📜
๓. ติกนิปาโต
๑. สงฺกปฺปวคฺโค
[๒๕๑] ๑. สงฺกปฺปราคชาตกวณฺณนา
สงฺกปฺปราคโธเตนาติ ¶ ¶ ¶ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถินครวาสี กิเรโก กุลปุตฺโต สาสเน อุรํ ทตฺวา ปพฺพชิตฺวา เอกทิวสํ สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จรนฺโต เอกํ อลงฺกตปฏิยตฺตํ อิตฺถึ ทิสฺวา อุปฺปนฺนกามราโค อนภิรโต วิจริ. ตเมนํ อาจริยุปชฺฌายาทโย ทิสฺวา อนภิรติการณํ ปุจฺฉิตฺวา วิพฺภมิตุกามภาวมสฺส ตฺวา ‘‘อาวุโส, สตฺถา นาม กามราคาทิกิเลสปีฬิตานํ กิเลเส หาเรตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา โสตาปตฺติผลาทีนิ เทติ, เอหิ ตํ สตฺถุ สนฺติกํ เนสฺสามา’’ติ อาทาย อคมํสุ. สตฺถารา จ ‘‘กึ นุ โข, ภิกฺขเว, อนิจฺฉมานกฺเว ภิกฺขุํ คเหตฺวา อาคตตฺถา’’ติ วุตฺเต ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, อุกฺกณฺิโต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘กึการณา’’ติ ปุจฺฉิ. โส ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘อิตฺถิโย นาเมตา, ภิกฺขุ, ปุพฺเพ ฌานพเลน วิกฺขมฺภิตกิเลสานํ วิสุทฺธสตฺตานมฺปิ สํกิเลสํ อุปฺปาเทสุํ, ตาทิสํ ตุจฺฉปุคฺคลํ กึการณา น สํกิเลสิสฺสนฺติ, วิสุทฺธาปิ สตฺตา สํกิลิสฺสนฺติ, อุตฺตมยสสมงฺคิโนปิ อายสกฺยํ ปาปุณนฺติ, ปเคว อปริสุทฺธา. สิเนรุกมฺปนกวาโต ปุราณปณฺณกสฏํ กึ ¶ น กมฺเปสฺสติ, โพธิตเล นิสีทิตฺวา อภิสมฺพุชฺฌนกสตฺตํ อยํ กิเลโส อาโลเฬสิ, ตาทิสํ กึ น อาโลเฬสฺสตี’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อสีติโกฏิวิภเว พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา พาราณสึ ปจฺจาคนฺตฺวา กตทารปริคฺคโห มาตาปิตูนํ อจฺจเยน เตสํ มตกิจฺจานิ กตฺวา หิรฺโโลกนกมฺมํ กโรนฺโต ‘‘อิทํ ธนํ ปฺายติ, เยหิ ปเนตํ สมฺภตํ, เต ¶ น ปฺายนฺตี’’ติ ¶ อาวชฺเชนฺโต สํเวคปฺปตฺโต อโหสิ, สรีรา เสทา มุจฺจึสุ. โส ฆราวาเส จิรํ วสนฺโต มหาทานํ ทตฺวา กาเม ปหาย อสฺสุมุขํ าติสงฺฆํ ปริจฺจชิตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา รมณีเย ปเทเส ปณฺณสาลํ มาเปตฺวา อฺุฉาจริยาย วนมูลผลาทีหิ ยาเปนฺโต นจิรสฺเสว อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ อุปฺปาเทตฺวา ฌานกีฬํ กีฬนฺโต จิรํ วสิตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มนุสฺสปถํ คนฺตฺวา โลณมฺพิลํ อุปเสวิสฺสามิ, เอวํ เม สรีรฺเจว ถิรํ ภวิสฺสติ, ชงฺฆวิหาโร จ กโต ภวิสฺสติ, เย จ มาทิสสฺส สีลสมฺปนฺนสฺส ภิกฺขํ วา ทสฺสนฺติ, อภิวาทนาทีนิ วา กริสฺสนฺติ, เต สคฺคปุรํ ปูเรสฺสนฺตี’’ติ.
โส หิมวนฺตา โอตริตฺวา อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน พาราณสึ ปตฺวา สูริยตฺถงฺคมนเวลาย วสนฏฺานํ โอโลเกนฺโต ราชุยฺยานํ ทิสฺวา ‘‘อิทํ ปฏิสลฺลานสารุปฺปํ, เอตฺถ วสิสฺสาเม’’ติ อุยฺยานํ ปวิสิตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสินฺโน ฌานสุเขน รตฺตึ เขเปตฺวา ปุนทิวเส กตสรีรปฏิชคฺคโน ปุพฺพณฺหสมเย ชฏาชินวกฺกลานิ สณฺเปตฺวา ภิกฺขาภาชนํ อาทาย สนฺตินฺทฺริโย สนฺตมานโส อิริยาปถสมฺปนฺโน ยุคมตฺตทสฺสโน หุตฺวา สพฺพาการสมฺปนฺนาย อตฺตโน รูปสิริยา โลกสฺส ¶ โลจนานิ อากฑฺเฒนฺโต นครํ ปวิสิตฺวา ภิกฺขาย จรนฺโต รฺโ นิเวสนทฺวารํ ปาปุณิ. ราชา มหาตเล จงฺกมนฺโต วาตปานนฺตเรน โพธิสตฺตํ ทิสฺวา อิริยาปถสฺมิฺเว ปสีทิตฺวา ‘‘สเจ สนฺตธมฺโม นาม อตฺถิ, อิมสฺส เตน อพฺภนฺตเร ภวิตพฺพ’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘คจฺฉ, ตํ ตาปสํ อาเนหี’’ติ เอกํ อมจฺจํ อาณาเปสิ. โส คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ภิกฺขาภาชนํ คเหตฺวา ‘‘ราชา, ภนฺเต, ตํ ปกฺโกสตี’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ‘‘มหาปฺุ, อมฺเห ราชา น ชานาตี’’ติ อาห. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, ยาวาหํ อาคจฺฉามิ, ตาว อิเธว โหถา’’ติ คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ‘‘อมฺหากํ กุลูปกตาปโส นตฺถิ, คจฺฉ, นํ อาเนหี’’ติ สยมฺปิ วาตปาเนน หตฺถํ ปสาเรตฺวา วนฺทนฺโต ‘‘อิโต เอถ, ภนฺเต’’ติ อาห. โพธิสตฺโต อมจฺจสฺส หตฺเถ ภิกฺขาภาชนํ ทตฺวา มหาตลํ อภิรุหิ.
อถ นํ ราชา วนฺทิตฺวา ราชปลฺลงฺเก นิสีทาเปตฺวา อตฺตโน สมฺปาทิเตหิ ยาคุขชฺชกภตฺเตหิ ปริวิสิตฺวา กตภตฺตกิจฺจํ ปฺหํ ปุจฺฉิ. ปฺหพฺยากรเณน ภิยฺโยโสมตฺตาย ปสีทิตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห กตฺถวาสิกา ¶ , กุโต อาคตตฺถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘หิมวนฺตวาสิกา มยํ, มหาราช, หิมวนฺตโต อาคตา’’ติ วุตฺเต ปุน ‘‘กึการณา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘วสฺสารตฺตกาเล, มหาราช, นิพทฺธวาโส นาม ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, ราชุยฺยาเน วสถ, ตุมฺเห จ จตูหิ ปจฺจเยหิ น กิลมิสฺสถ, อหฺจ สคฺคสํวตฺตนิกํ ปฺุํ ปาปุณิสฺสามี’’ติ ปฏิฺํ คเหตฺวา ภุตฺตปาตราโส โพธิสตฺเตน สทฺธึ ¶ อุยฺยานํ คนฺตฺวา ปณฺณสาลํ กาเรตฺวา จงฺกมํ มาเปตฺวา เสสานิปิ รตฺติฏฺานทิวาฏฺานาทีนิ สมฺปาเทตฺวา ปพฺพชิตปริกฺขาเร ปฏิยาเทตฺวา ‘‘สุเขน วสถ, ภนฺเต’’ติ อุยฺยานปาลํ สมฺปฏิจฺฉาเปสิ. โพธิสตฺโต ตโต ปฏฺาย ทฺวาทส ¶ สํวจฺฉรานิ ตตฺเถว วสิ.
อเถกทิวสํ รฺโ ปจฺจนฺโต กุปิโต. โส ตสฺส วูปสมนตฺถาย คนฺตุกาโม เทวึ อามนฺเตตฺวา ‘‘ภทฺเท, ตยา นคเร โอหียิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อาห. ‘‘กึ นิสฺสาย กเถถ, เทวา’’ติ. ‘‘สีลวนฺตํ ตาปสํ, ภทฺเท’’ติ. ‘‘เทว, นาหํ ตสฺมึ ปมชฺชิสฺสามิ, อมฺหากํ อยฺยสฺส ปฏิชคฺคนํ มม ภาโร, ตุมฺเห นิราสงฺกา คจฺฉถา’’ติ. ราชา นิกฺขมิตฺวา คโต, เทวีปิ โพธิสตฺตํ ตเถว สกฺกจฺจํ อุปฏฺาติ. โพธิสตฺโต ปน รฺโ คตกาเล นิพทฺธเวลายํ อาคนฺตฺวา อตฺตโน รุจิตาย เวลาย ราชนิเวสนํ คนฺตฺวา ภตฺตกิจฺจํ กโรติ.
อเถกทิวสํ โพธิสตฺเต อติจิรายนฺเต เทวี สพฺพํ ขาทนียโภชนียํ ปฏิยาเทตฺวา นฺหตฺวา อลงฺกริตฺวา นีจมฺจกํ ปฺาเปตฺวา โพธิสตฺตสฺส อาคมนํ โอโลกยมานา มฏฺสาฏกํ สิถิลํ กตฺวา นิวาเสตฺวา นิปชฺชิ. โพธิสตฺโตปิ เวลํ สลฺลกฺเขตฺวา ภิกฺขาภาชนํ อาทาย อากาเสนาคนฺตฺวา มหาวาตปานทฺวารํ ปาปุณิ. ตสฺส วกฺกลสทฺทํ สุตฺวา สหสา อุฏฺหมานาย เทวิยา สรีรา มฏฺสาฏโก ภสฺสิตฺถ, โพธิสตฺโต วิสภาคารมฺมณํ ทิสฺวา อินฺทฺริยานิ ภินฺทิตฺวา สุภวเสน โอโลเกสิ. อถสฺส ฌานพเลน สนฺนิสินฺโนปิ กิเลโส กรณฺฑเก ปกฺขิตฺตอาสีวิโส วิย ผณํ กตฺวา อุฏฺหิ, ขีรรุกฺขสฺส วาสิยา อาโกฏิตกาโล วิย อโหสิ. กิเลสุปฺปาทเนน สเหว ฌานงฺคานิ ปริหายึสุ, อินฺทฺริยานิ อปริปุณฺณานิ อเหสุํ, สยํ ปกฺขจฺฉินฺนกาโก วิย อโหสิ. โส ปุพฺเพ วิย นิสีทิตฺวา ภตฺตกิจฺจํ กาตุํ นาสกฺขิ ¶ , นิสีทาปิยมาโนปิ น นิสีทิ. อถสฺส เทวี สพฺพํ ขาทนียโภชนียํ ภิกฺขาภาชเนเยว ¶ ปกฺขิปิ. ยถา จ ปุพฺเพ ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา สีหปฺชเรน นิกฺขมิตฺวา อากาเสเนว คจฺฉติ, เอวํ ตํ ทิวสํ คนฺตุํ นาสกฺขิ. ภตฺตํ ปน คเหตฺวา มหานิสฺเสณิยา โอตริตฺวา อุยฺยานํ อคมาสิ. เทวีปิ อสฺส อตฺตนิ ปฏิพทฺธจิตฺตตํ อฺาสิ. โส อุยฺยานํ คนฺตฺวา ภตฺตํ อภฺุชิตฺวาว เหฏฺามฺจเก นิกฺขิปิตฺวา ‘‘เทวิยา เอวรูปา หตฺถโสภา ปาทโสภา, เอวรูปํ กฏิปริโยสานํ, เอวรูปํ อูรุลกฺขณ’’นฺติอาทีนิ วิปฺปลปนฺโต สตฺตาหํ นิปชฺชิ, ภตฺตํ ปูติกํ อโหสิ นีลมกฺขิกาปริปุณฺณํ.
อถ ราชา ปจฺจนฺตํ วูปสเมตฺวา ปจฺจาคโต อลงฺกตปฏิยตฺตํ นครํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ราชนิเวสนํ อคนฺตฺวาว ‘‘โพธิสตฺตํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ อุยฺยานํ คนฺตฺวา อุกฺลาปํ อสฺสมปทํ ทิสฺวา ¶ ‘‘ปกฺกนฺโต ภวิสฺสตี’’ติ ปณฺณสาลาย ทฺวารํ วิวริตฺวา อนฺโตปวิฏฺโ ตํ นิปนฺนกํ ทิสฺวา ‘‘เกนจิ อผาสุเกน ภวิตพฺพ’’นฺติ ปูติภตฺตํ ฉฑฺฑาเปตฺวา ปณฺณสาลํ ปฏิชคฺคาเปตฺวา ‘‘ภนฺเต, กึ เต อผาสุก’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘วิทฺโธสฺมิ, มหาราชา’’ติ. ราชา ‘‘มม ปจฺจามิตฺเตหิ มยิ โอกาสํ อลภนฺเตหิ ‘มมายนฏฺานมสฺส ทุพฺพลํ กริสฺสามา’ติ อาคนฺตฺวา เอส วิทฺโธ ภวิสฺสติ มฺเ’’ติ สรีรํ ปริวตฺเตตฺวา วิทฺธฏฺานํ โอโลเกนฺโต วิทฺธฏฺานํ อทิสฺวา ‘‘กตฺถ วิทฺโธสิ, ภนฺเต’’ติ ปุจฺฉิ. โพธิสตฺโต ‘‘นาหํ, มหาราช, อฺเน วิทฺโธ, อหํ ปน อตฺตนาว อตฺตานํ หทเย วิชฺฌิ’’นฺติ วตฺวา อุฏฺาย นิสีทิตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘สงฺกปฺปราคโธเตน, วิตกฺกนิสิเตน จ;
นาลงฺกเตน ภทฺเรน, อุสุการากเตน จ.
‘‘น กณฺณายตมุตฺเตน, นาปิ โมรูปเสวินา;
เตนมฺหิ หทเย วิทฺโธ, สพฺพงฺคปริทาหินา.
‘‘อาเวธฺจ ¶ น ปสฺสามิ, ยโต รุหิรมสฺสเว;
ยาว อโยนิโส จิตฺตํ, สยํ เม ทุกฺขมาภต’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ สงฺกปฺปราคโธเตนาติ กามวิตกฺกสมฺปยุตฺตราคโธเตน. วิตกฺกนิสิเตน จาติ เตเนว ราโคทเกน วิตกฺกปาสาเณ นิสิเตน. นาลงฺกเตน ภทฺเรนาติ เนว อลงฺกเตน ภทฺเรน, อนลงฺกเตน พีภจฺเฉนาติ อตฺโถ. อุสุการากเตน จาติ อุสุกาเรหิปิ อกเตน. น กณฺณายตมุตฺเตนาติ ยาว ทกฺขิณกณฺณจูฬกํ อากฑฺฒิตฺวา อมุตฺตเกน. นาปิ โมรูปเสวินาติ โมรปตฺตคิชฺฌปตฺตาทีหิ อกตูปเสวเนน. เตนมฺหิ หทเย วิทฺโธติ เตน กิเลสกณฺเฑนาหํ หทเย วิทฺโธ อมฺหิ. สพฺพงฺคปริทาหินาติ สพฺพานิ องฺคานิ ปริทหนสมตฺเถน. มหาราช, เตน หิ กิเลสกณฺเฑน หทเย วิทฺธกาลโต ปฏฺาย มม อคฺคิ ปทิตฺตานิว สพฺพานิ องฺคานิ ฑยฺหนฺตีติ ทสฺเสติ.
อาเวธฺจ น ปสฺสามีติ วิทฺธฏฺาเน วณฺจ น ปสฺสามิ. ยโต รุหิรมสฺสเวติ ยโต เม อาเวธโต โลหิตํ ปคฺฆเรยฺย, ตํ น ปสฺสามีติ อตฺโถ. ยาว อโยนิโส จิตฺตนฺติ เอตฺถ ยาวาติ ทฬฺหตฺเถ นิปาโต, อติวิย ทฬฺหํ กตฺวา อโยนิโส จิตฺตํ วฑฺฒิตนฺติ อตฺโถ. สยํ เม ทุกฺขมาภตนฺติ อตฺตนาว มยา อตฺตโน ทุกฺขํ อานีตนฺติ.
เอวํ ¶ โพธิสตฺโต อิมาหิ ตีหิ คาถาหิ รฺโ ธมฺมํ เทเสตฺวา ราชานํ ปณฺณสาลโต พหิ กตฺวา กสิณปริกมฺมํ กตฺวา นฏฺํ ฌานํ อุปฺปาเทตฺวา ปณฺณสาลาย นิกฺขมิตฺวา อากาเส นิสินฺโน ราชานํ โอวทิตฺวา ‘‘มหาราช, อหํ หิมวนฺตเมว คมิสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘น สกฺกา, ภนฺเต, คนฺตุ’’นฺติ วุจฺจมาโนปิ ‘‘มหาราช, มยา อิธ วสนฺเตน เอวรูโป วิปฺปกาโร ปตฺโต, อิทานิ น สกฺกา อิธ วสิตุ’’นฺติ รฺโ ยาจนฺตสฺเสว อากาเส อุปฺปติตฺวา หิมวนฺตํ คนฺตฺวา ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ อรหตฺเต ปติฏฺหิ. เกจิ โสตาปนฺนา, เกจิ สกทาคามิโน, เกจิ อนาคามิโน, เกจิ อรหนฺโต อเหสุํ. ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สงฺกปฺปราคชาตกวณฺณนา ปมา.
[๒๕๒] ๒. ติลมุฏฺิชาตกวณฺณนา
อชฺชาปิ ¶ เม ตํ มนสีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ โกธนํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. อฺตโร กิร, ภิกฺขุ, โกธโน อโหสิ อุปายาสพหุโล, อปฺปมฺปิ วุตฺโต สมาโน กุปฺปิ อภิสชฺชิ, โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตฺวากาสิ. อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อสุโก นาม ภิกฺขุ โกธโน อุปายาสพหุโล อุทฺธเน ปกฺขิตฺตโลณํ วิย ตฏตฏายนฺโต วิจรติ, เอวรูเป นิกฺโกธเน พุทฺธสาสเน ปพฺพชิโต สมาโน โกธมตฺตมฺปิ นิคฺคณฺหิตุํ น สกฺโกตี’’ติ. สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา เอกํ ภิกฺขุํ เปเสตฺวา ตํ ภิกฺขุํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, โกธโน’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ อยํ โกธโน อโหสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต ตสฺส ปุตฺโต พฺรหฺมทตฺตกุมาโร นาม อโหสิ. โปราณกราชาโน จ อตฺตโน ปุตฺเต ‘‘เอวํ เอเต นิหตมานทปฺปา สีตุณฺหกฺขมา โลกจาริตฺตฺู จ ภวิสฺสนฺตี’’ติ อตฺตโน นคเร ทิสาปาโมกฺขอาจริเย วิชฺชมาเนปิ สิปฺปุคฺคหณตฺถาย ทูเร ติโรรฏฺํ เปเสนฺติ, ตสฺมา โสปิ ราชา โสฬสวสฺสุทฺเทสิกํ ปุตฺตํ ปกฺโกสาเปตฺวา เอกปฏลิกอุปาหนา ¶ จ ปณฺณจฺฉตฺตฺจ กหาปณสหสฺสฺจ ทตฺวา ‘‘ตาต, ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สิปฺปํ อุคฺคณฺหา’’ติ ¶ เปเสสิ. โส ‘‘สาธู’’ติ มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน ตกฺกสิลํ ปตฺวา อาจริยสฺส เคหํ ปุจฺฉิตฺวา อาจริเย มาณวกานํ สิปฺปํ วาเจตฺวา อุฏฺาย ฆรทฺวาเร จงฺกมนฺเต เคหํ คนฺตฺวา ยสฺมึ าเน ิโต อาจริยํ อทฺทส, ตตฺเถว อุปาหนา โอมฺุจิตฺวา ฉตฺตฺจ อปเนตฺวา อาจริยํ วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. โส ตสฺส กิลนฺตภาวํ ตฺวา อาคนฺตุกสงฺคหํ กาเรสิ. กุมาโร ภุตฺตโภชโน โถกํ วิสฺสมิตฺวา อาจริยํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ, ‘‘กุโต อาคโตสิ, ตาตา’’ติ จ วุตฺเต ‘‘พาราณสิโต’’ติ อาห. ‘‘กสฺส ปุตฺโตสี’’ติ? ‘‘พาราณสิรฺโ’’ติ. ‘‘เกนตฺเถนาคโตสี’’ติ? ‘‘สิปฺปํ อุคฺคณฺหตฺถายา’’ติ. ‘‘กึ เต อาจริยภาโค อาภโต, อุทาหุ ธมฺมนฺเตวาสิโก โหตุกาโมสี’’ติ? โส ‘‘อาจริยภาโค เม ¶ อาภโต’’ติ วตฺวา อาจริยสฺส ปาทมูเล สหสฺสตฺถวิกํ เปตฺวา วนฺทิ.
ธมฺมนฺเตวาสิกา ทิวา อาจริยสฺส กมฺมํ กตฺวา รตฺตึ สิปฺปํ อุคฺคณฺหนฺติ, อาจริยภาคทายกา เคเห เชฏฺปุตฺตา วิย หุตฺวา สิปฺปเมว อุคฺคณฺหนฺติ. ตสฺมา โสปิ อาจริโย สลฺลหุเกน สุภนกฺขตฺเตน กุมารสฺส สิปฺปํ ปฏฺเปสิ. กุมาโรปิ สิปฺปํ อุคฺคณฺหนฺโต เอกทิวสํ อาจริเยน สทฺธึ นฺหายิตุํ อคมาสิ. อเถกา มหลฺลิกา อิตฺถี ติลานิ เสเต กตฺวา ปตฺถริตฺวา รกฺขมานา นิสีทิ. กุมาโร เสตติเล ทิสฺวา ขาทิตุกาโม หุตฺวา เอกํ ติลมุฏฺึ คเหตฺวา ขาทิ, มหลฺลิกา ‘‘ตณฺหาลุโก เอโส’’ติ กิฺจิ อวตฺวา ตุณฺหี อโหสิ. โส ปุนทิวเสปิ ตาย เวลาย ตเถว อกาสิ, สาปิ นํ น กิฺจิ อาห. อิตโร ตติยทิวเสปิ ตเถวากาสิ, ตทา มหลฺลิกา ‘‘ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย อตฺตโน อนฺเตวาสิเกหิ มํ วิลุมฺปาเปตี’’ติ พาหา ปคฺคยฺห กนฺทิ. อาจริโย นิวตฺติตฺวา ‘‘กึ เอตํ ¶ , อมฺมา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สามิ, อนฺเตวาสิโก เต มยา กตานํ เสตติลานํ อชฺเชกํ มุฏฺึ ขาทิ, หิยฺโย เอกํ, ปเร เอกํ, นนุ เอวํ ขาทนฺโต มม สนฺตกํ สพฺพํ นาเสสฺสตี’’ติ. ‘‘อมฺม, มา โรทิ, มูลํ เต ทาเปสฺสามี’’ติ. ‘‘น เม, สามิ, มูเลนตฺโถ, ยถา ปเนส กุมาโร ปุน เอวํ น กโรติ, ตถา ตํ สิกฺขาเปหี’’ติ. อาจริโย ‘‘เตน หิ ปสฺส, อมฺมา’’ติ ทฺวีหิ มาณเวหิ ตํ กุมารํ ทฺวีสุ หตฺเถสุ คาหาเปตฺวา เวฬุเปสิกํ คเหตฺวา ‘‘ปุน เอวรูปํ มา อกาสี’’ติ ติกฺขตฺตุํ ปิฏฺิยํ ปหริ. กุมาโร อาจริยสฺส กุชฺฌิตฺวา รตฺตานิ อกฺขีนิ กตฺวา ปาทปิฏฺิโต ยาว เกสมตฺถกา โอโลเกสิ. โสปิสฺส กุชฺฌิตฺวา โอโลกิตภาวํ อฺาสิ. กุมาโร สิปฺปํ นิฏฺาเปตฺวา ‘‘อนุโยคํ ทตฺวา มาราเปตพฺโพ เอส มยา’’ติ เตน กตโทสํ หทเย เปตฺวา คมนกาเล อาจริยํ วนฺทิตฺวา ‘‘ยทาหํ, อาจริย, พาราณสิรชฺชํ ปตฺวา ตุมฺหากํ สนฺติกํ เปเสสฺสามิ, ตทา ตุมฺเห อาคจฺเฉยฺยาถา’’ติ สสิเนโห วิย ปฏิฺํ คเหตฺวา ปกฺกามิ.
โส ¶ พาราณสึ ปตฺวา มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา สิปฺปํ ทสฺเสสิ. ราชา ‘‘ชีวมาเนน เม ปุตฺโต ทิฏฺโ, ชีวมาโนวสฺส รชฺชสิรึ ปสฺสามี’’ติ ปุตฺตํ รชฺเช ปติฏฺาเปสิ. โส รชฺชสิรึ อนุภวมาโน อาจริเยน กตโทสํ ¶ สริตฺวา อุปฺปนฺนโกโธ ‘‘มาราเปสฺสามิ น’’นฺติ ปกฺโกสนตฺถาย อาจริยสฺส ทูตํ ปาเหสิ. อาจริโย ‘‘ตรุณกาเล นํ สฺาเปตุํ น สกฺขิสฺสามี’’ติ อคนฺตฺวา ตสฺส รฺโ มชฺฌิมวยกาเล ‘‘อิทานิ นํ สฺาเปตุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา ราชทฺวาเร ตฺวา ‘‘ตกฺกสิลาจริโย อาคโต’’ติ อาโรจาเปสิ. ราชา ตุฏฺโ พฺราหฺมณํ ปกฺโกสาเปตฺวา ตํ อตฺตโน สนฺติกํ อาคตํ ทิสฺวาว โกธํ อุปฺปาเทตฺวา รตฺตานิ อกฺขีนิ กตฺวา อมจฺเจ อามนฺเตตฺวา ‘‘โภ, อชฺชาปิ เม อาจริเยน ปหฏฏฺานํ รุชฺชติ, อาจริโย นลาเฏน มจฺจุํ อาทาย ‘มริสฺสามี’ติ ¶ อาคโต, อชฺชสฺส ชีวิตํ นตฺถี’’ติ วตฺวา ปุริมา ทฺเว คาถา อโวจ –
‘‘อชฺชาปิ เม ตํ มนสิ, ยํ มํ ตฺวํ ติลมุฏฺิยา;
พาหาย มํ คเหตฺวาน, ลฏฺิยา อนุตาฬยิ.
‘‘นนุ ชีวิเต น รมสิ, เยนาสิ พฺราหฺมณาคโต;
ยํ มํ พาหา คเหตฺวาน, ติกฺขตฺตุํ อนุตาฬยี’’ติ.
ตตฺถ ยํ มํ พาหาย มนฺติ ทฺวีสุ ปเทสุ อุปโยควจนํ อนุตาฬนคหณาเปกฺขํ. ยํ มํ ตฺวํ ติลมุฏฺิยา การณา อนุตาฬยิ, อนุตาเฬนฺโต จ มํ พาหาย คเหตฺวา อนุตาฬยิ, ตํ อนุตาฬนํ อชฺชาปิ เม มนสีติ อยฺเหตฺถ อตฺโถ. นนุ ชีวิเต น รมสีติ มฺเ ตฺวํ อตฺตโน ชีวิตมฺหิ นาภิรมสิ. เยนาสิ พฺราหฺมณาคโตติ ยสฺมา พฺราหฺมณ อิธ มม สนฺติกํ อาคโตสิ. ยํ มํ พาหา คเหตฺวานาติ ยํ มม พาหา คเหตฺวา, ยํ มํ พาหาย คเหตฺวาติปิ อตฺโถ. ติกฺขตฺตุํ อนุตาฬยีติ ตโย วาเร เวฬุลฏฺิยา ตาเฬสิ, อชฺช ทานิ ตสฺส ผลํ วินฺทาหีติ นํ มรเณน สนฺตชฺเชนฺโต เอวมาห.
ตํ สุตฺวา อาจริโย ตติยํ คาถมาห –
‘‘อริโย อนริยํ กุพฺพนฺตํ, โย ทณฺเฑน นิเสธติ;
สาสนํ ตํ น ตํ เวรํ, อิติ นํ ปณฺฑิตา วิทู’’ติ.
ตตฺถ ¶ ¶ อริโยติ สุนฺทราธิวจนเมตํ. โส ปน อริโย จตุพฺพิโธ โหติ อาจารอริโย ทสฺสนอริโย ลิงฺคอริโย ปฏิเวธอริโยติ. ตตฺถ มนุสฺโส วา โหตุ ติรจฺฉาโน วา, อริยาจาเร ิโต อาจารอริโย นาม. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘อริยวตฺตสิ วกฺกงฺค, โย ปิณฺฑมปจายติ;
จชามิ เต ตํ ภตฺตารํ, คจฺฉถูโภ ยถาสุข’’นฺติ. (ชา. ๒.๒๑.๑๐๖);
รูเปน ปน อิริยาปเถน จ ปาสาทิเกน ทสฺสนีเยน สมนฺนาคโต ทสฺสนอริโย นาม. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘อริยาวกาโสสิ ¶ ปสนฺนเนตฺโต, มฺเ ภวํ ปพฺพชิโต กุลมฺหา;
กถํ นุ จิตฺตานิ ปหาย โภเค, ปพฺพชิ นิกฺขมฺม ฆรา สปฺา’’ติ. (ชา. ๒.๑๗.๑๔๓);
นิวาสนปารุปนลิงฺคคฺคหเณน ปน สมณสทิโส หุตฺวา วิจรนฺโต ทุสฺสีโลปิ ลิงฺคอริโย นาม. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘ฉทนํ กตฺวาน สุพฺพตานํ, ปกฺขนฺที กุลทูสโก ปคพฺโภ;
มายาวี อสฺโต ปลาโป, ปติรูเปน จรํ ส มคฺคทูสี’’ติ.
พุทฺธาทโย ปน ปฏิเวธอริยา นาม. เตน วุตฺตํ – ‘‘อริยา วุจฺจนฺติ พุทฺธา จ ปจฺเจกพุทฺธา จ พุทฺธสาวกา จา’’ติ. เตสุ อิธ อาจารอริโยว อธิปฺเปโต.
อนริยนฺติ ทุสฺสีลํ ปาปธมฺมํ. กุพฺพนฺตนฺติ ปาณาติปาตาทิกํ ปฺจวิธทุสฺสีลฺยกมฺมํ กโรนฺตํ, เอกเมว วา เอตํ อตฺถปทํ, อนริยํ หีนํ ลามกํ ปฺจเวรภยกมฺมํ กโรนฺตํ ปุคฺคลํ. โยติ ขตฺติยาทีสุ โย โกจิ. ทณฺเฑนาติ เยน เกนจิ ปหรณเกน. นิเสธตีติ ‘‘มา ปุน เอวรูปํ กรี’’ติ ปหรนฺโต นิวาเรติ. สาสนํ ตํ น ตํ เวรนฺติ ตํ, มหาราช, อกตฺตพฺพํ กโรนฺเต ปุตฺตธีตโร วา อนฺเตวาสิเก วา เอวํ ปหริตฺวา นิเสธนํ นาม อิมสฺมึ โลเก สาสนํ อนุสิฏฺิ โอวาโท, น เวรํ. อิติ นํ ปณฺฑิตา ¶ วิทูติ เอวเมตํ ปณฺฑิตา ชานนฺติ. ตสฺมา, มหาราช, ตฺวมฺปิ เอวํ ชาน, น เอวรูเป าเน เวรํ กาตุํ อรหสิ. สเจ หิ ¶ ตฺวํ, มหาราช, มยา เอวํ สิกฺขาปิโต นาภวิสฺส, อถ คจฺฉนฺเต กาเล ปูวสกฺขลิอาทีนิ เจว ผลาผลาทีนิ จ หรนฺโต โจรกมฺเมสุ ปลุทฺโธ อนุปุพฺเพน สนฺธิจฺเฉทนปนฺถทูหนคามฆาตกาทีนิ กตฺวา ‘‘ราชาปราธิโก โจโร’’ติ สโหฑฺฒํ คเหตฺวา รฺโ ทสฺสิโต ‘‘คจฺฉถสฺส โทสานุรูปํ ทณฺฑํ อุปเนถา’’ติ ทณฺฑภยํ ปาปุณิสฺส, กุโต เต เอวรูปา สมฺปตฺติ อภวิสฺส, นนุ มํ นิสฺสาย อิทํ อิสฺสริยํ ตยา ลทฺธนฺติ เอวํ อาจริโย ราชานํ สฺาเปสิ ¶ . ปริวาเรตฺวา ิตา อมจฺจาปิสฺส กถํ สุตฺวา ‘‘สจฺจํ, เทว, อิทํ อิสฺสริยํ ตุมฺหากํ อาจริยสฺเสว สนฺตก’’นฺติ อาหํสุ.
ตสฺมึ ขเณ ราชา อาจริยสฺส คุณํ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘สพฺพิสฺสริยํ เต, อาจริย, ทมฺมิ, รชฺชํ ปฏิจฺฉา’’ติ อาห. อาจริโย ‘‘น เม, มหาราช, รชฺเชนตฺโถ’’ติ ปฏิกฺขิปิ. ราชา ตกฺกสิลํ เปเสตฺวา อาจริยสฺส ปุตฺตทารํ อาหราเปตฺวา มหนฺตํ อิสฺสริยํ ทตฺวา ตเมว ปุโรหิตํ กตฺวา ปิตุฏฺาเน เปตฺวา ตสฺโสวาเท ิโต ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา สคฺคปรายโณ อโหสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โกธโน ภิกฺขุ อนาคามิผเล ปติฏฺหิ, พหู ชนา โสตาปนฺนสกทาคามิอนาคามิโน อเหสุํ. ‘‘ตทา ราชา โกธโน ภิกฺขุ อโหสิ, อาจริโย ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ติลมุฏฺิชาตกวณฺณนา ทุติยา.
[๒๕๓] ๓. มณิกณฺชาตกวณฺณนา
มมนฺนปานนฺติ อิทํ สตฺถา อาฬวึ นิสฺสาย อคฺคาฬเว เจติเย วิหรนฺโต กุฏิการสิกฺขาปทํ (ปารา. ๓๔๒) อารพฺภ กเถสิ. อาฬวกา หิ ภิกฺขู สฺาจิกาย กุฏิโย การยมานา ยาจนพหุลา วิฺตฺติพหุลา วิหรึสุ ‘‘ปุริสํ เทถ, ปุริสตฺถกรํ เทถา’’ติอาทีนิ วทนฺตา. มนุสฺสา ¶ อุปทฺทุตา ยาจนาย อุปทฺทุตา วิฺตฺติยา ภิกฺขู ทิสฺวา อุพฺพิชฺชึสุปิ อุตฺตสึสุปิ ปลายึสุปิ. อถายสฺมา มหากสฺสโป อาฬวึ อุปสงฺกมิตฺวา ปิณฺฑาย ปาวิสิ, มนุสฺสา เถรมฺปิ ทิสฺวา ตเถว ปฏิปชฺชึสุ. โส ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา ‘‘ปุพฺพายํ, อาวุโส, อาฬวี สุลภปิณฺฑา, อิทานิ กสฺมา ¶ ทุลฺลภปิณฺฑา ชาตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตํ การณํ สุตฺวา ภควติ อาฬวึ อาคนฺตฺวา อคฺคาฬวเจติเย วิหรนฺเต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ อาโรเจสิ. สตฺถา เอตสฺมึ การเณ ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาตาเปตฺวา อาฬวเก ภิกฺขู ปฏิปุจฺฉิ ¶ – ‘‘สจฺจํ กิร ตุมฺเห, ภิกฺขเว, สฺาจิกาย กุฏิโย กาเรถา’’ติ. ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต เต ภิกฺขู ครหิตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, ยาจนา นาเมสา สตฺตรตนปริปุณฺเณ นาคภวเน วสนฺตานํ นาคานมฺปิ อมนาปา, ปเคว มนุสฺสานํ, เยสํ เอกํ กหาปณกํ อุปฺปาเทนฺตานํ ปาสาณโต มํสํ อุปฺปาฏนกาโล วิย โหตี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต มหาวิภเว พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส อาธาวิตฺวา ปริธาวิตฺวา วิจรณกาเล อฺโปิ ปฺุวา สตฺโต ตสฺส มาตุ กุจฺฉิสฺมึ นิพฺพตฺติ. เต อุโภปิ ภาตโร วยปฺปตฺตา มาตาปิตูนํ กาลกิริยาย สํวิคฺคหทยา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา คงฺคาตีเร ปณฺณสาลํ มาเปตฺวา วสึสุ. เตสุ เชฏฺสฺส อุปริคงฺคาย ปณฺณสาลา อโหสิ, กนิฏฺสฺส อโธคงฺคาย. อเถกทิวสํ มณิกณฺโ นาม นาคราชา นาคภวนา นิกฺขมิตฺวา คงฺคาตีเร มาณวกเวเสน วิจรนฺโต กนิฏฺสฺส อสฺสมํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ, เต อฺมฺํ สมฺโมทนียกถํ กเถตฺวา วิสฺสาสิกา อเหสุํ, วินา วตฺติตุํ นาสกฺขึสุ. มณิกณฺโ อภิณฺหํ กนิฏฺตาปสสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา กถาสลฺลาเปน นิสีทิตฺวา คมนกาเล ตาปเส สิเนเหน อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา โภเคหิ ตาปสํ ปริกฺขิปนฺโต ปริสฺสชิตฺวา อุปริมุทฺธนิ มหนฺตํ ผณํ ธาเรตฺวา โถกํ วสิตฺวา ตํ สิเนหํ วิโนเทตฺวา สรีรํ วินิเวเตฺวา ตาปสํ วนฺทิตฺวา สกฏฺานเมว คจฺฉติ. ตาปโส ตสฺส ภเยน กิโส อโหสิ ลูโข ทุพฺพณฺโณ อุปฺปณฺฑุปฺปณฺฑุกชาโต ธมนิสนฺถตคตฺโต.
โส ¶ เอกทิวสํ ภาตุ สนฺติกํ อคมาสิ. อถ นํ โส ปุจฺฉิ – ‘‘กิสฺส, ตฺวํ โภ, กิโส ลูโข ทุพฺพณฺโณ อุปฺปณฺฑุปฺปณฺฑุกชาโต ธมนิสนฺถตคตฺโต’’ติ. โส ตสฺส ตํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา ‘‘กึ ปน, ตฺวํ โภ, ตสฺส นาคราชสฺส อาคมนํ ¶ อิจฺฉสิ, น อิจฺฉสี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘น อิจฺฉามี’’ติ วตฺวา ‘‘โส ปน นาคราชา ตว สนฺติกํ อาคจฺฉนฺโต กึ ปิฬนฺธนํ ปิฬนฺธิตฺวา อาคจฺฉตี’’ติ วุตฺเต ‘‘มณิรตน’’นฺติ อาห. เตน หิ ตฺวํ ตสฺมึ นาคราเช ตว สนฺติกํ อาคนฺตฺวา อนิสินฺเนเยว ‘‘มณึ เม เทหี’’ติ ยาจ, เอวํ โส นาโค ตํ โภเคหิ อปริกฺขิปิตฺวาว คมิสฺสติ. ปุนทิวเส อสฺสมปททฺวาเร ตฺวา อาคจฺฉนฺตเมว นํ ยาเจยฺยาสิ, ตติยทิวเส คงฺคาตีเร ตฺวา อุทกา อุมฺมุชฺชนฺตเมว นํ ยาเจยฺยาสิ, เอวํ โส ตว สนฺติกํ ปุน น อาคมิสฺสตีติ.
ตาปโส ¶ ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา อตฺตโน ปณฺณสาลํ คนฺตฺวา ปุนทิวเส นาคราชานํ อาคนฺตฺวา ิตมตฺตเมว ‘‘เอตํ อตฺตโน ปิฬนฺธนมณึ เม เทหี’’ติ ยาจิ, โส อนิสีทิตฺวาว ปลายิ. อถ นํ ทุติยทิวเส อสฺสมปททฺวาเร ตฺวา อาคจฺฉนฺตเมว ‘‘หิยฺโย เม มณิรตนํ นาทาสิ, อชฺช ทานํ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ อาห. นาโค อสฺสมปทํ อปวิสิตฺวาว ปลายิ. ตติยทิวเส อุทกโต อุมฺมุชฺชนฺตเมว นํ ‘‘อชฺช เม ตติโย ทิวโส ยาจนฺตสฺส, เทหิ ทานิ เม เอตํ มณิรตน’’นฺติ อาห. นาคราชา อุทเก ตฺวาว ตาปสํ ปฏิกฺขิปนฺโต ทฺเว คาถา อาห –
‘‘มมนฺนปานํ วิปุลํ อุฬารํ, อุปฺปชฺชตีมสฺส มณิสฺส เหตุ;
ตํ เต น ทสฺสํ อติยาจโกสิ, น จาปิ เต อสฺสมมาคมิสฺสํ.
‘‘สุสู ยถา สกฺขรโธตปาณี, ตาเสสิมํ เสลํ ยาจมาโน;
ตํ เต น ทสฺสํ อติยาจโกสิ, น จาปิ เต อสฺสมมาคมิสฺส’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ มมนฺนปานนฺติ มม ยาคุภตฺตาทิทิพฺพโภชนํ อฏฺปานกเภทฺจ ทิพฺพปานํ. วิปุลนฺติ พหุ. อุฬารนฺติ เสฏฺํ ปณีตํ. ตํ เตติ ตํ มณึ ตุยฺหํ. อติยาจโกสีติ ¶ กาลฺจ ปมาณฺจ อติกฺกมิตฺวา อชฺช ตีณิ ทิวสานิ มยฺหํ ปิยํ มนาปํ มณิรตนํ ยาจมาโน อติกฺกมฺม ยาจโกสิ. น จาปิ เตติ น เกวลํ น ทสฺสํ, อสฺสมมฺปิ เต นาคมิสฺสํ. สุสู ยถาติ ยถา นาม ยุวา ตรุณมนุสฺโส. สกฺขรโธตปาณีติ สกฺขราย โธตปาณิ, เตเลน ปาสาเณ โธตอสิหตฺโถ. ตาเสสิมํ เสลํ ยาจมาโนติ อิมํ มณึ ยาจนฺโต ตฺวํ กฺจนถรุขคฺคํ อพฺพาหิตฺวา ‘‘สีสํ เต ฉินฺทามี’’ติ วทนฺโต ตรุณปุริโส วิย มํ ตาเสสิ.
เอวํ วตฺวา โส นาคราชา อุทเก นิมุชฺชิตฺวา อตฺตโน นาคภวนเมว คนฺตฺวา น ปจฺจาคฺฉิ. อถ โส ตาปโส ตสฺส ทสฺสนียสฺส นาคราชสฺส อทสฺสเนน ภิยฺโยโสมตฺตาย กิโส อโหสิ ลูโข ทุพฺพณฺโณ อุปฺปณฺฑุปฺปณฺฑุกชาโต ธมนิสนฺถตคตฺโต. อถ เชฏฺตาปโส ‘‘กนิฏฺสฺส ปวตฺตึ ชานิสฺสามี’’ติ ตสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ตํ ภิยฺโยโสมตฺตาย ปณฺฑุโรคินํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข, โภ, ตฺวํ ภิยฺโยโสมตฺตาย ปณฺฑุโรคี ชาโต’’ติ วตฺวา ‘‘ตสฺส ทสฺสนียสฺส นาคราชสฺส อทสฺสเนนา’’ติ สุตฺวา ‘‘อยํ ตาปโส นาคราชานํ วินา วตฺติตุํ น สกฺโกตี’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ตติยํ คาถมาห –
‘‘น ¶ ตํ ยาเจ ยสฺส ปิยํ ชิคีเส, เทสฺโส โหติ อติยาจนาย;
นาโค มณึ ยาจิโต พฺราหฺมเณน, อทสฺสนํเยว ตทชฺฌคมา’’ติ.
ตตฺถ น ตํ ยาเจติ ตํ ภณฺฑํ น ยาเจยฺย. ยสฺส ปิยํ ชิคีเสติ ยํ ภณฺฑํ อสฺส ปุคฺคลสฺส ปิยนฺติ ชาเนยฺย. เทสฺโส โหตีติ อปฺปิโย โหติ. อติยาจนายาติ ปมาณํ อติกฺกมิตฺวา วรภณฺฑํ ยาจนฺโต ตาย อติยาจนาย. อทสฺสนํเยว ตทชฺฌคมาติ ตโต ปฏฺาย อทสฺสนเมว คโตติ.
เอวํ ปน ตํ วตฺวา ‘‘อิโต ทานิ ปฏฺาย มา โสจี’’ติ สมสฺสาเสตฺวา เชฏฺภาตา อตฺตโน อสฺสมเมว คโต. อถาปรภาเค เต ¶ ทฺเวปิ ภาตโร อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกปรายณา อเหสุํ.
สตฺถา ¶ ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว, สตฺตรตนปริปุณฺเณ นาคภวเน วสนฺตานํ นาคานมฺปิ ยาจนา นาม อมนาปา, กิมงฺคํ ปน มนุสฺสาน’’นฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กนิฏฺโ อานนฺโท อโหสิ, เชฏฺโ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
มณิกณฺชาตกวณฺณนา ตติยา.
[๒๕๔] ๔. กุณฺฑกกุจฺฉิสินฺธวชาตกวณฺณนา
ภุตฺวา ติณปริฆาสนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สาริปุตฺตตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. เอกสฺมิฺหิ สมเย สมฺมาสมฺพุทฺเธ สาวตฺถิยํ วสฺสํ วสิตฺวา จาริกํ จริตฺวา ปุน ปจฺจาคเต มนุสฺสา ‘‘อาคนฺตุกสกฺการํ กริสฺสามา’’ติ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ททนฺติ. วิหาเร เอกํ ธมฺมโฆสกภิกฺขุํ เปสุํ, โส เย เย อาคนฺตฺวา ยตฺตเก ภิกฺขู อิจฺฉนฺติ, เตสํ เตสํ ภิกฺขู วิจาเรตฺวา เทติ.
อเถกา ทุคฺคตมหลฺลิกา อิตฺถี เอกเมว ปฏิวีสํ สชฺเชตฺวา เตสํ เตสํ มนุสฺสานํ ภิกฺขูสุ วิจาเรตฺวา ทินฺเนสุ อุสฺสูเร ธมฺมโฆสกสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ‘‘มยฺหํ เอกํ ภิกฺขุํ เทถา’’ติ อาห. โส ‘‘มยา สพฺเพ ภิกฺขู วิจาเรตฺวา ทินฺนา, สาริปุตฺตตฺเถโร ปน วิหาเรเยว, ตฺวํ ตสฺส ภิกฺขํ เทหี’’ติ อาห. สา ‘‘สาธู’’ติ ตุฏฺจิตฺตา เชตวนทฺวารโกฏฺเก ตฺวา เถรสฺส อาคตกาเล ¶ วนฺทิตฺวา หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา ฆรํ เนตฺวา นิสีทาเปสิ. ‘‘เอกาย กิร มหลฺลิกาย ธมฺมเสนาปติ อตฺตโน ฆเร นิสีทาปิโต’’ติ พหูนิ สทฺธานิ กุลานิ อสฺโสสุํ. เตสุ ราชา ปสฺเสนที โกสโล ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ตสฺสา สาฏเกน เจว สหสฺสตฺถวิกาย จ สทฺธึ ภตฺตภาชนานิ ปหิณิ ‘‘มยฺหํ อยฺยํ ปริวิสมานา อิมํ สาฏกํ นิวาเสตฺวา อิเม กหาปเณ วฬฺเชตฺวา เถรํ ปริวิสตู’’ติ. ยถา จ ราชา, เอวํ อนาถปิณฺฑิโก ¶ จูฬอนาถปิณฺฑิโก วิสาขา จ มหาอุปาสิกา ปหิณิ. อฺานิปิ ปน กุลานิ เอกสตทฺวิสตาทิวเสน อตฺตโน อตฺตโน พลานุรูเปน กหาปเณ ปหิณึสุ. เอวํ เอกาเหเนว สา มหลฺลิกา สตสหสฺสมตฺตํ ลภิ. เถโร ปน ตาย ทินฺนยาคุเมว ปิวิตฺวา ¶ ตาย กตขชฺชกเมว ปกฺกภตฺตเมว จ ปริภฺุชิตฺวา อนุโมทนํ กตฺวา ตํ มหลฺลิกํ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปตฺวา วิหารเมว อคมาสิ.
ธมฺมสภายํ ภิกฺขู เถรสฺส คุณกถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, ธมฺมเสนาปติ มหลฺลิกคหปตานึ ทุคฺคตภาวโต โมเจสิ, ปติฏฺา อโหสิ. ตาย ทินฺนมาหารํ อชิคุจฺฉนฺโต ปริภฺุชี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต อิทาเนว เอติสฺสา มหลฺลิกาย อวสฺสโย ชาโต, น จ อิทาเนว ตาย ทินฺนํ อาหารํ อชิคุจฺฉนฺโต ปริภฺุชติ, ปุพฺเพปิ ปริภฺุชิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อุตฺตราปเถ อสฺสวาณิชกุเล นิพฺพตฺติ. อุตฺตราปถชนปทโต ปฺจสตา อสฺสวาณิชา อสฺเส พาราณสึ อาเนตฺวา วิกฺกิณนฺติ. อฺตโรปิ อสฺสวาณิโช ปฺจอสฺสสตานิ อาทาย พาราณสิมคฺคํ ปฏิปชฺชิ. อนฺตรามคฺเค จ พาราณสิโต อวิทูเร เอโก นิคมคาโม อตฺถิ, ตตฺถ ปุพฺเพ มหาวิภโว เสฏฺิ อโหสิ. ตสฺส มหนฺตํ นิเวสนํ, ตํ ปน กุลํ อนุกฺกเมน ปริกฺขยํ คตํ, เอกาว มหลฺลิกา อวสิฏฺา, สา ตสฺมึ นิเวสเน วสติ. อถ โส อสฺสวาณิโช ตํ นิคมคามํ ปตฺวา ‘‘เวตนํ ทสฺสามี’’ติ ตสฺสา นิเวสเน นิวาสํ คณฺหิตฺวา อสฺเส เอกมนฺเต เปสิ. ตํทิวสเมวสฺส เอกิสฺสา อาชานียาวฬวาย คพฺภวุฏฺานํ อโหสิ. โส ทฺเว ตโย ทิวเส วสิตฺวา อสฺเส พลํ คาหาเปตฺวา ‘‘ราชานํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ อสฺเส อาทาย ปายาสิ. อถ นํ มหลฺลิกา ‘‘เคหเวตนํ เทหี’’ติ วตฺวา ‘‘สาธุ, อมฺม, เทมี’’ติ ¶ วุตฺเต ‘‘ตาต, เวตนํ เม ททมาโน อิมมฺปิ อสฺสโปตกํ เวตนโต ขณฺเฑตฺวา เทหี’’ติ อาห. วาณิโช ตถา กตฺวา ¶ ปกฺกามิ. สา ตสฺมึ อสฺสโปตเก ปุตฺตสิเนหํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา อวสฺสาวนฌามกภตฺตวิฆาสติณานิ ทตฺวา ตํ ปฏิชคฺคิ.
อถาปรภาเค โพธิสตฺโต ปฺจ อสฺสสตานิ อาทาย อาคจฺฉนฺโต ตสฺมึ เคเห นิวาสํ คณฺหิ. กุณฺฑกขาทกสฺส สินฺธวโปตกสฺส ิตฏฺานโต คนฺธํ ฆายิตฺวา เอกอสฺโสปิ เคหํ ปวิสิตุํ นาสกฺขิ. โพธิสตฺโต มหลฺลิกํ ปุจฺฉิ – ‘‘อมฺม, กจฺจิ อิมสฺมึ เคเห อสฺโส อตฺถี’’ติ ¶ . ‘‘ตาต, อฺโ อสฺโส นาม นตฺถิ, อหํ ปน ปุตฺตํ กตฺวา เอกํ อสฺสโปตกํ ปฏิชคฺคามิ, โส เอตฺถ อตฺถี’’ติ. ‘‘กหํ โส, อมฺมา’’ติ? ‘‘จริตุํ คโต, ตาตา’’ติ. ‘‘กาย เวลาย อาคมิสฺสติ, อมฺมา’’ติ? ‘‘สายนฺเห, ตาตา’’ติ. โพธิสตฺโต ตสฺส อาคมนํ ปฏิมาเนนฺโต อสฺเส พหิ เปตฺวาว นิสีทิ. สินฺธวโปตโกปิ วิจริตฺวา กาเลเยว อาคมิ. โพธิสตฺโต กุณฺฑกกุจฺฉิสินฺธวโปตกํ ทิสฺวา ลกฺขณานิ สมาเนตฺวา ‘‘อยํ สินฺธโว อนคฺโฆ, มหลฺลิกาย มูลํ ทตฺวา คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตสิ. สินฺธวโปตโกปิ เคหํ ปวิสิตฺวา อตฺตโน วสนฏฺาเนเยว ิโต. ตสฺมึ ขเณ เต อสฺสา เคหํ ปวิสิตุํ สกฺขึสุ.
โพธิสตฺโต ทฺวีหตีหํ วสิตฺวา อสฺเส สนฺตปฺเปตฺวา คจฺฉนฺโต ‘‘อมฺม, อิมํ อสฺสโปตกํ มูลํ คเหตฺวา มยฺหํ เทหี’’ติ อาห. ‘‘กึ วเทสิ, ตาต, ปุตฺตํ วิกฺกิณนฺตา นาม อตฺถี’’ติ. ‘‘อมฺม, ตฺวํ เอตํ กึ ขาทาเปตฺวา ปฏิชคฺคสี’’ติ? ‘‘โอทนกฺชิกฺจ ฌามกภตฺตฺจ วิฆาสติณฺจ ขาทาเปตฺวา กุณฺฑกยาคฺุจ ปาเยตฺวา ปฏิชคฺคามิ, ตาตา’’ติ. ‘‘อมฺม, อหํ เอตํ ลภิตฺวา ปิณฺฑรสโภชนํ โภเชสฺสามิ, ิตฏฺาเน ¶ เจลวิตานํ ปสาเรตฺวา อตฺถรณปิฏฺเ เปสฺสามี’’ติ. ‘‘ตาต, เอวํ สนฺเต มม ปุตฺโต จ สุขํ อนุภวตุ, ตํ คเหตฺวา คจฺฉา’’ติ. อถ โพธิสตฺโต ตสฺส จตุนฺนํ ปาทานํ นงฺคุฏฺสฺส มุขสฺส จ มูลํ เอเกกํ กตฺวา ฉ สหสฺสตฺถวิกาโย เปตฺวา มหลฺลิกํ นววตฺถํ นิวาสาเปตฺวา สินฺธวโปตกสฺส ปุรโต เปสิ. โส อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา มาตรํ โอโลเกตฺวา อสฺสูนิ ปวตฺเตสิ. สาปิ ตสฺส ปิฏฺึ ปริมชฺชิตฺวา อาห – ‘‘มยา ปุตฺตโปสาวนิกํ ลทฺธํ, ตฺวํ, ตาต, คจฺฉาหี’’ติ, ตทา โส อคมาสิ.
โพธิสตฺโต ปุนทิวเส อสฺสโปตกสฺส ปิณฺฑรสโภชนํ สชฺเชตฺวา ‘‘วีมํสิสฺสามิ ตาว นํ, ชานาติ นุ โข อตฺตโน พลํ, อุทาหุ น ชานาตี’’ติ โทณิยํ กุณฺฑกยาคุํ อากิราเปตฺวา ทาเปสิ. โส ‘‘นาหํ อิมํ โภชนํ ภฺุชิสฺสามี’’ติ ตํ ยาคุํ ปายิตุํ น อิจฺฉิ. โพธิสตฺโต ตสฺส วีมํสนวเสน ปมํ คาถมาห –
‘‘ภุตฺวา ¶ ติณปริฆาสํ, ภุตฺวา อาจามกุณฺฑกํ;
เอตํ เต โภชนํ อาสิ, กสฺมา ทานิ น ภฺุชสี’’ติ.
ตตฺถ ¶ ภุตฺวา ติณปริฆาสนฺติ ตฺวํ ปุพฺเพ มหลฺลิกาย ทินฺนํ เตสํ เตสํ ขาทิตาวเสสํ วิฆาสติณสงฺขาตํ ปริฆาสํ ภฺุชิตฺวา วฑฺฒิโต. ภุตฺวา อาจามกุณฺฑกนฺติ เอตฺถ อาจาโม วุจฺจติ โอทนาวเสสํ. กุณฺฑกนฺติ กุณฺฑกเมว. เอตฺจ ภฺุชิตฺวา วฑฺฒิโตสีติ ทีเปติ. เอตํ เตติ เอตํ ตว ปุพฺเพ โภชนํ อาสิ. กสฺมา ทานิ น ภฺุชสีติ มยาปิ เต ตเมว ทินฺนํ, ตฺวํ ตํ กสฺมา อิทานิ น ภฺุชสีติ.
ตํ สุตฺวา สินฺธวโปตโก อิตรา ทฺเว คาถา อโวจ –
‘‘ยตฺถ โปสํ น ชานนฺติ, ชาติยา วินเยน วา;
พหุ ตตฺถ มหาพฺรหฺเม, อปิ อาจามกุณฺฑกํ.
‘‘ตฺวฺจ โขมํ ปชานาสิ, ยาทิสายํ หยุตฺตโม;
ชานนฺโต ชานมาคมฺม, น เต ภกฺขามิ กุณฺฑก’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ ยตฺถาติ ยสฺมึ าเน. โปสนฺติ สตฺตํ. ชาติยา วินเยน วาติ ‘‘ชาติสมฺปนฺโน วา เอโส, น วา, อาจารยุตฺโต วา, น วา’’ติ เอวํ น ชานนฺติ. มหาพฺรหฺเมติ ครุกาลปเนน อาลปนฺโต อาห. ยาทิสายนฺติ ยาทิโส อยํ, อตฺตานํ สนฺธาย วทติ. ชานนฺโต ชานมาคมฺมาติ อหํ อตฺตโน พลํ ชานนฺโต ชานนฺตเมว ตํ อาคมฺม ปฏิจฺจ ตว สนฺติเก กุณฺฑกํ กึ ภฺุชิสฺสามิ. น หิ ตฺวํ กุณฺฑกํ โภชาเปตุกามตาย ฉ สหสฺสานิ ทตฺวา มํ คณฺหีติ.
ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ‘‘ตํ วีมํสนตฺถาย ตํ มยา กตํ, มา กุชฺฌี’’ติ ตํ สมสฺสาเสตฺวา สุโภชนํ โภเชตฺวา อาทาย ราชงฺคณํ คนฺตฺวา เอกสฺมึ ปสฺเส ปฺจ อสฺสสตานิ เปตฺวา เอกสฺมึ ปสฺเส วิจิตฺตสาณึ ปริกฺขิปิตฺวา เหฏฺา อตฺถรณํ ปตฺถริตฺวา อุปริ เจลวิตานํ พนฺธิตฺวา สินฺธวโปตกํ เปสิ.
ราชา อาคนฺตฺวา อสฺเส โอโลเกนฺโต ‘‘อยํ อสฺโส กสฺมา วิสุํ ปิโต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘มหาราช ¶ , อยํ สินฺธโว อิเม อสฺเส วิสุํ อกโต โมเจสฺสตี’’ติ สุตฺวา ‘‘โสภโน, โภ, สินฺธโว’’ติ ปุจฺฉิ. โพธิสตฺโต ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ วตฺวา ‘‘เตน หิสฺส ชวํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ ¶ วุตฺเต ตํ อสฺสํ กปฺเปตฺวา อภิรุหิตฺวา ‘‘ปสฺส, มหาราชา’’ติ มนุสฺเส อุสฺสาเรตฺวา ราชงฺคเณ อสฺสํ ปาเหสิ. สพฺพํ ราชงฺคณํ นิรนฺตรํ อสฺสปนฺตีหิ ปริกฺขิตฺตมิวาโหสิ. ปุน โพธิสตฺโต ‘‘ปสฺส, มหาราช, สินฺธวโปตกสฺส เวค’’นฺติ วิสฺสชฺเชสิ, เอกปุริโสปิ นํ น อทฺทส. ปุน รตฺถปฏํ อุทเร ปริกฺขิปิตฺวา วิสฺสชฺเชสิ, รตฺตปฏเมว ปสฺสึสุ. อถ นํ อนฺโตนคเร เอกิสฺสา อุยฺยานโปกฺขรณิยา อุทกปิฏฺเ วิสฺสชฺเชสิ, ตตฺถสฺส อุทกปิฏฺเ ธาวโต ขุรคฺคานิปิ น เตมึสุ. ปุนวารํ ปทุมินิปตฺตานํ อุปริ ¶ ธาวนฺโต เอกปณฺณมฺปิ น อุทเก โอสีทาเปสิ. เอวมสฺส ชวสมฺปนฺนํ ทสฺเสตฺวา โอรุยฺห ปาณึ ปหริตฺวา หตฺถตลํ อุปนาเมสิ, อสฺโส อุปคนฺตฺวา จตฺตาโร ปาเท เอกโต กตฺวา หตฺถตเล อฏฺาสิ. อถ มหาสตฺโต ราชานํ อาห – ‘‘มหาราช, อิมสฺส อสฺสโปตกสฺส สพฺพากาเรน เวเค ทสฺสิยมาเน สมุทฺทปริยนฺโต นปฺปโหตี’’ติ. ราชา ตุสฺสิตฺวา มหาสตฺตสฺส อุปฑฺฒรชฺชํ อทาสิ. สินฺธวโปตกมฺปิ อภิสิฺจิตฺวา มงฺคลอสฺสํ อกาสิ.
โส รฺโ ปิโย อโหสิ มนาโป, สกฺกาโรปิสฺส มหา อโหสิ. ตสฺส หิ วสนฏฺานํ รฺโ อลงฺกตปฏิยตฺโต วาสฆรคพฺโภ วิย อโหสิ, จตุชาติคนฺเธหิ ภูมิเลปนํ อกํสุ, คนฺธทามมาลาทามานิ โอสารยึสุ, อุปริ สุวณฺณตารกขจิตํ เจลวิตานํ อโหสิ, สมนฺตโต จิตฺรสาณิ ปริกฺขิตฺตา อโหสิ, นิจฺจํ คนฺธเตลปทีปา ฌายึสุ, อุจฺจารปสฺสาวฏฺาเนปิสฺส สุวณฺณกฏาหํ ปยึสุ, นิจฺจํ ราชารหโภชนเมว ภฺุชิ. ตสฺส ปน อาคตกาลโต ปฏฺาย รฺโ สกลชมฺพุทีเป รชฺชํ หตฺถคตเมว อโหสิ. ราชา โพธิสตฺตสฺส โอวาเท ตฺวา ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา สคฺคปรายโณ อโหสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน พหู โสตาปนฺนา สกทาคามิโน อนาคามิโน อรหนฺโต จ อเหสุํ. ‘‘ตทา มหลฺลิกา อยเมว มหลฺลิกา อโหสิ, สินฺธโว สาริปุตฺโต, ราชา อานนฺโท, อสฺสวาณิชฺโช ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
กุณฺฑกกุจฺฉิสินฺธวชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.
[๒๕๕] ๕. สุกชาตกวณฺณนา
ยาว ¶ ¶ โส มตฺตมฺาสีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อติพหุํ ภฺุชิตฺวา อชีรเณน กาลกตํ ภิกฺขุํ อารพฺภ ¶ กเถสิ. ตสฺมึ กิร เอวํ กาลกเต ธมฺมสภายํ ภิกฺขู ตสฺส อคุณกถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อสุโก นาม ภิกฺขุ อตฺตโน กุจฺฉิปฺปมาณํ อชานิตฺวา อติพหุํ ภฺุชิตฺวา ชีราเปตุํ อสกฺโกนฺโต กาลกโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส อติโภชนปจฺจเยเนว มโต’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต หิมวนฺตปเทเส สุกโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา อเนกานํ สุกสหสฺสานํ สมุทฺทานุคเต หิมวนฺตปเทเส วสนฺตานํ ราชา อโหสิ. ตสฺเสโก ปุตฺโต อโหสิ, ตสฺมึ พลปฺปตฺเต โพธิสตฺโต ทุพฺพลจกฺขุโก อโหสิ. สุกานํ กิร สีโฆ เวโค โหติ, เตน เตสํ มหลฺลกกาเล ปมํ จกฺขุเมว ทุพฺพลํ โหติ. โพธิสตฺตสฺส ปุตฺโต มาตาปิตโร กุลาวเก เปตฺวา โคจรํ อาหริตฺวา โปเสสิ. โส เอกทิวสํ โคจรภูมึ คนฺตฺวา ปพฺพตมตฺถเก ิโต สมุทฺทํ โอโลเกนฺโต เอกํ ทีปกํ ปสฺสิ. ตสฺมึ ปน สุวณฺณวณฺณํ มธุรผลํ อมฺพวนํ อตฺถิ. โส ปุนทิวเส โคจรเวลาย อุปฺปติตฺวา ตสฺมึ อมฺพวเน โอตริตฺวา อมฺพรสํ ปิวิตฺวา อมฺพปกฺกํ อาทาย อาคนฺตฺวา มาตาปิตูนํ อทาสิ. โพธิสตฺโต ตํ ขาทนฺโต รสํ สฺชานิตฺวา ‘‘ตาต, นนุ อิมํ อสุกทีปเก อมฺพปกฺก’’นฺติ วตฺวา ‘‘อาม, ตาตา’’ติ วุตฺเต ‘‘ตาต, เอตํ ทีปกํ คจฺฉนฺตา นาม สุกา ทีฆมายุํ ปาเลนฺตา นาม นตฺถิ, มา โข ตฺวํ ปุน ตํ ทีปกํ อคมาสี’’ติ อาห. โส ตสฺส วจนํ อคฺคเหตฺวา อคมาสิเยว.
อเถกทิวสํ พหุํ อมฺพรสํ ปิวิตฺวา มาตาปิตูนํ อตฺถาย อมฺพปกฺกํ อาทาย สมุทฺทมตฺถเกนาคจฺฉนฺโต ¶ อติธาตตาย กิลนฺตกาโย นิทฺทายาภิภูโต, โส นิทฺทายนฺโตปิ อาคจฺฉเตว, ตุณฺเฑน ปนสฺส คหิตํ อมฺพปกฺกํ ปติ. โส อนุกฺกเมน อาคมนวีถึ ชหิตฺวา โอสีทนฺโต อุทกปิฏฺเเนว อาคจฺฉนฺโต อุทเก ปติ. อถ นํ เอโก มจฺโฉ คเหตฺวา ¶ ขาทิ. โพธิสตฺโต ตสฺมึ อาคมนเวลาย อนาคจฺฉนฺเตเยว ‘‘สมุทฺเท ปติตฺวา มโต ภวิสฺสตี’’ติ อฺาสิ. อถสฺส มาตาปิตโรปิ อาหารํ อลภมานา สุสฺสิตฺวา มรึสุ.
