📜
๒. ทิฏฺิกถา
๑. อสฺสาททิฏฺินิทฺเทสวณฺณนา
๑๒๒. อิทานิ ¶ ¶ าณกถานนฺตรํ กถิตาย ทิฏฺิกถาย อนุปุพฺพอนุวณฺณนา อนุปฺปตฺตา. อยฺหิ ทิฏฺิกถา าณกถาย กตาณปริจยสฺส สมธิคตสมฺมาทิฏฺิสฺส มิจฺฉาทิฏฺิมลวิโสธนา สุกรา โหติ, สมฺมาทิฏฺิ จ สุปริสุทฺธา โหตีติ าณกถานนฺตรํ กถิตา. ตตฺถ กา ทิฏฺีติอาทิกา ปุจฺฉา. กา ทิฏฺีติ อภินิเวสปรามาโส ทิฏฺีติอาทิกํ ปุจฺฉิตปุจฺฉาย วิสฺสชฺชนํ. กถํ อภินิเวสปรามาโส ทิฏฺีติอาทิโก วิสฺสชฺชิตวิสฺสชฺชนสฺส วิตฺถารนิทฺเทโส, สพฺพาว ตา ทิฏฺิโย อสฺสาททิฏฺิโยติอาทิกา ทิฏฺิสุตฺตสํสนฺทนาติ เอวมิเม จตฺตาโร ปริจฺเฉทา. ตตฺถ ปุจฺฉาปริจฺเฉเท ตาว กา ทิฏฺีติ ธมฺมปุจฺฉา, สภาวปุจฺฉา. กติ ทิฏฺิฏฺานานีติ เหตุปุจฺฉา ปจฺจยปุจฺฉา, กิตฺตกานิ ทิฏฺีนํ การณานีติ อตฺโถ. กติ ทิฏฺิปริยุฏฺานานีติ สมุทาจารปุจฺฉา วิการปุจฺฉา. ทิฏฺิโย เอว หิ สมุทาจารวเสน จิตฺตํ ปริโยนนฺธนฺติโย อุฏฺหนฺตีติ ทิฏฺิปริยุฏฺานานิ ¶ นาม โหนฺติ. กติ ทิฏฺิโยติ ทิฏฺีนํ สงฺขาปุจฺฉา คณนาปุจฺฉา. กติ ทิฏฺาภินิเวสาติ วตฺถุปฺปเภทวเสน อารมฺมณนานตฺตวเสน ทิฏฺิปฺปเภทปุจฺฉา. ทิฏฺิโย เอว หิ ตํ ตํ วตฺถุํ ตํ ตํ อารมฺมณํ อภินิวิสนฺติ ปรามสนฺตีติ ทิฏฺิปรามาสาติ วุจฺจนฺติ. กตโม ทิฏฺิฏฺานสมุคฺฆาโตติ ทิฏฺีนํ ปฏิปกฺขปุจฺฉา ปหานูปายปุจฺฉา. ทิฏฺิการณานิ หิ ขนฺธาทีนิ ทิฏฺิสมุคฺฆาเตน ตาสํ การณานิ น โหนฺตีติ ตานิ จ การณานิ สมุคฺฆาติตานิ นาม โหนฺติ. ตสฺมา ทิฏฺิฏฺานานิ สมฺมา ภุสํ หฺนฺติ เอเตนาติ ทิฏฺิฏฺานสมุคฺฆาโตติ วุจฺจติ.
อิทานิ เอตาสํ ฉนฺนํ ปุจฺฉานํ กา ทิฏฺีติอาทีนิ ฉ วิสฺสชฺชนานิ. ตตฺถ กา ทิฏฺีติ วิสฺสชฺเชตพฺพปุจฺฉา. อภินิเวสปรามาโส ทิฏฺีติ วิสฺสชฺชนํ. สา ปน อนิจฺจาทิเก ¶ วตฺถุสฺมึ นิจฺจาทิวเสน อภินิวิสติ ปติฏฺหติ ทฬฺหํ คณฺหาตีติ อภินิเวโส. อนิจฺจาทิอาการํ อติกฺกมิตฺวา นิจฺจนฺติอาทิวเสน วตฺตมาโน ปรโต อามสติ คณฺหาตีติ ปรามาโส. อถ วา นิจฺจนฺติอาทิกํ ปรํ อุตฺตมํ สจฺจนฺติ อามสติ คณฺหาตีติ ปรามาโส, อภินิเวโส ¶ จ โส ปรามาโส จาติ อภินิเวสปรามาโส. เอวํปกาโร ทิฏฺีติ กิจฺจโต ทิฏฺิสภาวํ วิสฺสชฺเชติ. ตีณิ สตนฺติ ตีณิ สตานิ, วจนวิปลฺลาโส กโต. กตโม ทิฏฺิฏฺานสมุคฺฆาโตติ ปุจฺฉํ อนุทฺธริตฺวาว โสตาปตฺติมคฺโค ทิฏฺิฏฺานสมุคฺฆาโตติ วิสฺสชฺชนํ กตํ.
๑๒๓. อิทานิ กถํ อภินิเวสปรามาโสติอาทิ วิตฺถารนิทฺเทโส. ตตฺถ รูปนฺติ อุปโยควจนํ. รูปํ อภินิเวสปรามาโสติ สมฺพนฺโธ. รูปนฺติ เจตฺถ รูปุปาทานกฺขนฺโธ กสิณรูปฺจ. ‘‘เอตํ มมา’’ติ อภินิเวสปรามาโส ทิฏฺิ, ‘‘เอโสหมสฺมี’’ติ อภินิเวสปรามาโส ทิฏฺิ, ‘‘เอโส เม อตฺตา’’ติ อภินิเวสปรามาโส ทิฏฺีติ ปจฺเจกํ โยเชตพฺพํ. เอตนฺติ สามฺวจนํ. เตเนว ‘‘เวทนํ เอตํ มม, สงฺขาเร เอตํ มมา’’ติ นปุํสกวจนํ เอกวจนฺจ กตํ. เอโสติ ปน วตฺตพฺพมเปกฺขิตฺวา ปุลฺลิงฺเคกวจนํ กตํ. เอตํ มมาติ ตณฺหามฺนามูลิกา ทิฏฺิ. เอโสหมสฺมีติ มานมฺนามูลิกา ทิฏฺิ. เอโส เม อตฺตาติ ทิฏฺิมฺนา เอว. เกจิ ปน ‘‘เอตํ มมาติ มมํการกปฺปนา, เอโสหมสฺมีติ อหํการกปฺปนา, เอโส เม อตฺตาติ ¶ อหํการมมํการกปฺปิโต อตฺตาภินิเวโสติ จ, ตถา ยถากฺกเมเนว ตณฺหามูลนิเวโส มานปคฺคาโห, ตณฺหามูลนิวิฏฺโ มานปคฺคหิโต, อตฺตาภินิเวโสติ จ, สงฺขารานํ ทุกฺขลกฺขณาทสฺสนํ, สงฺขารานํ อนิจฺจลกฺขณาทสฺสนํ, สงฺขารานํ ติลกฺขณาทสฺสนเหตุโก อตฺตาภินิเวโสติ จ, ทุกฺเข อสุเภ จ สุขํ สุภนฺติ วิปลฺลาสคตสฺส, อนิจฺเจ นิจฺจนฺติ วิปลฺลาสคตสฺส, จตุพฺพิธวิปลฺลาสคตสฺส จ อตฺตาภินิเวโสติ จ, ปุพฺเพนิวาสาณสฺส อาการกปฺปนา, ทิพฺพจกฺขุาณสฺส อนาคตปฏิลาภกปฺปนา, ปุพฺพนฺตาปรนฺตอิทปฺปจฺจยตาปฏิจฺจสมุปฺปนฺเนสุ ¶ ธมฺเมสุ กปฺปนิสฺสิตสฺส อตฺตาภินิเวโสติ จ, นนฺทิยา อตีตมนฺวาคเมติ, นนฺทิยา อนาคตํ ปฏิกงฺขติ, ปจฺจุปฺปนฺเนสุ ธมฺเมสุ สํหีรติ อตฺตาภินิเวโสติ จ, ปุพฺพนฺเต อฺาณเหตุกา ทิฏฺิ, อปรนฺเต อฺาณเหตุกา ทิฏฺิ, ปุพฺพนฺตาปรนฺเต อิทปฺปจฺจยตาปฏิจฺจสมุปฺปนฺเนสุ ธมฺเมสุ อฺาณเหตุโก อตฺตาภินิเวโส’’ติ จ เอเตสํ ติณฺณํ วจนานํ อตฺถํ วณฺณยนฺติ.
ทิฏฺิโย ปเนตฺถ ปมํ ปฺจกฺขนฺธวตฺถุกา. ตโต ฉอชฺฌตฺติกพาหิรายตนวิฺาณ- กายสมฺผสฺสกายเวทนากายสฺากายเจตนากายตณฺหากายวิตกฺกวิจารธาตุทสกสิณ- ทฺวตฺตึสาการวตฺถุกา ทิฏฺิโย วุตฺตา. ทฺวตฺตึสากาเรสุ จ ยตฺถ วิสุํ อภินิเวโส น ยุชฺชติ, ตตฺถ สกลสรีราภินิเวสวเสเนว วิสุํ อภินิเวโส วิย กโตติ เวทิตพฺพํ. ตโต ทฺวาทสายตนอฏฺารสธาตุเอกูนวีสติอินฺทฺริยวเสน โยชนา กตา. ตีณิ เอกนฺตโลกุตฺตรินฺทฺริยานิ น ¶ โยชิตานิ. น หิ โลกุตฺตรวตฺถุกา ทิฏฺิโย โหนฺติ. สพฺพตฺถาปิ จ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺเสสุ ธมฺเมสุ โลกุตฺตเร เปตฺวา โลกิยา เอว คเหตพฺพา. อนินฺทฺริยพทฺธรูปฺจ น คเหตพฺพเมว. ตโต เตธาตุกวเสน นววิธภววเสน ฌานพฺรหฺมวิหารสมาปตฺติวเสน ปฏิจฺจสมุปฺปาทงฺควเสน จ โยชนา กตา. ชาติชรามรณานํ วิสุํ คหเณ ปริหาโร วุตฺตนโย เอว. สพฺพานิ เจตานิ รูปาทิกานิ ชรามรณนฺตานิ อฏฺนวุติสตํ ปทานิ ภวนฺติ.
๑๒๔. ทิฏฺิฏฺาเนสุ ขนฺธาปิ ทิฏฺิฏฺานนฺติ วีสติวตฺถุกายปิ สกฺกายทิฏฺิยา ปฺจนฺนํ ขนฺธานํเยว วตฺถุตฺตา ‘‘เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา อตฺตานํ สมนุปสฺสมานา สมนุปสฺสนฺติ, สพฺเพ เต ปฺจุปาทานกฺขนฺเธสุเยว ¶ สมนุปสฺสนฺติ, เอเตสํ วา อฺตร’’นฺติ (สํ. นิ. ๓.๔๗) วุตฺตตฺตา จ ปฺจุปาทานกฺขนฺธา ทิฏฺีนํ การณํ. อวิชฺชาปิ ทิฏฺิฏฺานนฺติ อวิชฺชาย อนฺธีกตานํ ทิฏฺิอุปฺปตฺติโต ‘‘ยายํ, ภนฺเต, ทิฏฺิ ‘อสมฺมาสมฺพุทฺเธสุ ¶ สมฺมาสมฺพุทฺธา’ติ, อยํ นุ โข, ภนฺเต, ทิฏฺิ กึ ปฏิจฺจ ปฺายตีติ? มหตี โข เอสา, กจฺจาน, ธาตุ, ยทิทํ อวิชฺชาธาตุ. หีนํ, กจฺจาน, ธาตุํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ หีนา สฺา หีนา ทิฏฺี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๙๗) วจนโต จ อวิชฺชา ทิฏฺีนํ การณํ. ผสฺโสปิ ทิฏฺิฏฺานนฺติ เตน ผสฺเสน ผุฏฺสฺส ทิฏฺิอุปฺปตฺติโต ‘‘เย เต, ภิกฺขเว, สมณพฺราหฺมณา ปุพฺพนฺตกปฺปิกา ปุพฺพนฺตานุทิฏฺิโน ปุพฺพนฺตํ อารพฺภ อเนกวิหิตานิ อธิวุตฺติปทานิ อภิวทนฺติ, ตทปิ ผสฺสปจฺจยา’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๒๓) วจนโต จ ผสฺโส ทิฏฺีนํ การณํ. สฺาปิ ทิฏฺิฏฺานนฺติ อาการมตฺตคฺคหเณน อยาถาวสภาวคาหเหตุตฺตา สฺาย –
‘‘ยานิ จ ตีณิ ยานิ จ สฏฺิ, สมณปฺปวาทสิตานิ ภูริปฺ;
สฺกฺขรสฺนิสฺสิตานิ, โอสรณานิ วิเนยฺย โอฆตมคา’’ติ. (สุ. นิ. ๕๔๓) –
วจนโต ‘‘สฺานิทานา หิ ปปฺจสงฺขา’’ติ (สุ. นิ. ๘๘๐; มหานิ. ๑๐๙) วจนโต จ สฺา ทิฏฺีนํ การณํ. วิตกฺโกปิ ทิฏฺิฏฺานนฺติ อาการปริวิตกฺเกน ทิฏฺิอุปฺปตฺติโต –
‘‘นเหว ¶ สจฺจานิ พหูนิ นานา, อฺตฺร สฺาย นิจฺจานิ โลเก;
ตกฺกฺจ ทิฏฺีสุ ปกปฺปยิตฺวา, สจฺจํ มุสาติ ทฺวยธมฺมมาหู’’ติ. (สุ. นิ. ๘๙๒) –
วจนโต จ วิตกฺโก ทิฏฺีนํ การณํ. อโยนิโสมนสิกาโรปิ ทิฏฺิฏฺานนฺติ อโยนิโส มนสิการสฺส อกุสลานํ อสาธารณเหตุตฺตา ‘‘ตสฺเสวํ อโยนิโส มนสิกโรโต ฉนฺนํ ทิฏฺีนํ อฺตรา ทิฏฺิ อุปฺปชฺชตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๙) วจนโต จ อโยนิโส มนสิกาโร ทิฏฺีนํ การณํ ¶ . ปาปมิตฺโตปิ ทิฏฺิฏฺานนฺติ ปาปมิตฺตสฺส ทิฏฺานุคติอาปชฺชเนน ทิฏฺิอุปฺปตฺติโต ‘‘พาหิรํ, ภิกฺขเว, องฺคนฺติ กริตฺวา น อฺํ เอกงฺคมฺปิ สมนุปสฺสามิ, ยํ เอวํ มหโต อนตฺถาย สํวตฺตติ. ยถยิทํ, ภิกฺขเว, ปาปมิตฺตตา’’ติ ¶ (อ. นิ. ๑.๑๑๐) วจนโต จ ปาปมิตฺโต ทิฏฺีนํ การณํ. ปรโตปิ โฆโส ทิฏฺิฏฺานนฺติ ทุรกฺขาตธมฺมสฺสวเนน ทิฏฺิอุปฺปตฺติโต ‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, เหตู ทฺเว ปจฺจยา มิจฺฉาทิฏฺิยา อุปฺปาทาย ปรโต จ โฆโส อโยนิโส จ มนสิกาโร’’ติ (อ. นิ. ๒.๑๒๖) วจนโต จ ปรโต โฆโส มิจฺฉาทิฏฺิกโต มิจฺฉาทิฏฺิปฏิสฺุตฺตกถา ทิฏฺีนํ การณํ.
