📜
๓. ยุธฺชยวคฺโค
๑. ยุธฺชยจริยาวณฺณนา
๑. ตติยวคฺคสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม อมิตยโสติ อปริมิตปริวารวิภโว. ราชปุตฺโต ยุธฺชโยติ รมฺมนคเร สพฺพทตฺตสฺส นาม รฺโ ปุตฺโต นาเมน ยุธฺชโย นาม.
อยฺหิ พาราณสี อุทยชาตเก (ชา. ๑.๑๑.๓๗ อาทโย) สุรุนฺธนนครํ นาม ชาตา. จูฬสุตโสมชาตเก (ชา. ๒.๑๗.๑๙๕ อาทโย) สุทสฺสนํ นาม, โสณนนฺทชาตเก (ชา. ๒.๒๐.๙๒ อาทโย) พฺรหฺมวฑฺฒนํ นาม, ขณฺฑหาลชาตเก(ชา. ๒.๒๒.๙๘๒ อาทโย) ปุปฺผวตี นาม, อิมสฺมึ ปน ยุธฺชยชาตเก (ชา. ๑.๑๑.๗๓ อาทโย) รมฺมนครํ นาม อโหสิ, เอวมสฺส กทาจิ นามํ ปริวตฺตติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ราชปุตฺโตติ รมฺมนคเร สพฺพทตฺตสฺส นาม รฺโ ปุตฺโต’’ติ. ตสฺส ปน รฺโ ปุตฺตสหสฺสํ อโหสิ. โพธิสตฺโต เชฏฺปุตฺโต, ตสฺส ราชา อุปรชฺชํ อทาสิ. โส เหฏฺา วุตฺตนเยเนว ทิวเส ทิวเส มหาทานํ ปวตฺเตสิ. เอวํ คจฺฉนฺเต กาเล โพธิสตฺโต เอกทิวสํ ปาโตว รถวรํ อภิรุหิตฺวา มหนฺเตน สิริวิภเวน อุยฺยานกีฬํ คจฺฉนฺโต รุกฺขคฺคติณคฺคสาขคฺคมกฺกฏกสุตฺตชาลาทีสุ มุตฺตาชาลากาเรน ลคฺเค อุสฺสาวพินฺทู ทิสฺวา ‘‘สมฺม สารถิ, กึ นาเมต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอเต, เทว, หิมสมเย ปตนกอุสฺสาวพินฺทู นามา’’ติ สุตฺวา ทิวสภาคํ อุยฺยาเน กีฬิตฺวา สายนฺหกาเล ปจฺจาคจฺฉนฺโต เต อทิสฺวา ‘‘สมฺม สารถิ, กหํ เต อุสฺสาวพินฺทู, น เต อิทานิ ปสฺสามี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เทว, สูริเย อุคฺคจฺฉนฺเต ¶ สพฺเพ ภิชฺชิตฺวา วิลยํ คจฺฉนฺตี’’ติ สุตฺวา ‘‘ยถา อิเม อุปฺปชฺชิตฺวา ภิชฺชนฺติ, เอวํ อิเมสํ สตฺตานํ ชีวิตสงฺขาราปิ ติณคฺเค อุสฺสาวพินฺทุสทิสาว, ตสฺมา มยา พฺยาธิชรามรเณหิ อปีฬิเตเนว มาตาปิตโร อาปุจฺฉิตฺวา ปพฺพชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อุสฺสาวพินฺทุเมว อารมฺมณํ กตฺวา อาทิตฺเต วิย ตโย ภเว ปสฺสนฺโต อตฺตโน เคหํ อาคนฺตฺวา อลงฺกตปฏิยตฺตาย วินิจฺฉยสาลาย นิสินฺนสฺส ปิตุ สนฺติกเมว คนฺตฺวา ปิตรํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ิโต ปพฺพชฺชํ ยาจิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘อุสฺสาวพินฺทุํ ¶ ¶ สูริยาตเป, ปติตํ ทิสฺวาน สํวิชึ.
‘‘ตฺเวาธิปตึ กตฺวา, สํเวคมนุพฺรูหยึ;
มาตาปิตู จ วนฺทิตฺวา, ปพฺพชฺชมนุยาจห’’นฺติ.
ตตฺถ สูริยาตเปติ สูริยาตปเหตุ, สูริยรสฺมิสมฺผสฺสนิมิตฺตํ. ‘‘สูริยาตเปนา’’ติปิ ปาโ. ปติตํ ทิสฺวานาติ วินฏฺํ ปสฺสิตฺวา, ปุพฺเพ รุกฺขคฺคาทีสุ มุตฺตาชาลาทิอากาเรน ลคฺคํ หุตฺวา ทิสฺสมานํ สูริยรสฺมิสมฺผสฺเสน วินฏฺํ ปฺาจกฺขุนา โอโลเกตฺวา. สํวิชินฺติ ยถา เอตานิ, เอวํ สตฺตานํ ชีวิตานิปิ ลหุํ ลหุํ ภิชฺชมานสภาวานีติ อนิจฺจตามนสิการวเสน สํเวคมาปชฺชึ.
ตฺเวาธิปตึ กตฺวา, สํเวคมนุพฺรูหยินฺติ ตฺเว อุสฺสาวพินฺทูนํ อนิจฺจตํ อธิปตึ มุขํ ปุพฺพงฺคมํ ปุเรจาริกํ กตฺวา ตเถว สพฺพสงฺขารานํ อิตฺตรฏฺิติกตํ ปริตฺตกาลตํ มนสิกโรนฺโต เอกวารํ อุปฺปนฺนํ สํเวคํ ปุนปฺปุนํ อุปฺปาทเนน อนุวฑฺเฒสึ. ปพฺพชฺชมนุยาจหนฺติ ‘‘ติณคฺเค อุสฺสาวพินฺทู วิย น จิรฏฺิติเก สตฺตานํ ชีวิเต มยา พฺยาธิชรามรเณหิ อนภิภูเตเนว ปพฺพชิตฺวา ยตฺถ เอตานิ น สนฺติ, ตํ อมตํ มหานิพฺพานํ คเวสิตพฺพ’’นฺติ จินฺเตตฺวา มาตาปิตโร อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ปพฺพชฺชํ เม อนุชานาถา’’ติ เต อหํ ปพฺพชฺชํ ยาจึ. เอวํ มหาสตฺเตน ปพฺพชฺชาย ยาจิตาย สกลนคเร มหนฺตํ โกลาหลมโหสิ – ‘‘อุปราชา กิร ยุธฺชโย ปพฺพชิตุกาโม’’ติ ¶ .
เตน จ สมเยน กาสิรฏฺวาสิโน ราชานํ ทฏฺุํ อาคนฺตฺวา รมฺมเก ปฏิวสนฺติ. เต สพฺเพปิ สนฺนิปตึสุ. อิติ สปริโส ราชา เนคมา เจว ชานปทา จ โพธิสตฺตสฺส มาตา เทวี จ สพฺเพ จ โอโรธา มหาสตฺตํ ‘‘มา โข ตฺวํ, ตาต กุมาร, ปพฺพชี’’ติ นิวาเรสุํ. ตตฺถ ราชา ‘‘สเจ เต กาเมหิ อูนํ, อหํ เต ปริปูรยามิ, อชฺเชว รชฺชํ ปฏิปชฺชาหี’’ติ อาห. ตสฺส มหาสตฺโต –
‘‘มา มํ เทว นิวาเรหิ, ปพฺพชนฺตํ รเถสภ;
มาหํ กาเมหิ สมฺมตฺโต, ชราย วสมนฺวคู’’ติ. (ชา. ๑.๑๑.๗๗) –
อตฺตโน ¶ ปพฺพชฺชาฉนฺทเมว วตฺวา ตํ สุตฺวา สทฺธึ โอโรเธหิ มาตุยา กรุณํ ปริเทวนฺติยา –
‘‘อุสฺสาโวว ¶ ติณคฺคมฺหิ, สูริยุคฺคมนํ ปติ;
เอวมายุ มนุสฺสานํ, มา มํ อมฺม นิวารยา’’ติ. (ชา. ๑.๑๑.๗๙) –
อตฺตโน ปพฺพชฺชาการณํ กเถตฺวา นานปฺปการํ เตหิ ยาจิยมาโนปิ อภิสํวฑฺฒมานสํเวคตฺตา อโนสกฺกิตมานโส ปิยตเร มหติ าติปริวฏฺเฏ อุฬาเร ราชิสฺสริเย จ นิรเปกฺขจิตฺโต ปพฺพชิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ยาจนฺติ มํ ปฺชลิกา, สเนคมา สรฏฺกา;
อชฺเชว ปุตฺต ปฏิปชฺช, อิทฺธํ ผีตํ มหามหึ.
‘‘สราชเก สโหโรเธ, สเนคเม สรฏฺเก;
กรุณํ ปริเทวนฺเต, อนเปกฺโข ปริจฺจชิ’’นฺติ.
ตตฺถ ปฺชลิกาติ ปคฺคหิตอฺชลิกา. สเนคมา สรฏฺกาติ เนคเมหิ เจว รฏฺวาสีหิ จ สทฺธึ สพฺเพ ราชปุริสา ‘‘มา โข, ตฺวํ เทว, ปพฺพชี’’ติ มํ ยาจนฺติ. มาตาปิตโร ปน อชฺเชว ปุตฺต ปฏิปชฺช, คามนิคมราชธานิอภิวุทฺธิยา เวปุลฺลปฺปตฺติยา จ, อิทฺธํ วิภวสารสมฺปตฺติยา สสฺสาทินิปฺผตฺติยา จ, ผีตํ อิมํ มหามหึ อนุสาส, ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา รชฺชํ กาเรหีติ ยาจนฺติ. เอวํ ปน สห รฺาติ สราชเก, ตถา สโหโรเธ สเนคเม สรฏฺเก มหาชเน ยถา สุณนฺตานมฺปิ ปเคว ปสฺสนฺตานํ มหนฺตํ การฺุํ โหติ, เอวํ กรุณํ ปริเทวนฺเต ตตฺถ ตตฺถ อนเปกฺโข อลคฺคจิตฺโต ‘‘อหํ ตทา ปพฺพชิ’’นฺติ ทสฺเสติ.
๕-๖. อิทานิ ¶ ยทตฺถํ จกฺกวตฺติสิริสทิสํ รชฺชสิรึ ปิยตเร าติพนฺธเว ปหาย สินิทฺธํ ปริคฺคหปริชนํ โลกาภิมตํ มหนฺตํ ยสฺจ นิรเปกฺโข ปริจฺจชินฺติ ทสฺเสตุํ ทฺเว คาถา อภาสิ.
ตตฺถ เกวลนฺติ อนวเสสํ อิตฺถาคารํ สมุทฺทปริยนฺตฺจ ปถวึ ปพฺพชฺชาธิปฺปาเยน จชมาโน เอวํ เม สมฺมาสมฺโพธิ สกฺกา อธิคนฺตุนฺติ โพธิยาเยว การณา น กิฺจิ จินฺเตสึ, น ตตฺถ อีสกํ ลคฺคํ ชเนสินฺติ อตฺโถ. ตสฺมาติ ยสฺมา มาตาปิตโร ตฺจ มหายสํ รชฺชฺจ เม น เทสฺสํ ¶ , ปิยเมว, ตโต ปน สตคุเณน สหสฺสคุเณน สตสหสฺสคุเณน สพฺพฺุตฺาณเมว มยฺหํ ปิยตรํ, ตสฺมา มาตาทีหิ สทฺธึ รชฺชํ อหํ ตทา ปริจฺจชินฺติ.
ตเทตํ ¶ สพฺพํ ปริจฺจชิตฺวา ปพฺพชฺชาย มหาสตฺเต นิกฺขมนฺเต ตสฺส กนิฏฺภาตา ยุธิฏฺิลกุมาโร นาม ปิตรํ วนฺทิตฺวา ปพฺพชฺชํ อนุชานาเปตฺวา โพธิสตฺตํ อนุพนฺธิ. เต อุโภปิ นครา นิกฺขมฺม มหาชนํ นิวตฺเตตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา มโนรเม าเน อสฺสมปทํ กตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ฌานาภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา วนมูลผลาทีหิ ยาวชีวํ ยาเปตฺวา พฺรหฺมโลกปรายนา อเหสุํ. เตนาห ภควา –
‘‘อุโภ กุมารา ปพฺพชิตา, ยุธฺชโย ยุธิฏฺิโล;
ปหาย มาตาปิตโร, สงฺคํ เฉตฺวาน มจฺจุโน’’ติ. (ชา. ๑.๑๑.๘๓);
ตตฺถ สงฺคํ เฉตฺวาน มจฺจุโนติ มจฺจุมารสฺส สหการิการณภูตตฺตา สนฺตกํ ราคโทสโมหสงฺคํ วิกฺขมฺภนวเสน ฉินฺทิตฺวา อุโภปิ ปพฺพชิตาติ.
ตทา มาตาปิตโร มหาราชกุลานิ อเหสุํ, ยุธิฏฺิลกุมาโร อานนฺทตฺเถโร, ยุธฺชโย โลกนาโถ.
ตสฺส ปพฺพชฺชโต ปุพฺเพ ปวตฺติตมหาทานานิ เจว รชฺชาทิปริจฺจาโค จ ทานปารมี, กายวจีสํวโร สีลปารมี, ปพฺพชฺชา จ ฌานาธิคโม จ เนกฺขมฺมปารมี, อนิจฺจโต มนสิการํ อาทึ กตฺวา อภิฺาธิคมปริโยสานา ปฺา ทานาทีนํ อุปการานุปการธมฺมปริคฺคณฺหนปฺา จ ปฺาปารมี, สพฺพตฺถ ตทตฺถสาธนํ วีริยํ วีริยปารมี ¶ , าณขนฺติ อธิวาสนขนฺติ จ ขนฺติปารมี, ปฏิฺาย อวิสํวาทนํ สจฺจปารมี, สพฺพตฺถ อจลสมาทานาธิฏฺานํ อธิฏฺานปารมี, สพฺพสตฺเตสุ หิตจิตฺตตาย เมตฺตาพฺรหฺมวิหารวเสน จ เมตฺตาปารมี, สตฺตสงฺขารกตวิปฺปการอุเปกฺขนวเสน อุเปกฺขาพฺรหฺมวิหารวเสน จ อุเปกฺขาปารมีติ ทส ปารมิโย ลพฺภนฺติ. วิเสสโต ปน เนกฺขมฺมปารมีติ เวทิตพฺพา. ตถา อกิตฺติจริยายํ วิย อิธาปิ มหาปุริสสฺส อจฺฉริยคุณา ยถารหํ นิทฺธาเรตพฺพา. เตน วุจฺจติ ‘‘เอวํ อจฺฉริยา เหเต, อพฺภุตา จ มเหสิโน…เป… ธมฺมสฺส อนุธมฺมโต’’ติ.
ยุธฺชยจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. โสมนสฺสจริยาวณฺณนา
๗. ทุติเย ¶ ¶ อินฺทปตฺเถ ปุรุตฺตเมติ เอวํนามเก นครวเร. กามิโตติ มาตาปิตุอาทีหิ ‘‘อโห วต เอโก ปุตฺโต อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ เอวํ จิรกาเล ปตฺถิโต. ทยิโตติ ปิยายิโต. โสมนสฺโสติ วิสฺสุโตติ ‘‘โสมนสฺโส’’ติ เอวํ ปกาสนาโม.
๘. สีลวาติ ทสกุสลกมฺมปถสีเลน เจว อาจารสีเลน จ สมนฺนาคโต. คุณสมฺปนฺโนติ สทฺธาพาหุสจฺจาทิคุเณหิ อุเปโต, ปริปุณฺโณ วา. กลฺยาณปฏิภานวาติ ตํตํอิติกตฺตพฺพสาธเนน อุปายโกสลฺลสงฺขาเตน จ สุนฺทเรน ปฏิภาเนน สมนฺนาคโต. วุฑฺฒาปจายีติ มาตาปิตโร กุเล เชฏฺาติ เอวํ เย ชาติวุฑฺฒา, เย จ สีลาทิคุเณหิ วุฑฺฒา, เตสํ อปจายนสีโล. หิรีมาติ ปาปชิคุจฺฉนลกฺขณาย หิริยา สมนฺนาคโต. สงฺคเหสุ จ โกวิโทติ ทานปิยวจนอตฺถจริยาสมานตฺตตาสงฺขาเตหิ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ ยถารหํ สตฺตานํ สงฺคณฺหเนสุ กุสโล. เอวรูโป เรณุสฺส นาม กุรุราชสฺส ปุตฺโต โสมนสฺโสติ วิสฺสุโต ยทา โหมีติ สมฺพนฺโธ.
๙. ตสฺส รฺโ ปติกโรติ เตน กุรุราเชน ปติ อภิกฺขณํ อุปกตฺตพฺพภาเวน ปติกโร วลฺลโภ. กุหกตาปโสติ อสนฺตคุณสมฺภาวนลกฺขเณน โกหฺเน ¶ ชีวิตกปฺปนโก เอโก ตาปโส, ตสฺส รฺโ สกฺกาตพฺโพ อโหสิ. อารามนฺติ ผลารามํ, ยตฺถ เอฬาลุกลาพุกุมฺภณฺฑติปุสาทิวลฺลิผลานิ เจว ตณฺฑุเลยฺยกาทิสากฺจ โรปียติ. มาลาวจฺฉนฺติ ชาติอติมุตฺตกาทิปุปฺผคจฺฉํ, เตน ปุปฺผารามํ ทสฺเสติ. เอตฺถ จ อารามํ กตฺวา ตตฺถ มาลาวจฺฉฺจ ยถาวุตฺตผลวจฺฉฺจ โรเปตฺวา ตโต ลทฺธธนํ สํหริตฺวา เปนฺโต ชีวตีติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – ตทา มหารกฺขิโต นาม ตาปโส ปฺจสตตาปสปริวาโร หิมวนฺเต วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย ชนปทจาริกํ จรนฺโต อินฺทปตฺถนครํ ปตฺวา ราชุยฺยาเน วสิตฺวา สปริโส ปิณฺฑาย ¶ จรนฺโต ราชทฺวารํ ปาปุณิ. ราชา อิสิคณํ ทิสฺวา อิริยาปเถ ปสนฺโน อลงฺกตมหาตเล นิสีทาเปตฺวา ปณีเตนาหาเรน ปริวิสิตฺวา ‘‘ภนฺเต, อิมํ วสฺสารตฺตํ มม อุยฺยาเนเยว วสถา’’ติ วตฺวา เตหิ สทฺธึ อุยฺยานํ คนฺตฺวา วสนฏฺานานิ กาเรตฺวา ปพฺพชิตปริกฺขาเร ทตฺวา นิกฺขมิ. ตโต ปฏฺาย สพฺเพปิ เต ราชนิเวสเน ภฺุชนฺติ.
ราชา ¶ ปน อปุตฺตโก ปุตฺเต ปตฺเถติ, ปุตฺตา นุปฺปชฺชนฺติ. วสฺสารตฺตจฺจเยน มหารกฺขิโต ‘‘หิมวนฺตํ คมิสฺสามา’’ติ ราชานํ อาปุจฺฉิตฺวา รฺา กตสกฺการสมฺมาโน นิกฺขมิตฺวา อนฺตรามคฺเค มชฺฌนฺหิกสมเย มคฺคา โอกฺกมฺม เอกสฺส สนฺทจฺฉายสฺส รุกฺขสฺส เหฏฺา สปริโส นิสีทิ. ตาปสา กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘ราชา อปุตฺตโก, สาธุ วตสฺส สเจ ราชปุตฺตํ ลเภยฺยา’’ติ. มหารกฺขิโต ตํ กถํ สุตฺวา ‘‘ภวิสฺสติ นุ โข รฺโ ปุตฺโต, อุทาหุ โน’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘มา ตุมฺเห จินฺตยิตฺถ, อชฺช ปจฺจูสกาเล เอโก ¶ เทวปุตฺโต จวิตฺวา รฺโ อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติสฺสตี’’ติ อาห.
ตํ สุตฺวา เอโก กูฏชฏิโล ‘‘อิทานิ ราชกุลูปโก ภวิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ตาปสานํ คมนกาเล คิลานาลยํ กตฺวา นิปชฺชิตฺวา ‘‘เอหิ คจฺฉามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น สกฺโกมี’’ติ อาห. มหารกฺขิโต ตสฺส นิปนฺนการณํ ตฺวา ‘‘ยทา สกฺโกสิ, ตทา อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ อิสิคณํ อาทาย หิมวนฺตเมว คโต. กุหโก นิวตฺติตฺวา เวเคน คนฺตฺวา ราชทฺวาเร ตฺวา ‘‘มหารกฺขิตสฺส อุปฏฺากตาปโส อาคโต’’ติ รฺโ อาโรจาเปตฺวา รฺา เวเคน ปกฺโกสาปิโต ปาสาทํ อภิรุยฺห ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. ราชา ตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน อิสีนํ อาโรคฺยํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ภนฺเต, อติขิปฺปํ นิวตฺติตฺถ, เกนตฺเถน อาคตตฺถา’’ติ อาห.
มหาราช, อิสิคโณ สุขนิสินฺโน ‘‘สาธุ วตสฺส สเจ รฺโ วํสานุรกฺขโก ปุตฺโต อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ กถํ สมุฏฺาเปสิ. อหํ ตํ กถํ สุตฺวา ‘‘ภวิสฺสติ นุ โข รฺโ ปุตฺโต, อุทาหุ โน’’ติ ทิพฺพจกฺขุนา โอโลเกนฺโต ‘‘มหิทฺธิโก เทวปุตฺโต จวิตฺวา อคฺคมเหสิยา สุธมฺมาย กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติสฺสตี’’ติ ทิสฺวา ‘‘อชานนฺตา คพฺภํ นาเสยฺยุํ, อาจิกฺขิสฺสามิ ¶ ตาว น’’นฺติ ตุมฺหากํ กถนตฺถาย อาคโต, กถิตํ โว มยา, คจฺฉามห’’นฺติ. ราชา ‘‘ภนฺเต, น สกฺกา คนฺตุ’’นฺติ หฏฺตุฏฺโ ปสนฺนจิตฺโต กุหกตาปสํ อุยฺยานํ เนตฺวา วสนฏฺานํ สํวิทหิตฺวา อทาสิ. โส ตโต ปฏฺาย ราชกุเล ภฺุชนฺโต วสติ, ‘‘ทิพฺพจกฺขุโก’’ตฺเววสฺส นามํ อโหสิ.
ตทา โพธิสตฺโต ตาวตึสภวนโต จวิตฺวา ตตฺถ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, ชาตสฺส จ นามคฺคหณทิวเส ‘‘โสมนสฺโส’’ติ ¶ นามํ กรึสุ. โส กุมารปริหาเรน วฑฺฒติ. กุหกตาปโสปิ อุยฺยานสฺส เอกปสฺเส นานปฺปการํ สูเปยฺยสากฺจ ผลวลฺลิอาทโย จ โรเปตฺวา ปณฺณิกานํ หตฺเถ วิกฺกิณนฺโต ธนํ สํหรติ. อถ โพธิสตฺตสฺส สตฺตวสฺสิกกาเล รฺโ ปจฺจนฺโต ¶ กุปิโต. โส ‘‘ตาต, ทิพฺพจกฺขุตาปเส มา ปมชฺชา’’ติ กุมารํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา ปจฺจนฺตํ วูปสเมตุํ คโต.
๑๐-๑๓. อเถกทิวสํ กุมาโร ‘‘ชฏิลํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ อุยฺยานํ คนฺตฺวา กูฏชฏิลํ เอกํ คนฺธิกกาสาวํ นิวาเสตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา อุโภหิ หตฺเถหิ ทฺเว ฆเฏ คเหตฺวา สากวตฺถุสฺมึ อุทกํ สิฺจนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ กูฏชฏิโล อตฺตโน สมณธมฺมํ อกตฺวา ปณฺณิกกมฺมํ กโรตี’’ติ ตฺวา ‘‘กึ กโรสิ ปณฺณิกคหปติกา’’ติ ตํ ลชฺชาเปตฺวา อวนฺทิตฺวา เอว นิกฺขมิ.
กูฏชฏิโล ‘‘อยํ อิทาเนว เอวรูโป, ปจฺฉา ‘โก ชานาติ กึ กริสฺสตี’ติ อิทาเนว นํ นาเสตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา รฺโ อาคมนกาเล ปาสาณผลกํ เอกมนฺตํ ขิปิตฺวา ปานียฆฏํ ภินฺทิตฺวา ปณฺณสาลาย ติณานิ วิกิริตฺวา สรีรํ เตเลน มกฺเขตฺวา ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา สสีสํ ปารุปิตฺวา มหาทุกฺขปฺปตฺโต วิย มฺเจ นิปชฺชิ. ราชา อาคนฺตฺวา นครํ ปทกฺขิณํ กตฺวา นิเวสนํ อปวิสิตฺวาว ‘‘มม สามิกํ ทิพฺพจกฺขุกํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ ปณฺณสาลทฺวารํ คนฺตฺวา ตํ วิปฺปการํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข เอต’’นฺติ อนฺโต ปวิสิตฺวา ตํ นิปนฺนกํ ทิสฺวา ปาเท ปริมชฺชนฺโต ปุจฺฉิ – ‘‘เกน, ตฺวํ ภนฺเต, เอวํ วิเหิโต, กมชฺช ยมโลกํ เนมิ, ตํ เม สีฆํ อาจิกฺขา’’ติ.
ตํ ¶ สุตฺวา กูฏชฏิโล นิตฺถุนนฺโต อุฏฺาย ทิฏฺโ, ¶ มหาราช, ตฺวํ เม, ปสฺสิตฺวา ตยิ วิสฺสาเสน อหํ อิมํ วิปฺปการํ ปตฺโต, ตว ปุตฺเตนมฺหิ เอวํ วิเหิโตติ. ตํ สุตฺวา ราชา โจรฆาตเก อาณาเปสิ – ‘‘คจฺฉถ กุมารสฺส สีสํ ฉินฺทิตฺวา สรีรฺจสฺส ขณฺฑาขณฺฑิกํ ฉินฺทิตฺวา รถิยา รถิยํ วิกิรถา’’ติ. เต มาตรา อลงฺกริตฺวา อตฺตโน องฺเก นิสีทาปิตํ กุมารํ อากฑฺฒึสุ – ‘‘รฺา เต วโธ อาณตฺโต’’ติ. กุมาโร มรณภยตชฺชิโต มาตุ องฺกโต วุฏฺาย – ‘‘รฺโ มํ ทสฺเสถ, สนฺติ ราชกิจฺจานี’’ติ อาห. เต กุมารสฺส วจนํ สุตฺวา มาเรตุํ อวิสหนฺตา โคณํ วิย รชฺชุยา ปริกฑฺฒนฺตา เนตฺวา รฺโ ทสฺเสสุํ. เตน วุตฺตํ ‘‘ตมหํ ทิสฺวาน กุหก’’นฺติอาทิ.
ตตฺถ ถุสราสึว อตณฺฑุลนฺติ ตณฺฑุลกเณหิ วิรหิตํ ถุสราสึ วิย, ทุมํว รุกฺขํ วิย, อนฺโต มหาสุสิรํ. กทลึว อสารกํ สีลาทิสารรหิตํ ตาปสํ อหํ ทิสฺวา นตฺถิ อิมสฺส สตํ สาธูนํ ฌานาทิธมฺโม. กสฺมา? สามฺา สมณภาวา สีลมตฺตโตปิ อปคโต ปริหีโน ¶ อยํ, ตถา หิ อยํ หิรีสุกฺกธมฺมชหิโต ปชหิตหิริสงฺขาตสุกฺกธมฺโม. ชีวิตวุตฺติการณาติ ‘‘เกวลํ ชีวิตสฺเสว เหตุ อยํ ตาปสลิงฺเคน จรตี’’ติ จินฺเตสินฺติ ทสฺเสติ. ปรนฺติหีติ ปรนฺโต ปจฺจนฺโต นิวาสภูโต เอเตสํ อตฺถีติ ปรนฺติโน, สีมนฺตริกวาสิโน. เตหิ ปรนฺตีหิ อฏวิเกหิ ปจฺจนฺตเทโส โขภิโต อโหสิ. ตํ ปจฺจนฺตโกปํ นิเสเธตุํ วูปสเมตุํ คจฺฉนฺโต มม ปิตา กุรุราชา ‘‘ตาต โสมนสฺสกุมาร, มยฺหํ สามิกํ อุคฺคตาปนํ โฆรตปํ ปรมสนฺตินฺทฺริยํ ชฏิลํ มา ปมชฺชิ. โส หิ อมฺหากํ สพฺพกามทโท, ตสฺมา ยทิจฺฉกํ จิตฺตรุจิยํ ตสฺส จิตฺตานุกูลํ ปวตฺเตหิ อนุวตฺเตหี’’ติ ตทา มํ อนุสาสีติ ทสฺเสติ.
๑๔. ตมหํ คนฺตฺวานุปฏฺานนฺติ ปิตุ วจนํ อนติกฺกนฺโต ตํ กูฏตาปสํ อุปฏฺานตฺถํ คนฺตฺวา ตํ สากวตฺถุสฺมึ อุทกํ อาสิฺจนฺตํ ทิสฺวา ‘‘ปณฺณิโก อย’’นฺติ จ ตฺวา กจฺจิ เต, คหปติ, กุสลนฺติ, คหปติ, ¶ เต สรีรสฺส กจฺจิ กุสลํ กุสลเมว, ตถา หิ สากวตฺถุสฺมึ อุทกํ อาสิฺจสิ. กึ วา ตว หิรฺํ วา สุวณฺณํ วา อาหรียตุ, ตถา หิ ปณฺณิกวุตฺตึ อนุติฏฺสีติ อิทํ วจนํ อภาสึ.
๑๕. เตน ¶ โส กุปิโต อาสีติ เตน มยา วุตฺตคหปติวาเทน โส มานนิสฺสิโต มานํ อลฺลีโน กุหโก มยฺหํ กุปิโต กุทฺโธ อโหสิ. กุทฺโธ จ สมาโน ‘‘ฆาตาเปมิ ตุวํ อชฺช, รฏฺา ปพฺพาชยามิ วา’’ติ อาห.
ตตฺถ ตุวํ อชฺชาติ, ตฺวํ อชฺช, อิทานิเยว รฺโ อาคตกาเลติ อตฺโถ.
๑๖. นิเสธยิตฺวา ปจฺจนฺตนฺติ ปจฺจนฺตํ วูปสเมตฺวา นครํ อปวิฏฺโ ตงฺขณฺเว อุยฺยานํ คนฺตฺวา กุหกํ กุหกตาปสํ กจฺจิ เต, ภนฺเต, ขมนียํ, สมฺมาโน เต ปวตฺติโตติ กุมาเรน เต สมฺมาโน ปวตฺติโต อโหสิ.
๑๗. กุมาโร ยถา นาสิโยติ ยถา กุมาโร นาสิโย นาเสตพฺโพ ฆาตาเปตพฺโพ, ตถา โส ปาโป ตสฺส รฺโ อาจิกฺขิ. อาณาเปสีติ มยฺหํ สามิเก อิมสฺมึ ทิพฺพจกฺขุตาปเส สติ กึ มม น นิปฺผชฺชติ, ตสฺมา ปุตฺเตน เม อตฺโถ นตฺถิ, ตโตปิ อยเมว เสยฺโยติ จินฺเตตฺวา อาณาเปสิ.
๑๘. กินฺติ ¶ ? สีสํ ตตฺเถว ฉินฺทิตฺวาติ ยสฺมึ าเน ตํ กุมารํ ปสฺสถ, ตตฺเถว ตสฺส สีสํ ฉินฺทิตฺวา สรีรฺจสฺส กตฺวาน จตุขณฺฑิกํ จตุโร ขณฺเฑ กตฺวา รถิยา รถิยํ นียนฺตา วีถิโต วีถึ วิกฺขิปนฺตา ทสฺเสถ. กสฺมา? สา คติ ชฏิลหีฬิตาติ เยหิ อยํ ชฏิโล หีฬิโต, เตสํ ชฏิลหีฬิตานํ สา คติ สา นิปฺผตฺติ โส วิปาโกติ. ชฏิลหีฬิตาติ วา ชฏิลหีฬนเหตุ สา ตสฺส นิปฺผตฺตีติ เอวฺเจตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
๑๙. ตตฺถาติ ตสฺส รฺโ อาณายํ, ตสฺมึ วา ตาปสสฺส ปริภเว. การณิกาติ ฆาตกา, โจรฆาตกาติ อตฺโถ. จณฺฑาติ กุรูรา. ลุทฺทาติ สุทารุณา. อการุณาติ ตสฺเสว เววจนํ กตํ. ‘‘อกรุณา’’ติปิ ปาฬิ, นิกฺกรุณาติ อตฺโถ. มาตุ องฺเก นิสินฺนสฺสาติ มม มาตุ สุธมฺมาย เทวิยา อุจฺฉงฺเค นิสินฺนสฺส. ‘‘นิสินฺนสฺสา’’ติ อนาทเร สามิวจนํ. อากฑฺฒิตฺวา นยนฺติ มนฺติ มาตรา อลงฺกริตฺวา อตฺตโน องฺเก ¶ นิสีทาปิตํ ¶ มํ ราชาณาย เต โจรฆาตกา โคณํ วิย รชฺชุยา อากฑฺฒิตฺวา อาฆาตนํ นยนฺติ. กุมาเร ปน นียมาเน ทาสิคณปริวุตา สทฺธึ โอโรเธหิ สุธมฺมา เทวี นาคราปิ ‘‘มยํ นิรปราธํ กุมารํ มาเรตุํ น ทสฺสามา’’ติ เตน สทฺธึเยว อคมํสุ.
๒๐. พนฺธตํ คาฬฺหพนฺธนนฺติ คาฬฺหพนฺธนํ พนฺธนฺตานํ เตสํ การณิกปุริสานํ. ราชกิริยานิ อตฺถิ เมติ มยา รฺโ วตฺตพฺพานิ ราชกิจฺจานิ อตฺถิ. ตสฺมา รฺโ ทสฺเสถ มํ ขิปฺปนฺติ เตสํ อหํ เอวํ วจนํ อวจํ.
๒๑. รฺโ ทสฺสยึสุ, ปาปสฺส ปาปเสวิโนติ อตฺตนา ปาปสีลสฺส ลามกาจารสฺส กูฏตาปสสฺส เสวนโต ปาปเสวิโน รฺโ มํ ทสฺสยึสุ. ทิสฺวาน ตํ สฺาเปสินฺติ ตํ มม ปิตรํ กุรุราชานํ ปสฺสิตฺวา ‘‘กสฺมา มํ, เทว, มาราเปสี’’ติ วตฺวา เตน ‘‘กสฺมา จ ปน ตฺวํ มยฺหํ สามิกํ ทิพฺพจกฺขุตาปสํ คหปติวาเทน สมุทาจริ. อิทฺจิทฺจ วิปฺปการํ กรี’’ติ วุตฺเต ‘‘เทว, คหปติฺเว ‘คหปตี’ติ วทนฺตสฺส โก มยฺหํ โทโส’’ติ วตฺวา ตสฺส นานาวิธานิ มาลาวจฺฉานิ โรเปตฺวา ปุปฺผปณฺณผลาผลาทีนํ วิกฺกิณนํ หตฺถโต จสฺส ตานิ เทวสิกํ วิกฺกิณนฺเตหิ มาลาการปณฺณิเกหิ สทฺทหาเปตฺวา ‘‘มาลาวตฺถุปณฺณวตฺถูนิ อุปธาเรถา’’ติ วตฺวา ปณฺณสาลฺจสฺส ปวิสิตฺวา ปุปฺผาทิวิกฺกิยลทฺธํ กหาปณกภณฺฑิกํ อตฺตโน ปุริเสหิ นีหราเปตฺวา ราชานํ สฺาเปสึ ตสฺส กูฏตาปสภาวํ ชานาเปสึ. มมฺจ วสมานยินฺติ เตน สฺาปเนน ‘‘สจฺจํ โข ปน กุมาโร วทติ, อยํ กูฏตาปโส ปุพฺเพ อปฺปิจฺโฉ วิย หุตฺวา อิทานิ ¶ มหาปริคฺคโห ชาโต’’ติ ยถา ตสฺมึ นิพฺพินฺโน มม วเส วตฺตติ, เอวํ ราชานํ มม วสมาเนสึ.
ตโต มหาสตฺโต ‘‘เอวรูปสฺส พาลสฺส รฺโ สนฺติเก วสนโต หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา ปพฺพชิตุํ ยุตฺต’’นฺติ จินฺเตตฺวา ราชานํ อาปุจฺฉิ – ‘‘น เม, มหาราช, อิธ วาเสน อตฺโถ, อนุชานาถ มํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. ราชา ‘‘ตาต, มยา อนุปธาเรตฺวาว เต วโธ อาณตฺโต, ขม มยฺหํ อปราธ’’นฺติ มหาสตฺตํ ขมาเปตฺวา ‘‘อชฺเชว อิมํ รชฺชํ ปฏิปชฺชาหี’’ติ อาห. กุมาโร ‘‘เทว, กิมตฺถิ มานุสเกสุ ¶ โภเคสุ, อหํ ปุพฺเพ ทีฆรตฺตํ ¶ ทิพฺพโภคสมฺปตฺติโย อนุภวึ, น ตตฺถาปิ เม สงฺโค, ปพฺพชิสฺสาเมวาหํ, น ตาทิสสฺส พาลสฺส ปรเนยฺยพุทฺธิโน สนฺติเก วสามี’’ติ วตฺวา ตํ โอวทนฺโต –
‘‘อนิสมฺม กตํ กมฺมํ, อนวตฺถาย จินฺติตํ;
เภสชฺชสฺเสว เวภงฺโค, วิปาโก โหติ ปาปโก.
‘‘นิสมฺม จ กตํ กมฺมํ, สมฺมาวตฺถาย จินฺติตํ;
เภสชฺชสฺเสว สมฺปตฺติ, วิปาโก โหติ ภทฺรโก.
‘‘อลโส คิหี กามโภคี น สาธุ, อสฺโต ปพฺพชิโต น สาธุ;
ราชา น สาธุ อนิสมฺมการี, โย ปณฺฑิโต โกธโน ตํ น สาธุ.
‘‘นิสมฺม ขตฺติโย กยิรา, นานิสมฺม ทิสมฺปติ;
นิสมฺมการิโน ราช, ยโส กิตฺติ จ วฑฺฒติ.
‘‘นิสมฺม ทณฺฑํ ปณเยยฺย อิสฺสโร, เวคา กตํ ตปฺปติ ภูมิปาล;
สมฺมาปณีธี จ นรสฺส อตฺถา, อนานุตปฺปา เต ภวนฺติ ปจฺฉา.
‘‘อนานุตปฺปานิ หิ เย กโรนฺติ, วิภชฺช กมฺมายตนานิ โลเก;
วิฺุปฺปสตฺถานิ สุขุทฺรยานิ, ภวนฺติ พุทฺธานุมตานิ ตานิ.
‘‘อาคจฺฉุํ ¶ โทวาริกา ขคฺคพนฺธา, กาสาวิยา หนฺตุ มมํ ชนินฺท;
มาตฺุจ องฺกสฺมิมหํ นิสินฺโน, อากฑฺฒิโต สหสา เตหิ เทว.
‘‘กฏุกฺหิ ¶ สมฺพาธํ สุกิจฺฉํ ปตฺโต, มธุรมฺปิยํ ชีวิตํ ลทฺธ ราช;
กิจฺเฉนหํ อชฺช วธา ปมุตฺโต, ปพฺพชฺชเมวาภิมโนหมสฺมี’’ติ. (ชา. ๑.๑๕.๒๒๗-๒๓๔) –
อิมาหิ คาถาหิ ธมฺมํ เทเสสิ.
ตตฺถ ¶ อนิสมฺมาติ อนุปธาเรตฺวา. อนวตฺถายาติ อววตฺถเปตฺวา. เวภงฺโคติ วิปตฺติ. วิปาโกติ นิปฺผตฺติ. อสฺโตติ อสํวุโต ทุสฺสีโล. ปณเยยฺยาติ ปฏฺเปยฺย. เวคาติ เวเคน สหสา. สมฺมาปณีธี จาติ สมฺมาปณิธินา, โยนิโส ปิเตน จิตฺเตน กตา นรสฺส อตฺถา ปจฺฉา อนานุตปฺปา ภวนฺตีติ อตฺโถ. วิภชฺชาติ อิมานิ กาตุํ ยุตฺตานิ, อิมานิ อยุตฺตานีติ เอวํ ปฺาย วิภชิตฺวา. กมฺมายตนานีติ กมฺมานิ. พุทฺธานุมตานีติ ปณฺฑิเตหิ อนุมตานิ อนวชฺชานิ โหนฺติ. กฏุกนฺติ ทุกฺขํ อสาตํ, สมฺพาธํ สุกิจฺฉํ มรณภยํ ปตฺโตมฺหิ. ลทฺธาติ อตฺตโน าณพเลน ชีวิตํ ลภิตฺวา. ปพฺพชฺชเมวาภิมโนติ ปพฺพชฺชาภิมุขจิตฺโต เอวาหมสฺมิ.
เอวํ มหาสตฺเตน ธมฺเม เทสิเต ราชา เทวึ อามนฺเตสิ – ‘‘เทวิ, ตฺวํ ปุตฺตํ นิวตฺเตหี’’ติ. เทวีปิ กุมารสฺส ปพฺพชฺชเมว โรเจสิ. มหาสตฺโต มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา ‘‘สเจ มยฺหํ โทโส อตฺถิ, ตํ ขมถา’’ติ ขมาเปตฺวา มหาชนํ อาปุจฺฉิตฺวา หิมวนฺตาภิมุโข อคมาสิ. คเต จ ปน มหาสตฺเต มหาชโน กูฏชฏิลํ โปเถตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปสิ. โพธิสตฺโตปิ สนาคเรหิ อมจฺจปาริสชฺชาทีหิ ราชปุริเสหิ อสฺสุมุเขหิ อนุพนฺธิยมาโน เต นิวตฺเตสิ. มนุสฺเสสุ นิวตฺเตสุ มนุสฺสวณฺเณนาคนฺตฺวา เทวตาหิ นีโต สตฺต ปพฺพตราชิโย อติกฺกมิตฺวา หิมวนฺเต วิสฺสกมฺมุนา นิมฺมิตาย ปณฺณสาลาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘โส มํ ตตฺถ ขมาเปสิ, มหารชฺชํ อทาสิ เม;
โสหํ ตมํ ทาลยิตฺวา, ปพฺพชึ อนคาริย’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ ตมํ ทาลยิตฺวาติ กามาทีนวทสฺสนสฺส ปฏิปกฺขภูตํ สมฺโมหตมํ วิธมิตฺวา. ปพฺพชินฺติ อุปาคจฺฉึ. อนคาริยนฺติ ปพฺพชฺชํ.
๒๓. อิทานิ ¶ ยทตฺถํ ตทา ตํ ราชิสฺสริยํ ปริจฺจตฺตํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘น เม เทสฺส’’นฺติ โอสานคาถมาห. ตสฺสตฺโถ วุตฺตนโยว.
เอวํ ปน มหาสตฺเต ปพฺพชิเต ยาว โสฬสวสฺสกาลา ราชกุเล ¶ ปริจาริกเวเสน เทวตาเยว นํ อุปฏฺหึสุ. โส ตตฺถ ฌานาภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.
ตทา กุหโก เทวทตฺโต อโหสิ, มาตา มหามายา, มหารกฺขิตตาปโส สาริปุตฺตตฺเถโร, โสมนสฺสกุมาโร โลกนาโถ.
ตสฺส ยุธฺชยจริยายํ (จริยา. ๓.๑ อาทโย) วุตฺตนเยเนว ทส ปารมิโย นิทฺธาเรตพฺพา. อิธาปิ เนกฺขมฺมปารมี อติสยวตีติ สา เอว เทสนํ อารุฬฺหา. ตถา สตฺตวสฺสิกกาเล เอว ราชกิจฺเจสุ สมตฺถตา, ตสฺส ตาปสสฺส กูฏชฏิลภาวปริคฺคณฺหนํ, เตน ปยุตฺเตน รฺา วเธ อาณตฺเต สนฺตาสาภาโว, รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา นานานเยหิ ตสฺส สโทสตํ อตฺตโน จ นิรปราธตํ มหาชนสฺส มชฺเฌ ปกาเสตฺวา รฺโ จ ปรเนยฺยพุทฺธิตํ พาลภาวฺจ ปฏฺเปตฺวา เตน ขมาปิเตปิ ตสฺส สนฺติเก วาสโต รชฺชิสฺสริยโต จ สํเวคมาปชฺชิตฺวา นานปฺปการํ ยาจิยมาเนนปิ หตฺถคตํ รชฺชสิรึ เขฬปิณฺฑํ วิย ฉฑฺเฑตฺวา กตฺถจิ อลคฺคจิตฺเตน หุตฺวา ปพฺพชนํ, ปพฺพชิตฺวา ปวิเวการาเมน หุตฺวา นจิรสฺเสว อปฺปกสิเรน ฌานาภิฺานิพฺพตฺตนนฺติ เอวมาทโย มหาสตฺตสฺส คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพาติ.
โสมนสฺสจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. อโยฆรจริยาวณฺณนา
๒๔. ตติเย อโยฆรมฺหิ สํวฑฺโฒติ อมนุสฺสอุปทฺทวปริวชฺชนตฺถํ จตุรสฺสสาลวเสน กเต มหติ สพฺพอโยมเย เคเห สํวฑฺโฒ. นาเมนาสิ อโยฆโรติ อโยฆเร ชาตสํวฑฺฒภาเวเนว ‘‘อโยฆรกุมาโร’’ติ นาเมน ปากโฏ อโหสิ.
๒๕-๖. ตทา ¶ ¶ หิ กาสิรฺโ อคฺคมเหสิยา ปุริมตฺตภาเว สปตฺติ ‘‘ตว ชาตํ ชาตํ ปชํ ขาเทยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ ปฏฺเปตฺวา ¶ ยกฺขินิโยนิยํ นิพฺพตฺตา โอกาสํ ลภิตฺวา ตสฺสา วิชาตกาเล ทฺเว วาเร ปุตฺเต ขาทิ. ตติยวาเร ปน โพธิสตฺโต ตสฺสา กุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ราชา ‘‘เทวิยา ชาตํ ชาตํ ปชํ เอกา ยกฺขินี ขาทติ, กึ นุ โข กาตพฺพ’’นฺติ มนุสฺเสหิ สมฺมนฺเตตฺวา ‘‘อมนุสฺสา นาม อโยฆรสฺส ภายนฺติ, อโยฆรํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺเต กมฺมาเร อาณาเปตฺวา ถมฺเภ อาทึ กตฺวา อโยมเยเหว สพฺพเคหสมฺภาเรหิ จตุรสฺสสาลํ มหนฺตํ อโยฆรํ นิฏฺาเปตฺวา ปริปกฺกคพฺภํ เทวึ ตตฺถ วาเสสิ. สา ตตฺถ ธฺปฺุลกฺขณํ ปุตฺตํ วิชายิ. ‘‘อโยฆรกุมาโร’’ตฺเววสฺส นามํ กรึสุ. ตํ ธาตีนํ ทตฺวา มหนฺตํ อารกฺขํ สํวิทหิตฺวา ราชา เทวึ อนฺเตปุรํ อาเนสิ. ยกฺขินีปิ อุทกวารํ คนฺตฺวา เวสฺสวณสฺส อุทกํ วหนฺตี ชีวิตกฺขยํ ปตฺตา.
มหาสตฺโต อโยฆเรเยว วฑฺฒิตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต, ตตฺเถว สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิ. ราชา ปุตฺตํ โสฬสวสฺสุทฺเทสิกํ วิทิตฺวา ‘‘รชฺชมสฺส ทสฺสามี’’ติ อมจฺเจ อาณาเปสิ – ‘‘ปุตฺตํ เม อาเนถา’’ติ. เต ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ นครํ อลงฺการาเปตฺวา สพฺพาลงฺการวิภูสิตํ มงฺคลวารณํ อาทาย ตตฺถ คนฺตฺวา กุมารํ อลงฺกริตฺวา หตฺถิกฺขนฺเธ นิสีทาเปตฺวา นครํ ปทกฺขิณํ กาเรตฺวา รฺโ ทสฺเสสุํ. มหาสตฺโต ราชานํ วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. ราชา ตสฺส สรีรโสภํ โอโลเกตฺวา พลวสิเนเหน ตํ อาลิงฺคิตฺวา ‘‘อชฺเชว เม ปุตฺตํ อภิสิฺจถา’’ติ อมจฺเจ อาณาเปสิ. มหาสตฺโต ปิตรํ วนฺทิตฺวา ‘‘น มยฺหํ รชฺเชน อตฺโถ, อหํ ปพฺพชิสฺสามิ, ปพฺพชฺชํ เม อนุชานาถา’’ติ อาห. เตน วุตฺตํ ‘‘ทุกฺเขน ชีวิโต ลทฺโธ’’ติอาทิ.
ตตฺถ ทุกฺเขนาติ, ตาต, ตว ภาติกา ทฺเว เอกาย ยกฺขินิยา ขาทิตา, ตุยฺหํ ปน ตโต อมนุสฺสภยโต นิวารณตฺถํ กเตน ทุกฺเขน มหตา อายาเสน ชีวิโต ลทฺโธ. สํปีเฬ ปติโปสิโตติ นานาวิธาย อมนุสฺสรกฺขาย ¶ สมฺพาเธ อโยฆเร วิชายนกาลโต ปฏฺาย ยาว โสฬสวสฺสุปฺปตฺติยา สมฺพาเธ สํวฑฺฒิโตติ อตฺโถ. อชฺเชว, ปุตฺต, ปฏิปชฺช, เกวลํ วสุธํ อิมนฺติ กฺจนมาลาลงฺกตสฺส เสตจฺฉตฺตสฺส เหฏฺา รตนราสิมฺหิ เปตฺวา ตีหิ สงฺเขหิ อภิสิฺจิยมาโน ¶ อิมํ กุลสนฺตกํ เกวลํ สกลํ สมุทฺทปริยนฺตํ ตโตเยว สห รฏฺเหีติ สรฏฺกํ สห นิคเมหิ มหาคาเมหีติ สนิคมํ อปริมิเตน ปริวารชเนน สทฺธึ สชนํ อิมํ วสุธํ มหาปถวึ อชฺเชว, ปุตฺต, ปฏิปชฺช, รชฺชํ กาเรหีติ อตฺโถ. วนฺทิตฺวา ขตฺติยํ. อฺชลึ ปคฺคเหตฺวาน, อิทํ วจนมพฺรวินฺติ ขตฺติยํ กาสิราชานํ มม ปิตรํ วนฺทิตฺวา ตสฺส อฺชลึ ปณาเมตฺวา อิทํ วจนํ อภาสึ.
๒๗. เย ¶ เกจิ มหิยา สตฺตาติ อิมิสฺสา มหาปถวิยา เย เกจิ สตฺตา นาม. หีนมุกฺกฏฺมชฺฌิมาติ ลามกา เจว อุตฺตมา จ, อุภินฺนํ เวมชฺเฌ ภวตฺตา มชฺฌิมา จ. สเก เคเหติ สพฺเพ เต สเก เคเห. สกาติภีติ สเกหิ าตีหิ สมฺโมทมานา วิสฺสฏฺา อนุกฺกณฺิตา ยถาวิภวํ วฑฺฒนฺติ.
๒๘. อิทํ โลเก อุตฺตริยนฺติ อิทํ ปน อิมสฺมึ โลเก อสทิสํ, มยฺหํ เอว อาเวณิกํ. กึ ปน ตํ สํปีเฬ มม โปสนนฺติ สมฺพาเธ มม สํวฑฺฒนํ. ตถา หิ อโยฆรมฺหิ สํวฑฺโฒ, อปฺปเภ จนฺทสูริเยติ จนฺทสูริยานํ ปภารหิเต อโยฆเร สํวฑฺโฒมฺหีติ สํวฑฺโฒ อมฺหิ.
๒๙. ปูติกุณปสมฺปุณฺณาติ ปูติคนฺธนานปฺปการกุณปสมฺปุณฺณา คูถนิรยสทิสา. มาตุ กุจฺฉิโต ชีวิตสํสเย วตฺตมาเน กถํ มุจฺจิตฺวา นิกฺขมิตฺวา. ตโต โฆรตเรติ ตโตปิ คพฺภวาสโต ทารุณตเร, อวิสฺสฏฺวาเสน ทุกฺเข. ปกฺขิตฺตโยฆเรติ ปกฺขิตฺโต อโยฆเร, พนฺธนาคาเร ปิโต วิย อโหสินฺติ ทสฺเสติ.
๓๐. ยทิหนฺติ เอตฺถ ยทีติ นิปาตมตฺตํ. ตาทิสนฺติ ยาทิสํ ปุพฺเพ วุตฺตํ, ตาทิสํ ปรมทารุณํ ทุกฺขํ ปตฺวา อหํ รชฺเชสุ ยทิ รชฺชามิ ยทิ รมิสฺสามิ, เอวํ สนฺเต ปาปานํ ลามกานํ นิหีนปุริสานํ อุตฺตโม นิหีนตโม สิยํ ¶ .
๓๑. อุกฺกณฺิโตมฺหิ กาเยนาติ อปริมุตฺตคพฺภวาสาทินา ปูติกาเยน อุกฺกณฺิโต นิพฺพินฺโน อมฺหิ. รชฺเชนมฺหิ อนตฺถิโกติ รชฺเชนปิ อนตฺถิโก อมฺหิ. ยกฺขินิยา หตฺถโต มุตฺโตปิ หิ นาหํ อชรามโร, กึ ¶ เม รชฺเชน, รชฺชฺหิ นาม สพฺเพสํ อนตฺถานํ สนฺนิปาตฏฺานํ, ตตฺถ ิตกาลโต ปฏฺาย ทุนฺนิกฺขมํ โหติ, ตสฺมา ตํ อนุปคนฺตฺวา นิพฺพุตึ ปริเยสิสฺสํ, ยตฺถ มํ มจฺจุ น มทฺทิเยติ ยตฺถ ิตํ มํ มหาเสโน มจฺจุราชา น มทฺทิเย น โอตฺถเรยฺย น อภิภเวยฺย, ตํ นิพฺพุตึ อมตมหานิพฺพานํ ปริเยสิสฺสามีติ.
๓๒. เอวาหํ จินฺตยิตฺวานาติ เอวํ อิมินา วุตฺตปฺปกาเรน นานปฺปการํ สํสาเร อาทีนวํ ปจฺจเวกฺขเณน นิพฺพาเน อานิสํสทสฺสเนน จ โยนิโส จินฺเตตฺวา. วิรวนฺเต มหาชเนติ มยา วิปฺปโยคทุกฺขาสหเนน วิรวนฺเต ปริเทวนฺเต มาตาปิตุปฺปมุเข มหนฺเต ชเน. นาโคว พนฺธนํ เฉตฺวาติ ยถา นาม มหาพโล หตฺถินาโค ทุพฺพลตรํ รชฺชุพนฺธนํ สุเขเนว ฉินฺทติ, เอวเมว าติสงฺคาทิเภทสฺส ¶ ตสฺมึ ชเน ตณฺหาพนฺธนสฺส ฉินฺทเนน พนฺธนํ เฉตฺวา กานนสงฺขาตํ มหาวนํ ปพฺพชฺชูปคมนวเสน ปาวิสึ. โอสานคาถา วุตฺตตฺถา เอว.
ตตฺถ จ มหาสตฺโต อตฺตโน ปพฺพชฺชาธิปฺปายํ ชานิตฺวา ‘‘ตาต, กึการณา ปพฺพชสี’’ติ รฺา วุตฺโต ‘‘เทว, อหํ มาตุกุจฺฉิมฺหิ ทส มาเส คูถนิรเย วิย วสิตฺวา มาตุ กุจฺฉิโต นิกฺขนฺโต ยกฺขินิยา ภเยน โสฬสวสฺสานิ พนฺธนาคาเร วสนฺโต พหิ โอโลเกตุมฺปิ น ลภึ, อุสฺสทนิรเย ปกฺขิตฺโต วิย อโหสึ, ยกฺขินิโต มุตฺโตปิ อชรามโร น โหมิ, มจฺจุ นาเมส น สกฺกา เกนจิ ชินิตุํ, ภเว อุกฺกณฺิโตมฺหิ, ยาว เม พฺยาธิชรามรณานิ นาคจฺฉนฺติ, ตาวเทว ปพฺพชิตฺวา ธมฺมํ จริสฺสามิ, อลํ เม รชฺเชน, อนุชานาหิ มํ, เทว, ปพฺพชิตุ’’นฺติ วตฺวา –
‘‘ยเมกรตฺตึ ¶ ปมํ, คพฺเภ วสติ มาณโว;
อพฺภุฏฺิโตว โส ยาติ, ส คจฺฉํ น นิวตฺตตี’’ติ. (ชา. ๑.๑๕.๓๖๓) –
อาทินา จตุวีสติยา คาถาหิ ปิตุ ธมฺมํ เทเสตฺวา ‘‘มหาราช, ตุมฺหากํ รชฺชํ ตุมฺหากเมว โหตุ, น มยฺหํ อิมินา อตฺโถ, ตุมฺเหหิ สทฺธึ กเถนฺเตเยว พฺยาธิชรามรณานิ อาคจฺเฉยฺยุํ, ติฏฺถ ตุมฺเห’’ติ วตฺวา อยทามํ ฉินฺทิตฺวา มตฺตหตฺถี วิย, กฺจนปฺชรํ ภินฺทิตฺวา สีหโปตโก วิย, กาเม ปหาย มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา นิกฺขมิ. อถสฺส ปิตา ‘‘อยํ นาม กุมาโร ปพฺพชิตุกาโม, กิมงฺคํ ปนาหํ, มมาปิ รชฺเชน อตฺโถ นตฺถี’’ติ ¶ รชฺชํ ปหาย เตน สทฺธึ เอว นิกฺขมิ. ตสฺมึ นิกฺขมนฺเต เทวีปิ อมจฺจาปิ พฺราหฺมณคหปติกาทโยปีติ สกลนครวาสิโน โภเค ฉฑฺเฑตฺวา นิกฺขมึสุ. สมาคโม มหา อโหสิ, ปริสา ทฺวาทสโยชนิกา ชาตา, เต อาทาย มหาสตฺโต หิมวนฺตํ ปาวิสิ.
สกฺโก เทวราชา ตสฺส นิกฺขนฺตภาวํ ตฺวา วิสฺสกมฺมํ เปเสตฺวา ทฺวาทสโยชนายามํ สตฺตโยชนวิตฺถารํ อสฺสมปทํ กาเรสิ, สพฺเพ จ ปพฺพชิตปริกฺขาเร ปฏิยาทาเปสิ. อิธ มหาสตฺตสฺส ปพฺพชฺชา จ โอวาททานฺจ พฺรหฺมโลกปรายนตา จ ปริสาย สมฺมา ปฏิปตฺติ จ สพฺพา มหาโควินฺทจริยายํ (จริยา. ๑.๓๗ อาทโย) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา.
ตทา ¶ มาตาปิตโร มหาราชกุลานิ อเหสุํ, ปริสา พุทฺธปริสา, อโยฆรปณฺฑิโต โลกนาโถ.
ตสฺส เสสปารมินิทฺธารณา อานุภาววิภาวนา จ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาติ.
อโยฆรจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ภิสจริยาวณฺณนา
จตุตฺเถ ¶ ยทา โหมิ, กาสีนํ ปุรวรุตฺตเมติ ‘‘กาสี’’ติ พหุวจนวเสน ลทฺธโวหารสฺส รฏฺสฺส นครวเร พาราณสิยํ ยสฺมึ กาเล ชาตสํวฑฺโฒ หุตฺวา วสามีติ อตฺโถ. ภคินี จ ภาตโร สตฺต, นิพฺพตฺตา โสตฺติเย กุเลติ อุปกฺจนาทโย ฉ อหฺจาติ ภาตโร สตฺต สพฺพกนิฏฺา กฺจนเทวี นาม ภคินี จาติ สพฺเพ มยํ อฏฺ ชนา มนฺตชฺเฌนนิรตตาย โสตฺติเย อุทิโตทิเต มหติ พฺราหฺมณกุเล ตทา นิพฺพตฺตา ชาตาติ อตฺโถ.
โพธิสตฺโต หิ ตทา พาราณสิยํ อสีติโกฏิวิภวสฺส พฺราหฺมณมหาสาลสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺส ‘‘กฺจนกุมาโร’’ติ นามํ กรึสุ. อถสฺส ปทสา วิจรณกาเล อปโร ปุตฺโต วิชายิ. ‘‘อุปกฺจนกุมาโร’’ติสฺส นามํ กรึสุ. ตโต ปฏฺาย มหาสตฺตํ ‘‘มหากฺจนกุมาโร’’ติ ¶ สมุทาจรนฺติ. เอวํ ปฏิปาฏิยา สตฺต ปุตฺตา อเหสุํ. สพฺพกนิฏฺา ปน เอกา ธีตา. ตสฺสา ‘‘กฺจนเทวี’’ติ นามํ กรึสุ. มหาสตฺโต วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคเหตฺวา ปจฺจาคฺฉิ.
อถ นํ มาตาปิตโร ฆราวาเสน พนฺธิตุกามา ‘‘อตฺตโน สมานชาติกุลโต เต ทาริกํ อาเนสฺสามา’’ติ วทึสุ. โส ‘‘อมฺม, ตาต, น มยฺหํ ฆราวาเสน อตฺโถ. มยฺหฺหิ สพฺโพ โลกสนฺนิวาโส อาทิตฺโต วิย สปฺปฏิภโย, พนฺธนาคารํ วิย ปลิพุทฺธนํ, อุกฺการภูมิ วิย ชิคุจฺโฉ หุตฺวา อุปฏฺาติ, น เม จิตฺตํ กาเมสุ รชฺชติ, อฺเ โว ปุตฺตา อตฺถิ, เต ¶ ฆราวาเสน นิมนฺเตถา’’ติ วตฺวา ปุนปฺปุนํ ยาจิโตปิ สหาเยหิ ยาจาปิโตปิ น อิจฺฉิ, อถ นํ ¶ สหายา ‘‘สมฺม, กึ ปน ตฺวํ ปตฺถยนฺโต กาเม ปริภฺุชิตุํ น อิจฺฉสี’’ติ ปุจฺฉึสุ. โส เตสํ อตฺตโน เนกฺขมฺมชฺฌาสยํ อาโรเจสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘เอเตสํ ปุพฺพโช อาสิ’’นฺติอาทิ.
ตตฺถ เอเตสํ ปุพฺพโช อาสินฺติ เอเตสํ อุปกฺจนกาทีนํ สตฺตนฺนํ เชฏฺภาติโก อหํ ตทา อโหสึ. หิรีสุกฺกมุปาคโตติ สุกฺกวิปากตฺตา สนฺตานสฺส วิโสธนโต จ สุกฺกํ ปาปชิคุจฺฉนลกฺขณํ หิรึ ภุสํ อาคโต, อติวิย ปาปํ ชิคุจฺฉนฺโต อาสินฺติ อตฺโถ. ภวํ ทิสฺวาน ภยโต, เนกฺขมฺมาภิรโต อหนฺติ กามภวาทีนํ วเสน สพฺพํ ภวํ ปกฺขนฺทิตุํ อาคจฺฉนฺตํ จณฺฑหตฺถึ วิย, หึสิตุํ อาคจฺฉนฺตํ อุกฺขิตฺตาสิกํ วธกํ วิย, สีหํ วิย, ยกฺขํ วิย, รกฺขสํ วิย, โฆรวิสํ วิย, อาสิวิสํ วิย, อาทิตฺตํ องฺคารํ วิย, สปฺปฏิภยํ ภยานกภาวโต ปสฺสิตฺวา ตโต มุจฺจนตฺถฺจ ปพฺพชฺชาภิรโต ปพฺพชิตฺวา ‘‘กถํ นุ โข ธมฺมจริยํ สมฺมาปฏิปตฺตึ ปูเรยฺยํ, ฌานสมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตยฺย’’นฺติ ปพฺพชฺชากุสลธมฺมปมชฺฌานาทิอภิรโต ตทา อหํ อาสินฺติ อตฺโถ.
๓๖. ปหิตาติ มาตาปิตูหิ เปสิตา. เอกมานสาติ สมานชฺฌาสยา ปุพฺเพ มยา เอกจฺฉนฺทา มนาปจาริโน มาตาปิตูหิ ปหิตตฺตา ปน มม ปฏิกฺกูลํ อมนาปํ วทนฺตา. กาเมหิ มํ นิมนฺเตนฺตีติ มหาปิตูหิ วา เอกมานสา กาเมหิ มํ นิมนฺเตนฺติ. กุลวํสํ ธาเรหีติ ฆราวาสํ สณฺเปนฺโต อตฺตโน กุลวํสํ ธาเรหิ ปติฏฺเปหีติ กาเมหิ มํ นิมนฺเตสุนฺติ อตฺโถ.
๓๗. ยํ ¶ เตสํ วจนํ วุตฺตนฺติ เตสํ มม ปิยสหายานํ ยํ วจนํ วุตฺตํ. คิหิธมฺเม สุขาวหนฺติ คิหิภาเว สติ คหฏฺภาเว ิตสฺส ปุริสสฺส ายานุคตตฺตา ทิฏฺธมฺมิกสฺส สมฺปรายิกสฺส จ สุขสฺส อาวหนโต สุขาวหํ. ตํ เม อโหสิ กินนฺติ ตํ เตสํ มยฺหํ สหายานํ มาตาปิตูนฺจ วจนํ เอกนฺเตเนว เนกฺขมฺมาภิรตตฺตา อมนาปภาเวน เม กินํ ผรุสํ ทิวสํ สนฺตตฺตผาลสทิสํ อุโภปิ กณฺเณ ฌาเปนฺตํ วิย ¶ อโหสิ.
๓๘. เต มํ ตทา อุกฺขิปนฺตนฺติ เต มยฺหํ สหายา มาตาปิตูหิ อตฺตโน จ อุปนิมนฺตนวเสน อเนกวารํ อุปนียมาเน กาเม อุทฺธมุทฺธํ ขิปนฺตํ ฉฑฺเฑนฺตํ ปฏิกฺขิปนฺตํ มํ ปุจฺฉึสุ. ปตฺถิตํ มมาติ อิโต วิสุทฺธตรํ กึ นุ โข อิมินา ปตฺถิตนฺติ มยา อภิปตฺถิตํ มม ตํ ปตฺถนํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘กึ ตฺวํ ปตฺถยเส, สมฺม, ยทิ กาเม น ภฺุชสี’’ติ.
๓๙. อตฺถกาโมติ ¶ อตฺตโน อตฺถกาโม, ปาปภีรูติ อตฺโถ. ‘‘อตฺตกาโม’’ติปิ ปาฬิ. หิเตสินนฺติ มยฺหํ หิเตสีนํ ปิยสหายานํ. เกจิ ‘‘อตฺถกามหิเตสิน’’นฺติ ปนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ.
๔๐. ปิตุ มาตุ จ สาวยุนฺติ เต มยฺหํ สหายา อนิวตฺตนียํ มม ปพฺพชฺชาฉนฺทํ วิทิตฺวา ปพฺพชิตุกามตาทีปกํ มยฺหํ วจนํ ปิตุ มาตุ จ สาเวสุํ. ‘‘ยคฺเฆ, อมฺมตาตา, ชานาถ, เอกนฺเตเนว มหากฺจนกุมาโร ปพฺพชิสฺสติ, น โส สกฺกา เกนจิ อุปาเยน กาเมสุ อุปเนตุ’’นฺติ อโวจุํ. มาตาปิตา เอวมาหูติ ตทา มยฺหํ มาตาปิตโร มม สหาเยหิ วุตฺตํ มม วจนํ สุตฺวา เอวมาหํสุ – ‘‘สพฺเพว ปพฺพชาม, โภ’’ติ, ยทิ มหากฺจนกุมารสฺส เนกฺขมฺมํ อภิรุจิตํ, ยํ ตสฺส อภิรุจิตํ, ตทมฺหากมฺปิ อภิรุจิตเมว, ตสฺมา สพฺเพว ปพฺพชาม, โภติ. ‘‘โภ’’ติ เตสํ พฺราหฺมณานํ อาลปนํ. ‘‘ปพฺพชาม โข’’ติปิ ปาโ, ปพฺพชาม เอวาติ อตฺโถ. มหาสตฺตสฺส หิ ปพฺพชฺชาฉนฺทํ วิทิตฺวา อุปกฺจนาทโย ฉ ภาตโร ภคินี จ กฺจนเทวี ปพฺพชิตุกามาว อเหสุํ, เตน เตปิ มาตาปิตูหิ ฆราวาเสน นิมนฺติยมานา น อิจฺฉึสุเยว. ตสฺมา เอวมาหํสุ ‘‘สพฺเพว ปพฺพชาม, โภ’’ติ.
