📜
๒. หตฺถินาควคฺโค
๑. มาตุโปสกจริยาวณฺณนา
๑. ทุติยวคฺคสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม กฺุชโรติ หตฺถี. มาตุโปสโกติ อนฺธาย ชราชิณฺณาย มาตุยา ปฏิชคฺคนโก. มหิยาติ ภูมิยํ. คุเณนาติ สีลคุเณน, ตทา มม สทิโส นตฺถิ.
โพธิสตฺโต หิ ตทา หิมวนฺตปฺปเทเส หตฺถิโยนิยํ นิพฺพตฺติ. โส สพฺพเสโต อภิรูโป ลกฺขณสมฺปนฺโน มหาหตฺถี อเนกหตฺถิสตสหสฺสปริวาโร อโหสิ. มาตา ปนสฺส อนฺธา. โส มธุรผลาผลานิ หตฺถีนํ หตฺเถสุ ทตฺวา มาตุ เปเสติ. หตฺถิโน ตสฺสา อทตฺวา สยํ ขาทนฺติ. โส ปริคฺคณฺหนฺโต ตํ ปวตฺตึ ตฺวา ‘‘ยูถํ ปหาย มาตรเมว โปเสสฺสามี’’ติ รตฺติภาเค อฺเสํ หตฺถีนํ อชานนฺตานํ มาตรํ คเหตฺวา จณฺโฑรณปพฺพตปาทํ คนฺตฺวา เอกํ นฬินึ อุปนิสฺสาย ิตาย ปพฺพตคุหาย มาตรํ เปตฺวา โปเสสิ.
๒-๓. ปวเน ทิสฺวา วนจโรติ เอโก วนจรโก ปุริโส ตสฺมึ มหาวเน วิจรนฺโต มํ ทิสฺวา. รฺโ มํ ปฏิเวทยีติ พาราณสิรฺโ มํ อาโรเจสิ.
โส หิ มคฺคมูฬฺโห ทิสํ ววตฺถเปตุํ อสกฺโกนฺโต มหนฺเตน สทฺเทน ปริเทวิ. โพธิสตฺโตปิ ตสฺส สทฺทํ สุตฺวา ‘‘อยํ ปุริโส อนาโถ, น โข ปเนตํ ปติรูปํ, ยํ เอส มยิ ิเต อิธ วินสฺเสยฺยา’’ติ ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ ¶ ภเยน ปลายนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อมฺโภ ปุริส, นตฺถิ เต มํ นิสฺสาย ภยํ, มา ปลายิ, กสฺมา ตฺวํ ปริเทวนฺโต วิจรสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สามิ, อหํ มคฺคมูฬฺโห อชฺช เม สตฺตโม ทิวโส’’ติ วุตฺเต ‘‘โภ ปุริส, มา ภายิ, อหํ ตํ มนุสฺสปเถ เปสฺสามี’’ติ ตํ อตฺตโน ปิฏฺิยํ นิสีทาเปตฺวา อรฺโต นีหริตฺวา นิวตฺติ. โสปิ ปาโป ‘‘นครํ คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสฺสามี’’ติ รุกฺขสฺํ ปพฺพตสฺฺจ กโรนฺโตว นิกฺขมิตฺวา พาราณสึ อคมาสิ. ตสฺมึ กาเล รฺโ มงฺคลหตฺถี มโต ¶ . โส ปุริโส ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา มหาปุริสสฺส อตฺตโน ทิฏฺภาวํ อาโรเจสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘ตวานุจฺฉโว, มหาราช, คโช วสติ กานเน’’ติอาทิ.
ตตฺถ ¶ ตวานุจฺฉโวติ ตว โอปวยฺหํ กาตุํ อนุจฺฉวิโก ยุตฺโต. น ตสฺส ปริกฺขายตฺโถติ ตสฺส คหเณ คมนุปจฺเฉทนตฺถํ สมนฺตโต ขณิตพฺพปริกฺขาย วา กเรณุยา กณฺณปุเฏน อตฺตานํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ขิตฺตปาสรชฺชุยา พนฺธิตพฺพอาฬกสงฺขาตอาลาเนน วา ยตฺถ ปวิฏฺโ กตฺถจิ คนฺตุํ น สกฺโกติ, ตาทิสวฺจนกาสุยา วา อตฺโถ ปโยชนํ นตฺถิ. สหคหิเตติ คหณสมกาลํ เอว. เอหิตีติ อาคมิสฺสติ.
ราชา อิมํ มคฺคเทสกํ กตฺวา อรฺํ คนฺตฺวา ‘‘อิมินา วุตฺตํ หตฺถินาคํ อาเนหี’’ติ หตฺถาจริยํ สห ปริวาเรน เปเสสิ. โส เตน สทฺธึ คนฺตฺวา โพธิสตฺตํ นฬินึ ปวิสิตฺวา โคจรํ คณฺหนฺตํ ปสฺสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ตสฺส ตํ วจนํ สุตฺวา, ราชาปิ ตุฏฺมานโส;
เปเสสิ หตฺถิทมกํ, เฉกาจริยํ สุสิกฺขิตํ.
‘‘คนฺตฺวา โส หตฺถิทมโก, อทฺทส ปทุมสฺสเร;
ภิสมุฬาลํ อุทฺธรนฺตํ, ยาปนตฺถาย มาตุยา’’ติ.
ตตฺถ เฉกาจริยนฺติ หตฺถิพนฺธนาทิวิธิมฺหิ กุสลํ หตฺถาจริยํ. สุสิกฺขิตนฺติ หตฺถีนํ สิกฺขาปนวิชฺชาย นิฏฺงฺคมเนน สุฏฺุ สิกฺขิตํ.
๖. วิฺาย เม สีลคุณนฺติ ‘‘ภทฺโท อยํ หตฺถาชานีโย น มนฺโท, น จณฺโฑ, น โวมิสฺสสีโล วา’’ติ มม สีลคุณํ ชานิตฺวา. กถํ? ลกฺขณํ ¶ อุปธารยีติ สุสิกฺขิตหตฺถิสิปฺปตฺตา มม ลกฺขณํ สมนฺตโต อุปธาเรสิ. เตน โส เอหิ ปุตฺตาติ วตฺวาน, มม โสณฺฑาย อคฺคหิ.
๗. โพธิสตฺโต หตฺถาจริยํ ทิสฺวา – ‘‘อิทํ ภยํ มยฺหํ เอตสฺส ปุริสสฺส สนฺติกา อุปฺปนฺนํ, อหํ โข ปน มหาพโล หตฺถิสหสฺสมฺปิ วิทฺธํเสตุํ สมตฺโถ, ปโหมิ กุชฺฌิตฺวา สรฏฺกํ เสนาวาหนํ นาเสตุํ, สเจ ปน กุชฺฌิสฺสามิ, สีลํ เม ภิชฺชิสฺสติ, ตสฺมา สตฺตีหิ โกฏฺฏิยมาโนปิ ¶ น กุชฺฌิสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อธิฏฺาย สีสํ โอนาเมตฺวา นิจฺจโลว อฏฺาสิ. เตนาห ภควา ‘‘ยํ เม ตทา ปากติกํ, สรีรานุคตํ พล’’นฺติอาทิ.
ตตฺถ ¶ ปากติกนฺติ สภาวสิทฺธํ. สรีรานุคตนฺติ สรีรเมว อนุคตํ กายพลํ, น อุปายกุสลตาสงฺขาตาณานุคตนฺติ อธิปฺปาโย. อชฺช นาคสหสฺสานนฺติ อชฺชกาเล อเนเกสํ หตฺถิสหสฺสานํ สมุทิตานํ. พเลน สมสาทิสนฺติ เตสํ สรีรพเลน สมสมเมว หุตฺวา สทิสํ, น อุปมามตฺเตน. มงฺคลหตฺถิกุเล หิ ตทา โพธิสตฺโต อุปฺปนฺโนติ.
๘. ยทิหํ เตสํ ปกุปฺเปยฺยนฺติ มํ คหณาย อุปคตานํ เตสํ อหํ ยทิ กุชฺเฌยฺยํ, เตสํ ชีวิตมทฺทเน ปฏิพโล ภเวยฺยํ. น เกวลํ เตสฺเว, อถ โข ยาว รชฺชมฺปิ มานุสนฺติ ยโต รชฺชโต เตสํ อาคตานํ มนุสฺสานํ สพฺพมฺปิ รชฺชํ โปเถตฺวา จุณฺณวิจุณฺณํ กเรยฺยํ.
๙. อปิ จาหํ สีลรกฺขายาติ เอวํ สมตฺโถปิ จ อหํ อตฺตนิ ปติฏฺิตาย สีลรกฺขาย สีลคุตฺติยา คุตฺโต พนฺโธ วิย. น กโรมิ จิตฺเต อฺถตฺตนฺติ ตสฺส สีลสฺส อฺถตฺตภูตํ เตสํ สตฺตานํ โปถนาทิวิธึ มยฺหํ จิตฺเต น กโรมิ, ตตฺถ จิตฺตมฺปิ น อุปฺปาเทมิ. ปกฺขิปนฺตํ มมาฬเกติ อาลานตฺถมฺเภ ปกฺขิปนฺตํ, ‘‘ทิสฺวาปี’’ติ วจนเสโส. กสฺมาติ เจ, สีลปารมิปูริยา อีทิเสสุ าเนสุ สีลํ อขณฺเฑนฺตสฺส เม นจิรสฺเสว สีลปารมี ปริปูเรสฺสตีติ สีลปารมิปริปูรณตฺถํ ตสฺส อฺถตฺตํ จิตฺเต น กโรมีติ โยชนา.
๑๐. ‘‘ยทิ เต ม’’นฺติ คาถายปิ สีลรกฺขาย ทฬฺหํ กตฺวา สีลสฺส ¶ อธิฏฺิตภาวเมว ทสฺเสติ. ตตฺถ โกฏฺเฏยฺยุนฺติ ภินฺเทยฺยุํ. สีลขณฺฑภยา มมาติ มม สีลสฺส ขณฺฑนภเยน.
เอวํ ปน จินฺเตตฺวา โพธิสตฺเต นิจฺจเล ิเต หตฺถาจริโย ปทุมสรํ โอตริตฺวา ตสฺส ลกฺขณสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘เอหิ ปุตฺตา’’ติ รชตทามสทิสาย โสณฺฑาย คเหตฺวา สตฺตเม ทิวเส พาราณสึ ปาปุณิ. โส อนฺตรามคฺเค วตฺตมาโนว รฺโ สาสนํ เปเสสิ. ราชา นครํ อลงฺการาเปสิ. หตฺถาจริโย โพธิสตฺตํ กตคนฺธปริภณฺฑํ อลงฺกตปฏิยตฺตํ หตฺถิสาลํ เนตฺวา วิจิตฺรสาณิยา ปริกฺขิปาเปตฺวา รฺโ อาโรเจสิ. ราชา นานคฺครสโภชนํ อาทาย คนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส ¶ ทาเปสิ. โส ‘‘มาตรํ วินา โคจรํ น คณฺหิสฺสามี’’ติ ปิณฺฑํ น คณฺหิ. ยาจิโตปิ อคฺคเหตฺวา –
‘‘สา ¶ นูนสา กปณิกา, อนฺธา อปริณายิกา;
ขาณุํ ปาเทน ฆฏฺเฏติ, คิรึ จณฺโฑรณํ ปตี’’ติ. –
อาห. ตํ สุตฺวา ราชา –
‘‘กา นุ เต สา มหานาค, อนฺธา อปริณายิกา;
ขาณุํ ปาเทน ฆฏฺเฏติ, คิรึ จณฺโฑรณํ ปตี’’ติ. – ปุจฺฉิตฺวา –
‘‘มาตา เม สา มหาราช, อนฺธา อปริณายิกา;
ขาณุํ ปาเทน ฆฏฺเฏติ, คิรึ จณฺโฑรณํ ปตี’’ติ. –
วุตฺเต อชฺช สตฺตโม ทิวโส ‘‘มาตา เม โคจรํ น ลภิตฺถา’’ติ วทโต อิมสฺส โคจรํ อคณฺหนฺตสฺส. ตสฺมา –
‘‘มฺุจเถตํ มหานาคํ, โยยํ ภรติ มาตรํ;
สเมตุ มาตรา นาโค, สห สพฺเพหิ าติภี’’ติ. – วตฺวา มฺุจาเปสิ –
‘‘มุตฺโต จ พนฺธนา นาโค, มุตฺตทามาย กฺุชโร;
มุหุตฺตํ อสฺสาสยิตฺวา, อคมา เยน ปพฺพโต’’ติ.
ตตฺถ กปณิกาติ วรากา. ขาณุํ ปาเทน ฆฏฺเฏตีติ อนฺธตาย ปุตฺตวิโยคทุกฺเขน จ ปริเทวมานา ตตฺถ ตตฺถ รุกฺขกฬิงฺคเร ปาเทน ฆฏฺเฏติ. จณฺโฑรณํ ปตีติ จณฺโฑรณปพฺพตาภิมุขี, ตสฺมึ ปพฺพตปาเท ปริพฺภมมานาติ อตฺโถ. อคมา เยน ปพฺพโตติ โส หตฺถินาโค ¶ พนฺธนา มุตฺโต โถกํ วิสฺสมิตฺวา รฺโ ทสราชธมฺมคาถาหิ ธมฺมํ เทเสตฺวา ‘‘อปฺปมตฺโต โหหิ, มหาราชา’’ติ โอวาทํ ทตฺวา มหาชเนน คนฺธมาลาทีหิ ปูชิยมาโน นครา นิกฺขมิตฺวา ตทเหว มาตรา สมาคนฺตฺวา สพฺพํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิ. สา ตุฏฺมานสา –
‘‘จิรํ ¶ ชีวตุ โส ราชา, กาสีนํ รฏฺวฑฺฒโน;
โย เม ปุตฺตํ ปโมเจสิ, สทา วุทฺธาปจายิก’’นฺติ. (ชา. ๑.๑๑.๑๒) –
รฺโ อนุโมทนํ อกาสิ. ราชา โพธิสตฺตสฺส คุเณ ปสีทิตฺวา นฬินิยา อวิทูเร คามํ มาเปตฺวา โพธิสตฺตสฺส มาตุ จสฺส นิพทฺธํ วตฺตํ ปฏฺเปสิ ¶ . อปรภาเค โพธิสตฺโต มาตริ มตาย ตสฺสา สรีรปริหารํ กตฺวา กุรณฺฑกอสฺสมปทํ นาม คโต. ตสฺมึ ปน าเน หิมวนฺตโต โอตริตฺวา ปฺจสตา อิสโย วสึสุ. ตํ วตฺตํ เตสํ ทตฺวา ราชา โพธิสตฺตสฺส สมานรูปํ สิลาปฏิมํ กาเรตฺวา มหาสกฺการํ ปวตฺเตสิ. ชมฺพุทีปวาสิโน อนุสํวจฺฉรํ สนฺนิปติตฺวา หตฺถิมหํ นาม กรึสุ.
ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, หตฺถินี มหามายา, วนจรโก เทวทตฺโต, มาตุโปสกหตฺถินาโค โลกนาโถ.
อิธาปิ ทานปารมิอาทโย ยถารหํ นิทฺธาเรตพฺพา. สีลปารมี ปน อติสยวตีติ สา เอว เทสนํ อารุฬฺหา. ตถา ติรจฺฉานโยนิยํ อุปฺปนฺโนปิ พฺรหฺมปุพฺพเทวปุพฺพาจริยอาหุเนยฺยาทิภาเวน สพฺพฺุพุทฺเธนปิ ปสตฺถภาวานุรูปํ มาตุยา ครุจิตฺตํ อุปฏฺเปตฺวา ‘‘มาตา นาเมสา ปุตฺตสฺส พหูปการา, ตสฺมา มาตุปฏฺานํ นาม ปณฺฑิเตน ปฺตฺต’’นฺติ มนสิ กตฺวา อเนเกสํ หตฺถิสหสฺสานํ อิสฺสราธิปติ มหานุภาโว ยูถปติ หุตฺวา เตหิ อนุวตฺติยมาโน เอกกวิหาเร อนฺตรายํ อคเณตฺวา ยูถํ ปหาย เอกโก หุตฺวา อุปการิเขตฺตํ ปูเชสฺสามีติ มาตุโปสนํ, มคฺคมูฬฺหปุริสํ ทิสฺวา อนุกมฺปาย ตํ คเหตฺวา มนุสฺสโคจรสมฺปาปนํ, เตน จ กตาปราธสหนํ ¶ , หตฺถาจริยปฺปมุขานํ อตฺตานํ พนฺธิตุํ อาคตปุริสานํ สมตฺโถปิ สมาโน สนฺตาสนมตฺเตนปิ เตสํ ปีฬนา ภวิสฺสติ, มยฺหฺจ สีลสฺส ขณฺฑาทิภาโวติ ตถา อกตฺวา สุทนฺเตน โอปวยฺโห วิย สุเขเนว คหณูปคมนํ, มาตรํ วินา น กฺจิ อชฺโฌหริสฺสามีติ สตฺตาหมฺปิ อนาหารตา, อิมินาปาหํ พนฺธาปิโตติ จิตฺตํ อนุปฺปาเทตฺวา ราชานํ เมตฺตาย ผรณํ, ตสฺส จ นานานเยหิ ธมฺมเทสนาติ เอวมาทโย อิธ มหาปุริสสฺส คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพา. เตน วุตฺตํ – ‘‘เอวํ อจฺฉริยา เอเต, อพฺภุตา จ มเหสิโน…เป… ธมฺมสฺส อนุธมฺมโต’’ติ.
มาตุโปสกจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ภูริทตฺตจริยาวณฺณนา
๑๑. ทุติเย ¶ ¶ ภูริทตฺโตติ ภูริสมทตฺโต. ทตฺโตติ หิ ตทา โพธิสตฺตสฺส มาตาปิตูหิ กตํ นามํ. ยสฺมา ปเนโส นาคภวเน วิรูปกฺขมหาราชภวเน ตาวตึสภวเน จ อุปฺปนฺเน ปฺเห สมฺมเทว วินิจฺฉินาติ, เอกทิวสฺจ วิรูปกฺขมหาราเช นาคปริสาย สทฺธึ ติทสปุรํ คนฺตฺวา สกฺกํ ปริวาเรตฺวา นิสินฺเน เทวานมนฺตเร ปฺโห สมุฏฺาสิ. ตํ โกจิ กเถตุํ นาสกฺขิ. สกฺเกน ปน อนฺุาโต ปลฺลงฺกวรคโต หุตฺวา มหาสตฺโตว กเถสิ. อถ นํ เทวราชา ทิพฺพคนฺธปุปฺเผหิ ปูเชตฺวา ‘‘ทตฺต, ตฺวํ ปถวิสมาย วิปุลาย ปฺาย สมนฺนาคโต อิโต ปฏฺาย ภูริทตฺโต นามา’’ติ อาห. ภูรีติ หิ ปถวิยา นามํ, ตสฺมา ภูริสมตาย ภูเต อตฺเถ รมตีติ จ ภูริสงฺขาตาย มหติยา ปฺาย สมนฺนาคตตฺตา มหาสตฺโต ‘‘ภูริทตฺโต’’ติ ปฺายิตฺถ. มหติยา ปน นาคิทฺธิยา สมนฺนาคตตฺตา มหิทฺธิโก จาติ.
อตีเต หิ อิมสฺมึเยว กปฺเป พาราณสิรฺโ ปุตฺโต ปิตรา รฏฺโต ปพฺพาชิโต วเน วสนฺโต อฺตราย นาคมาณวิกาย ¶ สํวาสํ กปฺเปสิ. เตสํ สํวาสมนฺวาย ทฺเว ทารกา ชายึสุ – ปุตฺโต จ ธีตา จ. ปุตฺตสฺส ‘‘สาครพฺรหฺมทตฺโต’’ติ นามํ กรึสุ ธีตาย ‘‘สมุทฺทชา’’ติ. โส อปรภาเค ปิตุ อจฺจเยน พาราณสึ คนฺตฺวา รชฺชํ กาเรสิ. อถ ธตรฏฺโ นาม นาคราชา ปฺจโยชนสติเก นาคภวเน นาครชฺชํ กาเรนฺโต ตํ อภูตวาทิเกน จิตฺตจูเฬน นาม กจฺฉเปน ‘‘พาราณสิราชา อตฺตโน ธีตรํ ตุยฺหํ ทาตุกาโม, สา โข ปน ราชธีตา สมุทฺทชา นาม อภิรูปา ทสฺสนียา ปาสาทิกา จา’’ติ กถิตํ สุตฺวา ธตรฏฺโ จตฺตาโร นาคมาณวเก เปเสตฺวา ตํ ทาตุํ อนิจฺฉนฺตํ นาควิภึสิกาย ภึสาเปตฺวา ‘‘ทมฺมี’’ติ วุตฺเต มหนฺตํ ปณฺณาการํ เปเสตฺวา มหติยา นาคิทฺธิยา มหนฺเตน ปริวาเรน ตสฺส ธีตรํ นาคภวนํ เนตฺวา อคฺคมเหสิฏฺาเน เปสิ.
สา อปรภาเค ธตรฏฺํ ปฏิจฺจ สุทสฺสโน, ทตฺโต, สุโภโค, อริฏฺโติ จตฺตาโร ปุตฺเต ปฏิลภิ. เตสุ ทตฺโต โพธิสตฺโต, โส ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว สกฺเกน ตุฏฺจิตฺเตน ‘‘ภูริทตฺโต’’ติ คหิตนามตฺตา ‘‘ภูริทตฺโต’’ตฺเวว ¶ ปฺายิตฺถ. อถ เนสํ ปิตา โยชนสติกํ โยชนสติกํ รชฺชํ ภาเชตฺวา อทาสิ. มหนฺโต ยโส อโหสิ. โสฬสโสฬสนาคกฺาสหสฺสานิ ปริวารยึสุ. ปิตุปิ เอกโยชนสตเมว รชฺชํ อโหสิ. ตโย ปุตฺตา มาเส มาเส มาตาปิตโร ปสฺสิตุํ อาคจฺฉนฺติ, โพธิสตฺโต ปน อนฺวทฺธมาสํ อาคจฺฉติ.
โส ¶ เอกทิวสํ วิรูปกฺขมหาราเชน สทฺธึ สกฺกสฺส อุปฏฺานํ คโต เวชยนฺตปาสาทํ สุธมฺมเทวสภํ ปาริจฺฉตฺตกโกวิฬารํ ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนํ เทวจฺฉราปริวารํ อติมโนหรํ สกฺกสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘เอตฺตกมตฺตมฺปิ นาคตฺตภาเว ิตสฺส ทุลฺลภํ, กุโต สมฺมาสมฺโพธี’’ติ นาคตฺตภาวํ ชิคุจฺฉิตฺวา ‘‘นาคภวนํ คนฺตฺวา อุโปสถวาสํ วสิตฺวา สีลเมว ปคฺคณฺหิสฺสามิ, ตํ โพธิปริปาจนํ โหติ, อิมสฺมึ เทวโลเก อุปฺปตฺติการณํ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา นาคภวนํ คนฺตฺวา มาตาปิตโร อาห – ‘‘อมฺมตาตา, อหํ อุโปสถกมฺมํ กริสฺสามี’’ติ. เตหิ ‘‘อิเธว อุโปสถํ อุปวสาหิ, พหิคตานํ นาคานํ มหนฺตํ ภย’’นฺติ ¶ วุตฺเต เอกวารํ ตถา กตฺวา นาคกฺาหิ อุปทฺทุโต ปุนวาเร มาตาปิตูนํ อนาโรเจตฺวา อตฺตโน ภริยํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ภทฺเท, อหํ มนุสฺสโลกํ คนฺตฺวา ยมุนาตีเร มหานิคฺโรธรุกฺโข อตฺถิ ตสฺส อวิทูเร วมฺมิกมตฺถเก โภเค อาภุชิตฺวา จตุรงฺคสมนฺนาคตํ อุโปสถํ อธิฏฺาย นิปชฺชิตฺวา ‘‘อุโปสถกมฺมํ กริสฺสามี’’ติ นาคภวนโต นิกฺขมิตฺวา ตถา กโรติ. เตน วุตฺตํ ‘‘วิรูปกฺเขน มหารฺา, เทวโลกมคฺฉห’’นฺติอาทิ.
ตตฺถ วิรูปกฺเขน มหารฺาติ วิรูปกฺเขน นาม นาคาธิปติมหาราเชน. เทวโลกนฺติ ตาวตึสเทวโลกํ. อคฺฉหนฺติ อคฺฉึ, อุปสงฺกมึ อหํ.
๑๒. ตตฺถาติ ตสฺมึ เทวโลเก. ปสฺสึ ตฺวาหนฺติ อทฺทกฺขึ อหํ ตุ-สทฺโท นิปาตมตฺโต. เอกนฺตํ สุขสมปฺปิเตติ เอกนฺตํ อจฺจนฺตเมว สุเขน สมงฺคีภูเต. วุตฺตฺเหตํ ภควตา – ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, ฉ ผสฺสายตนิกา นาม สคฺคา. ยาวฺจิทํ, ภิกฺขเว, น สุกรํ อกฺขาเนน ปาปุณิตุํ ยาว สุขา สคฺคา’’ติ ¶ (ม. นิ. ๓.๒๕๕) จ. ตํสคฺคคมนตฺถายาติ ตสฺมึ สคฺคสฺมึ อุปฺปตฺติวเสน คมนตฺถาย. สีลพฺพตนฺติ สีลสงฺขาตํ วตํ. อถ วา สีลพฺพตนฺติ อุโปสถสีลฺเจว ‘‘มม จมฺมํ จมฺมตฺถิกา หรนฺตู’’ติอาทินา อตฺตโน สรีราวยวปริจฺจาคสมาทิยนสงฺขาตํ วตฺจ.
๑๓. สรีรกิจฺจนฺติ มุขโธวนาทิสรีรปฏิชคฺคนํ. ภุตฺวา ยาปนมตฺตกนฺติ อินฺทฺริยานิ นิพฺพิเสวนานิ กาตุํ สรีรฏฺิติมตฺตกํ อาหารํ อาหริตฺวา. จตุโร องฺเคติ จตฺตาริ องฺคานิ. อธิฏฺายาติ อธิฏฺหิตฺวา. เสมีติ สยามิ.
๑๔. ฉวิยาติอาทิ เตสํ จตุนฺนํ องฺคานํ ทสฺสนํ. ตตฺถ จ ฉวิจมฺมานํ วิสฺสชฺชนํ เอกํ องฺคํ, เสสานิ เอเกกเมว, มํสคฺคหเณเนว เจตฺถ รุธิรมฺปิ สงฺคหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอเตนาติ เอเตหิ ¶ . หราตุ โสติ ยสฺส เอเตหิ ฉวิอาทีหิ กรณียํ อตฺถิ, ตสฺส มยา ทินฺนเมเวตํ. สพฺพํ โส หรตูติ อตฺตโน อตฺตภาเว อนเปกฺขปวารณํ ปวาเรติ.
เอวํ ¶ มหาสตฺตสฺส อิมินา นิยาเมเนว อนฺวทฺธมาสํ อุโปสถกมฺมํ กโรนฺตสฺส ทีโฆ อทฺธา วีติวตฺโต. เอวํ คจฺฉนฺเต กาเล เอกทิวสํ อฺตโร เนสาทพฺราหฺมโณ โสมทตฺเตน นาม อตฺตโน ปุตฺเตน สห ตํ านํ ปตฺวา อรุณุคฺคมนสมเย นาคกฺาหิ ปริวาริยมานํ มหาสตฺตํ ทิสฺวา ตสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. ตาวเทว นาคกฺาโย ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา นาคภวนเมว คตา. พฺราหฺมโณ มหาสตฺตํ ปุจฺฉิ – ‘‘โก นุ โข ตฺวํ, มาริส, เทโว วา ยกฺโข วา นาโค วา’’ติ? โพธิสตฺโต ยถาภูตํ อตฺตานํ อาวิ กตฺวา สจายํ อิโต คจฺเฉยฺย, อิธ เม วาสํ มหาชนสฺส ปากฏํ กเรยฺย, เตน เม อุโปสถวาสสฺส อนฺตราโยปิ สิยา. ยํนูนาหํ อิโต อิมํ นาคภวนํ เนตฺวา มหติยา สมฺปตฺติยา โยเชยฺยํ. เอวายํ ตตฺเถว อภิรมิสฺสติ, เตน เม อุโปสถกมฺมํ อทฺธนิยํ สิยาติ. อถ นํ อาห – ‘‘พฺราหฺมณ, มหนฺตํ เต ยสํ ทสฺสามิ, รมณียํ นาคภวนํ, เอหิ ตตฺถ คจฺฉามา’’ติ. สามิ, ปุตฺโต เม อตฺถิ, ตสฺมึ อาคจฺฉนฺเต อาคมิสฺสามีติ. คจฺฉ, พฺราหฺมณ, ปุตฺตํ อาเนหีติ. พฺราหฺมโณ คนฺตฺวา ปุตฺตสฺส ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ตํ อาเนสิ. มหาสตฺโต เต อุโภปิ อาทาย อตฺตโน อานุภาเวน นาคภวนํ ¶ อาเนสิ. เตสํ ตตฺถ ทิพฺโพ อตฺตภาโว ปาตุภวิ. อถ เตสํ มหาสตฺโต ทิพฺพสมฺปตฺตึ ทตฺวา จตฺตาริ จตฺตาริ นาคกฺาสตานิ อทาสิ. เต มหตึ สมฺปตฺตึ อนุภวึสุ.
โพธิสตฺโตปิ อปฺปมตฺโต อุโปสถกมฺมํ กโรติ. อนฺวทฺธมาสํ มาตาปิตูนํ อุปฏฺานํ คนฺตฺวา ธมฺมกถํ กเถตฺวา ตโต จ พฺราหฺมณสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อาโรคฺยํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เยน เต อตฺโถ, ตํ วเทยฺยาสี’’ติ อาปุจฺฉิตฺวา ‘‘อนุกฺกณฺมาโน อภิรมา’’ติ วตฺวา โสมทตฺเตนปิ สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา อตฺตโน นิเวสนํ คจฺฉติ. พฺราหฺมโณ สํวจฺฉรํ ตตฺถ วสิตฺวา มนฺทปฺุตาย อุกฺกณฺิตฺวา อนิจฺฉมานมฺปิ ปุตฺตํ คเหตฺวา โพธิสตฺตํ อาปุจฺฉิตฺวา เตน ทียมานํ พหุํ ธนํ สพฺพกามททํ มณิรตนมฺปิ อลกฺขิกตาย อคฺคเหตฺวา ‘‘มนุสฺสโลกํ คนฺตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาห. มหาสตฺโต นาคมาณวเก อาณาเปตฺวา ตํ สปุตฺตกํ มนุสฺสโลกํ ปาเปสิ. เต อุโภปิ ทิพฺพาภรณานิ ทิพฺพวตฺถานิ จ โอมฺุจิตฺวา นฺหายิตุํ ¶ เอกํ โปกฺขรณึ โอตรึสุ, ตสฺมึ ขเณ ตานิ อนฺตรธายิตฺวา นาคภวนเมว อคมํสุ. อถ ปมนิวตฺถกาสาวปิโลติกาว สรีเร ปฏิมฺุจิ, ธนุสรสตฺติโย คเหตฺวา อรฺํ คนฺตฺวา มิเค วธิตฺวา ปุริมนิยาเมเนว ชีวิกํ กปฺเปสุํ.
