิ ¶ ทสฺเสตฺวา วุจฺจมานา สุณนฺเตหิ สมุทาคมโต ปฏฺาย สุฏฺุ วิฺาตา นาม โหติ. ตสฺมา เตสํ นิทานานํ อยํ วิภาโค เวทิตพฺโพ.
ทีปงฺกรทสพลสฺส ปาทมูลสฺมิฺหิ กตาภินีหารสฺส มหาโพธิสตฺตสฺส ยาว ตุสิตภวเน นิพฺพตฺติ, ตาว ปวตฺโต กถามคฺโค ทูเรนิทานํ นาม. ตุสิตภวนโต ปฏฺาย ยาว โพธิมณฺเฑ สพฺพฺุตฺาณปฺปตฺติ, ตาว ปวตฺโต กถามคฺโค อวิทูเรนิทานํ นาม. มหาโพธิมณฺฑโต ปน ปฏฺาย ยาว ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ, ตาว ปวตฺโต กถามคฺโค สนฺติเกนิทานํ นาม. อิเมสุ ตีสุ นิทาเนสุ ยสฺมา ทูเรนิทานอวิทูเรนิทานานิ สพฺพสาธารณานิ, ตสฺมา ตานิ ชาตกฏฺกถายํ (ชา. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา) วิตฺถาริตนเยเนว วิตฺถารโต เวทิตพฺพานิ. สนฺติเกนิทาเน ปน อตฺถิ วิเสโสติ ติณฺณมฺปิ นิทานานํ อยมาทิโต ปฏฺาย สงฺเขปกถา.
ทีปงฺกรสฺส ¶ ภควโต ปาทมูเล กตาภินีหาโร โพธิสตฺตภูโต โลกนาโถ อตฺตโน อภินีหารานุรูปํ สมตฺตึสปารมิโย ปูเรตฺวา, สพฺพฺุตฺาณสมฺภารํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา, ตุสิตภวเน นิพฺพตฺโต พุทฺธภาวาย อุปฺปตฺติกาลํ อาคมยมาโน, ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา ตโต จุโต สกฺยราชกุเล ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา อนนฺเตน ปริหาเรน มหนฺเตน สิริโสภคฺเคน วฑฺฒมาโน อนุกฺกเมน โยพฺพนํ ปตฺวา เอกูนตึเส วยสฺมึ กตมหาภินิกฺขมโน, ฉพฺพสฺสานิ มหาปธานํ ปทหิตฺวา, เวสาขปุณฺณมายํ โพธิรุกฺขมูเล นิสินฺโน สูริเย อนตฺถงฺคมิเตเยว มารพลํ วิธมิตฺวา ปุริมยาเม ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสริตฺวา, มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธตฺวา, ปจฺฉิมยาเม ทิยฑฺฒกิเลสสหสฺสํ เขเปตฺวา, อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธิมภิสมฺพุชฺฌิ.
ตโต ตตฺเถว สตฺตสตฺตาเห วีตินาเมตฺวา, อาสาฬฺหิปุณฺณมายํ พาราณสึ คนฺตฺวา อิสิปตเน มิคทาเย อฺาสิโกณฺฑฺปฺปมุขา อฏฺารส พฺรหฺมโกฏิโย ธมฺมามตํ ปาเยนฺโต, ธมฺมจกฺกํ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๓ อาทโย; ปฏิ. ม. ๒.๓๐) ปวตฺเตตฺวา, ยสาทิเก เวเนยฺเย อรหตฺเต ปติฏฺาเปตฺวา, เต สพฺเพว สฏฺิ อรหนฺเต โลกานุคฺคหาย วิสฺสชฺเชตฺวา, อุรุเวลํ คจฺฉนฺโต กปฺปาสิกวนสณฺเฑ ตึส ภทฺทวคฺคิเย โสตาปตฺติผลาทีสุ ปติฏฺาเปตฺวา, อุรุเวลํ คนฺตฺวา อฑฺฒุฑฺฒานิ ปาฏิหาริยสหสฺสานิ ¶ ทสฺเสตฺวา อุรุเวลกสฺสปาทโย สหสฺสชฏิลปริวาเร เตภาติกชฏิเล ¶ วิเนตฺวา, เตหิ ปริวุโต ราชคหนครูปจาเร ลฏฺิวนุยฺยาเน นิสินฺโน พิมฺพิสารปฺปมุเข ทฺวาทสนหุเต พฺราหฺมณคหปติเก สาสเน โอตาเรตฺวา, มคธราเชน การิเต เวฬุวนวิหาเร วิหรติ.
อเถวํ ภควติ เวฬุวเน วิหรนฺเต สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนสุ อคฺคสาวกฏฺาเน ปิเตสุ สาวกสนฺนิปาเต ชาเต, สุทฺโธทนมหาราชา ‘‘ปุตฺโต กิร เม ฉพฺพสฺสานิ ทุกฺกรการิกํ จริตฺวา ปรมาภิสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก ราชคหํ นิสฺสาย เวฬุวเน วิหรตี’’ติ สุตฺวา ทสปุริสสหสฺสปริวาเร, อนุกฺกเมน ทส อมจฺเจ เปเสสิ ‘‘ปุตฺตํ เม อิธาเนตฺวา ทสฺเสถา’’ติ. เตสุ ราชคหํ คนฺตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนาย อรหตฺเต ปติฏฺิเตสุ กาฬุทายิตฺเถเรน รฺโ อธิปฺปาเย อาโรจิเต ภควา วีสติสหสฺสขีณาสวปริวุโต ราชคหโต นิกฺขมิตฺวา สฏฺิโยชนํ ¶ กปิลวตฺถุํ ทฺวีหิ มาเสหิ สมฺปาปุณิ. สกฺยราชาโน ‘‘อมฺหากํ าติเสฏฺํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ สนฺนิปติตฺวา นิคฺโรธารามํ ภควโต จ ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ วสนโยคฺคํ กาเรตฺวา, คนฺธปุปฺผาทิหตฺถา ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา, สตฺถารํ นิคฺโรธารามํ ปเวเสสุํ. ตตฺร ภควา วีสติสหสฺสขีณาสวปริวุโต ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทิ. สากิยา มานตฺถทฺธา สตฺถุ ปณิปาตํ นากํสุ. ภควา เตสํ อชฺฌาสยํ โอโลเกตฺวา มานํ ภฺชิตฺวา เต ธมฺมเทสนาย ภาชเน กาตุํ อภิฺาปาทกํ จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย อากาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา เตสํ สีเส ปาทปํสุํ โอกิรมาโน วิย, กณฺฑมฺพรุกฺขมูเล กตปาฏิหาริยสทิสํ ยมกปาฏิหาริยํ อกาสิ. ราชา ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา ‘‘อยํ โลเก อคฺคปุคฺคโล’’ติ วนฺทิ. รฺา ปน วนฺทิเต เต าตุํ นาม น สกฺโกนฺติ, สพฺเพปิ สากิยา วนฺทึสุ.
