📜

๕. ปฺจกนิปาโต

๑. มณิกุณฺฑลวคฺโค

[๓๕๑] ๑. มณิกุณฺฑลชาตกวณฺณนา

ชีโนรถสฺสํ มณิกุณฺฑเล จาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสลรฺโ อนฺเตปุเร สพฺพตฺถสาธกํ ปทุฏฺามจฺจํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา วิตฺถาริตเมว. อิธ ปน โพธิสตฺโต พาราณสิราชา อโหสิ. ปทุฏฺามจฺโจ โกสลราชานํ อาเนตฺวา กาสิรชฺชํ คาหาเปตฺวา พาราณสิราชานํ พนฺธาเปตฺวา พนฺธนาคาเร ปกฺขิปาเปสิ. ราชา ฌานํ อุปฺปาเทตฺวา อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสีทิ, โจรรฺโ สรีเร ฑาโห อุปฺปชฺชิ. โส พาราณสิราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ปมํ คาถมาห –

.

‘‘ชีโน รถสฺสํ มณิกุณฺฑเล จ, ปุตฺเต จ ทาเร จ ตเถว ชีโน;

สพฺเพสุ โภเคสุ อเสสเกสุ, กสฺมา น สนฺตปฺปสิ โสกกาเล’’ติ.

ตตฺถ ชีโน รถสฺสํ มณิกุณฺฑเล จาติ มหาราช, ตฺวํ รถฺจ อสฺสฺจ มณิกุณฺฑลานิ จ ชีโน, ‘‘ชีโน รถสฺเส จ มณิกุณฺฑเล จา’’ติปิ ปาโ. อเสสเกสูติ นิสฺเสสเกสุ.

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ –

.

‘‘ปุพฺเพว มจฺจํ วิชหนฺติ โภคา, มจฺโจ วา เต ปุพฺพตรํ ชหาติ;

อสสฺสตา โภคิโน กามกามิ, ตสฺมา น โสจามหํ โสกกาเล.

.

‘‘อุเทติ อาปูรติ เวติ จนฺโท, อตฺถํ ตเปตฺวาน ปเลติ สูริโย;

วิทิตา มยา สตฺตุก โลกธมฺมา, ตสฺมา น โสจามหํ โสกกาเล’’ติ.

ตตฺถ ปุพฺเพว มจฺจนฺติ มจฺจํ วา โภคา ปุพฺเพว ปมตรฺเว วิชหนฺติ, มจฺโจ วา เต โภเค ปุพฺพตรํ ชหาติ. กามกามีติ โจรราชานํ อาลปติ. อมฺโภ, กาเม กามยมาน กามกามิ โภคิโน นาม โลเก อสสฺสตา, โภเคสุ วา นฏฺเสุ ชีวมานาว อโภคิโน โหนฺติ, โภเค วา ปหาย สยํ นสฺสนฺติ, ตสฺมา อหํ มหาชนสฺส โสกกาเลปิ น โสจามีติ อตฺโถ. วิทิตา มยา สตฺตุก โลกธมฺมาติ โจรราชานํ อาลปติ. อมฺโภ, สตฺตุก, มยา ลาโภ อลาโภ ยโส อยโสติอาทโย โลกธมฺมา วิทิตา. ยเถว หิ จนฺโท อุเทติ จ ปูรติ จ ปุน จ ขียติ, ยถา จ สูริโย อนฺธการํ วิธมนฺโต มหนฺตํ อาโลกํ ตเปตฺวาน ปุน สายํ อตฺถํ ปเลติ อตฺถํ คจฺฉติ น ทิสฺสติ, เอวเมว โภคา อุปฺปชฺชนฺติ จ นสฺสนฺติ จ, ตตฺถ กึ โสเกน, ตสฺมา น โสจามีติ อตฺโถ.

เอวํ มหาสตฺโต โจรรฺโ ธมฺมํ เทเสตฺวา อิทานิ ตเมว โจรํ ครหนฺโต อาห –

.

‘‘อลโส คิหี กามโภคี น สาธุ, อสฺโต ปพฺพชิโต น สาธุ;

ราชา น สาธุ อนิสมฺมการี, โย ปณฺฑิโต โกธโน ตํ น สาธุ.

.

‘‘นิสมฺม ขตฺติโย กยิรา, นานิสมฺม ทิสมฺปติ;

นิสมฺมการิโน ราช, ยโส กิตฺติ จ วฑฺฒตี’’ติ.

อิมา ปน ทฺเว คาถา เหฏฺา วิตฺถาริตาเยว. โจรราชา โพธิสตฺตํ ขมาเปตฺวา รชฺชํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา อตฺตโน ชนปทเมว คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา โกสลราชา อานนฺโท อโหสิ, พาราณสิราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

มณิกุณฺฑลชาตกวณฺณนา ปมา.

[๓๕๒] ๒. สุชาตชาตกวณฺณนา

กึนุ สนฺตรมาโนวาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มตปิติกํ กุฏุมฺพิกํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร ปิตริ มเต ปริเทวมาโน วิจรติ, โสกํ วิโนเทตุํ น สกฺโกติ. อถ สตฺถา ตสฺส โสตาปตฺติผลูปนิสฺสยํ ทิสฺวา สาวตฺถึ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาสมณํ อาทาย ตสฺส เคหํ คนฺตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสินฺโน ตํ วนฺทิตฺวา นิสินฺนํ ‘‘กึ, อุปาสก, โสจสี’’ติ วตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘อาวุโส, โปราณกปณฺฑิตา ปณฺฑิตานํ วจนํ สุตฺวา ปิตริ กาลกเต น โสจึสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กุฏุมฺพิกเคเห นิพฺพตฺติ, ‘‘สุชาตกุมาโร’’ติสฺส นามํ กรึสุ. ตสฺส วยปฺปตฺตสฺส ปิตามโห กาลมกาสิ. อถสฺส ปิตา ปิตุ กาลกิริยโต ปฏฺาย โสกสมปฺปิโต อาฬาหนํ คนฺตฺวา อาฬาหนโต อฏฺีนิ อาหริตฺวา อตฺตโน อาราเม มตฺติกาถูปํ กตฺวา ตานิ ตตฺถ นิทหิตฺวา คตคตเวลาย ถูปํ ปุปฺเผหิ ปูเชตฺวา เจติยํ อาวิชฺฌนฺโต ปริเทวติ, เนว นฺหายติ น ลิมฺปติ น ภุฺชติ น กมฺมนฺเต วิจาเรติ. ตํ ทิสฺวา โพธิสตฺโต ‘‘ปิตา เม อยฺยกสฺส มตกาลโต ปฏฺาย โสกาภิภูโต จรติ, เปตฺวา ปน มํ อฺโ เอตํ สฺาเปตุํ น สกฺโกติ, เอเกน นํ อุปาเยน นิสฺโสกํ กริสฺสามี’’ติ พหิคาเม เอกํ มตโคณํ ทิสฺวา ติณฺจ ปานียฺจ อาหริตฺวา ตสฺส ปุรโต เปตฺวา ‘‘ขาท, ขาท, ปิว, ปิวา’’ติ อาห. อาคตาคตา นํ ทิสฺวา ‘‘สมฺม สุชาต, กึ อุมฺมตฺตโกสิ, มตโคณสฺส ติโณทกํ เทสี’’ติ วทนฺติ. โส น กิฺจิ ปฏิวทติ. อถสฺส ปิตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ปุตฺโต เต อุมฺมตฺตโก ชาโต, มตโคณสฺส ติโณทกํ เทตี’’ติ อาหํสุ. ตํ สุตฺวา กุฏุมฺพิกสฺส ปิตุโสโก อปคโต, ปุตฺตโสโก ปติฏฺิโต. โส เวเคนาคนฺตฺวา ‘‘นนุ ตฺวํ, ตาต สุชาต, ปณฺฑิโตสิ, กึการณา มตโคณสฺส ติโณทกํ เทสี’’ติ วตฺวา ทฺเว คาถา อภาสิ –

.

‘‘กึ นุ สนฺตรมาโนว, ลายิตฺวา หริตํ ติณํ;

ขาท ขาทาติ ลปสิ, คตสตฺตํ ชรคฺควํ.

.

‘‘น หิ อนฺเนน ปาเนน, มโต โคโณ สมุฏฺเห;

ตฺวฺจ ตุจฺฉํ วิลปสิ, ยถา ตํ ทุมฺมตี ตถา’’ติ.

ตตฺถ สนฺตรมาโนวาติ ตุริโต วิย หุตฺวา. ลายิตฺวาติ ลุนิตฺวา. ลปสีติ วิลปสิ. คตสตฺตํ ชรคฺควนฺติ วิคตชีวิตํ ชิณฺณโคณํ. ยถา ตนฺติ เอตฺถ นฺติ นิปาตมตฺตํ, ยถา ทุมฺมติ อปฺปปฺโ วิลเปยฺย, ตถา ตฺวํ ตุจฺฉํ วิลปสีติ.

ตโต โพธิสตฺโต ทฺเว คาถา อภาสิ –

.

‘‘ตเถว ติฏฺติ สีสํ, หตฺถปาทา จ วาลธิ;

โสตา ตเถว ติฏฺนฺติ, มฺเ โคโณ สมุฏฺเห.

.

‘‘เนวยฺยกสฺส สีสฺจ, หตฺถปาทา จ ทิสฺสเร;

รุทํ มตฺติกถูปสฺมึ, นนุ ตฺวฺเว ทุมฺมตี’’ติ.

ตตฺถ ตเถวาติ ยถา ปุพฺเพ ิตํ, ตเถว ติฏฺติ. มฺเติ เอเตสํ สีสาทีนํ ตเถว ิตตฺตา อยํ โคโณ สมุฏฺเหยฺยาติ มฺามิ. เนวยฺยกสฺส สีสฺจาติ อยฺยกสฺส ปน สีสฺจ หตฺถปาทา จ น ทิสฺสนฺติ. ‘‘ปิฏฺิปาทา น ทิสฺสเร’’ติปิ ปาโ. นนุ ตฺวฺเว ทุมฺมตีติ อหํ ตาว สีสาทีนิ ปสฺสนฺโต เอวํ กโรมิ, ตฺวํ ปน น กิฺจิ ปสฺสสิ, ฌาปิตฏฺานโต อฏฺีนิ อาหริตฺวา มตฺติกาถูปํ กตฺวา ปริเทวสิ. อิติ มํ ปฏิจฺจ สตคุเณน สหสฺสคุเณน สตสหสฺสคุเณน นนุ ตฺวฺเว ทุมฺมติ. ภิชฺชนธมฺมา นาม สงฺขารา ภิชฺชนฺติ, ตตฺถ กา ปริเทวนาติ.

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺตสฺส ปิตา ‘‘มม ปุตฺโต ปณฺฑิโต อิธโลกปรโลกกิจฺจํ ชานาติ, มม สฺาปนตฺถาย เอตํ กมฺมํ อกาสี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘ตาต สุชาตปณฺฑิต, ‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา’ติ เม าตา, อิโต ปฏฺาย น โสจิสฺสามิ, ปิตุโสกหรณกปุตฺเตน นาม ตาทิเสน ภวิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ปุตฺตสฺส ถุตึ กโรนฺโต อาห –

๑๐.

‘‘อาทิตฺตํ วต มํ สนฺตํ, ฆตสิตฺตํว ปาวกํ;

วารินา วิย โอสิฺจํ, สพฺพํ นิพฺพาปเย ทรํ.

๑๑.

‘‘อพฺพหี วต เม สลฺลํ, ยมาสิ หทยสฺสิตํ;

โย เม โสกปเรตสฺส, ปิตุโสกํ อปานุทิ.

๑๒.

‘‘โสหํ อพฺพูฬฺหสลฺโลสฺมิ, วีตโสโก อนาวิโล;

น โสจามิ น โรทามิ, ตว สุตฺวาน มาณว.

๑๓.

‘‘เอวํ กโรนฺติ สปฺปฺา, เย โหนฺติ อนุกมฺปกา;

วินิวตฺเตนฺติ โสกมฺหา, สุชาโต ปิตรํ ยถา’’ติ.

ตตฺถ นิพฺพาปเยติ นิพฺพาปยิ. ทรนฺติ โสกทรถํ. สุชาโต ปิตรํ ยถาติ ยถา มม ปุตฺโต สุชาโต มํ ปิตรํ สมานํ อตฺตโน สปฺปฺตาย โสกมฺหา วินิวตฺตยิ, เอวํ อฺเปิ สปฺปฺา โสกมฺหา วินิวตฺตยนฺตีติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน กุฏุมฺพิโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา สุชาโต อหเมว อโหสินฺติ.

สุชาตชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๓๕๓] ๓. เวนสาขชาตกวณฺณนา

นยิทํ นิจฺจํ ภวิตพฺพนฺติ อิทํ สตฺถา ภคฺเคสุ สํสุมารคิรํ นิสฺสาย เภสกฬาวเน วิหรนฺโต โพธิราชกุมารํ อารพฺภ กเถสิ. โพธิราชกุมาโร นาม อุเทนสฺส รฺโ ปุตฺโต ตสฺมึ กาเล สํสุมารคิเร วสนฺโต เอกํ ปริโยทาตสิปฺปํ วฑฺฒกึ ปกฺโกสาเปตฺวา อฺเหิ ราชูหิ อสทิสํ กตฺวา โกกนทํ นาม ปาสาทํ การาเปสิ. การาเปตฺวา จ ปน ‘‘อยํ วฑฺฒกี อฺสฺสปิ รฺโ เอวรูปํ ปาสาทํ กเรยฺยา’’ติ มจฺฉรายนฺโต ตสฺส อกฺขีนิ อุปฺปาฏาเปสิ. เตนสฺส อกฺขีนํ อุปฺปาฏิตภาโว ภิกฺขุสงฺเฆ ปากโฏ ชาโต. ตสฺมา ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, โพธิราชกุมาโร กิร ตถารูปสฺส วฑฺฒกิโน อกฺขีนิ อุปฺปาฏาเปสิ, อโห กกฺขโฬ ผรุโส สาหสิโก’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส กกฺขโฬ ผรุโส สาหสิโกว. น เกวลฺจ อิทาเนว, ปุพฺเพเปส ขตฺติยสหสฺสานํ อกฺขีนิ อุปฺปาฏาเปตฺวา มาเรตฺวา เตสํ มํเสน พลิกมฺมํ กาเรสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตกฺกสิลายํ ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย อโหสิ. ชมฺพุทีปตเล ขตฺติยมาณวา พฺราหฺมณมาณวา จ ตสฺเสว สนฺติเก สิปฺปํ อุคฺคณฺหึสุ. พาราณสิรฺโ ปุตฺโต พฺรหฺมทตฺตกุมาโร นาม ตสฺส สนฺติเก ตโย เวเท อุคฺคณฺหิ. โส ปน ปกติยาปิ กกฺขโฬ ผรุโส สาหสิโก อโหสิ. โพธิสตฺโต องฺควิชฺชาวเสน ตสฺส กกฺขฬผรุสสาหสิกภาวํ ตฺวา ‘‘ตาต, ตฺวํ กกฺขโฬ ผรุโส สาหสิโก, ผรุเสน นาม ลทฺธํ อิสฺสริยํ อจิรฏฺิติกํ โหติ, โส อิสฺสริเย วินฏฺเ ภินฺนนาโว วิย สมุทฺเท ปติฏฺํ น ลภติ, ตสฺมา มา เอวรูโป อโหสี’’ติ ตํ โอวทนฺโต ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๔.

‘‘นยิทํ นิจฺจํ ภวิตพฺพํ พฺรหฺมทตฺต, เขมํ สุภิกฺขํ สุขตา จ กาเย;

อตฺถจฺจเย มา อหุ สมฺปมูฬฺโห, ภินฺนปฺลโว สาครสฺเสว มชฺเฌ.

๑๕.

‘‘ยานิ กโรติ ปุริโส, ตานิ อตฺตนิ ปสฺสติ;

กลฺยาณการี กลฺยาณํ, ปาปการี จ ปาปกํ;

ยาทิสํ วปเต พีชํ, ตาทิสํ หรเต ผล’’นฺติ.

ตตฺถ สุขตา จ กาเยติ ตาต พฺรหฺมทตฺต, ยเทตํ เขมํ วา สุภิกฺขํ วา ยา วา เอสา สุขตา กาเย, อิทํ สพฺพํ อิเมสํ สตฺตานํ นิจฺจํ สพฺพกาลเมว น ภวติ, อิทํ ปน อนิจฺจํ หุตฺวา อภาวธมฺมํ. อตฺถจฺจเยติ โส ตฺวํ อนิจฺจตาวเสน อิสฺสริเย วิคเต อตฺตโน อตฺถสฺส อจฺจเย ยถา นาม ภินฺนปฺลโว ภินฺนนาโว มนุสฺโส สาครมชฺเฌ ปติฏฺํ อลภนฺโต สมฺปมูฬฺโห โหติ, เอวํ มา อหุ สมฺปมูฬฺโห. ตานิ อตฺตนิ ปสฺสตีติ เตสํ กมฺมานํ วิปากํ วินฺทนฺโต ตานิ อตฺตนิ ปสฺสติ นาม.

โส อาจริยํ วนฺทิตฺวา พาราณสึ คนฺตฺวา ปิตุ สิปฺปํ ทสฺเสตฺวา โอปรชฺเช ปติฏฺาย ปิตุ อจฺจเยน รชฺชํ ปาปุณิ. ตสฺส ปิงฺคิโย นาม ปุโรหิโต อโหสิ กกฺขโฬ ผรุโส สาหสิโก. โส ยสโลเภน จินฺเตสิ ‘‘ยํนูนาหํ อิมินา รฺา สกลชมฺพุทีเป สพฺเพ ราชาโน คาหาเปยฺยํ, เอวเมส เอกราชา ภวิสฺสติ, อหมฺปิ เอกปุโรหิโต ภวิสฺสามี’’ติ. โส ตํ ราชานํ อตฺตโน กถํ คาหาเปสิ. ราชา มหติยา เสนาย นครา นิกฺขมิตฺวา เอกสฺส รฺโ นครํ รุนฺธิตฺวา ตํ ราชานํ คณฺหิ. เอเตนุปาเยน สกลชมฺพุทีเป รชฺชํ คเหตฺวา ราชสหสฺสปริวุโต ‘‘ตกฺกสิลายํ รชฺชํ คณฺหิสฺสามี’’ติ อคมาสิ. โพธิสตฺโต นครํ ปฏิสงฺขริตฺวา ปเรหิ อปฺปธํสิยํ อกาสิ.

พาราณสิราชา คงฺคานทีตีเร มหโต นิคฺโรธรุกฺขสฺส มูเล สาณึ ปริกฺขิปาเปตฺวา อุปริ วิตานํ การาเปตฺวา สยนํ ปฺเปตฺวา นิวาสํ คณฺหิ. โส ชมฺพุทีปตเล สหสฺสราชาโน คเหตฺวา ยุชฺฌมาโนปิ ตกฺกสิลํ คเหตุํ อสกฺโกนฺโต อตฺตโน ปุโรหิตํ ปุจฺฉิ ‘‘อาจริย, มยํ เอตฺตเกหิ ราชูหิ สทฺธึ อาคนฺตฺวาปิ ตกฺกสิลํ คเหตุํ น สกฺโกม, กึ นุ โข กาตพฺพ’’นฺติ. ‘‘มหาราช, สหสฺสราชูนํ อกฺขีนิ อุปฺปาเฏตฺวา มาเรตฺวา กุจฺฉึ ผาเลตฺวา ปฺจมธุรมํสํ อาทาย อิมสฺมึ นิคฺโรเธ อธิวตฺถาย เทวตาย พลิกมฺมํ กตฺวา อนฺตวฏฺฏีหิ รุกฺขํ ปริกฺขิปิตฺวา โลหิตปฺจงฺคุลิกานิ กโรม, เอวํ โน ขิปฺปเมว ชโย ภวิสฺสตี’’ติ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา อนฺโตสาณิยํ มหาพเล มลฺเล เปตฺวา เอกเมกํ ราชานํ ปกฺโกสาเปตฺวา นิปฺปีฬเนน วิสฺํ กาเรตฺวา อกฺขีนิ อุปฺปาเฏตฺวา มาเรตฺวา มํสํ อาทาย กเฬวรานิ คงฺคายํ ปวาเหตฺวา วุตฺตปฺปการํ พลิกมฺมํ กาเรตฺวา พลิเภรึ อาโกฏาเปตฺวา ยุทฺธาย คโต.

อถสฺส อฏฺฏาลกโต เอโก ยกฺโข อาคนฺตฺวา ทกฺขิณกฺขึ อุปฺปาเฏตฺวา อคมาสิ, อถสฺส มหตี เวทนา อุปฺปชฺชิ. โส เวทนาปฺปตฺโต อาคนฺตฺวา นิคฺโรธรุกฺขมูเล ปฺตฺตาสเน อุตฺตานโก นิปชฺชิ. ตสฺมึ ขเณ เอโก คิชฺโฌ เอกํ ติขิณโกฏิกํ อฏฺึ คเหตฺวา รุกฺขคฺเค นิสินฺโน มํสํ ขาทิตฺวา อฏฺึ วิสฺสชฺเชสิ, อฏฺิโกฏิ อาคนฺตฺวา รฺโ วามกฺขิมฺหิ อยสูลํ วิย ปติตฺวา อกฺขึ ภินฺทิ. ตสฺมึ ขเณ โพธิสตฺตสฺส วจนํ สลฺลกฺเขสิ. โส ‘‘อมฺหากํ อาจริโย ‘อิเม สตฺตา พีชานุรูปํ ผลํ วิย กมฺมานุรูปํ วิปากํ อนุโภนฺตี’ติ กเถนฺโต อิทํ ทิสฺวา กเถสิ มฺเ’’ติ วตฺวา วิลปนฺโต ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๖.

‘‘อิทํ ตทาจริยวโจ, ปาราสริโย ยทพฺรวิ;

‘มา สุ ตฺวํ อกริ ปาปํ, ยํ ตฺวํ ปจฺฉา กตํ ตเป’.

๑๗.

‘‘อยเมว โส ปิงฺคิย เวนสาโข, ยมฺหิ ฆาตยึ ขตฺติยานํ สหสฺสํ;

อลงฺกเต จนฺทนสารานุลิตฺเต, ตเมว ทุกฺขํ ปจฺจาคตํ มม’’นฺติ.

ตตฺถ อิทํ ตทาจริยวโจติ อิทํ ตํ อาจริยสฺส วจนํ. ปาราสริโยติ ตํ โคตฺเตน กิตฺเตติ. ปจฺฉา กตนฺติ ยํ ปาปํ ตยา กตํ, ปจฺฉา ตํ ตเปยฺย กิลเมยฺย, ตํ มา กรีติ โอวาทํ อทาสิ, อหํ ปนสฺส วจนํ น กรินฺติ. อยเมวาติ นิคฺโรธรุกฺขํ ทสฺเสนฺโต วิลปติ. เวนสาโขติ ปตฺถฏสาโข. ยมฺหิ ฆาตยินฺติ ยมฺหิ รุกฺเข ขตฺติยสหสฺสํ มาเรสึ. อลงฺกเต จนฺทนสารานุลิตฺเตติ ราชาลงฺกาเรหิ อลงฺกเต โลหิตจนฺทนสารานุลิตฺเต เต ขตฺติเย ยตฺถาหํ ฆาเตสึ , อยเมว โส รุกฺโข อิทานิ มยฺหํ กิฺจิ ปริตฺตาณํ กาตุํ น สกฺโกตีติ ทีเปติ. ตเมว ทุกฺขนฺติ ยํ มยา ปเรสํ อกฺขิอุปฺปาฏนทุกฺขํ กตํ, อิทํ เม ตเถว ปฏิอาคตํ, อิทานิ โน อาจริยสฺส วจนํ มตฺถกํ ปตฺตนฺติ ปริเทวติ.

โส เอวํ ปริเทวมาโน อคฺคมเหสึ อนุสฺสริตฺวา –

๑๘.

‘‘สามา จ โข จนฺทนลิตฺตคตฺตา, ลฏฺีว โสภฺชนกสฺส อุคฺคตา;

อทิสฺวา กาลํ กริสฺสามิ อุพฺพรึ, ตํ เม อิโต ทุกฺขตรํ ภวิสฺสตี’’ติ. –

คาถมาห –

ตสฺสตฺโถ – มม ภริยา สุวณฺณสามา อุพฺพรี ยถา นาม สิคฺคุรุกฺขสฺส อุชุ อุคฺคตา สาขา มนฺทมาลุเตริตา กมฺปมานา โสภติ, เอวํ อิตฺถิวิลาสํ กุรุมานา โสภติ, ตมหํ อิทานิ อกฺขีนํ ภินฺนตฺตา อุพฺพรึ อทิสฺวาว กาลํ กริสฺสามิ, ตํ เม ตสฺสา อทสฺสนํ อิโต มรณทุกฺขโตปิ ทุกฺขตรํ ภวิสฺสตีติ.

โส เอวํ วิลปนฺโตว มริตฺวา นิรเย นิพฺพตฺติ. น นํ อิสฺสริยลุทฺโธ ปุโรหิโต ปริตฺตาณํ กาตุํ สกฺขิ, น อตฺตโน อิสฺสริยํ. ตสฺมึ มตมตฺเตเยว พลกาโย ภิชฺชิตฺวา ปลายิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พาราณสิราชา โพธิราชกุมาโร อโหสิ, ปิงฺคิโย เทวทตฺโต, ทิสาปาโมกฺขาจริโย ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

เวนสาขชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๓๕๔] ๔. อุรคชาตกวณฺณนา

อุรโควตจํ ชิณฺณนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มตปุตฺตกํ กุฏุมฺพิกํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ปน มตภริยมตปิติกวตฺถุสทิสเมว. อิธาปิ ตเถว สตฺถา ตสฺส นิเวสนํ คนฺตฺวา ตํ อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นิสินฺนํ ‘‘กึ, อาวุโส, โสจสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต , ปุตฺตสฺส เม มตกาลโต ปฏฺาย โสจามี’’ติ วุตฺเต ‘‘อาวุโส, ภิชฺชนธมฺมํ นาม ภิชฺชติ, นสฺสนธมฺมํ นาม นสฺสติ, ตฺจ โข น เอกสฺมึเยว กุเล, นาปิ เอกสฺมิฺเว คาเม, อถ โข อปริมาเณสุ จกฺกวาเฬสุ ตีสุ ภเวสุ อมรณธมฺโม นาม นตฺถิ, ตพฺภาเวเนว าตุํ สมตฺโถ เอกสงฺขาโรปิ สสฺสโต นาม นตฺถิ, สพฺเพ สตฺตา มรณธมฺมา, สพฺเพ สงฺขารา ภิชฺชนธมฺมา, โปราณกปณฺฑิตาปิ ปุตฺเต มเต ‘มรณธมฺมํ มตํ, นสฺสนธมฺมํ นฏฺ’นฺติ น โสจึสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พาราณสิยํ ทฺวารคามเก พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา กุฏุมฺพํ สณฺเปตฺวา กสิกมฺเมน ชีวิกํ กปฺเปสิ. ตสฺส ปุตฺโต จ ธีตา จาติ ทฺเว ทารกา อเหสุํ. โส ปุตฺตสฺส วยปฺปตฺตสฺส สมานกุลโต กุมาริกํ อาหริตฺวา อทาสิ, อิติ เต ทาสิยา สทฺธึ ฉ ชนา อเหสุํ – โพธิสตฺโต, ภริยา, ปุตฺโต, ธีตา, สุณิสา, ทาสีติ. เต สมคฺคา สมฺโมทมานา ปิยสํวาสา อเหสุํ. โพธิสตฺโต เสสานํ ปฺจนฺนํ เอวํ โอวาทํ เทติ ‘‘ตุมฺเห ยถาลทฺธนิยาเมเนว ทานํ เทถ, สีลํ รกฺขถ, อุโปสถกมฺมํ กโรถ, มรณสฺสตึ ภาเวถ, ตุมฺหากํ มรณภาวํ สลฺลกฺเขถ, อิเมสฺหิ สตฺตานํ มรณํ ธุวํ, ชีวิตํ อทฺธุวํ, สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา ขยวยธมฺมิโนว, รตฺติฺจ ทิวา จ อปฺปมตฺตา โหถา’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ โอวาทํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อปฺปมตฺตา มรณสฺสตึ ภาเวนฺติ.