สตฺถา ¶ อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘ยาว โส มตฺตมฺาสิ, โภชนสฺมึ วิหงฺคโม;
ตาว อทฺธานมาปาทิ, มาตรฺจ อโปสยิ.
‘‘ยโต จ โข พหุตรํ, โภชนํ อชฺฌวาหริ;
ตโต ตตฺเถว สํสีทิ, อมตฺตฺู หิ โส อหุ.
‘‘ตสฺมา มตฺตฺุตา สาธุ, โภชนสฺมึ อคิทฺธตา;
อมตฺตฺู หิ สีทนฺติ, มตฺตฺู จ น สีทเร’’ติ.
ตตฺถ ยาว โสติ ยาว โส วิหงฺคโม โภชเน มตฺตมฺาสิ. ตาว อทฺธานมาปาทีติ ตตฺถกํ กาลํ ชีวิตอทฺธานํ อาปาทิ, อายุํ วินฺทิ. มาตรฺจาติ เทสนาสีสเมตํ, มาตาปิตโร จ อโปสยีติ อตฺโถ. ยโต จ โขติ ยสฺมิฺจ โข กาเล. โภชนํ อชฺฌวาหรีติ อมฺพรสํ อชฺโฌหริ. ตโตติ ตสฺมึ กาเล. ตตฺเถว สํสีทีติ ตสฺมึ สมุทฺเทเยว โอสีทิ นิมุชฺชิ, มจฺฉโภชนตํ อาปชฺชิ.
ตสฺมา มตฺตฺุตา สาธูติ ยสฺมา โภชเน อมตฺตฺู สุโก สมุทฺเท โอสีทิตฺวา มโต, ตสฺมา โภชนสฺมึ อคิทฺธิตาสงฺขาโต มตฺตฺุภาโว สาธุ, ปมาณชานนํ สุนฺทรนฺติ อตฺโถ. อถ วา ‘‘ปฏิสงฺขา โยนิโส อาหารํ อาหาเรติ, เนว ทวาย น มทาย…เป… ผาสุวิหาโร จา’’ติ.
‘‘อลฺลํ สุกฺขฺจ ภฺุชนฺโต, น พาฬฺหํ สุหิโต สิยา;
อูนุทโร มิตาหาโร, สโต ภิกฺขุ ปริพฺพเช.
‘‘จตฺตาโร ¶ ปฺจ อาโลเป, อภุตฺวา อุทกํ ปิเว;
อลํ ผาสุวิหาราย, ปหิตตฺตสฺส ภิกฺขุโน. (เถรคา. ๙๘๒-๙๘๓);
‘‘มนุชสฺส ¶ ¶ สทา สตีมโต, มตฺตํ ชานโต ลทฺธโภชเน;
ตนู ตสฺส ภวนฺติ เวทนา, สณิกํ ชีรติ อายุํ ปาลย’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๑๒๔) –
เอวํ วณฺณิตา มตฺตฺุตาปิ สาธุ.
‘‘กนฺตาเร ปุตฺตมํสํว, อกฺขสฺสพฺภฺชนํ ยถา;
เอวํ อาหริ อาหรํ, ยาปนตฺถมมุจฺฉิโต’’ติ. (วิสุทฺธิ. ๑.๑๙) –
เอวํ วณฺณิตา อคิทฺธิตาปิ สาธุ. ปาฬิยํ ปน ‘‘อคิทฺธิมา’’ติ ลิขิตํ, ตโต อยํ อฏฺกถาปาโว สุนฺทรตโร. อมตฺตฺู หิ สีทนฺตีติ โภชเน ปมาณํ อชานนฺตา หิ รสตณฺหาวเสน ปาปกมฺมํ กตฺวา จตูสุ อปาเยสุ สีทนฺติ. มตฺตฺู จ น สีทเรติ เย ปน โภชเน ปมาณํ ชานนฺติ, เต ทิฏฺธมฺเมปิ สมฺปราเยปิ น สีทนฺตีติ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน พหู โสตาปนฺนาปิ สกทาคามิโนปิ อนาคามิโนปิ อรหนฺโตปิ อเหสุํ. ‘‘ตทา สุกราชปุตฺโต โภชเน อมตฺตฺู ภิกฺขุ อโหสิ, สุกราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สุกชาตกวณฺณนา ปฺจมา.
[๒๕๖] ๖. ชรูทปานชาตกวณฺณนา
ชรูทปานํ ขณมานาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สาวตฺถิวาสิโน วาณิเช อารพฺภ กเถสิ. เต กิร สาวตฺถิยํ ภณฺฑํ คเหตฺวา สกฏานิ ปูเรตฺวา โวหารตฺถาย คมนกาเล ตถาคตํ นิมนฺเตตฺวา สรณานิ คเหตฺวา สีเลสุ ปติฏฺาย สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ‘‘มยํ, ภนฺเต, โวหารตฺถาย ทีฆมคฺคํ คมิสฺสาม, ภณฺฑํ วิสฺสชฺเชตฺวา สิทฺธิปฺปตฺตา โสตฺถินา ปจฺจาคนฺตฺวา ปน ตุมฺเห วนฺทิสฺสามา’’ติ วตฺวา มคฺคํ ปฏิปชฺชึสุ. เต กนฺตารมคฺเค ปุราณอุทปานํ ทิสฺวา ‘‘อิมสฺมึ อุทปาเน ปานียํ นตฺถิ, มยฺจ ปิปาสิตา, ขณิสฺสาม น’’นฺติ ขณนฺตา ปฏิปาฏิยา พหุํ ¶ อยํ…เป… เวฬุริยํ ลภึสุ. เต เตเนว สนฺตุฏฺา หุตฺวา เตสํ รตนานํ สกฏานิ ¶ ปูเรตฺวา โสตฺถินา ¶ สาวตฺถึ ปจฺจาคมึสุ. เต อาภตํ ธนํ ปฏิสาเมตฺวา มยํ ‘‘สิทฺธิปฺปตฺตา ภตฺตํ ทสฺสามา’’ติ ตถาคตํ นิมนฺเตตฺวา ทานํ ทตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนา อตฺตโน ธนสฺส ลทฺธาการํ สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘ตุมฺเห โข อุปาสกา เตน ธเนน สนฺตุฏฺา หุตฺวา ปมาณฺุตาย ธนฺจ ชีวิตฺจ อลภิตฺถ, โปราณกา ปน อสนฺตุฏฺา อมตฺตฺุโน ปณฺฑิตานํ วจนํ อกตฺวา ชีวิกฺขยํ ปตฺตา’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พาราณสิยํ วาณิชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต สตฺถวาหเชฏฺโก อโหสิ. โส พาราณสิยํ ภณฺฑํ คเหตฺวา สกฏานิ ปูเรตฺวา พหู วาณิเช อาทาย ตเมว กนฺตารํ ปฏิปนฺโน ตเมว อุทปานํ อทฺทส. ตตฺถ เต วาณิชา ‘‘ปานียํ ปิวิสฺสามา’’ติ ตํ อุทปานํ ขณนฺตา ปฏิปาฏิยา พหูนิ อยาทีนิ ลภึสุ. เต พหุมฺปิ รตนํ ลภิตฺวา เตน อสนฺตุฏฺา ‘‘อฺมฺปิ เอตฺถ อิโต สุนฺทรตรํ ภวิสฺสตี’’ติ ภิยฺโยโสมตฺตาย ตํ ขณึสุเยว. อถ โพธิสตฺโต เต อาห – ‘‘โภ วาณิชา, โลโภ นาเมส วินาสมูลํ, อมฺเหหิ พหุ ธนํ ลทฺธํ, เอตฺตเกเนว สนฺตุฏฺา โหถ, มา อติขณถา’’ติ. เต เตน นิวาริยมานาปิ ขณึสุเยว. โส จ อุทปาโน นาคปริคฺคหิโต, อถสฺส เหฏฺา วสนกนาคราชา อตฺตโน วิมาเน ภิชฺชนฺเต เลฑฺฑูสู จ ปํสูสุ จ ปตมาเนสุ กุทฺโธ เปตฺวา โพธิสตฺตํ อวเสเส สพฺเพปิ นาสิกวาเตน ปหริตฺวา ชีวิตกฺขยํ ¶ ปาเปตฺวา นาคภวนา นิกฺขมฺม สกฏานิ โยเชตฺวา สพฺพรตนานํ ปูเรตฺวา โพธิสตฺตํ สุขยานเก นิสีทาเปตฺวา นาคมาณวเกหิ สทฺธึ สกฏานิ โยชาเปนฺโต โพธิสตฺตํ พาราณสึ เนตฺวา ฆรํ ปเวเสตฺวา ตํ ปฏิสาเมตฺวา อตฺตโน นาคภวนเมว คโต. โพธิสตฺโต ตํ ธนํ วิสฺสชฺเชตฺวา สกลชมฺพุทีปํ อุนฺนงฺคลํ กตฺวา ทานํ ทตฺวา สีลํ สมาทิยิตฺวา อุโปสถกมฺมํ กตฺวา ชีวิตปริโยสาเน สคฺคปุรํ ปูเรสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘ชรูทปานํ ¶ ขณมานา, วาณิชา อุทกตฺถิกา;
อชฺฌคมุํ อยสํ โลหํ, ติปุสีสฺจ วาณิชา;
รชตํ ชาตรูปฺจ, มุตฺตา เวฬุริยา พหู.
‘‘เต จ เตน อสนฺตุฏฺา, ภิยฺโย ภิยฺโย อขาณิสุํ;
เต ตตฺถาสีวิโส โฆโร, เตชสฺสี เตชสา หนิ.
‘‘ตสฺมา ¶ ขเณ นาติขเณ, อติขาตฺหิ ปาปกํ;
ขาเตน จ ธนํ ลทฺธํ, อติขาเตน นาสิต’’นฺติ.
ตตฺถ อยสนฺติ กาฬโลหํ. โลหนฺติ ตมฺพโลหํ. มุตฺตาติ มุตฺตาโย. เต จ เตน อสนฺตุฏฺาติ เต จ วาณิชา เตน ธเนน อสนฺตุฏฺา. เต ตตฺถาติ เต วาณิชา ตสฺมึ อุทปาเน. เตชสฺสีติ วิสเตเชน สมนฺนาคโต. เตชสา หนีติ วิสเตเชน ฆาเตสิ. อติขาเตน นาสิตนฺติ อติขเณน ตฺจ ธนํ ชีวิตฺจ นาสิตํ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา นาคราชา สาริปุตฺโต อโหสิ, สตฺถวาหเชฏฺโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ชรูทปานชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.
[๒๕๗] ๗. คามณิจนฺทชาตกวณฺณนา
นายํ ¶ ฆรานํ กุสโลติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฺาปสํสนํ อารพฺภ กเถสิ. ธมฺมสภายฺหิ ภิกฺขู ทสพลสฺส ปฺํ ปสํสนฺตา นิสีทึสุ – ‘‘อาวุโส, ตถาคโต มหาปฺโ ปุถุปฺโ หาสปฺโ ชวนปฺโ ติกฺขปฺโ นิพฺเพธิกปฺโ สเทวกํ โลกํ ปฺาย อติกฺกมตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ ตถาคโต ปฺวาเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ ชนสนฺโธ นาม ราชา รชฺชํ กาเรสิ. โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ. ตสฺส มุขํ สุปริมชฺชิตกฺจนาทาสตลํ ¶ วิย ปริสุทฺธํ อโหสิ อติโสภคฺคปฺปตฺตํ, เตนสฺส นามคฺคหณทิวเส ‘‘อาทาสมุขมาโร’’ติ นามํ อกํสุ. ตํ สตฺตวสฺสพฺภนฺตเรเยว ปน ปิตา ตโย เวเท จ สพฺพฺจ โลเก กตฺตพฺพากตฺตพฺพํ สิกฺขาเปตฺวา ตสฺส สตฺตวสฺสิกกาเล กาลมกาสิ. อมจฺจา มหนฺเตน สกฺกาเรน รฺโ สรีรกิจฺจํ กตฺวา มตกทานํ ทตฺวา สตฺตเม ทิวเส ราชงฺคเณ สนฺนิปติตฺวา ‘‘กุมาโร อติทหโร, น สกฺกา รชฺเช อภิสิฺจิตุํ, วีมํสิตฺวา นํ อภิสิฺจิสฺสามา’’ติ เอกทิวสํ นครํ อลงฺการาเปตฺวา วินิจฺฉยฏฺานํ ¶ สชฺเชตฺวา ปลฺลงฺกํ ปฺเปตฺวา กุมารสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘วินิจฺฉยฏฺานํ, เทว, คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ อาหํสุ. กุมาโร ‘‘สาธู’’ติ มหนฺเตน ปริวาเรน คนฺตฺวา ปลฺลงฺเก นิสีทิ.
ตสฺส นิสินฺนกาเล อมจฺจา เอกํ ทฺวีหิ ปาเทหิ วิจรณมกฺกฏํ วตฺถุวิชฺชาจริยเวสํ คาหาเปตฺวา วินิจฺฉยฏฺานํ เนตฺวา ‘‘เทว, อยํ ปุริโส ปิตุ มหาราชสฺส กาเล วตฺถุวิชฺชาจริโย ปคุณวิชฺโช อนฺโตภูมิยํ สตฺตรตนฏฺาเน ¶ คุณโทสํ ปสฺสติ, เอเตเนว คหิตํ ราชกุลานํ เคหฏฺานํ โหติ, อิมํ เทโว สงฺคณฺหิตฺวา านนฺตเร เปตู’’ติ อาหํสุ. กุมาโร ตํ เหฏฺา จ อุปริจ โอโลเกตฺวา ‘‘นายํ มนุสฺโส, มกฺกโฏ เอโส’’ติ ตฺวา ‘‘มกฺกฏา นาม กตํ กตํ วิทฺธํเสตุํ ชานนฺติ, อกตํ ปน กาตุํ วา วิจาเรตุํ วา น ชานนฺตี’’ติ จินฺเตตฺวา อมจฺจานํ ปมํ คาถมาห –
‘‘นายํ ฆรานํ กุสโล, โลโล อยํ วลีมุโข;
กตํ กตํ โข ทูเสยฺย, เอวํ ธมฺมมิทํ กุล’’นฺติ.
ตตฺถ นายํ ฆรานํ กุสโลติ อยํ สตฺโต น ฆรานํ กุสโล, ฆรานิ วิจาเรตุํ วา กาตุํ วา เฉโก น โหติ. โลโลติ โลลชาติโก. วลีมุโขติ วลิโย มุเข อสฺสาติ วลีมุโข. เอวํ ธมฺมมิทํกุลนฺติ อิทํ มกฺกฏกุลํ นาม กตํ กตํ ทูเสตพฺพํ วินาเสตพฺพนฺติ เอวํ สภาวนฺติ.
อถามจฺจา ‘‘เอวํ ภวิสฺสติ, เทวา’’ติ ตํ อปเนตฺวา เอกาหทฺวีหจฺจเยน ปุน ตเมว อลงฺกริตฺวา วินิจฺฉยฏฺานํ อาเนตฺวา ‘‘อยํ, เทว, ปิตุ มหาราชสฺส กาเล วินิจฺฉยามจฺโจ, วินิจฺฉยสุตฺตมสฺส สุปวตฺติตํ, อิมํ ¶ สงฺคณฺหิตฺวา วินิจฺฉยกมฺมํ กาเรตุํ วฏฺฏตี’’ติ อาหํสุ. กุมาโร ตํ โอโลเกตฺวา ‘‘จิตฺตวโต มนุสฺสสฺส โลมํ นาม เอวรูปํ น โหติ, อยํ นิจิตฺตโก วานโร วินิจฺฉยกมฺมํ กาตุํ น สกฺขิสฺสตี’’ติ ตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘นยิทํ จิตฺตวโต โลมํ, นายํ อสฺสาสิโก มิโค;
สิฏฺํ เม ชนสนฺเธน, นายํ กิฺจิ วิชานตี’’ติ.
ตตฺถ นยิทํ จิตฺตวโต โลมนฺติ ยํ อิทํ เอตสฺส สรีเร ผรุสโลมํ, อิทํ วิจารณปฺาย สมฺปยุตฺตจิตฺตวโต น โหติ. ปากติกจิตฺเตน ปน อจิตฺตโก นาม ติรจฺฉานคโต นตฺถิ. นายํ ¶ อสฺสาสิโกติ อยํ อวสฺสโย วา หุตฺวา อนุสาสนึ วา ทตฺวา อฺํ อสฺสาเสตุํ อสมตฺถตาย น อสฺสาสิโก. มิโคติ ¶ มกฺกฏํ อาห. สิฏฺํ เม ชนสนฺเธนาติ มยฺหํ ปิตรา ชนสนฺเธน เอตํ สิฏฺํ กถิตํ, ‘‘มกฺกโฏ นาม การณาการณํ น ชานาตี’’ติ เอวํ อนุสาสนี ทินฺนาติ ทีเปติ. นายํ กิฺจิ วิชานตีติ ตสฺมา อยํ วานโร น กิฺจิ ชานาตีติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ. ปาฬิยํ ปน ‘‘นายํ กิฺจิ น ทูสเย’’ติ ลิขิตํ, ตํ อฏฺกถายํ นตฺถิ.
อมจฺจา อิมมฺปิ คาถํ สุตฺวา ‘‘เอวํ ภวิสฺสติ, เทวา’’ติ ตํ อปเนตฺวา ปุนปิ เอกทิวสํ ตเมว อลงฺกริตฺวา วินิจฺฉยฏฺานํ อาเนตฺวา ‘‘อยํ, เทว, ปุริโส ปิตุ มหาราชสฺส กาเล มาตาปิตุอุปฏฺานการโก, กุเลเชฏฺาปจายิกกมฺมการโก, อิมํ สงฺคณฺหิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อาหํสุ. กุมาโร ตํ โอโลเกตฺวา ‘‘มกฺกฏา นาม จลจิตฺตา, เอวรูปํ กมฺมํ กาตุํ น สมตฺถา’’ติ จินฺเตตฺวา ตติยํ คาถมาห –
‘‘น มาตรํ ปิตรํ วา, ภาตรํ ภคินึ สกํ;
ภเรยฺย ตาทิโส โปโส, สิฏฺํ ทสรเถน เม’’ติ.
ตตฺถ ภาตรํ ภคินึ สกนฺติ อตฺตโน ภาตรํ วา ภคินึ วา. ปาฬิยํ ปน ‘‘สข’’นฺติ ลิขิตํ, ตํ ปน อฏฺกถายํ ‘‘สกนฺติ วุตฺเต สกภาติกภคินิโย ลพฺภนฺติ, สขนฺติ วุตฺเต สหายโก ลพฺภตี’’ติ วิจาริตเมว. ภเรยฺยาติ โปเสยฺย. ตาทิโส โปโสติ ยาทิโส เอส ทิสฺสติ, ตาทิโส มกฺกฏชาติโก สตฺโต น ภเรยฺย. สิฏฺํ ทสรเถน เมติ ¶ เอวํ เม ปิตรา อนุสิฏฺํ. ปิตา หิสฺส ชนํ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ สนฺทหนโต ‘‘ชนสนฺโธ’’ติ วุจฺจติ, ทสหิ รเถหิ กตฺตพฺพากตฺตพฺพํ อตฺตโน เอเกเนว รเถน กรณโต ‘‘ทสรโถ’’ติ. ตสฺส สนฺติกา เอวรูปสฺส โอวาทสฺส สุตตฺตา เอวมาห.
อมจฺจา ‘‘เอวํ ภวิสฺสติ, เทวา’’ติ มกฺกฏํ อปเนตฺวา ‘‘ปณฺฑิโต กุมาโร, สกฺขิสฺสติ รชฺชํ กาเรตุ’’นฺติ โพธิสตฺตํ รชฺเช ¶ อภิสิฺจิตฺวา ‘‘อาทาสมุขรฺโ อาณา’’ติ นคเร เภรึ จราเปสุํ. ตโต ปฏฺาย โพธิสตฺโต ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ, ปณฺฑิตภาโวปิสฺส สกลชมฺพุทีปํ ปตฺถริตฺวา คโต.
ปณฺฑิตภาวทีปนตฺถํ ปนสฺส อิมานิ จุทฺทส วตฺถูนิ อาภตานิ –
‘‘โคโณ ¶ ปุตฺโต หโย เจว, นฬกาโร คามโภชโก;
คณิกา ตรุณี สปฺโป, มิโค ติตฺติรเทวตา;
นาโค ตปสฺสิโน เจว, อโถ พฺราหฺมณมาณโว’’ติ.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพีกถา – โพธิสตฺตสฺมิฺหิ รชฺเช อภิสิฺจิเต เอโก ชนสนฺธรฺโ ปาทมูลิโก นาเมน คามณิจนฺโท นาม เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘อิทํ รชฺชํ นาม สมานวเยหิ สทฺธึ โสภติ, อหฺจ มหลฺลโก, ทหรํ กุมารํ อุปฏฺาตุํ น สกฺขิสฺสามิ, ชนปเท กสิกมฺมํ กตฺวา ชีวิสฺสามี’’ติ, โส นครโต ติโยชนมตฺตํ คนฺตฺวา เอกสฺมึ คามเก วาสํ กปฺเปสิ. กสิกมฺมตฺถาย ปนสฺส โคณาปิ นตฺถิ, โส เทเว วุฏฺเ เอกํ สหายกํ ทฺเว โคเณ ยาจิตฺวา สพฺพทิวสํ กสิตฺวา ติณํ ขาทาเปตฺวา โคเณ สามิกสฺส นิยฺยาเทตุํ เคหํ อคมาสิ. โส ตสฺมึ ขเณ ภริยาย สทฺธึ เคหมชฺเฌ นิสีทิตฺวา ภตฺตํ ภฺุชติ. โคณาปิ ปริจเยน เคหํ ปวิสึสุ, เตสุ ปวิสนฺเตสุ สามิโก ถาลกํ อุกฺขิปิ, ภริยา ถาลกํ อปเนสิ. คามณิจนฺโท ‘‘ภตฺเตน มํ นิมนฺเตยฺยุ’’นฺติ โอโลเกนฺโต โคเณ อนิยฺยาเทตฺวาว คโต. โจรา รตฺตึ วชํ ภินฺทิตฺวา เตเยว โคเณ หรึสุ. โคณสามิโก ปาโตว วชํ ปวิฏฺโ เต โคเณ อทิสฺวา โจเรหิ หฏภาวํ ชานนฺโตปิ ‘‘คามณิจนฺทสฺส คีวํ กริสฺสามี’’ติ ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ¶ ‘‘โภ โคเณ, เม เทหี’’ติ อาห. ‘‘นนุ โคณา เคหํ ปวิฏฺา’’ติ. ‘‘กึ ปน เต มยฺหํ นิยฺยาทิตา’’ติ? ‘‘น นิยฺยาทิตา’’ติ. ‘‘เตน หิ อยํ เต ราชทูโต, เอหี’’ติ ¶ อาห. เตสุ หิ ชนปเทสุ ยํกิฺจิ สกฺขรํ วา กปาลขณฺฑํ วา อุกฺขิปิตฺวา ‘‘อยํ เต ราชทูโต, เอหี’’ติ วุตฺเต โย น คจฺฉติ, ตสฺส ราชาณํ กโรติ, ตสฺมา โส ‘‘ราชทูโต’’ติ สุตฺวาว นิกฺขมิ.
โส เตน สทฺธึ ราชกุลํ คจฺฉนฺโต เอกํ สหายกสฺส วสนคามํ ปตฺวา ‘‘โภ, อติฉาโตมฺหิ, ยาว คามํ ปวิสิตฺวา อาหารกิจฺจํ กตฺวา อาคจฺฉามิ, ตาว อิเธว โหหี’’ติ วตฺวา สหายเคหํ ปาวิสิ. สหาโย ปนสฺส เคเห นตฺถิ, สหายิกา ทิสฺวา ‘‘สามิ, ปกฺกาหาโร นตฺถิ, มุหุตฺตํ อธิวาเสหิ, อิทาเนว ปจิตฺวา ทสฺสามี’’ติ นิสฺเสณิยา เวเคน ตณฺฑุลโกฏฺกํ อภิรุหนฺตี ภูมิยํ ปติ, ตงฺขณฺเว ตสฺสา สตฺตมาสิโก คพฺโภ ปติโต. ตสฺมึ ขเณ ตสฺสา สามิโก อาคนฺตฺวา ตํ ทิสฺวา ‘‘ตฺวํ เม ภริยํ ปหริตฺวา คพฺภํ ปาเตสิ, อยํ เต ราชทูโต, เอหี’’ติ ตํ คเหตฺวา นิกฺขมิ. ตโต ปฏฺาย ทฺเว ชนา คามณึ มชฺเฌ กตฺวา คจฺฉนฺติ.
อเถกสฺมึ คามทฺวาเร เอโก อสฺสโคปโก อสฺสํ นิวตฺเตตุํ น สกฺโกติ, อสฺโสปิ เตสํ สนฺติเกน ¶ คจฺฉติ. อสฺสโคปโก คามณิจนฺทํ ทิสฺวา ‘‘มาตุล คามณิจนฺท, เอตํ ตาว อสฺสํ เกนจิเทว ปหริตฺวา นิวตฺเตหี’’ติ อาห. โส เอกํ ปาสาณํ คเหตฺวา ขิปิ, ปาสาโณ อสฺสสฺส ปาเท ปหริตฺวา เอรณฺฑทณฺฑกํ วิย ภินฺทิ. อถ นํ อสฺสโคปโก ‘‘ตยา เม อสฺสสฺส ปาโท ภินฺโน, อยํ เต ราชทูโต’’ติ วตฺวา คณฺหิ.
โส ตีหิ ชเนหิ นียมาโน จินฺเตสิ – ‘‘อิเม มํ รฺโ ทสฺเสสฺสนฺติ, อหํ โคณมูลมฺปิ ¶ ทาตุํ น สกฺโกมิ, ปเคว คพฺภปาตนทณฺฑํ, อสฺสมูลํ ปน กุโต ลภิสฺสามิ, มตํ เม เสยฺโย’’ติ. โส คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค อฏวิยํ มคฺคสมีเปเยว เอกํ เอกโต ปปาตํ ปพฺพตํ อทฺทส, ตสฺส ฉายาย ทฺเว ปิตาปุตฺตา นฬการา เอกโต กิลฺชํ จินนฺติ. คามณิจนฺโท ‘‘โภ, สรีรกิจฺจํ กาตุกาโมมฺหิ, โถกํ อิเธว โหถ, ยาว อาคจฺฉามี’’ติ วตฺวา ปพฺพตํ อภิรุหิตฺวา ปปาตปสฺเส ปตมาโน ปิตุนฬการสฺส ปิฏฺิยํ ปติ, นฬกาโร เอกปฺปหาเรเนว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิ. คามณิ อุฏฺาย อฏฺาสิ. นฬการปุตฺโต ‘‘ตฺวํ เม ปิตุฆาตกโจโร, อยํ เต ราชทูโต’’ติ วตฺวา ตํ หตฺเถ คเหตฺวา คุมฺพโต นิกฺขมิ ¶ , ‘‘กึ เอต’’นฺติ จ วุตฺเต ‘‘ปิตุฆาตกโจโร เม’’ติ อาห. ตโต ปฏฺาย คามณึ มชฺเฌ กตฺวา จตฺตาโร ชนา ปริวาเรตฺวา นยึสุ.
อถาปรสฺมึ คามทฺวาเร เอโก คามโภชโก คามณิจนฺทํ ทิสฺวา ‘‘มาตุล คามณิจนฺท, กหํ คจฺฉสี’’ติ วตฺวา ‘‘ราชานํ ปสฺสิตุ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อทฺธา ตฺวํ ราชานํ ปสฺสิสฺสสิ, อหํ รฺโ สาสนํ ทาตุกาโม, หริสฺสสี’’ติ อาห. ‘‘อาม, หริสฺสามี’’ติ. ‘‘อหํ ปกติยา อภิรูโป ธนวา ยสสมฺปนฺโน อโรโค, อิทานิ ปนมฺหิ ทุคฺคโต เจว ปณฺฑุโรคี จ, ตตฺถ กึ การณนฺติ ราชานํ ปุจฺฉ, ราชา กิร ปณฺฑิโต, โส เต กเถสฺสติ, ตสฺส สาสนํ ปุน มยฺหํ กเถยฺยาสี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ.
อถ นํ ปุรโต อฺตรสฺมึ คามทฺวาเร เอกา คณิกา ทิสฺวา ‘‘มาตุล คามณิจนฺท, กหํ คจฺฉสี’’ติ วตฺวา ‘‘ราชานํ ปสฺสิตุ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘ราชา กิร ปณฺฑิโต, มม สาสนํ หรา’’ติ ¶ วตฺวา เอวมาห – ‘‘ปุพฺเพ อหํ พหุํ ภตึ ลภามิ, อิทานิ ปน ตมฺพุลมตฺตมฺปิ น ลภามิ, โกจิ เม สนฺติกํ อาคโต นาม นตฺถิ, ตตฺถ กึ การณนฺติ ราชานํ ปุจฺฉิตฺวา ปจฺจาคนฺตฺวา มยฺหํ กเถยฺยาสี’’ติ.
อถ นํ ปุรโต อฺตรสฺมึ คามทฺวาเร เอกา ตรุณิตฺถี ทิสฺวา ตเถว ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อหํ เนว ¶ สามิกสฺส เคเห วสิตุํ สกฺโกมิ, น กุลเคเห, ตตฺถ กึ การณนฺติ ราชานํ ปุจฺฉิตฺวา ปจฺจาคนฺตฺวา มยฺหํ กเถยฺยาสี’’ติ อาห.
อถ นํ ตโต ปรภาเค มหามคฺคสมีเป เอกสฺมึ วมฺมิเก วสนฺโต สปฺโป ทิสฺวา ‘‘คามณิจนฺท, กหํ ยาสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ราชานํ ปสฺสิตุ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘ราชา กิร ปณฺฑิโต, สาสนํ เม หรา’’ติ วตฺวา ‘‘อหํ โคจรตฺถาย คมนกาเล ฉาตชฺฌตฺโต มิลาตสรีโร วมฺมิกโต นิกฺขมนฺโต สรีเรน พิลํ ปูเรตฺวา สรีรํ กฑฺเฒนฺโต กิจฺเฉน นิกฺขมามิ, โคจรํ จริตฺวา อาคโต ปน สุหิโต ถูลสรีโร หุตฺวา ปวิสนฺโต พิลปสฺสานิ อผุสนฺโต สหสาว ปวิสามิ, ตตฺถ กึ การณนฺติ ราชานํ ปุจฺฉิตฺวา มยฺหํ กเถยฺยาสี’’ติ อาห.
อถ ¶ นํ ปุรโต เอโก มิโค ทิสฺวา ตเถว ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อหํ อฺตฺถ ติณํ ขาทิตุํ น สกฺโกมิ, เอกสฺมึเยว รุกฺขมูเล สกฺโกมิ, ตตฺถ กึ การณนฺติ ราชานํ ปุจฺเฉยฺยาสี’’ติ อาห.
อถ นํ ตโต ปรภาเค เอโก ติตฺติโร ทิสฺวา ตเถว ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อหํ เอกสฺมึเยว วมฺมิกปาเท นิสีทิตฺวา วสฺสนฺโต มนาปํ กริตฺวา วสฺสิตุํ สกฺโกมิ, เสสฏฺาเนสุ นิสินฺโน น สกฺโกมิ, ตตฺถ กึ การณนฺติ ราชานํ ปุจฺเฉยฺยาสี’’ติ อาห.
อถ นํ ปุรโต เอกา ¶ รุกฺขเทวตา ทิสฺวา ‘‘จนฺท, กหํ ยาสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘รฺโ สนฺติก’’นฺติ วุตฺเต ‘‘ราชา กิร ปณฺฑิโต, อหํ ปุพฺเพ สกฺการปฺปตฺโต อโหสึ, อิทานิ ปน ปลฺลวมุฏฺิมตฺตมฺปิ น ลภามิ, ตตฺถ กึ การณนฺติ ราชานํ ปุจฺเฉยฺยาสี’’ติ อาห.
ตโต อปรภาเค เอโก นาคราชา ตํ ทิสฺวา ตเถว ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ราชา กิร ปณฺฑิโต, ปุพฺเพ อิมสฺมึ สเร อุทกํ ปสนฺนํ มณิวณฺณํ, อิทานิ อาวิลํ ปณฺณกเสวาลปริโยนทฺธํ, ตตฺถ กึ การณนฺติ ราชานํ ปุจฺเฉยฺยาสี’’ติ อาห.
อถ นํ ปุรโต นครสฺส อาสนฺนฏฺาเน เอกสฺมึ อาราเม วสนฺตา ตาปสา ทิสฺวา ตเถว ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ราชา กิร ปณฺฑิโต, ปุพฺเพ อิมสฺมึ อาราเม ผลาผลานิ มธุรานิ อเหสุํ, อิทานิ นิโรชานิ กสฏานิ ชาตานิ, ตตฺถ กึ การณนฺติ ราชานํ ปุจฺเฉยฺยาสี’’ติ อาหํสุ.
ตโต ¶ นํ ปุรโต คนฺตฺวา นครทฺวารสมีเป เอกิสฺสํ สาลายํ พฺราหฺมณมาณวกา ทิสฺวา ‘‘กหํ, โภ จนฺท, คจฺฉสี’’ติ วตฺวา ‘‘รฺโ สนฺติก’’นฺติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ โน สาสนํ คเหตฺวา คจฺฉ, อมฺหากฺหิ ปุพฺเพ คหิตคหิตฏฺานํ ปากฏํ อโหสิ, อิทานิ ปน ฉิทฺทฆเฏ อุทกํ วิย น สณฺาติ น ปฺายติ, อนฺธกาโร วิย โหติ, ตตฺถ กึ การณนฺติ ราชานํ ปุจฺเฉยฺยาสี’’ติ อาหํสุ.
คามณิจนฺโท อิมานิ ทส สาสนานิ คเหตฺวา รฺโ สนฺติกํ อคมาสิ. ราชา วินิจฺฉยฏฺาเน นิสินฺโน อโหสิ. โคณสามิโก คามณิจนฺทํ คเหตฺวา ราชานํ อุปสงฺกมิ. ราชา คามณิจนฺทํ ทิสฺวา สฺชานิตฺวา ¶ ‘‘อยํ อมฺหากํ ปิตุ อุปฏฺาโก, อมฺเห อุกฺขิปิตฺวา ปริหริ, กหํ นุ โข เอตฺตกํ กาลํ วสี’’ติ ¶ จินฺเตตฺวา ‘‘อมฺโภ คามณิจนฺท, กหํ เอตฺตกํ กาลํ วสสิ, จิรกาลโต ปฏฺาย น ปฺายสิ, เกนตฺเถน อาคโตสี’’ติ อาห. ‘‘อาม, เทว, อมฺหากํ เทวสฺส สคฺคคตกาลโต ปฏฺาย ชนปทํ คนฺตฺวา กสิกมฺมํ กตฺวา ชีวามิ, ตโต มํ อยํ ปุริโส โคณอฑฺฑการณา ราชทูตํ ทสฺเสตฺวา ตุมฺหากํ สนฺติกํ อากฑฺฒี’’ติ. ‘‘อนากฑฺฒิยมาโน นาคจฺเฉยฺยาสิ’’, ‘‘อากฑฺฒิตภาโวเยว โสภโน, อิทานิ ตํ ทฏฺุํ ลภามิ, กหํ โส ปุริโส’’ติ? ‘‘อยํ, เทวา’’ติ. ‘‘สจฺจํ กิร, โภ, อมฺหากํ จนฺทสฺส ทูตํ ทสฺเสสี’’ติ? ‘‘สจฺจํ, เทวา’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘อยํ เม เทว ทฺเว โคเณ น เทตี’’ติ. ‘‘สจฺจํ กิร, จนฺทา’’ติ. ‘‘เตน หิ, เทว, มยฺหมฺปิ วจนํ สุณาถา’’ติ สพฺพํ ปวตฺตึ กเถสิ. ตํ สุตฺวา ราชา โคณสามิกํ ปุจฺฉิ – ‘‘กึ, โภ, ตว เคหํ ปวิสนฺเต โคเณ อทฺทสา’’ติ. ‘‘นาทฺทสํ, เทวา’’ติ. ‘‘กึ, โภ, มํ ‘อาทาสมุขราชา นามา’ติ กเถนฺตานํ น สุตปุพฺพํ ตยา, วิสฺสตฺโถ กเถหี’’ติ? ‘‘อทฺทสํ, เทวา’’ติ. ‘‘โภ จนฺท, โคณานํ อนิยฺยาทิตตฺตา โคณา ตว คีวา, อยํ ปน ปุริโส ทิสฺวาว ‘น ปสฺสามี’ติ สมฺปชานมุสาวาทํ ภณิ, ตสฺมา ตฺวฺเว กมฺมิโก หุตฺวา อิมสฺส จ ปุริสสฺส ปชาปติยาย จสฺส อกฺขีนิ อุปฺปาเฏตฺวา สยํ โคณมูลํ จตุวีสติ กหาปเณ เทหี’’ติ. เอวํ วุตฺเต โคณสามิกํ พหิ กรึสุ. โส ‘‘อกฺขีสุ อุปฺปาฏิเตสุ จตุวีสติกหาปเณหิ กึ กริสฺสามี’’ติ คามณิจนฺทสฺส ปาเทสุ ปติตฺวา ‘‘สามิ จนฺท, โคณมูลกหาปณา ตุยฺเหว โหนฺตุ, อิเม จ คณฺหาหี’’ติ อฺเปิ กหาปเณ ทตฺวา ปลายิ.
ตโต ทุติโย อาห – ‘‘อยํ, เทว, มม ปชาปตึ ปหริตฺวา ¶ คพฺภํ ปาเตสี’’ติ. ‘‘สจฺจํ จนฺทา’’ติ? ‘‘สุโณหิ มหาราชา’’ติ จนฺโท สพฺพํ วิตฺถาเรตฺวา กเถสิ. อถ นํ ราชา ‘‘กึ ปน ตฺวํ เอตสฺส ปชาปตึ ปหริตฺวา คพฺภํ ปาเตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘น ปาเตมิ, เทวา’’ติ ¶ . ‘‘อมฺโภ สกฺขิสฺสสิ ตฺวํ อิมินา คพฺภสฺส ปาติตภาวํ สาเธตุ’’นฺติ? ‘‘น สกฺโกมิ, เทวา’’ติ. ‘‘อิทานิ กึ กโรสี’’ติ? ‘‘เทว, ปุตฺตํ เม ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘เตน หิ, อมฺโภ จนฺท, ตฺวํ เอตสฺส ปชาปตึ ตว เคเห กริตฺวา ยทา ปุตฺตวิชาตา ¶ โหติ, ตทา นํ เนตฺวา เอตสฺเสว เทหี’’ติ. โสปิ คามณิจนฺทสฺส ปาเทสุ ปติตฺวา ‘‘มา เม, สามิ, เคหํ, ภินฺที’’ติ กหาปเณ ทตฺวา ปลายิ.
อถ ตติโย อาคนฺตฺวา ‘‘อิมินา เม, เทว, ปหริตฺวา อสฺสสฺส ปาโท ภินฺโน’’ติ อาห. ‘‘สจฺจํ จนฺทา’’ติ. ‘‘สุโณหิ, มหาราชา’’ติ จนฺโท ตํ ปวตฺตึ วิตฺถาเรน กเถสิ. ตํ สุตฺวา ราชา อสฺสโคปกํ อาห – ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ‘อสฺสํ ปหริตฺวา นิวตฺเตหี’ติ กเถสี’’ติ. ‘‘น กเถมิ, เทวา’’ติ. โส ปุนวาเร ปุจฺฉิโต ‘‘อาม, กเถมี’’ติ อาห. ราชา จนฺทํ อามนฺเตตฺวา ‘‘อมฺโภ จนฺท, อยํ กเถตฺวาว ‘น กเถมี’ติ มุสาวาทํ วทติ, ตฺวํ เอตสฺส ชิวฺหํ ฉินฺทิตฺวา อสฺสมูลํ อมฺหากํ สนฺติกา คเหตฺวา สหสฺสํ เทหี’’ติ อาห. อสฺสโคปโก อปเรปิ กหาปเณ ทตฺวา ปลายิ.
ตโต นฬการปุตฺโต ‘‘อยํ เม, เทว, ปิตุฆาตกโจโร’’ติ อาห. ‘‘สจฺจํ กิร, จนฺทา’’ติ. ‘‘สุโณหิ, เทวา’’ติ จนฺโท ตมฺปิ การณํ วิตฺถาเรตฺวา กเถสิ. อถ ราชา นฬการํ อามนฺเตตฺวา ‘‘อิทานิ กึ กโรสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เทว ¶ เม ปิตรํ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘อมฺโภ จนฺท, อิมสฺส กิร ปิตรํ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, มตกํ ปน น สกฺกา ปุน อาเนตุํ, ตฺวํ อิมสฺส มาตรํ อาเนตฺวา ตว เคเห กตฺวา เอตสฺส ปิตา โหหี’’ติ. นฬการปุตฺโต ‘‘มา เม, สามิ, มตสฺส ปิตุ เคหํ ภินฺที’’ติ คามณิจนฺทสฺส กหาปเณ ทตฺวา ปลายิ.
คามณิจนฺโท อฑฺเฑ ชยํ ปตฺวา ตุฏฺจิตฺโต ราชานํ อาห – ‘‘อตฺถิ, เทว, ตุมฺหากํ เกหิจิ สาสนํ ปหิตํ, ตํ โว กเถมี’’ติ. ‘‘กเถหิ, จนฺทา’’ติ. จนฺโท พฺราหฺมณมาณวกานํ สาสนํ อาทึ กตฺวา ปฏิโลมกฺกเมน เอเกกํ กถํ กเถสิ. ราชา ปฏิปาฏิยา วิสฺสชฺเชสิ.
กถํ? ปมํ ตาว สาสนํ สุตฺวา ‘‘ปุพฺเพ เตสํ วสนฏฺาเน เวลํ ชานิตฺวา วสฺสนกุกฺกุโฏ อโหสิ, เตสํ เตน สทฺเทน อุฏฺาย มนฺเต คเหตฺวา สชฺฌายํ กโรนฺตานฺเว อรุโณ อุคฺคจฺฉติ, เตน เตสํ คหิตคหิตํ น นสฺสติ. อิทานิ ปน เนสํ วสนฏฺาเน อเวลาย วสฺสนกกุกฺกุโฏ อตฺถิ, โส อติรตฺตึ วา วสฺสติ อติปภาเต วา, อติรตฺตึ วสฺสนฺตสฺส ตสฺส สทฺเทน อุฏฺาย มนฺเต คเหตฺวา นิทฺทาภิภูตา ¶ สชฺฌายํ อกตฺวาว ปุน สยนฺติ ¶ , อติปภาเต วสฺสนฺตสฺส สทฺเทน อุฏฺาย สชฺฌายิตุํ น ลภนฺติ, เตน เตสํ คหิตคหิตํ น ปฺายตี’’ติ อาห.
ทุติยํ สุตฺวา ‘‘เต ปุพฺเพ สมณธมฺมํ กโรนฺตา กสิณปริกมฺเม ยุตฺตปยุตฺตา อเหสุํ. อิทานิ ปน สมณธมฺมํ วิสฺสชฺเชตฺวา อกตฺตพฺเพสุ ยุตฺตปยุตฺตา อาราเม อุปฺปนฺนานิ ผลาผลานิ อุปฏฺากานํ ทตฺวา ปิณฺฑปฏิปิณฺฑเกน มิจฺฉาชีเวน ชีวิกํ กปฺเปนฺติ, เตน เนสํ ผลาผลานิ น มธุรานิ ¶ ชาตานิ. สเจ ปน เต ปุพฺเพ วิย ปุน สมณธมฺเม ยุตฺตปยุตฺตา ภวิสฺสนฺติ, ปุน เตสํ ผลาผลานิ มธุรานิ ภวิสฺสนฺติ. เต ตาปสา ราชกุลานํ ปณฺฑิตภาวํ น ชานนฺติ, สมณธมฺมํ เตสํ กาตุํ วเทหี’’ติ อาห.
ตติยํ สุตฺวา ‘‘เต นาคราชาโน อฺมฺํ กลหํ กโรนฺติ, เตน ตํ อุทกํ อาวิลํ ชาตํ. สเจ เต ปุพฺเพ วิย สมคฺคา ภวิสฺสนฺติ, ปุน ปสนฺนํ ภวิสฺสตี’’ติ อาห.
จตุตฺถํ สุตฺวา ‘‘สา รุกฺขเทวตา ปุพฺเพ อฏวิยํ ปฏิปนฺเน มนุสฺเส รกฺขติ, ตสฺมา นานปฺปการํ พลิกมฺมํ ลภติ. อิทานิ ปน อารกฺขํ น กโรติ, ตสฺมา พลิกมฺมํ น ลภติ. สเจ ปุพฺเพ วิย อารกฺขํ กริสฺสติ, ปุน ลาภคฺคปฺปตฺตา ภวิสฺสติ. สา ราชูนํ อตฺถิภาวํ น ชานาติ, ตสฺมา อฏวิอารุฬฺหมนุสฺสานํ อารกฺขํ กาตุํ วเทหี’’ติ อาห.
ปฺจมํ สุตฺวา ‘‘ยสฺมึ วมฺมิกปาเท นิสีทิตฺวา โส ติตฺติโร มนาปํ วสฺสติ, ตสฺส เหฏฺา มหนฺตี นิธิกุมฺภิ อตฺถิ, ตํ อุทฺธริตฺวา ตฺวํ คณฺหาหี’’ติ อาห.
ฉฏฺํ สุตฺวา ‘‘ยสฺส รุกฺขสฺส มูเล โส มิโค ติณานิ ขาทิตุํ สกฺโกติ, ตสฺส รุกฺขสฺส อุปริ มหนฺตํ ภมรมธุ อตฺถิ, โส มธุมกฺขิเตสุ ติเณสุ ปลุทฺโธ อฺานิ ขาทิตุํ น สกฺโกติ, ตฺวํ ตํ มธุปฏลํ หริตฺวา อคฺคมธุํ อมฺหากํ ปหิณ, เสสํ อตฺตนา ปริภฺุชา’’ติ อาห.
สตฺตมํ สุตฺวา ‘‘ยสฺมึ วมฺมิเก โส สปฺโป วสติ, ตสฺส เหฏฺา มหนฺตี นิธิกุมฺภิ อตฺถิ, โส ตํ รกฺขมาโน วสนฺโต นิกฺขมนกาเล ธนโลเภน สรีรํ สิถิลํ กตฺวา ลคฺคนฺโต นิกฺขมติ, โคจรํ คเหตฺวา ¶ ธนสิเนเหน อลคฺคนฺโต เวเคน สหสา ปวิสติ. ตํ นิธิกุมฺภึ อุทฺธริตฺวา ตฺวํ คณฺหาหี’’ติ อาห.
อฏฺมํ ¶ สุตฺวา ‘‘ตสฺสา ตรุณิตฺถิยา สามิกสฺส จ มาตาปิตูนฺจ วสนคามานํ ¶ อนฺตเร เอกสฺมึ คามเก ชาโร อตฺถิ. สา ตํ สริตฺวา ตสฺมึ สิเนเหน สามิกสฺส เคเห วสิตุํ อสกฺโกนฺตี ‘มาตาปิตโร ปสฺสิสฺสามี’ติ ชารสฺส เคเห กติปาหํ วสิตฺวา มาตาปิตูนํ เคหํ คจฺฉติ, ตตฺถ กติปาหํ วสิตฺวา ปุน ชารํ สริตฺวา ‘สามิกสฺส เคหํ คมิสฺสามี’ติ ปุน ชารสฺเสว เคหํ คจฺฉติ. ตสฺสา อิตฺถิยา ราชูนํ อตฺถิภาวํ อาจิกฺขิตฺวา ‘สามิกสฺเสว กิร เคเห วสตุ. สเจ ตํ ราชา คณฺหาเปติ, ชีวิตํ เต นตฺถิ, อปฺปมาทํ กาตุํ วฏฺฏตี’ติ ตสฺสา กเถหี’’ติ อาห.
นวมํ สุตฺวา ‘‘สา คณิกา ปุพฺเพ เอกสฺส หตฺถโต ภตึ คเหตฺวา ตํ อชีราเปตฺวา อฺสฺส หตฺถโต น คณฺหาติ, เตนสฺสา ปุพฺเพ พหุํ อุปฺปชฺชิ. อิทานิ ปน อตฺตโน ธมฺมตํ วิสฺสชฺเชตฺวา เอกสฺส หตฺถโต คหิตํ อชีราเปตฺวาว อฺสฺส หตฺถโต คณฺหาติ, ปุริมสฺส โอกาสํ อกตฺวา ปจฺฉิมสฺส กโรติ, เตนสฺสา ภติ น อุปฺปชฺชติ, น เกจิ นํ อุปสงฺกมนฺติ. สเจ อตฺตโน ธมฺเม สฺสติ, ปุพฺพสทิสาว ภวิสฺสติ. อตฺตโน ธมฺเม าตุมสฺสา กเถหี’’ติ อาห.
ทสมํ สุตฺวา ‘‘โส คามโภชโก ปุพฺเพ ธมฺเมน สเมน อฑฺฑํ วินิจฺฉินิ, เตน มนุสฺสานํ ปิโย อโหสิ มนาโป, สมฺปิยายมานา จสฺส มนุสฺสา พหุปณฺณาการํ อาหรึสุ, เตน อภิรูโป ธนวา ยสสมฺปนฺโน อโหสิ. อิทานิ ปน ลฺชวิตฺตโก หุตฺวา อธมฺเมน อฑฺฑํ วินิจฺฉินติ, เตน ทุคฺคโต กปโณ หุตฺวา ปณฺฑุโรเคน อภิภูโต. สเจ ปุพฺเพ วิย ธมฺเมน อฑฺฑํ วินิจฺฉินิสฺสติ, ปุน ปุพฺพสทิโส ภวิสฺสติ. โส รฺโ อตฺถิภาวํ น ชานาติ, ธมฺเมน อฑฺฑํ วินิจฺฉินิตุมสฺส กเถหี’’ติ อาห.
อิติ โส คามณิจนฺโท อิมานิ เอตฺตกานิ สาสนานิ รฺโ อาโรเจสิ, ราชา อตฺตโน ปฺาย สพฺพานิปิ ตานิ สพฺพฺุพุทฺโธ ¶ วิย พฺยากริตฺวา คามณิจนฺทสฺส พหุํ ธนํ ทตฺวา ตสฺส วสนคามํ พฺรหฺมเทยฺยํ กตฺวา ตสฺเสว ทตฺวา อุยฺโยเชสิ. โส นครา นิกฺขมิตฺวา โพธิสตฺเตน ทินฺนสาสนํ ¶ พฺราหฺมณมาณวกานฺจ ตาปสานฺจ นาคราชสฺส จ รุกฺขเทวตาย จ อาโรเจตฺวา ติตฺติรสฺส วสนฏฺานโต นิธึ คเหตฺวา มิคสฺส ติณขาทนฏฺาเน รุกฺขโต ภมรมธุํ คเหตฺวา รฺโ มธุํ เปเสตฺวา สปฺปสฺส วสนฏฺาเน วมฺมิกํ ขณิตฺวา นิธึ คเหตฺวา ตรุณิตฺถิยา จ คณิกาย จ คามโภชกสฺส จ รฺโ กถิตนิยาเมเนว สาสนํ อาโรเจตฺวา มหนฺเตน ยเสน ¶ อตฺตโน คามกํ คนฺตฺวา ยาวตายุกํ ตฺวา ยถากมฺมํ คโต. อาทาสมุขราชาปิ ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา ชีวิตปริโยสาเน สคฺคปุรํ ปูเรนฺโต คโต.
สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, ตถาคโต อิทาเนว มหาปฺโ, ปุพฺเพปิ มหาปฺโเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน พหู โสตาปนฺนสกทาคามิอนาคามิอรหนฺโต อเหสุํ. ‘‘ตทา คามณิจนฺโท อานนฺโท อโหสิ, อาทาสมุขราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
คามณิจนฺทชาตกวณฺณนา สตฺตมา.
[๒๕๘] ๘. มนฺธาตุชาตกวณฺณนา
ยาวตา จนฺทิมสูริยาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร สาวตฺถึ ปิณฺฑาย จรมาโน เอกํ อลงฺกตปฏิยตฺตํ อิตฺถึ ทิสฺวา อุกฺกณฺิ. อถ นํ ภิกฺขู ธมฺมสภํ อาเนตฺวา ‘‘อยํ, ภนฺเต, ภิกฺขุ อุกฺกณฺิโต’’ติ สตฺถุ ทสฺเสสุํ. สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, อุกฺกณฺิโต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘กทา ตฺวํ ¶ , ภิกฺขุ, อคารํ อชฺฌาวสมาโน ตณฺหํ ปูเรตุํ สกฺขิสฺสสิ, กามตณฺหา หิ นาเมสา สมุทฺโท วิย ทุปฺปูรา, โปราณกราชาโน ทฺวิสหสฺสปริตฺตทีปปริวาเรสุ จตูสุ มหาทีเปสุ จกฺกวตฺติรชฺชํ กาเรตฺวา มนุสฺสปริหาเรเนว จาตุมหาราชิกเทวโลเก รชฺชํ กาเรตฺวา ตาวตึสเทวโลเก ฉตฺตึสาย สกฺกานฺจ วสนฏฺาเน เทวรชฺชํ กาเรตฺวาปิ อตฺตโน กามตณฺหํ ปูเรตุํ อสกฺโกนฺตาว กาลมกํสุ, ตฺวํ ปเนตํ ตณฺหํ กทา ปูเรตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ปมกปฺปิเกสุ มหาสมฺมโต นาม ราชา อโหสิ. ตสฺส ปุตฺโต โรโช นาม, ตสฺส ปุตฺโต วรโรโช นาม, ตสฺส ปุตฺโต กลฺยาโณ นาม, ตสฺส ปุตฺโต ¶ วรกลฺยาโณ นาม, ตสฺส ปุตฺโต อุโปสโถ นาม, ตสฺส ปุตฺโต มนฺธาตุ นาม อโหสิ. โส สตฺตหิ รตเนหิ จตูหิ จ อิทฺธีหิ สมนฺนาคโต จกฺกวตฺติรชฺชํ กาเรสิ. ตสฺส วามหตฺถํ สมฺชิตฺวา ทกฺขิณหตฺเถน อปฺโผฏิตกาเล อากาสา ทิพฺพเมโฆ วิย ชาณุปฺปมาณํ สตฺตรตนวสฺสํ วสฺสติ, เอวรูโป อจฺฉริยมนุสฺโส อโหสิ. โส จตุราสีติ วสฺสสหสฺสานิ กุมารกีฬํ กีฬิ. จตุราสีติ วสฺสสหสฺสานิ ¶ โอปรชฺชํ กาเรสิ, จตุราสีติ วสฺสสหสฺสานิ จกฺกวตฺติรชฺชํ กาเรสิ, อายุปฺปมาณํ อสงฺขฺเยยฺยํ อโหสิ.
โส เอกทิวสํ กามตณฺหํ ปูเรตุํ อสกฺโกนฺโต อุกฺกณฺิตาการํ ทสฺเสสิ. อถามจฺจา ‘‘กึ นุ โข, เทว, อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘มยฺหํ ปฺุพเล โอโลกิยมาเน อิทํ รชฺชํ กึ กริสฺสติ, กตรํ นุ โข านํ รมณีย’’นฺติ? ‘‘เทวโลโก, มหาราชา’’ติ. โส จกฺกรตนํ อพฺภุกฺกิริตฺวา สทฺธึ ปริสาย จาตุมหาราชิกเทวโลกํ ¶ อคมาสิ. อถสฺส จตฺตาโร มหาราชาโน ทิพฺพมาลาคนฺธหตฺถา เทวคณปริวุตา ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ตํ อาทาย จาตุมหาราชิกเทวโลกํ คนฺตฺวา เทวรชฺชํ อทํสุ. ตสฺส สกปริสาย ปริวาริตสฺเสว ตสฺมึ รชฺชํ กาเรนฺตสฺส ทีโฆ อทฺธา วีติวตฺโต.
โส ตตฺถาปิ ตณฺหํ ปูเรตุํ อสกฺโกนฺโต อุกฺกณฺิตาการํ ทสฺเสสิ, จตฺตาโร มหาราชาโน ‘‘กึ นุ โข, เทว, อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘อิมมฺหา เทวโลกา กตรํ านํ รมณีย’’นฺติ. ‘‘มยํ, เทว, ปเรสํ อุปฏฺากปริสา, ตาวตึสเทวโลโก รมณีโย’’ติ. มนฺธาตา จกฺกรตนํ อพฺภุกฺกิริตฺวา อตฺตโน ปริสาย ปริวุโต ตาวตึสาภิมุโข ปายาสิ. อถสฺส สกฺโก เทวราชา ทิพฺพมาลาคนฺธหตฺโถ เทวคณปริวุโต ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ตํ หตฺเถ คเหตฺวา ‘‘อิโต เอหิ, มหาราชา’’ติ อาห. รฺโ เทวคณปริวุตสฺส คมนกาเล ปริณายกรตนํ จกฺกรตนํ อาทาย สทฺธึ ปริสาย มนุสฺสปถํ โอตริตฺวา อตฺตโน นครเมว ปาวิสิ. สกฺโก มนฺธาตุํ ตาวตึสภวนํ เนตฺวา เทวตา ทฺเว โกฏฺาเส กตฺวา อตฺตโน เทวรชฺชํ มชฺเฌ ภินฺทิตฺวา อทาสิ. ตโต ปฏฺาย ทฺเว ราชาโน รชฺชํ กาเรสุํ. เอวํ กาเล คจฺฉนฺเต สกฺโก สฏฺิ จ วสฺสสตสหสฺสานิ ติสฺโส จ วสฺสโกฏิโย อายุํ เขเปตฺวา จวิ, อฺโ สกฺโก นิพฺพตฺติ. โสปิ เทวรชฺชํ ¶ กาเรตฺวา อายุกฺขเยน จวิ. เอเตนูปาเยน ฉตฺตึส สกฺกา จวึสุ, มนฺธาตา ปน มนุสฺสปริหาเรน เทวรชฺชํ กาเรสิเยว.
ตสฺส เอวํ กาเล คจฺฉนฺเต ภิยฺโยโสมตฺตาย กามตณฺหา อุปฺปชฺชิ, โส ‘‘กึ เม อุปฑฺฒรชฺเชน, สกฺกํ มาเรตฺวา เอกรชฺชเมว กริสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. สกฺกํ มาเรตุํ นาม น สกฺกา, ตณฺหา นาเมสา วิปตฺติมูลา, เตนสฺส อายุสงฺขาโร ปริหายิ, ชรา สรีรํ ปหริ. มนุสฺสสรีรฺจ ¶ นาม เทวโลเก น ภิชฺชติ, อถ โส เทวโลกา ภสฺสิตฺวา อุยฺยาเน โอตริ. อุยฺยานปาโล ตสฺส อาคตภาวํ ราชกุเล นิเวเทสิ. ราชกุลํ อาคนฺตฺวา อุยฺยาเนเยว สยนํ ปฺเปสิ. ราชา อนุฏฺานเสยฺยาย นิปชฺชิ. อมจฺจา ‘‘เทว, ตุมฺหากํ ปรโต ¶ กินฺติ กเถมา’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘มม ปรโต ตุมฺเห อิมํ สาสนํ มหาชนสฺส กเถยฺยาถ – ‘มนฺธาตุมหาราชา ทฺวิสหสฺสปริตฺตทีปปริวาเรสุ จตูสุ มหาทีเปสุ จกฺกวตฺติรชฺชํ กาเรตฺวา ทีฆรตฺตํ จาตุมหาราชิเกสุ รชฺชํ กาเรตฺวา ฉตฺตึสาย สกฺกานํ อายุปฺปมาเณน เทวโลเก รชฺชํ กาเรตฺวา ตณฺหํ อปูเรตฺวา กาลมกาสี’’’ติ. โส เอวํ วตฺวา กาลํ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘ยาวตา จนฺทิมสูริยา, ปริหรนฺติ ทิสา ภนฺติ วิโรจนา;
สพฺเพว ทาสา มนฺธาตุ, เย ปาณา ปถวิสฺสิตา.
‘‘น กหาปณวสฺเสน, ติตฺติ กาเมสุ วิชฺชติ;
อปฺปสฺสาทา ทุขา กามา, อิติ วิฺาย ปณฺฑิโต.
‘‘อปิ ทิพฺเพสุ กาเมสุ, รตึ โส นาธิคจฺฉติ;
ตณฺหกฺขยรโต โหติ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาวโก’’ติ.
ตตฺถ ยาวตาติ ปริจฺเฉทวจนํ. ปริหรนฺตีติ ยตฺตเกน ปริจฺเฉเทน สิเนรุํ ปริหรนฺติ. ทิสา ภนฺตีติ ทสสุ ทิสาสุ ภาสนฺติ ปภาสนฺติ. วิโรจนาติ อาโลกกรณตาย วิโรจนสภาวา. สพฺเพว ทาสา มนฺธาตุ, เย ปาณา ปถวิสฺสิตาติ เอตฺตเก ปเทเส เย ปถวินิสฺสิตา ¶ ปาณา ชนปทวาสิโน มนุสฺสา, สพฺเพว เต ‘‘ทาสา มยํ รฺโ มนฺธาตุสฺส, อยฺยโก โน ราชา มนฺธาตา’’ติ เอวํ อุปคตตฺตา ภุชิสฺสาปิ สมานา ทาสาเยว.
น กหาปณวสฺเสนาติ เตสํ ทาสภูตานํ มนุสฺสานํ อนุคฺคหาย ยํ มนฺธาตา อปฺโผเฏตฺวา ¶ สตฺตรตนวสฺสํ วสฺสาเปติ, ตํ อิธ ‘‘กหาปณวสฺส’’นฺติ วุตฺตํ. ติตฺติ กาเมสูติ เตนาปิ กหาปณวสฺเสน วตฺถุกามกิเลสกาเมสุ ติตฺติ นาม นตฺถิ, เอวํ ทุปฺปูรา เอสา ตณฺหา. อปฺปสฺสาทา ทุขา กามาติ สุปินกูปมตฺตา กามา นาม อปฺปสฺสาทา ปริตฺตสุขา, ทุกฺขเมว ปเนตฺถ พหุตรํ. ตํ ทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตปริยาเยน ทีเปตพฺพํ. อิติ วิฺายาติ เอวํ ชานิตฺวา.
ทิพฺเพสูติ เทวตานํ ปริโภเคสุ รูปาทีสุ. รตึ โสติ โส วิปสฺสโก ภิกฺขุ ทิพฺเพหิ กาเมหิ ¶ นิมนฺติยมาโนปิ เตสุ รตึ นาธิคจฺฉติ อายสฺมา สมิทฺธิ วิย. ตณฺหกฺขยรโตติ นิพฺพานรโต. นิพฺพานฺหิ อาคมฺม ตณฺหา ขียติ, ตสฺมา ตํ ‘‘ตณฺหกฺขโย’’ติ วุจฺจติ. ตตฺถ รโต โหติ อภิรโต. สมฺมาสมฺพุทฺธสาวโกติ พุทฺธสฺส สวนนฺเต ชาโต พหุสฺสุโต โยคาวจรปุคฺคโล.
เอวํ สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, อฺเ ปน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ. ‘‘ตทา มนฺธาตุราชา อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
มนฺธาตุชาตกวณฺณนา อฏฺมา.
[๒๕๙] ๙. ติรีฏวจฺฉชาตกวณฺณนา
นยิมสฺส วิชฺชาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อายสฺมโต อานนฺทสฺส โกสลรฺโ มาตุคามานํ หตฺถโต ปฺจสตานิ, รฺโ หตฺถโต ปฺจสตานีติ ทุสฺสสหสฺสปฏิลาภวตฺถุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา ทุกนิปาเต คุณชาตเก (ชา. อฏฺ. ๒.๒.คุณชาตกวณฺณนา) วิตฺถาริตเมว.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา นามคฺคหณทิวเส ติรีฏวจฺฉกุมาโรติ กตนาโม อนุปุพฺเพน วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา อคารํ อชฺฌาวสนฺโต มาตาปิตูนํ กาลกิริยาย สํวิคฺคหทโย หุตฺวา นิกฺขมิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ¶ ปพฺพชิตฺวา อรฺายตเน วนมูลผลาหาโร หุตฺวา วาสํ กปฺเปสิ. ตสฺมึ ตตฺถ วสนฺเต พาราณสิรฺโ ปจฺจนฺโต กุปิ, โส ตตฺถ คนฺตฺวา ยุทฺเธ ปราชิโต มรณภยภีโต หตฺถิกฺขนฺธคโต เอเกน ปสฺเสน ปลายิตฺวา อรฺเ วิจรนฺโต ปุพฺพณฺหสมเย ติรีฏวจฺฉสฺส ผลาผลตฺถาย คตกาเล ตสฺส อสฺสมปทํ ปาวิสิ. โส ‘‘ตาปสานํ วสนฏฺาน’’นฺติ หตฺถิโต โอตริตฺวา วาตาตเปน กิลนฺโต ปิปาสิโต ปานียฆฏํ โอโลเกนฺโต กตฺถจิ อทิสฺวา จงฺกมนโกฏิยํ อุทปานํ อทฺทส. อุทกอุสฺสิฺจนตฺถาย ปน รชฺชุฆฏํ อทิสฺวา ปิปาสํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺโต หตฺถิสฺส กุจฺฉิยํ พทฺธโยตฺตํ คเหตฺวา หตฺถึ อุทปานตเฏ เปตฺวา ตสฺส ปาเท โยตฺตํ พนฺธิตฺวา โยตฺเตน อุทปานํ โอตริตฺวา โยตฺเต อปาปุณนฺเต อุตฺตริตฺวา อุตฺตรสาฏกํ โยตฺตโกฏิยา สงฺฆาเฏตฺวา ปุน โอตริ, ตถาปิ นปฺปโหสิเยว. โส อคฺคปาเทหิ ¶ อุทกํ ผุสิตฺวา อติปิปาสิโต ‘‘ปิปาสํ วิโนเทตฺวา มรณมฺปิ สุมรณ’’นฺติ จินฺเตตฺวา อุทปาเน ปติตฺวา ยาวทตฺถํ ปิวิตฺวา ปจฺจุตฺตริตุํ อสกฺโกนฺโต ตตฺเถว อฏฺาสิ. หตฺถีปิ สุสิกฺขิตตฺตา อฺตฺถ อคนฺตฺวา ราชานํ โอโลเกนฺโต ตตฺเถว อฏฺาสิ. โพธิสตฺโต สายนฺหสมเย ผลาผลํ อาหริตฺวา หตฺถึ ทิสฺวา ‘‘ราชา อาคโต ภวิสฺสติ, วมฺมิตหตฺถีเยว ปน ปฺายติ, กึ นุ โข การณ’’นฺติ โส หตฺถิสมีปํ อุปสงฺกมิ. หตฺถีปิ ตสฺส อุปสงฺกมนภาวํ ตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. โพธิสตฺโต อุทปานตฏํ คนฺตฺวา ราชานํ ทิสฺวา ‘‘มา ภายิ, มหาราชา’’ติ สมสฺสาเสตฺวา นิสฺเสณึ พนฺธิตฺวา ราชานํ อุตฺตาเรตฺวา กายมสฺส สมฺพาหิตฺวา เตเลน มกฺเขตฺวา นฺหาเปตฺวา ผลาผลานิ ขาทาเปตฺวา ¶ หตฺถิสฺส สนฺนาหํ โมเจสิ. ราชา ทฺวีหตีหํ วิสฺสมิตฺวา โพธิสตฺตสฺส อตฺตโน สนฺติกํ อาคมนตฺถาย ปฏิฺํ คเหตฺวา ปกฺกามิ. ราชพลกาโย นครสฺส อวิทูเร ขนฺธาวารํ พนฺธิตฺวา ิโต. ราชานํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปริวาเรสิ, ราชา นครํ ปาวิสิ.