เอวฺจ ¶ ปน วตฺวา มหาสตฺตํ มาตาปิตโร ปกฺโกสิตฺวา อตฺตโนปิ อธิปฺปายํ ตสฺส อาจิกฺขิตฺวา ‘‘ตาต, ยทิ ปพฺพชิตุกาโมสิ, อสีติโกฏิธนํ ตว สนฺตกํ ยถาสุขํ วิสฺสชฺเชหี’’ติ อาหํสุ. อถ นํ มหาปุริโส กปณทฺธิกาทีนํ วิสฺสชฺเชตฺวา มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา หิมวนฺตํ ปาวิสิ. เตน สทฺธึ มาตาปิตโร ฉ ภาตโร จ ภคินี จ เอโก ทาโส เอกา ทาสี เอโก จ สหาโย ฆราวาสํ ปหาย อคมํสุ. เตน วุตฺตํ –
‘‘อุโภ ¶ มาตา ปิตา มยฺหํ, ภคินี จ สตฺต ภาตโร;
อมิตธนํ ฉฑฺฑยิตฺวา, ปวิสิมฺหา มหาวน’’นฺติ.
ชาตกฏฺกถายํ (ชา. อฏฺ. ๔.๑๔.๗๗ ภิสชาตกวณฺณนา) ปน ‘‘มาตาปิตูสุ กาลํกเตสุ เตสํ กตฺตพฺพกิจฺจํ กตฺวา มหาสตฺโต มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมี’’ติ วุตฺตํ.
เอวํ หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา จ เต โพธิสตฺตปฺปมุขา เอกํ ปทุมสรํ นิสฺสาย รมณีเย ภูมิภาเค อสฺสมํ กตฺวา ปพฺพชิตฺวา วนมูลผลาหารา ยาปยึสุ. เตสุ อุปกฺจนาทโย อฏฺ ชนา วาเรน ผลาผลํ อาหริตฺวา เอกสฺมึ ปาสาณผลเก อตฺตโน อิตเรสฺจ โกฏฺาเส กตฺวา ฆณฺฏิสฺํ ¶ ทตฺวา อตฺตโน โกฏฺาสํ อาทาย วสนฏฺานํ ปวิสนฺติ. เสสาปิ ฆณฺฏิสฺาย ปณฺณสาลโต นิกฺขมิตฺวา อตฺตโน อตฺตโน ปาปุณนโกฏฺาสํ อาทาย วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ปริภฺุชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺติ.
อปรภาเค ภิสานิ อาหริตฺวา ตเถว ขาทนฺติ. ตตฺถ เต โฆรตปา ปรมธิตินฺทฺริยา กสิณปริกมฺมํ กโรนฺตา วิหรึสุ. อถ เนสํ สีลเตเชน สกฺกสฺส ภวนํ กมฺปิ. สกฺโก ตํ การณํ ตฺวา ‘‘อิเม อิสโย วีมํสิสฺสามี’’ติ อตฺตโน อานุภาเวน มหาสตฺตสฺส โกฏฺาเส ตโย ทิวเส อนฺตรธาเปสิ. มหาสตฺโต ปมทิวเส โกฏฺาสํ อทิสฺวา ‘‘มม โกฏฺาโส ปมุฏฺโ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. ทุติยทิวเส ‘‘มม โทเสน ภวิตพฺพํ, ปณามนวเสน มม โกฏฺาสํ น ปิตํ มฺเ’’ติ จินฺเตสิ. ตติยทิวเส ‘‘ตํ การณํ สุตฺวา ขมาเปสฺสามี’’ติ สายนฺหสมเย ฆณฺฏิสฺํ ทตฺวา ตาย สฺาย สพฺเพสุ สนฺนิปติเตสุ ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ตีสุปิ ทิวเสสุ ¶ เตหิ เชฏฺโกฏฺาสสฺส ปิตภาวํ สุตฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ มยฺหํ โกฏฺาโส ปิโต, มยา ปน น ลทฺโธ, กึ นุ โข การณ’’นฺติ ¶ อาห. ตํ สุตฺวา สพฺเพว สํเวคปฺปตฺตา อเหสุํ.
ตสฺมึ อสฺสเม รุกฺขเทวตาปิ อตฺตโน ภวนโต โอตริตฺวา เตสํ สนฺติเก นิสีทิ. มนุสฺสานํ หตฺถโต ปลายิตฺวา อรฺํ ปวิฏฺโ เอโก วารโณ อหิตุณฺฑิกหตฺถโต ปลายิตฺวา มุตฺโต สปฺปกีฬาปนโก เอโก วานโร จ เตหิ อิสีหิ กตปริจยา ตทา เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. สกฺโกปิ ‘‘อิสิคณํ ปริคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ อทิสฺสมานกาโย ตตฺเถว อฏฺาสิ. ตสฺมิฺจ ขเณ โพธิสตฺตสฺส กนิฏฺโ อุปกฺจนตาปโส อุฏฺาย โพธิสตฺตํ วนฺทิตฺวา เสสานํ อปจิตึ ทสฺเสตฺวา ‘‘อหํ สฺํ ปฏฺเปตฺวา อตฺตานฺเว โสเธตุํ ลภามี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ลภสี’’ติ วุตฺเต อิสิคณมชฺเฌ ตฺวา สปถํ กโรนฺโต –
‘‘อสฺสํ ควํ รชตํ ชาตรูปํ, ภริยฺจ โส อิธ ลภตํ มนาปํ;
ปุตฺเตหิ ทาเรหิ สมงฺคิ โหตุ, ภิสานิ เต พฺราหฺมณ โย อหาสี’’ติ. (ชา. ๑.๑๔.๗๘) –
อิมํ คาถํ อภาสิ. อิมฺหิ โส ‘‘ยตฺตกานิ ปิยวตฺถูนิ โหนฺติ, เตหิ วิปฺปโยเค ตตฺตกานิ ทุกฺขานิ อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ วตฺถุกาเม ครหนฺโต อาห.
ตํ ¶ สุตฺวา อิสิคโณ ‘‘มาริส, มา กถย, อติภาริโย เต สปโถ’’ติ กณฺเณ ปิทหิ. โพธิสตฺโตปิ ‘‘อติภาริโย เต สปโถ, น, ตฺวํ ตาต, คณฺหสิ, ตว ปตฺตาสเน นิสีทา’’ติ อาห. เสสาปิ สปถํ กโรนฺตา ยถากฺกมํ –
‘‘มาลฺจ โส กาสิกจนฺทนฺจ, ธาเรตุ ปุตฺตสฺส พหู ภวนฺตุ;
กาเมสุ ¶ ติพฺพํ กุรุตํ อเปกฺขํ, ภิสานิ เต พฺราหฺมณ โย อหาสิ.
‘‘ปหูตธฺโ ¶ กสิมา ยสสฺสี, ปุตฺเต คิหี ธนิมา สพฺพกาเม;
วยํ อปสฺสํ ฆรมาวสาตุ, ภิสานิ เต พฺราหฺมณ โย อหาสิ.
‘‘โส ขตฺติโย โหตุ ปสยฺหการี, ราชาภิราชา พลวา ยสสฺสี;
สจาตุรนฺตํ มหิมาวสาตุ, ภิสานิ เต พฺราหฺมณ โย อหาสิ.
‘‘โส พฺราหฺมโณ โหตุ อวีตราโค, มุหุตฺตนกฺขตฺตปเถสุ ยุตฺโต;
ปูเชตุ นํ รฏฺปตี ยสสฺสี, ภิสานิ เต พฺราหฺมณ โย อหาสิ.
‘‘อชฺฌายกํ สพฺพสมนฺตเวทํ, ตปสฺสินํ มฺตุ สพฺพโลโก;
ปูเชนฺตุ นํ ชานปทา สเมจฺจ, ภิสานิ เต พฺราหฺมณ โย อหาสิ.
‘‘จตุสฺสทํ คามวรํ สมิทฺธํ, ทินฺนฺหิ โส ภฺุชตุ วาสเวน;
อวีตราโค มรณํ อุเปตุ, ภิสานิ เต พฺราหฺมณ โย อหาสิ.
‘‘โส คามณี โหตุ สหายมชฺเฌ, นจฺเจหิ คีเตหิ ปโมทมาโน;
โส ราชโต พฺยสนมาลตฺถ กิฺจิ, ภิสานิ เต พฺราหฺมณ โย อหาสิ.
‘‘ตํ เอกราชา ปถวึ วิเชตฺวา, อิตฺถีสหสฺสสฺส เปตุ อคฺเค;
สีมนฺตินีนํ ปวรา ภวาตุ, ภิสานิ เต พฺราหฺมณ ยา อหาสิ.
‘‘อิสีนฺหิ ¶ สา สพฺพสมาคตานํ, ภฺุเชยฺย สาทุํ อวิกมฺปมานา;
จราตุ ¶ ลาเภน วิกตฺถมานา, ภิสานิ เต พฺราหณ ยา อหาสิ.
‘‘อาวาสิโก ¶ โหตุ มหาวิหาเร, นวกมฺมิโก โหตุ คชงฺคลายํ;
อาโลกสนฺธึ ทิวสํ กโรตุ, ภิสานิ เต พฺราหฺมณ โย อหาสิ.
‘‘โส พชฺฌตํ ปาสสเตหิ ฉมฺหิ, รมฺมา วนา นียตุ ราชธานึ;
ตุตฺเตหิ โส หฺตุ ปาจเนหิ, ภิสานิ เต พฺราหฺมณ โย อหาสิ.
‘‘อลกฺกมาลี ติปุกณฺณปิฏฺโ, ลฏฺีหโต สปฺปมุขํ อุเปตุ;
สกจฺฉพนฺโธ วิสิขํ จราตุ, ภิสานิ เต พฺราหฺมณ โย อหาสี’’ติ. (ชา. ๑.๑๔.๗๙-๙๐) –
อิมา คาถาโย อโวจุํ.
ตตฺถ ติพฺพนฺติ วตฺถุกามกิเลสกาเมสุ พหลํ อเปกฺขํ กโรตุ. กสิมาติ สมฺปนฺนกสิกมฺโม. ปุตฺเต คิหี ธนิมา สพฺพกาเมติ ปุตฺเต ลภตุ, คิหี โหตุ, สตฺตวิเธน ธเนน ธนิมา โหตุ, รูปาทิเภเท สพฺพกาเม ลภตุ. วยํ อปสฺสนฺติ มหลฺลกกาเลปิ อปพฺพชิตฺวา อตฺตโน วยํ อปสฺสนฺโต ปฺจกามคุณสมิทฺธํ ฆรเมว อาวสตุ. ราชาภิราชาติ ราชูนํ อนฺตเร อติราชา. อวีตราโคติ ปุโรหิตฏฺานตณฺหาย สตณฺโห. ตปสฺสินนฺติ ตปสีลํ, สีลสมฺปนฺโนติ นํ มฺตุ. จตุสฺสทนฺติ อากิณฺณมนุสฺสตาย มนุสฺเสหิ ปหูตธฺตาย ธฺเน สุลภทารุตาย ทารูหิ สมฺปนฺโนทกตาย อุทเกนาติ จตูหิ อุสฺสนฺนํ. วาสเวนาติ วาสเวน ทินฺนํ วิย อจลํ, วาสวโต ลทฺธวรานุภาเวเนว ราชานํ อาราเธตฺวา เตน ทินฺนนฺติปิ อตฺโถ. อวีตราโคติ อวิคตราโค กทฺทเม สูกโร วิย กามปงฺเก นิมุคฺโคว โหตุ.
คามณีติ ¶ คามเชฏฺโก. ตนฺติ ตํ อิตฺถึ. เอกราชาติ อคฺคราชา. อิตฺถีสหสฺสสฺสาติ วจนมฏฺตาย วุตฺตํ. โสฬสนฺนํ อิตฺถิสหสฺสานํ อคฺคฏฺาเน ¶ เปตูติ อตฺโถ. สีมนฺตินีนนฺติ สีมนฺตธรานํ, อิตฺถีนนฺติ อตฺโถ. สพฺพสมาคตานนฺติ สพฺเพสํ สนฺนิปติตานํ มชฺเฌ นิสีทิตฺวา. อวิกมฺปมานาติ อโนสกฺกมานา สาทุรสํ ภฺุชตูติ อตฺโถ. จราตุ ลาเภน วิกตฺถมานาติ ลาภเหตุ สิงฺคารเวสํ คเหตฺวา ลาภํ อุปฺปาเทตุํ จรตุ. อาวาสิโกติ อาวาสชคฺคนโก. คชงฺคลายนฺติ เอวํนามเก นคเร. ตตฺถ กิร ทพฺพสมฺภารา สุลภา. อาโลกสนฺธึ ทิวสนฺติ เอกทิวเสน เอกเมว วาตปานํ กโรตุ. โส กิร เทวปุตฺโต กสฺสปพุทฺธกาเล คชงฺคลนครํ นิสฺสาย ¶ โยชนิเก มหาวิหาเร อาวาสิโก สงฺฆตฺเถโร หุตฺวา ชิณฺเณ วิหาเร นวกมฺมานิ กโรนฺโตว มหาทุกฺขํ อนุภวิ, ตํ สนฺธายาห.
ปาสสเตหีติ พหูหิ ปาเสหิ. ฉมฺหีติ จตูสุ ปาเทสุ คีวาย กฏิภาเค จาติ ฉสุ าเนสุ. ตุตฺเตหีติ ทฺวิกณฺฏกาหิ ทีฆลฏฺีหิ. ปาจเนหีติ รสฺสปาจเนหิ, องฺกุสเกหิ วา. อลกฺกมาลีติ อหิตุณฺฑิเกน กณฺเ ปริกฺขิปิตฺวา ปิตาย อลกฺกมาลาย สมนฺนาคโต. ติปุกณฺณปิฏฺโติ ติปุปิฬนฺธเนน ปิฬนฺธิตปิฏฺิกณฺโณ กณฺณปิฏฺโ. ลฏฺิหโตติ สปฺปกีฬาปนํ สิกฺขาปยมาโน ลฏฺิยา หโต หุตฺวา. สพฺพํ เต กามโภคํ ฆราวาสํ อตฺตนา อตฺตนา อนุภูตทุกฺขฺจ ชิคุจฺฉนฺตา ตถา ตถา สปถํ กโรนฺตา เอวมาหํสุ.
อถ โพธิสตฺโต ‘‘สพฺเพหิ อิเมหิ สปโถ กโต, มยาปิ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ สปถํ กโรนฺโต –
‘‘โย เว อนฏฺํว นฏฺนฺติ จาห, กาเมว โส ลภตํ ภฺุชตฺจ;
อคารมชฺเฌ มรณํ อุเปตุ, โย วา โภนฺโต สงฺกติ กฺจิ เทวา’’ติ. (ชา. ๑.๑๔.๙๑) –
อิมํ คาถมาห.
ตตฺถ โภนฺโตติ ภวนฺโต. สงฺกตีติ อาสงฺกติ. กฺจีติ อฺตรํ.
อถ ¶ สกฺโก ‘‘สพฺเพปิเม กาเมสุ นิรเปกฺขา’’ติ ชานิตฺวา สํวิคฺคมานโส น อิเมสุ เกนจิปิ ภิสานิ นีตานิ, นาปิ ตยา อนฏฺํ นฏฺนฺติ วุตฺตํ, อปิจ อหํ ตุมฺเห วีมํสิตุกาโม อนฺตรธาเปสินฺติ ทสฺเสนฺโต –
‘‘วีมํสมาโน ¶ อิสิโน ภิสานิ, ตีเร คเหตฺวาน ถเล นิเธสึ;
สุทฺธา อปาปา อิสโย วสนฺติ, เอตานิ เต พฺรหฺมจารี ภิสานี’’ติ. (ชา. ๑.๑๔.๙๕) –
โอสานคาถมาห.
ตํ ¶ สุตฺวา โพธิสตฺโต –
‘‘น เต นฏา โน ปน กีฬเนยฺยา, น พนฺธวา โน ปน เต สหายา;
กิสฺมึ วุปตฺถมฺภ สหสฺสเนตฺต, อิสีหิ ตฺวํ กีฬสิ เทวราชา’’ติ. (ชา. ๑.๑๔.๙๖) –
สกฺกํ ตชฺเชสิ.
อถ นํ สกฺโก –
‘‘อาจริโย เมสิ ปิตา จ มยฺหํ, เอสา ปติฏฺา ขลิตสฺส พฺรหฺเม;
เอกาปราธํ ขม ภูริปฺ, น ปณฺฑิตา โกธพลา ภวนฺตี’’ติ. (ชา. ๑.๑๔.๙๗) –
ขมาเปสิ.
มหาสตฺโต สกฺกสฺส เทวรฺโ ขมิตฺวา สยํ อิสิคณํ ขมาเปนฺโต –
‘‘สุวาสิตํ อิสินํ เอกรตฺตํ, ยํ วาสวํ ภูตปติทฺทสาม;
สพฺเพว โภนฺโต สุมนา ภวนฺตุ, ยํ พฺราหฺมโณ ปจฺจุปาที ภิสานี’’ติ. (ชา. ๑.๑๔.๙๘) –
อาห.
ตตฺถ ¶ น เต นฏาติ, เทวราช, มยํ ตว นฏา วา กีฬิตพฺพยุตฺตกา วา น โหม. นาปิ ตว าตกา, สหายา หสฺสํ กาตพฺพา. อถ ตฺวํ กิสฺมึ วุปตฺถมฺภาติ กึ อุปตฺถมฺภกํ กตฺวา, กึ นิสฺสาย อิสีหิ สทฺธึ กีฬสีติ อตฺโถ. เอสา ปติฏฺาติ เอสา ตว ปาทจฺฉายา อชฺช มม ขลิตสฺส อปราธสฺส ปติฏฺา โหตุ. สุวาสิตนฺติ อายสฺมนฺตานํ อิสีนํ เอกรตฺติมฺปิ อิมสฺมึ อรฺเ วสิตํ สุวสิตเมว. กึการณา? ยํ วาสวํ ภูตปตึ อทฺทสาม. สเจ หิ มยํ นคเร อวสิมฺหา, น อิมํ อทฺทสาม. โภนฺโตติ ภวนฺโต. สพฺเพปิ สุมนา ภวนฺตุ ตุสฺสนฺตุ, สกฺกสฺส เทวรฺโ ขมนฺตุ, กึการณา? ยํ พฺราหฺมโณ ปจฺจุปาที ภิสานิ ¶ ยสฺมา ตุมฺหากํ อาจริโย ภิสานิ อลภีติ. สกฺโก ¶ อิสิคณํ วนฺทิตฺวา เทวโลกํ คโต. อิสิคโณปิ ฌานาภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.
ตทา อุปกฺจนาทโย ฉ ภาตโร สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานมหากสฺสปอนุรุทฺธปุณฺณอานนฺทตฺเถรา, ภคินี อุปฺปลวณฺณา, ทาสี ขุชฺชุตฺตรา, ทาโส จิตฺโต คหปติ, รุกฺขเทวตา สาตาคิโร, วารโณ ปาลิเลยฺยนาโค, วานโร มธุวาสิฏฺโ, สกฺโก กาฬุทายี, มหากฺจนตาปโส โลกนาโถ.
ตสฺส อิธาปิ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว ทส ปารมิโย นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา อจฺจนฺตเมว กาเมสุ อนเปกฺขตาทโย คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพาติ.
ภิสจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. โสณปณฺฑิตจริยาวณฺณนา
๔๒. ปฺจเม นคเร พฺรหฺมวฑฺฒเนติ พฺรหฺมวฑฺฒนนามเก นคเร. กุลวเรติ อคฺคกุเล. เสฏฺเติ ปาสํสตเม. มหาสาเลติ มหาสาเร. อชายหนฺติ อชายึ อหํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตสฺมึ กาเล ‘‘พฺรหฺมวฑฺฒน’’นฺติ ลทฺธนาเม พาราณสินคเร ยทา โหมิ ภวามิ ปฏิวสามิ, ตทา อภิชาตสมฺปตฺติยา อุทิโตทิตภาเวน อคฺเค วิชฺชาวตสมฺปตฺติยา เสฏฺเ อสีติโกฏิวิภวตาย มหาสาเล พฺราหฺมณกุเล อหํ อุปฺปชฺชินฺติ.
ตทา ¶ หิ มหาสตฺโต พฺรหฺมโลกโต จวิตฺวา พฺรหฺมวฑฺฒนนคเร อสีติโกฏิวิภวสฺส อฺตรสฺส พฺราหฺมณมหาสาลสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺส นามคฺคหณทิวเส ‘‘โสณกุมาโร’’ติ นามํ กรึสุ. ตสฺส ปทสา คมนกาเล อฺโปิ สตฺโต พฺรหฺมโลกา จวิตฺวา โพธิสตฺตสฺส มาตุยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตสฺส ชาตสฺส ‘‘นนฺทกุมาโร’’ติ นามํ กรึสุ. เตสํ อุคฺคหิตเวทานํ สพฺพสิปฺปนิปฺผตฺติปฺปตฺตานํ วยปฺปตฺตานํ รูปสมฺปทํ ทิสฺวา ตุฏฺหฏฺา มาตาปิตโร ‘‘ฆรพนฺธเนน พนฺธิสฺสามา’’ติ ปมํ โสณกุมารํ อาหํสุ – ‘‘ตาต, เต ปติรูปกุลโต ทาริกํ ¶ อาเนสฺสาม, ตฺวํ กุฏุมฺพํ ปฏิปชฺชาหี’’ติ.
มหาสตฺโต ¶ ‘‘อลํ มยฺหํ ฆราวาเสน, อหํ ยาวชีวํ ตุมฺเห ปฏิชคฺคิตฺวา ตุมฺหากํ อจฺจเยน ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาห. มหาสตฺตสฺส หิ ตทา ตโยปิ ภวา อาทิตฺตํ อคารํ วิย องฺคารกาสุ วิย จ อุปฏฺหึสุ. วิเสสโต ปเนส เนกฺขมฺมชฺฌาสโย เนกฺขมฺมาธิมุตฺโต อโหสิ. ตสฺส อธิปฺปายํ อชานนฺตา เต ปุนปฺปุนํ กเถนฺตาปิ ตสฺส จิตฺตํ อลภิตฺวา นนฺทกุมารํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ตาต, เตน หิ ตฺวํ กุฏุมฺพํ ปฏิปชฺชาหี’’ติ วตฺวา เตนาปิ ‘‘นาหํ มม ภาตรา ฉฑฺฑิตเขฬํ สีเสน อุกฺขิปามิ, อหมฺปิ ตุมฺหากํ อจฺจเยน ภาตรา สทฺธึ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ วุตฺเต ‘‘อิเม เอวํ ตรุณา กาเม ชหนฺติ, กิมงฺคํ ปน มยนฺติ สพฺเพว ปพฺพชิสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘ตาต, กึ โว อมฺหากํ อจฺจเยน ปพฺพชฺชาย, สพฺเพ สเหว ปพฺพชามา’’ติ วตฺวา าตีนํ ทาตพฺพยุตฺตกํ ทตฺวา ทาสชนํ ภุชิสฺสํ กตฺวา รฺโ อาโรเจตฺวา สพฺพํ ธนํ วิสฺสชฺเชตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา จตฺตาโรปิ ชนา พฺรหฺมวฑฺฒนนครา นิกฺขมิตฺวา หิมวนฺตปฺปเทเส ปทุมปุณฺฑรีกมณฺฑิตํ มหาสรํ นิสฺสาย รมณีเย วนสณฺเฑ อสฺสมํ มาเปตฺวา ปพฺพชิตฺวา ตตฺถ วสึสุ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ตทาปิ โลกํ ทิสฺวาน, อนฺธีภูตํ ตโมตฺถฏํ;
จิตฺตํ ภวโต ปติกุฏติ, ตุตฺตเวคหตํ วิย.
‘‘ทิสฺวาน วิวิธํ ปาปํ, เอวํ จินฺเตสหํ ตทา;
กทาหํ เคหา นิกฺขมฺม, ปวิสิสฺสามิ กานนํ.
‘‘ตทาปิ มํ นิมนฺตึสุ, กามโภเคหิ าตโย;
เตสมฺปิ ฉนฺทมาจิกฺขึ, มา นิมนฺเตถ เตหิ มํ.
‘‘โย ¶ เม กนิฏฺโก ภาตา, นนฺโท นามาสิ ปณฺฑิโต;
โสปิ มํ อนุสิกฺขนฺโต, ปพฺพชฺชํ สมโรจยิ.
‘‘อหํ ¶ โสโณ จ นนฺโท จ, อุโภ มาตาปิตา มม;
ตทาปิ โภเค ฉฑฺเฑตฺวา, ปาวิสิมฺหา มหาวน’’นฺติ.
ตตฺถ ตทาปีติ ยทา อหํ พฺรหฺมวฑฺฒนนคเร โสโณ นาม พฺราหฺมณกุมาโร อโหสึ, ตทาปิ. โลกํ ทิสฺวานาติ สกลมฺปิ สตฺตโลกํ ปฺาจกฺขุนา ปสฺสิตฺวา. อนฺธีภูตนฺติ ปฺาจกฺขุวิรเหน ¶ อนฺธชาตํ อนฺธภาวํ ปตฺตํ. ตโมตฺถฏนฺติ อวิชฺชนฺธกาเรน อภิภูตํ. จิตฺตํ ภวโต ปติกุฏตีติ ชาติอาทิสํเวควตฺถุปจฺจเวกฺขเณน กามาทิภวโต มม จิตฺตํ สงฺกุฏติ สนฺนิลียติ น วิสรติ. ตุตฺตเวคหตํ วิยาติ ตุตฺตํ วุจฺจติ อโยกณฺฏกสีโส ทีฆทณฺโฑ, โย ปโตโทติ วุจฺจติ. เตน เวคสา อภิหโต ยถา หตฺถาชานีโย สํเวคปฺปตฺโต โหติ, เอวํ มม จิตฺตํ ตทา กามาทีนวปจฺจเวกฺขเณน สํเวคปฺปตฺตนฺติ ทสฺเสติ.
ทิสฺวาน วิวิธํ ปาปนฺติ เคหํ อาวสนฺเตหิ ฆราวาสนิมิตฺตํ ฉนฺทโทสาทิวเสน กรียมานํ นานาวิธํ ปาณาติปาตาทิปาปกมฺมฺเจว ตนฺนิมิตฺตฺจ เนสํ ลามกภาวํ ปสฺสิตฺวา. เอวํ จินฺเตสหํ ตทาติ ‘‘กทา นุ โข อหํ มหาหตฺถี วิย อยพนฺธนํ ฆรพนฺธนํ ฉินฺทิตฺวา เคหโต นิกฺขมนวเสน วนํ ปวิสิสฺสามี’’ติ เอวํ ตทา โสณกุมารกาเล จินฺเตสึ อหํ. ตทาปิ มํ นิมนฺตึสูติ น เกวลํ อโยฆรปณฺฑิตาทิกาเลเยว, อถ โข ตทาปิ ตสฺมึ โสณกุมารกาเลปิ มํ มาตาปิตุอาทโย าตโย กามโภคิโน กามชฺฌาสยา ‘‘เอหิ, ตาต, อิมํ อสีติโกฏิธนํ วิภวํ ปฏิปชฺช, กุลวํสํ ปติฏฺาเปหี’’ติ อุฬาเรหิ โภเคหิ นิมนฺตยึสุ. เตสมฺปิ ฉนฺทมาจิกฺขินฺติ เตสมฺปิ มม าตีนํ เตหิ กามโภเคหิ มา มํ นิมนฺตยิตฺถาติ อตฺตโน ฉนฺทมฺปิ อาจิกฺขึ, ปพฺพชฺชาย นินฺนชฺฌาสยมฺปิ กเถสึ, ยถาชฺฌาสยํ ปฏิปชฺชถาติ อธิปฺปาโย.
โสปิ มํ อนุ สิกฺขนฺโตติ ‘‘อิเม กามา นาม อปฺปสฺสาทา พหุทุกฺขา พหูปายาสา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓๔; ๒.๔๓-๔๕; ปาจิ.๔๑๗) นเยน นานปฺปการํ กาเมสุ อาทีนวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ยถาหํ สีลาทีนิ สิกฺขนฺโต ปพฺพชฺชํ โรเจสึ. โสปิ นนฺทปณฺฑิโต ¶ ตเถว ตสฺส เนกฺขมฺเมน มํ อนุสิกฺขนฺโต ปพฺพชฺชํ สมโรจยีติ. อหํ โสโณ จ นนฺโท จาติ ตสฺมึ กาเล โสณนามโก อหํ มยฺหํ กนิฏฺภาตา นนฺโท จาติ. อุโภ มาตาปิตา ¶ มมาติ ‘‘อิเม นาม ปุตฺตกา เอวํ ตรุณกาเลปิ กาเม ชหนฺติ, กิมงฺคํ ปน มย’’นฺติ อุปฺปนฺนสํเวคา มาตาปิตโร จ. โภเค ฉฑฺเฑตฺวาติ อสีติโกฏิวิภวสมิทฺเธ มหา โภเค อนเปกฺขจิตฺตา เขฬปิณฺฑํ วิย ปริจฺจชิตฺวา มยํ จตฺตาโรปิ ชนา หิมวนฺตปฺปเทเส มหาวนํ เนกฺขมฺมชฺฌาสเยน ปวิสิมฺหาติ อตฺโถ.
ปวิสิตฺวา จ เต ตตฺถ รมณีเย ภูมิภาเค อสฺสมํ มาเปตฺวา ตาปสปพฺพชฺชาย ปพฺพชิตฺวา ตตฺถ วสึสุ. เต อุโภปิ ภาตโร มาตาปิตโร ปฏิชคฺคึสุ. เตสุ นนฺทปณฺฑิโต ‘‘มยา อาภตผลาผลาเนว มาตาปิตโร ขาทาเปสฺสามี’’ติ หิยฺโย จ ปุริมโคจรคหิตฏฺานโต จ ¶ ยานิ ตานิ อวเสสานิ ผลาผลานิ ปาโตว อาเนตฺวา มาตาปิตโร ขาทาเปติ. เต ตานิ ขาทิตฺวา มุขํ วิกฺขาเลตฺวา อุโปสถิกา โหนฺติ. โสณปณฺฑิโต ปน ทูรํ คนฺตฺวา มธุรมธุรานิ สุปกฺกานิ อาหริตฺวา อุปนาเมติ. อถ นํ เต ‘‘ตาต, กนิฏฺเน อาภตานิ มยํ ขาทิตฺวา อุโปสถิกา ชาตา, อิทานิ โน อตฺโถ นตฺถี’’ติ วทนฺติ. อิติ ตสฺส ผลาผลานิ ปริโภคํ น ลภนฺติ วินสฺสนฺติ, ปุนทิวสาทีสุปิ ตเถวาติ, เอวํ โส ปฺจาภิฺตาย ทูรมฺปิ คนฺตฺวา อาหรติ, เต ปน น ขาทนฺติ.
อถ มหาสตฺโต จินฺเตสิ – ‘‘มาตาปิตโร สุขุมาลา, นนฺโท จ ยานิ ตานิ อปกฺกานิ ทุปฺปกฺกานิ ผลาผลานิ อาหริตฺวา ขาทาเปติ, เอวํ สนฺเต อิเม น จิรํ ปวตฺติสฺสนฺติ, วาเรสฺสามิ น’’นฺติ. อถ นํ อามนฺเตตฺวา ‘‘นนฺท, อิโต ปฏฺาย ผลาผลํ อาหริตฺวา มมาคมนํ ปติมาเนหิ, อุโภ เอกโตว ขาทาเปสฺสามา’’ติ อาห. เอวํ วุตฺเตปิ อตฺตโน ปฺุํ ปจฺจาสีสนฺโต น ตสฺส วจนมกาสิ. มหาสตฺโต ตํ อุปฏฺานํ อาคตํ ‘‘น ตฺวํ ปณฺฑิตานํ วจนํ กโรสิ, อหํ เชฏฺโ, มาตาปิตโร จ มเมว ภาโร, อหเมว เน ปฏิชคฺคิสฺสามิ, ตฺวํ ¶ อิโต อฺตฺถ ยาหี’’ติ ตสฺส อจฺฉรํ ปหริ.
โส เตน ปณามิโต ตตฺถ าตุํ อสกฺโกนฺโต ตํ วนฺทิตฺวา มาตาปิตูนํ ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา อตฺตโน ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา กสิณํ ¶ โอโลเกตฺวา ตํทิวสเมว อฏฺ จ สมาปตฺติโย ปฺจ จ อภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘กึ นุ โข อหํ สิเนรุปาทโต รตนวาลุกํ อาหริตฺวา มม ภาตุ ปณฺณสาลาปริเวณํ อากิริตฺวา ขมาเปสฺสามิ, อุทาหุ อโนตตฺตโต อุทกํ อาหริตฺวา ขมาเปสฺสามิ? อถ วา เม ภาตา เทวตาวเสน ขเมยฺย, จตฺตาโร มหาราชาโน สกฺกฺจ เทวราชานํ อาเนตฺวา ขมาเปสฺสามิ, เอวํ ปน น โสภิสฺสติ, อยํ โข มโนโช พฺรหฺมวฑฺฒนราชา สกลชมฺพุทีเป อคฺคราชา, ตํ อาทึ กตฺวา สพฺเพ ราชาโน อาเนตฺวา ขมาเปสฺสามิ, เอวํ สนฺเต มม ภาตุ คุโณ สกลชมฺพุทีปํ อวตฺถริตฺวา คมิสฺสติ, จนฺโท วิย สูริโย วิย จ ปฺายิสฺสตี’’ติ.
โส ตาวเทว อิทฺธิยา คนฺตฺวา พฺรหฺมวฑฺฒนนคเร ตสฺส รฺโ นิเวสนทฺวาเร โอตริตฺวา ‘‘เอโก ตาปโส ตุมฺเห ทฏฺุกาโม’’ติ รฺโ อาโรจาเปตฺวา เตน กโตกาโส ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อหํ อตฺตโน พเลน สกลชมฺพุทีเป รชฺชํ คเหตฺวา ตว ทสฺสามี’’ติ. ‘‘กถํ ปน ตุมฺเห, ภนฺเต, สกลชมฺพุทีเป รชฺชํ คเหตฺวา ทสฺสถา’’ติ? ‘‘มหาราช, กสฺสจิ วธจฺเฉทํ อกตฺวา อตฺตโน อิทฺธิยาว คเหตฺวา ทสฺสามี’’ติ มหติยา เสนาย สทฺธึ ตํ อาทาย โกสลรฏฺํ ¶ คนฺตฺวา นครสฺส อวิทูเร ขนฺธาวารํ นิเวเสตฺวา ‘‘ยุทฺธํ วา โน เทตุ, วเส วา วตฺตตู’’ติ โกสลรฺโ ทูตํ ปาเหสิ. เตน กุชฺฌิตฺวา ยุทฺธสชฺเชน หุตฺวา นิกฺขนฺเตน สทฺธึ ยุทฺเธ อารทฺเธ อตฺตโน อิทฺธานุภาเวน ยถา ทฺวินฺนํ เสนานํ ปีฬนํ น โหติ, เอวํ กตฺวา ยถา จ โกสลราชา ตสฺส วเส วตฺตติ, เอวํ วจนปฏิวจนหรเณหิ สํวิทหิ. เอเตนุปาเยน สกลชมฺพุทีเป ราชาโน ตสฺส วเส วตฺตาเปสิ.
โส เตน ปริตุฏฺโ นนฺทปณฺฑิตํ อาห – ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหหิ ยถา มยฺหํ ปฏิฺาตํ, ตถา กตํ, พหูปการา เม ตุมฺเห, กิมหํ ¶ ตุมฺหากํ กริสฺสามิ, อหฺหิ เต สกลชมฺพุทีเป อุปฑฺฒรชฺชมฺปิ ทาตุํ อิจฺฉามิ, กิมงฺคํ ปน หตฺถิอสฺสรถมณิมุตฺตาปวาฬรชตสุวณฺณทาสิทาสปริชนปริจฺเฉท’’นฺติ? ตํ สุตฺวา นนฺทปณฺฑิโต ‘‘น เม เต, มหาราช, รชฺเชน อตฺโถ, นาปิ หตฺถิยานาทีหิ, อปิ จ โข เต รฏฺเ อสุกสฺมึ นาม อสฺสเม มม มาตาปิตโร ปพฺพชิตฺวา วสนฺติ. ตฺยาหํ อุปฏฺหนฺโต เอกสฺมึ ¶ อปราเธ มม เชฏฺภาติเกน โสณปณฺฑิเตน นาม มเหสินา ปณามิโต, สฺวาหํ ตํ อาทาย ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ขมาเปสฺสามิ, ตสฺส เม ตฺวํ ขมาปเน สหาโย โหหี’’ติ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา จตุวีสติอกฺโขภนี ปริมาณาย เสนาย ปริวุโต เอกสตราชูหิ สทฺธึ นนฺทปณฺฑิตํ ปุรกฺขตฺวา ตํ อสฺสมปทํ ปตฺวา จตุรงฺคุลปฺปเทสํ มฺุจิตฺวา อากาเส ิเตน กาเชน อโนตตฺตโต อุทกํ อาหริตฺวา ปานียํ ปฏิสาเมตฺวา ปริเวณํ สมฺมชฺชิตฺวา มาตาปิตูนํ อาสนฺนปฺปเทเส นิสินฺนํ ฌานรติสมปฺปิตํ มหาสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา นนฺทปณฺฑิโต นํ ขมาเปสิ. มหาสตฺโต นนฺทปณฺฑิตํ มาตรํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา อตฺตนา ยาวชีวํ ปิตรํ ปฏิชคฺคิ. เตสํ ปน ราชูนํ –
‘‘อานนฺโท จ ปโมโท จ, สทา หสิตกีฬิตํ;
มาตรํ ปริจริตฺวาน, ลพฺภเมตํ วิชานตา.
‘‘อานนฺโท จ ปโมโท จ, สทา หสิตกีฬิตํ;
ปิตรํ ปริจริตฺวาน, ลพฺภเมตํ วิชานโต.
‘‘ทานฺจ เปยฺยวชฺชฺจ, อตฺถจริยา จ ยา อิธ;
สมานตฺตตา จ ธมฺเมสุ, ตตฺถ ตตฺถ ยถารหํ;
เอเต โข สงฺคหา โลเก, รถสฺสาณีว ยายโต.
‘‘เอเต ¶ จ สงฺคหา นาสฺสุ, น มาตา ปุตฺตการณา;
ลเภถ มานํ ปูชํ วา, ปิตา วา ปุตฺตการณา.
‘‘ยสฺมา จ สงฺคหา เอเต, สมฺมเปกฺขนฺติ ปณฺฑิตา;
ตสฺมา มหตฺตํ ปปฺโปนฺติ, ปาสํสา จ ภวนฺติ เต.
‘‘พฺรหฺมาติ มาตาปิตโร, ปุพฺพาจริยาติ วุจฺจเร;
อาหุเนยฺยา จ ปุตฺตานํ, ปชาย อนุกมฺปกา.
‘‘ตสฺมา หิ เน นมสฺเสยฺย, สกฺกเรยฺย จ ปณฺฑิโต;
อนฺเนน ¶ อถ ปาเนน, วตฺเถน สยเนน จ;
อุจฺฉาทเนน นฺหาปเนน, ปาทานํ โธวเนน จ.
‘‘ตาย นํ ปาริจริยาย, มาตาปิตูสุ ปณฺฑิตา;
อิเธว นํ ปสํสนฺติ, เปจฺจ สคฺเค ปโมทตี’’ติ. (ชา. ๒.๒๐.๑๗๖-๑๘๓) –
พุทฺธลีฬาย ¶ ธมฺมํ เทเสสิ, ตํ สุตฺวา สพฺเพปิ เต ราชาโน สพลกายา ปสีทึสุ. อถ เน ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา ‘‘ทานาทีสุ อปฺปมตฺตา โหถา’’ติ โอวทิตฺวา วิสฺสชฺเชสิ. เต สพฺเพปิ ธมฺเมน รชฺชํ กาเรตฺวา อายุปริโยสาเน เทวนครํ ปูรยึสุ. โพธิสตฺโต ‘‘อิโต ปฏฺาย มาตรํ ปฏิชคฺคาหี’’ติ มาตรํ นนฺทปณฺฑิตํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา อตฺตนา ยาวชีวํ ปิตรํ ปฏิชคฺคิ. เต อุโภปิ อายุปริโยสาเน พฺรหฺมโลกปรายนา อเหสุํ.
ตทา มาตาปิตโร มหาราชกุลานิ, นนฺทปณฺฑิโต อานนฺทตฺเถโร, มโนโช ราชา สาริปุตฺตตฺเถโร, เอกสตราชาโน อสีติมหาเถรา เจว อฺตรเถรา จ, จตุวีสติอกฺโขภนีปริสา พุทฺธปริสา, โสณปณฺฑิโต โลกนาโถ.
ตสฺส กิฺจาปิ สาติสยา เนกฺขมฺมปารมี, ตถาปิ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เสสปารมิโย จ นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา อจฺจนฺตเมว กาเมสุ อนเปกฺขตา, มาตาปิตูสุ ติพฺโพ สคารวสปฺปติสฺสภาโว ¶ , มาตาปิตุอุปฏฺาเนน อติตฺติ, สติปิ เนสํ อุปฏฺาเน สพฺพกาลํ สมาปตฺติวิหาเรหิ วีตินามนนฺติ เอวมาทโย มหาสตฺตสฺส คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพาติ.
โสณปณฺฑิตจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
เนกฺขมฺมปารมี นิฏฺิตา.
๖. เตมิยจริยาวณฺณนา
๔๘. ฉฏฺเ กาสิราชสฺส อตฺรโชติ กาสิรฺโ อตฺรโช ปุตฺโต ยทา โหมิ, ตทา มูคปกฺโขติ นาเมน, เตมิโยติ วทนฺติ มนฺติ เตมิโยติ นาเมน มูคปกฺขวตาธิฏฺาเนน ‘‘มูคปกฺโข’’ติ มาตาปิตโร อาทึ กตฺวา สพฺเพว มํ วทนฺตีติ สมฺพนฺโธ. มหาสตฺตสฺส หิ ชาตทิวเส สกลกาสิรฏฺเ ¶ เทโว วสฺสิ, ยสฺมา จ โส รฺโ เจว อมจฺจาทีนฺจ หทยํ อุฬาเรน ปีติสิเนเหน เตมยมาโน อุปฺปนฺโน, ตสฺมา ‘‘เตมิยกุมาโร’’ติ นามํ อโหสิ.
๔๙. โสฬสิตฺถิสหสฺสานนฺติ ¶ โสฬสนฺนํ กาสิรฺโ อิตฺถาคารสหสฺสานํ. น วิชฺชติ ปุโมติ ปุตฺโต น ลพฺภติ. น เกวลฺจ ปุตฺโต เอว, ธีตาปิสฺส นตฺถิ เอว. อโหรตฺตานํ อจฺจเยน, นิพฺพตฺโต อหเมกโกติ อปุตฺตกสฺเสว ตสฺส รฺโ พหูนํ สํวจฺฉรานํ อตีตตฺตา อเนเกสํ อโหรตฺตานํ อปคมเนน สกฺกทตฺติโย อหเมกโกว โพธิปริเยสนํ จรมาโน, ตทา ตสฺส ปุตฺโต หุตฺวา อุปฺปนฺโนติ สตฺถา วทติ.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – อตีเต พาราณสิยํ กาสิราชา รชฺชํ กาเรสิ. ตสฺส โสฬสสหสฺสา อิตฺถิโย อเหสุํ. ตาสุ เอกาปิ ปุตฺตํ วา ธีตรํ วา น ลภติ. นาครา ‘‘อมฺหากํ รฺโ วํสานุรกฺขโก เอโกปิ ปุตฺโต นตฺถี’’ติ วิปฺปฏิสารี ชาตา สนฺนิปติตฺวา ราชานํ ‘‘ปุตฺตํ ปตฺเถหี’’ติ อาหํสุ. ราชา โสฬสสหสฺสา อิตฺถิโย ‘‘ปุตฺตํ ปตฺเถถา’’ติ อาณาเปสิ. ตา จนฺทาทีนํ อุปฏฺานาทีนิ กตฺวา ปตฺเถนฺติโยปิ น ลภึสุ. อคฺคมเหสี ปนสฺส มทฺทราชธีตา จนฺทาเทวี นาม สีลสมฺปนฺนา อโหสิ. ราชา ‘‘ตฺวมฺปิ ปุตฺตํ ปตฺเถหี’’ติ อาห. สา ปุณฺณมทิวเส อุโปสถิกา หุตฺวา อตฺตโน สีลํ อาวชฺเชตฺวา ‘‘สจาหํ อขณฺฑสีลา, อิมินา เม สจฺเจน ปุตฺโต อุปฺปชฺชตู’’ติ สจฺจกิริยมกาสิ. ตสฺสา สีลเตเชน สกฺกสฺส อาสนํ ¶ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. สกฺโก อาวชฺเชนฺโต ตํ การณํ ตฺวา ‘‘จนฺทาเทวิยา ปุตฺตปฏิลาภสฺส อุปายํ กริสฺสามี’’ติ ตสฺสา อนุจฺฉวิกํ ปุตฺตํ อุปธาเรนฺโต โพธิสตฺตํ ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา ตโต จวิตฺวา อุปริเทวโลเก อุปฺปชฺชิตุกามํ ทิสฺวา ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘สมฺม, ตยิ มนุสฺสโลเก อุปฺปนฺเน ปารมิโย จ เต ปูเรสฺสนฺติ, มหาชนสฺส จ วุฑฺฒิ ภวิสฺสติ, อยํ กาสิรฺโ จนฺทา นาม อคฺคมเหสี ปุตฺตํ ปตฺเถติ, ตสฺสา ¶ กุจฺฉิยํ อุปฺปชฺชาหี’’ติ อาห.
โส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ตสฺสา กุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตสฺส สหายา ปฺจสตา เทวปุตฺตา ขีณายุกา เทวโลกา จวิตฺวา ตสฺเสว รฺโ อมจฺจภริยานํ กุจฺฉีสุ ปฏิสนฺธึ คณฺหึสุ. เทวี คพฺภสฺส ปติฏฺิตภาวํ ตฺวา รฺโ อาโรเจสิ. ราชา คพฺภปริหารํ ทาเปสิ. สา ปริปุณฺณคพฺภา ธฺปฺุลกฺขณสมฺปนฺนํ ปุตฺตํ วิชายิ. ตํทิวสเมว อมจฺจเคเหสุ ¶ ปฺจกุมารสตานิ วิชายึสุ. อุภยมฺปิ สุตฺวา ราชา ‘‘มม ปุตฺตสฺส ปริวารา เอเต’’ติ ปฺจนฺนํ ทารกสตานํ ปฺจธาติสตานิ เปเสตฺวา กุมารปสาธนานิ จ เปเสสิ. มหาสตฺตสฺส ปน อติทีฆาทิโทสวิวชฺชิตา อลมฺพตฺถนา มธุรถฺา จตุสฏฺิธาติโย ทตฺวา มหนฺตํ สกฺการํ กตฺวา จนฺทาเทวิยาปิ วรํ อทาสิ. สา คหิตกํ กตฺวา เปสิ. ทารโก มหตา ปริวาเรน วฑฺฒติ. อถ นํ เอกมาสิกํ อลงฺกริตฺวา รฺโ สนฺติกํ อานยึสุ. ราชา ปิยปุตฺตํ โอโลเกตฺวา อาลิงฺคิตฺวา องฺเก นิสีทาเปตฺวา รมยมาโน นิสีทิ.
๕๐. ตสฺมึ ขเณ จตฺตาโร โจรา อานีตา. ราชา เตสุ เอกสฺส สกณฺฏกาหิ กสาหิ ปหารสหสฺสํ อาณาเปสิ, เอกสฺส สงฺขลิกาย พนฺธิตฺวา พนฺธนาคารปฺปเวสนํ, เอกสฺส สรีเร สตฺติปฺปหารทานํ, เอกสฺส สูลาโรปนํ. มหาสตฺโต ปิตุ กถํ สุตฺวา สํเวคปฺปตฺโต หุตฺวา ‘‘อโห มม ปิตา รชฺชํ นิสฺสาย ภาริยํ นิรยคามิกมฺมํ กโรตี’’ติ จินฺเตสิ. ปุนทิวเส นํ เสตจฺฉตฺตสฺส เหฏฺา อลงฺกตสิริสยเน นิปชฺชาเปสุํ.
โส โถกํ นิทฺทายิตฺวา ปฏิพุทฺโธ อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา เสตจฺฉตฺตํ โอโลเกนฺโต มหนฺตํ สิริวิภวํ ปสฺสิ. อถสฺส ปกติยาปิ สํเวคปฺปตฺตสฺส อติเรกตรํ ภยํ อุปฺปชฺชิ. โส ‘‘กุโต นุ โข อหํ อิมํ ราชเคหํ อาคโต’’ติ อุปธาเรนฺโต ชาติสฺสราเณน เทวโลกโต อาคตภาวํ ตฺวา ตโต ปรํ โอโลเกนฺโต อุสฺสทนิรเย ปกฺกภาวํ ¶ ปสฺสิ. ตโต ปรํ โอโลเกนฺโต ตสฺมึเยว นคเร ราชภาวํ ปสฺสิ. อถ โส ‘‘อหํ วีสติวสฺสานิ รชฺชํ กาเรตฺวา ¶ อสีติวสฺสสหสฺสานิ อุสฺสทนิรเย ปจฺจึ, อิทานิ ปุนปิ อิมสฺมึ โจรเคเห นิพฺพตฺโตสฺมิ, ปิตาปิ เม หิยฺโย จตูสุ โจเรสุ อานีเตสุ ตถารูปํ ผรุสํ นิรยสํวตฺตนิกํ กถํ กเถสิ. น เม อิมินา อวิทิตวิปุลานตฺถาวเหน รชฺเชน อตฺโถ, กถํ นุ โข อิมมฺหา โจรเคหา มุจฺเจยฺย’’นฺติ จินฺเตนฺโต นิปชฺชิ. อถ นํ เอกา เทวธีตา ‘‘ตาต เตมิยกุมาร, มา ภายิ, ตีณิ องฺคานิ อธิฏฺหิตฺวา ตว โสตฺถิ ภวิสฺสตี’’ติ สมสฺสาเสสิ. ตํ สุตฺวา มหาสตฺโต รชฺชสงฺขาตา ¶ อนตฺถโต มุจฺจิตุกาโม โสฬสสํวจฺฉรานิ ตีณิ องฺคานิ อจลาธิฏฺานวเสน อธิฏฺหิ. เตน วุตฺตํ ‘‘กิจฺฉาลทฺธํ ปิยํ ปุตฺต’’นฺติอาทิ.
ตตฺถ กิจฺฉาลทฺธนฺติ กิจฺเฉน กสิเรน จิรกาลปตฺถนาย ลทฺธํ. อภิชาตนฺติ ชาติสมฺปนฺนํ. กายชุติยา เจว าณชุติยา จ สมนฺนาคตตฺตา ชุตินฺธรํ. เสตจฺฉตฺตํ ธารยิตฺวาน, สยเน โปเสติ มํ ปิตาติ ปิตา เม กาสิราชา ‘‘มา นํ กุมารํ รโช วา อุสฺสาโว วา’’ติ ชาตกาลโต ปฏฺาย เสตจฺฉตฺตสฺส เหฏฺา สิริสยเน สยาเปตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน มํ โปเสติ.
๕๑. นิทฺทายมาโน สยนวเร ปพุชฺฌิตฺวา อหํ โอโลเกนฺโต ปณฺฑรํ เสตจฺฉตฺตํ อทฺทสํ. เยนาหํ นิรยํ คโตติ เยน เสตจฺฉตฺเตน ตโต ตติเย อตฺตภาเว อหํ นิรยํ คโต, เสตจฺฉตฺตสีเสน รชฺชํ วทติ.
๕๒. สห ทิฏฺสฺส เม ฉตฺตนฺติ ตํ เสตจฺฉตฺตํ ทิฏฺสฺส ทิฏฺวโต เม สห เตน ทสฺสเนน, ทสฺสนสมกาลเมวาติ อตฺโถ. ตาโส อุปฺปชฺชิ เภรโวติ สุปริวิทิตาทีนวตฺตา ภยานโก จิตฺตุตฺราโส อุทปาทิ. วินิจฺฉยํ สมาปนฺโน, กถาหํ อิมํ มฺุจิสฺสนฺติ กถํ นุ โข อหํ อิมํ รชฺชํ กาฬกณฺณึ มฺุเจยฺยนฺติ เอวํ วิจารณํ อาปชฺชึ.
๕๓. ปุพฺพสาโลหิตา มยฺหนฺติ ปุพฺเพ เอกสฺมึ อตฺตภาเว มม มาตุภูตปุพฺพา ตสฺมึ ฉตฺเต อธิวตฺถา เทวตา มยฺหํ อตฺถกามินี หิเตสินี. สา มํ ทิสฺวาน ทุกฺขิตํ, ตีสุ าเนสุ โยชยีติ สา เทวตา มํ ตถา ¶ เจโตทุกฺเขน ทุกฺขิตํ ทิสฺวา มูคปกฺขพธิรภาวสงฺขาเตสุ ตีสุ รชฺชทุกฺขโต นิกฺขมนการเณสุ โยเชสิ.
๕๔. ปณฺฑิจฺจยนฺติ ปณฺฑิจฺจํ, อยเมว วา ปาโ. มา วิภาวยาติ มา ปกาเสหิ. พาลมโตติ พาโลติ าโต. สพฺโพติ สกโล อนฺโตชโน เจว พหิชโน จ. โอจินายตูติ นีหรเถตํ ¶ กาฬกณฺณินฺติ อวชานาตุ. เอวํ ตว อตฺโถ ภวิสฺสตีติ เอวํ ยถาวุตฺตนเยน อวชานิตพฺพภาเว สติ ตุยฺหํ เคหโต นิกฺขมเนน หิตํ ปารมิปริปูรณํ ภวิสฺสติ.
๕๕. เตตํ ¶ วจนนฺติ เต เอตํ ตีณิ องฺคานิ อธิฏฺาหีติ วจนํ. อตฺถกามาสิ เม อมฺมาติ อมฺม เทวเต, มม อตฺถกามา อสิ. หิตกามาติ ตสฺเสว ปริยายวจนํ. อตฺโถติ วา เอตฺถ สุขํ เวทิตพฺพํ. หิตนฺติ ตสฺส การณภูตํ ปฺุํ.
๕๖. สาคเรว ถลํ ลภินฺติ โจรเคเห วตาหํ ชาโต, อหุ เม มหาวตานตฺโถติ โสกสาคเร โอสีทนฺโต ตสฺสา เทวตาย อหํ วจนํ สุตฺวา สาคเร โอสีทนฺโต วิย ถลํ ปติฏฺํ อลภึ, รชฺชกุลโต นิกฺขมโนปายํ อลภินฺติ อตฺโถ. ตโย องฺเค อธิฏฺหินฺติ ยาว เคหโต นิกฺขมึ, ตาว ตีณิ องฺคานิ การณานิ อธิฏฺหึ.
๕๗. อิทานิ ตานิ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘มูโค อโหสิ’’นฺติ คาถมาห. ตตฺถ ปกฺโขติ ปีสปฺปิ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
เอวํ ปน มหาสตฺเต เทวตาย ทินฺนนเย ตฺวา ชาตวสฺสโต ปฏฺาย มูคาทิภาเวน อตฺตานํ ทสฺเสนฺเต มาตาปิตโร ธาติอาทโย จ ‘‘มูคานํ หนุปริโยสานํ นาม เอวรูปํ น โหติ, พธิรานํ กณฺณโสตํ นาม เอวรูปํ น โหติ, ปีสปฺปีนํ หตฺถปาทา นาม เอวรูปา น โหนฺติ, ภวิตพฺพเมตฺถ การเณน, วีมํสิสฺสาม น’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘ขีเรน ตาว วีมํสิสฺสามา’’ติ สกลทิวสํ ขีรํ น เทนฺติ. โส สุสฺสนฺโตปิ ขีรตฺถาย สทฺทํ น กโรติ.
อถสฺส มาตา ‘‘ปุตฺโต เม ฉาโต, ขีรมสฺส เทถา’’ติ ขีรํ ทาเปสิ. เอวํ อนฺตรนฺตรา ขีรํ อทตฺวา เอกสํวจฺฉรํ วีมํสนฺตาปิ อนฺตรํ น ปสฺสึสุ. ตโต ‘‘กุมารกา นาม ปูวขชฺชกํ ปิยายนฺติ, ผลาผลํ ปิยายนฺติ, กีฬนภณฺฑกํ ปิยายนฺติ, โภชนํ ปิยายนฺตี’’ติ ตานิ ตานิ ปโลภนียานิ อุปเนตฺวา วีมํสนวเสน ปโลเภนฺตา ยาว ปฺจวสฺสกาลา อนฺตรํ น ปสฺสึสุ. อถ นํ ‘‘ทารกา นาม ¶ อคฺคิโต ภายนฺติ, มตฺตหตฺถิโต ภายนฺติ, สปฺปโต ภายนฺติ, อุกฺขิตฺตาสิกปุริสโต ภายนฺติ, เตหิ วีมํสิสฺสามา’’ติ ยถา เตหิสฺส อนตฺโถ น ชายติ, ตถา ปุริมเมว สํวิทหิตฺวา อติภยานกากาเรน อุปคจฺฉนฺเต กาเรสุํ.
มหาสตฺโต ¶ ¶ นิรยภยํ อาวชฺเชตฺวา ‘‘อิโต สตคุเณน สหสฺสคุเณน สตสหสฺสคุเณน นิรโย ภายิตพฺโพ’’ติ นิจฺจโลว โหติ. เอวมฺปิ วีมํสิตฺวา อนฺตรํ น ปสฺสนฺตา ปุน ‘‘ทารกา นาม สมชฺชตฺถิกา โหนฺตี’’ติ สมชฺชํ กาเรตฺวาปิ มหาสตฺตํ สาณิยา ปริกฺขิปิตฺวา อชานนฺตสฺเสว จตูสุ ปสฺเสสุ สงฺขสทฺเทหิ เภริสทฺเทหิ จ สหสา เอกนินฺนาทํ กาเรตฺวาปิ อนฺธกาเร ฆเฏหิ ทีปํ อุปเนตฺวา สหสา อาโลกํ ทสฺเสตฺวาปิ สกลสรีรํ ผาณิเตน มกฺเขตฺวา พหุมกฺขิเก าเน นิปชฺชาเปตฺวาปิ นฺหาปนาทีนิ อกตฺวา อุจฺจารปสฺสาวมตฺถเก นิปนฺนํ อชฺฌุเปกฺขิตฺวาปิ ตตฺถ จ ปลิปนฺนํ สยมานํ ปริหาเสหิ อกฺโกสเนหิ จ ฆฏฺเฏตฺวาปิ เหฏฺามฺเจ อคฺคิกปลฺลํ กตฺวา อุณฺหสนฺตาเปน ปีเฬตฺวาปีติ เอวํ นานาวิเธหิ อุปาเยหิ วีมํสนฺตาปิสฺส อนฺตรํ น ปสฺสึสุ.
มหาสตฺโต หิ สพฺพตฺถ นิรยภยเมว อาวชฺเชตฺวา อธิฏฺานํ อวิโกเปนฺโต นิจฺจโลว อโหสิ. เอวํ ปนฺนรสวสฺสานิ วีมํสิตฺวา อถ โสฬสวสฺสกาเล ‘‘ปีสปฺปิโน วา โหนฺตุ มูคพธิรา วา รชนีเยสุ อรชฺชนฺตา ทุสฺสนีเยสุ อทุสฺสนฺตา นาม นตฺถีติ นาฏกานิสฺส ปจฺจุปฏฺเปตฺวา วีมํสิสฺสามา’’ติ กุมารํ คนฺโธทเกน นฺหาเปตฺวา เทวปุตฺตํ วิย อลงฺกริตฺวา เทววิมานกปฺปํ ปุปฺผคนฺธทามาทีหิ เอกาโมทปโมทํ ปาสาทํ อาโรเปตฺวา อุตฺตมรูปธรา ภาววิลาสสมฺปนฺนา เทวจฺฉราปฏิภาคา อิตฺถิโย อุปฏฺเปสุํ – ‘‘คจฺฉถ นจฺจาทีหิ กุมารํ อภิรมาเปถา’’ติ. ตา อุปคนฺตฺวา ตถา กาตุํ วายมึสุ. โส พุทฺธิสมฺปนฺนตาย ‘‘อิมา เม สรีรสมฺผสฺสํ มา วินฺทึสู’’ติ อสฺสาสปสฺสาเส นิรุนฺธิ. ตา ตสฺส สรีรสมฺผสฺสํ อวินฺทนฺติโย ‘‘ถทฺธสรีโร เอส, นายํ มนุสฺโส, ยกฺโข ภวิสฺสตี’’ติ ปกฺกมึสุ.
เอวํ โสฬส วสฺสานิ โสฬสหิ มหาวีมํสาหิ อเนกาหิ จ ขุทฺทกวีมํสาหิ ปริคฺคณฺหิตุํ อสกฺกุณิตฺวา มาตาปิตโร ‘‘ตาต, เตมิยกุมาร, มยํ ตว อมูคาทิภาวํ ชานาม, น หิ เตสํ เอวรูปานิ มุขกณฺณโสตปาทานิ โหนฺติ, ตฺวํ อมฺเหหิ ¶ ปตฺเถตฺวา ลทฺธปุตฺตโก, มา โน นาเสหิ, สกลชมฺพุทีเป ราชูนํ สนฺติกา ครหโต โมเจหี’’ติ สห วิสุํ วิสฺุจ อเนกวารํ ยาจึสุ. โส เตหิ เอวํ ยาจิยมาโนปิ อสุณนฺโต วิย หุตฺวา นิปชฺชิ.
๕๘. อถ ¶ ราชา มหาสตฺตสฺส อุโภ ปาเท กณฺณโสเต ชิวฺหํ อุโภ จ หตฺเถ กุสเลหิ ปุริเสหิ วีมํสาเปตฺวา ‘‘ยทิปิ อปีสปฺปิอาทีนํ วิยสฺส ปาทาทโย, ตถาปิ อยํ ปีสปฺปิ มูคพธิโร มฺเ, อีทิเส กาฬกณฺณิปุริเส อิมสฺมึ เคเห วสนฺเต ตโย อนฺตรายา ปฺายนฺติ ¶ ชีวิตสฺส วา ฉตฺตสฺส วา มเหสิยา วา’’ติ ลกฺขณปาเกหิ อิทานิ กถิตํ. ชาตทิวเส ปน ‘‘ตุมฺหากํ โทมนสฺสปริหรณตฺถํ ‘ธฺปฺุลกฺขโณ’ติ วุตฺต’’นฺติ อมจฺเจหิ อาโรจิตํ สุตฺวา อนฺตรายภเยน ภีโต ‘‘คจฺฉถ นํ อวมงฺคลรเถ นิปชฺชาเปตฺวา ปจฺฉิมทฺวาเรน นีหราเปตฺวา อามกสุสาเน นิขณถา’’ติ อาณาเปสิ. ตํ สุตฺวา มหาสตฺโต หฏฺโ อุทคฺโค อโหสิ – ‘‘จิรสฺสํ วต เม มโนรโถ มตฺถกํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ตโต เม หตฺถปาเท จา’’ติอาทิ.
ตตฺถ มทฺทิยาติ มทฺทนวเสน วีมํสิตฺวา. อนูนตนฺติ หตฺถาทีหิ อวิกลตํ. นินฺทิสุนฺติ ‘‘เอวํ อนูนาวยโวปิ สมาโน มูคาทิ วิย ทิสฺสมาโน ‘‘รชฺชํ กาเรตุํ อภพฺโพ, กาฬกณฺณิปุริโส อย’’นฺติ ครหึสุ. ‘‘นิทฺทิสุ’’นฺติปิ ปาโ, วทึสูติ อตฺโถ.
๕๙. ฉฑฺฑนํ อนุโมทิสุนฺติ ราชทสฺสนตฺถํ อาคตา สพฺเพปิ ชนปทวาสิโน เสนาปติปุโรหิตปฺปมุขา ราชปุริสา เต สพฺเพปิ เอกมนา สมานจิตฺตา หุตฺวา อนฺตรายปริหรณตฺถํ รฺา อาณตฺตา ภูมิยํ นิขณนวเสน มม ฉฑฺฑนํ มุขสงฺโกจํ อกตฺวา อภิมุขภาเวน สาธุ สุฏฺุ อิทํ กตฺตพฺพเมวาติ อนุโมทึสุ.
๖๐. โส เม อตฺโถ สมิชฺฌถาติ ยสฺสตฺถาย ยทตฺถํ ตโต มูคาทิภาวาธิฏฺานวเสน ทุกฺกรจรณํ จิณฺณํ จริตํ, โส อตฺโถ มม สมิชฺฌติ. เตสํ มม มาตาปิตุอาทีนํ มตึ อธิปฺปายํ สุตฺวา โส อหํ มม อธิปฺปายสมิชฺฌเนน หฏฺโ อนุปธาเรตฺวา ภูมิยํ นิขณนานุชานเนน สํวิคฺคมานโสว อโหสินฺติ วจนเสเสน สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ.
๖๑. เอวํ ¶ กุมารสฺส ภูมิยํ นิขณเน รฺา อาณตฺเต จนฺทาเทวี ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘เทว, ตุมฺเหหิ มยฺหํ วโร ทินฺโน, มยา ¶ จ คหิตกํ กตฺวา ปิโต, ตํ เม อิทานิ เทถา’’ติ. ‘‘คณฺห, เทวี’’ติ. ‘‘ปุตฺตสฺส เม รชฺชํ เทถา’’ติ. ‘‘ปุตฺโต เต กาฬกณฺณี, น สกฺกา ทาตุ’’นฺติ. ‘‘เตน หิ, เทว, ยาวชีวํ อเทนฺโต สตฺต วสฺสานิ เทถา’’ติ. ‘‘ตมฺปิ น สกฺกา’’ติ. ‘‘ฉ วสฺสานิ, ปฺจจตฺตาริตีณิทฺเวเอกํ วสฺสํ, สตฺต มาเส, ฉปฺจจตฺตาโรตโยทฺเวเอกํ มาสํอทฺธมาสํสตฺตาหํ เทถา’’ติ. สาธุ คณฺหาติ.
สา ปุตฺตํ อลงฺการาเปตฺวา ‘‘เตมิยกุมารสฺส อิทํ รชฺช’’นฺติ นคเร เภรึ จราเปตฺวา นครํ อลงฺการาเปตฺวา ปุตฺตํ หตฺถิกฺขนฺธํ อาโรเปตฺวา เสตจฺฉตฺตํ มตฺถเก การาเปตฺวา นครํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ¶ อาคตํ อลงฺกตสิริสยเน นิปชฺชาเปตฺวา สพฺพรตฺตึ ยาจิ – ‘‘ตาต เตมิย, ตํ นิสฺสาย โสฬส วสฺสานิ นิทฺทํ อลภิตฺวา โรทมานาย เม อกฺขีนิ อุปฺปกฺกานิ, โสเกน หทยํ ภิชฺชติ วิย, ตว อปีสปฺปิอาทิภาวํ ชานามิ, มา มํ อนาถํ กรี’’ติ. อิมินา นิยาเมน ฉ ทิวเส ยาจิ. ฉฏฺเ ทิวเส ราชา สุนนฺทํ นาม สารถึ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สฺเว ปาโตว อวมงฺคลรเถน กุมารํ นีหริตฺวา อามกสุสาเน ภูมิยํ นิขณิตฺวา ปถวิวฑฺฒนกกมฺมํ กตฺวา เอหี’’ติ อาห. ตํ สุตฺวา เทวี ‘‘ตาต, กาสิราชา ตํ สฺเว อามกสุสาเน นิขณิตุํ อาณาเปสิ. สฺเว มรณํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ อาห.
มหาสตฺโต ตํ สุตฺวา ‘‘เตมิย, โสฬส วสฺสานิ ตยา กโต วายาโม มตฺถกํ ปตฺโต’’ติ หฏฺโ อุทคฺโค อโหสิ. มาตุยา ปนสฺส หทยํ ภิชฺชนาการํ วิย อโหสิ. อถ ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ปาโตว สารถิ รถํ อาทาย ทฺวาเร เปตฺวา สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา ‘‘เทวิ, มา มยฺหํ กุชฺฌิ, รฺโ อาณา’’ติ ปุตฺตํ อาลิงฺคิตฺวา นิปนฺนํ เทวึ ปิฏฺิหตฺเถน อปเนตฺวา กุมารํ อุกฺขิปิตฺวา ปาสาทา โอตริ. เทวี อุรํ ปหริตฺวา มหาสทฺเทน ปริเทวิตฺวา มหาตเล โอหียิ.