อเถกทิวสํ โพธิสตฺโต ปุตฺเตน สทฺธึ เขตฺตํ คนฺตฺวา กสติ. ปุตฺโต กจวรํ สงฺกฑฺฒิตฺวา ฌาเปติ. ตสฺสาวิทูเร เอกสฺมึ วมฺมิเก อาสีวิโส อตฺถิ. ธูโม ตสฺส อกฺขีนิ ปหริ. โส กุทฺโธ นิกฺขมิตฺวา ‘‘อิมํ นิสฺสาย มยฺหํ ภย’’นฺติ จตสฺโส ทาา นิมุชฺชาเปนฺโต ตํ ฑํสิ, โส ปริวตฺติตฺวา ปติโต. โพธิสตฺโต ปริวตฺติตฺวา ตํ ปติตํ ทิสฺวา โคเณ เปตฺวา คนฺตฺวา ตสฺส มตภาวํ ตฺวา ตํ อุกฺขิปิตฺวา เอกสฺมึ รุกฺขมูเล นิปชฺชาเปตฺวา ปารุปิตฺวา เนว โรทิ น ปริเทวิ – ‘‘ภิชฺชนธมฺมํ ปน ภินฺนํ, มรณธมฺมํ มตํ, สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา มรณนิปฺผตฺติกา’’ติ อนิจฺจภาวเมว สลฺลกฺเขตฺวา กสิ. โส เขตฺตสมีเปน คจฺฉนฺตํ เอกํ ปฏิวิสฺสกํ ปุริสํ ทิสฺวา ‘‘ตาต, เคหํ คจฺฉสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อามา’’ติ วุตฺเต เตน หิ อมฺหากมฺปิ ฆรํ คนฺตฺวา พฺราหฺมณึ วเทยฺยาสิ ‘‘อชฺช กิร ปุพฺเพ วิย ทฺวินฺนํ ภตฺตํ อนาหริตฺวา เอกสฺเสวาหารํ อาหเรยฺยาถ, ปุพฺเพ จ เอกิกาว ทาสี อาหารํ อาหรติ, อชฺช ปน จตฺตาโรปิ ชนา สุทฺธวตฺถนิวตฺถา คนฺธปุปฺผหตฺถา อาคจฺเฉยฺยาถา’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ คนฺตฺวา พฺราหฺมณิยา ตเถว กเถสิ. เกน เต, ตาต, อิมํ สาสนํ ทินฺนนฺติ. พฺราหฺมเณน , อยฺเยติ. สา ‘‘ปุตฺโต เม มโต’’ติ อฺาสิ, กมฺปนมตฺตมฺปิสฺสา นาโหสิ. เอวํ สุภาวิตจิตฺตา สุทฺธวตฺถนิวตฺถา คนฺธปุปฺผหตฺถา ทาสึ ปน อาหารํ อาหราเปตฺวา เสเสหิ สทฺธึ เขตฺตํ อคมาสิ. เอกสฺสปิ โรทิตํ วา ปริเทวิตํ วา นาโหสิ.

โพธิสตฺโต ปุตฺตสฺส นิปนฺนฉายายเมว นิสีทิตฺวา ภุฺชิ. ภุตฺตาวสาเน สพฺเพปิ ทารูนิ อุทฺธริตฺวา ตํ จิตกํ อาโรเปตฺวา คนฺธปุปฺเผหิ ปูเชตฺวา ฌาเปสุํ. เอกสฺส จ เอกพินฺทุปิ อสฺสุ นาโหสิ, สพฺเพปิ สุภาวิตมรณสฺสติโน โหนฺติ. เตสํ สีลเตเชน สกฺกสฺส อาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. โส ‘‘โก นุ โข มํ านา จาเวตุกาโม’’ติ อุปธาเรนฺโต เตสํ คุณเตเชน อุณฺหภาวํ ตฺวา ปสนฺนมานโส หุตฺวา ‘‘มยา เอเตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา สีหนาทํ นทาเปตฺวา สีหนาทปริโยสาเน เอเตสํ นิเวสนํ สตฺตรตนปริปุณฺณํ กตฺวา อาคนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ เวเคน ตตฺถ คนฺตฺวา อาฬาหนปสฺเส ิโต ‘‘ตาต, กึ กโรถา’’ติ อาห. ‘‘เอกํ มนุสฺสํ ฌาเปม, สามี’’ติ. ‘‘น ตุมฺเห มนุสฺสํ ฌาเปสฺสถ, เอกํ ปน มิคํ มาเรตฺวา ปจถ มฺเ’’ติ. ‘‘นตฺเถตํ สามิ, มนุสฺสเมว ฌาเปมา’’ติ. ‘‘เตน หิ เวริมนุสฺโส โว ภวิสฺสตี’’ติ. อถ นํ โพธิสตฺโต ‘‘โอรสปุตฺโต โน สามิ, น เวริโก’’ติ อาห. ‘‘เตน หิ โว อปฺปิยปุตฺโต ภวิสฺสตี’’ติ? ‘‘อติวิย ปิยปุตฺโต, สามี’’ติ. ‘‘อถ กสฺมา น โรทสี’’ติ? โส อโรทนการณํ กเถนฺโต ปมํ คาถมาห –

๑๙.

‘‘อุรโคว ตจํ ชิณฺณํ, หิตฺวา คจฺฉติ สํ ตนุํ;

เอวํ สรีเร นิพฺโภเค, เปเต กาลกเต สติ.

๒๐.

‘‘ฑยฺหมาโน น ชานาติ, าตีนํ ปริเทวิตํ;

ตสฺมา เอตํ น โสจามิ, คโต โส ตสฺส ยา คตี’’ติ.

ตตฺถ สํ ตนุนฺติ อตฺตโน สรีรํ. นิพฺโภเคติ ชีวิตินฺทฺริยสฺส อภาเวน โภครหิเต. เปเตติ ปรโลกํ ปฏิคเต. กาลกเตติ กตกาเล, มเตติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สามิ, มม ปุตฺโต ยถา นาม อุรโค ชิณฺณตจํ นิจฺฉินฺทิตฺวา อโนโลเกตฺวา อนเปกฺโข ฉฑฺเฑตฺวา คจฺเฉยฺย, เอวํ อตฺตโน สรีรํ ฉฑฺเฑตฺวา คจฺฉติ, ตสฺส ชีวิตินฺทฺริยรหิเต สรีเร เอวํ นิพฺโภเค ตสฺมิฺจ เม ปุตฺเต เปเต ปุน ปฏิคเต มรณกาลํ กตฺวา ิเต สติ โก การุฺเน วา ปริเทเวน วา อตฺโถ. อยฺหิ ยถา สูเลหิ วิชฺฌิตฺวา ฑยฺหมาโน สุขทุกฺขํ น ชานาติ, เอวํ าตีนํ ปริเทวิตมฺปิ น ชานาติ, เตน การเณนาหํ เอตํ น โสจามิ. ยา ตสฺส อตฺตโน คติ, ตํ โส คโตติ.

สกฺโก โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา พฺราหฺมณึ ปุจฺฉิ ‘‘อมฺม, ตุยฺหํ โส กึ โหตี’’ติ? ‘‘ทส มาเส กุจฺฉินา ปริหริตฺวา ถฺํ ปาเยตฺวา หตฺถปาเท สณฺเปตฺวา วฑฺฒิตปุตฺโต เม, สามี’’ติ. ‘‘อมฺม, ปิตา ตาว ปุริสภาเวน มา โรทตุ, มาตุ หทยํ ปน มุทุกํ โหติ, ตฺวํ กสฺมา น โรทสี’’ติ? สา อโรทนการณํ กเถนฺตี –

๒๑.

‘‘อนวฺหิโต ตโต อาคา, อนนุฺาโต อิโต คโต;

ยถาคโต ตถา คโต, ตตฺถ กา ปริเทวนา.

๒๒.

‘‘ฑยฺหมาโน น ชานาติ, าตีนํ ปริเทวิตํ;

ตสฺมา เอตํ น โสจามิ, คโต โส ตสฺส ยา คตี’’ติ. – คาถาทฺวยมาห –

ตตฺถ อนวฺหิโตติ อยํ ตาต มยา ปรโลกโต อนวฺหิโต อยาจิโต. อาคาติ อมฺหากํ เคหํ อาคโต. อิโตติ อิโต มนุสฺสโลกโต คจฺฉนฺโตปิ มยา อนนุฺาโตว คโต. ยถาคโตติ อาคจฺฉนฺโตปิ ยถา อตฺตโนว รุจิยา อาคโต, คจฺฉนฺโตปิ ตเถว คโต. ตตฺถาติ ตสฺมึ ตสฺส อิโต คมเน กา ปริเทวนา. ฑยฺหมาโนติ คาถา วุตฺตนเยน เวทิตพฺพา.

สกฺโก พฺราหฺมณิยา กถํ สุตฺวา ตสฺส ภคินึ ปุจฺฉิ ‘‘อมฺม, ตุยฺหํ โส กึ โหตี’’ติ? ‘‘ภาตา เม, สามี’’ติ. ‘‘อมฺม, ภคินิโย นาม ภาตูสุ สิเนหา โหนฺติ, ตฺวํ กสฺมา น โรทสี’’ติ? สา อโรทนการณํ กเถนฺตี –

๒๓.

‘‘สเจ โรเท กิสา อสฺสํ, ตสฺสา เม กึ ผลํ สิยา;

าติมิตฺตสุหชฺชานํ, ภิยฺโย โน อรตี สิยา.

๒๔.

ฑยฺหมาโน น ชานาติ, าตีนํ ปริเทวิตํ;

ตสฺมา เอตํ น โสจามิ, คโต โส ตสฺส ยา คตี’’ติ. – คาถาทฺวยมาห –

ตตฺถ สเจติ ยทิ อหํ ภาตริ มเต โรเทยฺยํ, กิสสรีรา อสฺสํ. ภาตุ ปน เม ตปฺปจฺจยา วุฑฺฒิ นาม นตฺถีติ ทสฺเสติ. ตสฺสา เมติ ตสฺสา มยฺหํ โรทนฺติยา กึ ผลํ โก อานิสํโส ภเวยฺย. มยฺหํ อวุทฺธิ ปน ปฺายตีติ ทีเปติ. าติมิตฺตสุหชฺชานนฺติ าติมิตฺตสุหทานํ . อยเมว วา ปาโ. ภิยฺโย โนติ เย อมฺหากํ าตี จ มิตฺตา จ สุหทยา จ, เตสํ อธิกตรา อรติ สิยา.

สกฺโก ภคินิยา กถํ สุตฺวา ภริยํ ปุจฺฉิ ‘‘อมฺม, ตุยฺหํ โส กึ โหตี’’ติ? ‘‘ปติ เม, สามี’’ติ. ‘‘อิตฺถิโย นาม ปติมฺหิ มเต วิธวา โหนฺติ อนาถา, ตฺวํ กสฺมา น โรทสี’’ติ. สาปิสฺส อโรทนการณํ กเถนฺตี –

๒๕.

‘‘ยถาปิ ทารโก จนฺทํ, คจฺฉนฺตมนุโรทติ;

เอวํสมฺปทเมเวตํ, โย เปตมนุโสจติ.

๒๖.

‘‘ฑยฺหมาโน น ชานาติ, าตีนํ ปริเทวิตํ;

ตสฺมา เอตํ น โสจามิ, คโต โส ตสฺส ยา คตี’’ติ. – คาถาทฺวยมาห –

ตสฺสตฺโถ – ยถา นาม ยตฺถ กตฺถจิ ยุตฺตายุตฺตํ ลพฺภนียาลพฺภนียํ อชานนฺโต พาลทารโก มาตุ อุจฺฉงฺเค นิสินฺโน ปุณฺณมาสิยํ ปุณฺณํ จนฺทํ อากาเส คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อมฺม, จนฺทํ เม เทหิ, อมฺม, จนฺทํ เม เทหี’’ติ ปุนปฺปุนํ โรทติ, เอวํสมฺปทเมเวตํ, เอวํนิปฺผตฺติกเมว เอตํ ตสฺส รุณฺณํ โหติ, โย เปตํ กาลกตํ อนุโสจติ. อิโตปิ จ พาลตรํ. กึการณา? โส หิ วิชฺชมานจนฺทํ อนุโรทติ, มยฺหํ ปน ปติ มโต เอตรหิ อวิชฺชมาโน สูเลหิ วิชฺฌิตฺวา ฑยฺหมาโนปิ น กิฺจิ ชานาตีติ.

สกฺโก ภริยาย วจนํ สุตฺวา ทาสึ ปุจฺฉิ ‘‘อมฺม, ตุยฺหํ โส กึ โหตี’’ติ? ‘‘อยฺโย เม, สามี’’ติ. ‘‘นนุ ตฺวํ อิมินา ปีเฬตฺวา โปเถตฺวา ปริภุตฺตา ภวิสฺสสิ, ตสฺมา ‘‘สุมุตฺตา อห’’นฺติ น โรทสี’’ติ. ‘สามิ, มา เอวํ อวจ, น เอตํ เอตสฺส อนุจฺฉวิกํ, ขนฺติเมตฺตานุทฺทยสมฺปนฺโน เม อยฺยปุตฺโต, อุเร สํวฑฺฒิตปุตฺโต วิย อโหสี’ติ. ‘‘อถ กสฺมา น โรทสี’’ติ? สาปิสฺส อโรทนการณํ กเถนฺตี –

๒๗.

‘‘ยถาปิ อุทกกุมฺโภ, ภินฺโน อปฺปฏิสนฺธิโย;

เอวํสมฺปทเมเวตํ, โย เปตมนุโสจติ.

๒๘.

‘‘ฑยฺหมาโน น ชานาติ, าตีนํ ปริเทวิตํ;

ตสฺมา เอตํ น โสจามิ, คโต โส ตสฺส ยา คตี’’ติ. – คาถาทฺวยมาห –

ตสฺสตฺโถ – ยถา นาม อุทกกุมฺโภ อุกฺขิปิยมาโน ปติตฺวา สตฺตธา ภินฺโน ปุน ตานิ กปาลานิ ปฏิปาฏิยา เปตฺวา สํวิทหิตฺวา ปฏิปากติกํ กาตุํ น สกฺโกติ, โย เปตมนุโสจติ, ตสฺสปิ เอตมนุโสจนํ เอวํนิปฺผตฺติกเมว โหติ, มตสฺส ปุน ชีวาเปตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา อิทฺธิมโต วา อิทฺธานุภาเวน ภินฺนํ กุมฺภํ สํวิทหิตฺวา อุทกสฺส ปูเรตุํ สกฺกา ภเวยฺย, กาลกโต ปน อิทฺธิพเลนาปิ น สกฺกา ปฏิปากติตํ กาตุนฺติ. อิตรา คาถา วุตฺตตฺถาเยว.

สกฺโก สพฺเพสํ ธมฺมกถํ สุตฺวา ปสีทิตฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ อปฺปมตฺเตหิ มรณสฺสติ ภาวิตา, ตุมฺเห อิโต ปฏฺาย สหตฺเถน กมฺมํ มา กริตฺถ, อหํ, สกฺโก เทวราชา, อหํ โว เคเห สตฺต รตนานิ อปริมาณานิ กริสฺสามิ, ตุมฺเห ทานํ เทถ , สีลํ รกฺขถ, อุโปสถกมฺมํ กโรถ, อปฺปมตฺตา โหถา’’ติ เตสํ โอวาทํ ทตฺวา เคหํ อปริมิตธนํ กตฺวา ปกฺกามิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน กุฏุมฺพิโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา ทาสี ขุชฺชุตฺตรา อโหสิ, ธีตา อุปฺปลวณฺณา, ปุตฺโต ราหุโล, มาตา เขมา, พฺราหฺมโณ ปน อหเมว อโหสินฺติ.

อุรคชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๓๕๕] ๕. ฆฏชาตกวณฺณนา

อฺเโสจนฺติ โรทนฺตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสลรฺโ เอกํ อมจฺจํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา กถิตสทิสเมว. อิธ ปน ราชา อตฺตโน อุปการสฺส อมจฺจสฺส มหนฺตํ ยสํ ทตฺวา ปริเภทกานํ กถํ คเหตฺวา ตํ พนฺธาเปตฺวา พนฺธนาคาเร ปเวเสสิ. โส ตตฺถ นิสินฺโนว โสตาปตฺติมคฺคํ นิพฺพตฺเตสิ. ราชา ตสฺส คุณํ สลฺลกฺเขตฺวา โมจาเปสิ. โส คนฺธมาลํ อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นิสีทิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘อนตฺโถ กิร เต อุปฺปนฺโน’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต, อนตฺเถน ปน เม อตฺโถ อาคโต, โสตาปตฺติมคฺโค นิพฺพตฺโต’’ติ วุตฺเต ‘‘น โข, อุปาสก, ตฺวฺเว อนตฺเถน อตฺถํ อาหริ, โปราณกปณฺฑิตาปิ อาหรึสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ, ‘‘ฆฏกุมาโร’’ติสฺส นามํ กรึสุ. โส อปเรน สมเยน ตกฺกสิลายํ อุคฺคหิตสิปฺโป ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ. ตสฺส อนฺเตปุเร เอโก อมจฺโจ ทุพฺภิ. โส ตํ ปจฺจกฺขโต ตฺวา รฏฺา ปพฺพาเชสิ. ตทา สาวตฺถิยํ ธงฺกราชา นาม รชฺชํ กาเรสิ. โส ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ อุปฏฺหิตฺวา เหฏฺา วุตฺตนเยน อตฺตโน วจนํ คาหาเปตฺวา พาราณสิรชฺชํ คณฺหาเปสิ. โสปิ รชฺชํ คเหตฺวา โพธิสตฺตํ สงฺขลิกาหิ พนฺธาเปตฺวา พนฺธนาคารํ ปเวเสสิ. โพธิสตฺโต ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสีทิ, ธงฺกสฺส สรีเร ฑาโห อุปฺปชฺชิ. โส คนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส สุวณฺณาทาสผุลฺลปทุมสสฺสิริกํ มุขํ ทิสฺวา โพธิสตฺตํ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –

๒๙.

‘‘อฺเ โสจนฺติ โรทนฺติ, อฺเ อสฺสุมุขา ชนา;

ปสนฺนมุขวณฺโณสิ, กสฺมา ฆฏ น โสจสี’’ติ.

ตตฺถ อฺเติ ตํ เปตฺวา เสสมนุสฺสา.

อถสฺส โพธิสตฺโต อโสจนการณํ กเถนฺโต จตสฺโส คาถา อภาสิ –

๓๐.

‘‘นาพฺภตีตหโร โสโก, นานาคตสุขาวโห;

ตสฺมา ธงฺก น โสจามิ, นตฺถิ โสเก ทุตียตา.

๓๑.

‘‘โสจํ ปณฺฑุ กิโส โหติ, ภตฺตฺจสฺส น รุจฺจติ;

อมิตฺตา สุมนา โหนฺติ, สลฺลวิทฺธสฺส รุปฺปโต.

๓๒.

‘‘คาเม วา ยทิ วารฺเ, นินฺเน วา ยทิ วา ถเล;

ิตํ มํ นาคมิสฺสติ, เอวํ ทิฏฺปโท อหํ.

๓๓.

‘‘ยสฺสตฺตา นาลเมโกว, สพฺพกามรสาหโร;

สพฺพาปิ ปถวี ตสฺส, น สุขํ อาวหิสฺสตี’’ติ.

ตตฺถ นาพฺภตีตหโรติ นาพฺภตีตาหาโร, อยเมว วา ปาโ. โสโก นาม อพฺภตีตํ อติกฺกนฺตํ นิรุทฺธํ อตฺถงฺคตํ ปุน นาหรติ. ทุตียตาติ สหายตา. อตีตาหรเณน วา อนาคตาหรเณน วา โสโก นาม กสฺสจิ สหาโย น โหติ, เตนาปิ การเณนาหํ น โสจามีติ วทติ. โสจนฺติ โสจนฺโต. สลฺลวิทฺธสฺส รุปฺปโตติ โสกสลฺเลน วิทฺธสฺส เตเนว ฆฏฺฏิยมานสฺส ‘‘ทิฏฺา วต โน ปจฺจามิตฺตสฺส ปิฏฺี’’ติ อมิตฺตา สุมนา โหนฺตีติ อตฺโถ.

ิตํ มํ นาคมิสฺสตีติ สมฺม ธงฺกราช, เอเตสุ คามาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ ิตํ มํ ปณฺฑุกิสภาวาทิกํ โสกมูลกํ พฺยสนํ น อาคมิสฺสติ. เอวํ ทิฏฺปโทติ ยถา ตํ พฺยสนํ นาคจฺฉติ, เอวํ มยา ฌานปทํ ทิฏฺํ. ‘‘อฏฺโลกธมฺมปท’’นฺติปิ วทนฺติเยว . ปาฬิยํ ปน ‘‘น มตฺตํ นาคมิสฺสตี’’ติ ลิขิตํ, ตํ อฏฺกถายํ นตฺถิ. ปริโยสานคาถาย อิจฺฉิตปตฺถิตตฺเถน ฌานสุขสงฺขาตํ สพฺพกามรสํ อาหรตีติ สพฺพกามรสาหโร. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺส รฺโ ปหาย อฺสหาเย อตฺตาว เอโก สพฺพกามรสาหโร นาลํ, สพฺพํ ฌานสุขสงฺขาตํ กามรสํ อาหริตุํ อสมตฺโถ, ตสฺส รฺโ สพฺพาปิ ปถวี น สุขํ อาวหิสฺสติ. กามาตุรสฺส หิ สุขํ นาม นตฺถิ, โย ปน กิเลสทรถรหิตํ ฌานสุขํ อาหริตุํ สมตฺโถ, โส ราชา สุขี โหตีติ. โย ปเนตาย คาถาย ‘‘ยสฺสตฺถา นาลเมโก’’ติปิ ปาโ, ตสฺสตฺโถ น ทิสฺสติ.

อิติ ธงฺโก อิมา จตสฺโส คาถา สุตฺวา โพธิสตฺตํ ขมาเปตฺวา รชฺชํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา ปกฺกามิ. โพธิสตฺโตปิ รชฺชํ อมจฺจานํ ปฏินิยฺยาเทตฺวา หิมวนฺตปเทสํ คนฺตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ธงฺกราชา อานนฺโท อโหสิ, ฆฏราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ฆฏชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๓๕๖] ๖. โกรณฺฑิยชาตกวณฺณนา

เอโก อรฺเติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ธมฺมเสนาปตึ อารพฺภ กเถสิ. เถโร กิร อาคตาคตานํ ทุสฺสีลานํ มิคลุทฺทกมจฺฉพนฺธาทีนํ ทิฏฺทิฏฺานฺเว ‘‘สีลํ คณฺหถ, สีลํ คณฺหถา’’ติ สีลํ เทติ. เต เถเร ครุภาเวน ตสฺส กถํ ภินฺทิตุํ อสกฺโกนฺตา สีลํ คณฺหนฺติ, คเหตฺวา จ ปน น รกฺขนฺติ, อตฺตโน อตฺตโน กมฺมเมว กโรนฺติ. เถโร สทฺธิวิหาริเก อามนฺเตตฺวา ‘‘อาวุโส, อิเม มนุสฺสา มม สนฺติเก สีลํ คณฺหึสุ, คณฺหิตฺวา จ ปน น รกฺขนฺตี’’ติ อาห. ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห เอเตสํ อรุจิยา สีลํ เทถ, เอเต ตุมฺหากํ กถํ ภินฺทิตุํ อสกฺโกนฺตา คณฺหนฺติ, ตุมฺเห อิโต ปฏฺาย เอวรูปานํ สีลํ มา อทตฺถา’’ติ. เถโร อนตฺตมโน อโหสิ. ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, สาริปุตฺตตฺเถโร กิร ทิฏฺทิฏฺานฺเว สีลํ เทตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส ทิฏฺทิฏฺานํ อยาจนฺตานฺเว สีลํ เทตี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ ทิสาปาโมกฺขสฺส อาจริยสฺส เชฏฺนฺเตวาสิโก โกรณฺฑิโย นาม อโหสิ. ตทา โส อาจริโย ทิฏฺทิฏฺานํ เกวฏฺฏาทีนํ อยาจนฺตานฺเว ‘‘สีลํ คณฺหถ, สีลํ คณฺหถา’’ติ สีลํ เทติ. เต คเหตฺวาปิ น รกฺขนฺติ อาจริโย ตมตฺถํ อนฺเตวาสิกานํ อาโรเจสิ. อนฺเตวาสิกา ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห เอเตสํ อรุจิยา สีลํ เทถ, ตสฺมา ภินฺทนฺติ, อิโต ทานิ ปฏฺาย ยาจนฺตานฺเว ทเทยฺยาถ, มา อยาจนฺตาน’’นฺติ วทึสุ. โส วิปฺปฏิสารี อโหสิ, เอวํ สนฺเตปิ ทิฏฺทิฏฺานํ สีลํ เทติเยว.

อเถกทิวสํ เอกสฺมา คามา มนุสฺสา อาคนฺตฺวา พฺราหฺมณวาจนกตฺถาย อาจริยํ นิมนฺตยึสุ. โส โกรณฺฑิยมาณวํ ปกฺโกสิตฺวา ‘‘ตาต, อหํ น คจฺฉามิ, ตฺวํ อิเม ปฺจสเต มาณเว คเหตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา วาจนกานิ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อมฺหากํ ทินฺนโกฏฺาสํ อาหรา’’ติ เปเสสิ. โส คนฺตฺวา ปฏินิวตฺตนฺโต อนฺตรามคฺเค เอกํ กนฺทรํ ทิสฺวา จินฺเตสิ ‘‘อมฺหากํ อาจริโย ทิฏฺทิฏฺานํ อยาจนฺตานฺเว สีลํ เทติ, อิโต ทานิ ปฏฺาย ยถา ยาจนฺตานฺเว เทติ, ตถา นํ กริสฺสามี’’ติ. โส เตสุ มาณเวสุ สุขนิสินฺเนสุ อุฏฺาย มหนฺตํ มหนฺตํ เสลํ อุกฺขิปิตฺวา กนฺทรายํ ขิปิ, ปุนปฺปุนํ ขิปิเยว. อถ นํ เต มาณวา อุฏฺาย ‘‘อาจริย, กึ กโรสี’’ติ อาหํสุ. โส น กิฺจิ กเถสิ, เต เวเคน คนฺตฺวา อาจริยสฺส อาโรเจสุํ. อาจริโย อาคนฺตฺวา เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ปมํ คาถมาห –

๓๔.

‘‘เอโก อรฺเ คิริกนฺทรายํ, ปคฺคยฺห ปคฺคยฺห สิลํ ปเวจฺฉสิ;

ปุนปฺปุนํ สนฺตรมานรูโป, โกรณฺฑิย โก นุ ตว ยิธตฺโถ’’ติ.

