📜
๖. ฉกฺกนิปาโต
๑. อวาริยวคฺโค
[๓๗๖] ๑. อวาริยชาตกวณฺณนา
มาสุ ¶ ¶ ¶ กุชฺฌ ภูมิปตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ ติตฺถนาวิกํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร พาโล อโหสิ อฺาโณ, เนว โส พุทฺธาทีนํ รตนานํ, น อฺเสํ ปุคฺคลานํ คุณํ ชานาติ, จณฺโฑ ผรุโส สาหสิโก. อเถโก ชานปโท ภิกฺขุ ‘‘พุทฺธุปฏฺานํ กริสฺสามี’’ติ อาคจฺฉนฺโต สายํ อจิรวตีติตฺถํ ปตฺวา ตํ เอวมาห ‘‘อุปาสก, ปรตีรํ คมิสฺสามิ, นาวํ เม เทหี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, อิทานิ อกาโล, เอกสฺมึ าเน วสสฺสู’’ติ. ‘‘อุปาสก, อิธ กุหึ วสิสฺสามิ, มํ คณฺหิตฺวา คจฺฉา’’ติ. โส กุชฺฌิตฺวา ‘‘เอหิ เร สมณ, วหามี’’ติ เถรํ นาวํ อาโรเปตฺวา อุชุกํ อคนฺตฺวา เหฏฺา นาวํ เนตฺวา อุลฺโลฬํ กตฺวา ตสฺส ปตฺตจีวรํ เตเมตฺวา กิลเมตฺวา ตีรํ ปตฺวา อนฺธการเวลายํ อุยฺโยเชสิ. อถ โส วิหารํ คนฺตฺวา ตํ ทิวสํ พุทฺธุปฏฺานสฺส โอกาสํ อลภิตฺวา ปุนทิวเส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา สตฺถารา กตปฏิสนฺถาโร ‘‘กทา อาคโตสี’’ติ วุตฺเต ‘‘หิยฺโย, ภนฺเต’’ติ วตฺวา ‘‘อถ กสฺมา อชฺช พุทฺธุปฏฺานํ อาคโตสี’’ติ วุตฺเต ตมตฺถํ อาโรเจสิ. ตํ สุตฺวา สตฺถา ‘‘น โข ภิกฺขุ อิทาเนว, ปุพฺเพเปส จณฺโฑ ผรุโส สาหสิโก, อิทานิ ปน เตน ตฺวํ กิลมิโต, ปุพฺเพเปส ปณฺฑิเต กิลเมสี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ ¶ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ทีฆมทฺธานํ หิมวนฺเต ผลาผเลน ยาเปตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย พาราณสึ ปตฺวา ราชุยฺยาเน วสิตฺวา ปุนทิวเส นครํ ภิกฺขาย ปาวิสิ. อถ นํ ราชงฺคณปฺปตฺตํ ราชา ทิสฺวา ตสฺส อิริยาปเถ ปสีทิตฺวา อนฺเตปุรํ อาเนตฺวา โภเชตฺวา ปฏิฺํ คเหตฺวา ¶ ราชุยฺยาเน วสาเปสิ, เทวสิกํ อุปฏฺานํ ¶ อคมาสิ. ตเมนํ โพธิสตฺโต ‘‘รฺา นาม, มหาราช, จตฺตาริ อคติคมนานิ วชฺเชตฺวา อปฺปมตฺเตน ขนฺติเมตฺตานุทฺทยสมฺปนฺเนน หุตฺวา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรตพฺพ’’นฺติ วตฺวา เทวสิกํ โอวทนฺโต –
‘‘มาสุ กุชฺฌ ภูมิปติ, มาสุ กุชฺฌ รเถสภ;
กุทฺธํ อปฺปฏิกุชฺฌนฺโต, ราชา รฏฺสฺส ปูชิโต.
‘‘คาเม วา ยทิ วารฺเ, นินฺเน วา ยทิ วา ถเล;
สพฺพตฺถ อนุสาสามิ, มาสุ กุชฺฌ รเถสภา’’ติ. – ทฺเว คาถา อภาสิ;
ตตฺถ รฏฺสฺส ปูชิโตติ เอวรูโป ราชา รฏฺสฺส ปูชนีโย โหตีติ อตฺโถ. สพฺพตฺถ อนุสาสามีติ เอเตสุ คามาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ วสนฺโตปาหํ มหาราช, อิมาย เอว อนุสิฏฺิยา ตมนุสาสามิ, เอเตสุ วา คามาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ เอกสฺมิมฺปิ เอกสตฺเตปิ อนุสาสามิ. มาสุ กุชฺฌ รเถสภาติ เอวเมวาหํ ตํ อนุสาสามิ, รฺา นาม กุชฺฌตุํ น วฏฺฏติ. กึการณา? ราชาโน นาม วาจาวุธา, เตสํ กุทฺธานํ วจนมตฺเตเนว พหู ชีวิตกฺขยํ ปาปุณนฺตีติ.
เอวํ โพธิสตฺโต รฺโ อาคตาคตทิวเส อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ. ราชา อนุสิฏฺิยา ปสนฺนจิตฺโต มหาสตฺตสฺส สตสหสฺสุฏฺานกํ เอกํ คามวรํ อทาสิ, โพธิสตฺโต ปฏิกฺขิปิ. อิติ โส ตตฺเถว ทฺวาทสสํวจฺฉรํ วสิตฺวา ‘‘อติจิรํ นิวุตฺโถมฺหิ, ชนปทจาริกํ ตาว จริตฺวา อาคมิสฺสามี’’ติ รฺโ อกเถตฺวาว อุยฺยานปาลํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ตาต, อุกฺกณฺิตรูโปสฺมิ, ชนปทํ จริตฺวา อาคมิสฺสามิ, ตฺวํ รฺโ กเถยฺยาสี’’ติ วตฺวา ปกฺกนฺโต ¶ คงฺคาย นาวาติตฺถํ ปาปุณิ. ตตฺถ อวาริยปิตา นาม นาวิโก อโหสิ. โส พาโล เนว คุณวนฺตานํ คุณํ ชานาติ, น อตฺตโน อายาปายํ ชานาติ, โส คงฺคํ ตริตุกามํ ชนํ ปมํ ตาเรตฺวา ปจฺฉา เวตนํ ยาจติ, เวตนํ อเทนฺเตหิ สทฺธึ กลหํ กโรนฺโต อกฺโกสปฺปหาเรเยว พหู ลภติ, อปฺปํ ลาภํ, เอวรูโป อนฺธพาโล. ตํ สนฺธาย สตฺถา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ตติยํ คาถมาห –
‘‘อวาริยปิตา ¶ นาม, อหุ คงฺคาย นาวิโก;
ปุพฺเพ ชนํ ตาเรตฺวาน, ปจฺฉา ยาจติ เวตนํ;
เตนสฺส ภณฺฑนํ โหติ, น จ โภเคหิ วฑฺฒตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ อวาริยปิตา นามาติ อวาริยา นาม ตสฺส ธีตา, ตสฺสา วเสน อวาริยปิตา นาม ชาโต. เตนสฺส ภณฺฑนนฺติ เตน การเณน, เตน วา ปจฺฉา ยาจิยมาเนน ชเนน สทฺธึ ตสฺส ภณฺฑนํ โหติ.
โพธิสตฺโต ตํ นาวิกํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อาวุโส, ปรตีรํ มํ เนหี’’ติ อาห. ตํ สุตฺวา โส อาห ‘‘สมณ, กึ เม นาวาเวตนํ ทสฺสสี’’ติ? ‘‘อาวุโส, อหํ โภควฑฺฒึ อตฺถวฑฺฒึ ธมฺมวฑฺฒึ นาม เต กเถสฺสามี’’ติ. ตํ สุตฺวา นาวิโก ‘‘ธุวํ เอส มยฺหํ กิฺจิ ทสฺสตี’’ติ ตํ ปรตีรํ เนตฺวา ‘‘เทหิ เม นาวาย เวตน’’นฺติ อาห. โส ตสฺส ‘‘สาธุ, อาวุโส’’ติ ปมํ โภควฑฺฒึ กเถนฺโต –
‘‘อติณฺณํเยว ยาจสฺสุ, อปารํ ตาต นาวิก;
อฺโ หิ ติณฺณสฺส มโน, อฺโ โหติ ปาเรสิโน’’ติ. – คาถมาห;
ตตฺถ อปารนฺติ ตาต, นาวิก ปรตีรํ อติณฺณเมว ชนํ โอริมตีเร ิตฺเว เวตนํ ยาจสฺสุ, ตโต ลทฺธฺจ คเหตฺวา คุตฺตฏฺาเน เปตฺวา ปจฺฉา มนุสฺเส ปรตีรํ เนยฺยาสิ, เอวํ เต โภควฑฺฒิ ภวิสฺสติ. อฺโ หิ ติณฺณสฺส มโนติ ตาต นาวิก, ปรตีรํ คตสฺส อฺโ มโน ภวติ, อทตฺวาว คนฺตุกาโม โหติ. โย ปเนส ปาเรสี นาม ปรตีรํ เอสติ, ปรตีรํ คนฺตุกาโม โหติ, โส อติเรกมฺปิ ทตฺวา คนฺตุกาโม โหติ, อิติ ปาเรสิโน อฺโ มโน โหติ, ตสฺมา ตฺวํ อติณฺณเมว ยาเจยฺยาสิ, อยํ ตาว เต โภคานํ วฑฺฒิ นามาติ.
ตํ สุตฺวา นาวิโก ¶ จินฺเตสิ ‘‘อยํ ตาว เม โอวาโท ภวิสฺสติ, อิทานิ ปเนส อฺํ กิฺจิ มยฺหํ ทสฺสตี’’ติ. อถ นํ โพธิสตฺโต ‘‘อยํ ตาว เต, อาวุโส, โภควฑฺฒิ, อิทานิ อตฺถธมฺมวฑฺฒึ สุณาหี’’ติ วตฺวา โอวทนฺโต –
‘‘คาเม ¶ วา ยทิ วารฺเ, นินฺเน วา ยทิ วา ถเล;
สพฺพตฺถ อนุสาสามิ, มาสุ กุชฺฌิตฺถ นาวิกา’’ติ. – คาถมาห;
อิติสฺส อิมาย คาถาย อตฺถธมฺมวฑฺฒึ กเถตฺวา ‘‘อยํ เต อตฺถวฑฺฒิ จ ธมฺมวฑฺฒิ จา’’ติ อาห. โส ปน ทนฺธปุริโส ตํ โอวาทํ น กิฺจิ มฺมาโน ‘‘อิทํ, สมณ, ตยา มยฺหํ ทินฺนํ ¶ นาวาเวตน’’นฺติ อาห. ‘‘อามาวุโส’’ติ. ‘‘มยฺหํ อิมินา กมฺมํ นตฺถิ, อฺํ เม เทหี’’ติ. ‘‘อาวุโส, อิทํ เปตฺวา มยฺหํ อฺํ นตฺถี’’ติ. ‘‘อถ ตฺวํ กสฺมา มม นาวํ อารุฬฺโหสี’’ติ ตาปสํ คงฺคาตีเร ปาเตตฺวา อุเร นิสีทิตฺวา มุขเมวสฺส โปเถสิ.
สตฺถา ‘‘อิติ โส, ภิกฺขเว, ตาปโส ยํ โอวาทํ ทตฺวา รฺโ สนฺติกา คามวรํ ลภิ, ตเมว โอวาทํ อนฺธพาลสฺส นาวิกสฺส กเถตฺวา มุขโปถนํ ปาปุณิ, ตสฺมา โอวาทํ เทนฺเตน ยุตฺตชนสฺเสว ทาตพฺโพ, น อยุตฺตชนสฺสา’’ติ วตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ตทนนฺตรํ คาถมาห –
‘‘ยาเยวานุสาสนิยา, ราชา คามวรํ อทา;
ตาเยวานุสาสนิยา, นาวิโก ปหรี มุข’’นฺติ.
ตสฺส ตํ ปหรนฺตสฺเสว ภริยา ภตฺตํ คเหตฺวา อาคตา ปาปปุริสํ ทิสฺวา ‘‘สามิ, อยํ ตาปโส นาม ราชกุลูปโก, มา ปหรี’’ติ อาห. โส กุชฺฌิตฺวา ‘‘ตฺวํ เม อิมํ กูฏตาปสํ ปหริตุํ น เทสี’’ติ อุฏฺาย ตํ ปหริตฺวา ปาเตสิ. อถ ภตฺตปาติ ปติตฺวา ภิชฺชิ, ตสฺสา จ ปน ครุคพฺภาย คพฺโภ ภูมิยํ ปติ. อถ นํ มนุสฺสา สมฺปริวาเรตฺวา ‘‘ปุริสฆาตกโจโร’’ติ ¶ คเหตฺวา พนฺธิตฺวา รฺโ ทสฺเสสุํ. ราชา วินิจฺฉินิตฺวา ตสฺส ราชาณํ กาเรสิ. สตฺถา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต โอสานคาถมาห –
‘‘ภตฺตํ ภินฺนํ หตา ภริยา, คพฺโภ จ ปติโต ฉมา;
มิโคว ชาตรูเปน, น เตนตฺถํ อพนฺธิ สู’’ติ.
ตตฺถ ¶ ภตฺตํ ภินฺนนฺติ ภตฺตปาติ ภินฺนา. หตาติ ปหตา. ฉมาติ ภูมิยํ. มิโคว ชาตรูเปนาติ ยถา มิโค สุวณฺณํ วา หิรฺํ วา มุตฺตามณิอาทีนิ วา มทฺทิตฺวา คจฺฉนฺโตปิ อตฺถริตฺวา นิปชฺชนฺโตปิ เตน ชาตรูเปน อตฺตโน อตฺถํ วฑฺเฒตุํ นิพฺพตฺเตตุํ น สกฺโกติ, เอวเมว โส อนฺธพาโล ปณฺฑิเตหิ ทินฺนํ โอวาทํ สุตฺวาปิ อตฺตโน อตฺถํ วฑฺเฒตุํ นิพฺพตฺเตตุํ นาสกฺขีติ วุตฺตํ โหติ. อพนฺธิ สูติ เอตฺถ อพนฺธิ โสติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ส-โออิติ อิเมสํ ปทานฺหิ สูติ สนฺธิ โหติ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน ¶ โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา นาวิโก อิทานิ นาวิโกว อโหสิ, ราชา อานนฺโท, ตาปโส ปน อหเมว อโหสินฺติ.
อวาริยชาตกวณฺณนา ปมา.
[๓๗๗] ๒. เสตเกตุชาตกวณฺณนา
มา ตาต กุชฺฌิ น หิ สาธุ โกโธติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กุหกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ, ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ อุทฺทาลชาตเก (ชา. ๑.๑๔.๖๒ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พาราณสิยํ ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย หุตฺวา ปฺจสเต มาณเว มนฺเต วาเจสิ. เตสํ เชฏฺโก เสตเกตุ นาม อุทิจฺจพฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺตมาณโว, ตสฺส ชาตึ นิสฺสาย มหนฺโต มาโน อโหสิ. โส เอกทิวสํ อฺเหิ มาณเวหิ สทฺธึ นครา นิกฺขมนฺโต นครํ ปวิสนฺตํ เอกํ จณฺฑาลํ ¶ ทิสฺวา ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘จณฺฑาโลหมสฺมี’’ติ วุตฺเต ตสฺส สรีรํ ปหริตฺวา อาคตวาตสฺส อตฺตโน สรีเร ผุสนภเยน ‘‘นสฺส, จณฺฑาล, กาฬกณฺณี, อโธวาตํ ยาหี’’ติ วตฺวา เวเคน ตสฺส อุปริวาตํ อคมาสิ. จณฺฑาโล สีฆตรํ คนฺตฺวา ตสฺส อุปริวาเต อฏฺาสิ. อถ นํ โส ‘‘นสฺส กาฬกณฺณี’’ติ สุฏฺุตรํ อกฺโกสิ ปริภาสิ. ตํ สุตฺวา จณฺฑาโล ‘‘ตฺวํ โกสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘พฺราหฺมณมาณโวหมสฺมี’’ติ ¶ . ‘‘พฺราหฺมโณ โหตุ, มยา ปน ปุฏฺปฺหํ กเถตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติ. ‘‘อาม, สกฺขิสฺสามี’’ติ. ‘‘สเจ น สกฺโกสิ, ปาทนฺตเรน ตํ คเมมี’’ติ. โส อตฺตานํ ตกฺเกตฺวา ‘‘คเมหี’’ติ อาห.
จณฺฑาลปุตฺโต ตสฺส กถํ ปริสํ คาหาเปตฺวา ‘‘มาณว, ทิสา นาม กตรา’’ติ ปฺหํ ปุจฺฉิ. ‘‘ทิสา นาม ปุรตฺถิมาทโย จตสฺโส ทิสา’’ติ. จณฺฑาโล ‘‘นาหํ ตํ เอตํ ทิสํ ปุจฺฉามิ, ตฺวํ เอตฺตกมฺปิ อชานนฺโต มม สรีเร ปหฏวาตํ ชิคุจฺฉสี’’ติ ตํ ขนฺธฏฺิเก คเหตฺวา โอนเมตฺวา อตฺตโน ปาทนฺตเรน คเมสิ. มาณวา ตํ ปวตฺตึ อาจริยสฺส อาจิกฺขึสุ. ตํ สุตฺวา อาจริโย ‘‘สจฺจํ กิร, ตาต, เสตเกตุ จณฺฑาเลนาสิ ปาทนฺตเรน คมิโต’’ติ? ‘‘อาม, อาจริย, โส มํ จณฺฑาลทาสิปุตฺโต ทิสามตฺตมฺปิ น ชานาสี’’ติ อตฺตโน ปาทนฺตเรน คเมสิ, อิทานิ ทิสฺวา กตฺตพฺพํ อสฺส ชานิสฺสามีติ กุทฺโธ จณฺฑาลปุตฺตํ อกฺโกสิ ปริภาสิ. อถ นํ อาจริโย ‘ตาต, เสตเกตุ มา ตสฺส กุชฺฌิ, ปณฺฑิโต จณฺฑาลทาสิปุตฺโต ¶ , น โส ตํ เอตํ ทิสํ ปุจฺฉติ, อฺํ ทิสํ ปุจฺฉิ, ตยา ปน ทิฏฺสุตวิฺาตโต อทิฏฺาสุตาวิฺาตเมว พหุตร’’นฺติ โอวทนฺโต ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘มา ตาต กุชฺฌิ น หิ สาธุ โกโธ, พหุมฺปิ เต อทิฏฺมสฺสุตฺจ;
มาตา ปิตา ¶ ทิสตา เสตเกตุ, อาจริยมาหุ ทิสตํ ปสตฺถา.
‘‘อคาริโน อนฺนทปานวตฺถทา, อวฺหายิกา ตมฺปิ ทิสํ วทนฺติ;
เอสา ทิสา ปรมา เสตเกตุ, ยํ ปตฺวา ทุกฺขี สุขิโน ภวนฺตี’’ติ.
ตตฺถ น หิ สาธุ โกโธติ โกโธ นาม อุปฺปชฺชมาโน สุภาสิตทุพฺภาสิตํ อตฺถานตฺถํ หิตาหิตํ ชานิตุํ น เทตีติ น สาธุ น ลทฺธโก. พหุมฺปิ เต อทิฏฺนฺติ ตยา จกฺขุนา อทิฏฺํ โสเตน จ อสฺสุตเมว พหุตรํ. ทิสตาติ ทิสา. มาตาปิตโร ปุตฺตานํ ปุริมตรํ ¶ อุปฺปนฺนตฺตา ปุรตฺถิมทิสา นาม ชาตาติ วทติ. อาจริยมาหุ ทิสตํ ปสตฺถาติ อาจริยา ปน ทกฺขิเณยฺยตฺตา ทิสตํ ปสตฺถา ทกฺขิณา ทิสาติ พุทฺธาทโย อริยา อาหุ กเถนฺติ ทีเปนฺติ.
อคาริโนติ คหฏฺา. อนฺนทปานวตฺถทาติ อนฺนทา, ปานทา, วตฺถทา จ. อวฺหายิกาติ ‘‘เอถ เทยฺยธมฺมํ ปฏิคฺคณฺหถา’’ติ ปกฺโกสนกา. ตมฺปิ ทิสํ วทนฺตีติ ตมฺปิ พุทฺธาทโย อริยา เอกํ ทิสํ วทนฺติ. อิมินา จตุปจฺจยทายกา คหฏฺา ปจฺจเย อปทิสิตฺวา ธมฺมิกสมณพฺราหฺมเณหิ อุปคนฺตพฺพตฺตา เอกา ทิสา นามาติ ทีเปติ. อปโร นโย – เย เอเต อคาริโน อนฺนปานวตฺถทา, เตสํ ฉกามสคฺคสมฺปตฺติทายกฏฺเน อุปรูปริ อวฺหายนโต เย อวฺหายิกา ธมฺมิกสมณพฺราหฺมณา, ตมฺปิ ทิสํ วทนฺติ, พุทฺธาทโย อริยา อุปริมทิสํ นาม วทนฺตีติ ทีเปติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘มาตา ปิตา ทิสา ปุพฺพา, อาจริยา ทกฺขิณา ทิสา;
ปุตฺตทารา ทิสา ปจฺฉา, มิตฺตามจฺจา จ อุตฺตรา.
‘‘ทาสกมฺมกรา เหฏฺา, อุทฺธํ สมณพฺราหฺมณา;
เอตา ทิสา นมสฺเสยฺย, อลมตฺโต กุเล คิหี’’ติ. (ที. นิ. ๓.๒๗๓);
เอสา ทิสาติ อิทํ ปน นิพฺพานํ สนฺธาย วุตฺตํ. ชาติอาทินา หิ นานปฺปกาเรน ทุกฺเขน ¶ ทุกฺขิตา สตฺตา ยํ ปตฺวา นิทฺทุกฺขา สุขิโน ภวนฺติ, เอสา เอว จ สตฺเตหิ อคตปุพฺพา ทิสา นาม. เตเนว จ นิพฺพานํ ‘‘ปรมา’’ติ อาห. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘สมติตฺติกํ ¶ อนวเสสกํ, เตลปตฺตํ ยถา ปริหเรยฺย;
เอวํ สจิตฺตมนุรกฺเข, ปตฺถยาโน ทิสํ อคตปุพฺพ’’นฺติ. (ชา. ๑.๑.๙๖);
เอวํ มหาสตฺโต มาณวสฺส ทิสา กเถสิ. โส ปน ‘‘จณฺฑาเลนมฺหิ ปาทนฺตเรน คมิโต’’ติ ตสฺมึ าเน อวสิตฺวา ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา ¶ ทิสาปาโมกฺขาจริยสฺส สนฺติเก สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา อาจริเยน อนฺุาโต ตกฺกสิลโต นิกฺขมิตฺวา สพฺพสมยสิปฺปํ สิกฺขนฺโต วิจริ. โส เอกํ ปจฺจนฺตคามํ ปตฺวา ตํ นิสฺสาย วสนฺเต ปฺจสเต ตาปเส ทิสฺวา เตสํ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ยํ เต ชานนฺติ สิปฺปมนฺตจรณํ, ตํ อุคฺคณฺหิตฺวา คณสตฺถา หุตฺวา เตหิ ปริวาริโต พาราณสึ คนฺตฺวา ปุนทิวเส ภิกฺขํ จรนฺโต ราชงฺคณํ อคมาสิ. ราชา ตาปสานํ อิริยาปเถ ปสีทิตฺวา อนฺโตนิเวสเน โภเชตฺวา เต อตฺตโน อุยฺยาเน วสาเปสิ. โส เอกทิวสํ ตาปเส ปริวิสิตฺวา ‘‘อชฺช สายนฺเห อุยฺยานํ คนฺตฺวา อยฺเย วนฺทิสฺสามี’’ติ อาห.
เสตเกตุ อุยฺยานํ คนฺตฺวา ตาปเส สนฺนิปาเตตฺวา ‘‘มาริสา, อชฺช ราชา อาคมิสฺสติ, ราชาโน จ นาม สกึ อาราเธตฺวา ยาวตายุกํ สุขํ ชีวิตุํ สกฺกา, อชฺช เอกจฺเจ วคฺคุลิวตํ จรถ, เอกจฺเจ กณฺฏกเสยฺยํ กปฺเปถ, เอกจฺเจ ปฺจาตปํ ตปฺเปถ, เอกจฺเจ อุกฺกุฏิกปฺปธานมนุยฺุชถ, เอกจฺเจ อุทโกโรหณกมฺมํ กโรถ, เอกจฺเจ มนฺเต สชฺฌายถา’’ติ วิจาเรตฺวา สยํ ปกฺกสาลทฺวาเร อปสฺสยปีเก นิสีทิตฺวา ปฺจวณฺณรงฺคสมุชฺชลวาสนํ เอกํ โปตฺถกํ วิจิตฺรวณฺเณ อาธารเก เปตฺวา สุสิกฺขิเตหิ จตูหิ ปฺจหิ มาณเวหิ ปุจฺฉิเต ปุจฺฉิเต ปฺเห กเถสิ. ตสฺมึ ขเณ ราชา อาคนฺตฺวา ¶ เต มิจฺฉาตปํ กโรนฺเต ทิสฺวา ตุฏฺโ เสตเกตุํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ปุโรหิเตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ตติยํ คาถมาห –
‘‘ขราชินา ชฏิลา ปงฺกทนฺตา, ทุมฺมกฺขรูปา เยเม ชปฺปนฺติ มนฺเต;
กจฺจิ นุ เต มานุสเก ปโยเค, อิทํ วิทู ปริมุตฺตา อปายา’’ติ.
ตตฺถ ขราชินาติ สขุเรหิ อชินจมฺเมหิ สมนฺนาคตา. ปงฺกทนฺตาติ ทนฺตกฏฺสฺส อขาทเนน มลคฺคหิตทนฺตา. ทุมฺมกฺขรูปาติ อนฺชิตามณฺฑิตลูขนิวาสนปารุปนา มาลาคนฺธวิเลปนวชฺชิตา ¶ , กิลิฏฺรูปาติ วุตฺตํ โหติ. เยเม ชปฺปนฺตีติ เย อิเม มนฺเต สชฺฌายนฺติ. มานุสเก ปโยเคติ มนุสฺเสหิ กตฺตพฺพปโยเค ิตา. อิทํ วิทู ปริมุตฺตา อปายาติ อิมสฺมึ ¶ ปโยเค ตฺวา อิมํ โลกํ วิทิตฺวา ปากฏํ กตฺวา ‘‘กจฺจิ เอเต อิสโย จตูหิ อปาเยหิ มุตฺตา’’ติ ปุจฺฉติ.
ตํ สุตฺวา ปุโรหิโต จตุตฺถํ คาถมาห –
‘‘ปาปานิ กมฺมานิ กริตฺว ราช, พหุสฺสุโต เจ น จเรยฺย ธมฺมํ;
สหสฺสเวโทปิ น ตํ ปฏิจฺจ, ทุกฺขา ปมฺุเจ จรณํ อปตฺวา’’ติ.
ตตฺถ กริตฺวาติ กตฺวา. จรณนฺติ สห สีเลน อฏฺ สมาปตฺติโย. อิทํ วุตฺตํ โหติ. มหาราช, ‘‘อหํ พหุสฺสุโตมฺหี’’ติ สหสฺสเวโทปิ เจ ติวิธํ สุจริตธมฺมํ น จเรยฺย, ปาปาเนว กเรยฺย, โส ตานิ ปาปานิ กมฺมานิ กตฺวา ตํ พาหุสจฺจํ ปฏิจฺจ สีลสมาปตฺติสงฺขาตํ จรณํ อปฺปตฺวา ทุกฺขา น ปมฺุเจ, อปายทุกฺขโต น มุจฺจเตวาติ.
ตํ สุตฺวา ราชา ตาปเสสุ ปสาทํ หริ. ตโต เสตเกตุ จินฺเตสิ ‘‘อิมสฺส รฺโ ตาปเสสุ ปสาโท อุทปาทิ, ตํ ปเนส ปุโรหิโต วาสิยา ปหริตฺวา วิย ฉินฺทิ, มยา เอเตน สทฺธึ กเถตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส เตน สทฺธึ กเถนฺโต ปฺจมํ คาถมาห –
‘‘สหสฺสเวโทปิ ¶ น ตํ ปฏิจฺจ, ทุกฺขา ปมฺุเจ จรณํ อปตฺวา;
มฺามิ เวทา อผลา ภวนฺติ, สสํยมํ จรณเมว สจฺจ’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ ¶ ¶ – สเจ สหสฺสเวโทปิ ตํ พาหุสจฺจํ ปฏิจฺจ จรณํ อปฺปตฺวา อตฺตานํ ทุกฺขา น ปมฺุเจ, เอวํ สนฺเต อหํ มฺามิ ‘‘ตโย เวทา อผลา โหนฺติ, สสีลํ สมาปตฺติจรณเมว สจฺจํ โหตี’’ติ.
ตํ สุตฺวา ปุโรหิโต ฉฏฺํ คาถมาห –
‘‘น เหว เวทา อผลา ภวนฺติ, สสํยมํ จรณเมว สจฺจํ;
กิตฺติฺหิ ปปฺโปติ อธิจฺจ เวเท, สนฺตึ ปุเณติ จรเณน ทนฺโต’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – ตโย เวทา อผลา น ภวนฺติ, สสํยมํ จรณเมว สจฺจํ เสยฺยํ อุตฺตมํ ปวรํ น เหว โหติ. กึการณา? กิตฺติฺหิ ปปฺโปติ อธิจฺจ เวเทติ ตโย เวเท อธิจฺจ ทิฏฺธมฺเม กิตฺติมตฺตํ ยสมตฺตํ ลาภมตฺตํ ลภติ, อิโต ปรํ อฺํ นตฺถิ, ตสฺมา น เต อผลา. สนฺตึ ปุเณติ จรเณน ทนฺโตติ สีเล ปติฏฺาย สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา สมาปตฺติปทฏฺานํ วิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺโต อจฺจนฺตํ สนฺตํ นิพฺพานํ นาม ตํ เอติ ปาปุณาติ.
อิติ ปุโรหิโต เสตเกตุโน วาทํ ภินฺทิตฺวา เต สพฺเพ คิหี กาเรตฺวา ผลกาวุธานิ คาหาเปตฺวา มหนฺตตรเก กตฺวา รฺโ อุปฏฺาเก กาเรสิ. อยํ กิร มหนฺตตรกานํ วํโส.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เสตเกตุ กุหกภิกฺขุ อโหสิ, จณฺฑาโล สาริปุตฺโต, ราชา อานนฺโท, ปุโรหิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
เสตเกตุชาตกวณฺณนา ทุติยา.
[๓๗๘] ๓. ทรีมุขชาตกวณฺณนา
ปงฺโก ¶ จ กามาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มหาภินิกฺขมนํ อารพฺภ กเถสิ. ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ เหฏฺา กถิตเมว.
อตีเต ราชคหนคเร มคธราชา นาม รชฺชํ กาเรสิ. ตทา โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ, พฺรหฺมทตฺตกุมาโรติสฺส นามํ อกํสุ. ตสฺส ชาตทิวเสเยว ปุโรหิตสฺสปิ ปุตฺโต ชายิ, ตสฺส มุขํ อติวิย โสภติ, เตนสฺส ทรีมุโขติ นามํ อกํสุ. เต อุโภปิ ราชกุเลเยว สํวฑฺฒา อฺมฺํ ปิยสหายา หุตฺวา โสฬสวสฺสกาเล ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา ‘‘สพฺพสมยสิปฺปฺจ สิกฺขิสฺสาม, เทสจาริตฺตฺจ ชานิสฺสามา’’ติ คามนิคมาทีสุ จรนฺตา พาราณสึ ปตฺวา เทวกุเล วสิตฺวา ปุนทิวเส พาราณสึ ภิกฺขาย ปวิสึสุ. ตตฺถ เอกสฺมึ กุเล ‘‘พฺราหฺมเณ โภเชตฺวา ¶ วาจนกํ ทสฺสามา’’ติ ปายาสํ ปจิตฺวา อาสนานิ ปฺตฺตานิ โหนฺติ. มนุสฺสา เต อุโภปิ ภิกฺขาย จรนฺเต ทิสฺวา ‘‘พฺราหฺมณา อาคตา’’ติ เคหํ ปเวเสตฺวา มหาสตฺตสฺส อาสเน สุทฺธวตฺถํ ปฺาเปสุํ, ทรีมุขสฺส อาสเน รตฺตกมฺพลํ. ทรีมุโข ตํ นิมิตฺตํ ทิสฺวา ‘‘อชฺช มยฺหํ สหาโย พาราณสิราชา ภวิสฺสติ, อหํ เสนาปตี’’ติ อฺาสิ. เต ตตฺถ ภฺุชิตฺวา วาจนกํ คเหตฺวา ¶ มงฺคลํ วตฺวา นิกฺขมฺม ตํ ราชุยฺยานํ อคมํสุ. ตตฺถ มหาสตฺโต มงฺคลสิลาปฏฺเฏ นิปชฺชิ, ทรีมุโข ปนสฺส ปาเท ปริมชฺชนฺโต นิสีทิ.