อถ นํ มหาสตฺโต โอโลเกตฺวา ‘‘มยิ อกเถนฺเต มาตุ โสโก พลวา ภวิสฺสตี’’ติ กเถตุกาโม หุตฺวาปิ ‘‘สเจ กเถสฺสามิ โสฬส วสฺสานิ กโต ¶ วายาโม โมโฆ ภวิสฺสติ, อกเถนฺโต ปนาหํ อตฺตโน จ มาตาปิตูนฺจ ปจฺจโย ภวิสฺสามี’’ติ อธิวาเสสิ. สารถิ ‘‘มหาสตฺตํ รถํ อาโรเปตฺวา ปจฺฉิมทฺวาราภิมุขํ ¶ รถํ เปเสสฺสามี’’ติ ปาจีนทฺวาราภิมุขํ เปเสสิ. รโถ นครา นิกฺขมิตฺวา เทวตานุภาเวน ติโยชนฏฺานํ คโต. มหาสตฺโต สุฏฺุตรํ ตุฏฺจิตฺโต อโหสิ. ตตฺถ วนฆฏํ สารถิสฺส อามกสุสานํ วิย อุปฏฺาสิ. โส ‘‘อิทํ านํ สุนฺทร’’นฺติ รถํ โอกฺกมาเปตฺวา มคฺคปสฺเส เปตฺวา รถา โอรุยฺห มหาสตฺตสฺส อาภรณภณฺฑํ โอมฺุจิตฺวา ภณฺฑิกํ กตฺวา เปตฺวา กุทาลํ อาทาย อวิทูเร อาวาฏํ ขณิตุํ อารภิ. เตน วุตฺตํ ‘‘นฺหาเปตฺวา อนุลิมฺปิตฺวา’’ติอาทิ.
ตตฺถ นฺหาเปตฺวาติ โสฬสหิ คนฺโธทกฆเฏหิ นฺหาเปตฺวา. อนุลิมฺปิตฺวาติ สุรภิวิเลปเนน วิลิมฺเปตฺวา. เวเตฺวา ราชเวนนฺติ กาสิราชูนํ ปเวณิยาคตํ ราชมกุฏํ สีเส ปฏิมฺุจิตฺวา. อภิสิฺจิตฺวาติ ตสฺมึ ราชกุเล ราชาภิเสกนิยาเมน อภิสิฺจิตฺวา. ฉตฺเตน กาเรสุํ ปุรํ ปทกฺขิณนฺติ เสตจฺฉตฺเตน ธาริยมาเนน มํ นครํ ปทกฺขิณํ กาเรสุํ.
๖๒. สตฺตาหํ ธารยิตฺวานาติ มยฺหํ มาตุ จนฺทาเทวิยา วรลาภนวเสน ลทฺธํ สตฺตาหํ มม เสตจฺฉตฺตํ ¶ ธารยิตฺวา. อุคฺคเต รวิมณฺฑเลติ ตโต ปุนทิวเส สูริยมณฺฑเล อุคฺคตมตฺเต อวมงฺคลรเถน มํ นครโต นีหริตฺวา ภูมิยํ นิขณนตฺถํ สารถิ สุนนฺโท วนมุปคจฺฉิ.
๖๓. สชฺชสฺสนฺติ สนฺนทฺโธ อสฺสํ, ยุเค โยชิตสฺสํ เม รถํ มคฺคโต อุกฺกมาปนวเสน เอโกกาเส กตฺวา. หตฺถมุจฺจิโตติ มุจฺจิตหตฺโถ, รถปาจนโต มุตฺตหตฺโถติ อตฺโถ. อถ วา หตฺถมุจฺจิโตติ หตฺถมุตฺโต มม หตฺถโต มุจฺจิตฺวาติ อตฺโถ. กาสุนฺติ อาวาฏํ. นิขาตุนฺติ นิขณิตุํ.
๖๔-๕. อิทานิ ยทตฺถํ มยา โสฬส วสฺสานิ มูควตาทิอธิฏฺาเนน ทุกฺกรจริยา ¶ อธิฏฺิตา, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อธิฏฺิตมธิฏฺาน’’นฺติ คาถาทฺวยมาห.
ตตฺถ ตชฺเชนฺโต วิวิธการณาติ ทฺวิมาสิกกาลโต ปฏฺาย ยาว โสฬสสํวจฺฉรา ถฺปฏิเสธนาทีหิ วิวิเธหิ นานปฺปกาเรหิ การเณหิ ตชฺชยนฺโต ภยวิทฺธํสนวเสน วิเหิยมาโน. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
อถ ¶ มหาสตฺโต สุนนฺเท กาสุํ ขณนฺเต ‘‘อยํ เม วายามกาโล’’ติ อุฏฺาย อตฺตโน หตฺถปาเท สมฺพาหิตฺวา รถา โอตริตุํ เม พลํ อตฺถีติ ตฺวา จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ. ตาวเทวสฺส ปาทปติฏฺานฏฺานํ วาตปุณฺณภสฺตจมฺมํ วิย อุคฺคนฺตฺวา รถสฺส ปจฺฉิมนฺตํ อาหจฺจ อฏฺาสิ. โส โอตริตฺวา กติปเย วาเร อปราปรํ จงฺกมิตฺวา ‘‘โยชนสตมฺปิ คนฺตุํ เม พลํ อตฺถี’’ติ ตฺวา รถํ ปจฺฉิมนฺเต คเหตฺวา กุมารกานํ กีฬนยานกํ วิย อุกฺขิปิตฺวา ‘‘สเจ สารถิ มยา สทฺธึ ปฏิวิรุชฺเฌยฺย, อตฺถิ เม ปฏิวิรุชฺฌิตุํ พล’’นฺติ สลฺลกฺเขตฺวา ปสาธนตฺถาย จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ. ตงฺขณฺเว สกฺกสฺส ภวนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. สกฺโก ตํ การณํ ตฺวา วิสฺสกมฺมํ อาณาเปสิ – ‘‘คจฺฉ กาสิราชปุตฺตํ อลงฺกโรหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา ทิพฺเพหิ จ มานุเสหิ จ อลงฺกาเรหิ สกฺกํ วิย ตํ อลงฺกริ. โส เทวราชลีฬาย สารถิสฺส ขณโนกาสํ คนฺตฺวา อาวาฏตีเร ตฺวา –
‘‘กินฺนุ สนฺตรมาโนว, กาสุํ ขณสิ สารถิ;
ปุฏฺโ เม สมฺม อกฺขาหิ, กึ กาสุยา กริสฺสสี’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๓) –
อาห.
เตน ¶ อุทฺธํ อโนโลเกตฺวาว –
‘‘รฺโ มูโค จ ปกฺโข จ, ปุตฺโต ชาโต อเจตโส;
โสมฺหิ รฺา สมชฺฌิฏฺโ, ปุตฺตํ เม นิขณํ วเน’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๔) –
วุตฺเต มหาสตฺโต –
‘‘น ¶ พธิโร น มูโคสฺมิ, น ปกฺโข น จ วีกโล;
อธมฺมํ สารถิ กยิรา, มํ เจ ตฺวํ นิขณํ วเน.
‘‘อูรู พาหฺุจ เม ปสฺส, ภาสิตฺจ สุโณหิ เม;
อธมฺมํ สารถิ กยิรา, มํ เจ ตฺวํ นิขณํ วเน’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๕-๖) –
วตฺวา ปุน เตน อาวาฏขณนํ ปหาย อุทฺธํ โอโลเกตฺวา ตสฺส รูปสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘มนุสฺโส วา เทโว วา’’ติ อชานนฺเตน –
‘‘เทวตา นุสิ คนฺธพฺโพ, อทุ สกฺโก ปุรินฺทโท;
โก วา ตฺวํ กสฺส วา ปุตฺโต, กถํ ชาเนมุ ตํ มย’’นฺติ. (ชา. ๒.๒๒.๗) –
วุตฺเต –
‘‘นมฺหิ ¶ เทโว น คนฺธพฺโพ, นาปิ สกฺโก ปุรินฺทโท;
กาสิรฺโ อหํ ปุตฺโต, ยํ กาสุยา นิขฺสิ.
‘‘ตสฺส รฺโ อหํ ปุตฺโต, ยํ ตฺวํ สมฺมูปชีวสิ;
อธมฺมํ สารถิ กยิรา, มํ เจ ตฺวํ นิขณํ วเน.
‘‘ยสฺส ¶ รุกฺขสฺส ฉายาย, นิสีเทยฺย สเยยฺย วา;
น ตสฺส สาขํ ภฺเชยฺย, มิตฺตทุพฺโภ หิ ปาปโก.
‘‘ยถา รุกฺโข ตถา ราชา, ยถา สาขา ตถา อหํ;
ยถา ฉายูปโค โปโส, เอวํ ตฺวมสิ สารถิ;
อธมฺมํ สารถิ กยิรา, มํ เจ ตฺวํ นิขณํ วเน’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๘-๑๑) –
อาทินา นเยน ธมฺมํ เทเสตฺวา เตน นิวตฺตนตฺถํ ยาจิโต อนิวตฺตนการณํ ปพฺพชฺชาฉนฺทํ ตสฺส จ เหตุ นิรยภยาทิกํ อตีตภเว อตฺตโน ปวตฺตึ วิตฺถาเรน กเถตฺวา ตาย ธมฺมกถาย ตาย จ ปฏิปตฺติยา ตสฺมิมฺปิ ปพฺพชิตุกาเม ชาเต รฺโ อิมํ –
‘‘รถํ นิยฺยาตยิตฺวาน, อนโณ เอหิ สารถิ;
อนณสฺส หิ ปพฺพชฺชา, เอตํ อิสีหิ วณฺณิต’’นฺติ. (ชา. ๒.๒๒.๔๔) –
วตฺวา ตํ วิสฺสชฺเชสิ.
โส รถํ อาภรณานิ จ คเหตฺวา รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. ราชา ตาวเทว ‘‘มหาสตฺตสฺส สนฺติกํ ¶ คมิสฺสามี’’ติ นครโต นิคฺคจฺฉิ สทฺธึ จตุรงฺคินิยา เสนาย อิตฺถาคาเรหิ นาครชานปเทหิ จ. มหาสตฺโตปิ โข สารถึ อุยฺโยเชตฺวา ปพฺพชิตุกาโม ชาโต. ตสฺส จิตฺตํ ตฺวา สกฺโก วิสฺสกมฺมํ เปเสสิ – ‘‘เตมิยปณฺฑิโต ปพฺพชิตุกาโม, ตสฺส อสฺสมปทํ ปพฺพชิตปริกฺขาเร จ มาเปหี’’ติ. โส คนฺตฺวา ติโยชนิเก วนสณฺเฑ อสฺสมํ มาเปตฺวา รตฺติฏฺานทิวาฏฺานจงฺกมนโปกฺขรณีผลรุกฺขสมฺปนฺนํ กตฺวา สพฺเพ จ ปพฺพชิตปริกฺขาเร มาเปตฺวา สกฏฺานเมว คโต. โพธิสตฺโต ตํ ทิสฺวา สกฺกทตฺติยภาวํ ตฺวา ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา วตฺถานิ อปเนตฺวา ตาปสเวสํ ¶ คเหตฺวา กฏฺตฺถเร นิสินฺโน อฏฺ สมาปตฺติโย, ปฺจ จ อภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา ปพฺพชฺชาสุเขน อสฺสเม นิสีทิ.
กาสิราชาปิ สารถินา ทสฺสิตมคฺเคน คนฺตฺวา อสฺสมํ ปวิสิตฺวา มหาสตฺเตน สห สมาคนฺตฺวา กตปฏิสนฺถาโร รชฺเชน นิมนฺเตสิ. เตมิยปณฺฑิโต ตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา อเนกาการโวการํ ¶ อนิจฺจตาทิปฏิสํยุตฺตาย จ กามาทีนวปฏิสํยุตฺตาย จ ธมฺมิยา กถาย ราชานํ สํเวเชสิ. โส สํวิคฺคมานโส ฆราวาเส อุกฺกณฺิโต ปพฺพชิตุกาโม หุตฺวา อมจฺเจ อิตฺถาคาเร จ ปุจฺฉิ. เตปิ ปพฺพชิตุกามา อเหสุํ. อถ ราชา จนฺทาเทวึ อาทึ กตฺวา โสฬส สหสฺเส โอโรเธ จ อมจฺจาทิเก จ ปพฺพชิตุกาเม ตฺวา นคเร เภรึ จราเปสิ – ‘‘เย มม ปุตฺตสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตุกามา, เต ปพฺพชนฺตู’’ติ. สุวณฺณโกฏฺาคาราทีนิ จ วิวราเปตฺวา วิสฺสชฺชาเปสิ. นาครา จ ยถาปสาริเตเยว อาปเณ วิวฏทฺวาราเนว เคหานิ จ ปหาย รฺโ สนฺติกํ อคมํสุ. ราชา มหาชเนน สทฺธึ มหาสตฺตสฺส สนฺติเก ปพฺพชิ. สกฺกทตฺติยํ ติโยชนิกํ อสฺสมปทํ ปริปูริ.
สามนฺตราชาโน ‘‘กาสิราชา ปพฺพชิโต’’ติ สุตฺวา ‘‘พาราณสิรชฺชํ คเหสฺสามา’’ติ นครํ ปวิสิตฺวา เทวนครสทิสํ นครํ สตฺตรตนภริตํ เทววิมานกปฺปํ ราชนิเวสนฺจ ทิสฺวา ‘‘อิมํ ธนํ นิสฺสาย ภเยน ภวิตพฺพ’’นฺติ ตาวเทว นิกฺขมิตฺวา ปายาสุํ. เตสํ อาคมนํ สุตฺวา มหาสตฺโต วนนฺตํ คนฺตฺวา อากาเส นิสีทิตฺวา ¶ ธมฺมํ เทเสสิ. เต สพฺเพ สทฺธึ ปริสาย ตสฺส สนฺติเก ปพฺพชึสุ. เอวํ อปเรปิ อปเรปีติ มหาสมาคโม อโหสิ. สพฺเพ ผลาผลานิ ปริภฺุชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺติ. โย กามาทิวิตกฺกํ วิตกฺเกติ, ตสฺส จิตฺตํ ตฺวา มหาสตฺโต ตตฺถ คนฺตฺวา อากาเส นิสีทิตฺวา ธมฺมํ เทเสติ.
โส ธมฺมสฺสวนสปฺปายํ ลภิตฺวา สมาปตฺติโย อภิฺาโย จ นิพฺพตฺเตติ. เอวํ อปโรปิ อปโรปีติ สพฺเพปิ ชีวิตปริโยสาเน พฺรหฺมโลกปรายนา อเหสุํ. ติรจฺฉานคตาปิ มหาสตฺเต อิสิคเณปิ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา ฉสุ กามสคฺเคสุ นิพฺพตฺตึสุ. มหาสตฺตสฺส พฺรหฺมจริยํ จิรํ ทีฆมทฺธานํ ปวตฺติตฺถ. ตทา ฉตฺเต อธิวตฺถา เทวตา อุปฺปลวณฺณา อโหสิ, สารถิ สาริปุตฺตตฺเถโร, มาตาปิตโร มหาราชกุลานิ, ปริสา พุทฺธปริสา, เตมิยปณฺฑิโต โลกนาโถ.
ตสฺส ¶ อธิฏฺานปารมี อิธ มตฺถกํ ปตฺตา, เสสปารมิโยปิ ยถารหํ นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา มาสชาตกาลโต ปฏฺาย นิรยภยํ ปาปภีรุตา รชฺชชิคุจฺฉา เนกฺขมฺมนิมิตฺตํ มูคาทิภาวาธิฏฺานํ ตตฺถ จ วิโรธิปฺปจฺจยสโมธาเนปิ นิจฺจลภาโวติ เอวมาทโย คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพาติ.
เตมิยจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อธิฏฺานปารมี นิฏฺิตา.
๗. กปิราชจริยาวณฺณนา
๖๗. สตฺตเม ¶ ยทา อหํ กปิ อาสินฺติ ยสฺมึ กาเล อหํ กปิโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วุทฺธิมนฺวาย นาคพโล ถามสมฺปนฺโน อสฺสโปตกปฺปมาโณ มหาสรีโร กปิ โหมิ. นทีกูเล ทรีสเยติ เอกิสฺสา นทิยา ตีเร เอกสฺมึ ทรีภาเค ยทา วาสํ กปฺเปมีติ อตฺโถ.
ตทา กิร โพธิสตฺโต ยูถปริหรณํ อกตฺวา เอกจโร หุตฺวา วิหาสิ. ตสฺสา ปน นทิยา เวมชฺเฌ เอโก ทีปโก นานปฺปกาเรหิ อมฺพปนสาทีหิ ผลรุกฺเขหิ สมฺปนฺโน. โพธิสตฺโต ¶ ถามชวสมฺปนฺนตาย นทิยา โอริมตีรโต อุปฺปติตฺวา ทีปกสฺส ปน นทิยา จ มชฺเฌ เอโก ปิฏฺิปาสาโณ อตฺถิ, ตสฺมึ ปตติ. ตโต อุปฺปติตฺวา ตสฺมึ ทีปเก ปตติ. โส ตตฺถ นานปฺปการานิ ผลาผลานิ ขาทิตฺวา สายํ เตเนว อุปาเยน ปจฺจาคนฺตฺวา อตฺตโน วสนฏฺาเน วสิตฺวา ปุนทิวเสปิ ตเถว กโรติ. อิมินา นิยาเมน วาสํ กปฺเปสิ.
ตสฺมึ ปน กาเล เอโก กุมฺภีโล สปชาปติโก ตสฺสํ นทิยํ วสติ. ตสฺส ภริยา โพธิสตฺตํ อปราปรํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ตสฺส หทยมํเส โทหฬํ อุปฺปาเทตฺวา กุมฺภีลํ อาห – ‘‘มยฺหํ โข, อยฺยปุตฺต, อิมสฺส วานรสฺส หทยมํเส โทหโฬ อุปฺปนฺโน’’ติ. โส ‘‘สาธุ, ภทฺเท, ลจฺฉสี’’ติ วตฺวา ‘‘อชฺช ตํ สายํ ทีปกโต อาคจฺฉนฺตเมว คณฺหิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา ปิฏฺิปาสาเณ นิปชฺชิ. โพธิสตฺโต ตํ ทิวสํ โคจรํ จริตฺวา ¶ สายนฺหสมเย ทีปเก ิโตว ปาสาณํ โอโลเกตฺวา ‘‘อยํ ปาสาโณ อิทานิ อุจฺจตโร ขายติ, กึ นุ โข การณ’’นฺติ จินฺเตสิ. มหาสตฺตสฺส หิ อุทกปฺปมาณฺจ ปาสาณปฺปมาณฺจ สุววตฺถาปิตเมว โหติ. เตนสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อชฺช อิมิสฺสา นทิยา อุทกํ เนว หายติ, อถ จ ปนายํ ปาสาโณ มหา หุตฺวา ปฺายติ, กจฺจิ นุ โข เอตฺถ มยฺหํ คหณตฺถาย กุมฺภีโล นิปนฺโน’’ติ?
โส ‘‘วีมํสิสฺสามิ ตาว น’’นฺติ ตตฺเถว ตฺวา ปาสาเณน สทฺธึ กเถนฺโต วิย ‘‘โภ, ปาสาณา’’ติ วตฺวา ปฏิวจนํ อลภนฺโต ยาวตติยํ ‘‘โภ, ปาสาณา’’ติ อาห. ปาสาโณ ปฏิวจนํ น เทติ. ปุนปิ โพธิสตฺโต ‘‘กึ, โภ ปาสาณ, อชฺช มยฺหํ ปฏิวจนํ น เทสี’’ติ ¶ อาห. กุมฺภีโล ‘‘อทฺธา อยํ ปาสาโณ อฺเสุ ทิวเสสุ วานรินฺทสฺส ปฏิวจนํ เทติ มฺเ, อชฺช ปน มยา โอตฺถริตตฺตา น เทติ, หนฺทาหํ ทสฺสามิสฺส ปฏิวจน’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘กึ วานรินฺทา’’ติ อาห. ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ? ‘‘อหํ กุมฺภีโล’’ติ ¶ . ‘‘กิมตฺถํ เอตฺถ นิปนฺโนสี’’ติ? ‘‘ตว หทยํ ปตฺถยมาโน’’ติ. โพธิสตฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อฺโ เม คมนมคฺโค นตฺถิ, ปฏิรุทฺธํ วต เม คมน’’นฺติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ปีฬิโต สุสุมาเรน, คมนํ น ลภามหํ’’.
‘‘ยมฺโหกาเส อหํ ตฺวา, โอรา ปารํ ปตามหํ;
ตตฺถจฺฉิ สตฺตุวธโก, กุมฺภีโล ลุทฺททสฺสโน’’ติ.
ตตฺถ ‘‘ปีฬิโต สุสุมาเรนา’’ติ อทฺธคาถาย วุตฺตเมวตฺถํ. ‘‘ยมฺโหกาเส’’ติ คาถาย ปากฏํ กโรติ. ตตฺถ ยมฺโหกาเสติ ยสฺมึ นทีมชฺเฌ ิตปิฏฺิปาสาณสงฺขาเต ปเทเส ตฺวา. โอราติ ทีปกสงฺขาตา โอรตีรา. ปารนฺติ ตทา มม วสนฏฺานภูตํ นทิยา ปรตีรํ. ปตามหนฺติ อุปฺปติตฺวา ปตามิ อหํ. ตตฺถจฺฉีติ ตสฺมึ ปิฏฺิปาสาณปฺปเทเส สตฺตุภูโต วธโก เอกนฺเตเนว ฆาตโก ปจฺจตฺถิโก ลุทฺททสฺสโน โฆรรูโป ภยานกทสฺสโน นิสีทิ.
อถ มหาสตฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อฺโ เม คมนมคฺโค นตฺถิ, อชฺช มยา กุมฺภีโล วฺเจตพฺโพ, เอวฺหิ อยฺจ มหตา ปาปโต มยา ปริโมจิโต สิยา, มยฺหฺจ ชีวิตํ ลทฺธ’’นฺติ. โส กุมฺภีลํ อาห – ‘‘สมฺม, กุมฺภีล, อหํ ตุยฺหํ อุปริ ปติสฺสามี’’ติ. กุมฺภีโล ¶ ‘‘วานรินฺท, ปปฺจํ อกตฺวา อิโต อาคจฺฉาหี’’ติ อาห. มหาสตฺโต ‘‘อหํ อาคจฺฉามิ, ตฺวํ ปน อตฺตโน มุขํ วิวริตฺวา มํ ตว สนฺติกํ อาคตกาเล คณฺหาหี’’ติ อโวจ. กุมฺภีลานฺจ มุเข วิวเฏ อกฺขีนิ นิมฺมีลนฺติ. โส ตํ การณํ อสลฺลกฺเขนฺโต มุขํ วิวริ. อถสฺส อกฺขีนิ นิมฺมีลึสุ. โส มุขํ วิวริตฺวา ¶ สพฺพโส นิมฺมีลิตกฺขี หุตฺวา นิปชฺชิ. มหาสตฺโต ตสฺส ตถาภาวํ ตฺวา ทีปกโต อุปฺปติโต คนฺตฺวา กุมฺภีลสฺส มตฺถกํ อกฺกมิตฺวา ตโต อุปฺปตนฺโต วิชฺชุลตา วิย วิชฺโชตมาโน ปรตีเร อฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘โส มํ อสํสิ เอหีติ, อหมฺเปมีติ ตํ วทึ;
ตสฺส มตฺถกมกฺกมฺม, ปรกูเล ปติฏฺหิ’’นฺติ.
ตตฺถ อสํสีติ อภาสิ. อหมฺเปมีติ อหมฺปิ อาคจฺฉามีติ ตํ กเถสึ.
ยสฺมา ¶ ปน ตํ ทีปกํ อมฺพชมฺพุปนสาทิผลรุกฺขสณฺฑมณฺฑิตํ รมณียํ นิวาสโยคฺคฺจ, ‘‘อาคจฺฉามี’’ติ ปน ปฏิฺาย ทินฺนตฺตา สจฺจํ อนุรกฺขนฺโต มหาสตฺโตปิ ‘‘อาคมิสฺสาเมวา’’ติ ตถา อกาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘น ตสฺส อลิกํ ภณิตํ, ยถา วาจํ อกาสห’’นฺติ.
ยสฺมา เจตํ สจฺจานุรกฺขณํ อตฺตโน ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา กตํ, ตสฺมา อาห –
‘‘สจฺเจน เม สโม นตฺถิ, เอสา เม สจฺจปารมี’’ติ.
กุมฺภีโล ปน ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา ‘‘อิมินา วานรินฺเทน อติอจฺเฉรกํ กต’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘โภ วานรินฺท, อิมสฺมึ โลเก จตูหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ปุคฺคโล อมิตฺเต อภิภวติ, เต สพฺเพปิ ตุยฺหํ อพฺภนฺตเร อตฺถิ มฺเ’’ติ อาห –
‘‘ยสฺเสเต จตุโร ธมฺมา, วานรินฺท, ยถา ตว;
สจฺจํ ธมฺโม ธิติ จาโค, ทิฏฺํ โส อติวตฺตตี’’ติ. (ชา. ๑.๒.๑๔๗);
ตตฺถ ยสฺสาติ ยสฺส กสฺสจิ ปุคฺคลสฺส. เอเตติ อิทานิ วตฺตพฺเพ ปจฺจกฺขโต ทสฺเสติ. จตุโร ธมฺมาติ จตฺตาโร คุณา. สจฺจนฺติ วจีสจฺจํ, ‘‘มม ¶ สนฺติกํ อาคมิสฺสามี’’ติ วตฺวา มุสาวาทํ อกตฺวา อาคโต เอวาติ เอตํ เต วจีสจฺจํ. ธมฺโมติ วิจารณปฺา, ‘‘เอวํ กเต อิทํ นาม ภวิสฺสตี’’ติ ปวตฺตา เต เอสา วิจารณปฺา. ธิตีติ อพฺโพจฺฉินฺนํ วีริยํ วุจฺจติ, เอตมฺปิ เต อตฺถิ. จาโคติ อตฺตปริจฺจาโค, ตฺวํ อตฺตานํ ปริจฺจชิตฺวา มม สนฺติกํ อาคโต, ยํ ปนาหํ คณฺหิตุํ นาสกฺขึ, มยฺหเมเวส โทโส ¶ . ทิฏฺนฺติ ปจฺจามิตฺตํ. โส อติวตฺตตีติ ยสฺส ปุคฺคลสฺส ยถา ตว เอวํ เอเต จตฺตาโร ธมฺมา อตฺถิ, โส ยถา มํ ตฺวํ อชฺช อติกฺกนฺโต, ตเถว อตฺตโน ปจฺจามิตฺตํ อติกฺกมติ อภิภวตีติ.
เอวํ กุมฺภีโล โพธิสตฺตํ ปสํสิตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานํ คโต. ตทา กุมฺภีโล เทวทตฺโต อโหสิ, ตสฺส ภริยา จิฺจมาณวิกา, กปิราชา ปน โลกนาโถ.
ตสฺส ¶ อิธาปิ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เสสปารมิโย นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา อุทกสฺส ปาสาณสฺส จ ปมาณววตฺถาเนน อิทานิ ปาสาโณ อุจฺจตโร ขายตีติ ปริคฺคณฺหนวเสน ปาสาณสฺส อุปริ สุสุมารสฺส นิปนฺนภาวชานนํ, ปาสาเณน กถนาปเทเสน ตสฺสตฺถสฺส นิจฺฉยคมนํ, สุสุมารสฺส อุปริ อกฺกมิตฺวา สหสา ปรตีเร ปติฏฺานวเสน สีฆการิตาย ตสฺส มหตา ปาปโต ปริโมจนํ, อตฺตโน ชีวิตรกฺขณํ, สจฺจวาจานุรกฺขณฺจาติ เอวมาทโย คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพาติ.
กปิราชจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. สจฺจตาปสจริยาวณฺณนา
อฏฺเม ตาปโส สจฺจสวฺหโยติ สจฺจสทฺเทน อวฺหาตพฺโพ สจฺจนามโก ตาปโส ยทา ยสฺมึ กาเล โหมิ, ตทา. สจฺเจน โลกํ ปาเลสินฺติ อตฺตโน อวิสํวาทิภาเวน สตฺตโลกํ ชมฺพุทีเป ตตฺถ ตตฺถ สตฺตนิกายํ ปาปโต นานาวิธา อนตฺถโต จ รกฺขึ. สมคฺคํ ชนมกาสหนฺติ ตตฺถ ตตฺถ กลหวิคฺคหวิวาทาปนฺนํ มหาชนํ กลเห อาทีนวํ ทสฺเสตฺวา สามคฺคิยํ อานิสํสกถเนน สมคฺคํ อวิวทมานํ สมฺโมทมานํ อหมกาสึ.
ตทา ¶ หิ โพธิสตฺโต พาราณสิยํ อฺตรสฺมึ พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส ‘‘สจฺโจ’’ติ นามํ กรึสุ. โส วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา ทิสาปาโมกฺขสฺส อาจริยสฺส สนฺติเก สิปฺปํ อุคฺคณฺหิตฺวา นจิรสฺเสว สพฺพสิปฺปานํ นิปฺผตฺตึ ปตฺโต. อาจริเยน อนฺุาโต พาราณสึ ปจฺจาคนฺตฺวา มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา เตหิ อภินนฺทิยมาโน เตสํ จิตฺตานุรกฺขณตฺถํ ¶ กติปาหํ เตสํ สนฺติเก วสิ. อถ นํ มาตาปิตโร ปติรูเปน ทาเรน สํโยเชตุกามา สพฺพํ วิภวชาตํ อาจิกฺขิตฺวา ฆราวาเสน นิมนฺเตสุํ.
มหาสตฺโต เนกฺขมฺมชฺฌาสโย อตฺตโน เนกฺขมฺมปารมึ ปริพฺรูเหตุกาโม ฆราวาเส อาทีนวํ ปพฺพชฺชาย อานิสํสฺจ นานปฺปการโต กเถตฺวา มาตาปิตูนํ อสฺสุมุขานํ โรทมานานํ อปริมาณํ โภคกฺขนฺธํ อนนฺตํ ยสํ มหนฺตฺจ าติปริวฏฺฏํ ปหาย มหานาโคว อยสงฺขลิกํ ฆรพนฺธนํ ฉินฺทนฺโต นิกฺขมิตฺวา หิมวนฺตปฺปเทสํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา วนมูลผลาผเลหิ ¶ ยาเปนฺโต นจิรสฺเสว อฏฺ สมาปตฺติโย ปฺจ จ อภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา ฌานกีฬํ กีฬยมาโน สมาปตฺติวิหาเรน วิหรติ.
โส เอกทิวสํ ทิพฺพจกฺขุนา โลกํ โอโลเกนฺโต อทฺทส สกลชมฺพุทีเป มนุสฺเส เยภุยฺเยน ปาณาติปาตาทิทสอกุสลกมฺมปถปสุเต กามนิทานํ กามาธิกรณํ อฺมฺํ วิวาทาปนฺเน. ทิสฺวา เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘น โข ปน เมตํ ปติรูปํ, ยทิทํ อิเม สตฺเต เอวํ ปาปปสุเต วิวาทาปนฺเน จ ทิสฺวา อชฺฌุเปกฺขณํ. อหฺหิ ‘สตฺเต สํสารปงฺกโต อุทฺธริตฺวา นิพฺพานถเล ปติฏฺเปสฺสามี’ติ มหาสมฺโพธิยานํ ปฏิปนฺโน, ตสฺมา ตํ ปฏิฺํ อวิสํวาเทนฺโต ยํนูนาหํ มนุสฺสปถํ คนฺตฺวา เต เต สตฺเต ปาปโต โอรมาเปยฺยํ, วิวาทฺจ เนสํ วูปสเมยฺย’’นฺติ.
เอวํ ปน จินฺเตตฺวา มหาสตฺโต มหากรุณาย สมุสฺสาหิโต สนฺตํ สมาปตฺติสุขํ ปหาย อิทฺธิยา ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา เตสํ จิตฺตานุกูลํ ธมฺมํ เทเสนฺโต กลหวิคฺคหวิวาทาปนฺเน สตฺเต ทิฏฺธมฺมิกฺจ สมฺปรายิกฺจ วิโรเธ อาทีนวํ ทสฺเสตฺวา อฺมฺํ สมคฺเค สหิเต อกาสิ. อเนกาการโวการฺจ ปาเป อาทีนวํ วิภาเวนฺโต ตโต สตฺเต วิเวเจตฺวา เอกจฺเจ ทสสุ กุสลกมฺมปถธมฺเมสุ ปติฏฺาเปสิ. เอกจฺเจ ปพฺพาเชตฺวา ¶ สีลสํวเร อินฺทฺริยคุตฺติยํ สติสมฺปชฺเ ปวิเวกวาเส ฌานาภิฺาสุ จ ยถารหํ ปติฏฺาเปสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ปุนาปรํ ¶ ยทา โหมิ, ตาปโส สจฺจสวฺหโย;
สจฺเจน โลกํ ปาเลสึ, สมคฺคํ ชนมกาสห’’นฺติ.
อิธาปิ มหาปุริสสฺส เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เสสปารมิโย นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา คุณานุภาวา จ วิภาเวตพฺพาติ.
สจฺจตาปสจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. วฏฺฏโปตกจริยาวณฺณนา
๗๒. นวเม มคเธ วฏฺฏโปตโกติอาทีสุ อยํ สงฺเขปตฺโถ – มคธรฏฺเ อฺตรสฺมึ อรฺปฺปเทเส ¶ วฏฺฏกโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา อณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา อจิรนิกฺขนฺตตาย ตรุโณ มํสเปสิภูโต, ตโต เอว อชาตปกฺโข วฏฺฏกจฺฉาปโก ยทา อหํ กุลาวเกเยว โหมิ.
๗๓. มุขตุณฺฑเกนาหริตฺวาติ มยฺหํ มาตา อตฺตโน มุขตุณฺฑเกน กาเลน กาลํ โคจรํ อาหริตฺวา มํ โปเสติ. ตสฺสา ผสฺเสน ชีวามีติ ปริเสทนตฺถฺเจว ปริภาวนตฺถฺจ สมฺมเทว กาเลน กาลํ มมํ อธิสยนวเสน ผุสนฺติยา ตสฺสา มม มาตุยา สรีรสมฺผสฺเสน ชีวามิ วิหรามิ อตฺตภาวํ ปวตฺเตมิ. นตฺถิ เม กายิกํ พลนฺติ มยฺหํ ปน อติตรุณตาย กายสนฺนิสฺสิตํ พลํ นตฺถิ.
๗๔. สํวจฺฉเรติ สํวจฺฉเร สํวจฺฉเร. คิมฺหสมเยติ คิมฺหกาเล. สุกฺขรุกฺขสาขานํ อฺมฺํ สงฺฆฏฺฏนสมุปฺปนฺเนน อคฺคินา ตสฺมึ ปเทเส ทวฑาโห ปทิปฺปติ ปชฺชลติ, โส ตถา ปทีปิโต. อุปคจฺฉติ อมฺหากนฺติ มยฺหํ มาตาปิตูนฺจาติ อมฺหากํ วสนฏฺานปฺปเทสํ อตฺตโน ปติฏฺานสฺส อสุทฺธสฺสาปิ สุทฺธภาวกรเณน ปาวนโต ปาวโกติ จ คตมคฺเค อินฺธนสฺส ภสฺมภาวาวหนโต กณฺหวตฺตนีติ จ ลทฺธนาโม อคฺคิ วนรุกฺขคจฺเฉ ทหนฺโต กาเลน กาลํ อุปคจฺฉติ.
๗๕. เอวํ ¶ อุปคมนโต ตทาปิ สทฺทายนฺโตติ ‘‘ธมธม’’อิติ เอวํ สทฺทํ กโรนฺโต, อนุรวทสฺสนฺเหตํ ทาวคฺคิโน. มหาสิขีติ ปพฺพตกูฏสทิสานํ อินฺธนานํ วเสน มหติโย ¶ สิขา เอตสฺสาติ มหาสิขี. อนุปุพฺเพน อนุกฺกเมน ตํ อรฺปฺปเทสํ ฌาเปนฺโต ทหนฺโต อคฺคิ มม สมีปฏฺานํ อุปาคมิ.
๗๖. อคฺคิเวคภยาติ เวเคน อาคจฺฉโต อคฺคิโน ภเยน ภีตา. ตสิตาติ จิตฺตุตฺราสสมุฏฺิเตน กายสฺส ฉมฺภิตตฺเตน จ อุตฺราสา. มาตาปิตาติ มาตาปิตโร. อตฺตานํ ปริโมจยุนฺติ อคฺคินา อนุปทฺทุตฏฺานคมเนน อตฺตโน โสตฺถิภาวมกํสุ. มหาสตฺโต หิ ตทา มหาเคณฺฑุกปฺปมาโณ มหาสรีโร อโหสิ. ตํ มาตาปิตโร เกนจิ อุปาเยน คเหตฺวา คนฺตุํ อสกฺกุณนฺตา อตฺตสิเนเหน จ อภิภุยฺยมานา ปุตฺตสิเนหํ ฉฑฺเฑตฺวา ปลายึสุ.
๗๗. ปาเท ปกฺเข ปชหามีติ อตฺตโน อุโภ ปาเท อุโภ ปกฺเข จ ภูมิยํ อากาเส จ คมนสชฺเช กโรนฺโต ปสาเรมิ อิริยามิ วายมามิ. ‘‘ปฏีหามี’’ติปิ ปาโ, เวหาสคมนโยคฺเค กาตุํ อีหามีติ อตฺโถ. ‘‘ปตีหามี’’ติปิ ปนฺติ. ตสฺสตฺโถ – ปาเท ปกฺเข จ ¶ ปติ วิสุํ อีหามิ, คมนตฺถํ วายมามิ, ตํ ปน วายามกรณตฺถเมว. กสฺมา? ยสฺมา นตฺถิ เม กายิกํ พลํ. โสหํ อคติโก ตตฺถาติ โส อหํ เอวํภูโต ปาทปกฺขเวกลฺเลน คมนวิรหิโต มาตาปิตูนํ อปคมเนน วา อปฺปฏิสรโณ, ตตฺถ ทาวคฺคิอุปทฺทุเต วเน, ตสฺมึ วา กุลาวเก ิโตว เอวํ อิทานิ วตฺตพฺพากาเรน ตทา จินฺเตสึ. ทุติยฺเจตฺถ อหนฺติ นิปาตมตฺตํ ทฏฺพฺพํ.
อิทานิ ตทา อตฺตโน จินฺติตาการํ ทสฺเสตุํ ‘‘เยสาห’’นฺติอาทิมาห;
ตตฺถ เยสาหํ อุปธาเวยฺยํ, ภีโต ตสิตเวธิโตติ มรณภเยน ภีโต ตโต เอว จิตฺตุตฺราเสน ตสิโต สรีรกมฺปเนน เวธิโต เยสมหํ ปกฺขนฺตรํ เอตรหิ ทาวคฺคิอุปทฺทุโต ชลทุคฺคํ วิย มฺมาโน ปวิสิตุํ อุปธาเวยฺยํ เต มม มาตาปิตโร มํ เอกกํ เอว โอหาย ชหิตฺวา ปกฺกนฺตา. กถํ เม อชฺช กาตเวติ กถํ นุ โข มยา อชฺช กาตพฺพํ, ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ อตฺโถ.
เอวํ ¶ มหาสตฺโต อิติกตฺตพฺพตาสมฺมูฬฺโห หุตฺวา ิโต ปุน จินฺเตสิ – ‘‘อิมสฺมึ โลเก สีลคุโณ นาม อตฺถิ, สจฺจคุโณ นาม อตฺถิ, อตีเต ปารมิโย ปูเรตฺวา โพธิตเล นิสีทิตฺวา อภิสมฺพุทฺธา สีลสมาธิปฺาวิมุตฺติวิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปนฺนา สจฺจานุทยการฺุขนฺติสมนฺนาคตา ¶ สพฺพสตฺเตสุ สมปฺปวตฺตเมตฺตาภาวนา สพฺพฺุพุทฺธา นาม อตฺถิ, เตหิ จ ปฏิวิทฺโธ เอกนฺตนิยฺยานคุโณ ธมฺโม อตฺถิ, มยิ จาปิ เอกํ สจฺจํ อตฺถิ. สํวิชฺชมาโน เอโก สภาวธมฺโม ปฺายติ, ตสฺมา อตีตพุทฺเธ เจว เตหิ ปฏิวิทฺธคุเณ จ อาวชฺเชตฺวา มยิ วิชฺชมานํ สจฺจํ สภาวธมฺมํ คเหตฺวา สจฺจกิริยํ กตฺวา อคฺคึ ปฏิกฺกมาเปตฺวา อชฺช มยา อตฺตโน เจว อิธ วาสีนํ เสสปาณีนฺจ โสตฺถิภาวํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. เอวํ ปน จินฺเตตฺวา มหาสตฺโต อตฺตโน อานุภาเว ตฺวา ยถาจินฺติตํ ปฏิปชฺชิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘อตฺถิ โลเก สีลคุโณ, สจฺจํ โสเจยฺยนุทฺทยา;
เตน สจฺเจน กาหามิ, สจฺจกิริยมุตฺตมํ.
‘‘อาวชฺเชตฺวา ธมฺมพลํ, สริตฺวา ปุพฺพเก ชิเน;
สจฺจพลมวสฺสาย, สจฺจกิริยมกาสห’’นฺติ.
๘๑. ตตฺถ ¶ มหาสตฺโต อตีเต ปรินิพฺพุตานํ พุทฺธานํ คุเณ อาวชฺเชตฺวา อตฺตนิ วิชฺชมานํ สจฺจสภาวํ อารพฺภ ยํ คาถํ วตฺวา ตทา สจฺจกิริยมกาสิ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สนฺติ ปกฺขา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ตตฺถ สนฺติ ปกฺขา อปตนาติ มยฺหํ ปกฺขา นาม อตฺถิ อุปลพฺภนฺติ, โน จ โข สกฺกา เอเตหิ อุปฺปติตุํ อากาเสน คนฺตุนฺติ อปตนา. สนฺติ ปาทา อวฺจนาติ ปาทาปิ เม อตฺถิ, เตหิ ปน วฺจิตุํ ปทวารคมเนน คนฺตุํ น สกฺกาติ อวฺจนา. มาตาปิตา จ นิกฺขนฺตาติ เย มํ อฺตฺถ เนยฺยุํ, เตปิ มรณภเยน มม มาตาปิตโร นิกฺขนฺตา. ชาตเวทาติ อคฺคึ อาลปติ. โส หิ ชาโตว เวทิยติ, ธูมชาลุฏฺาเนน ปฺายติ, ตสฺมา ‘‘ชาตเวโท’’ติ วุจฺจติ. ปฏิกฺกมาติ ปฏิคจฺฉ นิวตฺตาติ ชาตเวทํ อาณาเปติ.
อิติ ¶ มหาสตฺโต ‘‘สเจ มยฺหํ ปกฺขานํ อตฺถิภาโว, เต จ ปสาเรตฺวา อากาเส อปตนภาโว, ปาทานํ อตฺถิภาโว, เต จ อุกฺขิปิตฺวา อวฺจนภาโว, มาตาปิตูนํ มํ กุลาวเกเยว ฉฑฺเฑตฺวา ปลาตภาโว จ สจฺจสภาวภูโต ¶ เอว, ชาตเวท, เอเตน สจฺเจน ตฺวํ อิโต ปฏิกฺกมา’’ติ กุลาวเก นิปนฺโนว สจฺจกิริยํ อกาสิ. ตสฺส สห สจฺจกิริยาย โสฬสกรีสมตฺเต าเน ชาตเวโท ปฏิกฺกมิ. ปฏิกฺกมนฺโต จ น ฌายมาโนว อรฺํ คโต, อุทเก ปน โอปิลาปิตอุกฺกา วิย ตตฺเถว นิพฺพายิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘สห สจฺเจ กเต มยฺหํ, มหาปชฺชลิโต สิขี;
วชฺเชสิ โสฬสกรีสานิ, อุทกํ ปตฺวา ยถา สิขี’’ติ.
สา ปเนสา โพธิสตฺตสฺส วฏฺฏกโยนิยํ ตสฺมึ สมเย พุทฺธคุณานํ อาวชฺชนปุพฺพิกา สจฺจกิริยา อนฺสาธารณาติ อาห ‘‘สจฺเจน เม สโม นตฺถิ, เอสา เม สจฺจปารมี’’ติ. เตเนว หิ ตสฺส านสฺส สกเลปิ อิมสฺมึ กปฺเป อคฺคินา อนภิภวนียตฺตา ตํ กปฺปฏฺิยปาฏิหาริยํ นาม ชาตํ.
เอวํ มหาสตฺโต สจฺจกิริยวเสน อตฺตโน ตตฺถ วาสีนํ สตฺตานฺจ โสตฺถึ กตฺวา ชีวิตปริโยสาเน ยถากมฺมํ คโต.
ตทา มาตาปิตโร เอตรหิ มาตาปิตโร อเหสุํ, วฏฺฏกราชา ปน โลกนาโถ.
ตสฺส ¶ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เสสปารมิโยปิ ยถารหํ นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา ทาวคฺคิมฺหิ ตถา เภรวากาเรน อวตฺถริตฺวา อาคจฺฉนฺเต ตสฺมึ วเย เอกโก หุตฺวาปิ สารทํ อนาปชฺชิตฺวา สจฺจาทิธมฺมคุเณ พุทฺธคุเณ จ อนุสฺสริตฺวา อตฺตโน เอว อานุภาวํ นิสฺสาย สจฺจกิริยาย ตตฺถ วาสีนมฺปิ สตฺตานํ โสตฺถิภาวาปาทนาทโย อานุภาวา วิภาเวตพฺพา.
วฏฺฏโปตกจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. มจฺฉราชจริยาวณฺณนา
๘๓. ทสเม ¶ ยทา โหมิ, มจฺฉราชา มหาสเรติ อตีเต มจฺฉโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา โกสลรฏฺเ สาวตฺถิยํ เชตวเน โปกฺขรณิฏฺาเน ¶ วลฺลิคหนปริกฺขิตฺเต เอกสฺมึ มหาสเร มจฺฉานํ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ รฺชนโต ยทา อหํ ราชา โหมิ, มจฺฉคณปริวุโต ตตฺถ ปฏิวสามิ ตทา. อุณฺเหติ อุณฺหกาเล คิมฺหสมเย. สูริยสนฺตาเปติ อาทิจฺจสนฺตาเปน. สเร อุทก ขียถาติ ตสฺมึ สเร อุทกํ ขียิตฺถ ฉิชฺชิตฺถ. ตสฺมิฺหิ รฏฺเ ตทา เทโว น วสฺสิ, สสฺสานิ มิลายึสุ, วาปิอาทีสุ อุทกํ ปริกฺขยํ ปริยาทานํ อคมาสิ, มจฺฉกจฺฉปา กลลคหนํ ปวิสึสุ. ตสฺมิมฺปิ สเร มจฺฉา กทฺทมคหนํ ปวิสิตฺวา ตสฺมึ ตสฺมึ าเน นิลียึสุ.
๘๔. ตโตติ ตโต อุทกปริกฺขยโต อปรภาเค. กุลลเสนกาติ กุลลาเจว เสนา จ. ภกฺขยนฺติ ทิวารตฺตึ, มจฺเฉ อุปนิสีทิยาติ ตตฺถ ตตฺถ กลลปิฏฺเ อุปนิสีทิตฺวา กลลคหนํ ปวิสิตฺวา นิปนฺเน มจฺเฉ กากา วา อิตเร วา ทิวา เจว รตฺติฺจ กณยคฺคสทิเสหิ ตุณฺเฑหิ โกฏฺเฏตฺวา โกฏฺเฏตฺวา นีหริตฺวา วิปฺผนฺทมาเน ภกฺขยนฺติ.
๘๕. อถ มหาสตฺโต มจฺฉานํ ตํ พฺยสนํ ทิสฺวา มหากรุณาย สมุสฺสาหิตหทโย ‘‘เปตฺวา มํ อิเม มม าตเก อิมสฺมา ทุกฺขา โมเจตุํ สมตฺโถ นาม อฺโ นตฺถิ, เกน นุ โข อหํ อุปาเยน เต อิโต ทุกฺขโต โมเจยฺย’’นฺติ จินฺเตนฺโต ‘‘ยํนูนาหํ ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ อาจิณฺณสมาจิณฺณํ มยิ จ สํวิชฺชมานํ สจฺจธมฺมํ นิสฺสาย สจฺจกิริยํ กตฺวา เทวํ วสฺสาเปตฺวา มม าติสงฺฆสฺส ชีวิตทานํ ทเทยฺยํ, เตน จ สกลสฺสาปิ อาหารูปชีวิโน สตฺตโลกสฺส มหาอุปกาโร สมฺปาทิโต มยา’’ติ นิจฺฉยํ กตฺวา เทวํ วสฺสาเปตุํ สจฺจกิริยํ อกาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘เอวํ จินฺเตสห’’นฺติอาทิ.
ตตฺถ ¶ สห าตีหิ ปีฬิโตติ มยฺหํ าตีหิ สทฺธึ เตน อุทกปริกฺขเยน ปีฬิโต. สหาติ วา นิปาตมตฺตํ. มหาการุณิกตาย เตน พฺยสเนน ทุกฺขิเตหิ าตีหิ การณภูเตหิ ปีฬิโต, าติสงฺฆทุกฺขทุกฺขิโตติ อตฺโถ.
๘๖. ธมฺมตฺถนฺติ ¶ ธมฺมภูตํ อตฺถํ, ธมฺมโต วา อนเปตํ อตฺถํ. กึ ตํ? สจฺจํ. อทฺทสปสฺสยนฺติ มยฺหํ าตีนฺจ อปสฺสยํ อทฺทสํ. อติกฺขยนฺติ มหาวินาสํ.
๘๗. สทฺธมฺมนฺติ สตํ สาธูนํ พุทฺธาทีนํ ¶ เอกสฺสาปิ ปาณิโน อหึสนสงฺขาตํ ธมฺมํ. อนุสฺสริตฺวา. ปรมตฺถํ วิจินฺตยนฺติ ตํ โข ปน ปรมตฺถํ สจฺจํ อวิปรีตสภาวํ กตฺวา จินฺตยนฺโต. ยํ โลเก ธุวสสฺสตนฺติ ยเทตํ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวกานํ เอกสฺสาปิ ปาณิโน อหึสนํ, ตํ สพฺพกาลํ ตถภาเวน ธุวํ สสฺสตํ วิจินฺตยํ สจฺจกิริยํ อกาสินฺติ สมฺพนฺโธ.
๘๘. อิทานิ ตํ ธมฺมํ มหาสตฺโต อตฺตนิ วิชฺชมานํ คเหตฺวา สจฺจวจนํ ปโยเชตุกาโม กาลวณฺณํ กทฺทมํ ทฺวิธา วิยูหิตฺวา อฺชนรุกฺขสารฆฏิกวณฺณมหาสรีโร สุโธตโลหิตกมณิสทิสานิ อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา อากาสํ อุลฺโลเกนฺโต ‘‘ยโต สรามิ อตฺตาน’’นฺติ คาถมาห.
ตตฺถ ยโต สรามิ อตฺตานนฺติ ยโต ปฏฺาย อหํ อตฺตภาวสงฺขาตํ อตฺตานํ สรามิ อนุสฺสรามิ. ยโต ปตฺโตสฺมิ วิฺุตนฺติ ยโต ปฏฺาย ตาสุ ตาสุ อิติกตฺตพฺพตาสุ วิฺุตํ วิชานนภาวํ ปตฺโตสฺมิ, อุทฺธํ อาโรหนวเสน อิโต ยาว มยฺหํ กายวจีกมฺมานํ อนุสฺสรณสมตฺถตา วิฺุตปฺปตฺติ เอว, เอตฺถนฺตเร สมานชาติกานํ ขาทนฏฺาเน นิพฺพตฺโตปิ ตณฺฑุลกณปฺปมาณมฺปิ มจฺฉํ มยา น ขาทิตปุพฺพํ, อฺมฺปิ กฺจิ ปาณํ สฺจิจฺจ หึสิตํ พาธิตํ นาภิชานามิ, ปเคว ชีวิตา โวโรปิตํ.
๘๙. เอเตน สจฺจวชฺเชนาติ ‘‘ยเทตํ มยา กสฺสจิ ปาณสฺส อหึสนํ วุตฺตํ, สเจ เอตํ สจฺจํ ตถํ อวิปรีตํ, เอเตน สจฺจวจเนน ปชฺชุนฺโน เมโฆ อภิวสฺสตุ, าติสงฺฆํ เม ทุกฺขา ปโมเจตู’’ติ วตฺวา ปุน อตฺตโน ปริจาริกเจฏกํ อาณาเปนฺโต วิย ปชฺชุนฺนํ เทวราชานํ อาลปนฺโต ‘‘อภิตฺถนยา’’ติ คาถมาห.
ตตฺถ อภิตฺถนย ปชฺชุนฺนาติ ปชฺชุนฺโน วุจฺจติ เมโฆ, อยํ ปน เมฆวเสน ลทฺธนามํ วสฺสวลาหกเทวราชานํ ¶ อาลปติ. อยํ หิสฺส อธิปฺปาโย ¶ – เทโว นาม อนภิตฺถนยนฺโต วิชฺชุลตา อนิจฺฉาเรนฺโต ปวสฺสนฺโตปิ น โสภติ, ตสฺมา ตฺวํ อภิตฺถนยนฺโต วิชฺชุลตา นิจฺฉาเรนฺโต วสฺสาเปหีติ. นิธึ กากสฺส นาสยาติ กากา กลลํ ปวิสิตฺวา ิเต มจฺเฉ ตุณฺเฑน โกฏฺเฏตฺวา นีหริตฺวา ขาทนฺติ ¶ , ตสฺมา เตสํ อนฺโตกลเล มจฺฉา ‘‘นิธี’’ติ วุจฺจนฺติ. ตํ กากสงฺฆสฺส นิธึ เทวํ วสฺสาเปนฺโต อุทเกน ปฏิจฺฉาเทตฺวา นาเสหิ. กากํ โสกาย รนฺเธหีติ กากสงฺโฆ อิมสฺมึ มหาสเร อุทเกน ปุณฺเณ มจฺเฉ อลภมาโน โสจิสฺสติ, ตํ กากคณํ ตฺวํ อิมํ กทฺทมํ ปูเรนฺโต โสกาย รนฺเธหิ, โสกสฺสตฺถาย ปน วสฺสาปยถ, ยถา อนฺโตนิชฺฌานลกฺขณํ โสกํ ปาปุณาติ, เอวํ กโรหีติ อตฺโถ. มจฺเฉ โสกา ปโมจยาติ มม าตเก สพฺเพว มจฺเฉ อิมมฺหา มรณโสกา ปโมเจหิ. ‘‘มฺจ โสกา ปโมจยา’’ติ (ชา. ๑.๑.๗๕) ชาตเก ปนฺติ. ตตฺถ จ-กาโร สมฺปิณฺฑนตฺโถ, มฺจ มม าตเก จาติ สพฺเพว มรณโสกา ปโมเจหิ (ชา. อฏฺ. ๑.๑.๗๕). มจฺฉานฺหิ อนุทกภาเวน ปจฺจตฺถิกานํ ฆาสภาวํ คจฺฉามาติ มหามรณโสโก, มหาสตฺตสฺส ปน เตสํ อนยพฺยสนํ ปฏิจฺจ กรุณายโต กรุณาปติรูปมุเขน โสกสมฺภโว เวทิตพฺโพ.
เอวํ โพธิสตฺโต อตฺตโน ปริจาริกเจฏกํ อาณาเปนฺโต วิย ปชฺชุนฺนํ อาลปิตฺวา สกเล โกสลรฏฺเ มหาวสฺสํ วสฺสาเปสิ. มหาสตฺตสฺส หิ สีลเตเชน สจฺจกิริยาย สมกาลเมว สกฺกสฺส ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. โส ‘‘กึ นุ โข’’ติ อาวชฺเชนฺโต ตํ การณํ ตฺวา วสฺสวลาหกเทวราชานํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ตาต, มหาปุริโส มจฺฉราชา าตีนํ มรณโสเกน วสฺสาปนํ อิจฺฉติ, สกลํ โกสลรฏฺํ เอกเมฆํ กตฺวา วสฺสาเปหี’’ติ อาห.
โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา เอกํ วลาหกํ นิวาเสตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา เมฆคีตํ คายนฺโต ปาจีนโลกธาตุอภิมุโข ปกฺขนฺทิ. ปาจีนทิสาภาเค ขลมณฺฑลมตฺตํ เอกํ เมฆมณฺฑลํ อุฏฺาย สตปฏลํ สหสฺสปฏลํ หุตฺวา อภิตฺถนยนฺตํ วิชฺชุลตา นิจฺฉาเรนฺตํ อโธมุขปิตอุทกกุมฺภากาเรน วิสฺสนฺทมานํ สกลํ โกสลรฏฺํ มโหเฆน ¶ อชฺโฌตฺถริ. เทโว อจฺฉินฺนธารํ วสฺสนฺโต มุหุตฺเตเนว ตํ มหาสรํ ปูเรสิ. มจฺฉา มรณภยโต มุจฺจึสุ. กากาทโย ¶ อปติฏฺา อเหสุํ. น เกวลํ มจฺฉา เอว, มนุสฺสาปิ วิวิธสสฺสานิ สมฺปาเทนฺตา จตุปฺปทาทโยปีติ สพฺเพปิ วสฺสูปชีวิโน กายิกเจตสิกทุกฺขโต มุจฺจึสุ. เตน วุตฺตํ –
‘‘สห กเต สจฺจวเร, ปชฺชุนฺโน อภิคชฺชิย;
ถลํ นินฺนฺจ ปูเรนฺโต, ขเณน อภิวสฺสถา’’ติ.
ตตฺถ ¶ ขเณน อภิวสฺสถาติ อทนฺธายิตฺวา สจฺจกิริยขเณเนว อภิวสฺสิ.
๙๑. กตฺวา วีริยมุตฺตมนฺติ เทเว อวสฺสนฺเต กึ กาตพฺพนฺติ โกสชฺชํ อนาปชฺชิตฺวา าตตฺถจริยาสมฺปาทนมุเขน มหโต สตฺตนิกายสฺส หิตสุขนิปฺผาทนํ อุตฺตมํ วีริยํ กตฺวา. สจฺจเตชพลสฺสิโต มม สจฺจานุภาวพลสนฺนิสฺสิโต หุตฺวา ตทา มหาเมฆํ วสฺสาเปสึ. ยสฺมา เจตเทวํ, ตสฺมา ‘‘สจฺเจน เม สโม นตฺถิ, เอสา เม สจฺจปารมี’’ติ มหามจฺฉราชกาเล อตฺตโน สจฺจปารมิยา อนฺสาธารณภาวํ ทสฺเสสิ ธมฺมราชา.
เอวํ มหาสตฺโต มหากรุณาย สมุสฺสาหิตหทโย สกลรฏฺเ มหาวสฺสํ วสฺสาปนวเสน มหาชนํ มรณทุกฺขโต โมเจตฺวา ชีวิตปริโยสาเน ยถากมฺมํ คโต.
ตทา ปชฺชุนฺโน อานนฺทตฺเถโร อโหสิ, มจฺฉคณา พุทฺธปริสา, มจฺฉราชา โลกนาโถ.
ตสฺส เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เสสปารมิโยปิ นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา อตฺตโน สมานชาติกานํ ขาทนฏฺาเน มจฺฉโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา ตณฺฑุลกณมตฺตมฺปิ มจฺฉํ อาทึ กตฺวา กสฺสจิปิ ปาณิโน อขาทนํ, ติฏฺตุ ขาทนํ เอกสตฺตสฺสปิ อวิเหนํ, ตถา สจฺจกรเณน เทวสฺส วสฺสาปนํ, อุทเก ปริกฺขีเณ กลลคหเน นิมุชฺชนวเสน อตฺตนา อนุภวมานํ ทุกฺขํ วีรภาเวน อคเณตฺวา าติสงฺฆสฺเสว ตํ ทุกฺขํ อตฺตโน หทเย กตฺวา อสหนฺตสฺส สพฺพภาเวน กรุณายนา, ตถา จ ปฏิปตฺตีติ เอวมาทโย คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพาติ.
มจฺฉราชจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. กณฺหทีปายนจริยาวณฺณนา
๙๒. เอกาทสเม ¶ ¶ กณฺหทีปายโน อิสีติ เอวํนามโก ตาปโส. โพธิสตฺโต หิ ตทา ทีปายโน นาม อตฺตโน สหายํ มณฺฑพฺยตาปสํ สูเล อุตฺตาสิตํ อุปสงฺกมิตฺวา ตสฺส สีลคุเณน ตํ อวิชหนฺโต ติยามรตฺตึ สูลํ นิสฺสาย ิโต ตสฺส สรีรโต ปคฺฆริตฺวา ปติตปติเตหิ โลหิตพินฺทูหิ สุกฺเขหิ กาฬวณฺณสรีรตาย ‘‘กณฺหทีปายโน’’ติ ปากโฏ อโหสิ. ปโรปฺาสวสฺสานีติ สาธิกานิ ปฺาสวสฺสานิ, อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํ. อนภิรโต จรึ ¶ อหนฺติ ปนฺตเสนาสเนสุ เจว อธิกุสลธมฺเมสุ จ อนภิรติวาสํ วสนฺโต อหํ พฺรหฺมจริยํ อจรึ. ปพฺพชิตฺวา สตฺตาหเมว หิ ตทา มหาสตฺโต อภิรโต พฺรหฺมจริยํ จริ. ตโต ปรํ อนภิรติวาสํ วสิ.
กสฺมา ปน มหาปุริโส อเนกสตสหสฺเสสุ อตฺตภาเวสุ เนกฺขมฺมชฺฌาสโย พฺรหฺมจริยวาสํ อภิรมิตฺวา อิธ ตํ นาภิรมิ? ปุถุชฺชนภาวสฺส จฺจลภาวโต. กสฺมา จ ปุน น อคารํ อชฺฌาวสีติ? ปมํ เนกฺขมฺมชฺฌาสเยน กาเมสุ โทสํ ทิสฺวา ปพฺพชิ. อถสฺส อโยนิโสมนสิกาเรน อนภิรติ อุปฺปชฺชิ. โส ตํ วิโนเทตุมสกฺโกนฺโตปิ กมฺมฺจ ผลฺจ สทฺทหิตฺวา ตาว มหนฺตํ วิภวํ ปหาย อคารสฺมา นิกฺขมนฺโต ยํ ปชหิ, ปุน ตทตฺถเมว นิวตฺโต, ‘‘เอฬมูโค จปโล วตายํ กณฺหทีปายโน’’ติ อิมํ อปวาทํ ชิคุจฺฉนฺโต อตฺตโน หิโรตฺตปฺปเภทภเยน. อปิ จ ปพฺพชฺชาปฺุํ นาเมตํ วิฺูหิ พุทฺธาทีหิ ปสตฺถํ, เตหิ จ อนุฏฺิตํ, ตสฺมาปิ สหาปิ ทุกฺเขน สหาปิ โทมนสฺเสน อสฺสุมุโข โรทมาโนปิ พฺรหฺมจริยวาสํ วสิ, น ตํ วิสฺสชฺเชสิ. วุตฺตฺเจตํ –
‘‘สทฺธาย นิกฺขมฺม ปุน นิวตฺโต, โส เอฬมูโค จปโล วตายํ;
เอตสฺส วาทสฺส ชิคุจฺฉมาโน, อกามโก จรามิ พฺรหฺมจริยํ;
วิฺุปฺปสตฺถฺจ ¶ สตฺจ านํ, เอวมฺปหํ ปฺุกโร ภวามี’’ติ. (ชา. ๑.๑๐.๖๖);
๙๓. น ¶ โกจิ เอตํ ชานาตีติ เอตํ มม อนภิรติมนํ พฺรหฺมจริยวาเส อภิรติวิรหิตจิตฺตํ โกจิ มนุสฺสภูโต น ชานาติ. กสฺมา? อหฺหิ กสฺสจิ นาจิกฺขึ มม มานเส จิตฺเต อรติ จรติ ปวตฺตตีติ กสฺสจิปิ น กเถสึ, ตสฺมา น โกจิ มนุสฺสภูโต เอตํ ชานาตีติ.
‘‘สพฺรหฺมจารี ¶ มณฺฑพฺโย, สหาโย เม มหาอิสิ;
ปุพฺพกมฺมสมายุตฺโต, สูลมาโรปนํ ลภิ.
.
สพฺรหฺมจารีติ ตาปสปพฺพชฺชาย สมานสิกฺขตาย สพฺรหฺมจารี. มณฺฑพฺโยติ เอวํนามโก. สหาโยติ คิหิกาเล ปพฺพชิตกาเล จ ทฬฺหมิตฺตตาย ปิยสหาโย. มหาอิสีติ มหานุภาโว อิสิ. ปุพฺพกมฺมสมายุตฺโต, สูลมาโรปนํ ลภีติ กโตกาเสน อตฺตโน ปุพฺพกมฺเมน ยุตฺโต สูลาโรปนํ ลภิ, สูลํ อุตฺตาสิโตติ.
ตตฺรายํ ¶ อนุปุพฺพิกถา – อตีเต วํสรฏฺเ โกสมฺพิยํ โกสมฺพิโก นาม ราชา รชฺชํ กาเรสิ. ตทา โพธิสตฺโต อฺตรสฺมึ นิคเม อสีติโกฏิวิภวสฺส พฺราหฺมณมหาสาลสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, นาเมน ทีปายโน นาม. ตาทิสสฺเสว พฺราหฺมณมหาสาลสฺส ปุตฺโต พฺราหฺมณกุมาโร ตสฺส ปิยสหาโย อโหสิ, นาเมน มณฺฑพฺโย นาม. เต อุโภปิ อปรภาเค มาตาปิตูนํ อจฺจเยน กาเมสุ โทสํ ทิสฺวา มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา กาเม ปหาย าติมิตฺตปริชนสฺส โรทนฺตสฺส ปริเทวนฺตสฺส นิกฺขมิตฺวา หิมวนฺตปฺปเทเส อสฺสมํ กตฺวา ปพฺพชิตฺวา อฺุฉาจริยาย วนมูลผลาหาเรน ยาเปนฺโต ปโรปณฺณาสวสฺสานิ วสึสุ, กามจฺฉนฺทํ วิกฺขมฺเภตุํ นาสกฺขึสุ, เต ฌานมตฺตมฺปิ น นิพฺพตฺเตสุํ.
เต โลณมฺพิลเสวนตฺถาย ชนปทจาริกํ จรนฺตา ¶ กาสิรฏฺํ สมฺปาปุณึสุ. ตตฺเรกสฺมึ นิคเม ทีปายนสฺส คิหิสหาโย มณฺฑพฺโย นาม ปฏิวสติ. เต อุโภปิ ตสฺส สนฺติกํ อุปสงฺกมึสุ. โส เต ทิสฺวา อตฺตมโน ปณฺณสาลํ กาเรตฺวา จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหิ. เต ตตฺถ ตีณิ จตฺตาริ วสฺสานิ วสิตฺวา ตํ อาปุจฺฉิตฺวา จาริกํ จรนฺตา พาราณสิสมีเป อติมุตฺตกสุสาเน วสึสุ. ตตฺถ ทีปายโน ¶ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา ปุน ตสฺมึ นิคเม มณฺฑพฺยสฺส อตฺตโน สหายสฺส สนฺติกํ คโต. มณฺฑพฺยตาปโส ตตฺเถว วสิ.
อเถกทิวสํ เอโก โจโร อนฺโตนคเร โจริกํ กตฺวา ธนสารํ อาทาย นิกฺขนฺโต ปฏิพุทฺเธหิ เคหสามิเกหิ นครารกฺขกมนุสฺเสหิ จ อนุพทฺโธ นิทฺธมเนน นิกฺขมิตฺวา เวเคน สุสานํ ปวิสิตฺวา ตาปสสฺส ปณฺณสาลทฺวาเร ภณฺฑิกํ ฉฑฺเฑตฺวา ปลายิ. มนุสฺสา ภณฺฑิกํ ทิสฺวา ‘‘อเร ทุฏฺชฏิล, รตฺตึ, โจริกํ กตฺวา ทิวา ตาปสเวเสน จรสี’’ติ ตชฺเชตฺวา โปเถตฺวา ตํ อาทาย รฺโ ทสฺสยึสุ. ราชา อนุปปริกฺขิตฺวาว ‘‘สูเล อุตฺตาเสถา’’ติ อาห. ตํ สุสานํ เนตฺวา ขทิรสูเล อาโรปยึสุ. ตาปสสฺส สรีเร สูลํ น ปวิสติ. ตโต นิมฺพสูลํ อาหรึสุ, ตมฺปิ น ปวิสติ. ตโต อยสูลํ อาหรึสุ, ตมฺปิ น ปวิสติ. ตาปโส ‘‘กึ นุ โข เม ปุพฺพกมฺม’’นฺติ จินฺเตสิ. ตสฺส ชาติสฺสราณํ อุปฺปชฺชิ. เตน ปุพฺพกมฺมํ อทฺทส – โส กิร ปุริมตฺตภาเว วฑฺฒกีปุตฺโต หุตฺวา ปิตุ รุกฺขตจฺฉนฏฺานํ คนฺตฺวา เอกํ มกฺขิกํ คเหตฺวา โกวิฬารสกลิกาย สูเลน วิย วิชฺฌิ. ตสฺส ตํ ปาปํ อิมสฺมึ าเน โอกาสํ ลภิ. โส ‘‘น สกฺกา อิโต ปาปโต มุจฺจิตุ’’นฺติ ตฺวา ราชปุริเส อาห – ‘‘สเจ มํ สูเล อุตฺตาเสตุกามตฺถ, โกวิฬารสูลํ อาหรถา’’ติ. เต ตถา กตฺวา ตํ สูเล อุตฺตาเสตฺวา อารกฺขํ ทตฺวา ปกฺกมึสุ.
