📜
๑. อกิตฺติวคฺโค
๑. อกิตฺติจริยาวณฺณนา
๓. เอวํ ¶ ¶ ภควา อายสฺมโต สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สเทวมนุสฺสาย จ ปริสาย อตฺตโน ปุพฺพจริยาย สวเน อุสฺสาหํ ชเนตฺวา อิทานิ ตํ ปุพฺพจริตํ ภวนฺตรปฏิจฺฉนฺนํ หตฺถตเล อามลกํ วิย ปจฺจกฺขํ กโรนฺโต ‘‘ยทา อหํ พฺรหารฺเ’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ ยทาติ ยสฺมึ กาเล. พฺรหารฺเติ มหาอรฺเ, อรฺานิยํ, มหนฺเต วเนติ อตฺโถ. สฺุเติ ชนวิวิตฺเต. วิปินกานเนติ วิปินภูเต กานเน, ปททฺวเยนาปิ ตสฺส อรฺสฺส คหนภาวเมว ทีเปติ, สพฺพเมตํ การทีปํ ¶ สนฺธาย วุตฺตํ. อชฺโฌคาเหตฺวาติ อนุปวิสิตฺวา. วิหรามีติ ทิพฺพพฺรหฺมอริยอาเนฺชวิหาเรหิ สมุปฺปาทิตสุขวิเสเสน อิริยาปถวิหาเรน สรีรทุกฺขํ วิจฺฉินฺทิตฺวา หรามิ อตฺตภาวํ ปวตฺเตมิ. อกิตฺติ นาม ตาปโสติ เอวํนามโก ตาปโส หุตฺวา ยทา อหํ ตสฺมึ อรฺเ วิหรามีติ อตฺโถ. สตฺถา ตทา อตฺตโน อกิตฺติตาปสภาวํ ธมฺมเสนาปติสฺส วทติ. ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา –
อตีเต กิร อิมสฺมึเยว ภทฺทกปฺเป พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต นาม ราชินิ รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อสีติโกฏิวิภวสฺส พฺราหฺมณมหาสาลสฺส กุเล นิพฺพตฺติ, ‘‘อกิตฺตี’’ติสฺส นามํ กรึสุ. ตสฺส ปทสา คมนกาเล ภคินีปิ ชายิ. ‘‘ยสวตี’’ติสฺสา นามํ กรึสุ. โส โสฬสวสฺสกาเล ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคเหตฺวา ปจฺจาคมาสิ. อถสฺส มาตาปิตโร กาลมกํสุ. โส เตสํ เปตกิจฺจานิ กาเรตฺวา กติปยทิวสาติกฺกเมน รตนาวโลกนํ อายุตฺตกปุริเสหิ การยมาโน ‘‘เอตฺตกํ มตฺติกํ, เอตฺตกํ เปตฺติกํ, เอตฺตกํ ปิตามห’’นฺติ สุตฺวา สํวิคฺคมานโส หุตฺวา ‘‘อิทํ ธนเมว ปฺายติ, น ธนสฺส สํหารกา, สพฺเพ อิมํ ธนํ ปหาเยว คตา, อหํ ปน นํ อาทาย คมิสฺสามี’’ติ ราชานํ อาปุจฺฉิตฺวา เภรึ จราเปสิ – ‘‘ธเนน อตฺถิกา อกิตฺติปณฺฑิตสฺส เคหํ อาคจฺฉนฺตู’’ติ.
โส ¶ ¶ สตฺตาหํ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา ธเน อขียมาเน ‘‘กึ เม อิมาย ธนกีฬาย, อตฺถิกา คณฺหิสฺสนฺตี’’ติ นิเวสนทฺวารํ วิวริตฺวา หิรฺสุวณฺณาทิภริเต สารคพฺเภ วิวราเปตฺวา ‘‘ทินฺนํเยว หรนฺตู’’ติ เคหํ ปหาย าติปริวฏฺฏสฺส ปริเทวนฺตสฺส ภคินึ คเหตฺวา พาราณสิโต นิกฺขมิตฺวา ¶ นทึ อุตฺตริตฺวา ทฺเว ตีณิ โยชนานิ คนฺตฺวา ปพฺพชิตฺวา รมณีเย ภูมิภาเค ปณฺณสาลํ กริตฺวา วสติ. เยน ปน ทฺวาเรน ตทา นิกฺขมิ, ตํ อกิตฺติทฺวารํ นาม ชาตํ. เยน ติตฺเถน นทึ โอติณฺโณ, ตํ อกิตฺติติตฺถํ นาม ชาตํ. ตสฺส ปพฺพชิตภาวํ สุตฺวา พหู มนุสฺสา คามนิคมราชธานิวาสิโน ตสฺส คุเณหิ อากฑฺฒิยมานหทยา อนุปพฺพชึสุ. มหาปริวาโร อโหสิ, มหาลาภสกฺกาโร นิพฺพตฺติ, พุทฺธุปฺปาโท วิย อโหสิ. อถ มหาสตฺโต ‘‘อยํ ลาภสกฺกาโร มหา, ปริวาโรปิ มหนฺโต, กายวิเวกมตฺตมฺปิ อิธ น ลภติ, มยา เอกากินา วิหริตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ปรมปฺปิจฺฉภาวโต วิเวกนินฺนตาย จ กสฺสจิ อชานาเปตฺวา เอกโกว นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน ทมิฬรฏฺํ ปตฺวา กาวีรปฏฺฏนสมีเป อุยฺยาเน วิหรนฺโต ฌานาภิฺาโย นิพฺพตฺเตสิ. ตตฺราปิสฺส มหาลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชิ. โส ตํ ชิคุจฺฉนฺโต ฉฑฺเฑตฺวา อากาเสน คนฺตฺวา การทีเป โอตริ. ตทา การทีโป อหิทีโป นาม. โส ตตฺถ มหนฺตํ การรุกฺขํ อุปนิสฺสาย ปณฺณสาลํ มาเปตฺวา วาสํ กปฺเปสิ. อปฺปิจฺฉตาย ปน กตฺถจิ อคนฺตฺวา ตสฺส รุกฺขสฺส ผลกาเล ผลานิ ขาทนฺโต ผเล อสติ ปตฺตานิ อุทกสิตฺตานิ ขาทนฺโต ฌานสมาปตฺตีหิ วีตินาเมสิ.
ตสฺส สีลเตเชน สกฺกสฺส ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. สกฺโก ‘‘โก นุ โข มํ อิมมฺหา านา จาเวตุกาโม’’ติ อาวชฺเชนฺโต ปณฺฑิตํ ทิสฺวา ‘‘กิมตฺถํ นุ โข อยํ ตาปโส เอวํ ทุกฺกรํ ตปํ จรติ, สกฺกตฺตํ นุ โข ปตฺเถติ, อุทาหุ อฺํ, วีมํสิสฺสามิ นํ. อยฺหิ สุวิสุทฺธกายวจีมโนสมาจาโร ชีวิเต นิรเปกฺโข อุทกสิตฺตานิ การปตฺตานิ ขาทติ, สเจ สกฺกตฺตํ ปตฺเถติ อตฺตโน สิตฺตานิ การปตฺตานิ มยฺหํ ทสฺสติ, โน เจ, น ทสฺสตี’’ติ พฺราหฺมณวณฺเณน ตสฺส สนฺติกํ อคมาสิ ¶ . โพธิสตฺโตปิ การปตฺตานิ เสเทตฺวา ‘‘สีตลีภูตานิ ขาทิสฺสามี’’ติ ปณฺณสาลทฺวาเร นิสีทิ. อถสฺส ปุรโต สกฺโก พฺราหฺมณรูเปน ¶ ภิกฺขาย อตฺถิโก หุตฺวา อฏฺาสิ. มหาสตฺโต ตํ ทิสฺวา ‘‘ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม, จิรสฺสํ วต เม ยาจโก ทิฏฺโ’’ติ โสมนสฺสปฺปตฺโต หุตฺวา ‘‘อชฺช มม มโนรถํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ทานํ ทสฺสามี’’ติ ปกฺกภาชเนเนว อาทาย คนฺตฺวา ทานปารมึ อาวชฺเชตฺวา อตฺตโน อเสเสตฺวาว ตสฺส ภิกฺขาภาชเน ปกฺขิปิ. สกฺโก ตํ คเหตฺวา โถกํ คนฺตฺวา อนฺตรธายิ. มหาสตฺโตปิ ตสฺส ทตฺวา ปุน ปริเยฏฺึ อนาปชฺชิตฺวา เตเนว ปีติสุเขน วีตินาเมสิ.
ทุติยทิวเส ¶ ปน การปตฺตานิ ปจิตฺวา ‘‘หิยฺโย ทกฺขิเณยฺยํ อลภึ, อชฺช นุ โข กถ’’นฺติ ปณฺณสาลทฺวาเร นิสีทิ. สกฺโกปิ ตเถว อาคมิ. มหาสตฺโต ปุนปิ ตเถว ทตฺวา วีตินาเมสิ. ตติยทิวเส จ ตเถว ทตฺวา ‘‘อโห วต เม ลาภา, พหุํ วต ปฺุํ ปสวามิ, สจาหํ ทกฺขิเณยฺยํ ลเภยฺยํ, เอวเมว มาสมฺปิ ทฺเวมาสมฺปิ ทานํ ทเทยฺย’’นฺติ จินฺเตสิ. ตีสุปิ ทิวเสสุ ‘‘เตน ทาเนน น ลาภสกฺการสิโลกํ น จกฺกวตฺติสมฺปตฺตึ น สกฺกสมฺปตฺตึ น พฺรหฺมสมฺปตฺตึ น สาวกโพธึ น ปจฺเจกโพธึ ปตฺเถมิ, อปิ จ อิทํ เม ทานํ สพฺพฺุตฺาณสฺส ปจฺจโย โหตู’’ติ ยถาธิการํ จิตฺตํ เปสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ตทา มํ ตปเตเชน, สนฺตตฺโต ติทิวาภิภู;
ธาเรนฺโต พฺราหฺมณวณฺณํ, ภิกฺขาย มํ อุปาคมิ.
‘‘ปวนา อาภตํ ปณฺณํ, อเตลฺจ อโลณิกํ;
มม ทฺวาเร ิตํ ทิสฺวา, สกฏาเหน อากิรึ.
‘‘ตสฺส ทตฺวานหํ ปณฺณํ, นิกุชฺชิตฺวาน ภาชนํ;
ปุเนสนํ ชหิตฺวาน, ปาวิสึ ปณฺณสาลกํ.
‘‘ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ, อุปคฺฉิ มมนฺติกํ;
อกมฺปิโต อโนลคฺโค, เอวเมวมทาสหํ.
‘‘น เม ตปฺปจฺจยา อตฺถิ, สรีรสฺมึ วิวณฺณิยํ;
ปีติสุเขน รติยา, วีตินาเมมิ ตํ ทิวํ.
‘‘ยทิ มาสมฺปิ ทฺเวมาสํ, ทกฺขิเณยฺยํ วรํ ลเภ;
อกมฺปิโต อโนลีโน, ทเทยฺยํ ทานมุตฺตมํ.
‘‘น ¶ ¶ ตสฺส ทานํ ททมาโน, ยสํ ลาภฺจ ปตฺถยึ;
สพฺพฺุตํ ปตฺถยาโน, ตานิ กมฺมานิ อาจริ’’นฺติ.
ตตฺถ ตทาติ ยทา อหํ อกิตฺตินามโก ตาปโส หุตฺวา ตสฺมึ ทีเป การารฺเ วิหรามิ, ตทา ¶ . มนฺติ มม. ตปเตเชนาติ สีลปารมิตานุภาเวน. สีลฺหิ ทุจฺจริตสํกิเลสสฺส ตปนโต ‘‘ตโป’’ติ วุจฺจติ, เนกฺขมฺมวีริยปารมิตานุภาเวน วา. ตาปิ หิ ตณฺหาสํกิเลสสฺส โกสชฺชสฺส จ ตปนโต ‘‘ตโป’’ติ วุจฺจติ, อุกฺกํสคตา จ ตา โพธิสตฺตสฺส อิมสฺมึ อตฺตภาเวติ. ขนฺติสํวรสฺส จาปิ ปรมุกฺกํสคมนโต ‘‘ขนฺติปารมิตานุภาเวนา’’ติปิ วตฺตุํ วฏฺฏเตว. ‘‘ขนฺตี ปรมํ ตโป’’ติ (ที. นิ. ๒.๙๐; ธ. ป. ๑๘๔) หิ วุตฺตํ. สนฺตตฺโตติ ยถาวุตฺตคุณานุภาวชนิเตน ธมฺมตาสิทฺเธน ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนสฺส อุณฺหากาเรน สนฺตาปิโต. ติทิวาภิภูติ เทวโลกาธิปติ, สกฺโกติ อตฺโถ. ปณฺณสาลาย สมีเป คหิตมฺปิ การปณฺณํ ปณฺณสาลาย อรฺมชฺฌคตตฺตา ‘‘ปวนา อาภต’’นฺติ วุตฺตํ.
อเตลฺจ อโลณิกนฺติ เทยฺยธมฺมสฺส อนุฬารภาเวปิ อชฺฌาสยสมฺปตฺติยา ทานธมฺมสฺส มหาชุติกภาวํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. มม ทฺวาเรติ มยฺหํ ปณฺณสาลาย ทฺวาเร. สกฏาเหน อากิรินฺติ อิมินา อตฺตโน กิฺจิปิ อเสเสตฺวา ทินฺนภาวํ ทสฺเสติ.
ปุเนสนํ ชหิตฺวานาติ ‘‘เอกทิวสํ ทฺวิกฺขตฺตุํ ฆาเสสนํ น สลฺเลข’’นฺติ จินฺเตตฺวา ทานปีติยา ติตฺโต วิย หุตฺวา ตสฺมึ ทิวเส ปุน อาหารปริเยฏฺึ อกตฺวา.
อกมฺปิโตติ สุทูรวิกฺขมฺภิตตฺตา มจฺฉริเยน อจลิโต ทานชฺฌาสยโต จลนมตฺตมฺปิ อการิโต. อโนลคฺโคติ โลภวเสน อีสกมฺปิ อลคฺโค. ตติยมฺปีติ ปิ-สทฺเทน ทุติยมฺปีติ อิมํ สมฺปิณฺเฑติ. เอวเมวมทาสหนฺติ ยถา ปมํ, เอวเมวํ ทุติยมฺปิ, ตติยมฺปิ อทาสึ อหํ.
น เม ตปฺปจฺจยาติ คาถาย วุตฺตเมวตฺถํ ปากฏํ กโรติ. ตตฺถ ตปฺปจฺจยาติ ทานปจฺจยา ตีสุ ทิวเสสุ ฉินฺนาหารตาย สรีรสฺมึ เยน เววณฺณิเยน ภวิตพฺพํ, ตมฺปิ เม สรีรสฺมึ วิวณฺณิยํ ทานปจฺจยาเยว นตฺถิ ¶ . กสฺมา? ทานวิสเยน ปีติสุเขน ทานวิสยาย เอว จ รติยา. วีตินาเมมิ ตํ ทิวนฺติ ตํ สกลํ ติมตฺตทิวสํ วีตินาเมมิ, น เกวลฺจ ตีณิ เอว ทิวสานิ, อถ โข มาสทฺวิมาสมตฺตมฺปิ กาลํ, เอวเมว ทาตุํ ปโหมีติ ทสฺเสตุํ ¶ ‘‘ยทิ มาสมฺปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อโนลีโนติ อลีนจิตฺโต, ทาเน อสงฺกุจิตจิตฺโตติ อตฺโถ.
ตสฺสาติ พฺราหฺมณรูเปน อาคตสฺส สกฺกสฺส. ยสนฺติ กิตฺตึ, ปริวารสมฺปตฺตึ วา. ลาภฺจาติ เทวมนุสฺเสสุ จกฺกวตฺติอาทิภาเวน ลทฺธพฺพํ ลาภํ วา น ปตฺถยึ. อถ โข สพฺพฺุตํ สมฺมาสมฺโพธึ ปตฺถยาโน อากงฺขมาโน ตานิ ตีสุ ทิวเสสุ อเนกวารํ อุปฺปนฺนานิ ทานมยานิ ¶ ปฺุกมฺมานิ ทานสฺส วา ปริวารภูตานิ กายสุจริตาทีนิ ปฺุกมฺมานิ อาจรึ อกาสินฺติ.
อิติ ภควา ตสฺมึ อตฺตภาเว อตฺตโน สุทุกฺกรํ ปฺุจริตมตฺตเมว อิธ มหาเถรสฺส ปกาเสสิ. ชาตกเทสนายํ ปน จตุตฺถทิวเส สกฺกสฺส อุปสงฺกมิตฺวา โพธิสตฺตสฺส อชฺฌาสยชานนํ วเรน อุปนิมนฺตนา โพธิสตฺตสฺส วรสมฺปฏิจฺฉนสีเสน ธมฺมเทสนา เทยฺยธมฺมทกฺขิเณยฺยานํ ปุน สกฺกสฺส อนาคมนสฺส จ อากงฺขมานตา จ ปกาสิตา. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘อกิตฺตึ ทิสฺวาน สมฺมนฺตํ, สกฺโก ภูตปตี พฺรวิ;
กึ ปตฺถยํ มหาพฺรหฺเม, เอโก สมฺมสิ ฆมฺมนิ.
‘‘ทุกฺโข ปุนพฺภโว สกฺก, สรีรสฺส จ เภทนํ;
สมฺโมหมรณํ ทุกฺขํ, ตสฺมา สมฺมามิ, วาสว.
‘‘เอตสฺมึ เต สุลปิเต, ปติรูเป สุภาสิเต;
วรํ กสฺสป เต ทมฺมิ, ยํ กิฺจิ มนสิจฺฉสิ.
‘‘วรฺเจ เม อโท สกฺก, สพฺพภูตานมิสฺสร;
เยน ปุตฺเต จ ทาเร จ, ธนธฺํ ปิยานิ จ;
ลทฺธา นรา น ตปฺปนฺติ, โส โลโภ น มยี วเส.
เอตสฺมึ เต สุลปิเต…เป… มนสิจฺฉสิ.
‘‘วรฺเจ ¶ เม อโท สกฺก, สพฺพภูตานมิสฺสร;
เขตฺตํ วตฺถุํ หิรฺฺจ, ควาสฺสํ ทาสโปริสํ;
เยน ชาเตน ชียนฺติ, โส โทโส น มยี วเส.
‘‘เอตสฺมึ เต สุลปิเต…เป… มนสิจฺฉสิ.
‘‘วรฺเจ ¶ เม อโท สกฺก, สพฺพภูตานมิสฺสร;
พาลํ น ปสฺเส น สุเณ, น จ พาเลน สํวเส;
พาเลนลฺลาปสลฺลาปํ, น กเร น จ โรจเย.
‘‘กึ ¶ นุ เต อกรํ พาโล, วท กสฺสป การณํ;
เกน กสฺสป พาลสฺส, ทสฺสนํ นาภิกงฺขสิ.
‘‘อนยํ นยติ ทุมฺเมโธ, อธุรายํ นิยฺุชติ;
ทุนฺนโย เสยฺยโส โหติ, สมฺมา วุตฺโต ปกุปฺปติ;
วินยํ โส น ชานาติ, สาธุ ตสฺส อทสฺสนํ.
‘‘เอตสฺมึ เต สุลปิเต…เป… มนสิจฺฉสิ.
‘‘วรฺเจ เม อโท สกฺก, สพฺพภูตานมิสฺสร;
ธีรํ ปสฺเส สุเณ ธีรํ, ธีเรน สห สํวเส;
ธีเรนลฺลาปสลฺลาปํ, ตํ กเร ตฺจ โรจเย.
‘‘กึ นุ เต อกรํ ธีโร, วท กสฺสป การณํ;
เกน กสฺสป ธีรสฺส, ทสฺสนํ อภิกงฺขสิ.
‘‘นยํ นยติ เมธาวี, อธุรายํ น ยฺุชติ;
สุนโย เสยฺยโส โหติ, สมฺมา วุตฺโต น กุปฺปติ;
วินยํ โส ปชานาติ, สาธุ เตน สมาคโม.
‘‘เอตสฺมึ เต สุลปิเต…เป… มนสิจฺฉสิ.
‘‘วรฺเจ เม อโท สกฺก, สพฺพภูตานมิสฺสร;
ตโต รตฺยา วิวสาเน, สูริยุคฺคมนํ ปติ;
ทิพฺพา ภกฺขา ปาตุภเวยฺยุํ, สีลวนฺโต จ ยาจกา.
‘‘ททโต ¶ เม น ขีเยถ, ทตฺวา นานุตเปยฺยหํ;
ททํ จิตฺตํ ปสาเทยฺยํ, เอตํ สกฺก วรํ วเร.
‘‘เอตสฺมึ เต สุลปิเต…เป… มนสิจฺฉสิ.
‘‘วรฺเจ ¶ เม อโท สกฺก, สพฺพภูตานมิสฺสร;
น มํ ปุน อุเปยฺยาสิ, เอตํ สกฺก วรํ วเร.
‘‘พหูหิ วตจริยาหิ, นรา จ อถ นาริโย;
ทสฺสนํ อภิกงฺขนฺติ, กึ นุ เม ทสฺสเน ภยํ.
‘‘ตํ ตาทิสํ เทววณฺณํ, สพฺพกามสมิทฺธินํ;
ทิสฺวา ตโป ปมชฺเชยฺยํ, เอตํ เต ทสฺสเน ภย’’นฺติ. (ชา. ๑.๑๓.๘๓-๑๐๓);
อถ สกฺโก ‘‘สาธุ, ภนฺเต, น เต อิโต ปฏฺาย สนฺติกํ อาคมิสฺสามี’’ติ ตํ อภิวาเทตฺวา ปกฺกามิ. มหาสตฺโต ยาวชีวํ ตตฺเถว วสนฺโต อายุปริโยสาเน พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติ.
อนุรุทฺธตฺเถโร ตทา สกฺโก อโหสิ, โลกนาโถ อกิตฺติปณฺฑิโต.
ตสฺส มหาภินิกฺขมนสทิสํ นิกฺขนฺตตฺตา เนกฺขมฺมปารมี. สุวิสุทฺธสีลาจารตาย สีลปารมี. กามวิตกฺกาทีนํ ¶ สุฏฺุ วิกฺขมฺภิตตฺตา วีริยปารมี. ขนฺติสํวรสฺส ปรมุกฺกํสคมนโต ขนฺติปารมี. ปฏิฺานุรูปํ ปฏิปตฺติยา สจฺจปารมี. สพฺพตฺถ อจลสมาทานาธิฏฺาเนน อธิฏฺานปารมี. สพฺพสตฺเตสุ หิตชฺฌาสเยน เมตฺตาปารมี. สตฺตสงฺขารกตวิปฺปกาเรสุ มชฺฌตฺตภาวปฺปตฺติยา อุเปกฺขาปารมี. ตาสํ อุปการานุปกาเร ธมฺเม ชานิตฺวา อนุปกาเร ธมฺเม ปหาย อุปการธมฺเมสุ ปวตฺตาปนปุเรจรา สหชาตา จ อุปายโกสลฺลภูตา อติสลฺเลขวุตฺติสาธนี จ ปฺา ปฺาปารมีติ อิมาปิ ทส ปารมิโย ลพฺภนฺติ.
ทานชฺฌาสยสฺส ¶ ปน อติอุฬารภาเวน ทานมุเขน เทสนา ปวตฺตา. ตสฺมา สพฺพตฺถ สมกา มหากรุณา, ทฺเวปิ ปฺุาณสมฺภารา, กายสุจริตาทีนิ ตีณิ โพธิสตฺตสุจริตานิ, สจฺจาธิฏฺานาทีนิ จตฺตาริ อธิฏฺานานิ, อุสฺสาหาทโย จตสฺโส พุทฺธภูมิโย, สทฺธาทโย ปฺจ มหาโพธิปริปาจนียา ธมฺมา, อโลภชฺฌาสยาทโย ฉ โพธิสตฺตานํ อชฺฌาสยา, ติณฺโณ ตาเรสฺสามีติอาทโย สตฺต ปฏิฺา ธมฺมา, อปฺปิจฺฉสฺสายํ ธมฺโม, นายํ ธมฺโม มหิจฺฉสฺสาติอาทโย (ที. นิ. ๓.๓๕๘; อ. นิ. ๘.๓๐) อฏฺ มหาปุริสวิตกฺกา (ที. นิ. ๓.๓๕๘), นว โยนิโสมนสิการมูลกา ธมฺมา, ทานชฺฌาสยาทโย ทส มหาปุริสชฺฌาสยา, ทานสีลาทโย ทส ปฺุกิริยวตฺถูนีติ เอวมาทโย เย อเนกสตอเนกสหสฺสปฺปเภทา โพธิสมฺภารภูตา ¶ มหาโพธิสตฺตคุณา. เต สพฺเพปิ ยถารหํ อิธ นิทฺธาเรตฺวา วตฺตพฺพา.
อปิ เจตฺถ มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ มหนฺตฺจ าติปริวฏฺฏํ ปหาย มหาภินิกฺขมนสทิสํ เคหโต นิกฺขมนํ, นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตสฺส พหุชนสมฺมตสฺส สโต ปรมปฺปิจฺฉภาเวน กุเลสุ คเณสุ จ อลคฺคตา, อจฺจนฺตเมว ลาภสกฺการสิโลกชิคุจฺฉา, ปวิเวกาภิรติ, กายชีวิตนิรเปกฺโข ปริจฺจาโค, อนาหารสฺเสว สโต ทิวสตฺตยมฺปิ ทานปีติยา ปริตุฏฺสฺส นิพฺพิการสรีรยาปนํ, มาสทฺวิมาสมตฺตมฺปิ กาลํ ยาจเก สติ อาหารํ ตเถว ทตฺวา ‘‘ทานคเตเนว ปีติสุเขน สรีรํ ยาเปสฺสามี’’ติ ปริจฺจาเค อโนลีนวุตฺติสาธโก อุฬาโร ทานชฺฌาสโย, ทานํ ทตฺวา ปุน ¶ อาหารปริเยฏฺิยา อกรณเหตุภูตา ปรมสลฺเลขวุตฺตีติ เอวมาทโย มหาสตฺตสฺส คุณานุภาวา เวทิตพฺพา. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘เอวํ อจฺฉริยา เหเต, อพฺภุตา จ มเหสิโน;
มหาการุณิกา ธีรา, สพฺพโลเกกพนฺธวา.
‘‘อจินฺเตยฺยานุภาวา จ, สทา สทฺธมฺมโคจรา;
โพธิสตฺตา มหาสตฺตา, สุจิสลฺเลขวุตฺติโน.
‘‘มหาวาตสมุทฺธต-วีจิมาโล มโหทธิ;
อปิ ลงฺเฆยฺย เวลนฺตํ, โพธิสตฺตา น ธมฺมตํ.
‘‘โลเก ¶ สฺชาตวทฺธาปิ, น เต ภาวิตภาวิโน;
ลิมฺปนฺติ โลกธมฺเมหิ, โตเยน ปทุมํ ยถา.
‘‘เยสํ เว อตฺตนิ สฺเนโห, นิหียติ ยถา ยถา;
สตฺเตสุ กรุณาสฺเนโห, วฑฺฒเตว ตถา ตถา.
‘‘ยถา จิตฺตํ วเส โหติ, น จ จิตฺตวสานุคา;
ตถา กมฺมํ วเส โหติ, น จ กมฺมวสานุคา.
‘‘โทเสหิ นาภิภูยนฺติ, สมุคฺฆาเตนฺติ วา น เต;
จรนฺตา โพธิปริเยฏฺึ, ปุริสาชานิยา พุธา.
‘‘เตสุ ¶ จิตฺตปฺปสาโทปิ, ทุกฺขโต ปริโมจเย;
ปเควานุกิริยา เตสํ, ธมฺมสฺส อนุธมฺมโต’’ติ.
ปรมตฺถทีปนิยา จริยาปิฏกสํวณฺณนาย
อกิตฺติจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สงฺขพฺราหฺมณจริยาวณฺณนา
๑๑-๑๒. ทุติยสฺมึ ปุนาปรนฺติ ปุน อปรํ, น เกวลมิทํ อกิตฺติจริยเมว, อถ โข ปุน อปรํ อฺํ สงฺขจริยมฺปิ ปวกฺขิสฺสํ, สุโณหีติ อธิปฺปาโย. อิโต ปเรสุปิ เอเสว นโย. สงฺขสวฺหโยติ สงฺขนาโม. มหาสมุทฺทํ ตริตุกาโมติ สุวณฺณภูมึ คนฺตุํ นาวาย มหาสมุทฺทํ ตริตุกาโม. อุปคจฺฉามิ ปฏฺฏนนฺติ ตามลิตฺติปฏฺฏนํ อุทฺทิสฺส คจฺฉามิ. สยมฺภุาเณน ปจฺเจกโพธิยา อธิคตตฺตา สยเมว ภูตนฺติ สยมฺภุํ. กิเลสมาราทีสุ เกนจิปิ น ปราชิตนฺติ อปราชิตํ, ติณฺณํ มารานํ มตฺถกํ มทฺทิตฺวา ิตนฺติ อตฺโถ. ตตฺตาย กินภูมิยาติ ฆมฺมสนฺตาเปน สนฺตตฺตาย สกฺขรวาลุกานิจิตตฺตา ขราย กกฺขฬาย ภูมิยา ¶ .
๑๓. ตนฺติ ตํ ปจฺเจกพุทฺธํ. อิมมตฺถนฺติ อิมํ อิทานิ วกฺขมานํ ‘‘อิทํ เขตฺต’’นฺติอาทิกํ ¶ อตฺถํ. วิจินฺตยินฺติ ตทา สงฺขพฺราหฺมณภูโต จินฺเตสินฺติ สตฺถา วทติ. ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา –
อตีเต อยํ พาราณสี โมฬินี นาม อโหสิ. โมฬินีนคเร พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สงฺโข นาม พฺราหฺมโณ หุตฺวา อฑฺโฒ มหทฺธโน จตูสุ นครทฺวาเรสุ นครมชฺเฌ อตฺตโน นิเวสนทฺวาเรติ ฉสุ าเนสุ ฉ ทานสาลาโย กาเรตฺวา เทวสิกํ ฉสตสหสฺสานิ วิสฺสชฺเชนฺโต กปณทฺธิกาทีนํ มหาทานํ ปวตฺเตสิ. โส เอกทิวสํ จินฺเตสิ – ‘‘อหํ เคเห ธเน ขีเณ ทานํ ทาตุํ น สกฺขิสฺสามิ, อปริกฺขีเณเยว ธเน นาวาย สุวณฺณภูมึ คนฺตฺวา ธนํ อาหริสฺสามี’’ติ. โส นาวํ ภณฺฑสฺส ปูราเปตฺวา ปุตฺตทารํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ยาวาหํ อาคจฺฉิสฺสามิ, ตาว เม ทานํ อนุปจฺฉินฺทนฺตา ปวตฺเตยฺยาถา’’ติ วตฺวา ทาสกมฺมกรปริวุโต อุปาหนํ อารุยฺห ฉตฺเตน ธาริยมาเนน ปฏฺฏนคามาภิมุโข ปายาสิ.
ตสฺมึ ¶ ขเณ คนฺธมาทเน เอโก ปจฺเจกพุทฺโธ สตฺตาหํ นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา นิโรธสมาปตฺติโต วุฏฺาย โลกํ โวโลเกนฺโต ตํ ธนาหรณตฺถํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มหาปุริโส ธนํ อาหริตุํ คจฺฉติ, ภวิสฺสติ นุ โข อสฺส มหาสมุทฺเท อนฺตราโย, โน’’ติ อาวชฺเชตฺวา ‘‘ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘เอส มํ ทิสฺวา ฉตฺตฺจ อุปาหนฺจ มยฺหํ ทตฺวา อุปาหนทานนิสฺสนฺเทน สมุทฺเท ภินฺนาย นาวาย ปติฏฺํ ลภิสฺสติ, กริสฺสามิสฺส อนุคฺคห’’นฺติ อากาเสน คนฺตฺวา ตสฺส อวิทูเร โอตริตฺวา มชฺฌนฺหิกสมเย จณฺฑวาตาตเปน องฺคารสนฺถตสทิสํ อุณฺหวาลุกํ มทฺทนฺโต ตสฺส อภิมุขํ อาคฺฉิ. โส ตํ ทิสฺวาว หฏฺตุฏฺโ ‘‘ปฺุกฺเขตฺตํ เม อาคตํ, อชฺช มยา เอตฺถ พีชํ โรเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘ตมหํ ปฏิปเถ ทิสฺวา, อิมมตฺถํ วิจินฺตยิ’’นฺติอาทิ.
ตตฺถ อิทํ เขตฺตนฺติอาทิ จินฺติตาการทสฺสนํ. เขตฺตนฺติ ¶ ขิตฺตํ พีชํ มหปฺผลภาวกรเณน ตายตีติ เขตฺตํ, ปุพฺพณฺณาปรณฺณวิรุหนภูมิ. อิธ ปน เขตฺตํ วิยาติ เขตฺตํ, อคฺคทกฺขิเณยฺโย ปจฺเจกพุทฺโธ. เตเนวาห ‘‘ปฺุกามสฺส ชนฺตุโน’’ติ.
๑๔. มหาคมนฺติ วิปุลผลาคมํ, สสฺสสมฺปตฺติทายกนฺติ อตฺโถ. พีชํ น โรเปตีติ พีชํ น วปติ.
เขตฺตวรุตฺตมนฺติ เขตฺตวเรสุปิ อุตฺตมํ. สีลาทิคุณสมฺปนฺนา หิ วิเสสโต อริยสาวกา ¶ เขตฺตวรา, ตโตปิ อคฺคภูโต ปจฺเจกพุทฺโธ เขตฺตวรุตฺตโม. การนฺติ สกฺการํ. ยทิ น กโรมีติ สมฺพนฺโธ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิทมีทิสํ อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ ลภิตฺวา ตตฺถ ปูชาสกฺการํ ยทิ น กโรมิ, ปฺุเน อตฺถิโก นามาหํ น ภเวยฺยนฺติ.
๑๖-๑๗. ยถา อมจฺโจติอาทีนํ ทฺวินฺนํ คาถานํ อยํ สงฺเขปตฺโถ – ยถา นาม โย โกจิ รฺา มุทฺทาธิกาเร ปิโต ลฺฉนธโร อมจฺจปุริโส เสนาปติ วา โส อนฺเตปุเร ชเน พหิทฺธา จ พลกายาทีสุ รฺโ ยถานุสิฏฺํ น ปฏิปชฺชติ น เตสํ ธนธฺํ เทติ, ตํ ตํ กตฺตพฺพํ วตฺตํ ปริหาเปติ. โส มุทฺทิโต ปริหายติ มุทฺทาธิการลทฺธวิภวโต ¶ ปริธํสติ, เอวเมว อหมฺปิ ปฺุกมฺมสฺส รโต ลทฺธพฺพปฺุผลสงฺขาตํ ปฺุกาโม ทกฺขิณาย วิปุลผลภาวกรเณน วิปุลํ ทิสฺวาน ตํ ทกฺขิณํ อุฬารํ ทกฺขิเณยฺยํ ลภิตฺวา ตสฺส ทานํ ยทิ น ททามิ ปฺุโต อายตึ ปฺุผลโต จ ปริธํสามิ. ตสฺมา อิธ มยา ปฺุํ กาตพฺพเมวาติ.
เอวํ ปน จินฺเตตฺวา มหาปุริโส ทูรโตว อุปาหนา โอโรหิตฺวา เวเคน อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ อนุคฺคหตฺถาย อิมํ รุกฺขมูลํ อุปคจฺฉถา’’ติ วตฺวา ตสฺมึ รุกฺขมูลํ อุปสงฺกมนฺเต ตตฺถ วาลุกํ อุสฺสาเปตฺวา อุตฺตราสงฺคํ ปฺาเปตฺวา ปจฺเจกพุทฺเธ ตตฺถ นิสินฺเน วนฺทิตฺวา วาสิตปริสฺสาวิเตน อุทเกน ตสฺส ปาเท โธวิตฺวา, คนฺธเตเลน มกฺเขตฺวา, อตฺตโน อุปาหนํ ปฺุฉิตฺวา, คนฺธเตเลน มกฺเขตฺวา, ตสฺส ปาเท ปฏิมฺุจิตฺวา ‘‘ภนฺเต, อิมํ อุปาหนํ อารุยฺห, อิมํ ฉตฺตํ มตฺถเก กตฺวา คจฺฉถา’’ติ ฉตฺตุปาหนํ อทาสิ. โสปิสฺส อนุคฺคหตฺถาย ตํ คเหตฺวา ปสาทสํวฑฺฒนตฺถํ ปสฺสนฺตสฺเสว เวหาสํ อุปฺปติตฺวา คนฺธมาทนํ อคมาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘เอวาหํ ¶ จินฺตยิตฺวาน, โอโรหิตฺวา อุปาหนา;
ตสฺส ปาทานิ วนฺทิตฺวา, อทาสึ ฉตฺตุปาหน’’นฺติ.
โพธิสตฺโต ตํ ทิสฺวา อติวิย ปสนฺนจิตฺโต ปฏฺฏนํ คนฺตฺวา นาวํ อภิรุหิ. อถสฺส มหาสมุทฺทํ ตรนฺตสฺส สตฺตเม ทิวเส นาวา วิวรมทาสิ. อุทกํ อุสฺสิฺจิตุํ นาสกฺขึสุ. มหาชโน มรณภยภีโต อตฺตโน อตฺตโน เทวตา นมสฺสิตฺวา มหาวิรวํ วิรวิ. โพธิสตฺโต เอกํ อุปฏฺากํ คเหตฺวา สกลสรีรํ เตเลน มกฺเขตฺวา สปฺปินา สทฺธึ สกฺขรจุณฺณานิ ยาวทตฺถํ ขาทิตฺวา ตมฺปิ ขาทาเปตฺวา เตน สทฺธึ กูปกยฏฺิมตฺถกํ อารุยฺห ‘‘อิมาย ทิสาย อมฺหากํ นคร’’นฺติ ทิสํ ววตฺถเปตฺวา มจฺฉกจฺฉปปริปนฺถโต อตฺตานํ สจฺจาธิฏฺาเนน ปโมเจนฺโต เตน สทฺธึ อุสภมตฺตฏฺานํ อติกฺกมิตฺวา ปติตฺวา สมุทฺทํ ตริตุํ อารภิ. มหาชโน ปน ตตฺเถว วินาสํ ¶ ปาปุณิ. ตสฺส ตรนฺตสฺเสว สตฺต ทิวสา คตา. โส ตสฺมิมฺปิ กาเล โลโณทเกน มุขํ วิกฺขาเลตฺวา อุโปสถิโก อโหสิเยว.
ตทา ¶ ปน อีทิสานํ ปุริสวิเสสานํ รกฺขณตฺถาย จตูหิ โลกปาเลหิ ปิตา มณิเมขลา นาม เทวธีตา อตฺตโน อิสฺสริเยน สตฺตาหํ ปมชฺชิตฺวา สตฺตเม ทิวเส ตํ ทิสฺวา ‘‘สจายํ อิธ มริสฺส, อติวิย คารยฺหา อภวิสฺส’’นฺติ สํวิคฺคหทยา สุวณฺณปาติยา ทิพฺพโภชนสฺส ปูเรตฺวา เวเคนาคนฺตฺวา ‘‘พฺราหฺมณ, อิทํ ทิพฺพโภชนํ ภฺุชา’’ติ อาห. โส ตํ อุลฺโลเกตฺวา ‘‘นาหํ ภฺุชามิ, อุโปสถิโกมฺหี’’ติ ปฏิกฺขิปิตฺวา ตํ ปุจฺฉนฺโต –
‘‘ยํ ตฺวํ สุเขนาภิสเมกฺขเส มํ, ภฺุชสฺสุ ภตฺตํ อิติ มํ วเทสิ;
ปุจฺฉามิ ตํ นาริ มหานุภาเว, เทวี นุสิ ตฺวํ อุท มานุสี นู’’ติ. (ชา. ๑.๑๐.๔๒) –
อาห. สา ตสฺส ปฏิวจนํ เทนฺตี –
‘‘เทวี อหํ สงฺข มหานุภาวา, อิธาคตา สาครวาริมชฺเฌ;
อนุกมฺปิกา โน จ ปทุฏฺจิตฺตา, ตเวว อตฺถาย อิธาคตาสฺมิ.