ตตฺถ โก นุ ตว ยิธตฺโถติ โก นุ ตว อิธ กนฺทรายํ สิลาขิปเนน อตฺโถ.

โส ตสฺส วจนํ สุตฺวา อาจริยํ ปโพเธตุกาโม ทุติยํ คาถมาห –

๓๕.

‘‘อหฺหิมํ สาครเสวิตนฺตํ, สมํ กริสฺสามิ ยถาปิ ปาณิ;

วิกิริย สานูนิ จ ปพฺพตานิ จ, ตสฺมา สิลํ ทริยา ปกฺขิปามี’’ติ.

ตตฺถ อหฺหิมนฺติ อหฺหิ อิมํ มหาปถวึ. สาครเสวิตนฺตนฺติ สาคเรหิ เสวิตํ จาตุรนฺตํ. ยถาปิ ปาณีติ หตฺถตลํ วิย สมํ กริสฺสามิ. วิกิริยาติ วิกิริตฺวา. สานูนิ จ ปพฺพตานิ จาติ ปํสุปพฺพเต จ สิลาปพฺพเต จ.

ตํ สุตฺวา พฺราหฺมโณ ตติยํ คาถมาห –

๓๖.

‘‘นยิมํ มหึ อรหติ ปาณิกปฺปํ, สมํ มนุสฺโส กรณาย เมโก;

มฺามิมฺเว ทรึ ชิคีสํ, โกรณฺฑิย หาหสิ ชีวโลก’’นฺติ.

ตตฺถ กรณาย เมโกติ กรณาย เอโก กาตุํ น สกฺโกตีติ ทีเปติ. มฺามิมฺเว ทรึ ชิคีสนฺติ อหํ มฺามิ ติฏฺตุ ปถวี, อิมฺเว เอกํ ทรึ ชิคีสํ ปูรณตฺถาย วายมนฺโต สิลา ปริเยสนฺโต อุปายํ วิจินนฺโตว ตฺวํ อิมํ ชีวโลกํ หาหสิ ชหิสฺสสิ, มริสฺสสีติ อตฺโถ.

ตํ สุตฺวา มาณโว จตุตฺถํ คาถมาห –

๓๗.

‘‘สเจ อยํ ภูตธรํ น สกฺกา, สมํ มนุสฺโส กรณาย เมโก;

เอวเมว ตฺวํ พฺรหฺเม อิเม มนุสฺเส, นานาทิฏฺิเก นานยิสฺสสิ เต’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – สเจ อยํ เอโก มนุสฺโส อิมํ ภูตธรํ ปถวึ สมํ กาตุํ น สกฺกา น สมตฺโถ, เอวเมว ตฺวํ อิเม ทุสฺสีลมนุสฺเส นานาทิฏฺิเก นานยิสฺสสิ, เต เอวํ ‘‘สีลํ คณฺหถ, สีลํ คณฺหถา’’ติ วทนฺโต อตฺตโน วสํ น อานยิสฺสสิ, ปณฺฑิตปุริสาเยว หิ ปาณาติปาตํ ‘‘อกุสล’’นฺติ ครหนฺติ. สํสารโมจกาทโย ปเนตฺถ กุสลสฺิโน, เต ตฺวํ กถํ อานยิสฺสสิ, ตสฺมา ทิฏฺทิฏฺานํ สีลํ อทตฺวา ยาจนฺตานฺเว เทหีติ.

ตํ สุตฺวา อาจริโย ‘‘ยุตฺตํ วทติ โกรณฺฑิโย, อิทานิ น เอวรูปํ กริสฺสามี’’ติ อตฺตโน วิรทฺธภาวํ ตฺวา ปฺจมํ คาถมาห –

๓๘.

‘‘สํขิตฺตรูเปน ภวํ มมตฺถํ, อกฺขาสิ โกรณฺฑิย เอวเมตํ;

ยถา น สกฺกา ปถวี สมายํ, กตฺตุํ มนุสฺเสน ตถา มนุสฺสา’’ติ.

ตตฺถ สมายนฺติ สมํ อยํ. เอวํ อาจริโย มาณวสฺส ถุตึ อกาสิ, โสปิ นํ โพเธตฺวา สยํ ฆรํ เนสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พฺราหฺมโณ สาริปุตฺโต อโหสิ, โกรณฺฑิยมาณโว ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

โกรณฺฑิยชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๓๕๗] ๗. ลฏุกิกชาตกวณฺณนา

วนฺทามิ ตํ กุฺชร สฏฺิหายนนฺติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. เอกสฺมิฺหิ ทิวเส ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, เทวทตฺโต กกฺขโฬ ผรุโส สาหสิโก, สตฺเตสุ กรุณามตฺตมฺปิสฺส นตฺถี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส นิกฺกรุโณเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต หตฺถิโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ปาสาทิโก มหากาโย อสีติสหสฺสวารณปริวาโร ยูถปติ หุตฺวา หิมวนฺตปเทเส วิหาสิ. ตทา เอกา ลฏุกิกา สกุณิกา หตฺถีนํ วิจรณฏฺาเน อณฺฑานิ นิกฺขิปิ, ตานิ ปริณตานิ ภินฺทิตฺวา สกุณโปตกา นิกฺขมึสุ. เตสุ อวิรุฬฺหปกฺเขสุ อุปฺปติตุํ อสกฺโกนฺเตสุเยว มหาสตฺโต อสีติสหสฺสวารณปริวุโต โคจราย จรนฺโต ตํ ปเทสํ ปตฺโต. ตํ ทิสฺวา ลฏุกิกา จินฺเตสิ ‘‘อยํ หตฺถิราชา มม โปตเก มทฺทิตฺวา มาเรสฺสติ, หนฺท นํ ปุตฺตกานํ ปริตฺตาณตฺถาย ธมฺมิการกฺขํ ยาจามี’’ติ. สา อุโภ ปกฺเข เอกโต กตฺวา ตสฺส ปุรโต ตฺวา ปมํ คาถมาห –

๓๙.

‘‘วนฺทามิ ตํ กุฺชร สฏฺิหายนํ, อารฺกํ ยูถปตึ ยสสฺสึ;

ปกฺเขหิ ตํ ปฺชลิกํ กโรมิ, มา เม วธี ปุตฺตเก ทุพฺพลายา’’ติ.

ตตฺถ สฏฺิหายนนฺติ สฏฺิวสฺสกาเล หายนพลํ. ยสสฺสินฺติ ปริวารสมฺปนฺนํ. ปกฺเขหิ ตํ ปฺจลิกํ กโรมีติ อหํ ปกฺเขหิ ตํ อฺชลิกํ กโรมีติ อตฺโถ.

มหาสตฺโต ‘‘มา จินฺตยิ ลฏุกิเก, อหํ เต ปุตฺตเก รกฺขิสฺสามี’’ติ สกุณโปตกานํ อุปริ ตฺวา อสีติยา หตฺถิสหสฺเสสุ คเตสุ ลฏุกิกํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ลฏุกิเก อมฺหากํ ปจฺฉโต เอโก เอกจาริโก หตฺถี อาคจฺฉติ, โส อมฺหากํ วจนํ น กริสฺสติ, ตสฺมึ อาคเต ตมฺปิ ยาจิตฺวา ปุตฺตกานํ โสตฺถิภาวํ กเรยฺยาสี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. สาปิ ตสฺส ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา อุโภหิ ปกฺเขหิ อฺชลึ กตฺวา ทุติยํ คาถมาห –

๔๐.

‘‘วนฺทามิ ตํ กุฺชร เอกจารึ, อารฺกํ ปพฺพตสานุโคจรํ;

ปกฺเขหิ ตํ ปฺชลิกํ กโรมิ, มา เม วธี ปุตฺตเก ทุพฺพลายา’’ติ.

ตตฺถ ปพฺพตสานุโคจรนฺติ ฆนเสลปพฺพเตสุ จ ปํสุปพฺพเตสุ จ โคจรํ คณฺหนฺตํ.

โส ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ตติยํ คาถมาห –

๔๑.

‘‘วธิสฺสามิ เต ลฏุกิเก ปุตฺตกานิ, กึ เม ตุวํ กาหสิ ทุพฺพลาสิ;

สตํ สหสฺสานิปิ ตาทิสีนํ, วาเมน ปาเทน ปโปถเยยฺย’’นฺติ.

ตตฺถ วธิสฺสามิ เตติ ตฺวํ กสฺมา มม วิจรณมคฺเค ปุตฺตกานิ เปสิ, ยสฺมา เปสิ, ตสฺมา วธิสฺสามิ เต ปุตฺตกานีติ วทติ. กึ เม ตุวํ กาหสีติ มยฺหํ มหาถามสฺส ตฺวํ ทุพฺพลา กึ กริสฺสสิ. ปโปถเยยฺยนฺติ อหํ ตาทิสานํ ลฏุกิกานํ สตสหสฺสมฺปิ วาเมน ปาเทน สฺจุณฺเณยฺยํ, ทกฺขิณปาเทน ปน กถาว นตฺถีติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา โส ตสฺสา ปุตฺตเก ปาเทน สฺจุณฺเณตฺวา มุตฺเตน ปวาเหตฺวา นทนฺโตว ปกฺกามิ. ลฏุกิกา รุกฺขสาขาย นิลียิตฺวา ‘‘อิทานิ ตาว วารณ นทนฺโต คจฺฉสิ, กติปาเหเนว เม กิริยํ ปสฺสิสฺสสิ, กายพลโต าณพลสฺส มหนฺตภาวํ น ชานาสิ, โหตุ, ชานาเปสฺสามิ น’’นฺติ ตํ สนฺตชฺชยมานาว จตุตฺถํ คาถมาห –

๔๒.

‘‘น เหว สพฺพตฺถ พเลน กิจฺจํ, พลฺหิ พาลสฺส วธาย โหติ;

กริสฺสามิ เต นาคราชา อนตฺถํ, โย เม วธี ปุตฺตเก ทุพฺพลายา’’ติ.

ตตฺถ พเลนาติ กายพเลน. อนตฺถนฺติ อวุฑฺฒึ. โย เมติ โย ตฺวํ มม ทุพฺพลาย ปุตฺตเก วธี ฆาเตสิ.

สา เอวํ วตฺวา กติปาหํ เอกํ กากํ อุปฏฺหิตฺวา เตน ตุฏฺเน ‘‘กึ เต กโรมี’’ติ วุตฺตา ‘‘สามิ, อฺํ เม กาตพฺพํ นตฺถิ, เอกสฺส ปน เอกจาริกวารณสฺส ตุณฺเฑน ปหริตฺวา ตุมฺเหหิ อกฺขีนิ ภินฺนานิ ปจฺจาสีสามี’’ติ อาห. สา เตน ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตา เอกํ นีลมกฺขิกํ อุปฏฺหิ. ตายปิ ‘‘กึ เต, กโรมี’’ติ วุตฺตา ‘‘อิมินา กาเกน เอกจาริกวารณสฺส อกฺขีสุ ภินฺเนสุ ตุมฺเหหิ ตตฺถ อาสาฏิกํ ปาเตตุํ อิจฺฉามี’’ติ วตฺวา ตายปิ ‘‘สาธู’’ติ วุตฺเต เอกํ มณฺฑูกํ อุปฏฺหิตฺวา เตน ‘‘กึ เต, กโรมี’’ติ วุตฺตา ‘‘ยทา เอกจาริกวารโณ อนฺโธ หุตฺวา ปานียํ ปริเยสติ, ตทา ปพฺพตมตฺถเก ิโต สทฺทํ กตฺวา ตสฺมึ ปพฺพตมตฺถกํ อภิรุหนฺเต โอตริตฺวา ปปาเต สทฺทํ กเรยฺยาถ, อหํ ตุมฺหากํ สนฺติกา เอตฺตกํ ปจฺจาสีสามี’’ติ อาห. โสปิ ตสฺสา วจนํ ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ.

อเถกทิวสํ กาโก วารณสฺส ทฺเวปิ อกฺขีนิ ตุณฺเฑน ภินฺทิ, นีลมกฺขิกา อาสาฏิกํ ปาเตสิ. โส ปุฬเวหิ ขชฺชนฺโต เวทนาปฺปตฺโต ปิปาสาภิภูโต ปานียํ ปริเยสมาโน วิจริ. ตสฺมึ กาเล มณฺฑูโก ปพฺพตมตฺถเก ตฺวา สทฺทมกาสิ. วารโณ ‘‘เอตฺถ ปานียํ ภวิสฺสตี’’ติ ปพฺพตมตฺถกํ อภิรุหิ. อถ มณฺฑูโก โอตริตฺวา ปปาเต ตฺวา สทฺทมกาสิ. วารโณ ‘‘เอตฺถ ปานียํ ภวิสฺสตี’’ติ ปปาตาภิมุโข คจฺฉนฺโต ปริคฬิตฺวา ปพฺพตปาเท ปติตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิ. ลฏุกิกา ตสฺส มตภาวํ ตฺวา ‘‘ทิฏฺา เม ปจฺจามิตฺตสฺส ปิฏฺี’’ติ หฏฺตุฏฺา ตสฺส ขนฺเธ จงฺกมิตฺวา ยถากมฺมํ คตา.

สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, เกนจิ สทฺธึ เวรํ นาม กาตพฺพํ, เอวํ พลสมฺปนฺนมฺปิ วารณํ อิเม จตฺตาโร ชนา เอกโต หุตฺวา วารณสฺส ชีวิตกฺขยํ ปาเปสุ’’นฺติ –

๔๓.

‘‘กากฺจ ปสฺส ลฏุกิกํ, มณฺฑูกํ นีลมกฺขิกํ;

เอเต นาคํ อฆาเตสุํ, ปสฺส เวรสฺส เวรินํ;

ตสฺมา หิ เวรํ น กยิราถ, อปฺปิเยนปิ เกนจี’’ติ. –

อิมํ อภิสมฺพุทฺธคาถํ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ.

ตตฺถ ปสฺสาติ อนิยามิตาลปนเมตํ, ภิกฺขู ปน สนฺธาย วุตฺตตฺตา ปสฺสถ ภิกฺขเวติ วุตฺตํ โหติ. เอเตติ เอเต จตฺตาโร เอกโต หุตฺวา. อฆาเตสุนฺติ ตํ วธึสุ. ปสฺส เวรสฺส เวรินนฺติ ปสฺสถ เวริกานํ เวรสฺส คตินฺติ อตฺโถ.

ตทา เอกจาริกหตฺถี เทวทตฺโต อโหสิ, ยูถปติ ปน อหเมว อโหสินฺติ.

ลฏุกิกชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๓๕๘] ๘. จูฬธมฺมปาลชาตกวณฺณนา

อหเมวทูสิยา ภูนหตาติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตสฺส วธาย ปริสกฺกนํ อารพฺภ กเถสิ. อฺเสุ ชาตเกสุ เทวทตฺโต โพธิสตฺตสฺส ตาสมตฺตมฺปิ กาตุํ นาสกฺขิ, อิมสฺมึ ปน จูฬธมฺมปาลชาตเก โพธิสตฺตสฺส สตฺตมาสิกกาเล หตฺถปาเท จ สีสฺจ เฉทาเปตฺวา อสิมาลกํ นาม กาเรสิ. ททฺทรชาตเก (ชา. ๑.๒.๔๓-๔๔) คีวํ คเหตฺวา มาเรตฺวา อุทฺธเน มํสํ ปจิตฺวา ขาทิ. ขนฺตีวาทีชาตเก (ชา. ๑.๔.๔๙ อาทโย) ทฺวีหิปิ กสาหิ ปหารสหสฺเสหิ ตาฬาเปตฺวา หตฺถปาเท จ กณฺณนาสฺจ เฉทาเปตฺวา ชฏาสุ คเหตฺวา กฑฺฒาเปตฺวา อุตฺตานกํ นิปชฺชาเปตฺวา อุเร ปาเทน ปหริตฺวา คโต. โพธิสตฺโต ตํ ทิวสํเยว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิ. จูฬนนฺทิยชาตเกปิ (ชา. ๑.๒.๑๔๓-๑๔๔) มหากปิชาตเกปิ (ชา. ๑.๗.๘๓ อาทโย) มาเรสิเยว. เอวเมว โส ทีฆรตฺตํ วธาย ปริสกฺกนฺโต พุทฺธกาเลปิ ปริสกฺกิเยว. อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, เทวทตฺโต พุทฺธานํ มารณตฺถเมว อุปายํ กโรติ, ‘สมฺมาสมฺพุทฺธํ มาราเปสฺสามี’ติ ธนุคฺคเห ปโยเชสิ, สิลํ ปวิชฺฌิ, นาฬาคิรึ วิสฺสชฺชาเปสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส มยฺหํ วธาย ปริสกฺกิเยว, อิทานิ ปน ตาสมตฺตมฺปิ กาตุํ น สกฺโกติ , ปุพฺเพ มํ จูฬธมฺมปาลกุมารกาเล อตฺตโน ปุตฺตํ สมานํ ชีวตกฺขยํ ปาเปตฺวา อสิมาลกํ กาเรสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ มหาปตาเป นาม รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา จนฺทาเทวิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ, ‘‘ธมฺมปาโล’’ติสฺส นามํ กรึสุ. ตเมนํ สตฺตมาสิกกาเล มาตา คนฺโธทเกน นฺหาเปตฺวา อลงฺกริตฺวา กีฬาปยมานา นิสีทิ. ราชา ตสฺสา วสนฏฺานํ อคมาสิ. สา ปุตฺตํ กีฬาปยมานา ปุตฺตสิเนเหน สมปฺปิตา หุตฺวา ราชานํ ปสฺสิตฺวาปิ น อุฏฺหิ. โส จินฺเตสิ ‘‘อยํ อิทาเนว ตาว ปุตฺตํ นิสฺสาย มานํ กโรติ, มํ กิสฺมิฺจิ น มฺติ, ปุตฺเต ปน วฑฺฒนฺเต มยิ ‘มนุสฺโส’ติปิ สฺํ น กริสฺสติ, อิทาเนว นํ ฆาเตสฺสามี’’ติ. โส นิวตฺติตฺวา ราชาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘อตฺตโน วิธาเนน อาคจฺฉตู’’ติ โจรฆาตกํ ปกฺโกสาเปสิ. โส กาสายวตฺถนิวตฺโถ รตฺตมาลาธโร ผรสุํ อํเส เปตฺวา อุปธานฆฏิกํ หตฺถปาทปนทณฺฑกฺจ อาทาย อาคนฺตฺวา ราชานํ วนฺทิตฺวา ‘‘กึ กโรมิ, เทวา’’ติ อฏฺาสิ. เทวิยา สิริคพฺภํ คนฺตฺวา ธมฺมปาลํ อาเนหีติ. เทวีปิ รฺโ กุชฺฌิตฺวา นิวตฺตนภาวํ ตฺวา โพธิสตฺตํ อุเร นิปชฺชาเปตฺวา โรทมานา นิสีทิ. โจรฆาตโก คนฺตฺวา ตํ ปิฏฺิยํ หตฺเถน ปหริตฺวา หตฺถโต กุมารํ อจฺฉินฺทิตฺวา อาทาย รฺโ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ‘‘กึ กโรมิ, เทวา’’ติ อาห. ราชา เอกํ ผลกํ อาหราเปตฺวา ปุรโต นิกฺขิปาเปตฺวา ‘‘อิธ นํ นิปชฺชาเปหี’’ติ อาห. โส ตถา อกาสิ.

จนฺทาเทวี ปุตฺตสฺส ปจฺฉโตว ปริเทวมานา อาคจฺฉิ. ปุน โจรฆาตโก ‘‘กึ กโรมี, เทวา’’ติ อาห. ธมฺมปาลสฺส หตฺเถ ฉินฺทาติ. จนฺทาเทวี ‘‘มหาราช, มม ปุตฺโต สตฺตมาสิโก พาลโก น กิฺจิ ชานาติ, นตฺเถตสฺส โทโส, โทโส ปน โหนฺโต มยิ ภเวยฺย, ตสฺมา มยฺหํ หตฺเถ เฉทาเปหี’’ติ อิมมตฺถํ ปกาเสนฺตี ปมํ คาถมาห –

๔๔.

‘‘อหเมว ทูสิยา ภูนหตา, รฺโ มหาปตาปสฺส;

เอตํ มุฺจตุ ธมฺมปาลํ, หตฺเถ เม เทว เฉเทหี’’ติ.

ตตฺถ ทูสิยาติ ทูสิกา, ตุมฺเห ทิสฺวา อนุฏฺหมานา โทสการิกาติ อตฺโถ. ‘‘ทูสิกา’’ติปิ ปาโ, อยเมวตฺโถ. ภูนหตาติ หตภูนา, หตวุฑฺฒีติ อตฺโถ. รฺโติ อิทํ ‘‘ทูสิยา’’ติ ปเทน โยเชตพฺพํ. อหํ รฺโ มหาปตาปสฺส อปราธการิกา, นายํ กุมาโร, ตสฺมา นิรปราธํ เอตํ พาลกํ มุฺจตุ ธมฺมปาลํ, สเจปิ หตฺเถ เฉทาเปตุกาโม, โทสการิกาย หตฺเถ เม, เทว, เฉเทหีติ อยเมตฺถ อตฺโถ.

ราชา โจรฆาตกํ โอโลเกสิ. ‘‘กึ กโรมิ, เทวา’’ติ? ‘‘ปปฺจํ อกตฺวา หตฺเถ เฉทา’’ติ. ตสฺมึ ขเณ โจรฆาตโก ติขิณผรสุํ คเหตฺวา กุมารสฺส ตรุณวํสกฬีเร วิย ทฺเว หตฺเถ ฉินฺทิ. โส ทฺวีสุ หตฺเถสุ ฉิชฺชมาเนสุ เนว โรทิ น ปริเทวิ, ขนฺติฺจ เมตฺตฺจ ปุเรจาริกํ กตฺวา อธิวาเสสิ. จนฺทา ปน เทวี ฉินฺนหตฺถโกฏึ คเหตฺวา อุจฺฉงฺเค กตฺวา โลหิตลิตฺตา ปริเทวมานา วิจริ. ปุน โจรฆาตโก ‘‘กึ กโรมิ, เทวา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ทฺเวปิ ปาเท ฉินฺทา’’ติ. ตํ สุตฺวา จนฺทาเทวี ทุติยํ คาถมาห –

๔๕.

‘‘อหเมว ทูสิยา ภูนหตา, รฺโ มหาปตาปสฺส;

เอตํ มุฺจตุ ธมฺมปาลํ, ปาเท เม เทว เฉเทหี’’ติ.

ตตฺถ อธิปฺปาโย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.

ราชาปิ ปุน โจรฆาตกํ อาณาเปสิ. โส อุโภปิ ปาเท ฉินฺทิ. จนฺทาเทวี ปาทโกฏิมฺปิ คเหตฺวา อุจฺฉงฺเค กตฺวา โลหิตลิตฺตา ปริเทวมานา ‘‘สามิ มหาปตาป, ฉินฺนหตฺถปาทา นาม ทารกา มาตรา โปเสตพฺพา โหนฺติ, อหํ ภตึ กตฺวา มม ปุตฺตกํ โปเสสฺสามิ, เทหิ เม เอต’’นฺติ อาห. โจรฆาตโก ‘‘กึ เทว กตา ราชาณา, นิฏฺิตํ มม กิจฺจ’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘น ตาว นิฏฺิต’’นฺติ. ‘‘อถ กึ กโรมิ, เทวา’’ติ? ‘‘สีสมสฺส ฉินฺทา’’ติ. ตํ สุตฺวา จนฺทาเทวี ตติยํ คาถมาห –

๔๖.

‘‘อหเมว ทูสิยา ภูนหตา, รฺโ มหาปตาปสฺส;

เอตํ มุฺจตุ ธมฺมปาลํ, สีสํ เม เทว เฉเทหี’’ติ.

วตฺวา จ ปน อตฺตโน สีสํ อุปเนสิ.

ปุน โจรฆาตโก ‘‘กึ กโรมิ, เทวา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สีสมสฺส ฉินฺทา’’ติ. โส สีสํ ฉินฺทิตฺวา ‘‘กตา, เทว, ราชาณา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘น ตาว กตา’’ติ. ‘‘อถ กึ กโรมิ, เทวา’’ติ? ‘‘อสิตุณฺเฑน นํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อสิมาลกํ นาม กโรหี’’ติ. โส ตสฺส กเฬวรํ อากาเส ขิปิตฺวา อสิตุณฺเฑน สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อสิมาลกํ นาม กตฺวา มหาตเล วิปฺปกิริ. จนฺทาเทวี โพธิสตฺตสฺส มํเส อุจฺฉงฺเค กตฺวา มหาตเล โรทมานา ปริเทวมานา อิมา คาถา อภาสิ –

๔๗.

‘‘น หิ นูนิมสฺส รฺโ, มิตฺตามจฺจา จ วิชฺชเร สุหทา;

เย น วทนฺติ ราชานํ, มา ฆาตยิ โอรสํ ปุตฺตํ.

๔๘.

‘‘น หิ นูนิมสฺส รฺโ, าตี มิตฺตา จ วิชฺชเร สุหทา;

เย น วทนฺติ ราชานํ, มา ฆาตยิ อตฺรชํ ปุตฺต’’นฺติ.

ตตฺถ มิตฺตามจฺจา จ วิชฺชเร สุหทาติ นูน อิมสฺส รฺโ ทฬฺหมิตฺตา วา สพฺพกิจฺเจสุ สหภาวิโน อมจฺจา วา มุทุหทยตาย สุหทา วา เกจิ น วิชฺชนฺติ. เย น วทนฺตีติ เย อธุนา อาคนฺตฺวา ‘‘อตฺตโน ปิยปุตฺตํ มา ฆาตยี’’ติ น วทนฺติ, อิมํ ราชานํ ปฏิเสเธนฺติ, เต นตฺถิเยวาติ มฺเ. ทุติยคาถายํ าตีติ าตกา.

อิมา ปน ทฺเว คาถา วตฺวา จนฺทาเทวี อุโภหิ หตฺเถหิ หทยมํสํ ธารยมานา ตติยํ คาถมาห –

๔๙.

‘‘จนฺทนสารานุลิตฺตา, พาหา ฉิชฺชนฺติ ธมฺมปาลสฺส;

ทายาทสฺส ปถพฺยา, ปาณา เม เทว รุชฺฌนฺตี’’ติ.

ตตฺถ ทายาทสฺส ปถพฺยาติ ปิตุสนฺตกาย จาตุรนฺตาย ปถวิยา ทายาทสฺส โลหิตจนฺทนสารานุลิตฺตา หตฺถา ฉิชฺชนฺติ, ปาทา ฉิชฺชนฺติ, สีสฺจ ฉิชฺชติ, อสิมาลโกปิ กโต, ตว วํสํ ปจฺฉินฺทิตฺวา คโตสิ ทานีติ เอวมาทีนิ วิลปนฺติ เอวมาห. ปาณา เม เทว รุชฺฌนฺตีติ เทว, มยฺหมฺปิ อิมํ โสกํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺติยา ชีวิตํ รุชฺฌตีติ.