อิทานิ ทิฏฺิฏฺานนฺติ ปทสฺส อตฺถํ วิวรนฺโต ขนฺธา เหตุ ขนฺธา ปจฺจโยติอาทิมาห. ขนฺธา เอว ทิฏฺีนํ อุปาทาย, ชนกเหตุ เจว อุปตฺถมฺภกปจฺจโย จาติ อตฺโถ. สมุฏฺานฏฺเนาติ สมุฏฺหนฺติ อุปฺปชฺชนฺติ เอเตนาติ สมุฏฺานํ, การณนฺติ อตฺโถ. เตน สมุฏฺานฏฺเน, ทิฏฺิการณภาเวนาติ อตฺโถ.
๑๒๕. อิทานิ กิจฺจเภเทน ทิฏฺิเภทํ ทสฺเสนฺโต กตมานิ อฏฺารส ทิฏฺิปริยุฏฺานานีติอาทิมาห. ตตฺถ ยา ทิฏฺีติ อิทานิ วุจฺจมานานํ อฏฺารสนฺนํ ปทานํ สาธารณํ มูลปทํ. ยา ทิฏฺิ, ตเทว ทิฏฺิคตํ, ยา ทิฏฺิ, ตเทว ทิฏฺิคหนนฺติ สพฺเพหิ สมฺพนฺโธ กาตพฺโพ. อยาถาวทสฺสนฏฺเน ทิฏฺิ, ตเทว ทิฏฺีสุ คตํ ทสฺสนํ ทฺวาสฏฺิทิฏฺิอนฺโตคธตฺตาติ ทิฏฺิคตํ. เหฏฺาปิสฺส อตฺโถ วุตฺโตเยว. ทฺวินฺนํ อนฺตานํ เอกนฺตคตตฺตาปิ ทิฏฺิคตํ. สา เอว ทิฏฺิ ทุรติกฺกมนฏฺเน ทิฏฺิคหนํ ติณคหนวนคหนปพฺพตคหนานิ วิย. สาสงฺกสปฺปฏิภยฏฺเน ทิฏฺิกนฺตารํ โจรกนฺตารวาฬกนฺตารนิรุทกกนฺตารทุพฺภิกฺขกนฺตารา วิย. ธมฺมสงฺคณิยํ ‘‘ทิฏฺิกนฺตาโร’’ติ สกลิงฺเคเนว อาคตํ. สมฺมาทิฏฺิยา วินิวิชฺฌนฏฺเน ปฏิโลมฏฺเน จ ทิฏฺิวิสูกํ. มิจฺฉาทสฺสนฺหิ อุปฺปชฺชมานํ สมฺมาทสฺสนํ วินิวิชฺฌติ เจว วิโลเมติ จ. ธมฺมสงฺคณิยํ (ธ. ส. ๓๙๒, ๑๑๐๕) ‘‘ทิฏฺิวิสูกายิก’’นฺติ ¶ อาคตํ. กทาจิ สสฺสตสฺส, กทาจิ อุจฺเฉทสฺส คหณโต ทิฏฺิยา วิรูปํ ผนฺทิตนฺติ ทิฏฺิวิปฺผนฺทิตํ. ทิฏฺิคติโก หิ เอกสฺมึ ปติฏฺาตุํ น สกฺโกติ, กทาจิ สสฺสตํ อนุสฺสรติ, กทาจิ อุจฺเฉทํ. ทิฏฺิเยว อนตฺเถ สํโยเชตีติ ทิฏฺิสฺโชนํ. ทิฏฺิเยว อนฺโตตุทนฏฺเน ทุนฺนีหรณียฏฺเน จ สลฺลนฺติ ทิฏฺิสลฺลํ ¶ ¶ . ทิฏฺิเยว ปีฬากรณฏฺเน สมฺพาโธติ ทิฏฺิสมฺพาโธ. ทิฏฺิเยว โมกฺขาวรณฏฺเน ปลิโพโธติ ทิฏฺิปลิโพโธ. ทิฏฺิเยว ทุมฺโมจนียฏฺเน พนฺธนนฺติ ทิฏฺิพนฺธนํ. ทิฏฺิเยว ทุรุตฺตรฏฺเน ปปาโตติ ทิฏฺิปปาโต. ทิฏฺิเยว ถามคตฏฺเน อนุสโยติ ทิฏฺานุสโย. ทิฏฺิเยว อตฺตานํ สนฺตาเปตีติ ทิฏฺิสนฺตาโป. ทิฏฺิเยว อตฺตานํ อนุทหตีติ ทิฏฺิปริฬาโห. ทิฏฺิเยว กิเลสกายํ คนฺเถตีติ ทิฏฺิคนฺโถ. ทิฏฺิเยว ภุสํ อาทิยตีติ ทิฏฺุปาทานํ. ทิฏฺิเยว ‘‘สจฺจ’’นฺติอาทิวเสน อภินิวิสตีติ ทิฏฺาภินิเวโส. ทิฏฺิเยว อิทํ ปรนฺติ อามสติ, ปรโต วา อามสตีติ ทิฏฺิปรามาโส.
๑๒๖. อิทานิ ราสิวเสน โสฬส ทิฏฺิโย อุทฺทิสนฺโต กตมา โสฬส ทิฏฺิโยติอาทิมาห. ตตฺถ สุขโสมนสฺสสงฺขาเต อสฺสาเท ทิฏฺิ อสฺสาททิฏฺิ. อตฺตานํ อนุคตา ทิฏฺิ อตฺตานุทิฏฺิ. นตฺถีติ ปวตฺตตฺตา วิปรีตา ทิฏฺิ มิจฺฉาทิฏฺิ. สติ กาเย ทิฏฺิ, สนฺตี วา กาเย ทิฏฺิ สกฺกายทิฏฺิ. กาโยติ เจตฺถ ขนฺธปฺจกํ, ขนฺธปฺจกสงฺขาโต สกฺกาโย วตฺถุ ปติฏฺา เอติสฺสาติ สกฺกายวตฺถุกา. สสฺสตนฺติ ปวตฺตา ทิฏฺิ สสฺสตทิฏฺิ. อุจฺเฉโทติ ปวตฺตา ทิฏฺิ อุจฺเฉททิฏฺิ. สสฺสตาทิอนฺตํ คณฺหาตีติ อนฺตคฺคาหิกา, อนฺตคฺคาโห วา อสฺสา อตฺถีติ อนฺตคฺคาหิกา. อตีตสงฺขาตํ ปุพฺพนฺตํ อนุคตา ทิฏฺิ ปุพฺพนฺตานุทิฏฺิ. อนาคตสงฺขาตํ อปรนฺตํ อนุคตา ทิฏฺิ อปรนฺตานุทิฏฺิ. อนตฺเถ สํโยเชตีติ สฺโชนิกา. อหงฺการวเสน อหนฺติ อุปฺปนฺเนน มาเนน ทิฏฺิยา มูลภูเตน วินิพนฺธา ฆฏิตา อุปฺปาทิตา ทิฏฺิ อหนฺติ มานวินิพนฺธา ทิฏฺิ. ตถา มมงฺการวเสน มมนฺติ อุปฺปนฺเนน มาเนน วินิพนฺธา ทิฏฺิ มมนฺติ มานวินิพนฺธา ทิฏฺิ. อตฺตโน วทนํ กถนํ อตฺตวาโท, เตน ปฏิสฺุตฺตา พทฺธา ทิฏฺิ อตฺตวาทปฏิสํยุตฺตา ทิฏฺิ. อตฺตานํ โลโกติ วทนํ กถนํ โลกวาโท, เตน ปฏิสฺุตฺตา ทิฏฺิ โลกวาทปฏิสํยุตฺตา ทิฏฺิ. ภโว วุจฺจติ สสฺสตํ, สสฺสตวเสน อุปฺปชฺชนทิฏฺิ ภวทิฏฺิ. วิภโว วุจฺจติ อุจฺเฉโท, อุจฺเฉทวเสน อุปฺปชฺชนทิฏฺิ วิภวทิฏฺิ.
๑๒๗-๑๒๘. อิทานิ ¶ ตีณิ สตํ ทิฏฺาภินิเวเส นิทฺทิสิตุกาโม กตเม ตีณิ สตํ ทิฏฺาภินิเวสาติ ปุจฺฉิตฺวา เต อวิสฺสชฺเชตฺวาว วิสุํ วิสุํ อภินิเวสวิสฺสชฺชเนเนว เต วิสฺสชฺเชตุกาโม อสฺสาททิฏฺิยา, กติหากาเรหิ ¶ อภินิเวโส โหตีติอาทินา นเยน โสฬสนฺนํ ทิฏฺีนํ อภินิเวสาการคณนํ ปุจฺฉิตฺวา ปุน อสฺสาททิฏฺิยา ปฺจตึสาย อากาเรหิ อภินิเวโส โหตีติ ตาสํ โสฬสนฺนํ ทิฏฺีนํ อภินิเวสาการคณนํ วิสฺสชฺเชตฺวา ปุน ตานิ คณนานิ วิสฺสชฺเชนฺโต อสฺสาททิฏฺิยา กตเมหิ ปฺจตึสาย อากาเรหิ อภินิเวโส ¶ โหตีติอาทิมาห. ตตฺถ รูปํ ปฏิจฺจาติ รูปกฺขนฺธํ ปฏิจฺจ. อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสนฺติ ‘‘อยํ เม กาโย อีทิโส’’ติ รูปสมฺปทํ นิสฺสาย เคหสิตํ ราคสมฺปยุตฺตํ สุขํ โสมนสฺสํ อุปฺปชฺชติ. เหฏฺา วุตฺเตนฏฺเน สุขฺจ โสมนสฺสฺจ. ตํเยว รูปสฺส อสฺสาโทติ รูปนิสฺสโย อสฺสาโท. ตฺหิ สุขํ ตณฺหาวเสน อสฺสาทียติ อุปภฺุชียตีติ อสฺสาโท. อภินิเวสปรามาโส ทิฏฺีติ โส อสฺสาโท สสฺสโตติ วา อุจฺฉิชฺชิสฺสตีติ วา สสฺสตํ วา อุจฺฉิชฺชมานํ วา อตฺตานํ สุขิตํ กโรตีติ วา อภินิเวสปรามาโส โหติ. ตสฺมา ยา จ ทิฏฺิ โย จ อสฺสาโทติ อสฺสาทสฺส ทิฏฺิภาวาภาเวปิ อสฺสาทํ วินา สา ทิฏฺิ น โหตีติ กตฺวา อุภยมฺปิ สมุจฺจิตํ. อสฺสาททิฏฺีติ อสฺสาเท ปวตฺตา ทิฏฺีติ วุตฺตํ โหติ.
อิทานิ นานาสุตฺเตหิ สํสนฺเทตฺวา มิจฺฉาทิฏฺึ มิจฺฉาทิฏฺิกฺจ ครหิตุกาโม อสฺสาททิฏฺิ มิจฺฉาทิฏฺีติอาทิมาห. ตตฺถ ทิฏฺิวิปตฺตีติ สมฺมาทิฏฺิวินาสกมิจฺฉาทิฏฺิสงฺขาตทิฏฺิยา วิปตฺติ. ทิฏฺิวิปนฺโนติ วิปนฺนา วินฏฺา สมฺมาทิฏฺิ อสฺสาติ ทิฏฺิวิปนฺโน, วิปนฺนทิฏฺีติ วุตฺตํ โหติ. มิจฺฉาทิฏฺิยา วา วิปนฺโน วินฏฺโติ ทิฏฺิวิปนฺโน. น เสวิตพฺโพ อุปสงฺกมเนน. น ภชิตพฺโพ จิตฺเตน. น ปยิรุปาสิตพฺโพ อุปสงฺกมิตฺวา นิสีทเนน. ตํ กิสฺส เหตูติ ‘‘ตํ เสวนาทิกํ เกน การเณน น กาตพฺพ’’นฺติ ตสฺส การณปุจฺฉา. ทิฏฺิ หิสฺส ปาปิกาติ การณวิสฺสชฺชนํ. ยสฺมา อสฺส ปุคฺคลสฺส ทิฏฺิ ปาปิกา, ตสฺมา ตํ เสวนาทิกํ น กาตพฺพนฺติ อตฺโถ. ทิฏฺิยา ราโคติ ‘‘สุนฺทรา เม ทิฏฺี’’ติ ทิฏฺึ อารพฺภ ทิฏฺิยา อุปฺปชฺชนราโค ¶ . ทิฏฺิราครตฺโตติ เตน ทิฏฺิราเคน รงฺเคน รตฺตํ วตฺถํ วิย รตฺโต. น มหปฺผลนฺติ วิปากผเลน. น มหานิสํสนฺติ นิสฺสนฺทผเลน.
