📜

๑๒. ทฺวาทสกนิปาโต

[๔๖๔] ๑. จูฬกุณาลชาตกวณฺณนา

๑-๑๒.

ลุทฺธานํลหุจิตฺตานนฺติ อิทํ ชาตกํ กุณาลชาตเก (ชา. ๒.๒๑.กุณาลชาตก) อาวิ ภวิสฺสติ;

จูฬกุณาลชาตกวณฺณนา ปมา.

[๔๖๕] ๒. ภทฺทสาลชาตกวณฺณนา

กา ตฺวํ สุทฺเธหิ วตฺเถหีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต าตตฺถจริยํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยฺหิ อนาถปิณฺฑิกสฺส นิเวสเน ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ นิพทฺธโภชนํ ปวตฺตติ, ตถา วิสาขาย จ โกสลรฺโ จ. ตตฺถ ปน กิฺจาปิ นานคฺครสโภชนํ ทียติ, ภิกฺขูนํ ปเนตฺถ โกจิ วิสฺสาสิโก นตฺถิ, ตสฺมา ภิกฺขู ราชนิเวสเน น ภุฺชนฺติ, ภตฺตํ คเหตฺวา อนาถปิณฺฑิกสฺส วา วิสาขาย วา อฺเสํ วา วิสฺสาสิกานํ ฆรํ คนฺตฺวา ภุฺชนฺติ. ราชา เอกทิวสํ ปณฺณาการํ อาหฏํ ‘‘ภิกฺขูนํ เทถา’’ติ ภตฺตคฺคํ เปเสตฺวา ‘‘ภตฺตคฺเค ภิกฺขู นตฺถี’’ติ วุตฺเต ‘‘กหํ คตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อตฺตโน วิสฺสาสิกเคเหสุ นิสีทิตฺวา ภุฺชนฺตี’’ติ สุตฺวา ภุตฺตปาตราโส สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ภนฺเต, โภชนํ นาม กึ ปรม’’นฺติ ปุจฺฉิ. วิสฺสาสปรมํ มหาราช, กฺชิกมตฺตกมฺปิ วิสฺสาสิเกน ทินฺนํ มธุรํ โหตีติ. ภนฺเต, เกน ปน สทฺธึ ภิกฺขูนํ วิสฺสาโส โหตีติ? ‘‘าตีหิ วา เสกฺขกุเลหิ วา, มหาราชา’’ติ. ตโต ราชา จินฺเตสิ ‘‘เอกํ สกฺยธีตรํ อาเนตฺวา อคฺคมเหสึ กริสฺสามิ, เอวํ มยา สทฺธึ ภิกฺขูนํ าตเก วิย วิสฺสาโส ภวิสฺสตี’’ติ. โส อุฏฺายาสนา อตฺตโน นิเวสนํ คนฺตฺวา กปิลวตฺถุํ ทูตํ เปเสสิ ‘‘ธีตรํ เม เทถ, อหํ ตุมฺเหหิ สทฺธึ าติภาวํ อิจฺฉามี’’ติ.

สากิยา ทูตวจนํ สุตฺวา สนฺนิปติตฺวา มนฺตยึสุ ‘‘มยํ โกสลรฺโ อาณาปวตฺติฏฺาเน วสาม, สเจ ทาริกํ น ทสฺสาม, มหนฺตํ เวรํ ภวิสฺสติ, สเจ ทสฺสาม, กุลวํโส โน ภิชฺชิสฺสติ, กึ นุ โข กาตพฺพ’’นฺติ. อถ เน มหานาโม อาห – ‘‘มา จินฺตยิตฺถ, มม ธีตา วาสภขตฺติยา นาม นาคมุณฺฑาย นาม ทาสิยา กุจฺฉิสฺมึ นิพฺพตฺติ. สา โสฬสวสฺสุทฺเทสิกา อุตฺตมรูปธรา โสภคฺคปฺปตฺตา ปิตุ วํเสน ขตฺติยชาติกา, ตมสฺส ‘ขตฺติยกฺา’ติ เปเสสฺสามา’’ติ. สากิยา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ทูเต ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สาธุ, ทาริกํ ทสฺสาม, อิทาเนว นํ คเหตฺวา คจฺฉถา’’ติ อาหํสุ. ทูตา จินฺเตสุํ ‘‘อิเม สากิยา นาม ชาตึ นิสฺสาย อติมานิโน, ‘สทิสี โน’ติ วตฺวา อสทิสิมฺปิ ทเทยฺยุํ, เอเตหิ สทฺธึ เอกโต ภุฺชมานเมว คณฺหิสฺสามา’’ติ. เต เอวมาหํสุ ‘‘มยํ คเหตฺวา คจฺฉนฺตา ยา ตุมฺเหหิ สทฺธึ เอกโต ภุฺชติ, ตํ คเหตฺวา คมิสฺสามา’’ติ. สากิยา เตสํ นิวาสฏฺานํ ทาเปตฺวา ‘‘กึ กริสฺสามา’’ติ จินฺตยึสุ. มหานาโม อาห – ‘‘ตุมฺเห มา จินฺตยิตฺถ, อหํ อุปายํ กริสฺสามิ, ตุมฺเห มม โภชนกาเล วาสภขตฺติยํ อลงฺกริตฺวา อาเนตฺวา มยา เอกสฺมึ กพเฬ คหิตมตฺเต ‘เทว, อสุกราชา ปณฺณํ ปหิณิ, อิมํ ตาว สาสนํ สุณาถา’ติ ปณฺณํ ทสฺเสยฺยาถา’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตสฺมึ ภุฺชมาเน กุมาริกํ อลงฺกรึสุ.

มหานาโม ‘‘ธีตรํ เม อาเนถ, มยา สทฺธึ ภุฺชตู’’ติ อาห. อถ นํ อลงฺกริตฺวา ตาวเทว โถกํ ปปฺจํ กตฺวา อานยึสุ. สา ‘‘ปิตรา สทฺธึ ภุฺชิสฺสามี’’ติ เอกปาติยํ หตฺถํ โอตาเรสิ. มหานาโมปิ ตาย สทฺธึ เอกปิณฺฑํ คเหตฺวา มุเข เปสิ. ทุติยปิณฺฑาย หตฺเถ ปสาริเต ‘‘เทว, อสุกรฺา ปณฺณํ ปหิตํ, อิมํ ตาว สาสนํ สุณาถา’’ติ ปณฺณํ อุปนาเมสุํ. มหานาโม ‘‘อมฺม, ตฺวํ ภุฺชาหี’’ติ ทกฺขิณหตฺถํ ปาติยาเยว กตฺวา วามหตฺเถน คเหตฺวา ปณฺณํ โอโลเกสิ. ตสฺส ตํ สาสนํ อุปธาเรนฺตสฺเสว อิตรา ภุฺชิ. โส ตสฺสา ภุตฺตกาเล หตฺถํ โธวิตฺวา มุขํ วิกฺขาเลสิ. ตํ ทิสฺวา ทูตา ‘‘นิจฺฉเยเนสา เอตสฺส ธีตา’’ติ นิฏฺมกํสุ, น ตํ อนฺตรํ ชานิตุํ สกฺขึสุ. มหานาโม มหนฺเตน ปริวาเรน ธีตรํ เปเสสิ. ทูตาปิ นํ สาวตฺถึ เนตฺวา ‘‘อยํ กุมาริกา ชาติสมฺปนฺนา มหานามสฺส ธีตา’’ติ วทึสุ. ราชา ตุสฺสิตฺวา สกลนครํ อลงฺการาเปตฺวา ตํ รตนราสิมฺหิ เปตฺวา อคฺคมเหสิฏฺาเน อภิสิฺจาเปสิ. สา รฺโ ปิยา อโหสิ มนาปา.

อถสฺสา น จิรสฺเสว คพฺโภ ปติฏฺหิ. ราชา คพฺภปริหารมทาสิ. สา ทสมาสจฺจเยน สุวณฺณวณฺณํ ปุตฺตํ วิชายิ. อถสฺส นามคฺคหณทิวเส ราชา อตฺตโน อยฺยกสฺส สนฺติกํ เปเสสิ ‘‘สกฺยราชธีตา วาสภขตฺติยา ปุตฺตํ วิชายิ, กิมสฺส นามํ กโรมา’’ติ. ตํ ปน สาสนํ คเหตฺวา คโต อมจฺโจ โถกํ พธิรธาตุโก, โส คนฺตฺวา รฺโ อยฺยกสฺสาโรเจสิ. โส ตํ สุตฺวา ‘‘วาสภขตฺติยา ปุตฺตํ อวิชายิตฺวาปิ สพฺพํ ชนํ อภิภวติ, อิทานิ ปน อติวิย รฺโ วลฺลภา ภวิสฺสตี’’ติ อาห. โส พธิรอมจฺโจ ‘‘วลฺลภา’’ติ วจนํ ทุสฺสุตํ สุตฺวา ‘‘วิฏฏูโภ’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ราชานํ อุปคนฺตฺวา ‘‘เทว, กุมารสฺส กิร ‘วิฏฏูโภ’ติ นามํ กโรถา’’ติ อาห. ราชา ‘‘โปราณกํ โน กุลทตฺติกํ นามํ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘วิฏฏูโภ’’ติ นามํ อกาสิ. ตโต ปฏฺาย กุมาโร กุมารปริหาเรน วฑฺฒนฺโต สตฺตวสฺสิกกาเล อฺเสํ กุมารานํ มาตามหกุลโต หตฺถิรูปกอสฺสรูปกาทีนิ อาหริยมานานิ ทิสฺวา มาตรํ ปุจฺฉิ ‘‘อมฺม, อฺเสํ มาตามหกุลโต ปณฺณากาโร อาหริยติ, มยฺหํ โกจิ กิฺจิ น เปเสสิ, กึ ตฺวํ นิมฺมาตา นิปฺปิตาสี’’ติ? อถ นํ สา ‘‘ตาต, สกฺยราชาโน มาตามหา ทูเร ปน วสนฺติ, เตน เต กิฺจิ น เปเสนฺตี’’ติ วตฺวา วฺเจสิ.

ปุน โสฬสวสฺสิกกาเล ‘‘อมฺม, มาตามหกุลํ ปสฺสิตุกาโมมฺหี’’ติ วตฺวา ‘‘อลํ ตาต, กึ ตตฺถ คนฺตฺวา กริสฺสสี’’ติ วาริยมาโนปิ ปุนปฺปุนํ ยาจิ. อถสฺส มาตา ‘‘เตน หิ คจฺฉาหี’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. โส ปิตุ อาโรเจตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน นิกฺขมิ. วาสภขตฺติยา ปุเรตรํ ปณฺณํ เปเสสิ ‘‘อหํ อิธ สุขํ วสามิ, สามิโน กิฺจิ อนฺตรํ มา ทสฺสยึสู’’ติ. สากิยา วิฏฏูภสฺส อาคมนํ ตฺวา ‘‘วนฺทิตุํ น สกฺกา’’ติ ตสฺส ทหรทหเร กุมารเก ชนปทํ ปหิณึสุ. กุมาเร กปิลวตฺถุํ สมฺปตฺเต สากิยา สนฺถาคาเร สนฺนิปตึสุ. กุมาโร สนฺถาคารํ คนฺตฺวา อฏฺาสิ. อถ นํ ‘‘อยํ เต, ตาต, มาตามโห, อยํ มาตุโล’’ติ วทึสุ โส สพฺเพ วนฺทมาโน วิจริ. โส ยาวปิฏฺิยา รุชนปฺปมาณา วนฺทิตฺวา เอกมฺปิ อตฺตานํ วนฺทมานํ อทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข มํ วนฺทนฺตา นตฺถี’’ติ ปุจฺฉิ. สากิยา ‘‘ตาต, ตว กนิฏฺกุมารา ชนปทํ คตา’’ติ วตฺวา ตสฺส มหนฺตํ สกฺการํ กรึสุ. โส กติปาหํ วสิตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน นิกฺขมิ. อเถกา ทาสี สนฺถาคาเร เตน นิสินฺนผลกํ ‘‘อิทํ วาสภขตฺติยาย ทาสิยา ปุตฺตสฺส นิสินฺนผลก’’นฺติ อกฺโกสิตฺวา ปริภาสิตฺวา ขีโรทเกน โธวิ. เอโก ปุริโส อตฺตโน อาวุธํ ปมุสฺสิตฺวา นิวตฺโต ตํ คณฺหนฺโต วิฏฏูภกุมารสฺส อกฺโกสนสทฺทํ สุตฺวา ตํ อนฺตรํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘วาสภขตฺติยา ทาสิยา กุจฺฉิสฺมึ มหานามสกฺกสฺส ชาตา’’ติ ตฺวา คนฺตฺวา พลกายสฺส กเถสิ. ‘‘วาสภขตฺติยา กิร ทาสิยา ธีตา’’ติ มหาโกลาหลํ อโหสิ.

กุมาโร ตํ สุตฺวา ‘‘เอเต ตาว มม นิสินฺนผลกํ ขีโรทเกน โธวนฺตุ, อหํ ปน รชฺเช ปติฏฺิตกาเล เอเตสํ คลโลหิตํ คเหตฺวา มม นิสินฺนผลกํ โธวิสฺสามี’’ติ จิตฺตํ ปฏฺเปสิ. ตสฺมึ สาวตฺถึ คเต อมจฺจา สพฺพํ ปวตฺตึ รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา ‘‘สพฺเพ มยฺหํ ทาสิธีตรํ อทํสู’’ติ สากิยานํ กุชฺฌิตฺวา วาสภขตฺติยาย จ ปุตฺตสฺส จ ทินฺนปริหารํ อจฺฉินฺทิตฺวา ทาสทาสีหิ ลทฺธพฺพปริหารมตฺตเมว ทาเปสิ. ตโต กติปาหจฺจเยน สตฺถา ราชนิเวสนํ อาคนฺตฺวา นิสีทิ. ราชา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ กิร าตเกหิ ทาสิธีตา มยฺหํ ทินฺนา, เตนสฺสา อหํ สปุตฺตาย ปริหารํ อจฺฉินฺทิตฺวา ทาสทาสีหิ ลทฺธพฺพปริหารมตฺตเมว ทาเปสิ’’นฺติ อาห. สตฺถา ‘‘อยุตฺตํ, มหาราช, สากิเยหิ กตํ, ททนฺเตหิ นาม สมานชาติกา ทาตพฺพา อสฺส. ตํ ปน มหาราช, วทามิ วาสภขตฺติยา ขตฺติยราชธีตา ขตฺติยสฺส รฺโ เคเห อภิเสกํ ลภิ, วิฏฏูโภปิ ขตฺติยราชานเมว ปฏิจฺจ ชาโต, มาตุโคตฺตํ นาม กึ กริสฺสติ, ปิตุโคตฺตเมว ปมาณนฺติ โปราณกปณฺฑิตา ทลิทฺทิตฺถิยา กฏฺหาริกายปิ อคฺคมเหสิฏฺานํ อทํสุ, ตสฺสา จ กุจฺฉิมฺหิ ชาตกุมาโร ทฺวาทสโยชนิกาย พาราณสิยา รชฺชํ กตฺวา กฏฺวาหนราชา นาม ชาโต’’ติ กฏฺวาหนชาตกํ (ชา. ๑.๑.๗) กเถสิ . ราชา สตฺถุ ธมฺมกถํ สุตฺวา ‘‘ปิตุโคตฺตเมว กิร ปมาณ’’นฺติ สุตฺวา ตุสฺสิตฺวา มาตาปุตฺตานํ ปกติปริหารเมว ทาเปสิ.

รฺโ ปน พนฺธุโล นาม เสนาปติ มลฺลิกํ นาม อตฺตโน ภริยํ วฺฌํ ‘‘ตว กุลฆรเมว คจฺฉาหี’’ติ กุสินารเมว เปเสสิ. สา ‘‘สตฺถารํ ทิสฺวาว คมิสฺสามี’’ติ เชตวนํ ปวิสิตฺวา ตถาคตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ิตา ‘‘กหํ คจฺฉสี’’ติ จ ปุฏฺา ‘‘สามิโก เม, ภนฺเต, กุลฆรํ เปเสสี’’ติ วตฺวา ‘‘กสฺมา’’ติ วุตฺตา ‘‘วฺฌา อปุตฺติกา, ภนฺเต’’ติ วตฺวา สตฺถารา ‘‘ยทิ เอวํ คมนกิจฺจํ นตฺถิ, นิวตฺตาหี’’ติ วุตฺตา ตุฏฺา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิเวสนเมว ปุน อคมาสิ. ‘‘กสฺมา นิวตฺตสี’’ติ ปุฏฺา ‘‘ทสพเลน นิวตฺติตามฺหี’’ติ อาห. เสนาปติ ‘‘ทิฏฺํ ภวิสฺสติ ตถาคเตน การณ’’นฺติ อาห. สา น จิรสฺเสว คพฺภํ ปฏิลภิตฺวา อุปฺปนฺนโทหฬา ‘‘โทหโฬ เม อุปฺปนฺโน’’ติ อาโรเจสิ. ‘‘กึ โทหโฬ’’ติ? ‘‘เวสาลิยา นคเร ลิจฺฉวิราชานํ อภิเสกมงฺคลโปกฺขรณึ โอตริตฺวา นฺหตฺวา ปานียํ ปิวิตุกามามฺหิ, สามี’’ติ. เสนาปติ ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา สหสฺสถามธนุํ คเหตฺวา ตํ รถํ อาโรเปตฺวา สาวตฺถิโต นิกฺขมิตฺวา รถํ ปาเชนฺโต เวสาลึ ปาวิสิ.

ตสฺมิฺจ กาเล โกสลรฺโ พนฺธุลเสนาปตินา สทฺธึ เอกาจริยกุเล อุคฺคหิตสิปฺโป มหาลิ นาม ลิจฺฉวี อนฺโธ ลิจฺฉวีนํ อตฺถฺจ ธมฺมฺจ อนุสาสนฺโต ทฺวารสมีเป วสติ. โส รถสฺส อุมฺมาเร ปฏิฆฏฺฏนสทฺทํ สุตฺวา ‘‘พนฺธุลมลฺลสฺส รถปตนสทฺโท เอโส, อชฺช ลิจฺฉวีนํ ภยํ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ อาห. โปกฺขรณิยา อนฺโต จ พหิ จ อารกฺขา พลวา, อุปริ โลหชาลํ ปตฺถฏํ, สกุณานมฺปิ โอกาโส นตฺถิ. เสนาปติ ปน รถา โอตริตฺวา อารกฺขเก ขคฺเคน ปหรนฺโต ปลาเปตฺวา โลหชาลํ ฉินฺทิตฺวา อนฺโตโปกฺขรณิยํ ภริยํ โอตาเรตฺวา นฺหาเปตฺวา ปาเยตฺวา สยมฺปิ นฺหตฺวา มลฺลิกํ รถํ อาโรเปตฺวา นครา นิกฺขมิตฺวา อาคตมคฺเคเนว ปายาสิ. อารกฺขกา คนฺตฺวา ลิจฺฉวีนํ อาโรเจสุํ. ลิจฺฉวิราชาโน กุชฺฌิตฺวา ปฺจ รถสตานิ อารุยฺห ‘‘พนฺธุลมลฺลํ คณฺหิสฺสามา’’ติ นิกฺขมึสุ. ตํ ปวตฺตึ มหาลิสฺส อาโรเจสุํ. มหาลิ ‘‘มา คมิตฺถ, โส หิ โว สพฺเพ ฆาตยิสฺสตี’’ติ อาห. เตปิ ‘‘มยํ คมิสฺสามเยวา’’ติ วทึสุ. เตน หิ จกฺกสฺส ยาว นาภิโต ปถวึ ปวิฏฺฏฺานํ ทิสฺวา นิวตฺเตยฺยาถ, ตโต อนิวตฺตนฺตา ปุรโต อสนิสทฺทํ วิย สุณิสฺสถ, ตมฺหา านา นิวตฺเตยฺยาถ, ตโต อนิวตฺตนฺตา ตุมฺหากํ รถธุเรสุ ฉิทฺทํ ปสฺสิสฺสถ, ตมฺหา านา นิวตฺเตยฺยาถ, ปุรโต มาคมิตฺถาติ. เต ตสฺส วจเนน อนิวตฺติตฺวา ตํ อนุพนฺธึสุเยว.

มลฺลิกา ทิสฺวา ‘‘รถา, สามิ, ปฺายนฺตี’’ติ อาห. เตน หิ เอกสฺส รถสฺส วิย ปฺายนกาเล มม อาโรเจยฺยาสีติ. สา ยทา สพฺเพ เอโก วิย หุตฺวา ปฺายึสุ, ตทา ‘‘เอกเมว สามิ รถสีสํ ปฺายตี’’ติ อาห. พนฺธุโล ‘‘เตน หิ อิมา รสฺมิโย คณฺหาหี’’ติ ตสฺสา รสฺมิโย ทตฺวา รเถ ิโตว ธนุํ อาโรเปติ, รถจกฺกํ ยาว นาภิโต ปถวึ ปาวิสิ, ลิจฺฉวิโน ตํ านํ ทิสฺวาปิ น นิวตฺตึสุ. อิตโร โถกํ คนฺตฺวา ชิยํ โปเถสิ, อสนิสทฺโท วิย อโหสิ. เต ตโตปิ น นิวตฺตึสุ, อนุพนฺธนฺตา คจฺฉนฺเตว. พนฺธุโล รเถ ิตโกว เอกํ สรํ ขิปิ. โส ปฺจนฺนํ รถสตานํ รถสีสํ ฉิทฺทํ กตฺวา ปฺจ ราชสตานิ ปริกรพนฺธนฏฺาเน วิชฺฌิตฺวา ปถวึ ปาวิสิ. เต อตฺตโน วิทฺธภาวํ อชานิตฺวา ‘‘ติฏฺ เร, ติฏฺ เร’’ติ วทนฺตา อนุพนฺธึสุเยว. พนฺธุโล รถํ เปตฺวา ‘‘ตุมฺเห มตกา, มตเกหิ สทฺธึ มยฺหํ ยุทฺธํ นาม นตฺถี’’ติ อาห. เต ‘‘มตกา นาม อมฺหาทิสา เนว โหนฺตี’’ติ วทึสุ. ‘‘เตน หิ สพฺพปจฺฉิมสฺส ปริกรํ โมเจถา’’ติ. เต โมจยึสุ. โส มุตฺตมตฺเตเยว มริตฺวา ปติโต. อถ เน ‘‘สพฺเพปิ ตุมฺเห เอวรูปา, อตฺตโน ฆรานิ คนฺตฺวา สํวิธาตพฺพํ สํวิทหิตฺวา ปุตฺตทาเร อนุสาสิตฺวา สนฺนาหํ โมเจถา’’ติ อาห. เต ตถา กตฺวา สพฺเพ ชีวิตกฺขยํ ปตฺตา.