‘‘อิธนฺนปานํ สยนาสนฺจ, ยานานิ นานาวิวิธานิ สงฺข;
สพฺพสฺส ¶ ตฺยาหํ ปฏิปาทยามิ, ยํ กิฺจิ ตุยฺหํ มนสาภิปตฺถิต’’นฺติ. (ชา. ๑.๑๐.๔๓-๔๔) –
อิมา คาถา อภาสิ. ตํ สุตฺวา มหาสตฺโต ‘‘อยํ เทวธีตา สมุทฺทปิฏฺเ มยฺหํ ‘อิทฺจิทฺจ ทมฺมี’ติ วทติ, ยฺเจสา มยฺหํ เทติ, ตมฺปิ มม ปฺุเเนว, ตํ ปน ปฺุํ อยํ เทวธีตา ชานาติ นุ โข, อุทาหุ น ชานาติ, ปุจฺฉิสฺสามิ ตาว น’’นฺติ จินฺเตตฺวา ปุจฺฉนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ยํ กิฺจิ ยิฏฺฺจ หุตฺจ มยฺหํ, สพฺพสฺส โน อิสฺสรา ตฺวํ สุคตฺเต;
สุสฺโสณิ สุพฺภูรุ วิลคฺคมชฺเฌ, กิสฺส เม กมฺมสฺส อยํ วิปาโก’’ติ. (ชา. ๑.๑๐.๔๕);
ตตฺถ ¶ ¶ ยิฏฺนฺติ ทานวเสน ยชิตํ. หุตนฺติ อาหุนปาหุนวเสน ทินฺนํ. สพฺพสฺส โน อิสฺสรา ตฺวนฺติ อมฺหากํ ปฺุกมฺมสฺส สพฺพสฺส ตฺวํ อิสฺสรา, ‘‘อยํ อิมสฺส วิปาโก, อยํ อิมสฺสา’’ติ พฺยากริตุํ สมตฺถา. สุสฺโสณีติ สุนฺทรชฆเน. สุพฺภูรูติ สุนฺทเรหิ ภมุเกหิ อูรูหิ จ สมนฺนาคเต. วิลคฺคมชฺเฌติ วิลคฺคตนุมชฺเฌ. กิสฺส เมติ มยา กตกมฺเมสุ กตรกมฺมสฺส อยํ วิปาโก, เยนาหํ อปฺปติฏฺเ มหาสมุทฺเท อชฺช ปติฏฺํ ลภามีติ.
ตํ สุตฺวา เทวธีตา ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ ‘ยํ อตฺตนา กุสลกมฺมํ กตํ, ตํ กมฺมํ น ชานาตี’ติ สฺาย ปุจฺฉติ มฺเ, กเถสฺสามิ น’’นฺติ นาวาภิรุหนทิวเส ปจฺเจกพุทฺธสฺส ฉตฺตุปาหนทานปฺุเมว ตสฺส การณนฺติ กเถนฺตี –
‘‘ฆมฺเม ปเถ พฺราหฺมณ เอกภิกฺขุํ, อุคฺฆฏฺฏปาทํ ตสิตํ กิลนฺตํ;
ปฏิปาทยี สงฺข อุปาหนานิ, สา ทกฺขิณา กามทุหา ตวชฺชา’’ติ. (ชา. ๑.๑๐.๔๖) –
คาถมาห.
ตตฺถ เอกภิกฺขุนฺติ เอกํ ปจฺเจกพุทฺธํ สนฺธายาห. อุคฺฆฏฺฏปาทนฺติ อุณฺหวาลุกาย ฆฏฺฏปาทํ, วิพาธิตปาทนฺติ ¶ อตฺโถ. ตสิตนฺติ ปิปาสิตํ. ปฏิปาทยีติ ปฏิปาเทสิ โยเชสิ. กามทุหาติ สพฺพกามทายิกา.
ตํ สุตฺวา มหาสตฺโต ‘‘เอวรูเปปิ นาม อปฺปติฏฺเ มหาสมุทฺเท มยา ทินฺนํ ฉตฺตุปาหนทานํ มม สพฺพกามททํ ชาตํ อโห สุทินฺน’’นฺติ ตุฏฺจิตฺโต –
‘‘สา โหตุ นาวา ผลกูปปนฺนา, อนวสฺสุตา เอรกวาตยุตฺตา;
อฺสฺส ยานสฺส น เหตฺถ ภูมิ, อชฺเชว มํ โมฬินึ ปาปยสฺสู’’ติ. (ชา. ๑.๑๐.๔๗) –
คาถมาห.
ตตฺถ ¶ ¶ ผลกูปปนฺนาติ มหานาวตาย พหูหิ ผลเกหิ อุเปตา. อุทกปฺปเวสนาภาเวน อนวสฺสุตา. สมฺมา คเหตฺวา คมนกวาเตน เอรกวาตยุตฺตา.
เทวธีตา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ตุฏฺหฏฺา ทีฆโต อฏฺอุสภํ วิตฺถารโต จตุอุสภํ คมฺภีรโต วีสติยฏฺิกํ สตฺตรตนมยํ นาวํ มาเปตฺวา กูปผิยาริตฺตยุตฺตานิ อินฺทนีลรชตสุวณฺณมยาทีนิ นิมฺมินิตฺวา สตฺตนฺนํ รตนานํ ปูเรตฺวา พฺราหฺมณํ อาลิงฺเคตฺวา นาวํ อาโรเปสิ, อุปฏฺากํ ปนสฺส น โอโลเกสิ. พฺราหฺมโณ อตฺตนา กตกลฺยาณโต ตสฺส ปตฺตึ อทาสิ, โส อนุโมทิ. อถ เทวธีตา ตมฺปิ อาลิงฺเคตฺวา นาวาย ปติฏฺาเปตฺวา ตํ นาวํ โมฬินีนครํ เนตฺวา พฺราหฺมณสฺส ฆเร ธนํ ปติฏฺาเปตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว อคมาสิ. เตนาห ภควา –
‘‘สา ตตฺถ วิตฺตา สุมนา ปตีตา, นาวํ สุจิตฺตํ อภินิมฺมินิตฺวา;
อาทาย สงฺขํ ปุริเสน สทฺธึ, อุปานยี นครํ สาธุรมฺม’’นฺติ. (ชา. ๑.๑๐.๔๘);
มหาปุริสสฺส หิ จิตฺตสมฺปตฺติยา ปจฺเจกพุทฺธสฺส จ นิโรธโต วุฏฺิตภาเวน สตฺตสุ เจตนาสุ อาทิเจตนา ทิฏฺธมฺมเวทนียา อติอุฬารผลา จ ชาตา. อิทมฺปิ ตสฺส ทานสฺส ¶ อปฺปมตฺตผลนฺติ ทฏฺพฺพํ. อปริมาณผลฺหิ ตํ ทานํ โพธิสมฺภารภูตํ. เตน วุตฺตํ –
‘‘เตเนวาหํ สตคุณโต, สุขุมาโล สุเขธิโต;
อปิ จ ทานํ ปริปูเรนฺโต, เอวํ ตสฺส อทาสห’’นฺติ.
ตตฺถ เตนาติ ตโต ปจฺเจกพุทฺธโต, สตคุณโตติ สตคุเณน อหํ ตทา สงฺขภูโต สุขุมาโล, ตสฺมา สุเขธิโต สุขสํวฑฺโฒ, อปิ จ เอวํ สนฺเตปิ ทานํ ปริปูเรนฺโต, เอวํ มยฺหํ ทานปารมี ปริปูเรตูติ ตสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส อตฺตโน สรีรทุกฺขํ อนเปกฺขิตฺวา ฉตฺตุปาหนํ อทาสินฺติ อตฺตโน ทานชฺฌาสยสฺส อุฬารภาวํ สตฺถา ปเวเทสิ.
โพธิสตฺโตปิ ¶ ยาวชีวํ อมิตธนเคหํ อชฺฌาวสนฺโต ภิยฺโยโสมตฺตาย ทานานิ ทตฺวา สีลานิ รกฺขิตฺวา อายุปริโยสาเน สปริโส เทวนครํ ปูเรสิ.
ตทา เทวธีตา อุปฺปลวณฺณา อโหสิ, ปุริโส อานนฺทตฺเถโร, โลกนาโถ สงฺขพฺราหฺมโณ.
ตสฺส ¶ สุวิสุทฺธนิจฺจสีลอุโปสถสีลาทิวเสน สีลปารมี ทานสีลาทีนํ ปฏิปกฺขโต นิกฺขนฺตตฺตา กุสลธมฺมวเสน เนกฺขมฺมปารมี, ทานาทินิปฺผาทนตฺถํ อพฺภุสฺสหนวเสน ตถา มหาสมุทฺทตรณวายามวเสน จ วีริยปารมี, ตทตฺถํ อธิวาสนขนฺติวเสน ขนฺติปารมี, ปฏิฺานุรูปปฺปฏิปตฺติยา สจฺจปารมี, สพฺพตฺถ อจลสมาทานาธิฏฺานวเสน อธิฏฺานปารมี, สพฺพสตฺเตสุ หิตชฺฌาสยวเสน เมตฺตาปารมี, สตฺตสงฺขารกตวิปฺปกาเรสุ มชฺฌตฺตภาวปฺปตฺติยา อุเปกฺขาปารมี, สพฺพปารมีนํ อุปการานุปกาเร ธมฺเม ชานิตฺวา อนุปกาเร ธมฺเม ปหาย อุปการธมฺเมสุ ปวตฺตาปนปุเรจรา สหชาตา จ อุปายโกสลฺลภูตา ปฺา ปฺาปารมีติ อิมาปิ ปารมิโย ลพฺภนฺติ.
ทานชฺฌาสยสฺส ปน อติอุฬารภาเวน ทานปารมีวเสน เทสนา ปวตฺตา. ยสฺมา เจตฺถ ทส ปารมิโย ลพฺภนฺติ, ตสฺมา เหฏฺา วุตฺตา มหากรุณาทโย โพธิสตฺตคุณา อิธาปิ ยถารหํ นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา อตฺตโน โภคสุขํ อนเปกฺขิตฺวา มหากรุณาย ‘‘ทานปารมึ ปูเรสฺสามี’’ติ ทานสมฺภารสํหรณตฺถํ สมุทฺทตรณํ, ตตฺถ จ สมุทฺทปติตสฺสปิ อุโปสถาธิฏฺานํ, สีลขณฺฑภเยน เทวธีตายปิ อุปคตาย อาหารานาหรณนฺติ เอวมาทโย มหาสตฺตสฺส คุณา เวทิตพฺพา. อิทานิ วกฺขมาเนสุ เสสจริเตสุ อิมินาว นเยน คุณนิทฺธารณํ เวทิตพฺพํ ¶ . ตตฺถ ตตฺถ วิเสสมตฺตเมว วกฺขาม. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘เอวํ อจฺฉริยา เหเต, อพฺภุตา จ มเหสิโน…เป…;
ปเควานุกิริยา เตสํ, ธมฺมสฺส อนุธมฺมโต’’ติ.
สงฺขพฺราหฺมณจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. กุรุราชจริยาวณฺณนา
ตติเย ¶ อินฺทปตฺเถ ปุรุตฺตเมติ อินฺทปตฺถนามเก กุรุรฏฺสฺส ปุรวเร อุตฺตมนคเร. ราชาติ ธมฺเมน สเมน จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ ปริสํ รฺเชตีติ ราชา. กุสเล ทสหุปาคโตติ กุสเลหิ ¶ ทสหิ สมนฺนาคโต, ทานาทีหิ ทสหิ ปฺุกิริยวตฺถูหิ, ทสหิ กุสลกมฺมปเถหิ วา ยุตฺโตติ อตฺโถ.
๒๑. กลิงฺครฏฺวิสยาติ กลิงฺครฏฺสงฺขาตวิสยา. พฺราหฺมณา อุปคฺฉุ มนฺติ กลิงฺคราเชน อุยฺโยชิตา อฏฺ พฺราหฺมณา มํ อุปสงฺกมึสุ. อุปสงฺกมิตฺวา จ ปน อายาจุํ มํ หตฺถินาคนฺติ หตฺถิภูตํ มหานาคํ มํ อายาจึสุ. ธฺนฺติ ธนายิตพฺพสิริโสภคฺคปฺปตฺตํ ลกฺขณสมฺปนฺนํ. มงฺคลสมฺมตนฺติ ตายเยว ลกฺขณสมฺปตฺติยา มงฺคลํ อภิวุฑฺฒิการณนฺติ อภิสมฺมตํ ชเนหิ.
๒๒. อวุฏฺิโกติ วสฺสรหิโต. ทุพฺภิกฺโขติ ทุลฺลภโภชโน. ฉาตโก มหาติ มหตี ชิฆจฺฉาพาธา วตฺตตีติ อตฺโถ. ททาหีติ เทหิ. นีลนฺติ นีลวณฺณํ. อฺชนสวฺหยนฺติ อฺชนสทฺเทน อวฺหาตพฺพํ, อฺชนนามกนฺติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อมฺหากํ กลิงฺครฏฺํ อวุฏฺิกํ, เตน อิทานิ มหาทุพฺภิกฺขํ ตตฺถ มหนฺตํ ฉาตกภยํ อุปฺปนฺนํ, ตสฺส วูปสมตฺถาย อิมํ อฺชนคิริสงฺกาสํ ตุยฺหํ อฺชนนามกํ มงฺคลหตฺถึ เทหิ, อิมสฺมิฺหิ ตตฺถ นีเต เทโว วสฺสิสฺสติ, เตน ตํ สพฺพภยํ วูปสมฺมิสฺสตีติ. ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา –
อตีเต กุรุรฏฺเ อินฺทปตฺถนคเร โพธิสตฺโต กุรุราชสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา อนุปุพฺเพน วิฺุตํ ปตฺโต, ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา โยควิหิตานิ สิปฺปายตนานิ วิชฺชาฏฺานานิ จ อุคฺคเหตฺวา ปจฺจาคโต ปิตรา อุปรชฺเช ปิโต, อปรภาเค ปิตุ อจฺจเยน รชฺชํ ปตฺวา ทส ราชธมฺเม ¶ อโกเปนฺโต ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ ธนฺชโย นาม นาเมน. โส จตูสุ นครทฺวาเรสุ นครมชฺเฌ นิเวสนทฺวาเรติ ฉ ทานสาลาโย กาเรตฺวา เทวสิกํ ฉสตสหสฺสํ ธนํ วิสฺสชฺเชนฺโต สกลชมฺพุทีปํ อุนฺนงฺคลํ กตฺวา ทานํ อทาสิ. ตสฺส ทานชฺฌาสยตา ทานาภิรติ สกลชมฺพุทีปํ ปตฺถริ.
ตสฺมึ ¶ กาเล กลิงฺครฏฺเ ทุพฺภิกฺขภยํ ฉาตกภยํ โรคภยนฺติ ตีณิ ภยานิ อุปฺปชฺชึสุ. สกลรฏฺวาสิโน ทนฺตปุรํ คนฺตฺวา ราชภวนทฺวาเร อุกฺกุฏฺิมกํสุ ‘‘เทวํ วสฺสาเปหิ เทวา’’ติ. ราชา ตํ สุตฺวา ‘‘กึการณา เอเต วิรวนฺตี’’ติ อมจฺเจ ปุจฺฉิ. อมจฺจา รฺโ ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. ราชา โปราณกราชาโน เทเว อวสฺสนฺเต กึ กโรนฺตีติ. ‘‘เทโว วสฺสตู’’ติ ทานํ ทตฺวา อุโปสถํ อธิฏฺาย สมาทินฺนสีลา สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา ทพฺพสนฺถเร สตฺตาหํ นิปชฺชนฺตีติ. ตํ สุตฺวา ตถา อกาสิ. เทโว น วสฺสิ, เอวํ ราชา อหํ มยา กตฺตพฺพกิจฺจํ อกาสึ, เทโว น วสฺสติ, กินฺติ กโรมาติ. เทว, อินฺทปตฺถนคเร ธนฺชยสฺส นาม กุรุราชสฺส มงฺคลหตฺถิมฺหิ อานีเต เทโว วสฺสิสฺสตีติ ¶ . โส ราชา พลวาหนสมฺปนฺโน ทุปฺปสโห, กถมสฺส หตฺถึ อาเนสฺสามาติ. มหาราช, เตน สทฺธึ ยุทฺธกิจฺจํ นตฺถิ, ทานชฺฌาสโย โส ราชา ทานาภิรโต ยาจิโต สมาโน อลงฺกตสีสมฺปิ ฉินฺทิตฺวา ปสาทสมฺปนฺนานิ อกฺขีนิปิ อุปฺปาเฏตฺวา สกลรชฺชมฺปิ นิยฺยาเตตฺวา ทเทยฺย, หตฺถิมฺหิ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ, อวสฺสํ ยาจิโต สมาโน ทสฺสตีติ. เก ปน ยาจิตุํ สมตฺถาติ? พฺราหฺมณา, มหาราชาติ. ราชา อฏฺ พฺราหฺมเณ ปกฺโกสาเปตฺวา สกฺการสมฺมานํ กตฺวา ปริพฺพยํ ทตฺวา หตฺถิยาจนตฺถํ เปเสสิ. เต สพฺพตฺถ เอกรตฺติวาเสน ตุริตคมนํ คนฺตฺวา กติปาหํ นครทฺวาเร ทานสาลาสุ ภฺุชนฺตา สรีรํ สนฺตปฺเปตฺวา รฺโ ทานคฺคํ อาคมนปเถ กาลํ อาคมยมานา ปาจีนทฺวาเร อฏฺํสุ.
โพธิสตฺโตปิ ปาโตว นฺหาตานุลิตฺโต สพฺพาลงฺการปฺปฏิมณฺฑิโต อลงฺกตวรวารณขนฺธคโต มหนฺเตน ราชานุภาเวน ทานสาลํ คนฺตฺวา โอตริตฺวา สตฺตฏฺชนานํ สหตฺเถน ทานํ ทตฺวา ‘‘อิมินาว นีหาเรน เทถา’’ติ วตฺวา หตฺถึ อภิรุหิตฺวา ¶ ทกฺขิณทฺวารํ อคมาสิ. พฺราหฺมณา ปาจีนทฺวาเร อารกฺขสฺส พลวตาย โอกาสํ อลภิตฺวา ทกฺขิณทฺวารํ คนฺตฺวา ราชานํ อาคจฺฉนฺตํ อุลฺโลกยมานา ทฺวารโต นาติทูเร อุนฺนตฏฺาเน ิตา สมฺปตฺตํ ราชานํ หตฺเถ อุกฺขิปิตฺวา ชยาเปสุํ. ราชา วชิรงฺกุเสน วารณํ นิวตฺเตตฺวา เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา เต พฺราหฺมเณ ‘‘กึ อิจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิ. พฺราหฺมณา ‘‘กลิงฺครฏฺํ ทุพฺภิกฺขภเยน ฉาตกภเยน โรคภเยน จ อุปทฺทุตํ. โส อุปทฺทโว อิมสฺมึ ตว มงฺคลหตฺถิมฺหิ นีเต ¶ วูปสมฺมิสฺสติ. ตสฺมา อิมํ อฺชนวณฺณํ นาคํ อมฺหากํ เทหี’’ติ อาหํสุ. ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห ‘‘กลิงฺครฏฺวิสยา…เป… อฺชนสวฺหย’’นฺติ. ตสฺสตฺโถ วุตฺโต เอว.
อถ โพธิสตฺโต ‘‘น เมตํ ปติรูปํ, ยํ เม ยาจกานํ มโนรถวิฆาโต สิยา, มยฺหฺจ สมาทานเภโท สิยา’’ติ หตฺถิกฺขนฺธโต โอตริตฺวา ‘‘สเจ อนลงฺกตฏฺานํ อตฺถิ, อลงฺกริตฺวา ทสฺสามี’’ติ สมนฺตโต โอโลเกตฺวา อนลงฺกตฏฺานํ อทิสฺวา โสณฺฑาย นํ คเหตฺวา พฺราหฺมณานํ หตฺเถสุ เปตฺวา รตนภิงฺคาเรน ปุปฺผคนฺธวาสิตํ อุทกํ ปาเตตฺวา อทาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘น เม ยาจกมนุปฺปตฺเต, ปฏิกฺเขโป อนุจฺฉโว;
มา เม ภิชฺชิ สมาทานํ, ทสฺสามิ วิปุลํ คชํ.
‘‘นาคํ คเหตฺวา โสณฺฑาย, ภิงฺคาเร รตนามเย;
ชลํ หตฺเถ อากิริตฺวา, พฺราหฺมณานํ อทํ คช’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ ยาจกมนุปฺปตฺเตติ ยาจเก อนุปฺปตฺเต. อนุจฺฉโวติ อนุจฺฉวิโก ปติรูโป. มา เม ภิชฺชิ สมาทานนฺติ สพฺพฺุตฺาณตฺถาย สพฺพสฺส ยาจกสฺส สพฺพํ อนวชฺชํ อิจฺฉิตํ ททนฺโต ทานปารมึ ปูเรสฺสามีติ ยํ มยฺหํ สมาทานํ, ตํ มา ภิชฺชิ. ตสฺมา ทสฺสามิ วิปุลํ คชนฺติ มหนฺตํ อิมํ มงฺคลหตฺถึ ทสฺสามีติ. อทนฺติ อทาสึ.
ตสฺมึ ปน หตฺถิมฺหิ ทินฺเน อมจฺจา โพธิสตฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘กสฺมา, มหาราช, มงฺคลหตฺถึ ททตฺถ, นนุ อฺโ หตฺถี ทาตพฺโพ, รฺา นาม เอวรูโป โอปวยฺโห มงฺคลหตฺถี อิสฺสริยํ อภิวิชยฺจ อากงฺขนฺเตน น ทาตพฺโพ’’ติ ¶ . มหาสตฺโต ยํ มํ ยาจกา ยาจนฺติ, ตเทว มยา ทาตพฺพํ, สเจ ปน มํ รชฺชํ ยาเจยฺยุํ, รชฺชมฺปิ เตสํ ทเทยฺยํ, มยฺหํ รชฺชโตปิ ชีวิตโตปิ สพฺพฺุตฺาณเมว ปิยตรํ, ตสฺมา ตํ หตฺถึ อทาสินฺติ อาห. เตน วุตฺตํ ‘‘ตสฺส นาเค ปทินฺนมฺหี’’ติอาทิ. ตตฺถ ตสฺสาติ ตสฺส เตน, ตสฺมึ นาเค หตฺถิมฺหิ ทินฺเน.
๒๖. มงฺคลสมฺปนฺนนฺติ มงฺคลคุเณหิ สมนฺนาคตํ. สงฺคามวิชยุตฺตมนฺติ สงฺคามวิชยา อุตฺตมํ, สงฺคามวิชเย วา อุตฺตมํ ปธานํ ปวรํ นาคํ. กึ เต รชฺชํ ¶ กริสฺสตีติ ตสฺมึ นาเค อปคเต ตว รชฺชํ กึ กริสฺสติ, รชฺชกิจฺจํ น กริสฺสติ, รชฺชมฺปิ อปคตเมวาติ ทสฺเสติ.
๒๗. รชฺชมฺปิ เม ทเท สพฺพนฺติ ติฏฺตุ นาโค ติรจฺฉานคโต, อิทํ เม สพฺพํ กุรุรฏฺมฺปิ ยาจกานํ ทเทยฺยํ. สรีรํ ทชฺชมตฺตโนติ รชฺเชปิ วา กึ วตฺตพฺพํ, อตฺตโน สรีรมฺปิ ยาจกานํ ทเทยฺยํ, สพฺโพปิ หิ เม อชฺฌตฺติกพาหิโร ปริคฺคโห โลกหิตตฺถเมว มยา ปริจฺจตฺโต. ยสฺมา สพฺพฺุตํ ปิยํ มยฺหํ สพฺพฺุตา จ ทานปารมึ อาทึ กตฺวา สพฺพปารมิโย อปูเรนฺเตน น สกฺกา ลทฺธุํ, ตสฺมา นาคํ อทาสึ อหนฺติ ทสฺเสติ.
เอวมฺปิ ตสฺมึ นาเค อานีเต กลิงฺครฏฺเ เทโว น วสฺสเตว. กลิงฺคราชา ‘‘อิทานิปิ น วสฺสติ, กึ นุ โข การณ’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘กุรุราชา ครุธมฺเม รกฺขติ, เตนสฺส รฏฺเ อนฺวทฺธมาสํ อนุทสาหํ เทโว วสฺสติ, รฺโ คุณานุภาโว เอส, น อิมสฺส ติรจฺฉานคตสฺสา’’ติ ชานิตฺวา ‘‘มยมฺปิ ครุธมฺเม รกฺขิสฺสาม, คจฺฉถ ธนฺจยโกรพฺยสฺส สนฺติเก เต สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขาเปตฺวา อาเนถา’’ติ อมจฺเจ เปเสสิ. ครุธมฺมา วุจฺจนฺติ ปฺจ สีลานิ, ตานิ โพธิสตฺโต สุปริสุทฺธานิ กตฺวา รกฺขติ, ยถา จ โพธิสตฺโต. เอวมสฺส มาตา ¶ อคฺคมเหสี, กนิฏฺภาตา อุปราชา, ปุโรหิโต พฺราหฺมโณ, รชฺชุคฺคาหโก อมจฺโจ, สารถิ เสฏฺิ, โทณมาปโก โทวาริโก, นครโสภินี วณฺณทาสีติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ราชา มาตา มเหสี จ, อุปราชา ปุโรหิโต;
รชฺชุคฺคาโห สารถี เสฏฺิ, โทโณ โทวาริโก ตถา;
คณิกา เต เอกาทส, ครุธมฺเม ปติฏฺิตา’’ติ.
เต ¶ อมจฺจา โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. มหาสตฺโต ‘‘มยฺหํ ครุธมฺเม กุกฺกุจฺจํ อตฺถิ, มาตา ปน เม สุรกฺขิตํ รกฺขติ, ตสฺสา สนฺติเก คณฺหถา’’ติ วตฺวา เตหิ ‘‘มหาราช, กุกฺกุจฺจํ นาม สิกฺขากามสฺส สลฺเลขวุตฺติโน โหติ, เทถ โน’’ติ ยาจิโต ‘‘ปาโณ น หนฺตพฺโพ, อทินฺนํ น อาทาตพฺพํ, กาเมสุมิจฺฉาจาโร น จริตพฺโพ, มุสา น ภณิตพฺพํ, มชฺชํ น ปาตพฺพ’’นฺติ สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขาเปตฺวา ‘‘เอวํ สนฺเตปิ มาตุ สนฺติเก คณฺหถา’’ติ อาห.
ทูตา ¶ ราชานํ วนฺทิตฺวา ตสฺสา สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘เทวิ, ตุมฺเห กิร ครุธมฺมํ รกฺขถ, ตํ โน เทถา’’ติ วทึสุ. โพธิสตฺตสฺส มาตาปิ ตเถว อตฺตโน กุกฺกุจฺจสฺส อตฺถิภาวํ วตฺวาว เตหิ ยาจิตา อทาสิ. ตถา มเหสิอาทโยปิ. เต สพฺเพสมฺปิ สนฺติเก สุวณฺณปฏฺเฏ ครุธมฺเม ลิขาเปตฺวา ทนฺตปุรํ คนฺตฺวา กลิงฺครฺโ ทตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ. โสปิ ราชา ตสฺมึ ธมฺเม วตฺตมาโน ปฺจ สีลานิ ปูเรสิ. ตโต สกลกลิงฺครฏฺเ เทโว วสฺสิ. ตีณิ ภยานิ วูปสนฺตานิ. รฏฺํ เขมํ สุภิกฺขํ อโหสิ. โพธิสตฺโต ยาวชีวํ ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา สปริโส สคฺคปุรํ ปูเรสิ.
ตทา คณิกาทโย อุปฺปลวณฺณาทโย อเหสุํ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘คณิกา อุปฺปลวณฺณา, ปุณฺโณ โทวาริโก ตทา;
รชฺชุคฺคาโห จ กจฺจาโน, โทณมาปโก จ โกลิโต.
‘‘สาริปุตฺโต ตทา เสฏฺิ, อนุรุทฺโธ จ สารถิ;
พฺราหฺมโณ กสฺสโป เถโร, อุปราชานนฺทปณฺฑิโต.
‘‘มเหสี ¶ ราหุลมาตา, มายาเทวี ชเนตฺติกา;
กุรุราชา โพธิสตฺโต, เอวํ ธาเรถ ชาตก’’นฺติ. (ธ. ป. อฏฺ. ๒.๓๖๑ หํสฆาตกภิกฺขุวตฺถุ);
อิธาปิ เนกฺขมฺมปารมิอาทโย เสสธมฺมา จ วุตฺตนเยเนว นิทฺธาเรตพฺพาติ.
กุรุราชจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. มหาสุทสฺสนจริยาวณฺณนา
๒๘. จตุตฺเถ ¶ กุสาวติมฺหิ นคเรติ กุสาวตีนามเก นคเร, ยสฺมึ าเน เอตรหิ กุสินารา นิวิฏฺา. มหีปตีติ ขตฺติโย, นาเมน มหาสุทสฺสโน นาม. จกฺกวตฺตีติ จกฺกรตนํ วตฺเตติ จตูหิ วา สมฺปตฺติจกฺเกหิ วตฺตติ, เตหิ จ ปรํ ปวตฺเตติ, ปรหิตาย จ อิริยาปถจกฺกานํ วตฺโต เอตสฺมึ อตฺถีติปิ จกฺกวตฺตี. อถ วา จตูหิ อจฺฉริยธมฺเมหิ สงฺคหวตฺถูหิ จ สมนฺนาคเตน, ปเรหิ อนภิภวนียสฺส อนติกฺกมนียสฺส อาณาสงฺขาตสฺส จกฺกสฺส วตฺโต เอตสฺมึ อตฺถีติปิ จกฺกวตฺตี. ปริณายกรตนปุพฺพงฺคเมน ¶ หตฺถิรตนาทิปมุเขน มหาพลกาเยน ปฺุานุภาวนิพฺพตฺเตน กายพเลน จ สมนฺนาคตตฺตา มหพฺพโล. ยทา อาสินฺติ สมฺพนฺโธ. ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา –
อตีเต กิร มหาปุริโส สุทสฺสนตฺตภาวโต ตติเย อตฺตภาเว คหปติกุเล นิพฺพตฺโต ธรมานกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน เอกํ เถรํ อรฺวาสํ วสนฺตํ อตฺตโน กมฺเมน อรฺํ ปวิฏฺโ รุกฺขมูเล นิสินฺนํ ทิสฺวา ‘‘อิธ มยา อยฺยสฺส ปณฺณสาลํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา อตฺตโน กมฺมํ ปหาย ทพฺพสมฺภารํ ฉินฺทิตฺวา นิวาสโยคฺคํ ปณฺณสาลํ กตฺวา ทฺวารํ โยเชตฺวา กฏฺตฺถรณํ กตฺวา ‘‘กริสฺสติ นุ โข ปริโภคํ, น นุ โข กริสฺสตี’’ติ เอกมนฺเต นิสีทิ. เถโร อนฺโตคามโต อาคนฺตฺวา ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา กฏฺตฺถรเณ นิสีทิ. มหาสตฺโตปิ นํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ผาสุกา, ภนฺเต, ปณฺณสาลา’’ติ ปุจฺฉิ. ผาสุกา, ภทฺทมุข, ปพฺพชิตสารุปฺปาติ. วสิสฺสถ, ภนฺเต, อิธาติ? อาม, อุปาสกาติ. โส อธิวาสนากาเรเนว ‘‘วสิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘นิพทฺธํ มยฺหํ ฆรทฺวารํ อาคนฺตพฺพ’’นฺติ ปฏิชานาเปตฺวา นิจฺจํ อตฺตโน ¶ ฆเรเยว ภตฺตวิสฺสคฺคํ การาเปสิ. โส ปณฺณสาลายํ กฏสารกํ ปตฺถริตฺวา มฺจปีํ ปฺเปสิ, อปสฺเสนํ นิกฺขิปิ, ปาทกลิกํ เปสิ, โปกฺขรณึ ขณิ, จงฺกมํ กตฺวา วาลุกํ โอกิริ, ปริสฺสยวิโนทนตฺถํ ปณฺณสาลํ กณฺฏกวติยา ปริกฺขิปิ, ตถา โปกฺขรณึ จงฺกมฺจ. เตสํ อนฺโตวติปริยนฺเต ตาลปนฺติโย โรเปสิ. เอวมาทินา ¶ อาวาสํ นิฏฺาเปตฺวา เถรสฺส ติจีวรํ อาทึ กตฺวา สพฺพํ สมณปริกฺขารํ อทาสิ. เถรสฺส หิ ตทา โพธิสตฺเตน ติจีวรปิณฺฑปาตปตฺตถาลกปริสฺสาวนธมกรณปริโภคภาชนฉตฺตุปาหนอุทกตุมฺพสูจิกตฺตร- ยฏฺิอารกณฺฏกปิปฺผลินขจฺเฉทนปทีเปยฺยาทิ ปพฺพชิตานํ ปริโภคชาตํ อทินฺนํ นาม นาโหสิ. โส ปฺจ สีลานิ รกฺขนฺโต อุโปสถํ กโรนฺโต ยาวชีวํ เถรํ อุปฏฺหิ. เถโร ตตฺเถว วสนฺโต อรหตฺตํ ปตฺวา ปรินิพฺพายิ.
๒๙. โพธิสตฺโตปิ ยาวตายุกํ ปฺุํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จุโต มนุสฺสโลกํ อาคจฺฉนฺโต กุสาวติยา ราชธานิยา นิพฺพตฺติตฺวา มหาสุทสฺสโน นาม ราชา อโหสิ จกฺกวตฺตี. ตสฺสิสฺสริยานุภาโว ‘‘ภูตปุพฺพํ, อานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน นาม อโหสิ ขตฺติโย ¶ มุทฺธาวสิตฺโต’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๒๔๒) นเยน สุตฺเต อาคโต เอว. ตสฺส กิร จตุราสีติ นครสหสฺสานิ กุสาวตีราชธานิปฺปมุขานิ, จตุราสีติ ปาสาทสหสฺสานิ ธมฺมปาสาทปฺปมุขานิ, จตุราสีติ กูฏาคารสหสฺสานิ มหาพฺยูหกูฏาคารปฺปมุขานิ, ตานิ สพฺพานิ ตสฺส เถรสฺส กตาย เอกิสฺสา ปณฺณสาลาย นิสฺสนฺเทน นิพฺพตฺตานิ, จตุราสีติ ปลฺลงฺกสหสฺสานิ นาคสหสฺสานิ อสฺสสหสฺสานิ รถสหสฺสานิ ตสฺส ทินฺนสฺส มฺจปีสฺส, จตุราสีติ มณิสหสฺสานิ ตสฺส ทินฺนสฺส ปทีปสฺส, จตุราสีติ โปกฺขรณิสหสฺสานิ เอกโปกฺขรณิยา, จตุราสีติ อิตฺถิสหสฺสานิ ปุตฺตสหสฺสานิ คหปติสหสฺสานิ จ ปตฺตถาลกาทิปริโภคารหสฺส ปพฺพชิตปริกฺขารทานสฺส, จตุราสีติ เธนุสหสฺสานิ ปฺจโครสทานสฺส, จตุราสีติ วตฺถโกฏฺสหสฺสานิ นิวาสนปารุปนทานสฺส, จตุราสีติ ถาลิปากสหสฺสานิ โภชนทานสฺส นิสฺสนฺเทน นิพฺพตฺตานิ. โส สตฺตหิ รตเนหิ จตูหิ อิทฺธีหิ จ สมนฺนาคโต ราชาธิราชา หุตฺวา สกลํ สาครปริยนฺตํ ปถวิมณฺฑลํ ธมฺเมน อภิวิชิย อชฺฌาวสนฺโต อเนกสเตสุ าเนสุ ทานสาลาโย กาเรตฺวา มหาทานํ ปฏฺเปสิ. ทิวสสฺส ติกฺขตฺตุํ นคเร เภรึ จราเปสิ ‘‘โย ยํ อิจฺฉติ, โส ทานสาลาสุ อาคนฺตฺวา ตํ คณฺหาตู’’ติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ตตฺถาหํ ทิวเส ติกฺขตฺตุํ, โฆสาเปมิ ตหึ ตหิ’’นฺติอาทิ.
ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมึ นคเร. ‘‘ตทาห’’นฺติปิ ปาโ, ตสฺส ตทา อหํ, มหาสุทสฺสนกาเลติ ¶ อตฺโถ. ตหึ ตหินฺติ ตสฺมึ ตสฺมึ าเน, ตสฺส ตสฺส ปาการสฺส อนฺโต จ พหิ จาติ ¶ อตฺโถ. โก กึ อิจฺฉตีติ พฺราหฺมณาทีสุ โย โกจิ สตฺโต อนฺนาทีสุ เทยฺยธมฺเมสุ ยํ กิฺจิ อิจฺฉติ. ปตฺเถตีติ ตสฺเสว เววจนํ. กสฺส กึ ทียตุ ธนนฺติ อเนกวารํ ปริยายนฺตเรหิ จ ทานโฆสนาย ปวตฺติตภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, เอเตน ทานปารมิยา สรูปํ ทสฺเสติ. เทยฺยธมฺมปฏิคฺคาหกวิกปฺปรหิตา หิ โพธิสตฺตานํ ทานปารมีติ.
๓๐. อิทานิ ทานโฆสนาย ตสฺส ตสฺส เทยฺยธมฺมสฺส อนุจฺฉวิกปุคฺคลปริกิตฺตนํ ทสฺเสตุํ ‘‘โก ฉาตโก’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ตตฺถ ¶ ฉาตโกติ ชิฆจฺฉิโต. ตสิโตติ ปิปาสิโต. โก มาลํ โก วิเลปนนฺติปิ ‘‘อิจฺฉตี’’ติ ปทํ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํ. นคฺโคติ วตฺถวิกโล, วตฺเถน อตฺถิโกติ อธิปฺปาโย. ปริทหิสฺสตีติ นิวาสิสฺสติ.
๓๑. โก ปเถ ฉตฺตมาเทตีติ โก ปถิโก ปเถ มคฺเค อตฺตโน วสฺสวาตาตปรกฺขณตฺถํ ฉตฺตํ คณฺหาติ, ฉตฺเตน อตฺถิโกติ อตฺโถ. โกปาหนา มุทู สุภาติ ทสฺสนียตาย สุภา สุขสมฺผสฺสตาย มุทู อุปาหนา อตฺตโน ปาทานํ จกฺขูนฺจ รกฺขณตฺถํ. โก อาเทตีติ โก ตาหิ อตฺถิโกติ อธิปฺปาโย. สายฺจ ปาโต จาติ เอตฺถ จ-สทฺเทน มชฺฌนฺหิเก จาติ อาหริตฺวา วตฺตพฺพํ. ‘‘ทิวเส ติกฺขตฺตุํ โฆสาเปมี’’ติ หิ วุตฺตํ.
๓๒. น ตํ ทสสุ าเนสูติ ตํ ทานํ น ทสสุ าเนสุ ปฏิยตฺตนฺติ โยชนา. นปิ านสเตสุ วา ปฏิยตฺตํ, อปิ จ โข อเนกสเตสุ าเนสุ ปฏิยตฺตํ. ยาจเก ธนนฺติ ยาจเก อุทฺทิสฺส ธนํ ปฏิยตฺตํ อุปกฺขฏํ. ทฺวาทสโยชนายาเม หิ นคเร สตฺตโยชนวิตฺถเต สตฺตสุ ปาการนฺตเรสุ สตฺต ตาลปนฺติปริกฺเขปา, ตาสุ ตาลปนฺตีสุ จตุราสีติ โปกฺขรณิสหสฺสานิ ปาฏิเยกฺกํ โปกฺขรณิตีเร มหาทานํ ปฏฺปิตํ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘ปฏฺเปสิ โข, อานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน ตาสํ โปกฺขรณีนํ ตีเร เอวรูปํ ทานํ อนฺนํ อนฺนตฺถิกสฺส, ปานํ ปานตฺถิกสฺส, วตฺถํ วตฺถตฺถิกสฺส, ยานํ ยานตฺถิกสฺส, สยนํ สยนตฺถิกสฺส, อิตฺถึ อิตฺถิตฺถิกสฺส, หิรฺํ หิรฺตฺถิกสฺส, สุวณฺณํ สุวณฺณตฺถิกสฺสา’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๕๔).
๓๓. ตตฺถายํ ¶ ทานสฺส ปวตฺติตากาโร – มหาปุริโส หิ อิตฺถีนฺจ ปุริสานฺจ อนุจฺฉวิเก อลงฺกาเร กาเรตฺวา อิตฺถิมตฺตเมว ตตฺถ ปริจารวเสน เสสฺจ สพฺพํ ปริจฺจาควเสน ¶ เปตฺวา ‘‘ราชา มหาสุทสฺสโน ทานํ เทติ, ตํ ยถาสุขํ ปริภฺุชถา’’ติ เภรึ จราเปสิ. มหาชนา โปกฺขรณิตีรํ คนฺตฺวา นฺหตฺวา วตฺถาทีนิ นิวาเสตฺวา มหาสมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา เยสํ ตาทิสานิ อตฺถิ, เต ปหาย คจฺฉนฺติ ¶ . เยสํ นตฺถิ, เต คเหตฺวา คจฺฉนฺติ. เย หตฺถิยานาทีสุปิ นิสีทิตฺวา ยถาสุขํ วิจริตฺวา วรสยเนสุปิ สยิตฺวา สมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา อิตฺถีหิปิ สทฺธึ สมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา สตฺตวิธรตนปสาธนานิ ปสาเธตฺวา สมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา ยํ ยํ อตฺถิกา, ตํ ตํ คเหตฺวา คจฺฉนฺติ, อนตฺถิกา โอหาย คจฺฉนฺติ. ตมฺปิ ทานํ อุฏฺาย สมุฏฺาย เทวสิกํ ทียเตว. ตทา ชมฺพุทีปวาสีนํ อฺํ กมฺมํ นตฺถิ, ทานํ ปริภฺุชนฺตา สมฺปตฺตึ อนุภวนฺตา วิจรนฺติ. น ตสฺส ทานสฺส กาลปริจฺเฉโท อโหสิ. รตฺติฺจาปิ ทิวาปิ ยทา ยทา อตฺถิกา อาคจฺฉนฺติ, ตทา ตทา ทียเตว. เอวํ มหาปุริโส ยาวชีวํ สกลชมฺพุทีปํ อุนฺนงฺคลํ กตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘ทิวา วา ยทิ วา รตฺตึ, ยทิ เอติ วนิพฺพโก’’ติอาทิ.
