📜

๘. อฏฺกนิปาโต

[๔๑๗] ๑. กจฺจานิชาตกวณฺณนา

โอทาตวตฺถาสุจิ อลฺลเกสาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ มาตุโปสกํ อุปาสกํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร สาวตฺถิยํ กุลทารโก อาจารสมฺปนฺโน ปิตริ กาลกเต มาตุเทวโต หุตฺวา มุขโธวนทนฺตกฏฺทานนฺหาปนปาทโธวนาทิเวยฺยาวจฺจกมฺเมน เจว ยาคุภตฺตาทีหิ จ มาตรํ ปฏิชคฺคิ. อถ นํ มาตา ‘‘ตาต, ตว อฺานิปิ ฆราวาสกิจฺจานิ อตฺถิ, เอกํ สมชาติกํ กุลกุมาริกํ คณฺหาหิ, สา มํ โปเสสฺสติ, ตฺวมฺปิ อตฺตโน กมฺมํ กริสฺสสี’’ติ อาห. ‘‘อมฺม, อหํ อตฺตโน หิตสุขํ อปจฺจาสีสมาโน ตุมฺเห อุปฏฺหามิ, โก อฺโ เอวํ อุปฏฺหิสฺสตี’’ติ? ‘‘กุลวฑฺฒนกมฺมํ นาม ตาต, กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘น มยฺหํ ฆราวาเสน อตฺโถ, อหํ ตุมฺเห อุปฏฺหิตฺวา ตุมฺหากํ ธูมกาเล ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. อถสฺส มาตา ปุนปฺปุนํ ยาจิตฺวาปิ มนํ อลภมานา ตสฺส ฉนฺทํ อคฺคเหตฺวา สมชาติกํ กุลกุมาริกํ อาเนสิ. โส มาตรํ อปฺปฏิกฺขิปิตฺวา ตาย สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปสิ. สาปิ ‘‘มยฺหํ สามิโก มหนฺเตน อุสฺสาเหน มาตรํ อุปฏฺหติ, อหมฺปิ นํ อุปฏฺหิสฺสามิ, เอวมสฺส ปิยา ภวิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ตํ สกฺกจฺจํ อุปฏฺหิ. โส ‘‘อยํ เม มาตรํ สกฺกจฺจํ อุปฏฺหี’’ติ ตโต ปฏฺาย ลทฺธลทฺธานิ มธุรขาทนียาทีนิ ตสฺสาเยว เทติ. สา อปรภาเค จินฺเตสิ ‘‘อยํ ลทฺธลทฺธานิ มธุรขาทนียาทีนิ มยฺหฺเว เทติ, อทฺธา มาตรํ นีหริตุกาโม ภวิสฺสติ, นีหรณูปายมสฺสา กริสฺสามี’’ติ เอวํ อโยนิโส อุมฺมุชฺชิตฺวา เอกํ ทิวสํ อาห – ‘‘สามิ, ตยิ พหิ นิกฺขมนฺเต ตว มาตา มํ อกฺโกสตี’’ติ. โส ตุณฺหี อโหสิ.

สา จินฺเตสิ – ‘‘อิมํ มหลฺลิกํ อุชฺฌาเปตฺวา ปุตฺตสฺส ปฏิกูลํ กาเรสฺสามี’’ติ. ตโต ปฏฺาย ยาคุํ ททมานา อจฺจุณฺหํ วา อติสีตลํ วา อติโลณํ วา อโลณํ วา เทติ. ‘‘อมฺม, อจฺจุณฺหา’’ติ วา ‘‘อติโลณา’’ติ วา วุตฺเต ปูเรตฺวา สีโตทกํ ปกฺขิปติ. ปุน ‘‘อติสีตลา , อโลณาเยวา’’ติ วุตฺเต ‘‘อิทาเนว ‘อจฺจุณฺหา, อติโลณา’ติ วตฺวา ปุน ‘อติสีตลา, อโลณา’ติ วทสิ, กา ตํ โตเสตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ มหาสทฺทํ กโรติ. นฺหาโนทกมฺปิ อจฺจุณฺหํ กตฺวา ปิฏฺิยํ อาสิฺจติ. ‘‘อมฺม, ปิฏฺิ เม ทหตี’’ติ จ วุตฺเต ปุน ปูเรตฺวา สีโตทกํ ปกฺขิปติ. ‘‘อติสีตํ, อมฺมา’’ติ วุตฺเต ‘‘อิทาเนว ‘อจฺจุณฺห’นฺติ วตฺวา ปุน ‘อติสีต’นฺติ วทติ, กา เอติสฺสา อวมานํ สหิตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ ปฏิวิสฺสกานํ กเถสิ. ‘‘อมฺม, มฺจเก เม พหู มงฺคุลา’’ติ จ วุตฺตา มฺจกํ นีหริตฺวา ตสฺส อุปริ อตฺตโน มฺจกํ โปเถตฺวา ‘‘โปถิโต เม’’ติ อติหริตฺวา ปฺเปติ. มหาอุปาสิกา ทิคุเณหิ มงฺคุเลหิ ขชฺชมานา สพฺพรตฺตึ นิสินฺนาว วีตินาเมตฺวา ‘‘อมฺม, สพฺพรตฺตึ มงฺคุเลหิ ขาทิตามฺหี’’ติ วทติ. อิตรา ‘‘หิยฺโย เต มฺจโก โปถิโต, กา อิมิสฺสา กิจฺจํ นิตฺถริตุํ สกฺโกตี’’ติ ปฏิวตฺวา ‘‘อิทานิ นํ ปุตฺเตน อุชฺฌาเปสฺสามี’’ติ ตตฺถ ตตฺถ เขฬสิงฺฆาณิกาทีนิ วิปฺปกิริตฺวา ‘‘กา อิมํ สกลเคหํ อสุจึ กโรตี’’ติ วุตฺเต ‘‘มาตา เต เอวรูปํ กโรติ, ‘มา กรี’ติ วุจฺจมานา กลหํ กโรติ, อหํ เอวรูปาย กาฬกณฺณิยา สทฺธึ เอกเคเห วสิตุํ น สกฺโกมิ, เอตํ วา ฆเร วสาเปหิ, มํ วา’’ติ อาห.

โส ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ‘‘ภทฺเท, ตฺวํ ตรุณา ยตฺถ กตฺถจิ คนฺตฺวา ชีวิตุํ สกฺกา, มาตา ปน เม ชราทุพฺพลา, อหเมวสฺสา ปฏิสรณํ, ตฺวํ นิกฺขมิตฺวา อตฺตโน กุลเคหํ คจฺฉาหี’’ติ อาห. สา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ภีตา จินฺเตสิ ‘‘น สกฺกา อิมํ มาตุ อนฺตเร ภินฺทิตุํ, เอกํเสนสฺส มาตา ปิยา, สเจ ปนาหํ กุลฆรํ คมิสฺสํ, วิธววาสํ วสนฺตี ทุกฺขิตา ภวิสฺสามิ, ปุริมนเยเนว สสฺสุํ อาราเธตฺวา ปฏิชคฺคิสฺสามี’’ติ . สา ตโต ปฏฺาย ปุริมสทิสเมว ตํ ปฏิชคฺคิ. อเถกทิวสํ โส อุโปสโก ธมฺมสฺสวนตฺถาย เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. ‘‘กึ, อุปาสก, ตฺวํ ปุฺกมฺเมสุ น ปมชฺชสิ, มาตุอุปฏฺานกมฺมํ ปูเรสี’’ติ จ วุตฺโต ‘‘อาม, ภนฺเต, สา ปน มม มาตา มยฺหํ อรุจิยาเยว เอกํ กุลทาริกํ อาเนสิ, สา อิทฺจิทฺจ อนาจารกมฺมํ อกาสี’’ติ สพฺพํ สตฺถุ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘อิติ ภควา สา อิตฺถี เนว มํ มาตุ อนฺตเร ภินฺทิตุํ สกฺขิ, อิทานิ นํ สกฺกจฺจํ อุปฏฺหตี’’ติ อาห. สตฺถา ตสฺส กถํ สุตฺวา ‘‘อิทานิ ตาว ตฺวํ อุปาสก, ตสฺสา วจนํ น อกาสิ, ปุพฺเพ ปเนติสฺสา วจเนน ตว มาตรํ นิกฺกฑฺฒิตฺวา มํ นิสฺสาย ปุน เคหํ อาเนตฺวา ปฏิชคฺคี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต อฺตรสฺส กุลสฺส ปุตฺโต ปิตริ กาลกเต มาตุเทวโต หุตฺวา วุตฺตนิยาเมเนว มาตรํ ปฏิชคฺคีติ สพฺพํ เหฏฺา กถิตนเยเนว วิตฺถาเรตพฺพํ . ‘‘อหํ เอวรูปาย กาฬกณฺณิยา สทฺธึ วสิตุํ น สกฺโกมิ, เอตํ วา ฆเร วสาเปหิ, มํ วา’’ติ วุตฺเต ตสฺสา กถํ คเหตฺวา ‘‘มาตุเยว เม โทโส’’ติ มาตรํ อาห ‘‘อมฺม, ตฺวํ นิจฺจํ อิมสฺมึ ฆเร กลหํ กโรสิ, อิโต นิกฺขมิตฺวา อฺสฺมึ ยถารุจิเต าเน วสาหี’’ติ. สา ‘‘สาธู’’ติ โรทมานา นิกฺขมิตฺวา เอกํ สมิทฺธกุลํ นิสฺสาย ภตึ กตฺวา ทุกฺเขน ชีวิกํ กปฺเปสิ. สสฺสุยา ฆรา นิกฺขนฺตกาเล สุณิสาย คพฺโภ ปติฏฺหิ. สา ‘‘ตาย กาฬกณฺณิยา เคเห วสมานาย คพฺภมฺปิ น ปฏิลภึ, อิทานิ เม คพฺโภ ลทฺโธ’’ติ ปติโน จ ปฏิวิสฺสกานฺจ กเถนฺตี วิจรติ.

อปรภาเค ปุตฺตํ วิชายิตฺวา สามิกํ อาห ‘‘ตว มาตริ เคเห วสมานาย ปุตฺตํ น ลภึ, อิทานิ เม ลทฺโธ, อิมินาปิ การเณน ตสฺสา กาฬกณฺณิภาวํ ชานาหี’’ติ. อิตรา ‘‘มม กิร นิกฺกฑฺฒิตกาเล ปุตฺตํ ลภี’’ติ สุตฺวา จินฺเตสิ ‘‘อทฺธา อิมสฺมึ โลเก ธมฺโม มโต ภวิสฺสติ, สเจ หิ ธมฺโม มโต น ภเวยฺย, มาตรํ โปเถตฺวา นิกฺกฑฺฒนฺตา ปุตฺตํ น ลเภยฺยุํ, สุขํ น ชีเวยฺยุํ, ธมฺมสฺส มตกภตฺตํ ทสฺสามี’’ติ. สา เอกทิวสํ ติลปิฏฺฺจ ตณฺฑุลฺจ ปจนถาลิฺจ ทพฺพิฺจ อาทาย อามกสุสานํ คนฺตฺวา ตีหิ มนุสฺสสีเสหิ อุทฺธนํ กตฺวา อคฺคึ ชาเลตฺวา อุทกํ โอรุยฺห สสีสํ นฺหตฺวา สาฏกํ นิวาเสตฺวา มุขํ วิกฺขาเลตฺวา อุทฺธนฏฺานํ คนฺตฺวา เกเส โมเจตฺวา ตณฺฑุเล โธวิตุํ อารภิ. ตทา โพธิสตฺโต สกฺโก เทวราชา อโหสิ. โพธิสตฺตา จ นาม อปฺปมตฺตา โหนฺติ, โส ตสฺมึ ขเณ โลกํ โอโลเกนฺโต ตํ ทุกฺขปฺปตฺตํ ‘‘ธมฺโม มโต’’ติ สฺาย ธมฺมสฺส มตกภตฺตํ ทาตุกามํ ทิสฺวา ‘‘อชฺช มยฺหํ พลํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ พฺราหฺมณเวเสน มหามคฺคํ ปฏิปนฺโน วิย หุตฺวา ตํ ทิสฺวา มคฺคา โอกฺกมฺม ตสฺสา สนฺติเก ตฺวา ‘‘อมฺม, สุสาเน อาหารํ ปจนฺตา นาม นตฺถิ, ตฺวํ อิมินา อิธ ปกฺเกน ติโลทเนน กึ กริสฺสสี’’ติ กถํ สมุฏฺาเปนฺโต ปมํ คาถมาห –

.

‘‘โอทาตวตฺถา สุจิ อลฺลเกสา, กจฺจานิ กึ กุมฺภิมธิสฺสยิตฺวา;

ปิฏฺา ติลา โธวสิ ตณฺฑุลานิ, ติโลทโน เหหิติ กิสฺสเหตู’’ติ.

ตตฺถ กจฺจานีติ ตํ โคตฺเตน อาลปติ. กุมฺภิมธิสฺสยิตฺวาติ ปจนถาลิกํ มนุสฺสสีสุทฺธนํ อาโรเปตฺวา. เหหิตีติ อยํ ติโลทโน กิสฺส เหตุ ภวิสฺสติ, กึ อตฺตนา ภุฺชิสฺสสิ, อุทาหุ อฺํ การณมตฺถีติ.

อถสฺส สา อาจิกฺขนฺตี ทุติยํ คาถมาห –

.

‘‘น โข อยํ พฺราหฺมณ โภชนตฺถา, ติโลทโน เหหิติ สาธุปกฺโก;

ธมฺโม มโต ตสฺส ปหุตฺตมชฺช, อหํ กริสฺสามิ สุสานมชฺเฌ’’ติ.

ตตฺถ ธมฺโมติ เชฏฺาปจายนธมฺโม เจว ติวิธสุจริตธมฺโม จ. ตสฺส ปหุตฺตมชฺชาติ ตสฺสาหํ ธมฺมสฺส อิทํ มตกภตฺตํ กริสฺสามีติ อตฺโถ.

ตโต สกฺโก ตติยํ คาถมาห –

.

‘‘อนุวิจฺจ กจฺจานิ กโรหิ กิจฺจํ, ธมฺโม มโต โก นุ ตเวว สํสิ;

สหสฺสเนตฺโต อตุลานุภาโว, น มิยฺยตี ธมฺมวโร กทาจี’’ติ.

ตตฺถ อนุวิจฺจาติ อุปปริกฺขิตฺวา ชานิตฺวา. โก นุ ตเวว สํสีติ โก นุ ตว เอวํ อาจิกฺขิ. สหสฺสเนตฺโตติ อตฺตานํ ธมฺมวรํ อุตฺตมธมฺมํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต เอวมาห.

ตํ วจนํ สุตฺวา อิตรา ทฺเว คาถา อภาสิ –

.

‘‘ทฬฺหปฺปมาณํ มม เอตฺถ พฺรหฺเม, ธมฺโม มโต นตฺถิ มเมตฺถ กงฺขา;

เย เยว ทานิ ปาปา ภวนฺติ, เต เตว ทานิ สุขิตา ภวนฺติ.

.

‘‘สุณิสา หิ มยฺหํ วฺฌา อโหสิ, สา มํ วธิตฺวาน วิชายิ ปุตฺตํ;

สา ทานิ สพฺพสฺส กุลสฺส อิสฺสรา, อหํ ปนมฺหิ อปวิทฺธา เอกิกา’’ติ.

ตตฺถ ทฬฺหปฺปมาณนฺติ ทฬฺหํ ถิรํ นิสฺสํสยํ พฺราหฺมณ เอตฺถ มม ปมาณนฺติ วทติ. เย เยติ ตสฺส มตภาเว การณํ ทสฺเสนฺตี เอวมาห. วธิตฺวานาติ โปเถตฺวา นิกฺกฑฺฒิตฺวา. อปวิทฺธาติ ฉฑฺฑิตา อนาถา หุตฺวา เอกิกา วสามิ.

ตโต สกฺโก ฉฏฺํ คาถมาห –

.

‘‘ชีวามิ โวหํ น มโตหมสฺมิ, ตเวว อตฺถาย อิธาคโตสฺมิ;

ยา ตํ วธิตฺวาน วิชายิ ปุตฺตํ, สหาว ปุตฺเตน กโรมิ ภสฺม’’นฺติ.

ตตฺถ โวติ นิปาตมตฺตํ.

อิตรา ตํ สุตฺวา ‘‘ธี อหํ กึ กเถสึ, มม นตฺตุ อมรณการณํ กริสฺสามี’’ติ สตฺตมํ คาถมาห –

.

‘‘เอวฺจ เต รุจฺจติ เทวราช, มเมว อตฺถาย อิธาคโตสิ;

อหฺจ ปุตฺโต สุณิสา จ นตฺตา, สมฺโมทมานา ฆรมาวเสมา’’ติ.

อถสฺสา สกฺโก อฏฺมํ คาถมาห –

.

‘‘เอวฺจ เต รุจฺจติ กาติยานิ, หตาปิ สนฺตา น ชหาสิ ธมฺมํ;

ตุวฺจ ปุตฺโต สุณิสา จ นตฺตา, สมฺโมทมานา ฆรมาวเสถา’’ติ.

ตตฺถ หตาปิ สนฺตาติ ยทิ ตฺวํ โปถิตาปิ นิกฺกฑฺฒิตาปิ สมานา ตว ทารเกสุ เมตฺตธมฺมํ น ชหาสิ, เอวํ สนฺเต ยถา ตฺวํ อิจฺฉสิ, ตถา โหตุ, อหํ เต อิมสฺมึ คุเณ ปสนฺโนติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา อลงฺกตปฏิยตฺโต สกฺโก อตฺตโน อานุภาเวน อากาเส ตฺวา ‘‘กจฺจานิ ตฺวํ มา ภายิ, ปุตฺโต จ เต สุณิสา จ มมานุภาเวน อาคนฺตฺวา อนฺตรามคฺเค ตํ ขมาเปตฺวา อาทาย คมิสฺสนฺติ, อปฺปมตฺตา โหหี’’ติ วตฺวา อตฺตโน านเมว คโต. เตปิ สกฺกานุภาเวน ตสฺสา คุณํ อนุสฺสริตฺวา ‘‘กหํ โน มาตา’’ติ อนฺโตคาเม มนุสฺเส ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สุสานาภิมุขํ คตา’’ติ สุตฺวา ‘‘อมฺม, อมฺมา’’ติ สุสานมคฺคํ ปฏิปชฺชิตฺวา ตํ ทิสฺวาว ปาเทสุ ปติตฺวา ‘‘อมฺม, อมฺหากํ โทสํ ขมาหี’’ติ ตํ ขมาเปสุํ. สาปิ นตฺตารํ คณฺหิ. อิติ เต สมฺโมทมานา เคหํ คนฺตฺวา ตโต ปฏฺาย สมคฺควาสํ วสึสุ.

.

‘‘สา กาติยานี สุณิสาย สทฺธึ, สมฺโมทมานา ฆรมาวสิตฺถ;

ปุตฺโต จ นตฺตา จ อุปฏฺหึสุ, เทวานมินฺเทน อธิคฺคหีตา’’ติ. –

อยํ อภิสมฺพุทฺธคาถา.

ตตฺถ สา กาติยานีติ ภิกฺขเว, สา กจฺจานโคตฺตา. เทวานมินฺเทน อธิคฺคหีตาติ เทวินฺเทน สกฺเกน อนุคฺคหิตา หุตฺวา ตสฺสานุภาเวน สมคฺควาสํ วสึสูติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โส อุปาสโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา มาตุโปสโก เอตรหิ มาตุโปสโก อโหสิ , ภริยาปิสฺส ตทา ภริยาเยว, สกฺโก ปน อหเมว อโหสินฺติ.

กจฺจานิชาตกวณฺณนา ปมา.

[๔๑๘] ๒. อฏฺสทฺทชาตกวณฺณนา

อิทํ ปุเร นินฺนมาหูติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสลรฺโ อฑฺฒรตฺตสมเย สุตํ ภึสนกํ อวินิพฺโภคสทฺทํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา โลหกุมฺภิชาตเก (ชา. ๑.๔.๕๓ อาทโย) กถิตสทิสเมว. อิธ ปน สตฺถา ‘‘มยฺหํ, ภนฺเต, อิเมสํ สทฺทานํ สุตตฺตา กินฺติ ภวิสฺสตี’’ติ วุตฺเต ‘‘มา ภายิ, มหาราช, น เต เอเตสํ สุตปจฺจยา โกจิ อนฺตราโย ภวิสฺสติ, น หิ, มหาราช, เอวรูปํ ภยานกํ อวินิพฺโภคสทฺทํ ตฺวเมเวโก สุณิ, ปุพฺเพปิ ราชาโน เอวรูปํ สทฺทํ สุตฺวา พฺราหฺมณานํ กถํ คเหตฺวา สพฺพจตุกฺกยฺํ ยชิตุกามา ปณฺฑิตานํ วจนํ สุตฺวา ยฺหรณตฺถาย คหิตสตฺเต วิสฺสชฺเชตฺวา นคเร มาฆาตเภรึ จราเปสุ’’นฺติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อสีติโกฏิวิภเว พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ อุคฺคหิตสิปฺโป มาตาปิตูนํ อจฺจเยน รตนวิโลกนํ กตฺวา สพฺพํ วิภวชาตํ ทานมุเข วิสฺสชฺเชตฺวา กาเม ปหาย หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ฌานาภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา อปรภาเค โลณมฺพิลเสวนตฺถาย มนุสฺสปถํ จรนฺโต พาราณสึ ปตฺวา ราชุยฺยาเน วสิ. ตทา พาราณสิราชา สิริสยเน นิสินฺโน อฑฺฒรตฺตสมเย อฏฺ สทฺเท อสฺโสสิ – ปมํ ราชนิเวสนสามนฺตา อุยฺยาเน เอโก พโก สทฺทมกาสิ, ทุติยํ ตสฺมึ สทฺเท อนุปจฺฉินฺเนเยว หตฺถิสาลาย โตรณนิวาสินี กากี สทฺทมกาสิ, ตติยํ ราชเคเห กณฺณิกายํ นิวุตฺถฆุณปาณโก สทฺทมกาสิ, จตุตฺถํ ราชเคเห โปสาวนิยโกกิโล สทฺทมกาสิ, ปฺจมํ ตตฺเถว โปสาวนิยมิโค สทฺทมกาสิ, ฉฏฺํ ตตฺเถว โปสาวนิยวานโร สทฺทมกาสิ, สตฺตมํ ตตฺเถว โปสาวนิยกินฺนโร สทฺทมกาสิ, อฏฺมํ ตสฺมึ สทฺเท อนุปจฺฉินฺเนเยว ราชนิเวสนมตฺถเกน อุยฺยานํ คจฺฉนฺโต ปจฺเจกพุทฺโธ เอกํ อุทานํ อุทาเนนฺโต สทฺทมกาสิ.

พาราณสิราชา อิเม อฏฺ สทฺเท สุตฺวา ภีตตสิโต ปุนทิวเส พฺราหฺมเณ ปุจฺฉิ. พฺราหฺมณา ‘‘อนฺตราโย เต, มหาราช, ภวิสฺสติ, สพฺพจตุกฺกยฺํ ยชิสฺสามา’’ติ วตฺวา รฺา ‘‘ยถารุจิตํ กโรถา’’ติ อนุฺาตา หฏฺปหฏฺา ราชกุลโต นิกฺขมิตฺวา ยฺกมฺมํ อารภึสุ. อถ เนสํ เชฏฺกสฺส ยฺการพฺราหฺมณสฺส อนฺเตวาสี มาณโว ปณฺฑิโต พฺยตฺโต อาจริยํ อาห – ‘‘อาจริย, เอวรูปํ กกฺขฬํ ผรุสํ อสาตํ พหูนํ สตฺตานํ วินาสกมฺมํ มา กรี’’ติ. ‘‘ตาต, ตฺวํ กึ ชานาสิ, สเจปิ อฺํ กิฺจิ น ภวิสฺสติ, มจฺฉมํสํ ตาว พหุํ ขาทิตุํ ลภิสฺสามา’’ติ. ‘‘อาจริย, กุจฺฉึ นิสฺสาย นิรเย นิพฺพตฺตนกมฺมํ มา กโรถา’’ติ. ตํ สุตฺวา เสสพฺราหฺมณา ‘‘อยํ อมฺหากํ ลาภนฺตรายํ กโรตี’’ติ ตสฺส กุชฺฌึสุ. มาณโว เตสํ ภเยน ‘‘เตน หิ ตุมฺเหว มจฺฉมํสขาทนูปายํ กโรถา’’ติ วตฺวา นิกฺขมิตฺวา พหินคเร ราชานํ นิวาเรตุํ สมตฺถํ ธมฺมิกสมณพฺราหฺมณํ อุปธาเรนฺโต ราชุยฺยานํ คนฺตฺวา โพธิสตฺตํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, กึ ตุมฺหากํ สตฺเตสุ อนุกมฺปา นตฺถิ, ราชา พหู สตฺเต มาเรตฺวา ยฺํ ยชาเปติ, กึ โว มหาชนสฺส พนฺธนโมกฺขํ กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อาห. ‘‘มาณว, เอตฺถ เนว ราชา อมฺเห ชานาติ, น มยํ ราชานํ ชานามา’’ติ. ‘‘ชานาถ ปน, ภนฺเต, รฺา สุตสทฺทานํ นิปฺผตฺติ’’นฺติ? ‘‘อาม, ชานามี’’ติ. ‘‘ชานนฺตา รฺโ กสฺมา น กเถถา’’ติ? ‘‘มาณว กึ สกฺกา ‘อหํ ชานามี’ติ นลาเฏ สิงฺคํ พนฺธิตฺวา จริตุํ, สเจ อิธาคนฺตฺวา ปุจฺฉิสฺสติ, กเถสฺสามี’’ติ.

