📜

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

ขุทฺทกนิกาเย

ชาตก-อฏฺกถา

จตุตฺโถ ภาโค

๑๐. ทสกนิปาโต

[๔๓๙] ๑. จตุทฺวารชาตกวณฺณนา

จตุทฺวารมิทํนครนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ ทุพฺพจภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ นวกนิปาตสฺส ปมชาตเก วิตฺถาริตเมว. อิธ ปน สตฺถา ตํ ภิกฺขุํ ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ ทุพฺพโจ’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘ปุพฺเพปิ ตฺวํ ภิกฺขุ ทุพฺพจตาย ปณฺฑิตานํ วจนํ อกตฺวา ขุรจกฺกํ อาปาเทสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต กสฺสปทสพลสฺส กาเล พาราณสิยํ อสีติโกฏิวิภวสฺส เสฏฺิโน เอโก ปุตฺโต มิตฺตวินฺทโก นาม อโหสิ. ตสฺส มาตาปิตโร โสตาปนฺนา อเหสุํ, โส ปน ทุสฺสีโล อสฺสทฺโธ. อถ นํ อปรภาเค ปิตริ กาลกเต มาตา กุฏุมฺพํ วิจาเรนฺตี อาห – ‘‘ตาต, ตยา ทุลฺลภํ มนุสฺสตฺตํ ลทฺธํ, ทานํ เทหิ, สีลํ รกฺขาหิ, อุโปสถกมฺมํ กโรหิ, ธมฺมํ สุณาหี’’ติ. อมฺม, น มยฺหํ ทานาทีหิ อตฺโถ, มา มํ กิฺจิ อวจุตฺถ, อหํ ยถากมฺมํ คมิสฺสามีติ. เอวํ วทนฺตมฺปิ นํ เอกทิวสํ ปุณฺณมุโปสถทิวเส มาตา อาห – ‘‘ตาต, อชฺช อภิลกฺขิโต มหาอุโปสถทิวโส, อชฺช อุโปสถํ สมาทิยิตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา สพฺพรตฺตึ ธมฺมํ สุตฺวา เอหิ, อหํ เต สหสฺสํ ทสฺสามี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ ธนโลเภน อุโปสถํ สมาทิยิตฺวา ภุตฺตปาตราโส วิหารํ คนฺตฺวา ทิวสํ วีตินาเมตฺวา รตฺตึ ยถา เอกมฺปิ ธมฺมปทํ กณฺณํ น ปหรติ, ตถา เอกสฺมึ ปเทเส นิปชฺชิตฺวา นิทฺทํ โอกฺกมิตฺวา ปุนทิวเส ปาโตว มุขํ โธวิตฺวา เคหํ คนฺตฺวา นิสีทิ.

มาตา ปนสฺส ‘‘อชฺช เม ปุตฺโต ธมฺมํ สุตฺวา ปาโตว ธมฺมกถิกตฺเถรํ อาทาย อาคมิสฺสตี’’ติ ยาคุํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฏิยาเทตฺวา อาสนํ ปฺเปตฺวา ตสฺสาคมนํ ปฏิมาเนนฺตี ตํ เอกกํ อาคตํ ทิสฺวา ‘‘ตาต, ธมฺมกถิโก เกน น อานีโต’’ติ วตฺวา ‘‘น มยฺหํ ธมฺมกถิเกน อตฺโถ’’ติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ ยาคุํ ปิวา’’ติ อาห. โส ‘‘ตุมฺเหหิ มยฺหํ สหสฺสํ ปฏิสฺสุตํ, ตํ ตาว เม เทถ, ปจฺฉา ปิวิสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘ปิว, ตาต, ปจฺฉา ทสฺสามี’’ติ. ‘‘คเหตฺวาว ปิวิสฺสามี’’ติ. อถสฺส มาตา สหสฺสภณฺฑิกํ ปุรโต เปสิ. โส ยาคุํ ปิวิตฺวา สหสฺสภณฺฑิกํ คเหตฺวา โวหารํ กโรนฺโต น จิรสฺเสว วีสสตสหสฺสํ อุปฺปาเทสิ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘นาวํ อุปฏฺเปตฺวา โวหารํ กริสฺสามี’’ติ. โส นาวํ อุปฏฺเปตฺวา ‘‘อมฺม, อหํ นาวาย โวหารํ กริสฺสามี’’ติ อาห. อถ นํ มาตา ‘‘ตฺวํ ตาต, เอกปุตฺตโก, อิมสฺมึ ฆเร ธนมฺปิ พหุ, สมุทฺโท อเนกาทีนโว, มา คมี’’ติ นิวาเรสิ. โส ‘‘อหํ คมิสฺสาเมว, น สกฺกา มํ นิวาเรตุ’’นฺติ วตฺวา ‘‘อหํ ตํ, ตาต, วาเรสฺสามี’’ติ มาตรา หตฺเถ คหิโต หตฺถํ วิสฺสชฺชาเปตฺวา มาตรํ ปหริตฺวา ปาเตตฺวา อนฺตรํ กตฺวา คนฺตฺวา นาวาย สมุทฺทํ ปกฺขนฺทิ.

นาวา สตฺตเม ทิวเส มิตฺตวินฺทกํ นิสฺสาย สมุทฺทปิฏฺเ นิจฺจลา อฏฺาสิ. กาฬกณฺณิสลากา กริยมานา มิตฺตวินฺทกสฺเสว หตฺเถ ติกฺขตฺตุํ ปติ. อถสฺส อุฬุมฺปํ ทตฺวา ‘‘อิมํ เอกํ นิสฺสาย พหู มา นสฺสนฺตู’’ติ ตํ สมุทฺทปิฏฺเ ขิปึสุ. ตาวเทว นาวา ชเวน มหาสมุทฺทํ ปกฺขนฺทิ. โสปิ อุฬุมฺเป นิปชฺชิตฺวา เอกํ ทีปกํ ปาปุณิ. ตตฺถ ผลิกวิมาเน จตสฺโส เวมานิกเปติโย อทฺทส. ตา สตฺตาหํ ทุกฺขํ อนุภวนฺติ, สตฺตาหํ สุขํ . โส ตาหิ สทฺธึ สตฺตาหํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวิ. อถ นํ ตา ทุกฺขานุภวนตฺถาย คจฺฉมานา ‘‘สามิ, มยํ สตฺตเม ทิวเส อาคมิสฺสาม, ยาว มยํ อาคจฺฉาม, ตาว อนุกฺกณฺมาโน อิเธว วสา’’ติ วตฺวา อคมํสุ. โส ตณฺหาวสิโก หุตฺวา ตสฺมึเยว ผลเก นิปชฺชิตฺวา ปุน สมุทฺทปิฏฺเน คจฺฉนฺโต อปรํ ทีปกํ ปตฺวา ตตฺถ รชตวิมาเน อฏฺ เวมานิกเปติโย ทิสฺวา เอเตเนว อุปาเยน อปรสฺมึ ทีปเก มณิวิมาเน โสฬส, อปรสฺมึ ทีปเก กนกวิมาเน ทฺวตฺตึส เวมานิกเปติโย ทิสฺวา ตาหิ สทฺธึ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา ตาสมฺปิ ทุกฺขํ อนุภวิตุํ คตกาเล ปุน สมุทฺทปิฏฺเน คจฺฉนฺโต เอกํ ปาการปริกฺขิตฺตํ จตุทฺวารํ นครํ อทฺทส. อุสฺสทนิรโย กิเรส, พหูนํ เนรยิกสตฺตานํ กมฺมกรณานุภวนฏฺานํ มิตฺตวินฺทกสฺส อลงฺกตปฏิยตฺตนครํ วิย หุตฺวา อุปฏฺาสิ.

โส ‘‘อิมํ นครํ ปวิสิตฺวา ราชา ภวิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ขุรจกฺกํ อุกฺขิปิตฺวา สีเส ปจฺจมานํ เนรยิกสตฺตํ อทฺทส. อถสฺส ตํ ตสฺส สีเส ขุรจกฺกํ ปทุมํ วิย หุตฺวา อุปฏฺาสิ. อุเร ปฺจงฺคิกพนฺธนํ อุรจฺฉทปสาธนํ หุตฺวา สีสโต คลนฺตํ โลหิตํ โลหิตจนฺทนวิเลปนํ วิย หุตฺวา ปริเทวนสทฺโท มธุรสโร คีตสทฺโท วิย หุตฺวา อุปฏฺาสิ. โส ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘โภ ปุริส, จิรํ ตยา ปทุมํ ธาริตํ, เทหิ เม เอต’’นฺติ อาห. ‘‘สมฺม, นยิทํ ปทุมํ, ขุรจกฺกํ เอต’’นฺติ. ‘‘ตฺวํ มยฺหํ อทาตุกามตาย เอวํ วทสี’’ติ. เนรยิกสตฺโต จินฺเตสิ ‘‘มยฺหํ กมฺมํ ขีณํ ภวิสฺสติ, อิมินาปิ มยา วิย มาตรํ ปหริตฺวา อาคเตน ภวิตพฺพํ, ทสฺสามิสฺส ขุรจกฺก’’นฺติ. อถ นํ ‘‘เอหิ โภ, คณฺห อิม’’นฺติ วตฺวา ขุรจกฺกํ ตสฺส สีเส ขิปิ, ตํ ตสฺส มตฺถกํ ปิสมานํ ภสฺสิ. ตสฺมึ ขเณ มิตฺตวินฺทโก ตสฺส ขุรจกฺกภาวํ ตฺวา ‘‘ตว ขุรจกฺกํ คณฺห, ตว ขุรจกฺกํ คณฺหา’’ติ เวทนาปฺปตฺโต ปริเทวิ, อิตโร อนฺตรธายิ. ตทา โพธิสตฺโต รุกฺขเทวตา หุตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน อุสฺสทจาริกํ จรมาโน ตํ านํ ปาปุณิ. มิตฺตวินฺทโก ตํ โอโลเกตฺวา ‘‘สามิ เทวราช, อิทํ มํ จกฺกํ สณฺหกรณิยํ วิย ติลานิ ปิสมานํ โอตรติ, กึ นุ โข มยา ปาปํ ปกต’’นฺติ ปุจฺฉนฺโต ทฺเว คาถา อภาสิ –

.

‘‘จตุทฺวารมิทํ นครํ, อายสํ ทฬฺหปาการํ;

โอรุทฺธปฏิรุทฺโธสฺมิ, กึ ปาปํ ปกตํ มยา.

.

‘‘สพฺเพ อปิหิตา ทฺวารา, โอรุทฺโธสฺมิ ยถา ทิโช;

กิมาธิกรณํ ยกฺข, จกฺกาภินิหโต อห’’นฺติ.

ตตฺถ ทฬฺหปาการนฺติ ถิรปาการํ. ‘‘ทฬฺหโตรณ’’นฺติปิ ปาโ, ถิรทฺวารนฺติ อตฺโถ. โอรุทฺธปฏิรุทฺโธสฺมีติ อนฺโต กตฺวา สมนฺตา ปากาเรน รุทฺโธ, ปลายนฏฺานํ น ปฺายติ. กึ ปาปํ ปกตนฺติ กึ นุ โข มยา ปาปกมฺมํ กตํ. อปิหิตาติ ถกิตา. ยถา ทิโชติ ปฺชเร ปกฺขิตฺโต สกุโณ วิย. กิมาธิกรณนฺติ กึ การณํ. จกฺกาภินิหโตติ จกฺเกน อภินิหโต.

อถสฺส เทวราชา การณํ กเถตุํ ฉ คาถา อภาสิ –

.

‘‘ลทฺธา สตสหสฺสานิ, อติเรกานิ วีสติ;

อนุกมฺปกานํ าตีนํ, วจนํ สมฺม นากริ.

.

‘‘ลงฺฆึ สมุทฺทํ ปกฺขนฺทิ, สาครํ อปฺปสิทฺธิกํ;

จตุพฺภิ อฏฺชฺฌคมา, อฏฺาหิปิ จ โสฬส.

.

‘‘โสฬสาหิ จ พาตฺตึส, อติจฺฉํ จกฺกมาสโท;

อิจฺฉาหตสฺส โปสสฺส, จกฺกํ ภมติ มตฺถเก.

.

‘‘อุปริวิสาลา ทุปฺปูรา, อิจฺฉา วิสฏคามินี;

เย จ ตํ อนุคิชฺฌนฺติ, เต โหนฺติ จกฺกธาริโน.

.

‘‘พหุภณฺฑํ อวหาย, มคฺคํ อปฺปฏิเวกฺขิย;

เยสฺเจตํ อสงฺขาตํ, เต โหนฺติ จกฺกธาริโน.

.

‘‘กมฺมํ สเมกฺเข วิปุลฺจ โภคํ, อิจฺฉํ น เสเวยฺย อนตฺถสํหิตํ;

กเรยฺย วากฺยํ อนุกมฺปกานํ, ตํ ตาทิสํ นาติวตฺเตยฺย จกฺก’’นฺติ.

ตตฺถ ลทฺธา สตสหสฺสานิ, อติเรกานิ วีสตีติ ตฺวํ อุโปสถํ กตฺวา มาตุ สนฺติกา สหสฺสํ คเหตฺวา โวหารํ กโรนฺโต สตสหสฺสานิ จ อติเรกานิ วีสติสหสฺสานิ ลภิตฺวา. นากรีติ เตน ธเนน อสนฺตุฏฺโ นาวาย สมุทฺทํ ปวิสนฺโต สมุทฺเท อาทีนวฺจ กเถตฺวา มาตุยา วาริยมาโนปิ อนุกมฺปกานํ าตีนํ วจนํ น กโรสิ, โสตาปนฺนํ มาตรํ ปหริตฺวา อนฺตรํ กตฺวา นิกฺขนฺโตเยวาสีติ ทีเปติ.

ลงฺฆินฺติ นาวํ อุลฺลงฺฆนสมตฺถํ. ปกฺขนฺทีติ ปกฺขนฺโทสิ. อปฺปสิทฺธิกนฺติ มนฺทสิทฺธึ วินาสพหุลํ. จตุพฺภิ อฏฺาติ อถ นํ นิสฺสาย ิตาย นาวาย ผลกํ ทตฺวา สมุทฺเท ขิตฺโตปิ ตฺวํ มาตรํ นิสฺสาย เอกทิวสํ กตสฺส อุโปสถกมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน ผลิกวิมาเน จตสฺโส อิตฺถิโย ลภิตฺวา ตโต รชตวิมาเน อฏฺ, มณิวิมาเน โสฬส, กนกวิมาเน ทฺวตฺตึส อธิคโตสีติ. อติจฺฉํ จกฺกมาสโทติ อถ ตฺวํ ยถาลทฺเธน อสนฺตุฏฺโ ‘‘อตฺร อุตฺตริตรํ ลภิสฺสามี’’ติ เอวํ ลทฺธํ ลทฺธํ อติกฺกมนโลภสงฺขาตาย อติจฺฉาย สมนฺนาคตตฺตา อติจฺโฉ ปาปปุคฺคโล ตสฺส อุโปสถกมฺมสฺส ขีณตฺตา ทฺวตฺตึส อิตฺถิโย อติกฺกมิตฺวา อิมํ เปตนครํ อาคนฺตฺวา ตสฺส มาตุปหารทานอกุสลสฺส นิสฺสนฺเทน อิทํ ขุรจกฺกํ สมฺปตฺโตสิ. ‘‘อตฺริจฺฉ’’นฺติปิ ปาโ, อตฺร อตฺร อิจฺฉมาโนติ อตฺโถ. ‘‘อตฺริจฺฉา’’ติปิ ปาโ, อตฺริจฺฉายาติ อตฺโถ. ภมตีติ ตสฺส เต อิจฺฉาหตสฺส โปสสฺส อิทํ จกฺกํ มตฺถกํ ปิสมานํ อิทานิ กุมฺภการจกฺกํ วิย มตฺถเก ภมตีติ อตฺโถ.

เย จ ตํ อนุคิชฺฌนฺตีติ ตณฺหา นาเมสา คจฺฉนฺตี อุปรูปริ วิสาลา โหติ, สมุทฺโท วิย จ ทุปฺปูรา, รูปาทีสุ ตสฺส ตสฺส อิจฺฉนอิจฺฉาย วิสฏคามินี, ตํ เอวรูปํ ตณฺหํ เย จ อนุคิชฺฌนฺติ คิทฺธา คธิตา หุตฺวา ปุนปฺปุนํ อลฺลียนฺติ. เต โหนฺติ จกฺกธาริโนติ เต เอวํ ปจฺจนฺตา ขุรจกฺกํ ธาเรนฺติ. พหุภณฺฑนฺติ มาตาปิตูนํ สนฺตกํ พหุธนํ โอหาย. มคฺคนฺติ คนฺตพฺพํ อปฺปสิทฺธิกํ สมุทฺทมคฺคํ อปจฺจเวกฺขิตฺวา ยถา ตฺวํ ปฏิปนฺโน, เอวเมว อฺเสมฺปิ เยสฺเจตํ อสงฺขาตํ อวีมํสิตํ, เต ยถา ตฺวํ ตเถว ตณฺหาวสิกา หุตฺวา ธนํ ปหาย คมนมคฺคํ อนเปกฺขิตฺวา ปฏิปนฺนา จกฺกธาริโน โหนฺติ. กมฺมํ สเมกฺเขติ ตสฺมา ปณฺฑิโต ปุริโส อตฺตนา กตฺตพฺพกมฺมํ ‘‘สโทสํ นุ โข, นิทฺโทส’’นฺติ สเมกฺเขยฺย ปจฺจเวกฺเขยฺย. วิปุลฺจโภคนฺติ อตฺตโน ธมฺมลทฺธํ ธนราสิมฺปิ สเมกฺเขยฺย. นาติวตฺเตยฺยาติ ตํ ตาทิสํ ปุคฺคลํ อิทํ จกฺกํ น อติวตฺเตยฺย นาวตฺถเรยฺย. ‘‘นาติวตฺเตตี’’ติปิ ปาโ, นาวตฺถรตีติ อตฺโถ.

ตํ สุตฺวา มิตฺตวินฺทโก ‘‘อิมินา เทวปุตฺเตน มยา กตกมฺมํ ตถโต าตํ, อยํ มยฺหํ ปจฺจนปมาณมฺปิ ชานิสฺสติ, ปุจฺฉามิ น’’นฺติ จินฺเตตฺวา นวมํ คาถมาห –

.

‘‘กีวจิรํ นุ เม ยกฺข, จกฺกํ สิรสิ สฺสติ;

กติ วสฺสสหสฺสานิ, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติ.

อถสฺส กเถนฺโต มหาสตฺโต ทสมํ คาถมาห –

๑๐.

‘‘อติสโร ปจฺจสโร, มิตฺตวินฺท สุโณหิ เม;

จกฺกํ เต สิรสิ มาวิทฺธํ, น ตํ ชีวํ ปโมกฺขสี’’ติ.

ตตฺถ อติสโรติ อติสรีติปิ อติสโร, อติสริสฺสตีติปิ อติสโร. ปจฺจสโรติ ตสฺเสว เววจนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สมฺม มิตฺตวินฺทก, สุโณหิ เม วจนํ, ตฺวฺหิ อติทารุณสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา อติสโร, ตสฺส ปน น สกฺกา วสฺสคณนาย วิปาโก ปฺาเปตุนฺติ อปริมาณํ อติมหนฺตํ วิปากทุกฺขํ สริสฺสสิ ปฏิปชฺชิสฺสสีติ อติสโร. เตน เต ‘‘เอตฺตกานิ วสฺสสหสฺสานี’’ติ วตฺตุํ น สกฺโกมิ. สิรสิมาวิทฺธนฺติ ยํ ปน เต อิทํ จกฺกํ สิรสฺมึ อาวิทฺธํ กุมฺภการจกฺกมิว ภมติ. น ตํ ชีวํ ปโมกฺขสีติ ตํ ตฺวํ ยาว เต กมฺมวิปาโก น ขียติ, ตาว ชีวมาโน น ปโมกฺขสิ, กมฺมวิปาเก ปน ขีเณ อิทํ จกฺกํ ปหาย ยถากมฺมํ คมิสฺสสีติ.

อิทํ วตฺวา เทวปุตฺโต อตฺตโน เทวฏฺานเมว คโต, อิตโรปิ มหาทุกฺขํ ปฏิปชฺชิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มิตฺตวินฺทโก อยํ ทุพฺพจภิกฺขุ อโหสิ, เทวราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

จตุทฺวารชาตกวณฺณนา ปมา.

[๔๔๐] ๒. กณฺหชาตกวณฺณนา

กณฺโหวตายํ ปุริโสติ อิทํ สตฺถา กปิลวตฺถุํ อุปนิสฺสาย นิคฺโรธาราเม วิหรนฺโต สิตปาตุกมฺมํ อารพฺภ กเถสิ. ตทา กิร สตฺถา สายนฺหสมเย นิคฺโรธาราเม ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ชงฺฆวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อฺตรสฺมึ ปเทเส สิตํ ปาตฺวากาสิ. อานนฺทตฺเถโร ‘‘โก นุ โข เหตุ, โก ปจฺจโย ภควโต สิตสฺส ปาตุกมฺมาย, น อเหตุ ตถาคตา สิตํ ปาตุกโรนฺติ, ปุจฺฉิสฺสามิ ตาวา’’ติ อฺชลึ ปคฺคยฺห สิตการณํ ปุจฺฉิ. อถสฺส สตฺถา ‘‘ภูตปุพฺพํ, อานนฺท, กณฺโห นาม อิสิ อโหสิ, โส อิมสฺมึ ภูมิปฺปเทเส วิหาสิ ฌายี ฌานรโต, ตสฺส สีลเตเชน สกฺกสฺส ภวนํ กมฺปี’’ติ สิตการณํ วตฺวา ตสฺส วตฺถุโน อปากฏตฺตา เถเรน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต พาราณสิยํ เอเกน อสีติโกฏิวิภเวน อปุตฺตเกน พฺราหฺมเณน สีลํ สมาทิยิตฺวา ปุตฺเต ปตฺถิเต โพธิสตฺโต ตสฺส พฺราหฺมณิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ. กาฬวณฺณตฺตา ปนสฺส นามคฺคหณทิวเส ‘‘กณฺหกุมาโร’’ติ นามํ อกํสุ. โส โสฬสวสฺสกาเล มณิปฏิมา วิย โสภคฺคปฺปตฺโต หุตฺวา ปิตรา สิปฺปุคฺคหณตฺถาย เปสิโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคเหตฺวา ปจฺจาคจฺฉิ. อถ นํ ปิตา อนุรูเปน ทาเรน สํโยเชสิ. โส อปรภาเค มาตาปิตูนํ อจฺจเยน สพฺพิสฺสริยํ ปฏิปชฺชิ. อเถกทิวสํ รตนโกฏฺาคารานิ วิโลเกตฺวา วรปลฺลงฺกมชฺฌคโต สุวณฺณปฏฺฏํ อาหราเปตฺวา ‘‘เอตฺตกํ ธนํ อสุเกน อุปฺปาทิตํ, เอตฺตกํ อสุเกนา’’ติ ปุพฺพาตีหิ สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขิตานิ อกฺขรานิ ทิสฺวา จินฺเตสิ ‘‘เยหิ อิมํ ธนํ อุปฺปาทิตํ, เต น ปฺายนฺติ, ธนเมว ปฺายติ, เอโกปิ อิทํ ธนํ คเหตฺวา คโต นาม นตฺถิ, น โข ปน สกฺกา ธนภณฺฑิกํ พนฺธิตฺวา ปรโลกํ คนฺตุํ. ปฺจนฺนํ เวรานํ สาธารณภาเวน หิ อสารสฺส ธนสฺส ทานํ สาโร, พหุโรคสาธารณภาเวน อสารสฺส สรีรสฺส สีลวนฺเตสุ อภิวาทนาทิกมฺมํ สาโร, อนิจฺจาภิภูตภาเวน อสารสฺส ชีวิตสฺส อนิจฺจาทิวเสน วิปสฺสนาโยโค สาโร, ตสฺมา อสาเรหิ โภเคหิ สารคฺคหณตฺถํ ทานํ ทสฺสามี’’ติ.

โส อาสนา วุฏฺาย รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ราชานํ อาปุจฺฉิตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตสิ. ยาว สตฺตมา ทิวสา ธนํ อปริกฺขียมานํ ทิสฺวา ‘‘กึ เม ธเนน, ยาว มํ ชรา นาภิภวติ, ตาวเทว ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ ภวิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เคเห สพฺพทฺวารานิ วิวราเปตฺวา ‘‘ทินฺนํ เม, หรนฺตู’’ติ อสุจึ วิย ชิคุจฺฉนฺโต วตฺถุกาเม ปหาย มหาชนสฺส โรทนฺตสฺส ปริเทวนฺตสฺส นครา นิกฺขมิตฺวา หิมวนฺตปเทสํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อตฺตโน วสนตฺถาย รมณียํ ภูมิภาคํ โอโลเกนฺโต อิมํ านํ ปตฺวา ‘‘อิธ วสิสฺสามี’’ติ เอกํ อินฺทวารุณีรุกฺขํ โคจรคามํ อธิฏฺาย ตสฺเสว รุกฺขสฺส มูเล วิหาสิ. คามนฺตเสนาสนํ ปหาย อารฺิโก อโหสิ, ปณฺณสาลํ อกตฺวา รุกฺขมูลิโก อโหสิ, อพฺโภกาสิโก เนสชฺชิโก. สเจ นิปชฺชิตุกาโม, ภูมิยํเยว นิปชฺชติ, ทนฺตมูสลิโก หุตฺวา อนคฺคิปกฺกเมว ขาทติ, ถุสปริกฺขิตฺตํ กิฺจิ น ขาทติ, เอกทิวสํ เอกวารเมว ขาทติ, เอกาสนิโก อโหสิ. ขมาย ปถวีอาปเตชวายุสโม หุตฺวา เอเต เอตฺตเก ธุตงฺคคุเณ สมาทาย วตฺตติ, อิมสฺมึ กิร ชาตเก โพธิสตฺโต ปรมปฺปิจฺโฉ อโหสิ. โส น จิรสฺเสว อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา ฌานกีฬํ กีฬนฺโต ตตฺเถว วสติ, ผลาผลตฺถมฺปิ อฺตฺถ น คจฺฉติ, รุกฺขสฺส ผลิตกาเล ผลํ ขาทติ, ปุปฺผิตกาเล ปุปฺผํ ขาทติ, สปตฺตกาเล ปตฺตานิ ขาทติ, นิปฺปตฺตกาเล ปปฏิกํ ขาทติ. เอวํ ปรมสนฺตุฏฺโ หุตฺวา อิมสฺมึ าเน จิรํ วสติ.

โส เอกทิวสํ ปุพฺพณฺหสมเย ตสฺส รุกฺขสฺส ปกฺกานิ ผลานิ คณฺหิ, คณฺหนฺโต ปน โลลุปฺปจาเรน อุฏฺาย อฺสฺมึ ปเทเส น คณฺหาติ, ยถานิสินฺโนว หตฺถํ ปสาเรตฺวา หตฺถปฺปสารณฏฺาเน ิตานิ ผลานิ สํหรติ, เตสุปิ มนาปามนาปํ อวิจินิตฺวา สมฺปตฺตสมฺปตฺตเมว คณฺหาติ. เอวํ ปรมสนฺตุฏฺสฺส ตสฺส สีลเตเชน สกฺกสฺส ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. ตํ กิร สกฺกสฺส อายุกฺขเยน วา อุณฺหํ โหติ ปุฺกฺขเยน วา, อฺสฺมึ วา มหานุภาวสตฺเต ตํ านํ ปตฺเถนฺเต, ธมฺมิกานํ วา มหิทฺธิกสมณพฺราหฺมณานํ สีลเตเชน อุณฺหํ โหติ. สกฺโก ‘‘โก นุ โข มํ านา จาเวตุกาโม’’ติ อาวชฺเชตฺวา อิมสฺมึ ปเทเส วสนฺตํ กณฺหํ อิสึ รุกฺขผลานิ อุจฺจินนฺตํ ทิสฺวา จินฺเตสิ ‘‘อยํ อิสิ โฆรตโป ปรมชิตินฺทฺริโย, อิมํ ธมฺมกถาย สีหนาทํ นทาเปตฺวา สุการณํ สุตฺวา วเรน สนฺตปฺเปตฺวา อิมมสฺส รุกฺขํ ธุวผลํ กตฺวา อาคมิสฺสามี’’ติ. โส มหนฺเตนานุภาเวน สีฆํ โอตริตฺวา ตสฺมึ รุกฺขมูเล ตสฺส ปิฏฺิปสฺเส ตฺวา ‘‘อตฺตโน อวณฺเณ กถิเต กุชฺฌิสฺสติ นุ โข, โน’’ติ วีมํสนฺโต ปมํ คาถมาห –

๑๑.

‘‘กณฺโห วตายํ ปุริโส, กณฺหํ ภุฺชติ โภชนํ;

กณฺเห ภูมิปเทสสฺมึ, น มยฺหํ มนโส ปิโย’’ติ.

ตตฺถ กณฺโหติ กาฬวณฺโณ. โภชนนฺติ รุกฺขผลโภชนํ.

กณฺโห อิสิ สกฺกสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘โก นุ โข มยา สทฺธึ กเถตี’’ติ ทิพฺพจกฺขุนา อุปธาเรนฺโต ‘‘สกฺโก’’ติ ตฺวา อนิวตฺติตฺวา อโนโลเกตฺวาว ทุติยํ คาถมาห –

๑๒.

‘‘น กณฺโห ตจสา โหติ, อนฺโตสาโร หิ พฺราหฺมโณ;

ยสฺมึ ปาปานิ กมฺมานิ, ส เว กณฺโห สุชมฺปตี’’ติ.

ตตฺถ ตจสาติ ตเจน กณฺโห นาม น โหตีติ อตฺโถ. อนฺโตสาโรติ อพฺภนฺตเร สีลสมาธิปฺาวิมุตฺติวิมุตฺติาณทสฺสนสาเรหิ สมนฺนาคโต. เอวรูโป หิ พาหิตปาปตฺตา พฺราหฺมโณ นาม โหติ. ส เวติ ยสฺมึ ปน ปาปานิ กมฺมานิ อตฺถิ, โส ยตฺถ กตฺถจิ กุเล ชาโตปิ เยน เกนจิ สรีรวณฺเณน สมนฺนาคโตปิ กาฬโกว.

เอวฺจ ปน วตฺวา อิเมสํ สตฺตานํ กณฺหภาวกรานิ ปาปกมฺมานิ เอกวิธาทิเภเทหิ วิตฺถาเรตฺวา สพฺพานิปิ ตานิ ครหิตฺวา สีลาทโย คุเณ ปสํสิตฺวา อากาเส จนฺทํ อุฏฺาเปนฺโต วิย สกฺกสฺส ธมฺมํ เทเสสิ. สกฺโก ตสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา ปมุทิโต โสมนสฺสชาโต มหาสตฺตํ วเรน นิมนฺเตนฺโต ตติยํ คาถมาห –

๑๓.

‘‘เอตสฺมึ เต สุลปิเต, ปติรูเป สุภาสิเต;

วรํ พฺราหฺมณ เต ทมฺมิ, ยํ กิฺจิ มนสิจฺฉสี’’ติ.

ตตฺถ เอตสฺมินฺติ ยํ อิทํ ตยา สพฺพฺุพุทฺเธน วิย สุลปิตํ, ตสฺมึ สุลปิเต ตุมฺหากเมว อนุจฺฉวิกตฺตา ปติรูเป สุภาสิเต ยํ กิฺจิ มนสา อิจฺฉสิ, สพฺพํ เต ยํ วรํ อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ, ตํ ทมฺมีติ อตฺโถ.

ตํ สุตฺวา มหาสตฺโต จินฺเตสิ ‘‘อยํ กึ นุ โข อตฺตโน อวณฺเณ กถิเต กุชฺฌิสฺสติ, โนติ มํ วีมํสนฺโต มยฺหํ ฉวิวณฺณฺจ โภชนฺจ วสนฏฺานฺจ ครหิตฺวา อิทานิ มยฺหํ อกุทฺธภาวํ ตฺวา ปสนฺนจิตฺโต วรํ เทติ, มํ โข ปเนส ‘สกฺกิสฺสริยพฺรหฺมิสฺสริยานํ อตฺถาย พฺรหฺมจริยํ จรตี’ติปิ มฺเยฺย, ตตฺรสฺส นิกฺกงฺขภาวตฺถํ มยฺหํ ปเรสุ โกโธ วา โทโส วา มา อุปฺปชฺชตุ, ปรสมฺปตฺติยํ โลโภ วา ปเรสุ สิเนโห วา มา อุปฺปชฺชตุ, มชฺฌตฺโตว ภเวยฺยนฺติ อิเม มยา จตฺตาโร วเร คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส ตสฺส นิกฺกงฺขภาวตฺถาย จตฺตาโร วเร คณฺหนฺโต จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๔.

‘‘วรฺเจ เม อโท สกฺก, สพฺพภูตานมิสฺสร;

สุนิกฺโกธํ สุนิทฺโทสํ, นิลฺโลภํ วุตฺติมตฺตโน;

นิสฺเนหมภิกงฺขามิ, เอเต เม จตุโร วเร’’ติ.

ตตฺถ วรฺเจ เม อโท สกฺกาติ สเจ ตฺวํ มยฺหํ วรํ อทาสิ. สุนิกฺโกธนฺติ อกุชฺฌนวเสน สุฏฺุ นิกฺโกธํ. สุนิทฺโทสนฺติ อทุสฺสนวเสน สุฏฺุ นิทฺโทสํ. นิลฺโลภนฺติ ปรสมฺปตฺตีสุ นิลฺโลภํ. วุตฺติมตฺตโนติ เอวรูปํ อตฺตโน วุตฺตึ. นิสฺเนหนฺติ ปุตฺตธีตาทีสุ วา สวิฺาณเกสุ ธนธฺาทีสุ วา อวิฺาณเกสุ อตฺตโน สนฺตเกสุปิ นิสฺเนหํ อปคตโลภํ. อภิกงฺขามีติ เอวรูปํ อิเมหิ จตูหงฺเคหิ สมนฺนาคตํ อตฺตโน วุตฺตึ อภิกงฺขามิ. เอเต เม จตุโร วเรติ เอเต นิกฺโกธาทิเก จตุโร มยฺหํ วเร เทหีติ.

กึ ปเนส น ชานาติ ‘‘ยถา น สกฺกา สกฺกสฺส สนฺติเก วรํ คเหตฺวา วเรน โกธาทโย หนิตุ’’นฺติ. โน น ชานาติ, สกฺเก โข ปน วรํ เทนฺเต น คณฺหามีติ วจนํ น ยุตฺตนฺติ ตสฺส จ นิกฺกงฺขภาวตฺถาย คณฺหิ . ตโต สกฺโก จินฺเตสิ ‘‘กณฺหปณฺฑิโต วรํ คณฺหนฺโต อติวิย อนวชฺเช วเร คณฺหิ, เอเตสุ วเรสุ คุณโทสํ เอตเมว ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ. อถ นํ ปุจฺฉนฺโต ปฺจมํ คาถมาห –

๑๕.

‘‘กึนุ โกเธ วา โทเส วา, โลเภ สฺเนเห จ พฺราหฺมณ;

อาทีนวํ ตฺวํ ปสฺสสิ, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – พฺราหฺมณ กึ นุ โข ตฺวํ โกเธ โทเส โลเภ สฺเนเห จ อาทีนวํ ปสฺสสิ, ตํ ตาว เม ปุจฺฉิโต อกฺขาหิ, น หิ มยํ เอตฺถ อาทีนวํ ชานามาติ.

อถ นํ มหาสตฺโต ‘‘เตน หิ สุณาหี’’ติ วตฺวา จตสฺโส คาถา อภาสิ –

๑๖.

‘‘อปฺโป หุตฺวา พหุ โหติ, วฑฺฒเต โส อขนฺติโช;

อาสงฺคี พหุปายาโส, ตสฺมา โกธํ น โรจเย.

๑๗.

‘‘ทุฏฺสฺส ผรุสา วาจา, ปรามาโส อนนฺตรา;

ตโต ปาณิ ตโต ทณฺโฑ, สตฺถสฺส ปรมา คติ;

โทโส โกธสมุฏฺาโน, ตสฺมา โทสํ น โรจเย.

๑๘.

‘‘อาโลปสาหสาการา, นิกตี วฺจนานิ จ;

ทิสฺสนฺติ โลภธมฺเมสุ, ตสฺมา โลภํ น โรจเย.

๑๙.

‘‘สฺเนหสงฺคถิตา คนฺถา, เสนฺติ มโนมยา ปุถู;

เต ภุสํ อุปตาเปนฺติ, ตสฺมา สฺเนหํ น โรจเย’’ติ.

