📜
สาสนปฏฺานวารวณฺณนา
เอวํ สพฺพถา นยสมุฏฺานํ วิภชิตฺวา อิทานิ สาสนปฏฺานํ วิภชนฺโต ยสฺมา สงฺคหวาราทีสุ มูลปเทเหว ปฏฺานํ สงฺคเหตฺวา สรูปโต น ทสฺสิตํ, ตสฺมา ยถา มูลปเทหิ ปฏฺานํ นิทฺธาเรตพฺพํ, เอวํ ปฏฺานโตปิ มูลปทานิ นิทฺธาเรตพฺพานีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อฏฺารส มูลปทา กุหึ ทฏฺพฺพา? สาสนปฏฺาเน’’ติ อาห. มูลปทสาสนปฏฺานานฺหิ อฺมฺสงฺคโห ปุพฺเพ ทสฺสิโต เอวาติ. อถ สาสนปฏฺานนฺติ โก วจนตฺโถ? สาสนสฺส ปฏฺานนฺติ สาสนปฏฺานํ ¶ , สาสนํ ¶ เทสนา, ตสฺสา เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ เตสํ หิตสุขนิปฺผาทนตฺถํ ปกาเรหิ านํ ปวตฺติ สาสนปฏฺานํ. อิธ ปน ตสฺส ตถาภาวทีปนํ ‘‘สาสนปฏฺาน’’นฺติ เวทิตพฺพํ. อถ วา สาสนํ อธิสีลสิกฺขาทโย. เตสํ ปวตฺตนุปายภาวโต ปติฏฺหนฺติ เอเตหีติ ปฏฺานานิ, สํกิเลสาทิธมฺมา. เตสํ ปเวทนโต ตทุปจาเรน สุตฺตานิ ปฏฺานานิ. เตสํ ปน สมูหภาวโต อยํ ปกรณปฺปเทโส ปฏฺานํ นาม.
อปโร นโย – เกนฏฺเน ปฏฺานํ? ปฏฺิตฏฺเน คมนฏฺเนาติ อตฺโถ. ‘‘เย เต โคฏฺา ปฏฺิตคาโว’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕๖) อาคตฏฺานสฺมิฺหิ เยน ปฏฺาเนน เต ‘‘โคฏฺา ปฏฺิตคาโว’’ติ วุตฺตา, ตํ อตฺถโต คมนํ โหติ. อิติ นาติวิตฺถาริตนเยสุ หารนเยสุ อนิสฺสงฺคคมนสฺส เทสนาาณสฺส สํกิเลสภาคิยาทิโลกิยาทิเภเทสุ ตทุภยโวมิสฺสกเภเทสุ จ วิตฺถาริตนยลาภโต นิสฺสงฺควเสน ปวตฺตคมนตฺตา เต สํกิเลสภาคิยาทโย โลกิยาทโย จ วิสุํ วิสุํ โวมิสฺสา จ อธิกรณวเสน ปฏฺานํ นาม. เตสํ ปกาสนโต อยํ ปกรณปฺปเทโส ปฏฺานนฺติ เวทิตพฺพํ.
‘‘สํกิเลสภาคิย’’นฺติอาทีสุ สํกิลิสฺสติ เอเตนาติ สํกิเลโส. สํกิเลสภาเค สํกิเลสโกฏฺาเส ปวตฺตํ สํกิเลสภาคิยํ. วาสนา ปฺุภาวนา, วาสนาภาเค ปวตฺตํ วาสนาภาคิยํ, วาสนํ ภชาเปตีติ วา วาสนาภาคิยํ. นิพฺพิชฺฌนํ โลภกฺขนฺธาทีนํ ปทาลนํ นิพฺเพโธ. นิพฺเพธภาเค ปวตฺตํ, นิพฺเพธํ ภชาเปตีติ วา นิพฺเพธภาคิยํ. ปรินิฏฺิตสิกฺขาธมฺมา อเสกฺขา, อเสกฺขภาเว ปวตฺตํ, อเสกฺเข ภชาเปตีติ วา อเสกฺขภาคิยํ. เตสุ ยตฺถ ตณฺหาทิสํกิเลโส วิภตฺโต, อิทํ สํกิเลสภาคิยํ. ยตฺถ ทานาทิปฺุกิริยวตฺถุ วิภตฺตํ, อิทํ วาสนาภาคิยํ. ยตฺถ เสกฺขา สีลกฺขนฺธาทโย วิภตฺตา, อิทํ นิพฺเพธภาคิยํ. ยตฺถ ปน อเสกฺขา สีลกฺขนฺธาทโย วิภตฺตา, อิทํ อเสกฺขภาคิยํ. อิตรานิ เตสํ โวมิสฺสกนยวเสน วุตฺตานิ.
ตานิ ปน ฉ ทุกา จตฺตาโร ติกา เอกํ จตุกฺกํ อปรมฺปิ เอกํ จตุกฺกนฺติ ทฺวาทส โหนฺติ. เตสุ จตฺตาโร ทุกา ทฺเว จ ติกา อุทฺธฏา, อิตเร ¶ น อุทฺธฏา, อนุทฺธรเณ การณํ นตฺถิ. อิมินา นเยน เตปิ คเหตุํ สกฺกาติ ปาฬิยํ สํขิตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. ตถา หิ วกฺขติ – ‘‘อิมานิ จตฺตาริ สุตฺตานิ, สาธารณานิ กตานิ อฏฺ ภวนฺตี’’ติอาทิ. ตตฺถ ยสฺมา กตฺถจิ สุตฺเต ตณฺหาสํกิเลโสว นิทฺทิสียติ, กตฺถจิ ทิฏฺิสํกิเลโสว, กตฺถจิ ทุจฺจริตสํกิเลโสว ¶ นิทฺทิสียติ, ตสฺมา สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ ติธา วิภชิตฺวา อุทฺทิฏฺํ ‘‘ตณฺหาสํกิเลสภาคิยํ สุตฺต’’นฺติอาทินา. ตถา โวทานํ นาม สํกิเลเส สติ โหตีติ โวทานภาคิยํ สุตฺตํ สํกิเลสวิภาเคน ติธาว อุทฺทิฏฺํ ‘‘ตณฺหาโวทานภาคิยํ สุตฺต’’นฺติอาทินา. ตํ ปน อตฺถโต วาสนาภาคิยาทิ เอว โหติ. อยฺจ นโย เกสุจิ โปตฺถเกสุ นตฺถิ.
‘‘ตตฺถ สํกิเลโส ติวิโธ’’ติอาทิ สํกิเลสปฏิปกฺขโต สมถาทินิทฺธารณวเสน วาสนาภาคิยาทิสุตฺตานํ วิสยทสฺสนตฺถํ อารทฺธํ. ตตฺถ ยทิ อาสตฺติ อุปฺปชฺชติ ภเวสูติ ภเวสุ ฉนฺทราคํ ปชหิตุํ อสกฺโกนฺตสฺส ยทิ ภวปตฺถนา อุปฺปชฺชติ. เอวํ สายนฺติ เอวมสฺส ปุคฺคลสฺส อยํ สมถวิปสฺสนาภาวนามยํ ปฺุกิริยวตฺถุ ภวติ ปุชฺชภวผลนิพฺพตฺตนโต. ตตฺรูปปตฺติยา สํวตฺตตีติ ตตฺร ตตฺร ภเว อุปปตฺติยา สํวตฺตติ. อิมานิ จตฺตาริ สุตฺตานีติ อิมานิ สํกิเลสภาคิยาทีนิ จตฺตาริ สุตฺตานิ. สาธารณานิ กตานีติ สํกิเลสภาคิยฺจ วาสนาภาคิยฺจ, สํกิเลสภาคิยฺจ นิพฺเพธภาคิยฺจ, สํกิเลสภาคิยฺจ อเสกฺขภาคิยฺจ, วาสนาภาคิยฺจ นิพฺเพธภาคิยฺจาติ เอวํ ปทนฺตรสํโยชนวเสน มิสฺสิตานิ กตานิ. อฏฺ ภวนฺตีติ ปุริมานิ จตฺตาริ อิมานิ จตฺตารีติ เอวํ อฏฺ ภวนฺติ.
ตานิเยว อฏฺ สุตฺตานิ สาธารณานิ กตานิ โสฬส ภวนฺตีติ ตานิเยว ยถาวุตฺตานิ อฏฺ สุตฺตานิ วาสนาภาคิยฺจ อเสกฺขภาคิยฺจ นิพฺเพธภาคิยฺจ, อเสกฺขภาคิยฺจ สํกิเลสภาคิยฺจ วาสนาภาคิยฺจ, นิพฺเพธภาคิยฺจ สํกิเลสภาคิยฺจ วาสนาภาคิยฺจ, อเสกฺขภาคิยฺจ สํกิเลสภาคิยฺจ นิพฺเพธภาคิยฺจ, อเสกฺขภาคิยฺจ วาสนาภาคิยฺจ นิพฺเพธภาคิยฺจ, อเสกฺขภาคิยฺจ สํกิเลสภาคิยฺจ วาสนาภาคิยฺจ, นิพฺเพธภาคิยฺจ อเสกฺขภาคิยฺจ เนวสํกิเลสภาคิยฺจ, นวาสนาภาคิยฺจ นนิพฺเพธภาคิยฺจ น ¶ อเสกฺขภาคิยฺจาติ เอวํ สาธารณานิ กตานิ ปุริมานิ อฏฺ อิมานิ อฏฺาติ โสฬส ภวนฺติ. เตสุ จตฺตาโร เอกกา, ฉ ทุกา, จตฺตาโร ติกา, เอโก จตุกฺโก, อปโรปิ เอโก จตุกฺโกติ อยมฺปิ วิภาโค เวทิตพฺโพ. ตตฺถาปิ ทฺเว ทุกา, ทฺเว ติกา, ทฺเว จตุกฺกา จ ปาฬิยํ อนาคตาติ เวทิตพฺพา.
อิทานิ อิมสฺส ปฏฺานสฺส สกลสาสนสงฺคหิตภาวํ วิภาเวตุํ ‘‘อิเมหิ โสฬสหิ สุตฺเตหิ ภินฺเนหิ นววิธํ สุตฺตํ ภินฺนํ ภวตี’’ติ วุตฺตํ. ตสฺสตฺโถ – อิเมหิ สํกิเลสภาคิยาทีหิ โสฬสหิ สุตฺเตหิ ปฏฺานนเยน วิภตฺเตหิ สุตฺตเคยฺยาทินววิธํ ปริยตฺติสาสนสงฺขาตํ สุตฺตํ ภินฺนํ โสฬสธา ¶ วิภตฺตํ โหติ. อิมินา โสฬสวิเธน ปฏฺาเนน อสงฺคหิโต ปริยตฺติสาสนสฺส ปเทโส นตฺถีติ อธิปฺปาโย. กถํ ปน สํกิเลสภาคิยาทิภาโว คเหตพฺโพติ? อาห ‘‘คาถาย คาถา อนุมินิตพฺพา’’ติอาทิ. ตตฺถ คาถาย คาถา อนุมินิตพฺพาติ อยํ คาถา วิย คาถา สํกิเลสภาคิยาติ วา วาสนาภาคิยาติ วา นิพฺเพธภาคิยาติ วา อเสกฺขภาคิยาติ วา อนุมินิตพฺพา, อนุ อนุ มินิตฺวา ตกฺเกตฺวา ชานิตพฺพาติ อตฺโถ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. เอตฺถ จ คาถาเวยฺยากรณวินิมุตฺตา สพฺพา ปริยตฺติ ‘‘สุตฺเตนา’’ติปเทน สงฺคหิตาติ ทฏฺพฺพา.
อิทานิ สํกิเลสภาคิยาทีนิ สุตฺตานิ ยถานิทฺทิฏฺานิ อุทาหรณวเสน วิภาเวตุํ ‘‘ตตฺถ กตมํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺต’’นฺติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ‘‘กามนฺธา ชาลสฺฉนฺนา’’ติ คาถาย อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว. ยถา อิมสฺส, เอวํ อิโต ปรานมฺปิ เหฏฺา วุตฺตตฺถานํ อุตฺตานปทานฺจ อตฺถํ น วณฺณยิสฺสาม.
อคติคมนานีติ กายาทีหิ อยุตฺตคมนานิ, อกตฺตพฺพกรณานีติ อตฺโถ. ฉนฺทาติ ฉนฺทเหตุ อิจฺฉาปจฺจยา. อคตึ คจฺฉตีติ อคนฺตพฺพํ คตึ คจฺฉติ, อกตฺตพฺพํ กโรตีติ อตฺโถ. ธมฺมนฺติ สาธูนํ อริยานํ ธมฺมํ. อติวตฺตตีติ อติมทฺทิตฺวา วีติกฺกมติ. นิหียตีติ หายติ. ยโสติ กิตฺติ จ ปริวาโร จ.
‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา’’ติ คาถายํ มโนติ ยทิปิ กามาวจรกุสลาทิเภทํ สพฺพมฺปิ จตุภูมกจิตฺตํ มโน, อิมสฺมึ ปน าเน จกฺขุปาลตฺเถรสฺส ¶ (ธ. ป. ๑-๒; เถรคา. ๙๕) ปุริมชาติยํ เวชฺชภูตสฺส อุปฺปนฺนวเสน นิยมิยมานํ ปฏิฆสมฺปยุตฺตจิตฺตเมว ลพฺภติ. โส มโน ปุพฺพงฺคโม เอเตสนฺติ มโนปุพฺพงฺคมา, มนสา ปมคามินา สมนฺนาคตาติ อตฺโถ. ธมฺมาติ นิสฺสตฺตนิชฺชีวฏฺเน ธมฺมา, เต ปน เวทนาทโย ตโย อรูปิโน ขนฺธา. เอเต หิ มโนปุพฺพงฺคมา. กถํ ปเนเตหิ สทฺธึ เอกสฺมึ วตฺถุสฺมึ เอกสฺมิฺจ อารมฺมเณ เอกกฺขเณ อุปฺปชฺชมาโน มโน ปุพฺพงฺคโม นาม โหตีติ? อุปฺปาทปจฺจยฏฺเน. ยถา หิ พหูสุ เอกโต คามฆาตาทิกมฺมานิ กโรนฺเตสุ ‘‘โก เอเตสํ ปุพฺพงฺคโม’’ติ วุตฺเต โย เตสํ ปจฺจโย โหติ, ยํ ยํ นิสฺสาย เต ตํ กมฺมํ กโรนฺติ, โส ทตฺโต วา มิตฺโต วา เตสํ ปุพฺพงฺคโมติ วุจฺจติ, เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ. อิติ อุปฺปาทปจฺจยฏฺเน มโน ปุพฺพงฺคโม เอเตสนฺติ มโนปุพฺพงฺคมา. น หิ ¶ เต มเน อนุปฺปชฺชนฺเต อุปฺปชฺชิตุํ สกฺกุณนฺติ, มโน ปน เอกจฺเจสุ เจตสิเกสุ อนุปฺปชฺชนฺเตสุปิ อุปฺปชฺชติ เอว.
อธิปติวเสน มโน เสฏฺโ เอเตสนฺติ มโนเสฏฺา. ยถา หิ โจราทีนํ โจรเชฏฺกาทโย อธิปติโน เสฏฺา, ตถา เตสมฺปิ มโน เสฏฺโ. ยถา ปน ทารุอาทีหิ นิปฺผนฺนานิ ภณฺฑานิ ทารุมยาทีนิ นาม โหนฺติ, ตถา เอเตปิ มนโต นิปฺผนฺนตฺตา มโนมยา นาม. ปทุฏฺเนาติ อภิชฺฌาทีหิ โทเสหิ ปทุฏฺเน ทูสิเตน ภาสติ วา กโรติ วา. โส หิ ภาสนฺโต จตุพฺพิธํ วจีทุจฺจริตเมว ภาสติ, กโรนฺโตปิ ติวิธํ กายทุจฺจริตเมว กโรติ, อภาสนฺโต อกโรนฺโต เตหิ อภิชฺฌาทีหิ ปทุฏฺมนตาย ติวิธํ มโนทุจฺจริตํ ปูเรติ. เอวมสฺส ทส อกุสลกมฺมปถา ปาริปูรึ คจฺฉนฺติ. ตโต นํ ทุกฺขมนฺเวตีติ ตโต ติวิธทุจฺจริตโต ตํ ปุคฺคลํ ทุกฺขํ อนฺเวติ ทุจฺจริตานุภาเวน จตูสุ อปาเยสุ ทุกฺขํ อนุคจฺฉติ. ยถา กึ? จกฺกํว วหโต ปทนฺติ, ยถา นาม สกฏํ วหโต พลีพทฺทสฺส ปทํ ปหรนฺตํ จกฺกํ อนุคจฺฉติ, เอวํ นํ ปุคฺคลํ ทุกฺขมนุคจฺฉตีติ.
‘‘มิทฺธี ยทา โหตี’’ติ คาถายํ มิทฺธีติ ถินมิทฺธาภิภูโต. มหคฺฆโสติ มหาโภชโน อาหรหตฺถกอลํสาฏกตตฺรวฏฺฏกกากมาสกภุตฺตวมิตกานํ อฺตโร วิย. นิทฺทายิตาติ สุปนสีโล. สมฺปริวตฺตสายีติ เสยฺยสุขปสฺสสุขานํ อนุยฺุชนวเสน สมฺปริวตฺตกสยนสีโล ¶ . นิวาปปุฏฺโติ กุณฺฑกาทินา สูกรภตฺเตน ปุฏฺโ. ฆรสูกโร หิ พาลกาลโต ปฏฺาย โปสิยมาโน ถูลสรีรกาเล เคหโต พหิ นิกฺขมิตุํ อลภนฺโต เหฏฺามฺจาทีสุ สมฺปริวตฺติตฺวา สมฺปริวตฺติตฺวา อสฺสสนฺโต ปสฺสสนฺโต สยเตว. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยทา ปุริโส มิทฺธี จ โหติ มหคฺฆโส จ, นิวาปปุฏฺโ มหาวราโห วิย อฺเน อิริยาปเถน ยาเปตุํ อสกฺโกนฺโต นิทฺทาสีโล สํปริวตฺตสายี, ตทา โส ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา’’ติ ตีณิ ลกฺขณานิ มนสิ กาตุํ น สกฺโกติ. เตสํ อมนสิการา มนฺทปฺโ ปุนปฺปุนํ คพฺภํ อุเปติ, คพฺภวาสโต น ปริมุจฺจตีติ.
‘‘อยสาว มล’’นฺติ คาถายํ อยสาติ อยโต. สมุฏฺิตนฺติ ชาตํ. ตตุฏฺายาติ ตโต อุฏฺหิตฺวา. อติโธนจารินนฺติ โธนา วุจฺจติ จตฺตาโร ปจฺจเย อิทมตฺถิตาย อลเมเตนาติ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภฺุชนปฺา, ตํ อติกฺกมิตฺวา จรนฺโต อติโธนจารี นาม. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา อยโต มลํ สมุฏฺาย ยโต ตํ สมุฏฺิตํ, ตเมว ขาทติ วินาเสติ, เอวเมวํ จตฺตาโร ¶ ปจฺจเย อปฺปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภฺุชนฺตํ อติโธนจารินํ สานิ กมฺมานิ อตฺตโน สนฺตาเน อุฏฺิตตฺตา อตฺตโน สนฺตกาเนว ตานิ กมฺมานิ ทุคฺคตึ นยนฺตีติ.
‘‘โจโร ยถา’’ติ คาถายํ โจโร ยถา สนฺธิมุเข คหีโตติ ยถา โจโร ฆรสนฺธึ ฉินฺทิตฺวา เคหํ ปวิสนฺโต ฆรสนฺธิมุเข เอว ราชปุริเสหิ คหิโต. สกมฺมุนา หฺติ พชฺฌเต จาติ เตน อตฺตนา กตกมฺเมน กสาภิตาฬนาทินา หฺติ เจว อทฺทุพนฺธนาทินา พชฺฌติ จ. เอวํ อยํ เปจฺจ ปชา ปรตฺถาติ เอวมฺปิ อยํ ปาปการินี ปชา อิโต จวิตฺวา ปรโลเก. สกมฺมุนา หฺติ พชฺฌเต จาติ อตฺตนาว กเตน ปาปกมฺเมน นิรยาทีสุ นานปฺปกาเรหิ กมฺมการณาทีหิ หฺติ เจว ปริพชฺฌติ จาติ.
‘‘สุขกามานี’’ติ คาถายํ โย ทณฺเฑน วิหึสตีติ โย ปุคฺคโล ทณฺเฑน วา เลฑฺฑุอาทีหิ วา วิพาธติ. เปจฺจ โส น ลเภ สุขนฺติ โส ปุคฺคโล ปรโลเก มนุสฺสสุขํ วา ทิพฺพสุขํ วา น ลภติ, นิพฺพานสุเข ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถิ.
คุนฺนํ ¶ เจ ตรมานานนฺติ คาวีสุ มโหฆํ ตรนฺตีสุ. ชิมฺหํ คจฺฉติ ปุงฺคโวติ ยทิ ยูถปติ อุสโภ กุฏิลํ คจฺฉติ. สพฺพา ตา ชิมฺหํ คจฺฉนฺตีติ สพฺพาปิ ตา คาวิโย กุฏิลเมว คจฺฉนฺติ. กสฺมา? เนตฺเต ชิมฺหํ คเต สตีติ เนตฺตริ กุฏิลํ คเต สติ, เนตฺตสฺส กุฏิลํ คตตฺตาติ อตฺโถ. โส หิ ตาสํ ปจฺจยิโก อุปทฺทวหโร จ.
‘‘เอวเมว’’นฺติ คาถายํ ยถา เจตํ, เอวเมวํ โย มนุสฺเสสุ ปธานสมฺมโต, ยทิ โส อธมฺมจารี สิยา. เย ตสฺส อนุชีวิโน, สพฺเพปิ อธมฺมิกาว โหนฺติ. สามิสมฺปทา หิ ปกติสมฺปทํ สมฺปาเทติ. ยสฺมา จ เอตเทว, ตสฺมา สพฺพํ รฏฺํ ทุกฺขํ เสติ, ราชา เจ โหติ อธมฺมิโก. สุกิจฺฉรูปา วตาติ สุฏฺุ กิจฺฉาปนฺนรูปา วต. อุปธีสูติ กามคุณูปธีสุ. รตฺตาติ ราคาภิภูตา. กฏุกนฺติ ทุกฺขํ.