เตน ¶ จ สมเยน อฺตโร ตาปโส สุปณฺณราชโต ลทฺธํ อลมฺปายนมนฺตํ ตสฺส อนุจฺฉวิกานิ โอสธานิ มนฺตูปจารฺจ อตฺตานํ อุปฏฺหนฺตสฺส อฺตรสฺส พฺราหฺมณสฺส อทาสิ. โส ‘‘ลทฺโธ เม ชีวิกูปาโย’’ติ กติปาหํ วสิตฺวา ตาปสํ อาปุจฺฉิตฺวา ปกฺกมนฺโต อนุปุพฺเพน ยมุนาตีรํ ปตฺวา ตํ มนฺตํ สชฺฌายนฺโต มหามคฺเคน คจฺฉติ. ตทา โพธิสตฺตสฺส ภวนโต ตสฺส ปริจาริกา นาคมาณวิกา ตํ สพฺพกามททํ มณิรตนํ อาทาย ยมุนาตีเร วาลุการาสิมตฺถเก เปตฺวา ตสฺโสภาเสน รตฺติยํ กีฬิตฺวา อรุณุคฺคมเน ตสฺส พฺราหฺมณสฺส มนฺตสทฺทํ สุตฺวา ‘‘สุปณฺโณ’’ติ สฺาย ภยตชฺชิตา มณิรตนํ อคฺคเหตฺวา ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา นาคภวนํ อคมํสุ.
พฺราหฺมโณ ตํ มณิรตนํ อาทาย ปายาสิ. ตสฺมึ ขเณ โส เนสาทพฺราหฺมโณ ปุตฺเตน สทฺธึ มิควธาย อรฺํ คจฺฉนฺโต ตสฺส หตฺเถ ¶ ตํ มณิรตนํ ทิสฺวา ‘‘อิทํ ภูริทตฺตสฺส สพฺพกามททํ มณิรตน’’นฺติ สฺชานิตฺวา ตํ คณฺหิตุกาโม เตน สทฺธึ อลฺลาปสลฺลาปํ กตฺวา มนฺตวาทิภาวํ ชานิตฺวา เอวมาห – ‘‘สเจ เม ตฺวํ อิมํ มณิรตนํ ทสฺสสิ, เอวาหํ เต มหานุภาวํ นาคํ ทสฺเสสฺสามิ, ยํ ตฺวํ คเหตฺวา คามนิคมราชธานิโย จรนฺโต พหุธนํ ลจฺฉสี’’ติ. ‘‘เตน หิ ทสฺเสตฺวา คณฺหาหี’’ติ วุตฺเต ตํ อาทาย โพธิสตฺตํ อุโปสถกรณฏฺาเน วมฺมิกมตฺถเก โภเค อาภุชิตฺวา นิปนฺนํ อวิทูเร ิโต หตฺถํ ปสาเรตฺวา ทสฺเสสิ.
มหาสตฺโต ตํ เนสาทํ ทิสฺวา ‘‘อยํ อุโปสถสฺส เม อนฺตรายํ กเรยฺยาติ นาคภวนํ เนตฺวา มหาสมฺปตฺติยํ ปติฏฺาปิโตปิ น อิจฺฉิ. ตโต อปกฺกมิตฺวา สยํ คนฺตุกาโม มยา ทียมานมฺปิ มณิรตนํ คณฺหิตุํ น อิจฺฉิ. อิทานิ ปน อหิคุณฺฑิกํ คเหตฺวา อาคจฺฉติ. สจาหํ ¶ อิมสฺส มิตฺตทุพฺภิโน กุชฺเฌยฺยํ, สีลํ เม ขณฺฑํ ภวิสฺสติ. มยา โข ปน ปมํเยว จตุรงฺคสมนฺนาคโต อุโปสโถ อธิฏฺิโต, โส ยถาธิฏฺิโตว โหตุ. อลมฺปายโน มํ ฉินฺทตุ วา มา วา, เนวสฺส กุชฺฌิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา อกฺขีนิ นิมฺมีเลตฺวา อธิฏฺานปารมึ ปุเรจาริกํ กตฺวา โภคนฺตเร สีสํ ปกฺขิปิตฺวา นิจฺจโลว หุตฺวา นิปชฺชิ. เนสาทพฺราหฺมโณปิ ‘‘โภ อลมฺปายน, อิมํ นาคํ คณฺห, มณึ เม เทหี’’ติ อาห. อลมฺปายโน นาคํ ทิสฺวา ตุฏฺโ มณึ กิสฺมิฺจิ อคเณตฺวา ‘‘คณฺห, พฺราหฺมณา’’ติ หตฺเถ ขิปิ. โส ตสฺส หตฺถโต ภสฺสิตฺวา ปถวิยํ ปติตมตฺโตว ปถวึ ปวิสิตฺวา นาคภวนเมว คโต. เนสาทพฺราหฺมโณ มณิรตนโต ภูริทตฺเตน สทฺธึ มิตฺตภาวโต จ ปริหายิตฺวา นิปฺปจฺจโยว ปกฺกนฺโต.
๑๕. อลมฺปายโนปิ มหานุภาเวหิ โอสเธหิ อตฺตโน สรีรํ มกฺเขตฺวา โถกํ ขาทิตฺวา เขฬํ ¶ อตฺตโน กายสฺมึ ปริภาเวตฺวา ทิพฺพมนฺตํ ชปฺปนฺโต โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา นงฺคุฏฺเ คเหตฺวา อากฑฺฒิตฺวา สีเส ทฬฺหํ คณฺหนฺโต มุขมสฺส วิวริตฺวา โอสธํ ขาทิตฺวา มุเข สหเขฬํ โอสิฺจิ. สุจิชาติโก มหาสตฺโต สีลเภทภเยน อกุชฺฌิตฺวา อกฺขีนิ น อุมฺมีเลสิ. อถ นํ โอสธมนฺตพเลน นงฺคุฏฺเ คเหตฺวา เหฏฺา สีสํ กตฺวา สฺจาเลตฺวา คหิตโคจรํ ฉฑฺฑาเปตฺวา ภูมิยํ ทีฆโส นิปชฺชาเปตฺวา ¶ มสูรกํ มทฺทนฺโต วิย หตฺเถหิ ปริมทฺทิ. อฏฺีนิ จุณฺณิยมานานิ วิย อเหสุํ.
ปุน นงฺคุฏฺเ คเหตฺวา ทุสฺสํ โปเถนฺโต วิย โปเถสิ. มหาสตฺโต เอวรูปํ ¶ ทุกฺขํ อนุโภนฺโตปิ เนว กุชฺฌิตฺถ. อฺทตฺถุ อตฺตโน สีลเมว อาวชฺเชสิ. อิติ โส มหาสตฺตํ ทุพฺพลํ กตฺวา วลฺลีหิ เปฬํ สชฺเชตฺวา มหาสตฺตํ ตตฺถ ปกฺขิปิ. สรีรํ ปนสฺส มหนฺตํ ตตฺถ น ปวิสติ. อถ นํ ปณฺหิยา โกฏฺเฏนฺโต ปเวเสตฺวา เปฬํ อาทาย เอกํ คามํ คนฺตฺวา คามมชฺเฌ โอตาเรตฺวา ‘‘นาคสฺส นจฺจํ ทฏฺุกามา อาคจฺฉนฺตู’’ติ สทฺทมกาสิ. สกลคามวาสิโน สนฺนิปตึสุ. ตสฺมึ ขเณ อลมฺปายโน ‘‘นิกฺขม มหานาคา’’ติ อาห. มหาสตฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อชฺช มยา ปริสํ โตเสนฺเตน กีฬิตุํ วฏฺฏติ, เอวํ อลมฺปายโน พหุธนํ ลภิตฺวา ตุฏฺโ มํ วิสฺสชฺเชสฺสติ, ยํ ยํ เอส มํ กาเรติ, ตํ ตํ กริสฺสามี’’ติ.
อถ นํ โส เปฬโต นิกฺขมนฺตํ ‘‘มหา โหหี’’ติ อาห, โส มหา อโหสิ. ‘‘ขุทฺทโก วฏฺโฏ วิผโณ เอกผโณ ทฺวิผโณ ยาว สหสฺสผโณ อุจฺโจ นีโจ ทิสฺสมานกาโย อทิสฺสมานกาโย ทิสฺสมานอุปฑฺฒกาโย นีโล ปีโต โลหิโต โอทาโต มฺชิฏฺโ โหหิ, ธูมํ วิสฺสชฺเชหิ, ชาลสิขํ อุทกฺจ วิสฺสชฺเชหี’’ติ วุตฺเต เตน วุตฺตํ ตํ ตํ อาการํ นิมฺมินิตฺวา นจฺจํ ทสฺเสสิ. ตํ ทิสฺวา มนุสฺสา อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาตา พหุํ หิรฺสุวณฺณวตฺถาลงฺการาทึ อทํสุ. อิติ ตสฺมึ คาเม สตสหสฺสมตฺตํ ลภิ. โส กิฺจาปิ มหาสตฺตํ คณฺหนฺโต ‘‘สหสฺสํ ลภิตฺวา ตํ วิสฺสชฺเชสฺสามี’’ติ อาห. ตํ ปน ธนํ ลภิตฺวา ‘‘คามเกปิ ตาว มยา เอตฺตกํ ธนํ ลทฺธํ, นคเร กิร พหุธนํ ลภิสฺสามี’’ติ ธนโลเภน น มฺุจิ.
โส ตสฺมึ คาเม กุฏุมฺพํ สณฺเปตฺวา รตนมยํ เปฬํ กาเรตฺวา ตตฺถ มหาสตฺตํ ปกฺขิปิตฺวา สุขยานกํ อารุยฺห มหนฺเตน ปริวาเรน ¶ คามนิคมราชธานีสุ ตํ กีฬาเปตฺวา พาราณสึ ปาปุณิ, นาคราชสฺส มธุลาชํ เทติ, อพทฺธสตฺตฺุจ เทติ. โส โคจรํ น คณฺหิ อวิสฺสชฺชนภเยน. โคจรํ อคณฺหนฺตมฺปิ จ นํ จตฺตาโร นครทฺวาเร อาทึ กตฺวา ตตฺถ ตตฺถ มาสมตฺตํ กีฬาเปสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘สํสิโต อกตฺุนา’’ติอาทิ.
ตตฺถ ¶ ¶ สํสิโตติ เอโส นาโค อมุกสฺส นิคฺโรธรุกฺขสฺส สมีเป วมฺมิกมตฺถเก สยิโตติ เอวํ านํ ทสฺเสตฺวา กถิโต. อกตฺุนาติ อตฺตนา กตํ อุปการํ อชานนฺเตน มิตฺตทุพฺภินา เนสาทพฺราหฺมเณนาติ อธิปฺปาโย. อลมฺปายโนติ อลมฺปายนวิชฺชาปริชปฺปเนน ‘‘อลมฺปายโน’’ติ เอวํ ลทฺธนาโม อหิตุณฺฑิกพฺราหฺมโณ. มมคฺคหีติ มํ อคฺคเหสิ. กีเฬติ มํ ตหึ ตหินฺติ ตตฺถ ตตฺถ คามนิคมราชธานีสุ อตฺตโน ชีวิกตฺถํ มํ กีฬาเปติ.
๑๗. ติณโตปิ ลหุโก มมาติ อตฺตโน ชีวิตปริจฺจาโค ติณสลากปริจฺจาคโตปิ ลหุโก หุตฺวา มม อุปฏฺาตีติ อตฺโถ. ปถวีอุปฺปตนํ วิยาติ สีลวีติกฺกโม ปน จตุนหุตาธิกทฺวิโยชนสตสหสฺสพหลาย มหาปถวิยา ปริวตฺตนํ วิย ตโตปิ ตํ ภาริยตรํ หุตฺวา มยฺหํ อุปฏฺาตีติ ทสฺเสติ.
๑๘. นิรนฺตรํ ชาติสตนฺติ มม ชาตีนํ อเนกสตมฺปิ อเนกสตาสุปิ ชาตีสุ นิรนฺตรเมว สีลสฺส อวีติกฺกมนเหตุ. มม ชีวิตํ จเชยฺยํ จชิตุํ สกฺโกมิ. เนว สีลํ ปภินฺเทยฺยนฺติ สีลํ ปน สมาทินฺนํ เอกมฺปิ เนว ภินฺเทยฺยํ น วินาเสยฺยํ. จตุทฺทีปาน เหตูติ จกฺกวตฺติรชฺชสิริยาปิ การณาติ ทสฺเสติ.
๑๙. อิทานิ ยทตฺถํ อตฺตโน ชีวิตมฺปิ ปริจฺจชิตฺวา ตทา สีลเมว รกฺขิตํ, ตาย จ สีลรกฺขาย ตถา อนตฺถการเกสุ เนสาทอลมฺปายนพฺราหฺมเณสุ จิตฺตสฺส อฺถตฺตํ ¶ น กตํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิ จา’’ติ โอสานคาถมาห. ตํ เหฏฺา วุตฺตตฺถเมว.
เอวํ ปน มหาสตฺเต อหิตุณฺฑิกหตฺถคเต ตสฺส มาตา ทุสฺสุปินํ ทิสฺวา ปุตฺตฺจ ตตฺถ อปสฺสนฺตี โสกาภิภูตา อโหสิ. อถสฺสา เชฏฺปุตฺโต สุทสฺสโน ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา สุโภคํ ‘‘หิมวนฺตํ คนฺตฺวา ปฺจสุ มหานทีสุ สตฺตสุ มหาสเรสุ ภูริทตฺตํ อุปธาเรตฺวา เอหี’’ติ ปหิณิ. กาณาริฏฺํ ‘‘เทวโลกํ คนฺตฺวา สเจ เทวตาหิ ธมฺมํ โสตุกามาหิ ภูริทตฺโต ตตฺถ นีโต, ตโต นํ อาเนหี’’ติ ปหิณิ. สยํ ปน ‘‘มนุสฺสโลเก คเวสิสฺสามี’’ติ ตาปสเวเสน นาคภวนโต ¶ นิกฺขมิ. อจฺจิมุขี นามสฺส เวมาติกา ภคินี โพธิสตฺเต อธิมตฺตสิเนหา ตํ อนุพนฺธิ. ตํ มณฺฑูกจฺฉาปึ กตฺวา ชฏนฺตเร ปกฺขิปิตฺวา มหาสตฺตสฺส อุโปสถกรณฏฺานํ อาทึ กตฺวา สพฺพตฺถ คเวสนฺโต อนุกฺกเมน พาราณสึ ปตฺวา ราชทฺวารํ อคมาสิ. ตทา อลมฺปายโน ราชงฺคเณ มหาชนสฺส มชฺเฌ รฺโ ภูริทตฺตสฺส กีฬํ ทสฺเสตุํ เปฬํ วิวริตฺวา ‘‘เอหิ มหานาคา’’ติ สฺมทาสิ.
มหาสตฺโต ¶ สีสํ นีหริตฺวา โอโลเกนฺโต เชฏฺภาติกํ ทิสฺวา เปฬโต นิกฺขมฺม ตทภิมุโข ปายาสิ. มหาชโน ภีโต ปฏิกฺกมิ. โส คนฺตฺวา ตํ อภิวาเทตฺวา นิวตฺติตฺวา เปฬเมว ปาวิสิ. อลมฺปายโน ‘‘อิมินา อยํ ตาปโส ทฏฺโ’’ติ สฺาย ‘‘มา ภายิ, มา ภายี’’ติ อาห. สุทสฺสโน ‘‘อยํ นาโค มยฺหํ กึ กริสฺสติ, มยา สทิโส อหิตุณฺฑิโก นาม นตฺถี’’ติ เตน วาทปฺปฏิวาทํ สมุฏฺาเปตฺวา ‘‘ตฺวํ อิมํ นาคํ คเหตฺวา คชฺชสิ, อหํ ตํ อิมาย มณฺฑูกจฺฉาปิยา อิจฺฉนฺโต นาสยิสฺสามี’’ติ ภคินึ ปกฺโกสิตฺวา หตฺถํ ปสาเรสิ. สา ตสฺส สทฺทํ สุตฺวา ชฏนฺตเร นิปนฺนา ติกฺขตฺตุํ มณฺฑูกวสฺสิตํ วสฺสิตฺวา นิกฺขมิตฺวา อํสกูเฏ นิสีทิตฺวา อุปฺปติตฺวา ตสฺส หตฺถตเล ตีณิ วิสพินฺทูนิ ปาเตตฺวา ปุน ตสฺส ชฏนฺตรเมว ปาวิสิ.
สุทสฺสโน วิสพินฺทุํ ทสฺเสตฺวา ‘‘อิทํ พินฺทุํ สเจ ปถวิยํ ปาเตสฺสติ, โอสธิติณวนปฺปตโย สพฺเพ นสฺสิสฺสนฺติ. สเจ อากาเส ขิปิสฺสติ, สตฺตวสฺสานิ เทโว น วสฺสิสฺสติ. สเจ อุทเก ปาเตสฺสติ, ยาวตา ตตฺถ อุทกชาตา ปาณา สพฺเพ มเรยฺยุ’’นฺติ ¶ วตฺวา ราชานํ สทฺทหาเปตุํ ตโย อาวาเฏ ขณาเปตฺวา เอกํ นานาเภสชฺชานํ ปูเรสิ, ทุติยํ โคมยสฺส, ตติยํ ทิพฺโพสธานฺเจว ปูเรตฺวา มชฺเฌ อาวาเฏ วิสพินฺทุํ ปกฺขิปิ. ตงฺขณฺเว ธูมายิตฺวา ชาลา อุฏฺหิ. สา คนฺตฺวา โคมยาวาฏํ คณฺหิ. ตโตปิ ชาลา อุฏฺาย ทิพฺโพสธปุณฺณํ คเหตฺวา ทิพฺโพสธานิ ฌาเปตฺวา นิพฺพายิ. อลมฺปายนํ ตตฺถ อาวาฏสฺส อวิทูเร ิตํ อุสุมา ผริตฺวา สรีรจฺฉวึ อุปฺปาเฏตฺวา คตา. เสตกุฏฺี อโหสิ. โส ภยตชฺชิโต ‘‘นาคราชานํ วิสฺสชฺเชมี’’ติ ติกฺขตฺตุํ วาจํ นิจฺฉาเรสิ. ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต รตนเปฬาย นิกฺขมิตฺวา สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตํ ¶ อตฺตภาวํ มาเปตฺวา เทวลีฬาย ิโต. สุทสฺสโน จ อจฺจิมุขี จ ตเถว อฏฺํสุ.
ตโต สุทสฺสโน อตฺตโน ภาคิเนยฺยภาวํ รฺโ อาโรเจสิ. ตํ สุตฺวา ราชา เต อาลิงฺคิตฺวา สีเส จุมฺพิตฺวา อนฺเตปุรํ เนตฺวา มหนฺตํ สกฺการสมฺมานํ กตฺวา ภูริทตฺเตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กโรนฺโต ‘‘ตาต, เอวํ มหานุภาวํ ตํ อลมฺปายโน กถํ คณฺหี’’ติ ปุจฺฉิ. โส สพฺพํ วิตฺถาเรน กเถตฺวา ‘‘มหาราช, รฺา นาม อิมินา นิยาเมน รชฺชํ กาเรตุํ วฏฺฏตี’’ติ มาตุลสฺส ธมฺมํ เทเสสิ. อถ สุทสฺสโน ‘‘มาตุล, มม มาตา ภูริทตฺตํ อปสฺสนฺตี กิลมติ, น สกฺกา อมฺเหหิ อิธ ปปฺจํ กาตุ’’นฺติ มาตุลํ อาปุจฺฉิตฺวา ภูริทตฺตอจฺจิมุขีหิ สทฺธึ นาคภวนเมว คโต.
อถ ¶ ตตฺถ มหาปุริโส คิลานเสยฺยาย นิปนฺโน คิลานปุจฺฉนตฺถํ อาคตาย มหติยา นาคปริสาย เวเท จ ยฺเ จ พฺราหฺมเณ จ สมฺภาเวตฺวา กาณาริฏฺเ กเถนฺเต ตํ วาทํ ภินฺทิตฺวา นานานเยหิ ธมฺมํ เทเสตฺวา สีลสมฺปทาย ¶ ทิฏฺิสมฺปทาย จ ปติฏฺาเปตฺวา ยาวชีวํ สีลานิ รกฺขิตฺวา อุโปสถกมฺมํ กตฺวา อายุปริโยสาเน สคฺคปุรํ ปูเรสิ.
ตทา มาตาปิตโร มหาราชกุลานิ อเหสุํ. เนสาทพฺราหฺมโณ เทวทตฺโต, โสมทตฺโต อานนฺโท, อจฺจิมุขี อุปฺปลวณฺณา, สุทสฺสโน สาริปุตฺโต, สุโภโค มหาโมคฺคลฺลาโน, กาณาริฏฺโ สุนกฺขตฺโต, ภูริทตฺโต โลกนาโถ.
ตสฺส อิธาปิ เสสปารมิโย เหฏฺา วุตฺตนเยเนว นิทฺธาเรตพฺพา. อิธาปิ โยชนสติเก อตฺตโน นาคภวนฏฺาเน โสฬสหิ นาคกฺาสหสฺเสหิ จิตฺตรูปํ วิย ปริจาริยมาโน เทวโลกสมฺปตฺติสทิเส นาคโลกิสฺสริเย ิโตปิ อิสฺสริยมทํ อกตฺวา อนฺวทฺธมาสํ มาตาปิตุอุปฏฺานํ, กุเล เชฏฺาปจายนํ, สกลาย นาคปริสาย จาตุมหาราชิกปริสาย ตาวตึสปริสาย จ สมุฏฺิตปฺหานํ ตํตํปริสมชฺเฌ กุมุทนาลกลาปํ วิย สุนิสิตสตฺเถน อตฺตโน ปฺาสตฺเถน ตาวเทว ปจฺฉินฺทิตฺวา เตสํ จิตฺตานุกูลธมฺมเทสนา, วุตฺตปฺปการํ โภคสมฺปตฺตึ ปหาย อตฺตโน สรีรชีวิตนิรเปกฺขํ จตุรงฺคสมนฺนาคตํ อุโปสถาธิฏฺานํ, ตตฺถ จ ปฏิฺาย วิสํวาทนภเยน ¶ อหิตุณฺฑิกหตฺถคมนํ, ตสฺมิฺจ มุเข วิสมิสฺสเขฬปาตนํ นงฺคุฏฺเ คเหตฺวา อาวิฺฉนํ กฑฺฒนํ ภูมิยํ ฆํสนํ มทฺทนํ โปถนนฺติ เอวมาทึ นานปฺปการวิปฺปการํ กโรนฺเตปิ เอวรูปํ มหาทุกฺขํ อนุภวโตปิ กุชฺฌิตฺวา โอโลกนมตฺเตน ตํ ฉาริกํ กาตุํ สมตฺถสฺสาปิ สีลปารมึ อาวชฺชิตฺวา สีลขณฺฑนภเยน อีสกมฺปิ จิตฺตสฺส วิการาภาโว, ธนํ ลภาเปมีติ วา ตสฺส จิตฺตานุวตฺตนํ, สุโภเคน ปุนานีตสฺส อกตฺุโน มิตฺตทุพฺภิสฺส เนสาทพฺราหฺมณสฺส สีลํ อนธิฏฺหิตฺวาปิ อกุชฺฌนํ, กาณาริฏฺเน กถิตํ มิจฺฉาวาทํ ภินฺทิตฺวา อเนกปริยาเยน ธมฺมํ ภาสิตฺวา นาคปริสาย สีเลสุ สมฺมาทิฏฺิยฺจ ปติฏฺาปนนฺติ เอวมาทโย โพธิสตฺตสฺส คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพา. เตเนตํ ¶ วุจฺจติ – ‘‘เอวํ อจฺฉริยา เหเต…เป… ธมฺมสฺส อนุธมฺมโต’’ติ.
ภูริทตฺตจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. จมฺเปยฺยนาคจริยาวณฺณนา
๒๐. ตติเย ¶ จมฺเปยฺยโกติ องฺคมคธรฏฺานํ อนฺตเร จมฺปา นาม นที, ตสฺสา เหฏฺา นาคภวนมฺปิ อวิทูรภวตฺตา จมฺปา นาม, ตตฺถ ชาโต นาคราชา จมฺเปยฺยโก. ตทาปิ ธมฺมิโก อาสินฺติ ตสฺมึ จมฺเปยฺยนาคราชกาเลปิ อหํ ธมฺมจารี อโหสึ.
โพธิสตฺโต หิ ตทา จมฺปานาคภวเน นิพฺพตฺติตฺวา จมฺเปยฺโย นาม นาคราชา อโหสิ, มหิทฺธิโก มหานุภาโว. โส ตตฺถ นาครชฺชํ กาเรนฺโต เทวราชโภคสมฺปตฺติสทิสอิสฺสริยสมฺปตฺตึ อนุภวนฺโต ปารมิปูรณสฺส อโนกาสภาวโต ‘‘กึ เม อิมาย ติรจฺฉานโยนิยา, อุโปสถวาสํ วสิตฺวา อิโต มุจฺจิตฺวา สมฺมเทว ปารมิโย ปูเรสฺสามี’’ติ ตโต ปฏฺาย อตฺตโน ปาสาเทเยว อุโปสถกมฺมํ กโรติ. อลงฺกตนาคมาณวิกา ตสฺส สนฺติกํ อาคจฺฉนฺติ. โส ‘‘อิธ เม สีลสฺส อนฺตราโย ภวิสฺสตี’’ติ ปาสาทโต นิกฺขมิตฺวา อุยฺยาเน นิสีทติ. ตตฺราปิ ตา อาคจฺฉนฺติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อิธ เม สีลสฺส สํกิเลโส ภวิสฺสติ, อิโต นาคภวนโต นิกฺขมิตฺวา มนุสฺสโลกํ ¶ คนฺตฺวา อุโปสถวาสํ วสิสฺสามี’’ติ. โส ตโต ปฏฺาย อุโปสถทิวเสสุ นาคภวนา นิกฺขมิตฺวา เอกสฺส ปจฺจนฺตคามสฺส อวิทูเร มคฺคสมีเป วมฺมิกมตฺถเก ‘‘มม จมฺมาทีหิ อตฺถิกา จมฺมาทีนิ คณฺหนฺตุ, กีฬาสปฺปํ วา กาตุกามา กีฬาสปฺปํ กโรนฺตู’’ติ สรีรํ ทานมุเข วิสฺสชฺเชตฺวา โภเค ¶ อาภุชิตฺวา นิปนฺโน อุโปสถวาสํ วสติ จาตุทฺทสิยํ ปฺจทสิยฺจ, ปาฏิปเท นาคภวนํ คจฺฉติ. ตสฺเสวํ อุโปสถํ กโรนฺตสฺส ทีโฆ อทฺธา วีติวตฺโต.
อถ โพธิสตฺโต สุมนาย นาม อตฺตโน อคฺคมเหสิยา ‘‘เทว, ตฺวํ มนุสฺสโลกํ คนฺตฺวา อุโปสถํ อุปวสสิ, โส จ สาสงฺโก สปฺปฏิภโย’’ติ วุตฺโต มงฺคลโปกฺขรณิตีเร ตฺวา ‘‘สเจ มํ, ภทฺเท, โกจิ ปหริตฺวา กิลเมสฺสติ, อิมิสฺสา โปกฺขรณิยา อุทกํ อาวิลํ ภวิสฺสติ. สเจ สุปณฺโณ คณฺหิสฺสติ, อุทกํ ปกฺกุถิสฺสติ. สเจ อหิตุณฺฑิโก คณฺหิสฺสติ, อุทกํ โลหิตวณฺณํ ภวิสฺสตี’’ติ ตีณิ นิมิตฺตานิ ตสฺสา อาจิกฺขิตฺวา จาตุทฺทสีอุโปสถํ อธิฏฺาย นาคภวนา นิกฺขมิตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา วมฺมิกมตฺถเก นิปชฺชิ สรีรโสภาย วมฺมิกํ โสภยมาโน. สรีรฺหิสฺส รชตทามํ วิย เสตํ อโหสิ, มตฺถโก รตฺตกมฺพลเคณฺฑุโก วิย, สรีรํ นงฺคลสีสปฺปมาณํ ภูริทตฺตกาเล (ชา. ๒.๒๒.๗๘๔ อาทโย) ปน อูรุปฺปมาณํ, สงฺขปาลกาเล (ชา. ๒.๑๗.๑๔๓ อาทโย) เอกโทณิกนาวปฺปมาณํ.
ตทา ¶ เอโก พาราณสิมาณโว ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา อลมฺปายนมนฺตํ อุคฺคณฺหิตฺวา เตน มคฺเคน อตฺตโน คามํ คจฺฉนฺโต มหาสตฺตํ ทิสฺวา ‘‘กึ เม ตุจฺฉหตฺเถน คามํ คนฺตุํ, อิมํ นาคํ คเหตฺวา คามนิคมราชธานีสุ กีฬาเปนฺโต ธนํ อุปฺปาเทตฺวาว คมิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ทิพฺโพสธานิ คเหตฺวา ทิพฺพมนฺตํ ปริวตฺเตตฺวา ตสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. ทิพฺพมนฺตํ สุตกาลโต ปฏฺาย มหาสตฺตสฺส กณฺเณสุ ตตฺตสลากาปเวสนกาโล วิย อโหสิ, มตฺถเก สิขเรน อภิมนฺถิยมาโน วิย. โส ‘‘โก นุ โข เอโส’’ติ โภคนฺตรโต สีสํ อุกฺขิปิตฺวา โอโลเกนฺโต อหิตุณฺฑิกํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มม วิสํ อุคฺคเตชํ, สจาหํ กุชฺฌิตฺวา ¶ นาสาวาตํ วิสฺสชฺเชสฺสามิ, เอตสฺส สรีรํ ภุสมุฏฺิ วิย วิปฺปกิริสฺสติ, อถ เม สีลํ ขณฺฑํ ภวิสฺสติ, น นํ โอโลเกสฺสามี’’ติ. โส อกฺขีนิ นิมฺมีเลตฺวา สีสํ โภคนฺตเร เปสิ. อหิตุณฺฑิกพฺราหฺมโณ ¶ โอสธํ ขาทิตฺวา มนฺตํ ปริวตฺเตตฺวา เขฬํ มหาสตฺตสฺส สรีเร โอสิฺจิ. โอสธานฺจ มนฺตสฺส จ อานุภาเวน เขเฬน ผุฏฺผุฏฺฏฺาเน โผฏานํ อุฏฺานกาโล วิย อโหสิ.