ตสฺสา เอวํ ปริเทวมานาย เอว ฑยฺหมาเน เวฬุวเน เวฬุ วิย หทยํ ผลิ, สา ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปตฺตา. ราชาปิ ปลฺลงฺเก าตุํ อสกฺโกนฺโต มหาตเล ปติ, ปทรตลํ ทฺวิธา ภิชฺชิ, โส ตโตปิ ภูมิยํ ปติ. ตโต จตุนหุตาธิกทฺวิโยชนสตสหสฺสพหลาปิ ฆนปถวี ตสฺส อคุณํ ธาเรตุํ อสกฺโกนฺตี ภิชฺชิตฺวา วิวรมทาสิ, อวีจิโต ชาลา อุฏฺาย กุลทตฺติเกน กมฺพเลน ปริกฺขิปนฺตี วิย ตํ คเหตฺวา อวีจิมฺหิ ขิปิ. จนฺทาย จ โพธิสตฺตสฺส จ อมจฺจา สรีรกิจฺจํ กรึสุ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา เทวทตฺโต อโหสิ, จนฺทาเทวี มหาปชาปติโคตมี, ธมฺมปาลกุมาโร ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

จูฬธมฺมปาลชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๓๕๙] ๙. สุวณฺณมิคชาตกวณฺณนา

วิกฺกมเร หริปาทาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สาวตฺถิยํ เอกํ กุลธีตรํ อารพฺภ กเถสิ. สา กิร สาวตฺถิยํ ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ อุปฏฺากกุลสฺส ธีตา สทฺธา ปสนฺนา พุทฺธมามกา ธมฺมมามกา สงฺฆมามกา อาจารสมฺปนฺนา ปณฺฑิตา ทานาทิปุฺาภิรตา. ตํ อฺํ สาวตฺถิยเมว สมานชาติกํ มิจฺฉาทิฏฺิกกุลํ วาเรสิ. อถสฺสา มาตาปิตโร ‘‘อมฺหากํ ธีตา สทฺธา ปสนฺนา ตีณิ รตนานิ มมายติ ทานาทิปุฺาภิรตา, ตุมฺเห มิจฺฉาทิฏฺิกา อิมิสฺสาปิ ยถารุจิยา ทานํ วา ทาตุํ ธมฺมํ วา โสตุํ วิหารํ วา คนฺตุํ สีลํ วา รกฺขิตุํ อุโปสถกมฺมํ วา กาตุํ น ทสฺสถ, น มยํ ตุมฺหากํ เทม, อตฺตนา สทิสํ มิจฺฉาทิฏฺิกกุลาว กุมาริกํ คณฺหถา’’ติ อาหํสุ. เต เตหิ ปฏิกฺขิตฺตา ‘‘ตุมฺหากํ ธีตา อมฺหากํ ฆรํ คนฺตฺวา ยถาธิปฺปาเยน สพฺพเมตํ กโรตุ, มยํ น วาเรสฺสาม, เทถ โน เอต’’นฺติ วตฺวา ‘‘เตน หิ คณฺหถา’’ติ วุตฺตา ภทฺทเกน นกฺขตฺเตน มงฺคลํ กตฺวา ตํ อตฺตโน ฆรํ นยึสุ. สา วตฺตาจารสมฺปนฺนา ปติเทวตา อโหสิ, สสฺสุสสุรสามิกวตฺตานิ กตาเนว โหนฺติ.

สา เอกทิวสํ สามิกํ อาห – ‘‘อิจฺฉามหํ, อยฺยปุตฺต, อมฺหากํ กุลูปกตฺเถรานํ ทานํ ทาตุ’’นฺติ. สาธุ, ภทฺเท, ยถาชฺฌาสเยน ทานํ เทหีติ. สา เถเร นิมนฺตาเปตฺวา มหนฺตํ สกฺการํ กตฺวา ปณีตโภชนํ โภเชตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, อิมํ กุลํ มิจฺฉาทิฏฺิกํ อสฺสทฺธํ ติณฺณํ รตนานํ คุณํ น ชานาติ, สาธุ, อยฺยา, ยาว อิมํ กุลํ ติณฺณํ รตนานํ คุณํ ชานาติ, ตาว อิเธว ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ อาห. เถรา อธิวาเสตฺวา ตตฺถ นิพทฺธํ ภุฺชนฺติ. ปุน สามิกํ อาห ‘‘อยฺยปุตฺต, เถรา อิธ นิพทฺธํ อาคจฺฉนฺติ, กึการณา ตุมฺเห น ปสฺสถา’’ติ. ‘‘สาธุ, ปสฺสิสฺสามี’’ติ. สา ปุนทิวเส เถรานํ ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน ตสฺส อาโรเจสิ . โส อุปสงฺกมิตฺวา เถเรหิ สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถสฺส ธมฺมเสนาปติ ธมฺมกถํ กเถสิ. โส เถรสฺส ธมฺมกถาย จ อิริยาปเถสุ จ ปสีทิตฺวา ตโต ปฏฺาย เถรานํ อาสนํ ปฺเปติ, ปานียํ ปริสฺสาเวติ, อนฺตราภตฺเต ธมฺมกถํ สุณาติ, ตสฺส อปรภาเค มิจฺฉาทิฏฺิ ภิชฺชิ.

อเถกทิวสํ เถโร ทฺวินฺนมฺปิ ธมฺมกถํ กเถนฺโต สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน อุโภปิ ชยมฺปติกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ. ตโต ปฏฺาย ตสฺส มาตาปิตโร อาทึ กตฺวา อนฺตมโส ทาสกมฺมกราปิ สพฺเพ มิจฺฉาทิฏฺึ ภินฺทิตฺวา พุทฺธธมฺมสงฺฆมามกาเยว ชาตา. อเถกทิวสํ ทาริกา สามิกํ อาห – ‘‘อยฺยปุตฺต, กึ เม ฆราวาเสน, อิจฺฉามหํ ปพฺพชิตุ’’นฺติ. โส ‘‘สาธุ ภทฺเท, อหมฺปิ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ มหนฺเตน ปริวาเรน ตํ ภิกฺขุนุปสฺสยํ เนตฺวา ปพฺพาเชตฺวา สยมฺปิ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. ตํ สตฺถา ปพฺพาเชสิ. อุโภปิ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา น จิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อสุกา นาม ทหรภิกฺขุนี อตฺตโน เจว ปจฺจยา ชาตา สามิกสฺส จ, อตฺตนาปิ ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา ตมฺปิ ปาเปสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว ตาว เอสา สามิกํ ราคปาสา โมเจสิ, ปุพฺเพเปสา โปราณกปณฺฑิเต ปน มรณปาสา โมเจสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต มิคโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต อภิรูโป อโหสิ ปาสาทิโก ทสฺสนีโย สุวณฺณวณฺโณ ลาขารสปริกมฺมกเตหิ วิย หตฺถปาเทหิ รชตทามสทิเสหิ วิสาเณหิ มณิคุฬิกปฏิภาเคหิ อกฺขีหิ รตฺตกมฺพลเคณฺฑุสทิเสน มุเขน สมนฺนาคโต. ภริยาปิสฺส ตรุณมิคี อภิรูปา อโหสิ ทสฺสนียา. เต สมคฺควาสํ วสึสุ, อสีติสหสฺสจิตฺรมิคา โพธิสตฺตํ อุปฏฺหึสุ. ตทา ลุทฺทกา มิควีถีสุ ปาเส โอฑฺเฑสุํ. อเถกทิวสํ โพธิสตฺโต มิคานํ ปุรโต คจฺฉนฺโต ปาเท ปาเสน พชฺฌิตฺวา ‘‘ฉินฺทิสฺสามิ น’’นฺติ อากฑฺฒิ, จมฺมํ ฉิชฺชิ, ปุน อากฑฺฒนฺตสฺส มํสํ ฉิชฺชิ, ปุน นฺหารุ ฉิชฺชิ, ปาโส อฏฺิมาหจฺจ อฏฺาสิ. โส ปาสํ ฉินฺทิตุํ อสกฺโกนฺโต มรณภยตชฺชิโต พทฺธรวํ รวิ. ตํ สุตฺวา ภีโต มิคคโณ ปลายิ. ภริยา ปนสฺส ปลายิตฺวา มิคานํ อนฺตเร โอโลเกนฺตี ตํ อทิสฺวา ‘‘อิทํ ภยํ มยฺหํ ปิยสามิกสฺส อุปฺปนฺนํ ภวิสฺสตี’’ติ เวเคน ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อสฺสุมุขี โรทมานา ‘‘สามิ , ตฺวํ มหพฺพโล, กึ เอตํ ปาสํ สนฺธาเรตุํ น สกฺขิสฺสสิ, เวคํ ชเนตฺวา ฉินฺทาหิ น’’นฺติ ตสฺส อุสฺสาหํ ชเนนฺตี ปมํ คาถมาห –

๕๐.

‘‘วิกฺกม เร หริปาท, วิกฺกม เร มหามิค;

ฉินฺท วารตฺติกํ ปาสํ, นาหํ เอกา วเน รเม’’ติ.

ตตฺถ วิกฺกมาติ ปรกฺกม, อากฑฺฒาติ อตฺโถ. เรติ อามนฺตเน นิปาโต. หริปาทาติ สุวณฺณปาท. สกลสรีรมฺปิ ตสฺส สุวณฺณวณฺณํ, อยํ ปน คารเวเนวมาห. นาหํ เอกาติ อหํ ตยา วินา เอกิกา วเน น รมิสฺสามิ, ติโณทกํ ปน อคฺคเหตฺวา สุสฺสิตฺวา มริสฺสามีติ ทสฺเสติ.

ตํ สุตฺวา มิโค ทุติยํ คาถมาห –

๕๑.

‘‘วิกฺกมามิ น ปาเรมิ, ภูมึ สุมฺภามิ เวคสา;

ทฬฺโห วารตฺติโก ปาโส, ปาทํ เม ปริกนฺตตี’’ติ.

ตตฺถ วิกฺกมามีติ ภทฺเท, อหํ วีริยํ กโรมิ. น ปาเรมีติ ปาสํ ฉินฺทิตุํ ปน น สกฺโกมีติ อตฺโถ. ภูมึ สุมฺภามีติ อปิ นาม ฉิชฺเชยฺยาติ ปาเทนาปิ ภูมึ ปหรามิ. เวคสาติ เวเคน. ปริกนฺตตีติ จมฺมาทีนิ ฉินฺทนฺโต สมนฺตา กนฺตตีติ.

อถ นํ มิคี ‘‘มา ภายิ, สามิ, อหํ อตฺตโน พเลน ลุทฺทกํ ยาจิตฺวา ตว ชีวิตํ อาหริสฺสามิ. สเจ ยาจนาย น สกฺขิสฺสามิ, มม ชีวิตมฺปิ ทตฺวา ตว ชีวิตํ อาหริสฺสามี’’ติ มหาสตฺตํ อสฺสาเสตฺวา โลหิตลิตฺตํ โพธิสตฺตํ ปริคฺคเหตฺวา อฏฺาสิ. ลุทฺทโกปิ อสิฺจ สตฺติฺจ คเหตฺวา กปฺปุฏฺานคฺคิ วิย อาคจฺฉติ. สา ตํ ทิสฺวา ‘‘สามิ, ลุทฺทโก อาคจฺฉติ, อหํ อตฺตโน พลํ กริสฺสามิ, ตฺวํ มา ภายี’’ติ มิคํ อสฺสาเสตฺวา ลุทฺทกสฺส ปฏิปถํ คนฺตฺวา ปฏิกฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ ิตา ตํ วนฺทิตฺวา ‘‘สามิ, มม สามิโก สุวณฺณวณฺโณ สีลาจารสมฺปนฺโน, อสีติสหสฺสานํ มิคานํ ราชา’’ติ โพธิสตฺตสฺส คุณํ กเถตฺวา มิคราเช ิเตเยว อตฺตโน วธํ ยาจนฺตี ตติยํ คาถมาห –

๕๒.

‘‘อตฺถรสฺสุ ปลาสานิ, อสึ นิพฺพาห ลุทฺทก;

ปมํ มํ วธิตฺวาน, หน ปจฺฉา มหามิค’’นฺติ.

ตตฺถ ปลาสานีติ มํสฏฺปนตฺถํ ปลาสปณฺณานิ อตฺถรสฺสุ. อสึ นิพฺพาหาติ อสึ โกสโต นีหร.

ตํ สุตฺวา ลุทฺทโก ‘‘มนุสฺสภูตา ตาว สามิกสฺส อตฺถาย อตฺตโน ชีวิตํ น ปริจฺจชนฺติ, อยํ ติรจฺฉานคตา ชีวิตํ ปริจฺจชติ, มนุสฺสภาสาย จ มธุเรน สเรน กเถติ, อชฺช อิมิสฺสา จ ปติโน จสฺสา ชีวิตํ ทสฺสามี’’ติ ปสนฺนจิตฺโต จตุตฺถํ คาถมาห –

๕๓.

‘‘น เม สุตํ วา ทิฏฺํ วา, ภาสนฺตึ มานุสึ มิคึ;

ตฺวฺจ ภทฺเท สุขี โหหิ, เอโส จาปิ มหามิโค’’ติ.

ตตฺถ สุตํ วา ทิฏฺํ วาติ มยา อิโต ปุพฺเพ เอวรูปํ ทิฏฺํ วา สุตํ วา นตฺถิ. ภาสนฺตึ มานุสึ มิคินฺติ อหฺหิ อิโต ปุพฺเพ มานุสึ วาจํ ภาสนฺตึ มิคึ เนว อทฺทสํ น อสฺโสสึ. เยสํ ปน ‘‘น เม สุตา วา ทิฏฺา วา, ภาสนฺตี มานุสี มิคี’’ติ ปาฬิ, เตสํ ยถาปาฬิเมว อตฺโถ ทิสฺสติ. ภทฺเทติ ภทฺทเก ปณฺฑิเก อุปายกุสเล. อิติ ตํ อาลปิตฺวา ปุน ‘‘ตฺวฺจ เอโส จาปิ มหามิโคติ ทฺเวปิ ชนา สุขี นิทฺทุกฺขา โหถา’’ติ ตํ สมสฺสาเสตฺวา ลุทฺทโก โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วาสิยา จมฺมปาสํ ฉินฺทิตฺวา ปาเท ลคฺคปาสกํ สณิกํ นีหริตฺวา นฺหารุนา นฺหารุํ, มํเสน มํสํ, จมฺเมน จมฺมํ ปฏิปาเฏตฺวา ปาทํ หตฺเถน ปริมชฺชิ. ตงฺขณฺเว มหาสตฺตสฺส ปูริตปารมิตานุภาเวน ลุทฺทกสฺส จ เมตฺตจิตฺตานุภาเวน มิคิยา จ เมตฺตธมฺมานุภาเวน นฺหารุมํสจมฺมานิ นฺหารุมํสจมฺเมหิ ฆฏยึสุ. โพธิสตฺโต ปน สุขี นิทฺทุกฺโข อฏฺาสิ.

มิคี โพธิสตฺตํ สุขิตํ ทิสฺวา โสมนสฺสชาตา ลุทฺทกสฺส อนุโมทนํ กโรนฺตี ปฺจมํ คาถมาห –

๕๔.

‘‘เอวํ ลุทฺทก นนฺทสฺสุ, สห สพฺเพหิ าติภิ;

ยถาหมชฺช นนฺทามิ, มุตฺตํ ทิสฺวา มหามิค’’นฺติ.

ตตฺถ ลุทฺทกาติ ทารุณกมฺมกิริยาย ลทฺธนามวเสน อาลปติ.

โพธิสตฺโต ‘‘อยํ ลุทฺโท มยฺหํ อวสฺสโย ชาโต, มยาปิสฺส อวสฺสเยเนว ภวิตุํ วฏตี’’ติ โคจรภูมิยํ ทิฏฺํ เอกํ มณิกฺขนฺธํ ตสฺส ทตฺวา ‘‘สมฺม, อิโต ปฏฺาย ปาณาติปาตาทีนิ มา กริ, อิมินา กุฏุมฺพํ สณฺเปตฺวา ทารเก โปเสนฺโต ทานสีลาทีนิ ปุฺานิ กโรหี’’ติ ตสฺโสวาทํ ทตฺวา อรฺํ ปาวิสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ลุทฺทโก ฉนฺโน อโหสิ, มิคี ทหรภิกฺขุนี, มิคราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สุวณฺณมิคชาตกวณฺณนา นวมา.

[๓๖๐] ๑๐. สุโยนนฺทีชาตกวณฺณนา

วาติ คนฺโธ ติมิรานนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘กึ ทิสฺวา’’ติ วตฺวา ‘‘อลงฺกตมาตุคาม’’นฺติ วุตฺเต ‘‘มาตุคาโม นาเมส ภิกฺขุ น สกฺกา รกฺขิตุํ, โปราณกปณฺฑิตา สุปณฺณภวเน กตฺวา รกฺขนฺตาปิ รกฺขิตุํ นาสกฺขึสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ ตมฺพราชา นาม รชฺชํ กาเรสิ. ตสฺส สุโยนนฺที นาม อคฺคมเหสี อโหสิ อุตฺตมรูปธรา. ตทา โพธิสตฺโต สุปณฺณโยนิยํ นิพฺพตฺติ, ตสฺมึ กาเล นาคทีโป เสทุมทีโป นาม อโหสิ. โพธิสตฺโต ตสฺมึ ทีเป สุปณฺณภวเน วสติ. โส พาราณสึ คนฺตฺวา ตมฺพราเชน สทฺธึ มาณวกเวเสน ชูตํ กีฬติ. ตสฺส รูปสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ปริจาริกา ‘‘อมฺหากํ รฺา สทฺธึ เอวรูโป นาม มาณวโก ชูตํ กีฬตี’’ติ สุโยนนฺทิยา อาโรเจสุํ. สา สุตฺวา ตํ ทฏฺุกามา หุตฺวา เอกทิวสํ อลงฺกริตฺวา ชูตมณฺฑลํ อาคนฺตฺวา ปริจาริกานํ อนฺตเร ิตา นํ โอโลเกสิ. โสปิ เทวึ โอโลเกสิ. ทฺเวปิ อฺมฺํ ปฏิพทฺธจิตฺตา อเหสุํ. สุปณฺณราชา อตฺตโน อานุภาเวน นคเร วาตํ สมุฏฺาเปสิ, เคหปตนภเยน ราชนิเวสนา มนุสฺสา นิกฺขมึสุ. โส อตฺตโน อานุภาเวน อนฺธการํ กตฺวา เทวึ คเหตฺวา อากาเสน อาคนฺตฺวา นาคทีเป อตฺตโน ภวนํ ปาวิสิ สุโยนนฺทิยา คตฏฺานํ ชานนฺตา นาม นาเหสุํ. โส ตาย สทฺธึ อภิรมมาโน คนฺตฺวา รฺา สทฺธึ ชูตํ กีฬติ.

รฺโ ปน สคฺโค นาม คนฺธพฺโพ อตฺถิ, โส เทวิยา คตฏฺานํ อชานนฺโต ตํ คนฺธพฺพํ อามนฺเตตฺวา ‘‘คจฺฉ, ตาต, คนฺธพฺพ สพฺพํ ถลชลปถํ อนุวิจริตฺวา เทวิยา คตฏฺานํ ปสฺสา’’ติ อุยฺโยเชสิ. โส ปริพฺพยํ คเหตฺวา ทฺวารคามโต ปฏฺาย วิจินนฺโต กุรุกจฺฉํ ปาปุณิ. ตทา กุรุกจฺฉวาณิชา นาวาย สุวณฺณภูมึ คจฺฉนฺติ. โส เต อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อหํ คนฺธพฺโพ นาวาย เวตนํ ขณฺเฑตฺวา ตุมฺหากํ คนฺธพฺพํ กริสฺสามิ, มมฺปิ เนถา’’ติ อาห. เต ‘‘สาธู’’ติ ตมฺปิ อาโรเปตฺวา นาวํ วิสฺสชฺเชสุํ. เต สุขปยาตาย นาวาย ตํ ปกฺโกสิตฺวา ‘‘คนฺธพฺพํ โน กโรหี’’ติ อาหํสุ. ‘‘อหํ เจ คนฺธพฺพํ กเรยฺยํ, มยิ ปน คนฺธพฺพํ กโรนฺเต มจฺฉา จลิสฺสนฺติ, อถ โว นาโว ภิชฺชิสฺสตี’’ติ. ‘‘มนุสฺสมตฺเต คนฺธพฺพํ กโรนฺเต มจฺฉานํ จลนํ นาม นตฺถิ, กโรหี’’ติ. ‘‘เตน หิ มา มยฺหํ กุชฺฌิตฺถา’’ติ วีณํ มุจฺฉิตฺวา ตนฺติสฺสเรน คีตสฺสรํ, คีตสฺสเรน ตนฺติสฺสรํ อนติกฺกมิตฺวา คนฺธพฺพํ อกาสิ. เตน สทฺเทน สมฺมตฺตา หุตฺวา มจฺฉา จลึสุ.

อเถโก มกโร อุปฺปติตฺวา นาวาย ปตนฺโต นาวํ ภินฺทิ. สคฺโค ผลเก นิปชฺชิตฺวา ยถาวาตํ คจฺฉนฺโต นาคทีเป สุปณฺณภวนสฺส นิคฺโรธรุกฺขสฺส สนฺติกํ ปาปุณิ. สุโยนนฺทีปิ เทวี สุปณฺณราชสฺส ชูตํ กีฬิตุํ คตกาเล วิมานา โอตริตฺวา เวลนฺเต วิจรนฺตี สคฺคํ คนฺธพฺพํ ทิสฺวา สฺชานิตฺวา ‘‘กถํ อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส สพฺพํ กเถสิ. ‘‘เตน หิ มา ภายี’’ติ ตํ อสฺสาเสตฺวา พาหาหิ ปริคฺคเหตฺวา วิมานํ อาโรเปตฺวา สยนปิฏฺเ นิปชฺชาเปตฺวา สมสฺสตฺถกาเล ทิพฺพโภชนํ ทตฺวา ทิพฺพคนฺโธทเกน นฺหาเปตฺวา ทิพฺพวตฺเถหิ อจฺฉาเทตฺวา ทิพฺพคนฺธปุปฺเผหิ อลงฺกริตฺวา ปุน ทิพฺพสยเน นิปชฺชาเปสิ. เอวํ ทิวสํ ปริคฺคหมานา สุปณฺณรฺโ อาคมนเวลาย ปฏิจฺฉาเทตฺวา คตกาเล เตน สทฺธึ กิเลสวเสน อภิรมิ. ตโต มาสทฺธมาสจฺจเยน พาราณสิวาสิโน วาณิชา ทารุทกคหณตฺถาย ตสฺมึ ทีเป นิคฺโรธรุกฺขมูลํ สมฺปตฺตา. โส เตหิ สทฺธึ นาวํ อภิรุยฺห พาราณสึ คนฺตฺวา ราชานํ ทิสฺวาว ตสฺส ชูตกีฬนเวลาย วีณํ คเหตฺวา รฺโ คนฺธพฺพํ กโรนฺโต ปมํ คาถมาห –

๕๕.

‘‘วาติ คนฺโธ ติมิรานํ, กุสมุทฺโท จ โฆสวา;

ทูเร อิโต สุโยนนฺที, ตมฺพ กามา ตุทนฺติ ม’’นฺติ.

ตตฺถ ติมิรานนฺติ ติมิรรุกฺขปุปฺผานํ. ตํ กิร นิคฺโรธํ ปริวาเรตฺวา ติมิรรุกฺขา อตฺถิ, เต สนฺธาเยวํ วทติ. กุสมุทฺโทติ ขุทฺทกสมุทฺโท. โฆสวาติ มหารโว. ตสฺเสว นิคฺโรธสฺส สนฺติเก สมุทฺทํ สนฺธาเยวมาห. อิโตติ อิมมฺหา นครา. ตมฺพาติ ราชานํ อาลปติ. อถ วา ตมฺพกามาติ ตมฺเพน กามิตกามา ตมฺพกามา นาม. เต มํ หทเย วิชฺฌนฺตีติ ทีเปติ.

ตํ สุตฺวา สุปณฺโณ ทุติยํ คาถมาห –

๕๖.

‘‘กถํ สมุทฺทมตริ, กถํ อทฺทกฺขิ เสทุมํ;

กถํ ตสฺสา จ ตุยฺหฺจ, อหุ สคฺค สมาคโม’’ติ.

ตตฺถ เสทุมนฺติ เสทุมทีปํ.

ตโต สคฺโค ติสฺโส คาถา อภาสิ –

๕๗.

‘‘กุรุกจฺฉา ปยาตานํ, วาณิชานํ ธเนสินํ;

มกเรหิ อภิทา นาวา, ผลเกนาหมปฺลวึ.

๕๘.

‘‘สา มํ สณฺเหน มุทุนา, นิจฺจํ จนฺทนคนฺธินี;

องฺเคน อุทฺธรี ภทฺทา, มาตา ปุตฺตํว โอรสํ.

๕๙.

‘‘สา มํ อนฺเนน ปาเนน, วตฺเถน สยเนน จ;

อตฺตนาปิ จ มนฺทกฺขี, เอวํ ตมฺพ วิชานหี’’ติ.

ตตฺถ สา มํ สณฺเหน มุทุนาติ เอวํ ผลเกน ตีรํ อุตฺติณฺณํ มํ สมุทฺทตีเร วิจรนฺตี สา ทิสฺวา ‘‘มา ภายี’’ติ สณฺเหน มุทุนา วจเนน สมสฺสาเสตฺวาติ อตฺโถ. องฺเคนาติ พาหุยุคฬํ อิธ ‘‘องฺเคนา’’ติ วุตฺตํ. ภทฺทาติ ทสฺสนียา ปาสาทิกา. สา มํ อนฺเนนาติ สา มํ เอเตน อนฺนาทินา สนฺตปฺเปสีติ อตฺโถ. อตฺตนาปิ จาติ น เกวลํ อนฺนาทีเหว, อตฺตนาปิ มํ อภิรเมนฺตี สนฺตปฺเปสีติ ทีเปติ. มนฺทกฺขีติ มนฺททสฺสนี, มุทุนา อากาเรน โอโลกนสีลาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘มตฺตกฺขี’’ติปิ ปาโ, มทมตฺเตหิ วิย อกฺขีหิ สมนฺนาคตาติ อตฺโถ. เอวํ ตมฺพาติ เอวํ ตมฺพราช ชานาหีติ.

สุปณฺโณ คนฺธพฺพสฺส กเถนฺตสฺเสว วิปฺปฏิสารี หุตฺวา ‘‘อหํ สุปณฺณภวเน วสนฺโตปิ รกฺขิตุํ นาสกฺขึ, กึ เม ตาย ทุสฺสีลายา’’ติ ตํ อาเนตฺวา รฺโ ปฏิทตฺวา ปกฺกามิ, ตโต ปฏฺาย ปุน นาคจฺฉีติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, สุปณฺณราชา ปน อหเมว อโหสินฺติ.

สุโยนนฺทีชาตกวณฺณนา ทสมา.

มณิกุณฺฑลวคฺโค ปโม.

๒. วณฺณาโรหวคฺโค

[๓๖๑] ๑. วณฺณาโรหชาตกวณฺณนา

วณฺณาโรเหนาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ทฺเว อคฺคสาวเก อารพฺภ กเถสิ. เอกสฺมิฺหิ สมเย อุโภปิ มหาเถรา ‘‘อิมํ อนฺโตวสฺสํ สุฺาคารํ อนุพฺรูเหสฺสามา’’ติ สตฺถารํ อาปุจฺฉิตฺวา คณํ ปหาย สยเมว ปตฺตจีวรํ อาทาย เชตวนา นิกฺขมิตฺวา เอกํ ปจฺจนฺตคามํ นิสฺสาย อรฺเ วิหรึสุ. อฺตโรปิ วิฆาสาทปุริโส เถรานํ อุปฏฺานํ กโรนฺโต ตตฺเถว เอกมนฺเต วสิ. โส เถรานํ สมคฺควาสํ ทิสฺวา ‘‘อิเม อติวิย สมคฺคา วสนฺติ, สกฺกา นุ โข เอเต อฺมฺํ ภินฺทิตุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา สาริปุตฺตตฺเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กึ นุ โข, ภนฺเต, อยฺเยน มหาโมคฺคลฺลานตฺเถเรน สทฺธึ ตุมฺหากํ กิฺจิ เวรํ อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘กึ ปนาวุโส’’ติ. เอส, ภนฺเต, มม อาคตกาเล ‘‘สาริปุตฺโต นาม ชาติโคตฺตกุลปเทเสหิ วา สุตคนฺถปฏิเวธอิทฺธีหิ วา มยา สทฺธึ กึ ปโหตี’’ติ ตุมฺหากํ อคุณเมว กเถสีติ. เถโร สิตํ กตฺวา ‘‘คจฺฉ ตฺวํ อาวุโส’’ติ อาห.