โพธิสตฺโตปิ ¶ อฑฺฒมาสจฺจเยน พาราณสึ ปตฺวา อุยฺยาเน วสิตฺวา ปุนทิวเส ภิกฺขํ จรมาโน ราชทฺวารํ คโต. ราชา มหาวาตปานํ อุคฺฆาเฏตฺวา ราชงฺคณํ โอโลกยมาโน โพธิสตฺตํ ทิสฺวา สฺชานิตฺวา ปาสาทา โอรุยฺห วนฺทิตฺวา มหาตลํ อาโรเปตฺวา สมุสฺสิตเสตจฺฉตฺเต ราชปลฺลงฺเก นิสีทาเปตฺวา อตฺตโน ปฏิยาทิตํ อาหารํ โภเชตฺวา สยมฺปิ ภฺุชิตฺวา อุยฺยานํ เนตฺวา ตตฺถสฺส จงฺกมนาทิปริวารํ วสนฏฺานํ กาเรตฺวา สพฺเพ ปพฺพชิตปริกฺขาเร ทตฺวา อุยฺยานปาลํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา วนฺทิตฺวา ปกฺกามิ. ตโต ปฏฺาย โพธิสตฺโต ราชนิเวสเนเยว ปริภฺุชิ, มหาสกฺการสมฺมาโน อโหสิ.
ตํ อสหมานา อมจฺจา ‘‘เอวรูปํ สกฺการํ เอโกปิ โยโธ ลภมาโน กึ นาม น กเรยฺยา’’ติ วตฺวา อุปราชานํ อุปคนฺตฺวา ‘‘เทว, อมฺหากํ ราชา เอกํ ตาปสํ อติวิย มมายติ, กึ นาม เตน ตสฺมึ ทิฏฺํ, ตุมฺเหปิ ตาว รฺา สทฺธึ มนฺเตถา’’ติ อาหํสุ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อมจฺเจหิ สทฺธึ ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘นยิมสฺส วิชฺชามยมตฺถิ กิฺจิ, น พนฺธโว โน ปน เต สหาโย;
อถ เกน วณฺเณน ติรีฏวจฺโฉ, เตทณฺฑิโก ภฺุชติ อคฺคปิณฺฑ’’นฺติ.
ตตฺถ นยิมสฺส วิชฺชามยมตฺถิ กิฺจีติ อิมสฺส ตาปสสฺส วิชฺชามยํ กิฺจิ กมฺมํ นตฺถิ. น พนฺธโว ติปุตฺตพนฺธวสิปฺปพนฺธวโคตฺตพนฺธวาติพนฺธเวสุ ¶ อฺตโรปิ น โหติ ¶ . โน ปน เต สหาโยติ สหปํสุกีฬิโก สหายโกปิ เต น โหติ. เกน วณฺเณนาติ เกน การเณน. ติรีฏวจฺโฉติ ตสฺส นามํ. เตทณฺฑิโกติ กุณฺฑิกปนตฺถาย ติทณฺฑกํ คเหตฺวา จรนฺโต. อคฺคปิณฺฑนฺติ รสสมฺปนฺนํ ราชารหํ อคฺคโภชนํ.
ตํ สุตฺวา ราชา ปุตฺตํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ตาต, มม ปจฺจนฺตํ คนฺตฺวา ยุทฺธปราชิตสฺส ทฺวีหตีหํ อนาคตภาวํ สรสี’’ติ วตฺวา ‘‘สรามี’’ติ วุตฺเต ‘‘ตทา มยา อิมํ นิสฺสาย ชีวิตํ ลทฺธ’’นฺติ สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘ตาต ¶ , มยฺหํ ชีวิตทายเก มม สนฺติกํ อาคเต รชฺชํ ททนฺโตปิ อหํ เนว เอเตน กตคุณานุรูปํ กาตุํ สกฺโกมี’’ติ วตฺวา อิตรา ทฺเว คาถา อโวจ –
‘‘อาปาสุ เม ยุทฺธปราชิตสฺส, เอกสฺส กตฺวา วิวนสฺมิ โฆเร;
ปสารยี กิจฺฉคตสฺส ปาณึ, เตนูทตารึ ทุขสมฺปเรโต.
‘‘เอตสฺส กิจฺเจน อิธานุปตฺโต, เวสายิโน วิสยา ชีวโลเก;
ลาภารโห ตาต ติรีฏวจฺโฉ, เทถสฺส โภคํ ยชถฺจ ยฺ’’นฺติ.
ตตฺถ อาปาสูติ อาปทาสุ. เอกสฺสาติ อทุติยสฺส. กตฺวาติ อนุกมฺปํ กริตฺวา เปมํ อุปฺปาเทตฺวา. วิวนสฺมินฺติ ปานียรหิเต อรฺเ. โฆเรติ ทารุเณ. ปสารยี กิจฺฉคตสฺส ปาณินฺติ นิสฺเสณึ พนฺธิตฺวา กูปํ โอตาเรตฺวา ทุกฺขคตสฺส มยฺหํ อุตฺตารณตฺถาย วีริยปฏิสํยุตฺตํ หตฺถํ ปสาเรสิ. เตนูทตารึ ทุขสมฺปเรโตติ เตน การเณนมฺหิ ทุกฺขปริวาริโตปิ ตมฺหา กูปา อุตฺติณฺโณ.
เอตสฺส กิจฺเจน อิธานุปตฺโตติ อหํ เอตสฺส ตาปสสฺส กิจฺเจน, เอเตน กตสฺส กิจฺจสฺสานุภาเวน อิธานุปฺปตฺโต ¶ . เวสายิโน วิสยาติ เวสายี วุจฺจติ ยโม, ตสฺส วิสยา. ชีวโลเกติ มนุสฺสโลเก. อหฺหิ อิมสฺมึ ชีวโลเก ิโต ยมวิสยํ มจฺจุวิสยํ ปรโลกํ คโต นาม อโหสึ, โสมฺหิ เอตสฺส การณา ตโต ปุน อิธาคโตติ วุตฺตํ โหติ. ลาภารโหติ ลาภํ อรโห จตุปจฺจยลาภสฺส อนุจฺฉวิโก. เทถสฺส โภคนฺติ เอเตน ปริภฺุชิตพฺพํ จตุปจฺจยสมณปริกฺขารสงฺขาตํ โภคํ เอตสฺส เทถ. ยชถฺจ ยฺนฺติ ตฺวฺจ อมจฺจา จ นาครา จาติ สพฺเพปิ ตุมฺเห เอตสฺส โภคฺจ เทถ, ยฺฺจ ยชถ. ตสฺส หิ ทียมาโน เทยฺยธมฺโม ¶ เตน ภฺุชิตพฺพตฺตา โภโค โหติ, อิตเรสํ ทานยฺตฺตา ยฺโ. เตนาห ‘‘เทถสฺส โภคํ ยชถฺจ ยฺ’’นฺติ.
เอวํ ¶ รฺา คคนตเล ปุณฺณจนฺทํ อุฏฺาเปนฺเตน วิย โพธิสตฺตสฺส คุเณ ปกาสิเต ตสฺส คุโณ สพฺพตฺถเมว ปากโฏ ชาโต, อติเรกตโร ตสฺส ลาภสกฺกาโร อุทปาทิ. ตโต ปฏฺาย อุปราชา วา อมจฺจา วา อฺโ วา โกจิ กิฺจิ ราชานํ วตฺตุํ น วิสหิ. ราชา โพธิสตฺตสฺส โอวาเท ตฺวา ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา สคฺคปุรํ ปูเรสิ. โพธิสตฺโตปิ อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ อุปฺปาเทตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.
สตฺถา ‘‘โปราณกปณฺฑิตาปิ อุปการวเสน กรึสู’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ติรีฏวจฺฉชาตกวณฺณนา นวมา.
[๒๖๐] ๑๐. ทูตชาตกวณฺณนา
ยสฺสตฺถา ทูรมายนฺตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ โลลภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ นวกนิปาเต จกฺกวากชาตเก (ชา. ๑.๙.๖๙ อาทโย) อาวิภวิสฺสติ. สตฺถา ปน ตํ ภิกฺขุํ อามนฺเตตฺวา ¶ ‘‘น โข, ภิกฺขุ, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ ตฺวํ โลโล, โลลฺยการเณเนว ปน อสินา สีสจฺเฉทนํ ลภี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส ปุตฺโต หุตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา ปิตุ อจฺจเยน รชฺเช ปติฏฺาย โภชนสุทฺธิโก อโหสิ, เตนสฺส โภชนสุทฺธิกราชาตฺเวว นามํ ชาตํ. โส กิร ตถารูเปน วิธาเนน ภตฺตํ ภฺุชติ, ยถาสฺส เอกิสฺสา ภตฺตปาติยา สตสหสฺสํ วยํ คจฺฉติ. ภฺุชนฺโต ปน อนฺโตเคเห น ภฺุชติ, อตฺตโน โภชนวิธานํ โอโลเกนฺตํ มหาชนํ ปฺุํ กาเรตุกามตาย ราชทฺวาเร รตนมณฺฑปํ กาเรตฺวา โภชนเวลาย ตํ อลงฺกราเปตฺวา กฺจนมเย สมุสฺสิตเสตจฺฉตฺเต ราชปลฺลงฺเก นิสีทิตฺวา ขตฺติยกฺาหิ ปริวุโต ¶ สตสหสฺสคฺฆนิกาย สุวณฺณปาติยา สพฺพรสโภชนํ ภฺุชติ. อเถโก โลลปุริโส ตสฺส โภชนวิธานํ โอโลเกตฺวา ตํ โภชนํ ภฺุชิตุกาโม ¶ หุตฺวา ปิปาสํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘อตฺเถโก อุปาโย’’ติ คาฬฺหํ นิวาเสตฺวา หตฺเถ อุกฺขิปิตฺวา ‘‘โภ, อหํ ทูโต, ทูโต’’ติ อุจฺจาสทฺทํ กโรนฺโต ราชานํ อุปสงฺกมิ. เตน จ สมเยน ตสฺมึ ชนปเท ‘‘ทูโตมฺหี’’ติ วทนฺตํ น วาเรนฺติ, ตสฺมา มหาชโน ทฺวิธา ภิชฺชิตฺวา โอกาสํ อทาสิ. โส เวเคน คนฺตฺวา รฺโ ปาติยา เอกํ ภตฺตปิณฺฑํ คเหตฺวา มุเข ปกฺขิปิ, อถสฺส ‘‘สีสํ ฉินฺทิสฺสามี’’ติ อสิคาโห อสึ อพฺพาเหสิ, ราชา ‘‘มา ปหรี’’ติ นิวาเรสิ, ‘‘มา ภายิ, ภฺุชสฺสู’’ติ หตฺถํ โธวิตฺวา นิสีทิ. โภชนปริโยสาเน ¶ จสฺส อตฺตโน ปิวนปานียฺเจว ตมฺพูลฺจ ทาเปตฺวา ‘‘โภ ปุริส, ตฺวํ ‘ทูโตมฺหี’ติ วทสิ, กสฺส ทูโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘มหาราช อหํ ตณฺหาทูโต, อุทรทูโต, ตณฺหา มํ อาณาเปตฺวา ‘ตฺวํ คจฺฉาหี’ติ ทูตํ กตฺวา เปเสสี’’ติ วตฺวา ปุริมา ทฺเว คาถา อโวจ –
‘‘ยสฺสตฺถา ทูรมายนฺติ, อมิตฺตมปิ ยาจิตุํ;
ตสฺสูทรสฺสหํ ทูโต, มา เม กุชฺฌ รเถสภ.
‘‘ยสฺส ทิวา จ รตฺโต จ, วสมายนฺติ มาณวา;
ตสฺสูทรสฺสหํ ทูโต, มา เม กุชฺฌ รเถสภา’’ติ.
ตตฺถ ยสฺสตฺถา ทูรมายนฺตีติ ยสฺส อตฺถาย อิเม สตฺตา ตณฺหาวสิกา หุตฺวา ทูรมฺปิ คจฺฉนฺติ. รเถสภาติ รถโยธเชฏฺก.
ราชา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘สจฺจเมตํ, อิเม สตฺตา อุทรทูตา ตณฺหาวเสน วิจรนฺติ, ตณฺหาว อิเม สตฺเต วิจาเรติ, ยาว มนาปํ วต อิมินา กถิต’’นฺติ ตสฺส ปุริสสฺส ตุสฺสิตฺวา ตติยํ คาถมาห –
‘‘ททามิ เต พฺราหฺมณ โรหิณีนํ, ควํ สหสฺสํ สห ปุงฺคเวน;
ทูโต หิ ทูตสฺส กถํ น ทชฺชํ, มยมฺปิ ตสฺเสว ภวาม ทูตา’’ติ.
ตตฺถ ¶ พฺราหฺมณาติ อาลปนมตฺตเมตํ. โรหิณีนนฺติ รตฺตวณฺณานํ. สห ปุงฺคเวนาติ ยูถปริณายเกน อุปทฺทวรกฺขเกน อุสเภน สทฺธึ. มยมฺปีติ อหฺจ อวเสสา จ สพฺเพ สตฺตา ตสฺเสว อุทรสฺส ทูตา ภวาม, ตสฺมา อหํ อุทรทูโต สมาโน อุทรทูตสฺส ตุยฺหํ กสฺมา น ¶ ทชฺชนฺติ. เอวฺจ ปน วตฺวา ‘‘อิมินา วต ปุริเสน อสฺสุตปุพฺพํ การณํ กถิต’’นฺติ ตุฏฺจิตฺโต ตสฺส มหนฺตํ ยสํ อทาสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โส โลลภิกฺขุ สกทาคามิผเล ปติฏฺหิ, อฺเปิ พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ. ‘‘ตทา โลลปุริโส เอตรหิ โลลภิกฺขุ อโหสิ, โภชนสุทฺธิกราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ทูตชาตกวณฺณนา ทสมา.
สงฺกปฺปวคฺโค ปโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
สงฺกปฺป ติลมุฏฺิ จ, มณิ จ สินฺธวาสุกํ;
ชรูทปานํ คามณิ, มนฺธาตา ติรีฏทูตนฺติ.
๒. ปทุมวคฺโค
[๒๖๑] ๑. ปทุมชาตกวณฺณนา
ยถา ¶ เกสา จ มสฺสู จาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อานนฺทโพธิมฺหิ มาลาปูชการเก ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ กาลิงฺคโพธิชาตเก อาวิภวิสฺสติ. โส ปน อานนฺทตฺเถเรน โรปิตตฺตา ‘‘อานนฺทโพธี’’ติ ชาโต. เถเรน หิ เชตวนทฺวารโกฏฺเก โพธิสฺส โรปิตภาโว สกลชมฺพุทีเป ปตฺถริ. อเถกจฺเจ ชนปทวาสิโน ภิกฺขู ‘‘อานนฺทโพธิมฺหิ มาลาปูชํ กริสฺสามา’’ติ เชตวนํ ¶ อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปุนทิวเส สาวตฺถึ ปวิสิตฺวา อุปฺปลวีถึ คนฺตฺวา มาลํ อลภิตฺวา อาคนฺตฺวา อานนฺทตฺเถรสฺส อาโรเจสุํ – ‘‘อาวุโส, มยํ ‘โพธิมฺหิ มาลาปูชํ กริสฺสามา’ติ อุปฺปลวีถึ คนฺตฺวา เอกมาลมฺปิ น ลภิมฺหา’’ติ. เถโร ‘‘อหํ โว, อาวุโส, อาหริสฺสามี’’ติ อุปฺปลวีถึ คนฺตฺวา พหู นีลุปฺปลกลาเป อุกฺขิปาเปตฺวา อาคมฺม เตสํ ทาเปสิ, เต ตานิ คเหตฺวา โพธิสฺส ปูชํ กรึสุ. ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ธมฺมสภายํ ภิกฺขู เถรสฺส คุณกถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, ชานปทา ภิกฺขู อปฺปปฺุา อุปฺปลวีถึ คนฺตฺวา มาลํ น ลภึสุ, เถโร ปน คนฺตฺวาว อาหราเปสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว ¶ วตฺตุเฉกา กถากุสลา มาลํ ลภนฺติ, ปุพฺเพปิ ลภึสุเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เสฏฺิปุตฺโต อโหสิ. อนฺโตนคเร จ เอกสฺมึ สเร ปทุมานิ ปุปฺผนฺติ. เอโก ฉินฺนนาโส ปุริโส ตํ สรํ รกฺขติ. อเถกทิวสํ พาราณสิยํ อุสฺสเว ฆุฏฺเ มาลํ ปิฬนฺธิตฺวา อุสฺสวํ กีฬิตุกามา ตโย เสฏฺิปุตฺตา ‘‘นาสจฺฉินฺนสฺส อภูเตน วณฺณํ วตฺวา มาลํ ยาจิสฺสามา’’ติ ตสฺส ปทุมานิ ภฺชนกาเล สรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ.
เตสุ เอโก ตํ อามนฺเตตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘ยถา ¶ เกสา จ มสฺสู จ, ฉินฺนํ ฉินฺนํ วิรูหติ;
เอวํ รุหตุ เต นาสา, ปทุมํ เทหิ ยาจิโต’’ติ.
โส ตสฺส กุชฺฌิตฺวา ปทุมํ น อทาสิ.
อถสฺส ทุติโย ทุติยํ คาถมาห –
‘‘ยถา สารทิกํ พีชํ, เขตฺเต วุตฺตํ วิรูหติ;
เอวํ รุหตุ เต นาสา, ปทุมํ เทหิ ยาจิโต’’ติ.
ตตฺถ สารทิกนฺติ สรทสมเย คเหตฺวา นิกฺขิตฺตํ สารสมฺปนฺนํ พีชํ. โส ตสฺสปิ กุชฺฌิตฺวา ปทุมํ น อทาสิ.
อถสฺส ตติโย ตติยํ คาถมาห –
‘‘อุโภปิ ¶ ปลปนฺเตเต, อปิ ปทฺมานิ ทสฺสติ;
วชฺชุํ วา เต น วา วชฺชุํ, นตฺถิ นาสาย รูหนา;
เทหิ สมฺม ปทุมานิ, อหํ ยาจามิ ยาจิโต’’ติ.
ตตฺถ อุโภปิ ปลปนฺเตเตติ เอเต ทฺเวปิ มุสา วทนฺติ. อปิ ปทฺมานีติ ‘‘อปิ นาม โน ปทุมานิ ทสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา เอวํ วทนฺติ. วชฺชุํ วา ¶ เต น วา วชฺชุนฺติ ‘‘ตว นาสา รุหตู’’ติ เอวํ วเทยฺยุํ วา น วา วเทยฺยุํ, เอเตสํ วจนํ อปฺปมาณํ, สพฺพตฺถาปิ นตฺถิ นาสาย รุหนา, อหํ ปน เต นาสํ ปฏิจฺจ น กิฺจิ วทามิ, เกวลํ ยาจามิ, ตสฺส เม เทหิ, สมฺม, ปทุมานิ ยาจิโตติ.
ตํ สุตฺวา ปทุมสรโคปโก ‘‘อิเมหิ ทฺวีหิ มุสาวาโท กถิโต, ตุมฺเหหิ สภาโว กถิโต, ตุมฺหากํ อนุจฺฉวิกานิ ปทุมานี’’ติ มหนฺตํ ปทุมกลาปํ อาทาย ตสฺส ทตฺวา อตฺตโน ปทุมสรเมว คโต.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปทุมลาภี เสฏฺิปุตฺโต อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ปทุมชาตกวณฺณนา ปมา.
[๒๖๒] ๒. มุทุปาณิชาตกวณฺณนา
ปาณิ เจ มุทุโก จสฺสาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ สตฺถา ธมฺมสภํ อานีตํ ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขุ, อิตฺถิโย นาเมตา กิเลสวเสน คมนโต อรกฺขิยา, โปราณกปณฺฑิตาปิ อตฺตโน ธีตรํ รกฺขิตุํ นาสกฺขึสุ, ปิตรา หตฺเถ คเหตฺวา ิตาว ปิตรํ อชานาเปตฺวา กิเลสวเสน ปุริเสน สทฺธึ ปลายี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา ปิตุ อจฺจเยน รชฺเช ปติฏฺาย ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ. โส ¶ ธีตรฺจ ภาคิเนยฺยฺจ ทฺเวปิ อนฺโตนิเวสเน โปเสนฺโต เอกทิวสํ อมจฺเจหิ สทฺธึ นิสินฺโน ‘‘มมจฺจเยน มยฺหํ ภาคิเนยฺโย ราชา ¶ ภวิสฺสติ, ธีตาปิ เม ตสฺส อคฺคมเหสี ภวิสฺสตี’’ติ วตฺวา อปรภาเค ภาคิเนยฺยสฺส วยปฺปตฺตกาเล ปุน อมจฺเจหิ สทฺธึ นิสินฺโน ‘‘มยฺหํ ภาคิเนยฺยสฺส อฺสฺส รฺโ ธีตรํ อาเนสฺสาม, มยฺหํ ธีตรมฺปิ อฺสฺมึ ราชกุเล ทสฺสาม, เอวํ โน าตกา พหุตรา ภวิสฺสนฺตี’’ติ อาห. อมจฺจา สมฺปฏิจฺฉึสุ.
อถ ราชา ภาคิเนยฺยสฺส พหิเคหํ ทาเปสิ, อนฺโต ปเวสนํ นิวาเรสิ. เต ปน อฺมฺํ ปฏิพทฺธจิตฺตา อเหสุํ. กุมาโร ‘‘เกน นุ โข อุปาเยน ราชธีตรํ พหิ นีหราเปยฺย’’นฺติ จินฺเตนฺโต ‘‘อตฺถิ อุปาโย’’ติ ธาติยา ลฺชํ ทตฺวา ‘‘กึ, อยฺยปุตฺต, กิจฺจ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อมฺม, กถํ นุ โข ราชธีตรํ พหิ กาตุํ โอกาสํ ลเภยฺยามา’’ติ อาห. ‘‘ราชธีตาย สทฺธึ กเถตฺวา ชานิสฺสามี’’ติ. ‘‘สาธุ, อมฺมา’’ติ. สา คนฺตฺวา ‘‘เอหิ, อมฺม, สีเส เต อูกา คณฺหิสฺสามี’’ติ ตํ นีจปีเก นิสีทาเปตฺวา สยํ อุจฺเจ นิสีทิตฺวา ตสฺสา สีสํ อตฺตโน อูรูสุ เปตฺวา อูกา คณฺหยมานา ราชธีตาย สีสํ นเขหิ วิชฺฌิ ¶ . ราชธีตา ‘‘นายํ อตฺตโน นเขหิ วิชฺฌติ, ปิตุจฺฉาปุตฺตสฺส เม กุมารสฺส นเขหิ วิชฺฌตี’’ติ ตฺวา ‘‘อมฺม, ตฺวํ กุมารสฺส สนฺติกํ อคมาสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, อมฺมา’’ติ. ‘‘กึ เตน สาสนํ กถิต’’นฺติ? ‘‘ตว พหิกรณูปายํ ปุจฺฉติ, อมฺมา’’ติ. ราชธีตา ‘‘ปณฺฑิโต โหนฺโต ชานิสฺสตี’’ติ ปมํ คาถํ พนฺธิตฺวา ‘‘อมฺม, อิมํ อุคฺคเหตฺวา กุมารสฺส กเถหี’’ติ อาห.
‘‘ปาณิ เจ มุทุโก จสฺส, นาโค จสฺส สุการิโต;
อนฺธกาโร จ วสฺเสยฺย, อถ นูน ตทา สิยา’’ติ.
สา ตํ อุคฺคณฺหิตฺวา กุมารสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อมฺม, ราชธีตา กิมาหา’’ติ วุตฺเต ‘‘อยฺยปุตฺต, อฺํ กิฺจิ อวตฺวา อิมํ คาถํ ¶ ปหิณี’’ติ ตํ คาถํ อุทาหาสิ. กุมาโร จ ตสฺสตฺถํ ตฺวา ‘‘คจฺฉ, อมฺมา’’ติ ตํ อุยฺโยเชสิ.
คาถายตฺโถ – สเจ เต เอกิสฺสา จูฬุปฏฺากาย มม หตฺโถ วิย หตฺโถ มุทุ อสฺส, ยทิ จ เต อาเนฺชการณํ สุการิโต เอโก หตฺถี อสฺส, ยทิ จ ตํ ทิวสํ จตุรงฺคสมนฺนาคโต อติวิย พหโล อนฺธกาโร อสฺส, เทโว จ วสฺเสยฺย. อถ นูน ตทา สิยาติ ¶ ตาทิเส กาเล อิเม จตฺตาโร ปจฺจเย อาคมฺม เอกํเสน เต มโนรถสฺส มตฺถกคมนํ สิยาติ.
กุมาโร เอตมตฺถํ ตถโต ตฺวา เอกํ อภิรูปํ มุทุหตฺถํ จูฬุปฏฺากํ สชฺชํ กตฺวา มงฺคลหตฺถิโคปกสฺส ลฺชํ ทตฺวา หตฺถึ อาเนฺชการณํ กาเรตฺวา กาลํ อาคเมนฺโต อจฺฉิ.
อเถกสฺมึ กาฬปกฺขุโปสถทิวเส มชฺฌิมยามสมนนฺตเร ฆนกาฬเมโฆ วสฺสิ. โส ‘‘อยํ ทานิ ราชธีตาย วุตฺตทิวโส’’ติ วารณํ อภิรุหิตฺวา มุทุหตฺถกํ จูฬุปฏฺากํ หตฺถิปิฏฺเ นิสีทาเปตฺวา คนฺตฺวา ราชนิเวสนสฺส อากาสงฺคณาภิมุเข าเน หตฺถึ มหาภิตฺติยํ อลฺลียาเปตฺวา วาตปานสมีเป เตเมนฺโต อฏฺาสิ. ราชาปิ ธีตรํ รกฺขนฺโต อฺตฺถ สยิตุํ น เทติ, อตฺตโน สนฺติเก จูฬสยเน สยาเปติ. สาปิ ‘‘อชฺช กุมาโร อาคมิสฺสตี’’ติ ตฺวา นิทฺทํ อโนกฺกมิตฺวาว นิปนฺนา ‘‘ตาต นฺหายิตุกามามฺหี’’ติ อาห. ราชา ‘‘เอหิ, อมฺมา’’ติ ตํ หตฺเถ คเหตฺวา วาตปานสมีปํ เนตฺวา ‘‘นฺหายาหิ, อมฺมา’’ติ อุกฺขิปิตฺวา วาตปานสฺส พหิปสฺเส ปมุเข เปตฺวา เอกสฺมึ หตฺเถ คเหตฺวา อฏฺาสิ. สา นฺหายมานาว กุมารสฺส หตฺถํ ปสาเรสิ, โส ตสฺสา หตฺถโต อาภรณานิ โอมฺุจิตฺวา อุปฏฺากาย หตฺเถ ปิฬนฺธิตฺวา ¶ ตํ อุกฺขิปิตฺวา ราชธีตรํ นิสฺสาย ปมุเข เปสิ ¶ . สา ตสฺสา หตฺถํ คเหตฺวา ปิตุ หตฺเถ เปสิ, โส ตสฺสา หตฺถํ คเหตฺวา ธีตุ หตฺถํ มฺุจิ, สา อิตรสฺมาปิ หตฺถา อาภรณานิ โอมฺุจิตฺวา ตสฺสา ทุติยหตฺเถ ปิฬนฺธิตฺวา ปิตุ หตฺเถ เปตฺวา กุมาเรน สทฺธึ อคมาสิ. ราชา ‘‘ธีตาเยว เม’’ติ สฺาย ตํ ทาริกํ นฺหานปริโยสาเน สิริคพฺเภ สยาเปตฺวา ทฺวารํ ปิธาย ลฺเฉตฺวา อารกฺขํ ทตฺวา อตฺตโน สยนํ คนฺตฺวา นิปชฺชิ.
โส ปภาตาย รตฺติยา ทฺวารํ วิวริตฺวา ตํ ทาริกํ ทิสฺวา ‘‘กิเมต’’นฺติ ปุจฺฉิ. สา ตสฺสา กุมาเรน สทฺธึ คตภาวํ กเถสิ. ราชา วิปฺปฏิสารี หุตฺวา ‘‘หตฺเถ คเหตฺวา จรนฺเตนปิ มาตุคามํ รกฺขิตุํ น สกฺกา, เอวํ อรกฺขิยา นามิตฺถิโย’’ติ จินฺเตตฺวา อิตรา ทฺเว คาถา อโวจ –
‘‘อนลา มุทุสมฺภาสา, ทุปฺปูรา ตา นทีสมา;
สีทนฺติ นํ วิทิตฺวาน, อารกา ปริวชฺชเย.
‘‘ยํ ¶ เอตา อุปเสวนฺติ, ฉนฺทสา วา ธเนน วา;
ชาตเวโทว สํ านํ, ขิปฺปํ อนุทหนฺติ น’’นฺติ.
ตตฺถ อนลา มุทุสมฺภาสาติ มุทุวจเนนปิ อสกฺกุเณยฺยา, เนว สกฺกา สณฺหวาจาย สงฺคณฺหิตุนฺติ อตฺโถ. ปุริเสหิ วา เอตาสํ น อลนฺติ อนลา. มุทุสมฺภาสาติ หทเย ถทฺเธปิ สมฺภาสาว มุทุ เอตาสนฺติ มุทุสมฺภาสา. ทุปฺปูรา ตา นทีสมาติ ยถา นที อาคตาคตสฺส อุทกสฺส สนฺทนโต อุทเกน ทุปฺปูรา, เอวํ อนุภูตานุภูเตหิ เมถุนาทีหิ อปริตุสฺสนโต ทุปฺปูรา. เตน วุตฺตํ –
‘‘ติณฺณํ, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ อติตฺโต อปฺปฏิวาโน มาตุคาโม กาลํ กโรติ. กตเมสํ ติณฺณํ? เมถุนสมาปตฺติยา จ วิชายนสฺส จ อลงฺการสฺส จ. อิเมสํ โข, ภิกฺขเว, ติณฺณํ ธมฺมานํ อติตฺโต อปฺปฏิวาโน มาตุคาโม กาลํ กโรตี’’ติ.
สีทนฺตีติ อฏฺสุ มหานิรเยสุ โสฬสสุ อุสฺสทนิรเยสุ นิมุชฺชนฺติ. นนฺติ นิปาตมตฺตํ ¶ . วิทิตฺวานาติ เอวํ ชานิตฺวา. อารกา ปริวชฺชเยติ ‘‘เอตา อิตฺถิโย นาม เมถุนธมฺมาทีหิ อติตฺตา กาลํ กตฺวา เอเตสุ นิรเยสุ สีทนฺติ, เอตา เอวํ อตฺตนา สีทมานา กสฺสฺสฺส ¶ สุขาย ภวิสฺสนฺตี’’ติ เอวํ ตฺวา ปณฺฑิโต ปุริโส ทูรโตว ตา ปริวชฺชเยติ ทีเปติ. ฉนฺทสา วา ธเนน วาติ อตฺตโน วา ฉนฺเทน รุจิยา เปเมน, ภติวเสน ลทฺธธเนน วา ยํ ปุริสํ เอตา อิตฺถิโย อุปเสวนฺติ ภชนฺติ. ชาตเวโทติ อคฺคิ. โส หิ ชาตมตฺโตว เวทิยติ, วิทิโต ปากโฏ โหตีติ ชาตเวโท. โส ยถา อตฺตโน านํ การณํ โอกาสํ อนุทหติ, เอวเมตาปิ ยํ อุปเสวนฺติ, ตํ ปุริสํ ธนยสสีลปฺาสมนฺนาคตมฺปิ เตสํ สพฺเพสํ ธนาทีนํ วินาสนโต ปุน ตาย สมฺปตฺติยา อภพฺพุปฺปตฺติกํ กุรุมานา ขิปฺปํ อนุทหนฺติ ฌาเปนฺติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘พลวนฺโต ทุพฺพลา โหนฺติ, ถามวนฺโตปิ หายเร;
จกฺขุมา อนฺธกา โหนฺติ, มาตุคามวสํ คตา.
‘‘คุณวนฺโต ¶ นิคฺคุณา โหนฺติ, ปฺวนฺโตปิ หายเร;
ปมตฺตา พนฺธเน เสนฺติ, มาตุคามวสํ คตา.
‘‘อชฺเฌนฺจ ตปํ สีลํ, สจฺจํ จาคํ สตึ มตึ;
อจฺฉินฺทนฺติ ปมตฺตสฺส, ปนฺถทูภีว ตกฺกรา.
‘‘ยสํ กิตฺตึ ธิตึ สูรํ, พาหุสจฺจํ ปชานนํ;
เขปยนฺติ ปมตฺตสฺส, กฏฺปฺุชํว ปาวโก’’ติ.
เอวํ วตฺวา มหาสตฺโต ‘‘ภาคิเนยฺโยปิ มยาว โปเสตพฺโพ’’ติ มหนฺเตน สกฺกาเรน ธีตรํ ตสฺเสว ทตฺวา ตํ โอปรชฺเช ปติฏฺเปสิ. โสปิ มาตุลสฺส อจฺจเยน รชฺเช ปติฏฺหิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทเสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา ราชา อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
มุทุปาณิชาตกวณฺณนา ทุติยา.
[๒๖๓] ๓. จูฬปโลภนชาตกวณฺณนา
อภิชฺชมาเน ¶ ¶ วาริสฺมินฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อุกฺกณฺิตภิกฺขุเมว อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ สตฺถา ธมฺมสภํ อานีตํ ‘‘สจฺจํ กิร, ตฺวํ ภิกฺขุ, อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขุ, อิตฺถิโย นาเมตา โปราณเก สุทฺธสตฺเตปิ สํกิเลเสสุ’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺโต ราชา อปุตฺตโก หุตฺวา อตฺตโน อิตฺถิโย ‘‘ปุตฺตปตฺถนํ กโรถา’’ติ อาห. ตา ปุตฺเต ปตฺเถนฺติ. เอวํ อทฺธาเน คเต โพธิสตฺโต พฺรหฺมโลกา จวิตฺวา อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมึ นิพฺพตฺติ. ตํ ชาตมตฺตํ นฺหาเปตฺวา ถฺปายนตฺถาย ธาติยา อทํสุ. โส ปายมาโน โรทติ, อถ นํ อฺิสฺสา อทํสุ. มาตุคามหตฺถคโต เนว ตุณฺหี โหติ. อถ นํ เอกสฺส ปาทมูลิกสฺส อทํสุ, เตน คหิตมตฺโตเยว ตุณฺหี อโหสิ. ตโต ปฏฺาย ปุริสาว ¶ ตํ คเหตฺวา จรนฺติ. ถฺํ ปาเยนฺตา ทุหิตฺวา วา ปาเยนฺติ, สาณิอนฺตเรน วา ถนํ มุเข เปนฺติ. เตนสฺส อนิตฺถิคนฺธกุมาโรติ นามํ กรึสุ. ตสฺส อปราปรํ วทฺธมานสฺสปิ มาตุคามํ นาม ทสฺเสตุํ น สกฺกา. เตนสฺส ราชา วิสุํเยว นิสชฺชาทิฏฺานานิ ฌานาคารฺจ กาเรสิ.
โส ตสฺส โสฬสวสฺสิกกาเล จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ อฺโ ปุตฺโต นตฺถิ, อยํ ปน กุมาโร กาเม น ปริภฺุชติ, รชฺชมฺปิ น อิจฺฉิสฺสติ, ทุลฺลทฺโธ วต เม ปุตฺโต’’ติ. อถ นํ เอกา นจฺจคีตวาทิตกุสลา ปุริเส ปริจริตฺวา อตฺตโน วเส กาตุํ ปฏิพลา ตรุณนาฏกิตฺถี อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘เทว, กึ นุ จินฺเตสี’’ติ อาห, ราชา ตํ การณํ อาจิกฺขิ. ‘‘โหตุ, เทว ¶ , อหํ ตํ ปโลเภตฺวา กามรสํ ชานาเปสฺสามี’’ติ. ‘‘สเจ เม ปุตฺตํ อนิตฺถิคนฺธกุมารํ ปโลเภตุํ สกฺกิสฺสสิ, โส ราชา ภวิสฺสติ, ตฺวํ อคฺคมเหสี’’ติ. สา ‘‘มเมโส ภาโร, ตุมฺเห มา จินฺตยิตฺถา’’ติ วตฺวา อารกฺขมนุสฺเส อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘อหํ ปจฺจูสสมเย อาคนฺตฺวา อยฺยปุตฺตสฺส สยนฏฺาเน พหิฌานาคาเร ตฺวา คายิสฺสามิ. สเจ โส กุชฺฌติ, มยฺหํ กเถยฺยาถ, อหํ อปคจฺฉิสฺสามิ. สเจ สุณาติ, วณฺณํ เม กเถยฺยาถา’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉึสุ.
สาปิ ปจฺจูสกาเล ตสฺมึ ปเทเส ตฺวา ตนฺติสฺสเรน คีตสฺสรํ, คีตสฺสเรน ตนฺติสฺสรํ อนติกฺกมิตฺวา มธุเรน สทฺเทน คายิ, กุมาโร สุณนฺโตว นิปชฺชิ, ปุนทิวเส จ อาสนฺนฏฺาเน ตฺวา ¶ คายิตุํ อาณาเปสิ, ปุนทิวเส ฌานาคาเร ตฺวา คายิตุํ อาณาเปสิ, ปุนทิวเส อตฺตโน สมีเป ตฺวาติ เอวํ อนุกฺกเมเนว ตณฺหํ อุปฺปาเทตฺวา โลกธมฺมํ เสวิตฺวา กามรสํ ตฺวา ‘‘มาตุคามํ นาม อฺเสํ น ทสฺสามี’’ติ อสึ คเหตฺวา อนฺตรวีถึ โอตริตฺวา ปุริเส อนุพนฺธนฺโต วิจริ. อถ นํ ราชา คาหาเปตฺวา ตาย กุมาริกาย สทฺธึ นครา นีหราเปสิ. อุโภปิ อรฺํ ปวิสิตฺวา อโธคงฺคํ คนฺตฺวา เอกสฺมึ ปสฺเส คงฺคํ, เอกสฺมึ สมุทฺทํ กตฺวา อุภินฺนมนฺตเร อสฺสมปทํ มาเปตฺวา วาสํ กปฺปยึสุ. กุมาริกา ปณฺณสาลายํ นิสีทิตฺวา กนฺทมูลาทีนิ ปจติ, โพธิสตฺโต อรฺโต ผลาผลํ อาหรติ.
อเถกทิวสํ ¶ ตสฺมึ ผลาผลตฺถาย คเต สมุทฺททีปกา เอโก ตาปโส ภิกฺขาจารตฺถาย อากาเสน คจฺฉนฺโต ธูมํ ทิสฺวา อสฺสมปเท โอตริ. อถ นํ สา ‘‘นิสีท, ยาว ปจฺจตี’’ติ นิสีทาเปตฺวา อิตฺถิกุตฺเตน ปโลเภตฺวา ฌานา จาเวตฺวา พฺรหฺมจริยมสฺส อนฺตรธาเปสิ. โส ปกฺขจฺฉินฺนกาโก วิย หุตฺวา ¶ ตํ ชหิตุํ อสกฺโกนฺโต สพฺพทิวสํ ตตฺเถว ตฺวา โพธิสตฺตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา เวเคน สมุทฺทาภิมุโข ปลายิ. อถ นํ โส ‘‘ปจฺจามิตฺโต เม อยํ ภวิสฺสตี’’ติ อสึ คเหตฺวา อนุพนฺธิ. ตาปโส อากาเส อุปฺปตนาการํ ทสฺเสตฺวา สมุทฺเท ปติ. โพธิสตฺโต ‘‘เอส ตาปโส อากาเสนาคโต ภวิสฺสติ, ฌานสฺส ปริหีนตฺตา สมุทฺเท ปติโต, มยา ทานิสฺส อวสฺสเยน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา เวลนฺเต ตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘อภิชฺชมาเน วาริสฺมึ, สยํ อาคมฺม อิทฺธิยา;
มิสฺสีภาวิตฺถิยา คนฺตฺวา, สํสีทสิ มหณฺณเว.
‘‘อาวฏฺฏนี มหามายา, พฺรหฺมจริยวิโกปนา;
สีทนฺติ นํ วิทิตฺวาน, อารกา ปริวชฺชเย.
‘‘ยํ เอตา อุปเสวนฺติ, ฉนฺทสา วา ธเนน วา;
ชาตเวโทว สํ านํ, ขิปฺปํ อนุทหนฺติ น’’นฺติ.
ตตฺถ อภิชฺชมาเน วาริสฺมินฺติ อิมสฺมึ อุทเก อจลมาเน อกมฺปมาเน อุทกํ อนามสิตฺวา สยํ อากาเสเนว อิทฺธิยา อาคนฺตฺวา. มิสฺสีภาวิตฺถิยาติ โลกธมฺมวเสน อิตฺถิยา ¶ สทฺธึ มิสฺสีภาวํ. อาวฏฺฏนี มหามายาติ อิตฺถิโย นาเมตา กามาวฏฺเฏน อาวฏฺฏนโต อาวฏฺฏนี, อนนฺตาหิ อิตฺถิมายาหิ สมนฺนาคตตฺตา มหามายา นาม. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘มายา เจตา มรีจี จ, โสโก โรโค จุปทฺทโว;
ขรา จ พนฺธนา เจตา, มจฺจุปาโส คุหาสโย;
ตาสุ โย วิสฺสเส โปโส, โส นเรสุ นราธโม’’ติ. (ชา. ๒.๒๑.๑๑๘);
พฺรหฺมจริยวิโกปนาติ ¶ เสฏฺจริยสฺส เมถุนวิรติพฺรหฺมจริยสฺส วิโกปนา. สีทนฺตีติ อิตฺถิโย นาเมตา อิสีนํ พฺรหฺมจริยวิโกปเนน อปาเยสุ สีทนฺติ. เสสํ ปุริมนเยเนว โยเชตพฺพํ.
เอตํ ปน โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา ตาปโส สมุทฺทมชฺเฌ ิโตเยว นฏฺชฺฌานํ ปุน อุปฺปาเทตฺวา อากาเสน อตฺตโน วสนฏฺานเมว คโต. โพธิสตฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ตาปโส เอวํ ภาริโก สมาโน สิมฺพลิตูลํ วิย อากาเสน คโต, มยาปิ อิมินา ¶ วิย ฌานํ อุปฺปาเทตฺวา อากาเสน จริตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส อสฺสมํ คนฺตฺวา ตํ อิตฺถึ มนุสฺสปถํ เนตฺวา ‘‘คจฺฉ, ตฺว’’นฺติ อุยฺโยเชตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา มนฺุเ ภูมิภาเค อสฺสมํ มาเปตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา กสิณปริกมฺมํ กตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา อนิตฺถิคนฺธกุมาโร อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
จูฬปโลภนชาตกวณฺณนา ตติยา.
[๒๖๔] ๔. มหาปนาทชาตกวณฺณนา
ปนาโท นาม โส ราชาติ อิทํ สตฺถา คงฺคาตีเร นิสินฺโน ภทฺทชิตฺเถรสฺสานุภาวํ อารพฺภ กเถสิ. เอกสฺมิฺหิ สมเย สตฺถา สาวตฺถิยํ วสฺสํ วสิตฺวา ‘‘ภทฺทชิกุมารสฺส สงฺคหํ กริสฺสามี’’ติ ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต จาริกํ จรมาโน ภทฺทิยนครํ ปตฺวา ชาติยาวเน ตโย มาเส ¶ วสิ กุมารสฺส าณปริปากํ อาคมยมาโน. ภทฺทชิกุมาโร มหายโส อสีติโกฏิวิภวสฺส ภทฺทิยเสฏฺิโน เอกปุตฺตโก. ตสฺส ติณฺณํ อุตูนํ อนุจฺฉวิกา ตโย ปาสาทา อเหสุํ. เอเกกสฺมึ จตฺตาโร จตฺตาโร มาเส วสติ. เอกสฺมึ วสิตฺวา นาฏกปริวุโต มหนฺเตน ยเสน อฺํ ปาสาทํ คจฺฉติ. ตสฺมึ ขเณ ‘‘กุมารสฺส ยสํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ สกลนครํ สงฺขุภิ, ปาสาทนฺตเร จกฺกาติจกฺกานิ มฺจาติมฺจานิ พนฺธนฺติ.
สตฺถา ¶ ตโย มาเส วสิตฺวา ‘‘มยํ คจฺฉามา’’ติ นครวาสีนํ อาโรเจสิ. นาครา ‘‘ภนฺเต, สฺเว คมิสฺสถา’’ติ สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา ทุติยทิวเส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ สชฺเชตฺวา นครมชฺเฌ มณฺฑปํ กตฺวา อลงฺกริตฺวา อาสนานิ ปฺเปตฺวา กาลํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ตตฺถ คนฺตฺวา นิสีทิ, มนุสฺสา มหาทานํ อทํสุ. สตฺถา นิฏฺิตภตฺตกิจฺโจ มธุรสฺสเรน อนุโมทนํ อารภิ. ตสฺมึ ขเณ ภทฺทชิกุมาโรปิ ปาสาทโต ปาสาทํ คจฺฉติ ¶ , ตสฺส สมฺปตฺติทสฺสนตฺถาย ตํ ทิวสํ น โกจิ อคมาสิ, อตฺตโน มนุสฺสาว ปริวาเรสุํ. โส มนุสฺเส ปุจฺฉิ – ‘‘อฺสฺมึ กาเล มยิ ปาสาทโต ปาสาทํ คจฺฉนฺเต สกลนครํ สงฺขุภติ, จกฺกาติจกฺกานิ มฺจาติมฺจานิ พนฺธนฺติ, อชฺช ปน เปตฺวา มยฺหํ มนุสฺเส อฺโ โกจิ นตฺถิ, กึ นุ โข การณ’’นฺติ. ‘‘สามิ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ อิมํ ภทฺทิยนครํ อุปนิสฺสาย ตโย มาเส วสิตฺวา อชฺเชว คมิสฺสติ, โส ภตฺตกิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสติ, สกลนครวาสิโนปิ ตสฺส ธมฺมกถํ สุณนฺตี’’ติ. โส ‘‘เตน หิ เอถ, มยมฺปิ สุณิสฺสามา’’ติ สพฺพาภรณปฏิมณฺฑิโตว มหนฺเตน ปริวาเรน อุปสงฺกมิตฺวา ปริสปริยนฺเต ิโต ธมฺมํ สุณนฺโต ิโตว สพฺพกิเลเส เขเปตฺวา อคฺคผลํ อรหตฺตํ ปาปุณิ.
สตฺถา ภทฺทิยเสฏฺึ อามนฺเตตฺวา ‘‘มหาเสฏฺิ, ปุตฺโต เต อลงฺกตปฏิยตฺโตว ธมฺมกถํ สุณนฺโต อรหตฺเต ปติฏฺิโต, เตนสฺส อชฺเชว ปพฺพชิตุํ วา วฏฺฏติ ปรินิพฺพายิตุํ วา’’ติ อาห. ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ ปุตฺตสฺส ปรินิพฺพาเนน กิจฺจํ นตฺถิ, ปพฺพาเชถ นํ, ปพฺพาเชตฺวา จ ปน นํ คเหตฺวา สฺเว อมฺหากํ เคหํ อุปสงฺกมถา’’ติ. ภควา นิมนฺตนํ อธิวาเสตฺวา กุลปุตฺตํ อาทาย วิหารํ คนฺตฺวา ปพฺพาเชตฺวา อุปสมฺปทํ ทาเปสิ. ตสฺส มาตาปิตโร สตฺตาหํ มหาสกฺการํ กรึสุ. สตฺถา สตฺตาหํ วสิตฺวา กุลปุตฺตมาทาย จาริกํ จรนฺโต โกฏิคามํ ปาปุณิ. โกฏิคามวาสิโน มนุสฺสา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ อทํสุ. สตฺถา ภตฺตกิจฺจาวสาเน อนุโมทนํ อารภิ. กุลปุตฺโต อนุโมทนกรณกาเล พหิคามํ คนฺตฺวา ‘‘สตฺถุ อาคตกาเลเยว อุฏฺหิสฺสามี’’ติ คงฺคาติตฺถสมีเป เอกสฺมึ รุกฺขมูเล ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา นิสีทิ ¶ . มหลฺลกตฺเถเรสุ อาคจฺฉนฺเตสุปิ อนุฏฺหิตฺวา สตฺถุ อาคตกาเลเยว อุฏฺหิ. ปุถุชฺชนา ภิกฺขู ‘‘อยํ ปุเร วิย ปพฺพชิตฺวา มหาเถเร อาคจฺฉนฺเตปิ ทิสฺวา น อุฏฺหตี’’ติ กุชฺฌึสุ.
โกฏิคามวาสิโน ¶ มนุสฺสา นาวาสงฺฆาเต พนฺธึสุ. สตฺถา นาวาสงฺฆาเต ตฺวา ‘‘กหํ ¶ , ภทฺทชี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เอส, ภนฺเต, อิเธวา’’ติ. ‘‘เอหิ, ภทฺทชิ, อมฺเหหิ สทฺธึ เอกนาวํ อภิรุหา’’ติ. เถโรปิ อุปฺปติตฺวา เอกนาวาย อฏฺาสิ. อถ นํ คงฺคาย มชฺฌํ คตกาเล สตฺถา อาห – ‘‘ภทฺทชิ, ตยา มหาปนาทราชกาเล อชฺฌาวุตฺถปาสาโท กห’’นฺติ. อิมสฺมึ าเน นิมุคฺโค, ภนฺเตติ. ปุถุชฺชนา ภิกฺขู ‘‘ภทฺทชิตฺเถโร อฺํ พฺยากโรตี’’ติ อาหํสุ. สตฺถา ‘‘เตน หิ, ภทฺทชิ, สพฺรหฺมจารีนํ กงฺขํ ฉินฺทา’’ติ อาห. ตสฺมึ ขเณ เถโร สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อิทฺธิพเลน คนฺตฺวา ปาสาทถูปิกํ ปาทงฺคุลิยา คเหตฺวา ปฺจวีสติโยชนํ ปาสาทํ คเหตฺวา อากาเส อุปฺปติ. อุปฺปติโต จ ปน เหฏฺาปาสาเท ิตานํ ปาสาทํ ภินฺทิตฺวา ปฺายิ. โส เอกโยชนํ ทฺวิโยชนํ ติโยชนนฺติ ยาว วีสติโยชนา อุทกโต ปาสาทํ อุกฺขิปิ. อถสฺส ปุริมภเว าตกา ปาสาทโลเภน มจฺฉกจฺฉปนาคมณฺฑูกา หุตฺวา ตสฺมึเยว ปาสาเท นิพฺพตฺตา ปาสาเท อุฏฺหนฺเต ปริวตฺติตฺวา ปริวตฺติตฺวา อุทเกเยว ปตึสุ. สตฺถา เต ปตนฺเต ทิสฺวา ‘‘าตกา เต, ภทฺทชิ, กิลมนฺตี’’ติ อาห. เถโร สตฺถุ วจนํ สุตฺวา ปาสาทํ วิสฺสชฺเชสิ, ปาสาโท ยถาาเนเยว ปติฏฺหิ, สตฺถา ปารคงฺคํ คโต. อถสฺส คงฺคาตีเรเยว อาสนํ ปฺาปยึสุ, โส ปฺตฺเต วรพุทฺธาสเน ตรุณสูริโย วิย รสฺมิโย มฺุจนฺโต นิสีทิ. อถ นํ ภิกฺขู ‘‘กสฺมึ กาเล, ภนฺเต, อยํ ปาสาโท ภทฺทชิตฺเถเรน อชฺฌาวุตฺโถ’’ติ ปุจฺฉึสุ. สตฺถา ‘‘มหาปนาทราชกาเล’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต วิเทหรฏฺเ มิถิลายํ สุรุจิ นาม ราชา อโหสิ, ปุตฺโตปิ ตสฺส สุรุจิเยว, ตสฺส ปน ปุตฺโต มหาปนาโท นาม อโหสิ, เต อิมํ ปาสาทํ ปฏิลภึสุ. ปฏิลาภตฺถาย ปนสฺส อิทํ ปุพฺพกมฺมํ – ทฺเว ปิตาปุตฺตา นเฬหิ จ อุทุมฺพรทารูหิ จ ปจฺเจกพุทฺธสฺส วสนปณฺณสาลํ กรึสุ. อิมสฺมึ ชาตเก สพฺพํ อตีตวตฺถุ ปกิณฺณกนิปาเต สุรุจิชาตเก (ชา. ๑.๑๔.๑๐๒ อาทโย) อาวิภวิสฺสติ.
สตฺถา ¶ อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา สมฺมาสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘ปนาโท ¶ นาม โส ราชา, ยสฺส ยูโป สุวณฺณโย;
ติริยํ โสฬสุพฺเพโธ, อุทฺธมาหุ สหสฺสธา.
‘‘สหสฺสกณฺโฑ ¶ สตเคณฺฑุ, ธชาลุ หริตามโย;
อนจฺจุํ ตตฺถ คนฺธพฺพา, ฉ สหสฺสานิ สตฺตธา.
‘‘เอวเมตํ ตทา อาสิ, ยถา ภาสสิ ภทฺทชิ;
สกฺโก อหํ ตทา อาสึ, เวยฺยาวจฺจกโร ตวา’’ติ.
ตตฺถ ยูโปติ ปาสาโท. ติริยํ โสฬสุพฺเพโธติ วิตฺถารโต โสฬสกณฺฑปาตวิตฺถาโร อโหสิ. อุทฺธมาหุ สหสฺสธาติ อุพฺเพเธน สหสฺสกณฺฑคมนมตฺตํ อุจฺโจ อหุ, สหสฺสกณฺฑคมนคณนาย ปฺจวีสติโยชนปฺปมาณํ โหติ. วิตฺถาโร ปนสฺส อฏฺโยชนมตฺโต.
สหสฺสกณฺโฑ สตเคณฺฑูติ โส ปเนส สหสฺสกณฺฑุพฺเพโธ ปาสาโท สตภูมิโก อโหสิ. ธชาลูติ ธชสมฺปนฺโน. หริตามโยติ หริตมณิปริกฺขิตฺโต. อฏฺกถายํ ปน ‘‘สมาลุหริตามโย’’ติ ปาโ, หริตมณิมเยหิ ทฺวารกวาฏวาตปาเนหิ สมนฺนาคโตติ อตฺโถ. สมาลูติ กิร ทฺวารกวาฏวาตปานานํ นามํ. คนฺธพฺพาติ นฏา, ฉ สหสฺสานิ สตฺตธาติ ฉ คนฺธพฺพสหสฺสานิ สตฺตธา หุตฺวา ตสฺส ปาสาทสฺส สตฺตสุ าเนสุ รฺโ รติชนนตฺถาย นจฺจึสูติ อตฺโถ. เต เอวํ นจฺจนฺตาปิ ราชานํ หาเสตุํ นาสกฺขึสุ, อถ สกฺโก เทวราชา เทวนฏํ เปเสตฺวา สมชฺชํ กาเรสิ, ตทา มหาปนาโท หสิ.
ยถา ภาสสิ, ภทฺทชีติ ภทฺทชิตฺเถเรน หิ ‘‘ภทฺทชิ, ตยา มหาปนาทราชกาเล อชฺฌาวุตฺถปาสาโท กห’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อิมสฺมึ าเน นิมุคฺโค, ภนฺเต’’ติ วทนฺเตน ตสฺมึ กาเล อตฺตโน อตฺถาย ตสฺส ปาสาทสฺส นิพฺพตฺตภาโว จ มหาปนาทราชภาโว จ ภาสิโต โหติ. ตํ คเหตฺวา สตฺถา ‘‘ยถา ตฺวํ, ภทฺทชิ, ภาสสิ, ตทา เอตํ ตเถว อโหสิ, อหํ ตทา ตว กายเวยฺยาวจฺจกโร สกฺโก เทวานมินฺโท อโหสิ’’นฺติ อาห. ตสฺมึ ¶ ขเณ ปุถุชฺชนภิกฺขู นิกฺกงฺขา อเหสุํ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มหาปนาโท ราชา ภทฺทชิ อโหสิ, สกฺโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
มหาปนาทชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.
[๒๖๕] ๕. ขุรปฺปชาตกวณฺณนา
ทิสฺวา ¶ ขุรปฺเปติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ โอสฺสฏฺวีริยํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, โอสฺสฏฺวีริโย’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขุ, กสฺมา เอวํ ตฺวํ นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวา วีริยํ โอสฺสชิ, โปราณกปณฺฑิตา อนิยฺยานิกฏฺาเนปิ วีริยํ กรึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ อฏวิอารกฺขกกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ปฺจปุริสสตปริวาโร อฏวิอารกฺขเกสุ สพฺพเชฏฺโก หุตฺวา อฏวิมุเข เอกสฺมึ คาเม วาสํ กปฺเปสิ. โส ภตึ คเหตฺวา มนุสฺเส อฏวึ อติกฺกาเมติ. อเถกสฺมึ ทิวเส พาราณเสยฺยโก สตฺถวาหปุตฺโต ปฺจหิ สกฏสเตหิ ตํ คามํ ปตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สมฺม, สหสฺสํ คเหตฺวา มํ อฏวึ อติกฺกาเมหี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ ตสฺส หตฺถโต สหสฺสํ คณฺหิ, ภตึ คณฺหนฺโตเยว ตสฺส ชีวิตํ ปริจฺจชิ. โส ตํ อาทาย อฏวึ ปาวิสิ, อฏวิมชฺเฌ ปฺจสตา โจรา อุฏฺหึสุ, โจเร ทิสฺวาว เสสปุริสา อุเรน นิปชฺชึสุ, อารกฺขกเชฏฺโก เอโกว นทนฺโต วคฺคนฺโต ปหริตฺวา ปฺจสเตปิ โจเร ปลาเปตฺวา สตฺถวาหปุตฺตํ โสตฺถินา กนฺตารํ ตาเรสิ.
สตฺถวาหปุตฺโต ปรกนฺตาเร สตฺถํ นิเวเสตฺวา ¶ อารกฺขกเชฏฺกํ นานคฺครสโภชนํ โภเชตฺวา สยมฺปิ ภุตฺตปาตราโส สุขนิสินฺโน เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ‘‘สมฺม, ตถาทารุณานํ โจรานํ อาวุธานิ คเหตฺวา อวตฺถรณกาเล เกน นุ โข เต การเณน จิตฺตุตฺราสมตฺตมฺปิ น อุปฺปนฺน’’นฺติ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘ทิสฺวา ¶ ขุรปฺเป ธนุเวคนุนฺเน, ขคฺเค คหีเต ติขิเณ เตลโธเต;
ตสฺมึ ภยสฺมึ มรเณ วิยูฬฺเห, กสฺมา นุ เต นาหุ ฉมฺภิตตฺต’’นฺติ.
ตตฺถ ธนุเวคนุนฺเนติ ธนุเวเคน วิสฺสฏฺเ. ขคฺเค คหีเตติ ถรุทณฺเฑหิ สุคหิเต ขคฺเค. มรเณ วิยูฬฺเหติ มรเณ ปจฺจุปฏฺิเต. กสฺมา นุ เต นาหูติ เกน นุ โข การเณน นาโหสิ. ฉมฺภิตตฺตนฺติ สรีรจลนํ.
ตํ สุตฺวา อารกฺขกเชฏฺโก อิตรา ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘ทิสฺวา ¶ ขุรปฺเป ธนุเวคนุนฺเน, ขคฺเค คหีเต ติขิเณ เตลโธเต;
ตสฺมึ ภยสฺมึ มรเณ วิยูฬฺเห, เวทํ อลตฺถํ วิปุลํ อุฬารํ.
‘‘โส เวทชาโต อชฺฌภวึ อมิตฺเต, ปุพฺเพว เม ชีวิตมาสิ จตฺตํ;
น หิ ชีวิเต อาลยํ กุพฺพมาโน, สูโร กยิรา สูรกิจฺจํ กทาจี’’ติ.
ตตฺถ เวทํ อลตฺถนฺติ ตุฏฺิฺเจว โสมนสฺสฺจ ปฏิลภึ. วิปุลนฺติ พหุํ. อุฬารนฺติ อุตฺตมํ. อชฺฌภวินฺติ ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา อภิภวึ. ปุพฺเพว เม ชีวิตมาสิ จตฺตนฺติ มยา ปุพฺเพว ตว หตฺถโต ภตึ คณฺหนฺเตเนว ชีวิตํ จตฺตมาสิ. น หิ ชีวิเต อาลยํ กุพฺพมาโนติ ชีวิตสฺมิฺหิ นิกนฺตึ กุรุมาโน ปุริสกิจฺจํ กทาจิปิ น กโรติ.
เอวํ ¶ โส สรวสฺเส วสฺสนฺเต ชีวิตนิกนฺติยา วิสฺสฏฺตฺตา อตฺตนา สูรกิจฺจสฺส กตภาวํ าเปตฺวา สตฺถวาหปุตฺตํ อุยฺโยเชตฺวา สกคามเมว ปจฺจาคนฺตฺวา ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โอสฺสฏฺวีริโย ภิกฺขุ อรหตฺเต ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา อารกฺขกเชฏฺโก อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ขุรปฺปชาตกวณฺณนา ปฺจมา.
[๒๖๖] ๖. วาตคฺคสินฺธวชาตกวณฺณนา
เยนาสิ ¶ กิสิยา ปณฺฑูติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สาวตฺถิยํ อฺตรํ กุฏุมฺพิกํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิเรกา อภิรูปา อิตฺถี เอกํ อภิรูปํ กุฏุมฺพิกํ ทิสฺวา ปฏิพทฺธจิตฺตา อโหสิ, สกลสรีรํ ฌายมาโน วิยสฺสา อพฺภนฺตเร กิเลสคฺคิ อุปฺปชฺชิ. สา เนว กายสฺสาทํ ลภิ, น จิตฺตสฺสาทํ, ภตฺตมฺปิสฺสา น รุจฺจิ, เกวลํ มฺจกอฏนึ คเหตฺวา นิปชฺชิ. อถ นํ อุปฏฺายิกา จ สหายิกา จ ปุจฺฉึสุ – ‘‘กึ นุ โข ตฺวํ กมฺปมานจิตฺตา อฏนึ คเหตฺวา นิปนฺนา, กึ เต อผาสุก’’นฺติ. สา เอกํ ทฺเว วาเร อกเถตฺวา ปุนปฺปุนํ วุจฺจมานา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อถ นํ ตา สมสฺสาเสตฺวา ‘‘ตฺวํ มา จินฺตยิ, มยํ ตํ ¶ อาเนสฺสามา’’ติ วตฺวา คนฺตฺวา กุฏุมฺพิเกน สทฺธึ มนฺเตสุํ, โส ปฏิกฺขิปิตฺวา ปุนปฺปุนํ วุจฺจมาโน อธิวาเสสิ. ตา ‘‘อสุกทิวเส อสุกเวลายํ อาคจฺฉา’’ติ ปฏิฺํ คเหตฺวา คนฺตฺวา ตสฺสา อาโรเจสุํ. สา อตฺตโน สยนคพฺภํ สชฺเชตฺวา อตฺตานํ อลงฺกริตฺวา สยนปิฏฺเ นิสินฺนา ตสฺมึ อาคนฺตฺวา สยเนกเทเส นิสินฺเน จินฺเตสิ – ‘‘สจาหํ อิมสฺส ¶ ครุกํ อกตฺวา อิทาเนว โอกาสํ กริสฺสามิ, อิสฺสริยํ เม ปริหายิสฺสติ, อาคตทิวเสเยว โอกาสกรณํ นาม อการณํ, อชฺช น มงฺกุํ กตฺวา อฺสฺมึ ทิวเส โอกาสํ กริสฺสามี’’ติ. อถ นํ หตฺถคหณาทิวเสน เกฬึ กาตุํ อารทฺธํ หตฺเถ คเหตฺวา ‘‘อเปหิ อเปหิ, น เม ตยา อตฺโถ’’ติ นิพฺภจฺเฉสิ. โส โอสกฺกิตฺวา ลชฺชิโต อุฏฺาย อตฺตโน เคหเมว คโต.
อิตรา อิตฺถิโย ตาย ตถา กตภาวํ ตฺวา กุฏุมฺพิเก นิกฺขนฺเต ตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาหํสุ – ‘‘ตฺวํ เอตสฺมึ ปฏิพทฺธจิตฺตา อาหารํ ปฏิกฺขิปิตฺวา นิปชฺชิ, อถ นํ มยํ ปุนปฺปุนํ ยาจิตฺวา อานยิมฺห, ตสฺส กสฺมา โอกาสํ น อกาสี’’ติ. สา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อิตรา ‘‘เตน หิ ปฺายิสฺสสี’’ติ วตฺวา ปกฺกมึสุ. กุฏุมฺพิโก ปุน นิวตฺติตฺวาปิ น โอโลเกสิ. สา ตํ อลภมานา นิราหารา ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิ. กุฏุมฺพิโก ตสฺสา มตภาวํ ตฺวา พหุํ มาลาคนฺธวิเลปนํ อาทาย เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ ปูเชตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา สตฺถารา จ ‘‘กึ นุ โข, อุปาสก, น ปฺายสี’’ติ ปุจฺฉิเต ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘สฺวาหํ, ภนฺเต, เอตฺตกํ กาลํ ลชฺชาย พุทฺธุปฏฺานํ นาคโต’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘น ¶ , อุปาสก, อิทาเนเวสา กิเลสวเสน ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา อาคตกาเล ตํ โอกาสํ อกตฺวา ลชฺชาเปสิ, ปุพฺเพปิ ปน ปณฺฑิเตสุ ปฏิพทฺธจิตฺตา หุตฺวา ปกฺโกสาเปตฺวา อาคตกาเล โอกาสํ อกตฺวา กิลเมตฺวาว อุยฺโยเชสี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สินฺธวกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วาตคฺคสินฺธโว นาม หุตฺวา ตสฺส มงฺคลอสฺโส อโหสิ. อสฺสโคปกา ตํ เนตฺวา คงฺคายํ นฺหาเปนฺติ. อถ นํ ภทฺทลี นาม คทฺรภี ทิสฺวา ปฏิพทฺธจิตฺตา หุตฺวา กิเลสวเสน กมฺปมานา เนว ติณํ ขาทิ ¶ , น อุทกํ ปิวิ, ปริสุสฺสิตฺวา กิสา อฏฺิจมฺมมตฺตา อโหสิ. อถ นํ ปุตฺโต คทฺรภโปตโก มาตรํ ปริสุสฺสมานํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข ตฺวํ, อมฺม, เนว ติณํ ขาทสิ, น อุทกํ ปิวสิ, ปริสุสฺสิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ กมฺปมานา นิปชฺชสิ, กึ เต อผาสุก’’นฺติ ปุจฺฉิ. สา อกเถตฺวา ปุนปฺปุนํ วุจฺจมานา ตมตฺถํ กเถสิ. อถ นํ ปุตฺโต สมสฺสาเสตฺวา ‘‘อมฺม, มา จินฺตยิ, อหํ ตํ อาเนสฺสามี’’ติ วตฺวา วาตคฺคสินฺธวสฺส นฺหายิตุํ ¶ อาคตกาเล ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ตาต, มยฺหํ มาตา ตุมฺเหสุ ปฏิพทฺธจิตฺตา นิราหารา สุสฺสิตฺวา มริสฺสติ, ชีวิตทานมสฺสา เทถา’’ติ อาห. ‘‘สาธุ, ตาต, ทสฺสามิ, อสฺสโคปกา มํ นฺหาเปตฺวา โถกํ คงฺคาตีเร วิจรณตฺถาย วิสฺสชฺเชนฺติ, ตฺวํ มาตรํ คเหตฺวา ตํ ปเทสํ เอหี’’ติ. โส คนฺตฺวา มาตรํ อาเนตฺวา ตสฺมึ ปเทเส วิสฺสชฺเชตฺวา เอกมนฺตํ ปฏิจฺฉนฺโน อฏฺาสิ.