ตทา กิร ภควา ยมกปาฏิหาริยํ กโรนฺโต โลกวิวรณปาฏิหาริยมฺปิ อกาสิ – ยสฺมึ วตฺตมาเน มนุสฺสา มนุสฺสโลเก ยถาิตา ยถานิสินฺนาว จาตุมหาราชิกโต ปฏฺาย ยาว อกนิฏฺภวนา สพฺเพ เทเว ตตฺถ ตตฺถ อตฺตโน ภวเน กีฬนฺเต ทิพฺพานุภาเวน โชตนฺเต มหตึ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวนฺเต สนฺตานิ สมาปตฺติสุขานิ ¶ อนุภวนฺเต อฺมฺํ ธมฺมํ สากจฺฉนฺเต จ พุทฺธานุภาเวน อตฺตโน มํสจกฺขุนาว ปสฺสนฺติ. ตถา เหฏฺาปถวิยํ อฏฺสุ มหานิรเยสุ, โสฬสสุ จ อุสฺสทนิรเยสุ, โลกนฺตรนิรเย จาติ ตตฺถ ตตฺถ มหาทุกฺขํ อนุภวมาเน สตฺเต ปสฺสนฺติ. ทสสหสฺสิโลกธาตุยํ เทวา มหจฺจเทวานุภาเวน ตถาคตํ อุปสงฺกมิตฺวา อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาตา ปฺชลิกา นมสฺสมานา ปยิรุปาสนฺติ, พุทฺธคุณปฏิสํยุตฺตา คาถาโย อุทาหรนฺตา โถเมนฺติ อปฺโผเฏนฺติ หสนฺติ ปีติโสมนสฺสํ ปเวเทนฺติ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘ภุมฺมา ¶ มหาราชิกา ตาวตึสา, ยามา จ เทวา ตุสิตา จ นิมฺมิตา;
ปรนิมฺมิตา เยปิ จ พฺรหฺมกายิกา, อานนฺทิตา วิปุลมกํสุ โฆส’’นฺติ. (พุ. วํ. ๑.๖)
ตทา ¶ หิ ทสพโล ‘‘อตุลํ อตฺตโน พุทฺธพลํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ มหากรุณาย สมุสฺสาหิโต อากาเส ทสสหสฺสจกฺกวาฬสมาคเม จงฺกมํ มาเปตฺวา, ทฺวาทสโยชนวิตฺถเต สพฺพรตนมเย จงฺกเม ิโต ยถาวุตฺตํ เทวมนุสฺสนยนวิหงฺคานํ เอกนิปาตภูตมจฺฉริยํ อนฺสาธารณํ พุทฺธานํ สมาธิาณานุภาวทีปนํ ปาฏิหาริยํ ทสฺเสตฺวา, ปุน ตสฺมึ จงฺกเม จงฺกมนฺโต เวเนยฺยานํ อชฺฌาสยานุรูปํ อจินฺเตยฺยานุภาวาย อโนปมาย พุทฺธลีฬาย ธมฺมํ เทเสสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘น เหเต ชานนฺติ สเทวมานุสา, พุทฺโธ อยํ กีทิสโก นรุตฺตโม;
อิทฺธิพลํ ปฺาพลฺจ กีทิสํ, พุทฺธพลํ โลกหิตสฺส กีทิสํ.
‘‘น เหเต ชานนฺติ สเทวมานุสา, พุทฺโธ อยํ เอทิสโก นรุตฺตโม;
อิทฺธิพลํ ปฺาพลฺจ เอทิสํ, พุทฺธพลํ โลกหิตสฺส เอทิสํ.
‘‘หนฺทาหํ ทสฺสยิสฺสามิ, พุทฺธพลมนุตฺตรํ;
จงฺกมํ มาปยิสฺสามิ, นเภ รตนมณฺฑิต’’นฺติ. (พุ. วํ. ๑.๓-๕);
เอวํ ตถาคเต อตฺตโน พุทฺธานุภาวทีปนํ ปาฏิหาริยํ ¶ ทสฺเสตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺเต อายสฺมา ธมฺมเสนาปติ สาริปุตฺโต ราชคเห คิชฺฌกูฏปพฺพเต ิโต ทิพฺพจกฺขุนา ปสฺสิตฺวา, เตน พุทฺธานุภาวสนฺทสฺสเนน อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาโต ‘‘หนฺทาหํ ภิยฺโยโสมตฺตาย พุทฺธานุภาวํ โลกสฺส ปากฏํ กริสฺสามี’’ติ สฺชาตปริวิตกฺโก อตฺตโน ปริวารภูตานํ ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา อิทฺธิยา อากาเสน ตาวเทว อาคนฺตฺวา สปริวาโร ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ทสนขสโมธานสมุชฺชลมฺชลึ สิรสิ ปคฺคยฺห ตถาคตสฺส มหาภินีหารํ ปารมิปริปูรณฺจ ปุจฺฉิ. ภควา ตํ กายสกฺขึ กตฺวา ตตฺถ สนฺนิปติตมนุสฺสานฺเจว ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวพฺรหฺมานฺจ อตฺตโน พุทฺธานุภาวํ ปริทีปยนฺโต พุทฺธวํสํ เทเสสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘สาริปุตฺโต ¶ ¶ มหาปฺโ, สมาธิชฺฌานโกวิโท;
ปฺาย ปารมิปฺปตฺโต, ปุจฺฉติ โลกนายกํ.
‘‘กีทิโส เต มหาวีร, อภินีหาโร นรุตฺตม;
กมฺหิ กาเล ตยา ธีร, ปตฺถิตา โพธิมุตฺตมา.
‘‘ทานํ สีลฺจ เนกฺขมฺมํ, ปฺา วีริยฺจ กีทิสํ;
ขนฺติ สจฺจมธิฏฺานํ, เมตฺตุเปกฺขา จ กีทิสา.
‘‘ทส ปารมี ตยา ธีร, กีทิสี โลกนายก;
กถํ อุปปารมี ปุณฺณา, ปรมตฺถปารมี กถํ.
‘‘ตสฺส ปุฏฺโ วิยากาสิ, กรวีกมธุรคิโร;
นิพฺพาปยนฺโต หทยํ, หาสยนฺโต สเทวก’’นฺติ. (พุ. วํ. ๑.๗๔-๗๘);
เอวํ ภควตา พุทฺธวํเส เทสิเต อายสฺมา ธมฺมเสนาปติ ‘‘อโห พุทฺธานํ เหตุสมฺปทา, อโห สมุทาคมสมฺปตฺติ, อโห มหาภินีหารสมิชฺฌนา, ทุกฺกรํ วต ภควตา กตํ เอตฺตกํ กาลํ เอวํ ปารมิโย ปูเรนฺเตน, เอวํวิธสฺส โพธิสมฺภารสมฺภรณสฺส อนุจฺฉวิกเมว เจตํ ผลํ, ยทิทํ สพฺพฺุตา พเลสุ จ วสีภาโว เอวํมหิทฺธิกตา เอวํมหานุภาวตา’’ติ พุทฺธคุณารมฺมณํ าณํ เปเสสิ. โส อนฺสาธารณํ ภควโต สีลํ สมาธิ ปฺา วิมุตฺติ วิมุตฺติาณทสฺสนํ หิริโอตฺตปฺปํ ¶ สทฺธาวีริยํ สติสมฺปชฺํ สีลวิสุทฺธิ ทิฏฺิวิสุทฺธิ สมถวิปสฺสนา ตีณิ กุสลมูลานิ ตีณิ สุจริตานิ ตโย สมฺมาวิตกฺกา ติสฺโส อนวชฺชสฺาโย ติสฺโส ธาตุโย จตฺตาโร สติปฏฺานา จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา จตฺตาโร อิทฺธิปาทา จตฺตาโร อริยมคฺคา จตฺตาริ อริยผลานิ จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา จตุโยนิปริจฺเฉทกาณานิ จตฺตาโร อริยวํสา จตฺตาริ เวสารชฺชาณานิ ปฺจ ปธานิยงฺคานิ ปฺจงฺคิโก สมฺมาสมาธิ ปฺจินฺทฺริยานิ ปฺจ พลานิ ปฺจ นิสฺสรณิยา ธาตุโย ปฺจ วิมุตฺตายตนาณานิ ปฺจ วิมุตฺติปริปาจนียา ธมฺมา ฉ สารณียา ธมฺมา ฉ อนุสฺสติฏฺานานิ ฉ คารวา ฉ นิสฺสรณิยา ธาตุโย ฉ สตตวิหารา ฉ อนุตฺตริยานิ ฉ นิพฺเพธภาคิยา สฺา ฉ อภิฺา ¶ ฉ อสาธารณาณานิ สตฺต อปริหานิยา ธมฺมา สตฺต อริยธนานิ สตฺต โพชฺฌงฺคา สตฺต สปฺปุริสธมฺมา สตฺต นิทฺทสวตฺถูนิ สตฺต สฺา สตฺต ทกฺขิเณยฺยปุคฺคลเทสนา สตฺต ขีณาสวพลเทสนา ¶ อฏฺ ปฺาปฏิลาภเหตุเทสนา อฏฺ สมฺมตฺตานิ อฏฺ โลกธมฺมาติกฺกมา อฏฺ อารมฺภวตฺถูนิ อฏฺ อกฺขณเทสนา อฏฺ มหาปุริสวิตกฺกา อฏฺ อภิภายตนเทสนา อฏฺ วิโมกฺขา นว โยนิโสมนสิการมูลกา ธมฺมา นว ปาริสุทฺธิปธานิยงฺคานิ นว สตฺตาวาสเทสนา นว อาฆาตปฺปฏิวินยา นว ปฺา นว นานตฺตเทสนา นว อนุปุพฺพวิหารา ทส นาถกรณา ธมฺมา ทส กสิณายตนานิ ทส กุสลกมฺมปถา ทส