ตทา ¶ กณฺหทีปายโน ‘‘จิรทิฏฺโ เม สหาโย’’ติ มณฺฑพฺยสฺส สนฺติกํ อาคจฺฉนฺโต ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ตํ านํ คนฺตฺวา เอกมนฺตํ ิโต ‘‘กึ, สมฺม, การโกสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อการโกมฺหี’’ติ วุตฺเต ‘‘อตฺตโน มโนปโทสํ รกฺขิตุํ สกฺขิ น สกฺขี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สมฺม, เยหิ อหํ คหิโต, เนว เตสํ น รฺโ อุปริ มยฺหํ มโนปโทโส ¶ อตฺถี’’ติ. ‘‘เอวํ สนฺเต ตาทิสสฺส สีลวโต ฉายา มยฺหํ สุขา’’ติ วตฺวา กณฺหทีปายโน สูลํ นิสฺสาย นิสีทิ. อารกฺขกปุริสา ตํ ปวตฺตึ รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา ‘‘อนิสาเมตฺวา เม กต’’นฺติ เวเคน ตตฺถ คนฺตฺวา ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, ตฺวํ สูลํ นิสฺสาย นิสินฺโนสี’’ติ ทีปายนํ ปุจฺฉิ. ‘‘มหาราช, อิมํ ตาปสํ รกฺขนฺโต นิสินฺโนสฺมี’’ติ. ‘‘กึ ปน ตฺวํ อิมสฺส การกภาวํ ตฺวา เอวํ กโรสี’’ติ. โส กมฺมสฺส อวิโสธิตภาวํ อาจิกฺขิ. อถสฺส ทีปายโน ‘‘รฺา นาม นิสมฺมการินา ภวิตพฺพํ.
‘‘อลโส ¶ คิหี กามโภคี น สาธุ, อสฺโต ปพฺพชิโต น สาธุ;
ราชา น สาธุ อนิสมฺมการี, โย ปณฺฑิโต โกธโน ตํ น สาธู’’ติ. (ชา. ๑.๔.๑๒๗; ๑.๕.๔; ๑.๑๐.๑๕๓; ๑.๑๕.๒๒๙) –
อาทีนิ วตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ.
ราชา มณฺฑพฺยตาปสสฺส นิทฺโทสภาวํ ตฺวา ‘‘สูลํ หรถา’’ติ อาณาเปสิ. สูลํ หรนฺตา หริตุํ นาสกฺขึสุ. มณฺฑพฺโย อาห – ‘‘มหาราช, อหํ ปุพฺเพ กตกมฺมโทเสน เอวรูปํ อยสํ ปตฺโต, มม สรีรโต สูลํ หริตุํ น สกฺกา, สเจปิ มยฺหํ ชีวิตํ ทาตุกาโม, กกเจน อิมํ สูลํ จมฺมสมํ กตฺวา ฉินฺทาเปหี’’ติ. ราชา ตถา กาเรสิ. สูลํ อนฺโตเยว อโหสิ, น กฺจิ ปีฬํ ชเนสิ. ตทา กิร สุขุมํ สกลิกหีรํ คเหตฺวา มกฺขิกาย วจฺจมคฺคํ ปเวเสสิ, ตํ ตสฺส อนฺโต เอว อโหสิ. โส เตน การเณน อมริตฺวา, อตฺตโน อายุกฺขเยเนว มริ, ตสฺมา อยมฺปิ น มโตติ. ราชา ตาปเส วนฺทิตฺวา ขมาเปตฺวา อุโภปิ อุยฺยาเนเยว วสาเปนฺโต ปฏิชคฺคิ. ตโต ปฏฺาย โส อาณิมณฺฑพฺโย นาม ชาโต. โส ราชานํ อุปนิสฺสาย ตตฺเถว วสิ. ทีปายโน ปน ตสฺส วณํ ผาสุกํ กริตฺวา อตฺตโน คิหิสหายมณฺฑพฺเยน การิตํ ปณฺณสาลเมว คโต. เตน วุตฺตํ –
‘‘ตมหํ ¶ อุปฏฺหิตฺวาน, อาโรคฺยมนุปาปยึ;
อาปุจฺฉิตฺวาน อาคฺฉึ, ยํ มยฺหํ สกมสฺสม’’นฺติ.
ตตฺถ อาปุจฺฉิตฺวานาติ มยฺหํ สหายํ มณฺฑพฺยตาปสํ อาปุจฺฉิตฺวา. ยํ มยฺหํ สกมสฺสมนฺติ ยํ ตํ มยฺหํ คิหิสหาเยน มณฺฑพฺยพฺราหฺมเณน การิตํ สกํ มม สนฺตกํ อสฺสมปทํ ปณฺณสาลา, ตํ อุปาคฺฉึ.
๙๖. ตํ ปน ปณฺณสาลํ ปวิสนฺตํ ทิสฺวา สหายสฺส อาโรเจสุํ. โส สุตฺวาว ตุฏฺจิตฺโต สปุตฺตทาโร พหุคนฺธมาลผาณิตาทีนิ อาทาย ปณฺณสาลํ ¶ คนฺตฺวา ทีปายนํ วนฺทิตฺวา ปาเท โธวิตฺวา ปานกํ ปาเยตฺวา อาณิมณฺฑพฺยสฺส ปวตฺตึ สุณนฺโต นิสีทิ. อถสฺส ปุตฺโต ยฺทตฺตกุมาโร นาม จงฺกมนโกฏิยํ เคณฺฑุเกน กีฬิ. ตตฺถ เจกสฺมึ วมฺมิเก อาสิวิโส วสติ. กุมาเรน ภูมิยํ ปหตเคณฺฑุโก คนฺตฺวา วมฺมิกพิเล อาสิวิสสฺส มตฺถเก ปติ. กุมาโร อชานนฺโต พิเล หตฺถํ ปเวเสสิ.
อถ นํ กุทฺโธ อาสิวิโส หตฺเถ ฑํสิ. โส วิสเวเคน มุจฺฉิโต ตตฺเถว ปติ. อถสฺส มาตาปิตโร สปฺเปน ทฏฺภาวํ ตฺวา กุมารํ อุกฺขิปิตฺวา ตาปสสฺส ปาทมูเล นิปชฺชาเปตฺวา ‘‘ภนฺเต, โอสเธน วา มนฺเตน วา ปุตฺตกํ โน นีโรคํ กโรถา’’ติ อาหํสุ. โส ‘‘อหํ โอสธํ น ชานามิ, นาหํ เวชฺชกมฺมํ กริสฺสามิ, ปพฺพชิโตมฺหี’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, อิมสฺมึ กุมารเก เมตฺตํ กตฺวา สจฺจกิริยํ กโรถา’’ติ. ตาปโส ‘‘สาธุ สจฺจกิริยํ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา ยฺทตฺตสฺส สีเส หตฺถํ เปตฺวา สจฺจกิริยํ ¶ อกาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘สหาโย พฺราหฺมโณ มยฺห’’นฺติอาทิ.
ตตฺถ อาคฺฉุํ ปาหุนาคตนฺติ อติถิอภิคมนํ อภิคมึสุ.
๙๗. วฏฺฏมนุกฺขิปนฺติ ขิปนวฏฺฏสณฺานตาย ‘‘วฏฺฏ’’นฺติ ลทฺธนามํ เคณฺฑุกํ อนุกฺขิปนฺโต, เคณฺฑุกกีฬํ กีฬนฺโตติ อตฺโถ. อาสิวิสมโกปยีติ ภูมิยํ ปฏิหโต หุตฺวา วมฺมิกพิลคเตน เคณฺฑุเกน ตตฺถ ิตํ กณฺหสปฺปํ สีเส ปหริตฺวา โรเสสิ.
๙๘. วฏฺฏคตํ มคฺคํ, อนฺเวสนฺโตติ เตน วฏฺเฏน คตํ มคฺคํ คเวสนฺโต. อาสิวิสสฺส หตฺเถน, อุตฺตมงฺคํ ปรามสีติ วมฺมิกพิลํ ปเวสิเตน อตฺตโน หตฺเถน อาสีวิสสฺส สีสํ ผุสิ.
๙๙. วิสพลสฺสิโตติ ¶ วิสพลนิสฺสิโต อตฺตโน วิสเวคํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชนกสปฺโป. อฑํสิ ทารกํ ขเณติ ตสฺมึ ปรามสิตกฺขเณ เอว ตํ พฺราหฺมณกุมารํ ฑํสิ.
๑๐๐. สหทฏฺโติ ฑํเสน สเหว, ทฏฺสมกาลเมว. อาสิวิเสนาติ โฆรวิเสน. เตนาติ เตน ทารกสฺส วิสเวเคน มุจฺฉิตสฺส ¶ ภูมิยํ ปตเนน อหํ ทุกฺขิโต อโหสึ. มม วาหสิ ตํ ทุกฺขนฺติ ตํ ทารกสฺส มาตาปิตูนฺจ ทุกฺขํ มม วาหสิ, มยฺหํ สรีเร วิย มม กรุณาย วาเหสิ.
๑๐๑. ตฺยาหนฺติ เต ตสฺส ทารกสฺส มาตาปิตโร อหํ ‘‘มา โสจถ, มา ปริเทวถา’’ติอาทินา นเยน สมสฺสาเสตฺวา. โสกสลฺลิเตติ โสกสลฺลวนฺเต. อคฺคนฺติ เสฏฺํ ตโต เอว วรํ อุตฺตมํ สจฺจกิริยํ อกาสึ.
๑๐๒. อิทานิ ตํ สจฺจกิริยํ สรูเปน ทสฺเสตุํ ‘‘สตฺตาหเมวา’’ติ คาถมาห.
ตตฺถ สตฺตาหเมวาติ ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย สตฺต อหานิ เอว. ปสนฺนจิตฺโตติ กมฺมผลสทฺธาย ปสนฺนมานโส. ปฺุตฺถิโกติ ปฺุเน อตฺถิโก, ธมฺมจฺฉนฺทยุตฺโต. อถาปรํ ยํ จริตนฺติ อถ ตสฺมา สตฺตาหา อุตฺตริ ยํ มม พฺรหฺมจริยจรณํ.
๑๐๓. อกามโกวาหีติ ปพฺพชฺชํ อนิจฺฉนฺโต เอว. เอเตน สจฺเจน สุวตฺถิ โหตูติ สเจ อติเรกปฺาสวสฺสานิ อนภิรติวาสํ วสนฺเตน มยา กสฺสจิ อชานาปิตภาโว สจฺโจ, เอเตน สจฺเจน ยฺทตฺตกุมารสฺส โสตฺถิ โหตุ, ชีวิตํ ปฏิลภตูติ.
เอวํ ¶ ปน มหาสตฺเตน สจฺจกิริยาย กตาย ยฺทตฺตสฺส สรีรโต วิสํ ภสฺสิตฺวา ปถวึ ปาวิสิ. กุมาโร อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา มาตาปิตโร โอโลเกตฺวา ‘‘อมฺม, ตาตา’’ติ วตฺวา วุฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘สห สจฺเจ กเต มยฺหํ, วิสเวเคน เวธิโต;
อพุชฺฌิตฺวาน วุฏฺาสิ, อโรโค จาสิ มาณโว’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – มม สจฺจกรเณน สห สมานกาลเมว ตโต ปุพฺเพ วิสเวเคน เวธิโต กมฺปิโต ¶ วิสฺิภาเวน อพุชฺฌิตฺวา ิโต วิคตวิสตฺตา ปฏิลทฺธสฺโ สหสา วุฏฺาสิ. โส มาณโว กุมาโร วิสเวคาภาเวน อโรโค จ อโหสีติ.
อิทานิ สตฺถา ตสฺสา อตฺตโน สจฺจกิริยาย ปรมตฺถปารมิภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สจฺเจน เม สโม นตฺถิ, เอสา เม สจฺจปารมี’’ติ อาห. ตํ อุตฺตานตฺถเมว ¶ . ชาตกฏฺกถายํ (ชา. อฏฺ. ๔.๑๐.๖๒) ปน ‘‘มหาสตฺตสฺส สจฺจกิริยาย กุมารสฺส ถนปฺปเทสโต อุทฺธํ วิสํ ภสฺสิตฺวา วิคตํ. ทารกสฺส ปิตุ สจฺจกิริยาย กฏิโต อุทฺธํ, มาตุ สจฺจกิริยาย อวสิฏฺสรีรโต วิสํ ภสฺสิตฺวา วิคต’’นฺติ อาคตํ. ตถา หิ วุตฺตํ –
‘‘ยสฺมา ทานํ นาภินนฺทึ กทาจิ, ทิสฺวานหํ อติถึ วาสกาเล;
น จาปิ เม อปฺปิยตํ อเวทุํ, พหุสฺสุตา สมณพฺราหฺมณา จ;
อกามโก วาปิ อหํ ททามิ, เอเตน สจฺเจน สุวตฺถิ โหตุ;
หตํ วิสํ ชีวตุ ยฺทตฺโต.
‘‘อาสีวิโส ตาต ปหูตเตโช, โย ตํ อทํสี ปตรา อุทิจฺจ;
ตสฺมิฺจ เม อปฺปิยตาย อชฺช, ปิตริ จ เต นตฺถิ โกจิ วิเสโส;
เอเตน สจฺเจน สุวตฺถิ โหตุ, หตํ วิสํ ชีวตุ ยฺทตฺโต’’ติ.
ตตฺถ วาสกาเลติ วสนตฺถาย เคหํ อาคตกาเล. น จาปิ ¶ เม อปฺปิยตํ อเวทุนฺติ พหุสฺสุตาปิ สมณพฺราหฺมณา อยํ เนว ทานํ อภินนฺทติ, น อมฺเหติ อิมํ มม อปฺปิยภาวํ เนว ชานึสุ. อหฺหิ เต ปิยจกฺขูหิเยว โอโลเกมีติ ทีเปติ. เอเตน สจฺเจนาติ สเจ อหํ ททมาโนปิ วิปากํ อสทฺทหิตฺวา อตฺตโน อนิจฺฉาย เทมิ, อนิจฺฉภาวฺจ เม ปเร น ชานนฺติ, เอเตน สจฺเจน สุวตฺถิ โหตูติ อตฺโถ. อิตรคาถาย, ตาตาติ ปุตฺตํ อาลปติ. ปหูตเตโชติ พลววิโส. ปตราติ ปทรา, อยเมว วา ปาโ. อุทิจฺจาติ อุทฺธํ คนฺตฺวา, วมฺมิกพิลโต อุฏฺหิตฺวาติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตาต ยฺทตฺต, ตสฺมิฺจ อาสิวิเส ตว จ ปิตริ อปฺปิยภาเวน มยฺหํ โกจิ วิเสโส นตฺถิ, ตฺจ ปน อปฺปิยภาวํ เปตฺวา อชฺช มยา น โกจิ ชานาปิตปุพฺโพ, สเจ เอตํ สจฺจํ, เอเตน สจฺเจน สุวตฺถิ โหตูติ.
เอวํ ¶ โพธิสตฺโต กุมาเร อโรเค ชาเต ตสฺส ปิตรํ ‘‘ทานํ ททนฺเตน นาม กมฺมฺจ ผลฺจ ¶ สทฺทหิตฺวา ทาตพฺพ’’นฺติ กมฺมผลสทฺธาย นิเวเสตฺวา สยํ อนภิรตึ วิโนเทตฺวา ฌานาภิฺาโย อุปฺปาเทตฺวา อายุปริโยสาเน พฺรหฺมโลกปรายโน อโหสิ.
ตทา มณฺฑพฺโย อานนฺทตฺเถโร อโหสิ, ตสฺส ภริยา วิสาขา, ปุตฺโต ราหุลตฺเถโร, อาณิมณฺฑพฺโย สาริปุตฺตตฺเถโร, กณฺหทีปายโน โลกนาโถ.
ตสฺส อิธ ปาฬิยา อารุฬฺหา สจฺจปารมี, เสสา จ ปารมิโย เหฏฺา วุตฺตนเยเนว นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา อนวเสสมหาโภคปริจฺจาคาทโย คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพาติ.
กณฺหทีปายนจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๒. มหาสุตโสมจริยาวณฺณนา
๑๐๕. ทฺวาทสเม สุตโสโม มหีปตีติ เอวํนาโม ขตฺติโย. มหาสตฺโต หิ ตทา กุรุรฏฺเ อินฺทปตฺถนคเร โกรพฺยสฺส รฺโ อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ. ตํ สุตวิตฺตตาย จนฺทสมานโสมฺมวรวณฺณตาย จ ‘‘สุตโสโม’’ติ สฺชานึสุ. ตํ วยปฺปตฺตํ สพฺพสิปฺปนิปฺผตฺติปฺปตฺตํ มาตาปิตโร ¶ รชฺเช อภิสิฺจึสุ. คหิโต โปริสาเทนาติ ปุริสานํ มนุสฺสานํ อทนโต ขาทนโต ‘‘โปริสาโท’’ติ ลทฺธนาเมน พาราณสิรฺา เทวตาพลิกมฺมตฺถํ คหิโต.
พาราณสิราชา หิ ตทา มํสํ วินา อภฺุชนฺโต อฺํ มํสํ อลภนฺเตน ภตฺตการเกน มนุสฺสมํสํ ขาทาปิโต รสตณฺหาย พทฺโธ หุตฺวา มนุสฺเส ฆาเตตฺวา มนุสฺสมํสํ ขาทนฺโต ‘‘โปริสาโท’’ติ ลทฺธนาโม อมจฺจปาริสชฺชปฺปมุเขหิ นาคเรหิ เนคมชานปเทหิ จ อุสฺสาหิเตน กาฬหตฺถินา นาม อตฺตโน เสนาปตินา ‘‘เทว, ยทิ รชฺเชน อตฺถิโก มนุสฺสมํสขาทนโต วิรมาหี’’ติ วุตฺโต ‘‘รชฺชํ ปชหนฺโตปิ มนุสฺสมํสขาทนโต น โอรมิสฺสามี’’ติ วตฺวา เตหิ รฏฺา ปพฺพาชิโต ¶ อรฺํ ปวิสิตฺวา เอกสฺมึ นิคฺโรธรุกฺขมูเล วสนฺโต ขาณุปฺปหาเรน ปาเท ชาตสฺส วณสฺส ผาสุภาวาย ‘‘สกลชมฺพุทีเป เอกสตขตฺติยานํ คลโลหิเตน พลิกมฺมํ กริสฺสามี’’ติ เทวตาย อายาจนํ กตฺวา สตฺตาหํ อนาหารตาย วเณ ผาสุเก ชาเต ‘‘เทวตานุภาเวน เม โสตฺถิ อโหสี’’ติ สฺาย ‘‘เทวตาย พลิกมฺมตฺถํ ราชาโน ¶ อาเนสฺสามี’’ติ คจฺฉนฺโต อตีตภเว สหายภูเตน ยกฺเขน สมาคนฺตฺวา เตน ทินฺนมนฺตพเลน อธิกตรถามชวปรกฺกมสสมฺปนฺโน หุตฺวา สตฺตาหพฺภนฺตเรเยว สตราชาโน อาเนตฺวา อตฺตโน วสนนิคฺโรธรุกฺเข โอลมฺเพตฺวา พลิกมฺมกรณสชฺโช อโหสิ.
อถ ตสฺมึ รุกฺเข อธิวตฺถา เทวตา ตํ พลิกมฺมํ อนิจฺฉนฺตี ‘‘อุปาเยน นํ นิเสเธสฺสามี’’ติ ปพฺพชิตรูเปน ตสฺส อตฺตานํ ทสฺเสตฺวา เตน อนุพทฺโธ ติโยชนํ คนฺตฺวา ปุน อตฺตโน ทิพฺพรูปเมว ทสฺเสตฺวา ‘‘ตฺวํ มุสาวาที ตยา ‘สกลชมฺพุทีเป ราชาโน อาเนตฺวา พลิกมฺมํ กริสฺสามี’ติ ปฏิสฺสุตํ. อิทานิ เย วา เต วา ทุพฺพลราชาโน อาเนสิ. ชมฺพุทีเป เชฏฺกํ สุตโสมราชานํ สเจ นาเนสฺสสิ, น เม เต พลิกมฺเมน อตฺโถ’’ติ อาห.
โส ‘‘ทิฏฺา เม อตฺตโน เทวตา’’ติ ตุสิตฺวา ‘‘สามิ, มา จินฺตยิ, อหํ อชฺเชว สุตโสมํ อาเนสฺสามี’’ติ วตฺวา เวเคน มิคาชินอุยฺยานํ คนฺตฺวา อสํวิหิตาย อารกฺขาย โปกฺขรณึ โอตริตฺวา ปทุมินิปตฺเตน สีสํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา อฏฺาสิ. ตสฺมึ ¶ อนฺโตอุยฺยานคเตเยว พลวปจฺจูเส สมนฺตา ติโยชนํ อารกฺขํ คณฺหึสุ. มหาสตฺโต ปาโตว อลงฺกตหตฺถิกฺขนฺธวรคโต จตุรงฺคินิยา เสนาย นครโต นิกฺขมิ. ตทา ตกฺกสิลโต นนฺโท นาม พฺราหฺมโณ จตสฺโส สตารหคาถาโย คเหตฺวา วีสโยชนสตํ มคฺคํ อติกฺกมฺม ตํ นครํ ปตฺโต ราชานํ ปาจีนทฺวาเรน นิกฺขมนฺตํ ทิสฺวา หตฺถํ อุกฺขิปิตฺวา ‘‘ชยตุ ภวํ, มหาราชา’’ติ วตฺวา ชยาเปสิ.
ราชา หตฺถินา ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กุโต นุ, ตฺวํ พฺราหฺมณ, อาคจฺฉสิ, กิมิจฺฉสิ, กึ เต ทชฺช’’นฺติ อาห. พฺราหฺมโณ ‘‘ตุมฺเห ‘สุตวิตฺตกา’ติ สุตฺวา จตสฺโส สตารหคาถาโย อาทาย ตุมฺหากํ เทเสตุํ อาคโตมฺหี’’ติ อาห. มหาสตฺโต ตุฏฺมานโส หุตฺวา ‘‘อหํ อุยฺยานํ ¶ คนฺตฺวา นฺหายิตฺวา อาคนฺตฺวา โสสฺสามิ, ตฺวํ มา อุกฺกณฺี’’ติ วตฺวา ‘‘คจฺฉถ พฺราหฺมณสฺส อสุกเคเห นิวาสํ ฆาสจฺฉาทนฺจ สํวิทหถา’’ติ อาณาเปตฺวา อุยฺยานํ ปวิสิตฺวา มหนฺตํ อารกฺขํ สํวิธาย โอฬาริกานิ อาภรณานิ โอมฺุจิตฺวา มสฺสุกมฺมํ กาเรตฺวา อุพฺพฏฺฏิตสรีโร โปกฺขรณิยา ราชวิภเวน นฺหายิตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา อุทกคฺคหณสาฏเก นิวาเสตฺวา อฏฺาสิ.
อถสฺส คนฺธมาลาลงฺกาเร อุปหรึสุ. โปริสาโท ‘‘อลงฺกตกาเล ราชา ภาริโก ภวิสฺสติ, สลฺลหุกกาเลเยว นํ คณฺหิสฺสามี’’ติ นทนฺโต ขคฺคํ ปริวตฺเตนฺโต ‘‘อหมสฺมิ โปริสาโท’’ติ นามํ สาเวตฺวา อุทกา นิกฺขมิ. ตสฺส สทฺทํ สุตฺวา หตฺถาโรหาทโย หตฺถิอาทิโต ภสฺสึสุ. พลกาโย ทูเร ิโต ตโตว ปลายิ. อิตโร อตฺตโน อาวุธานิ ฉฑฺเฑตฺวา อุเรน นิปชฺชิ. โปริสาโท ¶ ราชานํ อุกฺขิปิตฺวา ขนฺเธ นิสีทาเปตฺวา สมฺมุขฏฺาเนเยว อฏฺารสหตฺถํ ปาการํ ลงฺฆิตฺวา ปุรโต ปคลิตมทมตฺตวรวารเณ กุมฺเภ อกฺกมิตฺวา ปพฺพตกูฏานิ วิย ปาเตนฺโต วาตชวานิปิ อสฺสรตนานิ ปิฏฺิยํ อกฺกมิตฺวา ปาเตนฺโต รถสีเส อกฺกมิตฺวา ปาเตนฺโต ภมริกํ ภมนฺโต วิย นีลกานิ นิคฺโรธปตฺตานิ มทฺทนฺโต วิย เอกเวเคเนว ติโยชนมคฺคํ คนฺตฺวา กฺจิ อนุพนฺธนฺตํ ¶ อทิสฺวา สณิกํ คจฺฉนฺโต สุตโสมสฺส เกเสหิ อุทกพินฺทูนิ อตฺตโน อุปริ ปตนฺตานิ ‘‘อสฺสุพินฺทูนี’’ติ สฺาย ‘‘กิมิทํ สุตโสโมปิ มรณํ อนุโสจนฺโต โรทตี’’ติ อาห.
มหาสตฺโต ‘‘นาหํ มรณโต อนุโสจามิ, กุโต โรทนา, อปิ จ โข สงฺครํ กตฺวา สจฺจาปนํ นาม ปณฺฑิตานํ อาจิณฺณํ, ตํ น นิปฺผชฺชตี’’ติ อนุโสจามิ. กสฺสปทสพเลน เทสิตา จตสฺโส สตารหคาถาโย อาทาย ตกฺกสิลโต อาคตสฺส พฺราหฺมณสฺส อาคนฺตุกวตฺตํ กาเรตฺวา ‘‘นฺหายิตฺวา อาคนฺตฺวา สุณิสฺสามิ, ยาว มมาคมนา อาคเมหี’’ติ สงฺครํ กตฺวา อุยฺยานํ คโต, ตฺวฺจ ตา คาถาโย โสตุํ อทตฺวา มํ คณฺหีติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘คหิโต โปริสาเทน, พฺราหฺมเณ สงฺครํ สริ’’นฺติ.
ตตฺถ พฺราหฺมเณ สงฺครํ สรินฺติ นนฺทพฺราหฺมเณ อตฺตนา กตํ ปฏิฺํ อนุสฺสรึ.
๑๐๖. อาวุณิตฺวา ¶ กรตฺตเลติ ตตฺถ ตตฺถ อุยฺยานาทีสุ คนฺตฺวา อตฺตโน พเลน อานีตานํ เอกสตขตฺติยานํ หตฺถตเล ฉิทฺทํ กตฺวา รุกฺเข ลมฺพนตฺถํ รชฺชุํ ปฏิมฺุจิตฺวา. เอเตสํ ปมิลาเปตฺวาติ เอเต เอกสตขตฺติเย ชีวคฺคาหํ คเหตฺวา อุทฺธํปาเท อโธสิเร กตฺวา ปณฺหิยา สีสํ ปหรนฺโต ภมณวเสน หตฺถตเล อาวุณิตฺวา รุกฺเข อาลมฺพนวเสน สพฺพโส อาหารูปจฺเฉเทน จ สพฺพถา ปมิลาเปตฺวา วิโสเสตฺวา เขทาเปตฺวาติ อตฺโถ. ยฺตฺเถติ พลิกมฺมตฺเถ สาเธตพฺเพ. อุปนยี มมนฺติ มํ อุปเนสิ.
๑๐๗. ตถา อุปนียมาโน ปน มหาสตฺโต โปริสาเทน ‘‘กึ ตฺวํ มรณโต ภายสี’’ติ วุตฺเต ‘‘นาหํ มรณโต ภายามิ, ตสฺส ปน พฺราหฺมณสฺส มยา กโต สงฺคโร น ปริโมจิโต’’ติ อนุโสจามิ. ‘‘สเจ มํ วิสฺสชฺเชสฺสสิ, ตํ ธมฺมํ สุตฺวา ตสฺส จ สกฺการสมฺมานํ กตฺวา ปุน อาคมิสฺสามี’’ติ. ‘‘นาหมิทํ สทฺทหามิ, ยํ ตฺวํ มยา วิสฺสชฺชิโต คนฺตฺวา ปุน มม หตฺถํ อาคมิสฺสาสี’’ติ. ‘‘สมฺม โปริสาท, มยา สทฺธึ เอกาจริยกุเล สิกฺขิโต สหาโย หุตฺวา ¶ ‘อหํ ชีวิตเหตุปิ น มุสา กเถมี’ติ กึ น สทฺทหสี’’ติ? กิฺจาปิ เม เอเตน วาจามตฺตเกน –
‘‘อสิฺจ ¶ สตฺติฺจ ปรามสามิ, สปถมฺปิ เต สมฺม อหํ กโรมิ;
ตยา ปมุตฺโต อนโณ ภวิตฺวา, สจฺจานุรกฺขี ปุนราวชิสฺส’’นฺติ. (ชา. ๒.๒๑.๔๐๗) –
มหาสตฺเตน อิมาย คาถาย วุตฺตาย โปริสาโท ‘‘อยํ สุตโสโม ‘ขตฺติเยหิ อกตฺตพฺพํ สปถํ กโรมี’ติ วทติ, คนฺตฺวา อนาคจฺฉนฺโตปิ มม หตฺถโต น มุจฺจิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา –
‘‘โย เต กโต สงฺคโร พฺราหฺมเณน, รฏฺเ สเก อิสฺสริเย ิเตน;
ตํ สงฺครํ พฺราหฺมณ สปฺปทาย, สจฺจานุรกฺขี ปุนราวชสฺสู’’ติ. (ชา. ๒.๒๑.๔๐๘) –
วิสฺสชฺเชสิ.
มหาสตฺโต ¶ ราหุมุขา มุตฺโต จนฺโท วิย นาคพโล ถามสมฺปนฺโน ขิปฺปเมว ตํ นครํ สมฺปาปุณิ. เสนาปิสฺส ‘‘สุตโสมราชา ปณฺฑิโต, โปริสาทํ ทเมตฺวา สีหมุขา ปมุตฺตมตฺตวรวารโณ วิย อาคมิสฺสตี’’ติ จ ‘‘ราชานํ โปริสาทสฺส ทตฺวา อาคตา’’ติ ครหภเยน จ พหินคเรเยว นิวิฏฺา ตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘กจฺจิตฺถ, มหาราช, โปริสาเทน น กิลมิโต’’ติ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘โปริสาเทน มยฺหํ มาตาปิตูหิปิ ทุกฺกรํ กตํ, ตถารูโป นาม จณฺโฑ สาหสิโก มมํ สทฺทหิตฺวา มํ วิสฺสชฺเชสี’’ติ วุตฺเต ราชานํ อลงฺกริตฺวา หตฺถิกฺขนฺธํ อาโรเปตฺวา ปริวาเรตฺวา นครํ ปาวิสิ. ตํ ทิสฺวา สพฺเพ นาครา ตุสึสุ.
โสปิ ธมฺมโสณฺฑตาย มาตาปิตโรปิ อนุปสงฺกมิตฺวา นิเวสนํ คนฺตฺวา พฺราหฺมณํ ปกฺโกสาเปตฺวา ตสฺส มหนฺตํ สกฺการสมฺมานํ กตฺวา ธมฺมครุตาย สยํ นีจาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ มยฺหํ อาภตา สตารหคาถา สุโณมิ อาจริยา’’ติ อาห. พฺราหฺมโณ มหาสตฺเตน ยาจิตกาเล คนฺเธหิ หตฺเถ อุพฺพฏฺเฏตฺวา ปสิพฺพกโต มโนรมํ โปตฺถกํ นีหริตฺวา อุโภหิ หตฺเถหิ คเหตฺวา ‘‘เตน หิ ¶ , มหาราช, สุโณหี’’ติ โปตฺถกํ วาเจนฺโต คาถา อภาสิ –
‘‘สกิเทว ¶ สุตโสม, สพฺภิ โหติ สมาคโม;
สา นํ สงฺคติ ปาเลติ, นาสพฺภิ พหุสงฺคโม.
‘‘สพฺภิเรว สมาเสถ, สพฺภิ กุพฺเพถ สนฺถวํ;
สตํ สทฺธมฺมมฺาย, เสยฺโย โหติ น ปาปิโย.
‘‘ชีรนฺติ เว ราชรถา สุจิตฺตา, อโถ สรีรมฺปิ ชรํ อุเปติ;
สตฺจ ธมฺโม น ชรํ อุเปติ, สนฺโต หเว สพฺภิ ปเวทยนฺติ.
‘‘นภฺจ ทูเร ปถวี จ ทูเร, ปารํ สมุทฺทสฺส ตทาหุ ทูเร;
ตโต หเว ทูรตรํ วทนฺติ, สตฺจ ธมฺโม อสตฺจ ราชา’’ติ. (ชา. ๒.๒๑.๔๑๑-๔๑๔, ๔๔๕-๔๔๘);
ตา ¶ สุตฺวา มหาสตฺโต ‘‘สผลํ เม อาคมน’’นฺติ ตุฏฺจิตฺโต ‘‘อิมา คาถา เนว สาวกภาสิตา, น อิสิภาสิตา, น กวิภาสิตา, น เทวภาสิตา, สพฺพฺุนาว ภาสิตา. กึ นุ โข อคฺฆ’’นฺติ จินฺเตนฺโต ‘‘อิมํ สกลมฺปิ จกฺกวาฬํ ยาว พฺรหฺมโลกา สตฺตรตนปุณฺณํ กตฺวา ทินฺเนปิ เนว อนุจฺฉวิกํ กตํ นาม โหติ, อหํ โข ปนสฺส ติโยชนสติเก กุรุรฏฺเ สตฺตโยชนิเก อินฺทปตฺถนคเร รชฺชํ ทาตุํ ปโหมิ. รชฺชํ กาตุํ ปนสฺส ภาคฺยํ นตฺถิ, ตถา หิสฺส องฺคลกฺขณานุสาเรน อปฺปานุภาวตา ทิสฺสติ, ตสฺมา ทินฺนมฺปิ รชฺชํ น อิมสฺมึ ติฏฺตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘อาจริย, ตุมฺเห อฺเสํ ขตฺติยานํ อิมา คาถาโย เทเสตฺวา กึ ลภถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เอเกกาย สตํ สตํ, มหาราช, เตเนว สตารหคาถา นาม ชาตา’’ติ. อถสฺส มหาสตฺโต ‘‘ตฺวํ อาจริย, อตฺตนา คเหตฺวา วิจรณภณฺฑสฺส อคฺฆํ น ชานาสี’’ติ.
‘‘สหสฺสิยา ¶ อิมา คาถา, นยิมา คาถา สตารหา;
จตฺตาริ ตฺวํ สหสฺสานิ, ขิปฺปํ คณฺหาหิ พฺราหฺมณา’’ติ. (ชา. ๒.๒๑.๔๑๕);
จตฺตาริ สหสฺสานิ ทาเปตฺวา เอกฺจ สุขยานกํ ทตฺวา มหตา สกฺการสมฺมาเนเนว ตํ อุยฺโยเชตฺวา มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา ‘‘อหํ พฺราหฺมเณน อาภตํ สทฺธมฺมรตนํ ปูเชตฺวา ตสฺส จ สกฺการสมฺมานํ กตฺวา อาคมิสฺสามีติ โปริสาทสฺส ปฏิฺํ ทตฺวา อาคโต. ตตฺถ ยํ พฺราหฺมณสฺส ¶ กตฺตพฺพํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ ตํ กตํ, อิทานิ โปริสาทสฺส สนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติ วุตฺวา ‘‘เตน หิ, ตาต สุตโสม, กึ นาเมตํ กเถสิ, จตุรงฺคินิยา เสนาย โจรํ คณฺหิสฺสาม, มา คจฺฉ โจรสฺส สนฺติก’’นฺติ ยาจึสุ. โสฬสสหสฺสา นาฏกิตฺถิโย เสสปริชนาปิ ‘‘อมฺเห อนาเถ กตฺวา กุหึ คจฺฉสิ เทวา’’ติ ปริเทวึสุ. ‘‘ปุนปิ กิร ราชา โจรสฺส สนฺติกํ คมิสฺสตี’’ติ เอกโกลาหลํ อโหสิ.
มหาสตฺโต ‘‘ปฏิฺาย สจฺจาปนํ นาม สาธูนํ สปฺปุริสานํ อาจิณฺณํ, โสปิ มมํ สทฺทหิตฺวา วิสฺสชฺเชสิ, ตสฺมา คมิสฺสามิเยวา’’ติ มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา เสสชนํ อนุสาเสตฺวา อสฺสุมุเขน นานปฺปการํ ปริเทวนฺเตน อิตฺถาคาราทินา ชเนน อนุคโต นครา นิกฺขมฺม ตํ ชนํ นิวตฺเตตุํ มคฺเค ทณฺฑเกน ติริยํ เลขํ กตฺวา ‘‘อิมํ มม เลขํ มา อติกฺกมึสู’’ติ ¶ วตฺวา อคมาสิ. มหาชโน เตชวโต มหาสตฺตสฺส อาณํ อติกฺกมิตุํ อสกฺโกนฺโต มหาสทฺเทน กนฺทิตฺวา โรทิตฺวา นิวตฺติ. โพธิสตฺโต อาคตมคฺเคเนว ตสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อปุจฺฉิ มํ โปริสาโท’’ติอาทิ.
ตตฺถ กึ ตฺวํ อิจฺฉสิ นิสชฺชนฺติ ตฺวํ อตฺตโน นครํ คนฺตุํ มม หตฺถโต นิสฺสชฺชนํ กึ อิจฺฉสิ, ตฺวํ ‘‘มยา ตกฺกสิลาทีสุ จิรปริจิโต สจฺจวาที จา’’ติ วทสิ, ตสฺมา ยถา มติ เต กาหามิ, ยถารุจิ เต กริสฺสามิ. ยทิ เม ตฺวํ ปุเนหิสีติ สเจ ปุน ตฺวํ เอกํเสเนว มม สนฺติกํ อาคมิสฺสสิ.
๑๐๘. ปณฺเห อาคมนํ มมาติ ปเคว มม อาคมนํ ตสฺส ¶ โปริสาทสฺส ปฏิสฺสุณิตฺวา ปาโตว อาคมิสฺสามีติ ปฏิสฺสวํ กตฺวา. รชฺชํ นิยฺยาตยึ ตทาติ ตทา โปริสาทสฺส สนฺติกํ คนฺตุกาโม ‘‘อิทํ โว รชฺชํ ปฏิปชฺชถา’’ติ มาตาปิตูนํ ติโยชนสติกํ รชฺชํ นิยฺยาเตสึ.
๑๐๙. กสฺมา ปน รชฺชํ นิยฺยาตยินฺติ? อนุสฺสริตฺวา สตํ ธมฺมนฺติ ยสฺมา ปน ปฏิฺาย สจฺจาปนํ นาม สตํ สาธูนํ มหาโพธิสตฺตานํ ปเวณี กุลวํโส, ตสฺมา ตํ สจฺจปารมิตาธมฺมํ ปุพฺพกํ โปราณํ ชิเนหิ พุทฺธาทีหิ เสวิตํ อนุสฺสริตฺวา สจฺจํ อนุรกฺขนฺโต ตสฺส พฺราหฺมณสฺส ธนํ ทตฺวา อตฺตโน ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา โปริสาทํ อุปาคมึ.
๑๑๐. นตฺถิ เม สํสโย ตตฺถาติ ตสฺมึ โปริสาทสฺส สนฺติกํ คมเน ‘‘อยํ มํ กึ นุ ¶ โข ฆาเตสฺสติ, อุทาหุ โน’’ติ มยฺหํ สํสโย นตฺถิ. ‘‘จณฺโฑ สาหสิโก มยา สทฺธึ เอกสตขตฺติเย เทวตาย พลิกมฺมกรณสชฺโช เอกนฺเตเนว ฆาเตสฺสตี’’ติ ชานนฺโต เอว เกวลํ สจฺจวาจํ อนุรกฺขนฺโต อตฺตโน ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา ตํ อุปาคมึ. ยสฺมา เจตเทวํ, ตสฺมา สจฺเจน เม สโม นตฺถิ, เอสา เม ปรมตฺถภาวปฺปตฺตา สจฺจปารมีติ.
อุปาคเต ปน มหาสตฺเต วิกสิตปุณฺฑรีกปทุมสสฺสิริกมสฺส มุขํ ทิสฺวา ‘‘อยํ วิคตมรณภโย หุตฺวา อาคโต, กิสฺส นุ โข เอส อานุภาโว’’ติ จินฺเตนฺโต ‘‘ตสฺส มฺเ ธมฺมสฺส สุตตฺตา อยํ เอวํ เตชวา ¶ นิพฺภโย จ ชาโต, อหมฺปิ ตํ สุตฺวา เตชวา นิพฺภโย จ ภวิสฺสามี’’ติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา โปริสาโท มหาสตฺตํ อาห – ‘‘สุโณม สตารหคาถาโย ยาสํ สวนตฺถํ ตฺวํ อตฺตโน นครํ คโต’’ติ.
ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ‘‘อยํ โปริสาโท ปาปธมฺโม, อิมํ โถกํ นิคฺคเหตฺวา ลชฺชาเปตฺวา กเถสฺสามี’’ติ –
‘‘อธมฺมิกสฺส ลุทฺทสฺส, นิจฺจํ โลหิตปาณิโน;
นตฺถิ สจฺจํ กุโต ธมฺโม, กึ สุเตน กริสฺสสี’’ติ. (ชา. ๒.๒๑.๔๒๗) –
วตฺวา ปุน เตน สุฏฺุตรํ สฺชาตสวนาทเรน –
‘‘สุตฺวา ธมฺมํ วิชานนฺติ, นรา กลฺยาณปาปกํ;
อปิ คาถา สุณิตฺวาน, ธมฺเม เม รมเต มโน’’ติ. (ชา. ๒.๒๑.๔๔๔) –
วุตฺเต ¶ ‘‘อยํ อติวิย สฺชาตาทโร โสตุกาโม, หนฺทสฺส กเถสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘เตน หิ สมฺม, สาธุกํ สุโณหิ มนสิกโรหี’’ติ วตฺวา นนฺทพฺราหฺมเณน กถิตนิยาเมเนว คาถานํ สกฺกจฺจํ ถุตึ กตฺวา ฉกามาวจรเทวโลเก เอกโกลาหลํ กตฺวา เทวตาสุ สาธุการํ ททมานาสุ มหาสตฺโต โปริสาทสฺส –
‘‘สกิเทว ¶ มหาราช, สพฺภิ โหติ สมาคโม;
สา นํ สงฺคติ ปาเลติ, นาสพฺภิ พหุสงฺคโม.
‘‘สพฺภิเรว สมาเสถ, สพฺภิ กุพฺเพถ สนฺถวํ;
สตํ สทฺธมฺมมฺาย, เสยฺโย โหติ น ปาปิโย.
‘‘ชีรนฺติ เว ราชรถา สุจิตฺตา, อตฺโถ สรีรมฺปิ ชรํ อุเปติ;
สตฺจ ธมฺโม น ชรํ อุเปติ, สนฺโต หเว สพฺภิ ปเวทยนฺติ.
‘‘นภฺจ ทูเร ปถวี จ ทูเร, ปารํ สมุทฺทสฺส ตทาหุ ทูเร;
ตโต หเว ทูรตรํ วทนฺติ, สตฺจ ธมฺโม อสตฺจ ราชา’’ติ. (ชา. ๒.๒๑.๔๑๑-๔๑๔) –
ธมฺมํ ¶ กเถสิ. ตสฺส เตน สุกถิตตฺตา เจว อตฺตโน จ ปฺุานุภาเวน คาถา สุณนฺตสฺเสว สกลสรีรํ ปฺจวณฺณาย ปีติยา ปริปูริ. โส โพธิสตฺเต มุทุจิตฺโต หุตฺวา ‘‘สมฺม สุตโสม, ทาตพฺพยุตฺตกํ หิรฺาทึ น ปสฺสามิ, เอเกกาย คาถาย เอเกกํ วรํ ทสฺสามี’’ติ อาห. อถ นํ มหาสตฺโต ‘‘ตฺวํ อตฺตโนปิ หิตานิ อชานนฺโต ปรสฺส กึ นาม วรํ ทสฺสสี’’ติ อปสาเทตฺวา ปุน เตน ‘‘วรํ คณฺหถา’’ติ ยาจิโต สพฺพปมํ ‘‘อหํ จิรกาลํ ตํ อโรคํ ปสฺเสยฺย’’นฺติ วรํ ยาจิ. โส ‘‘อยํ อิทานิ เม วธิตฺวา มํสํ ขาทิตุกามสฺส มหานตฺถกรสฺส มยฺหเมว ชีวิตมิจฺฉตี’’ติ ตุฏฺมานโส วฺเจตฺวา วรสฺส คหิตภาวํ อชานนฺโต อทาสิ. มหาสตฺโต หิ อุปายกุสลตาย ตสฺส จิรํ ชีวิตุกามตาปเทเสน อตฺตโน ชีวิตํ ยาจิ. อถ ‘‘ปโรสตํ ขตฺติยานํ ชีวิตํ เทหี’’ติ ทุติยํ วรํ, เตสํ สเก รฏฺเ ปฏิปาทนํ ตติยํ วรํ, มนุสฺสมํสขาทนโต วิรมณํ จตุตฺถํ วรํ ยาจิ. โส ¶ ตีณิ วรานิ ทตฺวา จตุตฺถํ วรํ อทาตุกาโม ‘‘อฺํ วรํ คณฺหาหี’’ติ วตฺวาปิ มหาสตฺเตน นิปฺปีฬิยมาโน ตมฺปิ อทาสิเยว.
อถ โพธิสตฺโต โปริสาทํ นิพฺพิเสวนํ กตฺวา เตเนว ราชาโน โมจาเปตฺวา ภูมิยํ นิปชฺชาเปตฺวา ทารกานํ กณฺณโต สุตฺตวฏฺฏิ วิย สณิกํ รชฺชุโย นีหริตฺวา โปริสาเทน เอกํ ตจํ อาหราเปตฺวา ปาสาเณน ฆํสิตฺวา สจฺจกิริยํ กตฺวา เตสํ หตฺถตลานิ มกฺเขสิ. ตงฺขณํ เอว ผาสุกํ อโหสิ. ทฺวีหตีหํ ตตฺเถว วสิตฺวา เต อโรเค กาเรตฺวา เตหิ สทฺธึ อภิชฺชนกสภาวํ ¶ มิตฺตสนฺถวํ กาเรตฺวา เตหิ สทฺธึ ตํ พาราณสึ เนตฺวา รชฺเช ปติฏฺาเปตฺวา ‘‘อปฺปมตฺตา โหถา’’ติ เต ราชาโน อตฺตโน อตฺตโน นครํ เปเสตฺวา อินฺทปตฺถนครโต อาคตาย อตฺตโน จตุรงฺคินิยา เสนาย ปริวุโต อตฺตโน นครํ คโต ตุฏฺปมุทิเตน นาครชเนน สมฺปริวาริยมาโน อนฺเตปุรํ ปวิสิตฺวา มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา มหาตลํ อภิรุหิ.
อถ มหาสตฺโต ฉ ทานสาลาโย กาเรตฺวา เทวสิกํ มหาทานานิ ปวตฺเตนฺโต สีลานิ ปริปูเรนฺโต อุโปสถํ อุปวสนฺโต ปารมิโย อนุพฺรูเหสิ. เตปิ ราชาโน มหาสตฺตสฺส โอวาเท ตฺวา ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา อายุปริโยสาเน สคฺคปุรํ ปูรยึสุ.
ตทา โปริสาโท ¶ องฺคุลิมาลตฺเถโร อโหสิ, กาฬหตฺถิอมจฺโจ สาริปุตฺตตฺเถโร, นนฺทพฺราหฺมโณ อานนฺทตฺเถโร, รุกฺขเทวตา มหากสฺสปตฺเถโร, ราชาโน พุทฺธปริสา, มาตาปิตโร มหาราชกุลานิ, สุตโสมมหาราชา โลกนาโถ.
ตสฺส เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เสสปารมิโยปิ นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา อลีนสตฺตุจริยาวณฺณนาย (จริยา อฏฺ. ๒.๗๔ อาทโย) วิย มหาสตฺตสฺส คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพาติ.
มหาสุตโสมจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
สจฺจปารมี นิฏฺิตา.
๑๓. สุวณฺณสามจริยาวณฺณนา
๑๑๑. เตรสเม ¶ สาโม ยทา วเน อาสินฺติ หิมวนฺตสฺมึ มิคสมฺมตาย นาม นทิยา ตีเร มหติ อรฺเ สาโม นาม ตาปสกุมาโร ยทา อโหสิ. สกฺเกน อภินิมฺมิโตติ สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส อุปเทสสมฺปตฺติยา ชาตตฺตา สกฺเกน นิพฺพตฺติโต ชนิโต. ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – อตีเต พาราณสิโต อวิทูเร นทิยา ตีเร เอโก เนสาทคาโม อโหสิ. ตตฺถ เชฏฺเนสาทสฺส ปุตฺโต ชาโต. ตสฺส ‘‘ทุกูโล’’ติ นามมกํสุ. ตสฺสา เอว นทิยา ปรตีเรปิ เอโก เนสาทคาโม อโหสิ. ตตฺถ เชฏฺเนสาทสฺส ธีตา ชาตา. ตสฺสา ‘‘ปาริกา’’ติ นามมกํสุ. เต อุโภปิ พฺรหฺมโลกโต อาคตา สุทฺธสตฺตา. เตสํ วยปฺปตฺตานํ อนิจฺฉมานานํเยว อาวาหวิวาหํ ¶ กรึสุ. เต อุโภปิ กิเลสสมุทฺทํ อโนตริตฺวา พฺรหฺมาโน วิย เอกโต วสึสุ. น จ กิฺจิ เนสาทกมฺมํ กโรนฺติ.
อถ ทุกูลํ มาตาปิตโร ‘‘ตาต, ตฺวํ เนสาทกมฺมํ น กโรสิ, เนว ฆราวาสํ อิจฺฉสิ, กึ นาม กริสฺสสี’’ติ อาหํสุ. โส ‘‘ตุมฺเหสุ อนุชานนฺเตสุ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘เตน หิ ปพฺพชาหี’’ติ. ทฺเวปิ ชนา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา ยสฺมึ าเน มิคสมฺมตา นาม นที หิมวนฺตโต โอตริตฺวา คงฺคํ ปตฺตา, ตํ านํ คนฺตฺวา คงฺคํ ปหาย มิคสมฺมตาภิมุขา อภิรุหึสุ. ตทา ¶ สกฺกสฺส ภวนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. สกฺโก ตํ การณํ ตฺวา วิสฺสกมฺมุนา ตสฺมึ าเน อสฺสมํ มาเปสิ. เต ตตฺถ คนฺตฺวา ปพฺพชิตฺวา สกฺกทตฺติเย อสฺสเม กามาวจรเมตฺตํ ภาเวตฺวา ปฏิวสึสุ. สกฺโกปิ เตสํ อุปฏฺานํ อาคจฺฉติ.
โส เอกทิวสํ ‘‘เตสํ จกฺขู ปริหายิสฺสนฺตี’’ติ ตฺวา อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ภนฺเต, โว จกฺขูนํ อนฺตราโย ปฺายติ, ปฏิชคฺคนกํ ปุตฺตํ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, ชานามิ ตุมฺหากํ สุทฺธจิตฺตตํ, ตสฺมา ปาริกาย อุตุนิกาเล นาภึ หตฺเถน ปรามเสยฺยาถ ¶ , เอวํ โว ปุตฺโต ชายิสฺสติ, โส โว อุปฏฺหิสฺสตี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. ทุกูลปณฺฑิโต ตํ การณํ ปาริกาย อาจิกฺขิตฺวา ตสฺสา อุตุนิกาเล นาภึ ปรามสิ. ตทา โพธิสตฺโต เทวโลกา จวิตฺวา ตสฺสา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, สา ทสมาสจฺจเยน สุวณฺณวณฺณํ ปุตฺตํ วิชายิ. เตเนวสฺส ‘‘สุวณฺณสาโม’’ติ นามํ กรึสุ. ตํ อปรภาเค วฑฺฒิตฺวา โสฬสวสฺสุทฺเทสิกมฺปิ มาตาปิตโร รกฺขนฺตา อสฺสเม นิสีทาเปตฺวา สยเมว วนมูลผลาผลตฺถาย คจฺฉนฺติ.
อเถกทิวสํ วเน ผลาผลํ อาทาย นิวตฺติตฺวา อสฺสมปทโต อวิทูเร เมเฆ อุฏฺิเต รุกฺขมูลํ ปวิสิตฺวา วมฺมิกมตฺถเก ิตานํ สรีรโต เสทคนฺธมิสฺสเก อุทเก ตสฺมึ วมฺมิกพิเล ิตสฺส อาสิวิสสฺส นาสาปุฏํ ปวิฏฺเ อาสิวิโส กุชฺฌิตฺวา นาสาวาเตน ปหริ. ทฺเว อนฺธา หุตฺวา ปริเทวมานา วิรวึสุ. อถ มหาสตฺโต ‘‘มม มาตาปิตโร อติจิรายนฺติ, กา นุ โข เตสํ ปวตฺตี’’ติ ปฏิมคฺคํ คนฺตฺวา สทฺทมกาสิ. เต ตสฺส สทฺทํ สฺชานิตฺวา ปฏิสทฺทํ กตฺวา ปุตฺตสิเนเหน ‘‘ตาต สาม, อิธ ปริปนฺโถ อตฺถิ, มา อาคมี’’ติ วตฺวา สทฺทานุสาเรน สยเมว สมาคมึสุ. โส ‘‘เกน โว การเณน จกฺขูนิ วินฏฺานี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ตาต, มยํ น ชานาม, เทเว วสฺสนฺเต รุกฺขมูเล วมฺมิกมตฺถเก ิตา, อถ น ปสฺสามา’’ติ วุตฺตมตฺเต เอว อฺาสิ ‘‘ตตฺถ อาสิวิเสน ภวิตพฺพํ, เตน กุทฺเธน นาสาวาโต วิสฺสฏฺโ ภวิสฺสตี’’ติ.
อถ ¶ ‘‘มา จินฺตยิตฺถ, อหํ โว ปฏิชคฺคิสฺสามี’’ติ มาตาปิตโร อสฺสมํ เนตฺวา เตสํ รตฺติฏฺานทิวาฏฺานาทิสฺจรณฏฺาเน รชฺชุเก พนฺธิ. ตโต ปฏฺาย เต อสฺสเม เปตฺวา วนมูลผลาผลานิ อาหรติ, ปาโตว วสนฏฺานํ สมฺมชฺชติ, ปานียํ อาหรติ, ปริโภชนียํ อุปฏฺาเปติ, ทนฺตกฏฺมุโขทกานิ ¶ ทตฺวา มธุรผลาผลํ เทติ. เตหิ มุเข วิกฺขาลิเต สยํ ปริภฺุชิตฺวา มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา เตสํ อวิทูเรเยว อจฺฉติ – ‘‘กึ นุ โข อิเม อาณาเปนฺตี’’ติ. วิเสเสน จ เมตฺตํ พหุลมกาสิ, เตนสฺส สตฺตา อปฺปฏิกฺกูลา อเหสุํ ¶ . ยถา จสฺส สตฺตา, เอวํ สตฺตานํ โส โพธิสตฺโต อปฺปฏิกฺกูโล. เอวํ โส ทิวเส ทิวเส ผลาผลตฺถาย อรฺํ คจฺฉนฺโตปิ อาคจฺฉนฺโตปิ มิคคณปริวุโต เอว อโหสิ. สีหพฺยคฺฆาทิวิปกฺขสตฺตาปิ เตน สทฺธึ อติวิย วิสฺสตฺถา, เมตฺตานุภาเวน ปนสฺส วสนฏฺาเน อฺมฺํ ติรจฺฉานคตา มุทุจิตฺตตํ ปฏิลภึสุ. อิติ โส สพฺพตฺถ เมตฺตานุภาเวน อภีรู อนุตฺราสี พฺรหฺมา วิย อเวโร วิหาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปวเน สีหพฺยคฺเฆ จ, เมตฺตายมุปนามยิ’’นฺติอาทิ.
ตตฺถ เมตฺตายมุปนามยินฺติ ม-กาโร ปทสนฺธิกโร, เมตฺตาภาวนาย กุรูรกมฺมนฺเต สีหพฺยคฺเฆปิ ผริ, ปเคว เสสสตฺเตติ อธิปฺปาโย. อถ วา เมตฺตา อยติ ปวตฺตติ เอเตนาติ เมตฺตาโย, เมตฺตาภาวนา. ตํ เมตฺตายํ อุปนามยึ สตฺเตสุ อโนธิโส อุปเนสึ. ‘‘สีหพฺยคฺเฆหี’’ติปิ ปาโ. ตสฺสตฺโถ – น เกวลมหเมว, อถ โข ปวเน สีหพฺยคฺเฆหิ, ยสฺมึ มหาวเน ตทา อหํ วิหรามิ, ตตฺถ สีหพฺยคฺเฆหิ สทฺธึ อหํ สตฺเตสุ เมตฺตํ อุปนาเมสึ. สีหพฺยคฺฆาปิ หิ ตทา มมานุภาเวน สตฺเตสุ เมตฺตจิตฺตตํ ปฏิลภึสุ, ปเคว อิตเร สตฺตาติ ทสฺเสติ.
๑๑๒. ปสทมิควราเหหีติ ปสทมิเคหิ เจว วนสูกเรหิ จ. ปริวาเรตฺวาติ เอเตหิ อตฺตานํ ปริวาริตํ กตฺวา ตสฺมึ อรฺเ วสึ.
๑๑๓. อิทานิ ตทา อตฺตโน เมตฺตาภาวนาย ลทฺธํ อานิสํสํ มตฺถกปฺปตฺติฺจสฺส ทสฺเสตุํ ‘‘น มํ โกจิ อุตฺตสตี’’ติ โอสานคาถมาห. ตสฺสตฺโถ – สสพิฬาราทิโก ภีรุกชาติโกปิ โกจิ สตฺโต มํ น อุตฺตสติ น อุพฺพิชฺเชติ. อหมฺปิ กสฺสจิ สีหพฺยคฺฆาทิติรจฺฉานโต ยกฺขาทิอมนุสฺสโต ลุทฺทโลหิตปาณิมนุสฺสโตติ กุโตจิปิ น ภายามิ. กสฺมา? ยสฺมา เมตฺตาพเลนุปตฺถทฺโธ จิรกาลํ ภาวิตาย เมตฺตาปารมิตายานุภาเวน อุปตฺถมฺภิโต ตสฺมึ ปวเน มหาอรฺเ ตทา รมามิ อภิรมามีติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
เอวํ ¶ ¶ ปน มหาสตฺโต สพฺพสตฺเต เมตฺตายนฺโต มาตาปิตโร จ สาธุกํ ปฏิชคฺคนฺโต เอกทิวสํ อรฺโต มธุรผลาผลํ อาหริตฺวา อสฺสเม เปตฺวา มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา ‘‘ปานียํ ¶ อาทาย อาคมิสฺสามี’’ติ มิคคณปริวุโต ทฺเว มิเค เอกโต กตฺวา เตสํ ปิฏฺิยํ ปานียฆฏํ เปตฺวา หตฺเถน คเหตฺวา นทีติตฺถํ อคมาสิ. ตสฺมึ สมเย พาราณสิยํ ปีฬิยกฺโข นาม ราชา รชฺชํ กาเรสิ. โส มิคมํสโลเภน มาตรํ รชฺชํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา สนฺนทฺธปฺจาวุโธ หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา มิเค วธิตฺวา มํสํ ขาทิตฺวา จรนฺโต มิคสมฺมตํ นทึ ปตฺวา อนุปุพฺเพน สามสฺส ปานียคหณติตฺถํ ปตฺโต. มิคปทวลฺชํ ทิสฺวา คจฺฉนฺโต ตํ ตถา คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยา เอตฺตกํ กาลํ เอวํ วิจรนฺโต มนุสฺโส น ทิฏฺปุพฺโพ, เทโว นุ โข เอส นาโค นุ โข, สจาหํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิสฺสามิ, สหสา ปกฺกเมยฺยาติ. ยํนูนาหํ เอตํ วิชฺฌิตฺวา ทุพฺพลํ กตฺวา ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา มหาสตฺตํ นฺหตฺวา วากจีรํ นิวาเสตฺวา อชินจมฺมํ เอกํสํ กริตฺวา ปานียฆฏํ ปูเรตฺวา อุกฺขิปิตฺวา วามํสกูเฏ ปนกาเล ‘‘อิทานิ ตํ วิชฺฌิตุํ สมโย’’ติ วิสปีเตน สเรน ทกฺขิณปสฺเส วิชฺฌิ. สโร วามปสฺเสน นิกฺขมิ. ตสฺส วิทฺธภาวํ ตฺวา มิคคโณ ภีโต ปลายิ.
สามปณฺฑิโต ปน วิทฺโธปิ ปานียฆฏํ ยถา วา ตถา วา อนวสุมฺเภตฺวา สตึ ปจฺจุปฏฺาเปตฺวา สณิกํ โอตาเรตฺวา วาลุกํ พฺยูหิตฺวา เปตฺวา ทิสํ ววตฺถเปตฺวา มาตาปิตูนํ วสนฏฺานทิสาภาเคน สีสํ กตฺวา นิปชฺชิตฺวา มุเขน โลหิตํ ฉฑฺเฑตฺวา ‘‘มม โกจิ เวรี นาม นตฺถิ, มมปิ กตฺถจิ เวรํ นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘โก นุ มํ อุสุนา วิชฺฌิ, ปมตฺตํ อุทหารกํ;
ขตฺติโย พฺราหฺมโณ เวสฺโส, โก มํ วิทฺธา นิลียตี’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๒๙๖);
ตํ ¶ สุตฺวา ราชา ‘‘อยํ มยา วิชฺฌิตฺวา ปถวิยํ ปาติโตปิ เนว มํ อกฺโกสติ น ปริภาสติ, มม หทยมํสํ สมฺพาหนฺโต วิย ปิยวจเนน สมุทาจรติ, คมิสฺสามิสฺส สนฺติก’’นฺติ จินฺเตตฺวา อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตานํ อตฺตนา จ วิทฺธภาวํ อาวิกตฺวา ‘‘โก วา ตฺวํ กสฺส วา ปุตฺโต’’ติ มหาสตฺตํ ปุจฺฉิ.
โส ¶ ‘‘สาโม นามาหํ ทุกูลปณฺฑิตสฺส นาม เนสาทอิสิโน ปุตฺโต, กิสฺส ปน มํ วิชฺฌี’’ติ อาห. โส ปมํ ‘‘มิคสฺายา’’ติ มุสาวาทํ วตฺวา ‘‘อหํ อิมํ นิรปราธํ อการเณน ¶ วิชฺฌิ’’นฺติ อนุโสจิตฺวา ยถาภูตํ อาวิกตฺวา ตสฺส มาตาปิตูนํ วสนฏฺานํ ปุจฺฉิตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา เตสํ อตฺตานํ อาวิกตฺวา เตหิ กตปฏิสนฺถาโร ‘‘สาโม มยา วิทฺโธ’’ติ วตฺวา เต ปริเทวนฺเต โสกสมาปนฺเน ‘‘ยํ สาเมน กตฺตพฺพํ ปริจาริกกมฺมํ, ตํ กตฺวา อหํ โว อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ สมสฺสาเสตฺวา สามสฺส สนฺติกํ อาเนสิ. เต ตตฺถ คนฺตฺวา นานปฺปการํ ปริเทวิตฺวา ตสฺส อุเร หตฺถํ เปตฺวา ‘‘ปุตฺตสฺส เม สรีเร อุสุมา วตฺตเตว, วิสเวเคน วิสฺิตํ อาปนฺโน ภวิสฺสตีติ นิพฺพิสภาวตฺถาย สจฺจกิริยํ กริสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา –
‘‘ยํ กิฺจิตฺถิ กตํ ปฺุํ, มยฺหฺเจว ปิตุจฺจ เต;
สพฺเพน เตน กุสเลน, วิสํ สามสฺส หฺตู’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๓๘๘) –
มาตรา,
‘‘ยํ กิฺจิตฺถิ กตํ ปฺุํ, มยฺหฺเจว มาตุจฺจ เต;
สพฺเพน เตน กุสเลน, วิสํ สามสฺส หฺตู’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๓๙๖) –
ปิตรา,
‘‘ปพฺพตฺยาหํ คนฺธมาทเน, จิรรตฺตนิวาสินี;
น เม ปิยตโร โกจิ, อฺโ สาเมน วิชฺชติ;
เอเตน สจฺจวชฺเชน, วิสํ สามสฺส หฺตู’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๓๙๘) –
เทวตาย จ สจฺจกิริยาย กตาย มหาสตฺโต ขิปฺปํ วุฏฺาสิ. ปทุมปตฺตปลาเส อุทกพินฺทุ วิย วินิวฏฺเฏตฺวา อาพาโธ วิคโต. วิทฺธฏฺานํ อโรคํ ปากติกเมว อโหสิ. มาตาปิตูนํ จกฺขูนิ อุปฺปชฺชึสุ. อิติ ¶ มหาสตฺตสฺส อโรคตา, มาตาปิตูนฺจ จกฺขุปฏิลาโภ, อรุณุคฺคมนํ, เตสํ จตุนฺนมฺปิ อสฺสเมเยว อวฏฺานนฺติ สพฺพํ เอกกฺขเณเยว อโหสิ.
อถ ¶ มหาสตฺโต รฺา สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘ธมฺมํ จร, มหาราชา’’ติอาทินา (ชา. ๒.๒๒.๔๑๑-๔๑๒) ธมฺมํ เทเสตฺวา อุตฺตริมฺปิ โอวทิตฺวา ปฺจ สีลานิ อทาสิ ¶ . โส ตสฺส โอวาทํ สิรสา ปฏิคฺคเหตฺวา วนฺทิตฺวา พาราณสึ คนฺตฺวา ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา สคฺคปรายโน อโหสิ. โพธิสตฺโตปิ สทฺธึ มาตาปิตูหิ อภิฺาสมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา อายุปริโยสาเน พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.
ตทา ราชา อานนฺทตฺเถโร อโหสิ, เทวธีตา อุปฺปลวณฺณา, สกฺโก อนุรุทฺโธ, ปิตา มหากสฺสปตฺเถโร, มาตา ภทฺทกาปิลานี, สามปณฺฑิโต โลกนาโถ.
ตสฺส เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เสสปารมิโย นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา วิสปีเตน สลฺเลน ทกฺขิณปสฺเสน ปวิสิตฺวา วามปสฺสโต วินิวิชฺฌนวเสน วิทฺโธปิ กิฺจิ กายวิการํ อกตฺวา อุทกฆฏสฺส ภูมิยํ นิกฺขิปนํ, วธเก อฺาเตปิ าเต วิย จิตฺตวิการาภาโว, ปิยวจเนน สมุทาจาโร, มาตาปิตุอุปฏฺานปฺุโต มยฺหํ ปริหานีติ อนุโสจนมตฺตํ, อโรเค ชาเต รฺโ การฺุํ เมตฺตฺจ อุปฏฺาเปตฺวา ธมฺมเทสนา, โอวาททานนฺติ เอวมาทโย คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพาติ.
สุวณฺณสามจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๔. เอกราชจริยาวณฺณนา
๑๑๔. จุทฺทสเม เอกราชาติ วิสฺสุโตติ เอกราชาติ อิมินา อนฺวตฺถนาเมน ชมฺพุทีปตเล ปากโฏ.
มหาสตฺโต หิ ตทา พาราณสิรฺโ ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. วยปฺปตฺโต สพฺพสิปฺปนิปฺผตฺตึ ปตฺโต หุตฺวา ปิตุ อจฺจเยน รชฺชํ กาเรนฺโต กุสลสีลาจารสทฺธาสุตาทิอนฺสาธารณคุณวิเสสโยเคน ¶ ปารมิปริภาวเนน จ ชมฺพุทีปตเล อทุติยตฺตา ปธานภาเวน จ ‘‘เอกราชา’’ติ ปกาสนาโม อโหสิ. ปรมํ สีลํ อธิฏฺายาติ สุปริสุทฺธกายิกวาจสิกสํวรสงฺขาตฺเจว สุปริสุทฺธมโนสมาจารสงฺขาตฺจ ปรมํ อุตฺตมํ ทสกุสลกมฺมปถสีลํ ¶ สมาทานวเสน จ อวีติกฺกมนวเสน จ อธิฏฺหิตฺวา อนุฏฺหิตฺวา. ปสาสามิ มหามหินฺติ ติโยชนสติเก กาสิรฏฺเ มหตึ มหึ อนุสาสามิ รชฺชํ กาเรมิ.