อถ โส นงฺคุฏฺเ คเหตฺวา อากฑฺฒิตฺวา ทีฆโส นิปชฺชาเปตฺวา อชปเทน ทณฺเฑน อุปฺปีเฬตฺวา ทุพฺพลํ กตฺวา สีสํ ทฬฺหํ คเหตฺวา นิปฺปีเฬสิ. มหาสตฺโต มุขํ วิวริ. อถสฺส มุเข เขฬํ โอสิฺจิตฺวา โอสธมนฺตพเลน ทนฺเต ภินฺทิ. มุขํ โลหิตสฺส ปูริ. มหาสตฺโต อตฺตโน สีลเภทภเยน เอวรูปํ ทุกฺขํ อธิวาเสนฺโต อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา โอโลกนมตฺตมฺปิ นากาสิ. โสปิ ‘‘นาคราชานํ ทุพฺพลํ กริสฺสามี’’ติ นงฺคุฏฺโต ปฏฺาย อฏฺีนิ สํจุณฺณยมาโน วิย สกลสรีรํ มทฺทิตฺวา ปฏฺฏกเวนํ นาม เวเสิ, ตนฺตมชฺชิตํ นาม มชฺชิ, นงฺคุฏฺเ คเหตฺวา ทุสฺสโปถนํ นาม โปเถสิ. มหาสตฺตสฺส สกลสรีรํ โลหิตมกฺขิตํ อโหสิ, โส มหาเวทนํ อธิวาเสสิ.
อถสฺส ทุพฺพลภาวํ ตฺวา วลฺลีหิ เปฬํ กริตฺวา ตตฺถ นํ ปกฺขิปิตฺวา ปจฺจนฺตคามํ เนตฺวา มหาชนสฺส มชฺเฌ กีฬาเปสิ. นีลาทีสุ วณฺเณสุ วฏฺฏจตุรสฺสาทีสุ สณฺาเนสุ อณุํถูลาทีสุ ปมาเณสุ ยํ ยํ พฺราหฺมโณ อิจฺฉติ, มหาสตฺโต ตํ ตเทว กตฺวา นจฺจติ, ผณสตมฺปิ ผณสหสฺสมฺปิ กโรติเยว. มหาชโน ปสีทิตฺวา พหุธนมทาสิ. เอกทิวสเมว กหาปณสหสฺสฺเจว สหสฺสคฺฆนิเก จ ปริกฺขาเร ลภิ. พฺราหฺมโณ ¶ อาทิโตว ‘‘สหสฺสํ ลภิตฺวา วิสฺสชฺเชสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. ตํ ปน ธนํ ลภิตฺวา ‘‘ปจฺจนฺตคาเมเยว ตาว เม เอตฺตกํ ธนํ ลทฺธํ, ราชราชมหามตฺตานํ ทสฺสิเต กีว พหุํ ธนํ ลภิสฺสามี’’ติ สกฏฺจ สุขยานกฺจ คเหตฺวา สกเฏ ปริกฺขาเร เปตฺวา สุขยานเก นิสินฺโน ‘‘มหนฺเตน ปริวาเรน มหาสตฺตํ ¶ คามนิคมราชธานีสุ กีฬาเปนฺโต พาราณสิยํ อุคฺคเสนรฺโ สนฺติเก กีฬาเปตฺวา วิสฺสชฺเชสฺสามี’’ติ อคมาสิ. โส มณฺฑูเก มาเรตฺวา นาครฺโ เทติ. นาคราชา ‘‘ปุนปฺปุนํ มํ นิสฺสาย มาเรสฺสตี’’ติ น ขาทติ. อถสฺส มธุลาเช อทาสิ. เตปิ ‘‘สจาหํ โคจรํ คณฺหิสฺสามิ, อนฺโตเปฬายเมว มรณํ ภวิสฺสตี’’ติ น ขาทติ.
๒๑. พฺราหฺมโณ ¶ มาสมตฺเตน พาราณสึ ปตฺวา ทฺวารคามเก ตํ กีฬาเปนฺโต พหุธนํ ลภิ. ราชาปิ นํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อมฺหากมฺปิ กีฬาเปหี’’ติ อาห. ‘‘สาธุ, เทว, สฺเว ปนฺนรเส ตุมฺหากํ กีฬาเปสฺสามี’’ติ อาห. ราชา ‘‘สฺเว นาคราชา ราชงฺคเณ นจฺจิสฺสติ, มหาชโน สนฺนิปติตฺวา ปสฺสตู’’ติ เภรึ จราเปตฺวา ปุนทิวเส ราชงฺคณํ อลงฺการาเปตฺวา พฺราหฺมณํ ปกฺโกสาเปสิ. โส รตนเปฬาย มหาสตฺตํ เนตฺวา วิจิตฺตตฺถเร เปฬํ เปตฺวา นิสีทิ. ราชาปิ ปาสาทา โอรุยฺห มหาชนปริวุโต ราชาสเน นิสีทิ. พฺราหฺมโณ มหาสตฺตํ นีหริตฺวา นจฺจาเปสิ. มหาสตฺโต เตน จินฺติตจินฺติตาการํ ทสฺเสสิ. มหาชโน สกภาเวน สนฺธาเรตุํ น สกฺโกติ. เจลุกฺเขปสหสฺสานิ ปวตฺตนฺติ. โพธิสตฺตสฺส อุปริ รตนวสฺสํ วสฺสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘ตทาปิ มํ ธมฺมจาริ’’นฺติอาทิ.
ตตฺถ ตทาปีติ ยทาหํ จมฺเปยฺยโก นาคราชา โหมิ, ตทาปิ. ธมฺมจารินฺติ ทสกุสลกมฺมปถธมฺมํ ¶ เอว จรติ, น อณุมตฺตมฺปิ อธมฺมนฺติ ธมฺมจารี. อุปวุฏฺอุโปสถนฺติ อฏฺงฺคสมนฺนาคตสฺส อริยุโปสถสีลสฺส รกฺขณวเสน อุปวสิตอุโปสถํ. ราชทฺวารมฺหิ กีฬตีติ พาราณสิยํ อุคฺคเสนรฺโ เคหทฺวาเร กีฬาเปติ.
๒๒. ยํ ยํ โส วณฺณํ จินฺตยีติ โส อหิตุณฺฑิกพฺราหฺมโณ ‘‘ยํ ยํ นีลาทิวณฺณํ โหตู’’ติ จินฺเตสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘นีลํ ว ปีตโลหิต’’นฺติ. ตตฺถ นีลํ วาติ วา-สทฺโท อนิยมตฺโถ, คาถาสุขตฺถํ รสฺสํ กตฺวา วุตฺโต, เตน วาสทฺเทน วุตฺตาวสิฏฺํ โอทาตาทิวณฺณวิเสสฺเจว วฏฺฏาทิสณฺานวิเสสฺจ อณุํถูลาทิปมาณวิเสสฺจ สงฺคณฺหาติ. ตสฺส จิตฺตานุวตฺตนฺโตติ ตสฺส อหิตุณฺฑิกสฺส จิตฺตํ อนุวตฺตนฺโต. จินฺติตสนฺนิโภติ เตน จินฺติตจินฺติตากาเรน เปกฺขชนสฺส อุปฏฺหามีติ ทสฺเสติ.
๒๓. น เกวลฺจ เตน จินฺติตาการทสฺสนํ เอว มยฺหํ อานุภาโว. อปิ จ ถลํ กเรยฺยมุทกํ, อุทกมฺปิ ถลํ กเรติ ถลํ มหาปถวึ คเหตฺวา อุทกํ, อุทกมฺปิ คเหตฺวา ปถวึ กาตุํ ¶ สกฺกุเณยฺยํ เอวํ มหานุภาโว จ. ยทิหํ ตสฺส กุปฺเปยฺยนฺติ ตสฺส อหิตุณฺฑิกสฺส อหํ ยทิ กุชฺเฌยฺยํ. ขเณน ฉาริกํ กเรติ โกธุปฺปาทกฺขเณ เอว ภสฺมํ กเรยฺยํ.
๒๔. เอวํ ¶ ภควา ตทา อตฺตโน อุปฺปชฺชนกานตฺถปฏิพาหเน สมตฺถตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เยน อธิปฺปาเยน ตํ ปฏิพาหนํ น กตํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยทิ จิตฺตวสี เหสฺส’’นฺติอาทิมาห.
ตสฺสตฺโถ – ‘‘อยํ อหิตุณฺฑิโก มํ อติวิย พาธติ, น เม อานุภาวํ ชานาติ, หนฺทสฺส เม อานุภาวํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ กุชฺฌิตฺวา โอโลกนมตฺเตนาปิ ยทิ จิตฺตวสี อภวิสฺสํ, อถ โส ภุสมุฏฺิ วิย วิปฺปกิริสฺสติ. อหํ ยถาสมาทินฺนโต ปริหายิสฺสามิ สีลโต. ตถา จ สติ สีเลน ปริหีนสฺส ขณฺฑิตสีลสฺส ยฺวายํ มยา ทีปงฺกรทสพลสฺส ปาทมูลโต ปฏฺาย อภิปตฺถิโต ¶ , อุตฺตมตฺโถ พุทฺธภาโว โส น สิชฺฌติ.
๒๕. กามํ ภิชฺชตุยํ กาโยติ อยํ จาตุมหาภูติโก โอทนกุมฺมาสูปจโย อนิจฺจุจฺฉาทนปริมทฺทนเภทนวิทฺธํสนธมฺโม กาโย กิฺจาปิ ภิชฺชตุ วินสฺสตุ, อิเธว อิมสฺมึ เอว าเน มหาวาเต ขิตฺตภุสมุฏฺิ วิย วิปฺปกิรียตุ, เนว สีลํ ปภินฺเทยฺยํ, วิกิรนฺเต ภุสํ วิยาติ สีลํ ปน อุตฺตมตฺถสิทฺธิยา เหตุภูตํ อิมสฺมึ กเฬวเร ภุสมุฏฺิ วิย วิปฺปกิรนฺเตปิ เนว ภินฺเทยฺยํ, กายชีวิเตสุ นิรเปกฺโข หุตฺวา สีลปารมึเยว ปูเรมีติ จินฺเตตฺวา ตํ ตาทิสํ ทุกฺขํ ตทา อธิวาเสสินฺติ ทสฺเสติ.
อถ มหาสตฺตสฺส ปน อหิตุณฺฑิกหตฺถคตสฺส มาโส ปริปูริ, เอตฺตกํ กาลํ นิราหาโรว อโหสิ. สุมนา ‘‘อติจิรายติ เม สามิโก, โก นุ โข ปวตฺตี’’ติ โปกฺขรณึ โอโลเกนฺตี โลหิตวณฺณํ อุทกํ ทิสฺวา ‘‘อหิตุณฺฑิเกน คหิโต ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา นาคภวนา นิกฺขมิตฺวา วมฺมิกสนฺติกํ คนฺตฺวา มหาสตฺตสฺส คหิตฏฺานํ กิลมิตฏฺานฺจ ทิสฺวา โรทิตฺวา กนฺทิตฺวา ปจฺจนฺตคามํ คนฺตฺวา ปุจฺฉิตฺวา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา พาราณสึ คนฺตฺวา ราชทฺวาเร อากาเส โรทมานา อฏฺาสิ. มหาสตฺโต นจฺจนฺโตว อากาสํ อุลฺโลเกนฺโต ตํ ทิสฺวา ลชฺชิโต เปฬํ ปวิสิตฺวา นิปชฺชิ.
ราชา ตสฺส เปฬํ ปวิฏฺกาเล ‘‘กึ นุ โข การณ’’นฺติ อิโต จิโต จ โอโลเกนฺโต ตํ อากาเส ิตํ ทิสฺวา ‘‘กา นุ ตฺว’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ตสฺสา นาคกฺาภาวํ สุตฺวา ‘‘นิสฺสํสยํ โข นาคราชา อิมํ ทิสฺวา ¶ ลชฺชิโต เปฬํ ปวิฏฺโ, อยฺจ ยถาทสฺสิโต อิทฺธานุภาโว นาคราชสฺเสว ¶ , น อหิตุณฺฑิกสฺสา’’ติ นิฏฺํ คนฺตฺวา ‘‘เอวํ มหานุภาโว อยํ นาคราชา, กถํ นาม อิมสฺส หตฺถํ คโต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อยํ ธมฺมจารี สีลวา นาคราชา, จาตุทฺทสีปนฺนรสีสุ อุโปสถํ อุปวสนฺโต อตฺตโน สรีรํ ทานมุเข นิยฺยาเตตฺวา มหามคฺคสมีเป วมฺมิกมตฺถเก นิปชฺชติ, ตตฺถายเมเตน คหิโต, อิมสฺส เทวจฺฉราปฏิภาคา อเนกสหสฺสา อิตฺถิโย, เทวโลกสมฺปตฺติสทิสา นาคภวนสมฺปตฺติ, อยํ มหิทฺธิโก ¶ มหานุภาโว สกลปถวึ ปริวตฺเตตุํ สมตฺโถ, เกวลํ ‘สีลํ เม ภิชฺชิสฺสตี’ติ เอวรูปํ วิปฺปการํ ทุกฺขฺจ อนุโภตี’’ติ จ สุตฺวา สํเวคปฺปตฺโต ตาวเทว ตสฺส อหิตุณฺฑิกสฺส พฺราหฺมณสฺส พหุํ ธนํ มหนฺตฺจ ยสํ อิสฺสริยฺจ ทตฺวา – ‘‘หนฺท, โภ, อิมํ นาคราชานํ วิสฺสชฺเชหี’’ติ วิสฺสชฺชาเปสิ.
มหาสตฺโต นาควณฺณํ อนฺตรธาเปตฺวา มาณวกวณฺเณน เทวกุมาโร วิย อฏฺาสิ. สุมนาปิ อากาสโต โอตริตฺวา ตสฺส สนฺติเก อฏฺาสิ. นาคราชา รฺโ อฺชลึ กตฺวา ‘‘เอหิ, มหาราช, มยฺหํ นิเวสนํ ปสฺสิตุํ อาคจฺฉาหี’’ติ ยาจิ. เตนาห ภควา –
‘‘มุตฺโต จมฺเปยฺยโก นาโค, ราชานํ เอตทพฺรวิ;
‘นโม เต กาสิราชตฺถุ, นโม เต กาสิวฑฺฒน;
อฺชลึ เต ปคฺคณฺหามิ, ปสฺเสยฺยํ เม นิเวสน’’นฺติ.
อถ ราชา ตสฺส นาคภวนคมนํ อนุชานิ. มหาสตฺโต ตํ สปริสํ คเหตฺวา นาคภวนํ เนตฺวา อตฺตโน อิสฺสริยสมฺปตฺตึ ทสฺเสตฺวา กติปาหํ ตตฺถ วสาเปตฺวา เภรึ จราเปสิ – ‘‘สพฺพา ราชปริสา ยาวทิจฺฉกํ หิรฺสุวณฺณาทิกํ ธนํ คณฺหตู’’ติ. รฺโ จ อเนเกหิ สกฏสเตหิ ธนํ เปเสสิ. ‘‘มหาราช, รฺา นาม ทานํ ทาตพฺพํ, สีลํ รกฺขิตพฺพํ, ธมฺมิกา รกฺขาวรณคุตฺติ สพฺพตฺถ สํวิทหิตพฺพา’’ติ ทสหิ ราชธมฺมกถาหิ โอวทิตฺวา วิสฺสชฺเชสิ. ราชา มหนฺเตน ยเสน นาคภวนา นิกฺขมิตฺวา พาราณสิเมว คโต. ตโต ปฏฺาย กิร ชมฺพุทีปตเล หิรฺสุวณฺณํ ชาตํ. มหาสตฺโต สีลานิ รกฺขิตฺวา อนฺวทฺธมาสํ อุโปสถกมฺมํ กตฺวา สปริโส สคฺคปุรํ ปูเรสิ.
ตทา อหิตุณฺฑิโก ¶ เทวทตฺโต อโหสิ, สุมนา ราหุลมาตา, อุคฺคเสโน สาริปุตฺตตฺเถโร, จมฺเปยฺยโก นาคราชา โลกนาโถ.
ตสฺส ¶ อิธาปิ ยถารหํ เสสปารมิโย นิทฺธาเรตพฺพา. อิธ โพธิสตฺตสฺส อจฺฉริยานุภาวา เหฏฺา วุตฺตนยา เอวาติ.
จมฺเปยฺยนาคจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. จูฬโพธิจริยาวณฺณนา
๒๖. จตุตฺเถ ¶ จูฬโพธีติ มหาโพธิปริพฺพาชกตฺตภาวํ อุปาทาย อิธ ‘‘จูฬโพธี’’ติ สมฺา อาโรปิตา, น ปน อิมสฺมึ เอว ชาตเก (ชา. ๑.๑๐.๔๙ อาทโย) อตฺตโน เชฏฺภาติกาทิโน มหาโพธิสฺส สมฺภวโตติ ทฏฺพฺพํ. สุสีลวาติ สุฏฺุ สีลวา, สมฺปนฺนสีโลติ อตฺโถ. ภวํ ทิสฺวาน ภยโตติ กามาทิภวํ ภายิตพฺพภาเวน ปสฺสิตฺวา. เนกฺขมฺมนฺติ เอตฺถ จ-สทฺทสฺส โลโป ทฏฺพฺโพ, เตน ‘‘ทิสฺวานา’’ติ ปทํ อากฑฺฒียติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ชาติชราพฺยาธิมรณํ อปายทุกฺขํ อตีเต วฏฺฏมูลกํ ทุกฺขํ, อนาคเต วฏฺฏมูลกํ ทุกฺขํ, ปจฺจุปฺปนฺเน อาหารปริเยฏฺิมูลกํ ทุกฺขนฺติ อิเมสํ อฏฺนฺนํ สํเวควตฺถูนํ ปจฺจเวกฺขเณน สพฺพมฺปิ กามาทิเภทํ ภวํ สํสารภยโต อุปฏฺหมานํ ทิสฺวา นิพฺพานํ ตสฺส อุปายภูตา สมถวิปสฺสนา ตทุปายภูตา จ ปพฺพชฺชาติ อิทํ ติวิธมฺปิ เนกฺขมฺมํ อนุสฺสวาทิสิทฺเธน าณจกฺขุนา ตปฺปฏิปกฺขโต ทิสฺวา ตาปสปพฺพชฺชูปคมเนน อเนกาทีนวากุลา คหฏฺภาวา อภินิกฺขมิตฺวา คโตติ.
๒๗. ทุติยิกาติ โปราณทุติยิกา, คิหิกาเล ปชาปติภูตา. กนกสนฺนิภาติ กฺจนสนฺนิภตฺตจา. วฏฺเฏ อนเปกฺขาติ สํสาเร นิราลยา. เนกฺขมฺมํ อภินิกฺขมีติ เนกฺขมฺมตฺถาย เคหโต นิกฺขมิ, ปพฺพชีติ อตฺโถ.
๒๘. อาลยนฺติ สตฺตา เอเตนาติ อาลโย, ตณฺหา, ตทภาเวน นิราลยา. ตโต เอว าตีสุ ตณฺหาพนฺธนสฺส ฉินฺนตฺตา ฉินฺนพนฺธุ. เอวํ คิหิพนฺธนาภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปพฺพชิตานมฺปิ เกสฺจิ ยํ โหติ พนฺธนํ ¶ , ตสฺสาปิ อภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘อนเปกฺขา กุเล คเณ’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ กุเลติ อุปฏฺากกุเล. คเณติ ตาปสคเณ, เสสา พฺรหฺมจาริโนติ วุจฺจนฺติ. อุปาคมุนฺติ อุโภปิ มยํ อุปาคมิมฺหา.
๒๙. ตตฺถาติ ¶ พาราณสิสามนฺเต. นิปกาติ ปฺวนฺโต. นิรากุเลติ ชนสฺจารรหิตตฺตา ชเนหิ อนากุเล, อปฺปสทฺเทติ มิคปกฺขีนํ อุฏฺาปนโต เตสํ วสฺสิตสทฺเทนาปิ วิรหิตตฺตา อปฺปสทฺเท. ราชุยฺยาเน วสามุโภติ ¶ พาราณสิรฺโ อุยฺยาเน มยํ อุโภ ชนา ตทา วสาม.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – อตีเต อิมสฺมึ เอว ภทฺทกปฺเป โพธิสตฺโต พฺรหฺมโลกโต จวิตฺวา อฺตรสฺมึ กาสิคาเม เอกสฺส มหาวิภวสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺส นามคฺคหณสมเย ‘‘โพธิกุมาโร’’ติ นามํ กรึสุ. วยปฺปตฺตกาเล ปนสฺส ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา ปจฺจาคตสฺส อนิจฺฉมานกสฺเสว มาตาปิตโร สมชาติกํ กุลกุมาริกํ อาเนสุํ. สาปิ พฺรหฺมโลกจุตาว อุตฺตมรูปธรา เทวจฺฉราปฏิภาคา. เตสํ อนิจฺฉมานานํ เอว อฺมฺํ อาวาหวิวาหํ กรึสุ. อุภินฺนมฺปิ ปน เนสํ กิเลสมุทาจาโร น ภูตปุพฺโพ, สาราควเสน อฺมฺํ โอโลกนมฺปิ นาโหสิ, กา ปน กถา อิตรสํสคฺเค. เอวํ ปริสุทฺธสีลา อเหสุํ.
อปรภาเค มหาสตฺโต มาตาปิตูสุ กาลํกเตสุ เตสํ สรีรกิจฺจํ กตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ภทฺเท, ตฺวํ อิมํ อสีติโกฏิธนํ คเหตฺวา สุเขน ชีวาหี’’ติ อาห. ‘‘ตฺวํ ปน อยฺยปุตฺตา’’ติ? ‘‘มยฺหํ ธเนน กิจฺจํ นตฺถิ, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. ‘‘กึ ปน ปพฺพชฺชา อิตฺถีนมฺปิ น วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘วฏฺฏติ, ภทฺเท’’ติ. ‘‘เตน หิ มยฺหมฺปิ ธเนน กิจฺจํ นตฺถิ, อหมฺปิ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. เต อุโภปิ สพฺพํ วิภวํ ปริจฺจชิตฺวา มหาทานํ ทตฺวา นิกฺขมิตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา ปพฺพชิตฺวา อฺุฉาจริยาย ผลาผเลหิ ยาเปนฺตา ปพฺพชฺชาสุเขเนว ทส สํวจฺฉรานิ วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย ชนปทจาริกํ จรนฺตา อนุปุพฺเพน พาราณสึ ปตฺวา ราชุยฺยาเน วสึสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘ราชุยฺยาเน วสามุโภ’’ติ.
๓๐. อเถกทิวสํ ¶ ราชา อุยฺยานกีฬํ คโต. อุยฺยานสฺส เอกปสฺเส ปพฺพชฺชาสุเขน วีตินาเมนฺตานํ เตสํ สมีปฏฺานํ คนฺตฺวา ปรมปาสาทิกํ อุตฺตมรูปธรํ ¶ ปริพฺพาชิกํ โอโลเกนฺโต กิเลสวเสน ปฏิพทฺธจิตฺโต หุตฺวา โพธิสตฺตํ ‘‘อยํ เต ปริพฺพาชิกา กึ โหตี’’ติ ปุจฺฉิ. เตน ‘‘น จ กิฺจิ โหติ, เกวลํ เอกปพฺพชฺชาย ปพฺพชิตา, อปิ จ โข ปน คิหิกาเล ปาทปริจาริกา อโหสี’’ติ วุตฺเต ราชา ‘‘อยํ กิเรตสฺส น กิฺจิ โหติ, อปิ จ โข ปนสฺส คิหิกาเล ปาทปริจาริกา อโหสิ, ยํนูนาหํ อิมํ อนฺเตปุรํ ปเวเสยฺยํ, เตเนวสฺส อิมิสฺสา ¶ ปฏิปตฺตึ ชานิสฺสามี’’ติ อนฺธพาโล ตตฺถ อตฺตโน ปฏิพทฺธจิตฺตํ นิวาเรตุํ อสกฺโกนฺโต อฺตรํ ปุริสํ อาณาเปสิ ‘‘อิมํ ปริพฺพาชิกํ ราชนิเวสนํ เนหี’’ติ.
โส ตสฺส ปฏิสฺสุณิตฺวา ‘‘อธมฺโม โลเก วตฺตตี’’ติอาทีนิ วตฺวา ปริเทวมานํ เอว ตํ อาทาย ปายาสิ. โพธิสตฺโต ตสฺสา ปริเทวนสทฺทํ สุตฺวา เอกวารํ โอโลเกตฺวา ปุน น โอโลเกสิ. ‘‘สเจ ปนาหํ วาเรสฺสามิ, เตสุ จิตฺตํ ปโทเสตฺวา มยฺหํ สีลสฺส อนฺตราโย ภวิสฺสตี’’ติ สีลปารมึเยว อาวชฺเชนฺโต นิสีทิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อุยฺยานทสฺสนํ คนฺตฺวา, ราชา อทฺทส พฺราหฺมณิ’’นฺติอาทิ.
ตตฺถ ตุยฺเหสา กา กสฺส ภริยาติ ตุยฺหํ ตว เอสา กา, กึ ภริยา, อุทาหุ ภคินี วา สมานา กสฺส อฺสฺส ภริยา.
๓๑. น มยฺหํ ภริยา เอสาติ กามฺเจสา มยฺหํ คิหิกาเล ภริยา อโหสิ, ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย น มยฺหํ ภริยา เอสา, นาปิ อหํ เอติสฺสา สามิโก, เกวลํ ปน สหธมฺมา เอกสาสนี, อหมฺปิ ปริพฺพาชโก อยมฺปิ ปริพฺพาชิกาติ สมานธมฺมา ปริพฺพาชกสาสเนน เอกสาสนี, สพฺรหฺมจารินีติ อตฺโถ.
๓๒. ติสฺสา สารตฺตคธิโตติ กามราเคน สารตฺโต หุตฺวา ปฏิพทฺโธ. คาหาเปตฺวาน เจฏเกติ เจฏเกหิ คณฺหาเปตฺวา เจฏเก วา อตฺตโน ราชปุริเส อาณาเปตฺวา ตํ ปริพฺพาชิกํ คณฺหาเปตฺวา. นิปฺปีฬยนฺโต พลสาติ ตํ อนิจฺฉมานํ เอว อากฑฺฒนปริกฑฺฒนาทินา นิปฺปีฬยนฺโต พาเธนฺโต, ตถาปิ อคจฺฉนฺตึ พลสา พลกฺกาเรน ราชปุริเสหิ คณฺหาเปตฺวา อตฺตโน อนฺเตปุรํ ปเวเสสิ.
๓๓. โอทปตฺตกิยาติ อุทกปตฺตํ อามสิตฺวา คหิตภริยา โอทปตฺติกา นาม, อิทํ วจนํ ปุราณทุติยิกาภาเวน อุปลกฺขณมตฺตํ ¶ ทฏฺพฺพํ ¶ , สา ปนสฺส พฺราหฺมณวิวาหวเสน มาตาปิตูหิ สมฺปฏิปาทิตา, ‘‘โอทปตฺตกิยา’’ติ จ ภาเวนภาวลกฺขเณ ภุมฺมํ. สหชาติ ปพฺพชฺชาชาติวเสน สหชาตา, เตเนวาห ‘‘เอกสาสนี’’ติ. ‘‘เอกสาสนี’’ติ จ อิทํ ภุมฺมตฺเถ ปจฺจตฺตํ, เอกสาสนิยาติ อตฺโถ. นยนฺติยาติ นียนฺติยา. โกโป เม อุปปชฺชถาติ อยํ เต คิหิกาเล ภริยา พฺราหฺมณี สีลวตี, ปพฺพชิตกาเล จ สพฺรหฺมจารินีภาวโต สหชาตา ภคินี, สา ตุยฺหํ ปุรโต พลกฺกาเรน อากฑฺฒิตฺวา นียติ. ‘‘โพธิพฺราหฺมณ, กึ เต ปุริสภาว’’นฺติ ¶ ปุริสมาเนน อุสฺสาหิโต จิรกาลสยิโต วมฺมิกพิลโต เกนจิ ปุริเสน ฆฏฺฏิโต ‘‘สุสู’’ติ ผณํ กโรนฺโต อาสิวิโส วิย เม จิตฺตโต โกโป สหสา วุฏฺาสิ.
๓๔-๕. สหโกเป สมุปฺปนฺเนติ โกปุปฺปตฺติยา สห, ตสฺส อุปฺปตฺติสมนนฺตรเมวาติ อตฺโถ. สีลพฺพตมนุสฺสรินฺติ อตฺตโน สีลปารมึ อาวชฺเชสึ. ตตฺเถว โกปํ นิคฺคณฺหินฺติ ตสฺมึ เอว อาสเน ยถานิสินฺโนว ตํ โกปํ นิวาเรสึ. นาทาสึ วฑฺฒิตูปรีติ ตโต เอกวารุปฺปตฺติโต อุปริ อุทฺธํ วฑฺฒิตุํ น อทาสึ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โกเป อุปฺปนฺนมตฺเต เอว ‘‘นนุ ตฺวํ, โพธิปริพฺพาชก, สพฺพปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิชฺฌิตุกาโม, ตสฺส เต กิมิทํ สีลมตฺเตปิ อุปกฺขลนํ, ตยิทํ คุนฺนํ ขุรมตฺโตทเก โอสีทนฺตสฺส มหาสมุทฺทสฺส ปรตีรํ คณฺหิตุกามตา วิย โหตี’’ติ อตฺตานํ ปริภาสิตฺวา ปฏิสงฺขานพเลน ตสฺมึ เอว ขเณ โกปํ นิคฺคเหตฺวา ปุน อุปฺปชฺชนวเสนสฺส วฑฺฒิตุํ น อทาสินฺติ. เตเนวาห ‘‘ยทิ นํ พฺราหฺมณิ’’นฺติอาทิ.