พนฺธุโลปิ มลฺลิกํ สาวตฺถึ อาเนสิ. สา โสฬสกฺขตฺตุํ ยมเก ปุตฺเต วิชายิ, สพฺเพปิ สูรา ถามสมฺปนฺนา อเหสุํ, สพฺพสิปฺเป นิปฺผตฺตึ ปาปุณึสุ. เอเกกสฺสปิ ปุริสสหสฺสปริวาโร อโหสิ . ปิตรา สทฺธึ ราชนิเวสนํ คจฺฉนฺเตหิ เตเหว ราชงฺคณํ ปริปูริ. อเถกทิวสํ วินิจฺฉเย กูฏฑฺฑปราชิตา มนุสฺสา พนฺธุลํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา มหารวํ วิรวนฺตา วินิจฺฉยอมจฺจานํ กูฏฑฺฑการณํ ตสฺส อาโรเจสุํ. โสปิ วินิจฺฉยํ คนฺตฺวา ตํ อฑฺฑํ ตีเรตฺวา สามิกเมว สามิกํ, อสฺสามิกเมว อสฺสามิกํ อกาสิ. มหาชโน มหาสทฺเทน สาธุการํ ปวตฺเตสิ. ราชา ‘‘กิมิท’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ตุสฺสิตฺวา สพฺเพปิ เต อมจฺเจ หาเรตฺวา พนฺธุลสฺเสว วินิจฺฉยํ นิยฺยาเทสิ. โส ตโต ปฏฺาย สมฺมา วินิจฺฉินิ. ตโต โปราณกวินิจฺฉยิกา ลฺชํ อลภนฺตา อปฺปลาภา หุตฺวา ‘‘พนฺธุโล รชฺชํ ปตฺเถตี’’ติ ราชกุเล ปริภินฺทึสุ. ราชา ตํ กถํ คเหตฺวา จิตฺตํ นิคฺคเหตุํ นาสกฺขิ, ‘‘อิมสฺมึ อิเธว ฆาติยมาเน ครหา เม อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ ปุน จินฺเตตฺวา ‘‘ปยุตฺตปุริเสหิ ปจฺจนฺตํ ปหราเปตฺวา เต ปลาเปตฺวา นิวตฺตกาเล อนฺตรามคฺเค ปุตฺเตหิ สทฺธึ มาเรตุํ วฏฺฏตี’’ติ พนฺธุลํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ปจฺจนฺโต กิร กุปิโต, ตว ปุตฺเตหิ สทฺธึ คนฺตฺวา โจเร คณฺหาหี’’ติ ปหิณิตฺวา ‘‘เอตฺเถวสฺส ทฺวตฺตึสาย ปุตฺเตหิ สทฺธึ สีสํ ฉินฺทิตฺวา อาหรถา’’ติ เตหิ สทฺธึ อฺเปิ สมตฺเถ มหาโยเธ เปเสสิ. ตสฺมึ ปจฺจนฺตํ คจฺฉนฺเตเยว ‘‘เสนาปติ กิร อาคจฺฉตี’’ติ สุตฺวาว ปยุตฺตกโจรา ปลายึสุ. โส ตํ ปเทสํ อาวาสาเปตฺวา ชนปทํ สณฺเปตฺวา นิวตฺติ.

อถสฺส นครโต อวิทูเร าเน เต โยธา ปุตฺเตหิ สทฺธึ สีสํ ฉินฺทึสุ. ตํ ทิวสํ มลฺลิกาย ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ ทฺเว อคฺคสาวกา นิมนฺติตา โหนฺติ. อถสฺสา ปุพฺพณฺหสมเย ‘‘สามิกสฺส เต สทฺธึ ปุตฺเตหิ สีสํ ฉินฺทึสู’’ติ ปณฺณํ อาหริตฺวา อทํสุ. สา ตํ ปวตฺตึ ตฺวา กสฺสจิ กิฺจิ อวตฺวา ปณฺณํ อุจฺฉงฺเค กตฺวา ภิกฺขุสงฺฆเมว ปริวิสิ. อถสฺสา ปริจาริกา ภิกฺขูนํ ภตฺตํ ทตฺวา สปฺปิจาฏึ อาหรนฺติโย เถรานํ ปุรโต จาฏึ ภินฺทึสุ. ธมฺมเสนาปติ ‘‘อุปาสิเก, เภทนธมฺมํ ภินฺนํ, น จินฺเตตพฺพ’’นฺติ อาห. สา อุจฺฉงฺคโต ปณฺณํ นีหริตฺวา ‘‘ทฺวตฺตึสปุตฺเตหิ สทฺธึ ปิตุ สีสํ ฉินฺนนฺติ เม อิมํ ปณฺณํ อาหรึสุ, อหํ อิทํ สุตฺวาปิ น จินฺเตมิ, สปฺปิจาฏิยา ภินฺนาย กึ จินฺเตมิ, ภนฺเต’’ติ อาห. ธมฺมเสนาปติ ‘‘อนิมิตฺตมนฺาต’’นฺติอาทีนิ (สุ. นิ. ๕๗๙) วตฺวา ธมฺมํ เทเสตฺวา อุฏฺายาสนา วิหารํ อคมาสิ. สาปิ ทฺวตฺตึส สุณิสาโย ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ สามิกา อตฺตโน ปุริมกมฺมผลํ ลภึสุ, ตุมฺเห มา โสจิตฺถ มา ปริเทวิตฺถ, รฺโ อุปริ มโนปโทสํ มา กริตฺถา’’ติ โอวทิ.

รฺโ จรปุริสา ตํ กถํ สุตฺวา เตสํ นิทฺโทสภาวํ รฺโ กถยึสุ. ราชา สํเวคปฺปตฺโต ตสฺสา นิเวสนํ คนฺตฺวา มลฺลิกฺจ สุณิสาโย จสฺสา ขมาเปตฺวา มลฺลิกาย วรํ อทาสิ. สา ‘‘คหิโต เม โหตู’’ติ วตฺวา ตสฺมึ คเต มตกภตฺตํ ทตฺวา นฺหตฺวา ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘เทว, ตุมฺเหหิ เม วโร ทินฺโน, มยฺหฺจ อฺเน อตฺโถ นตฺถิ, ทฺวตฺตึสาย เม สุณิสานํ มม จ กุลฆรคมนํ อนุชานาถา’’ติ อาห. ราชา สมฺปฏิจฺฉิ. สา ทฺวตฺตึสาย สุณิสานํ สกกุลํ เปเสตฺวา สยํ กุสินารนคเร อตฺตโน กุลฆรํ อคมาสิ. ราชา พนฺธุลเสนาปติโน ภาคิเนยฺยสฺส ทีฆการายนสฺส นาม เสนาปติฏฺานํ อทาสิ. โส ปน ‘‘มาตุโล เม อิมินา มาริโต’’ติ รฺโ โอตารํ คเวสนฺโต วิจรติ. ราชาปิ นิปฺปราธสฺส พนฺธุลสฺส มาริตกาลโต ปฏฺาย วิปฺปฏิสารี จิตฺตสฺสาทํ น ลภติ, รชฺชสุขํ นานุโภติ.

ตทา สตฺถา สากิยานํ เวฬุํ นาม นิคมํ อุปนิสฺสาย วิหรติ. ราชา ตตฺถ คนฺตฺวา อารามโต อวิทูเร ขนฺธาวารํ นิวาเสตฺวา ‘‘มหนฺเตน ปริวาเรน สตฺถารํ วนฺทิสฺสามา’’ติ วิหารํ คนฺตฺวา ปฺจ ราชกกุธภณฺฑานิ ทีฆการายนสฺส ทตฺวา เอกโกว คนฺธกุฏึ ปาวิสิ. สพฺพํ ธมฺมเจติยสุตฺตนิยาเมเนว (ม. นิ. ๒.๓๖๔ อาทโย) เวทิตพฺพํ. ตสฺมึ คนฺธกุฏึ ปวิฏฺเ ทีฆการายโน ตานิ ปฺจ ราชกกุธภณฺฑานิ คเหตฺวา วิฏฏูภํ ราชานํ กตฺวา รฺโ เอกํ อสฺสํ เอกฺจ อุปฏฺานการิกํ มาตุคามํ นิวตฺเตตฺวา สาวตฺถึ อคมาสิ. ราชา สตฺถารา สทฺธึ ปิยกถํ กเถตฺวา นิกฺขนฺโต เสนํ อทิสฺวา ตํ มาตุคามํ ปุจฺฉิตฺวา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘อหํ ภาคิเนยฺยํ อชาตสตฺตุํ อาทาย อาคนฺตฺวา วิฏฏูภํ คเหสฺสามี’’ติ ราชคหนครํ คจฺฉนฺโต วิกาเล ทฺวาเรสุ ปิหิเตสุ นครํ ปวิสิตุมสกฺโกนฺโต เอกิสฺสาย สาลาย นิปชฺชิตฺวา วาตาตเปน กิลนฺโต รตฺติภาเค ตตฺเถว กาลมกาสิ. วิภาตาย รตฺติยา ‘‘เทว โกสลนรินฺท, อิทานิ อนาโถสิ ชาโต’’ติ วิลปนฺติยา ตสฺสา อิตฺถิยา สทฺทํ สุตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ. โส มาตุลสฺส มหนฺเตน สกฺกาเรน สรีรกิจฺจํ กาเรสิ.

วิฏฏูโภปิ รชฺชํ ลภิตฺวา ตํ เวรํ สริตฺวา ‘‘สพฺเพปิ สากิเย มาเรสฺสามี’’ติ มหติยา เสนาย นิกฺขมิ. ตํ ทิวสํ สตฺถา ปจฺจูสสมเย โลกํ โวโลเกนฺโต าติสงฺฆสฺส วินาสํ ทิสฺวา ‘‘าติสงฺคหํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ปุพฺพณฺหสมเย ปิณฺฑาย จริตฺวา ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต คนฺธกุฏิยํ สีหเสยฺยํ กปฺเปตฺวา สายนฺหสมเย อากาเสน คนฺตฺวา กปิลวตฺถุสามนฺเต เอกสฺมึ กพรจฺฉาเย รุกฺขมูเล นิสีทิ. ตโต อวิทูเร วิฏฏูภสฺส รชฺชสีมาย อนฺโต สนฺทจฺฉาโย นิคฺโรธรุกฺโข อตฺถิ, วิฏฏูโภ สตฺถารํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, กึการณา เอวรูปาย อุณฺหเวลาย อิมสฺมึ กพรจฺฉาเย รุกฺขมูเล นิสีทถ, เอตสฺมึ สนฺทจฺฉาเย นิคฺโรธรุกฺขมูเล นิสีทถ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา ‘‘โหตุ, มหาราช, าตกานํ ฉายา นาม สีตลา’’ติ วุตฺเต ‘‘าตกานํ รกฺขณตฺถาย สตฺถา อาคโต ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา สาวตฺถิเมว ปจฺจาคมิ. สตฺถาปิ อุปฺปติตฺวา เชตวนเมว คโต.

ราชา สากิยานํ โทสํ สริตฺวา ทุติยํ นิกฺขมิตฺวา ตเถว สตฺถารํ ปสฺสิตฺวา ปุน นิวตฺติตฺวา ตติยวาเร นิกฺขมิตฺวา ตตฺเถว สตฺถารํ ปสฺสิตฺวา นิวตฺติ. จตุตฺถวาเร ปน ตสฺมึ นิกฺขนฺเต สตฺถา สากิยานํ ปุพฺพกมฺมํ โอโลเกตฺวา เตสํ นทิยํ วิสปกฺขิปนปาปกมฺมสฺส อปฺปฏิพาหิรภาวํ ตฺวา จตุตฺถวาเร น อคมาสิ. วิฏฏูภราชา ขีรปายเก ทารเก อาทึ กตฺวา สพฺเพ สากิเย ฆาเตตฺวา คลโลหิเตน นิสินฺนผลกํ โธวิตฺวา ปจฺจาคมิ. สตฺถริ ตติยวาเร คมนโต ปจฺจาคนฺตฺวา ปุนทิวเส ปิณฺฑาย จริตฺวา นิฏฺาปิตภตฺตกิจฺเจ คนฺธกุฏิยํ ปวิสนฺเต ทิสาหิ สนฺนิปติตา ภิกฺขู ธมฺมสภายํ นิสีทิตฺวา ‘‘อาวุโส, สตฺถา อตฺตานํ ทสฺเสตฺวา ราชานํ นิวตฺตาเปตฺวา าตเก มรณภยา โมเจสิ, เอวํ าตกานํ อตฺถจโร สตฺถา’’ติ ภควโต คุณกถํ กถยึสุ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว ตถาคโต าตกานํ อตฺถํ จรติ, ปุพฺเพปิ จริเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺโต นาม ราชา ทส ราชธมฺเม อโกเปตฺวา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรนฺโต เอกทิวสํ จินฺเตสิ ‘‘ชมฺพุทีปตเล ราชาโน พหุถมฺเภสุ ปาสาเทสุ วสนฺติ, ตสฺมา พหูหิ ถมฺเภหิ ปาสาทกรณํ นาม อนจฺฉริยํ, ยํนูนาหํ เอกถมฺภกํ ปาสาทํ กาเรยฺยํ, เอวํ สพฺพราชูนํ อคฺคราชา ภวิสฺสามี’’ติ. โส วฑฺฒกี ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘มยฺหํ โสภคฺคปฺปตฺตํ เอกถมฺภกํ ปาสาทํ กโรถา’’ติ อาห. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา อุชู มหนฺเต เอกถมฺภกปาสาทารเห พหู รุกฺเข ทิสฺวา ‘‘อิเม รุกฺขา สนฺติ, มคฺโค ปน วิสโม, น สกฺกา โอตาเรตุํ, รฺโ อาจิกฺขิสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา ตถา อกํสุ. ราชา ‘‘เกนจิ อุปาเยน สณิกํ โอตาเรถา’’ติ วตฺวา ‘‘เทว, เยน เกนจิ อุปาเยน น สกฺกา’’ติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ มม อุยฺยาเน เอกํ รุกฺขํ อุปธาเรถา’’ติ อาห. วฑฺฒกี อุยฺยานํ คนฺตฺวา เอกํ สุชาตํ อุชุกํ คามนิคมปูชิตํ ราชกุลโตปิ ลทฺธพลิกมฺมํ มงฺคลสาลรุกฺขํ ทิสฺวา รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. ราชา ‘‘อุยฺยาเน รุกฺโข นาม มม ปฏิพทฺโธ, คจฺฉถ โภ ตํ ฉินฺทถา’’ติ อาห. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา คนฺธมาลาทิหตฺถา อุยฺยานํ คนฺตฺวา รุกฺเข คนฺธปฺจงฺคุลิกํ ทตฺวา สุตฺเตน ปริกฺขิปิตฺวา ปุปฺผกณฺณิกํ พนฺธิตฺวา ทีปํ ชาเลตฺวา พลิกมฺมํ กตฺวา ‘‘อิโต สตฺตเม ทิวเส อาคนฺตฺวา รุกฺขํ ฉินฺทิสฺสาม, ราชา ฉินฺทาเปติ, อิมสฺมึ รุกฺเข นิพฺพตฺตเทวตา อฺตฺถ คจฺฉตุ, อมฺหากํ โทโส นตฺถี’’ติ สาเวสุํ.

อถ ตสฺมึ นิพฺพตฺโต เทวปุตฺโต ตํ วจนํ สุตฺวา ‘‘นิสฺสํสยํ อิเม วฑฺฒกี อิมํ รุกฺขํ ฉินฺทิสฺสนฺติ, วิมานํ เม นสฺสิสฺสติ, วิมานปริยนฺติกเมว โข ปน มยฺหํ ชีวิตํ, อิมฺจ รกฺขํ ปริวาเรตฺวา ิเตสุ ตรุณสาลรุกฺเขสุ นิพฺพตฺตานํ มม าติเทวตานมฺปิ พหูนิ วิมานานิ นสฺสิสฺสนฺติ. วิมานปริยนฺติกเมว มม าตีนํ เทวตานมฺปิ ชีวิตํ, น โข ปน มํ ตถา อตฺตโน วินาโส พาธติ, ยถา าตีนํ, ตสฺมา เนสํ มยา ชีวิตํ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา อฑฺฒรตฺตสมเย ทิพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิโต รฺโ สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา สกลคพฺภํ เอโกภาสํ กตฺวา อุสฺสิสกปสฺเส โรทมาโน อฏฺาสิ. ราชา ตํ ทิสฺวา ภีตตสิโต เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ปมํ คาถมาห –

๑๓.

‘‘กา ตฺวํ สุทฺเธหิ วตฺเถหิ, อเฆ เวหายสํ ิตา;

เกน ตฺยาสฺสูนิ วตฺตนฺติ, กุโต ตํ ภยมาคต’’นฺติ.

ตตฺถ กา ตฺวนฺติ นาคยกฺขสุปณฺณสกฺกาทีสุ กา นาม ตฺวนฺติ ปุจฺฉติ. วตฺเถหีติ วจนมตฺตเมเวตํ, สพฺเพปิ ปน ทิพฺพาลงฺกาเร สนฺธาเยวมาห. อเฆติ อปฺปฏิเฆ อากาเส. เวหายสนฺติ ตสฺเสว เววจนํ. เกน ตฺยาสฺสูนิ วตฺตนฺตีติ เกน การเณน ตว อสฺสูนิ วตฺตนฺติ. กุโตติ าติวิโยคธนวินาสาทีนํ กึ นิสฺสาย ตํ ภยมาคตนฺติ ปุจฺฉติ.

ตโต เทวราชา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๔.

‘‘ตเวว เทว วิชิเต, ภทฺทสาโลติ มํ วิทู;

สฏฺิ วสฺสสหสฺสานิ, ติฏฺโต ปูชิตสฺส เม.

๑๕.

‘‘การยนฺตา นครานิ, อคาเร จ ทิสมฺปติ;

วิวิเธ จาปิ ปาสาเท, น มํ เต อจฺจมฺิสุํ;

ยเถว มํ เต ปูเชสุํ, ตเถว ตฺวมฺปิ ปูชยา’’ติ.

ตตฺถ ติฏฺโตติ สกลพาราณสินคเรหิ เจว คามนิคเมหิ จ ตยา จ ปูชิตสฺส นิจฺจํ พลิกมฺมฺจ สกฺการฺจ ลภนฺตสฺส มยฺหํ อิมสฺมึ อุยฺยาเน ติฏฺนฺตสฺส เอตฺตโก กาโล คโตติ ทสฺเสติ. นครานีติ นครปฏิสงฺขรณกมฺมานิ. อคาเรจาติ ภูมิเคหานิ. ทิสมฺปตีติ ทิสานํ ปติ, มหาราช. น มํ เตติ เต นครปฏิสงฺขรณาทีนิ กโรนฺตา อิมสฺมึ นคเร โปราณกราชาโน มํ นาติมฺิสุํ นาติกฺกมึสุ น วิเหยึสุ, มม นิวาสรุกฺขํ ฉินฺทิตฺวา อตฺตโน กมฺมํ น กรึสุ, มยฺหํ ปน สกฺการเมว กรึสูติ อวจ. ยเถวาติ ตสฺมา ยเถว เต โปราณกราชาโน มํ ปูชยึสุ, เอโกปิ อิมํ รุกฺขํ น ฉินฺทาเปสิ, ตฺวฺจาปิ มํ ตเถว ปูชย, มา เม รุกฺขํ เฉทยีติ.

ตโต ราชา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๖.

‘‘ตํ อิวาหํ น ปสฺสามิ, ถูลํ กาเยน เต ทุมํ;

อาโรหปริณาเหน, อภิรูโปสิ ชาติยา.

๑๗.

‘‘ปาสาทํ การยิสฺสามิ, เอกตฺถมฺภํ มโนรมํ;

ตตฺถ ตํ อุปเนสฺสามิ, จิรํ เต ยกฺข ชีวิต’’นฺติ.

ตตฺถ กาเยนาติ ปมาเณน. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตว ปมาเณน ตํ วิย ถูลํ มหนฺตํ อฺํ ทุมํ น ปสฺสามิ, ตฺวฺเว ปน อาโรหปริณาเหน สุชาตสงฺขาตาย สมสณฺานอุชุภาวปฺปการาย ชาติยา จ อภิรูโป โสภคฺคปฺปตฺโต เอกถมฺภปาสาทารโหติ. ปาสาทนฺติ ตสฺมา ตํ เฉทาเปตฺวา อหํ ปาสาทํ การาเปสฺสาเมว. ตตฺถ ตนฺติ ตํ ปนาหํ สมฺม เทวราช, ตตฺถ ปาสาเท อุปเนสฺสามิ, โส ตฺวํ มยา สทฺธึ เอกโต วสนฺโต อคฺคคนฺธมาลาทีนิ ลภนฺโต สกฺการปฺปตฺโต สุขํ ชีวิสฺสสิ, นิวาสฏฺานาภาเวน เม วินาโส ภวิสฺสตีติ มา จินฺตยิ, จิรํ เต ยกฺข ชีวิตํ ภวิสฺสตีติ.

ตํ สุตฺวา เทวราชา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๘.

‘‘เอวํ จิตฺตํ อุทปาทิ, สรีเรน วินาภาโว;

ปุถุโส มํ วิกนฺติตฺวา, ขณฺฑโส อวกนฺตถ.

๑๙.

‘‘อคฺเค จ เฉตฺวา มชฺเฌ จ, ปจฺฉา มูลมฺหิ ฉินฺทถ;

เอวํ เม ฉิชฺชมานสฺส, น ทุกฺขํ มรณํ สิยา’’ติ.

ตตฺถ เอวํ จิตฺตํ อุทปาทีติ ยทิ เอวํ จิตฺตํ ตว อุปฺปนฺนํ. สรีเรน วินาภาโวติ ยทิ เต มม สรีเรน ภทฺทสาลรุกฺเขน สทฺธึ มม วินาภาโว ปตฺถิโต. ปุถุโสติ พหุธา. วิกนฺติตฺวาติ ฉินฺทิตฺวา. ขณฺฑโสติ ขณฺฑาขณฺฑํ กตฺวา อวกนฺตถ. อคฺเค จาติ อวกนฺตนฺตา ปน ปมํ อคฺเค, ตโต มชฺเฌ เฉตฺวา สพฺพปจฺฉา มูเล ฉินฺทถ. เอวฺหิ เม ฉิชฺชมานสฺส น ทุกฺขํ มรณํ สิยา, สุขํ นุ ขณฺฑโส ภเวยฺยาติ ยาจติ.

ตโต ราชา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๒๐.

‘‘หตฺถปาทํ ยถา ฉินฺเท, กณฺณนาสฺจ ชีวโต;

ตโต ปจฺฉา สิโร ฉินฺเท, ตํ ทุกฺขํ มรณํ สิยา.

๒๑.

‘‘สุขํ นุ ขณฺฑโส ฉินฺนํ, ภทฺทสาล วนปฺปติ;

กึเหตุ กึ อุปาทาย, ขณฺฑโส ฉินฺนมิจฺฉสี’’ติ.

ตตฺถ หตฺถปาทนฺติ หตฺเถ จ ปาเท จ. ตํ ทุกฺขนฺติ เอวํ ปฏิปาฏิยา ฉิชฺชนฺตสฺส โจรสฺส ตํ มรณํ ทุกฺขํ สิยา. สุขํ นูติ สมฺม ภทฺทสาล, วชฺฌปฺปตฺตา โจรา สุเขน มริตุกามา สีสจฺเฉทํ ยาจนฺติ, น ขณฺฑโส เฉทนํ, ตฺวํ ปน เอวํ ยาจสิ, เตน ตํ ปุจฺฉามิ ‘‘สุขํ นุ ขณฺฑโส ฉินฺน’’นฺติ. กึเหตูติ ขณฺฑโส ฉินฺนํ นาม น สุขํ, การเณน ปเนตฺถ ภวิตพฺพนฺติ ตํ ปุจฺฉนฺโต เอวมาห.

อถสฺส อาจิกฺขนฺโต ภทฺทสาโล ทฺเว คาถา อภาสิ –

๒๒.