กุกฺกุจฺจชนเกเนว ปตฺตวฏฺฏิปฺปภวสฺส อุปจฺฉินฺนตฺตา ผลุปฺปตฺติ กทลิยา ปราภวาย โหตีติ อาห – ‘‘ผลํ เว กทลึ หนฺตี’’ติ. ตถา ผลปริโยสานตฺตา โอสธีนํ ‘‘ผลํ เวฬุํ ผลํ นฬ’’นฺติ วุตฺตํ. วฬวาย กุจฺฉิสฺมึ คทฺรภสฺส ชาตา อสฺสตรี นาม, สา คพฺภํ คณฺหิตฺวา กาเล สมฺปตฺเต วิชายิตุํ น สกฺโกติ. ปาเทหิ ภูมึ ปหรนฺตี ติฏฺติ, อถสฺส จตฺตาโร ¶ ปาเท จตูสุ ขาณุเกสุ พนฺธิตฺวา กุจฺฉึ ผาเลตฺวา โปตกํ นีหรนฺติ, สา ตตฺเถว มรติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘คพฺโภ อสฺสตรึ ยถา’’ติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา อตฺตโน ผลํ กทลิเวฬุนเฬปิ วินาเสติ, คพฺโภ จ อสฺสตรึ, เอวํ อตฺตโน กมฺมผลภูโต สกฺกาโร อสปฺปุริสํ วินาเสตีติ.
โกธมกฺขครูติ กุชฺฌนลกฺขณํ โกธํ, ปรคุณมกฺขนลกฺขณํ มกฺขฺจ ครุํ กตฺวา อุทฺธํ กตฺวา อุกฺขิปิตฺวา จรนฺโต. สุเขตฺเตติ สุเขตฺเตปิ. ปูติพีชํวาติ ปูติภาวํ คตํ พีชํ วิย. ฉกณรสาทิปริภาวนสุกฺขาปนสุขสยาทีนิ อกรเณน พีชโทสทุฏฺนฺติ อตฺโถ.
เจตสาติ อตฺตโน จิตฺเตน. เจโตติ ตสฺส ปุคฺคลสฺส จิตฺตํ. ปริจฺจาติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา. อิริยตีติ ปวตฺตติ. ยถาภตนฺติ ยถา กิฺจิ อาหริตฺวา ปิตํ.
มากตฺถาติ มา อกตฺถ. น ปมุตฺยตฺถีติ ปโมกฺโข นตฺถิ. อุเปจฺจาปีติ สฺจิจฺจาปิ, พุทฺธิปุพฺเพนาปีติ อตฺโถ.
‘‘อธมฺเมนา’’ติ ¶ วตฺวาปิ ‘‘มุสาวาเทนา’’ติ วจนํ มุสาวาทสฺส มหาสาวชฺชภาวทสฺสนตฺถํ. เตเนวาห – ‘‘เอกํ ธมฺมํ อตีตสฺสา’’ติอาทิ (ธ. ป. ๑๗๖), ตถา ‘‘เอวํ ปริตฺตํ โข, ราหุล, เตสํ สามฺํ, เยสํ นตฺถิ สมฺปชานมุสาวาเท ลชฺชา’’ติอาทิ (ม. นิ. ๒.๑๐๘). ตํ กถํ นุ ภวิสฺสตีติ ตํ ธนํ เกน นุ ปกาเรน เตสํ ภวิสฺสติ. อธมฺเมน เตสํ สมฺภตตฺตา เตสุ นจิรฏฺิติกํ โหตีติ อตฺโถ. อนฺตรายา สุ ภวิสฺสนฺตีติ อธมฺมิยโวหาราทิโต ราชนฺตรายาทโย ภวิสฺสนฺติ. สูติ นิปาตมตฺตํ. สมฺภตสฺส วินสฺสตีติ อิมสฺส สมฺภตํ สชฺชิตํ วินสฺสติ. สคฺคนฺติ สุคตึ. สา หิ รูปาทีหิ โสภเนหิ อคฺโคติ สคฺโคติ อธิปฺเปตา. เอตฺตาวตาติ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกานํ อตฺถานํ หานิยา. หตาติ วินฏฺา.
วิวฏฺฏเตติ นิวฏฺฏติ. โลภา ขณติ อตฺตานนฺติ โลภเหตุ อปฺุานิ กโรนฺโต กายวิสมาทิโยเคน อตฺตานํ ขณติ นาม. มิตฺเตหิ ชีรตีติ มิตฺตภาเวหิ หายติ.
จรนฺตีติ จตูหิ อิริยาปเถหิ อกุสลเมว กโรนฺตา วิจรนฺติ. พาลาติ อิธโลกตฺถํ ปรโลกตฺถฺจ ¶ อชานนฺตา อิธ พาลา นาม. ทุมฺเมธาติ นิปฺปฺา. น หิ ปฺาย ทุฏฺตฺตํ นาม อตฺถิ. อมิตฺเตเนวาติ อมิตฺตภูเตน วิย เวรินา วิย หุตฺวา. กฏุกปฺผลนฺติ ติขิณผลํ, ทุกฺขผลนฺติ อตฺโถ. น ตํ กมฺมํ กตํ สาธุ, ยํ กตฺวา อนุตปฺปตีติ ยํ กมฺมํ นิรยาทีสุ นิพฺพตฺตนสมตฺถํ ทุกฺขุทยํ กตฺวา อนุสฺสริตานุสฺสริตกฺขเณ อนุตปฺปติ อนุโสจติ, ตํ กตํ น สาธุ น สุนฺทรํ น ภทฺทกํ. ยสฺส อสฺสุมุโขติ ยสฺส อสฺสูหิ ตินฺตมุโข โรทนฺโต วิปากํ ปฏิเสวติ อนุโภติ.
ทุกฺกรนฺติ วตฺตปฏิวตฺตปูรณาทิวเสน อาภิสมาจาริกสีลสฺส กาตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย ทุกฺกรํ. สมาทานโต ปฏฺาย ขณฺฑํ อกตฺวา วิเสสโต อาทิพฺรหฺมจริยกสฺส จริมกจิตฺตํ ปาเปตพฺพตาย ทุตฺติติกฺขํ, สีลสํวราทโย วา อปริกฺขเต กตฺวา สมฺปาเทตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย ทุกฺกรํ. อธิวาเสตพฺพานํ ปน ทุสฺสหนโต ขนฺติสํวรํวเสน ทุตฺติติกฺขํ. อพฺยตฺเตนาติ มนฺทปฺเน. สามฺนฺติ สมณภาโว. ตตฺถาติ ตสฺส สามฺสฺส. สมฺพาธาติ ทุนฺนิวตฺถทุปฺปารุตมาตุคามาทิสมฺมทฺทา. ยตฺถาติ สีลสํวราทีนํ ปริพนฺธภูเตสุ สมฺพาธสงฺขาเตสุ วิสภาคารมฺมณาทีสุ ¶ . อถ วา ทุกฺกรนฺติปทสฺส อตฺถํ ทสฺเสตุํ ทุตฺติติกฺขนฺติ วุตฺตํ. ทุตฺติติกฺขนฺติ ทุกฺขมํ ทุรธิวาสิยํ. อพฺยตฺเตนาติ พาเลน. สามฺนฺติ สมณธมฺโม. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยํ ปณฺฑิตา กุลปุตฺตา ทสปิ วสฺสานิ วีสติปิ…เป… สฏฺิปิ วสฺสานิ ทนฺเตภิ ทนฺตมาธาย ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺหิตฺวา เอกาสนํ เอกภตฺตํ ปฏิเสวมานา อาปาณโกฏิกํ พฺรหฺมจริยํ จรนฺตา สามฺํ กโรนฺติ, ตํ พาลา อพฺยตฺตา กาตุํ น สกฺโกนฺตีติ. พหูหิ ตตฺถ สมฺพาธาติ ตสฺมึ สามฺสงฺขาเต อริยมคฺเค พหู สมฺพาธา, มคฺคาธิคมาย ปฏิปนฺนสฺส พหู ปริสฺสยาติ อตฺโถ.
อปฺปเมยฺยํ ปมินนฺโตติ อปฺปเมยฺยํ ขีณาสวปุคฺคลํ ‘‘เอตฺตกสีโล อยํ เอตฺตกสมาธิ เอตฺตกปฺโ’’ติ เอวํ มินนฺโต. โกธ วิทฺวา วิกปฺปเยติ โก อิธ วิทฺวา เมธาวี วิกปฺเปยฺย, ขีณาสโวว ขีณาสวํ มินนฺโต วิกปฺเปยฺยาติ ทีเปติ. นิวุตํ มฺเติ โย ปน ปุถุชฺชโน มิเนตุํ อารภติ, ตํ นิวุตํ อวกุชฺชปฺํ มฺามิ. อกิสฺสวนฺติ กิสฺสวา วุจฺจติ ปฺา, นิปฺปฺนฺติ อตฺโถ.
กุารีติ อตฺตจฺเฉทกฏฺเน กุาริสทิสี ผรุสวาจา. ฉินฺทตีติ กุสลมูลสงฺขาเต มูเลเยว นิกนฺตติ. วิสํ หลาหลํ อิวาติ หลาหลสงฺขาตํ วิสํ อิว. เอวํ วิรทฺธํ ปาเตตีติ วิรทฺธํ ¶ อปรทฺธํ ขลิตปุคฺคลํ เอวํ อปาเยสุ วินิปาเตติ. วาจา ทุพฺภาสิตา ยถาติ ยถา วาจา อริยูปวาทนวเสน ทุพฺภาสิตา.
นินฺทิยนฺติ นินฺทนียํ. ตํ วา นินฺทติ โย ปสํสิโยติ โย คุณวิสิฏฺตาย ปสํสารโห ปุคฺคโล, ตํ วา โส ปาปิจฺฉตาทีนิ อาโรเปตฺวา ครหติ. วิจินาตีติ อุปจินาติ. กลินฺติ อปราธํ. อยํ กลีติ อยํ อปราโธ. อกฺเขสูติ ชูตกีฬนกฺเขสุ. สพฺพสฺสาปิ สหาปิ อตฺตนาติ สพฺเพน อตฺตโน ธเนนาปิ อตฺตนาปิ สทฺธึ. สุคเตสูติ โสภนคมนตฺตา, สุนฺทรํ านํ คตตฺตา, สมฺมา คตตฺตา, สมฺมา จ คทตฺตา สุคตสงฺขาเตสุ พุทฺธาทีสุ. มนํ ปโทสเยติ โย มนํ ปโทเสยฺย, ตสฺส อยํ มโนปโทโส เอว มหตฺตโร กลีติ วุตฺตํ โหติ. กสฺมา? ยสฺมา สตํ สหสฺสานํ…เป… ปาปกนฺติ. ตตฺถ สตํ สหสฺสานนฺติ นิรพฺพุทคณนาย สตสหสฺสํ. ฉตฺตึสตีติ อปรานิ ฉตฺตึสติ ¶ นิรพฺพุทานิ. ปฺจ จาติ อพฺพุทคณนาย ปฺจ จ อพฺพุทานิ. ตสฺมา วสฺสคณนาย เอตฺตโก โส กาโล, ยํ กาลํ อริยครหิวาจํ มนฺจ ปณิธาย ปาปกํ นิรยํ อุเปติ, ตตฺถ ปจฺจตีติ วุตฺตํ โหติ. อิทฺจ สงฺเขเปน ปทุมนิรเย อายุปฺปมาณํ, วิตฺถาเรน ปน ปรโต อาคมิสฺสติ.
โลภคุเณติ ‘‘คุโณ’’ติ พาเลหิ ทิฏฺตฺตา, อเนกกฺขตฺตุํ ปวตฺติตตฺตา จ โลโภเยว โลภคุโณ, ตสฺมึ โลภคุเณ, ตณฺหายาติ อตฺโถ. อนุยุตฺโตติ อนุ อนุ ยุตฺโต. อวทฺูติ อวจนฺู, พุทฺธานมฺปิ โอวาทสฺส อคฺคหณโต. มจฺฉรีติ ปฺจวิธมจฺฉริเยน มจฺฉรี. เปสุณิยํ อนุยุตฺโตติ เปสุณิยสฺมึ อนุยุตฺโต อคฺคสาวกานํ เภทเนน. โกกาลิกฺหิ มียมานํ โอวทนฺเตน อายสฺมตา มหาโมคฺคลฺลาเนน ภาสิตา อิมา คาถาติ. มุขทุคฺคาติ มุขวิสม. วิภูตาติ วิคตภูต อลิกวาทิ. อนริยาติ อสปฺปุริส. ภูนหูติ ภูติหนก อตฺตโน พุทฺธิวินาสก. ปุริสนฺตาติ ปุริสาธม. กลีติ อลกฺขิปุริส. อวชาตกปุตฺตาติ พุทฺธสฺส ภควโต อวชาตปุตฺต. มา พหุภาณิธ เนรยิโกสีติ อิทานิ พหุภาณี มา โหหิ, เนรยิโก อสิ ชาโต. รชมากิรสีติ กิเลสรชํ อตฺตนิ ปกฺขิปสิ. สนฺเตติ สมิตกิเลเส ขีณาสเว. กิพฺพิสการีติ ปาปการิ. ปปตนฺติ นรกํ.
อิทํ สํกิเลสภาคิยนฺติ อิทํ ตณฺหาทีนํ สภาวเภทโต อวตฺถาเภทโต จ อเนกเภทกํ ทสฺเสตุํ อเนเกหิ สุตฺตปเทหิ อุทาหรณวเสน ทสฺสิตํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
ปสนฺเนนาติ ¶ กมฺมกมฺมผลาทีนิ สทฺทหนฺเตน.
อิทฺธนฺติ หตฺถูปคสีสูปคาทิอลงฺกาเรหิ มณิกนกาทีหิ จ สมิทฺธํ. ผีตนฺติ เตลมธุผาณิตาทีหิ จ ธนธฺาทีหิ จ วิปุลํ. อากิณฺณมนุสฺสนฺติ นิรนฺตรมนุสฺสํ. สมฺพาธพฺยูหนฺติ พฺยูหา วุจฺจนฺติ อนิพฺพิทฺธรจฺฉาโย. เยสุ ปวิฏฺมคฺเคเนว นิคฺคจฺฉนฺติ, เต สมฺพาธา พฺยูหกา เอตฺถาติ สมฺพาธพฺยูหํ. อิมินาปิ ตสฺส นครสฺส ฆนวาสเมว ทีเปติ. ภนฺเตนาติ ทมถํ อนุปคเตน, อิโต จิโต จ ปริพฺภมนฺเตน วา. อปาปกนฺติ อลามกํ. อเวจฺจปฺปสาเทนาติ อจลปฺปสาเทน, สจฺจปฺปฏิเวธโต อาคเตน ปสาเทน.
เปจฺจ ¶ โส ลภเตติ โย ภูเต ทณฺเฑน น หึสติ, โส ปุคฺคโล ปรโลเก มนุสฺสภูโต มนุสฺสสุขํ เทวภูโต ทิพฺพสุขํ อุภยํ อติกฺกนฺโต นิพฺพานสุขํ ลภตีติ อตฺโถ.
จาริกํ ปกฺกมิสฺสตีติ ชนปทจาริกํ คมิสฺสติ. กสฺมา ปน ภควา ชนปทจาริกํ จรตีติ? สตฺตหิ การเณหิ พุทฺธา ภควนฺโต ชนปทจาริกํ จรนฺติ – เทสนฺตรคตานํ เวเนยฺยานํ วินยนตฺตํ, ตตฺร ิตานํ อุสฺสุกฺกสมุปฺปาทนํ, ภาวกานํ เอกสฺมึ าเน นิพทฺธวาสปริหรณํ อตฺตโน จ ตตฺถ อนาสงฺคทสฺสนํ, สมฺพุทฺธวสิตฏฺานตาย เทสานํ เจติยภาวสมฺปาทนํ, พหูนํ สตฺตานํ ทสฺสนูปสงฺกมนาทีหิ ปฺุโฆปฺปสวนํ, อวุฏฺิอาทิอุปทฺทวูปสมนฺจาติ อิเมหิ สตฺตหิ การเณหิ พุทฺธา ภควนฺโต ชนปทจาริกํ จรนฺตีติ เวทิตพฺพํ.
อิสิทตฺตปุราณาติ อิสิทตฺโต จ ปุราโณ จ, เตสุ อิสิทตฺโต สกทาคามี. ปุราโณ โสตาปนฺโน. สาเกเตติ ‘‘สาเกโต’’ติ ลทฺธนาเม อตฺตโน โภคคามเก. มคฺเค ปุริสํ เปสุนฺติ เตสํ กิร คามทฺวาเรน ภควโต คมนมคฺโค, ตสฺมา ‘‘สเจ ภควา อมฺหากํ สุตฺตานํ วา ปมตฺตานํ วา คจฺเฉยฺย, อถ ปสฺสิตุํ น ลเภยฺยามา’’ติ มคฺคมชฺเฌ ปุริสํ เปสุํ. อนุพนฺธึสูติ น ทูรโตว, ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺธึสุ. ภควา หิ สกฏมคฺคสฺส มชฺเฌ ชงฺฆมคฺเคน อคมาสิ, อิตเร อุโภสุ ปสฺเสสุ อนุคจฺฉนฺตา อคมํสุ. มคฺคา โอกฺกมฺมาติ พุทฺธา หิ เกนจิ สทฺธึ คจฺฉนฺตาว ปฏิสนฺถารํ กโรนฺติ เกนจิ สทฺธึ ิตา เกนจิ สทฺธึ ทิวสภาคมฺปิ นิสินฺนา, ตสฺมา ภควา จินฺเตสิ – ‘‘อิเม มยฺหํ สาสเน วลฺลภา อาคตผลา, อิเมหิ สทฺธึ นิสีทิตฺวา ทิวสภาคํ ปฏิสนฺถารํ กริสฺสามี’’ติ. มคฺคโต โอกฺกมิตฺวา เยนฺตรํ ¶ รุกฺขมูลํ เตนุปสงฺกมิ. ปฺตฺเต อาสเน นิสีทีติ เต กิร ฉตฺตุปาหนกตฺตรทณฺฑปาทพฺภฺชนเตลานิ เจว อฏฺวิธฺจ ปานกํ สรภปาทปลฺลงฺกฺจ คาหาเปตฺวา อาคมํสุ. อถ นํ ปลฺลงฺกํ ปฺเปตฺวา อทํสุ. สตฺถา ตตฺถ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสีทึสูติ ‘‘ฉตฺตุปาหนาทีนิ ภิกฺขุสงฺฆสฺส เทถา’’ติ วตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ.
สาวตฺถิยา ¶ โกสเลสุ จาริกํ ปกฺกมิสฺสตีติอาทิ สพฺพํ มชฺฌิมเทสวเสเนว วุตฺตํ. กสฺมา? นิยตาจิณฺณตฺตา. ภควโต หิ จาริกจรณํ มชฺฌิมเทเสเยว. สเจปิ ปจฺจนฺตเทเส คจฺฉติ, มชฺฌิมเทเสเยว อรุณํ อุฏฺาเปตีติ นิยตาจิณฺณํ, ตสฺมา มชฺฌิมเทสวเสเนว วุตฺตํ. กาสีสูติ กาสิรฏฺโต. ตถา มคเธสูติ มคธรฏฺโต. อาสนฺเน โน ภควา ภวิสฺสตีติ เอตฺถ น เกวลํ อาสนฺนตฺตา เอว เตสํ โสมนสฺสํ โหติ, อถ โข ‘‘อิทานิ ทานํ ทาตุํ คนฺธมาลาทิปูชํ กาตุํ ธมฺมํ โสตุํ ปฺหํ ปุจฺฉิตุํ ลภิสฺสามา’’ติ เนสํ โสมนสฺสํ โหติ.
ตสฺมาติห ถปตโย สมฺพาโธ ฆราวาโสติ ถปตโย ยสฺมา ตุมฺหากํ มยิ ทูรีภูเต อนปฺปกํ โทมนสฺสํ อาสนฺเน อนปฺปกํ โสมนสฺสํ โหติ, ตสฺมาปิ เวทิตพฺพเมตํ ‘‘สมฺพาโธ ฆราวาโส’’ติ. ฆราวาสสฺส หิ โทเสน ตุมฺหากํ เอวํ โหติ. สเจ ปน ฆราวาสํ ปหาย ปพฺพชิตา อสฺสถ, เอวํ โว มยา สทฺธึเยว คจฺฉนฺตานฺจ อาคจฺฉนฺตานฺจ ตํ น ภเวยฺยาติ อิมมตฺถํ ทีเปนฺโต เอวมาห. ตตฺถ สกิฺจนสปลิโพธฏฺเน สมฺพาธตา เวทิตพฺพา. มหาฆเร วสนฺตสฺสาปิ หิ สกิฺจนสปลิโพธฏฺเน ฆราวาโส สมฺพาโธว. รโชปโถติ ราคาทิรชานํ อาคมนปโถ, อาคมนฏฺานนฺติ อตฺโถ. อพฺโภกาโส ปพฺพชฺชาติ ปพฺพชฺชา ปน อกิฺจนอปลิโพธฏฺเน อพฺโภกาโส. จตุรตนิเกปิ หิ คพฺเภ ทฺวินฺนํ ภิกฺขูนํ ปลฺลงฺเกน ปลฺลงฺกํ ฆฏฺเฏตฺวา นิสินฺนานมฺปิ อกิฺจนาปลิโพธฏฺเน ปพฺพชฺชา อพฺโภกาโส นาม โหติ. อลฺจ ปน โว ถปตโย อปฺปมาทายาติ เอวํ สมฺพาธฆราวาเส วสนฺตานํ ตุมฺหากํ อปฺปมาทเมว กาตุํ ยุตฺตนฺติ อตฺโถ.