ตสฺสตฺโถ – ตํ ปริพฺพาชิกํ พฺราหฺมณึ โส ราชา วา อฺโ วา โกจิ ติณฺหายปิ นิสิตาย สตฺติยา โกฏฺเฏยฺย, ขณฺฑาขณฺฑิกํ ยทิ ฉินฺเทยฺย, เอวํ สนฺเตปิ สีลํ อตฺตโน สีลปารมึ เนว ภินฺเทยฺยํ. กสฺมา? โพธิยา เอว การณา, สพฺพตฺถ อขณฺฑิตสีเลเนว สกฺกา สมฺมาสมฺโพธึ ปาปุณิตุํ, น อิตเรนาติ.
๓๖. น ¶ เม สา พฺราหฺมณี เทสฺสาติ สา พฺราหฺมณี ชาติยา โคตฺเตน กุลปฺปเทเสน อาจารสมฺปตฺติยา จิรปริจเยน ปพฺพชฺชาทิคุณสมฺปตฺติยา จาติ สพฺพปฺปกาเรน ¶ น เม เทสฺสา น อปฺปิยา, เอติสฺสา มม อปฺปิยภาโว โกจิ นตฺถิ. นปิ เม พลํ น วิชฺชตีติ มยฺหมฺปิ พลํ น น วิชฺชติ, อตฺถิ เอว. อหํ นาคพโล ถามสมฺปนฺโน, อิจฺฉมาโน สหสา วุฏฺหิตฺวา ตํ อากฑฺฒนฺเต ปุริเส นิปฺโปเถตฺวา ตํ คเหตฺวา ยถิจฺฉิตฏฺานํ คนฺตุํ สมตฺโถติ ทสฺเสติ. สพฺพฺุตํ ปิยํ มยฺหนฺติ ตโต ปริพฺพาชิกโต สตคุเณน สหสฺสคุเณน สตสหสฺสคุเณน สพฺพฺุตฺาณเมว มยฺหํ ปิยํ. ตสฺมา สีลานุรกฺขิสฺสนฺติ เตน การเณน สีลเมว อนุรกฺขิสฺสํ.
อถ โส ราชา อุยฺยาเน ปปฺจํ อกตฺวาว สีฆตรํ คนฺตฺวา ตํ ปริพฺพาชิกํ ปกฺโกสาเปตฺวา มหนฺเตน ยเสน นิมนฺเตสิ. สา ยสสฺส อคุณํ ปพฺพชฺชาย คุณํ อตฺตโน โพธิสตฺตสฺส จ มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ ปหาย สํเวเคน ปพฺพชิตภาวฺจ กเถสิ. ราชา เกนจิ ปริยาเยน ¶ ตสฺสา มนํ อลภนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ปริพฺพาชิกา สีลวตี กลฺยาณธมฺมา, โสปิ ปริพฺพาชโก อิมาย อากฑฺฒิตฺวา นียมานาย น กิฺจิ วิปฺปการํ ทสฺเสสิ, สพฺพตฺถ นิรเปกฺขจิตฺโต, น โข ปน เมตํ ปติรูปํ, ยํ เอวรูเปสุ คุณวนฺเตสุ วิปฺปกาโร, ยํนูนาหํ อิมํ ปริพฺพาชิกํ คเหตฺวา อุยฺยานํ คนฺตฺวา อิมํ, ตฺจ ปริพฺพาชกํ ขมาเปยฺย’’นฺติ? เอวํ ปน จินฺเตตฺวา ‘‘ปริพฺพาชิกํ อุยฺยานํ อาเนถา’’ติ ปุริเส อาณาเปตฺวา สยํ ปมตรํ คนฺตฺวา โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘โภ ปพฺพชิต, กึ มยา ตาย ปริพฺพาชิกาย นียมานาย โกโป เต อุปฺปชฺชิตฺถา’’ติ. มหาสตฺโต อาห –
‘‘อุปฺปชฺชิ เม น มุจฺจิตฺถ, น เม มุจฺจิตฺถ ชีวโต;
รชํว วิปุลา วุฏฺิ, ขิปฺปเมว นิวารยิ’’นฺติ. (ชา. ๑.๑๐.๕๒);
ตํ สุตฺวา ราชา ‘‘กึ นุ โข เอส โกปเมว สนฺธาย วทติ, อุทาหุ อฺํ กิฺจิ สิปฺปาทิก’’นฺติ จินฺเตตฺวา ปุน ปุจฺฉิ –
‘‘กึ ¶ เต อุปฺปชฺชิ โน มุจฺจิ, กึ เต โน มุจฺจิ ชีวโต;
รชํว วิปุลา วุฏฺิ, กตมํ ตํ นิวารยี’’ติ. (ชา. ๑.๑๐.๕๓);
ตตฺถ ¶ อุปฺปชฺชีติ เอกวารํ อุปฺปชฺชิ, น ปุน อุปฺปชฺชิ. น มุจฺจิตฺถาติ กายวจีวิการุปฺปาทนวเสน ปน น มุจฺจิตฺถ, น นํ พหิ ปวตฺติตุํ วิสฺสชฺเชสินฺติ อตฺโถ. รชํว วิปุลา วุฏฺีติ ยถา นาม คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส อุปฺปนฺนํ รชํ วิปุลา อกาลวุฏฺิธารา านโส นิวาเรติ, เอวํ ตํ วูปสเมนฺโต นิวารยึ, นิวาเรสินฺติ อตฺโถ.
อถสฺส มหาปุริโส นานปฺปกาเรน โกเธ อาทีนวํ ปกาเสนฺโต –
‘‘ยมฺหิ ชาเต น ปสฺสติ, อชาเต สาธุ ปสฺสติ;
โส เม อุปฺปชฺชิ โน มุจฺจิ, โกโธ ทุมฺเมธโคจโร.
‘‘เยน ชาเตน นนฺทนฺติ, อมิตฺตา ทุกฺขเมสิโน;
โส เม อุปฺปชฺชิ โน มุจฺจิ, โกโธ ทุมฺเมธโคจโร.
‘‘ยสฺมิฺจ ¶ ชายมานมฺหิ, สทตฺถํ นาวพุชฺฌติ;
โส เม อุปฺปชฺชิ โน มุจฺจิ, โกโธ ทุมฺเมธโคจโร.
‘‘เยนาภิภูโต กุสลํ ชหาติ, ปรกฺกเร วิปุลฺจาปิ อตฺถํ;
ส ภีมเสโน พลวา ปมทฺที, โกโธ มหาราชา น เม อมุจฺจถ.
‘‘กฏฺสฺมึ มนฺถมานสฺมึ, ปาวโก นาม ชายติ;
ตเมว กฏฺํ ฑหติ, ยสฺมา โส ชายเต คินิ.
‘‘เอวํ มนฺทสฺส โปสสฺส, พาลสฺส อวิชานโต;
สารมฺภา ชายเต โกโธ, สปิ เตเนว ฑยฺหติ.
‘‘อคฺคีว ติณกฏฺสฺมึ, โกโธ ยสฺส ปวฑฺฒติ;
นิหียติ ตสฺส ยโส, กาฬปกฺเขว จนฺทิมา.
‘‘อนินฺโธ ธูมเกตูว, โกโธ ยสฺสูปสมฺมติ;
อาปูรติ ตสฺส ยโส, สุกฺกปกฺเขว จนฺทิมา’’ติ. (ชา. ๑.๑๐.๕๔-๖๑) –
อิมาหิ คาถาหิ ธมฺมํ เทเสสิ.
ตตฺถ ¶ น ปสฺสตีติ อตฺตตฺถมฺปิ น ปสฺสติ, ปเคว ปรตฺถํ. สาธุ ปสฺสตีติ อตฺตตฺถํ ปรตฺถํ อุภยตฺถฺจ ¶ สมฺมเทว ปสฺสติ. ทุมฺเมธโคจโรติ นิปฺปฺานํ วิสยภูโต, นิปฺปฺโ วา โคจโร อาหาโร อินฺธนํ เอตสฺสาติ ทุมฺเมธโคจโร. ทุกฺขเมสิโนติ ทุกฺขํ อิจฺฉนฺตา. สทตฺถนฺติ อตฺตโน อตฺถํ วุฑฺฒึ. ปรกฺกเรติ อปเนยฺย วินาเสยฺย. สภีมเสโนติ โส ภีมาย ภยชนนิยา มหติยา กิเลสเสนาย สมนฺนาคโต. ปมทฺทีติ พลวภาเวน สตฺเต ปมทฺทนสีโล. น เม อมุจฺจถาติ มม สนฺติกา โมกฺขํ น ลภิ, อพฺภนฺตเร เอว ทมิโต, นิพฺพิเสวโน กโตติ อตฺโถ. ขีรํ วิย วา มุหุตฺตํ ทธิภาเวน จิตฺเตน ปติฏฺหิตฺถาติปิ อตฺโถ.
มนฺถมานสฺมินฺติ อรณิสหิเต มถิยมาเน. ‘‘มถมานสฺมิ’’นฺติปิ ปาโ. ยสฺมาติ ยโต กฏฺา ¶ . คินีติ อคฺคิ. พาลสฺส อวิชานโตติ พาลสฺส อชานนฺตสฺส. สารมฺภา ชายเตติ กรณุตฺตริยกรณลกฺขณา สารมฺภา อรณิมนฺถนโต วิย ปาวโก โกโธ ชายเต. สปิ เตเนวาติ โสปิ พาโล เตเนว โกเธน กฏฺํ วิย อคฺคินา ฑยฺหติ. อนินฺโธ ธูมเกตูวาติ อนินฺธโน อคฺคิ วิย. ตสฺสาติ ตสฺส อธิวาสนขนฺติยา สมนฺนาคตสฺส ปุคฺคลสฺส สุกฺกปกฺเข จนฺโท วิย ลทฺโธ, ยโส อปราปรํ อาปูรตีติ.
ราชา มหาสตฺตสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา มหาปุริสํ ปริพฺพาชิกมฺปิ ราชเคหโต อาคตํ ขมาเปตฺวา ‘‘ตุมฺเห ปพฺพชฺชาสุขํ อนุภวนฺตา อิเธว อุยฺยาเน วสถ, อหํ โว ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา วนฺทิตฺวา ปกฺกามิ. เต อุโภปิ ตตฺเถว วสึสุ. อปรภาเค ปริพฺพาชิกา กาลมกาสิ. โพธิสตฺโต หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา ฌานาภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา อายุปริโยสาเน พฺรหฺมโลกปรายโน อโหสิ.
ตทา ปริพฺพาชิกา ราหุลมาตา อโหสิ, ราชา อานนฺทตฺเถโร, โพธิปริพฺพาชโก โลกนาโถ.
ตสฺส อิธาปิ ยถารหํ เสสปารมิโย นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ มหนฺตฺจ าติปริวฏฺฏํ ¶ ปหาย มหาภินิกฺขมนสทิสํ เคหโต นิกฺขมนํ, ตถา นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตสฺส พหุชนสมฺมตสฺส สโต ปรมปฺปิจฺฉตาย กุเลสุ จ คเณสุ จ อลคฺคตา, อจฺจนฺตเมว ลาภสกฺการชิคุจฺฉาย ¶ ปวิเวกาภิรติ, อติสยวตี จ อภิสลฺเลขวุตฺติ, ตถารูปาย สีลวติยา กลฺยาณธมฺมาย ปริพฺพาชิกาย อนนฺุาตา อตฺตโน ปุรโต พลกฺกาเรน ปรามสิยมานาย สีลปารมึ อาวชฺเชตฺวา วิการานาปตฺติ, กตาปราเธ จ ตสฺมึ ราชินิ อุปคเต หิตจิตฺตตํ เมตฺตจิตฺตตํ อุปฏฺเปตฺวา ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิเกหิ สมนุสาสนนฺติ เอวมาทโย อิธ มหาปุริสสฺส คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพา. เตเนตํ วุจฺจติ ‘‘เอวํ อจฺฉริยา เหเต…เป… ธมฺมสฺส อนุธมฺมโต’’ติ.
จูฬโพธิจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. มหึสราชจริยาวณฺณนา
๓๗. ปฺจเม ¶ มหึโส ปวนจารโกติ มหาวนจารี วนมหึโส ยทา โหมีติ โยชนา. ปวฑฺฒกาโยติ วยสมฺปตฺติยา องฺคปจฺจงฺคานฺจ ถูลภาเวน อภิวฑฺฒกาโย. พลวาติ มหาพโล ถามสมฺปนฺโน. มหนฺโตติ วิปุลสรีโร. หตฺถิกลภปฺปมาโณ กิร ตทา โพธิสตฺตสฺส กาโย โหติ. ภีมทสฺสโนติ มหาสรีรตาย วนมหึสชาติตาย จ สีลํ อชานนฺตานํ ภยํ ชนนโต ภยานกทสฺสโน.
๓๘. ปพฺภาเรติ โอลมฺพกสิลากุจฺฉิยํ. ทกาสเยติ ชลาสยสมีเป. โหเตตฺถ านนฺติ เอตฺถ มหาวเน โย โกจิ ปเทโส วนมหึสานํ ติฏฺนฏฺานํ โหติ. ตหึ ตหินฺติ ตตฺถ ตตฺถ.
๓๙. วิจรนฺโตติ วิหารผาสุกํ วีมํสิตุํ วิจรนฺโต. านํ อทฺทส ภทฺทกนฺติ เอวํ วิจรนฺโต ตสฺมึ มหารฺเ ภทฺทกํ มยฺหํ ผาสุกํ รุกฺขมูลฏฺานํ อทฺทกฺขึ. ทิสฺวา จ ตํ านํ อุปคนฺตฺวาน, ติฏฺามิ จ สยามิ จ โคจรํ คเหตฺวา ทิวา ตํ ¶ รุกฺขมูลฏฺานํ คนฺตฺวา านสยเนหิ วีตินาเมมีติ ทสฺเสติ.
๔๐. ตทา กิร โพธิสตฺโต หิมวนฺตปฺปเทเส มหึสโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ถามสมฺปนฺโน มหาสรีโร หตฺถิกลภปฺปมาโณ ปพฺพตปาทปพฺภารคิริทุคฺควนฆฏาทีสุ ¶ วิจรนฺโต เอกํ ผาสุกํ มหารุกฺขมูลํ ทิสฺวา โคจรํ คเหตฺวา ทิวา ตตฺถ วสติ. อเถโก โลลมกฺกโฏ รุกฺขา โอตริตฺวา มหาสตฺตสฺส ปิฏฺึ อภิรุหิตฺวา อุจฺจารปสฺสาวํ กตฺวา สิงฺเคสุ คณฺหิตฺวา โอลมฺพนฺโต นงฺคุฏฺเ คเหตฺวา โทลายนฺโต กีฬิ. โพธิสตฺโต ขนฺติเมตฺตานุทฺทยสมฺปทาย ตํ ตสฺส อนาจารํ น มนสากาสิ. มกฺกโฏ ปุนปฺปุนํ ตเถว กโรติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อเถตฺถ กปิ มาคนฺตฺวา’’ติอาทิ.
ตตฺถ กปิ มาคนฺตฺวาติ กปิ อาคนฺตฺวา, ม-กาโร ปทสนฺธิกโร. ปาโปติ ลามโก. อนริโยติ อนเย อิริยเนน อเย จ น อิริยเนน อนริโย, นิหีนาจาโรติ อตฺโถ. ลหูติ โลโล. ขนฺเธติ ขนฺธปฺปเทเส. มุตฺเตตีติ ปสฺสาวํ กโรติ. โอหเทตีติ กรีสํ โอสฺสชฺชติ. ตนฺติ ตํ มํ, ตทา มหึสภูตํ มํ.
๔๑. สกิมฺปิ ¶ ทิวสนฺติ เอกทิวสมฺปิ ทูเสติ มํ สพฺพกาลมฺปิ. เตนาห ‘‘ทูเสติ มํ สพฺพกาล’’นฺติ. น เกวลฺจ ทุติยตติยจตุตฺถทิวสมตฺตํ, อถ โข สพฺพกาลมฺปิ มํ ปสฺสาวาทีหิ ทูเสติ. ยทา ยทา มุตฺตาทีนิ กาตุกาโม, ตทา ตทา มยฺหเมว อุปริ กโรตีติ ทสฺเสติ. อุปทฺทุโตติ พาธิโต, เตน สิงฺเคสุ โอลมฺพนาทินา มุตฺตาทิอสุจิมกฺขเณน ตสฺส จ อปหรณตฺถํ อเนกวารํ สิงฺคโกฏีหิ วาลคฺเคน จ อเนกวารํ กทฺทมปํสุมิสฺสกํ อุทกํ สิฺจิตฺวา โธวเนน จ นิปฺปีฬิโต โหมีติ อตฺโถ.
๔๒. ยกฺโขติ ตสฺมึ รุกฺเข อธิวตฺถา เทวตา. มํ อิทมพฺรวีติ รุกฺขกฺขนฺเธ ตฺวา ‘‘มหึสราช, กสฺมา อิมสฺส ทุฏฺมกฺกฏสฺส อวมานํ สหสี’’ติ อิมมตฺถํ ปกาเสนฺโต นาเสเหตํ ฉวํ ปาปํ ¶ , สิงฺเคหิ จ ขุเรหิ จาติ อิทํ วจนํ มํ อภาสิ.
๔๓. เอวํ วุตฺเต ตทา ยกฺเขติ ตทา ตสฺมึ กาเล ตสฺมึ ยกฺเข เอวํ วุตฺเต สติ. อหํ ตํ อิทมพฺรวินฺติ อหํ ตํ ยกฺขํ อิทํ อิทานิ วกฺขมานํ อพฺรวึ อภาสึ. กุณเปนาติ กิเลสาสุจิปคฺฆรเณน สุจิชาติกานํ สาธูนํ ปรมชิคุจฺฉนียตาย อติทุคฺคนฺธวายเนน จ กุณปสทิสตาย กุณเปน. ปาเปนาติ ปาณาติปาตปาเปน. อนริเยนาติ อนริยานํ ¶ อสาธูนํ มาควิกเนสาทาทีนํ หีนปุริสานํ ธมฺมตฺตา อนริเยน, กึ เกน การเณน, ตฺวํ เทวเต มํ มกฺเขสิ, อยุตฺตํ ตยา วุตฺตํ มํ ปาเป นิโยเชนฺติยาติ ทสฺเสติ.
๔๔. อิทานิ ตสฺมึ ปาปธมฺเม อาทีนวํ ปกาเสนฺโต ‘‘ยทิห’’นฺติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ – ภทฺเท เทวเต, อหํ ตสฺส ยทิ กุชฺเฌยฺยํ, ตโตปิ ลามกตโร ภเวยฺยํ. เยน หิ อธมฺมจรเณน โส พาลมกฺกโฏ นิหีโน นาม ชาโต, สเจ ปนาหํ ตโตปิ พลวตรํ ปาปธมฺมํ จเรยฺยํ, นนุ เตน ตโต ปาปตโร ภเวยฺยํ, อฏฺานฺเจตํ ยทิหํ อิธโลกปรโลกํ ตทุตฺตริ จ ชานิตฺวา ิโต เอกนฺเตเนว ปรหิตาย ปฏิปนฺโน เอวรูปํ ปาปธมฺมํ จเรยฺยนฺติ. กิฺจ ภิยฺโย – สีลฺจ เม ปภิชฺเชยฺยาติ อหฺเจว โข ปน เอวรูปํ ปาปํ กเรยฺยํ, มยฺหํ สีลปารมี ขณฺฑิตา สิยา. วิฺู จ ครเหยฺยุ มนฺติ ปณฺฑิตา จ เทวมนุสฺสา มํ ครเหยฺยุํ ‘‘ปสฺสถ, โภ, อยํ โพธิสตฺโต โพธิปริเยสนํ จรมาโน เอวรูปํ ปาปํ อกาสี’’ติ.
๔๕. หีฬิตา ชีวิตา วาปีติ วา-สทฺโท อวธารเณ. เอวํ วิฺูหิ หีฬิตา ครหิตา ชีวิตาปิ ปริสุทฺเธน ปริสุทฺธสีเลน หุตฺวา มตํ วา มรณเมว วรํ อุตฺตมํ เสยฺโย. กฺยาหํ ชีวิตเหตุปิ ¶ , กาหามิ ปรเหนนฺติ เอวํ ชานนฺโต จ อหํ มยฺหํ ชีวิตนิมิตฺตมฺปิ ปรสตฺตวิหึสนํ กึ กาหามิ กึ กริสฺสามิ, เอตสฺส กรเณ การณํ นตฺถีติ อตฺโถ.
อยํ ปน อฺเปิ มํ วิย มฺมาโน เอวํ ¶ อนาจารํ กริสฺสติ, ตโต เยสํ จณฺฑมหึสานํ เอวํ กริสฺสติ, เต เอว เอตํ วธิสฺสนฺติ, สา เอตสฺส อฺเหิ มารณา มยฺหํ ทุกฺขโต จ ปาณาติปาตโต จ มุตฺติ ภวิสฺสตีติ อาห. เตน วุตฺตํ –
‘‘มเมวายํ มฺมาโน, อฺเเปวํ กริสฺสติ;
เตว ตสฺส วธิสฺสนฺติ, สา เม มุตฺติ ภวิสฺสตี’’ติ.
ตตฺถ มเมวายนฺติ มํ วิย อยํ. อฺเปีติ อฺเสมฺปิ. เสสํ วุตฺตตฺถเมว.
๔๗. หีนมชฺฌิมอุกฺกฏฺเติ ¶ หีเน จ มชฺฌิเม จ อุกฺกฏฺเ จ นิมิตฺตภูเต. สหนฺโต อวมานิตนฺติ วิภาคํ อกตฺวา เตหิ ปวตฺติตํ อวมานํ ปริภวํ สหนฺโต ขมนฺโต. เอวํ ลภติ สปฺปฺโติ เอวํ หีนาทีสุ วิภาคํ อกตฺวา ขนฺติเมตฺตานุทฺทยํ อุปฏฺเปตฺวา ตทปราธํ สหนฺโต สีลาทิปารมิโย พฺรูเหตฺวา มนสา ยถาปตฺถิตํ ยถิจฺฉิตํ สพฺพฺุตฺาณํ ลภติ ปฏิวิชฺฌติ, ตสฺส ตํ น ทูเรติ.
เอวํ มหาสตฺโต อตฺตโน อชฺฌาสยํ ปกาเสนฺโต เทวตาย ธมฺมํ เทเสสิ. โส กติปาหจฺจเยน อฺตฺถ คโต. อฺโ จณฺฑมหึโส นิวาสผาสุตาย ตํ านํ คนฺตฺวา อฏฺาสิ. ทุฏฺมกฺกโฏ ‘‘โส เอว อย’’นฺติ สฺาย ตสฺส ปิฏฺึ อภิรุหิตฺวา ตเถว อนาจารํ อกาสิ. อถ นํ โส วิธุนนฺโต ภูมิยํ ปาเตตฺวา สิงฺเคน หทเย วิชฺฌิตฺวา ปาเทหิ มทฺทิตฺวา สฺจุณฺเณสิ.
ตทา สีลวา มหึสราชา โลกนาโถ.
ตสฺส อิธาปิ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว ยถารหํ เสสปารมิโย นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา หตฺถินาค- (จริยา. ๒.๑ อาทโย) ภูริทตฺต- (จริยา. ๒.๑๑ อาทโย) จมฺเปยฺยนาคราช- (จริยา. ๒.๒๐ อาทโย) จริยาสุ วิย อิธ มหาสตฺตสฺส คุณานุภาวา เวทิตพฺพา.
มหึสราชจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. รุรุมิคราชจริยาวณฺณนา
๔๘. ฉฏฺเ ¶ ¶ สุตตฺตกนกสนฺนิโภติ ยถา สุฏฺุ อปคตสพฺพกาฬโก โหติ, เอวํ อคฺคิมฺหิ ปกฺขิปิตฺวา สุตตฺตกนกสนฺนิโภ. มิคราชา รุรุ นามาติ ชาติสิทฺเธน นาเมน รุรุ นาม มิคราชา, ชาติโต รุรุ, มิคานฺจ ราชาติ อตฺโถ. ปรมสีลสมาหิโตติ อุตฺตมสีลสมาหิโต, วิสุทฺธสีโล เจว สมาหิตจิตฺโต จ, วิสุทฺธสีเล วา สมฺมา อาหิตจิตฺโตติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ตทา โพธิสตฺโต รุรุมิคโยนิยํ นิพฺพตฺติ. ตสฺส สรีรจฺฉวิ สุฏฺุ ตาเปตฺวา มชฺชิตกฺจนปฏฺฏวณฺโณ อโหสิ, หตฺถปาทา ลาขารสปริกมฺมกตา วิย, นงฺคุฏฺํ จมรีนงฺคุฏฺํ วิย, สิงฺคานิ รชตทามวณฺณานิ อกฺขีนิ สุมชฺชิตมณิคุฬิกา ¶ วิย, มุขํ โอทหิตฺวา ปิตรตฺตกมฺพลเคณฺฑุกา วิย. โส ชนสํสคฺคํ ปหาย วิเวกวาสํ วสิตุกาโม ปริวารํ ฉฑฺเฑตฺวา เอกโกว คงฺคานิวตฺตเน รมณีเย สาลมิสฺสเก สุปุปฺผิตปวเน วสติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘รมฺเม ปเทเส รมณีเย, วิวิตฺเต อมนุสฺสเก;
ตตฺถ วาสํ อุปคฺฉึ, คงฺคากูเล มโนรเม’’ติ.
ตตฺถ รมฺเม ปเทเสติ มุตฺตาตลสทิสวาลุกาจุณฺณปณฺฑเรหิ ภูมิภาเคหิ สินิทฺธหริตติณสฺจริเตหิ วนตฺถเลหิ จิตฺตตฺถรเณหิ วิย นานาวณฺณวิจิตฺเตหิ สิลาตเลหิ มณิกฺขนฺธนิมฺมลสลิเลหิ ชลาสเยหิ จ สมนฺนาคตตฺตา เยภุยฺเยน จ อินฺทโคปกวณฺณาย รตฺตาย สุขสมฺผสฺสาย ติณชาติยา สฺฉนฺนตฺตา รมฺเม อรฺปฺปเทเส. รมฺมณีเยติ ปุปฺผผลปลฺลวาลงฺกตวิปุลสาขาวินทฺเธหิ นานาวิธทิชคณูปกูชิเตหิ วิวิธตรุลตาวนวิราชิเตหิ เยภุยฺเยน อมฺพสาลวนสณฺฑมณฺฑิเตหิ วนคหเนหิ อุปโสภิตตฺตา ตตฺถ ปวิฏฺสฺส ชนสฺส รติชนนฏฺเน รมณีเย. วุตฺตมฺปิ เจตํ รุรุมิคราชชาตเก –
‘‘เอตสฺมึ ¶ วนสณฺฑสฺมึ, อมฺพา สาลา จ ปุปฺผิตา;
อินฺทโคปกสฺฉนฺโน, เอตฺเถโส ติฏฺเต มิโค’’ติ. (ชา. ๑.๑๓.๑๑๙);
วิวิตฺเตติ ชนวาสวิรเหน สฺุเ. อมนุสฺสเกติ สฺจรณมนุสฺสานมฺปิ ตตฺถ อภาเวน มนุสฺสรหิเต ¶ . มโนรเมติ ยถาวุตฺตคุณสมฺปตฺติยา วิเสสโต ปวิเวกกามานํ มโน รเมตีติ มโนรเม.
๕๐. อถ อุปริคงฺคายาติ เอตฺถ อถาติ อธิกาเร นิปาโต, เตน มยิ ตตฺถ ตถา วสนฺเต อิทํ อธิการนฺตรํ อุปฺปนฺนนฺติ ทีเปติ. อุปริคงฺคายาติ คงฺคาย นทิยา อุปริโสเต. ธนิเกหิ ปริปีฬิโตติ อิณํ คเหตฺวา ตํ ทาตุํ อสกฺโกนฺโต อิณายิเกหิ โจทิยมาโน.
เอโก กิร พาราณสิเสฏฺิ อตฺตโน ปุตฺตํ ‘‘อยํ สิปฺปํ อุคฺคณฺหนฺโต กิลมิสฺสตี’’ติ กิฺจิ สิปฺปํ น อุคฺคณฺหาเปสิ. คีตวาทิตนจฺจขาทนโภชนโต อุทฺธํ น กิฺจิ อฺาสิ. ตํ วยปฺปตฺตํ ปติรูเปน ทาเรน สํโยเชตฺวา ธนํ นิยฺยาเตตฺวา มาตาปิตโร กาลมกํสุ. โส เตสํ อจฺจเยน ¶ อิตฺถิธุตฺตสุราธุตฺตาทิปริวุโต นานาพฺยสนมุเขหิ สพฺพํ ธนํ วิทฺธํเสตฺวา ตตฺถ ตตฺถ อิณํ อาทาย ตมฺปิ ทาตุํ อสกฺโกนฺโต ธนิเกหิ โจทิยมาโน ‘‘กึ มยฺหํ ชีวิเตน, เตเนวมฺหิ อตฺตภาเวน อฺโ วิย ชาโต, มรณํ เม เสยฺโย’’ติ จินฺเตตฺวา อิณายิเก อาห – ‘‘ตุมฺหากํ อิณปณฺณานิ คเหตฺวา อาคจฺฉถ, คงฺคาตีเร เม นิหิตํ กุลสนฺตกํ ธนํ อตฺถิ, ตํ โว ทสฺสามี’’ติ. เต เตน สทฺธึ อคมํสุ. โส ‘‘อิธ ธนํ, เอตฺถ ธน’’นฺติ นิธิฏฺานํ อาจิกฺขนฺโต วิย ‘‘เอวํ เม อิณโมกฺโข ภวิสฺสตี’’ติ ปลายิตฺวา คงฺคายํ ปติ. โส จณฺฑโสเตน วุยฺหนฺโต การฺุรวํ รวิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อถ อุปริคงฺคายา’’ติอาทิ.
ตตฺถ ชีวามิ วา มรามิ วาติ อิมสฺมึ คงฺคาโสเต ปติโต ชีวามิ วา มรามิ วา, ชีวิตํ วา เม เอตฺถ โหตุ มรณํ วา, อุภยถาปิ อิณายิกปีฬา น โหตีติ อธิปฺปาโย.
๕๑. มชฺเฌ คงฺคาย ¶ คจฺฉตีติ โส ปุริโส รตฺตินฺทิวํ คงฺคาย วุยฺหมาโน ชีวิตเปมสฺส วิชฺชมานตฺตา มรณํ อปฺปตฺโต มรณภยตชฺชิโต หุตฺวา กรุณํ รวํ รวนฺโต คงฺคาย มชฺเฌ มโหทเกน คจฺฉติ.