ตตฺถ ทิวา วา ยทิ วา รตฺตึ, ยทิ เอตีติ เอเตนสฺส ยถากาลํ ทานํ ทสฺเสติ. ยาจกานฺหิ ลาภาสาย อุปสงฺกมนกาโล เอว โพธิสตฺตานํ ทานสฺส กาโล นาม. วนิพฺพโกติ ยาจโก. ลทฺธา ยทิจฺฉกํ โภคนฺติ เอเตน ยถาภิรุจิตํ ทานํ. โย โย หิ ยาจโก ยํ ยํ เทยฺยธมฺมํ อิจฺฉติ, ตสฺส ตสฺส ตํตเทว โพธิสตฺโต เทติ. น ตสฺส มหคฺฆทุลฺลภาทิภาวํ อตฺตโน อุปโรธํ จินฺเตสิ. ปูรหตฺโถว คจฺฉตีติ เอเตน ยาวทิจฺฉกํ ทานํ ทสฺเสติ, ยตฺตกฺหิ ยาจกา อิจฺฉนฺติ, ตตฺตกํ อปริหาเปตฺวาว มหาสตฺโต เทติ อุฬารชฺฌาสยตาย จ มหิทฺธิกตาย จ.
๓๔. ‘‘ยาวชีวิก’’นฺติ เอเตน ทานสฺส กาลปริยนฺตาภาวํ ทสฺเสติ. สมาทานโต ปฏฺาย หิ มหาสตฺตา ยาวปาริปูริ เวมชฺเฌ น กาลปริจฺเฉทํ กโรนฺติ, โพธิสมฺภารสมฺภรเณ สงฺโกจาภาเวน อนฺตรนฺตรา อโวสานาปตฺติโต มรเณนปิ อนุปจฺเฉโท เอว, ตโต ปรมฺปิ ตเถว ปฏิปชฺชนโต, ‘‘ยาวชีวิก’’นฺติ ปน มหาสุทสฺสนจริตสฺส วเสน วุตฺตํ. นปาหํ เทสฺสํ ธนํ ทมฺมีติ อิทํ ธนํ นาม มยฺหํ ¶ น เทสฺสํ อมนาปนฺติ เอวรูปํ มหาทานํ เทนฺโต เคหโต จ ธนํ นีหราเปมิ. นปิ นตฺถิ นิจโย มยีติ มม สมีเป ธนนิจโย ธนสงฺคโห นาปิ นตฺถิ, สลฺเลขวุตฺติสมโณ วิย อสงฺคโหปิ น โหมีติ อตฺโถ. อิทํ เยน อชฺฌาสเยน ตสฺสิทํ มหาทานํ ปวตฺติตํ, ตํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ.
๓๕. อิทานิ ¶ ¶ ตํ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ยถาปิ อาตุโร นามา’’ติอาทิมาห. ตตฺถิทํ อุปมาสํสนฺทเนน สทฺธึ อตฺถทสฺสนํ – ยถา นาม อาตุโร โรคาภิภูโต ปุริโส โรคโต อตฺตานํ ปริโมเจตุกาโม ธเนน หิรฺสุวณฺณาทินา เวชฺชํ ติกิจฺฉกํ ตปฺเปตฺวา อาราเธตฺวา ยถาวิธิ ปฏิปชฺชนฺโต ตโต โรคโต วิมุจฺจติ.
๓๖. ตเถว เอวเมว อหมฺปิ อฏฺฏภูตํ สกลโลกํ กิเลสโรคโต สกลสํสารทุกฺขโรคโต จ ปริโมเจตุกาโม ตสฺส ตโต ปริโมจนสฺส อยํ สพฺพสาปเตยฺยปริจฺจาโค ทานปารมิอุปาโยติ ชานมาโน พุชฺฌมาโน อเสสโต เทยฺยธมฺมสฺส ปฏิคฺคาหกานฺจ วเสน อนวเสสโต มหาทานสฺส วเสน สตฺตานํ อชฺฌาสยํ ปริปูเรตุํ อตฺตโน จ น มยฺหํ ทานปารมี ปริปุณฺณา, ตสฺมา อูนมนนฺติ ปวตฺตํ อูนํ มนํ ปูรยิตุํ ปวตฺตยิตุํ วนิพฺพเก ยาจเก อทาสึ ตํ ทานํ เอวรูปํ มหาทานํ ททามิ, ตฺจ โข ตสฺมึ ทานธมฺเม ตสฺส จ ผเล นิราลโย อนเปกฺโข อปจฺจาโส กิฺจิปิ อปจฺจาสีสมาโน เกวลํ สมฺโพธิมนุปตฺติยา สพฺพฺุตฺาณเมว อธิคนฺตุํ เทมีติ.
เอวํ มหาสตฺโต มหาทานํ ปวตฺเตนฺโต อตฺตโน ปฺุานุภาวนิพฺพตฺตํ ธมฺมปาสาทํ อภิรุยฺห มหาพฺยูหกูฏาคารทฺวาเร เอว กามวิตกฺกาทโย นิวตฺเตตฺวา ตตฺถ โสวณฺณมเย ราชปลฺลงฺเก นิสินฺโน ฌานาภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา ตโต นิกฺขมิตฺวา โสวณฺณมยํ กูฏาคารํ ปวิสิตฺวา ตตฺถ รชตมเย ปลฺลงฺเก นิสินฺโน จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา จตุราสีติ วสฺสสหสฺสานิ ฌานสมาปตฺตีหิ วีตินาเมตฺวา มรณสมเย ทสฺสนาย อุปคตานํ สุภทฺทาเทวีปมุขานํ จตุราสีติยา อิตฺถาคารสหสฺสานํ อมจฺจปาริสชฺชาทีนฺจ –
‘‘อนิจฺจา ¶ วต สงฺขารา, อุปฺปาทวยธมฺมิโน;
อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ, เตสํ วูปสโม สุโข’’ติ. (ที. นิ. ๒.๒๒๑, ๒๗๒; สํ. นิ. ๑.๑๘๖; ๒.๑๔๓) –
อิมาย คาถาย โอวทิตฺวา อายุปริโยสาเน พฺรหฺมโลกปรายโน อโหสิ.
ตทา สุภทฺทาเทวี ราหุลมาตา อโหสิ, ปริณายกรตนํ ราหุโล, เสสปริสา พุทฺธปริสา, มหาสุทสฺสโน ปน โลกนาโถ.
อิธาปิ ¶ ¶ ทส ปารมิโย สรูปโต ลพฺภนฺติ เอว, ทานชฺฌาสยสฺส ปน อุฬารตาย ทานปารมี เอว ปาฬิยํ อาคตา. เสสธมฺมา เหฏฺา วุตฺตนยา เอว. ตถา อุฬาเร สตฺตรตนสมุชฺชเล จตุทีปิสฺสริเยปิ ิตสฺส ตาทิสํ โภคสุขํ อนลงฺกริตฺวา กามวิตกฺกาทโย ทูรโต วิกฺขมฺเภตฺวา ตถารูเป มหาทาเน ปวตฺเตนฺตสฺเสว จตุราสีติ วสฺสสหสฺสานิ สมาปตฺตีหิ วีตินาเมตฺวา อนิจฺจตาทิปฏิสํยุตฺตํ ธมฺมกถํ กตฺวาปิ วิปสฺสนาย อนุสฺสุกฺกนํ สพฺพตฺถ อนิสฺสงฺคตาติ เอวมาทโย คุณานุภาวา นิทฺธาเรตพฺพาติ.
มหาสุทสฺสนจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. มหาโควินฺทจริยาวณฺณนา
ปฺจเม สตฺตราชปุโรหิโตติ สตฺตภูอาทีนํ สตฺตนฺนํ ราชูนํ สพฺพกิจฺจานุสาสกปุโรหิโต. ปูชิโต นรเทเวหีติ เตหิ เอว อฺเหิ จ ชมฺพุทีเป สพฺเพเหว ขตฺติเยหิ จตุปจฺจยปูชาย สกฺการสมฺมาเนน จ ปูชิโต. มหาโควินฺทพฺราหฺมโณติ มหานุภาวตาย โควินฺทสฺสาภิเสเกน อภิสิตฺตตาย จ ‘‘มหาโควินฺโท’’ติ สงฺขํ คโต พฺราหฺมโณ, อภิสิตฺตกาลโต ปฏฺาย หิ โพธิสตฺตสฺส อยํ สมฺา ชาตา, นาเมน ปน โชติปาโล นาม. ตสฺส กิร ชาตทิวเส สพฺพาวุธานิ โชตึสุ. ราชาปิ ปจฺจูสสมเย อตฺตโน มงฺคลาวุธํ ปชฺชลิตํ ทิสฺวา ภีโต อตฺตโน ปุโรหิตํ โพธิสตฺตสฺส ปิตรํ อุปฏฺานํ อาคตํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘มา ภายิ, มหาราช, มยฺหํ ปุตฺโต ชาโต, ตสฺสานุภาเวน น เกวลํ ราชเคเหเยว, สกลนคเรปิ อาวุธานิ ปชฺชลึสุ, น ¶ ตํ นิสฺสาย ตุยฺหํ อนฺตราโย อตฺถิ, สกลชมฺพุทีเป ปน ปฺาย เตน สโม น ภวิสฺสติ, ตสฺเสตํ ปุพฺพนิมิตฺต’’นฺติ ปุโรหิเตน สมสฺสาสิโต ตุฏฺจิตฺโต ‘‘กุมารสฺส ขีรมูลํ โหตู’’ติ สหสฺสํ ทตฺวา ‘‘วยปฺปตฺตกาเล มยฺหํ ทสฺเสถา’’ติ อาห. โส วุทฺธิปฺปตฺโต อปรภาเค อลมตฺถทสฺโส สตฺตนฺนํ ราชูนํ สพฺพกิจฺจานุสาสโก หุตฺวา ปพฺพชิตฺวา จ สตฺเต ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิเกหิ อนตฺเถหิ ปาเลตฺวา อตฺเถหิ นิโยเชสิ. อิติ โชติตตฺตา ปาลนสมตฺถตาย ¶ จ ‘‘โชติปาโล’’ติสฺส นามํ อกํสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘นาเมน โชติปาโล นามา’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๐๔).
ตตฺถ โพธิสตฺโต ทิสมฺปติสฺส นาม รฺโ ปุโรหิตสฺส โควินฺทพฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา อตฺตโน ปิตุ ตสฺส จ รฺโ อจฺจเยน ตสฺส ปุตฺโต เรณุ, สหายา จสฺส สตฺตภู, พฺรหฺมทตฺโต, เวสฺสภู ¶ , ภรโต, ทฺเว จ ธตรฏฺาติ อิเม สตฺต ราชาโน ยถา อฺมฺํ น วิวทนฺติ. เอวํ รชฺเช ปติฏฺาเปตฺวา เตสํ อตฺถธมฺเม อนุสาสนฺโต ชมฺพุทีปตเล สพฺเพสํ ราชูนํ อฺเสฺจ พฺราหฺมณานํ เทวนาคคหปติกานํ สกฺกโต ครุกโต มานิโต ปูชิโต อปจิโต อุตฺตมํ คารวฏฺานํ ปตฺโต อโหสิ. ตสฺส อตฺถธมฺเมสุ กุสลตาย ‘‘มหาโควินฺโท’’ตฺเวว สมฺา อุทปาทิ. ยถาห ‘‘โควินฺโท วต, โภ พฺราหฺมโณ, มหาโควินฺโท วต, โภ พฺราหฺมโณ’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๐๕). เตน วุตฺตํ –
‘‘ปุนาปรํ ยทา โหมิ, สตฺตราชปุโรหิโต;
ปูชิโต นรเทเวหิ, มหาโควินฺทพฺราหฺมโณ’’ติ.
อถ โพธิสตฺตสฺส ปฺุานุภาวสมุสฺสาหิเตหิ ราชูหิ เตสํ อนุยุตฺเตหิ ขตฺติเยหิ พฺราหฺมณคหปติเกหิ เนคมชานปเทหิ จ อุปรูปริ อุปนีโต สมนฺตโต มโหโฆ วิย อชฺโฌตฺถรมาโน อปริเมยฺโย อุฬาโร ลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชิ, ยถา ตํ อปริมาณาสุ ชาตีสุ อุปจิตวิปุลปฺุสฺจยสฺส อุฬาราภิชาตสฺส ปริสุทฺธสีลาจารสฺส เปสลสฺส ปริโยทาตสพฺพสิปฺปสฺส สพฺพสตฺเตสุ ปุตฺตสทิสมหากรุณาวิปฺผารสินิทฺธมุทุหทยสฺส. โส จินฺเตสิ – ‘‘เอตรหิ โข มยฺหํ มหาลาภสกฺกาโร, ยํนูนาหํ อิมินา สพฺพสตฺเต สนฺตปฺเปตฺวา ทานปารมึ ปริปูเรยฺย’’นฺติ. โส นครสฺส มชฺเฌ จตูสุ ทฺวาเรสุ อตฺตโน นิเวสนทฺวาเรติ ฉ ทานสาลาโย กาเรตฺวา เทวสิกํ อปริมิตธนปริจฺจาเคน มหาทานํ ¶ ปวตฺเตสิ. ยํ ยํ อุปายนํ อานียติ, ยฺจ อตฺตโน อตฺถาย อภิสงฺขรียติ, สพฺพํ ตํ ทานสาลาสุ เอว เปเสสิ. เอวํ ทิวเส ทิวเส มหาปริจฺจาคํ กโรนฺตสฺส จสฺส จิตฺตสฺส ติตฺติ วา สนฺโตโส วา นาโหสิ, กุโต ปน สงฺโกโจ. ทานคฺคฺจสฺส ลาภาสาย อาคจฺฉนฺเตหิ เทยฺยธมฺมํ คเหตฺวา คจฺฉนฺเตหิ จ มหาสตฺตสฺส จ คุณวิเสเส กิตฺตยนฺเตหิ มหาชนกาเยหิ อนฺโตนครํ พหินครฺจ ¶ สมนฺตโต เอโกฆภูตํ กปฺปวุฏฺานมหาวายุสงฺฆฏฺฏปริพฺภมิตํ วิย มหาสมุทฺทํ เอกโกลาหลํ เอกนินฺนาทํ อโหสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ตทาหํ สตฺตรชฺเชสุ, ยํ เม อาสิ อุปายนํ;
เตน เทมิ มหาทานํ, อกฺโขภํ สาครูปม’’นฺติ.
ตตฺถ ตทาหนฺติ ยทา สตฺตราชปุโรหิโต มหาโควินฺทพฺราหฺมโณ โหมิ, ตทา อหํ. สตฺตรชฺเชสูติ เรณุอาทีนํ สตฺตนฺนํ ราชูนํ รชฺเชสุ. อกฺโขภนฺติ อพฺภนฺตเรหิ จ พาหิเรหิ จ ปจฺจตฺถิเกหิ ¶ อปฺปฏิเสธนียตาย เกนจิ อกฺโขภนียํ. ‘‘อจฺจุพฺภ’’นฺติปิ ปาโ. อติปุณฺณทานชฺฌาสยสฺส เทยฺยธมฺมสฺส จ อุฬารภาเวน วิปุลภาเวน จ อติวิย ปริปุณฺณนฺติ อตฺโถ. สาครูปมนฺติ สาครสทิสํ, ยถา สาคเร อุทกํ สกเลนปิ โลเกน หรนฺเตน เขเปตุํ น สกฺกา, เอวํ ตสฺส ทานคฺเค เทยฺยธมฺมนฺติ.
๓๙. โอสานคาถาย วรํ ธนนฺติ อุตฺตมํ อิจฺฉิตํ วา ธนํ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
เอวํ มหาสตฺโต ปมกปฺปิกมหาเมโฆ วิย มหาวสฺสํ อวิภาเคน มหนฺตํ ทานวสฺสํ วสฺสาเปนฺโต ทานพฺยาวโฏ หุตฺวาปิ เสสํ สตฺตนฺนํ ราชูนํ อตฺถธมฺเม อปฺปมตฺโต อนุสาสติ. สตฺต จ พฺราหฺมณมหาสาเล วิชฺชาสิปฺปํ สิกฺขาเปติ, สตฺต จ นฺหาตกสตานิ มนฺเต วาเจติ. ตสฺส อปเรน สมเยน เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต ‘‘สกฺขิ มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ พฺรหฺมานํ ปสฺสติ, สกฺขิ มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ พฺรหฺมุนา สากจฺเฉติ สลฺลปติ มนฺเตตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๑๒). โส จินฺเตสิ – ‘‘เอตรหิ โข มยฺหํ อยํ อภูโต กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต ‘พฺรหฺมานํ ปสฺสติ, สกฺขิ มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ พฺรหฺมุนา สากจฺเฉติ สลฺลปติ มนฺเตตี’ติ, ยํนูนาหํ อิมํ ภูตํ เอว กเรยฺย’’นฺติ. โส ‘‘เต สตฺต ราชาโน สตฺต จ พฺราหฺมณมหาสาเล สตฺต จ นฺหาตกสตานิ อตฺตโน ปุตฺตทารฺจ อาปุจฺฉิตฺวา พฺรหฺมานํ ¶ ปสฺเสยฺย’’นฺติ จิตฺตํ ปณิธาย วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส พฺรหฺมวิหารภาวนมนุยฺุชิ. ตสฺส เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร ปุรโต ปาตุรโหสิ. ตํ ทิสฺวา มหาปุริโส ปุจฺฉิ –
‘‘วณฺณวา ¶ ยสวา สิริมา, โก นุ ตฺวมสิ มาริส;
อชานนฺตา ตํ ปุจฺฉาม, กถํ ชาเนมุ ตํ มย’’นฺติ. (ที. นิ. ๒.๓๑๘);
ตสฺส พฺรหฺมา อตฺตานํ ชานาเปนฺโต –
‘‘มํ เว กุมารํ ชานนฺติ, พฺรหฺมโลเก สนนฺตนํ;
สพฺเพ ชานนฺติ มํ เทวา, เอวํ โควินฺท ชานาหี’’ติ. (ที. นิ. ๒.๓๑๘) –
วตฺวา เตน –
‘‘อาสนํ ¶ อุทกํ ปชฺชํ, มธุสากฺจ พฺรหฺมุโน;
อคฺเฆ ภวนฺตํ ปุจฺฉาม, อคฺฆํ กุรุตุ โน ภว’’นฺติ. (ที. นิ. ๒.๓๑๘) –
อุปนีตํ อติถิสกฺการํ อนตฺถิโกปิ พฺรหฺมา ตสฺส จิตฺตสมฺปหํสนตฺถํ วิสฺสาสกรณตฺถฺจ สมฺปฏิจฺฉนฺโต ‘‘ปฏิคฺคณฺหาม เต อคฺฆํ, ยํ, ตฺวํ โควินฺท, ภาสสี’’ติ. วตฺวา โอกาสทานตฺถํ –
‘‘ทิฏฺธมฺมหิตตฺถาย, สมฺปรายสุขาย จ;
กตาวกาโส ปุจฺฉสฺสุ, ยํกิฺจิ อภิปตฺถิต’’นฺติ. (ที. นิ. ๒.๓๑๘) –
โอกาสมกาสิ.
อถ นํ มหาปุริโส สมฺปรายิกํ เอว อตฺถํ –
‘‘ปุจฺฉามิ พฺรหฺมานํ สนงฺกุมารํ, กงฺขี อกงฺขึ ปรเวทิเยสุ;
กตฺถฏฺิโต กิมฺหิ จ สิกฺขมาโน, ปปฺโปติ มจฺโจ อมตํ พฺรหฺมโลก’’นฺติ. (ที. นิ. ๒.๓๑๙) –
ปุจฺฉิ.
ตสฺส พฺรหฺมา พฺยากโรนฺโต –
‘‘หิตฺวา มมตฺตํ มนุเชสุ พฺรหฺเม, เอโกทิภูโต กรุเณธิมุตฺโต;
นิรามคนฺโธ วิรโต เมถุนสฺมา, เอตฺถฏฺิโต เอตฺถ จ สิกฺขมาโน;
ปปฺโปติ มจฺโจ อมตํ พฺรหฺมโลก’’นฺติ. (ที. นิ. ๒.๓๑๙) –
พฺรหฺมโลกคามิมคฺคํ กเถสิ.
ตตฺถ ¶ ¶ มํ เว กุมารํ ชานนฺตีติ เว เอกํเสน มํ ‘‘กุมาโร’’ติ ชานนฺติ. พฺรหฺมโลเกติ เสฏฺโลเก. สนนฺตนนฺติ จิรตนํ โปราณํ. เอวํ, โควินฺท, ชานาหีติ, โควินฺท, เอวํ มํ ธาเรหิ.
อาสนนฺติ ¶ อิทํ โภโต พฺรหฺมุโน นิสีทนตฺถาย อาสนํ ปฺตฺตํ. อิทํ อุทกํ ปริโภชนียํ ปาทานํ โธวนตฺถํ ปานียํ ปิปาสหรณตฺถาย. อิทํ ปชฺชํ ปริสฺสมวิโนทนตฺถํ ปาทพฺภฺชนเตลํ. อิทํ มธุสากํ อตกฺกํ อโลณิกํ อธูปนํ อุทเกน เสทิตํ สากํ สนฺธาย วทติ. ตทา หิ โพธิสตฺตสฺส ตํ จตุมาสํ พฺรหฺมจริยํ อภิสลฺเลขวุตฺติปรมุกฺกฏฺํ อโหสิ. ตสฺสิเม สพฺเพ อคฺเฆ กตฺวา ปุจฺฉาม, ตยิทํ อคฺฆํ กุรุตุ ปฏิคฺคณฺหาตุ โน ภวํ อิทํ อคฺฆนฺติ วุตฺตํ โหติ. อิติ มหาปุริโส พฺรหฺมุโน เนสํ อปริภฺุชนํ ชานนฺโตปิ วตฺตสีเส ตฺวา อตฺตโน อาจิณฺณํ อติถิปูชนํ ทสฺเสนฺโต เอวมาห. พฺรหฺมาปิสฺส อธิปฺปายํ ชานนฺโต ‘‘ปฏิคฺคณฺหาม เต อคฺฆํ, ยํ ตฺวํ, โควินฺท, ภาสสี’’ติ อาห.
ตตฺถ ตสฺส เต อาสเน มยํ นิสินฺนา นาม โหม, ปาโททเกน ปาทา โธตา นาม โหนฺตุ, ปานียํ ปีตา นาม โหม, ปาทพฺภฺชเนน ปาทา มกฺขิตา นาม โหนฺตุ, อุทกสากมฺปิ ปริภุตฺตํ นาม โหตูติ อตฺโถ.
กงฺขี อกงฺขึ ปรเวทิเยสูติ อหํ สวิจิกิจฺโฉ ปเรน สยํ อภิสงฺขตตฺตา ปรสฺส ปากเฏสุ ปรเวทิเยสุ ปฺเหสุ นิพฺพิจิกิจฺฉํ.
หิตฺวา มมตฺตนฺติ ‘‘อิทํ มม, อิทํ มมา’’ติ ปวตฺตนกํ อุปกรณตณฺหํ จชิตฺวา. มนุเชสูติ สตฺเตสุ. พฺรหฺเมติ โพธิสตฺตํ อาลปติ. เอโกทิภูโตติ เอโก อุเทติ ปวตฺตตีติ เอโกทิภูโต เอกีภูโต, เอเกน กายวิเวกํ ทสฺเสติ. อถ วา เอโก อุเทตีติ เอโกทิ, สมาธิ. ตํ ภูโต ปตฺโตติ เอโกทิภูโต, อุปจารปฺปนาสมาธีหิ สมาหิโตติ อตฺโถ. เอตํ เอโกทิภาวํ กรุณาพฺรหฺมวิหารวเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘กรุเณธิมุตฺโต’’ติ อาห. กรุณชฺฌาเน อธิมุตฺโต, ตํ ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวาติ อตฺโถ. นิรามคนฺโธติ กิเลสสงฺขาตวิสฺสคนฺธรหิโต. เอตฺถฏฺิโตติ เอเตสุ ธมฺเมสุ ิโต, เอเต ธมฺเม สมฺปาเทตฺวา. เอตฺถ จ สิกฺขมาโนติ เอเตสุ ธมฺเมสุ สิกฺขมาโน ¶ , เอตํ พฺรหฺมวิหารภาวนํ ภาเวนฺโตติ อตฺโถ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน ปาฬิยํ (ที. นิ. ๒.๒๙๓ อาทโย) อาคโตเยวาติ.
อถ มหาปุริโส ตสฺส พฺรหฺมุโน วจนํ สุตฺวา อามคนฺเธ ชิคุจฺฉนฺโต ‘‘อิทาเนวาหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาห. พฺรหฺมาปิ ¶ ‘‘สาธุ, มหาปุริส, ปพฺพชสฺสุ. เอวํ สติ มยฺหมฺปิ ตว สนฺติเก อาคมนํ สฺวาคมนเมว ภวิสฺสติ, ตฺวํ, ตาต, สกลชมฺพุทีเป อคฺคปุริโส ปมวเย ิโต, เอวํ มหนฺตํ นาม สมฺปตฺตึ อิสฺสริยฺจ ปหาย ปพฺพชนํ นาม คนฺธหตฺถิโน อโยพนฺธนํ ฉินฺทิตฺวา ¶ วนคมนํ วิย อติอุฬารํ, พุทฺธตนฺติ นาเมสา’’ติ มหาโพธิสตฺตสฺส ทฬฺหีกมฺมํ กตฺวา พฺรหฺมโลกเมว คโต. มหาสตฺโตปิ ‘‘มม อิโต นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชนํ นาม น ยุตฺตํ, อหํ ราชกุลานํ อตฺถํ อนุสาสามิ, ตสฺมา เตสํ อาโรเจตฺวา สเจ เตปิ ปพฺพชนฺติ สุนฺทรเมว, โน เจ ปุโรหิตฏฺานํ นิยฺยาเตตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เรณุสฺส ตาว รฺโ อาโรเจตฺวา เตน ภิยฺโยโสมตฺตาย กาเมหิ นิมนฺติยมาโน อตฺตโน สํเวคเหตุํ เอกนฺเตน ปพฺพชิตุกามตฺจสฺส นิเวเทตฺวา เตน ‘‘ยทิ เอวํ อหมฺปิ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ วุตฺเต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา เอเตเนว นเยน สตฺตภูอาทโย ฉ ขตฺติเย, สตฺต จ พฺราหฺมณมหาสาเล, สตฺต จ นฺหาตกสตานิ, อตฺตโน ภริยาโย จ อาปุจฺฉิตฺวา สตฺตาหมตฺตเมว เตสํ จิตฺตานุรกฺขณตฺถํ ตฺวา มหาภินิกฺขมนสทิสํ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิ.
ตสฺส เต สตฺตราชาโน อาทึ กตฺวา สพฺเพว อนุปพฺพชึสุ. สา อโหสิ มหตี ปริสา. อเนกโยชนวิตฺถาราย ปริสาย ปริวุโต มหาปุริโส ธมฺมํ เทเสนฺโต คามนิคมชนปทราชธานีสุ จาริกํ จรติ, มหาชนํ ปฺุเ ปติฏฺาเปติ. คตคตฏฺาเน พุทฺธโกลาหลํ วิย โหติ. มนุสฺสา ‘‘โควินฺทปณฺฑิโต กิร อาคจฺฉตี’’ติ สุตฺวา ปุเรตรเมว มณฺฑปํ กาเรตฺวา ตํ อลงฺการาเปตฺวา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา มณฺฑปํ ปเวเสตฺวา นานคฺครสโภชเนน ปติมาเนนฺติ. มหาลาภสกฺกาโร มโหโฆ วิย อชฺโฌตฺถรนฺโต อุปฺปชฺชิ. มหาปุริโส มหาชนํ ปฺุเ ปติฏฺาเปสิ สีลสมฺปทาย อินฺทฺริยสํวเร โภชเน มตฺตฺุตาย ชาคริยานุโยเค กสิณปริกมฺเม ฌาเนสุ อภิฺาสุ อฏฺสมาปตฺตีสุ พฺรหฺมวิหาเรสูติ. พุทฺธุปฺปาทกาโล วิย อโหสิ.
โพธิสตฺโต ¶ ยาวตายุกํ ปารมิโย ปูเรนฺโต สมาปตฺติสุเขน วีตินาเมตฺวา อายุปริโยสาเน พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติ. ตสฺส ตํ พฺรหฺมจริยํ อิทฺธฺเจว ผีตฺจ วิตฺถาริกํ พาหุชฺํ ปุถุภูตํ ยาว เทวมนุสฺเสหิ สุปฺปกาสิตํ จิรํ ทีฆมทฺธานํ ปวตฺติตฺถ. ตสฺส ¶ เย สาสนํ สพฺเพน สพฺพํ อาชานึสุ, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ พฺรหฺมโลกํ อุปปชฺชึสุ. เย น อาชานึสุ, เต อปฺเปกจฺเจ ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชึสุ. อปฺเปกจฺเจ นิมฺมานรตีนํ…เป… ตุสิตานํ ยามานํ ตาวตึสานํ จาตุมหาราชิกานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชึสุ. เย สพฺพนิหีนา, เต คนฺธพฺพกายํ ปริปูเรสุํ. อิติ มหาชโน เยภุยฺเยน พฺรหฺมโลกูปโค สคฺคูปโค จ อโหสิ. ตสฺมา เทวพฺรหฺมโลกา ปริปูรึสุ. จตฺตาโร อปายา สฺุา วิย อเหสุํ.
อิธาปิ ¶ อกิตฺติชาตเก (ชา. ๑.๑๓.๘๓ อาทโย) วิย โพธิสมฺภารนิทฺธารณา เวทิตพฺพา – ตทา สตฺต ราชาโน มหาเถรา อเหสุํ, เสสปริสา พุทฺธปริสา, มหาโควินฺโท โลกนาโถ. ตถา เรณุอาทีนํ สตฺตนฺนํ ราชูนํ อฺมฺาวิโรเธน ยถา สกรชฺเช ปติฏฺาปนํ, ตถา มหติ สตฺตวิเธ รชฺเช เตสํ อตฺถธมฺมานุสาสเน อปฺปมาโท, ‘‘พฺรหฺมุนาปิ สากจฺฉํ สมาปชฺชตี’’ติ ปวตฺตสมฺภาวนํ ยถาภูตํ กาตุํ จตฺตาโร มาเส ปรมุกฺกํสคโต พฺรหฺมจริยวาโส. เตน พฺรหฺมุโน อตฺตนิ สมาปชฺชนํ, พฺรหฺมุโน โอวาเท ตฺวา สตฺตหิ ราชูหิ สกเลน จ โลเกน อุปนีตํ ลาภสกฺการํ เขฬปิณฺฑํ วิย ฉฑฺเฑตฺวา อปริมาณาย ขตฺติยพฺราหฺมณาทิปริสาย อนุปพฺพชฺชานิมิตฺตาย ปพฺพชฺชาย อนุฏฺานํ, พุทฺธานํ สาสนสฺส วิย อตฺตโน สาสนสฺส จิรกาลานุปฺปพนฺโธติ เอวมาทโย คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพาติ.
มหาโควินฺทจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. นิมิราชจริยาวณฺณนา
๔๐. ฉฏฺเ มิถิลายํ ปุรุตฺตเมติ มิถิลานามเก วิเทหานํ อุตฺตมนคเร. นิมิ นาม มหาราชาติ เนมึ ฆเฏนฺโต วิย อุปฺปนฺโน ‘‘นิมี’’ติ ลทฺธนาโม, มหนฺเตหิ ทานสีลาทิคุณวิเสเสหิ มหตา จ ¶ ราชานุภาเวน สมนฺนาคตตฺตา มหนฺโต ราชาติ มหาราชา. ปณฺฑิโต กุสลตฺถิโกติ อตฺตโน จ ปเรสฺจ ปฺุตฺถิโก.
อตีเต กิร วิเทหรฏฺเ มิถิลานคเร อมฺหากํ โพธิสตฺโต ¶ มฆเทโว นาม ราชา อโหสิ. โส จตุราสีติ วสฺสสหสฺสานิ กุมารกีฬํ กีฬิตฺวา จตุราสีติ วสฺสหสฺสานิ อุปรชฺชํ กาเรตฺวา จตุราสีติ วสฺสสหสฺสานิ รชฺชํ กาเรนฺโต ‘‘ยทา เม สิรสฺมึ ปลิตานิ ปสฺเสยฺยาสิ, ตทา เม อาโรเจยฺยาสี’’ติ กปฺปกสฺส วตฺวา อปรภาเค เตน ปลิตานิ ทิสฺวา อาโรจิเต สุวณฺณสณฺฑาเสน อุทฺธราเปตฺวา หตฺเถ ปติฏฺาเปตฺวา ปลิตํ โอโลเกตฺวา ‘‘ปาตุภูโต โข มยฺหํ เทวทูโต’’ติ สํเวคชาโต ‘‘อิทานิ มยา ปพฺพชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา สตสหสฺสุฏฺานกํ คามวรํ กปฺปกสฺส ทตฺวา เชฏฺกุมารํ ปกฺโกสาเปตฺวา ตสฺส –
‘‘อุตฺตมงฺครุหา มยฺหํ, อิเม ชาตา วโยหรา;
ปาตุภูตา เทวทูตา, ปพฺพชฺชาสมโย มมา’’ติ. (ชา. ๑.๑.๙) –
วตฺวา ¶ สาธุกํ รชฺเช สมนุสาสิตฺวา ยทิปิ อตฺตโน อฺานิปิ จตุราสีติ วสฺสสหสฺสานิ อายุ อตฺถิ, เอวํ สนฺเตปิ มจฺจุโน สนฺติเก ิตํ วิย อตฺตานํ มฺมาโน สํวิคฺคหทโย ปพฺพชฺชํ โรเจติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘สิรสฺมึ ปลิตํ ทิสฺวา, มฆเทโว ทิสมฺปติ;
สํเวคํ อลภี ธีโร, ปพฺพชฺชํ สมโรจยี’’ติ. (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๓๐๙);
โส ปุตฺตํ ‘‘อิมินาว นีหาเรน วตฺเตยฺยาสิ ยถา มยา ปฏิปนฺนํ, มา โข ตฺวํ อนฺติมปุริโส อโหสี’’ติ โอวทิตฺวา นครา นิกฺขมฺม ภิกฺขุปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา จตุราสีติ วสฺสสหสฺสานิ ฌานสมาปตฺตีหิ วีตินาเมตฺวา อายุปริโยสาเน พฺรหฺมโลกปรายโน อโหสิ. ปุตฺโตปิสฺส พหูนิ วสฺสสหสฺสานิ ธมฺเมน รชฺชํ กาเรตฺวา เตเนว อุปาเยน ปพฺพชิตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโน อโหสิ. ตถา ตสฺส ปุตฺโต, ตถา ตสฺส ปุตฺโตติ เอวํ ทฺวีหิ อูนานิ จตุราสีติ ขตฺติยสหสฺสานิ สีเส ปลิตํ ทิสฺวาว ปพฺพชิตานิ. อถ โพธิสตฺโต พฺรหฺมโลเก ิโตว ‘‘ปวตฺตติ นุ โข มยา มนุสฺสโลเก กตํ กลฺยาณํ น ปวตฺตตี’’ติ อาวชฺเชนฺโต อทฺทส ¶ ‘‘เอตฺตกํ อทฺธานํ ปวตฺตํ, อิทานิ นปฺปวตฺติสฺสตี’’ติ. โส ‘‘น โข ปนาหํ มยฺหํ ปเวณิยา อุจฺฉิชฺชิตุํ ทสฺสามี’’ติ อตฺตโน วํเส ชาตรฺโ เอว อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิตฺวา อตฺตโน วํสสฺส เนมึ ฆเฏนฺโต วิย นิพฺพตฺโต. เตน วุตฺตํ ‘‘เนมึ ฆเฏนฺโต วิย อุปฺปนฺโนติ ¶ นิมีติ ลทฺธนาโม’’ติ.
ตสฺส หิ นามคฺคหณทิวเส ปิตรา อานีตา ลกฺขณปากา. ลกฺขณานิ โอโลเกตฺวา ‘‘มหาราช, อยํ กุมาโร ตุมฺหากํ วํสํ ปคฺคณฺหาติ, ปิตุปิตามเหหิปิ มหานุภาโว มหาปฺุโ’’ติ พฺยากรึสุ. ตํ สุตฺวา ราชา ยถาวุตฺเตนตฺเถน ‘‘นิมี’’ติสฺส นามํ อกาสิ, โส ทหรกาลโต ปฏฺาย สีเล อุโปสถกมฺเม จ ยุตฺตปฺปยุตฺโต อโหสิ. อถสฺส ปิตา ปุริมนเยเนว ปลิตํ ทิสฺวา กปฺปกสฺส คามวรํ ทตฺวา ปุตฺตํ รชฺเช สมนุสาสิตฺวา นครา นิกฺขมฺม ปพฺพชิตฺวา ฌานานิ นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโน อโหสิ.
นิมิราชา ปน ทานชฺฌาสยตาย จตูสุ นครทฺวาเรสุ นครมชฺเฌ จาติ ปฺจ ทานสาลาโย กาเรตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตสิ. เอเกกาย ทานสาลาย สตสหสฺสํ สตสหสฺสํ กตฺวา เทวสิกํ ปฺจสตสหสฺสานิ ปริจฺจชิ, ปฺจ สีลานิ รกฺขิ, ปกฺขทิวเสสุ อุโปสถกมฺมํ สมาทิยิ ¶ , มหาชนมฺปิ ทานาทีสุ ปฺุเสุ สมาทเปสิ, สคฺคมคฺคํ อาจิกฺขิ, นิรยภเยน ตชฺเชสิ, ปาปโต นิวาเรสิ. ตสฺส โอวาเท ตฺวา มหาชโน ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา ตโต จุโต เทวโลเก นิพฺพตฺติ, เทวโลโก ปริปูริ, นิรโย ตุจฺโฉ วิย อโหสิ. ตทา ปน อตฺตโน ทานชฺฌาสยสฺส อุฬารภาวํ สวิเสสํ ทานปารมิยา ปูริตภาวฺจ ปเวเทนฺโต สตฺถา –
‘‘ตทาหํ มาปยิตฺวาน, จตุสฺสาลํ จตุมฺมุขํ;
ตตฺถ ทานํ ปวตฺเตสึ, มิคปกฺขินราทิน’’นฺติ. – อาทิมาห;
ตตฺถ ตทาติ ตสฺมึ นิมิราชกาเล. มาปยิตฺวานาติ การาเปตฺวา. จตุสฺสาลนฺติ จตูสุ ทิสาสุ สมฺพนฺธสาลํ. จตุมฺมุขนฺติ จตูสุ ทิสาสุ จตูหิ ทฺวาเรหิ ยุตฺตํ. ทานสาลาย หิ มหนฺตภาวโต เทยฺยธมฺมสฺส ยาจกชนสฺส จ พหุภาวโต น สกฺกา เอเกเนว ทฺวาเรน ¶ ทานธมฺมํ ปริยนฺตํ กาตุํ เทยฺยธมฺมฺจ ปริโยสาเปตุนฺติ สาลาย จตูสุ ทิสาสุ จตฺตาริ มหาทฺวารานิ การาเปสิ. ตตฺถ ทฺวารโต ปฏฺาย ยาว โกณา เทยฺยธมฺโม ราสิกโต ติฏฺติ. อรุณุคฺคํ อาทึ กตฺวา ยาว ปกติยา สํเวสนกาโล, ตาว ทานํ ปวตฺเตติ. อิตรสฺมิมฺปิ กาเล อเนกสตา ปทีปา ฌายนฺติ. ยทา ยทา อตฺถิกา อาคจฺฉนฺติ, ตทา ตทา ทียเตว. ตฺจ ทานํ น กปณทฺธิกวนิพฺพกยาจกานฺเว ¶ , อถ โข อฑฺฒานํ มหาโภคานมฺปิ อุปกปฺปนวเสน มหาสุทสฺสนทานสทิสํ อุฬารตรปณีตตรานํ เทยฺยธมฺมานํ ปริจฺจชนโต สพฺเพปิ สกลชมฺพุทีปวาสิโน มนุสฺสา ปฏิคฺคเหสฺุเจว ปริภฺุชึสุ จ. สกลชมฺพุทีปฺหิ อุนฺนงฺคลํ กตฺวา มหาปุริโส ตทา มหาทานํ ปวตฺเตสิ. ยถา จ มนุสฺสานํ, เอวํ มิคปกฺขิเก อาทึ กตฺวา ติรจฺฉานคตานมฺปิ ทานสาลาย พหิ เอกมนฺเต เตสํ อุปกปฺปนวเสน ทานํ ปวตฺเตสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ตตฺถ ทานํ ปวตฺเตสึ, มิคปกฺขินราทิน’’นฺติ. น เกวลฺจ ติรจฺฉานานเมว, เปตานมฺปิ ทิวเส ทิวเส ปตฺตึ ทาเปสิ. ยถา จ เอกิสฺสา ทานสาลาย, เอวํ ปฺจสุปิ ทานสาลาสุ ทานํ ปวตฺติตฺถ. ปาฬิยํ ปน ‘‘ตทาหํ มาปยิตฺวาน, จตุสฺสาลํ จตุมฺมุข’’นฺติ เอกํ วิย วุตฺตํ, ตํ นครมชฺเฌ ทานสาลํ สนฺธาย วุตฺตํ.
