📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
ขุทฺทกนิกาเย
ชาตก-อฏฺกถา
(ปโม ภาโค)
คนฺถารมฺภกถา
ชาติโกฏิสหสฺเสหิ ¶ ¶ ¶ , ปมาณรหิตํ หิตํ;
โลกสฺส โลกนาเถน, กตํ เยน มเหสินา.
ตสฺส ปาเท นมสฺสิตฺวา, กตฺวา ธมฺมสฺส จฺชลึ;
สงฺฆฺจ ปติมาเนตฺวา, สพฺพสมฺมานภาชนํ.
นมสฺสนาทิโน ¶ อสฺส, ปฺุสฺส รตนตฺตเย;
ปวตฺตสฺสานุภาเวน, เฉตฺวา สพฺเพ อุปทฺทเว.
ตํ ตํ การณมาคมฺม, เทสิตานิ ชุตีมตา;
อปณฺณกาทีนิ ปุรา, ชาตกานิ มเหสินา.
ยานิ เยสุ จิรํ สตฺถา, โลกนิตฺถรณตฺถิโก;
อนนฺเต โพธิสมฺภาเร, ปริปาเจสิ นายโก.
ตานิ สพฺพานิ เอกชฺฌํ, อาโรเปนฺเตหิ สงฺคหํ;
ชาตกํ นาม สงฺคีตํ, ธมฺมสงฺคาหเกหิ ยํ.
พุทฺธวํสสฺส เอตสฺส, อิจฺฉนฺเตน จิรฏฺิตึ;
ยาจิโต อภิคนฺตฺวาน, เถเรน อตฺถทสฺสินา.
อสํสฏฺวิหาเร ¶ , สทา สุทฺธวิหารินา;
ตเถว พุทฺธมิตฺเตน, สนฺตจิตฺเตน วิฺุนา.
มหึสาสกวํสมฺหิ, สมฺภูเตน นยฺุนา;
พุทฺธเทเวน จ ตถา, ภิกฺขุนา สุทฺธพุทฺธินา.
มหาปุริสจริยานํ, อานุภาวํ อจินฺติยํ;
ตสฺส วิชฺโชตยนฺตสฺส, ชาตกสฺสตฺถวณฺณนํ.
มหาวิหารวาสีนํ, วาจนามคฺคนิสฺสิตํ;
ภาสิสฺสํ ภาสโต ตํ เม, สาธุ คณฺหนฺตุ สาธโวติ.
นิทานกถา
สา ¶ ¶ ปนายํ ชาตกสฺส อตฺถวณฺณนา ทูเรนิทานํ, อวิทูเรนิทานํ, สนฺติเกนิทานนฺติ อิมานิ ตีณิ นิทานานิ ทสฺเสตฺวา วณฺณิยมานา เย นํ สุณนฺติ, เตหิ สมุทาคมโต ปฏฺาย วิฺาตตฺตา ยสฺมา สุฏฺุ วิฺาตา นาม โหติ, ตสฺมา ตํ ตานิ นิทานานิ ทสฺเสตฺวา วณฺณยิสฺสาม.
ตตฺถ อาทิโต ตาว เตสํ นิทานานํ ปริจฺเฉโท เวทิตพฺโพ. ทีปงฺกรปาทมูลสฺมิฺหิ กตาภินีหารสฺส มหาสตฺตสฺส ยาว เวสฺสนฺตรตฺตภาวา จวิตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติ, ตาว ปวตฺโต กถามคฺโค ทูเรนิทานํ นาม. ตุสิตภวนโต ปน จวิตฺวา ยาว โพธิมณฺเฑ สพฺพฺุตปฺปตฺติ, ตาว ปวตฺโต กถามคฺโค อวิทูเรนิทานํ นาม. สนฺติเกนิทานํ ปน เตสุ เตสุ าเนสุ วิหรโต ตสฺมึ ตสฺมึเยว าเน ลพฺภตีติ.
๑. ทูเรนิทานกถา
ตตฺริทํ ทูเรนิทานํ นาม – อิโต กิร กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ จตุนฺนํ อสงฺขฺเยยฺยานํ มตฺถเก อมรวตี นาม นครํ อโหสิ. ตตฺถ สุเมโธ นาม พฺราหฺมโณ ปฏิวสติ อุภโต สุชาโต มาติโต ¶ จ ปิติโต จ สํสุทฺธคหณิโก ยาว สตฺตมา กุลปริวฏฺฏา อกฺขิตฺโต อนุปกุฏฺโ ชาติวาเทน อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคโต. โส อฺํ กมฺมํ อกตฺวา พฺราหฺมณสิปฺปเมว อุคฺคณฺหิ. ตสฺส ทหรกาเลเยว มาตาปิตโร กาลมกํสุ. อถสฺส ราสิวฑฺฒโก อมจฺโจ อายโปตฺถกํ อาหริตฺวา สุวณฺณรชตมณิมุตฺตาทิภริเต คพฺเภ วิวริตฺวา ‘‘เอตฺตกํ เต, กุมาร, มาตุ สนฺตกํ, เอตฺตกํ ปิตุ สนฺตกํ, เอตฺตกํ อยฺยกปยฺยกาน’’นฺติ ยาว สตฺตมา กุลปริวฏฺฏา ธนํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘เอตํ ปฏิปชฺชาหี’’ติ อาห. สุเมธปณฺฑิโต จินฺเตสิ – ‘‘อิมํ ธนํ สํหริตฺวา มยฺหํ ปิตุปิตามหาทโย ปรโลกํ คจฺฉนฺตา เอกํ กหาปณมฺปิ คเหตฺวา น คตา, มยา ปน คเหตฺวา คมนการณํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส รฺโ อาโรเจตฺวา นคเร เภรึ จราเปตฺวา มหาชนสฺส ทานํ ทตฺวา ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. อิมสฺส ปนตฺถสฺส อาวิภาวตฺถํ อิมสฺมึ าเน สุเมธกถา กเถตพฺพา ¶ . สา ปเนสา กิฺจาปิ พุทฺธวํเส นิรนฺตรํ อาคตาเยว, คาถาสมฺพนฺเธน ปน อาคตตฺตา น สุฏฺุ ปากฏา. ตสฺมา ตํ อนฺตรนฺตรา คาถาย สมฺพนฺธทีปเกหิ วจเนหิ สทฺธึ กเถสฺสาม.
สุเมธกถา
กปฺปสตสหสฺสาธิกานฺหิ จตุนฺนํ อสงฺขฺเยยฺยานํ มตฺถเก ทสหิ สทฺเทหิ อวิวิตฺตํ ‘‘อมรวตี’’ติ จ ‘‘อมร’’นฺติ จ ลทฺธนามํ นครํ อโหสิ, ยํ สนฺธาย พุทฺธวํเส วุตฺตํ –
‘‘กปฺเป ¶ จ สตสหสฺเส, จตุโร จ อสงฺขิเย;
อมรํ นาม นครํ, ทสฺสเนยฺยํ มโนรมํ;
ทสหิ สทฺเทหิ อวิวิตฺตํ, อนฺนปานสมายุต’’นฺติ.
ตตฺถ ทสหิ สทฺเทหิ อวิวิตฺตนฺติ หตฺถิสทฺเทน, อสฺสสทฺเทน, รถสทฺเทน, เภริสทฺเทน, มุทิงฺคสทฺเทน, วีณาสทฺเทน, สมฺมสทฺเทน, ตาฬสทฺเทน, สงฺขสทฺเทน ‘‘อสฺนาถ, ปิวถ, ขาทถา’’ติ ทสเมน สทฺเทนาติ อิเมหิ ทสหิ สทฺเทหิ อวิวิตฺตํ อโหสิ. เตสํ ปน สทฺทานํ เอกเทสเมว คเหตฺวา –
‘‘หตฺถิสทฺทํ ¶ อสฺสสทฺทํ, เภริสงฺขรถานิ จ;
ขาทถ ปิวถ เจว, อนฺนปาเนน โฆสิต’’นฺติ. –
พุทฺธวํเส อิมํ คาถํ วตฺวา –
‘‘นครํ สพฺพงฺคสมฺปนฺนํ, สพฺพกมฺมมุปาคตํ;
สตฺตรตนสมฺปนฺนํ, นานาชนสมากุลํ;
สมิทฺธํ เทวนครํว, อาวาสํ ปฺุกมฺมินํ.
‘‘นคเร อมรวติยา, สุเมโธ นาม พฺราหฺมโณ;
อเนกโกฏิสนฺนิจโย, ปหูตธนธฺวา.
‘‘อชฺฌายโก ¶ มนฺตธโร, ติณฺณํ เวทาน ปารคู;
ลกฺขเณ อิติหาเส จ, สธมฺเม ปารมึ คโต’’ติ. – วุตฺตํ;
อเถกทิวสํ โส สุเมธปณฺฑิโต อุปริปาสาทวรตเล รโหคโต หุตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสินฺโน จินฺเตสิ – ‘‘ปุนพฺภเว, ปณฺฑิต, ปฏิสนฺธิคฺคหณํ นาม ทุกฺขํ, ตถา นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน สรีรเภทนํ, อหฺจ ชาติธมฺโม ชราธมฺโม พฺยาธิธมฺโม มรณธมฺโม, เอวํภูเตน มยา อชาตึ อชรํ อพฺยาธึ อทุกฺขํ สุขํ สีตลํ อมตมหานิพฺพานํ ปริเยสิตุํ วฏฺฏติ, อวสฺสํ ภวโต มุจฺจิตฺวา นิพฺพานคามินา เอเกน มคฺเคน ภวิตพฺพ’’นฺติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘รโหคโต นิสีทิตฺวา, เอวํ จินฺเตสหํ ตทา;
ทุกฺโข ปุนพฺภโว นาม, สรีรสฺส จ เภทนํ.
‘‘ชาติธมฺโม ชราธมฺโม, พฺยาธิธมฺโม สหํ ตทา;
อชรํ อมตํ เขมํ, ปริเยสิสฺสามิ นิพฺพุตึ.
‘‘ยํนูนิมํ ปูติกายํ, นานากุณปปูริตํ;
ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺเฉยฺยํ, อนเปกฺโข อนตฺถิโก.
‘‘อตฺถิ ¶ เหหิติ โส มคฺโค, น โส สกฺกา น เหตุเย;
ปริเยสิสฺสามิ ตํ มคฺคํ, ภวโต ปริมุตฺติยา’’ติ.
ตโต ¶ อุตฺตริปิ เอวํ จินฺเตสิ – ยถา หิ โลเก ทุกฺขสฺส ปฏิปกฺขภูตํ สุขํ นาม อตฺถิ, เอวํ ภเว สติ ตปฺปฏิปกฺเขน วิภเวนาปิ ภวิตพฺพํ. ยถา จ อุณฺเห สติ ตสฺส วูปสมภูตํ สีตมฺปิ อตฺถิ, เอวํ ราคาทีนํ อคฺคีนํ วูปสเมน นิพฺพาเนนาปิ ภวิตพฺพํ. ยถา จ ปาปสฺส ลามกสฺส ธมฺมสฺส ปฏิปกฺขภูโต กลฺยาโณ อนวชฺชธมฺโมปิ อตฺถิเยว, เอวเมว ปาปิกาย ชาติยา สติ สพฺพชาติกฺเขปนโต อชาติสงฺขาเตน นิพฺพาเนนาปิ ภวิตพฺพเมวาติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ยถาปิ ¶ ทุกฺเข วิชฺชนฺเต, สุขํ นามปิ วิชฺชติ;
เอวํ ภเว วิชฺชมาเน, วิภโวปิ อิจฺฉิตพฺพโก.
‘‘ยถาปิ อุณฺเห วิชฺชนฺเต, อปรํ วิชฺชติ สีตลํ;
เอวํ ติวิธคฺคิ วิชฺชนฺเต, นิพฺพานํ อิจฺฉิตพฺพกํ.
‘‘ยถาปิ ปาเป วิชฺชนฺเต, กลฺยาณมปิ วิชฺชติ;
เอวเมว ชาติ วิชฺชนฺเต, อชาติปิจฺฉิตพฺพก’’นฺติ.
อปรมฺปิ จินฺเตสิ – ยถา นาม คูถราสิมฺหิ นิมุคฺเคน ปุริเสน ทูรโต ปฺจวณฺณปทุมสฺฉนฺนํ มหาตฬากํ ทิสฺวา ‘‘กตเรน นุ โข มคฺเคน เอตฺถ คนฺตพฺพ’’นฺติ ตํ ตฬากํ คเวสิตุํ ยุตฺตํ. ยํ ตสฺส อคเวสนํ, น โส ตฬากสฺส โทโส. เอวเมว กิเลสมลโธวเน อมตมหานิพฺพานตฬาเก วิชฺชนฺเต ตสฺส อคเวสนํ น อมตนิพฺพานมหาตฬากสฺส โทโส. ยถา จ โจเรหิ สมฺปริวาริโต ปุริโส ปลายนมคฺเค วิชฺชมาเนปิ สเจ น ปลายติ, น โส มคฺคสฺส โทโส, ปุริสสฺเสว โทโส. เอวเมว กิเลเสหิ ปริวาเรตฺวา คหิตสฺส ปุริสสฺส วิชฺชมาเนเยว นิพฺพานคามิมฺหิ สิเว มคฺเค มคฺคสฺส อคเวสนํ นาม น มคฺคสฺส โทโส, ปุคฺคลสฺเสว โทโส. ยถา จ พฺยาธิปีฬิโต ปุริโส วิชฺชมาเน พฺยาธิติกิจฺฉเก เวชฺเช สเจ ตํ เวชฺชํ คเวสิตฺวา พฺยาธึ น ติกิจฺฉาเปติ, น โส เวชฺชสฺส โทโส, ปุริสสฺเสว โทโส. เอวเมว โย กิเลสพฺยาธิปีฬิโต ปุริโส กิเลสวูปสมมคฺคโกวิทํ วิชฺชมานเมว อาจริยํ น คเวสติ, ตสฺเสว โทโส, น กิเลสวินาสกสฺส อาจริยสฺสาติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ยถา คูถคโต ปุริโส, ตฬากํ ทิสฺวาน ปูริตํ;
น คเวสติ ตํ ตฬากํ, น โทโส ตฬากสฺส โส.
‘‘เอวํ ¶ กิเลสมลโธเว, วิชฺชนฺเต อมตนฺตเฬ;
น คเวสติ ตํ ตฬากํ, น โทโส อมตนฺตเฬ.
‘‘ยถา ¶ อรีหิ ปริรุทฺโธ, วิชฺชนฺเต คมนมฺปเถ;
น ปลายติ โส ปุริโส, น โทโส อฺชสสฺส โส.
‘‘เอวํ ¶ กิเลสปริรุทฺโธ, วิชฺชมาเน สิเว ปเถ;
น คเวสติ ตํ มคฺคํ, น โทโส สิวมฺชเส.
‘‘ยถาปิ พฺยาธิโต ปุริโส, วิชฺชมาเน ติกิจฺฉเก;
น ติกิจฺฉาเปติ ตํ พฺยาธึ, น โทโส โส ติกิจฺฉเก.
‘‘เอวํ กิเลสพฺยาธีหิ, ทุกฺขิโต ปริปีฬิโต;
น คเวสติ ตํ อาจริยํ, น โทโส โส วินายเก’’ติ.
อปรมฺปิ จินฺเตสิ – ยถา มณฺฑนชาติโก ปุริโส กณฺเ อาสตฺตํ กุณปํ ฉฑฺเฑตฺวา สุขี คจฺฉติ, เอวํ มยาปิ อิมํ ปูติกายํ ฉฑฺเฑตฺวา อนเปกฺเขน นิพฺพานนครํ ปวิสิตพฺพํ. ยถา จ นรนาริโย อุกฺการภูมิยํ อุจฺจารปสฺสาวํ กตฺวา น ตํ อุจฺฉงฺเคน วา อาทาย ทสนฺเตน วา เวเตฺวา คจฺฉนฺติ, ชิคุจฺฉมานา ปน อนเปกฺขาว ฉฑฺเฑตฺวา คจฺฉนฺติ, เอวํ มยาปิ อิมํ ปูติกายํ อนเปกฺเขน ฉฑฺเฑตฺวา อมตํ นิพฺพานนครํ ปวิสิตุํ วฏฺฏติ. ยถา จ นาวิกา นาม ชชฺชรํ นาวํ อนเปกฺขา ฉฑฺเฑตฺวา คจฺฉนฺติ, เอวํ อหมฺปิ อิมํ นวหิ วณมุเขหิ ปคฺฆรนฺตํ กายํ ฉฑฺเฑตฺวา อนเปกฺโข นิพฺพานปุรํ ปวิสิสฺสามิ. ยถา จ ปุริโส นานารตนานิ อาทาย โจเรหิ สทฺธึ มคฺคํ คจฺฉนฺโต อตฺตโน รตนนาสภเยน เต ฉฑฺเฑตฺวา เขมํ มคฺคํ คณฺหาติ, เอวํ อยมฺปิ กรชกาโย รตนวิโลปกโจรสทิโส. สจาหํ เอตฺถ ตณฺหํ กริสฺสามิ, อริยมคฺคกุสลธมฺมรตนํ เม นสฺสิสฺสติ. ตสฺมา มยา อิมํ โจรสทิสํ กายํ ฉฑฺเฑตฺวา นิพฺพานนครํ ปวิสิตุํ วฏฺฏตีติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ยถาปิ กุณปํ ปุริโส, กณฺเ พทฺธํ ชิคุจฺฉิย;
โมจยิตฺวาน คจฺเฉยฺย, สุขี เสรี สยํวสี.
‘‘ตเถวิมํ ¶ ปูติกายํ, นานากุณปสฺจยํ;
ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺเฉยฺยํ, อนเปกฺโข อนตฺถิโก.
‘‘ยถา อุจฺจารฏฺานมฺหิ, กรีสํ นรนาริโย;
ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺฉนฺติ, อนเปกฺขา อนตฺถิกา.
‘‘เอวเมวาหํ ¶ อิมํ กายํ, นานากุณปปูริตํ;
ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺฉิสฺสํ, วจฺจํ กตฺวา ยถา กุฏึ.
‘‘ยถาปิ ชชฺชรํ นาวํ, ปลุคฺคํ อุทคาหินึ;
สามี ฉฑฺเฑตฺวา คจฺฉนฺติ, อนเปกฺขา อนตฺถิกา.
‘‘เอวเมวาหํ ¶ อิมํ กายํ, นวจฺฉิทฺทํ ธุวสฺสวํ;
ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺฉิสฺสํ, ชิณฺณนาวํว สามิกา.
‘‘ยถาปิ ปุริโส โจเรหิ, คจฺฉนฺโต ภณฺฑมาทิย;
ภณฺฑจฺเฉทภยํ ทิสฺวา, ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺฉติ.
‘‘เอวเมว อยํ กาโย, มหาโจรสโม วิย;
ปหายิมํ คมิสฺสามิ, กุสลจฺเฉทนาภยา’’ติ.
เอวํ สุเมธปณฺฑิโต นานาวิธาหิ อุปมาหิ อิมํ เนกฺขมฺมูปสํหิตํ อตฺถํ จินฺเตตฺวา สกนิเวสเน อปริมิตํ โภคกฺขนฺธํ เหฏฺา วุตฺตนเยน กปณทฺธิกาทีนํ วิสฺสชฺเชตฺวา มหาทานํ ทตฺวา วตฺถุกาเม จ กิเลสกาเม จ ปหาย อมรนครโต นิกฺขมิตฺวา เอกโกว หิมวนฺเต ธมฺมิกํ นาม ปพฺพตํ นิสฺสาย อสฺสมํ กตฺวา ตตฺถ ปณฺณสาลฺจ จงฺกมฺจ มาเปตฺวา ปฺจหิ นีวรณโทเสหิ วิวชฺชิตํ ‘‘เอวํ สมาหิเต จิตฺเต’’ติอาทินา นเยน วุตฺเตหิ อฏฺหิ การณคุเณหิ สมุเปตํ อภิฺาสงฺขาตํ พลํ อาหริตุํ ตสฺมึ อสฺสมปเท นวโทสสมนฺนาคตํ สาฏกํ ปชหิตฺวา ทฺวาทสคุณสมนฺนาคตํ วากจีรํ นิวาเสตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. เอวํ ปพฺพชิโต อฏฺโทสสมากิณฺณํ ตํ ปณฺณสาลํ ปหาย ทสคุณสมนฺนาคตํ รุกฺขมูลํ อุปคนฺตฺวา สพฺพํ ธฺวิกตึ ปหาย ปวตฺตผลโภชโน หุตฺวา นิสชฺชฏฺานจงฺกมนวเสเนว ปธานํ ปทหนฺโต สตฺตาหพฺภนฺตเรเยว อฏฺนฺนํ สมาปตฺตีนํ ปฺจนฺนฺจ อภิฺานํ ลาภี อโหสิ. เอวํ ตํ ยถาปตฺถิตํ อภิฺาพลํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘เอวาหํ ¶ จินฺตยิตฺวาน, เนกโกฏิสตํ ธนํ;
นาถานาถานํ ทตฺวาน, หิมวนฺตมุปาคมึ.
‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร ¶ , ธมฺมิโก นาม ปพฺพโต;
อสฺสโม สุกโต มยฺหํ, ปณฺณสาลา สุมาปิตา.
‘‘จงฺกมํ ตตฺถ มาเปสึ, ปฺจโทสวิวชฺชิตํ;
อฏฺคุณสมุเปตํ, อภิฺาพลมาหรึ.
‘‘สาฏกํ ปชหึ ตตฺถ, นวโทสมุปาคตํ;
วากจีรํ นิวาเสสึ, ทฺวาทสคุณมุปาคตํ.
‘‘อฏฺโทสสมากิณฺณํ, ปชหึ ปณฺณสาลกํ;
อุปาคมึ รุกฺขมูลํ, คุเณ ทสหุปาคตํ.
‘‘วาปิตํ โรปิตํ ธฺํ, ปชหึ นิรวเสสโต;
อเนกคุณสมฺปนฺนํ, ปวตฺตผลมาทิยึ.
‘‘ตตฺถปฺปธานํ ¶ ปทหึ, นิสชฺชฏฺานจงฺกเม;
อพฺภนฺตรมฺหิ สตฺตาเห, อภิฺาพลปาปุณิ’’นฺติ.
ตตฺถ ‘‘อสฺสโม สุกโต มยฺหํ, ปณฺณสาลา สุมาปิตา’’ติ อิมาย ปาฬิยา สุเมธปณฺฑิเตน อสฺสมปณฺณสาลาจงฺกมา สหตฺถา มาปิตา วิย วุตฺตา. อยํ ปเนตฺถ อตฺโถ – มหาสตฺตํ ‘‘หิมวนฺตํ อชฺโฌคาเหตฺวา อชฺช ธมฺมิกํ ปพฺพตํ ปวิสิสฺสามี’’ติ นิกฺขนฺตํ ทิสฺวา สกฺโก เทวานมินฺโท วิสฺสกมฺมเทวปุตฺตํ อามนฺเตสิ – ‘‘ตาต, อยํ สุเมธปณฺฑิโต ปพฺพชิสฺสามีติ นิกฺขนฺโต, เอตสฺส วสนฏฺานํ มาเปหี’’ติ. โส ตสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา รมณียํ อสฺสมํ, สุคุตฺตํ ปณฺณสาลํ, มโนรมํ จงฺกมฺจ มาเปสิ. ภควา ปน ตทา อตฺตโน ปฺุานุภาเวน นิปฺผนฺนํ ตํ อสฺสมปทํ สนฺธาย สาริปุตฺต, ตสฺมึ ธมฺมิกปพฺพเต –
‘‘อสฺสโม สุกโต มยฺหํ, ปณฺณสาลา สุมาปิตา;
จงฺกมํ ตตฺถ มาเปสึ, ปฺจโทสวิวชฺชิต’’นฺติ. –
อาห ¶ . ตตฺถ สุกโต มยฺหนฺติ สุกโต มยา. ปณฺณสาลา สุมาปิตาติ ปณฺณจฺฉทนสาลาปิ เม สุมาปิตา อโหสิ.
ปฺจโทสวิวชฺชิตนฺติ ¶ ปฺจิเม จงฺกมโทสา นาม – ถทฺธวิสมตา, อนฺโตรุกฺขตา, คหนจฺฉนฺนตา, อติสมฺพาธตา, อติวิสาลตาติ. ถทฺธวิสมภูมิภาคสฺมิฺหิ จงฺกเม จงฺกมนฺตสฺส ปาทา รุชฺชนฺติ, โผฏา อุฏฺหนฺติ, จิตฺตํ เอกคฺคํ น ลภติ, กมฺมฏฺานํ วิปชฺชติ. มุทุสมตเล ปน ผาสุวิหารํ อาคมฺม กมฺมฏฺานํ สมฺปชฺชติ. ตสฺมา ถทฺธวิสมภูมิภาคตา เอโก โทโสติ เวทิตพฺโพ. จงฺกมสฺส อนฺโต วา มชฺเฌ วา โกฏิยํ วา รุกฺเข สติ ปมาทมาคมฺม จงฺกมนฺตสฺส นลาฏํ วา สีสํ วา ปฏิหฺตีติ อนฺโตรุกฺขตา ทุติโย โทโส. ติณลตาทิคหนจฺฉนฺเน จงฺกเม จงฺกมนฺโต อนฺธการเวลายํ อุรคาทิเก ปาเณ อกฺกมิตฺวา วา มาเรติ, เตหิ วา ทฏฺโ ทุกฺขํ อาปชฺชตีติ คหนจฺฉนฺนตา ตติโย โทโส. อติสมฺพาเธ จงฺกเม วิตฺถารโต รตนิเก วา อฑฺฒรตนิเก วา จงฺกมนฺตสฺส ปริจฺเฉเท ปกฺขลิตฺวา นขาปิ องฺคุลิโยปิ ภิชฺชนฺตีติ อติสมฺพาธตา จตุตฺโถ โทโส. อติวิสาเล จงฺกเม จงฺกมนฺตสฺส จิตฺตํ วิธาวติ, เอกคฺคตํ น ลภตีติ อติวิสาลตา ปฺจโม โทโส. ปุถุลโต ปน ทิยฑฺฒรตนํ ทฺวีสุ ปสฺเสสุ รตนมตฺตอนุจงฺกมํ ทีฆโต สฏฺิหตฺถํ มุทุตลํ สมวิปฺปกิณฺณวาลุกํ จงฺกมํ วฏฺฏติ เจติยคิริมฺหิ ทีปปฺปสาทกมหินฺทตฺเถรสฺส จงฺกมนํ วิย, ตาทิสํ ตํ อโหสิ. เตนาห ‘‘จงฺกมํ ตตฺถ มาเปสึ, ปฺจโทสวิวชฺชิต’’นฺติ.
อฏฺคุณสมุเปตนฺติ อฏฺหิ สมณสุเขหิ อุเปตํ. อฏฺิมานิ สมณสุขานิ นาม – ธนธฺปริคฺคหาภาโว, อนวชฺชปิณฺฑปาตปริเยสนภาโว, นิพฺพุตปิณฺฑปาตภฺุชนภาโว, รฏฺํ ปีเฬตฺวา ธนสารํ วา สีสกหาปณาทีนิ วา คณฺหนฺเตสุ ราชกุเลสุ รฏฺปีฬนกิเลสาภาโว, อุปกรเณสุ นิจฺฉนฺทราคภาโว, โจรวิโลเป นิพฺภยภาโว, ราชราชมหามตฺเตหิ อสํสฏฺภาโว, จตูสุ ทิสาสุ อปฺปฏิหตภาโวติ. อิทํ วุตฺตํ ¶ โหติ – ยถา ตสฺมึ อสฺสเม วสนฺเตน สกฺกา โหนฺติ อิมานิ อฏฺ สมณสุขานิ วินฺทิตุํ, เอวํ อฏฺคุณสมุเปตํ ตํ อสฺสมํ มาเปสินฺติ.
อภิฺาพลมาหรินฺติ ปจฺฉา ตสฺมึ อสฺสเม วสนฺโต กสิณปริกมฺมํ กตฺวา อภิฺานํ สมาปตฺตีนฺจ อุปฺปาทนตฺถาย อนิจฺจโต ทุกฺขโต วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ถามปฺปตฺตํ วิปสฺสนาพลํ อาหรึ. ยถา ตสฺมึ วสนฺโต ตํ พลํ ¶ อาหริตุํ สกฺโกมิ, เอวํ ตํ อสฺสมํ ตสฺส อภิฺตฺถาย วิปสฺสนาพลสฺส อนุจฺฉวิกํ กตฺวา มาเปสินฺติ อตฺโถ.
สาฏกํ ¶ ปชหึ ตตฺถ, นวโทสมุปาคตนฺติ เอตฺถายํ อนุปุพฺพิกถา – ตทา กิร กุฏิเลณจงฺกมาทิปฏิมณฺฑิตํ ปุปฺผูปคผลูปครุกฺขสฺฉนฺนํ รมณียํ มธุรสลิลาสยํ อปคตวาฬมิคภึสนกสกุณํ ปวิเวกกฺขมํ อสฺสมํ มาเปตฺวา อลงฺกตจงฺกมสฺส อุโภสุ อนฺเตสุ อาลมฺพนผลกํ สํวิธาย นิสีทนตฺถาย จงฺกมเวมชฺเฌ สมตลํ มุคฺควณฺณสิลํ มาเปตฺวา อนฺโตปณฺณสาลายํ ชฏามณฺฑลวากจีรติทณฺฑกุณฺฑิกาทิเก ตาปสปริกฺขาเร, มณฺฑเป ปานียฆฏปานียสงฺขปานียสราวานิ, อคฺคิสาลายํ องฺคารกปลฺลทารุอาทีนีติ เอวํ ยํ ยํ ปพฺพชิตานํ อุปการาย สํวตฺตติ, ตํ ตํ สพฺพํ มาเปตฺวา ปณฺณสาลาย ภิตฺติยํ ‘‘เย เกจิ ปพฺพชิตุกามา อิเม ปริกฺขาเร คเหตฺวา ปพฺพชนฺตู’’ติ อกฺขรานิ ฉินฺทิตฺวา เทวโลกเมว คเต วิสฺสกมฺมเทวปุตฺเต สุเมธปณฺฑิโต หิมวนฺตปพฺพตปาเท คิริกนฺทรานุสาเรน อตฺตโน นิวาสานุรูปํ ผาสุกฏฺานํ โอโลเกนฺโต นทีนิวตฺตเน วิสฺสกมฺมนิมฺมิตํ สกฺกทตฺติยํ รมณียํ อสฺสมํ ทิสฺวา จงฺกมนโกฏึ คนฺตฺวา ปทวลฺชํ อปสฺสนฺโต ‘‘ธุวํ ปพฺพชิตา ธุรคาเม ภิกฺขํ ปริเยสิตฺวา กิลนฺตรูปา อาคนฺตฺวา ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา นิสินฺนา ภวิสฺสนฺตี’’ติ จินฺเตตฺวา โถกํ อาคเมตฺวา ‘‘อติวิย จิรายนฺติ, ชานิสฺสามี’’ติ ปณฺณาสาลากุฏิทฺวารํ วิวริตฺวา อนฺโต ปวิสิตฺวา อิโต จิโต จ โอโลเกนฺโต มหาภิตฺติยํ อกฺขรานิ วาเจตฺวา ‘‘มยฺหํ กปฺปิยปริกฺขารา เอเต, อิเม คเหตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อตฺตโน นิวตฺถปารุตํ สาฏกยุคํ ปชหิ. เตนาห ‘‘สาฏกํ ปชหึ ตตฺถา’’ติ. เอวํ ปวิฏฺโ อหํ, สาริปุตฺต, ตสฺสํ ปณฺณสาลายํ สาฏกํ ปชหึ.
นวโทสมุปาคตนฺติ สาฏกํ ปชหนฺโต นว โทเส ทิสฺวา ปชหินฺติ ทีเปติ. ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตานฺหิ สาฏกสฺมึ นว โทสา อุปฏฺหนฺติ. เตสุ ตสฺส มหคฺฆภาโว เอโก โทโส, ปรปฏิพทฺธตาย อุปฺปชฺชนภาโว เอโก, ปริโภเคน ลหุํ กิลิสฺสนภาโว เอโก. กิลิฏฺโ หิ โธวิตพฺโพ จ รชิตพฺโพ จ โหติ. ปริโภเคน ชีรณภาโว เอโก. ชิณฺณสฺส หิ ตุนฺนํ วา อคฺคฬทานํ วา กาตพฺพํ โหติ ¶ . ปุน ปริเยสนาย ทุรภิสมฺภวภาโว เอโก, ตาปสปพฺพชฺชาย อสารุปฺปภาโว เอโก, ปจฺจตฺถิกานํ สาธารณภาโว เอโก. ยถา หิ นํ ปจฺจตฺถิกา น คณฺหนฺติ, เอวํ โคเปตพฺโพ โหติ. ปริภฺุชนฺตสฺส วิภูสนฏฺานภาโว เอโก, คเหตฺวา วิจรนฺตสฺส ขนฺธภารมหิจฺฉภาโว เอโกติ.
วากจีรํ นิวาเสสินฺติ ตทาหํ, สาริปุตฺต, อิเม นว โทเส ทิสฺวา สาฏกํ ปหาย วากจีรํ นิวาเสสึ, มฺุชติณํ ¶ หีรํ หีรํ กตฺวา คนฺเถตฺวา กตวากจีรํ นิวาสนปารุปนตฺถาย อาทิยินฺติ อตฺโถ.
ทฺวาทสคุณมุปาคตนฺติ ¶ ทฺวาทสหิ อานิสํเสหิ สมนฺนาคตํ. วากจีรสฺมิฺหิ ทฺวาทส อานิสํสา – อปฺปคฺฆํ สุนฺทรํ กปฺปิยนฺติ อยํ ตาว เอโก อานิสํโส, สหตฺถา กาตุํ สกฺกาติ อยํ ทุติโย, ปริโภเคน สณิกํ กิลิสฺสติ, โธวิยมาเนปิ ปปฺโจ นตฺถีติ อยํ ตติโย, ปริโภเคน ชิณฺเณปิ สิพฺพิตพฺพาภาโว จตุตฺโถ, ปุน ปริเยสนฺตสฺส สุเขน กรณภาโว ปฺจโม, ตาปสปพฺพชฺชาย สารุปฺปภาโว ฉฏฺโ, ปจฺจตฺถิกานํ นิรุปโภคภาโว สตฺตโม, ปริภฺุชนฺตสฺส วิภูสนฏฺานาภาโว อฏฺโม, ธารเณ สลฺลหุกภาโว นวโม, จีวรปจฺจเย อปฺปิจฺฉภาโว ทสโม, วากุปฺปตฺติยา ธมฺมิกอนวชฺชภาโว เอกาทสโม, วากจีเร นฏฺเปิ อนเปกฺขภาโว ทฺวาทสโมติ.
อฏฺโทสสมากิณฺณํ, ปชหึ ปณฺณสาลกนฺติ. กถํ ปชหิ? โส กิร วรสาฏกยุคํ โอมฺุจิตฺวา จีวรวํเส ลคฺคิตํ อโนชปุปฺผทามสทิสํ รตฺตํ วากจีรํ คเหตฺวา นิวาเสตฺวา, ตสฺสูปริ อปรํ สุวณฺณวณฺณํ วากจีรํ ปริทหิตฺวา, ปุนฺนาคปุปฺผสนฺถรสทิสํ สขุรํ อชินจมฺมํ เอกํสํ กตฺวา ชฏามณฺฑลํ ปฏิมฺุจิตฺวา จูฬาย สทฺธึ นิจฺจลภาวกรณตฺถํ สารสูจึ ปเวเสตฺวา มุตฺตชาลสทิสาย สิกฺกาย ปวาฬวณฺณํ กุณฺฑิกํ โอทหิตฺวา ตีสุ าเนสุ วงฺกกาชํ อาทาย เอกิสฺสา กาชโกฏิยา กุณฺฑิกํ, เอกิสฺสา องฺกุสปจฺฉิติทณฺฑกาทีนิ โอลคฺเคตฺวา ขาริภารํ อํเส กตฺวา, ทกฺขิเณน หตฺเถน กตฺตรทณฺฑํ คเหตฺวา ปณฺณสาลโต นิกฺขมิตฺวา สฏฺิหตฺเถ มหาจงฺกเม อปราปรํ จงฺกมนฺโต อตฺตโน เวสํ โอโลเกตฺวา – ‘‘มยฺหํ มโนรโถ มตฺถกํ ปตฺโต, โสภติ วต เม ปพฺพชฺชา, พุทฺธปจฺเจกพุทฺธาทีหิ สพฺเพหิ ธีรปุริเสหิ วณฺณิตา โถมิตา ¶ อยํ ปพฺพชฺชา นาม, ปหีนํ เม คิหิพนฺธนํ, นิกฺขนฺโตสฺมิ เนกฺขมฺมํ, ลทฺธา เม อุตฺตมปพฺพชฺชา, กริสฺสามิ สมณธมฺมํ, ลภิสฺสามิ มคฺคผลสุข’’นฺติ อุสฺสาหชาโต ขาริกาชํ โอตาเรตฺวา จงฺกมเวมชฺเฌ มุคฺควณฺณสิลาปฏฺเฏ สุวณฺณปฏิมา วิย นิสินฺโน ทิวสภาคํ วีตินาเมตฺวา สายนฺหสมยํ ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา, พิทลมฺจกปสฺเส กฏฺตฺถริกาย นิปนฺโน สรีรํ อุตุํ คาหาเปตฺวา, พลวปจฺจูเส ปพุชฺฌิตฺวา อตฺตโน อาคมนํ อาวชฺเชสิ ‘‘อหํ ฆราวาเส อาทีนวํ ทิสฺวา อมิตโภคํ อนนฺตยสํ ปหาย อรฺํ ปวิสิตฺวา เนกฺขมฺมคเวสโก หุตฺวา ปพฺพชิโต, อิโต ทานิ ปฏฺาย ปมาทจารํ จริตุํ น วฏฺฏติ.
ปวิเวกฺหิ ปหาย วิจรนฺตํ มิจฺฉาวิตกฺกมกฺขิกา ขาทนฺติ, อิทานิ มยา วิเวกมนุพฺรูเหตุํ วฏฺฏติ. อหฺหิ ฆราวาสํ ปลิโพธโต ทิสฺวา นิกฺขนฺโต, อยฺจ มนาปา ปณฺณสาลา, เพลุวปกฺกวณฺณปริภณฺฑกตา ภูมิ, รชตวณฺณา เสตภิตฺติโย, กโปตปาทวณฺณํ ปณฺณจฺฉทนํ ¶ , วิจิตฺตตฺถรณวณฺโณ พิทลมฺจโก, นิวาสผาสุกํ วสนฏฺานํ, น เอตฺโต อติเรกตรา วิย เม เคหสมฺปทา ปฺายตี’’ติ ปณฺณสาลาย โทเส วิจินนฺโต อฏฺ โทเส ปสฺสิ.
ปณฺณสาลาปริโภคสฺมิฺหิ อฏฺ อาทีนวา – มหาสมารมฺเภน ทพฺพสมฺภาเร สโมธาเนตฺวา กรณปริเยสนภาโว เอโก อาทีนโว, ติณปณฺณมตฺติกาสุ ปติตาสุ ตาสํ ¶ ปุนปฺปุนํ เปตพฺพตาย นิพนฺธชคฺคนภาโว ทุติโย, เสนาสนํ นาม มหลฺลกสฺส ปาปุณาติ, อเวลาย วุฏฺาปิยมานสฺส จิตฺเตกคฺคตา น โหตีติ อุฏฺาปนิยภาโว ตติโย, สีตุณฺหปฏิฆาเตน กายสฺส สุขุมาลกรณภาโว จตุตฺโถ, เคหํ ปวิฏฺเน ยํกิฺจิ ปาปํ สกฺกา กาตุนฺติ ครหาปฏิจฺฉาทนภาโว ปฺจโม, ‘‘มยฺห’’นฺติ ปริคฺคหกรณภาโว ฉฏฺโ, เคหสฺส อตฺถิภาโว นาม สทุติยกวาโสติ สตฺตโม, อูกามงฺคุลฆรโคฬิกาทีนํ สาธารณตาย พหุสาธารณภาโว อฏฺโม. อิติ อิเม อฏฺ อาทีนเว ทิสฺวา มหาสตฺโต ปณฺณสาลํ ปชติ. เตนาห ‘‘อฏฺโทสสมากิณฺณํ, ปชหึ ปณฺณสาลก’’นฺติ.
อุปาคมึ รุกฺขมูลํ, คุเณ ทสหุปาคตนฺติ ฉนฺนํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ทสหิ คุเณหิ อุเปตํ รุกฺขมูลํ อุปคโตสฺมีติ วทติ. ตตฺริเม ทส คุณา – อปฺปสมารมฺภตา เอโก คุโณ, อุปคมนมตฺตกเมว หิ ตตฺถ โหติ; อปฏิชคฺคนตา ¶ ทุติโย, ตฺหิ สมฺมฏฺมฺปิ อสมฺมฏฺมฺปิ ปริโภคผาสุกํ โหติเยว. อนุฏฺาปริยภาโว ตติโย, ครหํ นปฺปฏิจฺฉาเทติ; ตตฺถ หิ ปาปํ กโรนฺโต ลชฺชตีติ ครหาย อปฺปฏิจฺฉนฺนภาโว จตุตฺโถ; อพฺโภกาสวาโส วิย กายํ น สนฺถมฺเภตีติ กายสฺส อสนฺถมฺภนภาโว ปฺจโม; ปริคฺคหกรณาภาโว ฉฏฺโ; เคหาลยปฏิกฺเขโป สตฺตโม; พหุสาธารณเคเห วิย ‘‘ปฏิชคฺคิสฺสามิ นํ, นิกฺขมถา’’ติ นีหรณกาภาโว อฏฺโม; วสนฺตสฺส สปฺปีติกภาโว นวโม; รุกฺขมูลเสนาสนสฺส คตคตฏฺาเน สุลภตาย อนเปกฺขภาโว ทสโมติ อิเม ทส คุเณ ทิสฺวา รุกฺขมูลํ อุปาคโตสฺมีติ วทติ.
อิมานิ เอตฺตกานิ การณานิ สลฺลกฺเขตฺวา มหาสตฺโต ปุนทิวเส ภิกฺขาย คามํ ปาวิสิ. อถสฺส สมฺปตฺตคาเม มนุสฺสา มหนฺเตน อุสฺสาเหน ภิกฺขํ อทํสุ. โส ภตฺตกิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา อสฺสมํ อาคมฺม นิสีทิตฺวา จินฺเตสิ ‘‘นาหํ อาหารํ น ลภามีติ ปพฺพชิโต, สินิทฺธาหาโร นาเมส มานมทปุริสมเท วฑฺเฒติ, อาหารมูลกสฺส จ ทุกฺขสฺส อนฺโต นตฺถิ. ยํนูนาหํ วาปิตโรปิตธฺนิพฺพตฺตํ อาหารํ ปชหิตฺวา ปวตฺตผลโภชโน ภเวยฺย’’นฺติ. โส ตโต ¶ ฏฺาย ตถา กตฺวา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต สตฺตาหพฺภนฺตเรเยว อฏฺ สมาปตฺติโย ปฺจ อภิฺาโย จ นิพฺพตฺเตสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘วาปิตํ โรปิตํ ธฺํ, ปชหึ นิรวเสสโต;
อเนกคุณสมฺปนฺนํ, ปวตฺตผลมาทิยึ.
‘‘ตตฺถปฺปธานํ ปทหึ, นิสชฺชฏฺานจงฺกเม;
อพฺภนฺตรมฺหิ สตฺตาเห, อภิฺาพลปาปุณิ’’นฺติ.
เอวํ อภิฺาพลํ ปตฺวา สุเมธตาปเส สมาปตฺติสุเขน วีตินาเมนฺเต ทีปงฺกโร นาม สตฺถา โลเก อุทปาทิ. ตสฺส ปฏิสนฺธิชาติสมฺโพธิธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเนสุ สกลาปิ ทสสหสฺสี โลกธาตุ สํกมฺปิ ¶ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธิ, มหาวิรวํ วิรวิ, ทฺวตฺตึส ปุพฺพนิมิตฺตานิ ปาตุรเหสุํ. สุเมธตาปโส สมาปตฺติสุเขน วีตินาเมนฺโต เนว ตํ สทฺทมสฺโสสิ, น ตานิ นิมิตฺตานิ อทฺทส. เตน วุตฺตํ –
‘‘เอวํ ¶ เม สิทฺธิปฺปตฺตสฺส, วสีภูตสฺส สาสเน;
ทีปงฺกโร นาม ชิโน, อุปฺปชฺชิ โลกนายโก.
‘‘อุปฺปชฺชนฺเต จ ชายนฺเต, พุชฺฌนฺเต ธมฺมเทสเน;
จตุโร นิมิตฺเต นาทฺทสํ, ฌานรติสมปฺปิโต’’ติ.
ตสฺมึ กาเล ทีปงฺกรทสพโล จตูหิ ขีณาสวสตสหสฺเสหิ ปริวุโต อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน รมฺมํ นาม นครํ ปตฺวา สุทสฺสนมหาวิหาเร ปฏิวสติ. รมฺมนครวาสิโน ‘‘ทีปงฺกโร กิร สมณิสฺสโร ปรมาติสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺตวรธมฺมจกฺโก อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน รมฺมนครํ ปตฺวา สุทสฺสนมหาวิหาเร ปฏิวสตี’’ติ สุตฺวา สปฺปินวนีตาทีนิ เจว เภสชฺชานิ วตฺถจฺฉาทนานิ จ คาหาเปตฺวา คนฺธมาลาทิหตฺถา เยน พุทฺโธ, เยน ธมฺโม, เยน สงฺโฆ, ตนฺนินฺนา ตปฺโปณา ตปฺปพฺภารา หุตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา คนฺธมาลาทีหิ ปูเชตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนา ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกมึสุ.