นาคาติ หตฺถิโน. โอปวยฺหาติ รฺโ อาโรหนโยคฺคา. เอกํ ปุรโต เอกํ ปจฺฉโต นิสีทาเปมาติ เต กิร ทฺเวปิ ชนา สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตา ทฺวีสุ นาเคสุ ตา อิตฺถิโย เอวํ นิสีทาเปตฺวา รฺโ นาคํ มชฺเฌ กตฺวา อุโภสุ ปสฺเสสุ คจฺฉนฺติ, ตสฺมา เอวมาหํสุ. นาโคปิ รกฺขิตพฺโพติ ยถา กิฺจิ วิเสสิตํ น กโรติ, เอวํ รกฺขิตพฺโพ โหติ. ตาปิ ภคินิโยติ ยถา ปมาทํ นาปชฺชนฺติ, เอวํ รกฺขิตพฺพา โหนฺติ. อตฺตาปีติ สิตกถิตวิกฺเขปิตาทีนิ ¶ อกโรนฺเตหิ อตฺตาปิ รกฺขิตพฺโพ โหติ ¶ . เอวํ กโรนฺโต หิ ‘‘สามิทุพฺภโก เอโส’’ติ นิคฺคเหตพฺโพ โหติ.
ตสฺมาติห ถปตโยติ ยสฺมา ตุมฺเห ราชา นิจฺจํ ราชภณฺฑํ ปฏิจฺฉาเปติ, ตสฺมาปิ สมฺพาโธ ฆราวาโส รโชปโถ. ยสฺมา ปน ปํสุกูลิกํ ภิกฺขุํ เอวํ ปฏิจฺฉาเปนฺโต นตฺถิ, ตสฺมา อพฺโภกาโส ปพฺพชฺชา, เอวํ สพฺพตฺถาปิ. อลฺจ โข ถปตโย อปฺปมาทาย, อปฺปมาทเมว กโรถาติ ทสฺเสติ.
มุตฺตจาโคติ วิสฺสฏฺจาโค. ปยตปาณีติ อาคตาคตานํ ทานตฺถาย โธตหตฺโถ. โวสคฺครโตติ โวสคฺคสงฺขาเต จาเค รโต. ยาจโยโคติ ยาจิตพฺพยุตฺโต. ‘‘ยาชโยโค’’ติปิ ปาโ, ทานยุตฺโตติ อตฺโถ. ทานสํวิภาครโตติ เอเตน อปฺปมตฺตกมฺปิ กิฺจิ ลภิตฺวา ตโตปิ สํวิภาเค รโต. อปฺปฏิวิภตฺตนฺติ ‘‘อิทํ อมฺหากํ ภวิสฺสติ, อิทํ อยฺยาน’’นฺติ เอวํ อกตวิภาคํ, สพฺพํ ทาตพฺพเมว หุตฺวา ิตนฺติ อตฺโถ. อิเมหิ โข ถปตโย จตูหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อริยสาวโก โสตาปนฺโน โหตีติ โสตาปนฺโน อิเมหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต โหตีติ อตฺโถ. เอเตน โสตาปนฺเนน อิเมสํ จตุนฺนํ ธมฺมานํ เอกนฺตโต ลพฺภมานตํ ทสฺเสติ.
เอวํ เตสํ ถปตีนํ อิเมหิ จตูหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตํ ปริยาเยน ทสฺเสตฺวา อิทานิ นิปฺปริยาเยน ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตุมฺเห โข ถปตโย’’ติอาทิ วุตฺตํ.
สหสฺสํ กปฺปโกฏิโยติ สหสฺสํ อตฺตภาวา อเหสุนฺติ อตฺโถ. ‘‘อสีติ กปฺปโกฏิโย’’ติปิ ปาโ, อสีติอายุกปฺปโกฏิโย อเหสุนฺติ อตฺโถ. กตฺถ ปน เต อเหสุนฺติ? อาห ‘‘เทเว เจว มนุสฺเส จา’’ติ, เทเวสุ เจว มนุสฺเสสุ จาติ อตฺโถ. สํวิรุฬฺหมฺหีติ สมนฺตโต ปลฺลวคฺคหเณน วิรุฬฺเห. อลภึหนฺติ อลภึ อหํ. อชฺช ตึสํ ตโต กปฺปาติ ตโต กปฺปโต อชฺช สมฺปติ อยํ กปฺโป ตึสติโม. ตสฺสา สฺาย วาสนาติ ตสฺส พุทฺธคตาย สฺาย วาสนโต.
ตณฺหานิฆาตโกติ ¶ ตณฺหาย สมุจฺเฉทโก. วฏํสโกติ ปุปฺผมยกณฺณิโก. สพฺพปุปฺเผหิลงฺกโตติ นานาปุปฺเผหิ อลงฺกโต. ลปนนฺตราติ อุตฺตราธโรฏฺานํ อนฺตรโต. โอกฺกาติ ปภา. มุทฺธนนฺตรธายถาติ มุทฺธนิ อนฺตรธายถ. กงฺขํ วิตราติ วิมตึ วิโนเทหิ. ยสฺส ตํ สพฺพธมฺเมสุ ¶ , สทา าณํ ปวตฺตตีติ ตนฺติ นิปาตมตฺตํ. ยสฺส สพฺพธมฺเมสุ อากงฺขปฺปฏิพทฺธตฺตา สทา าณํ ปวตฺตติ. โส สพฺพฺู ภควา เถรํ อานนฺทํ เอตทพฺรวีติ สมฺพนฺโธ. ราชา รฏฺเ ภวิสฺสตีติ สพฺพสฺมึ รฏฺเ ราชา ภวิสฺสติ. จริมนฺติ จริมภวํ. สจฺฉิกตฺวาติ ปจฺจกฺขํ กตฺวา. ธมฺมตนฺติ จตุสจฺจธมฺมํ, ปจฺเจกโพธึ วา.
สุวณฺณจฺฉทนํ นาวนฺติ อุโภสุ ปสฺเสสุ สุวณฺณาลงฺกาเรหิ ปฏิมณฺฑิตวเสน ฉาทิตํ สุวณฺณนาวํ. ปฺหํ ปุฏฺา วิยากาสิ, สกฺกสฺส อิติ เม สุตนฺติ ยถา สา เทวตา ปฺหํ ปุฏฺา สกฺกสฺส พฺยากาสิ, เอวํ มยาปิ สุตนฺติ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน อตฺตนา ยถาสุตํ ตํ ภควโต วทติ.
ปํสุถูเปสูติ สรีรธาตุํ อพฺภนฺตเร เปตฺวา ปํสูหิ กตถูเปสุ. เอวฺหิ เต ภควนฺตํ อุทฺทิสฺสกตา นาม โหนฺติ, เตเนวาห – ‘‘อุทฺทิสฺสกเตสุ ทสพลธราน’’นฺติ.
เทวปุตฺตสรีรวณฺณาติ เทวปุตฺตสรีรสทิสวณฺณา. สุภคสณฺิตีติ โสภคฺคยุตฺตสณฺานา. อุฬารํ วต ตํ อาสีติ ตํ มยา กตํ ปฺุํ อุฬารํ วต อโหสิ. ยาหนฺติ ยา อหํ. สตสหสฺสํ กปฺเป, มุทิโต ถูปํ อปูเชสีติ ถูปํ ปูเชตฺวา สตสหสฺสํ อายุกปฺเป อหํ มุทิโตติ อตฺโถ. อนาคนฺตุน วินิปาตนฺติ อปายุปปตฺตึ อนุปคนฺตฺวา. ยํ จกฺขุนฺติ ยํ ปฺาจกฺขุํ. ปณิหิตนฺติ ปิตํ. วิมุตฺตจิตฺตมฺหีติ วิมุตฺตจิตฺโต อมฺหิ. วิธูตลโตติ วิธูตตณฺหาลโต, สมุจฺฉินฺนตณฺโหติ อตฺโถ.
สามากปตฺโถทนมตฺตนฺติ สามากติณานํ นาฬิโกทนมตฺตํ. อขิเลติ ปฺจนฺนํ เจโตขิลานํ อภาเวน อขิเล. ตสฺมิฺจ โอกปฺปยิ ธมฺมมุตฺตมนฺติ ตสฺมึ ปจฺเจกพุทฺเธ อุตฺตมธมฺมํ ปจฺเจกโพธึ ‘‘อุตฺตมธมฺเมน นาม อิมสฺมึ ¶ ภวิตพฺพ’’นฺติ สทฺทหึ. ‘‘ตสฺมิฺจ ธมฺเม ปณิเธสึ มานส’’นฺติ อิมินา ปฏิลทฺธธมฺมํ อหมฺปิ สจฺฉิกเรยฺยนฺติ จิตฺตํ ปณิทหึ. ภเว กุทาสุปิ จ มา อเปกฺขวาติ กตฺถจิ ภเว อเปกฺขวา มา ภเวยฺยนฺติ จ ปณิเธสึ มานสนฺติ สมฺพนฺโธ.
กุรูสูติ อุตฺตรกุรูสุ. ทีฆายุเกสูติ เตสํ วสฺสสหสฺสายุกตาย วุตฺตํ. อมเมสูติ อปริคฺคเหสุ. ปาณีสูติ สตฺเตสุ. อหีนคามีสูติ ยถาลทฺธสมฺปตฺตีหิ ยาวตายุกํ อปริหีนสภาเวสุ ¶ . ติทโสปปชฺชถาติ ตาวตึโส หุตฺวา อุปปชฺชึ, ติทเส วา ตาวตึสภวเน อุปปชฺชึ. วิสิฏฺกายูปคโตติ วิสิฏฺกาเยสุ นานาวณฺณกาเยสุ อุปคโต. ยสสฺสิสูติ ปริวารวนฺเตสุ. หิตาหิตาสิหีติ กุสลากุสเล วีติวตฺตีหิ. ปจฺจกฺขํ ขฺวิมนฺติ ปจฺจกฺขํ โข อิมํ วจนนฺติ อธิปฺปาโย.
สกาสีติ โส อกาสิ. พลิมาภิหารีติ ปูชาพลึ อภิหริ. ปติตสฺส เอกนฺติ ตสฺส หตฺถโต เอกปุปฺผํ ปติตํ.
อุปริฏฺนฺติ อุปริ เวหาเส ิตํ. อริฏฺนฺติ อริฏฺํ นาม ปจฺเจกสมฺพุทฺธํ. อชฺฌตฺตฺจ พหิทฺธา จาติ อชฺฌตฺตวิสยา จ พหิทฺธวิสยา จ. เย เม วิชฺชึสูติ เย เม ปุพฺเพ วิชฺชมานา อเหสุํ. ชาติมรณสํสาโร, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโวติ ปุนปฺปุนํ ชายนมียนภูโต สํสาโร ปุนพฺภโวติ จ วุจฺจติ, โส จ ทานิ นตฺถีติ อตฺโถ.
อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตนฺติ อิทํ วาสนาภาคปฺุวิภาวนานํ นานาสุตฺตปทานํ อุทาหรณวเสน ทสฺสิตํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
‘‘อุทฺธํ อโธ…เป… อปุนพฺภวายา’’ติ อิทํ นิพฺเพธภาคิยํ สุตฺตนฺติ วุตฺตํ โอฆตรณสฺส อริยมคฺคกิจฺจตฺตา. น เจตนา กรณียาติ น จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ. ธมฺมตาติ ธมฺมสภาโว.
ยทา หเวติ ยสฺมึ หเว กาเล. ปาตุภวนฺตีติ อุปฺปชฺชนฺติ. ธมฺมาติ อนุโลมปจฺจยาการปฏิเวธสาธกา โพธิปกฺขิยธมฺมา. ปาตุภวนฺตีติ วา ปกาเสนฺติ, อภิสมยวเสน ปากฏา โหนฺติ. ธมฺมาติ จตุอริยสจฺจธมฺมา. อาตาโป วุจฺจติ กิเลสสนฺตาปนฏฺเน วีริยํ. อาตาปิโนติ ¶ สมฺมปฺปธานวีริยวโต. ฌายโตติ อารมฺมณูปนิชฺฌานลกฺขเณน ลกฺขณูปนิชฺฌานลกฺขเณน จ ฌาเนน ฌายนฺตสฺส. พฺราหฺมณสฺสาติ พาหิตปาปสฺส ขีณาสวสฺส. อถสฺส กงฺขา วปยนฺติ สพฺพาติ อถสฺส เอวํ ปาตุภูตธมฺมสฺส ยา ตา ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, ผุสตีติ? โน กลฺโล ปฺโหติ ภควา อโวจา’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๑๒) นเยน ‘‘กตมํ นุ โข, ภนฺเต, ชรามรณํ, กสฺส ปนิทํ ชรามรณนฺติ? โน กลฺโล ปฺโหติ ภควา อโวจา’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๓๕) จ นเยน ปจฺจยาการกงฺขา วุตฺตา. ยา จ ¶ ปจฺจยาการสฺเสว อปฺปฏิวิทฺธตฺตา ‘‘อโหสึ นุ โข อหมตีตมทฺธาน’’นฺติอาทิกา (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐) โสฬสกงฺขา ‘‘พุทฺเธ กงฺขติ ธมฺเม กงฺขตี’’ติอาทิกา (ธ. ส. ๑๐๐๘) อฏฺ จ กงฺขา อาคตา, ตา สพฺพา วปยนฺติ อปคจฺฉนฺติ นิรุชฺฌนฺติ, กสฺมา? ยโต ปชานาติ สเหตุธมฺมํ, ยสฺมา อวิชฺชาทิเกน เหตุนา สเหตุกํ อิมํ สงฺขาราทึ เกวลํ ทุกฺขกฺขนฺธธมฺมํ ปชานาติ อฺาสิ ปฏิวิชฺฌติ.
ยโต ขยํ ปจฺจยานํ อเวทีหิ ยสฺมา ปจฺจยานํ ขยสงฺขาตํ นิพฺพานํ อเวทิ อฺาสิ ปฏิวิชฺฌิ, ตสฺมา ยทาสฺส อาตาปิโน ฌายโต พฺราหฺมณสฺส วุตฺตปฺปการา ธมฺมา ปาตุภวนฺติ. อถสฺส ยา นิพฺพานสฺส อวิทิตตฺตา กงฺขา อุปฺปชฺเชยฺยุํ, สพฺพาปิ ตา กงฺขา วปยนฺตีติ.
อารฺนฺติ อารฺกํ. อฺาตฺุเฉน ยาเปนฺตนฺติ กุเลสุ อฺาโต นิจฺจนโวเยว หุตฺวา อฺุเฉน ปิณฺฑจริยาย ยาเปนฺตํ. อถ วา อภิลกฺขิเตสุ อิสฺสรชนเคเหสุ กฏุกภณฺฑสมฺภารํ สุคนฺธโภชนํ ปริเยสนฺตสฺส อฺุฉนํ าตฺุฉนํ นาม, ฆรปฏิปาฏิยา ปน ทฺวาเร ิเตน ลทฺธมิสฺสกโภชนํ อฺาตฺุฉนํ นาม. อิทํ อิธ อธิปฺเปตํ. เตน ยาเปนฺตํ. กาเมสุ อนเปกฺขินนฺติ วตฺถุกามกิเลสกาเมสุ นิรเปกฺขํ.
เฉตฺวาติ วธิตฺวา. สุขํ เสตีติ โกธปริฬาเหน อปริทยฺหมานตฺตา สุขํ สยติ. น โสจตีติ โกธวินาเสน วินฏฺโทมนสฺสตฺตา น โสจติ. วิสมูลสฺสาติ ทุกฺขวิปากสฺส. มธุรคฺคสฺสาติ ยํ อกฺกุฏฺสฺส ปจฺจกฺโกสิตฺวา ปหฏสฺส ปฏิปฺปหริตฺวา สุขํ อุปฺปชฺชติ, ตํ สนฺธาย โส ‘‘มธุรคฺโค’’ติ วุตฺโต. อิมสฺมิฺหิ าเน ปริโยสานํ ‘‘อคฺค’’นฺติ วุตฺตํ. อริยาติ พุทฺธาทโย.
หเนติ ¶ หเนยฺย. อุปฺปติตนฺติ อสมุคฺฆาฏิตํ อวิกฺขมฺภิตุปฺปนฺนวเสน สมุทาจารุปฺปนฺนวเสน สมุทาจรนฺตํ. วิโนทเยติ อตฺตโน สนฺตานโต นีหเรยฺย.
สตฺติยาติ เทสนาสีสเมตํ, เอกโตธาราทินา สตฺเถนาติ อตฺโถ. โอมฏฺโติ ปหโฏ. จตฺตาโร หิ ปหารา โอมฏฺโ อุมฺมฏฺโ มฏฺโ วิมฏฺโติ. ตตฺถ อุปริ ตฺวา อโธมุขํ ทินฺนปฺปหาโร โอมฏฺโ นาม, อโธ ตฺวา อุทฺธํ มุขํ ทินฺนปฺปหาโร อุมฺมฏฺโ นาม, อคฺคฬสูจิ วิย วินิวิชฺฌิตฺวา กโต มฏฺโ นาม, เสโส สพฺโพปิ วิมฏฺโ นาม. อิมสฺมึ ปน าเน โอมฏฺโ ¶ คหิโต. โส หิ สพฺพทารุโณ ทุรุทฺธรณสลฺโล ทุตฺติกิจฺโฉ อนฺโตโทโส อนฺโตปุพฺพโลหิโต จ โหติ. ปุพฺพโลหิตํ อนิกฺขมิตฺวา วณมุขํ ปริโยนนฺธิตฺวา ติฏฺติ. ปุพฺพโลหิตํ นีหริตุกาเมหิ มฺเจน สทฺธึ พนฺธิตฺวา อโธสิโร กาตพฺโพ โหติ, มรณํ วา มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ ปาปุณาติ. ปริพฺพเชติ วิหเรยฺย.
อิมาย คาถาย กึ กถิตํ? ยถา สตฺติยา โอมฏฺปุริโส สลฺลุพฺพาหนวณติกิจฺฉนานํ อตฺถาย วีริยํ อารภติ ปโยคํ กโรติ ปรกฺกมติ. ยถา จ ทยฺหมาเน มตฺถเก อาทิตฺตสิโร ตสฺส นิพฺพาปนตฺถาย วีริยํ อารภติ ปโยคํ กโรติ ปรกฺกมติ, เอวเมวํ ภิกฺขุ กามราคปฺปหานาย สโต อปฺปมตฺโต หุตฺวา วิหเรยฺย ภควาติ กเถสิ.
เอวํ เทวตาย กถิเต อถ ภควา จินฺเตสิ – ‘‘อิมาย เทวตาย อุปมา ทฬฺหํ กตฺวา อานีตา, อตฺถํ ปน ปริตฺตกํ คเหตฺวา ิตา. ปุนปฺปุนํ กเถนฺตีปิ หิ เอสา กามราคสฺส วิกฺขมฺภนปฺปหานเมว กเถยฺย, ยาว จ กามราโค มคฺเคน น สมุคฺฆาฏิยฺยติ, ตาว อนุพนฺโธว โหตี’’ติ ตเมว อุปมํ คเหตฺวา ปมมคฺควเสน เทวตาย วินิวฏฺเฏตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘สตฺติยา วิย โอมฏฺโ’’ติ ทุติยคาถมาห. ตสฺสตฺโถ ปุริมนยานุสาเรน เวทิตพฺโพ.
โลกามิสนฺติ กามคุโณ. สนฺติเปกฺโขติ สพฺพสงฺขารูปสมํ นิพฺพานํ อเปกฺขมาโน. ปฺวาติ ปฺวนฺโต. ปหิตตฺโตติ นิพฺพานํ ปติเปสิตจิตฺโต. วิรโต กามสฺายาติ ยาย กายจิ สพฺพโต กามสฺาย ¶ จตุตฺถมคฺคสมฺปยุตฺตาย สมุจฺเฉทวิรติยา วิรโต. ‘‘วิรตฺโต’’ติปิ ปาโ. กามสฺายาติ ปน ภุมฺมวจนํ โหติ. สคาถาวคฺเค (สํ. นิ. ๑.๙๖) ‘‘กามสฺาสู’’ติ ปาโ. จตูหิ มคฺเคหิ ทสนฺนมฺปิ สํโยชนานํ อตีตตฺตา สพฺพสํโยชนาตีโต. จตุตฺถมคฺเคเนว วา อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนาตีโต ตตฺร ตตฺราภินนฺทนโต นนฺทิสงฺขาตาย ตณฺหาย ติณฺณฺจ ภวานํ ปริกฺขีณตฺตา นนฺทิภวปริกฺขีโณ. โส ตาทิโส ขีณาสโว ภิกฺขุ คมฺภีเร สํสารณฺณเว น สีทติ.
สทฺทหาโนติ เยน ปุพฺพภาเค กายสุจริตาทิเภเทน, อปรภาเค จ สตฺตตฺตึสโพธิปกฺขิยเภเทน ธมฺเมน อรหนฺโต พุทฺธปจฺเจกพุทฺธพุทฺธสาวกา นิพฺพานํ ปตฺตา. ตํ สทฺทหาโน อรหตํ ธมฺมํ นิพฺพานปฺปตฺติยา โลกิยโลกุตฺตรปฺํ ลภติ, ตฺจ โข น สทฺธามตฺตเกเนว. ยสฺมา ปน สทฺธาชาโต อุปสงฺกมติ, อุปสงฺกมนฺโต ปยิรุปาสติ, ปยิรุปาสนฺโต ¶ โสตํ โอทหติ, โอทหิตโสโต ธมฺมํ สุณาติ, ตสฺมา อุปสงฺกมนโต ปฏฺาย ยาว ธมฺมสฺสวเนน สุสฺสูสํ ลภเต ปฺํ.
กึ วุตฺตํ โหติ? ตํ ธมฺมํ สทฺทหิตฺวาปิ อาจริยุปชฺฌาเย กาเลน กาลํ อุปสงฺกมิตฺวาปิ วตฺตกรเณน ปยิรุปาสิตฺวา ยทา ปยิรุปาสนาย อาราธิตจิตฺตา กิฺจิ วตฺตุกามา โหนฺติ. อถ อธิคตาย โสตุกามตาย โสตํ โอทหิตฺวา สุณนฺโต ลภตีติ เอวํ สุสฺสูสมฺปิ จ สติอวิปฺปวาเสน อปฺปมตฺโต สุภาสิตทุพฺภาสิตฺุตาย วิจกฺขโณ เอว ลภติ, น อิตโร. เตนาห – ‘‘อปฺปมตฺโต วิจกฺขโณ’’ติ.
