📜
๑๖. ตึสนิปาโต
[๑๕๑] ๑. กึฉนฺทชาตกวณฺณนา
กึฉนฺโท ¶ ¶ ¶ กิมธิปฺปาโยติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุโปสถกมฺมํ อารพฺภ กเถสิ. เอกทิวสฺหิ สตฺถา พหู อุปาสเก จ อุปาสิกาโย จ อุโปสถิเก ธมฺมสฺสวนตฺถาย อาคนฺตฺวา ธมฺมสภายํ นิสินฺเน ‘‘อุโปสถิกาตฺถ อุปาสกา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘สาธุ โว ¶ กตํ อุโปสถํ กโรนฺเตหิ, โปราณกา อุปฑฺฒูโปสถกมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน มหนฺตํ ยสํ ปฏิลภึสู’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺโต ธมฺเมน รชฺชํ กาเรนฺโต สทฺโธ อโหสิ ทานสีลอุโปสถกมฺเมสุ อปฺปมตฺโต. โส เสเสปิ อมจฺจาทโย ทานาทีสุ สมาทเปสิ. ปุโรหิโต ปนสฺส ปรปิฏฺิมํสิโก ลฺชขาทโก กูฏวินิจฺฉยิโก อโหสิ. ราชา อุโปสถทิวเส อมจฺจาทโย ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อุโปสถิกา โหถา’’ติ อาห. ปุโรหิโต อุโปสถํ น สมาทิยิ. อถ นํ ทิวา ลฺชํ คเหตฺวา กูฏฑฺฑํ กตฺวา อุปฏฺานํ อาคตํ ราชา ‘‘ตุมฺเห อุโปสถิกา’’ติ อมจฺเจ ปุจฺฉนฺโต ‘‘ตฺวมฺปิ อาจริย อุโปสถิโก’’ติ ปุจฺฉิ. โส ‘‘อามา’’ติ มุสาวาทํ ¶ กตฺวา ปาสาทา โอตริ. อถ นํ เอโก อมจฺโจ ‘‘นนุ ตุมฺเห น อุโปสถิกา’’ติ โจเทสิ. โส อาห – ‘‘อหํ เวลายเมว ภฺุชึ, เคหํ ปน คนฺตฺวา มุขํ วิกฺขาเลตฺวา อุโปสถํ อธิฏฺาย สายํ ¶ น ภฺุชิสฺสามิ, รตฺตึ สีลํ รกฺขิสฺสามิ, เอวํ เม อุปฑฺฒูโปสถกมฺมํ ภวิสฺสตี’’ติ? ‘‘สาธุ, อาจริยา’’ติ. โส เคหํ คนฺตฺวา ตถา อกาสิ. ปุเนกทิวสํ ตสฺมึ วินิจฺฉเย นิสินฺเน อฺตรา สีลวตี อิตฺถี อฑฺฑํ กโรนฺตี ฆรํ คนฺตุํ อลภมานา ‘‘อุโปสถกมฺมํ นาติกฺกมิสฺสามี’’ติ อุปกฏฺเ กาเล มุขํ วิกฺขาเลตุํ อารภิ. ตสฺมึ ขเณ พฺราหฺมณสฺส สุปกฺกานํ อมฺพผลานํ อมฺพปิณฺฑิ อาหริยิตฺถ. โส ตสฺสา อุโปสถิกภาวํ ตฺวา ‘‘อิมานิ ขาทิตฺวา อุโปสถิกา โหหี’’ติ อทาสิ. สา ตถา อกาสิ. เอตฺตกํ พฺราหฺมณสฺส กมฺมํ.
โส อปรภาเค กาลํ กตฺวา หิมวนฺตปเทเส โกสิกิคงฺคาย ตีเร ติโยชนิเก อมฺพวเน รมณีเย ภูมิภาเค โสภคฺคปฺปตฺเต กนกวิมาเน อลงฺกตสิริสยเน สุตฺตปฺปพุทฺโธ วิย นิพฺพตฺติ อลงฺกตปฏิยตฺโต อุตฺตมรูปธโร โสฬสสหสฺสเทวกฺาปริวาโร. โส รตฺติฺเว ตํ สิริสมฺปตฺตึ อนุโภติ. เวมานิกเปตภาเวน หิสฺส กมฺมสริกฺขโก วิปาโก อโหสิ, ตสฺมา อรุเณ อุคฺคจฺฉนฺเต อมฺพวนํ ปวิสติ, ปวิฏฺกฺขเณเยวสฺส ทิพฺพตฺตภาโว อนฺตรธายติ, อสีติหตฺถตาลกฺขนฺธปฺปมาโณ อตฺตภาโว นิพฺพตฺตติ, สกลสรีรํ ฌายติ, สุปุปฺผิตกึสุโก วิย โหติ. ทฺวีสุ หตฺเถสุ เอเกกาว องฺคุลิ, ตตฺถ มหากุทฺทาลปฺปมาณา นขา โหนฺติ. เตหิ นเขหิ อตฺตโน ปิฏฺิมํสํ ผาเลตฺวา อุปฺปาเฏตฺวา ขาทนฺโต เวทนาปฺปตฺโต มหารวํ รวนฺโต ทุกฺขํ อนุโภติ. สูริเย อตฺถงฺคเต ตํ สรีรํ อนฺตรธายติ, ทิพฺพสรีรํ นิพฺพตฺตติ, อลงฺกตปฏิยตฺตา ทิพฺพนาฏกิตฺถิโย นานาตูริยานิ คเหตฺวา ปริวาเรนฺติ. โส มหาสมฺปตฺตึ อนุภวนฺโต รมณีเย อมฺพวเน ทิพฺพปาสาทํ อภิรุหติ. อิติ โส อุโปสถิกาย อิตฺถิยา อมฺพผลทานสฺส นิสฺสนฺเทน ติโยชนิกํ อมฺพวนํ ปฏิลภติ ¶ , ลฺชํ คเหตฺวา กูฏฑฺฑกรณนิสฺสนฺเทน ปน ปิฏฺิมํสํ อุปฺปาเฏตฺวา ¶ ขาทติ, อุปฑฺฒูโปสถสฺส นิสฺสนฺเทน รตฺตึ สมฺปตฺตึ อนุโภติ, โสฬสสหสฺสนาฏกิตฺถีหิ ปริวุโต ปริจาเรสิ.
ตสฺมึ ¶ กาเล พาราณสิราชา กาเมสุ โทสํ ทิสฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อโธคงฺคาย รมณีเย ภูมิปเทเส ปณฺณสาลํ กาเรตฺวา อฺุฉาจริยาย ยาเปนฺโต วิหาสิ. อเถกทิวสํ ตมฺหา อมฺพวนา มหาฆฏปฺปมาณํ อมฺพปกฺกํ คงฺคาย ปติตฺวา โสเตน วุยฺหมานํ ตสฺส ตาปสสฺส ปริโภคติตฺถาภิมุขํ อคมาสิ. โส มุขํ โธวนฺโต ตํ มชฺเฌ นทิยา อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา อุทกํ ตรนฺโต คนฺตฺวา อาทาย อสฺสมปทํ อาหริตฺวา อคฺยาคาเร เปตฺวา สตฺถเกน ผาเลตฺวา ยาปนมตฺตํ ขาทิตฺวา เสสํ กทลิปณฺเณหิ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ปุนปฺปุนํ ทิวเส ทิวเส ยาว ปริกฺขยา ขาทิ. ตสฺมึ ปน ขีเณ อฺํ ผลาผลํ ขาทิตุํ นาสกฺขิ, รสตณฺหาย พชฺฌิตฺวา ‘‘ตเมว อมฺพปกฺกํ ขาทิสฺสามี’’ติ นทีตีรํ คนฺตฺวา นทึ โอโลเกนฺโต ‘‘อมฺพํ อลภิตฺวา น อุฏฺหิสฺสามี’’ติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา นิสีทิ. โส ตตฺถ นิราหาโร เอกมฺปิ ทิวสํ, ทฺเวปิ, ตีณิ, จตุ, ปฺจ, ฉ ทิวสานิ วาตาตเปน ปริสุสฺสนฺโต อมฺพํ โอโลเกนฺโต นิสีทิ. อถ สตฺตเม ทิวเส นทีเทวตา อาวชฺชมานา ตํ การณํ ตฺวา ‘‘อยํ ตาปโส ตณฺหาวสิโก หุตฺวา สตฺตาหํ นิราหาโร คงฺคํ โอโลเกนฺโต นิสีทิ, อิมสฺส อมฺพปกฺกํ อทาตุํ น ยุตฺตํ, อลภนฺโต มริสฺสติ, ทสฺสามิ ตสฺสา’’ติ อาคนฺตฺวา คงฺคาย อุปริ อากาเส ตฺวา เตน สทฺธึ สลฺลปนฺตี ปมํ คาถมาห –
‘‘กึฉนฺโท กิมธิปฺปาโย, เอโก สมฺมสิ ฆมฺมนิ;
กึปตฺถยาโน กึ เอสํ, เกน อตฺเถน พฺราหฺมณา’’ติ.
ตตฺถ ฉนฺโทติ อชฺฌาสโย. อธิปฺปาโยติ จิตฺตํ. สมฺมสีติ อจฺฉสิ. ฆมฺมนีติ คิมฺเห. เอสนฺติ เอสนฺโต. พฺราหฺมณาติ ปพฺพชิตตฺตา ตาปสํ อาลปติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – พฺราหฺมณ, ตฺวํ กึ อธิปฺปาโย กึ จินฺเตนฺโต กึ ปตฺเถนฺโต กึ คเวสนฺโต เกนตฺเถน อิมสฺมึ คงฺคาตีเร คงฺคํ โอโลเกนฺโต นิสินฺโนติ.
ตํ ¶ สุตฺวา ตาปโส นว คาถา อภาสิ –
‘‘ยถา มหา วาริธโร, กุมฺโภ สุปริณาหวา;
ตถูปมํ อมฺพปกฺกํ, วณฺณคนฺธรสุตฺตมํ.
‘‘ตํ ¶ ¶ วุยฺหมานํ โสเตน, ทิสฺวานามลมชฺฌิเม;
ปาณีภิ นํ คเหตฺวาน, อคฺยายตนมาหรึ.
‘‘ตโต กทลิปตฺเตสุ, นิกฺขิปิตฺวา สยํ อหํ;
สตฺเถน นํ วิกปฺเปตฺวา, ขุปฺปิปาสํ อหาสิ เม.
‘‘โสหํ อเปตทรโถ, พฺยนฺตีภูโต ทุขกฺขโม;
อสฺสาทํ นาธิคจฺฉามิ, ผเลสฺวฺเสุ เกสุจิ.
‘‘โสเสตฺวา นูน มรณํ, ตํ มมํ อาวหิสฺสติ;
อมฺพํ ยสฺส ผลํ สาทุ, มธุรคฺคํ มโนรมํ;
ยมุทฺธรึ วุยฺหมานํ, อุทธิสฺมา มหณฺณเว.
‘‘อกฺขาตํ เต มยา สพฺพํ, ยสฺมา อุปวสามหํ;
รมฺมํ ปติ นิสินฺโนสฺมิ, ปุถุโลมายุตา ปุถุ.
‘‘ตฺวฺจ โข เมว อกฺขาหิ, อตฺตานมปลายินิ;
กา วา ตฺวมสิ กลฺยาณิ, กิสฺส วา ตฺวํ สุมชฺฌิเม.
‘‘รุปฺปปฏฺฏปลิมฏฺีว, พฺยคฺฆีว คิริสานุชา;
ยา สนฺติ นาริโย เทเวสุ, เทวานํ ปริจาริกา.
‘‘ยา จ มนุสฺสโลกสฺมึ, รูเปนานฺวาคติตฺถิโย;
รูเปน เต สทิสี นตฺถิ, เทเวสุ คนฺธพฺพมนุสฺสโลเก;
ปุฏฺาสิ เม จารุปุพฺพงฺคิ, พฺรูหิ นามฺจ พนฺธเว’’ติ.
ตตฺถ วาริธโร กุมฺโภติ อุทกฆโฏ. สุปริณาหวาติ สุสณฺาโน. วณฺณคนฺธรสุตฺตมนฺติ วณฺณคนฺธรเสหิ อุตฺตมํ. ทิสฺวานาติ ทิสฺวา. อมลมชฺฌิเมติ นิมฺมลมชฺเฌ. เทวตํ อาลปนฺโต เอวมาห. ปาณีภีติ หตฺเถหิ. อคฺยายตนมาหรินฺติ อตฺตโน อคฺคิหุตสาลํ อาหรึ. วิกปฺเปตฺวาติ วิจฺฉินฺทิตฺวา. ‘‘วิกนฺเตตฺวา’’ติปิ ปาโ. ‘‘ขาทิ’’นฺติ ปาเสโส. อหาสิ เมติ ¶ ตํ ชิวฺหคฺเค ปิตมตฺตเมว สตฺต รสหรณิสหสฺสานิ ผริตฺวา มม ¶ ขุทฺจ ปิปาสฺจ หริ. อเปตทรโถติ วิคตกายจิตฺตทรโถ ¶ . สุธาโภชนํ ภุตฺตสฺส วิย หิ ตสฺส สพฺพทรถํ อปหริ. พฺยนฺตีภูโตติ ตสฺส อมฺพปกฺกสฺส วิคตนฺโต ชาโต, ปริกฺขีณอมฺพปกฺโก หุตฺวาติ อตฺโถ. ทุขกฺขโมติ ทุกฺเขน อสาเตน กายกฺขเมน เจว จิตฺตกฺขเมน จ สมนฺนาคโต. อฺเสุ ปน กทลิปนสาทีสุ ผเลสุ ปริตฺตกมฺปิ อสฺสาทํ นาธิคจฺฉามิ, สพฺพานิ เม ชิวฺหาย ปิตมตฺตานิ ติตฺตกาเนว สมฺปชฺชนฺตีติ ทีเปติ.
โสเสตฺวาติ นิราหารตาย โสเสตฺวา สุกฺขาเปตฺวา. ตํ มมนฺติ ตํ มม. ยสฺสาติ ยํ อสฺส, อโหสีติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยํ ผลํ มม สาทุ อโหสิ, ยมหํ คมฺภีเร ปุถุลอุทกกฺขนฺธสงฺขาเต มหณฺณเว วุยฺหมานํ ตโต อุทธิสฺมา อุทฺธรึ, ตํ อมฺพํ มม มรณํ อาวหิสฺสตีติ มฺามิ, มยฺหํ ตํ อลภนฺตสฺส ชีวิตํ นปฺปวตฺติสฺสตีติ. อุปวสามีติ ขุปฺปิปาสาหิ อุปคโต วสามิ. รมฺมํ ปติ นิสินฺโนสฺมีติ รมณียํ นทึ ปติ อหํ นิสินฺโน. ปุถุโลมายุตา ปุถูติ อยํ นที ปุถุโลเมหิ มจฺเฉหิ อายุตา ปุถุ วิปุลา, อปิ นาม เม อิโต โสตฺถิ ภเวยฺยาติ อธิปฺปาโย. อปลายินีติ อปลายิตฺวา มม สมฺมุเข ิเตติ ตํ เทวตํ อาลปติ. ‘‘อปลาสินี’’ติปิ ปาโ, ปลาสรหิเต อนวชฺชสรีเรติ อตฺโถ. กิสฺส วาติ กิสฺส วา การณา อิธาคตาสีติ ปุจฺฉติ.
รูปปฏฺฏปลิมฏฺีวาติ สุฏฺุ ปริมชฺชิตกฺจนปฏฺฏสทิสี. พฺยคฺฆีวาติ ลีลาวิลาเสน ตรุณพฺยคฺฆโปติกา วิย. เทวานนฺติ ฉนฺนํ กามาวจรเทวานํ. ยา จ มนุสฺสโลกสฺมินฺติ ยา จ มนุสฺสโลเก. รูเปนานฺวาคติตฺถิโยติ รูเปน อนฺวาคตา อิตฺถิโย นตฺถีติ อตฺตโน สมฺภาวนาย เอวมาห. ตว รูปสทิสาย นาม น ภวิตพฺพนฺติ หิสฺส อธิปฺปาโย. คนฺธพฺพมนุสฺสโลเกติ มูลคนฺธาทินิสฺสิเตสุ คนฺธพฺเพสุ จ มนุสฺสโลเก จ. จารุปุพฺพงฺคีติ จารุนา ปุพฺพงฺเคน อูรุลกฺขเณน สมนฺนาคเต. นามฺจ พนฺธเวติ อตฺตโน นามโคตฺตฺจ พนฺธเว จ มยฺหํ อกฺขาหีติ วทติ.
ตโต เทวธีตา อฏฺ คาถา อภาสิ –
‘‘ยํ ตฺวํ ปติ นิสินฺโนสิ, รมฺมํ พฺราหฺมณ โกสิกึ;
สาหํ ภุสาลยาวุตฺถา, วรวาริวโหฆสา.
‘‘นานาทุมคณากิณฺณา ¶ ¶ , พหุกา คิริกนฺทรา;
มเมว ปมุขา โหนฺติ, อภิสนฺทนฺติ ปาวุเส.
‘‘อโถ ¶ พหู วนโตทา, นีลวาริวหินฺธรา;
พหุกา นาควิตฺโตทา, อภิสนฺทนฺติ วารินา.
‘‘ตา อมฺพชมฺพุลพุชา, นีปา ตาลา จุทุมฺพรา;
พหูนิ ผลชาตานิ, อาวหนฺติ อภิณฺหโส.
‘‘ยํ กิฺจิ อุภโต ตีเร, ผลํ ปตติ อมฺพุนิ;
อสํสยํ ตํ โสตสฺส, ผลํ โหติ วสานุคํ.
‘‘เอตทฺาย เมธาวิ, ปุถุปฺ สุโณหิ เม;
มา โรจย มภิสงฺคํ, ปฏิเสธ ชนาธิป.
‘‘น วาหํ วฑฺฒวํ มฺเ, ยํ ตฺวํ รฏฺาภิวฑฺฒน;
อาเจยฺยมาโน ราชิสิ, มรณํ อภิกงฺขสิ.
‘‘ตสฺส ชานนฺติ ปิตโร, คนฺธพฺพา จ สเทวกา;
เย จาปิ อิสโย โลเก, สฺตตฺตา ตปสฺสิโน;
อสํสยํ เตปิ ชานนฺติ, ปฏฺภูตา ยสสฺสิโน’’ติ.
ตตฺถ โกสิกินฺติ ยํ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, รมฺมํ โกสิกึ คงฺคํ ปติ นิสินฺโน. ภุสาลยาวุตฺถาติ ภุเส จณฺฑโสเต อาลโย ยสฺส วิมานสฺส, ตสฺมึ อธิวตฺถา, คงฺคฏฺกวิมานวาสินีติ อตฺโถ. วรวาริวโหฆสาติ วรวาริวเหน โอเฆน สมนฺนาคตา. ปมุขาติ ตา วุตฺตปฺปการา คิริกนฺทรา มํ ปมุขํ กโรนฺติ, อหํ ตาสํ ปาโมกฺขา โหมีติ ทสฺเสติ. อภิสนฺทนฺตีติ สนฺทนฺติ ปวตฺตนฺติ, ตโต ตโต อาคนฺตฺวา มํ โกสิกิคงฺคํ ปวิสนฺตีติ อตฺโถ. วนโตทาติ น เกวลํ กนฺทราว, อถ โข พหู วนโตทา ตมฺหา ตมฺหา วนมฺหา อุทกานิปิ มํ พหูนิ ปวิสนฺติ. นีลวาริวหินฺธราติ มณิวณฺเณน นีลวารินา ยุตฺเต อุทกกฺขนฺธสงฺขาเต วเห ธารยนฺติโย. นาควิตฺโตทาติ นาคานํ วิตฺติกาเรน ธนสงฺขาเตน วา อุทเกน ¶ สมนฺนาคตา. วารินาติ เอวรูปา หิ พหู นทิโย มํ วารินาว อภิสนฺทนฺติ ปูเรนฺตีติ ทสฺเสติ.
ตาติ ¶ ตา นทิโย. อาวหนฺตีติ เอตานิ อมฺพาทีนิ อากฑฺฒนฺติ. สพฺพานิ หิ เอตานิ อุปโยคตฺเถ ปจฺจตฺตวจนานิ. อถ วา ตาติ อุปโยคพหุวจนํ. อาวหนฺตีติ อิมานิ อมฺพาทีนิ ตา นทิโย อาคจฺฉนฺติ, อุปคจฺฉนฺตีติ อตฺโถ, เอวํ อุปคตานิ ปน มม โสตํ ปวิสนฺตีติ อธิปฺปาโย. โสตสฺสาติ ยํ อุภโต ตีเร ชาตรุกฺเขหิ ผลํ มม อมฺพุนิ ปตติ, สพฺพํ ตํ มม โสตสฺเสว วสานุคํ โหติ. นตฺเถตฺถ สํสโยติ เอวํ อมฺพปกฺกสฺส นทีโสเตน อาคมนการณํ กเถสิ.
เมธาวิ ปุถุปฺาติ อุภยํ อาลปนเมว. มา โรจยาติ เอวํ ตณฺหาภิสงฺคํ มา โรจย. ปฏิเสธาติ ปฏิเสเธหิ นนฺติ ราชานํ โอวทติ. วฑฺฒวนฺติ ปฺาวฑฺฒภาวํ ปณฺฑิตภาวํ. รฏฺาภิวฑฺฒนาติ ¶ รฏฺสฺส อภิวฑฺฒน. อาเจยฺยมาโนติ มํสโลหิเตหิ อาจิยนฺโต วฑฺฒนฺโต, ตรุโณว หุตฺวาติ อตฺโถ. ราชิสีติ ตํ อาลปติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยํ ตฺวํ นิราหารตาย สุสฺสมาโน ตรุโณว สมาโน อมฺพโลเภน มรณํ อภิกงฺขสิ, น เว อหํ ตว อิมํ ปณฺฑิตภาวํ มฺามีติ.
ตสฺสาติ โย ปุคฺคโล ตณฺหาวสิโก โหติ, ตสฺส ตณฺหาวสิกภาวํ ‘‘ปิตโร’’ติ สงฺขํ คตา พฺรหฺมาโน จ สทฺธึ กามาวจรเทเวหิ คนฺธพฺพา จ วุตฺตปฺปการา ทิพฺพจกฺขุกา อิสโย จ อสํสยํ ชานนฺติ. อนจฺฉริยฺเจตํ, ยํ เต อิทฺธิมนฺโต ชาเนยฺยุํ, ‘‘อสุโก หิ นาม ตณฺหาวสิโก โหตี’’ติ. ปุน เตสํ ภาสมานานํ วจนํ สุตฺวา เยปิ เตสํ ปฏฺภูตา ยสสฺสิโน ปริจารกา, เตปิ ชานนฺติ. ปาปกมฺมํ กโรนฺตสฺส หิ รโห นาม นตฺถีติ ตาปสสฺส สํเวคํ อุปฺปาเทนฺตี เอวมาห.
ตโต ตาปโส จตสฺโส คาถา อภาสิ –
‘‘เอวํ วิทิตฺวา วิทู สพฺพธมฺมํ, วิทฺธํสนํ จวนํ ชีวิตสฺส;
น จียตี ตสฺส นรสฺส ปาปํ, สเจ น เจเตติ วธาย ตสฺส.
‘‘อิสิปูคสมฺาเต ¶ , เอวํ โลกฺยา วิทิตา สติ;
อนริยปริสมฺภาเส, ปาปกมฺมํ ชิคีสสิ.
‘‘สเจ ¶ อหํ มริสฺสามิ, ตีเร เต ปุถุสุสฺโสณิ;
อสํสยํ ตํ อสิโลโก, มยิ เปเต อาคมิสฺสติ.
‘‘ตสฺมา หิ ปาปกํ กมฺมํ, รกฺขสฺเสว สุมชฺฌิเม;
มา ตํ สพฺโพ ชโน ปจฺฉา, ปกุฏฺายิ มยิ มเต’’ติ.
ตตฺถ เอวํ วิทิตฺวาติ ยถา อหํ สีลฺจ อนิจฺจตฺจ ชานามิ, เอวํ ชานิตฺวา ิตสฺส. วิทูติ วิทุโน. สพฺพธมฺมนฺติ สพฺพํ สุจริตธมฺมํ. ติวิธฺหิ สุจริตํ อิธ สพฺพธมฺโมติ อธิปฺเปตํ. วิทฺธํสนนฺติ ภงฺคํ. จวนนฺติ จุตึ. ชีวิตสฺสาติ อายุโน. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอวํ วิทิตฺวา ิตสฺส ปณฺฑิตสฺส สพฺพํ สุจริตธมฺมํ ชีวิตสฺส จ อนิจฺจตํ ชานนฺตสฺส เอวรูปสฺส นรสฺส ปาปํ น จียติ น วฑฺฒติ. สเจ น เจเตติ วธาย ตสฺสาติ ตสฺส สงฺขํ คตสฺส ปรปุคฺคลสฺส วธาย น เจเตติ น ปกปฺเปติ, เนว ปรปุคฺคลํ วธาย เจเตติ, นาปิ ปรสนฺตกํ วินาเสติ, อหฺจ กสฺสจิ วธาย อเจเตตฺวา เกวลํ อมฺพปกฺเก อาสงฺคํ กตฺวา คงฺคํ โอโลเกนฺโต นิสินฺโน, ตฺวํ มยฺหํ กึ นาม อกุสลํ ปสฺสสีติ.
อิสิปูคสมฺาเตติ ¶ อิสิคเณน สุฏฺุ อฺาเต อิสีนํ สมฺมเต. เอวํ โลกฺยาติ ตฺวํ นาม ปาปปวาหเนน โลกสฺส หิตาติ เอวํ วิทิตา. สตีติ สติ โสภเน อุตฺตเมติ อาลปนเมตํ. อนริยปริสมฺภาเสติ ‘‘ตสฺส ชานนฺติ ปิตโร’’ติอาทิกาย อสุนฺทราย ปริภาสาย สมนฺนาคเต. ชิคีสสีติ มยิ ปาเป อสํวิชฺชนฺเตปิ มํ เอวํ ปริภาสนฺตี จ ปรมรณํ อชฺฌุเปกฺขนฺตี จ อตฺตโน ปาปกมฺมํ คเวสสิ อุปฺปาเทสิ. ตีเร เตติ ตว คงฺคาตีเร. ปุถุสุสฺโสณีติ ปุถุลาย สุนฺทราย โสณิยา สมนฺนาคเต. เปเตติ อมฺพปกฺกํ อลภิตฺวา ปรโลกํ คเต, มเตติ อตฺโถ. ปกุฏฺายีติ อกฺโกสิ ครหิ นินฺทิ. ‘‘ปกฺวตฺถาสี’’ติปิ ปาโ.
ตํ ¶ สุตฺวา เทวธีตา ปฺจ คาถา อภาสิ –
‘‘อฺาตเมตํ อวิสยฺหสาหิ, อตฺตานมมฺพฺจ ททามิ เต ตํ;
โย ทุพฺพเช กามคุเณ ปหาย, สนฺติฺจ ธมฺมฺจ อธิฏฺิโตสิ.
‘‘โย ¶ หิตฺวา ปุพฺพสฺโคํ, ปจฺฉาสํโยชเน ิโต;
อธมฺมฺเจว จรติ, ปาปฺจสฺส ปวฑฺฒติ.
‘‘เอหิ ตํ ปาปยิสฺสามิ, กามํ อปฺโปสฺสุโก ภว;
อุปนยามิ สีตสฺมึ, วิหราหิ อนุสฺสุโก.
‘‘ตํ ปุปฺผรสมตฺเตภิ, วกฺกงฺเคหิ อรินฺทม;
โกฺจา มยูรา ทิวิยา, โกลฏฺิมธุสาฬิกา;
กูชิตา หํสปูเคหิ, โกกิเลตฺถ ปโพธเร.
‘‘อมฺเพตฺถ วิปฺปสาขคฺคา, ปลาลขลสนฺนิภา;
โกสมฺพสลฬา นีปา, ปกฺกตาลวิลมฺพิโน’’ติ.
ตตฺถ อฺาตเมตนฺติ ‘‘ครหา เต ภวิสฺสตีติ วทนฺโต อมฺพปกฺกตฺถาย วทสี’’ติ เอตํ การณํ มยา อฺาตํ. อวิสยฺหสาหีติ ราชาโน นาม ทุสฺสหํ สหนฺติ, เตน นํ อาลปนฺตี เอวมาห. อตฺตานนฺติ ตํ อาลิงฺคิตฺวา อมฺพวนํ นยนฺตี อตฺตานฺจ เต ททามิ ตฺจ อมฺพํ. กามคุเณติ กฺจนมาลาเสตจฺฉตฺตปฏิมณฺฑิเต วตฺถุกาเม. สนฺติฺจ ธมฺมฺจาติ ทุสฺสีลฺยวูปสเมน สนฺติสงฺขาตํ สีลฺเจว สุจริตธมฺมฺจ. อธิฏฺิโตสีติ โย ตฺวํ อิเม คุเณ อุปคโต, เอเตสุ วา ปติฏฺิโตติ อตฺโถ.
ปุพฺพสฺโคนฺติ ปุริมพนฺธนํ. ปจฺฉาสํโยชเนติ ปจฺฉิมพนฺธเน. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อมฺโภ ตาปส โย มหนฺตํ รชฺชสิริวิภวํ ปหาย อมฺพปกฺกมตฺเต ¶ รสตณฺหาย พชฺฌิตฺวา วาตาตปํ อคเณตฺวา นทีตีเร สุสฺสมาโน นิสีทติ, โส มหาสมุทฺทํ ตริตฺวา เวลนฺเต สํสีทนปุคฺคลสทิโส. โย ปุคฺคโล รสตณฺหาวสิโก อธมฺมฺเจว จรติ, รสตณฺหาวเสน กริยมานํ ปาปฺจสฺส ปวฑฺฒตีติ. อิติ สา ตาปสํ ครหนฺตี เอวมาห.
กามํ อปฺโปสฺสุโก ภวาติ เอกํเสเนว อมฺพปกฺเก นิราลโย โหหิ. สีตสฺมินฺติ สีตเล อมฺพวเน. ตนฺติ เอวํ วทมานาว เทวตา ตาปสํ ¶ อาลิงฺคิตฺวา อุเร นิปชฺชาเปตฺวา อากาเส ปกฺขนฺตา ติโยชนิกํ ทิพฺพอมฺพวนํ ทิสฺวา สกุณสทฺทฺจ สุตฺวา ตาปสสฺส อาจิกฺขนฺตี ‘‘ต’’นฺติ เอวมาห. ปุปฺผรสมตฺเตภีติ ปุปฺผรเสน มตฺเตหิ. วกฺกงฺเคหีติ วงฺกคีเวหิ สกุเณหิ อภินาทิตนฺติ ¶ อตฺโถ. อิทานิ เต สกุเณ อาจิกฺขนฺตี ‘‘โกฺจา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ทิวิยาติ ทิพฺยา. โกลฏฺิมธุสาฬิกาติ โกลฏฺิสกุณา จ นาม สุวณฺณสาฬิกา สกุณา จ. เอเต ทิพฺพสกุณา เอตฺถ วสนฺตีติ ทสฺเสติ. กูชิตา หํสปูเคหีติ หํสคเณหิ อุปกูชิตา วิรวสงฺฆฏฺฏิตา. โกกิเลตฺถ ปโพธเรติ เอตฺถ อมฺพวเน โกกิลา วสฺสนฺติโย อตฺตานํ ปโพเธนฺติ าเปนฺติ. อมฺเพตฺถาติ อมฺพา เอตฺถ. วิปฺปสาขคฺคาติ ผลภาเรน โอนมิตสาขคฺคา. ปลาลขลสนฺนิภาติ ปุปฺผสนฺนิจเยน สาลิปลาลขลสทิสา. ปกฺกตาลวิลมฺพิโนติ ปกฺกตาลผลวิลมฺพิโน. เอวรูปา รุกฺขา จ เอตฺถ อตฺถีติ อมฺพวนํ วณฺเณติ.
วณฺณยิตฺวา จ ปน ตาปสํ ตตฺถ โอตาเรตฺวา ‘‘อิมสฺมึ อมฺพวเน อมฺพานิ ขาทนฺโต อตฺตโน ตณฺหํ ปูเรหี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. ตาปโส อมฺพานิ ขาทิตฺวา ตณฺหํ ปูเรตฺวา วิสฺสมิตฺวา อมฺพวเน วิจรนฺโต ตํ เปตํ ทุกฺขํ อนุภวนฺตํ ทิสฺวา กิฺจิ วตฺตุํ นาสกฺขิ. สูริเย ปน อตฺถงฺคเต ตํ นาฏกิตฺถิปริวาริตํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวมานํ ทิสฺวา ติสฺโส คาถา อภาสิ –
‘‘มาลี กิริฏี กายูรี, องฺคที จนฺทนุสฺสโท;
รตฺตึ ตฺวํ ปริจาเรสิ, ทิวา เวเทสิ เวทนํ.
‘‘โสฬสิตฺถิสหสฺสานิ, ยา เตมา ปริจาริกา;
เอวํ มหานุภาโวสิ, อพฺภุโต โลมหํสโน.
‘‘กึ กมฺมมกรี ปุพฺเพ, ปาปํ อตฺตทุขาวหํ;
ยํ กริตฺวา มนุสฺเสสุ, ปิฏฺิมํสานิ ขาทสี’’ติ.
ตตฺถ มาลีติ ทิพฺพมาลาธโร. กิริฏีติ ทิพฺพเวนธโร. กายูรีติ ทิพฺพาภรณปฏิมณฺฑิโต. องฺคทีติ ทิพฺพงฺคทสมนฺนาคโต. จนฺทนุสฺสโทติ ¶ ทิพฺพจนฺทนวิลิตฺโต. ปริจาเรสีติ อินฺทฺริยานิ ทิพฺพวิสเยสุ จาเรสิ. ทิวาติ ทิวา ¶ ปน มหาทุกฺขํ อนุโภสิ. ยา เตมาติ ยา เต อิมา. อพฺภุโตติ มนุสฺสโลเก อภูตปุพฺโพ. โลมหํสโนติ เย ตํ ปสฺสนฺติ, เตสํ โลมานิ หํสนฺติ. ปุพฺเพติ ปุริมภเว. อตฺตทุขาวหนฺติ อตฺตโน ทุกฺขาวหํ. มนุสฺเสสูติ ยํ มนุสฺสโลเก กตฺวา อิทานิ อตฺตโน ปิฏฺิมํสานิ ขาทสีติ ปุจฺฉติ.
เปโต ¶ ตํ สฺชานิตฺวา ‘‘ตุมฺเห มํ น สฺชานาถ, อหํ ตุมฺหากํ ปุโรหิโต อโหสึ, อิทํ เม รตฺตึ สุขานุภวนํ ตุมฺเห นิสฺสาย กตสฺส อุปฑฺฒูโปสถสฺส นิสฺสนฺเทน ลทฺธํ, ทิวา ทุกฺขานุภวนํ ปน มยา ปกตสฺส ปาปสฺเสว นิสฺสนฺเทน. อหฺหิ ตุมฺเหหิ วินิจฺฉเย ปิโต กูฏฑฺฑํ กริตฺวา ลฺชํ คเหตฺวา ปรปิฏฺิมํสิโก หุตฺวา ตสฺส ทิวา กตสฺส กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน อิทํ ทุกฺขํ อนุภวามี’’ติ วตฺวา คาถาทฺวยมาห –
‘‘อชฺเฌนานิ ปฏิคฺคยฺห, กาเมสุ คธิโต อหํ;
อจรึ ทีฆมทฺธานํ, ปเรสํ อหิตายหํ.
‘‘โย ปิฏฺิมํสิโก โหติ, เอวํ อุกฺกจฺจ ขาทติ;
ยถาหํ อชฺช ขาทามิ, ปิฏฺิมํสานิ อตฺตโน’’ติ.
ตตฺถ อชฺเฌนานีติ เวเท. ปฏิคฺคยฺหาติ ปฏิคฺคเหตฺวา อธียิตฺวา. อจรินฺติ ปฏิปชฺชึ. อหิตายหนฺติ อหิตาย อตฺถนาสนาย อหํ. โย ปิฏฺิมํสิโกติ โย ปุคฺคโล ปเรสํ ปิฏฺิมํสขาทโก ปิสุโณ โหติ. อุกฺกจฺจาติ อุกฺกนฺติตฺวา.
อิทฺจ ปน วตฺวา ตาปสํ ปุจฺฉิ – ‘‘ตุมฺเห กถํ อิธาคตา’’ติ. ตาปโส สพฺพํ วิตฺถาเรน กเถสิ. ‘‘อิทานิ ปน, ภนฺเต, อิเธว วสิสฺสถ, คมิสฺสถา’’ติ. ‘‘น วสิสฺสามิ, อสฺสมปทํเยว คมิสฺสามี’’ติ. เปโต ‘‘สาธุ, ภนฺเต, อหํ โว นิพทฺธํ อมฺพปกฺเกน อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ วตฺวา อตฺตโน อานุภาเวน อสฺสมปเทเยว โอตาเรตฺวา ‘‘อนุกฺกณฺา อิเธว วสถา’’ติ ปฏิฺํ คเหตฺวา คโต. ตโต ปฏฺาย นิพทฺธํ อมฺพปกฺเกน อุปฏฺหิ. ตาปโส ตํ ปริภฺุชนฺโต กสิณปริกมฺมํ กตฺวา ฌานาภิฺา นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.
สตฺถา ¶ อุปาสกานํ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน เกจิ โสตาปนฺนา อเหสุํ, ¶ เกจิ สกทาคามิโน, เกจิ อนาคามิโน. ตทา เทวธีตา อุปฺปลวณฺณา อโหสิ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสินฺติ.
กึฉนฺทชาตกวณฺณนา ปมา.
[๕๑๒] ๒. กุมฺภชาตกวณฺณนา
โก ¶ ปาตุราสีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต วิสาขาย สหายิกา สุราปีตา ปฺจสตา อิตฺถิโย อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิร สุราฉเณ สงฺฆุฏฺเ ตา ปฺจสตา อิตฺถิโย สามิกานํ ฉเณ กีฬมานานํ ติกฺขสุรํ ปฏิยาเทตฺวา ‘‘ฉณํ กีฬิสฺสามา’’ติ สพฺพาปิ วิสาขาย สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘สหายิเก ฉณํ กีฬิสฺสามา’’ติ วตฺวา ‘‘อยํ สุราฉโณ, น อหํ สุรํ ปิวิสฺสามี’’ติ วุตฺเต – ‘‘ตุมฺเห สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ทานํ เทถ, มยํ ฉณํ กริสฺสามา’’ติ อาหํสุ. สา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตา อุยฺโยเชตฺวา สตฺถารํ นิมนฺตาเปตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา พหุํ คนฺธมาลํ อาทาย สายนฺหสมเย ธมฺมกถํ โสตุํ ตาหิ ปริวุตา เชตวนํ อคมาสิ. ตา ปนิตฺถิโย สุรํ ปิวมานาว ตาย สทฺธึ คนฺตฺวา ทฺวารโกฏฺเก ตฺวา สุรํ ปิวิตฺวาว ตาย สทฺธึ สตฺถุ สนฺติกํ อคมํสุ. วิสาขา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ, อิตราสุ เอกจฺจา สตฺถุ สนฺติเกเยว นจฺจึสุ, เอกจฺจา คายึสุ, เอกจฺจา หตฺถกุกฺกุจฺจปาทกุกฺกุจฺจานิ, เอกจฺจา กลหํ อกํสุ.
สตฺถา ตาสํ สํเวคชนนตฺถาย ภมุกโลมโต รํสี วิสฺสชฺเชสิ, อนฺธการติมิสา อโหสิ. ตา ภีตา อเหสุํ มรณภยตชฺชิตา, เตน ตาสํ สุรา ชีริ. สตฺถา นิสินฺนปลฺลงฺเก อนฺตรหิโต สิเนรุมุทฺธนิ ตฺวา อุณฺณโลมโต รํสี วิสฺสชฺเชสิ, จนฺทสูริยสหสฺสุคฺคมนํ วิย อโหสิ. สตฺถา ตตฺถ ิโตว ตาสํ สํเวคชนนตฺถาย –
‘‘โก นุ หาโส กิมานนฺโท, นิจฺจํ ปชฺชลิเต สติ;
อนฺธกาเรน โอนทฺธา, ปทีปํ น คเวสถา’’ติ. (ธ. ป. ๑๔๖) –
อิมํ คาถมาห. คาถาปริโยสาเน ตา ปฺจสตาปิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ. สตฺถา อาคนฺตฺวา คนฺธกุฏิฉายาย พุทฺธาสเน นิสีทิ. อถ ¶ นํ วิสาขา วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิทํ หิโรตฺตปฺปเภทกํ สุราปานํ นาม กทา อุปฺปนฺน’’นฺติ ปุจฺฉิ. โส ตสฺสา อาจิกฺขนฺโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต เอโก กาสิรฏฺวาสี สุโร นาม วนจรโก ภณฺฑปริเยสนตฺถาย หิมวนฺตํ อคมาสิ. ตตฺเถโก รุกฺโข อุคฺคนฺตฺวา โปริสมตฺเต าเน ติธากปฺโป อโหสิ. ตสฺส ติณฺณํ กปฺปานํ อนฺตเร จาฏิปฺปมาโณ อาวาโฏ อโหสิ. โส เทเว วสฺสนฺเต อุทเกน ปูริโต, ตํ ปริวาเรตฺวา หรีตกี อามลกี มริจคจฺโฉ จ อโหสิ ¶ , เตสํ ปกฺกานิ ผลานิ ฉิชฺชิตฺวา ตตฺถ ปตนฺติ. ตสฺสาวิทูเร สยํชาตสาลิ ชาโต, ตโต สุวกา สาลิสีสานิ อาหริตฺวา ตสฺมึ รุกฺเข นิสีทิตฺวา ขาทนฺติ. เตสํ ขาทมานานํ สาลีปิ ตณฺฑุลาปิ ตตฺถ ปตนฺติ. อิติ ตํ อุทกํ สูริยสนฺตาเปน ปจฺจมานํ รสํ โลหิตวณฺณํ อโหสิ. นิทาฆสมเย ปิปาสิตา สกุณคณา อาคนฺตฺวา ตํ ปิวิตฺวา มตฺตา ปริวตฺติตฺวา รุกฺขมูเล ปตึสุ, ตสฺมึ โถกํ นิทฺทายิตฺวา วิกูชมานา ปกฺกมนฺติ. รุกฺขสุนขมกฺกฏาทีสุปิ เอเสว นโย. วนจรโก ตํ ทิสฺวา ‘‘สเจ อิทํ วิสํ ภเวยฺย, อิเม มเรยฺยุํ, อิเม ปน โถกํ นิทฺทายิตฺวา ยถาสุขํ คจฺฉนฺติ, นยิทํ วิส’’นฺติ สยํ ปิวิตฺวา มตฺโต หุตฺวา มํสํ ขาทิตุกาโม อโหสิ. ตโต อคฺคึ กตฺวา รุกฺขมูเล ปติเต ติตฺติรกุกฺกุฏาทโย มาเรตฺวา มํสํ องฺคาเร ปจิตฺวา เอเกน หตฺเถน นจฺจนฺโต เอเกน มํสํ ขาทนฺโต เอกาหทฺวีหํ ตตฺเถว อโหสิ.
ตโต ปน อวิทูเร เอโก วรุโณ นาม ตาปโส วสติ. วนจรโก อฺทาปิ ตสฺส สนฺติกํ คจฺฉติ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อิทํ ปานํ ตาปเสน สทฺธึ ปิวิสฺสามี’’ติ. โส เอกํ เวฬุนาฬิกํ ปูเรตฺวา ปกฺกมํเสน สทฺธึ อาหริตฺวา ปณฺณสาลํ คนฺตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิมํ ¶ ปิวถา’’ติ วตฺวา อุโภปิ มํสํ ขาทนฺตา ปิวึสุ. อิติ สุเรน จ วรุเณน จ ทิฏฺตฺตา ตสฺส ปานสฺส ‘‘สุรา’’ติ จ ‘‘วรุณา’’ติ จ นามํ ชาตํ. เต อุโภปิ ‘‘อตฺเถโส อุปาโย’’ติ เวฬุนาฬิโย ปูเรตฺวา กาเชนาทาย ปจฺจนฺตนครํ คนฺตฺวา ‘‘ปานการกา นาม อาคตา’’ติ รฺโ อาโรจาเปสุํ. ราชา เน ปกฺโกสาเปสิ, เต ตสฺส ปานํ อุปเนสุํ. ราชา ทฺเว ตโย วาเร ปิวิตฺวา มชฺชิ, ตสฺส ตํ เอกาหทฺวีหมตฺตเมว อโหสิ. อถ ¶ เน ‘‘อฺมฺปิ อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อตฺถิ, เทวา’’ติ. ‘‘กุหิ’’นฺติ? ‘‘หิมวนฺเต เทวา’’ติ. ‘‘เตน หิ อาเนถา’’ติ. เต คนฺตฺวา เอกทฺเว วาเร อาเนตฺวา ‘‘นิพทฺธํ คนฺตุํ น สกฺขิสฺสามา’’ติ สมฺภาเร สลฺลกฺเขตฺวา ตสฺส รุกฺขสฺส ตจํ อาทึ กตฺวา สพฺพสมฺภาเร ปกฺขิปิตฺวา นคเร สุรํ กรึสุ. นาครา สุรํ ปิวิตฺวา ปมาทํ อาปนฺนา ทุคฺคตา อเหสุํ, นครํ สฺุํ วิย อโหสิ, เตน ปานการกา ตโต ปลายิตฺวา พาราณสึ คนฺตฺวา ‘‘ปานการกา อาคตา’’ติ รฺโ อาโรจาเปสุํ. ราชา เน ปกฺโกสาเปตฺวา ปริพฺพยํ อทาสิ. เต ตตฺถาปิ สุรํ อกํสุ, ตมฺปิ นครํ ตเถว วินสฺสิ, ตโต ปลายิตฺวา สาเกตํ, สาเกตโต สาวตฺถึ อคมํสุ.