เต ปุนทิวเส มหาทานํ สชฺเชตฺวา นครํ อลงฺกริตฺวา ทสพลสฺส อาคมนมคฺคํ อลงฺกโรนฺตา ¶ อุทกภินฺนฏฺาเนสุ ปํสุํ ปกฺขิปิตฺวา สมํ ภูมิตลํ กตฺวา รชตปฏฺฏวณฺณํ วาลุกํ อากิรนฺติ, ลาชานิ เจว ปุปฺผานิ จ วิกิรนฺติ, นานาวิราเคหิ วตฺเถหิ ธชปฏาเก อุสฺสาเปนฺติ, กทลิโย เจว ปุณฺณฆฏปนฺติโย จ ปติฏฺาเปนฺติ. ตสฺมึ กาเล สุเมธตาปโส อตฺตโน อสฺสมปทา อุคฺคนฺตฺวา เตสํ มนุสฺสานํ อุปริภาเคน อากาเสน คจฺฉนฺโต เต หฏฺตุฏฺเ มนุสฺเส ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข การณ’’นฺติ อากาสโต โอรุยฺห เอกมนฺตํ ิโต มนุสฺเส ปุจฺฉิ – ‘‘อมฺโภ กสฺส ตุมฺเห อิมํ มคฺคํ อลงฺกโรถา’’ติ? เตน วุตฺตํ –
‘‘ปจฺจนฺตเทสวิสเย, นิมนฺเตตฺวา ตถาคตํ;
ตสฺส อาคมนํ มคฺคํ, โสเธนฺติ ตุฏฺมานสา.
‘‘อหํ เตน สมเยน, นิกฺขมิตฺวา สกสฺสมา;
ธุนนฺโต วากจีรานิ, คจฺฉามิ อมฺพเร ตทา.
‘‘เวทชาตํ ชนํ ทิสฺวา, ตุฏฺหฏฺํ ปโมทิตํ;
โอโรหิตฺวาน คคนา, มนุสฺเส ปุจฺฉิ ตาวเท.
‘‘‘ตุฏฺหฏฺโ ¶ ¶ ปมุทิโต, เวทชาโต มหาชโน;
กสฺส โสธียติ มคฺโค, อฺชสํ วฏุมายน’’’นฺติ.
มนุสฺสา อาหํสุ ‘‘ภนฺเต สุเมธ, น ตฺวํ ชานาสิ, ทีปงฺกรทสพโล สมฺมาสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก จาริกํ จรมาโน อมฺหากํ นครํ ปตฺวา สุทสฺสนมหาวิหาเร ปฏิวสติ. มยํ ตํ ภควนฺตํ นิมนฺตยิมฺหา, ตสฺเสตํ พุทฺธสฺส ภควโต อาคมนมคฺคํ อลงฺกโรมา’’ติ. สุเมธตาปโส จินฺเตสิ – ‘‘พุทฺโธติ โข โฆสมตฺตกมฺปิ โลเก ทุลฺลภํ, ปเคว พุทฺธุปฺปาโท, มยาปิ อิเมหิ มนุสฺเสหิ สทฺธึ ทสพลสฺส มคฺคํ อลงฺกริตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส เต มนุสฺเส อาห – ‘‘สเจ โภ ตุมฺเห เอตํ มคฺคํ พุทฺธสฺส อลงฺกโรถ, มยฺหมฺปิ เอกํ โอกาสํ เทถ, อหมฺปิ ตุมฺเหหิ สทฺธึ มคฺคํ อลงฺกริสฺสามี’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ‘‘สุเมธตาปโส อิทฺธิมา’’ติ ชานนฺตา อุทกภินฺโนกาสํ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘ตฺวํ อิมํ านํ อลงฺกโรหี’’ติ อทํสุ. สุเมโธ พุทฺธารมฺมณํ ปีตึ คเหตฺวา จินฺเตสิ ‘‘อหํ อิมํ โอกาสํ อิทฺธิยา อลงฺกริตุํ สกฺโกมิ, เอวํ อลงฺกโต ปน มม มนํ น ปริโตเสสฺสติ, อชฺช มยา กายเวยฺยาวจฺจํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ ปํสุํ อาหริตฺวา ตสฺมึ ปเทเส ปกฺขิปิ.
ตสฺส ¶ ตสฺมึ ปเทเส อนลงฺกเตเยว ทีปงฺกโร ทสพโล มหานุภาวานํ ฉฬภิฺานํ ขีณาสวานํ จตูหิ สตสหสฺเสหิ ปริวุโต เทวตาสุ ทิพฺพคนฺธมาลาทีหิ ปูชยนฺตีสุ ทิพฺพสงฺคีเตสุ ปวตฺตนฺเตสุ มนุสฺเสสุ มานุสกคนฺเธหิ เจว มาลาทีหิ จ ปูชยนฺเตสุ อนนฺตาย พุทฺธลีฬาย มโนสิลาตเล วิชมฺภมาโน สีโห วิย ตํ อลงฺกตปฏิยตฺตํ มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. สุเมธตาปโส อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา อลงฺกตมคฺเคน อาคจฺฉนฺตสฺส ทสพลสฺส ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณปฏิมณฺฑิตํ อสีติยา อนุพฺยฺชเนหิ อนุรฺชิตํ พฺยามปฺปภาย สมฺปริวาริตํ มณิวณฺณคคนตเล นานปฺปการา วิชฺชุลตา วิย อาเวฬาเวฬภูตา เจว ยุคลยุคลภูตา จ ฉพฺพณฺณฆนพุทฺธรสฺมิโย วิสฺสชฺเชนฺตํ รูปคฺคปฺปตฺตํ อตฺตภาวํ โอโลเกตฺวา ‘‘อชฺช มยา ทสพลสฺส ชีวิตปริจฺจาคํ กาตุํ วฏฺฏติ, มา ภควา กลลํ อกฺกมิ, มณิผลกเสตุํ ปน อกฺกมนฺโต วิย สทฺธึ จตูหิ ขีณาสวสตสหสฺเสหิ มม ปิฏฺึ มทฺทมาโน คจฺฉตุ, ตํ เม ¶ ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ เกเส โมเจตฺวา อชินจมฺมชฏามณฺฑลวากจีรานิ ¶ กาฬวณฺเณ กลเล ปตฺถริตฺวา มณิผลกเสตุ วิย กลลปิฏฺเ นิปชฺชิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘เต เม ปุฏฺา วิยากํสุ, ‘พุทฺโธ โลเก อนุตฺตโร;
ทีปงฺกโร นาม ชิโน, อุปฺปชฺชิ โลกนายโก;
ตสฺส โสธียติ มคฺโค, อฺชสํ วฏุมายนํ’.
‘‘พุทฺโธติ มม สุตฺวาน, ปีติ อุปฺปชฺชิ ตาวเท;
พุทฺโธ พุทฺโธติ กถยนฺโต, โสมนสฺสํ ปเวทยึ.
‘‘ตตฺถ ตฺวา วิจินฺเตสึ, ตุฏฺโ สํวิคฺคมานโส;
‘อิธ พีชานิ โรปิสฺสํ, ขโณ เอว มา อุปจฺจคา’.
‘‘ยทิ พุทฺธสฺส โสเธถ, เอโกกาสํ ททาถ เม;
อหมฺปิ โสธยิสฺสามิ, อฺชสํ วฏุมายนํ.
‘‘อทํสุ เต มโมกาสํ, โสเธตุํ อฺชสํ ตทา;
พุทฺโธ พุทฺโธติ จินฺเตนฺโต, มคฺคํ โสเธมหํ ตทา.
‘‘อนิฏฺิเต ¶ มโมกาเส, ทีปงฺกโร มหามุนิ;
จตูหิ สตสหสฺเสหิ, ฉฬภิฺเหิ ตาทิหิ;
ขีณาสเวหิ วิมเลหิ, ปฏิปชฺชิ อฺชสํ ชิโน.
‘‘ปจฺจุคฺคมนา วตฺตนฺติ, วชฺชนฺติ เภริโย พหู;
อาโมทิตา นรมรู, สาธุการํ ปวตฺตยุํ.
‘‘เทวา มนุสฺเส ปสฺสนฺติ, มนุสฺสาปิ จ เทวตา;
อุโภปิ เต ปฺชลิกา, อนุยนฺติ ตถาคตํ.
‘‘เทวา ทิพฺเพหิ ตุริเยหิ, มนุสฺสา มานุเสหิ จ;
อุโภปิ เต วชฺชยนฺตา, อนุยนฺติ ตถาคตํ.
‘‘ทิพฺพํ มนฺทารวํ ปุปฺผํ, ปทุมํ ปาริฉตฺตกํ;
ทิโสทิสํ โอกิรนฺติ, อากาสนภคตา มรู.
‘‘จมฺปกํ ¶ สลลํ นีปํ, นาคปุนฺนาคเกตกํ;
ทิโสทิสํ อุกฺขิปนฺติ, ภูมิตลคตา นรา.
‘‘เกเส มฺุจิตฺวาหํ ตตฺถ, วากจีรฺจ จมฺมกํ;
กลเล ปตฺถริตฺวาน, อวกุชฺโช นิปชฺชหํ.
‘‘อกฺกมิตฺวาน มํ พุทฺโธ, สห สิสฺเสหิ คจฺฉตุ;
มา นํ กลเล อกฺกมิตฺโถ, หิตาย เม ภวิสฺสตี’’ติ.
โส กลลปิฏฺเ นิปนฺนโกว ปุน อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา ทีปงฺกรทสพลสฺส พุทฺธสิรึ สมฺปสฺสมาโน เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘สจาหํ อิจฺเฉยฺยํ, สพฺพกิเลเส ฌาเปตฺวา สงฺฆนวโก หุตฺวา รมฺมนครํ ปวิเสยฺยํ. อฺาตกเวเสน ¶ ปน เม กิเลเส ฌาเปตฺวา นิพฺพานปฺปตฺติยา กิจฺจํ นตฺถิ. ยํนูนาหํ ทีปงฺกรทสพโล วิย ปรมาภิสมฺโพธึ ปตฺวา ธมฺมนาวํ อาโรเปตฺวา มหาชนํ สํสารสาครา ¶ อุตฺตาเรตฺวา ปจฺฉา ปรินิพฺพาเยยฺยํ, อิทํ มยฺหํ ปติรูป’’นฺติ. ตโต อฏฺ ธมฺเม สโมธาเนตฺวา พุทฺธภาวาย อภินีหารํ กตฺวา นิปชฺชิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ปถวิยํ นิปนฺนสฺส, เอวํ เม อาสิ เจตโส;
‘อิจฺฉมาโน อหํ อชฺช, กิเลเส ฌาปเย มม.
‘กึ เม อฺาตเวเสน, ธมฺมํ สจฺฉิกเตนิธ;
สพฺพฺุตํ ปาปุณิตฺวา, พุทฺโธ เหสฺสํ สเทวเก.
‘กึ เม เอเกน ติณฺเณน, ปุริเสน ถามทสฺสินา;
สพฺพฺุตํ ปาปุณิตฺวา, สนฺตาเรสฺสํ สเทวเก.
‘อิมินา เม อธิกาเรน, กเตน ปุริสุตฺตเม;
สพฺพฺุตํ ปาปุณิตฺวา, ตาเรมิ ชนตํ พหุํ.
‘สํสารโสตํ ฉินฺทิตฺวา, วิทฺธํเสตฺวา ตโย ภเว;
ธมฺมนาวํ สมารุยฺห, สนฺตาเรสฺสํ สเทวเก’’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๕๔-๕๘);
ยสฺมา ปน พุทฺธตฺตํ ปตฺเถนฺตสฺส –
‘‘มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺติ, เหตุ สตฺถารทสฺสนํ;
ปพฺพชฺชา คุณสมฺปตฺติ, อธิกาโร จ ฉนฺทตา;
อฏฺธมฺมสโมธานา, อภินีหาโร สมิชฺฌตี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๕๙);
มนุสฺสตฺตภาวสฺมึเยว ¶ หิ ตฺวา พุทฺธตฺตํ ปตฺเถนฺตสฺส ปตฺถนา สมิชฺฌติ, น นาคสฺส วา สุปณฺณสฺส วา เทวตาย วา ปตฺถนา สมิชฺฌติ. มนุสฺสตฺตภาเวปิ ปุริสลิงฺเค ิตสฺเสว ปตฺถนา สมิชฺฌติ, น อิตฺถิยา วา ปณฺฑกนปุํสกอุภโตพฺยฺชนกานํ วา ปตฺถนา สมิชฺฌติ. ปุริสสฺสาปิ ตสฺมึ อตฺตภาเว อรหตฺตปฺปตฺติยา เหตุสมฺปนฺนสฺเสว ปตฺถนา สมิชฺฌติ, โน อิตรสฺส. เหตุสมฺปนฺนสฺสาปิ ชีวมานกพุทฺธสฺเสว สนฺติเก ปตฺเถนฺตสฺส ปตฺถนา สมิชฺฌติ, ปรินิพฺพุเต พุทฺเธ เจติยสนฺติเก วา โพธิมูเล วา ปตฺเถนฺตสฺส น สมิชฺฌติ. พุทฺธานํ สนฺติเก ปตฺเถนฺตสฺสาปิ ¶ ปพฺพชฺชาลิงฺเค ิตสฺเสว สมิชฺฌติ, โน คิหิลิงฺเค ิตสฺส. ปพฺพชิตสฺสาปิ ปฺจาภิฺสฺส อฏฺสมาปตฺติลาภิโนเยว สมิชฺฌติ, น อิมาย คุณสมฺปตฺติยา วิรหิตสฺส. คุณสมฺปนฺเนนาปิ เยน อตฺตโน ชีวิตํ พุทฺธานํ ปริจฺจตฺตํ โหติ, ตสฺส อิมินา อธิกาเรน อธิการสมฺปนฺนสฺเสว สมิชฺฌติ, น อิตรสฺส. อธิการสมฺปนฺนสฺสาปิ ยสฺส พุทฺธการกธมฺมานํ อตฺถาย มหนฺโต ฉนฺโท จ อุสฺสาโห จ วายาโม จ ปริเยฏฺิ จ, ตสฺเสว สมิชฺฌติ, น อิตรสฺส.
ตตฺริทํ ฉนฺทมหนฺตตาย โอปมฺมํ – สเจ หิ เอวมสฺส ‘‘โย สกลจกฺกวาฬคพฺภํ เอโกทกีภูตํ อตฺตโน พาหุพเลน อุตฺตริตฺวา ปารํ คนฺตุํ สมตฺโถ ¶ , โส พุทฺธตฺตํ ปาปุณาติ. โย วา ปน สกลจกฺกวาฬคพฺภํ เวฬุคุมฺพสฺฉนฺนํ พฺยูหิตฺวา มทฺทิตฺวา ปทสา คจฺฉนฺโต ปารํ คนฺตุํ สมตฺโถ, โส พุทฺธตฺตํ ปาปุณาติ. โย วา ปน สกลจกฺกวาฬคพฺภํ สตฺติโย อาโกเฏตฺวา นิรนฺตรํ สตฺติผลสมากิณฺณํ ปทสา อกฺกมมาโน ปารํ คนฺตุํ สมตฺโถ, โส พุทฺธตฺตํ ปาปุณาติ. โย วา ปน สกลจกฺกวาฬคพฺภํ วีตจฺจิตงฺคารภริตํ ปาเทหิ มทฺทมาโน ปารํ คนฺตุํ สมตฺโถ, โส พุทฺธตฺตํ ปาปุณาตี’’ติ. โย เอเตสุ เอกมฺปิ อตฺตโน ทุกฺกรํ น มฺติ, ‘‘อหํ เอตมฺปิ ตริตฺวา วา คนฺตฺวา วา ปารํ คเหสฺสามี’’ติ เอวํ มหนฺเตน ฉนฺเทน จ อุสฺสาเหน จ วายาเมน จ ปริเยฏฺิยา จ สมนฺนาคโต โหติ, ตสฺส ปตฺถนา สมิชฺฌติ, น อิตรสฺส. สุเมธตาปโส ปน อิเม อฏฺ ธมฺเม สโมธาเนตฺวา พุทฺธภาวาย อภินีหารํ กตฺวา นิปชฺชิ.
ทีปงฺกโรปิ ¶ ภควา อาคนฺตฺวา สุเมธตาปสสฺส สีสภาเค ตฺวา มณิสีหปฺชรํ อุคฺฆาเฏนฺโต วิย ปฺจวณฺณปฺปสาทสมฺปนฺนานิ อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา กลลปิฏฺเ นิปนฺนํ สุเมธตาปสํ ทิสฺวา ‘‘อยํ ตาปโส พุทฺธตฺตาย อภินีหารํ กตฺวา นิปนฺโน, อิชฺฌิสฺสติ นุ โข อิมสฺส ปตฺถนา, อุทาหุ โน’’ติ อนาคตํสาณํ เปเสตฺวา อุปธาเรนฺโต ‘‘อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ อติกฺกมิตฺวา โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ิตโกว ปริสมชฺเฌ พฺยากาสิ – ‘‘ปสฺสถ โน ตุมฺเห อิมํ อุคฺคตปํ ตาปสํ กลลปิฏฺเ นิปนฺน’’นฺติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อยํ พุทฺธตฺตาย อภินีหารํ กตฺวา นิปนฺโน, สมิชฺฌิสฺสติ อิมสฺส ปตฺถนา, อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ จตุนฺนํ อสงฺขฺเยยฺยานํ มตฺถเก โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสติ. ตสฺมึ ปนสฺส อตฺตภาเว กปิลวตฺถุ นาม นครํ นิวาโส ภวิสฺสติ, มายา นาม เทวี มาตา, สุทฺโธทโน นาม ราชา ปิตา, อคฺคสาวโก อุปติสฺโส นาม เถโร, ทุติยสาวโก โกลิโต นาม, พุทฺธุปฏฺาโก อานนฺโท นาม, อคฺคสาวิกา เขมา นาม ¶ เถรี, ทุติยสาวิกา อุปฺปลวณฺณา นาม เถรี ภวิสฺสติ, ปริปกฺกาโณ มหาภินิกฺขมนํ กตฺวา มหาปธานํ ปทหิตฺวา นิคฺโรธมูเล ปายาสํ ปฏิคฺคเหตฺวา เนรฺชราย ตีเร ปริภฺุชิตฺวา โพธิมณฺฑํ อารุยฺห อสฺสตฺถรุกฺขมูเล อภิสมฺพุชฺฌิสฺสตี’’ติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ทีปงฺกโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;
อุสฺสีสเก มํ ตฺวาน, อิทํ วจนมพฺรวิ.
‘ปสฺสถ อิมํ ตาปสํ, ชฏิลํ อุคฺคตาปนํ;
อปริเมยฺเย อิโต กปฺเป, พุทฺโธ โลเก ภวิสฺสติ.
‘อหุ ¶ กปิลวฺหยา รมฺมา, นิกฺขมิตฺวา ตถาคโต;
ปธานํ ปทหิตฺวาน, กตฺวา ทุกฺกรการิกํ.
‘อชปาลรุกฺขมูเล, นิสีทิตฺวา ตถาคโต;
ตตฺถ ปายาสํ ปคฺคยฺห, เนรฺชรมุเปหิติ.
‘เนรฺชราย ตีรมฺหิ, ปายาสํ อท โส ชิโน;
ปฏิยตฺตวรมคฺเคน, โพธิมูลมูเปหิติ.
‘ตโต ¶ ปทกฺขิณํ กตฺวา, โพธิมณฺฑํ อนุตฺตโร;
อสฺสตฺถรุกฺขมูลมฺหิ, พุชฺฌิสฺสติ มหายโส.
‘อิมสฺส ชนิกา มาตา, มายา นาม ภวิสฺสติ;
ปิตา สุทฺโธทโน นาม, อยํ เหสฺสติ โคตโม.
‘อนาสวา วีตราคา, สนฺตจิตฺตา สมาหิตา;
โกลิโต อุปติสฺโส จ, อคฺคา เหสฺสนฺติ สาวกา;
อานนฺโท นามุปฏฺาโก, อุปฏฺิสฺสติ ตํ ชินํ.
‘เขมา ¶ อุปฺปลวณฺณา จ, อคฺคา เหสฺสนฺติ สาวิกา;
อนาสวา วีตราคา, สนฺตจิตฺตา สมาหิตา;
โพธิ ตสฺส ภควโต, อสฺสตฺโถติ ปวุจฺจตี’’’ติ.
สุเมธตาปโส ‘‘มยฺหํ กิร ปตฺถนา สมิชฺฌิสฺสตี’’ติ โสมนสฺสปฺปตฺโต อโหสิ. มหาชโน ทีปงฺกรทสพลสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘สุเมธตาปโส กิร พุทฺธพีชํ พุทฺธงฺกุโร’’ติ หฏฺตุฏฺโ อโหสิ. เอวฺจสฺส อโหสิ ‘‘ยถา นาม ปุริโส นทึ ตรนฺโต อุชุเกน ติตฺเถน อุตฺตริตุํ อสกฺโกนฺโต เหฏฺาติตฺเถน อุตฺตรติ, เอวเมว มยมฺปิ ทีปงฺกรทสพลสฺส สาสเน มคฺคผลํ อลภมานา อนาคเต ยทา ตฺวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ, ตทา ตว สมฺมุขา มคฺคผลํ สจฺฉิกาตุํ สมตฺถา ภเวยฺยามา’’ติ ปตฺถนํ ปยึสุ. ทีปงฺกรทสพโลปิ โพธิสตฺตํ ปสํสิตฺวา อฏฺหิ ปุปฺผมุฏฺีหิ ปูเชตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ, เตปิ จตุสตสหสฺสสงฺขา ขีณาสวา โพธิสตฺตํ คนฺเธหิ จ มาเลหิ จ ปูเชตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกมึสุ. เทวมนุสฺสา ปน ตเถว ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา ปกฺกนฺตา.
โพธิสตฺโต สพฺเพสํ ปฏิกฺกนฺตกาเล สยนา วุฏฺาย ‘‘ปารมิโย วิจินิสฺสามี’’ติ ปุปฺผราสิมตฺถเก ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทิ. เอวํ นิสินฺเน โพธิสตฺเต สกลทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา สนฺนิปติตฺวา สาธุการํ ทตฺวา ‘‘อยฺย สุเมธตาปส, โปราณกโพธิสตฺตานํ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา ‘ปารมิโย วิจินิสฺสามา’ติ นิสินฺนกาเล ยานิ ปุพฺพนิมิตฺตานิ นาม ปฺายนฺติ, ตานิ สพฺพานิปิ อชฺช ปาตุภูตานิ, นิสฺสํสเยน ¶ ตฺวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ ¶ , มยมฺเปตํ ชานาม ‘ยสฺเสตานิ นิมิตฺตานิ ปฺายนฺติ, เอกนฺเตน โส พุทฺโธ โหติ’, ตฺวํ อตฺตโน วีริยํ ทฬฺหํ กตฺวา ปคฺคณฺหา’’ติ โพธิสตฺตํ นานปฺปการาหิ ถุตีหิ อภิตฺถุนึสุ. เตน วุตฺตํ –
‘‘อิทํ สุตฺวาน วจนํ, อสมสฺส มเหสิโน;
อาโมทิตา นรมรู, พุทฺธพีชํ กิร อยํ.
‘อุกฺกุฏฺิสทฺทา วตฺตนฺติ, อปฺโผเฏนฺติ หสนฺติ จ;
กตฺชลี นมสฺสนฺติ, ทสสหสฺสี สเทวกา.
‘ยทิมสฺส ¶ โลกนาถสฺส, วิรชฺฌิสฺสาม สาสนํ;
อนาคตมฺหิ อทฺธาเน, เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํ.
‘ยถา มนุสฺสา นทึ ตรนฺตา, ปฏิภิตฺถํ วิรชฺฌิย;
เหฏฺาติตฺเถ คเหตฺวาน, อุตฺตรนฺติ มหานทึ.
‘เอวเมว มยํ สพฺเพ, ยทิ มฺุจามิมํ ชินํ;
อนาคตมฺหิ อทฺธาเน, เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํ’.
‘ทีปงฺกโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;
มม กมฺมํ ปกิตฺเตตฺวา, ทกฺขิณํ ปาทมุทฺธริ.
‘เย ตตฺถาสุํ ชินปุตฺตา, สพฺเพ ปทกฺขิณมกํสุ มํ;
นรา นาคา จ คนฺธพฺพา, อภิวาเทตฺวาน ปกฺกมุํ.
‘ทสฺสนํ เม อติกฺกนฺเต, สสงฺเฆ โลกนายเก;
หฏฺตุฏฺเน จิตฺเตน, อาสนา วุฏฺหึ ตทา.
‘สุเขน สุขิโต โหมิ, ปาโมชฺเชน ปโมทิโต;
ปีติยา จ อภิสฺสนฺโน, ปลฺลงฺกํ อาภุชึ ตทา.
‘ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา, เอวํ จินฺเตสหํ ตทา;
‘วสีภูโต อหํ ฌาเน, อภิฺาสุ ปารมึ คโต.
‘สหสฺสิยมฺหิ โลกมฺหิ, อิสโย นตฺถิ เม สมา;
อสโม อิทฺธิธมฺเมสุ, อลภึ อีทิสํ สุขํ’.
‘ปลฺลงฺกาภุชเน ¶ มยฺหํ, ทสสหสฺสาธิวาสิโน;
มหานาทํ ปวตฺเตสุํ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘ยา ¶ ปุพฺเพ โพธิสตฺตานํ, ปลฺลงฺกวรมาภุเช;
นิมิตฺตานิ ปทิสฺสนฺติ, ตานิ อชฺช ปทิสฺสเร.
‘สีตํ พฺยปคตํ โหติ, อุณฺหฺจ อุปสมฺมติ;
ตานิ อชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘ทสสหสฺสี โลกธาตู, นิสฺสทฺทา โหนฺติ นิรากุลา;
ตานิ อชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘มหาวาตา ¶ น วายนฺติ, น สนฺทนฺติ สวนฺติโย;
ตานิ อชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘ถลชา ทกชา ปุปฺผา, สพฺเพ ปุปฺผนฺติ ตาวเท;
เตปชฺช ปุปฺผิตา สพฺเพ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘ลตา วา ยทิ วา รุกฺขา, ผลภารา โหนฺติ ตาวเท;
เตปชฺช ผลิตา สพฺเพ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘อากาสฏฺา จ ภูมฏฺา, รตนา โชตนฺติ ตาวเท;
เตปชฺช รตนา โชตนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘มานุสกา จ ทิพฺพา จ, ตุริยา วชฺชนฺติ ตาวเท;
เตปชฺชุโภ อภิรวนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘วิจิตฺตปุปฺผา คคนา, อภิวสฺสนฺติ ตาวเท;
เตปิ อชฺช ปวสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘มหาสมุทฺโท อาภุชติ, ทสสหสฺสี ปกมฺปติ;
เตปชฺชุโภ อภิรวนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘นิรเยปิ ¶ ทสสหสฺเส, อคฺคี นิพฺพนฺติ ตาวเท;
เตปชฺช นิพฺพุตา อคฺคี, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘วิมโล โหติ สูริโย, สพฺพา ทิสฺสนฺติ ตารกา;
เตปิ อชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘อโนวฏฺเน ¶ อุทกํ, มหิยา อุพฺภิชฺชิ ตาวเท;
ตมฺปชฺชุพฺภิชฺชเต มหิยา, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘ตาราคณา วิโรจนฺติ, นกฺขตฺตา คคนมณฺฑเล;
วิสาขา จนฺทิมายุตฺตา, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘พิลาสยา ทรีสยา, นิกฺขมนฺติ สกาสยา;
เตปชฺช อาสยา ฉุทฺธา, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘น โหติ อรติ สตฺตานํ, สนฺตุฏฺา โหนฺติ ตาวเท;
เตปชฺช สพฺเพ สนฺตุฏฺา, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘โรคา ตทูปสมฺมนฺติ, ชิฆจฺฉา จ วินสฺสติ;
ตานิปชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘ราโค ตทา ตนุ โหติ, โทโส โมโห วินสฺสติ;
เตปชฺช วิคตา สพฺเพ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘ภยํ ตทา น ภวติ, อชฺชเปตํ ปทิสฺสติ;
เตน ลิงฺเคน ชานาม, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘รโช นุทฺธํสติ อุทฺธํ, อชฺชเปตํ ปทิสฺสติ;
เตน ลิงฺเคน ชานาม, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘อนิฏฺคนฺโธ ¶ ปกฺกมติ, ทิฏฺคนฺโธ ปวายติ;
โสปชฺช วายติ คนฺโธ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘สพฺเพ ¶ เทวา ปทิสฺสนฺติ, ปยิตฺวา อรูปิโน;
เตปชฺช สพฺเพ ทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘ยาวตา นิรยา นาม, สพฺเพ ทิสฺสนฺติ ตาวเท;
เตปชฺช สพฺเพ ทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘กุฏฺฏา กวาฏา เสลา จ, น โหนฺตาวรณา ตทา;
อากาสภูตา เตปชฺช, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘จุตี จ อุปปตฺติ จ, ขเณ ตสฺมึ น วิชฺชติ;
ตานิปชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘ทฬฺหํ ¶ ปคฺคณฺห วีริยํ, มา นิวตฺต อภิกฺกม;
มยมฺเปตํ วิชานาม, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’’ติ.
โพธิสตฺโต ทีปงฺกรทสพลสฺส จ ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตานฺจ วจนํ สุตฺวา ภิยฺโยโส มตฺตาย สฺชาตุสฺสาโห หุตฺวา จินฺเตสิ ‘‘พุทฺธา นาม อโมฆวจนา, นตฺถิ พุทฺธานํ กถาย อฺถตฺตํ. ยถา หิ อากาเส ขิตฺตเลฑฺฑุสฺส ปตนํ ธุวํ, ชาตสฺส มรณํ ธุวํ, อรุเณ อุคฺคเต สูริยสฺสุฏฺานํ, อาสยา นิกฺขนฺตสีหสฺส สีหนาทนทนํ, ครุคพฺภาย อิตฺถิยา ภารโมโรปนํ อวสฺสํภาวี, เอวเมว พุทฺธานํ วจนํ นาม ธุวํ อโมฆํ, อทฺธา อหํ พุทฺโธ ภวิสฺสามี’’ติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘พุทฺธสฺส วจนํ สุตฺวา, ทสสหสฺสีน จูภยํ;
ตุฏฺหฏฺโ ปโมทิโต, เอวํ จินฺเตสหํ ตทา.
‘‘อทฺเวชฺฌวจนา พุทฺธา, อโมฆวจนา ชินา;
วิตถํ นตฺถิ พุทฺธานํ, ธุวํ พุทฺโธ ภวามหํ.
‘‘ยถา ¶ ขิตฺตํ นเภ เลฑฺฑุ, ธุวํ ปตติ ภูมิยํ;
ตเถว พุทฺธเสฏฺานํ, วจนํ ธุวสสฺสตํ.
‘‘ยถาปิ สพฺพสตฺตานํ, มรณํ ธุวสสฺสตํ;
ตเถว พุทฺธเสฏฺานํ, วจนํ ธุวสสฺสตํ.
‘‘ยถา รตฺติกฺขเย ปตฺเต, สูริยุคฺคมนํ ธุวํ;
ตเถว พุทฺธเสฏฺานํ, วจนํ ธุวสสฺสตํ.
‘‘ยถา นิกฺขนฺตสยนสฺส, สีหสฺส นทนํ ธุวํ;
ตเถว พุทฺธเสฏฺานํ, วจนํ ธุวสสฺสตํ.
‘‘ยถา อาปนฺนสตฺตานํ, ภารโมโรปนํ ธุวํ;
ตเถว พุทฺธเสฏฺานํ, วจนํ ธุวสสฺสต’’นฺติ.
โส ‘‘ธุวาหํ พุทฺโธ ภวิสฺสามี’’ติ เอวํ กตสนฺนิฏฺาโน พุทฺธการเก ธมฺเม อุปธาเรตุํ ‘‘กหํ นุ โข พุทฺธการกธมฺมา, กึ ¶ อุทฺธํ, อุทาหุ อโธ, ทิสาสุ, วิทิสาสู’’ติ อนุกฺกเมน สกลํ ธมฺมธาตุํ วิจินนฺโต โปราณกโพธิสตฺเตหิ อาเสวิตนิเสวิตํ ปมํ ทานปารมึ ทิสฺวา เอวํ อตฺตานํ โอวทิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย ปมํ ทานปารมึ ปูเรยฺยาสิ. ยถา หิ นิกฺกุชฺชิโต อุทกกุมฺโภ นิสฺเสสํ กตฺวา อุทกํ ¶ วมติเยว, น ปจฺจาหรติ, เอวเมว ธนํ วา ยสํ วา ปุตฺตํ วา ทารํ วา องฺคปจฺจงฺคํ วา อโนโลเกตฺวา สมฺปตฺตยาจกานํ สพฺพํ อิจฺฉิติจฺฉิตํ นิสฺเสสํ กตฺวา ททมาโน โพธิรุกฺขมูเล นิสีทิตฺวา พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ปมํ ทานปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘หนฺท พุทฺธกเร ธมฺเม, วิจินามิ อิโต จิโต;
อุทฺธํ อโธ ทส ทิสา, ยาวตา ธมฺมธาตุยา.
‘‘วิจินนฺโต ตทาทกฺขึ, ปมํ ทานปารมึ;
ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อนุจิณฺณํ มหาปถํ.
‘‘อิมํ ¶ ตฺวํ ปมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;
ทานปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.
‘‘ยถาปิ กุมฺโภ สมฺปุณฺโณ, ยสฺส กสฺสจิ อโธกโต;
วมเตวุทกํ นิสฺเสสํ, น ตตฺถ ปริรกฺขติ.
‘‘ตเถว ยาจเก ทิสฺวา, หีนมุกฺกฏฺมชฺฌิเม;
ททาหิ ทานํ นิสฺเสสํ, กุมฺโภ วิย อโธกโต’’ติ.
อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริปิ อุปธารยโต ทุติยํ สีลปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย สีลปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ. ยถา หิ จมรีมิโค นาม ชีวิตมฺปิ อโนโลเกตฺวา อตฺตโน วาลเมว รกฺขติ, เอวํ ตฺวมฺปิ อิโต ปฏฺาย ชีวิตมฺปิ อโนโลเกตฺวา สีลเมว รกฺขนฺโต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ทุติยํ สีลปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;
อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.
‘‘วิจินนฺโต ตทาทกฺขึ, ทุติยํ สีลปารมึ;
ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.
‘‘อิมํ ตฺวํ ทุติยํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;
สีลปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.
‘‘ยถาปิ จมรี วาลํ, กิสฺมิฺจิ ปฏิลคฺคิตํ;
อุเปติ มรณํ ตตฺถ, น วิโกเปติ วาลธึ.
‘‘ตเถว ¶ จตูสุ ¶ , ภูมีสุ, สีลานิ ปริปูรย;
ปริรกฺข สพฺพทา สีลํ, จมรี วิย วาลธิ’’นฺติ.
อถสฺส ¶ ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริปิ อุปธารยโต ตติยํ เนกฺขมฺมปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย เนกฺขมฺมปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ. ยถา หิ จิรํ พนฺธนาคาเร วสมาโน ปุริโส น ตตฺถ สิเนหํ กโรติ, อถ โข อุกฺกณฺิโตเยว อวสิตุกาโม โหติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ สพฺพภเว พนฺธนาคารสทิเส กตฺวา สพฺพภเวหิ อุกฺกณฺิโต มุจฺจิตุกาโม หุตฺวา เนกฺขมฺมาภิมุโขว โหหิ, เอวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ตติยํ เนกฺขมฺมปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;
อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.
‘‘วิจินนฺโต ตทาทกฺขึ, ตติยํ เนกฺขมฺมปารมึ;
ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.
‘‘อิมํ ตฺวํ ตติยํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;
เนกฺขมฺมปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.
‘‘ยถา อนฺทุฆเร ปุริโส, จิรวุตฺโถ ทุขฏฺฏิโต;
น ตตฺถ ราคํ ชเนติ, มุตฺติเมว คเวสติ.
‘‘ตเถว ตฺวํ สพฺพภเว, ปสฺส อนฺทุฆเร วิย;
เนกฺขมฺมาภิมุโข โหหิ, ภวโต ปริมุตฺติยา’’ติ.
อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริปิ อุปธารยโต จตุตฺถํ ปฺาปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย ปฺาปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ. หีนมชฺฌิมุกฺกฏฺเสุ กฺจิ อวชฺเชตฺวา สพฺเพปิ ปณฺฑิเต อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหํ ปุจฺเฉยฺยาสิ. ยถา หิ ปิณฺฑจาริโก ภิกฺขุ หีนาทิเกสุ กุเลสุ กิฺจิ อวชฺเชตฺวา ปฏิปาฏิยา ปิณฺฑาย จรนฺโต ขิปฺปํ ยาปนํ ลภติ, เอวํ ตฺวมฺปิ สพฺพปณฺฑิเต อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉนฺโต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ จตุตฺถํ ปฺาปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘น ¶ ¶ เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;
อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.
‘‘วิจินนฺโต ตทาทกฺขึ, จตุตฺถํ ปฺาปารมึ;
ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.
‘‘อิมํ ตฺวํ จตุตฺถํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;
ปฺาปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.
‘‘ยถาปิ ¶ ภิกฺขุ ภิกฺขนฺโต, หีนมุกฺกฏฺมชฺฌิเม;
กุลานิ น วิวชฺเชนฺโต, เอวํ ลภติ ยาปนํ.
‘‘ตเถว ตฺวํ สพฺพกาลํ, ปริปุจฺฉนฺโต พุธํ ชนํ;
ปฺาปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ.
อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริปิ อุปธารยโต ปฺจมํ วีริยปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย วีริยปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ. ยถา หิ สีโห มิคราชา สพฺพอิริยาปเถสุ ทฬฺหวีริโย โหติ, เอวํ ตฺวมฺปิ สพฺพภเวสุ สพฺพอิริยาปเถสุ ทฬฺหวีริโย อโนลีนวีริโย สมาโน พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ปฺจมํ วีริยปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;
อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.
‘‘วิจินนฺโต ตทาทกฺขึ, ปฺจมํ วีริยปารมึ;
ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.
‘‘อิมํ ตฺวํ ปฺจมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;
วีริยปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.
‘‘ยถาปิ ¶ สีโห มิคราชา, นิสชฺชฏฺานจงฺกเม;
อลีนวีริโย โหติ, ปคฺคหิตมโน สทา.
‘‘ตเถว ตฺวํ สพฺพภเว, ปคฺคณฺห วีริยํ ทฬฺหํ;
วีริยปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ.
อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริปิ อุปธารยโต ฉฏฺํ ขนฺติปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ¶ ปฏฺาย ขนฺติปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ. สมฺมานเนปิ อวมานเนปิ ขโมว ภเวยฺยาสิ. ยถา หิ ปถวิยํ นาม สุจิมฺปิ ปกฺขิปนฺติ อสุจิมฺปิ, น เตน ปถวี สิเนหํ, น ปฏิฆํ กโรติ, ขมติ สหติ อธิวาเสติเยว, เอวํ ตฺวมฺปิ สมฺมานนาวมานนกฺขโมว สมาโน พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ฉฏฺํ ขนฺติปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;
อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.
‘‘วิจินนฺโต ตทาทกฺขึ, ฉฏฺมํ ขนฺติปารมึ;
ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.
‘‘อิมํ ตฺวํ ฉฏฺมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;
ตตฺถ อทฺเวชฺฌมานโส, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสิ.
‘‘ยถาปิ ¶ ปถวี นาม, สุจิมฺปิ อสุจิมฺปิ จ;
สพฺพํ สหติ นิกฺเขปํ, น กโรติ ปฏิฆํ ตยา.
‘‘ตเถว ตฺวมฺปิ สพฺเพสํ, สมฺมานาวมานกฺขโม;
ขนฺติปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ.
อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริปิ อุปธารยโต สตฺตมํ สจฺจปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย สจฺจปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ. อสนิยา ¶ มตฺถเก ปตมานายปิ ธนาทีนํ อตฺถาย ฉนฺทาทิวเสน สมฺปชานมุสาวาทํ นาม มากาสิ. ยถา หิ โอสธิตารกา นาม สพฺพอุตูสุ อตฺตโน คมนวีถึ ชหิตฺวา อฺาย วีถิยา น คจฺฉติ, สกวีถิยาว คจฺฉติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ สจฺจํ ปหาย มุสาวาทํ นาม อกโรนฺโตเยว พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ สตฺตมํ สจฺจปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;
อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.
‘‘วิจินนฺโต ตทาทกฺขึ, สตฺตมํ สจฺจปารมึ;
ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.
‘‘อิมํ ¶ ตฺวํ สตฺตมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;
ตตฺถ อทฺเวชฺฌวจโน, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสิ.
‘‘ยถาปิ โอสธี นาม, ตุลาภูตา สเทวเก;
สมเย อุตุวสฺเส วา, น โวกฺกมติ วีถิโต.
‘‘ตเถว ตฺวมฺปิ สจฺเจสุ, มา โวกฺกมสิ วีถิโต;
สจฺจปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ.
อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริปิ อุปธารยโต อฏฺมํ อธิฏฺานปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย อธิฏฺานปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ. ยํ อธิฏฺาสิ, ตสฺมึ อธิฏฺาเน นิจฺจโล ภเวยฺยาสิ. ยถา หิ ปพฺพโต นาม สพฺพทิสาสุ วาเตหิ ปหโฏปิ น กมฺปติ น จลติ, อตฺตโน าเนเยว ติฏฺติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ อตฺตโน อธิฏฺาเน นิจฺจโล โหนฺโตว พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ อฏฺมํ อธิฏฺานปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;
อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.
‘‘วิจินนฺโต ¶ ¶ ตทาทกฺขึ, อฏฺมํ อธิฏฺานปารมึ;
ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.
‘‘อิมํ ตฺวํ อฏฺมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;
ตตฺถ ตฺวํ อจโล หุตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสิ.
‘‘ยถาปิ ปพฺพโต เสโล, อจโล สุปฺปติฏฺิโต;
น กมฺปติ ภุสวาเตหิ, สกฏฺาเนว ติฏฺติ.
‘‘ตเถว ตฺวมฺปิ อธิฏฺาเน, สพฺพทา อจโล ภว;
อธิฏฺานปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ.
อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริปิ อุปธารยโต นวมํ เมตฺตาปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย นวมํ เมตฺตาปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ. อหิเตสุปิ หิเตสุปิ เอกจิตฺโต ภเวยฺยาสิ. ยถา หิ อุทกํ นาม ปาปชนสฺสาปิ กลฺยาณชนสฺสาปิ สีติภาวํ เอกสทิสํ กตฺวา ผรติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ สพฺพสตฺเตสุ ¶ เมตฺตจิตฺเตน เอกจิตฺโตว โหนฺโต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ นวมํ เมตฺตาปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;
อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.
‘‘วิจินนฺโต ตทาทกฺขึ, นวมํ เมตฺตาปารมึ;
ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.
‘‘อิมํ ตฺวํ นวมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;
เมตฺตาย อสโม โหหิ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.
‘‘ยถาปิ อุทกํ นาม, กลฺยาเณ ปาปเก ชเน;
สมํ ผรติ สีเตน, ปวาเหติ รโชมลํ.
‘‘ตเถว ¶ ตฺวมฺปิ อหิตหิเต, สมํ เมตฺตาย ภาวย;
เมตฺตาปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ.
อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริปิ อุปธารยโต ทสมํ อุเปกฺขาปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย อุเปกฺขาปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ. สุเขปิ ทุกฺเขปิ มชฺฌตฺโตว ภเวยฺยาสิ. ยถา หิ ปถวี นาม สุจิมฺปิ อสุจิมฺปิ ปกฺขิปฺปมานา มชฺฌตฺตาว โหติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ สุขทุกฺเขสุ มชฺฌตฺโตว โหนฺโต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ทสมํ อุเปกฺขาปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘น ¶ เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;
อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.
‘‘วิจินนฺโต ตทาทกฺขึ, ทสมํ อุเปกฺขาปารมึ;
ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.
‘‘อิมํ ตฺวํ ทสมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;
ตุลาภูโต ทฬฺโห หุตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสิ.
‘‘ยถาปิ ปถวี นาม, นิกฺขิตฺตํ อสุจึ สุจึ;
อุเปกฺขติ อุโภเปเต, โกปานุนยวชฺชิตา.
‘‘ตเถว ตฺวมฺปิ สุขทุกฺเข, ตุลาภูโต สทา ภว;
อุเปกฺขาปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ.
ตโต ¶ จินฺเตสิ – ‘‘อิมสฺมึ โลเก โพธิสตฺเตหิ ปูเรตพฺพา โพธิปริปาจนา พุทฺธการกธมฺมา เอตฺตกาเยว, ทส ปารมิโย เปตฺวา อฺเ นตฺถิ, อิมาปิ ทส ปารมิโย อุทฺธํ อากาเสปิ นตฺถิ, เหฏฺา ปถวิยมฺปิ, ปุรตฺถิมาทีสุ ทิสาสุปิ นตฺถิ, มยฺหเมว ปน หทยมํสพฺภนฺตเร ปติฏฺิตา’’ติ. เอวํ ตาสํ หทเย ปติฏฺิตภาวํ ทิสฺวา สพฺพาปิ ตา ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาย ปุนปฺปุนํ สมฺมสนฺโต อนุโลมปฏิโลมํ สมฺมสติ, ปริยนฺเต คเหตฺวา อาทึ ปาเปติ, อาทิมฺหิ คเหตฺวา ปริยนฺเต เปติ, มชฺเฌ คเหตฺวา อุภโต โอสาเปติ, อุภโต โกฏีสุ ¶ เหตฺวา มชฺเฌ โอสาเปติ. พาหิรกภณฺฑปริจฺจาโค ทานปารมี นาม, องฺคปริจฺจาโค ทานอุปปารมี นาม, ชีวิตปริจฺจาโค ทานปรมตฺถปารมี นามาติ ทส ปารมิโย ทส อุปปารมิโย ทส ปรมตฺถปารมิโย ยนฺตเตลํ วินิวฏฺเฏนฺโต วิย มหาเมรุํ มตฺถํ กตฺวา จกฺกวาฬมหาสมุทฺทํ อาลุเฬนฺโต วิย จ สมฺมสิ. ตสฺเสวํ ทส ปารมิโย สมฺมสนฺตสฺส ธมฺมเตเชน จตุนหุตาธิกทฺวิโยชนสตสหสฺสพหลา อยํ มหาปถวี หตฺถินา อกฺกนฺตนฬกลาโป วิย, ปีฬิยมานํ อุจฺฉุยนฺตํ วิย จ มหาวิรวํ วิรวมานา สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธิ, กุลาลจกฺกํ วิย เตลยนฺตจกฺกํ วิย จ ปริพฺภมิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘เอตฺตกาเยว เต โลเก, เย ธมฺมา โพธิปาจนา;
ตตุทฺธํ นตฺถิ อฺตฺร, ทฬฺหํ ตตฺถ ปติฏฺห.