อสฺสโคปกาปิ วาตคฺคสินฺธวํ ตสฺมึ าเน วิสฺสชฺเชสุํ. โส ตํ คทฺรภึ โอโลเกตฺวา อุปสงฺกมิ. อถ สา คทฺรภี ตสฺมึ อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตโน สรีรํ อุปสิงฺฆมาเน ‘‘สจาหํ ครุํ อกตฺวา อาคตกฺขเณเยวสฺส โอกาสํ กริสฺสามิ, เอวํ เม ยโส จ อิสฺสริยฺจ ปริหายิสฺสติ, อนิจฺฉมานา วิย ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา สินฺธวสฺส เหฏฺาหนุเก ปาเทน ปหริตฺวา ปลายิ, ทนฺตมูลมสฺส ภิชฺชิตฺวา คตกาโล วิย อโหสิ. วาตคฺคสินฺธโว ‘‘โก เม เอตาย อตฺโถ’’ติ ¶ ลชฺชิโต ตโตว ปลายิ. สา วิปฺปฏิสารินี หุตฺวา ตตฺเถว ปติตฺวา โสจมานา นิปชฺชิ.
อถ ¶ นํ ปุตฺโต อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘เยนาสิ กิสิยา ปณฺฑุ, เยน ภตฺตํ น รุจฺจติ;
อยํ โส อาคโต ภตฺตา, กสฺมา ทานิ ปลายสี’’ติ.
ตตฺถ เยนาติ ตสฺมึ ปฏิพทฺธจิตฺตตาย เยน การณภูเตน.
ปุตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา คทฺรภี ทุติยํ คาถมาห –
‘‘สเจ ปนาทิเกเนว, สนฺถโว นาม ชายติ;
ยโส หายติ อิตฺถีนํ, ตสฺมา ตาต ปลายห’’นฺติ.
ตตฺถ อาทิเกเนวาติอาทิโตว ปมเมว. สนฺถโวติ เมถุนธมฺมสํโยควเสน มิตฺตสนฺถโว. ยโส หายติ อิตฺถีนนฺติ, ตาต, อิตฺถีนฺหิ ครุกํ อกตฺวา อาทิโตว สนฺถวํ กุรุมานานํ ยโส หายติ, อิสฺสริยคพฺพิตภาโว ปริหายตีติ. เอวํ สา อิตฺถีนํ สภาวํ ปุตฺตสฺส กเถสิ.
ตติยคาถํ ¶ ปน สตฺถา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อาห –
‘‘ยสสฺสินํ กุเล ชาตํ, อาคตํ ยา น อิจฺฉติ;
โสจติ จิรรตฺตาย, วาตคฺคมิว ภทฺทลี’’ติ.
ตตฺถ ยสสฺสินนฺติ ยสสมฺปนฺนํ. ยา น อิจฺฉตีติ ยา อิตฺถี ตถารูปํ ปุริสํ น อิจฺฉติ. จิรรตฺตายาติ จิรรตฺตํ, ทีฆมทฺธานนฺติ อตฺโถ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน กุฏุมฺพิโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา คทฺรภี สา อิตฺถี อโหสิ, วาตคฺคสินฺธโว ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
วาตคฺคสินฺธวชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.
[๒๖๗] ๗. กกฺกฏกชาตกวณฺณนา
สิงฺคี ¶ ¶ มิโคติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ อิตฺถึ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิเรโก กุฏุมฺพิโก อตฺตโน ภริยํ คเหตฺวา อุทฺธารโสธนตฺถาย ชนปทํ คนฺตฺวา อุทฺธารํ โสเธตฺวา อาคจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค โจเรหิ คหิโต. ภริยา ปนสฺส อภิรูปา ปาสาทิกา ทสฺสนียา, โจรเชฏฺโก ตสฺสา สิเนเหน กุฏุมฺพิกํ มาเรตุํ อารภิ. สา ปน อิตฺถี สีลวตี อาจารสมฺปนฺนา ปติเทวตา, สา โจรเชฏฺกสฺส ปาเทสุ นิปติตฺวา ‘‘สามิ, สเจ มยิ สิเนโห อตฺถิ, มา มยฺหํ สามิกํ มาเรหิ. สเจ มาเรสิ, อหมฺปิ วิสํ วา ขาทิตฺวา นาสวาตํ วา สนฺนิรุมฺภิตฺวา มริสฺสามิ, ตยา ปน สทฺธึ น คมิสฺสามิ, มา เม อการเณน สามิกํ มาเรหี’’ติ ยาจิตฺวา ตํ วิสฺสชฺชาเปสิ. เต อุโภปิ โสตฺถินา สาวตฺถึ ปตฺวา เชตวนปิฏฺิวิหาเรน คจฺฉนฺตา ‘‘วิหารํ ปวิสิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิสฺสามา’’ติ คนฺธกุฏิปริเวณํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เต สตฺถารา ‘‘กหํ คตตฺถ, อุปาสกา’’ติ ปุฏฺา ‘‘อุทฺธารโสธนตฺถายา’’ติ อาหํสุ. ‘‘อนฺตรามคฺเค ปน อาโรคฺเยน อาคตตฺถา’’ติ วุตฺเต กุฏุมฺพิโก อาห – ‘‘อนฺตรามคฺเค โน, ภนฺเต, โจรา คณฺหึสุ, ตตฺเรสา มํ มาริยมานํ โจรเชฏฺกํ ยาจิตฺวา โมเจสิ, อิมํ นิสฺสาย มยา ชีวิตํ ลทฺธ’’นฺติ. สตฺถา ‘‘น, อุปาสก, อิทาเนเวตาย ¶ เอวํ ตุยฺหํ ชีวิตํ ทินฺนํ, ปุพฺเพปิ ปณฺฑิตานมฺปิ ชีวิตํ อทาสิเยวา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต หิมวนฺเต มหาอุทกรหโท, ตตฺถ มหาสุวณฺณกกฺกฏโก อโหสิ. โส ตสฺส นิวาสภาเวน ‘‘กุฬีรทโห’’ติ ปฺายิตฺถ. กกฺกฏโก มหา อโหสิ ขลมณฺฑลปฺปมาโณ, หตฺถี คเหตฺวา วธิตฺวา ขาทติ. หตฺถี ตสฺส ภเยน ตตฺถ โอตริตฺวา โคจรํ ¶ คณฺหิตุํ น สกฺโกนฺติ. ตทา โพธิสตฺโต กุฬีรทหํ อุปนิสฺสาย วสมานํ หตฺถิยูถเชฏฺกํ ปฏิจฺจ กเรณุยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. อถสฺส มาตา ‘‘คพฺภํ รกฺขิสฺสามี’’ติ อฺํ ปพฺพตปฺปเทสํ คนฺตฺวา คพฺภํ รกฺขิตฺวา ปุตฺตํ วิชายิ. โส อนุกฺกเมน วิฺุตํ ปตฺโต ¶ มหาสรีโร ถามสมฺปนฺโน โสภคฺคปฺปตฺโต อฺชนปพฺพโต วิย อโหสิ. โส เอกาย กเรณุยา สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปตฺวา ‘‘กกฺกฏกํ คณฺหิสฺสามี’’ติ อตฺตโน ภริยฺจ มาตรฺจ อาทาย ตํ หตฺถิยูถํ อุปสงฺกมิตฺวา ปิตรํ ปสฺสิตฺวา ‘‘ตาต, อหํ กกฺกฏกํ คณฺหิสฺสามี’’ติ อาห. อถ นํ ปิตา ‘‘น สกฺขิสฺสสิ, ตาตา’’ติ วาเรตฺวา ปุนปฺปุนํ วทนฺตํ ‘‘ตฺวฺเว ชานิสฺสสี’’ติ อาห.
โส กุฬีรทหํ อุปนิสฺสาย วสนฺเต สพฺพวารเณ สนฺนิปาเตตฺวา สพฺเพหิ สทฺธึ ทหสมีปํ คนฺตฺวา ‘‘กึ โส กกฺกฏโก โอตรณกาเล คณฺหาติ, อุทาหุ โคจรํ คณฺหนกาเล, อุทาหุ อุตฺตรณกาเล’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อุตฺตรณกาเล’’ติ สุตฺวา ‘‘เตน หิ ตุมฺเห กุฬีรทหํ โอตริตฺวา ยาวทตฺถํ โคจรํ คเหตฺวา ปมํ อุตฺตรถ, อหํ ปจฺฉโต ภวิสฺสามี’’ติ อาห. วารณา ตถา กรึสุ. กุฬีโร ปจฺฉโต อุตฺตรนฺตํ โพธิสตฺตํ มหาสณฺฑาเสน กมฺมาโร โลหสลากํ วิย อฬทฺวเยน ปาเท ทฬฺหํ คณฺหิ, กเรณุกา โพธิสตฺตํ อวิชหิตฺวา สมีเปเยว อฏฺาสิ. โพธิสตฺโต อากฑฺฒนฺโต กุฬีรํ จาเลตุํ นาสกฺขิ, กุฬีโร ปน ตํ อากฑฺฒนฺโต อตฺตโน อภิมุขํ กโรติ. โส มรณภยตชฺชิโต พทฺธรวํ รวิ, สพฺเพ วารณา มรณภยตชฺชิตา โกฺจนาทํ กตฺวา มุตฺตกรีสํ จชมานา ปลายึสุ, กเรณุกาปิสฺส สณฺาตุํ อสกฺโกนฺตี ปลายิตุํ อารภิ.
อถ นํ ¶ โส อตฺตโน พทฺธภาวํ สฺาเปตฺวา ตสฺสา อปลายนตฺถํ ปมํ คาถมาห –
๔๙. ตตฺถ ¶ สิงฺคี มิโคติ สิงฺคี สุวณฺณวณฺโณ มิโค. ทฺวีหิ อเฬหิ สิงฺคกิจฺจํ สาเธนฺเตหิ ยุตฺตตาย สิงฺคีติ อตฺโถ. มิโคติ ปน สพฺพปาณสงฺคาหกวเสน อิธ กุฬีโร วุตฺโต. อายตจกฺขุเนตฺโตติ เอตฺถ ทสฺสนฏฺเน จกฺขุ, นยนฏฺเน เนตฺตํ, อายตานิ จกฺขุสงฺขาตานิ เนตฺตานิ ¶ อสฺสาติ อายตจกฺขุเนตฺโต, ทีฆอกฺขีติ อตฺโถ. อฏฺิเมวสฺส ตจกิจฺจํ สาเธตีติ อฏฺิตฺตโจ. เตนาภิภูโตติ เตน มิเคน อภิภูโต อชฺโฌตฺถโต นิจฺจลํ คหิโต หุตฺวา. กปณํ รุทามีติ การฺุปฺปตฺโต หุตฺวา รุทามิ วิรวามิ. มา เหว มนฺติ มํ เอวรูปํ พฺยสนปฺปตฺตํ อตฺตโน ปาณสมํ ปิยสามิกํ ตฺวํ มา เหว ชหีติ.
อถ สา กเรณุกา นิวตฺติตฺวา ตํ อสฺสาสยมานา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อยฺย น ตํ ชหิสฺสามิ, กฺุชรํ สฏฺิหายนํ;
ปถพฺยา จาตุรนฺตาย, สุปฺปิโย โหสิ เม ตุว’’นฺติ.
ตตฺถ สฏฺิหายนนฺติ ชาติยา สฏฺิวสฺสกาลสฺมิฺหิ กฺุชรา ถาเมน ปริหายนฺติ, สา อหํ เอวํ ถามหีนํ อิมํ พฺยสนํ ปตฺตํ ตํ น ชหิสฺสามิ, มา ภายิ, อิมิสฺสา หิ จตูสุ ทิสาสุ สมุทฺทํ ปตฺวา ิตาย จาตุรนฺตาย ปถวิยา ตฺวํ มยฺหํ สุฏฺุ ปิโยติ.
อถ นํ สนฺถมฺเภตฺวา ‘‘อยฺย, อิทานิ ตํ กุฬีเรน สทฺธึ โถกํ กถาสลฺลาปํ ลภมานา วิสฺสชฺชาเปสฺสามี’’ติ วตฺวา กุฬีรํ ยาจมานา ตติยํ คาถมาห –
‘‘เย ¶ กุฬีรา สมุทฺทสฺมึ, คงฺคาย ยมุนาย จ;
เตสํ ตฺวํ วาริโช เสฏฺโ, มฺุจ โรทนฺติยา ปติ’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – เย สมุทฺเท วา คงฺคาย วา ยมุนาย วา กุฬีรา, สพฺเพสํ วณฺณสมฺปตฺติยา จ มหนฺตตฺเตน จ ตฺวเมว เสฏฺโ อุตฺตโม. เตน ตํ ยาจามิ, มยฺหํ โรทมานาย สามิกํ มฺุจาติ.
กุฬีโร ตสฺสา กถยมานาย อิตฺถิสทฺเท นิมิตฺตํ คเหตฺวา อากฑฺฒิยมานโส หุตฺวา วารณสฺส ปาทโต อเฬ วินิเวเนฺโต ‘‘อยํ วิสฺสฏฺโ อิทํ นาม กริสฺสตี’’ติ น กิฺจิ อฺาสิ. อถ นํ วารโณ ปาทํ อุกฺขิปิตฺวา ปิฏฺิยํ อกฺกมิ, ตาวเทว อฏฺีนิ ภิชฺชึสุ. วารโณ ตุฏฺรวํ ¶ รวิ, สพฺเพ วารณา สนฺนิปติตฺวา กุฬีรํ นีหริตฺวา มหีตเล เปตฺวา มทฺทนฺตา จุณฺณวิจุณฺณมกํสุ. ตสฺส ทฺเว อฬา สรีรโต ภิชฺชิตฺวา เอกมนฺเต ปตึสุ. โส จ กุฬีรทโห คงฺคาย เอกาพทฺโธ ¶ , คงฺคาย ปูรณกาเล คงฺโคทเกน ปูรติ, อุทเก มนฺทีภูเต ทหโต อุทกํ คงฺคํ โอตรติ. อถ ทฺเวปิ เต อฬา อุปฺลวิตฺวา คงฺคาย วุยฺหึสุ. เตสุ เอโก สมุทฺทํ ปาวิสิ, เอกํ ทสภาติกราชาโน อุทเก กีฬมานา ลภิตฺวา อาฬิงฺคํ นาม มุทิงฺคํ อกํสุ. สมุทฺทํ ปน ปวิฏฺํ อสุรา คเหตฺวา อาลมฺพรํ นาม เภรึ กาเรสุํ. เต อปรภาเค สกฺเกน สงฺคาเม ปราชิตา ตํ ฉฑฺเฑตฺวา ปลายึสุ, อถ นํ สกฺโก อตฺตโน อตฺถาย คณฺหาเปสิ. ‘‘อาลมฺพรเมโฆ วิย ถนตี’’ติ ตํ สนฺธาย วทนฺติ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุโภ ชยมฺปติกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ ¶ . ‘‘ตทา กเรณุกา อยํ อุปาสิกา อโหสิ, วารโณ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
กกฺกฏกชาตกวณฺณนา สตฺตมา.
[๒๖๘] ๘. อารามทูสกชาตกวณฺณนา
โย เว สพฺพสเมตานนฺติ อิทํ สตฺถา ทกฺขิณาคิริชนปเท อฺตรํ อุยฺยานปาลปุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. สตฺถา กิร วุตฺถวสฺโส เชตวนา นิกฺขมิตฺวา ทกฺขิณาคิริชนปเท จาริกํ จริ. อเถโก อุปาสโก พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา อุยฺยาเน นิสีทาเปตฺวา ยาคุขชฺชเกหิ สนฺตปฺเปตฺวา ‘‘อยฺยา, อุยฺยานจาริกํ จริตุกามา อิมินา อุยฺยานปาเลน สทฺธึ จรนฺตู’’ติ วตฺวา ‘‘อยฺยานํ ผลาผลานิ ทเทยฺยาสี’’ติ อุยฺยานปาลํ อาณาเปสิ. ภิกฺขู จรมานา เอกํ ฉิทฺทฏฺานํ ทิสฺวา ‘‘อิทํ านํ ฉิทฺทํ วิรฬรุกฺขํ, กึ นุ โข การณ’’นฺติ ปุจฺฉึสุ. อถ เนสํ อุยฺยานปาโล อาจิกฺขิ – ‘‘เอโก กิร อุยฺยานปาลปุตฺโต อุปโรปเกสุ อุทกํ อาสิฺจนฺโต ‘มูลปฺปมาเณน อาสิฺจิสฺสามี’ติ อุปฺปาเฏตฺวา มูลปฺปมาเณน อุทกํ อาสิฺจิ, เตน ตํ านํ ฉิทฺทํ ชาต’’นฺติ. ภิกฺขู สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว ปุพฺเพปิ โส กุมารโก อารามทูสโกเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ วิสฺสเสเน นาม รฺเ รชฺชํ กาเรนฺเต อุสฺสเว ฆุฏฺเ อุยฺยานปาโล ‘‘อุสฺสวํ กีฬิสฺสามี’’ติ อุยฺยานวาสิโน มกฺกเฏ อาห – ‘‘อิทํ อุยฺยานํ ตุมฺหากํ พหูปการํ ¶ , อหํ สตฺตาหํ อุสฺสวํ กีฬิสฺสามิ, ตุมฺเห สตฺต ทิวเส อุปโรปเกสุ อุทกํ อาสิฺจถา’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉึสุ. โส เตสํ จมฺมฆฏเก ทตฺวา ปกฺกามิ. มกฺกฏา อุทกํ อาสิฺจนฺตา อุปโรปเกสุ อาสิฺจึสุ. อถ เน มกฺกฏเชฏฺโก อาห – ‘‘อาคเมถ ตาว, อุทกํ นาม สพฺพกาลํ ทุลฺลภํ, ตํ รกฺขิตพฺพํ, อุปโรปเก อุปฺปาเฏตฺวา มูลปฺปมาณํ ¶ ตฺวา ทีฆมูลเกสุ พหุํ, รสฺสมูลเกสุ อปฺปํ อุทกํ สิฺจิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา เอกจฺเจ อุปโรปเก อุปฺปาเฏตฺวา คจฺฉนฺติ, เอกจฺเจ เต โรเปตฺวา อุทกํ สิฺจนฺติ.
ตสฺมึ กาเล โพธิสตฺโต พาราณสิยํ เอกสฺส กุลสฺส ปุตฺโต อโหสิ, โส เกนจิเทว กรณีเยน อุยฺยานํ คนฺตฺวา เต มกฺกเฏ ตถา กโรนฺเต ทิสฺวา ‘‘โก ตุมฺเห เอวํ กาเรตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘วานรเชฏฺโก’’ติ วุตฺเต ‘‘เชฏฺกสฺส ตาว โว อยํ ปฺา, ตุมฺหากํ ปน กีทิสี ภวิสฺสตี’’ติ ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต อิมํ ปมํ คาถมาห –
‘‘โย เว สพฺพสเมตานํ, อหุวา เสฏฺสมฺมโต;
ตสฺสายํ เอทิสี ปฺา, กิเมว อิตรา ปชา’’ติ.
ตตฺถ สพฺพสเมตานนฺติ อิเมสํ สพฺเพสํ สมานชาตีนํ. อหุวาติ อโหสิ. กิเมว อิตรา ปชาติ ยา อิตรา เอเตสุ ลามิกา ปชา, กีทิสา นุ โข ตสฺสา ปฺาติ.
ตสฺส กถํ สุตฺวา วานรา ทุติยํ คาถมาหํสุ –
‘‘เอวเมว ตุวํ พฺรหฺเม, อนฺาย วินินฺทสิ;
กถํ มูลํ อทิสฺวาน, รุกฺขํ ชฺา ปติฏฺิต’’นฺติ.
ตตฺถ พฺรหฺเมติ อาลปนมตฺตํ. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ตฺวํ, โภ ปุริส, การณาการณํ อชานิตฺวา เอวเมว อมฺเห วินินฺทสิ, รุกฺขํ นาม ‘‘คมฺภีเร ปติฏฺิโต วา เอส, น วา’’ติ มูลํ อนุปฺปาเฏตฺวา กถํ าตุํ สกฺกา, เตน มยํ อุปฺปาเฏตฺวา มูลปฺปมาเณน อุทกํ อาสิฺจามาติ.
ตํ ¶ สุตฺวา โพธิสตฺโต ตติยํ คาถมาห –
‘‘นาหํ ¶ ตุมฺเห วินินฺทามิ, เย จฺเ วานรา วเน;
วิสฺสเสโนว คารยฺโห, ยสฺสตฺถา รุกฺขโรปกา’’ติ.
ตตฺถ วิสฺสเสโนว คารยฺโหติ พาราณสิราชา วิสฺสเสโนเยว เอตฺถ ครหิตพฺโพ. ยสฺสตฺถา รุกฺขโรปกาติ ยสฺสตฺถาย ตุมฺหาทิสา รุกฺขโรปกา ชาตาติ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา วานรเชฏฺโก อารามทูสกกุมาโร อโหสิ, ปณฺฑิตปุริโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
อารามทูสกชาตกวณฺณนา อฏฺมา.
[๒๖๙] ๙. สุชาตชาตกวณฺณนา
น หิ วณฺเณน สมฺปนฺนาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อนาถปิณฺฑิกสฺส สุณิสํ ธนฺจยเสฏฺิธีตรํ วิสาขาย กนิฏฺภคินึ สุชาตํ อารพฺภ กเถสิ. สา กิร มหนฺเตน ยเสน อนาถปิณฺฑิกสฺส ฆรํ ปูรยมานา ปาวิสิ, ‘‘มหากุลสฺส ธีตา อห’’นฺติ มานถทฺธา อโหสิ โกธนา จณฺฑี ผรุสา, สสฺสุสสุรสามิกวตฺตานิ น กโรติ, เคหชนํ ตชฺเชนฺตี ปหรนฺตี จรติ. อเถกทิวสํ สตฺถา ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ ปริวุโต อนาถปิณฺฑิกสฺส เคหํ คนฺตฺวา นิสีทิ. มหาเสฏฺิ ธมฺมํ สุณนฺโตว ภควนฺตํ อุปนิสีทิ, ตสฺมึ ขเณ สุชาตา ทาสกมฺมกเรหิ สทฺธึ กลหํ กโรติ. สตฺถา ธมฺมกถํ เปตฺวา ‘‘กึ สทฺโท เอโส’’ติ อาห. เอสา, ภนฺเต, กุลสุณฺหา อคารวา, เนวสฺสา สสฺสุสสุรสามิกวตฺตํ อตฺถิ, อสฺสทฺธา อปฺปสนฺนา อโหรตฺตํ กลหํ กุรุมานา วิจรตีติ. เตน หิ นํ ปกฺโกสถาติ. สา อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ.
อถ นํ สตฺถา ‘‘สตฺติมา, สุชาเต, ปุริสสฺส ภริยา, ตาสํ ตฺวํ กตรา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภนฺเต, นาหํ สํขิตฺเตน กถิตสฺส อตฺถํ อาชานามิ, วิตฺถาเรน เม กเถถา’’ติ. สตฺถา ‘‘เตน หิ โอหิตโสตา สุโณหี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘ปทุฏฺจิตฺตา ¶ ¶ อหิตานุกมฺปินี, อฺเสุ รตฺตา อติมฺเต ปตึ,
ธเนน กีตสฺส วธาย อุสฺสุกา; ยา เอวรูปา ปุริสสฺส ภริยา,
วธกา จ ภริยาติ จ สา ปวุจฺจติ. [๑]
‘‘ยํ อิตฺถิยา วินฺทติ สามิโก ธนํ, สิปฺปํ วณิชฺชฺจ กสึ อธิฏฺหํ,
อปฺปมฺปิ ¶ ตสฺส อปหาตุมิจฺฉติ; ยา เอวรูปา ปุริสสฺส ภริยา,
โจรี จ ภริยาติ จ สา ปวุจฺจติ. [๒]
‘‘อกมฺมกามา อลสา มหคฺฆสา, ผรุสา จ จณฺฑี จ ทุรุตฺตวาทินี,
อุฏฺายกานํ อภิภุยฺย วตฺตติ; ยา เอวรูปา ปุริสสฺส ภริยา,
อยฺยา จ ภริยาติ จ สา ปวุจฺจติ. [๓]
‘‘ยา สพฺพทา โหติ หิตานุกมฺปินี, มาตาว ปุตฺตํ อนุรกฺขเต ปตึ,
ตโต ธนํ สมฺภตมสฺส รกฺขติ; ยา เอวรูปา ปุริสสฺส ภริยา,
มาตา จ ภริยาติ จ สา ปวุจฺจติ. [๔]
‘‘ยถาปิ เชฏฺา ภคินี กนิฏฺกา, สคารวา โหติ สกมฺหิ สาธิเก,
หิรีมนา ภตฺตุ วสานุวตฺตินี; ยา เอวรูปา ปุริสสฺส ภริยา,
ภคินี จ ภริยาติ จ สา ปวุจฺจติ. [๕]
‘‘ยาจีธ ทิสฺวาน ปตึ ปโมทติ, สขี สขารํว จิรสฺสมาคตํ,
โกเลยฺยกา สีลวตี ปติพฺพตา; ยา เอวรูปา ปุริสสฺส ภริยา,
สขี จ ภริยาติ จ สา ปวุจฺจติ. [๖]
‘‘อกฺกุทฺธสนฺตา ¶ วธทณฺฑตชฺชิตา, อทุฏฺจิตฺตา ปติโน ติติกฺขติ,
อกฺโกธนา ภตฺตุ วสานุวตฺตินี; ยา เอวรูปา ปุริสสฺส ภริยา,
ทาสี จ ภริยาติ จ สา ปวุจฺจติ’’. (อ. นิ. ๗.๖๓); [๗]
อิมา ¶ โข, สุชาเต, ปุริสสฺส สตฺต ภริยา. ตาสุ วธกสมา โจรีสมา อยฺยสมาติ อิมา ติสฺโส นิรเย นิพฺพตฺตนฺติ, อิตรา จตสฺโส นิมฺมานรติเทวโลเก.
‘‘ยาจีธ ¶ ภริยา วธกาติ วุจฺจติ, โจรีติ อยฺยาติ จ ยา ปวุจฺจติ;
ทุสฺสีลรูปา ผรุสา อนาทรา, กายสฺส เภทา นิรยํ วชนฺติ ตา.
‘‘ยาจีธ มาตา ภคินี สขีติ จ, ทาสีติ ภริยาติ จ ยา ปวุจฺจติ;
สีเล ิตตฺตา จิรรตฺตสํวุตา, กายสฺส เภทา สุคตึ วชนฺติ ตา’’ติ. (อ. นิ. ๗.๖๓);
เอวํ สตฺถริ อิมา สตฺต ภริยา ทสฺเสนฺเตเยว สุชาตา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘สุชาเต, ตฺวํ อิมาสํ สตฺตนฺนํ ภริยานํ กตรา’’ติ วุตฺเต ‘‘ทาสิสมา อหํ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา ตถาคตํ วนฺทิตฺวา ขมาเปสิ. อิติ สตฺถา สุชาตํ ฆรสุณฺหํ เอโกวาเทเนว ทเมตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ เชตวนํ คนฺตฺวา ภิกฺขุสงฺเฆน วตฺเต ทสฺสิเต คนฺธกุฏึ ปาวิสิ. ธมฺมสภายมฺปิ โข, ภิกฺขู, สตฺถุ คุณกถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, เอโกวาเทเนว สตฺถา สุชาตํ ฆรสุณฺหํ ทเมตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ มยา สุชาตา เอโกวาเทเนว ทมิตา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมึ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ ¶ อุคฺคณฺหิตฺวา ปิตุ อจฺจเยน รชฺเช ปติฏฺาย ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรสิ. ตสฺส มาตา โกธนา อโหสิ จณฺฑา ผรุสา อกฺโกสิกา ปริภาสิกา. โส มาตุ โอวาทํ ทาตุกาโมปิ ‘‘อวตฺถุกํ กเถตุํ น ยุตฺต’’นฺติ ตสฺสา อนุสาสนตฺถํ เอกํ อุปมํ โอโลเกนฺโต จรติ. อเถกทิวสํ อุยฺยานํ อคมาสิ, มาตาปิ ปุตฺเตน สทฺธึเยว อคมาสิ ¶ . อถ อนฺตรามคฺเค กิกี สกุโณ วิรวิ, โพธิสตฺตปริสา ตํ สทฺทํ สุตฺวา กณฺเณ ปิทหิตฺวา ‘‘อมฺโภ, จณฺฑวาเจ ผรุสวาเจ มา สทฺทมกาสี’’ติ อาห. โพธิสตฺเต ปน นาฏกปริวาริเต มาตรา สทฺธึ อุยฺยาเน วิจรนฺเต เอกสฺมึ สุปุปฺผิตสาลรุกฺเข นิลีนา เอกา โกกิลา มธุเรน สเรน วสฺสิ. มหาชโน ตสฺสา สทฺเทน สมฺมตฺโต หุตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ‘‘สณฺหวาเจ สขิลวาเจ มุทุวาเจ วสฺส วสฺสา’’ติ คีวํ อุกฺขิปิตฺวา โอหิตโสโต โอโลเกนฺโต อฏฺาสิ.
อถ มหาสตฺโต ตานิ ทฺเว การณานิ ทิสฺวา ‘‘อิทานิ มาตรํ สฺาเปตุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘อมฺม, อนฺตรามคฺเค กิกีสทฺทํ สุตฺวา มหาชโน ‘มา สทฺทมกาสิ ¶ , มา สทฺทมกาสี’ติ กณฺเณ ปิทหิ, ผรุสวาจา นาม น กสฺสจิ ปิยา’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘น หิ วณฺเณน สมฺปนฺนา, มฺชุกา ปิยทสฺสนา;
ขรวาจา ปิยา โหนฺติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ.
‘‘นนุ ปสฺสสิมํ กาฬึ, ทุพฺพณฺณํ ติลกาหตํ;
โกกิลํ สณฺหภาเณน, พหูนํ ปาณินํ ปิยํ.
‘‘ตสฺมา สขิลวาจสฺส, มนฺตภาณี อนุทฺธโต;
อตฺถํ ธมฺมฺจ ทีเปติ, มธุรํ ตสฺส ภาสิต’’นฺติ.
ตาสํ อยมตฺโถ – อมฺม, อิเม สตฺตา ปิยงฺคุสามาทินา สรีรวณฺเณน สมนฺนาคตา กถานิคฺโฆสสฺส มธุรตาย มฺชุกา, อภิรูปตาย ปิยทสฺสนา สมานาปิ อนฺตมโส มาตาปิตโรปิ อกฺโกสปริภาสาทิวเสน ปวตฺตาย ขรวาจาย สมนฺนาคตตฺตา ขรวาจา อิมสฺมิฺจ ปรสฺมิฺจ โลเก ปิยา นาม น โหนฺติ อนฺตรามคฺเค ขรวาจา กิกี วิย, สณฺหภาณิโน ¶ ปน มฏฺาย มธุราย วาจาย สมนฺนาคตา วิรูปาปิ ปิยา โหนฺติ. เตน ตํ วทามิ – นนุ ปสฺสสิ ตฺวํ อิมํ กาฬึ ทุพฺพณฺณํ สรีรวณฺณโตปิ กาฬตเรหิ ติลเกหิ ¶ อาหตํ โกกิลํ, ยา เอวํ ทุพฺพณฺณา สมานาปิ สณฺหภาสเนน พหูนํ ปิยา ชาตา. อิติ ยสฺมา ขรวาโจ สตฺโต โลเก มาตาปิตูนมฺปิ อปฺปิโย, ตสฺมา พหุชนสฺส ปิยภาวํ อิจฺฉนฺโต โปโส สขิลวาโจ สณฺหมฏฺมุทุวาโจ อสฺส. ปฺาสงฺขาตาย มนฺตาย ปริจฺฉินฺทิตฺวา วจนโต มนฺตภาณี, วินา อุทฺธจฺเจน ปมาณยุตฺตสฺเสว กถนโต อนุทฺธโต. โย หิ เอวรูโป ปุคฺคโล ปาฬิฺจ อตฺถฺจ ทีเปติ, ตสฺส ภาสิตํ การณสนฺนิสฺสิตํ กตฺวา ปรํ อนกฺโกเสตฺวา กถิตตาย มธุรนฺติ.
เอวํ โพธิสตฺโต อิมาหิ ตีหิ คาถาหิ มาตุ ธมฺมํ เทเสตฺวา มาตรํ สฺาเปสิ, สา ตโต ปฏฺาย อาจารสมฺปนฺนา อโหสิ. โพธิสตฺโตปิ มาตรํ เอโกวาเทน นิพฺพิเสวนํ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พาราณสิรฺโ มาตา สุชาตา อโหสิ, ราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สุชาตชาตกวณฺณนา นวมา.
[๒๗๐] ๑๐. อุลูกชาตกวณฺณนา
สพฺเพหิ กิร าตีหีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กาโกลูกกลหํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺมิฺหิ กาเล กากา ทิวา อุลูเก ขาทนฺติ, อุลูกา สูริยตฺถงฺคมนโต ปฏฺาย ตตฺถ ตตฺถ สยิตานํ กากานํ สีสานิ ฉินฺทิตฺวา เต ชีวิตกฺขยํ ปาเปนฺติ. อเถกสฺส ภิกฺขุโน เชตวนปจฺจนฺเต เอกสฺมึ ปริเวเณ วสนฺตสฺส สมฺมชฺชนกาเล รุกฺขโต ปติตานิ สตฺตฏฺนาฬิมตฺตานิปิ พหุตรานิปิ กากสีสานิ ฉฑฺเฑตพฺพานิ โหนฺติ. โส ตมตฺถํ ภิกฺขูนํ อาโรเจสิ. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อมุกสฺส กิร ภิกฺขุโน วสนฏฺาเน ¶ ทิวเส ทิวเส เอตฺตกานิ ¶ นาม กากสีสานิ ฉฑฺเฑตพฺพานิ โหนฺตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิ, ภิกฺขู ‘‘อิมาย นามา’’ติ วตฺวา ‘‘กทา ปฏฺาย ปน, ภนฺเต, กากานฺจ อุลูกานฺจ อฺมฺํ เวรํ อุปฺปนฺน’’นฺติ ปุจฺฉึสุ, สตฺถา ‘‘ปมกปฺปิกกาลโต ปฏฺายา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ปมกปฺปิกา มนุสฺสา สนฺนิปติตฺวา เอกํ อภิรูปํ โสภคฺคปฺปตฺตํ อาจารสมฺปนฺนํ สพฺพาการปริปุณฺณํ ปุริสํ คเหตฺวา ราชานํ กรึสุ, จตุปฺปทาปิ สนฺนิปติตฺวา เอกํ สีหํ ราชานํ อกํสุ, มหาสมุทฺเท มจฺฉา อานนฺทํ นาม มจฺฉํ ราชานํ อกํสุ. ตโต สกุณคณา หิมวนฺตปเทเส เอกสฺมึ ปิฏฺิปาสาเณ สนฺนิปติตฺวา ‘‘มนุสฺเสสุ ราชา ปฺายติ, ตถา จตุปฺปเทสุ เจว มจฺเฉสุ จ. อมฺหากํ ปนนฺตเร ราชา นาม นตฺถิ, อปฺปติสฺสวาโส นาม น วฏฺฏติ, อมฺหากมฺปิ ราชานํ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, เอกํ ราชฏฺาเน เปตพฺพยุตฺตกํ ชานาถา’’ติ. เต ตาทิสํ สกุณํ โอโลกยมานา เอกํ อุลูกํ โรเจตฺวา ‘‘อยํ โน รุจฺจตี’’ติ อาหํสุ. อเถโก สกุโณ สพฺเพสํ อชฺฌาสยคฺคหณตฺถํ ติกฺขตฺตุํ สาเวสิ. ตสฺส สาเวนฺตสฺส ทฺเว สาวนา อธิวาเสตฺวา ตติยสาวนาย เอโก กาโก อุฏฺาย ‘‘ติฏฺ ตาเวตสฺส อิมสฺมึ ราชาภิเสกกาเล เอวรูปํ มุขํ ภวติ, กุทฺธสฺส กีทิสํ ภวิสฺสติ, อิมินา หิ กุทฺเธน โอโลกิตา มยํ ตตฺตกปาเล ปกฺขิตฺตโลณํ วิย ตตฺถ ตตฺเถว ภิชฺชิสฺสาม, อิมํ ราชานํ กาตุํ มยฺหํ น รุจฺจตี’’ติ อิมมตฺถํ ปกาเสตุํ ปมํ คาถมาห –
‘‘สพฺเพหิ ¶ ¶ กิร าตีหิ, โกสิโย อิสฺสโร กโต;
สเจ าตีหนฺุาโต, ภเณยฺยาหํ เอกวาจิก’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – ยา เอสา สาวนา วตฺตติ, ตํ สุตฺวา วทามิ. สพฺเพหิ กิร อิเมหิ สมาคเตหิ าตีหิ อยํ โกสิโย ราชา กโต. สเจ ปนาหํ าตีหิ อนฺุาโต ภเวยฺยํ, เอตฺถ วตฺตพฺพํ เอกวาจิกํ กิฺจิ ภเณยฺยนฺติ.
อถ ¶ นํ อนุชานนฺตา สกุณา ทุติยํ คาถมาหํสุ –
‘‘ภณ สมฺม อนฺุาโต, อตฺถํ ธมฺมฺจ เกวลํ;
สนฺติ หิ ทหรา ปกฺขี, ปฺวนฺโต ชุตินฺธรา’’ติ.
ตตฺถ ภณ, สมฺม, อนฺุาโตติ, สมฺม, วายส ตฺวํ อมฺเหหิ สพฺเพหิ อนฺุาโต, ยํ เต ภณิตพฺพํ, ตํ ภณ. อตฺถํ ธมฺมฺจ เกวลนฺติ ภณนฺโต จ การณฺเจว ปเวณิอาคตฺจ วจนํ อมฺุจิตฺวา ภณ. ปฺวนฺโต ชุตินฺธราติ ปฺาสมฺปนฺนา เจว าโณภาสธรา จ ทหราปิ ปกฺขิโน อตฺถิเยว.
โส เอวํ อนฺุาโต ตติยํ คาถมาห –
‘‘น เม รุจฺจติ ภทฺทํ โว, อุลูกสฺสาภิเสจนํ;
อกฺกุทฺธสฺส มุขํ ปสฺส, กถํ กุทฺโธ กริสฺสตี’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – ภทฺทํ ตุมฺหากํ โหตุ, ยํ ปเนตํ ติกฺขตฺตุํ สาวนวาจาย อุลูกสฺส อภิเสจนํ กรียติ, เอตํ มยฺหํ น รุจฺจติ. เอตสฺส หิ อิทานิ ตุฏฺจิตฺตสฺส อกฺกุทฺธสฺส มุขํ ปสฺสถ, กุทฺโธ ปนายํ กถํ กริสฺสตีติ น ชานามิ, สพฺพถาปิ เอตํ มยฺหํ น รุจฺจตีติ.
โส เอวํ วตฺวา ‘‘มยฺหํ น รุจฺจติ, มยฺหํ น รุจฺจตี’’ติ วิรวนฺโต อากาเส อุปฺปติ, อุลูโกปิ นํ อุฏฺาย อนุพนฺธิ. ตโต ปฏฺาย เต อฺมฺํ เวรํ พนฺธึสุ. สกุณา สุวณฺณหํสํ ราชานํ กตฺวา ปกฺกมึสุ.
สตฺถา ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ. ‘‘ตทา รชฺเช อภิสิตฺตหํสโปโต อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
อุลูกชาตกวณฺณนา ทสมา.
ปทุมวคฺโค ทุติโย.
ตสฺสุทฺทานํ –
ปทุมํ มุทุปาณี จ, ปโลภนํ ปนาทกํ;
ขุรปฺปํ สินฺธวฺเจว, กกฺกฏา, รามทูสกํ;
สุชาตํ อุลูกํ ทส.
๓. อุทปานวคฺโค
[๒๗๑] ๑. อุทปานทูสกชาตกวณฺณนา
อารฺิกสฺส ¶ ¶ อิสิโนติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อุทปานทูสกสิงฺคาลํ อารพฺภ กเถสิ. เอโก กิร สิงฺคาโล ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปานียอุทปานํ อุจฺจารปสฺสาวกรเณน ทูเสตฺวา ปกฺกามิ. อถ นํ เอกทิวสํ อุทปานสมีปํ อาคตํ สามเณรา เลฑฺฑูหิ ปหริตฺวา กิลเมสุํ, โส ตโต ปฏฺาย ตํ านํ ปุน นิวตฺติตฺวาปิ น โอโลเกสิ. ภิกฺขู ตํ ปวตฺตึ ตฺวา ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อุทปานทูสกสิงฺคาโล กิร สามเณเรหิ กิลมิตกาลโต ปฏฺาย ปุน นิวตฺติตฺวาปิ น โอโลเกสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส สิงฺคาโล อุทปานทูสโกเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ อิทเมว อิสิปตนํ อยเมว อุทปาโน อโหสิ. ตทา โพธิสตฺโต พาราณสิยํ กุลฆเร นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อิสิคณปริวุโต อิสิปตเน วาสํ กปฺเปสิ. ตทา เอโก สิงฺคาโล อิทเมว อุทปานํ ทูเสตฺวา ปกฺกมติ. อถ นํ เอกทิวสํ ตาปสา ปริวาเรตฺวา ิตา เอเกนุปาเยน คเหตฺวา โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ อานยึสุ. โพธิสตฺโต สิงฺคาเลน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘อารฺิกสฺส อิสิโน, จิรรตฺตตปสฺสิโน;
กิจฺฉากตํ อุทปานํ, กถํ สมฺม อวาหยี’’ติ.
ตสฺสตฺโถ ¶ – อรฺเ วสนตาย อารฺิกสฺส, เอสิตคุณตฺตา อิสิโน, จิรรตฺตํ ตปํ นิสฺสาย วุตฺถตฺตา จิรรตฺตตปสฺสิโน กิจฺฉากตํ กิจฺเฉน ทุกฺเขน นิปฺผาทิตํ อุทปานํ กถํ กิมตฺถาย สมฺม สิงฺคาล, ตฺวํ อวาหยิ มุตฺตกรีเสน อชฺโฌตฺถริ ทูเสสิ, ตํ วา มุตฺตกรีสํ เอตฺถ อวาหยิ ปาเตสีติ.
ตํ ¶ สุตฺวา สิงฺคาโล ทุติยํ คาถมาห –
‘‘เอส ธมฺโม สิงฺคาลานํ, ยํ ปิตฺวา โอหทามเส;
ปิตุปิตามหํ ธมฺโม, น ตํ อุชฺฌาตุมรหสี’’ติ.
ตตฺถ ¶ เอส ธมฺโมติ เอส สภาโว. ยํ ปิตฺวา โอหทามเสติ, สมฺม, ยํ มยํ ยตฺถ ปานียํ ปิวาม, ตเมว อูหทามปิ โอมุตฺเตมปิ, เอส อมฺหากํ สิงฺคาลานํ ธมฺโมติ ทสฺเสติ. ปิตุปิตามหนฺติ ปิตูนฺจ ปิตามหานฺจ โน เอส ธมฺโม. น ตํ อุชฺฌาตุมรหสีติ ตํ อมฺหากํ ปเวณิอาคตํ ธมฺมํ สภาวํ ตฺวํ อุชฺฌาตุํ น อรหสิ, น ยุตฺตํ เต เอตฺถ กุชฺฌิตุนฺติ.
อถสฺส โพธิสตฺโต ตติยํ คาถมาห –
‘‘เยสํ โว เอทิโส ธมฺโม, อธมฺโม ปน กีทิโส;
มา โว ธมฺมํ อธมฺมํ วา, อทฺทสาม กุทาจน’’นฺติ.
ตตฺถ มา โวติ ตุมฺหากํ ธมฺมํ วา อธมฺมํ วา น มยํ กทาจิ อทฺทสามาติ.
เอวํ โพธิสตฺโต ตสฺส โอวาทํ ทตฺวา ‘‘มา ปุน อาคจฺฉา’’ติ อาห. โส ตโต ปฏฺาย ปุน นิวตฺติตฺวาปิ น โอโลเกสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อุทปานทูสโก อยเมว สิงฺคาโล อโหสิ, คณสตฺถา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
อุทปานทูสกชาตกวณฺณนา ปมา.
[๒๗๒] ๒. พฺยคฺฆชาตกวณฺณนา
เยน ¶ มิตฺเตน สํสคฺคาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกกาลิกํ อารพฺภ กเถสิ. โกกาลิกวตฺถุ เตรสกนิปาเต ตกฺการิยชาตเก (ชา. ๑.๑๓.๑๐๔ อาทโย) อาวิภวิสฺสติ. โกกาลิโก ปน ‘‘สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเน คเหตฺวา อาคมิสฺสามี’’ติ โกกาลิกรฏฺโต ¶ เชตวนํ อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เถเร อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อาวุโส, โกกาลิกรฏฺวาสิโน มนุสฺสา ตุมฺเห ปกฺโกสนฺติ, เอถ คจฺฉามา’’ติ อาห. ‘‘คจฺฉ ตฺวํ, อาวุโส, น มยํ อาคจฺฉามา’’ติ. โส เถเรหิ ปฏิกฺขิตฺโต สยเมว อคมาสิ. อถ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, โกกาลิโก สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนหิ สหาปิ ¶ วินาปิ วตฺติตุํ น สกฺโกติ, สํโยคมฺปิ น สหติ, วิโยคมฺปิ น สหตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ โกกาลิโก สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนหิ เนว สห, น วินา วตฺติตุํ สกฺโกตี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อฺตรสฺมึ อรฺายตเน รุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺส วิมานโต อวิทูเร อฺตรสฺมึ วนปฺปติเชฏฺเก อฺา รุกฺขเทวตา วสติ. ตสฺมึ วนสณฺเฑ สีโห จ พฺยคฺโฆ จ วสนฺติ. เตสํ ภเยน โกจิ ตตฺถ น เขตฺตํ กโรติ, น รุกฺขํ ฉินฺทติ, นิวตฺติตฺวา โอโลเกตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. เต ปน สีหพฺยคฺฆา นานปฺปกาเร มิเค วธิตฺวา ขาทนฺติ, ขาทิตาวเสสํ ตตฺเถว ปหาย คจฺฉนฺติ. เตน โส วนสณฺโฑ อสุจิกุณปคนฺโธ โหติ. อถ อิตรา รุกฺขเทวตา อนฺธพาลา การณาการณํ อชานมานา เอกทิวสํ โพธิสตฺตํ อาห – ‘‘สมฺม, เอเต โน สีหพฺยคฺเฆ นิสฺสาย วนสณฺโฑ อสุจิกุณปคนฺโธ ชาโต, อหํ เอเต ปลาเปมี’’ติ. โพธิสตฺโต ‘‘สมฺม, อิเม ทฺเว นิสฺสาย อมฺหากํ วิมานานิ ¶ รกฺขิยนฺติ, เอเตสุ ปลายนฺเตสุ วิมานานิ โน วินสฺสิสฺสนฺติ, สีหพฺยคฺฆานํ ปทํ อปสฺสนฺตา มนุสฺสา สพฺพํ วนํ ฉินฺทิตฺวา เอกงฺคณํ กตฺวา เขตฺตานิ กริสฺสนฺติ, มา เต เอวํ รุจฺจี’’ติ วตฺวา ปุริมา ทฺเว คาถา อโวจ –
‘‘เยน มิตฺเตน สํสคฺคา, โยคกฺเขโม วิหิยฺยติ;
ปุพฺเพวชฺฌาภวํ ตสฺส, รกฺเข อกฺขีว ปณฺฑิโต.
‘‘เยน มิตฺเตน สํสคฺคา, โยคกฺเขโม ปวฑฺฒติ;
กเรยฺยตฺตสมํ วุตฺตึ, สพฺพกิจฺเจสุ ปณฺฑิโต’’ติ.
ตตฺถ เยน มิตฺเตน สํสคฺคาติ เยน ปาปมิตฺเตน สทฺธึ สํสคฺคเหตุ สํสคฺคการณา, เยน สทฺธึ ทสฺสนสํสคฺโค สวนสํสคฺโค กายสํสคฺโค สมุลฺลปนสํสคฺโค ปริโภคสํสคฺโคติ อิมสฺส ปฺจวิธสฺส สํสคฺคสฺส กตตฺตาติ อตฺโถ. โยคกฺเขโมติ กายจิตฺตสุขํ. ตฺหิ ¶ ทุกฺขโยคโต เขมตฺตา ¶ อิธ โยคกฺเขโมติ อธิปฺเปตํ. วิหิยฺยตีติ ปริหายติ. ปุพฺเพวชฺฌาภวํ ตสฺส, รกฺเข อกฺขีว ปณฺฑิโตติ ตสฺส ปาปมิตฺตสฺส อชฺฌาภวํ เตน อภิภวิตพฺพํ อตฺตโน ลาภยสชีวิตํ, ยถา นํ โส น อชฺฌาภวติ, ตถา ปมตรเมว อตฺตโน อกฺขี วิย ปณฺฑิโต ปุริโส รกฺเขยฺย.
ทุติยคาถาย เยนาติ เยน กลฺยาณมิตฺเตน สห สํสคฺคการณา. โยคกฺเขโม ปวฑฺฒตีติ กายจิตฺตสุขํ วฑฺฒติ. กเรยฺยตฺตสมํ วุตฺตินฺติ ตสฺส กลฺยาณมิตฺตสฺส สพฺพกิจฺเจสุ ปณฺฑิโต ปุริโส ยถา อตฺตโน ชีวิตวุตฺติฺจ อุปโภคปริโภควุตฺติฺจ กโรติ, เอวเมตํ สพฺพํ กเรยฺย, อธิกมฺปิ กเรยฺย, หีนํ ปน น กเรยฺยาติ.
เอวํ โพธิสตฺเตน การเณ กถิเตปิ สา พาลเทวตา อนุปธาเรตฺวา เอกทิวสํ เภรวรูปารมฺมณํ ทสฺเสตฺวา เต สีหพฺยคฺเฆ ปลาเปสิ. มนุสฺสา เตสํ ปทวลฺชํ อทิสฺวา ‘‘สีหพฺยคฺฆา อฺํ วนสณฺฑํ คตา’’ติ ตฺวา วนสณฺฑสฺส เอกปสฺสํ ฉินฺทึสุ. เทวตา โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ¶ ‘‘อหํ, สมฺม, ตว วจนํ อกตฺวา เต ปลาเปสึ, อิทานิ เตสํ คตภาวํ ตฺวา มนุสฺสา วนสณฺฑํ ฉินฺทนฺติ, กึ นุ โข กาตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ‘‘อิทานิ เต อสุกวนสณฺเฑ นาม วสนฺติ, คนฺตฺวา เต อาเนหี’’ติ วุตฺตา ตตฺถ คนฺตฺวา เตสํ ปุรโต ตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห ตติยํ คาถมาห –
‘‘เอถ พฺยคฺฆา นิวตฺตวฺโห, ปจฺจุเปถ มหาวนํ;
มา วนํ ฉินฺทิ นิพฺยคฺฆํ, พฺยคฺฆา มาเหสุ นิพฺพนา’’ติ.
ตตฺถ พฺยคฺฆาติ อุโภปิ เต พฺยคฺฆนาเมเนวาลปนฺตี อาห. นิวตฺตวฺโหติ นิวตฺตถ. ปจฺจุเปถ มหาวนนฺติ ตํ มหาวนํ ปจฺจุเปถ ปุน อุปคจฺฉถ, อยเมว วา ปาโ. มา วนํ ฉินฺทิ นิพฺยคฺฆนฺติ อมฺหากํ วสนกวนสณฺฑํ อิทานิ ตุมฺหากํ อภาเวน นิพฺยคฺฆํ มนุสฺสา มา ฉินฺทึสุ. พฺยคฺฆา มาเหสุ นิพฺพนาติ ตุมฺหาทิสา จ พฺยคฺฆราชาโน อตฺตโน วสนฏฺานา ปลายิตตฺตา นิพฺพนา วสนฏฺานภูเตน วเนน วิรหิตา มา อเหสุํ. เต เอวํ ตาย เทวตาย ยาจิยมานาปิ ‘‘คจฺฉ ตฺวํ, น มยํ อาคมิสฺสามา’’ติ ปฏิกฺขิปึสุเยว. เทวตา เอกิกาว วนสณฺฑํ ปจฺจาคฺฉิ. มนุสฺสาปิ กติปาเหเนว สพฺพํ วนํ ฉินฺทิตฺวา เขตฺตานิ กริตฺวา กสิกมฺมํ กรึสุ.
สตฺถา ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อปณฺฑิตา เทวตา โกกาลิโก อโหสิ, สีโห สาริปุตฺโต, พฺยคฺโฆ โมคฺคลฺลาโน, ปณฺฑิตเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
พฺยคฺฆชาตกวณฺณนา ทุติยา.
[๒๗๓] ๓. กจฺฉปชาตกวณฺณนา
โก ¶ นุ อุทฺธิตภตฺโตวาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสลราชสฺส ทฺวินฺนํ มหามตฺตานํ กลหวูปสมนํ อารพฺภ กเถสิ. ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ ทุกนิปาเต กถิตเมว.
อตีเต ปน พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา กาเม ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺตปเทเส คงฺคาตีเร อสฺสมปทํ มาเปตฺวา ตตฺถ อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา ฌานกีฬํ กีฬนฺโต วาสํ กปฺเปสิ. อิมสฺมึ กิร ชาตเก โพธิสตฺโต ปรมมชฺฌตฺโต อโหสิ, อุเปกฺขาปารมึ ปูเรสิ. ตสฺส ปณฺณสาลทฺวาเร นิสินฺนสฺส เอโก ปคพฺโภ ทุสฺสีโล มกฺกโฏ อาคนฺตฺวา กณฺณโสเตสุ องฺคชาเตน สลากปเวสนกมฺมํ กโรติ, โพธิสตฺโต อวาเรตฺวา มชฺฌตฺโต หุตฺวา นิสีทติเยว. อเถกทิวสํ เอโก กจฺฉโป อุทกา อุตฺตริตฺวา คงฺคาตีเร มุขํ วิวริตฺวา อาตปํ ตปฺปนฺโต นิทฺทายติ. ตํ ทิสฺวา โส โลลวานโร ตสฺส มุเข สลากปเวสนกมฺมํ อกาสิ. อถสฺส กจฺฉโป ปพุชฺฌิตฺวา องฺคชาตํ สมุคฺเค ปกฺขิปนฺโต วิย ฑํสิ, พลวเวทนา อุปฺปชฺชิ. เวทนํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘โก นุ โข มํ อิมมฺหา ทุกฺขา โมเจยฺย, กสฺส สนฺติกํ คจฺฉามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘อฺโ มํ อิมมฺหา ทุกฺขา โมเจตุํ สมตฺโถ นตฺถิ อฺตฺร ตาปเสน, ตสฺเสว สนฺติกํ มยา คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ กจฺฉปํ ทฺวีหิ หตฺเถหิ อุกฺขิปิตฺวา โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. โพธิสตฺโต เตน ทุสฺสีลมกฺกเฏน สทฺธึ ทวํ กโรนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘โก ¶ ¶ นุ อุทฺธิตภตฺโตว, ปูรหตฺโถว พฺราหฺมโณ;
กหํ นุ ภิกฺขํ อจริ, กํ สทฺธํ อุปสงฺกมี’’ติ.
ตตฺถ โก นุ อุทฺธิตภตฺโตวาติ โก นุ เอส วฑฺฒิตภตฺโต วิย, เอกํ วฑฺฒิตภตฺตํ ภตฺตปูรปาตึ ¶ หตฺเถหิ คเหตฺวา วิย โก นุ เอโส อาคจฺฉตีติ อตฺโถ. ปูรหตฺโถว พฺราหฺมโณติ กตฺติกมาเส วาจนกํ ลภิตฺวา ปูรหตฺโถ พฺราหฺมโณ วิย จ โก นุ โข เอโสติ วานรํ สนฺธาย วทติ. กหํ นุ ภิกฺขํ อจรีติ, โภ วานร, กสฺมึ ปเทเส อชฺช ตฺวํ ภิกฺขํ อจริ. กํ สทฺธํ อุปสงฺกมีติ กตรํ นาม ปุพฺพเปเต อุทฺทิสฺส กตํ สทฺธภตฺตํ, กตรํ วา สทฺธํ ปุคฺคลํ ตฺวํ อุปสงฺกมิ, กุโต เต อยํ เทยฺยธมฺโม ลทฺโธติ ทีเปติ.
ตํ สุตฺวา ทุสฺสีลวานโร ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อหํ กปิสฺมิ ทุมฺเมโธ, อนามาสานิ อามสึ;
ตฺวํ มํ โมจย ภทฺทํ เต, มุตฺโต คจฺเฉยฺย ปพฺพต’’นฺติ.
ตตฺถ อหํ กปิสฺมิ ทุมฺเมโธติ ภทฺทํ เต อหํ อสฺมิ ทุมฺเมโธ จปลจิตฺโต มกฺกโฏ. อนามาสานิ อามสินฺติ อนามสิตพฺพฏฺานานิ อามสึ. ตฺวํ มํ โมจย ภทฺทํ เตติ ตฺวํ ทยาลุ อนุกมฺปโก มํ อิมมฺหา ทุกฺขา โมเจหิ, ภทฺทํ เต โหตุ. มุตฺโต คจฺเฉยฺย ปพฺพตนฺติ โสหํ ตวานุภาเวน อิมมฺหา พฺยสนา มุตฺโต ปพฺพตเมว คจฺเฉยฺยํ, น เต ปุน จกฺขุปเถ อตฺตานํ ทสฺเสยฺยนฺติ.
โพธิสตฺโต ตสฺมึ การฺุเน กจฺฉเปน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ตติยํ คาถมาห –
‘‘กจฺฉปา กสฺสปา โหนฺติ, โกณฺฑฺา โหนฺติ มกฺกฏา;
มฺุจ กสฺสป โกณฺฑฺํ, กตํ เมถุนกํ ตยา’’ติ.
ตสฺสตฺโถ ¶ – กจฺฉปา นาม กสฺสปโคตฺตา โหนฺติ, มกฺกฏา โกณฺฑฺโคตฺตา, กสฺสปโกณฺฑฺานฺจ อฺมฺํ อาวาหวิวาหสมฺพนฺโธ อตฺถิ. อทฺธา ตยิทํ โลเลน ทุสฺสีลมกฺกเฏน ตยา สทฺธึ, ตยา จ ทุสฺสีเลน อิมินา มกฺกเฏน สทฺธึ โคตฺตสทิสตาสงฺขาตสฺส เมถุนธมฺมสฺส ¶ อนุจฺฉวิกํ ทุสฺสีลฺยกมฺมสงฺขาตมฺปิ เมถุนกํ กตํ, ตสฺมา มฺุจ, กสฺสป, โกณฺฑฺนฺติ.
กจฺฉโป โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา การเณน ปสนฺโน วานรสฺส องฺคชาตํ มฺุจิ. มกฺกโฏ มุตฺตมตฺโตว โพธิสตฺตํ วนฺทิตฺวา ปลาโต, ปุน ตํ านํ นิวตฺติตฺวาปิ น โอโลเกสิ. กจฺฉโปปิ ¶ โพธิสตฺตํ วนฺทิตฺวา สกฏฺานเมว คโต. โพธิสตฺโตปิ อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กจฺฉปวานรา ทฺเว มหามตฺตา อเหสุํ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
กจฺฉปชาตกวณฺณนา ตติยา.
[๒๗๔] ๔. โลลชาตกวณฺณนา
กายํ พลากา สิขินีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ โลลภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ ธมฺมสภํ อานีตํ สตฺถา ‘‘น ตฺวํ ภิกฺขุ อิทาเนว โลโล, ปุพฺเพปิ โลโลเยว, โลลตาเยว จ ชีวิตกฺขยํ ปตฺโต, ตํ นิสฺสาย โปราณกปณฺฑิตาปิ อตฺตโน วสนฏฺานา ปริพาหิรา อเหสุ’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต พาราณสิเสฏฺิโน มหานเส ภตฺตการโก ปฺุตฺถาย นีฬปจฺฉึ เปสิ. ตทา โพธิสตฺโต ปาราวตโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺถ วาสํ กปฺเปสิ. อเถโก โลลกาโก มหานสมตฺถเกน คจฺฉนฺโต นานปฺปการํ มจฺฉมํสวิกตึ ทิสฺวา ปิปาสาภิภูโต ‘‘กํ นุ โข นิสฺสาย สกฺกา ภเวยฺยํ โอกาสํ ¶ ลทฺธุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา โพธิสตฺตํ ทิสฺวา ‘‘อิมํ นิสฺสาย สกฺกา’’ติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา ตสฺส โคจราย อรฺคมนกาเล ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺธิ. อถ นํ โพธิสตฺโต ‘‘มยํ โข, กาก, อฺโคจรา, ตฺวมฺปิ อฺโคจโร, กึ นุ โข มํ อนุพนฺธสี’’ติ อาห. ‘‘ตุมฺหากํ, สามิ, กิริยา มยฺหํ รุจฺจติ, อหมฺปิ ตุมฺเหหิ สมานโคจโร หุตฺวา ตุมฺเห อุปฏฺาตุํ ¶ อิจฺฉามี’’ติ. โพธิสตฺโต สมฺปฏิจฺฉิ. โส เตน สทฺธึ โคจรภูมิยํ เอกโคจรํ จรนฺโต วิย โอสกฺกิตฺวา โคมยราสึ วิทฺธํเสตฺวา ปาณเก ขาทิตฺวา กุจฺฉิปูรํ กตฺวา โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ตุมฺเห เอตฺตกํ กาลํ จรเถว, นนุ โภชเน นาม ปมาณํ าตุํ วฏฺฏติ, เอถ นาติสายเมว คจฺฉามา’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ตํ อาทาย วสนฏฺานํ อคมาสิ. ภตฺตการโก ‘‘อมฺหากํ ปาราวโต สหายํ คเหตฺวา อาคโต’’ติ กากสฺสาปิ เอกํ ถุสปจฺฉึ เปสิ. กาโกปิ จตูหปฺจาหํ เตเนว นีหาเรน วสิ.
อเถกทิวสํ ¶ เสฏฺิโน พหุมจฺฉมํสํ อาหริยิตฺถ, กาโก ตํ ทิสฺวา โลภาภิภูโต ปจฺจูสกาลโต ปฏฺาย นิตฺถุนนฺโต นิปชฺชิ. อถ นํ ปุนทิวเส โพธิสตฺโต ‘‘เอหิ, สมฺม, โคจราย ปกฺกมิสฺสามา’’ติ อาห. ‘‘ตุมฺเห คจฺฉถ, มยฺหํ อชิณฺณาสงฺกา อตฺถี’’ติ. ‘‘สมฺม, กากานํ อชีรโก นาม นตฺถิ, ทีปวฏฺฏิมตฺตเมว หิ ตุมฺหากํ กุจฺฉิยํ โถกํ ติฏฺติ, เสสํ อชฺโฌหฏมตฺตเมว ชีรติ, มม วจนํ กโรหิ, มา เอตํ ¶ มจฺฉมํสํ ทิสฺวา เอวมกาสี’’ติ. ‘‘สามิ, กึ นาเมตํ กเถถ, อชิณฺณาสงฺกาว มยฺห’’นฺติ. ‘‘เตน หิ อปฺปมตฺโต โหหี’’ติ ตํ โอวทิตฺวา โพธิสตฺโต ปกฺกามิ.
ภตฺตการโกปิ นานามจฺฉมํสวิกติโย สมฺปาเทตฺวา สรีรโต เสทํ อปเนนฺโต มหานสทฺวาเร อฏฺาสิ. กาโก ‘‘อยํ อิทานิ กาโล มํสํ ขาทิตุ’’นฺติ คนฺตฺวา รสกโรฏิมตฺถเก นิสีทิ. ภตฺตการโก ‘‘กิรี’’ติ สทฺทํ สุตฺวา นิวตฺติตฺวา โอโลเกนฺโต กากํ ทิสฺวา ปวิสิตฺวา ตํ คเหตฺวา สกลสรีรโลมํ ลฺุจิตฺวา มตฺถเก จูฬํ เปตฺวา สิงฺคีเวรมริจาทีนิ ปิสิตฺวา ตกฺเกน อาโลเฬตฺวา ‘‘ตฺวํ อมฺหากํ เสฏฺิโน มจฺฉมํสํ อุจฺฉิฏฺกํ กโรสี’’ติ สกลสรีรมสฺส มกฺเขตฺวา ขิปิตฺวา นีฬปจฺฉิยํ ปาเตสิ, พลวเวทนา อุปฺปชฺชิ. โพธิสตฺโต โคจรภูมิโต อาคนฺตฺวา ตํ นิตฺถุนนฺตํ ทิสฺวา ทวํ กโรนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘กายํ พลากา สิขินี, โจรี ลงฺฆิปิตามหา;
โอรํ พลาเก อาคจฺฉ, จณฺโฑ เม วายโส สขา’’ติ.
ตตฺถ ¶ กายํ พลากา สิขินีติ ตํ กากํ ตสฺส พหลตกฺเกน มกฺขิตสรีรเสตวณฺณตฺตา มตฺถเก จ สิขาย ปิตตฺตา ‘‘กา เอสา พลากา สิขินี’’ติ ปุจฺฉนฺโต อาลปติ. โจรีติ กุลสฺส อนนฺุาย กุลฆรํ, กากสฺส วา อรุจิยา ปจฺฉึ ปวิฏฺตฺตา ‘‘โจรี’’ติ วทติ. ลงฺฆิปิตามหาติ ลงฺฆี วุจฺจติ อากาเส ลงฺฆนโต เมโฆ, พลากา จ นาม เมฆสทฺเทน คพฺภํ คณฺหนฺตีติ เมฆสทฺโท พลากานํ ปิตา, เมโฆ ปิตามโห โหติ. เตนาห ‘‘ลงฺฆิปิตามหา’’ติ. โอรํ พลาเก อาคจฺฉาติ, อมฺโภ พลาเก, อิโต เอหิ. จณฺโฑ เม วา ยโส สขาติ มยฺหํ สขา ปจฺฉิสามิโก วายโส จณฺโฑ ผรุโส ¶ , โส อาคโต ตํ ทิสฺวา กณยสทิเสน ตุณฺเฑน โกฏฺเฏตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปยฺย, ตสฺมา ยาว วายโส นาคจฺฉติ, ตาว ปจฺฉิโต โอตริตฺวา อิโต เอหิ, สีฆํ ปลายสฺสูติ วทติ.