โส อปรสฺมิมฺปิ ทิวเส มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรมฺปิ อุปสงฺกมิตฺวา ตเถว กเถสิ. โสปิ นํ สิตํ กตฺวา ‘‘คจฺฉ, ตฺวํ, อาวุโส’’ติ วตฺวา สาริปุตฺตตฺเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อาวุโส, เอโส วิฆาสาโท ตุมฺหากํ สนฺติเก กิฺจิ กเถสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อามาวุโส, มยฺหมฺปิ สนฺติเก กเถสิ, อิมํ นีหริตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘สาธุ, อาวุโส, นีหรา’’ติ วุตฺเต เถโร ‘‘มา อิธ วสี’’ติ อจฺฉรํ ปหริตฺวา ตํ นีหริ. เต อุโภปิ สมคฺควาสํ วสิตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นิสีทึสุ. สตฺถา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘สุเขน วสฺสํ วสิตฺถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ภนฺเต, เอโก วิฆาสาโท อมฺเห ภินฺทิตุกาโม หุตฺวา ภินฺทิตุํ อสกฺโกนฺโต ปลายี’’ติ วุตฺเต ‘‘น โข โส, สาริปุตฺต, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส ตุมฺเห ‘ภินฺทิสฺสามี’ติ ภินฺทิตุํ อสกฺโกนฺโต ปลายี’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อรฺเ รุกฺขเทวตา อโหสิ. ตทา สีโห จ พฺยคฺโฆ จ อรฺเ ปพฺพตคุหายํ วสนฺติ. เอโก สิงฺคาโล เต อุปฏฺหนฺโต เตสํ วิฆาสํ ขาทิตฺวา มหากาโย หุตฺวา เอกทิวสํ จินฺเตสิ ‘‘มยา สีหพฺยคฺฆานํ มํสํ น ขาทิตปุพฺพํ, มยา อิเม ทฺเว ชเน ภินฺทิตุํ วฏฺฏติ, ตโต เนสํ กลหํ กตฺวา มตานํ มํสํ ขาทิสฺสามี’’ติ. โส สีหํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กึ, สามิ, ตุมฺหากํ พฺยคฺเฆน สทฺธึ กิฺจิ เวรํ อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘กึ ปน, สมฺมา’’ติ? เอส, ภนฺเต, มมาคตกาเล ‘‘สีโห นาม สรีรวณฺเณน วา อาโรหปริณาเหน วา ชาติพลวีริเยหิ วา มม กลภาคมฺปิ น ปาปุณาตี’’ติ ตุมฺหากํ อคุณเมว กเถสีติ. อถ นํ สีโห ‘‘คจฺฉ ตฺวํ, น โส เอวํ กเถสฺสตี’’ติ อาห. พฺยคฺฆมฺปิ อุปสงฺกมิตฺวา เอเตเนว อุปาเยน กเถสิ. ตํ สุตฺวา พฺยคฺโฆปิ สีหํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘สมฺม, ตฺวํ กิร อิทฺจิทฺจ วเทสี’’ติ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –

๖๐.

‘‘วณฺณาโรเหน ชาติยา, พลนิกฺกมเนน จ;

สุพาหุ น มยา เสยฺโย, สุทา อิติ ภาสสี’’ติ.

ตตฺถ พลนิกฺกมเนน จาติ กายพเลน เจว วีริยพเลน จ. สุพาหุ น มยา เสยฺโยติ อยํ สุพาหุ นาม พฺยคฺโฆ เอเตหิ การเณหิ มยา เนว สทิโส น อุตฺตริตโรติ สจฺจํ กิร ตฺวํ โสภนาหิ ทาาหิ สมนฺนาคต สุทา มิคราช, เอวํ วเทสีติ.

ตํ สุตฺวา สุทาโ เสสา จตสฺโส คาถา อภาสิ –

๖๑.

‘‘วณฺณาโรเหน ชาติยา, พลนิกฺกมเนน จ;

สุทาโ น มยา เสยฺโย, สุพาหุ อิติ ภาสสิ.

๖๒.

‘‘เอวํ เจ มํ วิหรนฺตํ, สุพาหุ สมฺม ทุพฺภสิ;

น ทานาหํ ตยา สทฺธึ, สํวาสมภิโรจเย.

๖๓.

‘‘โย ปเรสํ วจนานิ, สทฺทเหยฺย ยถาตถํ;

ขิปฺปํ ภิชฺเชถ มิตฺตสฺมึ, เวรฺจ ปสเว พหุํ.

๖๔.

‘‘น โส มิตฺโต โย สทา อปฺปมตฺโต, เภทาสงฺกี รนฺธเมวานุปสฺสี;

ยสฺมิฺจ เสตี อุรสีว ปุตฺโต, ส เว มิตฺโต โย อเภชฺโช ปเรหี’’ติ.

ตตฺถ สมฺมาติ วยสฺส. ทุพฺภสีติ ยทิ เอวํ ตยา สทฺธึ สมคฺควาสํ วสนฺตํ มํ สิงฺคาลสฺส กถํ คเหตฺวา ตฺวํ ทุพฺภสิ หนิตุํ อิจฺฉสิ, อิโต ทานิ ปฏฺาย อหํ ตยา สทฺธึ สํวาสํ น อภิโรจเย. ยถาตถนฺติ ตถโต ยถาตถํ ยถาตจฺฉํ อวิสํวาทเกน อริเยน วุตฺตวจนํ สทฺธาตพฺพํ. เอวํ โย เยสํ เกสฺจิ ปเรสํ วจนานิ สทฺทเหถาติ อตฺโถ. โย สทา อปฺปมตฺโตติ โย นิจฺจํ อปฺปมตฺโต หุตฺวา มิตฺตสฺส วิสฺสาสํ น เทติ, โส มิตฺโต นาม น โหตีติ อตฺโถ. เภทาสงฺกีติ ‘‘อชฺช ภิชฺชิสฺสติ, สฺเว ภิชฺชิสฺสตี’’ติ เอวํ มิตฺตสฺส เภทเมว อาสงฺกติ. รนฺธเมวานุปสฺสีติ ฉิทฺทํ วิวรเมว ปสฺสนฺโต. อุรสีว ปุตฺโตติ ยสฺมึ มิตฺเต มาตุ หทเย ปุตฺโต วิย นิราสงฺโก นิพฺภโย เสติ.

อิติ อิมาหิ จตูหิ คาถาหิ สีเหน มิตฺตคุเณ กถิเต พฺยคฺโฆ ‘‘มยฺหํ โทโส’’ติ สีหํ ขมาเปสิ. เต ตตฺเถว สมคฺควาสํ วสึสุ. สิงฺคาโล ปน ปลายิตฺวา อฺตฺถ คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สิงฺคาโล วิฆาสาโท อโหสิ, สีโห สาริปุตฺโต, พฺยคฺโฆ โมคฺคลฺลาโน, ตํ การณํ ปจฺจกฺขโต ทิฏฺา ตสฺมึ วเน นิวุตฺถรุกฺขเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

วณฺณาโรหชาตกวณฺณนา ปมา.

[๓๖๒] ๒. สีลวีมํสชาตกวณฺณนา

สีลํ เสยฺโยติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ สีลวีมํสกพฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ. ตํ กิร ราชา ‘‘เอส สีลสมฺปนฺโน’’ติ อฺเหิ พฺราหฺมเณหิ อติเรกํ กตฺวา ปสฺสติ. โส จินฺเตสิ ‘‘กึ นุ โข มํ ราชา ‘สีลสมฺปนฺโน’ติ อฺเหิ อติเรกํ กตฺวา ปสฺสติ, อุทาหุ ‘สุตธรยุตฺโต’ติ, วีมํสิสฺสามิ ตาว สีลสฺส วา สุตสฺส วา มหนฺตภาว’’นฺติ. โส เอกทิวสํ เหรฺิกผลกโต กหาปณํ คณฺหิ. เหรฺิโก ครุภาเวน น กิฺจิ อาห, ทุติยวาเรปิ น กิฺจิ อาห. ตติยวาเร ปน ตํ ‘‘วิโลปขาทโก’’ติ คาหาเปตฺวา รฺโ ทสฺเสตฺวา ‘‘กึ อิมินา กต’’นฺติ วุตฺเต ‘‘กุฏุมฺพํ วิลุมฺปตี’’ติ อาห. ‘‘สจฺจํ กิร , พฺราหฺมณา’’ติ? ‘‘น, มหาราช, กุฏุมฺพํ วิลุมฺปามิ, มยฺหํ ปน ‘สีลํ นุ โข มหนฺตํ, สุตํ นุ โข’ติ กุกฺกุจฺจํ อโหสิ, สฺวาหํ ‘เอเตสุ กตรํ นุ โข มหนฺต’นฺติ วีมํสนฺโต ตโย วาเร กหาปณํ คณฺหึ, ตํ มํ เอส พนฺธาเปตฺวา ตุมฺหากํ ทสฺเสติ. อิทานิ เม สุตโต สีลสฺส มหนฺตภาโว าโต, น เม ฆราวาเสนตฺโถ, ปพฺพชิสฺสามห’’นฺติ ปพฺพชฺชํ อนุชานาเปตฺวา ฆรทฺวารํ อโนโลเกตฺวาว เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจิ. ตสฺส สตฺถา ปพฺพชฺชฺจ อุปสมฺปทฺจ ทาเปสิ. โส อจิรูปสมฺปนฺโน วิปสฺสนํ วิปสฺสิตฺวา อคฺคผเล ปติฏฺหิ. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อสุกพฺราหฺมโณ อตฺตโน สีลํ วีมํสิตฺวา ปพฺพชิโต วิปสฺสิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทานิ อยเมว, ปุพฺเพ ปณฺฑิตาปิ สีลํ วีมํสิตฺวา ปพฺพชิตฺวา อตฺตโน ปติฏฺํ กรึสุเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา พาราณสึ อาคนฺตฺวา ราชานํ ปสฺสิ. ราชา ตสฺส ปุโรหิตฏฺานํ อทาสิ. โส ปฺจ สีลานิ รกฺขติ. ราชาปิ นํ ‘‘สีลวา’’ติ ครุํ กตฺวา ปสฺสิ. โส จินฺเตสิ ‘‘กึ นุ โข ราชา ‘สีลวา’ติ มํ ครุํ กตฺวา ปสฺสติ, อุทาหุ ‘สุตธรยุตฺโต’’’ติ. สพฺพํ ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุสทิสเมว. อิธ ปน โส พฺราหฺมโณ ‘‘อิทานิ เม สุตโต สีลสฺส มหนฺตภาโว าโต’’ติ วตฺวา อิมา ปฺจ คาถา อภาสิ –

๖๕.

‘‘สีลํ เสยฺโย สุตํ เสยฺโย, อิติ เม สํสโย อหุ;

สีลเมว สุตา เสยฺโย, อิติ เม นตฺถิ สํสโย.

๖๖.

‘‘โมฆา ชาติ จ วณฺโณ จ, สีลเมว กิรุตฺตมํ;

สีเลน อนุเปตสฺส, สุเตนตฺโถ น วิชฺชติ.

๖๗.

‘‘ขตฺติโย จ อธมฺมฏฺโ, เวสฺโส จาธมฺมนิสฺสิโต;

เต ปริจฺจชฺชุโภ โลเก, อุปปชฺชนฺติ ทุคฺคตึ.

๖๘.

‘‘ขตฺติยา พฺราหฺมณา เวสฺสา, สุทฺทา จณฺฑาลปุกฺกุสา;

อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, ภวนฺติ ติทิเว สมา.

๖๙.

‘‘น เวทา สมฺปรายาย, น ชาติ นาปิ พนฺธวา;

สกฺจ สีลํ สํสุทฺธํ, สมฺปรายาย สุขาย จา’’ติ.

ตตฺถ สีลเมว สุตา เสยฺโยติ สุตปริยตฺติโต สตคุเณน สหสฺสคุเณน สีลเมว อุตฺตริตรนฺติ. เอวฺจ ปน วตฺวา สีลํ นาเมตํ เอกวิธํ สํวรวเสน, ทุวิธํ จาริตฺตวาริตฺตวเสน, ติวิธํ กายิกวาจสิกมานสิกวเสน, จตุพฺพิธํ ปาติโมกฺขสํวรอินฺทฺริยสํวรอาชีวปาริสุทฺธิปจฺจยสนฺนิสฺสิตวเสนาติ มาติกํ เปตฺวา วิตฺถาเรนฺโต สีลสฺส วณฺณํ อภาสิ.

โมฆาติ อผลา ตุจฺฉา. ชาตีติ ขตฺติยกุลาทีสุ นิพฺพตฺติ. วณฺโณติ สรีรวณฺโณ อภิรูปภาโว. ยา หิ ยสฺมา สีลรหิตสฺส ชาติสมฺปทา วา วณฺณสมฺปทา วา สคฺคสุขํ ทาตุํ น สกฺโกติ, ตสฺมา อุภยมฺปิ ตํ ‘‘โมฆ’’นฺติ อาห. สีลเมว กิราติ อนุสฺสววเสน วทติ, น ปน สยํ ชานาติ. อนุเปตสฺสาติ อนุปคตสฺส. สุเตนตฺโถ น วิชฺชตีติ สีลรหิตสฺส สุตปริยตฺติมตฺเตน อิธโลเก วา ปรโลเก วา กาจิ วฑฺฒิ นาม นตฺถิ.

ตโต ปรา ทฺเว คาถา ชาติยา โมฆภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตา. ตตฺถ เต ปริจฺจชฺชุโภ โลเกติ เต ทุสฺสีลา เทวโลกฺจ มนุสฺสโลกฺจาติ อุโภปิ โลเก ปริจฺจชิตฺวา ทุคฺคตึ อุปปชฺชนฺติ. จณฺฑาลปุกฺกุสาติ ฉวฉฑฺฑกจณฺฑาลา จ ปุปฺผฉฑฺฑกปุกฺกุสา จ. ภวนฺติ ติทิเว สมาติ เอเต สพฺเพปิ สีลานุภาเวน เทวโลเก นิพฺพตฺตา สมา โหนฺติ นิพฺพิเสสา, เทวาตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉนฺติ.

ปฺจมคาถา สพฺเพสมฺปิ สุตาทีนํ โมฆภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตา. ตสฺสตฺโถ – มหาราช, เอเต เวทาทโย เปตฺวา อิธโลเก ยสมตฺตทานํ สมฺปราเย ทุติเย วา ตติเย วา ภเว ยสํ วา สุขํ วา ทาตุํ นาม น สกฺโกนฺติ, ปริสุทฺธํ ปน อตฺตโน สีลเมว ตํ ทาตุํ สกฺโกตีติ.

เอวํ มหาสตฺโต สีลคุเณ โถเมตฺวา ราชานํ ปพฺพชฺชํ อนุชานาเปตฺวา ตํ ทิวสเมว หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สีลํ วีมํสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิโต อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สีลวีมํสชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๓๖๓] ๓. หิริชาตกวณฺณนา

หิรึตรนฺตนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อนาถปิณฺฑิกสฺส สหายํ ปจฺจนฺตวาสิเสฏฺึ อารพฺภ กเถสิ. ทฺเวปิ วตฺถูนิ เอกกนิปาเต นวมวคฺคสฺส ปริโยสานชาตเก วิตฺถาริตาเนว. อิธ ปน ‘‘ปจฺจนฺตวาสิเสฏฺิโน มนุสฺสา อจฺฉินฺนสพฺพสาปเตยฺยา อตฺตโน สนฺตกสฺส อสฺสามิโน หุตฺวา ปลาตา’’ติ พาราณสิเสฏฺิสฺส อาโรจิเต พาราณสิเสฏฺิ ‘‘อตฺตโน สนฺติกํ อาคตานํ กตฺตพฺพํ อกโรนฺตา นาม ปฏิการเก น ลภนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๗๐.

‘‘หิรึ ตรนฺตํ วิชิคุจฺฉมานํ, ตวาหมสฺมี อิติ ภาสมานํ;

เสยฺยานิ กมฺมานิ อนาทิยนฺตํ, เนโส มมนฺติ อิติ นํ วิชฺา.

๗๑.

‘‘ยฺหิ กยิรา ตฺหิ วเท, ยํ น กยิรา น ตํ วเท;

อกโรนฺตํ ภาสมานํ, ปริชานนฺติ ปณฺฑิตา.

๗๒.

‘‘น โส มิตฺโต โย สทา อปฺปมตฺโต, เภทาสงฺกี รนฺธเมวานุปสฺสี;

ยสฺมิฺจ เสตี อุรสีว ปุตฺโต, ส เว มิตฺโต โย อเภชฺโช ปเรหิ.

๗๓.

‘‘ปาโมชฺชกรณํ านํ, ปสํสาวหนํ สุขํ;

ผลานิสํโส ภาเวติ, วหนฺโต โปริสํ ธุรํ.

๗๔.

‘‘ปวิเวกรสํ ปิตฺวา, รสํ อุปสมสฺส จ;

นิทฺทโร โหติ นิปฺปาโป, ธมฺมปฺปีติรสํ ปิว’’นฺติ.

ตตฺถ หิรึ ตรนฺตนฺติ ลชฺชํ อติกฺกนฺตํ. วิชิคุจฺฉมานนฺติ มิตฺตภาเวน ชิคุจฺฉยมานํ. ตวาหมสฺมีติ ‘‘ตว อหํ มิตฺโต’’ติ เกวลํ วจนมตฺเตเนว ภาสมานํ. เสยฺยานิ กมฺมานิติ ‘‘ทสฺสามิ กริสฺสามี’’ติ วจนสฺส อนุรูปานิ อุตฺตมกมฺมานิ. อนาทิยนฺตนฺติ อกโรนฺตํ. เนโส มมนฺติ เอวรูปํ ปุคฺคลํ ‘‘น เอโส มม มิตฺโต’’ติ วิชฺา.

ปาโมชฺชกรณํานนฺติ ทานมฺปิ สีลมฺปิ ภาวนาปิ ปณฺฑิเตหิ กลฺยาณมิตฺเตหิ สทฺธึ มิตฺตภาโวปิ. อิธ ปน วุตฺตปฺปการํ มิตฺตภาวเมว สนฺธาเยวมาห. ปณฺฑิเตน หิ กลฺยาณมิตฺเตน สทฺธึ มิตฺตภาโว ปาโมชฺชมฺปิ กโรติ, ปสํสมฺปิ วหติ. อิธโลกปรโลเกสุ กายิกเจตสิกสุขเหตุโต ‘‘สุข’’นฺติปิ วุจฺจติ, ตสฺมา เอตํ ผลฺจ อานิสํสฺจ สมฺปสฺสมาโน ผลานิสํโส กุลปุตฺโต ปุริเสหิ วหิตพฺพํ ทานสีลภาวนามิตฺตภาวสงฺขาตํ จตุพฺพิธมฺปิ โปริสํ ธุรํ วหนฺโต เอตํ มิตฺตภาวสงฺขาตํ ปาโมชฺชกรณํ านํ ปสํสาวหนํ สุขํ ภาเวติ วฑฺเฒติ, น ปณฺฑิเตหิ มิตฺตภาวํ ภินฺทตีติ ทีเปติ.

ปวิเวกรสนฺติ กายจิตฺตอุปธิวิเวกานํ รสํ เต วิเวเก นิสฺสาย อุปฺปนฺนํ โสมนสฺสรสํ. อุปสมสฺส จาติ กิเลสูปสเมน ลทฺธโสมนสฺสสฺส. นิทฺทโร โหติ นิปฺปาโปติ สพฺพกิเลสทรถาภาเวน นิทฺทโร, กิเลสาภาเวน นิปฺปาโป โหติ. ธมฺมปฺปีติรสนฺติ ธมฺมปีติสงฺขาตํ รสํ, วิมุตฺติปีตึ ปิวนฺโตติ อตฺโถ.

อิติ มหาสตฺโต ปาปมิตฺตสํสคฺคโต อุพฺพิคฺโค ปวิเวกรเสน อมตมหานิพฺพานํ ปาเปตฺวา เทสนาย กูฏํ คณฺหิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปจฺจนฺตวาสี อิทานิ ปจฺจนฺตวาสีเยว, ตทา พาราณสิเสฏฺิ อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

หิริชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๓๖๔] ๔. ขชฺโชปนกชาตกวณฺณนา

๗๕-๗๙.

โก นุ สนฺตมฺหิ ปชฺโชเตติ อยํ ขชฺโชปนกปฺโห มหาอุมงฺเค วิตฺถารโต อาวิ ภวิสฺสติ.

ขชฺโชปนกชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๓๖๕] ๕. อหิตุณฺฑิกชาตกวณฺณนา

ธุตฺโตมฺหีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ มหลฺลกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา สาลูกชาตเก (ชา. ๑.๓.๑๐๖ อาทโย) วิตฺถาริตํ. อิธาปิ โส มหลฺลโก เอกํ คามทารกํ ปพฺพาเชตฺวา อกฺโกสติ ปหรติ. ทารโก ปลายิตฺวา วิพฺภมิ. ทุติยมฺปิ นํ ปพฺพาเชตฺวา ตเถวากาสิ. ทุติยมฺปิ วิพฺภมิตฺวา ปุน ยาจิยมาโน โอโลเกตุมฺปิ น อิจฺฉิ. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อสุโก นาม มหลฺลโก อตฺตโน สามเณเรน สหาปิ วินาปิ วตฺติตุํ น สกฺโกติ, อิตโร ตสฺส โทสํ ทิสฺวา ปุน โอโลเกตุมฺปิ น อิจฺฉิ, สุหทโย กุมารโก’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส สามเณโร สุหทโยว, สกึ โทสํ ทิสฺวา ปุน โอโลเกตุมฺปิ น อิจฺฉี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ธฺวาณิชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ธฺวิกฺกเยน ชีวิกํ กปฺเปสิ. อเถโก อหิตุณฺฑิโก มกฺกฏํ คเหตฺวา สิกฺขาเปตฺวา อหึ กีฬาเปนฺโต พาราณสิยํ อุสฺสเว ฆุฏฺเ ตํ มกฺกฏํ ธฺวาณิชกสฺส สนฺติเก เปตฺวา อหึ กีฬาเปนฺโต สตฺต ทิวสานิ วิจริ. โสปิ วาณิโช มกฺกฏสฺส ขาทนียํ โภชนียํ อทาสิ. อหิตุณฺฑิโก สตฺตเม ทิวเส อุสฺสวกีฬนโต อาคนฺตฺวา ตํ มกฺกฏํ เวฬุเปสิกาย ติกฺขตฺตุํ ปหริตฺวา ตํ อาทาย อุยฺยานํ คนฺตฺวา พนฺธิตฺวา นิทฺทํ โอกฺกมิ. มกฺกโฏ พนฺธนํ โมเจตฺวา อมฺพรุกฺขํ อารุยฺห อมฺพานิ ขาทนฺโต นิสีทิ. โส ปพุทฺโธ รุกฺเข มกฺกฏํ ทิสฺวา ‘‘เอตํ มยา อุปลาเปตฺวา คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ปมํ คาถมาห –

๘๐.

‘‘ธุตฺโตมฺหิ สมฺม สุมุข, ชูเต อกฺขปราชิโต;

หเรหิ อมฺพปกฺกานิ, วีริยํ เต ภกฺขยามเส’’ติ.

ตตฺถ อกฺขปราชิโตติ อกฺเขหิ ปราชิโต. หเรหีติ ปาเตหิ. อยเมว วา ปาโ.

ตํ สุตฺวา มกฺกโฏ เสสคาถา อภาสิ –

๘๑.

‘‘อลิกํ วต มํ สมฺม, อภูเตน ปสํสสิ;

โก เต สุโต วา ทิฏฺโ วา, สุมุโข นาม มกฺกโฏ.

๘๒.

‘‘อชฺชาปิ เม ตํ มนสิ, ยํ มํ ตฺวํ อหิตุณฺฑิก;

ธฺาปณํ ปวิสิตฺวา, มตฺโต ฉาตํ หนาสิ มํ.

๘๓.

‘‘ตาหํ สรํ ทุกฺขเสยฺยํ, อปิ รชฺชมฺปิ การเย;

เนวาหํ ยาจิโต ทชฺชํ, ตถา หิ ภยตชฺชิโต.

๘๔.

‘‘ยฺจ ชฺา กุเล ชาตํ, คพฺเภ ติตฺตํ อมจฺฉรึ;

เตน สขิฺจ มิตฺตฺจ, ธีโร สนฺธาตุมรหตี’’ติ.

ตตฺถ อลิกํ วตาติ มุสา วต. อภูเตนาติ อวิชฺชมาเนน. โก เตติ กฺว ตยา. สุมุโขติ สุนฺทรมุโข. อหิตุณฺฑิกาติ ตํ อาลปติ. ‘‘อหิโกณฺฑิกา’’ติปิ ปาโ. ฉาตนฺติ ชิฆจฺฉาภิภูตํ ทุพฺพลํ กปณํ. หนาสีติ เวฬุเปสิกาย ติกฺขตฺตุํ ปหรสิ. ตาหนฺติ ตํ อหํ. สรนฺติ สรนฺโต. ทุกฺขเสยฺยนฺติ ตสฺมึ อาปเณ ทุกฺขสยนํ. อปิ รชฺชมฺปิ การเยติ สเจปิ พาราณสิรชฺชํ คเหตฺวา มยฺหํ ทตฺวา มํ รชฺชํ กาเรยฺยาสิ, เอวมฺปิ ตํ เนวาหํ ยาจิโต ทชฺชํ, ตํ เอกมฺปิ อมฺพปกฺกํ อหํ ตยา ยาจิโต น ทเทยฺยํ. กึการณา? ตถา หิ ภยตชฺชิโตติ, ตถา หิ อหํ ตยา ภเยน ตชฺชิโตติ อตฺโถ.