ปุริสปุคฺคลสฺสาติ ปุริสสงฺขาตสฺส ปุคฺคลสฺส. โลกิยโวหาเรน หิ ปุริ วุจฺจติ สรีรํ, ตสฺมึ ปุริสฺมึ เสติ ปวตฺตตีติ ปุริโส, ปุํ วุจฺจติ ¶ นิรโย, ตํ ปุํ คลติ คจฺฉตีติ ปุคฺคโล. เยภุยฺเยน หิ สตฺตา สุคติโต จุตา ทุคฺคติยํเยว นิพฺพตฺตนฺติ. ตํ กิสฺส เหตูติ ตํ น มหปฺผลตฺตํ เกน การเณน โหติ. ทิฏฺิ หิสฺส ปาปิกาติ ยสฺมา อสฺส ปุคฺคลสฺส ทิฏฺิ ปาปิกา, ตสฺมา น มหปฺผลํ โหตีติ อตฺโถ. ทฺเวว คติโยติ ปฺจสุ คตีสุ ทฺเวว คติโย. วิปชฺชมานาย ทิฏฺิยา นิรโย. สมฺปชฺชมานาย ติรจฺฉานโยนิ. ยฺเจว กายกมฺมนฺติ สกลิงฺคธารณปฏิปทานุโยคอภิวาทนปจฺจุฏฺานอฺชลิกมฺมาทิ กายกมฺมํ. ยฺจ วจีกมฺมนฺติ สกสมยปริยาปุณนสชฺฌายนเทสนาสมาทปนาทิ วจีกมฺมํ. ยฺจ มโนกมฺมนฺติ อิธโลกจินฺตาปฏิสํยุตฺตฺจ ¶ ปรโลกจินฺตาปฏิสํยุตฺตฺจ กตากตจินฺตาปฏิสํยุตฺตฺจ มโนกมฺมํ. ติณกฏฺธฺพีเชสุ สตฺตทิฏฺิสฺส ทานานุปฺปทานปฏิคฺคหณปริโภเคสุ จ กายวจีมโนกมฺมานิ. ยถาทิฏฺีติ ยา อยํ ทิฏฺิ, ตสฺสานุรูปํ. สมตฺตนฺติ ปริปุณฺณํ. สมาทินฺนนฺติ คหิตํ.
อฏฺกถายํ ปน วุตฺตํ – ตเทตํ ยถาทิฏฺิยํ ิตกายกมฺมํ, ทิฏฺิสหชาตกายกมฺมํ, ทิฏฺานุโลมิกกายกมฺมนฺติ ติวิธํ โหติ. ตตฺถ ‘‘ปาณํ หนโต อทินฺนํ อาทิยโต มิจฺฉาจรโต นตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, นตฺถิ ปาปสฺส อาคโม’’ติ ยํ เอวํ ทิฏฺิกสฺส สโต ปาณาติปาตอทินฺนาทานมิจฺฉาจารสงฺขาตํ กายกมฺมํ, อิทํ ยถาทิฏฺิยํ ิตกายกมฺมํ นาม. ‘‘ปาณํ หนโต อทินฺนํ อาทิยโต มิจฺฉาจรโต นตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, นตฺถิ ปาปสฺส อาคโม’’ติ ยํ อิมาย ทิฏฺิยา อิมินา ทสฺสเนน สหชาตํ กายกมฺมํ, อิทํ ทิฏฺิสหชาตกายกมฺมํ นาม. ตเทว ปน สมตฺตํ สมาทินฺนํ คหิตํ ปรามฏฺํ ทิฏฺานุโลมิกกายกมฺมํ นาม. วจีกมฺมมโนกมฺเมสุปิ ¶ เอเสว นโย. เอตฺถ ปน มุสา ภณโต ปิสุณํ ภณโต ผรุสํ ภณโต สมฺผํ ปลปโต อภิชฺฌาลุโน พฺยาปนฺนจิตฺตสฺส มิจฺฉาทิฏฺิกสฺส สโต นตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, นตฺถิ ปาปสฺส อาคโมติ โยชนา กาตพฺพา. ลิงฺคธารณาทิปริยาปุณนาทิโลกจินฺตาทิวเสน วุตฺตนโย เจตฺถ สุนฺทโร.
เจตนาทีสุ ทิฏฺิสหชาตา เจตนา เจตนา นาม. ทิฏฺิสหชาตา ปตฺถนา ปตฺถนา นาม. เจตนาปตฺถนานํ วเสน จิตฺตฏฺปนา ปณิธิ นาม. เตหิ ปน เจตนาทีหิ สมฺปยุตฺตา ผสฺสาทโย สงฺขารกฺขนฺธปริยาปนฺนา ธมฺมา ¶ สงฺขารา นาม. อนิฏฺายาติอาทีหิ ทุกฺขเมว วุตฺตํ. ทุกฺขฺหิ สุขกาเมหิ สตฺเตหิ น เอสิตตฺตา อนิฏฺํ. อปฺปิยตฺตา อกนฺตํ. มนสฺส อวฑฺฒนโต, มนสิ อวิสปฺปนโต จ อมนาปํ. อายตึ อภทฺทตาย อหิตํ. ปีฬนโต ทุกฺขนฺติ. ตํ กิสฺส เหตูติ ตํ เอวํ สํวตฺตนํ เกน การเณน โหตีติ อตฺโถ. อิทานิสฺส การณํ ทิฏฺิ หิสฺส ปาปิกาติ. ยสฺมา ตสฺส ปุคฺคลสฺส ทิฏฺิ ปาปิกา ลามกา, ตสฺมา เอวํ สํวตฺตตีติ อตฺโถ. อลฺลาย ปถวิยา นิกฺขิตฺตนฺติ อุทเกน ตินฺตาย ภูมิยา โรปิตํ. ปถวีรสํ อาโปรสนฺติ ตสฺมึ ตสฺมึ าเน ปถวิยา จ สมฺปทํ อาปสฺส จ สมฺปทํ. พีชนิกฺขิตฺตฏฺาเน หิ น สพฺพา ปถวี น สพฺโพ อาโป จ พีชํ ผลํ คณฺหาเปติ. โย ปน เตสํ ปเทโส พีชํ ผุสติ, โสเยว พีชํ ผลํ คณฺหาเปติ. ตสฺมา พีชโปสนาย ปจฺจยภูโตเยว โส ปเทโส ปถวีรโส อาโปรโสติ เวทิตพฺโพ. รสสทฺทสฺส หิ สมฺปตฺติ จ อตฺโถ. ยถาห ‘‘กิจฺจสมฺปตฺติอตฺเถน รโส นาม ปวุจฺจตี’’ติ. โลเก จ ‘‘สุรโส คนฺธพฺโพ’’ติ วุตฺเต สุสมฺปนฺโน คนฺธพฺโพติ อตฺโถ ายติ. อุปาทิยตีติ คณฺหาติ. โย หิ ปเทโส ปจฺจโย โหติ, ตํ ปจฺจยํ ลภมานํ พีชํ ตํ ¶ คณฺหาติ นาม. สพฺพํ ตนฺติ สพฺพํ ตํ รสชาตํ. ติตฺตกตฺตายาติ โส ปถวีรโส อาโปรโส จ อติตฺตโก สมาโนปิ ติตฺตกํ พีชํ นิสฺสาย ¶ นิมฺพรุกฺขาทีนํ เตสํ ผลานฺจ ติตฺตกภาวาย สํวตฺตติ. กฏุกตฺตายาติ อิทํ ปุริมสฺเสว เววจนํ.
‘‘วณฺณคนฺธรสูเปโต, อมฺโพยํ อหุวา ปุเร;
ตเมว ปูชํ ลภมาโน, เกนมฺโพ กฏุกปฺผโล’’ติ. (ชา. ๑.๒.๗๑) –
อาคตฏฺาเน วิย หิ อิธาปิ ติตฺตกเมว อปฺปิยฏฺเน กฏุกนฺติ เวทิตพฺพํ. อสาตตฺตายาติ อมธุรภาวาย. อสาทุตฺตายาติปิ ปาโ, อสาทุภาวายาติ อตฺโถ. สาทูติ หิ มธุรํ. พีชํ หิสฺสาติ อสฺส นิมฺพาทิกสฺส พีชํ. เอวเมวนฺติ เอวํ เอวํ. ยสฺมา สุขา เวทนา ปรโม อสฺสาโท, ตสฺมา มิจฺฉาทิฏฺิยา ทุกฺขเวทนาวเสน อาทีนโว ทสฺสิโตติ. ปุน อฏฺารสเภเทน ทิฏฺิยา อาทีนวํ ทสฺเสตุํ อสฺสาททิฏฺิ มิจฺฉาทิฏฺีติอาทิมาห. ตํ วุตฺตตฺถเมว. อิเมหิ อฏฺารสหิ อากาเรหิ ปริยุฏฺิตจิตฺตสฺส สฺโโคติ ทิฏฺิยา เอว สํสาเร พนฺธนํ ทสฺเสติ.
๑๒๙. ยสฺมา ¶ ปน ทิฏฺิภูตานิปิ สฺโชนานิ อตฺถิ อทิฏฺิภูตานิปิ, ตสฺมา ตํ ปเภทํ ทสฺเสนฺโต อตฺถิ สฺโชนานิ เจวาติอาทิมาห. ตตฺถ ยสฺมา กามราคสฺโชนสฺเสว อนุนยสฺโชนนฺติ อาคตฏฺานมฺปิ อตฺถิ, ตสฺมา อนุนยสฺโชนนฺติ วุตฺตํ. กามราคภาวํ อปฺปตฺวา ปวตฺตํ โลภํ สนฺธาย เอตํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. เสสขนฺธายตนาทิมูลเกสุปิ วาเรสุ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เวทนาปรมตฺตา จ อสฺสาทสฺส เวทนาปริโยสานา เอว เทสนา กตา. สฺาทโย น คหิตา. อิเมหิ ปฺจตึสาย อากาเรหีติ ปฺจกฺขนฺธา อชฺฌตฺติกายตนาทีนิ ปฺจ ฉกฺกานิ จาติ อิมานิ ปฺจตึส วตฺถูนิ นิสฺสาย อุปฺปนฺนอสฺสาทารมฺมณวเสน ปฺจตึสาย อากาเรหิ.
อสฺสาททิฏฺินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อตฺตานุทิฏฺินิทฺเทสวณฺณนา
๑๓๐. อตฺตานุทิฏฺิยํ ¶ ¶ อสฺสุตวา ปุถุชฺชโนติ อาคมาธิคมาภาวา เยฺโย อสฺสุตวา อิติ. ยสฺส หิ ขนฺธธาตุอายตนสจฺจปจฺจยาการสติปฏฺานาทีสุ อุคฺคหปริปุจฺฉาวินิจฺฉยวิรหิตตฺตา อตฺตานุทิฏฺิปฏิเสธกโร เนว อาคโม, ปฏิปตฺติยา อธิคนฺตพฺพสฺส อนธิคตตฺตา น จ อธิคโม อตฺถิ, โส อาคมาธิคมานํ อภาวา เยฺโย อสฺสุตวา อิติ. สุตนฺติ หิ พุทฺธวจนาคโม จ สุตผลตฺตา เหตุโวหารวเสน อธิคโม จ, ตํ สุตํ อสฺส อตฺถีติ สุตวา, น สุตวา อสฺสุตวา. สฺวายํ –
ปุถูนํ ชนนาทีหิ, การเณหิ ปุถุชฺชโน;
ปุถุชฺชนนฺโตคธตฺตา, ปุถุวายํ ชโน อิติ.
โส หิ ปุถูนํ นานปฺปการานํ กิเลสาทีนํ ชนนาทีหิ การเณหิ ปุถุชฺชโน. ยถาห – ‘‘ปุถุ กิเลเส ชเนนฺตีติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ อวิหตสกฺกายทิฏฺิกาติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ สตฺถารานํ มุขุลฺโลกิกาติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ สพฺพคตีหิ อวุฏฺิตาติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ นานาภิสงฺขาเร อภิสงฺขโรนฺตีติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ นานาโอเฆหิ วุยฺหนฺตีติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ ¶ นานาสนฺตาเปหิ สนฺตปฺเปนฺตีติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ นานาปริฬาเหหิ ปริทยฺหนฺตีติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ ปฺจสุ กามคุเณสุ รตฺตา คิทฺธา คธิตา มุจฺฉิตา อชฺโฌสนฺนา ลคฺคา ลคฺคิตา ปลิพุทฺธาติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ ปฺจหิ นีวรเณหิ อาวุตา นิวุตา โอวุตา ปิหิตา ปฏิจฺฉนฺนา ปฏิกุชฺชิตาติ ปุถุชฺชนา’’ติ (มหานิ. ๙๔). ปุถูนํ วา คณนปถมตีตานํ อริยธมฺมปรมฺมุขานํ นีจธมฺมสมุทาจารานํ ชนานํ อนฺโตคธตฺตาปิ ปุถุชฺชนา, ปุถุ วา อยํ, วิสุํเยว สงฺขํ ¶ คโต วิสํสฏฺโ สีลสุตาทิคุณยุตฺเตหิ อริเยหิ ชโนติปิ ปุถุชฺชโน. เอวเมเตหิ ‘‘อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน’’ติ ทฺวีหิ ปเทหิ เย เต –
‘‘ทุเว ปุถุชฺชนา วุตฺตา, พุทฺเธนาทิจฺจพนฺธุนา;
อนฺโธ ปุถุชฺชโน เอโก, กลฺยาเณโก ปุถุชฺชโน’’ติ. –
ทฺเว ปุถุชฺชนา วุตฺตา, เตสุ อนฺธปุถุชฺชโน วุตฺโต โหตีติ เวทิตพฺโพ.