สมฺมตฺตานิ ทส อริยวาสา ทส อเสกฺขา ธมฺมา ทส รตนานิ ทส ตถาคตพลานิ เอกาทส เมตฺตานิสํสา ทฺวาทส ธมฺมจกฺกาการา เตรส ธุตงฺคคุณา จุทฺทส พุทฺธาณานิ ปฺจทส วิมุตฺติปริปาจนียา ธมฺมา โสฬสวิธา อานาปานสฺสตี โสฬส อปรมฺปริยา ธมฺมา อฏฺารส พุทฺธธมฺมา เอกูนวีสติ ปจฺจเวกฺขณาณานิ จตุจตฺตาลีส าณวตฺถูนิ ปฺาส อุทยพฺพยาณานิ ปโรปณฺณาส กุสลธมฺมา สตฺตสตฺตติ าณวตฺถูนิ จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสมาปตฺติสฺจาริตมหาวชิราณํ อนนฺตนยสมนฺตปฏฺานปวิจยปจฺจเวกฺขณเทสนาาณานิ ตถา อนนฺตาสุ โลกธาตูสุ อนนฺตานํ สตฺตานํ อาสยาทิวิภาวนาณานิ จาติ เอวมาทิเก อจินฺเตยฺยานุภาเว พุทฺธคุเณ ธมฺมนฺวยโต อนุคจฺฉนฺโต อนุสฺสรนฺโต เนว อนฺตํ, น ปมาณํ ปสฺสิ. เถโร หิ อตฺตโนปิ นาม คุณานํ อนฺตํ วา ปมาณํ วา อาวชฺเชนฺโต น ¶ ปสฺสติ, โส ภควโต คุณานํ ปมาณํ กึ ปสฺสิสฺสติ? ยสฺส ยสฺส หิ ปฺา มหตี าณํ วิสทํ, โส โส พุทฺธคุเณ มหนฺตโต สทฺทหติ, อิติ เถโร ภควโต คุณานํ ปมาณํ วา ปริจฺเฉทํ วา อปสฺสนฺโต ‘‘มาทิสสฺส นาม สาวกปารมิาเณ ิตสฺส พุทฺธคุณา าเณน ปริจฺฉินฺทิตุํ น สกฺกา, ปเคว อิตเรสํ. อโห อจินฺเตยฺยา อปริเมยฺยเภทา มหานุภาวา สพฺพฺุคุณา, เกวลํ ปเนเต เอกสฺส พุทฺธาณสฺเสว สพฺพโส โคจรา, นาฺเสํ. กเถตุํ ปน สมฺมาสมฺพุทฺเธหิปิ วิตฺถารโต น สกฺกาเยวา’’ติ นิฏฺมคมาสิ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘พุทฺโธปิ ¶ พุทฺธสฺส ภเณยฺย วณฺณํ, กปฺปมฺปิ เจ อฺมภาสมาโน;
ขีเยถ กปฺโป จิรทีฆมนฺตเร, วณฺโณ น ขีเยถ ตถาคตสฺสา’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๓๐๔; ๓.๑๔๑; อุทา. อฏฺ. ๕๓);
เอวํ พุทฺธานํ คุณมหนฺตตํ นิสฺสาย อุปฺปนฺนพลวปีติโสมนสฺโส ปุน จินฺเตสิ – ‘‘เอวรูปานํ นาม พุทฺธคุณานํ เหตุภูตา พุทฺธการกา ธมฺมา ปารมิโย อโห มหานุภาวา. กตมาสุ นุ โข ชาตีสุ ปารมิตา ปริปาจิตา, กถํ วา ปริปากํ คตา, หนฺทาหํ อิมมตฺถํ ปุจฺฉนฺโต เอวมฺปิ สมุทาคมโต ปฏฺาย พุทฺธานุภาวํ อิมสฺส สเทวกสฺส โลกสฺส ปากฏตรํ กริสฺสามี’’ติ. โส เอวํ จินฺเตตฺวา ภควนฺตํ อิมํ ปฺหํ อปุจฺฉิ – ‘‘กตมาสุ นุ โข, ภนฺเต ¶ , ชาตีสุ อิเม พุทฺธการกา ธมฺมา ปริปาจิตา, กถํ วา ปริปากํ คตา’’ติ? อถสฺส ภควา ตสฺมึ รตนจงฺกเม ติสนฺธิปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา ยุคนฺธรปพฺพเต พาลสูริโย วิย วิโรจมาโน นิสินฺโน ‘‘สาริปุตฺต, มยฺหํ พุทฺธการกา ธมฺมา สมาทานโต ปฏฺาย นิรนฺตรํ สกฺกจฺจการิตาย วีริยูปตฺถมฺเภน จ สพฺเพสุ กปฺเปสุ ภวโต ภวํ ชาติโต ชาตึ ปริปจฺจนฺตาเยว อเหสุํ, อิมสฺมึ ปน ภทฺทกปฺเป อิมาสุ ชาตีสุ เต ปริปกฺกา ชาตา’’ติ ทสฺเสนฺโต ‘‘กปฺเป จ สตสหสฺเส’’ติอาทินา จริยาปิฏกํ พุทฺธาปทานิยนฺติ ทุติยาภิธานํ ธมฺมปริยายํ อภาสิ. อปเร ปน ‘‘รตนจงฺกเม จงฺกมนฺโต เทวาติเทโว เทวพฺรหฺมาทีหิ ปูชิยมาโน นิคฺโรธาราเม โอตริตฺวา วีสติสหสฺสขีณาสวปริวุโต ¶ ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺโน ภควา วุตฺตนเยเนว อายสฺมตา สาริปุตฺเตน ปุจฺฉิโต จริยาปิฏกํ เทเสสี’’ติ วทนฺติ. เอตฺตาวตา ทูเรนิทานอวิทูเรนิทานานิ สงฺเขปโต ทสฺเสตฺวา จริยาปิฏกสฺส สนฺติเกนิทานํ วิตฺถารโต นิทฺทิฏฺนฺติ เวทิตพฺพํ. ทูเรนิทานํ ปน อสงฺขฺเยยฺยวิภาวนายํ อาวิ ภวิสฺสตีติ.
๑. อิทานิ ‘‘กปฺเป จ สตสหสฺเส’’ติอาทินยปฺปวตฺตาย จริยาปิฏกปาฬิยา อตฺถสํวณฺณนา โหติ. ตตฺรายํ ¶ กปฺป-สทฺโท สอุปสคฺโค อนุปสคฺโค ¶ จ วิตกฺกวิธานปฏิภาคปฺตฺติกาลปรมายุสมณโวหารสมนฺตภาวาภิสทฺทหน- เฉทนวินิโยควินยกิริยาเลสนฺตรกปฺปตณฺหาทิฏฺิอสงฺขฺเยยฺยกปฺปมหากปฺปาทีสุ ทิสฺสติ. ตถา เหส ‘‘เนกฺขมฺมสงฺกปฺโป อพฺยาปาทสงฺกปฺโป’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๑๓๗) วิตกฺเก อาคโต. ‘‘จีวเร วิกปฺปํ อาปชฺเชยฺยา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๖๔๒) วิธาเน, อธิกวิธานํ อาปชฺเชยฺยาติ อตฺโถ. ‘‘สตฺถุกปฺเปน วต กิร, โภ, สาวเกน สทฺธึ มนฺตยมานา น ชานิมฺหา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๖๐) ปฏิภาเค. สตฺถุสทิเสนาติ อยฺหิ ตตฺถ อตฺโถ. ‘‘อิธายสฺมา, กปฺโป’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๑๐๙๘) ปฺตฺติยํ. ‘‘เยน สุทํ นิจฺจกปฺปํ วิหรามี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๘๗) กาเล. ‘‘อากงฺขมาโน, อานนฺท, ตถาคโต กปฺปํ วา ติฏฺเยฺย กปฺปาวเสสํ วา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๑๗๘; อุทา. ๕๑) ปรมายุมฺหิ. อายุกปฺโป หิ อิธ กปฺโปติ อธิปฺเปโต. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจหิ สมณกปฺเปหิ ผลํ ปริภฺุชิตุ’’นฺติอาทีสุ (จูฬว. ๒๕๐) สมณโวหาเร. ‘‘เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา’’ติอาทีสุ (ขุ. ปา. ๕.๑; สุ. นิ. มงฺคลสุตฺต) สมนฺตภาเว. ‘‘สทฺธา สทฺทหนา โอกปฺปนา อภิปฺปสาโท’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๒) อภิสทฺทหเน, สทฺธายนฺติ อตฺโถ. ‘‘อลงฺกโต กปฺปิตเกสมสฺสู’’ติอาทีสุ (วิ. ว. ๑๐๙๔; ชา. ๒.๒๒.๑๓๖๘) เฉทเน. ‘‘เอวเมว อิโต ทินฺนํ, เปตานํ อุปกปฺปตี’’ติอาทีสุ (ขุ. ปา. ๗.๗; เป. ว. ๒๐) วินิโยเค. ‘‘กปฺปกเตน อกปฺปกตํ สํสิพฺพิตํ ¶ โหตี’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๓๗๑) วินยกิริยายํ. ‘‘อตฺถิ กปฺโป นิปชฺชิตุํ, หนฺทาหํ นิปชฺชามี’’ติอาทีสุ เลเส. ‘‘อาปายิโก เนรยิโก กปฺปฏฺโ สงฺฆเภทโก…เป… กปฺปํ นิรยมฺหิ ปจฺจตี’’ติ (อิติวุ. ๑๘; จูฬว. ๓๕๔; กถา. ๖๕๗, ๘๖๒) จ อาทีสุ อนฺตรกปฺเป.