๔๒. อิทานิ ตตฺถ เทยฺยธมฺมํ เอกเทเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘อจฺฉาทนฺจ สยนํ, อนฺนํ ปานฺจ โภชน’’นฺติ อาห.
ตตฺถ อจฺฉาทนนฺติ โขมสุขุมาทินานาวิธนิวาสนปารุปนํ. สยนนฺติ มฺจปลฺลงฺกาทิฺเจว โคนกจิตฺตกาทิฺจ อเนกวิธํ สยิตพฺพกํ, อาสนมฺปิ เจตฺถ สยนคฺคหเณเนว ¶ คหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อนฺนํ ปานฺจ โภชนนฺติ เตสํ เตสํ สตฺตานํ ยถาภิรุจิตํ นานคฺครสํ อนฺนฺเจว ปานฺจ อวสิฏฺํ นานาวิธโภชนวิกติฺจ. อพฺโพจฺฉินฺนํ กริตฺวานาติ อารมฺภโต ปฏฺาย ยาว อายุปริโยสานา อโหรตฺตํ อวิจฺฉินฺนํ กตฺวา.
๔๓-๔. อิทานิ ตสฺส ทานสฺส สมฺมาสมฺโพธึ อารพฺภ ทานปารมิภาเวน ปวตฺติตภาวํ ทสฺเสนฺโต ยถา ตทา อตฺตโน อชฺฌาสโย ปวตฺโต, ตํ อุปมาย ทสฺเสตุํ ‘‘ยถาปิ เสวโก’’ติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ – ยถา นาม เสวกปุริโส อตฺตโน สามิกํ กาลานุกาลํ เสวนวเสน ¶ อุปคโต ลทฺธพฺพธนเหตุ กาเยน วาจาย มนสา สพฺพถาปิ กายวจีมโนกมฺเมหิ ยถา โส อาราธิโต โหติ, เอวํ อาราธนียํ อาราธนเมว เอสติ คเวสติ, ตถา อหมฺปิ โพธิสตฺตภูโต สเทวกสฺส โลกสฺส สามิภูตํ อนุตฺตรํ พุทฺธภาวํ เสเวตุกาโม ตสฺส อาราธนตฺถํ สพฺพภเว สพฺพสฺมึ ¶ นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตภเว ทานปารมิปริปูรณวเสน ทาเนน สพฺพสตฺเต สนฺตปฺเปตฺวา โพธิสงฺขาตโต อริยมคฺคาณโต ชาตตฺตา ‘‘โพธิช’’นฺติ ลทฺธนามํ สพฺพฺุตฺาณํ ปรโต สพฺพถา นานูปาเยหิ เอสิสฺสามิ คเวสิสฺสามิ, ตํ อุตฺตมํ โพธึ สมฺมาสมฺโพธึ ชีวิตปริจฺจาคาทึ ยํกิฺจิ กตฺวา อิจฺฉามิ อภิปตฺเถมีติ.
เอวมิธ ทานชฺฌาสยสฺส อุฬารภาวํ ทสฺเสตุํ ทานปารมิวเสเนว เทสนา กตา. ชาตกเทสนายํ ปนสฺส สีลปารมิอาทีนมฺปิ ปริปูรณํ วิภาวิตเมว, ตถา หิสฺส เหฏฺา วุตฺตนเยเนว สีลาทิคุเณหิ อตฺตานํ อลงฺกริตฺวา มหาชนํ ตตฺถ ปติฏฺเปนฺตสฺส โอวาเท ตฺวา นิพฺพตฺตเทวตา สุธมฺมายํ เทวสภายํ สนฺนิปติตา ‘‘อโห อมฺหากํ นิมิราชานํ นิสฺสาย มยํ อิมํ สมฺปตฺตึ ปตฺตา, เอวรูปาปิ นาม อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ มหาชนสฺส พุทฺธกิจฺจํ สาธยมานา อจฺฉริยมนุสฺสา โลเก อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ มหาปุริสสฺส คุเณ วณฺเณนฺตา อภิตฺถวึสุ. เตน วุตฺตํ –
‘‘อจฺเฉรํ วต โลกสฺมึ, อุปฺปชฺชนฺติ วิจกฺขณา;
ยทา อหุ นิมิราชา, ปณฺฑิโต กุสลตฺถิโก’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๔๒๑) –
อาทิ.
ตํ สุตฺวา สกฺกํ เทวานมินฺทํ อาทึ กตฺวา สพฺเพ เทวา โพธิสตฺตํ ทฏฺุกามา อเหสุํ. อเถกทิวสํ ¶ มหาปุริสสฺส อุโปสถิกสฺส อุปริปาสาทวรคตสฺส ปจฺฉิมยาเม ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสินฺนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ ‘‘ทานํ นุ โข วรํ, อุทาหุ พฺรหฺมจริย’’นฺติ. โส ตํ อตฺตโน กงฺขํ ฉินฺทิตุํ นาสกฺขิ. ตสฺมึ ขเณ สกฺกสฺส ภวนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. สกฺโก ตํ การณํ อาวชฺเชนฺโต โพธิสตฺตํ ตถา วิตกฺเกนฺตํ ทิสฺวา ‘‘หนฺทสฺส วิตกฺกํ ฉินฺทิสฺสามี’’ติ อาคนฺตฺวา ปุรโต ิโต เตน ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ ปุฏฺโ อตฺตโน เทวราชภาวํ อาโรเจตฺวา ¶ ‘‘กึ, มหาราช, จินฺเตสี’’ติ วุตฺเต ตมตฺถํ อาโรเจสิ. สกฺโก พฺรหฺมจริยเมว อุตฺตมํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต –
‘‘หีเนน พฺรหฺมจริเยน, ขตฺติเย อุปปชฺชติ;
มชฺฌิเมน จ เทวตฺตํ, อุตฺตเมน วิสุชฺฌติ.
‘‘น ¶ เหเต สุลภา กายา, ยาจโยเคน เกนจิ;
เย กาเย อุปปชฺชนฺติ, อนคารา ตปสฺสิโน’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๔๒๙-๔๓๐) –
อาห.
ตตฺถ ปุถุติตฺถายตเนสุ เมถุนวิรติมตฺตํ หีนํ พฺรหฺมจริยํ นาม, เตน ขตฺติยกุเล อุปปชฺชติ. ฌานสฺส อุปจารมตฺตํ มชฺฌิมํ นาม, เตน เทวตฺตํ อุปปชฺชติ. อฏฺสมาปตฺตินิพฺพตฺตนํ ปน อุตฺตมํ นาม, เตน พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตติ. ตฺหิ พาหิรกา ‘‘นิพฺพาน’’นฺติ กเถนฺติ. เตนาห ‘‘วิสุชฺฌตี’’ติ. สาสเน ปน ปริสุทฺธสีลสฺส ภิกฺขุโน อฺตรํ เทวนิกายํ ปตฺเถนฺตสฺส พฺรหฺมจริยเจตนา หีนตาย หีนํ นาม, เตน ยถาปตฺถิเต เทวโลเก นิพฺพตฺตติ. ปริสุทฺธสีลสฺส อฏฺสมาปตฺตินิพฺพตฺตนํ มชฺฌิมํ นาม, เตน พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตติ. ปริสุทฺธสีลสฺส ปน วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตปฺปตฺติ อุตฺตมํ นาม, เตน วิสุชฺฌตีติ. อิติ สกฺโก ‘‘มหาราช, ทานโต พฺรหฺมจริยวาโสว สตคุเณน สหสฺสคุเณน สตสหสฺสคุเณน มหปฺผโล’’ติ วณฺเณสิ. กายาติ พฺรหฺมคณา. ยาจโยเคนาติ ยาจนยุตฺเตน. ‘‘ยาชโยเคนา’’ติปิ ปาฬิ, ยชนยุตฺเตน, ทานยุตฺเตนาติ อตฺโถ. ตปสฺสิโนติ ตปนิสฺสิตกา. อิมายปิ คาถาย พฺรหฺมจริยวาสสฺเสว มหานุภาวตํ ทีเปติ. เอวฺจ ปน วตฺวา ‘‘กิฺจาปิ, มหาราช, ทานโต พฺรหฺมจริยเมว มหปฺผลํ, ทฺเวปิ ปเนเต มหาปุริสกตฺตพฺพาว ¶ . ทฺวีสุปิ อปฺปมตฺโต หุตฺวา ทานฺจ เทหิ สีลฺจ รกฺขาหี’’ติ วตฺวา ตํ โอวทิตฺวา สกฏฺานเมว คโต.
อถ นํ เทวคโณ ‘‘มหาราช, กุหึ คตตฺถา’’ติ อาห. สกฺโก ‘‘มิถิลายํ นิมิรฺโ กงฺข ฉินฺทิตุ’’นฺติ ตมตฺถํ ปกาเสตฺวา โพธิสตฺตสฺส คุเณ วิตฺถารโต วณฺเณสิ. ตํ สุตฺวา เทวา ‘‘มหาราช, มยฺหํ นิมิราชานํ ทฏฺุกามมฺหา, สาธุ นํ ปกฺโกสาเปหี’’ติ วทึสุ. สกฺโก ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา มาตลึ อามนฺเตสิ – ‘‘คจฺฉ นิมิราชานํ เวชยนฺตํ อาโรเปตฺวา อาเนหี’’ติ ¶ . โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา รเถน คนฺตฺวา ตตฺถ มหาสตฺตํ อาโรเปตฺวา เตน ยาจิโต ยถากมฺมํ ปาปกมฺมีนํ ปฺุกมฺมีนฺจ านานิ อาจิกฺขนฺโต อนุกฺกเมน เทวโลกํ เนสิ ¶ . เทวาปิ โข ‘‘นิมิราชา อาคโต’’ติ สุตฺวา ทิพฺพคนฺธวาสปุปฺผหตฺถา ยาว จิตฺตกูฏทฺวารโกฏฺกา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา มหาสตฺตํ ทิพฺพคนฺธาทีหิ ปูเชนฺตา สุธมฺมํ เทวสภํ อานยึสุ. ราชา รถา โอตริตฺวา เทวสภํ ปวิสิตฺวา สกฺเกน สทฺธึ เอกาสเน นิสีทิตฺวา เตน ทิพฺเพหิ กาเมหิ นิมนฺติยมาโน ‘‘อลํ, มหาราช, มยฺหํ อิเมหิ ยาจิตกูปเมหิ กาเมหี’’ติ ปฏิกฺขิปิตฺวา อเนกปริยาเยน ธมฺมํ เทเสตฺวา มนุสฺสคณนาย สตฺตาหเมว ตฺวา ‘‘คจฺฉามหํ มนุสฺสโลกํ, ตตฺถ ทานาทีนิ ปฺุานิ กริสฺสามี’’ติ อาห. สกฺโก ‘‘นิมิราชานํ มิถิลํ เนหี’’ติ มาตลึ อาณาเปสิ. โส ตํ เวชยนฺตรถํ อาโรเปตฺวา ปาจีนทิสาภาเคน มิถิลํ ปาปุณิ. มหาชโน ทิพฺพรถํ ทิสฺวา รฺโ ปจฺจุคฺคมนํ อกาสิ. มาตลิ สีหปฺชเร มหาสตฺตํ โอตาเรตฺวา อาปุจฺฉิตฺวา สกฏฺานเมว คโต. มหาชโนปิ ราชานํ ปริวาเรตฺวา ‘‘กีทิโส, เทว, เทวโลโก’’ติ ปุจฺฉิ. ราชา เทวโลกสมฺปตฺตึ วณฺเณตฺวา ‘‘ตุมฺเหปิ ทานาทีนิ ปฺุานิ กโรถ, เอวํ ตสฺมึ เทวโลเก อุปฺปชฺชิสฺสถา’’ติ ธมฺมํ เทเสสิ. โส อปรภาเค ปุพฺเพ วุตฺตนเยน ปลิตํ ทิสฺวา ปุตฺตสฺส รชฺชํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา กาเม ปหาย ปพฺพชิตฺวา จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.
ตทา สกฺโก อนุรุทฺโธ อโหสิ. มาตลิ อานนฺโท. จตุราสีติ ราชสหสฺสานิ พุทฺธปริสา. นิมิราชา โลกนาโถ.
ตสฺส อิธาปิ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว โพธิสมฺภารา นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา พฺรหฺมโลกสมฺปตฺตึ ปหาย ปุพฺเพ อตฺตนา ปวตฺติตํ กลฺยาณวตฺตํ อนุปฺปพนฺเธสฺสามีติ มหากรุณาย มนุสฺสโลเก นิพฺพตฺตนํ, อุฬาโร ทานชฺฌาสโย, ตทนุรูปา ทานาทีสุ ปฏิปตฺติ, มหาชนสฺส จ ตตฺถ ปติฏฺาปนํ, ยาว เทวมนุสฺสานํ ปตฺถฏยสตา, สกฺกสฺส เทวราชสฺส อุปสงฺกมเน อติวิมฺหยตา, เตน ทิพฺพสมฺปตฺติยา นิมนฺติยมาโนปิ ¶ ตํ อนลงฺกริตฺวา ปฺุสมฺภารปริพฺรูหนตฺถํ ปุน มนุสฺสวาสูปคมนํ, ลาภสมฺปตฺตีสุ สพฺพตฺถ อลคฺคภาโวติ เอวมาทโย คุณานุภาวา นิทฺธาเรตพฺพาติ.
นิมิราชจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. จนฺทกุมารจริยาวณฺณนา
๔๕. สตฺตเม ¶ ¶ เอกราชสฺส อตฺรโชติ เอกราชสฺส นาม กาสิรฺโ โอรสปุตฺโต. นคเร ปุปฺผวติยาติ ปุปฺผวตินามเก นคเร. จนฺทสวฺหโยติ จนฺทสทฺเทน อวฺหาตพฺโพ, จนฺทนาโมติ อตฺโถ.
อตีเต กิร อยํ พาราณสี ปุปฺผวตี นาม อโหสิ. ตตฺถ วสวตฺติรฺโ ปุตฺโต เอกราชา นาม รชฺชํ กาเรสิ. โพธิสตฺโต ตสฺส โคตมิยา นาม อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ. ‘‘จนฺทกุมาโร’’ติสฺส นามมกํสุ. ตสฺส ปทสา คมนกาเล อปโรปิ ปุตฺโต อุปฺปนฺโน, ตสฺส ‘‘สูริยกุมาโร’’ติ นามมกํสุ. ตสฺส ปทสา คมนกาเล เอกา ธีตา อุปฺปนฺนา, ‘‘เสลา’’ติสฺสา นามมกํสุ. เวมาติกา จ เนสํ ภทฺทเสโน สูโร จาติ ทฺเว ภาตโร อเหสุํ. โพธิสตฺโต อนุปุพฺเพน วุทฺธิปฺปตฺโต สิปฺเปสุ จ วิชฺชาฏฺาเนสุ จ ปารํ อคมาสิ. ตสฺส ราชา อนุจฺฉวิกํ จนฺทํ นาม ราชธีตรํ อาเนตฺวา อุปรชฺชํ อทาสิ. โพธิสตฺตสฺส เอโก ปุตฺโต อุปฺปนฺโน, ตสฺส ‘‘วาสุโล’’ติ นามมกํสุ. ตสฺส ปน รฺโ ขณฺฑหาโล นาม ปุโรหิโต, ตํ ราชา วินิจฺฉเย เปสิ. โส ลฺชวิตฺตโก หุตฺวา ลฺชํ คเหตฺวา อสฺสามิเก สามิเก กโรติ, สามิเก จ อสฺสามิเก กโรติ. อเถกทิวสํ อฏฺฏปราชิโต เอโก ปุริโส วินิจฺฉยฏฺาเน อุปกฺโกเสนฺโต นิกฺขมิตฺวา ราชูปฏฺานํ คจฺฉนฺตํ โพธิสตฺตํ ทิสฺวา ตสฺส ปาเทสุ นิปติตฺวา ‘‘สามิ ขณฺฑหาโล วินิจฺฉเย วิโลปํ ขาทติ, อหํ เตน ลฺชํ คเหตฺวา ปราชยํ ปาปิโต’’ติ อฏฺฏสฺสรมกาสิ. โพธิสตฺโต ‘‘มา ภายี’’ติ ตํ อสฺสาเสตฺวา วินิจฺฉยํ เนตฺวา สามิกเมว สามิกํ อกาสิ. มหาชโน มหาสทฺเทน สาธุการมทาสิ.
ราชา ‘‘โพธิสตฺเตน กิร อฏฺโฏ สุวินิจฺฉิโต’’ติ สุตฺวา ตํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ตาต, อิโต ปฏฺาย ¶ ตฺวเมว อฏฺฏกรเณ วินิจฺฉยํ วินิจฺฉินาหี’’ติ วินิจฺฉยํ โพธิสตฺตสฺส อทาสิ. ขณฺฑหาลสฺส อาโย ปจฺฉิชฺชิ. โส ตโต ปฏฺาย โพธิสตฺเต อาฆาตํ พนฺธิตฺวา ¶ โอตาราเปกฺโข วิจริ. โส ปน ราชา มุธปฺปสนฺโน. โส เอกทิวสํ สุปินนฺเตน เทวโลกํ ปสฺสิตฺวา ตตฺถ คนฺตุกาโม หุตฺวา ‘‘ปุโรหิตํ ¶ พฺรหฺมโลกคามิมคฺคํ อาจิกฺขา’’ติ อาห. โส ‘‘อติทานํ ททนฺโต สพฺพจตุกฺเกน ยฺํ ยชสฺสู’’ติ วตฺวา รฺา ‘‘กึ อติทาน’’นฺติ ปุฏฺโ ‘‘อตฺตโน ปิยปุตฺตา ปิยภริยา ปิยธีตโร มหาวิภวเสฏฺิโน มงฺคลหตฺถิอสฺสาทโยติ เอเต จตฺตาโร จตฺตาโร กตฺวา ทฺวิปทจตุปฺปเท ยฺตฺถาย ปริจฺจชิตฺวา เตสํ คลโลหิเตน ยชนํ อติทานํ นามา’’ติ สฺาเปสิ. อิติ โส ‘‘สคฺคมคฺคํ อาจิกฺขิสฺสามี’’ติ นิรยมคฺคํ อาจิกฺขิ.
ราชาปิ ตสฺมึ ปณฺฑิตสฺี หุตฺวา ‘‘เตน วุตฺตวิธิ สคฺคมคฺโค’’ติ สฺาย ตํ ปฏิปชฺชิตุกาโม มหนฺตํ ยฺาวาฏํ การาเปตฺวา ตตฺถ โพธิสตฺตาทิเก จตฺตาโร ราชกุมาเร อาทึ กตฺวา ขณฺฑหาเลน วุตฺตํ สพฺพํ ทฺวิปทจตุปฺปทํ ยฺปสุตฏฺาเน เนถาติ อาณาเปสิ. สพฺพฺจ ยฺสมฺภารํ อุปกฺขฏํ อโหสิ. ตํ สุตฺวา มหาชโน มหนฺตํ โกลาหลํ อกาสิ. ราชา วิปฺปฏิสารี หุตฺวา ขณฺฑหาเลน อุปตฺถมฺภิโต ปุนปิ ตถา ตํ อาณาเปสิ. โพธิสตฺโต ‘‘ขณฺฑหาเลน วินิจฺฉยฏฺานํ อลภนฺเตน มยิ อาฆาตํ พนฺธิตฺวา มเมว มรณํ อิจฺฉนฺเตน มหาชนสฺส อนยพฺยสนํ อุปฺปาทิต’’นฺติ ชานิตฺวา นานาวิเธหิ อุปาเยหิ ราชานํ ตโต ทุคฺคหิตคฺคาหโต วิเวเจตุํ วายมิตฺวาปิ นาสกฺขิ. มหาชโน ปริเทวิ, มหนฺตํ การฺุมกาสิ. มหาชนสฺส ปริเทวนฺตสฺเสว ยฺาวาเฏ สพฺพกมฺมานิ นิฏฺาเปสิ. ราชปุตฺตํ เนตฺวา คีวาย นาเมตฺวา นิสีทาเปสุํ. ขณฺฑหาโล สุวณฺณปาตึ อุปนาเมตฺวา ขคฺคํ อาทาย ‘‘ตสฺส คีวํ ฉินฺทิสฺสามี’’ติ อฏฺาสิ. ตํ ทิสฺวา จนฺทา นาม ราชปุตฺตสฺส เทวี ‘‘อฺํ เม ปฏิสรณํ นตฺถิ, อตฺตโน สจฺจพเลน สามิกสฺส โสตฺถึ กริสฺสามี’’ติ อฺชลึ ปคฺคยฺห ปริสาย อนฺตเร วิจรนฺตี ‘‘อิทํ เอกนฺเตเนว ปาปกมฺมํ, ยํ ขณฺฑหาโล สคฺคมคฺโคติ กโรติ. อิมินา มยฺหํ สจฺจวจเนน มม สามิกสฺส โสตฺถิ โหตุ.
‘‘ยา เทวตา อิธ โลเก, สพฺพา ตา สรณํ คตา;
อนาถํ ตายถ มมํ, ยถาหํ ปติมา สิย’’นฺติ. –
สจฺจกิริยมกาสิ. สกฺโก ¶ เทวราชา ตสฺสา ปริเทวนสทฺทํ สุตฺวา ตํ ปวตฺตึ ตฺวา ชลิตํ อโยกูฏํ อาทาย อาคนฺตฺวา ราชานํ ตาเสตฺวา ¶ สพฺเพ วิสฺสชฺชาเปสิ. สกฺโกปิ ตทา อตฺตโน ทิพฺพรูปํ ทสฺเสตฺวา สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูตํ วชิรํ ปริพฺภมนฺโต ‘‘อเร, ปาปราช กาฬกณฺณิ, กทา ตยา ปาณาติปาเตน สุคติคมนํ ทิฏฺปุพฺพํ, จนฺทกุมารํ สพฺพฺจ อิมํ ชนํ พนฺธนโต ¶ โมเจหิ, โน เจ โมเจสฺสสิ, เอตฺเถว เต อิมสฺส จ ทุฏฺพฺราหฺมณสฺส สีสํ ผาเลสฺสามี’’ติ อากาเส อฏฺาสิ. ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา ราชา พฺราหฺมโณ จ สีฆํ สพฺเพ พนฺธนา โมเจสุํ.
อถ มหาชโน เอกโกลาหลํ กตฺวา สหสา ยฺาวาฏํ อชฺโฌตฺถริตฺวา ขณฺฑหาลสฺส เอเกกํ เลฑฺฑุปฺปหารํ เทนฺโต ตตฺเถว นํ ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา ราชานมฺปิ มาเรตุํ อารภิ. โพธิสตฺโต ปุเรตรเมว ปิตรํ ปลิสฺสชิตฺวา ิโต มาเรตุํ น อทาสิ. มหาชโน ‘‘ชีวิตํ ตาวสฺส ปาปรฺโ เทม, ฉตฺตํ ปนสฺส น ทสฺสาม, นคเร วาสํ วา น ทสฺสาม, ตํ จณฺฑาลํ กตฺวา พหินคเร วาสาเปสฺสามา’’ติ ราชเวสํ หาเรตฺวา กาสาวํ นิวาสาเปตฺวา หลิทฺทิปิโลติกาย สีสํ เวเตฺวา จณฺฑาลํ กตฺวา จณฺฑาลคามํ ปหิณึสุ. เย ปน ตํ ปสุฆาตยฺํ ยชึสุ เจว ยชาเปสฺุจ อนุโมทึสุ จ, สพฺเพ เต นิรยปรายนา อเหสุํ. เตนาห ภควา –
‘‘สพฺเพ ปติฏฺา นิรยํ, ยถา ตํ ปาปกํ กริตฺวาน;
น หิ ปาปกมฺมํ กตฺวา, ลพฺภา สุคตึ อิโต คนฺตุ’’นฺติ. (ชา. ๒.๒๒.๑๑๔๓);
อถ สพฺพาปิ ราชปริสา นาครา เจว ชานปทา จ สมาคนฺตฺวา โพธิสตฺตํ รชฺเช อภิสิฺจึสุ. โส ธมฺเมน รชฺชํ อนุสาสนฺโต ตํ อตฺตโน มหาชนสฺส จ อการเณเนว อุปฺปนฺนํ อนยพฺยสนํ อนุสฺสริตฺวา สํเวคชาโต ปฺุกิริยาสุ ภิยฺโยโสมตฺตาย อุสฺสาหชาโต มหาทานํ ปวตฺเตสิ, สีลานิ รกฺขิ, อุโปสถกมฺมํ สมาทิยิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ตทาหํ ยชนา มุตฺโต, นิกฺขนฺโต ยฺวาฏโต;
สํเวคํ ชนยิตฺวาน, มหาทานํ ปวตฺตยิ’’นฺติ. – อาทิ;
ตตฺถ ¶ ¶ ยชนา มุตฺโตติ ขณฺฑหาเลน วิหิตยฺวิธิโต วุตฺตนเยน ฆาเตตพฺพโต มุตฺโต. นิกฺขนฺโต ยฺวาฏโตติ อภิเสกกรณตฺถาย อุสฺสาหชาเตน มหาชเนน สทฺธึ ตโต ยฺภูมิโต นิคฺคโต. สํเวคํ ชนยิตฺวานาติ เอวํ ‘‘พหุอนฺตราโย โลกสนฺนิวาโส’’ติ อติวิย สํเวคํ อุปฺปาเทตฺวา. มหาทานํ ปวตฺตยินฺติ ฉ ทานสาลาโย การาเปตฺวา มหตา ธนปริจฺจาเคน เวสฺสนฺตรทานสทิสํ ¶ มหาทานมทาสึ. เอเตน อภิเสกกรณโต ปฏฺาย ตสฺส มหาทานสฺส ปวตฺติตภาวํ ทสฺเสติ.
๔๗. ทกฺขิเณยฺเย อทตฺวานาติ ทกฺขิณารเห ปุคฺคเล เทยฺยธมฺมํ อปริจฺจชิตฺวา. อปิ ฉปฺปฺจ รตฺติโยติ อปฺเปกทา ฉปิ ปฺจปิ รตฺติโย อตฺตโน ปิวนขาทนภฺุชนานิ น กโรมีติ ทสฺเสติ.
ตทา กิร โพธิสตฺโต สกลชมฺพุทีปํ อุนฺนงฺคลํ กตฺวา มหาเมโฆ วิย อภิวสฺสนฺโต มหาทานํ ปวตฺเตสิ. ตตฺถ กิฺจาปิ ทานสาลาสุ อนฺนปานาทิอุฬารุฬารปณีตปณีตเมว ยาจกานํ ยถารุจิตํ ทิวเส ทิวเส ทียติ, ตถาปิ อตฺตโน สชฺชิตํ อาหารํ ราชารหโภชนมฺปิ ยาจกานํ อทตฺวา น ภฺุชติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘นาหํ ปิวามี’’ติอาทิ.
๔๘. อิทานิ ตถา ยาจกานํ ทาเน การณํ ทสฺเสนฺโต อุปมํ ตาว อาหรติ ‘‘ยถาปิ วาณิโช นามา’’ติอาทินา. ตสฺสตฺโถ – ยถา นาม วาณิโช ภณฺฑฏฺานํ คนฺตฺวา อปฺเปน ปาภเตน พหุํ ภณฺฑํ วิกฺกิณิตฺวา วิปุลํ ภณฺฑสนฺนิจยํ กตฺวา เทสกาลํ ชานนฺโต ยตฺถสฺส ลาโภ อุทโย มหา โหติ, ตตฺถ เทเส กาเล วา ตํ ภณฺฑํ หรติ อุปเนติ วิกฺกิณาติ.
๔๙. สกภุตฺตาปีติ สกภุตฺตโตปิ อตฺตนา ปริภุตฺตโตปิ. ‘‘สกปริภุตฺตาปี’’ติปิ ปาโ. ปเรติ ปรสฺมึ ปฏิคฺคาหกปุคฺคเล. สตภาโคติ อเนกสตภาโค อายตึ ภวิสฺสติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา วาณิเชน กีตภณฺฑํ ตตฺเถว อวิกฺกิณิตฺวา ตถารูเป เทเส กาเล จ วิกฺกิณิยมานํ พหุํ อุทยํ วิปุลํ ผลํ โหติ, ตเถว อตฺตโน สนฺตกํ อตฺตนา อนุปภฺุชิตฺวา ปรสฺมึ ปฏิคฺคาหกปุคฺคเล ทินฺนํ มหปฺผลํ อเนกสตภาโค ภวิสฺสติ, ตสฺมา อตฺตนา ¶ อภฺุชิตฺวาปิ ปรสฺส ทาตพฺพเมวาติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา – ‘‘ติรจฺฉานคเต ทานํ ทตฺวา สตคุณา ¶ ทกฺขิณา ปาฏิกงฺขิตพฺพา. ปุถุชฺชนทุสฺสีเล ทานํ ทตฺวา สหสฺสคุณา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๗๙) วิตฺถาโร. อปรมฺปิ วุตฺตํ ‘‘เอวํ เจ, ภิกฺขเว, สตฺตา ชาเนยฺยุํ ทานสํวิภาคสฺส วิปากํ, ยถาหํ ชานามิ, น อทตฺวา ภฺุเชยฺยุํ, น จ เนสํ มจฺเฉรมลํ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺเยฺย. โยปิ เนสํ อสฺส จริโม อาโลโป จริมํ กพฬํ, ตโตปิ น อสํวิภชิตฺวา ภฺุเชยฺยุ’’นฺติอาทิ (อิติวุ. ๒๖).
๕๐. เอตมตฺถวสํ ตฺวาติ เอตํ ทานสฺส มหปฺผลภาวสงฺขาตฺเจว สมฺมาสมฺโพธิยา ปจฺจยภาวสงฺขาตฺจ ¶ อตฺถวสํ การณํ ชานิตฺวา. น ปฏิกฺกมามิ ทานโตติ ทานปารมิโต อีสกมฺปิ น นิวตฺตามิ อภิกฺกมามิ เอว. กิมตฺถํ? สมฺโพธิมนุปตฺติยาติ สมฺโพธึ สพฺพฺุตฺาณํ อนุปฺปตฺติยา อนุปฺปตฺติยตฺถํ, อธิคนฺตุนฺติ อตฺโถ.
ตทา โพธิสตฺโต มหาชเนน ปิตริ จณฺฑาลคามํ ปเวสิเต ทาตพฺพยุตฺตกํ ปริพฺพยํ ทาเปสิ นิวาสนานิ ปารุปนานิ จ. โสปิ นครํ ปวิสิตุํ อลภนฺโต โพธิสตฺเต อุยฺยานกีฬาทิอตฺถํ พหิคเต อุปสงฺกมติ, ปุตฺตสฺาย ปน น วนฺทติ, น อฺชลิกมฺมํ กโรติ, ‘‘จิรํ ชีว, สามี’’ติ วทติ. โพธิสตฺโตปิ ทิฏฺทิวเส อติเรกสมฺมานํ กโรติ. โส เอวํ ธมฺเมน รชฺชํ กาเรตฺวา อายุปริโยสาเน สปริโส เทวโลกํ ปูเรสิ.
ตทา ขณฺฑหาโล เทวทตฺโต อโหสิ, โคตมี เทวี มหามายา, จนฺทา ราชธีตา ราหุลมาตา, วาสุโล ราหุโล, เสลา อุปฺปลวณฺณา, สูโร มหากสฺสโป, ภทฺทเสโน มหาโมคฺคลฺลาโน, สูริยกุมาโร สาริปุตฺโต, จนฺทราชา โลกนาโถ.
ตสฺส อิธาปิ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว ยถารหํ เสสปารมิโย นิทฺธาเรตพฺพา. ตทา ขณฺฑหาลสฺส กกฺขฬผรุสภาวํ ชานนฺโตปิ อชฺฌุเปกฺขิตฺวา ธมฺเมน สเมน อฏฺฏสฺส วินิจฺฉโย, อตฺตานํ มาเรตุกามสฺเสว ขณฺฑหาลสฺส ตถา ยฺวิธานํ ชานิตฺวาปิ ตสฺส อุปริ จิตฺตปฺปโกปาภาโว, อตฺตโน ปริสํ คเหตฺวา ปิตุ สตฺตุ ภวิตุํ สมตฺโถปิ ‘‘มาทิสสฺส นาม ครูหิ วิโรโธ น ยุตฺโต’’ติ อตฺตานํ ปุริสปสุํ กตฺวา ฆาตาเปตุกามสฺส ปิตุ อาณายํ อวฏฺานํ, โกสิยา อสึ คเหตฺวา สีสํ ¶ ฉินฺทิตุํ อุปกฺกมนฺเต ¶ ปุโรหิเต อตฺตโน ปิตริ ปุตฺเต สพฺพสตฺเตสุ จ เมตฺตาผรเณน สมจิตฺตตา, มหาชเน ปิตรํ มาเรตุํ อุปกฺกมนฺเต สยํ ปลิสฺสชิตฺวา ตสฺส ชีวิตทานฺจ, ทิวเส ทิวเส เวสฺสนฺตรทานสทิสํ มหาทานํ ททโตปิ ทาเนน อติตฺตภาโว, มหาชเนน จณฺฑาเลสุ วาสาปิตสฺส ปิตุ ทาตพฺพยุตฺตกํ ทตฺวา โปสนํ, มหาชนํ ปฺุกิริยาสุ ปติฏฺาปนนฺติ เอวมาทโย คุณานุภาวา นิทฺธาเรตพฺพาติ.
จนฺทกุมารจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. สิวิราชจริยาวณฺณนา
๕๑. อฏฺเม ¶ อริฏฺสวฺหเย นคเรติ อริฏฺปุรนามเก นคเร. สิวิ นามาสิ ขตฺติโยติ สิวีติ โคตฺตโต เอวํนามโก ราชา อโหสิ.
อตีเต กิร สิวิรฏฺเ อริฏฺปุรนคเร สิวิราเช รชฺชํ กาเรนฺเต มหาสตฺโต ตสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ‘‘สิวิกุมาโร’’ติสฺส นามมกํสุ. โส วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา อุคฺคหิตสิปฺโป อาคนฺตฺวา ปิตุ สิปฺปํ ทสฺเสตฺวา อุปรชฺชํ ลภิตฺวา อปรภาเค ปิตุ อจฺจเยน ราชา หุตฺวา อคติคมนํ ปหาย ทส ราชธมฺเม อโกเปตฺวา รชฺชํ กาเรนฺโต นครสฺส จตูสุ ทฺวาเรสุ นครมชฺเฌ นิเวสนทฺวาเรติ ฉ ทานสาลาโย กาเรตฺวา เทวสิกํ ฉสตสหสฺสปริจฺจาเคน มหาทานํ ปวตฺเตสิ. อฏฺมีจาตุทฺทสีปนฺนรสีสุ สยํ ทานสาลํ คนฺตฺวา ทานคฺคํ โอโลเกติ.
โส เอกทา ปุณฺณมทิวเส ปาโตว สมุสฺสิตเสตจฺฉตฺเต ราชปลฺลงฺเก นิสินฺโน อตฺตนา ทินฺนทานํ อาวชฺเชนฺโต พาหิรวตฺถุํ อตฺตนา อทินฺนํ นาม อทิสฺวา ‘‘น เม พาหิรกทานํ ตถา จิตฺตํ โตเสติ, ยถา อชฺฌตฺติกทานํ, อโห วต มม ทานสาลํ คตกาเล โกจิ ยาจโก พาหิรวตฺถุํ อยาจิตฺวา ¶ อชฺฌตฺติกเมว ยาเจยฺย, สเจ หิ เม โกจิ สรีเร มํสํ วา โลหิตํ วา สีสํ วา หทยมํสํ วา อกฺขีนิ วา อุปฑฺฒสรีรํ วา สกลเมว วา อตฺตภาวํ ทาสภาเวน ยาเจยฺย, ตํตเทวสฺส ¶ อธิปฺปายํ ปูเรนฺโต ทาตุํ สกฺโกมี’’ติ จินฺเตสิ. ปาฬิยํ ปน อกฺขีนํ เอว วเสน อาคตา. เตน วุตฺตํ –
‘‘นิสชฺช ปาสาทวเร, เอวํ จินฺเตสหํ ตทา’’.
‘‘ยํกิฺจิ มานุสํ ทานํ, อทินฺนํ เม น วิชฺชติ;
โยปิ ยาเจยฺย มํ จกฺขุํ, ทเทยฺยํ อวิกมฺปิโต’’ติ.
ตตฺถ มานุสํ ทานนฺติ ปกติมนุสฺเสหิ ทาตพฺพทานํ อนฺนปานาทิ. เอวํ ปน มหาสตฺตสฺส อุฬาเร ทานชฺฌาสเย อุปฺปนฺเน สกฺกสฺส ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. โส ตสฺส การณํ อาวชฺเชนฺโต โพธิสตฺตสฺส อชฺฌาสยํ ทิสฺวา ‘‘สิวิราชา อชฺช สมฺปตฺตยาจกา จกฺขูนิ เจ ยาจนฺติ, จกฺขูนิ อุปฺปาเฏตฺวา เนสํ ทสฺสามีติ จินฺเตสี’’ติ สกฺโก เทวปริสาย ¶ วตฺวา ‘‘โส สกฺขิสฺสติ นุ โข ตํ ทาตุํ, อุทาหุ โนติ วีมํสิสฺสามิ ตาว น’’นฺติ โพธิสตฺเต โสฬสหิ คนฺโธทกฆเฏหิ นฺหตฺวา สพฺพาลงฺกาเรหิ ปฏิมณฺฑิเต อลงฺกตหตฺถิกฺขนฺธวรคเต ทานคฺคํ คจฺฉนฺเต ชราชิณฺโณ อนฺธพฺราหฺมโณ วิย หุตฺวา ตสฺส จกฺขุปเถ เอกสฺมึ อุนฺนตปฺปเทเส อุโภ หตฺเถ ปสาเรตฺวา ราชานํ ชยาเปตฺวา ิโต โพธิสตฺเตน ตทภิมุขํ วารณํ เปเสตฺวา ‘‘พฺราหฺมณ, กึ อิจฺฉสี’’ติ ปุจฺฉิโต ‘‘ตว ทานชฺฌาสยํ นิสฺสาย สมุคฺคเตน กิตฺติโฆเสน สกลโลกสนฺนิวาโส นิรนฺตรํ ผุโฏ, อหฺจ อนฺโธ, ตสฺมา ตํ ยาจามี’’ติ อุปจารวเสน เอกํ จกฺขุํ ยาจิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘มม สงฺกปฺปมฺาย, สกฺโก เทวานมิสฺสโร;
นิสินฺโน เทวปริสาย, อิทํ วจนมพฺรวิ.
‘‘นิสชฺช ปาสาทวเร, สิวิราชา มหิทฺธิโก;
จินฺเตนฺโต วิวิธํ ทานํ, อเทยฺยํ โส น ปสฺสติ.
‘‘ตถํ นุ วิตถํ เนตํ, หนฺท วีมํสยามิ ตํ;
มุหุตฺตํ อาคเมยฺยาถ, ยาว ชานามิ ตํ มนํ.
‘‘ปเวธมาโน ปลิตสิโร, วลิคตฺโต ชราตุโร;
อนฺธวณฺโณว หุตฺวาน, ราชานํ อุปสงฺกมิ.
‘‘โส ¶ ตทา ปคฺคเหตฺวาน, วามํ ทกฺขิณพาหุ จ;
สิรสฺมึ อฺชลึ กตฺวา, อิทํ วจนมพฺรวิ.
‘‘‘ยาจามิ ตํ มหาราช, ธมฺมิก รฏฺวฑฺฒน;
ตว ทานรตา กิตฺติ, อุคฺคตา เทวมานุเส.
‘‘‘อุโภปิ เนตฺตา นยนา, อนฺธา อุปหตา มม;
เอกํ เม นยนํ เทหิ, ตฺวมฺปิ เอเกน ยาปยา’’’ติ.