‘‘ยฺจ เหตุมุปาทาย, เหตุํ ธมฺมูปสํหิตํ;

ขณฺฑโส ฉินฺนมิจฺฉามิ, มหาราช สุโณหิ เม.

๒๓.

‘‘าตี เม สุขสํวทฺธา, มม ปสฺเส นิวาตชา;

เตปิหํ อุปหึเสยฺย, ปเรสํ อสุโขจิต’’นฺติ.

ตตฺถ เหตุํ ธมฺมูปสํหิตนฺติ มหาราช, ยํ เหตุสภาวยุตฺตเมว, น เหตุปติรูปกํ, เหตุํ อุปาทาย อารพฺภ สนฺธายาหํ ขณฺฑโส ฉินฺนมิจฺฉามิ, ตํ โอหิตโสโต สุโณหีติ อตฺโถ. าตีเมติ มม ภทฺทสาลรุกฺขสฺส ฉายาย สุขสํวทฺธา มม ปสฺเส ตรุณสาลรุกฺเขสุ นิพฺพตฺตา มยา กตวาตปริตฺตาณตฺตา นิวาตชา มม าตกา เทวสงฺฆา อตฺถิ, เต อหํ วิสาลสาขวิฏโป มูเล ฉินฺทิตฺวา ปตนฺโต อุปหึเสยฺยํ, สํภคฺควิมาเน กโรนฺโต วินาเสยฺยนฺติ อตฺโถ. ปเรสํ อสุโขจิตนฺติ เอวํ สนฺเต มยา เตสํ ปเรสํ าติเทวสงฺฆานํ อสุขํ ทุกฺขํ โอจิตํ วฑฺฒิตํ, น จาหํ เตสํ ทุกฺขกาโม, ตสฺมา ภทฺทสาลํ ขณฺฑโส ขณฺฑโส ฉินฺทาเปมีติ อยเมตฺถาธิปฺปาโย.

ตํ สุตฺวา ราชา ‘‘ธมฺมิโก วตายํ, เทวปุตฺโต, อตฺตโน วิมานวินาสโตปิ าตีนํ วิมานวินาสํ น อิจฺฉติ, าตีนํ อตฺถจริยํ จรติ, อภยมสฺส ทสฺสามี’’ติ ตุสฺสิตฺวา โอสานคาถมาห –

๒๔.

‘‘เจเตยฺยรูปํ เจเตสิ, ภทฺทสาล วนปฺปติ;

หิตกาโมสิ าตีนํ, อภยํ สมฺม ทมฺมิ เต’’ติ.

ตตฺถ เจเตยฺยรูปํ เจเตสีติ าตีสุ มุทุจิตฺตตาย จินฺเตนฺโต จินฺเตตพฺพยุตฺตกเมว จินฺเตสิ. เฉเทยฺยรูปํ เฉเทสีติปิ ปาโ. ตสฺสตฺโถ – ขณฺฑโส ฉินฺนมิจฺฉนฺโต เฉเทตพฺพยุตฺตกเมว เฉเทสีติ. อภยนฺติ เอตสฺมึ เต สมฺม, คุเณ ปสีทิตฺวา อภยํ ททามิ, น เม ปาสาเทนตฺโถ, นาหํ ตํ เฉทาเปสฺสามิ, คจฺฉ าติสงฺฆปริวุโต สกฺกตครุกโต สุขํ ชีวาติ อาห.

เทวราชา รฺโ ธมฺมํ เทเสตฺวา อคมาสิ. ราชา ตสฺโสวาเท ตฺวา ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา สคฺคปุรํ ปูเรสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว, ปุพฺเพปิ ตถาคโต าตตฺถจริยํ อจริเยวา’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, ตรุณสาเลสุ นิพฺพตฺตเทวตา พุทฺธปริสา, ภทฺทสาลเทวราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ภทฺทสาลชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๔๖๖] ๓. สมุทฺทวาณิชชาตกวณฺณนา

กสนฺติวปนฺติ เต ชนาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตสฺส ปฺจ กุลสตานิ คเหตฺวา นิรเย ปติตภาวํ อารพฺภ กเถสิ. โส หิ อคฺคสาวเกสุ ปริสํ คเหตฺวา ปกฺกนฺเตสุ โสกํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺโต อุณฺหโลหิเต มุขโต นิกฺขนฺเต พลวเวทนาปีฬิโต ตถาคตสฺส คุณํ อนุสฺสริตฺวา ‘‘อหเมว นว มาเส ตถาคตสฺส อนตฺถํ จินฺเตสึ, สตฺถุ ปน มยิ ปาปจิตฺตํ นาม นตฺถิ, อสีติมหาเถรานมฺปิ มยิ อาฆาโต นาม นตฺถิ, มยา กตกมฺเมน อหเมว อิทานิ อนาโถ ชาโต, สตฺถาราปิมฺหิ วิสฺสฏฺโ มหาเถเรหิปิ าติเสฏฺเน ราหุลตฺเถเรนปิ สกฺยราชกุเลหิปิ, คนฺตฺวา สตฺถารํ ขมาเปสฺสามี’’ติ ปริสาย สฺํ ทตฺวา อตฺตานํ ปฺจเกน คาหาเปตฺวา รตฺตึ รตฺตึ คจฺฉนฺโต โกสลรฏฺํ สมฺปาปุณิ. อานนฺทตฺเถโร สตฺถุ อาโรเจสิ ‘‘เทวทตฺโต กิร, ภนฺเต, ตุมฺหากํ ขมาเปตุํ อาคจฺฉตี’’ติ. ‘‘อานนฺท, เทวทตฺโต มม ทสฺสนํ น ลภิสฺสตี’’ติ.

อถ ตสฺมึ สาวตฺถินครทฺวารํ สมฺปตฺเต ปุน เถโร อาโรเจสิ, ภควาปิ ตเถว อวจ. ตสฺส เชตวเน โปกฺขรณิยา สมีปํ อาคตสฺส ปาปํ มตฺถกํ ปาปุณิ, สรีเร ฑาโห อุปฺปชฺชิ, นฺหตฺวา ปานียํ ปิวิตุกาโม หุตฺวา ‘‘มฺจกโต มํ อาวุโส โอตาเรถ, ปานียํ ปิวิสฺสามี’’ติ อาห. ตสฺส โอตาเรตฺวา ภูมิยํ ปิตมตฺตสฺส จิตฺตสฺสาเท อลทฺเธเยว มหาปถวี วิวรมทาสิ. ตาวเทว ตํ อวีจิโต อคฺคิชาลา อุฏฺาย ปริกฺขิปิตฺวา คณฺหิ. โส ‘‘ปาปกมฺมํ เม มตฺถกํ ปตฺต’’นฺติ ตถาคตสฺส คุเณ อนุสฺสริตฺวา –

‘‘อิเมหิ อฏฺีหิ ตมคฺคปุคฺคลํ, เทวาติเทวํ นรทมฺมสารถึ;

สมนฺตจกฺขุํ สตปุฺลกฺขณํ, ปาเณหิ พุทฺธํ สรณํ อุเปมี’’ติ. (มิ. ป. ๔.๑.๓) –

อิมาย คาถาย สรเณ ปติฏฺหนฺโต อวีจิปรายโณ อโหสิ. ตสฺส ปน ปฺจ อุปฏฺากกุลสตานิ อเหสุํ. ตานิปิ ตปฺปกฺขิกานิ หุตฺวา ทสพลํ อกฺโกสิตฺวา อวีจิมฺหิเยว นิพฺพตฺตึสุ. เอวํ โส ตานิ ปฺจ กุลสตานิ คณฺหิตฺวา อวีจิมฺหิ ปติฏฺิโต.

อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, เทวทตฺโต ปาโป ลาภสกฺการคิทฺธตาย สมฺมาสมฺพุทฺเธ อฏฺาเน โกปํ พนฺธิตฺวา อนาคตภยมโนโลเกตฺวา ปฺจหิ กุลสเตหิ สทฺธึ อวีจิปรายโณ ชาโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น ภิกฺขเว, อิทาเนว เทวทตฺโต ลาภสกฺการคิทฺโธ หุตฺวา อนาคตภยํ น โอโลเกสิ, ปุพฺเพปิ อนาคตภยํ อโนโลเกตฺวา ปจฺจุปฺปนฺนสุขคิทฺเธน สทฺธึ ปริสาย มหาวินาสํ ปตฺโต’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต พาราณสิโต อวิทูเร กุลสหสฺสนิวาโส มหาวฑฺฒกีคาโม อโหสิ. ตตฺถ วฑฺฒกี ‘‘ตุมฺหากํ มฺจํ กริสฺสาม, ปีํ กริสฺสาม, เคหํ กริสฺสามา’’ติ วตฺวา มนุสฺสานํ หตฺถโต พหุํ อิณํ คเหตฺวา กิฺจิ กาตุํ น สกฺขึสุ. มนุสฺสา ทิฏฺทิฏฺเ วฑฺฒกี โจเทนฺติ ปลิพุทฺธนฺติ. เต อิณายิเกหิ อุปทฺทุตา สุขํ วสิตุํ อสกฺโกนฺตา ‘‘วิเทสํ คนฺตฺวา ยตฺถ กตฺถจิ วสิสฺสามา’’ติ อรฺํ ปวิสิตฺวา รุกฺเข ฉินฺทิตฺวา มหตึ นาวํ พนฺธิตฺวา นทึ โอตาเรตฺวา อาหริตฺวา คามโต คาวุตฑฺฒโยชนมตฺเต าเน เปตฺวา อฑฺฒรตฺตสมเย คามํ อาคนฺตฺวา ปุตฺตทารมาทาย นาวฏฺานํ คนฺตฺวา นาวํ อารุยฺห อนุกฺกเมน มหาสมุทฺทํ ปวิสิตฺวา วาตเวเคน วิจรนฺตา สมุทฺทมชฺเฌ เอกํ ทีปกํ ปาปุณึสุ. ตสฺมึ ปน ทีปเก สยํชาตสาลิอุจฺฉุกทลิอมฺพชมฺพุปนสตาลนาฬิเกราทีนิ วิวิธผลานิ อตฺถิ, อฺตโร ปภินฺนนาโว ปุริโส ปมตรํ ตํ ทีปกํ ปตฺวา สาลิภตฺตํ ภุฺชมาโน อุจฺฉุอาทีนิ ขาทมาโน ถูลสรีโร นคฺโค ปรูฬฺหเกสมสฺสุ ตสฺมึ ทีปเก ปฏิวสติ.

วฑฺฒกี จินฺตยึสุ ‘‘สเจ อยํ ทีปโก รกฺขสปริคฺคหิโต ภวิสฺสติ, สพฺเพปิ อมฺเห วินาสํ ปาปุณิสฺสาม, ปริคฺคณฺหิสฺสาม ตาว น’’นฺติ. อถ สตฺตฏฺ ปุริสา สูรา พลวนฺโต สนฺนทฺธปฺจาวุธา หุตฺวา โอตริตฺวา ทีปกํ ปริคฺคณฺหึสุ. ตสฺมึ ขเณ โส ปุริโส ภุตฺตปาตราโส อุจฺฉุรสํ ปิวิตฺวา สุขปฺปตฺโต รมณีเย ปเทเส รชตปฏฺฏสทิเส วาลุกตเล สีตจฺฉายาย อุตฺตานโก นิปชฺชิตฺวา ‘‘ชมฺพุทีปวาสิโน กสนฺตา วปนฺตา เอวรูปํ สุขํ น ลภนฺติ, ชมฺพุทีปโต มยฺหํ อยเมว ทีปโก วร’’นฺติ คายมาโน อุทานํ อุทาเนสิ. อถ สตฺถา ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา ‘‘โส ภิกฺขเว ปุริโส อิมํ อุทานํ อุทาเนสี’’ติ ทสฺเสนฺโต ปมํ คาถมาห –

๒๕.

‘‘กสนฺติ วปนฺติ เต ชนา, มนุชา กมฺมผลูปชีวิโน;

นยิมสฺส ทีปกสฺส ภาคิโน, ชมฺพุทีปา อิทเมว โน วร’’นฺติ.

ตตฺถ เต ชนาติ เต ชมฺพุทีปวาสิโน ชนา. กมฺมผลูปชีวิโนติ นานากมฺมานํ ผลูปชีวิโน สตฺตา.

อถ เต ทีปกํ ปริคฺคณฺหนฺตา ปุริสา ตสฺส คีตสทฺทํ สุตฺวา ‘‘มนุสฺสสทฺโท วิย สุยฺยติ, ชานิสฺสาม น’’นฺติ สทฺทานุสาเรน คนฺตฺวา ตํ ปุริสํ ทิสฺวา ‘‘ยกฺโข ภวิสฺสตี’’ติ ภีตตสิตา สเร สนฺนหึสุ. โสปิ เต ทิสฺวา อตฺตโน วธภเยน ‘‘นาหํ, สามิ, ยกฺโข, ปุริโสมฺหิ, ชีวิตํ เม เทถา’’ติ ยาจนฺโต ‘‘ปุริสา นาม ตุมฺหาทิสา นคฺคา น โหนฺตี’’ติ วุตฺเต ปุนปฺปุนํ ยาจิตฺวา มนุสฺสภาวํ วิฺาเปสิ. เต ตํ ปุริสํ อุปสงฺกมิตฺวา สมฺโมทนียํ กถํ สุตฺวา ตสฺส ตตฺถ อาคตนิยามํ ปุจฺฉึสุ. โสปิ สพฺพํ เตสํ กเถตฺวา ‘‘ตุมฺเห อตฺตโน ปุฺสมฺปตฺติยา อิธาคตา , อยํ อุตฺตมทีโป, น เอตฺถ สหตฺเถน กมฺมํ กตฺวา ชีวนฺติ, สยํชาตสาลีนฺเจว อุจฺฉุอาทีนฺเจตฺถ อนฺโต นตฺถีติ อนุกฺกณฺนฺตา วสถา’’ติ อาห. อิธ ปน วสนฺตานํ อมฺหากํ อฺโ ปริปนฺโถ นตฺถิ, อฺํ ภยํ เอตฺถ นตฺถิ, อยํ ปน อมนุสฺสปริคฺคหิโต, อมนุสฺสา ตุมฺหากํ อุจฺจารปสฺสาวํ ทิสฺวา กุชฺเฌยฺยุํ, ตสฺมา ตํ กโรนฺตา วาลุกํ วิยูหิตฺวา วาลุกาย ปฏิจฺฉาเทยฺยาถ, เอตฺตกํ อิธ ภยํ, อฺํ นตฺถิ, นิจฺจํ อปฺปมตฺตา ภเวยฺยาถาติ. เต ตตฺถ วาสํ อุปคจฺฉึสุ. ตสฺมึ ปน กุลสหสฺเส ปฺจนฺนํ ปฺจนฺนํ กุลสตานํ เชฏฺกา ทฺเว วฑฺฒกี อเหสุํ. เตสุ เอโก พาโล อโหสิ รสคิทฺโธ, เอโก ปณฺฑิโต รเสสุ อนลฺลีโน.

อปรภาเค สพฺเพปิ เต ตตฺถ สุขํ วสนฺตา ถูลสรีรา หุตฺวา จินฺตยึสุ ‘‘จิรํ ปีตา โน สุรา, อุจฺฉุรเสน เมรยํ กตฺวา ปิวิสฺสามา’’ติ. เต เมรยํ กาเรตฺวา ปิวิตฺวา มทวเสน คายนฺตา นจฺจนฺตา กีฬนฺตา ปมตฺตา ตตฺถ ตตฺถ อุจฺจารปสฺสาวํ กตฺวา อปฺปฏิจฺฉาเทตฺวา ทีปกํ เชคุจฺฉํ ปฏิกูลํ กรึสุ. เทวตา ‘‘อิเม อมฺหากํ กีฬามณฺฑลํ ปฏิกูลํ กโรนฺตี’’ติ กุชฺฌิตฺวา ‘‘มหาสมุทฺทํ อุตฺตราเปตฺวา ทีปกโธวนํ กริสฺสามา’’ติ มนฺเตตฺวา ‘‘อยํ กาฬปกฺโข, อชฺช อมฺหากํ สมาคโม จ ภินฺโน, อิโต ทานิ ปนฺนรสเม ทิวเส ปุณฺณมีอุโปสถทิวเส จนฺทสฺสุคฺคมนเวลาย สมุทฺทํ อุพฺพตฺเตตฺวา สพฺเพปิเม ฆาเตสฺสามา’’ติ ทิวสํ ปยึสุ. อถ เนสํ อนฺตเร เอโก ธมฺมิโก เทวปุตฺโต ‘‘มา อิเม มม ปสฺสนฺตสฺส นสฺสึสู’’ติ อนุกมฺปาย เตสุ สายมาสํ ภุฺชิตฺวา ฆรทฺวาเร สุขกถาย นิสินฺเนสุ สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิโต สกลทีปํ เอโกภาสํ กตฺวา อุตฺตราย ทิสาย อากาเส ตฺวา ‘‘อมฺโภ วฑฺฒกี, เทวตา ตุมฺหากํ กุทฺธา. อิมสฺมึ าเน มา วสิตฺถ, อิโต อฑฺฒมาสจฺจเยน หิ เทวตา สมุทฺทํ อุพฺพตฺเตตฺวา สพฺเพว ตุมฺเห ฆาเตสฺสนฺติ, อิโต นิกฺขมิตฺวา ปลายถา’’ติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –

๒๖.

‘‘ติปฺจรตฺตูปคตมฺหิ จนฺเท, เวโค มหา เหหิติ สาครสฺส;

อุปฺลวิสฺสํ ทีปมิมํ อุฬารํ, มา โว วธี คจฺฉถ เลณมฺ’’นฺติ.

ตตฺถ อุปฺลวิสฺสนฺติ อิมํ ทีปกํ อุปฺลวนฺโต อชฺโฌตฺถรนฺโต อภิภวิสฺสติ. มา โว วธีติ โส สาครเวโค ตุมฺเห มา วธิ.

อิติ โส เตสํ โอวาทํ ทตฺวา อตฺตโน านเมว คโต. ตสฺมึ คเต อปโร สาหสิโก กกฺขโฬ เทวปุตฺโต ‘‘อิเม อิมสฺส วจนํ คเหตฺวา ปลาเยยฺยุํ, อหํ เนสํ คมนํ นิวาเรตฺวา สพฺเพปิเม มหาวินาสํ ปาเปสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ทิพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิโต สกลทีปํ เอโกภาสํ กโรนฺโต อาคนฺตฺวา ทกฺขิณาย ทิสาย อากาเส ตฺวา ‘‘เอโก เทวปุตฺโต อิธาคโต, โน’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาคโต’’ติ วุตฺเต ‘‘โส โว กึ กเถสี’’ติ วตฺวา ‘‘อิมํ นาม, สามี’’ติ วุตฺเต ‘‘โส ตุมฺหากํ อิธ นิวาสํ น อิจฺฉติ, โทเสน กเถติ, ตุมฺเห อฺตฺถ อคนฺตฺวา อิเธว วสถา’’ติ วตฺวา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๒๗.

‘‘น ชาตุยํ สาครวาริเวโค, อุปฺลวิสฺสํ ทีปมิมํ อุฬารํ;

ตํ เม นิมิตฺเตหิ พหูหิ ทิฏฺํ, มา เภถ กึ โสจถ โมทถวฺโห.

๒๘.

‘‘ปหูตภกฺขํ พหุอนฺนปานํ, ปตฺตตฺถ อาวาสมิมํ อุฬารํ;

น โว ภยํ ปฏิปสฺสามิ กิฺจิ, อาปุตฺตปุตฺเตหิ ปโมทถวฺโห’’ติ.

ตตฺถ น ชาตุยนฺติ น ชาตุ อยํ. มา เภถาติ มา ภายิตฺถ. โมทถวฺโหติ ปโมทิตา ปีติโสมนสฺสชาตา โหถ. อาปุตฺตปุตฺเตหีติ ยาว ปุตฺตานมฺปิ ปุตฺเตหิ ปโมทถ, นตฺถิ โว อิมสฺมึ าเน ภยนฺติ.

เอวํ โส อิมาหิ ทฺวีหิ คาถาหิ เต อสฺสาเสตฺวา ปกฺกามิ. ตสฺส ปกฺกนฺตกาเล ธมฺมิกเทวปุตฺตสฺส วจนํ อนาทิยนฺโต พาลวฑฺฒกี ‘‘สุณนฺตุ เม, โภนฺโต, วจน’’นฺติ เสสวฑฺฒกี อามนฺเตตฺวา ปฺจมํ คาถมาห –

๒๙.

‘‘โย เทโวยํ ทกฺขิณายํ ทิสายํ, เขมนฺติ ปกฺโกสติ ตสฺส สจฺจํ;

น อุตฺตโร เวทิ ภยาภยสฺส, มา เภถ กึ โสจถ โมทถวฺโห’’ติ.

ตตฺถ ทกฺขิณายนฺติ ทกฺขิณาย, อยเมว วา ปาโ.

ตํ สุตฺวา รสคิทฺธา ปฺจสตา วฑฺฒกี ตสฺส พาลสฺส วจนํ อาทิยึสุ. อิตโร ปน ปณฺฑิตวฑฺฒกี ตสฺส วจนํ อนาทิยนฺโต เต วฑฺฒกี อามนฺเตตฺวา จตสฺโส คาถา อภาสิ –

๓๐.

‘‘ยถา อิเม วิปฺปวทนฺติ ยกฺขา, เอโก ภยํ สํสติ เขมเมโก;

ตทิงฺฆ มยฺหํ วจนํ สุณาถ, ขิปฺปํ ลหุํ มา วินสฺสิมฺห สพฺเพ.

๓๑.

‘‘สพฺเพ สมาคมฺม กโรม นาวํ, โทณึ ทฬฺหํ สพฺพยนฺตูปปนฺนํ;

สเจ อยํ ทกฺขิโณ สจฺจมาห, โมฆํ ปฏิกฺโกสติ อุตฺตโรยํ;

สา เจว โน เหหิติ อาปทตฺถา, อิมฺจ ทีปํ น ปริจฺจเชม.

๓๒.

‘‘สเจ จ โข อุตฺตโร สจฺจมาห, โมฆํ ปฏิกฺโกสติ ทกฺขิโณยํ;

ตเมว นาวํ อภิรุยฺห สพฺเพ, เอวํ มยํ โสตฺถิ ตเรมุ ปารํ.

๓๓.

‘‘น เว สุคณฺหํ ปเมน เสฏฺํ, กนิฏฺมาปาถคตํ คเหตฺวา;

โย จีธ ตจฺฉํ ปวิเจยฺย คณฺหติ, ส เว นโร เสฏฺมุเปติ าน’’นฺติ.