‘‘น กปฺปยนฺติ น ปุเรกฺขโรนฺติ, ธมฺมาปิ เตสํ น ปฏิจฺฉิตาเส;
น ¶ พฺราหฺมโณ สีลวเตน เนยฺโย, ปารงฺคโต น ปจฺเจติ ตาที’’ติ. –
อาทีสุ (สุ. นิ. ๘๐๙) ตณฺหาทิฏฺีสุ. ตถา หิ วุตฺตํ นิทฺเทเส ‘‘กปฺปาติ อุทฺทานโต ทฺเว กปฺปา ตณฺหากปฺโป ทิฏฺิกปฺโป’’ติ (มหานิ. ๒๘). ‘‘อเนเกปิ สํวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ วิวฏฺฏกปฺเป’’ติอาทีสุ ¶ (ที. นิ. ๑.๒๔๔; ม. นิ. ๑.๖๘) อสงฺขฺเยยฺยกปฺเป. ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, กปฺปสฺส อสงฺขฺเยยฺยานี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๕๖) มหากปฺเป. อิธาปิ มหากปฺเปเยว ทฏฺพฺโพ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๒๙; ๓.๒๗๕; สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑; อ. นิ. อฏฺ. ๒.๓.๑๒๘; ขุ. ปา. อฏฺ. ๕.เอวมิจฺจาทิปาวณฺณนา).
ตตฺรายํ ปทสิทฺธิ – กปฺปียตีติ กปฺโป, เอตฺตกานิ วสฺสานีติ วา เอตฺตกานิ วสฺสสตานีติ วา เอตฺตกานิ วสฺสสหสฺสานีติ วา เอตฺตกานิ วสฺสสตสหสฺสานีติ วา สํวจฺฉรวเสน คเณตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา เกวลํ สาสปราสิอุปมาทีหิ กปฺเปตพฺโพ ปริกปฺเปตพฺพปริมาโณติ อตฺโถ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘กีว ทีโฆ นุ โข, ภนฺเต, กปฺโปติ? ทีโฆ โข, ภิกฺขุ, กปฺโป, โส น สุกโร สงฺขาตุํ ‘เอตฺตกานิ วสฺสานี’ติ วา ‘เอตฺตกานิ วสฺสสตานี’ติ วา ‘เอตฺตกานิ วสฺสสหสฺสานี’ติ วา ‘เอตฺตกานิ วสฺสสตสหสฺสานี’ติ วา. สกฺกา ปน, ภนฺเต, อุปมํ กาตุนฺติ? ‘สกฺกา, ภิกฺขู’ติ ภควา อโวจ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, โยชนํ อายาเมน โยชนํ วิตฺถาเรน โยชนํ อุพฺเพเธน มหาสาสปราสิ. ตโต วสฺสสตสฺส วสฺสสหสฺสสฺส อจฺจเยน เอกเมกํ สาสปํ อุทฺธเรยฺย, ขิปฺปตรํ โข โส, ภิกฺขุ, มหาสาสปราสิ อิมินา อุปกฺกเมน ปริกฺขยํ ปริยาทานํ คจฺเฉยฺย, น ตฺเวว กปฺโป, เอวํ ทีโฆ โข, ภิกฺขุ, กปฺโป’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๒๘).
สฺวายํ ¶ มหากปฺโป สํวฏฺฏาทิวเสน จตุอสงฺขฺเยยฺยกปฺปสงฺคโห. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, กปฺปสฺส อสงฺขฺเยยฺยานิ. กตมานิ จตฺตาริ? สํวฏฺโฏ, สํวฏฺฏฏฺายี, วิวฏฺโฏ, วิวฏฺฏฏฺายี’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๕๖).
ตตฺถ ตโย สํวฏฺฏา – เตโชสํวฏฺโฏ, อาโปสํวฏฺโฏ, วาโยสํวฏฺโฏติ. ติสฺโส สํวฏฺฏสีมา – อาภสฺสรา, สุภกิณฺหา, เวหปฺผลาติ. ยทา หิ กปฺโป เตเชน สํวฏฺฏติ, อาภสฺสรโต เหฏฺา อคฺคินา ฑยฺหติ. ยทา อาเปน สํวฏฺฏติ, สุภกิณฺหโต เหฏฺา อุทเกน วิลียติ. ยทา วายุนา สํวฏฺฏติ, เวหปฺผลโต เหฏฺา วาเตน วิทฺธํสติ. วิตฺถารโต ปน โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาฬํ วินสฺสติ, ยํ พุทฺธานํ ¶ อาณากฺเขตฺตนฺติ วุจฺจติ. เตสุ ตีสุ สํวฏฺเฏสุ ยถากฺกมํ กปฺปวินาสกมหาเมฆโต ยาว ชาลาย วา อุทกสฺส วา วาตสฺส วา อุปจฺเฉโท อิทํ เอกํ ¶ อสงฺขฺเยยฺยํ สํวฏฺโฏ นาม. กปฺปวินาสกชาลาทิปจฺเฉทโต ยาว โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาฬปริปูรโก สมฺปตฺติมหาเมโฆ อุฏฺหติ, อิทํ ทุติยํ อสงฺขฺเยยฺยํ สํวฏฺฏฏฺายี นาม.
สมฺปตฺติมหาเมฆโต ยาว จนฺทิมสูริยปาตุภาโว, อิทํ ตติยํ อสงฺขฺเยยฺยํ วิวฏฺโฏ นาม. จนฺทิมสูริยปาตุภาวโต ยาว ปุน กปฺปวินาสกมหาเมโฆ, อิทํ จตุตฺถํ อสงฺขฺเยยฺยํ วิวฏฺฏฏฺายี นาม. อิเมสุ จตุสฏฺิอนฺตรกปฺปสงฺคหํ วิวฏฺฏฏฺายี. เตน สมานกาลปริจฺเฉทา วิวฏฺฏาทโย เวทิตพฺพา. ‘‘วีสติอนฺตรกปฺปสงฺคห’’นฺติ เอเก. อิติ อิมานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ เอโก มหากปฺโป โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สฺวายํ มหากปฺโป สํวฏฺฏาทิวเสน จตุอสงฺขฺเยยฺยกปฺปสงฺคโห’’ติ.