ตตฺถ จินฺเตนฺโต วิวิธํ ทานนฺติ อตฺตนา ทินฺนํ วิวิธํ ทานํ จินฺเตนฺโต, อาวชฺเชนฺโต ทานํ วา อตฺตนา ทินฺนํ วิวิธํ พาหิรํ เทยฺยธมฺมํ จินฺเตนฺโต. อเทยฺยํ โส น ปสฺสตีติ พาหิรํ วิย อชฺฌตฺติกวตฺถุมฺปิ อเทยฺยํ ทาตุํ อสกฺกุเณยฺยํ น ปสฺสติ, ‘‘จกฺขูนิปิ อุปฺปาเฏตฺวา ทสฺสามี’’ติ จินฺเตสีติ ¶ อธิปฺปาโย. ตถํ นุ วิตถํ เนตนฺติ เอตํ อชฺฌตฺติกวตฺถุโนปิ ¶ อเทยฺยสฺส อทสฺสนํ เทยฺยภาเวเนว ทสฺสนํ จินฺตนํ สจฺจํ นุ โข, อุทาหุ, อสจฺจนฺติ อตฺโถ. โส ตทา ปคฺคเหตฺวาน, วามํ ทกฺขิณพาหุ จาติ วามพาหุํ ทกฺขิณพาหฺุจ ตทา ปคฺคเหตฺวา, อุโภ พาหู อุกฺขิปิตฺวาติ อตฺโถ. รฏฺวฑฺฒนาติ รฏฺวฑฺฒีกร. ตฺวมฺปิ เอเกน ยาปยาติ เอเกน จกฺขุนา สมวิสมํ ปสฺสนฺโต สกํ อตฺตภาวํ ตฺวํ ยาเปหิ, อหมฺปิ ภวโต ลทฺเธน เอเกน ยาเปมีติ ทสฺเสติ.
ตํ สุตฺวา มหาสตฺโต ตุฏฺมานโส ‘‘อิทาเนวาหํ ปาสาเท นิสินฺโน เอวํ จินฺเตตฺวา อาคโต, อยฺจ เม จิตฺตํ ตฺวา วิย จกฺขุํ ยาจติ, อโห วต เม ลาภา, อชฺช เม มโนรโถ มตฺถกํ ปาปุณิสฺสติ, อทินฺนปุพฺพํ วต ทานํ ทสฺสามี’’ติ อุสฺสาหชาโต อโหสิ. ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห –
‘‘ตสฺสาหํ วจนํ สุตฺวา, หฏฺโ สํวิคฺคมานโส;
กตฺชลี เวทชาโต, อิทํ วจนมพฺรวึ.
‘‘‘อิทานาหํ จินฺตยิตฺวาน, ปาสาทโต อิธาคโต;
ตฺวํ มม จิตฺตมฺาย, เนตฺตํ ยาจิตุมาคโต.
‘‘‘อโห ¶ เม มานสํ สิทฺธํ, สงฺกปฺโป ปริปูริโต;
อทินฺนปุพฺพํ ทานวรํ, อชฺช ทสฺสามิ ยาจเก’’’ติ.
ตตฺถ ตสฺสาติ ตสฺส พฺราหฺมณรูปธรสฺส สกฺกสฺส. หฏฺโติ ตุฏฺโ. สํวิคฺคมานโสติ มม จิตฺตํ ชานิตฺวา วิย อิมินา พฺราหฺมเณน จกฺขุ ยาจิตํ, เอตฺตกํ กาลํ เอวํ อจินฺเตตฺวา ปมชฺชิโต วตมฺหีติ สํวิคฺคจิตฺโต. เวทชาโตติ ชาตปีติปาโมชฺโช. อพฺรวินฺติ อภาสึ. มานสนฺติ มนสิ ภวํ มานสํ, ทานชฺฌาสโย, ‘‘จกฺขุํ ทสฺสามี’’ติ อุปฺปนฺนทานชฺฌาสโยติ อตฺโถ. สงฺกปฺโปติ มโนรโถ. ปริปูริโตติ ปริปุณฺโณ.
อถ โพธิสตฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ มม จิตฺตาจารํ ตฺวา วิย ทุจฺจชมฺปิ จกฺขุํ มํ ยาจติ, สิยา นุ โข กายจิ เทวตาย อนุสิฏฺโ ภวิสฺสติ, ปุจฺฉิสฺสามิ ตาว น’’นฺติ จินฺเตตฺวา ตํ พฺราหฺมณํ ปุจฺฉิ. เตนาห ภควา ชาตกเทสนายํ –
‘‘เกนานุสิฏฺโ ¶ อิธมาคโตสิ, วนิพฺพก จกฺขุปถานิ ยาจิตุํ;
สุทุจฺจชํ ¶ ยาจสิ อุตฺตมงฺคํ, ยมาหุ เนตฺตํ ปุริเสน ทุจฺจช’’นฺติ.(ชา. ๑.๑๕.๕๓);
ตํ สุตฺวา พฺราหฺมณรูปธโร สกฺโก อาห –
‘‘ยมาหุ เทเวสุ สุชมฺปตีติ, มฆวาติ นํ อาหุ มนุสฺสโลเก;
เตนานุสิฏฺโ อิธมาคโตสฺมิ, วนิพฺพโก จกฺขุปถานิ ยาจิตุํ.
‘‘วนิพฺพโต มยฺหํ วนึ อนุตฺตรํ, ททาหิ เต จกฺขุปถานิ ยาจิโต;
ททาหิ เม จกฺขุปถํ อนุตฺตรํ, ยมาหุ เนตฺตํ ปุริเสน ทุจฺจช’’นฺติ. (ชา. ๑.๑๕.๕๔-๕๕);
มหาสตฺโต อาห –
‘‘เยน อตฺเถน อาคจฺฉิ, ยมตฺถมภิปตฺถยํ;
เต เต อิชฺฌนฺตุ สงฺกปฺปา, ลภ จกฺขูนิ พฺราหฺมณ.
‘‘เอกํ ¶ เต ยาจมานสฺส, อุภยานิ ททามหํ;
ส จกฺขุมา คจฺฉ ชนสฺส เปกฺขโต,
ยทิจฺฉเส ตฺวํ ตท เต สมิชฺฌตู’’ติ. (ชา. ๑.๑๕.๕๖-๕๗);
ตตฺถ วนิพฺพกาติ ตํ อาลปติ. จกฺขุปถานีติ ทสฺสนสฺส ปถภาวโต จกฺขูนเมเวตํ นามํ. ยมาหูติ ยํ โลเก ‘‘ทุจฺจช’’นฺติ กเถนฺติ. วนิพฺพโตติ ยาจนฺตสฺส. วนินฺติ ยาจนํ. เต เตติ เต ตว ตสฺส อนฺธสฺส สงฺกปฺปา. ส จกฺขุมาติ โส ตฺวํ มม จกฺขูหิ จกฺขุมา หุตฺวา. ตท เต สมิชฺฌตูติ ยํ ตฺวํ มม สนฺติกา อิจฺฉสิ, ตํ เต สมิชฺฌตูติ.
ราชา เอตฺตกํ กเถตฺวา ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ สกฺเกน อนุสิฏฺโ อิธาคโตสฺมีติ ภณติ, นูน อิมสฺส อิมินา อุปาเยน จกฺขุ สมฺปชฺชิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘อิเธว มยา จกฺขูนิ อุปฺปาเฏตฺวา ทาตุํ อสารุปฺป’’นฺติ จินฺเตตฺวา พฺราหฺมณํ อาทาย อนฺเตปุรํ คนฺตฺวา ราชาสเน นิสีทิตฺวา สิวกํ นาม เวชฺชํ ปกฺโกสาเปสิ. อถ ‘‘อมฺหากํ กิร ราชา อกฺขีนิ อุปฺปาเฏตฺวา พฺราหฺมณสฺส ทาตุกาโม’’ติ สกลนคเร เอกโกลาหลํ ¶ อโหสิ. อถ นํ รฺโ าติเสนาปติอาทโย ราชวลฺลภา ¶ อมจฺจา ปาริสชฺชา นาครา โอโรธา จ สพฺเพ สนฺนิปติตฺวา นานาอุปาเยหิ นิวาเรสุํ. ราชาปิ เน อนุวาเรสิ เตนาห –
‘‘มา โน เทว อทา จกฺขุํ, มา โน สพฺเพ ปรากริ;
ธนํ เทหิ มหาราช, มุตฺตา เวฬุริยา พหู.
‘‘ยุตฺเต เทว รเถ เทหิ, อาชานีเย จลงฺกเต;
นาเค เทหิ มหาราช, เหมกปฺปนวาสเส.
‘‘ยถา ตํ สิวโย สพฺเพ, สโยคฺคา สรถา สทา;
สมนฺตา ปริกิเรยฺยุํ, เอวํ เทหิ รเถสภา’’ติ. (ชา. ๑.๑๕.๕๘-๖๐);
อถ ราชา ติสฺโส คาถา อภาสิ –
‘‘โย เว ทสฺสนฺติ วตฺวาน, อทาเน กุรุเต มโน;
ภูมฺยํ โส ปติตํ ปาสํ, คีวายํ ปฏิมฺุจติ.
‘‘โย ¶ เว ทสฺสนฺติ วตฺวาน, อทาเน กุรุเต มโน;
ปาปา ปาปตโร โหติ, สมฺปตฺโต ยมสาธนํ.
‘‘ยฺหิ ยาเจ ตฺหิ ทเท, ยํ น ยาเจ น ตํ ทเท;
สฺวาหํ ตเมว ทสฺสามิ, ยํ มํ ยาจติ พฺราหฺมโณ’’ติ. (ชา. ๑.๑๕.๖๑-๖๓);
ตตฺถ มา โน, เทวาติ โนติ นิปาตมตฺตํ. เทว, มา จกฺขุํ อทาสิ. มา โน สพฺเพ ปรากรีติ อมฺเห สพฺเพ มา ปริจฺจชิ. อกฺขีสุ หิ ทินฺเนสุ ตฺวํ รชฺชํ น กริสฺสสิ, เอวํ ตยา มยํ ปริจฺจตฺตา นาม ภวิสฺสามาติ อธิปฺปาเยน เอวมาหํสุ. ปริกิเรยฺยุนฺติ ปริวาเรยฺยุํ. เอวํ เทหีติ ยถา ตํ อวิกลจกฺขุํ สิวโย จิรํ ปริวาเรยฺยุํ, เอวํ เทหิ ธนเมวสฺส เทหิ, มา อกฺขีนิ, อกฺขีสุ หิ ทินฺเนสุ น ตํ สิวโย ปริวาเรสฺสนฺตีติ ทสฺเสติ.
ปฏิมฺุจตีติ ปฏิปเวเสติ. ปาปา ปาปตโร โหตีติ ลามกา ลามกตโร นาม โหติ. สมฺปตฺโต ยมสาธนนฺติ ยมสฺส อาณาปวตฺติฏฺานํ อุสฺสทนิรยํ เอส ปตฺโต นาม โหติ. ยฺหิ ยาเจติ ¶ ยํ วตฺถุํ ยาจโก ยาจติ, ทายโกปิ ตเทว ทเทยฺย, น อยาจิตํ, อยฺจ พฺราหฺมโณ จกฺขุํ มํ ยาจติ, น มุตฺตาทิกํ ธนํ, ตํ ทสฺสามีติ วทติ.
อถ ¶ นํ ‘‘อายุอาทีสุ กึ ปตฺเถตฺวา จกฺขูนิ เทสิ เทวา’’ติ ปุจฺฉึสุ. มหาปุริโส ‘‘นาหํ ทิฏฺธมฺมิกํ สมฺปรายิกํ วา สมฺปตฺตึ ปตฺเถตฺวา เทมิ, อปิ จ โพธิสตฺตานํ อาจิณฺณสมาจิณฺโณ โปราณกมคฺโค เอส, ยทิทํ ทานปารมิปูรณํ นามา’’ติ อาห. เตน วุตฺตํ –
‘‘อายุํ นุ วณฺณํ นุ สุขํ พลํ นุ, กึ ปตฺถยาโน นุ ชนินฺท เทสิ;
กถฺหิ ราชา สิวินํ อนุตฺตโร, จกฺขูนิ ทชฺชา ปรโลกเหตุ.
‘‘น วาหเมตํ ยสสา ททามิ, น ปุตฺตมิจฺเฉ น ธนํ น รฏฺํ;
สตฺจ ธมฺโม จริโต ปุราโณ, อิจฺเจว ทาเน รมเต มโน มมา’’ติ. (ชา. ๑.๑๕.๖๔-๖๕);
ตตฺถ ¶ ปรโลกเหตูติ, มหาราช, กถํ นาม ตุมฺหาทิโส ปณฺฑิตปุริโส สกฺกสมฺปตฺติสทิสํ สนฺทิฏฺิกํ อิสฺสริยํ ปหาย ปรโลกเหตุ จกฺขูนิ ทเทยฺยาติ.
น วาหนฺติ น เว อหํ. ยสสาติ ทิพฺพสฺส วา มานุสสฺส วา อิสฺสริยสฺส การณา, อปิจ สตํ โพธิสตฺตานํ ธมฺโม พุทฺธการโก จริโต อาจริโต อาจิณฺโณ ปุราตโน อิจฺเจว อิมินา การเณน ทาเนเยว อีทิโส มม มโน นิรโตติ.
เอวฺจ ปน วตฺวา ราชา อมจฺเจ สฺาเปตฺวา สิวกํ เวชฺชํ อาณาเปสิ – ‘‘เอหิ, สิวก, มม อุโภปิ อกฺขีนิ อิมสฺส พฺราหฺมณสฺส ทาตุํ สีฆํ อุปฺปาเฏตฺวา หตฺเถ ปติฏฺเปหี’’ติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘เอหิ สิวก อุฏฺเหิ, มา ทนฺธยิ มา ปเวธยิ;
อุโภปิ นยนํ เทหิ, อุปฺปาเฏตฺวา วนิพฺพเก.
‘‘ตโต โส โจทิโต มยฺหํ, สิวโก วจนํกโร;
อุทฺธริตฺวาน ปาทาสิ, ตาลมิฺชํว ยาจเก’’ติ.
ตตฺถ ¶ อุฏฺเหีติ อุฏฺานวีริยํ กโรหิ. อิมสฺมึ มม จกฺขุทาเน สหายกิจฺจํ กโรหีติ ทสฺเสติ. มา ทนฺตยีติ มา จิรายิ. อยฺหิ อติทุลฺลโภ จิรกาลํ ปตฺถิโต มยา อุตฺตโม ทานกฺขโณ ปฏิลทฺโธ, โส มา วิรชฺฌีติ อธิปฺปาโย. มา ปเวธยีติ ‘‘อมฺหากํ รฺโ จกฺขูนิ อุปฺปาเฏมี’’ติ จิตฺตุตฺราสวเสน มา เวธยิ สรีรกมฺปํ มา อาปชฺชิ. อุโภปิ ¶ นยนนฺติ อุโภปิ นยเน. วนิพฺพเกติ ยาจกสฺส มยฺหนฺติ มยา. อุทฺธริตฺวาน ปาทาสีติ โส เวชฺโช รฺโ อกฺขิกูปโต อุโภปิ อกฺขีนิ อุปฺปาเฏตฺวา รฺโ หตฺเถ อทาสิ.
เทนฺโต จ น สตฺถเกน อุทฺธริตฺวา อทาสิ. โส หิ จินฺเตสิ – ‘‘อยุตฺตํ มาทิสสฺส สุสิกฺขิตเวชฺชสฺส รฺโ อกฺขีสุ สตฺถปาตน’’นฺติ เภสชฺชานิ ฆํเสตฺวา เภสชฺชจุณฺเณน นีลุปฺปลํ ปริภาเวตฺวา ทกฺขิณกฺขึ อุปสิงฺฆาเปสิ, อกฺขิ ปริวตฺติ, ทุกฺขา เวทนา อุปฺปชฺชิ. โส ปริภาเวตฺวา ปุนปิ อุปสิงฺฆาเปสิ, อกฺขิ อกฺขิกูปโต มุจฺจิ, พลวตรา เวทนา อุทปาทิ, ตติยวาเร ขรตรํ ปริภาเวตฺวา อุปนาเมสิ, อกฺขิ โอสธพเลน ปริพฺภมิตฺวา อกฺขิกูปโต นิกฺขมิตฺวา นฺหารุสุตฺตเกน โอลมฺพมานํ อฏฺาสิ, อธิมตฺตา ¶ เวทนา อุทปาทิ, โลหิตํ ปคฺฆริ, นิวตฺถสาฏกาปิ โลหิเตน เตมึสุ. โอโรธา จ อมจฺจา จ รฺโ ปาทมูเล ปติตฺวา ‘‘เทว, อกฺขีนิ มา เทหิ, เทว, อกฺขีนิ มา เทหี’’ติ มหาปริเทวํ ปริเทวึสุ.
ราชา เวทนํ อธิวาเสตฺวา ‘‘ตาต, มา ปปฺจํ กรี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ วามหตฺเถน อกฺขึ ธาเรตฺวา ทกฺขิณหตฺเถน สตฺถกํ อาทาย อกฺขิสุตฺตกํ ฉินฺทิตฺวา อกฺขึ คเหตฺวา มหาสตฺตสฺส หตฺเถ เปสิ. โส วามกฺขินา ทกฺขิณกฺขึ โอโลเกตฺวา ปริจฺจาคปีติยา อภิภุยฺยมานํ ทุกฺขเวทนํ เวเทนฺโต ‘‘เอหิ, พฺราหฺมณา’’ติ พฺราหฺมณํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘มม อิโต จกฺขุโต สตคุเณน สหสฺสคุเณน สตสหสฺสคุเณน สมนฺตจกฺขุเมว ปิยตรํ, ตสฺส เม อิทํ อกฺขิทานํ ปจฺจโย โหตู’’ติ พฺราหฺมณสฺส อกฺขึ อทาสิ. โส ตํ อุกฺขิปิตฺวา อตฺตโน อกฺขิมฺหิ เปสิ, ตํ ตสฺสานุภาเวน วิกสิตนีลุปฺปลํ วิย หุตฺวา อุปฏฺาสิ. มหาสตฺโต วามกฺขินา ตสฺส ตํ อกฺขึ ทิสฺวา ‘‘อโห สุทินฺนํ มยา อกฺขี’’ติ อนฺโตสมุคฺคตาย ปีติยา นิรนฺตรํ ผุฏสรีโร หุตฺวา อปรมฺปิ อทาสิ. สกฺโกปิ ตํ ¶ ตเถว กตฺวา ราชนิเวสนา นิกฺขมิตฺวา มหาชนสฺส โอโลเกนฺตสฺเสว นครา นิกฺขมิตฺวา เทวโลกเมว คโต.
รฺโ นจิรสฺเสว อกฺขีนิ อาวาฏภาวํ อปฺปตฺตานิ กมฺพลเคณฺฑุกํ วิย อุคฺคเตน มํสปิณฺเฑน ปูเรตฺวา จิตฺตกมฺมรูปสฺส วิย รุหึสุ, เวทนา ปจฺฉิชฺชิ. อถ มหาสตฺโต กติปาหํ ปาสาเท วสิตฺวา ‘‘กึ อนฺธสฺส รชฺเชนาติ อมจฺจานํ รชฺชํ นิยฺยาเตตฺวา อุยฺยานํ คนฺตฺวา ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ ¶ กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา อมจฺจานํ ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘มุขโธวนาทิทายโก เอโก ปุริโส มยฺหํ สนฺติเก โหตุ, สรีรกิจฺจฏฺาเนสุปิ เม รชฺชุกํ พนฺธถา’’ติ วตฺวา สิวิกาย คนฺตฺวา โปกฺขรณิตีเร ราชปลฺลงฺเก นิสีทิ. อมจฺจาปิ วนฺทิตฺวา ปฏิกฺกมึสุ. โพธิสตฺโตปิ อตฺตโน ทานํ อาวชฺเชสิ. ตสฺมึ ขเณ สกฺกสฺส อาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. สกฺโก ตํ ทิสฺวา ‘‘มหาราชสฺส วรํ ทตฺวา จกฺขุํ ปฏิปากติกํ กริสฺสามี’’ติ โพธิสตฺตสฺส สมีปํ คนฺตฺวา ปทสทฺทมกาสิ. มหาสตฺเตน จ ‘‘โก เอโส’’ติ วุตฺเต –
‘‘สกฺโกหมสฺมิ ¶ เทวินฺโท, อาคโตสฺมิ ตวนฺติเก;
วรํ วรสฺสุ ราชีสิ, ยํ กิฺจิ มนสิจฺฉสี’’ติ. (ชา. ๑.๑๕.๗๑) –
วตฺวา เตน –
‘‘ปหูตํ เม ธนํ สกฺก, พลํ โกโส จนปฺปโก;
อนฺธสฺส เม สโต ทานิ, มรณฺเว รุจฺจตี’’ติ. (ชา. ๑.๑๕.๗๒) –
วุตฺเต อถ นํ สกฺโก อาห – ‘‘สิวิราช, กึ ปน ตฺวํ มริตุกาโม หุตฺวา มรณํ โรเจสิ, อุทาหุ อนฺธภาเวนา’’ติ. อนฺธภาเวน, เทวาติ. ‘‘มหาราช, ทานํ นาม น เกวลํ สมฺปรายตฺถเมว ทิยฺยติ, ทิฏฺธมฺมตฺถายปิ ปจฺจโย โหติ, ตสฺมา ตว ทานปฺุเมว นิสฺสาย สจฺจกิริยํ กโรหิ, ตสฺส พเลเนว เต จกฺขุ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ มยา มหาทานํ สุทินฺน’’นฺติ วตฺวา สจฺจกิริยํ กโรนฺโต –
‘‘เย ¶ มํ ยาจิตุมายนฺติ, นานาโคตฺตา วนิพฺพกา;
โยปิ มํ ยาจเต ตตฺถ, โสปิ เม มนโส ปิโย;
เอเตน สจฺจวชฺเชน, จกฺขุ เม อุปปชฺชถา’’ติ. (ชา. ๑.๑๕.๗๔) –
อาห.
ตตฺถ เย มนฺติ เย มํ ยาจิตุมาคจฺฉนฺติ, เตสุปิ อาคเตสุ โย อิมํ นาม เทหีติ วาจํ นิจฺฉาเรนฺโต ¶ มํ ยาจเต, โสปิ เม มนโส ปิโย. เอเตนาติ สเจ มยฺหํ สพฺเพปิ ยาจกา ปิยา, สจฺจเมเวตํ มยา วุตฺตํ, เอเตน เม สจฺจวจเนน เอกํ จกฺขุ อุปปชฺชถ อุปฺปชฺชตูติ.
อถสฺส วจนสมนนฺตรเมว ปมํ จกฺขุ อุทปาทิ. ตโต ทุติยสฺส อุปฺปชฺชนตฺถาย –
‘‘ยํ มํ โส ยาจิตุํ อาคา, เทหิ จกฺขุนฺติ พฺราหฺมโณ;
ตสฺส จกฺขูนิ ปาทาสึ, พฺราหฺมณสฺส วนิพฺพโต.
‘‘ภิยฺโย มํ อาวิสี ปีติ, โสมนสฺสฺจนปฺปกํ;
เอเตน สจฺจวชฺเชน, ทุติยํ เม อุปปชฺชถา’’ติ. (ชา. ๑.๑๕.๗๕-๗๖) –
อาห.
ตตฺถ ยํ มนฺติ โย มํ. โสติ โส จกฺขุยาจโก พฺราหฺมโณ. อาคาติ อาคโต. วนิพฺพโตติ ยาจนฺตสฺส. มํ อาวิสีติ พฺราหฺมณสฺส ¶ จกฺขูนิ ทตฺวา อนฺธกาเลปิ ตถารูปํ เวทนํ อคเณตฺวา ‘‘อโห สุทินฺนํ เม ทาน’’นฺติ ปจฺจเวกฺขนฺตํ มํ ภิยฺโย อติเรกตรา ปีติ อาวิสิ. โสมนสฺสฺจนปฺปกนฺติ อปริมาณํ โสมนสฺสํ อุปฺปชฺชิ. เอเตนาติ สเจ ตทา มม อนปฺปกํ ปีติโสมนสฺสํ อุปฺปนฺนํ, สจฺจเมเวตํ มยา วุตฺตํ, เอเตน เม สจฺจวจเนน ทุติยมฺปิ จกฺขุ อุปปชฺชตูติ.
ตํขณฺเว ทุติยมฺปิ จกฺขุ อุทปาทิ. ตานิ ปนสฺส จกฺขูนิ เนว ปากติกานิ, น ทิพฺพานิ. สกฺกพฺราหฺมณสฺส หิ ทินฺนํ จกฺขุํ ปุน ปากติกํ กาตุํ น สกฺกา, อุปหตจกฺขุโน จ ทิพฺพจกฺขุ นาม นุปฺปชฺชติ, วุตฺตนเยน ปนสฺส อาทิมชฺฌปริโยสาเนสุ อวิปรีตํ อตฺตโน ทานปีตึ อุปาทาย ปีติผรณวเสน นิพฺพตฺตานิ ‘‘สจฺจปารมิตาจกฺขูนี’’ติ วุตฺตานิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ททมานสฺส ¶ เทนฺตสฺส, ทินฺนทานสฺส เม สโต;
จิตฺตสฺส อฺถา นตฺถิ, โพธิยาเยว การณา’’ติ.
ตตฺถ ททมานสฺสาติ จกฺขูนิ ทาตุํ เวชฺเชน อุปฺปาเฏนฺตสฺส. เทนฺตสฺสาติ อุปฺปาฏิตานิ ตานิ สกฺกพฺราหฺมณสฺส ¶ หตฺเถ เปนฺตสฺส. ทินฺนทานสฺสาติ จกฺขุทานํ ทินฺนวโต. จิตฺตสฺส อฺถาติ ทานชฺฌาสยสฺส อฺถาภาโว. โพธิยาเยว การณาติ ตฺจ สพฺพฺุตฺาณสฺเสว เหตูติ อตฺโถ.
๖๖. สพฺพฺุตฺาณสฺส สุทุลฺลภตาย เอวํ สุทุกฺกรํ มยา กตนฺติ น จกฺขูนํ น อตฺตภาวสฺสปิ อปฺปิยตายาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘น เม เทสฺสา’’ติ โอสานคาถมาห. ตตฺถ อตฺตา น เม น เทสฺสิโยติ ปโม น-กาโร นิปาตมตฺโต. อตฺตา น เม กุชฺฌิตพฺโพ, น อปฺปิโยติ อตฺโถ. ‘‘อตฺตานํ เม น เทสฺสิย’’นฺติปิ ปาโ. ตสฺสตฺโถ – เม อตฺตานํ อหํ น เทสฺสิยํ น กุชฺเฌยฺยํ น กุชฺฌิตุํ อรหามิ น โส มยา กุชฺฌิตพฺโพติ. ‘‘อตฺตาปิ เม น เทสฺสิโย’’ติปิ ปนฺติ. อทาสหนฺติ อทาสึ อหํ. ‘‘อทาสิห’’นฺติปิ ปาโ.
ตทา ปน โพธิสตฺตสฺส สจฺจกิริยาย จกฺขูสุ อุปฺปนฺเนสุ สกฺกานุภาเวน สพฺพา ราชปริสา สนฺนิปติตาว อโหสิ. อถสฺส สกฺโก มหาชนมชฺเฌ อากาเส ตฺวา –
‘‘ธมฺเมน ¶ ภาสิตา คาถา, สิวีนํ รฏฺวฑฺฒน;
เอตานิ ตว เนตฺตานิ, ทิพฺพานิ ปฏิทิสฺสเร.
‘‘ติโรกุฏฺฏํ ติโรเสลํ, สมติคฺคยฺห ปพฺพตํ;
สมนฺตา โยชนสตํ, ทสฺสนํ อนุโภนฺตุ เต’’ติ. (ชา. ๑.๑๕.๗๗-๗๘) –
อิมาหิ คาถาหิ ถุตึ กตฺวา เทวโลกเมว คโต. โพธิสตฺโตปิ มหาชนปริวุโต มหนฺเตน สกฺกาเรน นครํ ปวิสิตฺวา ราชเคหทฺวาเร สุสชฺชิเต มหามณฺฑเป สมุสฺสิตเสตจฺฉตฺเต ราชปลฺลงฺเก นิสินฺโน จกฺขุปฏิลาเภน ตุฏฺหฏฺปมุทิตานํ ทฏฺุํ อาคตานํ นาครานํ ชานปทานํ ราชปริสาย จ ธมฺมํ เทเสนฺโต –
‘‘โก นีธ วิตฺตํ น ทเทยฺย ยาจิโต, อปิ วิสิฏฺํ สุปิยมฺปิ อตฺตโน;
ตทิงฺฆ สพฺเพ สิวโย สมาคตา, ทิพฺพานิ เนตฺตานิ มมชฺช ปสฺสถ.
‘‘ติโรกุฏฺฏํ ¶ ติโรเสลํ, สมติคฺคยฺห ปพฺพตํ;
สมนฺตา โยชนสตํ, ทสฺสนํ อนุโภนฺติ เม.
‘‘น ¶ จาคมตฺตา ปรมตฺถิ กิฺจิ, มจฺจานํ อิธ ชีวิเต;
ทตฺวาน มานุสํ จกฺขุํ, ลทฺธํ เม จกฺขุ อมานุสํ.
‘‘เอตมฺปิ ทิสฺวา สิวโย, เทถ ทานานิ ภฺุชถ;
ทตฺวา จ ภุตฺวา จ ยถานุภาวํ, อนินฺทิตา สคฺคมุเปถ าน’’นฺติ. (ชา. ๑.๑๕.๗๙-๘๒) –
อิมา คาถา อภาสิ. ตตฺถ ธมฺเมน ภาสิตาติ, มหาราช, อิมา เต คาถา ธมฺเมน สภาเวเนว ภาสิตา. ทิพฺพานีติ ทิพฺพานุภาวยุตฺตานิ. ปฏิทิสฺสเรติ ปฏิทิสฺสนฺติ. ติโรกุฏฺฏนฺติ ปรกุฏฺฏํ. ติโรเสลนฺติ ปรเสลํ. สมติคฺคยฺหาติ อติกฺกมิตฺวา. สมนฺตา ทสทิสา โยชนสตํ รูปทสฺสนํ อนุโภนฺตุ สาเธนฺตุ.
โก นีธาติ โก นุ อิธ. อปิ วิสิฏฺนฺติ อุตฺตมมฺปิ สมานํ. น จาคมตฺตาติ จาคปฺปมาณโต อฺํ วรํ นาม นตฺถิ. อิธ ชีวิเตติ อิมสฺมึ ¶ ชีวโลเก. ‘‘อิธ ชีวต’’นฺติปิ ปนฺติ. อิมสฺมึ โลเก ชีวมานานนฺติ อตฺโถ. อมานุสนฺติ ทิพฺพจกฺขุ มยา ลทฺธํ, อิมินา การเณน เวทิตพฺพเมตํ ‘‘จาคโต อุตฺตมํ นาม นตฺถี’’ติ. เอตมฺปิ ทิสฺวาติ เอตํ มยา ลทฺธํ ทิพฺพจกฺขุํ ทิสฺวาปิ.
อิติ อิมาหิ จตูหิ คาถาหิ น เกวลํ ตสฺมึเยว ขเณ, อถ โข อนฺวทฺธมาสมฺปิ อุโปสเถ มหาชนํ สนฺนิปาเตตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. ตํ สุตฺวา มหาชโน ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา เทวโลกปรายโน อโหสิ.
ตทา เวชฺโช อานนฺทตฺเถโร อโหสิ, สกฺโก อนุรุทฺธตฺเถโร, เสสปริสา พุทฺธปริสา, สิวิราชา โลกนาโถ.
ตสฺส อิธาปิ วุตฺตนเยเนว ยถารหํ ปารมิโย นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา ทิวเส ทิวเส ยถา อทินฺนปุพฺพํ พาหิรเทยฺยธมฺมวตฺถุ น โหติ, เอวํ อปริมิตํ มหาทานํ ปวตฺเตนฺตสฺส เตน อปริตุฏฺสฺส กถํ นุ โข อหํ อชฺฌตฺติกวตฺถุกํ ทานํ ทเทยฺยํ, กทา นุ โข มํ โกจิ อาคนฺตฺวา ¶ อชฺฌตฺติกํ เทยฺยธมฺมํ ยาเจยฺย, สเจ หิ โกจิ ยาจโก เม หทยมํสสฺส นามํ คณฺเหยฺย, กณเยน นํ นีหริตฺวา ปสนฺนอุทกโต สนาฬํ ปทุมํ อุทฺธรนฺโต วิย โลหิตพินฺทุํ ปคฺฆรนฺตํ ¶ หทยํ นีหริตฺวา ทสฺสามิ. สเจ สรีรมํสสฺส นามํ คณฺเหยฺย, อวเลขเนน ตาลคุฬปฏลํ อุปฺปาเฏนฺโต วิย สรีรมํสํ อุปฺปาเฏตฺวา ทสฺสามิ. สเจ โลหิตสฺส นามํ คณฺเหยฺย, อสินา วิชฺฌิตฺวา ยนฺตมุเข วา ปติตฺวา อุปนีตํ ภาชนํ ปูเรตฺวา โลหิตํ ทสฺสามิ. สเจ ปน โกจิ ‘‘เคเห เม กมฺมํ นปฺปวตฺตติ, ตตฺถ เม ทาสกมฺมํ กโรหี’’ติ วเทยฺย, ราชเวสํ อปเนตฺวา ตสฺส อตฺตานํ สาเวตฺวา ทาสกมฺมํ กริสฺสามิ. สเจ วา ปน โกจิ อกฺขีนํ นามํ คณฺเหยฺย, ตาลมิฺชํ นีหรนฺโต วิย อกฺขีนิ อุปฺปาเฏตฺวา ตสฺส ทสฺสามีติ เอวํ อนฺสาธารณวสีภาวปฺปตฺตานํ มหาโพธิสตฺตานํเยว อาเวณิกา อุฬารตรา ปริวิตกฺกุปฺปตฺติ, จกฺขุยาจกํ ลภิตฺวา อมจฺจปาริสชฺชาทีหิ นิวาริยมานสฺสาปิ เตสํ วจนํ อนาทิยิตฺวา อตฺตโน ปริวิตกฺกานุรูปํ ปฏิปตฺติยา จ ปรมา ปีติปฏิสํเวทนา, ตสฺสา ปีติมนตาย อวิตถภาวํ นิสฺสาย สกฺกสฺส ปุรโต สจฺจกิริยากรณํ, เตน จ อตฺตโน จกฺขูนํ ปฏิปากติกภาโว, เตสฺจ ทิพฺพานุภาวตาติ เอวมาทโย มหาสตฺตสฺส คุณานุภาวา เวทิตพฺพาติ.
สิวิราชจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. เวสฺสนฺตรจริยาวณฺณนา
๖๗. นวเม ¶ ยา เม อโหสิ ชนิกาติ เอตฺถ เมติ เวสฺสนฺตรภูตํ อตฺตานํ สนฺธาย สตฺถา วทติ. เตเนวาห – ‘‘ผุสฺสตี นาม ขตฺติยา’’ติ. ตทา หิสฺส มาตา ‘‘ผุสฺสตี’’ติ เอวํนามิกา ขตฺติยานี อโหสิ. สา อตีตาสุ ชาตีสูติ สา ตโต อนนฺตราตีตชาติยํ. เอกตฺเถ หิ เอตํ พหุวจนํ. สกฺกสฺส มเหสี ปิยา อโหสีติ สมฺพนฺโธ. อถ วา ยา เม อโหสิ ชนิกา อิมสฺมึ จริมตฺตภาเว, สา อตีตาสุ ชาตีสุ ผุสฺสตี นาม, ตตฺถ อตีตาย ชาติยา ขตฺติยา, ยตฺถาหํ ตสฺสา กุจฺฉิมฺหิ เวสฺสนฺตโร ¶ หุตฺวา นิพฺพตฺตึ, ตโต อนนฺตราตีตาย สกฺกสฺส มเหสี ปิยา อโหสีติ. ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา –
อิโต หิ เอกนวุเต กปฺเป วิปสฺสี นาม สตฺถา โลเก อุทปาทิ. ตสฺมึ พนฺธุมตีนครํ อุปนิสฺสาย เขเม มิคทาเย วิหรนฺเต พนฺธุมา ราชา เกนจิ รฺา เปสิตํ มหคฺฆํ จนฺทนสารํ อตฺตโน ¶ เชฏฺธีตาย อทาสิ. สา เตน สุขุมํ จนฺทนจุณฺณํ กาเรตฺวา สมุคฺคํ ปูเรตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ ปูเชตฺวา เสสจุณฺณานิ คนฺธกุฏิยํ วิกิริตฺวา ‘‘ภนฺเต, อนาคเต ตุมฺหาทิสสฺส พุทฺธสฺส มาตา ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. สา ตโต จุตา ตสฺสา จนฺทนจุณฺณปูชาย ผเลน รตฺตจนฺทนปริปฺโผสิเตน วิย สรีเรน เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สํสรนฺตี ตาวตึสภวเน สกฺกสฺส เทวรฺโ อคฺคมเหสี หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อถสฺสา อายุปริโยสาเน ปุพฺพนิมิตฺเตสุ อุปฺปนฺเนสุ สกฺโก เทวราชา ตสฺสา ปริกฺขีณายุกตํ ตฺวา ตสฺสา อนุกมฺปาย ‘‘ภทฺเท, ผุสฺสติ ทส เต วเร ทมฺมิ, เต คณฺหสฺสู’’ติ อาห. เตน วุตฺตํ –
‘‘ตสฺสา อายุกฺขยํ ตฺวา, เทวินฺโท เอตทพฺรวิ;
‘ททามิ เต ทส วเร, วร ภทฺเท ยทิจฺฉสี’’’ติ.
ตตฺถ วราติ วรสฺสุ วรํ คณฺห. ภทฺเท, ยทิจฺฉสีติ, ภทฺเท, ผุสฺสติ ยํ อิจฺฉสิ ยํ ตว ปิยํ, ตํ ทสหิ โกฏฺาเสหิ ‘‘วรํ วรสฺสุ ปฏิคฺคณฺหาหี’’ติ วทติ.
๖๙. ปุนิทมพฺรวีติ ปุน อิทํ สา อตฺตโน จวนธมฺมตํ อชานนฺตี ‘‘กึ นุ เม อปราธตฺถี’’ติอาทิกํ อภาสิ. สา หิ ปมตฺตา หุตฺวา อตฺตโน อายุกฺขยํ ¶ อชานนฺตี อยํ ‘‘วรํ คณฺหา’’ติ วทนฺโต ‘‘กตฺถจิ มม อุปฺปชฺชนํ อิจฺฉตี’’ติ ตฺวา เอวมาห. ตตฺถ อปราธตฺถีติ อปราโธ อตฺถิ. กึ นุ เทสฺสา อหํ ตวาติ กึ การณํ อหํ ตว เทสฺสา กุชฺฌิตพฺพา อปฺปิยา ชาตา. รมฺมา จาเวสิ มํ านาติ รมณียา อิมสฺมา านา จาเวสิ. วาโตว ธรณีรุหนฺติ เยน พลวา มาลุโต วิย รุกฺขํ อุมฺมูเลนฺโต อิมมฺหา เทวโลกา จาเวตุกาโมสิ กึ นุ การณนฺติ ตํ ปุจฺฉติ.
๗๐. ตสฺสิทนฺติ ตสฺสา อิทํ. น เจว เต กตํ ปาปนฺติ น เจว ตยา กิฺจิ ปาปํ กตํ เยน เต อปราโธ ¶ สิยา. น จ เม ตฺวํสิ อปฺปิยาติ มม ตฺวํ น จาปิ อปฺปิยา, เยน เทสฺสา นาม มม อปฺปิยาติ อธิปฺปาโย.
๗๑. อิทานิ เยน อธิปฺปาเยน วเร ทาตุกาโม, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอตฺตกํเยว เต อายุ, จวนกาโล ภวิสฺสตี’’ติ วตฺวา วเร คณฺหาเปนฺโต ‘‘ปฏิคฺคณฺห มยา ทินฺเน, วเร ทส วรุตฺตเม’’ติ อาห.
ตตฺถ วรุตฺตเมติ วเรสุ อุตฺตเม อคฺควเร.
๗๒. ทินฺนวราติ ¶ ‘‘วเร ทสฺสามี’’ติ ปฏิฺาทานวเสน ทินฺนวรา. ตุฏฺหฏฺาติ อิจฺฉิตลาภปริโตเสน ตุฏฺา เจว ตสฺส จ สิขาปฺปตฺติทสฺสเนน หาสวเสน หฏฺา จ. ปโมทิตาติ พลวปาโมชฺเชน ปมุทิตา. มมํ อพฺภนฺตรํ กตฺวาติ เตสุ วเรสุ มํ อพฺภนฺตรํ กริตฺวา. ทส วเร วรีติ สา อตฺตโน ขีณายุกภาวํ ตฺวา สกฺเกน วรทานตฺถํ กโตกาสา สกลชมฺพุทีปตลํ โอโลเกนฺตี อตฺตโน อนุจฺฉวิกํ สิวิรฺโ นิเวสนํ ทิสฺวา ตตฺถ ตสฺส อคฺคมเหสิภาโว นีลเนตฺตตา นีลภมุกตา ผุสฺสตีตินามํ คุณวิเสสยุตฺตปุตฺตปฏิลาโภ อนุนฺนตกุจฺฉิภาโว อลมฺพตฺถนตา อปลิตภาโว สุขุมจฺฉวิตา วชฺฌชนานํ โมจนสมตฺถตา จาติ อิเม ทส วเร คณฺหิ.