‘‘อิเม ธมฺเม สมฺมสโต, สภาวสรสลกฺขเณ;
ธมฺมเตเชน วสุธา, ทสสหสฺสี ปกมฺปถ.
‘‘จลตี รวตี ปถวี, อุจฺฉุยนฺตํว ปีฬิตํ;
เตลยนฺเต ยถา จกฺกํ, เอวํ กมฺปติ เมทนี’’ติ.
มหาปถวิยา ¶ กมฺปมานาย รมฺมนครวาสิโน สณฺาตุํ อสกฺโกนฺตา ยุคนฺตวาตพฺภาหตา มหาสาลา วิย มุจฺฉิตมุจฺฉิตาว ปปตึสุ, ฆฏาทีนิ ¶ กุลาลภาชนานิ ปวฏฺฏนฺตานิ อฺมฺํ ปหรนฺตานิ จุณฺณวิจุณฺณานิ อเหสุํ. มหาชโน ภีตตสิโต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กึ นุ โข ภควา นาคาวฏฺโฏ อยํ ภูตยกฺขเทวตาสุ อฺตราวฏฺโฏติ น หิ มยํ เอตํ ชานาม, อปิจ โข สพฺโพปิ อยํ มหาชโน อุปทฺทุโต, กึ นุ โข อิมสฺส โลกสฺส ปาปกํ ภวิสฺสติ, อุทาหุ กลฺยาณํ, กเถถ โน เอตํ การณ’’นฺติ อาห. อถ สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘ตุมฺเห มา ภายถ มา จินฺตยิตฺถ, นตฺถิ โว อิโตนิทานํ ภยํ. โย โส มยา อชฺช สุเมธปณฺฑิโต ‘อนาคเต โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสตี’ติ พฺยากโต, โส ทส ปารมิโย สมฺมสติ, ตสฺส ทส ปารมิโย สมฺมสนฺตสฺส วิโลเฬนฺตสฺส ธมฺมเตเชน สกลทสสหสฺสิโลกธาตุ เอกปฺปหาเรน กมฺปติ, เจว, รวติ จา’’ติ อาห. เตน วุตฺตํ –
‘‘ยาวตา ปริสา อาสิ, พุทฺธสฺส ปริเวสเน;
ปเวธมานา สา ตตฺถ, มุจฺฉิตา เสสิ ภูมิยํ.
‘‘ฆฏาเนกสหสฺสานิ ¶ , กุมฺภีนฺจ สตา พหู;
สฺจุณฺณมถิตา ตตฺถ, อฺมฺํ ปฆฏฺฏิตา.
‘‘อุพฺพิคฺคา ตสิตา ภีตา, ภนฺตา พฺยธิตมานสา;
มหาชนา สมาคมฺม, ทีปงฺกรมุปาคมุํ.
‘กึ ภวิสฺสติ โลกสฺส, กลฺยาณมถ ปาปกํ;
สพฺโพ อุปทฺทุโต โลโก, ตํ วิโนเทหิ จกฺขุม’.
‘‘เตสํ ตทา สฺาเปสิ, ทีปงฺกโร มหามุนิ;
วิสฺสตฺถา โหถ มา ภาถ, อิมสฺมึ ปถวิกมฺปเน.
‘‘ยมหํ อชฺช พฺยากาสึ, พุทฺโธ โลเก ภวิสฺสติ;
เอโส สมฺมสติ ธมฺมํ, ปุพฺพกํ ชินเสวิตํ.
‘‘ตสฺส สมฺมสโต ธมฺมํ, พุทฺธภูมึ อเสสโต;
เตนายํ กมฺปิตา ปถวี, ทสสหสฺสี สเทวเก’’ติ.
มหาชโน ตถาคตสฺส วจนํ สุตฺวา หฏฺตุฏฺโ มาลาคนฺธวิเลปนํ อาทาย รมฺมนครา นิกฺขมิตฺวา โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา มาลาทีหิ ปูเชตฺวา ¶ วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา รมฺมนครเมว ปาวิสิ. โพธิสตฺโตปิ ทส ปารมิโย สมฺมสิตฺวา วีริยํ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาย นิสินฺนาสนา วุฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘พุทฺธสฺส ¶ วจนํ สุตฺวา, มโน นิพฺพายิ ตาวเท;
สพฺเพ มํ อุปสงฺกมฺม, ปุนาปิ อภิวนฺทิสุํ.
‘‘สมาทิยิตฺวา พุทฺธคุณํ, ทฬฺหํ กตฺวาน มานสํ;
ทีปงฺกรํ นมสฺสิตฺวา, อาสนา วุฏฺหึ ตทา’’ติ.
อถ โพธิสตฺตํ อาสนา วุฏฺหนฺตํ สกลทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา สนฺนิปติตฺวา ทิพฺเพหิ มาลาคนฺเธหิ ¶ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘อยฺย สุเมธตาปส, ตยา อชฺช ทีปงฺกรทสพลสฺส ปาทมูเล มหตี ปตฺถนา ปตฺถิตา, สา เต อนนฺตราเยน สมิชฺฌตุ, มา เต ภยํ วา ฉมฺภิตตฺตํ วา อโหสิ, สรีเร อปฺปมตฺตโกปิ โรโค มา อุปฺปชฺชิ, ขิปฺปํ ปารมิโย ปูเรตฺวา สมฺมาสมฺโพธึ ปฏิวิชฺฌ. ยถา ปุปฺผูปคผลูปคา รุกฺขา สมเย ปุปฺผนฺติ เจว ผลนฺติ จ, ตเถว ตฺวมฺปิ สมยํ อนติกฺกมิตฺวา ขิปฺปํ สมฺโพธิมุตฺตมํ ผุสสฺสู’’ติอาทีนิ ถุติมงฺคลานิ ปยิรุทาหํสุ, เอวํ ปยิรุทาหิตฺวา อตฺตโน อตฺตโน เทวฏฺานเมว อคมํสุ. โพธิสตฺโตปิ เทวตาหิ อภิตฺถุโต ‘‘อหํ ทส ปารมิโย ปูเรตฺวา กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ จตุนฺนํ อสงฺขฺเยยฺยานํ มตฺถเก พุทฺโธ ภวิสฺสามี’’ติ วีริยํ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาย นภํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา หิมวนฺตเมว อคมาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ทิพฺพํ มานุสกํ ปุปฺผํ, เทวา มานุสกา อุโภ;
สโมกิรนฺติ ปุปฺเผหิ, วุฏฺหนฺตสฺส อาสนา.
‘‘เวทยนฺติ จ เต โสตฺถึ, เทวา มานุสกา อุโภ;
มหนฺตํ ปตฺถิตํ ตุยฺหํ, ตํ ลภสฺสุ ยถิจฺฉิตํ.
‘‘สพฺพีติโย วิวชฺชนฺตุ, โสโก โรโค วินสฺสตุ;
มา เต ภวนฺตฺวนฺตรายา, ผุส ขิปฺปํ โพธิมุตฺตมํ.
‘‘ยถาปิ สมเย ปตฺเต, ปุปฺผนฺติ ปุปฺผิโน ทุมา;
ตเถว ตฺวํ มหาวีร, พุทฺธาเณน ปุปฺผสฺสุ.
‘‘ยถา ¶ เย เกจิ สมฺพุทฺธา, ปูรยุํ ทส ปารมี;
ตเถว ตฺวํ มหาวีร, ปูรย ทส ปารมี.
‘‘ยถา เย เกจิ สมฺพุทฺธา, โพธิมณฺฑมฺหิ พุชฺฌเร;
ตเถว ตฺวํ มหาวีร, พุชฺฌสฺสุ ชินโพธิยํ.
‘‘ยถา เย เกจิ สมฺพุทฺธา, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺตยุํ;
ตเถว ตฺวํ มหาวีร, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺตย.
‘‘ปุณฺณมาเย ¶ ยถา จนฺโท, ปริสุทฺโธ วิโรจติ;
ตเถว ตฺวํ ปุณฺณมโน, วิโรจ ทสสหสฺสิยํ.
‘‘ราหุมุตฺโต ¶ ยถา สูริโย, ตาเปน อติโรจติ;
ตเถว โลกา มุจฺจิตฺวา, วิโรจ สิริยา ตุวํ.
‘‘ยถา ยา กาจิ นทิโย, โอสรนฺติ มโหทธึ;
เอวํ สเทวกา โลกา, โอสรนฺตุ ตวนฺติเก.
‘‘เตหิ ถุตปฺปสตฺโถ โส, ทส ธมฺเม สมาทิย;
เต ธมฺเม ปริปูเรนฺโต, ปวนํ ปาวิสี ตทา’’ติ.
สุเมธกถา นิฏฺิตา.
รมฺมนครวาสิโนปิ โข นครํ ปวิสิตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ อทํสุ. สตฺถา เตสํ ธมฺมํ เทเสตฺวา มหาชนํ สรณาทีสุ ปติฏฺาเปตฺวา รมฺมนครมฺหา นิกฺขมิตฺวา ตโต อุทฺธมฺปิ ยาวตายุกํ ติฏฺนฺโต สพฺพํ พุทฺธกิจฺจํ กตฺวา อนุกฺกเมน อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ สพฺพํ พุทฺธวํเส วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺหิ ตตฺถ –
‘‘ตทา เต โภชยิตฺวาน, สสงฺฆํ โลกนายกํ;
อุปคจฺฉุํ สรณํ ตสฺส, ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโน.
‘‘สรณาคมเน กฺจิ, นิเวเสติ ตถาคโต;
กฺจิ ปฺจสุ สีเลสุ, สีเล ทสวิเธ ปรํ.
‘‘กสฺสจิ ¶ เทติ สามฺํ, จตุโร ผลมุตฺตเม;
กสฺสจิ อสเม ธมฺเม, เทติ โส ปฏิสมฺภิทา.
‘‘กสฺสจิ ¶ วรสมาปตฺติโย, อฏฺ เทติ นราสโภ;
ติสฺโส กสฺสจิ วิชฺชาโย, ฉฬภิฺา ปเวจฺฉติ.
‘‘เตน โยเคน ชนกายํ, โอวทติ มหามุนิ;
เตน วิตฺถาริกํ อาสิ, โลกนาถสฺส สาสนํ.
‘‘มหาหนุสภกฺขนฺโธ, ทีปงฺกรสนามโก;
พหู ชเน ตารยติ, ปริโมเจติ ทุคฺคตึ.
‘‘โพธเนยฺยํ ชนํ ทิสฺวา, สตสหสฺเสปิ โยชเน;
ขเณน อุปคนฺตฺวาน, โพเธติ ตํ มหามุนิ.
‘‘ปมาภิสมเย พุทฺโธ, โกฏิสตมโพธยิ;
ทุติยาภิสมเย นาโถ, นวุติโกฏิมโพธยิ.
‘‘ยทา จ เทวภวนมฺหิ, พุทฺโธ ธมฺมมเทสยิ;
นวุติโกฏิสหสฺสานํ, ตติยาภิสมโย อหุ.
‘‘สนฺนิปาตา ¶ ตโย อาสุํ, ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโน;
โกฏิสตสหสฺสานํ, ปโม อาสิ สมาคโม.
‘‘ปุน นารทกูฏมฺหิ, ปวิเวกคเต ชิเน;
ขีณาสวา วีตมลา, สมึสุ สตโกฏิโย.
‘‘ยมฺหิ กาเล มหาวีโร, สุทสฺสนสิลุจฺจเย;
นวุติโกฏิสหสฺเสหิ, ปวาเรสิ มหามุนิ.
‘‘อหํ เตน สมเยน, ชฏิโล อุคฺคตาปโน;
อนฺตลิกฺขมฺหิ จรโณ, ปฺจาภิฺาสุ ปารคู.
‘‘ทสวีสสหสฺสานํ ¶ , ธมฺมาภิสมโย อหุ;
เอกทฺวินฺนํ อภิสมยา, คณนาโต อสงฺขิยา.
‘‘วิตฺถาริกํ พาหุชฺํ, อิทฺธํ ผีตํ อหุ ตทา;
ทีปงฺกรสฺส ภควโต, สาสนํ สุวิโสธิตํ.
‘‘จตฺตาริ ¶ สตสหสฺสานิ, ฉฬภิฺา มหิทฺธิกา;
ทีปงฺกรํ โลกวิทุํ, ปริวาเรนฺติ สพฺพทา.
‘‘เย เกจิ เตน สมเยน, ชหนฺติ มานุสํ ภวํ;
อปตฺตมานสา เสกฺขา, ครหิตา ภวนฺติ เต.
‘‘สุปุปฺผิตํ ปาวจนํ, อรหนฺเตหิ ตาทิหิ;
ขีณาสเวหิ วิมเลหิ, อุปโสภติ สเทวเก.
‘‘นครํ รมฺมวตี นาม, สุเทโว นาม ขตฺติโย;
สุเมธา นาม ชนิกา, ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโน.
‘‘สุมงฺคโล จ ติสฺโส จ, อเหสุํ อคฺคสาวกา;
สาคโต นามุปฏฺาโก, ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโน.
‘‘นนฺทา เจว สุนนฺทา จ, อเหสุํ อคฺคสาวิกา;
โพธิ ตสฺส ภควโต, ปิปฺผลีติ ปวุจฺจติ.
‘‘อสีติหตฺถมุพฺเพโธ, ทีปงฺกโร มหามุนิ;
โสภติ ทีปรุกฺโขว, สาลราชาว ผุลฺลิโต.
‘‘สตสหสฺสวสฺสานิ, อายุ ตสฺส มเหสิโน;
ตาวตา ติฏฺมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํ.
‘‘โชตยิตฺวาน ¶ สทฺธมฺมํ, สนฺตาเรตฺวา มหาชนํ;
ชลิตฺวา อคฺคิขนฺโธว, นิพฺพุโต โส สสาวโก.
‘‘สา จ อิทฺธิ โส จ ยโส, ตานิ จ ปาเทสุ จกฺกรตนานิ;
สพฺพํ ตมนฺตรหิตํ, นนุ ริตฺตา สพฺพสงฺขารา’’ติ.
ทีปงฺกรสฺส ¶ ปน ภควโต อปรภาเค เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา โกณฺฑฺโ นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต โกฏิสตสหสฺสํ, ทุติเย โกฏิสหสฺสํ, ตติเย นวุติโกฏิโย. ตทา โพธิสตฺโต วิชิตาวี นาม จกฺกวตฺตี หุตฺวา โกฏิสตสหสฺสสงฺขสฺส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ อทาสิ. สตฺถา โพธิสตฺตํ ‘‘พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากริตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. โส สตฺถุ ธมฺมกถํ สุตฺวา รชฺชํ นิยฺยาเทตฺวา ปพฺพชิ. โส ตีณิ ¶ ปิฏกานิ อุคฺคเหตฺวา อฏฺ สมาปตฺติโย ปฺจ อภิฺาโย จ อุปฺปาเทตฺวา อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติ. โกณฺฑฺสฺส พุทฺธสฺส ปน รมฺมวตี นาม นครํ, สุนนฺโท นาม ขตฺติโย ปิตา, สุชาตา นาม เทวี มาตา, ภทฺโท จ สุภทฺโท จ ทฺเว อคฺคสาวกา, อนุรุทฺโธ นามุปฏฺาโก, ติสฺสา จ อุปติสฺสา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, สาลกลฺยาณี โพธิ, อฏฺาสีติหตฺถุพฺเพธํ สรีรํ, วสฺสสตสหสฺสํ อายุปฺปมาณํ อโหสิ.
‘‘ทีปงฺกรสฺส อปเรน, โกณฺฑฺโ นาม นายโก;
อนนฺตเตโช อมิตยโส, อปฺปเมยฺโย ทุราสโท’’ติ.
ตสฺส อปรภาเค เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา เอกสฺมึเยว กปฺเป จตุโร พุทฺธา นิพฺพตฺตึสุ มงฺคโล, สุมโน, เรวโต, โสภิโตติ. มงฺคลสฺส ภควโต ตโย สนฺนิปาตา อเหสุํ. เตสุ ปมสนฺนิปาเต โกฏิสตสหสฺสํ ภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย โกฏิสหสฺสํ, ตติเย นวุติโกฏิโย. เวมาติกภาตา กิรสฺส อานนฺทกุมาโร นาม นวุติโกฏิสงฺขาย ปริสาย สทฺธึ ธมฺมสฺสวนตฺถาย สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิ. สตฺถา ตสฺส อนุปุพฺพึ กถํ กเถสิ, โส สทฺธึ ปริสาย สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. สตฺถา เตสํ กุลปุตฺตานํ ปุพฺพจริตํ โอโลเกนฺโต อิทฺธิมยปตฺตจีวรสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา ทกฺขิณหตฺถํ ปสาเรตฺวา ‘‘เอถ, ภิกฺขโว’’ติ อาห. สพฺเพ ตงฺขณฺเว อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา สฏฺิวสฺสมหาเถรา วิย อากปฺปสมฺปนฺนา หุตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปริวารยึสุ. อยมสฺส ตติโย สาวกสนฺนิปาโต อโหสิ.
ยถา ¶ ปน อฺเสํ พุทฺธานํ สมนฺตา อสีติหตฺถปฺปมาณาเยว สรีรปฺปภา อโหสิ, น เอวํ ตสฺส ตสฺส ปน ภควโต สรีรปฺปภา นิจฺจกาลํ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อฏฺาสิ. รุกฺขปถวิปพฺพตสมุทฺทาทโย อนฺตมโส อุกฺขลิกาทีนิ อุปาทาย สุวณฺณปฏฺฏปริโยนทฺธา วิย อเหสุํ. อายุปฺปมาณํ ปนสฺส นวุติวสฺสสหสฺสานิ อโหสิ. เอตฺตกํ กาลํ จนฺทิมสูริยาทโย อตฺตโน ปภาย วิโรจิตุํ นาสกฺขึสุ, รตฺตินฺทิวปริจฺเฉโท น ปฺายิตฺถ. ทิวา สูริยาโลเกน วิย สตฺตา นิจฺจํ ¶ ¶ พุทฺธาโลเกเนว วิจรึสุ, สายํ ปุปฺผิตกุสุมานํ, ปาโต รวนกสกุณาทีนฺจ วเสน โลโก รตฺตินฺทิวปริจฺเฉทํ สลฺลกฺเขสิ.
กึ ปน อฺเสํ พุทฺธานํ อยมานุภาโว นตฺถีติ? โน นตฺถิ. เตปิ หิ อากงฺขมานา ทสสหสฺสึ วา โลกธาตุํ ตโต วา ภิยฺโย อาภาย ผเรยฺยุํ. มงฺคลสฺส ปน ภควโต ปุพฺพปตฺถนาวเสน อฺเสํ พฺยามปฺปภา วิย สรีรปฺปภา นิจฺจกาลเมว ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อฏฺาสิ. โส กิร โพธิสตฺตจริยกาเล เวสฺสนฺตรสทิเส อตฺตภาเว ิโต สปุตฺตทาโร วงฺกปพฺพตสทิเส ปพฺพเต วสิ. อเถโก ขรทาิโก นาม ยกฺโข มหาปุริสสฺส ทานชฺฌาสยตํ สุตฺวา พฺราหฺมณวณฺเณน อุปสงฺกมิตฺวา มหาสตฺตํ ทฺเว ทารเก ยาจิ. มหาสตฺโต ‘‘ททามิ พฺราหฺมณสฺส ปุตฺตเก’’ติ หฏฺปหฏฺโ อุทกปริยนฺตํ ปถวึ กมฺเปนฺโต ทฺเวปิ ทารเก อทาสิ. ยกฺโข จงฺกมนโกฏิยํ อาลมฺพนผลกํ นิสฺสาย ตฺวา ปสฺสนฺตสฺเสว มหาสตฺตสฺส มูลกลาเป วิย ทฺเว ทารเก ขาทิ. มหาปุริสสฺส ยกฺขํ โอโลเกตฺวา มุเข วิวฏมตฺเต อคฺคิชาลํ วิย โลหิตธารํ อุคฺคิรมานํ ตสฺส มุขํ ทิสฺวาปิ เกสคฺคมตฺตมฺปิ โทมนสฺสํ น อุปฺปชฺชิ. ‘‘สุทินฺนํ วต เม ทาน’’นฺติ จินฺตยโต ปนสฺส สรีเร มหนฺตํ ปีติโสมนสฺส อุทปาทิ. โส ‘‘อิมสฺส เม นิสฺสนฺเทน อนาคเต อิมินาว นีหาเรน รสฺมิโย นิกฺขมนฺตู’’ติ ปตฺถนํ อกาสิ. ตสฺส ตํ ปตฺถนํ นิสฺสาย พุทฺธภูตสฺส สรีรโต รสฺมิโย นิกฺขมิตฺวา เอตฺตกํ านํ ผรึสุ.
อปรมฺปิสฺส ปุพฺพจริตํ อตฺถิ. โส กิร โพธิสตฺตกาเล เอกสฺส พุทฺธสฺส เจติยํ ทิสฺวา ‘‘อิมสฺส พุทฺธสฺส มยา ชีวิตํ ปริจฺจชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ทณฺฑทีปิกาเวนนิยาเมน สกลสรีรํ เวาเปตฺวา รตนมตฺตมกุฬํ สตสหสฺสคฺฆนิกํ สุวณฺณปาตึ สปฺปิสฺส ปูราเปตฺวา ตตฺถ สหสฺสวฏฺฏิโย ชาลาเปตฺวา ตํ สีเสนาทาย สกลสรีรํ ชาลาเปตฺวา เจติยํ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต สกลรตฺตึ วีตินาเมสิ. เอวํ ยาว อรุณุคฺคมนา วายมนฺตสฺสาปิสฺส โลมกูปมตฺตมฺปิ อุสุมํ น คณฺหิ. ปทุมคพฺภํ ปวิฏฺกาโล วิย อโหสิ. ธมฺโม หิ นาเมส อตฺตานํ รกฺขนฺตํ รกฺขติ. เตนาห ภควา –
‘‘ธมฺโม ¶ ¶ หเว รกฺขติ ธมฺมจารึ, ธมฺโม สุจิณฺโณ สุขมาวหาติ;
เอสานิสํโส ธมฺเม สุจิณฺเณ, น ทุคฺคตึ คจฺฉติ ธมฺมจารี’’ติ. (เถรคา. ๓๐๓; ชา. ๑.๑๐.๑๐๒; ๑.๑๕.๓๘๕);
อิมสฺสาปิ ¶ กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน ตสฺส ภควโต สรีโรภาโส ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อฏฺาสิ.
ตทา อมฺหากํ โพธิสตฺโต สุรุจิ นาม พฺราหฺมโณ หุตฺวา ‘‘สตฺถารํ นิมนฺเตสฺสามี’’ติ อุปสงฺกมิตฺวา มธุรธมฺมกถํ สุตฺวา ‘‘สฺเว มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถ, ภนฺเต’’ติ อาห. พฺราหฺมณ, กิตฺตเกหิ เต ภิกฺขูหิ อตฺโถติ? ‘‘กิตฺตกา ปน โว, ภนฺเต, ปริวารภิกฺขู’’ติ อาห. ตทา ปน สตฺถุ ปมสนฺนิปาโตเยว โหติ, ตสฺมา ‘‘โกฏิสตสหสฺส’’นฺติ อาห. ภนฺเต, สพฺเพหิปิ สทฺธึ มยฺหํ เคเห ภิกฺขํ คณฺหถาติ. สตฺถา อธิวาเสสิ. พฺราหฺมโณ สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา เคหํ คจฺฉนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อหํ เอตฺตกานํ ภิกฺขูนํ ยาคุภตฺตวตฺถาทีนิ ทาตุํ สกฺโกมิ, นิสีทนฏฺานํ ปน กถํ ภวิสฺสตี’’ติ.
ตสฺส สา จินฺตา จตุราสีติโยชนสหสฺสมตฺถเก ิตสฺส เทวรฺโ ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนสฺส อุณฺหภาวํ ชเนสิ. สกฺโก ‘‘โก นุ โข มํ อิมมฺหา านา จาเวตุกาโม’’ติ ทิพฺพจกฺขุนา โอโลเกนฺโต มหาปุริสํ ทิสฺวา ‘‘สุรุจิ นาม พฺราหฺมโณ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา นิสีทนฏฺานตฺถาย จินฺเตสิ, มยาปิ ตตฺถ คนฺตฺวา ปฺุโกฏฺาสํ คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ วฑฺฒกิวณฺณํ นิมฺมินิตฺวา วาสิผรสุหตฺโถ มหาปุริสสฺส ปุรโต ปาตุรโหสิ. โส ‘‘อตฺถิ นุ โข กสฺสจิ ภติยา กตฺตพฺพ’’นฺติ อาห. มหาปุริโส ตํ ทิสฺวา ‘‘กึ กมฺมํ กริสฺสสี’’ติ อาห. ‘‘มม อชานนสิปฺปํ นาม นตฺถิ, เคหํ วา มณฺฑปํ วา โย ยํ กาเรติ, ตสฺส ตํ กาตุํ ชานามี’’ติ. ‘‘เตน หิ มยฺหํ กมฺมํ อตฺถี’’ติ. ‘‘กึ อยฺยา’’ติ? ‘‘สฺวาตนาย เม โกฏิสตสหสฺสภิกฺขู นิมนฺติตา, เตสํ นิสีทนมณฺฑปํ กริสฺสสี’’ติ. ‘‘อหํ นาม กเรยฺยํ, สเจ มม ภตึ ทาตุํ สกฺขิสฺสถา’’ติ. ‘‘สกฺขิสฺสามิ ตาตา’’ติ. ‘‘สาธุ กริสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา เอกํ ปเทสํ โอโลเกสิ, ทฺวาทสเตรสโยชนปฺปมาโณ ปเทโส กสิณมณฺฑลํ ¶ วิย สมตโล อโหสิ. โส ‘‘เอตฺตเก าเน สตฺตรตนมโย มณฺฑโป อุฏฺหตู’’ติ จินฺเตตฺวา โอโลเกสิ. ตาวเทว ปถวึ ภินฺทิตฺวา มณฺฑโป อุฏฺหิ. ตสฺส โสวณฺณมเยสุ ถมฺเภสุ รชตมยา ฆฏกา อเหสุํ, รชตมเยสุ โสวณฺณมยา, มณิตฺถมฺเภสุ ปวาฬมยา, ปวาฬตฺถมฺเภสุ มณิมยา, สตฺตรตนมเยสุ สตฺตรตนมยาว ฆฏกา อเหสุํ ¶ . ตโต ‘‘มณฺฑปสฺส อนฺตรนฺตเรน กิงฺกิณิกชาลํ โอลมฺพตู’’ติ โอโลเกสิ, สห โอโลกเนเนว กิงฺกิณิกชาลํ โอลมฺพิ, ยสฺส มนฺทวาเตริตสฺส ปฺจงฺคิกสฺเสว ตูริยสฺส มธุรสทฺโท นิคฺคจฺฉติ, ทิพฺพสงฺคีติวตฺตนกาโล วิย โหติ. ‘‘อนฺตรนฺตรา คนฺธทามมาลาทามานิ โอลมฺพนฺตู’’ติ จินฺเตสิ, ทามานิ โอลมฺพึสุ. ‘‘โกฏิสตสหสฺสสงฺขานํ ภิกฺขูนํ ¶ อาสนานิ จ อาธารกานิ จ ปถวึ ภินฺทิตฺวา อุฏฺหนฺตู’’ติ จินฺเตสิ, ตาวเทว อุฏฺหึสุ. ‘‘โกเณ โกเณ เอเกกา อุทกจาฏิโย อุฏฺหนฺตู’’ติ จินฺเตสิ, อุทกจาฏิโย อุฏฺหึสุ.
เอตฺตกํ มาเปตฺวา พฺราหฺมณสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘เอหิ อยฺย, ตว มณฺฑปํ โอโลเกตฺวา มยฺหํ ภตึ เทหี’’ติ อาห. มหาปุริโส คนฺตฺวา มณฺฑปํ โอโลเกสิ, โอโลเกนฺตสฺเสวสฺส สกลสรีรํ ปฺจวณฺณาย ปีติยา นิรนฺตรํ ผุฏํ อโหสิ. อถสฺส มณฺฑปํ โอโลกยโต เอตทโหสิ – ‘‘นายํ มณฺฑโป มนุสฺสภูเตน กโต, มยฺหํ ปน อชฺฌาสยํ มยฺหํ คุณํ อาคมฺม อทฺธา สกฺกภวนํ อุณฺหํ อโหสิ, ตโต สกฺเกน เทวรฺา อยํ มณฺฑโป การิโต ภวิสฺสตี’’ติ. ‘‘น โข ปน เม ยุตฺตํ เอวรูเป มณฺฑเป เอกทิวสํเยว ทานํ ทาตุํ, สตฺตาหํ ทสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. พาหิรกทานฺหิ กิตฺตกมฺปิ สมานํ โพธิสตฺตานํ ตุฏฺึ กาตุํ น สกฺโกติ, อลงฺกตสีสํ ปน ฉินฺทิตฺวา อฺชิตอกฺขีนิ อุปฺปาเฏตฺวา หทยมํสํ วา อุพฺพฏฺเฏตฺวา ทินฺนกาเล โพธิสตฺตานํ จาคํ นิสฺสาย ตุฏฺิ นาม โหติ. อมฺหากมฺปิ หิ โพธิสตฺตสฺส สิวิชาตเก เทวสิกํ ปฺจ กหาปณสตสหสฺสานิ วิสฺสชฺเชตฺวา จตูสุ ทฺวาเรสุ นครมชฺเฌ จ ทานํ เทนฺตสฺส ตํ ทานํ จาคตุฏฺึ อุปฺปาเทตุํ นาสกฺขิ. ยทา ปนสฺส พฺราหฺมณวณฺเณน อาคนฺตฺวา สกฺโก เทวราชา อกฺขีนิ ยาจิ, ตทา ตานิ อุปฺปาเฏตฺวา ททมานสฺเสว หาโส อุปฺปชฺชิ, เกสคฺคมตฺตมฺปิ จิตฺตสฺส อฺถตฺตํ นาโหสิ. เอวํ ทานํ นิสฺสาย โพธิสตฺตานํ ติตฺติ นาม นตฺถิ. ตสฺมา โสปิ มหาปุริโส ¶ ‘‘สตฺตาหํ มยา โกฏิสตสหสฺสสงฺขานํ ภิกฺขูนํ ทานํ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตสฺมึ มณฺฑเป พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิสีทาเปตฺวา สตฺตาหํ ควปานํ นาม ทานํ อทาสิ. ควปานนฺติ มหนฺเต มหนฺเต โกลมฺเพ ขีรสฺส ปูเรตฺวา อุทฺธเนสุ อาโรเปตฺวา ฆนปากปกฺเก ขีเร โถเก ตณฺฑุเล ปกฺขิปิตฺวา ปกฺกมธุสกฺกราจุณฺณสปฺปีหิ อภิสงฺขตํ โภชนํ วุจฺจติ. มนุสฺสาเยว ปน ปริวิสิตุํ นาสกฺขึสุ, เทวาปิ เอกนฺตริกา หุตฺวา ปริวิสึสุ. ทฺวาทสเตรสโยชนปฺปมาณํ านมฺปิ ภิกฺขู คณฺหิตุํ นปฺปโหสิเยว. เต ปน ภิกฺขู อตฺตโน อตฺตโน อานุภาเวน นิสีทึสุ. ปริโยสานทิวเส สพฺพภิกฺขูนํ ปตฺตานิ โธวาเปตฺวา เภสชฺชตฺถาย สปฺปินวนีตมธุผาณิตาทีนิ ปูเรตฺวา ติจีวเรหิ สทฺธึ อทาสิ, สงฺฆนวกภิกฺขุนา ลทฺธจีวรสาฏกา สตสหสฺสคฺฆนกา อเหสุํ.
สตฺถา ¶ อนุโมทนํ กโรนฺโต ‘‘อยํ ปุริโส เอวรูปํ มหาทานํ อทาสิ, โก นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘อนาคเต กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ ทฺวินฺนํ อสงฺขฺเยยฺยานํ มตฺถเก โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ทิสฺวา มหาปุริสํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ตฺวํ เอตฺตกํ ¶ นาม กาลํ อติกฺกมิตฺวา โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. มหาปุริโส พฺยากรณํ สุตฺวา ‘‘อหํ กิร พุทฺโธ ภวิสฺสามิ, โก เม ฆราวาเสน อตฺโถ, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ตถารูปํ สมฺปตฺตึ เขฬปิณฺฑํ วิย ปหาย สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา อายุปริโยสาเน พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติ.
มงฺคลสฺส ปน ภควโต นครํ อุตฺตรํ นาม อโหสิ, ปิตาปิ อุตฺตโร นาม ขตฺติโย, มาตาปิ อุตฺตรา นาม เทวี, สุเทโว จ ธมฺมเสโน จ ทฺเว อคฺคสาวกา, ปาลิโต นามุปฏฺาโก, สีวลี จ อโสกา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, นาครุกฺโข โพธิ, อฏฺาสีติหตฺถุพฺเพธํ สรีรํ อโหสิ. นวุติวสฺสสหสฺสานิ ตฺวา ปรินิพฺพุเต ปน ตสฺมึ ภควติ เอกปฺปหาเรเนว ทส จกฺกวาฬสหสฺสานิ เอกนฺธการานิ อเหสุํ. สพฺพจกฺกวาเฬสุ มนุสฺสานํ มหนฺตํ อาโรทนปริเทวนํ อโหสิ.
‘‘โกณฺฑฺสฺส ¶ อปเรน, มงฺคโล นาม นายโก;
ตมํ โลเก นิหนฺตฺวาน, ธมฺโมกฺกมภิธารยี’’ติ.
เอวํ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ อนฺธการํ กตฺวา ปรินิพฺพุตสฺส ตสฺส ภควโต อปรภาเค สุมโน นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต โกฏิสตสหสฺสภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย กฺจนปพฺพตมฺหิ นวุติโกฏิสหสฺสานิ, ตติเย อสีติโกฏิสหสฺสานิ. ตทา มหาสตฺโต อตุโล นาม นาคราชา อโหสิ มหิทฺธิโก มหานุภาโว. โส ‘‘พุทฺโธ อุปฺปนฺโน’’ติ สุตฺวา าติสงฺฆปริวุโต นาคภวนา นิกฺขมิตฺวา โกฏิสตสหสฺสภิกฺขุปริวารสฺส ตสฺส ภควโต ทิพฺพตูริเยหิ อุปหารํ กาเรตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา ปจฺเจกํ ทุสฺสยุคานิ ทตฺวา สรเณสุ ปติฏฺาสิ. โสปิ นํ สตฺถา ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต นครํ เขมํ นาม อโหสิ, สุทตฺโต นาม ราชา ปิตา, สิริมา นาม มาตา, สรโณ จ ภาวิตตฺโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา, อุเทโน นามุปฏฺาโก, โสณา จ อุปโสณา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, นาครุกฺโข โพธิ, นวุติหตฺถุพฺเพธํ สรีรํ, นวุติเยว วสฺสสหสฺสานิ อายุปฺปมาณํ อโหสิ.
‘‘มงฺคลสฺส ¶ อปเรน, สุมโน นาม นายโก;
สพฺพธมฺเมหิ อสโม, สพฺพสตฺตานมุตฺตโม’’ติ.
ตสฺส ¶ อปรภาเค เรวโต นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต คณนา นตฺถิ, ทุติเย โกฏิสตสหสฺสภิกฺขู อเหสุํ, ตถา ตติเย. ตทา โพธิสตฺโต อติเทโว นาม พฺราหฺมโณ หุตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สรเณสุ ปติฏฺาย สิรสฺมึ อฺชลึ เปตฺวา ตสฺส สตฺถุโน กิเลสปฺปหาเน วณฺณํ วตฺวา อุตฺตราสงฺเคน ปูชํ อกาสิ. โสปิ นํ ‘‘พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ปน ภควโต นครํ ธฺวตี นาม อโหสิ, ปิตา วิปุโล นาม ขตฺติโย, มาตาปิ วิปุลา นาม เทวี, วรุโณ จ พฺรหฺมเทโว จ ทฺเว อคฺคสาวกา, สมฺภโว นามุปฏฺาโก, ภทฺทา จ สุภทฺทา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, นาครุกฺโขว โพธิ, สรีรํ อสีติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, อายุ สฏฺิ วสฺสสหสฺสานีติ.
‘‘สุมนสฺส ¶ อปเรน, เรวโต นาม นายโก;
อนูปโม อสทิโส, อตุโล อุตฺตโม ชิโน’’ติ.
ตสฺส อปรภาเค โสภิโต นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต โกฏิสตภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย นวุติโกฏิโย, ตติเย อสีติโกฏิโย. ตทา โพธิสตฺโต อชิโต นาม พฺราหฺมโณ หุตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สรเณสุ ปติฏฺาย พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ อทาสิ. โสปิ นํ ‘‘พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ปน ภควโต สุธมฺมํ นาม นครํ อโหสิ, ปิตาปิ สุธมฺโม นาม ราชา, มาตาปิ สุธมฺมา นาม เทวี, อสโม จ สุเนตฺโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา, อโนโม นามุปฏฺาโก, นกุลา จ สุชาตา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, นาครุกฺโขว โพธิ, อฏฺปณฺณาสหตฺถุพฺเพธํ สรีรํ อโหสิ, นวุติ วสฺสสหสฺสานิ อายุปฺปมาณนฺติ.
‘‘เรวตสฺส อปเรน, โสภิโต นาม นายโก;
สมาหิโต สนฺตจิตฺโต, อสโม อปฺปฏิปุคฺคโล’’ติ.
ตสฺส อปรภาเค เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา เอกสฺมึเยว กปฺเป ตโย พุทฺธา นิพฺพตฺตึสุ อโนมทสฺสี ปทุโม นารโทติ. อโนมทสฺสิสฺส ภควโต ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต ภิกฺขู อฏฺสตสหสฺสานิ อเหสุํ, ทุติเย สตฺต, ตติเย ฉ. ตทา โพธิสตฺโต ¶ เอโก ยกฺขเสนาปติ อโหสิ มหิทฺธิโก มหานุภาโว อเนกโกฏิสตสหสฺสานํ ¶ ยกฺขานํ อธิปติ. โส ‘‘พุทฺโธ อุปฺปนฺโน’’ติ สุตฺวา อาคนฺตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ อทาสิ. สตฺถาปิ นํ ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. อโนมทสฺสิสฺส ปน ภควโต จนฺทวตี นาม นครํ อโหสิ, ยสวา นาม ราชา ปิตา, ยโสธรา นาม มาตา, นิสโภ จ อโนโม จ ทฺเว อคฺคสาวกา, วรุโณ นามุปฏฺาโก, สุนฺทรี จ สุมนา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, อชฺชุนรุกฺโข โพธิ, อฏฺปณฺณาสหตฺถุพฺเพธํ สรีรํ อโหสิ, วสฺสสตสหสฺสํ อายูติ.
‘‘โสภิตสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;
อโนมทสฺสี อมิตยโส, เตชสฺสี ทุรติกฺกโม’’ติ.
ตสฺส ¶ อปรภาเค ปทุโม นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย ภาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต โกฏิสตสหสฺสภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย ตีณิ สตสหสฺสานิ, ตติเย อคามเก อรฺเ มหาวนสณฺฑวาสีนํ ภิกฺขูนํ ทฺเว สตสหสฺสานิ. ตทา ตถาคเต ตสฺมึ วนสณฺเฑ วสนฺเต โพธิสตฺโต สีโห หุตฺวา สตฺถารํ นิโรธสมาปตฺตึ สมาปนฺนํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปีติโสมนสฺสชาโต ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิตฺวา สตฺตาหํ พุทฺธารมฺมณปีตึ อวิชหิตฺวา ปีติสุเขเนว โคจราย อปกฺกมิตฺวา ชีวิตปริจฺจาคํ กตฺวา ปยิรุปาสมาโน อฏฺาสิ. สตฺถา สตฺตาหจฺจเยน นิโรธา วุฏฺิโต สีหํ โอโลเกตฺวา ‘‘ภิกฺขุสงฺเฆปิ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา สงฺฆํ วนฺทิสฺสตีติ ภิกฺขุสงฺโฆ อาคจฺฉตู’’ติ จินฺเตสิ. ภิกฺขู ตาวเทว อาคมึสุ. สีโห สงฺเฆ จิตฺตํ ปสาเทสิ. สตฺถา ตสฺส มนํ โอโลเกตฺวา ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ปทุมสฺส ปน ภควโต จมฺปกํ นาม นครํ อโหสิ, อสโม นาม ราชา ปิตา, อสมา นาม เทวี มาตา, สาโล จ อุปสาโล จ ทฺเว อคฺคสาวกา, วรุโณ นามุปฏฺาโก, รามา จ สุรามา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, โสณรุกฺโข นาม โพธิ, อฏฺปณฺณาสหตฺถุพฺเพธํ สรีรํ อโหสิ, อายุ วสฺสสตสหสฺสนฺติ.
‘‘อโนมทสฺสิสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;
ปทุโม นาม นาเมน, อสโม อปฺปฏิปุคฺคโล’’ติ.
ตสฺส อปรภาเค นารโท นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต โกฏิสตสหสฺสภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย ¶ นวุติโกฏิสหสฺสานิ, ตติเย อสีติโกฏิสหสฺสานิ ¶ . ตทา โพธิสตฺโต อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ปฺจสุ อภิฺาสุ อฏฺสุ จ สมาปตฺตีสุ จิณฺณวสี หุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา โลหิตจนฺทเนน ปูชํ อกาสิ. โสปิ นํ ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต ธฺวตี นาม นครํ อโหสิ, สุเทโว นาม ขตฺติโย ปิตา, อโนมา นาม มาตา, สทฺทสาโล จ ชิตมิตฺโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา, วาเสฏฺโ นามุปฏฺาโก ¶ , อุตฺตรา จ ผคฺคุนี จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, มหาโสณรุกฺโข นาม โพธิ, สรีรํ อฏฺาสีติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, นวุติวสฺสสหสฺสานิ อายูติ.
‘‘ปทุมสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;
นารโท นาม นาเมน, อสโม อปฺปฏิปุคฺคโล’’ติ.
นารทพุทฺธสฺส อปรภาเค เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา อิโต สตสหสฺสกปฺปมตฺถเก เอกสฺมึ กปฺเป เอโกว ปทุมุตฺตรพุทฺโธ นาม อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปเม โกฏิสตสหสฺสภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย เวภารปพฺพเต นวุติโกฏิสหสฺสานิ, ตติเย อสีติโกฏิสหสฺสานิ. ตทา โพธิสตฺโต ชฏิโล นาม มหารฏฺิโย หุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สจีวรํ ทานํ อทาสิ. โสปิ นํ ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ปทุมุตฺตรสฺส ปน ภควโต กาเล ติตฺถิยา นาม นาเหสุํ. สพฺเพ เทวมนุสฺสา พุทฺธเมว สรณํ อคมํสุ. ตสฺส นครํ หํสวตี นาม อโหสิ, ปิตา อานนฺโท นาม ขตฺติโย, มาตา สุชาตา นาม เทวี, เทวโล จ สุชาโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา, สุมโน นามุปฏฺาโก, อมิตา จ อสมา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, สลลรุกฺโข โพธิ, สรีรํ อฏฺปณฺณาสหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, สรีรปฺปภา สมนฺตโต ทฺวาทส โยชนานิ คณฺหิ, วสฺสสตสหสฺสํ อายูติ.
‘‘นารทสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;
ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, อกฺโขโภ สาครูปโม’’ติ.
ตสฺส อปรภาเค สตฺตติ กปฺปสหสฺสานิ อติกฺกมิตฺวา สุเมโธ สุชาโต จาติ เอกสฺมึ กปฺเป ทฺเว พุทฺธา นิพฺพตฺตึสุ. สุเมธสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ, ปมสนฺนิปาเต สุทสฺสนนคเร โกฏิสตขีณาสวา อเหสุํ, ทุติเย ปน นวุติโกฏิโย, ตติเย อสีติโกฏิโย. ตทา โพธิสตฺโต อุตฺตโร นาม มาณโว หุตฺวา นิทหิตฺวา ปิตํเยว อสีติโกฏิธนํ ¶ ¶ วิสฺสชฺเชตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา สรเณสุ ปติฏฺาย ¶ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิ. โสปิ นํ ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. สุเมธสฺส ภควโต สุทสฺสนํ นาม นครํ อโหสิ, สุทตฺโต นาม ราชา ปิตา, มาตาปิ สุทตฺตา นาม, สรโณ จ สพฺพกาโม จ ทฺเว อคฺคสาวกา, สาคโร นามุปฏฺาโก, รามา จ สุรามา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, มหานีปรุกฺโข โพธิ, สรีรํ อฏฺาสีติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, อายุ นวุติ วสฺสสหสฺสานีติ.
‘‘ปทุมุตฺตรสฺส อปเรน, สุเมโธ นาม นายโก;
ทุราสโท อุคฺคเตโช, สพฺพโลกุตฺตโม มุนี’’ติ.