ตตฺถ วิปฺปวทนฺตีติ อฺมฺํ วิรุทฺธํ วทนฺติ. ลหุนฺติ ปุริมสฺส อตฺถทีปนํ. โทณินฺติ คมฺภีรํ มหานาวํ. สพฺพยนฺตูปปนฺนนฺติ สพฺเพหิ ผิยาริตฺตาทีหิ ยนฺเตหิ อุปปนฺนํ. สา เจว โน เหหิติ อาปทตฺถาติ สา จ โน นาวา ปจฺฉาปิ อุปฺปนฺนาย อาปทาย อตฺถา ภวิสฺสติ, อิมฺจ ทีปํ น ปริจฺจชิสฺสาม. ตเรมูติ ตริสฺสาม. น เว สุคณฺหนฺติ น เว สุเขน คณฺหิตพฺพํ. เสฏฺนฺติ อุตฺตมํ ตถํ สจฺจํ. กนิฏฺนฺติ ปมวจนํ อุปาทาย ปจฺฉิมวจนํ กนิฏฺํ นาม. อิธาปิ ‘‘น เว สุคณฺห’’นฺติ อนุวตฺตเตว. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อมฺโภ วฑฺฒกี, เยน เกนจิ ปเมน วุตฺตวจนํ ‘‘อิทเมว เสฏฺํ ตถํ สจฺจ’’นฺติ สุขํ น คณฺหิตพฺพเมว, ยถา จ ตํ, เอวํ กนิฏฺํ คจฺฉา วุตฺตวจนมฺปิ ‘‘อิทเมว ตถํ สจฺจ’’นฺติ น คณฺหิตพฺพํ. ยํ ปน โสตวิสยํ อาปาถคตํ โหติ, ตํ อาปาถคตํ คเหตฺวา โย อิธ ปณฺฑิตปุริโส ปุริมวจนฺจ ปจฺฉิมวจนฺจ ปวิเจยฺย วิจินิตฺวา ตีเรตฺวา อุปปริกฺขิตฺวา ตจฺฉํ คณฺหาติ, ยํ ตถํ สจฺจํ สภาวภูตํ, ตเทว ปจฺจกฺขํ กตฺวา คณฺหาติ. ส เว นโร เสฏฺมุเปติ านนฺติ โส อุตฺตมํ านํ อุเปติ อธิคจฺฉติ วินฺทติ ลภตีติ.

โส เอวฺจ ปน วตฺวา อาห – ‘‘อมฺโภ, มยํ ทฺวินฺนมฺปิ เทวตานํ วจนํ กริสฺสาม, นาวํ ตาว สชฺเชยฺยาม. สเจ ปมสฺส วจนํ สจฺจํ ภวิสฺสติ, ตํ นาวํ อภิรุหิตฺวา ปลายิสฺสาม, อถ อิตรสฺส วจนํ สจฺจํ ภวิสฺสติ, นาวํ เอกมนฺเต เปตฺวา อิเธว วสิสฺสามา’’ติ. เอวํ วุตฺเต พาลวฑฺฒกี ‘‘อมฺโภ, ตฺวํ อุทกปาติยํ สุสุมารํ ปสฺสสิ, อตีว ทีฆํ ปสฺสสิ, ปมเทวปุตฺโต อมฺเหสุ โทสวเสน กเถสิ, ปจฺฉิโม สิเนเหเนว, อิมํ เอวรูปํ วรทีปํ ปหาย กุหึ คมิสฺสาม, สเจ ปน ตฺวํ คนฺตุกาโม, ตว ปริสํ คณฺหิตฺวา นาวํ กโรหิ, อมฺหากํ นาวาย กิจฺจํ นตฺถี’’ติ อาห. ปณฺฑิโต อตฺตโน ปริสํ คเหตฺวา นาวํ สชฺเชตฺวา นาวาย สพฺพูปกรณานิ อาโรเปตฺวา สปริโส นาวาย อฏฺาสิ.

ตโต ปุณฺณมทิวเส จนฺทสฺส อุคฺคมนเวลาย สมุทฺทโต อูมิ อุตฺตริตฺวา ชาณุกปมาณา หุตฺวา ทีปกํ โธวิตฺวา คตา. ปณฺฑิโต สมุทฺทสฺส อุตฺตรณภาวํ ตฺวา นาวํ วิสฺสชฺเชสิ. พาลวฑฺฒกิปกฺขิกานิ ปฺจ กุลสตานิ ‘‘สมุทฺทโต อูมิ ทีปโธวนตฺถาย อาคตา, เอตฺตกเมว เอต’’นฺติ กเถนฺตา นิสีทึสุ. ตโต ปฏิปาฏิยา กฏิปฺปมาณา ปุริสปฺปมาณา ตาลปฺปมาณา สตฺตตาลปฺปมาณา สาครอูมิ ทีปกมฺปิ วุยฺหมานา อาคฺฉิ. ปณฺฑิโต อุปายกุสลตาย รเส อลคฺโค โสตฺถินา คโต, พาลวฑฺฒกี รสคิทฺเธน อนาคตภยํ อโนโลเกนฺโต ปฺจหิ กุลสเตหิ สทฺธึ วินาสํ ปตฺโต.

อิโต ปรา สานุสาสนี ตมตฺถํ ทีปยมานา ติสฺโส อภิสมฺพุทฺธคาถา โหนฺติ –

๓๔.

‘‘ยถาปิ เต สาครวาริมชฺเฌ, สกมฺมุนา โสตฺถิ วหึสุ วาณิชา;

อนาคตตฺถํ ปฏิวิชฺฌิยาน, อปฺปมฺปิ นาจฺเจติ ส ภูริปฺโ.

๓๕.

‘‘พาลา จ โมเหน รสานุคิทฺธา, อนาคตํ อปฺปฏิวิชฺฌิยตฺถํ;

ปจฺจุปฺปนฺเน สีทนฺติ อตฺถชาเต, สมุทฺทมชฺเฌ ยถา เต มนุสฺสา.

๓๖.

‘‘อนาคตํ ปฏิกยิราถ กิจฺจํ, ‘มา มํ กิจฺจํ กิจฺจกาเล พฺยเธสิ’;

ตํ ตาทิสํ ปฏิกตกิจฺจการึ, น ตํ กิจฺจํ กิจฺจกาเล พฺยเธตี’’ติ.

ตตฺถ สกมฺมุนาติ อนาคตภยํ ทิสฺวา ปุเรตรํ กเตน อตฺตโน กมฺเมน. โสตฺถิ วหึสูติ เขเมน คมึสุ. วาณิชาติ สมุทฺเท วิจรณภาเวน วฑฺฒกี วุตฺตา. ปฏิวิชฺฌิยานาติ เอวํ, ภิกฺขเว , ปมตรํ กตฺตพฺพํ อนาคตํ อตฺถํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา อิธโลเก ภูริปฺโ กุลปุตฺโต อปฺปมตฺตกมฺปิ อตฺตโน อตฺถํ น อจฺเจติ นาติวตฺตติ, น หาเปตีติ อตฺโถ. อปฺปฏิวิชฺฌิยตฺถนฺติ อปฺปฏิวิชฺฌิตฺวา อตฺถํ, ปมเมว กตฺตพฺพํ อกตฺวาติ อตฺโถ. ปจฺจุปฺปนฺเนติ ยทา ตํ อนาคตํ อตฺถชาตํ อุปฺปชฺชติ, ตทา ตสฺมึ ปจฺจุปฺปนฺเน สีทนฺติ, อตฺเถ ชาเต อตฺตโน ปติฏฺํ น ลภนฺติ, สมุทฺเท เต พาลวฑฺฒกี มนุสฺสา วิย วินาสํ ปาปุณนฺติ.

อนาคตนฺติ ภิกฺขเว, ปณฺฑิตปุริโส อนาคตํ ปมตรํ กตฺตพฺพกิจฺจํ สมฺปรายิกํ วา ทิฏฺธมฺมิกํ วา ปฏิกยิราถ, ปุเรตรเมว กเรยฺย. กึการณา? มา มํ กิจฺจํ กิจฺจกาเล พฺยเธสิ, ปุเร กตฺตพฺพฺหิ ปุเร อกยิรมานํ ปจฺฉา ปจฺจุปฺปนฺนภาวปฺปตฺตํ อตฺตโน กิจฺจกาเล กายจิตฺตาพาเธน พฺยเธติ, ตํ มํ มา พฺยเธสีติ ปมเมว นํ ปณฺฑิโต กเรยฺย. ตํ ตาทิสนฺติ ยถา ปณฺฑิตํ ปุริสํ. ปฏิกตกิจฺจการินฺติ ปฏิกจฺเจว กตฺตพฺพกิจฺจการินํ. ตํ กิจฺจํ กิจฺจกาเลติ อนาคตํ กิจฺจํ กยิรมานํ ปจฺฉา ปจฺจุปฺปนฺนภาวปฺปตฺตํ อตฺตโน กิจฺจกาเล กายจิตฺตาพาธกาเล ตาทิสํ ปุริมํ น พฺยเธติ น พาธติ. กสฺมา? ปุเรเยว กตตฺตาติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ เทวทตฺโต ปจฺจุปฺปนฺนสุเข ลคฺโค อนาคตภยํ อโนโลเกตฺวา สปริโส วินาสํ ปตฺโต’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พาลวฑฺฒกี เทวทตฺโต อโหสิ, ทกฺขิณทิสาย ิโต อธมฺมิกเทวปุตฺโต โกกาลิโก, อุตฺตรทิสาย ิโต ธมฺมิกเทวปุตฺโต สาริปุตฺโต, ปณฺฑิตวฑฺฒกี ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สมุทฺทวาณิชชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๔๖๗] ๔. กามชาตกวณฺณนา

กามํกามยมานสฺสาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ พฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ. เอโก กิร สาวตฺถิวาสี พฺราหฺมโณ อจิรวตีตีเร เขตฺตกรณตฺถาย อรฺํ โกเฏสิ. สตฺถา ตสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปวิสนฺโต มคฺคา โอกฺกมฺม เตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘กึ กโรสิ พฺราหฺมณา’’ติ วตฺวา ‘‘เขตฺตฏฺานํ โกฏาเปมิ โภ, โคตมา’’ติ วุตฺเต ‘‘สาธุ, พฺราหฺมณ, กมฺมํ กโรหี’’ติ วตฺวา อคมาสิ. เอเตเนว อุปาเยน ฉินฺนรุกฺเข หาเรตฺวา เขตฺตสฺส โสธนกาเล กสนกาเล เกทารพนฺธนกาเล วปนกาเลติ ปุนปฺปุนํ คนฺตฺวา เตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารมกาสิ. วปนทิวเส ปน โส พฺราหฺมโณ ‘‘อชฺช, โภ โคตม, มยฺหํ วปฺปมงฺคลํ, อหํ อิมสฺมึ สสฺเส นิปฺผนฺเน พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทสฺสามี’’ติ อาห. สตฺถา ตุณฺหีภาเวน อธิวาเสตฺวา ปกฺกามิ. ปุเนกทิวสํ พฺราหฺมโณ สสฺสํ โอโลเกนฺโต อฏฺาสิ. สตฺถาปิ ตตฺถ คนฺตฺวา ‘‘กึ กโรสิ พฺราหฺมณา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สสฺสํ โอโลเกมิ โภ โคตมา’’ติ วุตฺเต ‘‘สาธุ พฺราหฺมณา’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. ตทา พฺราหฺมโณ จินฺเตสิ ‘‘สมโณ โคตโม อภิณฺหํ อาคจฺฉติ, นิสฺสํสยํ ภตฺเตน อตฺถิโก, ทสฺสามหํ ตสฺส ภตฺต’’นฺติ. ตสฺเสวํ จินฺเตตฺวา เคหํ คตทิวเส สตฺถาปิ ตตฺถ อคมาสิ. อถ พฺราหฺมณสฺส อติวิย วิสฺสาโส อโหสิ. อปรภาเค ปริณเต สสฺเส ‘‘สฺเว เขตฺตํ ลายิสฺสามี’’ติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา นิปนฺเน พฺราหฺมเณ อจิรวติยา อุปริ สพฺพรตฺตึ กรกวสฺสํ วสฺสิ. มโหโฆ อาคนฺตฺวา เอกนาฬิมตฺตมฺปิ อนวเสสํ กตฺวา สพฺพํ สสฺสํ สมุทฺทํ ปเวเสสิ. พฺราหฺมโณ โอฆมฺหิ ปติเต สสฺสวินาสํ โอโลเกตฺวา สกภาเวน สณฺาตุํ นาโหสิ, พลวโสกาภิภูโต หตฺเถน อุรํ ปหริตฺวา ปริเทวมาโน โรทนฺโต นิปชฺชิ.

สตฺถา ปจฺจูสสมเย โสกาภิภูตํ พฺราหฺมณํ ทิสฺวา ‘‘พฺราหฺมณสฺสาวสฺสโย ภวิสฺสามี’’ติ ปุนทิวเส สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต ภิกฺขู วิหารํ เปเสตฺวา ปจฺฉาสมเณน สทฺธึ ตสฺส เคหทฺวารํ อคมาสิ. พฺราหฺมโณ สตฺถุ อาคตภาวํ สุตฺวา ‘‘ปฏิสนฺถารตฺถาย เม สหาโย อาคโต ภวิสฺสตี’’ติ ปฏิลทฺธสฺสาโส อาสนํ ปฺเปสิ. สตฺถา ปวิสิตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘พฺราหฺมณ, กสฺมา ตฺวํ ทุมฺมโนสิ, กึ เต อผาสุก’’นฺติ ปุจฺฉิ. โภ โคตม, อจิรวตีตีเร มยา รุกฺขจฺเฉทนโต ปฏฺาย กตํ กมฺมํ ตุมฺเห ชานาถ, อหํ ‘‘อิมสฺมึ สสฺเส นิปฺผนฺเน ตุมฺหากํ ทานํ ทสฺสามี’’ติ วิจรามิ, อิทานิ เม สพฺพํ ตํ สสฺสํ มโหโฆ สมุทฺทเมว ปเวเสสิ, กิฺจิ อวสิฏฺํ นตฺถิ, สกฏสตมตฺตํ ธฺํ วินฏฺํ, เตน เม มหาโสโก อุปฺปนฺโนติ. ‘‘กึ ปน, พฺราหฺมณ, โสจนฺตสฺส นฏฺํ ปุนาคจฺฉตี’’ติ. ‘‘โน เหตํ โภ โคตมา’’ติ. ‘‘เอวํ สนฺเต กสฺมา โสจสิ, อิเมสํ สตฺตานํ ธนธฺํ นาม อุปฺปชฺชนกาเล อุปฺปชฺชติ, นสฺสนกาเล นสฺสติ, กิฺจิ สงฺขารคตํ อนสฺสนธมฺมํ นาม นตฺถิ, มา จินฺตยี’’ติ. อิติ นํ สตฺถา สมสฺสาเสตฺวา ตสฺส สปฺปายธมฺมํ เทเสนฺโต กามสุตฺตํ (สุ. นิ. ๗๗๒ อาทโย) กเถสิ. สุตฺตปริโยสาเน โสจนฺโต พฺราหฺมโณ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. สตฺถา ตํ นิสฺโสกํ กตฺวา อุฏฺายาสนา วิหารํ อคมาสิ. ‘‘สตฺถา อสุกํ นาม พฺราหฺมณํ โสกสลฺลสมปฺปิตํ นิสฺโสกํ กตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปสี’’ติ สกลนครํ อฺาสิ. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, ทสพโล พฺราหฺมเณน สทฺธึ มิตฺตํ กตฺวา วิสฺสาสิโก หุตฺวา อุปาเยเนว ตสฺส โสกสลฺลสมปฺปิตสฺส ธมฺมํ เทเสตฺวา ตํ นิสฺโสกํ กตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปาหํ เอตํ นิสฺโสกมกาสิ’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺตสฺส รฺโ ทฺเว ปุตฺตา อเหสุํ. โส เชฏฺกสฺส อุปรชฺชํ อทาสิ, กนิฏฺสฺส เสนาปติฏฺานํ. อปรภาเค พฺรหฺมทตฺเต กาลกเต อมจฺจา เชฏฺกสฺส อภิเสกํ ปฏฺเปสุํ. โส ‘‘น มยฺหํ รชฺเชนตฺโถ, กนิฏฺสฺส เม เทถา’’ติ วตฺวา ปุนปฺปุนํ ยาจิยมาโนปิ ปฏิกฺขิปิตฺวา กนิฏฺสฺส อภิเสเก กเต ‘‘น เม อิสฺสริเยนตฺโถ’’ติ อุปรชฺชาทีนิปิ น อิจฺฉิ. ‘‘เตน หิ สาทูนิ โภชนานิ ภุฺชนฺโต อิเธว วสาหี’’ติ วุตฺเตปิ ‘‘น เม อิมสฺมึ นคเร กิจฺจํ อตฺถี’’ติ พาราณสิโต นิกฺขมิตฺวา ปจฺจนฺตํ คนฺตฺวา เอกํ เสฏฺิกุลํ นิสฺสาย สหตฺเถน กมฺมํ กโรนฺโต วสิ. เต อปรภาเค ตสฺส ราชกุมารภาวํ ตฺวา กมฺมํ กาตุํ นาทํสุ, กุมารปริหาเรเนว ตํ ปริหรึสุ. อปรภาเค ราชกมฺมิกา เขตฺตปฺปมาณคฺคหณตฺถาย ตํ คามํ อคมํสุ. เสฏฺิ ราชกุมารํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘สามิ, มยํ ตุมฺเห โปเสม, กนิฏฺภาติกสฺส ปณฺณํ เปเสตฺวา อมฺหากํ พลึ หาเรถา’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ‘‘อหํ อสุกเสฏฺิกุลํ นาม อุปนิสฺสาย วสามิ, มํ นิสฺสาย เอเตสํ พลึ วิสฺสชฺเชหี’’ติ ปณฺณํ เปเสสิ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา ตถา กาเรสิ.

อถ นํ สกลคามวาสิโนปิ ชนปทวาสิโนปิ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘มยํ ตุมฺหากฺเว พลึ ทสฺสาม, อมฺหากมฺปิ สุงฺกํ วิสฺสชฺชาเปหี’’ติ อาหํสุ. โส เตสมฺปิ อตฺถาย ปณฺณํ เปเสตฺวา วิสฺสชฺชาเปสิ. ตโต ปฏฺาย เต ตสฺเสว พลึ อทํสุ. อถสฺส มหาลาภสกฺกาโร อโหสิ, เตน สทฺธิฺเวสฺส ตณฺหาปิ มหตี ชาตา. โส อปรภาเคปิ สพฺพํ ชนปทํ ยาจิ, อุปฑฺฒรชฺชํ ยาจิ, กนิฏฺโปิ ตสฺส อทาสิเยว. โส ตณฺหาย วฑฺฒมานาย อุปฑฺฒรชฺเชนปิ อสนฺตุฏฺโ ‘‘รชฺชํ คณฺหิสฺสามี’’ติ ชนปทปริวุโต ตํ นครํ คนฺตฺวา พหินคเร ตฺวา ‘‘รชฺชํ วา เม เทตุ ยุทฺธํ วา’’ติ กนิฏฺสฺส ปณฺณํ ปหิณิ. กนิฏฺโ จินฺเตสิ ‘‘อยํ พาโล ปุพฺเพ รชฺชมฺปิ อุปรชฺชาทีนิปิ ปฏิกฺขิปิตฺวา อิทานิ ‘ยุทฺเธน คณฺหามี’ติ วทติ, สเจ โข ปนาหํ อิมํ ยุทฺเธน มาเรสฺสามิ, ครหา เม ภวิสฺสติ, กึ เม รชฺเชนา’’ติ. อถสฺส ‘‘อลํ ยุทฺเธน, รชฺชํ คณฺหตู’’ติ เปเสสิ. โส รชฺชํ คณฺหิตฺวา กนิฏฺสฺส อุปรชฺชํ ทตฺวา ตโต ปฏฺาย รชฺชํ กาเรนฺโต ตณฺหาวสิโก หุตฺวา เอเกน รชฺเชน อสนฺตุฏฺโ ทฺเว ตีณิ รชฺชานิ ปตฺเถตฺวา ตณฺหาย โกฏึ นาทฺทส.

ตทา สกฺโก เทวราชา ‘‘เก นุ โข โลเก มาตาปิตโร อุปฏฺหนฺติ, เก ทานาทีนิ ปุฺานิ กโรนฺติ, เก ตณฺหาวสิกา’’ติ โอโลเกนฺโต ตสฺส ตณฺหาวสิกภาวํ ตฺวา ‘‘อยํ พาโล พาราณสิรชฺเชนปิ น ตุสฺสติ, อหํ สิกฺขาเปสฺสามิ น’’นฺติ มาณวกเวเสน ราชทฺวาเร ตฺวา ‘‘เอโก อุปายกุสโล มาณโว ทฺวาเร ิโต’’ติ อาโรจาเปตฺวา ‘‘ปวิสตู’’ติ วุตฺเต ปวิสิตฺวา ราชานํ ชยาเปตฺวา ‘‘กึการณา อาคโตสี’’ติ วุตฺเต ‘‘มหาราช ตุมฺหากํ กิฺจิ วตฺตพฺพํ อตฺถิ, รโห ปจฺจาสีสามี’’ติ อาห. สกฺกานุภาเวน ตาวเทว มนุสฺสา ปฏิกฺกมึสุ. อถ นํ มาณโว ‘‘อหํ, มหาราช, ผีตานิ อากิณฺณมนุสฺสานิ สมฺปนฺนพลวาหนานิ ตีณิ นครานิ ปสฺสามิ, อหํ เต อตฺตโน อานุภาเวน เตสุ รชฺชํ คเหตฺวา ทสฺสามิ, ปปฺจํ อกตฺวา สีฆํ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ อาห. โส ตณฺหาวสิโก ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สกฺกานุภาเวน ‘‘โก วา ตฺวํ, กุโต วา อาคโต, กึ วา เต ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ น ปุจฺฉิ. โสปิ เอตฺตกํ วตฺวา ตาวตึสภวนเมว อคมาสิ.

ราชา อมจฺเจ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘เอโก มาณโว ‘อมฺหากํ ตีณิ รชฺชานิ คเหตฺวา ทสฺสามี’ติ อาห, ตํ ปกฺโกสถ, นคเร เภรึ จราเปตฺวา พลกายํ สนฺนิปาตาเปถ, ปปฺจํ อกตฺวา ตีณิ รชฺชานิ คณฺหิสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘กึ ปน เต, มหาราช, ตสฺส มาณวสฺส สกฺกาโร วา กโต, นิวาสฏฺานํ วา ปุจฺฉิต’’นฺติ วุตฺเต ‘‘เนว สกฺการํ อกาสึ, น นิวาสฏฺานํ ปุจฺฉึ, คจฺฉถ นํ อุปธาเรถา’’ติ อาห. อุปธาเรนฺตา นํ อทิสฺวา ‘‘มหาราช, สกลนคเร มาณวํ น ปสฺสามา’’ติ อาโรเจสุํ. ตํ สุตฺวา ราชา โทมนสฺสชาโต ‘‘ตีสุ นคเรสุ รชฺชํ นฏฺํ, มหนฺเตนมฺหิ ยเสน ปริหีโน, ‘เนว เม ปริพฺพยํ อทาสิ, น จ ปุจฺฉิ นิวาสฏฺาน’นฺติ มยฺหํ กุชฺฌิตฺวา มาณโว อนาคโต ภวิสฺสตี’’ติ ปุนปฺปุนํ จินฺเตสิ. อถสฺส ตณฺหาวสิกสฺส สรีเร ฑาโห อุปฺปชฺชิ, สรีเร ปริฑยฺหนฺเต อุทรํ โขเภตฺวา โลหิตปกฺขนฺทิกา อุทปาทิ. เอกํ ภาชนํ ปวิสติ, เอกํ นิกฺขมติ, เวชฺชา ติกิจฺฉิตุํ น สกฺโกนฺติ, ราชา กิลมติ. อถสฺส พฺยาธิตภาโว สกลนคเร ปากโฏ อโหสิ.