อิติ สา ทส วเร คเหตฺวา ตโต จุตา มทฺทรฺโ อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ. ชายมานา จ สา จนฺทนจุณฺณปริปฺโผสิเตน วิย สรีเรน ชาตา. เตนสฺสา นามคฺคหณทิวเส ‘‘ผุสฺสตี’’ ตฺเวว นามํ กรึสุ. สา มหนฺเตน ปริวาเรน วฑฺฒิตฺวา โสฬสวสฺสกาเล อุตฺตมรูปธรา ¶ อโหสิ. อถ นํ เชตุตฺตรนคเร สิวิมหาราชา ปุตฺตสฺส สฺชยกุมารสฺสตฺถาย อาเนตฺวา เสตจฺฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา ตํ โสฬสนฺนํ อิตฺถิสหสฺสานํ เชฏฺกํ กตฺวา อคฺคมเหสิฏฺาเน เปสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ตโต จุตา สา ผุสฺสตี, ขตฺติเย อุปปชฺชถ;
เชตุตฺตรมฺหิ นคเร, สฺชเยน สมาคมี’’ติ.
สา สฺชยรฺโ ปิยา อโหสิ มนาปา. อถ สกฺโก อาวชฺเชนฺโต ‘‘มยา ผุสฺสติยา ทินฺนวเรสุ นว วรา สมิทฺธา’’ติ ทิสฺวา ‘‘ปุตฺตวโร น สมิทฺโธ, ตมฺปิสฺสา สมิชฺฌาเปสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา โพธิสตฺตํ ตทา ตาวตึสเทวโลเก ขีณายุกํ ทิสฺวา ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘มาริส, ตยา มนุสฺสโลเก ¶ สิวิสฺชยรฺโ อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ตสฺส เจว อฺเสฺจ จวนธมฺมานํ สฏฺิสหสฺสานํ เทวปุตฺตานํ ปฏิฺํ คเหตฺวา สกฏฺานเมว คโต. มหาสตฺโตปิ ตโต จวิตฺวา ตตฺถุปฺปนฺโน. เสสา เทวปุตฺตาปิ สฏฺิสหสฺสานํ อมจฺจานํ เคเหสุ นิพฺพตฺตึสุ. มหาสตฺเต กุจฺฉิคเต ผุสฺสติเทวี จตูสุ นครทฺวาเรสุ นครมชฺเฌ นิเวสนทฺวาเรติ ฉ ทานสาลาโย กาเรตฺวา เทวสิกํ ฉสตสหสฺสานิ วิสฺสชฺเชตฺวา ทานํ ทาตุํ โทหฬินี อโหสิ. ราชา ตสฺสา โทหฬํ สุตฺวา เนมิตฺตเก พฺราหฺมเณ ปกฺโกสาเปตฺวา ปุจฺฉิตฺวา ‘‘มหาราช, เทวิยา กุจฺฉิมฺหิ ทานาภิรโต อุฬาโร สตฺโต อุปฺปนฺโน, ทาเนน ติตฺตึ น ปาปุณิสฺสตี’’ติ สุตฺวา ตุฏฺมานโส วุตฺตปฺปการํ ทานํ ปฏฺเปสิ. สมณพฺราหฺมณชิณฺณาตุรกปณทฺธิกวนิพฺพกยาจเก ¶ สนฺตปฺเปสิ. โพธิสตฺตสฺส ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺาย รฺโ อายสฺส ปมาณํ นาโหสิ. ตสฺส ปฺุานุภาเวน สกลชมฺพุทีเป ราชาโน ปณฺณาการํ ปหิณนฺติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ยทาหํ ผุสฺสติยา กุจฺฉึ, โอกฺกนฺโต ปิยมาตุยา;
มม เตเชน เม มาตา, ตทา ทานรตา อหุ.
‘‘อธเน ¶ อาตุเร ชิณฺเณ, ยาจเก อทฺธิเก ชเน;
สมเณ พฺราหฺมเณ ขีเณ, เทติ ทานํ อกิฺจเน’’ติ;
ตตฺถ มม เตเชนาติ มม ทานชฺฌาสยานุภาเวน. ขีเณติ โภคาทีหิ ปริกฺขีเณ ปาริชฺุปฺปตฺเต. อกิฺจเนติ อปริคฺคเห. สพฺพตฺถ วิสเย ภุมฺมํ. อธนาทโย หิ ทานธมฺมสฺส ปวตฺติยา วิสโย.
เทวี มหนฺเตน ปริหาเรน คพฺภํ ธาเรนฺตี ทสมาเส ปริปุณฺเณ นครํ ทฏฺุกามา หุตฺวา รฺโ อาโรเจสิ. ราชา เทวนครํ วิย นครํ อลงฺการาเปตฺวา เทวึ รถวรํ อาโรเปตฺวา นครํ ปทกฺขิณํ กาเรสิ. ตสฺสา เวสฺสวีถิยา มชฺฌปฺปตฺตกาเล กมฺมชวาตา จลึสุ. อมจฺจา รฺโ อาโรเจสุํ. โส เวสฺสวีถิยํเยวสฺสา สูติฆรํ กาเรตฺวา ¶ อารกฺขํ คณฺหาเปสิ. สา ตตฺถ ปุตฺตํ วิชายิ. เตนาห –
‘‘ทสมาเส ธารยิตฺวาน, กโรนฺเต ปุรํ ปทกฺขิณํ;
เวสฺสานํ วีถิยา มชฺเฌ, ชเนสิ ผุสฺสตี มมํ.
๗๗. ‘‘น มยฺหํ มตฺติกํ นามํ, นาปิ เปตฺติกสมฺภวํ.
ชาเตตฺถ เวสฺสวีถิยํ, ตสฺมา เวสฺสนฺตโร อหู’’ติ.
ตตฺถ กโรนฺเต ปุรํ ปทกฺขิณนฺติ เทวึ คเหตฺวา สฺชยมหาราเช นครํ ปทกฺขิณํ กุรุมาเน. เวสฺสานนฺติ วาณิชานํ.
น มตฺติกํ นามนฺติ น มาตุอาคตํ มาตามหาทีนํ นามํ. เปตฺติกสมฺภวนฺติ ปิตุ อิทนฺติ เปตฺติกํ ¶ , สมฺภวติ เอตสฺมาติ สมฺภโว, ตํ เปตฺติกํ สมฺภโว เอตสฺสาติ เปตฺติกสมฺภวํ, นามํ. มาตาปิตุสมฺพนฺธวเสน น กตนฺติ ทสฺเสติ. ชาเตตฺถาติ ชาโต เอตฺถ. ‘‘ชาโตมฺหี’’ติปิ ปาโ. ตสฺมา เวสฺสนฺตโร อหูติ ยสฺมา ตทา เวสฺสวีถิยํ ชาโต, ตสฺมา เวสฺสนฺตโร นาม อโหสิ, เวสฺสนฺตโรติ นามํ อกํสูติ อตฺโถ.
มหาสตฺโต มาตุ กุจฺฉิโต นิกฺขมนฺโต วิสโท หุตฺวา อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวาว นิกฺขมิ. นิกฺขนฺตมตฺเต เอว มาตุ หตฺถํ ปสาเรตฺวา ‘‘อมฺม, ทานํ ทสฺสามิ, อตฺถิ กิฺจี’’ติ อาห. อถสฺส มาตา ‘‘ตาต, ยถาชฺฌาสยํ ทานํ เทหี’’ติ หตฺถสมีเป สหสฺสตฺถวิกํ เปสิ. โพธิสตฺโต หิ อุมฺมงฺคชาตเก ¶ (ชา. ๒.๒๒.๕๙๐ อาทโย) อิมสฺมึ ชาตเก ปจฺฉิมตฺตภาเวติ ตีสุ าเนสุ ชาตมตฺโตว กเถสิ. ราชา มหาสตฺตสฺส อติทีฆาทิโทสวิวชฺชิตา มธุรขีรา จตุสฏฺิธาติโย อุปฏฺาเปสิ. เตน สทฺธึ ชาตานํ สฏฺิยา ทารกสหสฺสานมฺปิ ธาติโย ทาเปสิ. โส สฏฺิทารกสหสฺเสหิ สทฺธึ มหนฺเตน ปริวาเรน วฑฺฒติ. ตสฺส ราชา สตสหสฺสคฺฆนกํ กุมารปิฬนฺธนํ การาเปตฺวา อทาสิ. โส จตุปฺจวสฺสิกกาเล ตํ โอมฺุจิตฺวา ธาตีนํ ทตฺวา ปุน ตาหิ ทียมานํ น คณฺหาติ. ตํ ¶ สุตฺวา ราชา ‘‘มม ปุตฺเตน ทินฺนํ สุทินฺน’’นฺติ วตฺวา อปรมฺปิ กาเรสิ. ตมฺปิ เทติ. ทารกกาเลเยว ธาตีนํ นววาเร ปิฬนฺธนํ อทาสิ.
อฏฺวสฺสิกกาเล ปน สยนปีเ นิสินฺโน จินฺเตสิ – ‘‘อหํ พาหิรกทานํ เทมิ, น ตํ มํ ปริโตเสติ, อชฺฌตฺติกทานํ ทาตุกาโมมฺหิ. สเจ หิ มํ โกจิ หทยํ ยาเจยฺย, หทยํ นีหริตฺวา ทเทยฺยํ. สเจ อกฺขีนิ ยาเจยฺย, อกฺขีนิ อุปฺปาเฏตฺวา ทเทยฺยํ. สเจ สกลสรีเร มํสํ รุธิรมฺปิ วา ยาเจยฺย, สกลสรีรโต มํสํ ฉินฺทิตฺวา รุธิรมฺปิ อสินา วิชฺฌิตฺวา ทเทยฺยํ. อถาปิ โกจิ ‘ทาโส เม โหหี’ติ วเทยฺย, อตฺตานํ ตสฺส สาเวตฺวา ทเทยฺย’’นฺติ. ตสฺเสวํ สภาวํ สรสํ จินฺเตนฺตสฺส จตุนหุตาธิกทฺวิโยชนสตสหสฺสพหลา อยํ มหาปถวี อุทกปริยนฺตํ กตฺวา กมฺปิ. สิเนรุปพฺพตราชา โอนมิตฺวา เชตุตฺตรนคราภิมุโข อฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ยทาหํ ทารโก โหมิ, ชาติยา อฏฺวสฺสิโก;
ตทา นิสชฺช ปาสาเท, ทานํ ทาตุํ วิจินฺตยึ.
‘‘หทยํ ¶ ทเทยฺยํ จกฺขุํ, มํสมฺปิ รุธิรมฺปิ จ;
ทเทยฺยํ กายํ สาเวตฺวา, ยทิ โกจิ ยาจเย มมํ.
‘‘สภาวํ จินฺตยนฺตสฺส, อกมฺปิตมสณฺิตํ;
อกมฺปิ ตตฺถ ปถวี, สิเนรุวนวฏํสกา’’ติ.
ตตฺถ สาเวตฺวาติ ‘‘อชฺช ปฏฺาย อหํ อิมสฺส ทาโส’’ติ ทาสภาวํ สาเวตฺวา. ยทิ โกจิ ยาจเย มมนฺติ โกจิ มํ ยทิ ยาเจยฺย. สภาวํ จินฺตยนฺตสฺสาติ อวิปรีตํ อตฺตโน ยถาภูตํ สภาวํ อติตฺติมํ ¶ ยถาชฺฌาสยํ จินฺเตนฺตสฺส มม, มยิ จินฺเตนฺเตติ อตฺโถ. อกมฺปิตนฺติ กมฺปิตรหิตํ. อสณฺิตนฺติ สงฺโกจรหิตํ. เยน หิ โลภาทินา อโพธิสตฺตานํ จกฺขาทิทาเน จิตฺตุตฺราสสงฺขาตํ กมฺปิตํ สงฺโกจสงฺขาตํ สณฺิตฺจ สิยา, เตน วินาติ อตฺโถ. อกมฺปีติ อจลิ. สิเนรุวนวฏํสกาติ สิเนรุมฺหิ อุฏฺิตนนฺทนวนผารุสกวนมิสฺสกวนจิตฺตลตาวนาทิกปฺปกตรุวนํ สิเนรุวนํ. อถ วา สิเนรุ จ ชมฺพุทีปาทีสุ รมณียวนฺจ สิเนรุวนํ ¶ , ตํ วนํ วฏํสกํ เอติสฺสาติ สิเนรุวนวฏํสกา.
เอวฺจ ปถวิกมฺปเน วตฺตมาเน มธุรคมฺภีรเทโว คชฺชนฺโต ขณิกวสฺสํ วสฺสิ, วิชฺชุลตา นิจฺฉรึสุ, มหาสมุทฺโท อุพฺภิชฺชิ, สกฺโก เทวราชา อปฺโผเฏสิ, มหาพฺรหฺมา สาธุการมทาสิ, ยาว พฺรหฺมโลกา เอกโกลาหลํ อโหสิ. มหาสตฺโต โสฬสวสฺสกาเลเยว สพฺพสิปฺปานํ นิปฺผตฺตึ ปาปุณิ. ตสฺส ปิตา รชฺชํ ทาตุกาโม มาตรา สทฺธึ มนฺเตตฺวา มทฺทราชกุลโต มาตุลธีตรํ มทฺทึ นาม ราชกฺํ อาเนตฺวา โสฬสนฺนํ อิตฺถิสหสฺสานํ เชฏฺกํ อคฺคมเหสึ กตฺวา มหาสตฺตํ รชฺเช อภิสิฺจิ. มหาสตฺโต รชฺเช ปติฏฺิตกาลโต ปฏฺาย เทวสิกํ ฉสตสหสฺสานิ วิสฺสชฺเชตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตนฺโต อนฺวทฺธมาสํ ทานํ โอโลเกตุํ อุปสงฺกมติ. อปรภาเค มทฺทิเทวี ปุตฺตํ วิชายิ. ตํ กฺจนชาเลน สมฺปฏิจฺฉึสุ, เตนสฺส ‘‘ชาลิกุมาโร’’ตฺเวว นามํ กรึสุ. ตสฺส ปทสา คมนกาเล สา ธีตรํ วิชายิ. ตํ กณฺหาชิเนน สมฺปฏิจฺฉึสุ, เตนสฺสา ‘‘กณฺหาชินา’’ตฺเวว นามํ กรึสุ. เตน วุตฺตํ –
‘‘อนฺวทฺธมาเส ปนฺนรเส, ปุณฺณมาเส อุโปสเถ;
ปจฺจยํ นาคมารุยฺห, ทานํ ทาตุํ อุปาคมิ’’นฺติ.
ตตฺถ อนฺวทฺธมาเสติ อนุอทฺธมาเส, อทฺธมาเส อทฺธมาเสติ อตฺโถ. ปุณฺณมาเสติ ปุณฺณมาสิยํ, มาสปริปูริยา ¶ จนฺทปริปูริยา จ สมนฺนาคเต ปนฺนรเส ทานํ ทาตุํ อุปาคมินฺติ สมฺพนฺโธ. ตตฺรายํ โยชนา – ปจฺจยํ นาคมารุยฺห อทฺธมาเส อทฺธมาเส ทานํ ทาตุํ ทานสาลํ อุปาคมึ, เอวํ อุปคจฺฉนฺโต จ ยทา เอกสฺมึ ปนฺนรเส ปุณฺณมาสิอุโปสเถ ทานํ ทาตุํ อุปาคมึ, ตทา กลิงฺครฏฺวิสยา พฺราหฺมณา อุปคฺฉุ ¶ มนฺติ ตตฺถ ปจฺจยํ นาคนฺติ ปจฺจยนามกํ มงฺคลหตฺถึ. โพธิสตฺตสฺส หิ ชาตทิวเส เอกา อากาสจารินี กเรณุกา อภิมงฺคลสมฺมตํ สพฺพเสตหตฺถิโปตกํ อาเนตฺวา มงฺคลหตฺถิฏฺาเน เปตฺวา ปกฺกามิ. ตสฺส มหาสตฺตํ ¶ ปจฺจยํ กตฺวา ลทฺธตฺตา ‘‘ปจฺจโย’’ตฺเวว นามํ กรึสุ. ตํ ปจฺจยนามกํ โอปวยฺหํ หตฺถินาคํ อารุยฺห ทานํ ทาตุํ อุปาคมินฺติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘กลิงฺครฏฺวิสยา, พฺราหฺมณา อุปคฺฉุ มํ;
อยาจุํ มํ หตฺถินาคํ, ธฺํ มงฺคลสมฺมตํ.
‘‘อวุฏฺิโก ชนปโท, ทุพฺภิกฺโข ฉาตโก มหา;
ททาหิ ปวรํ นาคํ, สพฺพเสตํ คชุตฺตม’’นฺติ.
ตตฺถ ‘‘กลิงฺครฏฺวิสยา’’ติอาทิคาถา เหฏฺา กุรุราชจริเตปิ (จริยา. ๑.๒๑-๒๒) อาคตา เอว, ตสฺมา ตาสํ อตฺโถ กถามคฺโค จ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิธ ปน มงฺคลหตฺถิโน เสตตฺตา ‘‘สพฺพเสตํ คชุตฺตม’’นฺติ วุตฺตํ. โพธิสตฺโต หตฺถิกฺขนฺธวรคโต –
‘‘ททามิ น วิกมฺปามิ, ยํ มํ ยาจนฺติ พฺราหฺมณา;
สนฺตํ นปฺปฏิคูหามิ, ทาเน เม รมเต มโน’’ติ. –
อตฺตโน ทานาภิรตึ ปเวเทนฺโต –
‘‘น เม ยาจกมนุปฺปตฺเต, ปฏิกฺเขโป อนุจฺฉโว;
มา เม ภิชฺชิ สมาทานํ, ทสฺสามิ วิปุลํ คช’’นฺติ. (จริยา. ๑.๒๓) –
ปฏิชานิตฺวา หตฺถิกฺขนฺธโต โอรุยฺห อนลงฺกตฏฺานํ โอโลกนตฺถํ อนุปริยายิตฺวา อนลงฺกตฏฺานํ อทิสฺวา กุสุมมิสฺสคนฺโธทกภริตํ สุวณฺณภิงฺคารํ คเหตฺวา ‘‘โภนฺโต อิโต เอถา’’ติ ¶ อลงฺกตรชตทามสทิสํ หตฺถิโสณฺฑํ เตสํ หตฺเถ เปตฺวา อุทกํ ปาเตตฺวา อลงฺกตวารณํ อทาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘นาคํ คเหตฺวา โสณฺฑาย, ภิงฺคาเร รตนามเย;
ชลํ หตฺเถ อากิริตฺวา, พฺราหฺมณานํ อทํ คช’’นฺติ. (จริยา. ๑.๒๔);
ตตฺถ ¶ สนฺตนฺติ วิชฺชมานํ เทยฺยธมฺมํ. นปฺปฏิคูหามีติ น ปฏิจฺฉาเทมิ. โย หิ อตฺตโน สนฺตกํ ‘‘มยฺหเมว โหตู’’ติ จินฺเตติ, ยาจิโต วา ปฏิกฺขิปติ, โส ยาจกานํ อภิมุเข ิตมฺปิ อตฺถโต ปฏิจฺฉาเทติ นาม. มหาสตฺโต ปน อตฺตโน สีสํ อาทึ กตฺวา อชฺฌตฺติกทานํ ทาตุกาโมว, กถํ พาหิรํ ปฏิกฺขิปติ, ตสฺมา อาห ‘‘สนฺตํ นปฺปฏิคูหามี’’ติ. เตเนวาห ‘‘ทาเน เม รมเต มโน’’ติ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตตฺถเมว.
ตสฺส ปน หตฺถิโน จตูสุ ปาเทสุ อลงฺการา จตฺตาริ สตสหสฺสานิ ¶ อคฺฆนฺติ, อุโภสุ ปสฺเสสุ อลงฺการา ทฺเว สตสหสฺสานิ, เหฏฺา อุทเร กมฺพลํ สตสหสฺสํ, ปิฏฺิยํ มุตฺตาชาลํ มณิชาลํ กฺจนชาลนฺติ ตีณิ ชาลานิ ตีณิ สตสหสฺสานิ, อุโภ กณฺณาลงฺการา ทฺเว สตสหสฺสานิ, ปิฏฺิยํ อตฺถตกมฺพลํ สตสหสฺสํ, กุมฺภาลงฺกาโร สตสหสฺสํ, ตโย วฏํสกา ตีณิ สตสหสฺสานิ, กณฺณจูฬาลงฺกาโร สตสหสฺสํ, ทฺวินฺนํ ทนฺตานํ อลงฺการา ทฺเว สตสหสฺสานิ, โสณฺฑาย โสวตฺถิกาลงฺกาโร สตสหสฺสํ, นงฺคุฏฺาลงฺกาโร สตสหสฺสํ, อาโรหณนิสฺเสณิ สตสหสฺสํ, ภฺุชนกฏาหํ สตสหสฺสํ, เปตฺวา อนคฺฆภณฺฑํ อิทํ ตาว เอตฺตกํ จตุวีสติ สตสหสฺสานิ อคฺฆติ. ฉตฺตปิณฺฑิยํ ปน มณิ, จูฬามณิ, มุตฺตาหาเร มณิ, องฺกุเส มณิ, หตฺถิกณฺเวนมุตฺตาหาเร มณิ, หตฺถิกุมฺเภ มณีติ อิมานิ ฉ อนคฺฆานิ, หตฺถีปิ อนคฺโฆ เอวาติ หตฺถินา สทฺธึ สตฺต อนคฺฆานิ, ตานิ สพฺพานิ พฺราหฺมณานํ อทาสิ. ตถา หตฺถิโน ปริจารกานิ ปฺจ กุลสตานิ หตฺถิเมณฺฑหตฺถิโคปเกหิ สทฺธึ อทาสิ. สห ทาเนน ปนสฺส เหฏฺา วุตฺตนเยเนว ภูมิกมฺปาทโย อเหสุํ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ปุนาปรํ ททนฺตสฺส, สพฺพเสตํ คชุตฺตมํ;
ตทาปิ ปถวี กมฺปิ, สิเนรุวนวฏํสกา’’ติ.
ชาตเกปิ (ชา. ๒.๒๒.๑๖๗๓) วุตฺตํ –
‘‘ตทาสิ ¶ ยํ ภึสนกํ, ตทาสิ โลมหํสนํ;
หตฺถินาเค ปทินฺนมฺหิ, เมทนี สมฺปกมฺปถา’’ติ.
๘๘. ตสฺส ¶ นาคสฺส ทาเนนาติ ฉหิ อนคฺเฆหิ สทฺธึ จตุวีสติสตสหสฺสคฺฆนิกอลงฺการภณฺฑสหิตสฺส ตสฺส มงฺคลหตฺถิสฺส ปริจฺจาเคน. สิวโยติ สิวิราชกุมารา เจว สิวิรฏฺวาสิโน จ. ‘‘สิวโย’’ติ จ เทสนาสีสเมตํ. ตตฺถ หิ อมจฺจา ปาริสชฺชา พฺราหฺมณคหปติกา เนคมชานปทา นาครา สกลรฏฺวาสิโน จ สฺชยมหาราชํ ผุสฺสติเทวึ มทฺทิเทวิฺจ เปตฺวา สพฺเพ เอว. กุทฺธาติ เทวตาวตฺตเนน โพธิสตฺตสฺส กุทฺธา. สมาคตาติ สนฺนิปติตา. เต ¶ กิร พฺราหฺมณา หตฺถึ ลภิตฺวา ตํ อภิรุหิตฺวา มหาทฺวาเรน ปวิสิตฺวา นครมชฺเฌน ปายึสุ. มหาชเนน จ ‘‘อมฺโภ พฺราหฺมณา, อมฺหากํ หตฺถี กุโต อภิรุฬฺโห’’ติ วุตฺเต ‘‘เวสฺสนฺตรมหาราเชน โน หตฺถี ทินฺโน, เก ตุมฺเห’’ติ หตฺถวิการาทีหิ ฆฏฺเฏนฺตา อคมํสุ. อถ อมจฺเจ อาทึ กตฺวา มหาชนา ราชทฺวาเร สนฺนิปติตฺวา ‘‘รฺา นาม พฺราหฺมณานํ ธนํ วา ธฺํ วา เขตฺตํ วา วตฺถุ วา ทาสิทาสปริจาริกา วา ทาตพฺพา สิยา, กถฺหิ นามายํ เวสฺสนฺตรมหาราชา ราชารหํ มงฺคลหตฺถึ ทสฺสติ, น อิทานิ เอวํ รชฺชํ วินาเสตุํ ทสฺสามา’’ติ อุชฺฌายิตฺวา สฺชยมหาราชสฺส ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา เตน อนุนียมานา อนนุยนฺตา อคมํสุ. เกวลํ ปน –
‘‘มา นํ ทณฺเฑน สตฺเถน, น หิ โส พนฺธนารโห;
ปพฺพาเชหิ จ นํ รฏฺา, วงฺเก วสตุ ปพฺพเต’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๑๖๘๗) –
วทึสุ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ปพฺพาเชสุํ สกา รฏฺา, วงฺกํ คจฺฉตุ ปพฺพต’’นฺติ.
ตตฺถ ปพฺพาเชสุนฺติ รชฺชโต พหิ วาสตฺถาย อุสฺสุกฺกมกํสุ; –
ราชาปิ ‘‘มหา โข อยํ ปฏิปกฺโข, หนฺท มม ปุตฺโต กติปาหํ รชฺชโต พหิ วสตู’’ติ จินฺเตตฺวา –
‘‘เอโส ¶ เจ สิวีนํ ฉนฺโท, ฉนฺทํ นปฺปนุทามเส;
อิมํ โส วสตุ รตฺตึ, กาเม จ ปริภฺุชตุ.
‘‘ตโต รตฺยา วิวสาเน, สูริยุคฺคมนํ ปติ;
สมคฺคา สิวโย หุตฺวา, รฏฺา ปพฺพาชยนฺตุ น’’นฺติ. (ชา. ๒.๒๒.๑๖๘๘-๑๖๘๙) –
วตฺวา ¶ ปุตฺตสฺส สนฺติเก กตฺตารํ เปเสสิ ‘‘อิมํ ปวตฺตึ มม ปุตฺตสฺส อาโรเจหี’’ติ. โส ตถา อกาสิ.
มหาสตฺโตปิ ตํ สุตฺวา –
‘‘กิสฺมึ เม สิวโย กุทฺธา, นาหํ ปสฺสามิ ทุกฺกฏํ;
ตํ เม กตฺเต วิยาจิกฺข, กสฺมา ปพฺพาชยนฺติ ม’’นฺติ. (ชา. ๒.๒๒.๑๗๐๑) –
การณํ ปุจฺฉิ. เตน ‘‘ตุมฺหากํ หตฺถิทาเนนา’’ติ วุตฺเต โสมนสฺสปฺปตฺโต หุตฺวา –
‘‘หทยํ จกฺขุมฺปหํ ทชฺชํ, กึ เม พาหิรกํ ธนํ;
หิรฺํ วา สุวณฺณํ วา, มุตฺตา เวฬุริยา มณิ.
‘‘ทกฺขิณํ ¶ วาปหํ พาหุํ, ทิสฺวา ยาจกมาคเต;
ทเทยฺยํ น วิกมฺเปยฺยํ, ทาเน เม รมเต มโน.
‘‘กามํ มํ สิวโย สพฺเพ, ปพฺพาเชนฺตุ หนนฺตุ วา;
เนว ทานา วิรมิสฺสํ, กามํ ฉินฺทนฺตุ สตฺตธา’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๑๗๐๓-๑๗๐๕) –
วตฺวา ‘‘นาครา เม เอกทิวสํ ทานํ ทาตุํ โอกาสํ เทนฺตุ, สฺเว ทานํ ทตฺวา ตติยทิวเส คมิสฺสามี’’ติ วตฺวา กตฺตารํ เตสํ สนฺติเก เปเสตฺวา ‘‘อหํ สฺเว สตฺตสตกํ นาม มหาทานํ ทสฺสามิ ¶ , สตฺตหตฺถิสตานิ สตฺตอสฺสสตานิ สตฺตรถสตานิ สตฺตอิตฺถิสตานิ สตฺตทาสสตานิ สตฺตทาสิสตานิ สตฺตเธนุสตานิ ปฏิยาเทหิ, นานปฺปการฺจ อนฺนปานาทึ สพฺพํ ทาตพฺพยุตฺตกํ อุปฏฺเปหี’’ติ สพฺพกมฺมิกํ อมจฺจํ อาณาเปตฺวา เอกโกว มทฺทิเทวิยา วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ‘‘ภทฺเท มทฺทิ, อนุคามิกนิธึ นิทหมานา, สีลวนฺเตสุ ทเทยฺยาสี’’ติ ตมฺปิ ทาเน นิโยเชตฺวา ตสฺสา อตฺตโน คมนการณํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘อหํ วนํ วสนตฺถาย คมิสฺสามิ, ตฺวํ อิเธว อนุกฺกณฺิตา วสาหี’’ติ อาห. สา ‘‘นาหํ, มหาราช, ตุมฺเหหิ วินา เอกทิวสมฺปิ วสิสฺสามี’’ติ อาห.
ทุติยทิวเส สตฺตสตกํ มหาทานํ ปวตฺเตสิ. ตสฺส สตฺตสตกํ ทานํ เทนฺตสฺเสว สายํ อโหสิ. อลงฺกตรเถน มาตาปิตูนํ วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ‘‘อหํ สฺเว คมิสฺสามี’’ติ เต อาปุจฺฉิตฺวา อกามกานํ เตสํ อสฺสุมุขานํ โรทนฺตานํเยว วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตโต นิกฺขมิตฺวา ¶ ตํ ทิวสํ อตฺตโน นิเวสเน วสิตฺวา ปุนทิวเส ‘‘คมิสฺสามี’’ติ ปาสาทโต โอตริ. มทฺทิเทวี สสฺสุสสุเรหิ นานานเยหิ ยาจิตฺวา นิวตฺติยมานาปิ เตสํ วจนํ อนาทิยิตฺวา เต วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เสสิตฺถิโย อปโลเกตฺวา ทฺเว ปุตฺเต อาทาย เวสฺสนฺตรสฺส ปมตรํ คนฺตฺวา รเถ อฏฺาสิ.
มหาปุริโส รถํ อภิรุหิตฺวา รเถ ิโต มหาชนํ อาปุจฺฉิตฺวา ‘‘อปฺปมตฺตา ทานาทีนิ ปฺุานิ กโรถา’’ติ โอวาทมสฺส ทตฺวา นครโต นิกฺขมิ. โพธิสตฺตสฺส มาตา ‘‘ปุตฺโต เม ทานวิตฺตโก ทานํ เทตู’’ติ อาภรเณหิ สทฺธึ สตฺตรตนปูรานิ สกฏานิ อุโภสุ ปสฺเสสุ เปเสสิ. โสปิ อตฺตโน กายารุฬฺหเมว อาภรณภณฺฑํ สมฺปตฺตยาจกานํ ¶ อฏฺารส วาเร ทตฺวา เสสํ สพฺพมทาสิ. นครา นิกฺขมิตฺวาว นิวตฺติตฺวา โอโลเกตุกาโม อโหสิ. อถสฺส ปฺุานุภาเวน รถปฺปมาเณ าเน มหาปถวี ภิชฺชิตฺวา ปริวตฺติตฺวา รถํ นคราภิมุขํ อกาสิ. โส มาตาปิตูนํ วสนฏฺานํ โอโลเกสิ. เตน การฺุเน ปถวิกมฺโป อโหสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘เตสํ นิจฺฉุภมานาน’’นฺติอาทิ.
๘๙-๙๐. ตตฺถ นิจฺฉุภมานานนฺติ เตสุ สิวีสุ นิกฺกฑฺฒนฺเตสุ, ปพฺพาเชนฺเตสูติ อตฺโถ. เตสํ วา นิกฺขมนฺตานํ. มหาทานํ ปวตฺเตตุนฺติ สตฺตสตกมหาทานํ ทาตุํ. อายาจิสฺสนฺติ ยาจึ. สาวยิตฺวาติ โฆสาเปตฺวา. กณฺณเภรินฺติ ยุคลมหาเภรึ. ททามหนฺติ ททามิ อหํ.
๙๑. อเถตฺถาติ อเถวํ ทาเน ทียมาเน เอตสฺมึ ทานคฺเค. ตุมูโลติ เอกโกลาหลีภูโต. เภรโวติ ¶ ภยาวโห. มหาสตฺตฺหิ เปตฺวา อฺเสํ โส ภยํ ชเนติ, ตสฺส ภยชนนาการํ ทสฺเสตุํ. ‘‘ทาเนนิม’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อิมํ เวสฺสนฺตรมหาราชานํ ทาเนน เหตุนา สิวโย รฏฺโต นีหรนฺติ ปพฺพาเชนฺติ, ตถาปิ ปุน จ เอวรูปํ ทานํ เทติ อยนฺติ.
๙๒-๙๔. อิทานิ ตํ ทานํ ทสฺเสตุํ ‘‘หตฺถิ’’นฺติ คาถมาห. ตตฺถ ควนฺติ เธนุํ. จตุวาหึ รถํ ทตฺวาติ วหนฺตีติ วาหิโน, อสฺสา, จตุโร อาชฺสินฺธเว ¶ รถฺจ พฺราหฺมณานํ ทตฺวาติ อตฺโถ. มหาสตฺโต หิ ตถา นครโต นิกฺขมนฺโต สหชาเต สฏฺิสหสฺเส อมจฺเจ เสสชนฺจ อสฺสุปุณฺณมุขํ อนุพทฺธนฺตํ นิวตฺเตตฺวา รถํ ปาเชนฺโต มทฺทึ อาห – ‘‘สเจ, ภทฺเท, ปจฺฉโต ยาจกา อาคจฺฉนฺติ, อุปธาเรยฺยาสี’’ติ. สา โอโลเกนฺตี นิสีทิ. อถสฺส สตฺตสตกมหาทานํ คมนกาเล กตทานฺจ สมฺปาปุณิตุํ อสกฺโกนฺตา จตฺตาโร พฺราหฺมณา อาคนฺตฺวา ‘‘เวสฺสนฺตโร กุหิ’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ทานํ ทตฺวา รเถน คโต’’ติ วุตฺเต ‘‘อสฺเส ยาจิสฺสามา’’ติ อนุพนฺธึสุ. มทฺที เต อาคจฺฉนฺเต ทิสฺวา ‘‘ยาจกา, เทวา’’ติ อาโรเจสิ. มหาสตฺโต รถํ เปสิ. เต อาคนฺตฺวา อสฺเส ยาจึสุ. มหาสตฺโต อสฺเส อทาสิ. เต เต คเหตฺวา คตา. อสฺเสสุ ¶ ปน ทินฺเนสุ รถธุรํ อากาเสเยว อฏฺาสิ. อถ จตฺตาโร เทวปุตฺตา โรหิตมิควณฺเณนาคนฺตฺวา รถธุรํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อคมํสุ. มหาสตฺโต เตสํ เทวปุตฺตภาวํ ตฺวา –
‘‘อิงฺฆ มทฺทิ นิสาเมหิ, จิตฺตรูปํว ทิสฺสติ;
มิคโรหิจฺจวณฺเณน, ทกฺขิณสฺสา วหนฺติ ม’’นฺติ. (ชา. ๒.๒๒.๑๘๖๔) –
มทฺทิยา อาห.
ตตฺถ จิตฺตรูปํวาติ อจฺฉริยรูปํ วิย. ทกฺขิณสฺสาติ สุสิกฺขิตอสฺสา วิย มํ วหนฺติ.
อถ นํ เอวํ คจฺฉนฺตํ อปโร พฺราหฺมโณ อาคนฺตฺวา รถํ ยาจิ. มหาสตฺโต ปุตฺตทารํ โอตาเรตฺวา รถํ อทาสิ. รเถ ปน ทินฺเน เทวปุตฺตา อนฺตรธายึสุ. ตโต ปฏฺาย ปน สพฺเพปิ ปตฺติกาว อเหสุํ. อถ มหาสตฺโต ‘‘มทฺทิ, ตฺวํ กณฺหาชินํ คณฺหาหิ, อหํ ชาลิกุมารํ คณฺหามี’’ติ อุโภปิ ทฺเว ทารเก องฺเกนาทาย อฺมฺํ ปิยสลฺลาปา ปฏิปถํ อาคจฺฉนฺเต มนุสฺเส วงฺกปพฺพตสฺส มคฺคํ ปุจฺฉนฺตา สยเมว โอนเตสุ ผลรุกฺเขสุ ผลานิ ทารกานํ ททนฺตา อตฺถกามาหิ ¶ เทวตาหิ มคฺคสฺส สงฺขิปิตตฺตา ตทเหว เจตรฏฺํ สมฺปาปุณึสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘จตุวาหึ รถํ ทตฺวา’’ติอาทิ.
ตตฺถ ตฺวา จาตุมฺมหาปเถติ อตฺตโน คมนมคฺเคน ปสฺสโต อาคเตน เตน พฺราหฺมเณน อาคตมคฺเคน จ วินิวิชฺฌิตฺวา คตฏฺานตฺตา จตุกฺกสงฺขาเต ¶ จตุมหาปเถ ตฺวา ตสฺส พฺราหฺมณสฺส รถํ ทตฺวา. เอกากิโยติ อมจฺจเสวกาทิสหายาภาเวน เอกโก. เตเนวาห ‘‘อทุติโย’’ติ. มทฺทิเทวึ อิทมพฺรวีติ มทฺทิเทวึ อิทํ อภาสิ.
๙๖-๙๙. ปทุมํ ปุณฺฑรีกํวาติ ปทุมํ วิย, ปุณฺฑรีกํ วิย จ. กณฺหาชินคฺคหีติ กณฺหาชินํ อคฺคเหสิ. อภิชาตาติ ชาติสมฺปนฺนา. วิสมํ สมนฺติ วิสมํ สมฺจ ภูมิปฺปเทสํ. เอนฺตีติ อาคจฺฉนฺติ. อนุมคฺเค ปฏิปฺปเถติ อนุมคฺเค วา ปฏิปเถ วาติ วา-สทฺทสฺส โลโป ทฏฺพฺโพ. กรุณนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส, กรุณายิตตฺตนฺติ อตฺโถ. ทุกฺขํ เต ปฏิเวเทนฺตีติ อิเม เอวํ สุขุมาลา ปทสา คจฺฉนฺติ, ทูเรว อิโต วงฺกปพฺพโตติ เต ตทา อมฺเหสุ การฺุวเสน อตฺตนา ทุกฺขํ ปฏิลภนฺติ, ตถา อตฺตโน ¶ อุปฺปนฺนทุกฺขํ ปฏิเวเทนฺติ วาติ อตฺโถ.
๑๐๐-๑. ปวเนติ มหาวเน. ผลิเนติ ผลวนฺเต. อุพฺพิทฺธาติ อุทฺธํ อุคฺคตา อุจฺจา. อุปคจฺฉนฺติ ทารเกติ ยถา ผลานิ ทารกานํ หตฺถูปคยฺหกานิ โหนฺติ, เอวํ รุกฺขา สยเมว สาขาหิ โอนมิตฺวา ทารเก อุเปนฺติ.
๑๐๒. อจฺฉริยนฺติ อจฺฉราโยคฺคํ, อจฺฉรํ ปหริตุํ ยุตฺตํ. อภูตปุพฺพํ ภูตนฺติ อพฺภุตํ. โลมานํ หํสนสมตฺถตาย โลมหํสนํ. สาหุการนฺติ สาธุการํ, อยเมว วา ปาโ. อิตฺถิรตนภาเวน สพฺเพหิ องฺเคหิ อวยเวหิ โสภตีติ สพฺพงฺคโสภนา.
๑๐๓-๔. อจฺเฉรํ วตาติ อจฺฉริยํ วต. เวสฺสนฺตรสฺส เตเชนาติ เวสฺสนฺตรสฺส ปฺุานุภาเวน. สงฺขิปึสุ ปถํ ยกฺขาติ เทวตา มหาสตฺตสฺส ปฺุเตเชน โจทิตา ตํ มคฺคํ ปริกฺขยํ ปาเปสุํ, อปฺปกํ อกํสุ, ตํ ปน ทารเกสุ กรุณาย กตํ วิย กตฺวา วุตฺตํ ‘‘อนุกมฺปาย ทารเก’’ติ. เชตุตฺตรนครโต หิ สุวณฺณคิริตาโล นาม ปพฺพโต ปฺจ โยชนานิ, ตโต โกนฺติมารา นาม นที ปฺจ โยชนานิ, ตโต มารฺชนาคิริ นาม ปพฺพโต ปฺจ โยชนานิ, ตโต ทณฺฑพฺราหฺมณคาโม นาม ปฺจ โยชนานิ, ตโต มาตุลนครํ ทส ¶ โยชนานิ, อิติ ตํ รฏฺํ เชตุตฺตรนครโต ตึส โยชนานิ โหติ. เทวตา ¶ โพธิสตฺตสฺส ปฺุเตเชน โจทิตา มคฺคํ ปริกฺขยํ ปาเปสุํ. ตํ สพฺพํ เอกาเหเนว อติกฺกมึสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘นิกฺขนฺตทิวเสเนว, เจตรฏฺมุปาคมุ’’นฺติ.