๕๒. อถ มหาปุริโส อฑฺฒรตฺตสมเย ตสฺส ตํ กรุณํ ปริเทวนฺตสฺส ปริเทวิตสทฺทํ สุตฺวา ‘‘มนุสฺสสทฺโท สูยติ, มา มยิ อิธ ธรนฺเต มรตุ, ชีวิตมสฺส ทสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา สยนคุมฺพา วุฏฺาย นทีตีรํ คนฺตฺวา ‘‘อมฺโภ ปุริส, มา ภายิ, ชีวิตํ เต ทสฺสามี’’ติ วตฺวา อสฺสาเสตฺวา โสตํ ฉินฺทนฺโต คนฺตฺวา ตํ ปิฏฺิยํ อาโรเปตฺวา ตีรํ ปาเปตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานํ เนตฺวา ปริสฺสมํ วิโนเทตฺวา ผลาผลานิ ทตฺวา ทฺวีหตีหจฺจเยน ตํ อาห – ‘‘อมฺโภ ปุริส ¶ , อหํ ตํ พาราณสิคามิมคฺคํ ปาเปสฺสามิ, ตฺวํ ‘อสุกฏฺาเน นาม กฺจนมิโค วสตี’ติ มา กสฺสจิ อาโรเจหี’’ติ. โส ‘‘สาธุ, สามี’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. มหาสตฺโต ตํ อตฺตโน ปิฏฺึ อาโรเปตฺวา พาราณสิมคฺเค โอตาเรตฺวา นิวตฺติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ตสฺสาหํ สทฺทํ สุตฺวาน, กรุณํ ปริเทวโต’’ติอาทิ.
ตตฺถ โกสิ ตฺวํ นโรติ ตฺวํ โก มนุสฺโส อสิ, กุโต อิธ วุยฺหมาโน อาคโตสีติ อตฺโถ.
๕๓. อตฺตโน ¶ กรณนฺติ อตฺตโน กิริยํ. ธนิเกหิ ภีโตติ อิณายิเกหิ อุพฺพิคฺโค. ตสิโตติ อุตฺรสฺโต.
๕๔. ตสฺส กตฺวาน การฺุํ, จชิตฺวา มม ชีวิตนฺติ การฺุํ กตฺวา มหากรุณาย สมุสฺสาหิโต มม ชีวิตํ ตสฺส ปุริสสฺส ปริจฺจชิตฺวา. ปวิสิตฺวา นีหรึ ตสฺสาติ นทึ ปวิสิตฺวา โสตํ ฉินฺทนฺโต อุชุกเมว คนฺตฺวา มม ปิฏฺึ อาโรเปตฺวา ตโต ตํ นีหรึ. ตสฺสาติ อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ. ‘‘ตตฺถา’’ติปิ ปาฬิ, ตตฺถ นทิยนฺติ อตฺโถ. อนฺธการมฺหิ รตฺติยาติ รตฺติยา อนฺธการสมเย, กาฬปกฺขรตฺติยนฺติ อตฺโถ.
๕๕. อสฺสตฺถกาลมฺายาติ ปริสฺสมํ อปเนตฺวา ผลาผลานิ ทตฺวา ทฺวีหตีหจฺจเยน กิลมถสฺส ¶ วิคตกาลํ ชานิตฺวา. เอกํ ตํ วรํ ยาจามีติ อหํ ตํ เอกํ วรํ ยาจามิ, มยฺหํ เอกํ วรํ เทหีติ อตฺโถ. กึ ตํ วรนฺติ เจ? อาห – มา มํ กสฺสจิ ปาวทาติ ‘‘อสุกฏฺาเน สุวณฺณมิโค วสตี’’ติ กสฺสจิ รฺโ วา ราชมหามตฺตสฺส วา มํ มา ปาวท.
อถ ตสฺมึ ปุริเส พาราณสึ ปวิฏฺทิวเสเยว โส ราชา ‘‘อหํ, เทว, สุวณฺณวณฺณํ มิคํ มยฺหํ ธมฺมํ เทเสนฺตํ สุปิเนน อทฺทสํ, อหฺหิ สจฺจสุปินา, อทฺธา โส วิชฺชติ, ตสฺมา กฺจนมิคสฺส ธมฺมํ โสตุกามา ลภิสฺสามิ เจ ชีวิสฺสามิ, โน เจ เม ชีวิตํ นตฺถี’’ติ อคฺคมเหสิยา วุตฺโต ตํ อสฺสาเสตฺวา ‘‘สเจ มนุสฺสโลเก อตฺถิ, ลภิสฺสสี’’ติ วตฺวา พฺราหฺมเณ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สุวณฺณมิคา นาม โหนฺตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, เทว, โหนฺตี’’ติ สุตฺวา สหสฺสตฺถวิกํ สุวณฺณจงฺโกฏเก เปตฺวา ตํ หตฺถิกฺขนฺธํ อาโรเปตฺวา นคเร เภรึ จราเปสิ – ‘‘โย สุวณฺณมิคํ ¶ อาจิกฺขิสฺสติ, ตสฺส หตฺถินา สทฺธึ อิมํ ทสฺสามี’’ติ. ตโต อุตฺตริมฺปิ ทาตุกาโม หุตฺวา –
‘‘ตสฺส คามวรํ ทมฺมิ, นาริโย จ อลงฺกตา;
โย เมตํ มิคมกฺขาติ, มิคานํ มิคมุตฺตม’’นฺติ. (ชา. ๑.๑๓.๑๑๗) –
คาถํ สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขาเปตฺวา สกลนคเร วาจาเปสิ. อถ โส เสฏฺิปุตฺโต ตํ คาถํ สุตฺวา ราชปุริสานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘รฺโ เอวรูปํ มิคํ ¶ อาจิกฺขิสฺสามิ, มํ ราชานํ ทสฺเสถา’’ติ อาห. ราชปุริสา ตํ รฺโ สนฺติกํ เนตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. ราชา ‘‘สจฺจํ, โภ, อทฺทสา’’ติ ปุจฺฉิ. โส ‘‘สจฺจํ, เทว, มยา สทฺธึ อาคจฺฉตุ, อหํ ตํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ อาห. ราชา ตเมว ปุริสํ มคฺคเทสกํ กตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน ตํ านํ คนฺตฺวา เตน มิตฺตทุพฺภินา ปุริเสน ทสฺสิตํ ปเทสํ ¶ อาวุธหตฺเถ ปุริเส สมนฺตโตว ปริวาเรตฺวา ‘‘อุกฺกุฏฺึ กโรถา’’ติ วตฺวา สยํ กติปเยหิ ชเนหิ สทฺธึ เอกมนฺเต อฏฺาสิ. โสปิ ปุริโส อวิทูเร อฏฺาสิ. มหาสตฺโต สทฺทํ สุตฺวา ‘‘มหโต พลกายสฺส สทฺโท, อทฺธา ตมฺหา เม ปุริสา ภเยน อุปฺปนฺเนน ภวิตพฺพ’’นฺติ ตฺวา อุฏฺาย สกลปริสํ โอโลเกตฺวา ‘‘รฺโ ิตฏฺาเนเยว เม โสตฺถิ ภวิสฺสตี’’ติ ราชาภิมุโข ปายาสิ. ราชา ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘นาคพโล อวตฺถรนฺโต อาคจฺเฉยฺยา’’ติ สรํ สนฺนยฺหิตฺวา ‘‘อิมํ มิคํ สนฺตาเสตฺวา สเจ ปลายติ, วิชฺฌิตฺวา ทุพฺพลํ กตฺวา คณฺหิสฺสามี’’ติ โพธิสตฺตาภิมุโข อโหสิ. มหาสตฺโต –
‘‘อาคเมหิ มหาราช, มา มํ วิชฺฌิ รเถสภ;
โก นุ เต อิทมกฺขาสิ, เอตฺเถโส ติฏฺเต มิโค’’ติ. (ชา. ๑.๑๓.๑๒๑) –
คาถํ อภาสิ. ราชา ตสฺส มธุรกถาย พชฺฌิตฺวา สรํ ปฏิสํหริตฺวา คารเวน อฏฺาสิ. มหาสตฺโตปิ ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา มธุรปฏิสนฺถารํ อกาสิ. มหาชโนปิ สพฺพาวุธานิ อปเนตฺวา อาคนฺตฺวา ราชานํ ปริวาเรสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘นครํ คนฺตฺวาน อาจิกฺขิ, ปุจฺฉิโต ธนเหตุโก;
ราชานํ โส คเหตฺวาน, อุปคฺฉิ มมนฺติก’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ ¶ – โย มิตฺตทุพฺภี ปาปปุริโส ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา ตถา มยา ปาณสํสยโต โมจิโต พาราณสินครํ คนฺตฺวา อตฺตนา ลทฺธพฺพธนนิมิตฺตํ รฺโ มํ อาจิกฺขิ, อาจิกฺขิตฺวา โส รฺโ คาหาเปตุํ มคฺคเทสโก หุตฺวา ราชานํ คเหตฺวา มม สนฺติกมุปาคมีติ.
มหาสตฺโต สุวณฺณกิงฺกิณิกํ จาเลนฺโต วิย มธุรสฺสเรน ราชานํ ปุน ปุจฺฉิ – ‘‘โก นุ เต อิทมกฺขาสิ, เอตฺเถโส ¶ ติฏฺเต มิโค’’ติ. ตสฺมึ ขเณ โส ปาปปุริโส โถกํ ปฏิกฺกมิตฺวา โสตปเถ อฏฺาสิ ¶ . ราชา ‘‘อิมินา เม ตฺวํ ทสฺสิโต’’ติ ตํ ปุริสํ นิทฺทิสิ. ตโต โพธิสตฺโต –
‘‘สจฺจํ กิเรว มาหํสุ, นรา เอกจฺจิยา อิธ;
กฏฺํ นิปฺลวิตํ เสยฺโย, น ตฺเวเวกจฺจิโย นโร’’ติ. (ชา. ๑.๑๓.๑๒๓) –
คาถมาห. ตํ สุตฺวา ราชา สํเวคชาโต –
‘‘กึ นุ รุรุ ครหสิ มิคานํ, กึ ปกฺขีนํ กึ ปน มานุสานํ;
ภยฺหิ มํ วินฺทตินปฺปรูปํ, สุตฺวาน ตํ มานุสึ ภาสมาน’’นฺติ. (ชา. ๑.๑๓.๑๒๔) –
คาถมาห. ตโต มหาปุริโส ‘‘มหาราช, น มิคํ น ปกฺขึ ครหามิ, มนุสฺสํ ปน ครหามี’’ติ ทสฺเสนฺโต –
‘‘ยมุทฺธรึ วาหเน วุยฺหมานํ, มโหทเก สลิเล สีฆโสเต;
ตโตนิทานํ ภยมาคตํ มม, ทุกฺโข หเว ราช อสพฺภิ สงฺคโม’’ติ. (ชา. ๑.๑๓.๑๒๕) –
อาห.
ตตฺถ นิปฺลวิตนฺติ อุทฺธริตํ, เอกจฺจิโยติ เอกจฺโจ มิตฺตทุพฺภี ปาปปุริโส อุทเก ปตนฺโตปิ ¶ อุตฺตาริโต นตฺเวว เสยฺโย. กฏฺฺหิ นานปฺปกาเรน อุปการาย สํวตฺตติ, มิตฺตทุพฺภี ปน วินาสาย, ตสฺมา ตโต กฏฺเมว วรตรนฺติ. มิคานนฺติ รุรุมิคราช, มิคานํ กึ อฺตรํ ครหสิ, อุทาหุ ปกฺขีนํ มนุสฺสานนฺติ ปุจฺฉติ. ภยฺหิ มํ วินฺทตินปฺปรูปนฺติ มหนฺตํ ภยํ มํ ปฏิลภติ, อตฺตโน สนฺตกํ วิย กโรตีติ อตฺโถ.
วาหเนติ ปติตปติเต วหิตุํ สมตฺเถ คงฺคาวเห. มโหทเก ¶ สลิเลติ มโหทกีภูเต สลิเล. อุภเยนาปิ คงฺคาวหสฺส พหูทกตํ ทสฺเสติ. ตโต นิทานนฺติ, มหาราช, โย มยฺหํ ตยา ทสฺสิโต ปุริโส, เอโส มยา คงฺคาย วุยฺหมาโน อฑฺฒรตฺตสมเย กรุณํ ปริเทวนฺโต ตโต อุตฺตาริโต, ตโตนิทานํ อิทํ มยฺหํ ภยมาคตํ, อสปฺปุริเสหิ สมาคโม นาม ทุกฺโขติ.
ตํ ¶ สุตฺวา ราชา ตสฺส กุชฺฌิตฺวา ‘‘เอวํ พหูปการสฺส นาม คุณํ น ชานาติ, ทุกฺขํ อุปฺปาเทติ, วิชฺฌิตฺวา นํ ชีวิตกฺขยํ ปาเปสฺสามี’’ติ สรํ สนฺนยฺหิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ยาวตา กรณํ สพฺพํ, รฺโ อาโรจิตํ มยา;
ราชา สุตฺวาน วจนํ, อุสุํ ตสฺส ปกปฺปยิ;
อิเธว ฆาตยิสฺสามิ, มิตฺตทุพฺภึ อนริย’’นฺติ.
ตตฺถ ยาวตา กรณนฺติ ยํ ตสฺส มยา กตํ อุปการกรณํ, ตํ สพฺพํ. ปกปฺปยีติ สนฺนยฺหิ. มิตฺตทุพฺภินฺติ อตฺตโน มิตฺเตสุ อุปการีสุ ทุพฺภนสีลํ.
ตโต มหาสตฺโต ‘‘เอส พาโล มํ นิสฺสาย มา นสฺสี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘มหาราช, วโธ นาเมส พาลสฺส วา ปณฺฑิตสฺส วา น สาธูหิ ปสํสิโต, อฺทตฺถุ ครหิโต เอว, ตสฺมา มา อิมํ ฆาเตหิ, อยํ ยถารุจิ คจฺฉตุ, ยฺเจว ตสฺส ‘ทสฺสามี’ติ ตยา ปฏิฺาตํ, ตมฺปิ อหาเปตฺวาว เทหี’’ติ อาห. ‘‘อหฺจ เต ยํ อิจฺฉิตํ, ตํ กริสฺสามิ, อตฺตานํ ตุยฺหํ ทมฺมี’’ติ อาห. เตน วุตฺตํ –
‘‘ตมหํ อนุรกฺขนฺโต, นิมฺมินึ มม อตฺตนา;
ติฏฺเตโส มหาราช, กามกาโร ภวามิ เต’’ติ.
ตตฺถ นิมฺมินินฺติ ตํ มิตฺตทุพฺภึ ปาปปุคฺคลํ อนุรกฺขนฺโต มม อตฺตโน อตฺตภาเวน ตํ ปริวตฺเตสึ ¶ , อตฺตานํ รฺโ นิยฺยาเตตฺวา ราชหตฺถโต ปตฺตํ ตสฺส มรณํ นิวาเรสินฺติ อตฺโถ. ติฏฺเตโสติอาทิ วินิมยาการทสฺสนํ ¶ .
๕๙. อิทานิ ยทตฺถํ โส อตฺตวินิมโย กโต, ตํ ทสฺเสตุํ โอสานคาถมาห. ตสฺสตฺโถ – ตทา มํ นิสฺสาย ตํ มิตฺตทุพฺภึ ปุริสํ ตสฺมึ รฺเ ชีวิตา โวโรเปตุกาเม อหํ อตฺตานํ รฺโ ปริจฺจชนฺโต มม สีลเมว อนุรกฺขึ, ชีวิตํ ปน นารกฺขึ. ยํ ปนาหเมว อตฺตโน ชีวิตนิรเปกฺขํ สีลวา อาสึ, ตํ สมฺมาสมฺโพธิยา เอว การณาติ.
อถ ราชา โพธิสตฺเตน อตฺตโน ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา ตสฺส ปุริสสฺส มรเณ นิวาเรนฺเต ตุฏฺมานโส ‘‘คจฺฉ, โภ, มิคราชสฺส อนุคฺคเหน มม หตฺถโต ¶ มรณา มุตฺโต’’ติ วตฺวา ยถาปฏิฺาย ตฺจสฺส ธนํ ทาเปสิ. มหาสตฺตสฺส ยถารุจิยาว อนุชานิตฺวา ตํ นครํ เนตฺวา นครฺจ โพธิสตฺตฺจ อลงฺการาเปตฺวา เทวิยา ธมฺมํ เทสาเปสิ. มหาสตฺโต เทวึ อาทึ กตฺวา รฺโ จ ราชปริสาย จ มธุราย มนุสฺสภาสาย ธมฺมํ เทเสตฺวา ราชานํ ทสหิ ราชธมฺเมหิ โอวทิตฺวา มหาชนํ อนุสาสิตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา มิคคณปริวุโต วาสํ กปฺเปสิ. ราชาปิ มหาสตฺตสฺส โอวาเท ตฺวา สพฺพสตฺตานํ อภยํ ทตฺวา ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา สุคติปรายโน อโหสิ.
ตทา เสฏฺิปุตฺโต เทวทตฺโต อโหสิ, ราชา อานนฺโท, รุรุมิคราชา โลกนาโถ.
ตสฺส อิธาปิ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว ยถารหํ เสสปารมิโย นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา อิธาปิ ปวิเวการามตาย ชนสํสคฺคํ อนิจฺฉโต ยูถํ ปหาย เอกกวิหาโร, อฑฺฒรตฺตสมเย นทิยา วุยฺหมานสฺส กรุณํ ปริเทวนฺตสฺส ปุริสสฺส อฏฺฏสฺสรํ สุตฺวา สยิตฏฺานโต วุฏฺาย นทีตีรํ คนฺตฺวา มหาคงฺคาย มหติ อุทโกเฆ วตฺตมาเน อตฺตโน ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา โอตริตฺวา โสตํ ปจฺฉินฺทิตฺวา ตํ ปุริสํ อตฺตโน ปิฏฺิยํ อาโรเปตฺวา ตีรํ ปาเปตฺวา สมสฺสาเสตฺวา ผลาผลาทีนิ ทตฺวา ปริสฺสมวิโนทนํ, ปุน ตํ อตฺตโน ปิฏฺึ อาโรเปตฺวา อรฺโต นีหริตฺวา มหามคฺเค โอตารณํ, สรํ สนฺนยฺหิตฺวา วิชฺฌิสฺสามีติ อภิมุเข ิตสฺส รฺโ นิพฺภเยน หุตฺวา ปฏิมุขเมว คนฺตฺวา ปมตรํ มนุสฺสภาสาย อาลปิตฺวา มธุรปฏิสนฺถารกรณํ, มิตฺตทุพฺภี ปาปปุริสํ ¶ หนฺตุกามํ ราชานํ ธมฺมกถํ กตฺวา ปุนปิ อตฺตโน ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา มรณโต ปโมจนํ, ตสฺส จ รฺโ ยถาปฏิฺํ ธนทาปนํ, รฺา อตฺตโน วเร ทียมาเน เตน สพฺพสตฺตานํ อภยทาปนํ, ราชานฺจ เทวิฺจ ปมุขํ กตฺวา มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสตฺวา ทานาทีสุ ¶ ปฺุเสุ เตสํ ปติฏฺาปนํ, ลทฺธาภยานํ มิคานํ โอวาทํ ทตฺวา มนุสฺสานํ สสฺสขาทนโต นิวารณํ, ปณฺณสฺาย จ ตสฺส ยาวชฺชกาลา ถาวรกรณนฺติ เอวมาทโย มหาสตฺตสฺส คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพาติ.
รุรุมิคราชจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. มาตงฺคจริยาวณฺณนา
๖๐. สตฺตเม ¶ ชฏิโลติ ชฏาวนฺโต, ชฏาพนฺธเกโสติ อตฺโถ. อุคฺคตาปโนติ มนจฺฉฏฺานํ อินฺทฺริยานํ ตาปนโต นิคฺคณฺหนโต ตปสงฺขาตํ อุคฺคตาปนํ เอตสฺสาติ อุคฺคตาปโน, โฆรตโป ปรมธิตินฺทฺริโยติ อตฺโถ. อถ วา นานปฺปกาเร ทิฏฺธมฺมิกาทิเภเท อนตฺเถ อุคฺคิรณโต พหิ ฉฑฺฑาปนโต โฆรภีมภยานกฏฺเน วา ‘‘อุคฺคา’’ติ ลทฺธนาเม กิเลเส วีริยาตเปน สนฺตาปนโต อุคฺเค ตาเปตีติ อุคฺคตาปโน. มาตงฺโค นาม นาเมนาติ นาเมน มาตงฺโค นาม. มาตงฺคกุเล นิพฺพตฺติยา ชาติยา อาคตํ หิสฺส เอตํ นามํ. สีลวาติ สีลสมฺปนฺโน สุปริสุทฺธสีโล. สุสมาหิโตติ อุปจารปฺปนาสมาธีหิ สุฏฺุ สมาหิโต, ฌานสมาปตฺติลาภีติ อตฺโถ.
ตทา หิ โพธิสตฺโต จณฺฑาลโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา รูเปน ทุทฺทสิโก พหินคเร จณฺฑาลคาเม วสติ. ‘‘มาตงฺคปณฺฑิโต’’ติ ปกาสนาโม. อเถกทิวสํ ตสฺมึ นคเร นกฺขตฺเต โฆสิเต เยภุยฺเยน นาครา นกฺขตฺตํ กีฬนฺติ. อฺตราปิ พฺราหฺมณมหาสาลกฺา โสฬสปนฺนรสวสฺสุทฺเทสิกา เทวกฺา วิย รูเปน ทสฺสนียา ปาสาทิกา ‘‘อตฺตโน ¶ วิภวานุรูปํ นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสามี’’ติ ปหูตขชฺชโภชฺชาทีนิ สกเฏสุ อาโรเปตฺวา สพฺพเสตํ วฬวารถมารุยฺห มหตา ปริวาเรน อุยฺยานภูมึ คจฺฉติ. ทิฏฺมงฺคลิกา นาเมสา, สา กิร ทุสฺสณฺิตํ รูปํ ‘‘อวมงฺคล’’นฺติ ตํ ทฏฺุํ น อิจฺฉติ, เตนสฺสา ‘‘ทิฏฺมงฺคลิกา’’ตฺเวว สมฺา อุทปาทิ.
ตทา โพธิสตฺโต กาลสฺเสว อุฏฺาย ปฏปิโลติกํ นิวาเสตฺวา ชชฺชริตมุขภาคํ เวณุทณฺฑํ คเหตฺวา ภาชนหตฺโถ นครํ ปวิสติ มนุสฺเส ทิสฺวา ทูรโตว เตสํ ทูรีกรณตฺถํ เตน เวณุทณฺเฑน สฺํ กโรนฺโต. อถ ทิฏฺมงฺคลิกา ‘‘อุสฺสรถ อุสฺสรถา’’ติ อุสฺสารณํ กโรนฺเตหิ อตฺตโน ปุริเสหิ นียมานา นครทฺวารมชฺเฌ มาตงฺคํ ทิสฺวา ‘‘โก เอโส’’ติ อาห. ‘‘อยฺเย, มาตงฺคจณฺฑาโล’’ติ ¶ จ วุตฺเต ‘‘อีทิสํ ทิสฺวา คตานํ กุโต วุฑฺฒี’’ติ ยานํ นิวตฺตาเปสิ. มนุสฺสา ‘‘ยํ มยํ อุยฺยานํ คนฺตฺวา พหุํ ขชฺชโภชฺชาทึ ลเภยฺยาม, ตสฺส โน มาตงฺเคน ¶ อนฺตราโย กโต’’ติ กุปิตา ‘‘คณฺหถ, จณฺฑาล’’นฺติ เลฑฺฑูหิ ปหริตฺวา วิสฺีภูตํ ปาเตตฺวา อคมํสุ.
โส น จิเรเนว สตึ ปฏิลภิตฺวา วุฏฺาย มนุสฺเส ปุจฺฉิ – ‘‘กึ, อยฺยา, ทฺวารํ นาม สพฺพสาธารณํ, อุทาหุ พฺราหฺมณานํ เอว กต’’นฺติ? ‘‘สพฺเพสํ สาธารณ’’นฺติ. ‘‘เอวํ สพฺพสาธารณทฺวาเร เอกมนฺตํ อปกฺกมนฺตํ มํ ทิฏฺมงฺคลิกาย มนุสฺสา อิมํ อนยพฺยสนํ ปาเปสุ’’นฺติ รถิกาย มนุสฺสานํ อาโรเจตฺวา ‘‘หนฺทาหํ อิมิสฺสา มานํ ภินฺทิสฺสามี’’ติ ตสฺสา นิเวสนทฺวารํ คนฺตฺวา ‘‘อหํ ทิฏฺมงฺคลิกํ อลทฺธา น วุฏฺหิสฺสามี’’ติ นิปชฺชิ. ทิฏฺมงฺคลิกาย ปิตา ‘‘ฆรทฺวาเร มาตงฺโค นิปนฺโน’’ติ สุตฺวา ‘‘ตสฺส กากณิกํ เทถ, เตเลน สรีรํ มกฺเขตฺวา คจฺฉตู’’ติ อาห. โส ‘‘ทิฏฺมงฺคลิกํ อลทฺธา น อุฏฺหิสฺสามิ’’จฺเจว อาห. ตโต พฺราหฺมเณน – ‘‘ทฺเว กากณิเก เทถ, มาสกํ ปาทํ กหาปณํ ทฺเว ตีณิ ยาว กหาปณสตํ กหาปณสหสฺสํ เทถา’’ติ วุตฺเตปิ น สมฺปฏิจฺฉติ เอว. เอวํ เตสํ มนฺเตนฺตานํ เอว สูริโย อตฺถงฺคโต.
อถ ทิฏฺมงฺคลิกาย มาตา ปาสาทา โอรุยฺห สาณิปาการํ ปริกฺขิปาเปตฺวา ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ตาต, มาตงฺค ¶ , ทิฏฺมงฺคลิกาย อปราธํ ขม, ทฺเว สหสฺสานิ คณฺหาหิ ยาว สตสหสฺสํ คณฺหาหี’’ติ วุตฺเตปิ น สมฺปฏิจฺฉิ, นิปชฺชิ เอว. ตสฺเสวํ ฉ ทิวเส นิปชฺชิตฺวา สตฺตเม ทิวเส สมฺปตฺเต สมนฺตา สามนฺตฆรา ปฏิวิสกฆรา จ มนุสฺสา อุฏฺหิตฺวา ‘‘ตุมฺเห มาตงฺคํ วา อุฏฺาเปถ, ทาริกํ วา เทถ, มา อมฺเห นาสยิตฺถา’’ติ อาหํสุ. ตทา กิร อยํ ตสฺมึ เทเส เทสธมฺโม ‘‘ยสฺส ฆรทฺวาเร เอวํ นิปชฺชิตฺวา จณฺฑาโล มรติ, เตน ฆเรน สทฺธึ สตฺตสตฺตฆรวาสิโน จณฺฑาลา โหนฺตี’’ติ.
ตโต ทิฏฺมงฺคลิกาย มาตาปิตโร ทิฏฺมงฺคลิกํ ปฏปิโลติกํ นิวาสาเปตฺวา จณฺฑาลานุจฺฉวิกํ ปริกฺขารํ ทตฺวา ปริเทวมานํ เอว ตสฺส สนฺติกํ เนตฺวา ‘‘หนฺท, ทานิ ทาริกํ อุฏฺาย คณฺหาหี’’ติ อทํสุ. สา ปสฺเส ตฺวา ‘‘อุฏฺาหี’’ติ อาห. โส ‘‘อหํ อติวิย กิลนฺโต, หตฺเถ คเหตฺวา มํ อุฏฺาเปหี’’ติ อาห. สา ตถา อกาสิ. มาตงฺโค ‘‘มยํ อนฺโตนคเร วสิตุํ น ลภาม, เอหิ, พหินคเร จณฺฑาลคามํ คมิสฺสามา’’ติ ตํ อปสฺสาย อตฺตโน เคหํ อคมาสิ. ‘‘ตสฺสา ปิฏฺึ อภิรุหิตฺวา’’ติ ชาตกภาณกา วทนฺติ.
เอวํ ¶ ¶ ปน เคหํ คนฺตฺวา ชาติสมฺเภทวีติกฺกมํ อกตฺวาว กติปาหํ เคเห วสิตฺวา พลํ คเหตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ อิมํ พฺราหฺมณมหาสาลกฺํ มยฺหํ จณฺฑาลเคเห วาสาเปสึ, หนฺท, ทานิ ตํ ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตํ กริสฺสามี’’ติ. โส อรฺํ ปวิสิตฺวา ปพฺพชิตฺวา สตฺตาหพฺภนฺตเรเยว อฏฺ สมาปตฺติโย ปฺจาภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา อิทฺธิยา จณฺฑาลคามทฺวาเร โอตริตฺวา เคหทฺวาเร ิโต ทิฏฺมงฺคลิกํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สามิ, กิสฺส มํ อนาถํ กตฺวา ปพฺพชิโตสี’’ติ ปริเทวมานํ ‘‘ตฺวํ, ภทฺเท, มา จินฺตยิ, ตว โปราณกยสโต อิทานิ มหนฺตตรํ ยสํ กริสฺสามิ, ตฺวํ ปน ‘มหาพฺรหฺมา เม สามิโก ¶ , น มาตงฺโค, โส พฺรหฺมโลกํ คโต, อิโต สตฺตเม ทิวเส ปุณฺณมาย จนฺทมณฺฑลํ ภินฺทิตฺวา อาคมิสฺสตี’ติ ปริสาสุ วเทยฺยาสี’’ติ วตฺวา หิมวนฺตเมว คโต.