ตทา สาวตฺถิยํ สพฺพมิตฺโต นาม ราชา อโหสิ. โส เตสํ สงฺคหํ กตฺวา ‘‘เกน โว อตฺโถ’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สมฺภารมูเลน เจว สาลิปิฏฺเน จ ปฺจหิ จาฏิสเตหิ จา’’ติ วุตฺเต สพฺพํ ทาเปสิ. เต ปฺจสุ จาฏิสเตสุ สุรํ สณฺาเปตฺวา มูสิกภเยน จาฏิรกฺขณตฺถาย เอเกกาย ¶ จาฏิยา สนฺติเก เอเกกํ พิฬารํ พนฺธึสุ. เต ปจฺจิตฺวา อุตฺตรณกาเล จาฏิกุจฺฉีสุ ปคฺฆรนฺตํ สุรํ ปิวิตฺวา มตฺตา นิทฺทายึสุ. มูสิกา อาคนฺตฺวา เตสํ กณฺณนาสิกทาิกนงฺคุฏฺเ ขาทิตฺวา อคมํสุ. ‘‘พิฬารา สุรํ ปิวิตฺวา มตา’’ติ ¶ อายุตฺตกปุริสา รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา ‘‘วิสการกา เอเต ภวิสฺสนฺตี’’ติ เตสํ ทฺวินฺนมฺปิ ชนานํ สีสานิ ฉินฺทาเปสิ. เต ‘‘สุรํ เทว, มธุรํ เทวา’’ติ วิรวนฺตาว มรึสุ. ราชา เต มาราเปตฺวา ‘‘จาฏิโย ภินฺทถา’’ติ อาณาเปสิ. พิฬาราปิ สุราย ชิณฺณาย อุฏฺหิตฺวา กีฬนฺตา วิจรึสุ, เต ทิสฺวา รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา ‘‘สเจ วิสํ อสฺส, เอเต มเรยฺยุํ, มธุเรเนว ภวิตพฺพํ, ปิวิสฺสามิ น’’นฺติ นครํ อลงฺการาเปตฺวา ราชงฺคเณ มณฺฑปํ การาเปตฺวา อลงฺกตมณฺฑเป สมุสฺสิตเสตจฺฉตฺเต ราชปลฺลงฺเก นิสีทิตฺวา อมจฺจคณปริวุโต สุรํ ปาตุํ อารภิ.
ตทา สกฺโก เทวราชา ‘‘เก นุ โข มาตุปฏฺานาทีสุ อปฺปมตฺตา ตีณิ สุจริตานิ ปูเรนฺตี’’ติ โลกํ โวโลเกนฺโต ตํ ราชานํ สุรํ ปาตุํ นิสินฺนํ ทิสฺวา ‘‘สจายํ สุรํ ปิวิสฺสติ, สกลชมฺพุทีโป นสฺสิสฺสติ. ยถา น ปิวิสฺสติ, ตถา นํ กริสฺสามี’’ติ เอกํ สุราปุณฺณํ กุมฺภํ หตฺถตเล เปตฺวา พฺราหฺมณเวเสนาคนฺตฺวา รฺโ สมฺมุขฏฺาเน อากาเส ตฺวา ¶ ‘‘อิมํ กุมฺภํ กิณาถ, อิมํ กุมฺภํ กิณาถา’’ติ อาห. สพฺพมิตฺตราชา ตํ ตถา วทนฺตํ อากาเส ิตํ ทิสฺวา ‘‘กุโต นุ โข พฺราหฺมโณ อาคจฺฉตี’’ติ เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ติสฺโส คาถา อภาสิ –
‘‘โก ปาตุราสี ติทิวา นภมฺหิ, โอภาสยํ สํวรึ จนฺทิมาว;
คตฺเตหิ เต รสฺมิโย นิจฺฉรนฺติ, สเตรตา วิชฺชุริวนฺตลิกฺเข.
‘‘โส ฉินฺนวาตํ กมสี อฆมฺหิ, เวหายสํ คจฺฉสิ ติฏฺสี จ;
อิทฺธี นุ เต วตฺถุกตา สุภาวิตา, อนทฺธคูนํ อปิ เทวตานํ.
‘‘เวหายสํ คมฺมมาคมฺม ติฏฺสิ, กุมฺภํ กิณาถาติ ยเมตมตฺถํ;
โก ¶ วา ตุวํ กิสฺส วา ตาย กุมฺโภ, อกฺขาหิ เม พฺราหฺมณ เอตมตฺถ’’นฺติ.
ตตฺถ โก ปาตุราสีติ กุโต ปาตุภูโตสิ, กุโต อาคโตสีติ อตฺโถ. ติทิวา นภมฺหีติ กึ ตาวตึสภวนา อาคนฺตฺวา อิธ นภมฺหิ อากาเส ปากโฏ ชาโตสีติ ปุจฺฉติ. สํวรินฺติ รตฺตึ. สเตรตาติ เอวํนามิกา. โสติ โส ตฺวํ. ฉินฺนวาตนฺติ วลาหโกปิ ตาว วาเตน ¶ กมติ, ตสฺส ปน โสปิ วาโต นตฺถิ, เตเนวมาห. กมสีติ ปวตฺเตสิ. อฆมฺหีติ อปฺปฏิเฆ อากาเส. วตฺถุกตาติ วตฺถุ วิย ปติฏฺา วิย กตา. อนทฺธคูนํ อปิ เทวตานนฺติ ยา ปทสา อทฺธานํ อคมเนน อนทฺธคูนํ เทวตานํ อิทฺธิ, สา อปิ ตว สุภาวิตาติ ปุจฺฉติ. เวหายสํ คมฺมมาคมฺมาติ อากาเส ปวตฺตํ ปทวีติหารํ ปฏิจฺจ นิสฺสาย. ‘‘ติฏฺสี’’ติ อิมสฺส ‘‘โก วา ตุว’’นฺติ อิมินา สมฺพนฺโธ, เอวํ ติฏฺมาโน โก วา ตฺวนฺติ อตฺโถ. ยเมตมตฺถนฺติ ยํ เอตํ วทสิ. อิมสฺส ‘‘กิสฺส วา ตาย’’นฺติ อิมินา สมฺพนฺโธ, ยํ เอตํ กุมฺภํ กิณาถาติ วทสิ, กิสฺส วา เต อยํ กุมฺโภติ อตฺโถ.
ตโต ¶ สกฺโก ‘‘เตน หิ สุณาหี’’ติ วตฺวา สุราย โทเส ทสฺเสนฺโต อาห –
‘‘น สปฺปิกุมฺโภ นปิ เตลกุมฺโภ, น ผาณิตสฺส น มธุสฺส กุมฺโภ;
กุมฺภสฺส วชฺชานิ อนปฺปกานิ, โทเส พหู กุมฺภคเต สุณาถ.
‘‘คเฬยฺย ยํ ปิตฺวา ปเต ปปาตํ, โสพฺภํ คุหํ จนฺทนิโยฬิคลฺลํ;
พหุมฺปิ ภฺุเชยฺย อโภชเนยฺยํ, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถ.
‘‘ยํ ปิตฺวา จิตฺตสฺมึ อเนสมาโน, อาหิณฺฑตี โคริว ภกฺขสาที;
อนาถมาโน ¶ อุปคายติ นจฺจติ จ, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถ.
‘‘ยํ เว ปิวิตฺวา อเจโลว นคฺโค, จเรยฺย คาเม วิสิขนฺตรานิ;
สมฺมูฬฺหจิตฺโต อติเวลสายี, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถ.
‘‘ยํ ปิตฺวา อุฏฺาย ปเวธมาโน, สีสฺจ พาหฺุจ ปจาลยนฺโต;
โส นจฺจตี ทารุกฏลฺลโกว, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถ.
‘‘ยํ เว ปิวิตฺวา อคฺคิทฑฺฒา สยนฺติ, อโถ สิคาเลหิปิ ขาทิตาเส;
พนฺธํ วธํ โภคชานิฺจุเปนฺติ, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถ.
‘‘ยํ ¶ ปิตฺวา ภาเสยฺย อภาสเนยฺยํ, สภายมาสีโน อเปตวตฺโถ;
สมฺมกฺขิโต วนฺตคโต พฺยสนฺโน, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถ.
‘‘ยํ ¶ เว ปิวิตฺวา อุกฺกฏฺโ อาวิลกฺโข, มเมว สพฺพปถวีติ มฺเ;
น เม สโม จาตุรนฺโตปิ ราชา, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถ.
‘‘มานาติมานา กลหานิ เปสุณี, ทุพฺพณฺณินี นคฺคยินี ปลายินี;
โจราน ธุตฺตาน คตี นิเกโต, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถ.
‘‘อิทฺธานิ ผีตานิ กุลานิ อสฺสุ, อเนกสาหสฺสธนานิ โลเก;
อุจฺฉินฺนทายชฺชกตานิมาย, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถ.
‘‘ธฺํ ธนํ รชตํ ชาตรูปํ, เขตฺตํ ควํ ยตฺถ วินาสยนฺติ;
อุจฺเฉทนี วิตฺตคตํ กุลานํ, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถ.
‘‘ยํ ¶ เว ปิตฺวา ทิตฺตรูโปว โปโส, อกฺโกสติ มาตรํ ปิตรฺจ;
สสฺสุมฺปิ คณฺเหยฺย อโถปิ สุณฺหํ, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถ.
‘‘ยํ เว ปิตฺวา ทิตฺตรูปาว นารี, อกฺโกสตี สสฺสุรํ สามิกฺจ;
ทาสมฺปิ คณฺเห ปริจาริกมฺปิ, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถ.
‘‘ยํ ¶ เว ปิวิตฺวาน หเนยฺย โปโส, ธมฺเม ิตํ สมณํ พฺราหฺมณํ วา;
คจฺเฉ อปายมฺปิ ตโตนิทานํ, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถ.
‘‘ยํ เว ปิวิตฺวา ทุจฺจริตํ จรนฺติ, กาเยน วาจาย จ เจตสา จ;
นิรยํ วชนฺติ ทุจฺจริตํ จริตฺวา, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถ.
‘‘ยํ ยาจมานา น ลภนฺติ ปุพฺเพ, พหุํ หิรฺมฺปิ ปริจฺจชนฺตา;
โส ตํ ปิวิตฺวา อลิกํ ภณาติ, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถ.
‘‘ยํ เว ปิตฺวา เปสเน เปสิยนฺโต, อจฺจายิเก กรณียมฺหิ ชาเต;
อตฺถมฺปิ โส นปฺปชานาติ วุตฺโต, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถ.
‘‘หิรีมนาปิ ¶ อหิรีกภาวํ, ปาตุํ กโรนฺติ มทนาย มตฺตา;
ธีราปิ สนฺตา พหุกํ ภณนฺติ, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถ.
‘‘ยํ เว ปิตฺวา เอกถูปา สยนฺติ, อนาสกา ถณฺฑิลทุกฺขเสยฺยํ;
ทุพฺพณฺณิยํ อายสกฺยฺจุเปนฺติ, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถ.
‘‘ยํ เว ปิตฺวา ปตฺตขนฺธา สยนฺติ, คาโว กูฏหตาว น ¶ หิ วารุณิยา;
เวโค นเรน สุสโหริว, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถ.
‘‘ยํ ¶ มนุสฺสา วิวชฺชนฺติ, สปฺปํ โฆรวิสมิว;
ตํ โลเก วิสสมานํ, โก นโร ปาตุมรหติ.
‘‘ยํ เว ปิตฺวา อนฺธกเวณฺฑปุตฺตา, สมุทฺทตีเร ปริจารยนฺตา;
อุปกฺกมุํ มุสเลภิ อฺมฺํ, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถ.
‘‘ยํ เว ปิตฺวา ปุพฺพเทวา ปมตฺตา, ติทิวา จุตา สสฺสติยา สมายา;
ตํ ตาทิสํ มชฺชมิมํ นิรตฺถกํ, ชานํ มหาราช กถํ ปิเวยฺย.
‘‘นยิมสฺมึ กุมฺภสฺมึ ทธิ วา มธุ วา, เอวํ อภิฺาย กิณาหิ ราช;
เอวฺหิมํ กุมฺภคตา มยา เต, อกฺขาตรูปํ ตว สพฺพมิตฺตา’’ติ.
ตตฺถ วชฺชานีติอาทีนวา. คเฬยฺยาติ คจฺฉนฺโต ปเท ปเท ปริวตฺเตยฺย. ยํ ปิตฺวา ปเตติ ยํ ปิวิตฺวา ปเตยฺย. โสพฺภนฺติ อาวาฏํ. จนฺทนิโยฬิคลฺลนฺติ จนฺทนิกฺจ โอฬิคลฺลฺจ. อโภชเนยฺยนฺติ ภฺุชิตุํ อยุตฺตํ. อเนสมาโนติ อนิสฺสโร. โคริวาติ โคโณ วิย. ภกฺขสาทีติ ปุราณกสฏขาทโก, ยถา โส ตตฺถ ตตฺถ ภกฺขสํ ปริเยสนฺโต อาหิณฺฑติ, เอวํ อาหิณฺฑตีติ อตฺโถ. อนาถมาโนติ นิรวสฺสโย อนาโถ วิย. อุปคายตีติ อฺํ คายนฺตํ ทิสฺวา อุปคนฺตฺวา คายติ. อเจโลวาติ อเจลโก วิย. วิสิขนฺตรานีติ อนฺตรวีถิโย. อติเวลสายีติ อติจิรมฺปิ นิทฺทํ โอกฺกเมยฺย. ‘‘อติเวลจารี’’ติปิ ปาโ, อติเวลจารี หุตฺวา จเรยฺยาติ อตฺโถ.
ทารุกฏลฺลโก ¶ วาติ ทารุมยยนฺตรูปกํ วิย. โภคชานิฺจุเปนฺตีติ โภคชานิฺจ อุเปนฺติ, ปาณาติปาตาทีนิ กตฺวา ทณฺฑปีฬิตา ธนชานิฺจ อฺฺจ วธพนฺธนาทิทุกฺขํ ปาปุณนฺตีติ อตฺโถ. วนฺตคโตติ อตฺตโน วนฺตสฺมึ ¶ คโต. พฺยสนฺโนติ พฺยสนาปนฺโน. ‘‘วิสนฺโน’’ติปิ ปาโ ¶ , ตสฺมึ วนฺเต โอสนฺโนติ อตฺโถ. อุกฺกฏฺโติ อหํ มหาโยโธ, โก มยา สทิโส อตฺถีติ เอวํ อุกฺกํสคโต หุตฺวา. อาวิลกฺโขติ รตฺตกฺโข. สพฺพปถวีติ สพฺพา ปถวี. ‘‘สพฺพปุถุวี’’ติปิ ปาโ. จาตุรนฺโตติ จตุสมุทฺทปริยนฺตาย ปถวิยา อิสฺสโร. มานาติมานาติ มานการิกา. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. คตีติ นิพฺพตฺติ. นิเกโตติ นิวาโส. ตสฺสา ปุณฺณนฺติ ยา เอวรูปา, ตสฺสา ปุณฺณํ. อิทฺธานีติ สมิทฺธานิ. ผีตานีติ วตฺถาลงฺการกปฺปภณฺเฑหิ ปุปฺผิตานิ. อุจฺฉินฺนทายชฺชกตานีติ อุจฺฉินฺนทายาทานิ นิทฺธนานิ กตานิ. ยตฺถ วินาสยนฺตีติ ยํ นิสฺสาย ยตฺถ ปติฏฺิตา, เอวํ พหุมฺปิ ธนธฺาทิสาปเตยฺยํ นาสยนฺติ, กปณา โหนฺติ.
ทิตฺตรูโปติ ทปฺปิตรูโป. คณฺเหยฺยาติ ภริยสฺาย กิเลสวเสน หตฺเถ คณฺเหยฺย. ทาสมฺปิ คณฺเหติ อตฺตโน ทาสมฺปิ กิเลสวเสน ‘‘สามิโก เม’’ติ คณฺเหยฺย. ปิวิตฺวานาติ ปิวิตฺวา. ทุจฺจริตํ จริตฺวาติ เอวํ ตีหิ ทฺวาเรหิ ทสวิธมฺปิ อกุสลํ กตฺวา. ยํ ยาจมานาติ ยํ ปุริสํ ปุพฺเพ สุรํ อปิวนฺตํ พหุํ หิรฺํ ปริจฺจชนฺตา มุสาวาทํ กโรหีติ ยาจมานา น ลภนฺติ. ปิตฺวาติ ปิวิตฺวา ิโต. นปฺปชานาติ วุตฺโตติ ‘‘เกนฏฺเน อาคโตสี’’ติ วุตฺโต สาสนสฺส ทุคฺคหิตตฺตา ตํ อตฺถํ น ชานาติ. หิรีมนาปีติ หิรียุตฺตจิตฺตาปิ. เอกถูปาติ สูกรโปตกา วิย หีนชจฺเจหิปิ สทฺธึ เอกราสี หุตฺวา. อนาสกาติ นิราหารา. ถณฺฑิลทุกฺขเสยฺยนฺติ ภูมิยํ ทุกฺขเสยฺยํ สยนฺติ. อายสกฺยนฺติ ครหํ.
ปตฺตขนฺธาติ ปติตกฺขนฺธา. กูฏหตาวาติ คีวาย พทฺเธน กูเฏน หตา คาโว วิย, ยถา ตา ติณํ อขาทนฺติโย ปานียํ อปิวนฺติโย สยนฺติ, ตถา สยนฺตีติ อตฺโถ. โฆรวิสมิวาติ โฆรวิสํ วิย. วิสสมานนฺติ วิสสทิสํ. อนฺธกเวณฺฑปุตฺตาติ ทส ภาติกราชาโน. อุปกฺกมุนฺติ ปหรึสุ. ปุพฺพเทวาติ อสุรา. ติทิวาติ ตาวตึสเทวโลกา. สสฺสติยาติ สสฺสตา, ทีฆายุกภาเวน นิจฺจสมฺมตา เทวโลกาติ อตฺโถ. สมายาติ สทฺธึ อสุรมายาหิ. ชานนฺติ เอวํ ‘‘นิรตฺถกํ เอต’’นฺติ ชานนฺโต ตุมฺหาทิโส ปณฺฑิโต ปุริโส กถํ ปิเวยฺย ¶ . กุมฺภคตา มยาติ กุมฺภคตํ มยา, อยเมว วา ปาโ. อกฺขาตรูปนฺติ สภาวโต อกฺขาตํ.
ตํ ¶ สุตฺวา ราชา สุราย อาทีนวํ ตฺวา ตุฏฺโ สกฺกสฺส ถุตึ กโรนฺโต ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘น ¶ เม ปิตา วา อถวาปิ มาตา, เอตาทิสา ยาทิสโก ตุวํสิ;
หิตานุกมฺปี ปรมตฺถกาโม, โสหํ กริสฺสํ วจนํ ตวชฺช.
‘‘ททามิ เต คามวรานิ ปฺจ, ทาสีสตํ สตฺต ควํสตานิ;
อาชฺยุตฺเต จ รเถ ทส อิเม, อาจริโย โหสิ มมตฺถกาโม’’ติ.
ตตฺถ คามวรานีติ, พฺราหฺมณ, อาจริยสฺส นาม อาจริยภาโค อิจฺฉิตพฺโพ, สํวจฺฉเร สํวจฺฉเร สตสหสฺสุฏฺานเก ตุยฺหํ ปฺจ คาเม ททามีติ วทติ. ทส อิเมติ อิเม ทส ปุรโต ิเต กฺจนวิจิตฺเต รเถ ทสฺเสนฺโต เอวมาห.
ตํ สุตฺวา สกฺโก เทวตฺตภาวํ ทสฺเสตฺวา อตฺตานํ ชานาเปนฺโต อากาเส ตฺวา ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘ตเวว ทาสีสตมตฺถุ ราช, คามา จ คาโว จ ตเวว โหนฺตุ;
อาชฺยุตฺตา จ รถา ตเวว, สกฺโกหมสฺมี ติทสานมินฺโท.
‘‘มํโสทนํ สปฺปิปายาสํ ภฺุช, ขาทสฺสุ จ ตฺวํ มธุมาสปูเว;
เอวํ ตุวํ ธมฺมรโต ชนินฺท, อนินฺทิโต สคฺคมุเปหิ าน’’นฺติ.
ตตฺถ เอวํ ตุวํ ธมฺมรโตติ เอวํ ตฺวํ นานคฺครสโภชนํ ภฺุชนฺโต สุราปานา วิรโต ตีณิ ทุจฺจริตานิ ปหาย ติวิธสุจริตธมฺมรโต หุตฺวา เกนจิ อนินฺทิโต สคฺคฏฺานํ อุเปหีติ.
อิติ ¶ สกฺโก ตสฺส โอวาทํ ทตฺวา สกฏฺานเมว คโต. โสปิ สุรํ อปิวิตฺวา สุราภาชนานิ ภินฺทาเปตฺวา สีลํ สมาทาย ทานํ ทตฺวา สคฺคปรายโณ อโหสิ. ชมฺพุทีเปปิ อนุกฺกเมน สุราปานํ เวปุลฺลปฺปตฺตํ ชาตํ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, สกฺโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
กุมฺภชาตกวณฺณนา ทุติยา.
[๕๑๓] ๓. ชยทฺทิสชาตกวณฺณนา
จิรสฺสํ ¶ วต เมติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ มาตุโปสกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ สามชาตกสทิสํ (ชา. ๒.๒๒.๒๙๖ อาทโย). ตทา ปน สตฺถา ‘‘โปราณกปณฺฑิตา กฺจนมาลํ เสตจฺฉตฺตํ ปหาย มาตาปิตโร โปเสสุ’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต กปิลรฏฺเ อุตฺตรปฺจาลนคเร ปฺจาโล นาม ราชา อโหสิ. ตสฺส อคฺคมเหสี คพฺภํ ปฏิลภิตฺวา ปุตฺตํ วิชายิ. ตสฺสา ปุริมภเว เอกา สปตฺติกา กุชฺฌิตฺวา ‘‘ตุยฺหํ ชาตํ ชาตํ ปชํ ขาทิตุํ สมตฺถา ภวิสฺสามี’’ติ ปตฺถนํ เปตฺวา ยกฺขินี อโหสิ. สา ตทา โอกาสํ ลภิตฺวา ตสฺสา ปสฺสนฺติยาว ตํ อลฺลมํสเปสิวณฺณํ กุมารกํ คเหตฺวา มุรุมุรายนฺตี ขาทิตฺวา ปกฺกามิ. ทุติยวาเรปิ ตเถว อกาสิ. ตติยวาเร ปน ตสฺสา ปสูติฆรํ ปวิฏฺกาเล เคหํ ปริวาเรตฺวา คาฬฺหํ อารกฺขํ อกํสุ. วิชาตทิวเส ยกฺขินี อาคนฺตฺวา ปุน ทารกํ อคฺคเหสิ. เทวี ‘‘ยกฺขินี’’ติ มหาสทฺทมกาสิ. อาวุธหตฺถา ปุริสา อาคนฺตฺวา เทวิยา ทินฺนสฺาย ยกฺขินึ อนุพนฺธึสุ. สา ขาทิตุํ โอกาสํ อลภนฺตี ตโต ปลายิตฺวา อุทกนิทฺธมนํ ปาวิสิ. ทารโก มาตุสฺาย ตสฺสา ถนํ มุเขน คณฺหิ. สา ปุตฺตสิเนหํ อุปฺปาเทตฺวา ตโต ปลายิตฺวา สุสานํ คนฺตฺวา ทารกํ ปาสาณเลเณ เปตฺวา ปฏิชคฺคิ. อถสฺส อนุกฺกเมน วฑฺฒมานสฺส มนุสฺสมํสํ อาหริตฺวา อทาสิ. อุโภปิ ¶ มนุสฺสมํสํ ขาทิตฺวา ตตฺถ วสึสุ. ทารโก อตฺตโน มนุสฺสภาวํ น ชานาติ ‘‘ยกฺขินิปุตฺโตสฺมี’’ติ สฺาย. โส อตฺตภาวํ ชหิตฺวา อนฺตรธายิตุํ น สกฺโกติ. อถสฺส สา อนฺตรธานตฺถาย เอกํ มูลํ อทาสิ. โส มูลานุภาเวน อนฺตรธายิตฺวา มนุสฺสมํสํ ขาทนฺโต วิจรติ. ยกฺขินี เวสฺสวณสฺส มหาราชสฺส เวยฺยาวจฺจตฺถาย คตา ตตฺเถว กาลมกาสิ. เทวีปิ จตุตฺถวาเร อฺํ ปุตฺตํ ¶ วิชายิ. โส ยกฺขินิยา มุตฺตตฺตา อโรโค อโหสิ. ปจฺจามิตฺตํ ยกฺขินึ ชินิตฺวา ชาตตฺตา ‘‘ชยทฺทิสกุมาโร’’ติสฺส นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต สพฺพสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ ปตฺวา ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา รชฺชมนุสาสิ.
ตทา ¶ โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ, ‘‘อลีนสตฺตุกุมาโร’’ติสฺส นามํ กรึสุ. โส วยปฺปตฺโต อุคฺคหิตสพฺพสิปฺโป อุปราชา อโหสิ. โสปิ ยกฺขินิปุตฺโต อปรภาเค ปมาเทน ตํ มูลํ นาเสตฺวา อนฺตรธายิตุํ อสกฺโกนฺโต ทิสฺสมานรูโปว สุสาเน มนุสฺสมํสํ ขาทิ. มนุสฺสา ตํ ทิสฺวา ภีตา อาคนฺตฺวา รฺโ อุปกฺโกสึสุ ‘‘เทว เอโก ยกฺโข ทิสฺสมานรูโป สุสาเน มนุสฺสมํสํ ขาทติ, โส อนุกฺกเมน นครํ ปวิสิตฺวา มนุสฺเส มาเรตฺวา ขาทิสฺสติ, ตํ คาหาเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ‘‘คณฺหถ น’’นฺติ อาณาเปสิ. พลกาโย คนฺตฺวา สุสานํ ปริวาเรตฺวา อฏฺาสิ. ยกฺขินิปุตฺโต นคฺโค อุพฺพิคฺครูโป มรณภยภีโต วิรวนฺโต มนุสฺสานํ อนฺตรํ ปกฺขนฺทิ. มนุสฺสา ‘‘ยกฺโข’’ติ มรณภยภีตา ทฺวิธา ภิชฺชึสุ. โสปิ ตโต ปลายิตฺวา อรฺํ ปาวิสิ, น ปุน มนุสฺสปถํ อาคจฺฉิ. โส เอกํ มหาวตฺตนิอฏวึ นิสฺสาย มคฺคปฏิปนฺเนสุ มนุสฺเสสุ เอเกกํ คเหตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา มาเรตฺวา ขาทนฺโต เอกสฺมึ นิคฺโรธมูเล วาสํ กปฺเปสิ.
อเถโก สตฺถวาหพฺราหฺมโณ อฏวิปาลานํ สหสฺสํ ทตฺวา ปฺจหิ สกฏสเตหิ ตํ มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. มนุสฺสยกฺโข วิรวนฺโต ปกฺขนฺทิ, ภีตา มนุสฺสา อุเรน นิปชฺชึสุ. โส พฺราหฺมณํ คเหตฺวา ปลายนฺโต ขาณุนา ปาเท วิทฺโธ อฏวิปาเลสุ อนุพนฺธนฺเตสุ พฺราหฺมณํ ฉฑฺเฑตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานรุกฺขมูเล นิปชฺชิ. ตสฺส ตตฺถ นิปนฺนสฺส สตฺตเม ทิวเส ชยทฺทิสราชา มิควธํ อาณาเปตฺวา นครา นิกฺขมิ. ตํ นครา นิกฺขนฺตมตฺตเมว ¶ ¶ ตกฺกสิลวาสี นนฺโท นาม มาตุโปสกพฺราหฺมโณ จตสฺโส สตารหคาถาโย อาทาย อาคนฺตฺวา ราชานํ อทฺทส. ราชา ‘‘นิวตฺติตฺวา สุณิสฺสามี’’ติ ตสฺส นิวาสเคหํ ทาเปตฺวา มิควํ คนฺตฺวา ‘‘ยสฺส ปสฺเสน มิโค ปลายติ, ตสฺเสว คีวา’’ติ อาห. อเถโก ปสทมิโค อุฏฺหิตฺวา รฺโ อภิมุโข คนฺตฺวา ปลายิ. อมจฺจา ปริหาสํ กรึสุ. ราชา ขคฺคํ คเหตฺวา ตํ อนุพนฺธิตฺวา ติโยชนมตฺถเก ปตฺวา ขคฺเคน ปหริตฺวา ทฺเว ขณฺฑานิ กริตฺวา กาเชนาทาย อาคจฺฉนฺโต มนุสฺสยกฺขสฺส นิปนฺนฏฺานํ ปตฺวา ทพฺพติเณสุ นิสีทิตฺวา โถกํ วิสฺสมิตฺวา คนฺตุํ อารภิ. อถ นํ โส อุฏฺาย ‘‘ติฏฺ กุหึ คจฺฉสิ, ภกฺโขสิ เม’’ติ หตฺเถ คเหตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘จิรสฺสํ วต เม อุทปาทิ อชฺช, ภกฺโข มหา สตฺตมิภตฺตกาเล;
กุโตสิ โกวาสิ ตทิงฺฆ พฺรูหิ, อาจิกฺข ชาตึ วิทิโต ยถาสี’’ติ.
ตตฺถ ภกฺโข มหาติ มหาภกฺโข. สตฺตมิภตฺตกาเลติ ปาฏิปทโต ปฏฺาย นิราหารสฺส สตฺตมิยํ ภตฺตกาเล. กุโตสีติ กุโต อาคโตสีติ.
ราชา ¶ ยกฺขํ ทิสฺวา ภีโต อูรุตฺถมฺภํ ปตฺวา ปลายิตุํ นาสกฺขิ, สตึ ปน ปจฺจุปฏฺาเปตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘ปฺจาลราชา มิควํ ปวิฏฺโ, ชยทฺทิโส นาม ยทิสฺสุโต เต;
จรามิ กจฺฉานิ วนานิ จาหํ, ปสทํ อิมํ ขาท มมชฺช มฺุจา’’ติ.
ตตฺถ มิควํ ปวิฏฺโติ มิควธาย รฏฺา นิกฺขนฺโต. กจฺฉานีติ ปพฺพตปสฺสานิ. ปสทนฺติ ปสทมิคํ.
ตํ ¶ ¶ สุตฺวา ยกฺโข ตติยํ คาถมาห –
‘‘เสเนว ตฺวํ ปณสิ สสฺสมาโน, มเมส ภกฺโข ปสโท ยํ วเทสิ;
ตํ ขาทิยาน ปสทํ ชิฆฺํ, ขาทิสฺสํ ปจฺฉา น วิลาปกาโล’’ติ.
ตตฺถ เสเนวาติ มม สนฺตเกเนว. ปณสีติ โวหรสิ อตฺตานํ วิกฺกิณาสิ. สสฺสมาโนติ วิหึสยมาโน. ตํ ขาทิยานาติ ตํ ปมํ ขาทิตฺวา. ชิฆฺนฺติ ฆสิตุกาโม. ขาทิสฺสนฺติ เอตํ ปจฺฉา ขาทิสฺสามิ. น วิลาปกาโลติ มา วิลปิ. นายํ วิลาปกาโลติ วทติ.
ตํ สุตฺวา ราชา นนฺทพฺราหฺมณํ สริตฺวา จตุตฺถํ คาถมาห –
‘‘น จตฺถิ โมกฺโข มม นิกฺกเยน, คนฺตฺวาน ปจฺฉาคมนาย ปณฺเห;
ตํ สงฺครํ พฺราหฺมณสฺสปฺปทาย, สจฺจานุรกฺขี ปุนราวชิสฺส’’นฺติ.
ตตฺถ น จตฺถีติ น เจ มยฺหํ นิกฺกเยน วิโมกฺโข อตฺถิ. คนฺตฺวานาติ เอวํ สนฺเต อชฺช อิมํ มิคมํสํ ขาทิตฺวา มม นครํ คนฺตฺวา. ปณฺเหติ ปเคเยว, สฺเวว ปาตราสกาเล ปจฺจาคมนตฺถาย ปฏิฺํ คณฺหาหีติ อธิปฺปาโย. ตํ สงฺครนฺติ มยา ‘‘ธนํ เต ทสฺสามี’’ติ พฺราหฺมณสฺส สงฺคโร กโต, ตํ ตสฺส ทตฺวา อิมํ มยา วุตฺตํ สจฺจํ อนุรกฺขนฺโต อหํ ปุน อาคมิสฺสามีติ อตฺโถ.
ตํ ¶ สุตฺวา ยกฺโข ปฺจมํ คาถมาห –
‘‘กึ กมฺมชาตํ อนุตปฺปเต ตฺวํ, ปตฺตํ สมีปํ มรณสฺส ราช;
อาจิกฺข เม ตํ อปิ สกฺกุเณมุ, อนุชานิตุํ อาคมนาย ปณฺเห’’ติ.
ตตฺถ ¶ ¶ กมฺมเมว กมฺมชาตํ. อนุตปฺปเตติ ตํ อนุตปฺปติ. ปตฺตนฺติ อุปคตํ. อปิ สกฺกุเณมูติ อปิ นาม ตํ ตว โสกการณํ สุตฺวา ปาโตว อาคมนาย ตํ อนุชานิตุํ สกฺกุเณยฺยามาติ อตฺโถ.
ราชา ตํ การณํ กเถนฺโต ฉฏฺํ คาถมาห –
‘‘กตา มยา พฺราหฺมณสฺส ธนาสา, ตํ สงฺครํ ปฏิมุกฺกํ น มุตฺตํ;
ตํ สงฺครํ พฺราหฺมณสฺสปฺปทาย, สจฺจานุรกฺขี ปุนราวชิสฺส’’นฺติ.
ตตฺถ ปฏิมุกฺกํ น มุตฺตนฺติ จตสฺโส สตารหา คาถา สุตฺวา ‘‘ธนํ เต ทสฺสามี’’ติ ปฏิฺาย มยา อตฺตนิ ปฏิมฺุจิตฺวา ปิตํ, น ปน ตํ มุตฺตํ ธนสฺส อทินฺนตฺตา.
ตํ สุตฺวา ยกฺโข สตฺตมํ คาถมาห –
‘‘ยา เต กตา พฺราหฺมณสฺส ธนาสา, ตํ สงฺครํ ปฏิมุกฺกํ น มุตฺตํ;
ตํ สงฺครํ พฺราหฺมณสฺสปฺปทาย, สจฺจานุรกฺขี ปุนราวชสฺสู’’ติ.
ตตฺถ ปุนราวชสฺสูติ ปุน อาคจฺฉสฺสุ.
เอวฺจ ปน วตฺวา ราชานํ วิสฺสชฺเชสิ. โส เตน วิสฺสฏฺโ ‘‘ตฺวํ มา จินฺตยิ, อหํ ปาโตว อาคมิสฺสามี’’ติ วตฺวา มคฺคนิมิตฺตานิ สลฺลกฺเขนฺโต อตฺตโน พลกายํ อุปคนฺตฺวา พลกายปริวุโต นครํ ปวิสิตฺวา นนฺทพฺราหฺมณํ ปกฺโกสาเปตฺวา มหารเห อาสเน นิสีทาเปตฺวา ตา คาถา สุตฺวา จตฺตาริ สหสฺสานิ ทตฺวา ยานํ อาโรเปตฺวา ‘‘อิมํ ตกฺกสิลเมว เนถา’’ติ มนุสฺเส ทตฺวา พฺราหฺมณํ อุยฺโยเชตฺวา ทุติยทิวเส ปฏิคนฺตุกาโม หุตฺวา ปุตฺตํ อามนฺเตตฺวา อนุสาสิ. ตมตฺถํ ทีเปนฺโต สตฺถา ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘มุตฺโตจ ¶ ¶ โส โปริสาทสฺส หตฺถา, คนฺตฺวา สกํ มนฺทิรํ กามกามี;
ตํ ¶ สงฺครํ พฺราหฺมณสฺสปฺปทาย, อามนฺตยี ปุตฺตมลีนสตฺตุํ.
‘‘อชฺเชว รชฺชํ อภิสิฺจยสฺสุ, ธมฺมํ จร เสสุ ปเรสุ จาปิ;
อธมฺมกาโร จ เต มาหุ รฏฺเ, คจฺฉามหํ โปริสาทสฺส ตฺเต’’ติ.
ตตฺถ อลีนสตฺตุนฺติ เอวํนามกํ กุมารํ. ปาฬิยํ ปน ‘‘อรินสตฺตุ’’นฺติ ลิขิตํ. อชฺเชว รชฺชนฺติ ปุตฺต รชฺชํ เต ทมฺมิ, ตฺวํ อชฺเชว มุทฺธนิ อภิเสกํ อภิสิฺจยสฺสุ. ตฺเตติ อภฺยาเส, สนฺติเกติ อตฺโถ.
ตํ สุตฺวา กุมาโร ทสมํ คาถมาห –
‘‘กึ กมฺม กฺรุพฺพํ ตว เทว ปาว, นาราธยี ตํ ตทิจฺฉามิ โสตุํ;
ยมชฺช รชฺชมฺหิ อุทสฺสเย ตุวํ, รชฺชมฺปิ นิจฺเฉยฺยํ, ตยา วินาห’’นฺติ.
ตตฺถ กฺรุพฺพนฺติ กโรนฺโต. ยมชฺชาติ เยน อนาราธกมฺเมน อชฺช มํ รชฺชมฺหิ ตฺวํ อุทสฺสเย อุสฺสาเปสิ ปติฏฺาเปสิ, ตํ เม อาจิกฺข, อหฺหิ ตยา วินา รชฺชมฺปิ น อิจฺฉามีติ อตฺโถ.
ตํ สุตฺวา ราชา อนนฺตรํ คาถมาห –
‘‘น กมฺมุนา วา วจสาว ตาต, อปราธิโตหํ ตุวิยํ สรามิ;
สนฺธิฺจ กตฺวา ปุริสาทเกน, สจฺจานุรกฺขี ปุนาหํ คมิสฺส’’นฺติ.
ตตฺถ อปราธิโตติ อปราธํ อิโต. ตุวิยนฺติ ตว สนฺตกํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตาต, อหํ อิโต ตว กมฺมโต วา ตว วจนโต วา ¶ กิฺจิ มม อปฺปิยํ อปราธํ น สรามีติ. สนฺธิฺจ กตฺวาติ มํ ปน มิควํ ¶ คตํ เอโก ยกฺโข ‘‘ขาทิสฺสามี’’ติ คณฺหิ. อถาหํ พฺราหฺมณสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา ตสฺส สกฺการํ กตฺวา ‘‘สฺเว ตว ปาตราสกาเล อาคมิสฺสามี’’ติ เตน ปุริสาทเกน สนฺธึ สจฺจํ กตฺวา อาคโต, ตสฺมา ตํ สจฺจํ อนุรกฺขนฺโต ปุน ตตฺถ คมิสฺสามิ, ตฺวํ รชฺชํ กาเรหีติ วทติ.
ตํ ¶ สุตฺวา กุมาโร คาถมาห –
‘‘อหํ คมิสฺสามิ อิเธว โหหิ, นตฺถิ ตโต ชีวโต วิปฺปโมกฺโข;
สเจ ตุวํ คจฺฉสิเยว ราช, อหมฺปิ คจฺฉามิ อุโภ น โหมา’’ติ.
ตตฺถ อิเธวาติ ตฺวํ อิเธว โหติ. ตโตติ ตสฺส สนฺติกา ชีวนฺตสฺส โมกฺโข นาม นตฺถิ. อุโภติ เอวํ สนฺเต อุโภปิ น ภวิสฺสาม.
ตํ สุตฺวา ราชา คาถมาห –
‘‘อทฺธา หิ ตาต สตาเนส ธมฺโม, มรณา จ เม ทุกฺขตรํ ตทสฺส;
กมฺมาสปาโท ตํ ยทา ปจิตฺวา, ปสยฺห ขาเท ภิทา รุกฺขสูเล’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – อทฺธา เอกํเสน เอส, ตาต, สตานํ ปณฺฑิตานํ ธมฺโม สภาโว, ยุตฺตํ ตฺวํ วทสิ, อปิ จ โข ปน มยฺหํ มรณโตเปตํ ทุกฺขตรํ อสฺส, ยทา ตํ โส กมฺมาสปาโท. ภิทา รุกฺขสูเลติ ติขิณรุกฺขสูเล ภิตฺวา ปจิตฺวา ปสยฺห พลกฺกาเรน ขาเทยฺยาติ.
ตํ สุตฺวา กุมาโร คาถมาห –
‘‘ปาเณน เต ปาณมหํ นิมิสฺสํ, มา ตฺวํ อคา โปริสาทสฺส ตฺเต;
เอวฺจ เต ปาณมหํ นิมิสฺสํ, ตสฺมา มตํ ชีวิตสฺส วณฺเณมี’’ติ.
ตตฺถ ¶ นิมิสฺสนฺติ อหํ อิเธว ตว ปาเณน มม ปาณํ ปริวตฺเตสฺสํ. ตสฺมาติ ยสฺมา เอตํ ปาณํ ตว ปาเณนาหํ นิมิสฺสํ, ตสฺมา ตว ¶ ชีวิตสฺสตฺถาย มม มรณํ วณฺเณมิ มรณเมว วเรมิ, อิจฺฉามีติ อตฺโถ.
ตํ สุตฺวา ราชา ปุตฺตสฺส พลํ ชานนฺโต ‘‘สาธุ ตาต, คจฺฉาหี’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. โส มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา นครมฺหา นิกฺขมิ. ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อุปฑฺฒคาถมาห –
‘‘ตโต ¶ หเว ธิติมา ราชปุตฺโต, วนฺทิตฺวา มาตุ จ ปิตุ จ ปาเท’’ติ.
ตตฺถ ปาเทติ ปาเท วนฺทิตฺวา นิกฺขนฺโตติ อตฺโถ;
อถสฺส มาตาปิตโรปิ ภคินีปิ ภริยาปิ อมจฺจปริชเนหิ สทฺธึเยว นิกฺขมึสุ. โส นครา นิกฺขมิตฺวา ปิตรํ มคฺคํ ปุจฺฉิตฺวา สุฏฺุ ววตฺถเปตฺวา มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา เสสานํ โอวาทํ ทตฺวา อจฺฉมฺภิโต เกสรสีโห วิย มคฺคํ อารุยฺห ยกฺขาวาสํ ปายาสิ. ตํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา มาตา สกภาเวน สณฺาตุํ อสกฺโกนฺตี ปถวิยํ ปติ. ปิตา พาหา ปคฺคยฺห มหนฺเตน สทฺเทน กนฺทิ. ตมฺปิ อตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา –
‘‘ทุขินิสฺส มาตา นิปตา ปถพฺยา, ปิตาสฺส ปคฺคยฺห ภุชานิ กนฺทตี’’ติ. –
อุปฑฺฒคาถํ วตฺวา ตสฺส ปิตรา ปยุตฺตํ อาสีสวาทํ อภิวาทนวาทํ มาตรา ภคินีภริยาหิ จ กตํ สจฺจกิริยํ ปกาเสนฺโต อปราปิ จตสฺโส คาถา อภาสิ –
‘‘ตํ คจฺฉนฺตํ ตาว ปิตา วิทิตฺวา, ปรมฺมุโข วนฺทติ ปฺชลีโก;
โสโม จ ราชา วรุโณ จ ราชา, ปชาปตี จนฺทิมา สูริโย จ;
เอเตหิ คุตฺโต ปุริสาทกมฺหา, อนฺุาโต โสตฺถิ ปจฺเจหิ ตาต.