อริยานํ ¶ อทสฺสาวีติอาทีสุ อริยาติ อารกตฺตา กิเลเสหิ, อนเย น อิริยนโต, อเย จ อิริยนโต, สเทวเกน จ โลเกน อรณียโต พุทฺธา จ ปจฺเจกพุทฺธา จ พุทฺธสาวกา จ วุจฺจนฺติ, พุทฺธา เอว วา อิธ อริยา. ยถาห – ‘‘สเทวเก, ภิกฺขเว, โลเก…เป… ตถาคโต อริโยติ วุจฺจตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๘).
สปฺปุริสาติ เอตฺถ ปน ปจฺเจกพุทฺธา ตถาคตสาวกา จ ‘‘สปฺปุริสา’’ติ เวทิตพฺพา. เต หิ โลกุตฺตรคุณโยเคน โสภนา ปุริสาติ สปฺปุริสา. สพฺเพเยว วา เอเต ทฺเวธาปิ วุตฺตา. พุทฺธาปิ หิ อริยา จ สปฺปุริสา จ ปจฺเจกพุทฺธา พุทฺธสาวกาปิ. ยถาห –
‘‘โย เว กตฺู กตเวทิ ธีโร, กลฺยาณมิตฺโต ทฬฺหภตฺติ จ โหติ;
ทุขิตสฺส สกฺกจฺจ กโรติ กิจฺจํ, ตถาวิธํ สปฺปุริสํ วทนฺตี’’ติ. (ชา. ๒.๑๗.๗๘);
เอตฺถ หิ ‘‘กตฺู กตเวทิ ธีโร’’ติ ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ วุตฺโต, ‘‘กลฺยาณมิตฺโต ทฬฺหภตฺติ จา’’ติ พุทฺธสาวโก, ‘‘ทุขิตสฺส สกฺกจฺจ กโรติ กิจฺจ’’นฺติ สมฺมาสมฺพุทฺโธติ. อิทานิ โย เตสํ อริยานํ อทสฺสนสีโล ¶ , น จ ทสฺสเน สาธุการี, โส ‘‘อริยานํ อทสฺสาวี’’ติ เวทิตพฺโพ. โส จ จกฺขุนา อทสฺสาวี าเณน อทสฺสาวีติ ทุวิโธ. เตสุ าเณน อทสฺสาวี ¶ อิธาธิปฺเปโต. มํสจกฺขุนา หิ ทิพฺพจกฺขุนา วา อริยา ทิฏฺาปิ อทิฏฺาว โหนฺติ เตสํ จกฺขูนํ วณฺณมตฺตคหณโต น อริยภาวโคจรโต. โสณสิงฺคาลาทโยปิ หิ จกฺขุนา อริเย ปสฺสนฺติ, น จ เต อริยานํ ทสฺสาวิโน, ตสฺมา จกฺขุนา ทสฺสนํ น ทสฺสนํ, าเณน ทสฺสนเมว ทสฺสนํ. ยถาห – ‘‘กึ เต, วกฺกลิ, อิมินา ปูติกาเยน ทิฏฺเน, โย โข, วกฺกลิ, ธมฺมํ ปสฺสติ, โส มํ ปสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๘๗). ตสฺมา จกฺขุนา ปสฺสนฺโตปิ าเณน อริเยหิ ทิฏฺํ อนิจฺจาทิลกฺขณํ อปสฺสนฺโต อริยาธิคตฺจ ธมฺมํ อนธิคจฺฉนฺโต อริยกรธมฺมานํ อริยภาวสฺส จ อทิฏฺตฺตา ‘‘อริยานํ อทสฺสาวี’’ติ เวทิตพฺโพ.
อริยธมฺมสฺส อโกวิโทติ สติปฏฺานาทิเภเท อริยธมฺเม อกุสโล. อริยธมฺเม อวินีโตติ เอตฺถ ปน –
ทุวิโธ ¶ วินโย นาม, เอกเมเกตฺถ ปฺจธา;
อภาวโต ตสฺส อยํ, ‘‘อวินีโต’’ติ วุจฺจติ.
อยฺหิ สํวรวินโย ปหานวินโยติ ทุวิโธ วินโย. เอตฺถ จ ทุวิเธปิ วินเย เอกเมโก วินโย ปฺจธา ภิชฺชติ. สํวรวินโยปิ หิ สีลสํวโร, สติสํวโร, าณสํวโร, ขนฺติสํวโร, วีริยสํวโรติ ปฺจวิโธ. ปหานวินโยปิ ตทงฺคปฺปหานํ, วิกฺขมฺภนปฺปหานํ, สมุจฺเฉทปฺปหานํ, ปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานํ, นิสฺสรณปฺปหานนฺติ ปฺจวิโธ.
ตตฺถ ‘‘อิมินา ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต โหติ สมุเปโต’’ติ (วิภ. ๕๑๑) อยํ สีลสํวโร. ‘‘รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๑๓; ม. นิ. ๑.๒๙๕; สํ. นิ. ๔.๒๓๙; อ. นิ. ๓.๑๖) อยํ สติสํวโร.
‘‘ยานิ โสตานิ โลกสฺมึ, (อชิตาติ ภควา)
สติ เตสํ นิวารณํ;
โสตานํ สํวรํ พฺรูมิ, ปฺาเยเต ปิธียเร’’ติ. (สุ. นิ. ๑๐๔๑; จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๔) –
อยํ ¶ าณสํวโร. ‘‘ขโม โหติ สีตสฺส อุณฺหสฺสา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔; อ. นิ. ๔.๑๑๔; ๖.๕๘) อยํ ขนฺติสํวโร. ‘‘อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๖; อ. นิ. ๔.๑๑๔; ๖.๕๘) อยํ วีริยสํวโร. สพฺโพปิ จายํ สํวโร ยถาสกํ สํวริตพฺพานํ วิเนตพฺพานฺจ ¶ กายทุจฺจริตาทีนํ สํวรณโต ‘‘สํวโร’’, วินยนโต ‘‘วินโย’’ติ วุจฺจติ. เอวํ ตาว สํวรวินโย ปฺจธา ภิชฺชตีติ เวทิตพฺโพ.
ตถา ยํ นามรูปปริจฺเฉทาทีสุ วิปสฺสนาาเณสุ ปฏิปกฺขภาวโต ทีปาโลเกน วิย ตมสฺส เตน เตน วิปสฺสนาาเณน ตสฺส ตสฺส อนตฺถสฺส ปหานํ, เสยฺยถิทํ – นามรูปววตฺถาเนน สกฺกายทิฏฺิยา, ปจฺจยปริคฺคเหน อเหตุวิสมเหตุทิฏฺีนํ, กงฺขาวิตรเณน กถํกถีภาวสฺส, กลาปสมฺมสเนน ‘‘อหํ มมา’’ติ คาหสฺส, มคฺคามคฺคววตฺถาเนน อมคฺเค มคฺคสฺาย, อุทยทสฺสเนน อุจฺเฉททิฏฺิยา, วยทสฺสเนน สสฺสตทิฏฺิยา, ภยทสฺสเนน สภเย อภยสฺาย, อาทีนวทสฺสเนน อสฺสาทสฺาย, นิพฺพิทานุปสฺสเนน อภิรติสฺาย, มฺุจิตุกมฺยตาาเณน อมฺุจิตุกมฺยตาย, อุเปกฺขาาเณน อนุเปกฺขาย, อนุโลมาเณน ธมฺมฏฺิติยํ ¶ นิพฺพาเน จ ปฏิโลมภาวสฺส, โคตฺรภุนา สงฺขารนิมิตฺตคาหสฺส ปหานํ, เอตํ ตทงฺคปฺปหานํ นาม.
ยํ ปน อุปจารปฺปนาเภเทน สมาธินา ปวตฺติภาวนิวารณโต ฆฏปฺปหาเรน วิย อุทกปิฏฺเ เสวาลสฺส เตสํ เตสํ นีวรณาทิธมฺมานํ ปหานํ, อิทํ วิกฺขมฺภนปฺปหานํ นาม. ยํ จตุนฺนํ อริยมคฺคานํ ภาวิตตฺตา ตํตํมคฺควโต อตฺตโน สนฺตาเน ‘‘ทิฏฺิคตานํ ปหานายา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๒๗๗; วิภ. ๖๒๘) นเยน วุตฺตสฺส สมุทยปกฺขิกสฺส กิเลสคฺคณสฺส อจฺจนฺตอปฺปวตฺติภาเวน ปหานํ, อิทํ สมุจฺเฉทปฺปหานํ นาม. ยํ ปน ผลกฺขเณ ปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตํ กิเลสานํ, อิทํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานํ นาม. ยํ สพฺพสงฺขตนิสฺสฏตฺตา ปหีนสพฺพสงฺขตํ นิพฺพานํ, อิทํ นิสฺสรณปฺปหานํ นาม. สพฺพมฺปิ เจตํ ปหานํ ยสฺมา จาคฏฺเน ปหานํ, วินยนฏฺเน วินโย, ตสฺมา ‘‘ปหานวินโย’’ติ วุจฺจติ, ตํตํปหานวโต วา ตสฺส ตสฺส วินยสฺส สมฺภวโตเปตํ ‘‘ปหานวินโย’’ติ วุจฺจติ. เอวํ ปหานวินโยปิ ปฺจธา ภิชฺชตีติ เวทิตพฺโพ.
เอวมยํ ¶ ¶ สงฺเขปโต ทุวิโธ, ปเภทโต จ ทสวิโธ วินโย ภินฺนสํวรตฺตา ปหาตพฺพสฺส จ อปฺปหีนตฺตา ยสฺมา เอตสฺส อสฺสุตวโต ปุถุชฺชนสฺส นตฺถิ, ตสฺมา อภาวโต ตสฺส อยํ ‘‘อวินีโต’’ติ วุจฺจตีติ. เอส นโย สปฺปุริสานํ อทสฺสาวี สปฺปุริสธมฺมสฺส อโกวิโท สปฺปุริสธมฺเม อวินีโตติ เอตฺถาปิ. นินฺนานาการณฺหิ เอตํ อตฺถโต. ยถาห – ‘‘เยว เต อริยา, เตว เต สปฺปุริสา. เยว เต สปฺปุริสา, เตว เต อริยา. โยว โส อริยานํ ธมฺโม, โสว โส สปฺปุริสานํ ธมฺโม. โยว โส สปฺปุริสานํ ธมฺโม, โสว โส อริยานํ ธมฺโม. เยว เต อริยวินยา, เตว เต สปฺปุริสวินยา. เยว เต สปฺปุริสวินยา, เตว เต อริยวินยา. อริเยติ วา สปฺปุริเสติ วา, อริยธมฺเมติ วา สปฺปุริสธมฺเมติ วา, อริยวินเยติ วา สปฺปุริสวินเยติ วา เอเสเส เอเก เอกฏฺเ สเม สมภาเค ตชฺชาเต ตฺเวา’’ติ.
กสฺมา ปน เถโร อตฺตานุทิฏฺิยา กตเมหิ วีสติยา อากาเรหิ อภินิเวโส โหตีติ ปุจฺฉิตฺวา ตํ อวิสฺสชฺเชตฺวาว ‘‘อิธ อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน’’ติ เอวํ ปุถุชฺชนํ นิทฺทิสีติ? ปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย ตํ อตฺถํ อาวิกาตุํ ปมํ ปุถุชฺชนํ นิทฺทิสีติ เวทิตพฺพํ.
๑๓๑. เอวํ ปุถุชฺชนํ นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ อภินิเวสุทฺเทสํ ทสฺเสนฺโต รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตีติอาทิมาห ¶ . ตตฺถ รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตีติ รูปกฺขนฺธํ กสิณรูปฺจ ‘‘อตฺตา’’ติ ทิฏฺิปสฺสนาย สมนุปสฺสติ. นิทฺเทเส ปนสฺส รูปกฺขนฺเธ อภินิเวโส ปฺจกฺขนฺธาธิการตฺตา ปากโฏติ ตํ อวตฺวา กสิณรูปเมว ‘‘รูป’’นฺติ สามฺวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. รูปวนฺตํ วา อตฺตานนฺติ อรูปํ ‘‘อตฺตา’’ติ คเหตฺวา ตํ อตฺตานํ รูปวนฺตํ สมนุปสฺสติ. อตฺตนิ วา รูปนฺติ อรูปเมว ‘‘อตฺตา’’ติ คเหตฺวา ตสฺมึ อตฺตนิ รูปํ สมนุปสฺสติ. รูปสฺมึ วา อตฺตานนฺติ อรูปเมว ‘‘อตฺตา’’ติ คเหตฺวา ตํ อตฺตานํ รูปสฺมึ สมนุปสฺสติ.
ตตฺถ ¶ รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตีติ สุทฺธรูปเมว ‘‘อตฺตา’’ติ กถิตํ. รูปวนฺตํ วา อตฺตานํ, อตฺตนิ วา รูปํ, รูปสฺมึ วา อตฺตานํ, เวทนํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ, สฺํ, สงฺขาเร, วิฺาณํ อตฺตโต สมนุปสฺสตีติ อิเมสุ สตฺตสุ าเนสุ อรูปํ ‘‘อตฺตา’’ติ กถิตํ. เวทนาวนฺตํ วา อตฺตานํ, อตฺตนิ วา เวทนํ, เวทนาย วา อตฺตานนฺติ เอวํ จตูสุ ขนฺเธสุ ติณฺณํ ติณฺณํ ¶ วเสน ทฺวาทสสุ าเนสุ รูปารูปมิสฺสโก อตฺตา กถิโต. ตา ปน วีสติปิ ทิฏฺิโย มคฺคาวรณา, น สคฺคาวรณา, โสตาปตฺติมคฺควชฺฌา.