ตตฺถ อขนฺติโชติ โส อนธิวาสกชาติกสฺส อขนฺติโต ชาโต โกโธ ปมํ ปริตฺโต หุตฺวา ปจฺฉา พหุ โหติ อปราปรํ วฑฺฒติ. ตสฺส วฑฺฒนภาโว ขนฺติวาทีชาตเกน (ชา. ๑.๔.๔๙ อาทโย) เจว จูฬธมฺมปาลชาตเกน (ชา. ๑.๕.๔๔ อาทโย) จ วณฺเณตพฺโพ. อปิจ ติสฺสามจฺจสฺสเปตฺถ ภริยํ อาทึ กตฺวา สพฺพํ สปริชนํ มาเรตฺวา ปจฺฉา อตฺตโน มาริตวตฺถุ กเถตพฺพํ. อาสงฺคีติ อาสงฺคกรโณ. ยสฺส อุปฺปชฺชติ, ตํ อาสตฺตํ ลคฺคิตํ กโรติ, ตํ วตฺถุํ วิสฺสชฺเชตฺวา คนฺตุํ น เทติ, นิวตฺติตฺวา อกฺโกสนาทีนิ กาเรติ. พหุปายาโสติ พหุนา กายิกเจตสิกทุกฺขสงฺขาเตน อุปายาเสน กิลมเถน สมนฺนาคโต. โกธํ นิสฺสาย หิ โกธวเสน อริยาทีสุ กตวีติกฺกมา ทิฏฺธมฺเม เจว สมฺปราเย จ วธพนฺธวิปฺปฏิสาราทีนิ เจว ปฺจวิธพนฺธนกมฺมกรณาทีนิ จ พหูนิ ทุกฺขานิ อนุภวนฺตีติ โกโธ พหุปายาโส นาม. ตสฺมาติ ยสฺมา เอส เอวํ อเนกาทีนโว, ตสฺมา โกธํ น โรเจมิ.

ทุฏฺสฺสาติ กุชฺฌนลกฺขเณน โกเธน กุชฺฌิตฺวา อปรภาเค ทุสฺสนลกฺขเณน โทเสน ทุฏฺสฺส ปมํ ตาว ‘‘อเร, ทาส, เปสฺสา’’ติ ผรุสวาจา นิจฺฉรติ, วาจาย อนนฺตรา อากฑฺฒนวิกฑฺฒนวเสน หตฺถปรามาโส, ตโต อนนฺตรา อุปกฺกมนวเสน ปาณิ ปวตฺตติ, ตโต ทณฺโฑ, ทณฺฑปฺปหาเร อติกฺกมิตฺวา ปน เอกโตธารอุภโตธารสฺส สตฺถสฺส ปรมา คติ, สพฺพปริยนฺตา สตฺถนิปฺผตฺติ โหติ. ยทา หิ สตฺเถน ปรํ ชีวิตา โวโรเปตฺวา ปจฺฉา เตเนว สตฺเถน อตฺตานํ ชีวิตา โวโรเปติ, ตทา โทโส มตฺถกปฺปตฺโต โหติ. โทโส โกธสมุฏฺาโนติ ยถา อนมฺพิลํ ตกฺกํ วา กฺชิกํ วา ปริณามวเสน ปริวตฺติตฺวา อมฺพิลํ โหติ, ตํ เอกชาติกมฺปิ สมานํ อมฺพิลํ อนมฺพิลนฺติ นานา วุจฺจติ, ตถา ปุพฺพกาเล โกโธ ปริณมิตฺวา อปรภาเค โทโส โหติ. โส อกุสลมูลตฺเตน เอกชาติโกปิ สมาโน โกโธ โทโสติ นานา วุจฺจติ. ยถา อนมฺพิลโต อมฺพิลํ, เอวํ โสปิ โกธโต สมุฏฺาตีติ โกธสมุฏฺาโน. ตสฺมาติ ยสฺมา เอวํ อเนกาทีนโว โทโส, ตสฺมา โทสมฺปิ น โรเจมิ.

อาโลปสาหสาการาติ ทิวา ทิวสฺเสว คามํ ปหริตฺวา วิลุมฺปนานิ จ อาวุธํ สรีเร เปตฺวา ‘‘อิทํ นาม เม เทหี’’ติ สาหสาการา จ. นิกตี วฺจนานิ จาติ ปติรูปกํ ทสฺเสตฺวา ปรสฺส หรณํ นิกติ นาม, สา อสุวณฺณเมว ‘‘สุวณฺณ’’นฺติ กูฏกหาปณํ ‘‘กหาปโณ’’ติ ทตฺวา ปรสนฺตกคฺคหเณ ทฏฺพฺพา. ปฏิภานวเสน ปน อุปายกุสลตาย ปรสนฺตกคฺคหณํ วฺจนํ นาม. ตสฺเสวํ ปวตฺติ ทฏฺพฺพา – เอโก กิร อุชุชาติโก คามิกปุริโส อรฺโต สสกํ อาเนตฺวา นทีตีเร เปตฺวา นฺหายิตุํ โอตริ. อเถโก ธุตฺโต ตํ สสกํ สีเส กตฺวา นฺหายิตุํ โอติณฺโณ. อิตโร อุตฺตริตฺวา สสกํ อปสฺสนฺโต อิโต จิโต จ วิโลเกสิ. ตเมนํ ธุตฺโต ‘‘กึ โภ วิโลเกสี’’ติ วตฺวา ‘‘อิมสฺมึ เม าเน สสโก ปิโต, ตํ น ปสฺสามี’’ติ วุตฺเต ‘‘อนฺธพาล, ตฺวํ น ชานาสิ, สสกา นาม นทีตีเร ปิตา ปลายนฺติ, ปสฺส อหํ อตฺตโน สสกํ สีเส เปตฺวาว นฺหายามี’’ติ อาห. โส อปฺปฏิภานตาย ‘‘เอวํ ภวิสฺสตี’’ติ ปกฺกามิ. เอกกหาปเณน มิคโปตกํ คเหตฺวา ปุน ตํ ทตฺวา ทฺวิกหาปณคฺฆนกสฺส มิคสฺส คหิตวตฺถุเปตฺถ กเถตพฺพํ. ทิสฺสนฺติ โลภธมฺเมสูติ สกฺก, อิเม อาโลปาทโย ปาปธมฺมา โลภสภาเวสุ โลภาภิภูเตสุ สตฺเตสุ ทิสฺสนฺติ. น หิ อลุทฺธา เอวรูปานิ กมฺมานิ กโรนฺติ. เอวํ โลโภ อเนกาทีนโว, ตสฺมา โลภมฺปิ น โรเจมิ.

สฺเนหสงฺคถิตา คนฺถาติ อารมฺมเณสุ อลฺลียนลกฺขเณน สฺเนเหน สงฺคถิตา ปุนปฺปุนํ อุปฺปาทวเสน ฆฏิตา สุตฺเตน ปุปฺผานิ วิย พทฺธา นานปฺปกาเรสุ อารมฺมเณสุ ปวตฺตมานา อภิชฺฌากายคนฺถา. เสนฺติ มโนมยา ปุถูติ เต ปุถูสุ อารมฺมเณสุ อุปฺปนฺนา สุวณฺณาทีหิ นิพฺพตฺตานิ สุวณฺณาทิมยานิ อาภรณาทีนิ วิย มเนน นิพฺพตฺตตฺตา มโนมยา อภิชฺฌากายคนฺถา เตสุ อารมฺมเณสุ เสนฺติ อนุเสนฺติ. เต ภุสํ อุปตาเปนฺตีติ เต เอวํ อนุสยิตา พลวตาปํ ชเนนฺตา ภุสํ อุปตาเปนฺติ อติกิลเมนฺติ. เตสํ ปน ภุสํ อุปตาปเน ‘‘สลฺลวิทฺโธว รุปฺปตี’’ติ (สุ. นิ. ๗๗๓) คาถาย วตฺถุ, ‘‘ปิยชาติกา หิ คหปติ, โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภุติกา’’ (ม. นิ. ๒.๓๕๓), ‘‘ปิยโต ชายตี โสโก’’ติอาทีนิ (ธ. ป. ๒๑๒) สุตฺตานิ จ อาหริตพฺพานิ. อปิจ มงฺคลโพธิสตฺตสฺส ทารเก ทตฺวา พลวโสเกน หทยํ ผลิ, เวสฺสนฺตรโพธิสตฺตสฺส มหนฺตํ โทมนสฺสํ อุทปาทิ. เอวํ ปูริตปารมีนํ มหาสตฺตานํ เปมํ อุปตาปํ กโรติเยว. อยํ สฺเนเห อาทีนโว, ตสฺมา สฺเนหมฺปิ น โรเจมีติ.

สกฺโก ปฺหวิสฺสชฺชนํ สุตฺวา ‘‘กณฺหปณฺฑิต ตยา อิเม ปฺหา พุทฺธลีฬาย สาธุกํ กถิตา, อติวิย ตุฏฺโสฺมิ เต, อปรมฺปิ วรํ คณฺหาหี’’ติ วตฺวา ทสมํ คาถมาห –

๒๐.

‘‘เอตสฺมึ เต สุลปิเต, ปติรูเป สุภาสิเต;

วรํ พฺราหฺมณ เต ทมฺมิ, ยํ กิฺจิ มนสิจฺฉสี’’ติ.

ตโต โพธิสตฺโต อนนฺตรคาถมาห –

๒๑.

‘‘วรฺเจ เม อโท สกฺก, สพฺพภูตานมิสฺสร;

อรฺเ เม วิหรโต, นิจฺจํ เอกวิหาริโน;

อาพาธา มา อุปฺปชฺเชยฺยุํ, อนฺตรายกรา ภุสา’’ติ.

ตตฺถ อนฺตรายกรา ภุสาติ อิมสฺส เม ตโปกมฺมสฺส อนฺตรายกรา.

ตํ สุตฺวา สกฺโก ‘‘กณฺหปณฺฑิโต วรํ คณฺหนฺโต น อามิสสนฺนิสฺสิตํ คณฺหาติ, ตโปกมฺมนิสฺสิตเมว คณฺหาตี’’ติ จินฺเตตฺวา ภิยฺโยโสมตฺตาย ปสนฺโน อปรมฺปิ วรํ ททมาโน อิตรํ คาถมาห –

๒๒.

‘‘เอตสฺมึ เต สุลปิเต, ปติรูเป สุภาสิเต;

วรํ พฺราหฺมณ เต ทมฺมิ, ยํ กิฺจิ มนสิจฺฉสี’’ติ.

โพธิสตฺโตปิ วรคฺคหณาปเทเสน ตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺโต โอสานคาถมาห –

๒๓.

‘‘วรฺเจ เม อโท สกฺก, สพฺพภูตานมิสฺสร;

น มโน วา สรีรํ วา, มํ-กเต สกฺก กสฺสจิ;

กทาจิ อุปหฺเถ, เอตํ สกฺก วรํ วเร’’ติ.

ตตฺถ มโน วาติ มโนทฺวารํ วา. สรีรํ วาติ กายทฺวารํ วา, วจีทฺวารมฺปิ เอเตสํ คหเณน คหิตเมวาติ เวทิตพฺพํ. มํ-กเตติ มม การณา. อุปหฺเถาติ อุปฆาตํ อาปชฺเชยฺย อปริสุทฺธํ อสฺส. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สกฺก เทวราช, มม การณา มํ นิสฺสาย มม อนตฺถกามตาย กสฺสจิ สตฺตสฺส กิสฺมิฺจิ กาเล อิทํ ติวิธมฺปิ กมฺมทฺวารํ น อุปหฺเถ, ปาณาติปาตาทีหิ ทสหิ อกุสลกมฺมปเถหิ วิมุตฺตํ ปริสุทฺธเมว ภเวยฺยาติ.

อิติ มหาสตฺโต ฉสุปิ าเนสุ วรํ คณฺหนฺโต เนกฺขมฺมนิสฺสิตเมว คณฺหิ, ชานาติ เจส ‘‘สรีรํ นาม พฺยาธิธมฺมํ, น ตํ สกฺกา สกฺเกน อพฺยาธิธมฺมํ กาตุ’’นฺติ. สตฺตานฺหิ ตีสุ ทฺวาเรสุ ปริสุทฺธภาโว อสกฺกายตฺโตว, เอวํ สนฺเตปิ ตสฺส ธมฺมเทสนตฺถํ อิเม วเร คณฺหิ. สกฺโกปิ ตํ รุกฺขํ ธุวผลํ กตฺวา มหาสตฺตํ วนฺทิตฺวา สิรสิ อฺชลึ ปติฏฺเปตฺวา ‘‘อโรคา อิเธว วสถา’’ติ วตฺวา สกฏฺานเมว คโต. โพธิสตฺโตปิ อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘อานนฺท, ปุพฺเพ มยา นิวุตฺถภูมิปฺปเทโส เจโส’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สกฺโก อนุรุทฺโธ อโหสิ, กณฺหปณฺฑิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

กณฺหชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๔๔๑] ๓. จตุโปสถิกชาตกวณฺณนา

๒๔-๓๘. โย โกปเนยฺโยติ อิทํ จตุโปสถิกชาตกํ ปุณฺณกชาตเก อาวิ ภวิสฺสติ.

จตุโปสถิกชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๔๔๒] ๔. สงฺขชาตกวณฺณนา

พหุสฺสุโตติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สพฺพปริกฺขารทานํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิเรโก อุปาสโก ตถาคตสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปสนฺนจิตฺโต สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา อตฺตโน ฆรทฺวาเร มณฺฑปํ กาเรตฺวา อลงฺกริตฺวา ปุนทิวเส ตถาคตสฺส กาลํ อาโรจาเปสิ. สตฺถา ปฺจสตภิกฺขุปริวาโร ตตฺถ คนฺตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. อุปาสโก สปุตฺตทาโร สปริชโน พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา ปุน สฺวาตนายาติ เอวํ สตฺตาหํ นิมนฺเตตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา สตฺตเม ทิวเส สพฺพปริกฺขารํ อทาสิ. ตํ ปน ททมาโน อุปาหนทานํ อุสฺสนฺนํ กตฺวา อทาสิ. ทสพลสฺส ทินฺโน อุปาหนสงฺฆาโฏ สหสฺสคฺฆนโก อโหสิ, ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ ปฺจสตคฺฆนโก, เสสานํ ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ สตคฺฆนโก. อิติ โส สพฺพปริกฺขารทานํ ทตฺวา อตฺตโน ปริสาย สทฺธึ ภควโต สนฺติเก นิสีทิ. อถสฺส สตฺถา มธุเรน สเรน อนุโมทนํ กโรนฺโต ‘‘อุปาสก, อุฬารํ เต สพฺพปริกฺขารทานํ, อตฺตมโน โหหิ, ปุพฺเพ อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ ปจฺเจกพุทฺธสฺส เอกํ อุปาหนสงฺฆาฏํ ทตฺวา นาวาย ภินฺนาย อปฺปติฏฺเ มหาสมุทฺเทปิ อุปาหนทานนิสฺสนฺเทน ปติฏฺํ ลภึสุ, ตฺวํ ปน พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สพฺพปริกฺขารทานํ อทาสิ, ตสฺส เต อุปาหนทานสฺส ผลํ กสฺมา น ปติฏฺา ภวิสฺสตี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต อยํ พาราณสี โมฬินี นาม อโหสิ. โมฬินินคเร พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต สงฺโข นาม พฺราหฺมโณ อฑฺโฒ มหทฺธโน มหาโภโค ปหูตวิตฺตุปกรโณ ปหูตธนธฺสุวณฺณรชโต จตูสุ นครทฺวาเรสุ นครมชฺเฌ นิเวสนทฺวาเร จาติ ฉสุ าเนสุ ฉ ทานสาลาโย กาเรตฺวา เทวสิกํ ฉสตสหสฺสานิ วิสฺสชฺเชนฺโต กปณทฺธิกานํ มหาทานํ ปวตฺเตสิ. โส เอกทิวสํ จินฺเตสิ ‘‘อหํ เคเห ธเน ขีเณ ทาตุํ น สกฺขิสฺสามิ, อปริกฺขีเณเยว ธเน นาวาย สุวณฺณภูมึ คนฺตฺวา ธนํ อาหริสฺสามี’’ติ. โส นาวํ พนฺธาเปตฺวา ภณฺฑสฺส ปูราเปตฺวา ปุตฺตทารํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ยาวาหํ อาคจฺฉามิ , ตาว เม ทานํ อนุปจฺฉินฺทิตฺวา ปวตฺเตยฺยาถา’’ติ วตฺวา ทาสกมฺมกรปริวุโต ฉตฺตํ อาทาย อุปาหนํ อารุยฺห มชฺฌนฺหิกสมเย ปฏฺฏนคามาภิมุโข ปายาสิ. ตสฺมึ ขเณ คนฺธมาทเน เอโก ปจฺเจกพุทฺโธ อาวชฺเชตฺวา ตํ ธนาหรณตฺถาย คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มหาปุริโส ธนํ อาหริตุํ คจฺฉติ, ภวิสฺสติ นุ โข อสฺส สมุทฺเท อนฺตราโย, โน’’ติ อาวชฺเชตฺวา ‘‘ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘เอส มํ ทิสฺวา ฉตฺตฺจ อุปาหนฺจ มยฺหํ ทตฺวา อุปาหนทานนิสฺสนฺเทน สมุทฺเท ภินฺนาย นาวาย ปติฏฺํ ลภิสฺสติ, กริสฺสามิสฺส อนุคฺคห’’นฺติ อากาเสนาคนฺตฺวา ตสฺสาวิทูเร โอตริตฺวา จณฺฑวาตาตเป องฺคารสนฺถรสทิสํ อุณฺหวาลุกํ มทฺทนฺโต ตสฺส อภิมุโข อาคจฺฉิ.

โส ตํ ทิสฺวาว ‘‘ปุฺกฺเขตฺตํ เม อาคตํ, อชฺช มยา เอตฺถ ทานพีชํ โรเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ ตุฏฺจิตฺโต เวเคน ตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ อนุคฺคหตฺถาย โถกํ มคฺคา โอกฺกมฺม อิมํ รุกฺขมูลํ อุปสงฺกมถา’’ติ วตฺวา ตสฺมึ รุกฺขมูลํ อุปสงฺกมนฺเต รุกฺขมูเล วาลุกํ อุสฺสาเปตฺวา อุตฺตราสงฺคํ ปฺเปตฺวา ปจฺเจกพุทฺธํ นิสีทาเปตฺวา วนฺทิตฺวา วาสิตปริสฺสาวิเตน อุทเกน ปาเท โธวิตฺวา คนฺธเตเลน มกฺเขตฺวา อตฺตโน อุปาหนา โอมุฺจิตฺวา ปปฺโผเฏตฺวา คนฺธเตเลน มกฺเขตฺวา ตสฺส ปาเทสุ ปฏิมุฺจิตฺวา ‘‘ภนฺเต, อิมา อุปาหนา อารุยฺห ฉตฺตํ มตฺถเก กตฺวา คจฺฉถา’’ติ ฉตฺตุปาหนํ อทาสิ. โส อสฺส อนุคฺคหตฺถาย ตํ คเหตฺวา ปสาทสํวฑฺฒนตฺถํ ปสฺสนฺตสฺเสวสฺส อุปฺปติตฺวา คนฺธมาทนเมว อคมาสิ. โพธิสตฺโตปิ ตํ ทิสฺวา อติวิย ปสนฺนจิตฺโต ปฏฺฏนํ คนฺตฺวา นาวํ อภิรุหิ. อถสฺส มหาสมุทฺทํ ปฏิปนฺนสฺส สตฺตเม ทิวเส นาวา วิวรํ อทาสิ, อุทกํ อุสฺสิฺจิตุํ นาสกฺขึสุ. มหาชโน มรณภยภีโต อตฺตโน อตฺตโน เทวตา นมสฺสิตฺวา มหาวิรวํ วิรวิ. มหาสตฺโต เอกํ อุปฏฺากํ คเหตฺวา สกลสรีรํ เตเลน มกฺเขตฺวา สปฺปินา สทฺธึ สกฺขรจุณฺณํ ยาวทตฺถํ ขาทิตฺวา ตมฺปิ ขาทาเปตฺวา เตน สทฺธึ กูปกยฏฺิมตฺถกํ อารุยฺห ‘‘อิมาย ทิสาย อมฺหากํ นคร’’นฺติ ทิสํ ววตฺถเปตฺวา มจฺฉกจฺฉปปริปนฺถโต อตฺตานํ โมเจนฺโต เตน สทฺธึ อุสภมตฺตํ อติกฺกมิตฺวา ปติ. มหาชโน วินาสํ ปาปุณิ. มหาสตฺโต ปน อุปฏฺาเกน สทฺธึ สมุทฺทํ ตริตุํ อารภิ. ตสฺส ตรนฺตสฺเสว สตฺตโม ทิวโส ชาโต. โส ตสฺมิมฺปิ กาเล โลโณทเกน มุขํ วิกฺขาเลตฺวา อุโปสถิโก อโหสิเยว.

ตทา ปน จตูหิ โลกปาเลหิ มณิเมขลา นาม เทวธีตา ‘‘สเจ สมุทฺเท นาวาย ภินฺนาย ติสรณคตา วา สีลสมฺปนฺนา วา มาตาปิตุปฏฺากา วา มนุสฺสา ทุกฺขปฺปตฺตา โหนฺติ, เต รกฺเขยฺยาสี’’ติ สมุทฺเท อารกฺขณตฺถาย ปิตา โหติ. สา อตฺตโน อิสฺสริเยน สตฺตาหมนุภวิตฺวา ปมชฺชิตฺวา สตฺตเม ทิวเส สมุทฺทํ โอโลเกนฺตี สีลาจารสํยุตฺตํ สงฺขพฺราหฺมณํ ทิสฺวา ‘‘อิมสฺส สตฺตโม ทิวโส สมุทฺเท ปติตสฺส, สเจ โส มริสฺสติ อติวิย คารยฺหา เม ภวิสฺสตี’’ติ สํวิคฺคมานหทยา หุตฺวา เอกํ สุวณฺณปาตึ นานคฺครสโภชนสฺส ปูเรตฺวา วาตเวเคน ตตฺถ คนฺตฺวา ตสฺส ปุรโต อากาเส ตฺวา ‘‘พฺราหฺมณ, ตฺวํ สตฺตาหํ นิราหาโร, อิทํ ทิพฺพโภชนํ ภุฺชา’’ติ อาห. โส ตํ โอโลเกตฺวา ‘‘อปเนหิ ตว ภตฺตํ, อหํ อุโปสถิโก’’ติ อาห. อถสฺส อุปฏฺาโก ปจฺฉโต อาคโต เทวตํ อทิสฺวา สทฺทเมว สุตฺวา ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ ปกติสุขุมาโล สตฺตาหํ นิราหารตาย ทุกฺขิโต มรณภเยน วิลปติ มฺเ, อสฺสาเสสฺสามิ น’’นฺติ จินฺเตตฺวา ปมํ คาถมาห –

๓๙.

‘‘พหุสฺสุโต สุตธมฺโมสิ สงฺข, ทิฏฺา ตยา สมณพฺราหฺมณา จ;

อถกฺขเณ ทสฺสยเส วิลาปํ, อฺโ นุ โก เต ปฏิมนฺตโก มยา’’ติ.

ตตฺถ สุตธมฺโมสีติ ธมฺโมปิ ตยา ธมฺมิกสมณพฺราหฺมณานํ สนฺติเก สุโต อสิ. ทิฏฺา ตยาติ เตสํ ปจฺจเย เทนฺเตน เวยฺยาวจฺจํ กโรนฺเตน ธมฺมิกสมณพฺราหฺมณา จ ตยา ทิฏฺา. เอวํ อกโรนฺโต หิ ปสฺสนฺโตปิ เต น ปสฺสติเยว. อถกฺขเณติ อถ อกฺขเณ สลฺลปนฺตสฺส กสฺสจิ อภาเวน วจนสฺส อโนกาเส. ทสฺสยเสติ ‘‘อหํ อุโปสถิโก’’ติ วทนฺโต วิลาปํ ทสฺเสสิ. ปฏิมนฺตโกติ มยา อฺโ โก ตว ปฏิมนฺตโก ปฏิวจนทายโก, กึการณา เอวํ วิปฺปลปสีติ?

โส ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘อิมสฺส เทวตา น ปฺายติ มฺเ’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘สมฺม, นาหํ มรณสฺส ภายามิ, อตฺถิ ปน เม อฺโ ปฏิมนฺตโก’’ติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –

๔๐.

‘‘สุพฺภู สุภา สุปฺปฏิมุกฺกกมฺพุ, ปคฺคยฺห โสวณฺณมยาย ปาติยา;

‘ภุฺชสฺสุ ภตฺตํ’ อิติ มํ วเทติ, สทฺธาวิตฺตา, ตมหํ โนติ พฺรูมี’’ติ.

ตตฺถ สุพฺภูติ สุภมุขา. สุภาติ ปาสาทิกา อุตฺตมรูปธรา. สุปฺปฏิมุกฺกกมฺพูติ ปฏิมุกฺกสุวณฺณาลงฺการา. ปคฺคยฺหาติ สุวณฺณปาติยา ภตฺตํ คเหตฺวา อุกฺขิปิตฺวา. สทฺธาวิตฺตาติ สทฺธา เจว ตุฏฺจิตฺตา จ. ‘‘สทฺธํ จิตฺต’’นฺติปิ ปาโ, ตสฺสตฺโถ สทฺธนฺติ สทฺทหนฺตํ, จิตฺตนฺติ ตุฏฺจิตฺตํ. ตมหํโนตีติ ตมหํ เทวตํ อุโปสถิกตฺตา ปฏิกฺขิปนฺโต โนติ พฺรูมิ, น วิปฺปลปามิ สมฺมาติ.

อถสฺส โส ตติยํ คาถมาห –

๔๑.

‘‘เอตาทิสํ พฺราหฺมณ ทิสฺวาน ยกฺขํ, ปุจฺเฉยฺย โปโส สุขมาสิสาโน;

อุฏฺเหิ นํ ปฺชลิกาภิปุจฺฉ, เทวี นุสิ ตฺวํ อุท มานุสี นู’’ติ.

ตตฺถ สุขมาสิสาโนติ เอตาทิสํ ยกฺขํ ทิสฺวา อตฺตโน สุขํ อาสีสนฺโต ปณฺฑิโต ปุริโส ‘‘อมฺหากํ สุขํ ภวิสฺสติ, น ภวิสฺสตี’’ติ ปุจฺเฉยฺย. อุฏฺเหีติ อุทกโต อุฏฺานาการํ ทสฺเสนฺโต อุฏฺห. ปฺชลิกาภิปุจฺฉาติ อฺชลิโก หุตฺวา อภิปุจฺฉ. อุท มานุสีติ อุทาหุ มหิทฺธิกา มานุสี ตฺวนฺติ.

โพธิสตฺโต ‘‘ยุตฺตํ กเถสี’’ติ ตํ ปุจฺฉนฺโต จตุตฺถํ คาถมาห –

๔๒.

‘‘ยํ ตฺวํ สุเขนาภิสเมกฺขเส มํ, ภุฺชสฺสุ ภตฺตํ อิติ มํ วเทสิ;

ปุจฺฉามิ ตํ นาริ มหานุภาเว, เทวี นุสิ ตฺวํ อุท มานุสี นู’’ติ.

ตตฺถ ยํ ตฺวนฺติ ยสฺมา ตฺวํ สุเขน มํ อภิสเมกฺขเส, ปิยจกฺขูหิ โอโลเกสิ. ปุจฺฉามิ ตนฺติ เตน การเณน ตํ ปุจฺฉามิ.

ตโต เทวธีตา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๔๓.

‘‘เทวี อหํ สงฺข มหานุภาวา, อิธาคตา สาครวาริมชฺเฌ;

อนุกมฺปิกา โน จ ปทุฏฺจิตฺตา, ตเวว อตฺถาย อิธาคตาสฺมิ.

๔๔.

‘‘อิธนฺนปานํ สยนาสนฺจ, ยานานิ นานาวิวิธานิ สงฺข;

สพฺพสฺส ตฺยาหํ ปฏิปาทยามิ, ยํ กิฺจิ ตุยฺหํ มนสาภิปตฺถิต’’นฺติ.

ตตฺถ อิธาติ อิมสฺมึ มหาสมุทฺเท. นานาวิวิธานีติ พหูนิ จ อเนกปฺปการานิ จ หตฺถิยานอสฺสยานาทีนิ อตฺถิ. สพฺพสฺส ตฺยาหนฺติ ตสฺส อนฺนปานาทิโน สพฺพสฺส สามิกํ กตฺวา ตํ เต อนฺนปานาทึ ปฏิปาทยามิ ททามิ. ยํ กิฺจีติ อฺมฺปิ ยํ กิฺจิ มนสา อิจฺฉิตํ, ตํ สพฺพํ เต ทมฺมีติ.

ตํ สุตฺวา มหาสตฺโต ‘‘อยํ เทวธีตา สมุทฺทปิฏฺเ มยฺหํ ‘อิทฺจิทฺจ ทมฺมี’ติ วทติ, กึ นุ โข เอสา มยา กเตน ปุฺกมฺเมน ทาตุกามา, อุทาหุ อตฺตโน พเลน, ปุจฺฉิสฺสามิ ตาว น’’นฺติ จินฺเตตฺวา ปุจฺฉนฺโต สตฺตมํ คาถมาห –

๔๕.

‘‘ยํ กิฺจิ ยิฏฺฺจ หุตฺจ มยฺหํ, สพฺพสฺส โน อิสฺสรา ตฺวํ สุคตฺเต;

สุสฺโสณิ สุพฺภมุ สุวิลคฺคมชฺเฌ, กิสฺส เม กมฺมสฺส อยํ วิปาโก’’ติ.

ตตฺถ ยิฏฺนฺติ ทานวเสน ยชิตํ. หุตนฺติ อาหุนปาหุนวเสน ทินฺนํ. สพฺพสฺส โน อิสฺสรา ตฺวนฺติ ตสฺส อมฺหากํ ปุฺกมฺมสฺส ตฺวํ อิสฺสรา, ‘‘อิมสฺส อยํ วิปาโก, อิมสฺส อย’’นฺติ พฺยากริตุํ สมตฺถาติ อตฺโถ. สุสฺโสณีติ สุนฺทรอูรุลกฺขเณ. สุพฺภมูติ สุนฺทรภมุเก . สุวิลคฺคมชฺเฌติ สุฏฺุวิลคฺคิตตนุมชฺเฌ. กิสฺส เมติ มยา กตกมฺเมสุ กตรกมฺมสฺส อยํ วิปาโก, เยนาหํ อปฺปติฏฺเ สมุทฺเท ปติฏฺํ ลภามีติ.

ตํ สุตฺวา เทวธีตา ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ ‘ยํ เตน กุสลํ กตํ, ตํ กมฺมํ น ชานาตี’ติ อฺาย ปุจฺฉติ มฺเ, กถยิสฺสามิ ทานิสฺสา’’ติ ตํ กเถนฺตี อฏฺมํ คาถมาห –

๔๖.

‘‘ฆมฺเม ปเถ พฺราหฺมณ เอกภิกฺขุํ, อุคฺฆฏฺฏปาทํ ตสิตํ กิลนฺตํ;

ปฏิปาทยี สงฺข อุปาหนานิ, สา ทกฺขิณา กามทุหา ตวชฺชา’’ติ.

ตตฺถ เอกภิกฺขุนฺติ เอกํ ปจฺเจกพุทฺธํ สนฺธายาห. อุคฺฆฏฺฏปาทนฺติ อุณฺหวาลุกาย ฆฏฺฏิตปาทํ. ตสิตนฺติ ปิปาสิตํ. ปฏิปาทยีติ ปฏิปาเทสิ, โยเชสีติ อตฺโถ. กามทุหาติ สพฺพกามทายิกา.

ตํ สุตฺวา มหาสตฺโต ‘‘เอวรูเปปิ นาม อปฺปติฏฺเ มหาสมุทฺเท มยา ทินฺนอุปาหนทานํ มม สพฺพกามททํ ชาตํ, อโห สุทินฺนํ เม ปจฺเจกพุทฺธสฺส ทาน’’นฺติ ตุฏฺจิตฺโต นวมํ คาถมาห –

๔๗.

‘‘สา โหตุ นาวา ผลกูปปนฺนา, อนวสฺสุตา เอรกวาตยุตฺตา;

อฺสฺส ยานสฺส น เหตฺถ ภูมิ, อชฺเชว มํ โมฬินึ ปาปยสฺสู’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – เทวเต, เอวํ สนฺเต มยฺหํ เอกํ นาวํ มาเปหิ, ขุทฺทกํ ปน เอกโทณิกนาวํ มาเปหิ, ยํ นาวํ มาเปสฺสสิ, สา โหตุ นาวา พหูหิ สุสิพฺพิเตหิ ผลเกหิ อุปปนฺนา, อุทกปเวสนสฺสาภาเวน อนวสฺสุตา, เอรเกน สมฺมา คเหตฺวา คจฺฉนฺเตน วาเตน ยุตฺตา, เปตฺวา ทิพฺพนาวํ อฺสฺส ยานสฺส เอตฺถ ภูมิ นตฺถิ, ตาย ปน ทิพฺพนาวาย อชฺเชว มํ โมฬินินครํ ปาปยสฺสูติ.

เทวธีตา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ตุฏฺจิตฺตา สตฺตรตนมยํ นาวํ มาเปสิ. สา ทีฆโต อฏฺอุสภา อโหสิ วิตฺถารโต จตุอุสภา, คมฺภีรโต วีสติยฏฺิกา. ตสฺสา อินฺทนีลมยา ตโย กูปกา, โสวณฺณมยานิ โยตฺตานิ รชตมยานิ ปตฺตานิ โสวณฺณมยานิ จ ผิยาริตฺตานิ อเหสุํ. เทวตา ตํ นาวํ สตฺตนฺนํ รตนานํ ปูเรตฺวา พฺราหฺมณํ อาลิงฺคิตฺวา อลงฺกตนาวาย อาโรเปสิ, อุปฏฺากํ ปนสฺส น โอโลเกสิ. พฺราหฺมโณ อตฺตนา กตกลฺยาณโต ตสฺส ปตฺตึ อทาสิ, โส อนุโมทิ. ตทา เทวตา ตมฺปิ อาลิงฺคิตฺวา นาวาย ปติฏฺาเปสิ. อถ นํ นาวํ โมฬินินครํ เนตฺวา พฺราหฺมณสฺส ฆเร ธนํ ปติฏฺาเปตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว อคมาสิ. สตฺถา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา –

๔๘.

‘‘สา ตตฺถ วิตฺตา สุมนา ปตีตา, นาวํ สุจิตฺตํ อภินิมฺมินิตฺวา;

อาทาย สงฺขํ ปุริเสน สทฺธึ, อุปานยี นครํ สาธุรมฺม’’นฺติ. –

อิมํ โอสานคาถํ อภาสิ.

ตตฺถ สาติ ภิกฺขเว, สา เทวตา ตตฺถ สมุทฺทมชฺเฌ ตสฺส วจนํ สุตฺวา วิตฺติสงฺขาตาย ปีติยา สมนฺนาคตตฺตา วิตฺตา. สุมนาติ สุนฺทรมนา ปาโมชฺเชน ปตีตจิตฺตา หุตฺวา วิจิตฺรนาวํ นิมฺมินิตฺวา พฺราหฺมณํ ปริจารเกน สทฺธึ อาทาย สาธุรมฺมํ อติรมณียํ นครํ อุปานยีติ.

พฺราหฺมโณปิ ยาวชีวํ อปริมิตธนํ เคหํ อชฺฌาวสนฺโต ทานํ ทตฺวา สีลํ รกฺขิตฺวา ชีวิตปริโยสาเน สปริโส เทวนครํ ปริปูเรสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุปาสโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ.

ตทา เทวธีตา อุปฺปลวณฺณา อโหสิ, อุปฏฺากปุริโส อานนฺโท, สงฺขพฺราหฺมโณ ปน อหเมว อโหสินฺติ.

สงฺขชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๔๔๓] ๕. จูฬโพธิชาตกวณฺณนา

โย เต อิมํ วิสาลกฺขินฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ โกธนํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร ภิกฺขุ นิยฺยานิเก พุทฺธสาสเน ปพฺพชิตฺวาปิ โกธํ นิคฺคเหตุํ นาสกฺขิ, โกธโน อโหสิ อุปายาสพหุโล, อปฺปมฺปิ วุตฺโต สมาโน อภิสชฺชิ กุปฺปิ พฺยาปชฺชิ ปติฏฺยิ. สตฺถา ตสฺส โกธนภาวํ สุตฺวา ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ โกธโน’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขุ โกโธ นาม วาเรตพฺโพ, เอวรูโป หิ อิธโลเก จ ปรโลเก จ อนตฺถการโก, ตฺวํ นิกฺโกธสฺส พุทฺธสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา กสฺมา กุชฺฌสิ, โปราณกปณฺฑิตา พาหิรสาสเน ปพฺพชิตฺวาปิ โกธํ น กรึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต อฺตรสฺมึ กาสินิคเม เอโก พฺราหฺมโณ อฑฺโฒ มหทฺธโน มหาโภโค อปุตฺตโก อโหสิ, ตสฺส พฺราหฺมณี ปุตฺตํ ปตฺเถสิ. ตทา โพธิสตฺโต พฺรหฺมโลกา จวิตฺวา ตสฺสา กุจฺฉิยํ นิพฺพตฺติ, ตสฺส นามคฺคหณทิวเส ‘‘โพธิกุมาโร’’ติ นามํ กรึสุ. ตสฺส วยปฺปตฺตกาเล ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา ปจฺจาคตสฺส อนิจฺฉนฺตสฺเสว มาตาปิตโร สมานชาติกา กุลา กุมาริกํ อาเนสุํ. สาปิ พฺรหฺมโลกา จุตาว อุตฺตมรูปธรา เทวจฺฉรปฏิภาคา. เตสํ อนิจฺฉมานานฺเว อฺมฺํ อาวาหวิวาหํ กรึสุ. อุภินฺนํ ปเนเตสํ กิเลสสมุทาจาโร นาม น ภูตปุพฺโพ, สํราควเสน อฺมฺสฺส โอโลกนํ นาม นาโหสิ, สุปิเนปิ เมถุนธมฺโม นาม น ทิฏฺปุพฺโพ, เอวํ ปริสุทฺธสีลา อเหสุํ.