๑๑๕. ทสกุสลกมฺมปเถติ ¶ ปาณาติปาตาเวรมณิ ยาว สมฺมาทิฏฺีติ เอตสฺมึ ทสวิเธ กุสลกมฺมปเถ, เอเต วา อนวเสสโต สมาทาย วตฺตามิ. จตูหิ สงฺคหวตฺถูหีติ ทานํ ปิยวจนํ อตฺถจริยา สมานตฺตตาติ อิเมหิ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ สงฺคณฺหนการเณหิ ยทา เอกราชาติ วิสฺสุโต โหมิ, ตทา ยถารหํ มหาชนํ สงฺคณฺหามีติ สมฺพนฺโธ.
๑๑๖. เอวนฺติ ทสกุสลกมฺมปถสีลปริปูรณํ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ มหาชนสงฺคณฺหนนฺติ ยถาวุตฺเตน อิมินา อากาเรน อปฺปมตฺตสฺส. อิธโลเก ปรตฺถ จาติ อิมสฺมึ โลเก ยํ อปฺปมชฺชนํ, ตตฺถ ทิฏฺธมฺมิเก อตฺเถ, ปรโลเก ยํ อปฺปมชฺชนํ ตตฺถ สมฺปรายิเก อตฺเถ อปฺปมตฺตสฺส เม สโตติ อตฺโถ. ทพฺพเสโนติ เอวํนามโก โกสลราชา. อุปคนฺตฺวาติ จตุรงฺคินึ เสนํ สนฺนยฺหิตฺวา อพฺภุยฺยานวเสน มม รชฺชํ อุปคนฺตฺวา. อจฺฉินฺทนฺโต ปุรํ มมาติ มม พาราณสินครํ พลกฺกาเรน คณฺหนฺโต.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – มหาสตฺโต หิ ตทา นครสฺส จตูสุ ทฺวาเรสุ จตสฺโส มชฺเฌ เอกํ นิเวสนทฺวาเร เอกนฺติ ฉ ทานสาลาโย กาเรตฺวา กปณทฺธิกาทีนํ ทานํ เทติ, สีลํ รกฺขติ, อุโปสถกมฺมํ กโรติ, ขนฺติเมตฺตานุทฺทยสมฺปนฺโน องฺเก นิสินฺนํ ปุตฺตํ ปริโตสยมาโน วิย สพฺพสตฺเต ปริโตสยมาโน ธมฺเมน รชฺชํ กาเรติ. ตสฺเสโก อมจฺโจ อนฺเตปุรํ ปทุสฺสิตฺวา อปรภาเค ปากโฏว ชาโต. อมจฺจา รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา ปริคฺคณฺหนฺโต ตํ อตฺตนา ปจฺจกฺขโต ตฺวา ตํ อมจฺจํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อนฺธพาล, อยุตฺตํ เต กตํ, น ตฺวํ มม วิชิเต วสิตุํ อรหสิ, อตฺตโน ธนฺจ ¶ ปุตฺตทารฺจ คเหตฺวา อฺตฺถ ยาหี’’ติ รฏฺา ปพฺพาเชสิ.
โส โกสลชนปทํ คนฺตฺวา ทพฺพเสนํ นาม โกสลราชานํ อุปฏฺหนฺโต อนุกฺกเมน ตสฺส วิสฺสาสิโก หุตฺวา เอกทิวสํ ตํ ราชานํ อาห – ‘‘เทว, พาราณสิรชฺชํ นิมฺมกฺขิกมธุปฏลสทิสํ, อติมุทุโก ราชา, สุเขเนว ตํ รชฺชํ คณฺหิตุํ สกฺโกสี’’ติ. ทพฺพเสโน พาราณสิรฺโ มหานุภาวตาย ตสฺส วจนํ อสทฺทหนฺโต มนุสฺเส เปเสตฺวา ¶ กาสิรฏฺเ คามฆาตาทีนิ กาเรตฺวา เตสํ โจรานํ โพธิสตฺเตน ธนํ ทตฺวา วิสฺสชฺชิตภาวํ สุตฺวา ‘‘อติวิย ธมฺมิโก ราชา’’ติ ตฺวา ‘‘พาราณสิรชฺชํ คณฺหิสฺสามี’’ติ พลวาหนํ อาทาย นิยฺยาสิ ¶ . อถ พาราณสิรฺโ มหาโยธา ‘‘โกสลราชา อาคจฺฉตี’’ติ สุตฺวา ‘‘อมฺหากํ รชฺชสีมํ อโนกฺกมนฺตเมว นํ โปเถตฺวา คณฺหามา’’ติ อตฺตโน รฺโ วทึสุ.
โพธิสตฺโต ‘‘ตาตา, มํ นิสฺสาย อฺเสํ กิลมนกิจฺจํ นตฺถิ, รชฺชตฺถิกา รชฺชํ คณฺหนฺตุ, มา คมิตฺถา’’ติ นิวาเรสิ. โกสลราชา ชนปทมชฺฌํ ปาวิสิ. มหาโยธา ปุนปิ รฺโ ตเถว วทึสุ. ราชา ปุริมนเยเนว นิวาเรสิ. ทพฺพเสโน พหินคเร ตฺวา ‘‘รชฺชํ วา เทตุ ยุทฺธํ วา’’ติ เอกราชสฺส สาสนํ เปเสสิ. เอกราชา ‘‘นตฺถิ มยา ยุทฺธํ, รชฺชํ คณฺหาตู’’ติ ปฏิสาสนํ เปเสสิ. ปุนปิ มหาโยธา ‘‘เทว, น มยํ โกสลรฺโ นครํ ปวิสิตุํ เทม, พหินคเรเยว นํ โปเถตฺวา คณฺหามา’’ติ อาหํสุ. ราชา ปุริมนเยเนว นิวาเรตฺวา นครทฺวารานิ อวาปุราเปตฺวา มหาตเล ปลฺลงฺกมชฺเฌ นิสีทิ. ทพฺพเสโน มหนฺเตน พลวาหเนน นครํ ปวิสิตฺวา เอกมฺปิ ปฏิสตฺตุํ อปสฺสนฺโต สพฺพรชฺชํ หตฺถคตํ กตฺวา ราชนิเวสนํ คนฺตฺวา มหาตลํ อารุยฺห นิรปราธํ โพธิสตฺตํ คณฺหาเปตฺวา อาวาเฏ นิขณาเปสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ทพฺพเสโน อุปคนฺตฺวา, อจฺฉินฺทนฺโต ปุรํ มม.
‘‘ราชูปชีเว นิคเม, สพลฏฺเ สรฏฺเก;
สพฺพํ หตฺถคตํ กตฺวา, กาสุยา นิขณี มม’’นฺติ.
ตตฺถ ราชูปชีเวติ อมจฺจปาริสชฺชพฺราหฺมณคหปติอาทิเก ราชานํ อุปนิสฺสาย ชีวนฺเต. นิคเมติ เนคเม. สพลฏฺเติ เสนาปริยาปนฺนตาย พเล ติฏฺนฺตีติ พลฏฺา, หตฺถาโรหาทโย, พลฏฺเหิ สหาติ สพลฏฺเ. สรฏฺเกติ ¶ สชนปเท, ราชูปชีเว นิคเม จ อฺฺจ สพฺพํ หตฺถคตํ กตฺวา. กาสุยา นิขณี มมนฺติ สพลวาหนํ สกลํ มม รชฺชํ คเหตฺวา มมฺปิ คลปฺปมาเณ อาวาเฏ นิขณาเปสิ. ชาตเกปิ –
‘‘อนุตฺตเร ¶ กามคุเณ สมิทฺเธ, ภุตฺวาน ปุพฺเพ วสิ เอกราชา;
โส ทานิ ทุคฺเค นรกมฺหิ ขิตฺโต, นปฺปชฺชเห วณฺณพลํ ปุราณ’’นฺติ. (ชา. ๑.๔.๙) –
อาวาเฏ ¶ ขิตฺตภาโว อาคโต. ชาตกฏฺกถายํ (ชา. อฏฺ. ๓.๔.๙) ปน ‘‘สิกฺกาย ปกฺขิปาเปตฺวา อุตฺตรุมฺมาเร เหฏฺาสีสกํ โอลมฺเพสี’’ติ วุตฺตํ.
มหาสตฺโต โจรราชานํ อารพฺภ เมตฺตํ ภาเวตฺวา กสิณปริกมฺมํ กตฺวา ฌานาภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา กาสุโต อุคฺคนฺตฺวา อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสีทิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘อมจฺจมณฺฑลํ รชฺชํ, ผีตํ อนฺเตปุรํ มม;
อจฺฉินฺทิตฺวาน คหิตํ, ปิยปุตฺตํว ปสฺสห’’นฺติ.
ตตฺถ อมจฺจมณฺฑลนฺติ ตสฺมึ ตสฺมึ ราชกิจฺเจ รฺา อมา สห วตฺตนฺตีติ อมจฺจา, สทฺธึ วา เตสํ มณฺฑลํ สมูหํ. ผีตนฺติ พลวาหเนน นครชนปทาทีหิ สมิทฺธํ รชฺชํ. อิตฺถาคารทาสิทาสปริชเนหิ เจว วตฺถาภรณาทิอุปโภคูปกรเณหิ จ สมิทฺธํ มม อนฺเตปุรฺจ อจฺฉินฺทิตฺวา คหิตกํ คณฺหนฺตํ อมิตฺตราชานํ ยาย อตฺตโน ปิยปุตฺตํว ปสฺสึ อหํ, ตาย เอวํภูตาย เมตฺตาย เม สโม สกลโลเก นตฺถิ, ตสฺมา เอวํภูตา เอสา เม เมตฺตาปารมี ปรมตฺถปารมิภาวํ ปตฺตาติ อธิปฺปาโย.
เอวํ ปน มหาสตฺเต ตํ โจรราชานํ อารพฺภ เมตฺตํ ผริตฺวา อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสินฺเน ตสฺส สรีเร ทาโห อุปฺปชฺชิ. โส ‘‘ฑยฺหามิ ฑยฺหามี’’ติ ภูมิยํ อปราปรํ ปริวตฺตติ. ‘‘กิเมต’’นฺติ วุตฺเต, มหาราช, ตุมฺเห นิรปราธํ ธมฺมิกราชานํ อาวาเฏ นิขณาปยิตฺถาติ. ‘‘เตน หิ เวเคน คนฺตฺวา ตํ อุทฺธรถา’’ติ อาห. ปุริสา คนฺตฺวา ตํ ราชานํ อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสินฺนํ ทิสฺวา อาคนฺตฺวา ¶ ทพฺพเสนสฺส อาโรเจสุํ. โส เวเคน คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ขมาเปตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ รชฺชํ ตุมฺเหว กาเรถ, อหํ โว โจเร ปฏิพาเหสฺสามี’’ติ วตฺวา ตสฺส ทุฏฺามจฺจสฺส ราชาณํ กาเรตฺวา ปกฺกามิ. โพธิสตฺโตปิ รชฺชํ อมจฺจานํ นิยฺยาเตตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา มหาชนํ สีลาทิคุเณสุ ปติฏฺาเปตฺวา อายุปริโยสาเน พฺรหฺมโลกปรายโน ¶ อโหสิ.
ตทา ทพฺพเสโน อานนฺทตฺเถโร อโหสิ, เอกราชา โลกนาโถ.
ตสฺส ทิวเส ทิวเส ฉสุ ทานสาลาสุ ฉสตสหสฺสวิสฺสชฺชเนน ปจฺจตฺถิกรฺโ สกลรชฺชปริจฺจาเคน จ ทานปารมี, นิจฺจสีลอุโปสถกมฺมวเสน ปพฺพชิตสฺส อนวเสสสีลสํวรวเสน จ สีลปารมี, ปพฺพชฺชาวเสน ฌานาธิคมวเสน จ เนกฺขมฺมปารมี, สตฺตานํ ¶ หิตาหิตวิจารณวเสน ทานสีลาทิสํวิทหนวเสน จ ปฺาปารมี, ทานาทิปฺุสมฺภารสฺส อพฺภุสฺสหนวเสน กามวิตกฺกาทิวิโนทนวเสน จ วีริยปารมี, ทุฏฺามจฺจสฺส ทพฺพเสนรฺโ จ อปราธสหนวเสน ขนฺติปารมี, ยถาปฏิฺํ ทานาทินา อวิสํวาทนวเสน จ สจฺจปารมี, ทานาทีนํ อจลสมาทานาธิฏฺานวเสน อธิฏฺานปารมี, ปจฺจตฺถิเกปิ เอกนฺเตน หิตูปสํหารวเสน เมตฺตาฌานนิพฺพตฺตเนน จ เมตฺตาปารมี, ทุฏฺามจฺเจน ทพฺพเสเนน จ กตาปราเธ หิเตสีหิ อตฺตโน อมจฺจาทีหิ นิพฺพตฺติเต อุปกาเร จ อชฺฌุเปกฺขเณน รชฺชสุขปฺปตฺตกาเล ปจฺจตฺถิกรฺา นรเก ขิตฺตกาเล สมานจิตฺตตาย จ อุเปกฺขาปารมี เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ปนุชฺช ทุกฺเขน สุขํ ชนินฺท, สุเขน วา ทุกฺขมสยฺหสาหิ;
อุภยตฺถ สนฺโต อภินิพฺพุตตฺตา, สุเข จ ทุกฺเข จ ภวนฺติ ตุลฺยา’’ติ. (ชา. ๑.๔.๑๒);
ยสฺมา ปเนตฺถ เมตฺตาปารมี อติสยวตี, ตสฺมา ตทตฺถทีปนตฺถํ สา เอว ปาฬิ อารุฬฺหา. ตถา อิธ มหาสตฺตสฺส สพฺพสตฺเตสุ โอรสปุตฺเต วิย สมานุกมฺปตาทโย คุณวิเสสา นิทฺธาเรตพฺพาติ.
เอกราชจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
เมตฺตาปารมี นิฏฺิตา.
๑๕. มหาโลมหํสจริยาวณฺณนา
๑๑๙. ปนฺนรสเม ¶ ¶ ‘‘สุสาเน เสยฺยํ กปฺเปมี’’ติ เอตฺถายํ อนุปุพฺพิกถา –
มหาสตฺโต หิ ตทา มหติ อุฬารโภเค กุเล นิพฺพตฺติตฺวา วุทฺธิมนฺวาย ทิสาปาโมกฺขสฺส อาจริยสฺส สนฺติเก ครุวาสํ วสนฺโต สพฺพสิปฺปานํ นิปฺผตฺตึ ปตฺวา กุลฆรํ อาคนฺตฺวา มาตาปิตูนํ อจฺจเยน าตเกหิ ‘‘กุฏุมฺพํ สณฺเปหี’’ติ ยาจิยมาโนปิ อนิจฺจตามนสิการมุเขน สพฺพภเวสุ อภิวฑฺฒมานสํเวโค กาเย จ อสุภสฺํ ปฏิลภิตฺวา ฆราวาสปลิโพธาธิภูตํ ¶ กิเลสคหนํ อโนคาเหตฺวาว จิรกาลสมฺปริจิตํ เนกฺขมฺมชฺฌาสยํ อุปพฺรูหยมาโน มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ ปหาย ปพฺพชิตุกาโม หุตฺวา ปุน จินฺเตสิ – ‘‘สจาหํ ปพฺพชิสฺสามิ, คุณสมฺภาวนาปากโฏ ภวิสฺสามี’’ติ.
โส ลาภสกฺการํ ชิคุจฺฉนฺโต ปพฺพชฺชํ อนุปคนฺตฺวา ‘‘ปโหมิ จาหํ ลาภาลาภาทีสุ นิพฺพิกาโร โหตุ’’นฺติ อตฺตานํ ตกฺเกนฺโต ‘‘วิเสสโต ปรปริภวสหนาทิปฏิปทํ ปูเรนฺโต อุเปกฺขาปารมึ มตฺถกํ ปาเปสฺสามี’’ติ นิวตฺถวตฺเถเนว เคหโต นิกฺขมิตฺวา ปรมสลฺเลขวุตฺติโกปิ อพลพโล อมนฺทมนฺโท วิย ปเรสํ อจิตฺตกรูเปน หีฬิตปริภูโต หุตฺวา คามนิคมราชธานีสุ เอกรตฺติวาเสเนว วิจรติ. ยตฺถ ปน มหนฺตํ ปริภวํ ปฏิลภติ, ตตฺถ จิรมฺปิ วสติ. โส นิวตฺถวตฺเถ ชิณฺเณ ปิโลติกขณฺเฑน ตสฺมิมฺปิ ชิณฺเณ เกนจิ ทินฺนํ อคฺคณฺหนฺโต หิริโกปีนปฏิจฺฉาทนมตฺเตเนว จรติ. เอวํ คจฺฉนฺเต กาเล เอกํ นิคมคามํ อคมาสิ.
ตตฺถ คามทารกา ธุตฺตชาติกา เวธเวรา เกจิ ราชวลฺลภานํ ปุตฺตนตฺตุทาสาทโย จ อุทฺธตา อุนฺนฬา จปลา มุขรา วิกิณฺณวาจา กาเลน กาลํ กีฬาพหุลา วิจรนฺติ. ทุคฺคเต มหลฺลเก ปุริเส จ อิตฺถิโย จ คจฺฉนฺเต ทิสฺวา ภสฺมปุเฏน ปิฏฺิยํ อากิรนฺติ, เกตกีปณฺณํ กจฺฉนฺตเร โอลมฺเพนฺติ, เตน วิปฺปกาเรน ปริวตฺเตตฺวา โอโลเกนฺเต ¶ ยถาวชฺชกีฬิตํ ทสฺเสตฺวา อุปหสนฺติ. มหาปุริโส ตสฺมึ นิคเม เต เอวํ วิจรนฺเต ธุตฺตทารเก ทิสฺวา ‘‘ลทฺโธ วต ทานิ เม อุเปกฺขาปารมิยา ปริปูรณูปาโย’’ติ ¶ จินฺเตตฺวา ตตฺถ วิหาสิ. ตํ เต ธุตฺตทารกา ปสฺสิตฺวา วิปฺปการํ กาตุํ อารภนฺติ.
มหาสตฺโต ตํ อสหนฺโต วิย จ เตหิ ภายนฺโต วิย จ อุฏฺหิตฺวา คจฺฉติ. เต ตํ อนุพนฺธนฺติ. โส เตหิ อนุพนฺธิยมาโน ‘‘เอตฺถ นตฺถิ โกจิ ปฏิวตฺตา’’ติ สุสานํ คนฺตฺวา อฏฺิกํ สีสูปธานํ กตฺวา สยติ. ธุตฺตทารกาปิ ตตฺถ คนฺตฺวา โอฏฺุภนาทิกํ นานปฺปการํ วิปฺปการํ กตฺวา ปกฺกมนฺติ. เอวํ เต ทิวเส ทิวเส กโรนฺติ เอว. เย ปน วิฺู ปุริสา, เต เอวํ กโรนฺเต ปสฺสนฺติ. เต เต ปฏิพาหิตฺวา ‘‘อยํ มหานุภาโว ตปสฺสี มหาโยคี’’ติ จ ตฺวา อุฬารํ สกฺการสมฺมานํ กโรนฺติ. มหาสตฺโต ปน สพฺพตฺถ เอกสทิโสว โหติ มชฺฌตฺตภูโต. เตน วุตฺตํ ‘‘สุสาเน เสยฺยํ กปฺเปมี’’ติอาทิ.
ตตฺถ สุสาเน เสยฺยํ กปฺเปมิ, ฉวฏฺิกํ อุปนิธายาติ อามกสุสาเน ฉฑฺฑิตกเฬวรโต โสณสิงฺคาลาทีหิ ตหึ ตหึ วิกฺขิตฺเตสุ อฏฺิเกสุ เอกํ อฏฺิกํ สีสูปธานํ กตฺวา สุจิมฺหิ จ ¶ อสุจิมฺหิ จ สมานจิตฺตตาย ตสฺมึ สุสาเน เสยฺยํ กปฺเปมิ, สยามีติ อตฺโถ. คามณฺฑลาติ คามทารกา. รูปํ ทสฺเสนฺตินปฺปกนฺติ ยถาวชฺชกีฬิตาย โอฏฺุภนอุปหสนอุมฺมิหนาทีหิ กณฺณโสเต สลากปฺปเวสนาทีหิ จ อติกกฺขฬํ อนปฺปกํ นานปฺปการํ รูปํ วิการํ กโรนฺติ.
๑๒๐. อปเรติ เตสุ เอว คามทารเกสุ เอกจฺเจ. อุปายนานูปเนนฺตีติ ‘‘อยํ อิเมสุ ปริภววเสน เอวรูปํ วิปฺปการํ กโรนฺเตสุ น กิฺจิ วิการํ ทสฺเสติ, สมฺมานเน นุ โข กีทิโส’’ติ ปริคฺคณฺหนฺตา วิวิธํ พหุํ คนฺธมาลํ โภชนํ อฺานิ จ อุปายนานิ ปณฺณาการานิ อุปเนนฺติ อุปหรนฺติ. อปเรหิ วา เตหิ อนาจารคามทารเกหิ อฺเ วิฺู มนุสฺสา ‘‘อยํ อิเมสํ เอวํ วิวิธมฺปิ วิปฺปการํ กโรนฺตานํ น กุปฺปติ, อฺทตฺถุ ขนฺติเมตฺตานุทฺทยํเยว เตสุ อุปฏฺเปติ, อโห อจฺฉริยปุริโส’’ติ หฏฺา ‘‘พหุ วติเมหิ เอตสฺมึ วิปฺปฏิปชฺชนฺเตหิ ¶ อปฺุํ ปสุต’’นฺติ สํวิคฺคมานสาว หุตฺวา พหุํ คนฺธมาลํ วิวิธํ โภชนํ อฺานิ จ อุปายนานิ อุปเนนฺติ อุปหรนฺติ.
๑๒๑. เย ¶ เม ทุกฺขํ อุปหรนฺตีติ เย คามทารกา มยฺหํ สรีรทุกฺขํ อุปหรนฺติ อุปเนนฺติ. ‘‘อุปทหนฺตี’’ติปิ ปาโ, อุปฺปาเทนฺตีติ อตฺโถ. เย จ เทนฺติ สุขํ มมาติ เย จ วิฺู มนุสฺสา มม มยฺหํ สุขํ เทนฺติ, มาลาคนฺธโภชนาทิสุขูปกรเณหิ มม สุขํ อุปหรนฺติ. สพฺเพสํ สมโก โหมีติ กตฺถจิปิ วิการานุปฺปตฺติยา สมานจิตฺตตาย วิวิธานมฺปิ เตสํ ชนานํ สมโก เอกสทิโส โหมิ ภวามิ. ทยา โกโป น วิชฺชตีติ ยสฺมา มยฺหํ อุปการเก เมตฺตจิตฺตตาสงฺขาตา ทยา, อปการเก มโนปโทสสงฺขาโต โกโปปิ น วิชฺชติ, ตสฺมา สพฺเพสํ สมโก โหมีติ ทสฺเสติ.
๑๒๒. อิทานิ ภควา ตทา อุปการีสุ อปการีสุ จ สตฺเตสุ สมุปจิตาณสมฺภารสฺส อตฺตโน สมานจิตฺตตา วิการาภาโว ยา จ โลกธมฺเมสุ อนุปลิตฺตตา อโหสิ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สุขทุกฺเข ตุลาภูโต’’ติ โอสานคาถมาห.
ตตฺถ สุขทุกฺเขติ สุเข จ ทุกฺเข จ. ตุลาภูโตติ สมกํ คหิตตุลา วิย โอนติอุนฺนติอปนตึ วชฺเชตฺวา มชฺฌตฺตภูโต, สุขทุกฺขคฺคหเณเนว เจตฺถ ตํนิมิตฺตภาวโต ลาภาลาภาปิ คหิตาติ เวทิตพฺพํ. ยเสสูติ กิตฺตีสุ. อยเสสูติ นินฺทาสุ. สพฺพตฺถาติ สพฺเพสุ สุขาทีสุ โลกธมฺเมสุ. อิติ ภควา ตทา สพฺพสตฺเตสุ สพฺพโลกธมฺเมสุ จ อนฺสาธารณํ ¶ อตฺตโน มชฺฌตฺตภาวํ กิตฺเตตฺวา เตน ตสฺมึ อตฺตภาเว อตฺตโน อุเปกฺขาปารมิยา สิขาปฺปตฺตภาวํ วิภาเวนฺโต ‘‘เอสา เม อุเปกฺขาปารมี’’ติ เทสนํ นิฏฺาเปสิ.
อิธาปิ มหาสตฺตสฺส ปมํ ทานปารมี นาม วิเสสโต สพฺพวิภวปริจฺจาโค ‘‘เย เกจิ อิมํ สรีรํ คเหตฺวา ยํกิฺจิ อตฺตโน อิจฺฉิตํ กโรนฺตู’’ติ อนเปกฺขภาเวน อตฺตโน อตฺตภาวปริจฺจาโค จ ทานปารมี, หีนาทิกสฺส สพฺพสฺส อกตฺตพฺพสฺส อกรณํ สีลปารมี, กามสฺสาทวิมุขสฺส เคหโต นิกฺขนฺตสฺส สโต กาเย อสุภสฺานุพฺรูหนา เนกฺขมฺมปารมี, สมฺโพธิสมฺภารานํ อุปการธมฺมปริคฺคหเณ ตปฺปฏิปกฺขปฺปหาเน จ โกสลฺลํ อวิปรีตโต ธมฺมสภาวจินฺตนา จ ปฺาปารมี ¶ , กามวิตกฺกาทิวิโนทนํ ทุกฺขาธิวาสนวีริยฺจ วีริยปารมี, สพฺพาปิ อธิวาสนขนฺติ ขนฺติปารมี, วจีสจฺจํ สมาทานาวิสํวาทเนน วิรติสจฺจฺจ สจฺจปารมี ¶ , อนวชฺชธมฺเม อจลสมาทานาธิฏฺานํ อธิฏฺานปารมี, อโนธิโส สพฺพสตฺเตสุ เมตฺตานุทฺทยภาโว เมตฺตาปารมี, อุเปกฺขาปารมี ปนสฺส ยถาวุตฺตวเสเนว เวทิตพฺพาติ ทส ปารมิโย ลพฺภนฺติ. อุเปกฺขาปารมี เจตฺถ อติสยวตีติ กตฺวา สาเยว เทสนํ อารุฬฺหา. ตถา อิธ มหาสตฺตสฺส มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ มหนฺตฺจ าติปริวฏฺฏํ ปหาย มหาภินิกฺขมนสทิสํ เคหโต นิกฺขมนํ, ตถา นิกฺขมิตฺวา ลาภสกฺการํ ชิคุจฺฉโต ปเรสํ สมฺภาวนํ ปริหริตุกามสฺส ปพฺพชฺชาลิงฺคํ อคฺคเหตฺวา จิตฺเตเนว อนวเสสํ ปพฺพชฺชาคุเณ อธิฏฺหิตฺวา ปรมสุขวิหาโร, ปรมปฺปิจฺฉตา, ปวิเวกาภิรติ, อุเปกฺขณาธิปฺปาเยน อตฺตโน กายชีวิตนิรเปกฺขา, ปเรหิ อตฺตโน อุปริ กตวิปฺปการาธิวาสนํ, อุกฺกํสคตสลฺเลขวุตฺติ, โพธิสมฺภารปฏิปกฺขานํ กิเลสานํ ตนุภาเวน ขีณาสวานํ วิย ปเรสํ อุปการาปกาเรสุ นิพฺพิการภาวเหตุภูเตน สพฺพตฺถ มชฺฌตฺตภาเวน สมุฏฺาปิโต โลกธมฺเมหิ อนุปเลโป, สพฺพปารมีนํ มุทฺธภูตาย อุเปกฺขาปารมิยา สิขาปฺปตฺตีติ เอวมาทโย คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพาติ.
มหาโลมหํสจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุเปกฺขาปารมี นิฏฺิตา.
ตติยวคฺคสฺส อตฺถวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุทฺทานคาถาวณฺณนา
‘‘ยุธฺชโย’’ติอาทิกา ¶ อุทฺทานคาถา. ตตฺถ ภิเสนาติ ภิสาปเทเสน มหากฺจนจริยํ (จริยา. ๓.๓๔ อาทโย) ทสฺเสติ. โสณนนฺโทติ อิมินา โสณปณฺฑิตจริยํ (จริยา. ๓.๔๒ อาทโย ) ทสฺเสติ. ตถา มูคปกฺโขติ มูคปกฺขาปเทเสน เตมิยปณฺฑิตจริยํ (จริยา. ๓.๔๘ อาทโย) ทสฺเสติ. อุเปกฺขาปารมิสีเสน มหาโลมหํสจริยํ (จริยา. ๓.๑๑๙ อาทโย) ทสฺเสติ. อาสิ อิติ วุฏฺํ มเหสินาติ ยถา, สาริปุตฺต, ตุยฺหํ เอตรหิ เทสิตํ, อิติ เอวํ อิมินา วิธาเนน มหนฺตานํ ทานปารมิอาทีนํ โพธิสมฺภารานํ เอสนโต มเหสินา ตทา โพธิสตฺตภูเตน ¶ มยา วุฏฺํ จิณฺณํ จริตํ ปฏิปนฺนํ อาสิ อโหสีติ อตฺโถ ¶ . อิทานิ ปารมิปริปูรณวเสน จิรกาลปฺปวตฺติตํ อิธ วุตฺตํ อวุตฺตฺจ อตฺตโน ทุกฺกรกิริยํ เอกชฺฌํ กตฺวา ยทตฺถํ สา ปวตฺติตา, ตฺจ สงฺเขเปเนว ทสฺเสตุํ ‘‘เอวํ พหุพฺพิธ’’นฺติ คาถมาห.
ตตฺถ เอวนฺติ อิมินา วุตฺตนเยน. พหุพฺพิธํ ทุกฺขนฺติ อกิตฺติปณฺฑิตาทิกาเล การปณฺณาทิอาหารตาย ตฺจ ยาจกสฺส ทตฺวา อาหารูปจฺเฉทาทินา จ พหุวิธํ นานปฺปการํ ทุกฺขํ. ตถา กุรุราชาทิกาเล สกฺกสมฺปตฺติสทิสา สมฺปตฺตี จ พหุพฺพิธา. ภวาภเวติ ขุทฺทเก เจว มหนฺเต จ ภเว. ภวาภเว วา วุทฺธิหานิโย อนุภวิตฺวา พหุวิเธหิ ทุกฺเขหิ อวิหฺมาโน พหุวิธาหิ จ สมฺปตฺตีหิ อนากฑฺฒิยมาโน ปารมิปริปูรณปสุโต เอว หุตฺวา ตทนุรูปํ ปฏิปตฺตึ ปฏิปนฺโน อุตฺตมํ อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ สพฺพฺุตํ ปตฺโต, อธิคโตสฺมีติ อตฺโถ.
อิทานิ ยาสํ ปารมีนํ ปริปูรณตฺถํ เอสา ทุกฺกรจริยา จิรํ ปวตฺติตา, ตาสํ อนวเสสโต ปริปุณฺณภาวํ เตน จ ปตฺตพฺพผลสฺส อตฺตนา อธิคตภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ทตฺวา ทาตพฺพกํ ทานํ, สีลํ ปูเรตฺวา อเสสโต’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ตตฺถ ทตฺวา ทาตพฺพกํ ทานนฺติ ตทา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิตุํ อคฺคยานปฏิปทํ ปฏิปนฺเนน มหาโพธิสตฺเตน ทาตพฺพํ เทยฺยธมฺมํ พาหิรํ รชฺชาทึ อพฺภนฺตรํ อตฺตปริจฺจาโคติ ปฺจ มหาปริจฺจาคปริโยสานํ ทานปารมิทานอุปปารมิทานปรมตฺถปารมิปฺปเภทํ ¶ ทานํ อนวเสสโต สมฺปาเทตฺวาติ อตฺโถ. ตตฺถ อกิตฺติพฺราหฺมณกาเล (จริยา. ๑.๑ อาทโย; ชา. ๑.๑๓.๘๓ อาทโย) สงฺขพฺราหฺมณกาเลติ (จริยา. ๑.๑๑ อาทโย; ชา. ๑.๑๐.๓๙ อาทโย) เอวมาทีสุ อิธ อาคเตสุ อนาคเตสุ จ วิสยฺหเสฏฺิกาเล (ชา. ๑.๔.๑๕๗ อาทโย) เวลามกาเลติ (อ. นิ. ๙.๒๐) เอวมาทีสุปิ ทานปารมิยา มหาปุริสสฺส ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส สสปณฺฑิตกาเล –
‘‘ภิกฺขาย ¶ อุปคตํ ทิสฺวา, สกตฺตานํ ปริจฺจชึ;
ทาเนน เม สโม นตฺถิ, เอสา เม ทานปารมี’’ติ. (จริยา. ๑. ตสฺสุทฺทาน) –
เอวํ ¶ อตฺตปริจฺจาคํ กโรนฺตสฺส ทานปารมี ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. อิตเรสุ ปน ยถารหํ ปารมิอุปปารมิโย เวทิตพฺพา.
สีลํ ปูเรตฺวา อเสสโตติ ตถา อนวเสสโต กายิโก สํวโร, วาจสิโก สํวโร, กายิกวาจสิโก สํวโร, อินฺทฺริยสํวโร, โภชเน มตฺตฺุตา, สุวิสุทฺธาชีวตาติ เอวมาทิกํ โพธิสตฺตสีลํ สมฺปาเทนฺเตน สีลปารมิสีลอุปปารมิสีลปรมตฺถปารมิปฺปเภทํ ปูเรตพฺพํ สพฺพํ สีลํ ปูเรตฺวา สมฺมเทว สมฺปาเทตฺวา. อิธาปิ สีลวนาคราชกาเล (จริยา. ๒.๑ อาทโย; ชา. ๑.๑.๗๒) จมฺเปยฺยนาคราชกาเลติ (จริยา. ๒.๒๐ อาทโย; ชา. ๑.๑๕.๒๔๐ อาทโย) เอวมาทีสุ อิธ อาคเตสุ, อนาคเตสุ จ มหากปิกาเล (จริยา. ๓.๖๗ อาทโย; ชา. ๑.๗.๘๓ อาทโย; ๑.๑๖.๑๗๘ อาทโย) ฉทฺทนฺตกาเลติ (ชา. ๑.๑๖.๙๗ อาทโย) เอวมาทีสุ มหาสตฺตสฺส สีลปารมิยา ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส สงฺขปาลกาเล –
‘‘สูเลหิ วินิวิชฺฌนฺเต, โกฏฺฏยนฺเตปิ สตฺติภิ;
โภชปุตฺเต น กุปฺปามิ, เอสา เม สีลปารมี’’ติ. (จริยา. ๒.๙๑) –
เอวํ อตฺตปริจฺจาคํ กโรนฺตสฺส สีลปารมี ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. อิตเรสุ ปน ยถารหํ ปารมิอุปปารมิโย เวทิตพฺพา.
เนกฺขมฺเม ¶ ปารมึ คนฺตฺวาติ ตถา ติวิเธปิ มหาภินิกฺขมเน ปารมึ ปรมุกฺกํสํ คนฺตฺวา. ตตฺถ ยุธฺชยกาเล (จริยา. ๓.๑ อาทโย; ชา. ๑.๑๑.๗๓ อาทโย) โสมนสฺสกุมารกาเลติ (จริยา. ๓.๗ อาทโย; ชา. ๑.๑๕.๒๑๑ อาทโย) เอวมาทีสุ อิธ อาคเตสุ, อนาคเตสุ จ หตฺถิปาลกุมารกาเล (ชา. ๑.๑๕.๓๓๗ อาทโย) มฆเทวกาเลติ (ม. นิ. ๒.๓๐๘ อาทโย; ชา. ๑.๑.๙) เอวมาทีสุ มหารชฺชํ ปหาย เนกฺขมฺมปารมิยา ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส จูฬสุตโสมกาเล –
‘‘มหารชฺชํ หตฺถคตํ, เขฬปิณฺฑํว ฉฑฺฑยึ;
จชโต น โหติ ลคฺคนํ, เอสา เม เนกฺขมฺมปารมี’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา; ชา. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา; อป. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา);
เอวํ นิสฺสงฺคตาย รชฺชํ ฉฑฺเฑตฺวา นิกฺขมนฺตสฺส เนกฺขมฺมปารมี ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. อิตเรสุ ปน ยถารหํ ปารมิอุปปารมิโย เวทิตพฺพา.
ปณฺฑิเต ¶ ปริปุจฺฉิตฺวาติ กึ กุสลํ กึ อกุสลํ กึ สาวชฺชํ กึ อนวชฺชนฺติอาทินา กุสลาทิธมฺมวิภาคํ กมฺมกมฺมผลวิภาคํ สตฺตานํ อุปการาวหํ อนวชฺชกมฺมายตนสิปฺปายตนวิชฺชาฏฺานาทึ ¶ ปณฺฑิเต สปฺปฺเ ปริปุจฺฉิตฺวา. เอเตน ปฺาปารมึ ทสฺเสติ. ตตฺถ วิธุรปณฺฑิตกาเล (ชา. ๒.๒๒.๑๓๔๖ อาทโย) มหาโควินฺทปณฺฑิตกาเล (ที. นิ. ๒.๒๙๓ อาทโย; จริยา ๑.๓๗ อาทโย) กุทาลปณฺฑิตกาเล (ชา. ๑.๑.๗๐) อรกปณฺฑิตกาเล (ชา. ๑.๒.๓๗ อาทโย) โพธิปริพฺพาชกกาเล มโหสธปณฺฑิตกาเลติ (ชา. ๒.๒๒.๕๙๐ อาทโย) เอวมาทีสุ ปฺาปารมิยา ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส เสนกปณฺฑิตกาเล –
‘‘ปฺาย วิจินนฺโตหํ, พฺราหฺมณํ โมจยึ ทุขา;
ปฺาย เม สโม นตฺถิ, เอสา เม ปฺาปารมี’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา; ชา. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา; อป. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกฺกถา) –
อนฺโตภสฺตคตํ สปฺปํ ทสฺเสนฺตสฺส ปฺาปารมี ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. วีริยํ กตฺวาน อุตฺตมนฺติ ¶ สมฺมาสมฺโพธึ ปาเปตุํ สมตฺถตาย อุตฺตมํ ปธานํ วีริยนฺติ วิวิธมฺปิ วีริยปารมึ กตฺวา อุปฺปาเทตฺวา. ตตฺถ มหาสีลวราชกาเล (ชา. ๑.๑.๕๑) ปฺจาวุธกุมารกาเล (ชา. ๑.๑.๕๕) มหาวานรินฺทกาเลติ (ชา. ๑.๑.๕๗) เอวมาทีสุ วีริยปารมิยา ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส มหาชนกกาเล –
‘‘อตีรทสฺสี ชลมชฺเฌ, หตา สพฺเพว มานุสา;
จิตฺตสฺส อฺถา นตฺถิ, เอสา เม วีริยปารมี’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา; ชา. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา; อป. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา) –
เอวํ มหาสมุทฺทํ ตรนฺตสฺส วีริยปารมี ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา.
ขนฺติยา ปารมึ คนฺตฺวาติ อธิวาสนขนฺติอาทิ ขนฺติปรมุกฺกํสภาวํ ปาเปนฺโต ขนฺติยา ปารมึ ปรมโกฏึ คนฺตฺวา, ขนฺติปารมึ สมฺปาเทตฺวาติ อตฺโถ. ตตฺถ มหากปิกาเล (จริยา. ๓.๖๗ อาทโย; ชา. ๑.๗.๘๓ อาทโย) มหึสราชกาเล (ชา. ๑.๓.๘๒ อาทโย) รุรุมิคราชกาเล (ชา. ๑.๑๓.๑๑๗ อาทโย) ธมฺมเทวปุตฺตกาเลติ (ชา. ๑.๑๑.๒๖ อาทโย) เอวมาทีสุ ขนฺติปารมิยา ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส ขนฺติวาทิกาเล –
‘‘อเจตนํ ¶ ว โกฏฺเฏนฺเต, ติณฺเหน ผรสุนา มมํ;
กาสิราเช น กุปฺปามิ, เอสา เม ขนฺติปารมี’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา; ชา. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา; อป. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา) –
เอวํ อเจตนภาเวน วิย มหาทุกฺขํ อนุภวนฺตสฺส ขนฺติปารมี ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา.
กตฺวา ทฬฺหมธิฏฺานนฺติ กุสลสมาทานาธิฏฺานํ ตสฺส ตสฺส ปารมิสมาทานสฺส ตทุปการกสมาทานสฺส จ อธิฏฺานํ ทฬฺหตรํ อสิถิลํ กตฺวา, ตํ ตํ วตสมาทานํ ¶ อนิวตฺติภาเวน อธิฏฺหิตฺวาติ อตฺโถ. ตตฺถ โชติปาลกาเล (ม. นิ. ๒.๒๘๒ อาทโย) สรภงฺคกาเล (ชา. ๒.๑๗.๕๐ อาทโย) เนมิกาเลติ (จริยา. ๑.๔๐ อาทโย; ชา.๒.๒๒.๔๒๑ อาทโย) เอวมาทีสุ ¶ อธิฏฺานปารมิยา ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส เตมิยกุมารกาเล –
‘‘มาตาปิตา น เม เทสฺสา, อตฺตา เม น จ เทสฺสิโย;
สพฺพฺุตํ ปิยํ มยฺหํ, ตสฺมา วตมธิฏฺหิ’’นฺติ. (จริยา. ๓.๖๕) –
เอวํ ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา วตํ อธิฏฺหนฺตสฺส อธิฏฺานปารมี ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา.
สจฺจวาจานุรกฺขิยาติ สจฺจวาจํ อนุรกฺขิตฺวา ชีวิตนฺตราเยปิ อนริยโวหารํ คูถํ วิย ชิคุจฺฉนฺโต ปริหริตฺวา สพฺพโส อวิสํวาทิภาวํ รกฺขิตฺวา. ตตฺถ กปิราชกาเล (จริยา. ๓.๖๗ อาทโย) สจฺจตาปสกาเล มจฺฉราชกาเลติ เอวมาทีสุ สจฺจปารมิยา ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส มหาสุตโสมกาเล –
‘‘สจฺจวาจํ อนุรกฺขนฺโต, จชิตฺวา มม ชีวิตํ;
โมเจสึ เอกสตํ ขตฺติเย, เอสา เม สจฺจปารมี’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา; ชา. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา; อป. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา) –
เอวํ ชีวิตํ จชิตฺวา สจฺจํ อนุรกฺขนฺตสฺส สจฺจปารมี ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา.
เมตฺตาย ¶ ปารมึ คนฺตฺวาติ สพฺพสตฺเตสุ อโนธิโส หิตูปสํหารลกฺขณาย เมตฺตาย ปารมึ ปรมุกฺกํสตํ ปตฺวา. ตตฺถ จูฬธมฺมปาลกาเล (ชา. ๑.๕.๔๔ อาทโย) มหาสีลวราชกาเล (ชา. ๑.๑.๕๑) สามปณฺฑิตกาเลติ (จริยา. ๓.๑๑๑ อาทโย; ชา. ๒.๒๒.๒๙๖ อาทโย) เอวมาทีสุ เมตฺตาปารมิยา ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส สุวณฺณสามกาเล –
‘‘น มํ โกจิ อุตฺตสติ, นปิหํ ภายามิ กสฺสจิ;
เมตฺตาพเลนุปตฺถทฺโธ, รมามิ ปวเน ตทา’’ติ. (จริยา. ๓.๑๑๓) –
เอวํ ชีวิตมฺปิ อโนโลเกตฺวา เมตฺตายนฺตสฺส เมตฺตาปารมี ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา.
สมฺมานนาวมานเนติ สกฺกจฺจํ ปูชาสกฺการาทินา สมฺมานเน โอฏฺุภนาทินา อวมานเน จ ¶ สพฺพตฺถ โลกธมฺเม สมโก สมจิตฺโต นิพฺพิกาโร หุตฺวา อุตฺตมํ อนุตฺตรํ ลพฺพฺุตํ อธิคโตสฺมีติ อตฺโถ. ตตฺถ มหาวานรินฺทกาเล (ชา. ๑.๑.๕๗) กาสิราชกาเล เขมพฺราหฺมณกาเล อฏฺิเสนปริพฺพาชกกาเลติ (ชา. ๑.๗.๕๔ อาทโย) เอวมาทีสุ อุเปกฺขาปารมิยา ปูริตตฺตภาวานํ ¶ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส มหาโลมหํสกาเล –
‘‘สุสาเน เสยฺยํ กปฺเปมิ, ฉวฏฺิกํ อุปนิธายหํ;
คามณฺฑลา อุปาคนฺตฺวา, รูปํ ทสฺเสนฺตินปฺปก’’นฺติ. (จริยา. ๓.๑๑๙) –
เอวํ คามทารเกสุ โอฏฺุภนาทีหิ เจว มาลาคนฺธูปหาราทีหิ จ สุขทุกฺขํ อุปฺปาเทนฺเตสุปิ อุเปกฺขํ อนติวตฺตนฺตสฺส อุเปกฺขาปารมี ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. อิติ ภควา –
‘‘เอวํ พหุพฺพิธํ ทุกฺขํ, สมฺปตฺตี จ พหุพฺพิธา;
ภวาภเว อนุภวิตฺวา, ปตฺโต สมฺโพธิมุตฺตม’’นฺติ. –
สมฺมาสมฺโพธึ อธิคนฺตุํ อิมสฺมึ ภทฺทกปฺเป อตฺตนา กตํ ทุกฺกรจริยํ สงฺเขเปเนว วตฺวา ปุน –
‘‘ทตฺวา ทาตพฺพกํ ทานํ, สีลํ ปูเรตฺวา อเสสโต;
เนกฺขมฺเม ปารมึ คนฺตฺวา, ปตฺโต สมฺโพธิมุตฺตมํ.
‘‘ปณฺฑิเต ¶ ปริปุจฺฉิตฺวา, วีริยํ กตฺวาน มุตฺตมํ;
ขนฺติยา ปารมึ คนฺตฺวา, ปตฺโต สมฺโพธิมุตฺตมํ.
‘‘กตฺวา ทฬฺหมธิฏฺานํ, สจฺจวาจานุรกฺขิย;
เมตฺตาย ปารมึ คนฺตฺวา, ปตฺโต สมฺโพธิมุตฺตมํ.
‘‘ลาภาลาเภ ยสายเส, สมฺมานนาวมานเน;
สพฺพตฺถ สมโก หุตฺวา, ปตฺโต สมฺโพธิมุตฺตม’’นฺติ. –
อตฺตนา สมฺมเทว ปริปูริตา ทส ปารมิโย ทสฺเสติ.
ปกิณฺณกกถา
อิมสฺมึ ¶ ¶ ปน าเน ตฺวา มหาโพธิยานปฏิปตฺติยํ อุสฺสาหชาตานํ กุลปุตฺตานํ โพธิสมฺภาเรสุ นานปฺปการโกสลฺลตฺถํ สพฺพปารมีสุ ปกิณฺณกกถา กเถตพฺพา.
ตตฺริทํ ปฺหกมฺมํ – กา ปเนตา ปารมิโย? เกนฏฺเน ปารมิโย? กติวิธา เจตา? โก ตาสํ กโม? กานิ ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานานิ? โก ปจฺจโย? โก สํกิเลโส? กึ โวทานํ? โก ปฏิปกฺโข? กา ปฏิปตฺติ? โก วิภาโค? โก สงฺคโห? โก สมฺปาทนูปาโย? กิตฺตเกน กาเลน สมฺปาทนํ? โก อานิสํโส? กึ เจตาสํ ผลนฺติ?
ตตฺริทํ วิสฺสชฺชนํ – กา ปเนตา ปารมิโยติ? ตณฺหามานทิฏฺีหิ ¶ อนุปหตา กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตา ทานาทโย คุณา ปารมิโย.
เกนฏฺเน ปารมิโยติ? ทานสีลาทิคุณวิเสสโยเคน สตฺตุตฺตมตาย ปรมา มหาสตฺตา โพธิสตฺตา, เตสํ ภาโว กมฺมํ วา ปารมี, ทานาทิกิริยา. อถ วา ปรตีติ ปรโม, ทานาทิคุณานํ ปูรโก ปาลโก จาติ โพธิสตฺโต, ปรมสฺส อยํ, ปรมสฺส วา ภาโว, กมฺมํ วา ปารมี, ทานาทิกิริยาว. อถ วา ปรํ สตฺตํ อตฺตนิ มวติ พนฺธติ คุณวิเสสโยเคน, ปรํ วา อธิกตรํ มชฺชติ สุชฺฌติ สํกิเลสมลโต, ปรํ วา เสฏฺํ นิพฺพานํ วิเสเสน มยติ คจฺฉติ, ปรํ วา โลกํ ปมาณภูเตน าณวิเสเสน อิธโลกํ วิย มุนาติ ปริจฺฉินฺทติ, ปรํ วา อติวิย สีลาทิคุณคณํ อตฺตโน สนฺตาเน มิโนติ ปกฺขิปติ, ปรํ วา อตฺตภูตโต ธมฺมกายโต อฺํ ปฏิปกฺขํ วา ตทนตฺถกรํ กิเลสโจรคณํ มินาติ หึสตีติ ปรโม, มหาสตฺโต. ปรมสฺส อยนฺติอาทิ วุตฺตนเยน โยเชตพฺพํ. ปาเร วา นิพฺพาเน มชฺชติ สุชฺฌติ สตฺเต จ โสเธติ, ตตฺถ วา สตฺเต มวติ พนฺธติ โยเชติ, ตํ วา มยติ คจฺฉติ คเมติ จ, มุนาติ วา ตํ ยาถาวโต ¶ , ตตฺถ วา สตฺเต มิโนติ ปกฺขิปติ, กิเลสารโย ¶ วา สตฺตานํ ตตฺถ มินาติ หึสตีติ ปารมี, มหาปุริโส. ตสฺส ภาโว กมฺมํ วา ปารมิตา, ทานาทิกิริยาว. อิมินา นเยน ปารมีสทฺทตฺโถ เวทิตพฺโพ.
กติวิธาติ? สงฺเขปโต ทสวิธา. ตา ปน ปาฬิยํ สรูปโต อาคตาเยว. ยถาห –
‘‘วิจินนฺโต ตทา ทกฺขึ, ปมํ ทานปารมึ;
ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อนุจิณฺณํ มหาปถ’’นฺติ. (พุ. วํ. ๒.๑๑๖) –
อาทิ. ยถา จาห – ‘‘กติ นุ โข, ภนฺเต, พุทฺธการกา ธมฺมา? ทส โข, สาริปุตฺต, พุทฺธการกา ธมฺมา. กตเม ทส? ทานํ โข, สาริปุตฺต, พุทฺธการโก ธมฺโม, สีลํ, เนกฺขมฺมํ, ปฺา, วีริยํ, ขนฺติ, สจฺจํ, อธิฏฺานํ, เมตฺตา, อุเปกฺขา พุทฺธการโก ธมฺโม. อิเม โข, สาริปุตฺต, ทส พุทฺธการกา ธมฺมา’’ติ. อิทมโวจ ภควา, อิทํ วตฺวา สุคโต อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
‘‘ทานํ ¶ สีลฺจ เนกฺขมฺมํ, ปฺา วีริเยน ปฺจมํ;
ขนฺติ สจฺจมธิฏฺานํ, เมตฺตุเปกฺขาติ เต ทสา’’ติ. (พุ. วํ. ๑.๗๖ โถกํ วิสทิสํ);
เกจิ ปน ‘‘ฉพฺพิธา’’ติ วทนฺติ. ตํ เอตาสํ สงฺคหวเสน วุตฺตํ. โส ปน สงฺคโห ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ.
โก ตาสํ กโมติ? เอตฺถ กโมติ เทสนากฺกโม, โส จ ปมสมาทานเหตุโก, สมาทานํ ปวิจยเหตุกํ, อิติ ยถา อาทิมฺหิ ปวิจิตา สมาทินฺนา จ, ตถา เทสิตา. ตตฺถ ทานํ สีลสฺส พหูปการํ สุกรฺจาติ ตํ อาทิมฺหิ วุตฺตํ. ทานํ สีลปริคฺคหิตํ มหปฺผลํ โหติ มหานิสํสนฺติ ทานานนฺตรํ สีลํ วุตฺตํ. สีลํ เนกฺขมฺมปริคฺคหิตํ, เนกฺขมฺมํ ปฺาปริคฺคหิตํ, ปฺา วีริยปริคฺคหิตา, วีริยํ ขนฺติปริคฺคหิตํ, ขนฺติ สจฺจปริคฺคหิตา, สจฺจํ อธิฏฺานปริคฺคหิตํ, อธิฏฺานํ เมตฺตาปริคฺคหิตํ, เมตฺตา ¶ อุเปกฺขาปริคฺคหิตา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสาติ เมตฺตานนฺตรมุเปกฺขา วุตฺตา. อุเปกฺขา ปน กรุณาปริคฺคหิตา กรุณา จ อุเปกฺขาปริคฺคหิตาติ เวทิตพฺพา. ‘‘กถํ ปน มหาการุณิกา โพธิสตฺตา สตฺเตสุ อุเปกฺขกา โหนฺตี’’ติ? ‘‘อุเปกฺขิตพฺพยุตฺเตสุ กฺจิ กาลํ อุเปกฺขกา โหนฺติ ¶ , น ปน สพฺพตฺถ สพฺพทา จา’’ติ เกจิ. อปเร ปน – ‘‘น สตฺเตสุ อุเปกฺขกา, สตฺตกเตสุ ปน วิปฺปกาเรสุ อุเปกฺขกา โหนฺตี’’ติ.
อปโร นโย – ปจุรชเนสุปิ ปวตฺติยา สพฺพสตฺตสาธารณตฺตา อปฺปผลตฺตา สุกรตฺตา จ อาทิมฺหิ ทานํ วุตฺตํ. สีเลน ทายกปฏิคฺคาหกสุทฺธิโต ปรานุคฺคหํ วตฺวา ปรปีฬานิวตฺติวจนโต กิริยธมฺมํ วตฺวา อกิริยธมฺมวจนโต โภคสมฺปตฺติเหตุํ วตฺวา ภวสมฺปตฺติเหตุวจนโต จ ทานสฺส อนนฺตรํ สีลํ วุตฺตํ. เนกฺขมฺเมน สีลสมฺปตฺติสิทฺธิโต กายวจีสุจริตํ วตฺวา มโนสุจริตวจนโต วิสุทฺธสีลสฺส สุเขเนว ฌานสมิชฺฌนโต กมฺมาปราธปฺปหาเนน ปโยคสุทฺธึ วตฺวา กิเลสาปราธปฺปหาเนน อาสยสุทฺธิวจนโต วีติกฺกมปฺปหาเนน จิตฺตสฺส ปริยุฏฺานปฺปหานวจนโต จ สีลสฺส ¶ อนนฺตรํ เนกฺขมฺมํ วุตฺตํ. ปฺาย เนกฺขมฺมสฺส สิทฺธิปริสุทฺธิโต ฌานาภาเวน ปฺาภาววจนโต ‘‘สมาธิปทฏฺานา หิ ปฺา, ปฺาปจฺจุปฏฺาโน จ สมาธิ’’. สมถนิมิตฺตํ วตฺวา อุเปกฺขานิมิตฺตวจนโต ปรหิตชฺฌาเนน ปรหิตกรณูปายโกสลฺลวจนโต จ เนกฺขมฺมสฺส อนนฺตรํ ปฺา วุตฺตา. วีริยารมฺเภน ปฺากิจฺจสิทฺธิโต สตฺตสฺุตาธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺตึ วตฺวา สตฺตหิตาย อารมฺภสฺส อจฺฉริยตาวจนโต อุเปกฺขานิมิตฺตํ วตฺวา ปคฺคหนิมิตฺตวจนโต นิสมฺมการิตํ วตฺวา อุฏฺานวจนโต จ ‘‘นิสมฺมการิโน หิ อุฏฺานํ ผลวิเสสมาวหตี’’ติ ปฺาย อนนฺตรํ วีริยํ วุตฺตํ.
วีริเยน ติติกฺขาสิทฺธิโต ‘‘วีริยวา หิ อารทฺธวีริยตฺตา สตฺตสงฺขาเรหิ อุปนีตํ ทุกฺขํ อภิภุยฺย วิหรติ’’. วีริยสฺส ติติกฺขาลงฺการภาวโต ‘‘วีริยวโต หิ ติติกฺขา โสภติ’’. ปคฺคหนิมิตฺตํ วตฺวา สมถนิมิตฺตวจนโต อจฺจารมฺเภน อุทฺธจฺจโทสปฺปหานวจนโต ‘‘ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติยา หิ อุทฺธจฺจโทโส ปหียติ’’. วีริยวโต สาตจฺจกรณวจนโต ‘‘ขนฺติพหุโล หิ อนุทฺธโต สาตจฺจการี โหติ’’. อปฺปมาทวโต ¶ ปรหิตกิริยารมฺเภ ปจฺจุปการตณฺหาภาววจนโต ‘‘ยาถาวโต ธมฺมนิชฺฌาเน หิ สติ ตณฺหา น โหติ’’. ปรหิตารมฺเภ ปรเมปิ ปรกตทุกฺขสหนตาวจนโต จ วีริยสฺส อนนฺตรํ ขนฺติ วุตฺตา. สจฺเจน ขนฺติยา จิราธิฏฺานโต อปการิโน อปการขนฺตึ วตฺวา ตทุปการกรเณ อวิสํวาทวจนโต ขนฺติยา อปวาทวาจาวิกมฺปเนน ภูตวาทิตาย อวิชหนวจนโต สตฺตสฺุตาธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺตึ วตฺวา ตทุปพฺรูหิตาณสจฺจวจนโต จ ขนฺติยา อนนฺตรํ สจฺจํ วุตฺตํ.
อธิฏฺาเนน ¶ สจฺจสิทฺธิโต ‘‘อจลาธิฏฺานสฺส หิ วิรติ สิชฺฌติ’’. อวิสํวาทิตํ วตฺวา ตตฺถ อจลภาววจนโต ‘‘สจฺจสนฺโธ หิ ทานาทีสุ ปฏิฺานุรูปํ นิจฺจโลว ¶ ปวตฺตติ’’. าณสจฺจํ วตฺวา สมฺภาเรสุ ปวตฺตินิฏฺาปนวจนโต ‘‘ยถาภูตาณวา หิ โพธิสมฺภาเร อธิฏฺาติ, เต จ นิฏฺาเปติ ปฏิปกฺเขหิ อกมฺปิยภาวโต’’ติ สจฺจสฺส อนนฺตรํ อธิฏฺานํ วุตฺตํ. เมตฺตาย ปรหิตกรณสมาทานาธิฏฺานสิทฺธิโต อธิฏฺานํ วตฺวา หิตูปสํหารวจนโต ‘‘โพธิสมฺภาเร หิ อธิติฏฺมาโน เมตฺตาวิหารี โหติ’’. อจลาธิฏฺานสฺส สมาทานาวิโกปเนน สมาทานสมฺภวโต จ อธิฏฺานสฺส อนนฺตรํ เมตฺตา วุตฺตา. อุเปกฺขาย เมตฺตาวิสุทฺธิโต สตฺเตสุ หิตูปสํหารํ วตฺวา ตทปราเธสุ อุทาสีนตาวจนโต เมตฺตาภาวนํ วตฺวา ตนฺนิสฺสนฺทภาวนาวจนโต หิตกามสตฺเตปิ อุเปกฺขโกติ อจฺฉริยคุณตาวจนโต จ เมตฺตาย อนนฺตรํ อุเปกฺขา วุตฺตาติ เอวเมตาสํ กโม เวทิตพฺโพ.
กานิ ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานานีติ เอตฺถ อวิเสเสน ตาว สพฺพาปิ ปารมิโย ปรานุคฺคหลกฺขณา, ปเรสํ อุปการกรณรสา, อวิกมฺปนรสา วา, หิเตสิตาปจฺจุปฏฺานา, พุทฺธตฺตปจฺจุปฏฺานา วา, มหากรุณาปทฏฺานา, กรุณูปายโกสลฺลปทฏฺานา วา.
วิเสเสน ปน ยสฺมา กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตา อตฺตูปกรณปริจฺจาคเจตนา ทานปารมิตา, กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตํ กายวจีสุจริตํ อตฺถโต อกตฺตพฺพวิรติกตฺตพฺพกรณเจตนาทโย จ สีลปารมิตา. กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิโต อาทีนวทสฺสนปุพฺพงฺคโม กามภเวหิ นิกฺขมนจิตฺตุปฺปาโท เนกฺขมฺมปารมิตา, กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิโต ธมฺมานํ สามฺวิเสสลกฺขณาวโพโธ ปฺาปารมิตา ¶ . กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิโต กายจิตฺเตหิ ปรหิตารมฺโภ วีริยปารมิตา, กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตํ สตฺตสงฺขาราปราธสหนํ อโทสปฺปธาโน ตทาการปฺปวตฺตจิตฺตุปฺปาโท ขนฺติปารมิตา, กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตํ วิรติเจตนาทิเภทํ อวิสํวาทนํ สจฺจปารมิตา, กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตํ อจลสมาทานาธิฏฺานํ ตทาการปฺปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโท อธิฏฺานปารมิตา, กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิโต โลกสฺส หิตสุขูปสํหาโร ¶ อตฺถโต อพฺยาปาโท เมตฺตาปารมิตา, กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตา อนุนยปฏิฆวิทฺธํสนี อิฏฺานิฏฺเสุ สตฺตสงฺขาเรสุ สมปฺปวตฺติ อุเปกฺขาปารมิตา.
ตสฺมา ปริจฺจาคลกฺขณา ทานปารมี, เทยฺยธมฺเม โลภวิทฺธํสนรสา, อนาสตฺติปจฺจุปฏฺานา, ภววิภวสมฺปตฺติปจฺจุปฏฺานา วา, ปริจฺจชิตพฺพวตฺถุปทฏฺานา. สีลนลกฺขณา ¶ สีลปารมี, สมาธานลกฺขณา ปติฏฺานลกฺขณา จาติ วุตฺตํ โหติ. ทุสฺสีลฺยวิทฺธํสนรสา, อนวชฺชรสา วา, โสเจยฺยปจฺจุปฏฺานา, หิโรตฺตปฺปปทฏฺานา. กามโต จ ภวโต จ นิกฺขมนลกฺขณา เนกฺขมฺมปารมี, ตทาทีนววิภาวนรสา, ตโต เอว วิมุขภาวปจฺจุปฏฺานา, สํเวคปทฏฺานา. ยถาสภาวปฏิเวธลกฺขณา ปฺาปารมี, อกฺขลิตปฏิเวธลกฺขณา วา กุสลิสฺสาสขิตฺตอุสุปฏิเวโธ วิย, วิสโยภาสนรสา ปทีโป วิย, อสมฺโมหปจฺจุปฏฺานา อรฺคตสุเทสิโก วิย, สมาธิปทฏฺานา, จตุสจฺจปทฏฺานา วา. อุสฺสาหลกฺขณา วีริยปารมี, อุปตฺถมฺภนรสา, อสํสีทนปจฺจุปฏฺานา, วีริยารมฺภวตฺถุปทฏฺานา, สํเวคปทฏฺานา วา. ขมนลกฺขณา ขนฺติปารมี, อิฏฺานิฏฺสหนรสา, อธิวาสนปจฺจุปฏฺานา, อวิโรธปจฺจุปฏฺานา วา, ยถาภูตทสฺสนปทฏฺานา. อวิสํวาทนลกฺขณา สจฺจปารมี, ยถาสภาววิภาวนรสา, สาธุตาปจฺจุปฏฺานา, โสรจฺจปทฏฺานา. โพธิสมฺภาเรสุ อธิฏฺานลกฺขณา อธิฏฺานปารมี, เตสํ ปฏิปกฺขาภิภวนรสา, ตตฺถ อจลตาปจฺจุปฏฺานา, โพธิสมฺภารปทฏฺานา. หิตาการปฺปวตฺติลกฺขณา เมตฺตาปารมี, หิตูปสํหารรสา, อาฆาตวินยนรสา วา, โสมฺมภาวปจฺจุปฏฺานา, สตฺตานํ มนาปภาวทสฺสนปทฏฺานา. มชฺฌตฺตาการปฺปวตฺติลกฺขณา อุเปกฺขาปารมี, สมภาวทสฺสนรสา, ปฏิฆานุนยวูปสมปจฺจุปฏฺานา, กมฺมสฺสกตาปจฺจเวกฺขณปทฏฺานา.
เอตฺถ ¶ จ กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตตา ทานาทีนํ ปริจฺจาคาทิลกฺขณสฺส วิเสสนภาเวน วตฺตพฺพา. กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตานิ หิ ทานาทีนิ โพธิสตฺตสนฺตาเน ปวตฺตานิ ทานาทิปารมิโย นาม โหนฺติ.
โก ¶ ปจฺจโยติ? อภินีหาโร ตาว ปารมีนํ ปจฺจโย. โย หิ อยํ –
‘‘มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺติ, เหตุ สตฺถารทสฺสนํ;
ปพฺพชฺชา คุณสมฺปตฺติ, อธิกาโร จ ฉนฺทตา;
อฏฺธมฺมสโมธานา, อภินีหาโร สมิชฺฌตี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๕๙) –
เอวํ วุตฺโต อฏฺธมฺมสโมธานสมฺปาทิโต ‘‘ติณฺโณ ตาเรยฺยํ มุตฺโต โมเจยฺยํ ทนฺโต ทเมยฺยํ สนฺโต สเมยฺยํ อสฺสตฺโถ อสฺสาเสยฺยํ ปรินิพฺพุโต ปรินิพฺพาเปยฺยํ สุทฺโธ โสเธยฺยํ พุทฺโธ โพเธยฺย’’นฺติอาทินยปฺปวตฺโต อภินีหาโร. โส อวิเสเสน สพฺพปารมีนํ ปจฺจโย. ตปฺปวตฺติยา ¶ หิ อุทฺธํ ปารมีนํ ปวิจยุปฏฺานสมาทานาธิฏฺานนิปฺผตฺติโย มหาปุริสานํ สมฺภวนฺติ.
ตตฺถ มนุสฺสตฺตนฺติ มนุสฺสตฺตภาโว. มนุสฺสตฺตภาเวเยว หิ ตฺวา พุทฺธตฺตํ ปตฺเถนฺตสฺส ปตฺถนา สมิชฺฌติ, น นาคสุปณฺณาทิชาตีสุ ิตสฺส. กสฺมาติ เจ? พุทฺธภาวสฺส อนนุจฺฉวิกภาวโต.
ลิงฺคสมฺปตฺตีติ มนุสฺสตฺตภาเว ิตสฺสาปิ ปุริสสฺเสว ปตฺถนา สมิชฺฌติ, น อิตฺถิยา น ปณฺฑกนปุํสกอุภโตพฺยฺชนกานํ วา สมิชฺฌติ. กสฺมาติ เจ? ยถาวุตฺตการณโต ลกฺขณปาริปูริยา อภาวโต จ. วุตฺตฺเจตํ – ‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ อิตฺถี อรหํ อสฺส สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๗๙; วิภ. ๘๐๙) วิตฺถาโร. ตสฺมา มนุสฺสชาติกสฺสาปิ อิตฺถิลิงฺเค ิตสฺส ปณฺฑกาทีนํ วา ปตฺถนา น สมิชฺฌติ.
เหตูติ อุปนิสฺสยสมฺปตฺติ. มนุสฺสปุริสสฺสาปิ หิ อุปนิสฺสยสมฺปนฺนสฺเสว เหตุสมฺปตฺติยา ปตฺถนา สมิชฺฌติ, น อิตรสฺส.
สตฺถารทสฺสนนฺติ ¶ สตฺถุสมฺมุขีภาโว. ธรมานกพุทฺธสฺเสว หิ สนฺติเก ปตฺเถนฺตสฺส ปตฺถนา สมิชฺฌติ, ปรินิพฺพุเต ปน ภควติ เจติยสฺส สนฺติเก วา โพธิมูเล วา ปฏิมาย วา ปจฺเจกพุทฺธพุทฺธสาวกานํ วา สนฺติเก ปตฺถนา น สมิชฺฌติ. กสฺมา? อธิการสฺส พลวภาวาภาวโต. พุทฺธานํ เอว ปน สนฺติเก ปตฺถนา สมิชฺฌติ, อชฺฌาสยสฺส อุฬารภาเวน ตทธิการสฺส พลวภาวาปตฺติโต.