คพฺเภ ติตฺตนฺติ สุโภชนรเสน มาตุกุจฺฉิยํเยว อลงฺกตปฏิยตฺเต สยนคพฺเภเยว วา ติตฺตํ โภคาสาย อกปณํ. สขิฺจ มิตฺตฺจาติ สขิภาวฺจ มิตฺตภาวฺจ ตถารูเปน กุลชาเตน ติตฺเตน อกปเณน อมจฺฉรินา สทฺธึ ปณฺฑิโต สนฺธาตุํ ปุน ฆเฏตุํ อรหติ, ตยา ปน กปเณน อหิตุณฺฑิเกน สทฺธึ โก มิตฺตภาวํ ปุน ฆเฏตุนฺติ อตฺโถ. เอวฺจ ปน วตฺวา วานโร วนํ สหสา ปาวิสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อหิตุณฺฑิโก มหลฺลโก อโหสิ, มกฺกโฏ สามเณโร, ธฺวาณิโช ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

อหิตุณฺฑิกชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๓๖๖] ๖. คุมฺพิยชาตกวณฺณนา

มธุวณฺณํมธุรสนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘กึ ทิสฺวา’’ติ วตฺวา ‘‘อลงฺกตมาตุคาม’’นฺติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขุ อิเม ปฺจ กามคุณา นาม เอเกน คุมฺพิเยน ยกฺเขน หลาหลวิสํ ปกฺขิปิตฺวา มคฺเค ปิตมธุสทิสา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สตฺถวาหกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต พาราณสิโต ปฺจหิ สกฏสเตหิ ภณฺฑํ อาทาย โวหารตฺถาย คจฺฉนฺโต มหาวตฺตนิอฏวิทฺวารํ ปตฺวา สตฺถเก สนฺนิปาตาเปตฺวา ‘‘อมฺโภ, อิมสฺมึ มคฺเค วิสปณฺณปุปฺผผลาทีนิ อตฺถิ, ตุมฺเห กิฺจิ อขาทิตปุพฺพํ ขาทนฺตา มํ อปุจฺฉิตฺวา มา ขาทิตฺถ, อมนุสฺสาปิ วิสํ ปกฺขิปิตฺวา ภตฺตปุฏมธุกผลานิ มคฺเค เปนฺติ, ตานิปิ มํ อนาปุจฺฉิตฺวา มา ขาทิตฺถา’’ติ โอวาทํ ทตฺวา มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. อเถโก คุมฺพิโย นาม ยกฺโข อฏวิยา มชฺฌฏฺาเน มคฺเค ปณฺณานิ อตฺถริตฺวา หลาหลวิสสํยุตฺตานิ มธุปิณฺฑานิ เปตฺวา สยํ มคฺคสามนฺเต มธุํ คณฺหนฺโต วิย รุกฺเข โกฏฺเฏนฺโต วิจรติ. อชานนฺตา ‘‘ปุฺตฺถาย ปิตานิ ภวิสฺสนฺตี’’ติ ขาทิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาปุณนฺติ. อมนุสฺสา อาคนฺตฺวา เต ขาทนฺติ. โพธิสตฺตสฺส สตฺถกมนุสฺสาปิ ตานิ ทิสฺวา เอกจฺเจ โลลชาติกา อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺตา ขาทึสุ, ปณฺฑิตชาติกา ‘‘ปุจฺฉิตฺวา ขาทิสฺสามา’’ติ คเหตฺวา อฏฺํสุ. โพธิสตฺโต เต ทิสฺวา หตฺถคตานิ ฉฑฺฑาเปสิ, เยหิ ปมตรํ ขาทิตานิ, เต มรึสุ. เยหิ อฑฺฒขาทิตานิ, เตสํ วมนวิเรจนํ ทตฺวา วนฺตกาเล จตุมธุรํ อทาสิ. อิติ เต ตสฺส อานุภาเวน ชีวิตํ ปฏิลภึสุ. โพธิสตฺโต โสตฺถินา อิจฺฉิตฏฺานํ คนฺตฺวา ภณฺฑํ วิสฺสชฺเชตฺวา อตฺตโน เคหเมว อคมาสิ. ตมตฺถํ กเถนฺโต สตฺถา อิมา อภิสมฺพุทฺธคาถา อภาสิ –

๘๕.

‘‘มธุวณฺณํ มธุรสํ, มธุคนฺธํ วิสํ อหุ;

คุมฺพิโย ฆาสเมสาโน, อรฺเ โอทหี วิสํ.

๘๖.

‘‘มธุ อิติ มฺมานา, เย ตํ วิสมขาทิสุํ;

เตสํ ตํ กฏุกํ อาสิ, มรณํ เตนุปาคมุํ.

๘๗.

‘‘เย จ โข ปฏิสงฺขาย, วิสํ ตํ ปริวชฺชยุํ;

เต อาตุเรสุ สุขิตา, ฑยฺหมาเนสุ นิพฺพุตา.

๘๘.

‘‘เอวเมว มนุสฺเสสุ, วิสํ กามา สโมหิตา;

อามิสํ พนฺธนฺเจตํ, มจฺจุเวโส คุหาสโย.

๘๙.

‘‘เอวเมว อิเม กาเม, อาตุรา ปริจาริเก;

เย สทา ปริวชฺเชนฺติ, สงฺคํ โลเก อุปจฺจคุ’’นฺติ.

ตตฺถ คุมฺพิโยติ ตสฺมึ วนคุมฺเพ วิจรเณน เอวํลทฺธนาโม ยกฺโข. ฆาสเมสาโนติ ‘‘ตํ วิสํ ขาทิตฺวา มเต ขาทิสฺสามี’’ติ เอวํ อตฺตโน ฆาสํ ปริเยสนฺโต. โอทหีติ ตํ มธุนา สมานวณฺณคนฺธรสํ วิสํ นิกฺขิปิ. กฏุกํ อาสีติ ติขิณํ อโหสิ. มรณํ เตนุปาคมุนฺติ เตน วิเสน เต สตฺตา มรณํ อุปคตา.

อาตุเรสูติ วิสเวเคน อาสนฺนมรเณสุ. ฑยฺหมาเนสูติ วิสเตเชเนว ฑยฺหมาเนสุ. วิสํ กามา สโมหิตาติ ยถา ตสฺมึ วตฺตนิมหามคฺเค วิสํ สโมหิตํ นิกฺขิตฺตํ, เอวํ มนุสฺเสสุปิ เย เอเต รูปาทโย ปฺจ วตฺถุกามา ตตฺถ ตตฺถ สโมหิตา นิกฺขิตฺตา, เต ‘‘วิส’’นฺติ เวทิตพฺพา. อามิสํ พนฺธนฺเจตนฺติ เอเต ปฺจ กามคุณา นาม เอวํ อิมสฺส มจฺฉภูตสฺส โลกสฺส มารพาลิสิเกน ปกฺขิตฺตํ อามิสฺเจว , ภวาภวโต นิกฺขมิตุํ อปฺปทาเนน อนฺทุอาทิปฺปเภทํ นานปฺปการํ พนฺธนฺจ. มจฺจุเวโส คุหาสโยติ สรีรคุหาย วสนโก มรณมจฺจุเวโส.

เอวเมว อิเม กาเมติ ยถา วตฺตนิมหามคฺเค วิสํ นิกฺขิตฺตํ, เอวํ ตตฺถ ตตฺถ นิกฺขิตฺเต อิเม กาเม. อาตุราติ เอกนฺตมรณธมฺมตาย อาตุรา อาสนฺนมรณา ปณฺฑิตมนุสฺสา. ปริจาริเกติ กิเลสปริจาริเก กิเลสพนฺธเก. เย สทา ปริวชฺเชนฺตีติ เย วุตฺตปฺปการา ปณฺฑิตปุริสา นิจฺจํ เอวรูเป กาเม วชฺเชนฺติ. สงฺคํ โลเกติ โลเก สงฺคนฏฺเน ‘‘สงฺค’’นฺติ ลทฺธนามํ ราคาทิเภทํ กิเลสชาตํ. อุปจฺจคุนฺติ อตีตา นามาติ เวทิตพฺพา, อติกฺกมนฺตีติ วา อตฺโถ.

สตฺถา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา สตฺถวาโห อหเมว อโหสินฺติ.

คุมฺพิยชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๓๖๗] ๗. สาฬิยชาตกวณฺณนา

ยฺวายํ สาฬิยฉาโปตีติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต ‘‘อาวุโส, เทวทตฺโต ตาสการโกปิ ภวิตุํ นาสกฺขี’’ติ วจนํ อารพฺภ กเถสิ. ตทา หิ สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส มม ตาสการโกปิ ภวิตุํ นาสกฺขี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต คามเก กุฏุมฺพิกกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ตรุณกาเล ปํสุกีฬเกหิ ทารเกหิ สทฺธึ คามทฺวาเร นิคฺโรธรุกฺขมูเล กีฬติ. ตทา เอโก ทุพฺพลเวชฺโช คาเม กิฺจิ อลภิตฺวา นิกฺขมนฺโต ตํ านํ ปตฺวา เอกํ สปฺปํ วิฏปพฺภนฺตเรน สีสํ นีหริตฺวา นิทฺทายนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยา คาเม กิฺจิ น ลทฺธํ, อิเม ทารเก วฺเจตฺวา สปฺเปน ฑํสาเปตฺวา ติกิจฺฉิตฺวา กิฺจิเทว คณฺหิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา โพธิสตฺตํ อาห ‘‘สเจ สาฬิยฉาปํ ปสฺเสยฺยาสิ, คณฺเหยฺยาสี’’ติ. ‘‘อาม, คณฺเหยฺย’’นฺติ . ‘‘ปสฺเสโส วิฏปพฺภนฺตเร สยิโต’’ติ. โส ตสฺส สปฺปภาวํ อชานนฺโต รุกฺขํ อารุยฺห ตํ คีวายํ คเหตฺวา ‘‘สปฺโป’’ติ ตฺวา นิวตฺติตุํ อเทนฺโต สุคฺคหิตํ คเหตฺวา เวเคน ขิปิ. โส คนฺตฺวา เวชฺชสฺส คีวายํ ปติโต คีวํ ปลิเวเตฺวา ‘‘กร กรา’’ติ ฑํสิตฺวา ตตฺเถว นํ ปาเตตฺวา ปลายิ. มนุสฺสา ปริวารยึสุ.

มหาสตฺโต สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๙๐.

‘‘ยฺวายํ สาฬิยฉาโปติ, กณฺหสปฺปํ อคาหยิ;

เตน สปฺเปนยํ ทฏฺโ, หโต ปาปานุสาสโก.

๙๑.

‘‘อหนฺตารมหนฺตารํ, โย นโร หนฺตุมิจฺฉติ;

เอวํ โส นิหโต เสติ, ยถายํ ปุริโส หโต.

๙๒.

‘‘อหนฺตารมฆาเตนฺตํ , โย นโร หนฺตุมิจฺฉติ;

เอวํ โส นิหโต เสติ, ยถายํ ปุริโส หโต.

๙๓.

‘‘ยถา ปํสุมุฏฺึ ปุริโส, ปฏิวาตํ ปฏิกฺขิเป;

ตเมว โส รโช หนฺติ, ตถายํ ปุริโส หโต.

๙๔.

‘‘โย อปฺปทุฏฺสฺส นรสฺส ทุสฺสติ, สุทฺธสฺส โปสสฺส อนงฺคณสฺส;

ตเมว พาลํ ปจฺเจติ ปาปํ, สุขุโม รโช ปฏิวาตํว ขิตฺโต’’ติ.

ตตฺถ ยฺวายนฺติ โย อยํ, อยเมว วา ปาโ. สปฺเปนยนฺติ โส อยํ เตน สปฺเปน ทฏฺโ. ปาปานุสาสโกติ ปาปกํ อนุสาสโก.

อหนฺตารนฺติ อปหรนฺตํ. อหนฺตารนฺติ อมาเรนฺตํ. เสตีติ มตสยนํ สยติ. อฆาเตนฺตนฺติ อมาเรนฺตํ. สุทฺธสฺสาติ นิรปราธสฺส. โปสสฺสาติ สตฺตสฺส. อนงฺคณสฺสาติ อิทมฺปิ นิรปราธภาวฺเว สนฺธาย วุตฺตํ. ปจฺเจตีติ กมฺมสริกฺขกํ หุตฺวา ปติเอติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ทุพฺพลเวชฺโช เทวทตฺโต อโหสิ, ปณฺฑิตทารโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สาฬิยชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๓๖๘] ๘. ตจสารชาตกวณฺณนา

อมิตฺตหตฺถตฺถคตาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฺาปารมึ อารพฺภ กเถสิ. ตทา หิ สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ ตถาคโต ปฺวา อุปายกุสโลเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต คามเก กุฏุมฺพิกกุเล นิพฺพตฺติตฺวาติ สพฺพํ ปุริมชาตกนิยาเมเนว กเถตพฺพํ. อิธ ปน เวชฺเช มเต คามวาสิโน มนุสฺสา ‘‘มนุสฺสมารกา’’ติ เต ทารเก กุทณฺฑเกหิ พนฺธิตฺวา ‘‘รฺโ ทสฺเสสฺสามา’’ติ พาราณสึ นยึสุ. โพธิสตฺโต อนฺตรามคฺเคเยว เสสทารกานํ โอวาทํ อทาสิ ‘‘ตุมฺเห มา ภายถ, ราชานํ ทิสฺวาปิ อภีตา ตุฏฺินฺทฺริยา ภเวยฺยาถ, ราชา อมฺเหหิ สทฺธึ ปมตรํ กเถสฺสติ, ตโต ปฏฺาย อหํ ชานิสฺสามี’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตถา กรึสุ. ราชา เต อภีเต ตุฏฺินฺทฺริเย ทิสฺวา ‘‘อิเม ‘มนุสฺสมารกา’ติ กุทณฺฑกพทฺธา อานีตา, เอวรูปํ ทุกฺขํ ปตฺตาปิ น ภายนฺติ, ตุฏฺินฺทฺริยาเยว, กึ นุ โข เอเตสํ อโสจนการณํ, ปุจฺฉิสฺสามิ เน’’ติ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –

๙๕.

‘‘อมิตฺตหตฺถตฺถคตา, ตจสารสมปฺปิตา;

ปสนฺนมุขวณฺณาตฺถ, กสฺมา ตุมฺเห น โสจถา’’ติ.

ตตฺถ อมิตฺตหตฺถตฺถคตาติ กุทณฺฑเกหิ คีวายํ พนฺธิตฺวา อาเนนฺตานํ อมิตฺตานํ หตฺถคตา. ตจสารสมปฺปิตาติ เวฬุทณฺฑเกหิ พทฺธตฺตา เอวมาห. กสฺมาติ ‘‘เอวรูปํ พฺยสนํ ปตฺตาปิ ตุมฺเห กึการณา น โสจถา’’ติ ปุจฺฉติ.

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต เสสคาถา อภาสิ –

๙๖.

‘‘น โสจนาย ปริเทวนาย, อตฺโถว ลพฺโภ อปิ อปฺปโกปิ;

โสจนฺตเมนํ ทุขิตํ วิทิตฺวา, ปจฺจตฺถิกา อตฺตมนา ภวนฺติ.

๙๗.

‘‘ยโต จ โข ปณฺฑิโต อาปทาสุ, น เวธตี อตฺถวินิจฺฉยฺู;

ปจฺจตฺถิกาสฺส ทุขิตา ภวนฺติ, ทิสฺวา มุขํ อวิการํ ปุราณํ.

๙๘.

‘‘ชปฺเปน มนฺเตน สุภาสิเตน, อนุปฺปทาเนน ปเวณิยา วา;

ยถา ยถา ยตฺถ ลเภถ อตฺถํ, ตถา ตถา ตตฺถ ปรกฺกเมยฺย.

๙๙.

‘‘ยโต จ ชาเนยฺย อลพฺภเนยฺโย, มยาว อฺเน วา เอส อตฺโถ;

อโสจมาโน อธิวาสเยยฺย, กมฺมํ ทฬฺหํ กินฺติ กโรมิ ทานี’’ติ.

ตตฺถ อตฺโถติ วุฑฺฒิ. ปจฺจตฺถิกา อตฺตมนาติ เอตํ ปุริสํ โสจนฺตํ ทุกฺขิตํ วิทิตฺวา ปจฺจามิตฺตา ตุฏฺจิตฺตา โหนฺติ. เตสํ ตุสฺสนการณํ นาม ปณฺฑิเตน กาตุํ น วฏฺฏตีติ ทีเปติ . ยโตติ ยทา. น เวธตีติ จิตฺตุตฺราสภเยน น กมฺปติ. อตฺถวินิจฺฉยฺูติ ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส วินิจฺฉยกุสโล.

ชปฺเปนาติ มนฺตปริชปฺปเนน. มนฺเตนาติ ปณฺฑิเตหิ สทฺธึ มนฺตคฺคหเณน. สุภาสิเตนาติ ปิยวจเนน. อนุปฺปทาเนนาติ ลฺชทาเนน. ปเวณิยาติ กุลวํเสน. อิทํ วุตฺตํ โหติ – มหาราช, ปณฺฑิเตน นาม อาปทาสุ อุปฺปนฺนาสุ น โสจิตพฺพํ น กิลมิตพฺพํ, อิเมสุ ปน ปฺจสุ การเณสุ อฺตรวเสน ปจฺจามิตฺตา ชินิตพฺพา. สเจ หิ สกฺโกติ, มนฺตํ ปริชปฺปิตฺวา มุขพนฺธนํ กตฺวาปิ เต ชินิตพฺพา, ตถา อสกฺโกนฺเตน ปณฺฑิเตหิ สทฺธึ มนฺเตตฺวา เอกํ อุปายํ สลฺลกฺเขตฺวา ชินิตพฺพา, ปิยวจนํ วตฺตุํ สกฺโกนฺเตน ปิยํ วตฺวาปิ เต ชินิตพฺพา, ตถา อสกฺโกนฺเตน วินิจฺฉยามจฺจานํ ลฺชํ ทตฺวาปิ ชินิตพฺพา, ตถา อสกฺโกนฺเตน กุลวํสํ กเถตฺวา ‘‘มยํ อสุกปเวณิยา อาคตา, ตุมฺหากฺจ อมฺหากฺจ เอโกว ปุพฺพปุริโส’’ติ เอวํ วิชฺชมานาติโกฏึ ฆเฏตฺวาปิ ชินิตพฺพา เอวาติ. ยถา ยถาติ เอเตสุ ปฺจสุ การเณสุ เยน เยน การเณน ยตฺถ ยตฺถ อตฺตโน วุฑฺฒึ ลเภยฺย. ตถา ตถาติ เตน เตน การเณน ตตฺถ ตตฺถ ปรกฺกเมยฺย, ปรกฺกมํ กตฺวา ปจฺจตฺถิเก ชิเนยฺยาติ อธิปฺปาโย.

ยโต จ ชาเนยฺยาติ ยทา ปน ชาเนยฺย, มยา วา อฺเน วา เอส อตฺโถ อลพฺภเนยฺโย นานปฺปกาเรน วายมิตฺวาปิ น สกฺกา ลทฺธุํ, ตทา ปณฺฑิโต ปุริโส อโสจมาโน อกิลมมาโน ‘‘มยา ปุพฺเพ กตกมฺมํ ทฬฺหํ ถิรํ น สกฺกา ปฏิพาหิตุํ, อิทานิ กึ สกฺกา กาตุ’’นฺติ อธิวาสเยยฺยาติ.

ราชา โพธิสตฺตสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา กมฺมํ โสเธตฺวา นิทฺโทสภาวํ ตฺวา กุทณฺฑเก หราเปตฺวา มหาสตฺตสฺส มหนฺตํ ยสํ ทตฺวา อตฺตโน อตฺถธมฺมอนุสาสกํ อมจฺจรตนํ อกาสิ, เสสทารกานมฺปิ ยสํ ทตฺวา านนฺตรานิ อทาสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา พาราณสิราชา อานนฺโท อโหสิ, ทารกา เถรานุเถรา, ปณฺฑิตทารโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ตจสารชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๓๖๙] ๙. มิตฺตวินฺทกชาตกวณฺณนา

กฺยาหํเทวานมกรนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ ทุพฺพจภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ มหามิตฺตวินฺทกชาตเก (ชา. ๑.๕.๑๐๐ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. อยํ ปน มิตฺตวินฺทโก สมุทฺเท ขิตฺโต อตฺริจฺโฉ หุตฺวา ปุรโต คนฺตฺวา เนรยิกสตฺตานํ ปจฺจนฏฺานํ อุสฺสทนิรยํ ทิสฺวา ‘‘เอกํ นคร’’นฺติ สฺาย ปวิสิตฺวา ขุรจกฺกํ อสฺสาเทสิ. ตทา โพธิสตฺโต เทวปุตฺโต หุตฺวา อุสฺสทนิรยจาริกํ จรติ. โส ตํ ทิสฺวา ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –

๑๐๐.

‘‘กฺยาหํ เทวานมกรํ, กึ ปาปํ ปกตํ มยา;

ยํ เม สิรสฺมึ โอหจฺจ, จกฺกํ ภมติ มตฺถเก’’ติ.

ตตฺถ กฺยาหํ เทวานมกรนฺติ สามิ เทวปุตฺต, กึ นาม อหํ เทวานํ อกรึ, กึ มํ เทวา โปเถนฺตีติ. กึ ปาปํ ปกตํ มยาติ ทุกฺขมหนฺตตาย เวทนาปฺปตฺโต อตฺตนา กตํ ปาปํ อสลฺลกฺเขนฺโต เอวมาห. ยํ เมติ เยน ปาเปน มม สิรสฺมึ โอหจฺจ โอหนิตฺวา อิทํ ขุรจกฺกํ มม มตฺถเก ภมติ, ตํ กึ นามาติ?

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ทุติยํ คาถมาห –

๑๐๑.

‘‘อติกฺกมฺม รมณกํ, สทามตฺตฺจ ทูภกํ;

พฺรหฺมตฺตรฺจ ปาสาทํ, เกนตฺเถน อิธาคโต’’ติ.

ตตฺถ รมณกนฺติ ผลิกปาสาทํ. สทามตฺตนฺติ รชตปาสาทํ. ทูภกนฺติ มณิปาสาทํ. พฺรหฺมตฺตรฺจ ปาสาทนฺติ สุวณฺณปาสาทฺจ. เกนตฺเถนาติ ตฺวํ เอเตสุ รมณกาทีสุ จตสฺโส อฏฺ โสฬส ทฺวตฺตึสาติ เอตา เทวธีตโร ปหาย เต ปาสาเท อติกฺกมิตฺวา เกน การเณน อิธ อาคโตติ.

ตโต มิตฺตวินฺทโก ตติยํ คาถมาห –

๑๐๒.

‘‘อิโต พหุตรา โภคา, อตฺร มฺเ ภวิสฺสเร;

อิติ เอตาย สฺาย, ปสฺส มํ พฺยสนํ คต’’นฺติ.

ตตฺถ อิโต พหุตราติ อิเมสุ จตูสุ ปาสาเทสุ โภเคหิ อติเรกตรา ภวิสฺสนฺติ.

ตโต โพธิสตฺโต เสสคาถา อภาสิ –

๑๐๓.

‘‘จตุพฺภิ อฏฺชฺฌคมา, อฏฺาหิปิ จ โสฬส;

โสฬสาหิ จ พาตฺตึส, อตฺริจฺฉํ จกฺกมาสโท;

อิจฺฉาหตสฺส โปสสฺส, จกฺกํ ภมติ มตฺถเก.

๑๐๔.

‘‘อุปริวิสาลา ทุปฺปูรา, อิจฺฉา วิสฏคามินี;

เย จ ตํ อนุคิชฺฌนฺติ, เต โหนฺติ จกฺกธาริโน’’ติ.

ตตฺถ อุปริวิสาลาติ มิตฺตวินฺทก ตณฺหา นาเมสา อาเสวิยมานา อุปริวิสาลา โหติ ปตฺถฏา, มหาสมุทฺโท วิย ทุปฺปูรา, รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ ตํ ตํ อารมฺมณํ อิจฺฉมานาย อิจฺฉาย ปตฺถฏาย วิสฏคามินี, ตสฺมา เย ปุริสา ตํ เอวรูปํ ตณฺหํ อนุคิชฺฌนฺติ, ปุนปฺปุนํ คิทฺธา หุตฺวา คณฺหนฺติ. เต โหนฺติ จกฺกธาริโนติ เต เอตํ ขุรจกฺกํ ธาเรนฺตีติ วทติ.

มิตฺตวินฺทกํ ปน กเถนฺตเมว นิปิสมานํ ตํ ขุรจกฺกํ ภสฺสิ, เตน โส ปุน กเถตุํ นาสกฺขิ. เทวปุตฺโต อตฺตโน เทวฏฺานเมว คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มิตฺตวินฺทโก ทุพฺพจภิกฺขุ อโหสิ, เทวปุตฺโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

มิตฺตวินฺทกชาตกวณฺณนา นวมา.

[๓๗๐] ๑๐. ปลาสชาตกวณฺณนา

หํโส ปลาสมวจาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กิเลสนิคฺคหํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ปฺาสชาตเก อาวิ ภวิสฺสติ. อิธ ปน สตฺถา ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, กิเลโส นาม อาสงฺกิตพฺโพว, อปฺปมตฺตโก สมาโนปิ นิคฺโรธคจฺโฉ วิย วินาสํ ปาเปติ, โปราณกปณฺฑิตาปิ อาสงฺกิตพฺพํ อาสงฺกึสุเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สุวณฺณหํสโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต จิตฺตกูฏปพฺพเต สุวณฺณคุหายํ วสนฺโต หิมวนฺตปเทเส ชาตสฺสเร สยํชาตสาลึ ขาทิตฺวา อาคจฺฉติ. ตสฺส คมนาคมนมคฺเค มหาปลาสรุกฺโข อโหสิ. โส คจฺฉนฺโตปิ ตตฺถ วิสฺสมิตฺวา คจฺฉติ, อาคจฺฉนฺโตปิ ตตฺถ วิสฺสมิตฺวา อาคจฺฉติ . อถสฺส ตสฺมึ รุกฺเข นิพฺพตฺตเทวตาย สทฺธึ วิสฺสาโส อโหสิ. อปรภาเค เอกา สกุณิกา เอกสฺมึ นิคฺโรธรุกฺเข นิคฺโรธปกฺกํ ขาทิตฺวา อาคนฺตฺวา ตสฺมึ ปลาสรุกฺเข นิสีทิตฺวา วิฏปนฺตเร วจฺจํ ปาเตสิ. ตตฺถ นิคฺโรธคจฺโฉ ชาโต, โส จตุรงฺคุลมตฺตกาเล รตฺตงฺกุรปลาสตาย โสภติ. หํสราชา ตํ ทิสฺวา รุกฺขเทวตํ อามนฺเตตฺวา ‘‘สมฺม ปลาส, นิคฺโรโธ นาม ยมฺหิ รุกฺเข ชายติ, วฑฺฒนฺโต ตํ นาเสติ, อิมสฺส วฑฺฒิตุํ มา เทติ, วิมานํ เต นาเสสฺสติ, ปฏิกจฺเจว นํ อุทฺธริตฺวา ฉฑฺเฑหิ, อาสงฺกิตพฺพยุตฺตกํ นาม อาสงฺกิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ปลาสเทวตาย สทฺธึ มนฺเตนฺโต ปมํ คาถมาห –

๑๐๕.

‘‘หํโส ปลาสมวจ, นิคฺโรโธ สมฺม ชายติ;

องฺกสฺมึ เต นิสินฺโนว, โส เต มมฺมานิ เฉจฺฉตี’’ติ.

ปมปาโท ปเนตฺถ อภิสมฺพุทฺเธน หุตฺวา สตฺถารา วุตฺโต. ปลาสนฺติ ปลาสเทวตํ. สมฺมาติ วยสฺส. องฺกสฺมินฺติ วิฏภิยํ. โส เต มมฺมานิ เฉจฺฉตีติ โส เต องฺเก สํวฑฺโฒ สปตฺโต วิย ชีวิตํ ฉินฺทิสฺสตีติ อตฺโถ. ชีวิตสงฺขารา หิ อิธ ‘‘มมฺมานี’’ติ วุตฺตา.

ตํ สุตฺวา ตสฺส วจนํ อคณฺหนฺตี ปลาสเทวตา ทุติยํ คาถมาห –

๑๐๖.