อถาปรภาเค มหาสตฺโต มาตาปิตูสุ กาลกเตสุ เตสํ สรีรกิจฺจํ กตฺวา ตํ ปกฺโกสิตฺวา ‘‘ภทฺเท, ตฺวํ อิมํ อสีติโกฏิธนํ คเหตฺวา สุเขน ชีวาหี’’ติ อาห. ‘‘กึ กริสฺสถ ตุมฺเห ปน, อยฺยปุตฺตา’’ติ? ‘‘มยฺหํ ธเนน กิจฺจํ นตฺถิ, หิมวนฺตปเทสํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อตฺตโน ปติฏฺํ กริสฺสามี’’ติ. ‘‘กึ ปน อยฺยปุตฺต ปพฺพชฺชา นาม ปุริสานฺเว วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘อิตฺถีนมฺปิ วฏฺฏติ, ภทฺเท’’ติ. ‘‘เตน หิ อหํ ตุมฺเหหิ ฉฏฺฏิตเขฬํ น คณฺหิสฺสามิ, มยฺหมฺปิ ธเนน กิจฺจํ นตฺถิ, อหมฺปิ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภทฺเท’’ติ. เต อุโภปิ มหาทานํ ทตฺวา นิกฺขมิตฺวา รมณีเย ภูมิภาเค อสฺสมํ กตฺวา ปพฺพชิตฺวา อุฺฉาจริยาย ผลาผเลหิ ยาเปนฺตา ตตฺถ ทสมตฺตานิ สํวจฺฉรานิ วสึสุ, ฌานํ ปน เนสํ น ตาว อุปฺปชฺชติ. เต ตตฺถ ปพฺพชฺชาสุเขเนว ทส สํวจฺฉเร วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย ชนปทจาริกํ จรนฺตา อนุปุพฺเพน พาราณสึ ปตฺวา ราชุยฺยาเน วสึสุ.

อเถกทิวสํ ราชา อุยฺยานปาลํ ปณฺณาการํ อาทาย อาคตํ ทิสฺวา ‘‘อุยฺยานกีฬิกํ กีฬิสฺสาม, อุยฺยานํ โสเธหี’’ติ วตฺวา เตน โสธิตํ สชฺชิตํ อุยฺยานํ มหนฺเตน ปริวาเรน อคมาสิ. ตสฺมึ ขเณ เต อุโภปิ ชนา อุยฺยานสฺส เอกปสฺเส ปพฺพชฺชาสุเขน วีตินาเมตฺวา นิสินฺนา โหนฺติ. อถ ราชา อุยฺยาเน วิจรนฺโต เต อุโภปิ นิสินฺนเก ทิสฺวา ปรมปาสาทิกํ อุตฺตมรูปธรํ ปริพฺพาชิกํ โอโลเกนฺโต ปฏิพทฺธจิตฺโต อโหสิ. โส กิเลสวเสน กมฺปนฺโต ‘‘ปุจฺฉิสฺสามิ ตาว, อยํ ปริพฺพาชิกา อิมสฺส กึ โหตี’’ติ โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ปพฺพชิต อยํ เต ปริพฺพาชิกา กึ โหตี’’ติ ปุจฺฉิ. มหาราช, กิฺจิ น โหติ, เกวลํ เอกปพฺพชฺชาย ปพฺพชิตา, อปิจ โข ปน เม คิหิกาเล ปาทปริจาริกา อโหสีติ. ตํ สุตฺวา ราชา ‘‘อยํ กิเรตสฺส กิฺจิ น โหติ, อปิจ โข ปน คิหิกาเล ปาทปริจาริกา กิรสฺส อโหสิ , สเจ ปนาหํ อิสฺสริยพเลน คเหตฺวา คจฺเฉยฺยํ, กึ นุ โข เอส กริสฺสติ, ปริคฺคณฺหิสฺสามิ ตาว น’’นฺติ จินฺเตตฺวา อุปสงฺกมิตฺวา ปมํ คาถมาห –

๔๙.

‘‘โย เต อิมํ วิสาลกฺขึ, ปิยํ สํมฺหิตภาสินึ;

อาทาย พลา คจฺเฉยฺย, กึ นุ กยิราสิ พฺราหฺมณา’’ติ.

ตตฺถ สํมฺหิตภาสินินฺติ มนฺทหสิตภาสินึ. พลา คจฺเฉยฺยาติ พลกฺกาเรน อาทาย คจฺเฉยฺย. กึ นุ กยิราสีติ ตสฺส ตฺวํ พฺราหฺมณ กึ กเรยฺยาสีติ?

อถสฺส กถํ สุตฺวา มหาสตฺโต ทุติยํ คาถมาห –

๕๐.

‘‘อุปฺปชฺเช เม น มุจฺเจยฺย, น เม มุจฺเจยฺย ชีวโต;

รชํว วิปุลา วุฏฺิ, ขิปฺปเมว นิวารเย’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – มหาราช, สเจ อิมํ คเหตฺวา คจฺฉนฺเต กิสฺมิฺจิ มม อพฺภนฺตเร โกโป อุปฺปชฺเชยฺย, โส เม อนฺโต อุปฺปชฺชิตฺวา น มุจฺเจยฺย, ยาวาหํ ชีวามิ, ตาว เม น มุจฺเจยฺย. นาสฺส อนฺโต ฆนสนฺนิวาเสน ปติฏฺาตุํ ทสฺสามิ, อถ โข ยถา อุปฺปนฺนํ รชํ วิปุลา เมฆวุฏฺิ ขิปฺปํ นิวาเรติ, ตถา ขิปฺปเมว นํ เมตฺตาภาวนาย นิคฺคเหตฺวา วาเรสฺสามีติ.

เอวํ มหาสตฺโต สีหนาทํ นทิ. ราชา ปนสฺส กถํ สุตฺวาปิ อนฺธพาลตาย ปฏิพทฺธํ อตฺตโน จิตฺตํ นิวาเรตุํ อสกฺโกนฺโต อฺตรํ อมจฺจํ อาณาเปสิ ‘‘อิมํ ปริพฺพาชิกํ ราชนิเวสนํ เนหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ‘‘อธมฺโม โลเก วตฺตติ, อยุตฺต’’นฺติอาทีนิ วตฺวา ปริเทวมานํเยว นํ อาทาย ปายาสิ. โพธิสตฺโต ตสฺสา ปริเทวนสทฺทํ สุตฺวา เอกวารํ โอโลเกตฺวา ปุน น โอโลเกสิ. ตํ โรทนฺตึ ปริเทวนฺตึ ราชนิเวสนเมว นยึสุ. โสปิ พาราณสิราชา อุยฺยาเน ปปฺจํ อกตฺวาว สีฆตรํ คนฺตฺวา ตํ ปริพฺพาชิกํ ปกฺโกสาเปตฺวา มหนฺเตน ยเสน นิมนฺเตสิ. สา ยสสฺส อคุณํ ปพฺพชาย เอว คุณํ กเถสิ. ราชา เกนจิ ปริยาเยน ตสฺสา มนํ อลภนฺโต ตํ เอกสฺมึ คพฺเภ กาเรตฺวา จินฺเตสิ ‘‘อยํ ปริพฺพาชิกา เอวรูปํ ยสํ น อิจฺฉติ, โสปิ ตาปโส เอวรูปํ มาตุคามํ คเหตฺวา คจฺฉนฺเต กุชฺฌิตฺวา โอโลกิตมตฺตมฺปิ น อกาสิ, ปพฺพชิตา โข ปน พหุมายา โหนฺติ, กิฺจิ ปโยเชตฺวา อนตฺถมฺปิ เม กเรยฺย, คจฺฉามิ ตาว ชานามิ กึ กโรนฺโต นิสินฺโน’’ติ สณฺาตุํ อสกฺโกนฺโต อุยฺยานํ อคมาสิ. โพธิสตฺโตปิ จีวรํ สิพฺพนฺโต นิสีทิ. ราชา มนฺทปริวาโรว ปทสทฺทํ อกโรนฺโต สณิกํ อุปสงฺกมิ. โพธิสตฺโต ราชานํ อโนโลเกตฺวา จีวรเมว สิพฺพิ. ราชา ‘‘อยํ กุชฺฌิตฺวา มยา สทฺธึ น สลฺลปตี’’ติ มฺมาโน ‘‘อยํ กูฏตาปโส ‘โกธสฺส อุปฺปชฺชิตุํ น ทสฺสามิ, อุปฺปนฺนมฺปิ นํ ขิปฺปเมว นิคฺคณฺหิสฺสามี’ติ ปมเมว คชฺชิตฺวา อิทานิ โกเธน ถทฺโธ หุตฺวา มยา สทฺธึ น สลฺลปตี’’ติ สฺาย ตติยํ คาถมาห –

๕๑.

‘‘ยํ นุ ปุพฺเพ วิกตฺถิตฺโถ, พลมฺหิว อปสฺสิโต;

สฺวชฺช ตุณฺหิกโต ทานิ, สงฺฆาฏึ สิพฺพมจฺฉสี’’ติ.

ตตฺถ พลมฺหิว อปสฺสิโตติ พลนิสฺสิโต วิย หุตฺวา. ตุณฺหิกโตติ กิฺจิ อวทนฺโต. สิพฺพมจฺฉสีติ สิพฺพนฺโต อจฺฉสิ.

ตํ สุตฺวา มหาสตฺโต ‘‘อยํ ราชา โกธวเสน มํ นาลปตีติ มฺติ, กเถสฺสามิ ทานิสฺส อุปฺปนฺนสฺส โกธสฺส วสํ อคตภาว’’นฺติ จินฺเตตฺวา จตุตฺถํ คาถมาห –

๕๒.

‘‘อุปฺปชฺชิ เม น มุจฺจิตฺถ, น เม มุจฺจิตฺถ ชีวโต;

รชํว วิปุลา วุฏฺิ, ขิปฺปเมว นิวารยิ’’นฺติ.

ตสฺสตฺโถ – มหาราช, อุปฺปชฺชิ เม, น น อุปฺปชฺชิ, น ปน เม มุจฺจิตฺถ, นาสฺส ปวิสิตฺวา หทเย าตุํ อทาสึ, อิติ โส มม ชีวโต น มุจฺจิตฺเถว, รชํ วิปุลา วุฏฺิ วิย ขิปฺปเมว นํ นิวาเรสินฺติ.

ตํ สุตฺวา ราชา ‘‘กึ นุ โข เอส โกปเมว สนฺธาย วทติ, อุทาหุ อฺํ กิฺจิ สิปฺปํ สนฺธาย กเถสิ, ปุจฺฉิสฺสามิ ตาว น’’นฺติ จินฺเตตฺวา ปุจฺฉนฺโต ปฺจมํ คาถมาห –

๕๓.

‘‘กึ เต อุปฺปชฺชิ โน มุจฺจิ, กึ เต น มุจฺจิ ชีวโต;

รชํว วิปุลา วุฏฺิ, กตมํ ตํ นิวารยี’’ติ.

ตตฺถ กึ เต อุปฺปชฺชิ โน มุจฺจีติ กึ ตว อุปฺปชฺชิ เจว น มุจฺจิ จ.

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ‘‘มหาราช, เอวํ โกโธ พหุอาทีนโว มหาวินาสทายโก, เอโส มม อุปฺปชฺชิ, อุปฺปนฺนฺจ นํ เมตฺตาภาวนาย นิวาเรสิ’’นฺติ โกเธ อาทีนวํ ปกาเสนฺโต –

๕๔.

‘‘ยมฺหิ ชาเต น ปสฺสติ, อชาเต สาธุ ปสฺสติ;

โส เม อุปฺปชฺชิ โน มุจฺจิ, โกโธ ทุมฺเมธโคจโร.

๕๕.

‘‘เยน ชาเตน นนฺทนฺติ, อมิตฺตา ทุกฺขเมสิโน;

โส เม อุปฺปชฺชิ โน มุจฺจิ, โกโธ ทุมฺเมธโคจโร.

๕๖.

‘‘ยสฺมิฺจ ชายมานมฺหิ, สทตฺถํ นาวพุชฺฌติ;

โส เม อุปฺปชฺชิ โน มุจฺจิ, โกโธ ทุมฺเมธโคจโร.

๕๗.

‘‘เยนาภิภูโต กุสลํ ชหาติ, ปรกฺกเร วิปุลฺจาปิ อตฺถํ;

ส ภีมเสโน พลวา ปมทฺที, โกโธ มหาราช น เม อมุจฺจถ.

๕๘.

‘‘กฏฺสฺมึ มตฺถมานสฺมึ, ปาวโก นาม ชายติ;

ตเมว กฏฺํ ฑหติ, ยสฺมา โส ชายเต คินิ.

๕๙.

‘‘เอวํ มนฺทสฺส โปสสฺส, พาลสฺส อวิชานโต;

สารมฺภา ชายเต โกโธ, โสปิ เตเนว ฑยฺหติ.

๖๐.

‘‘อคฺคีว ติณกฏฺสฺมึ, โกโธ ยสฺส ปวฑฺฒติ;

นิหียติ ตสฺส ยโส, กาฬปกฺเขว จนฺทิมา.

๖๑.

‘‘อเนโธ ธูมเกตูว, โกโธ ยสฺสูปสมฺมติ;

อาปูรติ ตสฺส ยโส, สุกฺกปกฺเขว จนฺทิมา’’ติ. – อิมา คาถา อาห;

ตตฺถ น ปสฺสตีติ อตฺตตฺถมฺปิ น ปสฺสติ, ปเคว ปรตฺถํ. สาธุ ปสฺสตีติ อตฺตตฺถํ ปรตฺถํ อุภยตฺถมฺปิ สาธุ ปสฺสติ. ทุมฺเมธโคจโรติ นิปฺปฺานํ อาธารภูโต โคจโร. ทุกฺขเมสิโนติ ทุกฺขํ อิจฺฉนฺตา. สทตฺถนฺติ อตฺตโน อตฺถภูตํ อตฺถโต เจว ธมฺมโต จ วุทฺธึ. ปรกฺกเรติ วิปุลมฺปิ อตฺถํ อุปฺปนฺนํ ปรโต กาเรติ, อปเนถ, น เม อิมินา อตฺโถติ วทติ. ส ภีมเสโนติ โส โกโธ ภีมาย ภยชนนิยา มหติยา กิเลสเสนาย สมนฺนาคโต. ปมทฺทีติ อตฺตโน พลวภาเวน อุฬาเรปิ สตฺเต คเหตฺวา อตฺตโน วเส กรเณน มทฺทนสมตฺโถ. น เม อมุจฺจถาติ มม สนฺติกา โมกฺขํ น ลภติ, หทเย วา ปน เม ขีรํ วิย มุหุตฺตํ ทธิภาเวน น ปติฏฺหิตฺถาติปิ อตฺโถ.

กฏฺสฺมึ มตฺถมานสฺมินฺติ อรณีสหิเตน มตฺถิยมาเน, ‘‘มทฺทมานสฺมิ’’นฺติปิ ปาโ. ยสฺมาติ ยโต กฏฺา ชายติ, ตเมว ฑหติ. คินีติ อคฺคิ. พาลสฺส อวิชานโตติ พาลสฺส อวิชานนฺตสฺส. สารมฺภา ชายเตติ อหํ ตฺวนฺติ อากฑฺฒนวิกฑฺฒนํ กโรนฺตสฺส กรณุตฺตริยลกฺขณา สารมฺภา อรณีมตฺถนา วิย ปาวโก โกโธ ชายติ. โสปิ เตเนวาติ โสปิ พาโล เตเนว โกเธน กฏฺํ วิย อคฺคินา ฑยฺหติ. อเนโธ ธูมเกตูวาติ อนินฺธโน อคฺคิ วิย. ตสฺสาติ ตสฺส อธิวาสนขนฺติยา สมนฺนาคตสฺส ปุคฺคลสฺส สุกฺกปกฺเข จนฺโท วิย ลทฺโธ ยโส อปราปรํ อาปูรตีติ.

ราชา มหาสตฺตสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา ตุฏฺโ เอกํ อมจฺจํ อาณาเปตฺวา ปริพฺพาชิกํ อาหราเปตฺวา ‘‘ภนฺเต นิกฺโกธตาปส, อุโภปิ ตุมฺเห ปพฺพชฺชาสุเขน วีตินาเมนฺตา อิเธว อุยฺยาเน วสถ, อหํ โว ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา ขมาเปตฺวา วนฺทิตฺวา ปกฺกามิ. เต อุโภปิ ตตฺเถว วสึสุ. อปรภาเค ปริพฺพาชิกา กาลมกาสิ. โพธิสตฺโต ตสฺสา กาลกตาย หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โกธโน ภิกฺขุ อนาคามิผเล ปติฏฺหิ.

ตทา ปริพฺพาชิกา ราหุลมาตา อโหสิ, ราชา อานนฺโท, ปริพฺพาชโก ปน อหเมว อโหสินฺติ.

จูฬโพธิชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๔๔๔] ๖. กณฺหทีปายนชาตกวณฺณนา

สตฺตาหเมวาหนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ กุสชาตเก (ชา. ๒.๒๐.๑ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. สตฺถา ตํ ภิกฺขุํ ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขุ โปราณกปณฺฑิตา อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ พาหิรกปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อติเรกปฺาสวสฺสานิ อนภิรตา พฺรหฺมจริยํ จรนฺตา หิโรตฺตปฺปเภทภเยน อตฺตโน อุกฺกณฺิตภาวํ น กสฺสจิ กเถสุํ, ตฺวํ กสฺมา เอวรูเป นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวา มาทิสสฺส ครุโน พุทฺธสฺส สมฺมุเข ตฺวา จตุปริสมชฺเฌ อุกฺกณฺิตภาวํ อาวิ กโรสิ, กิมตฺถํ อตฺตโน หิโรตฺตปฺปํ น รกฺขสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต วํสรฏฺเ โกสมฺพิยํ นาม นคเร โกสมฺพโก นาม ราชา รชฺชํ กาเรสิ. ตทา อฺตรสฺมึ นิคเม ทฺเว พฺราหฺมณา อสีติโกฏิธนวิภวา อฺมฺํ ปิยสหายกา กาเมสุ โทสํ ทิสฺวา มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา อุโภปิ กาเม ปหาย มหาชนสฺส โรทนฺตสฺส ปริเทวนฺตสฺส นิกฺขมิตฺวา หิมวนฺตปเทเส อสฺสมปทํ กตฺวา ปพฺพชิตฺวา อุฺฉาจริยาย วนมูลผลาผเลน ยาเปนฺตา ปณฺณาส วสฺสานิ วสึสุ, ฌานํ อุปฺปาเทตุํ นาสกฺขึสุ. เต ปณฺณาสวสฺสจฺจเยน โลณมฺพิลเสวนตฺถาย ชนปทํ จรนฺตา กาสิรฏฺํ สมฺปาปุณึสุ. ตตฺร อฺตรสฺมึ นิคมคาเม ทีปายนตาปสสฺส คิหิสหาโย มณฺฑพฺโย นาม อตฺถิ, เต อุโภปิ ตสฺส สนฺติกํ อคมํสุ. โส เต ทิสฺวาว อตฺตมโน ปณฺณสาลํ กาเรตฺวา อุโภปิ เต จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหิ. เต ตตฺถ ตีณิ จตฺตาริ วสฺสานิ วสิตฺวา ตํ อาปุจฺฉิตฺวา จาริกํ จรนฺตา พาราณสึ ปตฺวา อติมุตฺตกสุสาเน วสึสุ. ตตฺถ ทีปายโน ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา ปุน ตสฺเสว สหายสฺส สนฺติกํ คโต. มณฺฑพฺยตาปโส ตตฺเถว วสิ.

อเถกทิวสํ เอโก โจโร อนฺโตนคเร โจริกํ กตฺวา ธนสารํ อาทาย นิกฺขนฺโต ‘‘โจโร’’ติ ตฺวา ปฏิพุทฺเธหิ ฆรสฺสามิเกหิ เจว อารกฺขมนุสฺเสหิ จ อนุพทฺโธ นิทฺธมเนน นิกฺขมิตฺวา เวเคน สุสานํ ปวิสิตฺวา ตาปสสฺส ปณฺณสาลทฺวาเร ภณฺฑิกํ ฉฏฺเฏตฺวา ปลายิ . มนุสฺสา ภณฺฑิกํ ทิสฺวา ‘‘อเร ทุฏฺชฏิล, ตฺวํ รตฺตึ โจริกํ กตฺวา ทิวา ตาปสรูเปน จรสี’’ติ ตชฺเชตฺวา โปเถตฺวา ตํ อาทาย เนตฺวา รฺโ ทสฺสยึสุ. ราชา อนุปปริกฺขิตฺวาว ‘‘คจฺฉถ, นํ สูเล อุตฺตาเสถา’’ติ อาห. เต ตํ สุสานํ เนตฺวา ขทิรสูลํ อาโรปยึสุ, ตาปสสฺส สรีเร สูลํ น ปวิสติ. ตโต นิมฺพสูลํ อาหรึสุ, ตมฺปิ น ปวิสติ. อยสูลํ อาหรึสุ, ตมฺปิ น ปวิสติ. ตาปโส ‘‘กึ นุ โข เม ปุพฺพกมฺม’’นฺติ โอโลเกสิ, อถสฺส ชาติสฺสราณํ อุปฺปชฺชิ, เตน ปุพฺพกมฺมํ โอโลเกตฺวา อทฺทส. กึ ปนสฺส ปุพฺพกมฺมนฺติ? โกวิฬารสูเล มกฺขิกาเวธนํ. โส กิร ปุริมภเว วฑฺฒกิปุตฺโต หุตฺวา ปิตุ รุกฺขตจฺฉนฏฺานํ คนฺตฺวา เอกํ มกฺขิกํ คเหตฺวา โกวิฬารสลากาย สูเล วิย วิชฺฌิ. ตเมนํ ปาปกมฺมํ อิมํ านํ ปตฺวา คณฺหิ. โส ‘‘น สกฺกา อิโต ปาปา มยา มุจฺจิตุ’’นฺติ ตฺวา ราชปุริเส อาห ‘‘สเจ มํ สูเล อุตฺตาเสตุกามตฺถ, โกวิฬารสูลํ อาหรถา’’ติ. เต ตถา กตฺวา ตํ สูเล อุตฺตาเสตฺวา อารกฺขํ ทตฺวา ปกฺกมึสุ.

อารกฺขกา ปฏิจฺฉนฺนา หุตฺวา ตสฺส สนฺติกํ อาคจฺฉนฺเต โอโลเกนฺติ. ตทา ทีปายโน ‘‘จิรทิฏฺโ เม สหาโย’’ติ มณฺฑพฺยสฺส สนฺติกํ อาคจฺฉนฺโต ‘‘สูเล อุตฺตาสิโต’’ติ ตํ ทิวสฺเว อนฺตรามคฺเค สุตฺวา ตํ านํ คนฺตฺวา เอกมนฺตํ ิโต ‘‘กึ สมฺม การโกสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อการโกมฺหี’’ติ วุตฺเต ‘‘อตฺตโน มโนปโทสํ รกฺขิตุํ สกฺขิ, นาสกฺขี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สมฺม, เยหิ อหํ คหิโต, เนว เตสํ, น รฺโ อุปริ มยฺหํ มโนปโทโส อตฺถี’’ติ. ‘‘เอวํ สนฺเต ตาทิสสฺส สีลวโต ฉายา มยฺหํ สุขา’’ติ วตฺวา ทีปายโน สูลํ นิสฺสาย นิสีทิ. อถสฺส สรีเร มณฺฑพฺยสฺส สรีรโต โลหิตพินฺทูนิ ปตึสุ. ตานิ สุวณฺณวณฺณสรีเร ปติตปติตานิ สุสฺสิตฺวา กาฬกานิ อุปฺปชฺชึสุ. ตโต ปฏฺาเยว โส กณฺหทีปายโน นาม อโหสิ. โส สพฺพรตฺตึ ตตฺเถว นิสีทิ.

ปุนทิวเส อารกฺขปุริสา อาคนฺตฺวา ตํ ปวตฺตึ รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา ‘‘อนิสาเมตฺวาว เม กต’’นฺติ เวเคน ตตฺถ คนฺตฺวา ‘‘ปพฺพชิต, กสฺมา สูลํ นิสฺสาย นิสินฺโนสี’’ติ ทีปายนํ ปุจฺฉิ. มหาราช, อิมํ ตาปสํ รกฺขนฺโต นิสินฺโนมฺหิ. กึ ปน ตฺวํ มหาราช, อิมสฺส การกภาวํ วา อการกภาวํ วา ตฺวา เอวํ กาเรสีติ? โส กมฺมสฺส อโสธิตภาวํ อาจิกฺขิ. อถสฺส โส ‘‘มหาราช, รฺา นาม นิสมฺมการินา ภวิตพฺพํ , อลโส คิหี กามโภคี น สาธู’’ติอาทีนิ วตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. ราชา มณฺฑพฺยสฺส นิทฺโทสภาวํ ตฺวา ‘‘สูลํ หรถา’’ติ อาณาเปสิ. สูลํ หรนฺตา หริตุํ น สกฺขึสุ. มณฺฑพฺโย อาห – ‘‘มหาราช, อหํ ปุพฺเพ กตกมฺมโทเสน เอวรูปํ ภยํ สมฺปตฺโต, มม สรีรโต สูลํ หริตุํ น สกฺกา, สเจ มยฺหํ ชีวิตํ ทาตุกาโม, กกจํ อาหราเปตฺวา อิมํ สูลํ จมฺมสมํ ฉินฺทาเปหี’’ติ. ราชา ตถา กาเรสิ. อนฺโตสรีเร สูโล อนฺโตเยว อโหสิ. ตทา กิร โส สุขุมํ โกวิฬารสลากํ คเหตฺวา มกฺขิกาย วจฺจมคฺคํ ปเวเสสิ, ตํ ตสฺส อนฺโตสรีเรเยว อโหสิ. โส เตน การเณน อมริตฺวา อตฺตโน อายุกฺขเยเนว มริ, ตสฺมา อยมฺปิ น มโต. ราชา ตาปเส วนฺทิตฺวา ขมาเปตฺวา อุโภปิ อุยฺยาเน วสาเปนฺโต ปฏิชคฺคิ, ตโต ปฏฺาย มณฺฑพฺโย อาณิมณฺฑพฺโย นาม ชาโต. โส ราชานํ อุปนิสฺสาย ตตฺเถว วสิ, ทีปายโน ปน ตสฺส วณํ ผาสุกํ กตฺวา อตฺตโน คิหิสหายมณฺฑพฺยสฺส สนฺติกเมว คโต.

ตํ ปณฺณสาลํ ปวิสนฺตํ ทิสฺวา เอโก ปุริโส สหายสฺส อาโรเจสิ. โส สุตฺวาว ตุฏฺจิตฺโต สปุตฺตทาโร พหู คนฺธมาลเตลผาณิตาทีนิ อาทาย ตํ ปณฺณสาลํ คนฺตฺวา ทีปายนํ วนฺทิตฺวา ปาเท โธวิตฺวา เตเลน มกฺเขตฺวา ปานกํ ปาเยตฺวา อาณิมณฺฑพฺยสฺส ปวตฺตึ สุณนฺโต นิสีทิ. อถสฺส ปุตฺโต ยฺทตฺตกุมาโร นาม จงฺกมนโกฏิยํ เคณฺฑุเกน กีฬิ, ตตฺร เจกสฺมึ วมฺมิเก อาสีวิโส วสติ. กุมารสฺส ภูมิยํ ปหฏเคณฺฑุโก คนฺตฺวา วมฺมิกพิเล อาสีวิสสฺส มตฺถเก ปติ. โส อชานนฺโต พิเล หตฺถํ ปเวเสสิ. อถ นํ กุทฺโธ อาสีวิโส หตฺเถ ฑํสิ. โส วิสเวเคน มุจฺฉิโต ตตฺเถว ปติ. อถสฺส มาตาปิตโร สปฺเปน ฑฏฺภาวํ ตฺวา กุมารกํ อุกฺขิปิตฺวา ตาปสสฺส สนฺติกํ อาเนตฺวา ปาทมูเล นิปชฺชาเปตฺวา ‘‘ภนฺเต, ปพฺพชิตา นาม โอสธํ วา ปริตฺตํ วา ชานนฺติ, ปุตฺตกํ โน อาโรคํ กโรถา’’ติ อาหํสุ. อหํ โอสธํ น ชานามิ, นาหํ เวชฺชกมฺมํ กริสฺสามีติ. ‘‘เตน หิ ภนฺเต, อิมสฺมึ กุมารเก เมตฺตํ กตฺวา สจฺจกิริยํ กโรถา’’ติ วุตฺเต ตาปโส ‘‘สาธุ, สจฺจกิริยํ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา ยฺทตฺตสฺส สีเส หตฺถํ เปตฺวา ปมํ คาถมาห –

๖๒.

‘‘สตฺตาหเมวาหํ ปสนฺนจิตฺโต, ปุฺตฺถิโก อาจรึ พฺรหฺมจริยํ;

อถาปรํ ยํ จริตํ มเมทํ, วสฺสานิ ปฺาส สมาธิกานิ;

อกามโกวาปิ อหํ จรามิ, เอเตน สจฺเจน สุวตฺถิ โหตุ;

หตํ วิสํ ชีวตุ ยฺทตฺโต’’ติ.

ตตฺถ อถาปรํ ยํ จริตนฺติ ตสฺมา สตฺตาหา อุตฺตริ ยํ มม พฺรหฺมจริยํ. อกามโกวาปีติ ปพฺพชฺชํ อนิจฺฉนฺโตเยว. เอเตน สจฺเจน สุวตฺถิ โหตูติ สเจ อติเรกปณฺณาสวสฺสานิ อนภิรติวาสํ วสนฺเตน มยา กสฺสจิ อนาโรจิตภาโว สจฺจํ, เอเตน สจฺเจน ยฺทตฺตกุมารสฺส โสตฺถิภาโว โหตุ, ชีวิตํ ปฏิลภตูติ.

อถสฺส สห สจฺจกิริยาย ยฺทตฺตสฺส ถนปฺปเทสโต อุทฺธํ วิสํ ภสฺสิตฺวา ปถวึ ปาวิสิ. กุมาโร อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา มาตาปิตโร โอโลเกตฺวา ‘‘อมฺมตาตา’’ติ วตฺวา ปริวตฺติตฺวา นิปชฺชิ. อถสฺส ปิตรํ กณฺหทีปายโน อาห – ‘‘มยา ตาว มม พลํ กตํ, ตฺวมฺปิ อตฺตโน พลํ กโรหี’’ติ. โส ‘‘อหมฺปิ สจฺจกิริยํ กริสฺสามี’’ติ ปุตฺตสฺส อุเร หตฺถํ เปตฺวา ทุติยํ คาถมาห –

๖๓.

‘‘ยสฺมา ทานํ นาภินนฺทึ กทาจิ, ทิสฺวานหํ อติถึ วาสกาเล;

จาปิ เม อปฺปิยตํ อเวทุํ, พหุสฺสุตา สมณพฺราหฺมณา จ;

อกามโกวาปิ อหํ ททามิ, เอเตน สจฺเจน สุวตฺถิ โหตุ;

หตํ วิสํ ชีวตุ ยฺทตฺโต’’ติ.

ตตฺถ วาสกาเลติ วสนตฺถาย เคหํ อาคตกาเล. น จาปิ เม อปฺปิยตํ อเวทุนฺติ พหุสฺสุตาปิ สมณพฺราหฺมณา ‘‘อยํ เนว ทานํ อภินนฺทติ น อมฺเห’’ติ อิมํ มม อปฺปิยภาวํ เนว ชานึสุ. อหฺหิ เต ปิยจกฺขูหิเยว โอโลเกมีติ ทีเปติ. เอเตน สจฺเจนาติ สเจ อหํ ทานํ ททมาโน วิปากํ อสทฺทหิตฺวา อตฺตโน อนิจฺฉาย ทมฺมิ, อนิจฺฉนภาวํ มม ปเร น ชานนฺติ, เอเตน สจฺเจน สุวตฺถิ โหตูติ อตฺโถ.

เอวํ ตสฺส สจฺจกิริยาย สห กฏิโต อุทฺธํ วิสํ ภสฺสิตฺวา ปถวึ ปาวิสิ. กุมาโร อุฏฺาย นิสีทิ, าตุํ ปน น สกฺโกติ. อถสฺส ปิตา มาตรํ อาห ‘‘ภทฺเท, มยา อตฺตโน พลํ กตํ, ตฺวํ อิทานิ สจฺจกิริยํ กตฺวา ปุตฺตสฺส อุฏฺาย คมนภาวํ กโรหี’’ติ. ‘‘สามิ, อตฺถิ มยฺหํ เอกํ สจฺจํ, ตว ปน สนฺติเก กเถตุํ น สกฺโกมี’’ติ. ‘‘ภทฺเท, ยถา ตถา เม ปุตฺตํ อโรคํ กโรหี’’ติ. สา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สจฺจํ กโรนฺตี ตติยํ คาถมาห –

๖๔.

‘‘อาสีวิโส ตาต ปหูตเตโช, โย ตํ อฑํสี พิลรา อุทิจฺจ;

ตสฺมิฺจ เม อปฺปิยตาย อชฺช, ปิตรฺจ เต นตฺถิ โกจิ วิเสโส;

เอเตน สจฺเจน สุวตฺถิ โหตุ, หตํ วิสํ ชีวตุ ยฺทตฺโต’’ติ.

ตตฺถ ตาตาติ ปุตฺตํ อาลปติ. ปหูตเตโชติ พลววิโส. พิลราติ วิวรา, อยเมว วา ปาโ. อุทิจฺจาติ อุฏฺหิตฺวา, วมฺมิกพิลโต อุฏฺายาติ อตฺโถ. ปิตรฺจ เตติ ปิตริ จ เต. อฏฺกถายํ ปน อยเมว ปาโ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘ตาต, ยฺทตฺต ตสฺมิฺจ อาสีวิเส ตว ปิตริ จ อปฺปิยภาเวน มยฺหํ โกจิ วิเสโส นตฺถิ. ตฺจ ปน อปฺปิยภาวํ เปตฺวา อชฺช มยา โกจิ ชานาปิตปุพฺโพ นาม นตฺถิ, สเจ เอตํ สจฺจํ, เอเตน สจฺเจน ตว โสตฺถิ โหตู’’ติ.

สห จ สจฺจกิริยาย สพฺพํ วิสํ ภสฺสิตฺวา ปถวึ ปาวิสิ. ยฺทตฺโต นิพฺพิเสน สรีเรน อุฏฺาย กีฬิตุํ อารทฺโธ. เอวํ ปุตฺเต อุฏฺิเต มณฺฑพฺโย ทีปายนสฺส อชฺฌาสยํ ปุจฺฉนฺโต จตุตฺถํ คาถมาห –

๖๕.

‘‘สนฺตา ทนฺตาเยว ปริพฺพชนฺติ, อฺตฺร กณฺหา นตฺถากามรูปา;

ทีปายน กิสฺส ชิคุจฺฉมาโน, อกามโก จรสิ พฺรหฺมจริย’’นฺติ.

ตสฺสตฺโถ – เย เกจิ ขตฺติยาทโย กาเม ปหาย อิธ โลเก ปพฺพชนฺติ, เต อฺตฺร กณฺหา ภวนฺตํ กณฺหํ เปตฺวา อฺเ อกามรูปา นาม นตฺถิ, สพฺเพ ฌานภาวนาย กิเลสานํ สมิตตฺตา สนฺตา, จกฺขาทีนิ ทฺวารานิ ยถา นิพฺพิเสวนานิ โหนฺติ, ตถา เตสํ ทมิตตฺตา ทนฺตา หุตฺวา อภิรตาว พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, ตฺวํ ปน ภนฺเต ทีปายน, กึการณา ตปํ ชิคุจฺฉมาโน อกามโก หุตฺวา พฺรหฺมจริยํ จรสิ, กสฺมา ปุน น อคารเมว อชฺฌาวสสีติ.

อถสฺส โส การณํ กเถนฺโต ปฺจมํ คาถมาห –

๖๖.

‘‘สทฺธาย นิกฺขมฺม ปุนํ นิวตฺโต, โส เอฬมูโคว พาโล วตายํ;

เอตสฺส วาทสฺส ชิคุจฺฉมาโน, อกามโก จรามิ พฺรหฺมจริยํ;

วิฺุปฺปสตฺถฺจ สตฺจ านํ, เอวมฺปหํ ปุฺกโร ภวามี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – กณฺโห กมฺมฺจ ผลฺจ สทฺทหิตฺวา ตาว มหนฺตํ วิภวํ ปหาย อคารา นิกฺขมิตฺวา ยํ ชหิ, ปุน ตทตฺถเมว นิวตฺโต. โส อยํ เอฬมูโค คามทารโก วิย พาโล วตาติ อิมํ วาทํ ชิคุจฺฉมาโน อหํ อตฺตโน หิโรตฺตปฺปเภทภเยน อนิจฺฉมาโนปิ พฺรหฺมจริยํ จรามิ. กิฺจ ภิยฺโย ปพฺพชฺชาปุฺฺจ นาเมตํ วิฺูหิ พุทฺธาทีหิ ปสตฺถํ, เตสํเยว จ สตํ นิวาสฏฺานํ. เอวํ อิมินาปิ การเณน อหํ ปุฺกโร ภวามิ, อสฺสุมุโขปิ รุทมาโน พฺรหฺมจริยํ จรามิเยวาติ.