ตํ สุตฺวา กาโก ทุติยํ คาถมาห –
‘‘นาหํ ¶ พลากา สิขินี, อหํ โลโลสฺมิ วายโส;
อกตฺวา วจนํ ตุยฺหํ, ปสฺส ลูโนสฺมิ อาคโต’’ติ.
ตตฺถ อาคโตติ ตฺวํ อิทานิ โคจรภูมิโต อาคโต, มํ ลูนํ ปสฺสาติ อตฺโถ.
ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ตติยํ คาถมาห –
‘‘ปุนปาปชฺชสี สมฺม, สีลฺหิ ตว ตาทิสํ;
น หิ มานุสกา โภคา, สุภฺุชา โหนฺติ ปกฺขินา’’ติ.
ตตฺถ ปุนปาปชฺชสี สมฺมาติ สมฺม วายส, ปุนปิ ตฺวํ เอวรูปํ ทุกฺขํ ปฏิลภิสฺสเสว, นตฺถิ เต เอตฺตเกน โมกฺโข. กึการณา? สีลฺหิ ตว ตาทิสํ ปาปกํ, ยสฺมา ตว อาจารสีลํ ตาทิสํ ทุกฺขาธิคมสฺเสว อนุรูปํ. น หิ มานุสกาติ มนุสฺสา นาม มหาปฺุา, ติรจฺฉานคตานํ ตถารูปํ ปฺุํ นตฺถิ, ตสฺมา มานุสกา โภคา ติรจฺฉานคเตน ปกฺขินา น ภฺุชียนฺตีติ.
เอวฺจ ¶ ปน วตฺวา โพธิสตฺโต ‘‘อิโต ทานิ ปฏฺาย มยา เอตฺถ วสิตุํ น สกฺกา’’ติ อุปฺปติตฺวา อฺตฺถ อคมาสิ. กาโกปิ นิตฺถุนนฺโต ตตฺเถว กาลมกาสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โลลภิกฺขุ อนาคามิผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา โลลกาโก โลลภิกฺขุ อโหสิ, ปาราวโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
โลลชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.
[๒๗๕] ๕. รุจิรชาตกวณฺณนา
กายํ ¶ พลากา รุจิราติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ โลลภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ทฺเวปิ วตฺถูนิ ปุริมสทิสาเนว คาถาปิ.
‘‘กายํ ¶ พลากา รุจิรา, กากนีฬสฺมิมจฺฉติ;
จณฺโฑ กาโก สขา มยฺหํ, ยสฺส เจตํ กุลาวกํ.
‘‘นนุ มํ สมฺม ชานาสิ, ทิช สามากโภชน;
อกตฺวา วจนํ ตุยฺหํ, ปสฺส ลูโนสฺมิ อาคโต.
‘‘ปุนปาปชฺชสี สมฺม, สีลฺหิ ตว ตาทิสํ;
น หิ มานุสกา โภคา, สุภฺุชา โหนฺติ ปกฺขินา’’ติ. –
คาถา หิ เอกนฺตริกาเยว.
ตตฺถ ‘‘รุจิรา’’ติ ตกฺกมกฺขิตสรีรตาย เสตวณฺณตํ สนฺธาย วทติ. รุจิรา ปิยทสฺสนา, ปณฺฑราติ อตฺโถ. กากนีฬสฺมินฺติ กากกุลาวเก. ‘‘กากนิฑฺฒสฺมิ’’นฺติปิ ปาโ. ทิชาติ กาโก ปาเรวตํ อาลปติ. สามากโภชนาติ ติณพีชโภชน. สามากคฺคหเณน เหตฺถ สพฺพมฺปิ ติณพีชํ คหิตํ. อิธาปิ โพธิสตฺโต ‘‘น อิทานิ สกฺกา อิโต ปฏฺาย มยา เอตฺถ วสิตุ’’นฺติ อุปฺปติตฺวา อฺตฺถ คโต.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โลลภิกฺขุ อนาคามิผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา โลลกาโก โลลภิกฺขุ อโหสิ, ปาราวโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
รุจิรชาตกวณฺณนา ปฺจมา.
[๒๗๖] ๖. กุรุธมฺมชาตกวณฺณนา
ตว สทฺธฺจ สีลฺจาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ หํสฆาตกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิวาสิโน ¶ ทฺเว สหายกา ภิกฺขู ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปทา เยภุยฺเยน เอกโต วิจรนฺติ. เต เอกทิวสํ อจิรวตึ คนฺตฺวา นฺหตฺวา วาลุกปุลิเน อาตปํ ตปฺปมานา สารณียกถํ กเถนฺตา อฏฺํสุ, ตสฺมึ ขเณ ทฺเว หํสา อากาเสน คจฺฉนฺติ. อเถโก ทหรภิกฺขุ สกฺขรํ คเหตฺวา ‘‘เอกสฺส หํสโปตกสฺส อกฺขึ ปหริสฺสามี’’ติ อาห, อิตโร ‘‘น สกฺขิสฺสสี’’ติ ¶ อาห. ‘‘ติฏฺตุ อิมสฺมึ ปสฺเส อกฺขิ, ปรปสฺเส อกฺขึ ปหริสฺสามี’’ติ. ‘‘อิทมฺปิ น สกฺขิสฺสสิเยวา’’ติ. ‘‘เตน หิ อุปธาเรหี’’ติ ติยํสํ สกฺขรํ คเหตฺวา หํสสฺส ปจฺฉาภาเค ขิปิ. หํโส สกฺขรสทฺทํ สุตฺวา นิวตฺติตฺวา โอโลเกสิ, อถ นํ อิตโร วฏฺฏสกฺขรํ คเหตฺวา ปรปสฺเส อกฺขิมฺหิ ปหริตฺวา โอริมกฺขินา นิกฺขมาเปสิ. หํโส วิรวนฺโต ปริวตฺติตฺวา เตสํ ปาทมูเลเยว ปติ. ตตฺถ ตตฺถ ิตา ภิกฺขู ทิสฺวา อาคนฺตฺวา ‘‘อาวุโส, เอวรูเป นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวา อนนุจฺฉวิกํ โว กตํ ปาณาติปาตํ กโรนฺเตหี’’ติ วตฺวา เต อาทาย ตถาคตสฺส ทสฺเสสุํ. สตฺถา ‘‘สจฺจํ, กิร ตยา ภิกฺขุ ปาณาติปาโต กโต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขุ, กสฺมา เอวรูเป นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวา เอวมกาสิ, โปราณกปณฺฑิตา อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ อคารมชฺเฌ สํกิลิฏฺวาสํ วสมานา อปฺปมตฺตเกสุปิ าเนสุ กุกฺกุจฺจํ กรึสุ, ตฺวํ ปน เอวรูเป นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวา กุกฺกุจฺจมตฺตมฺปิ น อกาสิ, นนุ นาม ภิกฺขุนา กายวาจาจิตฺเตหิ สฺเตน ภวิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ กุรุรฏฺเ อินฺทปตฺถนคเร ธนฺจเย โกรพฺเย รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา อนุปุพฺเพน วิฺุตํ ปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา ปิตรา โอปรชฺเช ปติฏฺาปิโต อปรภาเค ¶ ปิตุ อจฺจเยน รชฺชํ ปตฺวา ทส ราชธมฺเม อโกเปนฺโต กุรุธมฺเม วตฺติตฺถ. กุรุธมฺโม นาม ปฺจ สีลานิ, ตานิ โพธิสตฺโต ปริสุทฺธานิ กตฺวา รกฺขิ. ยถา จ โพธิสตฺโต, เอวมสฺส มาตา อคฺคมเหสี กนิฏฺภาตา อุปราชา ปุโรหิโต พฺราหฺมโณ รชฺชุคาหโก อมจฺโจ สารถิ เสฏฺิ โทณมาปโก มหามตฺโต โทวาริโก นครโสภินี วณฺณทาสีติ เอวเมเต.
‘‘ราชา มาตา มเหสี จ, อุปราชา ปุโรหิโต;
รชฺชุโก สารถิ เสฏฺิ, โทโณ โทวาริโก ตถา;
คณิเกกาทส ชนา, กุรุธมฺเม ปติฏฺิตา’’ติ.
อิติ อิเม สพฺเพปิ ปริสุทฺธานิ กตฺวา ปฺจ สีลานิ รกฺขึสุ. ราชา จตูสุ นครทฺวาเรสุ จ นครมชฺเฌ จ นิเวสนทฺวาเร จาติ ฉ ทานสาลาโย กาเรตฺวา เทวสิกํ ฉสตสหสฺสํ ธนํ วิสฺสชฺเชนฺโต สกลชมฺพุทีปํ อุนฺนงฺคลํ กตฺวา ทานํ อทาสิ, ตสฺส ปน ทานชฺฌาสยตา ทานาภิรตตา สกลชมฺพุทีปํ อชฺโฌตฺถริ. ตสฺมึ กาเล กาลิงฺครฏฺเ ทนฺตปุรนคเร กาลิงฺคราชา รชฺชํ กาเรสิ. ตสฺส รฏฺเ เทโว น วสฺสิ, ตสฺมึ อวสฺสนฺเต สกลรฏฺเ ¶ ฉาตกํ ชาตํ, อาหารวิปตฺติยา จ มนุสฺสานํ โรโค อุทปาทิ, ทุพฺพุฏฺิภยํ ฉาตกภยํ โรคภยนฺติ ตีณิ ภยานิ อุปฺปชฺชึสุ. มนุสฺสา นิคฺคหณา ทารเก หตฺเถสุ คเหตฺวา ตตฺถ ตตฺถ วิจรนฺติ.
สกลรฏฺวาสิโน เอกโต หุตฺวา ทนฺตปุรํ คนฺตฺวา ราชทฺวาเร อุกฺกุฏฺิมกํสุ. ราชา วาตปานํ นิสฺสาย ิโต ตํ สทฺทํ สุตฺวา ‘‘กึ การณา เอเต วิรวนฺตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘มหาราช ¶ , สกลรฏฺเ ตีณิ ภยานิ อุปฺปนฺนานิ, เทโว น วสฺสติ, สสฺสานิ น วิปนฺนานิ, ฉาตกํ ชาตํ. มนุสฺสา ทุพฺโภชนา โรคาภิภูตา นิคฺคหณา ปุตฺเต หตฺเถสุ คเหตฺวา วิจรนฺติ, เทวํ วสฺสาเปหิ มหาราชา’’ติ. ‘‘โปราณกราชาโน เทเว อวสฺสนฺเต กึ กโรนฺตี’’ติ? ‘‘โปราณกราชาโน, มหาราช, เทเว อวสฺสนฺเต ทานํ ทตฺวา ¶ อุโปสถํ อธิฏฺาย สมาทินฺนสีลา สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา ทพฺพสนฺถเร สตฺตาหํ นิปชฺชนฺติ, ตทา เทโว วสฺสตี’’ติ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตถา อกาสิ. เอวํ สนฺเตปิ เทโว น วสฺสิ.
ราชา อมจฺเจ ปุจฺฉิ – ‘‘อหํ กตฺตพฺพกิจฺจํ อกาสึ, เทโว น วสฺสติ, กินฺติ กโรมา’’ติ? ‘‘มหาราช, อินฺทปตฺถนคเร ธนฺจยสฺส โกรพฺยรฺโ อฺชนวณฺโณ นาม มงฺคลหตฺถี อตฺถิ, ตํ อาเนสฺสาม, เอวํ สนฺเต เทโว วสฺสตี’’ติ. ‘‘โส ราชา พลวาหนสมฺปนฺโน ทุปฺปสโห, กถมสฺส หตฺถึ อาเนสฺสามา’’ติ? ‘‘มหาราช, เตน สทฺธึ ยุทฺธกิจฺจํ นตฺถิ, ทานชฺฌาสโย ราชา ทานาภิรโต ยาจิโต สมาโน อลงฺกตสีสมฺปิ ฉินฺทิตฺวา ปสาทสมฺปนฺนานิ อกฺขีนิปิ อุปฺปาเฏตฺวา สกลรชฺชมฺปิ นิยฺยาเทตฺวา ทเทยฺย, หตฺถิมฺหิ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ, อวสฺสํ ยาจิโต ทสฺสตี’’ติ. ‘‘เก ปน ตํ ยาจิตุํ สมตฺถา’’ติ? ‘‘พฺราหฺมณา, มหาราชา’’ติ. ราชา พฺราหฺมณคามโต อฏฺ พฺราหฺมเณ ปกฺโกสาเปตฺวา สกฺการสมฺมานํ กตฺวา หตฺถึ ยาจนตฺถาย เปเสสิ. เต ปริพฺพยํ อาทาย อทฺธิกเวสํ คเหตฺวา สพฺพตฺถ เอกรตฺติวาเสน ตุริตคมนํ คนฺตฺวา กติปาหํ นครทฺวาเร ทานสาลาสุ ภฺุชิตฺวา สรีรํ สนฺตปฺเปตฺวา ‘‘กทา ราชา ทานคฺคํ อาคจฺฉิสฺสตี’’ติ ปุจฺฉึสุ. มนุสฺสา ‘‘ปกฺขสฺส ตโย ทิวเส ¶ จาตุทฺทเส ปนฺนรเส อฏฺมิยฺจ อาคจฺฉติ, สฺเว ปน ปุณฺณมี, ตสฺมา สฺเว อาคจฺฉิสฺสตี’’ติ วทึสุ.
พฺราหฺมณา ปุนทิวเส ปาโตว คนฺตฺวา ปาจีนทฺวาเร อฏฺํสุ. โพธิสตฺโต ปาโตว นฺหตฺวา คตฺตานุลิตฺโต สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิโต อลงฺกตหตฺถิกฺขนฺธวรคโต มหนฺเตน ปริวาเรน ปาจีนทฺวาเรน ทานสาลํ คนฺตฺวา โอตริตฺวา สตฺตฏฺชนานํ สหตฺถา ภตฺตํ ทตฺวา ‘‘อิมินาว นีหาเรน ¶ เทถา’’ติ วตฺวา หตฺถึ อภิรุหิตฺวา ทกฺขิณทฺวารํ อคมาสิ. พฺราหฺมณา ปาจีนทฺวาเร อารกฺขสฺส พลวตาย โอกาสํ อลภิตฺวา ทกฺขิณทฺวารเมว คนฺตฺวา ราชานํ อาคจฺฉนฺตํ โอโลกยมานา ทฺวารโต นาติทูเร อุนฺนตฏฺาเน ิตา สมฺปตฺตํ ราชานํ หตฺเถ อุกฺขิปิตฺวา ‘‘ชยตุ ภวํ, มหาราชา’’ติ ชยาเปสุํ. ราชา วชิรงฺกุเสน วารณํ นิวตฺเตตฺวา เตสํ สนฺติกํ ¶ คนฺตฺวา ‘‘โภ พฺราหฺมณา, กึ อิจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิ. พฺราหฺมณา โพธิสตฺตสฺส คุณํ วณฺเณนฺตา ปมํ คาถมาหํสุ –
‘‘ตว สทฺธฺจ สีลฺจ, วิทิตฺวาน ชนาธิป;
วณฺณํ อฺชนวณฺเณน, กาลิงฺคสฺมึ นิมิมฺหเส’’ติ.
ตตฺถ สทฺธนฺติ กมฺมผลานํ สทฺทหนวเสน โอกปฺปนิยสทฺธํ. สีลนฺติ สํวรสีลํ อวีติกฺกมสีลํ. วณฺณนฺติ ตทา ตสฺมึ เทเส สุวณฺณํ วุจฺจติ, เทสนาสีสเมว เจตํ. อิมินา ปน ปเทน สพฺพมฺปิ หิรฺสุวณฺณาทิธนธฺํ สงฺคหิตํ. อฺชนวณฺเณนาติ อฺชนปฺุชสมานวณฺเณน อิมินา ตว นาเคน, กาลิงฺคสฺมินฺติ กาลิงฺครฺโ สนฺติเก. นิมิมฺหเสติ วินิมยวเสน คณฺหิมฺห, ปริโภควเสน วา อุทเร ปกฺขิปิมฺหาติ อตฺโถ. เสติ นิปาตมตฺตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – มยฺหิ, ชนาธิป, ตว สทฺธฺจ สีลฺจ วิทิตฺวาน ‘‘อทฺธา โน เอวํ สทฺธาสีลสมฺปนฺโน ¶ ราชา ยาจิโต อฺชนวณฺณํ นาคํ ทสฺสตี’’ติ อิมินา อตฺตโน สนฺตเกน วิย อฺชนวณฺเณน กาลิงฺครฺโ สนฺติเก นาคํ โว อาหริสฺสามาติ วตฺวา พหุธนธฺํ นิมิมฺหเส ปริวตฺตยิมฺห เจว อุทเร จ ปกฺขิปิมฺห. เอวํ ตํ มยํ ธารยมานา อิธาคตา. ตตฺถ กตฺตพฺพํ เทโว ชานาตูติ.
อปโร นโย – ตว สทฺธฺจ สีลคุณสงฺขาตํ วณฺณฺจ สุตฺวา ‘‘อุฬารคุโณ ราชา ชีวิตมฺปิ ยาจิโต ทเทยฺย, ปเคว ติรจฺฉานคตํ นาค’’นฺติ เอวํ กาลิงฺคสฺส สนฺติเก อิมินา อฺชนวณฺเณน ตว วณฺณํ นิมิมฺหเส นิมิมฺห ตุลยิมฺห, เตนมฺหา อิธาคตาติ.
ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ‘‘สเจ, โว พฺราหฺมณา, อิมํ นาคํ ปริวตฺเตตฺวา ธนํ ขาทิตํ สุขาทิตํ มา จินฺตยิตฺถ, ยถาลงฺกตเมว โว นาคํ ทสฺสามี’’ติ สมสฺสาเสตฺวา อิตรา ทฺเว คาถา อโวจ –
‘‘อนฺนภจฺจา จภจฺจา จ, โยธ อุทฺทิสฺส คจฺฉติ;
สพฺเพ เต อปฺปฏิกฺขิปฺปา, ปุพฺพาจริยวโจ อิทํ.
‘‘ททามิ ¶ ¶ โว พฺราหฺมณา นาคเมตํ, ราชารหํ ราชโภคฺคํ ยสสฺสินํ;
อลงฺกตํ เหมชาลาภิฉนฺนํ, สสารถึ คจฺฉถ เยนกาม’’นฺติ.
ตตฺถ อนฺนภจฺจา จภจฺจา จาติ ปุริสํ อุปนิสฺสาย ชีวมานา ยาคุภตฺตาทินา อนฺเนน ภริตพฺพาติ อนฺนภจฺจา, อิตเร ตถา อภริตพฺพตฺตา อภจฺจา. สนฺธิวเสน ปเนตฺถ อการโลโป เวทิตพฺโพ. เอตฺตาวตา อตฺตานํ อุปนิสฺสาย จ อนุปนิสฺสาย จ ชีวมานวเสน สพฺเพปิ สตฺตา ทฺเว โกฏฺาเส กตฺวา ทสฺสิตา โหนฺติ. โยธ อุทฺทิสฺส คจฺฉตีติ เตสุ สตฺเตสุ อิธ ชีวโลเก โย สตฺโต ยํ ปุริสํ กายจิเทว ปจฺจาสีสนาย อุทฺทิสฺส คจฺฉติ. สพฺเพ เต อปฺปฏิกฺขิปฺปาติ ตถา อุทฺทิสฺส คจฺฉนฺตา สเจปิ พหู โหนฺติ, ตถาปิ เตน ปุริเสน สพฺเพ เต อปฺปฏิกฺขิปฺปา, ‘‘อเปถ, น โว ทสฺสามี’’ติ เอวํ น ปฏิกฺขิปิตพฺพาติ อตฺโถ. ปุพฺพาจริยวโจ อิทนฺติ ปุพฺพาจริยา วุจฺจนฺติ มาตาปิตโร, อิทํ เตสํ วจนํ. เอวมหํ มาตาปิตูหิ สิกฺขาปิโตติ ทีเปติ.
ททามิ โว พฺราหฺมณา นาคเมตนฺติ ยสฺมา ¶ อิทํ อมฺหากํ ปุพฺพาจริยวโจ, ตสฺมาหํ พฺราหฺมณา ตุมฺหากํ อิมํ นาคํ ททามิ. ราชารหนฺติ รฺโ อนุจฺฉวิกํ. ราชโภคฺคนฺติ ราชปริโภคํ. ยสสฺสินนฺติ ปริวารสมฺปนฺนํ, ตํ กิร หตฺถึ นิสฺสาย หตฺถิโคปกหตฺถิเวชฺชาทีนิ ปฺจ กุลสตานิ ชีวนฺติ, เตหิ สทฺธิฺเว โว ททามีติ อตฺโถ. อลงฺกตนฺติ นานาวิเธหิ หตฺถิอลงฺกาเรหิ อลงฺกตํ. เหมชาลาภิฉนฺนนฺติ สุวณฺณชาเลน อภิจฺฉนฺนํ. สสารถินฺติ โย ปนสฺส สารถิ หตฺถิโคปโก อาจริโย, เตน สทฺธึเยว ททามิ, ตสฺมา สสารถิ หุตฺวา ตุมฺเห สปริวารํ อิมํ นาคํ คเหตฺวา เยนกามํ คจฺฉถาติ.
เอวํ หตฺถิกฺขนฺธวรคโตว มหาสตฺโต วาจาย ทตฺวา ปุน หตฺถิกฺขนฺธา โอรุยฺห ‘‘สเจ อนลงฺกตฏฺานํ อตฺถิ, อลงฺกริตฺวา ทสฺสามี’’ติ วตฺวา ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต อุปธาเรตฺวา อนลงฺกตฏฺานํ อทิสฺวา ตสฺส โสณฺฑํ พฺราหฺมณานํ หตฺเถสุ เปตฺวา สุวณฺณภิงฺกาเรน ปุปฺผคนฺธวาสิตํ อุทกํ ปาเตตฺวา อทาสิ. พฺราหฺมณา สปริวารํ นาคํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ¶ หตฺถิปิฏฺเ นิสินฺนา ทนฺตปุรํ คนฺตฺวา หตฺถึ รฺโ อทํสุ, หตฺถิมฺหิ อาคเตปิ เทโว น วสฺสเตว. ราชา ‘‘กึ นุ โข การณ’’นฺติ อุตฺตรึ ปุจฺฉนฺโต ‘‘ธนฺจยโกรพฺยราชา กุรุธมฺมํ รกฺขติ, เตนสฺส รฏฺเ อนฺวฑฺฒมาสํ อนุทสาหํ เทโว วสฺสติ, รฺโ คุณานุภาโว เจส, อิมสฺส ปน ติรจฺฉานคตสฺส คุณา โหนฺตาปิ กิตฺตกา ภเวยฺยุ’’นฺติ สุตฺวา ‘‘เตน หิ ยถาลงฺกตเมว สปริวารํ หตฺถึ ปติเนตฺวา รฺโ ทตฺวา ยํ โส กุรุธมฺมํ รกฺขติ, ตํ สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขิตฺวา อาเนถา’’ติ ¶ พฺราหฺมเณ จ อมจฺเจ จ เปเสสิ. เต คนฺตฺวา รฺโ หตฺถึ นิยฺยาเทตฺวา ‘‘เทว, อิมสฺมึ หตฺถิมฺหิ คเตปิ อมฺหากํ รฏฺเ ¶ เทโว น วสฺสติ, ตุมฺเห กิร กุรุธมฺมํ นาม รกฺขถ, อมฺหากมฺปิ ราชา ตํ รกฺขิตุกาโม อิมสฺมึ สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขิตฺวา อาเนถา’’ติ เปเสสิ. ‘‘เทถ โน กุรุธมฺม’’นฺติ. ‘‘ตาตา, สจฺจาหํ เอตํ กุรุธมฺมํ รกฺขามิ, อิทานิ ปน เม ตตฺถ กุกฺกุจฺจํ อตฺถิ, น เม โส กุรุธมฺโม จิตฺตํ อาราเธติ, ตสฺมา ตุมฺหากํ ทาตุํ น สกฺกา’’ติ.
กสฺมา ปน ตํ สีลํ ราชานํ น อาราเธตีติ? ตทา กิร ราชูนํ ตติเย ตติเย สํวจฺฉเร กตฺติกมาเส ปวตฺโต ฉโณ นาม โหติ, ตํ ฉณํ กีฬนฺตา ราชาโน สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตา เทวเวสํ คเหตฺวา จิตฺตราชสฺส นาม ยกฺขสฺส สนฺติเก ตฺวา จตุทฺทิสา ปุปฺผปฏิมณฺฑิเต จิตฺตสเร ขิปนฺติ. อยมฺปิ ราชา ตํ ขณํ กีฬนฺโต เอกิสฺสา ตฬากปาฬิยา จิตฺตราชสฺส ยกฺขสฺส สนฺติเก ตฺวา จตุทฺทิสา จิตฺตสเร ขิปิตฺวา เตสุ เสสทิสาคเต ตโย สเร ทิสฺวา อุทกปิฏฺเ ขิตฺตสรํ น อทฺทส. รฺโ ‘‘กจฺจิ นุ โข มยา ขิตฺโต สโร มจฺฉสรีเร ปติโต’’ติ กุกฺกุจฺจํ อโหสิ ปาณาติปาตกมฺเมน สีลเภทํ อารพฺภ, ตสฺมา สีลํ น อาราเธติ. โส เอวมาห – ‘‘ตาตา, มยฺหํ กุรุธมฺเม กุกฺกุจฺจํ อตฺถิ, มาตา ปน เม สุรกฺขิตํ รกฺขติ, ตสฺสา สนฺติเก คณฺหถา’’ติ. ‘‘มหาราช, ตุมฺหากํ ‘ปาณํ วธิสฺสามี’ติ เจตนา นตฺถิ, ตํ วินา ปาณาติปาโต นาม น โหติ, เทถ โน อตฺตนา รกฺขิตํ กุรุธมฺม’’นฺติ. ‘‘เตน หิ ลิขถา’’ติ สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขาเปสิ – ‘‘ปาโณ น หนฺตพฺโพ, อทินฺนํ นาทาตพฺพํ ¶ , กาเมสุ มิจฺฉา น จริตพฺพํ, มุสา น ภณิตพฺพํ ¶ , มชฺชํ น ปาตพฺพ’’นฺติ ลิขาเปตฺวา จ ปน ‘‘เอวํ สนฺเตปิ เนว มํ อาราเธติ, มาตุ เม สนฺติเก คณฺหถา’’ติ อาห.
ทูตา ราชานํ วนฺทิตฺวา ตสฺสา สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘เทวิ, ตุมฺเห กิร กุรุธมฺมํ รกฺขถ, ตํ โน เทถา’’ติ วทึสุ. ‘‘ตาตา, สจฺจาหํ กุรุธมฺมํ รกฺขามิ, อิทานิ ปน เม ตตฺถ กุกฺกุจฺจํ อุปฺปนฺนํ, น เม โส กุรุธมฺโม อาราเธติ เตน โว ทาตุํ น สกฺกา’’ติ. ตสฺสา กิร ทฺเว ปุตฺตา เชฏฺโ ราชา, กนิฏฺโ อุปราชา. อเถโก ราชา โพธิสตฺตสฺส สตสหสฺสคฺฆนกํ จนฺทนสารํ สหสฺสคฺฆนกํ กฺจนมาลํ เปเสสิ. โส ‘‘มาตรํ ปูเชสฺสามี’’ติ ตํ สพฺพํ มาตุ เปเสสิ. สา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ เนว จนฺทนํ วิลิมฺปามิ, น มาลํ ธาเรมิ, สุณิสานํ ทสฺสามี’’ติ. อถสฺสา เอตทโหสิ – ‘‘เชฏฺสุณิสา เม อิสฺสรา, อคฺคมเหสิฏฺาเน ิตา, ตสฺสา สุวณฺณมาลํ ทสฺสามิ. กนิฏฺสุณิสา ปน ทุคฺคตา, ตสฺสา จนฺทนสารํ ทสฺสามี’’ติ. สา รฺโ เทวิยา สุวณฺณมาลํ ทตฺวา อุปราชภริยาย จนฺทนสารํ อทาสิ, ทตฺวา จ ปนสฺสา ‘‘อหํ ¶ กุรุธมฺมํ รกฺขามิ, เอตาสํ ทุคฺคตาทุคฺคตภาโว มยฺหํ อปฺปมาณํ, เชฏฺาปจายิกกมฺมเมว ปน กาตุํ มยฺหํ อนุรูปํ, กจฺจิ นุ โข เม ตสฺส อกตตฺตา สีลํ ภินฺน’’นฺติ กุกฺกุจฺจํ อโหสิ, ตสฺมา เอวมาห. อถ นํ ทูตา ‘‘อตฺตโน สนฺตกํ นาม ยถารุจิยา ทียติ, ตุมฺเห เอตฺตเกนปิ กุกฺกุจฺจํ กุรุมานา กึ อฺํ ปาปํ กริสฺสถ, สีลํ นาม เอวรูเปน น ¶ ภิชฺชติ, เทถ โน กุรุธมฺม’’นฺติ วตฺวา ตสฺสาปิ สนฺติเก คเหตฺวา สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขึสุ.
‘‘ตาตา, เอวํ สนฺเตปิ เนว มํ อาราเธติ, สุณิสา ปน เม สุฏฺุ รกฺขติ, ตสฺสา สนฺติเก คณฺหถา’’ติ วุตฺตา จ ปน อคฺคมเหสึ อุปสงฺกมิตฺวา ปุริมนเยเนว กุรุธมฺมํ ยาจึสุ. สาปิ ปุริมนเยเนว วตฺวา ‘‘อิทานิ มํ สีลํ นาราเธติ, เตน โว ทาตุํ น สกฺกา’’ติ อาห. สา กิร เอกทิวสํ สีหปฺชเร ิตา รฺโ นครํ ปทกฺขิณํ กโรนฺตสฺส ปจฺฉโต หตฺถิปิฏฺเ นิสินฺนํ อุปราชํ ทิสฺวา โลภํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘สจาหํ อิมินา สทฺธึ สนฺถวํ กเรยฺยํ, ภาตุ อจฺจเยน รชฺเช ปติฏฺิโต มํ เอส สงฺคณฺเหยฺยา’’ติ จินฺเตสิ. อถสฺสา ‘‘อหํ กุรุธมฺมํ รกฺขมานา สสามิกา หุตฺวา กิเลสวเสน อฺํ ปุริสํ โอโลเกสึ, สีเลน เม ภินฺเนน ภวิตพฺพ’’นฺติ ¶ กุกฺกุจฺจํ อโหสิ, ตสฺมา เอวมาห. อถ นํ ทูตา ‘‘อติจาโร นาม อยฺเย จิตฺตุปฺปาทมตฺเตน ¶ น โหติ, ตุมฺเห เอตฺตเกนปิ กุกฺกุจฺจํ กุรุมานา วีติกฺกมํ กึกริสฺสถ, น เอตฺตเกน สีลํ ภิชฺชติ, เทถ โน กุรุธมฺม’’นฺติ วตฺวา ตสฺสาปิ สนฺติเก คเหตฺวา สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขึสุ.
‘‘ตาตา, เอวํ สนฺเตปิ เนว มํ อาราเธติ, อุปราชา ปน สุฏฺุ รกฺขติ, ตสฺส สนฺติเก คณฺหถา’’ติ วุตฺตา จ ปน อุปราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุริมนเยเนว กุรุธมฺมํ ยาจึสุ. โส ปน สายํ ราชุปฏฺานํ คจฺฉนฺโต รเถเนว ราชงฺคณํ ปตฺวา สเจ รฺโ สนฺติเก ภฺุชิตฺวา ตตฺเถว สยิตุกาโม โหติ, รสฺมิโย จ ปโตทฺจ อนฺโตธุเร ฉฑฺเฑติ. ตาย สฺาย ชโน ปกฺกมิตฺวา ปุนทิวเส ปาโตว คนฺตฺวา ตสฺส นิกฺขมนํ โอโลเกนฺโตว ติฏฺติ. สารถิปิ รถํ โคปยิตฺวา ¶ ปุนทิวเส ปาโตว ตํ อาทาย ราชทฺวาเร ติฏฺติ. สเจ ตงฺขณฺเว นิกฺขนฺตุกาโม โหติ, รสฺมิโย จ ปโตทฺจ อนฺโตรเถเยว เปตฺวา ราชุปฏฺานํ คจฺฉติ. มหาชโน ตาย สฺาย ‘‘อิทาเนว นิกฺขมิสฺสตี’’ติ ราชทฺวาเรเยว ติฏฺติ. โส เอกทิวสํ เอวํ กตฺวา ราชนิเวสนํ ปาวิสิ, ปวิฏฺมตฺตสฺสเยวสฺส เทโว ปาวสฺสิ. ราชา ‘‘เทโว วสฺสตี’’ติ ตสฺส นิกฺขนฺตุํ นาทาสิ, โส ตตฺเถว ภฺุชิตฺวา สยิ. มหาชโน ‘‘อิทานิ นิกฺขมิสฺสตี’’ติ สพฺพรตฺตึ เตเมนฺโต อฏฺาสิ. อุปราชา ทุติยทิวเส นิกฺขมิตฺวา เตเมตฺวา ิตํ มหาชนํ ทิสฺวา ‘‘อหํ กุรุธมฺมํ รกฺขนฺโต เอตฺตกํ ชนํ กิลเมสึ, สีเลน เม ภินฺเนน ภวิตพฺพ’’นฺติ กุกฺกุจฺจํ อโหสิ, เตน เตสํ ทูตานํ ‘‘สจฺจาหํ กุรุธมฺมํ รกฺขามิ, อิทานิ ปน เม กุกฺกุจฺจํ อตฺถิ, เตน โว น สกฺกา ทาตุ’’นฺติ วตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อถ นํ ทูตา ‘‘ตุมฺหากํ, เทว, ‘เอเต กิลมนฺตู’ติ จิตฺตํ นตฺถิ, อเจตนกํ กมฺมํ น โหติ, เอตฺตเกนปิ กุกฺกุจฺจํ กโรนฺตานํ กถํ ตุมฺหากํ วีติกฺกโม ภวิสฺสตี’’ติ วตฺวา ตสฺสปิ สนฺติเก สีลํ คเหตฺวา สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขึสุ.
‘‘เอวํ สนฺเตปิ เนว มํ อาราเธติ, ปุโรหิโต ปน สุฏฺุ รกฺขติ, ตสฺส สนฺติเก คณฺหถา’’ติ วุตฺตา จ ปน ปุโรหิตํ อุปสงฺกมิตฺวา ยาจึสุ. โสปิ เอกทิวสํ ราชุปฏฺานํ คจฺฉนฺโต เอเกน รฺา ตสฺส รฺโ เปสิตํ ตรุณรวิวณฺณํ รถํ อนฺตรามคฺเค ทิสฺวา ‘‘กสฺสายํ รโถ’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘รฺโ อาภโต’’ติ สุตฺวา ‘‘อหํ ¶ มหลฺลโก, สเจ เม ราชา อิมํ รถํ ทเทยฺย, สุขํ อิมํ อารุยฺห วิจเรยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา ราชุปฏฺานํ คโต. ตสฺส ชยาเปตฺวา ิตกาเล รฺโ รถํ ¶ ทสฺเสสุํ. ราชา ทิสฺวา ‘‘อติ วิย สุนฺทโร อยํ รโถ, อาจริยสฺส นํ เทถา’’ติ อาห. ปุโรหิโต น อิจฺฉิ, ปุนปฺปุนํ วุจฺจมาโนปิ น อิจฺฉิเยว. กึการณา? เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘อหํ กุรุธมฺมํ รกฺขนฺโตว ปรสนฺตเก โลภํ อกาสึ, ภินฺเนน เม สีเลน ภวิตพฺพ’’นฺติ. โส เอตมตฺถํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘ตาตา, กุรุธมฺเม เม กุกฺกุจฺจํ อตฺถิ, น มํ โส ธมฺโม อาราเธติ, ตสฺมา น สกฺกา ทาตุ’’นฺติ อาห. อถ นํ ทูตา ‘‘อยฺย, โลภุปฺปาทมตฺเตน น สีลํ ภิชฺชติ, ตุมฺเห เอตฺตเกนปิ กุกฺกุจฺจํ กโรนฺตา กึ วีติกฺกมํ กริสฺสถา’’ติ วตฺวา ตสฺสปิ สนฺติเก สีลํ คเหตฺวา สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขึสุ.
‘‘เอวํ สนฺเตปิ เนว มํ อาราเธติ, รชฺชุคาหโก อมจฺโจ ปน สุฏฺุ รกฺขติ, ตสฺส สนฺติเก คณฺหถา’’ติ วุตฺตา จ ปน ตมฺปิ อุปสงฺกมิตฺวา ยาจึสุ. โสปิ เอกทิวสํ ชนปเท เขตฺตํ มินนฺโต รชฺชุํ ทณฺฑเก พนฺธิตฺวา เอกํ โกฏึ เขตฺตสามิเกน คณฺหาเปตฺวา เอกํ อตฺตนา อคฺคเหสิ, เตน คหิตรชฺชุโกฏิยา พทฺธทณฺฑโก เอกสฺส กกฺกฏกสฺส พิลมชฺฌํ ปาปุณิ. โส จินฺเตสิ – ‘‘สเจ ทณฺฑกํ พิเล โอตาเรสฺสามิ, อนฺโตพิเล กกฺกฏโก นสฺสิสฺสติ. สเจ ปน ปรโต กริสฺสามิ, รฺโ สนฺตกํ นสฺสิสฺสติ. สเจ โอรโต กริสฺสามิ, กุฏุมฺพิกสฺส สนฺตกํ นสฺสิสฺสติ, กึ นุ โข กาตพฺพ’’นฺติ? อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘พิเล กกฺกฏเกน ภวิตพฺพํ, สเจ ภเวยฺย, ปฺาเยยฺย, เอตฺเถว นํ โอตาเรสฺสามี’’ติ พิเล ทณฺฑกํ โอตาเรสิ, กกฺกฏโก ‘‘กิรี’’ติ สทฺทมกาสิ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ทณฺฑโก กกฺกฏกปิฏฺเ โอติณฺโณ ภวิสฺสติ, กกฺกฏโก มโต ภวิสฺสติ, อหฺจ กุรุธมฺมํ รกฺขามิ, เตน เม สีเลน ภินฺเนน ภวิตพฺพ’’นฺติ ¶ . โส เอตมตฺถํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘อิมินา เม ¶ การเณน กุรุธมฺเม กุกฺกุจฺจํ อตฺถิ, เตน โว น สกฺกา ทาตุ’’นฺติ อาห. อถ นํ ทูตา ‘‘ตุมฺหากํ ‘กกฺกฏโก มรตู’ติ จิตฺตํ นตฺถิ, อเจตนกํ กมฺมํ นาม น โหติ. ตุมฺเห เอตฺตเกนปิ กุกฺกุจฺจํ กโรนฺตา กึ วีติกฺกมํ กริสฺสถา’’ติ วตฺวา ตสฺสปิ สนฺติเก สีลํ คเหตฺวา สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขึสุ.
‘‘เอวํ ¶ สนฺเตปิ เนว มํ อาราเธติ, สารถิ ปน สุฏฺุ รกฺขติ, ตสฺส สนฺติเก คณฺหถา’’ติ วุตฺตา จ ปน ตมฺปิ อุปสงฺกมิตฺวา ยาจึสุ. โส เอกทิวสํ ราชานํ รเถน อุยฺยานํ เนสิ. ราชา ตตฺถ ทิวา กีฬิตฺวา สายํ นิกฺขมิตฺวา รถํ อภิรุหิ, ตสฺส นครํ อสมฺปตฺตสฺเสว สูริยตฺถงฺคมนเวลาย เมโฆ อุฏฺหิ. สารถิ รฺโ เตมนภเยน สินฺธวานํ ปโตทสฺมทาสิ. สินฺธวา ชเวน ปกฺขนฺทึสุ. ตโต ปฏฺาย จ ปน เต อุยฺยานํ คจฺฉนฺตาปิ ตโต อาคจฺฉนฺตาปิ ตํ านํ ปตฺวา ชเวน คจฺฉนฺติ อาคจฺฉนฺติ. กึ การณา? เตสํ กิร เอตทโหสิ – ‘‘อิมสฺมึ าเน ปริสฺสเยน ภวิตพฺพํ, เตน โน สารถิ ตทา ปโตทสฺํ อทาสี’’ติ. สารถิสฺสปิ เอตทโหสิ – ‘‘รฺโ เตมเน วา อเตมเน วา มยฺหํ โทโส นตฺถิ, อหํ ปน อฏฺาเน สุสิกฺขิตสินฺธวานํ ปโตทสฺํ อทาสึ, เตน อิเม อิทานิ อปราปรํ ชวนฺตา กิลมนฺติ, อหฺจ กุรุธมฺมํ รกฺขามิ, เตน เม ภินฺเนน สีเลน ภวิตพฺพ’’นฺติ. โส เอตมตฺถํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘อิมินา การเณน กุรุธมฺเม กุกฺกุจฺจํ อตฺถิ, เตน โว น สกฺกา ทาตุ’’นฺติ อาห. อถ นํ ทูตา ‘‘ตุมฺหากํ ‘สินฺธวา กิลมนฺตู’ติ จิตฺตํ นตฺถิ, อเจตนกํ กมฺมํ นาม น โหติ, เอตฺตเกนปิ จ ตุมฺเห กุกฺกุจฺจํ กโรนฺตา กึ วีติกฺกมํ กริสฺสถา’’ติ วตฺวา ตสฺส สนฺติเก สีลํ คเหตฺวา สุวณฺณปฏฺเฏ ¶ ลิขึสุ.
‘‘เอวํ สนฺเตปิ เนว มํ อาราเธติ, เสฏฺิ ปน สุฏฺุ รกฺขติ, ตสฺส สนฺติเก คณฺหถา’’ติ วุตฺตา จ ปน ตมฺปิ อุปสงฺกมิตฺวา ยาจึสุ. โสปิ เอกทิวสํ คพฺภโต นิกฺขนฺตสาลิสีสํ อตฺตโน สาลิเขตฺตํ คนฺตฺวา ปจฺจเวกฺขิตฺวา นิวตฺตมาโน ‘‘วีหิมาลํ พนฺธาเปสฺสามี’’ติ เอกํ สาลิสีสมุฏฺึ คาหาเปตฺวา ถูณาย พนฺธาเปสิ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อิมมฺหา เกทารา มยา รฺโ ภาโค ทาตพฺโพ, อทินฺนภาคโตเยว เม เกทารโต สาลิสีสมุฏฺิ คาหาปิโต, อหฺจ กุรุธมฺมํ รกฺขามิ, เตน เม ภินฺเนน สีเลน ภวิตพฺพ’’นฺติ. โส เอตมตฺถํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘อิมินา เม การเณน กุรุธมฺเม กุกฺกุจฺจํ อตฺถิ, เตน โว น สกฺกา ทาตุ’’นฺติ อาห. อถ นํ ทูตา ‘‘ตุมฺหากํ เถยฺยจิตฺตํ นตฺถิ, เตน วินา อทินฺนาทานํ นาม ปฺาเปตุํ น สกฺกา, เอตฺตเกนปิ กุกฺกุจฺจํ กโรนฺตา ตุมฺเห ปรสนฺตกํ นาม ¶ กึ คณฺหิสฺสถา’’ติ วตฺวา ตสฺสปิ สนฺติเก สีลํ คเหตฺวา สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขึสุ.
‘‘เอวํ ¶ สนฺเตปิ เนว มํ อาราเธติ, โทณมาปโก ปน มหามตฺโต สุฏฺุ รกฺขติ, ตสฺส สนฺติเก คณฺหถา’’ติ วุตฺตา จ ปน ตมฺปิ อุปสงฺกมิตฺวา ยาจึสุ. โส กิร เอกทิวสํ โกฏฺาคารทฺวาเร นิสีทิตฺวา ราชภาเค วีหึ มินาเปนฺโต อมิตวีหิราสิโต วีหึ คเหตฺวา ลกฺขํ เปสิ, ตสฺมึ ขเณ เทโว ปาวสฺสิ. มหามตฺโต ลกฺขานิ คเณตฺวา ‘‘มิตวีหี เอตฺตกา นาม โหนฺตี’’ติ วตฺวา ลกฺขวีหึ สํกฑฺฒิตฺวา มิตราสิมฺหิ ปกฺขิปิตฺวา เวเคน คนฺตฺวา ทฺวารโกฏฺเก ตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘กึ นุ โข มยา ลกฺขวีหี มิตวีหิราสิมฺหิ ปกฺขิตฺตา, อุทาหุ อมิตราสิมฺหี’’ติ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘สเจ เม ¶ มิตวีหิราสิมฺหิ ปกฺขิตฺตา อการเณเนว รฺโ สนฺตกํ วฑฺฒิตํ, คหปติกานํ สนฺตกํ นาสิตํ, อหฺจ กุรุธมฺมํ รกฺขามิ, เตน เม ภินฺเนน สีเลน ภวิตพฺพ’’นฺติ. โส เอตมตฺถํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘อิมินา เม การเณน กุรุธมฺเม กุกฺกุจฺจํ อตฺถิ, เตน โว น สกฺกา ทาตุ’’นฺติ อาห. อถ นํ ทูตา ‘‘ตุมฺหากํ เถยฺยจิตฺตํ นตฺถิ, เตน วินา อทินฺนาทานํ นาม ปฺาเปตุํ น สกฺกา, เอตฺตเกนปิ กุกฺกุจฺจํ กโรนฺตา กึ ตุมฺเห ปรสฺส สนฺตกํ คณฺหิสฺสถา’’ติ วตฺวา ตสฺสปิ สนฺติเก สีลํ คเหตฺวา สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขึสุ.
‘‘เอวํ สนฺเตปิ เนว มํ อาราเธติ, โทวาริโก ปน สุฏฺุ รกฺขติ, ตสฺส สนฺติเก คณฺหถา’’ติ วุตฺตา จ ปน ตมฺปิ อุปสงฺกมิตฺวา ยาจึสุ. โสปิ เอกทิวสํ นครทฺวารํ ปิธานเวลาย ติกฺขตฺตุํ สทฺทมนุสฺสาเวสิ. อเถโก ทลิทฺทมนุสฺโส อตฺตโน กนิฏฺภคินิยา สทฺธึ ทารุปณฺณตฺถาย อรฺํ คนฺตฺวา นิวตฺตนฺโต ตสฺส สทฺทํ สุตฺวา ภคินึ อาทาย เวเคน ทฺวารํ สมฺปาปุณิ. อถ นํ โทวาริโก ‘‘ตฺวํ นคเร รฺโ อตฺถิภาวํ กึ น ชานาสิ, ‘สกลสฺเสว อิมสฺส นครสฺส ทฺวารํ ปิธียตี’ติ น ชานาสิ, อตฺตโน มาตุคามํ คเหตฺวา อรฺเ กามรติกีฬํ กีฬนฺโต ทิวสํ วิจรสี’’ติ อาห. อถสฺส อิตเรน ‘‘น เม, สามิ, ภริยา, ภคินี เม เอสา’’ติ วุตฺเต เอตทโหสิ – ‘‘อการณํ วต เม กตํ ภคินึ ภริยาติ กเถนฺเตน, อหฺจ กุรุธมฺมํ รกฺขามิ, เตน เม ภินฺเนน สีเลน ภวิตพฺพ’’นฺติ. โส เอตมตฺถํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘อิมินา เม การเณน กุรุธมฺเม กุกฺกุจฺจํ ¶ อตฺถิ, เตน โว น สกฺกา ทาตุ’’นฺติ อาห. อถ นํ ทูตา ‘‘เอตํ ตุมฺเหหิ ตถาสฺาย กถิตํ, เอตฺถ ¶ โว สีลเภโท นตฺถิ, เอตฺตเกนปิ จ ตุมฺเห กุกฺกุจฺจายนฺตา กุรุธมฺเม สมฺปชานมุสาวาทํ นาม กึ กริสฺสถา’’ติ วตฺวา ตสฺสปิ สนฺติเก สีลํ คเหตฺวา สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขึสุ.
‘‘เอวํ สนฺเตปิ เนว มํ อาราเธติ, วณฺณทาสี ปน สุฏฺุ รกฺขติ, ตสฺส สนฺติเก คณฺหถา’’ติ วุตฺตา จ ปน ตมฺปิ อุปสงฺกมิตฺวา ยาจึสุ. สา ปุริมนเยเนว ปฏิกฺขิปิ. กึการณา ¶ ? สกฺโก กิร เทวานมินฺโท ‘‘ตสฺสา สีลํ วีมํสิสฺสามี’’ติ มาณวกวณฺเณน อาคนฺตฺวา ‘‘อหํ อาคมิสฺสามี’’ติ วตฺวา สหสฺสํ ทตฺวา เทวโลกเมว คนฺตฺวา ตีณิ สํวจฺฉรานิ นาคจฺฉิ. สา อตฺตโน สีลเภทภเยน ตีณิ สํวจฺฉรานิ อฺสฺส ปุริสสฺส หตฺถโต ตมฺพูลมตฺตมฺปิ น คณฺหิ, สา อนุกฺกเมน ทุคฺคตา หุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ สหสฺสํ ทตฺวา คตปุริสสฺส ตีณิ สํวจฺฉรานิ อนาคจฺฉนฺตสฺส ทุคฺคตา ชาตา, ชีวิตวุตฺตึ ฆเฏตุํ น สกฺโกมิ, อิโต ทานิ ปฏฺาย มยา วินิจฺฉยมหามตฺตานํ อาโรเจตฺวา ปริพฺพยํ คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ. สา วินิจฺฉยํ คนฺตฺวา ‘‘สามิ, ปริพฺพยํ ทตฺวา คตปุริสสฺส เม ตีณิ สํวจฺฉรานิ, มตภาวมฺปิสฺส น ชานามิ, ชีวิตํ ฆเฏตุํ น สกฺโกมิ, กึ กโรมิ, สามี’’ติ อาห. ตีณิ สํวจฺฉรานิ อนาคจฺฉนฺเต กึ กริสฺสสิ, อิโต ปฏฺาย ปริพฺพยํ คณฺหาติ. ตสฺสา ลทฺธวินิจฺฉยาย วินิจฺฉยโต นิกฺขมมานาย เอว เอโก ปุริโส สหสฺสภณฺฑิกํ อุปนาเมสิ.
ตสฺส คหณตฺถาย หตฺถํ ปสารณกาเล สกฺโก อตฺตานํ ทสฺเสสิ. สา ทิสฺวาว ‘‘มยฺหํ สํวจฺฉรตฺตยมตฺถเก สหสฺสทายโก ปุริโส อาคโต, ตาต, นตฺถิ เม ตว กหาปเณหิ อตฺโถ’’ติ หตฺถํ สมิฺเชสิ. สกฺโก อตฺตโน สรีรฺเว อภินิมฺมินิตฺวา ตรุณสูริโย วิย ชลนฺโต อากาเส อฏฺาสิ, สกลนครํ สนฺนิปติ. สกฺโก มหาชนมชฺเฌ ‘‘อหํ ¶ เอติสฺสา วีมํสนวเสน สํวจฺฉรตฺตยมตฺถเก สหสฺสํ อทาสึ, สีลํ รกฺขนฺตา นาม เอวรูปา หุตฺวา รกฺขถา’’ติ โอวาทํ ทตฺวา ตสฺสา นิเวสนํ สตฺตรตเนหิ ปูเรตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย อปฺปมตฺตา โหหี’’ติ ตํ อนุสาสิตฺวา เทวโลกเมว อคมาสิ. อิมินา การเณน สา ‘‘อหํ คหิตภตึ อชีราเปตฺวาว อฺเน ทียมานาย ภติยา หตฺถํ ปสาเรสึ, อิมินา การเณน ¶ มํ สีลํ นาราเธติ, เตน โว ทาตุํ น สกฺกา’’ติ ปฏิกฺขิปิ. อถ นํ ทูตา ‘‘หตฺถปฺปสารณมตฺเตน สีลเภโท นตฺถิ, สีลํ นาม เอตํ ปรมวิสุทฺธิ โหตี’’ติ วตฺวา ตสฺสาปิ สนฺติเก สีลํ คเหตฺวา สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขึสุ.
อิติ อิเมสํ เอกาทสนฺนํ ชนานํ รกฺขณสีลํ สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขิตฺวา ทนฺตปุรํ คนฺตฺวา กาลิงฺครฺโ สุวณฺณปฏฺฏํ ทตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ. ราชา ตสฺมึ กุรุธมฺเม วตฺตมาโน ปฺจ สีลานิ ปูเรสิ. ตสฺมึ ขเณ สกลกาลิงฺครฏฺเ เทโว วสฺสิ, ตีณิ ภยานิ วูปสนฺตานิ, รฏฺํ เขมํ สุภิกฺขํ อโหสิ. โพธิสตฺโต ยาวชีวํ ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา สปริวาโร สคฺคปุรํ ปูเรสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ. ‘‘สจฺจปริโยสาเน ¶ เกจิ โสตาปนฺนา อเหสุํ, เกจิ สกทาคามิโน, เกจิ อนาคามิโน, เกจิ อรหนฺโต’’ติ. ชาตกสโมธาเน ปน –
‘‘คณิกา อุปฺปลวณฺณา, ปุณฺโณ โทวาริโก ตทา;
รชฺชุคาโห กจฺจายโน, โมคฺคลฺลาโน โทณมาปโก.
‘‘สาริปุตฺโต ตทา เสฏฺิ, อนุรุทฺโธ จ สารถิ;
พฺราหฺมโณ กสฺสโป เถโร, อุปราชา นนฺทปณฺฑิโต.
‘‘มเหสี ราหุลมาตา, มายาเทวี ชเนตฺติยา;
กุรุราชา โพธิสตฺโต, เอวํ ธาเรถ ชาตก’’นฺติ.
กุรุธมฺมชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.
[๒๗๗] ๗. โรมกชาตกวณฺณนา
วสฺสานิ ¶ ปฺาส สมาธิกานีติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต ภควโต วธาย ปริสกฺกนํ อารพฺภ กเถสิ. ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ อุตฺตานเมว.
อตีเต ปน พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ปาราวโต หุตฺวา พหุปาราวตปริวุโต อรฺเ ปพฺพตคุหายํ วาสํ กปฺเปสิ. อฺตโรปิ โข ตาปโส สีลสมฺปนฺโน เตสํ ปาราวตานํ วสนฏฺานโต ¶ อวิทูเร เอกํ ปจฺจนฺตคามํ อุปนิสฺสาย อสฺสมปทํ มาเปตฺวา ปพฺพตคุหายํ วาสํ กปฺเปสิ. โพธิสตฺโต อนฺตรนฺตรา ตสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา โสตพฺพยุตฺตกํ สุณาติ. ตาปโส ตตฺถ จิรํ วสิตฺวา ปกฺกามิ, อถฺโ กูฏชฏิโล อาคนฺตฺวา ตตฺถ วาสํ กปฺเปสิ. โพธิสตฺโต ปาราวตปริวุโต ตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา อสฺสมปเท วิจริตฺวา คิริกนฺทรสมีเป โคจรํ คเหตฺวา สายํ อตฺตโน วสนฏฺานํ คจฺฉติ. กูฏตาปโส ตตฺถ อติเรกปณฺณาสวสฺสานิ วสิ.
อถสฺส เอกทิวสํ ปจฺจนฺตคามวาสิโน มนุสฺสา ปาราวตมํสํ อภิสงฺขริตฺวา อทํสุ. โส ตตฺถ รสตณฺหาย พชฺฌิตฺวา ‘‘กึ มํสํ นาเมต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ปาราวตมํส’’นฺติ สุตฺวา จินฺเตสิ ¶ – ‘‘มยฺหํ อสฺสมปทํ พหู ปาราวตา อาคจฺฉนฺติ, เต มาเรตฺวา มํสํ ขาทิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส ตณฺฑุลสปฺปิทธิขีรมริจาทีนิ อาหริตฺวา เอกมนฺเต เปตฺวา มุคฺครํ จีวรกณฺเณน ปฏิจฺฉาเทตฺวา ปาราวตานํ อาคมนํ โอโลเกนฺโต ปณฺณสาลทฺวาเร นิสีทิ. โพธิสตฺโต ปาราวตปริวุโต อาคนฺตฺวา ตสฺส กูฏชฏิลสฺส ทุฏฺกิริยํ โอโลเกตฺวา ‘‘อยํ ทุฏฺตาปโส อฺเนากาเรน นิสินฺโน, กจฺจิ นุ โข อมฺหากํ สมานชาตีนํ มํสํ ขาทิ, ปริคณฺหิสฺสามิ น’’นฺติ อนุวาเต ตฺวา ตสฺส สรีรคนฺธํ ¶ ฆายิตฺวา ‘‘อยํ อมฺเห มาเรตฺวา มํสํ ขาทิตุกาโม, น ตสฺส สนฺติกํ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ ปาราวเต อาทาย ปฏิกฺกมิตฺวา จริ. ตาปโส ตํ อนาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มธุรกถํ เตหิ สทฺธึ กเถตฺวา วิสฺสาเสน อุปคเต มาเรตฺวา มํสํ ขาทิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ปุริมา ทฺเว คาถา อโวจ –
‘‘วสฺสานิ ปฺาส สมาธิกานิ, วสิมฺห เสลสฺส คุหาย โรมก;
อสงฺกมานา อภินิพฺพุตตฺตา, หตฺถตฺตมายนฺติ มมณฺฑชา ปุเร.
‘‘เตทานิ วกฺกงฺค กิมตฺถมุสฺสุกา, ภชนฺติ อฺํ คิริกนฺทรํ ทิชา;
น นูน มฺนฺติ มมํ ยถา ปุเร, จิรปฺปวุตฺถา อถ วา น เต อิเม’’ติ.
ตตฺถ ¶ สมาธิกานีติ สมอธิกานิ. โรมกาติ รุมาย อุปฺปนฺน, สุโธตปวาเฬน สมานวณฺณเนตฺตปาทตาย โพธิสตฺตํ ปาราวตํ อาลปติ. อสงฺกมานาติ เอวํ อติเรกปฺาสวสฺสานิ อิมิสฺสา ปพฺพตคุหาย วสนฺเตสุ อมฺเหสุ เอเต อณฺฑชา เอกทิวสมฺปิ มยิ อาสงฺกํ อกตฺวา อภินิพฺพุตจิตฺตาว หุตฺวา ปุพฺเพ มม หตฺถตฺตํ หตฺถปฺปสารโณกาสํ อาคจฺฉนฺตีติ อตฺโถ.
เตทานีติ เต อิทานิ. วกฺกงฺคาติ โพธิสตฺตํ อาลปติ, สพฺเพปิ ปน ปกฺขิโน อุปฺปตนกาเล คีวํ วกฺกํ กตฺวา อุปฺปตนโต ‘‘วกฺกงฺคา’’ติ วุจฺจนฺติ. กิมตฺถนฺติ กึการณํ สมฺปสฺสมานา? อุสฺสุกาติ อุกฺกณฺิตรูปา หุตฺวา. คิริกนฺทรนฺติ คิริโต อฺํ ปพฺพตกนฺทรํ. ยถา ปุเรติ ยถา ปุพฺเพ เอเต ปกฺขิโน มํ ครุํ กตฺวา ปิยํ กตฺวา มฺนฺติ, ตถา อิทานิ น นูน มฺนฺติ, ปุพฺเพ อิธ นิวุตฺถตาปโส อฺโ, อยํ อฺโ, เอวํ มฺเ เอเต มํ มฺนฺตีติ ทีเปติ. จิรปฺปวุตฺถา อถ วา น เต อิเมติ กึ นุ โข อิเม จิรํ วิปฺปวสิตฺวา ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน อาคตตฺตา มํ ‘‘โสเยว ¶ อย’’นฺติ น สฺชานนฺติ, อุทาหุ เย อมฺเหสุ อภินิพฺพุตจิตฺตา, น เต อิเม, อฺเว อาคนฺตุกปกฺขิโน, อิเม เกน มํ น อุปสงฺกมนฺตีติ ปุจฺฉติ.
ตํ ¶ สุตฺวา โพธิสตฺโต ปกฺกมิตฺวา ิโตว ตติยํ คาถมาห –
‘‘ชานาม ตํ น มยํ สมฺปมูฬฺหา, โสเยว ตฺวํ เต มยมสฺม นาฺเ;
จิตฺตฺจ เต อสฺมึ ชเน ปทุฏฺํ, อาชีวิกา เตน ตมุตฺตสามา’’ติ.
ตตฺถ น มยํ สมฺปมูฬฺหาติ มยํ มูฬฺหา ปมตฺตา น โหม. จิตฺตฺจ เต อสฺมึ ชเน ปทุฏฺนฺติ ตฺวํ, โสเยว มยมฺปิ เตเยว, น ตํ สฺชานาม, อปิจ โข ปน ตว จิตฺตํ อสฺมึ ชเน ปทุฏฺํ อมฺเห มาเรตุํ อุปฺปนฺนํ. อาชีวิกาติ อาชีวเหตุ ปพฺพชิต ปทุฏฺตาปส. เตน ตมุตฺตสามาติ เตน การเณน ตํ อุตฺตสาม ภายาม น อุปสงฺกมาม.
กูฏตาปโส ¶ ‘‘าโต อหํ อิเมหี’’ติ มุคฺครํ ขิปิตฺวา วิรชฺฌิตฺวา ‘‘คจฺฉ ตาว ตฺวํ วิรทฺโธมฺหี’’ติ อาห. อถ นํ โพธิสตฺโต ‘‘มํ ตาว วิรทฺโธสิ, จตฺตาโร ปน อปาเย น วิรชฺฌสิ. สเจ อิธ วสิสฺสสิ, คามวาสีนํ ‘โจโร อย’นฺติ อาจิกฺขิตฺวา ตํ คาหาเปสฺสามิ สีฆํ ปลายสฺสู’’ติ ตํ ตชฺเชตฺวา ปกฺกามิ. กูฏชฏิโล ตตฺถ วสิตุํ นาสกฺขิ, อฺตฺถ อคมาสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กูฏตาปโส เทวทตฺโต อโหสิ, ปุริโม สีลวนฺตตาปโส สาริปุตฺโต, ปาราวตเชฏฺโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
โรมกชาตกวณฺณนา สตฺตมา.
[๒๗๘] ๘. มหึสราชชาตกวณฺณนา
กิมตฺถมภิสนฺธายาติ ¶ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ โลลมกฺกฏํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิร เอกสฺมึ กุเล เอโก โปสาวนิยโลลมกฺกโฏ หตฺถิสาลํ คนฺตฺวา เอกสฺส สีลวนฺตสฺส หตฺถิสฺส ปิฏฺิยํ นิสีทิตฺวา อุจฺจารปสฺสาวํ กโรติ, ปิฏฺิยํ จงฺกมติ. หตฺถี อตฺตโน สีลวนฺตตาย ขนฺติสมฺปทาย น กิฺจิ กโรติ. อเถกทิวสํ ตสฺส หตฺถิสฺส าเน อฺโ ทุฏฺหตฺถิโปโต อฏฺาสิ. มกฺกโฏ ‘‘โสเยว อย’’นฺติ สฺาย ทุฏฺหตฺถิสฺส ปิฏฺึ อภิรุหิ. อถ นํ โส โสณฺฑาย คเหตฺวา ภูมิยํ เปตฺวา ปาเทน อกฺกมิตฺวา สฺจุณฺเณสิ. สา ¶ ปวตฺติ ภิกฺขุสงฺเฆ ปากฏา ชาตา. อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, โลลมกฺกโฏ กิร สีลวนฺตหตฺถิสฺาย ทุฏฺหตฺถิปิฏฺึ อภิรุหิ, อถ นํ โส ชีวิตกฺขยํ ปาเปสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนเวส, โลลมกฺกโฏ เอวํสีโล, โปราณโต ปฏฺาย เอวํสีโลเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต หิมวนฺตปเทเส มหึสโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ถามสมฺปนฺโน มหาสรีโร ¶ ปพฺพตปาทปพฺภารคิริทุคฺควนฆเฏสุ วิจรนฺโต เอกํ ผาสุกํ รุกฺขมูลํ ทิสฺวา โคจรํ คเหตฺวา ทิวา ตสฺมึ รุกฺขมูเล อฏฺาสิ. อเถโก โลลมกฺกโฏ รุกฺขา โอตริตฺวา ตสฺส ปิฏฺึ อภิรุหิตฺวา อุจฺจารปสฺสาวํ กตฺวา สิงฺเค คณฺหิตฺวา โอลมฺพนฺโต นงฺคุฏฺเ คเหตฺวา โทลายนฺโตว กีฬิ. โพธิสตฺโต ขนฺติเมตฺตานุทฺทยสมฺปทาย ตํ ตสฺส อนาจารํ น มนสากาสิ, มกฺกโฏ ปุนปฺปุนํ ตเถว กริ. อเถกทิวสํ ตสฺมึ รุกฺเข อธิวตฺถา เทวตา รุกฺขกฺขนฺเธ ตฺวา นํ ‘‘มหึสราช ¶ กสฺมา อิมสฺส ทุฏฺมกฺกฏสฺส อวมานํ สหสิ, นิเสเธหิ น’’นฺติ วตฺวา เอตมตฺถํ ปกาเสนฺตี ปุริมา ทฺเว คาถา อโวจ –
‘‘กิมตฺถมภิสนฺธาย, ลหุจิตฺตสฺส ทุพฺภิโน;
สพฺพกามททสฺเสว, อิมํ ทุกฺขํ ติติกฺขสิ.
‘‘สิงฺเคน นิหนาเหตํ, ปทสา จ อธิฏฺห;
ภิยฺโย พาลา ปกุชฺเฌยฺยุํ, โน จสฺส ปฏิเสธโก’’ติ.
ตตฺถ กิมตฺถมภิสนฺธายาติ กึ นุ โข การณํ ปฏิจฺจ กึ สมฺปสฺสมาโน. ทุพฺภิโนติ มิตฺตทุพฺภิสฺส. สพฺพกามททสฺเสวาติ สพฺพกามททสฺส สามิกสฺส อิว. ติติกฺขสีติ อธิวาเสสิ. ปทสา จ อธิฏฺหาติ ปาเทน จ นํ ติณฺหขุรคฺเคน ยถา เอตฺเถว มรติ, เอวํ อกฺกม. ภิยฺโย พาลาติ สเจ หิ ปฏิเสธโก น ภเวยฺย, พาลา อฺาณสตฺตา ปุนปฺปุนํ กุชฺเฌยฺยุํ ฆฏฺเฏยฺยุํ วิเหเยฺยุํ เอวาติ ทีเปติ.
ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ‘‘รุกฺขเทวเต, สจาหํ อิมินา ชาติโคตฺตพลาทีหิ อธิโก สมาโน อิมสฺส โทสํ น สหิสฺสามิ, กถํ เม มโนรโถ นิปฺผตฺตึ คมิสฺสติ. อยํ ปน มํ วิย อฺมฺปิ มฺมาโน เอวํ อนาจารํ กริสฺสติ, ตโต เยสํ จณฺฑมหึสานํ เอส เอวํ กริสฺสติ ¶ , เอเตเยว เอตํ วธิสฺสนฺติ. สา ตสฺส อฺเหิ มารณา มยฺหํ ทุกฺขโต จ ปาณาติปาตโต จ วิมุตฺติ ภวิสฺสตี’’ติ วตฺวา ตติยํ คาถมาห –
‘‘มเมวายํ มฺมาโน, อฺเเปวํ กริสฺสติ;
เต นํ ตตฺถ วธิสฺสนฺติ, สา เม มุตฺติ ภวิสฺสตี’’ติ.