‘‘วฑฺฒตาเมว นิคฺโรโธ, ปติฏฺสฺส ภวามหํ;

ยถา ปิตา จ มาตา จ, เอวํ เม โส ภวิสฺสตี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – สมฺม, น ตฺวํ ชานาสิ วฑฺฒตเมว เอส, อหมสฺส ยถา พาลกาเล ปุตฺตานํ มาตาปิตโร ปติฏฺา โหนฺติ, ตถา ภวิสฺสามิ, ยถา ปน สํวฑฺฒา ปุตฺตา ปจฺฉา มหลฺลกกาเล มาตาปิตูนํ ปติฏฺา โหนฺติ, มยฺหมฺปิ ปจฺฉา มหลฺลกกาเล เอวเมว โส ปติฏฺโ ภวิสฺสตีติ.

ตโต หํโส ตติยํ คาถมาห –

๑๐๗.

‘‘ยํ ตฺวํ องฺกสฺมึ วฑฺเฒสิ, ขีรรุกฺขํ ภยานกํ;

อามนฺต โข ตํ คจฺฉาม, วุฑฺฒิ มสฺส น รุจฺจตี’’ติ.

ตตฺถ ยํ ตฺวนฺติ ยสฺมา ตฺวํ เอตฺจ ภยทายกตฺเตน ภยานกํ ขีรรุกฺขํ สปตฺตํ วิย องฺเก วฑฺเฒสิ. อามนฺต โข ตนฺติ ตสฺมา มยํ ตํ อามนฺเตตฺวา ชานาเปตฺวา คจฺฉาม. วุฑฺฒิ มสฺสาติ อสฺส วุฑฺฒิ มยฺหํ น รุจฺจตีติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา หํสราชา ปกฺเข ปสาเรตฺวา จิตฺตกูฏปพฺพตเมว คโต. ตโต ปฏฺาย ปุน นาคจฺฉิ. อปรภาเค นิคฺโรโธ วฑฺฒึ, ตสฺมึ เอกา รุกฺขเทวตาปิ นิพฺพตฺติ. โส วฑฺฒนฺโต ปลาสํ ภฺชิ, สาขาหิ สทฺธึเยว เทวตาย วิมานํ ปติ. สา ตสฺมึ กาเล หํสรฺโ วจนํ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘อิทํ อนาคตภยํ ทิสฺวา หํสราชา กเถสิ , อหํ ปนสฺส วจนํ นากาสิ’’นฺติ ปริเทวมานา จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๐๘.

‘‘อิทานิ โข มํ ภาเยติ, มหาเนรุนิทสฺสนํ;

หํสสฺส อนภิฺาย, มหา เม ภยมาคต’’นฺติ.

ตตฺถ อิทานิ โข มํ ภาเยตีติ อยํ นิคฺโรโธ ตรุณกาเล โตเสตฺวา อิทานิ มํ ภายาเปติ สนฺตาเสติ. มหาเนรุนิทสฺสนนฺติ สิเนรุปพฺพตสทิสํ มหนฺตํ หํสราชสฺส วจนํ สุตฺวา อชานิตฺวา ตรุณกาเลเยว เอตสฺส อนุทฺธฏตฺตา. มหา เม ภยมาคตนฺติ อิทานิ มยฺหํ มหนฺตํ ภยํ อาคตนฺติ ปริเทวิ.

นิคฺโรโธปิ วฑฺฒนฺโต สพฺพํ ปลาสํ ภฺชิตฺวา ขาณุกมตฺตเมว อกาสิ. เทวตาย วิมานํ สพฺพํ อนฺตรธายิ.

๑๐๙.

‘‘น ตสฺส วุฑฺฒิ กุสลปฺปสตฺถา, โย วฑฺฒมาโน ฆสเต ปติฏฺํ;

ตสฺสูปโรธํ ปริสงฺกมาโน, ปตารยี มูลวธาย ธีโร’’ติ. –

ปฺจมา อภิสมฺพุทฺธคาถา.

ตตฺถ กุสลปฺปสตฺถาติ กุสเลหิ ปสตฺถา. ฆสเตติ ขาทติ, วินาเสตีติ อตฺโถ. ปตารยีติ ปตรติ วายมติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ภิกฺขเว, โย วฑฺฒมาโน อตฺตโน ปติฏฺํ นาเสติ, ตสฺส วุฑฺฒิ ปณฺฑิเตหิ น ปสตฺถา, ตสฺส ปน อพฺภนฺตรสฺส วา พาหิรสฺส วา ปริสฺสยสฺส ‘‘อิโต เม อุปโรโธ ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ อุปโรธํ วินาสํ ปริสงฺกมาโน วีโร าณสมฺปนฺโน มูลวธาย ปรกฺกมตีติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน ปฺจสตา ภิกฺขู อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. ตทา สุวณฺณหํโส อหเมว อโหสินฺติ.

ปลาสชาตกวณฺณนา ทสมา.

วณฺณาโรหวคฺโค ทุติโย.

๓. อฑฺฒวคฺโค

[๓๗๑] ๑. ทีฆีติโกสลชาตกวณฺณนา

เอวํภูตสฺสเต ราชาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสมฺพเก ภณฺฑนการเก อารพฺภ กเถสิ. เตสฺหิ เชตวนํ อาคนฺตฺวา ขมาปนกาเล สตฺถา เต อามนฺเตตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, ตุมฺเห มยฺหํ โอรสา มุขโต ชาตา ปุตฺตา นาม, ปุตฺเตหิ จ ปิตรา ทินฺนํ โอวาทํ ภินฺทิตุํ น วฏฺฏติ, ตุมฺเห ปน มม โอวาทํ น กริตฺถ, โปราณกปณฺฑิตา อตฺตโน มาตาปิตโร ฆาเตตฺวา รชฺชํ คเหตฺวา ิตโจเรปิ อรฺเ หตฺถปถํ อาคเต มาตาปิตูหิ ทินฺนํ โอวาทํ น ภินฺทิสฺสามาติ น มารยึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อิมสฺมึ ปน ชาตเก ทฺเวปิ วตฺถูนิ. สงฺฆเภทกกฺขนฺธเก วิตฺถารโต อาวิ ภวิสฺสนฺติ. โส ปน ทีฆาวุกุมาโร อรฺเ อตฺตโน องฺเก นิปนฺนํ พาราณสิราชานํ จูฬาย คเหตฺวา ‘‘อิทานิ มยฺหํ มาตาปิตุฆาตกํ โจรํ ขณฺฑาขณฺฑํ กตฺวา ฉินฺทิสฺสามี’’ติ อสึ อุกฺขิปนฺโต ตสฺมึ ขเณ มาตาปิตูหิ ทินฺนํ โอวาทํ สริตฺวา ‘‘ชีวิตํ จชนฺโตปิ เตสํ โอวาทํ น ภินฺทิสฺสามิ, เกวลํ อิมํ ตชฺเชสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปมํ คาถมาห –

๑๑๐.

‘‘เอวํภูตสฺส เต ราช, อาคตสฺส วเส มม;

อตฺถิ นุ โกจิ ปริยาโย, โย ตํ ทุกฺขา ปโมจเย’’ติ.

ตตฺถ วเส มมาติ มม วสํ อาคตสฺส. ปริยาโยติ การณํ.

ตโต ราชา ทุติยํ คาถมาห –

๑๑๑.

‘‘เอวํภูตสฺส เม ตาต, อาคตสฺส วเส ตว;

นตฺถิ โน โกจิ ปริยาโย, โย มํ ทุกฺขา ปโมจเย’’ติ.

ตตฺถ โนติ นิปาตมตฺถํ, นตฺถิ โกจิ ปริยาโย, โย มํ เอตสฺมา ทุกฺขา ปโมจเยติ อตฺโถ.

ตโต โพธิสตฺโต อวเสสคาถา อภาสิ –

๑๑๒.

‘‘นาฺํ สุจริตํ ราช, นาฺํ ราช สุภาสิตํ;

ตายเต มรณกาเล, เอวเมวิตรํ ธนํ.

๑๑๓.

‘‘อกฺโกจฺฉิ มํ อวธิ มํ, อชินิ มํ อหาสิ เม;

เย จ ตํ อุปนยฺหนฺติ, เวรํ เตสํ น สมฺมติ.

๑๑๔.

‘‘อกฺโกจฺฉิ มํ อวธิ มํ, อชินิ มํ อหาสิ เม;

เย จ ตํ นุปนยฺหนฺติ, เวรํ เตสูปสมฺมติ.

๑๑๕.

‘‘น หิ เวเรน เวรานิ, สมฺมนฺตีธ กุทาจนํ;

อเวเรน จ สมฺมนฺติ, เอส ธมฺโม สนนฺตโน’’นฺติ.

ตตฺถ นาฺํ สุจริตนฺติ นาฺํ สุจริตา, อยเมว วา ปาโ, เปตฺวา สุจริตํ อฺํ น ปสฺสามีติ อตฺโถ. อิธ ‘‘สุจริต’’นฺติปิ ‘‘สุภาสิต’’นฺติปิ มาตาปิตูหิ ทินฺนํ โอวาทํเยว สนฺธายาห. เอวเมวาติ นิรตฺถกเมว. อิทํ วุตฺตํ โหติ – มหาราช, อฺตฺร โอวาทานุสิฏฺิสงฺขาตา สุจริตสุภาสิตา มรณกาเล ตายิตุํ รกฺขิตุํ สมตฺโถ นาม อฺโ นตฺถิ, ยํ เอตํ อิตรํ ธนํ, ตํ เอวเมว นิรตฺถกเมว โหติ, ตฺวฺหิ อิทานิ มยฺหํ โกฏิสตสหสฺสมตฺตมฺปิ ธนํ ททนฺโต ชีวิตํ น ลเภยฺยาสิ, ตสฺมา เวทิตพฺพเมตํ ‘‘ธนโต สุจริตสุภาสิตเมว อุตฺตริตร’’นฺติ.

เสสคาถาสุปิ อยํ สงฺเขปตฺโถ – มหาราช, เย ปุริสา ‘‘อยํ มํ อกฺโกสิ, อยํ มํ ปหริ, อยํ มํ อชินิ, อยํ มม สนฺตกํ อหาสี’’ติ เอวํ เวรํ อุปนยฺหนฺติ พนฺธิตฺวา วิย หทเย เปนฺติ, เตสํ เวรํ น อุปสมฺมติ. เย จ ปเนตํ น อุปนยฺหนฺติ หทเย น เปนฺติ, เตสํ วูปสมฺมติ. เวรานิ หิ น กทาจิ เวเรน สมฺมนฺติ, อเวเรเนว ปน สมฺมนฺติ. เอส ธมฺโม สนนฺตโนติ เอโส โปราณโก ธมฺโม จิรกาลปฺปวตฺโต สภาโวติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา โพธิสตฺโต ‘‘อหํ, มหาราช, ตยิ น ทุพฺภามิ, ตฺวํ ปน มํ มาเรหี’’ติ ตสฺส หตฺเถ อสึ เปสิ. ราชาปิ ‘‘นาหํ ตยิ ทุพฺภามี’’ติ สปถํ กตฺวา เตน สทฺธึ นครํ คนฺตฺวา ตํ อมจฺจานํ ทสฺเสตฺวา ‘‘อยํ, ภเณ, โกสลรฺโ ปุตฺโต ทีฆาวุกุมาโร นาม, อิมินา มยฺหํ ชีวิตํ ทินฺนํ, น ลพฺภา อิมํ กิฺจิ กาตุ’’นฺติ วตฺวา อตฺตโน ธีตรํ ทตฺวา ปิตุ สนฺตเก รชฺเช ปติฏฺาเปสิ. ตโต ปฏฺาย อุโภปิ สมคฺคา สมฺโมทมานา รชฺชํ กาเรสุํ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มาตาปิตโร มหาราชกุลานิ อเหสุํ, ทีฆาวุกุมาโร ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ทีฆีติโกสลชาตกวณฺณนา ปมา.

[๓๗๒] ๒. มิคโปตกชาตกวณฺณนา

อคารา ปจฺจุเปตสฺสาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ มหลฺลกํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิเรกํ ทารกํ ปพฺพาเชสิ. สามเณโร ตํ สกฺกจฺจํ อุปฏฺหิตฺวา อปรภาเค อผาสุเกน กาลมกาสิ. ตสฺส กาลกิริยาย มหลฺลโก โสกาภิภูโต มหนฺเตน สทฺเทน ปริเทวนฺโต วิจริ. ภิกฺขู สฺาเปตุํ อสกฺโกนฺตา ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อสุโก นาม มหลฺลโก สามเณรสฺส กาลกิริยาย ปริเทวนฺโต วิจรติ, มรณสฺสติภาวนาย ปริพาหิโร เอโส ภวิสฺสตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส เอตสฺมึ มเต ปริเทวนฺโต วิจรี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สกฺกตฺตํ กาเรสิ. ตทา เอโก กาสิรฏฺวาสี พฺราหฺมโณ หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ผลาผเลหิ ยาเปสิ. โส เอกทิวสํ อรฺเ เอกํ มตมาติกํ มิคโปตกํ ทิสฺวา อสฺสมํ อาเนตฺวา โคจรํ ทตฺวา โปเสสิ. มิคโปตโก วฑฺฒนฺโต อภิรูโป อโหสิ โสภคฺคปฺปตฺโต. ตาปโส ตํ อตฺตโน ปุตฺตกํ กตฺวา ปริหรติ. เอกทิวสํ มิคโปตโก พหุํ ติณํ ขาทิตฺวา อชีรเกน กาลมกาสิ. ตาปโส ‘‘ปุตฺโต เม มโต’’ติ ปริเทวนฺโต วิจรติ. ตทา สกฺโก เทวราชา โลกํ ปริคฺคณฺหนฺโต ตํ ตาปสํ ทิสฺวา ‘‘สํเวเชสฺสามิ น’’นฺติ อาคนฺตฺวา อากาเส ิโต ปมํ คาถมาห –

๑๑๖.

‘‘อคารา ปจฺจุเปตสฺส, อนคารสฺส เต สโต;

สมณสฺส น ตํ สาธุ, ยํ เปตมนุโสจสี’’ติ.

ตํ สุตฺวา ตาปโส ทุติยํ คาถมาห –

๑๑๗.

‘‘สํวาเสน หเว สกฺก, มนุสฺสสฺส มิคสฺส วา;

หทเย ชายเต เปมํ, น ตํ สกฺกา อโสจิตุ’’นฺติ.

ตตฺถ น ตํ สกฺกาติ ตํ มนุสฺสํ วา ติรจฺฉานํ วา น สกฺกา อโสจิตุํ, โสจามิเยวาหนฺติ.

ตโต สกฺโก ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๑๘.

‘‘มตํ มริสฺสํ โรทนฺติ, เย รุทนฺติ ลปนฺติ จ;

ตสฺมา ตฺวํ อิสิ มา โรทิ, โรทิตํ โมฆมาหุ สนฺโต.

๑๑๙.

‘‘โรทิเตน หเว พฺรหฺเม, มโต เปโต สมุฏฺเห;

สพฺเพ สงฺคมฺม โรทาม, อฺมฺสฺส าตเก’’ติ.

ตตฺถ มริสฺสนฺติ โย อิทานิ มริสฺสติ, ตํ. ลปนฺติ จาติ วิลปนฺติ จ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เย โลเก มตฺจ มริสฺสนฺตฺจ โรทนฺติ, เต รุทนฺติ เจว วิลปนฺติ จ, เตสํ อสฺสุปจฺฉิชฺชนทิวโส นาม นตฺถิ. กึการณา? สทาปิ มตานฺจ มริสฺสนฺตานฺจ อตฺถิตาย. ตสฺมา ตฺวํ อิสิ มา โรทิ. กึการณา ? โรทิตํ โมฆมาหุ สนฺโตติ, พุทฺธาทโย ปน ปณฺฑิตา โรทิตํ ‘‘โมฆ’’นฺติ วทนฺติ. มโต เปโตติ โย เอส มโต เปโตติ วุจฺจติ, ยทิ โส โรทิเตน สมุฏฺเหยฺย, เอวํ สนฺเต กึ นิกฺกมฺมา อจฺฉาม, สพฺเพว สมาคมฺม อฺมฺสฺส าตเก โรทาม. ยสฺมา ปน เต โรทิตการณา น อุฏฺหนฺติ, ตสฺมา โรทิตสฺส โมฆภาวํ สาเธติ.

เอวํ สกฺกสฺส กเถนฺตสฺส ตาปโส ‘‘นิรตฺถกํ โรทิต’’นฺติ สลฺลกฺเขตฺวา สกฺกสฺส ถุตึ กโรนฺโต ติสฺโส คาถา อภาสิ –

๑๒๐.

‘‘อาทิตฺตํ วต มํ สนฺตํ, ฆตสิตฺตํว ปาวกํ;

วารินา วิย โอสิฺจํ, สพฺพํ นิพฺพาปเย ทรํ.

๑๒๑.

‘‘อพฺพหิ วต เม สลฺลํ, ยมาสิ หทยสฺสิตํ;

โย เม โสกปเรตสฺส, ปุตฺตโสกํ อปานุทิ.

๑๒๒.

‘‘โสหํ อพฺพูฬฺหสลฺโลสฺมิ, วีตโสโก อนาวิโล;

น โสจามิ น โรทามิ, ตว สุตฺวาน วาสวา’’ติ.

ตตฺถ ยมาสีติ ยํ เม อาสิ. หทยสฺสิตนฺติ หทเย นิสฺสิตํ. อปานุทีติ นีหริ. สกฺโก ตาปสสฺส โอวาทํ ทตฺวา สกฏฺานเมว คโต.

สตฺถา อิธํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ตาปโส มหลฺลโก อโหสิ, มิโค สามเณโร, สกฺโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

มิคโปตกชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๓๗๓] ๓. มูสิกชาตกวณฺณนา

กุหึ คตา กตฺถ คตาติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อชาตสตฺตุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา ถุสชาตเก (ชา. ๑.๔.๑๔๙ อาทโย) วิตฺถาริตเมว. อิธาปิ สตฺถา ตเถว ราชานํ สกึ ปุตฺเตน สทฺธึ กีฬมานํ สกึ ธมฺมํ สุณนฺตํ ทิสฺวา ‘‘ตํ นิสฺสาย รฺโ ภยํ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘มหาราช, โปราณกราชาโน อาสงฺกิตพฺพํ อาสงฺกิตฺวา อตฺตโน ปุตฺตํ ‘อมฺหากํ ธูมกาเล รชฺชํ กาเรตู’ติ เอกมนฺเต อกํสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตกฺกสิลายํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ทิสาปาโมกฺขาจริโย อโหสิ. ตสฺส สนฺติเก พาราณสิรฺโ ปุตฺโต ยวกุมาโร นาม สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา อนุโยคํ ทตฺวา คนฺตุกาโม ตํ อาปุจฺฉิ. อาจริโย ‘‘ปุตฺตํ นิสฺสาย ตสฺส อนฺตราโย ภวิสฺสตี’’ติ องฺควิชฺชาวเสน ตฺวา ‘‘เอตมสฺส หริสฺสามี’’ติ เอกํ อุปมํ อุปธาเรตุํ อารภิ. ตทา ปนสฺส เอโก อสฺโส อโหสิ, ตสฺส ปาเท วโณ อุฏฺหิ, ตํ วณานุรกฺขณตฺถํ เคเหเยว กรึสุ. ตสฺสาวิทูเร เอโก อุทปาโน อตฺถิ. อเถกา มูสิกา เคหา นิกฺขมิตฺวา อสฺสสฺส ปาเท วณํ ขาทติ, อสฺโส วาเรตุํ น สกฺโกติ. โส เอกทิวสํ เวทนํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต มูสิกํ ขาทิตุํ อาคตํ ปาเทน ปหริตฺวา มาเรตฺวา อุทปาเน ปาเตสิ. อสฺสโคปกา มูสิกํ อปสฺสนฺตา ‘‘อฺเสุ ทิวเสสุ มูสิกา อาคนฺตฺวา วณํ ขาทติ, อิทานิ น ปฺายติ, กหํ นุ โข คตา’’ติ วทึสุ.

โพธิสตฺโต ตํ การณํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา ‘‘อฺเ อชานนฺตา ‘กหํ มูสิกา คตา’ติ วทนฺติ, มูสิกาย ปน มาเรตฺวา อุทปาเน ขิตฺตภาวํ อหเมว ชานามี’’ติ อิทเมว การณํ อุปมํ กตฺวา ปมํ คาถํ พนฺธิตฺวา ราชกุมารสฺส อทาสิ. โส อปรํ อุปมํ อุปธาเรนฺโต ตเมว อสฺสํ ปรุฬฺหวณํ นิกฺขมิตฺวา เอกํ ยววตฺถุํ คนฺตฺวา ‘‘ยวํ ขาทิสฺสามี’’ติ วติจฺฉิทฺเทน มุขํ ปเวเสนฺตํ ทิสฺวา ตเมว การณํ อุปมํ กตฺวา ทุติยํ คาถํ พนฺธิตฺวา ตสฺส อทาสิ. ตติยคาถํ ปน อตฺตโน ปฺาพเลเนว พนฺธิตฺวา ตมฺปิ ตสฺส ทตฺวา ‘‘ตาต, ตฺวํ รชฺเช ปติฏฺาย สายํ นฺหานโปกฺขรณึ คจฺฉนฺโต ยาว ธุรโสปานา ปมํ คาถํ สชฺฌายนฺโต คจฺเฉยฺยาสิ, ตว นิวสนปาสาทํ ปวิสนฺโต ยาว โสปานปาทมูลา ทุติยํ คาถํ สชฺฌายนฺโต คจฺเฉยฺยาสิ, ตโต ยาว โสปานมตฺถกา ตติยํ คาถํ สชฺฌายนฺโต คจฺเฉยฺยาสี’’ติ วตฺวา เปเสสิ.

โส กุมาโร คนฺตฺวา อุปราชา หุตฺวา ปิตุ อจฺจเยน รชฺชํ กาเรสิ, ตสฺเสโก ปุตฺโต ชายิ. โส โสฬสวสฺสกาเล รชฺชโลเภน ‘‘ปิตรํ มาเรสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา อุปฏฺาเก อาห ‘‘มยฺหํ ปิตา ตรุโณ, อหํ เอตสฺส ธูมกาลํ โอโลเกนฺโต มหลฺลโก ภวิสฺสามิ ชราชิณฺโณ, ตาทิเส กาเล ลทฺเธนปิ รชฺเชน โก อตฺโถ’’ติ. เต อาหํสุ ‘‘เทว, น สกฺกา ปจฺจนฺตํ คนฺตฺวา โจรตฺตํ กาตุํ, ตว ปิตรํ เกนจิ อุปาเยน มาเรตฺวา รชฺชํ คณฺหา’’ติ . โส ‘‘สาธู’’ติ อนฺโตนิเวสเน รฺโ สายํ นฺหานโปกฺขรณีสมีปํ คนฺตฺวา ‘‘เอตฺถ นํ มาเรสฺสามี’’ติ ขคฺคํ คเหตฺวา อฏฺาสิ. ราชา สายํ มูสิกํ นาม ทาสึ ‘‘คนฺตฺวา โปกฺขรณีปิฏฺึ โสเธตฺวา เอหิ, นฺหายิสฺสามี’’ติ เปเสสิ. สา คนฺตฺวา โปกฺขรณีปิฏฺึ โสเธนฺตี กุมารํ ปสฺสิ. กุมาโร อตฺตโน กมฺมสฺส ปากฏภาวภเยน ตํ ทฺวิธา ฉินฺทิตฺวา โปกฺขรณิยํ ปาเตสิ. ราชา นฺหายิตุํ อคมาสิ . เสสชโน ‘‘อชฺชาปิ มูสิกา ทาสี น ปุนาคจฺฉติ, กุหึ คตา กตฺถ คตา’’ติ อาห. ราชา –

๑๒๓.

‘‘กุหึ คตา กตฺถ คตา, อิติ ลาลปฺปตี ชโน;

อหเมเวโก ชานามิ, อุทปาเน มูสิกา หตา’’ติ. –

ปมํ คาถํ ภณนฺโต โปกฺขรณีตีรํ อคมาสิ.

ตตฺถ กุหึ คตา กตฺถ คตาติ อฺมฺเววจนานิ. อิติ ลาลปฺปตีติ เอวํ วิปฺปลปติ. อิติ อยํ คาถา ‘‘อชานนฺโต ชโน มูสิกา ทาสี กุหึ คตาติ วิปฺปลปติ, ราชกุมาเรน ทฺวิธา ฉินฺทิตฺวา มูสิกาย โปกฺขรณิยํ ปาติตภาวํ อหเมว เอโก ชานามี’’ติ รฺโ อชานนฺตสฺเสว อิมมตฺถํ ทีเปติ.

กุมาโร ‘‘มยา กตกมฺมํ มยฺหํ ปิตรา าต’’นฺติ ภีโต ปลายิตฺวา ตมตฺถํ อุปฏฺากานํ อาโรเจสิ. เต สตฺตฏฺทิวสจฺจเยน ปุน ตํ อาหํสุ ‘‘เทว, สเจ ราชา ชาเนยฺย, น ตุณฺหี ภเวยฺย, ตกฺกคาเหน ปน เตน ตํ วุตฺตํ ภวิสฺสติ, มาเรหิ น’’นฺติ. โส ปุเนกทิวสํ ขคฺคหตฺโถ โสปานปาทมูเล ตฺวา รฺโ อาคมนกาเล อิโต จิโต จ ปหรโณกาสํ โอโลเกสิ. ราชา –

๑๒๔.

‘‘ยฺเจตํ อิติ จีติ จ, คทฺรโภว นิวตฺตสิ;

อุทปาเน มูสิกํ หนฺตฺวา, ยวํ ภกฺเขตุมิจฺฉสี’’ติ. –

ทุติยํ คาถํ สชฺฌายนฺโต อคมาสิ. อยมฺปิ คาถา ‘‘ยสฺมา ตฺวํ อิติ จีติ จ อิโต จิโต จ ปหรโณกาสํ โอโลเกนฺโต คทฺรโภว นิวตฺตสิ, ตสฺมา ตํ ชานามิ ‘ปุริมทิวเส โปกฺขรณิยํ มูสิกํ ทาสึ หนฺตฺวา อชฺช มํ ยวราชานํ ภกฺเขตุํ มาเรตุํ อิจฺฉสี’’’ติ รฺโ อชานนฺตสฺเสว อิมมตฺถํ ทีเปติ.

กุมาโร ‘‘ทิฏฺโมฺหิ ปิตรา’’ติ อุตฺรสฺโต ปลายิ. โส ปุน อฑฺฒมาสมตฺตํ อติกฺกมิตฺวา ‘‘ราชานํ ทพฺพิยา ปหริตฺวา มาเรสฺสามี’’ติ เอกํ ทีฆทณฺฑกํ ทพฺพิปหรณํ คเหตฺวา โอลุมฺพิตฺวา อฏฺาสิ. ราชา –

๑๒๕.

‘‘ทหโร จาสิ ทุมฺเมธ, ปมุปฺปตฺติโก สุสุ;

ทีฆฺเจตํ สมาสชฺช, น เต ทสฺสามิ ชีวิต’’นฺติ. –

ตติยํ คาถํ สชฺฌายนฺโต โสปานปาทมตฺถกํ อภิรุหิ.