‘‘ยํ ¶ ¶ ทณฺฑกิรฺโ คตสฺส มาตา, รามสฺสกาสิ โสตฺถานํ สุคุตฺตา;
ตํ เต อหํ โสตฺถานํ กโรมิ, เอเตน สจฺเจน สรนฺตุ เทวา;
อนฺุาโต โสตฺถิ ปจฺเจหิ ปุตฺต.
‘‘อาวี รโห วาปิ มโนปโทสํ, นาหํ สเร ชาตุ มลีนสตฺเต;
เอเตน สจฺเจน สรนฺตุ เทวา, อนฺุาโต โสตฺถิ ปจฺเจหิ ภาติก.
‘‘ยสฺมา จ เม อนธิมโนสิ สามิ, น จาปิ เม มนสา อปฺปิโยสิ;
เอเตน สจฺเจน สรนฺตุ เทวา, อนฺุาโต โสตฺถิ ปจฺเจหิ สามี’’ติ.
ตตฺถ ปรมฺมุโขติ อยํ เม ปุตฺโต ปรมฺมุโข มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา คจฺฉติ, อิติ เอตํ ปรมฺมุขํ ¶ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา วิทิตฺวา. ปฺชลีโกติ ตสฺมึ กาเล สิรสิ อฺชลึ เปตฺวา วนฺทติ เทวตา นมสฺสติ. ปุริสาทกมฺหาติ ปุริสาทสฺส สนฺติกา เตน อนฺุาโต โสตฺถินา ปจฺเจหิ.
รามสฺสกาสีติ รามสฺส อกาสิ. เอโก กิร พาราณสิวาสี ราโม นาม มาตุโปสโก มาตาปิตโร ปฏิชคฺคนฺโต โวหารตฺถาย คโต ทณฺฑกิรฺโ วิชิเต กุมฺภวตีนครํ คนฺตฺวา นววิเธน วสฺเสน สกลรฏฺเ วินาสิยมาเน มาตาปิตูนํ คุณํ สริ. อถ นํ มาตุปฏฺานกมฺมสฺส ผเลน เทวตา โสตฺถินา อานยิตฺวา มาตุ อทํสุ. ตํ การณํ สุตวเสนาหริตฺวา เอวมาห. โสตฺถานนฺติ โสตฺถิภาวํ. ตํ ปน กิฺจาปิ เทวตา กรึสุ, มาตุปฏฺานํ นิสฺสาย นิพฺพตฺตตฺตา ปน มาตา อกาสีติ วุตฺตํ. ตํ เต อหนฺติ อหมฺปิ เต ตเมว โสตฺถานํ กโรมิ, มํ นิสฺสาย ตเถว ตว โสตฺถิภาโว โหตูติ อตฺโถ. อถ วา กโรมีติ อิจฺฉามิ. เอเตน สจฺเจนาติ สเจ เทวตาหิ ตสฺส โสตฺถินา อานีตภาโว สจฺโจ, เอเตน สจฺเจน มมปิ ปุตฺตํ สรนฺตุ เทวา ¶ , รามํ วิย ตมฺปิ อาหริตฺวา มม ทสฺสนฺตูติ อตฺโถ. อนฺุาโตติ โปริสาเทน ‘‘คจฺฉา’’ติ อนฺุาโต เทวตานํ อานุภาเวน โสตฺถิ ปฏิอาคจฺฉ ปุตฺตาติ วทติ.
ชาตุ มลีนสตฺเตติ ชาตุ เอกํเสน อลีนสตฺเต มม ภาติเก อหํ สมฺมุขา วา ปรมฺมุขา วา มโนปโทสํ น สรามิ, น มยา ตมฺหิ มโนปโทโส กตปุพฺโพติ เอวมสฺส กนิฏฺา สจฺจมกาสิ. ยสฺมา จ เม อนธิมโนสิ ¶ , สามีติ มม, สามิ อลีนสตฺตุ ยสฺมา ตฺวํ อนธิมโนสิ, มํ อภิภวิตฺวา อติกฺกมิตฺวา อฺํ มเนน น ปตฺเถสิ. น จาปิ เม มนสา อปฺปิโยสีติ มยฺหมฺปิ จ มนสา ตฺวํ อปฺปิโย น โหสิ, อฺมฺํ ปิยสํวาสาว มยนฺติ เอวมสฺส อคฺคมเหสี สจฺจมกาสิ.
กุมาโรปิ ปิตรา อกฺขาตนเยน รกฺขาวาสมคฺคํ ปฏิปชฺชิ. ยกฺโขปิ ‘‘ขตฺติยา นาม พหุมายา โหนฺติ, โก ชานาติ, กึ ภวิสฺสตี’’ติ รุกฺขํ อภิรุหิตฺวา รฺโ อาคมนํ โอโลเกนฺโต นิสีทิ. โส กุมารํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘ปิตรํ นิวตฺเตตฺวา ปุตฺโต อาคโต ภวิสฺสติ, นตฺถิ เม ภย’’นฺติ โอตริตฺวา ตสฺส ปิฏฺึ ทสฺเสนฺโต นิสีทิ. โส อาคนฺตฺวา ตสฺส ปุรโต อฏฺาสิ. อถ ยกฺโข คาถมาห –
‘‘พฺรหา อุชู จารุมุโข กุโตสิ, น มํ ปชานาสิ วเน วสนฺตํ;
ลุทฺทํ มํ ตฺวา ‘ปุริสาทโก’สิ, โก โสตฺถิมาชานมิธาวเชยฺยา’’ติ.
ตตฺถ ¶ โก โสตฺถิมาชานมิธาวเชยฺยาติ กุมาร โก นาม ปุริโส อตฺตโน โสตฺถิภาวํ ชานนฺโต อิจฺฉนฺโต อิธาคจฺเฉยฺย, ตฺวํ อชานนฺโต อาคโต มฺเติ.
ตํ สุตฺวา กุมาโร คาถมาห –
‘‘ชานามิ ลุทฺท ปุริสาทโก ตฺวํ, น ตํ น ชานามิ วเน วสนฺตํ;
อหฺจ ปุตฺโตสฺมิ ชยทฺทิสสฺส, มมชฺช ขาท ปิตุโน ปโมกฺขา’’ติ.
ตตฺถ ¶ ปโมกฺขาติ ปโมกฺขเหตุ อหํ ปิตุ ชีวิตํ ทตฺวา อิธาคโต, ตสฺมา ตํ มฺุจ, มํ ขาทาหีติ อตฺโถ.
ตโต ยกฺโข คาถมาห –
‘‘ชานามิ ปุตฺโตติ ชยทฺทิสสฺส, ตถา หิ โว มุขวณฺโณ อุภินฺนํ;
สุทุกฺกรฺเว ¶ กตํ ตเวทํ, โย มตฺตุมิจฺเฉ ปิตุโน ปโมกฺขา’’ติ.
ตตฺถ ตถา หิ โวติ ตาทิโส โว ตุมฺหากํ. อุภินฺนมฺปิ สทิโสว มุขวณฺโณ โหตีติ อตฺโถ. กตํ ตเวทนฺติ อิทํ ตว กมฺมํ สุทุกฺกรํ.
ตโต กุมาโร คาถมาห –
‘‘น ทุกฺกรํ กิฺจิ มเหตฺถ มฺเ, โย มตฺตุมิจฺเฉ ปิตุโน ปโมกฺขา;
มาตุ จ เหตุ ปรโลก คนฺตฺวา, สุเขน สคฺเคน จ สมฺปยุตฺโต’’ติ.
ตตฺถ กิฺจิ มเหตฺถ มฺเติ กิฺจิ อหํ เอตฺถ น มฺามิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยกฺข โย ปุคฺคโล ปิตุ วา ปโมกฺขตฺถาย มาตุ วา เหตุ ปรโลกํ คนฺตฺวา สุเขน สคฺเค นิพฺพตฺตนกสุเขน สมฺปยุตฺโต ภวิตุํ มตฺตุมิจฺเฉ มริตุํ อิจฺฉติ, ตสฺมา อหํ เอตฺถ มาตาปิตูนํ อตฺถาย ชีวิตปริจฺจาเค กิฺจิ ทุกฺกรํ น มฺามีติ.
ตํ ¶ สุตฺวา ยกฺโข ‘‘กุมาร, มรณสฺส อภยานกสตฺโต นาม นตฺถิ, ตฺวํ กสฺมา น ภายสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส ตสฺส กเถนฺโต ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘อหฺจ โข อตฺตโน ปาปกิริยํ, อาวี รโห วาปิ สเร น ชาตุ;
สงฺขาตชาตีมรโณหมสฺมิ, ยเถว เม อิธ ตถา ปรตฺถ.
‘‘ขาทชฺช ¶ มํ ทานิ มหานุภาว, กรสฺสุ กิจฺจานิ อิมํ สรีรํ;
รุกฺขสฺส วา เต ปปตามิ อคฺคา, ฉาทยมาโน มยฺหํ ตฺวมเทสิ มํส’’นฺติ.
ตตฺถ สเร น ชาตูติ เอกํเสเนว น สรามิ. สงฺขาตชาตีมรโณหมสฺมีติ อหํ าเณน สุปริจฺฉินฺนชาติมรโณ, ชาตสตฺโต อมรณธมฺโม นาม นตฺถีติ ชานามิ. ยเถว เม อิธาติ ยเถว มม อิธ ¶ , ตถา ปรโลเก, ยถา จ ปรโลเก, ตถา อิธาปิ มรณโต มุตฺติ นาม นตฺถีติ อิทมฺปิ มม าเณน สุปริจฺฉินฺนํ. กรสฺสุ กิจฺจานีติ อิมินา สรีเรน กตฺตพฺพกิจฺจานิ กร, อิมํ เต มยา นิสฺสฏฺํ สรีรํ. ฉาทยมาโน มยฺหํ ตฺวมเทสิ มํสนฺติ มยิ รุกฺขคฺคา ปติตฺวา มเต มม สรีรโต ตฺวํ ฉาทยมาโน โรจยมาโน ยํ ยํ อิจฺฉสิ, ตํ ตํ มํสํ อเทสิ, ขาเทยฺยาสีติ อตฺโถ.
ยกฺโข ตสฺส วจนํ สุตฺวา ภีโต หุตฺวา ‘‘น สกฺกา อิมสฺส มํสํ ขาทิตุํ, อุปาเยน นํ ปลาเปสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อิทฺจ เต รุจฺจติ ราชปุตฺต, จเชสิ ปาณํ ปิตุโน ปโมกฺขา;
ตสฺมา หิ โส ตฺวํ ตรมานรูโป, สมฺภฺช กฏฺานิ ชเลหิ อคฺคิ’’นฺติ.
ตตฺถ ชเลหีติ อรฺํ ปวิสิตฺวา สารทารูนิ อาหริตฺวา อคฺคึ ชาเลตฺวา นิทฺธูเม องฺคาเร กร, ตตฺถ เต มํสํ ปจิตฺวา ขาทิสฺสามีติ ทีเปติ.
โส ตถา กตฺวา ตสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. ตํ การณํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อิตรํ คาถมาห –
‘‘ตโต หเว ธิติมา ราชปุตฺโต, ทารุํ สมาหริตฺวา มหนฺตมคฺคึ;
สนฺตีปยิตฺวา ปฏิเวทยิตฺถ, อาทีปิโต ทานิ มหายมคฺคี’’ติ.
ยกฺโข ¶ ¶ อคฺคึ กตฺวา อาคตํ กุมารํ โอโลเกตฺวา ‘‘อยํ ปุริสสีโห, มรณาปิสฺส ภยํ นตฺถิ, มยา เอตฺตกํ กาลํ เอวํ นิพฺภโย นาม น ทิฏฺปุพฺโพ’’ติ โลมหํสชาโต กุมารํ ปุนปฺปุนํ โอโลเกนฺโต นิสีทิ. กุมาโร ตสฺส กิริยํ ทิสฺวา คาถมาห –
‘‘ขาทชฺช มํ ทานิ ปสยฺหการิ, กึ มํ มุหุํ เปกฺขสิ หฏฺโลโม;
ตถา ¶ ตถา ตุยฺหมหํ กโรมิ, ยถา ยถา มํ ฉาทยมาโน อเทสี’’ติ.
ตตฺถ มุหุนฺติ ปุนปฺปุนํ. ตถา ตถา ตุยฺหมหนฺติ อหํ ตุยฺหํ ตถา ตถา วจนํ กโรมิ, อิทานิ กึ กริสฺสามิ, ยถา ยถา มํ ฉาทยมาโน โรจยมาโน อเทสิ ขาทิสฺสสิ, ตสฺมา ขาทชฺช มนฺติ.
อถสฺส วจนํ สุตฺวา ยกฺโข คาถมาห –
‘‘โก ตาทิสํ อรหติ ขาทิตาเย, ธมฺเม ิตํ สจฺจวาทึ วทฺุํ;
มุทฺธาปิ ตสฺส วิผเลยฺย สตฺตธา, โย ตาทิสํ สจฺจวาทึ อเทยฺยา’’ติ.
ตํ สุตฺวา กุมาโร ‘‘สเจ มํ น ขาทิตุกาโมสิ, อถ กสฺมา ทารูนิ ภฺชาเปตฺวา อคฺคึ กาเรสี’’ติ วตฺวา ‘‘ปลายิสฺสติ นุ โข, โนติ ตว ปริคฺคณฺหนตฺถายา’’ติ วุตฺเต ‘‘ตฺวํ อิทานิ มํ กถํ ปริคฺคณฺหิสฺสสิ, โยหํ ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺโต สกฺกสฺส เทวรฺโ อตฺตานํ ปริคฺคณฺหิตุํ นาทาสิ’’นฺติ วตฺวา อาห –
‘‘อิทฺหิ โส พฺราหฺมณํ มฺมาโน, สโส อวาเสสิ สเก สรีเร;
เตเนว โส จนฺทิมา เทวปุตฺโต, สสตฺถุโต กามทุหชฺช ยกฺขา’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – อิทฺหิ โส สสปณฺฑิโต ‘‘พฺราหฺมโณ เอโส’’ติ พฺราหฺมณํ มฺมาโน ‘‘อชฺช อิมํ สรีรํ ขาทิตฺวา อิเธว วสา’’ติ เอวํ สเก สรีเร อตฺตโน สรีรํ ทาตุํ อวาเสสิ, วสาเปสีติ อตฺโถ. สรีรฺจสฺส ¶ ภกฺขตฺถาย อทาสิ. สกฺโก ปพฺพตรสํ ปีเฬตฺวา อาทาย จนฺทมณฺฑเล สสลกฺขณํ อกาสิ. ตโต ปฏฺาย เตเนว สสลกฺขเณน โส จนฺทิมา เทวปุตฺโต ‘‘สสี สสี’’ติ เอวํ สสตฺถุโต โลกสฺส กามทุโห เปมวฑฺฒโน อชฺช ยกฺข วิโรจติ. กปฺปฏฺิยฺเหตํ ปาฏิหาริยนฺติ.
ตํ ¶ ¶ สุตฺวา ยกฺโข กุมารํ วิสฺสชฺเชนฺโต คาถมาห –
‘‘จนฺโท ยถา ราหุมุขา ปมุตฺโต, วิโรจเต ปนฺนรเสว ภาณุมา;
เอวํ ตุวํ โปริสาทา ปมุตฺโต, วิโรจ กปฺปิเล มหานุภาว;
อาโมทยํ ปิตรํ มาตรฺจ, สพฺโพ จ เต นนฺทตุ าติปกฺโข’’ติ.
ตตฺถ ภาณุมาติ สูริโย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา ปนฺนรเส ราหุมุขา มุตฺโต จนฺโท วา ภาณุมา วา วิโรจติ, เอวํ ตฺวมฺปิ มม สนฺติกา มุตฺโต กปิลรฏฺเ วิโรจ มหานุภาวาติ. นนฺทตูติ ตุสฺสตุ.
คจฺฉ มหาวีราติ มหาสตฺตํ อุยฺโยเชสิ. โสปิ ตํ นิพฺพิเสวนํ กตฺวา ปฺจ สีลานิ ทตฺวา ‘‘ยกฺโข นุ โข เอส, โน’’ติ ปริคฺคณฺหนฺโต ‘‘ยกฺขานํ อกฺขีนิ รตฺตานิ โหนฺติ อนิมฺมิสานิ จ, ฉายา น ปฺายติ, อจฺฉมฺภิตา โหนฺติ. นายํ ยกฺโข, มนุสฺโส เอโส. มยฺหํ ปิตุ กิร ตโย ภาตโร ยกฺขินิยา คหิตา. เตสุ เอตาย ทฺเว ขาทิตา ภวิสฺสนฺติ, เอโก ปุตฺตสิเนเหน ปฏิชคฺคิโต ภวิสฺสติ, อิมินา เตน ภวิตพฺพํ, อิมํ เนตฺวา มยฺหํ ปิตุ อาจิกฺขิตฺวา รชฺเช ปติฏฺาเปสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘เอหิ อมฺโภ, น ตฺวํ ยกฺโข, ปิตุ เม เชฏฺภาติโกสิ, เอหิ มยา สทฺธึ คนฺตฺวา กุลสนฺตเก รชฺเช ฉตฺตํ อุสฺสาเปหี’’ติ วตฺวา อิตเรน ‘‘นาหํ มนุสฺโส’’ติ วุตฺเต ‘‘น ตฺวํ มยฺหํ สทฺทหสิ, อตฺถิ ปน โส, ยสฺส สทฺทหสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อตฺถิ อสุกฏฺาเน ทิพฺพจกฺขุกตาปโส’’ติ วุตฺเต ตํ อาทาย ตตฺถ อคมาสิ. ตาปโส เต ทิสฺวาว ‘‘กึ กโรนฺตา ปิตาปุตฺตา อรฺเ จรถา’’ติ วตฺวา เตสํ าติภาวํ กเถสิ ¶ . โปริสาโท ตสฺส สทฺทหิตฺวา ‘‘ตาต, ตฺวํ คจฺฉ, อหํ เอกสฺมิฺเว อตฺตภาเว ทฺวิธา ชาโต, น เม รชฺเชนตฺโถ, ปพฺพชิสฺสามห’’นฺติ ตาปสสฺส สนฺติเก อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. อถ นํ กุมาโร วนฺทิตฺวา นครํ อคมาสิ. ตมตฺถํ ¶ ปกาเสนฺโต สตฺถา –
‘‘ตโต หเว ธิติมา ราชปุตฺโต, กตฺชลี ปริยาย โปริสาทํ;
อนฺุาโต โสตฺถิ สุขี อโรโค, ปจฺจาคมา กปิลมลีนสตฺตา’’ติ. –
คาถํ วตฺวา ตสฺส นครํ คตสฺส เนคมาทีหิ กตกิริยํ ทสฺเสนฺโต โอสานคาถมาห –
‘‘ตํ ¶ เนคมา ชานปทา จ สพฺเพ, หตฺถาโรหา รถิกา ปตฺติกา จ;
นมสฺสมานา ปฺชลิกา อุปาคมุํ, นมตฺถุ เต ทุกฺกรการโกสี’’ติ.
ราชา ‘‘กุมาโร กิร อาคโต’’ติ สุตฺวา ปจฺจุคฺคมนํ อกาสิ. กุมาโร มหาชนปริวาโร คนฺตฺวา ราชานํ วนฺทิ. อถ นํ โส ปุจฺฉิ – ‘‘ตาต, กถํ ตาทิสา โปริสาทา มุตฺโตสี’’ติ. ‘‘ตาต, นายํ ยกฺโข, ตุมฺหากํ เชฏฺภาติโก, เอส มยฺหํ เปตฺเตยฺโย’’ติ สพฺพํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ มม เปตฺเตยฺยํ ทฏฺุํ วฏฺฏตี’’ติ อาห. ราชา ตงฺขณฺเว เภรึ จราเปตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน ตาปสานํ สนฺติกํ อคมาสิ. มหาตาปโส ตสฺส ยกฺขินิยา อาเนตฺวา อขาทิตฺวา โปสิตการณฺจ ยกฺขาภาวการณฺจ เตสํ าติภาวฺจ สพฺพํ วิตฺถารโต กเถสิ. ราชา ‘‘เอหิ, ภาติก, รชฺชํ กาเรหี’’ติ อาห. ‘‘อลํ มหาราชา’’ติ. ‘‘เตน หิ เอถ อุยฺยาเน วสิสฺสถ, อหํ โว จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ? ‘‘น อาคจฺฉามิ มหาราชา’’ติ. ราชา เตสํ อสฺสมปทโต อวิทูเร เอกํ ปพฺพตนฺตรํ พนฺธิตฺวา มหนฺตํ ตฬากํ กาเรตฺวา เกทาเร สมฺปาเทตฺวา มหฑฺฒกุลสหสฺสํ อาเนตฺวา มหาคามํ นิวาเสตฺวา ตาปสานํ ภิกฺขาจารํ ปฏฺเปสิ. โส คาโม จูฬกมฺมาสทมฺมนิคโม ¶ นาม ชาโต. สุตโสมมหาสตฺเตน ¶ โปริสาทสฺส ทมิตปเทโส ปน มหากมฺมาสทมฺมนิคโมติ เวทิตพฺโพ.
สตฺถา อิทํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน มาตุโปสกตฺเถโร โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา มาตาปิตโร มหาราชกุลานิ อเหสุํ, ตาปโส สาริปุตฺโต, โปริสาโท องฺคุลิมาโล, กนิฏฺา อุปฺปลวณฺณา, อคฺคมเหสี ราหุลมาตา, อลีนสตฺตุกุมาโร ปน อหเมว อโหสินฺติ.
ชยทฺทิสชาตกวณฺณนา ตติยา.
[๕๑๔] ๔. ฉทฺทนฺตชาตกวณฺณนา
กึ นุ โสจสีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ ทหรภิกฺขุนึ อารพฺภ กเถสิ. สา กิร สาวตฺถิยํ กุลธีตา ฆราวาเส อาทีนวํ ทิสฺวา สาสเน ปพฺพชิตฺวา เอกทิวสํ ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ ธมฺมสวนาย คนฺตฺวา อลงฺกตธมฺมาสเน นิสีทิตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส ทสพลสฺส อปริมาณปฺุปภาวาภินิพฺพตฺตํ อุตฺตมรูปสมฺปตฺติยุตฺตํ อตฺตภาวํ โอโลเกตฺวา ‘‘ปริจิณฺณปุพฺพา ¶ นุ โข เม ภวสฺมึ วิจรนฺติยา อิมสฺส มหาปุริสสฺส ปาทปริจาริกา’’ติ จินฺเตสิ. อถสฺสา ตงฺขณฺเว ชาติสฺสราณํ อุปฺปชฺชิ – ‘‘ฉทฺทนฺตวารณกาเล อหํ อิมสฺส มหาปุริสสฺส ปาทปริจาริกา ภูตปุพฺพา’’ติ. อถสฺสา สรนฺติยา มหนฺตํ ปีติปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชิ. สา ปีติเวเคน มหาหสิตํ หสิตฺวา ปุน จินฺเตสิ – ‘‘ปาทปริจาริกา นาม สามิกานํ หิตชฺฌาสยา อปฺปกา, อหิตชฺฌาสยาว พหุตรา, หิตชฺฌาสยา นุ โข อหํ อิมสฺส มหาปุริสสฺส อโหสึ, อหิตชฺฌาสยา’’ติ. สา อนุสฺสรมานา ‘‘อหํ อปฺปมตฺตกํ โทสํ หทเย เปตฺวา วีสรตนสติกํ ฉทฺทนฺตมหาคชิสฺสรํ โสนุตฺตรํ นาม เนสาทํ เปเสตฺวา วิสปีตสลฺเลน วิชฺฌาเปตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปสิ’’นฺติ อทฺทส. อถสฺสา โสโก อุทปาทิ, หทยํ อุณฺหํ อโหสิ, โสกํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺตี อสฺสสิตฺวา ปสฺสสิตฺวา มหาสทฺเทน ปโรทิ. ตํ ทิสฺวา สตฺถา ¶ สิตํ ปาตุ กริตฺวา ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, เหตุ, โก ปจฺจโย สิตสฺส ปาตุกมฺมายา’’ติ ภิกฺขุสงฺเฆน ปุฏฺโ ‘‘ภิกฺขเว, อยํ ทหรภิกฺขุนี ปุพฺเพ มยิ กตํ อปราธํ สริตฺวา โรทตี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ หิมวนฺตปเทเส ฉทฺทนฺตทหํ อุปนิสฺสาย อฏฺสหสฺสา หตฺถินาคา วสึสุ อิทฺธิมนฺตา เวหาสงฺคมา. ตทา โพธิสตฺโต เชฏฺกวารณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, โส สพฺพเสโต อโหสิ รตฺตมุขปาโท. โส อปรภาเค วุทฺธิปฺปตฺโต อฏฺาสีติหตฺถุพฺเพโธ อโหสิ วีสรตนสตายาโม. อฏฺปณฺณาสหตฺถาย รชตทามสทิสาย โสณฺฑาย สมนฺนาคโต. ทนฺตา ปนสฺส ปริกฺเขปโต ปนฺนรสหตฺถา อเหสุํ ทีฆโต ตึสหตฺถา ฉพฺพณฺณรํสีหิ สมนฺนาคตา. โส อฏฺนฺนํ นาคสหสฺสานํ เชฏฺโก อโหสิ, ปฺจสเต ปจฺเจกพุทฺเธ ปูเชสิ. ตสฺส ทฺเว อคฺคมเหสิโย อเหสุํ – จูฬสุภทฺทา, มหาสุภทฺทา จาติ. นาคราชา อฏฺนาคสหสฺสปริวาโร กฺจนคุหายํ วสติ. โส ปน ฉทฺทนฺตทโห อายามโต จ วิตฺถารโต จ ปณฺณาสโยชโน โหติ. ตสฺส มชฺเฌ ทฺวาทสโยชนปฺปมาเณ าเน เสวาโล วา ปณกํ วา นตฺถิ, มณิกฺขนฺธวณฺณอุทกเมว สนฺติฏฺติ, ตทนนฺตรํ โยชนวิตฺถตํ สุทฺธํ กลฺลหารวนํ, ตํ อุทกํ ปริกฺขิปิตฺวา ิตํ, ตทนนฺตรํ โยชนวิตฺถตเมว สุทฺธํ นีลุปฺปลวนํ ตํ ปริกฺขิปิตฺวา ิตํ, ตโต โยชนโยชนวิตฺถตาเนว รตฺตุปฺปลเสตุปฺปลรตฺตปทุมเสตปทุมกุมุทวนานิ ปุริมํ ปุริมํ ปริกฺขิปิตฺวา ิตานิ. อิเมสํ ปน สตฺตนฺนํ วนานํ อนนฺตรํ สพฺเพสมฺปิ เตสํ กลฺลหาราทิวนานํ วเสน โอมิสฺสกวนํ โยชนวิตฺถตเมว ตานิ ปริกฺขิปิตฺวา ิตํ. ตทนนฺตรํ นาคานํ กฏิปฺปมาเณ อุทเก โยชนวิตฺถตเมว รตฺตสาลิวนํ, ตทนนฺตรํ อุทกปริยนฺเต โยชนวิตฺถตเมว นีลปีตโลหิตโอทาตสุรภิสุขุมกุสุมสมากิณฺณํ ขุทฺทกคจฺฉวนํ, อิติ อิมานิ ทส วนานิ โยชนวิตฺถตาเนว. ตโต ขุทฺทกราชมาสมหาราชมาสมุคฺควนํ, ตทนนฺตรํ ติปุสเอลาลุกลาพุกุมฺภณฺฑวลฺลิวนานิ, ตโต ปูครุกฺขปฺปมาณํ ¶ อุจฺฉุวนํ, ตโต หตฺถิทนฺตปฺปมาณผลํ กทลิวนํ ¶ , ตโต สาลวนํ, ตทนนฺตรํ จาฏิปฺปมาณผลํ ปนสวนํ, ตโต มธุรผลํ จิฺจวนํ, ตโต อมฺพวนํ, ตโต กปิฏฺวนํ, ตโต โอมิสฺสโก มหาวนสณฺโฑ, ตโต เวฬุวนํ, อยมสฺส ตสฺมึ ¶ กาเล สมฺปตฺติ. สํยุตฺตฏฺกถายํ ปน อิทานิ ปวตฺตมานสมฺปตฺติเยว กถิตา.
เวฬุวนํ ปน ปริกฺขิปิตฺวา สตฺต ปพฺพตา ิตา. เตสํ พาหิรนฺตโต ปฏฺาย ปโม จูฬกาฬปพฺพโต นาม, ทุติโย มหากาฬปพฺพโต นาม, ตโต อุทกปพฺพโต นาม, ตโต จนฺทิมปสฺสปพฺพโต นาม, ตโต สูริยปสฺสปพฺพโต นาม, ตโต มณิปสฺสปพฺพโต นาม, สตฺตโม สุวณฺณปสฺสปพฺพโต นาม. โส อุพฺเพธโต สตฺตโยชนิโก ฉทฺทนฺตทหํ ปริกฺขิปิตฺวา ปตฺตสฺส มุขวฏฺฏิ วิย ิโต. ตสฺส อพฺภนฺตริมํ ปสฺสํ สุวณฺณวณฺณํ, ตโต นิกฺขนฺเตน โอภาเสน ฉทฺทนฺตทโห สมุคฺคตพาลสูริโย วิย โหติ. พาหิรปพฺพเตสุ ปน เอโก อุพฺเพธโต ฉโยชนิโก, เอโก ปฺจ, เอโก จตฺตาริ, เอโก ตีณิ, เอโก ทฺเว, เอโก โยชนิโก, เอวํ สตฺตปพฺพตปริกฺขิตฺตสฺส ปน ตสฺส ทหสฺส ปุพฺพุตฺตรกณฺเณ อุทกวาตปฺปหรโณกาเส มหานิคฺโรธรุกฺโข อตฺถิ. ตสฺส ขนฺโธ ปริกฺเขปโต ปฺจโยชนิโก, อุพฺเพธโต สตฺตโยชนิโก, จตูสุ ทิสาสุ จตสฺโส สาขา ฉโยชนิกา, อุทฺธํ อุคฺคตสาขาปิ ฉโยชนิกาว, อิติ โส มูลโต ปฏฺาย อุพฺเพเธน เตรสโยชนิโก, สาขานํ โอริมนฺตโต ยาว ปาริมนฺตา ทฺวาทสโยชนิโก, อฏฺหิ ปาโรหสหสฺเสหิ ปฏิมณฺฑิโต มุณฺฑมณิปพฺพโต วิย วิลาสมาโน ติฏฺติ. ฉทฺทนฺตทหสฺส ปน ปจฺฉิมทิสาภาเค สุวณฺณปสฺสปพฺพเต ทฺวาทสโยชนิกา กฺจนคุหา ติฏฺติ. ฉทฺทนฺโต นาม นาคราชา วสฺสารตฺเต เหมนฺเต อฏฺสหสฺสนาคปริวุโต กฺจนคุหายํ วสติ. คิมฺหกาเล อุทกวาตํ สมฺปฏิจฺฉมาโน มหานิคฺโรธมูเล ปาโรหนฺตเร ติฏฺตี.
อถสฺส เอกทิวสํ ‘‘มหาสาลวนํ ปุปฺผิต’’นฺติ ตรุณนาคา อาคนฺตฺวา อาโรจยึสุ. โส สปริวาโร ‘‘สาลกีฬํ กีฬิสฺสามี’’ติ ¶ สาลวนํ คนฺตฺวา เอกํ สุปุปฺผิตํ สาลรุกฺขํ กุมฺเภน ปหริ. ตทา จูฬสุภทฺทา ปฏิวาตปสฺเส ิตา, ตสฺสา สรีเร สุกฺขทณฺฑกมิสฺสกานิ ปุราณปณฺณานิ เจว ตมฺพกิปิลฺลิกานิ จ ปตึสุ. มหาสุภทฺทา อโธวาตปสฺเส ิตา, ตสฺสา สรีเร ปุปฺผเรณุกิฺชกฺขปตฺตานิ ปตึสุ. จูฬสุภทฺทา ‘‘อยํ นาคราชา อตฺตโน ปิยภริยาย อุปริ ปุปฺผเรณุกิฺชกฺขปตฺตานิ ปาเตสิ, มม ¶ สรีเร สุกฺขทณฺฑกมิสฺสานิ ปุราณปณฺณานิ เจว ตมฺพกิปิลฺลิกานิ จ ปาเตสิ, โหตุ, กาตพฺพํ ชานิสฺสามี’’ติ มหาสตฺเต เวรํ พนฺธิ.
อปรมฺปิ ทิวสํ นาคราชา สปริวาโร นฺหานตฺถาย ฉทฺทนฺตทหํ โอตริ. อถ ทฺเว ตรุณนาคา โสณฺฑาหิ ¶ อุสิรกลาเป คเหตฺวา เกลาสกูฏํ มชฺชนฺตา วิย นฺหาเปสุํ. ตสฺมึ นฺหตฺวา อุตฺติณฺเณ ทฺเว กเรณุโย นฺหาเปสุํ. ตาปิ อุตฺตริตฺวา มหาสตฺตสฺส สนฺติเก อฏฺํสุ. ตโต อฏฺสหสฺสนาคาสรํ โอตริตฺวา อุทกกีฬํ กีฬิตฺวา สรโต นานาปุปฺผานิ อาหริตฺวา รชตถูปํ อลงฺกโรนฺตา วิย มหาสตฺตํ อลงฺกริตฺวา ปจฺฉา ทฺเว กเรณุโย อลงฺกรึสุ. อเถโก หตฺถี สเร วิจรนฺโต สตฺตุทฺทยํ นาม มหาปทุมํ ลภิตฺวา อาหริตฺวา มหาสตฺตสฺส อทาสิ. โส ตํ โสณฺฑาย คเหตฺวา เรณุํ กุมฺเภ โอกิริตฺวา เชฏฺกาย มหาสุภทฺทาย อทาสิ. ตํ ทิสฺวา อิตรา ‘‘อิทมฺปิ สตฺตุทฺทยํ มหาปทุมํ อตฺตโน ปิยภริยาย เอว อทาสิ, น มยฺห’’นฺติ ปุนปิ ตสฺมึ เวรํ พนฺธิ.
อเถกทิวสํ โพธิสตฺเต มธุรผลานิ เจว ภิสมุฬาลานิ จ โปกฺขรมธุนา โยเชตฺวา ปฺจสเต ปจฺเจกพุทฺเธ โภเชนฺเต จูฬสุภทฺทา อตฺตนา ลทฺธผลาผลํ ปจฺเจกพุทฺธานํ ทตฺวา ‘‘ภนฺเต, อิโต จวิตฺวา มทฺทราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา สุภทฺทา นาม ราชกฺา หุตฺวา วยปฺปตฺตา พาราณสิรฺโ อคฺคมเหสิภาวํ ปตฺวา ตสฺส ปิยา มนาปา ตํ อตฺตโน รุจึ กาเรตุํ สมตฺถา หุตฺวา ตสฺส อาจิกฺขิตฺวา เอกํ ลุทฺทกํ เปเสตฺวา อิมํ หตฺถึ วิสปีเตน สลฺเลน วิชฺฌาเปตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา ฉพฺพณฺณรํสึ ¶ วิสฺสชฺเชนฺเต ยมกทนฺเต อาหราเปตุํ สมตฺถา โหมี’’ติ ปตฺถนํ เปสิ. สา ตโต ปฏฺาย โคจรํ อคฺคเหตฺวา สุสฺสิตฺวา นจิรสฺเสว กาลํ กตฺวา มทฺทรฏฺเ ราชอคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ, สุภทฺทาติสฺสา นามํ กรึสุ. อถ นํ วยปฺปตฺตํ พาราณสิรฺโ อทํสุ. สา ตสฺส ปิยา อโหสิ มนาปา, โสฬสนฺนํ อิตฺถิสหสฺสานํ เชฏฺิกา หุตฺวา ชาติสฺสราณฺจ ปฏิลภิ. สา จินฺเตสิ – ‘‘สมิทฺธา เม ปตฺถนา, อิทานิ ตสฺส นาคสฺส ยมกทนฺเต อาหราเปสฺสามี’’ติ. ตโต สรีรํ เตเลน มกฺเขตฺวา กิลิฏฺวตฺถํ นิวาเสตฺวา คิลานาการํ ทสฺเสตฺวา สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา มฺจเก นิปชฺชิ. ราชา ‘‘กุหึ สุภทฺทา’’ติ วตฺวา ‘‘คิลานา’’ติ สุตฺวา สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา มฺจเก นิสีทิตฺวา ตสฺสา ปิฏฺึ ปริมชฺชนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘กึ ¶ นุ โสจสินุจฺจงฺคิ, ปณฺฑูสิ วรวณฺณินิ;
มิลายสิ วิสาลกฺขิ, มาลาว ปริมทฺทิตา’’ติ.
ตตฺถ อนุจฺจงฺคีติ กฺจนสนฺนิภสรีเร. มาลาว ปริมทฺทิตาติ หตฺเถหิ ปริมทฺทิตา ปทุมมาลา วิย.
ตํ สุตฺวา สา อิตรํ คาถมาห –
‘‘โทหโฬ ¶ เม มหาราช, สุปินนฺเตนุปชฺฌคา;
น โส สุลภรูโปว, ยาทิโส มม โทหโฬ’’ติ.
ตตฺถ น โสติ ยาทิโส มม สุปินนฺเตนุปชฺฌคา สุปิเน ปสฺสนฺติยา มยา ทิฏฺโ โทหโฬ, โส สุลภรูโป วิย น โหติ, ทุลฺลโภ โส, มยฺหํ ปน ตํ อลภนฺติยา ชีวิตํ นตฺถีติ อวจ.
ตํ สุตฺวา ราชา คาถมาห –
‘‘เย เกจิ มานุสา กามา, อิธ โลกมฺหิ นนฺทเน;
สพฺเพ เต ปจุรา มยฺหํ, อหํ เต ทมฺมิ โทหฬ’’นฺติ.
ตตฺถ ปจุราติ พหู สุลภา.
ตํ สุตฺวา เทวี, ‘‘มหาราช, ทุลฺลโภ มม โทหโฬ, น ตํ อิทานิ กเถมิ, ยาวตฺตกา ปน เต วิชิเต ลุทฺทา, เต สพฺเพ สนฺนิปาเตถ ¶ , เตสํ มชฺเฌ กเถสฺสามี’’ติ ทีเปนฺตี อนนฺตรํ คาถมาห –
‘‘ลุทฺทา เทว สมายนฺตุ, เย เกจิ วิชิเต ตว;
เอเตสํ อหมกฺขิสฺสํ, ยาทิโส มม โทหโฬ’’ติ.
ราชา ‘‘สาธู’’ติ สิริคพฺภา นิกฺขมิตฺวา ‘‘ยาวติกา ติโยชนสติเก กาสิกรฏฺเ ลุทฺทา, เตสํ สนฺนิปาตตฺถาย เภรึ จราเปถา’’ติ อมจฺเจ อาณาเปสิ. เต ตถา อกํสุ. นจิรสฺเสว กาสิรฏฺวาสิโน ลุทฺทา ยถาพลํ ปณฺณาการํ คเหตฺวา อาคนฺตฺวา อาคตภาวํ รฺโ อาโรจาเปสุํ ¶ . เต สพฺเพปิ สฏฺิสหสฺสมตฺตา อเหสุํ. ราชา เตสํ อาคตภาวํ ตฺวา วาตปาเน ิโต หตฺถํ ปสาเรตฺวา เตสํ อาคตภาวํ เทวิยา กเถนฺโต อาห –
‘‘อิเม เต ลุทฺทกา เทวิ, กตหตฺถา วิสารทา;
วนฺู จ มิคฺู จ, มมตฺเถ จตฺตชีวิตา’’ติ.
ตตฺถ ¶ อิเม เตติ เย ตฺวํ สนฺนิปาตาเปสิ, อิเม เต. กตหตฺถาติ วิชฺฌนเฉทเนสุ กตหตฺถา กุสลา สุสิกฺขิตา. วิสารทาติ นิพฺภยา. วนฺู จ มิคฺู จาติ วนานิ จ มิเค จ ชานนฺติ. มมตฺเถติ สพฺเพปิ เจเต มมตฺเถ จตฺตชีวิตา, ยมหํ อิจฺฉามิ, ตํ กโรนฺตีติ.
ตํ สุตฺวา เทวี เต อามนฺเตตฺวา อิตรํ คาถมาห –
‘‘ลุทฺทปุตฺตา นิสาเมถ, ยาวนฺเตตฺถ สมาคตา;
ฉพฺพิสาณํ คชํ เสตํ, อทฺทสํ สุปิเน อหํ;
ตสฺส ทนฺเตหิ เม อตฺโถ, อลาเภ นตฺถิ ชีวิต’’นฺติ.
ตตฺถ นิสาเมถาติ สุณาถ. ฉพฺพิสาณนฺติ ฉพฺพณฺณวิสาณํ.
ตํ สุตฺวา ลุทฺทปุตฺตา อาหํสุ –
‘‘น โน ปิตูนํ น ปิตามหานํ, ทิฏฺโ สุโต กฺุชโร ฉพฺพิสาโณ;
ยมทฺทสา ¶ สุปิเน ราชปุตฺตี, อกฺขาหิ โน ยาทิโส หตฺถินาโค’’ติ.
ตตฺถ ปิตูนนฺติ กรณตฺเถ สามิวจนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เทวิ เนว อมฺหากํ ปิตูหิ, น ปิตามเหหิ เอวรูโป กฺุชโร ทิฏฺปุพฺโพ, ปเคว อมฺเหหิ, ตสฺมา อตฺตนา ทิฏฺลกฺขณวเสน อกฺขาหิ โน, ยาทิโส ตยา ทิฏฺโ หตฺถินาโคติ.
อนนฺตรคาถาปิ ¶ เตเหว วุตฺตา –
‘‘ทิสา จตสฺโส วิทิสา จตสฺโส, อุทฺธํ อโธ ทส ทิสา อิมาโย;
กตมํ ทิสํ ติฏฺติ นาคราชา, ยมทฺทสา สุปิเน ฉพฺพิสาณ’’นฺติ.
ตตฺถ ทิสาติ ทิสาสุ. กตมนฺติ เอตาสุ ทิสาสุ กตมาย ทิสายาติ.
เอวํ วุตฺเต สุภทฺทา สพฺเพ ลุทฺเท โอโลเกตฺวา เตสํ อนฺตเร ปตฺถฏปาทํ ภตฺตปุฏสทิสชงฺฆํ มหาชาณุกํ มหาผาสุกํ พหลมสฺสุตมฺพทาิกํ นิพฺพิทฺธปิงฺคลํ ทุสฺสณฺานํ พีภจฺฉํ สพฺเพสํ มตฺถกมตฺถเกน ¶ ปฺายมานํ มหาสตฺตสฺส ปุพฺพเวรึ โสนุตฺตรํ นาม เนสาทํ ทิสฺวา ‘‘เอส มม วจนํ กาตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ ราชานํ อนุชานาเปตฺวา ตํ อาทาย สตฺตภูมิกปาสาทสฺส อุปริมตลํ อารุยฺห อุตฺตรสีหปฺชรํ วิวริตฺวา อุตฺตรหิมวนฺตาภิมุขํ หตฺถํ ปสาเรตฺวา จตสฺโส คาถา อภาสิ –
‘‘อิโต อุชุํ อุตฺตริยํ ทิสายํ, อติกฺกมฺม โส สตฺต คิรี พฺรหฺมนฺเต;
สุวณฺณปสฺโส นาม คิรี อุฬาโร, สุปุปฺผิโต กิมฺปุริสานุจิณฺโณ.
‘‘อารุยฺห เสลํ ภวนํ กินฺนรานํ, โอโลกย ปพฺพตปาทมูลํ;
อถ ¶ ทกฺขสี เมฆสมานวณฺณํ, นิคฺโรธราชํ อฏฺสหสฺสปาทํ.
‘‘ตตฺถจฺฉตี กฺุชโร ฉพฺพิสาโณ, สพฺพเสโต ทุปฺปสโห ปเรภิ;
รกฺขนฺติ นํ อฏฺสหสฺสนาคา, อีสาทนฺตา วาตชวปฺปหาริโน.
‘‘ติฏฺนฺติ ¶ เต ตุมูลํ ปสฺสสนฺตา, กุปฺปนฺติ วาตสฺสปิ เอริตสฺส;
มนุสฺสภูตํ ปน ตตฺถ ทิสฺวา, ภสฺมํ กเรยฺยุํ นาสฺส รโชปิ ตสฺสา’’ติ.