อิทานิ ตํ นิทฺทิสนฺโต กถํ รูปนฺติอาทิมาห. ตตฺถ ปถวีกสิณนฺติ ปถวีมณฺฑลํ นิสฺสาย อุปฺปาทิตํ ปฏิภาคนิมิตฺตสงฺขาตํ สกลผรณวเสน ปถวีกสิณํ. อหนฺติ อตฺตานเมว สนฺธาย คณฺหาติ. อตฺตนฺติ อตฺตานํ. อทฺวยนฺติ เอกเมว. เตลปฺปทีปสฺสาติ เตลยุตฺตสฺส ปทีปสฺส. ฌายโตติ ชลโต. ยา อจฺจิ, โส วณฺโณติอาทิ อจฺจึ มฺุจิตฺวา วณฺณสฺส อภาวโต วุตฺตํ. ยา จ ทิฏฺิ ยฺจ วตฺถูติ ตทุภยํ เอกโต กตฺวา รูปวตฺถุกา อตฺตานุทิฏฺิ วุจฺจตีติ อตฺโถ.
อาโปกสิณาทีนิ อาปาทีนิ นิสฺสาย อุปฺปาทิตกสิณนิมิตฺตาเนว. ปริจฺฉินฺนากาสกสิณํ ปน รูปชฺฌานสฺส อารมฺมณํ โหนฺตมฺปิ อากาสกสิณนฺติ วุจฺจมาเน อรูปชฺฌานารมฺมเณน กสิณุคฺฆาฏิมากาเสน สํกิณฺณํ โหตีติ น คหิตนฺติ เวทิตพฺพํ. รูปาธิการตฺตา วิฺาณกสิณํ น คเหตพฺพเมวาติ. อิเธกจฺโจ เวทนํ สฺํ สงฺขาเร วิฺาณํ อตฺตโต สมนุปสฺสตีติ จตฺตาโร ขนฺเธ อภินฺทิตฺวา เอกโต คหณวเสน วุตฺตํ. โส หิ จิตฺตเจตสิกานํ วิสุํ วิสุํ กรเณ อสมตฺถตฺตา สพฺเพ เอกโต กตฺวา ‘‘อตฺตา’’ติ คณฺหาติ. อิมินา รูเปน รูปวาติ เอตฺถ สรีรรูปมฺปิ กสิณรูปมฺปิ ลพฺภติ. ฉายาสมฺปนฺโนติ ฉายาย สมฺปนฺโน อวิรโฬ. ตเมนาติ เอตฺถ เอน-สทฺโท นิปาตมตฺตํ, ตเมตนฺติ วา อตฺโถ. ฉายาวาติ วิชฺชมานจฺฉาโย ¶ . รูปํ อตฺตาติ ¶ อคฺคหิเตปิ รูปํ อมฺุจิตฺวา ทิฏฺิยา อุปฺปนฺนตฺตา รูปวตฺถุกาติ วุตฺตํ.
อตฺตนิ รูปํ สมนุปสฺสตีติ สรีรรูปสฺส กสิณรูปสฺส จ จิตฺตนิสฺสิตตฺตา ตสฺมึ อรูปสมุทาเย อตฺตนิ ตํ รูปํ สมนุปสฺสติ. อยํ คนฺโธติ ฆายิตคนฺธํ อาห. อิมสฺมึ ปุปฺเผติ ปุปฺผนิสฺสิตตฺตา คนฺธสฺส เอวมาห.
รูปสฺมึ อตฺตานํ สมนุปสฺสตีติ ยตฺถ รูปํ คจฺฉติ, ตตฺถ จิตฺตํ คจฺฉติ. ตสฺมา รูปนิสฺสิตํ จิตฺตํ คเหตฺวา ตํ อรูปสมุทายํ อตฺตานํ ตสฺมึ รูเป สมนุปสฺสติ. โอฬาริกตฺตา รูปสฺส โอฬาริกาธารํ กรณฺฑกมาห.
๑๓๒. อิเธกจฺโจ ¶ จกฺขุสมฺผสฺสชํ เวทนนฺติอาทีสุ วิสุํ วิสุํ เวทนาย ทิฏฺิคหเณ อสติปิ เวทนาติ เอกคฺคหเณน คหิเต สพฺพาสํ เวทนานํ อนฺโตคธตฺตา วิสุํ วิสุํ คหิตา เอว โหนฺตีติ วิสุํ วิสุํ โยชนา กตาติ เวทิตพฺพา. โส หิ อนุภวนวเสน เวทนาย โอฬาริกตฺตา เวทนํเยว ‘‘อตฺตา’’ติ คณฺหาติ. สฺํ สงฺขาเร วิฺาณํ รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตีติ สฺาทโย อรูปธมฺเม รูปฺจ เอกโต กตฺวา ‘‘อตฺตา’’ติ สมนุปสฺสติ. อุมฺมตฺตโก วิย หิ ปุถุชฺชโน ยถา ยถา อุปฏฺาติ, ตถา ตถา คณฺหาติ.
๑๓๓. จกฺขุสมฺผสฺสชํ สฺนฺติอาทีสุ สฺชานนวเสน สฺาย ปากฏตฺตา สฺํ ‘‘อตฺตา’ติ คณฺหาติ. เสสํ เวทนาย วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ.
๑๓๔. จกฺขุสมฺผสฺสชํ เจตนนฺติอาทีสุ สงฺขารกฺขนฺธปริยาปนฺเนสุ ธมฺเมสุ เจตนาย ปธานตฺตา ปากฏตฺตา จ เจตนา เอว นิทฺทิฏฺา. ตาย อิตเรปิ นิทฺทิฏฺาว โหนฺติ. โส ปน เจตสิกภาววเสน ปากฏตฺตา เจตนํ ‘‘อตฺตา’’ติ คณฺหาติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
๑๓๕. จกฺขุวิฺาณนฺติอาทีสุ วิชานนวเสน จิตฺตสฺส ปากฏตฺตา จิตฺตํ ‘‘อตฺตา’’ติ คณฺหาติ. เสสเมตฺถาปิ วุตฺตนยเมว.
อตฺตานุทิฏฺินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. มิจฺฉาทิฏฺินิทฺเทสวณฺณนา
๑๓๖. มิจฺฉาทิฏฺิ ¶ ¶ เหฏฺา วุตฺตตฺถาเยว. อยํ ปน อปโร นโย – นตฺถิ ทินฺนนฺติ อุจฺเฉททิฏฺิกตฺตา ทานผลํ ปฏิกฺขิปติ. นตฺถิ ยิฏฺนฺติ เอตฺถ ยิฏฺนฺติ ขุทฺทกยฺโ. หุตนฺติ มหายฺโ. ทฺวินฺนมฺปิ ผลํ ปฏิกฺขิปติ. นตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโกติ ทานผลสฺส ปฏิกฺขิตฺตตฺตา สีลาทีนํ ปฺุกมฺมานํ, ปาณาติปาตาทีนํ ปาปกมฺมานํ ผลํ ปฏิกฺขิปติ. นตฺถิ อยํ โลโกติ ปุเร กเตน กมฺมุนา. นตฺถิ ปโร โลโกติ อิธ กเตน กมฺมุนา. นตฺถิ มาตา, นตฺถิ ปิตาติ เตสุ กตกมฺมานํ ผลํ ปฏิกฺขิปติ. นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกาติ กมฺมเหตุกํ อุปปตฺตึ ปฏิกฺขิปติ. นตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา…เป… ปเวเทนฺตีติ อิธโลกปรโลเก ปสฺสิตุํ อภิฺาปฏิลาภาย ปฏิปทํ ปฏิกฺขิปติ. อิธ ปาฬิยํ ปน นตฺถิ ทินฺนนฺติ วตฺถูติ นตฺถิ ทินฺนนฺติ วุจฺจมานํ ทานํ, ตสฺสา ทิฏฺิยา วตฺถูติ อตฺโถ ¶ . เอวํวาโท มิจฺฉาติ เอวํ นตฺถิ ทินฺนนฺติ วาโท วจนํ มิจฺฉา วิปรีโตติ อตฺโถ.
มิจฺฉาทิฏฺินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. สกฺกายทิฏฺินิทฺเทสวณฺณนา
๑๓๗. สกฺกายทิฏฺิ ปน อตฺตานุทิฏฺิเยว, อฺตฺถ อาคตปริยายวจนทสฺสนตฺถํ วุตฺตาติ เวทิตพฺพา.
สกฺกายทิฏฺินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. สสฺสตทิฏฺินิทฺเทสวณฺณนา
๑๓๘. สกฺกายวตฺถุกาย สสฺสตทิฏฺิยาติ กมฺมธารยสมาโส. รูปวนฺตํ วา อตฺตานนฺติอาทีนํ ปนฺนรสนฺนํ วจนานํ อนฺเต สมนุปสฺสตีติ สมฺพนฺโธ กาตพฺโพ, ปาโ วา. อฺถา หิ น ฆฏียตีติ. เอวํ ‘‘รูปวนฺตํ วา อตฺตานํ สมนุปสฺสตี’’ติ เอกเมว ทสฺเสตฺวา เสสา จุทฺทส สํขิตฺตา.
สสฺสตทิฏฺินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. อุจฺเฉททิฏฺินิทฺเทสวณฺณนา
๑๓๙. สกฺกายวตฺถุกาย ¶ อุจฺเฉททิฏฺิยา เอวํ ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติ เอกเมว ทสฺเสตฺวา เสสา จตสฺโส สํขิตฺตา.
อุจฺเฉททิฏฺินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. อนฺตคฺคาหิกาทิฏฺินิทฺเทสวณฺณนา
๑๔๐. อนฺตคฺคาหิกาย ทิฏฺิยา ปมวาเร อาการปุจฺฉา. ทุติเย อาการคหณํ. ตติเย อาการวิสฺสชฺชนํ. ตตฺถ โลโกติ อตฺตา. โส อนฺโตติ อฺมฺปฏิปกฺเขสุ สสฺสตุจฺเฉทนฺเตสุ ¶ สสฺสตคฺคาเห สสฺสตนฺโต, อสสฺสตคฺคาเห อุจฺเฉทนฺโต. ปริตฺตํ โอกาสนฺติ สุปฺปมตฺตํ วา สราวมตฺตํ วา ขุทฺทกํ านํ. นีลกโต ผรตีติ นีลนฺติ อารมฺมณํ กโรติ. อยํ โลโกติ อตฺตานํ สนฺธาย วุตฺตํ. ปริวฏุโมติ สมนฺตโต ปริจฺเฉทวา. อนฺตสฺีติ อนฺตวาติสฺี. อนฺโต อสฺส อตฺถีติ อนฺโตติ คเหตพฺพํ. ยํ ผรตีติ ยํ กสิณรูปํ ผรติ. ตํ วตฺถุ เจว โลโก จาติ ตํ กสิณรูปํ อารมฺมณฺเจว อาโลกิยฏฺเน โลโก จ. เยน ผรตีติ เยน จิตฺเตน ผรติ. โส อตฺตา เจว โลโก จาติ อตฺตานมเปกฺขิตฺวา ปุลฺลิงฺคํ กตํ, ตํ จิตฺตํ อตฺตา เจว อาโลกนฏฺเน โลโก จาติ วุตฺตํ โหติ. อนฺตวาติ อนฺโต. โอกาสกโต ผรตีติ อาโลกกสิณวเสน เตโชกสิณวเสน ¶ โอทาตกสิณวเสน วา โอภาโสติ ผรติ. นีลาทีนํ ปฺจนฺนํ ปภสฺสรกสิณานํเยว คหิตตฺตา ปถวีอาโปวาโยกสิณวเสน อตฺตาภินิเวโส น โหตีติ คเหตพฺพํ.
วิปุลํ โอกาสนฺติ ขลมณฺฑลมตฺตาทิวเสน มหนฺตํ านํ. อนนฺตวาติ วุทฺธอนนฺตวา. อปริยนฺโตติ วุทฺธอปริยนฺโต. อนนฺตสฺีติ อนนฺโตติสฺี. ตํ ชีวนฺติ โส ชีโว. ลิงฺควิปลฺลาโส กโต. ชีโวติ จ อตฺตา เอว. รูปาทีนิ ปฺจปิ ปริวฏุมฏฺเน สรีรํ. ชีวํ น สรีรนฺติ อตฺตสงฺขาโต ชีโว รูปสงฺขาตํ สรีรํ น โหติ. เอส นโย เวทนาทีสุ. ตถาคโตติ สตฺโต. อรหนฺติ เอเก. ปรํ มรณาติ มรณโต อุทฺธํ, ปรโลเกติ อตฺโถ. รูปํ อิเธว มรณธมฺมนฺติ อตฺตโน ปากฏกฺขนฺธสีเสน ปฺจกฺขนฺธคฺคหณํ, ตํ อิมสฺมึเยว โลเก นสฺสนปกติกนฺติ อตฺโถ. เสสกฺขนฺเธสุปิ เอเสว นโย. กายสฺส เภทาติ ขนฺธปฺจกสงฺขาตสฺส กายสฺส ¶ เภทโต ปรํ. อิมินา วจเนน ‘‘ปรํ มรณา’’ติ เอตสฺส อุทฺเทสสฺส อตฺโถ วุตฺโต. โหติปีติอาทีสุ โหตีติ มูลปทํ. จตูสุปิ อปิ-สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ. ติฏฺตีติ สสฺสตตฺตา ติฏฺติ, น จวตีติ อตฺโถ. ‘‘โหตี’’ติ ปทสฺส วา อตฺถวิเสสนตฺถํ ‘‘ติฏฺตี’’ติ ¶ ปทํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อุปฺปชฺชตีติ อณฺฑชชลาพุชโยนิปเวสวเสน อุปฺปชฺชติ นาม, นิพฺพตฺตตีติ สํเสทชโอปปาติกโยนิปเวสวเสน นิพฺพตฺตติ นามาติ อตฺถโยชนา เวทิตพฺพา. อุจฺฉิชฺชตีติ ปพนฺธาภาววเสน. วินสฺสตีติ ภงฺควเสน. น โหติ ปรํ มรณาติ ปุริมปทานํ อตฺถวิวรณํ, จุติโต อุทฺธํ น วิชฺชตีติ อตฺโถ. โหติ จ น จ โหตีติ เอกจฺจสสฺสติกานํ ทิฏฺิ, เอเกน ปริยาเยน โหติ, เอเกน ปริยาเยน น โหตีติ อตฺโถ. ชีวภาเวน โหติ, ปุพฺพชีวสฺส อภาเวน น โหตีติ วุตฺตํ โหติ. เนว โหติ น น โหตีติ อมราวิกฺเขปิกานํ ทิฏฺิ, โหตีติ จ เนว โหติ, น โหตีติ จ น โหตีติ อตฺโถ. อนุวาทภยา มุสาวาทภยา จ มนฺทตฺตา โมมูหตฺตา จ ปุพฺพวุตฺตนยสฺส ปฏิกฺเขปมตฺตํ กโรติ. อิเมหิ ปฺาสาย อากาเรหีติ ยถาวุตฺตานํ ทสนฺนํ ปฺจกานํ วเสน ปฺาสาย อากาเรหีติ.
อนฺตคฺคาหิกาทิฏฺินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ปุพฺพนฺตานุทิฏฺินิทฺเทสวณฺณนา
๑๔๑. ปุพฺพนฺตาปรนฺตานุทิฏฺีสุ ¶ สสฺสตํ วทนฺตีติ สสฺสตวาทา. อถ วา วทนฺติ เอเตนาติ วาโท, ทิฏฺิคตสฺเสตํ อธิวจนํ. สสฺสตนฺติ วาโทปิ สสฺสตโยเคน สสฺสโต, สสฺสโต วาโท เอเตสนฺติ สสฺสตวาทา. ตถา เอกจฺจํ สสฺสตนฺติ วาโท เอกจฺจสสฺสโต, โส เอเตสํ อตฺถีติ เอกจฺจสสฺสติกา. ตถา อนฺตวา, อนนฺตวา, อนฺตวา จ อนนฺตวา จ, เนวนฺตวา นานนฺตวาติ ปวตฺโต วาโท อนฺตานนฺโต, โส เอเตสํ อตฺถีติ อนฺตานนฺติกา. น มรตีติ อมรา. กา สา? ‘‘เอวมฺปิ เม โน’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๖๒-๖๓) นเยน ปริยนฺตรหิตสฺส ทิฏฺิคติกสฺส ทิฏฺิ เจว วาจา จ. วิวิโธ เขโป วิกฺเขโป, อมราย ทิฏฺิยา, วาจาย วา วิกฺเขโป อมราวิกฺเขโป, โส เอเตสํ อตฺถีติ อมราวิกฺเขปิกา. อปโร นโย – อมรา นาม มจฺฉชาติ ¶ , สา อุมฺมุชฺชนนิมุชฺชนาทิวเสน อุทเก สนฺธาวมานา คเหตุํ น สกฺกา โหติ, เอวเมวํ อยมฺปิ วาโท อิโต จิโต จ สนฺธาวติ, คาหํ น อุปคจฺฉตีติ อมราวิกฺเขโปติ วุจฺจติ, โส เอเตสํ อตฺถีติ อมราวิกฺเขปิกา. อธิจฺจสมุปฺปนฺโนติ ¶ อการณสมุปฺปนฺโน อตฺตา จ โลโก จาติ ทสฺสนํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ, ตํ เอเตสํ อตฺถีติ อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกา.
ปุพฺพนฺตานุทิฏฺินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. อปรนฺตานุทิฏฺินิทฺเทสวณฺณนา
๑๔๒. สฺึ วทนฺตีติ สฺีวาทา. อสฺึ วทนฺตีติ อสฺีวาทา. เนวสฺีนาสฺึ วทนฺตีติ เนวสฺีนาสฺีวาทา. อถ วา สฺีติ ปวตฺโต วาโท สฺีวาโท, โส เยสํ อตฺถีติ เต สฺีวาทา, ตถา อสฺีวาทา, เนวสฺีนาสฺีวาทา จ. อุจฺเฉทํ วทนฺตีติ อุจฺเฉทวาทา. ทิฏฺธมฺโมติ ปจฺจกฺขธมฺโม, ตตฺถ ตตฺถ ปฏิลทฺธอตฺตภาวสฺเสตํ อธิวจนํ. ทิฏฺธมฺเม นิพฺพานํ ทิฏฺธมฺมนิพฺพานํ, อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว ทุกฺขวูปสโมติ อตฺโถ, ตํ วทนฺตีติ ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาทา. อิมสฺมึ ปนตฺเถ วิตฺถาริยมาเน สาฏฺกถํ สกลํ พฺรหฺมชาลสุตฺตํ วตฺตพฺพํ โหติ. เอวฺจ สติ อติปปฺโจ โหตีติ น วิตฺถาริโต. ตทตฺถิเกหิ ตํ อเปกฺขิตฺวา คเหตพฺโพ.
อปรนฺตานุทิฏฺินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐-๑๒. สฺโชนิกาทิทิฏฺินิทฺเทสวณฺณนา
๑๔๓. ยสฺมา ¶ สฺโชนิกา ทิฏฺิ สพฺพทิฏฺิสาธารณา, ตสฺมา ตสฺสา สพฺพทิฏฺิสฺโชนตฺตา สพฺพทิฏฺิสาธารโณ อตฺโถ นิทฺทิฏฺโ. โส เหฏฺา วุตฺตทิฏฺิปริยุฏฺานาเนว.
๑๔๔. มานวินิพนฺธทิฏฺีสุ จกฺขุ อหนฺติ อภินิเวสปรามาโสติ มานปุพฺพโก อภินิเวสปรามาโส. น หิ ทิฏฺิ มานสมฺปยุตฺตา โหติ. เตเนว จ มานวินิพนฺธาติ วุตฺตํ, มานปฏิพนฺธา มานมูลกาติ อตฺโถ.
๑๔๕. จกฺขุ มมนฺติ อภินิเวสปรามาโสติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. เอตฺถ ปน ‘‘มมา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘มม’’นฺติ อนุนาสิกาคโม เวทิตพฺโพ. ‘‘อห’’นฺติ มานวินิพนฺธาย ¶ ¶ รูปาทีนิปิ อชฺฌตฺติกาเนว. น หิ กสิณรูปํ วินา พาหิรานิ ‘‘อห’’นฺติ คณฺหาติ. ‘‘มม’’นฺติ มานวินิพนฺธาย ปน พาหิรานิปิ ลพฺภนฺติ. พาหิรานิปิ หิ ‘‘มม’’นฺติ คณฺหาติ. ยสฺมา ปน ทุกฺขา เวทนา อนิฏฺตฺตา มานวตฺถุ น โหติ, ตสฺมา ฉ เวทนา ตาสํ มูลปจฺจยา ฉ ผสฺสา จ น คหิตา. สฺาทโย ปน อิธ ปจฺฉินฺนตฺตา น คหิตาติ เวทิตพฺพา.
สํโยชนิกาทิทิฏฺินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๓. อตฺตวาทปฏิสํยุตฺตทิฏฺินิทฺเทสวณฺณนา
๑๔๖. อตฺตวาทปฏิสํยุตฺตา ทิฏฺิ อตฺตานุทิฏฺิเยว. อตฺตาติ วาเทน ปฏิสํยุตฺตตฺตา ปุน เอวํ วุตฺตา.
อตฺตวาทปฏิสํยุตฺตทิฏฺินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๔. โลกวาทปฏิสํยุตฺตทิฏฺินิทฺเทสวณฺณนา
๑๔๗. อตฺตา จ โลโก จาติ โส เอว อตฺตา จ อาโลกนฏฺเน โลโก จาติ อตฺโถ. สสฺสโตติ สสฺสตวาทานํ ทิฏฺิ. อสสฺสโตติ อุจฺเฉทวาทานํ. สสฺสโต จ อสสฺสโต จาติ เอกจฺจสสฺสติกานํ. เนว สสฺสโต นาสสฺสโตติ อมราวิกฺเขปิกานํ. อนฺตวาติ ปริตฺตกสิณลาภีนํ ตกฺกิกานฺจ นิคณฺาชีวิกานฺจ. อถ วา อุจฺเฉทวาทิโน ‘‘สตฺโต ชาติยา ปุพฺพนฺตวา, มรเณน อปรนฺตวา’’ติ วทนฺติ. อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกา ‘‘สตฺโต ชาติยา ปุพฺพนฺตวา’’ติ วทนฺติ. อนนฺตวาติ อปฺปมาณกสิณลาภีนํ. สสฺสตวาทิโน ปน ‘‘ปุพฺพนฺตาปรนฺตา นตฺถิ, เตน อนนฺตวา’’ติ วทนฺติ. อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกา ‘‘อปรนฺเตน อนนฺตวา’’ติ วทนฺติ.
อนฺตวา ¶ จ อนนฺตวา จาติ อุทฺธมโธ อวฑฺฒิตฺวา ติริยํ วฑฺฒิตกสิณานํ. เนว อนฺตวา น อนนฺตวาติ อมราวิกฺเขปิกานํ.
โลกวาทปฏิสํยุตฺตทิฏฺินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๕-๑๖. ภววิภวทิฏฺินิทฺเทสวณฺณนา
๑๔๘. ภววิภวทิฏฺีนํ ¶ ยถาวุตฺตทิฏฺิโต วิสุํ อภินิเวสาภาวโต วิสุํ นิทฺเทสํ อกตฺวา ยถาวุตฺตทิฏฺีนํเยว วเสน ‘‘โอลียนํ อติธาวน’’นฺติ เอเกกํ อาการํ นิทฺทิสิตุํ ปุจฺฉํ อกตฺวา จ โอลียนาภินิเวโส ภวทิฏฺิ, อติธาวนาภินิเวโส วิภวทิฏฺีติ อาห. ตตฺถ ‘‘ภวนิโรธาย ธมฺเม เทสิยมาเน จิตฺตํ น ปกฺขนฺทตี’’ติ (อิติวุ. ๔๙) วุตฺตโอลียนาภินิเวโส, สสฺสตสฺาย นิพฺพานโต สงฺโกจนาภินิเวโสติ อตฺโถ. ‘‘ภเวเนว โข ปเนเก อฏฺฏียมานา หรายมานา ¶ ชิคุจฺฉมานา วิภวํ อภินนฺทนฺตี’’ติ วุตฺตอติธาวนาภินิเวโส, อุจฺเฉทสฺาย นิโรธคามินิปฏิปทาติกฺกมนาภินิเวโสติ อตฺโถ.
อิทานิ ตาว ภววิภวทิฏฺิโย สพฺพทิฏฺีสุ โยเชตฺวา ทสฺเสตุํ อสฺสาททิฏฺิยาติอาทิมาห. ตตฺถ ยสฺมา อสฺสาททิฏฺิกา สสฺสตํ วา อุจฺเฉทํ วา นิสฺสาย ‘‘นตฺถิ กาเมสุ โทโส’’ติ คณฺหนฺติ, ตสฺมา ปฺจตึสาการาปิ อสฺสาททิฏฺิโย สิยา ภวทิฏฺิโย, สิยา วิภวทิฏฺิโยติ วุตฺตา. ตตฺถ ยสฺมา เอเกกาปิ ทิฏฺิโย สสฺสตคฺคาหวเสน ภวทิฏฺิโย ภเวยฺยุํ, อุจฺเฉทคฺคาหวเสน วิภวทิฏฺิโย ภเวยฺยุนฺติ อตฺโถ. อตฺตานุทิฏฺิยา รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ, เวทนํ… สฺํ… สงฺขาเร… วิฺาณํ อตฺตโต สมนุปสฺสตีติ ปฺจสุ รูปาทิโต อตฺตโน อนฺตฺตา เตสุ อุจฺฉินฺเนสุ อตฺตา อุจฺฉินฺโนติ คหณโต ปฺจ วิภวทิฏฺิโยติ วุตฺตํ. เสเสสุ ปฺจทสสุ าเนสุ รูปาทิโต อตฺตโน อฺตฺตา เตสุ อุจฺฉินฺเนสุปิ ‘‘อตฺตา สสฺสโตติ คหณโต ปนฺนรส ภวทิฏฺิโยติ วุตฺตํ.
มิจฺฉาทิฏฺิยา ‘‘สพฺพาว ตา วิภวทิฏฺิโย’’ติ อุจฺเฉทวเสน ปวตฺตตฺตา อนฺตวานนฺตวาทิฏฺีสุ ปริตฺตารมฺมณอปฺปมาณารมฺมณฌานลาภิโน ทิพฺพจกฺขุนา รูปธาตุยา จวิตฺวา สตฺเต อฺตฺถ อุปปนฺเน ปสฺสิตฺวา ภวทิฏฺึ อปสฺสิตฺวา วิภวทิฏฺึ คณฺหนฺติ. ตสฺมา ตตฺถ สิยา ภวทิฏฺิโย, สิยาวิภวทิฏฺิโยติ ¶ วุตฺตํ. โหติ จ น จ โหตีติ เอตฺถ โหติ จาติ ภวทิฏฺิ, น จ โหตีติ วิภวทิฏฺิ. เนว โหติ น น โหตีติ เอตฺถ เนว โหตีติ วิภวทิฏฺิ, น น โหตีติ ภวทิฏฺิ. ตสฺมา ตตฺถ ‘‘สิยา’’ติ วุตฺตํ.