ตตฺถ ปมุปฺปตฺติโกติ ปมวเยน อุปฺปตฺติโต อุเปโต, ปมวเย ิโตติ อตฺโถ. สุสูติ ตรุโณ. ทีฆนฺติ ทีฆทณฺฑกํ ทพฺพิปหรณํ. สมาสชฺชาติ คเหตฺวา, โอลุมฺพิตฺวา ิโตสีติ อตฺโถ. อยมฺปิ คาถา ‘‘ทุมฺเมธ, อตฺตโน วยํ ปริภุฺชิตุํ น ลภิสฺสสิ, น เต ทานิ นิลฺลชฺชสฺส ชีวิตํ ทสฺสามิ, มาเรตฺวา ขณฺฑาขณฺฑํ ฉินฺทิตฺวา สูเลเยว อาวุณาเปสฺสามี’’ติ รฺโ อชานนฺตสฺเสว กุมารํ สนฺตชฺชยมานา อิมมตฺถํ ทีเปติ.

โส ตํ ทิวสํ ปลายิตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘ชีวิตํ เม เทหิ, เทวา’’ติ รฺโ ปาทมูเล นิปชฺชิ. ราชา ตํ ตชฺเชตฺวา สงฺขลิกาหิ พนฺธาเปตฺวา พนฺธนาคาเร กาเรตฺวา เสตจฺฉตฺตสฺส เหฏฺา อลงฺกตราชาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘อมฺหากํ อาจริโย ทิสาปาโมกฺโข พฺราหฺมโณ อิมํ มยฺหํ อนฺตรายํ ทิสฺวา อิมา ติสฺโส คาถา อภาสี’’ติ หฏฺตุฏฺโ อุทานํ อุทาเนนฺโต เสสคาถา อภาสิ –

๑๒๖.

‘‘นานฺตลิกฺขภวเนน, นางฺคปุตฺตปิเนน วา;

ปุตฺเตน หิ ปตฺถยิโต, สิโลเกหิ ปโมจิโต.

๑๒๗.

‘‘สพฺพํ สุตมธีเยถ, หีนมุกฺกฏฺมชฺฌิมํ;

สพฺพสฺส อตฺถํ ชาเนยฺย, น จ สพฺพํ ปโยชเย;

โหติ ตาทิสโก กาโล, ยตฺถ อตฺถาวหํ สุต’’นฺติ.

ตตฺถ นานฺตลิกฺขภวเนนาติ อนฺตลิกฺขภวนํ วุจฺจติ ทิพฺพวิมานํ, อหํ อชฺช อนฺตลิกฺขภวนมฺปิ น อารุฬฺโห, ตสฺมา อนฺตลิกฺขภวเนนาปิ อชฺช มรณโต น ปโมจิโตมฺหิ. นางฺคปุตฺตปิเนน วาติ องฺคสริกฺขเกน วา ปุตฺตปิเนนปิ น ปโมจิโต. ปุตฺเตน หิ ปตฺถยิโตติ อหํ ปน อตฺตโน ปุตฺเตเนว อชฺช มาเรตุํ ปตฺถิโต. สิโลเกหิ ปโมจิโตติ โสหํ อาจริเยน พนฺธิตฺวา ทินฺนาหิ คาถาหิ ปโมจิโต.

สุตนฺติ ปริยตฺตึ. อธีเยถาติ คณฺเหยฺย สิกฺเขยฺย. หีนมุกฺกฏฺมชฺฌิมนฺติ หีนํ วา โหตุ อุตฺตมํ วา มชฺฌิมํ วา, สพฺพํ อธียิตพฺพเมวาติ ทีเปติ. น จ สพฺพํ ปโยชเยติ หีนํ มนฺตํ วา สิปฺปํ วา มชฺฌิมํ วา น ปโยชเย, อุตฺตมเมว ปโยชเยยฺยาติ อตฺโถ. ยตฺถ อตฺถาวหํ สุตนฺติ ยสฺมึ กาเล มโหสธปณฺฑิตสฺส กุมฺภการกมฺมกรณํ วิย ยํกิฺจิ สิกฺขิตสิปฺปํ อตฺถาวหํ โหติ, ตาทิโสปิ กาโล โหติเยวาติ อตฺโถ. อปรภาเค รฺโ อจฺจเยน กุมาโร รชฺเช ปติฏฺาสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

มูสิกชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๓๗๔] ๔. จูฬธนุคฺคหชาตกวณฺณนา

สพฺพํ ภณฺฑนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปุราณทุติยิกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิ. เตน ภิกฺขุนา ‘‘ปุราณทุติยิกา มํ, ภนฺเต, อุกฺกณฺาเปตี’’ติ วุตฺเต สตฺถา ‘‘เอสา ภิกฺขุ, อิตฺถี น อิทาเนว ตุยฺหํ อนตฺถการิกา, ปุพฺเพปิ เต เอตํ นิสฺสาย อสินา สีสํ ฉินฺน’’นฺติ วตฺวา ภิกฺขูหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สกฺกตฺตํ กาเรสิ. ตทา เอโก พาราณสิวาสี พฺราหฺมณมาณโว ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา ธนุกมฺเม นิปฺผตฺตึ ปตฺโต จูฬธนุคฺคหปณฺฑิโต นาม อโหสิ. อถสฺส อาจริโย ‘‘อยํ มยา สทิสํ สิปฺปํ อุคฺคณฺหี’’ติ อตฺตโน ธีตรํ อทาสิ. โส ตํ คเหตฺวา ‘‘พาราณสึ คมิสฺสามี’’ติ มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. อนฺตรามคฺเค เอโก วารโณ เอกํ ปเทสํ สุฺมกาสิ, ตํ านํ อภิรุหิตุํ น โกจิ อุสฺสหิ. จูฬธนุคฺคหปณฺฑิโต มนุสฺสานํ วาเรนฺตานฺเว ภริยํ คเหตฺวา อฏวิมุขํ อภิรุหิ. อถสฺส อฏวิมชฺเฌ วารโณ อุฏฺหิ, โส ตํ กุมฺเภ สเรน วิชฺฌิ. สโร วินิวิชฺฌิตฺวา ปจฺฉาภาเคน นิกฺขมิ. วารโณ ตตฺเถว ปติ, ธนุคฺคหปณฺฑิโต ตํ านํ เขมํ กตฺวา ปุรโต อฺํ อฏวึ ปาปุณิ. ตตฺถาปิ ปฺาส โจรา มคฺคํ หนนฺติ. ตมฺปิ โส มนุสฺเสหิ วาริยมาโน อภิรุยฺห เตสํ โจรานํ มิเค วธิตฺวา มคฺคสมีเป มํสํ ปจิตฺวา ขาทนฺตานํ ิตฏฺานํ ปาปุณิ.

ตทา ตํ โจรา อลงฺกตปฏิยตฺตาย ภริยาย สทฺธึ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘คณฺหิสฺสาม น’’นฺติ อุสฺสาหํ กรึสุ. โจรเชฏฺโก ปุริสลกฺขณกุสโล, โส ตํ โอโลเกตฺวาว ‘‘อุตฺตมปุริโส อย’’นฺติ ตฺวา เอกสฺสปิ อุฏฺหิตุํ นาทาสิ. ธนุคฺคหปณฺฑิโต ‘‘คจฺฉ ‘อมฺหากมฺปิ เอกํ มํสสูลํ เทถา’ติ วตฺวา มํสํ อาหรา’’ติ เตสํ สนฺติกํ ภริยํ เปเสสิ. สา คนฺตฺวา ‘‘เอกํ กิร มํสสูลํ เทถา’’ติ อาห. โจรเชฏฺโก ‘‘อนคฺโฆ ปุริโส’’ติ มํสสูลํ ทาเปสิ. โจรา ‘‘อมฺเหหิ กิร ปกฺกํ ขาทิต’’นฺติ อปกฺกมํสสูลํ อทํสุ. ธนุคฺคโห อตฺตานํ สมฺภาเวตฺวา ‘‘มยฺหํ อปกฺกมํสสูลํ ททนฺตี’’ติ โจรานํ กุชฺฌิ. โจรา ‘‘กึ อยเมเวโก ปุริโส, มยํ อิตฺถิโย’’ติ กุชฺฌิตฺวา อุฏฺหึสุ. ธนุคฺคโห เอกูนปฺาส ชเน เอกูนปฺาสกณฺเฑหิ วิชฺฌิตฺวา ปาเตสิ. โจรเชฏฺกํ วิชฺฌิตุํ กณฺฑํ นาโหสิ. ตสฺส กิร กณฺฑนาฬิยํ สมปณฺณาสเยว กณฺฑานิ. เตสุ เอเกน วารณํ วิชฺฌิ, เอกูนปฺาสกณฺเฑหิ โจเร วิชฺฌิตฺวา โจรเชฏฺกํ ปาเตตฺวา ตสฺส อุเร นิสินฺโน ‘‘สีสมสฺส ฉินฺทิสฺสามี’’ติ ภริยาย หตฺถโต อสึ อาหราเปสิ. สา ตงฺขณฺเว โจรเชฏฺเก โลภํ กตฺวา โจรสฺส หตฺเถ ถรุํ, สามิกสฺส หตฺเถ ธารํ เปสิ. โจโร ถรุทณฺฑํ ปรามสิตฺวา อสึ นีหริตฺวา ธนุคฺคหสฺส สีสํ ฉินฺทิ.

โส ตํ ฆาเตตฺวา อิตฺถึ อาทาย คจฺฉนฺโต ชาติโคตฺตํ ปุจฺฉิ. สา ‘‘ตกฺกสิลายํ ทิสาปาโมกฺขาจริยสฺส ธีตามฺหี’’ติ อาห. ‘‘กถํ ตฺวํ อิมินา ลทฺธา’’ติ. มยฺหํ ปิตา ‘‘อยํ มยา สทิสํ กตฺวา สิปฺปํ สิกฺขี’’ติ ตุสฺสิตฺวา อิมสฺส มํ อทาสิ, สาหํ ตยิ สิเนหํ กตฺวา อตฺตโน กุลทตฺติยํ สามิกํ มาราเปสินฺติ. โจรเชฏฺโก ‘‘กุลทตฺติยํ ตาเวสา สามิกํ มาเรสิ, อฺํ ปเนกํ ทิสฺวา มมฺปิ เอวเมวํ กริสฺสติ, อิมํ ฉฑฺเฑตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค เอกํ กุนฺนทึ อุตฺตานตลํ ตงฺขโณทกปูรํ ทิสฺวา ‘‘ภทฺเท, อิมิสฺสํ นทิยํ สุสุมารา กกฺขฬา, กึ กโรมา’’ติ อาห. ‘‘สามิ, สพฺพํ อาภรณภณฺฑํ มม อุตฺตราสงฺเคน ภณฺฑิกํ กตฺวา ปรตีรํ เนตฺวา ปุน อาคนฺตฺวา มํ คเหตฺวา คจฺฉา’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ สพฺพํ อาภรณภณฺฑํ อาทาย นทึ โอตริตฺวา ตรนฺโต วิย ปรตีรํ ปตฺวา ตํ ฉฑฺเฑตฺวา ปายาสิ. สา ตํ ทิสฺวา ‘‘สามิ, กึ มํ ฉฑฺเฑตฺวา วิย คจฺฉสิ, กสฺมา เอวํ กโรสิ, เอหิ มมฺปิ อาทาย คจฺฉา’’ติ เตน สทฺธึ สลฺลปนฺตี ปมํ คาถมาห –

๑๒๘.

‘‘สพฺพํ ภณฺฑํ สมาทาย, ปารํ ติณฺโณสิ พฺราหฺมณ;

ปจฺจาคจฺฉ ลหุํ ขิปฺปํ, มมฺปิ ตาเรหิ ทานิโต’’ติ.

ตตฺถ ลหุํ ขิปฺปนฺติ ลหุํ ปจฺจาคจฺฉ, ขิปฺปํ มมฺปิ ตาเรหิ ทานิ อิโตติ อตฺโถ.

โจโร ตํ สุตฺวา ปรตีเร ิโตเยว ทุติยํ คาถมาห –

๑๒๙.

‘‘อสนฺถุตํ มํ จิรสนฺถุเตน, นิมีนิ โภตี อธุวํ ธุเวน;

มยาปิ โภตี นิมิเนยฺย อฺํ, อิโต อหํ ทูรตรํ คมิสฺส’’นฺติ.

สา เหฏฺา วุตฺตตฺถาเยว –

โจโร ปน ‘‘อิโต อหํ ทูรตรํ คมิสฺสํ, ติฏฺ ตฺว’’นฺติ วตฺวา ตสฺสา วิรวนฺติยาว อาภรณภณฺฑิกํ อาทาย ปลาโต. ตโต สา พาลา อตฺริจฺฉตาย เอวรูปํ พฺยสนํ ปตฺตา อนาถา หุตฺวา อวิทูเร เอกํ เอฬคลาคุมฺพํ อุปคนฺตฺวา โรทมานา นิสีทิ. ตสฺมึ ขเณ สกฺโก เทวราชา โลกํ โอโลเกนฺโต ตํ อตฺริจฺฉตาหตํ สามิกา จ ชารา จ ปริหีนํ โรทมานํ ทิสฺวา ‘‘เอตํ นิคฺคณฺหิตฺวา ลชฺชาเปตฺวา อาคมิสฺสามี’’ติ มาตลิฺจ ปฺจสิขฺจ อาทาย ตตฺถ คนฺตฺวา นทีตีเร ตฺวา ‘‘มาตลิ, ตฺวํ มจฺโฉ ภว, ปฺจสิข ตฺวํ สกุโณ ภว, อหํ ปน สิงฺคาโล หุตฺวา มุเขน มํสปิณฺฑํ คเหตฺวา เอติสฺสา สมฺมุขฏฺานํ คมิสฺสามิ, ตฺวํ มยิ ตตฺถ คเต อุทกโต อุลฺลงฺฆิตฺวา มม ปุรโต ปต, อถาหํ มุเขน คหิตมํสปิณฺฑํ ฉฑฺเฑตฺวา มจฺฉํ คเหตุํ ปกฺขนฺทิสฺสามิ, ตสฺมึ ขเณ ตฺวํ, ปฺจสิข, ตํ มํสปิณฺฑํ คเหตฺวา อากาเส อุปฺปต, ตฺวํ มาตลิ, อุทเก ปตา’’ติ อาณาเปสิ. ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ, มาตลิ, มจฺโฉ อโหสิ, ปฺจสิโข สกุโณ อโหสิ. สกฺโก สิงฺคาโล หุตฺวา มํสปิณฺฑํ มุเขนาทาย ตสฺสา สมฺมุขฏฺานํ อคมาสิ. มจฺโฉ อุทกา อุปฺปติตฺวา สิงฺคาลสฺส ปุรโต ปติ. โส มุเขน คหิตมํสปิณฺฑํ ฉฑฺเฑตฺวา มจฺฉสฺสตฺถาย ปกฺขนฺทิ. มจฺโฉ อุปฺปติตฺวา อุทเก ปติ, สกุโณ มํสปิณฺฑํ คเหตฺวา อากาเส อุปฺปติ, สิงฺคาโล อุโภปิ อลภิตฺวา เอฬคลาคุมฺพํ โอโลเกนฺโต ทุมฺมุโข นิสีทิ. สา ตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ อตฺริจฺฉตาหโต เนว มํสํ, น มจฺฉํ ลภี’’ติ กุฏํ ภินฺทนฺตี วิย มหาหสิตํ หสิ. ตํ สุตฺวา สิงฺคาโล ตติยํ คาถมาห –

๑๓๐.

‘‘กายํ เอฬคลาคุมฺเพ, กโรติ อหุหาสิยํ;

นยีธ นจฺจคีตํ วา, ตาฬํ วา สุสมาหิตํ;

อนมฺหิกาเล สุโสณิ, กินฺนุ ชคฺฆสิ โสภเน’’ติ.

ตตฺถ กายนฺติ กา อยํ. เอฬคลาคุมฺเพติ กมฺโพชิคุมฺเพ. อหุหาสิยนฺติ ทนฺตวิทํสกํ มหาหสิตํ วุจฺจติ, ตํ กา เอสา เอตสฺมึ คุมฺเพ กโรตีติ ปุจฺฉติ. นยีธ นจฺจคีตํ วาติ อิมสฺมึ าเน กสฺสจิ นจฺจนฺตสฺส นจฺจํ วา คายนฺตสฺส คีตํ วา หตฺเถ สุสมาหิเต กตฺวา วาเทนฺตสฺส สุสมาหิตํ หตฺถตาฬํ วา นตฺถิ, กํ ทิสฺวา ตฺวํ หเสยฺยาสีติ ทีเปติ. อนมฺหิกาเลติ โรทนกาเล. สุโสณีติ สุนฺทรโสณิ. กึ นุ ชคฺฆสีติ เกน การเณน ตฺวํ โรทิตุํ ยุตฺตกาเล อโรทมานาว มหาหสิตํ หสสิ. โสภเนติ ตํ ปสํสนฺโต อาลปติ.

ตํ สุตฺวา สา จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๓๑.

‘‘สิงฺคาล พาล ทุมฺเมธ, อปฺปปฺโสิ ชมฺพุก;

ชีโน มจฺฉฺจ เปสิฺจ, กปโณ วิย ฌายสี’’ติ.

ตตฺถ ชีโนติ ชานิปฺปตฺโต หุตฺวา. เปสินฺติ มํสเปสึ. กปโณ วิย ฌายสีติ สหสฺสภณฺฑิกํ ปราชิโต กปโณ วิย ฌายสิ โสจสิ จินฺเตสิ.

ตโต สิงฺคาโล ปฺจมํ คาถมาห –

๑๓๒.

‘‘สุทสฺสํ วชฺชมฺเสํ, อตฺตโน ปน ทุทฺทสํ;

ชีนา ปติฺจ ชารฺจ, มฺเ ตฺวฺเว ฌายสี’’ติ.

ตตฺถ ตฺวฺเว ฌายสีติ ปาปธมฺเม ทุสฺสีเล อหํ ตาว มม โคจรํ น ลภิสฺสามิ, ตฺวํ ปน อตฺริจฺฉตาย หตา ตํมุหุตฺตทิฏฺเก โจเร ปฏิพทฺธจิตฺตา หุตฺวา ตฺจ ชารํ กุลทตฺติยฺจ ปตึ ชีนา, มํ อุปาทาย สตคุเณน สหสฺสคุเณน กปณตรา หุตฺวา ฌายสิ โรทสิ ปริเทวสีติ ลชฺชาเปตฺวา วิปฺปการํ ปาเปนฺโต มหาสตฺโต เอวมาห.

สา ตสฺส วจนํ สุตฺวา คาถมาห –

๑๓๓.

‘‘เอวเมตํ มิคราช, ยถา ภาสสิ ชมฺพุก;

สา นูนาหํ อิโต คนฺตฺวา, ภตฺตุ เหสฺสํ วสานุคา’’ติ.

ตตฺถ นูนาติ เอกํสตฺเถ นิปาโต. สา อหํ อิโต คนฺตฺวา ปุน อฺํ ภตฺตารํ ลภิตฺวา เอกํเสเนว ตสฺส ภตฺตุ วสานุคา วสวตฺตินี ภวิสฺสามีติ.

อถสฺสา อนาจาราย ทุสฺสีลาย วจนํ สุตฺวา สกฺโก เทวราชา โอสานคาถมาห –

๑๓๔.

‘‘โย หเร มตฺติกํ ถาลํ, กํสถาลมฺปิ โส หเร;

กตํเยว ตยา ปาปํ, ปุนเปวํ กริสฺสสี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – อนาจาเร กึ กเถสิ, โย มตฺติกํ ถาลํ หรติ, สุวณฺณถาลรชตถาลาทิปฺปเภทํ กํสถาลมฺปิ โส หรเตว, อิทฺจ ตยา ปาปํ กตเมว, น สกฺกา ตว สทฺธาตุํ, สา ตฺวํ ปุนปิ เอวํ กริสฺสสิเยวาติ. เอวํ โส ตํ ลชฺชาเปตฺวา วิปฺปการํ ปาเปตฺวา สกฏฺานเมว อคมาสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ.

ตทา ธนุคฺคโห อุกฺกณฺิตภิกฺขุ อโหสิ, สา อิตฺถี ปุราณทุติยิกา, สกฺโก เทวราชา ปน อหเมว อโหสินฺติ.

จูฬธนุคฺคหชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๓๗๕] ๕. กโปตชาตกวณฺณนา

อิทานิ โขมฺหีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ โลลภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โลลวตฺถุ อเนกโส วิตฺถาริตเมว. ตํ ปน สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ, โลโล’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘น โข ภิกฺขุ อิทาเนว, ปุพฺเพปิ ตฺวํ โลโลสิ, โลลตาย ปน ชีวิตกฺขยํ ปตฺโต’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ปาราวตโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา พาราณสิเสฏฺิโน มหานเส นีฬปจฺฉิยํ วสติ. อเถโก กาโก มจฺฉมํสลุทฺโธ เตน สทฺธึ เมตฺตึ กตฺวา ตตฺเถว วสิ. โส เอกทิวสํ พหุํ มจฺฉมํสํ ทิสฺวา ‘‘อิมํ ขาทิสฺสามี’’ติ นิตฺถุนนฺโต นีฬปจฺฉิยํเยว นิปชฺชิตฺวา ปาราวเตน ‘‘เอหิ, สมฺม, โคจราย คมิสฺสามา’’ติ วุจฺจมาโนปิ ‘‘อชีรเกน นิปนฺโนมฺหิ, คจฺฉ ตฺว’’นฺติ วตฺวา ตสฺมึ คเต ‘‘คโต เม ปจฺจามิตฺตกณฺฏโก, อิทานิ ยถารุจิ มจฺฉมํสํ ขาทิสฺสามี’’ติ จินฺเตนฺโต ปมํ คาถมาห –

๑๓๕.

‘‘อิทานิ โขมฺหิ สุขิโต อโรโค, นิกฺกณฺฏโก นิปฺปติโต กโปโต;

กาหามิ ทานี หทยสฺส ตุฏฺึ, ตถา หิ มํ มํสสากํ พเลตี’’ติ.

ตตฺถ นิปฺปติโตติ นิคฺคโต. กโปโตติ ปาราวโต. กาหามิ ทานีติ กริสฺสามิ ทานิ. ตถา หิ มํ มํสสากํ พเลตีติ ตถา หิ มํสฺจ อวเสสํ สากฺจ มยฺหํ พลํ กโรติ, อุฏฺเหิ ขาทาติ วทมานํ วิย อุสฺสาหํ มมํ กโรตีติ อตฺโถ.

โส ภตฺตการเก มจฺฉมํสํ ปจิตฺวา มหานสา นิกฺขมฺม สรีรโต เสทํ ปวาเหนฺเต ปจฺฉิโต นิกฺขมิตฺวา รสกโรฏิยํ นิลียิตฺวา ‘‘กิริ กิรี’’ติ สทฺทมกาสิ. ภตฺตการโก เวเคนาคนฺตฺวา กากํ คเหตฺวา สพฺพปตฺตานิ ลุฺชิตฺวา อลฺลสิงฺคีเวรฺจ สิทฺธตฺถเก จ ปิสิตฺวา ลสุณํ ปูติตกฺเกน มทฺทิตฺวา สกลสรีรํ มกฺเขตฺวา เอกํ กลํ ฆํสิตฺวา วิชฺฌิตฺวา สุตฺตเกน ตสฺส คีวายํ พนฺธิตฺวา นีฬปจฺฉิยํเยว ตํ ปกฺขิปิตฺวา อคมาสิ. ปาราวโต อาคนฺตฺวา ตํ ทิสฺวา ‘‘กา เอสา พลากา มม สหายสฺส ปจฺฉิยํ นิปนฺนา, จณฺโฑ หิ โส อาคนฺตฺวา ฆาเตยฺยาปิ น’’นฺติ ปริหาสํ กโรนฺโต ทุติยํ คาถมาห –

๑๓๖.

‘‘กายํ พลากา สิขินี, โจรี ลงฺฆิปิตามหา;

โอรํ พลาเก อาคจฺฉ, จณฺโฑ เม วายโส สขา’’ติ.

สา เหฏฺา (ชา. อฏฺ. ๒.๓.๗๐) วุตฺตตฺถาเยว.

ตํ สุตฺวา กาโก ตติยํ คาถมาห –

๑๓๗.

‘‘อลฺหิ เต ชคฺฆิตาเย, มมํ ทิสฺวาน เอทิสํ;

วิลูนํ สูทปุตฺเตน, ปิฏฺมณฺเฑน มกฺขิต’’นฺติ.

ตตฺถ อลนฺติ ปฏิเสธตฺเถ นิปาโต. ชคฺฆิตาเยติ หสิตุํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิทานิ มํ เอทิสํ เอวํ ทุกฺขปฺปตฺตํ ทิสฺวา ตว อลํ หสิตุํ, มา เอทิเส กาเล ปริหาสเกฬึ กโรหีติ.

โส ปริหาสเกฬึ กโรนฺโตว ปุน จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๓๘.

‘‘สุนฺหาโต สุวิลิตฺโตสิ, อนฺนปาเนน ตปฺปิโต;

กณฺเ จ เต เวฬุริโย, อคมา นุ กชงฺคล’’นฺติ.

ตตฺถ กณฺเ จ เต เวฬุริโยติ อยํ เต เวฬุริยมณิปิ กณฺเ ปิฬนฺโธ, ตฺวํ เอตฺตกํ กาลํ อมฺหากํ เอตํ น ทสฺเสสีติ กปาลํ สนฺธาเยวมาห. กชงฺคลนฺติ อิธ พาราณสีเยว ‘‘กชงฺคลา’’ติ อธิปฺเปตา. อิโต นิกฺขมิตฺวา กจฺจิ อนฺโตนครํ คโตสีติ ปุจฺฉติ.

ตโต กาโก ปฺจมํ คาถมาห –

๑๓๙.

‘‘มา เต มิตฺโต อมิตฺโต วา, อคมาสิ กชงฺคลํ;

ปิฺฉานิ ตตฺถ ลายิตฺวา, กณฺเ พนฺธนฺติ วฏฺฏน’’นฺติ.

ตตฺถ ปิฺฉานีติ ปตฺตานิ. ตตฺถ ลายิตฺวาติ ตสฺมึ พาราณสินคเร ลุฺจิตฺวา. วฏฺฏนนฺติ กลิกํ.

ตํ สุตฺวา ปาราวโต โอสานคาถมาห –

๑๔๐.

‘‘ปุนปาปชฺชสี สมฺม, สีลฺหิ ตว ตาทิสํ;

น หิ มานุสกา โภคา, สุภุฺชา โหนฺติ ปกฺขินา’’ติ.

ตตฺถ ปุนปาปชฺชสีติ ปุนปิ เอวรูปํ อาปชฺชิสฺสสิ. เอวรูปฺหิ เต สีลนฺติ.

อิติ นํ โส โอวทิตฺวา ตตฺถ อวสิตฺวา ปกฺเข ปสาเรตฺวา อฺตฺถ อคมาสิ. กาโกปิ ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โลลภิกฺขุ อนาคามิผเล ปติฏฺหิ. ตทา กาโก โลลภิกฺขุ อโหสิ, กโปโต ปน อหเมว อโหสินฺติ.

กโปตชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

อฑฺฒวคฺโค ตติโย.

ชาตกุทฺทานํ –

มณิกุณฺฑล สุชาตา, เวนสาขฺจ โอรคํ;

ฆฏํ โกรณฺฑิ ลฏุกิ, ธมฺมปาลํ มิคํ ตถา.

สุโยนนฺที วณฺณาโรห, สีลํ หิรี ขชฺโชปนํ;

อหิ คุมฺพิย สาฬิยํ, ตจสารํ มิตฺตวินฺทํ.

ปลาสฺเจว ทีฆิติ, มิคโปตก มูสิกํ;

ธนุคฺคโห กโปตฺจ, ชาตกา ปฺจวีสติ.

ปฺจกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.