ตทา พาราณสิรฺโ มตสฺส สตฺตโม ทิวโส โหติ. ปุโรหิโต รฺโ สรีรกิจฺจํ กตฺวา อปุตฺตเก รชฺเช สตฺตเม ทิวเส ผุสฺสรถํ วิสฺสชฺเชสิ. ผุสฺสรถวิสฺสชฺชนกิจฺจํ มหาชนกชาตเก (ชา. ๒.๒๒.๑๒๓ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. ผุสฺสรโถ นครา นิกฺขมิตฺวา จตุรงฺคินิยา ¶ เสนาย ปริวุโต อเนกสเตหิ ตูริเยหิ วชฺชมาเนหิ อุยฺยานทฺวารํ ปาปุณิ. ทรีมุโข ตูริยสทฺทํ สุตฺวา ‘‘สหายสฺส เม ผุสฺสรโถ อาคจฺฉติ, อชฺเชเวส ราชา หุตฺวา มยฺหํ เสนาปติฏฺานํ ทสฺสติ, โก เม ฆราวาเสนตฺโถ, นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ โพธิสตฺตํ อนามนฺเตตฺวาว เอกมนฺตํ คนฺตฺวา ปฏิจฺฉนฺเน อฏฺาสิ. ปุโรหิโต อุยฺยานทฺวาเร รถํ เปตฺวา อุยฺยานํ ปวิฏฺโ โพธิสตฺตํ มงฺคลสิลาปฏฺเฏ นิปนฺนํ ทิสฺวา ปาเทสุ ลกฺขณานิ โอโลเกตฺวา ‘‘อยํ ปฺุวา สตฺโต ทฺวิสหสฺสทีปปริวารานํ จตุนฺนมฺปิ มหาทีปานํ รชฺชํ กาเรตุํ สมตฺโถ, ธิติ ปนสฺส กีทิสา’’ติ สพฺพตูริยานิ ปคฺคณฺหาเปสิ. โพธิสตฺโต ปพุชฺฌิตฺวา มุขโต สาฏกํ อปเนตฺวา มหาชนํ โอโลเกตฺวา ปุน สาฏเกน มุขํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา โถกํ นิปชฺชิตฺวา ปสฺสทฺธทรโถ อุฏฺาย สิลาปฏฺเฏ ปลฺลงฺเกน นิสีทิ. ปุโรหิโต ชาณุเกน ปติฏฺาย ‘‘เทว, รชฺชํ ตุมฺหากํ ปาปุณาตี’’ติ อาห. ‘‘อปุตฺตกํ ภเณ รชฺช’’นฺติ. ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘เตน หิ สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. เต ตสฺส อุยฺยาเนเยว อภิเสกํ อกํสุ. โส ยสมหนฺตตาย ทรีมุขํ อสริตฺวาว รถํ อภิรุยฺห มหาชนปริวุโต นครํ ปวิสิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ราชทฺวาเร ิโตว อมจฺจานํ านนฺตรานิ วิจาเรตฺวา ปาสาทํ อภิรุหิ.
ตสฺมึ ¶ ขเณ ทรีมุโข ‘‘สฺุํ ทานิ อุยฺยาน’’นฺติ อาคนฺตฺวา มงฺคลสิลาย นิสีทิ, อถสฺส ปุรโต ปณฺฑุปลาสํ ปติ. โส ตสฺมึเยว ปณฺฑุปลาเส ขยวยํ ปฏฺเปตฺวา ติลกฺขณํ สมฺมสิตฺวา ปถวึ อุนฺนาเทนฺโต ปจฺเจกโพธึ นิพฺพตฺเตสิ. ตสฺส ตงฺขณฺเว คิหิลิงฺคํ อนฺตรธายิ, อิทฺธิมยปตฺตจีวรํ อากาสโต โอตริตฺวา สรีเร ปฏิมฺุจิ. ตาวเทว อฏฺปริกฺขารธโร อิริยาปถสมฺปนฺโน วสฺสสฏฺิกตฺเถโร วิย หุตฺวา ¶ อิทฺธิยา อากาเส อุปฺปติตฺวา หิมวนฺตปเทเส นนฺทมูลกปพฺภารํ อคมาสิ. โพธิสตฺโตปิ ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ, ยสมหนฺตตาย ปน ยเสน ปมตฺโต หุตฺวา จตฺตาลีส วสฺสานิ ทรีมุขํ น สริ, จตฺตาลีเส ปน สํวจฺฉเร อตีเต ตํ สริตฺวา ‘‘มยฺหํ สหาโย ทรีมุโข นาม อตฺถิ, กหํ นุ โข โส’’ติ ตํ ทฏฺุกาโม อโหสิ. โส ตโต ปฏฺาย อนฺเตปุเรปิ ปริสมชฺเฌปิ ‘‘กหํ นุ โข มยฺหํ สหาโย ทรีมุโข ¶ , โย เม ตสฺส วสนฏฺานํ กเถติ, มหนฺตมสฺส ยสํ ทสฺสามี’’ติ วทติ. เอวํ ตสฺส ปุนปฺปุนํ ตํ สรนฺตสฺเสว อฺานิ ทส สํวจฺฉรานิ อติกฺกนฺตานิ.
ทรีมุขปจฺเจกพุทฺโธปิ ปฺาสวสฺสจฺจเยน อาวชฺเชนฺโต ‘‘มํ โข สหาโย สรตี’’ติ ตฺวา ‘‘อิทานิ โส มหลฺลโก ปุตฺตธีตาทีหิ วุทฺธิปฺปตฺโต, คนฺตฺวา ธมฺมํ กเถตฺวา ปพฺพาเชสฺสามิ น’’นฺติ อิทฺธิยา อากาเสน อาคนฺตฺวา อุยฺยาเน โอตริตฺวา สุวณฺณปฏิมา วิย สิลาปฏฺเฏ นิสีทิ. อุยฺยานปาโล ตํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ภนฺเต, กุโต ตุมฺเห เอถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘นนฺทมูลกปพฺภารโต’’ติ. ‘‘เก นาม ตุมฺเห’’ติ? ‘‘ทรีมุขปจฺเจกพุทฺโธ นามาหํ, อาวุโส’’ติ. ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ ราชานํ ชานาถา’’ติ? ‘‘อาม ชานามิ, คิหิกาเล โน สหาโย’’ติ. ‘‘ภนฺเต, ราชา ตุมฺเห ทฏฺุกาโม, กเถสฺสามิ ตสฺส ตุมฺหากํ อาคตภาว’’นฺติ. ‘‘คจฺฉ กเถหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา ตุริตตุริโตว คนฺตฺวา ตสฺส สิลาปฏฺเฏ นิสินฺนภาวํ รฺโ กเถสิ. ราชา ‘‘อาคโต กิร เม สหาโย, ปสฺสิสฺสามิ น’’นฺติ รถํ อารุยฺห มหนฺเตน ปริวาเรน อุยฺยานํ คนฺตฺวา ปจฺเจกพุทฺธํ วนฺทิตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถ นํ ปจฺเจกพุทฺโธ ‘‘กึ, พฺรหฺมทตฺต, ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ, อคติคมนํ น คจฺฉสิ, ธนตฺถาย ¶ โลกํ น ปีเฬสิ, ทานาทีนิ ปฺุานิ กโรสี’’ติอาทีนิ ¶ วทนฺโต ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘พฺรหฺมทตฺต, มหลฺลโกสิ, เอตรหิ กาเม ปหาย ปพฺพชิตุํ เต สมโย’’ติ วตฺวา ตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘ปงฺโก จ กามา ปลิโป จ กามา, ภยฺจ เมตํ ติมูลํ ปวุตฺตํ;
รโช จ ธูโม จ มยา ปกาสิตา, หิตฺวา ตุวํ ปพฺพช พฺรหฺมทตฺตา’’ติ.
ตตฺถ ปงฺโกติ อุทเก ชาตานิ ติณเสวาลกุมุทคจฺฉาทีนิ อธิปฺเปตานิ. ยถา หิ อุทกํ ตรนฺตํ ตานิ ลคฺคาเปนฺติ สชฺชาเปนฺติ, ตถา สํสารสาครํ ตรนฺตสฺส โยคาวจรสฺส ปฺจ กามคุณา สพฺเพ วา ปน วตฺถุกามกิเลสกามา ลคฺคาปนวเสน ปงฺโก นาม. อิมสฺมิฺหิ ปงฺเก อาสตฺตา วิสตฺตา เทวาปิ มนุสฺสาปิ ติรจฺฉานาปิ กิลมนฺติ โรทนฺติ ปริเทวนฺติ. ปลิโป จ กามาติ ปลิโป วุจฺจติ มหากทฺทโม, ยมฺหิ ลคฺคา สูกรมิคาทโยปิ สีหาปิ วารณาปิ อตฺตานํ อุทฺธริตฺวา คนฺตุํ น สกฺโกนฺติ, วตฺถุกามกิเลสกามาปิ ตํสริกฺขตาย ‘‘ปลิปา’’ติ วุตฺตา. ปฺวนฺโตปิ หิ สตฺตา เตสุ กาเมสุ สกึ ลคฺคกาลโต ปฏฺาย เต กาเม ปทาเลตฺวา สีฆํ อุฏฺาย อกิฺจนํ อปลิโพธํ รมณียํ ปพฺพชฺชํ อุปคนฺตุํ น สกฺโกนฺติ. ภยฺจ เมตนฺติ ภยฺจ เอตํ, ม-กาโร พฺยฺชนสนฺธิวเสน วุตฺโต. ติมูลนฺติ ตีหิ มูเลหิ ปติฏฺิตํ วิย ¶ อจลํ. พลวภยสฺเสตํ นามํ. ปวุตฺตนฺติ มหาราช, เอเต กามา นาม ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกสฺส อตฺตานุวาทภยาทิกสฺส เจว ทฺวตฺตึสกมฺมกรณฉนวุติโรควสปฺปวตฺตสฺส จ ภยสฺส ปจฺจยฏฺเน พลวภยนฺติ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธพุทฺธสาวเกหิ เจว สพฺพฺุโพธิสตฺเตหิ จ ปวุตฺตํ กถิตํ, ทีปิตนฺติ อตฺโถ. อถ วา ภยฺจ เมตนฺติ ภยฺจ มยา เอตํ ติมูลํ ปวุตฺตนฺติ เอวฺเจตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพเยว.
รโช จ ธูโม จาติ รชธูมสทิสตฺตา ‘‘รโช’’ติ จ ‘‘ธูโม’’ติ จ มยา ปกาสิตา. ยถา หิ สุนฺหาตสฺส สุวิลิตฺตาลงฺกตสฺส ปุริสสฺส สรีเร สุขุมรชํ ปติตํ, ตํ สรีรํ ทุพฺพณฺณํ โสภารหิตํ กิลิฏฺํ กโรติ, เอวเมว อิทฺธิพเลน อากาเสน อาคนฺตฺวา จนฺโท วิย จ สูริโย วิย ¶ จ โลเก ปฺาตาปิ สกึ กามรชสฺส อนฺโต ปติตกาลโต ปฏฺาย คุณวณฺณคุณโสภาคุณสุทฺธีนํ อุปหตตฺตา ทุพฺพณฺณา โสภารหิตา กิลิฏฺาเยว โหนฺติ. ยถา จ ธูเมน ปหฏกาลโต ปฏฺาย สุปริสุทฺธาปิ ภิตฺติ กาฬวณฺณา โหติ, เอวํ อติปริสุทฺธฺาณาปิ ¶ กามธูเมน ปหฏกาลโต ปฏฺาย คุณวินาสปฺปตฺติยา มหาชนมชฺเฌ กาฬกาว หุตฺวา ปฺายนฺติ. อิติ รชธูมสริกฺขตาย เอเต กามา ‘‘รโช จ ธูโม จา’’ติ มยา ตุยฺหํ ปกาสิตา, ตสฺมา อิเม กาเม หิตฺวา ตุวํ ปพฺพช พฺรหฺมทตฺตาติ ราชานํ ปพฺพชฺชาย อุสฺสาหํ ชเนติ.
ตํ สุตฺวา ราชา กิเลเสหิ อตฺตโน พทฺธภาวํ กเถนฺโต ทุติยํ คาถมาห –
‘‘คธิโต จ รตฺโต จ อธิมุจฺฉิโต จ, กาเมสฺวหํ พฺราหฺมณ ภึสรูปํ;
ตํ นุสฺสเห ชีวิกตฺโถ ปหาตุํ, กาหามิ ปฺุานิ อนปฺปกานี’’ติ.
ตตฺถ คธิโตติ อภิชฺฌากายคนฺเถน พทฺโธ. รตฺโตติ ปกติชหาปเนน ราเคน รตฺโต. อธิมุจฺฉิโตติ อติวิย มุจฺฉิโต. กาเมสฺวหนฺติ ทุวิเธสุปิ กาเมสุ อหํ. พฺราหฺมณาติ ทรีมุขปจฺเจกพุทฺธํ อาลปติ. ภึสรูปนฺติ พลวรูปํ. ตํ นุสฺสเหติ ตํ ทุวิธมฺปิ กามํ น อุสฺสหามิ น สกฺโกมิ. ชีวิกตฺโถ ปหาตุนฺติ อิมาย ชีวิกาย อตฺถิโก อหํ ตํ กามํ ปหาตุํ น สกฺโกมีติ วทติ. กาหามิ ปฺุานีติ อิทานิ ทานสีลอุโปสถกมฺมสงฺขาตานิ ปฺุานิ อนปฺปกานิ พหูนิ กริสฺสามีติ.
เอวํ กิเลสกาโม นาเมส สกึ อลฺลีนกาลโต ปฏฺาย อปเนตุํ น สกฺโกติ, เยน สํกิลิฏฺจิตฺโต ¶ มหาปุริโส ปจฺเจกพุทฺเธน ปพฺพชฺชาย คุเณ กถิเตปิ ‘‘ปพฺพชิตุํ น สกฺโกมี’’ติ อาห. โยยํ ทีปงฺกรปาทมูเล อตฺตนิ สมฺภเวน าเณน พุทฺธกรธมฺเม วิจินนฺโต ตติยํ เนกฺขมฺมปารมึ ทิสฺวา –
‘‘อิมํ ¶ ตฺวํ ตติยํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;
เนกฺขมฺมปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.
‘‘ยถา อนฺทุฆเร ปุริโส, จิรวุตฺโถ ทุขฏฺฏิโต;
น ตตฺถ ราคํ ชเนติ, มุตฺตึเยว คเวสติ.
‘‘ตเถว ตฺวํ สพฺพภเว, ปสฺส อนฺทุฆเร วิย;
เนกฺขมฺมาภิมุโข หุตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ. –
เอวํ เนกฺขมฺเม คุณํ ปริกิตฺเตสิ, โส ปจฺเจกพุทฺเธน ปพฺพชฺชาย วณฺณํ วตฺวา ‘‘กิเลเส ฉฑฺเฑตฺวา สมโณ โหหี’’ติ วุจฺจมาโนปิ ‘‘นาหํ กิเลเส ฉฑฺเฑตฺวา สมโณ ภวิตุํ สกฺโกมี’’ติ วทติ.
อิมสฺมึ กิร โลเก อฏฺ อุมฺมตฺตกา นาม. เตนาหุ โปราณา ‘‘อฏฺ ปุคฺคลา อุมฺมตฺตกสฺํ ปฏิลภนฺติ, กามุมฺมตฺตโก โลภวสํ คโต ¶ , โกธุมฺมตฺตโก โทสวสํ คโต, ทิฏฺุมฺมตฺตโก วิปลฺลาสวสํ คโต, โมหุมฺมตฺตโก อฺาณวสํ คโต, ยกฺขุมฺมตฺตโก ยกฺขวสํ คโต, ปิตฺตุมฺมตฺตโก ปิตฺตวสํ คโต, สุรุมฺมตฺตโก ปานวสํ คโต, พฺยสนุมฺมตฺตโก โสกวสํ คโต’’ติ. อิเมสุ อฏฺสุ อุมฺมตฺตเกสุ มหาสตฺโต อิมสฺมึ ชาตเก กามุมฺมตฺตโก หุตฺวา โลภวสํ คโต ปพฺพชฺชาย คุณํ น อฺาสิ.
เอวํ อนตฺถการกํ ปน อิมํ คุณปริธํสกํ โลภชาตํ กสฺมา สตฺตา ปริมฺุจิตุํ น สกฺโกนฺตีติ? อนมตคฺเค สํสาเร อเนกานิ กปฺปโกฏิสตสหสฺสานิ เอกโต พนฺธิตภาเวน. เอวํ สนฺเตปิ ตํ ปณฺฑิตา ‘‘อปฺปสฺสาทา กามา’’ติอาทีนํ อเนเกสํ ปจฺจเวกฺขณานํ วเสน ปชหนฺติ. เตเนว ทรีมุขปจฺเจกพุทฺโธ มหาสตฺเตน ‘‘ปพฺพชิตุํ น สกฺโกมี’’ติ วุตฺเตปิ ธุรนิกฺเขปํ อกตฺวา อุตฺตริมฺปิ โอวทนฺโต ทฺเว คาถา อาห.
‘‘โย ¶ อตฺถกามสฺส หิตานุกมฺปิโน, โอวชฺชมาโน น กโรติ สาสนํ;
อิทเมว เสยฺโย อิติ มฺมาโน, ปุนปฺปุนํ คพฺภมุเปติ มนฺโท.
‘‘โส ¶ โฆรรูปํ นิรยํ อุเปติ, สุภาสุภํ มุตฺตกรีสปูรํ;
สตฺตา สกาเย น ชหนฺติ คิทฺธา, เย โหนฺติ กาเมสุ อวีตราคา’’ติ.
ตตฺถ อตฺถกามสฺสาติ วุฑฺฒิกามสฺส. หิตานุกมฺปิโนติ หิเตน มุทุจิตฺเตน อนุกมฺปนฺตสฺส. โอวชฺชมาโนติ โอวทิยมาโน. อิทเมว เสยฺโยติ ยํ อตฺตนา คหิตํ อเสยฺยํ อนุตฺตมมฺปิ สมานํ, ตํ อิทเมว เสยฺโย อิติ มฺมาโน. มนฺโทติ โส อฺาณปุคฺคโล มาตุกุจฺฉิยํ วาสํ นาติกฺกมติ, ปุนปฺปุนํ คพฺภํ อุเปติเยวาติ อตฺโถ.
โส โฆรรูปนฺติ มหาราช, โส มนฺโท ตํ มาตุกุจฺฉึ อุเปนฺโต โฆรรูปํ ทารุณชาติกํ นิรยํ อุเปติ นาม. มาตุกุจฺฉิ หิ นิรสฺสาทฏฺเน อิธ ‘‘นิรโย’’ติ วุตฺโต, ‘‘จตุกุฏฺฏิกนิรโย’’ติ วุจฺจติ. ‘‘จตุกุฏฺฏิกนิรโย นาม กตโร’’ติ วุตฺเต มาตุกุจฺฉิเมว วตฺตุํ วฏฺฏติ. อวีจิมหานิรเย นิพฺพตฺตสตฺตสฺส หิ อปราปรํ อาธาวนปริธาวนํ โหติเยว, ตสฺมา ตํ ‘‘จตุกุฏฺฏิกนิรโย’’ติ วตฺตุํ น ลพฺภติ, มาตุกุจฺฉิยํ ปน นว ¶ วา ทส วา มาเส จตูหิปิ ปสฺเสหิ อิโต จิโต จ ธาวิตุํ นาม น สกฺกา, อติสมฺพาเธ โอกาเส จตุโกเฏน จตุสงฺกุฏิเตเนว หุตฺวา อจฺฉิตพฺพํ, ตสฺมา เอส ‘‘จตุกุฏฺฏิกนิรโย’’ติ วุจฺจติ.
สุภาสุภนฺติ สุภานํ อสุภํ. สุภานฺหิ สํสารภีรุกานํ โยคาวจรกุลปุตฺตานํ มาตุกุจฺฉิ เอกนฺตํ อสุภสมฺมโต. เตน วุตฺตํ –
‘‘อชฺํ ชฺสงฺขาตํ, อสุจึ สุจิสมฺมตํ;
นานากุณปปริปูรํ, ชฺรูปํ อปสฺสโต.
‘‘ธิรตฺถุมํ อาตุรํ ปูติกายํ, เชคุจฺฉิยํ อสฺสุจึ พฺยาธิธมฺมํ;
ยตฺถปฺปมตฺตา อธิมุจฺฉิตา ปชา, หาเปนฺติ มคฺคํ สุคตูปปตฺติยา’’ติ. (ชา. ๑.๓.๑๒๘-๑๒๙);
สตฺตาติ อาสตฺตา วิสตฺตา ลคฺคา ลคฺคิตา สกาเย น ชหนฺตีติ ตํ มาตุกุจฺฉึ น ปริจฺจชนฺติ ¶ . คิทฺธาติ คธิตา. เย โหนฺตีติ เย กาเมสุ อวีตราคา โหนฺติ, เต เอตํ คพฺภวาสํ น ชหนฺตีติ.
เอวํ ¶ ทรีมุขปจฺเจกพุทฺโธ คพฺภโอกฺกนฺติมูลกฺจ, ปริหารมูลกฺจ ทุกฺขํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ คพฺภวุฏฺานมูลกํ ทสฺเสตุํ ทิยฑฺฒคาถมาห.
‘‘มีฬฺเหน ลิตฺตา รุหิเรน มกฺขิตา, เสมฺเหน ลิตฺตา อุปนิกฺขมนฺติ;
ยํ ยฺหิ กาเยน ผุสนฺติ ตาวเท, สพฺพํ อสาตํ ทุขเมว เกวลํ.
‘‘ทิสฺวา วทามิ น หิ อฺโต สวํ, ปุพฺเพนิวาสํ พหุกํ สรามี’’ติ.
ตตฺถ มีฬฺเหน ลิตฺตาติ มหาราช, อิเม สตฺตา มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมนฺตา น จตุชฺชาติคนฺเธหิ วิลิมฺปิตฺวา สุรภิมาลํ ปิฬนฺธิตฺวา นิกฺขมนฺติ, ปุราณคูเถน ปน มกฺขิตา ปลิพุทฺธา หุตฺวา นิกฺขมนฺติ. รุหิเรน มกฺขิตาติ รตฺตโลหิตจนฺทนานุลิตฺตาปิ จ หุตฺวา น นิกฺขมนฺติ, รตฺตโลหิตมกฺขิตา ปน หุตฺวา นิกฺขมนฺติ. เสมฺเหน ลิตฺตาติ น จาปิ เสตจนฺทนวิลิตฺตา นิกฺขมนฺติ, พหลปิจฺฉิลเสมฺหลิตฺตา ปน หุตฺวา นิกฺขมนฺติ. อิตฺถีนฺหิ ¶ คพฺภวุฏฺานกาเล เอตา อสุจิโย นิกฺขมนฺติ. ตาวเทติ ตสฺมึ สมเย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – มหาราช, อิเม สตฺตา ตสฺมึ มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมนสมเย เอวํ มีฬฺหาทิลิตฺตา นิกฺขมนฺตา ยํ ยํ นิกฺขมนมคฺคปเทสํ วา หตฺถํ วา ปาทํ วา ผุสนฺติ, ตํ สพฺพํ อสาตํ อมธุรํ เกวลํ อสมฺมิสฺสํ ทุกฺขเมว ผุสนฺติ, สุขํ นาม เตสํ ตสฺมึ สมเย นตฺถีติ.
ทิสฺวา วทามิ น หิ อฺโต สวนฺติ มหาราช, อหํ อิมํ เอตฺตกํ วทนฺโต น อฺโต สวํ, อฺสฺส สมณสฺส วา พฺราหฺมณสฺส วา ตํ สุตฺวา น วทามิ, อตฺตโน ปน ปจฺเจกโพธิาเณน ทิสฺวา ปฏิวิชฺฌิตฺวา ปจฺจกฺขํ กตฺวา วทามีติ อตฺโถ. ปุพฺเพนิวาสํ พหุกนฺติ อิทํ อตฺตโน อานุภาวํ ทสฺเสนฺโต อาห. อิทํ วุตฺตํ โหติ – มหาราช, อหฺหิ ปุพฺเพ นิวุตฺถกฺขนฺธปฏิปาฏิสงฺขาตํ ปุพฺเพนิวาสํ พหุกํ สรามิ, สตสหสฺสกปฺปาธิกานิ ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ สรามีติ.
อิทานิ สตฺถา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ‘‘เอวํ โส ปจฺเจกพุทฺโธ ราชานํ สุภาสิตกถาย สงฺคณฺหี’’ติ วตฺวา โอสาเน อุปฑฺฒคาถมาห –
‘‘จิตฺราหิ ¶ ¶ คาถาหิ สุภาสิตาหิ, ทรีมุโข นิชฺฌาปยิ สุเมธ’’นฺติ.
ตตฺถ จิตฺราหีติ อเนกตฺถสนฺนิสฺสิตาหิ. สุภาสิตาหีติ สุกถิตาหิ. ทรีมุโข นิชฺฌาปยิ สุเมธนฺติ ภิกฺขเว, โส ทรีมุขปจฺเจกพุทฺโธ ตํ สุเมธํ สุนฺทรปฺํ การณาการณชานนสมตฺถํ ราชานํ นิชฺฌาเปสิ สฺาเปสิ, อตฺตโน วจนํ คณฺหาเปสีติ อตฺโถ.
เอวํ ปจฺเจกพุทฺโธ กาเมสุ โทสํ ทสฺเสตฺวา อตฺตโน วจนํ คาหาเปตฺวา ‘‘มหาราช, อิทานิ ปพฺพช วา มา วา, มยา ปน ตุยฺหํ กาเมสุ อาทีนโว ปพฺพชฺชาย จ อานิสํโส กถิโต, ตฺวํ อปฺปมตฺโต โหหี’’ติ วตฺวา สุวณฺณราชหํโส วิย อากาเส อุปฺปติตฺวา วลาหกคพฺภํ มทฺทนฺโต นนฺทมูลกปพฺภารเมว คโต. มหาสตฺโต ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ อฺชลึ สิรสฺมึ เปตฺวา นมสฺสมาโน ตสฺมึ ทสฺสนวิสเย ¶ อตีเต เชฏฺปุตฺตํ ปกฺโกสาเปตฺวา รชฺชํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา มหาชนสฺส โรทนฺตสฺส ปริเทวนฺตสฺส กาเม ปหาย หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา ปณฺณสาลํ มาเปตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา น จิรสฺเสว อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา อายุปริโยสาเน พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ. ตทา ราชา อหเมว อโหสินฺติ.
ทรีมุขชาตกวณฺณนา ตติยา.
[๓๗๙] ๔. เนรุชาตกวณฺณนา
กาโกลา กากสงฺฆา จาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา เอกํ ปจฺจนฺตคามํ อคมาสิ. มนุสฺสา ตสฺส อิริยาปเถ ปสีทิตฺวา ตํ โภเชตฺวา ปฏิฺํ คเหตฺวา อรฺเ ปณฺณสาลํ กตฺวา ตตฺถ วสาเปสุํ, อติวิย จสฺส สกฺการํ กรึสุ. อเถเก สสฺสตวาทา อาคมํสุ. เต เตสํ วจนํ สุตฺวา เถรสฺส วาทํ วิสฺสชฺเชตฺวา สสฺสตวาทํ คเหตฺวา เตสฺเว สกฺการํ กรึสุ. ตโต อุจฺเฉทวาทา อาคมํสุ ¶ เต สสฺสตวาทํ วิสฺสชฺเชตฺวา อุจฺเฉทวาทเมว คณฺหึสุ. อถฺเ อเจลกา อาคมึสุ. เต อุจฺเฉทวาทํ วิสฺสชฺเชตฺวา อเจลกวาทํ คณฺหึสุ. โส เตสํ คุณาคุณํ อชานนฺตานํ ¶ มนุสฺสานํ สนฺติเก ทุกฺเขน วสิตฺวา วุตฺถวสฺโส ปวาเรตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา กตปฏิสนฺถาโร ‘‘กหํ วสฺสํวุตฺโถสี’’ติ วุตฺเต ‘‘ปจฺจนฺตํ นิสฺสาย, ภนฺเต’’ติ วตฺวา ‘‘สุขํ วุตฺโถสี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘ภนฺเต, คุณาคุณํ อชานนฺตานํ สนฺติเก ทุกฺขํ วุตฺโถสฺมี’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘ภิกฺขุ โปราณกปณฺฑิตา ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺตาปิ คุณาคุณํ อชานนฺเตหิ สทฺธึ เอกทิวสมฺปิ น วสึสุ, ตฺวํ อตฺตโน คุณาคุณํ อชานนฏฺาเน กสฺมา วสี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สุวณฺณหํสโยนิยํ นิพฺพตฺติ, กนิฏฺภาตาปิสฺส ¶ อตฺถิ. เต จิตฺตกูฏปพฺพเต วสนฺตา หิมวนฺตปเทเส สยํชาตสาลึ ขาทนฺติ. เต เอกทิวสํ ตตฺถ จริตฺวา จิตฺตกูฏํ อาคจฺฉนฺตา อนฺตรามคฺเค เอกํ เนรุํ นาม กฺจนปพฺพตํ ทิสฺวา ตสฺส มตฺถเก นิสีทึสุ. ตํ ปน ปพฺพตํ นิสฺสาย วสนฺตา สกุณสงฺฆา จตุปฺปทา จ โคจรภูมิยํ นานาวณฺณา โหนฺติ, ปพฺพตํ ปวิฏฺกาลโต ปฏฺาย เต สพฺเพ ตสฺโสภาเสน สุวณฺณวณฺณา โหนฺติ. ตํ ทิสฺวา โพธิสตฺตสฺส กนิฏฺโ ตํ การณํ อชานิตฺวา ‘‘กึ นุ โข เอตฺถ การณ’’นฺติ ภาตรา สทฺธึ สลฺลปนฺโต ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘กาโกลา กากสงฺฆา จ, มยฺจ ปตตํ วรา;
สพฺเพว สทิสา โหม, อิมํ อาคมฺม ปพฺพตํ.
‘‘อิธ สีหา จ พฺยคฺฆา จ, สิงฺคาลา จ มิคาธมา;
สพฺเพว สทิสา โหนฺติ, อยํ โก นาม ปพฺพโต’’ติ.
ตตฺถ กาโกลาติ วนกากา. กากสงฺฆาติ ปกติกากสงฺฆา จ. ปตตํ วราติ ปกฺขีนํ เสฏฺา. สทิสา โหมาติ สทิสวณฺณา โหม.
ตสฺส ¶ วจนํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ตติยํ คาถมาห –
‘‘อิมํ เนรูติ ชานนฺติ, มนุสฺสา ปพฺพตุตฺตมํ;
อิธ วณฺเณน สมฺปนฺนา, วสนฺติ สพฺพปาณิโน’’ติ.
ตตฺถ อิธ วณฺเณนาติ อิมสฺมึ เนรุปพฺพเต โอภาเสน วณฺณสมฺปนฺนา หุตฺวา.
ตํ ¶ สุตฺวา กนิฏฺโ เสสคาถา อภาสิ –
‘‘อมานนา ยตฺถ สิยา, อนฺตานํ วา วิมานนา;
หีนสมฺมานนา วาปิ, น ตตฺถ วิสตึวเส.
‘‘ยตฺถาลโส จ ทกฺโข จ, สูโร ภีรุ จ ปูชิยา;
น ตตฺถ สนฺโต วสนฺติ, อวิเสสกเร นเร.
‘‘นายํ ¶ เนรุ วิภชติ, หีนอุกฺกฏฺมชฺฌิเม;
อวิเสสกโร เนรุ, หนฺท เนรุํ ชหามเส’’ติ.
ตตฺถ ปมคาถาย อยมตฺโถ – ยตฺถ สนฺตานํ ปณฺฑิตานํ สีลสมฺปนฺนานํ มานนสฺส อภาเวน อมานนา อวมฺนา จ อวมานวเสน วิมานนา วา หีนานํ วา ทุสฺสีลานํ สมฺมานนา สิยา, ตตฺถ นิวาเส น วเสยฺย. ปูชิยาติ เอเต เอตฺถ เอกสทิสาย ปูชาย ปูชนียา โหนฺติ, สมกํ สกฺการํ ลภนฺติ. หีนอุกฺกฏฺมชฺฌิเมติ ชาติโคตฺตกุลปฺปเทสสีลาจาราณาทีหิ หีเน จ มชฺฌิเม จ อุกฺกฏฺเ จ อยํ น วิภชติ. หนฺทาติ ววสฺสคฺคตฺเถ นิปาโต. ชหามเสติ ปริจฺจชาม. เอวฺจ ปน วตฺวา อุโภปิ เต หํสา อุปฺปติตฺวา จิตฺตกูฏเมว คตา.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา กนิฏฺหํโส อานนฺโท อโหสิ, เชฏฺกหํโส ปน อหเมว อโหสินฺติ.
เนรุชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.
[๓๘๐] ๕. อาสงฺกชาตกวณฺณนา
อาสาวตี ¶ นาม ลตาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปุราณทุติยิกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ อินฺทฺริยชาตเก (ชา. ๑.๘.๖๐ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. อิธ ปน สตฺถา ตํ ภิกฺขุํ ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘เกน ¶ อุกฺกณฺาปิโตสี’’ติ วตฺวา ‘‘ปุราณทุติยิกาย, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขุ เอสา อิตฺถี ตุยฺหํ อนตฺถการิกา, ปุพฺเพปิ ตฺวํ เอตํ นิสฺสาย จตุรงฺคินิเสนํ ชหิตฺวา หิมวนฺตปเทเส มหนฺตํ ทุกฺขํ อนุภวนฺโต ตีณิ สํวจฺฉรานิ วสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิคาเม พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ ¶ อุคฺคหิตสิปฺโป อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา วนมูลผลาหาโร อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา หิมวนฺตปเทเส วสิ. ตสฺมึ กาเล เอโก ปฺุสมฺปนฺโน สตฺโต ตาวตึสภวนโต จวิตฺวา ตสฺมึ าเน ปทุมสเร เอกสฺมึ ปทุมคพฺเภ ทาริกา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, เสสปทุเมสุ ปุราณภาวํ ปตฺวา ปตนฺเตสุปิ ตํ มหากุจฺฉิกํ หุตฺวา ติฏฺเตว. ตาปโส นหายิตุํ ปทุมสรํ คโต ตํ ทิสฺวา ‘‘อฺเสุ ปทุเมสุ ปตนฺเตสุปิ อิทํ มหากุจฺฉิกํ หุตฺวา ติฏฺติ, กึ นุ โข การณ’’นฺติ จินฺเตตฺวา อุทกสาฏกํ นิวาเสตฺวา โอตรนฺโต คนฺตฺวา ตํ ปทุมํ วิวริตฺวา ตํ ทาริกํ ทิสฺวา ธีตุสฺํ อุปฺปาเทตฺวา ปณฺณสาลํ อาเนตฺวา ปฏิชคฺคิ. สา อปรภาเค โสฬสวสฺสิกา หุตฺวา อภิรูปา อโหสิ อุตฺตมรูปธรา อติกฺกนฺตา มานุสกวณฺณํ, อปตฺตา เทววณฺณํ. ตทา สกฺโก โพธิสตฺตสฺส อุปฏฺานํ อาคจฺฉติ, โส ตํ ทาริกํ ทิสฺวา ‘‘กุโต เอสา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ลทฺธนิยามํ สุตฺวา ‘‘อิมิสฺสา กึ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘นิวาสฏฺานํ วตฺถาลงฺการโภชนวิธานํ, มาริสา’’ติ. โส ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ ตสฺสา วสนฏฺานสฺส อาสนฺเน ผลิกปาสาทํ มาเปตฺวา ทิพฺพสยนทิพฺพวตฺถาลงฺการทิพฺพนฺนปานานิ มาเปสิ.