ตทา โพธิสตฺโต ตกฺกสิลโต สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา พาราณสินคเร มาตาปิตูนํ สนฺติกํ อาคโต ตํ รฺโ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘อหํ ติกิจฺฉิสฺสามี’’ติ ราชทฺวารํ คนฺตฺวา ‘‘เอโก กิร ตรุณมาณโว ตุมฺเห ติกิจฺฉิตุํ อาคโต’’ติ อาโรจาเปสิ. ราชา ‘‘มหนฺตมหนฺตา ทิสาปาโมกฺขเวชฺชาปิ มํ ติกิจฺฉิตุํ น สกฺโกนฺติ, กึ ตรุณมาณโว สกฺขิสฺสติ, ปริพฺพยํ ทตฺวา วิสฺสชฺเชถ น’’นฺติ อาห. ตํ สุตฺวา มาณโว ‘‘มยฺหํ เวชฺชกมฺเมน เวตนํ นตฺถิ, อหํ ติกิจฺฉามิ, เกวลํ เภสชฺชมูลมตฺตํ เทตู’’ติ อาห. ตํ สุตฺวา ราชา ‘‘สาธู’’ติ ปกฺโกสาเปสิ. มาณโว ราชานํ วนฺทิตฺวา ‘‘มา ภายิ, มหาราช, อหํ เต ติกิจฺฉามิ, อปิจ โข ปน เม โรคสฺส สมุฏฺานํ อาจิกฺขาหี’’ติ อาห. ราชา หรายมาโน ‘‘กึ เต สมุฏฺาเนน, เภสชฺชํ เอว กโรหี’’ติ อาห. มหาราช, เวชฺชา นาม ‘‘อยํ พฺยาธิ อิมํ นิสฺสาย สมุฏฺิโต’’ติ ตฺวา อนุจฺฉวิกํ เภสชฺชํ กโรนฺตีติ. ราชา ‘‘สาธุ ตาตา’’ติ สมุฏฺานํ กเถนฺโต ‘‘เอเกน มาณเวน อาคนฺตฺวา ตีสุ นคเรสุ รชฺชํ คเหตฺวา ทสฺสามี’’ติอาทึ กตฺวา สพฺพํ กเถตฺวา ‘‘อิติ เม ตาต, ตณฺหํ นิสฺสาย พฺยาธิ อุปฺปนฺโน, สเจ ติกิจฺฉิตุํ สกฺโกสิ, ติกิจฺฉาหี’’ติ อาห. กึ ปน มหาราช, โสจนาย ตานิ นครานิ สกฺกา ลทฺธุนฺติ? ‘‘น สกฺกา ตาตา’’ติ. ‘‘เอวํ สนฺเต กสฺมา โสจสิ, มหาราช, สพฺพเมว หิ สวิฺาณกาวิฺาณกวตฺถุํ อตฺตโน กายํ อาทึ กตฺวา ปหาย คมนียํ , จตูสุ นคเรสุ รชฺชํ คเหตฺวาปิ ตฺวํ เอกปฺปหาเรเนว น จตสฺโส ภตฺตปาติโย ภุฺชิสฺสสิ, น จตูสุ สยเนสุ สยิสฺสสิ, น จตฺตาริ วตฺถยุคานิ อจฺฉาเทสฺสสิ, ตณฺหาวสิเกน นาม ภวิตุํ น วฏฺฏติ, อยฺหิ ตณฺหา นาม วฑฺฒมานา จตูหิ อปาเยหิ มุจฺจิตุํ น เทตีติ.

อิติ นํ มหาสตฺโต โอวทิตฺวา อถสฺส ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๓๗.

‘‘กามํ กามยมานสฺส, ตสฺส เจ ตํ สมิชฺฌติ;

อทฺธา ปีติมโน โหติ, ลทฺธา มจฺโจ ยทิจฺฉติ.

๓๘.

‘‘กามํ กามยมานสฺส, ตสฺส เจ ตํ สมิชฺฌติ;

ตโต นํ อปรํ กาเม, ฆมฺเม ตณฺหํว วินฺทติ.

๓๙.

‘‘ควํว สิงฺคิโน สิงฺคํ, วฑฺฒมานสฺส วฑฺฒติ;

เอวํ มนฺทสฺส โปสสฺส, พาลสฺส อวิชานโต;

ภิยฺโย ตณฺหา ปิปาสา จ, วฑฺฒมานสฺส วฑฺฒติ.

๔๐.

‘‘ปถพฺยา สาลิยวกํ, ควาสฺสํ ทาสโปริสํ;

ทตฺวา จ นาลเมกสฺส, อิติ วิทฺวา สมํ จเร.

๔๑.

‘‘ราชา ปสยฺห ปถวึ วิชิตฺวา, สสาครนฺตํ มหิมาวสนฺโต;

โอรํ สมุทฺทสฺส อติตฺตรูโป, ปารํ สมุทฺทสฺสปิ ปตฺถเยถ.

๔๒.

‘‘ยาว อนุสฺสรํ กาเม, มนสา ติตฺติ นาชฺฌคา;

ตโต นิวตฺตา ปฏิกฺกมฺม ทิสฺวา, เต เว สุติตฺตา เย ปฺาย ติตฺตา.

๔๓.

‘‘ปฺาย ติตฺตินํ เสฏฺํ, น โส กาเมหิ ตปฺปติ;

ปฺาย ติตฺตํ ปุริสํ, ตณฺหา น กุรุเต วสํ.

๔๔.

‘‘อปจิเนเถว กามานํ, อปฺปิจฺฉสฺส อโลลุโป;

สมุทฺทมตฺโต ปุริโส, น โส กาเมหิ ตปฺปติ.

๔๕.

‘‘รถกาโรว จมฺมสฺส, ปริกนฺตํ อุปาหนํ;

ยํ ยํ จชติ กามานํ, ตํ ตํ สมฺปชฺชเต สุขํ;

สพฺพฺเจ สุขมิจฺเฉยฺย, สพฺเพ กาเม ปริจฺจเช’’ติ.

ตตฺถ กามนฺติ วตฺถุกามมฺปิ กิเลสกามมฺปิ. กามยมานสฺสาติ ปตฺถยมานสฺส. ตสฺส เจ ตํ สมิชฺฌตีติ ตสฺส ปุคฺคลสฺส ตํ กามิตวตฺถุ สมิชฺฌติ เจ, นิปฺผชฺชติ เจติ อตฺโถ. ตโต นํ อปรํ กาเมติ เอตฺถ นฺติ นิปาตมตฺตํ. อปรนฺติ ปรภาคทีปนํ. กาเมติ อุปโยคพหุวจนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สเจ กามํ กามยมานสฺส ตํ กามิตวตฺถุ สมิชฺฌติ, ตสฺมึ สมิทฺเธ ตโต ปรํ โส ปุคฺคโล กามยมาโน ยถา นาม ฆมฺเม คิมฺหกาเล วาตาตเปน กิลนฺโต ตณฺหํ วินฺทติ, ปานียปิปาสํ ปฏิลภติ, เอวํ ภิยฺโย กามตณฺหาสงฺขาเต กาเม วินฺทติ ปฏิลภติ, รูปตณฺหาทิกา ตณฺหา จสฺส วฑฺฒติเยวาติ. ควํวาติ โครูปสฺส วิย. สิงฺคิโนติ มตฺถกํ ปทาเลตฺวา อุฏฺิตสิงฺคสฺส. มนฺทสฺสาติ มนฺทปฺสฺส. พาลสฺสาติ พาลธมฺเม ยุตฺตสฺส. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา วจฺฉกสฺส วฑฺฒนฺตสฺส สรีเรเนว สทฺธึ สิงฺคํ วฑฺฒติ, เอวํ อนฺธพาลสฺสปิ อปฺปตฺตกามตณฺหา จ ปตฺตกามปิปาสา จ อปราปรํ วฑฺฒตีติ.

สาลิยวกนฺติ สาลิเขตฺตยวเขตฺตํ. เอเตน สาลิยวาทิกํ สพฺพํ ธฺํ ทสฺเสติ, ทุติยปเทน สพฺพํ ทฺวิปทจตุปฺปทํ ทสฺเสติ. ปมปเทน วา สพฺพํ อวิฺาณกํ, อิตเรน สวิฺาณกํ. ทตฺวา จาติ ทตฺวาปิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ติฏฺนฺตุ ตีณิ รชฺชานิ, สเจ โส มาณโว อฺํ วา สกลมฺปิ ปถวึ สวิฺาณกาวิฺาณกรตนปูรํ กสฺสจิ ทตฺวา คจฺเฉยฺย, อิทมฺปิ เอตฺตกํ วตฺถุ เอกสฺเสว อปริยนฺตํ, เอวํ ทุปฺปูรา เอสา ตณฺหา นาม. อิติ วิทฺวา สมํ จเรติ เอวํ ชานนฺโต ปุริโส ตณฺหาวสิโก อหุตฺวา กายสมาจาราทีนิ ปูเรนฺโต จเรยฺย.

โอรนฺติ โอริมโกฏฺาสํ ปตฺวา เตน อติตฺตรูโป ปุน สมุทฺทปารมฺปิ ปตฺถเยถ. เอวํ ตณฺหาวสิกสตฺตา นาม ทุปฺปูราติ ทสฺเสติ. ยาวาติ อนิยามิตปริจฺเฉโท. อนุสฺสรนฺติ อนุสฺสรนฺโต. นาชฺฌคาติ น วินฺทติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – มหาราช, ปุริโส อปริยนฺเตปิ กาเม มนสา อนุสฺสรนฺโต ติตฺตึ น วินฺทติ, ปตฺตุกาโมว โหติ, เอวํ กาเมสุ สตฺตานํ ตณฺหา วฑฺฒเตว. ตโต นิวตฺตาติ ตโต ปน วตฺถุกามกิเลสกามโต จิตฺเตน นิวตฺติตฺวา กาเยน ปฏิกฺกมฺม าเณน อาทีนวํ ทิสฺวา เย ปฺาย ติตฺตา ปริปุณฺณา, เต ติตฺตา นาม.

ปฺาย ติตฺตินํ เสฏฺนฺติ ปฺาย ติตฺตีนํ อยํ ปริปุณฺณเสฏฺโ, อยเมว วา ปาโ. น โส กาเมหิ ตปฺปตีติ ‘‘น หี’’ติปิ ปาโ. ยสฺมา ปฺาย ติตฺโต ปุริโส กาเมหิ น ปริฑยฺหตีติ อตฺโถ. น กุรุเต วสนฺติ ตาทิสฺหิ ปุริสํ ตณฺหา วเส วตฺเตตุํ น สกฺโกติ, สฺเวว ปน ตณฺหาย อาทีนวํ ทิสฺวา สรภงฺคมาณโว วิย จ อฑฺฒมาสกราชา วิย จ ตณฺหาวเส น ปวตฺตตีติ อตฺโถ. อปจิเนเถวาติ วิทฺธํเสเถว. สมุทฺทมตฺโตติ มหติยา ปฺาย สมนฺนาคตตฺตา สมุทฺทปฺปมาโณ. โส มหนฺเตน อคฺคินาปิ สมุทฺโท วิย กิเลสกาเมหิ น ตปฺปติ น ฑยฺหติ.

รถกาโรติ จมฺมกาโร. ปริกนฺตนฺติ ปริกนฺตนฺโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา จมฺมกาโร อุปาหนํ ปริกนฺตนฺโต ยํ ยํ จมฺมสฺส อคยฺหูปคฏฺานํ โหติ, ตํ ตํ จชิตฺวา อุปาหนํ กตฺวา อุปาหนมูลํ ลภิตฺวา สุขิโต โหติ, เอวเมว ปณฺฑิโต จมฺมการสตฺถสทิสาย ปฺาย กนฺตนฺโต ยํ ยํ โอธึ กามานํ จชติ, เตน เตนสฺส กาโมธินา รหิตํ ตํ ตํ กายกมฺมํ วจีกมฺมํ มโนกมฺมฺจ สุขํ สมฺปชฺชติ วิคตทรถํ, สเจ ปน สพฺพมฺปิ กายกมฺมาทิสุขํ วิคตปริฬาหเมว อิจฺเฉยฺย, กสิณํ ภาเวตฺวา ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา สพฺเพ กาเม ปริจฺจเชติ.

โพธิสตฺตสฺส ปน อิมํ คาถํ กเถนฺตสฺส รฺโ เสตจฺฉตฺตํ อารมฺมณํ กตฺวา โอทาตกสิณชฺฌานํ อุทปาทิ, ราชาปิ อโรโค อโหสิ. โส ตุฏฺโ สยนา วุฏฺหิตฺวา ‘‘เอตฺตกา เวชฺชา มํ ติกิจฺฉิตุํ นาสกฺขึสุ, ปณฺฑิตมาณโว ปน อตฺตโน าโณสเธน มํ นิโรคํ อกาสี’’ติ เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ทสมํ คาถมาห –

๔๖.

‘‘อฏฺ เต ภาสิตา คาถา, สพฺพา โหนฺติ สหสฺสิยา;

ปฏิคณฺห มหาพฺรหฺเม, สาเธตํ ตว ภาสิต’’นฺติ.

ตตฺถ อฏฺาติ ทุติยคาถํ อาทึ กตฺวา กามาทีนวสํยุตฺตา อฏฺ. สหสฺสิยาติ สหสฺสารหา. ปฏิคณฺหาติ อฏฺ สหสฺสานิ คณฺห. สาเธตํ ตว ภาสิตนฺติ สาธุ เอตํ ตว วจนํ.

ตํ สุตฺวา มหาสตฺโต เอกาทสมํ คาถมาห –

๔๗.

‘‘น เม อตฺโถ สหสฺเสหิ, สเตหิ นหุเตหิ วา;

ปจฺฉิมํ ภาสโต คาถํ, กาเม เม น รโต มโน’’ติ.

ตตฺถ ปจฺฉิมนฺติ ‘‘รถกาโรว จมฺมสฺสา’’ติ คาถํ. กาเม เม น รโต มโนติ อิมํ คาถํ ภาสมานสฺเสว มม วตฺถุกาเมปิ กิเลสกาเมปิ มโน นาภิรมามิ. อหฺหิ อิมํ คาถํ ภาสมาโน อตฺตโนว ธมฺมเทสนาย ฌานํ นิพฺพตฺเตสึ, มหาราชาติ.

ราชา ภิยฺโยโสมตฺตาย ตุสฺสิตฺวา มหาสตฺตํ วณฺเณนฺโต โอสานคาถมาห –

๔๘.

‘‘ภทฺรโก วตายํ มาณวโก, สพฺพโลกวิทู มุนิ;

โย อิมํ ตณฺหํ ทุกฺขชนนึ, ปริชานาติ ปณฺฑิโต’’ติ.

ตตฺถ ทุกฺขชนนินฺติ สกลวฏฺฏทุกฺขชนนึ. ปริชานาตีติ ปริชานิ ปริจฺฉินฺทิ, ลุฺจิตฺวา นีหรีติ โพธิสตฺตํ วณฺเณนฺโต เอวมาห.

โพธิสตฺโตปิ ‘‘มหาราช, อปฺปมตฺโต หุตฺวา ธมฺมํ จรา’’ติ ราชานํ โอวทิตฺวา อากาเสน หิมวนฺตํ คนฺตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ยาวตายุกํ ตฺวา พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา อปริหีนชฺฌาโน หุตฺวา พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว, ปุพฺเพปาหํ เอตํ พฺราหฺมณํ นิสฺโสกมกาสิ’’นฺติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา เอส พฺราหฺมโณ อโหสิ, ปณฺฑิตมาณโว ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

กามชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๔๖๘] ๕. ชนสนฺธชาตกวณฺณนา

ทสขลูติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสลรฺโ โอวาทตฺถาย กเถสิ. เอกสฺมิฺหิ กาเล ราชา อิสฺสริยมทมตฺโต กิเลสสุขนิสฺสิโต วินิจฺฉยมฺปิ น ปฏฺเปสิ, พุทฺธุปฏฺานมฺปิ ปมชฺชิ. โส เอกทิวเส ทสพลํ อนุสฺสริตฺวา ‘‘สตฺถารํ วนฺทิสฺสามี’’ติ ภุตฺตปาตราโส รถวรมารุยฺห วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิสีทิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กึ มหาราช จิรํ น ปฺายสี’’ติ วตฺวา ‘‘พหุกิจฺจตาย โน ภนฺเต พุทฺธุปฏฺานสฺส โอกาโส น ชาโต’’ติ วุตฺเต ‘‘มหาราช, มาทิเส นาม โอวาททายเก สพฺพฺุพุทฺเธ ธุรวิหาเร วิหรนฺเต อยุตฺตํ ตว ปมชฺชิตุํ, รฺา นาม ราชกิจฺเจสุ อปฺปมตฺเตน ภวิตพฺพํ, รฏฺวาสีนํ มาตาปิตุสเมน อคติคมนํ ปหาย ทส ราชธมฺเม อโกเปนฺเตน รชฺชํ กาเรตุํ วฏฺฏติ, รฺโ หิ ธมฺมิกภาเว สติ ปริสาปิสฺส ธมฺมิกา โหนฺติ, อนจฺฉริยํ โข ปเนตํ, ยํ มยิ อนุสาสนฺเต ตฺวํ ธมฺเมน รชฺชํ กาเรยฺยาสิ, โปราณกปณฺฑิตา อนุสาสกอาจริเย อวิชฺชมาเนปิ อตฺตโน มติยาว ติวิธสุจริตธมฺเม ปติฏฺาย มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสตฺวา สคฺคปถํ ปูรยมานา อคมํสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ, ‘‘ชนสนฺธกุมาโร’’ติสฺส นามํ กรึสุ. อถสฺส วยปฺปตฺตสฺส ตกฺกสิลโต สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา อาคตกาเล ราชา สพฺพานิ พนฺธนาคารานิ โสธาเปตฺวา อุปรชฺชํ อทาสิ. โส อปรภาเค ปิตุ อจฺจเยน รชฺเช ปติฏฺาย จตูสุ นครทฺวาเรสุ นครมชฺเฌ ราชทฺวาเร จาติ ฉ ทานสาลาโย การาเปตฺวา ทิวเส ทิวเส ฉ สตสหสฺสานิ ปริจฺจชิตฺวา สกลชมฺพุทีปํ สงฺโขเภตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตนฺโต พนฺธนาคารานิ นิจฺจํ วิวฏานิ การาเปตฺวา ธมฺมภณฺฑิกํ โสธาเปตฺวา จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ โลกํ สงฺคณฺหนฺโต ปฺจ สีลานิ รกฺขนฺโต อุโปสถวาสํ วสนฺโต ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ. อนฺตรนฺตรา จ รฏฺวาสิโน สนฺนิปาตาเปตฺวา ‘‘ทานํ เทถ, สีลํ สมาทิยถ, ภาวนํ ภาเวถ, ธมฺเมน กมฺมนฺเต จ โวหาเร จ ปโยเชถ, ทหรกาเลเยว สิปฺปานิ อุคฺคณฺหถ, ธนํ อุปฺปาเทถ, คามกูฏกมฺมํ วา ปิสุณวาจากมฺมํ วา มา กริตฺถ, จณฺฑา ผรุสา มา อหุวตฺถ, มาตุปฏฺานํ ปิตุปฏฺานํ ปูเรถ, กุเล เชฏฺาปจายิโน ภวถา’’ติ ธมฺมํ เทเสตฺวา มหาชเน สุจริตธมฺเม ปติฏฺาเปสิ. โส เอกทิวสํ ปนฺนรสีอุโปสเถ สมาทินฺนุโปสโถ ‘‘มหาชนสฺส ภิยฺโย หิตสุขตฺถาย อปฺปมาทวิหารตฺถาย ธมฺมํ เทเสสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา นคเร เภรึ จราเปตฺวา อตฺตโน โอโรเธ อาทึ กตฺวา สพฺพนครชนํ สนฺนิปาตาเปตฺวา ราชงฺคเณ อลงฺกริตฺวา อลงฺกตรตนมณฺฑปมชฺเฌ สุปฺตฺตวรปลฺลงฺเก นิสีทิตฺวา ‘‘อมฺโภ, นครวาสิโน ตุมฺหากํ ตปนีเย จ อตปนีเย จ ธมฺเม เทเสสฺสามิ, อปฺปมตฺตา หุตฺวา โอหิตโสตา สกฺกจฺจํ สุณาถา’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ.

สตฺถา สจฺจปริภาวิตํ มุขรตนํ วิวริตฺวา ตํ ธมฺมเทสนํ มธุเรน สเรน โกสลรฺโ อาวิ กโรนฺโต –

๔๙.

‘‘ทส ขลุ อิมานิ านานิ, ยานิ ปุพฺเพ อกริตฺวา;

ส ปจฺฉา มนุตปฺปติ, อิจฺเจวาห ชนสนฺโธ.

๕๐.

‘‘อลทฺธา วิตฺตํ ตปฺปติ, ปุพฺเพ อสมุทานิตํ;

น ปุพฺเพ ธนเมสิสฺสํ, อิติ ปจฺฉานุตปฺปติ.

๕๑.

‘‘สกฺยรูปํ ปุเร สนฺตํ, มยา สิปฺปํ น สิกฺขิตํ;

กิจฺฉา วุตฺติ อสิปฺปสฺส, อิติ ปจฺฉานุตปฺปติ.

๕๒.

‘‘กูฏเวที ปุเร อาสึ, ปิสุโณ ปิฏฺิมํสิโก;

จณฺโฑ จ ผรุโส จาปิ, อิติ ปจฺฉานุตปฺปติ.

๕๓.

‘‘ปาณาติปาตี ปุเร อาสึ, ลุทฺโท จาปิ อนาริโย;

ภูตานํ นาปจายิสฺสํ, อิติ ปจฺฉานุตปฺปติ.

๕๔.

‘‘พหูสุ วต สนฺตีสุ, อนาปาทาสุ อิตฺถิสุ;

ปรทารํ อเสวิสฺสํ, อิติ ปจฺฉานุตปฺปติ.

๕๕.

‘‘พหุมฺหิ วต สนฺตมฺหิ, อนฺนปาเน อุปฏฺิเต;

น ปุพฺเพ อททํ ทานํ, อิติ ปจฺฉานุตปฺปติ.

๕๖.

‘‘มาตรํ ปิตรํ จาปิ, ชิณฺณกํ คตโยพฺพนํ;

ปหุ สนฺโต น โปสิสฺสํ, อิติ ปจฺฉานุตปฺปติ.

๕๗.

‘‘อาจริยมนุสตฺถารํ , สพฺพกามรสาหรํ;

ปิตรํ อติมฺิสฺสํ, อิติ ปจฺฉานุตปฺปติ.

๕๘.

‘‘สมเณ พฺราหฺมเณ จาปิ, สีลวนฺเต พหุสฺสุเต;

น ปุพฺเพ ปยิรุปาสิสฺสํ, อิติ ปจฺฉานุตปฺปติ.

๕๙.

‘‘สาธุ โหติ ตโป จิณฺโณ, สนฺโต จ ปยิรุปาสิโต;

น จ ปุพฺเพ ตโป จิณฺโณ, อิติ ปจฺฉานุตปฺปติ.

๖๐.