ทิฏฺมงฺคลิกาปิ พาราณสิยํ มหาชนมชฺเฌ เตสุ เตสุ าเนสุ ตถา กเถสิ. อถ ปุณฺณมทิวเส โพธิสตฺโต จนฺทมณฺฑลสฺส คคนมชฺเฌ ิตกาเล พฺรหฺมตฺตภาวํ มาเปตฺวา จนฺทมณฺฑลํ ภินฺทิตฺวา ทฺวาทสโยชนิกํ พาราณสึ สกลํ กาสิรฏฺฺจ เอโกภาสํ กตฺวา อากาสโต โอตริตฺวา พาราณสิยา อุปริ ติกฺขตฺตุํ ปริพฺภมิตฺวา มหาชเนน คนฺธมาลาทีหิ ปูชิยมาโน จณฺฑาลคามาภิมุโข อโหสิ. พฺรหฺมภตฺตา สนฺนิปติตฺวา ตํ จณฺฑาลคามกํ คนฺตฺวา ทิฏฺมงฺคลิกาย เคหํ สุทฺธวตฺถคนฺธมาลาทีหิ เทววิมานํ วิย อลงฺกรึสุ. ทิฏฺมงฺคลิกา จ ตทา อุตุนี โหติ. มหาสตฺโต ตตฺถ คนฺตฺวา ทิฏฺมงฺคลิกํ องฺคุฏฺเน นาภิยํ ปรามสิตฺวา ‘‘ภทฺเท, คพฺโภ เต ปติฏฺิโต, ตฺวํ ปุตฺตํ วิชายิสฺสสิ, ตฺวมฺปิ ปุตฺโตปิ เต ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตา ภวิสฺสถ, ตว สีสโธวนอุทกํ สกลชมฺพุทีเป ราชูนํ อภิเสโกทกํ ภวิสฺสติ, นฺหาโนทกํ ปน เต อมโตทกํ ภวิสฺสติ, เย นํ สีเส อาสิฺจิสฺสนฺติ, เต สพฺพโรเคหิ มุจฺจิสฺสนฺติ, กาฬกณฺณิยา จ ปริมุจฺจิสฺสนฺติ, ตว ปาทปิฏฺเ สีสํ เปตฺวา วนฺทนฺตา สหสฺสํ ทสฺสนฺติ, กถาสวนฏฺาเน ตฺวา วนฺทนฺตา สตํ ทสฺสนฺติ, จกฺขุปเถ ตฺวา วนฺทนฺตา เอเกกํ กหาปณํ ทตฺวา วนฺทิสฺสนฺติ, อปฺปมตฺตา โหหี’’ติ ตํ โอวทิตฺวา เคหา นิกฺขมฺม มหาชนสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว จนฺทมณฺฑลํ ปาวิสิ.
พฺรหฺมภตฺตา ¶ สนฺนิปติตฺวา ทิฏฺมงฺคลิกํ มหนฺเตน ¶ สกฺกาเรน นครํ ปเวเสตฺวา มหนฺเตน สิริโสภคฺเคน ตตฺถ วสาเปสุํ. เทววิมานสทิสฺจสฺสา นิเวสนํ กาเรสุํ. ตตฺถ เนตฺวา อุฬารํ ลาภสกฺการํ อุปนาเมสุํ. ปุตฺตลาภาทิ สพฺโพ โพธิสตฺเตน วุตฺตสทิโสว อโหสิ. โสฬสสหสฺสา พฺราหฺมณา ทิฏฺมงฺคลิกาย ปุตฺเตน สห นิพทฺธํ ภฺุชนฺติ, สหสฺสมตฺตา นํ ปริวาเรนฺติ, อเนกสหสฺสานํ ทานํ ทียติ. อถ มหาสตฺโต ‘‘อยํ อฏฺาเน อภิปฺปสนฺโน, หนฺทสฺส ¶ ทกฺขิเณยฺเย ชานาเปสฺสามี’’ติ ภิกฺขาย จรนฺโต ตสฺสา เคหํ คนฺตฺวา เตน สทฺธึ สลฺลปิตฺวา อคมาสิ. อถ กุมาโร คาถมาห –
‘‘กุโต นุ อาคจฺฉสิ ทุมฺมวาสี, โอตลฺลโก ปํสุปิสาจโกว;
สงฺการโจฬํ ปฏิมฺุจ กณฺเ, โก เร ตุวํ โหสิ อทกฺขิเณยฺโย’’ติ. (ชา. ๑.๑๕.๑);
เตน วุตฺตํ อนาจารํ อสหมานา เทวตา ตสฺส เตสฺจ โสฬสสหสฺสานํ พฺราหฺมณานํ มุขํ วิปริวตฺเตสุํ. ตํ ทิสฺวา ทิฏฺมงฺคลิกา มหาสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. โพธิสตฺโต ‘‘ตสฺส อนาจารํ อสหนฺเตหิ ยกฺเขหิ โส วิปฺปกาโร กโต, อปิ จ โข ปน อิมํ อุจฺฉิฏฺปิณฺฑกํ เตสํ มุเข อาสิฺจิตฺวา ตํ วิปฺปการํ วูปสเมหี’’ติ อาห. สาปิ ตถา กตฺวา ตํ วูปสเมสิ. อถ ทิฏฺมงฺคลิกา ปุตฺตํ อาห – ‘‘ตาต, อิมสฺมึ โลเก ทกฺขิเณยฺยา นาม มาตงฺคปณฺฑิตสทิสา ภวนฺติ, น อิเม พฺราหฺมณา วิย ชาติมตฺเตน, มนฺตสชฺฌายนมตฺเตน วา มานตฺถทฺธา’’ติ วตฺวา เย ตทา สีลาทิคุณวิเสสยุตฺตา ฌานสมาปตฺติลาภิโน เจว ปจฺเจกพุทฺธา จ, ตตฺเถวสฺส ปสาทํ อุปฺปาเทสีติ.
ตทา เวตฺตวตีนคเร ชาติมนฺโต นาม เอโก พฺราหฺมโณ ปพฺพชิตฺวาปิ ชาตึ นิสฺสาย มหนฺตํ มานมกาสิ. มหาสตฺโต ‘‘ตสฺส มานํ ภินฺทิสฺสามี’’ติ ตํ านํ คนฺตฺวา ตสฺสาสนฺเน อุปริโสเต วาสํ กปฺเปสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘อหฺจ พฺราหฺมโณ เอโก, คงฺคากูเล วสามุโภ;
อหํ วสามิ อุปริ, เหฏฺา วสติ พฺราหฺมโณ’’ติ.
อถ ¶ ¶ มหาสตฺโต เอกทิวสํ ทนฺตกฏฺํ ขาทิตฺวา ‘‘อิทํ ชาติมนฺตสฺส ชฏาสุ ลคฺคตู’’ติ อธิฏฺาย นทิยํ ปาเตสิ. ตํ ตสฺส อุทกํ อาจเมนฺตสฺส ชฏาสุ ลคฺคิ, โส ตํ ทิสฺวา ‘‘นสฺส วสลา’’ติ วตฺวา ‘‘กุโตยํ กาฬกณฺณี อาคโต, อุปธาเรสฺสามิ น’’นฺติ อุทฺธํโสตํ คจฺฉนฺโต มหาสตฺตํ ทิสฺวา ‘‘กึชาติโกสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘จณฺฑาโลสฺมี’’ติ. ‘‘ตยา นทิยํ ทนฺตกฏฺํ ปาติต’’นฺติ? ‘‘อาม, มยา’’ติ. ‘‘นสฺส, วสล, จณฺฑาล, กาฬกณฺณิ, มา อิธ วสิ, เหฏฺาโสเต วสา’’ติ วตฺวา เหฏฺาโสเต วสนฺเตนปิ ปาติเต ทนฺตกฏฺเ ปฏิโสตํ อาคนฺตฺวา ¶ ชฏาสุ ลคฺคนฺเต ‘‘นสฺส, วสล, สเจ อิธ วสิสฺสสิ, สตฺตเม ทิวเส สตฺตธา เต มุทฺธา ผลิสฺสตี’’ติ อาห. เตน วุตฺตํ –
‘‘วิจรนฺโต อนุกูลมฺหิ, อุทฺธํ เม อสฺสมทฺทส;
ตตฺถ มํ ปริภาเสตฺวา, อภิสปิ มุทฺธผาลน’’นฺติ.
ตตฺถ วิจรนฺโต อนุกูลมฺหีติ อุจฺฉิฏฺทนฺตกฏฺเ อตฺตโน ชฏาสุ ลคฺเค ตสฺส อาคมนคเวสนวเสน คงฺคาย ตีเร อนุวิจรนฺโต. อุทฺธํ เม อสฺสมทฺทสาติ อตฺตโน วสนฏฺานโต อุปริโสเต มม อสฺสมํ ปณฺณสาลํ อทฺทกฺขิ. ตตฺถ มํ ปริภาเสตฺวาติ มม อสฺสมํ อาคนฺตฺวา ชาตึ สุตฺวา ตโตว ปฏิกฺกมิตฺวา สวนูปจาเร ตฺวา ‘‘นสฺส, วสล จณฺฑาล, กาฬกณฺณิ มา อิธ วสี’’ติอาทีนิ วตฺวา ภเยน สนฺตชฺเชตฺวา. อภิสปิ มุทฺธผาลนนฺติ ‘‘สเจ ชีวิตุกาโมสิ, เอตฺโตว สีฆํ ปลายสฺสู’’ติ วตฺวา ‘‘สเจ น ปกฺกมิสฺสติ, อิโต เต สตฺตเม ทิวเส สตฺตธา มุทฺธา ผลตู’’ติ เม อภิสปํ อทาสิ.
กึ ปน ตสฺส อภิสเปน มุทฺธา ผลตีติ? น ผลติ, กุหโก ปน โส, เอวมยํ มรณภยตชฺชิโต สุทูรํ ปกฺกมิสฺสตีติ สฺาย สนฺตาสนตฺถํ ตถา อาห.
๖๓. ยทิหํ ตสฺส ปกุปฺเปยฺยนฺติ ตสฺส มานตฺถทฺธสฺส กูฏชฏิลสฺส อหํ ยทิ กุชฺเฌยฺยํ. ยทิ สีลํ น โคปเยติ สีลํ ยทิ น รกฺเขยฺยํ, อิทํ สีลํ นาม ชีวิตนิรเปกฺขํ สมฺมเทว รกฺขิตพฺพนฺติ ยทิ น จินฺเตยฺยนฺติ อตฺโถ. โอโลเกตฺวานหํ ตสฺส, กเรยฺยํ ฉาริกํ วิยาติ สจาหํ ตทา ตสฺส อปฺปตีโต อภวิสฺสํ ¶ . มม จิตฺตาจารํ ตฺวา มยิ อภิปฺปสนฺนา เทวตา ขเณเนว ตํ ภสฺมมุฏฺึ วิย วิทฺธํเสยฺยุนฺติ อธิปฺปาโย. สตฺถา ปน ¶ ตทา อตฺตโน อปฺปตีตภาเว สติ เทวตาหิ สาเธตพฺพํ ตสฺส อนตฺถํ อตฺตนา กตฺตพฺพํ วิย กตฺวา เทเสสิ ‘‘กเรยฺยํ ฉาริกํ วิยา’’ติ.
วิตณฺฑวาที ปนาห – ‘‘โพธิสตฺโตว ตํ ชฏิลํ อิจฺฉมาโน อิทฺธิยา ฉาริกํ กเรยฺย, เอวฺหิ สติ อิมิสฺสา ปาฬิยา อตฺโถ อุชุกเมว นีโต โหตี’’ติ. โส เอวมสฺส วจนีโย – ‘‘ตฺวํ อิทฺธิยา ปรูปฆาตํ วทสิ, อิทฺธิ นาเมสา อธิฏฺานา อิทฺธิ, วิกุพฺพนา อิทฺธิ, มโนมยา อิทฺธิ, าณวิปฺผารา อิทฺธิ, สมาธิวิปฺผารา อิทฺธิ, อริยา อิทฺธิ, กมฺมวิปากชา อิทฺธิ, ปฺุวโต อิทฺธิ, วิชฺชามยา อิทฺธิ, ตตฺถ ตตฺถ สมฺมาปโยคปฺปจฺจยา อิชฺฌนฏฺเน ¶ อิทฺธีติ ทสวิธา. ตตฺถ ‘‘กตรํ อิทฺธึ วเทสี’’ติ? ‘‘ภาวนามย’’นฺติ. ‘‘กึ ปน ภาวนามยาย ปรูปฆาตกมฺมํ โหตี’’ติ? อาม, เอกจฺเจ อาจริยา ‘‘เอกวารํ โหตี’’ติ วทนฺติ, ยถา หิ ปรํ ปหริตุกาเมน อุทกภริเต ฆเฏ ขิตฺเต ปโรปิ ปหรียติ, ฆโฏปิ ภิชฺชติ, เอวเมว ภาวนามยาย อิทฺธิยา เอกวารํ ปรูปฆาตกมฺมํ โหติ, ตโต ปฏฺาย ปน สา นสฺสติ.
อถ โส ‘‘ภาวนามยาย อิทฺธิยา เนว เอกวารํ น ทฺเววารํ ปรูปฆาตกมฺมํ โหตี’’ติ วตฺวา ปุจฺฉิตพฺโพ ‘‘กึ ภาวนามยา อิทฺธิ กุสลา อกุสลา อพฺยากตา, สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตา ทุกฺขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตา อทุกฺขมสุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตา, สวิตกฺกสวิจารา อวิตกฺกวิจารมตฺตา อวิตกฺกอวิจารา, กามาวจรา รูปาวจรา อรูปาวจรา’’ติ? ชานนฺโต ‘‘ภาวนามยา อิทฺธิ กุสลา อพฺยากตา วา อทุกฺขมสุขเวทนิยา อวิตกฺกอวิจารา รูปาวจรา จา’’ติ วกฺขติ. โส วตฺตพฺโพ ‘‘ปาณาติปาตเจตนา กุสลาทีสุ กตรํ โกฏฺาสํ ภชตี’’ติ? ชานนฺโต วกฺขติ ‘‘ปาณาติปาตเจตนา อกุสลาว ทุกฺขเวทนาว สวิตกฺกสวิจาราว กามาวจราวา’’ติ. เอวํ สนฺเต ‘‘ตว ปฺโห เนว กุสลตฺติเกน สเมติ, น เวทนาตฺติเกน น วิตกฺกตฺติเกน น ภูมนฺตเรนา’’ติ ปาฬิยา วิโรธํ ¶ ทสฺเสตฺวา สฺาเปตพฺโพ. ยทิ ปน โส ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปตฺโต อฺิสฺสา กุจฺฉิคตํ คพฺภํ ปาปเกน มนสานุเปกฺขิตา โหติ ‘อโห วต ยํ ตํ กุจฺฉิคตํ คพฺภํ น โสตฺถินา อภินิกฺขเมยฺยา’ติ. เอวมฺปิ, ภิกฺขเว, กุลุมฺปสฺส อุปฆาโต โหตี’’ติ ¶ สงฺคีตึ อนารุฬฺหํ กุลุมฺปสุตฺตํ อุทาหเรยฺย. ตสฺสาปิ ‘‘ตฺวํ อตฺถํ น ชานาสิ. อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปตฺโตติ หิ เอตฺถ น ภาวนามยา อิทฺธิ อธิปฺเปตา, อาถพฺพนิกา อิทฺธิ อธิปฺเปตา. สา หิ เอตฺถ ลพฺภมานา ลพฺภตีติ ภาวนามยาย อิทฺธิยา ปรูปฆาโต น สมฺภวติเยวา’’ติ สฺาเปตพฺโพ. โน เจ สฺตฺตึ อุเปติ, กมฺมํ กตฺวา อุยฺโยเชตพฺโพ. ตสฺมา ยถาวุตฺตนเยเนเวตฺถ คาถาย อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ตถา ปน เตน อภิสปิโต มหาสตฺโต ‘‘สจาหํ เอตสฺส กุชฺฌิสฺสามิ, สีลํ เม อรกฺขิตํ ภวิสฺสติ, อุปาเยเนวสฺส มานํ ภินฺทิสฺสามิ, สา จสฺส รกฺขา ภวิสฺสตี’’ติ สตฺตเม ทิวเส สูริยุคฺคมนํ วาเรสิ. มนุสฺสา สูริยสฺส อนุคฺคมเนน อุพฺพาฬฺหา ชาติมนฺตตาปสํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห สูริยสฺส อุคฺคนฺตุํ น เทถา’’ติ ปุจฺฉึสุ. โส ‘‘น เมตํ กมฺมํ, คงฺคาตีเร ปน เอโก จณฺฑาลตาปโส วสติ, ตสฺเสตํ กมฺมํ สิยา’’ติ อาห ¶ . มนุสฺสา มหาสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห สูริยสฺส อุคฺคนฺตุํ น เทถา’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘อามาวุโส’’ติ. ‘‘กึการณา’’ติ? ‘‘ตุมฺหากํ กุลูปกตาปโส มํ นิรปราธํ อภิสปิ, ตสฺมึ อาคนฺตฺวา ขมาปนตฺถํ มม ปาเทสุ ปติเต สูริยํ วิสฺสชฺเชสฺสามี’’ติ. เต คนฺตฺวา ตํ อากฑฺฒนฺตา อาเนตฺวา มหาสตฺตสฺส ปาทมูเล นิปชฺชาเปตฺวา ขมาเปตฺวา ‘‘สูริยํ วิสฺสชฺเชถ, ภนฺเต’’ติ อาหํสุ. ‘‘น สกฺกา วิสฺสชฺเชตุํ, สจาหํ วิสฺสชฺเชสฺสามิ, อิมสฺส สตฺตธา มุทฺธา ผลิสฺสตี’’ติ. ‘‘อถ, ภนฺเต, กึ กโรมา’’ติ. มหาสตฺโต ‘‘มตฺติกาปิณฺฑํ อาหรถา’’ติ อาหราเปตฺวา ‘‘อิมํ ตาปสสฺส สีเส เปตฺวา ตาปสํ โอตาเรตฺวา อุทเก เปถ, ยทา สูริโย ทิสฺสติ, ตทา ตาปโส อุทเก นิมุชฺชตู’’ติ วตฺวา สูริยํ วิสฺสชฺเชสิ. สูริยรสฺมีหิ ผุฏฺมตฺเตว มตฺติกาปิณฺโฑ สตฺตธา ภิชฺชิ. ตาปโส อุทเก นิมุชฺชิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ยํ ¶ โส ตทา มํ อภิสปิ, กุปิโต ทุฏฺมานโส;
ตสฺเสว มตฺถเก นิปติ, โยเคน ตํ ปโมจยิ’’นฺติ.
ตตฺถ ยํ โส ตทา มํ อภิสปีติ โส ชาติมนฺตชฏิโล ยํ มุทฺธผาลนํ สนฺธาย ตทา มํ อภิสปิ, มยฺหํ สปํ อทาสิ. ตสฺเสว มตฺถเก ¶ นิปตีติ ตํ มยฺหํ อุปริ เตน อิจฺฉิตํ ตสฺเสว ปน อุปริ นิปติ นิปตนภาเวน อฏฺาสิ. เอวฺเหตํ โหติ ยถา ตํ อปฺปทุฏฺสฺส ปทุสฺสโต. วุตฺตฺเหตํ ภควตา – ‘‘โย อปฺปทุฏฺสฺส นรสฺส ทุสฺสติ…เป… ปฏิวาตํว ขิตฺโต’’ติ (ธ. ป. ๑๒๕; สุ. นิ. ๖๖๗; ชา. ๑.๕.๙๔). โยเคน ตํ ปโมจยินฺติ ตํ ตสฺส ภาสิตํ มตฺถกผาลนํ อุปาเยน ตโต ปโมเจสึ, ตํ วา ชฏิลํ ตโต ปโมเจสึ, เยน อุปาเยน ตํ น โหติ, ตถา อกาสินฺติ อตฺโถ.
ยฺหิ เตน ปารมิตาปริภาวนสมิทฺธาหิ นานาสมาปตฺติวิหารปริปูริตาหิ สีลทิฏฺิสมฺปทาหิ สุสงฺขตสนฺตาเน มหากรุณาธิวาเส มหาสตฺเต อริยูปวาทกมฺมํ อภิสปสงฺขาตํ ผรุสวจนํ ปยุตฺตํ, ตํ มหาสตฺตสฺส เขตฺตวิเสสภาวโต ตสฺส จ อชฺฌาสยผรุสตาย ทิฏฺธมฺมเวทนียํ หุตฺวา สเจ โส มหาสตฺตํ น ขมาเปสิ, สตฺตเม ทิวเส วิปจฺจนสภาวํ ชาตํ, ขมาปิเต ปน มหาสตฺเต ปโยคสมฺปตฺติปฏิพาหิตตฺตา อวิปากธมฺมตํ อาปชฺชิ อโหสิกมฺมภาวโต. อยฺหิ อริยูปวาทปาปสฺส ทิฏฺธมฺมเวทนียสฺส จ ธมฺมตา. ตตฺถ ยํ สตฺตเม ทิวเส โพธิสตฺเตน สูริยุคฺคมนนิวารณํ กตํ, อยเมตฺถ โยโคติ อธิปฺเปโต อุปาโย. เตน หิ อุพฺพาฬฺหา มนุสฺสา โพธิสตฺตสฺส สนฺติเก ตาปสํ อาเนตฺวา ขมาเปสุํ. โสปิ จ มหาสตฺตสฺส ¶ คุเณ ชานิตฺวา ตสฺมึ จิตฺตํ ปสาเทสีติ เวทิตพฺพํ. ยํ ปนสฺส มตฺถเก มตฺติกาปิณฺฑสฺส ปนํ, ตสฺส จ สตฺตธา ผาลนํ กตํ, ตํ มนุสฺสานํ จิตฺตานุรกฺขณตฺถํ, อฺถา หิ อิเม ปพฺพชิตาปิ สมานา จิตฺตสฺส วเส วตฺตนฺติ, น ปน จิตฺตํ อตฺตโน วเส วตฺตาเปนฺตีติ มหาสตฺตมฺปิ ¶ เตน สทิสํ กตฺวา คณฺเหยฺยุํ. ตทสฺส เนสํ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายาติ.
๖๕. อิทานิ ยทตฺถํ ตทา ตสฺมึ ตาปเส จิตฺตํ อทูเสตฺวา สุปริสุทฺธํ สีลเมว รกฺขิตํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อนุรกฺขึ มม สีล’’นฺติ โอสานคาถมาห. ตํ เหฏฺา วุตฺตตฺถเมว.
ตทา มณฺฑพฺโย อุเทโน, มาตงฺโค โลกนาโถ.
อิธาปิ เสสปารมิโย นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา นิหีนชาติกสฺส สโต ยถาธิปฺปายํ ทิฏฺมงฺคลิกาย มานนิคฺคโห, ปพฺพชิตฺวา ‘‘ทิฏฺมงฺคลิกาย อวสฺสโย ¶ ภวิสฺสามี’’ติ อุปฺปนฺนจิตฺโต อรฺํ คนฺตฺวา ปพฺพชิตฺวา สตฺตทิวสพฺภนฺตเรเยว ยถาธิปฺปายํ ฌานาภิฺานิพฺพตฺตนํ, ตโต อาคนฺตฺวา ทิฏฺมงฺคลิกาย ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺติยา อุปายสมฺปาทนํ, มณฺฑพฺยกุมารสฺส มานนิคฺคโห, ชาติมนฺตตาปสสฺส มานนิคฺคโห, ตสฺส จ อชานนฺตสฺเสว ภาวิโน ชีวิตนฺตรายสฺส อปนยนํ, มหาปราธสฺสาปิ ตสฺส อกุชฺฌิตฺวา อตฺตโน สีลานุรกฺขณํ, อจฺฉริยพฺภุตปาฏิหาริยกรณนฺติ เอวมาทโย มหาสตฺตสฺส คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพา.
มาตงฺคจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ธมฺมเทวปุตฺตจริยาวณฺณนา
๖๖. อฏฺเม มหาปกฺโขติ มหาปริวาโร. มหิทฺธิโกติ มหติยา เทวิทฺธิยา สมนฺนาคโต. ธมฺโม นาม มหายกฺโขติ นาเมน ธมฺโม นาม มหานุภาโว เทวปุตฺโต. สพฺพโลกานุกมฺปโกติ วิภาคํ อกตฺวา มหากรุณาย สพฺพโลกํ อนุคฺคณฺหนโก.
มหาสตฺโต หิ ตทา กามาวจรเทวโลเก ธมฺโม นาม เทวปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. โส ทิพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิโต ¶ ทิพฺพรถมภิรุยฺห อจฺฉราคณปริวุโต มนุสฺเสสุ สายมาสํ ภฺุชิตฺวา อตฺตโน อตฺตโน ฆรทฺวาเรสุ สุขกถาย ¶ นิสินฺเนสุ ปุณฺณมุโปสถทิวเส คามนิคมราชธานีสุ อากาเส ตฺวา ‘‘ปาณาติปาตาทีหิ ทสหิ อกุสลกมฺมปเถหิ วิรมิตฺวา ติวิธสุจริตธมฺมํ ปูเรถ, มตฺเตยฺยา เปตฺเตยฺยา สามฺา พฺรหฺมฺา กุเล เชฏฺาปจายิโน ภวถ, สคฺคปรายนา หุตฺวา มหนฺตํ ยสํ อนุภวิสฺสถา’’ติ มนุสฺเส ทสกุสลกมฺมปเถ สมาทเปนฺโต ชมฺพุทีปํ ปทกฺขิณํ กโรติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ทสกุสลกมฺมปเถ, สมาทเปนฺโต มหาชนํ;
จรามิ คามนิคมํ, สมิตฺโต สปริชฺชโน’’ติ.
ตตฺถ สมิตฺโตติ ธมฺมิเกหิ ธมฺมวาทีหิ สหาเยหิ สสหาโย.
เตน ¶ จ สมเยน อธมฺโม นาเมโก เทวปุตฺโต กามาวจรเทวโลเก นิพฺพตฺติ. ‘‘โส ปาณํ หนถ, อทินฺนํ อาทิยถา’’ติอาทินา นเยน สตฺเต อกุสลกมฺมปเถ สมาทเปนฺโต มหติยา ปริสาย ปริวุโต ชมฺพุทีปํ วามํ กโรติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ปาโป กทริโย ยกฺโข, ทีเปนฺโต ทส ปาปเก;
โสเปตฺถ มหิยา จรติ, สมิตฺโต สปริชฺชโน’’ติ.
ตตฺถ ปาโปติ ปาปธมฺเมหิ สมนฺนาคโต. กทริโยติ ถทฺธมจฺฉรี. ยกฺโขติ เทวปุตฺโต. ทีเปนฺโต ทส ปาปเกติ สพฺพโลเก โคจรํ นาม สตฺตานํ อุปโภคปริโภคาย ชาตํ. ตสฺมา สตฺเต วธิตฺวา ยํกิฺจิ กตฺวา จ อตฺตา ปีเณตพฺโพ, อินฺทฺริยานิ สนฺตปฺเปตพฺพานีติอาทินา นเยน ปาณาติปาตาทิเก ทส ลามกธมฺเม กตฺตพฺเพ กตฺวา ปกาเสนฺโต. โสเปตฺถาติ โสปิ อธมฺโม เทวปุตฺโต อิมสฺมึ ชมฺพุทีเป. มหิยาติ ภูมิยา อาสนฺเน, มนุสฺสานํ ทสฺสนสวนูปจาเรติ อตฺโถ.
๖๙. ตตฺถ เย สตฺตา สาธุกมฺมิกา ธมฺมครุโน, เต ธมฺมํ เทวปุตฺตํ ตถา อาคจฺฉนฺตเมว ทิสฺวา อาสนา วุฏฺาย คนฺธมาลาทีหิ ปูเชนฺตา ยาว จกฺขุปถสมติกฺกมนา ตาว อภิตฺถวนฺติ ¶ , ปฺชลิกา นมสฺสมานา ติฏฺนฺติ, ตสฺส วจนํ สุตฺวา อปฺปมตฺตา สกฺกจฺจํ ปฺุานิ กโรนฺติ. เย ปน สตฺตา ปาปสมาจารา กุรูรกมฺมนฺตา, เต อธมฺมสฺส วจนํ สุตฺวา อพฺภนุโมทนฺติ ¶ , ภิยฺโยโสมตฺตาย ปาปานิ สมาจรนฺติ. เอวํ เต ตทา อฺมฺสฺส อุชุวิปจฺจนีกวาทา เจว อุชุวิปจฺจนีกกิริยา จ หุตฺวา โลเก วิจรนฺติ. เตนาห ภควา ‘‘ธมฺมวาที อธมฺโม จ, อุโภ ปจฺจนิกา มย’’นฺติ.
เอวํ ปน คจฺฉนฺเต กาเล อเถกทิวสํ เตสํ รถา อากาเส สมฺมุขา อเหสุํ. อถ เนสํ ปริสา ‘‘ตุมฺเห กสฺส, ตุมฺเห กสฺสา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘มยํ ธมฺมสฺส, มยํ อธมฺมสฺสา’’ติ วตฺวา มคฺคา โอกฺกมิตฺวา ทฺวิธา ชาตา. ธมฺมสฺส ปน อธมฺมสฺส จ รถา อภิมุขา หุตฺวา อีสาย อีสํ อาหจฺจ อฏฺํสุ. ‘‘ตว รถํ โอกฺกมาเปตฺวา มยฺหํ มคฺคํ เทหิ, ตว รถํ โอกฺกมาเปตฺวา มยฺหํ มคฺคํ เทหี’’ติ อฺมฺํ มคฺคทาปนตฺถํ วิวาทํ อกํสุ. ปริสา ¶ จ เนสํ อาวุธานิ อภิหริตฺวา ยุทฺธสชฺชา อเหสุํ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘ธุเร ธุรํ ฆฏฺฏยนฺตา, สมิมฺหา ปฏิปเถ อุโภ’’.
‘‘กลโห วตฺตตี เภสฺมา, กลฺยาณปาปกสฺส จ;
มคฺคา โอกฺกมนตฺถาย, มหายุทฺโธ อุปฏฺิโต’’ติ.
ตตฺถ ธุเร ธุรนฺติ เอกสฺส รถีสาย อิตรสฺส รถีสํ ฆฏฺฏยนฺตา. สมิมฺหาติ สมาคตา สมฺมุขีภูตา. ปุน อุโภติ วจนํ อุโภปิ มยํ อฺมฺสฺส ปจฺจนีกา หุตฺวา โลเก วิจรนฺตา เอกทิวสํ ปฏิมุขํ อาคจฺฉนฺตา ทฺวีสุ ปริสาสุ อุโภสุ ปสฺเสสุ มคฺคโต โอกฺกนฺตาสุ สห รเถน มยํ อุโภ เอว สมาคตาติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. เภสฺมาติ ภยชนโก. กลฺยาณปาปกสฺส จาติ กลฺยาณสฺส จ ปาปกสฺส จ. มหายุทฺโธ อุปฏฺิโตติ มหาสงฺคาโม ¶ ปจฺจุปฏฺิโต อาสิ.