โส ปาสาโท ตสฺสา อภิรุหนกาเล โอตริตฺวา ภูมิยํ ปติฏฺาติ, อภิรุฬฺหกาเล ลงฺฆิตฺวา อากาเส ติฏฺติ. สา โพธิสตฺตสฺส ¶ วตฺตปฏิวตฺตํ กุรุมานา ปาสาเท วสติ. ตเมโก วนจรโก ทิสฺวา ‘‘อยํ, โว ภนฺเต, กึ โหตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ธีตา เม’’ติ สุตฺวา พาราณสึ คนฺตฺวา ‘‘เทว, มยา หิมวนฺตปเทเส เอวรูปา นาม เอกสฺส ตาปสสฺส ธีตา ทิฏฺา’’ติ รฺโ อาโรเจสิ. ตํ สุตฺวา โส สวนสํสคฺเคน พชฺฌิตฺวา วนจรกํ มคฺคเทสกํ กตฺวา จตุรงฺคินิยา เสนาย ตํ านํ คนฺตฺวา ขนฺธาวารํ นิวาสาเปตฺวา วนจรกํ อาทาย อมจฺจคณปริวุโต อสฺสมปทํ ปวิสิตฺวา ¶ มหาสตฺตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ‘‘ภนฺเต, อิตฺถิโย นาม พฺรหฺมจริยสฺส มลํ, ตุมฺหากํ ธีตรํ อหํ ปฏิชคฺคิสฺสามี’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ปน ‘‘กึ นุ โข เอตสฺมึ ปทุเม’’ติ อาสงฺกํ กตฺวา อุทกํ โอตริตฺวา อานีตภาเวน ตสฺสา กุมาริกาย อาสงฺกาติ นามํ อกาสิ. โส ตํ ราชานํ ‘‘อิมํ คเหตฺวา คจฺฉา’’ติ อุชุกํ อวตฺวา ‘‘มหาราช, อิมาย กุมาริกาย นามํ ชานนฺโต คณฺหิตฺวา คจฺฉา’’ติ อาห. ‘‘ตุมฺเหหิ ¶ กถิเต สฺสามิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อหํ เต น กเถมิ, ตฺวํ อตฺตโน ปฺาพเลน นามํ ชานนฺโตว คเหตฺวา ยาหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตโต ปฏฺาย อมจฺเจหิ สทฺธึ ‘‘กินฺนามา นุ โข เอสา’’ติ นามํ อุปธาเรติ. โส ยานิ ทุชฺชานานิ นามานิ, ตานิ กิตฺเตตฺวา ‘‘อสุกา นาม ภวิสฺสตี’’ติ โพธิสตฺเตน สทฺธึ กเถติ. โพธิสตฺโต ‘‘น เอวํนามา’’ติ ปฏิกฺขิปติ.
รฺโ จ นามํ อุปธาเรนฺตสฺส สํวจฺฉโร อตีโต. ตทา หตฺถิอสฺสมนุสฺเส สีหาทโย วาฬา คณฺหนฺติ, ทีฆชาติกปริปนฺโถ โหติ, มกฺขิกปริปนฺโถ โหติ, สีเตน กิลมิตฺวา พหู มนุสฺสา มรนฺติ. อถ ราชา กุชฺฌิตฺวา ‘‘กึ เม เอตายา’’ติ โพธิสตฺตสฺส กเถตฺวา ปายาสิ. อาสงฺกา กุมาริกา ตํ ทิวสํ ผลิกวาตปานํ วิวริตฺวา อตฺตานํ ทสฺเสนฺตี อฏฺาสิ. ราชา ตํ ทิสฺวา ‘‘มยํ ตว นามํ ชานิตุํ น สกฺโกม, ตฺวํ หิมวนฺเตเยว วส, มยํ คมิสฺสามา’’ติ อาห. ‘‘กหํ, มหาราช, คจฺฉนฺโต มาทิสํ อิตฺถึ ลภิสฺสสิ, มม วจนํ สุณาหิ, ตาวตึสเทวโลเก จิตฺตลตาวเน อาสาวตี นาม ลตา อตฺถิ, ตสฺสา ผลสฺส อพฺภนฺตเร ทิพฺพปานํ นิพฺพตฺตํ, ตํ เอกวารํ ปิวิตฺวา จตฺตาโร มาเส มตฺตา หุตฺวา ทิพฺพสยเน สยนฺติ, สา ปน วสฺสสหสฺเสน ¶ ผลติ, สุราโสณฺฑา เทวปุตฺตา ‘อิโต ผลํ ลภิสฺสามา’ติ ทิพฺพปานปิปาสํ อธิวาเสตฺวา วสฺสสหสฺสํ ¶ นิพทฺธํ คนฺตฺวา ตํ ลตํ ‘อโรคา นุ โข’ติ โอโลเกนฺติ, ตฺวํ ปน เอกสํวจฺฉเรเนว อุกฺกณฺิโต, อาสาผลวตี นาม สุขา, มา อุกฺกณฺี’’ติ วตฺวา ติสฺโส คาถา อภาสิ –
‘‘อาสาวตี นาม ลตา, ชาตา จิตฺตลตาวเน;
ตสฺสา วสฺสสหสฺเสน, เอกํ นิพฺพตฺตเต ผลํ.
‘‘ตํ เทวา ปยิรุปาสนฺติ, ตาว ทูรผลํ สตึ;
อาสีเสว ตุวํ ราช, อาสา ผลวตี สุขา.
‘‘อาสีสเตว โส ปกฺขี, อาสีสเตว โส ทิโช;
ตสฺส จาสา สมิชฺฌติ, ตาว ทูรคตา สตี;
อาสีเสว ตุวํ ราช, อาสา ผลวตี สุขา’’ติ.
ตตฺถ อาสาวตีติ เอวํนามิกา. สา หิ ยสฺมา ตสฺสา ผเล อาสา อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา เอตํ ¶ นามํ ลภติ. จิตฺตลตาวเนติ เอวํนามเก อุยฺยาเน. ตสฺมึ กิร อุยฺยาเน ติณรุกฺขลตาทีนํ ปภา ตตฺถ ปวิฏฺปวิฏฺานํ เทวตานํ สรีรวณฺณํ จิตฺตํ กโรติ, เตนสฺส ‘‘จิตฺตลตาวน’’นฺติ นามํ ชาตํ. ปยิรุปาสนฺตีติ ปุนปฺปุนํ อุเปนฺติ. อาสีเสวาติ อาสีสาหิเยว ปตฺเถหิเยว, มา อาสจฺเฉทํ กโรหีติ.
ราชา ตสฺสา กถาย พชฺฌิตฺวา ปุน อมจฺเจ สนฺนิปาตาเปตฺวา ทสนามกํ กาเรตฺวา นามํ คเวสนฺโต อปรมฺปิ สํวจฺฉรํ วสิ. ตสฺสา ทสนามกมฺปิ นามํ นาโหสิ, ‘‘อสุกา นามา’’ติ วุตฺเต โพธิสตฺโต ปฏิกฺขิปเตว. ปุน ราชา ‘‘กึ เม อิมายา’’ติ ตุรงฺคํ อารุยฺห ปายาสิ. สาปิ ปุน วาตปาเน ตฺวา อตฺตานํ ทสฺเสสิ. ราชา ‘‘ติฏฺ ตฺวํ, มยํ คมิสฺสามา’’ติ ¶ อาห. ‘‘กสฺมา ยาสิ, มหาราชา’’ติ? ‘‘ตว นามํ ชานิตุํ น สกฺโกมี’’ติ. ‘‘มหาราช, กสฺมา นามํ น ชานิสฺสสิ, อาสา นาม อสมิชฺฌนกา นาม นตฺถิ, เอโก กิร พโก ปพฺพตมุทฺธนิ ิโต อตฺตนา ปตฺถิตํ ลภิ, ตฺวํ กสฺมา น ลภิสฺสสิ, อธิวาเสหิ, มหาราชา’’ติ. เอโก กิร พโก เอกสฺมึ ปทุมสเร โคจรํ คเหตฺวา อุปฺปติตฺวา ปพฺพตมตฺถเก นิลียิ. โส ตํ ทิวสํ ตตฺเถว วสิตฺวา ปุนทิวเส จินฺเตสิ ‘‘อหํ อิมสฺมึ ปพฺพตมตฺถเก สุขํ ¶ นิสินฺโน, สเจ อิโต อโนตริตฺวา เอตฺเถว นิสินฺโน โคจรํ คเหตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา อิมํ ทิวสํ วเสยฺยํ, ภทฺรกํ วต อสฺสา’’ติ. อถ ตํ ทิวสเมว สกฺโก เทวราชา อสุรนิมฺมถนํ กตฺวา ตาวตึสภวเน เทวิสฺสริยํ ลทฺธา จินฺเตสิ ‘มม ตาว มโนรโถ มตฺถกํ ปตฺโต, อตฺถิ นุ โข อฺโ โกจิ อปริปุณฺณมโนรโถ’ติ อุปธาเรนฺโต ตํ ทิสฺวา ‘อิมสฺส มโนรถํ มตฺถกํ ปาเปสฺสามี’ติ พกสฺส นิสินฺนฏฺานโต อวิทูเร เอกา นที อตฺถิ, ตํ นทึ โอฆปุณฺณํ กตฺวา ปพฺพตมตฺถเกน เปเสสิ. โสปิ พโก ตตฺเถว นิสินฺโน มจฺเฉ ขาทิตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา ตํ ทิวสํ ตตฺเถว วสิ, อุทกมฺปิ ภสฺสิตฺวา คตํ. ‘‘เอวํ, มหาราช, พโกปิ ตาว อตฺตโน อาสาผลํ ลภิ, กึ ตฺวํ น ลภิสฺสสี’’ติ วตฺวา ‘‘อาสีสเตวา’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ อาสีสเตวาติ อาสีสติเยว ปตฺเถติเยว. ปกฺขีติ ปกฺเขหิ ยุตฺตตาย ปกฺขี. ทฺวิกฺขตฺตุํ ชาตตาย ทิโช. ตาว ทูรคตา สตีติ ปพฺพตมตฺถกโต มจฺฉานฺจ อุทกสฺส จ ทูรภาวํ ปสฺส, เอวํ ทูรคตา สมานา สกฺกสฺส อานุภาเวน พกสฺส อาสา ปูริเยวาติ.
อถ ราชา ตสฺสา กถํ สุตฺวา รูเป พชฺฌิตฺวา กถาย อลฺลีโน คนฺตุํ อสกฺโกนฺโต อมจฺเจ สนฺนิปาเตตฺวา สตนามํ กาเรสิ, สตนามวเสน ¶ นามํ คเวสโตปิสฺส อฺํ สํวจฺฉรํ อตีตํ ¶ . โส ติณฺณํ สํวจฺฉรานํ อจฺจเยน โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา สตนามวเสน ‘‘อสุกา นาม ภวิสฺสตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘น ชานาสิ, มหาราชา’’ติ. โส ‘‘คมิสฺสาม ทานิ มย’’นฺติ โพธิสตฺตํ วนฺทิตฺวา ปายาสิ. อาสงฺกา กุมาริกา จ ปุน ผลิกวาตปานํ นิสฺสาย ิตาว. ราชา ตํ ทิสฺวา ‘‘ตฺวํ อจฺฉ, มยํ คมิสฺสามา’’ติ อาห. ‘‘กสฺมา, มหาราชา’’ติ. ‘‘ตฺวํ มํ วจเนเนว สนฺตปฺเปสิ, น จ กามรติยา, ตว มธุรวจเนน พชฺฌิตฺวา วสนฺตสฺส มม ตีณิ สํวจฺฉรานิ อติกฺกนฺตานิ, อิทานิ คมิสฺสามี’’ติ อิมา คาถา อาห –
‘‘สมฺเปสิ โข มํ วาจาย, น จ สมฺเปสิ กมฺมุนา;
มาลา เสเรยฺยกสฺเสว, วณฺณวนฺตา อคนฺธิกา.
‘‘อผลํ ¶ มธุรํ วาจํ, โย มิตฺเตสุ ปกุพฺพติ;
อททํ อวิสฺสชํ โภคํ, สนฺธิ เตนสฺส ชีรติ.
‘‘ยฺหิ กยิรา ตฺหิ วเท, ยํ น กยิรา น ตํ วเท;
อกโรนฺตํ ภาสมานํ, ปริชานนฺติ ปณฺฑิตา.
‘‘พลฺจ วต เม ขีณํ, ปาเถยฺยฺจ น วิชฺชติ;
สงฺเก ปาณูปโรธาย, หนฺท ทานิ วชามห’’นฺติ.
ตตฺถ สมฺเปสีติ สนฺตปฺเปสิ ปีเณสิ. เสเรยฺยกสฺสาติ สุวณฺณกุรณฺฑกสฺส. เทสนาสีสเมเวตํ, ยํกิฺจิ ปน สุวณฺณกุรณฺฑกชยสุมนาทิกํ อฺมฺปิ ปุปฺผํ วณฺณสมฺปนฺนํ อคนฺธกํ, สพฺพํ ตํ สนฺธาเยวมาห. วณฺณวนฺตา อคนฺธิกาติ ยถา เสเรยฺยกาทีนํ มาลา วณฺณวนฺตตาย ทสฺสเนน ตปฺเปติ, อคนฺธตาย คนฺเธน น ตปฺเปติ, เอวํ ตฺวมฺปิ ทสฺสเนน ปิยวจเนน จ สนฺตปฺเปสิ, น กมฺมุนาติ ทีเปติ. อททนฺติ ภทฺเท, โย ‘‘อิมํ นาม โว โภคํ ทสฺสามี’’ติ มธุรวจเนน วตฺวา ตํ โภคํ อททนฺโต อวิสฺสชฺเชนฺโต เกวลํ มธุรวจนเมว กโรติ, เตน สทฺธึ อสฺส มิตฺตสฺส ¶ สนฺธิ ชีรติ, มิตฺตสนฺถโว น ฆฏียติ. ปาเถยฺยฺจาติ ภทฺเท, มยฺหํ ตว มธุรวจเนน พชฺฌิตฺวา ตีณิ สํวจฺฉรานิ วสนฺตสฺเสว หตฺถิอสฺสรถปตฺติสงฺขาตํ พลฺจ ขีณํ, มนุสฺสานํ ภตฺตเวตนสงฺขาตํ ปาเถยฺยฺจ นตฺถิ. สงฺเก ปาณูปโรธายาติ สฺวาหํ อิเธว อตฺตโน ชีวิตวินาสํ อาสงฺกามิ, หนฺท ทานาหํ คจฺฉามีติ.
อาสงฺกา ¶ กุมาริกา รฺโ วจนํ สุตฺวา ‘‘มหาราช, ตฺวํ มยฺหํ นามํ ชานาสิ, ตยา วุตฺตเมว มม นามํ, อิทํ เม ปิตุ กเถตฺวา มํ คณฺหิตฺวา ยาหี’’ติ รฺา สทฺธึ สลฺลปนฺตี อาห –
‘‘เอตเทว หิ เม นามํ, ยํนามสฺมิ รเถสภ;
อาคเมหิ มหาราช, ปิตรํ อามนฺตยามห’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – ยํนามา อหํ อสฺมิ, ตํ เอตํ อาสงฺกาตฺเวว มม นามนฺติ.
ตํ ¶ สุตฺวา ราชา โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ ธีตา อาสงฺกา นามา’’ติ อาห. ‘‘นามํ าตกาลโต ปฏฺาย ตํ คเหตฺวา คจฺฉ, มหาราชา’’ติ. โส มหาสตฺตํ วนฺทิตฺวา ผลิกวิมานทฺวารํ อาคนฺตฺวา อาห – ‘‘ภทฺเท, ปิตราปิ เต มยฺหํ ทินฺนา, เอหิ ทานิ คมิสฺสามา’’ติ. ‘‘อาคเมหิ, มหาราช, ปิตรํ อามนฺตยามห’’นฺติ ปาสาทา โอตริตฺวา มหาสตฺตํ วนฺทิตฺวา โรทิตฺวา ขมาเปตฺวา รฺโ สนฺติกํ อาคตา. ราชา ตํ คเหตฺวา พาราณสึ คนฺตฺวา ปุตฺตธีตาหิ วฑฺฒนฺโต ปิยสํวาสํ วสิ. โพธิสตฺโต อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลเก อุปฺปชฺชิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา อาสงฺกา กุมาริกา ปุราณทุติยิกา อโหสิ, ราชา อุกฺกณฺิตภิกฺขุ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสินฺติ.
อาสงฺกชาตกวณฺณนา ปฺจมา.
[๓๘๑] ๖. มิคาโลปชาตกวณฺณนา
น ¶ เม รุจฺจีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ ทุพฺพจภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. สตฺถา ตํ ภิกฺขุํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ ทุพฺพโจ’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘น โข ภิกฺขุ อิทาเนว, ปุพฺเพปิ ตฺวํ ทุพฺพโจเยว, ทุพฺพจภาวฺจ ปน นิสฺสาย ปณฺฑิตานํ วจนํ อกโรนฺโต เวรมฺภวาตมุเข พฺยสนํ คโตสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต คิชฺฌโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา อปนนฺทคิชฺโฌ นาม อโหสิ. โส คิชฺฌคณปริวุโต คิชฺฌกูฏปพฺพเต วสิ. ปุตฺโต ปนสฺส มิคาโลโป นาม ถามพลสมฺปนฺโน อโหสิ, โส อฺเสํ คิชฺฌานํ สีมํ อติกฺกมิตฺวา อติอุจฺจํ อุปฺปติ. คิชฺฌา ‘‘ปุตฺโต เต อติทูรํ อุปฺปตตี’’ติ คิชฺฌรฺโ อาจิกฺขึสุ. โส ตํ ปกฺโกเสตฺวา ‘‘ตฺวํ กิร, ตาต, อติอุจฺจํ ¶ คจฺฉสิ, อติอุจฺจํ คจฺฉนฺโต ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิสฺสสี’’ติ วตฺวา ติสฺโส คาถา อภาสิ –
‘‘น เม รุจฺจิ มิคาโลป, ยสฺส เต ตาทิสี คตี;
อตุจฺจํ ตาต ปตสิ, อภูมึ ตาต เสวสิ.
‘‘จตุกฺกณฺณํว เกทารํ, ยทา เต ปถวี สิยา;
ตโต ตาต นิวตฺตสฺสุ, มาสฺสุ เอตฺโต ปรํ คมิ.
‘‘สนฺติ อฺเปิ สกุณา, ปตฺตยานา วิหงฺคมา;
อกฺขิตฺตา วาตเวเคน, นฏฺา เต สสฺสตีสมา’’ติ.
ตตฺถ มิคาโลปาติ ปุตฺตํ นาเมน อาลปติ. อตุจฺจํ ตาต ปตสีติ ตาต, ตฺวํ อฺเสํ คิชฺฌานํ สีมํ อติกฺกมิตฺวา อติอุจฺจํ คจฺฉสิ. จตุกฺกณฺณํว เกทารนฺติ อิมินาสฺส สีมํ อาจิกฺขติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตาต, ยทา เต อยํ มหาปถวี จตุกฺกณฺณํ เกทารํ วิย สิยา, เอวํ ขุทฺทิกา ¶ วิย หุตฺวา ปฺาเยถ, อถ ตฺวํ เอตฺตกา านา นิวตฺเตยฺยาสิ, เอตฺโต ปรํ มา คมีติ. สนฺติ อฺเปีติ น เกวลํ ตฺวเมว, อฺเปิ คิชฺฌา เอวํ กรึสูติ ทีเปติ. อกฺขิตฺตาติ เตปิ คิชฺฌา อมฺหากํ สีมํ อติกฺกมิตฺวา คตา วาตเวเคน อากฑฺฒิตา นสฺสึสุ. สสฺสตีสมาติ สสฺสตีหิ ปถวีปพฺพตาทีหิ สมํ อตฺตานํ มฺมานา อตฺตโน วสฺสสหสฺสปริมาณํ อายุํ อปูเรตฺวาปิ อนฺตรา นฏฺาติ อตฺโถ.
มิคาโลโป อโนวาทกตฺตา ปิตุ วจนํ อกตฺวา ลงฺฆนฺโต ปิตรา อกฺขาตํ สีมํ ทิสฺวา ตํ อติกฺกมฺม กาลวาเต ปตฺวา เตปิ ฉินฺทิตฺวา อุปฺปติโต เวรมฺภวาตมุขํ ปกฺขนฺทิ, อถ นํ เวรมฺภวาตา ปหรึสุ. โส เตหิ ปหฏมตฺโตว ขณฺฑาขณฺฑํ หุตฺวา อากาเสเยว อนฺตรธายิ.
‘‘อกตฺวา ¶ อปนนฺทสฺส, ปิตุ วุทฺธสฺส สาสนํ;
กาลวาเต อติกฺกมฺม, เวรมฺภานํ วสํ อคา.
‘‘ตสฺส ปุตฺตา จ ทารา จ, เย จฺเ อนุชีวิโน;
สพฺเพ พฺยสนมาปาทุํ, อโนวาทกเร ทิเช.
‘‘เอวมฺปิ ¶ อิธ วุทฺธานํ, โย วากฺยํ นาวพุชฺฌติ;
อติสีมจโร ทิตฺโต, คิชฺโฌวาตีตสาสโน;
สพฺเพ พฺยสนํ ปปฺโปนฺติ, อกตฺวา วุทฺธสาสน’’นฺติ. –
อิมา ติสฺโส อภิสมฺพุทฺธคาถา.
ตตฺถ อนุชีวิโนติ ตํ นิสฺสาย ชีวนกา. อโนวาทกเร ทิเชติ ตสฺมึ มิคาโลเป คิชฺเฌ โอวาทํ อคณฺหนฺเต สพฺเพปิ เต เตน สทฺธึ อติสีมํ คนฺตฺวา วินาสํ ปาปุณึสุ. เอวมฺปีติ, ภิกฺขเว, ยถา โส คิชฺโฌ, เอวํ โย อฺโปิ คหฏฺโ วา ปพฺพชิโต วา หิตานุกมฺปกานํ วุทฺธานํ วจนํ น คณฺหาติ, โสปิ อยํ สีมํ อติกฺกมิตฺวา จรนฺโต ทิตฺโต คพฺพิโต คิชฺโฌว พฺยสนํ ปาปุณาตีติ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มิคาโลโป ทุพฺพจภิกฺขุ อโหสิ, อปนนฺโท ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
มิคาโลปชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.
[๓๘๒] ๗. สิริกาฬกณฺณิชาตกวณฺณนา
กา ¶ นุ กาเฬน วณฺเณนาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อนาถปิณฺฑิกํ อารพฺภ กเถสิ. โส หิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิตกาลโต ปฏฺาย อขณฺฑานิ ปฺจ สีลานิ รกฺขิ, ภริยาปิสฺส ปุตฺตธีตโรปิ ทาสาปิ ภตึ คเหตฺวา กมฺมํ กโรนฺตา กมฺมกราปิ สพฺเพ รกฺขึสุเยว. อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อนาถปิณฺฑิโก สุจิเยว สุจิปริวาโร หุตฺวา จรตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย ¶ สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพ โปราณกปณฺฑิตาปิ สุจีเยว สุจิปริวารา อเหสุ’’นฺติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เสฏฺิ หุตฺวา ทานํ อทาสิ, สีลํ รกฺขิ, อุโปสถกมฺมํ กริ, ภริยาปิสฺส ปฺจ สีลานิ รกฺขิ, ปุตฺตธีตโรปิ ทาสกมฺมกรโปริสาปิ ปฺจ สีลานิ รกฺขึสุ. โส สุจิปริวารเสฏฺิตฺเวว ปฺายิตฺถ. อเถกทิวสํ โส จินฺเตสิ ‘‘สเจ มยา สุจิปริวารสีโล โกจิ อาคมิสฺสติ, ตสฺส มม นิสีทนปลฺลงฺกํ วา นิปชฺชนสยนํ วา ทาตุํ น ยุตฺตํ, อนุจฺฉิฏฺํ อปริภุตฺตํ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ อตฺตโน วสนฏฺาเนเยว เอกปสฺเส อปริภุตฺตปลฺลงฺกฺจ เสนาสนฺจ ปฺาเปสิ. ตสฺมึ สมเย จาตุมหาราชิกเทวโลกโต วิรูปกฺขมหาราชสฺส ธีตา กาฬกณฺณี จ นาม ธตรฏฺมหาราชสฺส ธีตา สิรี จ นามาติ อิมา ทฺเว พหุํ คนฺธมาลํ อาทาย ‘‘อโนตตฺเต กีฬิสฺสามา’’ติ อโนตตฺตติตฺถํ อาคจฺฉึสุ. ตสฺมึ ปน ทเห พหูนิ ติตฺถานิ, เตสุ พุทฺธานํ ติตฺเถ พุทฺธาเยว นฺหายนฺติ, ปจฺเจกพุทฺธานํ ติตฺเถ ปจฺเจกพุทฺธาว นฺหายนฺติ, ภิกฺขูนํ ¶ ติตฺเถ ภิกฺขูว นฺหายนฺติ, ตาปสานํ ติตฺเถ ตาปสาว นฺหายนฺติ, จาตุมหาราชิกาทีสุ ฉสุ กามสคฺเคสุ เทวปุตฺตานํ ติตฺเถ เทวปุตฺตาว นฺหายนฺติ, เทวธีตานํ ติตฺเถ เทวธีตาว นฺหายนฺติ.
ตตฺริมา ทฺเว อาคนฺตฺวา ‘‘อหํ ปมํ นฺหายิสฺสามิ, อหํ ปม’’นฺติ ติตฺถาย กลหํ กรึสุ. กาฬกณฺณี ‘‘อหํ โลกํ ปาเลมิ วิจาเรมิ, ตสฺมา ปมํ นายิตุํ ยุตฺตามฺหี’’ติ วทติ. สิรี ‘‘อหํ มหาชนสฺส อิสฺสริยทายิกาย ปฏิปทาย ิตา, ตสฺมา ปมํ นฺหายิตุํ ยุตฺตามฺหี’’ติ วทติ. ตา ‘‘อมฺเหสุ ปมํ นฺหายิตุํ ยุตฺตรูปํ วา อยุตฺตรูปํ วา จตฺตาโร มหาราชาโน ชานิสฺสนฺตี’’ติ เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อมฺเหสุ กา ปมํ อโนตตฺตทเห นฺหายิตุํ ยุตฺตรูปา’’ติ ปุจฺฉึสุ. ธตรฏฺวิรูปกฺขา ‘‘น สกฺกา อมฺเหหิ วินิจฺฉินิตุ’’นฺติ วิรูฬฺหกเวสฺสวณานํ ภารมกํสุ. เต ‘‘อมฺเหปิ น สกฺขิสฺสาม, สกฺกสฺส ปาทมูเล เปเสสฺสามา’’ติ ตา สกฺกสฺส สนฺติกํ เปเสสุํ. สกฺโก ตาสํ วจนํ สุตฺวา จินฺเตสิ ‘‘อิมา ทฺเวปิ มม ปุริสานฺเว ธีตโร, น สกฺกา มยา อิมํ อฑฺฑํ วินิจฺฉินิตุ’’นฺติ. อถ ตา สกฺโก อาห ‘‘พาราณสิยํ สุจิปริวาโร นาม เสฏฺิ อตฺถิ, ตสฺส ฆเร อนุจฺฉิฏฺสยนฺจ ปฺตฺตํ, ยา ตตฺถ นิสีทิตุํ วา สยิตุํ วา ลภติ, สา ปมํ นฺหายิตุํ ยุตฺตรูปา’’ติ. ตํ สุตฺวา กาฬกณฺณี ตสฺมึ ขเณเยว ¶ นีลวตฺถํ นิวาเสตฺวา นีลวิเลปนํ วิลิมฺปิตฺวา นีลมณิปิฬนฺธนํ ปิฬนฺธิตฺวา ยนฺตปาสาโณ วิย เทวโลกโต โอตริตฺวา มชฺฌิมยามสมนนฺตเร เสฏฺิโน ¶ ปาสาทสฺส อุปฏฺานทฺวาเร สยนสฺส อวิทูเร าเน นีลรสฺมึ วิสฺสชฺเชตฺวา อากาเส อฏฺาสิ. เสฏฺิ โอโลเกตฺวา ¶ ตํ อทฺทส, สหทสฺสเนเนวสฺส สา อปฺปิยา อโหสิ อมนาปา. โส ตาย สทฺธึ สลฺลปนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘กา นุ กาเฬน วณฺเณน, น จาปิ ปิยทสฺสนา;
กา วา ตฺวํ กสฺส วา ธีตา, กถํ ชาเนมุ ตํ มย’’นฺติ.
ตตฺถ กาเฬนาติ นีเลน. วณฺเณนาติ สรีรวตฺถาภรณวณฺเณน. น จาปิ ปิยทสฺสนาติ ธาตุโส, ภิกฺขเว, สตฺตา สํสนฺทนฺตีติ วุตฺตํ, อยฺจ เทวธีตา อนาจารา ทุสฺสีลา, ตสฺมา สา สหทสฺสเนเนวสฺส อปฺปิยา ชาตา, เตเนวมาห. กา วา ตฺวนฺติ ‘‘กา จ ตฺวํ, อยเมว วา ปาโ.
ตํ สุตฺวา กาฬกณฺณี ทุติยํ คาถมาห –
‘‘มหาราชสฺสหํ ธีตา, วิรูปกฺขสฺส จณฺฑิยา;
อหํ กาฬี อลกฺขิกา, กาฬกณฺณีติ มํ วิทู;
โอกาสํ ยาจิโต เทหิ, วเสมุ ตว สนฺติเก’’ติ.
ตตฺถ จณฺฑิยาติ โกธนา. โกธภาเวน หิ มยฺหํ จณฺฑีติ นามํ กรึสุ. อลกฺขิกาติ นิปฺปฺา. มํ วิทูติ เอวํ มํ จาตุมหาราชิกเทวโลเก ชานนฺติ. วเสมูติ มยํ อชฺช เอกรตฺตํ ตว สนฺติเก วเสยฺยาม, เอตสฺมึ เม อนุจฺฉิฏฺาสนสยเน โอกาสํ เทหีติ.
ตโต โพธิสตฺโต ตติยํ คาถมาห –
‘‘กึสีเล กึสมาจาเร, ปุริเส นิวิสเส ตุวํ;
ปุฏฺา เม กาฬิ อกฺขาหิ, กถํ ชาเนมุ ตํ มย’’นฺติ.
ตตฺถ นิวิสเสติ ตว จิตฺเตน นิวิสสิ ปติฏฺหสีติ.
ตโต ¶ สา อตฺตโน คุณํ กเถนฺตี จตุตฺถํ คาถมาห –
‘‘มกฺขี ¶ ปฬาสี สารมฺภี, อิสฺสุกี มจฺฉรี สโ;
โส มยฺหํ ปุริโส กนฺโต, ลทฺธํ ยสฺส วินสฺสตี’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – โย ปุริโส อตฺตโน กตคุณํ น ชานาติ, คุณมกฺขี โหติ, อตฺตโน กิสฺมิฺจิ การเณ กถิเต ‘‘กึ อหํ เอตํ น ชานามี’’ติ ยุคคฺคาหํ คณฺหาติ ¶ , อฺเหิ กิฺจิ กตํ ทิสฺวา สารมฺภวเสน กรณุตฺตริกํ กโรติ, ปเร ลาภํ ลภนฺเต น ตุสฺสติ, ‘‘มยฺหํ อิสฺสริยํ ปเรสํ มา โหตุ, มยฺหเมว โหตู’’ติ สกสมฺปตฺตึ โคเปตฺวา ปรสฺส ติณคฺเคน เตลพินฺทุมฺปิ น เทติ, เกราฏิกลกฺขเณน สมนฺนาคโต หุตฺวา อตฺตโน สนฺตกํ ปรสฺส อทตฺวา เตหิ เตหิ อุปาเยหิ ปรสนฺตกเมว ขาทติ, ยสฺส ลทฺธํ ธฺํ วา ธนํ วา วินสฺสติ น ติฏฺติ, สุราธุตฺโต อกฺขธุตฺโต อิตฺถิธุตฺโต วา หุตฺวา ลทฺธํ ลทฺธํ วินาเสติเยว, อยํ เอเตหิ คุเณหิ สมนฺนาคโต ปุริโส มยฺหํ กนฺโต ปิโย มนาโป, เอวรูเป อหํ จิตฺเตน ปติฏฺหามีติ.
สาเยว ปฺจมฉฏฺสตฺตมคาถา อภาสิ –
‘‘โกธโน อุปนาหี จ, ปิสุโณ จ วิเภทโก;
กณฺฑกวาโจ ผรุโส, โส เม กนฺตตโร ตโต.