‘‘โย จ เอตานิ านานิ, โยนิโส ปฏิปชฺชติ;

กรํ ปุริสกิจฺจานิ, ส ปจฺฉา นานุตปฺปตี’’ติ. – อิมา คาถา อาห;

ตตฺถ านานีติ การณานิ. ปุพฺเพติ ปมเมว อกริตฺวา. ส ปจฺฉา มนุตปฺปตีติ โส ปมํ กตฺตพฺพานํ อการโก ปุคฺคโล ปจฺฉา อิธโลเกปิ ปรโลเกปิ ตปฺปติ กิลมติ. ‘‘ปจฺฉา วา อนุตปฺปตี’’ติปิ ปาโ. อิจฺเจวาหาติ อิติ เอวํ อาหาติ ปทจฺเฉโท, อิติ เอวํ ราชา ชนสนฺโธ อโวจ. อิจฺจสฺสุหาติปิ ปาโ. ตตฺถ อสฺสุ-กาโร นิปาตมตฺตํ อิติ อสฺสุ อาหาติ ปทจฺเฉโท. อิทานิ ตานิ ทส ตปนียการณานิ ปกาเสตุํ โพธิสตฺตสฺส ธมฺมกถา โหติ. ตตฺถ ปุพฺเพติ ปมเมว ตรุณกาเล ปรกฺกมํ กตฺวา อสมุทานิตํ อสมฺภตํ ธนํ มหลฺลกกาเล อลภิตฺวา ตปฺปติ โสจติ, ปเร จ สุขิเต ทิสฺวา สยํ ทุกฺขํ ชีวนฺโต ‘‘ปุพฺเพ ธนํ น ปริเยสิสฺส’’นฺติ เอวํ ปจฺฉา อนุตปฺปติ, ตสฺมา มหลฺลกกาเล สุขํ ชีวิตุกามา ทหรกาเลเยว ธมฺมิกานิ กสิกมฺมาทีนิ กตฺวา ธนํ ปริเยสถาติ ทสฺเสติ.

ปุเร สนฺตนฺติ ปุเร ทหรกาเล อาจริเย ปยิรุปาสิตฺวา มยา กาตุํ สกฺยรูปํ สมานํ หตฺถิสิปฺปาทิกํ กิฺจิ สิปฺปํ น สิกฺขิตํ. กิจฺฉาติ มหลฺลกกาเล อสิปฺปสฺส ทุกฺขา ชีวิตวุตฺติ, เนว สกฺกา ตทา สิปฺปํ สิกฺขิตุํ, ตสฺมา มหลฺลกกาเล สุขํ ชีวิตุกามา ตรุณกาเลเยว สิปฺปํ สิกฺขถาติ ทสฺเสติ. กุฏเวทีติ กูฏชานนโก คามกูฏโก วา โลกสฺส อนตฺถการโก วา ตุลากูฏาทิการโก วา กูฏฏฺฏการโก วาติ อตฺโถ. อาสินฺติ เอวรูโป อหํ ปุพฺเพ อโหสึ. ปิสุโณติ เปสุฺการโณ. ปิฏฺิมํสิโกติ ลฺชํ คเหตฺวา อสามิเก สามิเก กโรนฺโต ปเรสํ ปิฏฺิมํสขาทโก. อิติ ปจฺฉาติ เอวํ มรณมฺเจ นิปนฺโน อนุตปฺปติ , ตสฺมา สเจ นิรเย น วสิตุกามาตฺถ, มา เอวรูปํ ปาปกมฺมํ กริตฺถาติ โอวทติ.

ลุทฺโทติ ทารุโณ. อนาริโยติ น อริโย นีจสมาจาโร. นาปจายิสฺสนฺติ ขนฺติเมตฺตานุทฺทยวเสน นีจวุตฺติโก นาโหสึ. เสสํ ปุริมนเยเนว โยเชตพฺพํ. อนาปาทาสูติ อาปาทานํ อาปาโท, ปริคฺคโหติ อตฺโถ. นตฺถิ อาปาโท ยาสํ ตา อนาปาทา, อฺเหิ อกตปริคฺคหาสูติ อตฺโถ. อุปฏฺิเตติ ปจฺจุปฏฺิเต. น ปุพฺเพติ อิโต ปุพฺเพ ทานํ น อททํ. ปหุ สนฺโตติ ธนพเลนาปิ กายพเลนาปิ โปสิตุํ สมตฺโถ ปฏิพโล สมาโน. อาจริยนฺติ อาจาเร สิกฺขาปนโต อิธ ปิตา ‘‘อาจริโย’’ติ อธิปฺเปโต. อนุสตฺถารนฺติ อนุสาสกํ. สพฺพกามรสาหรนฺติ สพฺเพ วตฺถุกามรเส อาหริตฺวา โปสิตารํ. อติมฺิสฺสนฺติ ตสฺส โอวาทํ อคณฺหนฺโต อติกฺกมิตฺวา มฺิสฺสํ.

น ปุพฺเพติ อิโต ปุพฺเพ ธมฺมิกสมณพฺราหฺมเณปิ คิลานาคิลาเนปิ จีวราทีนิ ทตฺวา อปฺปฏิชคฺคเนน น ปยิรุปาสิสฺสํ. ตโปติ สุจริตตโป. สนฺโตติ ตีหิ ทฺวาเรหิ อุปสนฺโต สีลวา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ติวิธสุจริตสงฺขาโต ตโป จิณฺโณ เอวรูโป จ อุปสนฺโต ปยิรุปาสิโต นาม สาธุ สุนฺทโร. น ปุพฺเพติ มยา ทหรกาเล เอวรูโป ตโป น จิณฺโณ, อิติ ปจฺฉา ชราชิณฺโณ มรณภยตชฺชิโต อนุตปฺปติ โสจติ. สเจ ตุมฺเห เอวํ น โสจิตุกามา, ตโปกมฺมํ กโรถาติ วทติ. โย จ เอตานีติ โย ปน เอตานิ ทส การณานิ ปมเมว อุปาเยน ปฏิปชฺชติ สมาทาย วตฺตติ, ปุริเสหิ กตฺตพฺพานิ ธมฺมิกกิจฺจานิ กโรนฺโต โส อปฺปมาทวิหารี ปุริโส ปจฺฉา นานุตปฺปติ, โสมนสฺสปฺปตฺโตว โหตีติ.

อิติ มหาสตฺโต อนฺวทฺธมาสํ อิมินา นิยาเมน มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสสิ. มหาชโนปิสฺส โอวาเท ตฺวา ตานิ ทส านานิ ปูเรตฺวา สคฺคปรายโณว อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘เอวํ, มหาราช, โปราณกปณฺฑิตา อนาจริยกาปิ อตฺตโน มติยาว ธมฺมํ เทเสตฺวา มหาชนํ สคฺคปเถ ปติฏฺาเปสุ’’นฺติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปริสา พุทฺธปริสา อเหสุํ, ชนสนฺธราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ชนสนฺธชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๔๖๙] ๖. มหากณฺหชาตกวณฺณนา

กณฺโหกณฺโห จาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โลกตฺถจริยํ อารพฺภ กเถสิ. เอกทิวสฺหิ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ นิสีทิตฺวา ‘‘ยาวฺจิทํ, อาวุโส, สตฺถา พหุชนหิตาย ปฏิปนฺโน อตฺตโน ผาสุวิหารํ ปหาย โลกสฺเสว อตฺถํ จรติ, ปรมาภิสมฺโพธึ ปตฺวา สยํ ปตฺตจีวรมาทาย อฏฺารสโยชนมคฺคํ คนฺตฺวา ปฺจวคฺคิยตฺเถรานํ ธมฺมจกฺกํ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๓ อาทโย; ปฏิ. ม. ๒.๓๐) ปวตฺเตตฺวา ปฺจมิยา ปกฺขสฺส อนตฺตลกฺขณสุตฺตํ (สํ. นิ. ๓.๕๙; มหาว. ๒๐ อาทโย) กเถตฺวา สพฺเพสํ อรหตฺตํ อทาสิ. อุรุเวลํ คนฺตฺวา เตภาติกชฏิลานํ อฑฺฒุฑฺฒานิ ปาฏิหาริยสหสฺสานิ ทสฺเสตฺวา ปพฺพาเชตฺวา คยาสีเส อาทิตฺตปริยายํ (สํ. นิ. ๔.๒๓๕; มหาว. ๕๔) กเถตฺวา ชฏิลสหสฺสานํ อรหตฺตํ อทาสิ, มหากสฺสปสฺส ตีณิ คาวุตานิ ปจฺจุคฺคมนํ คนฺตฺวา ตีหิ โอวาเทหิ อุปสมฺปทํ อทาสิ. เอโก ปจฺฉาภตฺตํ ปฺจจตฺตาลีสโยชนมคฺคํ คนฺตฺวา ปุกฺกุสาติกุลปุตฺตํ อนาคามิผเล ปติฏฺาเปสิ, มหากปฺปินสฺส วีสโยชนสตํ ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา อรหตฺตํ อทาสิ, เอโก ปจฺฉาภตฺตํ ตึสโยชนมคฺคํ คนฺตฺวา ตาว กกฺขฬํ ผรุสํ องฺคุลิมาลํ อรหตฺเต ปติฏฺาเปสิ, ตึสโยชนมคฺคํ คนฺตฺวา อาฬวกํ ยกฺขํ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปตฺวา กุมารสฺส โสตฺถึ อกาสิ. ตาวตึสภวเน เตมาสํ วสนฺโต อสีติยา เทวตาโกฏีนํ ธมฺมาภิสมยํ สมฺปาเทสิ, พฺรหฺมโลกํ คนฺตฺวา พกพฺรหฺมุโน ทิฏฺึ ภินฺทิตฺวา ทสนฺนํ พฺรหฺมสหสฺสานํ อรหตฺตํ อทาสิ, อนุสํวจฺฉรํ ตีสุ มณฺฑเลสุ จาริกํ จรมาโน อุปนิสฺสยสมฺปนฺนานํ มนุสฺสานํ สรณานิ เจว สีลานิจ มคฺคผลานิ จ เทติ, นาคสุปณฺณาทีนมฺปิ นานปฺปการํ อตฺถํ จรตี’’ติ ทสพลสฺส โลกตฺถจริยคุณํ กถยึสุ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘อนจฺฉริยํ, ภิกฺขเว, โสหํ อิทานิ อภิสมฺโพธึ ปตฺวา โลกสฺส อตฺถํ จเรยฺยํ, ปุพฺเพ สราคกาเลปิ โลกสฺส อตฺถํ อจริ’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล พาราณสิยํ อุสีนโก นาม ราชา รชฺชํ กาเรสิ. กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺเธ จตุสจฺจเทสนาย มหาชนํ กิเลสพนฺธนา โมเจตฺวา นิพฺพานนครํ ปูเรตฺวา ปรินิพฺพุเต ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน สาสนํ โอสกฺกิ. ภิกฺขู เอกวีสติยา อเนสนาหิ ชีวิกํ กปฺเปนฺติ, ภิกฺขู คิหิสํสคฺคํ กโรนฺติ, ปุตฺตธีตาทีหิ วฑฺฒนฺติ. ภิกฺขุนิโยปิ คิหิสํสคฺคํ กโรนฺติ, ปุตฺตธีตาทีหิ วฑฺฒนฺติ. ภิกฺขู ภิกฺขุธมฺมํ, ภิกฺขุนิโย ภิกฺขุนิธมฺมํ, อุโปสกา อุปาสกธมฺมํ, อุปาสิกา อุปาสิกธมฺมํ, พฺราหฺมณา พฺราหฺมณธมฺมํ วิสฺสชฺเชสุํ. เยภุยฺเยน มนุสฺสา ทส อกุสลกมฺมปเถ สมาทาย วตฺตึสุ, มตมตา อปาเยสุ ปริปูเรสุํ. ตทา สกฺโก เทวราชา นเว นเว เทเว อปสฺสนฺโต มนุสฺสโลกํ โอโลเกตฺวา มนุสฺสานํ อปาเยสุ นิพฺพตฺติตภาวํ ตฺวา สตฺถุ สาสนํ โอสกฺกิตํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘อตฺเถโก อุปาโย, มหาชนํ ตาเสตฺวา ภีตภาวํ ตฺวา ปจฺฉา อสฺสาเสตฺวา ธมฺมํ เทเสตฺวา โอสกฺกิตํ สาสนํ ปคฺคยฺห อปรมฺปิ วสฺสสหสฺสํ ปวตฺตนการณํ กริสฺสามี’’ติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา มาตลิเทวปุตฺตํ โมจปฺปมาณทาํ จตูหิ ทาาหิ วินิคฺคตรสฺมิยา ภยานกํ กตฺวา คพฺภินีนํ ทสฺสเนเนว คพฺภปาตนสมตฺถํ โฆรรูปํ อาชาเนยฺยปฺปมาณํ กาฬวณฺณํ มหากณฺหสุนขํ มาเปตฺวา ปฺจพนฺธเนน พนฺธิตฺวา รตฺตมาลํ กณฺเ ปิฬนฺธิตฺวา รชฺชุโกฏิกํ อาทาย สยํ ทฺเว กาสายานิ นิวาเสตฺวา ปจฺฉามุเข ปฺจธา เกเส พนฺธิตฺวา รตฺตมาลํ ปิฬนฺธิตฺวา อาโรปิตปวาฬวณฺณชิยํ มหาธนุํ คเหตฺวา วชิรคฺคนาราจํ นเขน ปริวฏฺเฏนฺโต วนจรกเวสํ คเหตฺวา นครโต โยชนมตฺเต าเน โอตริตฺวา ‘‘นสฺสติ โลโก, นสฺสติ โลโก’’ติ ติกฺขตฺตุํ สทฺทํ อนุสาเวตฺวา มนุสฺเส อุตฺตาเสตฺวา นครูปจารํ ปตฺวา ปุน สทฺทมกาสิ.

มนุสฺสา สุนขํ ทิสฺวา อุตฺรสฺตา นครํ ปวิสิตฺวา ตํ ปวตฺตึ รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา สีฆํ นครทฺวารานิ ปิทหาเปสิ. สกฺโกปิ อฏฺารสหตฺถํ ปาการํ อุลฺลงฺฆิตฺวา สุนเขน สทฺธึ อนฺโตนคเร ปติฏฺหิ. มนุสฺสา ภีตตสิตา ปลายิตฺวา เคหานิ ปวิสิตฺวา นิลียึสุ. มหากณฺโหปิ ทิฏฺทิฏฺเ มนุสฺเส อุปธาวิตฺวา สนฺตาเสนฺโต ราชนิเวสนํ อคมาสิ. ราชงฺคเณ มนุสฺสา ภเยน ปลายิตฺวา ราชนิเวสนํ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิทหึสุ. อุสีนกราชาปิ โอโรเธ คเหตฺวา ปาสาทํ อภิรุหิ. มหากณฺโห สุนโข ปุริมปาเท อุกฺขิปิตฺวา วาตปาเน ตฺวา มหาภุสฺสิตํ ภุสฺสิ. ตสฺส สทฺโท เหฏฺา อวีจึ, อุปริ ภวคฺคํ ปตฺวา สกลจกฺกวาฬํ เอกนินฺนาทํ อโหสิ. วิธุรชาตเก (ชา. ๒.๒๒.๑๓๔๖ อาทโย) หิ ปุณฺณกยกฺขรฺโ, กุสชาตเก (ชา. ๒.๒๐.๑ อาทโย) กุสรฺโ, ภูริทตฺตชาตเก (ชา. ๒.๒๒.๗๘๔ อาทโย) สุทสฺสนนาครฺโ, อิมสฺมึ มหากณฺหชาตเก อยํ สทฺโทติ อิเม จตฺตาโร สทฺทา ชมฺพุทิเป มหาสทฺทา นาม อเหสุํ.

นครวาสิโน ภีตตสิตา หุตฺวา เอกปุริโสปิ สกฺเกน สทฺธึ กเถตุํ นาสกฺขิ, ราชาเยว สตึ อุปฏฺาเปตฺวา วาตปานํ นิสฺสาย สกฺกํ อามนฺเตตฺวา ‘‘อมฺโภ ลุทฺทก, กสฺมา เต สุนโข ภุสฺสตี’’ติ อาห. ‘‘ฉาตภาเวน, มหาราชา’’ติ. ‘‘เตน หิ ตสฺส ภตฺตํ ทาเปสฺสามี’’ติ อนฺโตชนสฺส จ อตฺตโน จ ปกฺกภตฺตํ สพฺพํ ทาเปสิ. ตํ สพฺพํ สุนโข เอกกพฬํ วิย กตฺวา ปุน สทฺทมกาสิ. ปุน ราชา ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิทานิปิ เม สุนโข ฉาโตเยวา’’ติ สุตฺวา หตฺถิอสฺสาทีนํ ปกฺกภตฺตํ สพฺพํ อาหราเปตฺวา ทาเปสิ. ตสฺมึ เอกปฺปหาเรเนว นิฏฺาปิเต สกลนครสฺส ปกฺกภตฺตํ ทาเปสิ. ตมฺปิ โส ตเถว ภุฺชิตฺวา ปุน สทฺทมกาสิ. ราชา ‘‘น เอส สุนโข, นิสฺสํสยํ เอส ยกฺโข ภวิสฺสติ, อาคมนการณํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ ภีตตสิโต หุตฺวา ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –

๖๑.

‘‘กณฺโห กณฺโห จ โฆโร จ, สุกฺกทาโ ปภาสวา;

พทฺโธ ปฺจหิ รชฺชูหิ, กึ รวิ สุนโข ตวา’’ติ.

ตตฺถ กณฺโห กณฺโหติ ภยวเสน ทฬฺหีวเสน วา อาเมฑิตํ. โฆโรติ ปสฺสนฺตานํ ภยชนโก. ปภาสวาติ ทาา นิกฺขนฺตรํสิปภาเสน ปภาสวา. กึ รวีติ กึ วิรวิ. ตเวส เอวรูโป กกฺขโฬ สุนโข กึ กโรติ, กึ มิเค คณฺหาติ, อุทาหุ เต อมิตฺเต, กึ เต อิมินา, วิสฺสชฺเชหิ นนฺติ อธิปฺปาเยเนวมาห.

ตํ สุตฺวา สกฺโก ทุติยํ คาถมาห –

๖๒.

‘‘นายํ มิคานมตฺถาย, อุสีนก ภวิสฺสติ;

มนุสฺสานํ อนโย หุตฺวา, ตทา กณฺโห ปโมกฺขตี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – อยฺหิ ‘‘มิคมํสํ ขาทิสฺสามี’’ติ อิธ นาคโต, ตสฺมา มิคานํ อตฺโถ น ภวิสฺสติ, มนุสฺสมํสํ ปน ขาทิตุํ อาคโต, ตสฺมา เตสํ อนโย มหาวินาสการโก หุตฺวา ยทา อเนน มนุสฺสา วินาสํ ปาปิตา ภวิสฺสนฺติ, ตทา อยํ กณฺโห ปโมกฺขติ, มม หตฺถโต มุจฺจิสฺสตีติ.

อถ นํ ราชา ‘‘กึ ปน เต โภ ลุทฺทก-สุนโข สพฺเพสํเยว มนุสฺสานํ มํสํ ขาทิสฺสติ, อุทาหุ ตว อมิตฺตานฺเวา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อมิตฺตานฺเว เม, มหาราชา’’ติ วุตฺเต ‘‘เก ปน อิธ เต อมิตฺตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อธมฺมาภิรตา วิสมจาริโน, มหาราชา’’ติ วุตฺเต ‘‘กเถหิ ตาว เน อมฺหาก’’นฺติ ปุจฺฉิ. อถสฺส กเถนฺโต เทวราชา ทส คาถา อภาสิ –

๖๓.

‘‘ปตฺตหตฺถา สมณกา, มุณฺฑา สงฺฆาฏิปารุตา;

นงฺคเลหิ กสิสฺสนฺติ, ตทา กณฺโห ปโมกฺขติ.

๖๔.

‘‘ตปสฺสินิโย ปพฺพชิตา, มุณฺฑา สงฺฆาฏิปารุตา;

ยทา โลเก คมิสฺสนฺติ, ตทา กณฺโห ปโมกฺขติ.

๖๕.

‘‘ทีโฆตฺตโรฏฺา ชฏิลา, ปงฺกทนฺตา รชสฺสิรา;

อิณํ โจทาย คจฺฉนฺติ, ตทา กณฺโห ปโมกฺขติ.

๖๖.

‘‘อธิจฺจ เวเท สาวิตฺตึ, ยฺตนฺตฺจ พฺราหฺมณา;

ภติกาย ยชิสฺสนฺติ, ตทา กณฺโห ปโมกฺขติ.

๖๗.

‘‘มาตรํ ปิตรํ จาปิ, ชิณฺณกํ คตโยพฺพนํ;

ปหู สนฺโต น ภรนฺติ, ตทา กณฺโห ปโมกฺขติ.

๖๘.

‘‘มาตรํ ปิตรํ จาปิ, ชิณฺณกํ คตโยพฺพนํ;

พาลา ตุมฺเหติ วกฺขนฺติ, ตทา กณฺโห ปโมกฺขติ.

๖๙.

‘‘อาจริยภริยํ สขึ, มาตุลานึ ปิตุจฺฉกึ;

ยทา โลเก คมิสฺสนฺติ, ตทา กณฺโห ปโมกฺขติ.

๗๐.

‘‘อสิจมฺมํ คเหตฺวาน, ขคฺคํ ปคฺคยฺห พฺราหฺมณา;

ปนฺถฆาตํ กริสฺสนฺติ, ตทา กณฺโห ปโมกฺขติ.

๗๑.

‘‘สุกฺกจฺฉวี เวธเวรา, ถูลพาหู อปาตุภา;

มิตฺตเภทํ กริสฺสนฺติ, ตทา กณฺโห ปโมกฺขติ.

๗๒.

‘‘มายาวิโน เนกติกา, อสปฺปุริสจินฺตกา;

ยทา โลเก ภวิสฺสนฺติ, ตทา กณฺโห ปโมกฺขตี’’ติ.

ตตฺถ สมณกาติ ‘‘มยํ สมณามฺหา’’ติ ปฏิฺามตฺตเกน หีฬิตโวหาเรเนวมาห. กสิสฺสนฺตีติ เต ตทาปิ กสนฺติเยว. อยํ ปน อชานนฺโต วิย เอวมาห. อยฺหิสฺส อธิปฺปาโย – เอเต เอวรูปา ทุสฺสีลา มม อมิตฺตา, ยทา มม สุนเขน เอเต มาเรตฺวา มํสํ ขาทิตํ ภวิสฺสติ, ตทา เอส กณฺโห อิโต ปฺจรชฺชุพนฺธนา ปโมกฺขตีติ. อิมินา อุปาเยน สพฺพคาถาสุ อธิปฺปายโยชนา เวทิตพฺพา.

ปพฺพชิตาติ พุทฺธสาสเน ปพฺพชิตา. คมิสฺสนฺตีติ อคารมชฺเฌ ปฺจ กามคุเณ ปริภุฺชนฺติโย วิจริสฺสนฺติ. ทีโฆตฺตโรฏฺาติ ทาิกานํ วฑฺฒิตตฺตา ทีฆุตฺตโรฏฺา. ปงฺกทนฺตาติ ปงฺเกน มเลน สมนฺนาคตทนฺตา. อิณํ โจทายาติ ภิกฺขาจริยาย ธนํ สํหริตฺวา วฑฺฒิยา อิณํ ปโยเชตฺวา ตํ โจเทตฺวา ตโต ลทฺเธน ชีวิกํ กปฺเปนฺตา ยทา คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ.

สาวิตฺตินฺติ สาวิตฺติฺจ อธิยิตฺวา. ยฺตนฺตฺจาติ ยฺวิธายกตนฺตํ, ยฺํ อธิยิตฺวาติ อตฺโถ. ภติกายาติ เต เต ราชราชมหามตฺเต อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ ยฺํ ยชิสฺสาม, ธนํ เทถา’’ติ เอวํ ภติอตฺถาย ยทา ยฺํ ยชิสฺสนฺติ. ปหู สนฺโตติ ภริตุํ โปเสตุํ สมตฺถา สมานา. พาลา ตุมฺเหติ ตุมฺเห พาลา น กิฺจิ ชานาถาติ ยทา วกฺขนฺติ. คมิสฺสนฺตีติ โลกธมฺมเสวนวเสน คมิสฺสนฺติ. ปนฺถฆาตนฺติ ปนฺเถ ตฺวา มนุสฺเส มาเรตฺวา เตสํ ภณฺฑคฺคหณํ.