เอวํ มหาสตฺโต สายนฺหสมยํ เจตรฏฺเ มาตุลนครํ ปตฺวา ตสฺส นครสฺส ทฺวารสมีเป สาลายํ นิสีทิ. อถสฺส มทฺทิเทวี ปาเทสุ รชํ ปฺุฉิตฺวา ปาเท สมฺพาหิตฺวา ‘‘เวสฺสนฺตรสฺส อาคตภาวํ ชานาเปสฺสามี’’ติ สาลโต นิกฺขมิตฺวา ตสฺส จกฺขุปเถ สาลทฺวาเร อฏฺาสิ. นครํ ปวิสนฺติโย จ นิกฺขมนฺติโย จ อิตฺถิโย ตํ ทิสฺวา ปริวาเรสุํ. มหาชโน ตฺจ เวสฺสนฺตรฺจ ปุตฺเต จสฺส ตถา อาคเต ทิสฺวา ราชูนํ อาจิกฺขิ. สฏฺิสหสฺสา ราชาโน โรทนฺตา ปริเทวนฺตา ตสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา มคฺคปริสฺสมํ วิโนเทตฺวา ¶ ตถา อาคมนการณํ ปุจฺฉึสุ.
มหาสตฺโต หตฺถิทานํ อาทึ กตฺวา สพฺพํ กเถสิ. ตํ สุตฺวา เต อตฺตโน รชฺเชน นิมนฺตยึสุ. มหาปุริโส ‘‘มยา ตุมฺหากํ รชฺชํ ปฏิคฺคหิตเมว โหตุ, ราชา ปน มํ รฏฺา ปพฺพาเชติ, ตสฺมา วงฺกปพฺพตเมว คมิสฺสามี’’ติ วตฺวา เตหิ นานปฺปการํ ตตฺถ วาสํ ยาจิยมาโนปิ ตํ อนลงฺกริตฺวา เตหิ คหิตารกฺโข ตํ รตฺตึ สาลายเมว วสิตฺวา ปุนทิวเส ปาโตว นานคฺครสโภชนํ ภฺุชิตฺวา เตหิ ปริวุโต นิกฺขมิตฺวา ปนฺนรสโยชนมคฺคํ คนฺตฺวา วนทฺวาเร ตฺวา เต นิวตฺเตตฺวา ปุรโต ปนฺนรสโยชนมคฺคํ เตหิ อาจิกฺขิตนิยาเมเนว อคมาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘สฏฺิราชสหสฺสานิ, ตทา วสนฺติ มาตุเล;
สพฺเพ ปฺชลิกา หุตฺวา, โรทมานา อุปาคมุํ.
‘‘ตตฺถ วตฺเตตฺวา สลฺลาปํ, เจเตหิ เจตปุตฺเตหิ;
เต ตโต นิกฺขมิตฺวาน, วงฺกํ อคมุ ปพฺพต’’นฺติ.
ตตฺถ ตตฺถ วตฺเตตฺวา สลฺลาปนฺติ ตตฺถ เตหิ ราชูหิ สมาคเมหิ สทฺธึ ปฏิสมฺโมทมานา กถํ ปวตฺเตตฺวา. เจตปุตฺเตหีติ เจตราชปุตฺเตหิ. เต ตโต นิกฺขมิตฺวานาติ เต ราชาโน ตโต วนทฺวารฏฺาเน นิวตฺเตตฺวา. วงฺกํ อคมุ ปพฺพตนฺติ อมฺเห จตฺตาโร ชนา วงฺกปพฺพตํ อุทฺทิสฺส อคมมฺหา.
อถ ¶ มหาสตฺโต เตหิ อาจิกฺขิตมคฺเคน คจฺฉนฺโต คนฺธมาทนปพฺพตํ ปตฺวา ตํ ทิวสํ ตตฺถ ¶ วสิตฺวา ตโต อุตฺตรทิสาภิมุโข เวปุลฺลปพฺพตปาเทน คนฺตฺวา เกตุมตีนทีตีเร นิสีทิตฺวา วนจรเกน ทินฺนํ มธุมํสํ ขาทิตฺวา ตสฺส สุวณฺณสูจึ ทตฺวา นฺหตฺวา ปิวิตฺวา ปฏิปฺปสฺสทฺธทรโถ นทึ อุตฺตริตฺวา สานุปพฺพตสิขเร ิตสฺส นิคฺโรธสฺส มูเล โถกํ นิสีทิตฺวา อุฏฺาย คจฺฉนฺโต นาลิกปพฺพตํ ปริหรนฺโต มุจลินฺทสรํ คนฺตฺวา สรตีเรน ปุพฺพุตฺตรกณฺณํ ปตฺวา เอกปทิกมคฺเคเนว วนฆฏํ ปวิสิตฺวา ตํ อติกฺกมฺม คิริวิทุคฺคานํ นทีปภวานํ ปุรโต จตุรสฺสโปกฺขรณึ ปาปุณิ.
๑๐๗. ตสฺมึ ¶ ขเณ สกฺโก อาวชฺเชนฺโต ‘‘มหาสตฺโต หิมวนฺตํ ปวิฏฺโ, วสนฏฺานํ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา วิสฺสกมฺมํ เปเสสิ – ‘‘คจฺฉ วงฺกปพฺพตกุจฺฉิมฺหิ รมณีเย าเน อสฺสมปทํ มาเปหี’’ติ. โส ตตฺถ ทฺเว ปณฺณสาลาโย ทฺเว จงฺกเม ทฺเว จ รตฺติฏฺานทิวาฏฺานานิ มาเปตฺวา เตสุ เตสุ าเนสุ นานาปุปฺผวิจิตฺเต รุกฺเข ผลิเต รุกฺเข ปุปฺผคจฺเฉ กทลิวนาทีนิ จ ทสฺเสตฺวา สพฺเพ ปพฺพชิตปริกฺขาเร ปฏิยาเทตฺวา ‘‘เยเกจิ ปพฺพชิตุกามา, เต คณฺหนฺตู’’ติ อกฺขรานิ ลิขิตฺวา อมนุสฺเส จ เภรวสทฺเท มิคปกฺขิโน จ ปฏิกฺกมาเปตฺวา สกฏฺานเมว คโต.
มหาสตฺโต เอกปทิกมคฺคํ ทิสฺวา ‘‘ปพฺพชิตานํ วสนฏฺานํ ภวิสฺสตี’’ติ มทฺทิฺจ ปุตฺเต จ ตตฺเถว เปตฺวา อสฺสมปทํ ปวิสิตฺวา อกฺขรานิ โอโลเกตฺวา ‘‘สกฺเกน ทินฺโนสฺมี’’ติ ปณฺณสาลทฺวารํ วิวริตฺวา ปวิฏฺโ ขคฺคฺจ ธนฺุจ อปเนตฺวา สาฏเก โอมฺุจิตฺวา อิสิเวสํ คเหตฺวา กตฺตรทณฺฑํ อาทาย นิกฺขมิตฺวา ปจฺเจกพุทฺธสทิเสน อุปสเมน ทารกานํ สนฺติกํ อคมาสิ. มทฺทิเทวีปิ มหาสตฺตํ ทิสฺวา ปาเทสุ ปติตฺวา โรทิตฺวา เตเนว สทฺธึ อสฺสมํ ปวิสิตฺวา อตฺตโน ปณฺณสาลํ คนฺตฺวา อิสิเวสํ คณฺหิ. ปจฺฉา ปุตฺเตปิ ตาปสกุมารเก กรึสุ. โพธิสตฺโต มทฺทึ วรํ ยาจิ ‘‘มยํ อิโต ปฏฺาย ปพฺพชิตา นาม, อิตฺถี จ นาม พฺรหฺมจริยสฺส มลํ, มา ทานิ อกาเล มม สนฺติกํ อาคจฺฉา’’ติ. สา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา มหาสตฺตมฺปิ วรํ ยาจิ ‘‘เทว, ตุมฺเห ปุตฺเต คเหตฺวา อิเธว โหถ, อหํ ผลาผลํ อาหริสฺสามี’’ติ. สา ตโต ปฏฺาย อรฺโต ผลาผลานิ อาหริตฺวา ตโย ชเน ปฏิชคฺคิ. อิติ จตฺตาโร ขตฺติยา วงฺกปพฺพตกุจฺฉิยํ สตฺตมาสมตฺตํ วสึสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘อามนฺตยิตฺวา เทวินฺโท, วิสฺสกมฺมํ มหิทฺธิก’’นฺติอาทิ.
ตตฺถ ¶ อามนฺตยิตฺวาติ ปกฺโกสาเปตฺวา. มหิทฺธิกนฺติ มหติยา เทวิทฺธิยา สมนฺนาคตํ. อสฺสมํ สุกตนฺติ อสฺสมปทํ สุกตํ กตฺวา. รมฺมํ เวสฺสนฺตรสฺส วสนานุจฺฉวิกํ ปณฺณสาลํ. สุมาปยาติ สุฏฺุ มาปย. อาณาเปสีติ วจนเสโส. สุมาปยีติ สมฺมา มาเปสิ.
๑๑๑. อสฺุโติ ¶ ยถา โส อสฺสโม อสฺุโ โหติ, เอวํ ตสฺส อสฺุภาวกรเณน ¶ อสฺุโ โหมิ. ‘‘อสฺุเ’’ติ วา ปาโ, มม วสเนเนว อสฺุเ อสฺสเม ทารเก อนุรกฺขนฺโต วสามิ ตตฺถ ติฏฺามิ. โพธิสตฺตสฺส เมตฺตานุภาเวน สมนฺตา ติโยชเน สพฺเพ ติรจฺฉานาปิ เมตฺตํ ปฏิลภึสุ.
เอวํ เตสุ ตตฺถ วสนฺเตสุ กลิงฺครฏฺวาสี ชูชโก นาม พฺราหฺมโณ อมิตฺตตาปนาย นาม ภริยาย ‘‘นาหํ เต นิจฺจํ ธฺโกฏฺฏนอุทกาหรณยาคุภตฺตปจนาทีนิ กาตุํ สกฺโกมิ, ปริจารกํ เม ทาสํ วา ทาสึ วา อาเนหี’’ติ วุตฺเต ‘‘กุโตหํ เต โภติ ทุคฺคโต ทาสํ วา ทาสึ วา ลภิสฺสามี’’ติ วตฺวา ตาย ‘‘เอส เวสฺสนฺตโร ราชา วงฺกปพฺพเต วสติ. ตสฺส ปุตฺเต มยฺหํ ปริจารเก ยาจิตฺวา อาเนหี’’ติ วุตฺเต กิเลสวเสน ตสฺสา ปฏิพทฺธจิตฺตตาย ตสฺสา วจนํ อติกฺกมิตุํ อสกฺโกนฺโต ปาเถยฺยํ ปฏิยาทาเปตฺวา อนุกฺกเมน เชตุตฺตรนครํ ปตฺวา ‘‘กุหึ เวสฺสนฺตรมหาราชา’’ติ ปุจฺฉิ.
มหาชโน ‘‘อิเมสํ ยาจกานํ อติทาเนน อมฺหากํ ราชา รฏฺา ปพฺพาชิโต, เอวํ อมฺหากํ ราชานํ นาเสตฺวา ปุนปิ อิเธว อาคจฺฉตี’’ติ เลฑฺฑุทณฺฑาทิหตฺโถ อุปกฺโกสนฺโต พฺราหฺมณํ อนุพนฺธิ. โส เทวตาวิคฺคหิโต หุตฺวา ตโต นิกฺขมิตฺวา วงฺกปพฺพตคามิมคฺคํ อภิรุฬฺโห อนุกฺกเมน วนทฺวารํ ปตฺวา มหาวนํ อชฺโฌคาเหตฺวา มคฺคมูฬฺโห หุตฺวา วิจรนฺโต เตหิ ราชูหิ โพธิสตฺตสฺส อารกฺขณตฺถาย ปิเตน เจตปุตฺเตน สมาคฺฉิ. เตน ‘‘กหํ, โภ พฺราหฺมณ, คจฺฉสี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘เวสฺสนฺตรมหาราชสฺส สนฺติก’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อทฺธา อยํ พฺราหฺมโณ ตสฺส ปุตฺเต วา เทวึ วา ยาจิตุํ คจฺฉตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘มา โข, ตฺวํ พฺราหฺมณ, ตตฺถ คฺฉิ, สเจ คจฺฉสิ, เอตฺเถว เต สีสํ ฉินฺทิตฺวา มยฺหํ สุนขานํ ฆาสํ กริสฺสามี’’ติ เตน สนฺตชฺชิโต มรณภยภีโต ‘‘อหมสฺส ปิตรา เปสิโต ทูโต, ‘ตํ อาเนสฺสามี’ติ อาคโต’’ติ มุสาวาทํ อภาสิ. ตํ สุตฺวา เจตปุตฺโต ตุฏฺหฏฺโ พฺราหฺมณสฺส ¶ สกฺการสมฺมานํ กตฺวา วงฺกปพฺพตคามิมคฺคํ อาจิกฺขิ. โส ตโต ปรํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค อจฺจุเตน นาม ตาปเสน สทฺธึ สมาคนฺตฺวา ตมฺปิ มคฺคํ ปุจฺฉิตฺวา เตนาปิ มคฺเค อาจิกฺขิเต เตน อาจิกฺขิตสฺาย มคฺคํ คจฺฉนฺโต อนุกฺกเมน โพธิสตฺตสฺส อสฺสมปทฏฺานสมีปํ คนฺตฺวา มทฺทิเทวิยา ผลาผลตฺถํ ¶ คตกาเล โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อุโภ ทารเก ยาจิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ปวเน วสมานสฺส, อทฺธิโก มํ อุปาคมิ;
อยาจิ ปุตฺตเก มยฺหํ, ชาลึ กณฺหาชินํ จุโภ’’ติ.
เอวํ ¶ พฺราหฺมเณน ทารเกสุ ยาจิเตสุ มหาสตฺโต ‘‘จิรสฺสํ วต เม ยาจโก อธิคโต, อชฺชาหํ อนวเสสโต ทานปารมึ ปูเรสฺสามี’’ติ อธิปฺปาเยน โสมนสฺสชาโต ปสาริตหตฺเถ สหสฺสตฺถวิกํ เปนฺโต วิย พฺราหฺมณสฺส จิตฺตํ ปริโตเสนฺโต สกลฺจ ตํ ปพฺพตกุจฺฉึ อุนฺนาเทนฺโต ‘‘ททามิ ตว มยฺหํ ปุตฺตเก, อปิ จ มทฺทิเทวี ปน ปาโตว ผลาผลตฺถาย วนํ คนฺตฺวา สายํ อาคมิสฺสติ, ตาย อาคตาย เต ปุตฺตเก ทสฺเสตฺวา ตฺวฺจ มูลผลาผลํ ขาทิตฺวา เอกรตฺตึ วสิตฺวา วิคตปริสฺสโม ปาโตว คมิสฺสสี’’ติ อาห. พฺราหฺมโณ ‘‘กามฺเจส อุฬารชฺฌาสยตาย ปุตฺตเก ททาติ, มาตา ปน วจฺฉคิทฺธา อาคนฺตฺวา ทานสฺส อนฺตรายมฺปิ กเรยฺย, ยํนูนาหํ อิมํ นิปฺปีเฬตฺวา ทารเก คเหตฺวา อชฺเชว คจฺเฉยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘ปุตฺตา เจ เต มยฺหํ ทินฺนา, กึ ทานิ มาตรํ ทสฺเสตฺวา เปสิเตหิ, ทารเก คเหตฺวา อชฺเชว คมิสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘สเจ, ตฺวํ พฺราหฺมณ, ราชปุตฺตึ มาตรํ ทฏฺุํ น อิจฺฉสิ, อิเม ทารเก คเหตฺวา เชตุตฺตรนครํ คจฺฉ, ตตฺถ สฺชยมหาราชา ทารเก คเหตฺวา มหนฺตํ เต ธนํ ทสฺสติ, เตน ทาสทาสิโย คณฺหิสฺสสิ, สุขฺจ ชีวิสฺสสิ, อฺถา อิเม สุขุมาลา ราชทารกา, กึ เต เวยฺยาวจฺจํ กริสฺสนฺตี’’ติ อาห.
พฺราหฺมโณ ‘‘เอวมฺปิ มยา น สกฺกา กาตุํ, ราชทณฺฑโต ภายามิ, มยฺหเมว คามํ เนสฺสามี’’ติ อาห. อิมํ เตสํ กถาสลฺลาปํ สุตฺวา ทารกา ‘‘ปิตา โน โข อมฺเห พฺราหฺมณสฺส ทาตุกาโม’’ติ ปกฺกมิตฺวา โปกฺขรณึ คนฺตฺวา ปทุมินิคจฺเฉ นิลียึสุ. พฺราหฺมโณ เต อทิสฺวาว ‘‘ตฺวํ ¶ ‘ทารเก ททามี’ติ วตฺวา เต อปกฺกมาเปสิ, เอโส เต สาธุภาโว’’ติ อาห. อถ มหาสตฺโต สหสาว อุฏฺหิตฺวา ทารเก คเวสนฺโต ปทุมินิคจฺเฉ นิลีเน ทิสฺวา ‘‘เอถ, ตาตา, มา มยฺหํ ทานปารมิยา อนฺตรายํ อกตฺถ, มม ทานชฺฌาสยํ มตฺถกํ ปาเปถ, อยฺจ พฺราหฺมโณ ตุมฺเห คเหตฺวา ตุมฺหากํ อยฺยกสฺส สฺชยมหาราชสฺส สนฺติกํ คมิสฺสติ ¶ , ตาต ชาลิ, ตฺวํ ภุชิสฺโส โหตุกาโม พฺราหฺมณสฺส นิกฺขสหสฺสํ ทตฺวา ภุชิสฺโส ภเวยฺยาสิ, กณฺหาชิเน ตฺวํ ทาสสตํ ทาสิสตํ หตฺถิสตํ อสฺสสตํ อุสภสตํ นิกฺขสตนฺติ สพฺพสตํ ทตฺวา ภุชิสฺสา ภเวยฺยาสี’’ติ กุมาเร อคฺฆาเปตฺวา สมสฺสาเสตฺวา คเหตฺวา อสฺสมปทํ คนฺตฺวา กมณฺฑลุนา อุทกํ คเหตฺวา สพฺพฺุตฺาณสฺส ปจฺจยํ กตฺวา พฺราหฺมณสฺส หตฺเถ อุทกํ ปาเตตฺวา อติวิย ปีติโสมนสฺสชาโต หุตฺวา ปถวึ อุนฺนาเทนฺโต ปิยปุตฺตทานํ อทาสิ. อิธาปิ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว ปถวิกมฺปาทโย อเหสุํ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ยาจกํ อุปคตํ ทิสฺวา, หาโส เม อุปปชฺชถ;
อุโภ ปุตฺเต คเหตฺวาน, อทาสึ พฺราหฺมเณ ตทา.
‘‘สเก ¶ ปุตฺเต จชนฺตสฺส, ชูชเก พฺราหฺมเณ ยทา;
ตทาปิ ปถวี กมฺปิ, สิเนรุวนวฏํสกา’’ติ.
อถ พฺราหฺมโณ ทารเก อคนฺตุกาเม ลตาย หตฺเถสุ พนฺธิตฺวา อากฑฺฒิ. เตสํ พนฺธฏฺาเน ฉวึ ฉินฺทิตฺวา โลหิตํ ปคฺฆริ. โส ลตาทณฺเฑน ปหรนฺโต อากฑฺฒิ. เต ปิตรํ โอโลเกตฺวา.
‘‘อมฺมา จ ตาต นิกฺขนฺตา, ตฺวฺจ โน ตาต ทสฺสสิ;
มา โน ตฺวํ ตาต อททา, ยาว อมฺมาปิ เอตุ โน;
ตทายํ พฺราหฺมโณ กามํ, วิกฺกิณาตุ หนาตุ วา’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๒๑๒๖) –
วตฺวา ปุนปิ อยํ เอวรูโป โฆรทสฺสโน กุรูรกมฺมนฺโต –
‘‘มนุสฺโส อุทาหุ ยกฺโข, มํสโลหิตโภชโน;
คามา อรฺมาคมฺม, ธนํ ตํ ตาต ยาจติ;
นียมาเน ปิสาเจน, กึ นุ ตาต อุทิกฺขสี’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๒๑๓๐-๒๑๓๑) –
อาทีนิ วทนฺตา ปริเทวึสุ. ตตฺถ ธนนฺติ ปุตฺตธนํ.
ชูชโก ¶ ทารเก ตถา ปริเทวนฺเตเยว โปเถนฺโตว คเหตฺวา ปกฺกามิ. มหาสตฺตสฺส ทารกานํ กรุณํ ปริเทวิเตน ตสฺส จ พฺราหฺมณสฺส อการฺุภาเวน พลวโสโก อุปฺปชฺชิ, วิปฺปฏิสาโร จ อุทปาทิ. โส ตงฺขณฺเว โพธิสตฺตานํ ปเวณึ อนุสฺสริ. ‘‘สพฺเพว หิ โพธิสตฺตา ปฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชิตฺวา พุทฺธา ภวิสฺสนฺติ, อหมฺปิ ¶ เตสํ อพฺภนฺตโร, ปุตฺตทานฺจ มหาปริจฺจาคานํ อฺตรํ, ตสฺมา เวสฺสนฺตร ทานํ ทตฺวา ปจฺฉานุตาโป น เต อนุจฺฉวิโก’’ติ อตฺตานํ ปริภาเสตฺวา ‘‘ทินฺนกาลโต ปฏฺาย มม เต น กิฺจิ โหนฺตี’’ติ อตฺตานํ อุปตฺถมฺเภตฺวา ทฬฺหสมาทานํ อธิฏฺาย ปณฺณสาลทฺวาเร ปาสาณผลเก กฺจนปฏิมา วิย นิสีทิ.
อถ มทฺทิเทวี อรฺโต ผลาผลํ คเหตฺวา นิวตฺตนฺตี ‘‘มา มหาสตฺตสฺส ทานนฺตราโย โหตู’’ติ ¶ วาฬมิครูปธราหิ เทวตาหิ อุปรุทฺธมคฺคา เตสุ อปคเตสุ จิเรน อสฺสมํ ปตฺวา ‘‘อชฺช เม ทุสฺสุปินํ ทิฏฺํ, ทุนฺนิมิตฺตานิ จ อุปฺปนฺนานิ, กึ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตนฺตี อสฺสมํ ปวิสิตฺวา ปุตฺตเก อปสฺสนฺตี โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘เทว, น โข อมฺหากํ ปุตฺตเก ปสฺสามิ, กุหึ เต คตา’’ติ อาห. โส ตุณฺหี อโหสิ. สา ปุตฺตเก อุปธาเรนฺตี ตหึ ตหึ อุปธาวิตฺวา คเวสนฺตี อทิสฺวา ปุนปิ คนฺตฺวา ปุจฺฉิ. โพธิสตฺโต ‘‘กกฺขฬกถาย นํ ปุตฺตโสกํ ชหาเปสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา –
‘‘นูน มทฺที วราโรหา, ราชปุตฺตี ยสสฺสินี;
ปาโต คตาสิ อฺุฉาย, กิมิทํ สายมาคตา’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๒๒๒๕) –
วตฺวา ตาย จิรายนการเณ กถิเต ปุนปิ ทารเก สนฺธาย น กิฺจิ อาห. สา ปุตฺตโสเกน เต อุปธาเรนฺตี ปุนปิ วาตเวเคน วนานิ วิจริ. ตาย เอกรตฺติยํ วิจริตฏฺานํ ปริคฺคณฺหนฺตํ ปนฺนรสโยชนมตฺตํ อโหสิ. อถ วิภาตาย รตฺติยา มหาสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ิตา ทารกานํ อทสฺสเนน พลวโสกาภิภูตา ตสฺส ปาทมูเล ฉินฺนกทลี วิย ภูมิยํ วิสฺี หุตฺวา ปติ. โส ‘‘มตา’’ติ สฺาย กมฺปมาโน อุปฺปนฺนพลวโสโกปิ สตึ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา ‘‘ชานิสฺสามิ ตาว ชีวติ, น ชีวตี’’ติ สตฺตมาเส กายสํสคฺคํ อนาปนฺนปุพฺโพปิ ¶ อฺสฺส อภาเวน ตสฺสา สีสํ อุกฺขิปิตฺวา อูรูสุ เปตฺวา อุทเกน ปริปฺโผสิตฺวา อุรฺจ มุขฺจ หทยฺจ ปริมชฺชิ. มทฺทีปิ โข โถกํ วีตินาเมตฺวา สตึ ปฏิลภิตฺวา หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา ‘‘เทว, ทารกา เต กุหึ คตา’’ติ ปุจฺฉิ. โส อาห – ‘‘เทวิ, เอกสฺส เม พฺราหฺมณสฺส มํ ยาจิตฺวา อาคตสฺส ทาสตฺถาย ทินฺนา’’ติ วตฺวา ตาย ‘‘กสฺมา, เทว, ปุตฺเต พฺราหฺมณสฺส ¶ ทตฺวา มม สพฺพรตฺตึ ปริเทวิตฺวา วิจรนฺติยา นาจิกฺขี’’ติ วุตฺเต ‘‘ปมเมว วุตฺเต ตว จิตฺตทุกฺขํ พหุ ภวิสฺสติ, อิทานิ ปน สรีรทุกฺเขน ตนุกํ ภวิสฺสตี’’ติ วตฺวา –
‘‘มํ ปสฺส มทฺทิ มา ปุตฺเต, มา พาฬฺหํ ปริเทวสิ;
ลจฺฉาม ปุตฺเต ชีวนฺตา, อโรคา จ ภวามเส’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๒๒๖๐) –
โส สมสฺสาเสตฺวา ปุน –
‘‘ปุตฺเต ¶ ปสฺุจ ธฺฺจ, ยฺจ อฺํ ฆเร ธนํ;
ทชฺชา สปฺปุริโส ทานํ, ทิสฺวา ยาจกมาคตํ;
อนุโมทาหิ เม มทฺทิ, ปุตฺตเก ทานมุตฺตม’’นฺติ. (ชา. ๒.๒๒.๒๒๖๑) –
วตฺวา อตฺตโน ปุตฺตทานํ ตํ อนุโมทาเปสิ.
สาปิ –
‘‘อนุโมทามิ เต เทว, ปุตฺตเก ทานมุตฺตมํ;
ทตฺวา จิตฺตํ ปสาเทหิ, ภิยฺโย ทานํ ทโท ภวา’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๒๒๖๒) –
วตฺวา อนุโมทิ.
เอวํ เตสุ อฺมฺํ สมฺโมทนียํ กถํ กเถนฺเตสุ สกฺโก จินฺเตสิ – ‘‘มหาปุริโส หิยฺโย ชูชกสฺส ปถวึ อุนฺนาเทตฺวา ทารเก อทาสิ. อิทานิ นํ โกจิ หีนปุริโส อุปสงฺกมิตฺวา มทฺทิเทวึ ยาจิตฺวา คเหตฺวา คจฺเฉยฺย, ตโต ราชา นิปฺปจฺจโย ภเวยฺย, หนฺทาหํ พฺราหฺมณวณฺเณน นํ อุปสงฺกมิตฺวา มทฺทึ ยาจิตฺวา ปารมิกูฏํ คาหาเปตฺวา กสฺสจิ อวิสฺสชฺชิยํ กตฺวา ปุน นํ ตสฺเสว ทตฺวา อาคมิสฺสามี’’ติ. โส สูริยุคฺคมนเวลายํ พฺราหฺมณวณฺเณน ตสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. ตํ ทิสฺวา มหาปุริโส ‘‘อติถิ โน อาคโต’’ติ ปีติโสมนสฺสชาโต เตน สทฺธึ มธุรปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘พฺราหฺมณ, เกนตฺเถน อิธาคโตสี’’ติ ¶ ปุจฺฉิ. อถ นํ สกฺโก มทฺทิเทวึ ยาจิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ปุนเทว สกฺโก โอรุยฺห, หุตฺวา พฺราหฺมณสนฺนิโภ;
อยาจิ มํ มทฺทิเทวึ, สีลวนฺตึ ปติพฺพต’’นฺติ.
ตตฺถ ปุนเทวาติ ทารเก ทินฺนทิวสโต ปจฺฉา เอว. ตทนนฺตรเมวาติ อตฺโถ. โอรุยฺหาติ เทวโลกโต โอตริตฺวา. พฺราหฺมณสนฺนิโภติ พฺราหฺมณสมานวณฺโณ.
อถ ¶ มหาสตฺโต ‘‘หิยฺโย เม ทฺเวปิ ทารเก พฺราหฺมณสฺส ทินฺนา, อหมฺปิ อรฺเ เอกโกว, กถํ เต มทฺทึ สีลวนฺตึ ¶ ปติพฺพตํ ทสฺสามี’’ติ อวตฺวาว ปสาริตหตฺเถ อนคฺฆรตนํ เปนฺโต วิย อสชฺชิตฺวา อพชฺฌิตฺวา อโนลีนมานโส ‘‘อชฺช เม ทานปารมี มตฺถกํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ หฏฺตุฏฺโ คิรึ อุนฺนาเทนฺโต วิย –
‘‘ททามิ น วิกมฺปามิ, ยํ มํ ยาจสิ พฺราหฺมณ;
สนฺตํ นปฺปฏิคูหามิ, ทาเน เม รมตี มโน’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๒๒๗๘) –
วตฺวา สีฆเมว กมณฺฑลุนา อุทกํ อาหริตฺวา พฺราหฺมณสฺส หตฺเถ อุทกํ ปาเตตฺวา ภริยมทาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘มทฺทึ หตฺเถ คเหตฺวาน, อุทกฺชลิ ปูริย;
ปสนฺนมนสงฺกปฺโป, ตสฺส มทฺทึ อทาสห’’นฺติ.
ตตฺถ อุทกฺชลีติ อุทกํ อฺชลึ, ‘‘อุทก’’นฺติ จ กรณตฺเถ ปจฺจตฺตวจนํ, อุทเกน ตสฺส พฺราหฺมณสฺส อฺชลึ ปสาริตหตฺถตลํ ปูเรตฺวาติ อตฺโถ. ปสนฺนมนสงฺกปฺโปติ ‘‘อทฺธา อิมินา ปริจฺจาเคน ทานปารมึ มตฺถกํ ปาเปตฺวา สมฺมาสมฺโพธึ อธิคมิสฺสามี’’ติ อุปนฺนสทฺธาปสาเทน ปสนฺนจิตฺตสงฺกปฺโป. ตงฺขณฺเว เหฏฺา วุตฺตปฺปการานิ สพฺพปาฏิหาริยานิ ปาตุรเหสุํ. ‘‘อิทานิสฺส น ทูเร สมฺมาสมฺโพธี’’ติ เทวคณา พฺรหฺมคณา อติวิย ปีติโสมนสฺสชาตา อเหสุํ. เตน วุตฺตํ –
‘‘มทฺทิยา ทียมานาย, คคเน เทวา ปโมทิตา;
ตทาปิ ปถวี กมฺปิ, สิเนรุวนวฏํสกา’’ติ.
ตโต ¶ ปน ทียมานาย มทฺทิยา เทวิยา รุณฺณํ วา ทุมฺมุขํ วา ภากุฏิมตฺตํ วา นาโหสิ, เอวํ จสฺสา อโหสิ ‘‘ยํ เทโว อิจฺฉติ, ตํ กโรตู’’ติ.
‘‘โกมารี ¶ ยสฺสาหํ ภริยา, สามิโก มม อิสฺสโร;
ยสฺสิจฺเฉ ตสฺส มํ ทชฺชา, วิกฺกิเณยฺย หเนยฺย วา’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๒๒๘๒) –
อาห.
มหาปุริโสปิ ‘‘อมฺโภ, พฺราหฺมณ, มทฺทิโต เม สตคุเณน สหสฺสคุเณน สตสหสฺสคุเณน สพฺพฺุตฺาณเมว ปิยตรํ, อิทํ เม ทานํ สพฺพฺุตฺาณปฺปฏิเวธสฺส ปจฺจโย โหตู’’ติ วตฺวา อทาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ชาลึ กณฺหาชินํ ธีตํ, มทฺทิเทวึ ปติพฺพตํ;
จชมาโน น จินฺเตสึ, โพธิยาเยว การณา.
น ¶ เม เทสฺสา อุโภ ปุตฺตา, มทฺทิเทวี น เทสฺสิยา;
สพฺพฺุตํ ปิยํ มยฺหํ, ตสฺมา ปิเย อทาสห’’นฺติ.
ตตฺถ จชมาโน น จินฺเตสินฺติ ปริจฺจชนฺโต สนฺตาปวเสน น จินฺเตสึ, วิสฺสฏฺโ หุตฺวา ปริจฺจชินฺติ อตฺโถ.
เอตฺถาห – กสฺมา ปนายํ มหาปุริโส อตฺตโน ปุตฺตทาเร ชาติสมฺปนฺเน ขตฺติเย ปรสฺส ทาสภาเวน ปริจฺจชิ, น หิ เยสํ เกสฺจิปิ ภุชิสฺสานํ อภุชิสฺสภาวกรณํ สาธุธมฺโมติ? วุจฺจเต – อนุธมฺมภาวโต. อยฺหิ พุทฺธการเก ธมฺเม อนุคตธมฺมตา, ยทิทํ สพฺพสฺส อตฺตนิยสฺส มมนฺติ ปริคฺคหิตวตฺถุโน อนวเสสปริจฺจาโค, น หิ เทยฺยธมฺมปฏิคฺคาหกวิกปฺปรหิตํ ทานปารมึ ปริปูเรตุํ อุสฺสุกฺกมาปนฺนานํ โพธิสตฺตานํ มมนฺติ ปริคฺคหิตวตฺถุํ ยาจนฺตสฺส ยาจกสฺส น ปริจฺจชิตุํ ยุตฺตํ, โปราโณปิ จายมนุธมฺโม. สพฺเพสฺหิ โพธิสตฺตานํ อยํ อาจิณฺณสมาจิณฺณธมฺโม กุลวํโส กุลปฺปเวณี, ยทิทํ สพฺพสฺส ปริจฺจาโค. ตตฺถ จ วิเสสโต ปิยตรวตฺถุปริจฺจาโค, น หิ เกจิ โพธิสตฺตา วํสานุคตํ รชฺชิสฺสริยาทิธนปริจฺจาคํ, อตฺตโน สีสนยนาทิองฺคปริจฺจาคํ, ปิยชีวิตปริจฺจาคํ, กุลวํสปติฏฺาปกปิยปุตฺตปริจฺจาคํ, มนาปจารินีปิยภริยาปริจฺจาคนฺติ ¶ อิเม ปฺจ มหาปริจฺจาเค อปริจฺจชิตฺวา พุทฺธา นาม ภูตปุพฺพา อตฺถิ. ตถา หิ มงฺคเล ภควติ โพธิสตฺตภูเต ¶ โพธิปริเยสนํ จรมาเน จ จริมตฺตภาวโต ตติเย อตฺตภาเว สปุตฺตทาเร เอกสฺมึ ปพฺพเต วสนฺเต ขรทาิโก นาม ยกฺโข มหาปุริสสฺส ทานชฺฌาสยตํ สุตฺวา พฺราหฺมณวณฺเณน อุปสงฺกมิตฺวา มหาสตฺตํ ทฺเว ทารเก ยาจิ.
มหาสตฺโต ‘‘ททามิ พฺราหฺมณสฺส ปุตฺตเก’’ติ หฏฺปหฏฺโ อุทกปริยนฺตํ ปถวึ กมฺเปนฺโต ทฺเวปิ ทารเก อทาสิ. ยกฺโข จงฺกมนโกฏิยํ อาลมฺพนผลกํ นิสฺสาย ิโต มหาสตฺตสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว มุฬาลกลาปํ วิย ทฺเว ทารเก ขาทิ. อคฺคิชาลํ วิย โลหิตธารํ อุคฺคิรมานํ ยกฺขสฺส มุขํ โอโลเกนฺตสฺส มหาปุริสสฺส ‘‘วฺเจสิ วต มํ ยกฺโข’’ติ อุปฺปชฺชนกจิตฺตุปฺปาทสฺส โอกาสํ อเทนฺตสฺส อุปายโกสลฺลสฺส สุภาวิตตฺตา อตีตธมฺมานํ ¶ อปฺปฏิสนฺธิสภาวโต อนิจฺจาทิวเสน สงฺขารานํ สุปริมทฺทิตภาวโต จ เอวํ อิตฺตรฏฺิติเกน ปภงฺคุนา อสาเรน สงฺขารกลาเปน ‘‘ปูริตา วต เม ทานปารมี, มหนฺตํ วต เม อตฺถํ สาเธตฺวา อิทํ อธิคต’’นฺติ โสมนสฺสเมว อุปฺปชฺชิ. โส อิทํ อนฺสาธารณํ ตสฺมึ ขเณ อตฺตโน จิตฺตาจารํ ตฺวา ‘‘อิมสฺส นิสฺสนฺเทน อนาคเต อิมินาว นีหาเรน สรีรโต รสฺมิโย นิกฺขมนฺตู’’ติ ปตฺถนมกาสิ. ตสฺส ตํ ปตฺถนํ นิสฺสาย พุทฺธภูตสฺส สรีรปฺปภา นิจฺจเมว ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อฏฺาสิ (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา). เอวํ อฺเปิ โพธิสตฺตา อตฺตโน ปิยตรํ ปุตฺตทารํ ปริจฺจชิตฺวา สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิชฺฌึสุ.
อปิ จ ยถา นาม โกจิ ปุริโส กสฺสจิ สนฺติเก คามํ วา ชนปทํ วา เกณิยา คเหตฺวา กมฺมํ กโรนฺโต อตฺตโน อนฺเตวาสิกานํ วา ปมาเทน ปูติภูตํ ธนํ ธาเรยฺย, ตเมนํ โส คาหาเปตฺวา พนฺธนาคารํ ปเวเสยฺย. ตสฺส เอวมสฺส ‘‘อหํ โข อิมสฺส รฺโ กมฺมํ กโรนฺโต เอตฺตกํ นาม ธนํ ธาเรมิ, เตนาหํ รฺา พนฺธนาคาเร ปเวสิโต, สจาหํ อิเธว โหมิ, อตฺตานฺจ ชีเยยฺย, ปุตฺตทารกมฺมกรโปริสา จ เม ชีวิกาปคตา มหนฺตํ อนยพฺยสนํ อาปชฺเชยฺยุํ. ยํนูนาหํ รฺโ อาโรเจตฺวา อตฺตโน ปุตฺตํ วา กนิฏฺภาตรํ วา อิธ เปตฺวา นิกฺขเมยฺยํ ¶ . เอวาหํ อิโต พนฺธนโต มุตฺโต นจิรสฺเสว ยถามิตฺตํ ยถาสนฺทิฏฺํ ธนํ สํหริตฺวา รฺโ ทตฺวา ตมฺปิ พนฺธนโต โมเจมิ, อปฺปมตฺโตว หุตฺวา อุฏฺานพเลน อตฺตโน สมฺปตฺตึ ปฏิปากติกํ กริสฺสามี’’ติ. โส ตถา กเรยฺย. เอวํ สมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ.
ตตฺริทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – ราชา วิย กมฺมํ, พนฺธนาคาโร วิย สํสาโร, รฺา พนฺธนาคาเร ปิตปุริโส วิย กมฺมวเสน สํสารจารเก ิโต มหาปุริโส, ตสฺส พนฺธนาคาเร ิตปุริสสฺส ตตฺถ ปุตฺตสฺส วา ภาตุโน วา ปราธีนภาวกรเณน เตสํ อตฺตโน จ ทุกฺขปฺปโมจนํ ¶ วิย มหาปุริสสฺส อตฺตโน ปุตฺตาทิเก ปเรสํ ทตฺวา สพฺพฺุตฺาณปฺปฏิลาเภน สพฺพสตฺตานํ วฏฺฏทุกฺขปฺปโมจนํ, ตสฺส วิคตทุกฺขสฺส เตหิ สทฺธึ ยถาธิปฺเปตสมฺปตฺติยํ ปติฏฺานํ วิย มหาปุริสสฺส อรหตฺตมคฺเคน ¶ อปคตวฏฺฏทุกฺขสฺส พุทฺธภาเวน ทสพลาทิสพฺพฺุตฺาณสมฺปตฺติสมนฺนาคโม อตฺตโน วจนการกานํ วิชฺชตฺตยาทิสมฺปตฺติสมนฺนาคโม จาติ เอวํ อนวชฺชสภาโว เอว มหาปุริสานํ ปุตฺตทารปริจฺจาโค. เอเตเนว นเยน เนสํ องฺคชีวิตปริจฺจาเค ยา โจทนา, สาปิ วิโสธิตาติ เวทิตพฺพาติ.