ตสฺส อปรภาเค สุชาโต นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต สฏฺิ ภิกฺขุสตสหสฺสานิ อเหสุํ, ทุติเย ปฺาสํ, ตติเย จตฺตาลีสํ. ตทา โพธิสตฺโต จกฺกวตฺติราชา หุตฺวา ‘‘พุทฺโธ อุปฺปนฺโน’’ติ สุตฺวา อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สทฺธึ สตฺตหิ รตเนหิ จตุมหาทีปรชฺชํ ทตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิ. สกลรฏฺวาสิโน รฏฺุปฺปาทํ คเหตฺวา อารามิกกิจฺจํ สาเธนฺตา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิจฺจํ มหาทานํ อทํสุ. โสปิ นํ สตฺถา ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต นครํ สุมงฺคลํ นาม อโหสิ, อุคฺคโต นาม ราชา ปิตา, ปภาวตี นาม มาตา, สุทสฺสโน จ สุเทโว จ ทฺเว อคฺคสาวกา, นารโท นามุปฏฺาโก, นาคา จ นาคสมาลา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, มหาเวฬุรุกฺโข โพธิ. โส กิร มนฺทจฺฉิทฺโท ฆนกฺขนฺโธ อุปริ นิคฺคตาหิ มหาสาขาหิ โมรปิฺฉกลาโป วิย วิโรจิตฺถ. ตสฺส ภควโต สรีรํ ปณฺณาสหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, อายุ นวุติ วสฺสสหสฺสานีติ.
‘‘ตตฺเถว มณฺฑกปฺปมฺหิ, สุชาโต นาม นายโก;
สีหหนุสภกฺขนฺโธ, อปฺปเมยฺโย ทุราสโท’’ติ.
ตสฺส อปรภาเค อิโต อฏฺารสกปฺปสตมตฺถเก เอกสฺมึ กปฺเป ปิยทสฺสี, อตฺถทสฺสี, ธมฺมทสฺสีติ ตโย พุทฺธา นิพฺพตฺตึสุ. ปิยทสฺสิสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปเม โกฏิสตสหสฺสา ภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย นวุติโกฏิโย, ตติเย อสีติโกฏิโย. ตทา โพธิสตฺโต กสฺสโป นาม มาณโว ติณฺณํ เวทานํ ปารํ คโต หุตฺวา ¶ สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา โกฏิสตสหสฺสธนปริจฺจาเคน สงฺฆารามํ ¶ กาเรตฺวา สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺาสิ. อถ นํ ¶ สตฺถา ‘‘อฏฺารสกปฺปสตจฺจเยน พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต อโนมํ นาม นครํ อโหสิ, ปิตา สุทินฺโน นาม ราชา, มาตา จนฺทา นาม เทวี, ปาลิโต จ สพฺพทสฺสี จ ทฺเว อคฺคสาวกา, โสภิโต นามุปฏฺาโก, สุชาตา จ ธมฺมทินฺนา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, กกุธรุกฺโข โพธิ, สรีรํ อสีติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, นวุติ วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.
‘‘สุชาตสฺส อปเรน, สยมฺภู โลกนายโก;
ทุราสโท อสมสโม, ปิยทสฺสี มหายโส’’ติ.
ตสฺส อปรภาเค อตฺถทสฺสี นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปเม อฏฺนวุติ ภิกฺขุสตสหสฺสานิ อเหสุํ, ทุติเย อฏฺาสีติสตสหสฺสานิ, ตถา ตติเย. ตทา โพธิสตฺโต สุสีโม นาม มหิทฺธิโก ตาปโส หุตฺวา เทวโลกโต มนฺทารวปุปฺผจฺฉตฺตํ อาหริตฺวา สตฺถารํ ปูเชสิ, โสปิ นํ ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต โสภิตํ นาม นครํ อโหสิ, สาคโร นาม ราชา ปิตา, สุทสฺสนา นาม มาตา, สนฺโต จ อุปสนฺโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา, อภโย นามุปฏฺาโก, ธมฺมา จ สุธมฺมา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, จมฺปกรุกฺโข โพธิ, สรีรํ อสีติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, สรีรปฺปภา สมนฺตโต สพฺพกาลํ โยชนมตฺตํ ผริตฺวา อฏฺาสิ, อายุ วสฺสสตสหสฺสนฺติ.
‘‘ตตฺเถว มณฺฑกปฺปมฺหิ, อตฺถทสฺสี นราสโภ;
มหาตมํ นิหนฺตฺวาน, ปตฺโต สมฺโพธิมุตฺตม’’นฺติ.
ตสฺส อปรภาเค ธมฺมทสฺสี นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปเม โกฏิสตํ ภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย สตฺตติโกฏิโย, ตติเย อสีติโกฏิโย. ตทา โพธิสตฺโต สกฺโก เทวราชา หุตฺวา ทิพฺพคนฺธปุปฺเผหิ จ ทิพฺพตูริเยหิ จ ปูชํ อกาสิ, โสปิ นํ ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต สรณํ นาม นครํ อโหสิ, ปิตา สรโณ นาม ราชา, มาตา สุนนฺทา นาม, ปทุโม จ ผุสฺสเทโว จ ทฺเว อคฺคสาวกา, สุเนตฺโต นามุปฏฺาโก ¶ , เขมา จ สพฺพนามา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, รตฺตงฺกุรรุกฺโข โพธิ, ‘‘พิมฺพิชาโล’’ติปิ วุจฺจติ, สรีรํ ปนสฺส อสีติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, วสฺสสตสหสฺสํ อายูติ.
‘‘ตตฺเถว ¶ มณฺฑกปฺปมฺหิ, ธมฺมทสฺสี มหายโส;
ตมนฺธการํ วิธมิตฺวา, อติโรจติ สเทวเก’’ติ.
ตสฺส ¶ อปรภาเค อิโต จตุนวุติกปฺปมตฺถเก เอกสฺมึ กปฺเป เอโกว สิทฺธตฺโถ นาม พุทฺโธ อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต โกฏิสตสหสฺสํ ภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย นวุติโกฏิโย, ตติเย อสีติโกฏิโย. ตทา โพธิสตฺโต อุคฺคเตโช อภิฺาพลสมฺปนฺโน มงฺคโล นาม ตาปโส หุตฺวา มหาชมฺพุผลํ อาหริตฺวา ตถาคตสฺส อทาสิ. สตฺถา ตํ ผลํ ปริภฺุชิตฺวา ‘‘จตุนวุติกปฺปมตฺถเก พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ โพธิสตฺตํ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต นครํ เวภารํ นาม อโหสิ, ปิตา ชยเสโน นาม ราชา, มาตา สุผสฺสา นาม, สมฺพโล จ สุมิตฺโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา, เรวโต นามุปฏฺาโก, สีวลี จ สุรามา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, กณิการรุกฺโข โพธิ, สรีรํ สฏฺิหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, วสฺสสตสหสฺสํ อายูติ.
‘‘ธมฺมทสฺสิสฺส อปเรน, สิทฺธตฺโถ นาม นายโก;
นิหนิตฺวา ตมํ สพฺพํ, สูริโย อพฺภุคฺคโต ยถา’’ติ.
ตสฺส อปรภาเค อิโต ทฺวานวุติกปฺปมตฺถเก ติสฺโส ผุสฺโสติ เอกสฺมึ กปฺเป ทฺเว พุทฺธา นิพฺพตฺตึสุ. ติสฺสสฺส ภควโต ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต ภิกฺขูนํ โกฏิสตํ อโหสิ, ทุติเย นวุติโกฏิโย, ตติเย อสีติโกฏิโย. ตทา โพธิสตฺโต มหาโภโค มหายโส สุชาโต นาม ขตฺติโย หุตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา มหิทฺธิกภาวํ ปตฺวา ‘‘พุทฺโธ อุปฺปนฺโน’’ติ สุตฺวา ทิพฺพมนฺทารวปทุมปาริจฺฉตฺตกปุปฺผานิ อาทาย จตุปริสมชฺเฌ คจฺฉนฺตํ ตถาคตํ ปูเชสิ, อากาเส ปุปฺผวิตานํ อกาสิ. โสปิ นํ สตฺถา ‘‘อิโต ทฺวานวุติกปฺเป พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต เขมํ นาม นครํ อโหสิ, ปิตา ชนสนฺโธ นาม ขตฺติโย, มาตา ปทุมา นาม ¶ , พฺรหฺมเทโว จ อุทโย จ ทฺเว อคฺคสาวกา, สมงฺโค นามุปฏฺาโก, ผุสฺสา จ สุทตฺตา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, อสนรุกฺโข โพธิ, สรีรํ สฏฺิหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, วสฺสสตสหสฺสํ อายูติ.
‘‘สิทฺธตฺถสฺส อปเรน, อสโม อปฺปฏิปุคฺคโล;
อนนฺตสีโล อมิตยโส, ติสฺโส โลกคฺคนายโก’’ติ.
ตสฺส ¶ อปรภาเค ผุสฺโส นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต สฏฺิ ภิกฺขุสตสหสฺสานิ อเหสุํ, ทุติเย ปณฺณาส, ตติเย ทฺวตฺตึส. ตทา โพธิสตฺโต วิชิตาวี นาม ขตฺติโย หุตฺวา มหารชฺชํ ปหาย สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ตีณิ ปิฏกานิ ¶ อุคฺคเหตฺวา มหาชนสฺส ธมฺมกถํ กเถสิ, สีลปารมิฺจ ปูเรสิ. โสปิ นํ ‘‘พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ตเถว พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต กาสี นาม นครํ อโหสิ, ชยเสโน นาม ราชา ปิตา, สิริมา นาม มาตา, สุรกฺขิโต จ ธมฺมเสโน จ ทฺเว อคฺคสาวกา, สภิโย นามุปฏฺาโก, จาลา จ อุปจาลา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, อามลกรุกฺโข โพธิ, สรีรํ อฏฺปณฺณาสหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, นวุติ วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.
‘‘ตตฺเถว มณฺฑกปฺปมฺหิ, อหุ สตฺถา อนุตฺตโร;
อนูปโม อสมสโม, ผุสฺโส โลกคฺคนายโก’’ติ.
ตสฺส อปรภาเค อิโต เอกนวุติกปฺเป วิปสฺสี นาม ภควา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต อฏฺสฏฺิ ภิกฺขุสตสหสฺสํ อโหสิ, ทุติเย เอกสตสหสฺสํ, ตติเย อสีติสหสฺสานิ. ตทา โพธิสตฺโต มหิทฺธิโก มหานุภาโว อตุโล นาม นาคราชา หุตฺวา สตฺตรตนขจิตํ โสวณฺณมยํ มหาปีํ ภควโต อทาสิ. โสปิ นํ ‘‘อิโต เอกนวุติกปฺเป พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต พนฺธุมตี นาม นครํ อโหสิ, พนฺธุมา นาม ราชา ปิตา, พนฺธุมตี นาม มาตา, ขณฺโฑ จ ติสฺโส จ ทฺเว อคฺคสาวกา, อโสโก นามุปฏฺาโก, จนฺทา จ จนฺทมิตฺตา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, ปาฏลิรุกฺโข โพธิ, สรีรํ อสีติหตฺถุพฺเพธํ ¶ อโหสิ, สรีรปฺปภา สทา สตฺต โยชนานิ ผริตฺวา อฏฺาสิ, อสีติ วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.
‘‘ผุสฺสสฺส จ อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;
วิปสฺสี นาม นาเมน, โลเก อุปฺปชฺชิ จกฺขุมา’’ติ.
ตสฺส อปรภาเค อิโต เอกตึสกปฺเป สิขี จ เวสฺสภู จาติ ทฺเว พุทฺธา อเหสุํ. สิขิสฺสาปิ ภควโต ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต ภิกฺขุสตสหสฺสํ อโหสิ, ทุติเย อสีติสหสฺสานิ, ตติเย สตฺตตฺติสหสฺสานิ. ตทา โพธิสตฺโต อรินฺทโม นาม ราชา หุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สจีวรํ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา สตฺตรตนปฏิมณฺฑิตํ หตฺถิรตนํ ทตฺวา หตฺถิปฺปมาณํ กตฺวา กปฺปิยภณฺฑํ อทาสิ. โสปิ นํ ‘‘อิโต ¶ กตึสกปฺเป พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต อรุณวตี นาม นครํ อโหสิ, อรุโณ นาม ขตฺติโย ปิตา, ปภาวตี นาม มาตา, อภิภู จ สมฺภโว จ ทฺเว อคฺคสาวกา, เขมงฺกโร นามุปฏฺาโก, สขิลา จ ปทุมา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, ปุณฺฑรีกรุกฺโข โพธิ, สรีรํ ¶ สตฺตติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, สรีรปฺปภา โยชนตฺตยํ ผริตฺวา อฏฺาสิ, สตฺตติ วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.
‘‘วิปสฺสิสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;
สิขิวฺหโย นาม ชิโน, อสโม อปฺปฏิปุคฺคโล’’ติ.
ตสฺส อปรภาเค เวสฺสภู นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต อสีติ ภิกฺขุสหสฺสานิ อเหสุํ, ทุติเย สตฺตติ, ตติเย สฏฺิ. ตทา โพธิสตฺโต สุทสฺสโน นาม ราชา หุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สจีวรํ มหาทานํ ทตฺวา ตสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา อาจารคุณสมฺปนฺโน พุทฺธรตเน จิตฺตีการปีติพหุโล อโหสิ. โสปิ นํ ภควา ‘‘อิโต เอกตึสกปฺเป พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ปน ภควโต อโนมํ นาม นครํ อโหสิ, สุปฺปตีโต นาม ราชา ปิตา, ยสวตี นาม มาตา ¶ , โสโณ จ อุตฺตโร จ ทฺเว อคฺคสาวกา, อุปสนฺโต นามุปฏฺาโก, ทามา จ สมาลา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, สาลรุกฺโข โพธิ, สรีรํ สฏฺิหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, สฏฺิ วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.
‘‘ตตฺเถว มณฺฑกปฺปมฺหิ, อสโม อปฺปฏิปุคฺคโล;
เวสฺสภู นาม นาเมน, โลเก อุปฺปชฺชิ โส ชิโน’’ติ.
ตสฺส อปรภาเค อิมสฺมึ กปฺเป จตฺตาโร พุทฺธา นิพฺพตฺตา กกุสนฺโธ, โกณาคมโน, กสฺสโป, อมฺหากํ ภควาติ. กกุสนฺธสฺส ภควโต เอโกว สาวกสนฺนิปาโต, ตตฺถ จตฺตาลีส ภิกฺขุสหสฺสานิ อเหสุํ. ตทา โพธิสตฺโต เขโม นาม ราชา หุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สปตฺตจีวรํ มหาทานฺเจว อฺชนาทิเภสชฺชานิ จ ทตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปพฺพชิ. โสปิ นํ สตฺถา พฺยากาสิ. กกุสนฺธสฺส ปน ภควโต เขมํ นาม นครํ อโหสิ, อคฺคิทตฺโต นาม พฺราหฺมโณ ปิตา, วิสาขา นาม พฺราหฺมณี มาตา, วิธุโร จ สฺชีโว จ ทฺเว อคฺคสาวกา, พุทฺธิโช นามุปฏฺาโก, สามา จ จมฺปกา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา ¶ , มหาสิรีสรุกฺโข โพธิ, สรีรํ จตฺตาลีสหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, จตฺตาลีส วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.
‘‘เวสฺสภุสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;
กกุสนฺโธ นาม นาเมน, อปฺปเมยฺโย ทุราสโท’’ติ.
ตสฺส ¶ อปรภาเค โกณาคมโน นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ เอโก สาวกสนฺนิปาโต, ตตฺถ ตึส ภิกฺขุสหสฺสานิ อเหสุํ. ตทา โพธิสตฺโต ปพฺพโต นาม ราชา หุตฺวา อมจฺจคณปริวุโต สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมเทสนํ สุตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา ปฏฺฏุณฺณจีนปฏฺฏโกเสยฺยกมฺพลทุกูลานิ เจว สุวณฺณปาทุกฺจ ทตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิ. โสปิ นํ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต โสภวตี นาม นครํ อโหสิ, ยฺทตฺโต นาม พฺราหฺมโณ ปิตา, อุตฺตรา นาม พฺราหฺมณี มาตา, ภิยฺยโส จ อุตฺตโร จ ทฺเว อคฺคสาวกา, โสตฺถิโช นามุปฏฺาโก, สมุทฺทา จ อุตฺตรา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, อุทุมฺพรรุกฺโข โพธิ, สรีรํ ตึสหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, ตึส วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.
‘‘กกุสนฺธสฺส ¶ อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;
โกณาคมโน นาม ชิโน, โลกเชฏฺโ นราสโภ’’ติ.
ตสฺส อปรภาเค กสฺสโป นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ เอโก สาวกสนฺนิปาโต, ตตฺถ วีสติ ภิกฺขุสหสฺสานิ อเหสุํ. ตทา โพธิสตฺโต โชติปาโล นาม มาณโว หุตฺวา ติณฺณํ เวทานํ ปารคู ภูมิยฺจ อนฺตลิกฺเข จ ปากโฏ ฆฏีการสฺส กุมฺภการสฺส มิตฺโต อโหสิ. โส เตน สทฺธึ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมกถํ สุตฺวา ปพฺพชิตฺวา อารทฺธวีริโย ตีณิ ปิฏกานิ อุคฺคเหตฺวา วตฺตาวตฺตสมฺปตฺติยา พุทฺธสฺส สาสนํ โสเภสิ. โสปิ นํ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต ชาตนครํ พาราณสี นาม อโหสิ, พฺรหฺมทตฺโต นาม พฺราหฺมโณ ปิตา, ธนวตี นาม พฺราหฺมณี มาตา, ติสฺโส จ ภารทฺวาโช จ ทฺเว อคฺคสาวกา, สพฺพมิตฺโต นามุปฏฺาโก, อนุฬา จ อุรุเวฬา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, นิคฺโรธรุกฺโข โพธิ, สรีรํ วีสติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, วีสติ วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.
‘‘โกณาคมนสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;
กสฺสโป นาม โคตฺเตน, ธมฺมราชา ปภงฺกโร’’ติ.
ยสฺมึ ¶ ปน กปฺเป ทีปงฺกโร ทสพโล อุทปาทิ, ตสฺมึ อฺเปิ ตโย พุทฺธา อเหสุํ. เตสํ สนฺติกา โพธิสตฺตสฺส พฺยากรณํ นตฺถิ, ตสฺมา ¶ เต อิธ น ทสฺสิตา. อฏฺกถายํ ปน ตมฺหา กปฺปา ปฏฺาย สพฺเพปิ พุทฺเธ ทสฺเสตุํ อิทํ วุตฺตํ –
‘‘ตณฺหงฺกโร เมธงฺกโร, อโถปิ สรณงฺกโร;
ทีปงฺกโร จ สมฺพุทฺโธ, โกณฺฑฺโ ทฺวิปทุตฺตโม.
‘‘มงฺคโล จ สุมโน จ, เรวโต โสภิโต มุนิ;
อโนมทสฺสี ปทุโม, นารโท ปทุมุตฺตโร.
‘‘สุเมโธ จ สุชาโต จ, ปิยทสฺสี มหายโส;
อตฺถทสฺสี ธมฺมทสฺสี, สิทฺธตฺโถ โลกนายโก.
‘‘ติสฺโส ผุสฺโส จ สมฺพุทฺโธ, วิปสฺสี สิขิ เวสฺสภู;
กกุสนฺโธ โกณาคมโน, กสฺสโป จาติ นายโก.
‘‘เอเต ¶ อเหสุํ สมฺพุทฺธา, วีตราคา สมาหิตา;
สตรํสีว อุปฺปนฺนา, มหาตมวิโนทนา;
ชลิตฺวา อคฺคิขนฺธาว, นิพฺพุตา เต สสาวกา’’ติ.
ตตฺถ อมฺหากํ โพธิสตฺโต ทีปงฺกราทีนํ จตุวีสติยา พุทฺธานํ สนฺติเก อธิการํ กโรนฺโต กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ อาคโต. กสฺสปสฺส ปน ภควโต โอรภาเค เปตฺวา อิมํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อฺโ พุทฺโธ นาม นตฺถิ. อิติ ทีปงฺกราทีนํ จตุวีสติยา พุทฺธานํ สนฺติเก ลทฺธพฺยากรโณ ปน โพธิสตฺโต เยเนน –
‘‘มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺติ, เหตุ สตฺถารทสฺสนํ;
ปพฺพชฺชา คุณสมฺปตฺติ, อธิกาโร จ ฉนฺทตา;
อฏฺธมฺมสโมธานา, อภินีหาโร สมิชฺฌตี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๕๙) –
อิเม อฏฺ ธมฺเม สโมธาเนตฺวา ทีปงฺกรปาทมูเล กตาภินีหาเรน ‘‘หนฺท พุทฺธกเร ธมฺเม, วิจินามิ อิโต ¶ จิโต’’ติ อุสฺสาหํ กตฺวา ‘‘วิจินนฺโต ตทาทกฺขึ, ปมํ ทานปารมิ’’นฺติ ทานปารมิตาทโย พุทฺธการกธมฺมา ทิฏฺา, เต ปูเรนฺโตเยว ยาว เวสฺสนฺตรตฺตภาวา อาคมิ. อาคจฺฉนฺโต จ เย เต กตาภินีหารานํ โพธิสตฺตานํ อานิสํสา สํวณฺณิตา –
‘‘เอวํ สพฺพงฺคสมฺปนฺนา, โพธิยา นิยตา นรา;
สํสรํ ทีฆมทฺธานํ, กปฺปโกฏิสเตหิปิ.
‘‘อวีจิมฺหิ นุปฺปชฺชนฺติ, ตถา โลกนฺตเรสุ จ;
นิชฺฌามตณฺหา ขุปฺปิปาสา, น โหนฺติ กาลกฺชกา.
‘‘น โหนฺติ ขุทฺทกา ปาณา, อุปฺปชฺชนฺตาปิ ทุคฺคตึ;
ชายมานา ¶ มนุสฺเสสุ, ชจฺจนฺธา น ภวนฺติ เต.
‘‘โสตเวกลฺลตา นตฺถิ, น ภวนฺติ มูคปกฺขิกา;
อิตฺถิภาวํ น คจฺฉนฺติ, อุภโตพฺยฺชนปณฺฑกา.
‘‘น ภวนฺติ ปริยาปนฺนา, โพธิยา นิยตา นรา;
มุตฺตา อานนฺตริเกหิ, สพฺพตฺถ สุทฺธโคจรา.
‘‘มิจฺฉาทิฏฺึ ¶ น เสวนฺติ, กมฺมกิริยทสฺสนา;
วสมานาปิ สคฺเคสุ, อสฺํ นูปปชฺชเร.
‘‘สุทฺธาวาเสสุ เทเวสุ, เหตุ นาม น วิชฺชติ;
เนกฺขมฺมนินฺนา สปฺปุริสา, วิสํยุตฺตา ภวาภเว;
จรนฺติ โลกตฺถจริยาโย, ปูเรนฺติ สพฺพปารมี’’ติ.
เต อานิสํเส อธิคนฺตฺวาว อาคโต. ปารมิโย ปูเรนฺตสฺส จสฺส อกิตฺติพฺราหฺมณกาเล สงฺขพฺราหฺมณกาเล ธนฺจยราชกาเล มหาสุทสฺสนกาเล มหาโควินฺทกาเล นิมิมหาราชกาเล จนฺทกุมารกาเล วิสยฺหเสฏฺิกาเล สิวิราชกาเล เวสฺสนฺตรกาเลติ ทานปารมิตาย ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส สสปณฺฑิตชาตเก –
‘‘ภิกฺขาย ¶ อุปคตํ ทิสฺวา, สกตฺตานํ ปริจฺจชึ;
ทาเนน เม สโม นตฺถิ, เอสา เม ทานปารมี’’ติ. (จริยา. ๑.ตสฺสุทานํ) –
เอวํ อตฺตปริจฺจาคํ กโรนฺตสฺส ทานปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. ตถา สีลวราชกาเล จมฺเปยฺยนาคราชกาเล ภูริทตฺตนาคราชกาเล ฉทฺทนฺตนาคราชกาเล ชยทฺทิสราชปุตฺตกาเล อลีนสตฺตุกุมารกาเลติ สีลปารมิตาย ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส สงฺขปาลชาตเก –
‘‘สูเลหิ วิชฺฌิยนฺโตปิ, โกฏฺฏิยนฺโตปิ สตฺติหิ;
โภชปุตฺเต น กุปฺปามิ, เอสา เม สีลปารมี’’ติ. (จริยา. ๒.๙๑) –
เอวํ อตฺตปริจฺจาคํ กโรนฺตสฺส สีลปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. ตถา โสมนสฺสกุมารกาเล, หตฺถิปาลกุมารกาเล, อโยฆรปณฺฑิตกาเลติ มหารชฺชํ ปหาย เนกฺขมฺมปารมิตาย ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส จูฬสุตโสมชาตเก –
‘‘มหารชฺชํ ¶ หตฺถคตํ, เขฬปิณฺฑํว ฉฑฺฑยึ;
จชโต น โหติ ลคฺคํ, เอสา เม เนกฺขมฺมปารมี’’ติ. –
เอวํ ¶ นิสฺสงฺคตาย รชฺชํ ฉฑฺเฑตฺวา นิกฺขมนฺตสฺส เนกฺขมฺมปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. ตถา วิธุรปณฺฑิตกาเล, มหาโควินฺทปณฺฑิตกาเล, กุทฺทาลปณฺฑิตกาเล, อรกปณฺฑิตกาเล, โพธิปริพฺพาชกกาเล, มโหสธปณฺฑิตกาเลติ, ปฺาปารมิตาย ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส สตฺตุภสฺตชาตเก เสนกปณฺฑิตกาเล –
‘‘ปฺาย วิจินนฺโตหํ, พฺราหฺมณํ โมจยึ ทุขา;
ปฺาย เม สโม นตฺถิ, เอสา เม ปฺาปารมี’’ติ. –
อนฺโตภสฺตคตํ สปฺปํ ทสฺเสนฺตสฺส ปฺาปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. ตถา วีริยปารมิตาทีนมฺปิ ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส มหาชนกชาตเก –
‘‘อตีรทสฺสี ¶ ชลมชฺเฌ, หตา สพฺเพว มานุสา;
จิตฺตสฺส อฺถา นตฺถิ, เอสา เม วีริยปารมี’’ติ. –
เอวํ มหาสมุทฺทํ ตรนฺตสฺส ปวตฺตา วีริยปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. ขนฺติวาทิชาตเก –
‘‘อเจตนํว โกฏฺเฏนฺเต, ติณฺเหน ผรสุนา มมํ;
กาสิราเช น กุปฺปามิ, เอสา เม ขนฺติปารมี’’ติ. –
เอวํ อเจตนภาเวน วิย มหาทุกฺขํ อธิวาเสนฺตสฺส ขนฺติปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. มหาสุตโสมชาตเก –
‘‘สจฺจวาจํ อนุรกฺขนฺโต, จชิตฺวา มม ชีวิตํ;
โมเจสึ เอกสตํ ขตฺติเย, เอสา เม สจฺจปารมี’’ติ. –
เอวํ ชีวิตํ จชิตฺวา สจฺจมนุรกฺขนฺตสฺส สจฺจปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. มูคปกฺขชาตเก –
‘‘มาตา ปิตา น เม เทสฺสา, นปิ เม เทสฺสํ มหายสํ;
สพฺพฺุตํ ปิยํ มยฺหํ, ตสฺมา วตมธิฏฺหิ’’นฺติ. (จริยา. ๓.๖ โถกํ วิสทิสํ) –
เอวํ ¶ ชีวิตมฺปิ จชิตฺวา วตํ อธิฏฺหนฺตสฺส อธิฏฺานปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. เอกราชชาตเก –
‘‘น ¶ มํ โกจิ อุตฺตสติ, นปิหํ ภายามิ กสฺสจิ;
เมตฺตาพเลนุปตฺถทฺโธ, รมามิ ปวเน ตทา’’ติ. (จริยา. ๓.๑๑๓) –
เอวํ ชีวิตมฺปิ อโนโลเกตฺวา เมตฺตายนฺตสฺส เมตฺตาปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. โลมหํสชาตเก –
‘‘สุสาเน ¶ เสยฺยํ กปฺเปมิ, ฉวฏฺิกํ อุปธายหํ;
คามณฺฑลา อุปาคนฺตฺวา, รูปํ ทสฺเสนฺตินปฺปก’’นฺติ. (จริยา. ๓.๑๑๙) –
เอวํ คามทารเกสุ นิฏฺุภนาทีหิ เจว มาลาคนฺธูปหาราทีหิ จ สุขทุกฺขํ อุปฺปาเทนฺเตสุปิ อุเปกฺขํ อนติวตฺตนฺตสฺส อุเปกฺขาปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปเนส อตฺโถ จริยาปิฏกโต คเหตพฺโพ. เอวํ ปารมิโย ปูเรตฺวา เวสฺสนฺตรตฺตภาเว ิโต –
‘‘อเจตนายํ ปถวี, อวิฺาย สุขํ ทุขํ;
สาปิ ทานพลา มยฺหํ, สตฺตกฺขตฺตุํ ปกมฺปถา’’ติ. (จริยา. ๑.๑๒๔) –
เอวํ มหาปถวิกมฺปนาทีนิ มหาปฺุานิ กตฺวา อายุปริโยสาเน ตโต จุโต ตุสิตภวเน นิพฺพตฺติ. อิติ ทีปงฺกรปาทมูลโต ปฏฺาย ยาว อยํ ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติ, เอตฺตกํ านํ ทูเรนิทานํ นามาติ เวทิตพฺพํ.
ทูเรนิทานกถา นิฏฺิตา.
๒. อวิทูเรนิทานกถา
ตุสิตปุเร วสนฺเตเยว ปน โพธิสตฺเต พุทฺธโกลาหลํ นาม อุทปาทิ. โลกสฺมิฺหิ ตีณิ โกลาหลานิ อุปฺปชฺชนฺติ – กปฺปโกลาหลํ, พุทฺธโกลาหลํ, จกฺกวตฺติโกลาหลนฺติ. ตตฺถ ‘‘วสฺสสตสหสฺสสฺส อจฺจเยน กปฺปุฏฺานํ ภวิสฺสตี’’ติ โลกพฺยูหา นาม กามาวจรเทวา มุตฺตสิรา วิกิณฺณเกสา รุทมุขา อสฺสูนิ หตฺเถหิ ปฺุฉมานา รตฺตวตฺถนิวตฺถา อติวิย วิรูปเวสธาริโน หุตฺวา มนุสฺสปเถ วิจรนฺตา เอวํ อาโรเจนฺติ ‘‘มาริสา ¶ อิโต วสฺสสตสหสฺสสฺส อจฺจเยน กปฺปุฏฺานํ ภวิสฺสติ, อยํ โลโก วินสฺสิสฺสติ, มหาสมุทฺโทปิ สุสฺสิสฺสติ ¶ , อยฺจ มหาปถวี สิเนรุ จ ปพฺพตราชา อุฑฺฑยฺหิสฺสนฺติ วินสฺสิสฺสนฺติ, ยาว พฺรหฺมโลกา โลกวินาโส ภวิสฺสติ, เมตฺตํ มาริสา ภาเวถ, กรุณํ, มุทิตํ, อุเปกฺขํ มาริสา ภาเวถ, มาตรํ อุปฏฺหถ, ปิตรํ อุปฏฺหถ, กุเล เชฏฺาปจายิโน โหถา’’ติ. อิทํ กปฺปโกลาหลํ นาม. วสฺสสหสฺสสฺส อจฺจเยน ปน สพฺพฺุพุทฺโธ โลเก อุปฺปชฺชิสฺสตีติ โลกปาลเทวตา ‘‘อิโต ¶ มาริสา วสฺสสหสฺสสฺส อจฺจเยน พุทฺโธ โลเก อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ อุคฺโฆเสนฺตา อาหิณฺฑนฺติ. อิทํ พุทฺธโกลาหลํ นาม. วสฺสสตสฺส อจฺจเยน จกฺกวตฺตี ราชา อุปฺปชฺชิสฺสตีติ เทวตา ‘‘อิโต มาริสา วสฺสสตสฺส อจฺจเยน จกฺกวตฺตี ราชา โลเก อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ อุคฺโฆเสนฺติโย อาหิณฺฑนฺติ. อิทํ จกฺกวตฺติโกลาหลํ นาม. อิมานิ ตีณิ โกลาหลานิ มหนฺตานิ โหนฺติ.
เตสุ พุทฺธโกลาหลสทฺทํ สุตฺวา สกลทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา เอกโต สนฺนิปติตฺวา ‘‘อสุโก นาม สตฺโต พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ตํ อุปสงฺกมิตฺวา อายาจนฺติ. อายาจมานา จ ปุพฺพนิมิตฺเตสุ อุปฺปนฺเนสุ อายาจนฺติ. ตทา ปน สพฺพาปิ เทวตา เอเกกจกฺกวาเฬ จตุมหาราชสกฺกสุยามสนฺตุสิตสุนิมฺมิตวสวตฺติมหาพฺรหฺเมหิ สทฺธึ เอกจกฺกวาเฬ สนฺนิปติตฺวา ตุสิตภวเน โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘มาริสา ตุมฺเหหิ ทส ปารมิโย ปูเรนฺเตหิ น สกฺกสมฺปตฺตึ, น มารสมฺปตฺตึ, น พฺรหฺมสมฺปตฺตึ, น จกฺกวตฺติสมฺปตฺตึ ปตฺเถนฺเตหิ ปูริตา, โลกนิตฺถรณตฺถาย ปน สพฺพฺุตํ ปตฺเถนฺเตหิ ปูริตา, โส โว อิทานิ กาโล มาริสา พุทฺธตฺตาย สมโย, มาริสา พุทฺธตฺตาย สมโย’’ติ ยาจึสุ.
อถ มหาสตฺโต เทวตานํ ปฏิฺํ อทตฺวาว กาลทีปเทสกุลชเนตฺติอายุปริจฺเฉทวเสน ปฺจมหาวิโลกนํ นาม วิโลเกสิ. ตตฺถ ‘‘กาโล นุ โข, อกาโล นุ โข’’ติ ปมํ กาลํ วิโลเกสิ. ตตฺถ วสฺสสตสหสฺสโต อุทฺธํ วฑฺฒิตอายุกาโล กาโล นาม น โหติ. กสฺมา? ตทา หิ สตฺตานํ ชาติชรามรณานิ น ปฺายนฺติ. พุทฺธานฺจ ธมฺมเทสนา ติลกฺขณมุตฺตา นาม นตฺถิ. เตสํ ‘‘อนิจฺจํ, ทุกฺขํ, อนตฺตา’’ติ กเถนฺตานํ ‘‘กึ นาเมตํ กเถนฺตี’’ติ เนว โสตพฺพํ น สทฺธาตพฺพํ ¶ มฺนฺติ, ตโต อภิสมโย น โหติ, ตสฺมึ อสติ อนิยฺยานิกํ สาสนํ โหติ. ตสฺมา โส อกาโล. วสฺสสตโต อูนอายุกาโลปิ กาโล น โหติ. กสฺมา? ตทา สตฺตา อุสฺสนฺนกิเลสา โหนฺติ, อุสฺสนฺนกิเลสานฺจ ทินฺโน โอวาโท โอวาทฏฺาเน น ติฏฺติ, อุทเก ทณฺฑราชิ วิย ขิปฺปํ วิคจฺฉติ ¶ . ตสฺมา โสปิ อกาโล. วสฺสสตสหสฺสโต ปน ปฏฺาย เหฏฺา, วสฺสสตโต ปฏฺาย อุทฺธํ อายุกาโล กาโล นาม. ตทา จ วสฺสสตกาโล. อถ มหาสตฺโต ‘‘นิพฺพตฺติตพฺพกาโล’’ติ กาลํ ปสฺสิ.
ตโต ทีปํ วิโลเกนฺโต สปริวาเร จตฺตาโร ทีเป โอโลเกตฺวา ‘‘ตีสุ ทีเปสุ พุทฺธา น นิพฺพตฺตนฺติ, ชมฺพุทีเปเยว นิพฺพตฺตนฺตี’’ติ ทีปํ ปสฺสิ.
ตโต ¶ ‘‘ชมฺพุทีโป นาม มหา ทสโยชนสหสฺสปริมาโณ, กตรสฺมึ นุ โข ปเทเส พุทฺธา นิพฺพตฺตนฺตี’’ติ โอกาสํ วิโลเกนฺโต มชฺฌิมเทสํ ปสฺสิ. มชฺฌิมเทโส นาม – ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย คชงฺคลํ นาม นิคโม, ตสฺส อปเรน มหาสาโล, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ปุพฺพทกฺขิณาย ทิสาย สลฺลวตี นาม นที, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ทกฺขิณาย ทิสาย เสตกณฺณิกํ นาม นิคโม, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ปจฺฉิมาย ทิสาย ถูณํ นาม พฺราหฺมณคาโม, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. อุตฺตราย ทิสาย อุสีรทฺธโช นาม ปพฺพโต, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ’’ติ เอวํ วินเย (มหาว. ๒๕๙) วุตฺโต ปเทโส. โส อายามโต ตีณิ โยชนสตานิ, วิตฺถารโต อฑฺฒเตยฺยานิ, ปริกฺเขปโต นว โยชนสตานีติ เอตสฺมึ ปเทเส พุทฺธา, ปจฺเจกพุทฺธา, อคฺคสาวกา, อสีติ มหาสาวกา, จกฺกวตฺติราชา อฺเ จ มเหสกฺขา ขตฺติยพฺราหฺมณคหปติมหาสาลา อุปฺปชฺชนฺติ. อิทฺเจตฺถ กปิลวตฺถุ นาม นครํ, ตตฺถ มยา นิพฺพตฺติตพฺพนฺติ นิฏฺํ อคมาสิ.
ตโต กุลํ วิโลเกนฺโต ‘‘พุทฺธา นาม เวสฺสกุเล วา สุทฺทกุเล วา น นิพฺพตฺตนฺติ, โลกสมฺมเต ปน ขตฺติยกุเล วา พฺราหฺมณกุเลวาติ ทฺวีสุเยว กุเลสุ นิพฺพตฺตนฺติ. อิทานิ จ ขตฺติยกุลํ โลกสมฺมตํ ¶ , ตตฺถ นิพฺพตฺติสฺสามิ. สุทฺโธทโน นาม ราชา เม ปิตา ภวิสฺสตี’’ติ กุลํ ปสฺสิ.
ตโต มาตรํ วิโลเกนฺโต ‘‘พุทฺธมาตา นาม โลลา สุราธุตฺตา น โหติ, กปฺปสตสหสฺสํ ปน ปูริตปารมี ชาติโต ปฏฺาย อขณฺฑปฺจสีลาเยว โหติ. อยฺจ มหามายา นาม เทวี เอทิสี, อยํ เม มาตา ภวิสฺสติ, กิตฺตกํ ปนสฺสา อายูติ ทสนฺนํ มาสานํ อุปริ สตฺต ทิวสานี’’ติ ปสฺสิ.
อิติ อิมํ ปฺจมหาวิโลกนํ วิโลเกตฺวา ‘‘กาโล เม มาริสา พุทฺธภาวายา’’ติ เทวตานํ สงฺคหํ กโรนฺโต ปฏิฺํ ทตฺวา ‘‘คจฺฉถ, ตุมฺเห’’ติ ตา เทวตา อุยฺโยเชตฺวา ตุสิตเทวตาหิ ปริวุโต ตุสิตปุเร นนฺทนวนํ ปาวิสิ. สพฺพเทวโลเกสุ หิ นนฺทนวนํ อตฺถิเยว. ตตฺถ นํ เทวตา ‘‘อิโต จุโต สุคตึ คจฺฉ, อิโต จุโต สุคตึ คจฺฉา’’ติ ปุพฺเพ กตกุสลกมฺโมกาสํ สารยมานา ¶ วิจรนฺติ. โส เอวํ เทวตาหิ กุสลํ สารยมานาหิ ปริวุโต ตตฺถ วิจรนฺโต จวิตฺวา มหามายาย เทวิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ.
ตสฺส ¶ อาวิภาวตฺถํ อยมนุปุพฺพิกถา – ตทา กิร กปิลวตฺถุนคเร อาสาฬฺหินกฺขตฺตํ สงฺฆุฏฺํ อโหสิ, มหาชโน นกฺขตฺตํ กีฬติ. มหามายาปิ เทวี ปุเร ปุณฺณมาย สตฺตมทิวสโต ปฏฺาย วิคตสุราปานํ มาลาคนฺธวิภูติสมฺปนฺนํ นกฺขตฺตกีฬํ อนุภวมานา สตฺตเม ทิวเส ปาโตว อุฏฺาย คนฺโธทเกน นฺหายิตฺวา จตฺตาริ สตสหสฺสานิ วิสฺสชฺเชตฺวา มหาทานํ ทตฺวา สพฺพาลงฺการวิภูสิตา วรโภชนํ ภฺุชิตฺวา อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺาย อลงฺกตปฏิยตฺตํ สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา สิริสยเน นิปนฺนา นิทฺทํ โอกฺกมมานา อิมํ สุปินํ อทฺทส – ‘จตฺตาโร กิร นํ มหาราชาโน สยเนเนว สทฺธึ อุกฺขิปิตฺวา หิมวนฺตํ เนตฺวา สฏฺิโยชนิเก มโนสิลาตเล สตฺตโยชนิกสฺส มหาสาลรุกฺขสฺส เหฏฺา เปตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. อถ เนสํ เทวิโย อาคนฺตฺวา เทวึ อโนตตฺตทหํ เนตฺวา มนุสฺสมลหรณตฺถํ นฺหาเปตฺวา ทิพฺพวตฺถํ นิวาสาเปตฺวา คนฺเธหิ วิลิมฺปาเปตฺวา ทิพฺพปุปฺผานิ ปิฬนฺธาเปตฺวา ตโต อวิทูเร เอโก รชตปพฺพโต อตฺถิ, ตสฺส อนฺโต กนกวิมานํ อตฺถิ ¶ , ตตฺถ ปาจีนสีสกํ ทิพฺพสยนํ ปฺาเปตฺวา นิปชฺชาเปสุํ. อถ โพธิสตฺโต เสตวรวารโณ หุตฺวา ตโต อวิทูเร เอโก สุวณฺณปพฺพโต อตฺถิ, ตตฺถ วิจริตฺวา ตโต โอรุยฺห รชตปพฺพตํ อภิรุหิตฺวา อุตฺตรทิสโต อาคมฺม รชตทามวณฺณาย โสณฺฑาย เสตปทุมํ คเหตฺวา โกฺจนาทํ นทิตฺวา กนกวิมานํ ปวิสิตฺวา มาตุสยนํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ทกฺขิณปสฺสํ ผาเลตฺวา กุจฺฉึ ปวิฏฺสทิโส อโหสี’ติ. เอวํ อุตฺตราสาฬฺหนกฺขตฺเตน ปฏิสนฺธึ คณฺหิ.
ปุนทิวเส ปพุทฺธา เทวี ตํ สุปินํ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา จตุสฏฺิมตฺเต พฺราหฺมณปาโมกฺเข ปกฺโกสาเปตฺวา โคมยหริตูปลิตฺตาย ลาชาทีหิ กตมงฺคลสกฺการาย ภูมิยา มหารหานิ อาสนานิ ปฺาเปตฺวา ตตฺถ นิสินฺนานํ พฺราหฺมณานํ สปฺปิมธุสกฺขราภิสงฺขตสฺส วรปายาสสฺส สุวณฺณรชตปาติโย ปูเรตฺวา สุวณฺณรชตปาตีหิเยว ปฏิกุชฺชิตฺวา อทาสิ, อฺเหิ จ อหตวตฺถกปิลคาวิทานาทีหิ เต สนฺตปฺเปสิ. อถ เนสํ สพฺพกาเมหิ สนฺตปฺปิตานํ สุปินํ อาโรจาเปตฺวา ‘‘กึ ภวิสฺสตี’’ติ ปุจฺฉิ. พฺราหฺมณา อาหํสุ ‘‘มา จินฺตยิ, มหาราช, เทวิยา เต กุจฺฉิมฺหิ คพฺโภ ปติฏฺิโต, โส จ ¶ โข ปุริสคพฺโภ, น อิตฺถิคพฺโภ, ปุตฺโต เต ภวิสฺสติ. โส สเจ อคารํ อชฺฌาวสิสฺสติ, ราชา ภวิสฺสติ จกฺกวตฺตี; สเจ อคารา นิกฺขมฺม ปพฺพชิสฺสติ, พุทฺโธ ภวิสฺสติ โลเก วิวฏฺฏจฺฉโท’’ติ.
โพธิสตฺตสฺส ปน มาตุกุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธิคฺคหณกฺขเณ เอกปฺปหาเรเนว สกลทสสหสฺสี โลกธาตุ สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธิ. พาตฺตึสปุพฺพนิมิตฺตานิ ปาตุรเหสุํ – ทสสุ จกฺกวาฬสหสฺเสสุ อปฺปมาโณ โอภาโส ผริ. ตสฺส ตํ สิรึ ทฏฺุกามา วิย อนฺธา จกฺขูนิ ¶ ปฏิลภึสุ, พธิรา สทฺทํ สุณึสุ, มูคา สมาลปึสุ, ขุชฺชา อุชุคตฺตา อเหสุํ, ปงฺคุลา ปทสา คมนํ ปฏิลภึสุ, พนฺธนคตา สพฺพสตฺตา อนฺทุพนฺธนาทีหิ มุจฺจึสุ, สพฺพนรเกสุ อคฺคิ นิพฺพายิ, เปตฺติวิสเย ขุปฺปิปาสา วูปสมิ, ติรจฺฉานานํ ภยํ นาโหสิ, สพฺพสตฺตานํ โรโค วูปสมิ, สพฺพสตฺตา ปิยํวทา อเหสุํ, มธุเรนากาเรน อสฺสา หสึสุ, วารณา คชฺชึสุ, สพฺพตูริยานิ สกสกนินฺนาทํ มฺุจึสุ, อฆฏฺฏิตานิเยว มนุสฺสานํ หตฺถูปคาทีนิ อาภรณานิ วิรวึสุ, สพฺพทิสา วิปฺปสนฺนา อเหสุํ ¶ , สตฺตานํ สุขํ อุปฺปาทยมาโน มุทุสีตลวาโต วายิ, อกาลเมโฆ วสฺสิ, ปถวิโตปิ อุทกํ อุพฺภิชฺชิตฺวา วิสฺสนฺทิ, ปกฺขิโน อากาสคมนํ วิชหึสุ, นทิโย อสนฺทมานา อฏฺํสุ, มหาสมุทฺเท มธุรํ อุทกํ อโหสิ, สพฺพตฺถกเมว ปฺจวณฺเณหิ ปทุเมหิ สฺฉนฺนตโล อโหสิ, ถลชชลชาทีนิ สพฺพปุปฺผานิ ปุปฺผึสุ, รุกฺขานํ ขนฺเธสุ ขนฺธปทุมานิ, สาขาสุ สาขาปทุมานิ, ลตาสุ ลตาปทุมานิ ปุปฺผึสุ, ถเล สิลาตลานิ ภินฺทิตฺวา อุปรูปริ สตฺต สตฺต หุตฺวา ทณฺฑปทุมานิ นาม นิกฺขมึสุ, อากาเส โอลมฺพกปทุมานิ นาม นิพฺพตฺตึสุ, สมนฺตโต ปุปฺผวสฺสา วสฺสึสุ, อากาเส ทิพฺพตูริยานิ วชฺชึสุ, สกลทสสหสฺสิโลกธาตุ วฏฺเฏตฺวา วิสฺสฏฺมาลาคุโฬ วิย, อุปฺปีเฬตฺวา พทฺธมาลากลาโป วิย, อลงฺกตปฏิยตฺตํ มาลาสนํ วิย จ เอกมาลามาลินี วิปฺผุรนฺตวาฬพีชนี ปุปฺผธูมคนฺธปริวาสิตา ปรมโสภคฺคปฺปตฺตา อโหสิ.