กติปาหจฺจเยน ¶ ปน โพธิสตฺโต อฺตฺถ คโต. อฺโ จณฺฑมหึโส ตตฺถ อาคนฺตฺวา อฏฺาสิ. ทุฏฺมกฺกโฏ ‘‘โสเยว ¶ อย’’นฺติ สฺาย ตสฺส ปิฏฺึ อภิรุหิตฺวา ตเถว อนาจารํ จริ. อถ นํ โส วิธุนนฺโต ภูมิยํ ปาเตตฺวา สิงฺเคน หทเย วิชฺฌิตฺวา ปาเทหิ มทฺทิตฺวา สฺจุณฺเณสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ทุฏฺมหึโส อยํ ทุฏฺหตฺถี อโหสิ, ทุฏฺมกฺกโฏ เอตรหิ อยํ มกฺกโฏ, สีลวา มหึสราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
มหึสราชชาตกวณฺณนา อฏฺมา.
[๒๗๙] ๙. สตปตฺตชาตกวณฺณนา
ยถา มาณวโก ปนฺเถติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปณฺฑุกโลหิตเก อารพฺภ กเถสิ. ฉพฺพคฺคิยานฺหิ ทฺเว ชนา เมตฺติยภูมชกา ราชคหํ อุปนิสฺสาย วิหรึสุ, ทฺเว อสฺสชิปุนพฺพสุกา กีฏาคิรึ อุปนิสฺสาย วิหรึสุ, ปณฺฑุกโลหิตกา อิเม ปน ทฺเว สาวตฺถึ อุปนิสฺสาย เชตวเน วิหรึสุ. เต ธมฺเมน นีหฏํ อธิกรณํ อุกฺโกเฏนฺติ. เยปิ เตสํ สนฺทิฏฺสมฺภตฺตา โหนฺติ, เตสํ อุปตฺถมฺภา หุตฺวา ‘‘น, อาวุโส, ตุมฺเห เอเตหิ ชาติยา วา โคตฺเตน วา สีเลน วา นิหีนตรา. สเจ ตุมฺเห อตฺตโน คาหํ วิสฺสชฺเชถ, สุฏฺุตรํ โว เอเต อธิภวิสฺสนฺตี’’ติอาทีนิ วตฺวา คาหํ วิสฺสชฺเชตุํ น เทนฺติ. เตน ภณฺฑนานิ เจว กลหวิคฺคหวิวาทา จ ปวตฺตนฺติ. ภิกฺขู เอตมตฺถํ ภควโต อาโรเจสุํ. อถ ภควา เอตสฺมึ นิทาเน เอตสฺมึ ปกรเณ ภิกฺขู สนฺนิปาตาเปตฺวา ปณฺฑุกโลหิตเก ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อตฺตนาปิ อธิกรณํ อุกฺโกเฏถ, อฺเสมฺปิ คาหํ วิสฺสชฺเชตุํ น เทถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘เอวํ สนฺเต, ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ กิริยา สตปตฺตมาณวสฺส กิริยา วิย โหตี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อฺตรสฺมึ กาสิคามเก เอกสฺมึ กุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต กสิวณิชฺชาทีหิ ชีวิกํ อกปฺเปตฺวา ปฺจสตมตฺเต ¶ โจเร คเหตฺวา เตสํ เชฏฺโก หุตฺวา ปนฺถทูหนสนฺธิจฺเฉทาทีนิ กโรนฺโต ชีวิกํ กปฺเปสิ. ตทา พาราณสิยํ เอโก กุฏุมฺพิโก เอกสฺส ชานปทสฺส กหาปณสหสฺสํ ทตฺวา ปุน อคฺคเหตฺวาว กาลมกาสิ. อถสฺส ภริยา อปรภาเค คิลานา มรณมฺเจ นิปนฺนา ปุตฺตํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ตาต, ปิตา เต เอกสฺส สหสฺสํ ทตฺวา อนาหราเปตฺวาว มโต, สเจ อหมฺปิ มริสฺสามิ, น โส ตุยฺหํ ทสฺสติ, คจฺฉ นํ มยิ ชีวนฺติยา อาหราเปตฺวา คณฺหา’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา กหาปเณ ลภิ. อถสฺส มาตา กาลกิริยํ กตฺวา ปุตฺตสิเนเหน ตสฺส อาคมนมคฺเค โอปปาติกสิงฺคาลี หุตฺวา นิพฺพติ.
ตทา โส โจรเชฏฺโก มคฺคปฏิปนฺเน วิลุมฺปมาโน สปริโส ตสฺมึ มคฺเค อฏฺาสิ. อถ สา สิงฺคาลี ปุตฺเต อฏวีมุขํ สมฺปตฺเต ‘‘ตาต, มา อฏวึ อภิรุหิ, โจรา เอตฺถ ิตา, เต ตํ มาเรตฺวา กหาปเณ คณฺหิสฺสนฺตี’’ติ ปุนปฺปุนํ มคฺคํ โอจฺฉินฺทมานา นิวาเรติ. โส ตํ การณํ อชานนฺโต ‘‘อยํ กาฬกณฺณี สิงฺคาลี มยฺหํ มคฺคํ โอจฺฉินฺทตี’’ติ เลฑฺฑุทณฺฑํ คเหตฺวา มาตรํ ปลาเปตฺวา อฏวึ ปฏิปชฺชิ. อเถโก สตปตฺตสกุโณ ‘‘อิมสฺส ปุริสสฺส หตฺเถ กหาปณสหสฺสํ อตฺถิ, อิมํ มาเรตฺวา ตํ กหาปณํ คณฺหถา’’ติ วิรวนฺโต โจราภิมุโข ปกฺขนฺทิ. มาณโว เตน กตการณํ อชานนฺโต ‘‘อยํ มงฺคลสกุโณ, อิทานิ เม โสตฺถิ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘วสฺส, สามิ, วสฺส, สามี’’ติ วตฺวา อฺชลึ ปคฺคณฺหิ.
โพธิสตฺโต สพฺพรุตฺู เตสํ ทฺวินฺนํ กิริยํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – อิมาย สิงฺคาลิยา เอตสฺส มาตรา ภวิตพฺพํ, เตน สา ‘‘อิมํ มาเรตฺวา กหาปเณ คณฺหนฺตี’’ติ ภเยน วาเรติ. อิมินา ปน สตปตฺเตน ปจฺจามิตฺเตน ภวิตพฺพํ, เตน โส ‘‘อิมํ มาเรตฺวา กหาปเณ คณฺหถา’’ติ อมฺหากํ อาโรเจสิ. อยํ ปน เอตมตฺถํ อชานนฺโต อตฺถกามํ ¶ มาตรํ ตชฺเชตฺวา ปลาเปสิ, อนตฺถกามสฺส สตปตฺตสฺส ‘‘อตฺถกาโม เม’’ติ สฺาย อฺชลึ ปคฺคณฺหาติ, อโห วตายํ พาโลติ ¶ . โพธิสตฺตานฺหิ เอวํ มหาปุริสานมฺปิ สตํ ปรสนฺตกคฺคหณํ วิสมปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน โหติ, ‘‘นกฺขตฺตโทเสนา’’ติปิ วทนฺติ.
มาณโว อาคนฺตฺวา โจรานํ สีมนฺตรํ ปาปุณิ. โพธิสตฺโต ตํ คาหาเปตฺวา ‘‘กตฺถ วาสิโกสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘พาราณสิวาสิโกมฺหี’’ติ. ‘‘กหํ อคมาสี’’ติ? ‘‘เอกสฺมึ คามเก สหสฺสํ ลทฺธพฺพํ อตฺถิ, ตตฺถ อคมาสิ’’นฺติ. ‘‘ลทฺธํ ปน เต’’ติ? ‘‘อาม, ลทฺธ’’นฺติ ¶ . ‘‘เกน ตฺวํ เปสิโตสี’’ติ? ‘‘สามิ, ปิตา เม มโต, มาตาปิ เม คิลานา, สา ‘มยิ มตาย เอส น ลภิสฺสตี’ติ มฺมานา มํ เปเสสี’’ติ. ‘‘อิทานิ ตว มาตุ ปวตฺตึ ชานาสี’’ติ? ‘‘น ชานามิ, สามี’’ติ. ‘‘มาตา เต ตยิ นิกฺขนฺเต กาลํ กตฺวา ปุตฺตสิเนเหน สิงฺคาลี หุตฺวา ตว มรณภยภีตา มคฺคํ เต โอจฺฉินฺทิตฺวา ตํ วาเรสิ, ตํ ตฺวํ ตชฺเชตฺวา ปลาเปสิ, สตปตฺตสกุโณ ปน เต ปจฺจามิตฺโต. โส ‘อิมํ มาเรตฺวา กหาปเณ คณฺหถา’ติ อมฺหากํ อาจิกฺขิ, ตฺวํ อตฺตโน พาลตาย อตฺถกามํ มาตรํ ‘อนตฺถกามา เม’ติ มฺสิ, อนตฺถกามํ สตปตฺตํ ‘อตฺถกาโม เม’ติ. ตสฺส ตุมฺหากํ กตคุโณ นาม นตฺถิ, มาตา ปน เต มหาคุณา, กหาปเณ คเหตฺวา คจฺฉา’’ติ วิสฺสชฺเชสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘ยถา มาณวโก ปนฺเถ, สิงฺคาลึ วนโคจรึ;
อตฺถกามํ ปเวเทนฺตึ, อนตฺถกามาติ มฺติ;
อนตฺถกามํ สตปตฺตํ, อตฺถกาโมติ มฺติ.
‘‘เอวเมว อิเธกจฺโจ, ปุคฺคโล โหติ ตาทิโส;
หิเตหิ วจนํ วุตฺโต, ปฏิคฺคณฺหาติ วามโต.
‘‘เย ¶ จ โข นํ ปสํสนฺติ, ภยา อุกฺกํสยนฺติ วา;
ตฺหิ โส มฺเต มิตฺตํ, สตปตฺตํว มาณโว’’ติ.
ตตฺถ หิเตหีติ หิตํ วุฑฺฒึ อิจฺฉมาเนหิ. วจนํ วุตฺโตติ หิตสุขาวหํ โอวาทานุสาสนํ วุตฺโต. ปฏิคฺคณฺหาติ วามโตติ โอวาทํ อคณฺหนฺโต ‘‘อยํ เม น อตฺถาวโห โหติ, อนตฺถาวโห เม อย’’นฺติ คณฺหนฺโต วามโต ปฏิคฺคณฺหาติ นาม.
เย ¶ จ โข นนฺติ เย จ โข ตํ อตฺตโน คาหํ คเหตฺวา ิตปุคฺคลํ ‘‘อธิกรณํ คเหตฺวา ิเตหิ นาม ตุมฺหาทิเสหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ วณฺเณนฺติ. ภยา อุกฺกํสยนฺติ วาติ อิมสฺส คาหสฺส วิสฺสฏฺปจฺจยา ตุมฺหากํ อิทฺจิทฺจ ภยํ อุปฺปชฺชิสฺสติ, มา วิสฺสชฺชยิตฺถ, น เอเต พาหุสจฺจกุลปริวาราทีหิ ตุมฺเห สมฺปาปุณนฺตีติ เอวํ วิสฺสชฺชนปจฺจยา ภยํ ทสฺเสตฺวา อุกฺขิปนฺติ. ตฺหิ โส มฺเต มิตฺตนฺติ เย เอวรูปา โหนฺติ, เตสุ ยํกิฺจิ โส เอกจฺโจ พาลปุคฺคโล ¶ อตฺตโน พาลตาย มิตฺตํ มฺติ, ‘‘อยํ เม อตฺถกาโม มิตฺโต’’ติ มฺติ. สตปตฺตํว มาณโวติ ยถา อนตฺถกามฺเว สตปตฺตํ โส มาณโว อตฺตโน พาลตาย ‘‘อตฺถกาโม เม’’ติ มฺติ, ปณฺฑิโต ปน เอวรูปํ ‘‘อนุปฺปิยภาณี มิตฺโต’’ติ อคเหตฺวา ทูรโตว นํ วิวชฺเชติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘อฺทตฺถุหโร มิตฺโต, โย จ มิตฺโต วจีปโร;
อนุปฺปิยฺจ โย อาห, อปาเยสุ จ โย สขา.
‘‘เอเต อมิตฺเต จตฺตาโร, อิติ วิฺาย ปณฺฑิโต;
อารกา ปริวชฺเชยฺย, มคฺคํ ปฏิภยํ ยถา’’ติ. (ที. นิ. ๓.๒๕๙);
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา โจรเชฏฺโก อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สตปตฺตชาตกวณฺณนา นวมา.
[๒๘๐] ๑๐. ปุฏทูสกชาตกวณฺณนา
อทฺธา หิ นูน มิคราชาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ ปุฏทูสกํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิเรโก อมจฺโจ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา อุยฺยาเน นิสีทาเปตฺวา ¶ ทานํ ททมาโน ‘‘อนฺตราภตฺเต อุยฺยาเน จริตุกามา จรนฺตู’’ติ อาห. ภิกฺขู อุยฺยานจาริกํ จรึสุ. ตสฺมึ ขเณ อุยฺยานปาโล ปตฺตสมฺปนฺนํ รุกฺขํ อภิรุหิตฺวา มหนฺตมหนฺตานิ ปณฺณานิ คเหตฺวา ‘‘อยํ ปุปฺผานํ ภวิสฺสติ, อยํ ผลาน’’นฺติ ปุเฏ กตฺวา รุกฺขมูเล ปาเตติ. ตสฺส ปุตฺโต ทารโก ปาติตปาติตํ ปุฏํ วิทฺธํเสติ. ภิกฺขู ตมตฺถํ ภควโต อาโรเจสุํ. สตฺถา ¶ ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส ปุฏทูสโกเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พาราณสิยํ เอกสฺมึ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต อคารํ อชฺฌาวสมาโน เอกทิวสํ เกนจิเทว กรณีเยน อุยฺยานํ อคมาสิ. ตตฺถ พหู วานรา วสนฺติ. อุยฺยานปาโล อิมินาว นิยาเมน ปตฺตปุเฏ ปาเตติ, เชฏฺวานโร ปาติตปาติเต วิทฺธํเสติ. โพธิสตฺโต ตํ อามนฺเตตฺวา ‘‘อุยฺยานปาเลน ปาติตปาติตํ ปุฏํ วิทฺธํเสตฺวา มนาปตรํ กาตุกาโม มฺเ’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘อทฺธา ¶ หิ นูน มิคราชา, ปุฏกมฺมสฺส โกวิโท;
ตถา หิ ปุฏํ ทูเสติ, อฺํ นูน กริสฺสตี’’ติ.
ตตฺถ มิคราชาติ มกฺกฏํ วณฺเณนฺโต วทติ. ปุฏกมฺมสฺสาติ มาลาปุฏกรณสฺส. โกวิโทติ เฉโก. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขปตฺโถ – อยํ มิคราชา เอกํเสน ปุฏกมฺมสฺส โกวิโท มฺเ, ตถา หิ ปาติตปาติตํ ปุฏํ ทูเสติ, อฺํ นูน ตโต มนาปตรํ กริสฺสตีติ.
ตํ สุตฺวา มกฺกโฏ ทุติยํ คาถมาห –
‘‘น เม มาตา วา ปิตา วา, ปุฏกมฺมสฺส โกวิโท;
กตํ กตํ โข ทูเสม, เอวํ ธมฺมมิทํ กุล’’นฺติ.
ตํ ¶ สุตฺวา โพธิสตฺโต ตติยํ คาถมาห –
‘‘เยสํ โว เอทิโส ธมฺโม, อธมฺโม ปน กีทิโส;
มา โว ธมฺมํ อธมฺมํ วา, อทฺทสาม กุทาจน’’นฺติ.
เอวํ วตฺวา จ ปน วานรคณํ ครหิตฺวา ปกฺกามิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา วานโร ปุฏทูสกทารโก อโหสิ, ปณฺฑิตปุริโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ปุฏทูสกชาตกวณฺณนา ทสมา.
อุทปานวคฺโค ตติโย.
ตสฺสุทฺทานํ –
อุทปานวรํ ¶ วนพฺยคฺฆ กปิ, สิขินี จ พลาก รุจิรวโร;
สุชนาธิป โรมก ทูส ปุน, สตปตฺตวโร ปุฏกมฺม ทสาติ.
๔. อพฺภนฺตรวคฺโค
[๒๘๑] ๑. อพฺภนฺตรชาตกวณฺณนา
อพฺภนฺตโร ¶ นาม ทุโมติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สาริปุตฺตตฺเถรสฺส พิมฺพาเทวีเถริยา อมฺพรสทานํ อารพฺภ กเถสิ. สมฺมาสมฺพุทฺเธ หิ ปวตฺติตวรธมฺมจกฺเก เวสาลิยํ กูฏาคารสาลายํ วิหรนฺเต มหาปชาปตี โคตมี ปฺจ สากิยสตานิ อาทาย คนฺตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา ปพฺพชฺชฺเจว อุปสมฺปทฺจ ลภิ. อปรภาเค ตา ปฺจสตา ภิกฺขุนิโย นนฺทโกวาทํ (ม. นิ. ๓.๓๙๘ อาทโย) สุตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. สตฺถริ ปน สาวตฺถึ อุปนิสฺสาย วิหรนฺเต ราหุลมาตา พิมฺพาเทวี ‘‘สามิโก เม ปพฺพชิตฺวา สพฺพฺุตํ ปตฺโต, ปุตฺโตปิ เม ปพฺพชิตฺวา ตสฺเสว สนฺติเก วสติ, อหํ อคารมชฺเฌ กึกริสฺสามิ, อหมฺปิ ปพฺพชิตฺวา สาวตฺถึ คนฺตฺวา สมฺมาสมฺพุทฺธฺจ ปุตฺตฺจ นิพทฺธํ ปสฺสมานา วิหริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ภิกฺขุนุปสฺสยํ คนฺตฺวา ปพฺพชิตฺวา อาจริยุปชฺฌายาหิ สทฺธึ สาวตฺถึ คนฺตฺวา สตฺถารฺจ ปิยปุตฺตฺจ ปสฺสมานา เอกสฺมึ ภิกฺขุนุปสฺสเย วาสํ กปฺเปสิ. ราหุลสามเณโร อาคนฺตฺวา มาตรํ ปสฺสติ.
อเถกทิวสํ เถริยา อุทรวาโต ¶ กุปฺปิ. สา ปุตฺเต ทฏฺุํ อาคเต ตสฺส ทสฺสนตฺถาย นิกฺขมิตุํ นาสกฺขิ, อฺาว อาคนฺตฺวา อผาสุกภาวํ กถยึสุ. โส มาตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ เต ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ตาต, อคารมชฺเฌ เม สกฺขรโยชิเต อมฺพรเส ปีเต อุทรวาโต วูปสมฺมติ, อิทานิ ปิณฺฑาย จริตฺวา ชีวิกํ กปฺเปม, กุโต ตํ ลภิสฺสามา’’ติ. สามเณโร ‘‘ลภนฺโต อาหริสฺสามี’’ติ วตฺวา นิกฺขมิ. ตสฺส ¶ ปนายสฺมโต อุปชฺฌาโย ธมฺมเสนาปติ, อาจริโย มหาโมคฺคลฺลาโน, จูฬปิตา อานนฺทตฺเถโร, ปิตา สมฺมาสมฺพุทฺโธติ มหาสมฺปตฺติ. เอวํ สนฺเตปิ อฺสฺส สนฺติกํ อคนฺตฺวา อุปชฺฌายสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ทุมฺมุขากาโร หุตฺวา อฏฺาสิ. อถ นํ เถโร ‘‘กึ นุ โข, ราหุล, ทุมฺมุโข วิยาสี’’ติ อาห. ‘‘มาตุ เม, ภนฺเต, เถริยา อุทรวาโต กุปิโต’’ติ. ‘‘กึ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘สกฺขรโยชิเตน กิร อมฺพรเสน ผาสุ โหตี’’ติ. ‘‘โหตุ ลภิสฺสามิ, มา จินฺตยี’’ติ.
โส ¶ ปุนทิวเส ตํ อาทาย สาวตฺถึ ปวิสิตฺวา สามเณรํ อาสนสาลายํ นิสีทาเปตฺวา ราชทฺวารํ อคมาสิ. โกสลราชา เถรํ ทิสฺวา นิสีทาเปสิ, ตงฺขณฺเว อุยฺยานปาโล ปิณฺฑิปกฺกานํ มธุรอมฺพานํ เอกํ ปุฏํ อาหริ. ราชา อมฺพานํ ตจํ อปเนตฺวา สกฺขรํ ปกฺขิปิตฺวา สยเมว มทฺทิตฺวา เถรสฺส ปตฺตํ ปูเรตฺวา อทาสิ. เถโร ราชนิเวสนา นิกฺขมิตฺวา อาสนสาลํ คนฺตฺวา สามเณรสฺส อทาสิ ‘‘หริตฺวา มาตุ เต เทหี’’ติ. โส หริตฺวา อทาสิ, เถริยา ปริภุตฺตมตฺเตว อุทรวาโต วูปสมิ. ราชาปิ มนุสฺสํ เปเสสิ – ‘‘เถโร อิธ นิสีทิตฺวา อมฺพรสํ น ปริภฺุชิ, คจฺฉ กสฺสจิ ทินฺนภาวํ ชานาหี’’ติ. โส เถเรน สทฺธึเยว คนฺตฺวา ตํ ปวตฺตึ ตฺวา อาคนฺตฺวา รฺโ กเถสิ. ราชา จินฺเตสิ – ‘‘สเจ สตฺถา อคารํ อชฺฌาวสิสฺส, จกฺกวตฺติราชา อภวิสฺส, ราหุลสามเณโร ปริณายกรตนํ, เถรี อิตฺถิรตนํ, สกลจกฺกวาฬรชฺชํ เอเตสฺเว อภวิสฺส. อมฺเหหิ เอเต อุปฏฺหนฺเตหิ จริตพฺพํ อสฺส, อิทานิ ปพฺพชิตฺวา อมฺเห อุปนิสฺสาย วสนฺเตสุ เอเตสุ น ยุตฺตํ อมฺหากํ ปมชฺชิตุ’’นฺติ. โส ตโต ปฏฺาย เถริยา นิพทฺธํ อมฺพรสํ ทาเปสิ. เถเรน พิมฺพาเทวีเถริยา อมฺพรสสฺส ทินฺนภาโว ภิกฺขุสงฺเฆ ปากโฏ ชาโต. อเถกทิวสํ ¶ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, สาริปุตฺตตฺเถโร กิร พิมฺพาเทวีเถรึ อมฺพรเสน สนฺตปฺเปสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว ราหุลมาตา สาริปุตฺเตน อมฺพรเสน สนฺตปฺปิตา, ปุพฺเพเปส เอตํ สนฺตปฺเปสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิคามเก พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา สณฺปิตฆราวาโส มาตาปิตูนํ อจฺจเยน อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺตปเทเส อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา อิสิคณปริวุโต คณสตฺถา หุตฺวา ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน โลณมฺพิลเสวนตฺถาย ปพฺพตปาทา โอตริตฺวา จาริกํ จรมาโน พาราณสึ ปตฺวา อุยฺยาเน วาสํ กปฺเปสิ. อถสฺส อิสิคณสฺส สีลเตเชน สกฺกสฺส ภวนํ กมฺปิ. สกฺโก อาวชฺชมาโน ตํ การณํ ตฺวา ‘‘อิเมสํ ตาปสานํ อวาสาย ปริสกฺกิสฺสามิ, อถ เต ภินฺนาวาสา อุปทฺทุตา จรมานา จิตฺเตกคฺคตํ น ลภิสฺสนฺติ, เอวํ เม ผาสุกํ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘โก นุ โข อุปาโย’’ติ วีมํสนฺโต อิมํ อุปายํ อทฺทส – มชฺฌิมยามสมนนฺตเร รฺโ อคฺคมเหสิยา สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา อากาเส ตฺวา ‘‘ภทฺเท, สเจ ตฺวํ อพฺภนฺตรอมฺพปกฺกํ ขาเทยฺยาสิ, ปุตฺตํ ลภิสฺสสิ, โส จกฺกวตฺติราชา ภวิสฺสตี’’ติ อาจิกฺขิสฺสามิ. ราชา เทวิยา กถํ สุตฺวา อมฺพปกฺกตฺถาย อุยฺยานํ เปเสสฺสติ, อถาหํ อมฺพานิ อนฺตรธาเปสฺสามิ, รฺโ อุยฺยาเน อมฺพานํ อภาวํ อาโรเจสฺสนฺติ ¶ , ‘‘เก เต ขาทนฺตี’’ติ วุตฺเต ‘‘ตาปสา ขาทนฺตี’’ติ วกฺขนฺติ, ตํ สุตฺวา ราชา ตาปเส โปเถตฺวา นีหราเปสฺสติ, เอวํ เต อุปทฺทุตา ภวิสฺสนฺตีติ.
โส มชฺฌิมยามสมนนฺตเร สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา อากาเส ิโต อตฺตโน เทวราชภาวํ ชานาเปตฺวา ตาย สทฺธึ สลฺลปนฺโต ปุริมา ทฺเว คาถา อโวจ –
‘‘อพฺภนฺตโร ¶ นาม ทุโม, ยสฺส ทิพฺยมิทํ ผลํ;
ภุตฺวา โทหฬินี นารี, จกฺกวตฺตึ วิชายติ.
‘‘ตฺวมฺปิ ภทฺเท มเหสีสิ, สา จาปิ ปติโน ปิยา;
อาหริสฺสติ เต ราชา, อิทํ อพฺภนฺตรํ ผล’’นฺติ.
ตตฺถ อพฺภนฺตโร นาม ทุโมติ อิมินา ตาว คามนิคมชนปทปพฺพตาทีนํ อสุกสฺส อพฺภนฺตโรติ อวตฺวา เกวลํ เอกํ อพฺภนฺตรํ อมฺพรุกฺขํ ¶ กเถสิ. ยสฺส ทิพฺยมิทํ ผลนฺติ ยสฺส อมฺพรุกฺขสฺส เทวตานํ ปริโภคารหํ ทิพฺยํ ผลํ. อิทนฺติ ปน นิปาตมตฺตเมว. โทหฬินีติ สฺชาตโทหฬา. ตฺวมฺปิ, ภทฺเท, มเหสีสีติ ตฺวํ, โสภเน มเหสี, อสิ. อฏฺกถายํ ปน ‘‘มเหสี จา’’ติปิ ปาโ. สา จาปิ ปติโน ปิยาติ โสฬสนฺนํ เทวีสหสฺสานํ อพฺภนฺตเร อคฺคมเหสี จาปิ ปติโน จาปิ ปิยาติ อตฺโถ. อาหริสฺสติ เต ราชา, อิทํ อพฺภนฺตรํ ผลนฺติ ตสฺสา เต ปิยาย อคฺคมเหสิยา อิทํ มยา วุตฺตปฺปการํ ผลํ ราชา อาหราเปสฺสติ, สา ตฺวํ ตํ ปริภฺุชิตฺวา จกฺกวตฺติคพฺภํ ลภิสฺสสีติ.
เอวํ สกฺโก เทวิยา อิมา ทฺเว คาถา วตฺวา ‘‘ตฺวํ อปฺปมตฺตา โหหิ, มา ปปฺจํ อกาสิ, สฺเว รฺโ อาโรเจยฺยาสี’’ติ ตํ อนุสาสิตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว คโต. สา ปุนทิวเส คิลานาลยํ ทสฺเสตฺวา ปริจาริกานํ สฺํ ทตฺวา นิปชฺชิ. ราชา สมุสฺสิตเสตจฺฉตฺเต สีหาสเน นิสินฺโน นาฏกานิ ปสฺสนฺโต เทวึ อทิสฺวา ‘‘กหํ, เทวี’’ติ ปริจาริเก ปุจฺฉิ. ‘‘คิลานา, เทวา’’ติ. โส ตสฺสา สนฺติกํ คนฺตฺวา สยนปสฺเส นิสีทิตฺวา ปิฏฺึ ปริมชฺชนฺโต ‘‘กึ เต, ภทฺเท, อผาสุก’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘มหาราช อฺํ อผาสุกํ นาม นตฺถิ, โทหโฬ เม อุปฺปนฺโน’’ติ. ‘‘กึ อิจฺฉสิ, ภทฺเท’’ติ? ‘‘อพฺภนฺตรอมฺพผลํ เทวา’’ติ. ‘‘อพฺภนฺตรอมฺโพ นาม กหํ อตฺถี’’ติ? ‘‘นาหํ, เทว, อพฺภนฺตรอมฺพํ ชานามิ, ตสฺส ปน เม ผลํ ลภมานาย ชีวิตํ อตฺถิ, อลภมานาย นตฺถี’’ติ. ‘‘เตน หิ อาหราเปสฺสามิ ¶ , มา จินฺตยี’’ติ ราชา เทวึ อสฺสาเสตฺวา อุฏฺาย คนฺตฺวา ราชปลฺลงฺเก นิสินฺโน อมจฺเจ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘เทวิยา ¶ อพฺภนฺตรอมฺเพ นาม โทหโฬ อุปฺปนฺโน, กึ กาตพฺพ’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘เทว ทฺวินฺนํ อมฺพานํ อนฺตเร ิโต อมฺโพ อพฺภนฺตรอมฺโพ นาม, อุยฺยานํ เปเสตฺวา อพฺภนฺตเร ิตอมฺพโต ผลํ อาหราเปตฺวา เทวิยา ทาเปถา’’ติ.
ราชา ‘‘สาธุ, เอวรูปํ อมฺพํ อาหรถา’’ติ อุยฺยานํ เปเสสิ. สกฺโก อตฺตโน อานุภาเวน อุยฺยาเน อมฺพานิ ขาทิตสทิสานิ กตฺวา อนฺตรธาเปสิ. อมฺพตฺถาย คตา มนุสฺสา สกลอุยฺยานํ วิจรนฺตา เอกํ อมฺพมฺปิ อลภิตฺวา คนฺตฺวา อุยฺยาเน อมฺพานํ อภาวํ รฺโ กถยึสุ. ‘‘เก ¶ อมฺพานิ ขาทนฺตี’’ติ? ‘‘ตาปสา, เทวา’’ติ. ‘‘ตาปเส อุยฺยานโต โปเถตฺวา นีหรถา’’ติ. มนุสฺสา ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา นีหรึสุ. สกฺกสฺส มโนรโถ มตฺถกํ ปาปุณิ. เทวี อมฺพผลตฺถาย นิพทฺธํ กตฺวา นิปชฺชิเยว. ราชา กตฺตพฺพกิจฺจํ อปสฺสนฺโต อมจฺเจ จ พฺราหฺมเณ จ สนฺนิปาตาเปตฺวา ‘‘อพฺภนฺตรอมฺพสฺส อตฺถิภาวํ ชานาถา’’ติ ปุจฺฉิ. พฺราหฺมณา อาหํสุ – ‘‘เทว, อพฺภนฺตรอมฺโพ นาม เทวตานํ ปริโภโค, ‘หิมวนฺเต กฺจนคุหาย อนฺโต อตฺถี’ติ อยํ โน ปรมฺปราคโต อนุสฺสโว’’ติ. ‘‘โก ปน ตโต อมฺพํ อาหริตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ? ‘‘น สกฺกา ตตฺถ มนุสฺสภูเตน คนฺตุํ, เอกํ สุวโปตกํ เปเสตุํ วฏฺฏตี’’ติ.
เตน จ สมเยน ราชกุเล เอโก สุวโปตโก มหาสรีโร กุมารกานํ ยานกจกฺกนาภิมตฺโต ถามสมฺปนฺโน ปฺวา อุปายกุสโล. ราชา ตํ อาหราเปตฺวา ‘‘ตาต สุวโปตก, อหํ ตว พหูปกาโร, กฺจนปฺชเร วสสิ, สุวณฺณตฏฺฏเก มธุลาเช ขาทสิ, สกฺขรปานกํ ปิวสิ, ตยาปิ อมฺหากํ เอกํ กิจฺจํ นิตฺถริตุํ วฏฺฏตี’’ติ อาห. ‘‘กึ, เทวา’’ติ. ‘‘ตาต เทวิยา อพฺภนฺตรอมฺเพ โทหโฬ อุปฺปนฺโน, โส จ อมฺโพ หิมวนฺเต กฺจนปพฺพตนฺตเร อตฺถิ เทวตานํ ปริโภโค, น สกฺกา ¶ มนุสฺสภูเตน ตตฺถ คนฺตุํ, ตยา ตโต อมฺพผลํ อาหริตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘สาธุ, เทว, อาหริสฺสามี’’ติ. อถ นํ ราชา สุวณฺณตฏฺฏเก มธุลาเช ขาทาเปตฺวา สกฺขรปานกํ ปาเยตฺวา สตปากเตเลน ตสฺส ปกฺขนฺตรานิ มกฺเขตฺวา อุโภหิ หตฺเถหิ คเหตฺวา สีหปฺชเร ตฺวา อากาเส วิสฺสชฺเชสิ. โสปิ รฺโ นิปจฺจการํ ทสฺเสตฺวา อากาเส ปกฺขนฺทนฺโต มนุสฺสปถํ อติกฺกมฺม หิมวนฺเต ปเม ปพฺพตนฺตเร วสนฺตานํ สุกานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา อพฺภนฺตรอมฺโพ นาม กตฺถ อตฺถิ, กเถถ เม ตํ าน’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘มยํ น ชานาม, ทุติเย ปพฺพตนฺตเร สุกา ชานิสฺสนฺตี’’ติ.
โส เตสํ วจนํ สุตฺวา ตโต อุปฺปติตฺวา ทุติยํ ปพฺพตนฺตรํ อคมาสิ, ตถา ตติยํ, จตุตฺถํ ¶ , ปฺจมํ, ฉฏฺํ อคมาสิ. ตตฺถปิ นํ สุกา ‘‘น มยํ ชานาม, สตฺตมปพฺพตนฺตเร สุกา ชานิสฺสนฺตี’’ติ อาหํสุ. โส ตตฺถปิ คนฺตฺวา ‘‘อพฺภนฺตรอมฺโพ นาม กตฺถ อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อสุกฏฺาเน นาม กฺจนปพฺพตนฺตเร’’ติ อาหํสุ. ‘‘อหํ ตสฺส ผลตฺถาย อาคโต, มํ ตตฺถ เนตฺวา ตโต เม ผลํ ทาเปถา’’ติ. สุกคณา ¶ อาหํสุ – ‘‘สมฺม, โส เวสฺสวณมหาราชสฺส ปริโภโค, น สกฺกา อุปสงฺกมิตุํ, สกลรุกฺโข มูลโต ปฏฺาย สตฺตหิ โลหชาเลหิ ปริกฺขิตฺโต, สหสฺสกุมฺภณฺฑรกฺขสา รกฺขนฺติ, เตหิ ทิฏฺสฺส ชีวิตํ นาม นตฺถิ, กปฺปุฏฺานคฺคิอวีจิมหานิรยสทิสฏฺานํ, มา ตตฺถ ปตฺถนํ กรี’’ติ. ‘‘สเจ ตุมฺเห น คจฺฉถ, มยฺหํ านํ อาจิกฺขถา’’ติ. ‘‘เตน หิ อสุเกน จ อสุเกน จ าเนน ยาหี’’ติ. โส เตหิ อาจิกฺขิตวเสเนว สุฏฺุ มคฺคํ อุปธาเรตฺวา ตํ านํ คนฺตฺวา ทิวา อตฺตานํ อทสฺเสตฺวา มชฺฌิมยามสมนนฺตเร รกฺขสานํ นิทฺโทกฺกมนสมเย อพฺภนฺตรอมฺพสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา เอเกน มูลนฺตเรน สณิกํ อภิรุหิตุํ อารภิ. โลหชาลํ ‘‘กิรี’’ติ สทฺทมกาสิ ¶ .
รกฺขสา ปพุชฺฌิตฺวา สุกโปตกํ ทิสฺวา ‘‘อมฺพโจโรย’’นฺติ คเหตฺวา กมฺมกรณํ สํวิทหึสุ. เอโก ‘‘มุเข ปกฺขิปิตฺวา คิลิสฺสามิ น’’นฺติ อาห, อปโร ‘‘หตฺเถหิ มทฺทิตฺวา ปฺุชิตฺวา วิปฺปกิริสฺสามิ น’’นฺติ, อปโร ‘‘ทฺเวธา ผาเลตฺวา องฺคาเรสุ ปจิตฺวา ขาทิสฺสามี’’ติ. โส เตสํ กมฺมกรณสํวิธานํ สุตฺวาปิ อสนฺตสิตฺวาว เต รกฺขเส อามนฺเตตฺวา ‘‘อมฺโภ รกฺขสา, ตุมฺเห กสฺส มนุสฺสา’’ติ อาห. ‘‘เวสฺสวณมหาราชสฺสา’’ติ. ‘‘อมฺโภ, ตุมฺเหปิ เอกสฺส รฺโว มนุสฺสา, อหมฺปิ รฺโว มนุสฺโส, พาราณสิราชา มํ อพฺภนฺตรอมฺพผลตฺถาย เปเสสิ, สฺวาหํ ตตฺเถว อตฺตโน รฺโ ชีวิตํ ทตฺวา อาคโต. โย หิ อตฺตโน มาตาปิตูนฺเจว สามิกสฺส จ อตฺถาย ชีวิตํ ปริจฺจชติ, โส เทวโลเกเยว นิพฺพตฺตติ, ตสฺมา อหมฺปิ อิมมฺหา ติรจฺฉานโยนิยา จวิตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติสฺสามี’’ติ วตฺวา ตติยํ คาถมาห –
‘‘ภตฺตุรตฺเถ ปรกฺกนฺโต, ยํ านมธิคจฺฉติ;
สูโร อตฺตปริจฺจาคี, ลภมาโน ภวามห’’นฺติ.
ตตฺถ ภตฺตุรตฺเถติ ภตฺตา วุจฺจนฺติ ภตฺตาทีหิ ภรณโปสกา ปิตา มาตา สามิโก จ, อิติ ติวิธสฺสเปตสฺส ภตฺตุ อตฺถาย. ปรกฺกนฺโตติ ปรกฺกมํ กโรนฺโต วายมนฺโต. ยํ านมธิคจฺฉตีติ ยํ สุขการณํ ยสํ วา ลาภํ วา สคฺคํ วา อธิคจฺฉติ. สูโรติ อภีรุ วิกฺกมสมฺปนฺโน. อตฺตปริจฺจาคีติ ¶ กาเย จ ชีวิเต จ นิรเปกฺโข หุตฺวา ตสฺส ติวิธสฺสปิ ภตฺตุ อตฺถาย อตฺตานํ ปริจฺจชนฺโต. ลภมาโน ภวามหนฺติ ยํ โส เอวรูโป สูโร เทวสมฺปตฺตึ วา ¶ มนุสฺสสมฺปตฺตึ วา ลภติ, อหมฺปิ ตํ ลภมาโน ภวามิ, ตสฺมา หาโสว เม เอตฺถ, น ตาโส, กึ มํ ตุมฺเห ตาเสถาติ.
เอวํ โส อิมาย คาถาย เตสํ ธมฺมํ เทเสสิ. เต ตสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา ปสนฺนจิตฺตา ‘‘ธมฺมิโก เอส, น สกฺกา มาเรตุํ, วิสฺสชฺเชม น’’นฺติ วตฺวา สุกโปตกํ วิสฺสชฺเชตฺวา ‘อมฺโภ สุกโปตก, มุตฺโตสิ, อมฺหากํ หตฺถโต โสตฺถินา คจฺฉา’’ติ ¶ อาหํสุ. ‘‘มยฺหํ อาคมนํ มา ตุจฺฉํ กโรถ, เทถ เม เอกํ อมฺพผล’’นฺติ. ‘‘สุกโปตก, ตุยฺหํ เอกํ อมฺพผลํ ทาตุํ นาม น ภาโร, อิมสฺมึ ปน รุกฺเข อมฺพานิ องฺเกตฺวา คหิตานิ, เอกสฺมึ ผเล อสเมนฺเต อมฺหากํ ชีวิตํ นตฺถิ. เวสฺสวเณน หิ กุชฺฌิตฺวา สกึ โอโลกิเต ตตฺตกปาเล ปกฺขิตฺตติลา วิย กุมฺภณฺฑสหสฺสํ ภิชฺชิตฺวา วิปฺปกิรียติ, เตน เต ทาตุํ น สกฺโกม, ลภนฏฺานํ ปน อาจิกฺขิสฺสามา’’ติ. ‘‘โย โกจิ เทตุ, ผเลเนว เม อตฺโถ, ลภนฏฺานํ อาจิกฺขถา’’ติ. ‘‘เอตสฺส กฺจนปพฺพตสฺส อนฺตเร โชติรโส นาม ตาปโส อคฺคึ ชุหมาโน กฺจนปตฺติยา นาม ปณฺณสาลายํ วสติ เวสฺสวณสฺส กุลูปโก, เวสฺสวโณ ตสฺส นิพทฺธํ จตฺตาริ อมฺพผลานิ เปเสติ, ตสฺส สนฺติกํ คจฺฉา’’ติ.
โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตาปสสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถ นํ ตาปโส ‘‘กุโต อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘พาราณสิรฺโ สนฺติกา’’ติ. ‘‘กิมตฺถาย อาคโตสี’’ติ? ‘‘สามิ, อมฺหากํ รฺโ เทวิยา อพฺภนฺตรอมฺพปกฺเก โทหโฬ อุปฺปนฺโน, ตทตฺถํ อาคโตมฺหิ, รกฺขสา ปน เม สยํ อมฺพปกฺกํ อทตฺวา ตุมฺหากํ สนฺติกํ เปเสสุ’’นฺติ. ‘‘เตน หิ นิสีท, ลภิสฺสสี’’ติ. อถสฺส เวสฺสวโณ จตฺตาริ ผลานิ เปเสสิ. ตาปโส ตโต ทฺเว ปริภฺุชิ, เอกํ สุวโปตกสฺส ขาทนตฺถาย อทาสิ. เตน ตสฺมึ ขาทิเต เอกํ ผลํ สิกฺกาย ปกฺขิปิตฺวา สุวโปตกสฺส คีวาย ปฏิมฺุจิตฺวา ‘‘อิทานิ คจฺฉา’’ติ สุกโปตกํ วิสฺสชฺเชสิ ¶ . โส ตํ อาหริตฺวา เทวิยา อทาสิ. สา ตํ ขาทิตฺวา โทหฬํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภสิ, ตโตนิทานํ ปนสฺสา ปุตฺโต นาโหสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เทวี ราหุลมาตา อโหสิ, สุโก อานนฺโท, อมฺพปกฺกทายโก ตาปโส สาริปุตฺโต, อุยฺยาเน นิวุตฺถตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
อพฺภนฺตรชาตกวณฺณนา ปมา.
[๒๘๒] ๒. เสยฺยชาตกวณฺณนา
เสยฺยํโส ¶ เสยฺยโส โหตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ โกสลรฺโ อมจฺจํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร รฺโ พหูปกาโร สพฺพกิจฺจนิปฺผาทโก อโหสิ. ราชา ‘‘พหูปกาโร เม อย’’นฺติ ตสฺส มหนฺตํ ยสํ อทาสิ. ตํ อสหมานา อฺเ รฺโ เปสฺุํ อุปสํหริตฺวา ตํ ปริภินฺทึสุ. ราชา เตสํ วจนํ สทฺทหิตฺวา โทสํ อนุปปริกฺขิตฺวาว ตํ สีลวนฺตํ นิทฺโทสํ สงฺขลิกพนฺธเนน พนฺธาเปตฺวา พนฺธนาคาเร ปกฺขิปาเปสิ. โส ตตฺถ เอกโก วสนฺโต สีลสมฺปตฺตึ นิสฺสาย จิตฺเตกคฺคตํ ลภิตฺวา เอกคฺคจิตฺโต สงฺขาเร สมฺมสิตฺวา โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ. อถสฺส ราชา อปรภาเค นิทฺโทสภาวํ ตฺวา สงฺขลิกพนฺธนํ ภินฺทาเปตฺวา ปุริมยสโต มหนฺตตรํ ยสํ อทาสิ. โส ‘‘สตฺถารํ วนฺทิสฺสามี’’ติ พหูนิ มาลาคนฺธาทีนิ อาทาย วิหารํ คนฺตฺวา ตถาคตํ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. สตฺถา เตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กโรนฺโต ‘‘อนตฺโถ กิร เต อุปฺปนฺโนติ อสฺสุมฺหา’’ติ อาห. ‘‘อาม, ภนฺเต, อุปฺปนฺโน, อหํ ปน เตน อนตฺเถน อตฺถํ อกาสึ, พนฺธนาคาเร นิสีทิตฺวา โสตาปตฺติผลํ นิพฺพตฺเตสิ’’นฺติ. สตฺถา ‘‘น โข, อุปาสก, ตฺวฺเว อนตฺเถน อตฺถํ อาหริ, โปราณกปณฺฑิตาปิ อตฺตโน อนตฺเถน อตฺถํ อาหรึ สุเยวา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ ¶ อุคฺคณฺหิตฺวา ปิตุ อจฺจเยน รชฺเช ปติฏฺาย ทส ราชธมฺเม อโกเปตฺวา ทานํ เทติ, ปฺจ สีลานิ รกฺขติ ¶ , อุโปสถกมฺมํ กโรติ. อถสฺเสโก อมจฺโจ อนฺเตปุเร ปทุสฺสิ. ปาทมูลิกาทโย ตฺวา ‘‘อสุกอมจฺโจ อนฺเตปุเร ปทุฏฺโ’’ติ รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา ปริคฺคณฺหนฺโต ยถาสภาวโต ตฺวา ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘มา มํ อิโต ปฏฺาย อุปฏฺาหี’’ติ นิพฺพิสยํ อกาสิ. โส คนฺตฺวา อฺตรํ สามนฺตราชานํ อุปฏฺหีติ สพฺพํ วตฺถุ เหฏฺา มหาสีลวชาตเก (ชา. ๑.๑.๕๑) กถิตสทิสเมว. อิธาปิ โส ราชา ติกฺขตฺตุํ วีมํสิตฺวา ตสฺส อมจฺจสฺส วจนํ สทฺทหิตฺวา ‘‘พาราณสิรชฺชํ คณฺหิสฺสามี’’ติ มหนฺเตน ปริวาเรน รชฺชสีมํ ปาปุณิ. พาราณสิรฺโ สตฺตสตมตฺตา มหาโยธา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘เทว, อสุโก นาม กิร ราชา พาราณสิรชฺชํ คณฺหิสฺสามี’ติ ชนปทํ ภินฺทนฺโต อาคจฺฉติ, เอตฺเถว นํ คนฺตฺวา คณฺหิสฺสามา’’ติ อาหํสุ. ‘‘มยฺหํ ปรวิหึสาย ลทฺเธน รชฺเชน กิจฺจํ นตฺถิ, มา กิฺจิ กริตฺถา’’ติ?
โจรราชา ¶ อาคนฺตฺวา นครํ ปริกฺขิปิ, ปุน อมจฺจา ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘เทว, มา เอวํ กริตฺถ, คณฺหิสฺสาม น’’นฺติ อาหํสุ. ราชา ‘‘น ลพฺภา กิฺจิ กาตุํ, นครทฺวารานิ วิวรถา’’ติ วตฺวา สยํ อมจฺจคณปริวุโต มหาตเล ราชปลฺลงฺเก นิสีทิ. โจรราชา จตูสุ ทฺวาเรสุ มนุสฺเส โปเถนฺโต นครํ ปวิสิตฺวา ปาสาทํ อภิรุยฺห อมจฺจปริวุตํ ราชานํ คาหาเปตฺวา สงฺขลิกาหิ พนฺธาเปตฺวา พนฺธนาคาเร ปกฺขิปาเปสิ. ราชา พนฺธนาคาเร นิสินฺโนว โจรราชานํ เมตฺตายนฺโต เมตฺตชฺฌานํ อุปฺปาเทสิ. ตสฺส เมตฺตานุภาเวน โจรรฺโ กาเย ฑาโห อุปฺปชฺชิ, สกลสรีรํ ยมกอุกฺกาหิ ฌาปิยมานํ วิย ชาตํ. โส มหาทุกฺขาภิตุนฺโน ‘‘กึ นุ โข การณ’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘ตุมฺเห สีลวนฺตํ ราชานํ พนฺธนาคาเร ปกฺขิเปถ, เตน โว อิทํ ทุกฺขํ อุปฺปนฺนํ ภวิสฺสตี’’ติ. โส คนฺตฺวา โพธิสตฺตํ ขมาเปตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ รชฺชํ ตุมฺหากเมว โหตู’’ติ รชฺชํ ตสฺเสว ¶ นิยฺยาเทตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย ตุมฺหากํ ปจฺจตฺถิโก เม ภาโร โหตู’’ติ วตฺวา ปทุฏฺามจฺจสฺส ราชาณํ กาเรตฺวา อตฺตโน นครเมว คโต.
โพธิสตฺโต อลงฺกตมหาตเล สมุสฺสิตเสตจฺฉตฺเต ราชปลฺลงฺเก นิสินฺโน อมจฺเจหิ สทฺธึ สลฺลปนฺโต ปุริมา ทฺเวคาถา อโวจ –
‘‘เสยฺยํโส ¶ เสยฺยโส โหติ, โย เสยฺยมุปเสวติ;
เอเกน สนฺธึ กตฺวาน, สตํ วชฺเฌ อโมจยึ.
‘‘ตสฺมา สพฺเพน โลเกน, สนฺธึ กตฺวาน เอกโต;
เปจฺจ สคฺคํ นิคจฺเฉยฺย, อิทํ สุณาถ กาสิยา’’ติ.
ตตฺถ เสยฺยํโส เสยฺยโส โหติ, โย เสยฺยมุปเสวตีติ อนวชฺชอุตฺตมธมฺมสงฺขาโต เสยฺโย อํโส โกฏฺาโส อสฺสาติ เสยฺยํโส, กุสลธมฺมนิสฺสิตปุคฺคโล. โย ปุนปฺปุนํ ตํ เสยฺยํ กุสลธมฺมภาวนํ กุสลาภิรตํ วา อุตฺตมปุคฺคลมุปเสวติ, โส เสยฺยโส โหติ ปาสํสตโร เจว อุตฺตริตโร จ โหติ. เอเกน สนฺธึ กตฺวาน, สตํ วชฺเฌ อโมจยินฺติ ตทมินาปิ เจตํ เวทิตพฺพํ – อหฺหิ เสยฺยํ เมตฺตาภาวนํ อุปเสวนฺโต ตาย เมตฺตาภาวนาย เอเกน โจรรฺา สนฺธึ สนฺถวํ กตฺวา เมตฺตาภาวนํ ภาเวตฺวา ตุมฺเห สตชเน วชฺเฌ อโมจยึ.
ทุติยคาถาย อตฺโถ – ยสฺมา อหํ เอเกน สทฺธึ เอกโต เมตฺตาภาวนาย สนฺธึ กตฺวา ตุมฺเห วชฺฌปฺปตฺเต สตชเน โมจยึ, ตสฺมา เวทิตพฺพเมเวตํ, ตสฺมา สพฺเพน โลเกน สทฺธึ เมตฺตาภาวนาย ¶ สนฺธึ กตฺวา เอกโต ปุคฺคโล เปจฺจ ปรโลเก สคฺคํ นิคจฺเฉยฺย. เมตฺตาย หิ อุปจารํ กามาวจเร ปฏิสนฺธึ เทติ, อปฺปนา พฺรหฺมโลเก. อิทํ มม วจนํ สพฺเพปิ ตุมฺเห กาสิรฏฺวาสิโน สุณาถาติ.
เอวํ มหาสตฺโต มหาชนสฺส เมตฺตาภาวนาย คุณํ วณฺเณตฺวา ทฺวาทสโยชนิเก พาราณสินคเร เสตจฺฉตฺตํ ปหาย หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. สตฺถา ¶ สมฺมาสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ตติยํ คาถมาห –
‘‘อิทํ วตฺวา มหาราชา, กํโส พาราณสิคฺคโห;
ธนุํ กณฺฑฺจ นิกฺขิปฺป, สํยมํ อชฺฌุปาคมี’’ติ.
ตตฺถ มหนฺโต ราชาติ มหาราชา. กํโสติ ตสฺส นามํ. พาราณสึ คเหตฺวา อชฺฌาวสนโต พาราณสิคฺคโห. โส ราชา อิทํ วจนํ วตฺวา ธนฺุจ สรสงฺขาตํ กณฺฑฺจ นิกฺขิปฺป โอหาย ฉฑฺเฑตฺวา สีลสํยมํ ¶ อุปคโต ปพฺพชิโต, ปพฺพชิตฺวา จ ปน ฌานํ อุปฺปาเทตฺวา อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลเก อุปฺปนฺโนติ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา โจรราชา อานนฺโท อโหสิ, พาราณสิราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
เสยฺยชาตกวณฺณนา ทุติยา.
[๒๘๓] ๓. วฑฺฒกีสูกรชาตกวณฺณนา
วรํ วรํ ตฺวนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ธนุคฺคหติสฺสตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. ปเสนทิรฺโ ปิตา มหาโกสโล พิมฺพิสารรฺโ ธีตรํ เวเทหึ นาม โกสลเทวึ ททมาโน ตสฺสา นฺหานจุณฺณมูลํ สตสหสฺสุฏฺานํ กาสิคามํ อทาสิ. อชาตสตฺตุนา ปน ปิตริ มาริเต โกสลเทวีปิ โสกาภิภูตา กาลมกาสิ. ตโต ปเสนทิ โกสลราชา จินฺเตสิ – ‘‘อชาตสตฺตุนา ปิตา มาริโต, ภคินีปิ เม สามิเก กาลกเต เตน โสเกน กาลกตา, ปิตุฆาตกสฺส โจรสฺส กาสิคามํ น ทสฺสามี’’ติ. โส ตํ อชาตสตฺตุสฺส น อทาสิ. ตํ คามํ นิสฺสาย เตสํ ทฺวินฺนมฺปิ กาเลน กาลํ ยุทฺธํ โหติ, อชาตสตฺตุ ตรุโณ สมตฺโถ, ปเสนทิ ¶ มหลฺลโกเยว. โส อภิกฺขณํ ปรชฺชติ, มหาโกสลสฺสาปิ มนุสฺสา เยภุยฺเยน ปราชิตา. อถ ราชา ‘‘มยํ อภิณฺหํ ปรชฺชาม, กึ นุ โข กาตพฺพ’’นฺติ อมจฺเจ ปุจฺฉิ. ‘‘เทว, อยฺยา นาม มนฺตจฺเฉกา โหนฺติ, เชตวนวิหาเร ภิกฺขูนํ กถํ โสตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ราชา ‘‘เตน หิ ตายํ เวลายํ ภิกฺขูนํ กถาสลฺลาปํ สุณาถา’’ติ จรปุริเส อาณาเปสิ. เต ตโต ปฏฺาย ตถา อกํสุ.
ตสฺมึ ปน กาเล ทฺเว มหลฺลกตฺเถรา วิหารปจฺจนฺเต ปณฺณสาลายํ วสนฺติ ทตฺตตฺเถโร จ ธนุคฺคหติสฺสตฺเถโร ¶ จ. เตสุ ธนุคฺคหติสฺสตฺเถโร ปมยาเมปิ มชฺฌิมยาเมปิ นิทฺทายิตฺวา ปจฺฉิมยาเม ปพุชฺฌิตฺวา อุมฺมุกฺกานิ โสเธตฺวา ¶ อคฺคึ ชาเลตฺวา นิสินฺนโก อาห – ‘‘ภนฺเต, ทตฺตตฺเถรา’’ติ. ‘‘กึ, ภนฺเต, ติสฺสตฺเถรา’’ติ? ‘‘กึ นิทฺทายสิ โน ตฺว’’นฺติ. ‘‘อนิทฺทายนฺตา กึ กริสฺสามา’’ติ? ‘‘อุฏฺาย ตาว นิสีทถา’’ติ. โส อุฏฺาย นิสินฺโน ตํ ทตฺตตฺเถรํ อาห – ‘‘ภนฺเต ทตฺตตฺเถร, อยํ เต โลโล มโหทรโกสโล จาฏิมตฺตํ ภตฺตเมว ปูตึ กโรติ, ยุทฺธวิจารณํ ปน กิฺจิ น ชานาติ, ปราชิโต ปราชิโตตฺเวว วทาเปตี’’ติ. ‘‘กึ ปน กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ? ตสฺมึ ขเณ เต จรปุริสา เตสํ กถํ สุณนฺตา อฏฺํสุ.
ธนุคฺคหติสฺสตฺเถโร ยุทฺธํ วิจาเรสิ – ‘‘ภนฺเต, ยุทฺโธ นาม ติวิโธ – ปทุมพฺยูโห, จกฺกพฺยูโห, สกฏพฺยูโหติ. อชาตสตฺตุํ คณฺหิตุกาเมน อสุเก นาม ปพฺพตกุจฺฉิสฺมึ ทฺวีสุ ปพฺพตภิตฺตีสุ มนุสฺเส เปตฺวา ปุรโต ทุพฺพลพลํ ทสฺเสตฺวา ปพฺพตนฺตรํ ปวิฏฺภาวํ ชานิตฺวา ปวิฏฺมคฺคํ โอจฺฉินฺทิตฺวา ปุรโต จ ปจฺฉโต จ อุโภสุ ปพฺพตภิตฺตีสุ วคฺคิตฺวา อุนฺนทิตฺวา ขิเป ปติตมจฺฉํ วิย อนฺโตมุฏฺิยํ วฏฺฏโปตกํ วิย จ กตฺวา สกฺกา อสฺส ตํ คเหตุ’’นฺติ. จรปุริสา ตํ สาสนํ รฺโ อาโรเจสุํ. ตํ สุตฺวา ราชา สงฺคามเภรึ จราเปตฺวา คนฺตฺวา สกฏพฺยูหํ กตฺวา อชาตสตฺตุํ ชีวคฺคาหํ คาหาเปตฺวา อตฺตโน ธีตรํ วชิรกุมารึ ภาคิเนยฺยสฺส ทตฺวา กาสิคามํ ตสฺสา นฺหานมูลํ กตฺวา ทตฺวา อุยฺโยเชสิ. สา ปวตฺติ ภิกฺขุสงฺเฆ ปากฏา ชาตา. อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, โกสลราชา กิร ธนุคฺคหติสฺสตฺเถรสฺส วิจารณาย อชาตสตฺตุํ ชินี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ ธนุคฺคหติสฺโส ยุทฺธวิจารณาย เฉโกเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อรฺเ รุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ ¶ . ตทา พาราณสึ นิสฺสาย นิวุตฺถวฑฺฒกิคามกา เอโก วฑฺฒกี ถมฺภตฺถาย อรฺํ คนฺตฺวา อาวาเฏ ปติตํ สูกรโปตกํ ทิสฺวา ตํ ฆรํ เนตฺวา ปฏิชคฺคิ. โส วุฑฺฒิปฺปตฺโต มหาสรีโร วงฺกทาโ ¶ อาจารสมฺปนฺโน อโหสิ, วฑฺฒกินา โปสิตตฺตา ปน ‘‘วฑฺฒกีสูกโร’’ตฺเวว ปฺายิ. วฑฺฒกิสฺส รุกฺขตจฺฉนกาเล ตุณฺเฑน รุกฺขํ ปริวตฺเตติ, มุเขน ฑํสิตฺวา วาสิผรสุนิขาทนมุคฺคเร อาหรติ, กาลสุตฺตโกฏิยํ คณฺหาติ. อถ โส วฑฺฒกี ‘‘โกจิเทว, นํ ขาเทยฺยา’’ติ ภเยน เนตฺวา อรฺเ วิสฺสชฺเชสิ. โสปิ อรฺํ ปวิสิตฺวา เขมํ ผาสุกฏฺานํ โอโลเกนฺโต เอกํ ปพฺพตนฺตเร มหนฺตํ คิริกนฺทรํ อทฺทส สมฺปนฺนกนฺทมูลผลํ ผาสุกํ วสนฏฺานํ อเนกสตสูกรสมากิณฺณํ. เต สูกรา ตํ ทิสฺวา ตสฺส สนฺติกํ อาคมํสุ. โสปิ เต อาห – ‘‘อหํ ตุมฺเหว โอโลเกนฺโต วิจรามิ, อปิจ โว มยา ทิฏฺา, อิทฺจ านํ รมณียํ, อหมฺปิ อิทานิ อิเธว วสิสฺสามี’’ติ. ‘‘สจฺจํ อิทํ านํ รมณียํ, ปริสฺสโย ปเนตฺถ อตฺถี’’ติ. ‘‘อหมฺปิ ตุมฺเห ทิสฺวา เอตํ อฺาสึ, เอวํ โคจรสมฺปนฺเน าเน วสนฺตานํ โว สรีเรสุ มํสโลหิตํ นตฺถิ, กึ ปน โว เอตฺถ ภย’’นฺติ? ‘‘เอโก พฺยคฺโฆ ปาโตว อาคนฺตฺวา ทิฏฺทิฏฺํเยว คเหตฺวา คจฺฉตี’’ติ. ‘‘กึ ปน โส นิพทฺธํ คณฺหาติ, อุทาหุ อนฺตรนฺตรา’’ติ? ‘‘นิพทฺธํ คณฺหาตี’’ติ. ‘‘กติ ปน เต พฺยคฺฆา’’ติ? ‘‘เอโกเยวา’’ติ. ‘‘เอตฺตกา ตุมฺเห เอกสฺส ยุชฺฌิตุํ น สกฺโกถา’’ติ? ‘‘อาม, น สกฺโกมา’’ติ. ‘‘อหํ ตํ คณฺหิสฺสามิ, เกวลํ ตุมฺเห มม วจนํ กโรถ, โส พฺยคฺโฆ กหํ วสตี’’ติ? ‘‘เอตสฺมึ ปพฺพเต’’ติ.
โส รตฺติฺเว สูกเร จราเปตฺวา ยุทฺธํ วิจาเรนฺโต ‘‘ยุทฺธํ นาม ¶ ปทุมพฺยูหจกฺกพฺยูหสกฏพฺยูหวเสน ติวิธํ โหตี’’ติ วตฺวา ปทุมพฺยูหวเสน วิจาเรสิ. โส หิ ภูมิสีสํ ชานาติ. ตสฺมา ‘‘อิมสฺมึ าเน ยุทฺธํ วิจาเรตุํ วฏฺฏตี’’ติ สูกรปิลฺลเก มาตโร จ เตสํ มชฺฌฏฺาเน เปสิ. โส ตา อาวิชฺฌิตฺวา มชฺฌิมสูกริโย, ตา อาวิชฺฌิตฺวา โปตกสูกเร, เต อาวิชฺฌิตฺวา ชรสูกเร, เต อาวิชฺฌิตฺวา ทีฆทาสูกเร, เต อาวิชฺฌิตฺวา ยุทฺธสมตฺเถ พลวตรสูกเร ทส วีส ตึส ชเน ตสฺมึ ตสฺมึ าเน พลคุมฺพํ กตฺวา เปสิ. อตฺตโน ิตฏฺานสฺส ปุรโต เอกํ ปริมณฺฑลํ อาวาฏํ ขณาเปสิ, ปจฺฉโต เอกํ สุปฺปสณฺานํ อนุปุพฺพนินฺนํ ปพฺภารสทิสํ. ตสฺส สฏฺิสตฺตติมตฺเต โยธสูกเร อาทาย ตสฺมึ ตสฺมึ าเน ‘‘มา ภายิตฺถา’’ติ กมฺมํ วิจารโต อรุณํ อุฏฺหิ.
พฺยคฺโฆ ¶ อุฏฺาย ‘‘กาโล’’ติ ตฺวา คนฺตฺวา เตสํ สมฺมุขา ิเต ปพฺพตตเล ตฺวา อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา สูกเร โอโลเกสิ. วฑฺฒกีสูกโร ‘‘ปฏิโอโลเกถ น’’นฺติ สูกรานํ สฺํ ¶ อทาสิ, เต ปฏิโอโลเกสุํ. พฺยคฺโฆ มุขํ อุคฺฆาเฏตฺวา อสฺโสสิ, สูกราปิ ตถา กรึสุ. พฺยคฺโฆ มุตฺตํ ฉฑฺเฑสิ, สูกราปิ ฉฑฺฑยึสุ. อิติ ยํ ยํ โส กโรติ, ตํ ตํ เต ปฏิกรึสุ. โส จินฺเตสิ – ‘‘ปุพฺเพ สูกรา มยา โอโลกิตกาเล ปลายนฺตา ปลายิตุมฺปิ น สกฺโกนฺติ, อชฺช อปลายิตฺวา มม ปฏิสตฺตุ หุตฺวา มยา กตเมว ปฏิกโรนฺติ. เอตสฺมึ ภูมิสีเส ิโต เอโก เตสํ สํวิธายโกปิ อตฺถิ, อชฺช มยฺหํ คตสฺส ชโย น ปฺายตี’’ติ. โส นิวตฺติตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว อคมาสิ. เตน ปน คหิตมํสขาทโก เอโก กูฏชฏิโล อตฺถิ, โส ตํ ตุจฺฉหตฺถเมว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘วรํ ¶ วรํ ตฺวํ นิหนํ ปุเร จริ,
อสฺมึ ปเทเส อภิภุยฺย สูกเร;
โสทานิ เอโก พฺยปคมฺม ฌายสิ,
พลํ นุ เต พฺยคฺฆ น จชฺช วิชฺชตี’’ติ.
ตตฺถ วรํ วรํ ตฺวํ นิหนํ ปุเร จริ, อสฺมึ ปเทเส อภิภุยฺย สูกเรติ อมฺโภ พฺยคฺฆ, ตฺวํ ปุพฺเพ อิมสฺมึ ปเทเส สพฺพสูกเร อภิภวิตฺวา อิเมสุ สูกเรสุ วรํ วรํ ตฺวํ อุตฺตมุตฺตมํ สูกรํ นิหนนฺโต วิจริ. โสทานิ เอโก พฺยปคมฺม ฌายสีติ โส ตฺวํ อิทานิ อฺตรํ สูกรํ อคฺคเหตฺวา เอกโกว อปคนฺตฺวา ฌายสิ ปชฺฌายสิ. พลํ นุ เต พฺยคฺฆ น จชฺช วิชฺชตีติ กึ นุ เต, อมฺโภ พฺยคฺฆ, อชฺช กายพลํ นตฺถีติ.
ตํ สุตฺวา พฺยคฺโฆ ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อิเม สุทํ ยนฺติ ทิโสทิสํ ปุเร, ภยฏฺฏิตา เลณคเวสิโน ปุถู;
เต ทานิ สงฺคมฺม วสนฺติ เอกโต, ยตฺถฏฺิตา ทุปฺปสหชฺชเม มยา’’ติ.