เอวํ โส อตฺตโน อชฺฌาสยํ กเถตฺวา ปุน มณฺฑพฺยํ ปุจฺฉนฺโต ฉฏฺํ คาถมาห –

๖๗.

‘‘สมเณ ตุวํ พฺราหฺมเณ อทฺธิเก จ, สนฺตปฺปยาสิ อนฺนปาเนน ภิกฺขํ;

โอปานภูตํว ฆรํ ตว ยิทํ, อนฺเนน ปาเนน อุเปตรูปํ;

อถ กิสฺส วาทสฺส ชิคุจฺฉมาโน, อกามโก ทานมิมํ ททาสี’’ติ.

ตตฺถ ภิกฺขนฺติ ภิกฺขาย จรนฺตานํ ภิกฺขฺจ สมฺปาเทตฺวา ททาสิ. โอปานภูตํวาติ จตุมหาปเถ ขตสาธารณโปกฺขรณี วิย.

ตโต มณฺฑพฺโย อตฺตโน อชฺฌาสยํ กเถนฺโต สตฺตมํ คาถมาห –

๖๘.

‘‘ปิตโร จ เม อาสุํ ปิตามหา จ, สทฺธา อหุํ ทานปตี วทฺู;

ตํ กุลฺลวตฺตํ อนุวตฺตมาโน, มาหํ กุเล อนฺติมคนฺธโน อหุํ;

เอตสฺส วาทสฺส ชิคุจฺฉมาโน, อกามโก ทานมิมํ ททามี’’ติ.

ตตฺถ ‘‘อาสุ’’นฺติ ปทสฺส ‘‘สทฺธา’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ, สทฺธา อเหสุนฺติ อตฺโถ. อหุนฺติ สทฺธา หุตฺวา ตโต อุตฺตริ ทานเชฏฺกา เจว ‘‘เทถ กโรถา’’ติ วุตฺตวจนสฺส อตฺถชานนกา จ อเหสุํ. ตํ กุลฺลวตฺตนฺติ ตํ กุลวตฺตํ, อฏฺกถายํ ปน อยเมว ปาโ. มาหํ กุเล อนฺติมคนฺธโน อหุนฺติ ‘‘อหํ อตฺตโน กุเล สพฺพปจฺฉิมโก เจว กุลปลาโป จ มา อหุ’’นฺติ สลฺลกฺเขตฺวา เอตํ ‘‘กุลอนฺติโม กุลปลาโป’’ติ วาทํ ชิคุจฺฉมาโน ทานํ อนิจฺฉนฺโตปิ อิทํ ทานํ ททามีติ ทีเปติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา มณฺฑพฺโย อตฺตโน ภริยํ ปุจฺฉมาโน อฏฺมํ คาถมาห –

๖๙.

‘‘ทหรึ กุมารึ อสมตฺถปฺํ, ยํ ตานยึ าติกุลา สุคตฺเต;

น จาปิ เม อปฺปิยตํ อเวทิ, อฺตฺร กามา ปริจารยนฺตา;

อถ เกน วณฺเณน มยา เต โภติ, สํวาสธมฺโม อหุ เอวรูโป’’ติ.

ตตฺถ อสมตฺถปฺนฺติ กุฏุมฺพํ วิจาเรตุํ อปฺปฏิพลปฺํ อติตรุณิฺเว สมานํ. ยํ ตานยินฺติ ยํ ตํ อานยึ, อหํ ทหริเมว สมานํ ตํ าติกุลโต อาเนสินฺติ วุตฺตํ โหติ. อฺตฺร กามา ปริจารยนฺตาติ เอตฺตกํ กาลํ วินา กาเมน อนิจฺฉาย มํ ปริจารยนฺตาปิ อตฺตโน อปฺปิยตํ มํ น ชานาเปสิ, สมฺปิยายมานรูปาว ปริจริ. เกน วณฺเณนาติ เกน การเณน. โภตีติ ตํ อาลปติ. เอวรูโปติ อาสีวิสสมานปฏิกูลภาเวน มยา สทฺธึ ตว สํวาสธมฺโม เอวรูโป ปิยสํวาโส วิย กถํ ชาโตติ.

อถสฺส สา กเถนฺตี นวมํ คาถมาห –

๗๐.

‘‘อารา ทูเร นยิธ กทาจิ อตฺถิ, ปรมฺปรา นาม กุเล อิมสฺมึ;

ตํ กุลฺลวตฺตํ อนุวตฺตมานา, มาหํ กุเล อนฺติมคนฺธินี อหุํ;

เอตสฺส วาทสฺส ชิคุจฺฉมานา, อกามิกา ปทฺธจรามฺหิ ตุยฺห’’นฺติ.

ตตฺถ อารา ทูเรติ อฺมฺเววจนํ. อติทูเรติ วา ทสฺเสนฺตี เอวมาห. อิธาติ นิปาตมตฺตํ, น กทาจีติ อตฺโถ. ปรมฺปราติ ปุริสปรมฺปรา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สามิ, อิมสฺมึ อมฺหากํ าติกุเล ทูรโต ปฏฺาย ยาว สตฺตมา กุลปริวฏฺฏา ปุริสปรมฺปรา นาม น กทาจิ อตฺถิ, เอกิตฺถิยาปิ สามิกํ ฉฑฺเฑตฺวา อฺโ ปุริโส คหิตปุพฺโพ นาม นตฺถีติ. ตํ กุลฺลวตฺตนฺติ อหมฺปิ ตํ กุลวตฺตํ กุลปเวณึ อนุวตฺตมานา อตฺตโน กุเล ปจฺฉิมิกา ปลาลภูตา มา อหุนฺติ สลฺลกฺเขตฺวา เอตํ กุลอนฺติมา กุลคนฺธินีติ วาทํ ชิคุจฺฉมานา อกามิกาปิ ตุยฺหํ ปทฺธจรามฺหิ เวยฺยาวจฺจการิกา ปาทปริจาริกา ชาตามฺหีติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา ‘‘มยา สามิกสฺส สนฺติเก อภาสิตปุพฺพํ คุยฺหํ ภาสิตํ, กุชฺเฌยฺยปิ เม อยํ, อมฺหากํ กุลูปกตาปสสฺส สมฺมุเขเยว ขมาเปสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ขมาเปนฺตี ทสมํ คาถมาห –

๗๑.

‘‘มณฺฑพฺย ภาสึ ยมภาสเนยฺยํ, ตํ ขมฺยตํ ปุตฺตกเหตุ มชฺช;

ปุตฺตเปมา น อิธ ปรตฺถิ กิฺจิ, โส โน อยํ ชีวติ ยฺทตฺโต’’ติ.

ตตฺถ ตํ ขมฺยตนฺติ ตํ ขมยตุ. ปุตฺตกเหตุ มชฺชาติ ตํ มม ภาสิตํ อชฺช อิมสฺส ปุตฺตสฺส เหตุ ขมยตุ. โส โน อยนฺติ ยสฺส ปุตฺตสฺส การณา มยา เอตํ ภาสิตํ, โส โน ปุตฺโต ชีวติ, อิมสฺส ชีวิตลาภภาเวน เม ขม สามิ, อชฺชโต ปฏฺาย ตว วสวตฺตินี ภวิสฺสามีติ.

อถ นํ มณฺฑพฺโย ‘‘อุฏฺเหิ ภทฺเท, ขมามิ เต, อิโต ปน ปฏฺาย มา ผรุสจิตฺตา อโหสิ, อหมฺปิ เต อปฺปิยํ น กริสฺสามี’’ติ อาห. โพธิสตฺโต มณฺฑพฺยํ อาห – ‘‘อาวุโส, ตยา ทุสฺสงฺฆรํ ธนํ สงฺฆริตฺวา กมฺมฺจ ผลฺจ อสทฺทหิตฺวา ทานํ ททนฺเตน อยุตฺตํ กตํ, อิโต ปฏฺาย ทานํ สทฺทหิตฺวา เทหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา โพธิสตฺตํ อาห – ‘‘ภนฺเต, ตยา อมฺหากํ ทกฺขิเณยฺยภาเว ตฺวา อนภิรเตน พฺรหฺมจริยํ จรนฺเตน อยุตฺตํ กตํ, อิโต ปฏฺาย อิทานิ ยถา ตยิ กตการา มหปฺผลา โหนฺติ, เอวํ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา สุทฺธจิตฺโต อภิรโต หุตฺวา พฺรหฺมจริยํ จราหี’’ติ. เต มหาสตฺตํ วนฺทิตฺวา อุฏฺาย อคมํสุ. ตโต ปฏฺาย ภริยา สามิเก สสฺเนหา อโหสิ, มณฺฑพฺโย ปสนฺนจิตฺโต สทฺธาย ทานํ อทาสิ. โพธิสตฺโต อนภิรตึ วิโนเทตฺวา ฌานาภิฺํ อุปฺปาเทตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิโต ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ . ตทา มณฺฑพฺโย อานนฺโท อโหสิ, ภริยา วิสาขา, ปุตฺโต ราหุโล, อาณิมณฺฑพฺโย สาริปุตฺโต, กณฺหทีปายโน ปน อหเมว อโหสินฺติ.

กณฺหทีปายนชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๔๔๕] ๗. นิคฺโรธชาตกวณฺณนา

น วาหเมตํ ชานามีติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. เอกทิวสฺหิ ภิกฺขู เตน ‘‘อาวุโส เทวทตฺต, สตฺถา ตว พหูปกาโร, ตฺวฺหิ สตฺถารํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชํ ลภิ อุปสมฺปทํ ลภิ, เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิ, ฌานํ อุปฺปาเทสิ, ลาภสกฺกาโรปิ เต ทสพลสฺเสว สนฺตโก’’ติ ภิกฺขูหิ วุตฺเต ติณสลากํ อุกฺขิปิตฺวา ‘‘เอตฺตกมฺปิ สมเณน โคตเมน มยฺหํ กตํ คุณํ น ปสฺสามี’’ติ วุตฺเต ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ เทวทตฺโต อกตฺู มิตฺตทุพฺภี’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต ราชคเห มคธมหาราชา นาม รชฺชํ กาเรสิ. ตทา ราชคหเสฏฺิ อตฺตโน ปุตฺตสฺส ชนปทเสฏฺิโน ธีตรํ อาเนสิ, สา วฺฌา อโหสิ. อถสฺสา อปรภาเค สกฺกาโร ปริหายิ. ‘‘อมฺหากํ ปุตฺตสฺส เคเห วฺฌิตฺถิยา วสนฺติยา กถํ กุลวํโส วฑฺฒิสฺสตี’’ติ ยถา สา สุณาติ, เอวมฺปิ กถํ สมุฏฺาเปนฺติ. สา ตํ สุตฺวา ‘‘โหตุ คพฺภินิอาลยํ กตฺวา เอเต วฺเจสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา อตฺตโน อตฺถจาริกํ ธาตึ อาห ‘‘อมฺม, คพฺภินิโย นาม กิฺจ กิฺจ กโรนฺตี’’ติ คพฺภินิปริหารํ ปุจฺฉิตฺวา อุตุนิกาเล ปฏิจฺฉาเทตฺวา อมฺพิลาทิรุจิกา หุตฺวา หตฺถปาทานํ อุทฺธุมายนกาเล หตฺถปาทปิฏฺิโย โกฏฺฏาเปตฺวา พหลํ กาเรสิ, ทิวเส ทิวเสปิ ปิโลติกาเวเนน จ อุทรวฑฺฒนํ วฑฺเฒสิ, ถนมุขานิ กาฬานิ กาเรสิ, สรีรกิจฺจํ กโรนฺตีปิ อฺตฺร ตสฺสา ธาติยา อฺเสํ สมฺมุขฏฺาเน น กโรติ. สามิโกปิสฺสา คพฺภปริหารํ อทาสิ. เอวํ นว มาเส วสิตฺวา ‘‘อิทานิ ชนปเท ปิตุ ฆรํ คนฺตฺวา วิชายิสฺสามี’’ติ สสุเร อาปุจฺฉิตฺวา รถมารุหิตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน ราชคหา นิกฺขมิตฺวา มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. ตสฺสา ปน ปุรโต เอโก สตฺโถ คจฺฉติ. สตฺเถน วสิตฺวา คตฏฺานํ เอสา ปาตราสกาเล ปาปุณาติ.

อเถกทิวสํ ตสฺมึ สตฺเถ เอกา ทุคฺคติตฺถี รตฺติยา เอกสฺมึ นิคฺโรธมูเล ปุตฺตํ วิชายิตฺวา ปาโตว สตฺเถ คจฺฉนฺเต ‘‘อหํ วินา สตฺเถน คนฺตุํ น สกฺขิสฺสามิ, สกฺกา โข ปน ชีวนฺติยา ปุตฺตํ ลภิตุ’’นฺติ นิคฺโรธมูลชาเล ชลาพุฺเจว คพฺภมลฺจ อตฺถริตฺวา ปุตฺตํ ฉฏฺเฏตฺวา อคมาสิ. ทารกสฺสปิ เทวตา อารกฺขํ คณฺหึสุ. โส หิ น โย วา โส วา, โพธิสตฺโตเยว. โส ปน ตทา ตาทิสํ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. อิตรา ปาตราสกาเล ตํ านํ ปตฺวา ‘‘สรีรกิจฺจํ กริสฺสามี’’ติ ตาย ธาติยา สทฺธึ นิคฺโรธมูลํ คตา สุวณฺณวณฺณํ ทารกํ ทิสฺวา ‘‘อมฺม, นิปฺผนฺนํ โน กิจฺจ’’นฺติ ปิโลติกาโย อปเนตฺวา อุจฺฉงฺคปเทสํ โลหิเตน จ คพฺภมเลน จ มกฺเขตฺวา อตฺตโน คพฺภวุฏฺานํ อาโรเจสิ. ตาวเทว นํ สาณิยา ปริกฺขิปิตฺวา หฏฺตุฏฺโ สปริชโน ราชคหํ ปณฺณํ เปเสสิ. อถสฺสา สสฺสุสสุรา วิชาตกาลโต ปฏฺาย ‘‘ปิตุ กุเล กึ กริสฺสติ, อิเธว อาคจฺฉตู’’ติ เปสยึสุ. สา ปฏินิวตฺติตฺวา ราชคหเมว ปาวิสิ. ตตฺถ ตํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ทารกสฺส นามํ กโรนฺตา นิคฺโรธมูเล ชาตตฺตา ‘‘นิคฺโรธกุมาโร’’ติ นามํ กรึสุ. ตํ ทิวสฺเว อนุเสฏฺิสุณิสาปิ วิชายนตฺถาย กุลฆรํ คจฺฉนฺตี อนฺตรามคฺเค เอกิสฺสา รุกฺขสาขาย เหฏฺา ปุตฺตํ วิชายิ, ตสฺส ‘‘สาขกุมาโร’’ติ นามํ กรึสุ. ตํ ทิวสฺเว เสฏฺึ นิสฺสาย วสนฺตสฺส ตุนฺนการสฺส ภริยาปิ ปิโลติกนฺตเร ปุตฺตํ วิชายิ, ตสฺส ‘‘โปตฺติโก’’ติ นามํ กรึสุ.

มหาเสฏฺิ อุโภปิ เต ทารเก ‘‘นิคฺโรธกุมารสฺส ชาตทิวสฺเว ชาตา’’ติ อาณาเปตฺวา เตเนว สทฺธึ สํวฑฺเฒสิ. เต เอกโต วฑฺฒิตฺวา วยปฺปตฺตา ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สิปฺปํ อุคฺคณฺหึสุ. อุโภปิ เสฏฺิปุตฺตา อาจริยสฺส ทฺเว สหสฺสานิ อทํสุ. นิคฺโรธกุมาโร โปตฺติกสฺส อตฺตโน สนฺติเก สิปฺปํ ปฏฺเปสิ. เต นิปฺผนฺนสิปฺปา อาจริยํ อาปุจฺฉิตฺวา นิกฺขนฺตา ‘‘ชนปทจาริกํ จริสฺสามา’’ติ อนุปุพฺเพน พาราณสึ ปตฺวา เอกสฺมึ รุกฺขมูเล นิปชฺชึสุ. ตทา พาราณสิรฺโ กาลกตสฺส สตฺตโม ทิวโส, ‘‘สฺเว ผุสฺสรถํ โยเชสฺสามา’’ติ นคเร เภรึ จราเปสุํ. เตสุปิ สหาเยสุ รุกฺขมูเล นิปชฺชิตฺวา นิทฺทายนฺเตสุ โปตฺติโก ปจฺจูสกาเล อุฏฺาย นิคฺโรธกุมารสฺส ปาเท ปริมชฺชนฺโต นิสีทิ. ตสฺมึ รุกฺเข วุตฺถกุกฺกุเฏสุ อุปริกุกฺกุโฏ เหฏฺากุกฺกุฏสฺส สรีเร วจฺจํ ปาเตสิ. อถ นํ โส ‘‘เกเนตํ ปาติต’’นฺติ อาห. ‘‘สมฺม, มา กุชฺฌิ, มยา อชานนฺเตน ปาติต’’นฺติ อาห. ‘‘อเร, ตฺวํ มม สรีรํ อตฺตโน วจฺจฏฺานํ มฺสิ, กึ มม ปมาณํ น ชานาสี’’ติ. อถ นํ อิตโร ‘‘อเร ตฺวํ ‘อชานนฺเตน เม กต’นฺติ วุตฺเตปิ กุชฺฌสิเยว, กึ ปน เต ปมาณ’’นฺติ อาห. ‘‘โย มํ มาเรตฺวา มํสํ ขาทติ, โส ปาโตว สหสฺสํ ลภติ, ตสฺมา อหํ มานํ กโรมี’’ติ. อถ นํ อิตโร ‘‘อเร เอตฺตกมตฺเตน ตฺวํ มานํ กโรสิ, มํ ปน มาเรตฺวา โย ถูลมํสํ ขาทติ, โส ปาโตว ราชา โหติ, โย มชฺฌิมมํสํ ขาทติ, โส เสนาปติ, โย อฏฺินิสฺสิตํ ขาทติ, โส ภณฺฑาคาริโก โหตี’’ติ อาห.

โปตฺติโก เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘กึ โน สหสฺเสน, รชฺชเมว วร’’นฺติ สณิกํ รุกฺขํ อภิรุหิตฺวา อุปริสยิตกุกฺกุฏํ คเหตฺวา มาเรตฺวา องฺคาเร ปจิตฺวา ถูลมํสํ นิคฺโรธสฺส อทาสิ, มชฺฌิมมํสํ สาขสฺส อทาสิ, อฏฺิมํสํ อตฺตนา ขาทิ. ขาทิตฺวา ปน ‘‘สมฺม นิคฺโรธ, ตฺวํ อชฺช ราชา ภวิสฺสสิ, สมฺม สาข, ตฺวํ เสนาปติ ภวิสฺสสิ, อหํ ปน ภณฺฑาคาริโก ภวิสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘กถํ ชานาสี’’ติ ปุฏฺโ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. เต ตโยปิ ชนา ปาตราสเวลาย พาราณสึ ปวิสิตฺวา เอกสฺส พฺราหฺมณสฺส เคเห สปฺปิสกฺกรยุตฺตํ ปายาสํ ภุฺชิตฺวา นครา นิกฺขมิตฺวา อุยฺยานํ ปวิสึสุ. นิคฺโรธกุมาโร สิลาปฏฺเฏ นิปชฺชิ , อิตเร ทฺเว พหิ นิปชฺชึสุ. ตสฺมึ สมเย ปฺจ ราชกกุธภณฺฑานิ อนฺโต เปตฺวา ผุสฺสรถํ วิสฺสชฺเชสุํ. ตตฺถ วิตฺถารกถา มหาชนกชาตเก (ชา. ๒.๒๒.๑๒๓ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. ผุสฺสรโถ อุยฺยานํ คนฺตฺวา นิวตฺติตฺวา อาโรหนสชฺโช หุตฺวา อฏฺาสิ. ปุโรหิโต ‘‘อุยฺยาเน ปุฺวตา สตฺเตน ภวิตพฺพ’’นฺติ อุยฺยานํ ปวิสิตฺวา กุมารํ ทิสฺวา ปาทนฺตโต สาฏกํ อปเนตฺวา ปาเทสุ ลกฺขณานิ อุปธาเรตฺวา ‘‘ติฏฺตุ พาราณสิยํ รชฺชํ, สกลชมฺพุทีปสฺส อธิปติราชา ภวิตุํ ยุตฺโต’’ติ สพฺพตาลาวจเร ปคฺคณฺหาเปสิ. นิคฺโรธกุมาโร ปพุชฺฌิตฺวา มุขโต สาฏกํ อปเนตฺวา มหาชนํ โอโลเกตฺวา ปริวตฺติตฺวา นิปนฺโน โถกํ วีตินาเมตฺวา สิลาปฏฺเฏ ปลฺลงฺเกน นิสีทิ. อถ นํ ปุโรหิโต ชณฺณุนา ปติฏฺาย ‘‘รชฺชํ เต เทว ปาปุณาตี’’ติ วตฺวา ‘‘‘สาธู’’ติ วุตฺเต ตตฺเถว รตนราสิมฺหิ เปตฺวา อภิสิฺจิ. โส รชฺชํ ปตฺวา สาขสฺส เสนาปติฏฺานํ ทตฺวา มหนฺเตน สกฺกาเรน นครํ ปาวิสิ, โปตฺติโกปิ เตหิ สทฺธิฺเว อคมาสิ. ตโต ปฏฺาย มหาสตฺโต พาราณสิยํ ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ.

โส เอกทิวสํ มาตาปิตูนํ สริตฺวา สาขํ อาห – ‘‘สมฺม, น สกฺกา มาตาปิตูหิ วินา วตฺติตุํ, มหนฺเตน ปริวาเรน คนฺตฺวา มาตาปิตโร โน อาเนหี’’ติ. สาโข ‘‘น เม ตตฺถ คมนกมฺมํ อตฺถี’’ติ ปฏิกฺขิปิ. ตโต โปตฺติกํ อาณาเปสิ. โส ‘‘สาธู’’ติ ตตฺถ คนฺตฺวา นิคฺโรธสฺส มาตาปิตโร ‘‘ปุตฺโต โว รชฺเช ปติฏฺิโต, เอถ คจฺฉามา’’ติ อาห. เต ‘‘อตฺถิ โน ตาว วิภวมตฺตํ, อลํ ตตฺถ คมเนนา’’ติ ปฏิกฺขิปึสุ. สาขสฺสปิ มาตาปิตโร อโวจ, เตปิ น อิจฺฉึสุ. อตฺตโน มาตาปิตโร อโวจ, ‘‘มยํ ตาต ตุนฺนการกมฺเมน ชีวิสฺสาม อล’’นฺติ ปฏิกฺขิปึสุ. โส เตสํ มนํ อลภิตฺวา พาราณสิเมว ปจฺจาคนฺตฺวา ‘‘เสนาปติสฺส ฆเร มคฺคกิลมถํ วิโนเทตฺวา ปจฺฉา นิคฺโรธสหายํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ตสฺส นิเวสนทฺวารํ คนฺตฺวา ‘‘สหาโย กิร เต โปตฺติโก นาม อาคโตติ เสนาปติสฺส อาโรเจหี’’ติ โทวาริกํ อาห, โส ตถา อกาสิ. สาโข ปน ‘‘อยํ มยฺหํ รชฺชํ อทตฺวา สหายนิคฺโรธสฺส อทาสี’’ติ ตสฺมึ เวรํ พนฺธิ. โส ตํ กถํ สุตฺวาว กุทฺโธ อาคนฺตฺวา ‘‘โก อิมสฺส สหาโย อุมฺมตฺตโก ทาสิปุตฺโต, คณฺหถ น’’นฺติ วตฺวา หตฺถปาทชณฺณุกปฺปเรหิ โกฏฺฏาเปตฺวา คีวายํ คาหาเปตฺวา นีหราเปสิ.

โส จินฺเตสิ ‘‘สาโข มม สนฺติกา เสนาปติฏฺานํ ลภิตฺวา อกตฺู มิตฺตทุพฺภี, มํ โกฏฺฏาเปตฺวา นีหราเปสิ, นิคฺโรโธ ปน ปณฺฑิโต กตฺู สปฺปุริโส, ตสฺเสว สนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติ. โส ราชทฺวารํ คนฺตฺวา ‘‘เทว, โปตฺติโก กิร นาม เต สหาโย ทฺวาเร ิโต’’ติ รฺโ อาโรจาเปสิ. ราชา ปกฺโกสาเปตฺวา ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา อาสนา วุฏฺาย ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา มสฺสุกมฺมาทีนิ การาเปตฺวา สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิเตน ปริภุตฺตนานคฺครสโภชเนน เตน สทฺธึ สุขนิสินฺโน มาตาปิตูนํ ปวตฺตึ ปุจฺฉิตฺวา อนาคมนภาวํ สุณิ. สาโขปิ ‘‘โปตฺติโก มํ รฺโ สนฺติเก ปริภินฺเทยฺย , มยิ ปน คเต กิฺจิ วตฺตุํ น สกฺขิสฺสตี’’ติ ตตฺเถว อคมาสิ. โปตฺติโก ตสฺส สนฺติเกเยว ราชานํ อามนฺเตตฺวา ‘‘เทว, อหํ มคฺคกิลนฺโต ‘สาขสฺส เคหํ คนฺตฺวา วิสฺสมิตฺวา อิธาคมิสฺสามี’ติ อคมึ. อถ มํ สาโข ‘นาหํ ตํ ชานามี’ติ วตฺวา โกฏฺฏาเปตฺวา คีวายํ คาหาเปตฺวา นีหราเปสีติ สทฺทเหยฺยาสิ ตฺวํ เอต’’นฺติ วตฺวา ติสฺโส คาถา อภาสิ –

๗๒.

‘‘น วาหเมตํ ชานามิ, โก วายํ กสฺส วาติ วา;

ยถา สาโข วทิ เอว, นิคฺโรธ กินฺติ มฺสิ.

๗๓.

‘‘ตโต คลวินีเตน, ปุริสา นีหรึสุ มํ;

ทตฺวา มุขปหารานิ, สาขสฺส วจนํกรา.

๗๔.

‘‘เอตาทิสํ ทุมฺมตินา, อกตฺุน ทุพฺภินา;

กตํ อนริยํ สาเขน, สขินา เต ชนาธิปา’’ติ.

ตตฺถ กินฺติ มฺสีติ ยถา มํ สาโข อจริ, กึ ตฺวมฺปิ เอวเมว มฺสิ, อุทาหุ อฺถา มฺสิ, มํ สาโข เอวํ วเทยฺยาติ สทฺทหสิ, ตํ น สทฺทหสีติ อธิปฺปาโย. คลวินีเตนาติ คลคฺคาเหน. ทุพฺภินาติ มิตฺตทุพฺภินา.

ตํ สุตฺวา นิคฺโรโธ จตสฺโส คาถา อภาสิ –

๗๕.

‘‘น วาหเมตํ ชานามิ, นปิ เม โกจิ สํสติ;

ยํ เม ตฺวํ สมฺม อกฺขาสิ, สาเขน การณํ กตํ.

๗๖.

‘‘สขีนํ สาชีวกโร, มม สาขสฺส จูภยํ;

ตฺวํ โนสิสฺสริยํ ทาตา, มนุสฺเสสุ มหนฺตตํ;

ตยามา ลพฺภิตา อิทฺธี, เอตฺถ เม นตฺถิ สํสโย.

๗๗.

‘‘ยถาปิ พีชมคฺคิมฺหิ, ฑยฺหติ น วิรูหติ;

เอวํ กตํ อสปฺปุริเส, นสฺสติ น วิรูหติ.

๗๘.

‘‘กตฺุมฺหิ จ โปสมฺหิ, สีลวนฺเต อริยวุตฺติเน;

สุเขตฺเต วิย พีชานิ, กตํ ตมฺหิ น นสฺสตี’’ติ.

ตตฺถ สํสตีติ อาจิกฺขติ. การณํ กตนฺติ อากฑฺฒนวิกฑฺฒนโปถนโกฏฺฏนสงฺขาตํ การณํ กตนฺติ อตฺโถ. สขีนํ สาชีวกโรติ สมฺม, โปตฺติก ตฺวํ สหายกานํ สุอาชีวกโร ชีวิกาย อุปฺปาเทตา. มม สาขสฺส จูภยนฺติ มยฺหฺจ สาขสฺส จ อุภินฺนมฺปิ สขีนนฺติ อตฺโถ. ตฺวํ โนสิสฺสริยนฺติ ตฺวํ โน อสิ อิสฺสริยํ ทาตา, ตว สนฺติกา อิมา สมฺปตฺตี อมฺเหหิ ลทฺธา. มหนฺตตนฺติ มหนฺตภาวํ.

เอวฺจ ปน วตฺวา เอตฺตกํ กเถนฺเต นิคฺโรเธ สาโข ตตฺเถว อฏฺาสิ. อถ นํ ราชา ‘‘สาข อิมํ โปตฺติกํ สฺชานาสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส ตุณฺหี อโหสิ. อถสฺส ราชา ทณฺฑํ อาณาเปนฺโต อฏฺมํ คาถมาห –

๗๙.

‘‘อิมํ ชมฺมํ เนกติกํ, อสปฺปุริสจินฺตกํ;

หนนฺตุ สาขํ สตฺตีหิ, นาสฺส อิจฺฉามิ ชีวิต’’นฺติ.

ตตฺถ ชมฺมนฺติ ลามกํ. เนกติกนฺติ วฺจกํ.

ตํ สุตฺวา โปตฺติโก ‘‘มา เอส พาโล มํ นิสฺสาย นสฺสตู’’ติ จินฺเตตฺวา นวมํ คาถมาห –

๘๐.

‘‘ขมตสฺส มหาราช, ปาณา น ปฏิอานยา;

ขม เทว อสปฺปุริสสฺส, นาสฺส อิจฺฉามหํ วธ’’นฺติ.

ตตฺถ ขมตสฺสาติ ขมตํ อสฺส, เอตสฺส อสปฺปุริสสฺส ขมถาติ อตฺโถ. น ปฏิอานยาติ มตสฺส นาม ปาณา ปฏิอาเนตุํ น สกฺกา.

ราชา ตสฺส วจนํ สุตฺวา สาขสฺส ขมิ, เสนาปติฏฺานมฺปิ โปตฺติกสฺเสว ทาตุกาโม อโหสิ , โส ปน น อิจฺฉิ. อถสฺส สพฺพเสนานีนํ วิจารณารหํ ภณฺฑาคาริกฏฺานํ นาม อทาสิ. ปุพฺเพ กิเรตํ านนฺตรํ นาโหสิ, ตโต ปฏฺาย ชาตํ. อปรภาเค โปตฺติโก ภณฺฑาคาริโก ปุตฺตธีตาหิ วฑฺฒมาโน อตฺตโน ปุตฺตธีตานํ โอวาทวเสน โอสานคาถมาห –

๘๑.

‘‘นิคฺโรธเมว เสเวยฺย, น สาขมุปสํวเส;

นิคฺโรธสฺมึ มตํ เสยฺโย, ยฺเจ สาขสฺมิ ชีวิต’’นฺติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว, เทวทตฺโต ปุพฺเพปิ อกตฺูเยวา’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สาโข เทวทตฺโต อโหสิ, โปตฺติโก อานนฺโท, นิคฺโรโธ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

นิคฺโรธชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๔๔๖] ๘. ตกฺกลชาตกวณฺณนา

น ตกฺกลา สนฺติ น อาลุวานีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ ปิตุโปสกํ อุปาสกํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร ทลิทฺทกุเล ปจฺจาชาโต มาตริ กาลกตาย ปาโตว อุฏฺาย ทนฺตกฏฺมุโขทกทานาทีนิ กโรนฺโต ภตึ วา กสึ วา กตฺวา ลทฺธวิภวานุรูเปน ยาคุภตฺตาทีนิ สมฺปาเทตฺวา ปิตรํ โปเสสิ. อถ นํ ปิตา อาห – ‘‘ตาต, ตฺวํ เอกโกว อนฺโต จ พหิ จ กตฺตพฺพํ กโรสิ, เอกํ เต กุลทาริกํ อาเนสฺสามิ, สา เต เคเห กตฺตพฺพํ กริสฺสตี’’ติ. ‘‘ตาต, อิตฺถิโย นาม ฆรํ อาคตา เนว มยฺหํ, น ตุมฺหากํ จิตฺตสุขํ กริสฺสนฺติ, มา เอวรูปํ จินฺตยิตฺถ, อหํ ยาวชีวํ ตุมฺเห โปเสตฺวา ตุมฺหากํ อจฺจเยน ชานิสฺสามี’’ติ. อถสฺส ปิตา อนิจฺฉมานสฺเสว เอกํ กุมาริกํ อาเนสิ. สา สสุรสฺส จ สามิกสฺส จ อุปการิกา อโหสิ นีจวุตฺติ. สามิโกปิสฺสา ‘‘มม ปิตุ อุปการิกา’’ติ ตุสฺสิตฺวา ลทฺธํ ลทฺธํ มนาปํ อาหริตฺวา เทติ, สาปิ ตํ สสุรสฺเสว อุปนาเมสิ. สา อปรภาเค จินฺเตสิ ‘‘มยฺหํ สามิโก ลทฺธํ ลทฺธํ ปิตุ อทตฺวา มยฺหเมว เทติ, อทฺธา ปิตริ นิสฺเนโห ชาโต, อิมํ มหลฺลกํ เอเกนุปาเยน มม สามิกสฺส ปฏิกฺกูลํ กตฺวา เคหา นิกฺกฑฺฒาเปสฺสามี’’ติ.

สา ตโต ปฏฺาย อุทกํ อติสีตํ วา อจฺจุณฺหํ วา, อาหารํ อติโลณํ วา อโลณํ วา , ภตฺตํ อุตฺตณฺฑุลํ วา อติกิลินฺนํ วาติ เอวมาทีนิ ตสฺส โกธุปฺปตฺติการณานิ กตฺวา ตสฺมึ กุชฺฌนฺเต ‘‘โก อิมํ มหลฺลกํ อุปฏฺาตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ ผรุสานิ วตฺวา กลหํ วฑฺเฒสิ. ตตฺถ ตตฺถ เขฬปิณฺฑาทีนิ ฉฑฺเฑตฺวาปิ สามิกํ อุชฺฌาเปสิ ‘‘ปสฺส ปิตุ กมฺมํ, ‘อิทฺจิทฺจ มา กรี’ติ วุตฺเต กุชฺฌติ, อิมสฺมึ เคเห ปิตรํ วา วสาเปหิ มํ วา’’ติ. อถ นํ โส ‘‘ภทฺเท, ตฺวํ ทหรา ยตฺถ กตฺถจิ ชีวิตุํ สกฺขิสฺสสิ, มยฺหํ ปิตา มหลฺลโก, ตฺวํ ตสฺส อสหนฺตี อิมมฺหา เคหา นิกฺขมา’’ติ อาห. สา ภีตา ‘‘อิโต ปฏฺาย เอวํ น กริสฺสามี’’ติ สสุรสฺส ปาเทสุ ปติตฺวา ขมาเปตฺวา ปกตินิยาเมเนว ปฏิชคฺคิตุํ อารภิ. อถ โส อุปาสโก ปุริมทิวเสสุ ตาย อุพฺพาฬฺโห สตฺถุ สนฺติกํ ธมฺมสฺสวนาย อคนฺตฺวา ตสฺสา ปกติยา ปติฏฺิตกาเล อคมาสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กึ, อุปาสก, สตฺตฏฺ ทิวสานิ ธมฺมสฺสวนาย นาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส ตํ การณํ กเถสิ. สตฺถา ‘‘อิทานิ ตาว ตสฺสา กถํ อคฺคเหตฺวา ปิตรํ น นีหราเปสิ, ปุพฺเพ ปน เอติสฺสา กถํ คเหตฺวา ปิตรํ อามกสุสานํ เนตฺวา อาวาฏํ ขณิตฺวา ตตฺถ นํ ปกฺขิปิตฺวา มารณกาเล อหํ สตฺตวสฺสิโก หุตฺวา มาตาปิตูนํ คุณํ กเถตฺวา ปิตุฆาตกกมฺมา นิวาเรสึ, ตทา ตฺวํ มม กถํ สุตฺวา ตว ปิตรํ ยาวชีวํ ปฏิชคฺคิตฺวา สคฺคปรายโณ ชาโต, สฺวายํ มยา ทินฺโน โอวาโท ภวนฺตรคตมฺปิ น วิชหติ, อิมินา การเณน ตสฺสา กถํ อคฺคเหตฺวา อิทานิ ตยา ปิตา น นีหโฏ’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต อฺตรสฺมึ กาสิคาเม เอกสฺส กุลสฺส ฆเร เอกปุตฺตโก อโหสิ นาเมน สวิฏฺโก นาม. โส มาตาปิตโร ปฏิชคฺคนฺโต อปรภาเค มาตริ กาลกตาย ปิตรํ โปเสสีติ สพฺพํ วตฺถุ ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุนิยาเมเนว กเถตพฺพํ. อยํ ปเนตฺถ วิเสโส. ตทา สา อิตฺถี ‘‘ปสฺส ปิตุ กมฺมํ, ‘อิทฺจิทฺจ มา กรี’ติ วุตฺเต กุชฺฌตี’’ติ วตฺวา ‘‘สามิ, ปิตา เต จณฺโฑ ผรุโส นิจฺจํ กลหํ กโรติ, ชราชิณฺโณ พฺยาธิปีฬิโต น จิรสฺเสว มริสฺสติ, อหฺจ เอเตน สทฺธึ เอกเคเห วสิตุํ น สกฺโกมิ, สยมฺเปส กติปาเหน มริสฺสติเยว, ตฺวํ เอตํ อามกสุสานํ เนตฺวา อาวาฏํ ขณิตฺวา ตตฺถ นํ ปกฺขิปิตฺวา กุทฺทาเลน สีสํ ฉินฺทิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา อุปริ ปํสุนา ฉาเทตฺวา อาคจฺฉาหี’’ติ อาห. โส ตาย ปุนปฺปุนํ วุจฺจมาโน ‘‘ภทฺเท, ปุริสมารณํ นาม ภาริยํ, กถํ นํ มาเรสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘อหํ เต อุปายํ อาจิกฺขิสฺสามี’’ติ. ‘‘อาจิกฺข ตาวา’’ติ. ‘‘สามิ, ตฺวํ ปจฺจูสกาเล ปิตุ นิสินฺนฏฺานํ คนฺตฺวา ยถา สพฺเพ สุณนฺติ, เอวํ มหาสทฺทํ กตฺวา ‘ตาต, อสุกคาเม ตุมฺหากํ อุทฺธารณโก อตฺถิ, มยิ คเต น เทติ, ตุมฺหากํ อจฺจเยน น ทสฺสเตว, สฺเว ยานเก นิสีทิตฺวา ปาโตว คจฺฉิสฺสามา’ติ วตฺวา เตน วุตฺตเวลายเมว อุฏฺาย ยานกํ โยเชตฺวา ตตฺถ นิสีทาเปตฺวา อามกสุสานํ เนตฺวา อาวาฏํ ขณิตฺวา โจเรหิ อจฺฉินฺนสทฺทํ กตฺวา มาเรตฺวา อาวาเฏ ปกฺขิปิตฺวา สีสํ ฉินฺทิตฺวา นฺหายิตฺวา อาคจฺฉา’’ติ.