เอวํ คหิตปฏิสนฺธิกสฺส โพธิสตฺตสฺส ปฏิสนฺธิโต ปฏฺาย โพธิสตฺตสฺส เจว โพธิสตฺตมาตุยา จ อุปทฺทวนิวารณตฺถํ ขคฺคหตฺถา จตฺตาโร เทวปุตฺตา อารกฺขํ คณฺหึสุ. โพธิสตฺตมาตุ ปน ปุริเสสุ ราคจิตฺตํ นุปฺปชฺชิ, ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตา จ อโหสิ สุขินี อกิลนฺตกายา. โพธิสตฺตฺจ อนฺโตกุจฺฉิคตํ ¶ วิปฺปสนฺเน มณิรตเน อาวุตปณฺฑุสุตฺตํ วิย ปสฺสติ. ยสฺมา จ โพธิสตฺเตน วสิตกุจฺฉิ นาม เจติยคพฺภสทิสา โหติ, น สกฺกา อฺเน สตฺเตน อาวสิตุํ วา ปริภฺุชิตุํ วา, ตสฺมา โพธิสตฺตมาตา สตฺตาหชาเต โพธิสตฺเต กาลํ กตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺตติ. ยถา จ อฺา อิตฺถิโย ทส มาเส อปตฺวาปิ อติกฺกมิตฺวาปิ นิสินฺนาปิ นิปนฺนาปิ วิชายนฺติ, น เอวํ โพธิสตฺตมาตา. สา ปน โพธิสตฺตํ ทส มาเส กุจฺฉินา ปริหริตฺวา ิตาว วิชายติ. อยํ โพธิสตฺตมาตุธมฺมตา.
มหามายาปิ เทวี ปตฺเตน เตลํ วิย ทส มาเส กุจฺฉินา โพธิสตฺตํ ปริหริตฺวา ปริปุณฺณคพฺภา าติฆรํ คนฺตุกามา สุทฺโธทนมหาราชสฺส อาโรเจสิ – ‘‘อิจฺฉามหํ, เทว, กุลสนฺตกํ เทวทหนครํ คนฺตุ’’นฺติ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา กปิลวตฺถุโต ยาว เทวทหนครา มคฺคํ สมํ กาเรตฺวา กทลิปุณฺณฆฏธชปฏากาทีหิ อลงฺการาเปตฺวา เทวิ สุวณฺณสิวิกาย ¶ นิสีทาเปตฺวา อมจฺจสหสฺเสน อุกฺขิปาเปตฺวา มหนฺเตน ¶ ปริวาเรน เปเสสิ. ทฺวินฺนํ ปน นครานํ อนฺตเร อุภยนครวาสีนมฺปิ ลุมฺพินีวนํ นาม มงฺคลสาลวนํ อตฺถิ, ตสฺมึ สมเย มูลโต ปฏฺาย ยาว อคฺคสาขา สพฺพํ เอกปาลิผุลฺลํ อโหสิ, สาขนฺตเรหิ เจว ปุปฺผนฺตเรหิ จ ปฺจวณฺณา ภมรคณา นานปฺปการา จ สกุณสงฺฆา มธุรสฺสเรน วิกูชนฺตา วิจรนฺติ. สกลํ ลุมฺพินีวนํ จิตฺตลตาวนสทิสํ, มหานุภาวสฺส รฺโ สุสชฺชิตํ อาปานมณฺฑลํ วิย อโหสิ. เทวิยา ตํ ทิสฺวา สาลวนกีฬํ กีฬิตุกามตาจิตฺตํ อุทปาทิ. อมจฺจา เทวึ คเหตฺวา สาลวนํ ปวิสึสุ. สา มงฺคลสาลมูลํ คนฺตฺวา สาลสาขํ คณฺหิตุกามา อโหสิ, สาลสาขา สุเสทิตเวตฺตคฺคํ วิย โอนมิตฺวา เทวิยา หตฺถปถํ อุปคฺฉิ. สา หตฺถํ ปสาเรตฺวา สาขํ อคฺคเหสิ. ตาวเทว จสฺสา กมฺมชวาตา จลึสุ. อถสฺสา สาณึ ปริกฺขิปิตฺวา มหาชโน ปฏิกฺกมิ. สาลสาขํ คเหตฺวา ติฏฺมานาย เอวสฺสา คพฺภวุฏฺานํ อโหสิ. ตงฺขณํเยว จตฺตาโร วิสุทฺธจิตฺตา มหาพฺรหฺมาโน สุวณฺณชาลํ อาทาย สมฺปตฺตา เตน สุวณฺณชาเลน โพธิสตฺตํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา มาตุ ปุรโต เปตฺวา ‘‘อตฺตมนา, เทวิ, โหหิ, มเหสกฺโข เต ปุตฺโต อุปฺปนฺโน’’ติ อาหํสุ.
ยถา ปน อฺเ สตฺตา มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมนฺตา ปฏิกูเลน อสุจินา มกฺขิตา นิกฺขมนฺติ, น เอวํ โพธิสตฺโต. โส ปน ¶ ธมฺมาสนโต โอตรนฺโต ธมฺมกถิโก วิย, นิสฺเสณิโต โอตรนฺโต ปุริโส วิย, จ ทฺเว จ หตฺเถ ทฺเว จ ปาเท ปสาเรตฺวา ิตโกว มาตุกุจฺฉิสมฺภเวน เกนจิ อสุจินา อมกฺขิโต สุทฺโธ วิสโท กาสิกวตฺเถ นิกฺขิตฺตมณิรตนํ วิย โชตยนฺโต มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมิ. เอวํ สนฺเตปิ โพธิสตฺตสฺส จ โพธิสตฺตมาตุยา จ สกฺการตฺถํ อากาสโต ทฺเว อุทกธารา นิกฺขมิตฺวา โพธิสตฺตสฺส จ มาตุยา จ สรีเร อุตุํ คาหาเปสุํ.
อถ นํ สุวณฺณชาเลน ปฏิคฺคเหตฺวา ิตานํ พฺรหฺมานํ หตฺถโต จตฺตาโร มหาราชาโน มงฺคลสมฺมตาย สุขสมฺผสฺสาย อชินปฺปเวณิยา คณฺหึสุ, เตสํ หตฺถโต มนุสฺสา ทุกูลจุมฺพฏเกน. มนุสฺสานํ หตฺถโต มุจฺจิตฺวา ปถวิยํ ปติฏฺาย ปุรตฺถิมทิสํ โอโลเกสิ, อเนกานิ จกฺกวาฬสหสฺสานิ เอกงฺคณานิ อเหสุํ. ตตฺถ เทวมนุสฺสา คนฺธมาลาทีหิ ¶ ปูชยมานา ‘‘มหาปุริส, อิธ ตุมฺเหหิ สทิโส อฺโ นตฺถิ, กุเตตฺถ อุตฺตริตโร’’ติ อาหํสุ. เอวํ จตสฺโส ทิสา, จตสฺโส อนุทิสา, เหฏฺา, อุปรีติ ทส ทิสา อนุวิโลเกตฺวา อตฺตนา สทิสํ กฺจิ อทิสฺวา ‘‘อยํ อุตฺตราทิสา’’ติ สตฺตปทวีติหาเรน อคมาสิ, มหาพฺรหฺมุนา เสตจฺฉตฺตํ ธาริยมาโน, สุยาเมน วาฬพีชนึ, อฺาหิ จ เทวตาหิ เสสราชกกุธภณฺฑหตฺถาหิ ¶ อนุคมฺมมาโน. ตโต สตฺตมปเท ิโต ‘‘อคฺโคหมสฺมึ โลกสฺสา’’ติอาทิกํ อาสภึ วาจํ นิจฺฉาเรนฺโต สีหนาทํ นทิ.
โพธิสตฺโต หิ ตีสุ อตฺตภาเวสุ มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺตมตฺโตว วาจํ นิจฺฉาเรสิ มโหสธตฺตภาเว, เวสฺสนฺตรตฺตภาเว, อิมสฺมึ อตฺตภาเวติ. มโหสธตฺตภาเว กิรสฺส มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺตมตฺตสฺเสว สกฺโก เทวราชา อาคนฺตฺวา จนฺทนสารํ หตฺเถ เปตฺวา คโต, โส ตํ มุฏฺิยํ กตฺวาว นิกฺขนฺโต. อถ นํ มาตา ‘‘ตาต, กึ คเหตฺวา อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘โอสธํ, อมฺมา’’ติ. อิติ โอสธํ คเหตฺวา อาคตตฺตา ‘‘โอสธทารโก’’ตฺเววสฺส นามํ อกํสุ. ตํ โอสธํ คเหตฺวา จาฏิยํ ปกฺขิปึสุ, อาคตาคตานํ อนฺธพธิราทีนํ ตเทว สพฺพโรควูปสมาย เภสชฺชํ อโหสิ. ตโต ‘‘มหนฺตํ อิทํ โอสธํ, มหนฺตํ อิทํ โอสธ’’นฺติ อุปฺปนฺนวจนํ อุปาทาย ‘‘มโหสโธ’’ตฺเววสฺส นามํ ชาตํ. เวสฺสนฺตรตฺตภาเว ปน มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺโต ทกฺขิณหตฺถํ ปสาเรตฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข, อมฺม, กิฺจิ เคหสฺมึ, ทานํ ทสฺสามี’’ติ วทนฺโต นิกฺขมิ. อถสฺส มาตา ‘‘สธเน กุเล นิพฺพตฺโตสิ, ตาตา’’ติ ปุตฺตสฺส หตฺถํ อตฺตโน ¶ หตฺถตเล กตฺวา สหสฺสตฺถวิกํ เปสิ. อิมสฺมึ ปน อตฺตภาเว อิมํ สีหนาทํ นทีติ เอวํ โพธิสตฺโต ตีสุ อตฺตภาเวสุ มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺตมตฺโตว วาจํ นิจฺฉาเรสิ. ยถา จ ปฏิสนฺธิคฺคหณกฺขเณ, ชาตกฺขเณปิสฺส ทฺวตฺตึส ปุพฺพนิมิตฺตานิ ปาตุรเหสุํ. ยสฺมึ ปน สมเย อมฺหากํ โพธิสตฺโต ลุมฺพินีวเน ชาโต, ตสฺมึเยว สมเย ราหุลมาตา เทวี, อานนฺทตฺเถโร, ฉนฺโน อมจฺโจ, กาฬุทายี อมจฺโจ, กณฺฑโก อสฺสราชา, มหาโพธิรุกฺโข, จตสฺโส นิธิกุมฺภิโย ¶ จ ชาตา. ตตฺถ เอกา คาวุตปฺปมาณา, เอกา อฑฺฒโยชนปฺปมาณา, เอกา ติคาวุตปฺปมาณา, เอกา โยชนปฺปมาณา อโหสีติ. อิเม สตฺต สหชาตา นาม.
อุภยนครวาสิโน โพธิสตฺตํ คเหตฺวา กปิลวตฺถุนครเมว อคมํสุ. ตํ ทิวสํเยว จ ‘‘กปิลวตฺถุนคเร สุทฺโธทนมหาราชสฺส ปุตฺโต ชาโต, อยํ กุมาโร โพธิตเล นิสีทิตฺวา พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ตาวตึสภวเน หฏฺตุฏฺา เทวสงฺฆา เจลุกฺเขปาทีนิ ปวตฺเตนฺตา กีฬึสุ. ตสฺมึ สมเย สุทฺโธทนมหาราชสฺส กุลูปโก อฏฺสมาปตฺติลาภี กาฬเทวีโล นาม ตาปโส ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ทิวาวิหารตฺถาย ตาวตึสภวนํ คนฺตฺวา ตตฺถ ทิวาวิหารํ นิสินฺโน ตา เทวตา กีฬมานา ทิสฺวา ‘‘กึการณา ตุมฺเห เอวํ ตุฏฺมานสา กีฬถ, มยฺหมฺเปตํ การณํ กเถถา’’ติ ปุจฺฉิ. เทวตา อาหํสุ ‘‘มาริส, สุทฺโธทนรฺโ ปุตฺโต ชาโต, โส โพธิตเล นิสีทิตฺวา พุทฺโธ หุตฺวา ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตสฺสติ, ตสฺส อนนฺตํ พุทฺธลีฬํ ทฏฺุํ ธมฺมฺจ โสตุํ ลจฺฉามาติ อิมินา การเณน ตุฏฺามฺหา’’ติ. ตาปโส ตาสํ วจนํ สุตฺวา ขิปฺปํ เทวโลกโต โอรุยฺห ราชนิเวสนํ ¶ ปวิสิตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสินฺโน ‘‘ปุตฺโต กิร เต, มหาราช, ชาโต, ปสฺสิสฺสามิ น’’นฺติ อาห. ราชา อลงฺกตปฏิยตฺตํ กุมารํ อาหราเปตฺวา ตาปสํ วนฺทาเปตุํ อภิหริ, โพธิสตฺตสฺส ปาทา ปริวตฺติตฺวา ตาปสสฺส ชฏาสุ ปติฏฺหึสุ. โพธิสตฺตสฺส หิ เตนตฺตภาเวน วนฺทิตพฺพยุตฺตโก นาม อฺโ นตฺถิ. สเจ หิ อชานนฺตา โพธิสตฺตสฺส สีสํ ตาปสสฺส ปาทมูเล เปยฺยุํ, สตฺตธา ตสฺส มุทฺธา ผเลยฺย. ตาปโส ‘‘น เม อตฺตานํ นาเสตุํ ยุตฺต’’นฺติ อุฏฺายาสนา โพธิสตฺตสฺส อฺชลึ ปคฺคเหสิ. ราชา ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา อตฺตโน ปุตฺตํ วนฺทิ.
ตาปโส อตีเต จตฺตาลีส กปฺเป, อนาคเต จตฺตาลีสาติ อสีติ กปฺเป อนุสฺสรติ. โพธิสตฺตสฺส ลกฺขณสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘ภวิสฺสติ นุ โข พุทฺโธ, อุทาหุ โน’’ติ อาวชฺเชตฺวา อุปธาเรนฺโต ‘‘นิสฺสํสยํ พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘อจฺฉริยปุริโส อย’’นฺติ สิตํ ¶ อกาสิ. ตโต ‘‘อหํ อิมํ พุทฺธภูตํ ทฏฺุํ ลภิสฺสามิ นุ โข, โน’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘น ลภิสฺสามิ, อนฺตราเยว กาลํ กตฺวา พุทฺธสเตนปิ ¶ พุทฺธสหสฺเสนปิ คนฺตฺวา โพเธตุํ อสกฺกุเณยฺเย อรูปภเว นิพฺพตฺติสฺสามี’’ติ ทิสฺวา ‘‘เอวรูปํ นาม อจฺฉริยปุริสํ พุทฺธภูตํ ทฏฺุํ น ลภิสฺสามิ, มหตี วต เม ชานิ ภวิสฺสตี’’ติ ปโรทิ.
มนุสฺสา ทิสฺวา ‘‘อมฺหากํ อยฺโย อิทาเนว หสิตฺวา ปุน ปโรทิ. กึ นุ โข, ภนฺเต, อมฺหากํ อยฺยปุตฺตสฺส โกจิ อนฺตราโย ภวิสฺสตี’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘นตฺเถตสฺส อนฺตราโย, นิสฺสํสเยน พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ. อถ ‘‘กสฺมา ปโรทิตฺถา’’ติ? ‘‘เอวรูปํ ปุริสํ พุทฺธภูตํ ทฏฺุํ น ลภิสฺสามิ, ‘มหตี วต เม ชานิ ภวิสฺสตี’ติ อตฺตานํ อนุโสจนฺโต โรทามี’’ติ อาห. ตโต โส ‘‘กึ นุ โข เม าตเกสุ โกจิ เอตํ พุทฺธภูตํ ทฏฺุํ ลภิสฺสติ, น ลภิสฺสตี’’ติ อุปธาเรนฺโต อตฺตโน ภาคิเนยฺยํ นาฬกทารกํ อทฺทส. โส ภคินิยา เคหํ คนฺตฺวา ‘‘กหํ เต ปุตฺโต นาฬโก’’ติ? ‘‘อตฺถิ เคเห, อยฺยา’’ติ. ‘‘ปกฺโกสาหิ น’’นฺติ ปกฺโกสาเปตฺวา อตฺตโน สนฺติกํ อาคตํ กุมารํ อาห – ‘‘ตาต, สุทฺโธทนมหาราชสฺส กุเล ปุตฺโต ชาโต, พุทฺธงฺกุโร เอส, ปฺจตึส วสฺสานิ อติกฺกมิตฺวา พุทฺโธ ภวิสฺสติ, ตฺวํ เอตํ ทฏฺุํ ลภิสฺสสิ, อชฺเชว ปพฺพชาหี’’ติ. สตฺตาสีติโกฏิธเน กุเล นิพฺพตฺตทารโกปิ ‘‘น มํ มาตุโล อนตฺเถ นิโยเชสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตาวเทว อนฺตราปณโต กาสายานิ เจว มตฺติกาปตฺตฺจ อาหราเปตฺวา เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา ‘‘โย โลเก อุตฺตมปุคฺคโล, ตํ อุทฺทิสฺส มยฺหํ ปพฺพชฺชา’’ติ โพธิสตฺตาภิมุขํ อฺชลึ ปคฺคยฺห ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ปตฺตํ ถวิกาย ปกฺขิปิตฺวา อํสกูเฏ ลคฺเคตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา สมณธมฺมํ ¶ อกาสิ. โส ปรมาภิสมฺโพธึ ปตฺตํ ตถาคตํ อุปสงฺกมิตฺวา นาฬกปฏิปทํ กถาเปตฺวา ปุน หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา อุกฺกฏฺปฏิปทํ ปฏิปนฺโน สตฺเตว มาเส อายุํ ปาเลตฺวา เอกํ สุวณฺณปพฺพตํ นิสฺสาย ิตโกว อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ.
โพธิสตฺตมฺปิ โข ปฺจเม ทิวเส สีสํ นฺหาเปตฺวา ‘‘นามคฺคหณํ คณฺหิสฺสามา’’ติ ราชภวนํ จตุชฺชาติกคนฺเธหิ วิลิมฺปิตฺวา ลาชาปฺจมกานิ ปุปฺผานิ วิกิริตฺวา อสมฺภินฺนปายาสํ ปจาเปตฺวา ติณฺณํ เวทานํ ปารงฺคเต อฏฺสตพฺราหฺมเณ นิมนฺเตตฺวา ราชภวเน นิสีทาเปตฺวา สุโภชนํ ¶ โภเชตฺวา มหาสกฺการํ ¶ กตฺวา ‘‘กึ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ ลกฺขณานิ ปริคฺคหาเปสุํ. เตสุ –
‘‘ราโม ธโช ลกฺขโณ จาปิ มนฺตี, โกณฺฑฺโ จ โภโช สุยาโม สุทตฺโต;
เอเต ตทา อฏฺ อเหสุํ พฺราหฺมณา, ฉฬงฺควา มนฺตํ วิยากรึสู’’ติ. –
อิเม อฏฺเว พฺราหฺมณา ลกฺขณปริคฺคาหกา อเหสุํ. ปฏิสนฺธิคฺคหณทิวเส สุปิโนปิ เอเตเหว ปริคฺคหิโต. เตสุ สตฺต ชนา ทฺเว องฺคุลิโย อุกฺขิปิตฺวา ทฺเวธา พฺยากรึสุ – ‘‘อิเมหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต อคารํ อชฺฌาวสมาโน ราชา โหติ จกฺกวตฺตี, ปพฺพชมาโน พุทฺโธ’’ติ, สพฺพํ จกฺกวตฺติรฺโ สิริวิภวํ อาจิกฺขึสุ. เตสํ ปน สพฺพทหโร โคตฺตโต โกณฺฑฺโ นาม มาณโว โพธิสตฺตสฺส วรลกฺขณนิปฺผตฺตึ โอโลเกตฺวา – ‘‘อิมสฺส อคารมชฺเฌ านการณํ นตฺถิ, เอกนฺเตเนส วิวฏฺฏจฺฉโท พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ เอกเมว องฺคุลึ อุกฺขิปิตฺวา เอกํสพฺยากรณํ พฺยากาสิ. อยฺหิ กตาธิกาโร ปจฺฉิมภวิกสตฺโต ปฺาย อิตเร สตฺต ชเน อภิภวิตฺวา ‘‘อิเมหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคตสฺส อคารมชฺเฌ านํ นาม นตฺถิ, อสํสยํ พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ เอกเมว คตึ อทฺทส, ตสฺมา เอกํ องฺคุลึ อุกฺขิปิตฺวา เอวํ พฺยากาสิ. อถสฺส นามํ คณฺหนฺตา สพฺพโลกสฺส อตฺถสิทฺธิกรตฺตา ‘‘สิทฺธตฺโถ’’ติ นามมกํสุ.
อถ เต พฺราหฺมณา อตฺตโน ฆรานิ คนฺตฺวา ปุตฺเต อามนฺตยึสุ – ‘‘ตาตา, อมฺเห มหลฺลกา, สุทฺโธทนมหาราชสฺส ปุตฺตํ สพฺพฺุตํ ปตฺตํ มยํ สมฺภเวยฺยาม วา โน วา, ตุมฺเห ตสฺมึ กุมาเร สพฺพฺุตํ ปตฺเต ตสฺส สาสเน ปพฺพเชยฺยาถา’’ติ. เต สตฺตปิ ชนา ยาวตายุกํ ตฺวา ยถากมฺมํ คตา, โกณฺฑฺมาณโวว อโรโค อโหสิ. โส มหาสตฺเต วุฑฺฒิมนฺวาย มหาภินิกฺขมนํ ¶ อภินิกฺขมิตฺวา อนุกฺกเมน อุรุเวลํ คนฺตฺวา ‘‘รมณีโย, วต อยํ ภูมิภาโค, อลํ วติทํ กุลปุตฺตสฺส ¶ ปธานตฺถิกสฺส ปธานายา’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา ตตฺถ วาสํ อุปคเต ‘‘มหาปุริโส ปพฺพชิโต’’ติ สุตฺวา เตสํ พฺราหฺมณานํ ปุตฺเต อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห ‘‘สิทฺธตฺถกุมาโร กิร ปพฺพชิโต, โส นิสฺสํสยํ พุทฺโธ ภวิสฺสติ. สเจ ตุมฺหากํ ปิตโร อโรคา อสฺสุ, อชฺช นิกฺขมิตฺวา ปพฺพเชยฺยุํ. สเจ ตุมฺเหปิ อิจฺเฉยฺยาถ, เอถ, อหํ ตํ ปุริสํ อนุปพฺพชิสฺสามี’’ติ. เต สพฺเพ เอกจฺฉนฺทา ภวิตุํ นาสกฺขึสุ ¶ , ตโย ชนา น ปพฺพชึสุ. โกณฺฑฺพฺราหฺมณํ เชฏฺกํ กตฺวา อิตเร จตฺตาโร ปพฺพชึสุ. เต ปฺจปิ ชนา ปฺจวคฺคิยตฺเถรา นาม ชาตา.
ตทา ปน ราชา ‘‘กึ ทิสฺวา มยฺหํ ปุตฺโต ปพฺพชิสฺสตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘จตฺตาริ ปุพฺพนิมิตฺตานี’’ติ. ‘‘กตรฺจ กตรฺจา’’ติ? ‘‘ชราชิณฺณํ, พฺยาธิตํ, กาลกตํ, ปพฺพชิต’’นฺติ. ราชา ‘‘อิโต ปฏฺาย เอวรูปานํ มม ปุตฺตสฺส สนฺติกํ อุปสงฺกมิตุํ มา อทตฺถ, มยฺหํ ปุตฺตสฺส พุทฺธภาเวน กมฺมํ นตฺถิ, อหํ มม ปุตฺตํ ทฺวิสหสฺสทีปปริวารานํ จตุนฺนํ มหาทีปานํ อิสฺสริยาธิปจฺจํ รชฺชํ กาเรนฺตํ ฉตฺตึสโยชนปริมณฺฑลาย ปริสาย ปริวุตํ คคนตเล วิจรมานํ ปสฺสิตุกาโม’’ติ. เอวฺจ ปน วตฺวา อิเมสํ จตุปฺปการานํ นิมิตฺตานํ กุมารสฺส จกฺขุปเถ อาคมนนิวารณตฺถํ จตูสุ ทิสาสุ คาวุเต คาวุเต อารกฺขํ เปสิ. ตํ ทิวสํ ปน มงฺคลฏฺาเน สนฺนิปติเตสุ อสีติยา าติกุลสหสฺเสสุ เอเกโก เอกเมกํ ปุตฺตํ ปฏิชานิ – ‘‘อยํ พุทฺโธ วา โหตุ ราชา วา, มยํ เอกเมกํ ปุตฺตํ ทสฺสาม. สเจปิ พุทฺโธ ภวิสฺสติ, ขตฺติยสมเณเหว ปุรกฺขตปริวาริโต วิจริสฺสติ. สเจปิ ราชา ภวิสฺสติ, ขตฺติยกุมาเรเหว ปุรกฺขตปริวาริโต วิจริสฺสตี’’ติ. ราชาปิ โพธิสตฺตสฺส อุตฺตมรูปสมฺปนฺนา วิคตสพฺพโทสา ธาติโย ปจฺจุปฏฺาเปสิ. โพธิสตฺโต อนนฺเตน ปริวาเรน มหนฺเตน สิริโสภคฺเคน วฑฺฒติ.
อเถกทิวสํ รฺโ วปฺปมงฺคลํ นาม อโหสิ. ตํ ทิวสํ สกลนครํ เทววิมานํ วิย อลงฺกโรนฺติ. สพฺเพ ทาสกมฺมกราทโย อหตวตฺถนิวตฺถา คนฺธมาลาทิปฏิมณฺฑิตา ราชกุเล สนฺนิปตนฺติ. รฺโ กมฺมนฺเต นงฺคลสหสฺสํ โยชียติ. ตสฺมึ ปน ทิวเส เอเกนูนอฏฺสตนงฺคลานิ สทฺธึ พลิพทฺทรสฺมิโยตฺเตหิ รชตปริกฺขตานิ โหนฺติ, รฺโ อาลมฺพนนงฺคลํ ¶ ปน รตฺตสุวณฺณปริกฺขตํ โหติ. พลิพทฺทานํ สิงฺครสฺมิปโตทาปิ สุวณฺณปริกฺขตาว โหนฺติ. ราชา มหตา ปริวาเรน นิกฺขนฺโต ปุตฺตํ คเหตฺวา อคมาสิ. กมฺมนฺตฏฺาเน เอโก ชมฺพุรุกฺโข พหลปลาโส สนฺทจฺฉาโย อโหสิ. ตสฺส เหฏฺา กุมารสฺส สยนํ ¶ ปฺปาเปตฺวา อุปริ สุวณฺณตารกขจิตํ วิตานํ พนฺธาเปตฺวา สาณิปากาเรน ปริกฺขิปาเปตฺวา อารกฺขํ ปาเปตฺวา ราชา สพฺพาลงฺการํ อลงฺกริตฺวา อมจฺจคณปริวุโต นงฺคลกรณฏฺานํ อคมาสิ. ตตฺถ ราชา สุวณฺณนงฺคลํ คณฺหาติ, อมจฺจา เอเกนูนฏฺสตรชตนงฺคลานิ, กสฺสกา เสสนงฺคลานิ. เต ตานิ คเหตฺวา อิโต จิโต จ กสนฺติ. ราชา ปน โอรโต วา ปารํ คจฺฉติ, ปารโต วา โอรํ อาคจฺฉติ. เอตสฺมึ าเน มหาสมฺปตฺติ ¶ อโหสิ. โพธิสตฺตํ ปริวาเรตฺวา นิสินฺนา ธาติโย ‘‘รฺโ สมฺปตฺตึ ปสฺสิสฺสามา’’ติ อนฺโตสาณิโต พหิ นิกฺขนฺตา. โพธิสตฺโต อิโต จิโต จ โอโลเกนฺโต กฺจิ อทิสฺวา เวเคน อุฏฺาย ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อานาปาเน ปริคฺคเหตฺวา ปมชฺฌานํ นิพฺพตฺเตสิ. ธาติโย ขชฺชโภชฺชนฺตเร วิจรมานา โถกํ จิรายึสุ. เสสรุกฺขานํ ฉายา นิวตฺตา, ตสฺส ปน รุกฺขสฺส ปริมณฺฑลา หุตฺวา อฏฺาสิ. ธาติโย ‘‘อยฺยปุตฺโต เอกโต’’ติ เวเคน สาณึ อุกฺขิปิตฺวา อนฺโต ปวิสมานา โพธิสตฺตํ สยเน ปลฺลงฺเกน นิสินฺนํ ตฺจ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ – ‘‘เทว, กุมาโร เอวํ นิสินฺโน, อฺเสํ รุกฺขานํ ฉายา นิวตฺตา, ชมฺพุรุกฺขสฺส ปน ปริมณฺฑลา ิตา’’ติ. ราชา เวเคนาคนฺตฺวา ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา – ‘‘อิทํ เต, ตาต, ทุติยํ วนฺทน’’นฺติ ปุตฺตํ วนฺทิ.
อถ อนุกฺกเมน โพธิสตฺโต โสฬสวสฺสุทฺเทสิโก ชาโต. ราชา โพธิสตฺตสฺส ติณฺณํ อุตูนํ อนุจฺฉวิเก ตโย ปาสาเท กาเรสิ – เอกํ นวภูมกํ, เอกํ สตฺตภูมกํ, เอกํ ปฺจภูมกํ, จตฺตาลีสสหสฺสา จ นาฏกิตฺถิโย อุปฏฺาเปสิ. โพธิสตฺโต เทโว วิย อจฺฉราสงฺฆปริวุโต, อลงฺกตนาฏกปริวุโต, นิปฺปุริเสหิ ตูริเยหิ ปริจาริยมาโน มหาสมฺปตฺตึ อนุภวนฺโต อุตุวาเรน เตสุ ปาสาเทสุ วิหรติ. ราหุลมาตา ปนสฺส เทวี อคฺคมเหสี อโหสิ.
ตสฺเสวํ ¶ มหาสมฺปตฺตึ อนุภวนฺตสฺส เอกทิวสํ าติสงฺฆสฺส อพฺภนฺตเร อยํ กถา อุทปาทิ – ‘‘สิทฺธตฺโถ กีฬาปสุโตว วิจรติ, กิฺจิ สิปฺปํ น สิกฺขติ, สงฺคาเม ปจฺจุปฏฺิเต กึ กริสฺสตี’’ติ. ราชา โพธิสตฺตํ ปกฺโกสาเปตฺวา – ‘‘ตาต, ตว าตกา ‘สิทฺธตฺโถ กิฺจิ สิปฺปํ อสิกฺขิตฺวา กีฬาปสุโตว วิจรตี’ติ วทนฺติ, เอตฺถ กึ ปตฺตกาเล มฺสี’’ติ. เทว, มม สิปฺปํ สิกฺขนกิจฺจํ นตฺถิ, นคเร มม สิปฺปทสฺสนตฺถํ เภรึ จราเปถ ‘‘อิโต สตฺตเม ทิวเส าตกานํ สิปฺปํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ. ราชา ตถา อกาสิ. โพธิสตฺโต อกฺขณเวธิวาลเวธิธนุคฺคเห สนฺนิปาตาเปตฺวา มหาชนสฺส มชฺเฌ อฺเหิ ธนุคฺคเหหิ อสาธารณํ ¶ าตกานํ ทฺวาทสวิธํ สิปฺปํ ทสฺเสสิ. ตํ สรภงฺคชาตเก อาคตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ตทาสฺส าติสงฺโฆ นิกฺกงฺโข อโหสิ.
อเถกทิวสํ โพธิสตฺโต อุยฺยานภูมึ คนฺตุกาโม สารถึ อามนฺเตตฺวา ‘‘รถํ โยเชหี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา มหารหํ อุตฺตมรถํ สพฺพาลงฺกาเรน อลงฺกริตฺวา กุมุทปตฺตวณฺเณ จตฺตาโร ¶ มงฺคลสินฺธเว โยเชตฺวา โพธิสตฺตสฺส ปฏิเวเทสิ. โพธิสตฺโต เทววิมานสทิสํ รถํ อภิรุหิตฺวา อุยฺยานาภิมุโข อคมาสิ. เทวตา ‘‘สิทฺธตฺถกุมารสฺส อภิสมฺพุชฺฌนกาโล อาสนฺโน, ปุพฺพนิมิตฺตํ ทสฺเสสฺสามา’’ติ เอกํ เทวปุตฺตํ ชราชชฺชรํ ขณฺฑทนฺตํ ปลิตเกสํ วงฺกํ โอภคฺคสรีรํ ทณฺฑหตฺถํ ปเวธมานํ กตฺวา ทสฺเสสุํ. ตํ โพธิสตฺโต เจว สารถิ จ ปสฺสนฺติ. ตโต โพธิสตฺโต สารถึ – ‘‘สมฺม, โก นาเมส ปุริโส, เกสาปิสฺส น ยถา อฺเส’’นฺติ มหาปทาเน อาคตนเยน ปุจฺฉิตฺวา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘ธีรตฺถุ วต โภ ชาติ, ยตฺร หิ นาม ชาตสฺส ชรา ปฺายิสฺสตี’’ติ สํวิคฺคหทโย ตโตว ปฏินิวตฺติตฺวา ปาสาทเมว อภิรุหิ. ราชา ‘‘กึ การณา มม ปุตฺโต ขิปฺปํ ปฏินิวตฺตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ชิณฺณกํ ปุริสํ ทิสฺวา เทวา’’ติ. ‘‘ชิณฺณกํ ทิสฺวา ปพฺพชิสฺสตีติ อาหํสุ, กสฺมา มํ นาเสถ, สีฆํ ปุตฺตสฺส นาฏกานิ สชฺเชถ, สมฺปตฺตึ อนุภวนฺโต ปพฺพชฺชาย สตึ น กริสฺสตี’’ติ วตฺวา อารกฺขํ วฑฺเฒตฺวา สพฺพทิสาสุ อฑฺฒโยชเน อฑฺฒโยชเน เปสิ.
ปุเนกทิวสํ ¶ โพธิสตฺโต ตเถว อุยฺยานํ คจฺฉนฺโต เทวตาหิ นิมฺมิตํ พฺยาธิตํ ปุริสํ ทิสฺวา ปุริมนเยเนว ปุจฺฉิตฺวา สํวิคฺคหทโย นิวตฺติตฺวา ปาสาทํ อภิรุหิ. ราชาปิ ปุจฺฉิตฺวา เหฏฺา วุตฺตนเยเนว สํวิทหิตฺวา ปุน วฑฺเฒตฺวา สมนฺตา ติคาวุตปฺปมาเณ ปเทเส อารกฺขํ เปสิ. อปรํ เอกทิวสํ โพธิสตฺโต ตเถว อุยฺยานํ คจฺฉนฺโต เทวตาหิ นิมฺมิตํ กาลกตํ ทิสฺวา ปุริมนเยเนว ปุจฺฉิตฺวา สํวิคฺคหทโย ปุน นิวตฺติตฺวา ปาสาทํ อภิรุหิ. ราชาปิ ปุจฺฉิตฺวา เหฏฺา วุตฺตนเยเนว สํวิทหิตฺวา ปุน วฑฺเฒตฺวา สมนฺตา โยชนปฺปมาเณ ปเทเส อารกฺขํ เปสิ. อปรํ ปน เอกทิวสํ อุยฺยานํ คจฺฉนฺโต ตเถว เทวตาหิ นิมฺมิตํ สุนิวตฺถํ สุปารุตํ ปพฺพชิตํ ทิสฺวา ‘‘โก นาเมโส สมฺมา’’ติ สารถึ ปุจฺฉิ. สารถิ กิฺจาปิ พุทฺธุปฺปาทสฺส อภาวา ปพฺพชิตํ วา ปพฺพชิตคุเณ วา น ชานาติ, เทวตานุภาเวน ปน ‘‘ปพฺพชิโต นามายํ เทวา’’ติ วตฺวา ปพฺพชฺชาย คุเณ วณฺเณสิ. โพธิสตฺโต ปพฺพชฺชาย รุจึ อุปฺปาเทตฺวา ตํ ทิวสํ อุยฺยานํ อคมาสิ. ทีฆภาณกา ปนาหุ ‘‘จตฺตาริ นิมิตฺตานิ เอกทิวเสเนว ทิสฺวา อคมาสี’’ติ.
โส ¶ ตตฺถ ทิวสภาคํ กีฬิตฺวา มงฺคลโปกฺขรณิยํ นฺหายิตฺวา อตฺถงฺคเต สูริเย มงฺคลสิลาปฏฺเฏ นิสีทิ อตฺตานํ อลงฺการาเปตุกาโม. อถสฺส ปริจารกปุริสา นานาวณฺณานิ ทุสฺสานิ นานปฺปการา อาภรณวิกติโย มาลาคนฺธวิเลปนานิ จ อาทาย สมนฺตา ปริวาเรตฺวา อฏฺํสุ. ตสฺมึ ขเณ สกฺกสฺส นิสินฺนาสนํ อุณฺหํ อโหสิ ¶ . โส ‘‘โก นุ โข มํ อิมมฺหา านา จาเวตุกาโม’’ติ อุปธาเรนฺโต โพธิสตฺตสฺส อลงฺกาเรตุกามตํ ตฺวา วิสฺสกมฺมํ อามนฺเตสิ ‘‘สมฺม วิสฺสกมฺม, สิทฺธตฺถกุมาโร อชฺช อฑฺฒรตฺตสมเย มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิสฺสติ, อยมสฺส ปจฺฉิโม อลงฺกาโร, อุยฺยานํ คนฺตฺวา มหาปุริสํ ทิพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺกโรหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา เทวตานุภาเวน ตงฺขณํเยว อุปสงฺกมิตฺวา ตสฺเสว กปฺปกสทิโส หุตฺวา กปฺปกสฺส หตฺถโต เวนทุสฺสํ คเหตฺวา โพธิสตฺตสฺส สีสํ เวเสิ. โพธิสตฺโต หตฺถสมฺผสฺเสเนว ‘‘นายํ มนุสฺโส, เทวปุตฺโต เอโส’’ติ อฺาสิ. เวเนน เวิตมตฺเต สีเส โมฬิยํ มณิรตนากาเรน ทุสฺสสหสฺสํ อพฺภุคฺคฺฉิ. ปุน เวเนฺตสฺส ทุสฺสสหสฺสนฺติ ทสกฺขตฺตุํ เวเนฺตสฺส ทส ทุสฺสสหสฺสานิ อพฺภุคฺคจฺฉึสุ ¶ . ‘‘สีสํ ขุทฺทกํ, ทุสฺสานิ พหูนิ, กถํ อพฺภุคฺคตานี’’ติ น จินฺเตตพฺพํ. เตสุ หิ สพฺพมหนฺตํ อามลกปุปฺผปฺปมาณํ, อวเสสานิ กุสุมฺพกปุปฺผปฺปมาณานิ อเหสุํ. โพธิสตฺตสฺส สีสํ กิฺชกฺขควจฺฉิตํ วิย กุยฺยกปุปฺผํ อโหสิ.
อถสฺส สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตสฺส สพฺพตาลาวจเรสุ สกานิ สกานิ ปฏิภานานิ ทสฺสยนฺเตสุ, พฺราหฺมเณสุ ‘‘ชยนนฺทา’’ติอาทิวจเนหิ, สูตมาคธาทีสุ นานปฺปกาเรหิ มงฺคลวจนตฺถุติโฆเสหิ สมฺภาเวนฺเตสุ สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตํ รถวรํ อภิรุหิ. ตสฺมึ สมเย ‘‘ราหุลมาตา ปุตฺตํ วิชาตา’’ติ สุตฺวา สุทฺโธทนมหาราชา ‘‘ปุตฺตสฺส เม ตุฏฺึ นิเวเทถา’’ติ สาสนํ ปหิณิ. โพธิสตฺโต ตํ สุตฺวา ‘‘ราหุ ชาโต, พนฺธนํ ชาต’’นฺติ อาห. ราชา ‘‘กึ เม ปุตฺโต อวจา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตํ วจนํ สุตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย เม นตฺตา ราหุลกุมาโรเยว นาม โหตู’’ติ อาห.
โพธิสตฺโตปิ โข รถวรํ อารุยฺห มหนฺเตน ยเสน อติมโนรเมน สิริโสภคฺเคน นครํ ปาวิสิ. ตสฺมึ สมเย กิสาโคตมี นาม ขตฺติยกฺา อุปริปาสาทวรตลคตา นครํ ปทกฺขิณํ กุรุมานสฺส โพธิสตฺตสฺส รูปสิรึ ทิสฺวา ปีติโสมนสฺสชาตา อิทํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘นิพฺพุตา ¶ นูน สา มาตา, นิพฺพุโต นูน โส ปิตา;
นิพฺพุตา นูน สา นารี, ยสฺสายํ อีทิโส ปตี’’ติ.
โพธิสตฺโต ¶ ตํ สุตฺวา จินฺเตสิ ‘‘อยํ เอวมาห ‘เอวรูปํ อตฺตภาวํ ปสฺสนฺติยา มาตุ หทยํ นิพฺพายติ, ปิตุ หทยํ นิพฺพายติ, ปชาปติยา หทยํ นิพฺพายตี’ติ! กิสฺมึ นุ โข นิพฺพุเต หทยํ นิพฺพุตํ นาม โหตี’’ติ? อถสฺส กิเลเสสุ วิรตฺตมานสสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ราคคฺคิมฺหิ นิพฺพุเต นิพฺพุตํ นาม โหติ, โทสคฺคิมฺหิ นิพฺพุเต นิพฺพุตํ นาม โหติ, โมหคฺคิมฺหิ นิพฺพุเต นิพฺพุตํ นาม โหติ, มานทิฏฺิอาทีสุ สพฺพกิเลสทรเถสุ นิพฺพุเตสุ นิพฺพุตํ นาม โหติ. อยํ เม สุสฺสวนํ สาเวสิ, อหฺหิ นิพฺพานํ คเวสนฺโต จรามิ, อชฺเชว มยา ฆราวาสํ ฉฑฺเฑตฺวา นิกฺขมฺม ปพฺพชิตฺวา ¶ นิพฺพานํ คเวสิตุํ วฏฺฏติ, อยํ อิมิสฺสา อาจริยภาโค โหตู’’ติ กณฺโต โอมฺุจิตฺวา กิสาโคตมิยา สตสหสฺสคฺฆนกํ มุตฺตาหารํ เปเสสิ. สา ‘‘สิทฺธตฺถกุมาโร มยิ ปฏิพทฺธจิตฺโต หุตฺวา ปณฺณาการํ เปเสสี’’ติ โสมนสฺสชาตา อโหสิ.
โพธิสตฺโตปิ มหนฺเตน สิริโสภคฺเคน อตฺตโน ปาสาทํ อภิรุหิตฺวา สิริสยเน นิปชฺชิ. ตาวเทว จ นํ สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตา นจฺจคีตาทีสุ สุสิกฺขิตา เทวกฺา วิย รูปโสภคฺคปฺปตฺตา อิตฺถิโย นานาตูริยานิ คเหตฺวา สมฺปริวารยิตฺวา อภิรมาเปนฺติโย นจฺจคีตวาทิตานิ ปโยชยึสุ. โพธิสตฺโต กิเลเสสุ วิรตฺตจิตฺตตาย นจฺจาทีสุ อนภิรโต มุหุตฺตํ นิทฺทํ โอกฺกมิ. ตาปิ อิตฺถิโย ‘‘ยสฺสตฺถาย มยํ นจฺจาทีนิ ปโยเชม, โส นิทฺทํ อุปคโต, อิทานิ กิมตฺถํ กิลมามา’’ติ คหิตคฺคหิตานิ ตูริยานิ อชฺโฌตฺถริตฺวา นิปชฺชึสุ, คนฺธเตลปฺปทีปา ฌายนฺติ. โพธิสตฺโต ปพุชฺฌิตฺวา สยนปิฏฺเ ปลฺลงฺเกน นิสินฺโน อทฺทส ตา อิตฺถิโย ตูริยภณฺฑานิ อวตฺถริตฺวา นิทฺทายนฺติโย – เอกจฺจา ปคฺฆริตเขฬา, ลาลากิลินฺนคตฺตา, เอกจฺจา ทนฺเต ขาทนฺติโย, เอกจฺจา กากจฺฉนฺติโย, เอกจฺจา วิปฺปลปนฺติโย, เอกจฺจา วิวฏมุขา, เอกจฺจา อปคตวตฺถา, ปากฏพีภจฺฉสมฺพาธฏฺานา. โส ตาสํ ตํ วิปฺปการํ ทิสฺวา ภิยฺโยโสมตฺตาย กาเมสุ วิรตฺตจิตฺโต อโหสิ. ตสฺส อลงฺกตปฏิยตฺตํ สกฺกภวนสทิสมฺปิ ตํ มหาตลํ อปวิทฺธนานากุณปภริตํ อามกสุสานํ วิย อุปฏฺาสิ, ตโย ภวา อาทิตฺตเคหสทิสา ขายึสุ – ‘‘อุปทฺทุตํ วต โภ, อุปสฺสฏฺํ วต โภ’’ติ อุทานํ ปวตฺเตสิ, อติวิย ปพฺพชฺชาย จิตฺตํ นมิ.