ตตฺถ ¶ สุทนฺติ นิปาโต. อยํ ปน สงฺเขปตฺโถ – อิเม สูกรา ปุพฺเพ มํ ทิสฺวา ภเยน อฏฺฏิตา ปีฬิตา อตฺตโน เลณคเวสิโน ปุถู วิสุํ วิสุํ หุตฺวา ทิโสทิสํ ยนฺติ, ตํ ตํ ทิสํ อภิมุขา ปลายนฺติ, เต ทานิ สพฺเพปิ สมาคนฺตฺวา เอกโต วสนฺติ ติฏฺนฺติ, ตฺจ ภูมิสีสํ อุปคตา, ยตฺถ ิตา ทุปฺปสหา ทุมฺมทฺทยา อชฺช อิเม มยาติ.
อถสฺส ¶ อุสฺสาหํ ชเนนฺโต กูฏชฏิโล ‘‘มา ภายิ, คจฺฉ ตยิ นทิตฺวา ปกฺขนฺทนฺเต สพฺเพปิ ภีตา ภิชฺชิตฺวา ปลายิสฺสนฺตี’’ติ อาห. พฺยคฺโฆ ตสฺมึ อุสฺสาหํ ชเนนฺเต สูโร หุตฺวา ปุน คนฺตฺวา ปพฺพตตเล อฏฺาสิ. วฑฺฒกีสูกโร ทฺวินฺนํ อาวาฏานํ อนฺตเร อฏฺาสิ. สูกรา ‘‘สามิ, มหาโจโร ปุนาคโต’’ติ อาหํสุ. ‘‘มา ภายิตฺถ, อิทานิ ตํ คณฺหิสฺสามี’’ติ. พฺยคฺโฆ นทิตฺวา วฑฺฒกีสูกรสฺส อุปริ ปตติ, สูกโร ตสฺส อตฺตโน อุปริ ปตนกาเล ¶ ปริวตฺติตฺวา เวเคน อุชุกํ ขตอาวาเฏ ปติ. พฺยคฺโฆ เวคํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺโต อุปริภาเคน คนฺตฺวา สุปฺปมุขสฺส ติริยํ ขตอาวาฏสฺส อติสมฺพาเธ มุขฏฺาเน ปติตฺวา ปฺุชกโต วิย อโหสิ. สูกโร อาวาฏา อุตฺตริตฺวา อสนิเวเคน คนฺตฺวา พฺยคฺฆํ อนฺตรสตฺถิมฺหิ ทาาย ปหริตฺวา ยาว วกฺกปเทสา ผาเลตฺวา ปฺจมธุรมํสํ ทาาย ปลิเวเตฺวา พฺยคฺฆสฺส มตฺถเก อาวิชฺฌิตฺวา ‘‘คณฺหถ ตุมฺหากํ ปจฺจามิตฺต’’นฺติ อุกฺขิปิตฺวา พหิอาวาเฏ ฉฑฺเฑสิ. ปมํ อาคตา พฺยคฺฆมํสํ ลภึสุ, ปจฺฉา อาคตา ‘‘พฺยคฺฆมํสํ กีทิสํ โหตี’’ติ เตสํ มุขํ อุปสิงฺฆนฺตา วิจรึสุ.
สูกรา น ตาว ตุสฺสนฺติ. วฑฺฒกีสูกโร เตสํ อิงฺฆิตํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข ตุมฺเห น ตุสฺสถา’’ติ อาห. ‘‘สามิ, กึ เอเตน พฺยคฺเฆน ฆาติเตน, อฺโ ปน พฺยคฺฆอาณาปนสมตฺโถ กูฏชฏิโล อตฺถิเยวา’’ติ. ‘‘โก นาเมโส’’ติ? ‘‘เอโก ทุสฺสีลตาปโส’’ติ. ‘‘พฺยคฺโฆปิ มยา ฆาติโต, โส เม กึ ปโหติ, เอถ คณฺหิสฺสาม น’’นฺติ สูกรฆฏาย สทฺธึ ปายาสิ. กูฏตาปโสปิ พฺยคฺเฆ จิรายนฺเต ‘‘กึ นุ โข สูกรา พฺยคฺฆํ คณฺหึสู’’ติ ปฏิปถํ คจฺฉนฺโต เต สูกเร อาคจฺฉนฺเต ทิสฺวา อตฺตโน ปริกฺขารํ อาทาย ปลายนฺโต เตหิ อนุพนฺธิโต ปริกฺขารํ ฉฑฺเฑตฺวา เวเคน อุทุมฺพรรุกฺขํ อภิรุหิ. สูกรา ‘‘อิทานิมฺห, สามิ, นฏฺา, ตาปโส ปลายิตฺวา ¶ รุกฺขํ อภิรุหี’’ติ อาหํสุ. ‘‘กึ รุกฺขํ นามา’’ติ? ‘‘อุทุมฺพรรุกฺข’’นฺติ. โส ‘‘สูกริโย อุทกํ อาหรนฺตุ, สูกรโปตกา ปถวึ ขณนฺตุ, ทีฆทาา สูกรา มูลานิ ฉินฺทนฺตุ, เสสา ปริวาเรตฺวา อารกฺขนฺตู’’ติ สํวิทหิตฺวา เตสุ ตถา กโรนฺเตสุ สยํ อุทุมฺพรสฺส อุชุกํ ถูลมูลํ ¶ ผรสุนา ปหรนฺโต วิย เอกปฺปหารเมว กตฺวา อุทุมฺพรรุกฺขํ ปาเตสิ. ปริวาเรตฺวา ิตสูกรา กูฏชฏิลํ ภูมิยํ ปาเตตฺวา ขณฺฑาขณฺฑิกํ กตฺวา ยาว อฏฺิโต ขาทิตฺวา วฑฺฒกีสูกรํ อุทุมฺพรขนฺเธเยว นิสีทาเปตฺวา กูฏชฏิลสฺส ปริโภคสงฺเขน อุทกํ อาหริตฺวา อภิสิฺจิตฺวา ราชานํ กรึสุ, เอกฺจ ตรุณสูกรึ ตสฺส อคฺคมเหสึ อกํสุ. ตโต ปฏฺาย กิร ยาวชฺชตนา ราชาโน อุทุมฺพรภทฺทปีเ นิสีทาเปตฺวา ตีหิ สงฺเขหิ อภิสิฺจนฺติ.
ตสฺมึ ¶ วนสณฺเฑ อธิวตฺถา เทวตา ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา เอกสฺมึ วิฏปนฺตเร สูกรานํ อภิมุขา หุตฺวา ตติยํ คาถมาห –
‘‘นมตฺถุ สงฺฆาน สมาคตานํ, ทิสฺวา สยํ สขฺย วทามิ อพฺภุตํ;
พฺยคฺฆํ มิคา ยตฺถ ชินึสุ ทาิโน, สามคฺคิยา ทาพเลสุ มุจฺจเร’’ติ.
ตตฺถ นมตฺถุ สงฺฆานนฺติ อยํ มม นมกฺกาโร สมาคตานํ สูกรสงฺฆานํ อตฺถุ. ทิสฺวา สยํ สขฺย วทามิ อพฺภุตนฺติ อิทํ ปุพฺเพ อภูตปุพฺพํ อพฺภุตํ สขฺยํ มิตฺตภาวํ สยํ ทิสฺวา วทามิ. พฺยคฺฆํ มิคา ยตฺถ ชินึสุ ทาิโนติ ยตฺร หิ นาม ทาิโน สูกรมิคา พฺยคฺฆํ ชินึสุ, อยเมว วา ปาโ. สามคฺคิยา ทาพเลสุ มุจฺจเรติ ยา สา ทาพเลสุ สูกเรสุ สามคฺคี เอกชฺฌาสยตา, ตาย เตสุ สามคฺคิยา เต ทาพลา ปจฺจามิตฺตํ คเหตฺวา อชฺช มรณภยา มุตฺตาติ อตฺโถ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ธนุคฺคหติสฺโส วฑฺฒกีสูกโร อโหสิ, รุกฺขเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
วฑฺฒกีสูกรชาตกวณฺณนา ตติยา.
[๒๘๔] ๔. สิริชาตกวณฺณนา
ยํ ¶ อุสฺสุกา สงฺฆรนฺตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ สิริโจรพฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ. อิมสฺมึ ชาตเก ¶ ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ เหฏฺา ขทิรงฺคารชาตเก (ชา. ๑.๑.๔๐) วิตฺถาริตเมว. อิธาปิ ปน สา อนาถปิณฺฑิกสฺส ฆเร จตุตฺเถ ทฺวารโกฏฺเก วสนกา มิจฺฉาทิฏฺิเทวตา ทณฺฑกมฺมํ กโรนฺตี จตุปฺาสหิรฺโกฏิโย อาหริตฺวา โกฏฺเ ปูเรตฺวา เสฏฺินา สทฺธึ สหายิกา อโหสิ. อถ นํ โส อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ เนสิ. สตฺถา ตสฺสา ธมฺมํ เทเสสิ, สา ธมฺมํ สุตฺวา โสตาปนฺนา อโหสิ. ตโต ปฏฺาย เสฏฺิโน ยโส ยถาโปราโณว ชาโต. อเถโก สาวตฺถิวาสี สิริลกฺขณฺู พฺราหฺมโณ จินฺเตสิ – ‘‘อนาถปิณฺฑิโก ทุคฺคโต หุตฺวา ปุน อิสฺสโร ชาโต, ยํนูนาหํ ตํ ทฏฺุกาโม วิย คตฺวา ตสฺส ฆรโต สิรึ เถเนตฺวา อาคจฺเฉยฺย’’นฺติ. โส ตสฺส ฆรํ คนฺตฺวา เตน กตสกฺการสมฺมาโน สารณียกถาย วตฺตมานาย ‘‘กิมตฺถํ อาคโตสี’’ติ วุตฺเต ‘‘กตฺถ นุ โข สิรี ปติฏฺิตา’’ติ โอโลเกสิ. เสฏฺิโน จ สพฺพเสโต ¶ โธตสงฺขปฏิภาโค กุกฺกุโฏ สุวณฺณปฺชเร ปกฺขิปิตฺวา ปิโต อตฺถิ, ตสฺส จูฬาย สิรี ปติฏฺาสิ. พฺราหฺมโณ โอโลกยมาโน สิริยา ตตฺถ ปติฏฺิตภาวํ ตฺวา อาห – ‘‘อหํ, มหาเสฏฺิ, ปฺจสเต มาณเว มนฺเต วาเจมิ, อกาลรวึ เอกํ กุกฺกุฏํ นิสฺสาย เต จ มยฺจ กิลมาม, อยฺจ กิร กุกฺกุโฏ กาลรวี, อิมสฺสตฺถาย อาคโตมฺหิ, เทหิ เม เอตํ กุกฺกุฏ’’นฺติ. ‘‘คณฺห, พฺราหฺมณ, เทมิ เต กุกฺกุฏ’’นฺติ. ‘‘เทมี’’ติ จ วุตฺตกฺขเณเยว สิรี ตสฺส จูฬโต อปคนฺตฺวา อุสฺสีสเก ปิเต มณิกฺขนฺเธ ปติฏฺาสิ.
พฺราหฺมโณ สิริยา มณิมฺหิ ปติฏฺิตภาวํ ตฺวา มณิมฺปิ ยาจิ. ‘‘มณิมฺปิ เทมี’’ติ วุตฺตกฺขเณเยว สิรี มณิโต อปคนฺตฺวา อุสฺสีสเก ปิตอารกฺขยฏฺิยํ ปติฏฺาสิ. พฺราหฺมโณ สิริยา ตตฺถ ปติฏฺิตภาวํ ตฺวา ตมฺปิ ยาจิ. ‘‘คเหตฺวา คจฺฉาหี’’ติ วุตฺตกฺขเณเยว สิรี ยฏฺิโต อปคนฺตฺวา ปฺุลกฺขณเทวิยา นาม เสฏฺิโน อคฺคมเหสิยา สีเส ปติฏฺาสิ. สิริโจรพฺราหฺมโณ ตตฺถ ปติฏฺิตภาวํ ตฺวา ‘‘อวิสฺสชฺชิยภณฺฑํ เอตํ, ยาจิตุมฺปิ น สกฺกา’’ติ จินฺเตตฺวา เสฏฺึ เอตทโวจ – ‘‘มหาเสฏฺิ, อหํ ¶ ตุมฺหากํ เคเห ‘สิรึ เถเนตฺวา คมิสฺสามี’ติ อาคจฺฉึ, สิรี ปน เต กุกฺกุฏสฺส จูฬายํ ปติฏฺิตา อโหสิ, ตสฺมึ มม ทินฺเน ตโต อปคนฺตฺวา มณิมฺหิ ปติฏฺหิ, มณิมฺหิ ทินฺเน อารกฺขยฏฺิยํ ปติฏฺหิ, อารกฺขยฏฺิยา ทินฺนาย ตโต อปคนฺตฺวา ปฺุลกฺขณเทวิยา ¶ สีเส ปติฏฺหิ, ‘อิทํ โข ปน อวิสฺสชฺชิยภณฺฑ’นฺติ อิมมฺปิ เม น คหิตํ, น สกฺกา ตว สิรึ เถเนตุํ, ตว สนฺตกํ ตเวว โหตู’’ติ อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. อนาถปิณฺฑิโก ‘‘อิมํ การณํ สตฺถุ กเถสฺสามี’’ติ วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน สพฺพํ ตถาคตสฺส อาโรเจสิ. สตฺถา ตํ สุตฺวา ‘‘น โข, คหปติ, อิทาเนว อฺเสํ สิรี อฺตฺถ คจฺฉติ, ปุพฺเพปิ อปฺปปฺุเหิ อุปฺปาทิตสิรี ปน ปฺุวนฺตานํเยว ปาทมูลํ คตา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สิปฺปํ อุคฺคณฺหิตฺวา อคารํ อชฺฌาวสนฺโต มาตาปิตูนํ กาลกิริยาย สํวิคฺโค นิกฺขมิตฺวา หิมวนฺตปเทเส อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ อุปฺปาเทตฺวา ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน โลณมฺพิลเสวนตฺถาย ชนปทํ คนฺตฺวา พาราณสิรฺโ อุยฺยาเน วสิตฺวา ปุนทิวเส ภิกฺขํ จรมาโน หตฺถาจริยสฺส ฆรทฺวารํ อคมาสิ. โส ตสฺส อาจารวิหาเร ปสนฺโน ภิกฺขํ ทตฺวา อุยฺยาเน วสาเปตฺวา นิจฺจํ ปฏิชคฺคิ. ตสฺมึ กาเล เอโก กฏฺหารโก อรฺโต ทารูนิ อาหรนฺโต เวลาย นครทฺวารํ ปาปุณิตุํ ¶ นาสกฺขิ. สายํ เอกสฺมึ เทวกุเล ทารุกลาปํ อุสฺสีสเก กตฺวา นิปชฺชิ, เทวกุเล วิสฺสฏฺา พหู กุกฺกุฏา ตสฺส อวิทูเร เอกสฺมึ รุกฺเข สยึสุ. เตสุ อุปริสยิตกุกฺกุโฏ ปจฺจูสกาเล วจฺจํ ปาเตนฺโต เหฏฺาสยิตกุกฺกุฏสฺส สรีเร ปาเตสิ. ‘‘เกน เม สรีเร วจฺจํ ปาติต’’นฺติ จ วุตฺเต ‘‘มยา’’ติ อาห. ‘‘กึการณา’’ติ จ วุตฺเต ‘‘อนุปธาเรตฺวา’’ติ วตฺวา ปุนปิ ปาเตสิ. ตโต อุโภปิ อฺมฺํ กุทฺธา ‘‘กึ เต พลํ, กึ เต พล’’นฺติ กลหํ กรึสุ. อถ เหฏฺาสยิตกุกฺกุโฏ อาห – ‘‘มํ มาเรตฺวา องฺคาเร ปกฺกมํสํ ขาทนฺโต ปาโตว กหาปณสหสฺสํ ¶ ลภตี’’ติ. อุปริสยิตกุกฺกุโฏ อาห – ‘‘อมฺโภ, มา ตฺวํ เอตฺตเกน คชฺชิ, มม ถูลมํสํ ขาทนฺโต ราชา โหติ, พหิมํสํ ¶ ขาทนฺโต ปุริโส เจ, เสนาปติฏฺานํ, อิตฺถี เจ, อคฺคมเหสิฏฺานํ ลภติ. อฏฺิมํสํ ปน เม ขาทนฺโต คิหี เจ, ภณฺฑาคาริกฏฺานํ, ปพฺพชิโต เจ, ราชกุลูปกภาวํ ลภตี’’ติ.
กฏฺหารโก เตสํ วจนํ สุตฺวา ‘‘รชฺเช ปตฺเต สหสฺเสน กิจฺจํ นตฺถี’’ติ สณิกํ อภิรุหิตฺวา อุปริสยิตกุกฺกุฏํ คเหตฺวา มาเรตฺวา อุจฺฉงฺเค กตฺวา ‘‘ราชา ภวิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา วิวฏทฺวาเรเนว นครํ ปวิสิตฺวา กุกฺกุฏํ นิตฺตจํ กตฺวา อุทรํ โสเธตฺวา ‘‘อิทํ กุกฺกุฏมํสํ สาธุกํ สมฺปาเทหี’’ติ ปชาปติยา อทาสิ. สา กุกฺกุฏมํสฺจ ภตฺตฺจ สมฺปาเทตฺวา ‘‘ภฺุช, สามี’’ติ ตสฺส อุปนาเมสิ. ‘‘ภทฺเท, เอตํ มํสํ มหานุภาวํ, เอตํ ขาทิตฺวา อหํ ราชา ภวิสฺสามิ, ตฺวํ อคฺคมเหสี ภวิสฺสสิ, ตํ ภตฺตฺจ มํสฺจ อาทาย คงฺคาตีรํ คนฺตฺวา นฺหายิตฺวา ภฺุชิสฺสามา’’ติ ภตฺตภาชนํ ตีเร เปตฺวา นฺหานตฺถาย โอตรึสุ. ตสฺมึ ขเณ วาเตน ขุภิตํ อุทกํ อาคนฺตฺวา ภตฺตภาชนํ อาทาย อคมาสิ. ตํ นทีโสเตน วุยฺหมานํ เหฏฺานทิยํ หตฺถึ นฺหาเปนฺโต เอโก หตฺถาจริโย มหามตฺโต ทิสฺวา อุกฺขิปาเปตฺวา วิวราเปตฺวา ‘‘กิเมตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภตฺตฺเจว กุกฺกุฏมํสฺจ สามี’’ติ. โส ตํ ปิทหาเปตฺวา ลฺฉาเปตฺวา ‘‘ยาว มยํ อาคจฺฉาม, ตาวิมํ ภตฺตํ มา วิวรา’’ติ ภริยาย เปเสสิ. โสปิ โข กฏฺหารโก มุขโต ปวิฏฺเน วาลุโกทเกน อุทฺธุมาตอุทโร ปลายิ.
อเถโก ตสฺส หตฺถาจริยสฺส กุลูปโก ทิพฺพจกฺขุกตาปโส ‘‘มยฺหํ อุปฏฺาโก หตฺถิฏฺานํ น วิชหติ, กทา นุ โข สมฺปตฺตึ ปาปุณิสฺสตี’’ติ ทิพฺพจกฺขุนา อุปธาเรนฺโต ตํ ปุริสํ ทิสฺวา ตํ การณํ ตฺวา ปุเรตรํ คนฺตฺวา หตฺถาจริยสฺส นิเวสเน นิสีทิ. หตฺถาจริโย อาคนฺตฺวา ตํ วนฺทิตฺวา ¶ เอกมนฺตํ นิสินฺโน ตํ ภตฺตภาชนํ อาหราเปตฺวา ‘‘ตาปสํ มํโสทเนน ปริวิสถา’’ติ อาห. ตาปโส ภตฺตํ คเหตฺวา มํเส ทียมาเน อคฺคเหตฺวา ‘‘อิมํ มํสํ อหํ วิจาเรมี’’ติ วตฺวา ‘‘วิจาเรถ ¶ , ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ถูลมํสาทีนิ เอเกกํ โกฏฺาสํ กาเรตฺวา ถูลมํสํ หตฺถาจริยสฺส ทาเปสิ, พหิมํสํ ตสฺส ภริยาย, อฏฺิมํสํ อตฺตนา ปริภฺุชิ. โส ภตฺตกิจฺจาวสาเน คจฺฉนฺโต ‘‘ตฺวํ อิโต ตติยทิวเส ราชา ภวิสฺสสิ, อปฺปมตฺโต โหหี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. ตติยทิวเส เอโก สามนฺตราชา อาคนฺตฺวา พาราณสึ ปริวาเรสิ. พาราณสิราชา ¶ หตฺถาจริยํ ราชเวสํ คาหาเปตฺวา ‘‘หตฺถึ อภิรุหิตฺวา ยุชฺฌา’’ติ อาณาเปตฺวา สยํ อฺาตกเวเสน เสนาย วิจาเรนฺโต เอเกน มหาเวเคน สเรน วิทฺโธ ตงฺขณฺเว มริ. ตสฺส มตภาวํ ตฺวา หตฺถาจริโย พหู กหาปเณ นีหราเปตฺวา ‘‘ธนตฺถิกา ปุรโต หุตฺวา ยุชฺฌนฺตู’’ติ เภรึ จราเปสิ. พลกาโย มุหุตฺเตเนว สามนฺตราชานํ ชีวิตกฺขยํ ปาเปสิ. อมจฺจา รฺโ สรีรกิจฺจํ กตฺวา ‘‘กํ ราชานํ กโรมา’’ติ มนฺตยมานา ‘‘อมฺหากํ ราชา ชีวมาโน อตฺตโน เวสํ หตฺถาจริยสฺส อทาสิ, อยเมว ยุทฺธํ กตฺวา รชฺชํ คณฺหิ, เอตสฺเสว รชฺชํ ทสฺสามา’’ติ ตํ รชฺเชน อภิสิฺจึสุ, ภริยมฺปิสฺส อคฺคมเหสึ อกํสุ. โพธิสตฺโต ราชกุลูปโก อโหสิ.
สตฺถา อตีตํ อาหริตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘ยํ อุสฺสุกา สงฺฆรนฺติ, อลกฺขิกา พหุํ ธนํ;
สิปฺปวนฺโต อสิปฺปา จ, ลกฺขิวา ตานิ ภฺุชติ.
‘‘สพฺพตฺถ กตปฺุสฺส, อติจฺจฺเว ปาณิโน;
อุปฺปชฺชนฺติ พหู โภคา, อปฺปนายตเนสุปี’’ติ.
ตตฺถ ยํ อุสฺสุกาติ ยํ ธนสงฺฆรเณ อุสฺสุกฺกมาปนฺนา ฉนฺทชาตา กิจฺเฉน พหุํ ธนํ สงฺฆรนฺติ.‘‘เย อุสฺสุกา’’ติปิ ปาโ, เย ปุริสา ¶ ธนสํหรเณ อุสฺสุกา หตฺถิสิปฺปาทิวเสน สิปฺปวนฺโต อสิปฺปา จ อนฺตมโส เวตเนน กมฺมํ กตฺวา พหุํ ธนํ สงฺฆรนฺตีติ อตฺโถ. ลกฺขิวา ตานิ ภฺุชตีติ ตานิ ‘‘พหุํ ธน’’นฺติ วุตฺตานิ ธนานิ ปฺุวา ปุริโส อตฺตโน ปฺุผลํ ปริภฺุชนฺโต กิฺจิ กมฺมํ อกตฺวาปิ ปริภฺุชติ.
อติจฺจฺเว ปาณิโนติ อติจฺจ อฺเ เอว ปาณิโน. เอว-กาโร ปุริมปเทน โยเชตพฺโพ, สพฺพตฺเถว กตปฺุสฺส อฺเ อกตปฺุเ สตฺเต อติกฺกมิตฺวาติ อตฺโถ. อปฺปนายตเนสุปีติ อปิ อนายตเนสุปิ อรตนากเรสุ รตนานิ อสุวณฺณายตนาทีสุ สุวณฺณาทีนิ อหตฺถายตนาทีสุ หตฺถิอาทโยติ สวิฺาณกอวิฺาณกา พหู โภคา อุปฺปชฺชนฺติ ¶ . ตตฺถ มุตฺตามณิอาทีนํ อนากเร อุปฺปตฺติยํ ทุฏฺคามณิอภยมหาราชสฺส วตฺถุ กเถตพฺพํ.
สตฺถา ¶ ปน อิมา คาถา วตฺวา ‘‘คหปติ, อิเมสํ สตฺตานํ ปฺุสทิสํ อฺํ อายตนํ นาม นตฺถิ, ปฺุวนฺตานฺหิ อนากเรสุ รตนานิ อุปฺปชฺชนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ ธมฺมํ เทเสสิ –
‘‘เอส เทวมนุสฺสานํ, สพฺพกามทโท นิธิ;
ยํ ยเทวาภิปตฺเถนฺติ, สพฺพเมเตน ลพฺภติ.
‘‘สุวณฺณตา สุสรตา, สุสณฺานา สุรูปตา;
อาธิปจฺจปริวาโร, สพฺพเมเตน ลพฺภติ.
‘‘ปเทสรชฺชํ อิสฺสริยํ, จกฺกวตฺติสุขํ ปิยํ;
เทวรชฺชมฺปิ ทิพฺเพสุ, สพฺพเมเตน ลพฺภติ.
‘‘มานุสฺสิกา จ สมฺปตฺติ, เทวโลเก จ ยา รติ;
ยา จ นิพฺพานสมฺปตฺติ, สพฺพเมเตน ลพฺภติ.
‘‘มิตฺตสมฺปทมาคมฺม, โยนิโสว ปยฺุชโต;
วิชฺชาวิมุตฺติวสีภาโว, สพฺพเมเตน ลพฺภติ.
‘‘ปฏิสมฺภิทา วิโมกฺขา จ, ยา จ สาวกปารมี;
ปจฺเจกโพธิ พุทฺธภูมิ, สพฺพเมเตน ลพฺภติ.
‘‘เอวํ มหตฺถิกา เอสา, ยทิทํ ปฺุสมฺปทา;
ตสฺมา ธีรา ปสํสนฺติ, ปณฺฑิตา กตปฺุต’’นฺติ. (ขุ. ปา. ๘.๑๐-๑๖);
อิทานิ ¶ เยสุ อนาถปิณฺฑิกสฺส สิรี ปติฏฺิตา, ตานิ รตนานิ ทสฺเสตุํ ‘‘กุกฺกุโฏ’’ติอาทิมาห.
‘‘กุกฺกุโฏ ¶ มณโย ทณฺโฑ, ถิโย จ ปฺุลกฺขณา;
อุปฺปชฺชนฺติ อปาปสฺส, กตปฺุสฺส ชนฺตุโน’’ติ.
ตตฺถ ทณฺโฑติ อารกฺขยฏฺึ สนฺธาย วุตฺตํ, ถิโยติ เสฏฺิภริยํ ปฺุลกฺขณเทวึ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. คาถํ วตฺวา จ ปน ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, กุลูปกตาปโส ปน อหเมว สมฺมาสมฺพุทฺโธ อโหสิ’’นฺติ.
สิริชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.
[๒๘๕] ๕. มณิสูกรชาตกวณฺณนา
ทริยา ¶ สตฺต วสฺสานีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สุนฺทรีมารณํ อารพฺภ กเถสิ. เตน โข ปน สมเยน ภควา สกฺกโต โหติ ครุกโตติ วตฺถุ อุทาเน (อุทา. ๓๘) อาคตเมว. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป – ภควโต กิร ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ปฺจนฺนํ มหานทีนํ มโหฆสทิเส ลาภสกฺกาเร อุปฺปนฺเน หตลาภสกฺการา อฺติตฺถิยา สูริยุคฺคมนกาเล ขชฺโชปนกา วิย นิปฺปภา หุตฺวา เอกโต สนฺนิปติตฺวา มนฺตยึสุ – ‘‘มยํ สมณสฺส โคตมสฺส อุปฺปนฺนกาลโต ปฏฺาย หตลาภสกฺการา, น โกจิ อมฺหากํ อตฺถิภาวมฺปิ ชานาติ, เกน นุ โข สทฺธึ เอกโต หุตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส อวณฺณํ อุปฺปาเทตฺวา ลาภสกฺการมสฺส อนฺตรธาเปยฺยามา’’ติ. อถ เนสํ เอตทโหสิ – ‘‘สุนฺทริยา สทฺธึ เอกโต หุตฺวา สกฺกุณิสฺสามา’’ติ.
เต เอกทิวสํ สุนฺทรึ ติตฺถิยารามํ ปวิสิตฺวา วนฺทิตฺวา ิตํ นาลปึสุ. สา ปุนปฺปุนํ สลฺลปนฺตีปิ ปฏิวจนํ อลภิตฺวา ‘‘อปิ นุ, อยฺยา, ตุมฺเห เกนจิ วิเหิตาตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘กึ, ภคินิ, สมณํ โคตมํ อมฺเห วิเหเตฺวา หตลาภสกฺกาเร กตฺวา วิจรนฺตํ น ปสฺสสี’’ติ. สา เอวมาห – ‘‘มยา เอตฺถ กึ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ? ตฺวํ โขสิ, ภคินิ, อภิรูปา โสภคฺคปฺปตฺตา, สมณสฺส โคตมสฺส อยสํ อาโรเปตฺวา มหาชนํ ตว กถํ ¶ คาหาเปตฺวา หตลาภสกฺการํ กโรหี’’ติ? สา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา วนฺทิตฺวา ปกฺกนฺตา. ตโต ปฏฺาย มาลาคนฺธวิเลปนกปฺปูรกฏุกผลาทีนิ คเหตฺวา สายํ มหาชนสฺส สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา นครํ ปวิสนกาเล เชตวนาภิมุขี คจฺฉติ. ‘‘กหํ คจฺฉสี’’ติ จ ปุฏฺา ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติกํ, อหฺหิ เตน สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยํ วสามี’’ติ วตฺวา อฺตรสฺมึ ¶ ติตฺถิยาราเม วสิตฺวา ปาโตว เชตวนมคฺคํ โอตริตฺวา นคราภิมุขี คจฺฉติ. ‘‘กึ, สุนฺทริ, กหํ คตาสี’’ติ จ ปุฏฺา ‘‘สมเณน โคตเมน สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยํ วสิตฺวา ตํ กิเลสรติยา รมาเปตฺวา อาคตามฺหี’’ติ วทติ.
อถ นํ กติปาหจฺจเยน ธุตฺตานํ กหาปเณ ทตฺวา ‘‘คจฺฉถ สุนฺทรึ มาเรตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส คนฺธกุฏิยา สมีเป มาลากจวรนฺตเร นิกฺขิปิตฺวา ¶ เอถา’’ติ วทึสุ, เต ตถา อกํสุ. ตโต ติตฺถิยา ‘‘สุนฺทรึ น ปสฺสามา’’ติ โกลาหลํ กตฺวา รฺโ อาโรเจตฺวา ‘‘กหํ โว อาสงฺกา’’ติ วุตฺตา ‘‘อิเมสุ ทิวเสสุ เชตวเน วสติ, ตตฺรสฺสา ปวตฺตึ น ชานามา’’ติ วตฺวา ‘‘เตน หิ คจฺฉถ, นํ วิจินถา’’ติ รฺา อนฺุาตา อตฺตโน อุปฏฺาเก คเหตฺวา เชตวนํ คนฺตฺวา วิจินนฺตา มาลากจวรนฺตเร ทิสฺวา มฺจกํ อาโรเปตฺวา นครํ ปเวเสตฺวา ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส สาวกา ‘สตฺถารา กตปาปกมฺมํ ปฏิจฺฉาเทสฺสามา’ติ สุนฺทรึ มาเรตฺวา มาลากจวรนฺตเร นิกฺขิปึสู’’ติ รฺโ อาโรเจสุํ, ราชา ‘‘เตน หิ คจฺฉถ, นครํ อาหิณฺฑถา’’ติ อาห. เต นครวีถีสุ ‘‘ปสฺสถ สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ กมฺม’’นฺติอาทีนิ วิรวิตฺวา ปุน รฺโ นิเวสนทฺวารํ อคมํสุ.
ราชา สุนฺทริยา สรีรํ อามกสุสาเน อฏฺฏกํ อาโรเปตฺวา รกฺขาเปสิ. สาวตฺถิวาสิโน เปตฺวา อริยสาวเก เสสา เยภุยฺเยน ‘‘ปสฺสถ สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ กมฺม’’นฺติอาทีนิ วตฺวา อนฺโตนคเร จ พหินคเร จ ภิกฺขู อกฺโกสนฺตา ปริภาสนฺตา วิจรนฺติ. ภิกฺขู ตํ ปวตฺตึ ตถาคตสฺส อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘เตน หิ ตุมฺเหปิ เต มนุสฺเส เอวํ ปฏิโจเทถา’’ติ –
‘‘อภูตวาที นิรยํ อุเปติ, โย วาปิ กตฺวา น กโรมิ จาห;
อุโภปิ ¶ เต เปจฺจ สมา ภวนฺติ, นิหีนกมฺมา มนุชา ปรตฺถา’’ติ. (อุทา. ๓๘) –
อิมํ คาถมาห.
ราชา ‘‘สุนฺทริยา อฺเหิ มาริตภาวํ ชานาถา’’ติ ปุริเส เปเสสิ. เตปิ โข ธุตฺตา เตหิ กหาปเณหิ สุรํ ปิวนฺตา อฺมฺํ กลหํ กโรนฺติ. ตตฺเถโก เอวมาห – ‘‘ตฺวํ สุนฺทรึ เอกปฺปหาเรเนว มาเรตฺวา มาลากจวรนฺตเร นิกฺขิปิตฺวา ตโต ลทฺธกหาปเณหิ สุรํ ปิวสิ, โหตุ โหตู’’ติ. ราชปุริสา เต ธุตฺเต คเหตฺวา รฺโ ทสฺเสสุํ. อถ เต ราชา ‘‘ตุมฺเหหิ ¶ มาริตา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘เกหิ มาราปิตา’’ติ? ‘‘อฺติตฺถิเยหิ, เทวา’’ติ. ราชา ¶ ติตฺถิเย ปกฺโกสาเปตฺวา สุนฺทรึ อุกฺขิปาเปตฺวา ‘‘คจฺฉถ ตุมฺเห, เอวํ วทนฺตา นครํ อาหิณฺฑถ ‘อยํ สุนฺทรี สมณสฺส โคตมสฺส อวณฺณํ อาโรเปตุกาเมหิ อมฺเหหิ มาราปิตา, เนว สมณสฺส โคตมสฺส, น โคตมสาวกานํ โทโส อตฺถิ, อมฺหากํเยว โทโส’’’ติ อาณาเปสิ. เต ตถา อกํสุ. พาลมหาชโน ตทา สทฺทหิ, ติตฺถิยาปิ ปุริสวธทณฺเฑน ปลิพุทฺธา. ตโต ปฏฺาย พุทฺธานํ มหนฺตตโร ลาภสกฺกาโร อโหสิ.
อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, ติตฺถิยา ‘พุทฺธานํ กาฬกภาวํ อุปฺปาเทสฺสามา’ติ สยํ กาฬกา ชาตา, พุทฺธานํ ปน มหนฺตตโร ลาภสกฺกาโร อุทปาที’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, สกฺกา พุทฺธานํ สํกิเลสํ อุปฺปาเทตุํ, พุทฺธานํ สํกิลิฏฺภาวกรณํ นาม ชาติมณิโน กิลิฏฺภาวกรณสทิสํ, ปุพฺเพ ชาติมณึ ‘กิลิฏฺํ กริสฺสามา’ติ วายมนฺตาปิ นาสกฺขึสุ กิลิฏฺํ กาตุ’’นฺติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ คามเก พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต กาเมสุ อาทีนวํ ทิสฺวา นิกฺขมิตฺวา หิมวนฺตปเทเส ติสฺโส ปพฺพตราชิโย อติกฺกมิตฺวา ตาปโส หุตฺวา ปณฺณสาลายํ วสิ. ตสฺสา อวิทูเร มณิคุหา อโหสิ, ตตฺถ ตึสมตฺตา สูกรา วสนฺติ, คุหาย อวิทูเร เอโก สีโห จรติ, ตสฺส มณิมฺหิ ¶ ฉายา ปฺายติ. สูกรา สีหจฺฉายํ ทิสฺวา ภีตา อุตฺรสฺตา อปฺปมํสโลหิตา อเหสุํ. เต ‘‘อิมสฺส มณิโน วิปฺปสนฺนตฺตา อยํ ฉายา ปฺายติ, อิมํ มณึ สํกิลิฏฺํ วิวณฺณํ กโรมา’’ติ จินฺเตตฺวา อวิทูเร เอกํ สรํ คนฺตฺวา กลเล ปวฏฺเฏตฺวา อาคนฺตฺวา ตํ มณึ ฆํสนฺติ. โส สูกรโลเมหิ ฆํสิยมาโน วิปฺปสนฺนตโร อโหสิ. สูกรา อุปายํ อปสฺสนฺตา ‘‘อิมสฺส มณิโน วิวณฺณกรณูปายํ ตาปสํ ปุจฺฉิสฺสามา’’ติ โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ิตา ปุริมา ทฺเว คาถา อุทาหรึสุ –
‘‘ทริยา สตฺต วสฺสานิ, ตึสมตฺตา วสามเส;
หฺาม มณิโน อาภํ, อิติ โน มนฺตรํ อหุ.
‘‘ยาวตา ¶ ¶ มณึ ฆํสาม, ภิยฺโย โวทายเต มณิ;
อิทฺจทานิ ปุจฺฉาม, กึ กิจฺจํ อิธ มฺสี’’ติ.
ตตฺถ ทริยาติ มณิคุหายํ. วสามเสติ วสาม. หฺามาติ หนิสฺสาม, มยมฺปิ วิวณฺณํ กริสฺสาม. อิทฺจทานิ ปุจฺฉามาติ อิทานิ มยํ ‘‘เกน การเณน อยํ มณิ กิลิสฺสมาโน โวทายเต’’ติ อิทํ ตํ ปุจฺฉาม. ‘‘กึ กิจฺจํ ‘อิธ มฺสี’ติ อิมสฺมึ อตฺเถ ตฺวํ อิมํ กิจฺจํ กินฺติ มฺสี’’ติ.
อถ เนสํ อาจิกฺขนฺโต โพธิสตฺโต ตติยํ คาถมาห –
‘‘อยํ มณิ เวฬุริโย, อกาโจ วิมโล สุโภ;
นาสฺส สกฺกา สิรึ หนฺตุํ, อปกฺกมถ สูกรา’’ติ.
ตตฺถ อกาโจติ อกกฺกโส. สุโภติ โสภโน. สิรินฺติ ปภํ. อปกฺกมถาติ อิมสฺส มณิสฺส ปภา นาเสตุํ น สกฺกา, ตุมฺเห ปน อิมํ มณิคุหํ ปหาย อฺตฺถ คจฺฉถาติ.
เต ตสฺส กถํ สุตฺวา ตถา อกํสุ. โพธิสตฺโต ฌานํ อุปฺปาเทตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ตาปโส อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
มณิสูกรชาตกวณฺณนา ปฺจมา.
[๒๘๖] ๖. สาลูกชาตกวณฺณนา
มา ¶ สาลูกสฺส ปิหยีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ถุลฺลกุมาริกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิ. ตํ จูฬนารทกสฺสปชาตเก (ชา. ๑.๑๓.๔๐ อาทโย) อาวิภวิสฺสติ. ตํ ปน ภิกฺขุํ สตฺถา ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘โก ตํ อุกฺกณฺาเปตี’’ติ? ‘‘ถุลฺลกุมาริกา, ภนฺเต’’ติ. สตฺถา ‘‘เอสา เต ภิกฺขุ ¶ อนตฺถการิกา, ปุพฺเพปิ ตฺวํ เอติสฺสา วิวาหตฺถาย อาคตปริสาย อุตฺตริภงฺโค อโหสี’’ติ วตฺวา ภิกฺขูหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต มหาโลหิตโคโณ นาม อโหสิ, กนิฏฺภาตา ปนสฺส จูฬโลหิโต นาม. อุโภปิ โคณา คามเก เอกสฺมึ กุเล กมฺมํ กโรนฺติ. ตสฺส กุลสฺส เอกา วยปฺปตฺตา กุมาริกา อตฺถิ, ตํ อฺกุลํ วาเรสิ. อถ นํ กุลํ ‘‘วิวาหกาเล อุตฺตริภงฺโค ภวิสฺสตี’’ติ สาลูกํ นาม สูกรํ ยาคุภตฺเตน ปฏิชคฺคิ, โส เหฏฺามฺเจ สยติ. อเถกทิวสํ จูฬโลหิโต ภาตรํ อาห – ‘‘ภาติก, มยํ อิมสฺมึ กุเล กมฺมํ กโรม, อมฺเห นิสฺสาย อิมํ กุลํ ชีวติ, อถ จ ปนิเม มนุสฺสา อมฺหากํ ติณปลาลมตฺตํ เทนฺติ, อิมํ สูกรํ ยาคุภตฺเตน โปเสนฺติ, เหฏฺามฺเจ สยาเปนฺติ, กึ นาเมส เอเตสํ กริสฺสตี’’ติ. มหาโลหิโต ‘‘ตาต, มา ตฺวํ เอตสฺส ยาคุภตฺตํ ปตฺถย, เอติสฺสา กุมาริกาย วิวาหทิวเส เอตํ อุตฺตริภงฺคํ กาตุกามา เอเต มํสสฺส ถูลภาวกรณตฺถํ โปเสนฺติ, กติปาหจฺจเยน ตํ ปสฺสิสฺสสิ เหฏฺามฺจโต นิกฺขาเมตฺวา วธิตฺวา ขณฺฑาขณฺฑิกํ ฉินฺทิตฺวา อาคนฺตุกภตฺตํ กริยมาน’’นฺติ วตฺวา ปุริมา ทฺเว คาถา สมุฏฺาเปสิ –
‘‘มา ¶ สาลูกสฺส ปิหยิ, อาตุรนฺนานิ ภฺุชติ;
อปฺโปสฺสุกฺโก ภุสํ ขาท, เอตํ ทีฆายุลกฺขณํ.
‘‘อิทานิ โส อิธาคนฺตฺวา, อติถี ยุตฺตเสวโก;
อถ ทกฺขสิ สาลูกํ, สยนฺตํ มุสลุตฺตร’’นฺติ.
ตตฺถายํ สงฺเขปตฺโถ – ตาต, ตฺวํ มา สาลูกสูกรภาวํ ปตฺถยิ, อยฺหิ อาตุรนฺนานิ มรณโภชนานิ ภฺุชติ, ยานิ ภฺุชิตฺวา นจิรสฺเสว มรณํ ปาปุณิสฺสติ, ตฺวํ ปน อปฺโปสฺสุกฺโก นิราลโย หุตฺวา อตฺตนา ลทฺธํ อิมํ ปลาลมิสฺสกํ ภุสํ ขาท, เอตํ ทีฆายุภาวสฺส ลกฺขณํ สฺชานนนิมิตฺตํ. อิทานิ กติปาหสฺเสว โส เววาหิกปุริโส มหติยา ปริสาย ยุตฺโต ยุตฺตเสวโก อิธ อติถิ หุตฺวา อาคโต ภวิสฺสติ, อเถตํ สาลูกํ มุสลสทิเสน อุตฺตโรฏฺเน สมนฺนาคตตฺตา มุสลุตฺตรํ มาริตํ สยนฺตํ ทกฺขสีติ.
ตโต กติปาหสฺเสว เววาหิเกสุ อาคเตสุ สาลูกํ มาเรตฺวา อุตฺตริภงฺคมกํสุ. อุโภ โคณา ¶ ตํ ตสฺส วิปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘อมฺหากํ ¶ ภุสเมว วร’’นฺติ จินฺตยึสุ. สตฺถา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ตทตฺถโชติกํ ตติยํ คาถมาห –
‘‘วิกนฺตํ สูกรํ ทิสฺวา, สยนฺตํ มุสลุตฺตรํ;
ชรคฺควา วิจินฺเตสุํ, วรมฺหากํ ภุสามิวา’’ติ.
ตตฺถ ภุสามิวาติ ภุสเมว อมฺหากํ วรํ อุตฺตมนฺติ อตฺโถ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา กุมาริกา เอตรหิ ถุลฺลกุมาริกา อโหสิ, สาลูโก อุกฺกณฺิตภิกฺขุ, จูฬโลหิโต อานนฺโท, มหาโลหิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สาลูกชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.
[๒๘๗] ๗. ลาภครหชาตกวณฺณนา
นานุมฺมตฺโตติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริกํ อารพฺภ กเถสิ. เถรสฺส กิร สทฺธิวิหาริโก ¶ เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ‘‘ลาภุปฺปตฺติปฏิปทํ เม, ภนฺเต, กเถถ, กึ กโรนฺโต จีวราทีนํ ลาภี โหตี’’ติ ปุจฺฉิ. อถสฺส เถโร ‘‘อาวุโส, จตูหงฺเคหิ สมนฺนาคตสฺส ลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชติ, อตฺตโน อพฺภนฺตเร หิโรตฺตปฺปํ ภินฺทิตฺวา สามฺํ ปหาย อนุมฺมตฺเตเนว อุมฺมตฺเตน วิย ภวิตพฺพํ, ปิสุณวาจา วตฺตพฺพา, นฏสทิเสน ภวิตพฺพํ, วิกิณฺณวาเจน กุตูหเลน ภวิตพฺพ’’นฺติ อิมํ ลาภุปฺปตฺติปฏิปทํ กเถสิ. โส ตํ ปฏิปทํ ครหิตฺวา อุฏฺาย ปกฺกนฺโต. เถโร สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิ. สตฺถา ‘‘เนโส, สาริปุตฺต, ภิกฺขุ อิทาเนว ลาภํ ครหติ, ปุพฺเพเปส ครหิเยวา’’ติ วตฺวา เถเรน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต โสฬสวสฺสิกกาเลเยว ติณฺณํ เวทานํ อฏฺารสนฺนฺจ สิปฺปานํ ปริโยสานํ ปตฺวา ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย ¶ หุตฺวา ปฺจ มาณวกสตานิ สิปฺปํ วาเจสิ. ตตฺเรโก มาณโว สีลาจารสมฺปนฺโน เอกทิวสํ อาจริยํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กถํ อิเมสํ สตฺตานํ ลาโภ อุปฺปชฺชตี’’ติ ¶ ลาภุปฺปตฺติปฏิปทํ ปุจฺฉิ. อาจริโย ‘‘ตาต, อิเมสํ สตฺตานํ จตูหิ การเณหิ ลาโภ อุปฺปชฺชตี’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘นานุมฺมตฺโต นาปิสุโณ, นานโฏ นากุตูหโล;
มูฬฺเหสุ ลภเต ลาภํ, เอสา เต อนุสาสนี’’ติ.
ตตฺถ นานุมฺมตฺโตติ น อนุมฺมตฺโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา อุมฺมตฺตโก นาม อิตฺถิปุริสทาริกทารเก ทิสฺวา เตสํ วตฺถาลงฺการาทีนิ วิลุมฺปติ, ตโต ตโต มจฺฉมํสปูวาทีนิ พลกฺกาเรน คเหตฺวา ขาทติ, เอวเมว โย คิหิภูโต อชฺฌตฺตพหิทฺธสมุฏฺานํ หิโรตฺตปฺปํ ปหาย กุสลากุสลํ อคเณตฺวา นิรยภยํ อภายนฺโต โลภาภิภูโต ปริยาทิณฺณจิตฺโต กาเมสุ ปมตฺโต สนฺธิจฺเฉทาทีนิ สาหสิกกมฺมานิ กโรติ, ปพฺพชิโตปิ หิโรตฺตปฺปํ ปหาย กุสลากุสลํ อคเณตฺวา นิรยภยํ อภายนฺโต สตฺถารา ปฺตฺตํ สิกฺขาปทํ มทฺทนฺโต โลเภน อภิภูโต ปริยาทิณฺณจิตฺโต จีวราทิมตฺตํ นิสฺสาย อตฺตโน สามฺํ วิชหิตฺวา ปมตฺโต เวชฺชกมฺมทูตกมฺมาทีนิ กโรติ, เวฬุทานาทีนิ นิสฺสาย ชีวิกํ กปฺเปติ, อยํ อนุมฺมตฺโตปิ อุมฺมตฺตสทิสตฺตา อุมฺมตฺโต นาม ¶ , เอวรูปสฺส ขิปฺปํ ลาโภ อุปฺปชฺชติ. โย ปน เอวํ อนุมฺมตฺโต ลชฺชี กุกฺกุจฺจโก, เอส มูฬฺเหสุ อปณฺฑิเตสุ ปุริเสสุ ลาภํ น ลภติ, ตสฺมา ลาภตฺถิเกน อุมฺมตฺตเกน วิย ภวิตพฺพนฺติ.
นาปิสุโณติ เอตฺถาปิ โย ปิสุโณ โหติ, ‘‘อสุเกน อิทํ นาม กต’’นฺติ ราชกุเล เปสฺุํ อุปสํหรติ, โส อฺเสํ ยสํ อจฺฉินฺทิตฺวา อตฺตโน คณฺหาติ. ราชาโนปิ นํ ‘‘อยํ อมฺเหสุ สสสฺเนโห’’ติ อุจฺเจ าเน เปนฺติ, อมจฺจาทโยปิสฺส ‘‘อยํ โน ราชกุเล ปริภินฺเทยฺยา’’ติ ภเยน ทาตพฺพํ มฺนฺติ, เอวํ เอตรหิ ปิสุณสฺส ลาโภ อุปฺปชฺชติ. โย ปน อปิสุโณ, โส มูฬฺเหสุ ลาภํ น ลภตีติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
นานโฏติ ลาภํ อุปฺปาเทนฺเตน นเฏน วิย ภวิตพฺพํ. ยถา นโฏ หิโรตฺตปฺปํ ปหาย นจฺจคีตวาทิเตหิ กีฬํ กตฺวา ธนํ สํหรติ, เอวเมว ลาภตฺถิเกน ¶ หิโรตฺตปฺปํ ภินฺทิตฺวา อิตฺถิปุริสทาริกทารกานํ โสณฺฑสหาเยน วิย นานปฺปการํ เกฬึ กโรนฺเตน วิจริตพฺพํ. โย เอวํ อนโฏ, โส มูฬฺเหสุ ลาภํ น ลภติ.
นากุตูหโลติ ¶ กุตูหโล นาม วิปฺปกิณฺณวาโจ. ราชาโน หิ อมจฺเจ ปุจฺฉนฺติ – ‘‘อสุกฏฺาเน กิร ‘มนุสฺโส มาริโต, ฆรํ วิลุตฺตํ, ปเรสํ ทารา ปธํสิตา’ติ สุยฺยติ, เกสํ นุ โข อิทํ กมฺม’’นฺติ. ตตฺถ เสเสสุ อกเถนฺเตสุเยว โย อุฏฺหิตฺวา ‘‘อสุโก จ อสุโก จ นามา’’ติ วทติ, อยํ กุตูหโล นาม. ราชาโน ตสฺส วจเนน เต ปุริเส ปริเยสิตฺวา นิเสเธตฺวา ‘‘อิมํ นิสฺสาย โน นครํ นิจฺโจรํ ชาต’’นฺติ ตสฺส มหนฺตํ ยสํ เทนฺติ, เสสาปิ ชนา ‘‘อยํ โน ราชปุริเสหิ ปุฏฺโ สุยุตฺตทุยุตฺตํ กเถยฺยา’’ติ ภเยน ตสฺเสว ธนํ เทนฺติ, เอวํ กุตูหลสฺส ลาโภ อุปฺปชฺชติ. โย ปน อกุตูหโล, เอส น มูฬฺเหสุ ลภติ ลาภํ. เอสา เต อนุสาสนีติ เอสา อมฺหากํ สนฺติกา ตุยฺหํ ลาภานุสิฏฺีติ.
อนฺเตวาสิโก อาจริยสฺส กถํ สุตฺวา ลาภํ ครหนฺโต –
‘‘ธิรตฺถุ ตํ ยสลาภํ, ธนลาภฺจ พฺราหฺมณ;
ยา วุตฺติ วินิปาเตน, อธมฺมจรเณน วา.
‘‘อปิ เจ ปตฺตมาทาย, อนคาโร ปริพฺพเช;
เอสาว ชีวิกา เสยฺโย, ยา จาธมฺเมน เอสนา’’ติ. – คาถาทฺวยมาห;
ตตฺถ ยา วุตฺตีติ ยา ชีวิตวุตฺติ. วินิปาเตนาติ อตฺตโน วินิปาเตน. อธมฺมจรเณนาติ อธมฺมกิริยาย วิสมกิริยาย วธพนฺธนครหาทีหิ อตฺตานํ วินิปาเตตฺวา อธมฺมํ จริตฺวา ยา วุตฺติ, ตฺจ ยสธนลาภฺจ ¶ สพฺพํ ธิรตฺถุ นินฺทามิ ครหามิ, น เม เอเตนตฺโถติ อธิปฺปาโย. ปตฺตมาทายาติ ภิกฺขาภาชนํ คเหตฺวา. อนคาโร ปริพฺพเชติ อเคโห ปพฺพชิโต หุตฺวา จเรยฺย, น จ สปฺปุริโส กายทุจฺจริตาทิวเสน อธมฺมจริยํ จเรยฺย. กึการณา? เอสาว ชีวิกา เสยฺโย. ยา จาธมฺเมน เอสนาติ, ยา ¶ เอสา อธมฺเมน ชีวิกปริเยสนา, ตโต เอสา ปตฺตหตฺถสฺส ปรกุเลสุ ภิกฺขาจริยาว เสยฺโย, สตคุเณน สหสฺสคุเณน สุนฺทรตโรติ ทสฺเสติ.
เอวํ มาณโว ปพฺพชฺชาย คุณํ วณฺเณตฺวา นิกฺขมิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ธมฺเมน ภิกฺขํ ปริเยสนฺโต อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มาณโว ลาภครหี ภิกฺขุ อโหสิ, อาจริโย ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ลาภครหชาตกวณฺณนา สตฺตมา.
[๒๘๘] ๘. มจฺฉุทฺทานชาตกวณฺณนา
อคฺฆนฺติ มจฺฉาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ กูฏวาณิชํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา กถิตเมว.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กุฏุมฺพิกกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต กุฏุมฺพํ สณฺเปสิ. กนิฏฺภาตาปิสฺส อตฺถิ, เตสํ อปรภาเค ปิตา กาลกโต. เต เอกทิวสํ ‘‘ปิตุ สนฺตกํ โวหารํ สาเธสฺสามา’’ติ เอกํ คามํ คนฺตฺวา กหาปณสหสฺสํ ลภิตฺวา อาคจฺฉนฺตา นทีติตฺเถ นาวํ ปฏิมาเนนฺตา ปุฏภตฺตํ ภฺุชึสุ. โพธิสตฺโต อติเรกภตฺตํ คงฺคาย มจฺฉานํ ทตฺวา นทีเทวตาย ปตฺตึ อทาสิ. เทวตา ปตฺตึ อนุโมทิตฺวาเยว ทิพฺเพน ยเสน วฑฺฒิตฺวา อตฺตโน ยสวุฑฺฒึ อาวชฺชมานา ตํ การณํ อฺาสิ. โพธิสตฺโตปิ วาลิกายํ ¶ อุตฺตราสงฺคํ ปตฺถริตฺวา นิปนฺโน นิทฺทํ โอกฺกมิ, กนิฏฺภาตา ปนสฺส โถกํ โจรปกติโก. โส เต กหาปเณ โพธิสตฺตสฺส อทตฺวา สยเมว คณฺหิตุกามตาย กหาปณภณฺฑิกสทิสํ เอกํ สกฺขรภณฺฑิกํ กตฺวา ทฺเวปิ ภณฺฑิกา เอกโตว เปสิ. เตสํ นาวํ อภิรุหิตฺวา คงฺคามชฺฌคตานํ กนิฏฺโ นาวํ โขเภตฺวา ‘‘สกฺขรภณฺฑิกํ อุทเก ¶ ขิปิสฺสามี’’ติ สหสฺสภณฺฑิกํ ขิปิตฺวา ‘‘ภาติก, สหสฺสภณฺฑิกา อุทเก ปติตา, กินฺติ กโรมา’’ติ อาห. ‘‘อุทเก ปติตาย กึ กริสฺสาม, มา จินฺตยี’’ติ. นทีเทวตา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ อิมินา ทินฺนปตฺตึ อนุโมทิตฺวา ทิพฺพยเสน วฑฺฒิตฺวา เอตสฺส สนฺตกํ รกฺขิสฺสามี’’ติ อตฺตโน อานุภาเวน ตํ ภณฺฑิกํ เอกํ มหามจฺฉํ คิลาเปตฺวา สยํ อารกฺขํ คณฺหิ. โสปิ โจโร เคหํ คนฺตฺวา ‘‘ภาตา เม วฺจิโต’’ติ ภณฺฑิกํ โมเจนฺโต สกฺขรา ปสฺสิตฺวา หทเยน สุสฺสนฺเตน มฺจสฺส อฏนึ อุปคูหิตฺวา นิปชฺชิ.
ตทา เกวฏฺฏา มจฺฉคหณตฺถาย ชาลํ ขิปึสุ. โส มจฺโฉ เทวตานุภาเวน ชาลํ ปาวิสิ. เกวฏฺฏา ตํ คเหตฺวา วิกฺกิณิตุํ นครํ ปวิฏฺา. มนุสฺสา มหามจฺฉํ ทิสฺวา มูลํ ปุจฺฉนฺติ. เกวฏฺฏา ‘‘กหาปณสหสฺสฺจ สตฺต จ มาสเก ทตฺวา คณฺหถา’’ติ วทนฺติ. มนุสฺสา ‘‘สหสฺสคฺฆนกมจฺโฉปิ ¶ โน ทิฏฺโ’’ติ ปริหาสํ กโรนฺติ. เกวฏฺฏา มจฺฉํ คเหตฺวา โพธิสตฺตสฺส ฆรทฺวารํ คนฺตฺวา ‘‘อิมํ มจฺฉํ คณฺหถา’’ติ อาหํสุ. ‘‘กิมสฺส มูล’’นฺติ? ‘‘สตฺต มาสเก ทตฺวา คณฺหถา’’ติ. ‘‘อฺเสํ ททมานา กถํ เทถา’’ติ? ‘‘อฺเสํ สหสฺเสน จ สตฺตหิ จ มาสเกหิ เทม, ตุมฺเห ปน สตฺต มาสเก ทตฺวา คณฺหถา’’ติ. โส เตสํ สตฺต มาสเก ทตฺวา มจฺฉํ ภริยาย เปเสสิ. สา มจฺฉสฺส กุจฺฉึ ผาลยมานา สหสฺสภณฺฑิกํ ทิสฺวา โพธิสตฺตสฺส ¶ อาโรเจสิ. โพธิสตฺโต ตํ โอโลเกตฺวา อตฺตโน ลฺฉํ ทิสฺวา สกสนฺตกภาวํ ตฺวา ‘‘อิทานิ อิเม เกวฏฺฏา อิมํ มจฺฉํ อฺเสํ ททมานา สหสฺเสน เจว สตฺตหิ จ มาสเกหิ เทนฺติ, อมฺเห ปน ปตฺวา สหสฺสสฺส อมฺหากํ สนฺตกตฺตา สตฺเตว มาสเก คเหตฺวา อทํสุ, อิทํ อนฺตรํ อชานนฺตํ น สกฺกา กฺจิ สทฺทหาเปตุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘อคฺฆนฺติ มจฺฉา อธิกํ สหสฺสํ, น โส อตฺถิ โย อิมํ สทฺทเหยฺย;
มยฺหฺจ อสฺสุ อิธ สตฺต มาสา, อหมฺปิ ตํ มจฺฉุทฺทานํ กิเณยฺย’’นฺติ.
ตตฺถ อธิกนฺติ อฺเหิ ปุจฺฉิตา เกวฏฺฏา ‘‘สตฺตมาสาธิกํ สหสฺสํ อคฺฆนฺตี’’ติ วทนฺติ. น โส อตฺถิ โย อิมํ สทฺทเหยฺยาติ โส ปุริโส น ¶ อตฺถิ, โย อิมํ การณํ ปจฺจกฺขโต อชานนฺโต มม วจเนน สทฺทเหยฺย, เอตฺตกํ วา มจฺฉา อคฺฆนฺตีติ โย อิมํ สทฺทเหยฺย, โส นตฺถิ, ตสฺมาเยว เต อฺเหิ น คหิตาติปิ อตฺโถ. มยฺหฺจ อสฺสูติ มยฺหํ ปน สตฺต มาสกา อเหสุํ. มจฺฉุทฺทานนฺติ มจฺฉวคฺคํ. เตน หิ มจฺเฉน สทฺธึ อฺเปิ มจฺฉา เอกโต พทฺธา ตํ สกลมฺปิ มจฺฉุทฺทานํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. กิเณยฺยนฺติ กิณึ, สตฺเตว มาสเก ทตฺวา เอตฺตกํ มจฺฉวคฺคํ คณฺหินฺติ อตฺโถ.
เอวฺจ ปน วตฺวา อิทํ จินฺเตสิ – ‘‘กึ นุ โข นิสฺสาย มยา เอเต กหาปณา ลทฺธา’’ติ? ตสฺมึ ขเณ นทีเทวตา อากาเส ทิสฺสมานรูเปน ตฺวา ‘‘อหํ, คงฺคาเทวตา, ตยา มจฺฉานํ อติเรกภตฺตํ ทตฺวา มยฺหํ ปตฺติ ทินฺนา, เตนาหํ ตว สนฺตกํ รกฺขนฺตี อาคตา’’ติ ทีปยมานา คาถมาห –
‘‘มจฺฉานํ โภชนํ ทตฺวา, มม ทกฺขิณมาทิสิ;
ตํ ทกฺขิณํ สรนฺติยา, กตํ อปจิตึ ตยา’’ติ.
ตตฺถ ¶ ¶ ทกฺขิณนฺติ อิมสฺมึ าเน ปตฺติทานํ ทกฺขิณา นาม. สรนฺติยา กตํ อปจิตึ ตยาติ ตํ ตยา มยฺหํ กตํ อปจิตึ สรนฺติยา มยา อิทํ ตว ธนํ รกฺขิตนฺติ อตฺโถ.
อิทํ วตฺวา จ ปน สา เทวตา ตสฺส กนิฏฺเน กตกูฏกมฺมํ สพฺพํ กเถตฺวา ‘‘เอโส อิทานิ หทเยน สุสฺสนฺเตน นิปนฺโน, ทุฏฺจิตฺตสฺส วุฑฺฒิ นาม นตฺถิ, อหํ ปน ‘ตว สนฺตกํ มา นสฺสี’ติ ธนํ เต อาหริตฺวา อทาสึ, อิทํ กนิฏฺโจรสฺส อทตฺวา สพฺพํ ตฺวฺเว คณฺหา’’ติ วตฺวา ตติยํ คาถมาห –
‘‘ปทุฏฺจิตฺตสฺส น ผาติ โหติ, น จาปิ ตํ เทวตา ปูชยนฺติ;
โย ภาตรํ เปตฺติกํ สาปเตยฺยํ, อวฺจยี ทุกฺกฏกมฺมการี’’ติ.
ตตฺถ น ผาติ โหตีติ เอวรูปสฺส ปุคฺคลสฺส อิธโลเก วา ปรโลเก วา วุฑฺฒิ นาม น โหติ. น จาปิ ตนฺติ ตํ ปุคฺคลํ ตสฺส สนฺตกํ รกฺขมานา เทวตา น ปูชยนฺติ.
อิติ ¶ เทวตา มิตฺตทุพฺภิโจรสฺส กหาปเณ อทาตุกามา เอวมาห. โพธิสตฺโต ปน ‘‘น สกฺกา เอวํ กาตุ’’นฺติ ตสฺสปิ ปฺจ กหาปณสตานิ เปเสสิเยว.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน วาณิโช โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา กนิฏฺภาตา อิทานิ กูฏวาณิโช, เชฏฺภาตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
มจฺฉุทฺทานชาตกวณฺณนา อฏฺมา.
[๒๘๙] ๙. นานาฉนฺทชาตกวณฺณนา
นานาฉนฺทา, มหาราชาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อายสฺมโต อานนฺทสฺส อฏฺวรลาภํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เอกาทสกนิปาเต ชุณฺหชาตเก (ชา. ๑.๑๑.๑๓ อาทโย) อาวิภวิสฺสติ.
อตีเต ¶ ปน โพธิสตฺโต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ ¶ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคเหตฺวา ปิตุ อจฺจเยน รชฺชํ ปาปุณิ. ตสฺส านโต อปนีโต ปิตุ ปุโรหิโต อตฺถิ. โส ทุคฺคโต หุตฺวา เอกสฺมึ ชรเคเห วสติ. อเถกทิวสํ โพธิสตฺโต อฺาตกเวเสน รตฺติภาเค นครํ ปริคฺคณฺหนฺโต วิจรติ. ตเมนํ กตกมฺมโจรา เอกสฺมึ สุราปาเน สุรํ ปิวิตฺวา อปรมฺปิ ฆเฏนาทาย อตฺตโน เคหํ คจฺฉนฺตา อนฺตรวีถิยํ ทิสฺวา ‘‘อเร โกสิ ตฺว’’นฺติ วตฺวา ปหริตฺวา อุตฺตริสาฏกํ คเหตฺวา ฆฏํ อุกฺขิปาเปตฺวา ตาเสนฺตา คจฺฉึสุ. โสปิ โข พฺราหฺมโณ ตสฺมึ ขเณ นิกฺขมิตฺวา อนฺตรวีถิยํ ิโต นกฺขตฺตํ โอโลเกนฺโต รฺโ อมิตฺตานํ หตฺถคตภาวํ ตฺวา พฺราหฺมณึ อามนฺเตสิ. สา ‘‘กึ, อยฺยา’’ติ วตฺวา เวเคน ตสฺส สนฺติกํ อาคตา. อถ นํ โส อาห – ‘‘โภติ อมฺหากํ ราชา อมิตฺตานํ วสํ คโต’’ติ. ‘‘อยฺย, กึ เต รฺโ สนฺติเก ปวตฺติยา, พฺราหฺมณา ชานิสฺสนฺตี’’ติ.
ราชา ¶ พฺราหฺมณสฺส สทฺทํ สุตฺวา โถกํ คนฺตฺวา ธุตฺเต อาห – ‘‘ทุคฺคโตมฺหิ, สามิ, อุตฺตราสงฺคํ คเหตฺวา วิสฺสชฺเชถ ม’’นฺติ. เต ปุนปฺปุนํ กเถนฺตํ การฺุเน วิสฺสชฺเชสุํ. โส เตสํ วสนเคหํ สลฺลกฺเขตฺวา นิวตฺติ. อถ โปราณกปุโรหิโต พฺราหฺมโณปิ ‘‘โภติ, อมฺหากํ ราชา อมิตฺตหตฺถโต มุตฺโต’’ติ อาห. ราชา ตมฺปิ สุตฺวา ตมฺปิ เคหํ สลฺลกฺเขตฺวา ปาสาทํ อภิรุหิ. โส วิภาตาย รตฺติยา พฺราหฺมเณ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘กึ อาจริยา รตฺตึ นกฺขตฺตํ โอโลกยิตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘กึ โสภน’’นฺติ? ‘‘โสภนํ, เทวา’’ติ. ‘‘โกจิ คาโห นตฺถี’’ติ. ‘‘นตฺถิ, เทวา’’ติ. ราชา ‘‘อสุกเคหโต พฺราหฺมณํ ปกฺโกสถา’’ติ โปราณกปุโรหิตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘กึ, อาจริย, รตฺตึ เต นกฺขตฺตํ ¶ ทิฏฺ’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘อตฺถิ โกจิ คาโห’’ติ. ‘‘อาม, มหาราช, อชฺช รตฺตึ ตุมฺเห อมิตฺตวสํ คนฺตฺวา มุหุตฺเตเนว มุตฺตา’’ติ. ราชา ‘‘นกฺขตฺตชานนเกน นาม เอวรูเปน ภวิตพฺพ’’นฺติ เสสพฺราหฺมเณ นิกฺกฑฺฒาเปตฺวา ‘‘พฺราหฺมณ, ปสนฺโนสฺมิ เต, วรํ ตฺวํ คณฺหา’’ติ อาห. ‘‘มหาราช, ปุตฺตทาเรน สทฺธึ มนฺเตตฺวา คณฺหิสฺสามี’’ติ. ‘‘คจฺฉ มนฺเตตฺวา เอหี’’ติ.