สวิฏฺโก ‘‘อตฺเถส อุปาโย’’ติ ตสฺสา วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ยานกํ คมนสชฺชํ อกาสิ. ตสฺส ปเนโก สตฺตวสฺสิโก ปุตฺโต อตฺถิ ปณฺฑิโต พฺยตฺโต. โส มาตุ วจนํ สุตฺวา ‘‘มยฺหํ มาตา ปาปธมฺมา ปิตรํ เม ปิตุฆาตกมฺมํ กาเรติ, อหํ อิมสฺส ปิตุฆาตกมฺมํ กาตุํ น ทสฺสามี’’ติ สณิกํ คนฺตฺวา อยฺยเกน สทฺธึ นิปชฺชิ. สวิฏฺโกปิ อิตราย วุตฺตเวลาย ยานกํ โยเชตฺวา ‘‘เอหิ, ตาต, อุทฺธารํ โสเธสฺสามา’’ติ ปิตรํ ยานเก นิสีทาเปสิ. กุมาโรปิ ปมตรํ ยานกํ อภิรุหิ. สวิฏฺโก ตํ นิวาเรตุํ อสกฺโกนฺโต เตเนว สทฺธึ อามกสุสานํ คนฺตฺวา ปิตรฺจ กุมารเกน สทฺธึ เอกมนฺเต เปตฺวา สยํ โอตริตฺวา กุทฺทาลปิฏกํ อาทาย เอกสฺมึ ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน จตุรสฺสาวาฏํ ขณิตุํ อารภิ. กุมารโก โอตริตฺวา ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อชานนฺโต วิย กถํ สมุฏฺาเปตฺวา ปมํ คาถมาห –

๘๒.

‘‘น ตกฺกลา สนฺติ น อาลุวานิ, น พิฬาลิโย น กฬมฺพานิ ตาต;

เอโก อรฺมฺหิ สุสานมชฺเฌ, กิมตฺถิโก ตาต ขณาสิ กาสุ’’นฺติ.

ตตฺถ น ตกฺกลา สนฺตีติ ปิณฺฑาลุกนฺทา น สนฺติ. อาลุวานีติ อาลุวกนฺทา. พิฬาลิโยติ พิฬาริวลฺลิกนฺทา. กฬมฺพานีติ ตาลกนฺทา.

อถสฺส ปิตา ทุติยํ คาถมาห –

๘๓.

‘‘ปิตามโห ตาต สุทุพฺพโล เต, อเนกพฺยาธีหิ ทุเขน ผุฏฺโ;

ตมชฺชหํ นิขณิสฺสามิ โสพฺเภ, น หิสฺส ตํ ชีวิตํ โรจยามี’’ติ.

ตตฺถ อเนกพฺยาธีหีติ อเนเกหิ พฺยาธีหิ อุปฺปนฺเนน ทุกฺเขน ผุฏฺโ. น หิสฺส ตนฺติ อหฺหิ ตสฺส ตว ปิตามหสฺส ตํ ทุชฺชีวิตํ น อิจฺฉามิ, ‘‘เอวรูปา ชีวิตา มรณเมวสฺส วร’’นฺติ มฺมาโน ตํ โสพฺเภ นิขณิสฺสามีติ.

ตํ สุตฺวา กุมาโร อุปฑฺฒํ คาถมาห –

๘๔.

‘‘สงฺกปฺปเมตํ ปฏิลทฺธ ปาปกํ, อจฺจาหิตํ กมฺม กโรสิ ลุทฺท’’นฺติ.

ตสฺสตฺโถ – ตาต, ตฺวํ ‘‘ปีตรํ ทุกฺขา ปโมเจสฺสามี’’ติ มรณทุกฺเขน โยเชนฺโต เอตํ ปาปกํ สงฺกปฺปํ ปฏิลทฺธา ตสฺส จ สงฺกปฺปวเสน หิตํ อติกฺกมฺม ิตตฺตา อจฺจาหิตํ กมฺมํ กโรสิ ลุทฺทนฺติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา กุมาโร ปิตุ หตฺถโต กุทฺทาลํ คเหตฺวา อวิทูเร อฺตรํ อาวาฏํ ขณิตุํ อารภิ. อถ นํ ปิตา อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กสฺมา, ตาต, อาวาฏํ ขณสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส ตสฺส กเถนฺโต ตติยํ คาถมาห –

‘‘มยาปิ ตาต ปฏิลจฺฉเส ตุวํ, เอตาทิสํ กมฺม ชรูปนีโต;

ตํ กุลฺลวตฺตํ อนุวตฺตมาโน, อหมฺปิ ตํ นิขณิสฺสามิ โสพฺเภ’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ตาต, อหมฺปิ เอตสฺมึ โสพฺเภ ตํ มหลฺลกกาเล นิขณิสฺสามิ, อิติ โข ตาต, มยาปิ กเต อิมสฺมึ โสพฺเภ ตุวํ ชรูปนีโต เอตาทิสํ กมฺมํ ปฏิลจฺฉเส, ยํ เอตํ ตยา ปวตฺติตํ กุลวตฺตํ, ตํ อนุวตฺตมาโน วยปฺปตฺโต ภริยาย สทฺธึ วสนฺโต อหมฺปิ ตํ นิขณิสฺสามิ โสพฺเภติ.

อถสฺส ปิตา จตุตฺถํ คาถมาห –

๘๕.

‘‘ผรุสาหิ วาจาหิ ปกุพฺพมาโน, อาสชฺช มํ ตฺวํ วทเส กุมาร;

ปุตฺโต มมํ โอรสโก สมาโน, อหีตานุกมฺปี มม ตฺวํสิ ปุตฺตา’’ติ.

ตตฺถ ปกุพฺพมาโนติ อภิภวนฺโต. อาสชฺชาติ ฆฏฺเฏตฺวา.

เอวํ วุตฺเต ปณฺฑิตกุมารโก เอกํ ปฏิวจนคาถํ, ทฺเว อุทานคาถาติ ติสฺโส คาถา อภาสิ –

๘๖.

‘‘น ตาหํ ตาต อหิตานุกมฺปี, หิตานุกมฺปี เต อหมฺปิ ตาต;

ปาปฺจ ตํ กมฺม ปกุพฺพมานํ, อรหามิ โน วารยิตุํ ตโต.

๘๗.

‘‘โย มาตรํ วา ปิตรํ สวิฏฺ, อทูสเก หึสติ ปาปธมฺโม;

กายสฺส เภทา อภิสมฺปรายํ, อสํสยํ โส นิรยํ อุเปติ.

๘๘.

‘‘โย มาตรํ วา ปิตรํ สวิฏฺ, อนฺเนน ปาเนน อุปฏฺหาติ;

กายสฺส เภทา อภิสมฺปรายํ, อสํสยํ โส สุคตึ อุเปตี’’ติ. –

อิมํ ปน ปุตฺตสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา ปิตา อฏฺมํ คาถมาห –

๘๙.

‘‘น เม ตฺวํ ปุตฺต อหิตานุกมฺปี, หิตานุกมฺปี เม ตฺวํสิ ปุตฺต;

อหฺจ ตํ มาตรา วุจฺจมาโน, เอตาทิสํ กมฺม กโรมิ ลุทฺท’’นฺติ.

ตตฺถ อหฺจ ตํ มาตราติ อหฺจ เต มาตรา, อยเมว วา ปาโ.

ตํ สุตฺวา กุมาโร ‘‘ตาต, อิตฺถิโย นาม อุปฺปนฺเน โทเส อนิคฺคยฺหมานา ปุนปฺปุนํ ปาปํ กโรนฺติ, มม มาตา ยถา ปุน เอวรูปํ น กโรติ, ตถา นํ ปณาเมตุํ วฏฺฏตี’’ติ นวมํ คาถมาห –

๙๐.

‘‘ยา เต สา ภริยา อนริยรูปา, มาตา มเมสา สกิยา ชเนตฺติ;

นิทฺธาปเย ตฺจ สกา อคารา, อฺมฺปิ เต สา ทุขมาวเหยฺยา’’ติ.

สวิฏฺโก ปณฺฑิตปุตฺตสฺส กถํ สุตฺวา โสมนสฺสชาโต หุตฺวา ‘‘คจฺฉาม, ตาตา’’ติ สทฺธึ ปุตฺเตน จ ปิตรา จ ยานเก นิสีทิตฺวา ปายาสิ. สาปิ โข อนาจารา ‘‘นิกฺขนฺตา โน เคหา กาฬกณฺณี’’ติ หฏฺตุฏฺา อลฺลโคมเยน เคหํ อุปลิมฺเปตฺวา ปายาสํ ปจิตฺวา อาคมนมคฺคํ โอโลเกนฺตี เต อาคจฺฉนฺเต ทิสฺวา ‘‘นิกฺขนฺตํ กาฬกณฺณึ ปุน คเหตฺวา อาคโต’’ติ กุชฺฌิตฺวา ‘‘อเร นิกติก, นิกฺขนฺตํ กาฬกณฺณึ ปุน อาทาย อาคโตสี’’ติ ปริภาสิ. สวิฏฺโก กิฺจิ อวตฺวา ยานกํ โมเจตฺวา ‘‘อนาจาเร กึ วเทสี’’ติ ตํ สุโกฏฺฏิตํ โกฏฺเฏตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย มา อิมํ เคหํ ปาวิสี’’ติ ปาเท คเหตฺวา นิกฺกฑฺฒิ. ตโต ปิตรฺจ ปุตฺตฺจ นฺหาเปตฺวา สยมฺปิ นฺหายิตฺวา ตโยปิ ปายาสํ ปริภุฺชึสุ. สาปิ ปาปธมฺมา กติปาหํ อฺสฺมึ เคเห วสิ. ตสฺมึ กาเล ปุตฺโต ปิตรํ อาห – ‘‘ตาต, มม มาตา เอตฺตเกน น พุชฺฌติ, ตุมฺเห มม มาตุ มงฺกุภาวกรณตฺถํ ‘อสุกคามเก มม มาตุลธีตา อตฺถิ , สา มยฺหํ ปิตรฺจ ปุตฺตฺจ มฺจ ปฏิชคฺคิสฺสติ, ตํ อาเนสฺสามี’ติ วตฺวา มาลาคนฺธาทีนิ อาทาย ยานเกน นิกฺขมิตฺวา เขตฺตํ อนุวิจริตฺวา สายํ อาคจฺฉถา’’ติ. โส ตถา อกาสิ.

ปฏิวิสฺสกกุเล อิตฺถิโย ‘‘สามิโก กิร เต อฺํ ภริยํ อาเนตุํ อสุกคามํ นาม คโต’’ติ ตสฺสา อาจิกฺขึสุ. สา ‘‘ทานิมฺหิ นฏฺา, นตฺถิ เม ปุน โอกาโส’’ติ ภีตา ตสิตา หุตฺวา ‘‘ปุตฺตเมว ยาจิสฺสามี’’ติ ปณฺฑิตปุตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตสฺส ปาเทสุ ปติตฺวา ‘‘ตาต, ตํ เปตฺวา อฺโ มม ปฏิสรณํ นตฺถิ, อิโต ปฏฺาย ตว ปิตรฺจ ปิตามหฺจ อลงฺกตเจติยํ วิย ปฏิชคฺคิสฺสามิ, ปุน มยฺหํ อิมสฺมึ ฆเร ปเวสนํ กโรหี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธุ, อมฺม, สเจ ปุน เอวรูปํ น กริสฺสถ, กริสฺสามิ, อปฺปมตฺตา โหถา’’ติ วตฺวา ปิตุ อาคตกาเล ทสมํ คาถมาห –

๙๑.

‘‘ยา เต สา ภริยา อนริยรูปา, มาตา มเมสา สกิยา ชเนตฺติ;

ทนฺตา กเรณูว วสูปนีตา, สา ปาปธมฺมา ปุนราวชาตู’’ติ.

ตตฺถ กเรณูวาติ ตาต, อิทานิ สา อาเนฺชการณํ การิกา หตฺถินี วิย ทนฺตา วสํ อุปนีตา นิพฺพิเสวนา ชาตา. ปุนราคชาตูติ ปุน อิมํ เคหํ อาคจฺฉตูติ.

เอวํ โส ปิตุ ธมฺมํ กเถตฺวา คนฺตฺวา มาตรํ อาเนสิ. สา สามิกฺจ สสุรฺจ ขมาเปตฺวา ตโต ปฏฺาย ทนฺตา ธมฺเมน สมนฺนาคตา หุตฺวา สามิกฺจ สสุรฺจ ปุตฺตฺจ ปฏิชคฺคิ. อุโภปิ จ ปุตฺตสฺส โอวาเท ตฺวา ทานาทีนิ ปุฺานิ กริตฺวา สคฺคปรายณา อเหสุํ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน ปิตุโปสโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา ปิตา จ ปุตฺโต จ สุณิสา จ เตเยว อเหสุํ, ปณฺฑิตกุมาโร ปน อหเมว อโหสินฺติ.

ตกฺกลชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๔๔๗] ๙. มหาธมฺมปาลชาตกวณฺณนา

กึเต วตนฺติ อิทํ สตฺถา ปมคมเนน กปิลปุรํ คนฺตฺวา นิคฺโรธาราเม วิหรนฺโต ปิตุ นิเวสเน รฺโ อสทฺทหนํ อารพฺภ กเถสิ. ตทา หิ สุทฺโธทนมหาราชา วีสติสหสฺสภิกฺขุปริวารสฺส ภควโต อตฺตโน นิเวสเน ยาคุขชฺชกํ ทตฺวา อนฺตราภตฺเต สมฺโมทนียํ กถํ กเถนฺโต ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ ปธานกาเล เทวตา อาคนฺตฺวา อากาเส ตฺวา ‘ปุตฺโต เต สิทฺธตฺถกุมาโร อปฺปาหารตาย มโต’ติ มยฺหํ อาโรเจสุ’’นฺติ อาห. สตฺถารา จ ‘‘สทฺทหิ, มหาราชา’’ติ วุตฺเต ‘‘น สทฺทหึ, ภนฺเต, อากาเส ตฺวา กเถนฺติโยปิ เทวตา, ‘มม ปุตฺตสฺส โพธิตเล พุทฺธตฺตํ อปฺปตฺวา ปรินิพฺพานํ นาม นตฺถี’ติ ปฏิกฺขิปิ’’นฺติ อาห. ‘‘มหาราช, ปุพฺเพปิ ตฺวํ มหาธมฺมปาลกาเลปิ ‘ปุตฺโต เต มโต อิมานิสฺส อฏฺีนี’ติ ทสฺเสตฺวา วทนฺตสฺสปิ ทิสาปาโมกฺขาจริยสฺส ‘อมฺหากํ กุเล ตรุณกาเล กาลกิริยา นาม นตฺถี’ติ น สทฺทหิ, อิทานิ ปน กสฺมา สทฺทหิสฺสสี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต กาสิรฏฺเ ธมฺมปาลคาโม นาม อโหสิ. โส ธมฺมปาลกุลสฺส วสนตาย เอตํ นามํ ลภิ. ตตฺถ ทสนฺนํ กุสลกมฺมปถานํ ปาลนโต ‘‘ธมฺมปาโล’’ตฺเวว ปฺาโต พฺราหฺมโณ ปฏิวสติ, ตสฺส กุเล อนฺตมโส ทาสกมฺมกราปิ ทานํ เทนฺติ, สีลํ รกฺขนฺติ, อุโปสถกมฺมํ กโรนฺติ. ตทา โพธิสตฺโต ตสฺมึ กุเล นิพฺพตฺติ, ‘‘ธมฺมปาลกุมาโร’’ตฺเววสฺส นามํ กรึสุ. อถ นํ วยปฺปตฺตํ ปิตา สหสฺสํ ทตฺวา สิปฺปุคฺคหณตฺถาย ตกฺกสิลํ เปเสสิ. โส ตตฺถ คนฺตฺวา ทิสาปาโมกฺขาจริยสฺส สนฺติเก สิปฺปํ อุคฺคณฺหิ, ปฺจนฺนํ มาณวกสตานํ เชฏฺนฺเตวาสิโก อโหสิ. ตทา อาจริยสฺส เชฏฺปุตฺโต กาลมกาสิ. อาจริโย มาณวกปริวุโต าติคเณน สทฺธึ โรทนฺโต กนฺทนฺโต สุสาเน ตสฺส สรีรกิจฺจํ กาเรติ. ตตฺถ อาจริโย จ าติวคฺโค จสฺส อนฺเตวาสิกา จ โรทนฺติ ปริเทวนฺติ, ธมฺมปาโลเยเวโก น โรทติ น ปริเทวติ. อปิจ โข ปน เตสุ ปฺจสเตสุ มาณเวสุ สุสานา อาคมฺม อาจริยสฺส สนฺติเก นิสีทิตฺวา ‘‘อโห เอวรูโป นาม อาจารสมฺปนฺโน ตรุณมาณโว ตรุณกาเลเยว มาตาปิตูหิ วิปฺปยุตฺโต มรณปฺปตฺโต’’ติ วทนฺเตสุ ‘‘สมฺมา, ตุมฺเห ‘ตรุโณ’ติ ภณถ, อถ กสฺมา ตรุณกาเลเยว มรติ, นนุ อยุตฺตํ ตรุณกาเล มริตุ’’นฺติ อาห.

อถ นํ เต อาหํสุ ‘‘กึ ปน สมฺม, ตฺวํ อิเมสํ สตฺตานํ มรณภาวํ น ชานาสี’’ติ? ชานามิ, ตรุณกาเล ปน น มรนฺติ, มหลฺลกกาเลเยว มรนฺตีติ. นนุ อนิจฺจา สพฺเพ สงฺขารา หุตฺวา อภาวิโนติ? ‘‘สจฺจํ อนิจฺจา, ทหรกาเล ปน สตฺตา น มรนฺติ, มหลฺลกกาเล มรนฺติ, อนิจฺจตํ ปาปุณนฺตี’’ติ. ‘‘กึ สมฺม, ธมฺมปาล, ตุมฺหากํ เคเห น เกจิ มรนฺตี’’ติ? ‘‘ทหรกาเล ปน น มรนฺติ, มหลฺลกกาเลเยว มรนฺตี’’ติ. ‘‘กึ ปเนสา ตุมฺหากํ กุลปเวณี’’ติ? ‘‘อาม กุลปเวณี’’ติ. มาณวา ตํ ตสฺส กถํ อาจริยสฺส อาโรเจสุํ. อถ นํ โส ปกฺโกสาเปตฺวา ปุจฺฉิ ‘‘สจฺจํ กิร ตาต ธมฺมปาล, ตุมฺหากํ กุเล ทหรกาเล น มียนฺตี’’ติ? ‘‘สจฺจํ อาจริยา’’ติ. โส ตสฺส วจนํ สุตฺวา จินฺเตสิ ‘‘อยํ อติวิย อจฺฉริยํ วทติ, อิมสฺส ปิตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปุจฺฉิตฺวา สเจ เอตํ สจฺจํ, อหมฺปิ ตเมว ธมฺมํ ปูเรสฺสามี’’ติ. โส ปุตฺตสฺส กตฺตพฺพกิจฺจํ กตฺวา สตฺตฏฺทิวสจฺจเยน ธมฺมปาลํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ตาต, อหํ ขิปฺปํ อาคมิสฺสามิ, ยาว มมาคมนา อิเม มาณเว สิปฺปํ วาเจหี’’ติ วตฺวา เอกสฺส เอฬกสฺส อฏฺีนิ คเหตฺวา โธวิตฺวา ปสิพฺพเก กตฺวา เอกํ จูฬุปฏฺากํ อาทาย ตกฺกสิลโต นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน ตํ คามํ ปตฺวา ‘‘กตรํ มหาธมฺมปาลสฺส เคห’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา คนฺตฺวา ทฺวาเร อฏฺาสิ. พฺราหฺมณสฺส ทาสมนุสฺเสสุ โย โย ปมํ อทฺทส, โส โส อาจริยสฺส หตฺถโต ฉตฺตํ คณฺหิ, อุปาหนํ คณฺหิ, อุปฏฺากสฺสปิ หตฺถโต ปสิพฺพกํ คณฺหิ. ‘‘ปุตฺตสฺส โว ธมฺมปาลกุมารสฺส อาจริโย ทฺวาเร ิโตติ กุมารสฺส ปิตุ อาโรเจถา’’ติ จ วุตฺตา ‘‘สาธู’’ติ คนฺตฺวา อาโรจยึสุ. โส เวเคน ทฺวารมูลํ คนฺตฺวา ‘‘อิโต เอถา’’ติ ตํ ฆรํ อภิเนตฺวา ปลฺลงฺเก นิสีทาเปตฺวา สพฺพํ ปาทโธวนาทิกิจฺจํ อกาสิ.

อาจริโย ภุตฺตโภชโน สุขกถาย นิสินฺนกาเล ‘‘พฺราหฺมณ, ปุตฺโต เต ธมฺมปาลกุมาโร ปฺวา ติณฺณํ เวทานํ อฏฺารสนฺนฺจ สิปฺปานํ นิปฺผตฺตึ ปตฺโต, อปิจ โข ปเนเกน อผาสุเกน ชีวิตกฺขยํ ปตฺโต, สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา, มา โสจิตฺถา’’ติ อาห. พฺราหฺมโณ ปาณึ ปหริตฺวา มหาหสิตํ หสิ. ‘‘กึ นุ พฺราหฺมณ, หสสี’’ติ จ วุตฺเต ‘‘มยฺหํ ปุตฺโต น มรติ, อฺโ โกจิ มโต ภวิสฺสตี’’ติ อาห. ‘‘พฺราหฺมณ, ปุตฺโตเยว เต มโต, ปุตฺตสฺเสว เต อฏฺีนิ ทิสฺวา สทฺทหา’’ติ อฏฺีนิ นีหริตฺวา ‘‘อิมานิ เต ปุตฺตสฺส อฏฺีนี’’ติ อาห. เอตานิ เอฬกสฺส วา สุนขสฺส วา ภวิสฺสนฺติ, มยฺหํ ปน ปุตฺโต น มรติ, อมฺหากาฺหิ กุเล ยาว สตฺตมา กุลปริวฏฺฏา ตรุณกาเล มตปุพฺพา นาม นตฺถิ, ตฺวํ มุสา ภณสีติ. ตสฺมึ ขเณ สพฺเพปิ ปาณึ ปหริตฺวา มหาหสิตํ หสึสุ. อาจริโย ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา โสมนสฺสปฺปตฺโต หุตฺวา ‘‘พฺราหฺมณ, ตุมฺหากํ กุลปเวณิยํ ทหรานํ อมรเณน น สกฺกา อเหตุเกน ภวิตุํ, เกน โว การเณน ทหรา น มียนฺตี’’ติ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –

๙๒.

‘‘กึ เต วตํ กึ ปน พฺรหฺมจริยํ, กิสฺส สุจิณฺณสฺส อยํ วิปาโก;

อกฺขาหิ เม พฺราหฺมณ เอตมตฺถํ, กสฺมา นุ ตุมฺหํ ทหรา น มียเร’’ติ.

ตตฺถ วตนฺติ วตสมาทานํ. พฺรหฺมจริยนฺติ เสฏฺจริยํ. กิสฺส สุจิณฺณสฺสาติ ตุมฺหากํ กุเล ทหรานํ อมรณํ นาม กตรสุจริตสฺส วิปาโกติ.

ตํ สุตฺวา พฺราหฺมโณ เยสํ คุณานํ อานุภาเวน ตสฺมึ กุเล ทหรา น มียนฺติ, เต วณฺณยนฺโต –

๙๓.

‘‘ธมฺมํ จราม น มุสา ภณาม, ปาปานิ กมฺมานิ ปริวชฺชยาม;

อนริยํ ปริวชฺเชมุ สพฺพํ, ตสฺมา หิ อมฺหํ ทหรา น มียเร.

๙๔.

‘‘สุโณม ธมฺมํ อสตํ สตฺจ, น จาปิ ธมฺมํ อสตํ โรจยาม;

หิตฺวา อสนฺเต น ชหาม สนฺเต, ตสฺมา หิ อมฺหํ ทหรา น มียเร.

๙๕.

‘‘ปุพฺเพว ทานา สุมนา ภวาม, ททมฺปิ เว อตฺตมนา ภวาม;

ทตฺวาปิ เว นานุตปฺปาม ปจฺฉา, ตสฺมา หิ อมฺหํ ทหรา น มียเร.

๙๖.

‘‘สมเณ มยํ พฺราหฺมเณ อทฺธิเก จ, วนิพฺพเก ยาจนเก ทลิทฺเท;

อนฺเนน ปาเนน อภิตปฺปยาม, ตสฺมา หิ อมฺหํ ทหรา น มียเร.

๙๗.

‘‘มยฺจ ภริยํ นาติกฺกมาม, อมฺเห จ ภริยา นาติกฺกมนฺติ;

อฺตฺร ตาหิ พฺรหฺมจริยํ จราม, ตสฺมา หิ อมฺหํ ทหรา น มียเร.

๙๘.

‘‘ปาณาติปาตา วิรมาม สพฺเพ, โลเก อทินฺนํ ปริวชฺชยาม;

อมชฺชปา โนปิ มุสา ภณาม, ตสฺมา หิ อมฺหํ ทหรา น มียเร.

๙๙.

‘‘เอตาสุ เว ชายเร สุตฺตมาสุ, เมธาวิโน โหนฺติ ปหูตปฺา;

พหุสฺสุตา เวทคุโน จ โหนฺติ, ตสฺมา หิ อมฺหํ ทหรา น มียเร.

๑๐๐.

‘‘มาตา ปิตา จ ภคินี ภาตโร จ, ปุตฺตา จ ทารา จ มยฺจ สพฺเพ;

ธมฺมํ จราม ปรโลกเหตุ, ตสฺมา หิ อมฺหํ ทหรา น มียเร.

๑๐๑.

‘‘ทาสา จ ทาสฺโย อนุชีวิโน จ, ปริจารกา กมฺมกรา จ สพฺเพ;

ธมฺมํ จรนฺติ ปรโลกเหตุ, ตสฺมา หิ อมฺหํ ทหรา น มียเร’’ติ. –

อิมา คาถา อาห.

ตตฺถ ธมฺมํ จรามาติ ทสกุสลกมฺมปถธมฺมํ จราม, อตฺตโน ชีวิตเหตุ อนฺตมโส กุนฺถกิปิลฺลิกมฺปิ ชีวิตา น โวโรเปม, ปรภณฺฑํ โลภจิตฺเตน น โอโลเกมาติ สพฺพํ วิตฺถาเรตพฺพํ. มุสาวาโท เจตฺถ มุสาวาทิสฺส อกรณปาปํ นาม นตฺถีติ อุสฺสนฺนวเสน ปุน วุตฺโต. เต กิร หสาธิปฺปาเยนปิ มุสา น ภณนฺติ. ปาปานีติ สพฺพานิ นิรยคามิกมฺมานิ. อนริยนฺติ อริยครหิตํ สพฺพํ อสุนฺทรํ อปริสุทฺธํ กมฺมํ ปริวชฺชยาม. ตสฺมา หิ อมฺหนฺติ เอตฺถ หิ-กาโร นิปาตมตฺโต, เตน การเณน อมฺหากํ ทหรา น มียนฺติ, อนฺตรา อกาลมรณํ นาม โน นตฺถีติ อตฺโถ. ‘‘ตสฺมา อมฺห’’นฺติปิ ปาโ. สุโณมาติ มยํ กิริยวาทานํ สปฺปุริสานํ กุสลทีปนมฺปิ อสปฺปุริสานํ อกุสลทีปนมฺปิ ธมฺมํ สุโณม , โส ปน โน สุตมตฺตโกว โหติ, ตํ น โรจยาม. เตหิ ปน โน สทฺธึ วิคฺคโห วา วิวาโท วา มา โหตูติ ธมฺมํ สุณาม, สุตฺวาปิ หิตฺวา อสนฺเต สนฺเต วตฺตาม, เอกมฺปิ ขณํ น ชหาม สนฺเต, ปาปมิตฺเต ปหาย กลฺยาณมิตฺตเสวิโนว โหมาติ.

สมเณ มยํ พฺราหฺมเณติ มยํ สมิตปาเป พาหิตปาเป ปจฺเจกพุทฺธสมณพฺราหฺมเณปิ อวเสสธมฺมิกสมณพฺราหฺมเณปิ อทฺธิกยาจเก เสสชเนปิ อนฺนปาเนน อภิตปฺเปมาติ อตฺโถ. ปาฬิยํ ปน อยํ คาถา ‘‘ปุพฺเพว ทานา’’ติ คาถาย ปจฺฉโต อาคตา. นาติกฺกมามาติ อตฺตโน ภริยํ อติกฺกมิตฺวา พหิ อฺํ มิจฺฉาจารํ น กโรม. อฺตฺร ตาหีติ ตา อตฺตโน ภริยา เปตฺวา เสสอิตฺถีสุ พฺรหฺมจริยํ จราม, อมฺหากํ ภริยาปิ เสสปุริเสสุ เอวเมว วตฺตนฺติ. ชายเรติ ชายนฺติ. สุตฺตมาสูติ สุสีลาสุ อุตฺตมิตฺถีสุ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เย เอตาสุ สมฺปนฺนสีลาสุ อุตฺตมิตฺถีสุ อมฺหากํ ปุตฺตา ชายนฺติ, เต เมธาวิโนติ เอวํปการา โหนฺติ, กุโต เตสํ อนฺตรา มรณํ, ตสฺมาปิ อมฺหากํ กุเล ทหรา น มรนฺตีติ. ธมฺมํ จรามาติ ปรโลกตฺถาย ติวิธสุจริตธมฺมํ จราม. ทาสฺโยติ ทาสิโย.

อวสาเน

๑๐๒.

‘‘ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจารึ, ธมฺโม สุจิณฺโณ สุขมาวหติ;

เอสานิสํโส ธมฺเม สุจิณฺเณ, น ทุคฺคตึ คจฺฉติ ธมฺมจารี.

๑๐๓.

‘‘ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจารึ, ฉตฺตํ มหนฺตํ วิย วสฺสกาเล;

ธมฺเมน คุตฺโต มม ธมฺมปาโล, อฺสฺส อฏฺีนิ สุขี กุมาโร’’ติ. –

อิมาหิ ทฺวีหิ คาถาหิ ธมฺมจารีนํ คุณํ กเถสิ.

ตตฺถ รกฺขตีติ ธมฺโม นาเมโส รกฺขิโต อตฺตโน รกฺขิตํ ปฏิรกฺขติ. สุขมาวหตีติ เทวมนุสฺสสุขฺเจว นิพฺพานสุขฺจ อาวหติ. ทุคฺคตินฺติ นิรยาทิเภทํ ทุคฺคตึ น คจฺฉติ. เอวํ พฺราหฺมณ, มยํ ธมฺมํ รกฺขาม, ธมฺโมปิ อมฺเห รกฺขตีติ ทสฺเสติ. ธมฺเมน คุตฺโตติ มหาฉตฺตสทิเสน อตฺตนา โคปิตธมฺเมน คุตฺโต. อฺสฺส อฏฺีนีติ ตยา อานีตานิ อฏฺีนิ อฺสฺส เอฬกสฺส วา สุนขสฺส วา อฏฺีนิ ภวิสฺสนฺติ, ฉฑฺเฑเถตานิ, มม ปุตฺโต สุขี กุมาโรติ.

ตํ สุตฺวา อาจริโย ‘‘มยฺหํ อาคมนํ สุอาคมนํ, สผลํ, โน นิปฺผล’’นฺติ สฺชาตโสมนสฺโส ธมฺมปาลสฺส ปิตรํ ขมาเปตฺวา ‘‘มยา อาคจฺฉนฺเตน ตุมฺหากํ วีมํสนตฺถาย อิมานิ เอฬกอฏฺีนิ อาภตานิ, ปุตฺโต เต อโรโคเยว, ตุมฺหากํ รกฺขิตธมฺมํ มยฺหมฺปิ เทถา’’ติ ปณฺเณ ลิขิตฺวา กติปาหํ ตตฺถ วสิตฺวา ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา ธมฺมปาลํ สพฺพสิปฺปานิ สิกฺขาเปตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน เปเสสิ.

สตฺถา สุทฺโธทนมหาราชสฺส อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน ราชา อนาคามิผเล ปติฏฺหิ. ตทา มาตาปิตโร มหาราชกุลานิ อเหสุํ, อาจริโย สาริปุตฺโต, ปริสา พุทฺธปริสา, ธมฺมปาลกุมาโร ปน อหเมว อโหสินฺติ.

มหาธมฺมปาลชาตกวณฺณนา นวมา.

[๔๔๘] ๑๐. กุกฺกุฏชาตกวณฺณนา

นาสฺมเสกตปาปมฺหีติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตสฺส วธาย ปริสกฺกนํ อารพฺภ กเถสิ. ธมฺมสภายฺหิ ภิกฺขู เทวทตฺตสฺส อคุณกถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, เทวทตฺโต ธนุคฺคหาทิปโยชเนน ทสพลสฺส วธตฺถเมว อุปายํ กโรตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ เอส มยฺหํ วธาย ปริสกฺกิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต โกสมฺพิยํ โกสมฺพโก นาม ราชา รชฺชํ กาเรสิ. ตทา โพธิสตฺโต เอกสฺมึ เวฬุวเน กุกฺกุฏโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา อเนกสตกุกฺกุฏปริวาโร อรฺเ วสติ, ตสฺสาวิทูเร เอโก เสโน วสติ . โส อุปาเยน เอเกกํ กุกฺกุฏํ คเหตฺวา ขาทนฺโต เปตฺวา โพธิสตฺตํ เสเส ขาทิ, โพธิสตฺโต เอกโกว อโหสิ. โส อปฺปมตฺโต เวลาย โคจรํ คเหตฺวา เวฬุวนํ ปวิสิตฺวา วสติ. โส เสโน ตํ คณฺหิตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘เอเกน นํ อุปาเยน อุปลาเปตฺวา คณฺหิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ตสฺสาวิทูเร สาขาย นิลียิตฺวา ‘‘สมฺม กุกฺกุฏราช, ตฺวํ มยฺหํ กสฺมา ภายสิ, อหํ ตยา สทฺธึ วิสฺสาสํ กตฺตุกาโม, อสุกสฺมึ นาม ปเทเส สมฺปนฺนโคจโร, ตตฺถ อุโภปิ โคจรํ คเหตฺวา อฺมฺํ ปิยสํวาสํ วสิสฺสามา’’ติ อาห. อถ นํ โพธิสตฺโต อาห ‘‘สมฺม, มยฺหํ ตยา สทฺธึ วิสฺสาโส นาม นตฺถิ, คจฺฉ ตฺว’’นฺติ. ‘‘สมฺม, ตฺวํ มยา ปุพฺเพ กตปาปตาย น สทฺทหสิ, อิโต ปฏฺาย เอวรูปํ น กริสฺสามี’’ติ. ‘‘น มยฺหํ ตาทิเสน สหาเยนตฺโถ, คจฺฉ ตฺว’’นฺติ. อิติ นํ ยาวตติยํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘เอเตหิ องฺเคหิ สมนฺนาคเตน ปุคฺคเลน สทฺธึ วิสฺสาโส นาม กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วนฆฏํ อุนฺนาเทนฺโต เทวตาสุ สาธุการํ ททมานาสุ ธมฺมกถํ สมุฏฺาเปนฺโต –

๑๐๔.