‘‘อชฺช สุเวติ ปุริโส, สทตฺถํ นาวพุชฺฌติ;
โอวชฺชมาโน กุปฺปติ, เสยฺยํ โส อติมฺติ.
‘‘ทวปฺปลุทฺโธ ปุริโส, สพฺพมิตฺเตหิ ธํสติ;
โส มยฺหํ ปุริโส กนฺโต, ตสฺมึ โหมิ อนามยา’’ติ.
ตาปิ อิมินาว นเยน วิตฺถาเรตพฺพา. สงฺเขปตฺโถ ปเนตฺถ – โกธโนติ อปฺปมตฺตเกนาปิ กุชฺฌนโก. อุปนาหีติ ปรสฺส อปราธํ หทเย เปตฺวา สุจิเรนปิ ตสฺส อนตฺถการโก. ปิสุโณติ ปิสุณวาโจ. วิเภทโกติ อปฺปมตฺตเกนปิ มิตฺตภินฺทนโก. กณฺฑกวาโจติ สโทสวาโจ. ผรุโสติ ถทฺธวาโจ. กนฺตตโรติ โส ปุริโส มยฺหํ ปุริมาปิ กนฺตตโร ปิยตโร. อชฺช สุเวติ ‘‘อิทํ กมฺมํ อชฺช กาตพฺพํ, อิทํ สฺเว ¶ , อิทํ ตติยทิวสาทีสู’’ติ เอวํ โส สทตฺถํ อตฺตโน กิจฺจํ นาวพุชฺฌติ น ชานาติ. โอวชฺชมาโนติ โอวทิยมาโน. เสยฺยํ โส อติมฺตีติ ชาติโคตฺตกุลปฺปเทสสีลาจารคุเณหิ อุตฺตริตรํ อุตฺตมปุคฺคลํ ‘‘ตฺวํ มยฺหํ ¶ กึ ปโหสี’’ติ อติกฺกมิตฺวา มฺติ. ทวปฺปลุทฺโธติ รูปาทีสุ กามคุเณสุ นิรนฺตรทเวน ปลุทฺโธ อภิภูโต วสํ คโต. ธํสตีติ ‘‘ตยา มยฺหํ กึ กต’’นฺติอาทีนิ วตฺวา สพฺเพเหว มิตฺเตหิ ธํสติ ปริหายติ. อนามยาติ อยํ เอเตหิ คุเณหิ สมนฺนาคเต ปุคฺคเล นิทฺทุกฺขา นิสฺโสกา โหมิ, ตํ ลภิตฺวา อฺตฺถ อนาลยา หุตฺวา วสามี’’ติ.
อถ ¶ นํ ครหนฺโต มหาสตฺโต อฏฺมํ คาถมาห –
‘‘อเปหิ เอตฺโต ตฺวํ กาฬิ, เนตํ อมฺเหสุ วิชฺชติ;
อฺํ ชนปทํ คจฺฉ, นิคเม ราชธานิโย’’ติ.
ตตฺถ อเปหีติ อปคจฺฉ. เนตํ อมฺเหสูติ เอตํ มกฺขาทิกํ ตว ปิยภาวกรณํ อมฺเหสุปิ น วิชฺชติ นตฺถิ. นิคเม ราชธานิโยติ อฺเ นิคเมปิ อฺา ราชธานิโยปิ คจฺฉ, ยตฺถ มยํ ตํ น ปสฺสาม, ตตฺถ คจฺฉาติ ทีเปติ.
ตํ สุตฺวา กาฬกณฺณี อทฺทิตา หุตฺวา อนนฺตรคาถมาห –
‘‘อหมฺปิ โข ตํ ชานามิ, เนตํ ตุมฺเหสุ วิชฺชติ;
สนฺติ โลเก อลกฺขิกา, สงฺฆรนฺติ พหุํ ธนํ;
อหํ เทโว จ เม ภาตา, อุโภ นํ วิธมามเส’’ติ.
ตตฺถ เนตํ ตุมฺเหสูติ ยํ มม ปิยภาวกรณํ มกฺขาทิกํ เยน อหํ อตฺตนาปิ สมนฺนาคตา, ตํ ตุมฺเหสุ นตฺถีติ อหมฺปิ เอตํ ชานามิ. สนฺติ โลเก อลกฺขิกาติ อฺเ ปน โลเก นิสฺสีลา นิปฺปฺา สนฺติ. สงฺฆรนฺตีติ เต นิสฺสีลา นิปฺปฺาปิ สมานา เอเตหิ มกฺขาทีหิ พหุํ ธนํ สงฺฆรนฺติ ปิณฺฑํ กโรนฺติ. อุโภ นนฺติ ตํ ปน เอเตหิ สงฺฆริตฺวา ปิตํ ธนํ อหฺจ มยฺหเมว ภาตา เทโว จ นาม เทวปุตฺโตติ อุโภ เอกโต หุตฺวา วิธมามเส นาเสม, อมฺหากํ ปน เทวโลเก พหู ทิพฺพปริโภคา ¶ อตฺถิ ทิพฺพานิ สยนานิ, ตฺวํ ทเทยฺยาสิ วา โน วา, โก เม ตยา อตฺโถติ วตฺวา ปกฺกามิ.
ตสฺสา ปกฺกนฺตกาเล สิรี เทวธีตา สุวณฺณวณฺเณหิ วตฺถวิเลปเนหิ สุวณฺณาลงฺกาเรน อาคนฺตฺวา ¶ อุปฏฺานทฺวาเร ปีตรสฺมึ วิสฺสชฺเชตฺวา สเมหิ ปาเทหิ สมํ ปถวิยํ ปติฏฺาย สคารวา อฏฺาสิ. ตํ ทิสฺวา มหาสตฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘กา นุ ทิพฺเพน วณฺเณน, ปถพฺยา สุปติฏฺิตา;
กา วา ตฺวํ กสฺส วา ธีตา, กถํ ชาเนมุ ตํ มย’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ ทิพฺเพนาติ วิสิฏฺเน อุตฺตเมน.
ตํ สุตฺวา สิรี ทุติยํ คาถมาห –
‘‘มหาราชสฺสหํ ธีตา, ธตรฏฺสฺส สิรีมโต;
อหํ สิรี จ ลกฺขี จ, ภูริปฺาติ มํ วิทู;
โอกาสํ ยาจิโต เทหิ, วเสมุ ตว สนฺติเก’’ติ.
ตตฺถ สิรี จ ลกฺขี จาติ สิรีติ จ ลกฺขีติ จ อหเมวํนามา, น อฺา. ภูริปฺาติ มํ วิทูติ มํ จาตุมหาราชิกเทวโลเก ปถวีสมาย วิปุลาย ปฺาย สมนฺนาคตาติ ชานนฺติ. วเสมุ ตว สนฺติเกติ ตว อนุจฺฉิฏฺาสเน เจว อนุจฺฉิฏฺสยเน จ เอกรตฺตึ วเสยฺยาม, โอกาสํ เม เทหีติ.
ตโต ปรํ โพธิสตฺโต อาห –
‘‘กึสีเล กึสมาจาเร, ปุริเส นิวิสเส ตุวํ;
ปุฏฺา เม ลกฺขิ อกฺขาหิ, กถํ ชาเนมุ ตํ มยํ.
‘‘โย จาปิ สีเต อถ วาปิ อุณฺเห, วาตาตเป ฑํสสรีสเป จ;
ขุธํ ปิปาสํ อภิภุยฺย สพฺพํ, รตฺตินฺทิวํ โย สตตํ นิยุตฺโต.
‘‘กาลาคตฺจ ¶ น หาเปติ อตฺถํ, โส เม มนาโป นิวิเส จ ตมฺหิ;
อกฺโกธโน มิตฺตวา จาควา จ, สีลูปปนฺโน อสโชุภูโต.
‘‘สงฺคาหโก ¶ สขิโล สณฺหวาโจ, มหตฺตปตฺโตปิ นิวาตวุตฺติ;
ตสฺมึหํ โปเส วิปุลา ภวามิ, อูมิ สมุทฺทสฺส ยถาปิ วณฺณํ.
‘‘โย จาปิ มิตฺเต อถ วา อมิตฺเต, เสฏฺเ สริกฺเข อถ วาปิ หีเน;
อตฺถํ จรนฺตํ อถ วา อนตฺถํ, อาวี รโห สงฺคหเมว วตฺเต.
‘‘วาจํ ¶ น วชฺชา ผรุสํ กทาจิ, มตสฺส ชีวสฺส จ ตสฺส โหมิ;
เอเตสํ โย อฺตรํ ลภิตฺวา, กนฺตา สิรี มชฺชติ อปฺปปฺโ;
ตํ ทิตฺตรูปํ วิสมํ จรนฺตํ, กรีสานํว วิวชฺชยามิ.
‘‘อตฺตนา กุรุเต ลกฺขึ, อลกฺขึ กุรุตตฺตนา;
น หิ ลกฺขึ อลกฺขึ วา, อฺโ อฺสฺส การโก’’ติ.
เสฏฺิสฺส ปุจฺฉา โหติ, สิริยา วิสฺสชฺชนา.
ตตฺถ ฑํสสรีสเป จาติ ฑํสา วุจฺจนฺติ ปิงฺคลมกฺขิกา, สพฺพาปิ วา มกฺขิกาชาติกา อิธ ‘‘ฑํสา’’ติ อธิปฺเปตา. สรีสปาติ ทีฆชาติกา. ฑํสา จ สรีสปา จ ฑํสสรีสปา, ตสฺมึ ฑํสสรีสเป สติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย มหาเสฏฺิ สีเต วา อุณฺเห วา วาตาตเป วา ฑํสสรีสเป วา สติ เอเตหิ สีตาทีหิ ปีฬิยมาโนปิ เอตานิ เจว สีตาทีนิ ขุธฺจ ปิปาสฺจาติ สพฺพมฺเปตํ ปริสฺสยํ อภิภุยฺย อภิภวิตฺวา ติณํ วิย อคเณตฺวา รตฺตินฺทิวํ กสิวณิชฺชาทีสุ เจว ทานสีลาทีสุ จ สตตํ อตฺตโน กมฺเมสุ นิยุตฺโต อตฺตานํ โยเชตฺวา วตฺตติ.
กาลาคตฺจาติ ¶ กสิกาลาทีสุ กสิอาทีนิ ธนปริจฺจาคสีลรกฺขณธมฺมสฺสวนาทิกาเลสุ จ ธนปริจฺจชนาทิปฺปเภทํ ทิฏฺธมฺมสมฺปราเย สุขาวหํ อตฺถํ น หาเปติ, ยุตฺตปฺปยุตฺตกาเล กโรติเยว, โส มยฺหํ มนาโป ตสฺมิฺจ ปุริเส อหํ นิวิสามีติ. อกฺโกธโนติ อธิวาสนขนฺติยา สมนฺนาคโต. มิตฺตวาติ กลฺยาณมิตฺเตน สมนฺนาคโต. จาควาติ ธนปริจฺจาคยุตฺโต.
สงฺคาหโกติ มิตฺตสงฺคหอามิสสงฺคหธมฺมสงฺคหานํ การโก. สขิโลติ มุทุวาโจ. สณฺหวาโจติ ¶ มธุรวจโน. มหตฺตปตฺโตปิ นิวาตวุตฺตีติ มหนฺตํ านํ วิปุลํ อิสฺสริยํ ปตฺโตปิ ยเสน อนุทฺธโต นีจวุตฺติ ปณฺฑิตานํ โอวาทกโร โหติ. ตสฺมึหํ โปเสติ ตสฺมึ อหํ ปุริเส. วิปุลา ภวามีติ อขุทฺทกา โหมิ. โส หิ มหติยา สิริยา ปทฏฺานํ. อูมิ สมุทฺทสฺส ยถาปิ วณฺณนฺติ ยถา นาม สมุทฺทสฺส วณฺณํ โอโลเกนฺตานํ อุปรูปริ อาคจฺฉมานา อูมิ วิปุลา วิย ขายติ, เอวมหํ ตสฺมึ ปุคฺคเล วิปุลา โหมีติ ทีเปติ.
อาวี รโหติ สมฺมุขา จ ปรมฺมุขา จ. สงฺคหเมว วตฺเตติ เอตสฺมึ มิตฺตาทิเภเท ปุคฺคเล จตุพฺพิธํ สงฺคหเมว วตฺเตติ ปวตฺเตติ.
น วชฺชาติ โย กทาจิ กิสฺมิฺจิ กาเล ผรุสวจนํ น วเทยฺย, มธุรวจโนว โหติ. มตสฺส ชีวสฺส จาติ ¶ ตสฺสาหํ ปุคฺคลสฺส มตสฺสปิ ชีวนฺตสฺสปิ ภตฺติกา โหมิ, อิธโลเกปิ ปรโลเกปิ ตาทิสเมว ภชามีติ ทสฺเสติ. เอเตสํ โยติ เอเตสํ สีตาภิภวนาทีนํ เหฏฺา วุตฺตคุณานํ โย ปุคฺคโล เอกมฺปิ คุณํ ลภิตฺวา ปมชฺชติ ปมุสฺสติ, ปุน นานุยฺุชตีติ อตฺโถ. กนฺตา สิรี, กนฺตสิรึ, กนฺตํ สิรินฺติ ตโยปิ ปาา, เตสํ วเสน อยํ อตฺถโยชนา – โย ปุคฺคโล สิรึ ลภิตฺวา ‘‘กนฺตา เม สิริ ยถาาเน ิตา’’ติ เอเตสํ อฺตรํ คุณํ ปมชฺชติ, โย วา ปุคฺคโล กนฺตสิรึ ปิยสิรึ อิจฺฉนฺโต เอเตสํ คุณานํ อฺตรํ ลภิตฺวา ปมชฺชติ, โย วา ปุคฺคโล สิรึ ลภิตฺวา กนฺตํ มนาปํ สิรึ เอเตสํ คุณานํ อฺตรํ ปมชฺชติ. อปฺปปฺโติ นิปฺปฺโ. ตํ ทิตฺตรูปํ วิสมํ จรนฺตนฺติ ตํ อหํ ทิตฺตสภาวํ คพฺพิตสภาวํ ¶ กายทุจฺจริตาทิเภทํ วิสมํ จรนฺตํ สุจิชาติโก มนุสฺโส คูถกูปํ วิย ทูรโต วิวชฺชยามีติ.
อฺโ อฺสฺส การโกติ เอวํ สนฺเต ลกฺขึ วา อลกฺขึ วา อฺโ ปุริโส อฺสฺส การโก นาม นตฺถิ, โย โกจิ อตฺตนา อตฺตโน ลกฺขึ วา อลกฺขึ วา กโรตีติ.
เอวํ มหาสตฺโต เทวิยา วจนํ อภินนฺทิตฺวา ‘‘อิทํ อนุจฺฉิฏฺํ อาสนฺจ สยนฺจ ตุยฺหํเยว อนุจฺฉวิกํ, ปลฺลงฺเก จ สยเน จ นิสีท เจว นิปชฺช จา’’ติ อาห. สา ตตฺถ วสิตฺวา ปจฺจูสกาเล นิกฺขมิตฺวา จาตุมหาราชิกเทวโลกํ คนฺตฺวา อโนตตฺตทเห ปมํ นหายิ. ตมฺปิ สยนํ สิริเทวตาย ปริภุตฺตภาวา สิริสยนํ นาม ชาตํ. สิริสยนสฺส อยํ วํโส, อิมินา การเณน ยาวชฺชตนา ‘‘สิริสยน’’นฺติ วุจฺจติ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สิริเทวี อุปฺปลวณฺณา อโหสิ, สุจิปริวารเสฏฺิ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สิริกาฬกณฺณิชาตกวณฺณนา สตฺตมา.
[๓๘๓] ๘. กุกฺกุฏชาตกวณฺณนา
สุจิตฺตปตฺตฉทนาติ ¶ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ ภิกฺขุํ สตฺถา ‘‘กสฺมา อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอกํ อลงฺกตปฏิยตฺตํ อิตฺถึ ทิสฺวา กิเลสวเสน, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขุ อิตฺถิโย นาม วฺเจตฺวา อุปลาเปตฺวา อตฺตโน วสํ คตกาเล วินาสํ ปาเปนฺติ, โลลพิฬารี วิย โหนฺตี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อรฺเ กุกฺกุฏโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา อเนกสตกุกฺกุฏปริวาโร อรฺเ ¶ วสติ. ตสฺส อวิทูเร เอกา พิฬาริกาปิ วสติ. สา เปตฺวา โพธิสตฺตํ อวเสเส กุกฺกุเฏ อุปาเยน วฺเจตฺวา ขาทิ. โพธิสตฺโต ตสฺสา คหณํ น คจฺฉติ. สา จินฺเตสิ ‘‘อยํ กุกฺกุโฏ อติวิย สโ อมฺหากฺจ สภาวํ อุปายกุสลภาวฺจ น ชานาติ, อิมํ มยา ‘อหํ ภริยา เต ภวิสฺสามี’ติ อุปลาเปตฺวา อตฺตโน วสํ อาคตกาเล ขาทิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. สา เตน นิสินฺนรุกฺขสฺส มูลํ คนฺตฺวา วณฺณสมฺภาสนปุพฺพงฺคมาย วาจาย ตํ ยาจมานา ปมํ คาถมาห –
‘‘สุจิตฺตปตฺตฉทน, ตมฺพจูฬ วิหงฺคม;
โอโรห ทุมสาขาย, มุธา ภริยา ภวามิ เต’’ติ.
ตตฺถ สุจิตฺตปตฺตฉทนาติ สุจิตฺเตหิ ปตฺเตหิ กตจฺฉทน. มุธาติ วินา มูเลน น กิฺจิ คเหตฺวา อหํ ภริยา เต ภวามิ.
ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ‘‘อิมาย มม สพฺเพ าตกา ขาทิตา, อิทานิ มํ อุปลาเปตฺวา ขาทิตุกามา อโหสิ, อุยฺโยเชสฺสามิ น’’นฺติ จินฺเตตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘จตุปฺปที ¶ ตฺวํ กลฺยาณิ, ทฺวิปทาหํ มโนรเม;
มิคี ปกฺขี อสฺุตฺตา, อฺํ ปริเยส สามิก’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ มิคีติ พิฬารึ สนฺธายาห. อสฺุตฺตาติ ชยมฺปติกา ภวิตุํ อยุตฺตา อสมฺพนฺธา, นตฺถิ เตสํ อีทิโส สมฺพนฺโธติ ทีเปติ.
ตํ สุตฺวา ตโต สา ‘‘อยํ อติวิย สโ, เยน เกนจิ อุปาเยน วฺเจตฺวา นํ ขาทิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ตติยํ คาถมาห –
‘‘โกมาริกา เต เหสฺสามิ, มฺชุกา ปิยภาณินี;
วินฺท มํ อริเยน เวเทน, สาวย มํ ยทิจฺฉสี’’ติ.
ตตฺถ โกมาริกาติ อหํ เอตฺตกํ กาลํ อฺํ ปุริสํ น ชานามิ, ตว โกมาริกา ภริยา ภวิสฺสามีติ วทติ. มฺชุกา ปิยภาณินีติ ตว มธุรกถา ปิยภาณินีเยว ภวิสฺสามิ. วินฺท มนฺติ ปฏิลภ มํ. อริเยน เวเทนาติ สุนฺทเรน ปฏิลาเภน. อหมฺปิ หิ อิโต ปุพฺเพ ปุริสสมฺผสฺสํ น ชานามิ, ตฺวมฺปิ อิตฺถิสมฺผสฺสํ น ชานาสิ, อิติ ปกติยา พฺรหฺมจารี ¶ พฺรหฺมจารินึ มํ นิทฺโทเสน ลาเภน ลภ. ยทิ มํ อิจฺฉสิ, อถ เม วจนํ น สทฺทหสิ, ทฺวาทสโยชนาย พาราณสิยา เภรึ จราเปตฺวา ‘‘อยํ เม ทาสี’’ติ สาวย, มํ อตฺตโน ทาสํ กตฺวา คณฺหาหีติ วทติ.
ตโต โพธิสตฺโต ‘‘อิมํ ตชฺเชตฺวา ปลาเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา จตุตฺถํ คาถมาห –
‘‘กุณปาทินิ โลหิตเป, โจริ กุกฺกุฏโปถินิ;
น ตฺวํ อริเยน เวเทน, มมํ ภตฺตารมิจฺฉสี’’ติ.
ตตฺถ น ตฺวํ อริเยนาติ ตฺวํ อริเยน พฺรหฺมจริยวาสลาเภน มํ ภตฺตารํ น อิจฺฉสิ, วฺเจตฺวา ปน มํ ขาทิตุกามาสิ, นสฺส ปาเปติ ตํ ปลาเปสิ. สา ปน ปลายิตฺวาว คตา, น ปุน โอโลเกตุมฺปิ วิสหิ.
‘‘เอวมฺปิ ¶ จตุรา นารี, ทิสฺวาน สธนํ นรํ;
เนนฺติ สณฺหาหิ วาจาหิ, พิฬารี วิย กุกฺกุฏํ.
‘‘โย จ อุปฺปติตํ อตฺถํ, น ขิปฺปมนุพุชฺฌติ;
อมิตฺตวสมนฺเวติ, ปจฺฉา จ อนุตปฺปติ.
‘‘โย ¶ จ อุปฺปติตํ อตฺถํ, ขิปฺปเมว นิโพธติ;
มุจฺจเต สตฺตุสมฺพาธา, กุกฺกุโฏว พิฬาริยา’’ติ. – อิมา อภิสมฺพุทฺธคาถา;
ตตฺถ จตุราติ จาตุริเยน สมนฺนาคตา. นารีติ อิตฺถิโย. เนนฺตีติ อตฺตโน วสํ อุปเนนฺติ. พิฬารี วิยาติ ยถา สา พิฬารี ตํ กุกฺกุฏํ เนตุํ วายมติ, เอวํ อฺาปิ นาริโย เนนฺติเยว. อุปฺปติตํ อตฺถนฺติ อุปฺปนฺนํ กิฺจิเทว อตฺถํ. น อนุพุชฺฌตีติ ยถาสภาเวน น ชานาติ, ปจฺฉา จ อนุตปฺปติ. กุกฺกุโฏวาติ ยถา โส าณสมฺปนฺโน กุกฺกุโฏ พิฬาริโต มุตฺโต, เอวํ สตฺตุสมฺพาธโต มุจฺจตีติ อตฺโถ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา กุกฺกุฏราชา อหเมว อโหสินฺติ.
กุกฺกุฏชาตกวณฺณนา อฏฺมา.
[๓๘๔] ๙. ธมฺมธชชาตกวณฺณนา
ธมฺมํ จรถ าตโยติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ กุหกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตทา หิ สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อยํ อิทาเนว กุหโก, ปุพฺเพปิ กุหโกเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สกุณโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต สกุณสงฺฆปริวุโต สมุทฺทมชฺเฌ ทีปเก วสิ. อเถกจฺเจ กาสิรฏฺวาสิโน วาณิชา ทิสากากํ คเหตฺวา นาวาย สมุทฺทํ ปกฺขนฺทึสุ, สมุทฺทมชฺเฌ นาวา ภิชฺชิ. โส ทิสากาโก ตํ ทีปกํ คนฺตฺวา จินฺเตสิ ‘‘อยํ มหาสกุณสงฺโฆ, มยา กุหกกมฺมํ กตฺวา เอเตสํ อณฺฑกานิ ¶ เจว ฉาปเก จ วรํ วรํ ขาทิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส โอตริตฺวา สกุณสงฺฆสฺส มชฺเฌ มุขํ วิวริตฺวา เอเกน ปาเทน ปถวิยํ อฏฺาสิ. ‘‘โก นาม ตฺวํ, สามี’’ติ สกุเณหิ ปุฏฺโ ‘‘อหํ ธมฺมิโก นามา’’ติ อาห. ‘‘กสฺมา ปน เอเกน ปาเทน ิโตสี’’ติ? ‘‘มยา ทุติเย ปาเท นิกฺขิตฺเต ¶ ปถวี ธาเรตุํ น สกฺโกตี’’ติ. ‘‘อถ กสฺมา มุขํ วิวริตฺวา ติฏฺสี’’ติ? ‘‘อหํ อฺํ อาหารํ น ขาทามิ, วาตเมว ขาทามี’’ติ. เอวฺจ ปน วตฺวา เต สกุเณ อามนฺเตตฺวา ‘‘โอวาทํ โว ทสฺสามิ, ตํ สุณาถา’’ติ เตสํ โอวาทวเสน ปมํ คาถมาห –
‘‘ธมฺมํ จรถ าตโย, ธมฺมํ จรถ ภทฺทํ โว;
ธมฺมจารี สุขํ เสติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จา’’ติ.
ตตฺถ ธมฺมํ จรถาติ กายสุจริตาทิเภทํ ธมฺมํ กโรถ. าตโยติ เต อาลปติ. ธมฺมํ จรถ ภทฺทํ โวติ เอกวารํ จริตฺวา มา โอสกฺกถ, ปุนปฺปุนํ จรถ, เอวํ ภทฺทํ โว ภวิสฺสติ. สุขํ เสตีติ เทสนาสีสเมตํ, ธมฺมจารี ปน สุขํ ติฏฺติ คจฺฉติ นิสีทติ เสติ, สพฺพิริยาปเถสุ สุขิโต โหตีติ ทีเปติ.
สกุณา ¶ ‘‘อยํ กาโก โกหฺเน อณฺฑกานิ ขาทิตุํ เอวํ วทตี’’ติ อชานิตฺวา ตํ ทุสฺสีลํ วณฺเณนฺตา ทุติยํ คาถมาหํสุ –
‘‘ภทฺทโก วตยํ ปกฺขี, ทิโช ปรมธมฺมิโก;
เอกปาเทน ติฏฺนฺโต, ธมฺมเมวานุสาสตี’’ติ.
ตตฺถ ธมฺมเมวาติ สภาวเมว. อนุสาสตีติ กเถสิ.
สกุณา ตสฺส ทุสฺสีลสฺส สทฺทหิตฺวา ‘‘ตฺวํ กิร สามิ อฺํ โคจรํ น คณฺหสิ, วาตเมว ภกฺขสิ, เตน หิ อมฺหากํ อณฺฑกานิ จ ฉาปเก จ โอโลเกยฺยาสี’’ติ วตฺวา โคจราย คจฺฉนฺติ. โส ปาโป เตสํ คตกาเล อณฺฑกานิ จ ฉาปเก จ กุจฺฉิปูรํ ขาทิตฺวา เตสํ อาคมนกาเล อุปสนฺตูปสนฺโต หุตฺวา มุขํ วิวริตฺวา เอเกน ปาเทน ติฏฺติ. สกุณา อาคนฺตฺวา ปุตฺตเก อปสฺสนฺตา ‘‘โก นุ โข ขาทตี’’ติ มหาสทฺเทน วิรวนฺติ, ‘‘อยํ กาโก ธมฺมิโก’’ติ ตสฺมึ อาสงฺกามตฺตมฺปิ น กโรนฺติ. อเถกทิวสํ มหาสตฺโต จินฺเตสิ ‘‘อิธ ปุพฺเพ โกจิ ¶ ปริปนฺโถ นตฺถิ, อิมสฺส อาคตกาลโต ปฏฺาย ชาโต, อิมํ ปริคฺคณฺหิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส สกุเณหิ สทฺธึ โคจราย คจฺฉนฺโต วิย หุตฺวา นิวตฺติตฺวา ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน อฏฺาสิ. กาโกปิ ¶ ‘‘คตา สกุณา’’ติ นิราสงฺโก หุตฺวา อุฏฺาย คนฺตฺวา อณฺฑกานิ จ ฉาปเก จ ขาทิตฺวา ปุนาคนฺตฺวา มุขํ วิวริตฺวา เอเกน ปาเทน อฏฺาสิ.
สกุณราชา สกุเณสุ อาคเตสุ สพฺเพ สนฺนิปาตาเปตฺวา ‘‘อหํ โว อชฺช ปุตฺตกานํ ปริปนฺถํ ปริคฺคณฺหนฺโต อิมํ ปาปกากํ ขาทนฺตํ อทฺทสํ, เอถ นํ คณฺหามา’’ติ สกุณสงฺฆํ อามนฺเตตฺวา ปริวาเรตฺวา ‘‘สเจ ปลายติ, คณฺเหยฺยาถ น’’นฺติ วตฺวา เสสคาถา อภาสิ –
‘‘นาสฺส สีลํ วิชานาถ, อนฺาย ปสํสถ;
ภุตฺวา อณฺฑฺจ โปตฺจ, ธมฺโม ธมฺโมติ ภาสติ.
‘‘อฺํ ภณติ วาจาย, อฺํ กาเยน กุพฺพติ;
วาจาย โน จ กาเยน, น ตํ ธมฺมํ อธิฏฺิโต.
‘‘วาจาย ¶ สขิโล มโนวิทุคฺโค, ฉนฺโน กูปสโยว กณฺหสปฺโป;
ธมฺมธโช คามนิคมาสุ สาธุ, ทุชฺชาโน ปุริเสน พาลิเสน.
‘‘อิมํ ตุณฺเฑหิ ปกฺเขหิ, ปาทา จิมํ วิเหถ;
ฉวฺหิมํ วินาเสถ, นายํ สํวาสนารโห’’ติ.
ตตฺถ นาสฺส สีลนฺติ น อสฺส สีลํ. อนฺายาติ อชานิตฺวา. ภุตฺวาติ ขาทิตฺวา. วาจาย โน จ กาเยนาติ อยฺหิ วจเนเนว ธมฺมํ จรติ, กาเยน ปน น กโรติ. น ตํ ธมฺมํ อธิฏฺิโตติ ตสฺมา ชานิตพฺโพ ยถายํ ธมฺมํ ภณติ, น ตํ อธิฏฺิโต, ตสฺมึ ธมฺเม น อธิฏฺิโต. วาจาย สขิโลติ วจเนน มุทุ. มโนวิทุคฺโคติ มนสา วิทุคฺโค ทุปฺปเวโส วิสโม. ฉนฺโนติ ยสฺมึ พิเล สยติ, เตน ฉนฺโน. กูปสโยติ พิลาสโย. ธมฺมธโชติ สุจริตธมฺมํ ธชํ กตฺวา วิจรเณน ธมฺมทฺธโช. คามนิคมาสุ สาธูติ คาเมสุ จ นิคเมสุ จ สาธุ ภทฺทโก สมฺภาวิโต. ทุชฺชาโนติ อยํ เอวรูโป ทุสฺสีโล ปฏิจฺฉนฺนกมฺมนฺโต พาลิเสน อฺาเณน ปุริเสน น สกฺกา ชานิตุํ. ปาทา จิมนฺติ อตฺตโน อตฺตโน ปาเทน จ อิมํ. วิเหถาติ ปหรถ หนถ. ฉวนฺติ ลามกํ. นายนฺติ อยํ อมฺเหหิ สทฺธึ เอกสฺมึ าเน สํวาสํ น อรหตีติ.
เอวฺจ ¶ ¶ ปน วตฺวา สกุณเชฏฺโก สยเมว ลงฺฆิตฺวา ตสฺส สีสํ ตุณฺเฑน ปหริ, อวเสสา สกุณา ตุณฺฑนขปาทปกฺเขหิ ปหรึสุ. โส ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กุหกกาโก อิทานิ กุหกภิกฺขุ อโหสิ, สกุณราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ธมฺมธชชาตกวณฺณนา นวมา.
[๓๘๕] ๑๐. นนฺทิยมิคราชชาตกวณฺณนา
สเจ ¶ พฺราหฺมณ คจฺเฉสีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ มาตุโปสกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ คิหี โปเสสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘กึ เต โหนฺตี’’ติ วุตฺเต ‘‘มาตาปิตโร เม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘สาธุ สาธุ ภิกฺขุ โปราณกปณฺฑิตานํ วํสํ ปาเลสิ, โปราณกปณฺฑิตา หิ ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวาปิ มาตาปิตูนํ ชีวิตํ อทํสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต โกสลรฏฺเ สาเกเต โกสลราเช รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต มิคโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต นนฺทิยมิโค นาม หุตฺวา สีลาจารสมฺปนฺโน มาตาปิตโร โปเสสิ. ตทา โกสลราชา มิควิตฺตโกว อโหสิ. โส ปน มนุสฺสานํ กสิกมฺมาทีนิ กาตุํ อทตฺวา มหาปริวาโร เทวสิกํ มิควํ คจฺฉติ. มนุสฺสา สนฺนิปติตฺวา ‘‘อยฺยา, อยํ ราชา อมฺหากํ กมฺมจฺเฉทํ กโรติ, ฆราวาโสปิ นสฺสติ, ยํนูน มยํ อชฺชุนวนํ อุยฺยานํ ปริกฺขิปิตฺวา ทฺวารํ โยเชตฺวา โปรกฺขณึ ขณิตฺวา ติณานิ อาโรเปตฺวา ทณฺฑมุคฺคราทิหตฺถา อรฺํ ปวิสิตฺวา คุมฺเพ ปหรนฺตา มิเค นีหริตฺวา ปริวาเรตฺวา โครูปานิ วิย วชํ อุยฺยานํ ปเวเสตฺวา ทฺวารํ ปิทหิตฺวา รฺโ อาโรเจตฺวา อตฺตโน กมฺมํ กเรยฺยามา’’ติ มนฺตยึสุ. ‘‘อตฺเถโส อุปาโย’’ติ สพฺเพ เอกจฺฉนฺทา หุตฺวา อุยฺยานํ สชฺเชตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา โยชนมตฺตฏฺานํ ¶ ปริกฺขิปึสุ.