ปพฺพชฺชาติ พุทฺธสฺส ภควโต สนฺติเก ปตฺเถนฺตสฺสาปิ กมฺมกิริยวาทีสุ ตาปเสสุ วา ¶ ภิกฺขูสุ วา ปพฺพชิตสฺเสว ปตฺถนา สมิชฺฌติ, โน คิหิลิงฺเค ิตสฺส. กสฺมา? พุทฺธภาวสฺส อนนุจฺฉวิกภาวโต. ปพฺพชิตา เอว หิ มหาโพธิสตฺตา สมฺมาสมฺโพธึ อธิคจฺฉนฺติ, น คหฏฺภูตา, ตสฺมา ปณิธานกาเล จ ปพฺพชฺชาลิงฺคํ เอว หิ ยุตฺตรูปํ กิฺจ คุณสมฺปตฺติอธิฏฺานภาวโต.
คุณสมฺปตฺตีติ อภิฺาทิคุณสมฺปทา. ปพฺพชิตสฺสาปิ หิ อฏฺสมาปตฺติลาภิโน ปฺจาภิฺสฺเสว ปตฺถนา สมิชฺฌติ, น ยถาวุตฺตคุณสมฺปตฺติยา วิรหิตสฺส. กสฺมา? ปารมิปวิจยสฺส ¶ อสมตฺถภาวโต, อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา อภิฺาสมฺปตฺติยา จ สมนฺนาคตตฺตา มหาปุริสา กตาภินีหารา สยเมว ปารมี ปวิเจตุํ สมตฺถา โหนฺติ.
อธิกาโรติ อธิโก อุปกาโร. ยถาวุตฺตคุณสมฺปนฺโนปิ หิ โย อตฺตโน ชีวิตมฺปิ พุทฺธานํ ปริจฺจชิตฺวา ตสฺมึ กาเล อธิกํ อุปการํ กโรติ, ตสฺเสว อภินีหาโร สมิชฺฌติ, น อิตรสฺส.
ฉนฺทตาติ กตฺตุกามตากุสลจฺฉนฺโท. ยสฺส หิ ยถาวุตฺตธมฺมสมนฺนาคตสฺส พุทฺธการกธมฺมานํ อตฺถาย มหนฺโต ฉนฺโท มหตี ปตฺถนา มหตี กตฺตุกามตา อตฺถิ, ตสฺเสว สมิชฺฌติ, น อิตรสฺส.
ตตฺริทํ ฉนฺทมหนฺตตาย โอปมฺมํ – โย สกลจกฺกวาฬคพฺภํ เอโกทกีภูตํ อตฺตโน พาหุพเลเนว อุตฺตริตฺวา ปารํ คนฺตุํ สมตฺโถ, โส พุทฺธตฺตํ ¶ ปาปุณาตีติ สุตฺวา ตํ ทุกฺกรโต อทหนฺโต ‘‘อหํ ตํ อุตฺตริตฺวา ปารํ คมิสฺสามี’’ติ ฉนฺทชาโต โหติ, น ตตฺถ สงฺโกจํ อาปชฺชติ. ตถา โย สกลจกฺกวาฬํ วีตจฺจิกานํ วิคตธูมานํ องฺคารานํ ปูรํ ปาเทหิ อกฺกมนฺโต อติกฺกมิตฺวา ปรภาคํ ปาปุณิตุํ สมตฺโถ…เป… น ตตฺถ สงฺโกจํ อาปชฺชติ. ตถา โย สกลจกฺกวาฬํ สตฺติสูเลหิ สุนิสิตผเลหิ นิรนฺตรํ อากิณฺณํ ปาเทหิ อกฺกมนฺโต อติกฺกมิตฺวา…เป… น ตตฺถ สงฺโกจํ อาปชฺชติ. ตถา โย สกลจกฺกวาฬํ นิรนฺตรํ ฆนเวฬุคุมฺพสฺฉนฺนํ กณฺฏกลตาวนคหนํ วินิวิชฺฌิตฺวา ปรภาคํ คนฺตุํ สมตฺโถ…เป… น ตตฺถ สงฺโกจํ อาปชฺชติ. ตถา โย ‘‘จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ สตสหสฺสฺจ กปฺเป นิรเย ปจฺจิตฺวา พุทฺธตฺตํ ¶ ปตฺตพฺพ’’นฺติ สุตฺวา ตํ ทุกฺกรโต อทหนฺโต ‘‘อหํ ตตฺถ ปจฺจิตฺวา พุทฺธตฺตํ ปาปุณิสฺสามี’’ติ ฉนฺทชาโต โหติ, น ตตฺถ สงฺโกจํ อาปชฺชตีติ เอวมาทินา นเยน เอตฺถ ฉนฺทสฺส มหนฺตภาโว เวทิตพฺโพ.
เอวํ อฏฺงฺคสมนฺนาคโต ปนายํ อภินีหาโร อตฺถโต เตสํ อฏฺนฺนํ องฺคานํ สโมธาเนน ตถาปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโทติ เวทิตพฺโพ. โส สมฺมเทว สมฺมาสมฺโพธิยา ปณิธานลกฺขโณ. ‘‘อโห วตาหํ อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺเฌยฺยํ, สพฺพสตฺตานํ หิตสุขํ นิปฺผาเทยฺย’’นฺติ เอวมาทิปตฺถนารโส, โพธิสมฺภารเหตุภาวปจฺจุปฏฺาโน, มหากรุณาปทฏฺาโน, อุปนิสฺสยสมฺปตฺติปทฏฺาโน วา. อจินฺเตยฺยํ พุทฺธภูมึ อปริมาณํ สตฺตโลกหิตฺจ อารพฺภ ปวตฺติยา ¶ สพฺพพุทฺธการกธมฺมมูลภูโต ปรมภทฺทโก ปรมกลฺยาโณ อปริเมยฺยปฺปภาโว ปฺุวิเสโสติ ทฏฺพฺโพ.
ยสฺส จ อุปฺปตฺติยา สเหว มหาปุริโส มหาโพธิยานปฏิปตฺตึ โอติณฺโณ นาม โหติ นิยตภาวสมธิคมนโต ตโต อนิวตฺตนสภาวตฺตา โพธิสตฺโตติ สมฺํ ปฏิลภติ, สพฺพภาเวน สมฺมาสมฺโพธิยํ สมาสตฺตมานสตา โพธิสมฺภารสิกฺขาสมตฺถตา จสฺส สนฺติฏฺติ. ยถาวุตฺตาภินีหารสมิชฺฌเนน หิ มหาปุริสา สพฺพฺุตฺาณาธิคมนปุพฺพลิงฺเคน สยมฺภุาเณน สมฺมเทว สพฺพปารมิโย ปวิจินิตฺวา สมาทาย อนุกฺกเมน ปริปูเรนฺติ. ตถา กตมหาภินีหาโร หิ สุเมธปณฺฑิโต ปฏิปชฺชิ. ยถาห –
‘‘หนฺท ¶ พุทฺธกเร ธมฺเม, วิจินามิ อิโต จิโต;
อุทฺธํ อโธ ทส ทิสา, ยาวตา ธมฺมธาตุยา;
วิจินนฺโต ตทา ทกฺขึ, ปมํ ทานปารมิ’’นฺติ. (พุ. วํ. ๒.๑๑๕-๑๑๖) –
วิตฺถาโร. ตสฺส จ อภินีหารสฺส จตฺตาโร ปจฺจยา จตฺตาโร เหตู จตฺตาริ จ พลานิ เวทิตพฺพานิ.
ตตฺถ กตเม จตฺตาโร ปจฺจยา? อิธ มหาปุริโส ปสฺสติ ตถาคตํ มหตา พุทฺธานุภาเวน อจฺฉริยพฺภุตํ ปาฏิหาริยํ กโรนฺตํ. ตสฺส ตํ นิสฺสาย ตํ อารมฺมณํ กตฺวา มหาโพธิยํ จิตฺตํ สนฺติฏฺติ – ‘‘มหานุภาวา วตายํ ธมฺมธาตุ, ยสฺสา สุปฺปฏิวิทฺธตฺตา ภควา เอวํ อจฺฉริยพฺภุตธมฺโม อจินฺเตยฺยานุภาโว จา’’ติ ¶ . โส ตเมว มหานุภาวทสฺสนํ นิสฺสาย ตํ ปจฺจยํ กตฺวา สมฺโพธิยํ อธิมุจฺจนฺโต ตตฺถ จิตฺตํ เปติ. อยํ ปโม ปจฺจโย มหาภินีหาราย.
น เหว โข ปสฺสติ ตถาคตสฺส ยถาวุตฺตํ มหานุภาวตํ, อปิ จ โข สุณาติ ‘‘เอทิโส จ เอทิโส จ ภควา’’ติ. โส ตํ นิสฺสาย ตํ ปจฺจยํ กตฺวา สมฺโพธิยํ อธิมุจฺจนฺโต ตตฺถ จิตฺตํ เปติ. อยํ ทุติโย ปจฺจโย มหาภินีหาราย.
น เหว โข ปสฺสติ ตถาคตสฺส ยถาวุตฺตํ มหานุภาวตํ, นปิ ตํ ปรโต สุณาติ, อปิ ¶ จ โข ตถาคตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส ‘‘ทสพลสมนฺนาคโต, ภิกฺขเว, ตถาคโต’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๒๑-๒๒) พุทฺธานุภาวปฏิสํยุตฺตํ ธมฺมํ สุณาติ. โส ตํ นิสฺสาย ตํ ปจฺจยํ กตฺวา สมฺโพธิยํ อธิมุจฺจนฺโต ตตฺถ จิตฺตํ เปติ. อยํ ตติโย ปจฺจโย มหาภินีหาราย.
น เหว โข ปสฺสติ ตถาคตสฺส ยถาวุตฺตํ มหานุภาวตํ, นปิ ตํ ปรโต สุณาติ, นปิ ตถาคตสฺส ธมฺมํ สุณาติ, อปิ จ โข อุฬารชฺฌาสโย กลฺยาณาธิมุตฺติโก ‘‘อหเมตํ พุทฺธวํสํ พุทฺธตนฺตึ พุทฺธปเวณึ พุทฺธธมฺมตํ ปริปาเลสฺสามี’’ติ ยาวเทว ธมฺมํ เอว สกฺกโรนฺโต ครุกโรนฺโต มาเนนฺโต ปูเชนฺโต ธมฺมํ อปจายมาโน ตํ นิสฺสาย ตํ ปจฺจยํ กตฺวา สมฺโพธิยํ อธิมุจฺจนฺโต ตตฺถ จิตฺตํ เปติ. อยํ จตุตฺโถ ปจฺจโย มหาภินีหาราย.
ตตฺถ ¶ กตเม จตฺตาโร เหตู มหาภินีหาราย? อิธ มหาปุริโส ปกติยา อุปนิสฺสยสมฺปนฺโนว โหติ ปุริมเกสุ พุทฺเธสุ กตาธิกาโร. อยํ ปโม เหตุ มหาภินีหาราย. ปุน จปรํ มหาปุริโส ปกติยา กรุณาชฺฌาสโย โหติ กรุณาธิมุตฺโต สตฺตานํ ทุกฺขํ อปเนตุกาโม อปิ จ อตฺตโน กายชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา. อยํ ทุติโย เหตุ มหาภินีหาราย. ปุน จปรํ มหาปุริโส สกลโตปิ วฏฺฏทุกฺขโต สตฺตหิตาย จ ทุกฺกรจริยโต สุจิรมฺปิ กาลํ ฆเฏนฺโต วายมนฺโต อนิพฺพินฺโน โหติ อนุตฺราสี ยาว อิจฺฉิตตฺถนิปฺผตฺติ. อยํ ตติโย เหตุ มหาภินีหาราย. ปุน จปรํ มหาปุริโส กลฺยาณมิตฺตสนฺนิสฺสิโต โหติ, โย ¶ อหิตโต นิวาเรติ, หิเต ปติฏฺเปติ. อยํ จตุตฺโถ เหตุ มหาภินีหาราย.
ตตฺรายํ มหาปุริสสฺส อุปนิสฺสยสมฺปทา – เอกนฺเตเนวสฺส ยถา อชฺฌาสโย สมฺโพธินินฺโน โหติ สมฺโพธิโปโณ สมฺโพธิปพฺภาโร, ตถา สตฺตานํ หิตจริยา. ยโต จาเนน ปุริมพุทฺธานํ สนฺติเก สมฺโพธิยา ปณิธานํ กตํ โหติ มนสา วาจาย จ ‘‘อหมฺปิ เอทิโส สมฺมาสมฺพุทฺโธ หุตฺวา สมฺมเทว สตฺตานํ หิตสุขํ นิปฺผาเทยฺย’’นฺติ. เอวํ สมฺปนฺนูปนิสฺสยสฺส ปนสฺส อิมานิ อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา ลิงฺคานิ ภวนฺติ เยหิ สมนฺนาคตสฺส สาวกโพธิสตฺเตหิ จ ปจฺเจกโพธิสตฺเตหิ จ มหาวิเสโส มหนฺตํ นานากรณํ ปฺายติ อินฺทฺริยโต ปฏิปตฺติโต โกสลฺลโต จ. อิธ อุปนิสฺสยสมฺปนฺโน มหาปุริโส ยถา วิสทินฺทฺริโย โหติ วิสทาโณ, น ตถา อิตเร. ปรหิตาย ปฏิปนฺโน โหติ, น อตฺตหิตาย. ตถา หิ โส ยถา พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย ¶ โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํ ปฏิปชฺชติ, น ตถา อิตเร. ตตฺถ จ โกสลฺลํ อาวหติ านุปฺปตฺติกปฏิภาเนน านาานกุสลตาย จ.
ตถา มหาปุริโส ปกติยา ทานชฺฌาสโย โหติ ทานาภิรโต, สติ เทยฺยธมฺเม เทติ เอว, น ทานโต สงฺโกจํ อาปชฺชติ, สตตํ สมิตํ สํวิภาคสีโล โหติ, ปมุทิโตว เทติ อาทรชาโต, น อุทาสีนจิตฺโต, มหนฺตมฺปิ ทานํ ทตฺวา น จ ทาเนน สนฺตุฏฺโ โหติ, ปเคว อปฺปํ, ปเรสฺจ อุสฺสาหํ ชเนนฺโต ทาเน วณฺณํ ภาสติ, ทานปฏิสํยุตฺตํ ธมฺมกถํ กโรติ, อฺเ จ ปเรสํ เทนฺเต ทิสฺวา อตฺตมโน ¶ โหติ, ภยฏฺาเนสุ จ ปเรสํ อภยํ เทตีติ เอวมาทีนิ ทานชฺฌาสยสฺส มหาปุริสสฺส ทานปารมิยา ลิงฺคานิ.
ตถา ปาณาติปาตาทีหิ ปาปธมฺเมหิ หิรียติ โอตฺตปฺปติ, สตฺตานํ อวิเหนชาติโก โหติ โสรโต สุขสีโล อสโ อมายาวี อุชุชาติโก สุวโจ โสวจสฺสกรณีเยหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ¶ มุทุชาติโก อตฺถทฺโธ อนติมานี, ปรสนฺตกํ นาทิยติ อนฺตมโส ติณสลากํ อุปาทาย, อตฺตโน หตฺเถ นิกฺขิตฺตํ อิณํ วา คเหตฺวา ปรํ น วิสํวาเทติ, ปรสฺมึ วา อตฺตโน สนฺตเก พฺยามูฬฺเห วิสฺสริเต วา ตํ สฺาเปตฺวา ปฏิปาเทติ ยถา ตํ น ปรหตฺถคตํ โหติ, อโลลุปฺโป โหติ, ปรปริคฺคเหสุ ปาปกํ จิตฺตมฺปิ น อุปฺปาเทติ, อิตฺถิพฺยสนาทีนิ ทูรโต ปริวชฺเชติ, สจฺจวาที สจฺจสนฺโธ ภินฺนานํ สนฺธาตา สหิตานํ อนุปฺปทาตา, ปิยวาที มิหิตปุพฺพงฺคโม ปุพฺพภาสี อตฺถวาที ธมฺมวาที อนภิชฺฌาลุ อพฺยาปนฺนจิตฺโต อวิปรีตทสฺสโน, กมฺมสฺสกตาเณน สจฺจานุโลมิกาเณน กตฺู กตเวที วุทฺธาปจายี สุวิสุทฺธาชีโว ธมฺมกาโม ปเรปิ ธมฺเม สมาทเปตา สพฺเพน สพฺพํ อกิจฺจโต สตฺเต นิวาเรตา กิจฺเจสุ ปติฏฺเปตา อตฺตนา จ ตตฺถ กิจฺเจ โยคํ อาปชฺชิตา, กตฺวา วา ปน สยํ อกตฺตพฺพํ สีฆฺเว ตโต ปฏิวิรโต โหตีติ เอวมาทีนิ สีลชฺฌาสยสฺส มหาปุริสสฺส สีลปารมิยา ลิงฺคานิ.
ตถา มนฺทกิเลโส โหติ มนฺทนีวรโณ, ปวิเวกชฺฌาสโย อวิกฺเขปพหุโล, น ตสฺส ปาปกา วิตกฺกา จิตฺตํ อนฺวาสฺสวนฺติ, วิเวกคตสฺส จสฺส อปฺปกสิเรเนว จิตฺตํ สมาธิยติ, อมิตฺตปกฺเขปิ ตุวฏํ เมตฺตจิตฺตตา สนฺติฏฺติ, ปเคว อิตรสฺมึ, สติมา จ โหติ จิรกตมฺปิ จิรภาสิตมฺปิ สริตา อนุสฺสริตา, เมธาวี จ โหติ ธมฺโมชปฺาย สมนฺนาคโต, นิปโก จ โหติ ตาสุ ตาสุ อิติกตฺตพฺพตาสุ, อารทฺธวีริโย จ โหติ สตฺตานํ หิตกิริยาสุ, ขนฺติพลสมนฺนาคโต จ โหติ สพฺพสโห, อจลาธิฏฺาโน จ โหติ ทฬฺหสมาทาโน ¶ , อชฺฌุเปกฺขโก จ โหติ อุเปกฺขาานีเยสุ ธมฺเมสูติ เอวมาทีนิ มหาปุริสสฺส เนกฺขมฺมชฺฌาสยาทีนํ วเสน เนกฺขมฺมปารมิอาทีนํ ลิงฺคานิ เวทิตพฺพานิ.
เอวเมเตหิ ¶ โพธิสมฺภารลิงฺเคหิ สมนฺนาคตสฺส มหาปุริสสฺส ยํ วุตฺตํ ‘‘มหาภินีหาราย กลฺยาณมิตฺตสนฺนิสฺสโย เหตู’’ติ. ตตฺริทํ สงฺเขปโต กลฺยาณมิตฺตลกฺขณํ – อิธ กลฺยาณมิตฺโต สทฺธาสมฺปนฺโน โหติ สีลสมฺปนฺโน สุตสมฺปนฺโน จาคสมฺปนฺโน วีริยสมฺปนฺโน สติสมฺปนฺโน ¶ สมาธิสมฺปนฺโน ปฺาสมฺปนฺโน. ตตฺถ สทฺธาสมฺปตฺติยา สทฺทหติ ตถาคตสฺส โพธึ กมฺมผลฺจ, เตน สมฺมาสมฺโพธิยา เหตุภูตํ สตฺเตสุ หิเตสิตํ น ปริจฺจชติ, สีลสมฺปตฺติยา สตฺตานํ ปิโย โหติ มนาโป ครุ ภาวนีโย โจทโก ปาปครหี วตฺตา วจนกฺขโม, สุตสมฺปตฺติยา สตฺตานํ หิตสุขาวหํ คมฺภีรํ ธมฺมกถํ กตฺตา โหติ, จาคสมฺปตฺติยา อปฺปิจฺโฉ โหติ สนฺตุฏฺโ ปวิวิตฺโต อสํสฏฺโ, วีริยสมฺปตฺติยา อารทฺธวีริโย โหติ สตฺตานํ หิตปฏิปตฺติยํ, สติสมฺปตฺติยา อุปฏฺิตสติ โหติ อนวชฺชธมฺเมสุ, สมาธิสมฺปตฺติยา อวิกฺขิตฺโต โหติ สมาหิตจิตฺโต, ปฺาสมฺปตฺติยา อวิปรีตํ ปชานาติ, โส สติยา กุสลากุสลานํ ธมฺมานํ คติโย สมนฺเวสมาโน ปฺาย สตฺตานํ หิตาหิตํ ยถาภูตํ ชานิตฺวา สมาธินา ตตฺถ เอกคฺคจิตฺโต หุตฺวา วีริเยน อหิตา สตฺเต นิเสเธตฺวา หิเต นิโยเชติ. เตนาห –
‘‘ปิโย ครุ ภาวนีโย, วตฺตา จ วจนกฺขโม;
คมฺภีรฺจ กถํ กตฺตา, โน จฏฺาเน นิโยชโก’’ติ. (อ. นิ. ๗.๓๗; เนตฺติ. ๑๑๓) –
เอวํ คุณสมนฺนาคตฺจ กลฺยาณมิตฺตํ อุปนิสฺสาย มหาปุริโส อตฺตโน อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ สมฺมเทว ปริโยทเปติ. สุวิสุทฺธาสยปโยโค จ หุตฺวา จตูหิ พเลหิ สมนฺนาคโต น จิเรเนว อฏฺงฺเค สโมธาเนตฺวา มหาภินีหารํ กโรนฺโต โพธิสตฺตภาเว ปติฏฺหติ อนิวตฺติธมฺโม นิยโต สมฺโพธิปรายโน.
ตสฺสิมานิ จตฺตาริ พลานิ. อชฺฌตฺติกพลํ ยา สมฺมาสมฺโพธิยํ อตฺตสนฺนิสฺสยา ธมฺมคารเวน อภิรุจิ เอกนฺตนินฺนชฺฌาสยตา, ยาย มหาปุริโส อตฺตาธิปติ ลชฺชาปสฺสโย อภินีหารสมฺปนฺโน จ หุตฺวา ปารมิโย ปูเรตฺวา สมฺมาสมฺโพธึ ปาปุณาติ. พาหิรพลํ ยา สมฺมาสมฺโพธิยํ ปรสนฺนิสฺสยา อภิรุจิ เอกนฺตนินฺนชฺฌาสยตา, ยาย มหาปุริโส ¶ โลกาธิปติ มานาปสฺสโย อภินีหารสมฺปนฺโน ¶ จ หุตฺวา ปารมิโย ปูเรตฺวา สมฺมาสมฺโพธึ ปาปุณาติ. อุปนิสฺสยพลํ ¶ ยา สมฺมาสมฺโพธิยํ อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา อภิรุจิ เอกนฺตนินฺนชฺฌาสยตา, ยาย มหาปุริโส ติกฺขินฺทฺริโย วิสทธาตุโก สติสนฺนิสฺสโย อภินีหารสมฺปนฺโน จ หุตฺวา ปารมิโย ปูเรตฺวา สมฺมาสมฺโพธึ ปาปุณาติ. ปโยคพลํ ยา สมฺมาสมฺโพธิยํ ตชฺชา ปโยคสมฺปทา สกฺกจฺจการิตา สาตจฺจการิตา, ยาย มหาปุริโส วิสุทฺธปโยโค นิรนฺตรการี อภินีหารสมฺปนฺโน จ หุตฺวา ปารมิโย ปูเรตฺวา สมฺมาสมฺโพธึ ปาปุณาติ.
เอวมยํ จตูหิ ปจฺจเยหิ จตูหิ เหตูหิ จตูหิ จ พเลหิ สมฺปนฺนสมุทาคโม อฏฺงฺคสโมธานสมฺปาทิโต อภินีหาโร ปารมีนํ ปจฺจโย มูลการณภาวโต. ยสฺส จ ปวตฺติยา มหาปุริเส จตฺตาโร อจฺฉริยา อพฺภุตา ธมฺมา ปติฏฺหนฺติ, สพฺพสตฺตนิกายํ อตฺตโน โอรสปุตฺตํ วิย ปิยจิตฺเตน ปริคฺคณฺหาติ. น จสฺส จิตฺตํ ปุตฺตสํกิเลสวเสน สํกิลิสฺสติ. สตฺตานํ หิตสุขาวโห จสฺส อชฺฌาสโย ปโยโค จ โหติ. อตฺตโน จ พุทฺธการกธมฺมา อุปรูปริ วฑฺฒนฺติ ปริปจฺจนฺติ จ. ยโต จ มหาปุริโส อุฬารตเมน ปฺุาภิสนฺเทน กุสลาภิสนฺเทน ปวตฺติยา ปจฺจเยน สุขสฺสาหาเรน สมนฺนาคโต สตฺตานํ ทกฺขิเณยฺโย อุตฺตมคารวฏฺานํ อสทิสํ ปฺุกฺเขตฺตฺจ โหติ. เอวมเนกคุโณ อเนกานิสํโส มหาภินีหาโร ปารมีนํ ปจฺจโยติ เวทิตพฺโพ.
ยถา จ อภินีหาโร, เอวํ มหากรุณา อุปายโกสลฺลฺจ. ตตฺถ อุปายโกสลฺลํ นาม ทานาทีนํ โพธิสมฺภารภาวสฺส นิมิตฺตภูตา ปฺา, ยาหิ มหากรุณูปายโกสลฺลตาหิ มหาปุริสานํ อตฺตสุขนิรเปกฺขตา นิรนฺตรํ ปรหิตกรณปสุตตา สุทุกฺกเรหิปิ มหาโพธิสตฺตจริเตหิ วิสาทาภาโว ปสาทสมฺพุทฺธิทสฺสนสวนานุสฺสรณกาเลสุปิ สตฺตานํ หิตสุขปฺปฏิลาภเหตุภาโว จ สมฺปชฺชติ. ตถา หิสฺส ปฺาย พุทฺธภาวสิทฺธิ, กรุณาย พุทฺธกมฺมสิทฺธิ, ปฺาย สยํ ตรติ, กรุณาย ปเร ตาเรติ, ปฺาย ปรทุกฺขํ ปริชานาติ, กรุณาย ปรทุกฺขปติการํ อารภติ, ปฺาย จ ทุกฺเข นิพฺพินฺทติ, กรุณาย ¶ ทุกฺขํ สมฺปฏิจฺฉติ, ตถา ปฺาย นิพฺพานาภิมุโข โหติ, กรุณาย วฏฺฏํ ปาปุณาติ, ตถา กรุณาย สํสาราภิมุโข โหติ, ปฺาย ตตฺร นาภิรมติ, ปฺาย จ สพฺพตฺถ วิรชฺชติ, กรุณานุคตตฺตา น จ น สพฺเพสํ อนุคฺคหาย ปวตฺโต, กรุณาย สพฺเพปิ อนุกมฺปติ, ปฺานุคตตฺตา ¶ น จ น สพฺพตฺถ วิรตฺตจิตฺโต, ปฺาย จ อหํการมมํการาภาโว, กรุณาย อาลสิยทีนตาภาโว, ตถา ปฺากรุณาหิ ยถากฺกมํ อตฺตปรนาถตา ธีรวีรภาโว, อนตฺตนฺตปอปรนฺตปตา, อตฺตหิตปรหิตนิปฺผตฺติ, นิพฺภยาภึสนกภาโว, ธมฺมาธิปติโลกาธิปติตา, กตฺุปุพฺพการิภาโว, โมหตณฺหาวิคโม, วิชฺชาจรณสิทฺธิ, พลเวสารชฺชนิปฺผตฺตีติ ¶ สพฺพสฺสาปิ ปารมิตาผลสฺส วิเสเสน อุปายภาวโต ปฺากรุณา ปารมีนํ ปจฺจโย. อิทฺจ ทฺวยํ ปารมีนํ วิย ปณิธานสฺสาปิ ปจฺจโย.
ตถา อุสฺสาหอุมฺมงฺคอวตฺถานหิตจริยา จ ปารมีนํ ปจฺจยาติ เวทิตพฺพา, ยา พุทฺธภาวสฺส อุปฺปตฺติฏฺานตาย พุทฺธภูมิโยติ วุจฺจนฺติ. ตตฺถ อุสฺสาโห นาม โพธิสมฺภารานํ อพฺภุสฺสหนวีริยํ. อุมฺมงฺโค นาม โพธิสมฺภาเรสุ อุปายโกสลฺลภูตา ปฺา. อวตฺถานํ นาม อธิฏฺานํ อจลาธิฏฺานตา. หิตจริยา นาม เมตฺตาภาวนา กรุณาภาวนา จ.
ตถา เนกฺขมฺมปวิเวกอโลภาโทสาโมหนิสฺสรณปฺปเภทา ฉ อชฺฌาสยา. เนกฺขมฺมชฺฌาสยา หิ โพธิสตฺตา โหนฺติ กาเมสุ ฆราวาเส จ โทสทสฺสาวิโน, ตถา ปวิเวกชฺฌาสยา สงฺคณิกาย โทสทสฺสาวิโน, อโลภชฺฌาสยา โลเภ โทสทสฺสาวิโน, อโทสชฺฌาสยา โทเส โทสทสฺสาวิโน, อโมหชฺฌาสยา โมเห โทสทสฺสาวิโน, นิสฺสรณชฺฌาสยา สพฺพภเวสุ โทสทสฺสาวิโนติ. ตสฺมา เอเต โพธิสตฺตานํ ฉ อชฺฌาสยา ทานาทีนํ ปารมีนํ ปจฺจยาติ เวทิตพฺพา. น หิ โลภาทีสุ อาทีนวทสฺสเนน อโลภาทีนํ อธิกภาเวน จ วินา ทานาทิปารมิโย สมฺภวนฺติ, อโลภาทีนฺหิ อธิกภาเวน ปริจฺจาคาทินินฺนจิตฺตตา อโลภชฺฌาสยาทิตาติ เวทิตพฺพา.
ยถา ¶ เจเต เอวํ ทานชฺฌาสยตาทโยปิ โพธิยา จรนฺตานํ โพธิสตฺตานํ ทานาทิปารมีนํ ปจฺจโย. ทานชฺฌาสยตาย หิ โพธิสตฺตา ตปฺปฏิปกฺเข มจฺเฉเร โทสทสฺสาวิโน หุตฺวา สมฺมเทว ทานปารมึ ปริปูเรนฺติ. สีลชฺฌาสยตาย ทุสฺสีลฺเย โทสทสฺสาวิโน หุตฺวา สมฺมเทว สีลปารมึ ปริปูเรนฺติ. เนกฺขมฺมชฺฌาสยตาย กาเมสุ ฆราวาเส จ ¶ , ยถาภูตาณชฺฌาสยตาย อฺาเณ วิจิกิจฺฉาย จ, วีริยชฺฌาสยตาย โกสชฺเช, ขนฺติยชฺฌาสยตาย อกฺขนฺติยํ, สจฺจชฺฌาสยตาย วิสํวาเท, อธิฏฺานชฺฌาสยตาย อนธิฏฺาเน, เมตฺตาชฺฌาสยตาย พฺยาปาเท, อุเปกฺขาชฺฌาสยตาย โลกธมฺเมสุ อาทีนวทสฺสาวิโน หุตฺวา สมฺมเทว เนกฺขมฺมาทิปารมิโย ปริปูเรนฺติ. ทานชฺฌาสยตาทโย ทานาทิปารมีนํ นิปฺผตฺติการณตฺตา ปจฺจโย.
ตถา อปริจฺจาคปริจฺจาคาทีสุ ยถากฺกมํ อาทีนวานิสํสปจฺจเวกฺขณา ทานาทิปารมีนํ ปจฺจโย. ตตฺถายํ ปจฺจเวกฺขณาวิธิเขตฺตวตฺถุหิรฺสุวณฺณโคมหึสทาสิทาสปุตฺตทาราทิปริคฺคหพฺยาสตฺตจิตฺตานํ สตฺตานํ เขตฺตาทีนํ วตฺถุกามภาเวน พหุปตฺถนียภาวโต ราชโจราทิสาธารณภาวโต ¶ วิวาทาธิฏฺานโต สปตฺตกรณโต นิสฺสารโต ปฏิลาภปริปาลเนสุ ปรวิเหนเหตุโต วินาสนิมิตฺตฺจ โสกาทิอเนกวิหิตพฺยสนาวหโต ตทาสตฺตินิทานฺจ มจฺเฉรมลปริยุฏฺิตจิตฺตานํ อปายูปปตฺติเหตุภาวโตติ เอวํ วิวิธวิปุลานตฺถาวหานิ ปริคฺคหวตฺถูนิ นาม. เตสํ ปริจฺจาโคเยว เอโก โสตฺถิภาโวติ ปริจฺจาเค อปฺปมาโท กรณีโย.
อปิ จ ยาจโก ยาจมาโน อตฺตโน คุยฺหสฺส อาจิกฺขนโต ‘‘มยฺหํ วิสฺสาสิโก’’ติ จ, ‘‘ปหาย คมนียมตฺตโน สนฺตกํ คเหตฺวา ปรโลกํ ยาหีติ มยฺหํ อุปเทสโก’’ติ จ, ‘‘อาทิตฺเต วิย อคาเร มรณคฺคินา อาทิตฺเต โลเก ตโต มยฺหํ สนฺตกสฺส อปวาหกสหาโย’’ติ จ, ‘‘อปวาหิตสฺส จสฺส อฌาปนนิกฺเขปฏฺานภูโต’’ติ จ ทานสงฺขาเต กลฺยาณกมฺมสฺมึ สหายภาวโต สพฺพสมฺปตฺตีนํ อคฺคภูตาย ปรมทุลฺลภาย พุทฺธภูมิยา สมฺปตฺติเหตุภาวโต จ ‘‘ปรโม กลฺยาณมิตฺโต’’ติ จ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ.
ตถา ¶ ‘‘อุฬาเร กมฺมนิ อเนนาหํ สมฺภาวิโต, ตสฺมา สา สมฺภาวนา อวิตถา กาตพฺพา’’ติ จ, ‘‘เอกนฺตเภทิตาย ชีวิตสฺส อยาจิเตนาปิ มยา ทาตพฺพํ, ปเคว ยาจิเตนา’’ติ จ, ‘‘อุฬารชฺฌาสเยหิ คเวสิตฺวาปิ ทาตพฺพโต สยเมวาคโต มม ปฺุเนา’’ติ จ ‘‘ยาจกสฺส ทานาปเทเสน มยฺหเมวายมนุคฺคโห’’ติ จ, ‘‘อหํ วิย อยํ สพฺโพปิ โลโก มยา อนุคฺคเหตพฺโพ’’ติ จ, ‘‘อสติ ยาจเก กถํ ¶ มยฺหํ ทานปารมี ปูเรยฺยา’’ติ จ, ‘‘ยาจกานเมว จตฺถาย มยา สพฺโพ ปริคฺคเหตพฺโพ’’ติ จ, ‘‘มํ อยาจิตฺวาว มม สนฺตกํ ยาจกา กทา สยเมว คณฺเหยฺยุ’’นฺติ จ, ‘‘กถมหํ ยาจกานํ ปิโย จสฺสํ มนาโป’’ติ จ, ‘‘กถํ วา เต มยฺหํ ปิยา จสฺสุ มนาปา’’ติ จ, ‘‘กถํ วาหํ ททมาโน ทตฺวาปิ จ อตฺตมโน จสฺสํ ปมุทิโต ปีติโสมนสฺสชาโต’’ติ จ, ‘‘กถํ วา เม ยาจกา ภเวยฺยุํ อุฬาโร จ ทานชฺฌาสโย’’ติ จ, ‘‘กถํ วาหมยาจิโต เอว ยาจกานํ หทยมฺาย ทเทยฺย’’นฺติ จ, ‘‘สติ ธเน ยาจเก จ อปริจฺจาโค มหตี มยฺหํ วฺจนา’’ติ จ, ‘‘กถํ วาหํ อตฺตโน องฺคานิ ชีวิตํ วาปิ ยาจกานํ ปริจฺจเชยฺย’’นฺติ จ ปริจฺจาคนินฺนตา อุปฏฺเปตพฺพา. อปิ จ ‘‘อตฺโถ นามายํ นิรเปกฺขํ ทายกมนุคจฺฉติ, ยถา ตํ นิรเปกฺขํ เขปกํ กิฏโก’’ติ จ อตฺเถ นิรเปกฺขตาย จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ.
ยาจมาโน ปน ยทิ ปิยปุคฺคโล โหติ, ‘‘ปิโย มํ ยาจตี’’ติ โสมนสฺสํ อุปฺปาเทตพฺพํ. อถ อุทาสีนปุคฺคโล โหติ, ‘‘อยํ มํ ยาจมาโน อทฺธา อิมินา ปริจฺจาเคน มิตฺโต ¶ โหตี’’ติ โสมนสฺสํ อุปฺปาเทตพฺพํ. ททนฺโตปิ หิ ยาจกานํ ปิโย โหตีติ. อถ ปน เวรี ปุคฺคโล ยาจติ, ‘‘ปจฺจตฺถิโก มํ ยาจติ, อยํ มํ ยาจมาโน อทฺธา อิมินา ปริจฺจาเคน เวรี ปิโย มิตฺโต โหตี’’ติ วิเสเสน โสมนสฺสํ อุปฺปาเทตพฺพํ. เอวํ ปิยปุคฺคเล วิย มชฺฌตฺตเวริปุคฺคเลสุปิ เมตฺตาปุพฺพงฺคมํ กรุณํ อุปฏฺเปตฺวาว ทาตพฺพํ.
สเจ ปนสฺส จิรกาลปริภาวิตตฺตา โลภสฺส เทยฺยธมฺมวิสยา โลภธมฺมา อุปฺปชฺเชยฺยุํ, เตน โพธิสตฺตปฏิฺเน อิติ ปฏิสฺจิกฺขิตพฺพํ ‘‘นนุ ตยา สปฺปุริสสมฺโพธาย อภินีหารํ กโรนฺเตน สพฺพสตฺตานํ อุปการตฺถาย อยํ กาโย นิสฺสฏฺโ ตปฺปริจฺจาคมยฺจ ปฺุํ, ตตฺถ นาม ¶ เต พาหิเรปิ วตฺถุสฺมึ อภิสงฺคปฺปวตฺติ หตฺถิสินานสทิสี โหติ, ตสฺมา ตยา น กตฺถจิ สงฺโค อุปฺปาเทตพฺโพ. เสยฺยถาปิ นาม มหโต เภสชฺชรุกฺขสฺส ติฏฺโต มูลํ มูลตฺถิกา หรนฺติ, ปปฏิกํ ตจํ ขนฺธํ วิฏปํ สารํ สาขํ ปลาสํ ปุปฺผํ ผลํ ผลตฺถิกา หรนฺติ, น ตสฺส รุกฺขสฺส ‘มยฺหํ สนฺตกํ เอเต หรนฺตี’ติ วิตกฺกสมุทาจาโร ¶ โหติ, เอวเมว สพฺพโลกหิตาย อุสฺสุกฺกมาปชฺชนฺเตน มยา มหาทุกฺเข อกตฺุเก นิจฺจาสุจิมฺหิ กาเย ปเรสํ อุปการาย วินิยุชฺชมาเน อณุมตฺโตปิ มิจฺฉาวิตกฺโก น อุปฺปาเทตพฺโพ. โก วา เอตฺถ วิเสโส อชฺฌตฺติกพาหิเรสุ มหาภูเตสุ เอกนฺตเภทนวิกิรณวิทฺธํสนธมฺเมสุ, เกวลํ ปน สมฺโมหวิชมฺภิตเมตํ, ยทิทํ เอตํ มม เอโสหมสฺมิ เอโส เม อตฺตาติ อภินิเวโส. ตสฺมา พาหิเรสุ วิย อชฺฌตฺติเกสุปิ กรจรณนยนาทีสุ มํสาทีสุ จ อนเปกฺเขน หุตฺวา ‘ตํ ตทตฺถิกา หรนฺตู’ติ นิสฺสฏฺจิตฺเตน ภวิตพฺพ’’นฺติ.
เอวํ ปฏิสฺจิกฺขโต จสฺส สมฺโพธาย ปหิตตฺตสฺส กายชีวิเตสุ นิรเปกฺขสฺส อปฺปกสิเรเนว กายวจีมโนกมฺมานิ สุวิสุทฺธานิ โหนฺติ. โส สุวิสุทฺธกายวจีมโนกมฺมนฺโต วิสุทฺธาชีโว ายปฏิปตฺติยํ ิโต อปายุปายโกสลฺลสมนฺนาคเมน ภิยฺโยโสมตฺตาย เทยฺยธมฺมปริจฺจาเคน อภยทานสทฺธมฺมทาเนหิ จ สพฺพสตฺเต อนุคฺคณฺหิตุํ สมตฺโถ โหตีติ อยํ ตาว ทานปารมิยํ ปจฺจเวกฺขณานโย.
สีลปารมิยํ ปน เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – อิทฺหิ สีลํ นาม คงฺโคทกาทีหิ วิโสเธตุํ อสกฺกุเณยฺยสฺส โทสมลสฺส วิกฺขาลนชลํ, หริจนฺทนาทีหิ วิเนตุํ อสกฺกุเณยฺยสฺส ราคาทิปริฬาหสฺส วินยนํ, หารมกุฏกุณฺฑลาทีหิ ปจุรชนาลงฺกาเรหิ อสาธารโณ สาธูนํ อลงฺการวิเสโส, สพฺพทิสาวายนโต อกิตฺติโม สพฺพกาลานุรูโป จ สุรภิคนฺโธ, ขตฺติยมหาสาลาทีหิ เทวตาหิ จ วนฺทนียาทิภาวาวหนโต ปรโม วสีกรณมนฺโต, จาตุมหาราชิกาทิเทวโลกาโรหณโสปานปนฺติ ¶ , ฌานาภิฺานํ อธิคมูปาโย, นิพฺพานมหานครสฺส สมฺปาปกมคฺโค, สาวกโพธิปจฺเจกโพธิสมฺมาสมฺโพธีนํ ปติฏฺานภูมิ, ยํ ยํ วา ปนิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ, ตสฺส ตสฺส สมิชฺฌนูปายภาวโต จินฺตามณิกปฺปรุกฺขาทิเก จ อติเสติ.
วุตฺตฺเจตํ ¶ ภควตา – ‘‘อิชฺฌติ, ภิกฺขเว, สีลวโต เจโตปณิธิวิสุทฺธตฺตา’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๓๗; อ. นิ. ๘.๓๕). อปรมฺปิ วุตฺตํ – ‘‘อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ‘สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จ อสฺสํ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จา’ติ, สีเลสฺเววสฺส ¶ ปริปูรการี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๖๕). ตถา ‘‘อวิปฺปฏิสารตฺถานิ โข, อานนฺท, กุสลานิ สีลานี’’ติ (อ. นิ. ๑๑.๑). ‘‘ปฺจิเม, คหปตโย, อานิสํสา สีลวโต สีลสมฺปทายา’’ติอาทิสุตฺตานฺจ (ที. นิ. ๒.๑๕๐; ๓.๓๑๖; อ. นิ. ๕.๒๑๓; มหาว. ๒๘๕) วเสน สีลสฺส คุณา ปจฺจเวกฺขิตพฺพา. ตถา อคฺคิกฺขนฺโธปมสุตฺตาทีนํ (อ. นิ. ๗.๗๒) วเสน สีลวิรเห อาทีนวา. ปีติโสมนสฺสนิมิตฺตโต อตฺตานุวาทปราปวาททณฺฑทุคฺคติภยาภาวโต วิฺูหิ ปาสํสภาวโต อวิปฺปฏิสารเหตุโต โสตฺถิฏฺานโต อติชนสาปเตยฺยาธิปเตยฺยายุรูปฏฺานพนฺธุมิตฺตสมฺปตฺตีนํ อติสยนโต จ สีลํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ. สีลวโต หิ อตฺตโน สีลสมฺปทาเหตุ มหนฺตํ ปีติโสมนสฺสํ อุปฺปชฺชติ – ‘‘กตํ วต มยา กุสลํ, กตํ กลฺยาณํ, กตํ ภีรุตฺตาณ’’นฺติ.
ตถา สีลวโต อตฺตา น อุปวทติ, น ปเร วิฺู, ทณฺฑทุคฺคติภยานํ สมฺภโว เอว นตฺถิ. ‘‘สีลวา ปุริสปุคฺคโล กลฺยาณธมฺโม’’ติ วิฺูนํ ปาสํโส โหติ. ตถา สีลวโต ยฺวายํ ‘‘กตํ วต มยา ปาปํ, กตํ ลุทฺทกํ, กตํ กิพฺพิส’’นฺติ ทุสฺสีลสฺส วิปฺปฏิสาโร อุปฺปชฺชติ, โส น โหติ. สีลฺจ นาเมตํ อปฺปมาทาธิฏฺานโต โภคพฺยสนาทิปริหารมุเขน มหโต อตฺถสฺส สาธนโต มงฺคลภาวโต จ ปรมํ โสตฺถิฏฺานํ, นิหีนชจฺโจปิ สีลวา ขตฺติยมหาสาลาทีนํ ปูชนีโย โหตีติ กุลสมฺปตฺตึ อติเสติ สีลสมฺปทา, ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช? อิธ เต อสฺส ทาโส กมฺมกโร’’ติอาทิวจนฺเจตฺถ (ที. นิ. ๑.๑๘๖) สาธกํ. โจราทีหิ อสาธารณโต ปรโลกานุคมนโต มหปฺผลภาวโต สมถาทิคุณาธิฏฺานโต จ พาหิรธนํ อติเสติ สีลํ. ปรมสฺส จิตฺติสฺสริยสฺส อธิฏฺานภาวโต ขตฺติยาทีนํ อิสฺสริยํ อติเสติ สีลํ. สีลนิมิตฺตฺหิ ตํตํสตฺตนิกาเยสุ สตฺตานํ อิสฺสริยํ, วสฺสสตทีฆปฺปมาณโต ชีวิตโต เอกาหมฺปิ สีลวโต ชีวิตสฺส วิสิฏฺตาวจนโต สติ จ ชีวิเต สิกฺขานิกฺขิปนสฺส มรณตาวจนโต สีลํ ชีวิตโต วิสิฏฺตรํ ¶ ¶ . เวรีนมฺปิ มนฺุภาวาวหนโต ชราโรควิปตฺตีหิ อนภิภวนียโต จ รูปสมฺปตฺตึ อติเสติ สีลํ. ปาสาทหมฺมิยาทิฏฺานวิเสเส ราชยุวราชเสนาปติอาทิฏฺานวิเสเส จ อติเสติ สีลํ สุขวิเสสาธิฏฺานภาวโต. สภาวสินิทฺเธ สนฺติกาวจเรปิ พนฺธุชเน มิตฺตชเน จ อติเสติ เอกนฺตหิตสมฺปาทนโต ¶ ปรโลกานุคมนโต จ ‘‘น ตํ มาตาปิตา กยิรา’’ติอาทิวจนฺเจตฺถ (ธ. ป. ๔๓) สาธกํ. ตถา หตฺถิอสฺสรถปตฺติพลกาเยหิ มนฺตาคทโสตฺถานปฺปโยเคหิ จ ทุรารกฺขํ อตฺตานํ อารกฺขาภาเวน สีลเมว วิสิฏฺตรํ อตฺตาธีนโต อปราธีนโต มหาวิสยโต จ. เตเนวาห – ‘‘ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจาริ’’นฺติอาทิ (ชา. ๑.๑๐.๑๐๒). เอวมเนกคุณสมนฺนาคตํ สีลนฺติ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส อปริปุณฺณา เจว สีลสมฺปทา ปาริปูรึ คจฺฉติ อปริสุทฺธา จ ปาริสุทฺธึ.
สเจ ปนสฺส ทีฆรตฺตํ ปริจเยน สีลปฏิปกฺขา ธมฺมา โทสาทโย อนฺตรนฺตรา อุปฺปชฺเชยฺยุํ, เตน โพธิสตฺตปฏิฺเน เอวํ ปฏิสฺจิกฺขิตพฺพํ – นนุ ตยา สมฺโพธาย ปณิธานํ กตํ, สีลวิกเลน จ น สกฺกา โลกิยาปิ สมฺปตฺติโย ปาปุณิตุํ, ปเคว โลกุตฺตรา, สพฺพสมฺปตฺตีนํ ปน อคฺคภูตาย สมฺมาสมฺโพธิยา อธิฏฺานภูเตน สีเลน ปรมุกฺกํสคเตน ภวิตพฺพํ, ตสฺมา ‘‘กิกีว อณฺฑ’’นฺติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๑.๑๙; ที. นิ. อฏฺ. ๑.๗) วุตฺตนเยน สมฺมา สีลํ รกฺขนฺเตน สุฏฺุตรํ ตยา เปสเลน ภวิตพฺพํ.
อปิ จ ตยา ธมฺมเทสนาย ยานตฺตเย สตฺตานํ อวตารณปริปาจนานิ กาตพฺพานิ, สีลวิกลสฺส จ วจนํ น ปจฺเจตพฺพํ โหติ, อสปฺปายาหารวิจารสฺส วิย เวชฺชสฺส ติกิจฺฉนํ, ตสฺมา กถาหํ สทฺเธยฺโย หุตฺวา สตฺตานํ อวตารณปริปาจนานิ กเรยฺยนฺติ สภาวปริสุทฺธสีเลน ภวิตพฺพํ. กิฺจ ฌานาทิคุณวิเสสโยเคน เม สตฺตานํ อุปการกรณสมตฺถตา ปฺาปารมิอาทิปริปูรณฺจ, ฌานาทโย จ คุณา สีลปาริสุทฺธึ วินา น สมฺภวนฺตีติ สมฺมเทว สีลํ ปริโสเธตพฺพํ.
ตถา ‘‘สมฺพาโธ ฆราวาโส รโชปโถ’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๙๑; สํ. นิ. ๒.๑๕๔; ม. นิ. ๑.๒๙๑; ๒.๑๐) ฆราวาเส, ‘‘อฏฺิกงฺกลูปมา กามา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓๔; ปาจิ. ๑๗๕) ‘‘มาตาปิ ปุตฺเตน วิวทตี’’ติอาทินา ¶ (ม. นิ. ๑.๑๗๘) จ กาเมสุ, ‘‘เสยฺยถาปิ ปุริโส อิณํ อาทาย กมฺมนฺเต ปโยเชยฺยา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๑๘) กามจฺฉนฺทาทีสุ อาทีนวทสฺสนปุพฺพงฺคมา วุตฺตวิปริยาเยน ‘‘อพฺโภกาโส ปพฺพชฺชา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๙๑; สํ. นิ. ๒.๑๕๔) ปพฺพชฺชาทีสุ ¶ อานิสํสปฏิสงฺขาวเสน เนกฺขมฺมปารมิยํ ปจฺจเวกฺขณา เวทิตพฺพา. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน ทุกฺขกฺขนฺธ- (ม. นิ. ๑.๑๖๓ อาทโย) อาสิวิโสปมสุตฺตา- (สํ. นิ. ๔.๒๓๘) ทิวเสน เวทิตพฺโพ.
ตถา ¶ ‘‘ปฺาย วินา ทานาทโย ธมฺมา น วิสุชฺฌนฺติ, ยถาสกํ พฺยาปารสมตฺถา จ น โหนฺตี’’ติ ปฺาคุณา มนสิกาตพฺพา. ยเถว หิ ชีวิเตน วินา สรีรยนฺตํ น โสภติ, น จ อตฺตโน กิริยาสุ ปฏิปตฺติสมตฺถํ โหติ, ยถา จ จกฺขาทีนิ อินฺทฺริยานิ วิฺาเณน วินา ยถาสกํ วิสเยสุ กิจฺจํ กาตุํ นปฺปโหนฺติ, เอวํ สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ ปฺาย วินา สกิจฺจปฏิปตฺติยํ อสมตฺถานีติ ปริจฺจาคาทิปฏิปตฺติยํ ปฺา ปธานการณํ. อุมฺมีลิตปฺาจกฺขุกา หิ มหาโพธิสตฺตา อตฺตโน องฺคปจฺจงฺคานิปิ ทตฺวา อนตฺตุกฺกํสกา อปรวมฺภกา จ โหนฺติ, เภสชฺชรุกฺขา วิย วิกปฺปรหิตา กาลตฺตเยปิ โสมนสฺสชาตา. ปฺาวเสน หิ อุปายโกสลฺลโยคโต ปริจฺจาโค ปรหิตปฺปวตฺติยา ทานปารมิภาวํ อุเปติ. อตฺตตฺถฺหิ ทานํ วฑฺฒิสทิสํ โหติ.
ตถา ปฺาย อภาเวน ตณฺหาทิสํกิเลสาวิโยคโต สีลสฺส วิสุทฺธิ เอว น สมฺภวติ, กุโต สพฺพฺุคุณาธิฏฺานภาโว. ปฺวา เอว จ ฆราวาเส กามคุเณสุ สํสาเร จ อาทีนวํ ปพฺพชฺชาย ฌานสมาปตฺติยํ นิพฺพาเน จ อานิสํสํ สุฏฺุ สลฺลกฺเขนฺโต ปพฺพชิตฺวา ฌานสมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา นิพฺพานาภิมุโข ปเร จ ตตฺถ ปติฏฺาเปติ. วีริยฺจ ปฺาวิรหิตํ ยถิจฺฉิตมตฺถํ น สาเธติ ทุรารมฺภภาวโต. วรเมว หิ อนารมฺโภ ทุรารมฺภโต, ปฺาสหิเตน ปน วีริเยน น กิฺจิ ทุรธิคมํ อุปายปฏิปตฺติโต. ตถา ปฺวา เอว ปราปการาทีนํ อธิวาสกชาติโก โหติ, น ทุปฺปฺโ. ปฺาวิรหิตสฺส จ ปเรหิ อุปนีตา อปการา ขนฺติยา ปฏิปกฺขเมว อนุพฺรูเหนฺติ, ปฺวโต ปน เต ขนฺติสมฺปตฺติยา ปริพฺรูหนวเสน อสฺสา ถิรภาวาย สํวตฺตนฺติ. ปฺวา เอว ตีณิปิ สจฺจานิ ¶ เนสํ การณานิ ปฏิปกฺเข จ ยถาภูตํ ชานิตฺวา ปเรสํ อวิสํวาทโก โหติ.
ตถา ปฺาพเลน อตฺตานํ อุปตฺถมฺเภตฺวา ธิติสมฺปทาย สพฺพปารมีสุ อจลสมาทานาธิฏฺาโน โหติ. ปฺวา เอว จ ปิยมชฺฌตฺตเวริวิภาคํ อกตฺวา สพฺพตฺถ หิตูปสํหารกุสโล โหติ. ตถา ปฺาวเสน ลาภาลาภาทิโลกธมฺมสนฺนิปาเต นิพฺพิการตาย มชฺฌตฺโต โหติ. เอวํ สพฺพาสํ ปารมีนํ ปฺาว ปาริสุทฺธิเหตูติ ปฺาคุณา ปจฺจเวกฺขิตพฺพา. อปิ จ ปฺาย วินา น ¶ ทสฺสนสมฺปตฺติ, อนฺตเรน จ ทิฏฺิสมฺปทํ น สีลสมฺปทา ¶ , สีลทิฏฺิสมฺปทาวิรหิตสฺส น สมาธิสมฺปทา, อสมาหิเตน จ น สกฺกา อตฺตหิตมตฺตมฺปิ สาเธตุํ, ปเคว อุกฺกํสคตํ ปรหิตนฺติ ปรหิตาย ปฏิปนฺเนน ‘‘นนุ ตยา สกฺกจฺจํ ปฺาย ปริวุทฺธิยํ อาโยโค กรณีโย’’ติ โพธิสตฺเตน อตฺตา โอวทิตพฺโพ. ปฺานุภาเวน หิ มหาสตฺโต จตุรธิฏฺานาธิฏฺิโต จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ โลกํ อนุคฺคณฺหนฺโต สตฺเต นิยฺยานมคฺเค อวตาเรติ, อินฺทฺริยานิ จ เนสํ ปริปาเจติ.
ตถา ปฺาพเลน ขนฺธายตนาทีสุ ปวิจยพหุโลปวตฺตินิวตฺติโย ยาถาวโต ปริชานนฺโต ทานาทโย คุเณ วิเสสนิพฺเพธภาคิยภาวํ นยนฺโต โพธิสตฺตสิกฺขาย ปริปูรการี โหตีติ เอวมาทินา อเนกาการโวกาเร ปฺาคุเณ ววตฺถเปตฺวา ปฺาปารมี อนุพฺรูเหตพฺพา.
ตถา ทิสฺสมานานิปิ โลกิยานิ กมฺมานิ นิหีนวีริเยน ปาปุณิตุํ อสกฺกุเณยฺยานิ, อคณิตเขเทน ปน อารทฺธวีริเยน ทุรธิคมํ นาม นตฺถิ. นิหีนวีริโย หิ ‘‘สํสารมโหฆโต สพฺพสตฺเต สนฺตาเรสฺสามี’’ติ อารภิตุเมว น สกฺกุณาติ. มชฺฌิโม อารภิตฺวา อนฺตรา โวสานมาปชฺชติ. อุกฺกฏฺวีริโย ปน อตฺตสุขนิรเปกฺโข อารมฺภปารมิมธิคจฺฉตีติ วีริยสมฺปตฺติ ปจฺจเวกฺขิตพฺพา. อปิ จ ‘‘ยสฺส อตฺตโน เอว สํสารปงฺกโต สมุทฺธรณตฺถมารมฺโภ, ตสฺสาปิ น วีริยสฺส สิถิลภาเว มโนรถานํ มตฺถกปฺปตฺติ สกฺกา สมฺภาเวตุํ, ปเคว สเทวกสฺส โลกสฺส สมุทฺธรณตฺถํ กตาภินีหาเรนา’’ติ ¶ จ ‘‘ราคาทีนํ โทสคณานํ มตฺตมหาคชานํ วิย ทุนฺนิวารภาวโต ตนฺนิทานานฺจ กมฺมสมาทานานํ อุกฺขิตฺตาสิกวธกสทิสภาวโต ตนฺนิมิตฺตานฺจ ทุคฺคตีนํ สพฺพทา วิวฏมุขภาวโต, ตตฺถ นิโยชกานฺจ ปาปมิตฺตานํ สทา สนฺนิหิตภาวโต ตโทวาทการิตาย จ พาลสฺส ปุถุชฺชนภาวสฺส สติสมฺภเว ยุตฺตํ สยเมว สํสารทุกฺขโต นิสฺสริตุนฺติ มิจฺฉาวิตกฺกา วีริยานุภาเวน ทูรีภวนฺตี’’ติ จ ‘‘ยทิ ปน สมฺโพธิ อตฺตาธีเนน วีริเยน สกฺกา สมธิคนฺตุํ, กิเมตฺถ ทุกฺกร’’นฺติ จ เอวมาทินา นเยน วีริยคุณา ปจฺจเวกฺขิตพฺพา.
ตถา ¶ ขนฺติ นามายํ นิรวเสสคุณปฏิปกฺขสฺส โกธสฺส วิธมนโต คุณสมฺปาทเน สาธูนมปฺปฏิหตมายุธํ, ปราภิภวสมตฺถานํ อลงฺกาโร, สมณพฺราหฺมณานํ พลสมฺปทา, โกธคฺคิวินยนอุทกธารา, กลฺยาณสฺส กิตฺติสทฺทสฺส สฺชาติเทโส, ปาปปุคฺคลานํ วจีวิสวูปสมกโร มนฺตาคโท, สํวเร ิตานํ ปรมา ธีรปกติ, คมฺภีราสยตาย สาคโร, โทสมหาสาครสฺส เวลา, อปายทฺวารสฺส ปิทหนกวาฏํ, เทวพฺรหฺมโลกานํ อาโรหณโสปานํ, สพฺพคุณานํ อธิวาสนภูมิ, อุตฺตมา กายวจีมโนวิสุทฺธีติ มนสิกาตพฺพํ.
อปิ ¶ จ ‘‘เอเต สตฺตา ขนฺติสมฺปตฺติยา อภาวโต อิธโลเก ตปฺปนฺติ, ปรโลเก จ ตปนียธมฺมานุโยคโต’’ติ จ ‘‘ยทิปิ ปราปการนิมิตฺตํ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ปน ทุกฺขสฺส เขตฺตภูโต อตฺตภาโว พีชภูตฺจ กมฺมํ มยาว อภิสงฺขต’’นฺติ จ ‘‘ตสฺส จ ทุกฺขสฺส อาณณฺยการณเมต’’นฺติ จ ‘‘อปการเก อสติ กถํ มยฺหํ ขนฺติสมฺปทา สมฺภวตี’’ติ จ ‘‘ยทิปายํ เอตรหิ อปการโก, อยํ นาม ปุพฺเพ อเนน มยฺหํ อุปกาโร กโต’’ติ จ ‘‘อปกาโร เอว วา ขนฺตินิมิตฺตตาย อุปกาโร’’ติ จ ‘‘สพฺเพปิเม สตฺตา มยฺหํ ปุตฺตสทิสา, ปุตฺตกตาปราเธสุ จ โก กุชฺฌิสฺสตี’’ติ จ ‘‘เยน โกธปิสาจาเวเสน อยํ มยฺหํ อปรชฺฌติ, สฺวายํ โกธภูตาเวโส มยา วิเนตพฺโพ’’ติ จ, ‘‘เยน อปกาเรน อิทํ มยฺหํ ทุกฺขํ อุปฺปนฺนํ, ตสฺส อหมฺปิ นิมิตฺต’’นฺติ จ, ‘‘เยหิ ธมฺเมหิ อปกาโร กโต, ยตฺถ จ กโต, สพฺเพปิ เต ตสฺมึ เอว ขเณ นิรุทฺธา กสฺสิทานิ เกน โกโป กาตพฺโพ’’ติ ¶ จ, ‘‘อนตฺตตาย สพฺพธมฺมานํ โก กสฺส อปรชฺฌตี’’ติ จ ปจฺจเวกฺขนฺเตน ขนฺติสมฺปทา อนุพฺรูเหตพฺพา.
ยทิ ปนสฺส ทีฆรตฺตํ ปริจเยน ปราปการนิมิตฺตโก โกโธ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺเยฺย, เตน อิติ ปฏิสฺจิกฺขิตพฺพํ – ‘‘ขนฺติ นาเมสา ปราปการสฺส ปฏิปกฺขปฏิปตฺตีนํ ปจฺจุปการการณ’’นฺติ จ ‘‘อปกาโร จ มยฺหํ ทุกฺขูปนิสา สทฺธาติ ทุกฺขุปฺปาทเนน สทฺธาย สพฺพโลเก ¶ อนภิรติสฺาย จ ปจฺจโย’’ติ จ, ‘‘อินฺทฺริยปกติ เหสา ยทิทํ อิฏฺานิฏฺวิสยสมาโยโค. ตตฺถ อนิฏฺวิสยสมาโยโค มยฺหํ น สิยาติ ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา’’ติ จ ‘‘โกธวสิโก สตฺโต โกเธน อุมฺมตฺโต วิกฺขิตฺตจิตฺโต, ตตฺถ กึ ปจฺจปกาเรนา’’ติ จ ‘‘สพฺเพปิเม สตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน โอรสปุตฺตา วิย ปริปาลิตา, ตสฺมา น ตตฺถ มยา จิตฺตโกโป กาตพฺโพ’’ติ จ, ‘‘อปราธเก จ สติ คุเณ คุณวติ มยา โกโป น กาตพฺโพ’’ติ จ, ‘‘อสติ คุเณ วิเสเสน กรุณายิตพฺโพ’’ติ จ ‘‘โกเปน จ มยฺหํ คุณยสา นิหียนฺตี’’ติ จ, ‘‘กุชฺฌเนน มยฺหํ ทุพฺพณฺณทุกฺขเสยฺยาทโย สปตฺตกนฺตา อาคจฺฉนฺตี’’ติ จ, ‘‘โกโธ จ นามายํ สพฺพาหิตการโก สพฺพหิตวินาสโก พลวา ปจฺจตฺถิโก’’ติ จ, ‘‘สติ จ ขนฺติยา น โกจิ ปจฺจตฺถิโก’’ติ จ, ‘‘อปราธเกน อปราธนิมิตฺตํ ยํ อายตึ ลทฺธพฺพํ ทุกฺขํ สติ จ ขนฺติยา มยฺหํ ตทภาโว’’ติ จ, ‘‘จินฺตเนน กุชฺฌนฺเตน จ มยา ปจฺจตฺถิโกเยว อนุวตฺติโต โหตี’’ติ จ, ‘‘โกเธ จ มยา ขนฺติยา อภิภูเต ตสฺส ทาสภูโต ปจฺจตฺถิโก สมฺมเทว อภิภูโต โหตี’’ติ จ, ‘‘โกธนิมิตฺตํ ขนฺติคุณปริจฺจาโค มยฺหํ น ยุตฺโต’’ติ จ, ‘‘สติ จ โกเธ คุณวิโรธปจฺจนีกธมฺเม กถํ เม สีลาทิธมฺมา ปาริปูรึ คจฺเฉยฺยุํ, อสติ จ เตสุ กถาหํ สตฺตานํ ¶ อุปการพหุโล ปฏิฺานุรูปํ อุตฺตมํ สมฺปตฺตึ ปาปุณิสฺสามี’’ติ จ, ‘‘ขนฺติยา จ สติ พหิทฺธา วิกฺเขปาภาวโต สมาหิตสฺส สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจโต ทุกฺขโต สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตโต นิพฺพานฺจ อสงฺขตามตสนฺตปณีตตาทิภาวโต นิชฺฌานํ ขมนฺติ พุทฺธธมฺมา จ อจินฺเตยฺยาปริเมยฺยปฺปภาวา’’ติ.
ตโต จ อนุโลมิยํ ขนฺติยํ ิโต เกวลา อิเม อตฺตตฺตนิยภาวรหิตา ธมฺมมตฺตา ยถาสกํ ปจฺจเยหิ อุปฺปชฺชนฺติ วยนฺติ, น กุโตจิ อาคจฺฉนฺติ, น กุหิฺจิ คจฺฉนฺติ, น จ กตฺถจิ ปติฏฺิตา, น เจตฺถ โกจิ กสฺสจิ พฺยาปาโรติ ¶ อหํการมมํการานธิฏฺานตา นิชฺฌานํ ขมติ, เยน โพธิสตฺโต โพธิยา นิยโต อนาวตฺติธมฺโม โหตีติ เอวมาทินา ขนฺติปารมิยา ปจฺจเวกฺขณา เวทิตพฺพา.
ตถา สจฺเจน วินา สีลาทีนํ อสมฺภวโต ปฏิฺานุรูปํ ปฏิปตฺติยา อภาวโต จ, สจฺจธมฺมาติกฺกเม จ สพฺพปาปธมฺมานํ สโมสรณโต อสจฺจสนฺธสฺส อปจฺจยิกภาวโต ¶ อายติฺจ อนาเทยฺยวจนตาวหนโต สมฺปนฺนสจฺจสฺส จ, สพฺพคุณาธิฏฺานภาวโต สจฺจาธิฏฺาเนน สพฺพโพธิสมฺภารานํ ปาริสุทฺธิปาริปูริสามตฺถิยโต สภาวธมฺมาวิสํวาทเนน สพฺพโพธิสมฺภารกิจฺจกรณโต โพธิสตฺตปฏิปตฺติยา จ, ปรินิปฺผตฺติโตติอาทินา สจฺจปารมิยา สมฺปตฺติโย ปจฺจเวกฺขิตพฺพา.
ตถา ทานาทีสุ ทฬฺหสมาทานํ ตํปฏิปกฺขสนฺนิปาเต จ เนสํ อจลาธิฏฺานํ ตตฺถ จ ธีรวีรภาวํ วินา น ทานาทิสมฺภารา สมฺโพธินิมิตฺตา สมฺภวนฺตีติอาทินา อธิฏฺาเน คุณา ปจฺจเวกฺขิตพฺพา.
ตถา ‘‘อตฺตหิตมตฺเต อวติฏฺนฺเตนาปิ สตฺเตสุ หิตจิตฺตตํ วินา น สกฺกา อิธโลกปรโลกสมฺปตฺติโย ปาปุณิตุํ, ปเคว สพฺพสตฺเต นิพฺพานสมฺปตฺติยํ ปติฏฺาเปตุกาเมนา’’ติ จ, ‘‘ปจฺฉา สพฺพสตฺตานํ โลกุตฺตรสมฺปตฺตึ อากงฺขนฺเตน อิทานิ โลกิยสมฺปตฺติอากงฺขา ยุตฺตรูปา’’ติ จ, ‘‘อิทานิ อาสยมตฺเตน ปเรสํ หิตสุขูปสํหารํ กาตุํ อสกฺโกนฺโต กทา ปโยเคน ตํ สาเธสฺสามี’’ติ จ, ‘‘อิทานิ มยา หิตสุขูปสํหาเรน สํวฑฺฒิตา ปจฺฉา ธมฺมสํวิภาคสหายา มยฺหํ ภวิสฺสนฺตี’’ติ จ, ‘‘เอเตหิ วินา น มยฺหํ โพธิสมฺภารา สมฺภวนฺติ, ตสฺมา สพฺพพุทฺธคุณวิภูตินิปฺผตฺติการณตฺตา มยฺหํ เอเต ปรมํ ปฺุกฺเขตฺตํ อนุตฺตรํ กุสลายตนํ อุตฺตมํ คารวฏฺาน’’นฺติ จ, สวิเสสํ สตฺเตสุ สพฺเพสุ หิตชฺฌาสยตา ปจฺจุปฏฺเปตพฺพา ¶ , กิฺจ กรุณาธิฏฺานโตปิ สพฺพสตฺเตสุ เมตฺตา อนุพฺรูเหตพฺพา. วิมริยาทีกเตน หิ เจตสา สตฺเตสุ หิตสุขูปสํหารนิรตสฺส เตสํ อหิตทุกฺขาปนยนกามตา พลวตี อุปฺปชฺชติ ทฬฺหมูลา. กรุณา จ สพฺเพสํ พุทฺธการกธมฺมานํ อาทิ จรณํ ปติฏฺา มูลํ มุขํ ปมุขนฺติ เอวมาทินา เมตฺตาย คุณา ปจฺจเวกฺขิตพฺพา.