ตตฺถ อิโตติ อิมมฺหา านา. อุตฺตริยนฺติ อุตฺตราย. อุฬาโรติ มหา อิตเรหิ ฉหิ ปพฺพเตหิ อุจฺจตโร. โอโลกยาติ อาโลเกยฺยาสิ. ตตฺถจฺฉตีติ ตสฺมึ นิคฺโรธมูเล คิมฺหสมเย อุทกวาตํ สมฺปฏิจฺฉนฺโต ติฏฺติ. ทุปฺปสโหติ อฺเ ตํ อุปคนฺตฺวา ปสยฺหการํ กาตุํ สมตฺถา นาม นตฺถีติ ทุปฺปสโห ปเรภิ. อีสาทนฺตาติ รถีสาย สมานทนฺตา. วาตชวปฺปหาริโนติ วาตชเวน คนฺตฺวา ปจฺจามิตฺเต ปหรณสีลา เอวรูปา อฏฺสหสฺสนาคา นาคราชานํ รกฺขนฺติ. ตุมูลนฺติ ภึสนกํ มหาสทฺทานุพนฺธํ อสฺสาสํ มฺุจนฺตา ติฏฺนฺติ. เอริตสฺสาติ วาตปหริตสฺส ยํ สทฺทานุพนฺธํ เอริตํ จลนํ กมฺปนํ, ตสฺสปิ กุปฺปนฺติ, เอวํผรุสา เต นาคา. นาสฺสาติ ตสฺส นาสวาเตน วิทฺธํเสตฺวา ภสฺมํ กตสฺส ตสฺส รโชปิ น ภเวยฺยาติ.
ตํ สุตฺวา โสนุตฺตโร มรณภยภีโต อาห –
‘‘พหู ¶ หิเม ราชกุลมฺหิ สนฺติ, ปิฬนฺธนา ชาตรูปสฺส เทวิ;
มุตฺตา ¶ มณี เวฬุริยามยา จ, กึ กาหสิ ทนฺตปิฬนฺธเนน;
มาเรตุกามา กฺุชรํ ฉพฺพิสาณํ, อุทาหุ ฆาเตสฺสสิ ลุทฺทปุตฺเต’’ติ.
ตตฺถ ปิฬนฺธนาติ อาภรณานิ. เวฬุริยามยาติ เวฬุริยมยานิ. ฆาเตสฺสสีติ อุทาหุ ปิฬนฺธนาปเทเสน ลุทฺทปุตฺเต ฆาตาเปตุกามาสีติ ปุจฺฉติ.
ตโต เทวี คาถมาห –
‘‘สา อิสฺสิตา ทุกฺขิตา จสฺมิ ลุทฺท, อุทฺธฺจ สุสฺสามิ อนุสฺสรนฺตี;
กโรหิ เม ลุทฺทก เอตมตฺถํ, ทสฺสามิ เต คามวรานิ ปฺจา’’ติ.
ตตฺถ ¶ สาติ สา อหํ. อนุสฺสรนฺตีติ เตน วารเณน ปุเร มยิ กตํ เวรํ อนุสฺสรมานา. ทสฺสามิ เตติ เอตสฺมึ เต อตฺเถ นิปฺผาทิเต สํวจฺฉเร สตสหสฺสุฏฺานเก ปฺจ คามวเร ททามีติ.
เอวฺจ ปน วตฺวา ‘‘สมฺม ลุทฺทปุตฺต อหํ ‘เอตํ ฉทฺทนฺตหตฺถึ มาราเปตฺวา ยมกทนฺเต อาหราเปตุํ สมตฺถา โหมี’ติ ปุพฺเพ ปจฺเจกพุทฺธานํ ทานํ ทตฺวา ปตฺถนํ ปฏฺเปสึ, มยา สุปินนฺเตน ทิฏฺํ นาม นตฺถิ, สา ปน มยา ปตฺถิตปตฺถนา สมิชฺฌิสฺสติ, ตฺวํ คจฺฉนฺโต มา ภายี’’ติ ตํ สมสฺสาเสตฺวา เปเสสิ. โส ‘‘สาธุ, อยฺเย’’ติ ตสฺสา วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ‘‘เตน หิ เม ปากฏํ กตฺวา ตสฺส วสนฏฺานํ กเถหี’’ติ ปุจฺฉนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘กตฺถจฺฉตี กตฺถ มุเปติ านํ, วีถิสฺส กา นฺหานคตสฺส โหติ;
กถฺหิ โส นฺหายติ นาคราชา, กถํ วิชาเนมุ คตึ คชสฺสา’’ติ.
ตตฺถ กตฺถจฺฉตีติ กตฺถ วสติ. กตฺถ มุเปตีติ กตฺถ อุเปติ, กตฺถ ติฏฺตีติ อตฺโถ. วีถิสฺส กาติ ตสฺส นฺหานคตสฺส กา วีถิ โหติ, กตรมคฺเคน โส คจฺฉติ. กถํ วิชาเนมุ คตินฺติ ตยา อกถิเต มยํ กถํ ตสฺส นาคราชสฺส คตึ วิชานิสฺสาม, ตสฺมา กเถหิ โนติ อตฺโถ.
ตโต ¶ ¶ สา ชาติสฺสราเณน ปจฺจกฺขโต ทิฏฺฏฺานํ ตสฺส อาจิกฺขนฺตี ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘ตตฺเถว สา โปกฺขรณี อทูเร, รมฺมา สุติตฺถา จ มโหทิกา จ;
สมฺปุปฺผิตา ภมรคณานุจิณฺณา, เอตฺถ หิ โส นฺหายติ นาคราชา.
‘‘สีสํ ¶ นหาตุปฺปลมาลภารี, สพฺพเสโต ปุณฺฑรีกตฺตจงฺคี;
อาโมทมาโน คจฺฉติ สนฺนิเกตํ, ปุรกฺขตฺวา มเหสึ สพฺพภทฺท’’นฺติ.
ตตฺถ ตตฺเถวาติ ตสฺส วสนฏฺาเนเยว. โปกฺขรณีติ ฉทฺทนฺตทหํ สนฺธายาห. สมฺปุปฺผิตาติ ทุวิเธหิ กุมุเทหิ ติวิเธหิ อุปฺปเลหิ ปฺจวณฺเณหิ จ ปทุเมหิ สมนฺตโต ปุปฺผิตา. เอตฺถ หิ โสติ โส นาคราชา เอตฺถ ฉทฺทนฺตทเห นฺหายติ. อุปฺปลมาลภารีติ อุปฺปลาทีนํ ชลชถลชานํ ปุปฺผานํ มาลํ ธาเรนฺโต. ปุณฺฑรีกตฺตจงฺคีติ ปุณฺฑรีกสทิสตเจน โอทาเตน องฺเคน สมนฺนาคโต. อาโมทมาโนติ อาโมทิตปโมทิโต. สนฺนิเกตนฺติ อตฺตโน วสนฏฺานํ. ปุรกฺขตฺวาติ สพฺพภทฺทํ นาม มเหสึ ปุรโต กตฺวา อฏฺหิ นาคสหสฺเสหิ ปริวุโต อตฺตโน วสนฏฺานํ คจฺฉตีติ.
ตํ สุตฺวา โสนุตฺตโร ‘‘สาธุ อยฺเย, อหํ ตํ วารณํ มาเรตฺวา ตสฺส ทนฺเต อาหริสฺสามี’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. อถสฺส สา ตุฏฺา สหสฺสํ ทตฺวา ‘‘เคหํ ตาว คจฺฉ, อิโต สตฺตาหจฺจเยน ตตฺถ คมิสฺสสี’’ติ ตํ อุยฺโยเชตฺวา กมฺมาเร ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ตาตา อมฺหากํ วาสิผรสุ-กุทฺทาล-นิขาทน-มุฏฺิกเวฬุคุมฺพจฺเฉทน-สตฺถ-ติณลายน-อสิโลหทณฺฑกกจขาณุก- อยสิงฺฆาฏเกหิ อตฺโถ, สพฺพํ สีฆํ กตฺวา อาหรถา’’ติ อาณาเปตฺวา จมฺมกาเร ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ตาตา อมฺหากํ กุมฺภภารคาหิตํ จมฺมภสฺตํ กาตุํ วฏฺฏติ, จมฺมโยตฺตวรตฺตหตฺถิปาทอุปาหนจมฺมฉตฺเตหิปิ โน อตฺโถ, สพฺพํ สีฆํ กตฺวา อาหรถา’’ติ อาณาเปสิ. เต อุโภปิ สพฺพานิ ตานิ สีฆํ กตฺวา อาหริตฺวา ¶ อทํสุ. สา ตสฺส ปาเถยฺยํ สํวิทหิตฺวา อรณิสหิตํ อาทึ กตฺวา สพฺพํ อุปกรณฺจ พทฺธสตฺตุมาทึ กตฺวา ปาเถยฺยฺจ จมฺมภสฺตายํ ปกฺขิปิ, ตํ สพฺพมฺปิ กุมฺภภารมตฺตํ อโหสิ.
โสนุตฺตโรปิ อตฺตโน ปริวจฺฉํ กตฺวา สตฺตเม ทิวเส อาคนฺตฺวา เทวึ วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. อถ นํ สา ‘‘นิฏฺิตํ เต สมฺม สพฺพูปกรณํ, อิมํ ตาว ปสิพฺพกํ คณฺหา’’ติ อาห. โส ปน มหาถาโม ปฺจนฺนํ หตฺถีนํ พลํ ¶ ธาเรติ, ตสฺมา ตมฺพูลปสิพฺพกํ วิย อุกฺขิปิตฺวา อุปกจฺฉนฺตเร ¶ เปตฺวา ริตฺตหตฺโถ วิย อฏฺาสิ. สุภทฺทา ลุทฺทสฺส ปุตฺตทารานํ ปริพฺพยํ ทตฺวา รฺโ อาจิกฺขิตฺวา โสนุตฺตรํ อุยฺโยเชสิ. โสปิ ราชานฺจ เทวิฺจ วนฺทิตฺวา ราชนิเวสนา โอรุยฺห รเถ ตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน นครา นิกฺขมิตฺวา คามนิคมชนปทปรมฺปราย ปจฺจนฺตํ ปตฺวา ชานปเท นิวตฺเตตฺวา ปจฺจนฺตวาสีหิ สทฺธึ อรฺํ ปวิสิตฺวา มนุสฺสปถํ อติกฺกมฺม ปจฺจนฺตวาสิโนปิ นิวตฺเตตฺวา เอกโกว คจฺฉนฺโต ตึสโยชนํ ปตฺวา ปมํ ทพฺพคหนํ กาสคหนํ ติณคหนํ ตุลสิคหนํ สรคหนํ ติริวจฺฉคหนนฺติ ฉ คหนานิ, กณฺฏกเวฬุคุมฺพคหนานิ เวตฺตคหนํ โอมิสฺสกคหนํ นฬคหนํ สรคหนสทิสํ อุรเคนปิ ทุพฺพินิวิชฺฌํ ฆนวนคหนํ รุกฺขคหนํ เวฬุคหนํ อปรมฺปิ เวฬุคุมฺพคหนํ กลลคหนํ อุทกคหนํ ปพฺพตคหนนฺติ อฏฺารส คหนานิ ปฏิปาฏิยา ปตฺวา ทพฺพคหนาทีนิ อสิเตน ลายิตฺวา ตุลสิคหนาทีนิ เวฬุคุมฺพจฺเฉทนสตฺเถน ฉินฺทิตฺวา รุกฺเข ผรสุนา โกฏฺเฏตฺวา อติมหนฺเต รุกฺเข นิขาทเนน วิชฺฌิตฺวา มคฺคํ กโรนฺโต เวฬุวเน นิสฺเสณึ กตฺวา เวฬุคุมฺพํ อารุยฺห เวฬุํ ฉินฺทิตฺวา อปรสฺส เวฬุคุมฺพสฺส อุปริ ปาเตตฺวา เวฬุคุมฺพมตฺถเกน คนฺตฺวา กลลคหเน สุกฺขรุกฺขปทรํ ¶ อตฺถริตฺวา เตน คนฺตฺวา อปรํ อตฺถริตฺวา อิตรํ อุกฺขิปิตฺวา ปุน ปุรโต อตฺถรนฺโต ตํ อติกฺกมิตฺวา อุทกคหเน โทณึ กตฺวา ตาย อุทกคหนํ ตริตฺวา ปพฺพตปาเท ตฺวา อยสิงฺฆาฏกํ โยตฺเตน พนฺธิตฺวา อุทฺธํ ขิปิตฺวา ปพฺพเต ลคฺคาเปตฺวา โยตฺเตนารุยฺห วชิรคฺเคน โลหทณฺเฑน ปพฺพตํ วิชฺฌิตฺวา ขาณุกํ โกฏฺเฏตฺวา ตตฺถ ตฺวา สิงฺฆาฏกํ อากฑฺฒิตฺวา ปุน อุปริ ลคฺคาเปตฺวา ตตฺถ ิโต จมฺมโยตฺตํ โอลมฺเพตฺวา ตํ อาทาย โอตริตฺวา เหฏฺิมขาณุเก พนฺธิตฺวา วามหตฺเถน โยตฺตํ คเหตฺวา ทกฺขิณหตฺเถน มุคฺครํ อาทาย โยตฺตํ ปหริตฺวา ขาณุกํ นีหริตฺวา ปุน อภิรุหติ. เอเตนุปาเยน ปพฺพตมตฺถกํ อภิรุยฺห ปรโต โอตรนฺโต ปุริมนเยเนว ปมํ ปพฺพตมตฺถเก ขาณุกํ โกฏฺเฏตฺวา จมฺมปสิพฺพเก โยตฺตํ พนฺธิตฺวา ขาณุเก เวเตฺวา สยํ อนฺโตปสิพฺพเก นิสีทิตฺวา มกฺกฏกานํ มกฺกฏสุตฺตวิสฺสชฺชนากาเรน โยตฺตํ วินิเวเนฺโต โอตรติ. จมฺมฉตฺเตน วาตํ คาหาเปตฺวา สกุโณ วิย โอตรตีติปิ วทนฺติเยว.
เอวํ ¶ ตสฺส สุภทฺทาย วจนํ อาทาย นครา นิกฺขมิตฺวา สตฺตรส คหนานิ อติกฺกมิตฺวา ปพฺพตคหนํ ปตฺวา ตตฺราปิ ฉ ปพฺพเต อติกฺกมิตฺวา สุวณฺณปสฺสปพฺพตมตฺถกํ อารุฬฺหภาวํ อาวิกโรนฺโต สตฺถา อาห –
‘‘ตตฺเถว โส อุคฺคเหตฺวาน วากฺยํ, อาทาย ตูณิฺจ ธนฺุจ ลุทฺโท;
วิตุริยติ สตฺต คิรี พฺรหนฺเต, สุวณฺณปสฺสํ นาม คิรึ อุฬารํ.
‘‘อารุยฺห ¶ เสลํ ภวนํ กินฺนรานํ, โอโลกยี ปพฺพตปาทมูลํ;
ตตฺถทฺทสา เมฆสมานวณฺณํ, นิคฺโรธราชํ อฏฺสหสฺสปาทํ.
‘‘ตตฺถทฺทสา ¶ กฺุชรํ ฉพฺพิสาณํ, สพฺพเสตํ ทุปฺปสหํ ปเรภิ;
รกฺขนฺติ นํ อฏฺสหสฺสนาคา, อีสาทนฺตา วาตชวปฺปหาริโน.
‘‘ตตฺถทฺทสา โปกฺขรณึ อทูเร, รมฺมํ สุติตฺถฺจ มโหทิกฺจ;
สมฺปุปฺผิตํ ภมรคณานุจิณฺณํ, ยตฺถ หิ โส นฺหายติ นาคราชา.
‘‘ทิสฺวาน นาคสฺส คตึ ิติฺจ, วีถิสฺสยา นฺหานคตสฺส โหติ;
โอปาตมาคจฺฉิ อนริยรูโป, ปโยชิโต จิตฺตวสานุคายา’’ติ.
ตตฺถ โสติ, ภิกฺขเว, โส ลุทฺโท ตตฺเถว สตฺตภูมิกปาสาทตเล ิตาย ตสฺสา สุภทฺทาย วจนํ อุคฺคเหตฺวา สรตูณิฺจ มหาธนฺุจ อาทาย ปพฺพตคหนํ ปตฺวา ‘‘กตโร นุ โข สุวณฺณปสฺสปพฺพโต นามา’’ติ สตฺต ¶ มหาปพฺพเต วิตุริยติ, ตสฺมึ กาเล ตุเลติ ตีเรติ. โส เอวํ ตีเรนฺโต สุวณฺณปสฺสํ นาม คิรึ อุฬารํ ทิสฺวา ‘‘อยํ โส ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. โอโลกยีติ ตํ กินฺนรานํ ภวนภูตํ ปพฺพตํ อารุยฺห สุภทฺทาย ทินฺนสฺาวเสน เหฏฺา โอโลเกสิ. ตตฺถาติ ตสฺมึ ปพฺพตปาทมูเล อวิทูเรเยว ตํ นิคฺโรธํ อทฺทส.
ตตฺถาติ ตสฺมึ นิคฺโรธรุกฺขมูเล ิตํ. ตตฺถาติ ตตฺเถว อนฺโตปพฺพเต ตสฺส นิคฺโรธสฺสาวิทูเร ยตฺถ โส นฺหายติ, ตํ โปกฺขรณึ อทฺทส. ทิสฺวานาติ สุวณฺณปสฺสปพฺพตา โอรุยฺห หตฺถีนํ คตกาเล หตฺถิปาทอุปาหนํ อารุยฺห ตสฺส นาครฺโ คตฏฺานํ นิพทฺธวสนฏฺานํ อุปธาเรนฺโต ‘‘อิมินา มคฺเคน คจฺฉติ, อิธ นฺหายติ, นฺหตฺวา อุตฺติณฺโณ, อิธ ติฏฺตี’’ติ สพฺพํ ทิสฺวา อหิริกภาเวน อนริยรูโป ตาย จิตฺตวสานุคาย ปโยชิโต, ตสฺมา โอปาตํ อาคจฺฉิ ปฏิปชฺชิ, อาวาฏํ ขณีติ อตฺโถ.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – ‘‘โส กิร มหาสตฺตสฺส วสโนกาสํ สตฺตมาสาธิเกหิ สตฺตหิ สํวจฺฉเรหิ สตฺตหิ จ ทิวเสหิ ปตฺวา วุตฺตนเยเนว ตสฺส วสโนกาสํ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘อิธ อาวาฏํ ขณิตฺวา ตสฺมึ ิโต วารณาธิปตึ วิสปีเตน สลฺเลน วิชฺฌิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปสฺสามี’’ติ ววตฺถเปตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา ถมฺภาทีนํ อตฺถาย รุกฺเข ฉินฺทิตฺวา ทพฺพสมฺภาเร ¶ สชฺเชตฺวา หตฺถีสุ ¶ นฺหานตฺถาย คเตสุ ตสฺส วสโนกาเส มหากุทฺทาเลน จตุรสฺสํ อาวาฏํ ขณิตฺวา อุทฺธตปํสุํ พีชํ วปนฺโต วิย อุทเกน วิกิริตฺวา อุทุกฺขลปาสาณานํ อุปริ ถมฺเภ ปติฏฺเปตฺวา ตุลา จ กาเช จ ทตฺวา ปทรานิ อตฺถริตฺวา กณฺฑปฺปมาณํ ฉิทฺทํ กตฺวา อุปริ ปํสฺุจ กจวรฺจ ปกฺขิปิตฺวา เอเกน ปสฺเสน อตฺตโน ปวิสนฏฺานํ กตฺวา เอวํ นิฏฺิเต อาวาเฏ ปจฺจูสกาเลเยว ปติสีสกํ ปฏิมฺุจิตฺวา กาสายานิ ปริทหิตฺวา สทฺธึ วิสปีเตน สลฺเลน ธนุํ อาทาย อาวาฏํ โอตริตฺวา อฏฺาสิ. ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห –
‘‘ขณิตฺวาน กาสุํ ผลเกหิ ฉาทยิ, อตฺตานโมธาย ธนฺุจ ลุทฺโท;
ปสฺสาคตํ ปุถุสลฺเลน นาคํ, สมปฺปยี ทุกฺกฏกมฺมการี.
‘‘วิทฺโธ ¶ จ นาโค โกฺจมนาทิ โฆรํ, สพฺเพ จ นาคา นินฺนทุํ โฆรรูปํ;
ติณฺจ กฏฺฺจ รณํ กโรนฺตา, ธาวึสุ เต อฏฺ ทิสา สมนฺตโต.
‘‘วธิสฺสเมตนฺติ ปรามสนฺโต, กาสาวมทฺทกฺขิ ธชํ อิสีนํ;
ทุกฺเขน ผุฏฺสฺสุทปาทิ สฺา, อรหทฺธโช สพฺภิ อวชฺฌรูโป’’ติ.
ตตฺถ โอธายาติ โอทหิตฺวา ปเวเสตฺวา. ปสฺสาคตนฺติ อตฺตโน อาวาฏสฺส ปสฺสํ อาคตํ. โส กิร ทุติยทิวเส อาคนฺตฺวา นฺหตฺวา อุตฺติณฺโณ ตสฺมึ มหาวิสาลมาลเก นาม ปเทเส อฏฺาสิ. อถสฺส สรีรโต อุทกํ นาภิปเทเสน โอคลิตฺวา เตน ฉิทฺเทน ลุทฺทสฺส สรีเร ปติ. ตาย สฺาย โส มหาสตฺตสฺส อาคนฺตฺวา ิตภาวํ ตฺวา ตํ ปสฺสาคตํ ปุถุนา สลฺเลน สมปฺปยิ วิชฺฌิ. ทุกฺกฏกมฺมการีติ ตสฺส มหาสตฺตสฺส กายิกเจตสิกสฺส ทุกฺขสฺส อุปฺปาทเนน ทุกฺกฏสฺส กมฺมสฺส การโก.
โกฺจมนาทีติ โกฺจนาทํ อกริ. ตสฺส กิร ตํ สลฺลํ นาภิยํ ปวิสิตฺวา ปิหกาทีนิ สฺจุณฺเณตฺวา อนฺตานิ ฉินฺทิตฺวา ปิฏฺิภาคํ ¶ ผรสุนา ปทาเลนฺตํ วิย อุคฺคนฺตฺวา อากาเส ปกฺขนฺทิ. ภินฺนรชตกุมฺภโต รชนํ วิย ปหารมุเขน โลหิตํ ปคฺฆริ, พลวเวทนา อุปฺปชฺชิ. โส เวทนํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต เวทนาปฺปตฺโต สกลปพฺพตํ เอกนินฺนาทํ กโรนฺโต ติกฺขตฺตุํ มหนฺตํ โกฺจนาทํ นทิ. สพฺเพ จาติ เตปิ สพฺเพ อฏฺสหสฺสนาคา ตํ สทฺทํ สุตฺวา มรณภยภีตา โฆรรูปํ นินฺนทุํ อนุรวํ กรึสุ. รณํ กโรนฺตาติ เตน สทฺเทน คนฺตฺวา ฉทฺทนฺตวารณํ ¶ เวทนาปฺปตฺตํ ทิสฺวา ‘‘ปจฺจามิตฺตํ คณฺหิสฺสามา’’ติ ติณฺจ กฏฺฺจ จุณฺณวิจุณฺณํ กโรนฺตา สมนฺตา ธาวึสุ.
วธิสฺสเมตนฺติ ‘‘ภิกฺขเว, โส ฉทฺทนฺตวารโณ ทิสา ปกฺกนฺเตสุ นาเคสุ สุภทฺทาย กเรณุยา ปสฺเส ตฺวา สนฺธาเรตฺวา สมสฺสาสยมานาย เวทนํ อธิวาเสตฺวา กณฺฑสฺส อาคตฏฺานํ สลฺลกฺเขนฺโต ‘สเจ ¶ อิทํ ปุรตฺถิมทิสาทีหิ อาคตํ อภวิสฺส, กุมฺภาทีหิ ปวิสิตฺวา ปจฺฉิมกายีทีหิ นิกฺขมิสฺส, อิทํ ปน นาภิยา ปวิสิตฺวา อากาสํ ปกฺขนฺทิ, ตสฺมา ปถวิยํ ิเตน วิสฺสฏฺํ ภวิสฺสตี’ติ อุปธาเรตฺวา ิตฏฺานํ อุปปริกฺขิตุกาโม ‘‘โก ชานาติ, กึ ภวิสฺสติ, สุภทฺทํ อปเนตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘ภทฺเท, อฏฺสหสฺสนาคา มม ปจฺจามิตฺตํ ปริเยสนฺตา ทิสา ปกฺขนฺทา, ตฺวํ อิธ กึ กโรสี’’ติ วตฺวา, ‘‘เทว, อหํ ตุมฺเห สนฺธาเรตฺวา สมสฺสาเสนฺตี ิตา, ขมถ เม’’ติ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา จตูสุ าเนสุ วนฺทิตฺวา ตาย อากาสํ ปกฺขนฺทาย นาคราชา ภูมึ ปาทนเขน ปหริ, ปทรํ อุปฺปติตฺวา คตํ. โส ฉิทฺเทน โอโลเกนฺโต โสนุตฺตรํ ทิสฺวา ‘‘วธิสฺสามิ น’’นฺติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา รชตทามวณฺณโสณฺฑํ ปเวเสตฺวา ปรามสนฺโต พุทฺธานํ อิสีนํ ธชํ กาสาวํ อทฺทกฺขิ. ลุทฺโท กาสาวํ มหาสตฺตสฺส หตฺเถ เปสิ. โส ตํ อุกฺขิปิตฺวา ปุรโต เปสิ. อถสฺส เตน ตถารูเปนปิ ทุกฺเขน ผุฏฺสฺส ‘‘อรหทฺธโช นาม สพฺภิ ปณฺฑิเตหิ อวชฺฌรูโป, อฺทตฺถุ สกฺกาตพฺโพ ครุกาตพฺโพเยวา’’ติ อยํ สฺา อุทปาทิ.
โส เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต คาถาทฺวยมาห –
‘‘อนิกฺกสาโว กาสาวํ, โย วตฺถํ ปริทหิสฺสติ;
อเปโต ทมสจฺเจน, น โส กาสาวมรหติ.
‘‘โย จ วนฺตกสาวสฺส, สีเลสุ สุสมาหิโต;
อุเปโต ทมสจฺเจน, ส เว กาสาวมรหตี’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – สมฺม ลุทฺทปุตฺต โย ปุริโส ราคาทีหิ กสาเวหิ อนิกฺกสาโว อินฺทฺริยทเมน เจว วจีสจฺเจน จ อเปโต อนุปคโต เตหิ คุเณหิ กสาวรสปีตํ กาสาววตฺถํ ปริทหติ, โส ตํ กาสาวํ นารหติ, นานุจฺฉวิโก โส ตสฺส ¶ วตฺถสฺส. โย ปน เตสํ กสาวานํ วนฺตตฺตา ¶ วนฺตกสาโว อสฺส สีเลสุ สุสมาหิโต สุปติฏฺิโต ปริปุณฺณสีลาจาโร, โส ตํ กาสาวํ อรหติ นามาติ.
เอวํ วตฺวา มหาสตฺโต ตสฺมึ จิตฺตํ นิพฺพาเปตฺวา ‘‘สมฺม กิมตฺถํ ตฺวํ มํ วิชฺฌสิ, กึ อตฺตโน อตฺถาย, อุทาหุ อฺเน ปโยชิโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ตมตฺถํ อาวีกโรนฺโต สตฺถา อาห –
‘‘สมปฺปิโต ¶ ปุถุสลฺเลน นาโค, อทุฏฺจิตฺโต ลุทฺทกมชฺฌภาสิ;
กิมตฺถยํ กิสฺส วา สมฺม เหตุ, มมํ วธี กสฺส วายํ ปโยโค’’ติ.
ตตฺถ กิมตฺถยนฺติ อายตึ กึ ปตฺเถนฺโต. กิสฺส วาติ กิสฺส เหตุ เกน การเณน, กึ นาม ตว มยา สทฺธึ เวรนฺติ อธิปฺปาโย. กสฺส วาติ กสฺส วา อฺสฺส อยํ ปโยโค, เกน ปโยชิโต มํ อวธีติ อตฺโถ.
อถสฺส อาจิกฺขนฺโต ลุทฺโท คาถมาห –
‘‘กาสิสฺส รฺโ มเหสี ภทนฺเต, สา ปูชิตา ราชกุเล สุภทฺทา;
ตํ อทฺทสา สา จ มมํ อสํสิ, ทนฺเตหิ อตฺโถติ จ มํ อโวจา’’ติ.
ตตฺถ ปูชิตาติ อคฺคมเหสิฏฺาเน เปตฺวา ปูชิตา. อทฺทสาติ สา กิร ตํ สุปินนฺเต อทฺทส. อสํสีติ สา จ มม สกฺการํ กาเรตฺวา ‘‘หิมวนฺตปเทเส เอวรูโป นาม นาโค อสุกสฺมึ นาม าเน วสตี’’ติ มมํ อาจิกฺขิ. ทนฺเตหีติ ตสฺส นาคสฺส ฉพฺพณฺณรํสิสมุชฺชลา ทนฺตา, เตหิ มม อตฺโถ, ปิฬนฺธนํ กาเรตุกามามฺหิ, เต เม อาหราติ มํ อโวจาติ.
ตํ สุตฺวา ‘‘อิทํ จูฬสุภทฺทาย กมฺม’’นฺติ ตฺวา มหาสตฺโต เวทนํ อธิวาเสตฺวา ‘‘ตสฺสา มม ทนฺเตหิ อตฺโถ นตฺถิ, มํ มาเรตุกามตาย ปน ปหิณี’’ติ ทีเปนฺโต คาถาทฺวยมาห –
‘‘พหู หิเม ทนฺตยุคา อุฬารา, เย เม ปิตูนฺจ ปิตามหานํ;
ชานาติ สา โกธนา ราชปุตฺตี, วธตฺถิกา เวรมกาสิ พาลา.
‘‘อุฏฺเหิ ¶ ¶ ตฺวํ ลุทฺท ขรํ คเหตฺวา, ทนฺเต อิเม ฉินฺท ปุรา มรามิ;
วชฺชาสิ ตํ โกธนํ ราชปุตฺตึ, นาโค หโต หนฺท อิมสฺส ทนฺตา’’ติ.
ตตฺถ ¶ อิเมติ ตสฺส กิร ปิตุ ปิตามหานํ ทนฺตา มา วินสฺสนฺตูติ คุหายํ สนฺนิจิตา, เต สนฺธาย เอวมาห. ชานาตีติ พหูนํ วารณานํ อิธ สนฺนิจิเห ทนฺเต ชานาติ. วธตฺถิกาติ เกวลํ ปน สา มํ มาเรตุกามา อปฺปมตฺตกํ โทสํ หทเย เปตฺวา อตฺตโน เวรํ อกาสิ, เอวรูเปน ผรุสกมฺเมน มตฺถกํ ปาเปสิ. ขรนฺติ กกจํ. ปุรา มรามีติ ยาว น มรามิ. วชฺชสีติ วเทยฺยาสิ. หนฺท อิมสฺส ทนฺตาติ หโต โส มยา นาโค, มโนรโถ เต มตฺถกปฺปตฺโต, คณฺห, อิเม ตสฺส ทนฺตาติ.
โส ตสฺส วจนํ สุตฺวา นิสีทนฏฺานา วุฏฺาย กกจํ อาทาย ‘‘ทนฺเต ฉินฺทิสฺสามี’’ติ ตสฺส สนฺติกํ อุปคโต. โส ปน อุพฺเพธโต อฏฺาสีติหตฺโถ รชตปพฺพโต วิย ิโต, เตนสฺส โส ทนฺตฏฺานํ น ปาปุณิ. อถ มหาสตฺโต กายํ อุปนาเมนฺโต เหฏฺาสีสโก นิปชฺชิ. ตทา เนสาโท มหาสตฺตสฺส รชตทามสทิสํ โสณฺฑํ มทฺทนฺโต อภิรุหิตฺวา เกลาสกูเฏ วิย กุมฺเภ ตฺวา มุขโกฏิมํสํ ธนุเกน ปหริตฺวา อนฺโต ปกฺขิปิตฺวา กุมฺภโต โอรุยฺห กกจํ อนฺโตมุเข ปเวเสสิ, อุโภหิ หตฺเถหิ ทฬฺหํ อปราปรํ กฑฺฒิ. มหาสตฺตสฺส พลวเวทนา อุปฺปชฺชิ, มุขํ โลหิเตน ปูริ. เนสาโท อิโต จิโต จ สฺจาเรนฺโต กกเจน ฉินฺทิตุํ นาสกฺขิ. อถ นํ มหาสตฺโต มุขโต โลหิตํ ฉฑฺเฑตฺวา เวทนํ อธิวาเสตฺวา ‘‘กึ สมฺม ฉินฺทิตุํ น สกฺโกสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, สามี’’ติ. มหาสตฺโต สตึ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา ‘‘เตน หิ สมฺม มม โสณฺฑํ อุกฺขิปิตฺวา กกจโกฏึ คณฺหาเปหิ, มม สยํ โสณฺฑํ อุกฺขิปิตุํ พลํ นตฺถี’’ติ อาห. เนสาโท ตถา อกาสิ.
มหาสตฺโต โสณฺฑาย กกจํ คเหตฺวา อปราปรํ จาเรสิ, ทนฺตา กฬีรา วิย ฉิชฺชึสุ. อถ นํ เต อาหราเปตฺวา คณฺหิตฺวา ‘‘สมฺม ลุทฺทปุตฺต อหํ อิเม ทนฺเต ตุยฺหํ ททมาโน เนว ‘มยฺหํ อปฺปิยา’ติ ¶ ทมฺมิ, น สกฺกตฺตมารตฺตพฺรหฺมตฺตานิ ปตฺเถนฺโต, อิเมหิ ปน เม ทนฺเตหิ สตคุเณน สหสฺสคุเณน สตสหสฺสคุเณน สพฺพฺุตฺาณทนฺตาว ปิยตรา, สพฺพฺุตฺาณปฺปฏิเวธาย เม อิทํ ปฺุํ ปจฺจโย โหตู’’ติ ทนฺเต ทตฺวา ‘‘สมฺม อิทํ านํ กิตฺตเกน กาเลน อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สตฺตมาสสตฺตทิวสาธิเกหิ สตฺตหิ สํวจฺฉเรหี’’ติ วุตฺเต – ‘‘คจฺฉ อิเมสํ ¶ ทนฺตานํ อานุภาเวน สตฺตทิวสพฺภนฺตเรเยว พาราณสึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ วตฺวา ตสฺส ปริตฺตํ กตฺวา ตํ อุยฺโยเชสิ ¶ . อุยฺโยเชตฺวา จ ปน อนาคเตสุเยว เตสุ นาเคสุ สุภทฺทาย จ อนาคตาย กาลมกาสิ. ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห –
‘‘อุฏฺาย โส ลุทฺโท ขรํ คเหตฺวา, เฉตฺวาน ทนฺตานิ คชุตฺตมสฺส;
วคฺคู สุเภ อปฺปฏิเม ปถพฺยา, อาทาย ปกฺกามิ ตโต หิ ขิปฺป’’นฺติ.
ตตฺถ วคฺคูติ วิลาสวนฺเต. สุเภติ สุนฺทเร. อปฺปฏิเมติ อิมิสฺสํ ปถวิยํ อฺเหิ ทนฺเตหิ อสทิเสติ.
ตสฺมึ ปกฺกนฺเต เต นาคา ปจฺจามิตฺตํ อทิสฺวา อาคมึสุ. ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห –
‘‘ภยฏฺฏิตา นาควเธน อฏฺฏา, เย เต นาคา อฏฺ ทิสา วิธาวุํ;
อทิสฺวาน โปสํ คชปจฺจมิตฺตํ, ปจฺจาคมุํ เยน โส นาคราชา’’ติ.
ตตฺถ ภยฏฺฏิตาติ มรณภเยน อุปทฺทุตา. อฏฺฏาติ ทุกฺขิตา. คชปจฺจมิตฺตนฺติ คชสฺส ปจฺจามิตฺตํ. เยน โสติ ยตฺถ วิสาลมาลเก โส นาคราชา กาลํ กตฺวา เกลาสปพฺพโต วิย ปติโต, ตํ านํ ปจฺจาคมุนฺติ อตฺโถ.
เตหิ ¶ ปน สทฺธึ มหาสุภทฺทาปิ อาคตา. เต สพฺเพปิ อฏฺสหสฺสนาคา ตตฺถ โรทิตฺวา กนฺทิตฺวา มหาสตฺตสฺส กุลุปกานํ ปจฺเจกพุทฺธานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ ปจฺจยทายโก วิสปีเตน สลฺเลน วิทฺโธ กาลกโต, สีวถิกทสฺสนมสฺส อาคจฺฉถา’’ติ วทึสุ. ปฺจสตา ปจฺเจกพุทฺธาปิ อากาเสนาคนฺตฺวา วิสาลมาลเก โอตรึสุ. ตสฺมึ ขเณ ทฺเว ตรุณนาคา นาครฺโ สรีรํ ทนฺเตหิ อุกฺขิปิตฺวา ปจฺเจกพุทฺเธ วนฺทาเปตฺวา จิตกํ อาโรเปตฺวา ฌาปยึสุ. ปจฺเจกพุทฺธา สพฺพรตฺตึ อาฬาหเน ¶ ธมฺมสชฺฌายมกํสุ. อฏฺสหสฺสนาคา อาฬาหนํ นิพฺพาเปตฺวา วนฺทิตฺวา นฺหตฺวา มหาสุภทฺทํ ปุรโต กตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานํ อคมํสุ. ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห –
‘‘เต ตตฺถ กนฺทิตฺวา โรทิตฺวาน นาคา, สีเส สเก ปํสุกํ โอกิริตฺวา;
อคมํสุ เต สพฺเพ สกํ นิเกตํ, ปุรกฺขตฺวา มเหสึ สพฺพภทฺท’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ ปํสุกนฺติ อาฬาหนปํสุกํ.
โสนุตฺตโรปิ อปฺปตฺเตเยว สตฺตเม ทิวเส ทนฺเต อาทาย พาราณสึ สมฺปาปุณิ. ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห –
‘‘อาทาย ทนฺตานิ คชุตฺตมสฺส, วคฺคู สุเภ อปฺปฏิเม ปถพฺยา;
สุวณฺณราชีหิ สมนฺตโมทเร, โส ลุทฺทโก กาสิปุรํ อุปาคมิ;
อุปเนสิ โส ราชกฺาย ทนฺเต, นาโค หโต หนฺท อิมสฺส ทนฺตา’’ติ.
ตตฺถ สุวณฺณราชีหีติ สุวณฺณราชิรํสีหิ. สมนฺตโมทเรติ สมนฺตโต โอภาสนฺเต สกลวนสณฺฑํ สุวณฺณวณฺณํ วิย กโรนฺเต. อุปเนสีติ อหํ ฉทฺทนฺตวารณสฺส ฉพฺพณฺณรํสิวิสฺสชฺชเน ยมกทนฺเต อาทาย ¶ อาคจฺฉามิ, นครํ อลงฺการาเปถาติ เทวิยา สาสนํ เปเสตฺวา ตาย รฺโ อาโรจาเปตฺวา เทวนครํ วิย นคเร อลงฺการาปิเต โสนุตฺตโรปิ นครํ ปวิสิตฺวา ปาสาทํ อารุหิตฺวา ทนฺเต อุปเนสิ, อุปเนตฺวา จ ปน, ‘‘อยฺเย, ยสฺส กิร ตุมฺเห อปฺปมตฺตกํ โทสํ หทเย กริตฺถ, โส นาโค มยา หโต มโต, ‘มตภาวํ เม อาโรเจยฺยาสี’ติ อาห, ตสฺส มตภาวํ ตุมฺเห ชานาถ, คณฺหถ, อิเม ตสฺส ทนฺตา’’ติ ทนฺเต อทาสิ.
สา มหาสตฺตสฺส ฉพฺพณฺณรํสิวิจิตฺตทนฺเต มณิตาลวณฺเฏน คเหตฺวา อูรูสุ เปตฺวา ปุริมภเว อตฺตโน ปิรสามิกสฺส ทนฺเต โอโลเกนฺตี ‘‘เอวรูปํ ¶ โสภคฺคปฺปตฺตํ วารณํ วิสปีเตน สลฺเลน ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา อิเม ทนฺเต ฉินฺทิตฺวา โสนุตฺตโร อาคโต’’ติ มหาสตฺตํ อนุสฺสรนฺตี โสกํ อุปฺปาเทตฺวา อธิวาเสตุํ นาสกฺขิ. อถสฺสา ตตฺเถว หทยํ ผลิ, ตํ ทิวสเมว กาลมกาสิ. ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห –
‘‘ทิสฺวาน ทนฺตานิ คชุตฺตมสฺส, ภตฺตุปฺปิยสฺส ปุริมาย ชาติยา;
ตตฺเถว ตสฺสา หทยํ อผาลิ, เตเนว สา กาลมกาสิ พาลา’’ติ.
‘‘สมฺโพธิปตฺโต ส มหานุภาโว, สิตํ อกาสี ปริสาย มชฺเฌ;
ปุจฺฉึสุ ภิกฺขู สุวิมุตฺตจิตฺตา, นาการเณ ปาตุกโรนฺติ พุทฺธา.
‘‘ยมทฺทสาถ ¶ ทหรึ กุมารึ, กาสายวตฺถํ อนคาริยํ จรนฺตึ;
สา โข ตทา ราชกฺา อโหสิ, อหํ ตทา นาคราชา อโหสึ.
‘‘อาทาย ทนฺตานิ คชุตฺตมสฺส, วคฺคู สุเภ อปฺปฏิเม ปถพฺยา;
โย ¶ ลุทฺทโก กาสิปุรํ อุปาคมิ, โส โข ตทา เทวทตฺโต อโหสิ.
‘‘อนาวสูรํ จิรรตฺตสํสิตํ, อุจฺจาวจํ จริตมิทํ ปุราณํ;
วีตทฺทโร วีตโสโก วิสลฺโล, สยํ อภิฺาย อภาสิ พุทฺโธ.
‘‘อหํ โว เตน กาเลน, อโหสึ ตตฺถ ภิกฺขโว;
นาคราชา ตทา โหมิ, เอวํ ธาเรถ ชาตก’’นฺติ. –
อิมา ¶ คาถา ทสพลสฺส คุเณ วณฺเณนฺเตหิ ธมฺมสงฺคาหกตฺเถเรหิ ปิตา.
ตตฺถ สิตํ อกาสีติ โส สมฺโพธิปฺปตฺโต สตฺถา มหานุภาโว อลงฺกตธมฺมสภายํ อลงฺกตธมฺมาสเน ปริสมชฺเฌ นิสินฺโน เอกทิวสํ สิตํ อกาสิ. นาการเณติ ‘‘ภนฺเต, พุทฺธา นาม อการเณ สิตํ น กโรนฺติ, ตุมฺเหหิ จ สิตํ กตํ, เกน นุ โข การเณน สิตํ กต’’นฺติ มหาขีณาสวา ภิกฺขู ปุจฺฉึสุ. ยมทฺทสาถาติ เอวํ ปุฏฺโ, อาวุโส, สตฺถา อตฺตโน สิตการณํ อาจิกฺขนฺโต เอกํ ทหรภิกฺขุนึ ทสฺเสตฺวา เอวมาห – ‘‘ภิกฺขเว, ยํ เอกํ ทหรํ โยพฺพนปฺปตฺตํ กุมารึ กาสายวตฺถํ อนคาริยํ อุเปตํ ปพฺพชิตฺวา อิมสฺมึ สาสเน จรนฺตึ อทฺทสาถ ปสฺสถ, สา ตทา ‘วิสปีเตน สลฺเลน นาคราชํ วิชฺฌิตฺวา วเธหี’’’ติ โสนุตฺตรสฺส เปเสตา ราชกฺา อโหสิ. เตน คนฺตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาปิโต อหํ ตทา โส นาคราชา อโหสินฺติ อตฺโถ. เทวทตฺโตติ, ภิกฺขเว, อิทานิ เทวทตฺโต ตทา โส ลุทฺทโก อโหสิ.