ตสฺมึ ขเณ นนฺทิโย เอกสฺมึ ขุทฺทกคุมฺเพ มาตาปิตโร คเหตฺวา ภูมิยํ นิปนฺโน โหติ. มนุสฺสา นานาผลกาวุธหตฺถา พาหุนา พาหุํ ปีเฬตฺวา ตํ คุมฺพํ ปริกฺขิปึสุ. อเถกจฺเจ มิเค โอโลเกนฺตา ตํ คุมฺพํ ปวิสึสุ. นนฺทิโย เต ทิสฺวา ‘‘อชฺช มยา ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา มาตาปิตูนํ ¶ ชีวิตํ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา อุฏฺาย มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา ‘‘อมฺมตาต, อิเม มนุสฺสา อิมํ คุมฺพํ ปวิสิตฺวา อมฺเห ตโยปิ ปสฺสิสฺสนฺติ, ตุมฺเห เอเกน อุปาเยน ชีเวยฺยาถ, ชีวิตํ โว เสยฺโย, อหํ ตุมฺหากํ ชีวิตทานํ ทตฺวา มนุสฺเสหิ คุมฺพปริยนฺเต ตฺวา คุมฺเพ ปหฏมตฺเตเยว นิกฺขมิสฺสามิ, อถ เต ‘อิมสฺมึ ขุทฺทกคุมฺเพ เอโกเยว มิโค ภวิสฺสตี’ติ มฺมานา คุมฺพํ น ปวิสิสฺสนฺติ, ตุมฺเห อปฺปมตฺตา โหถา’’ติ ¶ มาตาปิตโร ขมาเปตฺวา คมนสชฺโช อฏฺาสิ. โส มนุสฺเสหิ คุมฺพปริยนฺเต ตฺวา อุนฺนาเทตฺวา คุมฺเพ ปหฏมตฺเตเยว ตโต นิกฺขมิ. เต ‘‘เอโกเวตฺถ มิโค ภวิสฺสตี’’ติ คุมฺพํ น ปวิสึสุ. อถ นนฺทิโย คนฺตฺวา มิคานํ อนฺตรํ ปาวิสิ. มนุสฺสา ปริวาเรตฺวา สพฺเพ มิเค อุยฺยานํ ปเวเสตฺวา ทฺวารํ ถเกตฺวา รฺโ อาโรเจตฺวา สกสกฏฺานานิ อคมํสุ.
ตโต ปฏฺาย ราชา สยเมว คนฺตฺวา เอกํ มิคํ วิชฺฌิตฺวา ตํ คเหตฺวา เอหีติ เอกํ เปเสตฺวา อาหราเปสิ. มิคา วารํ ปยึสุ, ปตฺตวาโร มิโค เอกมนฺเต ติฏฺติ, ตํ วิชฺฌิตฺวา คณฺหนฺติ. นนฺทิโย โปกฺขรณิยํ ปานียํ ปิวติ, ติณานิ ขาทติ, วาโร ปนสฺส น ตาว ปาปุณาติ. อถ พหูนํ ทิวสานํ อจฺจเยน ตสฺส มาตาปิตโร ตํ ทฏฺุกามา หุตฺวา ‘‘อมฺหากํ ปุตฺโต นนฺทิยมิคราชา นาคพโล ถามสมฺปนฺโน, สเจ ชีวติ, อวสฺสํ วตึ ลงฺฆิตฺวา อมฺหากํ ทสฺสนตฺถาย อาคมิสฺสติ, สาสนมสฺส เปเสสฺสามา’’ติ ¶ จินฺเตตฺวา มคฺคสมีเป ตฺวา เอกํ พฺราหฺมณํ ทิสฺวา ‘‘อยฺย, กหํ คจฺฉสี’’ติ มานุสิกาย วาจาย ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สาเกต’’นฺติ วุตฺเต ปุตฺตสฺส สาสนํ ปหิณนฺตา ปมํ คาถมาหํสุ –
‘‘สเจ พฺราหฺมณ คจฺเฉสิ, สาเกเต อชฺชุนํ วนํ;
วชฺชาสิ นนฺทิยํ นาม, ปุตฺตํ อสฺมากโมรสํ;
มาตา ปิตา จ เต วุทฺธา, เต ตํ อิจฺฉนฺติ ปสฺสิตุ’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – สเจ, ตฺวํ พฺราหฺมณ, สาเกตํ คจฺฉสิ, สาเกเต อชฺชุนวนํ นาม อุยฺยานํ อตฺถิ, ตตฺถ อมฺหากํ ปุตฺโต นนฺทิโย นาม มิโค อตฺถิ, ตํ วเทยฺยาสิ ‘‘มาตาปิตโร เต วุฑฺฒา ยาว น มรนฺติ, ตาว ตํ ปสฺสิตุํ อิจฺฉนฺตี’’ติ.
โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สาเกตํ คนฺตฺวา ปุนทิวเส อุยฺยานํ ปวิสิตฺวา ‘‘นนฺทิยมิโค นาม กตโร’’ติ ปุจฺฉิ. มิโค อาคนฺตฺวา ตสฺส สมีเป ตฺวา ‘‘อห’’นฺติ อาห. พฺราหฺมโณ ตมตฺถํ อาโรเจสิ. นนฺทิโย ตํ สุตฺวา ‘‘คจฺเฉยฺยามหํ, พฺราหฺมณ, วตึ ลงฺฆิตฺวา ¶ โน น คจฺเฉยฺยํ, มยา ปน รฺโ สนฺตกํ นิวาปปานโภชนํ ภุตฺตํ, ตํ เม อิณฏฺาเน ิตํ, อิเมสฺจ มิคานํ มชฺเฌ จิรวุตฺโถสฺมิ, ตสฺส เม รฺโ เจว ¶ เอเตสฺจ โสตฺถิภาวํ อกตฺวา อตฺตโน พลํ อทสฺเสตฺวา คมนํ นาม น ยุตฺตํ, อตฺตโน วาเร ปน สมฺปตฺเต อหํ เอเตสํ โสตฺถิภาวํ กตฺวา สุขิโต อาคจฺฉิสฺสามี’’ติ ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘ภุตฺตา มยา นิวาปานิ, ราชิโน ปานโภชนํ;
ตํ ราชปิณฺฑํ อวโภตฺตุํ, นาหํ พฺราหฺมณ มุสฺสเห.
‘‘โอทหิสฺสามหํ ปสฺสํ, ขุรปฺปานิสฺส ราชิโน;
ตทาหํ สุขิโต มุตฺโต, อปิ ปสฺเสยฺย มาตร’’นฺติ.
ตตฺถ นิวาปานีติ เตสุ เตสุ าเนสุ นิวุตานิ นิวาปานิ. ปานโภชนนฺติ ปานียฺจ อวเสสติณฺจ. ตํ ราชปิณฺฑนฺติ ตํ รฺโ สนฺตกํ สงฺกฑฺฒิตฺวา สโมธานกฏฺเน ปิณฺฑํ. อวโภตฺตุนฺติ ทุพฺภุตฺตํ ภฺุชิตุํ ¶ . รฺโ หิ กิจฺจํ อนิปฺผาเทนฺโต ตํ อวภุตฺตํ ภฺุชติ นาม, สฺวาหํ เอวํ อวโภตฺตุํ น อุสฺสหามีติ วทติ. พฺราหฺมณ มุสฺสเหติ เจตฺถ พฺราหฺมณาติ อาลปนํ, ม-กาโร ปทสนฺธิวเสน วุตฺโต.
โอทหิสฺสามหํ ปสฺสํ, ขุรปฺปานิสฺส ราชิโนติ อหํ, พฺราหฺมณ, อตฺตโน วาเร สมฺปตฺเต ขุรปฺปํ สนฺนยฺหิตฺวา อาคตสฺส รฺโ มิคยูถโต นิกฺขมิตฺวา เอกมนฺเต ตฺวา ‘‘มํ วิชฺฌ, มหาราชา’’ติ วตฺวา อตฺตโน มหาผาสุกปสฺสํ โอทหิสฺสามิ โอฑฺเฑสฺสามิ. สุขิโต มุตฺโตติ ตทา อหํ มรณภยา มุตฺโต สุขิโต นิทฺทุกฺโข รฺา อนฺุาโต อปิ นาม มาตรํ ปสฺเสยฺยนฺติ.
ตํ สุตฺวา พฺราหฺมโณ ปกฺกามิ. อปรภาเค ตสฺส วารทิวเส ราชา มหนฺเตน ปริวาเรน อุยฺยานํ อาคจฺฉิ. มหาสตฺโต เอกมนฺเต อฏฺาสิ. ราชา ‘‘มิคํ วิชฺฌิสฺสามี’’ติ ขุรปฺปํ สนฺนยฺหิ. มหาสตฺโต ยถา อฺเ มรณภยตชฺชิตา ปลายนฺติ, เอวํ อปลายิตฺวา นิพฺภโย หุตฺวา เมตฺตํ ปุเรจาริกํ กตฺวา มหาผาสุกปสฺสํ โอทหิตฺวา นิจฺจโลว อฏฺาสิ. ราชา ตสฺส เมตฺตานุภาเวน สรํ วิสฺสชฺเชตุํ นาสกฺขิ. มหาสตฺโต ‘‘กึ, มหาราช, สรํ น มุจฺเจสิ, มฺุจาหี’’ติ อาห. ‘‘น สกฺโกมิ, มิคราชา’’ติ. ‘‘เตน หิ คุณวนฺตานํ คุณํ ชาน, มหาราชา’’ติ. ตทา ¶ ราชา โพธิสตฺเต ปสีทิตฺวา ธนุํ ฉฑฺเฑตฺวา ‘‘อิมํ อจิตฺตกํ กลิงฺครกณฺฑมฺปิ ¶ ตาว ตว คุณํ ชานาติ, อหํ สจิตฺตโก มนุสฺสภูโตปิ ตว คุณํ น ชานามิ, มิคราช, มยฺหํ ขม, อภยํ เต ทมฺมี’’ติ อาห. ‘‘มหาราช, มยฺหํ ตาว อภยํ เทสิ, อยํ ปน อุยฺยาเน มิคคโณ กึ กริสฺสตี’’ติ? ‘‘เอตสฺสปิ อภยํ ทมฺมี’’ติ. เอวํ มหาสตฺโต นิคฺโรธชาตเก (ชา. ๑.๑.๑๒) วุตฺตนเยเนว สพฺเพสํ อรฺเ มิคานํ อากาสคตสกุณานํ ชลจรมจฺฉานฺจ อภยํ ทาเปตฺวา ราชานํ ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา ‘‘มหาราช, รฺา นาม อคติคมนํ ปหาย ทส ราชธมฺเม อโกเปนฺเตน ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรตุํ วฏฺฏตี’’ติ.
‘‘ทานํ ¶ สีลํ ปริจฺจาคํ, อชฺชวํ มทฺทวํ ตปํ;
อกฺโกธํ อวิหึสฺจ, ขนฺติฺจ อวิโรธนํ.
‘‘อิจฺเจเต กุสเล ธมฺเม, ิเต ปสฺสามิ อตฺตนิ;
ตโต เม ชายเต ปีติ, โสมนสฺสฺจนปฺปก’’นฺติ. (ชา. ๒.๒๑.๑๗๖-๑๗๗) –
เอวํ วุตฺเต ราชธมฺเม คาถาพนฺเธเนว เทเสตฺวา กติปาหํ รฺโ สนฺติเก วสิตฺวา นคเร สพฺพสตฺตานํ อภยทานปกาสนตฺถํ สุวณฺณเภรึ จราเปตฺวา ‘‘อปฺปมตฺโต โหหิ, มหาราชา’’ติ วตฺวา มาตาปิตูนํ ทสฺสนตฺถาย คโต.
‘‘มิคราชา ปุเร อาสึ, โกสลสฺส นิเกตเน;
นนฺทิโย นาม นาเมน, อภิรูโป จตุปฺปโท.
‘‘ตํ มํ วธิตุมาคจฺฉิ, ทายสฺมึ อชฺชุเน วเน;
ธนุํ อารชฺชํ กตฺวาน, อุสุํ สนฺนยฺห โกสโล.
‘‘ตสฺสาหํ โอทหึ ปสฺสํ, ขุรปฺปานิสฺส ราชิโน;
ตทาหํ สุขิโต มุตฺโต, มาตรํ ทฏฺุมาคโต’’ติ. –
อิมา ติสฺโส อภิสมฺพุทฺธคาถา โหนฺติ.
ตตฺถ ¶ โกสลสฺส นิเกตเนติ โกสลสฺส รฺโ นิเกตเน วสนฏฺาเน, ตสฺส สนฺติเก อรฺสฺมินฺติ อตฺโถ. ทายสฺมินฺติ มิคานํ วสนตฺถาย ทินฺนอุยฺยาเน. อารชฺชํ กตฺวานาติ ชิยาย สทฺธึ เอกโต กตฺวา ¶ , อาโรเปตฺวาติ อตฺโถ. สนฺนยฺหาติ สนฺนยฺหิตฺวา โยเชตฺวา. โอทหินฺติ โอฑฺเฑสึ. มาตรํ ทฏฺุมาคโตติ เทสนาสีสเมตํ, รฺโ ธมฺมํ เทเสตฺวา สพฺพสตฺตานํ อภยตฺถาย สุวณฺณเภรึ จราเปตฺวา มาตาปิตโร ทฏฺุํ อาคโตสฺมีติ อตฺโถ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน มาตุโปสกภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา มาตาปิตโร มหาราชกุลานิ อเหสุํ, พฺราหฺมโณ สาริปุตฺโต, ราชา อานนฺโท, นนฺทิยมิคราชา ปน อหเมว อโหสินฺติ.
นนฺทิยมิคราชชาตกวณฺณนา ทสมา.
อวาริยวคฺโค ปโม.
๒. ขรปุตฺตวคฺโค
[๓๘๖] ๑. ขรปุตฺตชาตกวณฺณนา
สจฺจํ ¶ ¶ กิเรวมาหํสูติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปุราณทุติยิกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ ภิกฺขุํ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘เกน อุกฺกณฺาปิโตสี’’ติ วตฺวา ‘‘ปุราณทุติยิกายา’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขุ อยํ เต อิตฺถี อนตฺถการิกา, ปุพฺเพปิ ตฺวํ อิมํ นิสฺสาย อคฺคึ ปวิสิตฺวา มรนฺโต ปณฺฑิเต นิสฺสาย ชีวิตํ ลภี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ เสนเก นาม รฺเ รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สกฺกตฺตํ กาเรสิ. ตทา เสนกสฺส รฺโ เอเกน นาคราเชน สทฺธึ มิตฺตภาโว โหติ. โส กิร นาคราชา นาคภวนา นิกฺขมิตฺวา ถเล โคจรํ คณฺหนฺโต จรติ. อถ นํ คามทารกา ทิสฺวา ‘‘สปฺโป อย’’นฺติ เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ ปหรึสุ. อถ ราชา อุยฺยานํ กีฬิตุํ คจฺฉนฺโต ทิสฺวา ‘‘กึ เอเต ทารกา กโรนฺตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอกํ สปฺปํ ปหรนฺตี’’ติ สุตฺวา ‘‘ปหริตุํ มา เทถ, ปลาเปถ เน’’ติ ปลาเปสิ. นาคราชา ชีวิตํ ¶ ลภิตฺวา นาคภวนํ คนฺตฺวา พหูนิ รตนานิ อาทาย อฑฺฒรตฺตสมเย รฺโ สยนฆรํ ปวิสิตฺวา ตานิ รตนานิ ทตฺวา ‘‘มหาราช, มยา ตุมฺเห นิสฺสาย ชีวิตํ ลทฺธ’’นฺติ รฺา สทฺธึ มิตฺตภาวํ กตฺวา ปุนปฺปุนํ คนฺตฺวา ราชานํ ปสฺสติ. โส อตฺตโน นาคมาณวิกาสุ เอกํ กาเมสุ อติตฺตํ นาคมาณวิกํ รกฺขณตฺถาย รฺโ สนฺติเก เปตฺวา ‘‘ยทา เอตํ น ปสฺสสิ, ตทา อิมํ มนฺตํ ปริวตฺเตยฺยาสี’’ติ ตสฺส เอกํ มนฺตํ อทาสิ.
โส เอกทิวสํ อุยฺยานํ คนฺตฺวา นาคมาณวิกาย สทฺธึ โปกฺขรณิยํ อุทกกีฬํ กีฬิ. นาคมาณวิกา เอกํ อุทกสปฺปํ ทิสฺวา อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา เตน สทฺธึ อสทฺธมฺมํ ปฏิเสวิ. ราชา ตํ อปสฺสนฺโต ‘‘กหํ นุ ¶ โข คตา’’ติ มนฺตํ ปริวตฺเตตฺวา อนาจารํ กโรนฺตึ ทิสฺวา เวฬุเปสิกาย ปหริ. สา กุชฺฌิตฺวา ตโต นาคภวนํ คนฺตฺวา ‘‘กสฺมา อาคตาสี’’ติ ปุฏฺา ‘‘ตุมฺหากํ สหาโย มํ อตฺตโน วจนํ อคณฺหนฺตึ ปิฏฺิยํ ปหรี’’ติ ปหารํ ทสฺเสสิ. นาคราชา ตถโต ¶ อชานิตฺวาว จตฺตาโร นาคมาณวเก อามนฺเตตฺวา ‘‘คจฺฉถ, เสนกสฺส สยนฆรํ ปวิสิตฺวา นาสวาเตน ตํ ภุสํ วิย วิทฺธํเสถา’’ติ เปเสสิ. เต คนฺตฺวา รฺโ สิริสยเน นิปนฺนกาเล คพฺภํ ปวิสึสุ. เตสํ ปวิสนเวลายเมว ราชา เทวึ อาห – ‘‘ชานาสิ นุ โข ภทฺเท, นาคมาณวิกาย คตฏฺาน’’นฺติ? ‘‘น ชานามิ, เทวา’’ติ. ‘‘อชฺช สา อมฺหากํ โปกฺขรณิยํ กีฬนกาเล อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา เอเกน อุทกสปฺเปน สทฺธึ อนาจารํ อกาสิ, อถ นํ อหํ ‘เอวํ มา กรี’ติ สิกฺขาปนตฺถาย เวฬุเปสิกาย ปหรึ, สา ‘นาคภวนํ คนฺตฺวา สหายสฺส เม อฺํ กิฺจิ กเถตฺวา เมตฺตึ ภินฺเทยฺยา’ติ เม ภยํ อุปฺปชฺชตี’’ติ. ตํ สุตฺวา นาคมาณวกา ตโตว นิวตฺติตฺวา นาคภวนํ คนฺตฺวา นาคราชสฺส ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. โส สํเวคปฺปตฺโต หุตฺวา ตงฺขณฺเว รฺโ สยนฆรํ อาคนฺตฺวา ตมตฺถํ อาจิกฺขิตฺวา ขมาเปตฺวา ‘‘อิทํ เม ทณฺฑกมฺม’’นฺติ สพฺพรุตชานนํ นาม มนฺตํ ทตฺวา ‘‘อยํ, มหาราช, อนคฺโฆ มนฺโต, สเจ อิมํ มนฺตํ อฺสฺส ทเทยฺยาสิ, ทตฺวาว อคฺคึ ปวิสิตฺวา มเรยฺยาสี’’ติ อาห. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. โส ตโต ปฏฺาย กิปิลฺลิกานมฺปิ สทฺทํ ชานาติ.
ตสฺเสกทิวสํ ¶ มหาตเล นิสีทิตฺวา มธุผาณิเตหิ ขาทนียํ ขาทนฺตสฺส เอกํ มธุพินฺทุ จ ผาณิตพินฺทุ จ ปูวขณฺฑฺจ ภูมิยํ ปติ. เอกา กิปิลฺลิกา ตํ ทิสฺวา ‘‘รฺโ มหาตเล มธุจาฏิ ภินฺนา, ผาณิตสกฏํ ปูวสกฏํ ¶ นิกฺกุชฺชิตํ, มธุผาณิตฺจ ปูวฺจ ขาทถา’’ติ วิรวนฺตี วิจรติ. อถ ราชา ตสฺสา รวํ สุตฺวา หสิ. รฺโ สมีเป ิตา เทวี ‘‘กึ นุ โข ทิสฺวา ราชา หสี’’ติ จินฺเตสิ. ตสฺมึ ขาทนียํ ขาทิตฺวา นฺหตฺวา ปลฺลงฺเก นิสินฺเน เอกํ มกฺขิกํ สามิโก ‘‘เอหิ ภทฺเท, กิเลสรติยา รมิสฺสามา’’ติ อาห. อถ นํ สา ‘‘อธิวาเสหิ ตาว สามิ, อิทานิ รฺโ คนฺเธ อาหริสฺสนฺติ, ตสฺส วิลิมฺปนฺตสฺส ปาทมูเล คนฺธจุณฺณํ ปติสฺสติ, อหํ ตตฺถ วฏฺเฏตฺวา สุคนฺธา ภวิสฺสามิ, ตโต รฺโ ปิฏฺิยํ นิปชฺชิตฺวา รมิสฺสามา’’ติ อาห. ราชา ตมฺปิ สทฺทํ สุตฺวา หสิ. เทวีปิ ‘‘กึ นุ โข ทิสฺวา หสี’’ติ ปุน จินฺเตสิ. ปุน รฺโ สายมาสํ ภฺุชนฺตสฺส เอกํ ภตฺตสิตฺถํ ภูมิยํ ปติ. กิปิลฺลิกา ‘‘ราชกุเล ภตฺตสกฏํ ภคฺคํ, ภตฺตํ ภฺุชถา’’ติ วิรวิ. ตํ สุตฺวา ราชา ปุนปิ หสิ. เทวี สุวณฺณกฏจฺฉุํ คเหตฺวา ราชานํ ปริวิสนฺตี ‘‘มํ นุ โข ทิสฺวา ราชา หสตี’’ติ วิตกฺเกสิ.
สา รฺา สทฺธึ สยนํ อารุยฺห นิปชฺชนกาเล ‘‘กึการณา เทว, หสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส ‘‘กึ เต มม หสิตการเณนา’’ติ วตฺวา ปุนปฺปุนํ นิพทฺโธ กเถสิ. อถ นํ สา ‘‘ตุมฺหากํ ชานนมนฺตํ มยฺหํ เทถา’’ติ วตฺวา ‘‘น สกฺกา ทาตุ’’นฺติ ปฏิกฺขิตฺตาปิ ปุนปฺปุนํ นิพนฺธิ ¶ . ราชา ‘‘สจาหํ อิมํ มนฺตํ ตุยฺหํ ทสฺสามิ, มริสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘มรนฺโตปิ มยฺหํ เทหิ, เทวา’’ติ. ราชา มาตุคามวสิโก หุตฺวา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ‘‘อิมิสฺสา มนฺตํ ทตฺวา อคฺคึ ปวิสิสฺสามี’’ติ รเถน อุยฺยานํ ปายาสิ.
ตสฺมึ ขเณ สกฺโก โลกํ โอโลเกนฺโต อิมํ การณํ ทิสฺวา ‘‘อยํ พาลราชา มาตุคามํ นิสฺสาย ‘อคฺคึ ปวิสิสฺสามี’ติ คจฺฉติ, ชีวิตมสฺส ทสฺสามี’’ติ สุชํ อสุรกฺํ อาทาย พาราณสึ อาคนฺตฺวา ตํ อชิกํ ¶ กตฺวา อตฺตนา อโช หุตฺวา ‘‘มหาชโน มา ปสฺสตู’’ติ อธิฏฺาย รฺโ รถสฺส ปุรโต อโหสิ. ตํ ราชา เจว รเถ ยุตฺตสินฺธวา จ ปสฺสนฺติ, อฺโ โกจิ น ปสฺสติ. อโช กถาสมุฏฺาปนตฺถํ รถปุรโต อชิกาย สทฺธึ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺโต วิย ¶ อโหสิ. ตเมโก รเถ ยุตฺตสินฺธโว ทิสฺวา ‘‘สมฺม อชราช, มยํ ปุพฺเพ ‘อชา กิร พาลา อหิริกา’ติ อสฺสุมฺห, น จ ตํ ปสฺสิมฺห, ตฺวํ ปน รโห ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน กตฺตพฺพํ อนาจารํ อมฺหากํ เอตฺตกานํ ปสฺสนฺตานฺเว กโรสิ, น ลชฺชสิ, ตํ โน ปุพฺเพ สุตํ อิมินา ทิฏฺเน สเมตี’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘สจฺจํ กิเรวมาหํสุ, วสฺตํ พาโลติ ปณฺฑิตา;
ปสฺส พาโล รโหกมฺมํ, อาวิกุพฺพํ น พุชฺฌตี’’ติ.
ตตฺถ วสฺตนฺติ อชํ. ปณฺฑิตาติ าณสมฺปนฺนา ตํ พาโลติ วทนฺติ, สจฺจํ กิร วทนฺติ. ปสฺสาติ อาลปนํ, ปสฺสถาหิ อตฺโถ. น พุชฺฌตีติ เอวํ กาตุํ อยุตฺตนฺติ น ชานาติ.
ตํ สุตฺวา อโช ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘ตฺวํ โขปิ สมฺม พาโลสิ, ขรปุตฺต วิชานหิ;
รชฺชุยา หิ ปริกฺขิตฺโต, วงฺโกฏฺโ โอหิโตมุโข.
‘‘อปรมฺปิ สมฺม เต พาลฺยํ, โย มุตฺโต น ปลายสิ;
โส จ พาลตโร สมฺม, ยํ ตฺวํ วหติ เสนก’’นฺติ.
ตตฺถ ตฺวํ โขปิ สมฺมาติ สมฺม สินฺธว มยาปิ โข ตฺวํ พาลตโร. ขรปุตฺตาติ โส กิร คทฺรภสฺส ชาตโก, เตน ตํ เอวมาห. วิชานหีติ อหเมว พาโลติ เอวํ ชานาหิ. ปริกฺขิตฺโตติ ¶ ยุเคน สทฺธึ คีวาย ปริกฺขิตฺโต. วงฺโกฏฺโติ วงฺกโอฏฺโ. โอหิโตมุโขติ มุขพนฺธเนน ปิหิตมุโข. โย มุตฺโต น ปลายสีติ โย ตฺวํ รถโต มุตฺโต สมาโน มุตฺตกาเล ปลายิตฺวา อรฺํ น ปวิสสิ, ตํ เต อปลายนํ อปรมฺปิ พาลฺยํ ¶ , โส จ พาลตโรติ ยํ ตฺวํ เสนกํ วหสิ, โส เสนโก ตยาปิ พาลตโร.
ราชา เตสํ อุภินฺนมฺปิ กถํ ชานาติ, ตสฺมา ตํ สุณนฺโต สณิกํ รถํ เปเสสิ. สินฺธโวปิ ตสฺส กถํ สุตฺวา ปุน จตุตฺถํ คาถมาห –
‘‘ยํ นุ สมฺม อหํ พาโล, อชราช วิชานหิ;
อถ เกน เสนโก พาโล, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติ.
ตตฺถ ¶ ยนฺติ กรณตฺเถ ปจฺจตฺตวจนํ. นูติ อนุสฺสวตฺเถ นิปาโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สมฺม อชราช, เยน ตาว ติรจฺฉานคตตฺเตน การเณน อหํ พาโล, ตํ ตฺวํ การณํ ชานาหิ, สกฺกา เอตํ ตยา าตุํ, อหฺหิ ติรจฺฉานคตตฺตาว พาโล, ตสฺมา มํ ขรปุตฺตาติอาทีนิ วทนฺโต สุฏฺุ วทสิ, อยํ ปน เสนโก ราชา เกน การเณน พาโล, ตํ เม การณํ ปุจฺฉิโต อกฺขาหีติ.
ตํ สุตฺวา อโช อาจิกฺขนฺโต ปฺจมํ คาถมาห –
‘‘อุตฺตมตฺถํ ลภิตฺวาน, ภริยาย โย ปทสฺสติ;
เตน ชหิสฺสตตฺตานํ, สา เจวสฺส น เหสฺสตี’’ติ.
ตตฺถ อุตฺตมตฺถนฺติ สพฺพรุตชานนมนฺตํ. เตนาติ ตสฺสา มนฺตปฺปทานสงฺขาเตน การเณน ตํ ทตฺวา อคฺคึ ปวิสนฺโต อตฺตานฺจ ชหิสฺสติ, สา จสฺส ภริยา น ภวิสฺสติ, ตสฺมา เอส ตยาปิ พาลตโร, โย ลทฺธํ ยสํ รกฺขิตุํ น สกฺโกตีติ.
ราชา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘อชราช, อมฺหากํ โสตฺถึ กโรนฺโตปิ ตฺวฺเว กริสฺสสิ, กเถหิ ตาว โน กตฺตพฺพยุตฺตก’’นฺติ อาห. อถ นํ อชราชา ‘‘มหาราช, อิเมสํ สตฺตานํ อตฺตนา อฺโ ปิยตโร นาม นตฺถิ, เอกํ ปิยภณฺฑํ นิสฺสาย ¶ อตฺตานํ นาเสตุํ ลทฺธยสํ ปหาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา ฉฏฺํ คาถมาห –
‘‘น ¶ เว ปิยมฺเมติ ชนินฺท ตาทิโส, อตฺตํ นิรํกตฺวา ปิยานิ เสวติ;
อตฺตาว เสยฺโย ปรมา จ เสยฺโย, ลพฺภา ปิยา โอจิตตฺเถน ปจฺฉา’’ติ.
ตตฺถ ปิยมฺเมติ ปิยํ เม, อยเมว วา ปาโ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ชนินฺท, ตาทิโส ตุมฺหาทิโส ยสมหตฺเต ิโต ปุคฺคโล เอกํ ปิยภณฺฑํ นิสฺสาย ‘‘อิทํ ปิยํ เม’’ติ อตฺตํ นิรํกตฺวา อตฺตานํ ฉฑฺเฑตฺวา ตานิ ปิยานิ น เสวเตว. กึการณา? อตฺตาว เสยฺโย ปรมา จ เสยฺโยติ, ยสฺมา สตคุเณน สหสฺสคุเณน อตฺตาว เสยฺโย วโร ¶ อุตฺตโม, ปรมา จ เสยฺโย, ปรมา อุตฺตมาปิ อฺสฺมา ปิยภณฺฑาติ อตฺโถ. เอตฺถ หิ จ-กาโร ปิ-การตฺเถ นิปาโตติ ทฏฺพฺโพ. ลพฺภา ปิยา โอจิตตฺเถน ปจฺฉาติ โอจิตตฺเถน วฑฺฒิตตฺเถน ยสสมฺปนฺเนน ปุริเสน ปจฺฉา ปิยา นาม สกฺกา ลทฺธุํ, น ตสฺสา การณา อตฺตา นาเสตพฺโพติ.
เอวํ มหาสตฺโต รฺโ โอวาทํ อทาสิ. ราชา ตุสฺสิตฺวา ‘‘อชราช, กุโต อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. สกฺโก อหํ, มหาราช, ตว อนุกมฺปาย ตํ มรณา โมเจตุํ อาคโตมฺหีติ. เทวราช, อหํ เอติสฺสา ‘‘มนฺตํ ทสฺสามี’’ติ อวจํ, อิทานิ ‘‘กึ กโรมี’’ติ? ‘‘มหาราช, ตุมฺหากํ อุภินฺนมฺปิ วินาเสน กิจฺจํ นตฺถิ, ‘สิปฺปสฺส อุปจาโร’ติ วตฺวา เอตํ กติปเย ปหาเร ปหราเปหิ, อิมินา อุปาเยน น คณฺหิสฺสตี’’ติ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. มหาสตฺโต รฺโ โอวาทํ ทตฺวา สกฏฺานเมว คโต. ราชา อุยฺยานํ คนฺตฺวา เทวึ ปกฺโกสาเปตฺวา อาห ‘‘คณฺหิสฺสสิ ภทฺเท, มนฺต’’นฺติ? ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘เตน หิ อุปจารํ กโรมี’’ติ. ‘‘โก อุปจาโร’’ติ? ‘‘ปิฏฺิยํ ปหารสเต ¶ ปวตฺตมาเน สทฺทํ กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ. สา มนฺตโลเภน ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. ราชา โจรฆาตเก ปกฺโกสาเปตฺวา กสา คาหาเปตฺวา อุโภสุ ปสฺเสสุ ปหราเปสิ. สา ทฺเว ตโย ปหาเร อธิวาเสตฺวา ตโต ปรํ ‘‘น เม มนฺเตน อตฺโถ’’ติ รวิ. อถ นํ ราชา ‘‘ตฺวํ มํ มาเรตฺวา มนฺตํ คณฺหิตุกามาสี’’ติ ปิฏฺิยํ นิจฺจมฺมํ กาเรตฺวา วิสฺสชฺชาเปสิ. สา ตโต ปฏฺาย ปุน กเถตุํ นาสกฺขิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา ราชา อุกฺกณฺิตภิกฺขุ อโหสิ, เทวี ปุราณทุติยิกา, อสฺโส สาริปุตฺโต, สกฺโก ปน อหเมว อโหสินฺติ.
ขรปุตฺตชาตกวณฺณนา ปมา.