ปุพฺพนฺตานุทิฏฺิยา เอกจฺจสสฺสติกา สสฺสตฺจ ปฺเปนฺติ, อสสฺสตฺจ ปฺเปนฺติ. ตสฺมา สา ภวทิฏฺิ จ วิภวทิฏฺิ จ โหติ. จตฺตาโร อนฺตานนฺติกา อนฺตานนฺตํ อตฺตานํ ปฺเปนฺติ ¶ . ตสฺมา สา อตฺตานุทิฏฺิสทิสา ภวทิฏฺิ จ วิภวทิฏฺิ จ. จตฺตาโร อมราวิกฺเขปิกา ภวทิฏฺึ วา วิภวทิฏฺึ วา นิสฺสาย วาจาวิกฺเขปํ อาปชฺชนฺติ, อวเสสา ปน ภวทิฏฺิโยว. ตสฺมา เต เต สนฺธาย ¶ ‘‘สิยา’’ติ วุตฺตํ. อปรนฺตานุทิฏฺิยา สตฺต อุจฺเฉทวาทา วิภวทิฏฺิโย, อวเสสา ภวทิฏฺิโย. ตสฺมา เต เต สนฺธาย ‘‘สิยา’’ติ วุตฺตํ. สฺโชนิกทิฏฺิยา สพฺพทิฏฺีนํ วเสน ‘‘สิยา’’ติ วุตฺตํ. อหนฺติ มานวินิพนฺธาย ทิฏฺิยา จกฺขาทีนํ อหนฺติ คหิตตฺตา เตสํ วินาเส อตฺตา วินฏฺโ โหตีติ สพฺพาว ตา วิภวทิฏฺิโยติ วุตฺตํ. อตฺตานุทิฏฺิโย วิย มมนฺติ มานวินิพนฺธาย ทิฏฺิยา จกฺขาทิโต อตฺตโน อฺตฺตา เตสํ วินาเสปิ อตฺตา น วินสฺสตีติ สพฺพาว ตา ภวทิฏฺิโยติ วุตฺตํ. โลกวาทปฏิสํยุตฺตาย ทิฏฺิยา ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๑.๑๔๗) นเยน วุตฺตตฺตา ภววิภวทิฏฺิ ปากฏาเยว. เอตฺตาวตา อสฺสาททิฏฺาทิกา วิภวทิฏฺิปริโยสานา โสฬส ทิฏฺิโย ตีณิสตฺจ ทิฏฺาภินิเวสา นิทฺทิฏฺา โหนฺติ. อตฺตานุทิฏฺิ จ สกฺกายทิฏฺิ จ อตฺตวาทปฏิสฺุตฺตา ทิฏฺิ จ อตฺถโต เอกา ปริยาเยน ติวิธา วุตฺตา. สฺโชนิกา ปน ทิฏฺิ อวตฺถาเภเทน สพฺพาปิ ทิฏฺิโย โหนฺติ.
อิทานิ สพฺพาว ตา ทิฏฺิโย อสฺสาททิฏฺิโยติอาทิ อฺเน ปริยาเยน ยถาโยคํ ทิฏฺิสํสนฺทนา. ตตฺถ สพฺพาว ตา ทิฏฺิโยติ ยถาวุตฺตา อนวเสสา ทิฏฺิโย. ทิฏฺิราครตฺตตฺตา ตณฺหาสฺสาทนิสฺสิตตฺตา จ อสฺสาททิฏฺิโย, อตฺตสิเนหานุคตตฺตา อตฺตานุทิฏฺิโย, วิปรีตทสฺสนตฺตา มิจฺฉาทิฏฺิโย, ขนฺธวตฺถุกตฺตา สกฺกายทิฏฺิโย, เอเกกสฺส อนฺตสฺส คหิตตฺตา อนฺตคฺคาหิกา ทิฏฺิโย, อนตฺถสํโยชนิกตฺตา สฺโชนิกา ทิฏฺิโย, อตฺตวาเทน ยุตฺตตฺตา อตฺตวาทปฏิสํยุตฺตา ¶ ทิฏฺิโยติ อิมา สตฺต ทิฏฺิโย สพฺพทิฏฺิสงฺคาหิกา, เสสา ปน นว ทิฏฺิโย น สพฺพทิฏฺิสงฺคาหิกา.
อิทานิ วิตฺถารโต วุตฺตา สพฺพาว ตา ทิฏฺิโย ทฺวีสุเยว ทิฏฺีสุ สงฺขิปิตฺวา สตฺตานํ ทิฏฺิทฺวยนิสฺสยํ ทสฺเสนฺโต ภวฺจ ทิฏฺินฺติคาถมาห. สพฺพาปิ หิ ตา ทิฏฺิโย ภวทิฏฺี ¶ วา โหนฺติ วิภวทิฏฺี วา. ภวฺจ ทิฏฺึ วิภวฺจ ทิฏฺินฺติ เอตฺถ ปน จ-สทฺโท ทิฏฺิเมว สมุจฺจิโนติ, น นิสฺสยํ. น หิ เอโก ภววิภวทิฏฺิทฺวยํ นิสฺสยติ. ยถาห – ‘‘อิติ ภวทิฏฺิสนฺนิสฺสิตา วา สตฺตา โหนฺติ วิภวทิฏฺิสนฺนิสฺสิตา วา’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๓). ตกฺกิกาติ ตกฺเกน วทนฺตีติ ตกฺกิกา. เต หิ ทิฏฺิคติกา สภาวปฏิเวธปฺาย อภาวา เกวลํ ตกฺเกน วตฺตนฺติ. เยปิ จ ฌานลาภิโน อภิฺาลาภิโน วา ทิฏฺึ คณฺหนฺติ, เตปิ ตกฺเกตฺวา คหณโต ตกฺกิกา เอว. นิสฺสิตาเสติ นิสฺสิตาติ อตฺโถ. เอกเมว ปทํ, ‘‘เส’’ติ ¶ นิปาตมตฺตํ วา. เตสํ นิโรธมฺหิ น หตฺถิ าณนฺติ ทิฏฺินิสฺสยสฺส การณวจนเมตํ. สกฺกายทิฏฺินิโรเธ นิพฺพาเน ยสฺมา เตสํ าณํ นตฺถิ, ตสฺมา เอตํ ทิฏฺิทฺวยํ นิสฺสิตาติ อตฺโถ. ‘‘น หิ อตฺถิ าณ’’นฺติ เอตฺถ หิ-กาโร การโณปเทเส นิปาโต. ยตฺถายํ โลโก วิปรีตสฺีติ ยตฺถ สุเข นิโรธมฺหิ อยํ สเทวโก โลโก ‘‘ทุกฺข’’มิติ วิปรีตสฺี โหติ, ตสฺมึ นิโรธมฺหิ น หตฺถิ าณนฺติ สมฺพนฺโธ. ทุกฺขมิติ วิปรีตสฺิตาย อิทํ สุตฺตํ –
‘‘รูปา สทฺทา รสา คนฺธา, ผสฺสา ธมฺมา จ เกวลา;
อิฏฺา กนฺตา มนาปา จ, ยาวตตฺถีติ วุจฺจติ.
‘‘สเทวกสฺส โลกสฺส, เอเต โว สุขสมฺมตา;
ยตฺถ เจเต นิรุชฺฌนฺติ, ตํ เนสํ ทุกฺขสมฺมตํ.
‘‘สุขนฺติ ทิฏฺมริเยหิ, สกฺกายสฺสุปโรธนํ;
ปจฺจนีกมิทํ โหติ, สพฺพโลเกน ปสฺสตํ.
‘‘ยํ ¶ ปเร สุขโต อาหุ, ตทริยา อาหุ ทุกฺขโต;
ยํ ปเร ทุกฺขโต อาหุ, ตทริยา สุขโต วิทู.
‘‘ปสฺส ธมฺมํ ทุราชานํ, สมฺปมูฬฺเหตฺถวิทฺทสุ;
นิวุตานํ ตโม โหติ, อนฺธกาโร อปสฺสตํ.
‘‘สตฺจ ¶ วิวฏํ โหติ, อาโลโก ปสฺสตามิว;
สนฺติเก น วิชานนฺติ, มคา ธมฺมสฺสโกวิทา.
‘‘ภวราคปเรเตหิ, ภวโสตานุสาริภิ;
มารเธยฺยานุปนฺเนหิ, นายํ ธมฺโม สุสมฺพุโธ.
‘‘โก ¶ นุ อฺตฺร อริเยภิ, ปทํ สมฺพุทฺธุมรหติ;
ยํ ปทํ สมฺมทฺาย, ปรินิพฺพนฺติ อนาสวา’’ติ. (สุ. นิ. ๗๖๔-๗๗๑);
๑๔๙. อิทานิ สพฺพาสํ ทิฏฺีนํ ทิฏฺิทฺวยภาวํ ทิฏฺิสมุคฺฆาตกฺจ สมฺมาทิฏฺึ สุตฺตโต ทสฺเสตุกาโม, ทฺวีหิ ภิกฺขเวติ สุตฺตํ อาหริ. ตตฺถ เทวาติ พฺรหฺมาโนปิ วุจฺจนฺติ. โอลียนฺตีติ สงฺกุจนฺติ. อติธาวนฺตีติ อติกฺกมิตฺวา คจฺฉนฺติ. จกฺขุมนฺโตติ ปฺวนฺโต. จ-สทฺโท อติเรกตฺโถ. ภวารามาติ ภโว อาราโม อภิรมฏฺานํ เอเตสนฺติ ภวารามา. ภวรตาติ ภเว อภิรตา. ภวสมฺมุทิตาติ ภเวน สนฺตุฏฺา. เทสิยมาเนติ ตถาคเตน วา ตถาคตสาวเกน วา เทสิยมาเน. น ปกฺขนฺทตีติ ธมฺมเทสนํ วา ภวนิโรธํ วา น ปวิสติ. น ปสีทตีติ ตตฺถ ปสาทํ น ปาปุณาติ. น สนฺติฏฺตีติ ¶ ตตฺถ น ปติฏฺาติ. นาธิมุจฺจตีติ ตตฺถ ฆนภาวํ น ปาปุณาติ. เอตฺตาวตา สสฺสตทิฏฺิ วุตฺตา.
อฏฺฏียมานาติ ทุกฺขํ ปาปุณมานา. หรายมานาติ ลชฺชํ ปาปุณมานา. ชิคุจฺฉมานาติ ชิคุจฺฉํ ปาปุณมานา. วิภวํ อภินนฺทนฺตีติ อุจฺเฉทํ ปฏิจฺจ ตุสฺสนฺติ, อุจฺเฉทํ ปตฺถยนฺตีติ วา อตฺโถ. กิราติ อนุสฺสวนตฺเถ นิปาโต. โภติ อาลปนเมตํ. สนฺตนฺติ นิพฺพุตํ. ปณีตนฺติ ทุกฺขาภาวโต ปณีตํ, ปธานภาวํ นีตนฺติ วา ปณีตํ. ยาถาวนฺติ ยถาสภาวํ. เอตฺตาวตา อุจฺเฉททิฏฺิ วุตฺตา.
อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน. ภูตนฺติ เหตุโต สฺชาตํ ขนฺธปฺจกสงฺขาตํ ทุกฺขํ. ภูตโต ปสฺสตีติ อิทํ ภูตํ ทุกฺขนฺติ ปสฺสติ. นิพฺพิทายาติ วิปสฺสนตฺถาย. วิราคายาติ อริยมคฺคตฺถาย. นิโรธายาติ นิพฺพานตฺถาย. ปฏิปนฺโน โหตีติ ตทนุรูปํ ปฏิปทํ ปฏิปนฺโน โหติ. เอวํ ปสฺสนฺตีติ อิมินา ปกาเรน ปุพฺพภาเค โลกิยาเณน, ปฏิเวธกาเล โลกุตฺตราเณน ปสฺสนฺติ. เอตฺตาวตา สมฺมาทิฏฺิ วุตฺตา.
อิทานิ ¶ ทฺวีหิ คาถาหิ ตสฺสา สมฺมาทิฏฺิยา อานิสํสํ ทสฺเสติ. ตตฺถ โย ภูตํ ภูตโต ทิสฺวาติ ทุกฺขํ ปริฺาภิสมเยน อภิสเมตฺวาติ อตฺโถ. ภูตสฺส จ อติกฺกมนฺติ นิโรธํ สจฺฉิกิริยาภิสมเยน อภิสเมตฺวาติ อตฺโถ. ยถาภูเตธิมุจฺจตีติ มคฺคภาวนาภิสมยวเสน ยถาสภาเว นิโรเธ ‘‘เอตํ สนฺตํ, เอตํ ปณีต’’นฺติ อธิมุจฺจติ. ภวตณฺหา ปริกฺขยาติ สมุทยสฺส ปหาเนนาติ อตฺโถ. อสติปิ เจตฺถ สจฺจานํ นานาภิสมยตฺเต ‘‘ทิสฺวา’’ติ ปุพฺพกาลิกวจนํ ¶ สทฺธึ ปุพฺพภาคปฏิปทาย โวหารวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. น หิ ปุพฺพํ ปสฺสิตฺวา ปจฺฉา อธิมุจฺจติ. จตุสจฺจาภิสมโย สมานกาลเมว โหติ. สมานกาเลปิ วา ปุพฺพกาลิกานิ ปทานิ ภวนฺตีติ น โทโส. ส ¶ เวติ เอกํเสน โส อรหํ. ภูตปริฺาโตติ ทุกฺขํ ปริฺาตวา. วีตตณฺโหติ วิคตตณฺโห. ภวาภเวติ ขุทฺทเก จ มหนฺเต จ ภเว. วุทฺธิอตฺเถปิ หิ อ-การสฺส สมฺภวโต อภโวติ มหาภโว. โส ปน ขุทฺทกมหนฺตภาโว อุปาทายุปาทาย เวทิตพฺโพ. อถ วา ภเวติ สสฺสเต. อภเวติ อุจฺเฉเท. ตทุภเยปิ ทิฏฺิราคาภาเวน วีตตณฺโห. ภูตสฺส วิภวาติ วฏฺฏทุกฺขสฺส สมุจฺเฉทา. นาคจฺฉติ ปุนพฺภวนฺติ อรหโต ปรินิพฺพานํ วุตฺตํ.
๑๕๐. ตโย ปุคฺคลาติอาทิ มิจฺฉาทิฏฺิกครหณตฺถํ สมฺมาทิฏฺิกปสํสนตฺถํ วุตฺตํ. ตตฺถ วิรูปภาวํ ปนฺนา คตา ทิฏฺิ เอเตสนฺติ วิปนฺนทิฏฺี. สุนฺทรภาวํ ปนฺนา คตา ทิฏฺิ เอเตสนฺติ สมฺปนฺนทิฏฺี. ติตฺถิโยติ ติตฺถํ วุจฺจติ ทิฏฺิ, ตํ ปฏิปนฺนตฺตา ติตฺเถ สาธุ, ติตฺถํ ยสฺส อตฺถีติ วา ติตฺถิโย. อิโต พหิทฺธา ปพฺพชฺชูปคโต. ติตฺถิยสาวโกติ เตสํ ทิฏฺานุคติมาปนฺโน คหฏฺโ. โย จ มิจฺฉาทิฏฺิโกติ ตทุภยภาวํ อนุปคนฺตฺวา ยาย กายจิ ทิฏฺิยา มิจฺฉาทิฏฺิโก.