อนาวสูรนฺติ น อวสูรํ, อนตฺถงฺคตสูริยนฺติ อตฺโถ. จิรรตฺตสํสิตนฺติ อิโต จิรรตฺเต อเนกวสฺสโกฏิมตฺถเก สํสิตํ สํสริตํ อนุจิณฺณํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อาวุโส, อิโต อเนกวสฺสโกฏิมตฺถเก สํสริตมฺปิ ปุพฺพณฺเห กตํ ตํ ทิวสเมว สายนฺเห สรนฺโต วิย อตฺตโน จริตวเสน อุจฺจตฺตา ตาย ราชธีตาย จ โสนุตฺตรสฺส จ จริตวเสน นีจตฺตา อุจฺจานีจํ จริตํ อิทํ ปุราณํ ราคาทีนํ ทรานํ วิคตตาย วีตทฺทโร, าติธนโสกาทีนํ อภาเวน วีตโสโก, ราคสลฺลาทีนํ วิคตตฺตา วิสลฺโล อตฺตนาว ชานิตฺวา พุทฺโธ อภาสีติ. อหํ โวติ ¶ เอตฺถ โวติ นิปาตมตฺตํ, ภิกฺขเว, อหํ เตน กาเลน ตตฺถ ฉทฺทนฺตทเห อโหสินฺติ อตฺโถ. นาคราชาติ โหนฺโต จ ปน น อฺโ โกจิ ตทา โหมิ, อถ โข นาคราชา โหมีติ อตฺโถ. เอวํ จาเรถาติ ตุมฺเห ตํ ชาตกํ เอวํ ธาเรถ อุคฺคณฺหาถ ปริยาปุณาถาติ.
อิมฺจ ¶ ปน ธมฺมเทสนํ สุตฺวา พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ. สา ปน ภิกฺขุนี ปจฺฉา วิปสฺสิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺตาติ.
ฉทฺทนฺตชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.
[๕๑๕] ๕. สมฺภวชาตกวณฺณนา
รชฺชฺจ ¶ ปฏิปนฺนาสฺมาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฺาปารมึ อารพฺภ กเถสิ. ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ มหาอุมงฺคชาตเก (ชา. ๒.๒๒.๕๙๐ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ.
อตีเต ปน กุรุรฏฺเ อินฺทปตฺถนคเร ธนฺจยโกรพฺโย นาม ราชา รชฺชํ กาเรสิ. ตสฺส สุจิรโต นาม พฺราหฺมโณ ปุโรหิโต อตฺถธมฺมานุสาสโก อโหสิ. ราชา ทานาทีนิ ปฺุานิ กโรนฺโต ธมฺเมน รชฺชมนุสาสิ. โส เอกทิวสํ ธมฺมยาคํ นาม ปฺหํ อภิสงฺขริตฺวา สุจิรตํ นาม พฺราหฺมณํ ปุโรหิตํ อาสเน นิสีทาเปตฺวา สกฺการํ กตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉนฺโต จตสฺโส คาถาโย อภาสิ –
‘‘รชฺชฺจ ปฏิปนฺนาสฺม, อาธิปจฺจํ สุจีรต;
มหตฺตํ ปตฺตุมิจฺฉามิ, วิเชตุํ ปถวึ อิมํ.
‘‘ธมฺเมน โน อธมฺเมน, อธมฺโม เม น รุจฺจติ;
กิจฺโจว ธมฺโม จริโต, รฺโ โหติ สุจีรต.
‘‘อิธ เจวานินฺทิตา เยน, เปจฺจ เยน อนินฺทิตา;
ยสํ เทวมนุสฺเสสุ, เยน ปปฺโปมุ พฺราหฺมณ.
‘‘โยหํ ¶ อตฺถฺจ ธมฺมฺจ, กตฺตุมิจฺฉามิ พฺราหฺมณ;
ตํ ตฺวํ อตฺถฺจ ธมฺมฺจ, พฺราหฺมณกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติ.
ตตฺถ รชฺชนฺติ, อาจริย, มยํ อิมสฺมึ สตฺตโยชนิเก อินฺทปตฺถนคเร รชฺชฺจ, ติโยชนสติเก กุรุรฏฺเ อิสฺสรภาวสงฺขาตํ อาธิปจฺจฺจ. ปฏิปนฺนาสฺมาติ อธิคตา ภวาม. มหตฺตนฺติ อิทานิ มหนฺตภาวํ. ปตฺตุมิจฺฉามิ วิเชตุนฺติ อิมํ ปถวึ ธมฺเมน อภิภวิตุํ อชฺโฌตฺถริตุํ อิจฺฉามิ. กิจฺโจวาติ อวเสสชเนหิ รฺโ จริโต ธมฺโม กิจฺโจ กรณียตโร. ราชานุวตฺตโก หิ โลโก, โส ตสฺมึ ธมฺมิเก สพฺโพปิ ธมฺมิโก โหติ. ตสฺมา เอส ธมฺโม นาม รฺโว กิจฺโจติ.
อิธ เจวานินฺทิตาติ เยน มยํ อิธโลเก ปรโลเก ¶ จ อนินฺทิตา. เยน ปปฺโปมูติ เยน มยํ นิรยาทีสุ อนิพฺพตฺติตฺวา เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ ยสํ อิสฺสริยํ โสภคฺคํ ปาปุเณยฺยาม, ตํ โน การณํ กเถหีติ ¶ . โยหนฺติ, พฺราหฺมณ, โย อหํ ผลวิปากสงฺขาตํ อตฺถฺจ ตสฺส อตฺถสฺส เหตุภูตํ ธมฺมฺจ กตฺตุํ สมาทาย วตฺติตุํ อุปฺปาเทตฺุจ อิจฺฉามิ. ตํ ตฺวนฺติ ตสฺส มยฺหํ ตฺวํ สุเขเนว นิพฺพานคามิมคฺคํ อารุยฺห อปฏิสนฺธิกภาวํ ปตฺเถนฺตสฺส ตํ อตฺถฺจ ธมฺมฺจ ปุจฺฉิโต อกฺขาหิ, ปากฏํ กตฺวา กเถหีติ พฺราหฺมณํ ธมฺมยาคปฺหํ ปุจฺฉิ.
อยํ ปน ปฺโห คมฺภีโร พุทฺธวิสโย, สพฺพฺุพุทฺธเมว ตํ ปุจฺฉิตุํ ยุตฺตํ, ตสฺมึ อสติ สพฺพฺุตฺาณปริเยสกํ โพธิสตฺตนฺติ. สุจิรโต ปน อตฺตโน อโพธิสตฺตตาย ปฺหํ กเถตุํ นาสกฺขิ, อสกฺโกนฺโต จ ปณฺฑิตมานํ อกตฺวา อตฺตโน อสมตฺถภาวํ กเถนฺโต คาถมาห –
‘‘นาฺตฺร วิธุรา ราช, เอตทกฺขาตุมรหติ;
ยํ ตฺวํ อตฺถฺจ ธมฺมฺจ, กตฺตุมิจฺฉสิ ขตฺติยา’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – อวิสโย เอส, มหาราช, ปฺโห มาทิสานํ. อหฺหิ เนวสฺส อาทึ, น ปริโยสานํ ปสฺสามิ, อนฺธการํ ปวิฏฺโ วิย โหมิ. พาราณสิรฺโ ปน ปุโรหิโต วิธุโร นาม พฺราหฺมโณ อตฺถิ, โส เอตํ อาจิกฺเขยฺย, ตํ เปตฺวา ยํ ตฺวํ อตฺถฺจ ธมฺมฺจ กตฺตุมิจฺฉสิ, เอตํ อกฺขาตุํ น อฺโ อรหตีติ.
ราชา ¶ ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘เตน หิ, พฺราหฺมณ, ขิปฺปํ ตสฺส สนฺติกํ คจฺฉาหี’’ติ ปณฺณาการํ ทตฺวา ตํ เปเสตุกาโม หุตฺวา คาถมาห –
‘‘เอหิ โข ปหิโต คจฺฉ, วิธุรสฺส อุปนฺติกํ;
นิกฺขฺจิมํ สุวณฺณสฺส, หรํ คจฺฉ สุจีรต;
อภิหารํ อิมํ ทชฺชา, อตฺถธมฺมานุสิฏฺิยา’’ติ.
ตตฺถ อุปนฺติกนฺติ สนฺติกํ. นิกฺขนฺติ ปฺจสุวณฺโณ เอโก นิกฺโข. อยํ ปน รตฺตสุวณฺณสฺส นิกฺขสหสฺสํ ทตฺวา เอวมาห. อิมํ ทชฺชาติ เตน อิมสฺมึ ธมฺมยาคปฺเห กถิเต ตสฺส อตฺถธมฺมานุสิฏฺิยา อภิหารปูชํ กโรนฺโต อิมํ นิกฺขสหสฺสํ ทเทยฺยาสีติ.
เอวฺจ ¶ ปน วตฺวา ปฺหวิสฺสชฺชนสฺส ลิขนตฺถาย สตสหสฺสคฺฆนกํ สุวณฺณปฏฺฏฺจ คมนตฺถาย ยานํ, ปริวารตฺถาย พลกายํ, ตฺจ ปณฺณาการํ ทตฺวา ¶ ตงฺขณฺเว อุยฺโยเชสิ. โส ปน อินฺทปตฺถนครา นิกฺขมิตฺวา อุชุกเมว พาราณสึ อคนฺตฺวา ยตฺถ ยตฺถ ปณฺฑิตา วสนฺติ, สพฺพานิ ตานิ านานิ อุปสงฺกมิตฺวา สกลชมฺพุทีเป ปฺหสฺส วิสฺสชฺเชตารํ อลภิตฺวา อนุปุพฺเพน พาราณสึ ปตฺวา เอกสฺมึ าเน นิวาสํ คเหตฺวา กติปเยหิ ชเนหิ สทฺธึ ปาตราสภฺุชนเวลาย วิธุรสฺส นิเวสนํ คนฺตฺวา อาคตภาวํ อาโรจาเปตฺวา เตน ปกฺโกสาปิโต ตํ สเก ฆเร ภฺุชมานํ อทฺทส. ตมตฺถํ อาวิกโรนฺโต สตฺถา สตฺตมํ คาถมาห –
‘‘สฺวาธิปฺปาคา ภารทฺวาโช, วิธุรสฺส อุปนฺติกํ;
ตมทฺทส มหาพฺรหฺมา, อสมานํ สเก ฆเร’’ติ.
ตตฺถ สฺวาธิปฺปาคาติ โส ภารทฺวาชโคตฺโต สุจิรโต อธิปฺปาคา, คโตติ อตฺโถ. มหาพฺรหฺมาติ มหาพฺราหฺมโณ. อสมานนฺติ ภฺุชมานํ.
โส ปน ตสฺส พาลสหายโก เอกาจริยกุเล อุคฺคหิตสิปฺโป, ตสฺมา เตน สทฺธึ เอกโต ภฺุชิตฺวา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน สุขนิสินฺโน ‘‘สมฺม กิมตฺถํ อาคโตสี’’ติ ปุฏฺโ อาคมนการณํ อาจิกฺขนฺโต อฏฺมํ คาถมาห –
‘‘รฺโหํ ¶ ปหิโต ทูโต, โกรพฺยสฺส ยสสฺสิโน;
‘อตฺถํ ธมฺมฺจ ปุจฺเฉสิ’, อิจฺจพฺรวิ ยุธิฏฺิโล;
ตํ ตฺวํ อตฺถฺจ ธมฺมฺจ, วิธุรกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติ.
ตตฺถ รฺโหนฺติ อหํ รฺโ โกรพฺยสฺส ยสสฺสิโน ทูโต. ปหิโตติ เตน เปสิโต อิธาคมึ. ปุจฺเฉสีติ โส ยุธิฏฺิลโคตฺโต ธนฺจยราชา มํ ธมฺมยาคปฺหํ นาม ปุจฺฉิ, อหํ กเถตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘ตฺวํ สกฺขิสฺสสี’’ติ ตฺวา ตสฺส อาโรเจสึ, โส จ ปณฺณาการํ ทตฺวา ปฺหปุจฺฉนตฺถาย มํ ตว สนฺติกํ เปเสนฺโต ‘‘วิธุรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อิมสฺส ปฺหสฺส อตฺถฺจ ปาฬิธมฺมฺจ ปุจฺเฉยฺยาสี’’ติ อพฺรวิ. ‘‘ตํ ตฺวํ อิทานิ มยา ปุจฺฉิโต อกฺขาหี’’ติ.
ตทา ¶ ปน โส พฺราหฺมโณ ‘‘มหาชนสฺส จิตฺตํ คณฺหิสฺสามี’’ติ คงฺคํ ปิทหนฺโต วิย วินิจฺฉยํ วิจาเรติ. ตสฺส ปฺหวิสฺสชฺชเน โอกาโส นตฺถิ. โส ตมตฺถํ อาจิกฺขนฺโต นวมํ คาถมาห –
‘‘คงฺคํ ¶ เม ปิทหิสฺสนฺติ, น ตํ สกฺโกมิ พฺราหฺมณ;
อปิเธตุํ มหาสินฺธุํ, ตํ กถํ โส ภวิสฺสติ;
น เต สกฺโกมิ อกฺขาตุํ, อตฺถํ ธมฺมฺจ ปุจฺฉิโต’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – พฺราหฺมณ, มยฺหํ ‘‘มหาชนสฺส นานาจิตฺตคติสงฺขาตํ คงฺคํ ปิทหิสฺส’’นฺติ พฺยาปาโร อุปฺปนฺโน, ตมหํ มหาสินฺธุํ อปิเธตุํ น สกฺโกมิ, ตสฺมา กถํ โส โอกาโส ภวิสฺสติ, ยสฺมา เต อหํ ปฺหํ วิสฺสชฺเชยฺยํ. อิติ จิตฺเตกคฺคตฺเจว โอกาสฺจ อลภนฺโต น เต สกฺโกมิ อกฺขาตุํ อตฺถํ ธมฺมฺจ ปุจฺฉิโตติ.
เอวฺจ ปน วตฺวา ‘‘ปุตฺโต เม ปณฺฑิโต มยา าณวนฺตตโร, โส เต พฺยากริสฺสติ, ตสฺส สนฺติกํ คจฺฉาหี’’ติ วตฺวา ทสมํ คาถมาห –
‘‘ภทฺรกาโร จ เม ปุตฺโต, โอรโส มม อตฺรโช;
ตํ ตฺวํ อตฺถฺจ ธมฺมฺจ, คนฺตฺวา ปุจฺฉสฺสุ พฺราหฺมณา’’ติ.
ตตฺถ โอรโสติ อุเร สํวฑฺโฒ. อตฺรโชติ อตฺตนา ชาโตติ.
ตํ ¶ สุตฺวา สุจิรโต วิธุรสฺส ฆรา นิกฺขมิตฺวา ภทฺรการสฺส ภุตฺตปาตราสสฺส อตฺตโน ปริสมชฺเฌ นิสินฺนกาเล นิเวสนํ อคมาสิ. ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา เอกาทสมํ คาถมาห –
‘‘สฺวาธิปฺปาคา ภารทฺวาโช, ภทฺรการสฺสุปนฺติกํ;
ตมทฺทส มหาพฺรหฺมา, นิสินฺนํ สมฺหิ เวสฺมนี’’ติ.
ตตฺถ เวสฺมนีติ ฆเร.
โส ตตฺถ คนฺตฺวา ภทฺรการมาณเวน กตาสนาภิหารสกฺกาโร นิสีทิตฺวา อาคมนการณํ ปุฏฺโ ทฺวาทสมํ คาถมาห –
‘‘รฺโหํ ¶ ปหิโต ทูโต, โกรพฺยสฺส ยสสฺสิโน;
‘อตฺถํ ธมฺมฺจ ปุจฺเฉสิ’, อิจฺจพฺรวิ ยุธิฏฺิโล;
ตํ ตฺวํ อตฺถฺจ ธมฺมฺจ, ภทฺรการ ปพฺรูหิ เม’’ติ.
อถ นํ ภทฺรกาโร, ‘‘ตาต, อหํ อิเมสุ ทิวเสสุ ปรทาริกกมฺเม อภินิวิฏฺโ, จิตฺตํ เม พฺยากุลํ, เตน ตฺยาหํ วิสฺสชฺเชตุํ น สกฺขิสฺสามิ, มยฺหํ ¶ ปน กนิฏฺโ สฺจยกุมาโร นาม มยา อติวิย าณวนฺตตโร, ตํ ปุจฺฉ, โส เต ปฺหํ วิสฺสชฺเชสฺสตี’’ติ ตสฺส สนฺติกํ เปเสนฺโต ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘มํสกาชํ อวหาย, โคธํ อนุปตามหํ;
น เต สกฺโกมิ อกฺขาตุํ, อตฺถํ ธมฺมฺจ ปุจฺฉิโต.
‘‘สฺจโย นาม เม ภาตา, กนิฏฺโ เม สุจีรต;
ตํ ตฺวํ อตฺถฺจ ธมฺมฺจ, คนฺตฺวา ปุจฺฉสฺสุ พฺราหฺมณา’’ติ.
ตตฺถ มํสกาชนฺติ ยถา นาม ปุริโส ถูลมิคมํสํ กาเชนาทาย คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค โคธโปตกํ ทิสฺวา มํสกาชํ ฉฑฺเฑตฺวา ตํ อนุพนฺเธยฺย, เอวเมว อตฺตโน ฆเร วสวตฺตินึ ภริยํ ฉฑฺเฑตฺวา ปรสฺส รกฺขิตโคปิตํ อิตฺถึ อนุพนฺธนฺโต โหมีติ ทีเปนฺโต เอวมาหาติ.
โส ¶ ตสฺมึ ขเณ สฺจยสฺส นิเวสนํ คนฺตฺวา เตน กตสกฺกาโร อาคมนการณํ ปุฏฺโ อาจิกฺขิ. ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘สฺวาธิปฺปาคา ภารทฺวาโช, สฺจยสฺส อุปนฺติกํ;
ตมทฺทส มหาพฺรหฺมา, นิสินฺนํ สมฺหิ เวสฺมนิ.
‘‘รฺโหํ ปหิโต ทูโต, โกรพฺยสฺส ยสสฺสิโน;
‘อตฺถํ ธมฺมฺจ ปุจฺเฉสิ’, อิจฺจพฺรวิ ยุธิฏฺิโล;
ตํ ตฺวํ อตฺถฺจ ธมฺมฺจ, สฺจยกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติ.
สฺจยกุมาโร ปน ตทา ปรทารเมว เสวติ. อถสฺส โส ‘‘อหํ, ตาต, ปรทารํ เสวามิ, เสวนฺโต จ ปน คงฺคํ โอตริตฺวา ¶ ปรตีรํ คจฺฉามิ, ตํ มํ สายฺจ ปาโต จ นทึ ตรนฺตํ มจฺจุ คิลติ นาม, เตน จิตฺตํ เม พฺยากุลํ, น ตฺยาหํ อาจิกฺขิตุํ สกฺขิสฺสามิ, กนิฏฺโ ปน เม สมฺภวกุมาโร นาม อตฺถิ ชาติยา สตฺตวสฺสิโก, มยา สตคุเณน สหสฺสคุเณน สตสหสฺสคุเณนาธิกาณตโร, โส เต อาจิกฺขิสฺสติ, คจฺฉ ตํ ปุจฺฉาหี’’ติ อาห. อิมมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘สทา ¶ มํ คิลเต มจฺจุ, สายํ ปาโต สุจีรต;
น เต สกฺโกมิ อกฺขาตุํ, อตฺถํ ธมฺมฺจ ปุจฺฉิโต.
‘‘สมฺภโว นาม เม ภาตา, กนิฏฺโ เม สุจีรต;
ตํ ตฺวํ อตฺถฺจ ธมฺมฺจ, คนฺตฺวา ปุจฺฉสฺสุ พฺราหฺมณา’’ติ.
ตํ สุตฺวา สุจิรโต ‘‘อยํ ปฺโห อิมสฺมึ โลเก อพฺภุโต ภวิสฺสติ, อิมํ ปฺหํ วิสฺสชฺเชตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ มฺเ’’ติ จินฺเตตฺวา ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘อพฺภุโต วต โภ ธมฺโม, นายํ อสฺมาก รุจฺจติ;
ตโย ชนา ปิตาปุตฺตา, เต สุ ปฺาย โน วิทู.
‘‘น ¶ ตํ สกฺโกถ อกฺขาตุํ, อตฺถํ ธมฺมฺจ ปุจฺฉิตา;
กถํ นุ ทหโร ชฺา, อตฺถํ ธมฺมฺจ ปุจฺฉิโต’’ติ.
ตตฺถ นายนฺติ อยํ ปฺหธมฺโม อพฺภุโต, อิมํ กเถตุํ สมตฺเถน นาม น ภวิตพฺพํ, ตสฺมา ยํ ตฺวํ ‘‘กุมาโร กเถสฺสตี’’ติ วทติ, นายํ อสฺมากํ รุจฺจติ. เต สูติ เอตฺถ สุ-กาโร นิปาตมตฺตํ. ปิตาติ วิธุโร ปณฺฑิโต, ปุตฺตา ภทฺรกาโร สฺจโย จาติ เตปิ ตโย ปิตาปุตฺตา ปฺาย อิมํ ธมฺมํ โน วิทู, น วิชานนฺติ, อฺโ โก ชานิสฺสตีติ อตฺโถ. น ตนฺติ ตุมฺเห ตโย ชนา ปุจฺฉิตา เอตํ อกฺขาตุํ น สกฺโกถ, ทหโร สตฺตวสฺสิโก กุมาโร ปุจฺฉิโต กถํ นุ ชฺา, เกน การเณน ชานิตุํ สกฺขิสฺสตีติ อตฺโถ.
ตํ สุตฺวา สฺจยกุมาโร, ‘‘ตาต, สมฺภวกุมารํ ‘ทหโร’ติ มา อฺุาสิ, สเจปิ ปฺหวิสฺสชฺชเนนาตฺถิโก, คจฺฉ นํ ปุจฺฉา’’ติ อตฺถทีปนาหิ อุปมาหิ กุมารสฺส วณฺณํ ปกาเสนฺโต ทฺวาทส คาถา อภาสิ –
‘‘มา ¶ นํ ทหโรติ อฺุาสิ, อปุจฺฉิตฺวาน สมฺภวํ;
ปุจฺฉิตฺวา สมฺภวํ ชฺา, อตฺถํ ธมฺมฺจ พฺราหฺมณ.
‘‘ยถาปิ จนฺโท วิมโล, คจฺฉํ อากาสธาตุยา;
สพฺเพ ตาราคเณ โลเก, อาภาย อติโรจติ.
‘‘เอวมฺปิ ¶ ทหรูเปโต, ปฺาโยเคน สมฺภโว;
มา นํ ทหโรติ อฺุาสิ, อปุจฺฉิตฺวาน สมฺภวํ;
ปุจฺฉิตฺวา สมฺภวํ ชฺา, อตฺถํ ธมฺมฺจ พฺราหฺมณ.
‘‘ยถาปิ รมฺมโก มาโส, คิมฺหานํ โหติ พฺราหฺมณ;
อเตวฺเหิ มาเสหิ, ทุมปุปฺเผหิ โสภติ.
‘‘เอวมฺปิ ทหรูเปโต, ปฺาโยเคน สมฺภโว;
มา นํ ทหโรติ อฺุาสิ, อปุจฺฉิตฺวาน สมฺภวํ;
ปุจฺฉิตฺวา สมฺภวํ ชฺา, อตฺถํ ธมฺมฺจ พฺราหฺมณ.
‘‘ยถาปิ ¶ หิมวา พฺรหฺเม, ปพฺพโต คนฺธมาทโน;
นานารุกฺเขหิ สฺฉนฺโน, มหาภูตคณาลโย;
โอสเธหิ จ ทิพฺเพหิ, ทิสา ภาติ ปวาติ จ.
‘‘เอวมฺปิ ทหรูเปโต, ปฺาโยเคน สมฺภโว;
มา นํ ทหโรติ อฺุาสิ, อปุจฺฉิตฺวาน สมฺภวํ;
ปุจฺฉิตฺวา สมฺภวํ ชฺา, อตฺถํ ธมฺมฺจ พฺราหฺมณ.
‘‘ยถาปิ ปาวโก พฺรหฺเม, อจฺจิมาลี ยสสฺสิมา;
ชลมาโน วเน คจฺเฉ, อนโล กณฺหวตฺตนี.
‘‘ฆตาสโน ธูมเกตุ, อุตฺตมาเหวนนฺทโห;
นิสีเถ ปพฺพตคฺคสฺมึ, ปหูเตโธ วิโรจติ.
‘‘เอวมฺปิ ทหรูเปโต, ปฺาโยเคน สมฺภโว;
มา นํ ทหโรติ อฺุาสิ, อปุจฺฉิตฺวาน สมฺภวํ;
ปุจฺฉิตฺวา สมฺภวํ ชฺา, อตฺถํ ธมฺมฺจ พฺราหฺมณ.
‘‘ชเวน ภทฺรํ ชานนฺติ, พลิพทฺทฺจ วาหิเย;
โทเหน เธนุํ ชานนฺติ, ภาสมานฺจ ปณฺฑิตํ.
‘‘เอวมฺปิ ทหรูเปโต, ปฺาโยเคน สมฺภโว;
มา นํ ทหโรติ อฺุาสิ, อปุจฺฉิตฺวาน สมฺภวํ;
ปุจฺฉิตฺวา สมฺภวํ ชฺา, อตฺถํ ธมฺมฺจ พฺราหฺมณา’’ติ.
ตตฺถ ¶ ชฺาติ ชานิสฺสสิ. จนฺโทติ ปุณฺณจนฺโท. วิมโลติ อพฺภาทิมลวิรหิโต. เอวมฺปิ ทหรูเปโตติ เอวํ สมฺภวกุมาโร ทหรภาเวน อุเปโตปิ ¶ ปฺาโยเคน สกลชมฺพุทีปตเล อวเสเส ปณฺฑิเต อติกฺกมิตฺวา วิโรจติ. รมฺมโกติ จิตฺตมาโส. อเตวฺเหีติ อติวิย อฺเหิ เอกาทสหิ มาเสหิ. เอวนฺติ เอวํ สมฺภโวปิ ปฺาโยเคน โสภติ. หิมวาติ หิมปาตสมเย หิมยุตฺโตติ หิมวา, คิมฺหกาเล หิมํ วมตีติ หิมวา. สมฺปตฺตํ ¶ ชนํ คนฺเธน มทยตีติ คนฺธมาทโน. มหาภูตคณาลโยติ เทวคณานํ นิวาโส. ทิสา ภาตีติ สพฺพทิสา เอโกภาสา วิย กโรติ. ปวาตีติ คนฺเธน สพฺพทิสา วายติ. เอวนฺติ เอวํ สมฺภโวปิ ปฺาโยเคน สพฺพทิสา ภาติ เจว ปวาติ จ.
ยสสฺสิมาติ เตชสมฺปตฺติยา ยสสฺสิมา. อจฺจิมาลีติ อจฺจีหิ ยุตฺโต. ชลมาโน วเน คจฺเฉติ คจฺฉสงฺขาเต มหาวเน ชลนฺโต จรติ. อนโลติ อติตฺโต. คตมคฺคสฺส กณฺหภาเวน กณฺหวตฺตนี. ยฺเ อาหุติวเสน อาหุตํ ฆตํ อสฺนาตีติ ฆตาสโน. ธูโม เกตุกิจฺจํ อสฺส สาเธตีติ ธูมเกตุ. อุตฺตมาเหวนนฺทโหติ อเหวนํ วุจฺจติ วนสณฺโฑ, อุตฺตมํ วนสณฺฑํ ทหตีติ อตฺโถ. นิสีเถติ รตฺติภาเค. ปพฺพตคฺคสฺมินฺติ ปพฺพตสิขเร. ปหูเตโธติ ปหูตอินฺธโน. วิโรจตีติ สพฺพทิสาสุ โอภาสติ. เอวนฺติ เอวํ มม กนิฏฺโ สมฺภวกุมาโร ทหโรปิ ปฺาโยเคน วิโรจติ. ภทฺรนฺติ ภทฺรํ อสฺสาชานียํ ชวสมฺปตฺติยา ชานนฺติ, น สรีเรน. วาหิเยติ วหิตพฺพภาเร สติ ภารวหตาย ‘‘อหํ อุตฺตโม’’ติ พลิพทฺทํ ชานนฺติ. โทเหนาติ โทหสมฺปตฺติยา เธนุํ ‘‘สุขีรา’’ติ ชานนฺติ. ภาสมานนฺติ เอตฺถ ‘‘นาภาสมานํ ชานนฺติ, มิสฺสํ พาเลหิ ปณฺฑิต’’นฺติ สุตฺตํ (สํ. นิ. ๒.๒๔๑) อาหริตพฺพํ.
สุจิรโต เอวํ ตสฺมึ สมฺภวํ วณฺเณนฺเต ‘‘ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา ชานิสฺสามี’’ติ ‘‘กหํ ปน เต กุมาร กนิฏฺโ’’ติ ปุจฺฉิ. อถสฺส โส สีหปฺชรํ วิวริตฺวา หตฺถํ ปสาเรตฺวา ‘‘โย เอส ปาสาททฺวาเร อนฺตรวีถิยา กุมารเกหิ สทฺธึ สุวณฺณวณฺโณ กีฬติ, อยํ มม กนิฏฺโ, อุปสงฺกมิตฺวา ตํ ปุจฺฉ, พุทฺธลีฬาย เต ปฺหํ กเถสฺสตี’’ติ อาห. สุจิรโต ตสฺส วจนํ สุตฺวา ¶ ปาสาทา โอรุยฺห กุมารสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. กาย เวลายาติ? กุมารสฺส นิวตฺถสาฏกํ โมเจตฺวา ¶ ขนฺเธ ขิปิตฺวา อุโภหิ หตฺเถหิ ปํสุํ คเหตฺวา ิตเวลาย. ตมตฺถํ อาวิกโรนฺโต สตฺถา คาถมาห –
‘‘สฺวาธิปฺปาคา ภารทฺวาโช, สมฺภวสฺส อุปนฺติกํ;
ตมทฺทส มหาพฺรหฺมา, กีฬมานํ พหีปุเร’’ติ.
ตตฺถ พหีปุเรติ พหินิเวสเน.
มหาสตฺโตปิ พฺราหฺมณํ อาคนฺตฺวา ปุรโต ิตํ ทิสฺวา ‘‘ตาต, เกนตฺเถนาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ตาต, กุมาร อหํ ชมฺพุทีปตเล อาหิณฺฑนฺโต มยา ปุจฺฉิตํ ปฺหํ กเถตุํ สมตฺถํ อลภิตฺวา ¶ ตว สนฺติกํ อาคโตมฺหี’’ติ วุตฺเต ‘‘สกลชมฺพุทีเป กิร อวินิจฺฉิโต ปฺโห มม สนฺติกํ อาคโต, อหํ าเณน มหลฺลโก’’ติ หิโรตฺตปฺปํ ปฏิลภิตฺวา หตฺถคตํ ปํสุํ ฉฑฺเฑตฺวา ขนฺธโต สาฏกํ อาทาย นิวาเสตฺวา ‘‘ปุจฺฉ, พฺราหฺมณ, พุทฺธลีฬาย เต กเถสฺสามี’’ติ สพฺพฺุปวารณํ ปวาเรสิ. ตโต พฺราหฺมโณ –
‘‘รฺโหํ ปหิโต ทูโต, โกรพฺยสฺส ยสสฺสิโน;
‘อตฺถํ ธมฺมฺจ ปุจฺเฉสิ’, อิจฺจพฺรวิ ยุธิฏฺิโล;
ตํ ตฺวํ อตฺถฺจ ธมฺมฺจ, สมฺภวกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติ. –
คาถาย ปฺหํ ปุจฺฉิ.
ตสฺส อตฺโถ สมฺภวปณฺฑิตสฺส คคนมชฺเฌ ปุณฺณจนฺโท วิย ปากโฏ อโหสิ.
อถ นํ ‘‘เตน หิ สุโณหี’’ติ วตฺวา ธมฺมยาคปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺโต คาถมาห –
‘‘ตคฺฆ เต อหมกฺขิสฺสํ, ยถาปิ กุสโล ตถา;
ราชา จ โข ตํ ชานาติ, ยทิ กาหติ วา น วา’’ติ.
ตสฺส อนฺตรวีถิยํ ตฺวา มธุรสฺสเรน ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส สทฺโท ทฺวาทสโยชนิกํ สกลพาราณสินครํ อวตฺถริ. อถ ราชา จ อุปราชาทโย จ สพฺเพ สนฺนิปตึสุ. มหาสตฺโต มหาชนสฺส มชฺเฌ ธมฺมเทสนํ ปฏฺเปสิ.
ตตฺถ ¶ ¶ ตคฺฆาติ เอกํสวจนํ. ยถาปิ กุสโลติ ยถา อติกุสโล สพฺพฺุพุทฺโธ อาจิกฺขติ, ตถา เต เอกํเสเนว อหมกฺขิสฺสนฺติ อตฺโถ. ราชา จ โข ตนฺติ อหํ ตํ ปฺหํ ยถา ตุมฺหากํ ราชา ชานิตุํ สกฺโกติ, ตถา กเถสฺสามิ. ตโต อุตฺตริ ราชา เอว ตํ ชานาติ, ยทิ กริสฺสติ วา น วา กริสฺสติ, กโรนฺตสฺส วา อกโรนฺตสฺส วา ตสฺเสเวตํ ภวิสฺสติ, มยฺหํ ปน โทโส นตฺถีติ ทีเปติ.
เอวํ อิมาย คาถาย ปฺหกถนํ ปฏิชานิตฺวา อิทานิ ธมฺมยาคปฺหํ กเถนฺโต อาห –
‘‘อชฺช ¶ สุเวติ สํเสยฺย, รฺา ปุฏฺโ สุจีรต;
มา กตฺวา อวสี ราชา, อตฺเถ ชาเต ยุธิฏฺิโล.
‘‘อชฺฌตฺตฺเว สํเสยฺย, รฺา ปุฏฺโ สุจีรต;
กุมฺมคฺคํ น นิเวเสยฺย, ยถา มูฬฺโห อเจตโส.
‘‘อตฺตานํ นาติวตฺเตยฺย, อธมฺมํ น สมาจเร;
อติตฺเถ นปฺปตาเรยฺย, อนตฺเถ น ยุโต สิยา.
‘‘โย จ เอตานิ านานิ, กตฺตุํ ชานาติ ขตฺติโย;
สทา โส วฑฺฒเต ราชา, สุกฺกปกฺเขว จนฺทิมา.
‘‘าตีนฺจ ปิโย โหติ, มิตฺเตสุ จ วิโรจติ;
กายสฺส เภทา สปฺปฺโ, สคฺคํ โส อุปปชฺชตี’’ติ.
ตตฺถ สํเสยฺยาติ กเถยฺย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตาต, สุจิรต สเจ ตุมฺหากํ รฺา ‘‘อชฺช ทานํ เทม, สีลํ รกฺขาม, อุโปสถกมฺมํ กโรมา’’ติ โกจิ ปุฏฺโ, ‘‘มหาราช, อชฺช ตาว ปาณํ หนาม, กาเม ปริภฺุชาม, สุรํ ปิวาม, กุสลํ ปน กริสฺสาม สุเว’’ติ รฺโ กเถยฺย, ตสฺส อติมหนฺตสฺสปิ อมจฺจสฺส วจนํ กตฺวา ตุมฺหากํ ราชา ยุธิฏฺิลโคตฺโต ตถารูเป อตฺเถ ชาเต ตํ ทิวสํ ปมาเทน วีตินาเมนฺโต มา อวสิ, ตสฺส วจนํ อกตฺวา อุปฺปนฺนํ กุสลจิตฺตํ อปริหาเปตฺวา กุสลปฏิสํยุตฺตํ กมฺมํ กโรตุเยว, อิทมสฺส กเถยฺยาสีติ. เอวํ มหาสตฺโต อิมาย คาถาย –
‘‘อชฺเชว ¶ กิจฺจมาตปฺปํ, โก ชฺา มรณํ สุเว’’ติ. (ม. นิ. ๓.๒๗๒) –
ภทฺเทกรตฺตสุตฺตฺเจว,
‘‘อปฺปมาโท อมตปทํ, ปมาโท มจฺจุโน ปท’’นฺติ. (ธ. ป. ๒๑) –
อปฺปมาโทวาทฺจ กเถสิ.
อชฺฌตฺตฺเวาติ ¶ , ตาต, สุจิรต สมฺภวปณฺฑิโต ตยา ธมฺมยาคปฺเห ปุจฺฉิเต กึ กเถสีติ รฺา ปุฏฺโ สมาโน ตุมฺหากํ รฺโ อชฺฌตฺตฺเว สํเสยฺย, นิยกชฺฌตฺตสงฺขาตํ ขนฺธปฺจกํ หุตฺวา อภาวโต อนิจฺจนฺติ กเถยฺยาสิ. เอตฺตาวตา มหาสตฺโต –
‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจาติ, ยทา ปฺาย ปสฺสติ’’. (ธ. ป. ๒๗๗) –
‘‘อนิจฺจา วต สงฺขารา, อุปฺปาทวยธมฺมิโน’’ติ. (ที. นิ. ๒.๒๒๑) –
เอวํ วิภาวิตํ อนิจฺจตํ กเถสีติ.
กุมฺมคฺคนฺติ, พฺราหฺมณ, ยถา ¶ มูฬฺโห อเจตโน อนฺธพาลปุถุชฺชโน ทฺวาสฏฺิทิฏฺิคตสงฺขาตํ กุมฺมคฺคํ เสวติ, เอวํ ตว ราชา ตํ กุมฺมคฺคํ น เสเวยฺย, นิยฺยานิกํ ทสกุสลกมฺมปถมคฺคเมว เสวตุ, เอวมสฺส วเทยฺยาสีติ.
อตฺตานนฺติ อิมํ สุคติยํ ิตํ อตฺตภาวํ นาติวตฺเตยฺย, เยน กมฺเมน ติสฺโส กุสลสมฺปตฺติโย สพฺพกามสคฺเค อติกฺกมิตฺวา อปาเย นิพฺพตฺตนฺติ, ตํ กมฺมํ น กเรยฺยาติ อตฺโถ. อธมฺมนฺติ ติวิธทุจฺจริตสงฺขาตํ อธมฺมํ น สมาจเรยฺย. อติตฺเถติ ทฺวาสฏฺิทิฏฺิสงฺขาเต อติตฺเถ นปฺปตาเรยฺย น โอตาเรยฺย. ‘‘น ตาเรยฺยา’’ติปิ ปาโ, อตฺตโน ทิฏฺานุคติมาปชฺชนฺตํ ชนํ น โอตาเรยฺย. อนตฺเถติ อการเณ. น ยุโตติ ยุตฺตปยุตฺโต น สิยา. พฺราหฺมณ, ยทิ เต ราชา ธมฺมยาคปฺเห วตฺติตุกาโม, ‘‘อิมสฺมึ โอวาเท วตฺตตู’’ติ ตสฺส กเถยฺยาสีติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย.
สทาติ สตตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘โย ขตฺติโย เอตานิ การณานิ กาตุํ ชานาติ, โส ราชา สุกฺกปกฺเข จนฺโท วิย สทา วฑฺฒตี’’ติ ¶ . วิโรจตีติ มิตฺตามจฺจานํ มชฺเฌ อตฺตโน สีลาจาราณาทีหิ คุเณหิ โสภติ วิโรจตีติ.
เอวํ มหาสตฺโต คคนตเล จนฺทํ อุฏฺาเปนฺโต วิย พุทฺธลีฬาย พฺราหฺมณสฺส ปฺหํ กเถสิ. มหาชโน นทนฺโต เสเลนฺโต อปฺโผเฏนฺโต สาธุการสหสฺสานิ อทาสิ, เจลุกฺเขเป จ องฺคุลิโผเฏ จ ปวตฺเตสิ, หตฺถปิฬนฺธนาทีนิ ขิปิ. เอวํ ขิตฺตธนํ โกฏิมตฺตํ อโหสิ. ราชาปิสฺส ตุฏฺโ มหนฺตํ ยสํ อทาสิ. สุจิรโตปิ นิกฺขสหสฺเสน ปูชํ กตฺวา สุวณฺณปฏฺเฏ ชาติหิงฺคุลเกน ปฺหวิสฺสชฺชนํ ¶ ลิขิตฺวา อินฺทปตฺถนครํ คนฺตฺวา รฺโ ธมฺมยาคปฺหํ กเถสิ. ราชา ตสฺมึ ธมฺเม วตฺติตฺวา สคฺคปุรํ ปูเรสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ ตถาคโต มหาปฺโเยวา’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา ธนฺจยราชา อานนฺโท อโหสิ, สุจิรโต อนุรุทฺโธ, วิธุโร กสฺสโป, ภทฺรกาโร โมคฺคลฺลาโน, สฺจยมาณโว สาริปุตฺโต, สมฺภวปณฺฑิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สมฺภวชาตกวณฺณนา ปฺจมา.
[๕๑๖] ๖. มหากปิชาตกวณฺณนา
พาราณสฺยํ อหู ราชาติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตสฺส สิลาปวิชฺฌนํ อารพฺภ กเถสิ. เตน หิ ธนุคฺคเห ปโยเชตฺวา อปรภาเค ¶ สิลาย ปวิทฺธาย ภิกฺขูหิ เทวทตฺตสฺส อวณฺเณ กถิเต สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ เทวทตฺโต มยฺหํ สิลํ ปวิชฺฌิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต กาสิกคามเก เอโก กสฺสกพฺราหฺมโณ เขตฺตํ กสิตฺวา โคเณ วิสฺสชฺเชตฺวา กุทฺทาลกมฺมํ กาตุํ อารภิ. โคณา เอกสฺมึ คจฺเฉ ปณฺณานิ ขาทนฺตา อนุกฺกเมน อฏวึ ปวิสิตฺวา ปลายึสุ. โส เวลํ สลฺลกฺเขตฺวา กุทฺทาลํ เปตฺวา โคเณ โอโลเกนฺโต อทิสฺวา โทมนสฺสปฺปตฺโต เต ปริเยสนฺโต ¶ อนฺโตอฏวึ ปวิสิตฺวา อาหิณฺฑนฺโต หิมวนฺตํ ปาวิสิ. โส ตตฺถ ทิสามูฬฺโห หุตฺวา สตฺตาหํ นิราหาโร วิจรนฺโต เอกํ ตินฺทุกรุกฺขํ ทิสฺวา อภิรุยฺห ผลานิ ขาทนฺโต ตินฺทุกรุกฺขโต ปริคฬิตฺวา สฏฺิหตฺเถ นรกปปาเต ปติ. ตตฺรสฺส ทส ทิวสา วีติวตฺตา. ตทา โพธิสตฺโต กปิโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา ผลาผลานิ ขาทนฺโต ตํ ปุริสํ ทิสฺวา สิลาย โยคฺคํ กตฺวา ตํ ปุริสํ อุทฺธริตฺวา สิลาย มตฺถเก นิสีทาเปตฺวา เอวมาห – ‘‘โภ พฺราหฺมณ, อหํ กิลมามิ, มุหุตฺตํ นิทฺทายิสฺสามิ, มํ รกฺขาหี’’ติ. โส ตสฺส นิทฺทายนฺตสฺส สิลาย มตฺถกํ ปทาเลสิ. มหาสตฺโต ตสฺส ตํ กมฺมํ ตฺวา อุปฺปติตฺวา สาขาย นิสีทิตฺวา ‘‘โภ ปุริส, ตฺวํ ภูมิยา คจฺฉ, อหํ สาขคฺเคน ตุยฺหํ มคฺคํ อาจิกฺขนฺโต คมิสฺสามี’’ติ ตํ ปุริสํ อรฺโต นีหริตฺวา มคฺเค เปตฺวา ปพฺพตปาทเมว ปาวิสิ. โส ปุริโส มหาสตฺเต อปรชฺฌิตฺวา กุฏฺี หุตฺวา ทิฏฺธมฺเมเยว มนุสฺสเปโต อโหสิ.
โส ¶ สตฺต วสฺสานิ ทุกฺขปีฬิโต วิจรนฺโต พาราณสิยํ มิคาชินํ นาม อุยฺยานํ ปวิสิตฺวา ปาการนฺตเร กทลิปณฺณํ อตฺถริตฺวา เวทนาปฺปตฺโต นิปชฺชิ. ตทา พาราณสิราชา อุยฺยานํ คนฺตฺวา ตตฺถ วิจรนฺโต ตํ ทิสฺวา ‘‘โกสิ ตฺวํ, กึ วา กตฺวา อิมํ ทุกฺขํ ปตฺโต’’ติ ปุจฺฉิ. โสปิสฺส สพฺพํ วิตฺถารโต อาจิกฺขิ. ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห –
‘‘พาราณสฺยํ อหู ราชา, กาสีนํ รฏฺวฑฺฒโน;
มิตฺตามจฺจปริพฺยูฬฺโห, อคมาสิ มิคาชินํ.
‘‘ตตฺถ ¶ พฺราหฺมณมทฺทกฺขิ, เสตํ จิตฺรํ กิลาสินํ;
วิทฺธสฺตํ โกวิฬารํว, กิสํ ธมนิสนฺถตํ.