ปติรูปการีติ เทสกาลาทีนิ อหาเปตฺวา โลกิยสฺส โลกุตฺตรสฺส ธมฺมสฺส ปติรูปํ อธิคมูปายํ กโรตีติ ปติรูปการี. ธุรวาติ เจตสิกวีริยวเสน อนิกฺขิตฺตธุโร. อุฏฺาตาติ กายิกวีริยวเสน อุฏฺานสมฺปนฺโน อสิถิลปรกฺกโม. วินฺทเต ธนนฺติ โลกิยโลกุตฺตรธนํ อธิคจฺฉติ. สจฺเจนาติ วจีสจฺเจน ปรมตฺถสจฺเจน จ. พุทฺธปจฺเจกพุทฺธอริยสาวกา นิพฺพุตึ ปาปุณนฺตา กิตฺติมฺปิ ปาปุณนฺติเยว. ททนฺติ ปเรสํ ยํ กิฺจิ อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ เทนฺโต มิตฺตานิ คนฺถติ สมฺปาเทติ กโรตีติ ¶ อตฺโถ. ทุทฺททํ วา ททนฺโต คนฺถติ, ทานมุเขน จตฺตาริปิ สงฺคหวตฺถูนิ คหิตานีติ เวทิตพฺพานิ. เตหิ มิตฺตานิ กโรนฺติ. อสฺมา โลกา ปรํ โลกํ, ส เว เปจฺจ น โสจตีติ ยสฺส ปุคฺคลสฺส อิเม สทฺธาทโย ธมฺมา วิชฺชนฺติ, โส อิมสฺมา โลกา ปรํ โลกํ คนฺตฺวา น โสจติ, โสกการณํ ตสฺส นตฺถีติ อตฺโถ.
‘‘ยสฺเสเต จตุโร ธมฺมา, สทฺธสฺส ฆรเมสิโน;
สจฺจํ ธมฺโม ธิติ จาโค, ส เว เปจฺจ น โสจตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๙๐) –
คาถํ อวเสสํ กตฺวา อุทาหฏํ. อาฬวกสุตฺเต หิ อิมา คาถา อาฬวเกน ‘‘กถํ สุ ลภเต ปฺ’’นฺติอาทินา (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๘๗) ปุฏฺเน ภควตา ภาสิตาติ.
เยน เกนจิ วณฺเณนาติ เยน เกนจิ การเณน, ปกาเรน วา. สํวาโสติ เอกสฺมึ าเน สหวาโส สมาคโม. ตนฺติ ตถา สมาคตํ อนุกมฺปิตพฺพํ ปุริสํ. มนสา เจ ปสนฺเนนาติ กรุณาสมุสฺสาหิเตน ¶ ปสาเทน ปสนฺเนน มนสา. น เตน โหติ สํยุตฺโตติ เตน ยถาวุตฺเตน อนุสาสเนน กามจฺฉนฺทาทีนํ สํโยชนวเสน สํยุตฺโต นาม น โหติ. ยานุกมฺปา อนุทฺทยาติ ยา อริยมคฺคสมฺปาปนวเสน กรุณายนา, เมตฺตายนา จาติ อตฺโถ.
ราโค จ โทโส จาติ ราคโทสา เหฏฺา วุตฺตนยาว. กุโตนิทานาติ กึนิทานา กึเหตุกา. ปจฺจตฺตวจนสฺส หิ อยํ โต-อาเทโส, สมาเส จสฺส โลปาภาโว เวทิตพฺโพ. อรตี รตี โลมหํโส กุโตชาติ ยายํ ปนฺเตสุ เสนาสเนสุ, อธิกุสเลสุ จ ธมฺเมสุ อรติ อุกฺกณฺิตา, ยา จ ปฺจสุ กามคุเณสุ รติ อภิรติ อาสตฺติ กีฬนาทิ, โย จ โลมหํสสมุฏฺานโต โลมหํสสงฺขาโต จิตฺตุตฺราโส, อิเม ตโย ธมฺมา กุโต ชาตา กุโต นิพฺพตฺตาติ ปุจฺฉา. กุโต สมุฏฺายาติ กุโต อุปฺปชฺชิตฺวา. มโนติ กุสลจิตฺตํ. วิตกฺกาติ กามวิตกฺกาทโย. กุมารกา ธงฺกมิโวสชนฺตีติ ยถา กุมารกา กีฬนฺตา กากํ สุตฺเตน ปาเท พนฺธิตฺวา โอสชนฺติ ขิปนฺติ, เอวํ กุสลมนํ อกุสลวิตกฺกา กุโต สมุฏฺาย โอสชนฺตีติ ปุจฺฉา.
ราโค ¶ จาติ ทุติยคาถา ตสฺสา วิสฺสชฺชนํ. ตตฺถ อิโตติ อตฺตภาวํ สนฺธายาห. อตฺตภาวนิทานา หิ ราคโทสา, อรติ รติ โลมหํสา จ อตฺตภาวโต ชาตา. กามวิตกฺกาทโย อตฺตภาวโต เอว สมุฏฺาย กุสลมนํ โอสชนฺติ. เตน ตทฺํ ปกติอาทิการณํ ปฏิกฺขิปนฺโต อาห – ‘‘อิโตนิทานา อิโต สมุฏฺายา’’ติ. ปุริมคาถาย วุตฺตนเยเนตฺถ สทฺทสิทฺธิ เวทิตพฺพา.
อิทานิ ยฺวายํ ‘‘อิโตนิทานา’’ติอาทีสุ อตฺตภาวนิทานา อตฺตภาวโต ชาตา อตฺตภาวโต สมุฏฺายาติ อตฺโถ วุตฺโต, ตํ สาเธนฺโต อาห – ‘‘สฺเนหชา อตฺตสมฺภูตา’’ติ. เอเต หิ ราคาทโย วิตกฺกปริโยสานา ตณฺหาสฺเนเหน ชาตา. ตถา ชายนฺตา จ ปฺจุปาทานกฺขนฺธเภเท อตฺตภาวสงฺขาเต อตฺตนิ สมฺภูตา. เตนาห – ‘‘สฺเนหชา อตฺตสมฺภูตา’’ติ. อิทานิ ตทตฺถโชติกํ อุปมํ ทสฺเสติ ‘‘นิคฺโรธสฺเสว ขนฺธชา’’ติ. ตตฺถ ขนฺธชาติ ขนฺเธสุ ชาตา ปาโรหา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา นิคฺโรธสฺส ขนฺธชสงฺขาตา ปาโรหา อาโปรสสงฺขาเต สฺเนเห สติ ชายนฺติ, ชายนฺตา จ ตสฺมึเยว นิคฺโรเธ เตสุ เตสุ สาขปฺปเทเสสุ สมฺภวนฺติ, เอวํ เอเต ราคาทโย อชฺฌตฺตํ ตณฺหาสฺเนเห สติ ชายนฺติ, ชายนฺตา จ ตสฺมึเยว อตฺตภาเว เตสุ เตสุ จกฺขาทิปฺปเทเสสุ อิฏฺารมฺมเณสุ สมฺภวนฺติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สฺเนหชา อตฺตสมฺภูตา’’ติ. ปุถุ วิสตฺตา กาเมสูติ ยสฺมา ¶ ราโคปิ ปฺจกามคุณิกาทิวเสน, โทโสปิ อาฆาตวตฺถุอาทิวเสน อรติอาทโยปิ ตสฺส ตสฺส เภทสฺส วเสนาติ สพฺพถา สพฺเพปิเม กิเลสา ปุถุ อเนกปฺปการา หุตฺวา วตฺถุทฺวารารมฺมณาทิวเสน เตสุ เตสุ กาเมสุ ตถา ตถา วิสตฺตา ลคฺคา สํสิพฺพิตฺวา ิตา. กิมิว? มาลุวาว วิตตา วเน ยถา วเน วิตตา มาลุวา เตสุ เตสุ รุกฺขสาขปฺปสาขาทิเภเทสุ วิสตฺตา โหติ ลคฺคา สํสิพฺพิตฺวา ิตา, เอวํ เอเต กิเลสา ธมฺมา, ตสฺมา เอตฺถ ปุถุปเภเทสุ วตฺถุกาเมสุ วิสตฺตํ กิเลสคหนํ.
เย นํ ปชานนฺติ ยโตนิทานํ, เต นํ วิโนเทนฺติ สุโณหิ ยกฺข. ตสฺสตฺโถ – เย สตฺตา นํ กิเลสคหนํ ‘‘อิโตนิทานํ เอส อุปฺปชฺชตี’’ติ ชานนฺติ, เต นํ ตณฺหาสิเนหสิเนหิเต อตฺตภาเว อุปฺปชฺชตีติ ¶ ตฺวา ตํ ตณฺหาสิเนหํ อาทีนวานุปสฺสนาทิภาวนาาณคฺคินา วิโสเสนฺตา วิโนเทนฺติ ปชหนฺติ, เอวํ อมฺหากํ ภาสิตํ สุโณหิ ยกฺขาติ. เต ทุตฺตรํ โอฆมิมํ ตรนฺติ, อติณฺณปุพฺพํ อปุนพฺภวายาติ เย หิ สํกิเลสคหนํ วิโนเทนฺติ, เต เอกนฺเตน มคฺคํ ภาเวนฺติ. น หิ มคฺคภาวนํ วินา กิเลสวิโนทนํ อตฺถิ. เอวํ มคฺคํ ภาเวนฺตา เต ปกติาเณน ทุตฺตรํ กาโมฆาทึ จตุพฺพิธํ โอฆํ อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา สุปินนฺเตนปิ อติณฺณปุพฺพํ อนติกฺกนฺตปุพฺพํ อปุนพฺภวาย นิพฺพานาย ตรนฺติ.
ทุกฺกรํ ภควาติ เอโก กิร เทวปุตฺโต ปุพฺพโยคาวจโร พหลกิเลสตาย สปฺปโยเคน กิเลเส วิกฺขมฺเภนฺโต สมณธมฺมํ กตฺวา ปุพฺพเหตุมนฺทตาย อริยภูมึ อปฺปตฺวาว กาลํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺโต, โส ตถาคตํ อุปสงฺกมิตฺวา ทุกฺกรภาวํ อาโรเจนฺโต เอวมาห. ตตฺถ ทุกฺกรนฺติ ทสปิ วสฺสานิ…เป… สฏฺิปิ วสฺสานิ เอกนฺตปริสุทฺธสฺส สมณธมฺมสฺส กรณํ นาเมตํ ทุกฺกรํ. เสกฺขาติ สตฺต เสกฺขา. สีลสมาหิตาติ สีเลน สมาหิตา สมุเปตา. ิตตฺตาติ ปติฏฺิตสภาวา. เอวํ ปุจฺฉิตปฺหํ วิสฺสชฺชิตฺวา อุปริปฺหํ สมุฏฺาปนตฺถํ ‘‘อนคาริยุเปตสฺสา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อนคาริยุเปตสฺสาติ อนคาริยํ นิคฺเคหภาวํ อุปคตสฺส, ปพฺพชิตสฺสาติ อตฺโถ. ตุฏฺีติ จตุปจฺจยสนฺโตโส.
ภาวนายาติ จิตฺตวูปสมภาวนาย. เต เฉตฺวา มจฺจุโน ชาลนฺติ เย รตฺตินฺทิวํ อินฺทฺริยูปสเม รตา, เต ทุสฺสมาทหํ จิตฺตํ สมาทหนฺติ. เย สมาหิตจิตฺตา, เต จตุปจฺจยสนฺโตสํ ปูเรนฺตา น กิลมนฺติ. เย สนฺตุฏฺา, เต สีลํ ปูเรนฺตา น กิลมนฺติ. เย สีเล ปติฏฺิตา สตฺต เสกฺขา, เต อริยา มจฺจุโน ชาลสงฺขาตํ กิเลสชาลํ ฉินฺทิตฺวา คจฺฉนฺติ.
ทุคฺคโมติ ¶ สจฺจเมตํ, ภนฺเต, เย อินฺทฺริยูปสเม รตา, เต ทุสฺสมาทหํ จิตฺตํ สมาทหนฺติ. เย สมาหิตจิตฺตา, เต จตุปจฺจยสนฺโตสํ ปูเรนฺตา น กิลมนฺติ. เย สนฺตุฏฺา, เต สีลํ ปูเรนฺตา น กิลมนฺติ. เย สีเล ปรมคฺคาหิโน สตฺต เสกฺขา, เต อริยา มจฺจุโน ชาลสงฺขาตํ กิเลสชาลํ ฉินฺทิตฺวา คจฺฉนฺติ. กึ น คมิสฺสนฺติ, อยํ ปน ทุคฺคโม ‘‘ภควา ¶ วิสโม มคฺโค’’ติ อาห. ตตฺถ กิฺจาปิ อริยมคฺโค เนว ทุคฺคโม น วิสโม, ปุพฺพภาคปฏิปทาย ปนสฺส พหู ปริสฺสยา โหนฺติ, ตสฺมา เอวํ วุตฺโต. อวํสิราติ าณสิเรน อโธสิรา หุตฺวา ปปตนฺติ. อริยมคฺคํ อาโรหิตุํ อสมตฺถตาย เอว เต มคฺเค ปปตนฺตีติ วุจฺจนฺติ. อริยานํ สโม มคฺโคติ สฺเวว มคฺโค อริยานํ สโม โหติ. วิสเม สมาติ วิสเมปิ สตฺตกาเย สมา เอว.
อิทฺหิ ตํ เชตวนนฺติ อนาถปิณฺฑิโก เทวปุตฺโต เชตวนสฺส เจว พุทฺธาทีนฺจ วณฺณภณนตฺถํ อาคนฺตฺวา เอวมาห. อิสิสงฺฆนิเสวิตนฺติ ภิกฺขุสงฺฆนิเวสิตํ. เอวํ ปมคาถาย เชตวนสฺส วณฺณํ กเถตฺวา อิทานิ อริยมคฺคสฺส วณฺณํ กเถนฺโต ‘‘กมฺมํ วิชฺชา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ กมฺมนฺติ มคฺคเจตนา. วิชฺชาติ มคฺคปฺา. ธมฺโมติ สมาธิ, สมาธิปกฺขิกา วา ธมฺมา. สีลํ ชีวิตมุตฺตมนฺติ สีเล ปติฏฺิตสฺส ชีวิตฺจ อุตฺตมนฺติ ทสฺเสติ. อถ วา วิชฺชาติ ทิฏฺิสงฺกปฺปา. ธมฺโมติ วายามสติสมาธโย. สีลนฺติ วาจากมฺมนฺตาชีวา. ชีวิตมุตฺตมนฺติ เอตสฺมึ สีเล ปติฏฺิตสฺส ชีวิตํ นาม อุตฺตมนฺติ. ‘‘เอเตน มจฺจา สุชฺฌนฺตี’’ติ เอเตน อฏฺงฺคิเกน มคฺเคน สตฺตา วิสุชฺฌนฺติ.
ตสฺมาติ ยสฺมา มคฺเคน สุชฺฌนฺติ, น โคตฺตธเนหิ, ตสฺมา. โยนิโส วิจิเน ธมฺมนฺติ อุปาเยน โพธิปกฺขิยธมฺมํ วิจิเนยฺย. เอวํ ตตฺถ วิสุชฺฌตีติ เอวํ ตสฺมึ อริยมคฺเค วิสุชฺฌติ. อถ วา โยนิโส วิจิเน ธมฺมนฺติ อุปาเยน อริยสจฺจธมฺมํ วิจิเนยฺย. เอวํ ตตฺถ วิสุชฺฌตีติ เอวํ เตสุ จตูสุ อริยสจฺเจสุ วิสุชฺฌติ. อิทานิ สาริปุตฺตตฺเถรสฺส วณฺณํ กเถนฺโต ‘‘สาริปุตฺโตวา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สาริปุตฺโตวาติ อวธารณวจนํ, เอเตหิ ปฺาทีหิ สาริปุตฺโตว เสยฺโยติ วทติ. อุปสเมนาติ กิเลสวูปสเมน. ปารงฺคโตติ นิพฺพานํ คโต, โย โกจิ นิพฺพานปตฺโต ภิกฺขุ, น ตาทิโส. เอตาวปรโม สิยา, น เถรา อุตฺตริตโร นาม สาวโก อตฺถีติ วทติ.
อตีตนฺติ อตีเต ปฺจกฺขนฺเธ. นานฺวาคเมยฺยาติ ตณฺหาทิฏฺีหิ นานุคจฺเฉยฺย. นปฺปฏิกงฺเขติ ตณฺหาทิฏฺีหิ น ปตฺเถยฺย. ยทตีตนฺติ อิทเมตฺถ การณวจนํ. ยสฺมา ยํ อตีตํ, ตํ ¶ ปหีนํ นิรุทฺธํ อตฺถงฺคตํ, ตสฺมา ¶ ตํ นานุคจฺเฉยฺย. ยสฺมา จ ยํ ตตฺถ อนาคตํ, ตํ อปฺปตฺตํ อชาตํ อนิพฺพตฺตํ, ตสฺมา ตมฺปิ น ปตฺเถยฺย. ตตฺถ ตตฺถาติ ปจฺจุปฺปนฺนมฺปิ ธมฺมํ ยตฺถ ยตฺเถว โส อุปฺปนฺโน, ตตฺถ ตตฺเถว นํ อนิจฺจานุปสฺสนาทีหิ สตฺตหิ อนุปสฺสนาหิ วิปสฺสติ, อรฺาทีสุ วา ตตฺถ ตตฺถ วิปสฺสติ. อสํหีรํ อสํกุปฺปนฺติ อิทํ วิปสฺสนาปฏิวิปสฺสนาทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. วิปสฺสนา หิ ราคาทีหิ น สํหิรติ น กุปฺปตีติ อสํหีรา อสํกุปฺปา, ตํ อนุพฺรูหเย วฑฺเฒยฺย ปฏิวิปสฺเสยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. อถ วา นิพฺพานํ ราคาทีหิ น สํหิรติ น กุปฺปตีติ อสํหีรํ อสํกุปฺปํ, ตํ วิทฺวา ปณฺฑิโต ภิกฺขุ อนุพฺรูหเย, ปุนปฺปุนํ ตทารมฺมณํ ผลสมาปตฺตึ อปฺเปนฺโต วฑฺเฒยฺยาติ อตฺโถ.
ตสฺส ปน อนุพฺรูหนสฺส อตฺถาย อชฺเชว กิจฺจมาตปฺปนฺติ กิเลสานํ อาตาปนปริตาปเนน ‘‘อาตปฺป’’นฺติ ลทฺธนามํ วีริยํ อชฺเชว กาตพฺพํ. โก ชฺา มรณํ สุเวติ สฺเว ชีวิตํ วา มรณํ วา โก ชานาติ. อชฺเชว ทานํ ทสฺสามิ, สีลํ วา รกฺขิสฺสามิ, อฺตรํ วา ปน กุสลํ กริสฺสามิ, ‘‘อชฺช ตาว ปปฺโจ อตฺถิ, สฺเว วา ปุนทิวเส วา ชานิสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อนุปฺปาเทตฺวา ‘‘อชฺเชว กริสฺสามี’’ติ เอวํ วีริยํ กาตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. มหาเสเนนาติ อหิวิจฺฉิกวิสสตฺถาทีนิ หิ อเนกานิ มรณการณานิ ตสฺส เสนาติ ตาย มหติยา เสนาย วเสน มหาเสเนน เอวรูเปน มจฺจุนา สทฺธึ ‘‘กติปาหํ ตาว อาคเมหิ, ยาวาหํ พุทฺธปูชาทึ อตฺตโน อวสฺสยํ กมฺมํ กโรมี’’ติ เอวํ มิตฺตสนฺถวาการสงฺขาโต วา ‘‘อิทํ สตํ วา สหสฺสํ วา คเหตฺวา กติปาหํ อาคเมหี’’ติ เอวํ ลฺชานุปฺปทานสงฺขาโต วา ‘‘อิมินา พลราสินา ปฏิพาหิสฺสามี’’ติ เอวํ พลราสิสงฺขาโต วา สงฺคโร นตฺถิ. สงฺคโรติ หิ มิตฺตกรณลฺชทานพลราสิสงฺกฑฺฒนานํ นามํ, ตสฺมา อยมตฺโถ วุตฺโต. อตนฺทิตนฺติ อนลสํ อุฏฺาหกํ. เอวํ ปฏิปนฺนตฺตา ภทฺโท เอกรตฺโต อสฺสาติ ภทฺเทกรตฺโต. อิตีติ เอวํ ปฏิปนฺนํ ปุคฺคลํ ‘‘ภทฺเทกรตฺโต อย’’นฺติ ราคาทิสนฺตตาย สนฺโต พุทฺธมุนิ อาจิกฺขติ.
จกฺขุนา ปฺาย จาติ จกฺขุนา จ ปฺาย จ. จกฺขุภูตาย วา ปฺาย. สติยา ปฺาย จาติ สติยา จ ปฺาย จ, สติวิสิฏฺาย วา ปฺาย. กาเยนาติ นามกาเยน.
ทิพฺพจกฺขุ ¶ สุวิสุทฺธนฺติ ทิพฺพํ จกฺขุ สุวิสุทฺธํ, ยํ สจฺฉิกโรตีติ อธิปฺปาโย. ปุพฺเพนิวาสาติ ปุริมาสุ ชาตีสุ นิวุตฺถกฺขนฺธา. อิทฺธิวิธาติ อิทฺธิโกฏฺาสา. นิโรโธติ นิพฺพานํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
ยสฺส ¶ เสลูปมํ จิตฺตนฺติ เอกฆนํ เสลํ วิย ปกติวาเตหิ โลกธมฺมวาเตหิ อกมฺปนียโต ยสฺส จิตฺตํ เสลูปมํ. เตนาห – ‘‘ิตํ นานุปกมฺปตี’’ติ. รชนีเยสูติ ลาภาทีสุ. โกปเนยฺเยติ อลาภาทิเก. กุโต นํ ทุกฺขเมสฺสตีติ ตํ เอวํ ภาวิตจิตฺตํ วีติกฺกนฺตโลกธมฺมํ อุตฺตมปุริสํ โลกธมฺมเหตุกํ ทุกฺขํ นานุคมิสฺสติ.