มาณโว เวเคน ราชกุลํ คนฺตฺวา ‘‘กึ, ตาตา’’ติ วุตฺเต ‘‘มหาราช, ตุมฺเหหิ สุตสทฺทานํ นิปฺผตฺตึ ชานนโก เอโก ตาปโส ตุมฺหากํ อุยฺยาเน มงฺคลสิลายํ นิสินฺโน ‘สเจ มํ ปุจฺฉิสฺสติ, กเถสฺสามี’ติ วทติ, คนฺตฺวา ตํ ปุจฺฉิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อาห. ราชา เวเคน ตตฺถ คนฺตฺวา ตาปสํ วนฺทิตฺวา กตปฏิสนฺถาโร นิสีทิตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร, ภนฺเต, ตุมฺเห มยา สุตสทฺทานํ นิปฺผตฺตึ ชานาถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ‘‘เตน หิ กเถถ ตํ เม’’ติ. ‘‘มหาราช, เตสํ สุตปจฺจยา ตว โกจิ อนฺตราโย นตฺถิ , โปราณุยฺยาเน ปน เต เอโก พโก อตฺถิ, โส โคจรํ อลภนฺโต ชิฆจฺฉาย ปเรโต ปมํ สทฺทมกาสี’’ติ ตสฺส กิริยํ อตฺตโน าเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา ปมํ คาถมาห –

๑๐.

‘‘อิทํ ปุเร นินฺนมาหุ, พหุมจฺฉํ มโหทกํ;

อาวาโส พกราชสฺส, เปตฺติกํ ภวนํ มม;

ตฺยชฺช เภเกน ยาเปม, โอกํ น วิชหามเส’’ติ.

ตตฺถ อิทนฺติ มงฺคลโปกฺขรณึ สนฺธาย วทติ. สา หิ ปุพฺเพ อุทกตุมฺเพน อุทเก ปวิสนฺเต มโหทกา พหุมจฺฉา, อิทานิ ปน อุทกสฺส ปจฺฉินฺนตฺตา น มโหทกา ชาตา. ตฺยชฺช เภเกนาติ เต มยํ อชฺช มจฺเฉ อลภนฺตา มณฺฑูกมตฺเตน ยาเปม. โอกนฺติ เอวํ ชิฆจฺฉาย ปีฬิตาปิ วสนฏฺานํ น วิชหาม.

อิติ, มหาราช, โส พโก ชิฆจฺฉาปีฬิโต สทฺทมกาสิ. สเจปิ ตํ ชิฆจฺฉาโต โมเจตุกาโม, ตํ อุยฺยานํ โสธาเปตฺวา โปกฺขรณึ อุทกสฺส ปูเรหีติ. ราชา ตถา กาเรตุํ เอกํ อมจฺจํ อาณาเปสิ.

‘‘หตฺถิสาลโตรเณ ปน เต, มหาราช, เอกา กากี วสมานา อตฺตโน ปุตฺตโสเกน ทุติยํ สทฺทมกาสิ, ตโตปิ เต ภยํ นตฺถี’’ติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –

๑๑.

‘‘โก ทุติยํ อสีลิสฺส, พนฺธรสฺสกฺขิ เภจฺฉติ;

โก เม ปุตฺเต กุลาวกํ, มฺจ โสตฺถึ กริสฺสตี’’ติ.

วตฺวา จ ปน ‘‘โก นาม เต, มหาราช, หตฺถิสาลาย หตฺถิเมณฺโฑ’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘พนฺธโร นาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เอกกฺขิกาโณ โส, มหาราชา’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. มหาราช, หตฺถิสาลาย เต ทฺวารโตรเณ เอกา กากี กุลาวกํ กตฺวา อณฺฑกานิ นิกฺขิปิ. ตานิ ปริณตานิ กากโปตกา นิกฺขนฺตา, หตฺถิเมณฺโฑ หตฺถึ อารุยฺห สาลโต นิกฺขมนฺโต จ ปวิสนฺโต จ องฺกุสเกน กากิมฺปิ ปุตฺตเกปิสฺสา ปหรติ, กุลาวกมฺปิ วิทฺธํเสติ. สา เตน ทุกฺเขน ปีฬิตา ตสฺส อกฺขิเภทนํ อายาจนฺตี เอวมาห, สเจ เต กากิยา เมตฺตจิตฺตํ อตฺถิ, เอตํ พนฺธรํ ปกฺโกสาเปตฺวา กุลาวกวิทฺธํสนโต วาเรหีติ . ราชา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ปริภาสิตฺวา หาเรตฺวา อฺสฺส ตํ หตฺถึ อทาสิ.

‘‘ปาสาทกณฺณิกาย ปน เต, มหาราช, เอโก ฆุณปาณโก วสติ. โส ตตฺถ เผคฺคุํ ขาทิตฺวา ตสฺมึ ขีเณ สารํ ขาทิตุํ นาสกฺขิ, โส ภกฺขํ อลภิตฺวา นิกฺขมิตุมฺปิ อสกฺโกนฺโต ปริเทวมาโน ตติยํ สทฺทมกาสิ, ตโตปิ เต ภยํ นตฺถี’’ติ วตฺวา ตสฺส กิริยํ อตฺตโน าเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา ตติยํ คาถมาห –

๑๒.

‘‘สพฺพา ปริกฺขตา เผคฺคุ, ยาว ตสฺสา คตี อหุ;

ขีณภกฺโข มหาราช, สาเร น รมตี ฆุโณ’’ติ.

ตตฺถ ยาว ตสฺสา คตี อหูติ ยาว ตสฺสา เผคฺคุยา นิปฺผตฺติ อโหสิ, สา สพฺพา ขาทิตา. น รมตีติ ‘‘มหาราช, โส ปาณโก ตโต นิกฺขมิตฺวา คมนฏฺานมฺปิ อปสฺสนฺโต ปริเทวติ, นีหราเปหิ น’’นฺติ อาห. ราชา เอกํ ปุริสํ อาณาเปตฺวา อุปาเยน นํ นีหราเปสิ.

‘‘นิเวสเน ปน เต, มหาราช, เอกา โปสาวนิยา โกกิลา อตฺถี’’ติ? ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘มหาราช, สา อตฺตนา นิวุตฺถปุพฺพํ วนสณฺฑํ สริตฺวา อุกฺกณฺิตฺวา ‘กทา นุ โข อิมมฺหา ปฺชรา มุจฺจิตฺวา รมณียํ วนสณฺฑํ คจฺฉิสฺสามี’ติ จตุตฺถํ สทฺทมกาสิ, ตโตปิ เต ภยํ นตฺถี’’ติ วตฺวา จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๓.

‘‘สา นูนาหํ อิโต คนฺตฺวา, รฺโ มุตฺตา นิเวสนา;

อตฺตานํ รมยิสฺสามิ, ทุมสาขนิเกตินี’’ติ.

ตตฺถ ทุมสาขนิเกตินีติ สุปุปฺผิตาสุ รุกฺขสาขาสุ สกนิเกตา หุตฺวา. เอวฺจ ปน วตฺวา ‘‘อุกฺกณฺิตา, มหาราช, สา โกกิลา, วิสฺสชฺเชหิ น’’นฺติ อาห. ราชา ตถา กาเรสิ.

‘‘นิเวสเน ปน เต, มหาราช, เอโก โปสาวนิโย มิโค อตฺถี’’ติ? ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘มหาราช, โส เอโก ยูถปติ อตฺตโน มิคึ อนุสฺสริตฺวา กิเลสวเสน อุกฺกณฺิโต ปฺจมํ สทฺทมกาสิ, ตโตปิ เต ภยํ นตฺถี’’ติ วตฺวา ปฺจมํ คาถมาห –

๑๔.

‘‘โส นูนาหํ อิโต คนฺตฺวา, รฺโ มุตฺโต นิเวสนา;

อคฺโคทกานิ ปิสฺสามิ, ยูถสฺส ปุรโต วช’’นฺติ.

ตตฺถ อคฺโคทกานีติ อคฺคอุทกานิ, อฺเหิ มิเคหิ ปมตรํ อปีตานิ อนุจฺฉิฏฺโทกานิ ยูถสฺส ปุรโต คจฺฉนฺโต กทา นุ โข ปิวิสฺสามีติ.

มหาสตฺโต ตมฺปิ มิคํ วิสฺสชฺชาเปตฺวา ‘‘นิเวสเน ปน เต, มหาราช, โปสาวนิโย มกฺกโฏ อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘โสปิ, มหาราช, หิมวนฺตปเทเส ยูถปติ มกฺกฏีหิ สทฺธึ กามคิทฺโธ หุตฺวา วิจรนฺโต ภรเตน นาม ลุทฺเทน อิธ อานีโต, อิทานิ อุกฺกณฺิตฺวา ตตฺเถว คนฺตุกาโม ฉฏฺํ สทฺทมกาสิ, ตโตปิ เต ภยํ นตฺถี’’ติ วตฺวา ฉฏฺํ คาถมาห –

๑๕.

‘‘ตํ มํ กาเมหิ สมฺมตฺตํ, รตฺตํ กาเมสุ มุจฺฉิตํ;

อานยี ภรโต ลุทฺโท, พาหิโก ภทฺทมตฺถุ เต’’ติ.

ตตฺถ พาหิโกติ พาหิกรฏฺวาสี. ภทฺทมตฺถุ เตติ อิมมตฺถํ โส วานโร อาห, ตุยฺหํ ปน ภทฺทมตฺถุ, วิสฺสชฺเชหิ นนฺติ.

มหาสตฺโต ตํ วานรํ วิสฺสชฺชาเปตฺวา ‘‘นิเวสเน ปน เต, มหาราช, โปสาวนิโย กินฺนโร อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อตฺถี’’ติ วุตฺเต ‘‘โส, มหาราช, อตฺตโน กินฺนริยา กตคุณํ อนุสฺสริตฺวา กิเลสาตุโร สทฺทมกาสิ. โส หิ ตาย สทฺธึ เอกทิวสํ ตุงฺคปพฺพตสิขรํ อารุหิ. เต ตตฺถ วณฺณคนฺธรสสมฺปนฺนานิ นานาปุปฺผานิ โอจินนฺตา ปิฬนฺธนฺตา สูริยํ อตฺถงฺคตํ น สลฺลกฺเขสุํ, อตฺถงฺคเต สูริเย โอตรนฺตานํ อนฺธกาโร อโหสิ. ตตฺร นํ กินฺนรี ‘สามิ, อนฺธกาโร วตฺตติ, อปกฺขลนฺโต อปฺปมาเทน โอตราหี’ติ วตฺวา หตฺเถ คเหตฺวา โอตาเรสิ, โส ตาย ตํ วจนํ อนุสฺสริตฺวา สทฺทมกาสิ, ตโตปิ เต ภยํ นตฺถี’’ติ ตํ การณํ อตฺตโน าณพเลน ปริจฺฉินฺทิตฺวา ปากฏํ กโรนฺโต สตฺตมํ คาถมาห –

๑๖.

‘‘อนฺธการติมิสายํ, ตุงฺเค อุปริปพฺพเต;

สา มํ สณฺเหน มุทุนา, มา ปาทํ ขลิ ยสฺมนี’’ติ.

ตตฺถ อนฺธการติมิสายนฺติ อนฺธภาวการเก ตเม. ตุงฺเคติ ติขิเณ. สณฺเหน มุทุนาติ มฏฺเน มุทุเกน วจเนน. มา ปาทํ ขลิ ยสฺมนีติ ย-กาโร พฺยฺชนสนฺธิวเสน คหิโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สา มํ กินฺนรี สณฺเหน มุทเกน วจเนน ‘‘สามิ, อปฺปมตฺโต โหหิ, มา ปาทํ ขลิ อสฺมนิ, ยถา เต อุปกฺขลิตฺวา ปาโท ปาสาณสฺมึ น ขลติ, ตถา โอตรา’’ติ วตฺวา หตฺเถน คเหตฺวา โอตาเรสีติ.

อิติ มหาสตฺโต กินฺนเรน กตสทฺทการณํ กเถตฺวา ตํ วิสฺสชฺชาเปตฺวา ‘‘มหาราช, อฏฺโม อุทานสทฺโท อโหสิ. นนฺทมูลกปพฺภารสฺมึ กิร เอโก ปจฺเจกพุทฺโธ อตฺตโน อายุสงฺขารปริกฺขยํ ตฺวา ‘มนุสฺสปถํ คนฺตฺวา พาราณสิรฺโ อุยฺยาเน ปรินิพฺพายิสฺสามิ, ตสฺส เม มนุสฺสา สรีรนิกฺเขปํ กาเรตฺวา สาธุกีฬํ กีฬิตฺวา ธาตุปูชํ กตฺวา สคฺคปถํ ปูเรสฺสนฺตี’ติ อิทฺธานุภาเวน อาคจฺฉนฺโต ตว ปาสาทสฺส มตฺถกํ ปตฺตกาเล ขนฺธภารํ โอตาเรตฺวา นิพฺพานปุรปเวสนทีปนํ อุทานํ อุทาเนสี’’ติ ปจฺเจกพุทฺเธน วุตฺตํ คาถมาห –

๑๗.

‘‘อสํสยํ ชาติขยนฺตทสฺสี, น คพฺภเสยฺยํ ปุนราวชิสฺสํ;

อยมนฺติมา ปจฺฉิมา คพฺภเสยฺยา, ขีโณ เม สํสาโร ปุนพฺภวายา’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ชาติยา ขยนฺตสงฺขาตสฺส นิพฺพานสฺส ทิฏฺตฺตา ชาติขยนฺตทสฺสี อหํ อสํสยํ ปุน คพฺภเสยฺยํ น อาวชิสฺสํ, อยํ เม อนฺติมา ชาติ, ปจฺฉิมา คพฺภเสยฺยา, ขีโณ เม ปุนพฺภวาย ขนฺธปฏิปาฏิสงฺขาโต สํสาโรติ.

‘‘อิทฺจ ปน โส อุทานํ วตฺวา อิมํ อุยฺยานวนํ อาคมฺม เอกสฺส สุปุปฺผิตสฺส สาลสฺส มูเล ปรินิพฺพุโต, เอหิ, มหาราช, สรีรกิจฺจมสฺส กริสฺสามา’’ติ มหาสตฺโต ราชานํ คเหตฺวา ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปรินิพฺพุตฏฺานํ คนฺตฺวา สรีรํ ทสฺเสสิ. ราชา ตสฺส สรีรํ ทิสฺวา สทฺธึ พลกาเยน คนฺธมาลาทีหิ ปูเชตฺวา โพธิสตฺตสฺส วจนํ นิสฺสาย ยฺํ หาเรตฺวา สพฺพสตฺตานํ ชีวิตทานํ ทตฺวา นคเร มาฆาตเภรึ จราเปตฺวา สตฺตาหํ สาธุกีฬํ กีฬิตฺวา สพฺพคนฺธจิตเก มหนฺเตน สกฺกาเรน ปจฺเจกพุทฺธสฺส สรีรํ ฌาเปตฺวา ธาตุโย จตุมหาปเถ ถูปํ กาเรสิ. โพธิสตฺโตปิ รฺโ ธมฺมํ เทเสตฺวา ‘‘อปฺปมตฺโต โหหี’’ติ โอวทิตฺวา หิมวนฺตเมว ปวิสิตฺวา พฺรหฺมวิหาเรสุ ปริกมฺมํ กตฺวา อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘มหาราช, ตสฺส สทฺทสฺส สุตการณา ตว โกจิ อนฺตราโย นตฺถี’’ติ ยฺํ หราเปตฺวา ‘‘มหาชนสฺส ชีวิตํ เทหี’’ติ ชีวิตทานํ ทาเปตฺวา นคเร ธมฺมเภรึ จราเปตฺวา ธมฺมํ เทเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, มาณโว สาริปุตฺโต, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

อฏฺสทฺทชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๔๑๙] ๓. สุลสาชาตกวณฺณนา

อิทํสุวณฺณกายูรนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อนาถปิณฺฑิกสฺส ทาสึ อารพฺภ กเถสิ. สา กิร เอกสฺมึ อุสฺสวทิวเส ทาสิคเณน สทฺธึ อุยฺยานํ คจฺฉนฺตี อตฺตโน สามินึ ปุฺลกฺขณเทวึ อาภรณํ ยาจิ. สา ตสฺสา สตสหสฺสมูลํ อตฺตโน อาภรณํ อทาสิ. สา ตํ ปิฬนฺธิตฺวา ทาสิคเณน สทฺธึ อุยฺยานํ ปาวิสิ. อเถโก โจโร ตสฺสา อาภรเณ โลภํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘อิมํ มาเรตฺวา อาภรณํ หริสฺสามี’’ติ ตาย สทฺธึ สลฺลปนฺโต อุยฺยานํ คนฺตฺวา ตสฺสา มจฺฉมํสสุราทีนิ อทาสิ. สา ‘‘กิเลสวเสน เทติ มฺเ’’ติ คเหตฺวา อุยฺยานกีฬํ กีฬิตฺวา วีมํสนตฺถาย สายนฺหสมเย นิปนฺเน ทาสิคเณ อุฏฺาย ตสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. โส ‘‘ภทฺเท, อิมํ านํ อปฺปฏิจฺฉนฺนํ, โถกํ ปุรโต คจฺฉามา’’ติ อาห. ตํ สุตฺวา อิตรา ‘‘อิมสฺมึ าเน สกฺกา รหสฺสกมฺมํ กาตุํ, อยํ ปน นิสฺสํสยํ มํ มาเรตฺวา ปิฬนฺธนภณฺฑํ หริตุกาโม ภวิสฺสติ, โหตุ, สิกฺขาเปสฺสามิ น’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘สามิ, สุรามเทน เม สุกฺขํ สรีรํ, ปานียํ ตาว มํ ปาเยหี’’ติ เอกํ กูปํ เนตฺวา ‘‘อิโต เม ปานียํ โอสิฺจา’’ติ รชฺชุฺจ ฆฏฺจ ทสฺเสสิ. โจโร รชฺชุํ กูเป โอตาเรสิ, อถ นํ โอนมิตฺวา อุทกํ โอสิฺจนฺตํ มหพฺพลทาสี อุโภหิ หตฺเถหิ อาณิสทํ ปหริตฺวา กูเป ขิปิตฺวา ‘‘น ตฺวํ เอตฺตเกน มริสฺสสี’’ติ เอกํ มหนฺตํ อิฏฺกํ มตฺถเก อาสุมฺภิ. โส ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปตฺโต. สาปิ นครํ ปวิสิตฺวา สามินิยา อาภรณํ ททมานา ‘‘มนมฺหิ อชฺช อิมํ อาภรณํ นิสฺสาย มตา’’ติ สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ, สาปิ อนาถปิณฺฑิกสฺส อาโรเจสิ, อนาถปิณฺฑิโก ตถาคตสฺส อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘น โข, คหปติ, อิทาเนว สา ทาสี านุปฺปตฺติกาย ปฺาย สมนฺนาคตา, ปุพฺเพปิ สมนฺนาคตาว, น จ อิทาเนว ตาย โส มาริโต, ปุพฺเพปิ นํ มาเรสิเยวา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต สุลสา นาม นครโสภินี ปฺจสตวณฺณทาสิปริวารา อโหสิ, สหสฺเสน รตฺตึ คจฺฉติ. ตสฺมึเยว นคเร สตฺตุโก นาม โจโร อโหสิ นาคพโล, รตฺติภาเค อิสฺสรฆรานิ ปวิสิตฺวา ยถารุจึ วิลุมฺปติ. นาครา สนฺนิปติตฺวา รฺโ อุปกฺโกสึสุ. ราชา นครคุตฺติกํ อาณาเปตฺวา ตตฺถ ตตฺถ คุมฺพํ ปาเปตฺวา โจรํ คณฺหาเปตฺวา ‘‘สีสมสฺส ฉินฺทถา’’ติ อาห. ตํ ปจฺฉาพาหํ พนฺธิตฺวา จตุกฺเก จตุกฺเก กสาหิ ตาเฬตฺวา อาฆาตนํ เนนฺติ. ‘‘โจโร กิร คหิโต’’ติ สกลนครํ สงฺขุภิ. ตทา สุลสา วาตปาเน ตฺวา อนฺตรวีถึ โอโลเกนฺตี ตํ ทิสฺวา ปฏิพทฺธจิตฺตา หุตฺวา ‘‘สเจ อิมํ โจโรติ คหิตปุริสํ โมเจตุํ สกฺขิสฺสามิ, อิทํ กิลิฏฺกมฺมํ อกตฺวา อิมินาว สทฺธึ สมคฺควาสํ กปฺเปสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เหฏฺา กณเวรชาตเก (ชา. ๑.๔.๖๙ อาทโย) วุตฺตนเยเนว นครคุตฺติกสฺส สหสฺสํ เปเสตฺวา ตํ โมเจตฺวา เตน สทฺธึ สมฺโมทมานา สมคฺควาสํ วสิ. โจโร ติณฺณํ จตุนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน จินฺเตสิ ‘‘อหํ อิมสฺมึเยว าเน วสิตุํ น สกฺขิสฺสามิ, ตุจฺฉหตฺเถน ปลายิตุมฺปิ น สกฺกา, สุลสาย ปิฬนฺธนภณฺฑํ สตสหสฺสํ อคฺฆติ, สุลสํ มาเรตฺวา อิทํ คณฺหิสฺสามี’’ติ. อถ นํ เอกทิวสํ อาห – ‘‘ภทฺเท, อหํ ตทา ราชปุริเสหิ นียมาโน อสุกปพฺพตมตฺถเก รุกฺขเทวตาย พลิกมฺมํ ปฏิสฺสุณึ, สา มํ พลิกมฺมํ อลภมานา ภายาเปติ, พลิกมฺมมสฺสา กโรมา’’ติ. ‘‘สาธุ, สามิ, สชฺเชตฺวา เปเสหี’’ติ. ‘‘ภทฺเท, เปเสตุํ น วฏฺฏติ, มยํ อุโภปิ สพฺพาภรณปฏิมณฺฑิตา มหนฺเตน ปริวาเรน คนฺตฺวา ทสฺสามา’’ติ. ‘‘สาธุ, สามิ, ตถา กโรมา’’ติ.

อถ นํ ตถา กาเรตฺวา ปพฺพตปาทํ คตกาเล อาห – ‘‘ภทฺเท, มหาชนํ ทิสฺวา เทวตา พลิกมฺมํ น สมฺปฏิจฺฉิสฺสติ, มยํ อุโภว อภิรุหิตฺวา เทมา’’ติ. โส ตาย ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิโต ตํ พลิปาตึ อุกฺขิปาเปตฺวา สยํ สนฺนทฺธปฺจาวุโธ หุตฺวา ปพฺพตมตฺถกํ อภิรุหิตฺวา เอกํ สตโปริสปปาตํ นิสฺสาย ชาตรุกฺขมูเล พลิภาชนํ ปาเปตฺวา ‘‘ภทฺเท, นาหํ พลิกมฺมตฺถาย อาคโต, ตํ ปน มาเรตฺวา ปิฬนฺธนํ เต คเหตฺวา คมิสฺสามีติ อาคโตมฺหิ, ตว ปิฬนฺธนํ โอมุฺจิตฺวา อุตฺตรสาฏเกน ภณฺฑิกํ กโรหี’’ติ อาห. ‘‘สามิ, มํ กสฺมา มาเรสี’’ติ? ‘‘ธนการณา’’ติ. ‘‘สามิ, มยา กตคุณํ อนุสฺสร, อหํ ตํ พนฺธิตฺวา นียมานํ เสฏฺิปุตฺเตน ปริวตฺเตตฺวา พหุํ ธนํ ทตฺวา ชีวิตํ ลภาเปสึ, เทวสิกํ สหสฺสํ ลภมานาปิ อฺํ ปุริสํ น โอโลเกมิ, เอวฺหิ ตว อุปการิกํ มา มํ มาเรหิ, พหุฺจ เต ธนํ ทสฺสามิ, ตว ทาสี จ ภวิสฺสามี’’ติ ยาจนฺตี ปมํ คาถมาห –

๑๘.