กปฺเปติ จ อจฺจนฺตสํโยควเสน อุปโยคพหุวจนํ. สตสหสฺเสติ กปฺปสทฺทสมฺพนฺเธน จายํ ปุลฺลิงฺคนิทฺเทโส, อิธาปิ อจฺจนฺตสํโยควเสเนว พหุวจนํ. สมานาธิกรณฺเหตํ ปททฺวยํ. จตุโร จ อสงฺขิเยติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. กสฺส ปน อสงฺขิเยติ อฺสฺส อวุตฺตตฺตา กปฺปสฺส จ วุตฺตตฺตา ปกรณโต กปฺปานนฺติ อยมตฺโถ วิฺายเตว. น หิ วุตฺตํ วชฺเชตฺวา อวุตฺตสฺส กสฺสจิ คหณํ ยุตฺตนฺติ. จ-สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ, มหากปฺปานํ จตุโร อสงฺขฺเยยฺเย สตสหสฺเส จ มหากปฺเปติ อยฺเหตฺถ อตฺโถ. อสงฺขิเยติ เอตฺถ สงฺขาตุํ น สกฺกาติ อสงฺขิยา, คณนํ อติกฺกนฺตาติ อตฺโถ. ‘‘อสงฺขฺเยยฺยนฺติ เอโก คณนวิเสโส’’ติ เอเก. เต หิ เอกโต ปฏฺาย มหาพลกฺขปริโยสานานิ เอกูนสฏฺิฏฺานานิ วชฺเชตฺวา ทสมหาพลกฺขานิ อสงฺขฺเยยฺยํ นาม, สฏฺิมฏฺานนฺตรนฺติ วทนฺติ. ตํ น ยุชฺชติ, สงฺขฺยาานนฺตรํ นาม คณนวิเสโส, ตสฺส อสงฺขฺเยยฺยภาวาภาวโต ¶ เอกํ านนฺตรํ อสงฺขฺเยยฺยฺจาติ วิรุทฺธเมตํ. นนุ จ อสงฺขฺยภาเวน อสงฺขฺเยยฺยตฺเตปิ ตสฺส จตุพฺพิธภาโว น ยุชฺชตีติ? โน น ยุชฺชติ. จตูสุ าเนสุ อสงฺขฺเยยฺยภาวสฺส อิจฺฉิตตฺตา. ตตฺรายมาทิโต ปฏฺาย วิภาวนา –
อตีเต กิร เอกสฺมึ กปฺเป ตณฺหงฺกโร เมธงฺกโร สรณงฺกโร ¶ ทีปงฺกโรติ จตฺตาโร สมฺมาสมฺพุทฺธา อนุกฺกเมน โลเก อุปฺปชฺชึสุ. เตสุ ทีปงฺกรสฺส ภควโต กาเล อมรวตี นาม นครํ อโหสิ. ตตฺถ ¶ สุเมโธ นาม พฺราหฺมโณ ปฏิวสติ อุภโต สุชาโต มาติโต จ ปิติโต จ, สํสุทฺธคหณิโก ยาว สตฺตมา กุลปริวฏฺฏา อกฺขิตฺโต อนุปกฺกุฏฺโ ชาติวาเทน, อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคโต. โส อฺํ กมฺมํ อกตฺวา พฺราหฺมณสิปฺปเมว อุคฺคณฺหิ. ตสฺส ทหรกาเลเยว มาตาปิตโร กาลมกํสุ. อถสฺส ราสิวฑฺฒโก อมจฺโจ อายโปตฺถกํ อาหริตฺวา สุวณฺณรชตมณิมุตฺตาทิภริเต สารคพฺเภ วิวริตฺวา ‘‘เอตฺตกํ เต, กุมาร, มาตุสนฺตกํ, เอตฺตกํ เต ปิตุสนฺตกํ, เอตฺตกํ เต อยฺยกปยฺยกาน’’นฺติ ยาว สตฺตมา กุลปริวฏฺฏา ธนํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘เอตํ ธนํ ปฏิปชฺชาหี’’ติ อาห. สุเมธปณฺฑิโต จินฺเตสิ – ‘‘อิมํ เอวํ พหุํ ธนํ สํหริตฺวา มยฺหํ มาตาปิตาทโย ปรโลกํ คจฺฉนฺตา เอกกหาปณมฺปิ คเหตฺวา น คตา, มยา ปน คเหตฺวา คมนการณํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส รฺโ อาโรเจตฺวา นคเร เภรึ จราเปตฺวา มหาชนสฺส ทานํ ทตฺวา หิมวนฺตปฺปเทสํ คนฺตฺวา ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา สตฺตาเหเนว อฏฺ สมาปตฺติโย ปฺจ จ อภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา สมาปตฺติวิหาเรหิ วิหรติ.
ตสฺมิฺจ กาเล ทีปงฺกรทสพโล ปรมาภิสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก จตูหิ ขีณาสวสตสหสฺเสหิ ปริวุโต อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน รมฺมวตีนครํ นาม ปตฺวา ตสฺส อวิทูเร สุทสฺสนมหาวิหาเร ปฏิวสติ. รมฺมวตีนครวาสิโน ‘‘สตฺถา กิร อมฺหากํ นครํ ปตฺวา สุทสฺสนมหาวิหาเร ปฏิวสตี’’ติ สุตฺวา คนฺธมาลาทิหตฺถา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา คนฺธมาลาทีหิ ปูเชตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนา ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกมึสุ. เต ปุนทิวเส มหาทานํ สชฺเชตฺวา นครํ อลงฺกริตฺวา ทสพลสฺส อาคมนมคฺคํ หฏฺตุฏฺา โสเธนฺติ.
ตสฺมิฺจ กาเล สุเมธตาปโส อากาเสน คจฺฉนฺโต ¶ เต หฏฺตุฏฺเ มนุสฺเส ทิสฺวา ‘‘อมฺโภ, กสฺส ตุมฺเห อิมํ มคฺคํ โสเธถา’’ติ ปุจฺฉิ? เตหิ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อาคมนมคฺคํ โสเธมา’’ติ วุตฺเต อตีเตสุ พุทฺเธสุ กตาธิการตฺตา ‘‘พุทฺโธ’’ติ วจนํ สุตฺวา อุปฺปนฺนปีติโสมนสฺโส ¶ ตาวเทว อากาสโต โอรุยฺห ‘‘มยฺหมฺปิ โอกาสํ เทถ, อหมฺปิ โสเธสฺสามี’’ติ ¶ เตหิ ทสฺสิตํ โอกาสํ ‘‘กิฺจาปิ อหํ อิมํ อิทฺธิยา สตฺตรตนวิจิตฺตํ กตฺวา อลงฺกริตุํ ปโหมิ, อชฺช ปน มยา กายเวยฺยาวจฺจํ กาตุํ วฏฺฏติ, กายารหํ ปฺุํ คณฺหิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ติณกจวราทโย นีหริตฺวา ปํสุํ อาหริตฺวา สมํ กโรนฺโต โสเธติ. อนิฏฺิเตเยว ปน ตสฺส ปเทสสฺส โสธเน ทีปงฺกโร ภควา มหานุภาวานํ ฉฬภิฺานํ ขีณาสวานํ จตูหิ สตสหสฺเสหิ ปริวุโต ตํ มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. สุเมธปณฺฑิโต ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ พุทฺธสาวกา จ มา จิกฺขลฺลํ อกฺกมนฺตู’’ติ อตฺตโน วากจีรฺจ จมฺมขณฺฑฺจ ชฏากลาปฺจ ปสาเรตฺวา สยฺจ เยน ภควา เตน สีสํ กตฺวา อวกุชฺโช นิปชฺชิ. เอวฺจ จินฺเตสิ – ‘‘สจาหํ อิจฺฉิสฺสามิ, อิมสฺส ภควโต สาวโก หุตฺวา อชฺเชว กิเลเส ฆาเตสฺสามิ. กึ มยฺหํ เอกเกเนว สํสารมโหฆโต นิตฺถรเณน? ยํนูนาหมฺปิ เอวรูโป สมฺมาสมฺพุทฺโธ หุตฺวา สเทวกํ โลกํ สํสารมหณฺณวโต ตาเรยฺย’’นฺติ. อิติ โส อฏฺงฺคสมนฺนาคตมหาภินีหารวเสน จิตฺตํ ปณิเธสิ. อถ ภควา อาคนฺตฺวา ตสฺส อุสฺสีสเก ตฺวา จิตฺตาจารํ สมิชฺฌนภาวฺจสฺส ตฺวา ‘‘อยํ อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ จตุนฺนํ อสงฺขฺเยยฺยานํ มตฺถเก โคตโม นาม สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ สพฺพํ อิมํ ภควโต ปวตฺตึ พฺยากริตฺวา ปกฺกามิ.