อฺมฺสฺส หิ ปริสาย จ ยุชฺฌิตุกามตา ชาตา. ตตฺถ หิ ธมฺโม อธมฺมํ อาห – ‘‘สมฺม, ตฺวํ อธมฺโม, อหํ ธมฺโม, มคฺโค มยฺหํ อนุจฺฉวิโก, ตว รถํ โอกฺกมาเปตฺวา มยฺหํ มคฺคํ เทหี’’ติ. อิตโร ‘‘อหํ ทฬฺหยาโน พลวา อสนฺตาสี, ตสฺมา มคฺคํ น เทมิ, ยุทฺธํ ปน กริสฺสามิ, โย ยุทฺเธ ชินิสฺสติ, ตสฺส มคฺโค โหตู’’ติ อาห. เตเนวาห –
‘‘ยโสกโร ¶ ปฺุกโรหมสฺมิ, สทาตฺถุโต สมณพฺราหฺมณานํ;
มคฺคารโห เทวมนุสฺสปูชิโต, ธมฺโม อหํ เทหิ อธมฺม มคฺคํ.
‘‘อธมฺมยานํ ทฬฺหมารุหิตฺวา, อสนฺตสนฺโต พลวาหมสฺมิ;
ส กิสฺส เหตุมฺหิ ตวชฺช ทชฺชํ, มคฺคํ อหํ ธมฺม อทินฺนปุพฺพํ.
‘‘ธมฺโม ¶ หเว ปาตุรโหสิ ปุพฺเพ, ปจฺฉา อธมฺโม อุทปาทิ โลเก;
เชฏฺโ จ เสฏฺโ จ สนนฺตโน จ, อุยฺยาหิ เชฏฺสฺส กนิฏฺ มคฺคา.
‘‘น ยาจนาย นปิ ปาติรูปา, น อรหตา เตหํ ทเทยฺย มคฺคํ;
ยุทฺธฺจ โน โหตุ อุภินฺนมชฺช, ยุทฺธมฺหิ โย เชสฺสติ ตสฺส มคฺโค.
‘‘สพฺพา ทิสา อนุวิสโฏหมสฺมิ, มหพฺพโล อมิตยโส อตุลฺโย;
คุเณหิ สพฺเพหิ อุเปตรูโป, ธมฺโม อธมฺม ตฺวํ กถํ วิเชสฺสสิ.
‘‘โลเหน เว หฺติ ชาตรูปํ, น ชาตรูเปน หนนฺติ โลหํ;
สเจ อธมฺโม หฺฉติ ธมฺมมชฺช, อโย สุวณฺณํ วิย ทสฺสเนยฺยํ.
‘‘สเจ ¶ ตุวํ ยุทฺธพโล อธมฺม, น ตุยฺหํ วุฑฺฒา จ ครู จ อตฺถิ;
มคฺคฺจ เต ทมฺมิ ปิยาปฺปิเยน, วาจา ทุรุตฺตานิปิ เต ขมามี’’ติ. (ชา. ๑.๑๑.๒๖-๓๒);
อิมา หิ เตสํ วจนปฏิวจนกถา.
ตตฺถ ยโสกโรติ ธมฺเม นิโยชนวเสน เทวมนุสฺสานํ ยสทายโก. ทุติยปเทปิ เอเสว นโย. สทาตฺถุโตติ สทา ถุโต นิจฺจปฺปสตฺโถ. ส กิสฺส เหตุมฺหิ ตวชฺช ทชฺชนฺติ โสมฺหิ อหํ อธมฺโม อธมฺมยานรถํ อภิรุฬฺโห อภีโต พลวา, กึการณา อชฺช, โภ ธมฺม, กสฺสจิ อทินฺนปุพฺพํ มคฺคํ ตุยฺหํ ทมฺมิ. ปาตุรโหสีติ ปมกปฺปิกกาเล อิมสฺมึ โลเก ทสกุสลกมฺมปถธมฺโม ปุพฺเพ ปาตุรโหสิ, ปจฺฉา อธมฺโม. เชฏฺโ จาติ ปุเร นิพฺพตฺตภาเวน อหํ เชฏฺโ จ เสฏฺโ จ โปราณโก จ, ตฺวํ ปน กนิฏฺโ, ตสฺมา ‘‘มคฺคา อุยฺยาหี’’ติ วทติ.
นปิ ¶ ¶ ปาติรูปาติ อหฺหิ โภโต เนว ยาจนาย น ปฏิรูปวจเนน น มคฺคารหตาย มคฺคํ ทเทยฺยํ. อนุวิสโฏติ อหํ จตสฺโส ทิสา จตสฺโส อนุทิสาติ สพฺพา ทิสา อตฺตโน คุเณน ปตฺถโฏ ปฺาโต. โลเหนาติ อโยมุฏฺิเกน. หฺฉตีติ หนิสฺสติ. ยุทฺธพโล อธมฺมาติ สเจ ตุวํ ยุทฺธพโล อสิ อธมฺม. วุฑฺฒา จ ครู จาติ ยทิ ตุยฺหํ อิเม วุฑฺฒา อิเม ครู ปณฺฑิตาติ เอตํ นตฺถิ. ปิยาปฺปิเยนาติ ปิเยน วิย อปฺปิเยน, อปฺปิเยนปิ ททนฺโต (ชา. อฏฺ. ๔.๑๑.๓๒) ปิเยน วิย เต มคฺคํ ททามีติ อตฺโถ.
๗๑. มหาสตฺโต หิ ตทา จินฺเตสิ – ‘‘สจาหํ อิมํ ปาปปุคฺคลํ สพฺพโลกสฺส อหิตาย ปฏิปนฺนํ เอวํ มยา วิโลมคฺคาหํ คเหตฺวา ิตํ อจฺฉรํ ปหริตฺวา ‘อนาจาร มา อิธ ติฏฺ, สีฆํ ปฏิกฺกม วินสฺสา’ติ วเทยฺยํ, โส ตงฺขณฺเว มม ธมฺมเตเชน ภุสมุฏฺิ วิย วิกิเรยฺย, น โข ปน เมตํ ปติรูปํ, สฺวาหํ สพฺพโลกํ ¶ อนุกมฺปนฺโต ‘โลกตฺถจริยํ มตฺถกํ ปาเปสฺสามี’ติ ปฏิปชฺชามิ, อยํ โข ปน ปาโป อายตึ มหาทุกฺขภาคี, สฺวายํ มยา วิเสสโต อนุกมฺปิตพฺโพ, ตสฺมาสฺส มคฺคํ ทสฺสามิ, เอวํ เม สีลํ สุวิสุทฺธํ อขณฺฑิตํ ภวิสฺสตี’’ติ. เอวํ ปน จินฺเตตฺวา โพธิสตฺเต ‘‘สเจ ตุวํ ยุทฺธพโล’’ติ คาถํ วตฺวา โถกํ มคฺคโต โอกฺกนฺตมตฺเต เอว อธมฺโม รเถ าตุํ อสกฺโกนฺโต อวํสิโร ปถวิยํ ปติตฺวา ปถวิยา วิวเร ทินฺเน คนฺตฺวา อวีจิมฺหิ เอว นิพฺพตฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยทิหํ ตสฺส กุปฺเปยฺย’’นฺติอาทิ.
ตตฺถ ยทิหํ ตสฺส กุปฺเปยฺยนฺติ ตสฺส อธมฺมสฺส ยทิ อหํ กุชฺเฌยฺยํ. ยทิ ภินฺเท ตโปคุณนฺติ เตเนวสฺส กุชฺฌเนน มยฺหํ ตโปคุณํ สีลสํวรํ ยทิ วินาเสยฺยํ. สหปริชนํ ตสฺสาติ สปริชนํ ตํ อธมฺมํ. รชภูตนฺติ รชมิว ภูตํ, รชภาวํ ปตฺตํ อหํ กเรยฺยํ.
๗๒. อปิจาหนฺติ เอตฺถ อหนฺติ นิปาตมตฺตํ. สีลรกฺขายาติ สีลรกฺขณตฺถํ. นิพฺพาเปตฺวานาติ ปฏิกจฺเจว ขนฺติเมตฺตานุทฺทยสฺส อุปฏฺาปิตตฺตา ตสฺมึ อธมฺเม อุปฺปชฺชนกโกธสฺส อนุปฺปาทเนเนว โทสปริฬาหวูปสมเนน มานสํ วูปสเมตฺวา. สห ชเนโนกฺกมิตฺวาติ มยฺหํ ปริชเนน สทฺธึ มคฺคา โอกฺกมิตฺวา ตสฺส ปาปสฺส อธมฺมสฺส อหํ มคฺคํ อทาสึ.
๗๓. สห ¶ ปถโต โอกฺกนฺเตติ วุตฺตนเยน จิตฺตสฺส วูปสมํ กตฺวา ‘‘มคฺคํ เต ทมฺมี’’ติ จ วตฺวา โถกํ มคฺคโต สห โอกฺกมเนน. ปาปยกฺขสฺสาติ อธมฺมเทวปุตฺตสฺส. ตาวเทติ ตงฺขณํ ¶ เอว มหาปถวี วิวรมทาสิ. ชาตกฏฺกถายํ ปน ‘‘มคฺคฺจ เต ทมฺมี’’ติ คาถาย กถิตกฺขเณเยวาติ วุตฺตํ.
เอวํ ตสฺมึ ภูมิยํ ปติเต จตุนหุตาธิกทฺวิโยชนสตสหสฺสพหลา สกลํ วราวรํ ธาเรนฺตีปิ มหาปถวี ‘‘นาหมิมํ ปาปปุริสํ ธาเรมี’’ติ กเถนฺตี วิย เตน ิตฏฺาเน ทฺวิธา ภิชฺชิ. มหาสตฺโต ปน ตสฺมึ นิปติตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺเต รถธุเร ยถาิโตว สปริชโน มหตา เทวานุภาเวน คมนมคฺเคเนว คนฺตฺวา อตฺตโน ภวนํ ปาวิสิ. เตนาห ภควา –
‘‘ขนฺตีพโล ¶ ยุทฺธพลํ วิเชตฺวา, หนฺตฺวา อธมฺมํ นิหนิตฺว ภูมฺยา;
ปายาสิ วิตฺโต อภิรุยฺห สนฺทนํ, มคฺเคเนว อติพโล สจฺจนิกฺกโม’’ติ. (ชา. ๑.๑๑.๓๔);
ตทา อธมฺโม เทวทตฺโต อโหสิ, ตสฺส ปริสา เทวทตฺตปริสา, ธมฺโม โลกนาโถ, ตสฺส ปริสา พุทฺธปริสา.
อิธาปิ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เสสปารมิโย ยถารหํ นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา อิธาปิ ทิพฺเพหิ อายุวณฺณยสสุขอาธิปเตยฺเยหิ ทิพฺเพเหว อุฬาเรหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตสฺส สมงฺคีภูตสฺส อเนกสหสฺสสงฺขาหิ อจฺฉราหิ สพฺพกาลํ ปริจาริยมานสฺส มหติ ปมาทฏฺาเน ิตสฺส สโต อีสกมฺปิ ปมาทํ อนาปชฺชิตฺวา ‘‘โลกตฺถจริยํ มตฺถกํ ปาเปสฺสามี’’ติ มาเส มาเส ปุณฺณมิยํ ธมฺมํ ทีเปนฺโต สปริชโน มนุสฺสปเถ วิจริตฺวา มหากรุณาย สพฺพสตฺเต อธมฺมโต วิเวเจตฺวา ธมฺเม นิโยชนํ, อธมฺเมน สมาคโตปิ เตน กตํ อนาจารํ อคเณตฺวา ตตฺถ จิตฺตํ อโกเปตฺวา ขนฺติเมตฺตานุทฺทยเมว ปจฺจุปฏฺเปตฺวา อขณฺฑํ สุวิสุทฺธฺจ กตฺวา อตฺตโน สีลสฺส รกฺขณนฺติ เอวมาทโย มหาสตฺตสฺส คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพาติ.
ธมฺมเทวปุตฺตจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. อลีนสตฺตุจริยาวณฺณนา
๗๔. นวเม ¶ ปฺจาลรฏฺเติ เอวํนามเก ชนปเท. นครวเร, กปิลายนฺติ ‘‘กปิลา’’ติ เอวํลทฺธนาเม ¶ อุตฺตมนคเร. ‘‘นครวเร’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘ปุรุตฺตเม’’ติ วจนํ ตสฺมึ กาเล ชมฺพุทีเป สพฺพนครานํ ตสฺส นครสฺส อคฺคนครภาวทสฺสนตฺถํ. ชยทฺทิโส นามาติ รฺา อตฺตโน ปจฺจตฺถิเก ชิเต ชาโต, อตฺตโน วา ปจฺจามิตฺตภูตํ ยกฺขินีสงฺขาตํ ชยทฺทิสํ ชิโตติ เอวํลทฺธนาโม. สีลคุณมุปาคโตติ อาจารสีลฺเจว อุสฺสาหสมฺปตฺติยาทิราชคุณฺจ ¶ อุปาคโต, เตน สมนฺนาคโตติ อตฺโถ.
๗๕. ตสฺส รฺโติ ชยทฺทิสราชสฺส, อหํ ปุตฺโต อโหสินฺติ วจนเสโส. สุตธมฺโมติ ยาวตา ราชปุตฺเตน โสตพฺพธมฺโม นาม, ตสฺส สพฺพสฺส สุตตฺตา สุตธมฺโม, พหุสฺสุโตติ อตฺโถ. อถ วา สุตธมฺโมติ วิสฺสุตธมฺโม, ธมฺมจริยาย สมจริยาย ปกาโส ปฺาโต, โลเก ปตฺถฏกิตฺติธมฺโมติ อตฺโถ. อลีนสตฺโตติ เอวํนาโม. คุณวาติ อุฬาเรหิ มหาปุริสคุเณหิ สมนฺนาคโต. อนุรกฺขปริชโน สทาติ สทฺธาทิคุณวิเสสโยคโต จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ สมฺมเทว สงฺคหณโต จ สพฺพกาลํ สมฺภตฺตปริวารชโน.
๗๖. ปิตา เม มิควํ คนฺตฺวา, โปริสาทํ อุปาคมีติ มยฺหํ ปิตา ชยทฺทิสราชา มิควํ จรนฺโต อรฺมชฺฌํ คนฺตฺวา โปริสาทํ มนุสฺสขาทกํ ยกฺขินิปุตฺตํ อุปคฺฉิ, เตน สมาคมิ.
ชยทฺทิสราชา กิร เอกทิวสํ ‘‘มิควํ คมิสฺสามี’’ติ ตทนุรูเปน มหตา ปริวาเรน กปิลนครโต นิกฺขมิ. ตํ นิกฺขนฺตมตฺตเมว ตกฺกสิลาวาสี นนฺโท นาม พฺราหฺมโณ จตสฺโส สตารหา คาถา นาม กเถตุํ อาทาย อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตโน อาคมนการณํ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ‘‘นิวตฺติตฺวา สุณิสฺสามี’’ติ ตสฺส วสนเคหํ ปริพฺพยฺจ ทาเปตฺวา อรฺํ ปวิฏฺโ ‘‘ยสฺส ปสฺเสน มิโค ปลายติ, ตสฺเสว โส คีวา’’ติ วตฺวา มิเค ปริเยสนฺโต วิจรติ. อเถโก ปสทมิโค มหาชนสฺส ปทสทฺเทน อาสยโต นิกฺขมิตฺวา รฺโ อภิมุโข คนฺตฺวา ¶ ปลายิ. อมจฺจา ปริหาสํ กรึสุ. ราชา ตํ อนุพนฺธิตฺวา ติโยชนมตฺถเก ตํ ปริกฺขีณชวํ ิตํ วิชฺฌิตฺวา ปาเตสิ. ปติตํ ขคฺเคน ทฺวิธา กตฺวา อนตฺถิโกปิ ‘‘มํเสน มิคํ คเหตุํ นาสกฺขี’’ติ วจนโมจนตฺถํ กาเช กตฺวา อาคจฺฉนฺโต เอกสฺส นิคฺโรธสฺส มูเล ทพฺพติเณสุ นิสีทิตฺวา โถกํ วิสฺสมิตฺวา ¶ คนฺตุํ อารภิ.
เตน จ สมเยน ตสฺเสว รฺโ เชฏฺภาตา ชาตทิวเส เอว เอกาย ยกฺขินิยา ขาทิตุํ คหิโต อารกฺขมนุสฺเสหิ อนุพทฺธาย ตาย นิทฺธมนมคฺเคน คจฺฉนฺติยา อุเร ปิโต มาตุสฺาย ¶ มุเขน ถนคฺคหเณน ปุตฺตสิเนหํ อุปฺปาเทตฺวา สํวฑฺฒิยมาโน ตทาหาโรปโยคิตาย มนุสฺสมํสํ ขาทนฺโต อนุกฺกเมน วุทฺธิปฺปตฺโต อตฺตานํ อนฺตรธาปนตฺถํ ยกฺขินิยา ทินฺนโอสธมูลานุภาเวน อนฺตรหิโต หุตฺวา มนุสฺสมํสํ ขาทิตฺวา ชีวนฺโต ตาย ยกฺขินิยา มตาย ตํ โอสธมูลํ อตฺตโน ปมาเทน นาเสตฺวา ทิสฺสมานรูโปว มนุสฺสมํสํ ขาทนฺโต นคฺโค อุพฺพิคฺควิรูปทสฺสโน ราชปุริเสหิ ปสฺสิตฺวา อนุพทฺโธ ปลายิตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา ตสฺส นิคฺโรธสฺส มูเล วาสํ กปฺเปนฺโต ราชานํ ทิสฺวา ‘‘ภกฺโขสิ เม’’ติ หตฺเถ อคฺคเหสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘โส เม ปิตุมคฺคเหสิ, ภกฺโขสิ มม มา จลี’’ติอาทิ.
ตตฺถ โส เม ปิตุมคฺคเหสีติ โส โปริสาโท มม ปิตรํ ชยทฺทิสราชานํ อตฺตโน นิสินฺนรุกฺขสมีปมาคตํ ‘‘มม ภกฺโข ตฺวํ อาคโตสิ, หตฺถปริปฺผนฺทนาทิวเสน มา จลิ, จลนฺตมฺปิ อหํ ตํ ขาทิสฺสามี’’ติ หตฺเถ อคฺคเหสิ.
๗๗. ตสฺสาติ ตสฺส ยกฺขินิปุตฺตสฺส. ตสิตเวธิโตติ จิตฺตุตฺราเสน ตสิโต สรีรปริกมฺเปน เวธิโต. อูรุกฺขมฺโภติ อุภินฺนํ อูรูนํ ถทฺธภาโว, เยน โส ตโต ปลายิตุํ นาสกฺขิ.
มิควํ คเหตฺวา มฺุจสฺสูติ เอตฺถ มิควนฺติ มิคววเสน ลทฺธตฺตา ตํ มิคมํสํ ‘‘มิคว’’นฺติ อาห, อิมํ มิคมํสํ คเหตฺวา มํ มฺุจสฺสูติ อตฺโถ. โส หิ ราชา นํ ยกฺขินิปุตฺตํ ทิสฺวา ภีโต อูรุกฺขมฺภํ ปตฺวา ขาณุโก วิย อฏฺาสิ. โส เวเคน คนฺตฺวา ตํ หตฺเถ คเหตฺวา ‘‘ภกฺโขสิ เม อาคโตสี’’ติ อาห. อถ นํ ราชา สตึ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา ‘‘สเจ อาหารตฺถิโก, อิมํ เต มํสํ ททามิ, ตํ คเหตฺวา ขาท, มํ มฺุจาหี’’ติ อาห ¶ . ตํ สุตฺวา โปริสาโท ‘‘กิมิทํ มยฺหเมว สนฺตกํ ¶ ทตฺวา มยา โวหารํ กโรสิ, นนุ อิมํ มํสฺจ ตฺวฺจ มม หตฺถคตกาลโต ปฏฺาย มยฺหเมว สนฺตกํ, ตสฺมา ตํ ปมํ ขาทิตฺวา ปจฺฉา มํสํ ขาทิสฺสามี’’ติ อาห.
อถ ราชา ‘‘มํสนิกฺกเยนายํ น มํ มฺุจติ, มยา จ มิควํ อาคจฺฉนฺเตน ตสฺส พฺราหฺมณสฺส ‘อาคนฺตฺวา เต ธนํ ทสฺสามี’ติ ปฏิฺา กตา. สจายํ ยกฺโข อนุชานิสฺสติ, สจฺจํ อนุรกฺขนฺโต เคหํ คนฺตฺวา ตํ ปฏิฺํ โมเจตฺวา ปุน อิมสฺส ยกฺขสฺส ภตฺตตฺถํ อาคจฺเฉยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา ตสฺส ตมตฺถํ อาโรเจสิ. ตํ สุตฺวา โปริสาโท ‘‘สเจ ตฺวํ สจฺจํ อนุรกฺขนฺโต คนฺตุกาโมสิ, คนฺตฺวา ตสฺส พฺราหฺมณสฺส ทาตพฺพํ ธนํ ทตฺวา สจฺจํ อนุรกฺขนฺโต สีฆํ ¶ ปุน อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ วตฺวา ราชานํ วิสฺสชฺเชสิ. โส เตน วิสฺสฏฺโ ‘‘ตฺวํ มา จินฺตยิ, อหํ ปาโตว อาคมิสฺสามี’’ติ วตฺวา มคฺคนิมิตฺตานิ สลฺลกฺเขนฺโต อตฺตโน พลกายํ อุปคนฺตฺวา เตน ปริวุโต นครํ ปวิสิตฺวา นนฺทพฺราหฺมณํ ปกฺโกสาเปตฺวา มหารเห อาสเน นิสีทาเปตฺวา ตา คาถา สุตฺวา จตฺตาริ สหสฺสานิ ทตฺวา ยานํ อาโรเปตฺวา ‘‘อิมํ ตกฺกสิลเมว เนถา’’ติ มนุสฺเส ทตฺวา พฺราหฺมณํ อุยฺโยเชตฺวา ทุติยทิวเส โปริสาทสฺส สนฺติกํ คนฺตุกาโม ปุตฺตํ รชฺเช ปติฏฺเปตุํ อนุสาสนิฺจ เทนฺโต ตมตฺถํ อาโรเจสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘มิควํ คเหตฺวา มฺุจสฺสุ, กตฺวา อาคมนํ ปุน;
พฺราหฺมณสฺส ธนํ ทตฺวา, ปิตา อามนฺตยี มมํ.
‘‘รชฺชํ ปุตฺต ปฏิปชฺช, มา ปมชฺชิ ปุรํ อิทํ;
กตํ เม โปริสาเทน, มม อาคมนํ ปุนา’’ติ.
ตตฺถ อาคมนํ ปุนาติ ปุน อาคมนํ ปฏิฺาตสฺส โปริสาทสฺส สงฺครํ กตฺวา. พฺราหฺมณสฺส ธนํ ทตฺวาติ ตกฺกสิลโต อาคตสฺส นนฺทนามสฺส พฺราหฺมณสฺส ตา คาถา สุตฺวา จตุสหสฺสปริมาณํ ธนํ ทตฺวา. ปิตา อามนฺตยี มมนฺติ มม ปิตา ชยทฺทิสราชา มํ อามนฺเตสิ.
กถํ ¶ อามนฺเตสีติ เจ? อาห ‘‘รชฺช’’นฺติอาทิ. ตสฺสตฺโถ – ปุตฺต, ตฺวํ อิมํ กุลสนฺตกํ รชฺชํ ปฏิปชฺช, ยถาหํ ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรมิ, เอวํ ตฺวมฺปิ ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา รชฺชํ กาเรหิ. ตฺวํ อิทํ ปุรํ รกฺขนฺโต รชฺชฺจ กาเรนฺโต มา ปมาทมาปชฺชิ, อสุกสฺมึ ¶ าเน นิคฺโรธรุกฺขมูเล โปริสาเทน ยกฺเขน กตเมตํ มยา สงฺครํ มม ปุน ตสฺส สนฺติกํ อาคมนํ อุทฺทิสฺส, เกวลํ ตสฺส พฺราหฺมณสฺส ธนทานตฺถํ อิธาคโต สจฺจํ อนุรกฺขนฺโต, ตสฺมา ตตฺถาหํ คมิสฺสามีติ.
ตํ สุตฺวา มหาสตฺโต ‘‘มา โข ตฺวํ, มหาราช, ตตฺถ อคมาสิ, อหํ ตตฺถ คมิสฺสามิ. สเจ ปน ตฺวํ, ตาต, คมิสฺสสิเยว, อหมฺปิ ตยา สทฺธึ คมิสฺสามิเยวา’’ติ. ‘‘เอวํ สนฺเต มยํ อุโภปิ น ภวิสฺสาม, ตสฺมา อหเมว ตตฺถ คมิสฺสามี’’ติ นานปฺปกาเรน วาเรนฺตํ ราชานํ สฺาเปตฺวา มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา ปิตุ อตฺถาย อตฺตานํ ปริจฺจชิตฺวา โสตฺถิภาวาย ปิตริ สาสิตวาทํ ปยฺุชมาเน มาตุภคินิภริยาสุ จ สจฺจกิริยํ กโรนฺตีสุ อาวุธํ คเหตฺวา นครโต ¶ นิกฺขมิตฺวา อสฺสุปุณฺณมุขํ มหาชนํ อนุพนฺธนฺตํ อาปุจฺฉิตฺวา ปิตรา อกฺขาตนเยน ยกฺขวาสมคฺคํ ปฏิปชฺชิ. ยกฺขินิปุตฺโตปิ ‘‘ขตฺติยา นาม พหุมายา, โก ชานาติ กึ ภวิสฺสตี’’ติ รุกฺขํ อภิรุหิตฺวา รฺโ อาคมนํ โอโลเกนฺโต นิสินฺโน กุมารํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘ปิตรํ นิวตฺเตตฺวา ปุตฺโต อาคโต ภวิสฺสติ, นตฺถิ เม ภย’’นฺติ โอตริตฺวา ตสฺส ปิฏฺึ ทสฺเสตฺวาว นิสีทิ. มหาสตฺโต อาคนฺตฺวา ตสฺส ปุรโต อฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘มาตาปิตู จ วนฺทิตฺวา, นิมฺมินิตฺวาน อตฺตนา;
นิกฺขิปิตฺวา ธนุํ ขคฺคํ, โปริสาทํ อุปาคมิ’’นฺติ.
๘๑. สสตฺถหตฺถูปคตนฺติ สสตฺถหตฺถํ อุปคตํ อาวุธปาณึ มํ อตฺตโน สนฺติกํ อุปคตํ ทิสฺวา. กทาจิ โส ตสิสฺสตีติ โส ยกฺโข อปิ ตเสยฺย. เตน ภิชฺชิสฺสติ สีลนฺติ เตน ตสฺส ตาสุปฺปาทเนน มยฺหํ สีลํ วินสฺสติ สํกิลิสฺสติ. ปริตาสํ กเต มยีติ มยิ ตสฺส ปริตาสํ กเต สติ.
๘๒. สีลขณฺฑภยา มยฺหํ, ตสฺส เทสฺสํ น พฺยาหรินฺติ ยถา จ สีลเภทภเยน นิหิตสตฺโถ ตสฺส สนฺติกํ อคมาสิ, เอวํ มยฺหํ สีลขณฺฑภยา ¶ เอว ตสฺส โปริสาทสฺส เทสฺสํ อนิฏฺมฺปิ น พฺยาหรึ, เกวลํ ปน เมตฺตจิตฺเตน หิตวาที อิทํ อิทานิ วกฺขมานํ วจนํ อภาสึ.
มหาสตฺโต ¶ จ คนฺตฺวา ปุรโต ิโต. ยกฺขินิปุตฺโต ตํ วีมํสิตุกาโม ‘‘โกสิ ตฺวํ, กุโต อาคโต, กึ มํ น ชานาสิ ‘ลุทฺโท มนุสฺสมํสขาทโก’ติ, กสฺมา จ อิธาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. กุมาโร ‘‘อหํ ชยทฺทิสรฺโ ปุตฺโต, ตฺวํ โปริสาทโกติ ชานามิ, ปิตุ ชีวิตํ รกฺขิตุํ อิธาคโต, ตสฺมา ตํ มฺุจ, มํ ขาทา’’ติ อาห. ปุน ยกฺขินิปุตฺโต มุขากาเรเนว ‘‘ตํ ตสฺส ปุตฺโตติ อหํ ชานามิ, ทุกฺกรํ ปน ตยา กตํ เอวํ อาคจฺฉนฺเตนา’’ติ อาห. กุมาโร ‘‘น อิทํ ทุกฺกรํ, ยํ ปิตุ อตฺเถ ชีวิตปริจฺจชนํ, มาตาปิตุเหตุ หิ เอวรูปํ ปฺุํ กตฺวา เอกนฺเตเนว สคฺเค ปโมทติ, อหฺจ ‘อมรณธมฺโม นาม โกจิ สตฺโต นตฺถี’ติ ชานามิ, อตฺตนา จ กิฺจิ กตํ ปาปํ นาม น สรามิ, ตสฺมา มรณโตปิ เม ภยํ นตฺถิ, อิทํ สรีรํ มยา เต นิสฺสฏฺํ, อคฺคึ ชาเลตฺวา ขาทา’’ติ อาห. เตน วุตฺตํ –
‘‘อุชฺชาเลหิ มหาอคฺคึ, ปปติสฺสามิ รุกฺขโต;
ตฺวํ ปกฺกกาลมฺาย, ภกฺขย มํ ปิตามหา’’ติ.
ตํ ¶ สุตฺวา ยกฺขินิปุตฺโต ‘‘น สกฺกา อิมสฺส มํสํ ขาทิตุํ, อุปาเยน อิมํ ปลาเปสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘เตน หิ อรฺํ ปวิสิตฺวา สารทารูนิ อาหริตฺวา นิทฺธูเม องฺคาเร กโรหิ, ตตฺถ เต มํสํ ปจิตฺวา ขาทิสฺสามี’’ติ อาห. มหาสตฺโต ตถา กตฺวา ตสฺส อาโรเจสิ. โส ตํ โอโลเกนฺโต ‘‘อยํ ปุริสสีโห มรณโตปิ ภยํ นตฺถิ, เอวํ นิพฺภโย นาม น มยา ทิฏฺปุพฺโพ’’ติ โลมหํสชาโต กุมารํ โอโลเกสิ. กุมาโร กิสฺส มํ โอโลเกสิ, น ยถาวุตฺตํ กโรสีติ. ยกฺขินิปุตฺโต มหาสตฺตํ ‘‘สตฺตธา ตสฺส มุทฺธา ผเลยฺย, โย ตํ ขาเทยฺยา’’ติ อาห. ‘‘สเจ มํ น ขาทิตุกาโมสิ, อถ กสฺมา อคฺคึ กาเรสี’’ติ? ‘‘ตว ปริคฺคณฺหนตฺถ’’นฺติ. ‘‘ตฺวํ อิทานิ มํ กถํ ปริคฺคณฺหิสฺสสิ, สฺวาหํ ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺโตปิ สกฺกสฺส เทวรฺโ อตฺตานํ ปริคฺคณฺหิตุํ น อทาสิ’’นฺติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต –
‘‘อิทฺหิ ¶ ¶ โส พฺราหฺมณํ มฺมาโน, สโส อวาเสสิ สเก สรีเร;
เตเนว โส จนฺทิมา เทวปุตฺโต, สสตฺถุโต กามทุหชฺช ยกฺขา’’ติ.(ชา. ๑.๑๖.๙๓) –
คาถมาห.