โย พฺราหฺมโณติ พาหิตปาปธมฺมตาย พฺราหฺมโณ, น ทิฏฺมงฺคลิกตาย หุํหุงฺการกสาวาทิปาปธมฺมยุตฺโต หุตฺวา เกวลํ ชาติมตฺเตน พฺราหฺมโณติ ปฏิชานาติ. โส พฺราหฺมโณ พาหิตปาปธมฺมตฺตา หุํหุงฺการปฺปหาเนน นิหุํหุงฺโก. ราคาทิกสาวาภาเวน นิกฺกภาโว. สีลสํวเรน สํยตจิตฺตตาย ยตตฺโต. จตุมคฺคาณสงฺขาเตหิ เวเทหิ อนฺตํ นิพฺพานํ, เวทานํ วา อนฺตํ คตตฺตา เวทนฺตคู. มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส วุสิตตฺตา วูสิตพฺรหฺมจริโย. ธมฺเมน โส พฺรหฺมวาทํ วเทยฺยาติ โส ‘‘พฺราหฺมโณ อห’’นฺติ เอตํ วาทํ วเทยฺย. ยสฺส สกลโลกสนฺนิวาเส กุหิฺจิ เอการมฺมเณปิ ราคุสฺสโท โทสุสฺสโท โมหุสฺสโท มานุสฺสโท ทิฏฺุสฺสโทติ อิเม อุสฺสทา นตฺถีติ อตฺโถ.
น คาธตีติ น ปติฏฺหติ. สุกฺกาติ สุกฺกสงฺขาตา คหา. ยทิ จนฺทิมสูริยาทีนํ ปภา ตตฺถ นตฺถิ, ตโม เอว จ สิยาติ อาสงฺกมาเน สนฺธายาห ‘‘ตโม ตตฺถ น วิชฺชตี’’ติ. ยทา จ อตฺตนาเวทีติอาทีสุ เอวํวิธํ นิพฺพานํ อตฺตปจฺจกฺเขน าเณน ยทา วินฺทติ, อถ รูปารูปธมฺมโต สุขทุกฺขโต จ วิปฺปมุตฺโต โหตีติ.
สเกสุ ธมฺเมสูติ สกอตฺตภาวสงฺขาเตสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ. เยภุยฺเยน หิ อชฺฌตฺตํ วิปสฺสนาภินิเวโส โหตีติ. เอตํ ปิสาจนฺติ อชกลาปก, เอตํ ตยา วุตฺตํ ปิสาจํ กิเลสปิสาจฺจ. ปกฺกุลนฺติ ตยา กตํ อกฺกุลํ ปกฺกุลกรณฺจ. อติวตฺตตีติ อติกฺกมติ.
นาภินนฺทติ ¶ อายนฺตินฺติ ปุราณทุติยิกํ อาคจฺฉนฺตึ อฺํ วา น อภินนฺทติ จิตฺเตน น สมฺปฏิจฺฉติ. ตเมว ปกฺกมนฺตึ น โสจติ. สงฺคา สงฺคามชึ มุตฺตนฺติ ปฺจวิธาปิ สงฺคโต มุตฺตํ สงฺคามชึ ภิกฺขุํ.
พหฺเวตฺถาติ พหุ เอตฺถ นฺหายติ ชโน, น เตน โส สุทฺโธ นาม โหตีติ อธิปฺปาโย.
ชาติพลํ ¶ นิเสธนฺติ ชาติพลสฺส นิเสธกํ. สหายา วตาติ สมถวิปสฺสนาภาวนาย สห อยนวเสน สหายา วต. กาเลน กาลํ สปฺปายธมฺมสฺส สวนวเสน จิรรตฺตํ สเมติ สมาคโม เอเตสนฺติ จิรรตฺตสเมติกา. สิถิลมารพฺภาติ สิถิลํ วีริยํ กตฺวา.
ตตฺร โข, ภิกฺขเว, โก วิเสโสติ สตฺถุ สาวกสฺส จ ปฺจสฺเวว อุปาทานกฺขนฺเธสุ นิพฺพิทาทโยติ ปุพฺพภาคปฏิปตฺติยํ อนุปาทาวิมุตฺติยฺจ เหฏฺา อุปริ จ วิเสสาภาวํ ทสฺเสติ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘นตฺถิ วิมุตฺติยา นานตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๕.๓๑; กถา. ๓๕๕ อตฺถโต สมานํ). ตตฺถ วิเสสาภาวํ ปจฺจามสติ ‘‘ตตฺร โก วิเสโส’’ติ. อธิปฺปยาโสติ อธิกปโยโค. นานากรณนฺติ จ วิเสโสเยว วุตฺโต.
อยํ โข, ภิกฺขเว, วิเสโสติ ภิกฺขเว, ยทิปิ สาวกสฺส สตฺถุ จ วิมุตฺติยํ วิเสโส นตฺถิ, สยมฺภุาเณน ปน สวาสนสพฺพกิเลเส เขเปตฺวา สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา อนุปฺปนฺนสฺส อริยมคฺคสฺส ปรสนฺตาเน อุปฺปาทนาทิสกลสพฺพฺุคุณสมาโยโค. อยํ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปฺาวิมุตฺตโต วิเสโสติ. ตตฺถ อนุปฺปนฺนสฺสาติ อวตฺตมานสฺส. อริยมคฺคฺหิ กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺโธ อุปฺปาเทสิ. อนฺตรา อฺโ สตฺถา อุปฺปาเทตา นาม นาโหสิ, ตสฺมา อยํ ภควา อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตา นาม. อสฺชาตสฺสาติ ตสฺเสว เววจนํ. อนกฺขาตสฺสาติ อกถิตสฺส. มคฺคํ ชานาตีติ มคฺคฺู. มคฺคํ วิทิตํ ปากฏํ อกาสีติ มคฺควิทู. มคฺเค จ อมคฺเค จ โกวิโทติ มคฺคโกวิโท. มคฺคานุคาติ มคฺคํ อนุคจฺฉนฺตา. ปจฺฉาสมนฺนาคตาติ อหํ ปมํ สมนฺนาคโต, สาวกา ปจฺฉา สมนฺนาคตา.
‘‘นีเจ ¶ กุเล ปจฺจาชาโต’’ติอาทินา (อ. นิ. ๔.๘๕; ปุ. ป. ๑๖๘) ตเมน ยุตฺโตติ ตโม. กายทุจฺจริตาทีหิ ปุน นิรยตมุปคมนโต ตมปรายโณ. อิติ อุภเยนปิ ขนฺธตโมว กถิโต โหติ. ‘‘อฑฺเฒ กุเล ปจฺจาชาโต’’ติอาทินา (อ. นิ. ๔.๘๕; ปุ. ป. ๑๖๘) โชตินา ยุตฺโตติ โชติ, อาโลกภูโตติ วุตฺตํ โหติ. กายสุจริตาทีหิ ปุน สคฺคูปปตฺติภวูปคมนโต โชติปรายโณ. อิมินา นเยน อิตเรปิ ทฺเว เวทิตพฺพา.
น ตํ ทฬฺหํ พนฺธนมาหุ ธีราติ เอตฺถ ธีราติ พุทฺธาทโย ปณฺฑิตปุริสา. ยํ สงฺขลิกสงฺขาตํ ¶ อเยน นิพฺพตฺตํ อายสํ อทฺทุพนฺธนสงฺขาตํ ทารุมยฺจ ปพฺพชติเณหิ รชฺชุํ กตฺวา กตรชฺชุพนฺธนฺจ, ตํ อสิอาทีหิ ฉินฺทิตุํ สกฺกุเณยฺยตาย ‘‘ถิร’’นฺติ น วทนฺตีติ อตฺโถ. สารตฺตรตฺตาติ รตฺตา หุตฺวา รตฺตา. พลวราครตฺตาติ อตฺโถ. มณิกุณฺฑเลสูติ มณีสุ จ กุณฺฑเลสุ จ, มณิจิตฺเตสุ วา กุณฺฑเลสุ. เอตํ ทฬฺหนฺติ เย มณิกุณฺฑเลสุ สารตฺตรตฺตา, เตสุ โย ราโค, ยา จ ปุตฺตทาเรสุ อเปกฺขา ตณฺหา, เอตํ กิเลสมยํ พนฺธนํ ปณฺฑิตปุริสา ‘‘ทฬฺห’’นฺติ วทนฺติ.
โอหารินนฺติ อากฑฺฒิตฺวา จตูสุ อปาเยสุ ปาตนโต อวหรติ เหฏฺา หรตีติ โอหารินํ. สิถิลนฺติ พนฺธนฏฺาเน ฉวิอาทีนิ อโกเปตฺวา พนฺธนภาวมฺปิ อชานาเปตฺวา ชลปถถลปถาทีสุ กมฺมํ กาตุํ เทตีติ สิถิลํ. ทุปฺปมฺุจนฺติ โลภวเสน หิ เอกวารมฺปิ อุปฺปนฺนํ กิเลสพนฺธนํ ทฏฺฏฺานโต กจฺฉโป วิย ทุมฺโมจยํ โหตีติ ทุปฺปมฺุจํ. เอตมฺปิ เฉตฺวานาติ เอตํ ทฬฺหมฺปิ กิเลสพนฺธนํ าณขคฺเคน ฉินฺทิตฺวา อนเปกฺขิโน หุตฺวา กามสุขํ ปหาย ปริพฺพชนฺติ ปกฺกมนฺติ ปพฺพชนฺติ จาติ อตฺโถ.
เจเตตีติ อกุสลเจตนาวเสน เจเตติ. ปกปฺเปตีติ ตเมว อกุสลเจตนํ กายวจีกมฺมภาวํ ปาปนวเสน กปฺเปติ. อนุเสตีติ ราคาทิอนุสโยว สนฺตาเน อปฺปหีนภาเวน อนุเสติ. อารมฺมณเมตํ โหติ วิฺาณสฺส ิติยาติ ยเทตํ เจตนํ ปกปฺปนํ อนุสยนฺจ, เอตํ อภิสงฺขารวิฺาณสฺส ิติยา ปวตฺติยา ปจฺจโย โหตีติ อตฺโถ. อารมฺมเณ สติ ปติฏฺา วิฺาณสฺส โหตีติ ยถาวุตฺตปจฺจเย สติ อภิสงฺขารวิฺาณสฺส กมฺมํ ¶ ชวาเปตฺวา ปฏิสนฺธิอากฑฺฒนสมตฺถตาสมฺปาทนโต ปติฏฺา โหติ. อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ โหตีติ อายตึ ปุนพฺภวสงฺขาตา วิฺาณาทีนํ อภินิพฺพตฺติ โหติ.
‘‘โน เจ, ภิกฺขเว, เจเตตี’’ติอาทินา อกุสลกมฺมเมว ปฏิกฺขิปติ. อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ, ยทิปิ กทาจิ โยนิโสมนสิการา อกุสลเจตนา นปฺปวตฺตติ, อนุสยา ปน อปฺปหีนาติ, เต กุสลสฺส อภิสงฺขารวิฺาณสฺส ปติฏฺา โหนฺติ เยวาติ. สติ จ อภิสงฺขารวิฺาเณ อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ โหตีติ วตฺตุํ วฏฺฏติเยว. ตติยวาโร วุตฺตปฏิปกฺขนเยน เวทิตพฺโพ.
‘‘เนโส, ภิกฺขเว, อริยสฺส วินเย สมุทฺโท’’ติอาทิ ยทิ ทุปฺปูรณฏฺเน สํสีทนฏฺเน ¶ ทุรติกฺกมนฏฺเน สาคโร ‘‘สมุทฺโท’’ติ วุจฺเจยฺย, ตโต สตภาเคนปิ สหสฺสภาเคนปิ จกฺขุอาทีสฺเวว อยํ นโย ลพฺภตีติ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. เตนาห – ‘‘จกฺขุ, ภิกฺขเว, ปุริสสฺส สมุทฺโท, ตสฺส รูปมโย เวโค’’ติ, รูเปสุ สตฺตานํ อาวิฺฉนโต รูปายตนเมว เวโค จกฺขุสฺส เวโคติ อตฺโถ.
โย ตํ รูปมยํ เวคํ สหตีติ โย ภิกฺขุ สห วิสเยน จกฺขุํ อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต สมฺมสนฺโต ตตฺถ จ นิพฺพินฺทนฺโต วิรชฺชนฺโต ตปฺปฏิพทฺธโต กิเลสชาลโต วิมุจฺจนฺโต อภิภวติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อตริ จกฺขุสมุทฺทนฺติ อยํ ภิกฺขุ จกฺขุสงฺขาตํ สมุทฺทํ ติณฺโณติ วุจฺจติ.
อปโร นโย – จกฺขุ, ภิกฺขเว, อริยสฺส วินเย สมุทฺโทติ ยทิปิ ทุปฺปูรณฏฺเน ยทิ วา สมุทนฏฺเน สมุทฺโท, จกฺขุเมว สมุทฺโท. ตสฺส หิ ปถวิโต ยาว อกนิฏฺพฺรหฺมโลกา นีลาทิอารมฺมณํ สโมสรนฺตํ ปริปุณฺณภาวํ กาตุํ น สกฺโกติ. เอวํ ทุปฺปูรณฏฺเนปิ สมุทฺโท. จกฺขุ จ เตสุ เตสุ นีลาทิอารมฺมเณสุ สมุเทติ อสํวุตํ หุตฺวา โอสรมานํ กิเลสุปฺปตฺติยา การณภาเวน สโทสภาเวน คจฺฉตีติ สมุทนฏฺเนปิ สมุทฺโท. ตถา จกฺขุํ ตณฺหาโสตาทีนํ อุปฺปตฺติทฺวารตาย เตหิ สนฺตานสฺส สมุทนฏฺเน เตมนฏฺเน สมุทฺโท. ตสฺส รูปมโย เวโคติ สมุทฺทสฺส อปฺปมาโณ อูมิมโย เวโค วิย ¶ ตสฺสาปิ จกฺขุสมุทฺทสฺส สโมสรนฺตสฺส นีลาทิเภทสฺส อารมฺมณสฺส วเสน อปฺปเมยฺโย รูปมโย เวโค เวทิตพฺโพ. โย ตํ รูปมยํ เวคํ สหตีติ โย ตํ จกฺขุสมุทฺเท สโมสรนฺตํ รูปมยํ เวคํ มนาเป รูเป ราคํ, อมนาเป โทสํ, อสมเปกฺขเน โมหนฺติ เอวํ ราคาทิกิเลเส อนุปฺปาเทนฺโต อุเปกฺขกภาเวน สหติ.
สอูมินฺติอาทีสุ กิเลสอูมีหิ สอูมึ. กิเลสวฏฺเฏหิ สาวฏฺฏํ. กิเลสคเหหิ สคหํ. กิเลสรกฺขเสหิ สรกฺขสํ. โกธุปายาสสฺส วา วเสน สอูมึ. กามคุณวเสน สาวฏฺฏํ. มาตุคามวเสน สคหํ สรกฺขสํ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘อูมิภยนฺติ โข, ภิกฺขเว, โกธุปายาสสฺเสตํ อธิวจนํ (อิติวุ. ๑๐๙; ม. นิ. ๒.๑๖๒; อ. นิ. ๔.๑๒๒). ตถา อาวฏฺฏนฺติ โข, ภิกฺขเว, ปฺจนฺเนตํ กามคุณานํ อธิวจนํ (อิติวุ. ๑๐๙; ม. นิ. ๒.๑๖๔; อ. นิ. ๔.๑๒๒). คหรกฺขโสติ โข, ภิกฺขเว, มาตุคามสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ (อิติวุ. ๑๐๙). เสสทฺวาเรสุปิ เอเสว นโย.
สอูมิภยํ ¶ ทุตฺตรํ อจฺจตรีติ อนิจฺจตาทิอูมิภเยน สภยํ ทุรติกฺกมํ อติกฺกมิ. โลกนฺตคูติ สํสารโลกสฺส อนฺตํ คโต. ปารคโตติ วุจฺจตีติ นิพฺพานํ คโตติ กถียติ.
พฬิสาติ สตฺตานํ อนตฺถเหตุตาย พฬิสา วิย พฬิสา. อนยายาติ อนตฺถาย. พฺยาพาธายาติ ทุกฺขาย. อิฏฺาติ ปริยิฏฺา วา อปริยิฏฺา วา สุขารมฺมณตาย อิฏฺา. กามนียฏฺเน กนฺตา. มนสฺส วฑฺฒนฏฺเน มนาปา. ปิยสภาวตาย ปิยรูปา. กิเลสกามสหิตตฺตา กามูปสํหิตา. ราคชนนฏฺเน จิตฺตสฺส รฺชนโต รชนียา. ตฺเจติ ตํ รูปารมฺมณํ, นีลาทิวเสน อเนกเภทภินฺนมฺปิ หิ รูปายตนํ รูปารมฺมณภาเวน จกฺขุวิฺเยฺยภาเวน จ เอกวิธตํ นาติวตฺตตีติ ตํสภาวสามฺํ คเหตฺวา ‘‘ตฺเจ’’ติ วุตฺตํ. อภินนฺทตีติ อภินนฺทนภูตาย สปฺปีติกตณฺหาย อภิมุโข นนฺทติ. อภิวทตีติ ‘‘อโห สุขํ, อโห สุข’’นฺติ วทาเปนฺติยา ตณฺหายนวเสน อภิวทติ. อชฺโฌสาย ติฏฺตีติ คิลิตฺวา ปรินิฏฺเปตฺวา ติฏฺติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ คิลิตพฬิโส มารสฺสาติ อยํ, ภิกฺขุ, กิเลสมารสฺส พฬิสภูตํ รูปตณฺหํ คิลิตฺวา ิโตติ วุจฺจติ. เสสวาเรสุปิ อิมินา นเยน ¶ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อเภทีติ ภินฺทิ. ปริเภทีติ สพฺพภาเคน ภินฺทิ. เสสํ อุตฺตานเมว.
อยํ โลโก สนฺตาปชาโตติ อยํ สตฺตโลโก ชาตสนฺตาโป าติพฺยสนาทิวเสน อุปฺปนฺนโสกสนฺตาโป จ ราคาทิวเสน อุปฺปนฺนปริฬาหสนฺตาโป จาติ อตฺโถ. ผสฺสปเรโตติ อเนเกหิ ทุกฺขผสฺเสหิ อภิภูโต. โรทํ วทติ อตฺตโตติ ตํ ตํ อตฺตนา ผุฏฺํ ทุกฺขํ อภาวิตกายตาย อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘อโห ทุกฺขํ, อีทิสํ ทุกฺขํ มยฺหํ สตฺตุโนปิ มา โหตู’’ติอาทินา วิลปนฺโต วทติ. กสฺมา? เยน เยน หิ มฺนฺติ, ตโต ตํ โหติ อฺถา, ยสฺมา เอเต สตฺตา เยน เยน ปกาเรน อตฺตโน ทุกฺขสฺส ปฏิการํ มฺนฺติ อาสีสนฺติ, ตํ ทุกฺขํ ตโต อฺเน ปกาเรน ติกิจฺฉิตพฺพํ โหติ. เยน วา ปกาเรน อตฺตโน วฑฺฒึ มฺนฺติ, ตโต อฺถา อวฑฺฒิ เอว ปน โหติ. เอวํ อฺถาภาวิตํ อิจฺฉาวิฆาตํ เอว ปาปุณาติ. อยํ ภวสตฺโต กามาทิภเวสุ สตฺโต สตฺตโลโก, ตถาปิ ภวเมวาภินนฺทติ, น ตตฺถ นิพฺพินฺทติ. ยทภินนฺทติ ตํ ภยนฺติ ยํ กามาทิภวํ อภินนฺทติ, ตํ ชรามรณาทิอเนกพฺยสนานุพนฺธตฺตา อติวิย ภยานกฏฺเน ภยํ. ยสฺส ภายตีติ ยโต ชรามรณาทิโต ภายติ, ตํ ทุกฺขสฺส อธิฏฺานภาวโต ทุกฺขทุกฺขตาย จ ทุกฺขนฺติ.
ภววิปฺปหานายาติ ¶ ภวสฺส ปชหนตฺถาย. โขติ อวธารณตฺเถ นิปาโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอกนฺเตเนว กามาทิภวสฺส สมุทยปฺปหาเนน ปหานตฺถํ อิทํ มยา อธิคตํ มคฺคพฺรหฺมจริยํ วุสฺสตีติ.
เอวํ อริยสฺส มคฺคสฺส เอกํเสเนว นิยฺยานิกภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อฺมคฺคสฺส นิยฺยานิกภาวํ ปฏิกฺขิปนฺโต ‘‘เย หิ เกจี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ภเวนาติ รูปภเวน วา อรูปภเวน วา. ภวสฺสาติ สํสารสฺส. วิปฺปโมกฺขนฺติ ภวโต วิมุตฺตึ, สํสารสุทฺธินฺติ อตฺโถ. กิฺจาปิ เต สมณพฺราหฺมณา ตตฺถ นิพฺพานสฺิโน, ภวคามิกมฺเมน ปน รูปารูปชฺฌาเนน ¶ , ตํนิพฺพตฺเตน จ อุปปตฺติภเวน ภววิสุทฺธึ วทนฺตา ภเวน ภววิปฺปโมกฺขํ วทนฺติ นาม. เตนาห – ‘‘สพฺเพ เต อวิปฺปมุตฺตา ภวสฺมาติ วทามี’’ติ. อถ วา ภเวนาติ ภวทิฏฺิยา, ภวติ ติฏฺติ สสฺสตนฺติ หิ ปวตฺตนโต สสฺสตทิฏฺิ ‘‘ภวทิฏฺี’’ติ วุจฺจติ. ภวทิฏฺิ เอว อุตฺตรปทโลเปน ‘‘ภโว’’ติ วุตฺตา ภวตณฺหาติอาทีสุ วิย. ภวทิฏฺิวเสน หิ อิเธกจฺเจ ภววิเสสํเยว ภววิปฺปโมกฺขํ มฺนฺติ. ยถา ตํ พโก พฺรหฺมา อาห – ‘‘อิทํ นิจฺจํ, อิทํ ธุวํ, อิทํ สสฺสตํ, อิทํ อวิปริณามธมฺม’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๕๐๑; สํ. นิ. ๑.๑๗๕). วิภเวนาติ อุจฺเฉททิฏฺิยา. วิภวติ วินสฺสติ อุจฺฉิชฺชตีติ หิ ปวตฺตนโต อุจฺเฉททิฏฺิ วุตฺตนเยน ‘‘วิภโว’’ติ วุจฺจติ. ภวสฺส นิสฺสรณมาหํสูติ สํสารสุทฺธึ วทึสุ. อุจฺเฉททิฏฺิวเสน หิ อิเธกจฺเจ สํสารสุทฺธึ วทนฺติ. ตถา หิ วุตฺตํ –
‘‘ยโต โข, โภ, อยํ อตฺตา รูปี จาตุมหาภูติโก…เป… เนวสฺานาสฺายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. เอตฺตาวตา โข, โภ, อยํ อตฺตา สมฺมา สมุจฺฉินฺโน โหตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๙๑).