ตถาคโตติ สมฺมาสมฺพุทฺโธ. ปจฺเจกพุทฺโธปิ เอตฺเถว สงฺคหิโต. ตถาคตสาวโกติ มคฺคปฺปตฺโต ผลปฺปตฺโต จ. โย จ สมฺมาทิฏฺิโกติ ตทุภยวินิมุตฺโต โลกิยสมฺมาทิฏฺิยา สมฺมาทิฏฺิโก.
คาถาสุ โกธโนติ โย อภิณฺหํ กุชฺฌติ, โส. อุปนาหีติ ตเมว โกธํ วฑฺเฒตฺวา อุปนนฺธนสีโล. ปาปมกฺขีติ ลามกภูตมกฺขวา. มายาวีติ กตปาปปฏิจฺฉาทนวา. วสโลติ หีนชจฺโจ. วิสุทฺโธติ าณทสฺสนวิสุทฺธิยา ¶ วิสุทฺโธ. สุทฺธตํ คโตติ มคฺคผลสงฺขาตํ สุทฺธภาวํ คโต. เมธาวีติ ปฺวา. อิมาย คาถาย โลกุตฺตรสมฺมาทิฏฺิสมฺปนฺโน เอว โถมิโต.
วิปนฺนทิฏฺิโย สมฺปนฺนทิฏฺิโยติ ปุคฺคลโวหารํ ปหาย ธมฺมเมว ครหนฺโต โถเมนฺโต จ อาห. เอตํ มมาติ ตณฺหามฺนวเสน ทิฏฺิ. เอโสหมสฺมีติ มานมฺนมูลิกา ¶ ทิฏฺิ. เอโส เม อตฺตาติ ทิฏฺิมฺนเมว.
เอตํ ¶ มมาติ กา ทิฏฺีติอาทีหิ ติสฺสนฺนํ วิปนฺนทิฏฺีนํ วิภาคฺจ คณนฺจ กาลสงฺคหฺจ ปุจฺฉิตฺวา วิสฺสชฺชนํ กตํ. ตตฺถ กา ทิฏฺีติ อเนกาสุ ทิฏฺีสุ กตมา ทิฏฺีติ อตฺโถ. กตมนฺตานุคฺคหิตาติ ปุพฺพนฺตาปรนฺตสงฺขาตกาลทฺวเย กตเมน กาเลน อนุคฺคหิตา, อนุพทฺธาติ อตฺโถ. ยสฺมา ‘‘เอตํ มมา’’ติ ปรามสนฺโต ‘‘เอตํ มม อโหสิ, เอวํ มม อโหสิ, เอตฺตกํ มม อโหสี’’ติ อตีตํ วตฺถุํ อปทิสิตฺวา ปรามสติ, ตสฺมา ปุพฺพนฺตานุทิฏฺิ โหติ. ปุพฺพนฺตานุคฺคหิตา จ ตา ทิฏฺิโย โหนฺติ. ยสฺมา ‘‘เอโสหมสฺมี’’ติ ปรามสนฺโต ‘‘อิมินาหํ สีเลน วา วเตน วา ตเปน วา พฺรหฺมจริเยน วา เอโสสฺมิ วิสุชฺฌิสฺสามี’’ติ อนาคตผลํ อุปาทาย ปรามสติ, ตสฺมา อปรนฺตานุทิฏฺิ โหติ. อปรนฺตานุคฺคหิตา จ ตา ทิฏฺิโย โหนฺติ. ยสฺมา ‘‘เอโส เม อตฺตา’’ติ ปรามสนฺโต อตีตานาคตํ อุปาทินฺนสนฺตตึ อุปาทาย ‘‘เอโส เม อตฺตา’’ติ ปรามสติ, สกฺกายทิฏฺิวเสน จ ปรามสติ, ตสฺมา สกฺกายทิฏฺิ โหติ. ปุพฺพนฺตาปรนฺตานุคฺคหิตา จ ตา ทิฏฺิโย โหนฺติ. ยสฺมา ปน สกฺกายทิฏฺิปฺปมุขาเยว ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิโย โหนฺติ, สกฺกายทิฏฺิสมุคฺฆาเตเนว จ ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิโย สมุคฺฆาตํ คจฺฉนฺติ, ตสฺมา สกฺกายทิฏฺิปฺปมุเขน ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิคตานีติ วุตฺตา, สกฺกายทิฏฺิปฺปมุเขน สกฺกายทิฏฺิทฺวาเรน ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิคตานิ โหนฺตีติ อตฺโถ. สกฺกายทิฏฺิปฺปมุขานีติ ปาโ สุนฺทรตโร. สกฺกายทิฏฺิ ปมุขา อาทิ เอเตสนฺติ สกฺกายทิฏฺิปฺปมุขานิ. กานิ ตานิ? ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิคตานิ.
‘‘กา ทิฏฺี’’ติ ปุจฺฉาย วีสติวตฺถุกา อตฺตานุทิฏฺิ, วีสติวตฺถุกา สกฺกายทิฏฺีติ วิสฺสชฺชนํ. ‘‘กติ ทิฏฺิโย’’ติ ปุจฺฉาย ¶ สกฺกายทิฏฺิปฺปมุขานิ ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิคตานีติ วิสฺสชฺชนํ. สาเยว ปน สกฺกายทิฏฺิ ‘‘เอโส เม อตฺตา’’ติ ¶ วจนสามฺเน อตฺตานุทิฏฺีติ วุตฺตา. ตสฺสา วุตฺตาย อตฺตวาทปฏิสฺุตฺตา ทิฏฺิปิ วุตฺตาเยว โหติ.
๑๕๑. เย เกจิ, ภิกฺขเวติอาทิสุตฺตาหรณํ สมฺปนฺนทิฏฺิปุคฺคลสมฺพนฺเธน สมฺปนฺนทิฏฺิปุคฺคลวิภาคทสฺสนตฺถํ กตํ. ตตฺถ นิฏฺํ คตาติ มคฺคาณวเสน สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควาติ นิจฺฉยํ คตา, นิพฺเพมติกาติ อตฺโถ. นิฏฺาคตาติ ปาโ สมาสปทํ โหติ, อตฺโถ ปน โสเยว. ทิฏฺิสมฺปนฺนาติ ทิฏฺิยา สุนฺทรภาวํ คตา. อิธ นิฏฺาติ อิมิสฺสา กามธาตุยา ปรินิพฺพานํ. อิธ วิหาย นิฏฺาติ อิมํ กามภวํ วิชหิตฺวา สุทฺธาวาสพฺรหฺมโลเก ปรินิพฺพานํ. สตฺตกฺขตฺตุปรมสฺสาติ สตฺตกฺขตฺตุํปรมา สตฺตวารปรมา ภวูปปตฺติ อตฺตภาวคฺคหณํ อสฺส, ตโต ปรํ อฏฺมํ ภวํ นาทิยตีติ สตฺตกฺขตฺตุปรโม. ตสฺส สตฺตกฺขตฺตุปรมสฺส โสตาปนฺนสฺส. โกลํโกลสฺสาติ กุลโต กุลํ คจฺฉตีติ โกลํโกโล. โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยโต หิ ปฏฺาย นีเจ ¶ กุเล อุปปตฺติ นาม นตฺถิ, มหาโภคกุเลสุเยว นิพฺพตฺตตีติ อตฺโถ. ตสฺส โกลํโกลสฺส โสตาปนฺนสฺส. เอกพีชิสฺสาติ ขนฺธพีชํ นาม กถิตํ. ยสฺส หิ โสตาปนฺนสฺส เอกํเยว ขนฺธพีชํ อตฺถิ, เอกํ อตฺตภาวคฺคหณํ, โส เอกพีชี นาม. ตสฺส เอกพีชิสฺส โสตาปนฺนสฺส. ภควตา คหิตนามวเสเนเวตานิ เอเตสํ นามานิ. เอตฺตกฺหิ านํ คโต สตฺตกฺขตฺตุปรโม นาม โหติ, เอตฺตกํ โกลํโกโล, เอตฺตกํ เอกพีชีติ ภควตา เอเตสํ นามํ คหิตํ. ภควา หิ ‘‘อยํ เอตฺตกํ านํ คมิสฺสติ, อยํ เอตฺตกํ านํ คมิสฺสตี’’ติ ตฺวา เตสํ ตานิ ตานิ นามานิ อคฺคเหสิ. มุทุปฺโ หิ โสตาปนฺโน สตฺต ภเว นิพฺพตฺเตนฺโต สตฺตกฺขตฺตุปรโม นาม, มชฺฌิมปฺโ ปรํ ฉฏฺํ ภวํ นิพฺพตฺเตนฺโต โกลํโกโล นาม ¶ , ติกฺขปฺโ เอกํ ภวํ นิพฺพตฺเตนฺโต เอกพีชี นาม. ตํ ปเนตํ เตสํ มุทุมชฺฌิมติกฺขปฺตํ ปุพฺพเหตุ นิยเมติ. อิเม ตโยปิ โสตาปนฺนา กามภววเสน วุตฺตา, รูปารูปภเว ปน พหุกาปิ ปฏิสนฺธิโย คณฺหนฺติ. สกทาคามิสฺสาติ ปฏิสนฺธิวเสน สกึ กามภวํ อาคจฺฉตีติ สกทาคามี. ตสฺส สกทาคามิสฺส. ทิฏฺเว ธมฺเม อรหาติ อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว อรหา. อรหนฺติปิ ปาโ. อิธ นิฏฺาติ กามภวํ ¶ สํสรนฺเตเยว สนฺธาย วุตฺตํ. รูปารูปภเว อุปฺปนฺนา ปน อริยา กามภเว น อุปฺปชฺชนฺติ, ตตฺเถว ปรินิพฺพายนฺติ.
อนฺตราปรินิพฺพายิสฺสาติ อายุเวมชฺฌสฺส อนฺตราเยว กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพายนโต อนฺตราปรินิพฺพายี. โส ปน อุปฺปนฺนสมนนฺตรา ปรินิพฺพายี, อายุเวมชฺฌํ อปฺปตฺวา ปรินิพฺพายี, อายุเวมชฺฌํ ปตฺวา ปรินิพฺพายีติ ติวิโธ โหติ. ตสฺส อนฺตราปรินิพฺพายิสฺส อนาคามิโน. อุปหจฺจปรินิพฺพายิสฺสาติ อายุเวมชฺฌํ อติกฺกมิตฺวา วา กาลกิริยํ อุปคนฺตฺวา วา กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพายนฺตสฺส อนาคามิโน. อสงฺขารปรินิพฺพายิสฺสาติ อสงฺขาเรน อปฺปโยเคน อธิมตฺตปฺปโยคํ อกตฺวาว กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพายนธมฺมสฺส อนาคามิโน. สสงฺขารปรินิพฺพายิสฺสาติ สสงฺขาเรน ทุกฺเขน กสิเรน อธิมตฺตปฺปโยคํ กตฺวาว กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพายนธมฺมสฺส อนาคามิโน. อุทฺธํโสตสฺส อกนิฏฺคามิโนติ อุทฺธํวาหิภาเวน อุทฺธมสฺส ตณฺหาโสตํ วฏฺฏโสตํ วาติ อุทฺธํโสโต, อุทฺธํ วา คนฺตฺวา ปฏิลภิตพฺพโต อุทฺธมสฺส มคฺคโสตนฺติ อุทฺธํโสโต, อกนิฏฺํ คจฺฉตีติ อกนิฏฺคามี. ตสฺส อุทฺธํโสตสฺส อกนิฏฺคามิโน อนาคามิสฺส. อยํ ปน อนาคามี จตุปฺปเภโท – โย อวิหโต ปฏฺาย จตฺตาโร พฺรหฺมโลเก โสเธตฺวา อกนิฏฺํ คนฺตฺวา ปรินิพฺพายติ, อยํ อุทฺธํโสโต อกนิฏฺคามี นาม. โย เหฏฺา ตโย พฺรหฺมโลเก โสเธตฺวา สุทสฺสีพฺรหฺมโลเก ตฺวา ปรินิพฺพายติ, อยํ อุทฺธํโสโต น อกนิฏฺคามี นาม. โย อิโต อกนิฏฺเมว คนฺตฺวา ปรินิพฺพายติ, อยํ น อุทฺธํโสโต อกนิฏฺคามี นาม. โย เหฏฺา จตูสุ ¶ พฺรหฺมโลเกสุ ตตฺถ ¶ ตตฺเถว ปรินิพฺพายติ, อยํ น อุทฺธํโสโต น อกนิฏฺคามี นามาติ. อิเม ปฺจ อนาคามิโน สุทฺธาวาสํ คเหตฺวา วุตฺตา. อนาคามิโน ปน รูปราคารูปราคานํ อปฺปหีนตฺตา อากงฺขมานา เสสรูปารูปภเวสุปิ นิพฺพตฺตนฺติ. สุทฺธาวาเส นิพฺพตฺตา ปน อฺตฺถ น นิพฺพตฺตนฺติ. อเวจฺจปฺปสนฺนาติ อริยมคฺควเสน ชานิตฺวา พุชฺฌิตฺวา อจลปฺปสาเทน ปสนฺนา. โสตาปนฺนาติ อริยมคฺคโสตํ อาปนฺนา. อิมินา สพฺเพปิ อริยผลฏฺา ปุคฺคลา คหิตาติ.
ภววิภวทิฏฺินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
สทฺธมฺมปฺปกาสินิยา ปฏิสมฺภิทามคฺคฏฺกถาย
ทิฏฺิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.