‘‘ปรมการฺุตํ ปตฺตํ, ทิสฺวา กิจฺฉคตํ นรํ;
อวจ พฺยมฺหิโต ราชา, ยกฺขานํ กตโม นุสิ.
‘‘หตฺถปาทา จ เต เสตา, ตโต เสตตรํ สิโร;
คตฺตํ กมฺมาสวณฺณํ เต, กิลาสพหุโล จสิ.
‘‘วฏฺฏนาวฬิสงฺกาสา ¶ , ปิฏฺิ เต นินฺนตุนฺนตา;
กาฬปพฺพาว เต องฺคา, นาฺํ ปสฺสามิ เอทิสํ.
‘‘อุคฺฆฏฺฏปาโท ตสิโต, กิโส ธมนิสนฺถโต;
ฉาโต อาตตฺตรูโปสิ, กุโตสิ กตฺถ คจฺฉติ.
‘‘ทุทฺทสี อปฺปกาโรสิ, ทุพฺพณฺโณ ภีมทสฺสโน;
ชเนตฺติ ยาปิ เต มาตา, น ตํ อิจฺเฉยฺย ปสฺสิตุํ.
‘‘กึ กมฺมมกรํ ปุพฺเพ, กํ อวชฺฌํ อฆาตยิ;
กิพฺพิสํ ยํ กริตฺวาน, อิทํ ทุกฺขํ อุปาคมี’’ติ.
ตตฺถ พาราณสฺยนฺติ พาราณสิยํ. มิตฺตามจฺจปริพฺยูฬฺโหติ มิตฺเตหิ จ ทฬฺหภตฺตีหิ อมจฺเจหิ ¶ จ ปริวุโต. มิคาชินนฺติ เอวํนามกํ อุยฺยานํ. เสตนฺติ เสตกุฏฺเน เสตํ กพรกุฏฺเน วิจิตฺรํ ปริภินฺเนน กณฺฑูยนกิลาสกุฏฺเน กิลาสินํ เวทนาปฺปตฺตํ กทลิปณฺเณ นิปนฺนํ อทฺทส. วิทฺธสฺตํ โกวิฬารํวาติ วณมุเขหิ ปคฺฆรนฺเตน มํเสน วิทฺธสฺตํ ปุปฺผิตโกวิฬารสทิสํ. กิสนฺติ เอกจฺเจสุ ปเทเสสุ อฏฺิจมฺมมตฺตสรีรํ สิราชาลสนฺถตํ. พฺยมฺหิโตติ ภีโต วิมฺหยมาปนฺโน วา. ยกฺขานนฺติ ยกฺขานํ อนฺตเร ตฺวํ กตรยกฺโข นามาสิ. วฏฺฏนาวฬิสงฺกาสาติ ปิฏฺิกณฺฏกฏฺาเน อาวุนิตฺวา ปิตาวฏฺฏนาวฬิสทิสา. องฺคาติ กาฬปพฺพวลฺลิสทิสานิ เต องฺคานิ. นาฺนฺติ อฺํ ปุริสํ เอทิสํ น ปสฺสามิ. อุคฺฆฏฺฏปาโทติ รโชกิณฺณปาโท. อาตตฺตรูโปติ สุกฺขสรีโร. ทุทฺทสีติ ทุกฺเขน ปสฺสิตพฺโพ. อปฺปกาโรสีติ สรีรปฺปการรหิโตสิ, ทุสฺสณฺาโนสีติ อตฺโถ. กึ กมฺมมกรนฺติ อิโต ปุพฺเพ กึ กมฺมํ อกรํ, อกาสีติ อตฺโถ. กิพฺพิสนฺติ ทารุณกมฺมํ.
ตโต ปรํ พฺราหฺมโณ อาห –
‘‘ตคฺฆ เต อหมกฺขิสฺสํ, ยถาปิ กุสโล ตถา;
สจฺจวาทิฺหิ โลกสฺมึ, ปสํสนฺตีธ ปณฺฑิตา.
‘‘เอโก ¶ ¶ จรํ โคคเวโส, มูฬฺโห อจฺจสรึ วเน;
อรฺเ อิรีเณ วิวเน, นานากฺุชรเสวิเต.
‘‘วาฬมิคานุจริเต, วิปฺปนฏฺโสฺมิ กานเน;
อจรึ ตตฺถ สตฺตาหํ, ขุปฺปิปาสสมปฺปิโต.
‘‘ตตฺถ ตินฺทุกมทฺทกฺขึ, วิสมฏฺํ พุภุกฺขิโต;
ปปาตมภิลมฺพนฺตํ, สมฺปนฺนผลธารินํ.
‘‘วาตสฺสิตานิ ภกฺเขสึ, ตานิ รุจฺจึสุ เม ภุสํ;
อติตฺโต รุกฺขมารูหึ, ตตฺถ เหสฺสามิ อาสิโต.
‘‘เอกํ เม ภกฺขิตํ อาสิ, ทุติยํ อภิปตฺถิตํ;
ตโต สา ภฺชถ สาขา, ฉินฺนา ผรสุนา วิย.
‘‘โสหํ ¶ สหาว สาขาหิ, อุทฺธํปาโท อวํสิโร;
อปฺปติฏฺเ อนาลมฺเพ, คิริทุคฺคสฺมิ ปาปตํ.
‘‘ยสฺมา จ วาริ คมฺภีรํ, ตสฺมา น สมปชฺชิสํ;
ตตฺถ เสสึ นิรานนฺโท, อนูนา ทส รตฺติโย.
‘‘อเถตฺถ กปิ มาคฺฉิ, โคนงฺคุโล ทรีจโร;
สาขาหิ สาขํ วิจรนฺโต, ขาทมาโน ทุมปฺผลํ.
‘‘โส มํ ทิสฺวา กิสํ ปณฺฑุํ, การฺุมกรํ มยิ;
อมฺโภ โก นาม โส เอตฺถ, เอวํ ทุกฺเขน อฏฺฏิโต.
‘‘มนุสฺโส อมนุสฺโส วา, อตฺตานํ เม ปเวทย;
ตสฺสฺชลึ ปณาเมตฺวา, อิทํ วจนมพฺรวึ.
‘‘มนุสฺโสหํ พฺยสมฺปตฺโต, สา เม นตฺถิ อิโต คติ;
ตํ โว วทามิ ภทฺทํ โว, ตฺวฺจ เม สรณํ ภว.
‘‘ครุํ สิลํ คเหตฺวาน, วิจรี ปพฺพเต กปิ;
สิลาย โยคฺคํ กตฺวาน, นิสโภ เอตทพฺรวิ.
‘‘เอหิ ¶ เม ปิฏฺิมารุยฺห, คีวํ คณฺหาหิ พาหุภิ;
อหํ ตํ อุทฺธริสฺสามิ, คิริทุคฺคต เวคสา.
‘‘ตสฺส ตํ วจนํ สุตฺวา, วานรินฺทสฺส สิรีมโต;
ปิฏฺิมารุยฺห ธีรสฺส, คีวํ พาหาหิ อคฺคหึ.
‘‘โส มํ ตโต สมุฏฺาสิ, เตชสฺสี พลวา กปิ;
วิหฺมาโน กิจฺเฉน, คิริทุคฺคต เวคสา.
‘‘อุทฺธริตฺวาน ¶ มํ สนฺโต, นิสโภ เอตทพฺรวิ;
อิงฺฆ มํ สมฺม รกฺขสฺสุ, ปสุปิสฺสํ มุหุตฺตกํ.
‘‘สีหา พฺยคฺฆา ¶ จ ทีปี จ, อจฺฉโกกตรจฺฉโย;
เต มํ ปมตฺตํ หึเสยฺยุํ, เต ตฺวํ ทิสฺวา นิวารย.
‘‘เอวํ เม ปริตฺตาตูน, ปสุปี โส มุหุตฺตกํ;
ตทาหํ ปาปิกํ ทิฏฺึ, ปฏิลจฺฉึ อโยนิโส.
‘‘ภกฺโข อยํ มนุสฺสานํ, ยถา จฺเ วเน มิคา;
ยํ นูนิมํ วธิตฺวาน, ฉาโต ขาเทยฺย วานรํ.
‘‘อสิโต จ คมิสฺสามิ, มํสมาทาย สมฺพลํ;
กนฺตารํ นิตฺถริสฺสามิ, ปาเถยฺยํ เม ภวิสฺสติ.
‘‘ตโต สิลํ คเหตฺวาน, มตฺถกํ สนฺนิตาฬยึ;
มม คตฺตกิลนฺตสฺส, ปหาโร ทุพฺพโล อหุ.
‘‘โส จ เวเคนุทปฺปตฺโต, กปิ รุหิรมกฺขิโต;
อสฺสุปุณฺเณหิ เนตฺเตหิ, โรทนฺโต มํ อุทิกฺขติ.
‘‘มายฺโย มํ กริ ภทฺทนฺเต, ตฺวฺจ นาเมทิสํ กริ;
ตฺวฺจ โข นาม ทีฆาวุ, อฺเ วาเรตุมรหสิ.
‘‘อโห วต เร ปุริส, ตาวทุกฺกรการก;
เอทิสา วิสมา ทุคฺคา, ปปาตา อุทฺธโต มยา.
‘‘อานีโต ปรโลกาว, ทุพฺเภยฺยํ มํ อมฺถ;
ตํ เตน ปาปกมฺเมน, ปาปํ ปาเปน จินฺติตํ.
‘‘มา ¶ ¶ เหว ตฺวํ อธมฺมฏฺ, เวทนํ กฏุกํ ผุสิ;
มา เหว ปาปกมฺมํ ตํ, ผลํ เวฬุํว ตํ วธิ.
‘‘ตยิ เม นตฺถิ วิสฺสาโส, ปาปธมฺม อสฺต;
เอหิ เม ปิฏฺิโต คจฺฉ, ทิสฺสมาโนว สนฺติเก.
‘‘มุตฺโตสิ หตฺถา วาฬานํ, ปตฺโตสิ มานุสึ ปทํ;
เอส มคฺโค อธมฺมฏฺ, เตน คจฺฉ ยถาสุขํ.
‘‘อิทํ วตฺวา คิริจโร, รหเท ปกฺขลฺย มตฺถกํ;
อสฺสูนิ สมฺปมชฺชิตฺวา, ตโต ปพฺพตมารุหิ.
‘‘โสหํ เตนาภิสตฺโตสฺมิ, ปริฬาเหน อฏฺฏิโต;
ฑยฺหมาเนน คตฺเตน, วารึ ปาตุํ อุปาคมึ.
‘‘อคฺคินา วิย สนฺตตฺโต, รหโท รุหิรมกฺขิโต;
ปุพฺพโลหิตสงฺกาโส, สพฺโพ เม สมปชฺชถ.
‘‘ยาวนฺโต ¶ อุทพินฺทูนิ, กายสฺมึ นิปตึสุ เม;
ตาวนฺโต คณฺฑ ชาเยถ, อทฺธเพลุวสาทิสา.
‘‘ปภินฺนา ปคฺฆรึสุ เม, กุณปา ปุพฺพโลหิตา;
เยน เยเนว คจฺฉามิ, คาเมสุ นิคเมสุ จ.
‘‘ทณฺฑหตฺถา นิวาเรนฺติ, อิตฺถิโย ปุริสา จ มํ;
โอกฺกิตา ปูติคนฺเธน, มาสฺสุ โอเรน อาคมา.
‘‘เอตาทิสํ อิทํ ทุกฺขํ, สตฺต วสฺสานิ ทานิ เม;
อนุโภมิ สกํ กมฺมํ, ปุพฺเพ ทุกฺกฏมตฺตโน.
‘‘ตํ ¶ โว วทามิ ภทฺทนฺเต, ยาวนฺเตตฺถ สมาคตา;
มาสฺสุ มิตฺตาน ทุพฺภิตฺโถ, มิตฺตทุพฺโภ หิ ปาปโก.
‘‘กุฏฺี กิลาสี ภวติ, โย มิตฺตานิธ ทุพฺภติ;
กายสฺส เภทา มิตฺตทฺทุ, นิรยํ โสปปชฺชตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ กุสโลติ ยถา เฉโก กุสโล กเถติ, ตถา โว กเถสฺสามิ. โคคเวโสติ นฏฺเ โคเณ คเวสนฺโต. อจฺจสรินฺติ มนุสฺสปถํ อติกฺกมิตฺวา หิมวนฺตํ ปาวิสึ. อรฺเติ อราชเก สฺุเ. อิรีเณติ สุกฺขกนฺตาเร. วิวเนติ วิวิตฺเต. วิปฺปนฏฺโติ มคฺคมูฬฺโห. พุภุกฺขิโตติ สฺชาตพุภุกฺโข ฉาตชฺฌตฺโต. ปปาตมภิลมฺพนฺตนฺติ ปปาตาภิมุขํ โอลมฺพนฺตํ. สมฺปนฺนผลธารินนฺติ มธุรผลธารินํ. วาตสฺสิตานีติ ปมํ ตาว วาตปติตานิ ขาทึ. ตตฺถ เหสฺสามีติ ตสฺมึ รุกฺเข สุหิโต ภวิสฺสามีติ อารุฬฺโหมฺหิ. ตโต สา ภฺชถ สาขาติ ตสฺส อภิปตฺถิตสฺส อตฺถาย หตฺเถ ปสาริเต สา มยา อภิรุฬฺหา สาขา ผรสุนา ฉินฺนา วิย อภฺชถ. อนาลมฺเพติ อาลมฺพิตพฺพฏฺานรหิเต. คิริทุคฺคสฺมินฺติ คิริวิสเม. เสสินฺติ สยิโตมฺหิ.
กปิ มาคฺฉีติ กปิ อาคฺฉิ. โคนงฺคุโลติ คุนฺนํ นงฺคุฏฺสทิสนงฺคุฏฺโ. ‘‘โคนงฺคุฏฺโ’’ติปิ ปาโ. ‘‘โคนงฺคุลี’’ติปิ ปนฺติ. อกรํ มยีติ อกรา มยิ. อมฺโภติ, มหาราช, โส กปิราชา ตสฺมึ นรกปปาเต มม อุทกโปถนสทฺทํ สุตฺวา มํ ‘‘อมฺโภ’’ติ อาลปิตฺวา ‘‘โก นาเมโส’’ติ ปุจฺฉิ. พฺยสมฺปตฺโตติ พฺยสนํ ปตฺโต, ปปาตสฺส วสํ ปตฺโตติ วา อตฺโถ. ภทฺทํ โวติ ตสฺมา ตุมฺเห วทามิ – ‘‘ภทฺทํ ตุมฺหากํ โหตู’’ติ. ครุํ สิลนฺติ, มหาราช, โส กปิราชา มยา เอวํ วุตฺเต ‘‘มา ภายี’’ติ มํ อสฺสาเสตฺวา ปมํ ตาว ครุํ สิลํ คเหตฺวา โยคฺคํ กโรนฺโต ปพฺพเต วิจริ ¶ . นิสโภติ ปุริสนิสโภ อุตฺตมวานรินฺโท ปพฺพตปปาเต ตฺวา มํ เอตทพฺรวีติ.
พาหุภีติ ทฺวีหิ พาหาหิ มม คีวํ สุคฺคหิตํ คณฺห. เวคสาติ เวเคน. สิรีมโตติ ปฺุวนฺตสฺส. อคฺคหินฺติ สฏฺิหตฺถํ นรกปปาตํ วาตเวเคน โอตริตฺวา อุทกปิฏฺเ ิตสฺส อหํ เวเคน ปิฏฺิมภิรุหิตฺวา อุโภหิ พาหาหิ คีวํ อคฺคเหสึ. วิหฺมาโนติ กิลมนฺโต. กิจฺเฉนาติ ทุกฺเขน. สนฺโตติ ปณฺฑิโต, อถ วา ปริสนฺโต กิลนฺโต. รกฺขสฺสูติ อหํ ตํ อุทฺธรนฺโต กิลนฺโต มุหุตฺตํ วิสฺสมนฺโต ปสุปิสฺสํ, ตสฺมา มํ รกฺขาหิ. ยถา จฺเ วเน มิคาติ ¶ สีหาทีหิ อฺเปิ เย อิมสฺมึ วเน วาฬมิคา. ปาฬิยํ ปน ‘‘อจฺฉโกกตรจฺฉโย’’ติ ลิขนฺติ. ปริตฺตาตูนาติ, มหาราช, เอวํ โส กปิราชา มํ อตฺตโน ¶ ปริตฺตาณํ กตฺวา มุหุตฺตํ ปสุปิ. อโยนิโสติ อโยนิโสมนสิกาเรน. ภกฺโขติ ขาทิตพฺพยุตฺตโก. อสิโต ธาโต สุหิโต. สมฺพลนฺติ ปาเถยฺยํ. มตฺถกํ สนฺนิตาฬยินฺติ ตสฺส วานรินฺทสฺส มตฺถกํ ปหรึ. ‘‘สนฺนิตาฬย’’นฺติปิ ปาโ. ทุพฺพโล อหูติ น พลวา อาสิ, ยถาธิปฺปายํ น อคมาสีติ.
เวเคนาติ มยา ปหฏปาสาณเวเคน. อุทปฺปตฺโตติ อุฏฺิโต. มายฺโยติ เตน มิตฺตทุพฺภิปุริเสน สิลาย ปวิทฺธาย มหาจมฺมํ ฉินฺทิตฺวา โอลมฺพิ, รุหิรํ ปคฺฆริ. มหาสตฺโต เวทนาปฺปตฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อิมสฺมึ าเน อฺโ นตฺถิ, อิทํ ภยํ อิมํ ปุริสํ นิสฺสาย อุปฺปนฺน’’นฺติ. โส มรณภยภีโต โอลมฺพนฺตํ จมฺมพนฺธํ หตฺเถน คเหตฺวา อุปฺปติตฺวา สาขํ อภิรุยฺห เตน ปาปปุริเสน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ‘‘มายฺโย ม’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ มายฺโย มํ กริ ภทฺทนฺเตติ มา อกริ อยฺโย มํ ภทฺทนฺเตติ ตํ นิวาเรติ. ตฺวฺจ โข นามาติ ตฺวํ นาม เอวํ มยา ปปาตา อุทฺธโฏ เอทิสํ ผรุสกมฺมํ มยิ กริ, อโห เต อยุตฺตํ กตนฺติ. อโห วตาติ ตํ ครหนฺโต เอวมาห. ตาวทุกฺกรการกาติ มยิ อปรชฺฌเนน อติทุกฺกรกมฺมการก. ปรโลกาวาติ ปรโลกโต วิย อานีโต. ทุพฺเภยฺยนฺติ ทุพฺภิตพฺพํ วธิตพฺพํ. เวทนํ กฏุกนฺติ เอวํ สนฺเตปิ ตฺวํ อธมฺมฏฺ ยาทิสํ เวทนํ อหํ ผุสามิ, เอทิสํ เวทนํ กฏุกํ มา ผุสิ, ตํ ปาปกมฺมํ ผลํ เวฬุํว ตํ มา วธิ. อิติ มํ, มหาราช, โส ปิยปุตฺตกํ วิย อนุกมฺปิ.
อถ นํ อหํ เอตทโวจํ – ‘‘อยฺย, มยา กตํ โทสํ หทเย มา กริ, มา มํ อสปฺปุริสํ เอวรูเป อรฺเ นาสย, อหํ ทิสามูฬฺโห มคฺคํ น ชานามิ, อตฺตนา กตํ กมฺมํ มา นาเสถ, ชีวิตทานํ เม เทถ, อรฺา นีหริตฺวา มนุสฺสปเถ เปถา’’ติ. เอวํ วุตฺเต โส มยา สทฺธึ สลฺลปนฺโต ‘‘ตยิ เม นตฺถิ วิสฺสาโส’’ติ อาทิมาห. ตตฺถ ตยีติ อิโต ปฏฺาย มยฺหํ ตยิ วิสฺสาโส ¶ นตฺถิ. เอหีติ, โภ ปุริส, อหํ ตยา สทฺธึ มคฺเคน น คมิสฺสามิ, ตฺวํ ปน เอหิ มม ปิฏฺิโต อวิทูเร ทิสฺสมานสรีโรว คจฺฉ, อหํ รุกฺขคฺเคเหว คมิสฺสามีติ. มุตฺโตสีติ อถ โส มํ, มหาราช, อรฺา นีหริตฺวา, โภ ปุริส, วาฬมิคานํ หตฺถา มุตฺโตสิ. ปตฺโตสิ มานุสึ ปทนฺติ มนุสฺสูปจารํ ปตฺโต อาคโตสิ, เอส เต มคฺโค, เอเตน คจฺฉาติ อาห.
คิริจโรติ ¶ คิริจารี วานโร. ปกฺขลฺยาติ โธวิตฺวา. เตนาภิสตฺโตสฺมีติ โส อหํ, มหาราช ¶ , เตน วานเรน อภิสตฺโต, ปาปกมฺเม ปริณเต เตนาภิสตฺโตสฺมีติ มฺมาโน เอวมาห. อฏฺฏิโตติ อุปทฺทุโต. อุปาคมินฺติ เอกํ รหทํ อุปคโตสฺมิ. สมปชฺชถาติ ชาโต, เอวรูโป หุตฺวา อุปฏฺาสิ. ยาวนฺโตติ ยตฺตกานิ. คณฺฑ ชาเยถาติ คณฺฑา ชายึสุ. โส กิร ปิปาสํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺโต อุทกฺชลึ อุกฺขิปิตฺวา โถกํ ปิวิตฺวา เสสํ สรีเร สิฺจิ. อถสฺส ตาวเทว อุทกพินฺทุคณนาย อฑฺฒเพลุวปกฺกปฺปมาณา คณฺฑา อุฏฺหึสุ, ตสฺมา เอวมาห. ปภินฺนาติ เต คณฺฑา ตํ ทิวสเมว ภิชฺชิตฺวา กุณปา ปูติคนฺธิกา หุตฺวา ปุพฺพโลหิตานิ ปคฺฆรึสุ. เยน เยนาติ เยน เยน มคฺเคน. โอกฺกิตาติ ปูติคนฺเธน โอกิณฺณา ปริกฺขิตฺตา ปริวาริตา. มาสฺสุ โอเรน อาคมาติ ทุฏฺสตฺต โอเรน มาสฺสุ อาคมา, อมฺหากํ สนฺติกํ มา อาคมีติ เอวํ วทนฺตา มํ นิวาเรนฺตีติ อตฺโถ. สตฺต วสฺสานิ ทานิ เมติ, มหาราช, ตโต ปฏฺาย อิทานิ สตฺต วสฺสานิ มม เอตฺตกํ กาลํ สกํ กมฺมํ อนุโภมิ.
อิติ โส อตฺตโน มิตฺตทุพฺภิกมฺมํ วิตฺถาเรตฺวา, ‘‘มหาราช, มฺเว โอโลเกตฺวา เอวรูปํ กมฺมํ น เกนจิ กตฺตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ‘‘ตํ โว’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตนฺติ ตสฺมา. ยสฺมา เอวรูปํ กมฺมํ เอวํ ทุกฺขวิปากํ, ตสฺมาติ อตฺโถ.
‘‘กุฏฺี กิลาสี ภวติ, โย มิตฺตานิธ ทุพฺภติ;
กายสฺส เภทา มิตฺตทฺทุ, นิรยํ โสปปชฺชตี’’ติ. –
อยํ อภิสมฺพุทฺธคาถา. ภิกฺขเว, โย อิธ โลเก มิตฺตานิ ทุพฺภติ หึสติ, โส เอวรูโป โหตีติ อตฺโถ.
ตสฺสปิ ปุริสสฺส รฺา สทฺธึ กเถนฺตสฺเสว ปถวี วิวรํ อทาสิ. ตงฺขณฺเว จวิตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺโต. ราชา ตสฺมึ ปถวึ ปวิฏฺเ อุยฺยานา นิกฺขมิตฺวา นครํ ปวิฏฺโ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ เทวทตฺโต มยฺหํ สิลํ ปฏิวิชฺฌิเยวา’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ¶ มิตฺตทุพฺภี ปุริโส เทวทตฺโต อโหสิ, กปิราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
มหากปิชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.
[๕๑๗] ๗. ทกรกฺขสชาตกวณฺณนา
๒๒๔-๒๕๗. สเจ ¶ ¶ โว วุยฺหมานานนฺติ ทกรกฺขสชาตกํ. ตํ สพฺพํ มหาอุมงฺคชาตเก อาวิ ภวิสฺสตีติ.
ทกรกฺขสชาตกวณฺณนา สตฺตมา.
[๕๑๘] ๘. ปณฺฑรนาคราชชาตกวณฺณนา
วิกิณฺณวาจนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มุสาวาทํ กตฺวา เทวทตฺตสฺส ปถวิปฺปเวสนํ อารพฺภ กเถสิ. ตทา หิ สตฺถา ภิกฺขูหิ ตสฺส อวณฺเณ กถิเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ เทวทตฺโต มุสาวาทํ กตฺวา ปถวึ ปวิฏฺโเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต ปฺจสตวาณิชา นาวาย สมุทฺทํ ปกฺขนฺทิตฺวา สตฺตเม ทิวเส อตีรทสฺสนิยา นาวาย สมุทฺทปิฏฺเ ภินฺนาย เปตฺวา เอกํ อวเสสา มจฺฉกจฺฉปภกฺขา อเหสุํ, เอโก ปน วาตเวเคน กรมฺปิยปฏฺฏนํ นาม ปาปุณิ. โส สมุทฺทโต อุตฺตริตฺวา นคฺคโภโค ตสฺมึ ปฏฺฏเนเยว ภิกฺขาย จริ. ตเมนํ มนุสฺสา ‘‘อยํ สมโณ อปฺปิจฺโฉ สนฺตุฏฺโ’’ติ สมฺภาเวตฺวา สกฺการํ กรึสุ. โส ‘‘ลทฺโธ เม ชีวิกูปาโย’’ติ เตสุ นิวาสนปารุปนํ เทนฺเตสุปิ น อิจฺฉิ. เต ‘‘นตฺถิ อิโต อุตฺตริ อปฺปิจฺโฉ สมโณ’’ติ ภิยฺโย ภิยฺโย ปสีทิตฺวา ตสฺส อสฺสมปทํ กตฺวา ตตฺถ นํ นิวาสาเปสุํ. โส ‘‘กรมฺปิยอเจโล’’ติ ปฺายิ. ตสฺส ตตฺถ วสนฺตสฺส มหาลาภสกฺกาโร อุทปาทิ.
เอโก ¶ นาคราชาปิสฺส สุปณฺณราชา จ อุปฏฺานํ อาคจฺฉนฺติ. เตสุ นาคราชา นาเมน ปณฺฑโร นาม. อเถกทิวสํ สุปณฺณราชา ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน เอวมาห – ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ าตกา นาเค คณฺหนฺตา พหู วินสฺสนฺติ, เอเตสํ นาคานํ คหณนิยามํ มยํ น ชานาม, คุยฺหการณํ กิร เตสํ อตฺถิ, สกฺกุเณยฺยาถ นุ โข ตุมฺเห เอเต ปิยายมานา วิย ¶ ตํ การณํ ปุจฺฉิตุ’’นฺติ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สุปณฺณราเช วนฺทิตฺวา ปกฺกนฺเต นาคราชสฺส อาคตกาเล วนฺทิตฺวา นิสินฺนํ นาคราชานํ ปุจฺฉิ – ‘‘นาคราช, สุปณฺณา กิร ตุมฺเห คณฺหนฺตา พหู วินสฺสนฺติ, ตุมฺเห คณฺหนฺตา กถํ คณฺหิตุํ น สกฺโกนฺตี’’ติ. ภนฺเต, อิทํ อมฺหากํ คุยฺหํ รหสฺสํ, มยา อิมํ กเถนฺเตน าติสงฺฆสฺส มรณํ อาหฏํ ¶ โหตีติ. กึ ปน ตฺวํ, อาวุโส, ‘‘อยํ อฺสฺส กเถสฺสตี’’ติ เอวํสฺี โหสิ, นาหํ อฺสฺส กเถสฺสามิ, อตฺตนา ปน ชานิตุกามตาย ปุจฺฉามิ, ตฺวํ มยฺหํ สทฺทหิตฺวา นิพฺภโย หุตฺวา กเถหีติ. นาคราชา ‘‘น กเถสฺสามิ, ภนฺเต’’ติ วนฺทิตฺวา ปกฺกามิ. ปุนทิวเสปิ ปุจฺฉิ, ตถาปิสฺส น กเถสิ.
อถ นํ ตติยทิวเส อาคนฺตฺวา นิสินฺนํ, ‘‘นาคราช, อชฺช ตติโย ทิวโส, มม ปุจฺฉนฺตสฺส กิมตฺถํ น กเถสี’’ติ อาห. ‘‘ตุมฺเห อฺสฺส อาจิกฺขิสฺสถา’’ติ ภเยน, ภนฺเตติ. กสฺสจิ น กเถสฺสามิ, นิพฺภโย กเถหีติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, อฺสฺส มา กถยิตฺถา’’ติ ปฏิฺํ คเหตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มยํ มหนฺเต มหนฺเต ปาสาเณ คิลิตฺวา ภาริยา หุตฺวา นิปชฺชิตฺวา สุปณฺณานํ อาคมนกาเล มุขํ นิพฺพาเหตฺวา ทนฺเต วิวริตฺวา สุปณฺเณ ฑํสิตุํ อจฺฉาม, เต อาคนฺตฺวา อมฺหากํ สีสํ คณฺหนฺติ, เตสํ อมฺเห ครุภาเร หุตฺวา นิปนฺเน อุทฺธริตุํ วายมนฺตานฺเว อุทกํ โอตฺถรติ. เต สีทนฺตา อนฺโตอุทเกเยว มรนฺติ, อิมินา การเณน พหู สุปณฺณา วินสฺสนฺติ, เตสํ อมฺเห คณฺหนฺตานํ กึ สีเสน คหิเตน, พาลา นงฺคุฏฺเ คเหตฺวา อมฺเห เหฏฺาสีสเก กตฺวา คหิตํ โคจรํ มุเขน ฉฑฺฑาเปตฺวา ลหุเก กตฺวา คนฺตุํ สกฺโกนฺตี’’ติ โส อตฺตโน รหสฺสการณํ ตสฺส ทุสฺสีลสฺส กเถสิ.
อถ ตสฺมึ ปกฺกนฺเต สุปณฺณราชา อาคนฺตฺวา กรมฺปิยอเจลํ วนฺทิตฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต, ปุจฺฉิตํ เต นาคราชสฺส คุยฺหการณ’’นฺติ อาห. โส ‘‘อามาวุโส’’ติ ¶ ¶ วตฺวา สพฺพํ เตน กถิตนิยาเมเนว กเถสิ. ตํ สุตฺวา สุปณฺโณ ‘‘นาคราเชน อยุตฺตํ กตํ, าตีนํ นาม นสฺสนนิยาโม ปรสฺส น กเถตพฺโพ, โหตุ, อชฺเชว มยา สุปณฺณวาตํ กตฺวา ปมํ เอตเมว คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ สุปณฺณวาตํ กตฺวา ปณฺฑรนาคราชานํ นงฺคุฏฺเ คเหตฺวา เหฏฺาสีสํ กตฺวา คหิตโคจรํ ฉฑฺฑาเปตฺวา อุปฺปติตฺวา อากาสํ ปกฺขนฺทิ. ปณฺฑโร อากาเส เหฏฺาสีสกํ โอลมฺพนฺโต ‘‘มยาว มม ทุกฺขํ อาภต’’นฺติ ปริเทวนฺโต อาห –
‘‘วิกิณฺณวาจํ อนิคุยฺหมนฺตํ, อสฺตํ อปริจกฺขิตารํ;
ภยํ ตมนฺเวติ สยํ อโพธํ, นาคํ ยถา ปณฺฑรกํ สุปณฺโณ.
‘‘โย คุยฺหมนฺตํ ปริรกฺขเณยฺยํ, โมหา นโร สํสติ หาสมาโน;
ตํ ภินฺนมนฺตํ ภยมนฺเวติ ขิปฺปํ, นาคํ ยถา ปณฺฑรกํ สุปณฺโณ.
‘‘นานุมิตฺโต ¶ ครุํ อตฺถํ, คุยฺหํ เวทิตุมรหติ;
สุมิตฺโต จ อสมฺพุทฺธํ, สมฺพุทฺธํ วา อนตฺถวา.
‘‘วิสฺสาสมาปชฺชิมหํ อเจลํ, สมโณ อยํ สมฺมโต ภาวิตตฺโต;
ตสฺสาหมกฺขึ วิวรึ คุยฺหมตฺถํ, อตีตมตฺโถ กปณํ รุทามิ.
‘‘ตสฺสาหํ ปรมํ พฺรหฺเม คุยฺหํ, วาจํ หิมํ นาสกฺขึ สํยเมตุํ;
ตปฺปกฺขโต หิ ภยมาคตํ มมํ, อตีตมตฺโถ กปณํ รุทามิ.
‘‘โย ¶ เว นโร สุหทํ มฺมาโน, คุยฺหมตฺถํ สํสติ ทุกฺกุลีเน;
โทสา ภยา อถวา ราครตฺตา, ปลฺลตฺถิโต พาโล อสํสยํ โส.
‘‘ติโรกฺขวาโจ ¶ อสตํ ปวิฏฺโ, โย สงฺคตีสุ มุทีเรติ วากฺยํ;
อาสีวิโส ทุมฺมุโขตฺยาหุ ตํ นรํ, อารา อารา สํยเม ตาทิสมฺหา.
‘‘อนฺนํ ปานํ กาสิกจนฺทนฺจ, มนาปิตฺถิโย มาลมุจฺฉาทนฺจ;
โอหาย คจฺฉามเส สพฺพกาเม, สุปณฺณ ปาณูปคตาว ตฺยมฺหา’’ติ.
ตตฺถ วิกิณฺณวาจนฺติ ปตฺถฏวจนํ. อนิคุยฺหมนฺตนฺติ อปฺปฏิจฺฉนฺนมนฺตํ. อสฺตนฺติ กายทฺวาราทีนิ รกฺขิตุํ อสกฺโกนฺตํ. อปริจกฺขิตารนฺติ ‘‘อยํ มยา กถิตมนฺตํ รกฺขิตุํ สกฺขิสฺสติ, น สกฺขิสฺสตี’’ติ ปุคฺคลํ โอโลเกตุํ อุปปริกฺขิตุํ อสกฺโกนฺตํ. ภยํ ตมนฺเวตีติ ตํ อิเมหิ จตูหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตํ อโพธํ ทุปฺปฺํ ปุคฺคลํ สยํกตเมว ภยํ อนฺเวติ, ยถา มํ ปณฺฑรกนาคํ สุปณฺโณ อนฺวาคโตติ. สํสติ หาสมาโนติ รกฺขิตุํ อสมตฺถสฺส ปาปปุริสสฺส หาสมาโน กเถติ. นานุมิตฺโตติ อนุวตฺตนมตฺเตน โย มิตฺโต, น หทเยน, โส คุยฺหํ อตฺถํ ชานิตุํ นารหตีติ ปริเทวติ. อสมฺพุทฺธนฺติ อสมฺพุทฺธนฺโต อชานนฺโต, อปฺปฺโติ อตฺโถ. สมฺพุทฺธนฺติ สมฺพุทฺธนฺโต ชานนฺโต, สปฺปฺโติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘โยปิ สุหทโย มิตฺโต วา อมิตฺโต วา อปฺปฺโ สปฺปฺโปิ วา โย อนตฺถวา อนตฺถจโร, โสปิ คุยฺหํ เวทิตุํ นารหเต’’ติ.
สมโณ อยนฺติ อยํ สมโณติ จ โลกสมฺมโตติ จ ภาวิตตฺโตติ จ มฺมาโน อหํ ¶ เอตสฺมึ วิสฺสาสมาปชฺชึ. อกฺขินฺติ กเถสึ. อตีตมตฺโถติ อตีตตฺโถ, อติกฺกนฺตตฺโถ หุตฺวา อิทานิ กปณํ รุทามีติ ปริเทวติ. ตสฺสาติ ตสฺส อเจลกสฺส. พฺรหฺเมติ สุปณฺณํ อาลปติ. สํยเมตุนฺติ อิมํ คุยฺหวาจํ รหสฺสการณํ รกฺขิตุํ นาสกฺขึ. ตปฺปกฺขโต หีติ อิทานิ อิทํ ภยํ มม ตสฺส อเจลกสฺส ปกฺขโต โกฏฺาสโต สนฺติกา อาคตํ, อิติ อตีตตฺโถ ¶ กปณํ รุทามีติ. สุหทนฺติ ‘‘สุหโท มม อย’’นฺติ มฺมาโน. ทุกฺกุลีเนติ ¶ อกุลเช นีเจ. โทสาติ เอเตหิ โทสาทีหิ การเณหิ โย เอวรูปํ คุยฺหํ สํสติ, โส พาโล อสํสยํ ปลฺลตฺถิโต ปริวตฺเตตฺวา ปาปิโต, หโตเยว นามาติ อตฺโถ.
ติโรกฺขวาโจติ อตฺตโน ยํ วาจํ กเถตุกาโม, ตสฺสา ติโรกฺขกตตฺตา ปฏิจฺฉนฺนวาโจ. อสตํ ปวิฏฺโติ อสปฺปุริสานํ อนฺตรํ ปวิฏฺโ อสปฺปุริเสสุ ปริยาปนฺโน. สงฺคตีสุ มุทีเรตีติ โย เอวรูโป ปเรสํ รหสฺสํ สุตฺวาว ปริสมชฺเฌสุ ‘‘อสุเกน อสุกํ นาม กตํ วา วุตฺตํ วา’’ติ วากฺยํ อุทีเรติ, ตํ นรํ ‘‘อาสีวิโส ทุมฺมุโข ปูติมุโข’’ติ อาหุ, ตาทิสมฺหา ปุริสา อารา อารา สํยเม, ทูรโต ทูรโตว วิรเมยฺย, ปริวชฺเชยฺย นนฺติ อตฺโถ. มาลมุจฺฉาทนฺจาติ มาลฺจ ทิพฺพํ จตุชฺชาติยคนฺธฺจ อุจฺฉาทนฺจ. โอหายาติ เอเต ทิพฺพอนฺนาทโย สพฺพกาเม อชฺช มยํ โอหาย ฉฑฺเฑตฺวา คมิสฺสาม. สุปณฺณ, ปาณูปคตาว ตฺยมฺหาติ, โภ สุปณฺณ, ปาเณหิ อุปคตาว เต อมฺหา, สรณํ โน โหหีติ.
เอวํ ปณฺฑรโก อากาเส เหฏฺาสีสโก โอลมฺพนฺโต อฏฺหิ คาถาหิ ปริเทวิ. สุปณฺโณ ตสฺส ปริเทวนสทฺทํ สุตฺวา, ‘‘นาคราช อตฺตโน รหสฺสํ อเจลกสฺส กเถตฺวา อิทานิ กิมตฺถํ ปริเทวสี’’ติ ตํ ครหิตฺวา คาถมาห –
‘‘โก นีธ ติณฺณํ ครหํ อุเปติ, อสฺมึธ โลเก ปาณภู นาคราช;
สมโณ สุปณฺโณ อถวา ตฺวเมว, กึการณา ปณฺฑรกคฺคหีโต’’ติ.
ตตฺถ โก นีธาติ อิธ อมฺเหสุ ตีสุ ชเนสุ โก นุ. อสฺมึธาติ เอตฺถ อิธาติ นิปาตมตฺตํ, อสฺมึ โลเกติ อตฺโถ. ปาณภูติ ปาณภูโต. อถวา ตฺวเมวาติ อุทาหุ ตฺวํเยว. ตตฺถ สมณํ ตาว มา ครห, โส หิ อุปาเยน ตํ รหสฺสํ ปุจฺฉิ. สุปณฺณมฺปิ มา ครห, อหฺหิ ตว ปจฺจตฺถิโกว. ปณฺฑรกคฺคหีโตติ, สมฺม ปณฺฑรก, ‘‘อหํ กึการณา สุปณฺเณน คหิโต’’ติ จินฺเตตฺวา จ ปน อตฺตานเมว ครห, ตยา หิ รหสฺสํ กเถนฺเตน อตฺตนาว อตฺตโน อนตฺโถ กโตติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย.
ตํ ¶ ¶ สุตฺวา ปณฺฑรโก อิตรํ คาถมาห –
‘‘สมโณติ เม สมฺมตตฺโต อโหสิ, ปิโย จ เม มนสา ภาวิตตฺโต;
ตสฺสาหมกฺขึ ¶ วิวรึ คุยฺหมตฺถํ, อตีตมตฺโถ กปณํ รุทามี’’ติ.
ตตฺถ สมฺมตตฺโตติ โส สมโณ มยฺหํ ‘‘สปฺปุริโส อย’’นฺติ สมฺมตภาโว อโหสิ. ภาวิตตฺโตติ สมฺภาวิตภาโว จ เม อโหสีติ.
ตโต สุปณฺโณ จตสฺโส คาถา อภาสิ –
‘‘น จตฺถิ สตฺโต อมโร ปถพฺยา, ปฺาวิธา นตฺถิ น นินฺทิตพฺพา;
สจฺเจน ธมฺเมน ธิติยา ทเมน, อลพฺภมพฺยาหรตี นโร อิธ.
‘‘มาตา ปิตา ปรมา พนฺธวานํ, นาสฺส ตติโย อนุกมฺปกตฺถิ;
เตสมฺปิ คุยฺหํ ปรมํ น สํเส, มนฺตสฺส เภทํ ปริสงฺกมาโน.
‘‘มาตา ปิตา ภคินี ภาตโร จ, สหายา วา ยสฺส โหนฺติ สปกฺขา;
เตสมฺปิ คุยฺหํ ปรมํ น สํเส, มนฺตสฺส เภทํ ปริสงฺกมาโน.
‘‘ภริยา เจ ปุริสํ วชฺชา, โกมารี ปิยภาณินี;
ปุตฺตรูปยสูเปตา, าติสงฺฆปุรกฺขตา;
ตสฺสาปิ คุยฺหํ ปรมํ น สํเส, มนฺตสฺส เภทํ ปริสงฺกมาโน’’ติ.
ตตฺถ อมโรติ อมรณสภาโว สตฺโต นาม นตฺถิ. ปฺาวิธา นตฺถีติ น-กาโร ปทสนฺธิกโร, ปฺาวิธา อตฺถีติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – นาคราช ¶ , โลเก อมโรปิ นตฺถิ, ปฺาวิธาปิ อตฺถิ, สา อฺเสํ ปฺาโกฏฺาสสงฺขาตา ปฺาวิธา อตฺตโน ชีวิตเหตุ น นินฺทิตพฺพาติ. อถ วา ปฺาวิธาติ ปฺาสทิสา น นินฺทิตพฺพา นาม อฺา ธมฺมชาติ นตฺถิ, ตํ กสฺมา นินฺทสีติ. เยสํ ปน ‘‘ปฺาวิธานมฺปิ น นินฺทิตพฺพ’’นฺติปิ ปาโ, เตสํ อุชุกเมว. สจฺเจนาติอาทีสุ วจีสจฺเจน จ สุจริตธมฺเมน จ ปฺาสงฺขาตาย ธิติยา จ อินฺทฺริยทเมน จ อลพฺภํ ทุลฺลภํ อฏฺสมาปตฺติมคฺคผลนิพฺพานสงฺขาตมฺปิ วิเสสํ อพฺยาหรติ อาวหติ ¶ ตํ นิปฺผาเทติ ¶ นโร อิธ, ตสฺมา นารหสิ อเจลํ นินฺทิตุํ, อตฺตานเมว ครห. อเจเลน หิ อตฺตโน ปฺวนฺตตาย อุปายกุสลตาย จ วฺเจตฺวา ตฺวํ รหสฺสํ คุยฺหํ มนฺตํ ปุจฺฉิโตติ อตฺโถ.
ปรมาติ เอเต อุโภ พนฺธวานํ อุตฺตมพนฺธวา นาม. นาสฺส ตติโยติ อสฺส ปุคฺคลสฺส มาตาปิตูหิ อฺโ ตติโย สตฺโต อนุกมฺปโก นาม นตฺถิ, มนฺตสฺส เภทํ ปริสงฺกมาโน ปณฺฑิโต เตสํ มาตาปิตูนมฺปิ ปรมํ คุยฺหํ น สํเสยฺย, ตฺวํ ปน มาตาปิตูนมฺปิ อกเถตพฺพํ อเจลกสฺส กเถสีติ อตฺโถ. สหายา วาติ สุหทยมิตฺตา วา. สปกฺขาติ เปตฺเตยฺยมาตุลปิตุจฺฉาทโย สมานปกฺขา าตโย. เตสมฺปีติ เอเตสมฺปิ าติมิตฺตานํ น กเถยฺย, ตฺวํ ปน อเจลกสฺส กเถสิ, อตฺตโนว กุชฺฌสฺสูติ ทีเปติ. ภริยา เจติ โกมารี ปิยภาณินี ปุตฺเตหิ จ รูเปน จ ยเสน จ อุเปตา เอวรูปา ภริยาปิ เจ ‘‘อาจิกฺขาหิ เม ตว คุยฺห’’นฺติ วเทยฺย, ตสฺสาปิ น สํเสยฺย.