อนิสฺสฏาติ อนิกฺขนฺตา. ตตฺถ การณมาห – ‘‘อุปธิฺหิ ปฏิจฺจ ทุกฺขมิทํ สมฺโภตี’’ติ. ตตฺถ อุปธินฺติ ขนฺธาทิอุปธึ. กึ วุตฺตํ โหติ? ยตฺถ อิเม ทิฏฺิคติกา นิพฺพานสฺิโน, ตตฺถ ขนฺธูปธิกิเลสูปธิอภิสงฺขารูปธโย อธิคตา าตา. กุโต ตสฺส ทุกฺขนิสฺสรณตาติ. ยํ ปน ปรมตฺถโต ทุกฺขนิสฺสรณํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สพฺพุปาทานกฺขยา นตฺถิ ทุกฺขสฺส สมฺภโว’’ติ วุตฺตํ.
โลกมิมํ ปสฺสาติ ภควา อตฺตโน จิตฺตํ อาลปติ. ปุถูติ วิสุํ วิสุํ. อวิชฺชาย ปเรตนฺติ ¶ โมเหน อภิภูตํ. ภูตนฺติ ขนฺธปฺจกํ. ภูตรตนฺติ อิตฺถี ปุริเส, ปุริโส อิตฺถิยาติ เอวํ อฺมฺํ สตฺเตสุ รตํ, ตโต เอว ภวา อปริมุตฺตา. เย หิ เกจิ ภวาติ อิตฺตรขณา วา ทีฆายุกา วา สาตวนฺโต วา อสาตวนฺโต วา ภวา. สพฺพธีติ อุทฺธํ อโธ ติริยนฺติ สพฺพตฺถ. สพฺพตฺถตายาติ สพฺพภาเวน. สพฺเพ เต ภวาติอาทีสุ ‘‘สพฺเพปิ ภวา อนิจฺจา’’ติอาทินา วิปสฺสนาสหิตาย มคฺคปฺาย อวิปรีตํ ปสฺสโต ภวตณฺหาปิ ปหียติ นิรุชฺฌติ, วิภวํ อุจฺเฉทมฺปิ นาภินนฺทติ น ปตฺเถติ, ตสฺส สพฺพ ¶ ตณฺหานํ อนวเสสโต มคฺเคน นิรุชฺฌนโต นิพฺพานํ นิพฺพุติ โหติ. ตสฺส เอวํ นิพฺพุตสฺส ภิกฺขุโน อนุปาทา กิเลสาภิสงฺขารานํ อนุปาทานโต อคฺคหณโต ปุนพฺภโว น โหติ. เอวํภูเตน จ อภิภูโต ปฺจวิโธปิ มาโร วิชิโต อสฺส อเนน มาเรน สงฺคาโม, สพฺเพปิ ภเว สมติกฺกนฺโต อิฏฺานิฏฺาทีสุ ตาทิลกฺขณปฺปตฺโตติ.
อนุโสตคามี อนฺธปุถุชฺชโน ปฏิโสตคามี กลฺยาณปุถุชฺชโน. ิตตฺโต เสกฺโข. อิตโร อเสกฺโข.
อภิชาติโกติ ชาติโย. กณฺหาภิชาติโกติ กณฺเห นีเจ กุเล ชาโต. กณฺหํ ธมฺมํ อภิชายตีติ กาฬกํ ทสวิธํ ทุสฺสีลธมฺมํ ปสวติ กโรติ, โส ตํ อภิชายิตฺวา นิรเย นิพฺพตฺตติ. สุกฺกํ ธมฺมนฺติ ‘‘อหํ ปุพฺเพปิ ปฺุานํ อกตตฺตา นีเจ กุเล นิพฺพตฺโต, อิทานิ ปฺุํ กริสฺสามี’’ติ ปฺุสงฺขาตํ สุกฺกํ ปณฺฑรํ ธมฺมํ อภิชายติ, โส เตน สคฺเค นิพฺพตฺตติ. อกณฺหํ อสุกฺกํ นิพฺพานนฺติ นิพฺพานฺหิ สเจ กณฺหํ ภเวยฺย, กณฺหวิปากํ ทเทยฺย. สุกฺกํ, สุกฺกวิปากํ ทเทยฺย. ทฺวินฺนมฺปิ อปฺปทานโต ปน ‘‘อกณฺหํ อสุกฺก’’นฺติ วุตฺตํ. นิพฺพานนฺติ เจตฺถ อรหตฺตํ อธิปฺเปตํ. ตฺหิ กิเลสนิพฺพานนฺเต ชาตตฺตา นิพฺพานํ นาม. ตํ เอส อภิชายติ ปสวติ กโรติ. สุกฺกาภิชาติโกติ สุกฺเก อุจฺเจ กุเล ชาโต. เสสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ‘‘กณฺหํ กณฺหวิปาก’’นฺติอาทิกสฺส กมฺมจตุกฺกสฺส อตฺโถ เหฏฺา หารสมฺปาตวาเร วิภตฺโต เอว.
มานุสตฺตนฺติ มนุสฺสภาวํ, มนุสฺสโยนินฺติ อตฺโถ. ทฺเวติ กิจฺจํ อกิจฺจเมว จาติ ทฺเว. กิจฺจานิ ตฺเวว กตฺตพฺพานิ, น จากิจฺจํ กิฺจิ กตฺตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. สุกิจฺจนฺติอาทิ ‘‘กิจฺจ’’นฺติ วุตฺตานํ เตสํ สรูปทสฺสนํ.
ปธานานีติ ¶ อุตฺตมานิ วิสิฏฺานิ. ปุริมสฺมึ ปพฺพชิเตสูติ วิสเย ภุมฺมํ. ทุติเย อธิกรเณ. ตตฺถ นิพฺพานนฺติ อรหตฺตํ อธิปฺเปตํ. กสฺมา ปเนตฺถ อามิสปริจฺจาโค อรหตฺเตน สมธุโร นิทฺทิฏฺโติ? ทกฺขิเณยฺเยสุ ทกฺขิณาย มหปฺผลภาวทสฺสนตฺถํ. เยน เยน วา ปน วตฺถุนาติ อุจฺเฉทาทิวตฺถุนา. อชฺโฌสิตาติ ภวตณฺหาทิวเสน อชฺโฌสิตา. ทุติเย เยน เยน วา ปน วตฺถุนาติ อมราวิกฺเขปวตฺถุอาทินา.
อิมินา ¶ อสุเภน กมฺมวิปาเกนาติ อสุภสฺส กายทุจฺจริตาทิกมฺมสฺส วิปากตฺตา อสุเภน อสิเวน กมฺมวิปาเกน. อิทํ พาลลกฺขณํ นิพฺพตฺตตีติ ปุริมสฺมึ ภเว ทุจฺจริตสมงฺคิตาย พาโล อยํ ภวตีติ อุปลกฺขณํ ชายติ. อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตนฺติ อิทํ เอวํ ปวตฺตํ สํกิเลสภาคิยํ นาม สุตฺตํ.
อิมินา สุเภนาติ เอตฺถ วุตฺตนยานุสาเรน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ มหาปุริสลกฺขณนฺติ ปณฺฑิตลกฺขณํ. กิเลสภูมีหีติ กิเลสฏฺาเนหิ กิเลสาวตฺถาหิ วา. สานุสยสฺส ปริยุฏฺานํ ชายตีติ อปฺปหีนานุสยสฺส ปจฺจยสมาโยเค ราคาทโย ปริยุฏฺานวเสน ปวตฺตนฺติ. ปริยุฏฺิโต สํยุชฺชตีติ โย ราคาทีหิ ปริยุฏฺิตจิตฺโต, โส กามราคาทีหิ สํยุชฺชติ นาม. สํยุชฺชนฺโต อุปาทิยตีติ โย กามราคสํโยชนาทีหิ สํยุตฺโต, โส กามุปาทานาทีนิ อกุสลกมฺมานิ จ อุปาทิยติ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมว.
เอวํ โสฬสวิเธน สาสนปฏฺานํ นานาสุตฺเตหิ อุทาหรณวเสน วิภชิตฺวา อิทานิ อฏฺวีสติวิเธน สาสนปฏฺานํ ทสฺเสนฺเตน ยสฺมา อยมฺปิ ปฏฺานวิภาโค มูลปเทหิ สงฺคหิโต, น อิมสฺสาปิ เตหิ อสงฺคหิโต ปเทโส อตฺถิ, ตสฺมา มูลปทํ วิภชิตพฺพตฺจ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ กตเม อฏฺารส มูลปทา’’ติ ปุจฺฉาย วเสน มูลปทานิ อุทฺธริตฺวา ‘‘โลกิยํ โลกุตฺตร’’นฺติอาทินา นวติกา, ถโว จาติ อฏฺวีสติวิธํ สาสนปฏฺานํ อุทฺทิฏฺํ. ตตฺถ โลกิยนฺติ โลเก นิยุตฺโต, โลเก วา วิทิโต โลกิโย. อิธ ปน โลกิโย อตฺโถ ยสฺมึ สุตฺเต วุตฺโต, ตํ สุตฺตํ โลกิยํ. ตถา โลกุตฺตรํ. ยสฺมึ ปน สุตฺเต ปเทเสน โลกิโย, ปเทเสน โลกุตฺตโร วุตฺโต, ตํ โลกิยฺจ โลกุตฺตรฺจ. ยฺจ สตฺเต อธิฏฺาย สตฺตปฺตฺติมุเขน เทสิตํ, ตํ สตฺตาธิฏฺานํ. ธมฺมวเสเนว เทสิตํ ธมฺมาธิฏฺานํ. อุภยวเสน เทสิตํ สตฺตาธิฏฺานฺจ ธมฺมาธิฏฺานฺจ. อิมินา นเยน สพฺพปเทสุ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. พุทฺธาทีนํ ปน คุณาภิตฺถวนวเสน ปวตฺตํ สุตฺตํ ถโว นาม.
ตตฺถ ¶ สชฺชุขีรนฺติ ตงฺขณํเยว เธนุยา ถเนหิ นิกฺขนฺตํ อพฺภุณฺหขีรํ. มุจฺจตีติ ปริณมติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา เธนุยา ถนโต นิกฺขนฺตํ ขีรํ ¶ ตงฺขณํเยว น มุจฺจติ น ปริณมติ น ทธิภาวํ คจฺฉติ, ตกฺกาทิอมฺพิลสมาโยคโต ปน ปรโต กาลนฺตเรน ปกตึ ชหติ ทธิภาวํ ปาปุณาติ, เอวเมวํ ปาปกมฺมมฺปิ กิริยกฺขเณเยว น วิปจฺจติ. ยทิ วิปจฺเจยฺย, นานาคตีนํ สภาวฏฺานํ สิยา, น โกจิ ปาปกมฺมํ กาตุํ วิสเหยฺย. ยาว ปน กุสลาภินิพฺพตฺตกฺขนฺธา จรนฺติ, ตาว ตํ เต รกฺขนฺติ, เตสํ เภทา อปาเยสุ นิพฺพตฺตาปนวเสน วิปจฺจติ. วิปจฺจมานฺจ ฑหนฺตํ พาลมนฺเวติ, กึ วิย? ภสฺมจฺฉนฺโนว ปาวโก. ยถา หิ ฉาริกาย ปฏิจฺฉนฺโน วีตจฺจิตงฺคาโร อกฺกนฺโตปิ ฉาริกาย ปฏิจฺฉนฺนตฺตา น ตาว ฑหติ, ฉาริกํ ปน ตาเปตฺวา จมฺมาทีนิ ฑหนวเสน ยาว มตฺถลุงฺคา ฑหนฺโต คจฺฉติ, เอวเมวํ ปาปกมฺมมฺปิ เยน กตํ, ตํ พาลํ ทุติเย วา ตติเย วา อตฺตภาเว นิรยาทีสุ นิพฺพตฺตํ ฑหนฺตํ อนุคจฺฉตีติ.
ยสฺสินฺทฺริยานีติ ตตฺถายํ สงฺเขปตฺโถ – ยสฺส ภิกฺขุโน เฉเกน สารถินา สุทนฺตา อสฺสา วิย ฉ อินฺทฺริยานิ สมถํ ทนฺตภาวํ นิพฺพิเสวนภาวํ คตานิ, ตสฺส นววิธํ มานํ ปหาย ิตตฺตา ปหีนมานสฺส จตุนฺนํ อาสวานํ อภาเวน อนาสวสฺส ตาทิภาเว ิตสฺส ตถารูปสฺส เทวาปิ ปิหยนฺติ, มนุสฺสาปิ ทสฺสนฺจ อาคมนฺจ ปตฺเถนฺติเยวาติ. อาหาเร สตีติ อาหารปฏิพทฺเธ ฉนฺทราเค อปฺปหีเน สติ.
สพฺพา ทิสา อนุปริคมฺม เจตสาติ ปริโต ทสปิ ทิสา จิตฺเตน อนุคนฺตฺวา. เนวชฺฌคาติ เนว อธิคจฺเฉยฺย. ปิยตรนฺติ อติสเยน ปิยํ. อตฺตนาติ อตฺตโต. เอวํ ปิโย ปุถุ อตฺตา ปเรสนฺติ เอวํ กสฺสจิปิ อตฺตนา ปิยตรสฺส อนุปลพฺภนวเสน วิสุํ วิสุํ ปเรสํ สตฺตานํ อตฺตา ปิโย. ยสฺมา จ เอตเทว, ตสฺมา น หึเส ปรํ อตฺตกาโม อตฺตโน สุขกาโมติ.
ภูตาติ ชาตา นิพฺพตฺตา. ภวิสฺสนฺตีติ นิพฺพตฺติสฺสนฺติ. ภูตาติ วา ขีณาสวา. เต หิ ปหีนภวตฺตา ภูตา เอว. คมิสฺสนฺตีติ ปรโลกํ คมิสฺสนฺติ. ขีณาสวา ปน อนุปาทิเสสํ นิพฺพานํ.
ปิโย ¶ จ โหตีติ สุปริสุทฺธาย สีลสมฺปตฺติยา, สุปริสุทฺธาย จ ทิฏฺิสมฺปตฺติยา สมนฺนาคโต ปิโย ปิยายิตพฺโพ โหติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘สีลทสฺสนสมฺปนฺนํ ¶ , ธมฺมฏฺํ สจฺจวาทินํ;
อตฺตโน กมฺมกุพฺพานํ, ตํ ชโน กุรุเต ปิย’’นฺติ. (ธ. ป. ๒๑๗);
ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ครุกาตพฺพตาย ครุ. อุตฺตริมนุสฺสธมฺมวเสน สมฺภาเวตพฺพตาย ภาวนีโย. สีลคุเณน วา ปิยครุอาทิภาวา เวทิตพฺพา. ตถา หิ วุตฺตํ – ‘‘อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ‘สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จ อสฺสํ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จา’ติ, สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี’’ติ (ม. นิ. ๑.๖๕).
วตฺตาติ ‘‘กาเลน วกฺขามี’’ติอาทิปฺจธมฺเม อตฺตนิ อุปฏฺาเปตฺวา สพฺรหฺมจารีนํ อุลฺลุมฺปนภาเว ตฺวา วตฺตา. วจนกฺขโมติ สพฺรหฺมจารีหิ เยน เกนจิ วุจฺจมาโน สุพฺพโจ หุตฺวา ปทกฺขิณคฺคาหิตาย เตสํ วจนํ ขมตีติ วจนกฺขโม. วตฺตาติ วา ธมฺมกถาวเสน วจนสีโล. วจนกฺขโมติ ธมฺมํ สํวณฺเณนฺโต ปเรหิ อสํหีโร หุตฺวา เตสํ ปุจฺฉาวจนกฺขมตาย วจนกฺขโม. คมฺภีรฺจ กถํ กตฺตาติ สจฺจปฏิจฺจสมุปฺปาทาทึ, อฺํ วา คมฺภีรกถํ กตฺตา. น จฏฺาเน นิโยชโกติ ธมฺมวินยาทึ อธมฺมาวินยาทิวเสน อวตฺวา ธมฺมวินยาทิวเสเนว ทีปนโต น จ อฏฺาเน นิโยชโก.
มาตรํ ปิตรํ หนฺตฺวาติ เอตฺถ ‘‘ตณฺหา ชเนติ ปุริส’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๕๕-๕๗) วจนโต ตีสุ ภเวสุ สตฺตานํ ชนนโต ตณฺหา มาตา นาม. ‘‘อหํ อสุกสฺส นาม รฺโ, ราชมหามตฺตสฺส วา ปุตฺโต’’ติ ปิตรํ นิสฺสาย อสฺมิมานสฺส อุปฺปชฺชนโต อสฺมิมาโน ปิตา นาม. โลโก วิย ราชานํ ยสฺมา สพฺพทิฏฺิคตานิ ทฺเว สสฺสตุจฺเฉททิฏฺิโย ภชนฺติ, ตสฺมา สสฺสตุจฺเฉททิฏฺิโย ทฺเว ขตฺติยา ราชาโน นาม. ทฺวาทสายตนานิ วิตฺถตฏฺเน รฏฺสทิสตฺตา รฏฺํ นาม. อายสาธโก อายุตฺตกปุริโส วิย ตํนิสฺสิโต นนฺทิราโค อนุจโร นาม.
อนีโฆติ นิทฺทุกฺโข. พฺราหฺมโณติ ขีณาสโว. เอเตน หิ ตณฺหาทโย อรหตฺตมคฺคาณาสินา หตา พาหิตา. ยาตีติ โส พฺราหฺมโณ นิทฺทุกฺโข หุตฺวา ยาตีติ.
กาเยติ ¶ กรชกาเย. จิตฺตนฺติ ปาทกชฺฌานจิตฺตํ. สโมทหตีติ ปกฺขิปติ. ยทา ทิสฺสมาเนน กาเยน คนฺตุกาโม โหติ, ตทา กายคติกํ ¶ ปาทกชฺฌานจิตฺตํ อธิฏฺหตีติ อตฺโถ. จิตฺเตปิ กายํ สโมทหตีติ ยทา สีฆํ คนฺตุกาโม โหติ, ตทา ปาทกชฺฌานจิตฺเต กายํ ปกฺขิปติ, จิตฺตคติกํ กายํ อธิฏฺหตีติ อตฺโถ. กาเย สุขสฺฺจ ลหุสฺฺจ โอกฺกมิตฺวาติ ‘‘เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺยา’’ติ วุตฺตนเยน (มหาว. ๘, ๑๓๗; ที. นิ. ๒.๖๖; ม. นิ. ๑.๒๘๒; ๒.๓๓๘; สํ. นิ. ๑.๑๗๒) อิทฺธิมา กาเย สุขสฺฺจ ลหุสฺฺจ โอกฺกมิตฺวา ปเรสํ ทิสฺสมาเนน กาเยน อารามรามเณยฺยกาทีนิ เปกฺขมาโน จิตฺตกฺขเณเนว อิจฺฉิตฏฺานํ คจฺฉติ.
ยํ ตํ โลกุตฺตรํ าณนฺติ สพฺพํ โลกํ อุตฺตริตฺวา อภิภวิตฺวา ิตตฺตา วุตฺตํ, น ปน โลกุตฺตรภูมิกตฺตา. สพฺพกาเล ปวตฺตตีติ อาวชฺชนปฏิพทฺธวุตฺติตฺตา วุตฺตํ, น สตตํ สมิตํ ปวตฺตตีติ. น หิ สพฺพฺุตฺาณํ ภควโต สพฺพสฺมึเยว กาเล อุปฺปชฺชตีติ สกฺกา วตฺตุนฺติ.
กิตฺตยิสฺสามิ เต สนฺตินฺติ สพฺพกิเลสวูปสมเหตุตาย สนฺตึ นิพฺพานํ ทสฺเสสฺสามิ. ทิฏฺเ ธมฺเมติ ทิฏฺเ ทุกฺขาทิธมฺเม, อิมสฺมึ เอว วา อตฺตภาเว. อนีติหนฺติ อิติหาสาติ เอวํ น อิติกิราย ปวตฺตํ, อตฺตปจฺจกฺขนฺติ อตฺโถ. ยํ วิทิตฺวา สโต จรนฺติ ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติอาทินา (ธ. ป. ๒๗๗; เถรคา. ๖๗๖; เนตฺติ. ๕) นเยน สโต หุตฺวา จรนฺโต อริยมคฺเคน ยํ สนฺตึ วิทิตฺวา. ตเร โลเก วิสตฺติกนฺติ สงฺขารโลเก วิสปฺปนโต วิสตฺติกสงฺขาตํ ตณฺหํ ตเร ตเรยฺย สมติกฺกเมยฺยาติ อตฺโถ.
ตฺจาหํ อภินนฺทามีติ ตํ วุตฺตปฺปการํ สนฺติโชตกํ ตุมฺหากํ วจนํ อหํ ปตฺถยามิ, ตํ เอว วา สนฺตึ อุตฺตมํ อภินนฺทามีติ โธตโก วทติ. อุทฺธํ อโธ ติริยฺจาปิ มชฺเฌติ เอตฺถ อุทฺธนฺติ อนาคตํ อุปริ จ. อโธติ อตีตํ เหฏฺา จ. ติริยฺจาปิ มชฺเฌติ ปจฺจุปฺปนฺนํ ปริโต จ. เอตํ วิทิตฺวา สงฺโคตีติ เอตํ อนาคตาทึ สงฺคชนนฏฺานนฺติ ตฺวา. ภวาภวายาติ ขุทฺทกานฺเจว มหนฺตานฺจ ภวานํ อตฺถาย, สสฺสตุจฺเฉทาย วา.
อริยสจฺจานนฺติ ¶ อริยภาวกรานํ สจฺจานํ. อนนุโพธาติ อพุชฺฌเนน อชานเนน. อปฺปฏิเวธาติ ¶ อปฺปฏิวิชฺฌเนน. สนฺธาวิตนฺติ ภวโต ภวสฺส คมเนน สนฺธาวิตํ. สํสริตนฺติ ปุนปฺปุนํ คมนวเสน สํสริตํ. มมฺเจว ตุมฺหากฺจาติ มยา เจว ตุมฺเหหิ จ. อถ วา สนฺธาวิตํ สํสริตนฺติ สนฺธาวนํ สํสรณํ มมฺเจว ตุมฺหากฺจ อโหสีติ อตฺโถ. ภวเนตฺตีติ ภวาภวํ นยนสมตฺถา ตณฺหารชฺชุ. สํสิตนฺติ สํสริตํ. สมูหตาติ สุฏฺุ หตา ฉินฺนา อปฺปวตฺติกตา.
สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจาติ ปจฺจเยหิ สงฺขรียนฺตีติ ‘‘สงฺขารา’’ติ ลทฺธนามา ปฺจกฺขนฺธา. อาทิอนฺตวนฺตโต อนิจฺจนฺติกโต ตาวกาลิกโต ขณปริตฺตโต จ น นิจฺจาติ อนิจฺจา. ยทา ปฺาย ปสฺสตีติ ยทา วิปสฺสนาปฺาย ปสฺสติ. อถ อิมสฺมึ วฏฺฏทุกฺเข นิพฺพินฺทติ, นิพฺพินฺทนฺโต ทุกฺขปริชานนาทิวเสน สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌติ. เอส มคฺโค วิสุทฺธิยาติ ยฺวายํ วุตฺตนเยน สจฺจปฺปฏิเวโธ, เอส วิสุทฺธตฺถาย มคฺโค. สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขาติ สพฺเพ สงฺขารา อภิณฺหสมฺปฏิปีฬนฏฺเน ขยฏฺเน จ ทุกฺขาติ. เสสํ วุตฺตนยเมว. สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตาติ สพฺเพปิ เตภูมกธมฺมา ปรโต ตุจฺฉโต สฺุโต อสารโต อวสวตฺตนโต จ อนตฺตาติ. เสสํ ปุริมสทิสเมว.
เสยฺโยติ วิสิฏฺโ อุตฺตโม. สทิโสติ สมาโน. หีโนติ ลามโก. โอมาโนปิ หิ อตฺตโน อวงฺกรณมุเขนปิ สํปคฺคณฺหนวเสเนว ปวตฺตติ. เตน วุตฺตํ ‘‘หีโนหมสฺมี’’ติ. กิมฺตฺร ยถาภูตสฺส อทสฺสนาติ สรสปภงฺคุตาย เอกนฺเตเนว อนวฏฺิตสภาเวหิ รูปธมฺเมหิ เสยฺยาทิวเสน อตฺตโน อุกฺขิปนสฺส เตสํ ยถาภูตํ อทสฺสนํ อฺาณํ วินา กึ อฺํ การณํ สิยา, อฺํ กิฺจิ การณํ ตสฺส นตฺถีติ อตฺโถ. เวทนาทีสุปิ เอเสว นโย. วุตฺตวิปริยาเยน สุกฺกปกฺโข เวทิตพฺโพ.
เย อริยสจฺจานิ วิภาวยนฺตีติ ทุกฺขาทีนิ อริยสจฺจานิ ปฺาโอภาเสน สจฺจปฺปฏิจฺฉาทกกิเลสนฺธการํ วิธเมตฺวา อตฺตโน ปกาสานิ ปากฏานิ กโรนฺติ. คมฺภีรปฺเนาติ อปฺปเมยฺยปฺตาย สเทวกสฺสปิ โลกสฺส าเณน อลพฺภเนยฺยปติฏฺปฺเน สพฺพฺุนาติ วุตฺตํ ¶ โหติ. สุเทสิตานีติ สงฺเขปวิตฺถาราทีหิ เตหิ เตหิ นเยหิ สุฏฺุ เทสิตานิ. กิฺจาปิ เต โหนฺติ ภุสํ ปมตฺตาติ เต วิภาวิตอริยสจฺจา ปุคฺคลา กามํ เทวรชฺชจกฺกวตฺติรชฺชาทิปมาทฏฺานํ อาคมฺม ภุสํ ปมตฺตา โหนฺติ, ตถาปิ โสตาปตฺติมคฺคาเณน อภิสงฺขารวิฺาณสฺส นิโรเธน เปตฺวา สตฺต ภเว อนมตคฺเค สํสาเร เย ¶ อุปฺปชฺเชยฺยุํ นามฺจ รูปฺจ, เตสํ นิรุทฺธตฺตา น อฏฺมํ ภวํ อาทิยนฺติ, สตฺตมภเวเยว ปน วิปสฺสนํ อารภิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณนฺตีติ อตฺโถ.
ยถินฺทขีโลติ เอตฺถ ยถาติ อุปมาวจนํ. อินฺทขีโลติ นครทฺวารถิรกรณตฺถํ อุมฺมารพฺภนฺตเร อฏฺ วา ทส วา หตฺเถ ปถวึ ขณิตฺวา อาโกฏิตสฺส สารทารุมยสฺส ถมฺภสฺเสตํ อธิวจนํ. ปถวิสฺสิโต สิยาติ คมฺภีรเนมิตาย อนฺโต ปวิสิตฺวา ภูมินิสฺสิโต สิยา ภเวยฺย. จตุพฺภิ วาเตหีติ จตูหิ ทิสาหิ อาคตวาเตหิ. อสมฺปกมฺปิโยติ กมฺเปตุํ วา จาเลตุํ วา อสกฺกุเณยฺโย. ตถูปมํ…เป… ปสฺสตีติ โย จตฺตาริ อริยสจฺจานิ ปฺาย อชฺโฌคาเหตฺวา ปสฺสติ, ตํ สปฺปุริสํ อุตฺตมปุริสํ ตถา ทสฺสนโต สพฺพติตฺถิยวาทวาเตหิ อสมฺปกมฺปิยตาย ตถูปมํ ยถาวุตฺตอินฺทขีลูปมํ วทามีติ อตฺโถ.
โสตาปตฺติยงฺเคหีติ อริยโสตาปชฺชนสฺส องฺคภูเตหิ. อริยสาวโกติ อริยสฺส พุทฺธสฺส ภควโต สทฺธมฺมสฺสวนนฺเต ชาตตฺตา อริยสาวโก. ขีณนิรโยมฺหีติ ขีณนิรโย อมฺหิ. ขีณาปายทุคฺคติวินิปาโตติ อิทํ นิรยาทีนํเยว เววจนวเสน วุตฺตํ. นิรยาทโย หิ วฑฺฒิสงฺขาตโต อยโต อเปตตฺตา อปายา. ทุกฺขสฺส คติ ปฏิสรณนฺติ ทุคฺคติโย. ทุกฺกฏการิโน วิวสา เอตฺถ นิปตนฺตีติ วินิปาตา. โสตํ อริยมคฺคํ อาทิโต ปตฺโต อธิคโตติ โสตาปนฺโน. อกุปฺปธมฺมตาย มคฺคผลานํ ปุถุชฺชนภาวสงฺขาเต วิรูเป น นิปตนสภาโวติ อวินิปาตธมฺโม. ตโต เอว ธมฺมนิยาเมน นิยตตาย นิยโต. อุปริมคฺคตฺตยสงฺขาตา สมฺโพธิ อวสฺสํ ปตฺตพฺพตาย อสฺส ปรํ อยนํ คติ ปฏิสรณนฺติ สมฺโพธิปรายโณ.
นิวิฏฺาติอาทีนิ ปทานิ อฺมฺเววจนาเนว. สหธมฺมิยาติ สพฺรหฺมจาริโน. อริยกนฺเตหีติ อริยานํ กนฺเตหิ ปิเยหิ มนาเปหิ. ปฺจ สีลานิ ¶ หิ อริยสาวกานํ กนฺตานิ โหนฺติ, ภวนฺตเรปิ อวิชหนโต. ตานิ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. สพฺโพปิ ปเนตฺถ สํวโร ลพฺภติเยว. โสตาปนฺโนหมสฺมีติ อิทํ เทสนาสีสเมว. สกทาคามิอาทโยปิ ‘‘สกทาคามีหมสฺมี’’ติอาทินา นเยน พฺยากโรนฺติเยว. ยโต สพฺเพสมฺปิ สิกฺขาปทาวิโรเธน ยุตฺตฏฺาเน พฺยากรณํ อนฺุาตเมวาติ.
ยสฺสินฺทฺริยานีติ ยสฺส อริยปุคฺคลสฺส สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ. สุภาวิตานีติ อริยมคฺคภาวนาวเสน สุฏฺุ ภาวิตานิ. อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา จาติ โอรมฺภาคิยานํ อุทฺธมฺภาคิยานฺจ ¶ สํโยชนานํ ปชหนวเสน. เตนาห ‘‘สพฺพโลเก’’ติ. นิพฺพิชฺฌาติ นิพฺพิชฺฌิตฺวา ปฏิวิชฺฌิตฺวา.
ธมฺมปทานีติ ธมฺมโกฏฺาสานิ. อนภิชฺฌา ธมฺมปทํ นาม อโลโภ วา อโลภสีเสน อธิคตฌานวิปสฺสนามคฺคผลนิพฺพานานิ วา ทสอสุภวเสน วา อธิคตฌานาทีนิ อนภิชฺฌา ธมฺมปทํ. จตุพฺรหฺมวิหารวเสน อธิคตานิ อพฺยาปาโท ธมฺมปทํ. ทสานุสฺสติอาหาเรปฏิกฺกูลสฺาวเสน อธิคตานิ สมฺมาสติ ธมฺมปทํ. ทสกสิณอานาปานวเสน อธิคตานิ สมฺมาสมาธิ ธมฺมปทํ.
ปฺจ ฉินฺเทติ เหฏฺา อปายุปปตฺติสํวตฺตนิกานิ ปฺจ โอรมฺภาคิยสํโยชนานิ ปาเท พทฺธรชฺชุํ วิย ปุริโส สตฺเถน เหฏฺา มคฺคตฺตเยน ฉินฺเทยฺย. ปฺจ ชเหติ อุปริเทวโลกสมฺปาปกานิ ปฺจ อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานิ ปุริโส คีวาย พทฺธรชฺชุํ วิย อรหตฺตมคฺเคน ชเหยฺย ฉินฺเทยฺเยวาติ อตฺโถ. ปฺจ จุตฺตริ ภาวเยติ อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานํ ปหานตฺถาย สทฺธาทีนิ ปฺจินฺทฺริยานิ อุตฺตริ ภาเวยฺย. ปฺจ สงฺคาติโคติ เอวํ สนฺเต ปฺจนฺนํ ราคโทสโมหมานทิฏฺิสงฺคานํ อติกฺกมเนน ปฺจสงฺคาติโค หุตฺวา ภิกฺขุ ‘‘โอฆติณฺโณ’’ติ วุจฺจติ, นิตฺติณฺณจตุโรโฆติ วุจฺจตีติ อตฺโถ.
อนฺาตํ อปฺปฏิวิทฺธํ จตุสจฺจธมฺมํ, อมตปทํเยว วา สฺสามิ ชานิสฺสามีติ ปฏิปนฺนสฺส ปมมคฺคฏฺสฺส อินฺทฺริยนฺติ อนฺาตฺสฺสามีตินฺทฺริยํ. ปมมคฺคาณฺหิ ตํปุพฺพภาควเสน เอวํ วุตฺตํ. อาชานาติ ปมมคฺเคน าตมริยาทํ อนติกฺกมิตฺวา ชานาตีติ อฺโ, ตสฺส อินฺทฺริยนฺติ อฺินฺทฺริยํ, เหฏฺา ตีสุ ผเลสุ, อุปริ ตีสุ มคฺเคสุ จ าณสฺเสตํ อธิวจนํ. อฺาตาวิโน จตูสุ สจฺเจสุ นิฏฺิตกิจฺจสฺส อรหโต ¶ อินฺทฺริยนฺติ อฺาตาวินฺทฺริยํ, อคฺคผลาณสฺเสตํ อธิวจนํ. อนภิสเมตสฺสาติ อปฺปฏิวิทฺธสฺส. อภิสมยายาติ ปฏิเวธาย.
พาลลกฺขณานีติ พาลสฺส อุปลกฺขณการณานิ. พาลนิมิตฺตานีติ ‘‘พาโล อย’’นฺติ คเหตุํ นิมิตฺตานิ การณานิ. พาลาปทานานีติ พาลสฺส โปราณานิ วิรุฬฺหานิ กมฺมานิ. ‘‘ทุจฺจินฺติตจินฺตี’’ติอาทีสุ ทุจฺจินฺติตํ อภิชฺฌํ พฺยาปาทํ มิจฺฉาทสฺสนฺจ จินฺเตตีติ ¶ ทุจฺจินฺติตจินฺตี. ทุพฺภาสิตํ มุสาวาทาทึ ภาสตีติ ทุพฺภาสิตภาสี. ทุกฺกฏํ ปาณาติปาตาทิกมฺมํ กโรตีติ ทุกฺกฏกมฺมการี. วุตฺตวิปริยาเยน สุกฺกปกฺโข เวทิตพฺโพ.
ภิยฺโยติ อุปรูปริ. ปกุชฺเฌยฺยุนฺติ วิรุชฺเฌยฺยุํ. ‘‘ปกุปฺเปยฺยุ’’นฺติปิ ปาโ. ภุเสนาติ ทฬฺเหน. ทณฺเฑนาติ ทณฺฑทาเนน. ธีโรติ ปณฺฑิโต สปฺปฺชาติโก. นิเสธเยติ ปฏิพาเหยฺย. ปุน กิฺจิ กาตุํ วตฺตุํ วา อสมตฺถํ กเรยฺยาติ อตฺโถ.
ปรนฺติ ปจฺจตฺถิกํ. โย สโต อุปสมฺมตีติ โย สติมา หุตฺวา อุปสมฺมติ, ตสฺส อุปสมํเยวาหํ พาลสฺส ปฏิเสธนํ มฺามีติ อตฺโถ.
วชฺชนฺติ โทสํ. ยทา นํ มฺตีติ ยสฺมา นํ มฺติ. อชฺฌารุหตีติ อชฺโฌตฺถรติ. โคว ภิยฺโย ปลายินนฺติ ยถา โคยูเถ ตาวเทว ทฺเว คาโว ยุชฺฌนฺเต โคคโณ โอโลเกนฺโต ติฏฺติ ยาว น เอโก ปลายติ, ยทา ปน ปลายติ, อถ ตํ ปลายีนํ สพฺโพ โคคโณ ภิยฺโย อชฺโฌตฺถรติ, เอวํ ทุมฺเมโธ ขมนฺตํ ภิยฺโย อชฺโฌตฺถรตีติ อตฺโถ.
สทตฺถปรมาติ สกตฺถปรมา. ขนฺตฺยา ภิยฺโย น วิชฺชตีติ เตสุ สกตฺถปรเมสุ อตฺเถสุ ขนฺติโต อุตฺตริตโร อฺโ อตฺโถ น วิชฺชติ. ตมาหุ ปรมํ ขนฺตินฺติ โย พลวา ติติกฺขติ, ตสฺส ตํ ขนฺตึ ปรมํ อาหุ. พาลพลํ นาม อฺาณพลํ. ตํ ยสฺส พลํ, อพลเมว ตํ, น ตํ พลนฺติ อาหุ กเถนฺติ ทีเปนฺติ. ธมฺมคุตฺตสฺสาติ ธมฺเมน รกฺขิตสฺส ธมฺมํ วา รกฺขนฺตสฺส. ปฏิวตฺตาติ ปฏิปฺผริตฺวา วตฺตา, ปฏิปฺปริตฺวา วา ยํ วา ตํ วา วเทยฺยาสิ. ธมฺมฏฺํ ปน จาเลตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. ตสฺเสว เตน ปาปิโยติ เตน โกเธน ตสฺเสว ปุคฺคลสฺส ปาปํ โหติ. กตรสฺสาติ ¶ ? โย กุทฺธํ ปฏิกุชฺฌติ, ตสฺส. ตตฺถ กุทฺธนฺติ สมฺปทาเน อุปโยควจนํ, กุทฺธสฺสาติ อตฺโถ. ติกิจฺฉนฺตานนฺติ เอกวจเน พหุวจนํ, ติกิจฺฉนฺตนฺติ อตฺโถ. ชนา มฺนฺตีติ เอวรูปํ อตฺตโน จ ปรสฺส จาติ อุภินฺนํ อตฺถํ ติกิจฺฉนฺตํ นิปฺผาเทนฺตํ ปุคฺคลํ ‘‘พาโล อย’’นฺติ อนฺธพาลปุถุชฺชนา เอวํ มฺนฺติ. เย ธมฺมสฺส อโกวิทาติ เย จตุสจฺจธมฺเม อโกวิทา อจฺเฉกา, เต เอวํ มฺนฺตีติ อตฺโถ.
ปตฺตนฺติ อธิคตํ เอตรหิ อนุภุยฺยมานํ กามูปกรณํ ปตฺตพฺพนฺติ ตเทว อนาคเต อธิคนฺตพฺพํ อนุภวิตพฺพํ, อุภยเมตํ รชานุกิณฺณนฺติ ตทุภยมฺปิ ราครชาทีหิ อวกิณฺณํ ¶ . อาตุรสฺสาติ ราคาทิกิเลสาตุรสฺส. อนุสิกฺขโตติ กิเลสพหุลปุคฺคเล อนุสิกฺขโต. เย จ สิกฺขาสาราติ เย ยถาสมาทินฺนํ สีลวตาทิสงฺขาตํ สิกฺขํ สารโต คเหตฺวา ิตา. เตนาห – ‘‘สีลํ วตํ ชีวิตํ พฺรหฺมจริย’’นฺติ. ตตฺถ ยํ ‘‘น กโรมี’’ติ โอรมติ, ตํ สีลํ. ยํ เวสโภชนกิจฺจจรณาทิ, ตํ วตํ. ชีวิตนฺติ อาชีโว. พฺรหฺมจริยนฺติ เมถุนวิรติ. อุปฏฺานสาราติ เอเตสํ สีลาทีนํ อนุฏฺานสารา. เอเตหิ เอว สํสารสุทฺธีติ ตานิ สารโต คเหตฺวา ิตาติ อตฺโถ.
อิจฺเจเต อุโภ อนฺตาติ อิติ สีลพฺพตปรามาสมุเขน อตฺตกิลมถานุโยโค, กาเมสุ อนวชฺชสฺิตามุเขน กามสุขลฺลิกานุโยโค จาติ เอเต อุโภ อนฺตา. เต จ โข ยถากฺกมํ อายตึ ปตฺตพฺเพ, เอตรหิ ปตฺเต จ ราครชาทิโอกิณฺเณ กามคุเณ อลฺลีเนหิ กิเลสาตุรานํ อนุสิกฺขนฺเตหิ, สยฺจ กิเลสาตุเรเหว ปฏิปชฺชิตพฺพา, ตโต เอว จ เต กฏสิวฑฺฒนา อปราปรํ ชรามรเณหิ สิวถิกาย วฑฺฒนสีลา เอกนฺเตเนว กฏสึ วฑฺเฒนฺติ, สยํ วฑฺฒนฺตา ปเร จ อนฺตทฺวเย สมาทเปนฺตา วฑฺฒาเปนฺติ จาติ อตฺโถ.
อุโภ อนฺเต อนภิฺายาติ ยถาวุตฺเต อุโภ อนฺเต อชานิตฺวา. โอลียนฺติ เอเกติ ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติ โอลียนตณฺหาภินิเวสวเสน อวลียนฺติ เอกจฺเจ. อติธาวนฺติ เอเกติ เอกจฺเจ – ‘‘อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสติ อตฺตา จ โลโก จา’’ติ อติธาวนาภินิเวสวเสน อติกฺกมนฺติ.
น ¶ อมฺึสุ เตสฺจ ตณฺหาทิมฺนานํ ปหีนตฺตา. ตโต เอว อนุปาทาปรินิพฺพานโต ติวิธมฺปิ วฏฺฏํ เตสํ ปฺาปนาย นตฺถีติ.
ชฺาติ ชาเนยฺย. สํยุเชติ สํโยเชยฺย. มานุสนฺติ มนุสฺสานํ อิทนฺติ มานุสํ, มนุสฺสภวปริยาปนฺนํ. กิฺหิ ตสฺส สกํ โหตีติ ตสฺส มจฺจุมุขํ ปวิสนฺตสฺส สตฺตสฺส กึ อฺํ สกํ นาม อฺตฺร กลฺยาณกมฺมโต. กมฺมสฺสกา หิ สตฺตา. เตนาห – ‘‘ตสฺมา กเรยฺย กลฺยาณ’’นฺติอาทิ. ตตฺถ สมฺปรายิกนฺติ สมฺปรายผลนิพฺพตฺตกํ.
อิเม ธมฺมาติ อิเม กุสลา วา อกุสลา วา ธมฺมา. เอวํคหิตาติ เอวํ สมาทินฺนา ¶ อุปฺปาทิตา. อิทํ ผลนฺติ อิทํ อิฏฺวิปากํ อนิฏฺวิปากฺจ ผลํ. อยมตฺโถติ อยํ วุฑฺฒิ, อยํ หานีติ อตฺโถ. อฺมฺปิ เอวํชาติยนฺติ เอกํสพฺยากรณียํ วทติ.
อากงฺขโต น ชาเนยฺยุนฺติ ตตฺถ เยน เหตุนา ภควโต ยา อากงฺขา, สา อฺเสํ อวิสโยติ อาห – ‘‘กินฺตํ ภควา อากงฺขตีติ. อิทํ อวิสชฺชนีย’’นฺติ.
เอตฺตโกติ เอตปริมาโณ. สีลกฺขนฺเธติ สีลกฺขนฺธเหตุ. ‘‘สีลกฺขนฺเธนา’’ติปิ ปาโ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. อิริยายนฺติ กายวจีสมาจาเร. ปภาเวติ อานุภาเว. หิเตสิตายนฺติ เมตฺตาย. อิทฺธิยนฺติ อิทฺธิวิธาย. เอตฺตกา พุทฺธคุณา, เต จ ปจฺเจกํ เอวํปภาวา. ตถา มคฺคผลนิพฺพานานิ เอวมานุภาวานิ. อริยสงฺโฆ เอวํวิธคุเณหิ ยุตฺโตติ.