[๓๘๗] ๒. สูจิชาตกวณฺณนา
อกกฺกสํ ¶ ¶ อผรุสนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฺาปารมึ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ มหาอุมงฺคชาตเก (ชา. ๒.๒๒.๕๙๐ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. ตทา ปน สตฺถา ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ ตถาคโต ปฺวา อุปายกุสโลเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิรฏฺเ กมฺมารกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ปริโยทาตสิปฺโป อโหสิ. มาตาปิตโร ปนสฺส ทลิทฺทา, เตสํ คามโต อวิทูเร อฺโ สหสฺสกุฏิโก กมฺมารคาโม. ตตฺถ กมฺมารสหสฺสเชฏฺโก กมฺมาโร ราชวลฺลโภ อฑฺโฒ มหทฺธโน, ตสฺเสกา ธีตา อโหสิ อุตฺตมรูปธรา เทวจฺฉราปฏิภาคา ชนปทกลฺยาณิลกฺขเณหิ สมนฺนาคตา. สามนฺตคาเมสุ มนุสฺสา วาสิผรสุผาลปาจนาทิการาปนตฺถาย ตํ คามํ คนฺตฺวา เยภุยฺเยน ตํ กุมาริกํ ปสฺสนฺติ, เต อตฺตโน อตฺตโน คามํ คนฺตฺวา นิสินฺนฏฺานาทีสุ ตสฺสา รูปํ ¶ วณฺเณนฺติ. โพธิสตฺโต ตํ สุตฺวา สวนสํสคฺเคน พชฺฌิตฺวา ‘‘ปาทปริจาริกํ นํ กริสฺสามี’’ติ อุตฺตมชาติกํ อยํ คเหตฺวา เอกํ สุขุมํ ฆนํ สูจึ กตฺวา ปาเส วิชฺฌิตฺวา อุทเก อุปฺปิลาเปตฺวา อปรมฺปิ ตถารูปเมว ตสฺสา โกสกํ กตฺวา ปาเส วิชฺฌิ. อิมินา นิยาเมน ตสฺสา สตฺต โกสเก อกาสิ, ‘‘กถํ อกาสี’’ติ น วตฺตพฺพํ. โพธิสตฺตานฺหิ าณมหนฺตตาย กรณํ สมิชฺฌติเยว. โส ตํ สูจึ นาฬิกาย ปกฺขิปิตฺวา โอวฏฺฏิกาย กตฺวา ตํ คามํ คนฺตฺวา กมฺมารเชฏฺกสฺส วสนวีถึ ปุจฺฉิตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา ทฺวาเร ตฺวา ‘‘โก มม หตฺถโต เอวรูปํ นาม สูจึ มูเลน กิณิตุํ อิจฺฉตี’’ติ สูจึ วณฺเณนฺโต เชฏฺกกมฺมารสฺส ฆรทฺวารสมีเป ตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘อกกฺกสํ อผรุสํ, ขรโธตํ สุปาสิยํ;
สุขุมํ ติขิณคฺคฺจ, โก สูจึ เกตุมิจฺฉตี’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – มม ปฏลสฺส วา ติลกสฺส วา โอธิโน วา อภาเวน อกกฺกสํ, สุมฏฺตาย อผรุสํ, ขเรน ปาสาเณน โธตตฺตา ขรโธตํ, สุนฺทเรน สุวิทฺเธน ปาเสน สมนฺนาคตตฺตา สุปาสิยํ ¶ , สณฺหตาย สุขุมํ, อคฺคสฺส ติขิณตาย ติขิณคฺคํ สูจึ มม หตฺถโต มูลํ ทตฺวา โก กิณิตุํ อิจฺฉตีติ.
เอวฺจ ¶ ปน วตฺวา ปุนปิ ตํ วณฺเณนฺโต ทุติยํ คาถมาห –
‘‘สุมชฺชฺจ สุปาสฺจ, อนุปุพฺพํ สุวฏฺฏิตํ;
ฆนฆาติมํ ปฏิถทฺธํ, โก สูจึ เกตุมิจฺฉตี’’ติ.
ตตฺถ สุมชฺชฺจาติ กุรุวินฺทกจุณฺเณน สุฏฺุ มชฺชิตํ. สุปาสฺจาติ สณฺเหน ปาสเวธเกน วิทฺธตฺตา สุนฺทรปาสํ. ฆนฆาติมนฺติ ยา ฆาติยมานา อธิกรณึ อนุปวิสติ, อยํ ‘‘ฆนฆาติมา’’ติ วุจฺจติ, ตาทิสินฺติ อตฺโถ. ปฏิถทฺธนฺติ ถทฺธํ อมุทุกํ.
ตสฺมึ ¶ ขเณ สา กุมาริกา ภุตฺตปาตราสํ ปิตรํ ทรถปฏิปฺปสฺสมฺภนตฺถํ จูฬสยเน นิปนฺนํ ตาลวณฺเฏน พีชยมานา โพธิสตฺตสฺส มธุรสทฺทํ สุตฺวา อลฺลมํสปิณฺเฑน หทเย ปหฏา วิย ฆฏสหสฺเสน นิพฺพาปิตทรถา วิย หุตฺวา ‘‘โก นุ โข เอส อติมธุเรน สทฺเทน กมฺมารานํ วสนคาเม สูจึ วิกฺกิณาติ, เกน นุ โข กมฺเมน อาคโต, ชานิสฺสามิ น’’นฺติ ตาลวณฺฏํ เปตฺวา เคหา นิกฺขมฺม พหิอาฬินฺทเก ตฺวา เตน สทฺธึ กเถสิ. โพธิสตฺตานฺหิ ปตฺถิตํ นาม สมิชฺฌติ, โส หิ ตสฺสาเยวตฺถาย ตํ คามํ อาคโต. สา จ เตน สทฺธึ กเถนฺตี ‘‘มาณว, สกลรฏฺวาสิโน สูจิอาทีนํ อตฺถาย อิมํ คามํ อาคจฺฉนฺติ, ตฺวํ พาลตาย กมฺมารคาเม สูจึ วิกฺกิณิตุํ อิจฺฉสิ, สเจปิ ทิวสํ สูจิยา วณฺณํ ภาสิสฺสสิ, น เต โกจิ หตฺถโต สูจึ คณฺหิสฺสติ, สเจ ตฺวํ มูลํ ลทฺธุํ อิจฺฉสิ, อฺํ คามํ ยาหี’’ติ วตฺวา ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘อิโตทานิ ปตายนฺติ, สูจิโย พฬิสานิ จ;
โกยํ กมฺมารคามสฺมึ, สูจึ วิกฺเกตุมิจฺฉติ.
‘‘อิโต สตฺถานิ คจฺฉนฺติ, กมฺมนฺตา วิวิธา ปุถู;
โกยํ กมฺมารคามสฺมึ, สูจึ วิกฺเกตุมิจฺฉตี’’ติ.
ตตฺถ อิโตทานีติ อิมสฺมึ รฏฺเ อิทานิ สูจิโย จ พฬิสานิ จ อฺานิ จ อุปกรณานิ อิมมฺหา กมฺมารคามา ปตายนฺติ นิกฺขมนฺติ, ตํ ตํ ทิสํ ปตฺถรนฺตา นิคฺคจฺฉนฺติ. โกยนฺติ เอวํ สนฺเต โก อยํ อิมสฺมึ กมฺมารคาเม ¶ สูจึ วิกฺกิณิตุํ อิจฺฉติ. สตฺถานีติ พาราณสึ ¶ คจฺฉนฺตานิ นานปฺปการานิ สตฺถานิ อิโตว คจฺฉนฺติ. วิวิธา ปุถูติ นานปฺปการา พหู กมฺมนฺตาปิ สกลรฏฺวาสีนํ อิโต คหิตอุปกรเณเหว ปวตฺตนฺติ.
โพธิสตฺโต ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ‘‘ภทฺเท, ตฺวํ อชานนฺตี อฺาเณน เอวํ วเทสี’’ติ วตฺวา ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘สูจึ ¶ กมฺมารคามสฺมึ, วิกฺเกตพฺพา ปชานตา;
อาจริยาว ชานนฺติ, กมฺมํ สุกตทุกฺกฏํ.
‘‘อิมฺเจ เต ปิตา ภทฺเท, สูจึ ชฺา มยา กตํ;
ตยา จ มํ นิมนฺเตยฺย, ยฺจตฺถฺํ ฆเร ธน’’นฺติ.
ตตฺถ สูจินฺติ วิภตฺติวิปลฺลาโส กโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สูจิ นาม ปชานตา ปณฺฑิเตน ปุริเสน กมฺมารคามสฺมึเยว วิกฺเกตพฺพา. กึการณา? อาจริยาว ชานนฺติ, กมฺมํ สุกตทุกฺกฏนฺติ, ตสฺส ตสฺส สิปฺปสฺส อาจริยาว ตสฺมึ ตสฺมึ สิปฺเป สุกตทุกฺกฏกมฺมํ ชานนฺติ, สฺวาหํ กมฺมารกมฺมํ อชานนฺตานํ คหปติกานํ คามํ คนฺตฺวา มม สูจิยา สุกตทุกฺกฏภาวํ กถํ ชานาเปสฺสามิ, อิมสฺมึ ปน คาเม มม พลํ ชานาเปสฺสามีติ. เอวํ โพธิสตฺโต อิมาย คาถาย อตฺตโน พลํ วณฺเณสิ.
ตยา จ มํ นิมนฺเตยฺยาติ ภทฺเท สเจ ตว ปิตา อิมํ มยา กตํ สูจึ ‘‘อีทิสา วา เอสา, เอวํ วา กตา’’ติ ชาเนยฺย, ‘‘อิมํ เม ธีตรํ ตว ปาทปริจาริกํ ทมฺมิ, คณฺหาหิ น’’นฺติ เอวํ ตยา จ มํ นิมนฺเตยฺย. ยฺจตฺถฺํ ฆเร ธนนฺติ ยฺจ อฺํ สวิฺาณกํ วา อวิฺาณกํ วา ฆเร ธนํ อตฺถิ, เตน มํ นิมนฺเตยฺย. ‘‘ยฺจสฺสฺ’’นฺติปิ ปาโ, ยฺจ อสฺส ฆเร อฺํ ธนํ อตฺถีติ อตฺโถ.
กมฺมารเชฏฺโก สพฺพํ เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘อมฺมา’’ติ ธีตรํ ปกฺโกสิตฺวา ‘‘เกน สทฺธึ สลฺลปสี’’ติ ปุจฺฉิ. ตาต, เอโก ปุริโส สูจึ วิกฺกิณาติ, เตน สทฺธึ สลฺลเปมีติ. ‘‘เตน หิ ปกฺโกสาหิ น’’นฺติ. สา คนฺตฺวา ปกฺโกสิ. โพธิสตฺโต เคหํ ปวิสิตฺวา กมฺมารเชฏฺกํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ¶ อฏฺาสิ. อถ นํ โส ‘‘กตรคามวาสิโกสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อหํ อสุกคามวาสิโกมฺหิ อสุกกมฺมารสฺส ปุตฺโต’’ติ. ‘‘กสฺมา อิธาคโตสี’’ติ. ‘‘สูจิวิกฺกยตฺถายา’’ติ ¶ . ‘‘อาหร, สูจึ เต ปสฺสามา’’ติ ¶ . โพธิสตฺโต อตฺตโน คุณํ สพฺเพสํ มชฺเฌ ปกาเสตุกาโม ‘‘นนุ เอกกานํ โอโลกิตโต สพฺเพสํ มชฺเฌ โอโลเกตุํ วรตร’’นฺติ อาห. โส ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ สพฺเพ กมฺมาเร สนฺนิปาตาเปตฺวา เตหิ ปริวุโต ‘‘อาหร, ตาต, มยํ ปสฺสาม เต สูจิ’’นฺติ อาห. ‘‘อาจริย, เอกํ อธิกรณิฺจ อุทกปูรฺจ กํสถาลํ อาหราเปถา’’ติ. โส อาหราเปสิ. โพธิสตฺโต โอวฏฺฏิกโต สูจินาฬิกํ นีหริตฺวา อทาสิ. กมฺมารเชฏฺโก ตโต สูจึ นีหริตฺวา ‘‘ตาต, อยํ สูจี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘นายํ สูจิ, โกสโก เอโส’’ติ. โส อุปธาเรนฺโต เนว อนฺตํ, น โกฏึ อทฺทส. โพธิสตฺโต อาหราเปตฺวา นเขน โกสกํ อปเนตฺวา ‘‘อยํ สูจิ, อยํ โกสโก’’ติ มหาชนสฺส ทสฺเสตฺวา สูจึ อาจริยสฺส หตฺเถ, โกสกํ ปาทมูเล เปสิ. ปุน เตน ‘‘อยํ มฺเ สูจี’’ติ วุตฺโต ‘‘อยมฺปิ สูจิโกสโกเยวา’’ติ วตฺวา นเขน ปหรนฺโต ปฏิปาฏิยา ฉ สูจิโกสเก กมฺมารเชฏฺกสฺส ปาทมูเล เปตฺวา ‘‘อยํ สูจี’’ติ ตสฺส หตฺเถ เปสิ. กมฺมารสหสฺสานิ องฺคุลิโย โผเฏสุํ, เจลุกฺเขปา ปวตฺตึสุ.
อถ นํ กมฺมารเชฏฺโก ‘‘ตาต, อิมาย สูจิยา กึ พล’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาจริย พลวตา ปุริเสน อธิกรณึ อุกฺขิปาเปตฺวา อธิกรณิยา เหฏฺา อุทกปาตึ ปาเปตฺวา อธิกรณิยา มชฺเฌ อิมํ สูจึ ปหรถา’’ติ. โส ตถา กาเรตฺวา อธิกรณิยา มชฺเฌ สูจึ อคฺเคน ปหริ. สา อธิกรณึ วินิวิชฺฌิตฺวา อุทกปิฏฺเ เกสคฺคมตฺตมฺปิ อุทฺธํ วา อโธ วา อหุตฺวา ติริยํ ปติฏฺาสิ. สพฺเพ กมฺมารา ‘‘อมฺเหหิ เอตฺตกํ กาลํ ‘กมฺมารา นาม เอทิสา โหนฺตี’ติ สุติวเสนปิ น สุตปุพฺพ’’นฺติ องฺคุลิโย โผเฏตฺวา เจลุกฺเขปสหสฺสํ ปวตฺตยึสุ ¶ . กมฺมารเชฏฺโก ธีตรํ ปกฺโกสิตฺวา ตสฺมิฺเว ปริสมชฺเฌ ‘‘อยํ กุมาริกา ตุยฺหเมว อนุจฺฉวิกา’’ติ อุทกํ ปาเตตฺวา อทาสิ. โส อปรภาเค กมฺมารเชฏฺกสฺส อจฺจเยน ตสฺมึ คาเม กมฺมารเชฏฺโก อโหสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กมฺมารเชฏฺกสฺส ธีตา ราหุลมาตา อโหสิ, ปณฺฑิตกมฺมารปุตฺโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สูจิชาตกวณฺณนา ทุติยา.
[๓๘๘] ๓. ตุณฺฑิลชาตกวณฺณนา
นวฉนฺนเกติ ¶ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ มรณภีรุกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร สาวตฺถิวาสี กุลปุตฺโต พุทฺธสาสเน ปพฺพชิตฺวา มรณภีรุโก อโหสิ, อปฺปมตฺตกมฺปิ สาขาจลนํ ทณฺฑกปตนํ สกุณจตุปฺปทสทฺทํ วา อฺํ วา ตถารูปํ สุตฺวา มรณภยตชฺชิโต หุตฺวา กุจฺฉิยํ วิทฺธสโส วิย กมฺปนฺโต วิจริ. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อสุโก กิร ภิกฺขุ มรณภีรุโก อปฺปมตฺตกมฺปิ สทฺทํ สุตฺวา วิกมฺปมาโน ปลายติ, อิเมสฺจ สตฺตานํ มรณเมว ธุวํ, ชีวิตํ อทฺธุวํ, นนุ ตเทว โยนิโส มนสิ กาตพฺพ’’นฺติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ตํ ภิกฺขุํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ มรณภีรุโก’’ติ วตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ เตน ปฏิฺาโต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส มรณภีรุโกเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สูกริยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. สูกรี ปริณตคพฺภา ทฺเว ปุตฺเต วิชายิ. สา เอกทิวสํ เต คเหตฺวา เอกสฺมึ อาวาเฏ นิปชฺชิ. อเถกา พาราณสิทฺวารคามวาสินี มหลฺลิกา กปฺปาสเขตฺตโต ปจฺฉิปุณฺณํ กปฺปาสํ อาทาย ¶ ยฏฺิยา ภูมึ อาโกเฏนฺตี อาคจฺฉิ. สูกรี ตํ สทฺทํ สุตฺวา มรณภเยน ปุตฺตเก ฉฑฺเฑตฺวา ปลายิ. มหลฺลิกา สูกรโปตเก ทิสฺวา ปุตฺตสฺํ ปฏิลภิตฺวา ปจฺฉิยํ ปกฺขิปิตฺวา ฆรํ เนตฺวา เชฏฺกสฺส มหาตุณฺฑิโล, กนิฏฺสฺส จูฬตุณฺฑิโลติ นามํ กริตฺวา เต ปุตฺตเก วิย โปเสสิ. เต อปรภาเค วฑฺฒิตฺวา ถูลสรีรา ¶ อเหสุํ. มหลฺลิกา ‘‘อิเม โน มูเลน เทหี’’ติ วุจฺจมานาปิ ‘‘ปุตฺตา เม’’ติ วตฺวา กสฺสจิ น เทติ. อเถกสฺมึ ฉณกาเล ธุตฺตา สุรํ ปิวนฺตา มํเส ขีเณ ‘‘กุโต นุ โข มํสํ ลภิสฺสามา’’ติ วีมํสนฺตา มหลฺลิกาย เคเห สูกรานํ อตฺถิภาวํ ตฺวา มูลํ คเหตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา ‘‘อมฺม, มูลํ คเหตฺวา เอกํ โน สูกรํ เทหี’’ติ อาหํสุ. สา ‘‘อลํ, ตาตา, ปุตฺตา เม เอเต, ปุตฺตํ นาม มํสํ ขาทนตฺถาย กิณนฺตานํ ททนฺตา นาม นตฺถี’’ติ ปฏิกฺขิปิ. ธุตฺตา ‘‘อมฺม, มนุสฺสานํ สูกรา นาม ปุตฺตา น โหนฺติ, เทหิ โน’’ติ ปุนปฺปุนํ ยาจนฺตาปิ อลภิตฺวา มหลฺลิกํ สุรํ ปาเยตฺวา มตฺตกาเล ‘‘อมฺม, สูกเรหิ กึ กริสฺสสิ, มูลํ คเหตฺวา ปริพฺพยํ กโรหี’’ติ ตสฺสา หตฺเถ กหาปเณ ปยึสุ.
สา กหาปเณ คเหตฺวา ‘‘ตาตา, มหาตุณฺฑิลํ ทาตุํ น สกฺโกมิ. จูฬตุณฺฑิลํ ปน คณฺหถา’’ติ ¶ อาห. ‘‘กหํ โส’’ติ? ‘‘อยํ เอตสฺมึ คจฺเฉติ, สทฺทมสฺส เทหี’’ติ. ‘‘อาหารํ น ปสฺสามี’’ติ. ธุตฺตา มูเลน เอกํ ภตฺตปาตึ อาหราเปสุํ. มหลฺลิกา ตํ คเหตฺวา ทฺวาเร ปิตํ สูกรโทณึ ปูเรตฺวา โทณิสมีเป อฏฺาสิ. ตึสมตฺตาปิ ธุตฺตา ปาสหตฺถา ตตฺเถว อฏฺํสุ. มหลฺลิกา ‘‘ตาต, จูฬตุณฺฑิล, เอหี’’ติ ตสฺส สทฺทมกาสิ. ตํ สุตฺวา ¶ มหาตุณฺฑิโล ‘‘เอตฺตกํ กาลํ มม มาตรา จูฬตุณฺฑิลสฺส สทฺโท น ทินฺนปุพฺโพ, มํเยว ปมํ สทฺทายติ, อวสฺสํ อชฺช อมฺหากํ ภยํ อุปฺปนฺนํ ภวิสฺสตี’’ติ อฺาสิ. โส กนิฏฺํ อามนฺเตสิ ‘‘ตาต, มม มาตา ตํ ปกฺโกสติ, คจฺฉ ตาว ชานาหี’’ติ. โส คจฺฉา นิกฺขมิตฺวา ภตฺตโทณิสมีเป เตสํ ิตภาวํ ทิสฺวา ‘‘อชฺช เม มรณํ อุปฺปนฺน’’นฺติ มรณภยตชฺชิโต นิวตฺติตฺวา กมฺปมาโน ภาตุ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ถมฺภิตุํ นาสกฺขิ, กมฺปมาโน ปริพฺภมิ. มหาตุณฺฑิโล ตํ ทิสฺวา ‘‘ตาต, ตฺวํ อชฺช ปน ปเวธสิ ปริพฺภมสิ, ปวิสนฏฺานํ โอโลเกสิ, กึ นาเมตํ กโรสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส อตฺตนา ทิฏฺการณํ กเถนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘นวฉนฺนเกทานิ ทิยฺยติ, ปุณฺณายํ โทณิ สุวามินี ิตา;
พหุเก ชเน ปาสปาณิเก, โน จ โข เม ปฏิภาติ ภฺุชิตุ’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ นวฉนฺนเกทานิ ทิยฺยตีติ ภาติก, ปุพฺเพ อมฺหากํ กุณฺฑกยาคุ วา ฌามภตฺตํ วา ทิยฺยติ, อชฺช ปน นวฉนฺนกํ นวาการํ ทานํ ทิยฺยติ. ปุณฺณายํ โทณีติ อยํ อมฺหากํ ภตฺตโทณิ สุทฺธภตฺตสฺส ปุณฺณา. สุวามินี ิตาติ อยฺยาปิ โน ตสฺสา สนฺติเก ิตา. พหุเก ชเนติ น เกวลฺจ อยฺยาว, อฺโปิ พหุโก ชโน ปาสปาณิโก ิโต. โน จ โข เม ปฏิภาตีติ อยํ เอวํ เอเตสํ ิตภาโวปิ อิทํ ภตฺตํ ภฺุชิตุมฺปิ มยฺหํ น ปฏิภาติ, น รุจฺจตีติ อตฺโถ.
ตํ สุตฺวา มหาสตฺโต ‘‘ตาต จูฬตุณฺฑิล, มม กิร มาตา เอตฺเถว สูกเร โปเสนฺตี นาม ยทตฺถํ โปเสติ, สฺวาสฺสา อตฺโถ ¶ อชฺช มตฺถกํ ปตฺโต, ตฺวํ มา จินฺตยี’’ติ วตฺวา มธุเรน สเรน พุทฺธลีฬาย ธมฺมํ เทเสนฺโต ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘ตสสิ ภมสิ เลณมิจฺฉสิ, อตฺตาโณสิ กุหึ คมิสฺสสิ;
อปฺโปสฺสุกฺโก ภฺุช ตุณฺฑิล, มํสตฺถาย หิ โปสิตามฺหเส.
‘‘โอคห ¶ รหทํ อกทฺทมํ, สพฺพํ เสทมลํ ปวาหย;
คณฺหาหิ นวํ วิเลปนํ, ยสฺส คนฺโธ น กทาจิ ฉิชฺชตี’’ติ.
ตตฺถ ตสสิ ภมสีติ มรณภเยน อุตฺตสสิ, เตเนว กิลมนฺโต ภมสิ. เลณมิจฺฉสีติ ปติฏฺํ โอโลเกสิ. อตฺตาโณสีติ ตาต, ปุพฺเพ อมฺหากํ มาตา ปฏิสรณํ อโหสิ, สา อชฺช ปน นิรเปกฺขา อมฺเห ฉฑฺเฑสิ, อิทานิ กุหึ คมิสฺสสิ. โอคหาติ โอคาห, อยเมว วา ปาโ. ปวาหยาติ ปวาเหหิ, หาเรหีติ อตฺโถ. น ฉิชฺชตีติ น นสฺสติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตาต, สเจ มรณโต ตสสิ, อกทฺทมํ โปกฺขรณึ โอตริตฺวา ตว สรีเร สพฺพํ เสทฺจ มลฺจ ปวาเหตฺวา สุรภิคนฺธวิเลปนํ วิลิมฺปาติ.
ตสฺส ทส ปารมิโย อาวชฺเชตฺวา เมตฺตาปารมึ ปุเรจาริกํ กตฺวา ปมํ ปทํ อุทาหรนฺตสฺเสว สทฺโท สกลํ ทฺวาทสโยชนิกํ พาราณสึ อชฺโฌตฺถริตฺวา คโต. สุตสุตกฺขเณเยว ราชอุปราชาทโย อาทึ ¶ กตฺวา พาราณสิวาสิโน อาคมํสุ. อนาคตาปิ เคเห ิตาว สุณึสุ. ราชปุริสา คจฺเฉ ฉินฺทิตฺวา ภูมึ สมํ กตฺวา วาลุกํ โอกิรึสุ. ธุตฺตานํ สุรามโท ฉิชฺชิ. ปาเส ฉฑฺเฑตฺวา ธมฺมํ สุณมานา อฏฺํสุ. มหลฺลิกายปิ สุรามโท ฉิชฺชิ. มหาสตฺโต มหาชนมชฺเฌ จูฬตุณฺฑิลสฺส ธมฺมเทสนํ อารภิ. ตํ ¶ สุตฺวา จูฬตุณฺฑิโล ‘‘มยฺหํ ภาตา เอวํ วเทติ, อมฺหากฺจ วํเส โปกฺขรณึ โอตริตฺวา นหานํ, สรีรโต เสทมลปวาหนํ, ปุราณวิเลปนํ หาเรตฺวา นววิเลปนคหณฺจ กิสฺมิฺจิ กาเล นตฺถิ, กึ นุ โข สนฺธาย ภาตา มํ เอว มาหา’’ติ ปุจฺฉนฺโต จตุตฺถํ คาถมาห –
‘‘กตโม รหโท อกทฺทโม, กึสุ เสทมลนฺติ วุจฺจติ;
กตมฺจ นวํ วิเลปนํ, ยสฺส คนฺโธ น กทาจิ ฉิชฺชตี’’ติ.
ตํ สุตฺวา มหาสตฺโต ‘‘เตน หิ กนิฏฺ โอหิตโสโต สุณาหี’’ติ พุทฺธลีฬาย ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘ธมฺโม รหโท อกทฺทโม, ปาปํ เสทมลนฺติ วุจฺจติ;
สีลฺจ นวํ วิเลปนํ, ตสฺส คนฺโธ น กทาจิ ฉิชฺชติ.
‘‘นนฺทนฺติ ¶ สรีรฆาติโน, น จ นนฺทนฺติ สรีรธาริโน;
ปุณฺณาย จ ปุณฺณมาสิยา, รมมานาว ชหนฺติ ชีวิต’’นฺติ.
ตตฺถ ธมฺโมติ ปฺจสีลอฏฺสีลทสสีลานิ ตีณิ สุจริตานิ สตฺตตึสโพธิปกฺขิยธมฺมา อมตมหานิพฺพานนฺติ สพฺโพเปส ธมฺโม นาม. อกทฺทโมติ ราคโทสโมหมานทิฏฺิกิเลสกทฺทมานํ อภาเวน อกทฺทโม. อิมินา เสสธมฺมโต วินิวตฺเตตฺวา นิพฺพานเมว ทสฺเสติ. ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา วา อสงฺขตา วา, วิราโค เตสํ ธมฺมานํ อคฺคมกฺขายติ, ยทิทํ มทนิมฺมทโน ปิปาสวินโย อาลยสมุคฺฆาโต วฏฺฏุปจฺเฉโท ตณฺหกฺขโย วิราโค นิโรโธ นิพฺพาน’’นฺติ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐) หิ วุตฺตํ, ตเทว ทสฺเสนฺโต, ตาต จูฬตุณฺฑิล, อหํ นิพฺพานตฬากํ ‘‘รหโท’’ติ กเถมิ. ชาติชราพฺยาธิมรณาทีนิ หิ ตตฺถ นตฺถิ, สเจ มรณโต มฺุจิตุกาโม, นิพฺพานคามินึ ปฏิปทํ คณฺหาติ. อุปนิสฺสยปจฺจยวเสน กิร โพธิสตฺโต เอวํ กเถสิ.
ปาปํ ¶ เสทมลนฺติ ¶ ตาต จูฬตุณฺฑิล, ปาปํ เสทมลสทิสตฺตา ‘‘เสทมล’’นฺติ โปราณกปณฺฑิเตหิ กถิตํ. ตํ ปเนตํ เอกวิเธน ปาปํ ยทิทํ มโนปโทโส, ทุวิเธน ปาปํ ปาปกฺจ สีลํ, ปาปิกา จ ทิฏฺิ, ติวิเธน ปาปํ ตีณิ ทุจฺจริตานิ, จตุพฺพิเธน ปาปํ จตฺตาริ อคติคมนานิ, ปฺจวิเธน ปาปํ ปฺจ เจโตขิลา, ฉพฺพิเธน ปาปํ ฉ อคารวา, สตฺตวิเธน ปาปํ สตฺต อสทฺธมฺมา, อฏฺวิเธน ปาปํ อฏฺ มิจฺฉตฺตา, นววิเธน ปาปํ นว อาฆาตวตฺถูนิ, ทสวิเธน ปาปํ ทส อกุสลกมฺมปถา, พหุวิเธน ปาปํ ราโค โทโส โมโหติ เอกกทุกติกาทิวเสน วิภตฺตา อกุสลา ธมฺมา, อิติ สพฺพมฺเปตํ ปาปํ ‘‘สรีรนิสฺสิตเสทมลสทิส’’นฺติ ปณฺฑิเตหิ กถิตํ.
สีลนฺติ ปฺจสีลํ ทสสีลํ จตุปาริสุทฺธิสีลํ. ‘‘อิทํ, ตาต, สีลํ จตุชฺชาติคนฺธวิเลปนสทิส’’นฺติ วทติ. ตสฺสาติ ตสฺส สิลสฺส คนฺโธ ตีสุ วเยสุ กทาจิ น ฉิชฺชติ, สกลโลกํ ปตฺถริตฺวา คจฺฉติ.
‘‘น ปุปฺผคนฺโธ ปฏิวาตเมติ, น จนฺทนํ ตคฺครมลฺลิกา วา;
สตฺจ คนฺโธ ปฏิวาตเมติ, สพฺพา ทิสา สปฺปุริโส ปวายติ.
‘‘จนฺทนํ ¶ ตครํ วาปิ, อุปฺปลํ อถ วสฺสิกี;
เอเตสํ คนฺธชาตานํ, สีลคนฺโธ อนุตฺตโร.
‘‘อปฺปมตฺโต อยํ คนฺโธ, ยฺวายํ ตครจนฺทนํ;
โย จ สีลวตํ คนฺโธ, วาติ เทเวสุ อุตฺตโม’’ติ. (ธ. ป. ๕๔-๕๖);
นนฺทนฺติ สรีรฆาติโนติ ตาต จูฬตุณฺฑิล, อิเม อฺาณมนุสฺสา ‘‘มธุรมํสํ ขาทิสฺสาม, ปุตฺตทารมฺปิ ขาทาเปสฺสามา’’ติ ปาณาติปาตํ กโรนฺตา นนฺทนฺติ ตุสฺสนฺติ, ปาณาติปาโต อาเสวิโต ภาวิโต พหุลีกโต นิรยสํวตฺตนิโก โหติ, ติรจฺฉานโยนิ…เป… เปตฺติวิสยสํวตฺตนิโก โหติ, โย สพฺพลหุโก ปาณาติปาตสฺส วิปาโก, โส มนุสฺสภูตสฺส อปฺปายุกสํวตฺตนิโก โหตีติ อิมํ ปาณาติปาเต อาทีนวํ น ชานนฺติ. อชานนฺตา –
‘‘มธุวา ¶ มฺติ พาโล, ยาว ปาปํ น ปจฺจติ;
ยทา จ ปจฺจติ ปาปํ, พาโล ทุกฺขํ นิคจฺฉตี’’ติ. (ธ. ป. ๖๙) –
มธุรสฺิโน หุตฺวา –
‘‘จรนฺติ พาลา ทุมฺเมธา, อมิตฺเตเนว อตฺตนา;
กโรนฺตา ปาปกํ กมฺมํ, ยํ โหติ กฏุกปฺผล’’นฺติ. (ธ. ป. ๖๖) –
เอตฺตกมฺปิ น ชานนฺติ.
‘‘น ตํ กมฺมํ กตํ สาธุ, ยํ กตฺวา อนุตปฺปติ;
ยสฺส อสฺสุมุโข โรทํ, วิปากํ ปฏิเสวตี’’ติ. (ธ. ป. ๖๗);
น จ นนฺทนฺติ สรีรธาริโนติ ตาต จูฬตุณฺฑิล, เย ปเนเต สรีรธาริโน สตฺตา, เต อตฺตโน มรเณ ¶ อาคจฺฉนฺเต เปตฺวา สีหมิคราชหตฺถาชานียอสฺสาชานียขีณาสเว อวเสสา โพธิสตฺตํ อาทึ กตฺวา อภายนฺตา นาม นตฺถิ.
‘‘สพฺเพ ¶ ตสนฺติ ทณฺฑสฺส, สพฺเพ ภายนฺติ มจฺจุโน;
อตฺตานํ อุปมํ กตฺวา, น หเนยฺย น ฆาตเย’’ติ. (ธ. ป. ๑๒๙);
ปุณฺณายาติ คุณปุณฺณาย. ปุณฺณมาสิยาติ ปุณฺณจนฺทยุตฺตาย, มาสํ วา ปูเรตฺวา ิตาย. ตทา กิร ปุณฺณมาสี อุโปสถทิวโส โหติ. รมมานาว ชหนฺติ ชีวิตนฺติ ตาต จูฬตุณฺฑิล, มา โสจิ มา ปริเทวิ, มรณสฺส นาม เต ภายนฺติ, เยสํ อพฺภนฺตเร สีลาทิคุณา นตฺถิ. มยํ ปน สีลาจารสมฺปนฺนา ปฺุวนฺโต, ตสฺมา อมฺหาทิสา สตฺตา รมมานาว ชหนฺติ ชีวิตนฺติ.