‘‘อิทํ สุวณฺณกายูรํ, มุตฺตา เวฬุริยา พหู;

สพฺพํ หรสฺสุ ภทฺทนฺเต, มฺจ ทาสีติ สาวยา’’ติ.

ตตฺถ กายูรนฺติ คีวายํ ปิฬนฺธนปสาธนํ กายูรํ. สาวยาติ มหาชนมชฺเฌ สาเวตฺวา ทาสึ กตฺวา คณฺหาติ.

ตโต สตฺตุเกน –

๑๙.

‘‘โอโรปยสฺสุ กลฺยาณิ, มา พาฬฺหํ ปริเทวสิ;

น จาหํ อภิชานามิ, อหนฺตฺวา ธนมาภต’’นฺติ. –

อตฺตโน อชฺฌาสยานุรูปํ ทุติยคาถาย วุตฺตาย สุลสา านุปฺปตฺติการณํ ปฏิลภิตฺวา ‘‘อยํ โจโร มยฺหํ ชีวิตํ น ทสฺสติ, อุปาเยน นํ ปมตรํ ปปาเต ปาเตตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา คาถาทฺวยมาห –

๒๐.

‘‘ยโต สรามิ อตฺตานํ, ยโต ปตฺตาสฺมิ วิฺุตํ;

น จาหํ อภิชานามิ, อฺํ ปิยตรํ ตยา.

๒๑.

‘‘เอหิ ตํ อุปคูหิสฺสํ, กริสฺสฺจ ปทกฺขิณํ;

น หิ ทานิ ปุน อตฺถิ, มม ตุยฺหฺจ สงฺคโม’’ติ.

สตฺตุโก ตสฺสาธิปฺปายํ อชานนฺโต ‘‘สาธุ, ภทฺเท, เอหิ อุปคูหสฺสุ ม’’นฺติ อาห. สุลสา ตํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา อุปคูหิตฺวา ‘‘อิทานิ ตํ, สามิ, จตูสุ ปสฺเสสุ วนฺทิสฺสามี’’ติ วตฺวา ปาทปิฏฺิยํ สีสํ เปตฺวา พาหุปสฺเส วนฺทิตฺวา ปจฺฉิมปสฺสํ คนฺตฺวา วนฺทมานา วิย หุตฺวา นาคพลา คณิกา โจรํ ทฺวีสุ ปจฺฉาปาเทสุ คเหตฺวา เหฏฺา สีสํ กตฺวา สตโปริเส นรเก ขิปิ. โส ตตฺเถว จุณฺณวิจุณฺณํ ปตฺวา มริ. ตํ กิริยํ ทิสฺวา ปพฺพตมตฺถเก นิพฺพตฺตเทวตา อิมา คาถา อภาสิ –

๒๒.

‘‘น หิ สพฺเพสุ าเนสุ, ปุริโส โหติ ปณฺฑิโต;

อิตฺถีปิ ปณฺฑิตา โหติ, ตตฺถ ตตฺถ วิจกฺขณา.

๒๓.

‘‘น หิ สพฺเพสุ าเนสุ, ปุริโส โหติ ปณฺฑิโต;

อิตฺถีปิ ปณฺฑิตา โหติ, ลหุํ อตฺถํ วิจินฺติกา.

๒๔.

‘‘ลหุฺจ วต ขิปฺปฺจ, นิกฏฺเ สมเจตยิ;

มิคํ ปุณฺณายเตเนว, สุลสา สตฺตุกํ วธิ.

๒๕.

‘‘โยธ อุปฺปติตํ อตฺถํ, น ขิปฺปมนุพุชฺฌติ;

โส หฺติ มนฺทมติ, โจโรว คิริคพฺภเร.

๒๖.

‘‘โย จ อุปฺปติตํ อตฺถํ, ขิปฺปเมว นิโพธติ;

มุจฺจเต สตฺตุสมฺพาธา, สุลสา สตฺตุกามิวา’’ติ.

ตตฺถ ปณฺฑิตา โหตีติ อิตฺถีปิ ปณฺฑิตา ตตฺถ ตตฺถ วิจกฺขณา โหติ, อถ วา อิตฺถี ปณฺฑิตา เจว ตตฺถ ตตฺถ วิจกฺขณา จ โหติ. ลหุํ อตฺถํ วิจินฺติกาติ ลหุํ ขิปฺปํ อตฺถํ วิจินฺติกา. ลหุฺจ วตาติ อทนฺธฺจ วต. ขิปฺปฺจาติ อจิเรเนว. นิกฏฺเ สมเจตยีติ สนฺติเก ิตาว ตสฺส มรณูปายํ จินฺเตสิ. ปุณฺณายเตเนวาติ ปูริตธนุสฺมึ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา เฉโก มิคลุทฺทโก สกณฺฑปุณฺณธนุสฺมึ ขิปฺปํ มิคํ วธติ, เอวํ สุลสา สตฺตุกํ วธีติ. โยธาติ โย อิมสฺมึ สตฺตโลเก. นิโพธตีติ ชานาติ. สตฺตุกามิวาติ สตฺตุกา อิว, ยถา สุลสา มุตฺตา, เอวํ มุจฺจตีติ อตฺโถ.

อิติ สุลสา โจรํ วธิตฺวา ปพฺพตา โอรุยฺห อตฺตโน ปริชนสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อยฺยปุตฺโต กห’’นฺติ ปุฏฺา ‘‘มา ตํ ปุจฺฉถา’’ติ วตฺวา รถํ อภิรุหิตฺวา นครเมว ปาวิสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา เต อุโภปิ อิเมเยว อเหสุํ, เทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สุลสาชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๔๒๐] ๔. สุมงฺคลชาตกวณฺณนา

ภุสมฺหิ กุทฺโธติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ราโชวาทสุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. ตทา ปน สตฺถา รฺา ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺโต วยปฺปตฺโต ปิตุ อจฺจเยน รชฺชํ กาเรสิ, มหาทานํ ปวตฺเตสิ. ตสฺส สุมงฺคโล นาม อุยฺยานปาโล อโหสิ. อเถโก ปจฺเจกพุทฺโธ นนฺทมูลกปพฺภารา นิกฺขมิตฺวา จาริกํ จรมาโน พาราณสึ ปตฺวา อุยฺยาเน วสิตฺวา ปุนทิวเส นครํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. ตเมนํ ราชา ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต วนฺทิตฺวา ปาสาทํ อาโรเปตฺวา ราชาสเน นิสีทาเปตฺวา นานคฺครเสหิ ขาทนียโภชนีเยหิ ปริวิสิตฺวา อนุโมทนํ สุตฺวา ปสนฺโน อตฺตโน อุยฺยาเน วสนตฺถาย ปฏิฺํ คาหาเปตฺวา อุยฺยานํ ปเวเสตฺวา สยมฺปิ ภุตฺตปาตราโส ตตฺถ คนฺตฺวา รตฺติฏฺานทิวาฏฺานาทีนิ สํวิทหิตฺวา สุมงฺคลํ นาม อุยฺยานปาลํ เวยฺยาวจฺจกรํ กตฺวา นครํ ปาวิสิ. ปจฺเจกพุทฺโธ ตโต ปฏฺาย นิพทฺธํ ราชเคเห ภุฺชนฺโต ตตฺถ จิรํ วสิ, สุมงฺคโลปิ นํ สกฺกจฺจํ อุปฏฺหิ.

อเถกทิวสํ ปจฺเจกพุทฺโธ สุมงฺคลํ อามนฺเตตฺวา ‘‘อหํ กติปาหํ อสุกคามํ นิสฺสาย วสิตฺวา อาคจฺฉิสฺสามิ, รฺโ อาโรเจหี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. สุมงฺคโลปิ รฺโ อาโรเจสิ. ปจฺเจกพุทฺโธ กติปาหํ ตตฺถ วสิตฺวา สายํ สูริเย อตฺถงฺคเต ตํ อุยฺยานํ ปจฺจาคมิ. สุมงฺคโล ตสฺส อาคตภาวํ อชานนฺโต อตฺตโน เคหํ อคมาสิ. ปจฺเจกพุทฺโธปิ ปตฺตจีวรํ ปฏิสาเมตฺวา โถกํ จงฺกมิตฺวา ปาสาณผลเก นิสีทิ. ตํ ทิวสํ ปน อุยฺยานปาลสฺส ฆรํ ปาหุนกา อาคมึสุ. โส เตสํ สูปพฺยฺชนตฺถาย ‘‘อุยฺยาเน อภยลทฺธํ มิคํ มาเรสฺสามี’’ติ ธนุํ อาทาย อุยฺยานํ คนฺตฺวา มิคํ อุปธาเรนฺโต ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา ‘‘มหามิโค ภวิสฺสตี’’ติ สฺาย สรํ สนฺนยฺหิตฺวา วิชฺฌิ. ปจฺเจกพุทฺโธ สีสํ วิวริตฺวา ‘‘สุมงฺคลา’’ติ อาห. โส สํเวคปฺปตฺโต วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, อหํ ตุมฺหากํ อาคตภาวํ อชานนฺโต ‘มิโค’ติ สฺาย วิชฺฌึ, ขมถ เม’’ติ วตฺวา ‘‘โหตุ ทานิ กึ กริสฺสสิ, เอหิ สรํ ลุฺจิตฺวา คณฺหาหี’’ติ วุตฺเต วนฺทิตฺวา สรํ ลุฺจิ, มหตี เวทนา อุปฺปชฺชิ. ปจฺเจกพุทฺโธ ตตฺเถว ปรินิพฺพายิ. อุยฺยานปาโล ‘‘สเจ ราชา ชานิสฺสติ, นาเสสฺสตี’’ติ ปุตฺตทารํ คเหตฺวา ตโตว ปลายิ. ตาวเทว ‘‘ปจฺเจกพุทฺโธ ปรินิพฺพุโต’’ติ เทวตานุภาเวน สกลนครํ เอกโกลาหลํ ชาตํ.

ปุนทิวเส มนุสฺสา อุยฺยานํ คนฺตฺวา ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา ‘‘อุยฺยานปาโล ปจฺเจกพุทฺธํ มาเรตฺวา ปลาโต’’ติ รฺโ กถยึสุ. ราชา มหนฺเตน ปริวาเรน อุยฺยานํ คนฺตฺวา สตฺตาหํ สรีรปูชํ กตฺวา มหนฺเตน สกฺกาเรน ฌาเปตฺวา ธาตุโย อาทาย เจติยํ กตฺวา ตํ ปูเชนฺโต ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ. สุมงฺคโลปิ เอกสํวจฺฉรํ วีตินาเมตฺวา ‘‘รฺโ จิตฺตํ ชานิสฺสามี’’ติ อาคนฺตฺวา เอกํ อมจฺจํ ปสฺสิตฺวา ‘‘มยิ รฺโ จิตฺตํ ชานาหี’’ติ อาห. อมจฺโจปิ รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตสฺส คุณํ กเถสิ. ราชา อสุณนฺโต วิย อโหสิ. ปุน กิฺจิ อวตฺวา รฺโ อนตฺตมนภาวํ สุมงฺคลสฺส กเถสิ. โส ทุติยสํวจฺฉเรปิ อาคนฺตฺวา ตเถว ราชา ตุณฺหี อโหสิ. ตติยสํวจฺฉเร อาคนฺตฺวา ปุตฺตทารํ คเหตฺวาว อาคมิ. อมจฺโจ รฺโ จิตฺตมุทุภาวํ ตฺวา ตํ ราชทฺวาเร เปตฺวา ตสฺสาคตภาวํ รฺโ กเถสิ. ราชา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘สุมงฺคล, กสฺมา ตยา มม ปุฺกฺเขตฺตํ ปจฺเจกพุทฺโธ มาริโต’’ติ ปุจฺฉิ. โส ‘‘นาหํ, เทว, ‘ปจฺเจกพุทฺธํ มาเรมี’ติ มาเรสึ, อปิจ โข อิมินา นาม การเณน อิทํ นาม อกาสิ’’นฺติ ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิ. อถ นํ ราชา ‘‘เตน หิ มา ภายี’’ติ สมสฺสาเสตฺวา ปุน อุยฺยานปาลเมว อกาสิ.

อถ นํ โส อมจฺโจ ปุจฺฉิ ‘‘เทว, กสฺมา ตุมฺเห ทฺเว วาเร สุมงฺคลสฺส คุณํ สุตฺวาปิ กิฺจิ น กถยิตฺถ, กสฺมา ปน ตติยวาเร สุตฺวา ตํ ปกฺโกสิตฺวา อนุกมฺปิตฺถา’’ติ? ราชา ‘‘ตาต, รฺา นาม กุทฺเธน สหสา กิฺจิ กาตุํ น วฏฺฏติ, เตนาหํ ปุพฺเพ ตุณฺหี หุตฺวา ตติยวาเร สุมงฺคเล มม จิตฺตสฺส มุทุภาวํ ตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปสิ’’นฺติ ราชวตฺตํ กเถนฺโต อิมา คาถา อาห –

๒๗.

‘‘ภุสมฺหิ กุทฺโธติ อเวกฺขิยาน, น ตาว ทณฺฑํ ปณเยยฺย อิสฺสโร;

อฏฺานโส อปฺปติรูปมตฺตโน, ปรสฺส ทุกฺขานิ ภุสํ อุทีรเย.

๒๘.

‘‘ยโต จ ชาเนยฺย ปสาทมตฺตโน, อตฺถํ นิยุฺเชยฺย ปรสฺส ทุกฺกฏํ;

ตทายมตฺโถติ สยํ อเวกฺขิย, อถสฺส ทณฺฑํ สทิสํ นิเวสเย.

๒๙.

‘‘น จาปิ ฌาเปติ ปรํ น อตฺตนํ, อมุจฺฉิโต โย นยเต นยานยํ;

โย ทณฺฑธาโร ภวตีธ อิสฺสโร, ส วณฺณคุตฺโต สิริยา น ธํสติ.

๓๐.

‘‘เย ขตฺติยา เส อนิสมฺมการิโน, ปเณนฺติ ทณฺฑํ สหสา ปมุจฺฉิตา;

อวณฺณสํยุตา ชหนฺติ ชีวิตํ, อิโต วิมุตฺตาปิ จ ยนฺติ ทุคฺคตึ.

๓๑.

‘‘ธมฺเม จ เย อริยปฺปเวทิเต รตา, อนุตฺตรา เต วจสา มนสา กมฺมุนา จ;

เต สนฺติโสรจฺจสมาธิสณฺิตา, วชนฺติ โลกํ ทุภยํ ตถาวิธา.

๓๒.

‘‘ราชาหมสฺมิ นรปมทานมิสฺสโร, สเจปิ กุชฺฌามิ เปมิ อตฺตนํ;

นิเสธยนฺโต ชนตํ ตถาวิธํ, ปเณมิ ทณฺฑํ อนุกมฺป โยนิโส’’ติ.

ตตฺถ อเวกฺขิยานาติ อเวกฺขิตฺวา ชานิตฺวา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตาต, ปถวิสฺสโร ราชา นาม ‘‘อหํ ภุสํ กุทฺโธ พลวโกธาภิภูโต’’ติ ตฺวา อฏฺวตฺถุกาทิเภทํ ทณฺฑํ ปรสฺส น ปณเยยฺย น วตฺเตยฺย. กึการณา? กุทฺโธ หิ อฏฺวตฺถุกํ โสฬสวตฺถุกํ กตฺวา อฏฺาเนน อการเณน อตฺตโน ราชภาวสฺส อนนุรูปํ ‘‘อิมํ เอตฺตกํ นาม อาหรถ, อิทฺจ ตสฺส กโรถา’’ติ ปรสฺส ภุสํ ทุกฺขานิ พลวทุกฺขานิ อุทีรเย.

ยโตติ ยทา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยทา ปน ราชา ปรสฺมึ อุปฺปนฺนํ อตฺตโน ปสาทํ ชาเนยฺย, อถ ปรสฺส ทุกฺกฏํ อตฺถํ นิยุฺเชยฺย อุปปริกฺเขยฺย, ตทา เอวํ นิยุฺชนฺโต ‘‘อยํ นาเมตฺถ อตฺโถ, อยํ เอตสฺส โทโส’’ติ สยํ อตฺตปจฺจกฺขํ กตฺวา อถสฺส อปราธการกสฺส อฏฺวตฺถุกเหตุ อฏฺเว, โสฬสวตฺถุกเหตุ โสฬเสว กหาปเณ คณฺหมาโน ทณฺฑํ สทิสํ กตโทสานุรูปํ นิเวสเย เปยฺย ปวตฺเตยฺยาติ.

อมุจฺฉิโตติ ฉนฺทาทีหิ อคติกิเลเสหิ อมุจฺฉิโต อนภิภูโต หุตฺวา โย นยานยํ นยเต อุปปริกฺขติ, โส เนว ปรํ ฌาเปติ, น อตฺตานํ. ฉนฺทาทิวเสน หิ อเหตุกํ ทณฺฑํ ปวตฺเตนฺโต ปรมฺปิ เตน ทณฺเฑน ฌาเปติ ทหติ ปีเฬติ, อตฺตานมฺปิ ตโตนิทาเนน ปาเปน. อยํ ปน น ปรํ ฌาเปติ, น อตฺตานํ. โย ทณฺฑธาโร ภวตีธ อิสฺสโรติ โย อิธ ปถวิสฺสโร ราชา อิธ สตฺตโลเก โทสานุจฺฉวิกํ ทณฺฑํ ปวตฺเตนฺโต ทณฺฑธาโร โหติ. ส วณฺณคุตฺโตติ คุณวณฺเณน เจว ยสวณฺเณน จ คุตฺโต รกฺขิโต สิริยา น ธํสติ น ปริหายติ . อวณฺณสํยุตา ชหนฺตีติ อธมฺมิกา โลลราชาโน อวณฺเณน ยุตฺตา หุตฺวา ชีวิตํ ชหนฺติ.

ธมฺเม จ เย อริยปฺปเวทิเตติ เย ราชาโน อาจารอริเยหิ ธมฺมิกราชูหิ ปเวทิเต ทสวิเธ ราชธมฺเม รตา. อนุตฺตรา เตติ เต วจสา มนสา กมฺมุนา จ ตีหิปิ เอเตหิ อนุตฺตรา เชฏฺกา. เต สนฺติโสรจฺจสมาธิสณฺิตาติ เต อคติปหาเนน กิเลสสนฺติยฺจ สุสีลฺยสงฺขาเต โสรจฺเจ จ เอกคฺคตาสมาธิมฺหิ จ สณฺิตา ปติฏฺิตา ธมฺมิกราชาโน. วชนฺติ โลกํ ทุภยนฺติ ธมฺเมน รชฺชํ กาเรตฺวา มนุสฺสโลกโต เทวโลกํ, เทวโลกโต มนุสฺสโลกนฺติ อุภยโลกเมว วชนฺติ, นิรยาทีสุ น นิพฺพตฺตนฺติ. นรปมทานนฺติ นรานฺจ นารีนฺจ. เปมิ อตฺตนนฺติ กุทฺโธปิ โกธวเสน อคนฺตฺวา อตฺตานํ โปราณกราชูหิ ปิตนยสฺมึเยว ธมฺเม เปมิ, วินิจฺฉยธมฺมํ น ภินฺทามีติ.

เอวํ ฉหิ คาถาหิ รฺา อตฺตโน คุเณ กถิเต สพฺพาปิ ราชปริสา ตุฏฺา ‘‘อยํ สีลาจารคุณสมฺปตฺติ ตุมฺหากฺเว อนุรูปา’’ติ รฺโ คุเณ กเถสุํ. สุมงฺคโล ปน ปริสาย กถิตาวสาเน อุฏฺาย ราชานํ วนฺทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห รฺโ ถุตึ กโรนฺโต ติสฺโส คาถา อภาสิ –

๓๓.

‘‘สิรี จ ลกฺขี จ ตเวว ขตฺติย, ชนาธิป มา วิชหิ กุทาจนํ;

อกฺโกธโน นิจฺจปสนฺนจิตฺโต, อนีโฆ ตุวํ วสฺสสตานิ ปาลย.

๓๔.

‘‘คุเณหิ เอเตหิ อุเปต ขตฺติย, ิตมริยวตฺตี สุวโจ อโกธโน;

สุขี อนุปฺปีฬ ปสาส เมทินึ, อิโต วิมุตฺโตปิ จ ยาหิ สุคฺคตึ.

๓๕.

‘‘เอวํ สุนีเตน สุภาสิเตน, ธมฺเมน าเยน อุปายโส นยํ;

นิพฺพาปเย สงฺขุภิตํ มหาชนํ, มหาว เมโฆ สลิเลน เมทินิ’’นฺติ.

ตตฺถ สิรี จ ลกฺขี จาติ ปริวารสมฺปตฺติ จ ปฺา จ. อนีโฆติ นิทฺทุกฺโข หุตฺวา. อุเปต ขตฺติยาติ อุเปโต ขตฺติย, อยเมว วา ปาโ. ิตมริยวตฺตีติ ิตอริยวตฺติ, อริยวตฺติ นาม ทสราชธมฺมสงฺขาตํ โปราณราชวตฺตํ, ตตฺถ ปติฏฺิตตฺตา ิตราชธมฺโม หุตฺวาติ อตฺโถ. อนุปฺปีฬ ปสาส เมทินินฺติ อนุปฺปีฬํ ปสาส เมทินิฺจ, อยเมว วา ปาโ. สุนีเตนาติ สุนเยน สุฏฺุ การเณน. ธมฺเมนาติ ทสกุสลกมฺมปถธมฺเมน. าเยนาติ ปุริมปทสฺเสว เววจนํ. อุปายโสติ อุปายโกสลฺเลน. นยนฺติ นยนฺโต รชฺชํ อนุสาสนฺโต ธมฺมิกราชา. นิพฺพาปเยติ อิมาย ปฏิปตฺติยา กายิกเจตสิกทุกฺขํ ทรถํ อปเนนฺโต กายิกเจตสิกทุกฺขสงฺขุภิตมฺปิ มหาชนํ มหาเมโฆ สลิเลน เมทินึ วิย นิพฺพาเปยฺย, ตฺวมฺปิ ตเถว นิพฺพาเปหีติ ทสฺเสนฺโต เอวมาห.

สตฺถา โกสลรฺโ โอวาทวเสน อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปจฺเจกพุทฺโธ ปรินิพฺพุโต, สุมงฺคโล อานนฺโท อโหสิ, ราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สุมงฺคลชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๔๒๑] ๕. คงฺคมาลชาตกวณฺณนา

องฺคารชาตาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุโปสถกมฺมํ อารพฺภ กเถสิ. เอกทิวสฺหิ สตฺถา อุโปสถิเก อุปาสเก อามนฺเตตฺวา ‘‘อุปาสกา สาธุรูปํ โว กตํ อุโปสถํ อุปวสนฺเตหิ, ทานํ ทาตพฺพํ, สีลํ รกฺขิตพฺพํ, โกโธ น กาตพฺโพ, เมตฺตา ภาเวตพฺพา, อุโปสถวาโส วสิตพฺโพ, โปราณกปณฺฑิตา หิ เอกํ อุปฑฺฒุโปสถกมฺมํ นิสฺสาย มหายสํ ลภึสู’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต ตสฺมึ นคเร สุจิปริวาโร นาม เสฏฺิ อโหสิ อสีติโกฏิธนวิภโว ทานาทิปุฺาภิรโต. ตสฺส ปุตฺตทาราปิ ปริชโนปิ อนฺตมโส ตสฺมึ ฆเร วจฺฉปาลกาปิ สพฺเพ มาสสฺส ฉ ทิวเส อุโปสถํ อุปวสนฺติ. ตทา โพธิสตฺโต เอกสฺมึ ทลิทฺทกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ภตึ กตฺวา กิจฺเฉน ชีวติ. โส ‘‘ภตึ กริสฺสามี’’ติ ตสฺส เคหํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ิโต ‘‘กึ อาคโตสี’’ติ วุตฺเต ‘‘ตุมฺหากํ เคเห ภติยา กมฺมกรณตฺถ’’นฺติ อาห. เสฏฺิ อฺเสํ ภติกานํ อาคตทิวเสเยว ‘‘อิมสฺมึ เคเห กมฺมํ กโรนฺตา สีลํ รกฺขนฺติ, สีลํ รกฺขิตุํ สกฺโกนฺตา กมฺมํ กโรถา’’ติ วทติ, โพธิสตฺตสฺส ปน สีลรกฺขณอาจิกฺขเณ สฺํ อกตฺวา ‘‘สาธุ , ตาต, อตฺตโน ภตึ ชานิตฺวา กมฺมํ กโรหี’’ติ อาห. โส ตโต ปฏฺาย สุวโจ หุตฺวา อุรํ ทตฺวา อตฺตโน กิลมถํ อคเณตฺวา ตสฺส สพฺพกิจฺจานิ กโรติ, ปาโตว กมฺมนฺตํ คนฺตฺวา สายํ อาคจฺฉติ.