ตโต อปเรปิ โกณฺฑฺภควนฺตํ อาทึ กตฺวา อนุกฺกเมน อุปฺปนฺนา ยาว กสฺสปทสพลปริโยสานา สมฺมาสมฺพุทฺธา มหาสตฺตํ ‘‘พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากรึสุ. อิติ อมฺหากํ โพธิสตฺตสฺส ปารมิโย ปูเรนฺตสฺเสว จตุวีสติ สมฺมาสมฺพุทฺธา อุปฺปนฺนา. ยสฺมึ ปน กปฺเป ทีปงฺกรทสพโล อุทปาทิ, ตสฺมึ อฺเปิ ตโย พุทฺธา อเหสุํ. เตสํ สนฺติเก โพธิสตฺตสฺส พฺยากรณํ นาโหสิ, ตสฺมา เต อิธ ¶ น คหิตา. โปราณฏฺกถายํ ปน ตมฺหา กปฺปา ปฏฺาย สพฺพพุทฺเธ ทสฺเสตุํ อิทํ วุตฺตํ –
‘‘ตณฺหงฺกโร เมธงฺกโร, อโถปิ สรณงฺกโร;
ทีปงฺกโร จ สมฺพุทฺโธ, โกณฺฑฺโ ทฺวิปทุตฺตโม.
‘‘มงฺคโล จ สุมโน จ, เรวโต โสภิโต มุนิ;
อโนมทสฺสี ปทุโม, นารโท ปทุมุตฺตโร.
‘‘สุเมโธ ¶ ¶ จ สุชาโต จ, ปิยทสฺสี มหายโส;
อตฺถทสฺสี ธมฺมทสฺสี, สิทฺธตฺโถ โลกนายโก.
‘‘ติสฺโส ผุสฺโส จ สมฺพุทฺโธ, วิปสฺสี สิขิ เวสฺสภู;
กกุสนฺโธ โกณาคมโน, กสฺสโป จาปิ นายโก.
‘‘เอเต อเหสุํ สมฺพุทฺธา, วีตราคา สมาหิตา;
สตรํสีว อุปฺปนฺนา, มหาตมวิโนทนา;
ชลิตฺวา อคฺคิกฺขนฺธาว, นิพฺพุตา เต สสาวกา’’ติ. (ชา. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา; อป. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา);
ตตฺถ ทีปงฺกรทสพลสฺส จ โกณฺฑฺทสพลสฺส จ อนฺตเร มหากปฺปานํ เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ พุทฺธสฺุโ โลโก อโหสิ, ตถา ภควโต โกณฺฑฺสฺส จ ภควโต มงฺคลสฺส จ อนฺตเร, ตถา ภควโต โสภิตสฺส จ ภควโต อโนมทสฺสิสฺส จ อนฺตเร, ตถา ภควโต นารทสฺส จ ภควโต ปทุมุตฺตรสฺส จ อนฺตเร. วุตฺตฺเหตํ พุทฺธวํเส (พุ. วํ. ๒๘.๓, ๔, ๖, ๙) –
‘‘ทีปงฺกรสฺส ภควโต, โกณฺฑฺสฺส จ สตฺถุโน;
เอเตสํ อนฺตรา กปฺปา, คณนาโต อสงฺขิยา.
‘‘โกณฺฑฺสฺส อปเรน, มงฺคโล นาม นายโก;
เตสมฺปิ อนฺตรา กปฺปา, คณนาโต อสงฺขิยา.
‘‘โสภิตสฺส อปเรน, อโนมทสฺสี มหายโส;
เตสมฺปิ อนฺตรา กปฺปา, คณนาโต อสงฺขิยา.
‘‘นารทสฺส ภควโต, ปทุมุตฺตรสฺส สตฺถุโน;
เตสมฺปิ อนฺตรา กปฺปา, คณนาโต อสงฺขิยา’’ติ.
เอวํ คณนาตีตตาย อสงฺขฺเยยฺยตฺเตปิ จตูสุ าเนสุ มหากปฺปานํ คณนาติกฺกเมน ‘‘จตุโร จ อสงฺขิเย’’ติ วุตฺตํ, น สงฺขฺยาวิเสเสนาติ เวทิตพฺพํ. ยสฺมา ปน ปทุมุตฺตรทสพลสฺส จ สุเมธทสพลสฺส จ อนฺตเร ตึสกปฺปสหสฺสานิ, สุชาตทสพลสฺส จ ปิยทสฺสีทสพลสฺส จ อนฺตเร นวสหสฺสาธิกานํ กปฺปานํ สฏฺิสหสฺสานิ ทฺวาสีตุตฺตรานิ อฏฺ จ ¶ สตานิ, ธมฺมทสฺสีทสพลสฺส จ สิทฺธตฺถทสพลสฺส จ อนฺตเร วีสติ กปฺปา, สิทฺธตฺถทสพลสฺส ¶ จ ติสฺสทสพลสฺส จ อนฺตเร เอโก กปฺโป ¶ , ภควโต วิปสฺสิสฺส จ ภควโต สิขิสฺส จ อนฺตเร สฏฺิ กปฺปา, ภควโต จ เวสฺสภุสฺส ภควโต จ กกุสนฺธสฺส อนฺตเร ตึส กปฺปา, อิติ ปทุมุตฺตรทสพลสฺส อุปฺปนฺนกปฺปโต ปฏฺาย เหฏฺา เตสํ เตสํ พุทฺธานํ อุปฺปนฺนกปฺเปหิ อิมินา จ ภทฺทกปฺเปน สทฺธึ สตสหสฺสมหากปฺปา. เต สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘กปฺเป จ สตสหสฺเส’’ติ. อิมสฺมึ ปนตฺเถ วิตฺถาริยมาเน สพฺพํ พุทฺธวํสปาฬึ อาหริตฺวา สํวณฺเณตพฺพํ โหตีติ อติวิตฺถารภีรุกสฺส มหาชนสฺส จิตฺตํ อนุรกฺขนฺตา น วิตฺถารยิมฺห. อตฺถิเกหิ พุทฺธวํสโต (พุ. วํ. ๑.๑ อาทโย) คเหตพฺโพ. โยปิ เจตฺถ วตฺตพฺโพ กถามคฺโค, โสปิ อฏฺสาลินิยา (ธ. ส. อฏฺ. สุเมธกถา) ธมฺมสงฺคหวณฺณนาย ชาตกฏฺกถาย (ชา. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา) จ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
เอตฺถนฺตเรติ เอตฺถ อนฺตรสทฺโท –
‘‘นทีตีเรสุ สณฺาเน, สภาสุ รถิยาสุ จ;
ชนา สงฺคมฺม มนฺเตนฺติ, มฺจ ตฺจ กิมนฺตร’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๒๒๘) –
อาทีสุ การเณ อาคโต. ‘‘อทฺทสา โข มํ, ภนฺเต, อฺตรา อิตฺถี วิชฺชนฺตริกาย ภาชนํ โธวนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๔๙) ขเณ, วิชฺชุนิจฺฉรณกฺขเณติ อตฺโถ. ‘‘ยสฺสนฺตรโต น สนฺติ โกปา’’ติอาทีสุ (อุทา. ๒๐) จิตฺเต. ‘‘อนฺตรา จ คยํ อนฺตรา จ โพธิ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๘๕; มหาว. ๑๑) วิวเร. ‘‘น อุปชฺฌายสฺส ภณมานสฺส อนฺตรนฺตรา กถา โอปาเตตพฺพา’’ติอาทีสุ (มหาว. ๖๖) เวมชฺเฌ. อิธาปิ เวมชฺเฌเยว ทฏฺพฺโพ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑; อ. นิ. อฏฺ. ๒.๔.๓๖), ตสฺมา เอตสฺมึ อนฺตเร เวมชฺเฌติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมึ มหากปฺเป อมฺหากํ ภควา สุเมธปณฺฑิโต หุตฺวา ทีปงฺกรสฺส ภควโต ปาทมูเล –
‘‘มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺติ, เหตุ สตฺถารทสฺสนํ;
ปพฺพชฺชา คุณสมฺปตฺติ, อธิกาโร จ ฉนฺทตา’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๕๙) –
เอวํ ¶ วุตฺเตหิ อฏฺหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตํ มหาภินีหารํ อกาสิ, สมตฺตึส ปารมิโย ปวิจินิ สมาทิยิ, สพฺเพปิ พุทฺธการเก ธมฺเม สมฺปาเทตุํ ¶ อารภิ, ยมฺหิ เจตสฺมึ ภทฺทกปฺเป สพฺพโส ปูริตปารมี หุตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิ. อิเมสํ ทฺวินฺนํ มหากปฺปานํ อนฺตเร ยถาวุตฺตปริจฺเฉเท กาลวิเสเสติ. กถํ ¶ ปเนตํ วิฺายตีติ? ‘‘กปฺเป จ สตสหสฺเส, จตุโร จ อสงฺขิเย’’ติ อิทฺหิ มหากปฺปานํ ปริจฺเฉทโต อปริจฺเฉทโต จ สงฺขฺยาทสฺสนํ. สา โข ปนายํ สงฺขฺยา สงฺขฺเยยฺยสฺส อาทิปริโยสานคฺคหณํ วินา น สมฺภวตีติ ยตฺถ โพธิสมฺภารานมารมฺโภ ยตฺถ จ เต ปริโยสิตา ตทุภยมฺปิ อวธิภาเวน ‘‘เอตฺถนฺตเร’’ติ เอตฺถ อตฺถโต ทสฺสิตนฺติ วิฺายติ. อวธิ จ ปนายํ อภิวิธิวเสน เวทิตพฺโพ, น มริยาทาวเสน, อารมฺโภสานกปฺปานํ เอกเทเสน อนฺโตคธตฺตา. นนุ จ นิปฺปเทเสน เตสํ อปริยาทานโต อภิวิธิ จ อิธ น สมฺภวตีติ? น อิทเมวํ ตเทกเทเสปิ ตพฺโพหารโต. โย หิ ตเทกเทสภูโต กปฺโป, โส นิปฺปเทสโต ปริยาทินฺโนติ.