ตโต ปรา –
‘‘น คุยฺหมตฺถํ วิวเรยฺย, รกฺเขยฺย นํ ยถา นิธึ;
น หิ ปาตุกโต สาธุ, คุยฺโห อตฺโถ ปชานตา.
‘‘ถิยา คุยฺหํ น สํเสยฺย, อมิตฺตสฺส จ ปณฺฑิโต;
โย จามิเสน สํหีโร, หทยตฺเถโน จ โย นโร.
‘‘คุยฺหมตฺถํ อสมฺพุทฺธํ, สมฺโพธยติ โย นโร;
มนฺตเภทภยา ตสฺส, ทาสภูโต ติติกฺขติ.
‘‘ยาวนฺโต ¶ ปุริสสฺสตฺถํ, คุยฺหํ ชานนฺติ มนฺตินํ;
ตาวนฺโต ตสฺส อุพฺเพคา, ตสฺมา คุยฺหํ น วิสฺสเช;
‘‘วิวิจฺจ ภาเสยฺย ทิวา รหสฺสํ, รตฺตึ คิรํ นาติเวลํ ปมฺุเจ;
อุปสฺสุติกา หิ สุณนฺติ มนฺตํ, ตสฺมา มนฺโต ขิปฺปมุเปติ เภท’’นฺติ. –
ปฺจ ¶ คาถา อุมงฺคชาตเก ปฺจปณฺฑิตปฺเห อาวิ ภวิสฺสนฺติ.
ตโต ปราสุ –
‘‘ยถาปิ อสฺส นครํ มหนฺตํ, อทฺวารกํ อายสํ ภทฺทสาลํ;
สมนฺตขาตาปริขาอุเปตํ ¶ , เอวมฺปิ เม เต อิธ คุยฺหมนฺตา.
‘‘เย คุยฺหมนฺตา อวิกิณฺณวาจา, ทฬฺหา สทตฺเถสุ นรา ทุชิวฺห;
อารา อมิตฺตา พฺยวชนฺติ เตหิ, อาสีวิสา วา ริว สตฺตุสงฺฆา’’ติ. –
ทฺวีสุ คาถาสุ ภทฺทสาลนฺติ อาปณาทีหิ สาลาหิ สมฺปนฺนํ. สมนฺตขาตาปริขาอุเปตนฺติ สมนฺตขาตาหิ ตีหิ ปริขาหิ อุปคตํ. เอวมฺปิ เมติ เอวมฺปิ มยฺหํ เต ปุริสา ขายนฺติ. กตเร? เย อิธ คุยฺหมนฺตา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา อทฺวารกสฺส อโยมยนครสฺส มนุสฺสานํ อุปโภคปริโภโค อนฺโตว โหติ, น อพฺภนฺตริมา พหิ นิกฺขมนฺติ, น พาหิรา อนฺโต ปวิสนฺติ, อปราปรํ สฺจาโร ฉิชฺชติ, คุยฺหมนฺตา ปุริสา เอวรูปา โหนฺติ, อตฺตโน คุยฺหํ อตฺตโน อนฺโตเยว ชีราเปนฺติ, น อฺสฺส กเถนฺตีติ. ทฬฺหา สทตฺเถสูติ อตฺตโน อตฺเถสุ ถิรา. ทุชิวฺหาติ ปณฺฑรกนาคํ อาลปติ. พฺยวชนฺตีติ ปฏิกฺกมนฺติ. อาสีวิสา วา ริว สตฺตุสงฺฆาติ เอตฺถ วาติ นิปาตมตฺตํ, อาสีวิสา สตฺตุสงฺฆา ริวาติ อตฺโถ. ยถา อาสีวิสโต สตฺตุสงฺฆา ชีวิตุกามา มนุสฺสา ¶ อารา ปฏิกฺกมนฺติ, เอวํ เตหิ คุยฺหมนฺเตหิ นเรหิ อารา อมิตฺตา ปฏิกฺกมนฺติ, อุปคนฺตุํ โอกาสํ น ลภนฺตีติ วุตฺตํ โหติ.
เอวํ สุปณฺเณน ธมฺเม กถิเต ปณฺฑรโก อาห –
‘‘หิตฺวา ฆรํ ปพฺพชิโต อเจโล, นคฺโค มุณฺโฑ จรติ ฆาสเหตุ;
ตมฺหิ นุ โข วิวรึ คุยฺหมตฺถํ, อตฺถา จ ธมฺมา จ อปคฺคตามฺหา.
‘‘กถํกโร โหติ สุปณฺณราช, กึสีโล เกน วเตน วตฺตํ;
สมโณ จรํ หิตฺวา มมายิตานิ, กถํกโร สคฺคมุเปติ าน’’นฺติ.
ตตฺถ ฆาสเหตูติ นิสฺสิริโก กุจฺฉิปูรณตฺถาย ขาทนียโภชนีเย ปริเยสนฺโต จรติ. อปคฺคตามฺหาติ ¶ อปคตา ปริหีนามฺหา. กถํกโรติ ¶ อิทํ นาคราชา ตสฺส นคฺคสฺส สมณภาวํ ตฺวา สมณปฏิปตฺตึ ปุจฺฉนฺโต อาห. ตตฺถ กึสีโลติ กตเรน อาจาเรน สมนฺนาคโต. เกน วเตนาติ กตเรน วตสมาทาเนน วตฺตนฺโต. สมโณ จรนฺติ ปพฺพชฺชาย จรนฺโต ตณฺหามมายิตานิ หิตฺวา กถํ สมิตปาปสมโณ นาม โหติ. สคฺคนฺติ กถํ กโรนฺโต จ สุฏฺุ อคฺคํ เทวนครํ โส สมโณ อุเปตีติ.
สุปณฺโณ อาห –
‘‘หิริยา ติติกฺขาย ทเมนุเปโต, อกฺโกธโน เปสุณิยํ ปหาย;
สมโณ จรํ หิตฺวา มมายิตานิ, เอวํกโร สคฺคมุเปติ าน’’นฺติ.
ตตฺถ หิริยาติ, สมฺม นาคราช, อชฺฌตฺตพหิทฺธาสมุฏฺาเนหิ หิโรตฺตปฺเปหิ ติติกฺขาสงฺขาตาย อธิวาสนขนฺติยา อินฺทฺริยทเมน จ อุเปโต อกุชฺฌนสีโล ปิสุณวาจํ ปหาย ตณฺหามมายิตานิ จ หิตฺวา ปพฺพชฺชาย จรนฺโต ¶ สมโณ นาม โหติ, เอวํกโรเยว จ เอตานิ หิรีอาทีนิ กุสลานิ กโรนฺโต สคฺคมุเปติ านนฺติ.
อิทํ สุปณฺณราชสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา ปณฺฑรโก ชีวิตํ ยาจนฺโต คาถมาห –
‘‘มาตาว ปุตฺตํ ตรุณํ ตนุชฺชํ, สมฺผสฺสตา สพฺพคตฺตํ ผเรติ;
เอวมฺปิ เม ตฺวํ ปาตุรหุ ทิชินฺท, มาตาว ปุตฺตํ อนุกมฺปมาโน’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – ยถา มาตา ตนุชํ อตฺตโน สรีรชาตํ ตรุณํ ปุตฺตํ สมฺผสฺสตํ ทิสฺวา ตํ อุเร นิปชฺชาเปตฺวา ถฺํ ปาเยนฺตี ปุตฺตสมฺผสฺเสน สพฺพํ อตฺตโน คตฺตํ ผเรติ, นปิ มาตา ปุตฺตโต ภายติ นปิ ปุตฺโต มาติโต, เอวมฺปิ เม ตฺวํ ปาตุรหุ ปาตุภูโต ทิชินฺท ทิชราช, ตสฺมา มาตาว ปุตฺตํ มุทุเกน หทเยน อนุกมฺปมาโน มํ ปสฺส, ชีวิตํ เม เทหีติ.
อถสฺส สุปณฺโณ ชีวิตํ เทนฺโต อิตรํ คาถมาห –
‘‘หนฺทชฺช ตฺวํ มฺุจ วธา ทุชิวฺห, ตโย หิ ปุตฺตา น หิ อฺโ อตฺถิ;
อนฺเตวาสี ¶ ทินฺนโก อตฺรโช จ, รชฺชสฺสุ ปุตฺตฺตโร เม อโหสี’’ติ.
ตตฺถ ¶ มฺุจาติ มุจฺจ, อยเมว วา ปาโ. ทุชิวฺหาติ ตํ อาลปติ. อฺโติ อฺโ จตุตฺโถ ปุตฺโต นาม นตฺถิ. อนฺเตวาสีติ สิปฺปํ วา อุคฺคณฺหมาโน ปฺหํ วา สุณนฺโต สนฺติเก นิวุตฺโถ. ทินฺนโกติ ‘‘อยํ เต ปุตฺโต โหตู’’ติ ปเรหิ ทินฺโน. รชฺชสฺสูติ อภิรมสฺสุ. อฺตโรติ ตีสุ ปุตฺเตสุ อฺตโร อนฺเตวาสี ปุตฺโต เม ตฺวํ ชาโตติ ทีเปติ.
เอวฺจ ปน วตฺวา อากาสา โอตริตฺวา ตํ ภูมิยํ ปติฏฺาเปสิ. ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘อิจฺเจว ¶ วากฺยํ วิสชฺชี สุปณฺโณ, ภุมฺยํ ปติฏฺาย ทิโช ทุชิวฺหํ;
มุตฺตชฺช ตฺวํ สพฺพภยาติวตฺโต, ถลูทเก โหหิ มยาภิคุตฺโต.
‘‘อาตงฺกินํ ยถา กุสโล ภิสกฺโก, ปิปาสิตานํ รหโทว สีโต;
เวสฺมํ ยถา หิมสีตฏฺฏิตานํ, เอวมฺปิ เต สรณมหํ ภวามี’’ติ.
ตตฺถ อิจฺเจว วากฺยนฺติ อิติ เอวํ วจนํ วตฺวา ตํ นาคราชํ วิสฺสชฺชิ. ภุมฺยนฺติ โส สยมฺปิ ภูมิยํ ปติฏฺาย ทิโช ตํ ทุชิวฺหํ สมสฺสาเสนฺโต มุตฺโต อชฺช ตฺวํ อิโต ปฏฺาย สพฺพภยานิ อติวตฺโต ถเล จ อุทเก จ มยา อภิคุตฺโต รกฺขิโต โหหีติ อาห. อาตงฺกินนฺติ คิลานานํ. เอวมฺปิ เตติ เอวํ อหํ ตว สรณํ ภวามิ.
คจฺฉ ตฺวนฺติ อุยฺโยเชสิ. โส นาคราชา นาคภวนํ ปาวิสิ. อิตโรปิ สุปณฺณภวนํ คนฺตฺวา ‘‘มยา ปณฺฑรกนาโค สปถํ กตฺวา สทฺทหาเปตฺวา วิสฺสชฺชิโต, กีทิสํ นุ โข มยิ ตสฺส หทยํ, วีมํสิสฺสามิ น’’นฺติ นาคภวนํ คนฺตฺวา สุปณฺณวาตํ อกาสิ. ตํ ทิสฺวา นาโค ‘‘สุปณฺณราชา มํ คเหตุํ อาคโต ภวิสฺสตี’’ติ มฺมาโน พฺยามสหสฺสมตฺตํ อตฺตภาวํ มาเปตฺวา ปาสาเณ จ วาลุกฺจ คิลิตฺวา ภาริโย หุตฺวา ¶ นงฺคุฏฺํ เหฏฺากตฺวา โภคมตฺถเก ผณํ ธารยมาโน นิปชฺชิตฺวา สุปณฺณราชานํ ฑํสิตุกาโม วิย อโหสิ. ตํ ทิสฺวา สุปณฺโณ อิตรํ คาถมาห –
‘‘สนฺธึ กตฺวา อมิตฺเตน, อณฺฑเชน ชลาพุช;
วิวริย ทาํ เสสิ, กุโต ตํ ภยมาคต’’นฺติ.
ตํ สุตฺวา ¶ นาคราชา ติสฺโส คาถา อภาสิ –
‘‘สงฺเกเถว อมิตฺตสฺมึ, มิตฺตสฺมิมฺปิ น วิสฺสเส;
อภยา ภยมุปฺปนฺนํ, อปิ มูลานิ กนฺตติ.
‘‘กถํ นุ วิสฺสเส ตฺยมฺหิ, เยนาสิ กลโห กโต;
นิจฺจยตฺเตน าตพฺพํ, โส ทิสพฺภิ น รชฺชติ.
‘‘วิสฺสาสเย ¶ น จ ตํ วิสฺสเยยฺย, อสงฺกิโต สงฺกิโต จ ภเวยฺย;
ตถา ตถา วิฺู ปรกฺกเมยฺย, ยถา ยถา ภาวํ ปโร น ชฺา’’ติ.
ตตฺถ อภยาติ อภยฏฺานภูตา มิตฺตมฺหา ภยํ อุปฺปนฺนํ ชีวิตสงฺขาตานิ มูลาเนว กนฺตติ. ตฺยมฺหีติ ตสฺมึ. เยนาสีติ เยน สทฺธึ กลโห กโต อโหสิ. นิจฺจยตฺเตนาติ นิจฺจปฏิยตฺเตน. โส ทิสพฺภิ น รชฺชตีติ โย นิจฺจยตฺเตน อภิติฏฺติ, โส อตฺตโน สตฺตูหิ สทฺธึ วิสฺสาสวเสน น รชฺชติ, ตโต เตสํ ยถากามกรณีโย น โหตีติ อตฺโถ. วิสฺสาสเยติ ปรํ อตฺตนิ วิสฺสาสเย, ตํ ปน สยํ น วิสฺสเสยฺย. ปเรน อสงฺกิโต อตฺตนา จ โส สงฺกิโต ภเวยฺย. ภาวํ ปโรติ ยถา ยถา ปณฺฑิโต ปรกฺกมติ, ตถา ตถา ตสฺส ปโร ภาวํ น ชานาติ, ตสฺมา ปณฺฑิเตน วีริยํ กาตพฺพเมวาติ ทีเปติ.
อิติ เต อฺมฺํ สลฺลปิตฺวา สมคฺคา สมฺโมทมานา อุโภปิ อเจลกสฺส อสฺสมํ อคมึสุ. ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห –
‘‘เต เทววณฺณา สุขุมาลรูปา, อุโภ สมา สุชยา ปฺุขนฺธา;
อุปาคมุํ ¶ กรมฺปิยํ อเจลํ, มิสฺสีภูตา อสฺสวาหาว นาคา’’ติ.
ตตฺถ สมาติ สมานรูปา สทิสสณฺานา หุตฺวา. สุชยาติ สุวยา ปริสุทฺธา, อยเมว วา ปาโ. ปฺุขนฺธาติ กตกุสลตาย ปฺุกฺขนฺธา วิย. มิสฺสีภูตาติ หตฺเถน หตฺถํ คเหตฺวา กายมิสฺสีภาวํ อุปคตา. อสฺสวาหาว นาคาติ ธุเร ยุตฺตกา รถวาหา ทฺเว อสฺสา วิย ปุริสนาคา ตสฺส อสฺสมํ อคมึสุ.
คนฺตฺวา ¶ จ ปน สุปณฺณราชา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ นาคราชา อเจลกสฺส ชีวิตํ น ทสฺสติ, เอตํ ทุสฺสีลํ น วนฺทิสฺสามี’’ติ. โส พหิ ตฺวา นาคราชานเมว ตสฺส สนฺติกํ เปเสสิ. ตํ สนฺธาย สตฺถา อิตรํ คาถมาห.
‘‘ตโต ¶ หเว ปณฺฑรโก อเจลํ, สยเมวุปาคมฺม อิทํ อโวจ;
มุตฺตชฺชหํ สพฺพภยาติวตฺโต, น หิ นูน ตุยฺหํ มนโส ปิยมฺหา’’ติ.
ตตฺถ ปิยมฺหาติ ทุสฺสีลนคฺคโภคฺคมุสาวาทิ นูน มยํ ตว มนโส น ปิยา อหุมฺหาติ ปริภาสิ.
ตโต อเจโล อิตรํ คาถมาห –
‘‘ปิโย หิ เม อาสิ สุปณฺณราชา, อสํสยํ ปณฺฑรเกน สจฺจํ;
โส ราครตฺโตว อกาสิเมตํ, ปาปกมฺมํ สมฺปชาโน น โมหา’’ติ.
ตตฺถ ปณฺฑรเกนาติ ตยา ปณฺฑรเกน โส มม ปิยตโร อโหสิ, สจฺจเมตํ. โสติ โส อหํ ตสฺมึ สุปณฺเณ ราเคน รตฺโต หุตฺวา เอตํ ปาปกมฺมํ ชานนฺโตว อกาสึ, น โมเหน อชานนฺโตติ.
ตํ สุตฺวา นาคราชา ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘น เม ปิยํ อปฺปิยํ วาปิ โหติ, สมฺปสฺสโต โลกมิมํ ปรฺจ;
สุสฺตานฺหิ วิยฺชเนน, อสฺโต โลกมิมํ จราสิ.
‘‘อริยาวกาโสสิ ¶ อนริโยวาสิ, อสฺโต สฺตสนฺนิกาโส;
กณฺหาภิชาติโกสิ อนริยรูโป, ปาปํ พหุํ ทุจฺจริตํ อจารี’’ติ.
ตตฺถ น เมติ อมฺโภ ทุสฺสีลนคฺคมุสาวาทิ ปพฺพชิตสฺส หิ อิมฺจ ปรฺจ โลกํ สมฺปสฺสโต ปิยํ วา เม อปฺปิยํ วาปิ เมติ น โหติ, ตฺวํ ปน สุสฺตานํ สีลวนฺตานํ พฺยฺชเนน ปพฺพชิตลิงฺเคน อสฺโต หุตฺวา อิมํ โลกํ วฺเจนฺโต จรสิ. อริยาวกาโสสีติ อริยปฏิรูปโกสิ ¶ . อสฺโตติ ¶ กายาทีหิ อสฺโตสิ. กณฺหาภิชาติโกติ กาฬกสภาโว. อนริยรูโปติ อหิริกสภาโว. อจารีติ อกาสิ.
อิติ ตํ ครหิตฺวา อิทานิ อภิสปนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘อทุฏฺสฺส ตุวํ ทุพฺภิ, ทุพฺภี จ ปิสุโณ จสิ;
เอเตน สจฺจวชฺเชน, มุทฺธา เต ผลตุ สตฺตธา’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – อมฺโภ ทุพฺภิ ตฺวํ อทุฏฺสฺส มิตฺตสฺส ทุพฺภี จาสิ, ปิสุโณ จาสิ, เอเตน สจฺจวชฺเชน มุทฺธา เต สตฺตธา ผลตูติ.
อิติ นาคราชสฺส สปนฺตสฺเสว อเจลกสฺส สีสํ สตฺตธา ผลิ. นิสินฺนฏฺาเนเยวสฺส ภูมิ วิวรํ อทาสิ. โส ปถวึ ปวิสิตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติ, นาคราชสุปณฺณราชาโนปิ อตฺตโน ภวนเมว อคมึสุ. สตฺถา ตสฺส ปถวึ ปวิฏฺภาวํ ปกาเสนฺโต โอสานคาถมาห –
‘‘ตสฺมา หิ มิตฺตานํ น ทุพฺภิตพฺพํ, มิตฺตทุพฺภา ปาปิโย นตฺถิ อฺโ;
อาสิตฺตสตฺโต นิหโต ปถพฺยา, อินฺทสฺส วากฺเยน หิ สํวโร หโต’’ติ.
ตตฺถ ตสฺมาติ ยสฺมา มิตฺตทุพฺภิกมฺมสฺส ผรุโส วิปาโก, ตสฺมา. อาสิตฺตสตฺโตติ อาสิตฺตวิเสน สตฺโต. อินฺทสฺสาติ นาคินฺทสฺส วากฺเยน. สํวโรติ ‘‘อหํ สํวเร ิโตสฺมี’’ติ ปฏิฺาย เอวํ ปฺาโต อาชีวโก หโตติ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ เทวทตฺโต มุสาวาทํ กตฺวา ปถวึ ปวิฏฺโเยวา’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อเจลโก เทวทตฺโต อโหสิ, นาคราชา สาริปุตฺโต, สุปณฺณราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ปณฺฑรนาคราชชาตกวณฺณนา อฏฺมา.
[๕๑๙] ๙. สมฺพุลาชาตกวณฺณนา
กา ¶ ¶ เวธมานาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มลฺลิกํ เทวึ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ กุมฺมาสปิณฺฑิชาตเก (ชา. ๑.๗.๑๔๒ อาทโย) วิตฺถาริตเมว. สา ปน ตถาคตสฺส ติณฺณํ กุมฺมาสปิณฺฑิกานํ ทานานุภาเวน ตํ ทิวสฺเว รฺโ อคฺคมเหสิภาวํ ปตฺวา ปุพฺพุฏฺายิตาทีหิ ปฺจหิ กลฺยาณธมฺเมหิ สมนฺนาคตา าณสมฺปนฺนา พุทฺธุปฏฺายิกา ปติเทวตา อโหสิ. ตสฺสา ปติเทวตาภาโว สกลนคเร ปากโฏ อโหสิ. อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, มลฺลิกา เทวี กิร วตฺตสมฺปนฺนา าณสมฺปนฺนา ปติเทวตา’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปสา วตฺตสมฺปนฺนา ปติเทวตาเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺตสฺส รฺโ โสตฺถิเสโน นาม ปุตฺโต อโหสิ. ตํ ราชา วยปฺปตฺตํ อุปรชฺเช ปติฏฺเปสิ, สมฺพุลา นามสฺส อคฺคมเหสี อโหสิ อุตฺตมรูปธรา สรีรปฺปภาสมฺปนฺนา, นิวาเต ชลมานา ทีปสิขา วิย ขายติ. อปรภาเค โสตฺถิเสนสฺส สรีเร กุฏฺํ อุปฺปชฺชติ, เวชฺชา ติกิจฺฉิตุํ นาสกฺขึสุ. โส ภิชฺชมาเน กุฏฺเ ปฏิกูโล หุตฺวา วิปฺปฏิสารํ ปตฺวา ‘‘โก เม รชฺเชน อตฺโถ, อรฺเ อนาถมรณํ มริสฺสามี’’ติ รฺโ อาโรจาเปตฺวา อิตฺถาคารํ ฉฑฺเฑตฺวา นิกฺขมิ. สมฺพุลา พหูหิ อุปาเยหิ นิวตฺติยมานาปิ อนิวตฺติตฺวาว ‘‘อหํ ตํ สามิกํ อรฺเ ปฏิชคฺคิสฺสามี’’ติ วตฺวา สทฺธิฺเว นิกฺขมิ. โส อรฺํ ปวิสิตฺวา สุลภมูลผลาผเล ฉายูทกสมฺปนฺเน ปเทเส ปณฺณสาลํ กตฺวา วาสํ กปฺเปสิ. ราชธีตา ตํ ปฏิชคฺคิ. กถํ? สา หิ ปาโต วุฏฺาย อสฺสมปทํ สมฺมชฺชิตฺวา ปานียปริโภชนียํ อุปฏฺเปตฺวา ทนฺตกฏฺฺจ ¶ มุขโธวนฺจ อุปนาเมตฺวา มุเข โธเต นานาโอสธานิ ปิสิตฺวา ตสฺส วเณ มกฺเขตฺวา มธุรมธุรานิ ผลาผลานิ ขาทาเปตฺวา มุขํ วิกฺขาเลตฺวา หตฺเถสุ โธเตสุ ‘‘อปฺปมตฺโต โหหิ เทวา’’ติ วตฺวา วนฺทิตฺวา ปจฺฉิขณิตฺติองฺกุสเก อาทาย ผลาผลตฺถาย อรฺํ ปวิสิตฺวา ผลาผลานิ อาหริตฺวา เอกมนฺเต เปตฺวา ฆเฏน อุทกํ อาหริตฺวา นานาจุณฺเณหิ จ มตฺติกาหิ จ โสตฺถิเสนํ นฺหาเปตฺวา ปุน ¶ มธุรผลาผลานิ อุปนาเมติ. ปริโภคาวสาเน วาสิตปานียํ อุปเนตฺวา สยํ ผลาผลานิ ปริภฺุชิตฺวา ปทรสนฺถรํ สํวิทหิตฺวา ตสฺมึ ตตฺถ นิปนฺเน ตสฺส ปาเท โธวิตฺวา สีสปริกมฺมปิฏฺิปริกมฺมปาทปริกมฺมานิ กตฺวา สยนปสฺสํ อุปคนฺตฺวา นิปชฺชติ. เอเตนุปาเยน สามิกํ ปฏิชคฺคิ.
สา ¶ เอกทิวสํ อรฺเ ผลาผลํ อาหรนฺตี เอกํ คิริกนฺทรํ ทิสฺวา สีสโต ปจฺฉึ โอตาเรตฺวา กนฺทรตีเร เปตฺวา ‘‘นฺหายิสฺสามี’’ติ โอตริตฺวา หลิทฺทาย สรีรํ อุพฺพฏฺเฏตฺวา นฺหตฺวา สุโธตสรีรา อุตฺตริตฺวา วากจีรํ นิวาเสตฺวา กนฺทรตีเร อฏฺาสิ. อถสฺสา สรีรปฺปภาย วนํ เอโกภาสํ อโหสิ. ตสฺมึ ขเณ เอโก ทานโว โคจรตฺถาย จรนฺโต ตํ ทิสฺวา ปฏิพทฺธจิตฺโต หุตฺวา คาถาทฺวยํ อาห –
‘‘กา เวธมานา คิริกนฺทรายํ, เอกา ตุวํ ติฏฺสิ สํหิตูรุ;
ปุฏฺาสิ เม ปาณิปเมยฺยมชฺเฌ, อกฺขาหิ เม นามฺจ พนฺธเว จ.
‘‘โอภาสยํ วนํ รมฺมํ, สีหพฺยคฺฆนิเสวิตํ;
กา วา ตฺวมสิ กลฺยาณิ, กสฺส วา ตฺวํ สุมชฺฌิเม;
อภิวาเทมิ ตํ ภทฺเท, ทานวาหํ นมตฺถุ เต’’ติ.
ตตฺถ กา เวธมานาติ นฺหานมตฺตตาย สีตภาเวน กมฺปมานา. สํหิตูรูติ สมฺปิณฺฑิตูรุ อุตฺตมอูรุลกฺขเณ. ปาณิปเมยฺยมชฺเฌติ ¶ หตฺเถน มินิตพฺพมชฺเฌ. กา วา ตฺวนฺติ กา นาม วา ตฺวํ ภวสิ. อภิวาเทมีติ วนฺทามิ. ทานวาหนฺติ อหํ เอโก ทานโว, อยํ นมกฺกาโร ตว อตฺถุ, อฺชลึ เต ปคฺคณฺหามีติ อวจ.
สา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ติสฺโส คาถา อภาสิ –
‘‘โย ปุตฺโต กาสิราชสฺส, โสตฺถิเสโนติ ตํ วิทู;
ตสฺสาหํ สมฺพุลา ภริยา, เอวํ ชานาหิ ทานว;
อภิวาเทมิ ตํ ภนฺเต, สมฺพุลาหํ นมตฺถุ เต.
‘‘เวเทหปุตฺโต ภทฺทนฺเต, วเน วสติ อาตุโร;
ตมหํ โรคสมฺมตฺตํ, เอกา เอกํ อุปฏฺหํ.
‘‘อหฺจ ¶ วนมฺุฉาย, มธุมํสํ มิคาพิลํ;
ยทาหรามิ ตํ ภกฺโข, ตสฺส นูนชฺช นาธตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ เวเทหปุตฺโตติ เวเทหราชธีตาย ปุตฺโต. โรคสมฺมตฺตนฺติ โรคปีฬิตํ. อุปฏฺหนฺติ อุปฏฺหามิ ปฏิชคฺคามิ. ‘‘อุปฏฺิตา’’ติปิ ปาโ. วนมฺุฉายาติ วนํ อฺุเฉตฺวา อฺุฉาจริยํ จริตฺวา. มธุมํสนฺติ นิมฺมกฺขิกํ มธฺุจ มิคาพิลมํสฺจ สีหพฺยคฺฆมิเคหิ ขาทิตมํสโต อติริตฺตโกฏฺาสํ. ตํ ภกฺโขติ ยํ อหํ อาหรามิ, ตํ ภกฺโขว โส มม สามิโก. ตสฺส นูนชฺชาติ ตสฺส มฺเ อชฺช อาหารํ อลภมานสฺส สรีรํ อาตเป ปกฺขิตฺตปทุมํ วิย นาธติ อุปตปฺปติ มิลายติ.
ตโต ปรํ ทานวสฺส จ ตสฺสา จ วจนปฏิวจนคาถาโย โหนฺติ –
‘‘กึ วเน ราชปุตฺเตน, อาตุเรน กริสฺสสิ;
สมฺพุเล ปริจิณฺเณน, อหํ ภตฺตา ภวามิ เต.
‘‘โสกฏฺฏาย ทุรตฺตาย, กึ รูปํ วิชฺชเต มม;
อฺํ ปริเยส ภทฺทนฺเต, อภิรูปตรํ มยา.
‘‘เอหิมํ คิริมารุยฺห, ภริยา เม จตุสฺสตา;
ตาสํ ตฺวํ ปวรา โหหิ, สพฺพกามสมิทฺธินี.
‘‘นูน ตารกวณฺณาเภ, ยํ กิฺจิ มนสิจฺฉสิ;
สพฺพํ ตํ ปจุรํ มยฺหํ, รมสฺสฺวชฺช มยา สห.
‘‘โน ¶ เจ ตุวํ มเหเสยฺยํ, สมฺพุเล การยิสฺสสิ;
อลํ ตฺวํ ปาตราสาย, ปณฺเห ภกฺขา ภวิสฺสสิ.
‘‘ตฺจ สตฺตชโฏ ลุทฺโท, กฬาโร ปุริสาทโก;
วเน นาถํ อปสฺสนฺตึ, สมฺพุลํ อคฺคหี ภุเช.
‘‘อธิปนฺนา ปิสาเจน, ลุทฺเทนามิสจกฺขุนา;
สา จ สตฺตุวสํ ปตฺตา, ปติเมวานุโสจติ.
‘‘น ¶ ¶ เม อิทํ ตถา ทุกฺขํ, ยํ มํ ขาเทยฺย รกฺขโส;
ยฺจ เม อยฺยปุตฺตสฺส, มโน เหสฺสติ อฺถา.
‘‘น สนฺติ เทวา ปวสนฺติ นูน, น หิ นูน สนฺติ อิธ โลกปาลา;
สหสา กโรนฺตานมสฺตานํ, น หิ นูน สนฺติ ปฏิเสธิตาโร’’ติ.
ตตฺถ ปริจิณฺเณนาติ เตน อาตุเรน ปริจิณฺเณน กึ กริสฺสสิ. โสกฏฺฏายาติ โสกาตุราย. ‘‘โสกฏฺายา’’ติปิ ปาโ, โสเก ิตายาติ อตฺโถ. ทุรตฺตายาติ ทุคฺคตกปณภาวปฺปตฺตาย อตฺตภาวาย. เอหิมนฺติ มา ตฺวํ ทุรตฺตามฺหีติ จินฺตยิ, เอตํ มม คิริมฺหิ ทิพฺพวิมานํ, เอหิ อิมํ คิรึ อารุห. จตุสฺสตาติ ตสฺมึ เม วิมาเน อปราปิ จตุสฺสตา ภริยาโย อตฺถิ. สพฺพํ ตนฺติ ยํ กิฺจิ อุปโภคปริโภควตฺถาภรณาทิกํ อิจฺฉสิ, สพฺพํ ตํ นูน มยฺหํ ปจุรํ พหุํ สุลภํ, ตสฺมา มา กปณามฺหีติ จินฺตยิ, เอหิ มยา สห รมสฺสูติ วทติ.
มเหเสยฺยนฺติ, ‘‘ภทฺเท, สมฺพุเล โน เจ เม ตฺวํ มเหสิภาวํ กาเรสฺสสิ, ปริยตฺตา ตฺวํ มม ปาตราสาย, เตน ตํ พลกฺกาเรน วิมานํ เนสฺสามิ, ตตฺร มํ อสงฺคณฺหนฺตี มม สฺเว ปาโตว ภกฺขา ภวิสฺสสี’’ติ เอวํ วตฺวา โส สตฺตหิ ชฏาหิ สมนฺนาคโต ลุทฺทโก ทารุโณ นิกฺขนฺตทนฺโต ตํ ตสฺมึ วเน กิฺจิ อตฺตโน นาถํ อปสฺสนฺตึ สมฺพุลํ ภุเช อคฺคเหสิ. อธิปนฺนาติ อชฺโฌตฺถฏา. อามิสจกฺขุนาติ กิเลสโลเลน. ปติเมวาติ อตฺตโน อจินฺเตตฺวา ปติเมว อนุโสจติ. มโน เหสฺสตีติ มํ จิรายนฺตึ วิทิตฺวา อฺถา จิตฺตํ ภวิสฺสติ. น สนฺติ เทวาติ อิทํ สา ทานเวน ภุเช คหิตา เทวตุชฺฌาปนํ กโรนฺตี อาห. โลกปาลาติ เอวรูปานํ สีลวนฺตีนํ ปติเทวตานํ ปาลกา โลกปาลา นูน อิธ โลเก น สนฺตีติ ปริเทวติ.
อถสฺสา ¶ สีลเตเชน สกฺกสฺส ภวนํ กมฺปิ, ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. สกฺโก อาวชฺเชนฺโต ตํ การณํ ตฺวา วชิรํ อาทาย เวเคน คนฺตฺวา ทานวสฺส มตฺถเก ตฺวา อิตรํ คาถมาห –
‘‘อิตฺถีนเมสา ¶ ¶ ปวรา ยสสฺสินี, สนฺตา สมา อคฺคิริวุคฺคเตชา;
ตฺเจ ตุวํ รกฺขสาเทสิ กฺํ, มุทฺธา จ หิ สตฺตธา เต ผเลยฺย;
มา ตฺวํ ทหี มฺุจ ปติพฺพตายา’’ติ.
ตตฺถ สนฺตาติ อุปสนฺตา, อถ วา ปณฺฑิตา าณสมฺปนฺนา. สมาติ กายวิสมาทิวิรหิตา. อเทสีติ ขาทสิ. ผเลยฺยาติ อิมินา เม อินฺทวชิเรน ปหริตฺวา มุทฺธา ภิชฺเชถ. มา ตฺวํ ทหีติ ตฺวํ อิมํ ปติพฺพตํ มา ตาเปยฺยาสีติ.
ตํ สุตฺวา ทานโว สมฺพุลํ วิสฺสชฺเชสิ. สกฺโก ‘‘ปุนปิ เอส เอวรูปํ กเรยฺยา’’ติ จินฺเตตฺวา ทานวํ เทวสงฺขลิกาย พนฺธิตฺวา ปุน อนาคมนาย ตติเย ปพฺพตนฺตเร วิสฺสชฺเชสิ, ราชธีตรํ อปฺปมาเทน โอวทิตฺวา สกฏฺานเมว คโต. ราชธีตาปิ อตฺถงฺคเต สูริเย จนฺทาโลเกน อสฺสมํ ปาปุณิ. ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อฏฺ คาถา อภาสิ –
‘‘สา จ อสฺสมมาคจฺฉิ, ปมุตฺตา ปุริสาทกา;
นีฬํ ปฬินํ สกุณีว, คตสิงฺคํว อาลยํ.
‘‘สา ตตฺถ ปริเทเวสิ, ราชปุตฺตี ยสสฺสินี;
สมฺพุลา อุตุมตฺตกฺขา, วเน นาถํ อปสฺสนฺตี.
‘‘สมเณ พฺราหฺมเณ วนฺเท, สมฺปนฺนจรเณ อิเส;
ราชปุตฺตํ อปสฺสนฺตี, ตุมฺหํมฺหิ สรณํ คตา.
‘‘วนฺเท สีเห จ พฺยคฺเฆ จ, เย จ อฺเ วเน มิคา;
ราชปุตฺตํ อปสฺสนฺตี, ตุมฺหํมฺหิ สรณํ คตา.
‘‘ติณา ลตานิ โอสโฌ, ปพฺพตานิ วนานิ จ;
ราชปุตฺตํ อปสฺสนฺตี, ตุมฺหํมฺหิ สรณํ คตา.
‘‘วนฺเท อินฺทีวรีสามํ, รตฺตึ นกฺขตฺตมาลินึ;
ราชปุตฺตํ อปสฺสนฺตี, ตุมฺหํมฺหิ สรณํ คตา.
‘‘วนฺเท ¶ ¶ ¶ ภาคีรถึ คงฺคํ, สวนฺตีนํ ปฏิคฺคหํ;
ราชปุตฺตํ อปสฺสนฺตี, ตุมฺหํมฺหิ สรณํ คตา.
‘‘วนฺเท อหํ ปพฺพตราชเสฏฺํ, หิมวนฺตํ สิลุจฺจยํ;
ราชปุตฺตํ อปสฺสนฺตี, ตุมฺหํมฺหิ สรณํ คตา’’ติ.
ตตฺถ นีฬํ ปฬินํ สกุณีวาติ ยถา สกุณิกา มุขตุณฺฑเกน โคจรํ คเหตฺวา เกนจิ อุปทฺทเวน สกุณโปตกานํ ปฬินตฺตา ปฬินํ สกุณินีฬํ อาคจฺเฉยฺย, ยถา วา คตสิงฺคํ นิกฺขนฺตวจฺฉกํ อาลยํ สฺุํ วจฺฉกสาลํ วจฺฉคิทฺธินี เธนุ อาคจฺเฉยฺย, เอวํ สฺุํ อสฺสมํ อาคจฺฉีติ อตฺโถ. ตทา หิ โสตฺถิเสโน สมฺพุลาย จิรมานาย ‘‘อิตฺถิโย นาม โลลา, ปจฺจามิตฺตมฺปิ เม คเหตฺวา อาคจฺเฉยฺยา’’ติ ปริสงฺกนฺโต ปณฺณสาลโต นิกฺขมิตฺวา คจฺฉนฺตรํ ปวิสิตฺวา นิสีทิ. เตเนตํ วุตฺตํ. อุตุมตฺตกฺขาติ โสกเวคสฺชาเตน อุณฺเหน อุตุนา มนฺทโลจนา. อปสฺสนฺตีติ ตสฺมึ วเน นาถํ อตฺตโน ปตึ อปสฺสนฺตี อิโต จิโต จ สนฺธาวมานา ปริเทเวสิ.
ตตฺถ สมเณ พฺราหฺมเณติ สมิตปาปพาหิตปาเป สมเณ พฺราหฺมเณ. สมฺปนฺนจรเณติ สห สีเลน อฏฺนฺนํ สมาปตฺตีนํ วเสน จ สมฺปนฺนจรเณ อิเส วนฺเทติ เอวํ วตฺวา ราชปุตฺตํ อปสฺสนฺตี ตุมฺหากํ สรณํ คตา อมฺหิ. สเจ เม สามิกสฺส นิสินฺนฏฺานํ ชานาถ, อาจิกฺขถาติ ปริเทเวสีติ อตฺโถ. เสสคาถาสุปิ เอเสว นโย. ติณา ลตานิ โอสโฌติ อนฺโตเผคฺคุพหิสารติณานิ จ ลตานิ จ อนฺโตสารโอสธิโย จ. อิมํ คาถํ ติณาทีสุ นิพฺพตฺตเทวตา สนฺธายาห. อินฺทีวรีสามนฺติ อินฺทีวรีปุปฺผสมานวณฺณํ. นกฺขตฺตมาลินินฺติ นกฺขตฺตปฏิปาฏิสมนฺนาคตํ. ตุมฺหํมฺหีติ รตฺตึ สนฺธาย ตมฺปิ อมฺหีติ อาห. ภาคีรถึ คงฺคนฺติ เอวํปริยายนามิกํ คงฺคํ. สวนฺตีนนฺติ อฺาสํ พหูนํ นทีนํ ปฏิคฺคาหิกํ. คงฺคาย นิพฺพตฺตเทวตํ สนฺธาเยวมาห. หิมวนฺเตปิ เอเสว นโย.
ตํ เอวํ ปริเทวมานํ ทิสฺวา โสตฺถิเสโน จินฺเตสิ – ‘‘อยํ อติวิย ปริเทวติ, น โข ปนสฺสา ภาวํ ชานามิ, สเจ มยิ สิเนเหน เอวํ กโรติ ¶ , หทยมฺปิสฺสา ผเลยฺย, ปริคฺคณฺหิสฺสามิ ตาว น’’นฺติ คนฺตฺวา ปณฺณสาลทฺวาเร นิสีทิ. สาปิ ปริเทวมานาว ปณฺณสาลทฺวารํ คนฺตฺวา ตสฺส ปาเท วนฺทิตฺวา ‘‘กุหึ คโตสิ, เทวา’’ติ อาห. อถ นํ โส, ‘‘ภทฺเท ¶ , ตฺวํ อฺเสุ ¶ ทิวเสสุ น อิมาย เวลาย อาคจฺฉสิ, อชฺช อติสายํ อาคตาสี’’ติ ปุจฺฉนฺโต คาถมาห –
‘‘อติสายํ วตาคฺฉิ, ราชปุตฺติ ยสสฺสินิ;
เกน นุชฺช สมาคจฺฉิ, โก เต ปิยตโร มยา’’ติ.
อถ นํ สา ‘‘อหํ, อยฺยปุตฺต, ผลาผลานิ อาทาย อาคจฺฉนฺตี เอกํ ทานวํ ปสฺสึ, โส มยิ ปฏิพทฺธจิตฺโต หุตฺวา มํ หตฺเถ คณฺหิตฺวา ‘สเจ มม วจนํ น กโรสิ, ขาทิสฺสามิ ต’นฺติ อาห, อหํ ตาย เวลาย ตฺเว อนุโสจนฺตี เอวํ ปริเทวิ’’นฺติ วตฺวา คาถมาห –
‘‘อิทํ โขหํ ตทาโวจํ, คหิตา เตน สตฺตุนา;
น เม อิทํ ตถา ทุกฺขํ, ยํ มํ ขาเทยฺย รกฺขโส;
ยฺจ เม อยฺยปุตฺตสฺส, มโน เหสฺสติ อฺถา’’ติ.
อถสฺส เสสมฺปิ ปวตฺตึ อาโรเจนฺตี ‘‘เตน ปนาหํ, เทว, ทานเวน คหิตา อตฺตานํ วิสฺสชฺชาเปตุํ อสกฺโกนฺตี เทวตุชฺฌาปนกมฺมํ อกาสึ, อถ สกฺโก วชิรหตฺโถ อาคนฺตฺวา อากาเส ิโต ทานวํ สนฺตชฺเชตฺวา มํ วิสฺสชฺชาเปตฺวา ตํ เทวสงฺขลิกาย พนฺธิตฺวา ตติเย ปพฺพตนฺตเร ขิปิตฺวา ปกฺกามิ, เอวาหํ สกฺกํ นิสฺสาย ชีวิตํ ลภิ’’นฺติ อาห. ตํ สุตฺวา โสตฺถิเสโน, ‘‘ภทฺเท, โหตุ, มาตุคามสฺส อนฺตเร สจฺจํ นาม ทุลฺลภํ, หิมวนฺเต หิ พหู วนจรกตาปสวิชฺชาธราทโย สนฺติ, โก ตุยฺหํ สทฺทหิสฺสตี’’ติ วตฺวา คาถมาห –
‘‘โจรีนํ พหุพุทฺธีนํ, ยาสุ สจฺจํ สุทุลฺลภํ;
ถีนํ ภาโว ทุราชาโน, มจฺฉสฺเสโวทเก คต’’นฺติ.
สา ตสฺส วจนํ สุตฺวา, ‘‘อยฺยปุตฺต, อหํ ตํ อสทฺทหนฺตํ มม สจฺจพเลเนว ติกิจฺฉิสฺสามี’’ติ อุทกสฺส กลสํ ปูเรตฺวา สจฺจกิริยํ กตฺวา ตสฺส สีเส อุทกํ อาสิฺจนฺตี คาถมาห –
‘‘ตถา ¶ ¶ ¶ มํ สจฺจํ ปาเลตุ, ปาลยิสฺสติ เจ มมํ;
ยถาหํ นาภิชานามิ, อฺํ ปิยตรํ ตยา;
เอเตน สจฺจวชฺเชน, พฺยาธิ เต วูปสมฺมตู’’ติ.