‘‘นาสฺมเส กตปาปมฺหิ, นาสฺมเส อลิกวาทิเน;

นาสฺมเส อตฺตตฺถปฺมฺหิ, อติสนฺเตปิ นาสฺมเส.

๑๐๕.

‘‘ภวนฺติ เหเก ปุริสา, โคปิปาสิกชาติกา;

ฆสนฺติ มฺเ มิตฺตานิ, วาจาย น จ กมฺมุนา.

๑๐๖.

‘‘สุกฺขฺชลิปคฺคหิตา , วาจาย ปลิคุณฺิตา;

มนุสฺสเผคฺคู นาสีเท, ยสฺมึ นตฺถิ กตฺุตา.

๑๐๗.

‘‘น หิ อฺฺจิตฺตานํ, อิตฺถีนํ ปุริสาน วา;

นานาวิกตฺวา สํสคฺคํ, ตาทิสมฺปิ จ นาสฺมเส.

๑๐๘.

‘‘อนริยกมฺมโมกฺกนฺตํ, อเถตํ สพฺพฆาตินํ;

นิสิตํว ปฏิจฺฉนฺนํ, ตาทิสมฺปิ จ นาสฺมเส.

๑๐๙.

‘‘มิตฺตรูเปนิเธกจฺเจ, สาขลฺเยน อเจตสา;

วิวิเธหิ อุปายนฺติ, ตาทิสมฺปิ จ นาสฺมเส.

๑๑๐.

‘‘อามิสํ วา ธนํ วาปิ, ยตฺถ ปสฺสติ ตาทิโส;

ทุพฺภึ กโรติ ทุมฺเมโธ, ตฺจ หนฺตฺวาน คจฺฉตี’’ติ. – อิมา คาถา อาห;

ตตฺถ นาสฺมเสติ นาสฺสเส. อยเมว วา ปาโ, น วิสฺสเสติ วุตฺตํ โหติ. กตปาปมฺหีติ ปมํ กตปาเป ปุคฺคเล. อลิกวาทิเนติ มุสาวาทิมฺหิปิ น วิสฺสเส. ตสฺส หิ อกตฺตพฺพํ นาม ปาปํ นตฺถิ. นาสฺมเส อตฺตตฺถปฺมฺหีติ อตฺตโน อตฺถาย เอว ยสฺส ปฺา สฺเนหวเสน น ภชติ, ธนตฺถิโกว ภชติ, ตสฺมึ อตฺตตฺถปฺเปิ น วิสฺสเส. อติสนฺเตติ อนฺโต อุปสเม อวิชฺชมาเนเยว จ พหิ อุปสมทสฺสเนน อติสนฺเต วิย ปฏิจฺฉนฺนกมฺมนฺเตปิ พิลปฏิจฺฉนฺนอาสีวิสสทิเส กุหกปุคฺคเล. โคปิปาสิกชาติกาติ คุนฺนํ ปิปาสกชาติกา วิย, ปิปาสิตโคสทิสาติ วุตฺตํ โหติ. ยถา ปิปาสิตคาโว ติตฺถํ โอตริตฺวา มุขปูรํ อุทกํ ปิวนฺติ, น ปน อุทกสฺส กตฺตพฺพยุตฺตกํ กโรนฺติ, เอวเมว เอกจฺเจ ‘‘อิทฺจิทฺจ กริสฺสามา’’ติ มธุรวจเนน มิตฺตานิ ฆสนฺติ, ปิยวจนานุจฺฉวิกํ ปน น กโรนฺติ, ตาทิเสสุ วิสฺสาโส มหโต อนตฺถาย โหตีติ ทีเปติ.

สุกฺขฺชลิปคฺคหิตาติ ปคฺคหิตตุจฺฉอฺชลิโน. วาจาย ปลิคุณฺิตาติ ‘‘อิทํ ทสฺสาม, อิทํ กริสฺสามา’’ติ วจเนน ปฏิจฺฉาทิกา. มนุสฺสเผคฺคูติ เอวรูปา อสารกา มนุสฺสา มนุสฺสเผคฺคู นาม. นาสีเทติ น อาสีเท เอวรูเป น อุปคจฺเฉยฺย. ยสฺมึ นตฺถีติ ยสฺมิฺจ ปุคฺคเล กตฺุตา นตฺถิ, ตมฺปิ นาสีเทติ อตฺโถ. อฺฺจิตฺตานนฺติ อฺเนฺเน จิตฺเตน สมนฺนาคตานํ , ลหุจิตฺตานนฺติ อตฺโถ. เอวรูปานํ อิตฺถีนํ วา ปุริสานํ วา น วิสฺสเสติ ทีเปติ. นานาวิกตฺวา สํสคฺคนฺติ โยปิ น สกฺกา อนุปคนฺตฺวา เอตสฺส อนฺตรายํ กาตุนฺติ อนฺตรายกรณตฺถํ นานาการเณหิ สํสคฺคมาวิกตฺวา ทฬฺหํ กริตฺวา ปจฺฉา อนฺตรายํ กโรติ, ตาทิสมฺปิ ปุคฺคลํ นาสฺมเส น วิสฺสเสยฺยาติ ทีเปติ.

อนริยกมฺมโมกฺกนฺตติ อนริยานํ ทุสฺสีลานํ กมฺมํ โอตริตฺวา ิตํ. อเถตนฺติ อถิรํ อปฺปติฏฺิตวจนํ. สพฺพฆาตินนฺติ โอกาสํ ลภิตฺวา สพฺเพสํ อุปฆาตกรํ. นิสิตํวปฏิจฺฉนฺนนฺติ โกสิยา วา ปิโลติกาย วา ปฏิจฺฉนฺนํ นิสิตขคฺคมิว. ตาทิสมฺปีติ เอวรูปมฺปิ อมิตฺตํ มิตฺตปติรูปกํ น วิสฺสเสยฺย. สาขลฺเยนาติ มฏฺวจเนน. อเจตสาติ อจิตฺตเกน. วจนเมว หิ เนสํ มฏฺํ, จิตฺตํ ปน ถทฺธํ ผรุสํ. วิวิเธหีติ วิวิเธหิ อุปาเยหิ โอตาราเปกฺขา อุปคจฺฉนฺติ. ตาทิสมฺปีติ โย เอเตหิ อมิตฺเตหิ มิตฺตปติรูปเกหิ สทิโส โหติ, ตมฺปิ น วิสฺสเสติ อตฺโถ. อามิสนฺติ ขาทนียโภชนียํ. ธนนฺติ มฺจปฏิปาทกํ อาทึ กตฺวา อวเสสํ. ยตฺถ ปสฺสตีติ สหายกเคเห ยสฺมึ าเน ปสฺสติ. ทุพฺภึ กโรตีติ ทุพฺภิจิตฺตํ อุปฺปาเทติ, ตํ ธนํ หรติ. ตฺจ หนฺตฺวานาติ ตฺจ สหายกมฺปิ เฉตฺวา คจฺฉติ. อิติ อิมา สตฺต คาถา กุกฺกุฏราชา กเถสิ.

๑๑๑.

‘‘มิตฺตรูเปน พหโว, ฉนฺนา เสวนฺติ สตฺตโว;

ชเห กาปุริเส เหเต, กุกฺกุโฏ วิย เสนกํ.

๑๑๒.

‘‘โย จ อุปฺปติตํ อตฺถํ, น ขิปฺปมนุพุชฺฌติ;

อมิตฺตวสมนฺเวติ, ปจฺฉา จ มนุตปฺปติ.

๑๑๓.

‘‘โย จ อุปฺปติตํ อตฺถํ, ขิปฺปเมว นิโพธติ;

มุจฺจเต สตฺตุสมฺพาธา, กุกฺกุโฏ วิย เสนกา.

๑๑๔.

‘‘ตํ ตาทิสํ กูฏมิโวฑฺฑิตํ วเน, อธมฺมิกํ นิจฺจวิธํสการินํ;

อารา วิวชฺเชยฺย นโร วิจกฺขโณ, เสนํ ยถา กุกฺกุโฏ วํสกานเน’’ติ. –

อิมา จตสฺโส ธมฺมราเชน ภาสิตา อภิสมฺพุทฺธคาถา.

ตตฺถ ชเห กาปุริเส เหเตติ ภิกฺขเว, เอเต กาปุริเส ปณฺฑิโต ชเหยฺย. -กาโร ปเนตฺถ นิปาตมตฺตํ. ปจฺฉา จ มนุตปฺปตีติ ปจฺฉา จ อนุตปฺปติ. กูฏมิโวฑฺฑิตนฺติ วเน มิคานํ พนฺธนตฺถาย กูฏปาสํ วิย โอฑฺฑิตํ. นิจฺจวิธํสการินนฺติ นิจฺจํ วิทฺธํสนกรํ. วํสกานเนติ ยถา วํสวเน กุกฺกุโฏ เสนํ วิวชฺเชติ, เอวํ วิจกฺขโณ ปาปมิตฺเต วิวชฺเชยฺย.

โสปิ ตา คาถา วตฺวา เสนํ อามนฺเตตฺวา ‘‘สเจ อิมสฺมึ าเน วสิสฺสสิ, ชานิสฺสามิ เต กตฺตพฺพ’’นฺติ ตชฺเชสิ. เสโน ตโต ปลายิตฺวา อฺตฺร คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘เอวํ ภิกฺขเว เทวทตฺโต ปุพฺเพปิ มยฺหํ วธาย ปริสกฺกี’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เสโน เทวทตฺโต อโหสิ, กุกฺกุโฏ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

กุกฺกุฏชาตกวณฺณนา ทสมา.

[๔๔๙] ๑๑. มฏฺกุณฺฑลีชาตกวณฺณนา

อลงฺกโต มฏฺกุณฺฑลีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ มตปุตฺตํ กุฏุมฺพิกํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิเรกสฺส พุทฺธุปฏฺากสฺส กุฏุมฺพิกสฺส ปิยปุตฺโต กาลมกาสิ. โส ปุตฺตโสกสมปฺปิโต น นฺหายติ น ภุฺชติ น กมฺมนฺเต วิจาเรติ, น พุทฺธุปฏฺานํ คจฺฉติ, เกวลํ ‘‘ปิยปุตฺตก, มํ โอหาย ปมตรํ คโตสี’’ติอาทีนิ วตฺวา วิปฺปลปติ. สตฺถา ปจฺจูสสมเย โลกํ โอโลเกนฺโต ตสฺส โสตาปตฺติผลูปนิสฺสยํ ทิสฺวา ปุนทิวเส ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ ภิกฺขู อุยฺโยเชตฺวา อานนฺทตฺเถเรน ปจฺฉาสมเณน ตสฺส ฆรทฺวารํ อคมาสิ. สตฺถุ อาคตภาวํ กุฏุมฺพิกสฺส อาโรเจสุํ. อถสฺส เคหชโน อาสนํ ปฺเปตฺวา สตฺถารํ นิสีทาเปตฺวา กุฏุมฺพิกํ ปริคฺคเหตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อาเนสิ. ตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนํ สตฺถา กรุณาสีตเลน วจเนน อามนฺเตตฺวา ‘‘กึ, อุปาสก, ปุตฺตกํ อนุโสจสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘อุปาสก, โปราณกปณฺฑิตา ปุตฺเต กาลกเต โสกสมปฺปิตา วิจรนฺตาปิ ปณฺฑิตานํ กถํ สุตฺวา ‘อลพฺภนียฏฺาน’นฺติ ตถโต ตฺวา อปฺปมตฺตกมฺปิ โสกํ น กรึสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต เอกสฺส มหาวิภวสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต ปฺจทสโสฬสวสฺสกาเล เอเกน พฺยาธินา ผุฏฺโ กาลํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติ. พฺราหฺมโณ ตสฺส กาลกิริยโต ปฏฺาย สุสานํ คนฺตฺวา ฉาริกปุฺชํ อาวิชฺฌนฺโต ปริเทวติ, สพฺพกมฺมนฺเต ปริจฺจชิตฺวา โสกสมปฺปิโต วิจรติ. ตทา เทวปุตฺโต อนุวิจรนฺโต ตํ ทิสฺวา ‘‘เอกํ อุปมํ กตฺวา โสกํ หริสฺสามี’’ติ ตสฺส สุสานํ คนฺตฺวา ปริเทวนกาเล ตสฺเสว ปุตฺตวณฺณี หุตฺวา สพฺพาภรณปฏิมณฺฑิโต เอกสฺมึ ปเทเส ตฺวา อุโภ หตฺเถ สีเส เปตฺวา มหาสทฺเทน ปริเทวิ. พฺราหฺมโณ สทฺทํ สุตฺวา ตํ โอโลเกตฺวา ปุตฺตเปมํ ปฏิลภิตฺวา ตสฺส สนฺติเก ตฺวา ‘‘ตาต มาณว, อิมสฺมึ สุสานมชฺเฌ กสฺมา ปริเทวสี’’ติ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –

๑๑๕.

‘‘อลงฺกโต มฏฺกุณฺฑลี, มาลธารี หริจนฺทนุสฺสโท;

พาหา ปคฺคยฺห กนฺทสิ, วนมชฺเฌ กึ ทุกฺขิโต ตุว’’นฺติ.

ตตฺถ อลงฺกโตติ นานาภรณวิภูสิโต. มฏฺกุณฺฑลีติ กรณปรินิฏฺิเตหิ มฏฺเหิ กุณฺฑเลหิ สมนฺนาคโต. มาลธารีติ วิจิตฺรกุสุมมาลธโร. หริจนฺทนุสฺสโทติ สุวณฺณวณฺเณน จนฺทเนน อนุลิตฺโต. วนมชฺเฌติ สุสานมชฺเฌ. กึ ทุกฺขิโต ตุวนฺติ กึการณา ทุกฺขิโต ตฺวํ, อาจิกฺข, อหํ เต ยํ อิจฺฉสิ, ตํ ทสฺสามีติ อาห.

อถสฺส กเถนฺโต มาณโว ทุติยํ คาถมาห –

๑๑๖.

‘‘โสวณฺณมโย ปภสฺสโร, อุปฺปนฺโน รถปฺชโร มม;

ตสฺส จกฺกยุคํ น วินฺทามิ, เตน ทุกฺเขน ชหามิ ชีวิต’’นฺติ.

พฺราหฺมโณ สมฺปฏิจฺฉนฺโต ตติยํ คาถมาห –

๑๑๗.

‘‘โสวณฺณมยํ มณีมยํ, โลหมยํ อถ รูปิยามยํ;

ปาวท รถํ กริสฺสามิ เต, จกฺกยุคํ ปฏิปาทยามิ ต’’นฺติ.

ตตฺถ ปาวทาติ ยาทิเสน เต อตฺโถ ยาทิสํ โรเจสิ, ตาทิสํ วท, อหํ เต รถ กริสฺสามิ. ปฏิปาทยามิ ตนฺติ ตํ ปฺชรานุรูปํ จกฺกยุคํ อธิคจฺฉาเปมิ.

ตํ สุตฺวา มาณเวน กถิตาย คาถาย ปมปาทํ สตฺถา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา กเถสิ, เสสํ มาณโว.

๑๑๘.

‘‘โส มาณโว ตสฺส ปาวทิ, จนฺทสูริยา อุภเยตฺถ ภาตโร;

โสวณฺณมโย รโถ มม, เตน จกฺกยุเคน โสภตี’’ติ.

พฺราหฺมโณ ตทนนฺตรํ อาห –

๑๑๙.

‘‘พาโล โข ตฺวํสิ มาณว, โย ตฺวํ ปตฺถยสิ อปตฺถิยํ;

มฺามิ ตุวํ มริสฺสสิ, น หิ ตฺวํ ลจฺฉสิ จนฺทสูริเย’’ติ. –

พฺราหฺมเณน วุตฺตคาถาย อปตฺถิยนฺติ อปตฺเถตพฺพํ.

ตโต มาณโว อาห –

๑๒๐.

‘‘คมนาคมนมฺปิ ทิสฺสติ, วณฺณธาตุ อุภเยตฺถ วีถิโย;

เปโต ปน เนว ทิสฺสติ, โก นุ โข กนฺทตํ พาลฺยตโร’’ติ.

มาณเวน วุตฺตคาถาย คมนาคมนนฺติ อุคฺคมนฺจ อตฺถคมนฺจ. วณฺโณเยว วณฺณธาตุ. อุภเยตฺถ วีถิโยติ เอตฺถ อากาเส ‘‘อยํ จนฺทสฺส วีถิ, อยํ สูริยสฺส วีถี’’ติ เอวํ อุภยคมนาคมนภูมิโยปิ ปฺายนฺติ. เปโต ปนาติ ปรโลกํ คตสตฺโต ปน น ทิสฺสเตว. โก นุ โขติ เอวํ สนฺเต อมฺหากํ ทฺวินฺนํ กนฺทนฺตานํ โก นุ โข พาลฺยตโรติ.

เอวํ มาณเว กเถนฺเต พฺราหฺมโณ สลฺลกฺเขตฺวา คาถมาห –

๑๒๑.

‘‘สจฺจํ โข วเทสิ มาณว, อหเมว กนฺทตํ พาลฺยตโร;

จนฺทํ วิย ทารโก รุทํ, เปตํ กาลกตาภิปตฺถเย’’ติ.

ตตฺถ จนฺทํ วิย ทารโกติ ยถา ทหโร คามทารโก ‘‘จนฺทํ เทถา’’ติ จนฺทสฺสตฺถาย โรเทยฺย, เอวํ อหมฺปิ เปตํ กาลกตํ อภิปตฺเถมีติ.

อิติ พฺราหฺมโณ มาณวสฺส กถาย นิสฺโสโก หุตฺวา ตสฺส ถุตึ กโรนฺโต เสสคาถา อภาสิ –

๑๒๒.

‘‘อาทิตฺตํ วต มํ สนฺตํ, ฆตสิตฺตํว ปาวกํ;

วารินา วิย โอสิฺจํ, สพฺพํ นิพฺพาปเย ทรํ.

๑๒๓.

‘‘อพฺพหี วต เม สลฺลํ, ยมาสิ หทยสฺสิตํ;

โย เม โสกปเรตสฺส, ปุตฺตโสกํ อปานุทิ.

๑๒๔.

‘‘โสหํ อพฺพูฬฺหสลฺโลสฺมิ, วีตโสโก อนาวิโล;

น โสจามิ น โรทามิ, ตว สุตฺวาน มาณวา’’ติ.

อถ นํ มาณโว ‘‘พฺราหฺมณ, ยสฺสตฺถาย ตฺวํ โรทสิ, อหํ เต ปุตฺโต, อหํ เทวโลเก นิพฺพตฺโต, อิโต ปฏฺาย มา มํ อนุโสจิ, ทานํ เทหิ, สีลํ รกฺขาหิ, อุโปสถํ กโรหี’’ติ โอวทิตฺวา สกฏฺานเมว คโต. พฺราหฺมโณปิ ตสฺโสวาเท ตฺวา ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา กาลกโต เทวโลเก นิพฺพตฺติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนหิ, สจฺจปริโยสาเน กุฏุมฺพิโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ.ตทา ธมฺมเทสกเทวปุตฺโต อหเมว อโหสินฺติ.

มฏฺกุณฺฑลีชาตกวณฺณนา เอกาทสมา.

[๔๕๐] ๑๒. พิลารโกสิยชาตกวณฺณนา

อปจนฺตาปีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ ทานวิตฺตํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร ภควโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สาสเน ปพฺพชิตฺวา ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย ทานวิตฺโต อโหสิ ทานชฺฌาสโย, ปตฺตปริยาปนฺนมฺปิ ปิณฺฑปาตํ อฺสฺส อทตฺวา น ภุฺชิ, อนฺตมโส ปานียมฺปิ ลภิตฺวา อฺสฺส อทตฺวา น ปิวิ, เอวํ ทานาภิรโต อโหสิ. อถสฺส ธมฺมสภายํ ภิกฺขู คุณกถํ กเถสุํ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ตํ ภิกฺขุํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ ทานวิตฺโต ทานชฺฌาสโย’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขเว อยํ ปุพฺเพ อสฺสทฺโธ อโหสิ อปฺปสนฺโน, ติณคฺเคน เตลพินฺทุมฺปิ อุทฺธริตฺวา กสฺสจิ น อทาสิ, อถ นํ อหํ ทเมตฺวา นิพฺพิเสวนํ กตฺวา ทานผลํ าเปสึ, ตเมว ทานนินฺนํ จิตฺตํ ภวนฺตเรปิ น ปชหตี’’ติ วตฺวา ภิกฺขูหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต กุฏุมฺพํ สณฺเปตฺวา ปิตุ อจฺจเยน เสฏฺิฏฺานํ ปตฺวา เอกทิวสํ ธนวิโลกนํ กตฺวา ‘‘ธนํ ปฺายติ, เอตสฺส อุปฺปาทกา น ปฺายนฺติ, อิมํ ธนํ วิสฺสชฺเชตฺวา มหาทานํ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ ทานสาลํ กาเรตฺวา ยาวชีวํ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา อายุปริโยสาเน ‘‘อิทํ ทานวตฺตํ มา อุปจฺฉินฺที’’ติ ปุตฺตสฺส โอวาทํ ทตฺวา ตาวตึสภวเน สกฺโก หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ปุตฺโตปิสฺส ตเถว ทานํ ทตฺวา ปุตฺตํ โอวทิตฺวา อายุปริโยสาเน จนฺโท เทวปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ตสฺส ปุตฺโต สูริโย หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ตสฺสปิ ปุตฺโต มาตลิสงฺคาหโก หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ตสฺส ปุตฺโต ปฺจสิโข คนฺธพฺพเทวปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ฉฏฺโ ปน อสฺสทฺโธ อโหสิ ถทฺธจิตฺโต นิสฺเนโห มจฺฉรี, ทานสาลํ วิทฺธํเสตฺวา ฌาเปตฺวา ยาจเก โปเถตฺวา นีหราเปสิ, กสฺสจิ ติณคฺเคน อุทฺธริตฺวา เตลพินฺทุมฺปิ น เทติ. ตทา สกฺโก เทวราชา อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ โอโลเกตฺวา ‘‘ปวตฺตติ นุ โข เม ทานวํโส, อุทาหุ โน’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘ปุตฺโต เม ทานํ ปวตฺเตตฺวา จนฺโท หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ตสฺส ปุตฺโต สูริโย, ตสฺส ปุตฺโต มาตลิ, ตสฺส ปุตฺโต ปฺจสิโข คนฺธพฺพเทวปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ฉฏฺโ ปน ตํ วํสํ อุปจฺฉินฺที’’ติ ปสฺสิ.

อถสฺส เอตทโหสิ ‘‘อิมํ ปาปธมฺมํ ทเมตฺวา ทานผลํ ชานาเปตฺวา อาคมิสฺสามี’’ติ. โส จนฺทสูริยมาตลิปฺจสิเข ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สมฺมา, อมฺหากํ วํเส ฉฏฺโ กุลวํสํ สมุจฺฉินฺทิตฺวา ทานสาลํ ฌาเปตฺวา ยาจเก นีหราเปสิ, น กสฺสจิ กิฺจิ เทติ, เอถ นํ ทเมสฺสามา’’ติ เตหิ สทฺธึ พาราณสึ อคมาสิ. ตสฺมึ ขเณ เสฏฺิ ราชุปฏฺานํ กตฺวา อาคนฺตฺวา สตฺตเม ทฺวารโกฏฺเก อนฺตรวีถึ โอโลเกนฺโต จงฺกมติ. สกฺโก ‘‘ตุมฺเห มม ปวิฏฺกาเล ปจฺฉโต ปฏิปาฏิยา อาคจฺฉถา’’ติ วตฺวา คนฺตฺวา เสฏฺิสฺส สนฺติเก ตฺวา ‘‘โภ มหาเสฏฺิ, โภชนํ เม เทหี’’ติ อาห. ‘‘พฺราหฺมณ นตฺถิ ตว อิธ ภตฺตํ, อฺตฺถ คจฺฉา’’ติ. ‘‘โภ มหาเสฏฺิ, พฺราหฺมเณหิ ภตฺเต ยาจิเต น ทาตุํ น ลพฺภตี’’ติ. ‘‘พฺราหฺมณ, มม เคเห ปกฺกมฺปิ ปจิตพฺพมฺปิ ภตฺตํ นตฺถิ, อฺตฺถ คจฺฉา’’ติ. ‘‘มหาเสฏฺิ, เอกํ เต สิโลกํ กเถสฺสามิ, ตํ สุณาหี’’ติ. ‘‘นตฺถิ มยฺหํ ตว สิโลเกนตฺโถ, มา อิธ ติฏฺา’’ติ. สกฺโก ตสฺส กถํ อสุณนฺโต วิย ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๒๕.

‘‘อปจนฺตาปิ ทิจฺฉนฺติ, สนฺโต ลทฺธาน โภชนํ;

กิเมว ตฺวํ ปจมาโน, ยํ น ทชฺชา น ตํ สมํ.

๑๒๖.

‘‘มจฺเฉรา จ ปมาทา จ, เอวํ ทานํ น ทียติ;

ปุฺํ อากงฺขมาเนน, เทยฺยํ โหติ วิชานตา’’ติ.

ตาสํ อตฺโถ – มหาเสฏฺิ อปจนฺตาปิ สนฺโต สปฺปุริสา ภิกฺขาจริยาย ลทฺธมฺปิ โภชนํ ทาตุํ อิจฺฉนฺติ, น เอกกา ปริภุฺชนฺติ. กิเมว ตฺวํ ปจมาโน ยํ น ทเทยฺยาสิ, น ตํ สมํ, ตํ ตว อนุรูปํ อนุจฺฉวิกํ น โหติ. ทานฺหิ มจฺเฉเรน จ ปมาเทน จาติ ทฺวีหิ โทเสหิ น ทียติ, ปุฺํ อากงฺขมาเนน วิชานตา ปณฺฑิตมนุสฺเสน ทาตพฺพเมว โหตีติ.

โส ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘เตน หิ เคหํ ปวิสิตฺวา นิสีท, โถกํ ลจฺฉสี’’ติ อาห. สกฺโก ปวิสิตฺวา เต สิโลเก สชฺฌายนฺโต นิสีทิ. อถ นํ จนฺโท อาคนฺตฺวา ภตฺตํ ยาจิ. ‘‘นตฺถิ เต ภตฺตํ, คจฺฉา’’ติ จ วุตฺโต ‘‘มหาเสฏฺิ อนฺโต เอโก พฺราหฺมโณ นิสินฺโน, พฺราหฺมณวาจนกํ มฺเ ภวิสฺสติ, อหมฺปิ ภวิสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘นตฺถิ พฺราหฺมณวาจนกํ, นิกฺขมา’’ติ วุจฺจมาโนปิ ‘‘มหาเสฏฺิ อิงฺฆ ตาว สิโลกํ สุณาหี’’ติ ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๒๗.

‘‘ยสฺเสว ภีโต น ททาติ มจฺฉรี, ตเทวาททโต ภยํ;

ชิฆจฺฉา จ ปิปาสา จ, ยสฺส ภายติ มจฺฉรี;

ตเมว พาลํ ผุสติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ.

๑๒๘.

‘‘ตสฺมา วิเนยฺย มจฺเฉรํ, ทชฺชา ทานํ มลาภิภู;

ปุฺานิ ปรโลกสฺมึ, ปติฏฺา โหนฺติ ปาณิน’’นฺติ.

ตตฺถ ยสฺส ภายตีติ ‘‘อหํ อฺเสํ ทตฺวา สยํ ชิฆจฺฉิโต จ ปิปาสิโต จ ภวิสฺสามี’’ติ ยสฺสา ชิฆจฺฉาย ปิปาสาย ภายติ. ตเมวาติ ตฺเว ชิฆจฺฉาปิปาสาสงฺขาตํ ภยํ เอตํ พาลํ นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน อิธโลเก ปรโลเก จ ผุสติ ปีเฬติ, อจฺจนฺตทาลิทฺทิยํ ปาปุณาติ. มลาภิภูติ มจฺฉริยมลํ อภิภวนฺโต.

ตสฺสปิ วจนํ สุตฺวา ‘‘เตน หิ ปวิส, โถกํ ลภิสฺสสี’’ติ อาห. โสปิ ปวิสิตฺวา สกฺกสฺส สนฺติเก นิสีทิ. ตโต โถกํ วีตินาเมตฺวา สูริโย อาคนฺตฺวา ภตฺตํ ยาจนฺโต ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๒๙.

‘‘ทุทฺททํ ททมานานํ, ทุกฺกรํ กมฺม กุพฺพตํ;

อสนฺโต นานุกุพฺพนฺติ, สตํ ธมฺโม ทุรนฺนโย.

๑๓๐.

‘‘ตสฺมา สตฺจ อสตํ, นานา โหติ อิโต คติ;

อสนฺโต นิรยํ ยนฺติ, สนฺโต สคฺคปรายณา’’ติ.

ตตฺถ ทุทฺททนฺติ ทานํ นาม ทุทฺททํ มจฺเฉรํ อภิภวิตฺวา ทาตพฺพโต, ตํ ททมานานํ. ทุกฺกรนฺติ ตเทว ทานกมฺมํ ทุกฺกรํ ยุทฺธสทิสํ, ตํ กุพฺพตํ. นานุกุพฺพนฺตีติ อสปฺปุริสา ทานผลํ อชานนฺตา เตสํ คตมคฺคํ นานุคจฺฉนฺติ. สตํ ธมฺโมติ สปฺปุริสานํ โพธิสตฺตานํ ธมฺโม อฺเหิ ทุรนุคโม. อสนฺโตติ มจฺฉริยวเสน ทานํ อทตฺวา อสปฺปุริสา นิรยํ ยนฺติ.

เสฏฺิ คเหตพฺพคหณํ อปสฺสนฺโต ‘‘เตน หิ ปวิสิตฺวา พฺราหฺมณานํ สนฺติเก นิสีท, โถกํ ลจฺฉสี’’ติ อาห. ตโต โถกํ วีตินาเมตฺวา มาตลิ อาคนฺตฺวา ภตฺตํ ยาจิตฺวา ‘‘นตฺถี’’ติ วจนมตฺตกาลเมว สตฺตมํ คาถมาห –

๑๓๑.

‘‘อปฺปสฺเมเก ปเวจฺฉนฺติ, พหุเนเก น ทิจฺฉเร;

อปฺปสฺมา ทกฺขิณา ทินฺนา, สหสฺเสน สมํ มิตา’’ติ.

ตตฺถ อปฺปสฺเมเก ปเวจฺฉนฺตีติ มหาเสฏฺิ เอกจฺเจ ปณฺฑิตปุริสา อปฺปสฺมิมฺปิ เทยฺยธมฺเม ปเวจฺฉนฺติ, ททนฺติเยวาติ อตฺโถ. พหุนาปิ เทยฺยธมฺเมน สมนฺนาคตา เอเก สตฺตา น ทิจฺฉเร น ททนฺติ. ทกฺขิณาติ กมฺมฺจ ผลฺจ สทฺทหิตฺวา ทินฺนทานํ. สหสฺเสน สมํ มิตาติ เอวํ ทินฺนา กฏจฺฉุภตฺตมตฺตาปิ ทกฺขิณา สหสฺสทาเนน สทฺธึ มิตา, มหาผลตฺตา สหสฺสทานสทิสาว โหตีติ อตฺโถ.

ตมฺปิ โส ‘‘เตน หิ ปวิสิตฺวา นิสีทา’’ติ อาห. ตโต โถกํ วีตินาเมตฺวา ปฺจสิโข อาคนฺตฺวา ภตฺตํ ยาจิตฺวา ‘‘นตฺถิ คจฺฉา’’ติ วุตฺเต ‘‘อหํ น คตปุพฺโพ, อิมสฺมึ เคเห พฺราหฺมณวาจนกํ ภวิสฺสติ มฺเ’’ติ ตสฺส ธมฺมกถํ อารภนฺโต อฏฺมํ คาถมาห –

๑๓๒.

‘‘ธมฺมํ จเร โยปิ สมุฺฉกํ จเร, ทารฺจ โปสํ ททมปฺปกสฺมึ;

สตํ สหสฺสานํ สหสฺสยาคินํ, กลมฺปิ นาคฺฆนฺติ ตถาวิธสฺส เต’’ติ.

ตตฺถ ธมฺมนฺติ ติวิธสุจริตธมฺมํ. สมุฺฉกนฺติ คาเม วา อามกปกฺกภิกฺขาจริยํ อรฺเ วา ผลาผลหรณสงฺขาตํ อุฺฉํ โย จเรยฺย, โสปิ ธมฺมเมว จเร. ทารฺจ โปสนฺติ อตฺตโน จ ปุตฺตทารํ โปเสนฺโตเยว. ททมปฺปกสฺมินฺติ ปริตฺเต วา เทยฺยธมฺเม ธมฺมิกสมณพฺราหฺมณานํ ททมาโน ธมฺมํ จเรติ อตฺโถ. สตํ สหสฺสานํ สหสฺสยาคินนฺติ ปรํ โปเถตฺวา วิเหเตฺวา สหสฺเสน ยาคํ ยชนฺตานํ สหสฺสยาคีนํ อิสฺสรานํ สตสหสฺสมฺปิ. กลมฺปิ นาคฺฆนฺติ ตถาวิธสฺส เตติ เตสํ สตสหสฺสสงฺขาตานํ สหสฺสยาคีนํ ยาคา ตถาวิธสฺส ธมฺเมน สเมน เทยฺยธมฺมํ อุปฺปาเทตฺวา เทนฺตสฺส ทุคฺคตมนุสฺสสฺส โสฬสึ กลํ น อคฺฆนฺตีติ.

เสฏฺิ ปฺจสิขสฺส กถํ สุตฺวา สลฺลกฺเขสิ. อถ นํ อนคฺฆการณํ ปุจฺฉนฺโต นวมํ คาถมาห –

๑๓๓.

‘‘เกเนส ยฺโ วิปุโล มหคฺฆโต, สเมน ทินฺนสฺส น อคฺฆเมติ;

กถํ สตํ สหสฺสานํ สหสฺสยาคินํ, กลมฺปิ นาคฺฆนฺติ ตถาวิธสฺส เต’’ติ.

ตตฺถ ยฺโติ ทานยาโค สตสหสฺสปริจฺจาควเสน วิปุโล, วิปุลตฺตาว มหคฺฆโต. สเมน ทินฺนสฺสาติ ธมฺเมน ทินฺนสฺส เกน การเณน อคฺฆํ น อุเปติ. กถํ สตํ สหสฺสานนฺติ พฺราหฺมณ, กถํ สหสฺสยาคีนํ ปุริสานํ พหูนํ สหสฺสานํ สตสหสฺสสงฺขาตา อิสฺสรา ตถาวิธสฺส ธมฺเมน อุปฺปาเทตฺวา ทายกสฺส เอกสฺส ทุคฺคตมนุสฺสสฺส กลํ นาคฺฆนฺตีติ.

อถสฺส กเถนฺโต ปฺจสิโข โอสานคาถมาห –

๑๓๔.

‘‘ททนฺติ เหเก วิสเม นิวิฏฺา, เฉตฺวา วธิตฺวา อถ โสจยิตฺวา;

สา ทกฺขิณา อสฺสุมุขา สทณฺฑา, สเมน ทินฺนสฺส น อคฺฆเมติ;

เอวํ สตํ สหสฺสานํ สหสฺสยาคินํ, กลมฺปิ นาคฺฆนฺติ ตถาวิธสฺส เต’’ติ.

ตตฺถ วิสเมติ วิสเม กายกมฺมาทิมฺหิ นิวิฏฺา. เฉตฺวาติ กิลเมตฺวา. วธิตฺวาติ มาเรตฺวา. โสจยิตฺวาติ สโสเก กตฺวา.

โส ปฺจสิขสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา ‘‘เตน หิ คจฺฉ, เคหํ ปวิสิตฺวา นิสีท, โถกํ ลจฺฉสี’’ติ อาห. โสปิ คนฺตฺวา เตสํ สนฺติเก นิสีทิ. ตโต พิลารโกสิโย เสฏฺิ เอกํ ทาสึ อามนฺเตตฺวา ‘‘เอเตสํ พฺราหฺมณานํ ปลาปวีหีนํ นาฬึ นาฬึ เทหี’’ติ อาห. สา วีหี คเหตฺวา พฺราหฺมเณ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อิเม อาทาย ยตฺถ กตฺถจิ ปจาเปตฺวา ภุฺชถา’’ติ อาห. ‘‘น อมฺหากํ วีหินา อตฺโถ, น มยํ วีหึ อามสามา’’ติ. ‘‘อยฺย, วีหึ กิเรเต นามสนฺตี’’ติ? ‘‘เตน หิ เตสํ ตณฺฑุเล เทหี’’ติ. สา ตณฺฑุเล อาทาย คนฺตฺวา ‘‘พฺราหฺมณา ตณฺฑุเล คณฺหถา’’ติ อาห. ‘‘มยํ อามกํ น ปฏิคฺคณฺหามา’’ติ. ‘‘อยฺย, อามกํ กิร น คณฺหนฺตี’’ติ. ‘‘เตน หิ เตสํ กโรฏิยํ วฑฺเฒตฺวา โคภตฺตํ เทหี’’ติ. สา เตสํ กโรฏิยํ วฑฺเฒตฺวา มหาโคณานํ ปกฺกภตฺตํ อาหริตฺวา อทาสิ. ปฺจปิ ชนา กพเฬ วฑฺเฒตฺวา มุเข ปกฺขิปิตฺวา คเล ลคฺคาเปตฺวา อกฺขีนิ ปริวตฺเตตฺวา วิสฺสฏฺสฺา มตา วิย นิปชฺชึสุ. ทาสี เต ทิสฺวา ‘‘มตา ภวิสฺสนฺตี’’ติ ภีตา คนฺตฺวา เสฏฺิโน อาโรเจสิ ‘‘อยฺย, เต พฺราหฺมณา โคภตฺตํ คิลิตุํ อสกฺโกนฺตา มตา’’ติ.