โส ‘‘อชฺเชว มยา มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตุํ วฏฺฏตี’’ติ สยนา อุฏฺาย ทฺวารสมีปํ ¶ คนฺตฺวา ‘‘โก เอตฺถา’’ติ อาห. อุมฺมาเร ¶ สีสํ กตฺวา นิปนฺโน ฉนฺโน ‘‘อหํ อยฺยปุตฺต ฉนฺโน’’ติ อาห. ‘‘อหํ อชฺช มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตุกาโม, เอกํ เม อสฺสํ กปฺเปหี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธุ เทวา’’ติ อสฺสภณฺฑิกํ คเหตฺวา อสฺสสาลํ คนฺตฺวา คนฺธเตลปทีเปสุ ชลนฺเตสุ สุมนปฏฺฏวิตานสฺส เหฏฺา รมณีเย ภูมิภาเค ิตํ กณฺฑกํ อสฺสราชานํ ทิสฺวา ‘‘อชฺช มยา อิมเมว กปฺเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ กณฺฑกํ กปฺเปสิ. โส กปฺปิยมาโนว อฺาสิ ‘‘อยํ กปฺปนา อติคาฬฺหา ¶ , อฺเสุ ทิวเสสุ อุยฺยานกีฬาทิคมเน กปฺปนา วิย น โหติ, มยฺหํ อยฺยปุตฺโต อชฺช มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตุกาโม ภวิสฺสตี’’ติ. ตโต ตุฏฺมานโส มหาหสิตํ หสิ. โส สทฺโท สกลนครํ ปตฺถริตฺวา คจฺเฉยฺย, เทวตา ปน ตํ สทฺทํ นิรุมฺภิตฺวา น กสฺสจิ โสตุํ อทํสุ.
โพธิสตฺโตปิ โข ฉนฺนํ เปเสตฺวาว ‘‘ปุตฺตํ ตาว ปสฺสิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา นิสินฺนปลฺลงฺกโต อุฏฺาย ราหุลมาตาย วสนฏฺานํ คนฺตฺวา คพฺภทฺวารํ วิวริ. ตสฺมึ ขเณ อนฺโตคพฺเภ คนฺธเตลปทีโป ฌายติ, ราหุลมาตา สุมนมลฺลิกาทีนํ ปุปฺผานํ อมฺพณมตฺเตน อภิปฺปกิณฺณสยเน ปุตฺตสฺส มตฺถเก หตฺถํ เปตฺวา นิทฺทายติ. โพธิสตฺโต อุมฺมาเร ปาทํ เปตฺวา ิตโกว โอโลเกตฺวา ‘‘สจาหํ เทวิยา หตฺถํ อปเนตฺวา มม ปุตฺตํ คณฺหิสฺสามิ, เทวี ปพุชฺฌิสฺสติ, เอวํ เม คมนนฺตราโย ภวิสฺสติ, พุทฺโธ หุตฺวาว อาคนฺตฺวา ปุตฺตํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ ปาสาทตลโต โอตริ. ยํ ปน ชาตกฏฺกถายํ ‘‘ตทา สตฺตาหชาโต ราหุลกุมาโร โหตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ เสสฏฺกถาสุ นตฺถิ, ตสฺมา อิทเมว คเหตพฺพํ.
เอวํ โพธิสตฺโต ปาสาทตลา โอตริตฺวา อสฺสสมีปํ คนฺตฺวา เอวมาห – ‘‘ตาต กณฺฑก, ตฺวํ อชฺช เอกรตฺตึ มํ ตารย, อหํ ตํ นิสฺสาย พุทฺโธ หุตฺวา สเทวกํ โลกํ ตาเรสฺสามี’’ติ. ตโต อุลฺลงฺฆิตฺวา กณฺฑกสฺส ปิฏฺึ อภิรุหิ. กณฺฑโก คีวโต ปฏฺาย อายาเมน อฏฺารสหตฺโถ โหติ ตทนุจฺฉวิเกน อุพฺเพเธน สมนฺนาคโต ถามชวสมฺปนฺโน สพฺพเสโต โธตสงฺขสทิโส. โส สเจ หเสยฺย วา ปทสทฺทํ วา กเรยฺย, สทฺโท สกลนครํ อวตฺถเรยฺย. ตสฺมา เทวตา อตฺตโน อานุภาเวน ตสฺส ยถา น โกจิ สุณาติ, เอวํ หสิตสทฺทํ สนฺนิรุมฺภิตฺวา อกฺกมนอกฺกมนปทวาเร หตฺถตลานิ อุปนาเมสุํ. โพธิสตฺโต อสฺสวรสฺส ปิฏฺิเวมชฺฌคโต ฉนฺนํ อสฺสสฺส ¶ วาลธึ คาหาเปตฺวา อฑฺฒรตฺตสมเย มหาทฺวารสมีปํ ปตฺโต. ตทา ปน ราชา ‘‘เอวํ โพธิสตฺโต ยาย กายจิ เวลาย นครทฺวารํ วิวริตฺวา นิกฺขมิตุํ น สกฺขิสฺสตี’’ติ ทฺวีสุ ทฺวารกวาเฏสุ เอเกกํ ปุริสสหสฺเสน วิวริตพฺพํ การาเปสิ. โพธิสตฺโต ถามพลสมฺปนฺโน, หตฺถิคณนาย โกฏิสหสฺสหตฺถีนํ พลํ ธาเรติ, ปุริสคณนาย ทสโกฏิสหสฺสปุริสานํ ¶ ¶ . โส จินฺเตสิ ‘‘สเจ ทฺวารํ น วิวรียติ, อชฺช กณฺฑกสฺส ปิฏฺเ นิสินฺโนว วาลธึ คเหตฺวา ิเตน ฉนฺเนน สทฺธึเยว กณฺฑกํ อูรูหิ นิปฺปีเฬตฺวา อฏฺารสหตฺถุพฺเพธํ ปาการํ อุปฺปติตฺวา อติกฺกมิสฺสามี’’ติ. ฉนฺโนปิ จินฺเตสิ ‘‘สเจ ทฺวารํ น วิวรียติ, อหํ อยฺยปุตฺตํ ขนฺเธ นิสีทาเปตฺวา กณฺฑกํ ทกฺขิเณน หตฺเถน กุจฺฉิยํ ปริกฺขิปนฺโต อุปกจฺฉนฺตเร กตฺวา ปาการํ อุปฺปติตฺวา อติกฺกมิสฺสามี’’ติ. กณฺฑโกปิ จินฺเตสิ ‘‘สเจ ทฺวารํ น วิวรียติ, อหํ อตฺตโน สามิกํ ปิฏฺิยํ ยถานิสินฺนเมว ฉนฺเนน วาลธึ คเหตฺวา ิเตน สทฺธึเยว อุกฺขิปิตฺวา ปาการํ อุปฺปติตฺวา อติกฺกมิสฺสามี’’ติ. สเจ ทฺวารํ น อวาปุรียิตฺถ, ยถาจินฺติตเมว เตสุ ตีสุ ชเนสุ อฺตโร สมฺปาเทยฺย. ทฺวาเร อธิวตฺถา เทวตา ปน ทฺวารํ วิวริ.
ตสฺมึเยว ขเณ มาโร ‘‘โพธิสตฺตํ นิวตฺเตสฺสามี’’ติ อาคนฺตฺวา อากาเส ิโต อาห – ‘‘มาริส, มา นิกฺขม, อิโต เต สตฺตเม ทิวเส จกฺกรตนํ ปาตุภวิสฺสติ, ทฺวิสหสฺสปริตฺตทีปปริวารานํ จตุนฺนํ มหาทีปานํ รชฺชํ กาเรสฺสสิ, นิวตฺต มาริสา’’ติ. ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ? ‘‘อหํ วสวตฺตี’’ติ. ‘‘มาร, ชานามหํ มยฺหํ จกฺกรตนสฺส ปาตุภาวํ, อนตฺถิโกหํ รชฺเชน, ทสสหสฺสิโลกธาตุํ อุนฺนาเทตฺวา พุทฺโธ ภวิสฺสามี’’ติ อาห. มาโร ‘‘อิโต ทานิ เต ปฏฺาย กามวิตกฺกํ วา พฺยาปาทวิตกฺกํ วา วิหึสาวิตกฺกํ วา จินฺติตกาเล ชานิสฺสามี’’ติ โอตาราเปกฺโข ฉายา วิย อนปคจฺฉนฺโต อนุพนฺธิ.
โพธิสตฺโตปิ หตฺถคตํ จกฺกวตฺติรชฺชํ เขฬปิณฺฑํ วิย อนเปกฺโข ฉฑฺเฑตฺวา มหนฺเตน สกฺกาเรน นครา นิกฺขมิ อาสาฬฺหิปุณฺณมาย อุตฺตราสาฬฺหนกฺขตฺเต วตฺตมาเน. นิกฺขมิตฺวา จ ปุน นครํ โอโลเกตุกาโม ชาโต. เอวฺจ ปนสฺส จิตฺเต อุปฺปนฺนมตฺเตเยว ‘‘มหาปุริส, น ตยา นิวตฺติตฺวา โอโลกนกมฺมํ กต’’นฺติ วทมานา วิย มหาปถวี กุลาลจกฺกํ วิย ภิชฺชิตฺวา ปริวตฺติ. โพธิสตฺโต นคราภิมุโข ตฺวา นครํ โอโลเกตฺวา ตสฺมึ ปถวิปฺปเทเส กณฺฑกนิวตฺตนเจติยฏฺานํ ทสฺเสตฺวา คนฺตพฺพมคฺคาภิมุขํ กณฺฑกํ กตฺวา ¶ ปายาสิ มหนฺเตน สกฺกาเรน อุฬาเรน สิริโสภคฺเคน. ตทา กิรสฺส เทวตา ปุรโต สฏฺิ อุกฺกาสหสฺสานิ ธารยึสุ, ปจฺฉโต สฏฺิ, ทกฺขิณปสฺสโต สฏฺิ, วามปสฺสโต ¶ สฏฺิ, อปรา เทวตา จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อปริมาณา อุกฺกา ธารยึสุ, อปรา เทวตา จ นาคสุปณฺณาทโย จ ทิพฺเพหิ คนฺเธหิ มาลาหิ จุณฺเณหิ ธูเมหิ ปูชยมานา คจฺฉนฺติ. ปาริจฺฉตฺตกปุปฺเผหิ เจว มนฺทารวปุปฺเผหิ จ ฆนเมฆวุฏฺิกาเล ธาราหิ วิย นภํ นิรนฺตรํ อโหสิ, ทิพฺพานิ สํคีตานิ ปวตฺตึสุ ¶ , สมนฺตโต อฏฺสฏฺิ ตูริยสตสหสฺสานิ ปวชฺชึสุ, สมุทฺทกุจฺฉิยํ เมฆตฺถนิตกาโล วิย ยุคนฺธรกุจฺฉิยํ สาครนิคฺโฆสกาโล วิย วตฺตติ.
อิมินา สิริโสภคฺเคน คจฺฉนฺโต โพธิสตฺโต เอกรตฺเตเนว ตีณิ รชฺชานิ อติกฺกมฺม ตึสโยชนมตฺถเก อโนมานทีตีรํ ปาปุณิ. ‘‘กึ ปน อสฺโส ตโต ปรํ คนฺตุํ น สกฺโกตี’’ติ? ‘‘โน, น สกฺโก’’ติ. โส หิ เอกํ จกฺกวาฬคพฺภํ นาภิยา ิตจกฺกสฺส เนมิวฏฺฏึ มทฺทนฺโต วิย อนฺตนฺเตน จริตฺวา ปุเรปาตราสเมว อาคนฺตฺวา อตฺตโน สมฺปาทิตํ ภตฺตํ ภฺุชิตุํ สมตฺโถ. ตทา ปน เทวนาคสุปณฺณาทีหิ อากาเส ตฺวา โอสฺสฏฺเหิ คนฺธมาลาทีหิ ยาว อูรุปฺปเทสา สฺฉนฺนํ สรีรํ อากฑฺฒิตฺวา คนฺธมาลาชฏํ ฉินฺทนฺตสฺส อติปฺปปฺโจ อโหสิ, ตสฺมา ตึสโยชนมตฺตเมว อคมาสิ. อถ โพธิสตฺโต นทีตีเร ตฺวา ฉนฺนํ ปุจฺฉิ – ‘‘กินฺนามา อยํ นที’’ติ? ‘‘อโนมา นาม, เทวา’’ติ. ‘‘อมฺหากมฺปิ ปพฺพชฺชา อโนมา ภวิสฺสตี’’ติ ปณฺหิยา ฆฏฺเฏนฺโต อสฺสสฺส สฺํ อทาสิ. อสฺโส อุปฺปติตฺวา อฏฺูสภวิตฺถาราย นทิยา ปาริมตีเร อฏฺาสิ.
โพธิสตฺโต อสฺสปิฏฺิโต โอรุยฺห รชตปฏฺฏสทิเส วาลุกาปุลิเน ตฺวา ฉนฺนํ อามนฺเตสิ – ‘‘สมฺม, ฉนฺน, ตฺวํ มยฺหํ อาภรณานิ เจว กณฺฑกฺจ อาทาย คจฺฉ, อหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. ‘‘อหมฺปิ, เทว, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. โพธิสตฺโต ‘‘น ลพฺภา ตยา ปพฺพชิตุํ, คจฺฉ ตฺว’’นฺติ ติกฺขตฺตุํ ปฏิพาหิตฺวา อาภรณานิ เจว กณฺฑกฺจ ปฏิจฺฉาเปตฺวา จินฺเตสิ ‘‘อิเม มยฺหํ เกสา สมณสารุปฺปา น โหนฺตี’’ติ. อฺโ โพธิสตฺตสฺส เกเส ฉินฺทิตุํ ยุตฺตรูโป นตฺถิ, ตโต ‘‘สยเมว ขคฺเคน ฉินฺทิสฺสามี’’ติ ทกฺขิเณน หตฺเถน อสึ คณฺหิตฺวา วามหตฺเถน โมฬิยา ¶ สทฺธึ จูฬํ คเหตฺวา ฉินฺทิ, เกสา ทฺวงฺคุลมตฺตา หุตฺวา ทกฺขิณโต อาวตฺตมานา สีสํ อลฺลียึสุ. เตสํ ยาวชีวํ ตเทว ปมาณํ อโหสิ, มสฺสุ จ ตทนุรูปํ, ปุน เกสมสฺสุโอหารณกิจฺจํ นาม นาโหสิ. โพธิสตฺโต ¶ สห โมฬิยา จุฬํ คเหตฺวา ‘‘สจาหํ พุทฺโธ ภวิสฺสามิ, อากาเส ติฏฺตุ, โน เจ, ภูมิยํ ปตตู’’ติ อนฺตลิกฺเข ขิปิ. ตํ จูฬามณิเวนํ โยชนปฺปมาณํ านํ คนฺตฺวา อากาเส อฏฺาสิ. สกฺโก เทวราชา ทิพฺพจกฺขุนา โอโลเกตฺวา โยชนิยรตนจงฺโกฏเกน สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตาวตึสภวเน จูฬามณิเจติยํ นาม ปติฏฺาเปสิ.
‘‘เฉตฺวาน โมฬึ วรคนฺธวาสิตํ, เวหายสํ อุกฺขิปิ อคฺคปุคฺคโล;
สหสฺสเนตฺโต สิรสา ปฏิคฺคหิ, สุวณฺณจงฺโกฏวเรน วาสโว’’ติ.
ปุน ¶ โพธิสตฺโต จินฺเตสิ ‘‘อิมานิ กาสิกวตฺถานิ มยฺหํ น สมณสารุปฺปานี’’ติ. อถสฺส กสฺสปพุทฺธกาเล ปุราณสหายโก ฆฏีการมหาพฺรหฺมา เอกํ พุทฺธนฺตรํ ชรํ อปตฺเตน มิตฺตภาเวน จินฺเตสิ – ‘‘อชฺช เม สหายโก มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขนฺโต, สมณปริกฺขารมสฺส คเหตฺวา คจฺฉิสฺสามี’’ติ.
‘‘ติจีวรฺจ ปตฺโต จ, วาสี สูจิ จ พนฺธนํ;
ปริสฺสาวเนน อฏฺเเต, ยุตฺตโยคสฺส ภิกฺขุโน’’ติ. –
อิเม อฏฺ สมณปริกฺขาเร อาหริตฺวา อทาสิ. โพธิสตฺโต อรหทฺธชํ นิวาเสตฺวา อุตฺตมปพฺพชฺชาเวสํ คณฺหิตฺวา ‘‘ฉนฺน, มม วจเนน มาตาปิตูนํ อาโรคฺยํ วเทหี’’ติ วตฺวา อุยฺโยเชสิ. ฉนฺโน โพธิสตฺตํ วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. กณฺฑโก ปน ฉนฺเนน สทฺธึ มนฺตยมานสฺส โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุณนฺโต ตฺวา ‘‘นตฺถิ ทานิ มยฺหํ ปุน สามิโน ทสฺสน’’นฺติ จกฺขุปถํ วิชหนฺโต โสกํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต หทเยน ผลิเตน กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน กณฺฑโก นาม เทวปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ฉนฺนสฺส ปมํ เอโกว โสโก ¶ อโหสิ, กณฺฑกสฺส ปน กาลกิริยาย ทุติเยน โสเกน ปีฬิโต โรทนฺโต ปริเทวนฺโต นครํ อคมาสิ.
โพธิสตฺโตปิ ปพฺพชิตฺวา ตสฺมึเยว ปเทเส อนุปิยํ นาม อมฺพวนํ อตฺถิ, ตตฺถ สตฺตาหํ ปพฺพชฺชาสุเขน วีตินาเมตฺวา เอกทิวเสเนว ¶ ตึสโยชนมคฺคํ ปทสา คนฺตฺวา ราชคหํ ปาวิสิ. ปวิสิตฺวา สปทานํ ปิณฺฑาย จริ. สกลนครํ โพธิสตฺตสฺส รูปทสฺสเนน ธนปาลเกน ปวิฏฺราชคหํ วิย อสุรินฺเทน ปวิฏฺเทวนครํ วิย จ สงฺโขภํ อคมาสิ. ราชปุริสา คนฺตฺวา ‘‘เทว, เอวรูโป นาม สตฺโต นคเร ปิณฺฑาย จรติ, ‘เทโว วา มนุสฺโส วา นาโค วา สุปณฺโณ วา โก นาเมโส’ติ น ชานามา’’ติ อาโรเจสุํ. ราชา ปาสาทตเล ตฺวา มหาปุริสํ ทิสฺวา อจฺฉริยพฺภุตชาโต ปุริเส อาณาเปสิ – ‘‘คจฺฉถ ภเณ, วีมํสถ, สเจ อมนุสฺโส ภวิสฺสติ, นครา นิกฺขมิตฺวา อนฺตรธายิสฺสติ, สเจ เทวตา ภวิสฺสติ, อากาเสน คจฺฉิสฺสติ, สเจ นาโค ภวิสฺสติ, ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา คมิสฺสติ, สเจ มนุสฺโส ภวิสฺสติ, ยถาลทฺธํ ภิกฺขํ ปริภฺุชิสฺสตี’’ติ.
มหาปุริโสปิ โข มิสฺสกภตฺตํ สํหริตฺวา ‘‘อลํ เม เอตฺตกํ ยาปนายา’’ติ ตฺวา ปวิฏฺทฺวาเรเนว นครา นิกฺขมิตฺวา ปณฺฑวปพฺพตจฺฉายาย ปุรตฺถาภิมุโข นิสีทิตฺวา อาหารํ ปริภฺุชิตุํ ¶ อารทฺโธ. อถสฺส อนฺตานิ ปริวตฺติตฺวา มุเขน นิกฺขมนาการปฺปตฺตานิ วิย อเหสุํ. ตโต เตน อตฺตภาเวน เอวรูปสฺส อาหารสฺส จกฺขุนาปิ อทิฏฺปุพฺพตาย เตน ปฏิกูลาหาเรน อฏฺฏิยมาโน เอวํ อตฺตนาว อตฺตานํ โอวทิ ‘‘สิทฺธตฺถ, ตฺวํ สุลภนฺนปาเน กุเล ติวสฺสิกคนฺธสาลิโภชนํ นานคฺครเสหิ ภฺุชนฏฺาเน นิพฺพตฺติตฺวาปิ เอกํ ปํสุกูลิกํ ทิสฺวา ‘กทา นุ โข อหมฺปิ เอวรูโป หุตฺวา ปิณฺฑาย จริตฺวา ภฺุชิสฺสามิ, ภวิสฺสติ นุ โข เม โส กาโล’ติ จินฺเตตฺวา นิกฺขนฺโต, อิทานิ กึ นาเมตํ กโรสี’’ติ. เอวํ อตฺตนาว อตฺตานํ โอวทิตฺวา นิพฺพิกาโร หุตฺวา อาหารํ ปริภฺุชิ.
ราชปุริสา ตํ ปวตฺตึ ทิสฺวา คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา ทูตวจนํ สุตฺวา เวเคน นครา นิกฺขมิตฺวา โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อิริยาปถสฺมึเยว ปสีทิตฺวา โพธิสตฺตสฺส สพฺพํ อิสฺสริยํ นิยฺยาเทสิ ¶ . โพธิสตฺโต ‘‘มยฺหํ, มหาราช, วตฺถุกาเมหิ วา กิเลสกาเมหิ วา อตฺโถ นตฺถิ, อหํ ปรมาภิสมฺโพธึ ปตฺถยนฺโต นิกฺขนฺโต’’ติ อาห. ราชา อเนกปฺปการํ ยาจนฺโตปิ ตสฺส จิตฺตํ อลภิตฺวา ‘‘อทฺธา ตฺวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ, พุทฺธภูเตน ปน เต ปมํ มม วิชิตํ อาคนฺตพฺพ’’นฺติ ปฏิฺํ คณฺหิ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน ‘‘ปพฺพชฺชํ กิตฺตยิสฺสามิ, ยถา ปพฺพชิ จกฺขุมา’’ติ อิมํ ปพฺพชฺชาสุตฺตํ (สุ. นิ. ๔๐๗ อาทโย) สทฺธึ อฏฺกถาย โอโลเกตฺวา เวทิตพฺโพ.
โพธิสตฺโตปิ รฺโ ปฏิฺํ ทตฺวา อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน อาฬารฺจ กาลามํ อุทกฺจ รามปุตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา ‘‘นายํ มคฺโค โพธายา’’ติ ตมฺปิ ¶ สมาปตฺติภาวนํ อนลงฺกริตฺวา สเทวกสฺส โลกสฺส อตฺตโน ถามวีริยสนฺทสฺสนตฺถํ มหาปธานํ ปทหิตุกาโม อุรุเวลํ คนฺตฺวา ‘‘รมณีโย วตายํ ภูมิภาโค’’ติ ตตฺเถว วาสํ อุปคนฺตฺวา มหาปธานํ ปทหิ. เตปิ โข โกณฺฑฺปฺปมุขา ปฺจ ปพฺพชิตา คามนิคมราชธานีสุ ภิกฺขาย จรนฺตา ตตฺถ โพธิสตฺตํ สมฺปาปุณึสุ. อถ นํ ฉพฺพสฺสานิ มหาปธานํ ปทหนฺตํ ‘‘อิทานิ พุทฺโธ ภวิสฺสติ, อิทานิ พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ปริเวณสมฺมชฺชนาทิกาย วตฺตปฏิปตฺติยา อุปฏฺหมานา สนฺติกาวจราวสฺส อเหสุํ. โพธิสตฺโตปิ โข ‘‘โกฏิปฺปตฺตํ ทุกฺกรการิยํ กริสฺสามี’’ติ เอกติลตณฺฑุลาทีหิปิ วีตินาเมสิ, สพฺพโสปิ อาหารูปจฺเฉทํ อกาสิ, เทวตาปิ โลมกูเปหิ โอชํ อุปสํหรมานา ปฏิกฺขิปิ.
อถสฺส ตาย นิราหารตาย ปรมกสิมานปฺปตฺตกายสฺส สุวณฺณวณฺโณ กาโย กาฬวณฺโณ อโหสิ. พาตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานิ ปฏิจฺฉนฺนานิ อเหสุํ. อปฺเปกทา อปฺปาณกํ ฌานํ ฌายนฺโต ¶ มหาเวทนาหิ อภิตุนฺโน วิสฺีภูโต จงฺกมนโกฏิยํ ปตติ. อถ นํ เอกจฺจา เทวตา ‘‘กาลกโต สมโณ โคตโม’’ติ วทนฺติ, เอกจฺจา ‘‘วิหาโรเวโส อรหต’’นฺติ อาหํสุ. ตตฺถ ยาสํ ‘‘กาลกโต’’ติ อโหสิ, ตา คนฺตฺวา สุทฺโธทนมหาราชสฺส อาโรเจสุํ ‘‘ตุมฺหากํ ปุตฺโต กาลกโต’’ติ. มม ปุตฺโต พุทฺโธ หุตฺวา กาลกโต, อหุตฺวาติ? พุทฺโธ ภวิตุํ นาสกฺขิ, ปธานภูมิยํเยว ปติตฺวา ¶ กาลกโตติ. อิทํ สุตฺวา ราชา ‘‘นาหํ สทฺทหามิ, มม ปุตฺตสฺส โพธึ อปฺปตฺวา กาลกิริยา นาม นตฺถี’’ติ ปฏิกฺขิปิ. กสฺมา ปน ราชา น สทฺทหตีติ? กาฬเทวีลตาปสสฺส วนฺทาปนทิวเส ชมฺพุรุกฺขมูเล จ ปาฏิหาริยานํ ทิฏฺตฺตา.
ปุน โพธิสตฺเต สฺํ ปฏิลภิตฺวา อุฏฺิเต ตา เทวตา คนฺตฺวา ‘‘อโรโค เต มหาราช ปุตฺโต’’ติ อาโรเจนฺติ. ราชา ‘‘ชานามหํ ปุตฺตสฺส อมรณภาว’’นฺติ วทติ. มหาสตฺตสฺส ฉพฺพสฺสานิ ทุกฺกรการิยํ กโรนฺตสฺส อากาเส คณฺิกรณกาโล วิย อโหสิ. โส ‘‘อยํ ทุกฺกรการิกา นาม โพธาย มคฺโค น โหตี’’ติ โอฬาริกํ อาหารํ อาหาเรตุํ คามนิคเมสุ ปิณฺฑาย จริตฺวา อาหารํ อาหริ, อถสฺส พาตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานิ ปากติกานิ อเหสุํ, กาโย สุวณฺณวณฺโณ อโหสิ. ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู ‘‘อยํ ฉพฺพสฺสานิ ทุกฺกรการิกํ กโรนฺโตปิ สพฺพฺุตํ ปฏิวิชฺฌิตุํ นาสกฺขิ, อิทานิ คามาทีสุ ¶ ปิณฺฑาย จริตฺวา โอฬาริกํ อาหารํ อาหริยมาโน กึ สกฺขิสฺสติ, พาหุลิโก เอส ปธานวิพฺภนฺโต, สีสํ นฺหายิตุกามสฺส อุสฺสาวพินฺทุตกฺกนํ วิย อมฺหากํ เอตสฺส สนฺติกา วิเสสตกฺกนํ, กึ โน อิมินา’’ติ มหาปุริสํ ปหาย อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา อฏฺารสโยชนมคฺคํ คนฺตฺวา อิสิปตนํ ปวิสึสุ.
เตน โข ปน สมเยน อุรุเวลายํ เสนานิคเม เสนานิกุฏุมฺพิกสฺส เคเห นิพฺพตฺตา สุชาตา นาม ทาริกา วยปฺปตฺตา เอกสฺมึ นิคฺโรธรุกฺเข ปตฺถนํ อกาสิ ‘‘สเจ สมชาติกํ กุลฆรํ คนฺตฺวา ปมคพฺเภ ปุตฺตํ ลภิสฺสามิ, อนุสํวจฺฉรํ เต สตสหสฺสปริจฺจาเคน พลิกมฺมํ กริสฺสามี’’ติ. ตสฺสา สา ปตฺถนา สมิชฺฌิ. สา มหาสตฺตสฺส ทุกฺกรการิกํ กโรนฺตสฺส ฉฏฺเ วสฺเส ปริปุณฺเณ วิสาขปุณฺณมายํ พลิกมฺมํ กาตุกามา หุตฺวา ปุเรตรํ เธนุสหสฺสํ ลฏฺิมธุกวเน จราเปตฺวา ตาสํ ขีรํ ปฺจ เธนุสตานิ ปาเยตฺวา ตาสํ ขีรํ อฑฺฒติยานีติ เอวํ ยาว โสฬสนฺนํ เธนูนํ ขีรํ อฏฺ เธนุโย ปิวนฺติ, ตาว ขีรสฺส พหลตฺจ มธุรตฺจ โอชวนฺตตฺจ ปตฺถยมานา ขีรปริวตฺตนํ นาม อกาสิ. สา วิสาขปุณฺณมทิวเส ‘‘ปาโตว พลิกมฺมํ กริสฺสามี’’ติ รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฏฺาย ตา อฏฺ เธนุโย ทุหาเปสิ. วจฺฉกา ¶ ¶ เธนูนํ ถนมูลํ นาคมึสุ, ถนมูเล ปน นวภาชเน อุปนีตมตฺเต อตฺตโน ธมฺมตาย ขีรธารา ปวตฺตึสุ. ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา สุชาตา สหตฺเถเนว ขีรํ คเหตฺวา นวภาชเน ปกฺขิปิตฺวา สหตฺเถเนว อคฺคึ กตฺวา ปจิตุํ อารภิ.
ตสฺมึ ปายาเส ปจฺจมาเน มหนฺตมหนฺตา พุพฺพุฬา อุฏฺหิตฺวา ทกฺขิณาวตฺตา หุตฺวา สฺจรนฺติ, เอกผุสิตมฺปิ พหิ น ปตติ, อุทฺธนโต อปฺปมตฺตโกปิ ธูโม น อุฏฺหติ. ตสฺมึ สมเย จตฺตาโร โลกปาลา อาคนฺตฺวา อุทฺธเน อารกฺขํ คณฺหึสุ, มหาพฺรหฺมา ฉตฺตํ ธาเรสิ, สกฺโก อลาตานิ สมาเนนฺโต อคฺคึ ชาเลสิ. เทวตา ทฺวิสหสฺสทีปปริวาเรสุ จตูสุ มหาทีเปสุ เทวานฺจ มนุสฺสานฺจ อุปกปฺปนโอชํ อตฺตโน เทวานุภาเวน ทณฺฑกพทฺธํ มธุปฏลํ ปีเฬตฺวา มธุํ คณฺหมานา วิย สํหริตฺวา ตตฺถ ปกฺขิปึสุ. อฺเสุ หิ กาเลสุ เทวตา กพเฬ กพเฬ โอชํ ปกฺขิปนฺติ, สมฺโพธิทิวเส จ ปน ปรินิพฺพานทิวเส จ อุกฺขลิยํเยว ปกฺขิปนฺติ. สุชาตา เอกทิวเสเยว ¶ ตตฺถ อตฺตโน ปากฏานิ อเนกานิ อจฺฉริยานิ ทิสฺวา ปุณฺณํ ทาสึ อามนฺเตสิ ‘‘อมฺม ปุณฺเณ, อชฺช อมฺหากํ เทวตา อติวิย ปสนฺนา, มยา เอตฺตเก กาเล เอวรูปํ อจฺฉริยํ นาม น ทิฏฺปุพฺพํ, เวเคน คนฺตฺวา เทวฏฺานํ ปฏิชคฺคาหี’’ติ. สา ‘‘สาธุ, อยฺเย’’ติ ตสฺสา วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตุริตตุริตา รุกฺขมูลํ อคมาสิ.
โพธิสตฺโตปิ โข ตสฺมึ รตฺติภาเค ปฺจ มหาสุปิเน ทิสฺวา ปริคฺคณฺหนฺโต ‘‘นิสฺสํสเยนาหํ อชฺช พุทฺโธ ภวิสฺสามี’’ติ กตสนฺนิฏฺาโน ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน กตสรีรปฏิชคฺคโน ภิกฺขาจารกาลํ อาคมยมาโน ปาโตว อาคนฺตฺวา ตสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทิ อตฺตโน ปภาย สกลรุกฺขํ โอภาสยมาโน. อถ โข สา ปุณฺณา อาคนฺตฺวา อทฺทส โพธิสตฺตํ รุกฺขมูเล ปาจีนโลกธาตุํ โอโลกยมานํ นิสินฺนํ, สรีรโต จสฺส นิกฺขนฺตาหิ ปภาหิ สกลรุกฺขํ สุวณฺณวณฺณํ. ทิสฺวา ตสฺสา เอตทโหสิ – ‘‘อชฺช อมฺหากํ เทวตา รุกฺขโต โอรุยฺห สหตฺเถเนว พลิกมฺมํ สมฺปฏิจฺฉิตุํ นิสินฺนา มฺเ’’ติ อุพฺเพคปฺปตฺตา หุตฺวา เวเคนาคนฺตฺวา สุชาตาย เอตมตฺถํ อาโรเจสิ.
สุชาตา ¶ ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ตุฏฺมานสา หุตฺวา ‘‘อชฺช ทานิ ปฏฺาย มม เชฏฺธีตุฏฺาเน ติฏฺาหี’’ติ ธีตุ อนุจฺฉวิกํ สพฺพาลงฺการํ อทาสิ. ยสฺมา ปน พุทฺธภาวํ ปาปุณนทิวเส สตสหสฺสคฺฆนิกํ สุวณฺณปาตึ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, ตสฺมา สา ‘‘สุวณฺณปาติยํ ปายาสํ ปกฺขิปิสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา สตสหสฺสคฺฆนิกํ สุวณฺณปาตึ นีหราเปตฺวา ตตฺถ ปายาสํ ¶ ปกฺขิปิตุกามา ปกฺกภาชนํ อาวชฺเชสิ. ‘สพฺโพ ปายาโส ปทุมปตฺตา อุทกํ วิย วินิวตฺติตฺวา ปาติยํ ปติฏฺาสิ, เอกปาติปูรมตฺโตว อโหสิ’. สา ตํ ปาตึ อฺาย สุวณฺณปาติยา ปฏิกุชฺชิตฺวา โอทาตวตฺเถน เวเตฺวา สพฺพาลงฺกาเรหิ อตฺตภาวํ อลงฺกริตฺวา ตํ ปาตึ อตฺตโน สีเส เปตฺวา มหนฺเตน อานุภาเวน นิคฺโรธรุกฺขมูลํ คนฺตฺวา โพธิสตฺตํ โอโลเกตฺวา พลวโสมนสฺสชาตา ‘‘รุกฺขเทวตา’’ติ สฺาย ทิฏฺฏฺานโต ปฏฺาย โอนโตนตา คนฺตฺวา สีสโต ปาตึ โอตาเรตฺวา วิวริตฺวา สุวณฺณภิงฺกาเรน คนฺธปุปฺผวาสิตํ อุทกํ คเหตฺวา โพธิสตฺตํ อุปคนฺตฺวา อฏฺาสิ. ฆฏีการมหาพฺรหฺมุนา ทินฺโน มตฺติกาปตฺโต เอตฺตกํ อทฺธานํ โพธิสตฺตํ อวิชหิตฺวา ตสฺมึ ขเณ อทสฺสนํ คโต, โพธิสตฺโต ปตฺตํ อปสฺสนฺโต ทกฺขิณหตฺถํ ปสาเรตฺวา อุทกํ สมฺปฏิจฺฉิ. สุชาตา สเหว ปาติยา ปายาสํ มหาปุริสสฺส หตฺเถ เปสิ, มหาปุริโส สุชาตํ โอโลเกสิ. สา อาการํ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘อยฺย, มยา ตุมฺหากํ ปริจฺจตฺตํ, คณฺหิตฺวา ยถารุจึ คจฺฉถา’’ติ วนฺทิตฺวา ‘‘ยถา มยฺหํ มโนรโถ นิปฺผนฺโน ¶ , เอวํ ตุมฺหากมฺปิ นิปฺผชฺชตู’’ติ วตฺวา สตสหสฺสคฺฆนิกาย สุวณฺณปาติยา ปุราณปณฺเณ วิย อนเปกฺขา หุตฺวา ปกฺกามิ.
โพธิสตฺโตปิ โข นิสินฺนฏฺานา อุฏฺาย รุกฺขํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ปาตึ อาทาย เนรฺชราย ตีรํ คนฺตฺวา อเนเกสํ โพธิสตฺตสหสฺสานํ อภิสมฺพุชฺฌนทิวเส โอตริตฺวา นฺหานฏฺานํ สุปฺปติฏฺิตติตฺถํ นาม อตฺถิ, ตสฺส ตีเร ปาตึ เปตฺวา โอตริตฺวา นฺหตฺวา อเนกพุทฺธสตสหสฺสานํ นิวาสนํ อรหทฺธชํ นิวาเสตฺวา ปุรตฺถาภิมุโข นิสีทิตฺวา เอกฏฺิตาลปกฺกปฺปมาเณ เอกูนปฺาส ปิณฺเฑ กตฺวา สพฺพํ อปฺโปทกํ มธุปายาสํ ปริภฺุชิ. โส เอว หิสฺส พุทฺธภูตสฺส สตฺตสตฺตาหํ โพธิมณฺเฑ วสนฺตสฺส เอกูนปฺาส ทิวสานิ อาหาโร อโหสิ. เอตฺตกํ กาลํ ¶ เนว อฺโ อาหาโร อตฺถิ, น นฺหานํ, น มุขโธวนํ, น สรีรวฬฺโช, ฌานสุเขน มคฺคสุเขน ผลสุเขน จ วีตินาเมสิ. ตํ ปน ปายาสํ ปริภฺุชิตฺวา สุวณฺณปาตึ คเหตฺวา ‘‘สจาหํ, อชฺช พุทฺโธ ภวิตุํ สกฺขิสฺสามิ, อยํ ปาติ ปฏิโสตํ คจฺฉตุ, โน เจ สกฺขิสฺสามิ, อนุโสตํ คจฺฉตู’’ติ วตฺวา นทีโสเต ปกฺขิปิ. สา โสตํ ฉินฺทมานา นทีมชฺฌํ คนฺตฺวา มชฺฌมชฺฌฏฺาเนเนว ชวสมฺปนฺโน อสฺโส วิย อสีติหตฺถมตฺตฏฺานํ ปฏิโสตํ คนฺตฺวา เอกสฺมึ อาวฏฺเฏ นิมุชฺชิตฺวา กาฬนาคราชภวนํ คนฺตฺวา ติณฺณํ พุทฺธานํ ปริโภคปาติโย ‘‘กิลิ กิลี’’ติ รวํ การยมานา ปหริตฺวาว ตาสํ สพฺพเหฏฺิมา หุตฺวา อฏฺาสิ. กาโฬ นาคราชา ตํ สทฺทํ สุตฺวา ‘‘หิยฺโย เอโก พุทฺโธ นิพฺพตฺโต, ปุน อชฺช เอโก นิพฺพตฺโต’’ติ วตฺวา อเนเกหิ ปทสเตหิ ถุติโย วทมาโน อุฏฺาสิ. ตสฺส กิร ¶ มหาปถวิยา เอกโยชนติคาวุตปฺปมาณํ นภํ ปูเรตฺวา อาโรหนกาโล ‘‘อชฺช วา หิยฺโย วา’’ติ สทิโส อโหสิ.
โพธิสตฺโตปิ นทีตีรมฺหิ สุปุปฺผิตสาลวเน ทิวาวิหารํ กตฺวา สายนฺหสมเย ปุปฺผานํ วณฺฏโต มุจฺจนกาเล เทวตาหิ อลงฺกเตน อฏฺูสภวิตฺถาเรน มคฺเคน สีโห วิย วิชมฺภมาโน โพธิรุกฺขาภิมุโข ปายาสิ. นาคยกฺขสุปณฺณาทโย ทิพฺเพหิ คนฺธปุปฺผาทีหิ ปูชยึสุ, ทิพฺพสงฺคีตาทีนิ ปวตฺตยึสุ, ทสสหสฺสี โลกธาตุ เอกคนฺธา เอกมาลา เอกสาธุการา อโหสิ. ตสฺมึ สมเย โสตฺถิโย นาม ติณหารโก ติณํ อาทาย ปฏิปเถ อาคจฺฉนฺโต มหาปุริสสฺส อาการํ ตฺวา อฏฺ ติณมุฏฺิโย อทาสิ. โพธิสตฺโต ติณํ คเหตฺวา โพธิมณฺฑํ ¶ อารุยฺห ทกฺขิณทิสาภาเค อุตฺตราภิมุโข อฏฺาสิ. ตสฺมึ ขเณ ทกฺขิณจกฺกวาฬํ โอสีทิตฺวา เหฏฺา อวีจิสมฺปตฺตํ วิย อโหสิ, อุตฺตรจกฺกวาฬํ อุลฺลงฺฆิตฺวา อุปริ ภวคฺคปฺปตฺตํ วิย อโหสิ. โพธิสตฺโต ‘‘อิทํ สมฺโพธึ ปาปุณนฏฺานํ น ภวิสฺสติ มฺเ’’ติ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต ปจฺฉิมทิสาภาคํ คนฺตฺวา ปุรตฺถาภิมุโข อฏฺาสิ, ตโต ปจฺฉิมจกฺกวาฬํ โอสีทิตฺวา เหฏฺา อวีจิสมฺปตฺตํ วิย อโหสิ, ปุรตฺถิมจกฺกวาฬํ อุลฺลงฺฆิตฺวา อุปริ ภวคฺคปฺปตฺตํ วิย อโหสิ. ิตฏฺิตฏฺาเน กิรสฺส เนมิวฏฺฏิปริยนฺเต อกฺกนฺเต นาภิยา ปติฏฺิตมหาสกฏจกฺกํ วิย ¶ มหาปถวี โอนตุนฺนตา อโหสิ. โพธิสตฺโต ‘‘อิทมฺปิ สมฺโพธึ ปาปุณนฏฺานํ น ภวิสฺสติ มฺเ’’ติ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต อุตฺตรทิสาภาคํ คนฺตฺวา ทกฺขิณาภิมุโข อฏฺาสิ, ตโต อุตฺตรจกฺกวาฬํ โอสีทิตฺวา เหฏฺา อวีจิสมฺปตฺตํ วิย อโหสิ, ทกฺขิณจกฺกวาฬํ อุลฺลงฺฆิตฺวา อุปริ ภวคฺคปฺปตฺตํ วิย อโหสิ. โพธิสตฺโต ‘‘อิทมฺปิ สมฺโพธึ ปาปุณนฏฺานํ น ภวิสฺสติ มฺเ’’ติ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต ปุรตฺถิมทิสาภาคํ คนฺตฺวา ปจฺฉิมาภิมุโข อฏฺาสิ. ปุรตฺถิมทิสาภาเค ปน สพฺพพุทฺธานํ ปลฺลงฺกฏฺานํ, ตํ เนว ฉมฺภติ, น กมฺปติ. มหาสตฺโต ‘‘อิทํ สพฺพพุทฺธานํ อวิชหิตํ อจลฏฺานํ กิเลสปฺชรวิทฺธํสนฏฺาน’’นฺติ ตฺวา ตานิ ติณานิ อคฺเค คเหตฺวา จาเลสิ, ตาวเทว จุทฺทสหตฺโถ ปลฺลงฺโก อโหสิ. ตานิปิ โข ติณานิ ตถารูเปน สณฺาเนน สณฺหึสุ, ยถารูปํ สุกุสโลปิ จิตฺตกาโร วา โปตฺถกาโร วา อาลิขิตุมฺปิ สมตฺโถ นตฺถิ. โพธิสตฺโต โพธิกฺขนฺธํ ปิฏฺิโต กตฺวา ปุรตฺถาภิมุโข ทฬฺหมานโส หุตฺวา –
‘‘กามํ ตโจ จ นฺหารุ จ, อฏฺิ จ อวสิสฺสตุ;
อุปสุสฺสตุ นิสฺเสสํ, สรีเร มํสโลหิตํ’’.
น ¶ ตฺเววาหํ สมฺมาสมฺโพธึ อปฺปตฺวา อิมํ ปลฺลงฺกํ ภินฺทิสฺสามีติ อสนิสตสนฺนิปาเตนปิ อเภชฺชรูปํ อปราชิตปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทิ.
ตสฺมึ สมเย มาโร เทวปุตฺโต ‘‘สิทฺธตฺถกุมาโร มยฺหํ วสํ อติกฺกมิตุกาโม, น ทานิสฺส อติกฺกมิตุํ ทสฺสามี’’ติ มารพลสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา เอตมตฺถํ อาโรเจตฺวา มารโฆสนํ นาม โฆสาเปตฺวา มารพลํ อาทาย นิกฺขมิ. สา มารเสนา มารสฺส ปุรโต ทฺวาทสโยชนา โหติ, ทกฺขิณโต จ วามโต จ ทฺวาทสโยชนา, ปจฺฉโต ยาว จกฺกวาฬปริยนฺตํ กตฺวา ิตา, อุทฺธํ นวโยชนุพฺเพธา, ยสฺสา อุนฺนทนฺติยา อุนฺนาทสทฺโท โยชนสหสฺสโต ¶ ปฏฺาย ปถวิอุนฺทฺริยนสทฺโท วิย สุยฺยติ. อถ มาโร เทวปุตฺโต ทิยฑฺฒโยชนสติกํ คิริเมขลํ นาม หตฺถึ อภิรุหิตฺวา พาหุสหสฺสํ มาเปตฺวา นานาวุธานิ อคฺคเหสิ. อวเสสายปิ มารปริสาย ทฺเว ชนา เอกสทิสํ อาวุธํ น คณฺหึสุ, นานปฺปการวณฺณา นานปฺปการมุขา หุตฺวา มหาสตฺตํ อชฺโฌตฺถรมานา อาคมึสุ.
ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา ¶ ปน มหาสตฺตสฺส ถุติโย วทมานา อฏฺํสุ. สกฺโก เทวราชา วิชยุตฺตรสงฺขํ ธมมาโน อฏฺาสิ. โส กิร สงฺโข วีสหตฺถสติโก โหติ. สกึ วาตํ คาหาเปตฺวา ธมนฺโต จตฺตาโร มาเส สทฺทํ กริตฺวา นิสฺสทฺโท โหติ. มหากาฬนาคราชา อติเรกปทสเตน วณฺณํ วทนฺโต อฏฺาสิ, มหาพฺรหฺมา เสตจฺฉตฺตํ ธารยมาโน อฏฺาสิ. มารพเล ปน โพธิมณฺฑํ อุปสงฺกมนฺเต เตสํ เอโกปิ าตุํ นาสกฺขิ, สมฺมุขสมฺมุขฏฺาเนเนว ปลายึสุ. กาโฬ นาคราชา ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา ปฺจโยชนสติกํ มฺเชริกนาคภวนํ คนฺตฺวา อุโภหิ หตฺเถหิ มุขํ ปิทหิตฺวา นิปนฺโน. สกฺโก วิชยุตฺตรสงฺขํ ปิฏฺิยํ กตฺวา จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อฏฺาสิ. มหาพฺรหฺมา เสตจฺฉตฺตํ จกฺกวาฬโกฏิยํ เปตฺวา พฺรหฺมโลกเมว อคมาสิ. เอกา เทวตาปิ าตุํ สมตฺถา นาโหสิ, มหาปุริโส เอกโกว นิสีทิ.
มาโรปิ อตฺตโน ปริสํ อาห ‘‘ตาตา สุทฺโธทนปุตฺเตน สิทฺธตฺเถน สทิโส อฺโ ปุริโส นาม นตฺถิ, มยํ สมฺมุขา ยุทฺธํ ทาตุํ น สกฺขิสฺสาม, ปจฺฉาภาเคน ทสฺสามา’’ติ. มหาปุริโสปิ ตีณิ ปสฺสานิ โอโลเกตฺวา สพฺพเทวตานํ ปลาตตฺตา สฺุานิ อทฺทส. ปุน อุตฺตรปสฺเสน มารพลํ อชฺโฌตฺถรมานํ ทิสฺวา ‘‘อยํ เอตฺตโก ชโน มํ เอกกํ สนฺธาย มหนฺตํ วายามํ ปรกฺกมํ กโรติ, อิมสฺมึ าเน มยฺหํ มาตา วา ปิตา วา ภาตา วา อฺโ วา โกจิ าตโก นตฺถิ, อิมา ปน ทส ปารมิโยว มยฺหํ ทีฆรตฺตํ ปุฏฺปริชนสทิสา, ตสฺมา ปารมิโยว ¶ ผลกํ กตฺวา ปารมิสตฺเถเนว ปหริตฺวา อยํ พลกาโย มยา วิทฺธํเสตุํ วฏฺฏตี’’ติ ทส ปารมิโย อาวชฺชมาโน นิสีทิ.
อถ โข มาโร เทวปุตฺโต ‘‘เอเตเนว สิทฺธตฺถํ ปลาเปสฺสามี’’ติ วาตมณฺฑลํ สมุฏฺาเปสิ. ตงฺขณํเยว ปุรตฺถิมาทิเภทา วาตา สมุฏฺหิตฺวา อฑฺฒโยชนเอกโยชนทฺวิโยชนติโยชนปฺปมาณานิ ¶ ปพฺพตกูฏานิ ปทาเลตฺวา วนคจฺฉรุกฺขาทีนิ อุมฺมูเลตฺวา สมนฺตา คามนิคเม จุณฺณวิจุณฺณํ กาตุํ สมตฺถาปิ มหาปุริสสฺส ปฺุเตเชน วิหตานุภาวา โพธิสตฺตํ ปตฺวา จีวรกณฺณมตฺตมฺปิ จาเลตุํ นาสกฺขึสุ. ตโต ‘‘อุทเกน น อชฺโฌตฺถริตฺวา มาเรสฺสามี’’ติ มหาวสฺสํ ¶ สมุฏฺาเปสิ. ตสฺสานุภาเวน อุปรูปริ สตปฏลสหสฺสปฏลาทิเภทา วลาหกา อุฏฺหิตฺวา วสฺสึสุ. วุฏฺิธาราเวเคน ปถวี ฉิทฺทา อโหสิ. วนรุกฺขาทีนํ อุปริภาเคน มหาเมโฆ อาคนฺตฺวา มหาสตฺตสฺส จีวเร อุสฺสาวพินฺทุฏฺานมตฺตมฺปิ เตเมตุํ นาสกฺขิ. ตโต ปาสาณวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. มหนฺตานิ มหนฺตานิ ปพฺพตกูฏานิ ธูมายนฺตานิ ปชฺชลนฺตานิ อากาเสนาคนฺตฺวา โพธิสตฺตํ ปตฺวา ทิพฺพมาลาคุฬภาวํ อาปชฺชึสุ. ตโต ปหรณวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. เอกโตธาราอุภโตธาราอสิสตฺติขุรปฺปาทโย ธูมายนฺตา ปชฺชลนฺตา อากาเสนาคนฺตฺวา โพธิสตฺตํ ปตฺวา ทิพฺพปุปฺผานิ อเหสุํ. ตโต องฺคารวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. กึสุกวณฺณา องฺคารา อากาเสนาคนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส ปาทมูเล ทิพฺพปุปฺผานิ หุตฺวา วิกิรึสุ. ตโต กุกฺกุฬวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. อจฺจุณฺโห อคฺคิวณฺโณ กุกฺกุโฬ อากาเสนาคนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส ปาทมูเล ทิพฺพจนฺทนจุณฺณํ หุตฺวา นิปติ. ตโต วาลุกาวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. อติสุขุมวาลุกา ธูมายนฺตา ปชฺชลนฺตา อากาเสนาคนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส ปาทมูเล ทิพฺพปุปฺผานิ หุตฺวา นิปตึสุ. ตโต กลลวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. ตํ กลลํ ธูมายนฺตํ ปชฺชลนฺตํ อากาเสนาคนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส ปาทมูเล ทิพฺพวิเลปนํ หุตฺวา นิปติ. ตโต ‘‘อิมินา ภึเสตฺวา สิทฺธตฺถํ ปลาเปสฺสามี’’ติ อนฺธการํ สมุฏฺาเปสิ. ตํ จตุรงฺคสมนฺนาคตํ วิย มหาตมํ หุตฺวา โพธิสตฺตํ ปตฺวา สูริยปฺปภาวิหตํ วิย อนฺธการํ อนฺตรธายิ.
เอวํ มาโร อิมาหิ นวหิ วาตวสฺสปาสาณปหรณองฺคารกุกฺกุฬวาลุกากลลอนฺธการวุฏฺีหิ โพธิสตฺตํ ปลาเปตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘กึ ภเณ, ติฏฺถ, อิมํ สิทฺธตฺถกุมารํ คณฺหถ หนถ ปลาเปถา’’ติ ปริสํ อาณาเปตฺวา สยมฺปิ คิริเมขลสฺส หตฺถิโน ขนฺเธ นิสินฺโน จกฺกาวุธํ อาทาย โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘สิทฺธตฺถ อุฏฺาหิ เอตสฺมา ปลฺลงฺกา, นายํ ตุยฺหํ ปาปุณาติ, มยฺหํ เอว ปาปุณาตี’’ติ อาห. มหาสตฺโต ตสฺส วจนํ สุตฺวา อโวจ – ‘‘มาร, เนว ตยา ทส ปารมิโย ปูริตา, น อุปปารมิโย, น ปรมตฺถปารมิโย, นาปิ ปฺจ มหาปริจฺจาคา ปริจฺจตฺตา ¶ , น าตตฺถจริยา, น โลกตฺถจริยา, น พุทฺธิจริยา ปูริตา, สพฺพา ¶ ตา มยาเยว ปูริตา, ตสฺมา นายํ ปลฺลงฺโก ตุยฺหํ ปาปุณาติ ¶ , มยฺเหเวโส ปาปุณาตี’’ติ.
มาโร กุทฺโธ โกธเวคํ อสหนฺโต มหาปุริสสฺส จกฺกาวุธํ วิสฺสชฺเชสิ. ตํ ตสฺส ทส ปารมิโย อาวชฺเชนฺตสฺส อุปริภาเค มาลาวิตานํ หุตฺวา อฏฺาสิ. ตํ กิร ขุรธารจกฺกาวุธํ อฺทา เตน กุทฺเธน วิสฺสฏฺํ เอกฆนปาสาณตฺถมฺเภ วํสกฬีเร วิย ฉินฺทนฺตํ คจฺฉติ, อิทานิ ปน ตสฺมึ มาลาวิตานํ หุตฺวา ิเต อวเสสา มารปริสา ‘‘อิทานิ ปลฺลงฺกโต วุฏฺาย ปลายิสฺสตี’’ติ มหนฺตมหนฺตานิ เสลกูฏานิ วิสฺสชฺเชสุํ. ตานิปิ มหาปุริสสฺส ทส ปารมิโย อาวชฺเชนฺตสฺส มาลาคุฬภาวํ อาปชฺชิตฺวา ภูมิยํ ปตึสุ. เทวตา จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ ิตา คีวํ ปสาเรตฺวา สีสํ อุกฺขิปิตฺวา ‘‘นฏฺโ วต โส สิทฺธตฺถกุมารสฺส รูปคฺคปฺปตฺโต อตฺตภาโว, กึ นุ โข กริสฺสตี’’ติ โอโลเกนฺติ.
ตโต มหาปุริโส ‘‘ปูริตปารมีนํ โพธิสตฺตานํ อภิสมฺพุชฺฌนทิวเส ปตฺตปลฺลงฺโก มยฺหํว ปาปุณาตี’’ติ วตฺวา ิตํ มารํ อาห – ‘‘มาร ตุยฺหํ ทานสฺส ทินฺนภาเว โก สกฺขี’’ติ. มาโร ‘‘อิเม เอตฺตกา ชนา สกฺขิโน’’ติ มารพลาภิมุขํ หตฺถํ ปสาเรสิ. ตสฺมึ ขเณ มารปริสาย ‘‘อหํ สกฺขี, อหํ สกฺขี’’ติ ปวตฺตสทฺโท ปถวิอุนฺทฺริยนสทฺทสทิโส อโหสิ. อถ มาโร มหาปุริสํ อาห ‘‘สิทฺธตฺถ, ตุยฺหํ ทานสฺส ทินฺนภาเว โก สกฺขี’’ติ. มหาปุริโส ‘‘ตุยฺหํ ตาว ทานสฺส ทินฺนภาเว สเจตนา สกฺขิโน, มยฺหํ ปน อิมสฺมึ าเน สเจตโน โกจิ สกฺขี นาม นตฺถิ, ติฏฺตุ ตาว เม อวเสสตฺตภาเวสุ ทินฺนทานํ, เวสฺสนฺตรตฺตภาเว ปน ตฺวา มยฺหํ สตฺตสตกมหาทานสฺส ทินฺนภาเว อยํ อเจตนาปิ ฆนมหาปถวี สกฺขี’’ติ จีวรคพฺภนฺตรโต ทกฺขิณหตฺถํ อภินีหริตฺวา ‘‘เวสฺสนฺตรตฺตภาเว ตฺวา มยฺหํ สตฺตสตกมหาทานสฺส ทินฺนภาเว ตฺวํ สกฺขี น สกฺขี’’ติ มหาปถวิอภิมุขํ หตฺถํ ปสาเรสิ. มหาปถวี ‘‘อหํ เต ตทา สกฺขี’’ติ วิรวสเตน วิรวสหสฺเสน วิรวสตสหสฺเสน มารพลํ อวตฺถรมานา วิย อุนฺนทิ.
ตโต ¶ มหาปุริเส ‘‘ทินฺนํ เต สิทฺธตฺถ มหาทานํ อุตฺตมทาน’’นฺติ เวสฺสนฺตรทานํ สมฺมสนฺเต ทิยฑฺฒโยชนสติโก คิริเมขลหตฺถี ชณฺณุเกหิ ปถวิยํ ปติฏฺาสิ, มารปริสา ทิสาวิทิสา ปลายิ, ทฺเว เอกมคฺเคน คตา นาม นตฺถิ, สีสาภรณานิ เจว นิวตฺถวตฺถานิ จ ปหาย สมฺมุขสมฺมุขทิสาหิเยว ปลายึสุ. ตโต เทวสงฺฆา ปลายมานํ มารพลํ ทิสฺวา ‘‘มารสฺส ¶ ปราชโย ชาโต, สิทฺธตฺถกุมารสฺส ชโย, ชยปูชํ กริสฺสามา’’ติ นาคา นาคานํ, สุปณฺณา สุปณฺณานํ ¶ , เทวตา เทวตานํ, พฺรหฺมาโน พฺรหฺมานํ, อุคฺโฆเสตฺวา คนฺธมาลาทิหตฺถา มหาปุริสสฺส สนฺติกํ โพธิปลฺลงฺกํ อคมํสุ.
เอวํ คเตสุ จ ปน เตสุ –
‘‘ชโย หิ พุทฺธสฺส สิรีมโต อยํ, มารสฺส จ ปาปิมโต ปราชโย;
อุคฺโฆสยุํ โพธิมณฺเฑ ปโมทิตา, ชยํ ตทา นาคคณา มเหสิโน.
‘‘ชโย หิ พุทฺธสฺส สิรีมโต อยํ, มารสฺส จ ปาปิมโต ปราชโย;
อุคฺโฆสยุํ โพธิมณฺเฑ ปโมทิตา, สุปณฺณสงฺฆาปิ ชยํ มเหสิโน.
‘‘ชโย หิ พุทฺธสฺส สิรีมโต อยํ, มารสฺส จ ปาปิมโต ปราชโย;
อุคฺโฆสยุํ โพธิมณฺเฑ ปโมทิตา, ชยํ ตทา เทวคณา มเหสิโน.
‘‘ชโย หิ พุทฺธสฺส สิรีมโต อยํ, มารสฺส จ ปาปิมโต ปราชโย;
อุคฺโฆสยุํ โพธิมณฺเฑ ปโมทิตา, ชยํ ตทา พฺรหฺมคณาปิ ตาทิโน’’ติ.
อวเสสา ทสสุ จกฺกวาฬสหสฺเสสุ เทวตา มาลาคนฺธวิเลปเนหิ จ ปูชยมานา นานปฺปการา ถุติโย จ วทมานา อฏฺํสุ. เอวํ อนตฺถงฺคเตเยว ¶ สูริเย มหาปุริโส มารพลํ วิธเมตฺวา จีวรูปริ ปตมาเนหิ โพธิรุกฺขงฺกุเรหิ รตฺตปวาฬปลฺลเวหิ วิย ปูชิยมาโน ปมยาเม ปุพฺเพนิวาสาณํ อนุสฺสริตฺวา, มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธตฺวา, ปจฺฉิมยาเม ปฏิจฺจสมุปฺปาเท าณํ โอตาเรสิ. อถสฺส ทฺวาทสปทิกํ ปจฺจยาการํ วฏฺฏวิวฏฺฏวเสน อนุโลมปฏิโลมโต สมฺมสนฺตสฺส ทสสหสฺสี โลกธาตุ อุทกปริยนฺตํ กตฺวา ทฺวาทสกฺขตฺตุํ สมฺปกมฺปิ.
มหาปุริเส ปน ทสสหสฺสิโลกธาตุํ อุนฺนาเทตฺวา อรุณุคฺคมนเวลาย สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิชฺฌนฺเต ¶ สกลทสสหสฺสี โลกธาตุ อลงฺกตปฏิยตฺตา อโหสิ. ปาจีนจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อุสฺสาปิตานํ ธชานํ ปฏากานํ รํสิโย ปจฺฉิมจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ ปหรนฺติ, ตถา ปจฺฉิมจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อุสฺสาปิตานํ ปาจีนจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ, ทกฺขิณจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อุสฺสาปิตานํ อุตฺตรจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ, อุตฺตรจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อุสฺสาปิตานํ ¶ ทกฺขิณจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ ปหรนฺติ, ปถวิตเล อุสฺสาปิตานํ ปน ธชานํ ปฏากานํ พฺรหฺมโลกํ อาหจฺจ อฏฺํสุ, พฺรหฺมโลเก พทฺธานํ ปถวิตเล ปติฏฺหึสุ, ทสสหสฺสจกฺกวาเฬสุ ปุปฺผูปครุกฺขา ปุปฺผํ คณฺหึสุ, ผลูปครุกฺขา ผลปิณฺฑีภารภริตา อเหสุํ. ขนฺเธสุ ขนฺธปทุมานิ ปุปฺผึสุ, สาขาสุ สาขาปทุมานิ, ลตาสุ ลตาปทุมานิ, อากาเส โอลมฺพกปทุมานิ, สิลาตลานิ ภินฺทิตฺวา อุปรูปริ สตฺต สตฺต หุตฺวา ทณฺฑกปทุมานิ อุฏฺหึสุ. ทสสหสฺสี โลกธาตุ วฏฺเฏตฺวา วิสฺสฏฺมาลาคุฬา วิย สุสนฺถตปุปฺผสนฺถาโร วิย จ อโหสิ. จกฺกวาฬนฺตเรสุ อฏฺโยชนสหสฺสโลกนฺตริกา สตฺตสูริยปฺปภายปิ อโนภาสิตปุพฺพา เอโกภาสา อเหสุํ, จตุราสีติโยชนสหสฺสคมฺภีโร มหาสมุทฺโท มธุโรทโก อโหสิ, นทิโย นปฺปวตฺตึสุ, ชจฺจนฺธา รูปานิ ปสฺสึสุ, ชาติพธิรา สทฺทํ สุณึสุ, ชาติปีสปฺปิโน ปทสา คจฺฉึสุ, อนฺทุพนฺธนาทีนิ ฉิชฺชิตฺวา ปตึสุ.
เอวํ อปริมาเณน สิริวิภเวน ปูชิยมาโน มหาปุริโส อเนกปฺปกาเรสุ อจฺฉริยธมฺเมสุ ปาตุภูเตสุ สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา สพฺพพุทฺธานํ อวิชหิตํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘อเนกชาติสํสารํ ¶ , สนฺธาวิสฺสํ อนิพฺพิสํ;
คหการํ คเวสนฺโต, ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนํ.
‘‘คหการก ทิฏฺโสิ, ปุน เคหํ น กาหสิ;
สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคา, คหกูฏํ วิสงฺขตํ;
วิสงฺขารคตํ จิตฺตํ, ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ. (ธ. ป. ๑๕๓-๑๕๔);
อิติ ¶ ตุสิตปุรโต ปฏฺาย ยาว อยํ โพธิมณฺเฑ สพฺพฺุตปฺปตฺติ, เอตฺตกํ านํ อวิทูเรนิทานํ นามาติ เวทิตพฺพํ.
อวิทูเรนิทานกถา นิฏฺิตา.
๓. สนฺติเกนิทานกถา
‘‘สนฺติเกนิทานํ ¶ ปน ‘ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลาย’นฺติ เอวํ เตสุ เตสุ าเนสุ วิหรโต ตสฺมึ ตสฺมึ าเนเยว ลพฺภตี’’ติ วุตฺตํ. กิฺจาปิ เอวํ วุตฺตํ, อถ โข ปน ตมฺปิ อาทิโต ปฏฺาย เอวํ เวทิตพฺพํ – อุทานํ อุทาเนตฺวา ชยปลฺลงฺเก นิสินฺนสฺส หิ ภควโต เอตทโหสิ ‘‘อหํ กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ อิมสฺส ปลฺลงฺกสฺส การณา สนฺธาวึ, เอตฺตกํ เม กาลํ อิมสฺเสว ปลฺลงฺกสฺส การณา อลงฺกตสีสํ คีวาย ฉินฺทิตฺวา ทินฺนํ, สุอฺชิตานิ อกฺขีนิ หทยมํสฺจ อุพฺพฏฺเฏตฺวา ทินฺนํ, ชาลีกุมารสทิสา ปุตฺตา กณฺหาชินกุมาริสทิสา ธีตโร มทฺทีเทวิสทิสา ภริยาโย จ ปเรสํ ทาสตฺถาย ทินฺนา, อยํ เม ปลฺลงฺโก ชยปลฺลงฺโก วรปลฺลงฺโก จ. เอตฺถ เม นิสินฺนสฺส สงฺกปฺปา ปริปุณฺณา, น ตาว อิโต อุฏฺหิสฺสามี’’ติ อเนกโกฏิสตสหสฺสา สมาปตฺติโย สมาปชฺชนฺโต สตฺตาหํ ตตฺเถว นิสีทิ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อถ โข ภควา สตฺตาหํ เอกปลฺลงฺเกน นิสีทิ วิมุตฺติสุขปฏิสํเวที’’ติ (อุทา. ๑; มหาว. ๑).
อถ เอกจฺจานํ เทวตานํ ‘‘อชฺชาปิ นูน สิทฺธตฺถสฺส กตฺตพฺพกิจฺจํ อตฺถิ, ปลฺลงฺกสฺมิฺหิ อาลยํ น วิชหตี’’ติ ปริวิตกฺโก อุทปาทิ. สตฺถา เทวตานํ ¶ ปริวิตกฺกํ ตฺวา ตาสํ วิตกฺกวูปสมนตฺถํ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ยมกปาฏิหาริยํ ทสฺเสสิ. มหาโพธิมณฺฑสฺมิฺหิ กตปาฏิหาริยฺจ, าติสมาคเม กตปาฏิหาริยฺจ, ปาถิกปุตฺตสมาคเม กตปาฏิหาริยฺจ, สพฺพํ กณฺฑมฺพรุกฺขมูเล ยมกปาฏิหาริยสทิสํ อโหสิ.
เอวํ สตฺถา อิมินา ปาฏิหาริเยน เทวตานํ วิตกฺกํ วูปสเมตฺวา ปลฺลงฺกโต อีสกํ ปาจีนนิสฺสิเต อุตฺตรทิสาภาเค ตฺวา ‘‘อิมสฺมึ วต เม ปลฺลงฺเก สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิทฺธ’’นฺติ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ ปูริตานํ ปารมีนํ ผลาธิคมฏฺานํ ปลฺลงฺกํ โพธิรุกฺขฺจ อนิมิเสหิ อกฺขีหิ โอโลกยมาโน สตฺตาหํ วีตินาเมสิ, ตํ านํ อนิมิสเจติยํ นาม ชาตํ. อถ ปลฺลงฺกสฺส จ ิตฏฺานสฺส จ อนฺตรา จงฺกมํ มาเปตฺวา ปุรตฺถิมปจฺฉิมโต อายเต รตนจงฺกเม ¶ จงฺกมนฺโต สตฺตาหํ วีตินาเมสิ, ตํ านํ รตนจงฺกมเจติยํ นาม ชาตํ.
จตุตฺเถ ปน สตฺตาเห โพธิโต ปจฺฉิมุตฺตรทิสาภาเค เทวตา รตนฆรํ มาปยึสุ, ตตฺถ ปลฺลงฺเกน ¶ นิสีทิตฺวา อภิธมฺมปิฏกํ วิเสสโต เจตฺถ อนนฺตนยํ สมนฺตปฏฺานํ วิจินนฺโต สตฺตาหํ วีตินาเมสิ. อาภิธมฺมิกา ปนาหุ ‘‘รตนฆรํ นาม น สตฺตรตนมยํ เคหํ, สตฺตนฺนํ ปน ปกรณานํ สมฺมสิตฏฺานํ ‘รตนฆร’นฺติ วุจฺจตี’’ติ. ยสฺมา ปเนตฺถ อุโภเปเต ปริยายา ยุชฺชนฺติ, ตสฺมา อุภยมฺเปตํ คเหตพฺพเมว. ตโต ปฏฺาย ปน ตํ านํ รตนฆรเจติยํ นาม ชาตํ. เอวํ โพธิสมีเปเยว จตฺตาริ สตฺตาหานิ วีตินาเมตฺวา ปฺจเม สตฺตาเห โพธิรุกฺขมูลา เยน อชปาลนิคฺโรโธ เตนุปสงฺกมิ, ตตฺราปิ ธมฺมํ วิจินนฺโตเยว วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวเทนฺโต นิสีทิ.
ตสฺมึ สมเย มาโร เทวปุตฺโต ‘‘เอตฺตกํ กาลํ อนุพนฺธนฺโต โอตาราเปกฺโขปิ อิมสฺส น กิฺจิ ขลิตํ อทฺทสํ, อติกฺกนฺโตทานิ เอส มม วส’’นฺติ โทมนสฺสปฺปตฺโต มหามคฺเค นิสีทิตฺวา โสฬส การณานิ จินฺเตนฺโต ภูมิยํ โสฬส เลขา กฑฺฒิ – ‘‘อหํ เอโส วิย ทานปารมึ น ปูเรสึ, เตนมฺหิ อิมินา สทิโส น ชาโต’’ติ เอกํ เลขํ กฑฺฒิ. ตถา ‘‘อหํ เอโส วิย สีลปารมึ, เนกฺขมฺมปารมึ, ปฺาปารมึ, วีริยปารมึ, ขนฺติปารมึ, สจฺจปารมึ, อธิฏฺานปารมึ, เมตฺตาปารมึ, อุเปกฺขาปารมึ น ปูเรสึ ¶ , เตนมฺหิ อิมินา สทิโส น ชาโต’’ติ ทสมํ เลขํ กฑฺฒิ. ตถา ‘‘อหํ เอโส วิย อสาธารณสฺส อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาณสฺส ปฏิเวธาย อุปนิสฺสยภูตา ทส ปารมิโย น ปูเรสึ, เตนมฺหิ อิมินา สทิโส น ชาโต’’ติ เอกาทสมํ เลขํ กฑฺฒิ. ตถา ‘‘อหํ เอโส วิย อสาธารณสฺส อาสยานุสยาณสฺส, มหากรุณาสมาปตฺติาณสฺส, ยมกปาฏิหีราณสฺส, อนาวรณาณสฺส, สพฺพฺุตฺาณสฺส ปฏิเวธาย อุปนิสฺสยภูตา ทส ปารมิโย น ปูเรสึ, เตนมฺหิ อิมินา สทิโส น ชาโต’’ติ โสฬสมํ เลขํ กฑฺฒิ. เอวํ อิเมหิ การเณหิ มหามคฺเค โสฬส เลขา กฑฺฒมาโน นิสีทิ.
ตสฺมึ สมเย ตณฺหา, อรติ, รคาติ ติสฺโส มารธีตโร ‘‘ปิตา โน น ปฺายติ, กหํ นุ โข เอตรหี’’ติ โอโลกยมานา ตํ โทมนสฺสปฺปตฺตํ ภูมึ วิเลขมานํ นิสินฺนํ ทิสฺวา ปิตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กสฺมา, ตาต, ทุกฺขี ทุมฺมโน’’ติ ปุจฺฉึสุ. อมฺมา, อยํ มหาสมโณ มยฺหํ วสํ อติกฺกนฺโต, เอตฺตกํ กาลํ โอโลเกนฺโต โอตารมสฺส ทฏฺุํ นาสกฺขึ, เตนาหํ ทุกฺขี ทุมฺมโนติ. ยทิ ¶ เอวํ มา จินฺตยิตฺถ, มยเมตํ อตฺตโน วเส กตฺวา อาทาย อาคมิสฺสามาติ. น สกฺกา, อมฺมา, เอโส เกนจิ วเส กาตุํ, อจลาย สทฺธาย ปติฏฺิโต เอโส ปุริโสติ. ‘‘ตาต มยํ อิตฺถิโย นาม อิทาเนว นํ ราคปาสาทีหิ พนฺธิตฺวา อาเนสฺสาม, ตุมฺเห มา จินฺตยิตฺถา’’ติ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ปาเท เต สมณ ปริจาเรมา’’ติ อาหํสุ. ภควา ¶ ว ตาสํ วจนํ มนสิ อกาสิ, น อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา โอโลเกสิ, อนุตฺตเร อุปธิสงฺขเย วิมุตฺตมานโส วิเวกสุขฺเว อนุภวนฺโต นิสีทิ.
ปุน มารธีตโร ‘‘อุจฺจาวจา โข ปุริสานํ อธิปฺปายา, เกสฺจิ กุมาริกาสุ เปมํ โหติ, เกสฺจิ ปมวเย ิตาสุ, เกสฺจิ มชฺฌิมวเย ิตาสุ, ยํนูน มยํ นานปฺปกาเรหิ รูเปหิ ปโลเภยฺยามา’’ติ เอกเมกา กุมาริวณฺณาทิวเสน สตํ สตํ อตฺตภาเว อภินิมฺมินิตฺวา กุมาริโย, อวิชาตา, สกึวิชาตา, ทุวิชาตา, มชฺฌิมิตฺถิโย, มหิตฺถิโย จ หุตฺวา ฉกฺขตฺตุํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ปาเท เต สมณ ปริจาเรมา’’ติ อาหํสุ. ตมฺปิ ภควา น มนสากาสิ, ยถา ตํ อนุตฺตเร อุปธิสงฺขเยว วิมุตฺโต. เกจิ ปนาจริยา วทนฺติ ‘‘ตา มหิตฺถิภาเวน ¶ อุปคตา ทิสฺวา ภควา ‘เอวเมวํ เอตา ขณฺฑทนฺตา ปลิตเกสา โหนฺตู’ติ อธิฏฺาสี’’ติ, ตํ น คเหตพฺพํ. น หิ สตฺถา เอวรูปํ อธิฏฺานํ กโรติ. ภควา ปน ‘‘อเปถ ตุมฺเห, กึ ทิสฺวา เอวํ วายมถ, เอวรูปํ นาม อวีตราคาทีนํ ปุรโต กาตุํ ยุตฺตํ, ตถาคตสฺส ปน ราโค ปหีโน, โทโส ปหีโน, โมโห ปหีโน’’ติ อตฺตโน กิเลสปฺปหานํ อารพฺภ –
‘‘ยสฺส ชิตํ นาวชียติ, ชิตมสฺส โนยาติ โกจิ โลเก;
ตํ พุทฺธมนนฺตโคจรํ, อปทํ เกน ปเทน เนสฺสถ.
‘‘ยสฺส ชาลินี วิสตฺติกา, ตณฺหา นตฺถิ กุหิฺจิ เนตเว;
ตํ พุทฺธมนนฺตโคจรํ, อปทํ เกน ปเทน เนสฺสถา’’ติ. (ธ. ป. ๑๗๙-๑๘๐) –
อิมา ธมฺมปเท พุทฺธวคฺเค ทฺเว คาถา วทนฺโต ธมฺมํ กเถสิ. ตา ‘‘สจฺจํ กิร โน ปิตา อโวจ, อรหํ สุคโต โลเก น ราเคน สุวานโย’’ติอาทีนิ ¶ วตฺวา ปิตุ สนฺติกํ อคมํสุ.
ภควาปิ ตตฺถ สตฺตาหํ วีตินาเมตฺวา มุจลินฺทมูลํ อคมาสิ. ตตฺถ สตฺตาหวทฺทลิกาย อุปฺปนฺนาย สีตาทิปฏิพาหนตฺถํ มุจลินฺเทน นาคราเชน สตฺตกฺขตฺตุํ โภเคหิ ปริกฺขิตฺโต อสมฺพาธาย คนฺธกุฏิยํ วิหรนฺโต วิย วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวทิยมาโน สตฺตาหํ วีตินาเมตฺวา ราชายตนํ อุปสงฺกมิ, ตตฺถาปิ วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวทิยมาโนเยว นิสีทิ. เอตฺตาวตา สตฺต สตฺตาหานิ ¶ ปริปุณฺณานิ. เอตฺถนฺตเร เนว มุขโธวนํ, น สรีรปฏิชคฺคนํ, น อาหารกิจฺจํ อโหสิ, ฌานสุขผลสุเขเนว วีตินาเมสิ.
อถสฺส ตสฺมึ สตฺตสตฺตาหมตฺถเก เอกูนปฺาสติเม ทิวเส ตตฺถ นิสินฺนสฺส ‘‘มุขํ โธวิสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุทปาทิ. สกฺโก เทวานมินฺโท อคทหรีฏกํ อาหริตฺวา อทาสิ, สตฺถา ตํ ปริภฺุชิ, เตนสฺส สรีรวฬฺชํ อโหสิ. อถสฺส สกฺโกเยว นาคลตาทนฺตกฏฺฺเจว มุขโธวนอุทกฺจ ¶ อทาสิ. สตฺถา ตํ ทนฺตกฏฺํ ขาทิตฺวา อโนตตฺตทโหทเกน มุขํ โธวิตฺวา ตตฺเถว ราชายตนมูเล นิสีทิ.
ตสฺมึ สมเย ตปุสฺสภลฺลิกา นาม ทฺเว วาณิชา ปฺจหิ สกฏสเตหิ อุกฺกลาชนปทา มชฺฌิมเทสํ คจฺฉนฺตา อตฺตโน าติสาโลหิตาย เทวตาย สกฏานิ สนฺนิรุมฺภิตฺวา สตฺถุ อาหารสมฺปาทเน อุสฺสาหิตา มนฺถฺจ มธุปิณฺฑิกฺจ อาทาย ‘‘ปฏิคฺคณฺหาตุ โน, ภนฺเต, ภควา อิมํ อาหารํ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา อฏฺํสุ. ภควา ปายาสปฏิคฺคหณทิวเสเยว ปตฺตสฺส อนฺตรหิตตฺตา ‘‘น โข ตถาคตา หตฺเถสุ ปฏิคฺคณฺหนฺติ, กิมฺหิ นุ โข อหํ ปฏิคฺคณฺเหยฺย’’นฺติ จินฺเตสิ. อถสฺส จิตฺตํ ตฺวา จตูหิ ทิสาหิ จตฺตาโร มหาราชาโน อินฺทนีลมณิมเย ปตฺเต อุปนาเมสุํ, ภควา เต ปฏิกฺขิปิ. ปุน มุคฺควณฺณเสลมเย จตฺตาโร ปตฺเต อุปนาเมสุํ. ภควา จตุนฺนมฺปิ เทวปุตฺตานํ อนุกมฺปาย จตฺตาโรปิ ปตฺเต ปฏิคฺคเหตฺวา อุปรูปริ เปตฺวา ‘‘เอโก โหตู’’ติ อธิฏฺาสิ, จตฺตาโรปิ มุขวฏฺฏิยํ ปฺายมานเลขา หุตฺวา มชฺฌิเมน ปมาเณน เอกตฺตํ อุปคมึสุ. ภควา ตสฺมึ ปจฺจคฺเฆ เสลมเย ปตฺเต อาหารํ ปฏิคฺคณฺหิตฺวา ปริภฺุชิตฺวา อนุโมทนํ อกาสิ. ทฺเว ภาตโร วาณิชา พุทฺธฺจ ธมฺมฺจ สรณํ คนฺตฺวา ¶ ทฺเววาจิกา อุปาสกา อเหสุํ. อถ เนสํ ‘‘เอกํ โน, ภนฺเต, ปริจริตพฺพฏฺานํ เทถา’’ติ วทนฺตานํ ทกฺขิณหตฺเถน อตฺตโน สีสํ ปรามสิตฺวา เกสธาตุโย อทาสิ. เต อตฺตโน นคเร ตา ธาตุโย สุวณฺณสมุคฺคสฺส อนฺโต ปกฺขิปิตฺวา เจติยํ ปติฏฺาเปสุํ.
สมฺมาสมฺพุทฺโธปิ โข ตโต อุฏฺาย ปุน อชปาลนิคฺโรธเมว คนฺตฺวา นิคฺโรธมูเล นิสีทิ. อถสฺส ตตฺถ นิสินฺนมตฺตสฺเสว อตฺตนา อธิคตสฺส ธมฺมสฺส คมฺภีรตํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส สพฺพพุทฺธานํ อาจิณฺโณ ‘‘อธิคโต โข มฺยายํ ธมฺโม’’ติ ปเรสํ ธมฺมํ อเทเสตุกมฺยตาการปวตฺโต วิตกฺโก อุทปาทิ. อถ พฺรหฺมา สหมฺปติ ‘‘นสฺสติ วต โภ โลโก, วินสฺสติ วต โภ โลโก’’ติ ทสหิ จกฺกวาฬสหสฺเสหิ สกฺกสุยามสนฺตุสิตสุนิมฺมิตวสวตฺติมหาพฺรหฺมาโน ¶ อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘เทเสตุ, ภนฺเต, ภควา ธมฺม’’นฺติอาทินา นเยน ธมฺมเทสนํ อายาจิ.
สตฺถา ¶ ตสฺส ปฏิฺํ ทตฺวา ‘‘กสฺส นุ โข อหํ ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺย’’นฺติ จินฺเตนฺโต ‘‘อาฬาโร ปณฺฑิโต, โส อิมํ ธมฺมํ ขิปฺปํ อาชานิสฺสตี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา ปุน โอโลเกนฺโต ตสฺส สตฺตาหกาลกตภาวํ ตฺวา อุทกํ อาวชฺเชสิ. ตสฺสาปิ อภิโทสกาลกตภาวํ ตฺวา ‘‘พหูปการา โข เม ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู’’ติ ปฺจวคฺคิเย อารพฺภ มนสิการํ กตฺวา ‘‘กหํ นุ โข เต เอตรหิ วิหรนฺตี’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘พาราณสิยํ อิสิปตเน มิคทาเย’’ติ ตฺวา ‘‘ตตฺถ คนฺตฺวา ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตสฺสามี’’ติ กติปาหํ โพธิมณฺฑสามนฺตาเยว ปิณฺฑาย จรนฺโต วิหริตฺวา อาสาฬฺหิปุณฺณมาสิยํ ‘‘พาราณสึ คมิสฺสามี’’ติ จาตุทฺทสิยํ ปจฺจูสสมเย วิภาตาย รตฺติยา กาลสฺเสว ปตฺตจีวรมาทาย อฏฺารสโยชนมคฺคํ ปฏิปนฺโน อนฺตรามคฺเค อุปกํ นาม อาชีวกํ ทิสฺวา ตสฺส อตฺตโน พุทฺธภาวํ อาจิกฺขิตฺวา ตํ ทิวสํเยว สายนฺหสมเย อิสิปตนํ อคมาสิ.
ปฺจวคฺคิยา เถรา ตถาคตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ อาวุโส สมโณ โคตโม ปจฺจยพาหุลฺลาย อาวตฺติตฺวา ปริปุณฺณกาโย ปีณินฺทฺริโย สุวณฺณวณฺโณ หุตฺวา อาคจฺฉติ, อิมสฺส อภิวาทนาทีนิ น กริสฺสาม, มหากุลปสุโต โข ปเนส อาสนาภิหารํ อรหติ, เตนสฺส อาสนมตฺตํ ปฺาเปสฺสามา’’ติ กติกํ อกํสุ. ภควา สเทวกสฺส โลกสฺส จิตฺตาจารํ ชานนสมตฺเถน าเณน ‘‘กึ นุ โข อิเม จินฺตยึสู’’ติ อาวชฺเชตฺวา จิตฺตํ อฺาสิ. อถ เน สพฺพเทวมนุสฺเสสุ อโนทิสฺสกวเสน ผรณสมตฺถํ ¶ เมตฺตจิตฺตํ สงฺขิปิตฺวา โอทิสฺสกวเสน เมตฺตจิตฺเตน ผริ. เต ภควตา เมตฺตจิตฺเตน ผุฏฺา ตถาคเต อุปสงฺกมนฺเต สกาย กติกาย สณฺาตุํ อสกฺโกนฺตา อภิวาทนปจฺจุฏฺานาทีนิ สพฺพกิจฺจานิ อกํสุ, สมฺมาสมฺพุทฺธภาวํ ปนสฺส อชานมานา เกวลํ นาเมน จ อาวุโสวาเทน จ สมุทาจรนฺติ.
อถ เน ภควา ‘‘มา โว, ภิกฺขเว, ตถาคตํ นาเมน จ อาวุโสวาเทน จ สมุทาจรถ, อรหํ, ภิกฺขเว, ตถาคโต สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ อตฺตโน พุทฺธภาวํ สฺาเปตฺวา ปฺตฺเต วรพุทฺธาสเน นิสินฺโน อุตฺตราสาฬฺหนกฺขตฺตโยเค วตฺตมาเน อฏฺารสหิ พฺรหฺมโกฏีหิ ปริวุโต ปฺจวคฺคิเย ¶ เถเร อามนฺเตตฺวา ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตนฺตํ เทเสสิ. เตสุ อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถโร เทสนานุสาเรน าณํ เปเสนฺโต สุตฺตปริโยสาเน อฏฺารสหิ พฺรหฺมโกฏีหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ. สตฺถา ตตฺเถว วสฺสํ อุปคนฺตฺวา ปุนทิวเส วปฺปตฺเถรํ โอวทนฺโต วิหาเรเยว ¶ นิสีทิ, เสสา จตฺตาโร ปิณฺฑาย จรึสุ. วปฺปตฺเถโร ปุพฺพณฺเหเยว โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ. เอเตเนว อุปาเยน ปุนทิวเส ภทฺทิยตฺเถรํ, ปุนทิวเส มหานามตฺเถรํ, ปุนทิวเส อสฺสชิตฺเถรนฺติ สพฺเพ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปตฺวา ปฺจมิยํ ปกฺขสฺส ปฺจปิ ชเน สนฺนิปาเตตฺวา อนตฺตลกฺขณสุตฺตนฺตํ (สํ. นิ. ๓.๕๙; มหาว. ๒๐ อาทโย) เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน ปฺจปิ เถรา อรหตฺตผเล ปติฏฺหึสุ. อถ สตฺถา ยสกุลปุตฺตสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา ตํ รตฺติภาเค นิพฺพิชฺชิตฺวา เคหํ ปหาย นิกฺขนฺตํ ‘‘เอหิ ยสา’’ติ ปกฺโกสิตฺวา ตสฺมึเยว รตฺติภาเค โสตาปตฺติผเล, ปุนทิวเส อรหตฺเต ปติฏฺาเปตฺวา, อปเรปิ ตสฺส สหายเก จตุปณฺณาส ชเน เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพาเชตฺวา อรหตฺตํ ปาเปสิ.
เอวํ โลเก เอกสฏฺิยา อรหนฺเตสุ ชาเตสุ สตฺถา วุตฺถวสฺโส ปวาเรตฺวา ‘‘จรถ, ภิกฺขเว, จาริก’’นฺติ สฏฺิ ภิกฺขู ทิสาสุ เปเสตฺวา สยํ อุรุเวลํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค กปฺปาสิกวนสณฺเฑ ตึส ชเน ภทฺทวคฺคิยกุมาเร วิเนสิ. เตสุ สพฺพปจฺฉิมโก โสตาปนฺโน, สพฺพุตฺตโม อนาคามี อโหสิ. เตปิ สพฺเพ เอหิภิกฺขุภาเวเนว ปพฺพาเชตฺวา ทิสาสุ เปเสตฺวา อุรุเวลํ คนฺตฺวา อฑฺฒุฑฺฒานิ ปาฏิหาริยสหสฺสานิ ทสฺเสตฺวา อุรุเวลกสฺสปาทโย สหสฺสชฏิลปริวาเร เตภาติกชฏิเล วิเนตฺวา เอหิภิกฺขุภาเวเนว ปพฺพาเชตฺวา คยาสีเส นิสีทาเปตฺวา อาทิตฺตปริยายเทสนาย (มหาว. ๕๔) อรหตฺเต ปติฏฺาเปตฺวา เตน อรหนฺตสหสฺเสน ปริวุโต ‘‘พิมฺพิสารรฺโ ทินฺนํ ปฏิฺํ ¶ โมเจสฺสามี’’ติ ราชคหํ คนฺตฺวา นครูปจาเร ลฏฺิวนุยฺยานํ อคมาสิ. ราชา อุยฺยานปาลสฺส สนฺติกา ‘‘สตฺถา อาคโต’’ติ สุตฺวา ทฺวาทสนหุเตหิ พฺราหฺมณคหปติเกหิ ปริวุโต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ¶ จกฺกวิจิตฺตตเลสุ สุวณฺณปฏฺฏวิตานํ วิย ปภาสมุทยํ วิสฺสชฺชนฺเตสุ ตถาคตสฺส ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ สทฺธึ ปริสาย.
อถ โข เตสํ พฺราหฺมณคหปติกานํ เอตทโหสิ ‘‘กึ นุ โข มหาสมโณ อุรุเวลกสฺสเป พฺรหฺมจริยํ จรติ, อุทาหุ อุรุเวลกสฺสโป มหาสมเณ’’ติ. ภควา เตสํ เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย เถรํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘กิเมว ทิสฺวา อุรุเวลวาสิ, ปหาสิ อคฺคึ กิสโก วทาโน;
ปุจฺฉามิ ตํ กสฺสป เอตมตฺถํ, กถํ ปหีนํ ตว อคฺคิหุตฺต’’นฺติ. (มหาว. ๕๕);
เถโรปิ ¶ ภควโต อธิปฺปายํ วิทิตฺวา –
‘‘รูเป จ สทฺเท จ อโถ รเส จ, กามิตฺถิโย จาภิวทนฺติ ยฺา;
เอตํ มลนฺติ อุปธีสุ ตฺวา, ตสฺมา น ยิฏฺเ น หุเต อรฺชิ’’นฺติ. (มหาว. ๕๕) –
อิมํ คาถํ วตฺวา อตฺตโน สาวกภาวปกาสนตฺถํ ตถาคตสฺส ปาทปิฏฺเ สีสํ เปตฺวา ‘‘สตฺถา เม, ภนฺเต, ภควา, สาวโกหมสฺมี’’ติ วตฺวา เอกตาลํ ทฺวิตาลํ ติตาลนฺติ ยาว สตฺตตาลปฺปมาณํ สตฺตกฺขตฺตุํ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา โอรุยฺห ตถาคตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. ตํ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา มหาชโน ‘‘อโห มหานุภาวา พุทฺธา, เอวํ ถามคตทิฏฺิโก นาม ‘อรหา’ติ มฺมาโน อุรุเวลกสฺสโปปิ ทิฏฺิชาลํ ภินฺทิตฺวา ตถาคเตน ทมิโต’’ติ สตฺถุ คุณกถํเยว กเถสิ. ภควา ‘‘นาหํ อิทานิเยว อุรุเวลกสฺสปํ ทเมมิ, อตีเตปิ เอส มยา ทมิโตเยวา’’ติ วตฺวา อิมิสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา มหานารทกสฺสปชาตกํ (ชา. ๒.๒๒.๕๔๕ อาทโย) กเถตฺวา จตฺตาริ สจฺจานิ ปกาเสสิ. มคธราชา เอกาทสหิ นหุเตหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ, เอกํ นหุตํ อุปาสกตฺตํ ปฏิเวเทสิ. ราชา ¶ สตฺถุ สนฺติเก นิสินฺโนเยว ปฺจ อสฺสาสเก ปเวเทตฺวา ¶ สรณํ คนฺตฺวา สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา อาสนา วุฏฺาย ภควนฺตํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ.