ตถา ‘‘อุเปกฺขาย อภาเว สตฺเตหิ กตา วิปฺปการา จิตฺตสฺส วิการํ อุปฺปาเทยฺยุํ, สติ จ จิตฺตวิกาเร ทานาทีนํ สมฺภารานํ สมฺภโว เอว นตฺถี’’ติ ¶ จ, ‘‘เมตฺตาสิเนเหน สิเนหิเต จิตฺเต อุเปกฺขาย วินา สมฺภารานํ ปาริสุทฺธิ น โหตี’’ติ ¶ จ, ‘‘อนุเปกฺขโก สมฺภาเรสุ ปฺุสมฺภารํ ตพฺพิปากฺจ สตฺตหิตตฺถํ ปริณาเมตุํ น สกฺโกตี’’ติ จ, ‘‘อุเปกฺขาย อภาเว เทยฺยธมฺมปฏิคฺคาหกานํ วิภาคํ อกตฺวา ปริจฺจชิตุํ น สกฺโกตี’’ติ จ, ‘‘อุเปกฺขารหิเตน ชีวิตปริกฺขารานํ ชีวิตสฺส จ อนฺตรายํ อมนสิกริตฺวา สีลวิโสธนํ กาตุํ น สกฺโกตี’’ติ จ, ตถา อุเปกฺขาวเสน อรติรติสหสฺเสว เนกฺขมฺมพลสิทฺธิโต อุปปตฺติโต อิกฺขณวเสน สพฺพสมฺภารกิจฺจนิปฺผตฺติโต อจฺจารทฺธสฺส วีริยสฺส อนุเปกฺขเณ ปธานกิจฺจากรณโต อุเปกฺขโต เอว ติติกฺขานิชฺฌานสมฺภวโต อุเปกฺขาวเสน สตฺตสงฺขารานํ อวิสํวาทนโต โลกธมฺมานํ อชฺฌุเปกฺขเณน สมาทินฺนธมฺเมสุ อจลาธิฏฺานสิทฺธิโต ปราปการาทีสุ อนาโภควเสเนว เมตฺตาวิหารนิปฺผตฺติโตติ สพฺพโพธิสมฺภารานํ สมาทานาธิฏฺานปาริปูรินิปฺผตฺติโย อุเปกฺขานุภาเวน สมฺปชฺชนฺตีติ เอวมาทินา นเยน อุเปกฺขาปารมี ปจฺจเวกฺขิตพฺพา. เอวํ อปริจฺจาคปริจฺจาคาทีสุ ยถากฺกมํ อาทีนวานิสํสปจฺจเวกฺขณา ทานาทิปารมีนํ ปจฺจโยติ ทฏฺพฺพํ.
ตถา สปริกฺขารา ปฺจทส จรณธมฺมา ปฺจ จ อภิฺาโย. ตตฺถ จรณธมฺมา นาม สีลสํวโร, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา, โภชเน มตฺตฺุตา, ชาคริยานุโยโค, สตฺต สทฺธมฺมา, จตฺตาริ ฌานานิ จ. เตสุ สีลาทีนํ จตุนฺนํ เตรสาปิ ธุตธมฺมา อปฺปิจฺฉตาทโย จ ปริกฺขารา. สทฺธมฺเมสุ สทฺธาย พุทฺธธมฺมสงฺฆสีลจาคเทวตูปสมานุสฺสติลูขปุคฺคลปริวชฺชน- สินิทฺธปุคฺคลเสวนปสาทนียธมฺมปจฺจเวกฺขณตทธิมุตฺตตา ปริกฺขาโร. หิโรตฺตปฺปานํ อกุสลาทีนวปจฺจเวกฺขณอปายาทีนวปจฺจเวกฺขณกุสลธมฺมูปตฺถมฺภน- ภาวปจฺจเวกฺขณหิโรตฺตปฺปรหิตปุคฺคลปริวชฺชนหิโรตฺตปฺปสมฺปนฺนปุคฺคลเสนตทธิมุตฺตตา. พาหุสจฺจสฺส ปุพฺพโยคปริปุจฺฉก- ภาวสทฺธมฺมาภิโยคอนวชฺชวิชฺชาฏฺานาทิปริจยปริปกฺกินฺทฺริยตากิเลสทูรีภาวอปฺปสฺสุต- ปริวชฺชนพหุสฺสุตเสวนตทธิมุตฺตตา. วีริยสฺส อปายภยปจฺจเวกฺขณ- ¶ คมนวีถิปจฺจเวกฺขณธมฺมมหตฺตปจฺจเวกฺขณถินมิทฺธวิโนทนกุสีตปุคฺคลปริวชฺชน- อารทฺธวีริยปุคฺคลเสวนสมฺมปฺปธานปจฺจเวกฺขณตทธิมุตฺตตา ¶ . สติยา สติสมฺปชฺมุฏฺสฺสติปุคฺคลปริวชฺชนอุปฏฺิตสฺสติปุคฺคลเสวนตทธิมุตฺตตา. ¶ ปฺาย ปริปุจฺฉกภารวตฺถุวิสทกิริยาอินฺทฺริยสมตฺตปฏิปาทนทุปฺปฺปุคฺคล- ปริวชฺชนปฺวนฺตปุคฺคลเสวนคมฺภีราณจริยปจฺจเวกฺขณตทธิมุตฺตตา. จตุนฺนํ ฌานานํ สีลาทิจตุกฺกํ อฏฺตึสาย อารมฺมเณสุ ปุพฺพภาคภาวนา อาวชฺชนาทิวสีภาวกรณฺจ ปริกฺขาโร. ตตฺถ สีลาทีหิ ปโยคสุทฺธิยา สตฺตานํ อภยทาเน อาสยสุทฺธิยา อามิสทาเน อุภยสุทฺธิยา ธมฺมทาเน สมตฺโถ โหตีติอาทินา จรณาทีนํ ทานาทิสมฺภารานํ ปจฺจยภาโว ยถารหํ นิทฺธาเรตพฺโพ. อติวิตฺถารภเยน น นิทฺธารยิมฺหาติ. เอวํ สมฺปตฺติจกฺกาทโยปิ ทานาทีนํ ปจฺจโยติ เวทิตพฺพา.
โก สํกิเลโสติ? อวิเสเสน ตณฺหาทีหิ ปรามฏฺภาโว ปารมีนํ สํกิเลโส, วิเสเสน ปน เทยฺยธมฺมปฏิคฺคาหกวิกปฺปา ทานปารมิยา สํกิเลโส. สตฺตกาลวิกปฺปา สีลปารมิยา, กามภวตทุปสเมสุ อภิรติอนภิรติวิกปฺปา เนกฺขมฺมปารมิยา, อหํ มมาติ วิกปฺปา ปฺาปารมิยา, ลีนุทฺธจฺจวิกปฺปา วีริยปารมิยา, อตฺตปรวิกปฺปา ขนฺติปารมิยา, อทิฏฺาทีสุ ทิฏฺาทิวิกปฺปา สจฺจปารมิยา, โพธิสมฺภารตพฺพิปกฺเขสุ โทสคุณวิกปฺปา อธิฏฺานปารมิยา, หิตาหิตวิกปฺปา เมตฺตาปารมิยา, อิฏฺานิฏฺวิกปฺปา อุเปกฺขาปารมิยา สํกิเลโสติ ทฏฺพฺพํ.
กึ โวทานนฺติ? ตณฺหาทีหิ อนุปฆาโต ยถาวุตฺตวิกปฺปวิรโห จ เอตาสํ โวทานนฺติ เวทิตพฺพํ. อนุปหตา หิ ตณฺหามานทิฏฺิโกธูปนาหมกฺขปฬาสอิสฺสามจฺฉริย- มายาสาเยฺยถมฺภสารมฺภมทปฺปมาทาทีหิ กิเลเสหิ เทยฺยธมฺมปฏิคฺคาหกวิกปฺปาทิรหิตา จ ทานาทิปารมิโย ปริสุทฺธา ปภสฺสรา ภวนฺตีติ.
โก ปฏิปกฺโขติ? อวิเสเสน สพฺเพปิ สํกิเลสา สพฺเพปิ ¶ อกุสลา ธมฺมา เอตาสํ ปฏิปกฺโข, วิเสเสน ปน ปุพฺเพ วุตฺตา มจฺเฉราทโยติ เวทิตพฺพา. อปิ จ เทยฺยธมฺมปฏิคฺคาหกทานผเลสุ อโลภาโทสาโมหคุณโยคโต โลภโทสโมหปฏิปกฺขํ ทานํ, กายาทิโทสวงฺกาปคมโต โลภาทิปฏิปกฺขํ สีลํ, กามสุขปรูปฆาตอตฺตกิลมถปริวชฺชนโต โทสตฺตยปฏิปกฺขํ เนกฺขมฺมํ, โลภาทีนํ อนฺธีกรณโต าณสฺส จ อนนฺธีกรณโต โลภาทิปฏิปกฺขา ปฺา ¶ , อลีนานุทฺธตายารมฺภวเสน โลภาทิปฏิปกฺขํ วีริยํ, อิฏฺานิฏฺสฺุตานํ ขมนโต โลภาทิปฏิปกฺขา ขนฺติ, สติปิ ปเรสํ อุปกาเร อปกาเร จ ยถาภูตปฺปวตฺติยา ¶ โลภาทิปฏิปกฺขํ สจฺจํ, โลกธมฺเม อภิภุยฺย ยถาสมาทินฺเนสุ สมฺภาเรสุ อจลนโต โลภาทิปฏิปกฺขํ อธิฏฺานํ, นีวรณวิเวกโต โลภาทิปฏิปกฺขา เมตฺตา, อิฏฺานิฏฺเสุ อนุนยปฏิฆวิทฺธํสนโต สมปฺปวตฺติโต จ โลภาทิปฏิปกฺขา อุเปกฺขาติ ทฏฺพฺพํ.
กา ปฏิปตฺตีติ? ทานปารมิยา ตาว สุขูปกรณสรีรชีวิตปริจฺจาเคน ภยาปนุทเนน ธมฺโมปเทเสน จ พหุธา สตฺตานํ อนุคฺคหกรณํ ปฏิปตฺติ. ตตฺถ อามิสทานํ อภยทานํ ธมฺมทานนฺติ ทาตพฺพวตฺถุวเสน ติวิธํ ทานํ. เตสุ โพธิสตฺตสฺส ทาตพฺพวตฺถุ อชฺฌตฺติกํ พาหิรนฺติ ทุวิธํ. ตตฺถ พาหิรํ อนฺนํ ปานํ วตฺถํ ยานํ มาลาคนฺธวิเลปนํ เสยฺยาวสถปทีเปยฺยนฺติ ทสวิธํ. อนฺนาทีนํ ขาทนียโภชนียาทิวิภาเคน อเนกวิธํ. ตถา รูปารมฺมณํ ยาว ธมฺมารมฺมณนฺติ อารมฺมณโต ฉพฺพิธํ. รูปารมฺมณาทีนฺจ นีลาทิวิภาเคน อเนกวิธํ. ตถา มณิกนกรชตมุตฺตาปวาฬาทิ, เขตฺตวตฺถุอารามาทิ, ทาสิทาสโคมหึสาทิ นานาวิธวิตฺตูปกรณวเสน อเนกวิธํ.
ตตฺถ มหาปุริโส พาหิรํ วตฺถุํ เทนฺโต ‘‘โย เยน อตฺถิโก, ตํ ตสฺส เทติ, เทนฺโต จ ตสฺส อตฺถิโก’’ติ สยเมว ชานนฺโต อยาจิโตปิ เทติ ปเคว ยาจิโต. มุตฺตจาโค เทติ, โน อมุตฺตจาโค, ปริยตฺตํ เทติ, โน อปริยตฺตํ สติ เทยฺยธมฺเม. น ปจฺจุปการสนฺนิสฺสิโต ¶ เทติ. อสติ เทยฺยธมฺเม หิ ปริยตฺเต สํวิภาคารหํ สํวิภชติ. น จ เทติ ปรูปฆาตาวหํ สตฺถวิสมชฺชาทิกํ, นาปิ กีฬนกํ ยํ อนตฺถูปสํหิตํ ปมาทาวหฺจ. น จ คิลานสฺส ยาจกสฺส ปานโภชนาทิอสปฺปายํ ปมาณรหิตํ วา เทติ, ปมาณยุตฺตํ ปน สปฺปายเมว เทติ.
ตถา ยาจิโต คหฏฺานํ คหฏฺานุจฺฉวิกํ เทติ, ปพฺพชิตานํ ปพฺพชิตานุจฺฉวิกํ เทติ, มาตาปิตโร าติสาโลหิตา มิตฺตามจฺจา ปุตฺตทารทาสกมฺมกราติ เอเตสุ กสฺสจิ ปีฬํ อชเนนฺโต เทติ, น จ อุฬารํ เทยฺยธมฺมํ ปฏิชานิตฺวา ลูขํ เทติ, น จ ลาภสกฺการสิโลกสนฺนิสฺสิโต เทติ, น จ ปจฺจุปการสนฺนิสฺสิโต เทติ, น จ ผลปาฏิกงฺขี เทติ ¶ อฺตฺร สมฺมาสมฺโพธิยา, น จ ยาจเก เทยฺยธมฺมํ วา ชิคุจฺฉนฺโต เทติ, น จ อสฺตานํ ยาจกานํ อกฺโกสกโรสกานมฺปิ อปวิทฺธํ ทานํ เทติ, อฺทตฺถุ ปสนฺนจิตฺโต อนุกมฺปนฺโต สกฺกจฺจเมว เทติ, น จ โกตูหลมงฺคลิโก หุตฺวา เทติ, กมฺมผลเมว ปน สทฺทหนฺโต เทติ, นปิ ยาจเก ปยิรุปาสนาทีหิ ปริกิเลเสตฺวา เทติ, อปริกิเลสนฺโต เอว ปน เทติ, น จ ปเรสํ วฺจนาธิปฺปาโย เภทนาธิปฺปาโย วา ทานํ เทติ, อสํกิลิฏฺจิตฺโต เอว เทติ, นปิ ผรุสวาโจ ภากุฏิมุโข ทานํ เทติ, ปิยวาที ปน ปุพฺพภาสี มิตวจโน หุตฺวา เทติ ¶ , ยสฺมิฺจ เทยฺยธมฺเม อุฬารมนฺุตาย วา จิรปริจเยน วา เคธสภาวตาย วา โลภธมฺโม อธิมตฺโต โหติ, ชานนฺโต โพธิสตฺโต ตํ ขิปฺปเมว ปฏิวิโนเทตฺวา ยาจเก ปริเยสิตฺวาปิ เทติ, ยฺจ เทยฺยวตฺถุ ปริตฺตํ ยาจโกปิ ปจฺจุปฏฺิโต, ตํ อจินฺเตตฺวาปิ อตฺตานํ พาเธตฺวา เทนฺโต ยาจกํ สมฺมาเนติ ยถา ตํ อกิตฺติปณฺฑิโต. น จ มหาปุริโส อตฺตโน ปุตฺตทารทาสกมฺมกรโปริเส ยาจิโต เต อสฺาปิเต โทมนสฺสปฺปตฺเต ยาจกานํ เทติ, สมฺมเทว ปน สฺาปิเต โสมนสฺสปฺปตฺเต เทติ. เทนฺโต จ ยกฺขรกฺขสปิสาจาทีนํ วา มนุสฺสานํ กุรูรกมฺมนฺตานํ วา ชานนฺโต น เทติ, ตถา รชฺชมฺปิ ตาทิสานํ น เทติ. เย โลกสฺส อหิตาย ทุกฺขาย อนตฺถาย ปฏิปชฺชนฺติ, เย ปน ธมฺมิกา ธมฺเมน โลกํ ปาเลนฺติ, เตสํ เทติ. เอวํ ตาว พาหิรทาเน ปฏิปตฺติ เวทิตพฺพา.
อชฺฌตฺติกทานํ ¶ ปน ทฺวีหิ อากาเรหิ เวทิตพฺพํ. กถํ? ยถา นาม โกจิ ปุริโส ฆาสจฺฉาทนเหตุ อตฺตานํ ปรสฺส นิสฺสชฺชติ, วิเธยฺยภาวํ อุปคจฺฉติ ทาสพฺยํ, เอวเมว มหาปุริโส สมฺโพธิเหตุ นิรามิสจิตฺโต สตฺตานํ อนุตฺตรํ หิตสุขํ อิจฺฉนฺโต อตฺตโน ทานปารมึ ปริปูเรตุกาโม อตฺตานํ ปรสฺส นิสฺสชฺชติ, วิเธยฺยภาวํ อุปคจฺฉติ ยถากามกรณียตํ. กรจรณนยนาทิองฺคปจฺจงฺคํ เตน เตน อตฺถิกานํ อกมฺปิโต อโนลีโน อนุปฺปเทติ, น ตตฺถ สชฺชติ น สงฺโกจํ อาปชฺชติ ยถา ตํ พาหิรวตฺถุสฺมึ, ตถา หิ มหาปุริโส ทฺวีหิ อากาเรหิ พาหิรวตฺถุํ ปริจฺจชติ ยถาสุขํ ปริโภคาย วา ยาจกานํ เตสํ มโนรถํ ปริปูเรนฺโต, อตฺตโน วสีภาวาย วา, ตตฺถ ¶ สพฺเพน สพฺพํ มุตฺตจาโค, เอวมหํ นิสฺสงฺคภาวนาย สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสามีติ. เอวํ อชฺฌตฺติกวตฺถุสฺมินฺติ เวทิตพฺพํ.
ตตฺถ ยํ อชฺฌตฺติกวตฺถุ ทียมานํ ยาจกสฺส เอกนฺเตเนว หิตาย สํวตฺตติ, ตํ เทติ, น อิตรํ. น จ มหาปุริโส มารสฺส มารกายิกานํ เทวตานํ วา วิหึสาธิปฺปายานํ อตฺตโน อตฺตภาวํ องฺคปจฺจงฺคานิ วา ชานมาโน เทติ ‘‘มา เตสํ อนตฺโถ อโหสี’’ติ. ยถา จ มารกายิกานํ, เอวํ เตหิ อนฺวาวิฏฺานมฺปิ น เทติ, นปิ อุมฺมตฺตกานํ. อิตเรสํ ปน ยาจิยมาโน สมนนฺตรเมว เทติ, ตาทิสาย ยาจนาย ทุลฺลภภาวโต ตาทิสสฺส จ ทานสฺส ทุกฺกรภาวโต.
อภยทานํ ปน ราชโต โจรโต อคฺคิโต อุทกโต เวริปุคฺคลโต สีหพฺยคฺฆาทิวาฬมิคโต นาคยกฺขรกฺขสปิสาจาทิโต สตฺตานํ ภเย ปจฺจุปฏฺิเต ตโต ปริตฺตาณภาเวน เวทิตพฺพํ.
ธมฺมทานํ ¶ ปน อสํกิลิฏฺจิตฺตสฺส อวิปรีตา ธมฺมเทสนา, โอปายิโก หิตสฺส อุปเทโส ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺถวเสน เยน สาสเน อโนติณฺณานํ อวตารณํ โอติณฺณานํ ปริปาจนํ. ตตฺถายํ นโย – สงฺเขปโต ตาว ทานกถา สีลกถา สคฺคกถา กามานํ อาทีนโว สํกิเลโส จ เนกฺขมฺเม อานิสํโส. วิตฺถารโต ปน สาวกโพธิยํ อธิมุตฺตจิตฺตานํ สรณคมนํ สีลสํวโร อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา โภชเน มตฺตฺุตา ชาคริยานุโยโค สตฺต สทฺธมฺมา อฏฺตึสาย อารมฺมเณสุ กมฺมกรณวเสน สมถานุโยโค ¶ รูปกายาทีสุ วิปสฺสนาภินิเวเสสุ ยถารหํ อภินิเวสมุเขน วิปสฺสนานุโยโค, ตถา วิสุทฺธิปฏิปทา สมฺมตฺตคหณํ ติสฺโส วิชฺชา ฉ อภิฺา จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา สาวกโพธีติ เอเตสํ คุณสํกิตฺตนวเสน ยถารหํ ตตฺถ ตตฺถ ปติฏฺาปนา ปริโยทปนา จ. ตถา ปจฺเจกโพธิยํ สมฺมาสมฺโพธิยฺจ อธิมุตฺตานํ สตฺตานํ ยถารหํ ทานาทิปารมีนํ สภาวรสลกฺขณาทิสํกิตฺตนมุเขน ตีสุปิ อวตฺถาสุ เตสํ พุทฺธานํ มหานุภาวตาวิภาวเนน ยานทฺวเย ปติฏฺาปนา ปริโยทปนา จ. เอวํ มหาปุริโส สตฺตานํ ธมฺมทานํ เทติ.
ตถา ¶ มหาปุริโส สตฺตานํ อามิสทานํ เทนฺโต ‘‘อิมินาหํ ทาเนน สตฺตานํ อายุวณฺณสุขพลปฏิภานาทิสมฺปตฺติฺจ รมณียํ อคฺคผลสมฺปตฺติฺจ นิปฺผาเทยฺย’’นฺติ อนฺนทานํ เทติ, ตถา สตฺตานํ กามกิเลสปิปาสาวูปสมาย ปานํ เทติ, ตถา สุวณฺณวณฺณตาย หิโรตฺตปฺปาลงฺการสฺส จ นิปฺผตฺติยา วตฺถานิ เทติ, ตถา อิทฺธิวิธสฺส เจว นิพฺพานสุขสฺส จ นิปฺผตฺติยา ยานํ เทติ, ตถา สีลคนฺธนิปฺผตฺติยา คนฺธํ เทติ, ตถา พุทฺธคุณโสภานิปฺผตฺติยา มาลาวิเลปนํ เทติ, โพธิมณฺฑาสนนิปฺผตฺติยา อาสนํ เทติ, ตถาคตเสยฺยานิปฺผตฺติยา เสยฺยํ เทติ, สรณภาวนิปฺผตฺติยา อาวสถํ เทติ, ปฺจจกฺขุปฏิลาภาย ปทีเปยฺยํ เทติ, พฺยามปฺปภานิปฺผตฺติยา รูปทานํ เทติ, พฺรหฺมสฺสรนิปฺผตฺติยา สทฺททานํ เทติ, สพฺพโลกสฺส ปิยภาวาย รสทานํ เทติ, พุทฺธสุขุมาลภาวาย โผฏฺพฺพทานํ เทติ, อชรามรภาวาย เภสชฺชทานํ เทติ, กิเลสทาสพฺยวิโมจนตฺถํ ทาสานํ ภุชิสฺสตาทานํ เทติ, สทฺธมฺมาภิรติยา อนวชฺชขิฑฺฑารติเหตุทานํ เทติ, สพฺเพปิ สตฺเต อริยาย ชาติยา อตฺตโน ปุตฺตภาวูปนยนาย ปุตฺตทานํ เทติ, สกลสฺสปิ โลกสฺส ปติภาวูปคมนาย ทารทานํ เทติ, สุภลกฺขณสมฺปตฺติยา สุวณฺณมณิมุตฺตาปวาฬาทิทานํ, อนุพฺยฺชนสมฺปตฺติยา นานาวิธวิภูสนทานํ, สทฺธมฺมโกสาธิคมาย วิตฺตโกสทานํ, ธมฺมราชภาวาย รชฺชทานํ, ฌานาทิสมฺปตฺติยา อารามุยฺยานตฬากวนทานํ, จกฺกงฺกิเตหิ ปาเทหิ โพธิมณฺฑูปสงฺกมนาย จรณทานํ, จตุโรฆนิตฺถรณาย สตฺตานํ สทฺธมฺมหตฺถทานตฺถํ หตฺถทานํ, สทฺธินฺทฺริยาทิปฏิลาภาย ¶ กณฺณนาสาทิทานํ, สมนฺตจกฺขุปฏิลาภาย จกฺขุทานํ, ‘‘ทสฺสนสวนานุสฺสรณปาริจริยาทีสุ สพฺพกาลํ ¶ สพฺพสตฺตานํ หิตสุขาวโห, สพฺพโลเกน จ อุปชีวิตพฺโพ เม กาโย ภเวยฺยา’’ติ มํสโลหิตาทิทานํ, ‘‘สพฺพโลกุตฺตโม ภเวยฺย’’นฺติ อุตฺตมงฺคทานํ เทติ.
เอวํ ททนฺโต จ น อเนสนาย เทติ, น จ ปโรปฆาเตน, น ภเยน, น ลชฺชาย, น ทกฺขิเณยฺยโรสเนน, น ปณีเต สติ ลูขํ, น อตฺตุกฺกํสเนน, น ปรวมฺภเนน, น ผลาภิสงฺขาย, น ยาจกชิคุจฺฉาย, น อจิตฺตีกาเรน เทติ, อถ โข สกฺกจฺจํ เทติ, สหตฺเถน เทติ, กาเลน เทติ, จิตฺตีกตฺวา เทติ, อวิภาเคน เทติ. ตีสุ กาเลสุ โสมนสฺสิโต เทติ, ตโต ¶ เอว จ ทตฺวา น ปจฺฉานุตาปี โหติ. น ปฏิคฺคาหกวเสน มานาวมานํ กโรติ, ปฏิคฺคาหกานํ ปิยสมุทาจาโร โหติ วทฺู ยาจโยโค สปริวารทายโก. อนฺนทานฺหิ เทนฺโต ‘‘ตํ สปริวารํ กตฺวา ทสฺสามี’’ติ วตฺถาทีหิ สทฺธึ เทติ. ตถา วตฺถทานํ เทนฺโต ‘‘ตํ สปริวารํ กตฺวา ทสฺสามี’’ติ อนฺนาทีหิ สทฺธึ เทติ. ยานทานาทีสุปิ เอเสว นโย.
ตถา รูปทานํ เทนฺโต อิตรารมฺมณานิปิ ตสฺส ปริวารํ กตฺวา เทติ, เอวํ เสเสสุปิ. ตตฺถ รูปทานํ นาม นีลปีตโลหิตโอทาตาทิวณฺณาสุ ปุปฺผวตฺถธาตูสุ อฺตรํ ลภิตฺวา รูปวเสน อาภุชิตฺวา ‘‘รูปทานํ ทสฺสามิ, รูปทานํ มยฺห’’นฺติ จินฺเตตฺวา ตาทิเส ทกฺขิเณยฺเย ทานํ ปติฏฺาเปติ สวตฺถุกํ กตฺวา. เอตํ รูปทานํ นาม.
สทฺททานํ ปน เภริสทฺทาทิวเสน เวทิตพฺพํ. ตตฺถ สทฺทํ กนฺทมูลานิ วิย อุปฺปาเฏตฺวา นีลุปฺปลหตฺถกํ วิย จ หตฺเถ เปตฺวา ทาตุํ น สกฺกา, สวตฺถุกํ ปน กตฺวา เทนฺโต สทฺททานํ เทติ นาม. ตสฺมา ยทา ‘‘สทฺททานํ ทสฺสามี’’ติ เภริมุทิงฺคาทีสุ อฺตเรน ตูริเยน ติณฺณํ รตนานํ อุปหารํ กโรติ กาเรติ จ, ‘‘สทฺททานํ เม’’ติ เภริอาทีนิ เปติ ปาเปติ จ. ธมฺมกถิกานํ ปน สรเภสชฺชํ เตลผาณิตาทึ เทติ, ธมฺมสฺสวนํ โฆเสติ, สรภฺํ ภณติ, ธมฺมกถํ กเถติ, อุปนิสินฺนกกถํ ¶ อนุโมทนกถฺจ กโรติ กาเรติ จ, ตทา สทฺททานํ นาม โหติ.
ตถา คนฺธทานํ มูลคนฺธาทีสุ อฺตรํ รชนียํ คนฺธวตฺถุํ ปึสิตเมว วา คนฺธํ ยํกิฺจิ ลภิตฺวา คนฺธวเสน อาภุชิตฺวา ‘‘คนฺธทานํ ทสฺสามิ, คนฺธทานํ มยฺห’’นฺติ พุทฺธรตนาทีนํ ปูชํ กโรติ กาเรติ จ, คนฺธปูชนตฺถาย อครุจนฺทนาทิเก คนฺธวตฺถุเก ปริจฺจชติ. อิทํ คนฺธทานํ.
ตถา ¶ มูลรสาทีสุ ยํกิฺจิ รชนียํ รสวตฺถุํ ลภิตฺวา รสวเสน อาภุชิตฺวา ‘‘รสทานํ ทสฺสามิ, รสทานํ มยฺห’’นฺติ ทกฺขิเณยฺยานํ เทติ, รสวตฺถุเมว วา ธฺควาทิกํ ปริจฺจชติ. อิทํ รสทานํ.
ตถา โผฏฺพฺพทานํ มฺจปีาทิวเสน อตฺถรณปาวุรณาทิวเสน จ เวทิตพฺพํ. ยทา หิ มฺจปีภิสิพิมฺโพหนาทิกํ นิวาสนปารุปนาทิกํ วา สุขสมฺผสฺสํ ¶ รชนียํ อนวชฺชํ โผฏฺพฺพวตฺถุํ ลภิตฺวา โผฏฺพฺพวเสน อาภุชิตฺวา ‘‘โผฏฺพฺพทานํ ทสฺสามิ, โผฏฺพฺพทานํ มยฺห’’นฺติ ทกฺขิเณยฺยานํ เทติ. ยถาวุตฺตํ โผฏฺพฺพวตฺถุํ ลภิตฺวา ปริจฺจชติ, อิทํ โผฏฺพฺพทานํ.
ธมฺมทานํ ปน ธมฺมารมฺมณสฺส อธิปฺเปตตฺตา โอชปานชีวิตวเสน เวทิตพฺพํ. โอชาทีสุ หิ อฺตรํ รชนียํ วตฺถุํ ลภิตฺวา ธมฺมารมฺมณวเสน อาภุชิตฺวา ‘‘ธมฺมทานํ ทสฺสามิ, ธมฺมทานํ มยฺห’’นฺติ สปฺปินวนีตาทิโอชทานํ เทติ. อมฺพปานาทิอฏฺวิธปานทานํ เทติ, ชีวิตทานนฺติ อาภุชิตฺวา สลากภตฺตปกฺขิกภตฺตาทีนิ เทติ, อผาสุกภาเวน อภิภูตานํ พฺยาธิตานํ เวชฺเช ปจฺจุปฏฺาเปติ, ชาลํ ผาลาเปติ, กุมินํ วิทฺธํสาเปติ, สกุณปฺชรํ วิทฺธํสาเปติ, พนฺธเนน พทฺธานํ สตฺตานํ พนฺธนโมกฺขํ กาเรติ, มาฆาตเภรึ จราเปติ, อฺานิ จ สตฺตานํ ชีวิตปริตฺตาณตฺถํ เอวรูปานิ กมฺมานิ กโรติ การาเปติ จ. อิทํ ธมฺมทานํ นาม.
สพฺพเมตํ ยถาวุตฺตํ ทานสมฺปทํ สกลโลกหิตสุขาย ปริณาเมติ. อตฺตโน จ สมฺมาสมฺโพธิยา อกุปฺปาย วิมุตฺติยา อปริกฺขยสฺส ฉนฺทสฺส อปริกฺขยสฺส วีริยสฺส อปริกฺขยสฺส สมาธิสฺส อปริกฺขยสฺส ปฏิภานสฺส อปริกฺขยสฺส าณสฺส อปริกฺขยาย วิมุตฺติยา ปริณาเมติ ¶ . อิมฺจ ทานปารมึ ปฏิปชฺชนฺเตน มหาสตฺเตน ชีวิเต อนิจฺจสฺา ปจฺจุปฏฺาเปตพฺพา ตถา โภเคสุ, พหุสาธารณตา จ เนสํ มนสิกาตพฺพา, สตฺเตสุ จ มหากรุณา สตตํ สมิตํ ปจฺจุปฏฺาเปตพฺพา. เอวฺหิ โภเค คเหตพฺพสารํ คณฺหนฺโต อาทิตฺตโต วิย อคารโต สพฺพํ สาปเตยฺยํ อตฺตานฺจ พหิ นีหรนฺโต น กิฺจิ เสเสติ, น กตฺถจิ วิภาคํ กโรติ, อฺทตฺถุ นิรเปกฺโข นิสฺสชฺชติ เอว. อยํ ตาว ทานปารมิยา ปฏิปตฺติกฺกโม.
สีลปารมิยา ปน อยํ ปฏิปตฺติกฺกโม – ยสฺมา สพฺพฺุสีลาลงฺกาเรหิ สตฺเต อลงฺกริตุกาเมน มหาปุริเสน อาทิโต อตฺตโน เอว ตาว สีลํ วิโสเธตพฺพํ. ตตฺถ จ จตูหิ อากาเรหิ ¶ สีลํ วิสุชฺฌติ – อชฺฌาสยวิสุทฺธิโต, สมาทานโต, อวีติกฺกมนโต, สติ จ วีติกฺกเม ปุน ปฏิปากติกกรณโต. วิสุทฺธาสยตาย หิ เอกจฺโจ ¶ อตฺตาธิปติ หุตฺวา ปาปชิคุจฺฉนสภาโว อชฺฌตฺตํ หิริธมฺมํ ปจฺจุปฏฺาเปตฺวา สุปริสุทฺธสมาจาโร โหติ. ตถา ปรโต สมาทาเน สติ เอกจฺโจ โลกาธิปติ หุตฺวา ปาปโต อุตฺตสนฺโต โอตฺตปฺปธมฺมํ ปจฺจุปฏฺาเปตฺวา สุปริสุทฺธสมาจาโร โหติ. อิติ อุภยถาปิ เอเต อวีติกฺกมนโต สีเล ปติฏฺหนฺติ. อถ ปน กทาจิ สติสมฺโมเสน สีลสฺส ขณฺฑาทิภาโว สิยา. ตายเยว ยถาวุตฺตาย หิโรตฺตปฺปสมฺปตฺติยา ขิปฺปเมว นํ วุฏฺานาทินา ปฏิปากติกํ กโรติ.
ตยิทํ สีลํ วาริตฺตํ, จาริตฺตนฺติ ทุวิธํ. ตตฺถายํ โพธิสตฺตสฺส วาริตฺตสีเล ปฏิปตฺติกฺกโม – สพฺพสตฺเตสุ ตถา ทยาปนฺนจิตฺเตน ภวิตพฺพํ, ยถา สุปินนฺเตนปิ น อาฆาโต อุปฺปชฺเชยฺย. ปรูปการนิรตตาย ปรสนฺตโก อลคทฺโท วิย น ปรามสิตพฺโพ. สเจ ปพฺพชิโต โหติ, อพฺรหฺมจริยโตปิ อาราจารี โหติ สตฺตวิธเมถุนสํโยควิรหิโต, ปเคว ปรทารคมนโต. สเจ ปน อปพฺพชิโต คหฏฺโ สมาโน ปเรสํ ทาเรสุ สทา ปาปกํ จิตฺตมฺปิ น อุปฺปาเทติ. กเถนฺโต จ สจฺจํ หิตํ ปิยํ วจนํ ปริมิตเมว จ กาเลน ธมฺมึ กถํ ภาสิตา โหติ, สพฺพตฺถ อนภิชฺฌาลุ อพฺยาปนฺนจิตฺโต อวิปรีตทสฺสโน กมฺมสฺสกตาเณน จ สมนฺนาคโต สมฺมคฺคเตสุ สมฺมาปฏิปนฺเนสุ นิวิฏฺสทฺโธ ¶ โหติ นิวิฏฺเปโม.
อิติ จตุราปายวฏฺฏทุกฺขานํ ปถภูเตหิ อกุสลกมฺมปเถหิ อกุสลธมฺเมหิ จ โอรมิตฺวา สคฺคโมกฺขานํ ปถภูเตสุ กุสลกมฺมปเถสุ ปติฏฺิตสฺส มหาปุริสสฺส ปริสุทฺธาสยปโยคตาย ยถาภิปตฺถิตา สตฺตานํ หิตสุขูปสํหิตา มโนรถา สีฆํ สีฆํ อภินิปฺผชฺชนฺติ, ปารมิโย ปริปูเรนฺติ. เอวํภูโต หิ อยํ. ตตฺถ หึสานิวตฺติยา สพฺพสตฺตานํ อภยทานํ เทติ, อปฺปกสิเรเนว เมตฺตาภาวนํ สมฺปาเทติ, เอกาทส เมตฺตานิสํเส อธิคจฺฉติ, อปฺปาพาโธ โหติ อปฺปาตงฺโก, ทีฆายุโก สุขพหุโล ลกฺขณวิเสเส ปาปุณาติ, โทสวาสนฺจ สมุจฺฉินฺทติ.
ตถา อทินฺนาทานนิวตฺติยา โจราทีหิ อสาธารเณ โภเค อธิคจฺฉติ. ปเรหิ อนาสงฺกนีโย ปิโย มนาโป วิสฺสสนีโย วิภวสมฺปตฺตีสุ อลคฺคจิตฺโต ปริจฺจาคสีโล โลภวาสนฺจ สมุจฺฉินฺทติ.
อพฺรหฺมจริยนิวตฺติยา ¶ อโลโล โหติ สนฺตกายจิตฺโต, สตฺตานํ ปิโย โหติ มนาโป อปริสงฺกนีโย ¶ , กลฺยาโณ จสฺส กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ, อลคฺคจิตฺโต โหติ มาตุคาเมสุ อลุทฺธาสโย, เนกฺขมฺมพหุโล ลกฺขณวิเสเส อธิคจฺฉติ, โลภวาสนฺจ สมุจฺฉินฺทติ.
มุสาวาทนิวตฺติยา สตฺตานํ ปมาณภูโต โหติ ปจฺจยิโก เถโต อาเทยฺยวจโน, เทวตานํ ปิโย มนาโป, สุรภิคนฺธมุโข อารกฺขิตกายวจีสมาจาโร, ลกฺขณวิเสเส จ อธิคจฺฉติ, กิเลสวาสนฺจ สมุจฺฉินฺทติ.
เปสฺุนิวตฺติยา ปรูปกฺกเมหิปิ อเภชฺชกาโย โหติ อเภชฺชปริวาโร, สทฺธมฺเมสุ จ อเภชฺชนกสทฺโธ, ทฬฺหมิตฺโต ภวนฺตรปริจิตานํ วิย สตฺตานํ เอกนฺตปิโย อสํกิเลสพหุโล.
ผรุสวาจานิวตฺติยา สตฺตานํ ปิโย โหติ มนาโป สุขสีโล มธุรวจโน สมฺภาวนีโย, อฏฺงฺคสมนฺนาคโต จสฺส สโร นิพฺพตฺตติ.
สมฺผปฺปลาปนิวตฺติยา สตฺตานํ ปิโย โหติ มนาโป ครุ ภาวนีโย จ อาเทยฺยวจโน ปริมิตาลาโป. มเหสกฺโข จ โหติ มหานุภาโว, านุปฺปตฺติเกน ปฏิภาเนน ปฺหานํ พฺยากรณกุสโล, พุทฺธภูมิยฺจ เอกาย เอว วาจาย อเนกภาสานํ สตฺตานํ อเนเกสํ ปฺหานํ พฺยากรณสมตฺโถ โหติ.
อนภิชฺฌาลุตาย อิจฺฉิตลาภี โหติ, อุฬาเรสุ จ โภเคสุ รุจึ ปฏิลภติ, ขตฺติยมหาสาลาทีนํ ¶ สมฺมโต โหติ, ปจฺจตฺถิเกหิ อนภิภวนีโย, อินฺทฺริยเวกลฺลํ น ปาปุณาติ, อปฺปฏิปุคฺคโล จ โหติ.
อพฺยาปาเทน ปิยทสฺสโน โหติ, สตฺตานํ สมฺภาวนีโย ปรหิตาภินนฺทิตาย จ สตฺเต อปฺปกสิเรเนว ปสาเทติ, อลูขสภาโว จ โหติ เมตฺตาวิหารี, มเหสกฺโข จ โหติ มหานุภาโว.
มิจฺฉาทสฺสนาภาเวน กลฺยาเณ สหาเย ปฏิลภติ, สีสจฺเฉทมฺปิ ปาปุณนฺโต ปาปกมฺมํ น กโรติ, กมฺมสฺสกตาทสฺสนโต อโกตูหลมงฺคลิโก จ โหติ, สทฺธมฺเม จสฺส สทฺธา ปติฏฺิตา โหติ มูลชาตา, สทฺทหติ จ ตถาคตานํ โพธึ, สมยนฺตเรสุ นาภิรมติ อุกฺการฏฺาเน ¶ วิย ราชหํโส ¶ , ลกฺขณตฺตยปริชานนกุสโล โหติ, อนฺเต จ อนาวรณาณลาภี, ยาว โพธึ น ปาปุณาติ, ตาว ตสฺมึ ตสฺมึ สตฺตนิกาเย อุกฺกฏฺุกฺกฏฺโ จ โหติ, อุฬารุฬารา สมฺปตฺติโย ปาปุณาติ. อิติ หิทํ สีลํ นาม สพฺพสมฺปตฺตีนํ อธิฏฺานํ, สพฺพพุทฺธคุณานํ ปภวภูมิ, สพฺพพุทฺธการกธมฺมานํ อาทิ จรณํ มุขํ ปมุขนฺติ พหุมานนํ อุปฺปาเทตฺวา กายวจีสํยเม อินฺทฺริยทมเน อาชีววิสุทฺธิยํ ปจฺจยปริโภเคสุ จ สติสมฺปชฺพเลน อปฺปมตฺเตน ลาภสกฺการสิโลกํ มิตฺตมุขปจฺจตฺถิกํ วิย สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘กิกีว อณฺฑ’’นฺติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๑.๑๙; ที. นิ. อฏฺ. ๑.๗) วุตฺตนเยน สกฺกจฺจํ สีลํ สมฺปาเทตพฺพํ. อยํ ตาว วาริตฺตสีเล ปฏิปตฺติกฺกโม.
จาริตฺตสีเล ปน ปฏิปตฺติ เอวํ เวทิตพฺพา – อิธ โพธิสตฺโต กลฺยาณมิตฺตานํ ครุฏฺานิยานํ อภิวาทนํ ปจฺจุฏฺานํ อฺชลิกมฺมํ สามีจิกมฺมํ กาเลน กาลํ กตฺตา โหติ, ตถา เตสํ กาเลน กาลํ อุปฏฺานํ กตฺตา โหติ, คิลานานํ กายเวยฺยาวฏิกํ. สุภาสิตปทานิ สุตฺวา สาธุการํ กตฺตา โหติ, คุณวนฺตานํ คุเณ วณฺเณตา ปเรสํ อปกาเร ขนฺตา, อุปกาเร อนุสฺสริตา, ปฺุานิ อนุโมทิตา, อตฺตโน ปฺุานิ สมฺมาสมฺโพธิยา ปริณาเมตา, สพฺพกาลํ อปฺปมาทวิหารี กุสเลสุ ธมฺเมสุ, สติ จ อจฺจเย อจฺจยโต ทิสฺวา ตาทิสานํ สหธมฺมิกานํ ยถาภูตํ อาวิกตฺตา, อุตฺตริ จ สมฺมาปฏิปตฺตึ สมฺมเทว ปริปูเรตา.
ตถา อตฺตโน อนุรูปาสุ อตฺถูปสํหิตาสุ สตฺตานํ อิติกตฺตพฺพตาสุ ทกฺโข อนลโส สหายภาวํ อุปคจฺฉติ. อุปฺปนฺเนสุ จ สตฺตานํ พฺยาธิอาทิทุกฺเขสุ ยถารหํ ¶ ปติการวิธายโก. าติโภคาทิพฺยสนปติเตสุ โสกาปโนทโน อุลฺลุมฺปนสภาวาวฏฺิโต หุตฺวา นิคฺคหารหานํ ธมฺเมเนว นิคฺคณฺหนโก ยาวเทว อกุสลา วุฏฺาเปตฺวา กุสเล ปติฏฺาปนาย. ปคฺคหารหานํ ธมฺเมเนว ปคฺคณฺหนโก. ยานิ ปุริมกานํ มหาโพธิสตฺตานํ อุฬารตมานิ ปรมทุกฺกรานิ อจินฺเตยฺยานุภาวานิ สตฺตานํ เอกนฺตหิตสุขาวหานิ จริตานิ, เยหิ เนสํ โพธิสมฺภารา สมฺมเทว ปริปากํ อคมํสุ, ตานิ สุตฺวา อนุพฺพิคฺโค อนุตฺราโส เตปิ ¶ มหาปุริสา มนุสฺสา เอว, กเมน ปน สิกฺขาปาริปูริยา ภาวิตตฺตภาวา ตาทิสาย อุฬารตมาย อานุภาวสมฺปตฺติยา โพธิสมฺภาเรสุ อุกฺกํสปารมิปฺปตฺตา อเหสุํ, ตสฺมา มยาปิ สีลาทิสิกฺขาสุ สมฺมเทว ตถา ปฏิปชฺชิตพฺพํ, ยาย ปฏิปตฺติยา อหมฺปิ อนุกฺกเมน สิกฺขํ ปริปูเรตฺวา เอกนฺตโต ตํ ปทํ อนุปาปุณิสฺสามีติ สทฺธาปุเรจาริกํ วีริยํ อวิสฺสชฺเชนฺโต สมฺมเทว สีเลสุ ปริปูรการี โหติ.
ตถา ¶ ปฏิจฺฉนฺนกลฺยาโณ โหติ วิวฏาปราโธ, อปฺปิจฺโฉ สนฺตุฏฺโ ปวิวิตฺโต อสํสฏฺโ ทุกฺขสโห อปริตสฺสนชาติโก อนุทฺธโต อนุนฺนโฬ อจปโล อมุขโร อวิกิณฺณวาโจ สนฺตินฺทฺริโย สนฺตมานโส กุหนาทิมิจฺฉาชีวรหิโต อาจารโคจรสมฺปนฺโน อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ อารทฺธวีริโย ปหิตตฺโต กาเย จ ชีวิเต จ นิรเปกฺโข, อปฺปมตฺตกมฺปิ กาเย ชีวิเต วา อเปกฺขํ นาธิวาเสติ ปชหติ วิโนเทติ, ปเคว อธิมตฺตํ. สพฺเพปิ ทุสฺสีลฺยเหตุภูเต โกธูปนาหาทิเก อุปกฺกิเลเส ปชหติ วิโนเทติ. อปฺปมตฺตเกน จ วิเสสาธิคเมน อปริตุฏฺโ โหติ, น สงฺโกจํ อาปชฺชติ, อุปรูปริ วิเสสาธิคมาย วายมติ.
เยน ยถาลทฺธา สมฺปตฺติ หานภาคิยา วา ิติภาคิยา วา น โหติ, ตถา มหาปุริโส อนฺธานํ ปริณายโก โหติ, มคฺคํ อาจิกฺขติ, พธิรานํ หตฺถมุทฺทาย สฺํ เทติ, อตฺถมนุคฺคาเหติ, ตถา มูคานํ. ปีสปฺปิกานํ ปีํ เทติ ยานํ เทติ วาเหติ วา. อสฺสทฺธานํ สทฺธาปฏิลาภาย วายมติ, กุสีตานํ อุสฺสาหชนนาย, มุฏฺสฺสตีนํ สติสมาโยคาย, วิพฺภนฺตจิตฺตานํ สมาธิสมฺปทาย, ทุปฺปฺานํ ปฺาธิคมาย วายมติ. กามจฺฉนฺทปริยุฏฺิตานํ ¶ กามจฺฉนฺทปฏิวิโนทนาย วายมติ. พฺยาปาทถินมิทฺธอุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจวิจิกิจฺฉาปริยุฏฺิตานํ วิจิกิจฺฉาวิโนทนาย วายมติ. กามวิตกฺกาทิอปกตานํ กามวิตกฺกาทิมิจฺฉาวิตกฺกวิโนทนาย วายมติ. ปุพฺพการีนํ สตฺตานํ กตฺุตํ นิสฺสาย ปุพฺพภาสี ปิยวาที สงฺคาหโก สทิเสน อธิเกน วา ปจฺจุปกาเรน สมฺมาเนตา โหติ.
อาปทาสุ ¶ สหายกิจฺจํ อนุติฏฺติ. เตสํ เตสฺจ สตฺตานํ ปกติสภาวฺจ ปริชานิตฺวา เยหิ ยถา สํวสิตพฺพํ โหติ, เตหิ ตถา สํวสติ. เยสุ จ ยถา ปฏิปชฺชิตพฺพํ โหติ, เตสุ ตถา ปฏิปชฺชติ. ตฺจ โข อกุสลโต วุฏฺาเปตฺวา กุสเล ปติฏฺาปนวเสน, น อฺถา. ปรจิตฺตานุรกฺขณา หิ โพธิสตฺตานํ ยาวเทว กุสลาภิวฑฺฒิยา. ตถา หิตชฺฌาสเยนาปิ ปโร น หึสิตพฺโพ, น ภณฺฑิตพฺโพ, น มงฺกุภาวมาปาเทตพฺโพ, น ปรสฺส กุกฺกุจฺจํ อุปฺปาเทตพฺพํ, น นิคฺคหฏฺาเน น โจเทตพฺโพ, น นีจตรํ ปฏิปนฺนสฺส อตฺตา อุจฺจตเร เปตพฺโพ, น จ ปเรสุ สพฺเพน สพฺพํ อเสวินา ภวิตพฺพํ, น อติเสวินา ภวิตพฺพํ, น อกาลเสวินา.
เสวิตพฺพยุตฺเต ปน สตฺเต เทสกาลานุรูปํ เสวติ. น จ ปเรสํ ปุรโต ปิเย วิครหติ, อปฺปิเย ¶ วา ปสํสติ. น อวิสฺสฏฺวิสฺสาสี โหติ. น ธมฺมิกํ อุปนิมนฺตนํ ปฏิกฺขิปติ. น สฺตฺตึ อุปคจฺฉติ, นาธิกํ ปฏิคฺคณฺหาติ. สทฺธาสมฺปนฺเน สทฺธานิสํสกถาย สมฺปหํสติ. สีลสุตจาคปฺาสมฺปนฺเน ปฺาสมฺปนฺนกถาย สมฺปหํสติ. สเจ ปน โพธิสตฺโต อภิฺาพลปฺปตฺโต โหติ, ปมาทาปนฺเน สตฺเต อภิฺาพเลน ยถารหํ นิรยาทิเก ทสฺเสนฺโต สํเวเชตฺวา อสฺสทฺธาทิเก สทฺธาทีสุ ปติฏฺาเปติ. สาสเน โอตาเรติ. สทฺธาทิคุณสมฺปนฺเน ปริปาเจติ. เอวมยํ มหาปุริสสฺส จาริตฺตภูโต อปริมาโณ ปฺุาภิสนฺโท กุสลาภิสนฺโท อุปรูปริ อภิวฑฺฒตีติ เวทิตพฺพํ.
อปิ จ ยา สา ‘‘กึ สีลํ เกนฏฺเน สีล’’นฺติอาทินา ปุจฺฉํ กตฺวา ‘‘ปาณาติปาตาทีหิ วิรมนฺตสฺส วตฺตปฏิปตฺตึ วา ปูเรนฺตสฺส เจตนาทโย ธมฺมา สีล’’นฺติอาทินา นเยน นานปฺปการโต สีลสฺส วิตฺถารกถา วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๖ อาทโย) วุตฺตา, สา สพฺพาปิ อิธ อาหริตฺวา วตฺตพฺพา. เกวลฺหิ ¶ ตตฺถ สาวกโพธิสตฺตวเสน สีลกถา อาคตา, อิธ มหาโพธิสตฺตวเสน กรุณูปายโกสลฺลปุพฺพงฺคมํ กตฺวา วตฺตพฺพาติ อยเมว วิเสโส. ยโต อิทํ สีลํ มหาปุริโส ยถา น อตฺตโน ทุคฺคติยํ ปริกฺกิเลสวิมุตฺติยา สุคติยมฺปิ, น รชฺชสมฺปตฺติยา, น จกฺกวตฺติ, น เทว, น สกฺก, น มาร, น พฺรหฺมสมฺปตฺติยา ปริณาเมติ, ตถา น อตฺตโน เตวิชฺชตาย, น ฉฬภิฺตาย ¶ , น จตุปฺปฏิสมฺภิทาธิคมาย, น สาวกโพธิยา, น ปจฺเจกโพธิยา, ปริณาเมติ, อถ โข สพฺพฺุภาเวน สพฺพสตฺตานํ อนุตฺตรสีลาลงฺการสมฺปาทนตฺถเมว ปริณาเมตีติ. อยํ สีลปารมิยา ปฏิปตฺติกฺกโม.
ตถา ยสฺมา กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตา อาทีนวทสฺสนปุพฺพงฺคมา กาเมหิ จ ภเวหิ จ นิกฺขมนวเสน ปวตฺตา กุสลจิตฺตุปฺปตฺติ เนกฺขมฺมปารมี, ตสฺมา สกลสํกิเลสนิวาสนฏฺานตาย ปุตฺตทาราทีหิ มหาสมฺพาธตาย กสิวาณิชฺชาทินานาวิธกมฺมนฺตาธิฏฺานพฺยากุลตาย จ ฆราวาสสฺส เนกฺขมฺมสุขาทีนํ อโนกาสตํ, กามานฺจ สตฺถธาราลคฺคมธุพินฺทุ วิย จ อวลิยฺหมานา ปริตฺตสฺสาทา วิปุลานตฺถานุพนฺธาติ จ, วิชฺชุลโตภาเสน คเหตพฺพนจฺจํ วิย ปริตฺตกาลูปลพฺภา, อุมฺมตฺตกาลงฺกาโร วิย วิปรีตสฺาย อนุภวิตพฺพา, กรีสาวจฺฉาทนา วิย ปติการภูตา, อุทกเตมิตงฺคุลิยา ตนูทกปานํ วิย อติตฺติกรา, ฉาตชฺฌตฺตโภชนํ วิย สาพาธา, พฬิสามิสํ วิย พฺยสนสนฺนิปาตการณํ, อคฺคิสนฺตาโป วิย กาลตฺตเยปิ ทุกฺขุปฺปตฺติเหตุภูตา, มกฺกฏเลโป วิย พนฺธนิมิตฺตํ, ฆาตกาวจฺฉาทนา วิย อนตฺถจฺฉาทนา, สปตฺตคามวาโส วิย ภยฏฺานภูตา, ปจฺจตฺถิกโปสโก ¶ วิย กิเลสมาราทีนํ อามิสภูตา, ฉณสมฺปตฺติโย วิย วิปริณามทุกฺขา, โกฏรคฺคิ วิย อนฺโตทาหกา, ปุราณกูปาวลมฺพีพีรณมธุปิณฺฑํ วิย อเนกาทีนวา, โลณูทกปานํ วิย ปิปาสาเหตุภูตา, สุราเมรยํ วิย นีจชนเสวิตา, อปฺปสฺสาทตาย อฏฺิกงฺกลูปมาติอาทินา ¶ (ม. นิ. ๑.๒๓๔; ๒.๔๒; ปาจิ. ๔๑๗; มหานิ. ๓; จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๔๗) จ นเยน อาทีนวํ สลฺลกฺเขตฺวา ตพฺพิปริยาเยน เนกฺขมฺเม อานิสํสํ ปสฺสนฺเตน เนกฺขมฺมปวิเวกอุปสมสุขาทีสุ นินฺนโปณปพฺภารจิตฺเตน เนกฺขมฺมปารมิยํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ. ยสฺมา ปน เนกฺขมฺมํ ปพฺพชฺชามูลกํ, ตสฺมา ปพฺพชฺชา ตาว อนุฏฺาตพฺพา. ปพฺพชฺชมนุติฏฺนฺเตน จ มหาสตฺเตน อสติ พุทฺธุปฺปาเท กมฺมวาทีนํ กิริยวาทีนํ ตาปสปริพฺพาชกานํ ปพฺพชฺชา อนุฏฺาตพฺพา.
อุปฺปนฺเนสุ ปน สมฺมาสมฺพุทฺเธสุ เตสํ สาสเน เอว ปพฺพชิตพฺพํ. ปพฺพชิตฺวา จ ยถาวุตฺเต สีเล ปติฏฺิเตน ตสฺสา เอว หิ สีลปารมิยา โวทาปนตฺถํ ธุตคุณา สมาทาตพฺพา. สมาทินฺนธุตธมฺมา หิ มหาปุริสา สมฺมเทว เต ¶ ปริหรนฺตา อปฺปิจฺฉาสนฺตุฏฺาสลฺเลขปวิเวกอสํสคฺควีริยารมฺภสุภรตาทิ- คุณสลิลวิกฺขาลิตกิเลสมลตาย อนวชฺชสีลวตคุณปริสุทฺธสพฺพสมาจารา โปราเณ อริยวํสตฺตเย ปติฏฺิตา จตุตฺถํ ภาวนารามตาสงฺขาตํ อริยวํสํ อธิคนฺตุํ จตฺตารีสาย อารมฺมเณสุ ยถารหํ อุปจารปฺปนาเภทํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรนฺติ. เอวํ หิสฺส สมฺมเทว เนกฺขมฺมปารมี ปริปูริตา โหติ.
อิมสฺมึ ปน าเน เตรสหิ ธุตธมฺเมหิ สทฺธึ ทส กสิณานิ, ทส อสุภานิ, ทสานุสฺสติโย, จตฺตาโร พฺรหฺมวิหารา, จตฺตาโร อารุปฺปา, เอกา สฺา, เอกํ ววตฺถานนฺติ จตฺตารีสาย สมาธิภาวนาย กมฺมฏฺานานิ ภาวนาวิธานฺจ วิตฺถารโต วตฺตพฺพานิ. ตํ ปเนตํ สพฺพํ ยสฺมา วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๒๒ อาทโย, ๔๗, ๕๕) สพฺพาการโต วิตฺถาเรตฺวา วุตฺตํ, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. เกวลฺหิ ตตฺถ สาวกโพธิสตฺตสฺส วเสน วุตฺตํ, อิธ มหาโพธิสตฺตสฺส วเสน กรุณูปายโกสลฺลปุพฺพงฺคมํ กตฺวา วตฺตพฺพนฺติ อยเมว วิเสโสติ. เอวเมตฺถ เนกฺขมฺมปารมิยา ปฏิปตฺติกฺกโม เวทิตพฺโพ.
ตถา ปฺาปารมึ สมฺปาเทตุกาเมน ยสฺมา ปฺา อาโลโก วิย อนฺธกาเรน โมเหน สห น วตฺตติ, ตสฺมา โมหการณานิ ตาว โพธิสตฺเตน ปริวชฺเชตพฺพานิ. ตตฺถิมานิ ¶ โมหการณานิ – อรติ ตนฺทิ วิชมฺภิตา อาลสิยํ คณสงฺคณิการามตา นิทฺทาสีลตา อนิจฺฉยสีลตา าณสฺมึ อกุตูหลตา มิจฺฉาธิมาโน อปริปุจฺฉกตา กายสฺส น สมฺมาปริหาโร ¶ อสมาหิตจิตฺตตา ทุปฺปฺานํ ปุคฺคลานํ เสวนา ปฺวนฺตานํ อปยิรุปาสนา อตฺตปริภโว มิจฺฉาวิกปฺโป วิปรีตาภินิเวโส กายทฬฺหิพหุลตา อสํเวคสีลตา ปฺจ นีวรณานิ. สงฺเขปโต เย วา ปน ธมฺเม อาเสวโต อนุปฺปนฺนา ปฺา นุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺนา ปริหายติ. อิติ อิมานิ สมฺโมหการณานิ ปริวชฺเชนฺเตน พาหุสจฺเจ ฌานาทีสุ จ โยโค กรณีโย.
ตตฺถายํ พาหุสจฺจสฺส วิสยวิภาโค – ปฺจกฺขนฺธา ทฺวาทสายตนานิ อฏฺารส ธาตุโย จตฺตาริ สจฺจานิ พาวีสตินฺทฺริยานิ ทฺวาทสปทิโก ปฏิจฺจสมุปฺปาโท ตถา สติปฏฺานาทโย กุสลาทิธมฺมปฺปการเภทา จ, ยานิ จ โลเก อนวชฺชานิ วิชฺชาฏฺานานิ, เย จ สตฺตานํ หิตสุขวิธานโยคฺคา ¶ พฺยากรณวิเสสา, อิติ เอวํ ปการํ สกลเมว สุตวิสยํ อุปายโกสลฺลปุพฺพงฺคมาย ปฺาย สติยา วีริเยน จ สาธุกํ อุคฺคหณสวนธารณปริจยปริปุจฺฉาหิ โอคาเหตฺวา ตตฺถ จ ปเรสํ ปติฏฺาปเนน สุตมยา ปฺา นิพฺพตฺเตตพฺพา.
ตถา สตฺตานํ อิติกตฺตพฺพตาสุ านุปฺปตฺติกปฏิภานภูตา อายาปายอุปายโกสลฺลภูตา จ ปฺา หิเตสิตํ นิสฺสาย ตตฺถ ตตฺถ ยถารหํ ปวตฺเตตพฺพา. ตถา ขนฺธาทีนํ สภาวธมฺมานํ อาการปริวิตกฺกนมุเขน เต นิชฺฌานํ ขมาเปนฺเตน จินฺตามยา ปฺา นิพฺพตฺเตตพฺพา. ขนฺธาทีนํเยว ปน สลกฺขณสามฺลกฺขณปริคฺคหณวเสน โลกิยปริฺา นิพฺพตฺเตนฺเตน ปุพฺพภาคภาวนาปฺา สมฺปาเทตพฺพา. เอวฺหิ นามรูปมตฺตมิทํ ยถารหํ ปจฺจเยหิ อุปฺปชฺชติ เจว นิรุชฺฌติ จ, น เอตฺถ โกจิ กตฺตา วา กาเรตา วา, หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจํ, อุทยพฺพยปฏิปีฬนฏฺเน ทุกฺขํ, อวสวตฺตนฏฺเน อนตฺตาติ อชฺฌตฺติกธมฺเม พาหิรกธมฺเม จ นิพฺพิเสสํ ปริชานนฺโต ตตฺถ อาสงฺคํ ปชหนฺโต ปเร จ ตตฺถ ตํ ชหาเปนฺโต เกวลํ กรุณาวเสเนว ยาว น พุทฺธคุณา ¶ หตฺถตลํ อาคจฺฉนฺติ, ตาว ยานตฺตเย สตฺเต อวตารณปริปาจเนหิ ปติฏฺเปนฺโต ฌานวิโมกฺขสมาธิสมาปตฺติโย อภิฺาโย จ โลกิยา วสีภาวํ ปาเปนฺโต ปฺาย มตฺถกํ ปาปุณาติ.
ตตฺถ ยา อิมา อิทฺธิวิธาณํ ทิพฺพโสตธาตุาณํ เจโตปริยาณํ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณํ ทิพฺพจกฺขุาณํ ยถากมฺมุปคาณํ อนาคตํสาณนฺติ สปริภณฺฑา ปฺจโลกิยอภิฺาสงฺขาตา ภาวนาปฺา, ยา จ ขนฺธายตนธาตุอินฺทฺริยสจฺจปฏิจฺจสมุปฺปาทาทิเภเทสุ ภูมิภูเตสุ ธมฺเมสุ อุคฺคหปริปุจฺฉาวเสน าณปริจยํ กตฺวา สีลวิสุทฺธิจิตฺตวิสุทฺธีติ ¶ มูลภูตาสุ อิมาสุ ทฺวีสุ วิสุทฺธีสุ ปติฏฺาย ทิฏฺิวิสุทฺธิกงฺขาวิตรณวิสุทฺธิมคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธิ- ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิาณทสฺสนวิสุทฺธีติ สรีรภูตา อิมา ปฺจ วิสุทฺธิโย สมฺปาเทนฺเตน ภาเวตพฺพา โลกิยโลกุตฺตรเภทา ภาวนาปฺา, ตาสํ สมฺปาทนวิธานํ ยสฺมา ‘‘ตตฺถ เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหตีติอาทิกํ อิทฺธิวิกุพฺพนํ กาตุกาเมน อาทิกมฺมิเกน โยคินา’’ติอาทินา ‘‘ขนฺธาติ รูปกฺขนฺโธ เวทนากฺขนฺโธ สฺากฺขนฺโธ สงฺขารกฺขนฺโธ วิฺาณกฺขนฺโธ’’ติอาทินา จ วิสยวิภาเคน สทฺธึ ¶ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๔๓๐ อาทโย) สพฺพาการโต วิตฺถาเรตฺวา วุตฺตํ, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. เกวลฺหิ ตตฺถ สาวกโพธิสตฺตสฺส วเสน ปฺา อาคตา, อิธ มหาโพธิสตฺตสฺส วเสน กรุณูปายโกสลฺลปุพฺพงฺคมํ กตฺวา วตฺตพฺพา, าณทสฺสนวิสุทฺธึ อปาเปตฺวา ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิยํเยว วิปสฺสนา เปตพฺพาติ อยเมว วิเสโส. เอวเมตฺถ ปฺาปารมิยา ปฏิปตฺติกฺกโม เวทิตพฺโพ.
ตถา ยสฺมา สมฺมาสมฺโพธิยา กตาภินีหาเรน มหาสตฺเตน ปารมิปริปูรณตฺถํ สพฺพกาลํ ยุตฺตปฺปยุตฺเตน ภวิตพฺพํ อาพทฺธปริกรเณน, ตสฺมา กาเลน กาลํ ‘‘โก นุ โข อชฺช มยา ปฺุสมฺภาโร าณสมฺภาโร วา อุปจิโต, กึ วา มยา ปรหิตํ กต’’นฺติ ทิวเส ทิวเส ปจฺจเวกฺขนฺเตน สตฺตหิตตฺถํ อุสฺสาโห กรณีโย. สพฺเพสมฺปิ สตฺตานํ อุปการาย อตฺตโน ปริคฺคหภูตํ วตฺถุ กาเย ชีวิเต จ นิรเปกฺขจิตฺเตน โอสฺสชิตพฺพํ. ยํ กิฺจิ กมฺมํ กโรติ กาเยน วาจาย วา, ตํ สพฺพํ สมฺโพธิยํ ¶ นินฺนจิตฺเตเนว กาตพฺพํ, โพธิยา ปริณาเมตพฺพํ. อุฬาเรหิ อิตฺตเรหิ จ กาเมหิ วินิวตฺตจิตฺเตเนว ภวิตพฺพํ. สพฺพาสุปิ อิติกตฺตพฺพตาสุ อุปายโกสลฺลํ ปจฺจุปฏฺาเปตฺวาว ปฏิปชฺชิตพฺพํ.
ตสฺมึ ตสฺมึ สตฺตหิเต อารทฺธวีริเยน ภวิตพฺพํ อิฏฺานิฏฺาทิสพฺพสเหน อวิสํวาทินา. สพฺเพปิ สตฺตา อโนธิโส เมตฺตาย กรุณาย จ ผริตพฺพา. ยา กาจิ สตฺตานํ ทุกฺขุปฺปตฺติ, สพฺพา สา อตฺตนิ ปาฏิกงฺขิตพฺพา. สพฺเพสฺจ สตฺตานํ ปฺุํ อพฺภนุโมทิตพฺพํ. พุทฺธานํ มหนฺตตา มหานุภาวตา อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพา. ยฺจ กิฺจิ กมฺมํ กโรติ กาเยน วาจาย วา, ตํ สพฺพํ โพธินินฺนจิตฺตปุพฺพงฺคมํ กาตพฺพํ. อิมินา หิ อุปาเยน ทานาทีสุ ยุตฺตปฺปยุตฺตสฺส ถามวโต ทฬฺหปรกฺกมสฺส มหาสตฺตสฺส โพธิสตฺตสฺส อปริเมยฺโย ปฺุสมฺภาโร าณสมฺภาโร จ ทิวเส ทิวเส อุปจียติ.
อปิ จ สตฺตานํ ปริโภคตฺถํ ปริปาลนตฺถฺจ อตฺตโน สรีรํ ชีวิตฺจ ปริจฺจชิตฺวา ขุปฺปิปาสาสีตุณฺหวาตาตปาทิทุกฺขปติกาโร ¶ ปริเยสิตพฺโพ อุปเนตพฺโพ จ. ยฺจ ยถาวุตฺตทุกฺขปติการชํ สุขํ อตฺตนา ปฏิลภติ, ตถา รมณีเยสุ อารามุยฺยานปาสาทตฬากาทีสุ อรฺายตเนสุ จ กายจิตฺตสนฺตาปาภาเวน อภินิพฺพุตตฺตา อตฺตนา ¶ สุขํ ปฏิลภติ, ยฺจ สุณาติ พุทฺธานุพุทฺธปจฺเจกพุทฺธา มหาโพธิสตฺตา จ เนกฺขมฺมปฏิปตฺติยํ ิตา ทิฏฺธมฺมสุขวิหารภูตํ อีทิสํ นาม ฌานสมาปตฺติสุขํ อนุภวนฺตีติ, ตํ สพฺพํ สพฺพสตฺเตสุ อโนธิโส อุปสํหรตีติ. อยํ ตาว นโย อสมาหิตภูมิยํ ปติฏฺิตสฺส.