เอวํ มหาสตฺโต มธุเรน สเรน พุทฺธลีฬาย ธมฺมํ เทเสสิ. มหาชนกายา องฺคุลิโย โผเฏสุํ, เจลุกฺเขปา จ ปวตฺตึสุ, สาธุการสทฺทปุณฺณํ อนฺตลิกฺขํ อโหสิ. พาราณสิราชา โพธิสตฺตํ รชฺเชน ปูเชตฺวา มหลฺลิกาย ยสํ ทตฺวา อุโภปิ เต คนฺโธทเกน นฺหาเปตฺวา คนฺธาทีหิ วิลิมฺปาเปตฺวา คีวาสุ มณิรตนานิ ปิฬนฺธาเปตฺวา ฆรํ เนตฺวา ปุตฺตฏฺาเน เปตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน ปฏิชคฺคิ. โพธิสตฺโต รฺโ ¶ ปฺจ สีลานิ อทาสิ. สพฺเพ พาราณสิวาสิโน จ กาสิรฏฺวาสิโน จ ปฺจ สีลานิ รกฺขึสุ. มหาสตฺโต เนสํ ปกฺขทิวเสสุ ธมฺมํ เทเสสิ, วินิจฺฉเย นิสีทิตฺวา อฑฺเฑ ตีเรสิ. ตสฺมึ ธรมาเน กูฏฑฺฑการกา นาม นาเหสุํ. อปรภาเค ราชา กาลมกาสิ. มหาสตฺโต ตสฺส สรีรปริหารํ กาเรตฺวา วินิจฺฉเย โปตฺถเก ลิขาเปตฺวา ‘‘อิมํ โปตฺถกํ โอโลเกตฺวา อฑฺฑํ ตีเรยฺยาถา’’ติ วตฺวา มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสตฺวา อปฺปมาเทน โอวาทํ ทตฺวา สพฺเพสํ โรทนฺตานํ ปริเทวนฺตานฺเว สทฺธึ จูฬตุณฺฑิเลน อรฺํ ปาวิสิ. ตทา โพธิสตฺตสฺส โอวาโท สฏฺิ วสฺสสหสฺสานิ ปวตฺติ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โส มรณภีรุโก ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ.
ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, จูฬตุณฺฑิโล มรณภีรุโก ภิกฺขุ, ปริสา พุทฺธปริสา, มหาตุณฺฑิโล ปน อหเมว อโหสินฺติ.
ตุณฺฑิลชาตกวณฺณนา ตติยา.
[๓๘๙] ๔. สุวณฺณกกฺกฏกชาตกวณฺณนา
สิงฺคีมิโคติ ¶ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อานนฺทตฺเถรสฺส อตฺตโน อตฺถาย ชีวิตปริจฺจาคํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ยาว ธนุคฺคหปโยชนา ขณฺฑหาลชาตเก (ชา. ๒.๒๒.๙๘๒ อาทโย) ธนปาลวิสฺสชฺชนํ จูฬหํสมหาหํสชาตเก (ชา. ๑.๑๕.๑๓๓ อาทโย) กถิตํ. ตทา หิ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, ธมฺมภณฺฑาคาริกอานนฺทตฺเถโร เสกฺขปฏิสมฺภิทาปฺปตฺโต หุตฺวา ธนปาลเก อาคจฺฉนฺเต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ชีวิตํ ปริจฺจชี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ อานนฺโท มยฺหํ ชีวิตํ ปริจฺจชิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ราชคหสฺส ปุพฺพปสฺเส สาลินฺทิโย นาม พฺราหฺมณคาโม โหติ. ตทา โพธิสตฺโต ตสฺมึ คาเม กสฺสกพฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ¶ วยปฺปตฺโต กุฏุมฺพํ สณฺเปตฺวา ตสฺส คามสฺส ปุพฺพุตฺตราย ทิสาย เอกสฺมึ คามเขตฺเต กรีสสหสฺสมตฺตํ กสึ กาเรสิ. โส เอกทิวสํ มนุสฺเสหิ สทฺธึ เขตฺตํ คนฺตฺวา กมฺมกาเร ‘‘กสถา’’ติ อาณาเปตฺวา มุขโธวนตฺถาย เขตฺตโกฏิยํ มหนฺตํ โสพฺภํ อุปสงฺกมิ. ตสฺมึ โข ปน โสพฺเภ เอโก สุวณฺณวณฺโณ กกฺกฏโก ปฏิวสติ อภิรูโป ปาสาทิโก. โพธิสตฺโต ทนฺตกฏฺํ ขาทิตฺวา ตํ โสพฺภํ โอตริ. ตสฺส มุขโธวนกาเล ¶ กกฺกฏโก สนฺติกํ อาคมาสิ. อถ นํ โส อุกฺขิปิตฺวา อตฺตโน อุตฺตริสาฏกนฺตเร นิปชฺชาเปตฺวา คเหตฺวา เขตฺเต กตฺตพฺพกิจฺจํ กตฺวา คจฺฉนฺโต ตตฺเถว นํ โสพฺเภ ปกฺขิปิตฺวา เคหํ อคมาสิ. ตโต ปฏฺาย เขตฺตํ อาคจฺฉนฺโต ปมํ ตํ โสพฺภํ คนฺตฺวา กกฺกฏกํ อุกฺขิปิตฺวา อุตฺตริสาฏกนฺตเร นิปชฺชาเปตฺวา ปจฺฉา กมฺมนฺตํ วิจาเรสิ. อิติ เตสํ อฺมฺํ วิสฺสาโส ทฬฺโห อโหสิ.
โพธิสตฺโต นิพทฺธํ เขตฺตํ อาคจฺฉติ, อกฺขีสุ จ ปนสฺส ปฺจ ปสาทา ตีณิ มณฺฑลานิ วิสุทฺธานิ หุตฺวา ปฺายนฺติ. อถสฺส เขตฺตโกฏิยํ เอกสฺมึ ตาเล กากกุลาวเก กากี อกฺขีนิ ทิสฺวา ขาทิตุกามา หุตฺวา กากํ อาห – ‘‘สามิ, โทหโฬ เม อุปฺปนฺโน’’ติ. ‘‘กึ โทหโฬ นามา’’ติ? ‘‘เอตสฺส พฺราหฺมณสฺส อกฺขีนิ ขาทิตุกามามฺหี’’ติ. ‘‘ทุทฺโทหโฬ เต อุปฺปนฺโน, โก เอตานิ อาหริตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ. ‘‘ตฺวํ น สกฺโกสี’’ติ อหมฺเปตํ ชานามิ, โย ปเนส ตาลสฺส อวิทูเร วมฺมิโก, เอตฺถ กณฺหสปฺโป วสติ. ‘‘ตํ อุปฏฺห, โส เอตํ ฑํสิตฺวา มาเรสฺสติ, อถสฺส อกฺขีนิ อุปฺปาเฏตฺวา ตฺวํ อาหริสฺสสี’’ติ ¶ . โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตโต ปฏฺาย กณฺหสปฺปํ อุปฏฺหิ. โพธิสตฺเตนปิ วาปิตสสฺสานํ คพฺภคฺคหณกาเล กกฺกฏโก มหา อโหสิ. อเถกทิวสํ สปฺโป กากมาห ‘‘สมฺม, ตฺวํ นิพทฺธํ มํ อุปฏฺหสิ, กึ เต กโรมี’’ติ. ‘‘สามิ, ตุมฺหากํ ทาสิยา เอตสฺส เขตฺตสามิกสฺส อกฺขีสุ โทหโฬ อุปฺปชฺชิ, สฺวาหํ ตุมฺหากํ อานุภาเวน ตสฺส อกฺขีนิ ลภิสฺสามีติ ตุมฺเห อุปฏฺหามี’’ติ. สปฺโป ‘‘โหตุ, นยิทํ ครุกํ, ลภิสฺสสี’’ติ ตํ อสฺสาเสตฺวา ปุน ทิวเส พฺราหฺมณสฺส อาคมนมคฺเค เกทารมริยาทํ ¶ ¶ นิสฺสาย ติเณหิ ปฏิจฺฉนฺโน หุตฺวา ตสฺสาคมนํ โอโลเกนฺโต นิปชฺชิ.
โพธิสตฺโต อาคจฺฉนฺโต ปมํ โสพฺภํ โอตริตฺวา มุขํ โธวิตฺวา สิเนหํ ปจฺจุปฏฺาเปตฺวา สุวณฺณกกฺกฏกํ อาลิงฺเคตฺวา อุตฺตริสาฏกนฺตเร นิปชฺชาเปตฺวา เขตฺตํ ปาวิสิ. สปฺโป ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวาว เวเคน ปกฺขนฺทิตฺวา ปิณฺฑิกมํเส ฑํสิตฺวา ตตฺเถว ปาเตตฺวา วมฺมิกํ สนฺธาย ปลายิ. โพธิสตฺตสฺส ปตนฺจ กกฺกฏกสฺส สาฏกนฺตรโต ลงฺฆนฺจ กากสฺส อาคนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส อุเร นิลียนฺจ อปจฺฉาอปุริมํ อโหสิ. กาโก นิลียิตฺวา อกฺขีนิ ตุณฺเฑน ปหริ. กกฺกฏโก ‘‘อิมํ กากํ นิสฺสาย มม สหายสฺส ภยํ อุปฺปนฺนํ, เอตสฺมึ คหิเต สปฺโป อาคจฺฉิสฺสตี’’ติ สณฺฑาเสน คณฺหนฺโต วิย กากํ คีวายํ อเฬน ทฬฺหํ คเหตฺวา กิลเมตฺวา โถกํ สิถิลมกาสิ. กาโก ‘‘กิสฺส มํ สมฺม, ฉฑฺเฑตฺวา ปลายสิ, เอส มํ กกฺกฏโก ภิยฺโย วิเหเติ, ยาว น มรามิ, ตาว เอหี’’ติ สปฺปํ ปกฺโกสนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘สิงฺคีมิโค อายตจกฺขุเนตฺโต, อฏฺิตฺตโจ วาริสโย อโลโม;
เตนาภิภูโต กปณํ รุทามิ, หเร สขา กิสฺส นุ มํ ชหาสี’’ติ.
ตตฺถ สิงฺคีมิโคติ สิงฺคีสุวณฺณวณฺณตาย วา อฬสงฺขาตานํ วา สิงฺคานํ อตฺถิตาย กกฺกฏโก วุตฺโต. อายตจกฺขุเนตฺโตติ ทีเฆหิ จกฺขุสงฺขาเตหิ เนตฺเตหิ สมนฺนาคโต. อฏฺิเมว ตโจ อสฺสาติ อฏฺิตฺตโจ. หเร สขาติ อาลปนเมตํ, อมฺโภ สหายาติ อตฺโถ.
สปฺโป ตํ สุตฺวา มหนฺตํ ผณํ กตฺวา กากํ อสฺสาเสนฺโต อคมาสิ. สตฺถา อิมมตฺถํ ทีเปนฺโต อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘โส ¶ ¶ ¶ ปสฺสสนฺโต มหตา ผเณน, ภุชงฺคโม กกฺกฏมชฺฌปตฺโต;
สขา สขารํ ปริตายมาโน, ภุชงฺคมํ กกฺกฏโก คเหสี’’ติ.
ตตฺถ กกฺกฏมชฺฌปตฺโตติ กกฺกฏกํ สมฺปตฺโต. สขา สขารนฺติ สหาโย สหายํ. ‘‘สกํ สขาร’’นฺติปิ ปาโ, อตฺตโน สหายนฺติ อตฺโถ. ปริตายมาโนติ รกฺขมาโน. คเหสีติ ทุติเยน อเฬน คีวายํ ทฬฺหํ คเหสิ.
อถ นํ กิลเมตฺวา โถกํ สิถิลมกาสิ. อถ สปฺโป ‘‘กกฺกฏกา นาม เนว กากมํสํ ขาทนฺติ, น สปฺปมํสํ, อถ เกน นุ โข การเณน อยํ อมฺเห คณฺหี’’ติ จินฺเตตฺวา ตํ ปุจฺฉนฺโต ตติยํ คาถมาห –
‘‘น วายสํ โน ปน กณฺหสปฺปํ, ฆาสตฺถิโก กกฺกฏโก อเทยฺย;
ปุจฺฉามิ ตํ อายตจกฺขุเนตฺต, อถ กิสฺส เหตุมฺห อุโภ คหีตา’’ติ.
ตตฺถ ฆาสตฺถิโกติ อาหารตฺถิโก หุตฺวา. อเทยฺยาติอาทิเยยฺย, น-กาเรน โยเชตฺวา น คณฺหีติ อตฺโถ.
ตํ สุตฺวา กกฺกฏโก คหณการณํ กเถนฺโต ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘อยํ ปุริโส มม อตฺถกาโม, โย มํ คเหตฺวาน ทกาย เนติ;
ตสฺมึ มเต ทุกฺขมนปฺปกํ เม, อหฺจ เอโส จ อุโภ น โหม.
‘‘มมฺจ ทิสฺวาน ปวทฺธกายํ, สพฺโพ ชโน หึสิตุเมว มิจฺเฉ;
สาทฺุจ ถูลฺจ มุทฺุจ มํสํ, กากาปิ มํ ทิสฺว วิเหเยยฺยุ’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ ¶ อยนฺติ โพธิสตฺตํ นิทฺทิสติ. อตฺถกาโมติ หิตกาโม. ทกาย เนตีติ โย มํ สมฺปิยายมาโน อุตฺตริสาฏเกน คเหตฺวาน อุทกาย เนติ, อตฺตโน วสนกโสพฺภํ ปาเปติ. ตสฺมึ มเตติ สเจ โส อิมสฺมึ าเน มริสฺสติ, เอตสฺมึ มเต มม กายิกํ เจตสิกํ มหนฺตํ ทุกฺขํ ภวิสฺสตีติ ทีเปติ. อุโภ น โหมาติ ทฺเวปิ ชนา น ภวิสฺสาม. มมฺจ ทิสฺวานาติ คาถาย อยมตฺโถ – อิทฺจ อปรํ การณํ, อิมสฺมึ มเต อนาถํ นิปฺปจฺจยํ มํ ปวฑฺฒิตกายํ ¶ ทิสฺวา สพฺโพ ชโน ‘‘อิมสฺส กกฺกฏกสฺส สาทฺุจ ถูลฺจ มุทฺุจ มํส’’นฺติ มํ มาเรตุํ อิจฺเฉยฺย, น เกวลฺจ ชโน มนุสฺโส, ติรจฺฉานภูตา กากาปิ มํ ทิสฺวา วิเหเยยฺยุํ วิเหเสยฺยุํ มาเรยฺยุํ.
ตํ สุตฺวา สปฺโป จินฺเตสิ ‘‘เอเกนุปาเยน อิมํ วฺเจตฺวา กากฺจ อตฺตานฺจ โมเจสฺสามี’’ติ. อถ นํ วฺเจตุกาโม ฉฏฺํ คาถมาห –
‘‘สเจตสฺส เหตุมฺห อุโภ คหีตา, อุฏฺาตุ โปเส วิสมาวมามิ;
มมฺจ กากฺจ ปมฺุจ ขิปฺปํ, ปุเร วิสํ คาฬฺหมุเปติ มจฺจ’’นฺติ.
ตตฺถ สเจตสฺส เหตูติ สเจ เอตสฺส การณา. อุฏฺาตูติ นิพฺพิโส โหตุ. วิสมาวมามีติ อหมสฺส วิสํ อากฑฺฒามิ, นิพฺพิสํ นํ กโรมิ. ปุเร วิสํ คาฬฺหมุเปติ มจฺจนฺติ อิมฺหิ มจฺจํ มยา อนาวมิยมานํ วิสํ คาฬฺหํ พลวํ หุตฺวา อุปคจฺเฉยฺย, ตํ ยาว น อุปคจฺฉติ, ตาวเทว อมฺเห ทฺเวปิ ชเน ขิปฺปํ มฺุจาติ.
ตํ สุตฺวา กกฺกฏโก จินฺเตสิ ‘‘อยํ เอเกนุปาเยน มํ ทฺเวปิ ชเน วิสฺสชฺชาเปตฺวา ปลายิตุกาโม, มยฺหํ อุปายโกสลฺลํ น ชานาติ, อหํ ทานิ ยถา สปฺโป สฺจริตุํ สกฺโกติ, เอวํ อฬํ สิถิลํ กริสฺสามิ, กากํ ปน เนว วิสฺสชฺเชสฺสามี’’ติ เอวํ จินฺเตตฺวา สตฺตมํ คาถมาห –
‘‘สปฺปํ ¶ ปโมกฺขามิ น ตาว กากํ, ปฏิพนฺธโก โหหิติ ตาว กาโก;
ปุริสฺจ ทิสฺวาน สุขึ อโรคํ, กากํ ปโมกฺขามิ ยเถว สปฺป’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ ปฏิพนฺธโกติ ปาฏิโภโค. ยเถว สปฺปนฺติ ยถา ภวนฺตํ สปฺปํ มฺุจามิ, ตถา กากํ ปโมกฺขามิ, เกวลํ ตฺวํ อิมสฺส พฺราหฺมณสฺส สรีรโต สีฆํ วิสํ อาวมาหีติ.
เอวฺจ ปน วตฺวา ตสฺส สุขสฺจารณตฺถํ อฬํ สิถิลมกาสิ. สปฺโป วิสํ อาวมิตฺวา มหาสตฺตสฺส สรีรํ นิพฺพิสํ อกาสิ. โส นิทฺทุกฺโข อุฏฺาย ปกติวณฺเณเนว อฏฺาสิ. กกฺกฏโก ‘‘สเจ อิเม ทฺเวปิ ชนา อโรคา ภวิสฺสนฺติ, มยฺหํ สหายสฺส วฑฺฒิ นาม น ภวิสฺสติ, วินาเสสฺสามิ เน’’ติ จินฺเตตฺวา กตฺตริกาย อุปฺปลมกุฬํ วิย อเฬหิ อุภินฺนมฺปิ ¶ สีสํ กปฺเปตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปสิ. กากีปิ ตมฺหา านา ปลายิ. โพธิสตฺโต สปฺปสฺส สรีรํ ทณฺฑเก เวเตฺวา คุมฺพปิฏฺเ ขิปิ. สุวณฺณกกฺกฏกํ โสพฺเภ วิสฺสชฺเชตฺวา นฺหตฺวา สาลินฺทิยคามเมว คโต. ตโต ปฏฺาย กกฺกฏเกน สทฺธึ อธิกตโร วิสฺสาโส อโหสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนนฺโต โอสานคาถมาห –
‘‘กาโก ตทา เทวทตฺโต อโหสิ, มาโร ปน กณฺหสปฺโป อโหสิ;
อานนฺทภทฺโท กกฺกฏโก อโหสิ, อหํ ตทา พฺราหฺมโณ โหมิ สตฺถา’’ติ.
สจฺจปริโยสาเน พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ. กากี ปน คาถาย น วุตฺตา, สา จิฺจมาณวิกา อโหสีติ.
สุวณฺณกกฺกฏกชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.
[๓๙๐] ๕. มยฺหกชาตกวณฺณนา
สกุโณ ¶ มยฺหโก นามาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อาคนฺตุกเสฏฺึ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยฺหิ อาคนฺตุกเสฏฺิ นาม อฑฺโฒ อโหสิ มหทฺธโน. โส เนว อตฺตนา โภเค ภฺุชิ, น ปเรสํ อทาสิ, นานคฺครเส ปณีเต โภชเน อุปนีเต ตํ น ภฺุชติ, พิลงฺคทุติยํ ¶ กณาชกํ เอว ภฺุชติ, ธูปิตวาสิเตสุ กาสิกวตฺเถสุ อุปนีเตสุ ตานิ หาเรตฺวา ถูลถูลสาฏเก นิวาเสติ, อาชานียยุตฺเต มณิกนกวิจิตฺเต รเถ อุปนีเต ตมฺปิ หราเปตฺวา กตฺตรรถเกน คจฺฉติ, สุวณฺณจฺฉตฺเต ธาริยมาเน ตํ อปเนตฺวา ปณฺณจฺฉตฺเตน ธาริยมาเนน. โส ยาวชีวํ ทานาทีสุ ปฺุเสุ เอกมฺปิ อกตฺวา กาลํ กตฺวา โรรุวนิรเย นิพฺพตฺติ. ตสฺส อปุตฺตกํ สาปเตยฺยํ ราชพลํ สตฺตหิ รตฺติทิวเสหิ ราชกุลํ ปเวเสสิ. ตสฺมึ ปเวสิเต ราชา ภุตฺตปาตราโส เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิสินฺโน ‘‘กึ, มหาราช, พุทฺธุปฏฺานํ น กโรสี’’ติ วุตฺเต ‘‘ภนฺเต, สาวตฺถิยํ อาคนฺตุกเสฏฺิโน นาม กาลกตสฺส อสฺสามิกธเน อมฺหากํ ฆเร อาหริยมาเนเยว สตฺต รตฺติทิวสา คตา, โส ปน เอตํ ธนํ ลภิตฺวาปิ เนว อตฺตนา ปริภฺุชิ, น ปเรสํ อทาสิ, รกฺขสปริคฺคหิตโปกฺขรณี วิยสฺส ¶ ธนํ อโหสิ, โส เอกทิวสมฺปิ ปณีตโภชนาทีนํ รสํ อนนุภวิตฺวาว มรณมุขํ ปวิฏฺโ, เอวํ มจฺฉรี อปฺุสตฺโต กึ กตฺวา เอตฺตกํ ธนํ ลภิ, เกน จสฺส โภเคสุ จิตฺตํ น รมี’’ติ สตฺถารํ ปุจฺฉิ. สตฺถา ‘‘มหาราช, ธนลาโภ จ, ธนํ ลทฺธา อปริภฺุชนการณฺจ เตเนว กต’’นฺติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต พาราณสิเสฏฺิ อสฺสทฺโธ อโหสิ มจฺฉรี, น กสฺสจิ กิฺจิ เทติ, น กฺจิ สงฺคณฺหาติ. โส เอกทิวสํ ราชุปฏฺานํ คจฺฉนฺโต ตครสิขึ นาม ปจฺเจกพุทฺธํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ลทฺธา, ภนฺเต, ภิกฺขา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘นนุ จราม มหาเสฏฺี’’ติ วุตฺเต ปุริสํ ¶ อาณาเปสิ ‘‘คจฺฉ, อิมํ อมฺหากํ ฆรํ อาเนตฺวา มม ปลฺลงฺเก นิสีทาเปตฺวา อมฺหากํ ปฏิยตฺตภตฺตสฺส ปตฺตํ ปูเรตฺวา ทาเปหี’’ติ. โส ปจฺเจกพุทฺธํ ฆรํ เนตฺวา นิสีทาเปตฺวา เสฏฺิภริยาย อาจิกฺขิ. สา นานคฺครสภตฺตสฺส ปตฺตํ ปูเรตฺวา ตสฺส อทาสิ. โส ภตฺตํ คเหตฺวา เสฏฺินิเวสนา นิกฺขมิตฺวา อนฺตรวีถิยํ ปฏิปชฺชิ. เสฏฺิ ราชกุลโต ปจฺจาคจฺฉนฺโต ตํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ลทฺธํ, ภนฺเต, ภตฺต’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘ลทฺธํ มหาเสฏฺี’’ติ. โส ปตฺตํ โอโลเกตฺวา จิตฺตํ ปสาเทตุํ นาสกฺขิ ¶ , ‘‘อิมํ เม ภตฺตํ ทาสา วา กมฺมกรา วา ภฺุชิตฺวา ทุกฺกรมฺปิ กมฺมํ กเรยฺยุํ, อโห วต เม ชานี’’ติ อปรเจตนํ ปริปุณฺณํ กาตุํ นาสกฺขิ. ทานฺหิ นาม ติสฺโส เจตนา ปริปุณฺณํ กาตุํ สกฺโกนฺตสฺเสว มหปฺผลํ โหติ.
‘‘ปุพฺเพว ทานา สุมนา ภวาม, ททมฺปิ เว อตฺตมนา ภวาม;
ทตฺวาปิ เว นานุตปฺปาม ปจฺฉา, ตสฺมา หิ อมฺหํ ทหรา นมิยฺยเร. (ชา. ๑.๑๐.๙๕);
‘‘ปุพฺเพว ทานา สุมโน, ททํ จิตฺตํ ปสาทเย;
ทตฺวา อตฺตมโน โหติ, เอสา ยฺสฺส สมฺปทา’’. (อ. นิ. ๖.๓๗; เป. ว. ๓๐๕);
อิติ, มหาราช, อาคนฺตุกเสฏฺิ ตครสิขิปจฺเจกพุทฺธสฺส ทินฺนปจฺจเยน พหุํ ธนํ ลภิ, ทตฺวา อปรเจตนํ ปณีตํ กาตุํ อสมตฺถตาย โภเค ภฺุชิตุํ นาสกฺขีติ. ‘‘ปุตฺตํ ปน กสฺมา น ลภิ, ภนฺเต’’ติ? สตฺถา ‘‘ปุตฺตสฺส อลภนการณมฺปิ เตเนว กตํ, มหาราชา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อสีติโกฏิวิภเว เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต มาตาปิตูนํ อจฺจเยน กนิฏฺํ สงฺคณฺหิตฺวา กุฏุมฺพํ วิจาเรนฺโต ฆรทฺวาเร ทานสาลํ กาเรตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตนฺโต อคารํ อชฺฌาวสิ. อถสฺส เอโก ปุตฺโต ชายิ. โส ตสฺส ปทสา คมนกาเล กาเมสุ อาทีนวํ เนกฺขมฺเม จานิสํสํ ทิสฺวา สทฺธึ ปุตฺตทาเรน สพฺพํ ฆรวิภวํ ¶ กนิฏฺสฺส นิยฺยาเตตฺวา ‘‘อปฺปมตฺโต ทานํ ปวตฺเตหี’’ติ โอวาทํ ทตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา หิมวนฺตปเทเส วิหาสิ. กนิฏฺโปิสฺส เอกํ ปุตฺตํ ปฏิลภิ. โส ตํ วฑฺฒนฺตํ ทิสฺวา จินฺเตสิ ‘‘มม ภาตุ ปุตฺเต ชีวนฺเต กุฏุมฺพํ ภินฺทิตฺวา ทฺวิธา ภวิสฺสติ, ภาตุ ปุตฺตํ มาเรสฺสามี’’ติ. อถ นํ เอกทิวสํ นทิยํ โอปิลาเปตฺวา มาเรสิ. ตเมนํ นฺหตฺวา อาคตํ ภาตุ ชายา ‘‘กุหึ มม ปุตฺโต’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘นทิยํ อุทกํ กีฬิ, อถ นํ อุทเก วิจินนฺโต นาทฺทส’’นฺติ. สา โรทิตฺวา กนฺทิตฺวา ตุณฺหี อโหสิ.
โพธิสตฺโต ¶ ตํ ปวตฺตึ ตฺวา ‘‘อิทํ กิจฺจํ ปากฏํ กริสฺสามี’’ติ อากาเสนาคนฺตฺวา พาราณสิยํ โอตริตฺวา สุนิวตฺโถ สุปารุโต ตสฺส ฆรทฺวาเร ตฺวา ทานสาลํ อทิสฺวา ‘‘ทานสาลาปิ อิมินา อสปฺปุริเสน นาสิตา’’ติ จินฺเตสิ. กนิฏฺโ ตสฺส อาคตภาวํ ตฺวา อาคนฺตฺวา มหาสตฺตํ วนฺทิตฺวา ปาสาทํ อาโรเปตฺวา สุโภชนํ โภเชสิ. โส ภตฺตกิจฺจาวสาเน สุขกถาย นิสินฺโน ‘‘ทารโก น ปฺายติ, กหํ นุ โข’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘มโต, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เกน การเณนา’’ติ? ‘‘อุทกกีฬนฏฺาเน อสุกการเณนาติ น ชานามี’’ติ. ‘‘กึ ตฺวํ อสปฺปุริส น ชานิสฺสสิ, ตยา กตกิจฺจํ มยฺหํ ปากฏํ, นนุ ตฺวํ อิมินา นาม การเณน ตํ มาเรสิ, กึ นุ ตฺวํ ราชาทีนํ วเสน นสฺสมานํ ธนํ รกฺขิตุํ สกฺกุเณยฺยาสิ, มยฺหกสกุณสฺส จ ตุยฺหฺจ กึ นานากรณ’’นฺติ? อถสฺส มหาสตฺโต พุทฺธลีฬาย ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘สกุโณ มยฺหโก นาม, คิริสานุทรีจโร;
ปกฺกํ ปิปฺผลิมารุยฺห, ‘มยฺหํ มยฺห’นฺติ กนฺทติ.
‘‘ตสฺเสวํ ¶ วิลปนฺตสฺส, ทิชสงฺฆา สมาคตา;
ภุตฺวาน ปิปฺผลึ ยนฺติ, วิลปตฺเวว โส ทิโช.
‘‘เอวเมว ¶ อิเธกจฺโจ, สงฺฆริตฺวา พหุํ ธนํ;
เนวตฺตโน น าตีนํ, ยโถธึ ปฏิปชฺชติ.
‘‘น โส อจฺฉาทนํ ภตฺตํ, น มาลํ น วิเลปนํ;
อนุโภติ สกึ กิฺจิ, น สงฺคณฺหาติ าตเก.
‘‘ตสฺเสวํ วิลปนฺตสฺส, มยฺหํ มยฺหนฺติ รกฺขโต;
ราชาโน อถ วา โจรา, ทายาทา เยว อปฺปิยา;
ธนมาทาย คจฺฉนฺติ, วิลปตฺเวว โส นโร.
‘‘ธีโร โภเค อธิคมฺม, สงฺคณฺหาติ จ าตเก;
เตน โส กิตฺตึ ปปฺโปติ, เปจฺจ สคฺเค ปโมทตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ มยฺหโกติ ‘‘มยฺหํ มยฺห’’นฺติ วิรวนวเสน เอวํลทฺธนาโม. คิริสานุทรีสุ จรตีติ คิริสานุทรีจโร. ปกฺกํ ปิปฺผลินฺติ หิมวนฺตปเทเส เอกํ ผลภริตํ ปิปฺผลิรุกฺขํ. กนฺทตีติ ทิชคเณ ตํ รุกฺขํ ปริวาเรตฺวา ปกฺกานิ ขาทนฺเต วาเรตุํ ‘‘มยฺหํ มยฺห’’นฺติ ปริเทวนฺโต วิจรติ. ตสฺเสวํ วิลปนฺตสฺสาติ ตสฺส วิลปนฺตสฺเสว. ภุตฺวาน วิปฺผลึ ยนฺตีติ ตํ ปิปฺผลิรุกฺขํ ปริภฺุชิตฺวา อฺํ ผลสมฺปนฺนํ รุกฺขํ คจฺฉนฺติ. วิลปตฺเววาติ โส ปน ทิโช วิลปติเยว. ยโถธินฺติ ยถาโกฏฺาสํ, มาตาปิตาภาตุภคินีปุตฺตธีตาทีนํ อุปโภคปริโภควเสน โย โย โกฏฺาโส ทาตพฺโพ, ตํ ตํ น เทตีติ อตฺโถ.
สกินฺติ เอกวารมฺปิ นานุโภติ. ‘‘สก’’นฺติปิ ปาโ, อตฺตโน สนฺตกมฺปีติ อตฺโถ. น สงฺคณฺหาตีติ ภตฺตจฺฉาทนพีชนงฺคลาทิทานวเสน น สงฺคณฺหาติ. วิลปตฺเวว โส นโรติ เอเตสุ ราชาทีสุ ธนํ คเหตฺวา คจฺฉนฺเตสุ เกวลํ โส ปุริโส วิลปติเยว. ธีโรติ ปณฺฑิโต. สงฺคณฺหาตีติ อตฺตโน สนฺติกํ อาคเต ทุพฺพลาตเก ภตฺตจฺฉาทนพีชนงฺคลาทิทาเนน สงฺคณฺหาติ. เตนาติ โส ปุริโส เตน าติสงฺคเหน จตุปริสมชฺเฌ กิตฺติฺจ อตฺตโน วณฺณภณนฺจ ปาปุณาติ, เปจฺจ สคฺเค เทวนคเร ปโมทติ.
เอวํ ¶ มหาสตฺโต ตสฺส ธมฺมํ เทเสตฺวา ทานํ ปากติกํ กาเรตฺวา หิมวนฺตเมว คนฺตฺวา อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘อิติ โข, มหาราช, อาคนฺตุกเสฏฺิ ภาตุ ปุตฺตสฺส มาริตตฺตา เอตฺตกํ กาลํ เนว ปุตฺตํ, น ธีตรํ อลภี’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กนิฏฺโ อาคนฺตุกเสฏฺิ อโหสิ, เชฏฺโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
มยฺหกชาตกวณฺณนา ปฺจมา.
[๓๙๑] ๖. วิชฺชาธรชาตกวณฺณนา
ทุพฺพณฺณรูปนฺติ ¶ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โลกตฺถจริยํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ มหากณฺหชาตเก (ชา. ๑.๑๒.๖๑ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. ตทา ปน สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ ตถาคโต โลกตฺถจริยํ จริเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สกฺโก อโหสิ. ตทา เอโก วิชฺชาธโร วิชฺชํ ปริวตฺเตตฺวา อฑฺฒรตฺตสมเย อาคนฺตฺวา พาราณสิรฺโ อคฺคมเหสิยา สทฺธึ อติจรติ, ตสฺสา ปริจาริกาโย สฺชานึสุ. สา สยเมว ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘เทว, เอโก ปุริโส อฑฺฒรตฺตสมเย สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา มํ ทูเสตี’’ติ อาห. ‘‘สกฺขิสฺสสิ ปน กิฺจิ สฺาณํ กาตุ’’นฺติ? ‘‘สกฺโกมิ, เทวา’’ติ สา ชาติหิงฺคุลิกปาตึ อาหราเปตฺวา ตสฺส ปุริสสฺส รตฺตึ อาคนฺตฺวา อภิรมิตฺวา คจฺฉนฺตสฺส ปิฏฺิยํ ปฺจงฺคุลิกํ ทตฺวา ปาโตว รฺโ อาโรเจสิ. ราชา มนุสฺเส อาณาเปสิ ‘‘คจฺฉถ, สพฺพทิสาสุ โอโลเกตฺวา ปิฏฺิยํ กตชาติหิงฺคุลปฺจงฺคุลิกปุริสํ คณฺหถา’’ติ. วิชฺชาธโรปิ รตฺตึ อนาจารํ กตฺวา ทิวา สุสาเน สูริยํ นมสฺสนฺโต เอกปาเทน ติฏฺติ. ราชปุริสา ตํ ทิสฺวา ปริวารยึสุ. โส ‘‘ปากฏํ เม กมฺมํ ชาต’’นฺติ ¶ วิชฺชํ ปริวตฺเตตฺวา อากาเสน อุปฺปติตฺวา คโต.