อเถกทิวสํ นคเร ฉณํ โฆเสสุํ. มหาเสฏฺิ ทาสึ อามนฺเตตฺวา ‘‘อชฺชุโปสถทิวโส, เคเห กมฺมกรานํ ปาโตว ภตฺตํ ปจิตฺวา เทหิ, กาลสฺเสว ภุฺชิตฺวา อุโปสถิกา ภวิสฺสนฺตี’’ติ อาห. โพธิสตฺโต กาลสฺเสว อุฏฺาย กมฺมนฺตํ อคมาสิ, ‘‘อชฺชุโปสถิโก ภเวยฺยาสี’’ติ ตสฺส โกจิ นาโรเจสิ. เสสกมฺมกรา ปาโตว ภุฺชิตฺวา อุโปสถิกาว อเหสุํ. เสฏฺิปิ สปุตฺตทาโร สปริชโน อุโปสถํ อธิฏฺหิ, สพฺเพปิ อุโปสถิกา อตฺตโน อตฺตโน วสนฏฺานํ คนฺตฺวา สีลํ อาวชฺเชนฺตา นิสีทึสุ. โพธิสตฺโต สกลทิวสํ กมฺมํ กตฺวา สูริยตฺถงฺคมนเวลาย อาคโต. อถสฺส ภตฺตการิกา หตฺถโธวนํ ทตฺวา ปาติยํ ภตฺตํ วฑฺเฒตฺวา อุปนาเมสิ. โพธิสตฺโต ‘‘อฺเสุ ทิวเสสุ อิมาย เวลาย มหาสทฺโท โหติ, อชฺช กหํ คตา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สพฺเพ อุโปสถํ สมาทิยิตฺวา อตฺตโน อตฺตโน วสนฏฺานานิ คตา’’ติ. ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต จินฺเตสิ ‘‘เอตฺตกานํ สีลวนฺตานํ อนฺตเร อหํ เอโก ทุสฺสีโล หุตฺวา น วสิสฺสามิ, อิทานิ อุโปสถงฺเคสุ อธิฏฺิเตสุ โหติ นุ โข อุโปสถกมฺมํ, โน’’ติ. โส คนฺตฺวา เสฏฺึ ปุจฺฉิ. อถ นํ เสฏฺิ ‘‘ตาต ปาโตว อนธิฏฺิตตฺตา สกลํ อุโปสถกมฺมํ น โหติ, อุปฑฺฒุโปสถกมฺมํ ปน โหตี’’ติ อาห.

โส ‘‘เอตฺตกมฺปิ โหตู’’ติ เสฏฺิสฺส สนฺติเก สมาทินฺนสีโล หุตฺวา อุโปสถกมฺมํ อธิฏฺาย อตฺตโน วสโนกาสํ ปวิสิตฺวา สีลํ อาวชฺเชนฺโต นิปชฺชิ. อถสฺส สกลทิวสํ นิราหารตาย ปจฺฉิมยามสมนนฺตเร สตฺถกวาตา สมุฏฺหึสุ. เสฏฺินา นานาวิธานิ เภสชฺชานิ อาหริตฺวา ‘‘ภุฺชา’’ติ วุจฺจมาโนปิ ‘‘อุโปสถํ น ภินฺทิสฺสามิ, ชีวิตปริยนฺติกํ กตฺวา สมาทิยิ’’นฺติ อาห. พลวเวทนา อุปฺปชฺชิ, อรุณุคฺคมนเวลาย สตึ ปจฺจุปฏฺาเปตุํ นาสกฺขิ. อถ นํ ‘‘อิทานิ มริสฺสตี’’ติ นีหริตฺวา ‘‘โอสารเก นิปชฺชาเปสุํ. ตสฺมึ ขเณ พาราณสิราชา รถวรคโต มหนฺเตน ปริวาเรน นครํ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต ตํ านํ สมฺปาปุณิ. โพธิสตฺโต ตสฺส สิรึ โอโลเกตฺวา ตสฺมึ โลภํ อุปฺปาเทตฺวา รชฺชํ ปตฺเถสิ. โส จวิตฺวา อุปฑฺฒุโปสถกมฺมนิสฺสนฺเทน ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. สา ลทฺธคพฺภปริหารา ทสมาสจฺจเยน ปุตฺตํ วิชายิ, ‘‘อุทยกุมาโร’’ติสฺส นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต สพฺพสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ ปาปุณิ, ชาติสฺสราเณน อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ สริตฺวา ‘‘อปฺปกสฺส กมฺมสฺส ผลํ มม อิท’’นฺติ อภิกฺขณํ อุทานํ อุทาเนสิ. โส ปิตุ อจฺจเยน รชฺชํ ปตฺวาปิ อตฺตโน มหนฺตํ สิริวิภวํ โอโลเกตฺวา ตเทว อุทานํ อุทาเนสิ.

อเถกทิวสํ นคเร ฉณํ สชฺชยึสุ, มหาชโน กีฬาปสุโต อโหสิ. ตทา พาราณสิยา อุตฺตรทฺวารวาสี เอโก ภติโก อุทกภตึ กตฺวา ลทฺธํ อฑฺฒมาสกํ ปาการิฏฺกาย อนฺตเร เปตฺวา ภตึ กโรนฺโต ทกฺขิณทฺวารํ ปตฺวา ตตฺถ อุทกภติเมว กตฺวา ชีวมานาย เอกาย กปณิตฺถิยา สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปสิ. สา ตํ อาห – ‘‘สามิ, นคเร ฉโณ วตฺตติ, สเจ เต กิฺจิ อตฺถิ, มยมฺปิ กีเฬยฺยามา’’ติ? ‘‘อาม, อตฺถี’’ติ. ‘‘กิตฺตกํ, สามี’’ติ? ‘‘อฑฺฒมาสโก’’ติ. ‘‘กหํ โส’’ติ? ‘‘อุตฺตรทฺวาเร อิฏฺกพฺภนฺตเร ปิโตติ อิโต เม ทฺวาทสโยชนนฺตเร นิธานํ, ตว ปน หตฺเถ กิฺจิ อตฺถี’’ติ? ‘‘อาม, อตฺถี’’ติ. ‘‘กิตฺตก’’นฺติ? ‘‘อฑฺฒมาสโกวา’’ติ. ‘‘อิติ ตว อฑฺฒมาสโก, มม อฑฺฒมาสโกติ มาสโกว โหติ, ตโต เอเกน โกฏฺาเสน มาลํ, เอเกน โกฏฺาเสน คนฺธํ, เอเกน โกฏฺาเสน สุรํ คเหตฺวา กีฬิสฺสาม, คจฺฉ ตยา ปิตํ อฑฺฒมาสกํ อาหรา’’ติ. โส ‘‘ภริยาย เม สนฺติกา กถา ลทฺธา’’ติ หฏฺตุฏฺโ ‘‘ภทฺเท, มา จินฺตยิ, อาหริสฺสามิ น’’นฺติ วตฺวา ปกฺกามิ. นาคพโล ภติโก ฉ โยชนานิ อติกฺกมฺม มชฺฌนฺหิกสมเย วีตจฺจิกงฺคารสนฺถตํ วิย อุณฺหํ วาลุกํ มทฺทนฺโต ธนโลเภน หฏฺปหฏฺโ กสาวรตฺตนิวาสโน กณฺเณ ตาลปณฺณํ ปิฬนฺธิตฺวา เอเกน อาโยควตฺเตน คีตํ คายนฺโต ราชงฺคเณน ปายาสิ.

อุทยราชา สีหปฺชรํ วิวริตฺวา ิโต ตํ ตถา คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข เอส เอวรูปํ วาตาตปํ อคเณตฺวา หฏฺตุฏฺโ คายนฺโต คจฺฉติ, ปุจฺฉิสฺสามิ น’’นฺติ จินฺเตตฺวา ปกฺโกสนตฺถาย เอกํ ปุริสํ ปหิณิ. เตน คนฺตฺวา ‘‘ราชา ตํ ปกฺโกสตี’’ติ วุตฺเต ‘‘ราชา มยฺหํ กึ โหติ, นาหํ ราชานํ ชานามี’’ติ วตฺวา พลกฺกาเรน นีโต เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อถ นํ ราชา ปุจฺฉนฺโต ทฺเว คาถา อภาสิ –

๓๖.

‘‘องฺคารชาตา ปถวี, กุกฺกุฬานุคตา มหี;

อถ คายสิ วตฺตานิ, น ตํ ตปติ อาตโป.

๓๗.

‘‘อุทฺธํ ตปติ อาทิจฺโจ, อโธ ตปติ วาลุกา;

อถ คายสิ วตฺตานิ, น ตํ ตปติ อาตโป’’ติ.

ตตฺถ องฺคารชาตาติ โภ ปุริส, อยํ ปถวี วีตจฺจิกงฺคารา วิย อุณฺหชาตา. กุกฺกุฬานุคตาติ อาทิตฺตฉาริกสงฺขาเตน กุกฺกุเฬน วิย อุณฺหวาลุกาย อนุคตา. วตฺตานีติ อาโยควตฺตานิ อาโรเปตฺวา คีตํ คายสีติ.

โส รฺโ กถํ สุตฺวา ตติยํ คาถมาห –

๓๘.

‘‘น มํ ตปติ อาตโป, อาตปา ตปยนฺติ มํ;

อตฺถา หิ วิวิธา ราช, เต ตปนฺติ น อาตโป’’ติ.

ตตฺถ อาตปาติ วตฺถุกามกิเลสกามา. ปุริสฺหิ เต อภิตปนฺติ, ตสฺมา ‘‘อาตปา’’ติ วุตฺตา. อตฺถา หิ วิวิธาติ, มหาราช, มยฺหํ วตฺถุกามกิเลสกาเม นิสฺสาย กตฺตพฺพา นานากิจฺจสงฺขาตา วิวิธา อตฺถา อตฺถิ, เต มํ ตปนฺติ, น อาตโปติ.

อถ นํ ราชา ‘‘โก นาม เต อตฺโถ’’ติ ปุจฺฉิ. โส อาห ‘‘อหํ, เทว, ทกฺขิณทฺวาเร กปณิตฺถิยา สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปสึ, สา มํ ‘ฉณํ กีฬิสฺสาม, อตฺถิ เต กิฺจิ หตฺเถ’ติ ปุจฺฉิ, อถ นํ อหํ ‘มม นิธานํ อุตฺตรทฺวาเร ปาการนฺตเร ปิต’นฺติ อวจํ, สา ‘คจฺฉ ตํ อาหร, อุโภปิ กีฬิสฺสามา’ติ มํ ปหิณิ, สา เม ตสฺสา กถา หทยํ น วิชหติ, ตํ มํ อนุสฺสรนฺตํ กามตโป ตปติ, อยํ เม, เทว, อตฺโถ’’ติ. อถ ‘‘เอวรูปํ วาตาตปํ อคเณตฺวา กึ เต ตุสฺสนการณํ, เยน คายนฺโต คจฺฉสี’’ติ? ‘‘เทว, ตํ นิธานํ อาหริตฺวา ‘ตาย สทฺธึ อภิรมิสฺสามี’ติ อิมินา การเณน ตุฏฺโ คายามี’’ติ. ‘‘กึ ปน เต, โภ ปุริส, อุตฺตรทฺวาเร ปิตนิธานํ สตสหสฺสมตฺตํ อตฺถี’’ติ? ‘‘นตฺถิ, เทวา’’ติ. ราชา ‘‘เตน หิ ปฺาส สหสฺสานิ, จตฺตาลีส, ตึส, วีส, ทส, สหสฺสํ, ปฺจ สตานิ, จตฺตาริ, ตีณิ, ทฺเว, เอกํ, สตํ, ปฺาสํ, จตฺตาลีสํ, ตึสํ, วีสํ, ทส, ปฺจ, จตฺตาริ, ตโย, ทฺเว, เอโก กหาปโณ, อฑฺโฒ, ปาโท, จตฺตาโร มาสกา, ตโย, ทฺเว, เอโก มาสโก’’ติ ปุจฺฉิ. สพฺพํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘อฑฺฒมาสโก’’ติ วุตฺโต ‘‘อาม, เทว, เอตฺตกํ มยฺหํ ธนํ, ตํ อาหริตฺวา ตาย สทฺธึ อภิรมิสฺสามีติ คจฺฉามิ, ตาย ปีติยา เตน โสมนสฺเสน น มํ เอส วาตาตโป ตปตี’’ติ อาห.

อถ นํ ราชา ‘‘โภ ปุริส, เอวรูเป อาตเป ตตฺถ มา คมิ, อหํ เต อฑฺฒมาสกํ ทสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘เทว, อหํ ตุมฺหากํ กถาย ตฺวา ตฺจ คณฺหิสฺสามิ, อิตรฺจ ธนํ น นาเสสฺสามิ, มม คมนํ อหาเปตฺวา ตมฺปิ คเหสฺสามี’’ติ. ‘‘โภ ปุริส, นิวตฺต, มาสกํ เต ทสฺสามิ, ทฺเว มาสเกหิ เอวํ วฑฺเฒตฺวา โกฏึ โกฏิสตํ อปริมิตํ ธนํ ทสฺสามิ, นิวตฺตา’’ติ วุตฺเตปิ ‘‘เทว, ตํ คเหตฺวา อิตรมฺปิ คณฺหิสฺสามิ’’อิจฺเจว อาห. ตโต เสฏฺิฏฺานาทีหิ านนฺตเรหิ ปโลภิโต ยาว อุปรชฺชา ตเถว วตฺวา ‘‘อุปฑฺฒรชฺชํ เต ทสฺสามิ, นิวตฺตา’’ติ วุตฺเต สมฺปฏิจฺฉิ. ราชา ‘‘คจฺฉถ มม สหายสฺส เกสมสฺสุํ กาเรตฺวา นฺหาเปตฺวา อลงฺกริตฺวา อาเนถ น’’นฺติ อมจฺเจ อาณาเปสิ. อมจฺจา ตถา อกํสุ. ราชา รชฺชํ ทฺวิธา ภินฺทิตฺวา ตสฺส อุปฑฺฒรชฺชํ อทาสิ. ‘‘โส ปน ตํ คเหตฺวาปิ อฑฺฒมาสกเปเมน อุตฺตรปสฺสํ คโตเยวา’’ติ วทนฺติ. โส อฑฺฒมาสกราชา นาม อโหสิ. เต สมคฺคา สมฺโมทมานา รชฺชํ กาเรนฺตา เอกทิวสํ อุยฺยานํ คมึสุ. ตตฺถ กีฬิตฺวา อุทยราชา อฑฺฒมาสกรฺโ องฺเก สีสํ กตฺวา นิปชฺชิ. ตสฺมึ นิทฺทํ โอกฺกนฺเต ปริวารมนุสฺสา กีฬานุภวนวเสน ตตฺถ ตตฺถ อคมํสุ.

อฑฺฒมาสกราชา ‘‘กึ เม นิจฺจกาลํ อุปฑฺฒรชฺเชน, อิมํ มาเรตฺวา อหเมว สกลรชฺชํ กาเรสฺสามี’’ติ ขคฺคํ อพฺพาหิตฺวา ‘‘ปหริสฺสามิ น’’นฺติ จินฺเตตฺวา ปุน ‘‘อยํ ราชา มํ ทลิทฺทกปณํ มนุสฺสํ อตฺตนา สมานํ กตฺวา มหนฺเต อิสฺสริเย ปติฏฺเปสิ, เอวรูปํ นาม ยสทายกํ มาเรตฺวา รชฺชํ กาเรสฺสามีติ มม อิจฺฉา อุปฺปนฺนา, อยุตฺตํ วต เม กมฺม’’นฺติ สตึ ปฏิลภิตฺวา อสึ ปเวเสสิ. อถสฺส ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ ตเถว จิตฺตํ อุปฺปชฺชิ. ตโต จินฺเตสิ ‘‘อิทํ จิตฺตํ ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชมานํ มํ ปาปกมฺเม นิโยเชยฺยา’’ติ. โส อสึ ภูมิยํ ขิปิตฺวา ราชานํ อุฏฺาเปตฺวา ‘‘ขมาหิ เม, เทวา’’ติ ปาเทสุ ปติ. ‘‘นนุ สมฺม, ตว มมนฺตเร โทโส นตฺถี’’ติ? ‘‘อตฺถิ, มหาราช, อหํ อิทํ นาม อกาสิ’’นฺติ. ‘‘เตน หิ สมฺม, ขมามิ เต, อิจฺฉนฺโต ปน รชฺชํ กาเรหิ, อหํ อุปราชา หุตฺวา ตํ อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ. โส ‘‘น เม, เทว, รชฺเชน อตฺโถ, อยฺหิ ตณฺหา มํ อปาเยสุ นิพฺพตฺตาเปสฺสติ, ตว รชฺชํ ตฺวเมว คณฺห, อหํ ปพฺพชิสฺสามิ, ทิฏฺํ เม กามสฺส มูลํ, อยฺหิ สงฺกปฺเปน วฑฺฒติ, น ทานิ นํ ตโต ปฏฺาย สงฺกปฺเปสฺสามี’’ติ อุทาเนนฺโต จตุตฺถํ คาถมาห –

๓๙.

‘‘อทฺทสํ กาม เต มูลํ, สงฺกปฺปา กาม ชายสิ;

น ตํ สงฺกปฺปยิสฺสามิ, เอวํ กาม น เหหิสี’’ติ.

ตตฺถ เอวนฺติ เอวํ มมนฺตเร. น เหหิสีติ น อุปฺปชฺชิสฺสสีติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา ปุน กาเมสุ อนุยุฺชนฺตสฺส มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสนฺโต ปฺจมํ คาถมาห –

๔๐.

‘‘อปฺปาปิ กามา น อลํ, พหูหิปิ น ตปฺปติ;

อหหา พาลลปนา, ปริวชฺเชถ ชคฺคโต’’ติ.

ตตฺถ อหหาติ สํเวคทีปนํ. ชคฺคโตติ ชคฺคนฺโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – มหาราช, อิมสฺส มหาชนสฺส อปฺปกาปิ วตฺถุกามกิเลสกามา น อลํ ปริยตฺตาว, พหูหิปิ จ เตหิ น ตปฺปเตว, ‘‘อโห อิเม มม รูปา มม สทฺทา’’ติ ลปนโต พาลลปนา กามา, อิเม วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา โพธิปกฺขิยานํ ธมฺมานํ ภาวนานุโยคมนุยุตฺโต ชคฺคนฺโต กุลปุตฺโต ปริวชฺเชถ, ปริฺาปหานาภิสมเยหิ อภิสเมตฺวา ปชเหยฺยาติ.

เอวํ โส มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสตฺวา อุทยราชานํ รชฺชํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา มหาชนํ อสฺสุมุขํ โรทมานํ ปหาย หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา ปพฺพชิตฺวา ฌานาภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา วิหาสิ. ตสฺส ปพฺพชิตกาเล ราชา ตํ อุทานํ สกลํ กตฺวา อุทาเนนฺโต ฉฏฺํ คาถมาห –

๔๑.

‘‘อปฺปสฺส กมฺมสฺส ผลํ มเมทํ, อุทโย อชฺฌาคมา มหตฺตปตฺตํ;

สุลทฺธลาโภ วต มาณวสฺส, โย ปพฺพชี กามราคํ ปหายา’’ติ.

ตตฺถ อุทโยติ อตฺตานํ สนฺธาย วทติ. มหตฺตปตฺตนฺติ มหนฺตภาวปฺปตฺตํ วิปุลํ อิสฺสริยํ อชฺฌาคมา. มาณวสฺสาติ สตฺตสฺส มยฺหํ สหายสฺส สุลทฺธลาโภ, โย กามราคํ ปหาย ปพฺพชิโตติ อธิปฺปาเยเนวมาห.

อิมิสฺสา ปน คาถาย น โกจิ อตฺถํ ชานาติ. อถ นํ เอกทิวสํ อคฺคมเหสี คาถาย อตฺถํ ปุจฺฉิ, ราชา น กเถสิ. เอโก ปนสฺส คงฺคมาโล นาม มงฺคลนฺหาปิโต, โส รฺโ มสฺสุํ กโรนฺโต ปมํ ขุรปริกมฺมํ กตฺวา ปจฺฉา สณฺฑาเสน โลมานิ คณฺหาติ, รฺโ จ ขุรปริกมฺมกาเล สุขํ โหติ, โลมหรณกาเล ทุกฺขํ. โส ปมํ ตสฺส วรํ ทาตุกาโม โหติ, ปจฺฉา สีสจฺเฉทนมากงฺขติ. อเถกทิวสํ ‘‘ภทฺเท, อมฺหากํ คงฺคมาลกปฺปโก พาโล’’ติ เทวิยา ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘กิ ปน, เทว, กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺเต ‘‘ปมํ สณฺฑาเสน โลมานิ คเหตฺวา ปจฺฉา ขุรปริกมฺม’’นฺติ อาห. สา ตํ กปฺปกํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ตาต, อิทานิ รฺโ มสฺสุกรณทิวเส ปมํ โลมานิ คเหตฺวา ปจฺฉา ขุรปริกมฺมํ กเรยฺยาสิ, รฺา จ ‘วรํ คณฺหาหี’ติ วุตฺเต ‘อฺเน, เทว, เม อตฺโถ นตฺถิ, ตุมฺหากํ อุทานคาถาย อตฺถํ อาจิกฺขถา’ติ วเทยฺยาสิ, อหํ เต พหุํ ธนํ ทสฺสามี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา มสฺสุกรณทิวเส ปมํ สณฺฑาสํ คณฺหิ. ‘‘กึ, ภเณ คงฺคมาล, อปุพฺพํ เต กรณ’’นฺติ รฺา วุตฺเต ‘‘เทว, กปฺปกา นาม อปุพฺพมฺปิ กโรนฺตี’’ติ วตฺวา ปมํ โลมานิ คเหตฺวา ปจฺฉา ขุรปริกมฺมํ อกาสิ. ราชา ‘‘วรํ คณฺหาหี’’ติ อาห. ‘‘เทว, อฺเน เม อตฺโถ นตฺถิ, ตุมฺหากํ อุทานคาถาย อตฺถํ กเถถา’’ติ. ราชา อตฺตโน ทลิทฺทกาเล กตํ กเถตุํ ลชฺชนฺโต ‘‘ตาต, อิมินา เต วเรน โก อตฺโถ, อฺํ คณฺหาหี’’ติ อาห. ‘‘เอตเมว เทหิ, เทวา’’ติ. โส มุสาวาทภเยน ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา กุมฺมาสปิณฺฑิชาตเก วุตฺตนเยเนว สพฺพํ สํวิทหาเปตฺวา รตนปลฺลงฺเก นิสีทิตฺวา ‘‘อหํ คงฺคมาล, ปุริมภเว อิมสฺมึเยว นคเร’’ติ สพฺพํ ปุริมกิริยํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘อิมินา การเณน อุปฑฺฒคาถํ, ‘สหาโย ปน เม ปพฺพชิโต, อหํ ปมตฺโต หุตฺวา รชฺชเมว กาเรมี’ติ อิมินา การเณน ปจฺฉา อุปฑฺฒคาถํ วทามี’’ติ อุทานสฺส อตฺถํ กเถสิ.