ยํ จริตํ, สพฺพํ ตํ โพธิปาจนนฺติ เอตฺถ จริตนฺติ จริยา, สมตฺตึสปารมิสงฺคหา ทานสีลาทิปฏิปตฺติ, าตตฺถจริยาโลกตฺถจริยาพุทฺธตฺถจริยานํ ตทนฺโตคธตฺตา. ตถา ยา จิมา อฏฺ จริยา, เสยฺยถิทํ – ปณิธิสมฺปนฺนานํ จตูสุ อิริยาปเถสุ อิริยาปถจริยา, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารานํ อชฺฌตฺติกายตเนสุ อายตนจริยา, อปฺปมาทวิหารีนํ จตูสุ สติปฏฺาเนสุ สติจริยา, อธิจิตฺตมนุยุตฺตานํ จตูสุ ฌาเนสุ สมาธิจริยา, พุทฺธิสมฺปนฺนานํ จตูสุ อริยสจฺเจสุ าณจริยา, สมฺมา ปฏิปนฺนานํ จตูสุ อริยมคฺเคสุ มคฺคจริยา, อธิคตผลานํ จตูสุ สามฺผเลสุ ปตฺติจริยา, ติณฺณํ พุทฺธานํ สพฺพสตฺเตสุ โลกตฺถจริยาติ. ตตฺถ ปเทสโต ทฺวินฺนํ โพธิสตฺตานํ ปจฺเจกพุทฺธพุทฺธสาวกานฺจ โลกตฺถจริยา, มหาโพธิสตฺตานํ ปน สมฺมาสมฺพุทฺธานฺจ นิปฺปเทสโต. วุตฺตฺเหตํ นิทฺเทเส (จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๒๑; ปฏิ. ม. ๑.๑๙๗) ‘‘จริยาติ อฏฺ จริยาโย อิริยาปถจริยา อายตนจริยา’’ติ วิตฺถาโร. ‘‘อธิมุจฺจนฺโต สทฺธาย จรติ, ปคฺคณฺหนฺโต วีริเยน จรติ, อุปฏฺหนฺโต สติยา จรติ, อวิกฺขิปนฺโต สมาธินา จรติ, ปชานนฺโต ปฺาย จรติ, วิชานนฺโต วิฺาเณน จรติ, เอวมฺปิ ปฏิปนฺนสฺส กุสลา ธมฺมา อายตนฺตีติ อายตนจริยาย จรติ, เอวมฺปิ ปฏิปนฺโน วิเสสมธิคจฺฉตีติ วิเสสจริยาย จรตี’’ติ ยา ¶ อิมา อปราปิ อฏฺ จริยา วุตฺตา, ตาสํ สพฺพาสํ ปารมิตาสฺเวว สโมโรโธ เวทิตพฺโพ. เตน วุตฺตํ ‘‘จริตนฺติ จริยา, สมตฺตึสปารมิสงฺคหา ¶ ทานสีลาทิปฏิปตฺตี’’ติ. เหตุจริยาย เอว ปน อิธาธิปฺเปตตฺตา มคฺคจริยาปตฺติจริยานํ อิธ อนวโรโธ เวทิตพฺโพ. เตน วุตฺตํ ‘‘สพฺพํ ตํ โพธิปาจน’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ สพฺพ-สทฺโท สพฺพสพฺพํ อายตนสพฺพํ สกฺกายสพฺพํ ปเทสสพฺพนฺติ จตูสุ อตฺเถสุ ทิสฺสติ. ตถา หิ ‘‘สพฺเพ ธมฺมา สพฺพากาเรน พุทฺธสฺส ภควโต าณมุเข อาปาถมาคจฺฉนฺตี’’ติอาทีสุ (มหานิ. ๑๕๖; จูฬนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘๕) สพฺพสพฺพสฺมึ. ‘‘สพฺพํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ ตํ สุณาถ, กิฺจ, ภิกฺขเว, สพฺพํ จกฺขฺุเจว รูปา จ…เป… มโน เจว ธมฺมา จา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๓) เอตฺถ อายตนสพฺพสฺมึ. ‘‘สพฺพํ สพฺพโต สฺชานาตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๖) สกฺกายสพฺพสฺมึ. ‘‘สพฺเพสมฺปิ โว, สาริปุตฺต, สุภาสิตํ ปริยาเยนา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๔๕) ปเทสสพฺพสฺมึ. อิธาปิ ปเทสสพฺพสฺมึ เอว เวทิตพฺโพ, โพธิสมฺภารภูตสฺส จริตสฺส อธิปฺเปตตฺตา.
โพธีติ รุกฺโขปิ อริยมคฺโคปิ นิพฺพานมฺปิ สพฺพฺุตฺาณมฺปิ. ‘‘โพธิรุกฺขมูเล ปมาภิสมฺพุทฺโธ’’ติ (มหาว. ๑; อุทา. ๑) จ ‘‘อนฺตรา จ คยํ อนฺตรา จ โพธิ’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๘๕; มหาว. ๑๑) จ อาคตฏฺาเน พุชฺฌติ เอตฺถาติ รุกฺโข โพธิ. ‘‘โพธิ วุจฺจติ จตูสุ มคฺเคสุ าณ’’นฺติ (จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๒๑) อาคตฏฺาเน จตฺตาริ อริยสจฺจานิ พุชฺฌติ เอเตนาติ อริยมคฺโค โพธิ. ‘‘ปตฺวาน โพธึ อมตํ อสงฺขต’’นฺติ อาคตฏฺาเน พุชฺฌติ เอตสฺมึ นิมิตฺตภูเตติ นิพฺพานํ โพธิ. ‘‘ปปฺโปติ โพธึ วรภูริเมธโส’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๑๗) อาคตฏฺาเน สพฺเพ ธมฺเม สพฺพากาเรน พุชฺฌติ เอเตนาติ สพฺพฺุตฺาณํ โพธิ. อิธาปิ สพฺพฺุตฺาณํ อธิปฺเปตํ. อรหตฺตมคฺคสพฺพฺุตฺาณานิ วา อิธ โพธีติ เวทิตพฺพานิ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๑), มหาโพธิยา อธิปฺเปตตฺตา ภควโต. อาสวกฺขยาณปทฏฺานฺหิ สพฺพฺุตฺาณํ สพฺพฺุตฺาณปทฏฺานฺจ อาสวกฺขยาณํ ‘‘มหาโพธี’’ติ วุจฺจติ. เอตฺถายํ สงฺเขปตฺโถ – ยถาวุตฺตกาลปริจฺเฉเท ยํ มม ทานาสีลาทิปฏิปตฺติสงฺขาตํ จริตํ, ตํ สพฺพํ อนวเสสํ มหาโพธิยา ปาจนํ สาธกํ นิพฺพตฺตกนฺติ. เอเตน โพธิสมฺภารานํ นิรนฺตรภาวนํ ทสฺเสติ. อถ วา ¶ สพฺพนฺติ เอตฺถนฺตเร ยถาวุตฺตกาลปริจฺเฉเท ยํ จริตํ, ตํ สพฺพํ สกลเมว อนวเสสํ โพธิสมฺภารภูตเมว. เอเตน สพฺพสมฺภารภาวนํ ทสฺเสติ.