สุกฺกจฺฉวีติ กสาวจุณฺณาทิฆํสเนน สมุฏฺาปิตสุกฺกจฺฉวิวณฺณา. เวธเวราติ วิธวา อปติกา, ตาหิ วิธวาหิ เวรํ จรนฺตีติ เวธเวรา. ถูลพาหูติ ปาทปริมทฺทนาทีหิ สมุฏฺาปิตมํสตาย มหาพาหู. อปาตุภาติ อปาตุภาวา, ธนุปฺปาทรหิตาติ อตฺโถ. มิตฺตเภทนฺติ มิถุเภทํ, อยเมว วา ปาโ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยทา เอวรูปา อิตฺถิธุตฺตา ‘‘อิมา อมฺเห น ชหิสฺสนฺตี’’ติ สหิรฺา วิธวา อุปคนฺตฺวา สํวาสํ กปฺเปตฺวา ตาสํ สนฺตกํ ขาทิตฺวา ตาหิ สทฺธึ มิตฺตเภทํ กริสฺสนฺติ , วิสฺสาสํ ภินฺทิตฺวา อฺํ สหิรฺํ คมิสฺสนฺติ, ตทา เอส เต โจเร สพฺเพว ขาทิตฺวา มุจฺจิสฺสติ. อสปฺปุริสจินฺตกาติ อสปฺปุริสจิตฺเตหิ ปรทุกฺขจินฺตนสีลา. ตทาติ ตทา สพฺเพปิเม ฆาเตตฺวา ขาทิตมํโส กณฺโห ปโมกฺขตีติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา ‘‘อิเม มยฺหํ, มหาราช, อมิตฺตา’’ติ เต เต อธมฺมการเก ปกฺขนฺทิตฺวา ขาทิตุกามตํ วิย กตฺวา ทสฺเสติ. โส ตโต มหาชนสฺส อุตฺรสฺตกาเล สุนขํ รชฺชุยา อากฑฺฒิตฺวา ปิตํ วิย กตฺวา ลุทฺทกเวสํ วิชหิตฺวา อตฺตโน อานุภาเวน อากาเส ชลมาโน ตฺวา ‘‘มหาราช, อหํ สกฺโก เทวราชา, ‘อยํ โลโก วินสฺสตี’ติ อาคโต, ปมตฺตา หิ มหาชนา, อธมฺมํ วตฺติตฺวา มตมตา สมฺปติ อปาเย ปูเรนฺติ, เทวโลโก ตุจฺโฉ วิย วิโต, อิโต ปฏฺาย อธมฺมิเกสุ กตฺตพฺพํ อหํ ชานิสฺสามิ, ตฺวํ อปฺปมตฺโต โหหิ, มหาราชา’’ติ จตูหิ สตารหคาถาหิ ธมฺมํ เทเสตฺวา มนุสฺสานํ ทานสีเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา โอสกฺกิตสาสนํ อฺํ วสฺสสหสฺสํ ปวตฺตนสมตฺถํ กตฺวา มาตลึ อาทาย สกฏฺานเมว คโต. มหาชนา ทานสีลาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺตึสุ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘เอวํ ภิกฺขเว ปุพฺเพปาหํ โลกสฺส อตฺถเมว จรามี’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มาตลิ อานนฺโท อโหสิ, สกฺโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

มหากณฺหชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๔๗๐] ๗. โกสิยชาตกวณฺณนา

๗๓-๙๓. โกสิยชาตกํ สุธาโภชนชาตเก (ชา. ๒.๒๑.๑๙๒ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ.

โกสิยชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๔๗๑] ๘. เมณฺฑกปฺหชาตกวณฺณนา

๙๔-๑๐๕. เมณฺฑกปฺหชาตกํ อุมงฺคชาตเก (ชา. ๒.๒๒.๕๙๐ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ.

เมณฺฑกปฺหชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๔๗๒] ๙. มหาปทุมชาตกวณฺณนา

นาทฏฺาปรโต โทสนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต จิฺจมาณวิกํ อารพฺภ กเถสิ. ปมโพธิยฺหิ ทสพลสฺส ปุถุภูเตสุ สาวเกสุ อปริมาเณสุ เทวมนุสฺเสสุ อริยภูมึ โอกฺกนฺเตสุ ปตฺถเฏสุ คุณสมุทเยสุ มหาลาภสกฺกาโร อุทปาทิ. ติตฺถิยา สูริยุคฺคมเน ขชฺโชปนกสทิสา อเหสุํ หตลาภสกฺการา. เต อนฺตรวีถิยํ ตฺวา ‘‘กึ สมโณ โคตโมว พุทฺโธ, มยมฺปิ พุทฺธา, กึ ตสฺเสว ทินฺนํ มหปฺผลํ, อมฺหากมฺปิ ทินฺนํ มหปฺผลเมว, อมฺหากมฺปิ เทถ กโรถา’’ติ เอวํ มนุสฺเส วิฺาเปนฺตาปิ ลาภสกฺการํ อลภนฺตา รโห สนฺนิปติตฺวา ‘‘เกน นุ โข อุปาเยน สมณสฺส โคตมสฺส มนุสฺสานํ อนฺตเร อวณฺณํ อุปฺปาเทตฺวา ลาภสกฺการํ นาเสยฺยามา’’ติ มนฺตยึสุ. ตทา สาวตฺถิยํ จิฺจมาณวิกา นาเมกา ปริพฺพาชิกา อุตฺตมรูปธรา โสภคฺคปฺปตฺตา เทวจฺฉรา วิย. ตสฺสา สรีรโต รสฺมิโย นิจฺฉรนฺติ. อเถโก ขรมนฺตี เอวมาห – ‘‘จิฺจมาณวิกํ ปฏิจฺจ สมณสฺส โคตมสฺส อวณฺณํ อุปฺปาเทตฺวา ลาภสกฺการํ นาเสสฺสามา’’ติ. เต ‘‘อตฺเถโส อุปาโย’’ติ สมฺปฏิจฺฉึสุ. อถ สา ติตฺถิยารามํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ, ติตฺถิยา ตาย สทฺธึ น กเถสุํ. สา ‘‘โก นุ โข เม โทโส’’ติ ยาวตติยํ ‘‘วนฺทามิ อยฺยา’’ติ วตฺวา ‘‘อยฺยา, โก นุ โข เม โทโส, กึ มยา สทฺธึ น กเถถา’’ติ อาห. ‘‘ภคินิ, สมณํ โคตมํ อมฺเห วิเหเนฺตํ หตลาภสกฺกาเร กตฺวา วิจรนฺตํ น ชานาสี’’ติ. ‘‘นาหํ ชานามิ อยฺยา, มยา กึ ปเนตฺถ กตฺตพฺพนฺติ. สเจ ตฺวํ ภคินิ, อมฺหากํ สุขมิจฺฉสิ, อตฺตานํ ปฏิจฺจ สมณสฺส โคตมสฺส อวณฺณํ อุปฺปาเทตฺวา ลาภสกฺการํ นาเสหี’’ติ.

สา ‘‘สาธุ อยฺยา, มยฺหเมเวโส ภาโร, มา จินฺตยิตฺถา’’ติ วตฺวา ปกฺกมิตฺวา อิตฺถิมายาสุ กุสลตาย ตโต ปฏฺาย สาวตฺถิวาสีนํ ธมฺมกถํ สุตฺวา เชตวนา นิกฺขมนสมเย อินฺทโคปกวณฺณํ ปฏํ ปารุปิตฺวา คนฺธมาลาทิหตฺถา เชตวนาภิมุขี คจฺฉนฺตี ‘‘อิมาย เวลาย กุหึ คจฺฉสี’’ติ วุตฺเต ‘‘กึ ตุมฺหากํ มม คมนฏฺาเนนา’’ติ วตฺวา เชตวนสมีเป ติตฺถิยาราเม วสิตฺวา ปาโตว ‘‘อคฺควนฺทนํ วนฺทิสฺสามา’’ติ นครา นิกฺขมนฺเต อุปาสกชเน เชตวเน วุตฺถา วิย หุตฺวา นครํ ปวิสติ. ‘‘กุหึ วุตฺถาสี’’ติ วุตฺเต ‘‘กึ ตุมฺหากํ มม วุตฺถฏฺาเนนา’’ติ วตฺวา มาสฑฺฒมาสจฺจเยน ปุจฺฉิยมานา ‘‘เชตวเน สมเณน โคตเมน สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยา วุตฺถามฺหี’’ติ อาห. ปุถุชฺชนานํ ‘‘สจฺจํ นุ โข เอตํ, โน’’ติ กงฺขํ อุปฺปาเทตฺวา เตมาสจตุมาสจฺจเยน ปิโลติกาหิ อุทรํ เวเตฺวา คพฺภินิวณฺณํ ทสฺเสตฺวา อุปริ รตฺตปฏํ ปารุปิตฺวา ‘‘สมณํ โคตมํ ปฏิจฺจ คพฺโภ เม ลทฺโธ’’ติ อนฺธพาเล คาหาเปตฺวา อฏฺนวมาสจฺจเยน อุทเร ทารุมณฺฑลิกํ พนฺธิตฺวา อุปริ รตฺตปฏํ ปารุปิตฺวา หตฺถปาทปิฏฺิโย โคหนุเกน โกฏฺฏาเปตฺวา อุสฺสเท ทสฺเสตฺวา กิลนฺตินฺทฺริยา หุตฺวา สายนฺหสมเย ตถาคเต อลงฺกตธมฺมาสเน นิสีทิตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺเต ธมฺมสภํ คนฺตฺวา ตถาคตสฺส ปุรโต ตฺวา ‘‘มหาสมณ, มหาชนสฺส ตาว ธมฺมํ เทเสสิ, มธุโร เต สทฺโท, สุผุสิตํ ทนฺตาวรณํ, อหํ ปน ตํ ปฏิจฺจ คพฺภํ ลภิตฺวา ปริปุณฺณคพฺภา ชาตา, เนว เม สูติฆรํ ชานาสิ, น สปฺปิเตลาทีนิ, สยํ อกโรนฺโต อุปฏฺากานมฺปิ อฺตรํ โกสลราชานํ วา อนาถปิณฺฑิกํ วา วิสาขํ อุปาสิกํ วา ‘‘อิมิสฺสา จิฺจมาณวิกาย กตฺตพฺพยุตฺตํ กโรหี’ติ น วทสิ, อภิรมิตุํเยว ชานาสิ, คพฺภปริหารํ น ชานาสี’’ติ คูถปิณฺฑํ คเหตฺวา จนฺทมณฺฑลํ ทูเสตุํ วายมนฺตี วิย ปริสมชฺเฌ ตถาคตํ อกฺโกสิ. ตถาคโต ธมฺมกถํ เปตฺวา สีโห วิย อภินทนฺโต ‘‘ภคินิ, ตยา กถิตสฺส ตถภาวํ วา อตถภาวํ วา อหฺเจว ตฺวฺจ ชานามา’’ติ อาห. อาม, สมณ, ตยา จ มยา จ าตภาเวเนตํ ชาตนฺติ.

ตสฺมึ ขเณ สกฺกสฺส ภวนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. โส อาวชฺชมาโน ‘‘จิฺจมาณวิกา ตถาคตํ อภูเตน อกฺโกสตี’’ติ ตฺวา ‘‘อิมํ วตฺถุํ โสเธสฺสามี’’ติ จตูหิ เทวปุตฺเตหิ สทฺธึ อาคมิ. เทวปุตฺตา มูสิกโปตกา หุตฺวา ทารุมณฺฑลิกสฺส พนฺธนรชฺชุเก เอกปฺปหาเรเนว ฉินฺทึสุ, ปารุตปฏํ วาโต อุกฺขิปิ, ทารุมณฺฑลิกํ ปตมานํ ตสฺสา ปาทปิฏฺิยํ ปติ, อุโภ อคฺคปาทา ฉิชฺชึสุ. มนุสฺสา อุฏฺาย ‘‘กาฬกณฺณิ, สมฺมาสมฺพุทฺธํ อกฺโกสสี’’ติ สีเส เขฬํ ปาเตตฺวา เลฑฺฑุทณฺฑาทิหตฺถา เชตวนา นีหรึสุ. อถสฺสา ตถาคตสฺส จกฺขุปถํ อติกฺกนฺตกาเล มหาปถวี ภิชฺชิตฺวา วิวรมทาสิ, อวีจิโต อคฺคิชาลา อุฏฺหิ. สา กุลทตฺติยํ กมฺพลํ ปารุปมานา วิย คนฺตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติ. อฺติตฺถิยานํ ลาภสกฺกาโร ปริหายิ, ทสพลสฺส ภิยฺโยโสมตฺตาย วฑฺฒิ. ปุนทิวเส ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, จิฺจมาณวิกา เอวํ อุฬารคุณํ อคฺคทกฺขิเณยฺยํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อภูเตน อกฺโกสิตฺวา มหาวินาสํ ปตฺตา’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ เอสา มํ อภูเตน อกฺโกสิตฺวา มหาวินาสํ ปตฺตา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ, ผุลฺลปทุมสสฺสิริกมุขตฺตา ปนสฺส ‘‘ปทุมกุมาโร’’ตฺเวว นามํ กรึสุ. โส วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ คนฺตฺวา สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา อาคมิ. อถสฺส มาตา กาลมกาสิ. ราชา อฺํ อคฺคมเหสึ กตฺวา ปุตฺตสฺส อุปรชฺชํ อทาสิ. อปรภาเค ราชา ปจฺจนฺตํ กุปิตํ วูปสเมตุํ อคฺคมเหสึ อาห ‘‘ภทฺเท, อิเธว วส, อหํ ปจฺจนฺตํ กุปิตํ วูปสเมตุํ คจฺฉามี’’ติ วตฺวา ‘‘นาหํ อิเธว วสิสฺสามิ, อหมฺปิ คมิสฺสามี’’ติ วุตฺเต ยุทฺธภูมิยา อาทีนวํ ทสฺเสตฺวา ‘‘ยาว มมาคมนา อนุกฺกณฺมานา วส, อหํ ปทุมกุมารํ ยถา ตว กตฺตพฺพกิจฺเจสุ อปฺปมตฺโต โหติ, เอวํ อาณาเปตฺวา คมิสฺสามี’’ติ วตฺวา ตถา กตฺวา คนฺตฺวา ปจฺจามิตฺเต ปลาเปตฺวา ชนปทํ สนฺตปฺเปตฺวา ปจฺจาคนฺตฺวา พหินคเร ขนฺธาวารํ นิวาเสสิ . โพธิสตฺโต ปิตุ อาคตภาวํ ตฺวา นครํ อลงฺการาเปตฺวา ราชเคหํ ปฏิชคฺคาเปตฺวา เอกโกว ตสฺสา สนฺติกํ อคมาสิ.

สา ตสฺส รูปสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ปฏิพทฺธจิตฺตา อโหสิ. โพธิสตฺโต ตํ วนฺทิตฺวา ‘‘อมฺม, กึ อมฺหากํ กตฺตพฺพ’’นฺติ ปุจฺฉิ. อถ นํ ‘‘อมฺมาติ มํ วทสี’’ติ อุฏฺาย หตฺเถ คเหตฺวา ‘‘สยนํ อภิรุหา’’ติ อาห. ‘‘กึการณา’’ติ? ‘‘ยาว ราชา น อาคจฺฉติ, ตาว อุโภปิ กิเลสรติยา รมิสฺสามา’’ติ. ‘‘อมฺม, ตฺวํ มม มาตา จ สสามิกา จ, มยา สปริคฺคโห มาตุคาโม นาม กิเลสวเสน อินฺทฺริยานิ ภินฺทิตฺวา น โอโลกิตปุพฺโพ, กถํ ตยา สทฺธึ เอวรูปํ กิลิฏฺกมฺมํ กริสฺสามี’’ติ. สา ทฺเว ตโย วาเร กเถตฺวา ตสฺมึ อนิจฺฉมาเน ‘‘มม วจนํ น กโรสี’’ติ อาห. ‘‘อาม, น กโรมี’’ติ. ‘‘เตน หิ รฺโ กเถตฺวา สีสํ เต ฉินฺทาเปสฺสามี’’ติ. มหาสตฺโต ‘‘ตว รุจึ กโรหี’’ติ วตฺวา ตํ ลชฺชาเปตฺวา ปกฺกามิ.

สา ภีตตสิตา จินฺเตสิ ‘‘สเจ อยํ ปมํ ปิตุ อาโรเจสฺสติ, ชีวิตํ เม นตฺถิ, อหเมว ปุเรตรํ กเถสฺสามี’’ติ ภตฺตํ อภุฺชิตฺวา กิลิฏฺโลมวตฺถํ นิวาเสตฺวา สรีเร นขราชิโย ทสฺเสตฺวา ‘‘กุหึ เทวีติ รฺโ ปุจฺฉนกาเล ‘‘คิลานา’ติ กเถยฺยาถา’’ติ ปริจาริกานํ สฺํ ทตฺวา คิลานาลยํ กตฺวา นิปชฺชิ. ราชาปิ นครํ ปทกฺขิณํ กตฺวา นิเวสนํ อารุยฺห ตํ อปสฺสนฺโต ‘‘กุหึ เทวี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘คิลานา’’ติ สุตฺวา สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา ‘‘กึ เต เทวิ, อผาสุก’’นฺติ ปุจฺฉิ. สา ตสฺส วจนํ อสุณนฺตี วิย หุตฺวา ทฺเว ตโย วาเร ปุจฺฉิตา ‘‘มหาราช, กสฺมา กเถสิ, ตุณฺหี โหหิ, สสามิกอิตฺถิโย นาม มาทิสา น โหนฺตี’’ติ วตฺวา ‘‘เกน ตฺวํ วิเหิตาสิ, สีฆํ เม กเถหิ , สีสมสฺส ฉินฺทิสฺสามี’’ติ วุตฺเต ‘‘กํสิ ตฺวํ, มหาราช, นคเร เปตฺวา คโต’’ติ วตฺวา ‘‘ปทุมกุมาร’’นฺติ วุตฺเต ‘‘โส มยฺหํ วสนฏฺานํ อาคนฺตฺวา ‘ตาต, มา เอวํ กโรหิ, อหํ ตว มาตา’ติ วุจฺจมาโนปิ ‘เปตฺวา มํ อฺโ ราชา นตฺถิ, อหํ ตํ เคเห กริตฺวา กิเลสรติยา รมิสฺสามี’ติ มํ เกเสสุ คเหตฺวา อปราปรํ ลุฺจิตฺวา อตฺตโน วจนํ อกโรนฺตึ มํ ปาเตตฺวา โกฏฺเฏตฺวา คโต’’ติ อาห.

ราชา อนุปปริกฺขิตฺวาว อาสีวิโส วิย กุทฺโธ ปุริเส อาณาเปสิ ‘‘คจฺฉถ, ภเณ, ปทุมกุมารํ พนฺธิตฺวา อาเนถา’’ติ. เต นครํ อวตฺถรนฺตา วิย ตสฺส เคหํ คนฺตฺวา ตํ พนฺธิตฺวา ปหริตฺวา ปจฺฉาพาหํ คาฬฺหพนฺธนํ พนฺธิตฺวา รตฺตกณเวรมาลํ คีวายํ ปฏิมุฺจิตฺวา วชฺฌํ กตฺวา อานยึสุ . โส ‘‘เทวิยา อิทํ กมฺม’’นฺติ ตฺวา ‘‘โภ ปุริสา, นาหํ รฺโ โทสการโก, นิปฺปราโธหมสฺมี’’ติ วิลปนฺโต อาคจฺฉติ. สกลนครํ สํขุพฺภิตฺวา ‘‘ราชา กิร มาตุคามสฺส วจนํ คเหตฺวา มหาปทุมกุมารํ ฆาตาเปสี’’ติ สนฺนิปติตฺวา ราชกุมารสฺส ปาทมูเล นิปติตฺวา ‘‘อิทํ เต สามิ, อนนุจฺฉวิก’’นฺติ มหาสทฺเทน ปริเทวิ. อถ นํ เนตฺวา รฺโ ทสฺเสสุํ. ราชา ทิสฺวาว จิตฺตํ นิคฺคณฺหิตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘อยํ อราชาว ราชลีฬํ กโรติ, มม ปุตฺโต หุตฺวา อคฺคมเหสิยา อปรชฺฌติ, คจฺฉถ นํ โจรปปาเต ปาเตตฺวา วินาสํ ปาเปถา’’ติ อาห. มหาสตฺโต ‘‘น มยฺหํ, ตาต, เอวรูโป อปราโธ อตฺถิ, มาตุคามสฺส วจนํ คเหตฺวา มา มํ นาเสหี’’ติ ปิตรํ ยาจิ. โส ตสฺส กถํ น คณฺหิ.

ตโต โสฬสสหสฺสา อนฺเตปุริกา ‘‘ตาต มหาปทุมกุมาร, อตฺตโน อนนุจฺฉวิกํ อิทํ ลทฺธ’’นฺติ มหาวิรวํ วิรวึสุ. สพฺเพ ขตฺติยมหาสาลาทโยปิ อมจฺจปริชนาปิ ‘‘เทว, กุมาโร สีลาจารคุณสมฺปนฺโน วํสานุรกฺขิโต รชฺชทายาโท, มา นํ มาตุคามสฺส วจนํ คเหตฺวา อนุปปริกฺขิตฺวาว วินาเสหิ, รฺา นาม นิสมฺมการินา ภวิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา สตฺต คาถา อภาสึสุ –

๑๐๖.

‘‘นาทฏฺา ปรโต โทสํ, อณุํ ถูลานิ สพฺพโส;

อิสฺสโร ปณเย ทณฺฑํ, สามํ อปฺปฏิเวกฺขิย.

๑๐๗.

‘‘โย จ อปฺปฏิเวกฺขิตฺวา, ทณฺฑํ กุพฺพติ ขตฺติโย;

สกณฺฏกํ โส คิลติ, ชจฺจนฺโธว สมกฺขิกํ.

๑๐๘.

‘‘อทณฺฑิยํ ทณฺฑยติ, ทณฺฑิยฺจ อทณฺฑิยํ;

อนฺโธว วิสมํ มคฺคํ, น ชานาติ สมาสมํ.

๑๐๙.

‘‘โย จ เอตานิ านานิ, อณุํ ถูลานิ สพฺพโส;

สุทิฏฺมนุสาเสยฺย, ส เว โวหริตุ มรหติ.

๑๑๐.

‘‘เนกนฺตมุทุนา สกฺกา, เอกนฺตติขิเณน วา;

อตฺตํ มหนฺเต เปตุํ, ตสฺมา อุภยมาจเร.

๑๑๑.

‘‘ปริภูโต มุทุ โหติ, อติติกฺโข จ เวรวา;

เอตฺจ อุภยํ ตฺวา, อนุมชฺฌํ สมาจเร.

๑๑๒.

‘‘พหุมฺปิ รตฺโต ภาเสยฺย, ทุฏฺโปิ พหุ ภาสติ;

น อิตฺถิการณา ราช, ปุตฺตํ ฆาเตตุมรหสี’’ติ.