ราชา ตํ ทิสฺวา อาคตปุริเส ‘‘อทฺทสถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, อทฺทสามา’’ติ. ‘‘โก นาเมโส’’ติ? ‘‘ปพฺพชิโต, เทวา’’ติ. ‘‘โส หิ รตฺตึ อนาจารํ กตฺวา ทิวา ปพฺพชิตเวเสน วสติ’’. ราชา ‘‘อิเม ทิวา สมณเวเสน จริตฺวา รตฺตึ อนาจารํ กโรนฺตี’’ติ ปพฺพชิตานํ กุชฺฌิตฺวา มิจฺฉาคหณํ คเหตฺวา ‘‘มยฺหํ วิชิตา อิเม สพฺเพ ปพฺพชิตา ปลายนฺตุ, ทิฏฺทิฏฺฏฺาเน ราชาณํ กริสฺสนฺตู’’ติ เภรึ จราเปสิ. ติโยชนสติกา กาสิรฏฺา ปลายิตฺวา สพฺเพ ปพฺพชิตา อฺราชธานิโย อคมึสุ. สกลกาสิรฏฺเ มนุสฺสานํ โอวาททายโก ¶ เอโกปิ ธมฺมิกสมณพฺราหฺมโณ นาโหสิ. อโนวาทกา มนุสฺสา ผรุสา อเหสุํ, ทานสีลวิมุขา มตมตา เยภุยฺเยน อปาเย นิพฺพตฺตึสุ, สคฺเค นิพฺพตฺตนกา นาม นาเหสุํ.
สกฺโก ¶ นเว เทวปุตฺเต อปสฺสนฺโต ‘‘กึ นุ โข การณ’’นฺติ อาวชฺเชตฺวา วิชฺชาธรํ นิสฺสาย พาราณสิรฺา กุทฺเธน มิจฺฉาคหณํ คเหตฺวา ปพฺพชิตานํ รฏฺา ปพฺพาชิตภาวํ ตฺวา ‘‘เปตฺวา มํ อฺโ อิมสฺส รฺโ มิจฺฉาคหณํ ภินฺทิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, รฺโ จ รฏฺวาสีนฺจ อวสฺสโย ภวิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา นนฺทมูลปพฺภาเร ปจฺเจกพุทฺธานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ เอกํ มหลฺลกํ ปจฺเจกพุทฺธํ เทถ, กาสิรฏฺํ ปสาเทสฺสามี’’ติ อาห. โส สงฺฆตฺเถรเมว ลภิ, อถสฺส ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา ตํ ปุรโต กตฺวา สยํ ปจฺฉโต หุตฺวา สิรสฺมึ อฺชลึ เปตฺวา ปจฺเจกพุทฺธํ นมสฺสนฺโต อุตฺตมรูปธโร มาณวโก หุตฺวา สกลนครสฺส มตฺถเกน ติกฺขตฺตุํ วิจริตฺวา ราชทฺวารํ อาคนฺตฺวา อากาเส อฏฺาสิ. อมจฺจา รฺโ อาโรเจสุํ ‘‘เทว, อภิรูโป มาณวโก เอกํ สมณํ อาเนตฺวา ราชทฺวาเร ¶ อากาเส ิโต’’ติ. ราชา อาสนา อุฏฺาย สีหปฺชเร ตฺวา ‘‘มาณวก, กสฺมา ตฺวํ อภิรูโป สมาโน เอตสฺส วิรูปสฺส สมณสฺส ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา นมสฺสมาโน ิโต’’ติ เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘ทุพฺพณฺณรูปํ ตุวมริยวณฺณี, ปุรกฺขตฺวา ปฺชลิโก นมสฺสสิ;
เสยฺโย นุ เตโส อุทวา สริกฺโข, นามํ ปรสฺสตฺตโน จาปิ พฺรูหี’’ติ.
ตตฺถ อริยวณฺณีติ สุนฺทรรูโป. เสยฺโย นุ เตโสติ เอโส วิรูโป ปพฺพชิโต กึ นุ ตยา อุตฺตริตโร, อุทาหุ สริกฺโข. นามํ ปรสฺสตฺตโน จาปีติ เอตสฺส ปรสฺส จ อตฺตโน จ นามํ พฺรูหีติ ปุจฺฉติ.
อถ นํ สกฺโก ‘‘มหาราช, สมณา นาม ครุฏฺานิยา, เตน เม นามํ ลปิตุํ น ลพฺภติ, มยฺหํ ปน เต นามํ กเถสฺสามี’’ติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘น นามโคตฺตํ คณฺหนฺติ ราช, สมฺมคฺคตานุชฺชุคตาน เทวา;
อหฺจ เต นามเธยฺยํ วทามิ, สกฺโกหมสฺมี ติทสานมินฺโท’’ติ.
ตตฺถ ¶ สมฺมคฺคตานุชฺชุคตาน เทวาติ มหาราช, สพฺพสงฺขาเร ยถา สภาวสรสวเสน สมฺมสิตฺวา ¶ อคฺคผลํ อรหตฺตํ ปตฺตตฺตา สมฺมคฺคตานํ, อุชุนา จ อฏฺงฺคิเกน มคฺเคน นิพฺพานํ คตตฺตา อุชุคตานํ มหาขีณาสวานํ อุปปตฺติเทเวหิ อุตฺตริตรานํ วิสุทฺธิเทวานํ อุปปตฺติเทวา นามโคตฺตํ น คณฺหนฺติ. อหฺจ เต นามเธยฺยนฺติ อปิจ อหํ อตฺตโน นามเธยฺยํ ตุยฺหํ กเถมิ.
ตํ สุตฺวา ราชา ตติยคาถาย ภิกฺขุนมสฺสเน อานิสํสํ ปุจฺฉิ –
‘‘โย ทิสฺวา ภิกฺขุํ จรณูปปนฺนํ, ปุรกฺขตฺวา ปฺชลิโก นมสฺสติ;
ปุจฺฉามิ ¶ ตํ เทวราเชตมตฺถํ, อิโต จุโต กึ ลภเต สุขํ โส’’ติ.
สกฺโก จตุตฺถคาถาย กเถสิ –
‘‘โย ทิสฺวา ภิกฺขุํ จรณูปปนฺนํ, ปุรกฺขตฺวา ปฺชลิโก นมสฺสติ;
ทิฏฺเว ธมฺเม ลภเต ปสํสํ, สคฺคฺจ โส ยาติ สรีรเภทา’’ติ.
ตตฺถ ภิกฺขุนฺติ ภินฺนกิเลสํ ปริสุทฺธปุคฺคลํ. จรณูปปนฺนนฺติ สีลจรเณน อุเปตํ. ทิฏฺเว ธมฺเมติ น เกวลํ อิโต จุโตเยว, อิมสฺมึ ปน อตฺตภาเว โส ปสํสํ ลภติ, ปสํสาสุขํ วินฺทตีติ.
ราชา สกฺกสฺส กถํ สุตฺวา อตฺตโน มิจฺฉาคหณํ ภินฺทิตฺวา ตุฏฺมานโส ปฺจมํ คาถมาห –
‘‘ลกฺขี วต เม อุทปาทิ อชฺช, ยํ วาสวํ ภูตปติทฺทสาม;
ภิกฺขฺุจ ทิสฺวาน ตุวฺจ สกฺก, กาหามิ ปฺุานิ อนปฺปกานี’’ติ.
ตตฺถ ลกฺขีติ สิรี, ปฺาติปิ วทนฺติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อชฺช มม ตว วจนํ สุณนฺตสฺเสว กุสลากุสลวิปากชานนปฺา อุทปาทีติ. ยนฺติ นิปาตมตฺตํ. ภูตปติทฺทสามาติ ภูตปตึ อทฺทสาม.
ตํ ¶ สุตฺวา สกฺโก ปณฺฑิตสฺส ถุตึ กโรนฺโต ฉฏฺํ คาถมาห –
‘‘อทฺธา ¶ หเว เสวิตพฺพา สปฺา, พหุสฺสุตา เย พหุานจินฺติโน;
ภิกฺขฺุจ ทิสฺวาน มมฺจ ราช, กโรหิ ปฺุานิ อนปฺปกานี’’ติ.
ตตฺถ พหุานจินฺติโนติ พหูนิ การณานิ จินฺตนสมตฺถา.
ตํ ¶ สุตฺวา ราชา โอสานคาถมาห –
‘‘อกฺโกธโน นิจฺจปสนฺนจิตฺโต, สพฺพาติถียาจโยโค ภวิตฺวา;
นิหจฺจ มานํ อภิวาทยิสฺสํ, สุตฺวาน เทวินฺท สุภาสิตานี’’ติ.
ตตฺถ สพฺพาติถียาจโยโค ภวิตฺวาติ สพฺเพสํ อติถีนํ อาคตานํ อาคนฺตุกานํ ยํ ยํ เต ยาจนฺติ, ตสฺส ตสฺส ยุตฺโต อนุจฺฉวิโก ภวิตฺวา, สพฺพํ เตหิ ยาจิตยาจิตํ ททมาโนติ อตฺโถ. สุตฺวาน เทวินฺท สุภาสิตานีติ ตว สุภาสิตานิ สุตฺวา อหํ เอวรูโป ภวิสฺสามีติ วทติ.
เอวฺจ ปน วตฺวา ปาสาทา โอรุยฺห ปจฺเจกพุทฺธํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. ปจฺเจกพุทฺโธ อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา ‘‘มหาราช, วิชฺชาธโร น สมโณ, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย ‘อตุจฺโฉ โลโก, อตฺถิ ธมฺมิกสมณพฺราหฺมณา’ติ ตฺวา ทานํ เทหิ, สีลํ รกฺข, อุโปสถกมฺมํ กโรหี’’ติ ราชานํ โอวทิ. สกฺโกปิ สกฺกานุภาเวน อากาเส ตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย อปฺปมตฺตา โหถา’’ติ นาครานํ โอวาทํ ทตฺวา ‘‘ปลาตา สมณพฺราหฺมณา อาคจฺฉนฺตู’’ติ เภรึ จราเปสิ. อถ เต อุโภปิ สกฏฺานเมว อคมํสุ. ราชา ตสฺส โอวาเท ตฺวา ทานาทีนิ ปฺุานิ อกาสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปจฺเจกพุทฺโธ ปรินิพฺพุโต, ราชา อานนฺโท อโหสิ, สกฺโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
วิชฺชาธรชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.
[๓๙๒] ๗. สิงฺฆปุปฺผชาตกวณฺณนา
ยเมตนฺติ ¶ ¶ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร เชตวนา นิกฺขมิตฺวา โกสลรฏฺเ อฺตรํ อรฺํ นิสฺสาย วิหรนฺโต เอกทิวสํ ปทุมสรํ ¶ โอตริตฺวา สุปุปฺผิตปทุมํ ทิสฺวา อโธวาเต ตฺวา อุปสิงฺฆิ. อถ นํ ตสฺมึ วเน อธิวตฺถา เทวตา ‘‘มาริส, ตฺวํ คนฺธเถโน นาม, อิทํ เต เอกํ เถยฺยงฺค’’นฺติ สํเวเชสิ. โส ตาย สํเวชิโต ปุน เชตวนํ อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิสินฺโน ‘‘กหํ ภิกฺขุ นิวุตฺโถสี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘อสุกวนสณฺเฑ นาม, ตตฺถ จ มํ เทวตา เอวํ นาม สํเวเชสี’’ติ อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘น โข ภิกฺขุ ปุปฺผํ อุปสิงฺฆนฺโต ตฺวเมว เทวตาย สํเวชิโต, โปราณกปณฺฑิตาปิ สํเวชิตปุพฺพา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ กาสิกคาเม พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ อุคฺคหิตสิปฺโป อปรภาเค อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา เอกํ ปทุมสรํ นิสฺสาย อุปวสนฺโต เอกทิวสํ สรํ โอตริตฺวา สุปุปฺผิตปทุมํ อุปสิงฺฆมาโน อฏฺาสิ. อถ นํ เอกา เทวธีตา รุกฺขกฺขนฺธวิวเร ตฺวา สํเวชยมานา ปมํ คาถมาห –
‘‘ยเมตํ วาริชํ ปุปฺผํ, อทินฺนํ อุปสิงฺฆสิ;
เอกงฺคเมตํ เถยฺยานํ, คนฺธเถโนสิ มาริสา’’ติ.
ตตฺถ เอกงฺคเมตนฺติ เอกโกฏฺาโส เอส.
ตโต โพธิสตฺโต ทุติยํ คาถมาห –
‘‘น หรามิ น ภฺชามิ, อารา สิงฺฆามิ วาริชํ;
อถ เกน นุ วณฺเณน, คนฺธเถโนติ วุจฺจตี’’ติ.
ตตฺถ อารา สิงฺฆามีติ ทูเร ิโต ฆายามิ. วณฺเณนาติ การเณน.
ตสฺมึ ¶ ขเณ เอโก ปุริโส ตสฺมึ สเร ภิสานิ เจว ขณติ, ปุณฺฑรีกานิ จ ภฺชติ ¶ . โพธิสตฺโต ตํ ทิสฺวา ‘‘มํ อารา ตฺวา อุปสิงฺฆนฺตํ ‘โจโร’ติ วทสิ, เอตํ ปุริสํ ¶ กสฺมา น ภณสี’’ติ ตาย สทฺธึ สลฺลปนฺโต ตติยํ คาถมาห –
‘‘โยยํ ภิสานิ ขณติ, ปุณฺฑรีกานิ ภฺชติ;
เอวํ อากิณฺณกมฺมนฺโต, กสฺมา เอโส น วุจฺจตี’’ติ.
ตตฺถ อากิณฺณกมฺมนฺโตติ กกฺขฬกมฺมนฺโต ทารุณกมฺมนฺโต.
อถสฺส อวจนการณํ อาจิกฺขนฺตี เทวตา จตุตฺถปฺจมคาถา อภาสิ –
‘‘อากิณฺณลุทฺโท ปุริโส, ธาติเจลํว มกฺขิโต;
ตสฺมึ เม วจนํ นตฺถิ, ตฺจารหามิ วตฺตเว.
‘‘อนงฺคณสฺส โปสสฺส, นิจฺจํ สุจิคเวสิโน;
วาลคฺคมตฺตํ ปาปสฺส, อพฺภามตฺตํว ขายตี’’ติ.
ตตฺถ ธาติเจลํวาติ เขฬสิงฺฆาณิกมุตฺตคูถมกฺขิตํ ธาติทาสิยา นิวตฺถเจลํ วิย อยํ ปาปมกฺขิโตเยว, เตน การเณน ตสฺมึ มม วจนํ นตฺถิ. ตฺจารหามีติ สมณา ปน โอวาทกฺขมา โหนฺติ ปิยสีลา, ตสฺมา ตํ อปฺปมตฺตกมฺปิ อยุตฺตํ กโรนฺตํ วตฺตุํ อรหามิ สมณาติ. อนงฺคณสฺสาติ นิทฺโทสสฺส ตุมฺหาทิสสฺส. อพฺภามตฺตํว ขายตีติ มหาเมฆปฺปมาณํ หุตฺวา อุปฏฺาติ, อิทานิ กสฺมา เอวรูปํ โทสํ อพฺโพหาริกํ กโรสีติ.
ตาย ปน สํเวชิโต โพธิสตฺโต สํเวคปฺปตฺโต ฉฏฺํ คาถมาห –
‘‘อทฺธา มํ ยกฺข ชานาสิ, อโถ มํ อนุกมฺปสิ;
ปุนปิ ยกฺข วชฺชาสิ, ยทา ปสฺสสิ เอทิส’’นฺติ.
ตตฺถ ยกฺขาติ เทวตํ อาลปติ. วชฺชาสีติ วเทยฺยาสิ. ยทา ปสฺสสิ เอทิสนฺติ ยทา มม เอวรูปํ โทสํ ปสฺสสิ, ตทา เอวํ มม วเทยฺยาสีติ วทติ.
อถสฺส ¶ ¶ สา เทวธีตา สตฺตมํ คาถมาห –
‘‘เนว ตํ อุปชีวามิ, นปิ เต ภตกามฺหเส;
ตฺวเมว ภิกฺขุ ชาเนยฺย, เยน คจฺเฉยฺย สุคฺคติ’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ ภตกามฺหเสติ ตว ภติหตา กมฺมกราปิ น โหม. กึการณา ตํ สพฺพกาลํ รกฺขมานา วิจริสฺสามาติ ทีเปติ. เยน คจฺเฉยฺยาติ ภิกฺขุ เยน กมฺเมน ตฺวํ สุคตึ คจฺเฉยฺยาสิ, ตฺวเมว ตํ ชาเนยฺยาสีติ.
เอวํ สา ตสฺส โอวาทํ ทตฺวา อตฺตโน วิมานเมว ปวิฏฺา. โพธิสตฺโตปิ ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ.
ตทา เทวธีตา อุปฺปลวณฺณา อโหสิ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสินฺติ.
สิงฺฆปุปฺผชาตกวณฺณนา สตฺตมา.
[๓๙๓] ๘. วิฆาสาทชาตกวณฺณนา
สุสุขํ วต ชีวนฺตีติ อิทํ สตฺถา ปุพฺพาราเม วิหรนฺโต เกฬิสีลเก ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ. เตสุ หิ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถเรน ปาสาทํ กมฺเปตฺวา สํเวชิเตสุ ธมฺมสภายํ ภิกฺขู เตสํ อคุณํ กเถนฺตา นิสีทึสุ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปเต เกฬิสีลกาเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สกฺโก อโหสิ. อถ อฺตรสฺมึ กาสิกคาเม สตฺต ภาตโร กาเมสุ โทสํ ทิสฺวา นิกฺขมิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา มชฺฌารฺเ วสนฺตา โยเค โยคํ อกตฺวา กายทฬฺหีพหุลา หุตฺวา นานปฺปการํ กีฬํ ¶ กีฬนฺตา ¶ จรึสุ. สกฺโก เทวราชา ‘‘อิเม สํเวเชสฺสามี’’ติ สุโก หุตฺวา เตสํ วสนฏฺานํ อาคนฺตฺวา เอกสฺมึ รุกฺเข นิลียิตฺวา เต สํเวเชนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘สุสุขํ ¶ วต ชีวนฺติ, เย ชนา วิฆาสาทิโน;
ทิฏฺเว ธมฺเม ปาสํสา, สมฺปราเย จ สุคฺคตี’’ติ.
ตตฺถ วิฆาสาทิโนติ ภุตฺตาติเรกํ ภฺุชนฺเต สนฺธายาห. ทิฏฺเว ธมฺเมติ เย เอวรูปา, เต ทิฏฺเว ธมฺเม ปาสํสา, สมฺปราเย จ เตสํ สุคติ โหติ, สคฺเค อุปฺปชฺชนฺตีติ อธิปฺปาเยน วทติ.
อถ เตสุ เอโก ตสฺส วจนํ สุตฺวา อวเสเส อามนฺเตตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘สุกสฺส ภาสมานสฺส, น นิสาเมถ ปณฺฑิตา;
อิทํ สุณาถ โสทริยา, อมฺเหวายํ ปสํสตี’’ติ.
ตตฺถ ภาสมานสฺสาติ มานุสิกาย วาจาย ภณนฺตสฺส. น นิสาเมถาติ น สุณาถ. อิทํ สุณาถาติ อิทมสฺส วจนํ สุณาถ. โสทริยาติ สมาเน อุทเร วุตฺถภาเวน เต อาลปนฺโต อาห.
อถ เน ปฏิกฺขิปนฺโต สุโก ตติยํ คาถมาห –
‘‘นาหํ ตุมฺเห ปสํสามิ, กุณปาทา สุณาถ เม;
อุจฺฉิฏฺโภชิโน ตุมฺเห, น ตุมฺเห วิฆาสาทิโน’’ติ.
ตตฺถ กุณปาทาติ กุณปขาทกาติ เต อาลปติ.
เต ตสฺส วจนํ สุตฺวา สพฺเพปิ จตุตฺถํ คาถมาหํสุ –
‘‘สตฺตวสฺสา ปพฺพชิตา, มชฺฌารฺเ สิขณฺฑิโน;
วิฆาเสเนว ยาเปนฺตา, มยฺเจ โภโต คารยฺหา;
เก นุ โภโต ปสํสิยา’’ติ.
ตตฺถ ¶ สิขณฺฑิโนติ จูฬาย สมนฺนาคตา. วิฆาเสเนวาติ เอตฺตกํ กาลํ สตฺต วสฺสานิ สีหพฺยคฺฆวิฆาเสเนว ยาเปนฺตา ยทิ โภโต คารยฺหา, อถ เก นุ เต ปสํสิยาติ.
เต ¶ ลชฺชาเปนฺโต มหาสตฺโต ปฺจมํ คาถมาห –
‘‘ตุมฺเห สีหานํ พฺยคฺฆานํ, วาฬานฺจาวสิฏฺกํ;
อุจฺฉิฏฺเเนว ยาเปนฺตา, มฺิวฺโห วิฆาสาทิโน’’ติ.
ตตฺถ วาฬานฺจาวสิฏฺกนฺติ เสสวาฬมิคานฺจ อวสิฏฺกํ อุจฺฉิฏฺโภชนํ.
ตํ ¶ สุตฺวา ตาปสา ‘‘สเจ มยํ น วิฆาสาทา, อถ เก จรหิ เต วิฆาสาทา’’ติ? อถ เตสํ โส ตมตฺถํ อาจิกฺขนฺโต ฉฏฺํ คาถมาห –
‘‘เย พฺราหฺมณสฺส สมณสฺส, อฺสฺส วา วนิพฺพิโน;
ทตฺวาว เสสํ ภฺุชนฺติ, เต ชนา วิฆาสาทิโน’’ติ.
ตตฺถ วนิพฺพิโนติ ตํ ตํ ภณฺฑํ ยาจนกสฺส. เอวํ เต ลชฺชาเปตฺวา มหาสตฺโต สกฏฺานเมว คโต.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สตฺต ภาตโร อิเม เกฬิสีลกา ภิกฺขู อเหสุํ, สกฺโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
วิฆาสาทชาตกวณฺณนา อฏฺมา.
[๓๙๔] ๙. วฏฺฏกชาตกวณฺณนา
ปณีตนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ โลลภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ โลโล’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘น โข ภิกฺขุ อิทาเนว โลโล, ปุพฺเพปิ ตฺวํ โลโลเยว, โลลตาย ปน พาราณสิยํ หตฺถิควาสฺสปุริสกุณเปหิ ¶ อติตฺโต ‘อิโต อุตฺตริตรํ ลภิสฺสามี’ติ อรฺํ ปวิฏฺโสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต วฏฺฏกโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา อรฺเ ลูขติณพีชาหาโร วสิ. ตทา พาราณสิยํ เอโก โลลกาโก หตฺถิกุณปาทีหิ อติตฺโต ‘‘อิโต อุตฺตริตรํ ลภิสฺสามี’’ติ อรฺํ ปวิสิตฺวา ผลาผลํ ขาทนฺโต โพธิสตฺตํ ¶ ทิสฺวา ‘‘อยํ วฏฺฏโก อติวิย ถูลสรีโร, มธุรํ โคจรํ ขาทติ มฺเ, เอตสฺส โคจรํ ปุจฺฉิตฺวา ตํ ขาทิตฺวา อหมฺปิ ถูโล ภวิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา โพธิสตฺตสฺส อุปริภาเค สาขาย นิลียิตฺวา โพธิสตฺตํ ปุจฺฉิ ‘‘โภ วฏฺฏก, กึ นาม ปณีตาหารํ ภฺุชสิ, ถูลสรีโร อโหสี’’ติ? โพธิสตฺโต ¶ เตน ปุจฺฉิโต เตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กโรนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘ปณีตํ ภฺุชเส ภตฺตํ, สปฺปิเตลฺจ มาตุล;
อถ เกน นุ วณฺเณน, กิโส ตฺวมสิ วายสา’’ติ.
ตตฺถ ภตฺตนฺติ มนุสฺสานํ โภชนนิยาเมน ปฏิยาทิตภตฺตํ. มาตุลาติ ตํ ปิยสมุทาจาเรน อาลปติ. กิโสติ อปฺปมํสโลหิโต.
ตสฺส วจนํ สุตฺวา กาโก ติสฺโส คาถา อภาสิ –
‘‘อมิตฺตมชฺเฌ วสโต, เตสุ อามิสเมสโต;
นิจฺจํ อุพฺพิคฺคหทยสฺส, กุโต กากสฺส ทฬฺหิยํ.
‘‘นิจฺจํ อุพฺเพคิโน กากา, ธงฺกา ปาเปน กมฺมุนา;
ลทฺโธ ปิณฺโฑ น ปีเณติ, กิโส เตนสฺมิ วฏฺฏก.
‘‘ลูขานิ ติณพีชานิ, อปฺปสฺเนหานิ ภฺุชสิ;
อถ เกน นุ วณฺเณน, ถูโล ตฺวมสิ วฏฺฏกา’’ติ.
ตตฺถ ทฬฺหิยนฺติ เอวรูปสฺส มยฺหํ กากสฺส กุโต ทฬฺหีภาโว, กุโต ถูลนฺติ อตฺโถ. อุพฺเพคิโนติ ¶ อุพฺเพควนฺโต. ธงฺกาติ กากานเมว นามํ. ปาเปน กมฺมุนา ลทฺโธติ กาเกน มนุสฺสสนฺตกวิลุมฺปนสงฺขาเตน ปาเปน กมฺเมน ลทฺโธ ปิณฺโฑ. น ปีเณตีติ น ตปฺเปติ. เตนสฺมีติ เตน การเณนาหํ กิโส อสฺมิ. อปฺปสฺเนหานีติ มนฺโทชานิ. อิทํ กาโก โพธิสตฺตํ ‘‘ปณีตโภชนํ ขาทตี’’ติ สฺี หุตฺวาปิ วฏฺฏกานํ คหิตโคจรํ ปุจฺฉนฺโต อาห.
ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต อตฺตโน ถูลภาวการณํ กเถนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อปฺปิจฺฉา ¶ อปฺปจินฺตาย, อทูรคมเนน จ;
ลทฺธาลทฺเธน ยาเปนฺโต, ถูโล เตนสฺมิ วายส.
‘‘อปฺปิจฺฉสฺส หิ โปสสฺส, อปฺปจินฺตสุขสฺส จ;
สุสงฺคหิตมานสฺส, วุตฺตี สุสมุทานยา’’ติ.
ตตฺถ อปฺปิจฺฉาติ อาหาเรสุ อปฺปิจฺฉตาย นิตฺตณฺหตาย, เกวลํ สรีรยาปนวเสเนว อาหาราหรณตายาติ อตฺโถ. อปฺปจินฺตายาติ ‘‘อชฺช กหํ อาหารํ ¶ ลภิสฺสามิ, สฺเว กห’’นฺติ เอวํ อาหารจินฺตาย อภาเวน. อทูรคมเนน จาติ ‘‘อสุกสฺมึ นาม าเน มธุรํ ลภิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา อวิทูรคมเนน จ. ลทฺธาลทฺเธนาติ ลูขํ วา โหตุ ปณีตํ วา, ยํ ลทฺธํ, เตเนว. ถูโล เตนสฺมีติ เตน จตุพฺพิเธน การเณน ถูโล อสฺมิ. วายสาติ กากํ อาลปติ. อปฺปจินฺตสุขสฺสาติ อาหารจินฺตารหิตานํ อปฺปจินฺตานมริยานํ สุขํ อสฺสตฺถีติ อปฺปจินฺตสุโข, ตสฺส ตาทิเสน สุเขน สมนฺนาคตสฺส. สุสงฺคหิตมานสฺสาติ ‘‘เอตฺตกํ ภฺุชิตฺวา ชีราเปตุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ เอวํ สุฏฺุ สงฺคหิตาหารมานสฺส. วุตฺตี สุสมุทานยาติ เอวรูปสฺส ปุคฺคลสฺส ชีวิตวุตฺติ สุเขน สกฺกา สมุทาเนตุํ สุสมุทานยา สุนิพฺพตฺติยา.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โลลภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ.
ตทา กาโก โลลภิกฺขุ อโหสิ, วฏฺฏโก ปน อหเมว อโหสินฺติ.
วฏฺฏกชาตกวณฺณนา นวมา.
[๓๙๕] ๑๐. ปาราวตชาตกวณฺณนา
จิรสฺสํ ¶ วต ปสฺสามีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โลลภิกฺขุํเยว อารพฺภ กเถสิ. ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ปาราวโต หุตฺวา พาราณสิเสฏฺิโน มหานเส นีฬปจฺฉิยํ วสติ. กาโกปิ ¶ เตน สทฺธึ วิสฺสาสํ กตฺวา ตตฺเถว วสตีติ สพฺพํ วิตฺถาเรตพฺพํ. ภตฺตการโก กากปตฺตานิ ลฺุจิตฺวา ปิฏฺเน ตํ มกฺเขตฺวา เอกํ กปาลขณฺฑํ วิชฺฌิตฺวา กณฺเ ปิฬนฺธิตฺวา ปจฺฉิยํ ปกฺขิปิ. โพธิสตฺโต อรฺโต อาคนฺตฺวา ตํ ทิสฺวา ปริหาสํ กโรนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘จิรสฺสํ วต ปสฺสามิ, สหายํ มณิธารินํ;
สุกตา มสฺสุกุตฺติยา, โสภเต วต เม สขา’’ติ.
ตตฺถ มสฺสุกุตฺติยาติ อิมาย มสฺสุกิริยาย.
ตํ ¶ สุตฺวา กาโก ทุติยํ คาถมาห –
‘‘ปรูฬฺหกจฺฉนขโลโม, อหํ กมฺเมสุ พฺยาวโฏ;
จิรสฺสํ นฺหาปิตํ ลทฺธา, โลมํ ตํ อชฺช หารยิ’’นฺติ.
ตตฺถ อหํ กมฺเมสุ พฺยาวโฏติ อหํ สมฺม ปาราวต, ราชกมฺเมสุ พฺยาวโฏ โอกาสํ อลภนฺโต ปรูฬฺหกจฺฉนขโลโม อโหสินฺติ วทติ. อชฺช หารยินฺติ อชฺช หาเรสึ.
ตโต โพธิสตฺโต ตติยํ คาถมาห –
‘‘ยํ นุ โลมํ อหาเรสิ, ทุลฺลภํ ลทฺธ กปฺปกํ;
อถ กิฺจรหิ เต สมฺม, กณฺเ กิณิกิณายตี’’ติ.
ตสฺสตฺโถ ¶ – ยํ ตาว ทุลฺลภํ กปฺปกํ ลภิตฺวา โลมํ หราเปสิ, ตํ หราปย, อถ กิฺจรหิ เต วยสฺส อิทํ กณฺเ กิณิกิณายตีติ.
ตโต กาโก ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘มนุสฺสสุขุมาลานํ, มณิ กณฺเสุ ลมฺพติ;
เตสาหํ อนุสิกฺขามิ, มา ตฺวํ มฺิ ทวา กตํ.
‘‘สเจปิมํ ปิหยสิ, มสฺสุกุตฺตึ สุการิตํ;
การยิสฺสามิ เต สมฺม, มณิฺจาปิ ททามิ เต’’ติ.
ตตฺถ มณีติ เอวรูปานํ มนุสฺสานํ เอกํ มณิรตนํ กณฺเสุ ลมฺพติ. เตสาหนฺติ เตสํ อหํ. มา ตฺวํ มฺีติ ตฺวํ ปน ‘‘เอตํ มยา ทวา กต’’นฺติ ¶ มา มฺิ. สเจปิมํ ปิหยสีติ สเจ อิมํ มม กตํ มสฺสุกุตฺตึ ตฺวํ อิจฺฉสิ.
ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ฉฏฺํ คาถมาห –
‘‘ตฺวฺเว มณินา ฉนฺโน, สุกตาย จ มสฺสุยา;
อามนฺต โข ตํ คจฺฉามิ, ปิยํ เม ตวทสฺสน’’นฺติ.
ตตฺถ มณินาติ มณิโน, อยเมว วา ปาโ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สมฺม วายส, ตฺวฺเว อิมสฺส มณิโน อนุจฺฉวิโก อิมิสฺสา จ สุกตาย มสฺสุยา ¶ , มม ปน ตว อทสฺสนเมว ปิยํ, ตสฺมา ตํ อามนฺตยิตฺวา คจฺฉามีติ.
เอวฺจ ปน วตฺวา โพธิสตฺโต อุปฺปติตฺวา อฺตฺถ คโต. กาโก ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปตฺโต.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โลลภิกฺขุ อนาคามิผเล ปติฏฺหิ. ตทา กาโก โลลภิกฺขุ อโหสิ, ปาราวโต ปน อหเมว อโหสินฺติ.
ปาราวตชาตกวณฺณนา ทสมา.
ขรปุตฺตวคฺโค ทุติโย นิฏฺิโต.
ชาตกุทฺทานํ –
อวาริยํ เสตเกตุ, ทรีมุขฺจ เนรุ จ;
อาสงฺกมิคาโลปฺจ, กาฬกณฺณี จ กุกฺกุฏํ.
ธมฺมธชฺจ นนฺทิยํ, ขรปุตฺตํ สูจิ เจว;
ตุณฺฑิลํ โสณฺณกกฺกฏํ, มยฺหกํ วิชฺชาธรฺเจว.
สิงฺฆปุปฺผํ วิฆาสาทํ, วฏฺฏกฺจ ปาราวตํ;
สงฺคายึสุ มหาเถรา, ฉกฺเก วีสติ ชาตเก.
ฉกฺกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.