ตํ สุตฺวา กปฺปโก ‘‘อุปฑฺฒุโปสถกมฺเมน กิร รฺา อยํ สมฺปตฺติ ลทฺธา, กุสลํ นาม กาตพฺพเมว, ยํนูนาหํ ปพฺพชิตฺวา อตฺตโน ปติฏฺํ กเรยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา าติโภคปริวฏฺฏํ ปหาย ราชานํ ปพฺพชฺชํ อนุชานาเปตฺวา หิมวนฺตํ คนฺตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ติลกฺขณํ อาโรเปนฺโต วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ปจฺเจกโพธึ ปตฺวา อิทฺธิยา นิพฺพตฺตปตฺตจีวรธโร คนฺธมาทนปพฺพเต ปฺจฉพฺพสฺสานิ วสิตฺวา ‘‘พาราณสิราชานํ โอโลเกสฺสามี’’ติ อากาเสนาคนฺตฺวา อุยฺยาเน มงฺคลสิลายํ นิสีทิ. อุยฺยานปาโล สฺชานิตฺวา คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสิ ‘‘เทว, คงฺคมาโล ปจฺเจกพุทฺโธ หุตฺวา อากาเสนาคนฺตฺวา อุยฺยาเน นิสินฺโน’’ติ. ราชา ตํ สุตฺวา ‘‘ปจฺเจกพุทฺธํ วนฺทิสฺสามี’’ติ เวเคน นิกฺขมิ. ราชมาตา จ ปุตฺเตน สทฺธึเยว นิกฺขมิ. ราชา อุยฺยานํ ปวิสิตฺวา ตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ สทฺธึ ปริสาย. โส รฺา สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กโรนฺโต ‘‘กึ, พฺรหฺมทตฺต, อปฺปมตฺโตสิ, ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ, ทานาทีนิ ปุฺานิ กโรสี’’ติ ราชานํ กุลนาเมน อาลปิตฺวา ปฏิสนฺถารํ กโรติ. ตํ สุตฺวา รฺโ มาตา ‘‘อยํ หีนชจฺโจ มลมชฺชโก นฺหาปิตปุตฺโต อตฺตานํ น ชานาติ, มม ปุตฺตํ ปถวิสฺสรํ ชาติขตฺติยํ ‘พฺรหฺมทตฺตา’ติ นาเมนาลปตี’’ติ กุชฺฌิตฺวา สตฺตมํ คาถมาห –

๔๒.

‘‘ตปสา ปชหนฺติ ปาปกมฺมํ, ตปสา นฺหาปิตกุมฺภการภาวํ;

ตปสา อภิภุยฺย คงฺคมาล, นาเมนาลปสชฺช พฺรหฺมทตฺตา’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – อิเม ตาว สตฺตา ตปสา อตฺตนา กเตน ตโปคุเณน ปาปกมฺมํ ชหนฺติ, กึ ปเนเต ตปสา นฺหาปิตกุมฺภการภาวมฺปิ ชหนฺติ, ยํ ตฺวํ คงฺคมาล, อตฺตโน ตปสา อภิภุยฺย มม ปุตฺตํ พฺรหฺมทตฺตํ นาเมนาลปสิ, ปติรูปํ นุ เต เอตนฺติ?

ราชา มาตรํ วาเรตฺวา ปจฺเจกพุทฺธสฺส คุณํ ปกาเสนฺโต อฏฺมํ คาถมาห –

๔๓.

‘‘สนฺทิฏฺิกเมว อมฺม ปสฺสถ, ขนฺตีโสรจฺจสฺส อยํ วิปาโก;

โย สพฺพชนสฺส วนฺทิโตหุ, ตํ วนฺทาม สราชิกา สมจฺจา’’ติ.

ตตฺถ ขนฺตีโสรจฺจสฺสาติ อธิวาสนขนฺติยา จ โสรจฺจสฺส จ. ตํ วนฺทามาติ ตํ อิทานิ มยํ สราชิกา สมจฺจา สพฺเพ วนฺทาม, ปสฺสถ อมฺม, ขนฺตีโสรจฺจานํ วิปากนฺติ.

รฺา มาตริ วาริตาย เสสมหาชโน อุฏฺหิตฺวา ‘‘อยุตฺตํ วต, เทว, เอวรูปสฺส หีนชจฺจสฺส ตุมฺเห นาเมนาลปน’’นฺติ อาห. ราชา มหาชนมฺปิ ปฏิพาหิตฺวา ตสฺส คุณกถํ กเถตุํ โอสานคาถมาห –

๔๔.

‘‘มา กิฺจิ อวจุตฺถ คงฺคมาลํ, มุนินํ โมนปเถสุ สิกฺขมานํ;

เอโส หิ อตริ อณฺณวํ, ยํ ตริตฺวา จรนฺติ วีตโสกา’’ติ.

ตตฺถ มุนินนฺติ อคาริกานคาริกเสกฺขาเสกฺขปจฺเจกมุนีสุ ปจฺเจกมุนึ. โมนปเถสุ สิกฺขมานนฺติ ปุพฺพภาคปฏิปทาโพธิปกฺขิยธมฺมสงฺขาเตสุ โมนปเถสุ สิกฺขมานํ. อณฺณวนฺติ สํสารมหาสมุทฺทํ.

เอวฺจ ปน วตฺวา ราชา ปจฺเจกพุทฺธํ วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ มาตุ ขมถา’’ติ อาห. ‘‘ขมามิ, มหาราชา’’ติ. ราชปริสาปิ นํ ขมาเปสิ. ราชา อตฺตานํ นิสฺสาย วสนตฺถาย ปฏิฺํ ยาจิ. ปจฺเจกพุทฺโธ ปน ปฏิฺํ อทตฺวา สราชิกาย ปริสาย ปสฺสนฺติยาว อากาเส ตฺวา รฺโ โอวาทํ ทตฺวา คนฺธมาทนเมว คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘เอวฺจ อุปาสกา อุโปสถวาโส นาม วสิตพฺพยุตฺตโก’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปจฺเจกพุทฺโธ ปรินิพฺพายิ, อฑฺฒมาสกราชา อานนฺโท อโหสิ, รฺโ มาตา มหามายา, อคฺคมเหสี ราหุลมาตา, อุทยราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

คงฺคมาลชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๔๒๒] ๖. เจติยชาตกวณฺณนา

ธมฺโม หเว หโต หนฺตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตสฺส ปถวิปเวสนํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺมิฺหิ ทิวเส ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, เทวทตฺโต มุสาวาทํ กตฺวา ปถวึ ปวิฏฺโ อวีจิปรายโณ ชาโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ ปถวึ ปวิฏฺโเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต ปมกปฺเป มหาสมฺมโต นาม ราชา อสงฺขฺเยยฺยายุโก อโหสิ. ตสฺส ปุตฺโต โรโช นาม, ตสฺส ปุตฺโต วรโรโช นาม, ตสฺส ปุตฺโต กลฺยาโณ นาม, กลฺยาณสฺส ปุตฺโต วรกลฺยาโณ นาม, วรกลฺยาณสฺส ปุตฺโต อุโปสโถ นาม, อุโปสถสฺส ปุตฺโต วรอุโปสโถ นาม, วรอุโปสถสฺส ปุตฺโต มนฺธาตา นาม, มนฺธาตุสฺส ปุตฺโต วรมนฺธาตา นาม, วรมนฺธาตุสฺส ปุตฺโต วโร นาม, วรสฺส ปุตฺโต อุปวโร นาม อโหสิ, อุปริวโรติปิ ตสฺเสว นามํ. โส เจติยรฏฺเ โสตฺถิยนคเร รชฺชํ กาเรสิ, จตูหิ ราชิทฺธีหิ สมนฺนาคโต อโหสิ อุปริจโร อากาสคามี, จตฺตาโร นํ เทวปุตฺตา จตูสุ ทิสาสุ ขคฺคหตฺถา รกฺขนฺติ, กายโต จนฺทนคนฺโธ วายติ, มุขโต อุปฺปลคนฺโธ. ตสฺส กปิโล นาม พฺราหฺมโณ ปุโรหิโต อโหสิ. กปิลพฺราหฺมณสฺส ปน กนิฏฺโ โกรกลมฺโพ นาม รฺา สทฺธึ เอกาจริยกุเล อุคฺคหิตสิปฺโป พาลสหาโย. โส ตสฺส กุมารกาเลเยว ‘‘อหํ รชฺชํ ปตฺวา ตุยฺหํ ปุโรหิตฏฺานํ ทสฺสามี’’ติ ปฏิชานิ. โส รชฺชํ ปตฺวา ปิตุ ปุโรหิตํ กปิลพฺราหฺมณํ ปุโรหิตฏฺานโต จาเวตุํ นาสกฺขิ. ปุโรหิเต ปน อตฺตโน อุปฏฺานํ อาคจฺฉนฺเต ตสฺมึ คารเวน อปจิตาการํ ทสฺเสสิ. พฺราหฺมโณ ตํ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘รชฺชํ นาม สมวเยหิ สทฺธึ สุปริหารํ โหติ, อหํ ราชานํ อาปุจฺฉิตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘เทว, อหํ มหลฺลโก, เคเห กุมารโก อตฺถิ, ตํ ปุโรหิตํ กโรหิ, อหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ ราชานํ อนุชานาเปตฺวา ปุตฺตํ ปุโรหิตฏฺาเน ปาเปตฺวา ราชุยฺยานํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ฌานาภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา ปุตฺตํ นิสฺสาย ตตฺเถว วาสํ กปฺเปสิ.

โกรกลมฺโพ ‘‘อยํ ปพฺพชนฺโตปิ น มยฺหํ านนฺตรํ ทาเปสี’’ติ ภาตริ อาฆาตํ พนฺธิตฺวา เอกทิวสํ สุขกถาย นิสินฺนสมเย รฺา ‘‘โกรกลมฺพ กึ ตฺวํ ปุโรหิตฏฺานํ น กโรสี’’ติ วุตฺเต ‘‘อาม, เทว, น กโรมิ, ภาตา เม กโรตี’’ติ อาห. ‘‘นนุ เต ภาตา ปพฺพชิโต’’ติ? ‘‘อาม ปพฺพชิโต, านนฺตรํ ปน ปุตฺตสฺส ทาเปสี’’ติ. ‘‘เตน หิ ตฺวํ กโรหี’’ติ? ‘‘เทว, ปเวณิยา อาคตํ านนฺตรํ มม ภาตรํ อปเนตฺวา น สกฺกา มยา กาตุ’’นฺติ. ‘‘เอวํ สนฺเต อหํ ตํ มหลฺลกํ กตฺวา ภาตรํ เต กนิฏฺํ กริสฺสามี’’ติ. ‘‘กถํ, เทวา’’ติ? ‘‘มุสาวาทํ กตฺวา’’ติ. ‘‘กึ เทว, น ชานาถ, ยทา มม ภาตา มหนฺเตน อพฺภุตธมฺเมน สมนฺนาคโต วิชฺชาธโร, โส อพฺภุตธมฺเมน ตุมฺเห วฺเจสฺสติ, จตฺตาโร เทวปุตฺเต อนฺตรหิเต วิย กริสฺสติ, กายโต จ มุขโต จ สุคนฺธํ ทุคฺคนฺธํ วิย กริสฺสติ, ตุมฺเห อากาสา โอตาเรตฺวา ภูมิยํ ิเต วิย กริสฺสติ, ตุมฺเห ปถวึ ปวิสนฺตา วิย ภวิสฺสถ, ตทา ตุมฺหากํ กถาย ปติฏฺาตุํ น สกฺขิสฺสถา’’ติ. ‘‘ตฺวํ เอวํ สฺํ มา กริ, อหํ กาตุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ. ‘‘กทา กริสฺสถ, เทวา’’ติ? ‘‘อิโต สตฺตเม ทิวเส’’ติ. สา กถา สกลนคเร ปากฏา อโหสิ. ‘‘ราชา กิร มุสาวาทํ กตฺวา มหลฺลกํ ขุทฺทกํ, ขุทฺทกํ มหลฺลกํ กริสฺสติ, านนฺตรํ ขุทฺทกสฺส ทาเปสฺสติ, กีทิโส นุ โข มุสาวาโท นาม, กึ นีลโก, อุทาหุ ปีตกาทีสุ อฺตรวณฺโณ’’ติ เอวํ มหาชนสฺส วิตกฺโก อุทปาทิ . ตทา กิร โลกสฺส สจฺจวาทีกาโล, ‘‘มุสาวาโท นาม เอวรูโป’’ติ น ชานนฺติ.

ปุโรหิตปุตฺโตปิ ตํ กถํ สุตฺวา ปิตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา กเถสิ ‘‘ตาต, ราชา กิร มุสาวาทํ กตฺวา ตุมฺเห ขุทฺทเก กตฺวา อมฺหากํ านนฺตรํ มม จูฬปิตุสฺส ทสฺสตี’’ติ. ‘‘ตาต, ราชา มุสาวาทํ กตฺวาปิ อมฺหากํ านนฺตรํ หริตุํ น สกฺขิสฺสติ. กตรทิวเส ปน กริสฺสตี’’ติ? ‘‘อิโต กิร สตฺตเม ทิวเส’’ติ. ‘‘เตน หิ ตทา มยฺหํ อาโรเจยฺยาสี’’ติ. สตฺตเม ทิวเส มหาชนา ‘‘มุสาวาทํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ ราชงฺคเณ สนฺนิปติตฺวา มฺจาติมฺเจ พนฺธิตฺวา อฏฺํสุ. กุมาโร คนฺตฺวา ปิตุ อาโรเจสิ. ราชา อลงฺกตปฏิยตฺโต นิกฺขมฺม มหาชนมชฺเฌ ราชงฺคเณ อากาเส อฏฺาสิ. ตาปโส อากาเสนาคนฺตฺวา รฺโ ปุรโต นิสีทนจมฺมํ อตฺถริตฺวา อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ มหาราช, มุสาวาทํ กตฺวา ขุทฺทกํ มหลฺลกํ กตฺวา ตสฺส านนฺตรํ ทาตุกาโมสี’’ติ? ‘‘อาม อาจริย, เอวํ เม กถิต’’นฺติ. อถ นํ โส โอวทนฺโต ‘‘มหาราช, มุสาวาโท นาม ภาริโย คุณปริธํสโก จตูสุ อปาเยสุ นิพฺพตฺตาเปติ. ราชา นาม มุสาวาทํ กโรนฺโต ธมฺมํ หนติ, โส ธมฺมํ หนิตฺวา สยเมว หฺตี’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –

๔๕.

‘‘ธมฺโม หเว หโต หนฺติ, นาหโต หนฺติ กิฺจนํ;

ตสฺมา หิ ธมฺมํ น หเน, มา ตฺวํ ธมฺโม หโต หนี’’ติ.

ตตฺถ ธมฺโมติ เชฏฺาปจายนธมฺโม อิธาธิปฺเปโต.

อถ นํ อุตฺตริปิ โอวทนฺโต ‘‘สเจ, มหาราช, มุสาวาทํ กริสฺสสิ, จตสฺโส อิทฺธิโย อนฺตรธายิสฺสนฺตี’’ติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –

๔๖.

‘‘อลิกํ ภาสมานสฺส, อปกฺกมนฺติ เทวตา;

ปูติกฺจ มุขํ วาติ, สกฏฺานา จ ธํสติ;

โย ชานํ ปุจฺฉิโต ปฺหํ, อฺถา นํ วิยากเร’’ติ.

ตตฺถ อปกฺกมนฺติ เทวตาติ มหาราช, สเจ อลิกํ ภณิสฺสสิ, จตฺตาโร เทวปุตฺตา อารกฺขํ ฉฑฺเฑตฺวา อนฺตรธายิสฺสนฺตีติ อธิปฺปาเยเนตํ วทติ. ปูติกฺจ มุขํ วาตีติ มุขฺจ เต กาโย จ อุโภ ปูติคนฺธํ วายิสฺสนฺตีติ สนฺธายาห. สกฏฺานา จ ธํสตีติ อากาสโต ภสฺสิตฺวา ปถวึ ปวิสิสฺสสีติ ทีเปนฺโต เอวมาห.

ตํ สุตฺวา ราชา ภีโต โกรกลมฺพํ โอโลเกสิ. อถ นํ โส ‘‘มา ภายิ, มหาราช, นนุ มยา ปมเมว ตุมฺหากํ เอตํ กถิต’’นฺติ อาห. ราชา กปิลสฺส วจนํ สุตฺวาปิ อนาทิยิตฺวา อตฺตนา กถิตเมว ปุรโต กโรนฺโต ‘‘ตฺวํสิ, ภนฺเต, กนิฏฺโ, โกรกลมฺโพ เชฏฺโ’’ติ อาห. อถสฺส สห มุสาวาเทน จตฺตาโร เทวปุตฺตา ‘‘ตาทิสสฺส มุสาวาทิโน อารกฺขํ น คณฺหิสฺสามา’’ติ ขคฺเค ปาทมูเล ฉฑฺเฑตฺวา อนฺตรธายึสุ, มุขํ ภินฺนกุกฺกุฏณฺฑปูติ วิย, กาโย วิวฏวจฺจกุฏี วิย ทุคฺคนฺธํ วายิ, อากาสโต ภสฺสิตฺวา ปถวิยํ ปติฏฺหิ, จตสฺโสปิ อิทฺธิโย ปริหายึสุ. อถ นํ มหาปุโรหิโต ‘‘มา ภายิ, มหาราช, สเจ สจฺจํ ภณิสฺสสิ, สพฺพํ เต ปากติกํ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา ตติยํ คาถมาห –

๔๗.

‘‘สเจ หิ สจฺจํ ภณสิ, โหหิ ราช ยถา ปุเร;

มุสา เจ ภาสเส ราช, ภูมิยํ ติฏฺ เจติยา’’ติ.

ตตฺถ ภูมิยํ ติฏฺาติ ภูมิยํเยว ปติฏฺ, ปุน อากาสํ ลงฺฆิตุํ น สกฺขิสฺสสีติ อตฺโถ.

โส ‘‘ปสฺส, มหาราช, ปมํ มุสาวาเทเนว เต จตสฺโส อิทฺธิโย อนฺตรหิตา, สลฺลกฺเขหิ, อิทานิปิ สกฺกา ปากติกํ กาตุ’’นฺติ วุตฺโตปิ ‘‘เอวํ วตฺวา ตุมฺเห มํ วฺเจตุกามา’’ติ ทุติยมฺปิ มุสาวาทํ ภณิตฺวา ยาว โคปฺผกา ปถวึ ปาวิสิ. อถ นํ ปุนปิ พฺราหฺมโณ ‘‘สลฺลกฺเขหิ, มหาราช, อิทานิปิ สกฺกา ปากติกํ กาตุ’’นฺติ วตฺวา จตุตฺถํ คาถมาห –

๔๘.

‘‘อกาเล วสฺสตี ตสฺส, กาเล ตสฺส น วสฺสติ;

โย ชานํ ปุจฺฉิโต ปฺหํ, อฺถา นํ วิยากเร’’ติ.

ตตฺถ ตสฺสาติ โย ชานนฺโต ปุจฺฉิตํ ปฺหํ มุสาวาทํ กตฺวา อฺถา พฺยากโรติ, ตสฺส รฺโ วิชิเต เทโว ยุตฺตกาเล อวสฺสิตฺวา อกาเล วสฺสตีติ อตฺโถ.

อถ นํ ปุนปิ มุสาวาทผเลน ยาว ชงฺฆา ปถวึ ปวิฏฺํ ‘‘สลฺลกฺเขหิ, มหาราชา’’ติ วตฺวา ปฺจมํ คาถมาห –

๔๙.

‘‘สเจ หิ สจฺจํ ภณสิ, โหหิ ราช ยถา ปุเร;

มุสา เจ ภาสเส ราช, ภูมึ ปวิส เจติยา’’ติ.

โส ตติยมฺปิ ‘‘ตฺวํสิ, ภนฺเต, กนิฏฺโ, เชฏฺโ โกรกลมฺโพ’’ติ มุสาวาทเมว กตฺวา ยาว ชาณุกา ปถวึ ปาวิสิ. อถ นํ ปุนปิ ‘‘สลฺลกฺเขหิ, มหาราชา’’ติ วตฺวา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๕๐.

‘‘ชิวฺหา ตสฺส ทฺวิธา โหติ, อุรคสฺเสว ทิสมฺปติ;

โย ชานํ ปุจฺฉิโต ปฺหํ, อฺถา นํ วิยากเร.

๕๑.

‘‘สเจ หิ สจฺจํ ภณสิ, โหหิ ราช ยถา ปุเร;

มุสา เจ ภาสเส ราช, ภิยฺโย ปวิส เจติยา’’ติ.

อิมา ทฺเว คาถา วตฺวา ‘‘อิทานิ สกฺกา ปากติกํ กาตุ’’นฺติ อาห. ราชา ตสฺส วจนํ สุตฺวาปิ อนาทิยิตฺวา ‘‘ตฺวํสิ, ภนฺเต, กนิฏฺโ, เชฏฺโ โกรกลมฺโพ’’ติ จตุตฺถมฺปิ มุสาวาทํ กตฺวา ยาว กฏิโต ปถวึ ปาวิสิ. อถ นํ พฺราหฺมโณ ‘‘สลฺลกฺเขหิ, มหาราชา’’ติ วตฺวา ปุน ทฺเว คาถา อภาสิ –

๕๒.

‘‘ชิวฺหา ตสฺส น ภวติ, มจฺฉสฺเสว ทิสมฺปติ;

โย ชานํ ปุจฺฉิโต ปฺหํ, อฺถา นํ วิยากเร.

๕๓.

‘‘สเจ หิ สจฺจํ ภณสิ, โหหิ ราช ยถา ปุเร;

มุสา เจ ภาสเส ราช, ภิยฺโย ปวิส เจติยา’’ติ.

ตตฺถ มจฺฉสฺเสวาติ นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน มุสาวาทิโน มจฺฉสฺส วิย กถนสมตฺถา ชิวฺหา น โหติ, มูโคว โหตีติ อตฺโถ.

โส ปฺจมมฺปิ ‘‘ตฺวํสิ กนิฏฺโ, เชฏฺโ โกรกลมฺโพ’’ติ มุสาวาทํ กตฺวา ยาว นาภิโต ปถวึ ปาวิสิ. อถ นํ พฺราหฺมโณ ปุนปิ ‘‘สลฺลกฺเขหิ, มหาราชา’’ติ วตฺวา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๕๔.

‘‘ถิโยว ตสฺส ชายนฺติ, น ปุมา ชายเร กุเล;

โย ชานํ ปุจฺฉิโต ปฺหํ, อฺถา นํ วิยากเร.

๕๕.

‘‘สเจ หิ สจฺจํ ภณสิ, โหหิ ราช ยถา ปุเร;

มุสา เจ ภาสเส ราช, ภิยฺโย ปวิส เจติยา’’ติ.

ตตฺถ ถิโยวาติ นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน มุสาวาทิสฺส ธีตโรว ชายนฺติ, ปุตฺตา น ชายนฺตีติ อตฺโถ.

ราชา ตสฺส วจนํ อนาทิยิตฺวา ฉฏฺมฺปิ ตเถว มุสาวาทํ ภณิตฺวา ยาว ถนา ปถวึ ปาวิสิ. อถ นํ ปุนปิ พฺราหฺมโณ ‘‘สลฺลกฺเขหิ, มหาราชา’’ติ วตฺวา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๕๖.

‘‘ปุตฺตา ตสฺส น ภวนฺติ, ปกฺกมนฺติ ทิโสทิสํ;

โย ชานํ ปุจฺฉิโต ปฺหํ, อฺถา นํ วิยากเร.

๕๗.

‘‘สเจ หิ สจฺจํ ภณสิ, โหหิ ราช ยถา ปุเร;

มุสา เจ ภาสเส ราช, ภิยฺโย ปวิส เจติยา’’ติ.

ตตฺถ ปกฺกมนฺตีติ สเจ มุสาวาทิสฺส ปุตฺตา ภวนฺติ, มาตาปิตูนํ อนุปการา หุตฺวา ปลายนฺตีติ อตฺโถ.

โส ปาปมิตฺตสํสคฺคโทเสน ตสฺส วจนํ อนาทิยิตฺวา สตฺตมมฺปิ ตเถว มุสาวาทํ อกาสิ. อถสฺส ปถวี วิวรํ อทาสิ, อวีจิโต ชาลา อุฏฺหิตฺวา คณฺหิ.

๕๘.

‘‘ส ราชา อิสินา สตฺโต, อนฺตลิกฺขจโร ปุเร;

ปาเวกฺขิ ปถวึ เจจฺโจ, หีนตฺโต ปตฺว ปริยายํ.

๕๙.

ตสฺมา หิ ฉนฺทาคมนํ, นปฺปสํสนฺติ ปณฺฑิตา;

อทุฏฺจิตฺโต ภาเสยฺย, คิรํ สจฺจูปสํหิต’’นฺติ. –

อิมา ทฺเว อภิสมฺพุทฺธคาถา โหนฺติ.