ตตฺถ นาทฏฺาติ น อทิสฺวา. ปรโตติ ปรสฺส. สพฺพโสติ สพฺพานิ. อณุํถูลานีติ ขุทฺทกมหนฺตานิ วชฺชานิ. สามํ อปฺปฏิเวกฺขิยาติ ปรสฺส วจนํ คเหตฺวา อตฺตโน ปจฺจกฺขํ อกตฺวา ปถวิสฺสโร ราชา ทณฺฑํ น ปณเย น ปฏฺเปยฺย. มหาสมฺมตราชกาลสฺมิฺหิ สตโต อุตฺตริ ทณฺโฑ นาม นตฺถิ, ตาฬนครหณปพฺพาชนโต อุทฺธํ หตฺถปาทจฺเฉทนฆาตนํ นาม นตฺถิ, ปจฺฉา กกฺขฬราชูนํเยว กาเล เอตํ อุปฺปนฺนํ, ตํ สนฺธาย เต อมจฺจา ‘‘เอกนฺเตเนว ปรสฺส โทสํ สามํ อทิสฺวา กาตุํ น ยุตฺต’’นฺติ กเถนฺตา เอวมาหํสุ.

โย จ อปฺปฏิเวกฺขิตฺวาติ มหาราช, เอวํ อปฺปฏิเวกฺขิตฺวา โทสานุจฺฉวิเก ทณฺเฑ ปเณตพฺเพ โย ราชา อคติคมเน ิโต ตํ โทสํ อปฺปฏิเวกฺขิตฺวา หตฺถจฺเฉทาทิทณฺฑํ กโรติ, โส อตฺตโน ทุกฺขการณํ กโรนฺโต สกณฺฏกํ โภชนํ คิลติ นาม, ชจฺจนฺโธ วิย จ สมกฺขิกํ ภุฺชติ นาม. อทณฺฑิยนฺติ โย อทณฺฑิยํ อทณฺฑปเณตพฺพฺจ ทณฺเฑตฺวา ทณฺฑิยฺจ ทณฺฑปเณตพฺพํ อทณฺเฑตฺวา อตฺตโน รุจิเมว กโรติ, โส อนฺโธ วิย วิสมํ มคฺคํ ปฏิปนฺโน, น ชานาติ สมาสมํ, ตโต ปาสาณาทีสุ ปกฺขลนฺโต อนฺโธ วิย จตูสุ อปาเยสุ มหาทุกฺขํ ปาปุณาตีติ อตฺโถ. เอตานิ านานีติ เอตานิ ทณฺฑิยาทณฺฑิยการณานิ เจว ทณฺฑิยการเณสุปิ อณุํถูลานิ จ สพฺพานิ สุทิฏฺํ ทิสฺวา อนุสาเสยฺย, ส เว โวหริตุํ รชฺชมนุสาสิตุํ อรหตีติ อตฺโถ.

อตฺตํ มหนฺเต เปตุนฺติ เอวรูโป อนุปฺปนฺเน โภเค อุปฺปาเทตฺวา อุปฺปนฺเน ถาวเร กตฺวา อตฺตานํ มหนฺเต อุฬาเร อิสฺสริเย เปตุํ น สกฺโกตีติ อตฺโถ. มุทูติ มุทุราชา รฏฺวาสีนํ ปริภูโต โหติ อวฺาโต, โส รชฺชํ นิจฺโจรํ กาตุํ น สกฺโกติ. เวรวาติ อติติกฺขสฺส ปน สพฺเพปิ รฏฺวาสิโน เวริโน โหนฺตีติ โส เวรวา นาม โหติ. อนุมชฺฌนฺติ อนุภูตํ มุทุติขิณภาวานํ มชฺฌํ สมาจเร, อมุทุ อติกฺโข หุตฺวา รชฺชํ กาเรยฺยาติ อตฺโถ. น อิตฺถิการณาติ ปาปํ ลามกํ มาตุคามํ นิสฺสาย วํสานุรกฺขกํ ฉตฺตทายาทํ ปุตฺตํ ฆาเตตุํ นารหสิ, มหาราชาติ.

เอวํ นานาการเณหิ กเถนฺตาปิ อมจฺจา อตฺตโน กถํ คาหาเปตุํ นาสกฺขึสุ. โพธิสตฺโตปิ ยาจนฺโต อตฺตโน กถํ คาหาเปตุํ นาสกฺขิ. อนฺธพาโล ปน ราชา ‘‘คจฺฉถ นํ โจรปปาเต ขิปถา’’ติ อาณาเปนฺโต อฏฺมํ คาถมาห –

๑๑๓.

‘‘สพฺโพว โลโก เอกโต, อิตฺถี จ อยเมกิกา;

เตนาหํ ปฏิปชฺชิสฺสํ, คจฺฉถ ปกฺขิปเถว ต’’นฺติ.

ตตฺถ เตนาหนฺติ เยน การเณน สพฺโพ โลโก เอกโต กุมารสฺเสว ปกฺโข หุตฺวา ิโต, อยฺจ อิตฺถี เอกิกาว, เตน การเณน อหํ อิมิสฺสา วจนํ ปฏิปชฺชิสฺสํ, คจฺฉถ ตํ ปพฺพตํ อาโรเปตฺวา ปปาเต ขิปเถวาติ.

เอวํ วุตฺเต โสฬสสหสฺสาสุ ราชอิตฺถีสุ เอกาปิ สกภาเวน สณฺาตุํ นาสกฺขิ, สกลนครวาสิโน พาหา ปคฺคยฺห กนฺทิตฺวา เกเส วิกิรยมานา วิลปึสุ. ราชา ‘‘อิเม อิมสฺส ปปาเต ขิปนํ ปฏิพาเหยฺยุ’’นฺติ สปริวาโร คนฺตฺวา มหาชนสฺส ปริเทวนฺตสฺเสว นํ อุทฺธํปาทํ อวํสิรํ กตฺวา คาหาเปตฺวา ปปาเต ขิปาเปสิ. อถสฺส เมตฺตานุภาเวน ปพฺพเต อธิวตฺถา เทวตา ‘‘มา ภายิ มหาปทุมา’’ติ ตํ สมสฺสาเสตฺวา อุโภหิ หตฺเถหิ คเหตฺวา หทเย เปตฺวา ทิพฺพสมฺผสฺสํ ผราเปตฺวา โอตริตฺวา ปพฺพตปาเท ปติฏฺิตนาคราชสฺส ผณคพฺเภ เปสิ. นาคราชา โพธิสตฺตํ นาคภวนํ เนตฺวา อตฺตโน ยสํ มชฺเฌ ภินฺทิตฺวา อทาสิ. โส ตตฺถ เอกสํวจฺฉรํ วสิตฺวา ‘‘มนุสฺสปถํ คมิสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘กตรํ าน’’นฺติ วุตฺเต ‘‘หิมวนฺตํ คนฺตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาห. นาคราชา ‘‘สาธู’’ติ ตํ คเหตฺวา มนุสฺสปเถ ปติฏฺาเปตฺวา ปพฺพชิตปริกฺขาเร ทตฺวา สกฏฺานเมว คโต. โสปิ หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ฌานาภิฺํ นิพฺพตฺเตตฺวา วนมูลผลาหาโร ตตฺถ ปฏิวสติ.

อเถโก พาราณสิวาสี วนจรโก ตํ านํ ปตฺโต มหาสตฺตํ สฺชานิตฺวา ‘‘นนุ ตฺวํ เทว, มหาปทุมกุมาโร’’ติ วตฺวา ‘‘อาม, สมฺมา’’ติ วุตฺเต ตํ วนฺทิตฺวา กติปาหํ ตตฺถ วสิตฺวา พาราณสึ คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสิ ‘‘เทว, ปุตฺโต เต หิมวนฺตปเทเส อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ปณฺณสาลายํ วสติ, อหํ ตสฺส สนฺติเก วสิตฺวา อาคโต’’ติ. ‘‘ปจฺจกฺขโต เต ทิฏฺโ’’ติ? ‘‘อาม เทวา’’ติ. ราชา มหาพลกายปริวุโต ตตฺถ คนฺตฺวา วนปริยนฺเต ขนฺธาวารํ พนฺธิตฺวา อมจฺจคณปริวุโต ปณฺณสาลํ คนฺตฺวา กฺจนรูปสทิสํ ปณฺณสาลทฺวาเร นิสินฺนํ มหาสตฺตํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อมจฺจาปิ วนฺทิตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา นิสีทึสุ. โพธิสตฺโตปิ ราชานํ ปฏิปุจฺฉิตฺวา ปฏิสนฺถารมกาสิ. อถ นํ ราชา ‘‘ตาต, มยา ตฺวํ คมฺภีเร ปปาเต ขิปาปิโต, กถํ สชีวิโตสี’’ติ ปุจฺฉนฺโต นวมํ คาถมาห –

๑๑๔.

‘‘อเนกตาเล นรเก, คมฺภีเร จ สุทุตฺตเร;

ปาติโต คิริทุคฺคสฺมึ, เกน ตฺวํ ตตฺถ นามรี’’ติ.

ตตฺถ อเนกตาเลติ อเนกตาลปฺปมาเณ. นามรีติ น อมริ.

ตโตปรํ –

๑๑๕.

‘‘นาโค ชาตผโณ ตตฺถ, ถามวา คิริสานุโช;

ปจฺจคฺคหิ มํ โภเคหิ, เตนาหํ ตตฺถ นามรึ.

๑๑๖.

‘‘เอหิ ตํ ปฏิเนสฺสามิ, ราชปุตฺต สกํ ฆรํ;

รชฺชํ กาเรหิ ภทฺทนฺเต, กึ อรฺเ กริสฺสสิ.

๑๑๗.

‘‘ยถา คิลิตฺวา พฬิสํ, อุทฺธเรยฺย สโลหิตํ;

อุทฺธริตฺวา สุขี อสฺส, เอวํ ปสฺสามิ อตฺตนํ.

๑๑๘.

‘‘กึ นุ ตฺวํ พฬิสํ พฺรูสิ, กึ ตฺวํ พฺรูสิ สโลหิตํ;

กึ นุ ตฺวํ อุพฺภตํ พฺรูสิ, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต.

๑๑๙.

‘‘กามาหํ พฬิสํ พฺรูมิ, หตฺถิอสฺสํ สโลหิตํ;

จตฺตาหํ อุพฺภตํ พฺรูมิ, เอวํ ชานาหิ ขตฺติยา’’ติ. –

อิมาสุ ปฺจสุ เอกนฺตริกา ติสฺโส คาถา โพธิสตฺตสฺส, ทฺเว รฺโ.

ตตฺถ ปจฺจคฺคหิ มนฺติ ปพฺพตปตนกาเล เทวตาย ปริคฺคเหตฺวา ทิพฺพสมฺผสฺเสน สมสฺสาเสตฺวา อุปนีตํ มํ ปฏิคฺคณฺหิ, คเหตฺวา จ ปน นาคภวนํ อาเนตฺวา มหนฺตํ ยสํ ทตฺวา ‘‘มนุสฺสปถํ มํ เนหี’’ติ วุตฺโต มํ มนุสฺสปถํ อาเนสิ. อหํ อิธาคนฺตฺวา ปพฺพชิโต, อิติ เตน เทวตาย จ นาคราชสฺส จ อานุภาเวน อหํ ตตฺถ นามรินฺติ สพฺพํ อาโรเจสิ.

เอหีติ ราชา ตสฺส วจนํ สุตฺวา โสมนสฺสปฺปตฺโต หุตฺวา ‘‘ตาต, อหํ พาลภาเวน อิตฺถิยา วจนํ คเหตฺวา เอวํ สีลาจารสมฺปนฺเน ตยิ อปรชฺฌึ, ขมาหิ เม โทส’’นฺติ ปาเทสุ นิปติตฺวา ‘‘อุฏฺเหิ, มหาราช, ขมาม เต โทสํ, อิโต ปรํ ปุน มา เอวํ อนิสมฺมการี ภเวยฺยาสี’’ติ วุตฺเต ‘‘ตาต, ตฺวํ อตฺตโน กุลสนฺตกํ เสตจฺฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา รชฺชํ อนุสาสนฺโต มยฺหํ ขมสิ นามา’’ติ เอวมาห.

อุทฺธริตฺวาติ หทยวกฺกาทีนิ อสมฺปตฺตเมว ตํ อุทฺธริตฺวา สุขี อสฺส. เอวํ ปสฺสามิ อตฺตนนฺติ อตฺตานํ มหาราช, เอวํ อหมฺปิ ปุน โสตฺถิภาวปฺปตฺตํ คิลิตพฬิสํ ปุริสมิว อตฺตานํ ปสฺสามีติ. ‘‘กึ นุ ตฺว’’นฺติ อิทํ ราชา ตมตฺถํ วิตฺถารโต โสตุํ ปุจฺฉติ. กามาหนฺติ ปฺจ กามคุเณ อหํ. หตฺถิอสฺสํ สโลหิตนฺติ เอวํ หตฺถิอสฺสรถวาหนํ สตฺตรตนาทิวิภวํ ‘‘สโลหิต’’นฺติ พฺรูมิ. จตฺตาหนฺติ จตฺตํ อหํ, ยทา ตํ สพฺพมฺปิ จตฺตํ โหติ ปริจฺจตฺตํ, ตํ ทานาหํ ‘‘อุพฺภต’’นฺติ พฺรูมิ.

‘‘อิติ โข, มหาราช, มยฺหํ รชฺเชน กิจฺจํ นตฺถิ, ตฺวํ ปน ทส ราชธมฺเม อโกเปตฺวา อคติคมนํ ปหาย ธมฺเมน รชฺชํ กาเรหี’’ติ มหาสตฺโต ปิตุ โอวาทํ อทาสิ. โส ราชา โรทิตฺวา ปริเทวิตฺวา นครํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค อมจฺเจ ปุจฺฉิ. ‘‘อหํ กํ นิสฺสาย เอวรูเปน อาจารคุณสมฺปนฺเนน ปุตฺเตน วิโยคํ ปตฺโต’’ติ? ‘‘อคฺคมเหสึ, เทวา’’ติ. ราชา ตํ อุทฺธํปาทํ คาหาเปตฺวา โจรปปาเต ขิปาเปตฺวา นครํ ปวิสิตฺวา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว, ปุพฺเพเปสา มํ อกฺโกสิตฺวา มหาวินาสํ ปตฺตา’’ติ วตฺวา –

๑๒๐.

‘‘จิฺจมาณวิกา มาตา, เทวทตฺโต จ เม ปิตา;

อานนฺโท ปณฺฑิโต นาโค, สาริปุตฺโต จ เทวตา;

ราชปุตฺโต อหํ อาสึ, เอวํ ธาเรถ ชาตก’’นฺติ. –

โอสานคาถาย ชาตกํ สโมธาเนสิ.

มหาปทุมชาตกวณฺณนา นวมา.

[๔๗๓] ๑๐. มิตฺตามิตฺตชาตกวณฺณนา

กานิ กมฺมานีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสลรฺโ อตฺถจรกํ อมจฺจํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร รฺโ พหูปกาโร อโหสิ. อถสฺส ราชา อติเรกสมฺมานํ กาเรสิ. อวเสสา นํ อสหมานา ‘‘เทว, อสุโก นาม อมจฺโจ ตุมฺหากํ อนตฺถการโก’’ติ ปริภินฺทึสุ. ราชา ตํ ปริคฺคณฺหนฺโต กิฺจิ โทสํ อทิสฺวา ‘‘อหํ อิมสฺส กิฺจิ โทสํ น ปสฺสามิ, กถํ นุ โข สกฺกา มยา อิมสฺส มิตฺตภาวํ วา อมิตฺตภาวํ วา ชานิตุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘อิมํ ปฺหํ เปตฺวา ตถาคตํ อฺโ ชานิตุํ น สกฺขิสฺสติ, คนฺตฺวา ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ ภุตฺตปาตราโส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ภนฺเต, กถํ นุ โข สกฺกา ปุริเสน อตฺตโน มิตฺตภาวํ วา อมิตฺตภาวํ วา ชานิตุ’’นฺติ ปุจฺฉิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘ปุพฺเพปิ มหาราช, ปณฺฑิตา อิมํ ปฺหํ จินฺเตตฺวา ปณฺฑิเต ปุจฺฉิตฺวา เตหิ กถิตวเสน ตฺวา อมิตฺเต วชฺเชตฺวา มิตฺเต เสวึสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อตฺถธมฺมานุสาสโก อมจฺโจ อโหสิ. ตทา พาราณสิรฺโ เอกํ อตฺถจรกํ อมจฺจํ เสสา ปริภินฺทึสุ. ราชา ตสฺส โทสํ อปสฺสนฺโต ‘‘กถํ นุ โข สกฺกา มิตฺตํ วา อมิตฺตํ วา าตุ’’นฺติ มหาสตฺตํ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –

๑๒๑.

‘‘กานิ กมฺมานิ กุพฺพานํ, กถํ วิฺู ปรกฺกเม;

อมิตฺตํ ชาเนยฺย เมธาวี, ทิสฺวา สุตฺวา จ ปณฺฑิโต’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – กานิ กมฺมานิ กโรนฺตํ เมธาวี ปณฺฑิโต ปุริโส จกฺขุนา ทิสฺวา วา โสเตน สุตฺวา วา ‘‘อยํ มยฺหํ อมิตฺโต’’ติ ชาเนยฺย, ตสฺส ชานนตฺถาย กถํ วิฺู ปรกฺกเมยฺยาติ.

อถสฺส อมิตฺตลกฺขณํ กเถนฺโต อาห –

๑๒๒.

‘‘น นํ อุมฺหยเต ทิสฺวา, น จ นํ ปฏินนฺทติ;

จกฺขูนิ จสฺส น ททาติ, ปฏิโลมฺจ วตฺตติ.

๑๒๓.

‘‘อมิตฺเต ตสฺส ภชติ, มิตฺเต ตสฺส น เสวติ;

วณฺณกาเม นิวาเรติ, อกฺโกสนฺเต ปสํสติ.

๑๒๔.

‘‘คุยฺหฺจ ตสฺส นกฺขาติ, ตสฺส คุยฺหํ น คูหติ;

กมฺมํ ตสฺส น วณฺเณติ, ปฺสฺส นปฺปสํสติ.

๑๒๕.

‘‘อภเว นนฺทติ ตสฺส, ภเว ตสฺส น นนฺทติ;

อจฺเฉรํ โภชนํ ลทฺธา, ตสฺส นุปฺปชฺชเต สติ;

ตโต นํ นานุกมฺปติ, อโห โสปิ ลเภยฺยิโต.

๑๒๖.

‘‘อิจฺเจเต โสฬสาการา, อมิตฺตสฺมึ ปติฏฺิตา;

เยหิ อมิตฺตํ ชาเนยฺย, ทิสฺวา สุตฺวา จ ปณฺฑิโต’’ติ.

มหาสตฺโต อิมา ปฺจ คาถา วตฺวาน ปุน –

๑๒๗.

‘‘กานิ กมฺมานิ กุพฺพานํ, กถํ วิฺู ปรกฺกเม;

มิตฺตํ ชาเนยฺย เมธาวี, ทิสฺวา สุตฺวา จ ปณฺฑิโต’’ติ. –

อิมาย คาถาย มิตฺตลกฺขณํ ปุฏฺโ เสสคาถา อภาสิ –

๑๒๘.

‘‘ปวุตฺถํ ตสฺส สรติ, อาคตํ อภินนฺทติ;

ตโต เกลายิโต โหติ, วาจาย ปฏินนฺทติ.

๑๒๙.

‘‘มิตฺเต ตสฺเสว ภชติ, อมิตฺเต ตสฺส น เสวติ;

อกฺโกสนฺเต นิวาเรติ, วณฺณกาเม ปสํสติ.

๑๓๐.

‘‘คุยฺหฺจ ตสฺส อกฺขาติ, ตสฺส คุยฺหฺจ คูหติ;

กมฺมฺจ ตสฺส วณฺเณติ, ปฺํ ตสฺส ปสํสติ.

๑๓๑.

‘‘ภเว จ นนฺทติ ตสฺส, อภเว ตสฺส น นนฺทติ;

อจฺเฉรํ โภชนํ ลทฺธา, ตสฺส อุปฺปชฺชเต สติ;

ตโต นํ อนุกมฺปติ, อโห โสปิ ลเภยฺยิโต.

๑๓๒.

‘‘อิจฺเจเต โสฬสาการา, มิตฺตสฺมึ สุปฺปติฏฺิตา;

เยหิ มิตฺตฺจ ชาเนยฺย, ทิสฺวา สุตฺวา จ ปณฺฑิโต’’ติ.

ตตฺถ น นํ อุมฺหยเต ทิสฺวาติ ตํ มิตฺตํ มิตฺตปติรูปโก ทิสฺวา สิตํ น กโรติ, ปหฏฺาการํ น ทสฺเสติ. น จ นํ ปฏินนฺทตีติ ตสฺส กถํ ปคฺคณฺหนฺโต น ปฏินนฺทติ น ตุสฺสติ. จกฺขูนิ จสฺส น ททาตีติ โอโลเกนฺตํ น โอโลเกติ. ปฏิโลมฺจาติ ตสฺส กถํ ปฏิปฺผรติ ปฏิสตฺตุ โหติ. วณฺณกาเมติ ตสฺส วณฺณํ ภณนฺเต. นกฺขาตีติ อตฺตโน คุยฺหํ ตสฺส น อาจิกฺขติ. กมฺมํ ตสฺสาติ เตน กตกมฺมํ น วณฺณยติ. ปฺสฺสาติ อสฺส ปฺํ นปฺปสํสติ, าณสมฺปทํ น ปสํสติ. อภเวติ อวฑฺฒิยํ. ตสฺส นุปฺปชฺชเต สตีติ ตสฺส มิตฺตปติรูปกสฺส ‘‘มม มิตฺตสฺสปิ อิโต ทสฺสามี’’ติ สติ น อุปฺปชฺชติ. นานุกมฺปตีติ มุทุจิตฺเตน น จินฺเตติ. ลเภยฺยิโตติ ลเภยฺย อิโต. อาการาติ การณานิ. ปวุตฺถนฺติ วิเทสคตํ . เกลายิโตติ เกลายติ มมายติ ปตฺเถติ ปิเหติ อิจฺฉตีติ อตฺโถ. วาจายาติ มธุรวจเนน ตํ สมุทาจรนฺโต ปฏินนฺทติ ตุสฺสติ. เสสํ วุตฺตปฏิปกฺขนเยน เวทิตพฺพํ. ราชา มหาสตฺตสฺส กถาย อตฺตมโน หุตฺวา ตสฺส มหนฺตํ ยสํ อทาสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘เอวํ, มหาราช, ปุพฺเพเปส ปฺโห สมุฏฺหิ, ปณฺฑิตาว นํ กถยึสุ, อิเมหิ ทฺวตฺตึสาย อากาเรหิ มิตฺตามิตฺโต ชานิตพฺโพ’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, ปณฺฑิตามจฺโจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

มิตฺตามิตฺตชาตกวณฺณนา ทสมา.

ชาตกุทฺทานํ –

กุณาลํ ภทฺทสาลฺจ, สมุทฺทวาณิช ปณฺฑิตํ;

ชนสนฺธํ มหากณฺหํ, โกสิยํ สิริมนฺตกํ.

ปทุมํ มิตฺตามิตฺตฺจ, อิจฺเจเต ทส ชาตเก;

สงฺคายึสุ มหาเถรา, ทฺวาทสมฺหิ นิปาตเก.

ทฺวาทสกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.