โส คนฺตฺวา พฺราหฺมณิฺจ ปุตฺตฺจ สุณิสฺจ ทาสิฺจ ปกฺโกสิตฺวา ‘‘ราชา เม วรํ ททาติ, กึ คณฺหามา’’ติ ปุจฺฉิ. พฺราหฺมณี ‘‘มยฺหํ เธนุสตํ อาเนหี’’ติ อาห, ปุตฺโต ฉตฺตมาณโว นาม ‘‘มยฺหํ กุมุทวณฺเณหิ จตูหิ สินฺธเวหิ ยุตฺตํ อาชฺรถ’’นฺติ, สุณิสา ‘‘มยฺหํ มณิกุณฺฑลํ อาทึ กตฺวา สพฺพาลงฺการ’’นฺติ, ปุณฺณา นาม ทาสี ‘‘มยฺหํ อุทุกฺขลมุสลฺเจว สุปฺปฺจา’’ติ. พฺราหฺมโณ ปน คามวรํ คเหตุกาโม รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ ¶ , พฺราหฺมณ, ปุจฺฉิโต เต ปุตฺตทาโร’’ติ ปุฏฺโ ‘‘อาม, เทว, ปุจฺฉิโต, อเนกจฺฉนฺโท’’ติ วตฺวา ปมํ คาถาทฺวยมาห –
‘‘นานาฉนฺทา มหาราช, เอกาคาเร วสามเส;
อหํ คามวรํ อิจฺเฉ, พฺราหฺมณี จ ควํ สตํ.
‘‘ปุตฺโต จ อาชฺรถํ, กฺา จ มณิกุณฺฑลํ;
ยา เจสา ปุณฺณิกา ชมฺมี, อุทุกฺขลํภิกงฺขตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ อิจฺเฉติ อิจฺฉามิ. ควํ สตนฺติ เธนูนํ คุนฺนํ สตํ. กฺาติ สุณิสา. ยา เจสาติ ยา เอสา อมฺหากํ ฆเร ปุณฺณิกา นาม ทาสี, สา ชมฺมี ลามิกา สุปฺปมุสเลหิ สทฺธึ อุทุกฺขลํ อภิกงฺขติ อิจฺฉตีติ.
ราชา ‘‘สพฺเพสํ อิจฺฉิติจฺฉิตํ เทถา’’ติ อาณาเปนฺโต –
‘‘พฺราหฺมณสฺส ¶ คามวรํ, พฺราหฺมณิยา ควํ สตํ;
ปุตฺตสฺส อาชฺรถํ, กฺาย มณิกุณฺฑลํ;
ยฺเจตํ ปุณฺณิกํ ชมฺมึ, ปฏิปาเทถุทุกฺขล’’นฺติ. – คาถมาห;
ตตฺถ ยฺเจตนฺติ ยฺจ เอตํ ปุณฺณิกนฺติ วทติ, ตํ ชมฺมึ อุทุกฺขลํ ปฏิปาเทถ สมฺปฏิจฺฉาเปถาติ.
อิติ ราชา พฺราหฺมเณน ปตฺถิตฺจ อฺฺจ มหนฺตํ ยสํ ทตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย อมฺหากํ กตฺตพฺพกิจฺเจสุ อุสฺสุกฺกํ อาปชฺชา’’ติ วตฺวา พฺราหฺมณํ อตฺตโน สนฺติเก อกาสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พฺราหฺมโณ อานนฺโท อโหสิ, ราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
นานาฉนฺทชาตกวณฺณนา นวมา.
[๒๙๐] ๑๐. สีลวีมํสกชาตกวณฺณนา
สีลํ ¶ กิเรว กลฺยาณนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ สีลวีมํสกพฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ปน ปจฺจุปฺปนฺนมฺปิ อตีตมฺปิ เหฏฺา เอกกนิปาเต สีลวีมํสกชาตเก (ชา. ๑.๑.๘๖) วิตฺถาริตเมว. อิธ ปน พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต ตสฺส ปุโรหิโต สีลสมฺปนฺโน ‘‘อตฺตโน สีลํ วีมํสิสฺสามี’’ติ เหรฺิกผลกโต ทฺเว ทิวเส เอเกกํ กหาปณํ คณฺหิ. อถ นํ ตติยทิวเส ‘‘โจโร’’ติ คเหตฺวา รฺโ สนฺติกํ นยึสุ. โส อนฺตรามคฺเค อหิตุณฺฑิเก สปฺปํ กีฬาเปนฺเต อทฺทส. อถ นํ ราชา ทิสฺวา ‘‘กสฺมา เอวรูปํ อกาสี’’ติ ปุจฺฉิ ¶ . พฺราหฺมโณ ‘‘อตฺตโน สีลํ วีมํสิตุกามตายา’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘สีลํ กิเรว กลฺยาณํ, สีลํ โลเก อนุตฺตรํ;
ปสฺส โฆรวิโส นาโค, สีลวาติ น หฺติ.
‘‘โสหํ ¶ สีลํ สมาทิสฺสํ, โลเก อนุมตํ สิวํ;
อริยวุตฺติสมาจาโร, เยน วุจฺจติ สีลวา.
‘‘าตีนฺจ ปิโย โหติ, มิตฺเตสุ จ วิโรจติ;
กายสฺส เภทา สุคตึ, อุปปชฺชติ สีลวา’’ติ.
ตตฺถ สีลนฺติ อาจาโร. กิราติ อนุสฺสวตฺเถ นิปาโต. กลฺยาณนฺติ โสภนํ, ‘‘สีลํ กิเรว กลฺยาณ’’นฺติ เอวํ ปณฺฑิตา วทนฺตีติ อตฺโถ. ปสฺสาติ อตฺตานเมว วทติ. น หฺตีติ ปรมฺปิ น วิเหเติ, ปเรหิปิ น วิเหียติ. สมาทิสฺสนฺติ สมาทิยิสฺสามิ. อนุมตํ สิวนฺติ ‘‘เขมํ นิพฺภย’’นฺติ เอวํ ปณฺฑิเตหิ สมฺปฏิจฺฉิตํ. เยน วุจฺจตีติ เยน สีเลน สีลวา ปุริโส อริยานํ พุทฺธาทีนํ ปฏิปตฺตึ สมาจรนฺโต ‘‘อริยวุตฺติสมาจาโร’’ติ วุจฺจติ, ตมหํ สมาทิยิสฺสามีติ อตฺโถ. วิโรจตีติ ปพฺพตมตฺถเก อคฺคิกฺขนฺโธ วิย วิโรจติ.
เอวํ โพธิสตฺโต ตีหิ คาถาหิ สีลสฺส วณฺณํ ปกาเสนฺโต รฺโ ธมฺมํ เทเสตฺวา ‘‘มหาราช, มม เคเห ปิตุ สนฺตกํ มาตุ สนฺตกํ อตฺตนา อุปฺปาทิตํ ตยา ทินฺนฺจ พหุ ธนํ อตฺถิ ¶ , ปริยนฺโต นาม น ปฺายติ, อหํ ปน สีลํ วีมํสนฺโต เหรฺิกผลกโต กหาปเณ คณฺหึ. อิทานิ มยา อิมสฺมึ โลเก ชาติโคตฺตกุลปเทสานํ ลามกภาโว, สีลสฺเสว จ เชฏฺกภาโว าโต, อหํ ปพฺพชิสฺสามิ, ปพฺพชฺชํ เม อนุชานาหี’’ติ อนุชานาเปตฺวา รฺา ปุนปฺปุนํ ยาจิยมาโนปิ นิกฺขมฺม หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สีลวีมํสโก ปุโรหิโต พฺราหฺมโณ อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สีลวีมํสกชาตกวณฺณนา ทสมา.
อพฺภนฺตรวคฺโค จตุตฺโถ.
ตสฺสุทฺทานํ –
ทุม กํสวรุตฺตมพฺยคฺฆมิคา, มณโย มณิ สาลุกมวฺหยโน;
อนุสาสนิโยปิ จ มจฺฉวโร, มณิกุณฺฑลเกน กิเรน ทสาติ.
๕. กุมฺภวคฺโค
[๒๙๑] ๑. สุราฆฏชาตกวณฺณนา
สพฺพกามททํ ¶ ¶ กุมฺภนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อนาถปิณฺฑิกสฺส ภาคิเนยฺยํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร มาตาปิตูนํ สนฺตกา จตฺตาลีส หิรฺโกฏิโย ปานพฺยสเนน นาเสตฺวา เสฏฺิโน สนฺติกํ อคมาสิ. โสปิสฺส ‘‘โวหารํ กโรหี’’ติ สหสฺสํ อทาสิ, ตมฺปิ นาเสตฺวา ปุน อคมาสิ. ปุนสฺส ปฺจ สตานิ ทาเปสิ, ตานิปิ นาเสตฺวา ปุน อาคตสฺส ทฺเว ถูลสาฏเก ทาเปสิ. เตปิ นาเสตฺวา ปุน อาคตํ คีวายํ คาหาเปตฺวา นีหราเปสิ. โส อนาโถ หุตฺวา ปรกุฏฺฏํ นิสฺสาย กาลมกาสิ, ตเมนํ กฑฺฒิตฺวา พหิ ฉฑฺเฑสุํ. อนาถปิณฺฑิโก วิหารํ คนฺตฺวา สพฺพํ ตํ ภาคิเนยฺยสฺส ปวตฺตึ ตถาคตสฺส อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘ตฺวํ เอตํ กถํ สนฺตปฺเปสฺสสิ, ยมหํ ปุพฺเพ สพฺพกามททํ กุมฺภํ ทตฺวาปิ สนฺตปฺเปตุํ นาสกฺขิ’’นฺติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ปิตุ อจฺจเยน เสฏฺิฏฺานํ ลภิ. ตสฺส เคเห ภูมิคตเมว ¶ จตฺตาลีสโกฏิธนํ อโหสิ, ปุตฺโต ปนสฺส เอโกเยว. โพธิสตฺโต ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา กาลกโต สกฺโก เทวราชา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อถสฺส ปุตฺโต วีถึ อาวริตฺวา มณฺฑปํ กาเรตฺวา มหาชนปริวุโต นิสีทิตฺวา สุรํ ปาตุํ อารภิ. โส ลงฺฆนธาวนนจฺจคีตาทีนิ กโรนฺตานํ สหสฺสํ สหสฺสํ ททมาโน อิตฺถิโสณฺฑสุราโสณฺฑมํสโสณฺฑาทิภาวํ อาปชฺชิตฺวา ‘‘กฺว คีตํ, กฺว นจฺจํ, กฺว วาทิต’’นฺติ สมชฺชตฺถิโก ปมตฺโต หุตฺวา อาหิณฺฑนฺโต นจิรสฺเสว จตฺตาลีสโกฏิธนํ อุปโภคปริโภคูปกรณานิ ¶ จ วินาเสตฺวา ทุคฺคโต กปโณ ปิโลติกํ นิวาเสตฺวา วิจริ. สกฺโก อาวชฺเชนฺโต ตสฺส ทุคฺคตภาวํ ตฺวา ปุตฺตเปเมน อาคนฺตฺวา สพฺพกามททํ กุมฺภํ ทตฺวา ‘‘ตาต, ยถา อยํ กุมฺโภ น ภิชฺชติ, ตถา นํ รกฺข, อิมสฺมึ เต สติ ธนสฺส ปริจฺเฉโท นาม น ภวิสฺสติ, อปฺปมตฺโต โหหี’’ติ โอวทิตฺวา เทวโลกเมว คโต. ตโต ปฏฺาย สุรํ ปิวนฺโต วิจริ. อเถกทิวสํ มตฺโต ตํ กุมฺภํ อากาเส ขิปิตฺวา สมฺปฏิจฺฉนฺโต เอกวารํ วิรชฺฌิ ¶ , กุมฺโภ ภูมิยํ ปติตฺวา ภิชฺชิ. ตโต ปฏฺาย ปุน ทลิทฺโท หุตฺวา ปิโลติกํ นิวาเสตฺวา กปาลหตฺโถ ภิกฺขํ จรนฺโต ปรกุฏฺฏํ นิสฺสาย กาลมกาสิ.
สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา –
‘‘สพฺพกามททํ กุมฺภํ, กุฏํ ลทฺธาน ธุตฺตโก;
ยาว นํ อนุปาเลติ, ตาว โส สุขเมธติ.
‘‘ยทา มตฺโต จ ทิตฺโต จ, ปมาทา กุมฺภมพฺภิทา;
ตทา นคฺโค จ โปตฺโถ จ, ปจฺฉา พาโล วิหฺติ.
‘‘เอวเมว โย ธนํ ลทฺธา, ปมตฺโต ปริภฺุชติ;
ปจฺฉา ตปฺปติ ทุมฺเมโธ, กุฏํ ภิตฺวาว ธุตฺตโก’’ติ. –
อิมา อภิสมฺพุทฺธคาถา วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ.
ตตฺถ สพฺพกามททนฺติ สพฺเพ วตฺถุกาเม ทาตุํ สมตฺถํ กุมฺภํ. กุฏนฺติ กุมฺภเววจนํ. ยาวาติ ยตฺตกํ กาลํ. อนุปาเลตีติ โย โกจิ เอวรูปํ ลภิตฺวา ยาว รกฺขติ, ตาว โส สุขเมธตีติ อตฺโถ. มตฺโต ¶ จ ทิตฺโต จาติ สุรามเทน มตฺโต ทปฺเปน ทิตฺโต. ปมาทา กุมฺภมพฺภิทาติ ปมาเทน กุมฺภํ ภินฺทิ. นคฺโค จ โปตฺโถ จาติ กทาจิ นคฺโค, กทาจิ โปตฺถกปิโลติกาย นิวตฺถตฺตา โปตฺโถ. เอวเมวาติ เอวํ เอว. ปมตฺโตติ ปมาเทน. ตปฺปตีติ โสจติ.
‘‘ตทา สุราฆฏเภทโก ธุตฺโต เสฏฺิภาคิเนยฺโย อโหสิ, สกฺโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สุราฆฏชาตกวณฺณนา ปมา.
[๒๙๒] ๒. สุปตฺตชาตกวณฺณนา
พาราณสฺยํ ¶ ¶ , มหาราชาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต พิมฺพาเทวิยา สาริปุตฺตตฺเถเรน ทินฺนํ โรหิตมจฺฉรสํ นวสปฺปิมิสฺสกํ สาลิภตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา กถิตอพฺภนฺตรชาตเก (ชา. ๑.๓.๙๑-๙๓) วตฺถุสทิสเมว. ตทาปิ หิ เถริยา อุทรวาโต กุปฺปิ, ราหุลภทฺโท เถรสฺส อาจิกฺขิ. เถโร ตํ อาสนสาลายํ นิสีทาเปตฺวา โกสลรฺโ นิเวสนํ คนฺตฺวา โรหิตมจฺฉรสํ นวสปฺปิมิสฺสกํ สาลิภตฺตํ อาหริตฺวา ตสฺส อทาสิ. โส อาหริตฺวา มาตุ เถริยา อทาสิ, ตสฺสา ภุตฺตมตฺตาย อุทรวาโต ปฏิปฺปสฺสมฺภิ. ราชา ปุริเส เปเสตฺวา ปริคฺคณฺหาเปตฺวา ตโต ปฏฺาย เถริยา ตถารูปํ ภตฺตํ อทาสิ. อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส ธมฺมเสนาปติ, เถรึ เอวรูเปน นาม โภชเนน สนฺตปฺเปสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว สาริปุตฺโต ราหุลมาตาย ปตฺถิตํ เทติ, ปุพฺเพปิ อทาสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กากโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต อสีติยา กากสหสฺสานํ เชฏฺโก สุปตฺโต นาม กากราชา อโหสิ, อคฺคมเหสี ปนสฺส สุผสฺสา นาม กากี อโหสิ, เสนาปติ สุมุโข นาม. โส อสีติยา กากสหสฺเสหิ ปริวุโต พาราณสึ อุปนิสฺสาย วสิ. โส ¶ เอกทิวสํ สุผสฺสํ อาทาย โคจรํ ปริเยสนฺโต พาราณสิรฺโ มหานสมตฺถเกน อคมาสิ. สูโท รฺโ นานามจฺฉมํสวิกติปริวารํ โภชนํ สมฺปาเทตฺวา โถกํ ภาชนานิ วิวริตฺวา อุสุมํ ปลาเปนฺโต อฏฺาสิ. สุผสฺสา มจฺฉมํสคนฺธํ ฆายิตฺวา ราชโภชนํ ภฺุชิตุกามา หุตฺวา ตํ ทิวสํ อกเถตฺวา ทุติยทิวเส ‘‘เอหิ, ภทฺเท, โคจราย คมิสฺสามา’’ติ วุตฺตา ‘‘ตุมฺเห คจฺฉถ, มยฺหํ เอโก โทหโฬ อตฺถี’’ติ วตฺวา ‘‘กีทิโส โทหโฬ’’ติ วุตฺเต ‘‘พาราณสิรฺโ โภชนํ ภฺุชิตุกามามฺหิ, น โข ปน สกฺกา ¶ มยา ตํ ลทฺธุํ, ตสฺมา ชีวิตํ ปริจฺจชิสฺสามิ, เทวา’’ติ อาห. โพธิสตฺโต จินฺตยมาโน นิสีทิ. สุมุโข อาคนฺตฺวา ‘‘กึ, มหาราช, อนตฺตมโนสี’’ติ ปุจฺฉิ, ราชา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. เสนาปติ ‘‘มา จินฺตยิ, มหาราชา’’ติ เต อุโภปิ อสฺสาเสตฺวา ‘‘อชฺช ตุมฺเห อิเธว โหถ, มยํ ภตฺตํ อาหริสฺสามา’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ.
โส กาเก สนฺนิปาเตตฺวา ตํ การณํ กเถตฺวา ‘‘เอถ ภตฺตํ อาหริสฺสามา’’ติ กาเกหิ สทฺธึ พาราณสึ ปวิสิตฺวา มหานสสฺส อวิทูเร กาเก วคฺเค วคฺเค กตฺวา ตสฺมึ ตสฺมึ าเน ¶ อารกฺขตฺถาย เปตฺวา สยํ อฏฺหิ กากโยเธหิ สทฺธึ มหานสฉทเน นิสีทิ รฺโ ภตฺตหรณกาลํ โอโลกยมาโน. เต จ กาเก อาห – ‘‘อหํ รฺโ ภตฺเต หริยมาเน ภาชนานิ ปาเตสฺสามิ, ภาชเนสุ ปติเตสุ มยฺหํ ชีวิตํ นตฺถิ, ตุมฺเหสุ จตฺตาโร ชนา มุขปูรํ ภตฺตํ, จตฺตาโร มจฺฉมํสํ คเหตฺวา เนตฺวา สุปตฺตํ สปชาปติกํ กากราชานํ โภเชถ, ‘กหํ เสนาปตี’ติ วุตฺเต ‘ปจฺฉโต เอหิตี’ติ วเทยฺยาถา’’ติ. อถ สูโท รฺโ โภชนวิกตึ สมฺปาเทตฺวา กาเชน คเหตฺวา ราชกุลํ ปายาสิ. ตสฺส ราชงฺคณํ คตกาเล กากเสนาปติ กากานํ สฺํ ทตฺวา สยํ อุปฺปติตฺวา ภตฺตหารกสฺส อุเร นิสีทิตฺวา นขปฺชเรน ปหริตฺวา กณยคฺคสทิเสน ตุณฺเฑน นาสคฺคมสฺส อภิหนฺตฺวา อุฏฺาย ทฺวีหิ ปกฺเขหิ มุขมสฺส ปิทหิ. ราชา มหาตเล จงฺกมนฺโต มหาวาตปาเนน โอโลเกตฺวา ตํ กากสฺส กิริยํ ทิสฺวา ภตฺตหารกสฺส สทฺทํ ทตฺวา ‘‘โภ ภตฺตการก, ภาชนานิ ฉฑฺเฑตฺวา กากเมว คณฺหา’’ติ อาห. โส ภาชนานิ ฉฑฺเฑตฺวา กากํ ทฬฺหํ คณฺหิ. ราชาปิ นํ ‘‘อิโต เอหี’’ติ อาห.
ตสฺมึ ¶ ขเณ กากา อาคนฺตฺวา อตฺตโน ปโหนกํ ภฺุชิตฺวา ¶ เสสํ วุตฺตนิยาเมเนว คเหตฺวา อคมึสุ. ตโต เสสา อาคนฺตฺวา เสสํ ภฺุชึสุ. เตปิ อฏฺ ชนา คนฺตฺวา ราชานํ สปชาปติกํ โภเชสุํ, สุผสฺสาย โทหโฬ วูปสมิ. ภตฺตหารโก กากํ รฺโ อุปเนสิ. อถ นํ ราชา ปุจฺฉิ – ‘‘โภ กาก, ตฺวํ มมฺจ น ลชฺชิ, ภตฺตหารกสฺส จ นาสํ ขณฺเฑสิ, ภตฺตภาชนานิ จ ภินฺทิ, อตฺตโน จ ชีวิตํ น รกฺขิ, กสฺมา เอวรูปํ กมฺมมกาสี’’ติ? กาโก ‘‘มหาราช, อมฺหากํ ราชา พาราณสึ อุปนิสฺสาย วสติ, อหมสฺส เสนาปติ, ตสฺส สุผสฺสา นาม ภริยา โทหฬินี ตุมฺหากํ โภชนํ ภฺุชิตุกามา, ราชา ตสฺสา โทหฬํ มยฺหํ อาจิกฺขิ. อหํ ตตฺเถว มม ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา อาคโต, อิทานิ เม ตสฺสา โภชนํ เปสิตํ, มยฺหํ มโนรโถ มตฺถกํ ปตฺโต, อิมินา การเณน มยา เอวรูปํ กมฺมํ กต’’นฺติ ทีเปนฺโต อิมา คาถา อาห.
‘‘พาราณสฺยํ มหาราช, กากราชา นิวาสโก;
อสีติยา สหสฺเสหิ, สุปตฺโต ปริวาริโต.
‘‘ตสฺส โทหฬินี ภริยา, สุผสฺสา ภกฺขิตุมิจฺฉติ;
รฺโ มหานเส ปกฺกํ, ปจฺจคฺฆํ ราชโภชนํ.
‘‘เตสาหํ ¶ ปหิโต ทูโต, รฺโ จมฺหิ อิธาคโต;
ภตฺตุ อปจิตึ กุมฺมิ, นาสายมกรํ วณ’’นฺติ.
ตตฺถ พาราณสฺยนฺติ พาราณสิยํ. นิวาสโกติ นิพทฺธวสนโก. ปกฺกนฺติ นานปฺปกาเรน สมฺปาทิตํ. เกจิ ‘‘สิทฺธ’’นฺติ สชฺฌายนฺติ. ปจฺจคฺฆนฺติ อพฺภุณฺหํ อปาริวาสิกํ, มจฺฉมํสวิกตีสุ วา ปจฺเจกํ มหคฺฆํ เอตฺถาติ ปจฺจคฺฆํ. เตสาหํ ปหิโต ทูโต, รฺโ จมฺหิ อิธาคโตติ เตสํ อุภินฺนมฺปิ อหํ ทูโต อาณตฺติกโร รฺโ จ อมฺหิ ปหิโต, ตสฺมา อิธ อาคโตติ อตฺโถ. ภตฺตุ อปจิตึ กุมฺมีติ สฺวาหํ เอวํ อาคโต อตฺตโน ภตฺตุ อปจิตึ สกฺการสมฺมานํ กโรมิ. นาสายมกรํ วณนฺติ, มหาราช, อิมินา การเณน ตุมฺเห จ อตฺตโน ¶ จ ชีวิตํ อคเณตฺวา ภตฺตภาชนํ ปาตาเปตุํ ภตฺตหารกสฺส นาสาย มุขตุณฺฑเกน วณํ อกาสึ, มยา อตฺตโน รฺโ อปจิติ กตา, อิทานิ ตุมฺเห ยํ อิจฺฉถ, ตํ ทณฺฑํ กโรถาติ.
ราชา ¶ ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘มยํ ตาว มนุสฺสภูตานํ มหนฺตํ ยสํ ทตฺวา อมฺหากํ สุหชฺเช กาตุํ น สกฺโกม, คามาทีนิ ททมานาปิ อมฺหากํ ชีวิตทายกํ น ลภาม, อยํ กาโก สมาโน อตฺตโน รฺโ ชีวิตํ ปริจฺจชติ, อติวิย สปฺปุริโส มธุรสฺสโร ธมฺมกถิโก’’ติ คุเณสุ ปสีทิตฺวา ตํ เสตจฺฉตฺเตน ปูเชสิ. โส อตฺตนา ลทฺเธน เสตจฺฉตฺเตน ราชานเมว ปูเชตฺวา โพธิสตฺตสฺส คุเณ กเถสิ. ราชา นํ ปกฺโกสาเปตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา อุภินฺนมฺปิ เตสํ อตฺตโน โภชนนิยาเมน ภตฺตํ ปฏฺเปสิ, เสสกากานํ เทวสิกํ เอกํ ตณฺฑุลมฺพณํ ปจาเปสิ, สยฺจ โพธิสตฺตสฺส โอวาเท ตฺวา สพฺพสตฺตานํ อภยํ ทตฺวา ปฺจ สีลานิ รกฺขิ. สุปตฺตกาโกวาโท ปน สตฺต วสฺสสตานิ ปวตฺติ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, สุมุโข เสนาปติ สาริปุตฺโต, สุผสฺสา ราหุลมาตา, สุปตฺโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สุปตฺตชาตกวณฺณนา ทุติยา.
[๒๙๓] ๓. กายนิพฺพินฺทชาตกวณฺณนา
ผุฏฺสฺส เมติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ปุริสํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิเรโก ปุริโส ปณฺฑุโรเคน อฏฺฏิโต เวชฺเชหิ ปฏิกฺขิตฺโต. ปุตฺตทาโรปิสฺส ‘‘โก อิมํ ปฏิชคฺคิตุํ ¶ สกฺโกตี’’ติ จินฺเตสิ. ตสฺส เอตทโหสิ – ‘‘สจาหํ อิมมฺหา โรคา วุฏฺหิสฺสามิ, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. โส กติปาเหเนว กิฺจิ สปฺปายํ ลภิตฺวา อโรโค หุตฺวา เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจิ. โส สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชฺชฺจ อุปสมฺปทฺจ ลภิตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อสุโก นาม ปณฺฑุโรคี ¶ ‘อิมมฺหา โรคา วุฏฺิโต ปพฺพชิสฺสามี’ติ จินฺเตตฺวา ปพฺพชิโต เจว อรหตฺตฺจ ปตฺโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ¶ . ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทานิ อยเมว; ปุพฺเพ ปณฺฑิตาปิ เอวํ วตฺวา โรคา วุฏฺาย ปพฺพชิตฺวา อตฺตโน วุฑฺฒิมกํสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต กุฏุมฺพํ สณฺเปตฺวา วสนฺโต ปณฺฑุโรคี อโหสิ. เวชฺชาปิ ปฏิชคฺคิตุํ นาสกฺขึสุ, ปุตฺตทาโรปิสฺส วิปฺปฏิสารี อโหสิ. โส ‘‘อิมมฺหา โรคา วุฏฺิโต ปพฺพชิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา กิฺจิเทว สปฺปายํ ลภิตฺวา อโรโค หุตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ อุปฺปาเทตฺวา ฌานสุเขน วิหรนฺโต ‘‘เอตฺตกํ กาลํ เอวรูปํ สุขํ นาม นาลตฺถ’’นฺติ อุทานํ อุทาเนนฺโต อิมา คาถา อาห –
‘‘ผุฏฺสฺส เม อฺตเรน พฺยาธินา, โรเคน พาฬฺหํ ทุขิตสฺส รุปฺปโต;
ปริสุสฺสติ ขิปฺปมิทํ กเฬวรํ, ปุปฺผํ ยถา ปํสุนิ อาตเป กตํ.
‘‘อชฺํ ชฺสงฺขาตํ, อสุจึ สุจิสมฺมตํ;
นานากุณปปริปูรํ, ชฺรูปํ อปสฺสโต.
‘‘ธิรตฺถุมํ อาตุรํ ปูติกายํ, เชคุจฺฉิยํ อสฺสุจึ พฺยาธิธมฺมํ;
ยตฺถปฺปมตฺตา อธิมุจฺฉิตา ปชา, หาเปนฺติ มคฺคํ สุคตูปปตฺติยา’’ติ.
ตตฺถ อฺตเรนาติ อฏฺนวุติยา โรเคสุ เอเกน ปณฺฑุโรคพฺยาธินา. โรเคนาติ รุชฺชนสภาวตฺตา เอวํลทฺธนาเมน. รุปฺปโตติ ฆฏฺฏิยมานสฺส ปีฬิยมานสฺส. ปํสุนิ อาตเป กตนฺติ ยถา อาตเป ตตฺตวาลิกาย ปิตํ สุขุมปุปฺผํ ปริสุสฺเสยฺย, เอวํ ปริสุสฺสตีติ อตฺโถ.
อชฺํ ชฺสงฺขาตนฺติ ปฏิกูลํ อมนาปเมว พาลานํ มนาปนฺติ สงฺขํ คตํ. นานากุณปปริปูรนฺติ ¶ เกสาทีหิ ทฺวตฺตึสาย กุณเปหิ ปริปุณฺณํ ¶ . ชฺรูปํ อปสฺสโตติ อปสฺสนฺตสฺส อนฺธพาลปุถุชฺชนสฺส ¶ มนาปํ สาธุรูปํ ปริโภคสภาวํ หุตฺวา อุปฏฺาติ, ‘‘อกฺขิมฺหา อกฺขิคูถโก’’ติอาทินา นเยน ปกาสิโต อสุภสภาโว พาลานํ น อุปฏฺาติ.
อาตุรนฺติ นิจฺจคิลานํ. อธิมุจฺฉิตาติ กิเลสมุจฺฉาย อติวิย มุจฺฉิตา. ปชาติ อนฺธพาลปุถุชฺชนา. หาเปนฺติ มคฺคํ สุคตูปปตฺติยาติ อิมสฺมึ ปูติกาเย ลคฺคา ลคฺคิตา หุตฺวา อปายมคฺคํ ปูเรนฺตา เทวมนุสฺสเภทาย สุคติอุปปตฺติยา มคฺคํ ปริหาเปนฺติ.
อิติ มหาสตฺโต นานปฺปกาเรน อสุจิภาวฺจ นิจฺจาตุรภาวฺจ ปริคฺคณฺหนฺโต กาเย นิพฺพินฺทิตฺวา ยาวชีวํ จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน พหุชนา โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ. ‘‘ตทา ตาปโส อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
กายนิพฺพินฺทชาตกวณฺณนา ตติยา.
[๒๙๔] ๔. ชมฺพุขาทกชาตกวณฺณนา
โกยํ พินฺทุสฺสโร วคฺคูติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตโกกาลิเก อารพฺภ กเถสิ. ตทา หิ เทวทตฺเต ปริหีนลาภสกฺกาเร โกกาลิโก กุลานิ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘เทวทตฺตตฺเถโร นาม มหาสมฺมตปเวณิยา โอกฺกากราชวํเส ชาโต อสมฺภินฺนขตฺติยวํเส วฑฺฒิโต ติปิฏกธโร ฌานลาภี มธุรกโถ ธมฺมกถิโก, เทถ กโรถ เถรสฺสา’’ติ เทวทตฺตสฺส วณฺณํ ภาสติ. เทวทตฺโตปิ ‘‘โกกาลิโก อุทิจฺจพฺราหฺมณกุลา นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิโต พหุสฺสุโต ธมฺมกถิโก, เทถ กโรถ โกกาลิกสฺสา’’ติ โกกาลิกสฺส วณฺณํ ภาสติ. อิติ เต อฺมฺสฺส วณฺณํ ภาสิตฺวา กุลฆเรสุ ภฺุชนฺตา วิจรนฺติ. อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ ภิกฺขู ¶ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส เทวทตฺตโกกาลิกา, อฺมฺสฺส อภูตคุณกถํ กเถตฺวา ภฺุชนฺตา วิจรนฺตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว เต อฺมฺสฺส อภูตคุณกถํ กเถตฺวา ภฺุชนฺติ, ปุพฺเพเปวํ ภฺุชึสุเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อฺตรสฺมึ ชมฺพุวนสณฺเฑ รุกฺขเทวตา หุตฺวา ¶ นิพฺพตฺติ. ตตฺเรโก กาโก ชมฺพุสาขาย นิสินฺโน ชมฺพุปกฺกานิ ขาทติ. อเถโก สิงฺคาโล อาคนฺตฺวา อุทฺธํ โอโลเกนฺโต กากํ ทิสฺวา ‘‘ยํนูนาหํ อิมสฺส อภูตคุณกถํ กเถตฺวา ชมฺพูนิ ขาเทยฺย’’นฺติ ตสฺส วณฺณํ กเถนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘โกยํ พินฺทุสฺสโร วคฺคุ, สรวนฺตานมุตฺตโม;
อจฺจุโต ชมฺพุสาขาย, โมรจฺฉาโปว กูชตี’’ติ.
ตตฺถ พินฺทุสฺสโรติ พินฺทุนา อวิสาเรน ปิณฺฑิเตน สเรน สมนฺนาคโต. วคฺคูติ มธุรสทฺโท. อจฺจุโตติ น จุโต สนฺนิสินฺโน. โมรจฺฉาโปว กูชตีติ ตรุณโมโรว มนาเปน สทฺเทน ‘‘โก นาเมโส กูชตี’’ติ วทติ.
อถ นํ กาโก ปฏิปสํสนฺโต ทุติยํ คาถมาห –
‘‘กุลปุตฺโตว ชานาติ, กุลปุตฺตํ ปสํสิตุํ;
พฺยคฺฆจฺฉาปสรีวณฺณ, ภฺุช สมฺม ททามิ เต’’ติ.
ตตฺถ พฺยคฺฆจฺฉาปสรีวณฺณาติ ตฺวํ อมฺหากํ พฺยคฺฆโปตกสมานวณฺโณว ขายสิ, เตน ตํ วทามิ อมฺโภ พฺยคฺฆจฺฉาปสรีวณฺณ. ภฺุช, สมฺม, ททามิ เตติ วยสฺส ยาวทตฺถํ ชมฺพุปกฺกานิ ขาท, อหํ เต ททามีติ.
เอวฺจ ปน วตฺวา ชมฺพุสาขํ จาเลตฺวา ผลานิ ปาเตสิ. อถ ตสฺมึ ชมฺพุรุกฺเข อธิวตฺถา เทวตา เต อุโภปิ อภูตคุณกถํ กเถตฺวา ชมฺพูนิ ขาทนฺเต ทิสฺวา ตติยํ คาถมาห –
‘‘จิรสฺสํ ¶ วต ปสฺสามิ, มุสาวาที สมาคเต;
วนฺตาทํ กุณปาทฺจ, อฺมฺํ ปสํสเก’’ติ.
ตตฺถ วนฺตาทนฺติ ปเรสํ วนฺตภตฺตขาทกํ กากํ. กุณปาทฺจาติ กุณปขาทกํ สิงฺคาลฺจ.
อิมฺจ ปน คาถํ วตฺวา สา เทวตา เภรวรูปารมฺมณํ ทสฺเสตฺวา เต ตโต ปลาเปสิ.
สตฺถา ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สิงฺคาโล เทวทตฺโต อโหสิ, กาโก โกกาลิโก, รุกฺขเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ชมฺพุขาทกชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.
[๒๙๕] ๕. อนฺตชาตกวณฺณนา
อุสภสฺเสว เต ขนฺโธติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เตเยว ทฺเว ชเน อารพฺภ กเถสิ. ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ ปุริมสทิสเมว.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ คามูปจาเร เอรณฺฑรุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตทา เอกสฺมึ คามเก มตํ ชรคฺควํ นิกฺกฑฺฒิตฺวา คามทฺวาเร เอรณฺฑวเน ฉฑฺเฑสุํ. เอโก สิงฺคาโล อาคนฺตฺวา ตสฺส มํสํ ขาทิ. เอโก กาโก อาคนฺตฺวา เอรณฺเฑ นิลีโน ตํ ทิสฺวา ‘‘ยํนูนาหํ เอตสฺส อภูตคุณกถํ กเถตฺวา มํสํ ขาเทยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘อุสภสฺเสว เต ขนฺโธ, สีหสฺเสว วิชมฺภิตํ;
มิคราช นโม ตฺยตฺถุ, อปิ กิฺจิ ลภามเส’’ติ.
ตตฺถ นโม ตฺยตฺถูติ นโม เต อตฺถุ.
ตํ สุตฺวา สิงฺคาโล ทุติยํ คาถมาห –
‘‘กุลปุตฺโตว ชานาติ, กุลปุตฺตํ ปสํสิตุํ;
มยูรคีวสงฺกาส, อิโต ปริยาหิ วายสา’’ติ.
ตตฺถ ¶ อิโต ปริยาหีติ เอรณฺฑโต โอตริตฺวา อิโต เยนาหํ, เตนาคนฺตฺวา มํสํ ขาทาติ วทติ.
ตํ เตสํ กิริยํ ทิสฺวา รุกฺขเทวตา ตติยํ คาถมาห –
‘‘มิคานํ ¶ สิงฺคาโล อนฺโต, ปกฺขีนํ ปน วายโส;
เอรณฺโฑ อนฺโต รุกฺขานํ, ตโย อนฺตา สมาคตา’’ติ.
ตตฺถ อนฺโตติ หีโน ลามโก.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สิงฺคาโล เทวทตฺโต อโหสิ, กาโก โกกาลิโก, รุกฺขเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
อนฺตชาตกวณฺณนา ปฺจมา.
[๒๙๖] ๖. สมุทฺทชาตกวณฺณนา
โก นายนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุปนนฺทตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. โส หิ มหคฺฆโส มหาตณฺโห อโหสิ, สกฏปูเรหิ ปจฺจเยหิปิ สนฺตปฺเปตุํ น สกฺกา. วสฺสูปนายิกกาเล ทฺวีสุ ตีสุ วิหาเรสุ วสฺสํ อุปคนฺตฺวา เอกสฺมึ อุปาหเน เปติ, เอกสฺมึ กตฺตรยฏฺึ, เอกสฺมึ อุทกตุมฺพํ. เอกสฺมึ สยํ วสติ, ชนปทวิหารํ คนฺตฺวา ปณีตปริกฺขาเร ภิกฺขู ทิสฺวา อริยวํสกถํ กเถตฺวา เตสํ ปํสุกูลานิ คาหาเปตฺวา เตสํ จีวรานิ คณฺหาติ, มตฺติกาปตฺเต คาหาเปตฺวา มนาปมนาเป ปตฺเต ถาลกานิ จ คเหตฺวา ยานกํ ปูเรตฺวา เชตวนํ อาคจฺฉติ. อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อุปนนฺโท สกฺยปุตฺโต มหคฺฆโส มหิจฺโฉ อฺเสํ ปฏิปตฺตึ กเถตฺวา สมณปริกฺขาเรน ยานกํ ปูเรตฺวา อาคจฺฉตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘อยุตฺตํ, ภิกฺขเว, อุปนนฺเทน กตํ ปเรสํ อริยวํสกถํ กเถนฺเตน, ปมตรฺหิ อตฺตนา อปฺปิจฺเฉน หุตฺวา ปจฺฉา ปเรสํ อริยวํสํ กเถตุํ วฏฺฏตี’’ติ.
‘‘อตฺตานเมว ¶ ปมํ, ปติรูเป นิเวสเย;
อถฺมนุสาเสยฺย, น กิลิสฺเสยฺย ปณฺฑิโต’’ติ. (ธ. ป. ๑๕๘) –
อิมํ ธมฺมปเท คาถํ เทเสตฺวา อุปนนฺทํ ครหิตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว อุปนนฺโท มหิจฺโฉ, ปุพฺเพ มหาสมุทฺเทปิ อุทกํ รกฺขิตพฺพํ มฺี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สมุทฺทเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อเถโก กาโก สมุทฺทสฺส อุปริภาเค วิจรนฺโต ‘‘สมุทฺเท อุทกํ ปมาเณน ปิวถ, รกฺขนฺตา ปิวถา’’ติ มจฺฉสงฺฆสกุณสงฺเฆ ¶ วาเรนฺโต วาเรนฺโต จรติ. ตํ ทิสฺวา สมุทฺทเทวตา ปมํ คาถมาห –
‘‘โก นายํ โลณโตยสฺมึ, สมนฺตา ปริธาวติ;
มจฺเฉ มกเร จ วาเรติ, อูมีสุ จ วิหฺตี’’ติ.
ตตฺถ โก นายนฺติ โก นุ อยํ.
ตํ สุตฺวา สมุทฺทกาโก ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อนนฺตปายี สกุโณ, อติตฺโตติ ทิสาสุโต;
สมุทฺทํ ปาตุมิจฺฉามิ, สาครํ สริตํปติ’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – อหํ อนนฺตสาครํ ปาตุมิจฺฉามิ, เตนมฺหิ อนนฺตปายี นาม สกุโณ มหติยาปิ อปูรณิยา ตณฺหาย สมนฺนาคตตฺตา อติตฺโตติปิ อหํ ทิสาสุ สุโต วิสฺสุโต ปากโฏ, สฺวาหํ อิมํ สกลสมุทฺทํ สุนฺทรานํ รตนานํ อากรตฺตา สาคเรน วา ขตตฺตา สาครํ สริตานํ ปติภาเวน สริตํปตึ ปาตุมิจฺฉามีติ.
ตํ สุตฺวา สมุทฺทเทวตา ตติยํ คาถมาห –
‘‘โส อยํ หายติ เจว, ปูรเต จ มโหทธิ;
นาสฺส นายติ ปีตนฺโต, อเปยฺโย กิร สาคโร’’ติ.
ตตฺถ ¶ โส อยํ หายติ เจวาติ อุทกสฺส โอสกฺกนเวลาย หายติ, นิกฺขมนเวลาย ปูรติ. นาสฺส นายตีติ อสฺส มหาสมุทฺทสฺส สเจปิ นํ สกลโลโก ปิเวยฺย, ตถาปิ ‘‘อิโต เอตฺตกํ นาม อุทกํ ปีต’’นฺติ ปริยนฺโต น ปฺายติ. อเปยฺโย กิราติ เอโส กิร สาคโร น สกฺกา เกนจิ อุทกํ เขเปตฺวา ปาตุนฺติ.
เอวฺจ ปน วตฺวา สา เภรวรูปารมฺมณํ ทสฺเสตฺวา สมุทฺทกากํ ปลาเปสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สมุทฺทกาโก อุปนนฺโท อโหสิ, เทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สมุทฺทชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.
[๒๙๗] ๗. กามวิลาปชาตกวณฺณนา
อุจฺเจ ¶ สกุณ เฑมานาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปุราณทุติยิกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิ. ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ ปุปฺผรตฺตชาตเก (ชา. ๑.๑.๑๔๗) กถิตํ, อตีตวตฺถุ อินฺทฺริยชาตเก (ชา. ๑.๘.๖๐ อาทโย) อาวิภวิสฺสติ. ตํ ปน ปุริสํ ชีวนฺตํ สูเล อุตฺตาเสสุํ. โส ตตฺถ นิสินฺโน อากาเสน คจฺฉนฺตํ เอกํ กากํ ทิสฺวา ตาวขรมฺปิ ตํ เวทนํ อคเณตฺวา ปิยภริยาย สาสนํ เปเสตุํ กากํ อามนฺเตนฺโต อิมา คาถา อาห –
‘‘อุจฺเจ สกุณ เฑมาน, ปตฺตยาน วิหงฺคม;
วชฺชาสิ โข ตฺวํ วามูรุํ, จิรํ โข สา กริสฺสติ.
‘‘อิทํ โข สา น ชานาติ, อสึ สตฺติฺจ โอฑฺฑิตํ;
สา จณฺฑี กาหติ โกธํ, ตํ เม ตปติ โน อิทํ.
‘‘เอส อุปฺปลสนฺนาโห, นิกฺขฺจุสฺสีสโกหิตํ;
กาสิกฺจ มุทุํ วตฺถํ, ตปฺเปตุ ธนิกา ปิยา’’ติ.
ตตฺถ ¶ เฑมานาติ คจฺฉมาน จรมาน. ปตฺตยานาติ ตเมวาลปติ, ตถา วิหงฺคมาติ. โส หิ ปตฺเตหิ ยานํ กตฺวา คมนโต ปตฺตยาโน, อากาเส คมนโต วิหงฺคโม. วชฺชาสีติ วเทยฺยาสิ. วามูรุนฺติ กทลิกฺขนฺธสมานอูรุํ, มม สูเล นิสินฺนภาวํ วเทยฺยาสิ. จิรํ โข สา กริสฺสตีติ สา อิมํ ปวตฺตึ อชานมานา มม อาคมนํ จิรํ กริสฺสติ, ‘‘จิรํ เม คตสฺส ปิยสฺส น จ อาคจฺฉตี’’ติ เอวํ จินฺเตสฺสตีติ อตฺโถ.
อสึ สตฺติฺจาติ อสิสมานตาย สตฺติสมานตาย จ สูลเมว สนฺธาย วทติ. ตฺหิ ¶ ตสฺส อุตฺตาสนตฺถาย โอฑฺฑิตํ ปิตํ. จณฺฑีติ โกธนา. กาหติ โกธนฺติ ‘‘อติจิรายตี’’ติ ¶ มยิ โกธํ กริสฺสติ. ตํ เม ตปตีติ ตํ ตสฺสา กุชฺฌนํ มํ ตปติ. โน อิทนฺติ อิธ ปน อิทํ สูลํ มํ น ตปตีติ ทีเปติ.
‘‘เอส อุปฺปลสนฺนาโห’’ติอาทีหิ ฆเร อุสฺสีสเก ปิตํ อตฺตโน ภณฺฑํ อาจิกฺขติ. ตตฺถ อุปฺปลสนฺนาโหติ อุปฺปโล จ สนฺนาโห จ อุปฺปลสนฺนาโห, อุปฺปลสทิโส กณโย จ สนฺนาหโก จาติ อตฺโถ. นิกฺขฺจาติ ปฺจหิ สุวณฺเณหิ กตํ องฺคุลิมุทฺทิกํ. กาสิกฺจ มุทุ วตฺถนฺติ มุทุํ กาสิกสาฏกยุคํ สนฺธายาห. เอตฺตกํ กิร เตน อุสฺสีสเก นิกฺขิตฺตํ. ตปฺเปตุ ธนิกา ปิยาติ เอตํ สพฺพํ คเหตฺวา สา มม ปิยา ธนตฺถิกา อิมินา ธเนน ตปฺเปตุ ปูเรตุ, สนฺตุฏฺา โหตูติ.
เอวํ โส ปริเทวมาโนว กาลํ กตฺวา นิรเย นิพฺพตฺติ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ, โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา ภริยา เอตรหิ ภริยา อโหสิ, เยน ปน เทวปุตฺเตน ตํ การณํ ทิฏฺํ, โส อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
กามวิลาปชาตกวณฺณนา สตฺตมา.
[๒๙๘] ๘. อุทุมฺพรชาตกวณฺณนา
อุทุมฺพรา ¶ จิเม ปกฺกาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร อฺตรสฺมึ ปจฺจนฺตคามเก วิหารํ กาเรตฺวา วสติ. รมณีโย วิหาโร ปิฏฺิปาสาเณ นิวิฏฺโ, มนฺทํ สมฺมชฺชนฏฺานํ อุทกผาสุกํ, โคจรคาโม นาติทูเร นาจฺจาสนฺเน, สมฺปิยายมานา มนุสฺสา ภิกฺขํ เทนฺติ. อเถโก ภิกฺขุ จาริกํ จรมาโน ตํ วิหารํ ปาปุณิ. เนวาสิโก ตสฺส อาคนฺตุกวตฺตํ กตฺวา ปุนทิวเส ตํ อาทาย คามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. มนุสฺสา ปณีตํ ภิกฺขํ ทตฺวา สฺวาตนาย นิมนฺตยึสุ. อาคนฺตุโก กติปาหํ ภฺุชิตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘เอเกนุปาเยน อิมํ ภิกฺขุํ วฺเจตฺวา ¶ นิกฺกฑฺฒิตฺวา อิมํ วิหารํ คณฺหิสฺสามี’’ติ. อถ นํ เถรูปฏฺานํ อาคตํ ปุจฺฉิ – ‘‘กึ, อาวุโส, พุทฺธูปฏฺานํ นากาสี’’ติ? ‘‘ภนฺเต, อิมํ วิหารํ ปฏิชคฺคนฺโต นตฺถิ, เตนมฺหิ น คตปุพฺโพ’’ติ. ‘‘ยาว ตฺวํ ¶ พุทฺธูปฏฺานํ คนฺตฺวา อาคจฺฉสิ, ตาวาหํ ปฏิชคฺคิสฺสามี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ เนวาสิโก ‘‘ยาว มมาคมนา เถเร มา ปมชฺชิตฺถา’’ติ มนุสฺสานํ วตฺวา ปกฺกามิ.
ตโต ปฏฺาย อาคนฺตุโก ‘‘ตสฺส เนวาสิกสฺส อยฺจ อยฺจ โทโส’’ติ เต มนุสฺเส ปริภินฺทิ. อิตโรปิ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปุนาคโต, อถสฺส โส เสนาสนํ น อทาสิ. โส เอกสฺมึ าเน วสิตฺวา ปุนทิวเส ปิณฺฑาย คามํ ปาวิสิ, มนุสฺสา สามีจิมตฺตมฺปิ น กรึสุ. โส วิปฺปฏิสารี หุตฺวา ปุน เชตวนํ คนฺตฺวา ตํ การณํ ภิกฺขูนํ อาโรเจสิ. เต ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อสุโก กิร ภิกฺขุ อสุกํ ภิกฺขุํ วิหารา นิกฺกฑฺฒิตฺวา สยํ ตตฺถ วสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ โส อิมํ วสนฏฺานา นิกฺกฑฺฒิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อรฺเ รุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตตฺถ วสฺสาเน สตฺตสตฺตาหํ เทโว วสฺสิ. อเถโก รตฺตมุขขุทฺทกมกฺกโฏ เอกิสฺสา อโนวสฺสิกาย ปาสาณทริยา วสมาโน เอกทิวสํ ทริทฺวาเร อเตมนฏฺาเน สุเขน ¶ นิสีทิ. ตตฺถ เอโก กาฬมุขมหามกฺกโฏ ตินฺโต สีเตน ปีฬิยมาโน วิจรนฺโต ตํ ตถานิสินฺนํ ทิสฺวา ‘‘อุปาเยน นํ นีหริตฺวา เอตฺถ วสิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา กุจฺฉึ โอลมฺเพตฺวา สุหิตาการํ ทสฺเสตฺวา ตสฺส ปุรโต ตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘อุทุมฺพรา จิเม ปกฺกา, นิคฺโรธา จ กปิตฺถนา;
เอหิ นิกฺขม ภฺุชสฺสุ, กึ ชิฆจฺฉาย มิยฺยสี’’ติ.
ตตฺถ ¶ กปิตฺถนาติ ปิลกฺขา. เอหิ นิกฺขมาติ เอเต อุทุมฺพราทโย ผลภารนมิตา, อหมฺปิ ขาทิตฺวา สุหิโต อาคโตสฺมิ, ตฺวมฺปิ คจฺฉ ภฺุชสฺสูติ.
โสปิ ตสฺส วจนํ สุตฺวา สทฺทหิตฺวา ผลานิ ขาทิตุกาโม นิกฺขมิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ วิจริตฺวา กิฺจิ อลภนฺโต ปุนาคนฺตฺวา ตํ อนฺโตปาสาณทริยํ ปวิสิตฺวา นิสินฺนํ ทิสฺวา ‘‘วฺเจสฺสามิ น’’นฺติ ตสฺส ปุรโต ตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘เอวํ ¶ โส สุหิโต โหติ, โย วุฑฺฒมปจายติ;
ยถาหมชฺช สุหิโต, ทุมปกฺกานิ มาสิโต’’ติ.
ตตฺถ ทุมปกฺกานิ มาสิโตติ อุทุมฺพราทีนิ รุกฺขผลานิ ขาทิตฺวา อสิโต ธาโต สุหิโต.
ตํ สุตฺวา มหามกฺกโฏ ตติยํ คาถมาห –
‘‘ยํ วเนโช วเนชสฺส, วฺเจยฺย กปิโน กปิ;
ทหโร กปิ สทฺเธยฺย, น หิ ชิณฺโณ ชรากปี’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – ยํ วเน ชาโต กปิ วเน ชาตสฺส กปิโน วฺจนํ กเรยฺย, ตํ ตยา สทิโส ทหโร วานโร สทฺทเหยฺย, มาทิโส ปน ชิณฺโณ ชรากปิ มหลฺลกมกฺกโฏ น หิ สทฺทเหยฺย, สตกฺขตฺตุมฺปิ ภณนฺตสฺส ตุมฺหาทิสสฺส น สทฺทหติ. อิมสฺมิฺหิ หิมวนฺตปเทเส สพฺพํ ผลาผลํ ¶ วสฺเสน กิลินฺนํ ปติตํ, ปุน ตว อิทํ านํ นตฺถิ, คจฺฉาติ. โส ตโตว ปกฺกามิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ขุทฺทกมกฺกโฏ เนวาสิโก อโหสิ, กาฬมหามกฺกโฏ อาคนฺตุโก, รุกฺขเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
อุทุมฺพรชาตกวณฺณนา อฏฺมา.
[๒๙๙] ๙. โกมารปุตฺตชาตกวณฺณนา
ปุเร ¶ ตุวนฺติ อิทํ สตฺถา ปุพฺพาราเม วิหรนฺโต เกฬิสีเล ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ. เต กิร ภิกฺขู สตฺถริ อุปริปาสาเท วิหรนฺเต เหฏฺาปาสาเท ทิฏฺสุตาทีนิ กเถนฺตา กลหฺจ ปริภาสฺจ กโรนฺตา นิสีทึสุ. สตฺถา มหาโมคฺคลฺลานํ อามนฺเตตฺวา ‘‘เอเต ภิกฺขู สํเวเชหี’’ติ อาห. เถโร อากาเส อุปฺปติตฺวา ปาทงฺคุฏฺเกน ปาสาทถุปิกํ ปหริตฺวา ยาว อุทกปริยนฺตา ปาสาทํ กมฺเปสิ. เต ภิกฺขู มรณภยภีตา นิกฺขมิตฺวา พหิ อฏฺํสู. เตสํ โส เกฬิสีลภาโว ภิกฺขูสุ ปากโฏ ชาโต. อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ¶ – ‘‘อาวุโส, เอกจฺเจ ภิกฺขู เอวรูเป นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวา เกฬิสีลา หุตฺวา วิจรนฺติ, ‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา’ติ วิปสฺสนาย กมฺมํ น กโรนฺตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปเต เกฬิสีลกาเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ คามเก พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ, ‘‘โกมารปุตฺโต’’ติ นํ สฺชานึสุ. โส อปรภาเค นิกฺขมิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺตปเทเส วสิ. อถฺเ เกฬิสีลา ตาปสา หิมวนฺตปเทเส อสฺสมํ มาเปตฺวา วสึสุ, กสิณปริกมฺมมตฺตมฺปิ เนสํ นตฺถิ, อรฺโต ผลาผลานิ อาหริตฺวา ขาทิตฺวา หสมานา นานปฺปการาย เกฬิยา วีตินาเมนฺติ. เตสํ สนฺติเก เอโก มกฺกโฏ อตฺถิ, โสปิ เกฬิสีลโกว ¶ มุขวิการาทีนิ กโรนฺโต ตาปสานํ นานาวิธํ เกฬึ ทสฺเสติ. ตาปสา ตตฺถ จิรํ วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย มนุสฺสปถํ อคมํสุ. เตสํ คตกาลโต ปฏฺาย โพธิสตฺโต ตํ านํ คนฺตฺวา วาสํ กปฺเปสิ, มกฺกโฏ เตสํ วิย ตสฺสปิ เกฬึ ทสฺเสสิ.
โพธิสตฺโต อจฺฉรํ ปหริตฺวา ‘‘สุสิกฺขิตปพฺพชิตานํ สนฺติเก วสนฺเตน นาม อาจารสมฺปนฺเนน ¶ กายาทีหิ สุสฺเตน ฌาเนสุ ยุตฺเตน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ตสฺส โอวาทํ อทาสิ. โส ตโต ปฏฺาย สีลวา อาจารสมฺปนฺโน อโหสิ, โพธิสตฺโตปิ ตโต อฺตฺถ อคมาสิ. อถ เต ตาปสา โลณมฺพิลํ เสวิตฺวา ตํ านํ อคมํสุ. มกฺกโฏ ปุพฺเพ วิย เตสํ เกฬึ น ทสฺเสสิ. อถ นํ ตาปสา ‘‘ปุพฺเพ, ตฺวํ อาวุโส, อมฺหากํ ปุรโต เกฬึ อกาสิ, อิทานิ น กโรสิ, กึการณา’’ติ ปุจฺฉนฺตา ปมํ คาถมาหํสุ –
‘‘ปุเร ตุวํ สีลวตํ สกาเส, โอกฺกนฺติกํ กีฬสิ อสฺสมมฺหิ;
กโรหเร มกฺกฏิยานิ มกฺกฏ, น ตํ มยํ สีลวตํ รมามา’’ติ.
ตตฺถ สีลวตํ สกาเสติ เกฬิสีลานํ อมฺหากํ สนฺติเก. โอกฺกนฺติกนฺติ มิโค วิย โอกฺกนฺติตฺวา กีฬสิ. กโรหเรติ เอตฺถ อเรติ อาลปนํ. มกฺกฏิยานีติ มุขมกฺกฏิกกีฬาสงฺขาตานิ มุขวิการานิ. น ตํ มยํ สีลวตํ รมามาติ ยํ ปุพฺเพ ตว เกฬิสีลํ เกฬิวตํ, ตํ มยํ เอตรหิ น รมาม, ตฺวมฺปิ โน น รมาเปสิ, กึ นุ โข การณนฺติ.
ตํ ¶ สุตฺวา มกฺกโฏ ทุติยํ คาถมาห –
‘‘สุตา หิ มยฺหํ ปรมา วิสุทฺธิ, โกมารปุตฺตสฺส พหุสฺสุตสฺส;
มา ทานิ มํ มฺิ ตุวํ ยถา ปุเร, ฌานานุยุตฺโต วิหรามิ อาวุโส’’ติ.
ตตฺถ ¶ มยฺหนฺติ กรณตฺเถ สมฺปทานํ. วิสุทฺธีติ ฌานวิสุทฺธิ. พหุสฺสุตสฺสาติ พหูนํ กสิณปริกมฺมานํ อฏฺนฺนฺจ สมาปตฺตีนํ สุตตฺตา เจว ปฏิวิทฺธตฺตา จ พหุสฺสุตสฺส. ตุวนฺติ เตสุ เอกํ ตาปสํ อาลปนฺโต อิทานิ มา มํ ตฺวํ ปุเร วิย สฺชานิ, นาหํ ปุริมสทิโส, อาจริโย เม ลทฺโธติ ทีเปติ.
ตํ ¶ สุตฺวา ตาปสา ตติยํ คาถมาหํสุ –
‘‘สเจปิ เสลสฺมิ วเปยฺย พีชํ, เทโว จ วสฺเส น หิ ตํ วิรูฬฺเห;
สุตา หิ เต สา ปรมา วิสุทฺธิ, อารา ตุวํ มกฺกฏ ฌานภูมิยา’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – สเจปิ ปาสาณปิฏฺเ ปฺจวิธํ พีชํ วเปยฺย, เทโว จ สมฺมา วสฺเสยฺย, อเขตฺตตาย ตํ น วิรูฬฺเหยฺย, เอวเมว ตยา ปรมา ฌานวิสุทฺธิ สุตา, ตฺวํ ปน ติรจฺฉานโยนิกตฺตา อารา ฌานภูมิยา ทูเร ิโต, น สกฺกา ตยา ฌานํ นิพฺพตฺเตตุนฺติ มกฺกฏํ ครหึสุ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เกฬิสีลา ตาปสา อิเม ภิกฺขู อเหสุํ, โกมารปุตฺโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
โกมารปุตฺตชาตกวณฺณนา นวมา.
[๓๐๐] ๑๐. วกชาตกวณฺณนา
ปรปาณโรธา ชีวนฺโตติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปุราณสนฺถตํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ วินเย (ปารา. ๕๖๕ อาทโย) วิตฺถารโต อาคตเมว. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป – อายสฺมา อุปเสโน ทุวสฺสิโก เอกวสฺสิเกน สทฺธิวิหาริเกน สทฺธึ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา สตฺถารา ครหิโต ¶ วนฺทิตฺวา ปกฺกนฺโต วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อรหตฺตปฺปตฺโต อปฺปิจฺฉตาทิคุณยุตฺโต เตรส ธุตงฺคานิ สมาทาย ปริสมฺปิ เตรสธุตงฺคธรํ กตฺวา ภควติ เตมาสํ ปฏิสลฺลีเน สปริโส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปริสํ นิสฺสาย ปมํ ครหํ ลภิตฺวา อธมฺมิกาย กติกาย อนนุวตฺตเน ทุติยํ สาธุการํ ลภิตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย ธุตงฺคธรา ภิกฺขู ยถาสุขํ อุปสงฺกมิตฺวา มํ ปสฺสนฺตู’’ติ สตฺถารา กตานุคฺคโห นิกฺขมิตฺวา ภิกฺขูนํ ตมตฺถํ อาโรเจสิ. ตโต ปภุติ ภิกฺขู ธุตงฺคธรา หุตฺวา สตฺถารํ ¶ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตฺวา สตฺถริ ปฏิสลฺลานา วุฏฺิเต ตตฺถ ตตฺถ ปํสุกูลานิ ฉฑฺเฑตฺวา อตฺตโน ปตฺตจีวราเนว คณฺหึสุ. สตฺถา สมฺพหุเลหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ เสนาสนจาริกํ จรนฺโต ¶ ตตฺถ ตตฺถ ปติตานิ ปํสุกูลานิ ทิสฺวา ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, อิเมสํ นาม ภิกฺขูนํ ธุตงฺคสมาทานํ น จิรฏฺิติกํ วกสฺส อุโปสถกมฺมสทิสํ อโหสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สกฺโก เทวราชา อโหสิ. อเถโก วโก คงฺคาตีเร ปาสาณปิฏฺเ วสติ, อถ คงฺคาย มโหทกํ อาคนฺตฺวา ตํ ปาสาณํ ปริกฺขิปิ. วโก อภิรุหิตฺวา ปาสาณปิฏฺเ นิปชฺชิ, เนวสฺส โคจโร อตฺถิ, น โคจราย คมนมคฺโค, อุทกมฺปิ วฑฺฒเตว. โส จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ เนว โคจโร อตฺถิ, น โคจราย คมนมคฺโค, นิกฺกมฺมสฺส ปน นิปชฺชนโต อุโปสถกมฺมํ วร’’นฺติ มนสาว อุโปสถํ อธิฏฺาย สีลานิ สมาทิยิตฺวา นิปชฺชิ. ตทา สกฺโก เทวราชา อาวชฺชมาโน ตสฺส ตํ ทุพฺพลสมาทานํ ตฺวา ‘‘เอตํ วกํ วิเหเสฺสามี’’ติ เอฬกรูเปน อาคนฺตฺวา ตสฺส อวิทูเร ตฺวา อตฺตานํ ทสฺเสสิ. วโก ตํ ทิสฺวา ‘‘อฺสฺมึ ทิวเส อุโปสถกมฺมํ ชานิสฺสามี’’ติ อุฏฺาย ตํ คณฺหิตุํ ปกฺขนฺทิ. เอฬโกปิ อิโต จิโต จ ปกฺขนฺทิตฺวา อตฺตานํ คเหตุํ นาทาสิ. วโก ตํ คเหตุํ อสกฺโกนฺโต นิวตฺติตฺวา อาคมฺม ‘‘อุโปสถกมฺมํ ตาว เม น ภิชฺชตี’’ติ ตตฺเถว ปุน นิปชฺชิ. สกฺโก สกฺกตฺตภาเวเนว อากาเส ตฺวา ‘‘ตาทิสสฺส ทุพฺพลชฺฌาสยสฺส กึ อุโปสถกมฺเมน, ตฺวํ มม สกฺกภาวํ อชานนฺโต เอฬกมํสํ ขาทิตุกาโม อโหสี’’ติ ตํ วิเหเตฺวา ครหิตฺวา เทวโลกเมว คโต.
‘‘ปรปาณโรธา ชีวนฺโต, มํสโลหิตโภชโน;
วโก วตํ สมาทาย, อุปปชฺชิ อุโปสถํ.
‘‘ตสฺส ¶ สกฺโก วตฺาย, อชรูเปนุปาคมิ;
วีตตโป อชฺฌปฺปตฺโต, ภฺชิ โลหิตโป ตปํ.
‘‘เอวเมว ¶ ¶ อิเธกจฺเจ, สมาทานมฺหิ ทุพฺพลา;
ลหุํ กโรนฺติ อตฺตานํ, วโกว อชการณา’’ติ. –
ติสฺโสปิ อภิสมฺพุทฺธคาถาว.
ตตฺถ อุปปชฺชิ อุโปสถนฺติ อุโปสถวาสํ อุปคโต. วตฺายาติ ตสฺส ทุพฺพลวตํ อฺาย. วีตตโป อชฺฌปฺปตฺโตติ วิคตตโป หุตฺวา อุปคโต, ตํ ขาทิตุํ ปกฺขนฺทีติ อตฺโถ. โลหิตโปติ โลหิตปายี. ตปนฺติ ตํ อตฺตโน สมาทานตปํ ภินฺทิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สกฺโก อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
วกชาตกวณฺณนา ทสมา.
กุมฺภวคฺโค ปฺจโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
วรกุมฺภ สุปตฺต สิริวฺหยโน, สุจิสมฺมต พินฺทุสโร จุสโภ;
สริตํปติ จณฺฑิ ชรากปินา, อถ มกฺกฏิยา วกเกน ทสาติ.
อถ วคฺคุทฺทานํ –
สงฺกปฺโป ปทุโม เจว, อุทปาเนน ตติยํ;
อพฺภนฺตรํ ฆฏเภทํ, ติกนิปาตมฺหิลงฺกตนฺติ.
ติกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.
(ทุติโย ภาโค นิฏฺิโต.)