ตตฺถ ส ราชาติ ภิกฺขเว, โส ราชา เจติโย ปุพฺเพ อนฺตลิกฺขจโร หุตฺวา ปจฺฉา อิสินา อภิสตฺโต ปริหีนสภาโว หุตฺวา. ปตฺว ปริยายนฺติ อตฺตโน กาลปริยายํ ปตฺวา ปถวึ ปาวิสีติ อตฺโถ. ตสฺมาติ ยสฺมา เจติยราชา ฉนฺทาคมเนน อวีจิปรายโณ ชาโต, ตสฺมา. อทุฏฺจิตฺโตติ ฉนฺทาทีหิ อทูสิตจิตฺโต หุตฺวา สจฺจเมว ภาเสยฺย.

มหาชโน ‘‘เจติยราชา อิสึ อกฺโกสิตฺวา มุสาวาทํ กตฺวา อวีจึ ปวิฏฺโ’’ติ ภยปฺปตฺโต อโหสิ. รฺโ ปฺจ ปุตฺตา อาคนฺตฺวา พฺราหฺมณสฺส ปาเทสุ ปติตฺวา ‘‘อมฺหากํ อวสฺสโย โหหี’’ติ วทึสุ. พฺราหฺมโณ ‘‘ตาตา, ตุมฺหากํ ปิตา ธมฺมํ นาเสตฺวา มุสาวาทํ กตฺวา อิสึ อกฺโกสิตฺวา อวีจึ อุปปนฺโน, ธมฺโม นาเมส หโต หนติ, ตุมฺเหหิ น สกฺกา อิธ วสิตุ’’นฺติ วตฺวา เตสุ สพฺพเชฏฺกํ ‘‘เอหิ ตฺวํ, ตาต, ปาจีนทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา อุชุกํ คจฺฉนฺโต สพฺพเสตํ สตฺตปติฏฺํ หตฺถิรตนํ ปสฺสิสฺสสิ, ตาย สฺาย ตตฺถ นครํ มาเปตฺวา วส, ตํ นครํ หตฺถิปุรํ นาม ภวิสฺสตี’’ติ อาห. ทุติยํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ตฺวํ, ตาต, ทกฺขิณทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา อุชุกเมว คจฺฉนฺโต สพฺพเสตํ อสฺสรตนํ ปสฺสิสฺสสิ, ตาย สฺาย ตตฺถ นครํ มาเปตฺวา วส, ตํ นครํ อสฺสปุรํ นาม ภวิสฺสตี’’ติ อาห. ตติยํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ตฺวํ, ตาต, ปจฺฉิมทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา อุชุกเมว คจฺฉนฺโต เกสรสีหํ ปสฺสิสฺสสิ, ตาย สฺาย ตตฺถ นครํ มาเปตฺวา วส, ตํ นครํ สีหปุรํ นาม ภวิสฺสตี’’ติ อาห. จตุตฺถํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ตฺวํ, ตาต, อุตฺตรทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา อุชุกเมว คจฺฉนฺโต สพฺพรตนมยํ จกฺกปฺชรํ ปสฺสิสฺสสิ, ตาย สฺาย ตตฺถ นครํ มาเปตฺวา วส, ตํ นครํ อุตฺตรปฺจาลํ นาม ภวิสฺสตี’’ติ อาห. ปฺจมํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ตาต, ตยา อิมสฺมึ าเน วสิตุํ น สกฺกา, อิมสฺมึ นคเร มหาถูปํ กตฺวา นิกฺขมิตฺวา ปจฺฉิมุตฺตราย ทิสาย อุชุกเมว คจฺฉนฺโต ทฺเว ปพฺพเต อฺมฺํ ปหริตฺวา ปหริตฺวา ททฺทรสทฺทํ กโรนฺเต ปสฺสิสฺสสิ, ตาย สฺาย ตตฺถ นครํ มาเปตฺวา วส, ตํ นครํ ททฺทรปุรํ นาม ภวิสฺสตี’’ติ อาห. เต ปฺจปิ ชนา ตาย ตาย สฺาย คนฺตฺวา ตสฺมึ ตสฺมึ าเน นครานิ มาเปตฺวา วสึสุ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ เทวทตฺโต มุสาวาทํ กตฺวา ปถวึ ปวิฏฺโ’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เจติยราชา เทวทตฺโต อโหสิ, กปิลพฺราหฺมโณ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

เจติยชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๔๒๓] ๗. อินฺทฺริยชาตกวณฺณนา

โยอินฺทฺริยานนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปุราณทุติยิกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิเรโก กุลปุตฺโต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ‘‘น สกฺกา อคารมชฺเฌ วสนฺเตน เอกนฺตปริปุณฺณํ เอกนฺตปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ จริตุํ, นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสามี’’ติ ฆเร วิภวํ ปุตฺตทารสฺส นิยฺยาเทตฺวา นิกฺขมิตฺวา สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจิ. สตฺถาปิสฺส ปพฺพชฺชํ ทาเปสิ. ตสฺส อาจริยุปชฺฌาเยหิ สทฺธึ ปิณฺฑาย จรโต นวกตฺตา เจว ภิกฺขูนํ พหุภาเวน จ กุลฆเร วา อาสนสาลาย วา อาสนํ น ปาปุณาติ, สงฺฆนวกานํ โกฏิยํ ปีกํ วา ผลกํ วา ปาปุณาติ. อาหาโรปิ อุฬุงฺกปิฏฺเน ฆฏฺฏิตา ภินฺนสิตฺถกยาคุ วา ปูติสุกฺขขชฺชกํ วา ฌามสุกฺขกูโร วา ปาปุณาติ, ยาปนปมาณํ น โหติ. โส อตฺตนา ลทฺธํ คเหตฺวา ปุราณทุติยิกาย สนฺติกํ คจฺฉติ. อถสฺส สา ปตฺตํ คเหตฺวา วนฺทิตฺวา ปตฺตโต ภตฺตํ นีหริตฺวา สุสมฺปาทิตานิ ยาคุภตฺตสูปพฺยฺชนานิ เทติ. มหลฺลโก รสตณฺหาย พชฺฌิตฺวา ปุราณทุติยิกํ ชหิตุํ น สกฺโกติ. สา จินฺเตสิ ‘‘พทฺโธ นุ โข, โนติ วีมํสิสฺสามิ น’’นฺติ.

อเถกทิวสํ ชนปทมนุสฺสํ เสตมตฺติกาย นฺหาเปตฺวา เคเห นิสีทาเปตฺวา อฺเปิสฺส กติปเย ปริวารมนุสฺเส อาณาเปตฺวา โถกโถกํ ปานโภชนํ ทาเปสิ. เต ขาทนฺตา ภุฺชนฺตา นิสีทึสุ. เคหทฺวาเร จ จกฺเกสุ โคเณ พนฺธาเปตฺวา เอกํ สกฏมฺปิ ปาเปสิ, สยํ ปน ปิฏฺิคพฺเภ นิสีทิตฺวา ปูเว ปจิ. มหลฺลโก อาคนฺตฺวา ทฺวาเร อฏฺาสิ. ตํ ทิสฺวา เอโก มหลฺลกปุริโส ‘‘อยฺเย, เอโก เถโร ทฺวาเร ิโต’’ติ อาห. ‘‘วนฺทิตฺวา อติจฺฉาเปหี’’ติ. โส ‘‘อติจฺฉถ, ภนฺเต’’ติ ปุนปฺปุนํ กเถตฺวาปิ ตํ อคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยฺเย, เถโร น คจฺฉตี’’ติ อาห. สา อาคนฺตฺวา สาณึ อุกฺขิปิตฺวา โอโลเกตฺวา ‘‘อมฺโภ อยํ มม ทารกปิตา’’ติ วตฺวา นิกฺขมิตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา เคหํ ปเวเสตฺวา ปริวิสิตฺวา โภชนปริโยสาเน วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห อิเธว ปรินิพฺพายถ, มยํ เอตฺตกํ กาลํ อฺํ กุลํ น คณฺหิมฺห, อสามิเก ปน ฆเร ฆราวาโส น สณฺาติ, มยํ อฺํ กุลํ คณฺหาม, ทูรํ ชนปทํ คจฺฉิสฺสาม, ตุมฺเห อปฺปมตฺตา โหถ, สเจ เม โทโส อตฺถิ, ขมถา’’ติ อาห. มหลฺลกสฺส หทยผาลนกาโล วิย อโหสิ. อถ นํ ‘‘อหํ ตํ ชหิตุํ น สกฺโกมิ, มา คจฺฉ, วิพฺภมิสฺสามิ, อสุกฏฺาเน เม สาฏกํ เปเสหิ, ปตฺตจีวรํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา อาคจฺฉิสฺสามี’’ติ อาห. สา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. มหลฺลโก วิหารํ คนฺตฺวา อาจริยุปชฺฌาเย ปตฺตจีวรํ ปฏิจฺฉาเปนฺโต ‘‘กสฺมา, อาวุโส, เอวํ กโรสี’’ติ วุตฺโต ‘‘ปุราณทุติยิกํ ชหิตุํ น สกฺโกมิ วิพฺภมิสฺสามี’’ติ อาห. อถ นํ เต อนิจฺฉนฺตฺเว สตฺถุ สนฺติกํ เนตฺวา ‘‘กึ, ภิกฺขเว, อิมํ อนิจฺฉนฺตฺเว อานยิตฺถา’’ติ วุตฺเต ‘‘ภนฺเต, อยํ อุกฺกณฺิตฺวา วิพฺภมิตุกาโม’’ติ วทึสุ. อถ นํ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘โก ตํ อุกฺกณฺาเปสี’’ติ? ‘‘ปุราณทุติยิกา ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขุ น อิทาเนว สา อิตฺถี ตุยฺหํ อนตฺถการิกา, ปุพฺเพปิ ตฺวํ ตํ นิสฺสาย จตูหิ ฌาเนหิ ปริหีโน มหาทุกฺขํ ปตฺวา มํ นิสฺสาย ตมฺหา ทุกฺขา มุจฺจิตฺวา นฏฺชฺฌานํ ปฏิลภี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส ปุโรหิตํ ปฏิจฺจ ตสฺส พฺราหฺมณิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ. ชาตทิวเส จสฺส สกลนคเร อาวุธานิ ปชฺชลึสุ, เตนสฺส ‘‘โชติปาลกุมาโร’’ติ นามํ กรึสุ. โส วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา รฺโ สิปฺปํ ทสฺเสตฺวา อิสฺสริยํ ปหาย กฺจิ อชานาเปตฺวา อคฺคทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา สกฺกทตฺติเย กวิฏฺกอสฺสเม อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ฌานาภิฺาโย นิพฺพตฺเตสิ. ตํ ตตฺถ วสนฺตํ อเนกานิ อิสิสตานิ ปริวาเรสุํ, มหาสมาคโม อโหสิ. โส สรภงฺคสตฺถา นาม อโหสิ, ตสฺส สตฺต อนฺเตวาสิกเชฏฺกา อเหสุํ. เตสุ สาลิสฺสโร นาม อิสิ กวิฏฺกอสฺสมา นิกฺขมิตฺวา สุรฏฺชนปเท ปุรตฺถิมชนปเท สาโตทิกาย นาม นทิยา ตีเร อเนกสหสฺสอิสิปริวาโร วสิ. เมณฺฑิสฺสโร นาม อิสิ ปชฺโชตกปฺจาลรฺโ วิชิเต กลพฺพจูฬกํ นาม นิคมํ นิสฺสาย อเนกสหสฺสอิสิปริวาโร วสิ. ปพฺพโต นาม อิสิ เอกํ อฏวิชนปทํ นิสฺสาย อเนกสหสฺสอิสิปริวาโร วสิ. กาฬเทวิโล นาม อิสิ อวนฺติทกฺขิณาปเถ เอกคฺฆนเสลํ นิสฺสาย อเนกสหสฺสอิสิปริวาโร วสิ. กิสวจฺโฉ นาม อิสิ เอกโกว ทณฺฑกิรฺโ กุมฺภวตีนครํ นิสฺสาย อุยฺยาเน วสิ. อนุปิยตาปโส ปน โพธิสตฺตสฺส อุปฏฺาโก ตสฺส สนฺติเก วสิ. นารโท นาม อิสิ กาฬเทวิลสฺส กนิฏฺโ มชฺฌิมเทเส อารฺชรคิริมฺหิ ปพฺพตชาลนฺตเร เอกโกว เอกสฺมึ คุหาเลเณ วสิ.

อารฺชรคิริโน นาม อวิทูเร เอโก อากิณฺณมนุสฺโส นิคโม อตฺถิ, เตสํ อนฺตเร มหตี นที อตฺถิ, ตํ นทึ พหู มนุสฺสา โอตรนฺติ. อุตฺตมรูปธรา วณฺณทาสิโยปิ ปุริเส ปโลภยมานา ตสฺสา นทิยา ตีเร นิสีทนฺติ. นารทตาปโส ตาสุ เอกํ ทิสฺวา ปฏิพทฺธจิตฺโต หุตฺวา ฌานํ อนฺตรธาเปตฺวา นิราหาโร ปริสุสฺสนฺโต กิเลสวสํ คนฺตฺวา สตฺตาหํ วสิตฺวา นิปชฺชิ. อถสฺส ภาตา กาฬเทวิโล อาวชฺเชนฺโต ตํ การณํ ตฺวา อากาเสนาคนฺตฺวา เลณํ ปาวิสิ. นารโท ตํ ทิสฺวา ‘‘กสฺมา ภวํ อาคโตสี’’ติ อาห. ‘‘ภวํ ‘อกลฺลโก’ติ ภวนฺตํ ปฏิชคฺคิตุํ อาคโตมฺหี’’ติ. อถ นํ โส ‘‘อภูตํ กถํ กเถสิ, อลิกํ ตุจฺฉํ กเถสี’’ติ มุสาวาเทน นิคฺคณฺหิ. โส ‘‘เนตํ ปหาตุํ วฏฺฏตี’’ติ สาลิสฺสรํ อาเนสิ, เมณฺฑิสฺสรํ อาเนสิ, ปพฺพตมฺปิ อาเนสิ. อิตโรปิ เต ตโย มุสาวาเทน นิคฺคณฺหิ. กาฬเทวิโล ‘‘สรภงฺคสตฺถารํ อาเนสฺสามี’’ติ อากาเสนาคนฺตฺวา ตํ อาเนสิ. โส อาคนฺตฺวา ตํ ทิสฺวา ‘‘อินฺทฺริยวสํ คโต’’ติ ตฺวา ‘‘กจฺจิ นารท, อินฺทฺริยานํ วสํ คโต’’ติ ปุจฺฉิ. อิตเรน ตํ สุตฺวาว อุฏฺาย วนฺทิตฺวา ‘‘อาม, อาจริยา’’ติ วุตฺเต ‘‘นารท, อินฺทฺริยวสํ คตา นาม อิมสฺมึ อตฺตภาเว สุสฺสนฺตา ทุกฺขํ อนุภวิตฺวา ทุติเย อตฺตภาเว นิรเย นิพฺพตฺตนฺตี’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –

๖๐.

‘‘โย อินฺทฺริยานํ กาเมน, วสํ นารท คจฺฉติ;

โส ปริจฺจชฺชุโภ โลเก, ชีวนฺโตว วิสุสฺสตี’’ติ.

ตตฺถ โย อินฺทฺริยานนฺติ นารท, โย ปุริโส รูปาทีสุ สุภาการํ คเหตฺวา กิเลสกามวเสน ฉนฺนํ อินฺทฺริยานํ วสํ คจฺฉติ. ปริจฺจชฺชุโภ โลเกติ โส มนุสฺสโลกฺจ เทวโลกฺจาติ อุโภโลเก ปริจฺจชิตฺวา นิรยาทีสุ นิพฺพตฺตนฺตีติ อตฺโถ. ชีวนฺโตว วิสุสฺสตีติ ชีวนฺโตเยว อตฺตนา อิจฺฉิตํ กิเลสวตฺถุํ อลภนฺโต โสเกน วิสุสฺสติ, มหาทุกฺขํ ปาปุณาตีติ.

ตํ สุตฺวา นารโท ‘‘อาจริย, กามเสวนํ นาม สุขํ, เอวรูปํ สุขํ กึ สนฺธาย ทุกฺขนฺติ วทสี’’ติ ปุจฺฉิ. อถสฺส สรภงฺโค ‘‘เตน หิ สุณาหี’’ติ ทุติยํ คาถมาห –

๖๑.

‘‘สุขสฺสานนฺตรํ ทุกฺขํ, ทุกฺขสฺสานนฺตรํ สุขํ;

โสสิ ปตฺโต สุขา ทุกฺขํ, ปาฏิกงฺข วรํ สุข’’นฺติ.

ตตฺถ สุขสฺสานนฺตรนฺติ กามสุขสฺส อนนฺตรํ นิรยทุกฺขํ. ทุกฺขสฺสาติ สีลรกฺขณทุกฺขสฺส อนนฺตรํ ทิพฺพมานุสกสุขฺเจว นิพฺพานสุขฺจ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – นารท, อิเม หิ สตฺตา กามเสวนสมเย กาลํ กตฺวา เอกนฺตทุกฺเข นิรเย นิพฺพตฺตนฺติ, สีลํ รกฺขนฺตา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺตา จ ปน กิลมนฺติ, เต ทุกฺเขน สีลํ รกฺขิตฺวา สีลพเลน วุตฺตปฺปการํ สุขํ ลภนฺติ, อิทํ ทุกฺขํ สนฺธายาหํ เอวํ วทามีติ. โสสิ ปตฺโตติ โส ตฺวํ นารท, อิทานิ ฌานสุขํ นาเสตฺวา ตโต สุขา มหนฺตํ กามนิสฺสิตํ เจตสิกทุกฺขํ ปตฺโต. ปาฏิกงฺขาติ อิทํ กิเลสทุกฺขํ ฉฑฺเฑตฺวา ปุน ตเทว วรํ อุตฺตมํ ฌานสุขํ อิจฺฉ ปตฺเถหีติ.

นารโท ‘‘อิทํ อาจริย, ทุกฺขํ ทุสฺสหํ, น ตํ อธิวาเสตุํ สกฺโกมี’’ติ อาห. อถ นํ มหาสตฺโต ‘‘นารท, ทุกฺขํ นาม อุปฺปนฺนํ อธิวาเสตพฺพเมวา’’ติ วตฺวา ตติยํ คาถมาห –

๖๒.

‘‘กิจฺฉกาเล กิจฺฉสโห, โย กิจฺฉํ นาติวตฺตติ;

ส กิจฺฉนฺตํ สุขํ ธีโร, โยคํ สมธิคจฺฉตี’’ติ.

ตตฺถ นาติวตฺตตีติ นานุวตฺตติ, อยเมว วา ปาโ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – นารท, โย กายิกเจตสิกทุกฺขสงฺขาตสฺส กิจฺฉสฺส อุปฺปนฺนกาเล อปฺปมตฺโต ตสฺส กิจฺฉสฺส หรณูปายํ กโรนฺโต กิจฺฉสโห หุตฺวา ตํ กิจฺฉํ นานุวตฺตติ, ตสฺส วเส อวตฺติตฺวา เตหิ เตหิ อุปาเยหิ ตํ กิจฺฉํ อภิภวติ วินาเสติ, โส ธีโร กิจฺฉสฺส อนฺติมสงฺขาตํ นิรามิสสุขสงฺขาตํ ฌานสุขํ อธิคจฺฉติ, ตํ วา กิจฺฉนฺตํ โยคสุขํ อธิคจฺฉติ, อกิลมนฺโตว ปาปุณาตีติ.

โส ‘‘อาจริย, กามสุขํ นาม อุตฺตมสุขํ, น ตํ ชหิตุํ สกฺโกมี’’ติ อาห. อถ นํ มหาสตฺโต ‘‘นารท, ธมฺโม นาม น เกนจิ การเณน นาเสตพฺโพ’’ติ วตฺวา จตุตฺถํ คาถมาห –

๖๓.

‘‘น เหว กามาน กามา, นานตฺถา นาตฺถการณา;

น กตฺจ นิรงฺกตฺวา, ธมฺมา จวิตุมรหสี’’ติ.

ตตฺถ กามาน กามาติ กามานํ กามา, วตฺถุกามานํ ปตฺถนายาติ อตฺโถ. นานตฺถา นาตฺถการณาติ น อนตฺถโต น อตฺถการณา. น กตฺจ นิรงฺกตฺวาติ กตฺจ นิปฺผาทิตํ ฌานํ นิรํกตฺวา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – นารท, น เหว วตฺถุกามปตฺถนาย ธมฺมา จวิตุมรหสิ, เอกสฺมึ อนตฺเถ อุปฺปนฺเน ตํ ปฏิหนิตุกาโม นานตฺถา น อตฺเถนปิ การณภูเตน ธมฺมา จวิตุมรหสิ, ‘‘อสุโก นาม เม อตฺโถ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ เอวมฺปิ อตฺถการณาปิ น ธมฺมา จวิตุมรหสิ, กตํ ปน นิปฺผาทิตํ ฌานสุขํ นิรํกตฺวา วินาเสตฺวา เนว ธมฺมา จวิตุมรหสีสิ.

เอวํ สรภงฺเคน จตูหิ คาถาหิ ธมฺเม เทสิเต กาฬเทวิโล อตฺตโน กนิฏฺํ โอวทนฺโต ปฺจมํ คาถมาห –

๖๔.

‘‘ทกฺขํ คหปตี สาธุ, สํวิภชฺชฺจ โภชนํ;

อหาโส อตฺถลาเภสุ, อตฺถพฺยาปตฺติ อพฺยโถ’’ติ.

ตตฺถ ทกฺขํ คหปตีติ นารท ฆราวาสํ วสนฺตานํ คหปตีนํ โภคุปฺปาทนตฺถาย อนลสฺยเฉกกุสลภาวสงฺขาตํ ทกฺขํ นาม สาธุ, ทกฺขภาโว ภทฺทโก. สํวิภชฺชฺจ โภชนนฺติ ทุกฺเขน อุปฺปาทิตโภคานํ ธมฺมิกสมณพฺราหฺมเณหิ สทฺธึ สํวิภชิตฺวา ปริโภคกรณํ ทุติยํ สาธุ. อหาโส อตฺถลาเภสูติ มหนฺเต อิสฺสริเย อุปฺปนฺเน อปฺปมาทวเสน อหาโส อนุปฺปิลาวิตตฺตํ ตติยํ สาธุ. อตฺถพฺยาปตฺตีติ ยทา ปน อตฺตโน อตฺถพฺยาปตฺติ ยสวินาโส โหติ, ตทา อพฺยโถ อกิลมนํ จตุตฺถํ สาธุ, ตสฺมา ตฺวํ, นารท, ‘‘ฌานํ เม อนฺตรหิต’’นฺติ มา โสจิ, สเจ อินฺทฺริยานํ วสํ น คมิสฺสสิ, นฏฺมฺปิ เต ฌานํ ปุน ปากติกเมว ภวิสฺสตีติ.

ตํ ปุน กาฬเทวิเลน นารทสฺส โอวทิตภาวํ ตฺวา สตฺถา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ฉฏฺํ คาถมาห –

๖๕.

‘‘เอตฺตาวเตตํ ปณฺฑิจฺจํ, อปิ โส เทวิโล พฺรวิ;

น ยิโต กิฺจิ ปาปิโย, โย อินฺทฺริยานํ วสํ วเช’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ภิกฺขเว, เอตฺตกํ เอตํ ปณฺฑิจฺจํ โสยํ เทวิโล อพฺรวิ. โย ปน กิเลสวเสน อินฺทฺริยานํ วสํ วชติ, อิโต อฺโ ปาปิโย นตฺถีติ.

อถ นํ สรภงฺโค อามนฺเตตฺวา ‘‘นารท, อิทํ ตาว สุณ, โย หิ ปมเมว กตฺตพฺพยุตฺตกํ น กโรติ, โส อรฺํ ปวิฏฺมาณวโก วิย โสจติ ปริเทวตี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต เอกสฺมึ กาสินิคเม เอโก พฺราหฺมณมาณโว อภิรูโป อโหสิ ถามสมฺปนฺโน นาคพโล. โส จินฺเตสิ – ‘‘กึ เม กสิกมฺมาทีนิ กตฺวา มาตาปิตูหิ ปุฏฺเหิ, กึ ปุตฺตทาเรน, กึ ทานาทีหิ ปุฺเหิ กเตหิ, กฺจิ อโปเสตฺวา กิฺจิ ปุฺํ อกตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา มิเค มาเรตฺวา อตฺตานํเยว โปเสสฺสามี’’ติ? โส ปฺจาวุธสนฺนทฺโธ หิมวนฺตํ คนฺตฺวา นานามิเค วธิตฺวา ขาทนฺโต อนฺโตหิมวนฺเต วิธวาย นาม นทิยา ตีเร คิริปริกฺขิตฺตํ มหนฺตํ ปพฺพตชาลํ ปตฺวา ตตฺถ มิเค วธิตฺวา องฺคาเร ปกฺกมํสํ ขาทนฺโต วาสํ กปฺเปสิ. โส จินฺเตสิ ‘‘อหํ สพฺพทา ถามสมฺปนฺโน น ภวิสฺสามิ, ทุพฺพลกาเล อรฺเ จริตุํ น สกฺขิสฺสามิ, อิทาเนว นานาวณฺเณ มิเค ปพฺพตชาลํ ปเวเสตฺวา ทฺวารํ โยเชตฺวา อรฺํ อนาหิณฺฑนฺโตว ยถารุจิยา มิเค วธิตฺวา ขาทิสฺสามี’’ติ ตถา อกาสิ. อถสฺส กาเล อติกฺกนฺเต ตํ กมฺมํ มตฺถกปฺปตฺตํ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ ชาตํ, อตฺตโน หตฺถปาเทหิ น ลภิ คนฺตุํ, อปราปรํ ปริวตฺเตตุํ นาสกฺขิ, เนว กิฺจิ ขาทนียํ โภชนียํ, น ปานียํ ปสฺสิ, สรีรํ มิลายิ, มนุสฺสเปโต อโหสิ, คิมฺหกาเล ปถวี วิย สรีรํ ภิชฺชิตฺวา ราชิโย ทสฺเสสิ, โส ทุรูโป ทุสฺสณฺิโต มหาทุกฺขํ อนุภวิ.