สมาหิตภูมิยํ ปน ปติฏฺิโต อตฺตนา ยถานุภูตํ วิเสสาธิคมนิพฺพตฺตํ ปีตึ ปสฺสทฺธึ สุขํ สมาธึ ยถาภูตาณฺจ สตฺเตสุ อธิมุจฺจนฺโต อุปสํหรติ ปริณาเมติ. ตถา มหติ สํสารทุกฺเข ตสฺส จ นิมิตฺตภูเต กิเลสาภิสงฺขารทุกฺเข นิมุคฺคํ สตฺตนิกายํ ทิสฺวา ตตฺราปิ เฉทนเภทนผาลนปึสนคฺคิสนฺตาปาทิชนิตา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา นิรนฺตรํ จิรกาลํ เวทิยนฺเต นารเก, อฺมฺํ กุชฺฌนสนฺตาปนวิเหนหึสนปราธีนตาทีหิ มหาทุกฺขํ อนุภวนฺเต ติรจฺฉานคเต, โชติมาลากุลสรีเร ขุปฺปิปาสาวาตาตปาทีหิ ฑยฺหมาเน ¶ จ วิสุสฺสมาเน จ วนฺตเขฬาทิอาหาเร อุทฺธพาหุํ วิรวนฺเต นิชฺฌามตณฺหิกาทิเก มหาทุกฺขํ เวทิยมาเน เปเต จ, ปริเยฏฺิมูลกํ มหนฺตํ อนยพฺยสนํ ปาปุณนฺเต หตฺถจฺเฉทาทิการณาโยเคน ทุพฺพณฺณทุทฺทสิกทลิทฺทาทิภาเวน ขุปฺปิปาสาทิอาพาธโยเคน พลวนฺเตหิ อภิภวนียโต ปเรสํ วหนโต ปราธีนโต จ, นารเก เปเต ติรจฺฉานคเต จ, อติสยนฺเต อปายทุกฺขนิพฺพิเสสํ ทุกฺขมนุภวนฺเต มนุสฺเส จ, ตถา วิสยวิสปริโภควิกฺขิตฺตจิตฺตตาย ราคาทิปริฬาเหน ฑยฺหมาเน วาตเวคสมุฏฺิตชาลาสมิทฺธสุกฺขกฏฺสนฺนิปาเต อคฺคิกฺขนฺเธ วิย อนุปสนฺตปริฬาหวุตฺติเก อนุปสนฺตนิหตปราธีเน กามาวจรเทเว จ, มหตา วายาเมน วิทูรมากาสํ วิคาหิตสกุนฺตา วิย พลวตา ทูเร ปาณินา ขิตฺตสรา วิย จ, สติปิ จิรปฺปวตฺติยํ อนิจฺจนฺติกตาย ปาตปริโยสานา อนติกฺกนฺตชาติชรามรณา เอวาติ รูปารูปาวจรเทเว จ ปสฺสนฺเตน มหนฺตํ สํเวคํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา เมตฺตาย กรุณาย จ อโนธิโส สตฺตา ผริตพฺพา. เอวํ กาเยน วาจาย มนสา จ โพธิสมฺภาเร นิรนฺตรํ อุปจินนฺเตน ยถา ปารมิโย ปาริปูรึ คจฺฉนฺติ, เอวํ สกฺกจฺจการินา สาตจฺจการินา อโนลีนวุตฺตินา อุสฺสาโห ปวตฺเตตพฺโพ, วีริยปารมี ปริปูเรตพฺพา.
อปิ ¶ จ อจินฺเตยฺยาปริเมยฺยวิปุโลฬารวิมลนิรุปมนิรูปกฺกิเลสคุณนิจยนิธานภูตสฺส พุทฺธภาวสฺส อุสฺสกฺกิตฺวา สมฺปหํสนโยคฺคํ วีริยํ นาม อจินฺเตยฺยานุภาวเมว, ยํ น ปจุรชนา ¶ โสตุมฺปิ สกฺกุณนฺติ, ปเคว ปฏิปชฺชิตุํ. ตถา หิ ติวิธา อภินีหารจิตฺตุปฺปตฺติ, จตสฺโส พุทฺธภูมิโย, จตฺตาริ สงฺคหวตฺถูนิ, กรุเณกรสตา, พุทฺธธมฺเมสุ สจฺฉิกรเณน วิเสสปฺปจฺจโย นิชฺฌานขนฺติ, สพฺพธมฺเมสุ นิรุปเลโป, สพฺพสตฺเตสุ ปิยปุตฺตสฺา, สํสารทุกฺเขหิ อปริเขโท, สพฺพเทยฺยธมฺมปริจฺจาโค, เตน จ นิรติมานตา, อธิสีลาทิอธิฏฺานํ, ตตฺถ จ อจฺจลตา, กุสลกิริยาสุ ปีติปาโมชฺชํ, วิเวกนินฺนจิตฺตตา, ฌานานุโยโค, อนวชฺชธมฺเมน อติตฺติ, ยถาสุตสฺส ธมฺมสฺส ปเรสํ หิตชฺฌาสเยน เทสนา, สตฺตานํ าเย นิเวสนา, อารมฺภทฬฺหตา, ธีรวีรภาโว, ปราปวาทปราปกาเรสุ วิการาภาโว, สจฺจาธิฏฺานํ, สมาปตฺตีสุ ¶ วสีภาโว, อภิฺาสุ พลปฺปตฺติ, ลกฺขณตฺตยาวโพโธ, สติปฏฺานาทีสุ โยคกมฺมาภิโยเคน โลกุตฺตรมคฺคสมฺภารสมฺภรณํ, นวโลกุตฺตราวกฺกนฺตีติ เอวมาทิกา สพฺพาปิ โพธิสมฺภารปฏิปตฺติ วีริยานุภาเวเนว สมิชฺฌตีติ อภินีหารโต ยาว มหาโพธิ อโนสฺสชฺชนฺเตน สกฺกจฺจํ นิรนฺตรํ วีริยํ ยถา อุปรูปริ วิเสสาวหํ โหติ, เอวํ สมฺปาเทตพฺพํ. สมฺปชฺชมาเน จ ยถาวุตฺเต วีริเย ขนฺติสจฺจาธิฏฺานาทโย จ ทานสีลาทโย จ สพฺเพปิ โพธิสมฺภารา ตทธีนวุตฺติตาย สมฺปนฺนา เอว โหนฺตีติ ขนฺติอาทีสุปิ อิมินาว นเยน ปฏิปตฺติ เวทิตพฺพา.
อิติ สตฺตานํ สุขูปกรณปริจฺจาเคน พหุธา อนุคฺคหกรณํ ทาเนน ปฏิปตฺติ, สีเลน เตสํ ชีวิตสาปเตยฺยทารรกฺขาอเภทปิยหิตวจนาวิหึสาทิการณานิ, เนกฺขมฺเมน เตสํ อามิสปฏิคฺคหณธมฺมทานาทินา อเนกวิธา หิตจริยา, ปฺาย เตสํ หิตกรณูปายโกสลฺลํ, วีริเยน ตตฺถ อุสฺสาหารมฺภอสํหีรานิ, ขนฺติยา ตทปราธสหนํ, สจฺเจน เนสํ อวฺจนตทุปการกิริยาสมาทานาวิสํวาทนาทิ, อธิฏฺาเนน ตทุปการกรเณ อนตฺถสมฺปาเตปิ อจลนํ, เมตฺตาย เนสํ หิตสุขานุจินฺตนํ, อุเปกฺขาย เนสํ อุปการาปกาเรสุ วิการานาปตฺตีติ เอวํ อปริมาเณ สตฺเต อารพฺภ อนุกมฺปิตสพฺพสตฺตสฺส มหาโพธิสตฺตสฺส ¶ ปุถุชฺชเนหิ อสาธารโณ อปริเมยฺโย ปฺุาณสมฺภารูปจโย เอตฺถ ปฏิปตฺตีติ เวทิตพฺพํ. โย เจตาสํ ปจฺจโย วุตฺโต, ตสฺส จ สกฺกจฺจํ สมฺปาทนํ.
โก วิภาโคติ? ทส ปารมิโย, ทส อุปปารมิโย, ทส ปรมตฺถปารมิโยติ สมตฺตึสปารมิโย. ตตฺถ กตาภินีหารสฺส โพธิสตฺตสฺส ปรหิตกรณาภินินฺนาสยปโยคสฺส กณฺหธมฺมโวกิณฺณา สุกฺกธมฺมา ปารมิโย เอว, เตหิ อโวกิณฺณา สุกฺกธมฺมา อุปปารมิโย, อกณฺหอสุกฺกา ปรมตฺถปารมิโยติ เกจิ. สมุทาคมนกาเลสุ วา ปูริยมานา ปารมิโย, โพธิสตฺตภูมิยํ ปุณฺณา อุปปารมิโย, พุทฺธภูมิยํ สพฺพาการปริปุณฺณา ปรมตฺถปารมิโย. โพธิสตฺตภูมิยํ ¶ วา ปรหิตกรณโต ปารมิโย, อตฺตหิตกรณโต อุปปารมิโย, พุทฺธภูมิยํ พลเวสารชฺชสมธิคเมน อุภยหิตปริปูรณโต ปรมตฺถปารมิโย.
เอวํ อาทิมชฺฌปริโยสาเนสุ ปณิธานารมฺภปรินิฏฺาเนสุ เตสํ วิภาโคติ อปเร. โทสูปสมกรุณาปกติกานํ ภวสุขวิมุตฺติสุขปรมสุขปฺปตฺตานํ ¶ ปฺุูปจยเภทโต ตพฺพิภาโคติ อฺเ. ลชฺชาสติมานาปสฺสยานํ โลกุตฺตรธมฺมาธิปตีนํ สีลสมาธิปฺาครุกานํ ตาริตตริตตารยิตูนํ อนุพุทฺธปจฺเจกพุทฺธสมฺมาสมฺพุทฺธานํ ปารมี, อุปปารมี, ปรมตฺถปารมีติ โพธิสตฺตสฺสุปฺปตฺติโต ยถาวุตฺตวิภาโคติ เกจิ. จิตฺตปณิธิโต ยาว วจีปณิธิ, ตาว ปวตฺตา สมฺภารา ปารมิโย, วจีปณิธิโต ยาว กายปณิธิ, ตาว ปวตฺตา อุปปารมิโย, กายปณิธิโต ปภุติ ปรมตฺถปารมิโยติ อปเร. อฺเ ปน ‘‘ปรปฺุานุโมทนวเสน ปวตฺตา สมฺภารา ปารมิโย, ปเรสํ การาปนวเสน ปวตฺตา อุปปารมิโย, สยํกรณวเสน ปวตฺตา ปรมตฺถปารมิโย’’ติ วทนฺติ.
ตถา ภวสุขาวโห ปฺุาณสมฺภาโร ปารมี, อตฺตโน นิพฺพานสุขาวโห อุปปารมี, ปเรสํ ตทุภยสุขาวโห ปรมตฺถปารมีติ เอเก. ปุตฺตทารธนาทิอุปกรณปริจฺจาโค ปน ทานปารมี, องฺคปริจฺจาโค ทานอุปปารมี, อตฺตโน ชีวิตปริจฺจาโค ทานปรมตฺถปารมีติ. ตถา ปุตฺตทาราทิกสฺส ติวิธสฺสาปิ เหตุ อวีติกฺกมนวเสน ติสฺโส สีลปารมิโย, เตสุ เอว ติวิเธสุ วตฺถูสุ อาลยํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา นิกฺขมนวเสน ¶ ติสฺโส เนกฺขมฺมปารมิโย, อุปกรณงฺคชีวิตตณฺหํ สมูหนิตฺวา สตฺตานํ หิตาหิตวินิจฺฉยกรณวเสน ติสฺโส ปฺาปารมิโย. ยถาวุตฺตเภทานํ ปริจฺจาคาทีนํ วายมนวเสน ติสฺโส วีริยปารมิโย, อุปกรณงฺคชีวิตนฺตรายกรานํ ขมนวเสน ติสฺโส ขนฺติปารมิโย, อุปกรณงฺคชีวิตเหตุ สจฺจาปริจฺจาควเสน ติสฺโส สจฺจปารมิโย, ทานาทิปารมิโย อกุปฺปาธิฏฺานวเสเนว สมิชฺฌนฺตีติ, อุปกรณาทิวินาเสปิ อจลาธิฏฺานวเสน ติสฺโส อธิฏฺานปารมิโย, อุปกรณาทิอุปฆาตเกสุปิ สตฺเตสุ เมตฺตาย อวิชหนวเสน ติสฺโส เมตฺตาปารมิโย, ยถาวุตฺตวตฺถุตฺตยสฺส อุปการาปกาเรสุ สตฺตสงฺขาเรสุ มชฺฌตฺตตาปฏิลาภวเสน ติสฺโส อุเปกฺขาปารมิโยติ เอวมาทินา เอตาสํ วิภาโค เวทิตพฺพาติ.
โก สงฺคโหติ? เอตฺถ ปน ยถา เอตา วิภาคโต ตึสวิธาปิ ทานปารมิอาทิภาวโต ทสวิธา, เอวํ ทานสีลขนฺติวีริยฌานปฺาสภาเวน ฉพฺพิธา. เอตาสุ หิ เนกฺขมฺมปารมี สีลปารมิยา สงฺคหิตา, ตสฺสา ปพฺพชฺชาภาเว, นีวรณวิเวกภาเว ปน ฌานปารมิยา กุสลธมฺมภาเว ¶ ฉหิปิ สงฺคหิตา. สจฺจปารมี สีลปารมิยา ¶ เอกเทโส เอว วจีวิรติสจฺจปกฺเข, าณสจฺจปกฺเข ปน ปฺาปารมิยา สงฺคหิตา. เมตฺตาปารมิ ฌานปารมิยา เอว. อุเปกฺขาปารมี ฌานปฺาปารมีหิ. อธิฏฺานปารมี สพฺพาหิปิ สงฺคหิตาติ.
เอเตสฺจ ทานาทีนํ ฉนฺนํ คุณานํ อฺมฺสมฺพนฺธานํ ปฺจทสยุคลาทีนิ ปฺจทสยุคลาทิสาธกานิ โหนฺติ. เสยฺยถิทํ – ทานสีลยุคเลน ปรหิตาหิตานํ กรณากรณยุคลสิทฺธิ, ทานขนฺติยุคเลน อโลภาโทสยุคลสิทฺธิ, ทานวีริยยุคเลน จาคสุตยุคลสิทฺธิ, ทานฌานยุคเลน กามโทสปฺปหานยุคลสิทฺธิ. ทานปฺายุคเลน อริยยานธุรยุคลสิทฺธิ, สีลขนฺติทฺวเยน ปโยคาสยสุทฺธิทฺวยสิทฺธิ, สีลวีริยทฺวเยน ภาวนาทฺวยสิทฺธิ, สีลฌานทฺวเยน ทุสฺสีลฺยปริยุฏฺานปฺปหานทฺวยสิทฺธิ, สีลปฺาทฺวเยน ทานทฺวยสิทฺธิ, ขนฺติวีริยยุคเลน ขมาเตชทฺวยสิทฺธิ, ขนฺติฌานยุคเลน วิโรธานุโรธปฺปหานยุคลสิทฺธิ, ขนฺติปฺายุคเลน สฺุตาขนฺติปฏิเวธทุกสิทฺธิ, วีริยฌานทุเกน ปคฺคหาวิกฺเขปทุกสิทฺธิ, วีริยปฺาทุเกน สรณทุกสิทฺธิ, ฌานปฺาทุเกน ยานทุกสิทฺธิ ¶ , ทานสีลขนฺติตฺติเกน โลภโทสโมหปฺปหานตฺติกสิทฺธิ, ทานสีลวีริยตฺติเกน โภคชีวิตกายสาราทานตฺติกสิทฺธิ, ทานสีลฌานตฺติเกน ปฺุกิริยวตฺถุตฺติกสิทฺธิ, ทานสีลปฺาติเกน อามิสาภยธมฺมทานตฺติกสิทฺธีติ. เอวํ อิตเรหิปิ ติเกหิ จตุกฺกาทีหิ จ ยถาสมฺภวํ ติกานิ จ จตุกฺกาทีนิ จ โยเชตพฺพานิ.
เอวํ ฉพฺพิธานมฺปิ ปน อิมาสํ ปารมีนํ จตูหิ อธิฏฺาเนหิ สงฺคโห เวทิตพฺโพ. สพฺพปารมีนํ สมูหสงฺคหโต หิ จตฺตาริ อธิฏฺานานิ, เสยฺยถิทํ – สจฺจาธิฏฺานํ, จาคาธิฏฺานํ, อุปสมาธิฏฺานํ, ปฺาธิฏฺานนฺติ. ตตฺถ อธิติฏฺติ เอเตน, เอตฺถ วา อธิติฏฺติ, อธิฏฺานมตฺตเมว วา ตนฺติ อธิฏฺานํ, สจฺจฺจ ตํ อธิฏฺานฺจ, สจฺจสฺส วา อธิฏฺานํ, สจฺจํ อธิฏฺานเมตสฺสาติ วา สจฺจาธิฏฺานํ. เอวํ เสเสสุปิ. ตตฺถ อวิเสสโต ตาว โลกุตฺตรคุเณ กตาภินีหารสฺส อนุกมฺปิตสพฺพสตฺตสฺส มหาสตฺตสฺส ปฏิฺานุรูปํ สพฺพปารมิปริคฺคหโต สจฺจาธิฏฺานํ. ตาสํ ปฏิปกฺขปริจฺจาคโต จาคาธิฏฺานํ ¶ . สพฺพปารมิตาคุเณหิ อุปสมโต อุปสมาธิฏฺานํ. เตหิ เอว ปรหิโตปายโกสลฺลโต ปฺาธิฏฺานํ.
วิเสสโต ปน ยาจกชนํ อวิสํวาเทตฺวา ทสฺสามีติ ปฏิชานนโต ปฏิฺํ อวิสํวาเทตฺวา ¶ ทานโต ทานํ อวิสํวาเทตฺวา อนุโมทนโต มจฺฉริยาทิปฏิปกฺขปริจฺจาคโต เทยฺยธมฺมปฏิคฺคาหกทานเทยฺยธมฺมกฺขเยสุ โลภโทสโมหภยวูปสมโต ยถารหํ ยถากาลํ ยถาวิธานฺจ ทานโต ปฺุตฺตรโต จ กุสลธมฺมานํ จตุรธิฏฺานปทฏฺานํ ทานํ. ตถา สํวรสมาทานสฺส อวีติกฺกมนโต ทุสฺสีลฺยปริจฺจาคโต ทุจฺจริตวูปสมนโต ปฺุตฺตรโต จ จตุรธิฏฺานปทฏฺานํ สีลํ. ยถาปฏิฺํ ขมนโต, ปราปราธวิกปฺปปริจฺจาคโต, โกธปริยุฏฺานวูปสมนโต, ปฺุตฺตรโต, จ จตุรธิฏฺานปทฏฺานา ขนฺติ. ปฏิฺานุรูปํ ปรหิตกรณโต, วิสทปริจฺจาคโต, อกุสลวูปสมนโต, ปฺุตฺตรโต จ จตุรธิฏฺานปทฏฺานํ วีริยํ. ปฏิฺานุรูปํ โลกหิตานุจินฺตนโต, นีวรณปริจฺจาคโต, จิตฺตวูปสมนโต, ปฺุตฺตรโต จ จตุรธิฏฺานปทฏฺานํ ฌานํ. ยถาปฏิฺํ ปรหิตูปายโกสลฺลโต, อนุปายกิริยาปริจฺจาคโต, โมหชปริฬาหวูปสมนโต, สพฺพฺุตาปฏิลาภโต จ จตุรธิฏฺานปทฏฺานา ปฺา.
ตตฺถ ¶ เยฺยปฏิฺานุวิธาเนหิ สจฺจาธิฏฺานํ. วตฺถุกามกิเลสกามปริจฺจาเคหิ จาคาธิฏฺานํ. โทสทุกฺขวูปสเมหิ อุปสมาธิฏฺานํ. อนุโพธปฏิเวเธหิ ปฺาธิฏฺานํ. ติวิธสจฺจปริคฺคหิตํ โทสตฺตยวิโรธิ สจฺจาธิฏฺานํ. ติวิธจาคปริคฺคหิตํ โทสตฺตยวิโรธิ จาคาธิฏฺานํ. ติวิธวูปสมปริคฺคหิตํ โทสตฺตยวิโรธิ อุปสมาธิฏฺานํ. ติวิธาณปริคฺคหิตํ โทสตฺตยวิโรธิ ปฺาธิฏฺานํ. สจฺจาธิฏฺานปริคฺคหิตานิ จาคูปสมปฺาธิฏฺานานิ อวิสํวาทนโต ปฏิฺานุวิธานโต จ, จาคาธิฏฺานปริคฺคหิตานิ สจฺจูปสมปฺาธิฏฺานานิ ปฏิปกฺขปริจฺจาคโต สพฺพปริจฺจาคผลตฺตา จ, อุปสมาธิฏฺานปริคฺคหิตานิ สจฺจจาคปฺาธิฏฺานานิ กิเลสปริฬาหวูปสมนโต กามูปสมนโต กามปริฬาหวูปสมนโต จ, ปฺาธิฏฺานปริคฺคหิตานิ สจฺจจาคูปสมาธิฏฺานานิ าณปุพฺพงฺคมโต าณานุปริวตฺตนโต จาติ เอวํ สพฺพาปิ ปารมิโย สจฺจปฺปภาวิตา จาคปริพฺยฺชิตา อุปสโมปพฺรูหิตา ¶ ปฺาปริสุทฺธา. สจฺจฺหิ เอตาสํ ชนกเหตุ. จาโค ปริคฺคาหกเหตุ, อุปสโม ปริวุทฺธิเหตุ, ปฺา ปาริสุทฺธิเหตุ. ตถา อาทิมฺหิ สจฺจาธิฏฺานํ สจฺจปฏิฺตฺตา, มชฺเฌ จาคาธิฏฺานํ กตปณิธานสฺส ปรหิตาย อตฺตปริจฺจาคโต. อนฺเต อุปสมาธิฏฺานํ สพฺพูปสมปริโยสานตฺตา. อาทิมชฺฌปริโยสาเนสุ ปฺาธิฏฺานํ ตสฺมึ สติ สมฺภวโต อสติ อภาวโต ยถาปฏิฺฺจ ภาวโต.
ตตฺถ มหาปุริสา สตตมตฺตหิตปรหิตกเรหิ ครุปิยภาวกเรหิ สจฺจจาคาธิฏฺาเนหิ คิหิภูตา ¶ อามิสทาเนน ปเร อนุคฺคณฺหนฺติ. ตถา อตฺตหิตปรหิตกเรหิ ครุปิยภาวกเรหิ อุปสมปฺาธิฏฺาเนหิ จ ปพฺพชิตภูตา ธมฺมทาเนน ปเร อนุคฺคณฺหนฺติ.
ตตฺถ อนฺติมภเว โพธิสตฺตสฺส จตุรธิฏฺานปริปูรณํ. ปริปุณฺณจตุรธิฏฺานสฺส หิ จริมกภวูปปตฺตีติ เอเก. ตตฺร หิ คพฺโภกฺกนฺติิติอภินิกฺขมเนสุ ปฺาธิฏฺานสมุทาคเมน สโต สมฺปชาโน สจฺจาธิฏฺานปาริปูริยา สมฺปติชาโต อุตฺตราภิมุโข สตฺตปทวีติหาเรน คนฺตฺวา สพฺพา ทิสา โอโลเกตฺวา สจฺจานุปริวตฺตินา วจสา – ‘‘อคฺโคหมสฺมิ โลกสฺส, เชฏฺโหมสฺมิ โลกสฺส, เสฏฺโหมสฺมิ โลกสฺสา’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๑; ม. นิ. ๓.๒๐๗) ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิ.
อุปสมาธิฏฺานสมุทาคเมน ¶ ชิณฺณาตุรมตปพฺพชิตทสฺสาวิโน จตุธมฺมปเทสโกวิทสฺส โยพฺพนาโรคฺยชีวิตสมฺปตฺติมทานํ อุปสโม. จาคาธิฏฺานสมุทาคเมน มหโต าติปริวฏฺฏสฺส หตฺถคตสฺส จ จกฺกวตฺติรชฺชสฺส อนเปกฺขปริจฺจาโคติ.
ทุติเย าเน อภิสมฺโพธิยํ จตุรธิฏฺานํ ปริปุณฺณนฺติ เกจิ. ตตฺถ หิ ยถาปฏิฺํ สจฺจาธิฏฺานสมุทาคเมน จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ อภิสมโย, ตโต หิ สจฺจาธิฏฺานํ ปริปุณฺณํ. จาคาธิฏฺานสมุทาคเมน สพฺพกิเลสูปกฺกิเลสปริจฺจาโค, ตโต หิ จาคาธิฏฺานํ ปริปุณฺณํ. อุปสมาธิฏฺานสมุทาคเมน ปรมูปสมปฺปตฺติ, ตโต หิ อุปสมาธิฏฺานํ ปริปุณฺณํ. ปฺาธิฏฺานสมุทาคเมน อนาวรณาณปฏิลาโภ, ตโต หิ ปฺาธิฏฺานํ ปริปุณฺณนฺติ. ตํ อสิทฺธํ, อภิสมฺโพธิยาปิ ปรมตฺถภาวโต.
ตติเย าเน ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเน จตุรธิฏฺานํ ปริปุณฺณนฺติ อฺเ. ตตฺถ หิ สจฺจาธิฏฺานสมุทาคตสฺส ทฺวาทสหิ อากาเรหิ อริยสจฺจเทสนาย ¶ สจฺจาธิฏฺานํ ปริปุณฺณํ. จาคาธิฏฺานสมุทาคตสฺส สทฺธมฺมมหายาคกรเณน จาคาธิฏฺานํ ปริปุณฺณํ. อุปสมาธิฏฺานสมุทาคตสฺส สยํ อุปสนฺตสฺส ปเรสํ อุปสมเนน อุปสมาธิฏฺานํ ปริปุณฺณํ. ปฺาธิฏฺานสมุทาคตสฺส เวเนยฺยานํ อาสยาทิปริชานเนน ปฺาธิฏฺานํ ปริปุณฺณนฺติ. ตทปิ อสิทฺธํ, อปริโยสิตตฺตา พุทฺธกิจฺจสฺส.
จตุตฺเถ าเน ปรินิพฺพาเน จตุรธิฏฺานํ ปริปุณฺณนฺติ อปเร. ตตฺร หิ ปรินิพฺพุตตฺตา ปรมตฺถสจฺจสมฺปตฺติยา สจฺจาธิฏฺานํ ปริปุณฺณํ. สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺเคน จาคาธิฏฺานํ ปริปุณฺณํ. สพฺพสงฺขารูปสเมน ¶ อุปสมาธิฏฺานํ ปริปุณฺณํ. ปฺาปโยชนปรินิฏฺาเนน ปฺาธิฏฺานํ ปริปุณฺณนฺติ. ตตฺร มหาปุริสสฺส วิเสเสน เมตฺตาเขตฺเต อภิชาติยํ สจฺจาธิฏฺานสมุทาคตสฺส สจฺจาธิฏฺานปริปูรณมภิพฺยตฺตํ, วิเสเสน กรุณาเขตฺเต อภิสมฺโพธิยํ ปฺาธิฏฺานสมุทาคตสฺส ปฺาธิฏฺานปริปูรณมภิพฺยตฺตํ, วิเสเสน มุทิตาเขตฺเต ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเน จาคาธิฏฺานสมุทาคตสฺส จาคาธิฏฺานปริปูรณมภิพฺยตฺตํ, วิเสเสน อุเปกฺขาเขตฺเต ปรินิพฺพาเน อุปสมาธิฏฺานสมุทาคตสฺส อุปสมาธิฏฺานปริปูรณมภิพฺยตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
ตตฺร ¶ สจฺจาธิฏฺานสมุทาคตสฺส สํวาเสน สีลํ เวทิตพฺพํ. จาคาธิฏฺานสมุทาคตสฺส สํโวหาเรน โสเจยฺยํ เวทิตพฺพํ. อุปสมาธิฏฺานสมุทาคตสฺส อาปทาสุ ถาโม เวทิตพฺโพ. ปฺาธิฏฺานสมุทาคตสฺส สากจฺฉาย ปฺา เวทิตพฺพา. เอวํ สีลาชีวจิตฺตทิฏฺิวิสุทฺธิโย เวทิตพฺพา. ตถา สจฺจาธิฏฺานสมุทาคเมน โทสาคตึ น คจฺฉติ อวิสํวาทนโต. จาคาธิฏฺานสมุทาคเมน โลภาคตึ น คจฺฉติ อนภิสงฺคโต. อุปสมาธิฏฺานสมุทาคเมน ภยาคตึ น คจฺฉติ อนปราธโต. ปฺาธิฏฺานสมุทาคเมน โมหาคตึ น คจฺฉติ ยถา ภูตาวโพธโต.
ตถา ปเมน อทุฏฺโ อธิวาเสติ, ทุติเยน อลุทฺโธ ปฏิเสวติ, ตติเยน อภีโต ปริวชฺเชติ, จตุตฺเถน อสมฺมูฬฺโห วิโนเทติ. ปเมน เนกฺขมฺมสุขปฺปตฺติ, อิตเรหิ ปวิเวกอุปสมสมฺโพธิสุขปฺปตฺติโย โหนฺตีติ ทฏฺพฺพา. ตถา วิเวกชปีติสุขสมาธิชปีติสุขอปีติชกายสุขสติปาริสุทฺธิช- อุเปกฺขาสุขปฺปตฺติโย เอเตหิ จตูหิ ยถากฺกมํ โหนฺติ. เอวมเนกคุณานุพนฺเธหิ ¶ จตูหิ อธิฏฺาเนหิ สพฺพปารมิสมูหสงฺคโห เวทิตพฺโพ. ยถา จ จตูหิ อธิฏฺาเนหิ สพฺพปารมิสงฺคโห, เอวํ กรุณาปฺาหิปีติ ทฏฺพฺพํ. สพฺโพปิ หิ โพธิสมฺภาโร กรุณาปฺาหิ สงฺคหิโต. กรุณาปฺาปริคฺคหิตา หิ ทานาทิคุณา มหาโพธิสมฺภารา ภวนฺติ พุทฺธตฺตสิทฺธิปริโยสานาติ. เอวเมตาสํ สงฺคโห เวทิตพฺโพ.
โก สมฺปาทนูปาโยติ? สกลสฺสาปิ ปฺุาทิสมฺภารสฺส สมฺมาสมฺโพธึ อุทฺทิสฺส อนวเสสสมฺภรณํ อเวกลฺลการิตาโยเคน, ตตฺถ จ สกฺกจฺจการิตา อาทรพหุมานโยเคน, สาตจฺจการิตา นิรนฺตรโยเคน, จิรกาลาทิโยโค จ อนฺตรา อโวสานาปชฺชเนนาติ. ตํ ปนสฺส กาลปริมาณํ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ. อิติ จตุรงฺคโยโค เอตาสํ ปารมีนํ สมฺปาทนูปาโย. ตถา มหาสตฺเตน โพธาย ปฏิปชฺชนฺเตน สมฺมาสมฺโพธาย พุทฺธานํ ปุเรตรเมว อตฺตา ¶ นิยฺยาเตตพฺโพ – ‘‘อิมาหํ อตฺตภาวํ พุทฺธานํ นิยฺยาเตมี’’ติ. ตํตํปริคฺคหวตฺถฺุจ ปฏิลาภโต ปุเรตรเมว ทานมุเข นิสฺสชฺชิตพฺพํ. ‘‘ยํ กิฺจิ มยฺหํ อุปฺปชฺชนกํ ชีวิตปริกฺขารชาตํ, สพฺพํ ตํ สติ ยาจเก ทสฺสามิ, เตสํ ปน ทินฺนาวเสสํ เอว มยา ปริภฺุชิตพฺพ’’นฺติ.
เอวํ ¶ หิสฺส สมฺมเทว ปริจฺจาคาย กเต จิตฺตาภิสงฺขาเร ยํ อุปฺปชฺชติ ปริคฺคหวตฺถุ อวิฺาณกํ สวิฺาณกํ วา, ตตฺถ เย อิเม ปุพฺเพ ทาเน อกตปริจโย, ปริคฺคหวตฺถุสฺส ปริตฺตภาโว, อุฬารมนฺุตา, ปริกฺขยจินฺตาติ จตฺตาโร ทานวินิพนฺธา, เตสุ ยทา มหาโพธิสตฺตสฺส สํวิชฺชมาเนสุ เทยฺยธมฺเมสุ ปจฺจุปฏฺิเต จ ยาจกชเน ทาเน จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ น กมติ. เตน นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ ‘‘อทฺธาหํ ทาเน ปุพฺเพ อกตปริจโย, เตน เม เอตรหิ ทาตุกมฺยตา จิตฺเต น สณฺาตี’’ติ. โส เอวํ เม อิโต ปรํ ทานาภิรตํ จิตฺตํ ภวิสฺสติ, หนฺทาหํ อิโต ปฏฺาย ทานํ ทสฺสามิ, นนุ มยา ปฏิกจฺเจว ปริคฺคหวตฺถุ ยาจกานํ ปริจฺจตฺตนฺติ ทานํ เทติ มุตฺตจาโค ปยตปาณี โวสคฺครโต ยาจโยโค ทานสํวิภาครโต. เอวํ มหาสตฺตสฺส ปโม ทานวินิพนฺโธ หโต โหติ วิหโต สมุจฺฉินฺโน.
ตถา มหาสตฺโต เทยฺยธมฺมสฺส ปริตฺตภาเว สติ เวกลฺเล จ อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘‘อหํ โข ปุพฺเพ อทานสีลตาย เอตรหิ เอวํ ปจฺจยวิกโล ชาโต ¶ , ตสฺมา อิทานิ มยา ปริตฺเตน วา หีเนน วา ยถาลทฺเธน เทยฺยธมฺเมน อตฺตานํ ปีเฬตฺวาปิ ทานเมว ทาตพฺพํ, เยนาหํ อายติมฺปิ ทานปารมึ มตฺถกํ ปาเปสฺสามี’’ติ. โส อิตรีตเรน ตํ ทานํ เทติ มุตฺตจาโค ปยตปาณี โวสคฺครโต ยาจโยโค ทานสํวิภาครโต. เอวํ มหาสตฺตสฺส ทุติโย ทานวินิพนฺโธ หโต โหติ วิหโต สมุจฺฉินฺโน.
ตถา มหาสตฺโต เทยฺยธมฺมสฺส อุฬารมนฺุตาย อทาตุกมฺยตาจิตฺเต อุปฺปชฺชมาเน อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘‘นนุ ตยา สปฺปุริส อุฬารตมา สพฺพเสฏฺา สมฺมาสมฺโพธิ อภิปตฺถิตา, ตสฺมา ตทตฺถํ ตยา อุฬารมนฺุเ เอว เทยฺยธมฺเม ทาตุํ ยุตฺตรูป’’นฺติ. โส อุฬารํ มนฺฺุจ เทติ มุตฺตจาโค ปยตปาณี โวสฺสคฺครโต ยาจโยโค ทานสํวิภาครโต. เอวํ มหาปุริสสฺส ตติโย ทานวินิพนฺโธ หโต โหติ วิหโต สมุจฺฉินฺโน.
ตถา มหาสตฺโต ทานํ เทนฺโต ยทา เทยฺยธมฺมสฺส ปริกฺขยํ ปสฺสติ, โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘‘อยํ โข โภคานํ สภาโว, ยทิทํ ขยธมฺมตา วยธมฺมตา จ. อปิ จ ¶ เม ปุพฺเพ ตาทิสสฺส ทานสฺส อกตตฺตา เอวํ โภคานํ ปริกฺขโย ทิสฺสติ, หนฺทาหํ ยถาลทฺเธน เทยฺยธมฺเมน ¶ ปริตฺเตน วา วิปุเลน วา ทานเมว ทเทยฺยํ, เยนาหํ อายตึ ทานปารมิยา มตฺถกํ ปาปุณิสฺสามี’’ติ. โส ยถาลทฺเธน ทานํ เทติ มุตฺตจาโค ปยตปาณี โวสคฺครโต ยาจโยโค ทานสํวิภาครโต. เอวํ มหาสตฺตสฺส จตุตฺโถ ทานวินิพนฺโธ หโต โหติ วิหโต สมุจฺฉินฺโน. เอวํ เย เย ทานปารมิยา วินิพนฺธภูตา อนตฺถา, เตสํ เตสํ ยถารหํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปฏิวิโนทนํ อุปาโย. ยถา จ ทานปารมิยา, เอวํ สีลปารมิอาทีสุปิ ทฏฺพฺพํ.
อปิ จ ยํ มหาสตฺตสฺส พุทฺธานํ อตฺตสนฺนิยฺยาตนํ, ตํ สมฺมเทว สพฺพปารมีนํ สมฺปาทนูปาโย. พุทฺธานฺหิ อตฺตานํ นิยฺยาเตตฺวา ิโต มหาปุริโส ตตฺถ ตตฺถ โพธิสมฺภารปาริปูริยา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต สรีรสฺส สุขูปกรณานฺจ อุปจฺเฉทเกสุ ทุสฺสเหสุปิ กิจฺเฉสุ ทุรภิสมฺภเวสุปิ สตฺตสงฺขารสมุปนีเตสุ อนตฺเถสุ ติพฺเพสุ ปาณหเรสุ ‘‘อยํ มยา อตฺตภาโว พุทฺธานํ ปริจฺจตฺโต, ยํ วา ตํ วา เอตฺถ โหตู’’ติ ตํนิมิตฺตํ น กมฺปติ น เวธติ, อีสกมฺปิ อฺถตฺตํ น คจฺฉติ, กุสลารมฺเภ ¶ อฺทตฺถุ อจลาธิฏฺาโนว โหติ, เอวํ อตฺตสนฺนิยฺยาตนมฺปิ เอตาสํ สมฺปาทนูปาโย.
อปิ จ สมาสโต กตาภินีหารสฺส อตฺตนิ สิเนหสฺส ปริโสสนํ ปเรสุ จ สิเนหสฺส ปริวฑฺฒนํ เอตาสํ สมฺปาทนูปาโย. สมฺมาสมฺโพธิสมธิคมาย หิ กตมหาปณิธานสฺส มหาสตฺตสฺส ยาถาวโต ปริชานเนน สพฺเพสุ ธมฺเมสุ อนุปลิตฺตสฺส อตฺตนิ สิเนโห ปริกฺขยํ ปริยาทานํ คจฺฉติ, มหากรุณาสมาเสวเนน ปน ปิยปุตฺเต วิย สพฺพสตฺเต สมฺปสฺสมานสฺส เตสุ เมตฺตากรุณาสิเนโห ปริวฑฺฒติ, ตโต จ ตํตทวตฺถานุรูปํ อตฺตปรสนฺตาเนสุ โลภโทสโมหวิคเมน วิทูรีกตมจฺฉริยาทิโพธิสมฺภารปฏิปกฺโข มหาปุริโส ทานปิยวจนอตฺถจริยาสมานตฺตตาสงฺขาเตหิ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ จตุรธิฏฺานานุคเตหิ อจฺจนฺตํ ชนสฺส สงฺคหกรเณน อุปริ ยานตฺตเย อวตารณํ ปริปาจนฺจ กโรติ.
มหาสตฺตานฺหิ มหากรุณา มหาปฺา จ ทาเนน อลงฺกตา, ทานํ ปิยวจเนน, ปิยวจนํ อตฺถจริยาย, อตฺถจริยา สมานตฺตตาย อลงฺกตา ¶ สงฺคหิตา จ. เตสํ สพฺเพปิ สตฺเต อตฺตนา นิพฺพิเสเส กตฺวา โพธิสมฺภาเรสุ ปฏิปชฺชนฺตานํ สพฺพตฺถ สมานสุขทุกฺขตาย สมานตฺตตาย สิทฺธิ. พุทฺธภูตานมฺปิ จ เตเหว จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ จตุรธิฏฺานปริปูริตาภิวุทฺเธหิ ชนสฺส อจฺจนฺติกสงฺคหกรเณน อภิวินยนํ สิชฺฌติ. ทานฺหิ ¶ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ จาคาธิฏฺาเนน ปริปูริตาภิวุทฺธํ, ปิยวจนํ สจฺจาธิฏฺาเนน, อตฺถจริยา ปฺาธิฏฺาเนน, สมานตฺตตา อุปสมาธิฏฺาเนน ปริปูริตาภิวุทฺธา. ตถาคตานฺหิ สพฺพสาวกปจฺเจกพุทฺเธหิ สมานตฺตตา ปรินิพฺพาเน. ตตฺร หิ เนสํ อวิเสสโต เอกีภาโว. เตเนวาห ‘‘นตฺถิ วิมุตฺติยา นานตฺต’’นฺติ. โหนฺติ เจตฺถ –
‘‘สจฺโจ จาคี อุปสนฺโต, ปฺวา อนุกมฺปโก;
สมฺภตสพฺพสมฺภาโร, กํ นามตฺถํ น สาธเย.
‘‘มหาการุณิโก สตฺถา, หิเตสี จ อุเปกฺขโก;
นิรเปกฺโข จ สพฺพตฺถ, อโห อจฺฉริโย ชิโน.
‘‘วิรตฺโต สพฺพธมฺเมสุ, สตฺเตสุ จ อุเปกฺขโก;
สทา ¶ สตฺตหิเต ยุตฺโต, อโห อจฺฉริโย ชิโน.
‘‘สพฺพทา สพฺพสตฺตานํ, หิตาย จ สุขาย จ;
อุยฺยุตฺโต อกิลาสู จ, อโห อจฺฉริโย ชิโน’’ติ.
กิตฺตเกน กาเลน สมฺปาทนนฺติ? เหฏฺิเมน ตาว ปริจฺเฉเทน จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ มหากปฺปานํ สตสหสฺสฺจ, มชฺฌิเมน อฏฺ อสงฺขฺเยยฺยานิ มหากปฺปานํ สตสหสฺสฺจ, อุปริเมน ปน โสฬส อสงฺขฺเยยฺยานิ มหากปฺปานํ สตสหสฺสฺจ. เอเต จ เภทา ยถากฺกมํ ปฺาธิกสทฺธาธิกวีริยาธิกวเสน าตพฺพา. ปฺาธิกานฺหิ สทฺธา มนฺทา โหติ ปฺา ติกฺขา, สทฺธาธิกานํ ปฺา มชฺฌิมา โหติ, วีริยาธิกานํ ปฺา มนฺทา, ปฺานุภาเวน จ สมฺมาสมฺโพธิ อธิคนฺตพฺพาติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ.
อปเร ปน ‘‘วีริยสฺส ติกฺขมชฺฌิมมุทุภาเวน โพธิสตฺตานํ อยํ กาลวิภาโค’’ติ วทนฺติ. อวิเสเสน ปน วิมุตฺติปริปาจนียานํ ธมฺมานํ ติกฺขมชฺฌิมมุทุภาเวน ยถาวุตฺตกาลเภเทน โพธิสมฺภารา เตสํ ปาริปูรึ คจฺฉนฺตีติ ตโยเปเต กาลเภทา ยุตฺตาติปิ วทนฺติ. เอวํ ติวิธา ¶ หิ โพธิสตฺตา อภินีหารกฺขเณ ภวนฺติ อุคฺฆหฏิตฺูวิปฺจิตฺูเนยฺยเภเทน. เตสุ โย อุคฺฆฏิตฺู, โส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สมฺมุขา จตุปฺปทิกํ คาถํ สุณนฺโต คาถาย ตติยปเท อปริโยสิเต เอว ฉหิ อภิฺาหิ สห ปฏิสมฺภิทาหิ ¶ อรหตฺตํ อธิคนฺตุํ สมตฺถูปนิสฺสโย โหติ, สเจ สาวกโพธิยํ อธิมุตฺโต สิยา.
ทุติโย ภควโต สมฺมุขา จตุปฺปทิกํ คาถํ สุณนฺโต อปริโยสิเต เอว คาถาย จตุตฺถปเท ฉหิ อภิฺาหิ อรหตฺตํ อธิคนฺตุํ สมตฺถูปนิสฺสโย โหติ, ยทิ สาวกโพธิยํ อธิมุตฺโต สิยา.
อิตโร ปน ภควโต สมฺมุขา จตุปฺปทิกํ คาถํ สุตฺวา ปริโยสิตาย คาถาย ฉหิ อภิฺาหิ อรหตฺตํ ปตฺตุํ สมตฺถูปนิสฺสโย โหติ.
ตโยเปเต วินา กาลเภเทน กตาภินีหาโร พุทฺธานํ สนฺติเก ลทฺธพฺยากรณา จ อนุกฺกเมน ปารมิโย ปริปูเรนฺตา ยถากฺกมํ ยถาวุตฺตเภเทน กาเลน สมฺมาสมฺโพธึ ปาปุณนฺติ. เตสุ เตสุ ปน กาลเภเทสุ อปริปุณฺเณสุ เต ¶ เต มหาสตฺตา ทิวเส ทิวเส เวสฺสนฺตรทานสทิสํ มหาทานํ เทนฺตาปิ ตทนุรูเป สีลาทิสพฺพปารมิธมฺเม อาจินนฺตาปิ ปฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชนฺตาปิ าตตฺถจริยา โลกตฺถจริยา พุทฺธตฺถจริยา ปรมโกฏึ ปาเปนฺตาปิ อนฺตรา จ สมฺมาสมฺพุทฺธา ภวิสฺสนฺตีติ เนตํ านํ วิชฺชติ. กสฺมา? าณสฺส อปริปจฺจนโต พุทฺธการกธมฺมานํ อปรินิฏฺานโต. ปริจฺฉินฺนกาลนิปฺผาทิตํ วิย หิ สสฺสํ ยถาวุตฺตกาลปริจฺเฉเทน ปรินิปฺผาทิตา สมฺมาสมฺโพธิ ตทนนฺตรา สพฺพุสฺสาเหน วายมนฺเตนาปิ น สกฺกา อธิคนฺตุนฺติ ปารมิปาริปูริ ยถาวุตฺตกาลวิเสเสน สมฺปชฺชตีติ เวทิตพฺพํ.
โก อานิสํโสติ? เย เต กตาภินีหารานํ โพธิสตฺตานํ –
‘‘เอวํ สพฺพงฺคสมฺปนฺนา, โพธิยา นิยตา นรา;
สํสรํ ทีฆมทฺธานํ, กปฺปโกฏิสเตหิปิ.
‘‘อวีจิมฺหิ นุปฺปชฺชนฺติ, ตถา โลกนฺตเรสุ จ;
นิชฺฌามตณฺหา ขุปฺปิปาสา, น โหนฺติ กาลกฺชิกา.
‘‘น ¶ โหนฺติ ขุทฺทกา ปาณา, อุปปชฺชนฺตาปิ ทุคฺคตึ;
ชายมานา มนุสฺเสสุ, ชจฺจนฺธา น ภวนฺติ เต.
‘‘โสตเวกลฺลตา ¶ นตฺถิ, น ภวนฺติ มูคปกฺขิกา;
อิตฺถิภาวํ น คจฺฉนฺติ, อุภโตพฺยฺชนปณฺฑกา.
‘‘น ภวนฺติ ปริยาปนฺนา, โพธิยา นิยตา นรา;
มุตฺตา อานนฺตริเกหิ, สพฺพตฺถ สุทฺธโคจรา.
‘‘มิจฺฉาทิฏฺึ น เสวนฺติ, กมฺมกิริยทสฺสนา;
วสมานาปิ สคฺเคสุ, อสฺํ นูปปชฺชเร.
‘‘สุทฺธาวาเสสุ เทเวสุ, เหตุ นาม น วิชฺชติ;
เนกฺขมฺมนินฺนา สปฺปุริสา, วิสํยุตฺตา ภวาภเว;
จรนฺติ โลกตฺถจริยาโย, ปูเรนฺติ สพฺพปารมี’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา; ชา. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา; อป. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา) –
เอวํ สํวณฺณิตา อานิสํสา. เย จ ‘‘สโต สมฺปชาโน, อานนฺท, โพธิสตฺโต ตุสิตา กายา จวิตฺวา มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๒๐๐; ที. นิ. ๒.๑๗) โสฬส อจฺฉริยพฺภุตธมฺมปฺปการา, เย จ ‘‘สีตํ พฺยปคตํ โหติ, อุณฺหฺจ อุปสมฺมตี’’ติอาทินา (พุ. วํ. ๒.๘๓) ‘‘ชายมาเน โข, สาริปุตฺต, โพธิสตฺเต อยํ ทสสหสฺสี โลกธาตุ สงฺกมฺปติ สมฺปกมฺปติ สมฺปเวธตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๒๐๑; ที. นิ. ๒.๓๒) จ ทฺวตฺตึส ปุพฺพนิมิตฺตปฺปการา, เย วา ปนฺเปิ ¶ โพธิสตฺตานํ อธิปฺปายสมิชฺฌนํ กมฺมาทีสุ วสีภาโวติ เอวมาทโย ตตฺถ ตตฺถ ชาตกพุทฺธวํสาทีสุ ทสฺสิตาการา อานิสํสา, เต สพฺเพปิ เอตาสํ อานิสํสา. ตถา ยถานิทสฺสิตเภทา อโลภาโทสาทิคุณยุคลาทโย จาติ เวทิตพฺพา.
อปิ จ ยสฺมา โพธิสตฺโต อภินีหารโต ปฏฺาย สพฺพสตฺตานํ ปิตุสโม โหติ หิเตสิตาย, ทกฺขิเณยฺยโก ครุ ภาวนีโย ปรมฺจ ปฺุกฺเขตฺตํ โหติ คุณวิเสสโยเคน. เยภุยฺเยน จ มนุสฺสานํ ปิโย โหติ, อมนุสฺสานํ ปิโย โหติ, เทวตาหิ อนุปาลียติ, เมตฺตากรุณาปริภาวิตสนฺตานตาย วาฬมิคาทีหิ จ อนภิภวนีโย โหติ, ยสฺมึ ยสฺมิฺจ สตฺตนิกาเย ¶ ปจฺจาชายติ, ตสฺมึ ตสฺมึ อุฬาเรน วณฺเณน อุฬาเรน ยเสน อุฬาเรน สุเขน อุฬาเรน พเลน อุฬาเรน ¶ อาธิปเตยฺเยน อฺเ สตฺเต อภิภวติ ปฺุวิเสสโยคโต.
อปฺปาพาโธ โหติ อปฺปาตงฺโก, สุวิสุทฺธา จสฺส สทฺธา โหติ สุวิสทา, สุวิสุทฺธํ วีริยํ, สติสมาธิปฺา สุวิสทา, มนฺทกิเลโส โหติ มนฺททรโถ มนฺทปริฬาโห, กิเลสานํ มนฺทภาเวเนว สุวโจ โหติ ปทกฺขิณคฺคาหี, ขโม โหติ โสรโต, สขิโล โหติ ปฏิสนฺถารกุสโล, อกฺโกธโน โหติ อนุปนาหี, อมกฺขี โหติ อปฬาสี, อนิสฺสุกี โหติ อมจฺฉรี, อสโ โหติ อมายาวี, อถทฺโธ โหติ อนติมานี, อสารทฺโธ โหติ อปฺปมตฺโต, ปรโต อุปตาปสโห โหติ ปเรสํ อนุปตาปี, ยสฺมิฺจ คามเขตฺเต ปฏิวสติ, ตตฺถ สตฺตานํ ภยาทโย อุปทฺทวา เยภุยฺเยน อนุปฺปนฺนา นุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ วูปสมฺมนฺติ, เยสุ จ อปาเยสุ อุปฺปชฺชติ, น ตตฺถ ปจุรชโน วิย ทุกฺเขน อธิมตฺตํ ปีฬียติ, ภิยฺโยโสมตฺตาย สํเวคมาปชฺชติ. ตสฺมา มหาปุริสสฺส ยถารหํ ตสฺมึ ตสฺมึ ภเว ลพฺภมานา เอเต สตฺตานํ ปิตุสมตาทกฺขิเณยฺยตาทโย คุณวิเสสา อานิสํสาติ เวทิตพฺพา.
ตถา อายุสมฺปทา รูปสมฺปทา กุลสมฺปทา อิสฺสริยสมฺปทา อาเทยฺยวจนตา มหานุภาวตาติ เอเตปิ มหาปุริสสฺส ปารมีนํ อานิสํสาติ เวทิตพฺพา. ตตฺถ อายุสมฺปทา นาม ตสฺสํ ตสฺสํ อุปปตฺติยํ ทีฆายุกตา จิรฏฺิติกตา, ตาย ยถารทฺธานิ กุสลสมาทานานิ ปริโยสาเปติ, พหฺุจ กุสลํ อุปจิโนติ. รูปสมฺปทา นาม ¶ อภิรูปตา ทสฺสนียตา ปาสาทิกตา, ตาย รูปปฺปมาณานํ สตฺตานํ ปสาทาวโห โหติ สมฺภาวนีโย. กุลสมฺปทา นาม อุฬาเรสุ กุเลสุ อภินิพฺพตฺติ, ตาย ชาติมทาทิมทมตฺตานมฺปิ อุปสงฺกมนีโย โหติ ปยิรุปาสนีโย, เตน เต นิพฺพิเสวเน กโรติ. อิสฺสริยสมฺปทา นาม มหาวิภวตา มเหสกฺขตา มหาปริวารตา จ, ตาหิ สงฺคณฺหิตพฺเพ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ สงฺคณฺหิตุํ, นิคฺคเหตพฺเพ ธมฺเมน นิคฺคเหตฺุจ สมตฺโถ โหติ.
อาเทยฺยวจนตา นาม สทฺเธยฺยตา ปจฺจยิกตา, ตาย สตฺตานํ ปมาณภูโต โหติ, อลงฺฆนียา จสฺส อาณา โหติ. มหานุภาวตา นาม อานุภาวมหนฺตตา, ตาย ปเรหิ น อภิภูยติ, สยเมว ¶ ปน ปเร อฺทตฺถุ อภิภวติ ธมฺเมน สเมน ยถาภูตคุเณหิ จ, เอวเมเต อายุสมฺปทาทโย มหาปุริสสฺส ปารมีนํ อานิสํสา, สยฺจ อปริมาณสฺส ปฺุสมฺภารสฺส ปริวุฑฺฒิเหตุภูตา ยานตฺตเย สตฺตานํ อวตารณสฺส ปริปาจนสฺส จ การณภูตาติ เวทิตพฺพา.
กึ ¶ ผลนฺติ? สมาสโต ตาว สมฺมาสมฺพุทฺธภาโว เอตาสํ ผลํ, วิตฺถารโต ปน ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณอสีติอนุพฺยฺชนพฺยามปฺปภาทิอเนกคุณคณสมุชฺชลรูปกายสมฺปตฺติ- อธิฏฺานสพลจตุเวสารชฺชฉอสาธารณาณอฏฺารสาเวณิก- พุทฺธธมฺมปฺปภุติอนนฺตาปริมาณ คุณสมุทโยปโสภินี ธมฺมกายสิรี. ยาวตา ปน พุทฺธคุณา เย อเนเกหิปิ กปฺเปหิ สมฺมาสมฺพุทฺเธนาปิ วาจาย ปริโยสาเปตุํ น สกฺกา, อิทเมตาสํ ผลํ. วุตฺตฺเจตํ –
‘‘พุทฺโธปิ พุทฺธสฺส ภเณยฺย วณฺณํ, กปฺปมฺปิ เจ อฺมภาสมาโน;
ขีเยถ กปฺโป จิรทีฆมนฺตเร, วณฺโณ น ขีเยถ ตถาคตสฺสา’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๓๐๔; ๓.๑๔๑; ม. นิ. อฏฺ. ๒.๔๒๕; อุทา. อฏฺ. ๕๓; จริยา. อฏฺ. นิทานกถา);
เอวเมตฺถ ปารมีสุ ปกิณฺณกกถา เวทิตพฺพา.
ยํ ปน ปาฬิยํ ‘‘ทตฺวา ทาตพฺพกํ ทาน’’นฺติอาทินา สพฺพาปิ ปารมี เอกชฺฌํ ทสฺเสตฺวา ปรโต ‘‘โกสชฺชํ ภยโต ทิสฺวา’’ติอาทินา ปริโยสานคาถาทฺวยํ วุตฺตํ, ตํ ¶ เยหิ วีริยารมฺภเมตฺตาภาวนา อปฺปมาทวิหาเรหิ ยถาวุตฺตา พุทฺธการกธมฺมา วิสทภาวํ คตา สมฺมาสมฺโพธิสงฺขาตา จ อตฺตโน วิมุตฺติ ปริปาจิตา, เตหิ เวเนยฺยานมฺปิ วิมุตฺติปริปาจนาย โอวาททานตฺถํ วุตฺถํ.
ตตฺถ โกสชฺชํ ภยโต ทิสฺวา, วีริยารมฺภฺจ เขมโตติ อิมินา ปฏิปกฺเข อาทีนวทสฺสนมุเขน วีริยารมฺเภ อานิสํสํ ทสฺเสติ. อารทฺธวีริยา โหถาติ อิมินา วีริยารมฺเภ นิโยเชติ. ยสฺมา จ –
‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณํ, กุสลสฺส อุปสมฺปทา;
สจิตฺตปริโยทปนํ, เอตํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ. (ธ. ป. ๑๘๓; ที. นิ. ๒.๙๐; เนตฺติ. ๓๐, ๕๐) –
สงฺเขปโต ¶ . วิตฺถารโต ปน สกเลน พุทฺธวจเนน ปกาสิตา สพฺพาปิ สมฺปตฺติโย เอกนฺเตเนว สมฺมปฺปธานาธีนา, ตสฺมา ภควา วีริยารมฺเภ นิโยเชตฺวา ‘‘เอสา พุทฺธานุสาสนี’’ติ อาห.
ตตฺรายํ ¶ สงฺเขปตฺโถ – ยฺวายํ สพฺพสํกิเลสมูลภาวโต สพฺพานตฺถวิธายกนฺติ โกสชฺชํ ภยโต ตปฺปฏิปกฺขโต จตูหิ โยเคหิ อนุปทฺทวภาวสาธนโต วีริยารมฺภฺจ เขมโต ทิสฺวา อธิสีลสิกฺขาทิสมฺปาทนวเสน วีริยสฺส อารมฺโภ สมฺมปฺปธานานุโยโค, ตตฺถ ยํ สมฺมเทว นิโยชน, ‘‘อารทฺธวีริยา โหถา’’ติ, เอสา พุทฺธานํ ภควนฺตานํ อนุสาสนี อนุสิฏฺิ โอวาโทติ. เสสคาถาสุปิ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อยํ ปน วิเสโส – วิวาทนฺติ วิรุทฺธวาทํ, ฉวิวาทวตฺถุวเสน วิวทนนฺติ อตฺโถ. อวิวาทนฺติ วิวาทปฏิปกฺขํ เมตฺตาวจีกมฺมํ, เมตฺตาภาวนํ วา. อถ วา อวิวาทนฺติ อวิวาทเหตุภูตํ ฉพฺพิธํ สารณียธมฺมํ. สมคฺคาติ อวคฺคา, กาเยน เจว จิตฺเตน จ สหิตา อวิรมิตา อวิยุตฺตาติ อตฺโถ. สขิลาติ สกฺกีลา มุทุสีลา, อฺมฺมฺหิ มุทุหทยาติ อตฺโถ. เอสา พุทฺธานุสาสนีติ เอตฺถ สพฺเพน สพฺพํ วิวาทมนุปคมฺม ยทิทํ ฉสารณียธมฺมปริปูรณวเสน สมคฺควาเส นิโยชนํ, เอสา พุทฺธานํ อนุสิฏฺีติ โยเชตพฺพํ. สมคฺควาสฺหิ วสมานา สีลทิฏฺิสามฺคตา อวิวทมานา สุเขเนว ติสฺโส สิกฺขา ปริปูเรสฺสนฺตีติ สตฺถา สมคฺควาเส นิโยชนํ อตฺตโน สาสนนฺติ ทสฺเสสิ.
ปมาทนฺติ ปมชฺชนํ, กุสลานํ ธมฺมานํ ปมุสฺสนํ อกุสเลสุ จ ธมฺเมสุ จิตฺตโวสฺสคฺคํ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘ตตฺถ กตโม ปมาโท, กายทุจฺจริเต ¶ วา วจีทุจฺจริเต วา มโนทุจฺจริเต วา ปฺจสุ วา กามคุเณสุ จิตฺตสฺส โวสคฺโค โวสคฺคานุปฺปทานํ กุสลานํ วา ธมฺมานํ ภาวนาย อสกฺกจฺจกิริยตา, อสาตจฺจกิริยตา, อนฏฺิตกิริยตา, โอลีนวุตฺติตา, นิกฺขิตฺตฉนฺทตา, นิกฺขิตฺตธุรตา อนาเสวนา อภาวนา อพหุลีกมฺมํ…เป… โย เอวรูโป ปมาโท ปมชฺชนา ปมชฺชิตตฺตํ, อยํ วุจฺจติ ปมาโท’’ติ (วิภ. ๘๔๖).
อปฺปมาทนฺติ อปฺปมชฺชนํ. ตํ ปมาทสฺส ปฏิปกฺขโต เวทิตพฺพํ. อตฺถโต หิ อปฺปมาโท นาม สติยา อวิปฺปวาโส, ‘‘สติยา อวิปฺปวาโส’’ติ จ ¶ นิจฺจํ อุปฏฺิตาย สติยา เอเวตํ นามํ. อปเร ปน ‘‘สติสมฺปชฺปฺปธานา ตถา ปวตฺตา จตฺตาโร อรูปิโน ขนฺธา อปฺปมาโท’’ติ วทนฺติ. ยสฺมา ปน อปฺปมาทภาวนา นาม วิสุํ เอกา ภาวนา นตฺถิ. ยา หิ กาจิ ปฺุกิริยา กุสลกิริยา, สพฺพา สา อปฺปมาทภาวนาตฺเวว เวทิตพฺพา.
วิเสสโต ปน วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ สรณคมนํ กายิกวาจสิกสํวรฺจ อุปาทาย สพฺพา สีลภาวนา, สพฺพา สมาธิภาวนา, สพฺพา ปฺาภาวนา, สพฺพา กุสลภาวนา, อนวชฺชภาวนา ¶ , อปฺปมาทภาวนา. ‘‘อปฺปมาโท’’ติ หิ อิทํ ปทํ มหนฺตํ อตฺถํ ทีเปติ, มหนฺตํ อตฺถํ ปริคฺคเหตฺวา ติฏฺติ, สกลมฺปิ เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ อาหริตฺวา อปฺปมาทปทสฺส อตฺถํ กตฺวา กเถนฺโต ธมฺมกถิโก ‘‘อติตฺเถน ปกฺขนฺโท’’ติ น วตฺตพฺโพ. กสฺมา? อปฺปมาทปทสฺส มหนฺตภาวโต. ตถา หิ สมฺมาสมฺพุทฺโธ กุสินารายํ ยมกสาลานมนฺตเร ปรินิพฺพานสมเย นิปนฺโน อภิสมฺโพธิโต ปฏฺาย ปฺจจตฺตาลีสาย วสฺเสสุ อตฺตนา ภาสิตํ ธมฺมํ เอเกเนว ปเทน สงฺคเหตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘อปฺปมาเทน สมฺปาเทถา’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๘) ภิกฺขูนํ โอวาทมทาสิ. ตถา จาห – ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ยานิ กานิจิ ชงฺคมานํ ปาณานํ ปทชาตานิ, สพฺพานิ ตานิ หตฺถิปเท สโมธานํ คจฺฉนฺติ, หตฺถิปทํ เตสํ อคฺคมกฺขายติ ยทิทํ มหนฺตตฺเตน, เอวเมว โข, ภิกฺขเว, เย เกจิ กุสลา ธมฺมา, สพฺเพ เต อปฺปมาทมูลกา อปฺปมาทสโมสรณา, อปฺปมาโท เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๐๐ โถกํ วิสทิสํ). ตตฺถ อปฺปมาทภาวนํ สิขาปฺปตฺตํ ทสฺเสนฺโต สตฺถา ‘‘ภาเวถฏฺงฺคิกํ มคฺค’’นฺติ อาห.
ตสฺสตฺโถ – โย เอส สีลาทิขนฺธตฺตยสงฺคโห สมฺมาทิฏฺิปุพฺพงฺคโม สมฺมาทิฏฺิอาทีนํเยว ¶ อฏฺนฺนํ องฺคานํ วเสน อฏฺงฺคิโก อริยมคฺโค, ตํ ภาเวถ อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปาเทถ. ทสฺสนมคฺคมตฺเต อตฺวา อุปริ ติณฺณํ มคฺคานํ อุปฺปาทนวเสน วฑฺเฒถ, เอวํ โว อปฺปมาทภาวนา สิขาปฺปตฺตา ภวิสฺสตีติ. เอสา พุทฺธานุสาสนีติ ยทิทํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ อปฺปมชฺชนํ, ตฺจ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อริยมคฺคสฺส ภาวนา เอสา พุทฺธานํ ภควนฺตานํ อนุสิฏฺิ โอวาโทติ.
อิติ ¶ ภควา อรหตฺตนิกูเฏเนว จริยาปิฏกเทสนํ นิฏฺาเปสิ. อิตฺถํ สุทนฺติอาทีสุ อิตฺถนฺติ กปฺเป จ สตสหสฺเสติอาทินา (จริยา. ๑.๑) ปกาเรน. สุทนฺติ นิปาตมตฺตํ. ภควาติ ภาคฺยวนฺตตาทีหิ การเณหิ ภควา. อตฺตโน ปุพฺพจริยนฺติ ปุริมาสุ อกิตฺติปณฺฑิตาทิชาตีสุ อตฺตโน ปฏิปตฺติทุกฺกรกิริยํ. สมฺภาวยมาโนติ หตฺถตเล อามลกํ วิย สมฺมเทว ปกาเสนฺโต. พุทฺธาปทานิยํ นามาติ พุทฺธานํ ปุราตนกมฺมํ โปราณํ ทุกฺกรกิริยํ อธิกิจฺจ ปวตฺตตฺตา เทสิตตฺตา พุทฺธาปทานิยนฺติ เอวํนามกํ. ธมฺมปริยายนฺติ ธมฺมเทสนํ ธมฺมภูตํ วา การณํ. อภาสิตฺถาติ อโวจ. ยํ ปเนตฺถ น วุตฺตํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานตฺถตฺตา จ น วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
นิคมนกถา
เอตฺตาวตา ¶ จ –
วิสุทฺธจริโต สตฺถา, พุทฺธิจริยาย ปารคู;
สพฺพจริยาสุ กุสโล, โลกาจริโย อนุตฺตโร.
ยํ อจฺฉริยธมฺมานํ, สพฺพมจฺฉริยาติโค;
อตฺตโน ปุพฺพจริยานํ, อานุภาววิภาวนํ.
เทเสสิ นาโถ จริยา-ปิฏกํ ยฺจ ตาทิโน;
ธมฺมสงฺคาหกา เถรา, สงฺคายึสุ ตเถว จ.
ตสฺส อตฺถํ ปกาเสตุํ, โปราณฏฺกถานยํ;
นิสฺสาย ยา สมารทฺธา, อตฺถสํวณฺณนา มยา.
ยา ตตฺถ ปรมตฺถานํ, นิทฺธาเรตฺวา ยถารหํ;
ปกาสนา ปรมตฺถ-ทีปนี นาม นามโต.
สมฺปตฺตา ปรินิฏฺานํ, อนากุลวินิจฺฉยา;
สาธิกายฏฺวีสาย, ปาฬิยา ภาณวารโต.
อิติ ตํ สงฺขโรนฺเตน, ยํ ตํ อธิคตํ มยา;
ปฺุํ ตสฺสานุภาเวน, โลกนาถสฺส สาสนํ.
โอคาเหตฺวา ¶ วิสุทฺธาย, สีลาทิปฏิปตฺติยา;
สพฺเพปิ เทหิโน โหนฺตุ, วิมุตฺติรสภาคิโน.
จิรํ ¶ ติฏฺตุ โลกสฺมึ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาสนํ;
ตสฺมึ สคารวา นิจฺจํ, โหนฺตุ สพฺเพปิ ปาณิโน.
สมฺมา วสฺสตุ กาเลน, เทโวปิ ชคตีปติ;
สทฺธมฺมนิรโต โลกํ, ธมฺเมเนว ปสาสตูติ.
อิติ พทรติตฺถวิหารวาสินา อาจริยธมฺมปาเลน
กตา
จริยาปิฏกวณฺณนา นิฏฺิตา.