ตตฺถ ตถา-สทฺโท ‘‘เจ มม’’นฺติ อิมินา สทฺธึ โยเชตพฺโพ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถาหํ วทามิ, ตถา เจ มม วจนํ สจฺจํ, อถ มํ อิทานิปิ ปาเลตุ, อายติมฺปิ ปาเลสฺสติ, อิทานิ เม วจนํ สุณาถ ‘‘ยถาหํ นาภิชานามี’’ติ. โปตฺถเกสุ ปน ‘‘ตถา มํ สจฺจํ ปาเลตี’’ติ ลิขิตํ, ตํ อฏฺกถายํ นตฺถิ.
เอวํ ตาย สจฺจกิริยํ กตฺวา อุทเก อาสิตฺตมตฺเตเยว โสตฺถิเสนสฺส กุฏฺํ อมฺพิเลน โธตํ วิย ตมฺพมลํ ตาวเทว อปคจฺฉิ. เต กติปาหํ ตตฺถ วสิตฺวา อรฺา นิกฺขมฺม พาราณสึ ปตฺวา อุยฺยานํ ปวิสึสุ. ราชา เตสํ อาคตภาวํ ตฺวา อุยฺยานํ คนฺตฺวา ตตฺเถว โสตฺถิเสนสฺส ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา สมฺพุลํ อคฺคมเหสิฏฺาเน อภิสิฺจาเปตฺวา นครํ ปเวเสตฺวา สยํ อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อุยฺยาเน วาสํ กปฺเปสิ, ราชนิเวสเนเยว จ นิพทฺธํ ภฺุชิ. โสตฺถิเสโนปิ สมฺพุลาย อคฺคมเหสิฏฺานมตฺตเมว อทาสิ, น ปุนสฺสา โกจิ สกฺกาโร อโหสิ, อตฺถิภาวมฺปิสฺสา น อฺาสิ, อฺาเหว อิตฺถีหิ สทฺธึ อภิรมิ. สมฺพุลา สปตฺติโทสวเสน กิสา อโหสิ อุปณฺฑุปณฺฑุกชาตา ธมนีสนฺถตคตฺตา. สา เอกทิวสํ โสกวิโนทนตฺถํ ภฺุชิตุํ อาคตสฺส สสุรตาปสสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ กตภตฺตกิจฺจํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. โส ตํ มิลาตินฺทฺริยํ ทิสฺวา คาถมาห –
‘‘เย กฺุชรา สตฺตสตา อุฬารา, รกฺขนฺติ รตฺตินฺทิวมุยฺยุตาวุธา;
ธนุคฺคหานฺจ สตานิ โสฬส, กถํวิเธ ปสฺสสิ ภทฺเท สตฺตโว’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – ภทฺเท, สมฺพุเล เย อมฺหากํ สตฺตสตา กฺุชรา, เตสฺเว ขนฺธคตานํ โยธานํ วเสน อุยฺยุตฺตาวุธา, อปรานิ จ โสฬสธนุคฺคหสตานิ ¶ รตฺตินฺทิวํ พาราณสึ รกฺขนฺติ. เอวํ สุรกฺขิเต นคเร กถํวิเธ ตฺวํ สตฺตโว ปสฺสสิ. ภทฺเท, ยสฺสา ตว สาสงฺกา สปฺปฏิภยา ¶ อรฺา อาคตกาเลปิ ปภาสมฺปนฺนํ สรีรํ, อิทานิ ปน มิลาตา ปณฺฑุปลาสวณฺณา อติวิย กิลนฺตินฺทฺริยาสิ, กสฺส นาม ตฺวํ ภายสี’’ติ ปุจฺฉิ.
สา ¶ ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘ปุตฺโต เต, เทว, มยิ น ปุริมสทิโส’’ติ วตฺวา ปฺจ คาถา อภาสิ –
‘‘อลงฺกตาโย ปทุมุตฺตรตฺตจา, วิราคิตา ปสฺสติ หํสคคฺครา;
ตาสํ สุณิตฺวา มิตคีตวาทิตํ, น ทานิ เม ตาต ตถา ยถา ปุเร.
‘‘สุวณฺณสํกจฺจธรา สุวิคฺคหา, อลงฺกตา มานุสิยจฺฉรูปมา;
เสโนปิยา ตาต อนินฺทิตงฺคิโย, ขตฺติยกฺา ปฏิโลภยนฺติ นํ.
‘‘สเจ อหํ ตาต ตถา ยถา ปุเร, ปตึ ตมฺุฉาย ปุนา วเน ภเร;
สมฺมานเย มํ น จ มํ วิมานเย, อิโตปิ เม ตาต ตโต วรํ สิยา.
‘‘ยมนฺนปาเน วิปุลสฺมิ โอหิเต, นารี วิมฏฺาภรณา อลงฺกตา;
สพฺพงฺคุเปตา ปติโน จ อปฺปิยา, อพชฺฌ ตสฺสา มรณํ ตโต วรํ.
‘‘อปิ เจ ทลิทฺทา กปณา อนาฬฺหิยา, กฏาทุตียา ปติโน จ สา ปิยา;
สพฺพงฺคุเปตายปิ อปฺปิยาย, อยเมว เสยฺยา กปณาปิ ยา ปิยา’’ติ.
ตตฺถ ปทุมุตฺตรตฺตจาติ ปทุมคพฺภสทิสอุตฺตรตฺตจา. สพฺพาสํ สรีรโต สุวณฺณปภา นิจฺฉรนฺตีติ ทีเปติ. วิราคิตาติ วิลคฺคสรีรา, ตนุมชฺฌาติ ¶ อตฺโถ. หํสคคฺคราติ เอวรูปา หํสา วิย มธุรสฺสรา นาริโย ปสฺสติ. ตาสนฺติ ¶ โส ตว ปุตฺโต ตาสํ นารีนํ มิตคีตวาทิตาทีนิ สุณิตฺวา อิทานิ เม, ตาต, ยถา ปุเร, ตถา น ปวตฺตตีติ วทติ. สุวณฺณสํกจฺจธราติ สุวณฺณมยสํกจฺจาลงฺการธรา. อลงฺกตาติ นานาลงฺการปฏิมณฺฑิตา. มานุสิยจฺฉรูปมาติ มานุสิโย อจฺฉรูปมา. เสโนปิยาติ โสตฺถิเสนสฺส ปิยา. ปฏิโลภยนฺติ นนฺติ นํ ตว ปุตฺตํ ปฏิโลภยนฺติ.
สเจ อหนฺติ, ตาต, ยถา ปุเร สเจ อหํ ปุนปิ ตํ ปตึ ตเถว กุฏฺโรเคน วนํ ปวิฏฺํ อฺุฉาย ตสฺมึ วเน ภเรยฺยํ, ปุนปิ มํ โส สมฺมาเนยฺย น วิมาเนยฺย, ตโต เม อิโตปิ พาราณสิรชฺชโต ตํ อรฺเมว วรํ สิยา สปตฺติโทเสน สุสฺสนฺติยาติ ทีเปติ. ยมนฺนปาเนติ ยํ อนฺนปาเน. โอหิเตติ ปิเต ปฏิยตฺเต. อิมินา พหุนฺนปานฆรํ ทสฺเสติ. อยํ กิรสฺสา อธิปฺปาโย ¶ – ยา นารี วิปุลนฺนปาเน ฆเร เอกิกาว อสปตฺติ สมานา วิมฏฺาภรณา นานาลงฺกาเรหิ อลงฺกตา สพฺเพหิ คุณงฺเคหิ อุเปตา ปติโน จ อปฺปิยา โหติ, อพชฺฌ คีวาย วลฺลิยา วา รชฺชุยา วา พนฺธิตฺวา ตสฺสา ตโต ฆราวาสโต มรณเมว วรตรนฺติ. อนาฬฺหียาติ อนาฬฺหา. กฏาทุตียาติ นิปชฺชนกฏสารกทุติยา. เสยฺยาติ กปณาปิ สมานา ยา ปติโน ปิยา, อยเมว อุตฺตมาติ.
เอวํ ตาย อตฺตโน ปริสุสฺสนการเณ ตาปสสฺส กถิเต ตาปโส ราชานํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ตาต, โสตฺถิเสน ตยิ กุฏฺโรคาภิภูเต อรฺํ ปวิสนฺเต ตยา สทฺธึ ปวิสิตฺวา ตํ อุปฏฺหนฺตี อตฺตโน สจฺจพเลน ตว โรคํ วูปสเมตฺวา ยา เต รชฺเช ปติฏฺานการณมกาสิ, ตสฺสา นาม ตฺวํ เนว ิตฏฺานํ, น นิสินฺนฏฺานํ ชานาสิ, อยุตฺตํ เต กตํ, มิตฺตทุพฺภิกมฺมํ นาเมตํ ปาปก’’นฺติ วตฺวา ปุตฺตํ โอวทนฺโต คาถมาห –
‘‘สุทุลฺลภิตฺถี ปุริสสฺส ยา หิตา, ภตฺติตฺถิยา ทุลฺลโภ โย หิโต จ;
หิตา จ เต สีลวตี จ ภริยา, ชนินฺท ธมฺมํ จร สมฺพุลายา’’ติ.
ตสฺสตฺโถ ¶ – ตาต, ยา ปุริสสฺส หิตา มุทุจิตฺตา อนุกมฺปิกา อิตฺถี, โย จ ภตฺตา อิตฺถิยา หิโต กตคุณํ ชานาติ, อุโภเปเต สุทุลฺลภา. อยฺจ สมฺพุลา ตุยฺหํ ¶ หิตา เจว สีลสมฺปนฺนา จ, ตสฺมา เอติสฺสา ธมฺมํ จร, กตคุณํ ชานิตฺวา มุทุจิตฺโต โหหิ, จิตฺตมสฺสา ปริโตเสหีติ.
เอวํ โส ปุตฺตสฺส โอวาทํ ทตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. ราชา ปิตริ คเต สมฺพุลํ ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘ภทฺเท, เอตฺตกํ กาลํ มยา กตํ โทสํ ขม, อิโต ปฏฺาย สพฺพิสฺสริยํ ตุยฺหเมว ทมฺมี’’ติ วตฺวา โอสานคาถมาห –
‘‘สเจ ตุวํ วิปุเล ลทฺธโภเค, อิสฺสาวติณฺณา มรณํ อุเปสิ;
อหฺจ เต ภทฺเท อิมา ราชกฺา, สพฺเพ เต วจนกรา ภวามา’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – ภทฺเท, สมฺพุเล สเจ ตฺวํ รตนราสิมฺหิ เปตฺวา อภิสิตฺตา อคฺคมเหสิฏฺานวเสน วิปุเล โภเค ลภิตฺวาปิ อิสฺสาย โอติณฺณา มรณํ อุเปสิ, อหฺจ อิมา ¶ จ ราชกฺา สพฺเพ ตว วจนกรา ภวาม, ตฺวํ ยถาธิปฺปายํ อิมํ รชฺชํ วิจาเรหีติ สพฺพิสฺสริยํ ตสฺสา อทาสิ.
ตโต ปฏฺาย อุโภ สมคฺควาสํ วสนฺตา ทานาทีนิ ปฺุานิ กริตฺวา ยถากมฺมํ คมึสุ. ตาปโส ฌานาภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ มลฺลิกา ปติเทวตาเยวา’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา สมฺพุลา มลฺลิกา อโหสิ, โสตฺถิเสโน โกสลราชา, ปิตา ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สมฺพุลาชาตกวณฺณนา นวมา.
[๕๒๐] ๑๐. คนฺธตินฺทุกชาตกวณฺณนา
อปฺปมาโทติ ¶ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ราโชวาทํ อารพฺภ กเถสิ. ราโชวาโท เหฏฺา วิตฺถาริโตว. อตีเต ปน กปิลรฏฺเ อุตฺตรปฺจาลนคเร ปฺจาโล นาม ราชา อคติคมเน ิโต อธมฺเมน ปมตฺโต รชฺชํ กาเรสิ. อถสฺส อมจฺจาทโย สพฺเพปิ อธมฺมิกาว ชาตา. พลิปีฬิตา รฏฺวาสิโน ปุตฺตทาเร อาทาย อรฺเ มิคา วิย จรึสุ, คามฏฺาเน คาโม นาม นาโหสิ. มนุสฺสา ราชปุริสานํ ¶ ภเยน ทิวา เคเห วสิตุํ อสกฺโกนฺตา เคหานิ กณฺฏกสาขาหิ ปริกฺขิปิตฺวา เคเห รตฺตึ วสิตฺวา อรุเณ อุคฺคจฺฉนฺเตเยว อรฺํ ปวิสนฺติ. ทิวา ราชปุริสา วิลุมฺปนฺติ, รตฺตึ โจรา. ตทา โพธิสตฺโต พหินคเร คนฺธตินฺทุกรุกฺเข เทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, อนุสํวจฺฉรํ รฺโ สนฺติกา สหสฺสคฺฆนกํ พลิกมฺมํ ลภติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ราชา ปมตฺโต รชฺชํ กาเรติ, สกลรฏฺํ วินสฺสติ, เปตฺวา มํ อฺโ ราชานํ ปติรูเป นิเวเสตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, อุปการโก จาปิ เม อนุสํวจฺฉรํ สหสฺสคฺฆนกพลินา ปูเชติ, โอวทิสฺสามิ น’’นฺติ.
โส รตฺติภาเค รฺโ สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา อุสฺสีสกปสฺเส ตฺวา โอภาสํ วิสฺสชฺเชตฺวา อากาเส อฏฺาสิ. ราชา ตํ พาลสูริยํ วิย ชลมานํ ทิสฺวา ‘‘โกสิ ตฺวํ, เกน วา การเณน อิธาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส ตสฺส วจนํ สุตฺวา, ‘‘มหาราช, อหํ คนฺธตินฺทุกเทวตา, ‘ตุยฺหํ โอวาทํ ทสฺสามี’ติ อาคโตมฺหี’’ติ อาห. ‘‘กึ นาม โอวาทํ ทสฺสสี’’ติ ¶ เอวํ วุตฺเต มหาสตฺโต, ‘‘มหาราช, ตฺวํ ปมตฺโต หุตฺวา รชฺชํ กาเรสิ, เตน เต สกลรฏฺํ หตวิลุตฺตํ วิย วินฏฺํ, ราชาโน นาม ปมาเทน รชฺชํ กาเรนฺตา สกลรฏฺสฺส สามิโน น โหนฺติ, ทิฏฺเว ธมฺเม วินาสํ ปตฺวา สมฺปราเย ปุน มหานิรเย นิพฺพตฺตนฺติ. เตสุ จ ปมาทํ อาปนฺเนสุ อนฺโตชนา พหิชนาปิสฺส ปมตฺตาว โหนฺติ, ตสฺมา รฺา อติเรเกน อปฺปมตฺเตน ภวิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ธมฺมเทสนํ ปฏฺเปนฺโต อิมา เอกาทส คาถา อาห –
‘‘อปฺปมาโท อมตปทํ, ปมาโท มจฺจุโน ปทํ;
อปฺปมตฺตา น มียนฺติ, เย ปมตฺตา ยถา มตา.
‘‘มทา ¶ ปมาโท ชาเยถ, ปมาทา ชายเต ขโย;
ขยา ปโทสา ชายนฺติ, มา มโท ภรตูสภ.
‘‘พหู หิ ขตฺติยา ชีนา, อตฺถํ รฏฺํ ปมาทิโน;
อโถปิ คามิโน คามา, อนคารา อคาริโน.
‘‘ขตฺติยสฺส ¶ ปมตฺตสฺส, รฏฺสฺมึ รฏฺวฑฺฒน;
สพฺเพ โภคา วินสฺสนฺติ, รฺโ ตํ วุจฺจเต อฆํ.
‘‘เนส ธมฺโม มหาราช, อติเวลํ ปมชฺชสิ;
อิทฺธํ ผีตํ ชนปทํ, โจรา วิทฺธํสยนฺติ นํ.
‘‘น เต ปุตฺตา ภวิสฺสนฺติ, น หิรฺํ น ธานิยํ;
รฏฺเ วิลุปฺปมานมฺหิ, สพฺพโภเคหิ ชียสิ.
‘‘สพฺพโภคา ปริชิณฺณํ, ราชานํ วาปิ ขตฺติยํ;
าติมิตฺตา สุหชฺชา จ, น ตํ มฺนฺติ มานิยํ.
‘‘หตฺถาโรหา อนีกฏฺา, รถิกา ปตฺติการกา;
ตเมวมุปชีวนฺตา, น ตํ มฺนฺติ มานิยํ.
‘‘อสํวิหิตกมฺมนฺตํ ¶ , พาลํ ทุมฺมนฺติมนฺตินํ;
สิรี ชหติ ทุมฺเมธํ, ชิณฺณํว อุรโค ตจํ.
‘‘สุสํวิหิตกมฺมนฺตํ, กาลุฏฺายึ อตนฺทิตํ;
สพฺเพ โภคาภิวฑฺฒนฺติ, คาโว สอุสภามิว.
‘‘อุปสฺสุตึ มหาราช, รฏฺเ ชนปเท จร;
ตตฺถ ทิสฺวา จ สุตฺวา จ, ตโต ตํ ปฏิปชฺชสี’’ติ.
ตตฺถ อปฺปมาโทติ สติยา อวิปฺปวาโส. อมตปทนฺติ อมตสฺส นิพฺพานสฺส ปทํ อธิคมการณํ. มจฺจุโน ปทนฺติ มรณสฺส การณํ. ปมตฺตา หิ วิปสฺสนํ อวฑฺเฒตฺวา อปฺปฏิสนฺธิกภาวํ ปตฺตุํ อสกฺโกนฺตา ปุนปฺปุนํ สํสาเร ชายนฺติ เจว มียนฺติ จ, ตสฺมา ปมาโท มจฺจุโน ปทํ นาม ¶ . น มียนฺตีติ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อปฺปฏิสนฺธิกภาวํ ปตฺตา ปุน สํสาเร อนิพฺพตฺตตฺตา น มียนฺติ นาม. เย ปมตฺตาติ, มหาราช, เย ปุคฺคลา ปมตฺตา, เต ยถา มตา, ตเถว ทฏฺพฺพา. กสฺมา? อกิจฺจสาธนตาย. มตสฺสปิ หิ ‘‘อหํ ทานํ ทสฺสามิ, สีลํ รกฺขิสฺสามิ, อุโปสถกมฺมํ กริสฺสามิ, กลฺยาณกมฺมํ ปูเรสฺสามี’’ติ อาโภโค วา ปตฺถนา วา ปริยุฏฺานํ วา นตฺถิ อปคตวิฺาณตฺตา, ปมตฺตสฺสปิ อปฺปมาทาภาวาติ ตสฺมา อุโภเปเต เอกสทิสาว.
มทาติ, มหาราช, อาโรคฺยโยพฺพนชีวิตมทสงฺขาตา ติวิธา มทา ปมาโท นาม ชายติ. โส มทปฺปตฺโต ปมาทาปนฺโน ปาณาติปาตาทีนิ ปาปกมฺมานิ กโรติ. อถ นํ ราชาโน ฉินฺทาเปนฺติ วา หนาเปนฺติ วา, สพฺพํ วา ธนมสฺส หรนฺติ, เอวมสฺส ปมาทา าติธนชีวิตกฺขโย ชายติ. ปุน โส ธนกฺขยํ ¶ วา ยสกฺขยํ วา ปตฺโต ชีวิตุํ อสกฺโกนฺโต ชีวิตวุตฺตตฺถาย กายทุจฺจริตาทีนิ กโรติ, อิจฺจสฺส ขยา ปโทสา ชายนฺติ, เตน ตํ วทามิ มา มโท ภรตูสภาติ, รฏฺภารกเชฏฺก ภรตูสภ มา ปมาทมาปชฺชีติ อตฺโถ. อตฺถํ รฏฺนฺติ ชนปทวาสีนํ วุทฺธิฺเจว สกลรฏฺฺจ พหู ปมาทิโน ชีนา. เตสํ อาวิภาวตฺถาย ขนฺติวาทิชาตก-มาตงฺคชาตก-ภรุชาตก-สรภงฺคชาตก-เจติยชาตกานิ กเถตพฺพานิ. คามิโนติ คามโภชกาปิ เต คามาปิ พหู ปมาทโทเสน ชีนา ปริหีนา วินฏฺา. อนคารา อคาริโนติ ปพฺพชิตาปิ ปพฺพชิตปฏิปตฺติโต, คิหีปิ ฆราวาสโต เจว ธนธฺาทีหิ จ พหู ชีนา ปริหีนาติ วทติ. ตํ วุจฺจเต อฆนฺติ, มหาราช, ยสโภคปริหานิ ¶ นาเมตํ รฺโ ทุกฺขํ วุจฺจติ. โภคาภาเวน หิ นิทฺธนสฺส ยโส หายติ, หีนยโส มหนฺตํ กายิกเจตสิกทุกฺขํ ปาปุณาติ.
เนส ธมฺโมติ, มหาราช, เอส โปราณกราชูนํ ธมฺโม น โหติ. อิทฺธํ ผีตนฺติ อนฺนปานาทินา สมิทฺธํ หิรฺสุวณฺณาทินา ผีตํ ปุปฺผิตํ. น เต ปุตฺตาติ, มหาราช, ปเวณิปาลกา เต ปุตฺตา น ภวิสฺสนฺติ. รฏฺวาสิโน หิ ‘‘อธมฺมิกรฺโ เอส ปุตฺโต, กึ อมฺหากํ วุฑฺฒึ กริสฺสติ, นาสฺส ฉตฺตํ ทสฺสามา’’ติ ฉตฺตํ น เทนฺติ. เอวเมเตสํ ปเวณิปาลกา ปุตฺตา น โหนฺติ นาม. ปริชิณฺณนฺติ ปริหีนํ. ราชานํ วาปีติ สเจปิ โส ราชา โหติ, อถ นํ ราชานํ สมานมฺปิ. มานิยนฺติ ‘‘อยํ ราชา’’ติ ครุจิตฺเตน ¶ สมฺมาเนตพฺพํ กตฺวา น มฺนฺติ. อุปชีวนฺตาติ อุปนิสฺสาย ชีวนฺตาปิ เอเต เอตฺตกา ชนา ครุจิตฺเตน มฺิตพฺพํ น มฺนฺติ. กึการณา? อธมฺมิกภาเวน.
สิรีติ ยสวิภโว. ตจนฺติ ยถา อุรโค ชิณฺณตจํ ชิคุจฺฉนฺโต ชหติ, น ปุน โอโลเกติ, เอวํ ตาทิสํ ราชานํ สิรี ชหติ. สุสํวิหิตกมฺมนฺตนฺติ กายทฺวาราทีหิ ปาปกมฺมํ อกโรนฺตํ. อภิวฑฺฒนฺตีติ อภิมุขํ คจฺฉนฺตา วฑฺฒนฺติ. สอุสภามิวาติ สอุสภา อิว. อปฺปมตฺตสฺส หิ สอุสภเชฏฺโก โคคโณ วิย โภคา วฑฺฒนฺติ. อุปสฺสุตินฺติ ชนปทจาริตฺตสวนาย จาริกํ อตฺตโน สกลรฏฺเ จ ชนปเท จ จร. ตตฺถาติ ตสฺมึ รฏฺเ จรนฺโต ทฏฺพฺพํ ทิสฺวา โสตพฺพํ สุตฺวา อตฺตโน คุณาคุณํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา ตโต อตฺตโน หิตปฏิปตฺตึ ปฏิปชฺชิสฺสสีติ.
อิติ มหาสตฺโต เอกาทสหิ คาถาหิ ราชานํ โอวทิตฺวา ‘‘คจฺฉ ปปฺจํ อกตฺวา ปริคฺคณฺห รฏฺํ, มา นาสยี’’ติ วตฺวา สกฏฺานเมว คโต. ราชาปิ ตสฺส วจนํ สุตฺวา สํเวคปฺปตฺโต ปุนทิวเส รชฺชํ อมจฺเจ ปฏิจฺฉาเปตฺวา ปุโรหิเตน สทฺธึ กาลสฺเสว ปาจีนทฺวาเรน นครา นิกฺขมิตฺวา ¶ โยชนมตฺตํ คโต. ตตฺเถโก คามวาสี มหลฺลโก อฏวิโต กณฺฏกสาขํ อาหริตฺวา เคหทฺวารํ ปริกฺขิปิตฺวา ปิทหิตฺวา ปุตฺตทารํ อาทาย อรฺํ ปวิสิตฺวา สายํ ราชปุริเสสุ ปกฺกนฺเตสุ อตฺตโน ฆรํ อาคจฺฉนฺโต เคหทฺวาเร ปาเท กณฺฏเกน วิทฺโธ อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา กณฺฏกํ นีหรนฺโต –
‘‘เอวํ เวเทตุ ปฺจาโล, สงฺคาเม สรมปฺปิโต;
ยถาหมชฺช เวเทมิ, กณฺฏเกน สมปฺปิโต’’ติ. –
อิมาย ¶ คาถาย ราชานํ อกฺโกสิ. ตํ ปนสฺส อกฺโกสนํ โพธิสตฺตานุภาเวน อโหสิ. โพธิสตฺเตน อธิคฺคหิโตว โส อกฺโกสีติ เวทิตพฺโพ. ตสฺมึ ปน สมเย ราชา จ ปุโรหิโต จ อฺาตกเวเสน ตสฺส สนฺติเกว อฏฺํสุ. อถสฺส วจนํ สุตฺวา ปุโรหิโต อิตรํ คาถมาห –
‘‘ชิณฺโณ ทุพฺพลจกฺขูสิ, น รูปํ สาธุ ปสฺสสิ;
กึ ตตฺถ พฺรหฺมทตฺตสฺส, ยํ ตํ มคฺเคยฺย กณฺฏโก’’ติ.
ตตฺถ ¶ มคฺเคยฺยาติ วิชฺเฌยฺย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยทิ ตฺวํ อตฺตโน อพฺยตฺตตาย กณฺฏเกน วิทฺโธ, โก เอตฺถ รฺโ โทโส. เยน ราชานํ อกฺโกสิ, กึ เต รฺา กณฺฏโก โอโลเกตฺวาว อาจิกฺขิตพฺโพติ.
ตํ สุตฺวา มหลฺลโก ติสฺโส คาถา อภาสิ –
‘‘พหฺเวตฺถ พฺรหฺมทตฺตสฺส, โสหํ มคฺคสฺมิ พฺราหฺมณ;
อรกฺขิตา ชานปทา, อธมฺมพลินา หตา.
‘‘รตฺติฺหิ โจรา ขาทนฺติ, ทิวา ขาทนฺติ ตุณฺฑิยา;
รฏฺสฺมึ กูฏราชสฺส, พหุ อธมฺมิโก ชโน.
‘‘เอตาทิเส ภเย ชาเต, ภยฏฺฏา ตาต มาณวา;
นิลฺเลนกานิ กุพฺพนฺติ, วเน อาหตฺว กณฺฏก’’นฺติ.
ตตฺถ พหฺเวตฺถาติ, พฺราหฺมณ, โสหํ สกณฺฏเก มคฺเค ปติโต สนฺนิสินฺโน, พหุ เอตฺถ พฺรหฺมทตฺตสฺส โทโส, ตฺวํ เอตฺตกํ กาลํ รฺโ โทเสน ¶ มม สกณฺฏเก มคฺเค วิจรณภาวํ น ชานาสิ. ตสฺส หิ อรกฺขิตา ชานปทา…เป… กณฺฏกนฺติ. ตตฺถ ขาทนฺตีติ วิลุมฺปนฺติ. ตุณฺฑิยาติ วธพนฺธาทีหิ ปีเฬตฺวา อธมฺเมน พลิสาธกา. กูฏราชสฺสาติ ปาปรฺโ. อธมฺมิโกติ ปฏิจฺฉนฺนกมฺมนฺโต. ตาตาติ ปุโรหิตํ อาลปติ. มาณวาติ มนุสฺสา. นิลฺเลนกานีติ นิลียนฏฺานานิ. วเน อาหตฺว กณฺฏกนฺติ กณฺฏกํ อาหริตฺวา ทฺวารานิ ปิทหิตฺวา ฆรํ ฉฑฺเฑตฺวา ปุตฺตทารํ อาทาย วนํ ปวิสิตฺวา ตสฺมึ วเน อตฺตโน นิลียนฏฺานานิ กโรนฺติ ¶ . อถ วา วเน โย กณฺฏโก, ตํ อาหริตฺวา ฆรานิ ปริกฺขิปนฺติ. อิติ รฺโ โทเสเนวมฺหิ กณฺฏเกน วิทฺโธ, มา เอวรูปสฺส รฺโ อุปตฺถมฺโภ โหหีติ.
ตํ สุตฺวา ราชา ปุโรหิตํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘อาจริย, มหลฺลโก ยุตฺตํ ภณติ, อมฺหากเมว โทโส, เอหิ นิวตฺตาม, ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสฺสามา’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ปุโรหิตสฺส สรีเร อธิมุจฺจิตฺวา ปุรโต คนฺตฺวา ‘‘ปริคฺคณฺหิสฺสาม ตาว, มหาราชา’’ติ อาห. เต ตมฺหา คามา อฺํ คามํ คจฺฉนฺตา อนฺตรามคฺเค เอกิสฺสา มหลฺลิกาย สทฺทํ อสฺโสสุํ. สา กิเรกา ทลิทฺทิตฺถี ทฺเว ธีตโร วยปฺปตฺตา รกฺขมานา ¶ ตาสํ อรฺํ คนฺตุํ น เทติ. สยํ อรฺโต ทารูนิ เจว สากฺจ อาหริตฺวา ธีตโร ปฏิชคฺคติ. สา ตํ ทิวสํ เอกํ คุมฺพํ อารุยฺห สากํ คณฺหนฺตี ปวฏฺฏมานา ภูมิยํ ปติตฺวา ราชานํ มรเณน อกฺโกสนฺตี คาถมาห –
‘‘กทาสฺสุ นามยํ ราชา, พฺรหฺมทตฺโต มริสฺสติ;
ยสฺส รฏฺมฺหิ ชียนฺติ, อปฺปติกา กุมาริกา’’ติ.
ตตฺถ อปฺปติกาติ อสฺสามิกา. สเจ หิ ตาสํ สามิกา อสฺสุ, มํ โปเสยฺยุํ. ปาปรฺโ ปน รชฺเช อหํ ทุกฺขํ อนุโภมิ, กทา นุ โข เอส มริสฺสตีติ.
เอวํ โพธิสตฺตานุภาเวเนว สา อกฺโกสิ. อถ นํ ปุโรหิโต ปฏิเสเธนฺโต คาถมาห –
‘‘ทุพฺภาสิตฺหิ เต ชมฺมิ, อนตฺถปทโกวิเท;
กุหึ ราชา กุมารีนํ, ภตฺตารํ ปริเยสตี’’ติ.
ตํ ¶ สุตฺวา มหลฺลิกา ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘น เม ทุพฺภาสิตํ พฺรหฺเม, โกวิทตฺถปทา อหํ;
อรกฺขิตา ชานปทา, อธมฺมพลินา หตา.
‘‘รตฺติฺหิ โจรา ขาทนฺติ, ทิวา ขาทนฺติ ตุณฺฑิยา;
รฏฺสฺมึ กูฏราชสฺส, พหุ อธมฺมิโก ชโน;
ทุชฺชีเว ทุพฺภเร ทาเร, กุโต ภตฺตา กุมาริโย’’ติ.
ตตฺถ ¶ โกวิทตฺถปทาติ อหํ อตฺถปเท การณปเท โกวิทา เฉกา, มา ตฺวํ เอตํ ปาปราชานํ ปสํสิ. ทุชฺชีเวติ ทุชฺชีเว รฏฺเ ทุพฺภเร ทาเร ชาเต มนุสฺเสสุ ภีตตสิเตสุ อรฺเ วสนฺเตสุ กุโต ภตฺตา กุมาริโย, กุโต กุมาริโย ภตฺตารํ ลภิสฺสนฺตีติ อตฺโถ.
เต ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ‘‘ยุตฺตํ สา กเถตี’’ติ ตโต ปรํ คจฺฉนฺตา เอกสฺส กสฺสกสฺส สทฺทํ อสฺโสสุํ. ตสฺส กิร กสนฺตสฺส สาลิโย ¶ นาม พลิพทฺโท ผาเลน ปหโฏ สยิ. โส ราชานํ อกฺโกสนฺโต คาถมาห –
‘‘เอวํ สยตุ ปฺจาโล, สงฺคาเม สตฺติยา หโต;
ยถายํ กปโณ เสติ, หโต ผาเลน สาลิโย’’ติ.
ตตฺถ ยถาติ ยถา อยํ เวทนาปฺปตฺโต สาลิยพลิพทฺโท เสติ, เอวํ สยตูติ อตฺโถ.
อถ นํ ปุโรหิโต ปฏิเสเธนฺโต คาถมาห –
‘‘อธมฺเมน ตุวํ ชมฺม, พฺรหฺมทตฺตสฺส กุชฺฌสิ;
โย ตฺวํ สปสิ ราชานํ, อปรชฺฌิตฺวาน อตฺตโน’’ติ.
ตตฺถ อธมฺเมนาติ อการเณน อสภาเวน.
ตํ สุตฺวา โส ติสฺโส คาถา อภาสิ –
‘‘ธมฺเมน พฺรหฺมทตฺตสฺส, อหํ กุชฺฌามิ พฺราหฺมณ;
อรกฺขิตา ชานปทา อธมฺมพลินา หตา.
‘‘รตฺติฺหิ โจรา ขาทนฺติ, ทิวา ขาทนฺติ ตุณฺฑิยา;
รฏฺสฺมึ กูฏราชสฺส, พหุ อธมฺมิโก ชโน.
‘‘สา ¶ นูน ปุน เร ปกฺกา, วิกาเล ภตฺตมาหริ;
ภตฺตหารึ อเปกฺขนฺโต, หโต ผาเลน สาลิโย’’ติ.
ตตฺถ ¶ ธมฺเมนาติ การเณเนว, อการเณน อกฺโกสตีติ สฺํ มา กริ. สา นูน ปุน เร ปกฺกา, วิกาเล ภตฺตมาหรีติ, พฺราหฺมณ, สา ภตฺตหาริกา อิตฺถี ปาโตว มม ภตฺตํ ปจิตฺวา อาหรนฺตี อธมฺมพลิสาธเกหิ พฺรหฺมทตฺตสฺส ทาเสหิ ปลิพุทฺธา ภวิสฺสติ, เต ปริวิสิตฺวา ปุน มยฺหํ ภตฺตํ ปกฺกํ ภวิสฺสติ, เตน การเณน วิกาเล ภตฺตํ อาหริ, ‘‘อชฺช วิกาเล ภตฺตํ อาหรี’’ติ จินฺเตตฺวา ฉาตชฺฌตฺโต อหํ ตํ ภตฺตหารึ โอโลเกนฺโต โคณํ อฏฺาเน ปโตเทน วิชฺฌึ, เตเนส ปาทํ อุกฺขิปิตฺวา ผาลํ ปหรนฺโต หโต ผาเลน สาลิโย. ตสฺมา ‘‘เอส มยา หโต’’ติ สฺํ มา กริ, ปาปรฺโเยว หโต นาเมส, มา ตสฺส วณฺณํ ภณีติ.
เต ¶ ปุรโต คนฺตฺวา เอกสฺมึ คาเม วสึสุ. ปุนทิวเส ปาโตว เอกา กูฏเธนุ โคโทหกํ ปาเทน ปหริตฺวา สทฺธึ ขีเรน ปวฏฺเฏสิ. โส พฺรหฺมทตฺตํ อกฺโกสนฺโต คาถมาห –
‘‘เอวํ หฺตุ ปฺจาโล, สงฺคาเม อสินา หโต;
ยถาหมชฺช ปหโต, ขีรฺจ เม ปวฏฺฏิต’’นฺติ.
ตํ สุตฺวา ปุโรหิโต ปฏิเสเธนฺโต คาถมาห –
‘‘ยํ ปสุ ขีรํ ฉฑฺเฑติ, ปสุปาลํ วิหึสติ;
กึ ตตฺถ พฺรหฺมทตฺตสฺส, ยํ โน ครหเต ภว’’นฺติ.
พฺราหฺมเณน คาถาย วุตฺตาย ปุน โส ติสฺโส คาถา อภาสิ –
‘‘คารยฺโห พฺรหฺเม ปฺจาโล, พฺรหฺมทตฺตสฺส ราชิโน;
อรกฺขิตา ชานปทา, อธมฺมพลินา หตา.
‘‘รตฺติฺหิ โจรา ขาทนฺติ, ทิวา ขาทนฺติ ตุณฺฑิยา;
รฏฺสฺมึ กูฏราชสฺส, พหุ อธมฺมิโก ชโน.
‘‘จณฺฑา อฏนกา คาวี, ยํ ปุเร น ทุหามเส;
ตํ ทานิ อชฺช โทหาม, ขีรกาเมหุปทฺทุตา’’ติ.
ตตฺถ ¶ จณฺฑาติ ผรุสา. อฏนกาติ ปลายนสีลา. ขีรกาเมหีติ อธมฺมิกรฺโ ปุริเสหิ พหุํ ขีรํ อาหราเปนฺเตหิ อุปทฺทุตา ทุหาม. สเจ หิ โส ธมฺเมน รชฺชํ กาเรยฺย, น โน เอวรูปํ ภยํ อาคจฺเฉยฺยาติ.
เต ¶ ‘‘โส ยุตฺตํ กเถตี’’ติ ตมฺหา คามา นิกฺขมฺม มหามคฺคํ อารุยฺห นคราภิมุขา คมึสุ. เอกสฺมิฺจ คาเม พลิสาธกา อสิโกสตฺถาย เอกํ ตรุณํ กพรวจฺฉกํ มาเรตฺวา จมฺมํ คณฺหึสุ. วจฺฉกมาตา เธนุ ปุตฺตโสเกน ติณํ น ขาทติ ปานียํ น ปิวติ, ปริเทวมานา อาหิณฺฑติ. ตํ ทิสฺวา คามทารกา ราชานํ อกฺโกสนฺตา คาถมาหํสุ –
‘‘เอวํ กนฺทตุ ปฺจาโล, วิปุตฺโต วิปฺปสุกฺขตุ;
ยถายํ กปณา คาวี, วิปุตฺตา ปริธาวตี’’ติ.
ตตฺถ ปริธาวตีติ ปริเทวมาโน ธาวติ.
ตโต ¶ ปุโรหิโต อิตรํ คาถมาห –
‘‘ยํ ปสุ ปสุปาลสฺส, สมฺภเมยฺย รเวยฺย วา;
โกนีธ อปราธตฺถิ, พฺรหฺมทตฺตสฺส ราชิโน’’ติ.
ตตฺถ สมฺภเมยฺย รเวยฺย วาติ ภเมยฺย วา วิรเวยฺย วา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตาตา, ปสุ นาม ปสุปาลสฺส รกฺขนฺตสฺเสว ธาวติปิ วิรวติปิ, ติณมฺปิ น ขาทติ ปานียมฺปิ น ปิวติ, อิธ รฺโ โก นุ อปราโธติ.
ตโต คามทารกา ทฺเว คาถา อภาสึสุ –
‘‘อปราโธ มหาพฺรหฺเม, พฺรหฺมทตฺตสฺส ราชิโน;
อรกฺขิตา ชานปทา, อธมฺมพลินา หตา.
‘‘รตฺติฺหิ ¶ โจรา ขาทนฺติ, ทิวา ขาทนฺติ ตุณฺฑิยา;
รฏฺสฺมึ กูฏราชสฺส, พหุ อธมฺมิโก ชโน;
กถํ โน อสิโกสตฺถา, ขีรปา หฺเต ปชา’’ติ.
ตตฺถ มหาพฺรหฺเมติ มหาพฺราหฺมณ. ราชิโนติ รฺโ. กถํ โนติ กถํ นุ เกน นาม การเณน. ขีรปา หฺเต ปชาติ ปาปราชสฺส เสวเกหิ ขีรปโก วจฺฉโก หฺติ, อิทานิ สา เธนุ ปุตฺตโสเกน ปริเทวติ, โสปิ ราชา อยํ เธนุ วิย ปริเทวตูติ ราชานํ อกฺโกสึสุเยว.
เต ‘‘สาธุ โว การณํ วทถา’’ติ วตฺวา ปกฺกมึสุ. อถนฺตรามคฺเค เอกิสฺสา สุกฺขโปกฺขรณิยา กากา ตุณฺเฑหิ วิชฺฌิตฺวา มณฺฑูเก ขาทนฺติ. โพธิสตฺโต เตสุ ตํ านํ สมฺปตฺเตสุ อตฺตโน อานุภาเวน มณฺฑูเกน –
‘‘เอวํ ¶ ขชฺชตุ ปฺจาโล, หโต ยุทฺเธ สปุตฺตโก;
ยถาหมชฺช ขชฺชามิ, คามิเกหิ อรฺโช’’ติ. –
ราชานํ อกฺโกสาเปสิ.
ตตฺถ คามิเกหีติ คามวาสีหิ.
ตํ ¶ สุตฺวา ปุโรหิโต มณฺฑูเกน สทฺธึ สลฺลปนฺโต คาถมาห –
‘‘น สพฺพภูเตสุ วิเธนฺติ รกฺขํ, ราชาโน มณฺฑูก มนุสฺสโลเก;
เนตฺตาวตา ราชา อธมฺมจารี, ยํ ตาทิสํ ชีวมเทยฺยุ ธงฺกา’’ติ.
ตตฺถ ชีวนฺติ ชีวนฺตํ. อเทยฺยุนฺติ ขาเทยฺยุํ. ธงฺกาติ กากา. เอตฺตาวตา ราชา อธมฺมิโก นาม น โหติ, กึ สกฺกา อรฺํ ปวิสิตฺวา รฺา ตํ รกฺขนฺเตน จริตุนฺติ.
ตํ สุตฺวา มณฺฑูโก ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘อธมฺมรูโป ¶ วต พฺรหฺมจารี, อนุปฺปิยํ ภาสสิ ขตฺติยสฺส;
วิลุปฺปมานาย ปุถุปฺปชาย, ปูเชสิ ราชํ ปรมปฺปมาทํ.
‘‘สเจ อิทํ พฺรหฺเม สุรชฺชกํ สิยา, ผีตํ รฏฺํ มุทิตํ วิปฺปสนฺนํ;
ภุตฺวา พลึ อคฺคปิณฺฑฺจ กากา, น มาทิสํ ชีวมเทยฺยุ ธงฺกา’’ติ.
ตตฺถ พฺรหฺมจารีติ ปุโรหิตํ ครหนฺโต อาห. ขตฺติยสฺสาติ เอวรูปสฺส ปาปรฺโ. วิลุปฺปมานายาติ วิลุมฺปมานาย, อยเมว วา ปาโ. ปุถุปฺปชายาติ วิปุลาย ปชาย วินาสิยมานาย. ปูเชสีติ ปสํสิ. สุรชฺชกนฺติ ฉนฺทาทิวเสน อคนฺตฺวา ทส ราชธมฺเม อโกเปนฺเตน อปฺปมตฺเตน รฺา รกฺขิยมานํ สเจ อิทํ สุรชฺชกํ ภเวยฺย. ผีตนฺติ เทเวสุ สมฺมาธารํ อนุปฺปเวจฺฉนฺเตสุ สมฺปนฺนสสฺสํ. น มาทิสนฺติ เอวํ สนฺเต มาทิสํ ชีวมานฺเว กากา น ขาเทยฺยุํ.
เอวํ ฉสุปิ าเนสุ อกฺโกสนํ โพธิสตฺตสฺเสว อานุภาเวน อโหสิ;
ตํ ¶ สุตฺวา ราชา จ ปุโรหิโต จ ‘‘อรฺวาสึ ติรจฺฉานคตํ มณฺฑูกํ อุปาทาย สพฺเพ อมฺเหเยว อกฺโกสนฺตี’’ติ วตฺวา ตโต นครํ ¶ คนฺตฺวา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรตฺวา มหาสตฺตสฺโสวาเท ิตา ทานาทีนิ ปฺุานิ กรึสุ.
สตฺถา โกสลรฺโ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา, ‘‘มหาราช, รฺา นาม อคติคมนํ ปหาย ธมฺเมน รชฺชํ กาเรตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา คนฺธตินฺทุกเทวตา อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
คนฺธตินฺทุกชาตกวณฺณนา ทสมา.
ชาตกุทฺทานํ
กึฉนฺท กุมฺภ ชยทฺทิส ฉทฺทนฺต, อถ ปณฺฑิตสมฺภว สิรกปิ;
ทกรกฺขส ปณฺฑรนาควโร, อถ สมฺพุล ตินฺทุกเทวสุโตติ.
ตึสนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.