โส จินฺเตสิ ‘‘อิทานิ อยํ ปาปธมฺโม สุขุมาลพฺราหฺมณานํ โคภตฺตํ ทาเปสิ, เต ตํ คิลิตุํ อสกฺโกนฺตา มตาติ มํ ครหิสฺสนฺตี’’ติ. ตโต ทาสึ อาห – ‘‘ขิปฺปํ คนฺตฺวา เอเตสํ กโรฏิเกสุ ภตฺตํ หริตฺวา นานคฺครสํ สาลิภตฺตํ วฑฺเฒหี’’ติ. สา ตถา อกาสิ. เสฏฺิ อนฺตรปีถึ ปฏิปนฺนมนุสฺเส ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อหํ มม ภุฺชนนิยาเมน เอเตสํ พฺราหฺมณานํ ภตฺตํ ทาเปสึ, เอเต โลเภน มหนฺเต ปิณฺเฑ กตฺวา ภุฺชมานา คเล ลคฺคาเปตฺวา มตา, มม นิทฺโทสภาวํ ชานาถา’’ติ วตฺวา ปริสํ สนฺนิปาเตสิ. มหาชเน สนฺนิปติเต พฺราหฺมณา อุฏฺาย มหาชนํ โอโลเกตฺวา ‘‘ปสฺสถิมสฺส เสฏฺิสฺส มุสาวาทิตํ, ‘อมฺหากํ อตฺตโน ภุฺชนภตฺตํ ทาเปสิ’นฺติ วทติ, ปมํ โคภตฺตํ อมฺหากํ ทตฺวา อมฺเหสุ มเตสุ วิย นิปนฺเนสุ อิมํ ภตฺตํ วฑฺฒาเปสี’’ติ วตฺวา อตฺตโน มุเขหิ คหิตภตฺตํ ภูมิยํ ปาเตตฺวา ทสฺเสสุํ. มหาชโน เสฏฺึ ครหิ ‘‘อนฺธพาล, อตฺตโน กุลวํสํ นาเสสิ, ทานสาลํ ฌาเปสิ, ยาจเก คีวายํ คเหตฺวา นีหราเปสิ, อิทานิ อิเมสํ สุขุมาลพฺราหฺมณานํ ภตฺตํ เทนฺโต โคภตฺตํ ทาเปสิ, ปรโลกํ คจฺฉนฺโต ตว ฆเร วิภวํ คีวายํ พนฺธิตฺวา คมิสฺสสิ มฺเ’’ติ.

ตสฺมึ ขเณ สกฺโก มหาชนํ ปุจฺฉิ ‘‘ชานาถ, ตุมฺเห อิมสฺมึ เคเห ธนํ กสฺส สนฺตก’’นฺติ? ‘‘น ชานามา’’ติ. ‘‘อิมสฺมึ นคเร อสุกกาเล พาราณสิยํ มหาเสฏฺิ นาม ทานสาลํ กาเรตฺวา มหาทานํ ปวตฺตยี’’ติ สุตปุพฺพํ ตุมฺเหหีติ. ‘‘อาม สุณามา’’ติ. ‘‘อหํ โส เสฏฺิ, ทานํ ทตฺวา สกฺโก เทวราชา หุตฺวา ปุตฺโตปิ เม ตํ วํสํ อวินาเสตฺวา ทานํ ทตฺวา จนฺโท เทวปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺโต, ตสฺส ปุตฺโต สูริโย, ตสฺส ปุตฺโต มาตลิ, ตสฺส ปุตฺโต ปฺจสิโข คนฺธพฺพเทวปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺโต. เตสุ อยํ จนฺโท, อยํ สูริโย, อยํ มาตลิสงฺคาหโก, อยํ อิมสฺส ปาปธมฺมสฺส ปิตา ปฺจสิโข คนฺธพฺพเทวปุตฺโต, เอวํ พหุคุณํ เอตํ ทานํ นาม, กตฺตพฺพเมว กุสลํ ปณฺฑิเตหี’’ติ กเถนฺตา มหาชนสฺส กงฺขจฺเฉทนตฺถํ อากาเส อุปฺปติตฺวา มหนฺเตนานุภาเวน มหนฺเตน ปริวาเรน ชลมานสรีรา อฏฺํสุ, สกลนครํ ปชฺชลนฺตํ วิย อโหสิ. สกฺโก มหาชนํ อามนฺเตตฺวา ‘‘มยํ อตฺตโน ทิพฺพสมฺปตฺตึ ปหาย อาคจฺฉนฺตา อิมํ กุลวํสนาสกรํ ปาปธมฺมพิลารโกสิยํ นิสฺสาย อาคตา, อยํ ปาปธมฺโม อตฺตโน กุลวํสํ นาเสตฺวา ทานสาลํ ฌาเปตฺวา ยาจเก คีวายํ คเหตฺวา นีหราเปตฺวา อมฺหากํ วํสํ สมุจฺฉินฺทิ, ‘อยํ อทานสีโล หุตฺวา นิรเย นิพฺพตฺเตยฺยา’ติ อิมสฺส อนุกมฺปาย อาคตามฺหา’’ติ วตฺวา ทานคุณํ ปกาเสนฺโต มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสสิ. พิลารโกสิโย สิรสฺมึ อฺชลึ ปติฏฺเปตฺวา ‘‘เทว, อหํ อิโต ปฏฺาย โปราณกุลวํสํ อนาสาเปตฺวา ทานํ ปวตฺเตสฺสามิ, อชฺช อาทึ กตฺวา อนฺตมโส อุทกทนฺตโปนํ อุปาทาย อตฺตโน ลทฺธาหารํ ปรสฺส อทตฺวา น ขาทิสฺสามี’’ติ สกฺกสฺส ปฏิฺํ อทาสิ. สกฺโก ตํ ทเมตฺวา นิพฺพิเสวนํ กตฺวา ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺเปตฺวา จตฺตาโร เทวปุตฺเต อาทาย สกฏฺานเมว คโต. โสปิ เสฏฺิ ยาวชีวํ ทานํ ทตฺวา ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว, อยํ ภิกฺขุ ปุพฺเพ อสฺสทฺโธ อโหสิ กสฺสจิ กิฺจิ อทาตา, อหํ ปน นํ ทเมตฺวา ทานผลํ ชานาเปสึ, ตเมว จิตฺตํ ภวนฺตรคตมฺปิ น ชหาตี’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เสฏฺิ อยํ ทานปติโก ภิกฺขุ อโหสิ, จนฺโท สาริปุตฺโต, สูริโย โมคฺคลฺลาโน, มาตลิ กสฺสโป, ปฺจสิโข อานนฺโท, สกฺโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

พิลารโกสิยชาตกวณฺณนา ทฺวาทสมา.

[๔๕๑] ๑๓. จกฺกวากชาตกวณฺณนา

วณฺณวาอภิรูโปสีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ โลลภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร จีวราทีหิ อติตฺโต ‘‘กหํ สงฺฆภตฺตํ, กหํ นิมนฺตน’’นฺติ ปริเยสนฺโต วิจรติ, อามิสกถายเมว อภิรมติ. อถฺเ เปสลา ภิกฺขู ตสฺสานุคฺคเหน สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ โลโล’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขุ กสฺมา เอวรูเป นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวา โลโล อโหสิ, โลลภาโว จ นาม ปาปโก, ปุพฺเพปิ ตฺวํ โลลภาวํ นิสฺสาย พาราณสิยํ หตฺถิกุณปาทีหิ อติตฺโต มหาอรฺํ ปวิฏฺโ’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต เอโก โลลกาโก พาราณสิยํ หตฺถิกุณปาทีหิ อติตฺโต ‘‘อรฺํ นุ โข กีทิส’’นฺติ อรฺํ คนฺตฺวา ตตฺถปิ ผลาผเลหิ อสนฺตุฏฺโ คงฺคาย ตีรํ คนฺตฺวา วิจรนฺโต ชยมฺปติเก จกฺกวาเก ทิสฺวา ‘‘อิเม สกุณา อติวิย โสภนฺติ, อิเม อิมสฺมึ คงฺคาตีเร พหุํ มจฺฉมํสํ ขาทนฺติ มฺเ, อิเม ปฏิปุจฺฉิตฺวา มยาปิ อิเมสํ โภชนํ โคจรํ ขาทิตฺวา วณฺณวนฺเตน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ เตสํ อวิทูเร นิสีทิตฺวา จกฺกวากํ ปุจฺฉนฺโต ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๓๕.

‘‘วณฺณวา อภิรูโปสิ, ฆโน สฺชาตโรหิโต;

จกฺกวาก สุรูโปสิ, วิปฺปสนฺนมุขินฺทฺริโย.

๑๓๖.

‘‘ปาีนํ ปาวุสํ มจฺฉํ, พลชํ มุฺชโรหิตํ;

คงฺคาย ตีเร นิสินฺโน, เอวํ ภุฺชสิ โภชน’’นฺติ.

ตตฺถ ฆโนติ ฆนสรีโร. สฺชาตโรหิโตติ อุตฺตตฺตสุวณฺณํ วิย สุฏฺุชาตโรหิตวณฺโณ. ปาีนนฺติ ปาีนนามกํ ปาสาณมจฺฉํ. ปาวุสนฺติ มหามุขมจฺฉํ, ‘‘ปาหุส’’นฺติปิ ปาโ. พลชนฺติ พลชมจฺฉํ. มุฺชโรหิตนฺติ มุฺชมจฺฉฺจ โรหิตมจฺฉฺจ. เอวํ ภุฺชสีติ เอวรูปํ โภชนํ มฺเ ภุฺชสีติ ปุจฺฉติ.

จกฺกวาโก ตสฺส วจนํ ปฏิกฺขิปนฺโต ตติยํ คาถมาห –

๑๓๗.

‘‘น วาหเมตํ ภุฺชามิ, ชงฺคลาโนทกานิ วา;

อฺตฺร เสวาลปณกา, เอตํ เม สมฺม โภชน’’นฺติ.

ตสฺสตฺโถ – อหํ สมฺม, อฺตฺร เสวาลา จ ปณกา จ เสสานิ ชงฺคลานิ วา โอทกานิ วา มํสานิ อาทาย เอตํ โภชนํ น ภุฺชามิ, ยํ ปเนตํ เสวาลปณกํ, เอตํ เม สมฺม, โภชนนฺติ.

ตโต กาโก ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๓๘.

‘‘น วาหเมตํ สทฺทหามิ, จกฺกวากสฺส โภชนํ;

อหมฺปิ สมฺม ภุฺชามิ, คาเม โลณิยเตลิยํ.

๑๓๙.

‘‘มนุสฺเสสุ กตํ ภตฺตํ, สุจึ มํสูปเสจนํ;

น จ เม ตาทิโส วณฺโณ, จกฺกวาก ยถา ตุว’’นฺติ.

ตตฺถ ยถา ตุวนฺติ ยถา ตุวํ โสภคฺคปฺปตฺโต สรีรวณฺโณ, ตาทิโส มยฺหํ วณฺโณ นตฺถิ, เอเตน การเณน อหํ ตว ‘‘เสวาลปณกํ มม โภชน’’นฺติ วทนฺตสฺส วจนํ น สทฺทหามีติ.

อถสฺส จกฺกวาโก ทุพฺพณฺณการณํ กเถตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต เสสคาถา อภาสิ –

๑๔๐.

‘‘สมฺปสฺสํ อตฺตนิ เวรํ, หึสยํ มานุสึ ปชํ;

อุตฺรสฺโต ฆสสี ภีโต, เตน วณฺโณ ตเวทิโส.

๑๔๑.

‘‘สพฺพโลกวิรุทฺโธสิ, ธงฺก ปาเปน กมฺมุนา;

ลทฺโธ ปิณฺโฑ น ปีเณติ, เตน วณฺโณ ตเวทิโส.

๑๔๒.

‘‘อหมฺปิ สมฺม ภุฺชามิ, อหึสํ สพฺพปาณินํ;

อปฺโปสฺสุกฺโก นิราสงฺกี, อโสโก อกุโตภโย.

๑๔๓.

‘‘โส กรสฺสุ อานุภาวํ, วีติวตฺตสฺสุ สีลิยํ;

อหึสาย จร โลเก, ปิโย โหหิสิ มํมิว.

๑๔๔.

‘‘โย น หนฺติ น ฆาเตติ, น ชินาติ น ชาปเย;

เมตฺตํโส สพฺพภูเตสุ, เวรํ ตสฺส น เกนจี’’ติ.

ตตฺถ สมฺปสฺสนฺติ สมฺม กาก ตฺวํ ปเรสุ อุปฺปนฺนํ อตฺตนิ เวรจิตฺตํ สมฺปสฺสมาโน มานุสึ ปชํ หึสนฺโต วิเหเนฺโต. อุตฺรสฺโตติ ภีโต. ฆสสีติ ภุฺชสิ. เตน เต เอทิโส พีภจฺฉวณฺโณ ชาโต. ธงฺกาติ กากํ อาลปติ. ปิณฺโฑติ โภชนํ. อหึสํ สพฺพปาณินนฺติ อหํ ปน สพฺพสตฺเต อหึสนฺโต ภุฺชามีติ วทติ. โส กรสฺสุ อานุภาวนฺติ โส ตฺวมฺปิ วีริยํ กโรหิ, อตฺตโน สีลิยสงฺขาตํ ทุสฺสีลภาวํ วีติวตฺตสฺสุ. อหึสายาติ อหึสาย สมนฺนาคโต หุตฺวา โลเก จร. ปิโย โหหิสิ มํมิวาติ เอวํ สนฺเต มยา สทิโสว โลกสฺส ปิโย โหหิสิ. น ชินาตีติ ธนชานึ น กโรติ. น ชาปเยติ อฺเปิ น กาเรติ. เมตฺตํโสติ เมตฺตโกฏฺาโส เมตฺตจิตฺโต. น เกนจีติ เกนจิ เอกสตฺเตนปิ สทฺธึ ตสฺส เวรํ นาม นตฺถีติ.

ตสฺมา สเจ โลกสฺส ปิโย ภวิตุํ อิจฺฉสิ, สพฺพเวเรหิ วิรมาหีติ เอวํ จกฺกวาโก กากสฺส ธมฺมํ เทเสสิ. กาโก ‘‘ตุมฺเห อตฺตโน โคจรํ มยฺหํ น กเถถ, กา กา’’ติ วสฺสนฺโต อุปฺปติตฺวา พาราณสิยํ อุกฺการภูมิยฺเว โอตริ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โลลภิกฺขุ อนาคามิผเล ปติฏฺหิ. ตทา กาโก โลลภิกฺขุ อโหสิ, จกฺกวากี ราหุลมาตา, จกฺกวาโก ปน อหเมว อโหสินฺติ.

จกฺกวากชาตกวณฺณนา เตรสมา.

[๔๕๒] ๑๔. ภูริปฺชาตกวณฺณนา

๑๔๕-๑๕๔. สจฺจํ กิราติ อิทํ ภูริปฺชาตกํ มหาอุมงฺคชาตเก (ชา. ๒.๒๒.๕๙๐ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ.

ภูริปฺชาตกวณฺณนา จุทฺทสมา.

[๔๕๓] ๑๕. มหามงฺคลชาตกวณฺณนา

กึสุนโรติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มหามงฺคลสุตฺตํ (ขุ. ปา. ๕.๑ อาทโย) อารพฺภ กเถสิ. ราชคหนครสฺมิฺหิ เกนจิเทว กรณีเยน สนฺถาคาเร สนฺนิปติตสฺส มหาชนสฺส มชฺเฌ เอโก ปุริโส ‘‘อชฺช เม มงฺคลกิริยา อตฺถี’’ติ อุฏฺาย อคมาสิ. อปโร ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘อยํ ‘มงฺคล’นฺติ วตฺวาว คโต, กึ เอตํ มงฺคลํ นามา’’ติ อาห . ตมฺโ ‘‘อภิมงฺคลรูปทสฺสนํ มงฺคลํ นาม. เอกจฺโจ หิ กาลสฺเสว อุฏฺาย สพฺพเสตํ อุสภํ วา ปสฺสติ, คพฺภินิตฺถึ วา โรหิตมจฺฉํ วา ปุณฺณฆฏํ วา นวนีตํ วา โคสปฺปึ วา อหตวตฺถํ วา ปายาสํ วา ปสฺสติ, อิโต อุตฺตริ มงฺคลํ นาม นตฺถี’’ติ อาห. เตน กถิตํ เอกจฺเจ ‘‘สุกถิต’’นฺติ อภินนฺทึสุ. อปโร ‘‘เนตํ มงฺคลํ, สุตํ นาม มงฺคลํ. เอกจฺโจ หิ ‘ปุณฺณา’ติ วทนฺตานํ สุณาติ, ตถา ‘วฑฺฒา’ติ ‘วฑฺฒมานา’ติ สุณาติ, ‘ภุฺชา’ติ ‘ขาทา’ติ วทนฺตานํ สุณาติ, อิโต อุตฺตริ มงฺคลํ นาม นตฺถี’’ติ อาห. เตน กถิตมฺปิ เอกจฺเจ ‘‘สุกถิต’’นฺติ อภินนฺทึสุ. อปโร ‘‘น เอตํ มงฺคลํ, มุตํ นาม มงฺคลํ. เอกจฺโจ หิ กาลสฺเสว อุฏฺาย ปถวึ อามสติ, หริตติณํ อลฺลโคมยํ ปริสุทฺธสาฏกํ โรหิตมจฺฉํ สุวณฺณรชตภาชนํ อามสติ, อิโต อุตฺตริ มงฺคลํ นาม นตฺถี’’ติ อาห. เตน กถิตมฺปิ เอกจฺเจ ‘‘สุกถิต’’นฺติ อภินนฺทึสุ. เอวํ ทิฏฺมงฺคลิกา สุตมงฺคลิกา มุตมงฺคลิกาติ ติสฺโสปิ ปริสา หุตฺวา อฺมฺํ สฺาเปตุํ นาสกฺขึสุ, ภุมฺมเทวตา อาทึ กตฺวา ยาว พฺรหฺมโลกา ‘‘อิทํ มงฺคล’’นฺติ ตถโต น ชานึสุ.

สกฺโก จินฺเตสิ ‘‘อิมํ มงฺคลปฺหํ สเทวเก โลเก อฺตฺร ภควตา อฺโ กเถตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อิมํ ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ. โส รตฺติภาเค สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห ‘‘พหู เทวา มนุสฺสา จา’’ติ ปฺหํ ปุจฺฉิ. อถสฺส สตฺถา ทฺวาทสหิ คาถาหิ อฏฺตึส มหามงฺคลานิ กเถสิ. มงฺคลสุตฺเต วินิวฏฺฏนฺเตเยว โกฏิสตสหสฺสมตฺตา เทวตา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ, โสตาปนฺนาทีนํ คณนปโถ นตฺถิ. สกฺโก มงฺคลํ สุตฺวา สกฏฺานเมว คโต. สตฺถารา มงฺคเล กถิเต สเทวโก โลโก ‘‘สุกถิต’’นฺติ อภินนฺทิ. ตทา ธมฺมสภายํ ตถาคตสฺส คุณกถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, สตฺถา อฺเสํ อวิสยํ มงฺคลปฺหํ สเทวกสฺส โลกสฺส จิตฺตํ คเหตฺวา กุกฺกุจฺจํ ฉินฺทิตฺวา คคนตเล จนฺทํ อุฏฺาเปนฺโต วิย กเถสิ, เอวํ มหาปฺโ, อาวุโส, ตถาคโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘อนจฺฉริยํ, ภิกฺขเว, อิทาเนว สมฺโพธิปฺปตฺตสฺส มม มงฺคลปฺหกถนํ, สฺวาหํ โพธิสตฺตจริยํ จรนฺโตปิ เทวมนุสฺสานํ กงฺขํ ฉินฺทิตฺวา มงฺคลปฺหํ กเถสิ’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ คาเม วิภวสมฺปนฺนสฺส พฺราหฺมณสฺส กุเล นิพฺพตฺติ, ‘‘รกฺขิตกุมาโร’’ติสฺส นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ อุคฺคหิตสิปฺโป กตทารปริคฺคโห มาตาปิตูนํ อจฺจเยน รตนวิโลกนํ กตฺวา สํวิคฺคมานโส มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา กาเม ปหาย หิมวนฺตปเทเส ปพฺพชิตฺวา ฌานาภิฺํ นิพฺพตฺเตตฺวา วนมูลผลาหาโร เอกสฺมึ ปเทเส วาสํ กปฺเปสิ. อนุปุพฺเพนสฺส ปริวาโร มหา อโหสิ, ปฺจ อนฺเตวาสิกสตานิ อเหสุํ. อเถกทิวสํ เต ตาปสา โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘อาจริย, วสฺสารตฺตสมเย หิมวนฺตโต โอตริตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย ชนปทจาริกํ คจฺฉาม, เอวํ โน สรีรฺจ ถิรํ ภวิสฺสติ, ชงฺฆวิหาโร จ กโต ภวิสฺสตี’’ติ อาหํสุ. เต ‘‘เตน หิ ตุมฺเห คจฺฉถ, อหํ อิเธว วสิสฺสามี’’ติ วุตฺเต ตํ วนฺทิตฺวา หิมวนฺตา โอตริตฺวา จาริกํ จรมานา พาราณสึ ปตฺวา ราชุยฺยาเน วสึสุ. เตสํ มหาสกฺการสมฺมาโน อโหสิ. อเถกทิวสํ พาราณสิยํ สนฺถาคาเร สนฺนิปติเต มหาชนกาเย มงฺคลปฺโห สมุฏฺาติ. สพฺพํ ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุนเยเนว เวทิตพฺพํ.

ตทา ปน มนุสฺสานํ กงฺขํ ฉินฺทิตฺวา มงฺคลปฺหํ กเถตุํ สมตฺถํ อปสฺสนฺโต มหาชโน อุยฺยานํ คนฺตฺวา อิสิคณํ มงฺคลปฺหํ ปุจฺฉิ. อิสโย ราชานํ อามนฺเตตฺวา ‘‘มหาราช, มยํ เอตํ กเถตุํ น สกฺขิสฺสาม, อปิจ โข อมฺหากํ อาจริโย รกฺขิตตาปโส นาม มหาปฺโ หิมวนฺเต วสติ, โส สเทวกสฺส โลกสฺส จิตฺตํ คเหตฺวา เอตํ มงฺคลปฺหํ กเถสฺสตี’’ติ วทึสุ. ราชา ‘‘ภนฺเต, หิมวนฺโต นาม ทูเร ทุคฺคโมว, น สกฺขิสฺสาม มยํ ตตฺถ คนฺตุํ, สาธุ วต ตุมฺเหเยว อาจริยสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ปุจฺฉิตฺวา อุคฺคณฺหิตฺวา ปุนาคนฺตฺวา อมฺหากํ กเถถา’’ติ อาห. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อาจริยสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา กตปฏิสนฺถารา อาจริเยน รฺโ ธมฺมิกภาเว ชนปทจาริตฺเต จ ปุจฺฉิเต ตํ ทิฏฺมงฺคลาทีนํ อุปฺปตฺตึ อาทิโต ปฏฺาย กเถตฺวา รฺโ ยาจนาย จ อตฺตโน ปฺหสวนตฺถํ อาคตภาวํ ปกาเสตฺวา ‘‘สาธุ โน ภนฺเต, มงฺคลปฺหํ ปากฏํ กตฺวา กเถถา’’ติ ยาจึสุ. ตโต เชฏฺนฺเตวาสิโก อาจริยํ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –

๑๕๕.

‘‘กึสุ นโร ชปฺปมธิจฺจ กาเล, กํ วา วิชฺชํ กตมํ วา สุตานํ;

โส มจฺโจ อสฺมิฺจ ปรมฺหิ โลเก, กถํ กโร โสตฺถาเนน คุตฺโต’’ติ.

ตตฺถ กาเลติ มงฺคลปตฺถนกาเล. วิชฺชนฺติ เวทํ. สุตานนฺติ สิกฺขิตพฺพยุตฺตกปริยตฺตีนํ. อสฺมิฺจาติ เอตฺถ จาติ นิปาตมตฺตํ. โสตฺถาเนนาติ โสตฺถิภาวาวเหน มงฺคเลน. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘อาจริย, ปุริโส มงฺคลํ อิจฺฉนฺโต มงฺคลกาเล กึสุ นาม ชปฺปนฺโต ตีสุ เวเทสุ กตรํ วา เวทํ กตรํ วา สุตานํ อนฺตเร สุตปริยตฺตึ อธียิตฺวา โส มจฺโจ อิมสฺมิฺจ โลเก ปรมฺหิ จ กถํ กโร เอเตสุ ชปฺปาทีสุ กึ เกน นิยาเมน กโรนฺโต โสตฺถาเนน นิรปราธมงฺคเลน คุตฺโต รกฺขิโต โหติ, ตํ อุภยโลกหิตํ คเหตฺวา ิตมงฺคลํ อมฺหากํ กเถหี’’ติ.

เอวํ เชฏฺนฺเตวาสิเกน มงฺคลปฺหํ ปุฏฺโ มหาสตฺโต เทวมนุสฺสานํ กงฺขํ ฉินฺทนฺโต ‘‘อิทฺจิทฺจ มงฺคล’’นฺติ พุทฺธลีฬาย มงฺคลํ กเถนฺโต อาห –

๑๕๖.

‘‘ยสฺส เทวา ปิตโร จ สพฺเพ, สรีสปา สพฺพภูตานิ จาปิ;

เมตฺตาย นิจฺจํ อปจิตานิ โหนฺติ, ภูเตสุ เว โสตฺถานํ ตทาหู’’ติ.

ตตฺถ ยสฺสาติ ยสฺส ปุคฺคลสฺส. เทวาติ ภุมฺมเทเว อาทึ กตฺวา สพฺเพปิ กามาวจรเทวา. ปิตโร จาติ ตตุตฺตริ รูปาวจรพฺรหฺมาโน. สรีสปาติ ทีฆชาติกา. สพฺพภูตานิ จาปีติ วุตฺตาวเสสานิ จ สพฺพานิปิ ภูตานิ. เมตฺตาย นิจฺจํ อปจิตานิ โหนฺตีติ เอเต สพฺเพ สตฺตา ทสทิสาผรณวเสน ปวตฺตาย อปฺปนาปฺปตฺตาย เมตฺตาภาวนาย อปจิตา โหนฺติ. ภูเตสุ เวติ ตํ ตสฺส ปุคฺคลสฺส สพฺพสตฺเตสุ โสตฺถานํ นิรนฺตรํ ปวตฺตํ นิรปราธมงฺคลํ อาหุ. เมตฺตาวิหารี หิ ปุคฺคโล สพฺเพสํ ปิโย โหติ ปรูปกฺกเมน อวิโกปิโย. อิติ โส อิมินา มงฺคเลน รกฺขิโต โคปิโต โหตีติ.

อิติ มหาสตฺโต ปมํ มงฺคลํ กเถตฺวา ทุติยาทีนิ กเถนฺโต –

๑๕๗.

‘‘โย สพฺพโลกสฺส นิวาตวุตฺติ, อิตฺถีปุมานํ สหทารกานํ;

ขนฺตา ทุรุตฺตานมปฺปฏิกูลวาที, อธิวาสนํ โสตฺถานํ ตทาหุ.

๑๕๘.

‘‘โย นาวชานาติ สหายมตฺเต, สิปฺเปน กุลฺยาหิ ธเนน ชจฺจา;

รุจิปฺโ อตฺถกาเล มตีมา, สหาเยสุ เว โสตฺถานํ ตทาหุ.

๑๕๙.

‘‘มิตฺตานิ เว ยสฺส ภวนฺติ สนฺโต, สํวิสฺสตฺถา อวิสํวาทกสฺส;

น มิตฺตทุพฺภี สํวิภาคี ธเนน, มิตฺเตสุ เว โสตฺถานํ ตทาหุ.

๑๖๐.

‘‘ยสฺส ภริยา ตุลฺยวยา สมคฺคา, อนุพฺพตา ธมฺมกามา ปชาตา;

โกลินิยา สีลวตี ปติพฺพตา, ทาเรสุ เว โสตฺถานํ ตทาหุ.

๑๖๑.

‘‘ยสฺส ราชา ภูตปติ ยสสฺสี, ชานาติ โสเจยฺยํ ปรกฺกมฺจ;

อทฺเวชฺฌตา สุหทยํ มมนฺติ, ราชูสุ เว โสตฺถานํ ตทาหุ.

๑๖๒.

‘‘อนฺนฺจ ปานฺจ ททาติ สทฺโธ, มาลฺจ คนฺธฺจ วิเลปนฺจ;

ปสนฺนจิตฺโต อนุโมทมาโน, สคฺเคสุ เว โสตฺถานํ ตทาหุ.

๑๖๓.

‘‘ยมริยธมฺเมน ปุนนฺติ วุทฺธา, อาราธิตา สมจริยาย สนฺโต;

พหุสฺสุตา อิสโย สีลวนฺโต, อรหนฺตมชฺเฌ โสตฺถานํ ตทาหู’’ติ. –

อิมา คาถา อภาสิ.

ตตฺถ นิวาตวุตฺตีติ มุทุจิตฺตตาย สพฺพโลกสฺส นีจวุตฺติ โหติ. ขนฺตา ทุรุตฺตานนฺติ ปเรหิ วุตฺตานํ ทุฏฺวจนานํ อธิวาสโก โหติ. อปฺปฏิกูลวาทีติ ‘‘อกฺโกจฺฉิ มํ, อวธิ ม’’นฺติ ยุคคฺคาหํ อกโรนฺโต อนุกูลเมว วทติ. อธิวาสนนฺติ อิทํ อธิวาสนํ ตสฺส โสตฺถานํ นิรปราธมงฺคลํ ปณฺฑิตา วทนฺติ.

สหายมตฺเตติ สหาเย จ สหายมตฺเต จ. ตตฺถ สหปํสุกีฬิตา สหายา นาม, ทส ทฺวาทส วสฺสานิ เอกโต วุตฺถา สหายมตฺตา นาม, เต สพฺเพปิ ‘‘อหํ สิปฺปวา, อิเม นิสิปฺปา’’ติ เอวํ สิปฺเปน วา ‘‘อหํ กุลีโน, อิเม น กุลีนา’’ติ เอวํ กุลสมฺปตฺติสงฺขาตาหิ กุลฺยาหิ วา, ‘‘อหํ อฑฺโฒ, อิเม ทุคฺคตา’’ติ เอวํ ธเนน วา, ‘‘อหํ ชาติสมฺปนฺโน, อิเม ทุชฺชาตา’’ติ เอวํ ชจฺจา วา นาวชานาติ. รุจิปฺโติ สาธุปฺโ สุนฺทรปฺโ . อตฺถกาเลติ กสฺสจิเทว อตฺถสฺส การณสฺส อุปฺปนฺนกาเล. มตีมาติ ตํ ตํ อตฺถํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา วิจารณสมตฺถตาย มติมา หุตฺวา เต สหาเย นาวชานาติ. สหาเยสูติ ตํ ตสฺส อนวชานนํ สหาเยสุ โสตฺถานํ นามาติ โปราณกปณฺฑิตา อาหุ. เตน หิ โส นิรปราธมงฺคเลน อิธโลเก จ ปรโลเก จ คุตฺโต โหติ. ตตฺถ ปณฺฑิเต สหาเย นิสฺสาย โสตฺถิภาโว กุสนาฬิชาตเกน (ชา. ๑.๑.๑๒๑ อาทโย) กเถตพฺโพ.

สนฺโตติ ปณฺฑิตา สปฺปุริสา ยสฺส มิตฺตานิ ภวนฺติ. สํวิสฺสตฺถาติ ฆรํ ปวิสิตฺวา อิจฺฉิติจฺฉิตสฺเสว คหณวเสน วิสฺสาสมาปนฺนา. อวิสํวาทกสฺสาติ อวิสํวาทนสีลสฺส. น มิตฺตทุพฺภีติ โย จ มิตฺตทุพฺภี น โหติ. สํวิภาคี ธเนนาติ อตฺตโน ธเนน มิตฺตานํ สํวิภาคํ กโรติ. มิตฺเตสูติ มิตฺเต นิสฺสาย ลทฺธพฺพํ ตสฺส ตํ มิตฺเตสุ โสตฺถานํ นาม โหติ. โส หิ เอวรูเปหิ มิตฺเตหิ รกฺขิโต โสตฺถึ ปาปุณาติ. ตตฺถ มิตฺเต นิสฺสาย โสตฺถิภาโว มหาอุกฺกุสชาตกาทีหิ (ชา. ๑.๑๔.๔๔ อาทโย) กเถตพฺโพ.

ตุลฺยวยาติ สมานวยา. สมคฺคาติ สมคฺควาสา. อนุพฺพตาติ อนุวตฺติตา. ธมฺมกามาติ ติวิธสุจริตธมฺมํ โรเจติ. ปชาตาติ วิชายินี, น วฺฌา. ทาเรสูติ เอเตหิ สีลคุเณหิ สมนฺนาคเต มาตุคาเม เคเห วสนฺเต สามิกสฺส โสตฺถิ โหตีติ ปณฺฑิตา กเถนฺติ. ตตฺถ สีลวนฺตํ มาตุคามํ นิสฺสาย โสตฺถิภาโว มณิโจรชาตก- (ชา. ๑.๒.๘๗ อาทโย) สมฺพูลชาตก- (ชา. ๑.๑๖.๒๙๗ อาทโย) ขณฺฑหาลชาตเกหิ (ชา. ๒.๒๒.๙๘๒ อาทโย) กเถตพฺโพ.

โสเจยฺยนฺติ สุจิภาวํ. อทฺเวชฺฌตาติ อทฺเวชฺฌตาย น เอส มยา สทฺธึ ภิชฺชิตฺวา ทฺวิธา ภวิสฺสตีติ เอวํ อทฺเวชฺฌภาเวน ยํ ชานาติ. สุหทยํ มมนฺติ สุหโท อยํ มมนฺติ จ ยํ ชานาติ. ราชูสุ เวติ เอวํ ราชูสุ เสวกานํ โสตฺถานํ นามาติ ปณฺฑิตา กเถนฺติ. ททาติสทฺโธติ กมฺมฺจ ผลฺจ สทฺทหิตฺวา ททาติ. สคฺเคสุ เวติ เอวํ สคฺเค เทวโลเก โสตฺถานํ นิรปราธมงฺคลนฺติ ปณฺฑิตา กเถนฺติ, ตํ เปตวตฺถุวิมานวตฺถูหิ วิตฺถาเรตฺวา กเถตพฺพํ.

ปุนนฺติวุทฺธาติ ยํ ปุคฺคลํ าณวุทฺธา อริยธมฺเมน ปุนนฺติ ปริโสเธนฺติ. สมจริยายาติ สมฺมาปฏิปตฺติยา. พหุสฺสุตาติ ปฏิเวธพหุสฺสุตา. อิสโยติ เอสิตคุณา. สีลวนฺโตติ อริยสีเลน สมนฺนาคตา. อรหนฺตมชฺเฌติ อรหนฺตานํ มชฺเฌ ปฏิลภิตพฺพํ ตํ โสตฺถานนฺติ ปณฺฑิตา กเถนฺติ. อรหนฺโต หิ อตฺตนา ปฏิวิทฺธมคฺคํ อาจิกฺขิตฺวา ปฏิปาเทนฺตา อาราธกํ ปุคฺคลํ อริยมคฺเคน ปุนนฺติ, โสปิ อรหาว โหติ.

เอวํ มหาสตฺโต อรหตฺเตน เทสนาย กูฏํ คณฺหนฺโต อฏฺหิ คาถาหิ อฏฺ มหามงฺคลานิ กเถตฺวา เตสฺเว มงฺคลานํ ถุตึ กโรนฺโต โอสานคาถมาห –

๑๖๔.

‘‘เอตานิ โข โสตฺถานานิ โลเก, วิฺุปฺปสตฺถานิ สุขุทฺรยานิ;

ตานีธ เสเวถ นโร สปฺโ, น หิ มงฺคเล กิฺจนมตฺถิ สจฺจ’’นฺติ.

ตตฺถ น หิ มงฺคเลติ ตสฺมึ ปน ทิฏฺสุตมุตปฺปเภเท มงฺคเล กิฺจนํ เอกมงฺคลมฺปิ สจฺจํ นาม นตฺถิ, นิพฺพานเมว ปเนกํ ปรมตฺถสจฺจนฺติ.