เอวํ อทฺธาเน คเต สิวิรฏฺเ สิวิราชา นาม ‘‘อรฺเ องฺคารปกฺกมํสํ ขาทิสฺสามี’’ติ อมจฺจานํ รชฺชํ นิยฺยาเทตฺวา ปฺจาวุธสนฺนทฺโธ อรฺํ ปวิสิตฺวา มิเค วธิตฺวา มํสํ ขาทมาโน อนุปุพฺเพน ตํ ปเทสํ ปตฺวา ตํ ปุริสํ ทิสฺวา ภีโตปิ สตึ อุปฏฺเปตฺวา ‘‘โกสิ ตฺวํ อมฺโภ ปุริสา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สามิ, มนุสฺสเปโต อหํ, อตฺตโน กตกมฺมสฺส ผลํ อนุโภมิ, ตฺวํ ปน โกสี’’ติ? ‘‘สิวิราชาหมสฺมี’’ติ. ‘‘อถ กสฺมา อิธาคโตสี’’ติ? ‘‘มิคมํสํ ขาทนตฺถายา’’ติ. อถสฺส โส ‘‘อหมฺปิ มหาราช, อิมินาว การเณน อาคนฺตฺวา มนุสฺสเปโต ชาโต’’ติ สพฺพํ วิตฺถาเรน กเถตฺวา อตฺตโน ทุกฺขิตภาวํ รฺโ อาจิกฺขนฺโต เสสคาถา อาห –

๖๖.

‘‘อมิตฺตานํว หตฺถตฺถํ, สิวิ ปปฺโปติ มามิว;

กมฺมํ วิชฺชฺจ ทกฺเขยฺยํ, วิวาหํ สีลมทฺทวํ;

เอเต จ ยเส หาเปตฺวา, นิพฺพตฺโต เสหิ กมฺเมหิ.

๖๗.

‘‘โสหํ สหสฺสชีโนว, อพนฺธุ อปรายโณ;

อริยธมฺมา อปกฺกนฺโต, ยถา เปโต ตเถวหํ.

๖๘.

‘‘สุขกาเม ทุกฺขาเปตฺวา, อาปนฺโนสฺมิ ปทํ อิมํ;

โส สุขํ นาธิคจฺฉามิ, ิโต ภาณุมตามิวา’’ติ.

ตตฺถ อมิตฺตานํว หตฺถตฺถนฺติ อมิตฺตานํ หตฺเถ อตฺถํ วินาสํ วิย. สิวีติ ราชานํ อาลปติ. ปปฺโปติ มามิวาติ มาทิโส ปาปกมฺเมน ปาปุณาติ, อตฺตโนว กมฺเมน วินาสํ ปาปุณาตีติ วุตฺตํ โหติ. กมฺมนฺติ กสิกมฺมาทิเภทํ อาชีวสาธกํ กิจฺจํ. วิชฺชนฺติ นานปฺปการกํ หตฺถิสิปฺปาทิกํ สิปฺปํ. ทกฺเขยฺยนฺติ นานปฺปกาเรน โภคุปฺปาทนโกสลฺลํ. วิวาหนฺติ อาวาหวิวาหสมฺพนฺธํ. สีลมทฺทวนฺติ ปฺจวิธสีลฺเจว มุทุวจนํ หิตกามํ ปาปนิวารณํ กลฺยาณมิตฺตตฺจ. โส หิ อิธ มทฺทโวติ อธิปฺเปโต. เอเต จ ยเส หาเปตฺวาติ เอเต เอตฺตเก ยสทายเก ธมฺเม หาเปตฺวา จ. นิพฺพตฺโต เสหิ กมฺเมหีติ อตฺตโน กมฺเมหิ นิพฺพตฺโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อหํ, มหาราช, อิมสฺมึ โลเก อิสฺสริยทายกํ กตฺตพฺพยุตฺตกํ กมฺมํ อกตฺวา สิปฺปํ อสิกฺขิตฺวา อุปาเยน โภเค อนุปฺปาเทตฺวา อาวาหวิวาหํ อกตฺวา สีลํ อรกฺขิตฺวา มํ อกิจฺจํ กโรนฺตํ ปาปนิวารณสมตฺเถ กลฺยาณมิตฺเต อภชิตฺวา อิเม เอตฺตเก ยสทายกตฺตา ‘‘ยเส’’ติ สงฺขฺยํ คเต โลกปฺปวตฺติธมฺเม หาเปตฺวา ฉฑฺเฑตฺวา อิมํ อรฺํ ปวิสิตฺวา สยํ กเตหิ ปาปกมฺเมหิ อิทานิ มนุสฺสเปโต หุตฺวา นิพฺพตฺโตสฺมีติ.

สหสฺสชีโนวาติ สหสฺสชีนปุริโส วิยาติ อตฺโถ. สฺวาหํ สมฺมา ปฏิปชฺชิตฺวา โภเค อุปฺปาเทยฺยํ, เตหิ อเนกสหสฺเสหิ โภเคหิ ชิโตติปิ อตฺโถ. อปรายโณติ อสรโณ, นิปฺปติฏฺโติ อตฺโถ. อริยธมฺมาติ สปฺปุริสธมฺมโต. ยถาเปโตติ ยถา มโต เปโต หุตฺวา อุปฺปชฺเชยฺย, ชีวมาโนเยว ตถา มนุสฺสเปโต ชาโตสฺมีติ อตฺโถ. สุขกาเม ทุกฺขาเปตฺวาติ สุขกาเม สตฺเต ทุกฺขาเปตฺวา. ‘‘สุขกาโม’’ติปิ ปาโ, สยํ สุขกาโม ปรํ ทุกฺขาเปตฺวาติ อตฺโถ. อาปนฺโนสฺมิ ปทํ อิมนฺติ เอวรูปํ โกฏฺาสํ ปตฺโตสฺมิ. ปถนฺติปิ ปาโ, อิทํ ทุกฺขสฺส ปถภูตํ อตฺตภาวํ ปตฺโตสฺมีติ อตฺโถ. ิโต ภาณุมตามิวาติ ภาณุมา วุจฺจติ อคฺคิ, วีตจฺจิกงฺคาเรหิ สมนฺตา ปริกิณฺโณ วิย สรีเร อุฏฺิเตน มหาทาเหน ทยฺหนฺโต กายิกเจตสิกสุขํ น วินฺทามีติ วทติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา ‘‘อหํ, มหาราช, สุขกาโม ปรํ ทุกฺขาเปตฺวา ทิฏฺเว ธมฺเม มนุสฺสเปโต ชาโต, ตสฺมา ตฺวํ ปาปํ มา กริ, อตฺตโน นครํ คนฺตฺวา ทานาทีนิ ปุฺานิ กโรหี’’ติ อาห. ราชา ตถา กตฺวา สคฺคปุรํ ปูเรสิ. สรภงฺคสตฺถา อิมํ การณํ อาหริตฺวา ตาปสํ สฺาเปสิ. โส ตสฺส ธมฺมกถาย สํเวคํ ปฏิลภิตฺวา ตํ วนฺทิตฺวา ขมาเปตฺวา กสิณปริกมฺมํ กตฺวา นฏฺํ ฌานํ ปฏิปากติกํ อกาสิ. สรภงฺโค ตสฺส ตตฺถ วสิตุํ อทตฺวา ตํ อาทาย อตฺตโน อสฺสมํ คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ.

ตทา นารโท อุกฺกณฺิตภิกฺขุ อโหสิ, นครโสภิณี ปุราณทุติยิกา, สาลิสฺสโร สาริปุตฺโต, เมณฺฑิสฺสโร กสฺสโป, ปพฺพโต อนุรุทฺโธ, กาฬเทวิโล กจฺจายโน, อนุปิโย อานนฺโท, กิสวจฺโฉ มหาโมคฺคลฺลาโน, สรภงฺโค ปน อหเมว อโหสินฺติ.

อินฺทฺริยชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๔๒๔] ๘. อาทิตฺตชาตกวณฺณนา

อาทิตฺตสฺมินฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อสทิสทานํ อารพฺภ กเถสิ. อสทิสทานํ มหาโควินฺทสุตฺตวณฺณนาโต (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๒๙๖) วิตฺถาเรตฺวา กเถตพฺพํ. ตสฺส ปน ทินฺนทิวสโต ทุติยทิวเส ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, โกสลราชา วิจินิตฺวาว , ปุฺกฺเขตฺตํ ตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส อริยสงฺฆสฺส อสทิสทานํ อทาสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘อนจฺฉริยํ, ภิกฺขเว, รฺโ วิจินิตฺวา อนุตฺตเร ปุฺกฺเขตฺเต ทานปติฏฺาปนํ, โปราณกปณฺฑิตาปิ วิจินิตฺวาว มหาทานํ อทํสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต สิวิรฏฺเ โรรุวนคเร โรรุวมหาราชา นาม ทส ราชธมฺเม อโกเปตฺวา จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ ชนํ สงฺคณฺหนฺโต มหาชนสฺส มาตาปิตุฏฺาเน ตฺวา กปณทฺธิกวนิพฺพกยาจกาทีนํ มหาทานํ ปวตฺเตสิ. ตสฺส สมุทฺทวิชยา นาม อคฺคมเหสี อโหสิ ปณฺฑิตา าณสมฺปนฺนา. โส เอกทิวสํ ทานคฺคํ โอโลเกนฺโต ‘‘มยฺหํ ทานํ ทุสฺสีลา โลลสตฺตา ภุฺชนฺติ, ตํ มํ น หาเสติ, อหํ โข ปน สีลวนฺตานํ อคฺคทกฺขิเณยฺยานํ ปจฺเจกพุทฺธานํ ทาตุกาโม, เต จ หิมวนฺตปเทเส วสนฺติ, โก นุ โข เต นิมนฺเตตฺวา อาเนสฺสติ, กํ เปเสสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ตมตฺถํ เทวิยา อาโรเจสิ. อถ นํ สา อาห ‘‘มหาราช, มา จินฺตยิตฺถ, อมฺหากํ ทาตพฺพทานพเลน สีลพเลน สจฺจพเลน ปุปฺผานิ เปเสตฺวา ปจฺเจกพุทฺเธ นิมนฺเตตฺวา เตสํ อาคตกาเล สพฺพปริกฺขารสมฺปนฺนทานํ ทสฺสามา’’ติ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ‘‘สกลนครวาสิโน สีลํ สมาทิยนฺตู’’ติ นคเร เภรึ จราเปตฺวา สยมฺปิ สปริชโน อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺาย มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา สุมนปุปฺผปุณฺณํ สุวณฺณสมุคฺคํ คาหาเปตฺวา ปาสาทา โอรุยฺห ราชงฺคเณ ตฺวา ปฺจงฺคานิ ปถวิยํ ปติฏฺาเปตฺวา ปาจีนทิสาภิมุโข วนฺทิตฺวา ‘‘ปาจีนทิสาย อรหนฺเต วนฺทามิ, สเจ อมฺหากํ โกจิ คุโณ อตฺถิ, อมฺเหสุ อนุกมฺปํ กตฺวา อมฺหากํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ วตฺวา สตฺต ปุปฺผมุฏฺิโย ขิปิ. ปาจีนทิสาย ปจฺเจกพุทฺธานํ อภาเวน ปุนทิวเส นาคมึสุ. ทุติยทิวเส ทกฺขิณทิสํ นมสฺสิ, ตโตปิ นาคตา. ตติยทิวเส ปจฺฉิมทิสํ นมสฺสิ, ตโตปิ นาคตา. จตุตฺถทิวเส อุตฺตรทิสํ นมสฺสิ, นมสฺสิตฺวา จ ปน ‘‘อุตฺตรหิมวนฺตปเทสวาสิโน ปจฺเจกพุทฺธา อมฺหากํ ภิกฺขํ คณฺหนฺตู’’ติ สตฺต ปุปฺผมุฏฺิโย วิสฺสชฺเชสิ. ปุปฺผานิ คนฺตฺวา นนฺทมูลกปพฺภาเร ปฺจนฺนํ ปจฺเจกพุทฺธสตานํ อุปริ ปตึสุ.

เต อาวชฺชมานา รฺา อตฺตโน นิมนฺติตภาวํ ตฺวา ปุนทิวเส สตฺต ปจฺเจกพุทฺเธ อามนฺเตตฺวา ‘‘มาริสา, ราชา โว นิมนฺเตติ, ตสฺส สงฺคหํ กโรถา’’ติ วทึสุ. สตฺต ปจฺเจกพุทฺธา อากาเสนาคนฺตฺวา ราชทฺวาเร โอตรึสุ. เต ทิสฺวา ราชา โสมนสฺสชาโต วนฺทิตฺวา ปาสาทํ อาโรเปตฺวา มหนฺตํ สกฺการํ กตฺวา ทานํ ทตฺวา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน ปุนทิวสตฺถาย ปุนทิวสตฺถายาติ เอวํ ฉ ทิวเส นิมนฺเตตฺวา สตฺตเม ทิวเส สพฺพปริกฺขารทานํ สชฺเชตฺวา สตฺตรตนขจิตานิ มฺจปีาทีนิ ปฺเปตฺวา ติจีวราทิเก สพฺพสมณปริโภเค สตฺตนฺนํ ปจฺเจกพุทฺธานํ สนฺติเก เปตฺวา ‘‘มยํ อิเม ปริกฺขาเร ตุมฺหากํ เทมา’’ติ วตฺวา เตสํ ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน ราชา จ เทวี จ อุโภปิ นมสฺสมานา อฏฺํสุ. อถ เนสํ อนุโมทนํ กโรนฺโต สงฺฆตฺเถโร ทฺเว คาถา อภาสิ –

๖๙.

‘‘อาทิตฺตสฺมึ อคารสฺมึ, ยํ นีหรติ ภาชนํ;

ตํ ตสฺส โหติ อตฺถาย, โน จ ยํ ตตฺถ ฑยฺหติ.

๗๐.

‘‘เอวมาทีปิโต โลโก, ชราย มรเณน จ;

นีหเรเถว ทาเนน, ทินฺนํ โหติ สุนีหต’’นฺติ.

ตตฺถ อาทิตฺตสฺมินฺติ ตงฺขเณ ปชฺชลิเต. ภาชนนฺติ อุปกรณํ. โน จ ยํ ตตฺถ ฑยฺหตีติ ยํ ปน ตตฺถ ฑยฺหติ, อนฺตมโส ติณสนฺถาโรปิ, สพฺพํ ตสฺส อนุปกรณเมว โหติ. ชราย มรเณน จาติ เทสนาสีสเมตํ, อตฺถโต ปเนส เอกาทสหิ อคฺคีหิ อาทีปิโต นาม. นีหเรเถวาติ ตโต เอกาทสติ อคฺคีหิ ปชฺชลิตโลกา ทสวิธทานวตฺถุเภทํ ตํ ตํ ปริกฺขารทานํ เจตนาย นิกฺกฑฺเฒเถว. ทินฺนํ โหตีติ อปฺปํ วา พหุํ วา ยํ ทินฺนํ, ตเทว สุนีหตํ นาม โหตีติ.

เอวํ สงฺฆตฺเถโร อนุโมทนํ กตฺวา ‘‘อปฺปมตฺโต โหหิ, มหาราชา’’ติ รฺโ โอวาทํ ทตฺวา อากาเส อุปฺปติตฺวา ปาสาทกณฺณิกํ ทฺวิธา กตฺวา คนฺตฺวา นนฺทมูลกปพฺภาเรเยว โอตริ. ตสฺส ทินฺนปริกฺขาโรปิ เตเนว สทฺธึ อุปฺปติตฺวา นนฺทมูลกปพฺภาเรเยว โอตริ. รฺโ จ เทวิยา จ สกลสรีรํ ปีติยา ปุณฺณํ อโหสิ. เอวํ ตสฺมึ คเต อวเสสาปิ –

๗๑.

‘‘โย ธมฺมลทฺธสฺส ททาติ ทานํ, อุฏฺานวีริยาธิคตสฺส ชนฺตุ;

อติกฺกมฺม โส เวตรณึ ยมสฺส, ทิพฺพานิ านานิ อุเปติ มจฺโจ.

๗๒.

‘‘ทานฺจ ยุทฺธฺจ สมานมาหุ, อปฺปาปิ สนฺตา พหุเก ชินนฺติ;

อปฺปมฺปิ เจ สทฺทหาโน ททาติ, เตเนว โส โหติ สุขี ปรตฺถ.

๗๓.

‘‘วิเจยฺย ทานํ สุคตปฺปสตฺถํ, เย ทกฺขิเณยฺยา อิธ ชีวโลเก;

เอเตสุ ทินฺนานิ มหปฺผลานิ, พีชานิ วุตฺตานิ ยถา สุเขตฺเต.

๗๔.

‘‘โย ปาณภูตานิ อเหยํ จรํ, ปรูปวาทา น กโรติ ปาปํ;

ภีรุํ ปสํสนฺติ น ตตฺถ สูรํ, ภยา หิ สนฺโต น กโรนฺติ ปาปํ.

๗๕.

‘‘หีเนน พฺรหฺมจริเยน, ขตฺติเย อุปปชฺชติ;

มชฺฌิเมน จ เทวตฺตํ, อุตฺตเมน วิสุชฺฌติ.

๗๖.

‘‘อทฺธา หิ ทานํ พหุธา ปสตฺถํ, ทานา จ โข ธมฺมปทํว เสยฺโย;

ปุพฺเพว หิ ปุพฺพตเรว สนฺโต, นิพฺพานเมวชฺฌคมุํ สปฺา’’ติ. –

เอวเมเกกาย คาถาย อนุโมทนํ กตฺวา ตเถว อคมึสุ สทฺธึ ปริกฺขาเรหิ.

ตตฺถ ธมฺมลทฺธสฺสาติ ขีณาสวํ อาทึ กตฺวา ยาว สุกฺขวิปสฺสกโยคาวจโร ปุคฺคโล ธมฺมสฺส ลทฺธตฺตา ธมฺมลทฺโธ นาม. สฺเวว อุฏฺานวีริเยน ตสฺส ธมฺมสฺส อธิคตตฺตา อุฏฺานวีริยาธิคโต นาม. ตสฺส ปุคฺคลสฺส โย ชนฺตุ ททาติ ทานนฺติ อตฺโถ, ธมฺเมน ลทฺธสฺส อุฏฺานสงฺขาเตน วีริเยน อธิคตสฺส เทยฺยธมฺมสฺส อคฺคํ คเหตฺวา โย ชนฺตุ สีลวนฺเตสุ ทานํ ททาตีติปิ อตฺโถ. อุปโยคตฺเถ วา สามิวจนํ กตฺวาเปตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เวตรณินฺติ เทสนาสีสเมตํ, อฏฺ มหานิรเย โสฬส จ อุสฺสเท อติกฺกมิตฺวาติ อตฺโถ. ทิพฺพานิ านานิ อุเปตีติ เทวโลเก อุปฺปชฺชติ.

สมานมาหูติ สทิสํ วทนฺติ. ขยภีรุกสฺส หิ ทานํ นตฺถิ, ภยภีรุกสฺส ยุทฺธํ นตฺถิ. ชีวิเต อาลยํ วิชหิตฺวา ยุชฺชนฺโตว ยุชฺฌิตุํ สกฺโกติ, โภเคสุ อาลยํ วิชหิตฺวา ทายโก ทาตุํ สกฺโกติ, เตเนว ตํ อุภยํ ‘‘สมาน’’นฺติ วทนฺติ. อปฺปาปิ สนฺตาติ โถกาปิ สมานา ปริจฺจตฺตชีวิตา พหุเก ชินนฺติ, เอวเมว อปฺปาปิ มุฺจเจตนา พหุมฺปิ มจฺเฉรจิตฺตํ โลภาทึ วา กิเลสคหนํ ชินาติ. อปฺปมฺปิ เจติ โถกมฺปิ เจ เทยฺยธมฺมํ กมฺมฺจ ผลฺจ สทฺทหนฺโต เทติ. เตเนว โสติ เตน ปริตฺตเทยฺยธมฺมวตฺถุเกน ปริตฺตเกนาปิ จาเคน โส ปรตฺถ สุขี โหติ, มหาราชาติ.

วิเจยฺย ทานนฺติ ทกฺขิณฺจ ทกฺขิเณยฺยฺจ วิจินิตฺวา ทินฺนทานํ. ตตฺถ ยํ วา ตํ วา อทตฺวา อคฺคํ ปณีตํ เทยฺยธมฺมํ วิจินิตฺวา ททนฺโต ทกฺขิณํ วิจินาติ นาม, เยสํ เตสํ วา อทตฺวา สีลาทิคุณสมฺปนฺเน วิจินิตฺวา เตสํ ททนฺโต ทกฺขิเณยฺยํ วิจินาติ นาม. สุคตปฺปสตฺถนฺติ เอวรูปํ ทานํ พุทฺเธหิ ปสตฺถํ. ตตฺถ ทกฺขิเณยฺยวิจินนํ ทสฺเสตุํ ‘‘เย ทกฺขิเณยฺยา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ทกฺขิเณยฺยาติ ทกฺขิณาย อนุจฺฉวิกา พุทฺธาทโย.

ปาณภูตานีติ ปาณสงฺขาตานิ ภูตานิ. อเหยํ จรนฺติ การุฺเน อวิเหยนฺโต จรมาโน. ปรูปวาทาติ ปรูปวาทภเยน ปาปํ น กโรติ. ภีรุนฺติ อุปวาทภีรุกํ. น ตตฺถ สูรนฺติ โย ปน อโยนิโสมนสิกาเรน ตสฺมึ อุปวาเท สูโร โหติ, ตํ ปณฺฑิตา นปฺปสํสนฺติ. ภยา หีติ อุปวาทภเยน หิ ปณฺฑิตา ปาปํ น กโรนฺติ.

หีเนน พฺรหฺมจริเยนาติ พาหิรติตฺถายตเน ตาว เมถุนวิรติสีลมตฺตกํ หีนํ พฺรหฺมจริยํ นาม, เตน ขตฺติยกุเล อุปฺปชฺชติ. ฌานสฺส อุปจารมตฺตํ มชฺฌิมํ, เตน เทวโลเก อุปฺปชฺชติ. อฏฺ สมาปตฺติโย อุตฺตมํ, เตน พฺรหฺมโลเก อุปฺปชฺชนฺโต วิสุชฺฌติ นาม. สาสเน ปน สีลวนฺตสฺเสว เอกํ เทวนิกายํ ปณิธาย พฺรหฺมจริยํ หีนํ นาม, ปริสุทฺธสีลสฺเสว สมาปตฺตินิพฺพตฺตนํ มชฺฌิมํ นาม, ปริสุทฺธสีเล ตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตุปฺปตฺติ อุตฺตมํ นาม.

โอสานคาถาย อยมตฺโถ – มหาราช, กิฺจาปิ เอกํเสเนว ทานํ พหุธา ปสตฺถํ วณฺณิตํ, ทานโต ปน สมถวิปสฺสนาสงฺขาตํ นิพฺพานสงฺขาตฺจ ธมฺมโกฏฺาสภูตํ ธมฺมปทเมว อุตฺตริตรํ. กึการณา? ปุพฺเพว หิ อิมสฺมึ กปฺเป กสฺสปทสพลาทโย ปุพฺพตเรว เวสฺสภูทสพลาทโย สนฺโต สปฺปุริสา สปฺา สมถวิปสฺสนํ ภาเวตฺวา นิพฺพานเมว อชฺฌคมุํ อธิคตาติ.