เอวํ ปน มหาสตฺเตน มทฺทิเทวิยา ทินฺนาย สกฺโก อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาโต หุตฺวา –
‘‘สพฺเพ ชิตา เต ปจฺจูหา, เย ทิพฺพา เย จ มานุสา;
นินฺนาทิตา เต ปถวี, สทฺโท เต ติทิวํ คโต. (ชา. ๒.๒๒.๒๒๘๓-๒๒๘๔);
‘‘ทุทฺททํ ททมานานํ, ทุกฺกรํ กมฺม กุพฺพตํ;
อสนฺโต นานุกุพฺพนฺติ, สตํ ธมฺโม ทุรนฺนโย.
‘‘ตสฺมา สตฺจ อสตํ, นานา โหติ อิโต คติ;
อสนฺโต นิรยํ ยนฺติ, สนฺโต สคฺคปรายนา’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๒๒๘๖-๒๒๘๗) –
อาทินา นเยน มหาปุริสสฺส ทานานุโมทนวเสน ถุตึ อกาสิ.
ตตฺถ ปจฺจูหาติ ปจฺจตฺถิกา. ทิพฺพาติ ทิพฺพยสปฏิพาหกา. มานุสาติ มนุสฺสยสปฏิพาหกา. เก ปน เตติ? มจฺฉริยธมฺมา, เต สพฺเพ ปุตฺตทารํ เทนฺเตน มหาสตฺเตน ชิตาติ ทสฺเสติ. ทุทฺททนฺติ ปุตฺตทาราทิทุทฺททํ ททมานานํ ¶ ตเมว ทุกฺกรํ กุพฺพตํ ตุมฺหาทิสานํ กมฺมํ อฺเ สาวกปจฺเจกโพธิสตฺตา นานุกุพฺพนฺติ, ปเคว อสนฺโต มจฺฉริโน. ตสฺมา สตํ ธมฺโม ทุรนฺนโย สาธูนํ มหาโพธิสตฺตานํ ปฏิปตฺติธมฺโม อฺเหิ ทุรนุคโม.
เอวํ สกฺโก มหาปุริสสฺส อนุโมทนวเสน ถุตึ กตฺวา มทฺทิเทวึ นิยฺยาเตนฺโต –
‘‘ททามิ ¶ โภโต ภริยํ, มทฺทึ สพฺพงฺคโสภนํ;
ตฺวฺเจว มทฺทิยา ฉนฺโน, มทฺที จ ปติโน ตวา’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๒๒๘๙) –
วตฺวา ตํ มทฺทึ ปฏิทตฺวา ทิพฺพตฺตภาเวน ชลนฺโต ตรุณสูริโย วิย อากาเส ตฺวา อตฺตานํ อาจิกฺขนฺโต –
‘‘สกฺโกหมสฺมิ ¶ เทวินฺโท, อาคโตสฺมิ ตวนฺติเก;
วรํ วรสฺสุ ราชิสิ, วเร อฏฺ ททามิ เต’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๒๒๙๒) –
วตฺวา วเรหิ นิมนฺเตสิ. มหาสตฺโตปิ ‘‘ปิตา มํ ปุนเทว รชฺเช ปติฏฺาเปตุ, วชฺฌปฺปตฺตํ วธโต โมเจยฺยํ, สพฺพสตฺตานํ อวสฺสโย ภเวยฺยํ, ปรทารํ น คจฺเฉยฺยํ, อิตฺถีนํ วสํ น คจฺเฉยฺยํ, ปุตฺโต เม ทีฆายุโก สิยา, อนฺนปานาทิเทยฺยธมฺโม พหุโก สิยา, ตฺจ อปริกฺขยํ ปสนฺนจิตฺโต ทเทยฺยํ, เอวํ มหาทานานิ ปวตฺเตตฺวา เทวโลกํ คนฺตฺวา ตโต อิธาคโต สพฺพฺุตํ ปาปุเณยฺย’’นฺติ อิเม อฏฺ วเร ยาจิ. สกฺโก ‘‘นจิรสฺเสว ปิตา สฺชยมหาราชา อิเธว อาคนฺตฺวา ตํ คเหตฺวา รชฺเช ปติฏฺาเปสฺสติ, อิตโร จ สพฺโพ เต มโนรโถ มตฺถกํ ปาปุณิสฺสติ, มา จินฺตยิ, อปฺปมตฺโต โหหี’’ติ โอวทิตฺวา สกฏฺานเมว คโต. โพธิสตฺโต จ มทฺทิเทวี จ สมฺโมทมานา สกฺกทตฺติเย อสฺสเม วสึสุ.
ชูชเกปิ กุมาเร คเหตฺวา คจฺฉนฺเต เทวตา อารกฺขมกํสุ. ทิวเส ทิวเส เอกา เทวธีตา รตฺติภาเค อาคนฺตฺวา มทฺทิวณฺเณน กุมาเร ปฏิชคฺคิ. โส เทวตาวิคฺคหิโต หุตฺวา ‘‘กลิงฺครฏฺํ คมิสฺสามี’’ติ อฑฺฒมาเสน เชตุตฺตรนครเมว สมฺปาปุณิ. ราชา วินิจฺฉเย นิสินฺโน พฺราหฺมเณน สทฺธึ ทารเก ราชงฺคเณน คจฺฉนฺเต ทิสฺวา สฺชานิตฺวา พฺราหฺมเณน ¶ สทฺธึ เต ปกฺโกสาเปตฺวา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา โพธิสตฺเตน กถิตนิยาเมเนว ธนํ ทตฺวา กุมาเร กิณิตฺวา นฺหาเปตฺวา โภเชตฺวา สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิเต กตฺวา ราชา ทารกํ ผุสฺสติเทวี ทาริกํ อุจฺฉงฺเค กตฺวา โพธิสตฺตสฺส ราชปุตฺติยา จ ปวตฺตึ สุณึสุ.
ตํ สุตฺวา ราชา ‘‘ภูนหจฺจํ วต มยา กต’’นฺติ สํวิคฺคมานโส ตาวเทว ทฺวาทสอกฺโขภนีปริมาณํ เสนํ สนฺนยฺหิตฺวา วงฺกปพฺพตาภิมุโข ปายาสิ สทฺธึ ผุสฺสติเทวิยา เจว ¶ ทารเกหิ จ. อนุกฺกเมน คนฺตฺวา ปุตฺเตน จ สุณิสาย จ สมาคฺฉิ. เวสฺสนฺตโร ปิยปุตฺเต ทิสฺวา โสกํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺโต วิสฺี หุตฺวา ตตฺเถว ปติ, ตถา มทฺที มาตาปิตโร สหชาตา สฏฺิสหสฺสา จ อมจฺจา. ตํ การฺุํ ปสฺสนฺเตสุ เอโกปิ สกภาเวน สนฺธาเรตุํ ¶ นาสกฺขิ, สกลํ อสฺสมปทํ ยุคนฺธรวาตปมทฺทิตํ วิย สาลวนํ อโหสิ. สกฺโก เทวราชา เตสํ วิสฺิภาววิโนทนตฺถํ โปกฺขรวสฺสํ วสฺสาเปสิ, เตเมตุกามา เตเมนฺติ, โปกฺขเร ปติตวสฺสํ วิย วินิวตฺติตฺวา อุทกํ คจฺฉติ. สพฺเพ สฺํ ปฏิลภึสุ. ตทาปิ ปถวิกมฺปาทโย เหฏฺา วุตฺตปฺปการา อจฺฉริยา ปาตุรเหสุํ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ปุนาปรํ พฺรหารฺเ, มาตาปิตุสมาคเม;
กรุณํ ปริเทวนฺเต, สลฺลปนฺเต สุขํ ทุขํ.
‘‘หิโรตฺตปฺเปน ครุนา, อุภินฺนํ อุปสงฺกมิ;
ตทาปิ ปถวี กมฺปิ, สิเนรุวนวฏํสกา’’ติ.
ตตฺถ กรุณํ ปริเทวนฺเตติ มาตาปิตโร อาทึ กตฺวา สพฺพสฺมึ อาคตชเน กรุณํ ปริเทวมาเน. สลฺลปนฺเต สุขํ ทุขนฺติ สุขทุกฺขํ ปุจฺฉิตฺวา ปฏิสนฺถารวเสน อาลาปสลฺลาปํ กโรนฺเต. หิโรตฺตปฺเปน ครุนา อุภินฺนนฺติ อิเม สิวีนํ วจนํ คเหตฺวา อทูสกํ ธมฺเม ิตํ มํ ปพฺพาชยึสูติ จิตฺตปฺปโกปํ อกตฺวา อุโภสุ เอเตสุ มาตาปิตูสุ ธมฺมคารวสมุสฺสิเตน หิโรตฺตปฺเปเนว ยถารูเป อุปสงฺกมิ. เตน เม ธมฺมเตเชน ตทาปิ ปถวี กมฺปิ.
อถ ¶ สฺชยมหาราชา โพธิสตฺตํ ขมาเปตฺวา รชฺชํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา ตงฺขณฺเว เกสมสฺสุกมฺมาทีนิ การาเปตฺวา นฺหาเปตฺวา สพฺพาภรณวิภูสิตํ เทวราชานมิว วิโรจมานํ สห มทฺทิเทวิยา รชฺเช อภิสิฺจิตฺวา ตาวเทว จ ตโต ปฏฺาย ทฺวาทสอกฺโขภนีปริมาณาย จตุรงฺคินิยา เสนาย จ ปุตฺตํ ปริวารยิตฺวา วงฺกปพฺพตโต ยาว เชตุตฺตรนครา สฏฺิโยชนมคฺคํ อลงฺการาเปตฺวา ทฺวีหิ มาเสหิ สุเขเนว นครํ ปเวเสสิ. มหาชโน อุฬารํ ปีติโสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทสิ. เจลุกฺเขปาทโย ปวตฺตึสุ. นคเร จ นนฺทิเภรึ จราเปสุํ. อนฺตมโส พิฬาเร อุปาทาย สพฺเพสํ พนฺธเน ิตานํ พนฺธนโมกฺโข อโหสิ. โส นครํ ปวิฏฺทิวเสเยว ปจฺจูสกาเล จินฺเตสิ – ‘‘สฺเว วิภาตาย รตฺติยา มมาคตภาวํ สุตฺวา ยาจกา อาคมิสฺสนฺติ, เตสาหํ กึ ทสฺสามี’’ติ. ตสฺมึ ขเณ สกฺกสฺส อาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. โส อาวชฺเชนฺโต ¶ ตํ การณํ ตฺวา ¶ ตาวเทว ราชนิเวสนสฺส ปุริมวตฺถุํ ปจฺฉิมวตฺถฺุจ กฏิปฺปมาณํ ปูเรนฺโต ฆนเมโฆ วิย สตฺตรตนวสฺสํ วสฺสาเปสิ. สกลนคเร ชณฺณุปฺปมาณํ วสฺสาเปสีติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ปุนาปรํ พฺรหารฺา, นิกฺขมิตฺวา สาติภิ;
ปวิสามิ ปุรํ รมฺมํ, เชตุตฺตรํ ปุรุตฺตมํ.
‘‘รตนานิ สตฺต วสฺสึสุ, มหาเมโฆ ปวสฺสถ;
ตทาปิ ปถวี กมฺปิ, สิเนรุวนวฏํสกา.
‘‘อเจตนายํ ปถวี, อวิฺาย สุขํ ทุขํ;
สาปิ ทานพลา มยฺหํ, สตฺตกฺขตฺตุํ ปกมฺปถา’’ติ.
เอวํ สตฺตรตนวสฺเส วุฏฺเ ปุนทิวเส มหาสตฺโต ‘‘เยสํ กุลานํ ปุริมปจฺฉิมวตฺถูสุ วุฏฺธนํ, เตสฺเว โหตู’’ติ ทาเปตฺวา อวเสสํ อาหราเปตฺวา อตฺตโน เคหวตฺถุสฺมึ ธเนน สทฺธึ โกฏฺาคาเรสุ โอกิราเปตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตสิ. อเจตนายํ ปถวีติ เจตนารหิตา อยํ มหาภูตา ปถวี, เทวตา ปน เจตนาสหิตา. อวิฺาย สุขํ ทุขนฺติ อเจตนตฺตา เอว สุขํ ทุกฺขํ อชานิตฺวา. สติปิ สุขทุกฺขปจฺจยสํโยเค ¶ ตํ นานุภวนฺตี. สาปิ ทานพลา มยฺหนฺติ เอวํภูตาปิ สา มหาปถวี มม ทานปฺุานุภาวเหตุ. สตฺตกฺขตฺตุํ ปกมฺปถาติ อฏฺวสฺสิกกาเล หทยมํสาทีนิปิ ยาจกานํ ทเทยฺยนฺติ ทานชฺฌาสยุปฺปาเท มงฺคลหตฺถิทาเน ปพฺพาชนกาเล ปวตฺติตมหาทาเน ปุตฺตทาเน ภริยาทาเน วงฺกปพฺพเต าติสมาคเม นครํ ปวิฏฺทิวเส รตนวสฺสกาเลติ อิเมสุ าเนสุ สตฺตวารํ อกมฺปิตฺถ. เอวํ เอกสฺมึเยว อตฺตภาเว สตฺตกฺขตฺตุํ มหาปถวิกมฺปนาทิอจฺฉริยปาตุภาวเหตุภูตานิ ยาวตายุกํ มหาทานานิ ปวตฺเตตฺวา มหาสตฺโต อายุปริโยสาเน ตุสิตปุเร อุปฺปชฺชิ. เตนาห ภควา –
‘‘ตโต เวสฺสนฺตโร ราชา, ทานํ ทตฺวาน ขตฺติโย;
กายสฺส เภทา สปฺปฺโ, สคฺคํ โส อุปปชฺชถา’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๒๔๔๐);
ตทา ชูชโก เทวทตฺโต อโหสิ, อมิตฺตตาปนา จิฺจมาณวิกา ¶ , เจตปุตฺโต ฉนฺโน, อจฺจุตตาปโส ¶ สาริปุตฺโต, สกฺโก อนุรุทฺโธ, มทฺที ราหุลมาตา, ชาลิกุมาโร ราหุโล, กณฺหาชินา อุปฺปลวณฺณา, มาตาปิตโร มหาราชกุลานิ, เสสปริสา พุทฺธปริสา, เวสฺสนฺตโร ราชา โลกนาโถ.
อิธาปิ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว ยถารหํ เสสปารมิโย นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา มหาสตฺเต กุจฺฉิคเต มาตุ เทวสิกํ ฉสตสหสฺสานิ วิสฺสชฺเชตฺวา ทานํ ทาตุกามตาโทหโฬ, ตถา ทียมาเนปิ ธนสฺส ปริกฺขยาภาโว, ชาตกฺขเณ เอว หตฺถํ ปสาเรตฺวา ‘‘ทานํ ทสฺสามิ, อตฺถิ กิฺจี’’ติ วาจานิจฺฉารณํ, จตุปฺจวสฺสิกกาเล อตฺตโน อลงฺการสฺส ธาตีนํ หตฺถคตสฺส ปุน อคฺคเหตุกามตา, อฏฺวสฺสิกกาเล หทยมํสาทิกสฺส อตฺตโน สรีราวยวสฺส ทาตุกามตาติ เอวมาทิกา สตฺตกฺขตฺตุํ มหาปถวิกมฺปนาทิอเนกจฺฉริยปาตุภาวเหตุภูตา อิธ มหาปุริสสฺส คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพา. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘เอวํ อจฺฉริยา เหเต, อพฺภุตา จ มเหสิโน…เป…;
เตสุ จิตฺตปฺปสาโทปิ, ทุกฺขโต ปริโมจเย;
ปเควานุกิริยา เตสํ, ธมฺมสฺส อนุธมฺมโต’’ติ.
เวสฺสนฺตรจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. สสปณฺฑิตจริยาวณฺณนา
๑๒๕-๖. ทสเม ¶ ยทา โหมิ, สสโกติ อหํ, สาริปุตฺต, โพธิปริเยสนํ จรมาโน ยทา สสปณฺฑิโต โหมิ. โพธิสตฺตา หิ กมฺมวสิปฺปตฺตาปิ ตาทิสานํ ติรจฺฉานานํ อนุคฺคณฺหนตฺถํ ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺตนฺติ. ปวนจารโกติ มหาวนจารี. ทพฺพาทิติณานิ รุกฺขคจฺเฉสุ ปณฺณานิ ยํกิฺจิ สากํ รุกฺขโต ปติตผลานิ จ ภกฺโข เอตสฺสาติ ติณปณฺณสากผลภกฺโข. ปรเหนวิวชฺชิโตติ ปรปีฬาวิรหิโต. สุตฺตโปโต จาติ อุทฺทโปโต จ. อหํ ตทาติ ยทาหํ สสโก โหมิ, ตทา เอเต มกฺกฏาทโย ตโย สหาเย โอวทามิ.
๑๒๗. กิริเย กลฺยาณปาปเกติ กุสเล เจว อกุสเล จ กมฺเม. ปาปานีติ อนุสาสนาการทสฺสนํ. ตตฺถ ปาปานิ ¶ ปริวชฺเชถาติ ปาณาติปาโต…เป… มิจฺฉาทิฏฺีติ อิมานิ ปาปานิ ปริวชฺเชถ. กลฺยาเณ อภินิวิสฺสถาติ ทานํ สีลํ…เป… ทิฏฺุชุกมฺมนฺติ อิทํ ¶ กลฺยาณํ, อิมสฺมึ กลฺยาเณ อตฺตโน กายวาจาจิตฺตานิ อภิมุขภาเวน นิวิสฺสถ, อิมํ กลฺยาณปฏิปตฺตึ ปฏิปชฺชถาติ อตฺโถ.
เอวํ มหาสตฺโต ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺโตปิ าณสมฺปนฺนตาย กลฺยาณมิตฺโต หุตฺวา เตสํ ติณฺณํ ชนานํ กาเลน กาลํ อุปคตานํ โอวาทวเสน ธมฺมํ เทเสสิ. เต ตสฺส โอวาทํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานํ ปวิสิตฺวา วสนฺติ. เอวํ กาเล คจฺฉนฺเต โพธิสตฺโต อากาสํ โอโลเกตฺวา จนฺทปาริปูรึ ทิสฺวา ‘‘อุโปสถกมฺมํ กโรถา’’ติ โอวทิ. เตนาห –
‘‘อุโปสถมฺหิ ทิวเส, จนฺทํ ทิสฺวาน ปูริตํ;
เอเตสํ ตตฺถ อาจิกฺขึ, ทิวโส อชฺชุโปสโถ.
‘‘ทานานิ ปฏิยาเทถ, ทกฺขิเณยฺยสฺส ทาตเว;
ทตฺวา ทานํ ทกฺขิเณยฺเย, อุปวสฺสถุโปสถ’’นฺติ.
ตตฺถ จนฺทํ ทิสฺวา น ปูริตนฺติ ชุณฺหปกฺขจาตุทฺทสิยํ อีสกํ อปริปุณฺณภาเวน จนฺทํ น ปริปูริตํ ทิสฺวา ตโต วิภาตาย รตฺติยา อรุณุคฺคมนเวลายเมว อุโปสถมฺหิ ทิวเส ปนฺนรเส เอเตสํ มกฺกฏาทีนํ มยฺหํ ¶ สหายานํ ทิวโส อชฺชุโปสโถ. ตสฺมา ‘‘ทานานิ ปฏิยาเทถา’’ติอาทินา ตตฺถ อุโปสถทิวเส ปฏิปตฺติวิธานํ อาจิกฺขินฺติ โยเชตพฺพํ. ตตฺถ ทานานีติ เทยฺยธมฺเม. ปฏิยาเทถาติ ยถาสตฺติ ยถาพลํ สชฺเชถ. ทาตเวติ ทาตุํ. อุปวสฺสถาติ อุโปสถกมฺมํ กโรถ, อุโปสถสีลานิ รกฺขถ, สีเล ปติฏฺาย ทินฺนทานํ มหปฺผลํ โหติ, ตสฺมา ยาจเก สมฺปตฺเต ตุมฺเหหิ ขาทิตพฺพาหารโต ทตฺวา ขาเทยฺยาถาติ ทสฺเสติ.
เต ‘‘สาธู’’ติ โพธิสตฺตสฺส โอวาทํ สิรสา สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺหึสุ. เตสุ อุทฺทโปโต ปาโตว ‘‘โคจรํ ปริเยสิสฺสามี’’ติ นทีตีรํ คโต. อเถโก พาฬิสิโก สตฺต โรหิตมจฺเฉ อุทฺธริตฺวา วลฺลิยา อาวุณิตฺวา นทีตีเร วาลุกาย ปฏิจฺฉาเทตฺวา มจฺเฉ คณฺหนฺโต นทิยา อโธ โสตํ ¶ ภสฺสิ. อุทฺโท มจฺฉคนฺธํ ฆายิตฺวา วาลุกํ วิยูหิตฺวา มจฺเฉ ทิสฺวา นีหริตฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข เอเตสํ สามิโก’’ติ ติกฺขตฺตุํ โฆเสตฺวา สามิกํ อปสฺสนฺโต วลฺลิยํ ฑํสิตฺวา อตฺตโน วสนคุมฺเพ เปตฺวา ‘‘เวลายเมว ขาทิสฺสามี’’ติ อตฺตโน สีลํ อาวชฺเชนฺโต นิปชฺชิ. สิงฺคาโลปิ โคจรํ ปริเยสนฺโต เอกสฺส เขตฺตโคปกสฺส กุฏิยํ ทฺเว มํสสูลานิ เอกํ โคธํ เอกฺจ ทธิวารกํ ทิสฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข เอเตสํ สามิโก’’ติ ติกฺขตฺตุํ ¶ โฆเสตฺวา สามิกํ อทิสฺวา ทธิวารกสฺส อุคฺคหณรชฺชุกํ คีวายํ ปเวเสตฺวา มํสสูเล จ โคธฺจ มุเขน ฑํสิตฺวา อตฺตโน วสนคุมฺเพ เปตฺวา ‘‘เวลายเมว ขาทิสฺสามี’’ติ อตฺตโน สีลํ อาวชฺเชนฺโต นิปชฺชิ. มกฺกโฏปิ วนสณฺฑํ ปวิสิตฺวา อมฺพปิณฺฑํ อาหริตฺวา อตฺตโน วสนคุมฺเพ เปตฺวา ‘‘เวลายเมว ขาทิสฺสามี’’ติ อตฺตโน สีลํ อาวชฺเชนฺโต นิปชฺชิ. ติณฺณมฺปิ ‘‘อโห อิธ นูน ยาจโก อาคจฺเฉยฺยา’’ติ จิตฺตํ อุปฺปชฺชิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘เต เม สาธูติ วตฺวาน, ยถาสตฺติ ยถาพลํ;
ทานานิ ปฏิยาเทตฺวา, ทกฺขิเณยฺยํ คเวสิสุ’’นฺติ.
โพธิสตฺโต ปน ‘‘เวลายเมว นิกฺขมิตฺวา ทพฺพาทิติณานิ ขาทิสฺสามี’’ติ อตฺตโน วสนคุมฺเพเยว นิสินฺโน จินฺเตสิ – ‘‘มม สนฺติกํ อาคตานํ ยาจกานํ ติณานิ ขาทิตุํ น สกฺกา, ติลตณฺฑุลาทโยปิ มยฺหํ ¶ นตฺถิ, สเจ เม สนฺติกํ ยาจโก อาคมิสฺสติ, อหํ ติเณน ยาเปมิ, อตฺตโน สรีรมํสํ ทสฺสามี’’ติ. เตนาห ภควา –
‘‘อหํ นิสชฺช จินฺเตสึ, ทานํ ทกฺขิณนุจฺฉวํ;
ยทิหํ ลเภ ทกฺขิเณยฺยํ, กึ เม ทานํ ภวิสฺสติ.
‘‘น เม อตฺถิ ติลา มุคฺคา, มาสา วา ตณฺฑุลา ฆตํ;
อหํ ติเณน ยาเปมิ, น สกฺกา ติณ ทาตเว.
‘‘ยทิ โกจิ เอติ ทกฺขิเณยฺโย, ภิกฺขาย มม สนฺติเก;
ทชฺชาหํ สกมตฺตานํ, น โส ตุจฺโฉ คมิสฺสตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ ทานํ ทกฺขิณนุจฺฉวนฺติ ทกฺขิณาภาเวน อนุจฺฉวิกํ ทานํ ทกฺขิเณยฺยสฺส ทาตพฺพํ เทยฺยธมฺมํ จินฺเตสึ. ยทิหํ ลเภติ ยทิ อหํ กิฺจิ ทกฺขิเณยฺยํ อชฺช ลเภยฺยํ. กึ เม ทานํ ภวิสฺสตีติ กึ มม ทาตพฺพํ ภวิสฺสติ. น สกฺกา ติณ ทาตเวติ ยทิ ทกฺขิเณยฺยสฺส ทาตุํ ติลมุคฺคาทิกํ มยฺหํ นตฺถิ, ยํ ปน มม อาหารภูตํ, ตํ น สกฺกา ติณํ ทกฺขิเณยฺยสฺส ทาตุํ. ทชฺชาหํ สกมตฺตานนฺติ กึ วา มยฺหํ เอตาย เทยฺยธมฺมจินฺตาย, นนุ อิทเมว มยฺหํ อนวชฺชํ อปราธีนตาย สุลภํ ปเรสฺจ ปริโภคารหํ สรีรํ สเจ โกจิ ทกฺขิเณยฺโย ¶ มม สนฺติกํ อาคจฺฉติ, ตยิทํ สกมตฺตานํ ตสฺส ทชฺชามหํ. เอวํ สนฺเต น โส ตุจฺโฉ มม สนฺติกํ อาคโต อริตฺตหตฺโถ หุตฺวา คมิสฺสตีติ.
เอวํ มหาปุริสสฺส ยถาภูตสภาวํ ปริวิตกฺเกนฺตสฺส ปริวิตกฺกานุภาเวน สกฺกสฺส ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. โส อาวชฺเชนฺโต อิมํ การณํ ทิสฺวา ‘‘สสราชํ วีมํสิสฺสามี’’ติ ปมํ อุทฺทสฺส วสนฏฺานํ คนฺตฺวา พฺราหฺมณเวเสน อฏฺาสิ. เตน ‘‘กิมตฺถํ, พฺราหฺมณ, ิโตสี’’ติ จ วุตฺเต สเจ กฺจิ อาหารํ ลเภยฺยํ, อุโปสถิโก หุตฺวา สมณธมฺมํ กเรยฺยนฺติ. โส ‘‘สาธูติ เต อาหารํ ทสฺสามี’’ติ อาห. เตน วุตฺตํ –
‘‘สตฺต เม โรหิตา มจฺฉา, อุทกา ถลมุพฺภตา;
อิทํ พฺราหฺมณ เม อตฺถิ, เอตํ ภุตฺวา วเน วสา’’ติ. (ชา. ๑.๔.๖๑);
พฺราหฺมโณ ¶ ‘‘ปเคว ตาว โหตุ, ปจฺฉา ชานิสฺสามี’’ติ ตเถว สิงฺคาลสฺส มกฺกฏสฺส จ สนฺติกํ คนฺตฺวา เตหิปิ อตฺตโน วิชฺชมาเนหิ เทยฺยธมฺเมหิ นิมนฺติโต ‘‘ปเคว ตาว โหตุ, ปจฺฉา ชานิสฺสามี’’ติ อาห. เตน วุตฺตํ –
‘‘ทุสฺส เม เขตฺตปาลสฺส, รตฺติภตฺตํ อปาภตํ;
มํสสูลา จ ทฺเว โคธา, เอกฺจ ทธิวารกํ;
อิทํ พฺราหฺมณ เม อตฺถิ, เอตํ ภุตฺวา วเน วสา’’ติ.
‘‘อมฺพปกฺกํ ทกํ สีตํ, สีตจฺฉายา มโนรมา;
อิทํ พฺราหฺมณ เม อตฺถิ, เอตํ ภุตฺวา วเน วสา’’ติ. (ชา. ๑.๔.๖๒-๖๓);
ตตฺถ ทุสฺสาติ อมุสฺส. รตฺติภตฺตํ อปาภตนฺติ รตฺติโภชนโต อปนีตํ. มํสสูลา จ ทฺเว โคธาติ องฺคารปกฺกานิ ¶ ทฺเว มํสสูลานิ เอกา จ โคธา. ทธิวารกนฺติ ทธิวารโก.
๑๓๔. อถ พฺราหฺมโณ สสปณฺฑิตสฺส สนฺติกํ คโต. เตนาปิ ‘‘กิมตฺถมาคโตสี’’ติ วุตฺเต ตเถวาห. เตน วุตฺตํ ‘‘มม สงฺกปฺปมฺายา’’ติอาทิ.
ตตฺถ ¶ มม สงฺกปฺปมฺายาติ ปุพฺเพ วุตฺตปฺปการํ ปริวิตกฺกํ ชานิตฺวา. พฺราหฺมณวณฺณินาติ พฺราหฺมณรูปวตา อตฺตภาเวน. อาสยนฺติ วสนคุมฺพํ.
๑๓๕-๗. สนฺตุฏฺโติ สมํ สพฺพภาเคเนว ตุฏฺโ. ฆาสเหตูติ อาหารเหตุ. อทินฺนปุพฺพนฺติ เยหิ เกหิจิ อโพธิสตฺเตหิ อทินฺนปุพฺพํ. ทานวรนฺติ อุตฺตมทานํ. ‘‘อชฺช ทสฺสามิ เต อห’’นฺติ วตฺวา ตุวํ สีลคุณูเปโต, อยุตฺตํ เต ปรเหนนฺติ ตํ ปาณาติปาตโต อปเนตฺวา อิทานิ ตสฺส ปริโภคโยคฺคํ อตฺตานํ กตฺวา ทาตุํ ‘‘เอหิ อคฺคึ ปทีเปหี’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ อหํ ปจิสฺสมตฺตานนฺติ ตยา กเต องฺคารคพฺเภ อหเมว ปติตฺวา อตฺตานํ ปจิสฺสํ. ปกฺกํ ตฺวํ ภกฺขยิสฺสสีติ ตถา ปน ปกฺกํ ตฺวํ ขาทิสฺสสิ.
๑๓๘-๙. นานากฏฺเ ¶ สมานยีติ โส พฺราหฺมณเวสธารี สกฺโก นานาทารูนิ สมาเนนฺโต วิย อโหสิ. มหนฺตํ อกาสิ จิตกํ, กตฺวา องฺคารคพฺภกนฺติ วีตจฺจิกํ วิคตธูมํ องฺคารภริตพฺภนฺตรํ สมนฺตโต ชลมานํ มม สรีรสฺส นิมุชฺชนปฺปโหนกํ ตงฺขณฺเว มหนฺตํ จิตกํ อกาสิ, สหสา อิทฺธิยา อภินิมฺมินีติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘อคฺคึ ตตฺถ ปทีเปสิ, ยถา โส ขิปฺปํ มหาภเว’’ติ.
ตตฺถ โสติ โส อคฺคิกฺขนฺโธ สีฆํ มหนฺโต ยถา ภเวยฺย, ตถา ปทีเปสิ. โผเฏตฺวา รชคเต คตฺเตติ ‘‘สเจ โลมนฺตเรสุ ปาณกา อตฺถิ, เต มา มรึสู’’ติ ปํสุคเต มม คตฺเต ติกฺขตฺตุํ วิธุนิตฺวา. เอกมนฺตํ อุปาวิสินฺติ น ตาว กฏฺานิ อาทิตฺตานีติ เตสํ อาทีปนํ อุทิกฺขนฺโต โถกํ เอกมนฺตํ นิสีทึ.
๑๔๐. ยทา มหากฏฺปฺุโช, อาทิตฺโต ธมธมายตีติ ยทา ปน โส ทารุราสิ สมนฺตโต อาทิตฺโต วายุเวคสมุทฺธฏานํ ชาลสิขานํ วเสน ‘‘ธมธมา’’ติ เอวํ กโรติ. ตทุปฺปติตฺวา ปตติ, มชฺเฌ ชาลสิขนฺตเรติ ตทา ตสฺมึ กาเล ‘‘มม สรีรสฺส ฌาปนสมตฺโถ อยํ องฺคารราสี’’ติ จินฺเตตฺวา อุปฺปติตฺวา อุลฺลงฺฆิตฺวา ชาลสิขานํ ¶ อพฺภนฺตรภูเต ตสฺส องฺคารราสิสฺส มชฺเฌ ปทุมปฺุเช ราชหํโส วิย ปมุทิตจิตฺโต สกลสรีรํ ทานมุเข ทตฺวา ปตติ.
๑๔๑-๒. ปวิฏฺํ ยสฺส กสฺสจีติ ยถา ฆมฺมกาเล สีตลํ อุทกํ เยน เกนจิ ปวิฏฺํ ตสฺส ¶ ทรถปริฬาหํ วูปสเมติ, อสฺสาทํ ปีติฺจ อุปฺปาเทติ. ตเถว ชลิตํ อคฺคินฺติ เอวํ ตถา ปชฺชลิตํ องฺคารราสิ ตทา มม ปวิฏฺสฺส อุสุมมตฺตมฺปิ นาโหสิ. อฺทตฺถุ ทานปีติยา สพฺพทรถปริฬาหวูปสโม เอว อโหสิ. จิรสฺสํ วต เม ฉวิจมฺมาทิโก สพฺโพ สรีราวยโว ทานมุเข ชุหิตพฺพตํ อุปคโต อภิปตฺถิโต มโนรโถ มตฺถกํ ปตฺโตติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ฉวึ จมฺมํ มํสํ นฺหารุํ, อฏฺึ หทยพนฺธนํ;
เกวลํ สกลํ กายํ, พฺราหฺมณสฺส อทาสห’’นฺติ.
ตตฺถ หทยพนฺธนนฺติ หทยมํสเปสิ. ตฺหิ หทยวตฺถุํ พนฺธิตฺวา วิย ิตตฺตา ‘‘หทยพนฺธน’’นฺติ วุตฺตํ. อถ วา หทยพนฺธนนฺติ หทยฺจ พนฺธนฺจ, หทยมํสฺเจว ¶ ตํ พนฺธิตฺวา วิย ิตยกนมํสฺจาติ อตฺโถ. เกวลํ สกลํ กายนฺติ อนวเสสํ สพฺพํ สรีรํ.
เอวํ ตสฺมึ อคฺคิมฺหิ อตฺตโน สรีเร โลมกูปมตฺตมฺปิ อุณฺหํ กาตุํ อสกฺโกนฺโต โพธิสตฺโตปิ หิมคพฺภํ ปวิฏฺโ วิย หุตฺวา พฺราหฺมณรูปธรํ สกฺกํ เอวมาห – ‘‘พฺราหฺมณ, ตยา กโต อคฺคิ อติสีตโล, กึ นาเมต’’นฺติ? ปณฺฑิต, นาหํ พฺราหฺมโณ, สกฺโกหมสฺมิ, ตว วีมํสนตฺถํ อาคโต เอวมกาสินฺติ. ‘‘สกฺก, ตฺวํ ตาว ติฏฺตุ, สกโลปิ เจ โลโก มํ ทาเนน วีมํเสยฺย, เนว เม อทาตุกามตํ กถฺจิปิ อุปฺปาเทยฺย ปสฺเสถ น’’นฺติ โพธิสตฺโต สีหนาทํ นทิ.
อถ นํ สกฺโก ‘‘สสปณฺฑิต, ตว คุณา สกลกปฺปมฺปิ ปากฏา โหนฺตู’’ติ ปพฺพตํ ปีเฬตฺวา ปพฺพตรสํ อาทาย จนฺทมณฺฑเล สสลกฺขณํ อาลิขิตฺวา โพธิสตฺตํ ตสฺมึ ¶ วนสณฺเฑ ตตฺเถว วนคุมฺเพ ตรุณทพฺพติณปีเ นิปชฺชาเปตฺวา อตฺตโน เทวโลกเมว คโต. เตปิ จตฺตาโร ปณฺฑิตา สมคฺคา สมฺโมทมานา นิจฺจสีลํ อุโปสถสีลฺจ ปูเรตฺวา ยถารหํ ปฺุานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คตา.
ตทา อุทฺโท อายสฺมา อานนฺโท อโหสิ, สิงฺคาโล มหาโมคฺคลฺลาโน, มกฺกโฏ สาริปุตฺโต, สสปณฺฑิโต ปน โลกนาโถ.
ตสฺส อิธาปิ สีลาทิปารมิโย เหฏฺา วุตฺตนเยเนว ยถารหํ นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา สติปิ ติรจฺฉานุปปตฺติยํ กุสลาทิธมฺเม กุสลาทิโต ยถาภูตาวโพโธ, เตสุ อณุมตฺตมฺปิ วชฺชํ ภยโต ทิสฺวา ¶ สุฏฺุ อกุสลโต โอรมณํ, สมฺมเทว จ กุสลธมฺเมสุ อตฺตโน ปติฏฺาปนํ, ปเรสฺจ ‘‘อิเม นาม ปาปธมฺมา เต เอวํ คหิตา เอวํ ปรามฏฺา เอวํคติกา ภวนฺติ เอวํอภิสมฺปรายา’’ติ อาทีนวํ ทสฺเสตฺวา ตโต วิรมเณ นิโยชนํ, อิทํ ทานํ นาม, อิทํ สีลํ นาม, อิทํ อุโปสถกมฺมํ นาม, เอตฺถ ปติฏฺิตานํ เทวมนุสฺสสมฺปตฺติโย หตฺถคตา เอวาติอาทินา ปฺุกมฺเมสุ อานิสํสํ ทสฺเสตฺวา ปติฏฺาปนํ, อตฺตโน สรีรชีวิตนิรเปกฺขํ, ปเรสํ สตฺตานํ อนุคฺคณฺหนํ, อุฬาโร จ ทานชฺฌาสโยติ เอวมาทโย อิธ โพธิสตฺตสฺส คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพา. เตเนตํ วุจฺจติ – ‘‘เอวํ อจฺฉริยา เหเต…เป… ธมฺมสฺส อนุธมฺมโต’’ติ.
สสปณฺฑิตจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิทานิ ¶ ‘‘อกิตฺติพฺราหฺมโณ’’ติอาทินา ยถาวุตฺเต ทสปิ จริยาวิเสเส อุทาเนตฺวา นิคเมติ. ตตฺถ อหเมว ตทา อาสึ, โย เต ทานวเร อทาติ โย ตานิ อุตฺตมทานานิ อทาสิ, โส อกิตฺติพฺราหณาทิโก อหเมว ตทา ตสฺมึ กาเล อโหสึ, น อฺโติ. อิติ เตสุ อตฺตภาเวสุ สติปิ สีลาทิปารมีนํ ยถารหํ ปูริตภาเว อตฺตโน ปน ตทา ทานชฺฌาสยสฺส อติวิย อุฬารภาวํ สนฺธาย ทานปารมิวเสเนว เทสนํ อาโรเปสิ. เอเต ทานปริกฺขารา, เอเต ทานสฺส ปารมีติ เย อิเม ¶ อกิตฺติชาตกาทีสุ (ชา. ๑.๑๓.๘๓ อาทโย) อเนกาการโวการา มยา ปวตฺติตา เทยฺยธมฺมปริจฺจาคา มม สรีราวยวปุตฺตทารปริจฺจาคา ปรมโกฏิกา, กิฺจาปิ เต กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตตฺตา สพฺพฺุตฺาณเมว อุทฺทิสฺส ปวตฺติตตฺตา ทานสฺส ปรมุกฺกํสคมเนน ทานปารมี เอว, ตถาปิ มม ทานสฺส ปรมตฺถปารมิภูตสฺส ปริกฺขรณโตสนฺตานสฺส ปริภาวนาวเสน อภิสงฺขรณโต เอเต ทานปริกฺขารา นาม. ยสฺส ปเนเต ปริกฺขารา, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ชีวิตํ ยาจเก ทตฺวา, อิมํ ปารมิ ปูรยิ’’นฺติ วุตฺตํ. เอตฺถ หิ เปตฺวา สสปณฺฑิตจริยํ เสสาสุ นวสุ จริยาสุ ยถารหํ ทานปารมิทานอุปปารมิโย เวทิตพฺพา, สสปณฺฑิตจริเย (จริยา. ๑.๑๒๕ อาทโย) ปน ทานปรมตฺถปารมี. เตน วุตฺตํ –
‘‘ภิกฺขาย อุปคตํ ทิสฺวา, สกตฺตานํ ปริจฺจชึ;
ทาเนน เม สโม นตฺถิ, เอสา เม ทานปารมี’’ติ. (จริยา. ๑.ตสฺสุทฺทาน);
กิฺจาปิ หิ มหาปุริสสฺส ยถาวุตฺเต อกิตฺติพฺราหฺมณาทิกาเล อฺสฺมิฺจ มหาชนกมหาสุตโสมาทิกาเล ¶ ทานปารมิยา ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ, ตถาปิ เอกนฺเตเนว สสปณฺฑิตกาเล ทานปารมิยา ปรมตฺถปารมิภาโว วิภาเวตพฺโพติ.
ปรมตฺถทีปนิยา จริยาปิฏกสํวณฺณนาย
ทสวิธจริยาสงฺคหสฺส วิเสสโต
ทานปารมิวิภาวนสฺส
ปมวคฺคสฺส อตฺถวณฺณนา นิฏฺิตา.