ตสฺโส หิ โพธิสมฺภาเรสุ ¶ ภาวนา สพฺพสมฺภารภาวนา นิรนฺตรภาวนา จิรกาลภาวนา สกฺกจฺจภาวนา จาติ. ตาสุ ‘‘กปฺเป จ สตสหสฺเส, จตุโร จ อสงฺขิเย’’ติ อิมินา จิรกาลภาวนา วุตฺตา. โย เจตฺถ อจฺจนฺตสํโยโค, เตน ปเม อตฺถวิกปฺเป สพฺพคฺคหเณน จ นิรนฺตรภาวนา, ทุติเย อตฺถวิกปฺเป สพฺพํ จริต’’นฺติ อิมินา สพฺพสมฺภารภาวนา, โพธิปาจน’’นฺติ ¶ อิมินา สกฺกจฺจภาวนา วุตฺตา โหติ, ยถา ตํ จริตํ สมฺมาสมฺโพธึ ปาเจติ เอวํภูตภาวทีปนโต. ตถา หิ ตํ ‘‘โพธิปาจน’’นฺติ วตฺตพฺพตํ อรหติ, น อฺถาติ. กถํ ปเนตฺถ โพธิจริยาย นิรนฺตรภาโว เวทิตพฺโพ? ยทิ จิตฺตนิรนฺตรตาย ตํ น ยุชฺชติ, น หิ มหาโพธิสตฺตานํ มหาภินีหารโต อุทฺธํ โพธิสมฺภารสมฺภรณจิตฺตโต อฺํ จิตฺตํ นปฺปวตฺตตีติ สกฺกา วตฺตุํ. อถ กิริยมยจิตฺตปฺปวตฺตึ สนฺธาย วุจฺเจยฺย, เอวมฺปิ น ยุชฺชติ, น หิ สพฺพานิ เตสํ กิริยมยจิตฺตานิ โพธิสมฺภารสมฺภรณวเสเนว ปวตฺตนฺติ. เอเตเนว ปโยคนิรนฺตรตาปิ ปฏิกฺขิตฺตาติ ทฏฺพฺพา. ชาตินิรนฺตรตาย ปน นิรนฺตรภาวนา เวทิตพฺพา. ยสฺสฺหิ ชาติยํ มหาโพธิสตฺเตน มหาปณิธานํ นิพฺพตฺติตํ, ตโต ปฏฺาย ยาว จริมตฺตภาวา น สา นาม ชาติ อุปลพฺภติ, ยา สพฺเพน สพฺพํ โพธิสมฺภารสมฺภตา น สิยา อนฺตมโส ทานปารมิมตฺตํ อุปาทาย. อยฺหิ นิยติปตฺถิตานํ โพธิสตฺตานํ ธมฺมตา. ยาว จ เต กมฺมาทีสุ วสีภาวํ น ปาปุณนฺติ, ตาว สปฺปเทสมฺปิ สมฺภาเรสุ ปโยคมาปชฺชนฺติ. ยทา ปน สพฺพโส กมฺมาทีสุ วสีภาวปฺปตฺตา โหนฺติ, อถ ตโต ปฏฺาย นิปฺปเทสโต เอว โพธิสมฺภาเรสุ สมีหนํ สาตจฺจกิริยา จ สมฺปชฺชติ. สกฺกจฺจการิตา ปน สพฺพกาลํ โหติ, เอวํ เยน เยน โพธิสตฺตานํ ตตฺถ ตตฺถ ยถาธิปฺปายํ สมิชฺฌนํ สมฺปชฺชตีติ. เอวเมตาย คาถาย โพธิสมฺภาเรสุ สพฺพสมฺภารภาวนา จิรกาลภาวนา นิรนฺตรภาวนา สกฺกจฺจภาวนา จาติ จตสฺโสปิ ภาวนา ปกาสิตาติ เวทิตพฺพา.
ตตฺร ยสฺมา โพธิสตฺตจริตํ โพธิสมฺภารา โพธิจริยา อคฺคยานํ ปารมิโยติ อตฺถโต เอกํ, พฺยฺชนเมว นานํ, ยสฺมา จ ปรโต วิภาเคน ¶ วกฺขมานานํ ¶ ทานปารมิอาทีนํ จริตนฺติ อิทํ อวิเสสวจนํ, ตสฺมา สพฺพโพธิสมฺภาเรสุ โกสลฺลชนนตฺถํ ปารมิโย อิธ สํวณฺเณตพฺพา. ตา ปรโต ปกิณฺณกกถายํ สพฺพากาเรน สํวณฺณยิสฺสาม.
๒. อิติ ภควา อตฺตโน โพธิสตฺตภูมิยํ จริตํ อารมฺภโต ปฏฺาย ยาว ปริโยสานา มหาโพธิยา ปริปาจนเมวาติ อวิเสสโต ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตสฺส ปรมุกฺกํสคมเนน อติสยโต โพธิปริปาจนภาวํ ทสฺเสตุํ อิมสฺมึ ภทฺทกปฺเป กติปยา ปุพฺพจริยา วิภาคโต วิภาเวนฺโต ‘‘อตีตกปฺเป’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ อตีตกปฺเปติ อิโต ปุริเม ปุริมตเร วา สพฺพสฺมึ อติกฺกนฺเต ยถาวุตฺตปริจฺเฉเท มหากปฺเป, กปฺปานํ สตสหสฺสาธิเกสุ จตูสุ อสงฺขฺเยยฺเยสูติ อตฺโถ. จริตนฺติ จิณฺณํ ทานาทิปฏิปตฺตึ. ปยิตฺวาติ มฺุจิตฺวา อคฺคเหตฺวา, อวตฺวาติ อตฺโถ. ภวาภเวติ ภเว จ อภเว ¶ จ, ‘‘อิติภวาภวกถ’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๑๗) เอตฺถ หิ วุทฺธิหานิโย ภวาภวาติ วุตฺตา. ‘‘อิติภวาภวตฺจ วีติวตฺโต’’ติ (อุทา. ๒๐) เอตฺถ สมฺปตฺติวิปตฺติวุทฺธิหานิสสฺสตุจฺเฉทปฺุปาปานิภวาภวาติ อธิปฺเปตานิ. ‘‘อิติภวาภวเหตุ วา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๙; อิติวุ. ๑๐๕) เอตฺถ ปน ปณีตปณีตตรานิ สปฺปินวนีตาทิเภสชฺชานิ ภวาภวาติ อธิปฺเปตานิ. สมฺปตฺติภเวสุ ปณีตตรา ปณีตตมา ภวาภวาติปิ วทนฺติ เอว, ตสฺมา อิธาปิ โส เอว อตฺโถ เวทิตพฺโพ, ขุทฺทเก เจว มหนฺเต จ ภวสฺมินฺติ วุตฺตํ โหติ. อิมมฺหิ กปฺเปติ อิมสฺมึ ภทฺทกปฺเป. ปวกฺขิสฺสนฺติ กถยิสฺสํ. สุโณหีติ ธมฺมเสนาปตึ สวเน นิโยเชติ. เมติ มม สนฺติเก, มม ภาสโตติ อตฺโถ.
นิทานกถา นิฏฺิตา.