อิสโย ตานิ มงฺคลานิ สุตฺวา สตฺตฏฺทิวสจฺจเยน อาจริยํ อาปุจฺฉิตฺวา ตตฺเถว อคมํสุ. ราชา เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปุจฺฉิ. เต ตสฺส อาจริเยน กถิตนิยาเมน มงฺคลปฺหํ กเถตฺวา หิมวนฺตเมว อาคมํสุ. ตโต ปฏฺาย โลเก มงฺคลํ ปากฏํ อโหสิ. มงฺคเลสุ วตฺติตฺวา มตมตา สคฺคปถํ ปูเรสุํ. โพธิสตฺโต จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา อิสิคณํ อาทาย พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปาหํ มงฺคลปฺหํ กเถสิ’’นฺติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อิสิคโณ พุทฺธปริสา อโหสิ , มงฺคลปฺหปุจฺฉโก เชฏฺนฺเตวาสิโก สาริปุตฺโต, อาจริโย ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

มหามงฺคลชาตกวณฺณนา ปนฺนรสมา.

[๔๕๔] ๑๖. ฆฏปณฺฑิตชาตกวณฺณนา

อุฏฺเหิกณฺหาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มตปุตฺตํ กุฏุมฺพิกํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ มฏฺกุณฺฑลิสทิสเมว. อิธ ปน สตฺถา ตํ อุปาสกํ ‘‘กึ, อุปาสก, โสจสี’’ติ วตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อุปาสก, โปราณกปณฺฑิตา ปณฺฑิตานํ กถํ สุตฺวา มตปุตฺตํ นานุโสจึสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต อุตฺตรปเถ กํสโภเค อสิตฺชนนคเร มหากํโส นาม ราชา รชฺชํ กาเรสิ. ตสฺส กํโส จ, อุปกํโส จาติ ทฺเว ปุตฺตา อเหสุํ, เทวคพฺภา นาม เอกา ธีตา. ตสฺสา ชาตทิวเส เนมิตฺตกา พฺราหฺมณา ‘‘เอติสฺสา กุจฺฉิยํ นิพฺพตฺตปุตฺตา กํสโคตฺตํ กํสวํสํ นาเสสฺสนฺตี’’ติ พฺยากรึสุ. ราชา พลวสิเนเหน ธีตรํ วินาเสตุํ นาสกฺขิ, ‘‘ภาตโร ชานิสฺสนฺตี’’ติ ยาวตายุกํ ตฺวา กาลมกาสิ. ตสฺมึ กาลกเต กํโส ราชา อโหสิ, อุปกํโส อุปราชา. เต จินฺตยึสุ ‘‘สเจ มยํ ภคินึ นาเสสฺสาม, คารยฺหา ภวิสฺสาม, เอตํ กสฺสจิ อทตฺวา นิสฺสามิกํ กตฺวา ปฏิชคฺคิสฺสามา’’ติ. เต เอกถูณกํ ปาสาทํ กาเรตฺวา ตํ ตตฺถ วสาเปสุํ. นนฺทิโคปา นาม ตสฺสา ปริจาริกา อโหสิ. อนฺธกเวณฺโฑ นาม ทาโส ตสฺสา สามิโก อารกฺขมกาสิ.

ตทา อุตฺตรมธุราย มหาสาคโร นาม ราชา รชฺชํ กาเรสิ. ตสฺส สาคโร, อุปสาคโร จาติ ทฺเว ปุตฺตา อเหสุํ. เตสุ ปิตุ อจฺจเยน สาคโร ราชา อโหสิ, อุปสาคโร อุปราชา. โส อุปกํสสฺส สหายโก เอกาจริยกุเล เอกโต อุคฺคหิตสิปฺโป. โส สาครสฺส ภาตุ อนฺเตปุเร ทุพฺภิตฺวา ภายมาโน ปลายิตฺวา กํสโภเค อุปกํสสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. อุปกํโส ตํ รฺโ ทสฺเสสิ, ราชา ตสฺส มหนฺตํ ยสํ อทาสิ. โส ราชุปฏฺานํ คจฺฉนฺโต เทวคพฺภาย นิวาสํ เอกถมฺภํ ปาสาทํ ทิสฺวา ‘‘กสฺเสโส นิวาโส’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตํ การณํ สุตฺวา เทวคพฺภาย ปฏิพทฺธจิตฺโต อโหสิ. เทวคพฺภาปิ เอกทิวสํ ตํ อุปกํเสน สทฺธึ ราชุปฏฺานํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘โก เอโส’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘มหาสาครสฺส ปุตฺโต อุปสาคโร นามา’’ติ นนฺทิโคปาย สนฺติกา สุตฺวา ตสฺมึ ปฏิพทฺธจิตฺตา อโหสิ. อุปสาคโร นนฺทิโคปาย ลฺชํ ทตฺวา ‘‘ภคินิ, สกฺขิสฺสสิ เม เทวคพฺภํ ทสฺเสตุ’’นฺติ อาห. สา ‘‘น เอตํ สามิ, ครุก’’นฺติ วตฺวา ตํ การณํ เทวคพฺภาย อาโรเจสิ. สา ปกติยาว ตสฺมึ ปฏิพทฺธจิตฺตา ตํ วจนํ สุตฺวา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา นนฺทิโคปา อุปสาครสฺส สฺํ ทตฺวา รตฺติภาเค ตํ ปาสาทํ อาโรเปสิ. โส เทวคพฺภาย สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปสิ. อถ เนสํ ปุนปฺปุนํ สํวาเสน เทวคพฺภา คพฺภํ ปฏิลภิ.

อปรภาเค ตสฺสา คพฺภปติฏฺานํ ปากฏํ อโหสิ. ภาตโร นนฺทิโคปํ ปุจฺฉึสุ, สา อภยํ ยาจิตฺวา ตํ อนฺตรํ กเถสิ. เต สุตฺวา ‘‘ภคินึ นาเสตุํ น สกฺกา, สเจ ธีตรํ วิชายิสฺสติ, ตมฺปิ น นาเสสฺสาม, สเจ ปน ปุตฺโต ภวิสฺสติ, นาเสสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา เทวคพฺภํ อุปสาครสฺเสว อทํสุ. สา ปริปุณฺณคพฺภา ธีตรํ วิชายิ. ภาตโร สุตฺวา หฏฺตุฏฺา ตสฺสา ‘‘อฺชนเทวี’’ติ นามํ กรึสุ. เตสํ โภควฑฺฒมานํ นาม โภคคามํ อทํสุ. อุปสาคโร เทวคพฺภํ คเหตฺวา โภควฑฺฒมานคาเม วสิ. เทวคพฺภาย ปุนปิ คพฺโภ ปติฏฺาสิ, นนฺทิโคปาปิ ตํ ทิวสเมว คพฺภํ ปฏิลภิ. ตาสุ ปริปุณฺณคพฺภาสุ เอกทิวสเมว เทวคพฺภา ปุตฺตํ วิชายิ, นนฺทิโคปา ธีตรํ วิชายิ. เทวคพฺภา ปุตฺตสฺส วินาสนภเยน ปุตฺตํ นนฺทิโคปาย รหสฺเสน เปเสตฺวา ตสฺสา ธีตรํ อาหราเปสิ. ตสฺสา วิชาตภาวํ ภาติกานํ อาโรเจสุํ. เต ‘‘ปุตฺตํ วิชาตา, ธีตร’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ธีตร’’นฺติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ โปเสถา’’ติ อาหํสุ. เอเตนุปาเยน เทวคพฺภา ทส ปุตฺเต วิชายิ, ทส ธีตโร นนฺทิโคปา วิชายิ. ทส ปุตฺตา นนฺทิโคปาย สนฺติเก วฑฺฒนฺติ, ธีตโร เทวคพฺภาย. ตํ อนฺตรํ โกจิ น ชานาติ. เทวคพฺภาย เชฏฺปุตฺโต วาสุเทโว นาม อโหสิ, ทุติโย พลเทโว, ตติโย จนฺทเทโว, จตุตฺโถ สูริยเทโว, ปฺจโม อคฺคิเทโว, ฉฏฺโ วรุณเทโว, สตฺตโม อชฺชุโน, อฏฺโม ปชฺชุโน, นวโม ฆฏปณฺฑิโต, ทสโม องฺกุโร นาม อโหสิ. เต อนฺธกเวณฺฑทาสปุตฺตา ทส ภาติกา เจฏกาติ ปากฏา อเหสุํ.

เต อปรภาเค วุทฺธิมนฺวาย ถามพลสมฺปนฺนา กกฺขฬา ผรุสา หุตฺวา วิโลปํ กโรนฺตา วิจรนฺติ , รฺโ คจฺฉนฺเต ปณฺณากาเรปิ วิลุมฺปนฺเตว. มนุสฺสา สนฺนิปติตฺวา ‘‘อนฺธกเวณฺฑทาสปุตฺตา ทส ภาติกา รฏฺํ วิลุมฺปนฺตี’’ติ ราชงฺคเณ อุปกฺโกสึสุ. ราชา อนฺธกเวณฺฑํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘กสฺมา ปุตฺเตหิ วิโลปํ การาเปสี’’ติ ตชฺเชสิ. เอวํ ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ มนุสฺเสหิ อุปกฺโกเส กเต ราชา ตํ สนฺตชฺเชสิ. โส มรณภยภีโต ราชานํ อภยํ ยาจิตฺวา ‘‘เทว, เอเต น มยฺหํ ปุตฺตา, อุปสาครสฺส ปุตฺตา’’ติ ตํ อนฺตรํ อาโรเจสิ. ราชา ภีโต ‘‘เกน เต อุปาเยน คณฺหามา’’ติ อมจฺเจ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอเต, เทว, มลฺลยุทฺธวิตฺตกา, นคเร ยุทฺธํ กาเรตฺวา ตตฺถ เน ยุทฺธมณฺฑลํ อาคเต คาหาเปตฺวา มาเรสฺสามา’’ติ วุตฺเต จารุรฺจ, มุฏฺิกฺจาติ ทฺเว มลฺเล โปเสตฺวา ‘‘อิโต สตฺตเม ทิวเส ยุทฺธํ ภวิสฺสตี’’ติ นคเร เภรึ จราเปตฺวา ราชงฺคเณ ยุทฺธมณฺฑลํ สชฺชาเปตฺวา อกฺขวาฏํ กาเรตฺวา ยุทฺธมณฺฑลํ อลงฺการาเปตฺวา ธชปฏากํ พนฺธาเปสิ. สกลนครํ สงฺขุภิ. จกฺกาติจกฺกํ มฺจาติมฺจํ พนฺธิตฺวา จารุรมุฏฺิกา ยุทฺธมณฺฑลํ อาคนฺตฺวา วคฺคนฺตา คชฺชนฺตา อปฺโผเฏนฺตา วิจรึสุ. ทส ภาติกาปิ อาคนฺตฺวา รชกวีถึ วิลุมฺปิตฺวา วณฺณสาฏเก นิวาเสตฺวา คนฺธาปเณสุ คนฺธํ , มาลาการาปเณสุ มาลํ วิลุมฺปิตฺวา วิลิตฺตคตฺตา มาลธาริโน กตกณฺณปูรา วคฺคนฺตา คชฺชนฺตา อปฺโผเฏนฺตา ยุทฺธมณฺฑลํ ปวิสึสุ.

ตสฺมึ ขเณ จารุโร อปฺโผเฏนฺโต วิจรติ. พลเทโว ตํ ทิสฺวา ‘‘น นํ หตฺเถน ฉุปิสฺสามี’’ติ หตฺถิสาลโต มหนฺตํ หตฺถิโยตฺตํ อาหริตฺวา วคฺคิตฺวา คชฺชิตฺวา โยตฺตํ ขิปิตฺวา จารุรํ อุทเร เวเตฺวา ทฺเว โยตฺตโกฏิโย เอกโต กตฺวา วตฺเตตฺวา อุกฺขิปิตฺวา สีสมตฺถเก ภเมตฺวา ภูมิยํ โปเถตฺวา พหิ อกฺขวาเฏ ขิปิ. จารุเร มเต ราชา มุฏฺิกมลฺลํ อาณาเปสิ. โส อุฏฺาย วคฺคิตฺวา คชฺชิตฺวา อปฺโผเฏสิ. พลเทโว ตํ โปเถตฺวา อฏฺีนิ สฺจุณฺเณตฺวา ‘‘อมลฺโลมฺหิ, อมลฺโลมฺหี’’ติ วทนฺตเมว ‘‘นาหํ ตว มลฺลภาวํ วา อมลฺลภาวํ วา ชานามี’’ติ หตฺเถ คเหตฺวา ภูมิยํ โปเถตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา พหิ อกฺขวาเฏ ขิปิ. มุฏฺิโก มรนฺโต ‘‘ยกฺโข หุตฺวา ตํ ขาทิตุํ ลภิสฺสามี’’ติ ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ. โส กาลมตฺติกอฏวิยํ นาม ยกฺโข หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ราชา ‘‘คณฺหถ ทส ภาติเก เจฏเก’’ติ อุฏฺหิ . ตสฺมึ ขเณ วาสุเทโว จกฺกํ ขิปิ. ตํ ทฺวินฺนมฺปิ ภาติกานํ สีสานิ ปาเตสิ. มหาชโน ภีตตสิโต ‘‘อวสฺสยา โน โหถา’’ติ เตสํ ปาเทสุ ปติตฺวา นิปชฺชิ. เต ทฺเวปิ มาตุเล มาเรตฺวา อสิตฺชนนคเร รชฺชํ คเหตฺวา มาตาปิตโร ตตฺถ กตฺวา ‘‘สกลชมฺพุทีเป รชฺชํ คณฺหิสฺสามา’’ติ นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน กาลโยนกรฺโ นิวาสํ อยุชฺฌนครํ คนฺตฺวา ตํ ปริกฺขิปิตฺวา ิตํ ปริขารุกฺขคหนํ วิทฺธํเสตฺวา ปาการํ ภินฺทิตฺวา ราชานํ คเหตฺวา ตํ รชฺชํ อตฺตโน หตฺถคตํ กตฺวา ทฺวารวตึ ปาปุณึสุ. ตสฺส ปน นครสฺส เอกโต สมุทฺโท เอกโต ปพฺพโต, อมนุสฺสปริคฺคหิตํ กิร ตํ อโหสิ.

ตสฺส อารกฺขํ คเหตฺวา ิตยกฺโข ปจฺจามิตฺเต ทิสฺวา คทฺรภเวเสน คทฺรภรวํ รวติ. ตสฺมึ ขเณ ยกฺขานุภาเวน สกลนครํ อุปฺปติตฺวา มหาสมุทฺเท เอกสฺมึ ทีปเก ติฏฺติ. ปจฺจามิตฺเตสุ คเตสุ ปุนาคนฺตฺวา สกฏฺาเนเยว ปติฏฺาติ. ตทาปิ โส คทฺรโภ เตสํ ทสนฺนํ ภาติกานํ อาคมนํ ตฺวา คทฺรภรวํ รวิ. นครํ อุปฺปติตฺวา ทีปเก ปติฏฺาย เตสุ นครํ อทิสฺวา นิวตฺตนฺเตสุ ปุนาคนฺตฺวา สกฏฺาเน ปติฏฺาสิ. เต ปุน นิวตฺตึสุ, ปุนปิ คทฺรโภ ตเถว อกาสิ. เต ทฺวารวตินคเร รชฺชํ คณฺหิตุํ อสกฺโกนฺตา กณฺหทีปายนสฺส อิสิโน สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, มยํ ทฺวารวติยํ รชฺชํ คเหตุํ น สกฺโกม, เอกํ โน อุปายํ กโรถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ปริขาปิฏฺเ อสุกสฺมึ นาม าเน เอโก คทฺรโภ จรติ. โส หิ อมิตฺเต ทิสฺวา วิรวติ, ตสฺมึ ขเณ นครํ อุปฺปติตฺวา คจฺฉติ, ตุมฺเห ตสฺส ปาเท คณฺหถ, อยํ โว นิปฺผชฺชนูปาโย’’ติ วุตฺเต ตาปสํ วนฺทิตฺวา คนฺตฺวา คทฺรภสฺส ปาเทสุ คเหตฺวา นิปติตฺวา ‘‘สามิ, เปตฺวา ตุมฺเห อฺโ อมฺหากํ อวสฺสโย นตฺถิ, อมฺหากํ นครํ คณฺหนกาเล มา รวิตฺถา’’ติ ยาจึสุ. คทฺรโภ ‘‘น สกฺกา น วิรวิตุํ, ตุมฺเห ปน ปมตรํ อาคนฺตฺวา จตฺตาโร ชนา มหนฺตานิ อยนงฺคลานิ คเหตฺวา จตูสุ นครทฺวาเรสุ มหนฺเต อยขาณุเก ภูมิยํ อาโกเฏตฺวา นครสฺส อุปฺปตนกาเล นงฺคลานิ คเหตฺวา นงฺคลพทฺธํ อยสงฺขลิกํ อยขาณุเก พนฺเธยฺยาถ, นครํ อุปฺปติตุํ น สกฺขิสฺสตี’’ติ อาห.

เต ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา ตสฺมึ อวิรวนฺเตเยว นงฺคลานิ อาทาย จตูสุ นครทฺวาเรสุ ขาณุเก ภูมิยํ อาโกเฏตฺวา อฏฺํสุ. ตสฺมึ ขเณ คทฺรโภ วิรวิ, นครํ อุปฺปติตุมารภิ. จตูสุ ทฺวาเรสุ ิตา จตูหิ อยนงฺคเลหิ คเหตฺวา นงฺคลพทฺธา อยสงฺขลิกา ขาณุเกสุ พนฺธึสุ, นครํ อุปฺปติตุํ นาสกฺขิ. ทส ภาติกา ตโต นครํ ปวิสิตฺวา ราชานํ มาเรตฺวา รชฺชํ คณฺหึสุ. เอวํ เต สกลชมฺพุทีเป เตสฏฺิยา นครสหสฺเสสุ สพฺพราชาโน จกฺเกน ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา ทฺวารวติยํ วสมานา รชฺชํ ทส โกฏฺาเส กตฺวา วิภชึสุ, ภคินึ ปน อฺชนเทวึ น สรึสุ. ตโต ปุน ‘‘เอกาทส โกฏฺาเส กโรมา’’ติ วุตฺเต องฺกุโร ‘‘มม โกฏฺาสํ ตสฺสา เทถ, อหํ โวหารํ กตฺวา ชีวิสฺสามิ, เกวลํ ตุมฺเห อตฺตโน ชนปเท มยฺหํ สุงฺกํ วิสฺสชฺเชถา’’ติ อาห. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตสฺส โกฏฺาสํ ภคินิยา ทตฺวา สทฺธึ ตาย นว ราชาโน ทฺวารวติยํ วสึสุ. องฺกุโร ปน วณิชฺชมกาสิ. เอวํ เตสุ อปราปรํ ปุตฺตธีตาหิ วฑฺฒมาเนสุ อทฺธาเน คเต มาตาปิตโร กาลมกํสุ.

ตทา กิร มนุสฺสานํ วีสติวสฺสสหสฺสายุกกาโล อโหสิ. ตทา วาสุเทวมหาราชสฺส เอโก ปุตฺโต กาลมกาสิ. ราชา โสกปเรโต สพฺพกิจฺจานิ ปหาย มฺจสฺส อฏนึ ปริคฺคเหตฺวา วิลปนฺโต นิปชฺชิ. ตสฺมึ กาเล ฆฏปณฺฑิโต จินฺเตสิ ‘‘เปตฺวา มํ อฺโ โกจิ มม ภาตุ โสกํ หริตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, อุปาเยนสฺส โสกํ หริสฺสามี’’ติ. โส อุมฺมตฺตกเวสํ คเหตฺวา ‘‘สสํ เม เทถ, สสํ เม เทถา’’ติ อากาสํ อุลฺโลเกนฺโต สกลนครํ วิจริ. ‘‘ฆฏปณฺฑิโต อุมฺมตฺตโก ชาโต’’ติ สกลนครํ สงฺขุภิ. ตสฺมึ กาเล โรหิเณยฺโย นาม อมจฺโจ วาสุเทวรฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา เตน สทฺธึ กถํ สมุฏฺาเปนฺโต ปมํ คาถมาห –

๑๖๕.

‘‘อุฏฺเหิ กณฺห กึ เสสิ, โก อตฺโถ สุปเนน เต;

โยปิ ตุยฺหํ สโก ภาตา, หทยํ จกฺขุ จ ทกฺขิณํ;

ตสฺส วาตา พลียนฺติ, ฆโฏ ชปฺปติ เกสวา’’ติ.

ตตฺถ กณฺหาติ โคตฺเตนาลปติ, กณฺหายนโคตฺโต กิเรส. โก อตฺโถติ กตรา นาม วฑฺฒิ. หทยํ จกฺขุ จ ทกฺขิณนฺติ หทเยน เจว ทกฺขิณจกฺขุนา จ สมาโนติ อตฺโถ. ตสฺส วาตา พลียนฺตีติ ตสฺส หทยํ อปสฺมารวาตา อวตฺถรนฺตีติ อตฺโถ. ชปฺปตีติ ‘‘สสํ เม เทถา’’ติ วิปฺปลปติ. เกสวาติ โส กิร เกสโสภนตาย ‘‘เกสวา’’ติ ปฺายิตฺถ, เตน ตํ นาเมนาลปติ.

เอวํ อมจฺเจน วุตฺเต ตสฺส อุมฺมตฺตกภาวํ ตฺวา สตฺถา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ทุติยํ คาถมาห –

๑๖๖.

‘‘ตสฺส ตํ วจนํ สุตฺวา, โรหิเณยฺยสฺส เกสโว;

ตรมานรูโป วุฏฺาสิ, ภาตุโสเกน อฏฺฏิโต’’ติ.

ราชา อุฏฺาย สีฆํ ปาสาทา โอตริตฺวา ฆฏปณฺฑิตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อุโภสุ หตฺเถสุ ทฬฺหํ คเหตฺวา เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ตติยํ คาถมาห –

๑๖๗.

‘‘กึ นุ อุมฺมตฺตรูโปว, เกวลํ ทฺวารกํ อิมํ;

สโส สโสติ ลปสิ, โก นุ เต สสมาหรี’’ติ.

ตตฺถ เกวลํ ทฺวารกํ อิมนฺติ กสฺมา อุมฺมตฺตโก วิย หุตฺวา สกลํ อิมํ ทฺวารวตินครํ วิจรนฺโต ‘‘สโส สโส’’ติ ลปสิ. โก ตว สสํ หริ, เกน เต สโส คหิโตติ ปุจฺฉติ.

โส รฺา เอวํ วุตฺเตปิ ปุนปฺปุนํ ตเทว วจนํ วทติ. ราชา ปุน ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๖๘.

‘‘โสวณฺณมยํ มณีมยํ, โลหมยํ อถ รูปิยามยํ;

สงฺขสิลาปวาฬมยํ, การยิสฺสามิ เต สสํ.

๑๖๙.

‘‘สนฺติ อฺเปิ สสกา, อรฺเ วนโคจรา;

เตปิ เต อานยิสฺสามิ, กีทิสํ สสมิจฺฉสี’’ติ.

ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – เตสุ สุวณฺณมยาทีสุ ยํ อิจฺฉสิ, ตํ วท, อหํ เต กาเรตฺวา ทสฺสามิ, อถาปิ เต น โรเจสิ, อฺเปิ อรฺเ วนโคจรา สสกา อตฺถิ, เตปิ เต อานยิสฺสามิ, วท ภทฺรมุข, กีทิสํ สสมิจฺฉสีติ.

รฺโ กถํ สุตฺวา ฆฏปณฺฑิโต ฉฏฺํ คาถมาห –

๑๗๐.

‘‘น จาหเมเต อิจฺฉามิ, เย สสา ปถวิสฺสิตา;

จนฺทโต สสมิจฺฉามิ, ตํ เม โอหร เกสวา’’ติ.

ตตฺถ โอหราติ โอตาเรหิ.

ราชา ตสฺส กถํ สุตฺวา ‘‘นิสฺสํสยํ เม ภาตา อุมฺมตฺตโกว ชาโต’’ติ โทมนสฺสปฺปตฺโต สตฺตมํ คาถมาห –

๑๗๑.

‘‘โส นูน มธุรํ าติ, ชีวิตํ วิชหิสฺสสิ;

อปตฺถิยํ โย ปตฺถยสิ, จนฺทโต สสมิจฺฉสี’’ติ.

ตตฺถ าตีติ กนิฏฺํ อาลปนฺโต อาห. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘ตาต, มยฺหํ ปิยาติ โส ตฺวํ นูน อติมธุรํ อตฺตโน ชีวิตํ วิชหิสฺสสิ, โย อปตฺเถตพฺพํ ปตฺถยสี’’ติ.

ฆฏปณฺฑิโต รฺโ วจนํ สุตฺวา นิจฺจโล ตฺวา ‘‘ภาติก, ตฺวํ จนฺทโต สสกํ ปตฺเถนฺตสฺส ตํ อลภิตฺวา ชีวิตกฺขยภาวํ ชานนฺโต กึ การณา มตปุตฺตํ อนุโสจสี’’ติ วตฺวา อฏฺมํ คาถมาห –

๑๗๒.

‘‘เอวํ เจ กณฺห ชานาสิ, ยทฺมนุสาสสิ;

กสฺมา ปุเร มตํ ปุตฺตํ, อชฺชาปิ มนุโสจสี’’ติ.

ตตฺถ เอวนฺติ อิทํ อลพฺภเนยฺยฏฺานํ นาม น ปตฺเถตพฺพนฺติ ยทิ เอวํ ชานาสิ. ยทฺมนุสาสสีติ เอวํ ชานนฺโตว ยทิ อฺํ อนุสาสสีติ อตฺโถ. ปุเรติ อถ กสฺมา อิโต จตุมาสมตฺถเก มตปุตฺตํ อชฺชาปิ อนุโสจสีติ วทติ.

เอวํ โส อนฺตรวีถิยํ ิตโกว ‘‘ภาติก, อหํ ตาว ปฺายมานํ ปตฺเถมิ, ตฺวํ ปน อปฺายมานสฺส โสจสี’’ติ วตฺวา ตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺโต ปุน ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๗๓.

‘‘ยํ น ลพฺภา มนุสฺเสน, อมนุสฺเสน วา ปุน;

ชาโต เม มา มรี ปุตฺโต, กุโต ลพฺภา อลพฺภิยํ.

๑๗๔.

‘‘น มนฺตา มูลเภสชฺชา, โอสเธหิ ธเนน วา;

สกฺกา อานยิตุํ กณฺห, ยํ เปตมนุโสจสี’’ติ.

ตตฺถ นฺติ ภาติก ยํ เอวํ ชาโต เม ปุตฺโต มา มรีติ มนุสฺเสน วา เทเวน วา ปุน น ลพฺภา น สกฺกา ลทฺธุํ, ตํ ตฺวํ ปตฺเถสิ, ตเทตํ กุโต ลพฺภา เกน การเณน สกฺกา ลทฺธุํ, น สกฺกาติ ทีเปติ. กสฺมา? ยสฺมา อลพฺภิยํ, อลพฺภเนยฺยฏฺานฺหิ นาเมตนฺติ อตฺโถ. มนฺตาติ มนฺตปโยเคน. มูลเภสชฺชาติ มูลเภสชฺเชน. โอสเธหีติ นานาวิโธสเธหิ. ธเนน วาติ โกฏิสตสงฺขฺเยนปิ ธเนน วา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘ยํ ตฺวํ เปตมนุโสจสิ, ตํ เอเตหิ มนฺตปโยคาทีหิ อาเนตุํ น สกฺกา’’ติ.

ราชา ตํ สุตฺวา ‘‘ยุตฺตํ, ตาต, สลฺลกฺขิตํ เม, มม โสกหรณตฺถาย ตยา อิทํ กต’’นฺติ ฆฏปณฺฑิตํ วณฺเณนฺโต จตสฺโส คาถา อภาสิ –

๑๗๕.

‘‘ยสฺส เอตาทิสา อสฺสุ, อมจฺจา ปุริสปณฺฑิตา;

ยถา นิชฺฌาปเย อชฺช, ฆโฏ ปุริสปณฺฑิโต.

๑๗๖.

‘‘อาทิตฺตํ วต มํ สนฺตํ, ฆตสิตฺตํว ปาวกํ;

วารินา วิย โอสิฺจํ, สพฺพํ นิพฺพาปเย ทรํ.

๑๗๗.

‘‘อพฺพหี วต เม สลฺลํ, ยมาสิ หทยสฺสิตํ;

โย เม โสกปเรตสฺส, ปุตฺตโสกํ อปานุทิ.

๑๗๘.

‘‘โสหํ อพฺพูฬฺหสลฺโลสฺมิ, วีตโสโก อนาวิโล;

น โสจามิ น โรทามิ, ตว สุตฺวาน มาณวา’’ติ.

ตตฺถ ปมคาถาย สงฺเขปตฺโถ – ยถา เยน การเณน อชฺช มํ ปุตฺตโสกปเรตํ ฆโฏ ปุริสปณฺฑิโต โสกหรณตฺถาย นิชฺฌาปเย นิชฺฌาเปสิ โพเธสิ. ยสฺส อฺสฺสปิ เอตาทิสา ปุริสปณฺฑิตา อมจฺจา อสฺสุ, ตสฺส กุโต โสโกติ. เสสคาถา วุตฺตตฺถาเยว.

อวสาเน

๑๗๙.

‘‘เอวํ กโรนฺติ สปฺปฺา, เย โหนฺติ อนุกมฺปกา;

นิวตฺตยนฺติ โสกมฺหา, ฆโฏ เชฏฺํว ภาตร’’นฺติ. –

อยํ อภิสมฺพุทฺธคาถา อุตฺตานตฺถาเยว.

เอวํ ฆฏกุมาเรน วีตโสเก กเต วาสุเทเว รชฺชํ อนุสาสนฺเต ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน ทสภาติกปุตฺตา กุมารา จินฺตยึสุ ‘‘กณฺหทีปายนํ ‘ทิพฺพจกฺขุโก’ติ วทนฺติ, วีมํสิสฺสาม ตาว น’’นฺติ. เต เอกํ ทหรกุมารํ อลงฺกริตฺวา คพฺภินิอากาเรน ทสฺเสตฺวา อุทเร มสูรกํ พนฺธิตฺวา ตสฺส สนฺติกํ เนตฺวา ‘‘ภนฺเต, อยํ กุมาริกา กึ วิชายิสฺสตี’’ติ ปุจฺฉึสุ. ตาปโส ‘‘ทสภาติกราชูนํ วินาสกาโล ปตฺโต, มยฺหํ นุ โข อายุสงฺขาโร กีทิโส โหตี’’ติ โอโลเกนฺโต ‘‘อชฺเชว มรณํ ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘กุมารา อิมินา ตุมฺหากํ โก อตฺโถ’’ติ วตฺวา ‘‘กเถเถว โน, ภนฺเต’’ติ นิพทฺโธ ‘‘อยํ อิโต สตฺตเม ทิวเส ขทิรฆฏิกํ วิชายิสฺสติ, ตาย วาสุเทวกุลํ นสฺสิสฺสติ, อปิจ โข ปน ตุมฺเห ตํ ขทิรฆฏิกํ คเหตฺวา ฌาเปตฺวา ฉาริกํ นทิยํ ปกฺขิเปยฺยาถา’’ติ อาห. อถ นํ เต ‘‘กูฏชฏิล, ปุริโส วิชายนโก นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา ตนฺตรชฺชุกํ นาม กมฺมกรณํ กตฺวา ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปาปยึสุ. ราชาโน กุมาเร ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘กึ การณา ตาปสํ มารยิตฺถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา สพฺพํ สุตฺวา ภีตา ตสฺส อารกฺขํ ทตฺวา สตฺตเม ทิวเส ตสฺส กุจฺฉิโต นิกฺขนฺตํ ขทิรฆฏิกํ ฌาเปตฺวา ฉาริกํ นทิยํ ขิปึสุ. สา นทิยา วุยฺหมานา มุขทฺวาเร เอกปสฺเส ลคฺคิ, ตโต เอรกํ นิพฺพตฺติ.

อเถกทิวสํ เต ราชาโน ‘‘สมุทฺทกีฬํ กีฬิสฺสามา’’ติ มุขทฺวารํ คนฺตฺวา มหามณฺฑปํ การาเปตฺวา อลงฺกตมณฺฑเป ขาทนฺตา ปิวนฺตา กีฬาวเสเนว ปวตฺตหตฺถปาทปรามาสา ทฺวิธา ภิชฺชิตฺวา มหากลหํ กรึสุ. อเถโก อฺํ มุคฺครํ อลภนฺโต เอรกวนโต เอกํ เอรกปตฺตํ คณฺหิ. ตํ คหิตมตฺตเมว ขทิรมุสลํ อโหสิ. โส เตน มหาชนํ โปเถสิ . อถฺเหิ สพฺเพหิ คหิตคหิตํ ขทิรมุสลเมว อโหสิ. เต อฺมฺํ ปหริตฺวา มหาวินาสํ ปาปุณึสุ. เตสุ มหาวินาสํ วินสฺสนฺเตสุ วาสุเทโว จ พลเทโว จ ภคินี อฺชนเทวี จ ปุโรหิโต จาติ จตฺตาโร ชนา รถํ อภิรุหิตฺวา ปลายึสุ, เสสา สพฺเพปิ วินฏฺา. เตปิ จตฺตาโร รเถน ปลายนฺตา กาฬมตฺติกอฏวึ ปาปุณึสุ. โส หิ มุฏฺิกมลฺโล ปตฺถนํ กตฺวา ยกฺโข หุตฺวา ตตฺถ นิพฺพตฺโต พลเทวสฺส อาคตภาวํ ตฺวา ตตฺถ คามํ มาเปตฺวา มลฺลเวสํ คเหตฺวา ‘‘โก ยุชฺฌิตุกาโม’’ติ วคฺคนฺโต คชฺชนฺโต อปฺโผเฏนฺโต วิจริ. พลเทโว ตํ ทิสฺวาว ‘‘ภาติก, อหํ อิมินา สทฺธึ ยุชฺฌิสฺสามี’’ติ วตฺวา วาสุเทเว วาเรนฺเตเยว รถา โอรุยฺห ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วคฺคนฺโต คชฺชนฺโต อปฺโผเฏสิ. อถ นํ โส ปสาริตหตฺเถเยว คเหตฺวา มูลกนฺทํ วิย ขาทิ. วาสุเทโว ตสฺส มตภาวํ ตฺวา ภคินิฺจ ปุโรหิตฺจ อาทาย สพฺพรตฺตึ คนฺตฺวา สูริโยทเย เอกํ ปจฺจนฺตคามํ ปตฺวา ‘‘อาหารํ ปจิตฺวา อาหรถา’’ติ ภคินิฺจ ปุโรหิตฺจ คามํ ปหิณิตฺวา สยํ เอกสฺมึ คจฺฉนฺตเร ปฏิจฺฉนฺโน นิปชฺชิ.

อถ นํ ชรา นาม เอโก ลุทฺทโก คจฺฉํ จลนฺตํ ทิสฺวา ‘‘สูกโร เอตฺถ ภวิสฺสตี’’ติ สฺาย สตฺตึ ขิปิตฺวา ปาเท วิชฺฌิตฺวา ‘‘โก มํ วิชฺฌี’’ติ วุตฺเต มนุสฺสสฺส วิทฺธภาวํ ตฺวา ภีโต ปลายิตุํ อารภิ . ราชา สตึ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา อุฏฺาย ‘‘มาตุล, มา ภายิ, เอหี’’ติ ปกฺโกสิตฺวา อาคตํ ‘‘โกสิ นาม ตฺว’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อหํ สามิ, ชรา นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘ชราย วิทฺโธ มริสฺสตีติ กิร มํ โปราณา พฺยากรึสุ, นิสฺสํสยํ อชฺช มยา มริตพฺพ’’นฺติ ตฺวา ‘‘มาตุล, มา ภายิ, เอหิ ปหารํ เม พนฺธา’’ติ เตน ปหารมุขํ พนฺธาเปตฺวา ตํ อุยฺโยเชสิ. พลวเวทนา ปวตฺตึสุ, อิตเรหิ อาภตํ อาหารํ ปริภุฺชิตุํ นาสกฺขิ. อถ เต อามนฺเตตฺวา ‘‘อชฺช อหํ มริสฺสามิ, ตุมฺเห ปน สุขุมาลา อฺํ กมฺมํ กตฺวา ชีวิตุํ น สกฺขิสฺสถ, อิมํ วิชฺชํ สิกฺขถา’’ติ เอกํ วิชฺชํ สิกฺขาเปตฺวา เต อุยฺโยเชตฺวา ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิ. เอวํ อฺชนเทวึ เปตฺวา สพฺเพว วินาสํ ปาปุณึสูติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘อุปาสก, เอวํ โปราณกปณฺฑิตา ปณฺฑิตานํ กถํ สุตฺวา อตฺตโน ปุตฺตโสกํ หรึสุ, มา จินฺตยี’’ติ วตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุปาสโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา โรหิเณยฺโย อานนฺโท อโหสิ, วาสุเทโว สาริปุตฺโต, อวเสสา พุทฺธปริสา, ฆฏปณฺฑิโต ปน อหเมว อโหสินฺติ.

ฆฏปณฺฑิตชาตกวณฺณนา โสฬสมา.

อิติ โสฬสชาตกปฏิมณฺฑิตสฺส

ทสกนิปาตชาตกสฺส อตฺถวณฺณนา นิฏฺิตา.

ชาตกุทฺทานํ –

จตุทฺวาโร กณฺหุโปโส, สงฺข โพธิ ทีปายโน;

นิคฺโรธ ตกฺกล ธมฺม-ปาโล กุกฺกุฏ กุณฺฑลี;

พิลาร จกฺก ภูริ จ, มงฺคล ฆฏ โสฬส.

ทสกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.