เอวํ สตฺต ปจฺเจกพุทฺธา อนุโมทนาย รฺโ อมตมหานิพฺพานํ วณฺเณตฺวา ราชานํ อปฺปมาเทน โอวทิตฺวา วุตฺตนเยเนว อตฺตโน วสนฏฺานเมว คตา. ราชาปิ สทฺธึ อคฺคมเหสิยา ทานํ ทตฺวา ยาวชีวํ ตฺวา ตโต จวิตฺวา สคฺคปุรํ ปูเรสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘เอวํ ปุพฺเพปิ ปณฺฑิตา วิเจยฺย ทานํ อทํสู’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปจฺเจกพุทฺธา ปรินิพฺพายึสุ, สมุทฺทวิชยา ราหุลมาตา อโหสิ, โรรุวมหาราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

อาทิตฺตชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๔๒๕] ๙. อฏฺานชาตกวณฺณนา

คงฺคา กุมุทินีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ ภิกฺขุํ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘กึการณา’’ติ วตฺวา ‘‘กิเลสวเสนา’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขุ มาตุคาโม นาม อกตฺู มิตฺตทุพฺภี อวิสฺสาสนีโย. อตีเต ปณฺฑิตา เทวสิกํ สหสฺสํ เทนฺตาปิ มาตุคามํ โตเสตุํ นาสกฺขึสุ. สา เอกทิวสมตฺตํ สหสฺสํ อลภิตฺวาว เต คีวายํ คาหาเปตฺวา นีหราเปสิ , เอวํ อกตฺู มาตุคาโม, มา ตสฺส การณา กิเลสวสํ คจฺฉา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต ตสฺส จ ปุตฺโต พฺรหฺมทตฺตกุมาโร, พาราณสิเสฏฺิโน จ ปุตฺโต มหาธนกุมาโร นาม. เต อุโภปิ สหปํสุกีฬกา สหายกา อเหสุํ, เอกาจริยกุเลเยว สิปฺปํ คณฺหึสุ. ราชกุมาโร ปิตุ อจฺจเยน รชฺเช ปติฏฺาสิ, เสฏฺิปุตฺโตปิสฺส สนฺติเกเยว อโหสิ. พาราณสิยฺจ เอกา นครโสภิณี วณฺณทาสี อภิรูปา อโหสิ โสภคฺคปฺปตฺตา. เสฏฺิปุตฺโต เทวสิกํ สหสฺสํ ทตฺวา นิจฺจกาเล ตาเยว สทฺธึ อภิรมนฺโต ปิตุ อจฺจเยน เสฏฺิฏฺานํ ลภิตฺวาปิ น ตํ วิชหิ, ตเถว เทวสิกํ สหสฺสํ ทตฺวา อภิรมิ. เสฏฺิปุตฺโต ทิวสสฺส ตโย วาเร ราชุปฏฺานํ คจฺฉติ. อถสฺส เอกทิวสํ ราชุปฏฺานํ คตสฺส รฺา สทฺธึ สมุลฺลปนฺตสฺเสว สูริโย อตฺถงฺคมิ, อนฺธการํ ชาตํ. โส ราชกุลา นิกฺขมิตฺวา ‘‘อิทานิ เคหํ คนฺตฺวา อาคมนเวลา นตฺถิ, นครโสภิณิยาเยว เคหํ คมิสฺสามี’’ติ อุปฏฺาเก อุยฺโยเชตฺวา เอกโกว ตสฺสา เคหํ ปาวิสิ. อถ นํ สา ทิสฺวา ‘‘อยฺยปุตฺต, สหสฺสํ อาภต’’นฺติ อาห. ‘‘ภทฺเท, อหํ อชฺเชว อติวิกาโล ชาโต, ตสฺมา เคหํ อคนฺตฺวา มนุสฺเส อุยฺโยเชตฺวา เอกโกว ปวิฏฺโสฺมิ, สฺเว ปน เต ทฺเว สหสฺสานิ ทสฺสามี’’ติ.

สา จินฺเตสิ ‘‘สจาหํ อชฺช โอกาสํ กริสฺสามิ, อฺเสุปิ ทิวเสสุ ตุจฺฉหตฺถโกว อาคมิสฺสติ, เอวํ เม ธนํ ปริหายิสฺสติ, น ทานิสฺส โอกาสํ กริสฺสามี’’ติ. อถ นํ เอวมาห ‘‘สามิ, มยํ วณฺณทาสิโย นาม, อมฺหากํ สหสฺสํ อทตฺวา เกฬิ นาม นตฺถี’’ติ. ‘‘ภทฺเท, สฺเว ทิคุณํ อาหริสฺสามี’’ติ ปุนปฺปุนํ ยาจิ. นครโสภิณี ทาสิโย อาณาเปสิ ‘‘เอตสฺส อิธ ตฺวา มํ โอโลเกตุํ มา อทตฺถ, คีวายํ ตํ คเหตฺวา นีหริตฺวา ทฺวารํ ปิทหถา’’ติ. ตํ สุตฺวา ทาสิโย ตถา กรึสุ. อถ โส จินฺเตสิ ‘‘อหํ อิมาย สทฺธึ อสีติโกฏิธนํ ขาทึ, สา มํ เอกทิวสํ ตุจฺฉหตฺถํ ทิสฺวา คีวายํ คเหตฺวา นีหราเปสิ, อโห มาตุคาโม นาม ปาโป นิลฺลชฺโช อกตฺู มิตฺตทุพฺภี’’ติ. โส มาตุคามสฺส อคุณํ อนุสฺสรนฺโตว วิรชฺชิ, ปฏิกูลสฺํ ปฏิลภิ, ฆราวาเสปิ อุกฺกณฺิโต ‘‘กึ เม ฆราวาเสน, อชฺเชว นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ ปุน เคหํ อคนฺตฺวา ราชานมฺปิ อทิสฺวาว นครา นิกฺขมิตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา คงฺคาตีเร อสฺสมํ มาเปตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ฌานาภิฺาโย อุปฺปาเทตฺวา วนมูลผลาหาโร ตตฺถ วาสํ กปฺเปสิ.

ราชา ตํ อปสฺสนฺโต ‘‘กหํ มม สหาโย’’ติ ปุจฺฉิ. นครโสภิณิยาปิ กตกมฺมํ สกลนคเร ปากฏํ ชาตํ. อถสฺส ตมตฺถํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘อิติ เต เทว, สหาโย ลชฺชาย ฆรมฺปิ อคนฺตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา ปพฺพชิโต ภวิสฺสตี’’ติ อาหํสุ. ราชา ตํ สุตฺวา นครโสภิณึ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ เอกทิวสํ สหสฺสํ อลภิตฺวา มม สหายํ คีวายํ คาหาเปตฺวา นีหราเปสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สจฺจํ, เทวา’’ติ. ‘‘ปาเป ชมฺมี, สีฆํ มม สหายสฺส คตฏฺานํ คนฺตฺวา ตํ อาเนหิ, โน เจ อาเนสฺสสิ, ชีวิตํ เต นตฺถี’’ติ. สา รฺโ วจนํ สุตฺวา ภีตา รถํ อารุยฺห มหนฺเตน ปริวาเรน นครา นิกฺขมิตฺวา ตสฺส วสนฏฺานํ ปริเยสนฺตี สุตวเสน ตํ านํ สุตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘อยฺย, มยา อนฺธพาลภาเวน กตํ โทสํ ขมถ, อหํ น ปุเนวํ กริสฺสามี’’ติ ยาจิตฺวา ‘‘สาธุ, ขมามิ เต, นตฺถิ เม ตยิ อาฆาโต’’ติ วุตฺเต ‘‘สเจ เม ขมถ, มยา สทฺธึ รถํ อภิรุหถ, นครํ คจฺฉิสฺสาม, คตกาเล ยํ มม ฆเร ธนํ อตฺถิ, สพฺพํ ทสฺสามี’’ติ อาห. โส ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ‘‘ภทฺเท, อิทานิ ตยา สทฺธึ คนฺตุํ น สกฺกา, ยทา ปน อิมสฺมึ โลเก เยน น ภวิตพฺพํ, ตํ ภวิสฺสติ, อปิ นาม ตทา คจฺเฉยฺย’’นฺติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –

๗๗.

‘‘คงฺคา กุมุทินี สนฺตา, สงฺขวณฺณา จ โกกิลา;

ชมฺพู ตาลผลํ ทชฺชา, อถ นูน ตทา สิยา’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ภทฺเท, ยถา หิ กุมุทสรา กุมุเทหิ สฺฉนฺนา ติฏฺนฺติ, ตเถว สเจ สกลาปิ มหาคงฺคา กุมุทินี สีฆโสตํ ปหาย สนฺตา อุปสนฺตา สิยา, สพฺเพ โกกิลา จ สงฺขวณฺณา ภเวยฺยุํ, สพฺโพ ชมฺพุรุกฺโข จ ตาลผลํ ทเทยฺย. อถ นูน ตทา สิยาติ อถ ตาทิเส กาเล อมฺหากมฺปิ สมาคโม นูน สิยา, ภเวยฺย นามาติ วุตฺตํ โหติ.

เอวฺจ วตฺวา ปุนปิ ตาย ‘‘เอหิ, อยฺย, คจฺฉามา’’ติ วุตฺเต ‘‘คจฺฉิสฺสามา’’ติ วตฺวา ‘‘กสฺมึ กาเล’’ติ วุตฺเต ‘‘อสุกสฺมิฺจ อสุกสฺมิฺจา’’ติ วตฺวา เสสคาถา อภาสิ –

๗๘.

‘‘ยทา กจฺฉปโลมานํ, ปาวาโร ติวิโธ สิยา;

เหมนฺติกํ ปาวุรณํ, อถ นูน ตทา สิยา.

๗๙.

‘‘ยทา มกสปาทานํ, อฏฺฏาโล สุกโต สิยา;

ทฬฺโห จ อวิกมฺปี จ, อถ นูน ตทา สิยา.

๘๐.

‘‘ยทา สสวิสาณานํ, นิสฺเสณี สุกตา สิยา;

สคฺคสฺสาโรหณตฺถาย, อถ นูน ตทา สิยา.

๘๑.

‘‘ยทา นิสฺเสณิมารุยฺห, จนฺทํ ขาเทยฺยุ มูสิกา;

ราหุฺจ ปริปาเตยฺยุํ, อถ นูน ตทา สิยา.

๘๒.

‘‘ยทา สุราฆฏํ ปิตฺวา, มกฺขิกา คณจาริณี;

องฺคาเร วาสํ กปฺเปยฺยุํ, อถ นูน ตทา สิยา.

๘๓.

‘‘ยทา พิมฺโพฏฺสมฺปนฺโน, คทฺรโภ สุมุโข สิยา;

กุสโล นจฺจคีตสฺส, อถ นูน ตทา สิยา.

๘๔.

‘‘ยทา กากา อุลูกา จ, มนฺตเยยฺยุํ รโหคตา;

อฺมฺํ ปิหยฺเยยฺยุํ, อถ นูน ตทา สิยา.

๘๕.

‘‘ยทา มุฬาลปตฺตานํ, ฉตฺตํ ถิรตรํ สิยา;

วสฺสสฺส ปฏิฆาตาย, อถ นูน ตทา สิยา.

๘๖.

‘‘ยทา กุลโก สกุโณ, ปพฺพตํ คนฺธมาทนํ;

ตุณฺเฑนาทาย คจฺเฉยฺย, อถ นูน ตทา สิยา.

๘๗.

‘‘ยทา สามุทฺทิกํ นาวํ, สยนฺตํ สวฏากรํ;

เจโฏ อาทาย คจฺเฉยฺย, อถ นูน ตทา สิยา’’ติ.

ตตฺถ ติวิโธติ เอโก กจฺฉปโลมมเยน ปุปฺเผน, เอโก ตูเลน, เอโก อุภเยนาติ เอวํ ติปฺปกาโร. เหมนฺติกํ ปาวุรณนฺติ หิมปาตสมเย ปาวุรณาย ภวิตุํ สมตฺโถ. อถ นูน ตทา สิยาติ อถ ตสฺมึ กาเล มม ตยา สทฺธึ เอกํเสเนว สํสคฺโค สิยา. เอวํ สพฺพตฺถ ปจฺฉิมปทํ โยเชตพฺพํ. อฏฺฏาโล สุกโตติ อภิรุหิตฺวา ยุชฺฌนฺตํ ปุริสสตํ ธาเรตุํ ยถา สกฺโกติ, เอวํ สุกโต. ปริปาเตยฺยุนฺติ ปลาเปยฺยุํ. องฺคาเรติ วีตจฺจิกงฺคารสนฺถเร. วาสํ กปฺเปยฺยุนฺติ เอเกกํ สุราฆฏํ ปิวิตฺวา มตฺตา วเสยฺยุํ. พิมฺโพฏฺสมฺปนฺโนติ พิมฺพผลสทิเสหิ โอฏฺเหิ สมนฺนาคโต. สุมุโขติ สุวณฺณอาทาสสทิโส มุโข. ปิหเยยฺยุนฺติ อฺมฺสฺส สมฺปตฺตึ อิจฺฉนฺตา ปิหเยยฺยุํ ปตฺเถยฺยุํ. มุฬาลปตฺตานนฺติ สณฺหานํ มุฬาลคจฺฉปตฺตานํ. กุลโกติ เอโก ขุทฺทกสกุโณ. สามุทฺทิกนฺติ สมุทฺทปกฺขนฺทนมหานาวํ. สยนฺตํ สวฏากรนฺติ ยนฺเตน เจว วฏากเรน จ สทฺธึ สพฺพสมฺภารยุตฺตํ. เจโฏ อาทายาติ ยทา เอวรูปํ นาวํ ขุทฺทโก คามทารโก หตฺเถน คเหตฺวา คจฺเฉยฺยาติ อตฺโถ.

อิติ มหาสตฺโต อิมินา อฏฺานปริกปฺเปน เอกาทส คาถา อภาสิ. ตํ สุตฺวา นครโสภิณี มหาสตฺตํ ขมาเปตฺวา นครํ คนฺตฺวา รฺโ ตํ การณํ อาโรเจตฺวา อตฺตโน ชีวิตํ ยาจิตฺวา คณฺหิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘เอวํ ภิกฺขุ มาตุคาโม นาม อกตฺู มิตฺตทุพฺภี’’ติ วตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสินฺติ.

อฏฺานชาตกวณฺณนา นวมา.

[๔๒๖] ๑๐. ทีปิชาตกวณฺณนา

ขมนียํยาปนียนฺติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เอกํ เอฬิกํ อารพฺภ กเถสิ. เอกสฺมิฺหิ สมเย มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร คิริปริกฺขิตฺเต เอกทฺวาเร คิริพฺพชเสนาสเน วิหาสิ. ทฺวารสมีเปเยวสฺส จงฺกโม อโหสิ. ตทา เอฬกปาลกา ‘‘เอฬกา เอตฺถ จรนฺตู’’ติ คิริพฺพชํ ปเวเสตฺวา กีฬนฺตา วิหรนฺติ. เตสุ เอกทิวสํ สายํ อาคนฺตฺวา เอฬเก คเหตฺวา คจฺฉนฺเตสุ เอกา เอฬิกา ทูเร จรมานา เอฬเก นิกฺขมนฺเต อทิสฺวา โอหียิ. ตํ ปจฺฉา นิกฺขมนฺตึ เอโก ทีปิโก ทิสฺวา ‘‘ขาทิสฺสามิ น’’นฺติ คิริพฺพชทฺวาเร อฏฺาสิ. สาปิ อิโต จิโต จ โอโลเกนฺตี ตํ ทิสฺวา ‘‘เอส มํ มาเรตฺวา ขาทิตุกามตาย ิโต, สเจ นิวตฺติตฺวา ปลายิสฺสามิ, ชีวิตํ เม นตฺถิ, อชฺช มยา ปุริสการํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา สิงฺคานิ อุกฺขิปิตฺวา ตสฺส อภิมุขํ เวเคน ปกฺขนฺทิตฺวา ทีปิกสฺส ‘‘อิโต คณฺหิสฺสามิ, อิโต คณฺหิสฺสามี’’ติ วิปฺผนฺทโตว คหณํ อนุปคนฺตฺวา เวเคน ปลายิตฺวา เอฬกานํ อนฺตรํ ปาวิสิ. อถ เถโร ตํ เตสํ กิริยํ ทิสฺวา ปุนทิวเส คนฺตฺวา ตถาคตสฺส อาโรเจตฺวา ‘‘เอวํ ภนฺเต, สา เอฬิกา อตฺตโน อุปายกุสลตาย ปรกฺกมํ กตฺวา ทีปิกโต มุจฺจี’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘โมคฺคลฺลาน, อิทานิ ตาว โส ทีปิโก ตํ คเหตุํ นาสกฺขิ, ปุพฺเพ ปน นํ วิรวนฺตึ มาเรตฺวา ขาที’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต มคธรฏฺเ โพธิสตฺโต เอกสฺมึ คาเม มหาโภคกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต กาเม ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ฌานาภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา จิรํ หิมวนฺเต วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย ราชคหํ คนฺตฺวา เอกสฺมึเยว คิริพฺพเช ปณฺณสาลํ มาเปตฺวา วาสํ กปฺเปสิ. ตทา อิมินาว นิยาเมน เอฬกปาลเกสุ เอฬเก จรนฺเตสุ เอกทิวสํ เอวเมว เอกํ เอฬิกํ ปจฺฉา นิกฺขมนฺตึ ทิสฺวา เอโก ทีปิโก ‘‘ขาทิสฺสามิ น’’นฺติ ทฺวาเร อฏฺาสิ. สาปิ ตํ ทิสฺวา ‘‘อชฺช มยฺหํ ชีวิตํ นตฺถิ, เอเกนุปาเยน อิมินา สทฺธึ มธุรปฏิสนฺถารํ กตฺวา หทยมสฺส มุทุกํ ชเนตฺวา ชีวิตํ รกฺขิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ทูรโตว เตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กโรนฺตี อาคจฺฉมานา ปมํ คาถมาห –

๘๘.

‘‘ขมนียํ ยาปนียํ, กจฺจิ มาตุล เต สุขํ;

สุขํ เต อมฺมา อวจ, สุขกามาว เต มย’’นฺติ.

ตตฺถ สุขํ เต อมฺมาติ มยฺหํ มาตาปิ ‘‘ตุมฺหากํ สุขํ ปุจฺเฉยฺยาสี’’ติ อชฺช มํ อวจาติ อตฺโถ. มยนฺติ มาตุล มยมฺปิ ตุมฺหากํ สุขํ เอว อิจฺฉามาติ.

ตํ สุตฺวา ทีปิโก ‘‘อยํ ธุตฺติกา มํ มาตุลวาเทน วฺเจตุกามา, น เม กกฺขฬภาวํ ชานาตี’’ติ จินฺเตตฺวา ทุติยํ คาถมาห –

๘๙.

‘‘นงฺคุฏฺํ เม อวกฺกมฺม, เหยิตฺวาน เอฬิเก;

สาชฺช มาตุลวาเทน, มุฺจิตพฺพา นุ มฺสี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ตฺวํ มม นงฺคุฏฺมณฺฑลํ อกฺกมิตฺวา เหยิตฺวา อาคจฺฉสิ, สา ตฺวํ ‘‘อชฺช มาตุลวาเทน มุฺจิตพฺพาหมสฺมี’’ติ มฺสิ นุ, เอวํ มฺสิ มฺเติ.

ตํ สุตฺวา อิตรา ‘‘มาตุล, มา เอวํ กรี’’ติ วตฺวา ตติยํ คาถมาห –

๙๐.

‘‘ปุรตฺถามุโข นิสินฺโนสิ, อหํ เต มุขมาคตา;

ปจฺฉโต ตุยฺหํ นงฺคุฏฺํ, กถํ ขฺวาหํ อวกฺกมิ’’นฺติ.

ตตฺถ มุขนฺติ อภิมุขํ. กถํ ขฺวาหํ อวกฺกมินฺติ ตว ปจฺฉโต ิตํ อหํ กถํ อวกฺกมินฺติ อตฺโถ.

อถ นํ โส ‘‘กึ กเถสิ เอฬิเก, มม นงฺคุฏฺสฺส อฏฺิตฏฺานํ นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา จตุตฺถํ คาถมาห –

๙๑.

‘‘ยาวตา จตุโร ทีปา, สสมุทฺทา สปพฺพตา;

ตาวตา มยฺหํ นงฺคุฏฺํ, กถํ โข ตํ วิวชฺชยี’’ติ.

ตตฺถ ตาวตาติ เอตฺตกํ านํ มม นงฺคุฏฺํ ปริกฺขิปิตฺวา คตนฺติ วทติ.

ตํ สุตฺวา เอฬิกา ‘‘อยํ ปาโป มธุรกถาย น อลฺลียติ, ปฏิสตฺตุ หุตฺวา ตสฺส กเถสฺสามี’’ติ วตฺวา ปฺจมํ คาถมาห –

๙๒.

‘‘ปุพฺเพว เมตมกฺขึสุ, มาตา ปิตา จ ภาตโร;

ทีฆํ ทุฏฺสฺส นงฺคุฏฺํ, สามฺหิ เวหายสาคตา’’ติ.

ตตฺถ อกฺขึสูติ ปุพฺเพว เม เอตํ มาตา จ ปิตา จ ภาตโร จ อาจิกฺขึสุ. สามฺหีติ สา อหํ าตกานํ สนฺติกา ตว นงฺคุฏฺสฺส ทีฆภาวํ สุตฺวา ตว นงฺคุฏฺํ ปริหรนฺตี เวหายสา อากาเสน อาคตาติ.

อถ นํ โส ‘‘ชานามิ เต อหํ อากาเสน อาคตภาวํ, เอวํ อาคจฺฉนฺตี ปน มยฺหํ ภกฺเข นาเสตฺวา อาคตาสี’’ติ วตฺวา ฉฏฺํ คาถมาห –

๙๓.

‘‘ตฺจ ทิสฺวาน อายนฺตึ, อนฺตลิกฺขสฺมิ เอฬิเก;

มิคสงฺโฆ ปลายิตฺถ, ภกฺโข เม นาสิโต ตยา’’ติ.

ตํ สุตฺวา อิตรา มรณภยภีตา อฺํ การณํ อาหริตุํ อสกฺโกนฺตี ‘‘มาตุล, มา เอวรูปํ กกฺขฬกมฺมํ กริ, ชีวิตํ เม เทหี’’ติ วิลปิ. อิตโรปิ นํ วิลปนฺติฺเว ขนฺเธ คเหตฺวา มาเรตฺวา ขาทิ.

๙๔.

‘‘อิจฺเจวํ วิลปนฺติยา, เอฬกิยา รุหคฺฆโส;

คลกํ อนฺวาวมทฺทิ, นตฺถิ ทุฏฺเ สุภาสิตํ.

๙๕.

‘‘เนว ทุฏฺเ นโย อตฺถิ, น ธมฺโม น สุภาสิตํ;

นิกฺกมํ ทุฏฺเ ยุฺเชถ, โส จ สพฺภึ น รฺชตี’’ติ. –

อิมา ทฺเว อภิสมฺพุทฺธคาถา –

ตตฺถ รุหคฺฆโสติ รุหิรภกฺโข โลหิตปายี สาหสิกทีปิโก. คลกํ อนฺวาวมทฺทีติ คีวํ มทฺทิ, ฑํสิตฺวา ผาเลสีติ อตฺโถ. นโยติ การณํ. ธมฺโมติ สภาโว. สุภาสิตนฺติ สุกถิตวจนํ, สพฺพเมตํ ทุฏฺเ นตฺถีติ อตฺโถ. นิกฺกมํ ทุฏฺเ ยุฺเชถาติ ภิกฺขเว, ทุฏฺปุคฺคเล ปรกฺกมเมว ยุฺเชยฺย. โส จ สพฺภึ น รฺชตีติ โส ปน ปุคฺคโล สพฺภึ สุนฺทรํ สุภาสิตํ น รฺชติ, น ปิยายตีติ อตฺโถ. ตาปโส เตสํ กิริยํ สพฺพํ อทฺทส.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เอฬิกาว เอตรหิ เอฬิกา อโหสิ, ทีปิโกปิ เอตรหิ ทีปิโกว, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ทีปิชาตกวณฺณนา ทสมา.

ชาตกุทฺทานํ –

กจฺจานี อฏฺสทฺทฺจ, สุลสา จ สุมงฺคลํ;

คงฺคมาลฺจ เจติยํ, อินฺทฺริยฺเจว อาทิตฺตํ;

อฏฺานฺเจว ทีปิ จ, ทส อฏฺนิปาตเก.

อฏฺกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.