ปุนทิวเส เยหิ จ ภควา ทิฏฺโ, เยหิ จ อทิฏฺโ, สพฺเพปิ ราชคหวาสิโน อฏฺารสโกฏิสงฺขา มนุสฺสา ตถาคตํ ทฏฺุกามา ปาโตว ราชคหโต ลฏฺิวนุยฺยานํ อคมํสุ. ติคาวุโต มคฺโค นปฺปโหสิ, สกลลฏฺิวนุยฺยานํ นิรนฺตรํ ผุฏํ อโหสิ. มหาชโน ทสพลสฺส รูปโสภคฺคปฺปตฺตํ อตฺตภาวํ ปสฺสนฺโต ติตฺตึ กาตุํ นาสกฺขิ. วณฺณภูมิ นาเมสา. เอวรูเปสุ หิ าเนสุ ตถาคตสฺส ลกฺขณานุพฺยฺชนาทิปฺปเภทา สพฺพาปิ รูปกายสิรี วณฺเณตพฺพา. เอวํ รูปโสภคฺคปฺปตฺตํ ทสพลสฺส สรีรํ ปสฺสมาเนน มหาชเนน นิรนฺตรํ ผุเฏ อุยฺยาเน จ มคฺเค จ เอกภิกฺขุสฺสปิ นิกฺขมโนกาโส นาโหสิ. ตํ ทิวสํ กิร ภควา ฉินฺนภตฺโต ภเวยฺย, ตํ มา อโหสีติ สกฺกสฺส นิสินฺนาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. โส อาวชฺชมาโน ตํ การณํ ตฺวา มาณวกวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา พุทฺธธมฺมสงฺฆปฏิสํยุตฺตา ถุติโย วทมาโน ทสพลสฺส ปุรโต โอตริตฺวา เทวตานุภาเวน โอกาสํ กตฺวา –
‘‘ทนฺโต ทนฺเตหิ สห ปุราณชฏิเลหิ, วิปฺปมุตฺโต วิปฺปมุตฺเตหิ;
สิงฺคีนิกฺขสวณฺโณ, ราชคหํ ปาวิสิ ภควา.
‘‘มุตฺโต ¶ มุตฺเตหิ สห ปุราณชฏิเลหิ, วิปฺปมุตฺโต วิปฺปมุตฺเตหิ;
สิงฺคีนิกฺขสวณฺโณ, ราชคหํ ปาวิสิ ภควา.
‘‘ติณฺโณ ติณฺเณหิ สห ปุราณชฏิเลหิ, วิปฺปมุตฺโต วิปฺปมุตฺเตหิ;
สิงฺคีนิกฺขสวณฺโณ, ราชคหํ ปาวิสิ ภควา.
‘‘ทสวาโส ¶ ทสพโล, ทสธมฺมวิทู ทสภิ จุเปโต;
โส ทสสตปริวาโร, ราชคหํ ปาวิสิ ภควา’’ติ. (มหาว. ๕๘) –
อิมาหิ คาถาหิ สตฺถุ วณฺณํ วทมาโน ปุรโต ปายาสิ. ตทา มหาชโน มาณวกสฺส รูปสิรึ ทิสฺวา ‘‘อติวิย อภิรูโป อยํ มาณวโก, น โข ปน อมฺเหหิ ทิฏฺปุพฺโพ’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘กุโต อยํ มาณวโก, กสฺส วาย’’นฺติ อาห. ตํ สุตฺวา มาณโว –
‘‘โย ธีโร สพฺพธิ ทนฺโต, สุทฺโธ อปฺปฏิปุคฺคโล;
อรหํ สุคโต โลเก, ตสฺสาหํ ปริจารโก’’ติ. (มหาว. ๕๘) – คาถมาห;
สตฺถา สกฺเกน กโตกาสํ มคฺคํ ปฏิปชฺชิตฺวา ภิกฺขุสหสฺสปริวุโต ¶ ราชคหํ ปาวิสิ. ราชา พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, ตีณิ รตนานิ วินา วตฺติตุํ น สกฺขิสฺสามิ, เวลาย วา อเวลาย วา ภควโต สนฺติกํ อาคมิสฺสามิ, ลฏฺิวนุยฺยานํ นาม อติทูเร, อิทํ ปน อมฺหากํ เวฬุวนํ นาม อุยฺยานํ นาติทูเร นาจฺจาสนฺเน คมนาคมนสมฺปนฺนํ พุทฺธารหํ เสนาสนํ. อิทํ เม ภควา ปฏิคฺคณฺหาตู’’ติ สุวณฺณภิงฺกาเรน ปุปฺผคนฺธวาสิตํ มณิวณฺณํ อุทกํ อาทาย เวฬุวนุยฺยานํ ปริจฺจชนฺโต ทสพลสฺส หตฺเถ อุทกํ ปาเตสิ. ตสฺมึ อารามปฏิคฺคหเณ ‘‘พุทฺธสาสนสฺส มูลานิ โอติณฺณานี’’ติ มหาปถวี กมฺปิ. ชมฺพุทีปสฺมิฺหิ เปตฺวา เวฬุวนํ อฺํ มหาปถวึ กมฺเปตฺวา คหิตเสนาสนํ นาม นตฺถิ. ตมฺพปณฺณิทีเปปิ เปตฺวา มหาวิหารํ อฺํ ปถวึ กมฺเปตฺวา คหิตเสนาสนํ นาม นตฺถิ. สตฺถา เวฬุวนารามํ ปฏิคฺคเหตฺวา รฺโ อนุโมทนํ กตฺวา อุฏฺายาสนา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต เวฬุวนํ อคมาสิ.
ตสฺมึ โข ปน สมเย สาริปุตฺโต จ โมคฺคลฺลาโน จาติ ทฺเว ปริพฺพาชกา ราชคหํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ อมตํ ปริเยสมานา. เตสุ สาริปุตฺโต อสฺสชิตฺเถรํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺํ ทิสฺวา ¶ ปสนฺนจิตฺโต ปยิรุปาสิตฺวา ¶ ‘‘เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา’’ติ คาถํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย อตฺตโน สหายกสฺส โมคฺคลฺลานปริพฺพาชกสฺสปิ ตเมว คาถํ อภาสิ. โสปิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ. เต อุโภปิ ชนา สฺจยํ โอโลเกตฺวา อตฺตโน ปริสาย สทฺธึ ภควโต สนฺติเก ปพฺพชึสุ. เตสุ มหาโมคฺคลฺลาโน สตฺตาเหน อรหตฺตํ ปาปุณิ, สาริปุตฺตตฺเถโร อฑฺฒมาเสน. อุโภปิ จ เน สตฺถา อคฺคสาวกฏฺาเน เปสิ. สาริปุตฺตตฺเถเรน อรหตฺตปฺปตฺตทิวเสเยว สาวกสนฺนิปาตํ อกาสิ.
ตถาคเต ปน ตสฺมึเยว เวฬุวนุยฺยาเน วิหรนฺเต สุทฺโธทนมหาราชา ‘‘ปุตฺโต กิร เม ฉพฺพสฺสานิ ทุกฺกรการิกํ จริตฺวา ปรมาภิสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺตวรธมฺมจกฺโก ราชคหํ อุปนิสฺสาย เวฬุวเน วิหรตี’’ติ สุตฺวา อฺตรํ อมจฺจํ อามนฺเตสิ ‘‘เอหิ, ภเณ, ปุริสสหสฺสปริวาโร ราชคหํ คนฺตฺวา มม วจเนน ‘ปิตา โว สุทฺโธทนมหาราชา ทฏฺุกาโม’ติ วตฺวา ปุตฺตํ เม คณฺหิตฺวา เอหี’’ติ อาห. โส ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ รฺโ วจนํ สิรสา สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปุริสสหสฺสปริวาโร ขิปฺปเมว สฏฺิโยชนมคฺคํ คนฺตฺวา ทสพลสฺส จตุปริสมชฺเฌ นิสีทิตฺวา ธมฺมเทสนาเวลาย วิหารํ ปาวิสิ. โส ‘‘ติฏฺตุ ตาว รฺโ ปหิตสาสน’’นฺติ ปริยนฺเต ิโต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ยถาิโตว สทฺธึ ปุริสสหสฺเสน ¶ อรหตฺตํ ปตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. ภควา ‘‘เอถ ภิกฺขโว’’ติ หตฺถํ ปสาเรสิ, สพฺเพ ตงฺขณํเยว อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา สฏฺิวสฺสตฺเถรา วิย อเหสุํ. อรหตฺตํ ปตฺตกาลโต ปฏฺาย ปน อริยา นาม มชฺฌตฺตาว โหนฺตีติ โส รฺา ปหิตสาสนํ ทสพลสฺส น กเถสิ. ราชา ‘‘เนว คโต อาคจฺฉติ, น สาสนํ สุยฺยตี’’ติ ‘‘เอหิ, ภเณ, ตฺวํ คจฺฉาหี’’ติ เตเนว นิยาเมน อฺํ อมจฺจํ เปเสสิ. โสปิ คนฺตฺวา ปุริมนเยเนว สทฺธึ ปริสาย อรหตฺตํ ปตฺวา ตุณฺหี อโหสิ. ราชา เอเตเนว นิยาเมน ปุริสสหสฺสปริวาเร นว อมจฺเจ เปเสสิ, สพฺเพ อตฺตโน กิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา ตุณฺหีภูตา ตตฺเถว วิหรึสุ.
ราชา ¶ สาสนมตฺตมฺปิ อาหริตฺวา อาจิกฺขนฺตํ อลภิตฺวา จินฺเตสิ ‘‘เอตฺตกา ชนา มยิ สิเนหาภาเวน สาสนมตฺตมฺปิ น ปจฺจาหรึสุ, โก นุ โข มม วจนํ กริสฺสตี’’ติ สพฺพํ ราชพลํ โอโลเกนฺโต กาฬุทายึ อทฺทส. โส กิร รฺโ สพฺพตฺถสาธโก อมจฺโจ อพฺภนฺตริโก อติวิสฺสาสิโก โพธิสตฺเตน สทฺธึ เอกทิวเส ชาโต สหปํสุกีฬโก สหาโย. อถ นํ ราชา อามนฺเตสิ ‘‘ตาต, กาฬุทายิ อหํ มม ปุตฺตํ ปสฺสิตุกาโม นว ปุริสสหสฺสานิ เปเสสึ, เอกปุริโสปิ อาคนฺตฺวา สาสนมตฺตํ อาโรเจนฺโตปิ นตฺถิ, ทุชฺชาโน โข ปน ชีวิตนฺตราโย, อหํ ชีวมาโนว ปุตฺตํ ทฏฺุํ อิจฺฉามิ, สกฺขิสฺสสิ นุ โข เม ปุตฺตํ ¶ ทสฺเสตุ’’นฺติ. สกฺขิสฺสามิ, เทว, สเจ ปพฺพชิตุํ ลภิสฺสามีติ. ตาต, ตฺวํ ปพฺพชิตฺวา วา อปพฺพชิตฺวา วา มยฺหํ ปุตฺตํ ทสฺเสหีติ. โส ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ รฺโ สาสนํ อาทาย ราชคหํ คนฺตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนาเวลาย ปริสปริยนฺเต ิโต ธมฺมํ สุตฺวา สปริวาโร อรหตฺตผลํ ปตฺวา เอหิภิกฺขุภาเว ปติฏฺาสิ.
สตฺถา พุทฺโธ หุตฺวา ปมํ อนฺโตวสฺสํ อิสิปตเน วสิตฺวา วุตฺถวสฺโส ปวาเรตฺวา อุรุเวลํ คนฺตฺวา ตตฺถ ตโย มาเส วสนฺโต เตภาติกชฏิเล วิเนตฺวา ภิกฺขุสหสฺสปริวาโร ผุสฺสมาสปุณฺณมายํ ราชคหํ คนฺตฺวา ทฺเว มาเส วสิ. เอตฺตาวตา พาราณสิโต นิกฺขนฺตสฺส ปฺจ มาสา ชาตา, สกโล เหมนฺโต อติกฺกนฺโต. กาฬุทายิตฺเถรสฺส อาคตทิวสโต สตฺตฏฺ ทิวสา วีติวตฺตา, โส ผคฺคุณีปุณฺณมาสิยํ จินฺเตสิ ‘‘อติกฺกนฺโต เหมนฺโต, วสนฺตสมโย อนุปฺปตฺโต, มนุสฺเสหิ สสฺสาทีนิ อุทฺธริตฺวา สมฺมุขสมฺมุขฏฺาเนหิ มคฺคา ทินฺนา, หริตติณสฺฉนฺนา ปถวี, สุปุปฺผิตา วนสณฺฑา, ปฏิปชฺชนกฺขมา มคฺคา, กาโล ทสพลสฺส าติสงฺคหํ กาตุ’’นฺติ. อถ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา –
‘‘องฺคาริโน ¶ ทานิ ทุมา ภทนฺเต, ผเลสิโน ฉทนํ วิปฺปหาย;
เต อจฺจิมนฺโตว ปภาสยนฺติ, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ…เป….
‘‘นาติสีตํ ¶ นาติอุณฺหํ, นาติทุพฺภิกฺขฉาตกํ;
สทฺทลา หริตา ภูมิ, เอส กาโล มหามุนี’’ติ. –
สฏฺิมตฺตาหิ คาถาหิ ทสพลสฺส กุลนครํ คมนตฺถาย คมนวณฺณํ วณฺเณสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กึ นุ โข อุทายิ มธุรสฺสเรน คมนวณฺณํ วณฺเณสี’’ติ อาห. ภนฺเต, ตุมฺหากํ ปิตา สุทฺโธทนมหาราชา ปสฺสิตุกาโม, กโรถ าตกานํ สงฺคหนฺติ. สาธุ อุทายิ, กริสฺสามิ าตกานํ สงฺคหํ, ภิกฺขุสงฺฆสฺส อาโรเจหิ, คมิกวตฺตํ ปูเรสฺสนฺตีติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ เถโร เตสํ อาโรเจสิ.
ภควา องฺคมคธวาสีนํ กุลปุตฺตานํ ทสหิ สหสฺเสหิ, กปิลวตฺถุวาสีนํ ทสหิ สหสฺเสหีติ สพฺเพเหว วีสติสหสฺเสหิ ขีณาสวภิกฺขูหิ ปริวุโต ราชคหา นิกฺขมิตฺวา ทิวเส ทิวเส โยชนํ คจฺฉติ. ‘‘ราชคหโต สฏฺิโยชนํ กปิลวตฺถุํ ทฺวีหิ มาเสหิ ปาปุณิสฺสามี’’ติ อตุริตจาริกํ ปกฺกามิ. เถโรปิ ‘‘ภควโต นิกฺขนฺตภาวํ รฺโ อาโรเจสฺสามี’’ติ ¶ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา รฺโ นิเวสเน ปาตุรโหสิ. ราชา เถรํ ทิสฺวา ตุฏฺจิตฺโต มหารเห ปลฺลงฺเก นิสีทาเปตฺวา อตฺตโน ปฏิยาทิตสฺส นานคฺครสโภชนสฺส ปตฺตํ ปูเรตฺวา อทาสิ. เถโร อุฏฺาย คมนาการํ ทสฺเสสิ. นิสีทิตฺวา ภฺุชถ, ตาตาติ. สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ภฺุชิสฺสามิ, มหาราชาติ. กหํ ปน, ตาต, สตฺถาติ? วีสติสหสฺสภิกฺขุปริวาโร ตุมฺหากํ ทสฺสนตฺถาย จาริกํ นิกฺขนฺโต, มหาราชาติ. ราชา ตุฏฺมานโส อาห ‘‘ตุมฺเห อิมํ ปริภฺุชิตฺวา ยาว มม ปุตฺโต อิมํ นครํ ปาปุณาติ, ตาวสฺส อิโตว ปิณฺฑปาตํ หรถา’’ติ. เถโร อธิวาเสสิ. ราชา เถรํ ปริวิสิตฺวา ปตฺตํ คนฺธจุณฺเณน อุพฺพฏฺเฏตฺวา อุตฺตมโภชนสฺส ปูเรตฺวา ‘‘ตถาคตสฺส เทถา’’ติ เถรสฺส หตฺเถ ปติฏฺาเปสิ. เถโร สพฺเพสํ ปสฺสนฺตานํเยว ปตฺตํ อากาเส ขิปิตฺวา สยมฺปิ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปิณฺฑปาตํ อาหริตฺวา สตฺถุ หตฺเถ เปสิ. สตฺถา ตํ ปริภฺุชิ. เอเตนุปาเยน เถโร ทิวเส ทิวเส อาหริ, สตฺถาปิ อนฺตรามคฺเค รฺโเยว ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชิ. เถโรปิ ภตฺตกิจฺจาวสาเน ทิวเส ทิวเส ‘‘อชฺช เอตฺตกํ ภควา อาคโต, อชฺช เอตฺตก’’นฺติ ¶ พุทฺธคุณปฏิสํยุตฺตาย กถาย สกลํ ราชกุลํ สตฺถุ ทสฺสนํ วินาเยว สตฺถริ สฺชาตปฺปสาทํ อกาสิ. เตเนว นํ ภควา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ¶ ภิกฺขูนํ กุลปฺปสาทกานํ ยทิทํ กาฬุทายี’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๙, ๒๒๕) เอตทคฺเค เปสิ.
สากิยาปิ โข ‘‘อนุปฺปตฺเต ภควติ อมฺหากํ าติเสฏฺํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ สนฺนิปติตฺวา ภควโต วสนฏฺานํ วีมํสมานา ‘‘นิคฺโรธสกฺกสฺส อาราโม รมณีโย’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ตตฺถ สพฺพํ ปฏิชคฺคนวิธึ กาเรตฺวา คนฺธปุปฺผหตฺถา ปจฺจุคฺคมนํ กโรนฺตา สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิเต ทหรทหเร นาครทารเก จ นาครทาริกาโย จ ปมํ ปหิณึสุ, ตโต ราชกุมาเร จ ราชกุมาริกาโย จ, เตสํ อนนฺตรํ สามํ คนฺธปุปฺผจุณฺณาทีหิ ปูชยมานา ภควนฺตํ คเหตฺวา นิคฺโรธารามเมว อคมํสุ. ตตฺร ภควา วีสติสหสฺสขีณาสวปริวุโต ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทิ. สากิยา นาม มานชาติกา มานตฺถทฺธา, เต ‘‘สิทฺธตฺถกุมาโร อมฺเหหิ ทหรตโร, อมฺหากํ กนิฏฺโ, ภาคิเนยฺโย, ปุตฺโต, นตฺตา’’ติ จินฺเตตฺวา ทหรทหเร ราชกุมาเร อาหํสุ ‘‘ตุมฺเห วนฺทถ, มยํ ตุมฺหากํ ปิฏฺิโต นิสีทิสฺสามา’’ติ.
เตสุ เอวํ อวนฺทิตฺวา นิสินฺเนสุ ภควา เตสํ อชฺฌาสยํ โอโลเกตฺวา ‘‘น มํ าตโย วนฺทนฺติ, หนฺท ทานิ เน วนฺทาเปสฺสามี’’ติ อภิฺาปาทกํ จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺาย อากาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา เตสํ สีเส ปาทปํสุํ โอกิรมาโน วิย กณฺฑมฺพรุกฺขมูเล ยมกปาฏิหาริยสทิสํ ปาฏิหาริยํ อกาสิ. ราชา ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา อาห – ‘‘ภควา ตุมฺหากํ ¶ ชาตทิวเส กาฬเทวลสฺส วนฺทนตฺถํ อุปนีตานํ ปาเท โว ปริวตฺติตฺวา พฺราหฺมณสฺส มตฺถเก ปติฏฺิเต ทิสฺวาปิ อหํ ตุมฺเห วนฺทึ, อยํ เม ปมวนฺทนา. วปฺปมงฺคลทิวเส ชมฺพุจฺฉายาย สิริสยเน นิสินฺนานํ โว ชมฺพุจฺฉายาย อปริวตฺตนํ ทิสฺวาปิ ปาเท วนฺทึ, อยํ เม ทุติยวนฺทนา. อิทานิ อิมํ อทิฏฺปุพฺพํ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวาปิ อหํ ตุมฺหากํ ปาเท วนฺทามิ, อยํ เม ตติยวนฺทนา’’ติ. รฺา ปน วนฺทิเต ภควนฺตํ อวนฺทิตฺวา าตุํ สมตฺโถ นาม เอกสากิโยปิ นาโหสิ, สพฺเพ วนฺทึสุเยว.
อิติ ภควา าตโย วนฺทาเปตฺวา อากาสโต โอตริตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทิ. นิสินฺเน ภควติ สิขาปตฺโต าติสมาคโม อโหสิ ¶ , สพฺเพ เอกคฺคจิตฺตา หุตฺวา นิสีทึสุ. ตโต มหาเมโฆ โปกฺขรวสฺสํ วสฺสิ. ตมฺพวณฺณํ อุทกํ เหฏฺา วิรวนฺตํ คจฺฉติ, เตมิตุกาโมว เตเมติ, อเตมิตุกามสฺส สรีเร เอกพินฺทุมตฺตมฺปิ น ปตติ. ตํ ทิสฺวา สพฺเพ อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาตา ‘‘อโห อจฺฉริยํ, อโห อพฺภุต’’นฺติ กถํ สมุฏฺาเปสุํ. สตฺถา ‘‘น อิทาเนว ¶ มยฺหํ าติสมาคเม โปกฺขรวสฺสํ วสฺสติ, อตีเตปิ วสฺสี’’ติ อิมิสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา เวสฺสนฺตรชาตกํ กเถสิ. ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สพฺเพ อุฏฺาย วนฺทิตฺวา ปกฺกมึสุ. เอโกปิ ราชา วา ราชมหามตฺโต วา ‘‘สฺเว อมฺหากํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ วตฺวา คโต นาม นตฺถิ.
สตฺถา ปุนทิวเส วีสติสหสฺสภิกฺขุปริวุโต กปิลวตฺถุํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. ตํ น โกจิ คนฺตฺวา นิมนฺเตสิ, ปตฺตํ วา อคฺคโหสิ. ภควา อินฺทขีเล ิโตว อาวชฺเชสิ ‘‘กถํ นุ โข ปุพฺพพุทฺธา กุลนคเร ปิณฺฑาย จรึสุ, กึ อุปฺปฏิปาฏิยา อิสฺสรชนานํ ฆรานิ อคมํสุ, อุทาหุ สปทานจาริกํ จรึสู’’ติ. ตโต เอกพุทฺธสฺสปิ อุปฺปฏิปาฏิยา คมนํ อทิสฺวา ‘‘มยาปิ อิทานิ อยเมว วํโส, อยํ ปเวณี ปคฺคเหตพฺพา, อายติฺจ เม สาวกาปิ มมฺเว อนุสิกฺขนฺตา ปิณฺฑจาริกวตฺตํ ปริปูเรสฺสนฺตี’’ติ โกฏิยํ นิวิฏฺเคหโต ปฏฺาย สปทานํ ปิณฺฑาย จริ. ‘‘อยฺโย กิร สิทฺธตฺถกุมาโร ปิณฺฑาย จรตี’’ติ ทฺวิภูมกติภูมกาทีสุ ปาสาเทสุ สีหปฺชเร วิวริตฺวา มหาชโน ทสฺสนพฺยาวโฏ อโหสิ.
ราหุลมาตาปิ เทวี ‘‘อยฺยปุตฺโต กิร อิมสฺมึเยว นคเร มหนฺเตน ราชานุภาเวน สุวณฺณสิวิกาทีหิ วิจริตฺวา อิทานิ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายวตฺถวสโน กปาลหตฺโถ ปิณฺฑาย จรติ, โสภติ นุ โข’’ติ สีหปฺชรํ วิวริตฺวา โอโลกยมานา ภควนฺตํ นานาวิราคสมุชฺชลาย สรีรปฺปภาย นครวีถิโย โอภาเสตฺวา พฺยามปฺปภาปริกฺเขปสมงฺคีภูตาย อสีติอนุพฺยฺชนาวภาสิตาย ¶ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณปฏิมณฺฑิตาย อโนปมาย พุทฺธสิริยา วิโรจมานํ ทิสฺวา อุณฺหีสโต ปฏฺาย ยาว ปาทตลา –
‘‘สินิทฺธนีลมุทุกฺุจิตเกโส ¶ , สูริยนิมฺมลตลาภินลาโฏ;
ยุตฺตตุงฺคมุทุกายตนาโส, รํสิชาลวิตโต นรสีโห.
‘‘จกฺกวรงฺกิตรตฺตสุปาโท, ลกฺขณมณฺฑิตอายตปณฺหิ;
จามริหตฺถวิภูสิตปณฺโห, เอส หิ ตุยฺหํ ปิตา นรสีโห.
‘‘สกฺยกุมาโร วรโท สุขุมาโล, ลกฺขณวิจิตฺตปสนฺนสรีโร;
โลกหิตาย อาคโต นรวีโร, เอส หิ ตุยฺหํ ปิตา นรสีโห.
‘‘อายตยุตฺตสุสณฺิตโสโต, โคปขุโม อภินีลเนตฺโต;
อินฺทธนุอภินีลภมุโก, เอส หิ ตุยฺหํ ปิตา นรสีโห.
‘‘ปุณฺณจนฺทนิโภ มุขวณฺโณ, เทวนรานํ ปิโย นรนาโค;
มตฺตคชินฺทวิลาสิตคามี, เอส หิ ตุยฺหํ ปิตา นรสีโห.
‘‘สินิทฺธสุคมฺภีรมฺชุสโฆโส, หิงฺคุลวณฺณรตฺตสุชิวฺโห;
วีสติวีสติเสตสุทนฺโต, เอส หิ ตุยฺหํ ปิตา นรสีโห.
‘‘ขตฺติยสมฺภวอคฺคกุลินฺโท, เทวมนุสฺสนมสฺสิตปาโท;
สีลสมาธิปติฏฺิตจิตฺโต, เอส หิ ตุยฺหํ ปิตา นรสีโห.
‘‘วฏฺฏสุวฏฺฏสุสณฺิตคีโว ¶ , สีหหนุมิคราชสรีโร;
กฺจนสุจฺฉวิอุตฺตมวณฺโณ, เอส หิ ตุยฺหํ ปิตา นรสีโห.
‘‘อฺชนสมวณฺณสุนีลเกโส, กฺจนปฏฺฏวิสุทฺธนลาโฏ;
โอสธิปณฺฑรสุทฺธสุอุณฺโณ, เอส หิ ตุยฺหํ ปิตา นรสีโห.
‘‘คจฺฉนฺโตนิลปเถ ¶ วิย จนฺโท, ตาราคณปริวฑฺฒิตรูโป;
สาวกมชฺฌคโต สมณินฺโท, เอส หิ ตุยฺหํ ปิตา นรสีโห’’ติ. –
เอวมิมาหิ ทสหิ นรสีหคาถาหิ นาม อภิตฺถวิตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ ปุตฺโต กิร อิทานิ ปิณฺฑาย จรตี’’ติ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา สํวิคฺคหทโย หตฺเถน สาฏกํ สณฺเปนฺโต ตุริตตุริตํ นิกฺขมิตฺวา เวเคน คนฺตฺวา ภควโต ปุรโต ตฺวา อาห – ‘‘กึ, ภนฺเต, อมฺเห ลชฺชาเปถ, กิมตฺถํ ปิณฺฑาย จรถ, กึ ‘เอตฺตกานํ ภิกฺขูนํ น สกฺกา ภตฺตํ ลทฺธุ’นฺติ สฺํ ¶ กริตฺถา’’ติ. วํสจาริตฺตเมตํ, มหาราช, อมฺหากนฺติ. นนุ, ภนฺเต, อมฺหากํ มหาสมฺมตขตฺติยวํโส นาม วํโส, ตตฺถ จ เอกขตฺติโยปิ ภิกฺขาจโร นาม นตฺถีติ. ‘‘อยํ, มหาราช, ราชวํโส นาม ตว วํโส, อมฺหากํ ปน ทีปงฺกโร โกณฺฑฺโ…เป… กสฺสโปติ อยํ พุทฺธวํโส นาม. เอเต จ อฺเ จ อเนกสหสฺสสงฺขา พุทฺธา ภิกฺขาจรา, ภิกฺขาจาเรเนว ชีวิกํ กปฺเปสุ’’นฺติ อนฺตรวีถิยํ ิโตว –
‘‘อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺย, ธมฺมํ สุจริตํ จเร;
ธมฺมจารี สุขํ เสติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จา’’ติ. (ธ. ป. ๑๖๘) –
อิมํ คาถมาห. คาถาปริโยสาเน ราชา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ.
‘‘ธมฺมํ จเร สุจริตํ, น นํ ทุจฺจริตํ จเร;
ธมฺมจารี สุขํ เสติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จา’’ติ. (ธ. ป. ๑๖๙) –
อิมํ ¶ ปน คาถํ สุตฺวา สกทาคามิผเล ปติฏฺาสิ. มหาธมฺมปาลชาตกํ (ชา. ๑.๑๐.๙๒ อาทโย) สุตฺวา อนาคามิผเล ปติฏฺาสิ, มรณสมเย เสตจฺฉตฺตสฺส เหฏฺา สิริสยเน นิปนฺโนเยว อรหตฺตํ ปาปุณิ. อรฺวาเสน ปน ปธานานุโยคกิจฺจํ รฺโ นาโหสิ. โสตาปตฺติผลํ สจฺฉิกตฺวาเยว ปน ภควโต ปตฺตํ คเหตฺวา สปริสํ ภควนฺตํ มหาปาสาทํ อาโรเปตฺวา ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน ปริวิสิ. ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน สพฺพํ อิตฺถาคารํ อาคนฺตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิ เปตฺวา ราหุลมาตรํ. สา ปน ‘‘คจฺฉ, อยฺยปุตฺตํ วนฺทาหี’’ติ ปริชเนน วุจฺจมานาปิ ‘‘สเจ มยฺหํ คุโณ อตฺถิ, สยเมว มม สนฺติกํ อยฺยปุตฺโต อาคมิสฺสติ, อาคตเมว นํ วนฺทิสฺสามี’’ติ วตฺวา น อคมาสิ.
ภควา ¶ ราชานํ ปตฺตํ คาหาเปตฺวา ทฺวีหิ อคฺคสาวเกหิ สทฺธึ ราชธีตาย สิริคพฺภํ คนฺตฺวา ‘‘ราชธีตา ยถารุจิ วนฺทมานา น กิฺจิ วตฺตพฺพา’’ติ วตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทิ. สา เวเคนาคนฺตฺวา โคปฺผเกสุ คเหตฺวา ปาทปิฏฺิยํ สีสํ ปริวตฺเตตฺวา ยถาอชฺฌาสยํ วนฺทิ. ราชา ราชธีตาย ภควติ สิเนหพหุมานาทิคุณสมฺปตฺติโย กเถสิ ‘‘ภนฺเต, มม ธีตา ‘ตุมฺเหหิ กาสายานิ วตฺถานิ นิวาสิตานี’ติ ¶ สุตฺวา ตโต ปฏฺาย กาสายวตฺถนิวตฺถา ชาตา, ตุมฺหากํ เอกภตฺติกภาวํ สุตฺวา เอกภตฺติกาว ชาตา, ตุมฺเหหิ มหาสยนสฺส ฉฑฺฑิตภาวํ สุตฺวา ปฏฺฏิกามฺจเกเยว นิปนฺนา, ตุมฺหากํ มาลาคนฺธาทีหิ วิรตภาวํ ตฺวา วิรตมาลาคนฺธาว ชาตา, อตฺตโน าตเกหิ ‘มยํ ปฏิชคฺคิสฺสามา’ติ สาสเน เปสิเตปิ เอกาตกมฺปิ น โอโลเกสิ, เอวํ คุณสมฺปนฺนา เม ธีตา ภควา’’ติ. ‘‘อนจฺฉริยํ, มหาราช, ยํ อิทานิ ตยา รกฺขิยมานา ราชธีตา ปริปกฺเก าเณ อตฺตานํ รกฺเขยฺย, เอสา ปุพฺเพ อนารกฺขา ปพฺพตปาเท วิจรมานา อปริปกฺเก าเณ อตฺตานํ รกฺขี’’ติ วตฺวา จนฺทกินฺนรีชาตกํ (ชา. ๑.๑๔.๑๘ อาทโย) กเถตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ.
ทุติยทิวเส ปน นนฺทสฺส ราชกุมารสฺส อภิเสกเคหปฺปเวสนวิวาหมงฺคเลสุ วตฺตมาเนสุ ตสฺส เคหํ คนฺตฺวา กุมารํ ปตฺตํ คาหาเปตฺวา ปพฺพาเชตุกาโม มงฺคลํ วตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. ชนปทกลฺยาณี กุมารํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘ตุวฏํ โข, อยฺยปุตฺต, อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ วตฺวา ¶ คีวํ ปสาเรตฺวา โอโลเกสิ. โสปิ ภควนฺตํ ‘‘ปตฺตํ คณฺหถา’’ติ วตฺตุํ อวิสหมาโน วิหารํเยว อคมาสิ, ตํ อนิจฺฉมานํเยว ภควา ปพฺพาเชสิ. อิติ ภควา กปิลวตฺถุํ คนฺตฺวา ตติยทิวเส นนฺทํ ปพฺพาเชสิ.
สตฺตเม ทิวเส ราหุลมาตา กุมารํ อลงฺกริตฺวา ภควโต สนฺติกํ เปเสสิ ‘‘ปสฺส, ตาต, เอตํ วีสติสหสฺสสมณปริวุตํ สุวณฺณวณฺณํ พฺรหฺมรูปวณฺณํ สมณํ, อยํ เต ปิตา, เอตสฺส มหนฺตา นิธโย อเหสุํ, ตฺยาสฺส นิกฺขมนกาลโต ปฏฺาย น ปสฺสาม, คจฺฉ, นํ ทายชฺชํ ยาจาหิ – ‘อหํ ตาต กุมาโร อภิเสกํ ปตฺวา จกฺกวตฺตี ภวิสฺสามิ, ธเนน เม อตฺโถ, ธนํ เม เทหิ. สามิโก หิ ปุตฺโต ปิตุ สนฺตกสฺสา’ติ’’. กุมาโร จ ภควโต สนฺติกํ คนฺตฺวา ปิตุ สิเนหํ ปฏิลภิตฺวา หฏฺตุฏฺโ ‘‘สุขา เต, สมณ, ฉายา’’ติ วตฺวา อฺฺจ พหุํ อตฺตโน อนุรูปํ วทนฺโต อฏฺาสิ. ภควา กตภตฺตกิจฺโจ อนุโมทนํ กตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. กุมาโรปิ ‘‘ทายชฺชํ เม, สมณ, เทหิ, ทายชฺชํ เม, สมณ, เทหี’’ติ ภควนฺตํ อนุพนฺธิ. ภควา กุมารํ น นิวตฺตาเปสิ, ปริชโนปิ ภควตา สทฺธึ คจฺฉนฺตํ นิวตฺเตตุํ นาสกฺขิ. อิติ โส ภควตา สทฺธึ อารามเมว อคมาสิ.
ตโต ¶ ภควา จินฺเตสิ ‘‘ยํ อยํ ปิตุ สนฺตกํ ธนํ อิจฺฉติ, ตํ วฏฺฏานุคตํ สวิฆาตํ, หนฺทสฺส โพธิมณฺเฑ ปฏิลทฺธํ สตฺตวิธํ อริยธนํ เทมิ, โลกุตฺตรทายชฺชสฺส นํ สามิกํ กโรมี’’ติ อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อามนฺเตสิ ‘‘เตน หิ, ตฺวํ ¶ สาริปุตฺต, ราหุลกุมารํ ปพฺพาเชหี’’ติ. เถโร ตํ ปพฺพาเชสิ. ปพฺพชิเต ปน กุมาเร รฺโ อธิมตฺตํ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชิ. ตํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต ภควโต นิเวเทตฺวา ‘‘สาธุ, ภนฺเต, อยฺยา มาตาปิตูหิ อนนฺุาตํ ปุตฺตํ น ปพฺพาเชยฺยุ’’นฺติ วรํ ยาจิ. ภควา ตสฺส ตํ วรํ ทตฺวา ปุนทิวเส ราชนิเวสเน กตปาตราโส เอกมนฺตํ นิสินฺเนน รฺา ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ ทุกฺกรการิกกาเล เอกา เทวตา มํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘ปุตฺโต เต กาลกโต’ติ อาห, ตสฺสา วจนํ อสทฺทหนฺโต ‘น มยฺหํ ปุตฺโต โพธึ อปฺปตฺวา กาลํ กโรตี’ติ ตํ ปฏิกฺขิปิ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อิทานิ กึ สทฺทหิสฺสถ, เย ตุมฺเห ปุพฺเพปิ ¶ อฏฺิกานิ ทสฺเสตฺวา ‘ปุตฺโต เต มโต’ติ วุตฺเต น สทฺทหิตฺถา’’ติ อิมิสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา มหาธมฺมปาลชาตกํ กเถสิ. กถาปริโยสาเน ราชา อนาคามิผเล ปติฏฺาสิ.
อิติ ภควา ปิตรํ ตีสุ ผเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ปุนเทว ราชคหํ คนฺตฺวา เวฬุวเน วิหาสิ. ตสฺมึ สมเย อนาถปิณฺฑิโก คหปติ ปฺจหิ สกฏสเตหิ ภณฺฑํ อาทาย ราชคเห อตฺตโน ปิยสหายกสฺส เสฏฺิโน เคหํ คนฺตฺวา ตตฺถ พุทฺธสฺส ภควโต อุปฺปนฺนภาวํ สุตฺวา พลวปจฺจูสสมเย เทวตานุภาเวน วิวเฏน ทฺวาเรน สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย ทุติยทิวเส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา สาวตฺถึ อาคมนตฺถาย สตฺถุ ปฏิฺํ คเหตฺวา อนฺตรามคฺเค ปฺจจตฺตาลีสโยชนฏฺาเน สตสหสฺสํ สตสหสฺสํ ทตฺวา โยชนิเก โยชนิเก วิหาเร กาเรตฺวา เชตวนํ โกฏิสนฺถาเรน อฏฺารสหิรฺโกฏีหิ กิณิตฺวา นวกมฺมํ ปฏฺเปสิ. โส มชฺเฌ ทสพลสฺส คนฺธกุฏึ กาเรสิ, ตํ ปริวาเรตฺวา อสีติมหาเถรานํ ปาฏิเยกฺกสนฺนิเวสเน อาวาเส เอกกูฏาคารทฺวิกูฏาคารหํสวฏฺฏกทีฆสาลามณฺฑปาทิวเสน เสสเสนาสนานิ โปกฺขรณีจงฺกมนรตฺติฏฺานทิวาฏฺานานิ จาติ อฏฺารสโกฏิปริจฺจาเคน รมณีเย ภูมิภาเค มโนรมํ วิหารํ การาเปตฺวา ทสพลสฺส อาคมนตฺถาย ทูตํ เปเสสิ. สตฺถา ทูตสฺส วจนํ สุตฺวา มหาภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ราชคหา นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน สาวตฺถินครํ ปาปุณิ.
มหาเสฏฺิปิ โข วิหารมหํ สชฺเชตฺวา ตถาคตสฺส เชตวนปฺปวิสนทิวเส ปุตฺตํ สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตํ กตฺวา อลงฺกตปฏิยตฺเตเหว ปฺจหิ กุมารสเตหิ สทฺธึ เปเสสิ. โส สปริวาโร ปฺจวณฺณวตฺถสมุชฺชลานิ ปฺจ ธชสตานิ คเหตฺวา ทสพลสฺส ¶ ปุรโต อโหสิ. เตสํ ¶ ปจฺฉโต มหาสุภทฺทา จูฬสุภทฺทาติ ทฺเว เสฏฺิธีตโร ปฺจหิ กุมาริกาสเตหิ สทฺธึ ปุณฺณฆเฏ คเหตฺวา นิกฺขมึสุ. ตาสํ ปจฺฉโต เสฏฺิภริยา สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตา ปฺจหิ มาตุคามสเตหิ สทฺธึ ปุณฺณปาติโย คเหตฺวา นิกฺขมิ. สพฺเพสํ ปจฺฉโต สยํ มหาเสฏฺิ อหตวตฺถนิวตฺโถ ¶ อหตวตฺถนิวตฺเถเหว ปฺจหิ เสฏฺิสเตหิ สทฺธึ ภควนฺตํ อพฺภุคฺคฺฉิ. ภควา อิมํ อุปาสกปริสํ ปุรโต กตฺวา มหาภิกฺขุสงฺฆปริวุโต อตฺตโน สรีรปฺปภาย สุวณฺณรสเสกปิฺชรานิ วิย วนนฺตรานิ กุรุมาโน อนนฺตาย พุทฺธลีฬาย อปฏิสมาย พุทฺธสิริยา เชตวนวิหารํ ปาวิสิ.
อถ นํ อนาถปิณฺฑิโก ปุจฺฉิ – ‘‘กถาหํ, ภนฺเต, อิมสฺมึ วิหาเร ปฏิปชฺชามี’’ติ. เตน หิ คหปติ อิมํ วิหารํ อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส เทหีติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ มหาเสฏฺิ สุวณฺณภิงฺการํ อาทาย ทสพลสฺส หตฺเถ อุทกํ ปาเตตฺวา ‘‘อิมํ เชตวนวิหารํ อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ อทาสิ. สตฺถา วิหารํ ปฏิคฺคเหตฺวา อนุโมทนํ กโรนฺโต –
‘‘สีตํ อุณฺหํ ปฏิหนฺติ, ตโต วาฬมิคานิ จ;
สรีสเป จ มกเส, สิสิเร จาปิ วุฏฺิโย.
‘‘ตโต วาตาตโป โฆโร, สฺชาโต ปฏิหฺติ;
เลณตฺถฺจ สุขตฺถฺจ, ฌายิตฺุจ วิปสฺสิตุํ.
‘‘วิหารทานํ สงฺฆสฺส, อคฺคํ พุทฺเธน วณฺณิตํ;
ตสฺมา หิ ปณฺฑิโต โปโส, สมฺปสฺสํ อตฺถมตฺตโน.
‘‘วิหาเร การเย รมฺเม, วาสเยตฺถ พหุสฺสุเต;
เตสํ อนฺนฺจ ปานฺจ, วตฺถเสนาสนานิ จ.
‘‘ทเทยฺย อุชุภูเตสุ, วิปฺปสนฺเนน เจตสา;
เต ¶ ตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺติ, สพฺพทุกฺขาปนูทนํ;
ยํ โส ธมฺมํ อิธฺาย, ปรินิพฺพาติ อนาสโว’’ติ. (จูฬว. ๒๙๕) –
วิหารานิสํสํ ¶ กเถสิ. อนาถปิณฺฑิโก ทุติยทิวสโต ปฏฺาย วิหารมหํ อารภิ. วิสาขาย ปาสาทมโห จตูหิ มาเสหิ นิฏฺิโต, อนาถปิณฺฑิกสฺส ปน วิหารมโห นวหิ มาเสหิ นิฏฺาสิ. วิหารมเหปิ อฏฺารเสว โกฏิโย ปริจฺจาคํ อคมํสุ. อิติ เอกสฺมึเยว วิหาเร จตุปณฺณาสโกฏิสงฺขฺยํ ธนํ ปริจฺจชิ.
อตีเต ¶ ปน วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล ปุนพฺพสุมิตฺโต นาม เสฏฺิ สุวณฺณิฏฺกาสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตสฺมึเยว าเน โยชนปฺปมาณํ สงฺฆารามํ กาเรสิ. สิขิสฺส ภควโต กาเล สิริวฑฺโฒ นาม เสฏฺิ สุวณฺณผาลสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตสฺมึเยว าเน ติคาวุตปฺปมาณํ สงฺฆารามํ กาเรสิ. เวสฺสภุสฺส ภควโต กาเล โสตฺถิโช นาม เสฏฺิ สุวณฺณหตฺถิปทสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตสฺมึเยว าเน อฑฺฒโยชนปฺปมาณํ สงฺฆารามํ กาเรสิ. กกุสนฺธสฺส ภควโต กาเล อจฺจุโต นาม เสฏฺิ สุวณฺณิฏฺกาสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตสฺมึเยว าเน คาวุตปฺปมาณํ สงฺฆารามํ กาเรสิ. โกณาคมนสฺส ภควโต กาเล อุคฺโค นาม เสฏฺิ สุวณฺณกจฺฉปสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตสฺมึเยว าเน อฑฺฒคาวุตปฺปมาณํ สงฺฆารามํ กาเรสิ. กสฺสปสฺส ภควโต กาเล สุมงฺคโล นาม เสฏฺิ สุวณฺณกฏฺฏิสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตสฺมึเยว าเน โสฬสกรีสปฺปมาณํ สงฺฆารามํ กาเรสิ. อมฺหากํ ปน ภควโต กาเล อนาถปิณฺฑิโก นาม เสฏฺิ กหาปณโกฏิสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตสฺมึเยว าเน อฏฺกรีสปฺปมาณํ สงฺฆารามํ กาเรสิ. อิทํ กิร านํ สพฺพพุทฺธานํ อวิชหิตฏฺานเมว.
อิติ มหาโพธิมณฺเฑ สพฺพฺุตปฺปตฺติโต ยาว มหาปรินิพฺพานมฺจา ยสฺมึ ยสฺมึ าเน ภควา วิหาสิ, อิทํ สนฺติเกนิทานํ นาม, ตสฺส วเสน สพฺพชาตกานิ วณฺณยิสฺสาม.
นิทานกถา นิฏฺิตา.