ตตฺถ สโส อวาเสสิ สเก สรีเรติ อตฺตโน สรีรเหตุ อิมํ สรีรํ ขาทิตฺวา อิธ วสาติ เอวํ สเก สรีเร อตฺตโน สรีรํ เทนฺโต ตํ พฺราหฺมณรูปํ สกฺกํ ตตฺถ วาเสสิ. สสตฺถุโตติ ‘‘สสี’’ติ เอวํ สสสทฺเทน ถุโต. กามทุโหติ กามวฑฺฒโน. ยกฺขาติ เทว.
เอวํ มหาสตฺโต จนฺเท สสลกฺขณํ กปฺปฏฺิยํ ปาฏิหาริยํ สกฺขึ กตฺวา อตฺตโน สกฺเกนปิ ปริคฺคณฺหิตุํ อสกฺกุเณยฺยตํ อภาสิ. ตํ สุตฺวา โปริสาโท อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาโต –
‘‘จนฺโท ยถา ราหุมุขา ปมุตฺโต, วิโรจเต ปนฺนรเสว ภาณุมา;
เอวํ ตุวํ โปริสาทา ปมุตฺโต, วิโรจ กปิเล มหานุภาว;
อาโมทยํ ปิตรํ มาตรฺจ, สพฺโพ จ เต นนฺทตุ าติปกฺโข’’ติ. (ชา. ๑.๑๖.๙๔) –
คาถํ วตฺวา ‘‘คจฺฉ มหาวีรา’’ติ กุมารํ วิสฺสชฺเชสิ. โสปิ ตํ นิพฺพิเสวนํ กตฺวา ปฺจ สีลานิ ¶ ทตฺวา ‘‘ยกฺโข นุ โข เอส, โน’’ติ วีมํสนฺโต ‘‘ยกฺขานํ อกฺขีนิ รตฺตานิ โหนฺติ อนิมิสานิ จ, ฉายา จ น ปฺายติ, อสมฺภีโต โหติ, น อิมสฺส ตถา. ตสฺมา นายํ ยกฺโข มนุสฺโส เอโส, มยฺหํ กิร ปิตุ ตโย ภาตโร ยกฺขินิยา คหิตา, เตสุ ตาย ทฺเว ขาทิตา ภวิสฺสนฺติ, เอโก ปุตฺตสิเนเหน ปฏิชคฺคิโต ภวิสฺสติ. อิมินา เตน ภวิตพฺพ’’นฺติ นยคฺคาเหน อนุมาเนน สพฺพฺุตฺาเณน วิย อวิปรีตโต นิฏฺํ คนฺตฺวา ‘‘มยฺหํ ปิตุ อาจิกฺขิตฺวา รชฺเช ปติฏฺาเปสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘น ตฺวํ ยกฺโข, ปิตุ เม เชฏฺภาติโกสิ, เอหิ มยา สทฺธึ คนฺตฺวา กุลสนฺตกํ รชฺชํ ปฏิปชฺชาหี’’ติ อาห. เตน ¶ วุตฺตํ ‘‘ตฺวํ ปิตามหา’’ติ, ตฺวํ มม มหาปิตาติ ¶ อตฺโถ. อิตเรน ‘‘นาหํ มนุสฺโส’’ติ วุตฺเต เตน สทฺธาตพฺพสฺส ทิพฺพจกฺขุกตาปสสฺส สนฺติกํ เนสิ. ตาปเสน ‘‘กึ กโรนฺตา ปิตา ปุตฺตา อรฺเ วิจรถา’’ติ ปิตุภาเว กถิเต โปริสาโท สทฺทหิตฺวา ‘‘คจฺฉ, ตาต, ตฺวํ, น เม รชฺเชน อตฺโถ, ปพฺพชิสฺสามห’’นฺติ ตาปสสฺส สนฺติเก อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘อิติ สีลวตํ เหตุ, นารกฺขึ มม ชีวิตํ;
ปพฺพาเชสึ จหํ ตสฺส, สทา ปาณาติปาติก’’นฺติ.
ตตฺถ สีลวตํ เหตูติ สีลวนฺตานํ มม ปิตูนํ เหตุ. อถ วา สีลวตํ เหตูติ สีลวตเหตุ, มยฺหํ สีลวตสมาทานนิมิตฺตํ ตสฺส อภิชฺชนตฺถํ. ตสฺสาติ ตํ โปริสาทํ.
อถ มหาสตฺโต อตฺตโน มหาปิตรํ ปพฺพชิตํ วนฺทิตฺวา นครสฺส สมีปํ คนฺตฺวา ‘‘กุมาโร กิร อาคโต’’ติ สุตฺวา หฏฺตุฏฺเน รฺา นาคเรหิ เนคมชานปเทหิ จ ปจฺจุคฺคโต ราชานํ วนฺทิตฺวา สพฺพํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. ตํ สุตฺวา ราชา ตงฺขณฺเว เภรึ จราเปตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘เอหิ, ภาติก, รชฺชํ ปฏิปชฺชาหี’’ติ อาห. ‘‘อลํ, มหาราชา’’ติ. ‘‘เตน หิ มยฺหํ อุยฺยาเน วสา’’ติ. ‘‘น อาคจฺฉามี’’ติ. ราชา ตสฺส อสฺสมสฺส อวิทูเร คามํ นิเวเสตฺวา ภิกฺขํ ปฏฺเปสิ. โส จูฬกมฺมาสทมฺมนิคโม นาม ชาโต.
ตทา มาตาปิตโร มหาราชกุลานิ อเหสุํ, ตาปโส สาริปุตฺโต, โปริสาโท องฺคุลิมาโล, กนิฏฺา อุปฺปลวณฺณา, อคฺคมเหสี ราหุลมาตา, อลีนสตฺตุกุมาโร โลกนาโถ.
ตสฺส อิธาปิ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว ยถารหํ เสสปารมิโย นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา ปิตรา นิวาริยมาโน อตฺตโน ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา ปิตุ ชีวิตรกฺขณตฺถํ ‘‘โปริสาทสฺส สนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติ ¶ นิจฺฉโย, ตสฺส จ สนฺตาสปริหรณตฺถํ นิหิตสตฺถสฺส คมนํ, ‘‘อตฺตโน สีลขณฺฑนํ มา โหตู’’ติ เตน ปิยวาจาย สมุทาจาโร, เตน จ นานานเยหิ ปริคฺคณฺหิยมานสฺส มรณสนฺตาสาภาโว, ปิตุ อตฺเถ มยฺหํ สรีรํ สผลํ กริสฺสามีติ หฏฺตุฏฺภาโว, สกฺเกนาปิ ปริคฺคณฺหิตุํ อสกฺกุเณยฺยสฺส สสชาติยมฺปิ ปริจฺจาคตฺถํ ¶ อตฺตโน ชีวิตนิรเปกฺขภาวสฺส ชานนํ, เตน ¶ สมาคเมปิ โอสฺสฏฺเปิ จิตฺตสฺส วิการาภาโว, ตสฺส จ มนุสฺสภาวมหาปิตุภาวานํ อวิปรีตโต ชานนํ, าตมตฺเต จ ตํ กุลสนฺตเก รชฺเช ปติฏฺาเปตุกามตา, ธมฺมเทสนาย สํเวเชตฺวา สีเลสุ ปติฏฺาปนนฺติ. เอวมาทโย อิธ โพธิสตฺตสฺส คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพาติ.
อลีนสตฺตุจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. สงฺขปาลจริยาวณฺณนา
๘๕. ทสเม สงฺขปาโลติอาทีสุ อยํ สงฺเขปตฺโถ – เทวโภคสมฺปตฺติสทิสาย มหติยา นาคิทฺธิยา สมนฺนาคตตฺตา มหิทฺธิโก. เหฏฺา ทฺเว, อุปริ ทฺเวติ จตสฺโส ทาา อาวุธา เอตสฺสาติ ทาาวุโธ. อุคฺคเตชวิสตาย โฆรวิโส. นาคโยนิสิทฺธาหิ ทฺวีหิ ชิวฺหาหิ สมนฺนาคโตติ ทฺวิชิวฺโห. มหานุภาวานมฺปิ อุเรน คมนโต ‘‘อุรคา’’ติ ลทฺธนามานํ นาคานํ อธิปติภาวโต อุรคาธิภู.
๘๖. ทฺวินฺนํ มคฺคานํ วินิวิชฺฌิตฺวา สนฺธิภาเวน คตฏฺานสงฺขาเต จตุปฺปเถ. อปราปรํ มหาชนสฺจรณฏฺานภูเต มหามคฺเค. ตโต เอว มหาชนสมากิณฺณภาเวน นานาชนสมากุเล. อิทานิ วกฺขมานานํ จตุนฺนํ องฺคานํ วเสน จตุโร องฺเค. อธิฏฺาย อธิฏฺหิตฺวา, จิตฺเต เปตฺวา. ยทาหํ สงฺขปาโล นาม ยถาวุตฺตรูโป นาคราชา โหมิ, ตทา เหฏฺา วุตฺตปฺปกาเร าเน วาสํ อุโปสถวาสวเสน นิวาสํ อกปฺปยึ กปฺเปสึ.
มหาสตฺโต หิ ทานสีลาทิปฺุปสุโต หุตฺวา โพธิปริเยสนวเสน อปราปรํ เทวมนุสฺสคตีสุ สํสรนฺโต กทาจิ เทวโภคสทิสสมฺปตฺติเก นาคภวเน นิพฺพตฺติตฺวา สงฺขปาโล นาม นาคราชา อโหสิ มหิทฺธิโก มหานุภาโว. โส คจฺฉนฺเต กาเล ตาย สมฺปตฺติยา วิปฺปฏิสารี หุตฺวา มนุสฺสโยนึ ปตฺเถนฺโต อุโปสถวาสํ วสิ. อถสฺส นาคภวเน ¶ วสนฺตสฺส อุโปสถวาโส ¶ น สมฺปชฺชติ, สีลํ สํกิลิสฺสติ, เตน โส นาคภวนา นิกฺขมิตฺวา กณฺหวณฺณาย นทิยา อวิทูเร มหามคฺคสฺส จ เอกปทิกมคฺคสฺส จ อนฺตเร เอกํ วมฺมิกํ ปริกฺขิปิตฺวา ¶ อุโปสถํ อธิฏฺาย จาตุทฺทสปนฺนรเสสุ สมาทินฺนสีโล ‘‘มม จมฺมาทีนิ อตฺถิกา คณฺหนฺตู’’ติ อตฺตานํ ทานมุเข วิสฺสชฺเชตฺวา นิปชฺชติ, ปาฏิปเท นาคภวนํ คจฺฉติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปุนาปรํ ยทา โหมิ, สงฺขปาโล’’ติอาทิ. ตสฺสตฺโถ วุตฺโต เอว.
๘๗. ยํ ปเนตฺถ ฉวิยา จมฺเมนาติอาทิกํ ‘‘จตุโร องฺเค อธิฏฺายา’’ติ วุตฺตํ จตุรงฺคาธิฏฺานทสฺสนํ. ฉวิจมฺมานิ หิ อิธ เอกมงฺคํ. เอวํ อุโปสถวาสํ วสนฺตสฺส มหาสตฺตสฺส ทีโฆ อทฺธา วีติวตฺโต.
อเถกทิวสํ ตสฺมึ ตถา สีลํ สมาทิยิตฺวา นิปนฺเน โสฬส โภชปุตฺตา ‘‘มํสํ อาหริสฺสามา’’ติ อาวุธหตฺถา อรฺเ จรนฺตา กิฺจิ อลภิตฺวา นิกฺขมนฺตา ตํ วมฺมิกมตฺถเก นิปนฺนํ ทิสฺวา ‘‘มยํ อชฺช โคธาโปตกมฺปิ น ลภิมฺหา, อิมํ นาคราชานํ วธิตฺวา ขาทิสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘มหา โข ปเนส คยฺหมาโน ปลาเยยฺยาติ ยถานิปนฺนกํเยว นํ โภเคสุ สูเลหิ วิชฺฌิตฺวา ทุพฺพลํ กตฺวา คณฺหิสฺสามา’’ติ สูลานิ อาทาย อุปสงฺกมึสุ. โพธิสตฺตสฺสาปิ สรีรํ มหนฺตํ เอกโทณิกนาวปฺปมาณํ วฏฺเฏตฺวา ปิตสุมนปุปฺผทามํ วิย ชิฺชุกผลสทิเสหิ อกฺขีหิ ชยสุมนปุปฺผสทิเสน จ สีเสน สมนฺนาคตํ อติวิย โสภติ. โส เตสํ โสฬสนฺนํ ชนานํ ปทสทฺเทน โภคนฺตรโต สีสํ นีหริตฺวา รตฺตกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา เต สูลหตฺเถ ¶ อาคจฺฉนฺเต ทิสฺวา ‘‘อชฺช มยฺหํ มโนรโถ มตฺถกํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ อตฺตานํ ทานมุเข นิยฺยาเตตฺวา ‘‘อิเม มม สรีรํ สตฺตีหิ โกฏฺเฏตฺวา ฉิทฺทาวฉิทฺทํ กโรนฺเต น โอโลเกสฺสามี’’ติ อตฺตโน สีลขณฺฑภเยน ทฬฺหํ อธิฏฺานํ อธิฏฺหิตฺวา สีสํ โภคนฺตเร เอว ปเวเสตฺวา นิปชฺชิ.
อถ นํ เต อุปคนฺตฺวา นงฺคุฏฺเ คเหตฺวา อากฑฺฒนฺตา ภูมิยํ ปาเตตฺวา ติขิณสูเลหิ อฏฺสุ าเนสุ วิชฺฌิตฺวา สกณฺฏกา กาฬเวตฺตยฏฺิโย ปหารมุเขหิ ปเวเสตฺวา อฏฺสุ าเนสุ กาเชหิ อาทาย มหามคฺคํ ปฏิปชฺชึสุ. มหาสตฺโต สูเลหิ วิชฺฌนโต ปฏฺาย เอกฏฺาเนปิ อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา เต น โอโลเกสิ. ตสฺส อฏฺหิ กาเชหิ อาทาย นียมานสฺส สีสํ โอลมฺพิตฺวา ภูมึ ปหรติ ¶ . อถ นํ ‘‘สีสมสฺส โอลมฺพตี’’ติ มหามคฺเค นิปชฺชาเปตฺวา สุขุเมน สูเลน นาสาปุเฏ วิชฺฌิตฺวา รชฺชุกํ ปเวเสตฺวา สีสํ อุกฺขิปิตฺวา กาชโกฏิยํ ลคฺเคตฺวา ปุนปิ อุกฺขิปิตฺวา มคฺคํ ปฏิปชฺชึสุ. เตน วุตฺตํ –
‘‘อทฺทสํสุ ¶ โภชปุตฺตา, ขรา ลุทฺทา อการุณา;
อุปคฺฉุํ มมํ ตตฺถ, ทณฺฑมุคฺครปาณิโน.
‘‘นาสาย วินิวิชฺฌิตฺวา, นงฺคุฏฺเ ปิฏฺิกณฺฏเก;
กาเช อาโรปยิตฺวาน, โภชปุตฺตา หรึสุ ม’’นฺติ.
ตตฺถ โภชปุตฺตาติ ลุทฺทปุตฺตา. ขราติ กกฺขฬา, ผรุสกายวจีกมฺมนฺตา. ลุทฺทาติ ทารุณา, โฆรมานสา. อการุณาติ นิกฺกรุณา. ทณฺฑมุคฺครปาณิโนติ จตุรสฺสทณฺฑหตฺถา. นาสาย วินิวิชฺฌิตฺวาติ รชฺชุกํ ปเวเสตุํ สุขุเมน สูเลน นาสาปุเฏ วิชฺฌิตฺวา. นงฺคุฏฺเ ปิฏฺิกณฺฏเกติ นงฺคุฏฺปฺปเทเส ตตฺถ ตตฺถ ปิฏฺิกณฺฏกสมีเป จ วินิวิชฺฌิตฺวาติ สมฺพนฺโธ. กาเช อาโรปยิตฺวานาติ อฏฺสุ าเนสุ วินิวิชฺฌิตฺวา พทฺเธสุ อฏฺสุ เวตฺตลตามณฺฑเลสุ ¶ เอเกกสฺมึ โอวิชฺฌิตํ เอเกกํ กาชํ ทฺเว ทฺเว โภชปุตฺตา อตฺตโน อตฺตโน ขนฺธํ อาโรเปตฺวา.
๙๐. สสาครนฺตํ ปถวินฺติ สมุทฺทปริยนฺตํ มหาปถวึ. สกานนํ สปพฺพตนฺติ สทฺธึ กานเนหิ ปพฺพเตหิ จาติ สกานนํ สปพฺพตฺจ. นาสาวาเตน ฌาปเยติ สจาหํ อิจฺฉมาโน อิจฺฉนฺโต กุชฺฌิตฺวา นาสาวาตํ วิสฺสชฺเชยฺยํ, สมุทฺทปริยนฺตํ สกานนํ สปพฺพตํ อิมํ มหาปถวึ ฌาเปยฺยํ, สห นาสาวาตวิสฺสชฺชเนน ฉาริกํ กเรยฺยํ, เอตาทิโส ตทา มยฺหํ อานุภาโว.
๙๑. เอวํ สนฺเตปิ สูเลหิ วินิวิชฺฌนฺเต, โกฏฺฏยนฺเตปิ สตฺติภิ. โภชปุตฺเต น กุปฺปามีติ ทุพฺพลภาวกรณตฺถํ เวตฺตลตาปเวสนตฺถฺจ สารทารูหิ ตจฺเฉตฺวา กเตหิ ติขิณสูเลหิ อฏฺสุ าเนสุ วิชฺฌนฺเตปิ ทุพฺพลภาวกรณตฺถํ ติขิณาหิ สตฺตีหิ ตหึ ตหึ โกฏฺฏยนฺเตปิ โภชปุตฺตานํ ลุทฺทานํ น กุปฺปามิ. เอสา เม สีลปารมีติ เอวํ มหานุภาวสฺส ตถา อธิฏฺหนฺตสฺส ยา เม มยฺหํ สีลขณฺฑภเยน เตสํ ¶ อกุชฺฌนา, เอสา เอกนฺเตเนว ชีวิตนิรเปกฺขภาเวน ปวตฺตา มยฺหํ สีลปารมี, สีลวเสน ปรมตฺถปารมีติ อตฺโถ.
ตถา ปน โพธิสตฺเต เตหิ นียมาเน มิถิลนครวาสี อาฬาโร นาม กุฏุมฺพิโก ปฺจสกฏสตานิ อาทาย สุขยานเก นิสีทิตฺวา คจฺฉนฺโต เต โภชปุตฺเต มหาสตฺตํ หรนฺเต ทิสฺวา การฺุํ อุปฺปาเทตฺวา เต ลุทฺเท ปุจฺฉิ – ‘‘กิสฺสายํ นาโค นียติ, เนตฺวา จิมํ กึ กริสฺสถา’’ติ? เต ‘‘อิมสฺส นาคสฺส มํสํ สาทฺุจ มุทฺุจ ถูลฺจ ปจิตฺวา ขาทิสฺสามา’’ติ อาหํสุ. อถ โส เตสํ โสฬสวาหโคเณ ปสตํ ปสตํ สุวณฺณมาสเก สพฺเพสํ นิวาสนปารุปนานิ ¶ ภริยานมฺปิ เตสํ วตฺถาภรณานิ ทตฺวา ‘‘สมฺมา, อยํ มหานุภาโว นาคราชา, อตฺตโน สีลคุเณน ตุมฺหากํ น ทุพฺภิ, อิมํ กิลมนฺเตหิ พหุํ ตุมฺเหหิ อปฺุํ ปสุตํ, วิสฺสชฺเชถา’’ติ อาห. เต ‘‘อยํ อมฺหากํ มนาโป ภกฺโข, พหู จ โน อุรคา ภุตฺตปุพฺพา, ตถาปิ ตว วจนํ อมฺเหหิ ปูเชตพฺพํ, ตสฺมา ¶ อิมํ นาคํ วิสฺสชฺเชสฺสามา’’ติ วิสฺสชฺเชตฺวา มหาสตฺตํ ภูมิยํ นิปชฺชาเปตฺวา อตฺตโน กกฺขฬตาย ตา กณฺฏกาจิตา อาวุตา กาฬเวตฺตลตา โกฏิยํ คเหตฺวา อากฑฺฒิตุํ อารภึสุ.
อถ โส นาคราชานํ กิลมนฺตํ ทิสฺวา อกิลเมนฺโตว อสินา ลตา ฉินฺทิตฺวา ทารกานํ กณฺณเวธโต ปฏิหรณนิยาเมน อทุกฺขาเปนฺโต สณิกํ นีหริ. ตสฺมึ กาเล เต โภชปุตฺตา ยํ พนฺธนํ ตสฺส นตฺถุโต ปเวเสตฺวา ปฏิมุกฺกํ, ตํ พนฺธนํ สณิกํ โมจยึสุ. มหาสตฺโต มุหุตฺตํ ปาจีนาภิมุโข คนฺตฺวา อสฺสุปุณฺเณหิ เนตฺเตหิ อาฬารํ โอโลเกสิ. ลุทฺทา โถกํ คนฺตฺวา ‘‘อุรโค ทุพฺพโล, มตกาเล คเหตฺวาว นํ คมิสฺสามา’’ติ นิลียึสุ. อาฬาโร มหาสตฺตสฺส อฺชลึ ปคฺคยฺห ‘‘คจฺเฉว โข ตฺวํ, มหานาค, มา ตํ ลุทฺทา ปุน คเหสุ’’นฺติ วทนฺโต โถกํ ตํ นาคํ อนุคนฺตฺวา นิวตฺติ.
โพธิสตฺโต นาคภวนํ คนฺตฺวา ตตฺถ ปปฺจํ อกตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน นิกฺขมิตฺวา อาฬารํ อุปสงฺกมิตฺวา นาคภวนสฺส วณฺณํ กเถตฺวา ตํ ตตฺถ เนตฺวา ตีหิ กฺาสเตหิ สทฺธึ มหนฺตมสฺส ยสํ ทตฺวา ทิพฺเพหิ กาเมหิ สนฺตปฺเปสิ. อาฬาโร นาคภวเน เอกวสฺสํ วสิตฺวา ทิพฺเพ ¶ กาเม ปริภฺุชิตฺวา ‘‘อิจฺฉามหํ, สมฺม, ปพฺพชิตุ’’นฺติ นาคราชสฺส กเถตฺวา ปพฺพชิตปริกฺขาเร คเหตฺวา ตโต นิกฺขมิตฺวา หิมวนฺตปฺปเทสํ คนฺตฺวา ปพฺพชิตฺวา ตตฺถ จิรํ วสิตฺวา อปรภาเค จาริกํ จรนฺโต พาราณสึ ปตฺวา พาราณสิรฺา สมาคโต เตน อาจารสมฺปตฺตึ นิสฺสาย ปสนฺเนน ‘‘ตฺวํ อุฬารโภคา มฺเ กุลา ปพฺพชิโต, เกน นุ โข การเณน ปพฺพชิโตสี’’ติ ปุฏฺโ อตฺตโน ปพฺพชฺชาการณํ กเถนฺโต ลุทฺทานํ หตฺถโต โพธิสตฺตสฺส วิสฺสชฺชาปนํ อาทึ กตฺวา สพฺพํ ปวตฺตึ รฺโ อาจิกฺขิตฺวา –
‘‘ทิฏฺา มยา มานุสกาปิ กามา, อสสฺสตา วิปริณามธมฺมา;
อาทีนวํ ¶ กามคุเณสุ ทิสฺวา, สทฺธายหํ ปพฺพชิโตมฺหิ, ราช.
‘‘ทุมปฺผลานีว ¶ ปตนฺติ มาณวา, ทหรา จ วุทฺธา จ สรีรเภทา;
เอตมฺปิ ทิสฺวา ปพฺพชิโตมฺหิ ราช, อปณฺณกํ สามฺเมว เสยฺโย’’ติ. (ชา. ๒.๑๗.๑๙๑-๑๙๒) –
อิมาหิ คาถาหิ ธมฺมํ เทเสสิ.
ตํ สุตฺวา ราชา –
‘‘อทฺธา หเว เสวิตพฺพา สปฺา, พหุสฺสุตา เย พหุานจินฺติโน;
นาคฺจ สุตฺวาน ตวฺจฬาร, กาหามิ ปฺุานิ อนปฺปกานี’’ติ. (ชา. ๒.๑๗.๑๙๓) –
อาห.
อถสฺส ตาปโส –
‘‘อทฺธา หเว เสวิตพฺพา สปฺา, พหุสฺสุตา เย พหุานจินฺติโน;
นาคฺจ สุตฺวาน มมฺจ ราช, กโรหิ ปฺุานิ อนปฺปกานี’’ติ. (ชา. ๒.๑๗.๑๙๔) –
เอวํ ¶ ธมฺมํ เทเสตฺวา ตตฺเถว จตฺตาโร วสฺสานมาเส วสิตฺวา ปุน หิมวนฺตํ คนฺตฺวา ยาวชีวํ จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ. โพธิสตฺโตปิ ยาวชีวํ อุโปสถวาสํ วสิตฺวา สคฺคปุรํ ปูเรสิ. โสปิ ราชา ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.
ตทา อาฬาโร สาริปุตฺตตฺเถโร อโหสิ, พาราณสิราชา อานนฺทตฺเถโร, สงฺขปาลนาคราชา โลกนาโถ.
ตสฺส สรีรปริจฺจาโค ทานปารมี, ตถารูเปนปิ วิสเตเชน สมนฺนาคตสฺส ตถารูปายปิ ปีฬาย สติ สีลสฺส อภินฺนตา สีลปารมี, เทวโภคสมฺปตฺติสทิสํ โภคํ ปหาย นาคภวนโต นิกฺขมิตฺวา สมณธมฺมกรณํ เนกฺขมฺมปารมี, ‘‘ทานาทิอตฺถํ อิทฺจิทฺจ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ ¶ สํวิทหนํ ปฺาปารมี, กามวิตกฺกวิโนทนํ อธิวาสนวีริยฺจ วีริยปารมี, อธิวาสนขนฺติ ขนฺติปารมี, สจฺจสมาทานํ สจฺจปารมี, อจลสมาทานาธิฏฺานํ ¶ อธิฏฺานปารมี, โภชปุตฺเต อุปาทาย สพฺพสตฺเตสุ เมตฺตานุทฺทยภาโว เมตฺตาปารมี, เวทนาย สตฺตสงฺขารกตวิปฺปกาเรสุ จ มชฺฌตฺตภาโว อุเปกฺขาปารมีติ เอวํ ทส ปารมิโย ลพฺภนฺติ. สีลปารมี ปน อติสยวตีติ กตฺวา สา เอว เทสนํ อารุฬฺหา. ตถา อิธ โพธิสตฺตสฺส คุณานุภาวา ‘‘โยชนสติเก นาคภวนฏฺาเน’’ติอาทินา ภูริทตฺตจริยายํ (จริยา. ๒.๑๑ อาทโย) วุตฺตนเยเนว ยถารหํ วิภาเวตพฺพาติ.
สงฺขปาลจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
เอเตติ เย หตฺถินาคจริยาทโย อิมสฺมึ วคฺเค นิทฺทิฏฺา อนนฺตรคาถาย จ ‘‘หตฺถินาโค ภูริทตฺโต’’ติอาทินา อุทฺทานวเสน สงฺคเหตฺวา ทสฺสิตา นว จริยา, เต สพฺเพ วิเสสโต สีลปารมิปูรณวเสน ปวตฺติยา สีลํ พลํ เอเตสนฺติ สีลพลา. สีลสฺส ปรมตฺถปารมิภูตสฺส ปริกฺขรณโต สนฺตานสฺส จ ปริภาวนาวเสน อภิสงฺขรณโต ปริกฺขารา. อุกฺกํสคตาย สีลปรมตฺถปารมิยา อสมฺปุณฺณตฺตา ปเทโส เอเตสํ อตฺถิ, น นิปฺปเทโสติ ปเทสิกา สปฺปเทสา. กสฺมาติ เจ? อาห ‘‘ชีวิตํ ปริรกฺขิตฺวา, สีลานิ อนุรกฺขิส’’นฺติ, ยสฺมา เอเตสุ หตฺถินาคจริยาทีสุ (จริยา. ๒.๑ อาทโย) อหํ อตฺตโน ชีวิตํ เอกเทเสน ¶ ปริรกฺขิตฺวาว สีลานิ อนุรกฺขึ, ชีวิตํ น สพฺพถา ปริจฺจชึ, เอกนฺเตเนว ปน สงฺขปาลสฺส เม สโต สพฺพกาลมฺปิ ชีวิตํ ยสฺส กสฺสจิ นิยฺยตฺตํ, สงฺขปาลนาคราชสฺส ปน เม มหานุภาวสฺส อุคฺควิสเตชสฺส สโต สมานสฺส สพฺพกาลมฺปิ เตหิ ลุทฺเทหิ สมาคเม ตโต ปุพฺเพปิ ปจฺฉาปิ สโต เอวํ ปุคฺคลวิภาคํ อกตฺวา ยสฺส กสฺสจิ สีลานุรกฺขณตฺถเมว ชีวิตํ เอกํเสเนว นิยฺยตฺตํ นียาติตํ ทานมุเข นิสฺสฏฺํ, ตสฺมา สา สีลปารมีติ ยสฺมา เจตเทวํ, ตสฺมา เตน การเณน สา ปรมตฺถปารมิภาวํ ปตฺตา มยฺหํ สีลปารมีติ ทสฺเสตีติ.
ปรมตฺถทีปนิยา จริยาปิฏกสํวณฺณนาย
ทสวิธจริยาสงฺคหสฺส วิเสสโต
สีลปารมิวิภาวนสฺส
ทุติยวคฺคสฺส อตฺถวณฺณนา นิฏฺิตา.