ติณฺณํ รตนานํ มหานุภาวตา น สพฺพถา อฺเสํ วิสโย, ภควโต เอว วิสโยติ อาห – ‘‘พุทฺธวิสโย อวิสชฺชนีโย’’ติ. เตน โย อฺโปิ อตฺโถ พุทฺธวิสโย, โส อวิสชฺชนีโยติ ทสฺเสติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา – ‘‘พุทฺธวิสโย อจินฺเตยฺโย น จินฺเตตพฺโพ, ยํ จินฺเตนฺโต อุมฺมาทสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติ (อ. นิ. ๔.๗๗). กตมา ปุพฺพา โกฏีติ อวิสชฺชนียนฺติ ‘‘กตมา ปุพฺพา โกฏี’’ติ เกนจิ กตํ ปุจฺฉนํ อวิสชฺชนียํ. กสฺมา? สํสารสฺส ปุริมาย โกฏิยา อภาวโต. เตเนวาห – ‘‘ปุริมา, ภิกฺขเว, โกฏิ น ปฺายตี’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๖๑). ตตฺถ น ปฺายตีติ ¶ น ทิสฺสติ, น อุปลพฺภตีติ อตฺโถ. น ปฺายตีติ อฺสฺส าณวิสโย น โหตีติ ปน อตฺถํ สนฺธาย ‘‘น ปฺายตีติ สาวกานํ าณเวกลฺเลนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อตฺตูปนายิกาติ อตฺตา อุปเนตพฺโพ เอติสฺสาติ อตฺตูปนายิกา. นตฺถิ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ อวิชานนาติ เอเตน ปุริมาย โกฏิยา อภาวโต เอว น ปฺายติ, น ตตฺถ าณสฺส ปฏิฆาโตติ ทสฺเสติ.
ยํ ปน อตฺถิ, ตํ อฺเสํ อปฺปเมยฺยมฺปิ ภควโต น อปฺปเมยฺยนฺติ ภควโต สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตฺาณตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา ภควา โกกาลิกํ ภิกฺขุํ อารพฺภา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อฺตรํ ภิกฺขุนฺติ นามโคตฺเตน อปากฏํ. ‘‘กีว ทีฆํ นุ โข, ภนฺเต, ปทุเม นิรเย อายุปฺปมาณ’’นฺติ ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา นิสินฺนํ เอกํ ภิกฺขุํ เอวมาหาติ. เอตฺถายํ ปาเสโส – ทีฆํ โข, ภิกฺขุ, ปทุเม นิรเย อายุปฺปมาณํ, ตํ น สุกรํ สงฺขาตุํ ‘‘เอตฺตกานิ วสฺสานี’’ติ วา ‘‘เอตฺตกานิ วสฺสสตานี’’ติ วา ‘‘เอตฺตกานิ วสฺสสหสฺสานี’’ติ วา ‘‘เอตฺตกานิ ¶ วสฺสสตสหสฺสานี’’ติ วาติ. สกฺกา ปน, ภนฺเต, อุปมา กาตุนฺติ. ‘‘สกฺกา ภิกฺขู’’ติ ภควา อโวจ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติขาริโก โกสลโก ติลวาโห. ตโต ปุริโส วสฺสสตสฺส วสฺสสตสฺส อจฺจเยน เอกเมกํ ติลํ อุทฺธเรยฺย. ขิปฺปตรํ โข โส, ภิกฺขุ, วีสติขาริโก โกสลโก ติลวาโห อิมินา อุปกฺกเมน ปริกฺขยํ ปริยาทานํ คจฺเฉยฺย, น ตฺเวว เอโก อพฺพุโท นิรโย. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ อพฺพุทา นิรยา, เอวเมโก นิรพฺพุโท นิรโยติอาทิ (สํ. นิ. ๑.๑๘๑; อ. นิ. ๑๐.๘๙; สุ. นิ. โกกาลิกสุตฺต).
ตตฺถ วีสติขาริโกติ มาคธเกน ปตฺเถน จตฺตาโร ปตฺถา โกสลรฏฺเ เอโก ปตฺโถ โหติ. เตน ปตฺเถน จตฺตาโร ปตฺถา อาฬฺหกํ, จตฺตาริ อาฬฺหกานิ โทณํ, จตุโทณา มานิกา, จตุมานิกา ขารี. ตาย ขาริยา วีสติขาริโก ติลวาโห. ติลวาโหติ ติลสกฏํ. อพฺพุโท นิรโยติ อพฺพุโท นาม เอโก ปจฺเจกนิรโย นตฺถิ, อวีจิมฺหิ เอว ปน อพฺพุทคณนาย ปจฺจโนกาโส ‘‘อพฺพุโท นิรโย’’ติ วุตฺโต. เอส นโย นิรพฺพุทาทีสุปิ.
ตตฺถ วสฺสคณนาปิ เอวํ เวทิตพฺพา – ยถา หิ สตํสตสหสฺสานิ โกฏิ โหติ. เอวํ สตํสตสหสฺสโกฏิโย ปโกฏิ นาม. สตํสตสหสฺสปโกฏิโย ¶ โกฏิปโกฏิ นาม. สตํสตสหสฺสโกฏิปโกฏิโย นหุตํ. สตํสตสหสฺสนหุตานิ นินฺนหุตํ. สตํสตสหสฺสานิ นินฺนหุตานิ เอโก อพฺพุโท. ตโต วีสติคุโณ นิรพฺพุโท. เอส นโย สพฺพตฺถ. อยฺจ คณนา อปริจิตานํ ทุกฺกราติ วุตฺตํ – ‘‘ตํ น สุกรํ สงฺขาตุ’’นฺติ. เกจิ ปน ‘‘ตตฺถ ตตฺถ ปริเทวนานตฺเตน กมฺมการณนานตฺเตนปิ อิมานิ นามานิ ลทฺธานี’’ติ วทนฺติ. อปเร ‘‘สีตนรกา เอเต’’ติ. จิตฺตํ อาฆาเตตฺวาติ จิตฺตํ ปทูเสตฺวา.
กถํ ชิโนติ ปการปุจฺฉา. เกน ชิโนติ การณปุจฺฉา. เกน การเณน เกน เหตุนา กาย ปฏิปตฺติยา ชิโนติ ปุจฺฉติ. กถนฺติ ปน เกน ปกาเรน กึ อตีตานํ, อุทาหุ อนาคตานํ ปจฺจุปฺปนฺนานํ กิเลสานํ ปหาเนน ชิโนติ ปุจฺฉติ, ตสฺมา ตํ ‘‘วิสชฺชนีย’’นฺติ วุตฺตํ. กตโม ชิโนติ กึ รูปํ ชิโน, อุทาหุ เวทนา สฺา สงฺขารา วิฺาณํ ชิโน. รูปาทิวินิมุตฺโต วา อฺโ ชิโน, โย ‘‘อตฺตา’’ติ วุจฺจตีติ อิมมตฺถํ สนฺธายาห ‘‘อวิสชฺชนีย’’นฺติ. กิตฺตโกติ ปมาณโต กึปริมาโณ.
อตฺถิ ¶ ตถาคโตติ อตฺถิ สตฺโต. ยฺวายมายสฺมา ‘‘เอวํนาโม เอวํโคตฺโต’’ติ ปฺจกฺขนฺเธ อุปาทาย ปฺปียติ, ตสฺส ปุคฺคลสฺส อธิปฺเปตตฺตา วุตฺตํ ‘‘วิสชฺชนีย’’นฺติ. รูปํ ตถาคโตติ รูปํ อตฺตาติ สกฺกายทิฏฺิวเสน ปุจฺฉตีติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘อวิสชฺชนีย’’นฺติ. อิมินา นเยน สพฺพปเทสุ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
พาลํ ปีสมารุฬฺหนฺติอาทีนิ สามิอตฺเถ อุปโยควจนานิ. กาเยน ทุจฺจริตานีติ กาเยน ทุฏฺุ กตานิ. โอลพฺภนฺตีติ อวลมฺพนฺติ อวตฺถริยนฺติ. เสสปททฺวยํ ตสฺเสว เววจนํ. โอลมฺพนาทิอากาเรน หิ ตานิ อุปฏฺหนฺติ, ตสฺมา เอวํ วุตฺตํ. มหตนฺติ มหนฺตานํ. ปถวิยํ โอลมฺพนฺตีติ ปถวิตเล ปตฺถรนฺติ. เสสปททฺวยํ ตสฺเสว เววจนํ. ปตฺถรณากาโรเยว เหส. ตตฺร, ภิกฺขเว, พาลสฺสาติ ตสฺมึ อุปฏฺหนากาเร พาลสฺส เอวํ โหติ.
ลาภา ¶ โว, ภิกฺขเวติ ภิกฺขเว, เย อิเม ตุมฺเหหิ ปฏิลทฺธา มนุสฺสตฺตสทฺธาปฏิลาภาทโย, ลาภา โว ตุมฺหากํ ลาภา เอว. สุลทฺธนฺติ ยมฺปิทํ ปพฺพชิตฺวา จตุปาริสุทฺธิสีลาทิสมฺปาทนํ ลทฺธํ, ตมฺปิ สุลทฺธํ. ขโณ โว ปฏิลทฺโธติ อฏฺอกฺขณวชฺชิโต นวโมยํ ขโณ ปฏิลทฺโธ มคฺคพฺรหฺมจริยวาสาย. ‘‘ทิฏฺา มยา’’ติอาทินา เอกเทสนิทสฺสเนน อฏฺ อกฺขเณ วิภาเวติ.
ยหึ ยหินฺติ ยํ ยํ ทุคฺคตึ โย คจฺฉติ. โส นํ อธมฺโมติ โย อธมฺโม เตน จริโต, โส นํ อธมฺมจารึ ปุคฺคลํ. หนาตีติ พาธติ.
อปฺเปสกฺขตาติ อปฺปานุภาวตา. ทุพฺพณฺณตาติ วิรูปตา พีภจฺฉตา. ทุปฺปฺตาติ นิปฺปฺตา อเหตุกปฏิสนฺธิวเสน เอฬมูคตา.
วาจานุรกฺขีติ จตุนฺนํ วจีทุจฺจริตานํ ปริวชฺชเนน วาจานุรกฺขี. อภิชฺฌาทีนํ อนุปฺปาทเนน มนสา สุฏฺุ สํวุโต. ปาณาติปาตาทโย ปชหนฺโต กาเยน จ อกุสลํ น กยิรา, เอเต ตโย กมฺมปเถ วิโสธเย. เอวํ วิโสเธนฺโต หิ สีลกฺขนฺธาทีนํ เอสเกหิ พุทฺธาทีหิ อิสีหิ ปเวทิตํ อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ อาราเธยฺยาติ. ทุกฺกฏนฺติ กาเยน วาจาย มนสา จ ทุกฺกฏํ สาวชฺชํ ทุกฺขุทฺรยํ ทุคฺคติสํวตฺตนิยํ กมฺมํ ยสฺส นตฺถิ. สํวุตํ ตีหิ ¶ าเนหีติ เอเตหิ ตีหิ การเณหิ กายทุจฺจริตาทีนํ ปเวสนิวารณโต ปิหิตํ, ตํ อหํ ‘‘พฺราหฺมณ’’นฺติ วทามีติ.
อจฺจนฺตทุสฺสีลฺยนฺติ เอกนฺตทุสฺสีลภาโว. คิหี วาปิ ชาติโต ปฏฺาย ทส อกุสลกมฺมปเถ กโรนฺโต, ปพฺพชิโต วาปิ อุปสมฺปนฺนทิวสโต ปฏฺาย ครุกาปตฺตึ อาปชฺชมาโน อจฺจนฺตทุสฺสีโล นาม. อิธ ปน โย ทฺวีสุ ตีสุ อตฺตภาเวสุ ทุสฺสีโล, ตสฺส คติยา อาคตํ ทุสฺสีลภาวํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ทุสฺสีลภาโวติ เจตฺถ ทุสฺสีลสฺส ฉ ทฺวารานิ นิสฺสาย อุปฺปนฺนา ตณฺหา เวทิตพฺพา. มาลุวา สาลมิโวตฺถตนฺติ ยสฺส ปุคฺคลสฺส ตํ ตณฺหาสงฺขาตํ ทุสฺสีลฺยํ. ยถา นาม มาลุวา สาลํ โอตฺถตํ เทเว วสฺสนฺเต ปตฺเตหิ อุทกํ ปฏิจฺฉิตฺวา สํภฺชนวเสน สพฺพตฺถกเมว ปริโยนนฺธติ, เอวํ อตฺตภาวํ โอตฺถตํ ปริโยนนฺธิตฺวา ิตํ ¶ โส มาลุวาย สํภฺชิตฺวา ภูมิยํ ปาติยมาโน รุกฺโข วิย ตาย ทุสฺสีลฺยสงฺขาตาย ตณฺหาย สํภฺชิตฺวา อปาเยสุ ปาติยมาโน, ยถา นํ อนตฺถกาโม ทิโส อิจฺฉติ, ตถา อตฺตานํ กโรติ นามาติ อตฺโถ.
‘‘อตฺตนา หิ กต’’นฺติ คาถาย อยํ สงฺเขปตฺโถ – ยถา ปาสาณมยํ ปาสาณสมฺภวํ วชิรํ ตเมว อสฺมมยํ มณึ อตฺตโน อุฏฺานฏฺานสงฺขาตํ ปาสาณมณึ ขายิตฺวา ฉิทฺทาฉิทฺทํ ขณฺฑาขณฺฑํ กตฺวา อปริโภคํ กโรติ, เอวเมวํ อตฺตนา กตํ อตฺตนิ ชาตํ อตฺตสมฺภวํ ปาปํ ทุมฺเมธํ นิปฺปฺํ ปุคฺคลํ จตูสุ อปาเยสุ อภิมตฺถติ กนฺตติ วิทฺธํเสตีติ.
นิเสวิยาติ กตฺวา. ครหาติ คารยฺหา. พาลมตีติ มนฺทพุทฺธิโน. ขยา จ กมฺมสฺสาติ กมฺมกฺขยกราเณน กมฺมสฺส เขปนโต. วิมุตฺตเจตโสติ สมุจฺเฉทวิมุตฺติยา ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติยา จ วิมุตฺตจิตฺโต. นิพฺพนฺติ เต โชติริวินฺธนกฺขยาติ ยถา นาม อนุปาทาโน ชาตเวโท นิพฺพายติ, เอวเมวํ อภิสงฺขารสฺส วิฺาณสฺส อนวเสสกฺขยา นิพฺพายติ.
‘‘ยถาปิ ภมโร’’ติ คาถายํ ภมโรติ ยา กาจิ มธุกรชาติ. ปุปฺผนฺติ ปุปฺผาราเม จรนฺโต ปุปฺผฺจ ตสฺส วณฺณฺจ คนฺธฺจ อเหยํ อเหยนฺโต อวินาเสนฺโต จรตีติ อตฺโถ. เอวํ จริตฺวา จ ปเลติ รสมาทายาติ ยาวทตฺถํ รสํ ปิวิตฺวา อปรมฺปิ มธุกรณตฺถาย รสํ คเหตฺวา เฑติ. โส เอกํ วนคหนํ อชฺโฌคาเหตฺวา รุกฺขสุสิราทีสุ ตํ รชมิสฺสกํ รสํ เปตฺวา อนุปุพฺเพน มธุรรสํ มธุํ กโรติ, น ตสฺส ปุปฺผาราเม จริตปจฺจยา ปุปฺผํ วา ตสฺส วณฺโณ วา คนฺโธ วา วินสฺสติ, อถ โข ปุปฺผํ ปากติกเมว โหติ. เอวํ คาเม มุนี จเรติ เอวํ ¶ เสกฺโข อเสกฺโข วา อนคาริยมุนิ กุลปฏิปาฏิยา คาเม ภิกฺขํ คณฺหนฺโต จเรยฺยาติ อตฺโถ. น หิ ตสฺส คาเม จรณปจฺจยา สทฺธาหานิ วา โภคหานิ วา โหติ, สทฺธาปิ โภคาปิ ปากติกาว โหนฺติ. เอวํ จริตฺวา จ ปน คามโต นิกฺขมิตฺวา พหิคาเม อุทกผาสุกฏฺาเน สงฺฆาฏึ ปฺเปตฺวา นิสินฺโน อกฺขภฺชน- (มิ. ป. ๖.๑.๒) วณเลปนปุตฺตมํสูปมวเสน (มิ. ป. ๖.๑.๒; สํ. นิ. ๒.๖๓) ปจฺจเวกฺขนฺโต ¶ ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชิตฺวา ตถารูปํ วนสณฺฑํ อนุปวิสิตฺวา อชฺฌตฺติกกมฺมฏฺานํ สมฺมสนฺโต มคฺคผลานิ หตฺถคตาเนว กโรติ. อเสกฺขมุนิ ปน ทิฏฺธมฺมสุขวิหารมนุยฺุชติ. อยมสฺส ภมเรน มธุกเรน สริกฺขตา. ขีณาสโว ปเนตฺถ อธิปฺเปโตติ.
ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรตีติ โย นํ ปาติ รกฺขติ, ตํ โมกฺเขติ โมเจติ อาปายิกาทีหิ ทุกฺเขหีติ ปาติโมกฺโข. โส เอว กายิกวาจสิกสฺส วีติกฺกมสฺส สํวรณโต ปิทหนโต สํวโร. เตน ปาติโมกฺขสํวเรน สํวุโต สมนฺนาคโต หุตฺวา สพฺพิริยาปเถสุ จรติ. อาจารโคจรสมฺปนฺโนติ อาจาเรน จ โคจเรน จ สมฺปนฺโน. อณุมตฺเตสูติ อปฺปมตฺตเกสุ. วชฺเชสูติ อกุสลธมฺเมสุ. ภยทสฺสาวีติ ภยํ ทสฺสี. สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสูติ สิกฺขาปเทสุ ยํ กิฺจิ สิกฺขิตพฺพํ, ตํ สพฺพํ สมฺมา อาทิยิตฺวา สิกฺขติ.
กายกมฺมวจีกมฺเมน สมนฺนาคโต, กุสเลน ปริสุทฺธาชีโวติ เอตฺถ อาจารโคจรคฺคหเณเนว กุสเล กายกมฺเม วจีกมฺเม จ คหิเตปิ ยสฺมา อิทํ อาชีวปาริสุทฺธิสีลํ น อากาสาทีสุ อุปฺปชฺชติ, กายวจีทฺวาเรสุ เอว ปน อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา ตสฺส อุปฺปตฺติทฺวารทสฺสนตฺถํ ‘‘กายวจีกมฺเมน สมนฺนาคโต, กุสเลนา’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา ปน เตน สมนฺนาคโต, ตสฺมา ปริสุทฺธาชีโว, อาชีวปาริสุทฺธิปิ สีลเมวาติ ทสฺสนตฺถํ เอตํ วุตฺตํ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘กตเม จ ถปติ กุสลา สีลา? กุสลํ กายกมฺมํ กุสลํ วจีกมฺมํ, ปริสุทฺธํ อาชีวมฺปิ โข อหํ ถปติ สีลสฺมึ วทามี’’ติ (ม. นิ. ๒.๒๖๕). อารทฺธวีริโยติ ยสฺส กายิกํ เจตสิกฺจ วีริยํ อารทฺธํ โหติ, โส ‘‘อารทฺธวีริโย’’ติ วุจฺจติ. ตตฺถ โย คณสงฺคณิกํ วิโนเทตฺวา จตูสุ อิริยาปเถสุ อฏฺอารมฺภวตฺถุวเสน เอกโก โหติ, ตสฺส กายิกํ วีริยํ อารทฺธํ นาม โหติ. โย จิตฺตสงฺคณิกํ วิโนเทตฺวา อฏฺสมาปตฺติวเสน เอกโก โหติ, คมนาทีสุ อุปฺปนฺนกิเลสํ อุปฺปนฺนฏฺาเนเยว นิคฺคณฺหิตฺวา ฌานํ นิพฺพตฺเตติ, ตสฺส เจตสิกํ วีริยํ อารทฺธํ นาม โหติ. เอวํ อารทฺธวีริโย. ถามวาติ ิติมา. ทฬฺหปรกฺกโมติ ¶ ถิรปรกฺกโม. อนิกฺขิตฺตธุโร…เป… สจฺฉิกิริยายาติ สํกิเลสธมฺมานํ ปหานตฺถํ โวทานธมฺมานํ สมฺปาทนตฺถํ ¶ , ปจฺจกฺขกรณตฺถฺจ ธุรํ อนิกฺขิปิตฺวา วีริยํ อุสฺสุกฺกาเปนฺโต วิหรติ. ปฺวาติ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ อุทยพฺพยปริคฺคาหิกาย ปฺาย สมนฺนาคโต. เตนาห ‘‘อุทยตฺถคามินิยา’’ติ.
นตฺถิ ปุตฺตสมํ เปมนฺติ มาตาปิตโร วิรูเปปิ อตฺตโน ปุตฺตเก สุวณฺณพิมฺพกํ วิย มฺนฺติ มาลาคุเฬ วิย สีสาทีสุ กตฺวา ปริหรมานา. เตหิ อุหทิตาปิ โอมุตฺติตาปิ คนฺธวิเลปนํ ปฏิจฺฉนฺตา วิย โสมนสฺสํ อาปชฺชนฺติ. เตนาห – ‘‘นตฺถิ ปุตฺตสมํ เปม’’นฺติ. ปุตฺตเปเมน สมํ เปมํ นาม นตฺถีติ วุตฺตํ โหติ. โคสมิตนฺติ โคหิ สมํ โคธนสทิสํ อฺํ ธนํ นาม นตฺถิ. สูริยสมา อาภาติ สูริยาภาย สมา อฺา อาภา นาม นตฺถิ. สมุทฺทปรมาติ เย เกจิ อฺเ สรา นาม, สพฺเพ เต สมุทฺทปรมา. สมุทฺโท เตสํ อุตฺตโม, สมุทฺทสทิสํ อฺํ อุทกํ นิทานํ นาม นตฺถิ ภควาติ วทติ.
ยสฺมา ปน อตฺตเปเมน สมํ เปมํ นตฺถิ. มาตาปิตโร หิ ฉฑฺเฑตฺวาปิ ปุตฺตธีตโร อโปเสตฺวา อตฺตานเมว โปเสนฺติ. ธฺเน จ สมํ ธนํ นาม นตฺถิ. ตถารูเป หิ กาเล หิรฺสุวณฺณาทีนิปิ โคมหึสาทีนิปิ ธฺคฺคหณตฺถํ ธฺสามิกานเมว สนฺติกํ คเหตฺวา คจฺฉนฺติ. ปฺาย จ สมา อาภา นาม นตฺถิ. สูริยาทโย หิ เอกเทสํเยว โอภาเสนฺติ, ปจฺจุปฺปนฺนเมว จ ตมํ วิโนเทนฺติ, ปฺา ปน ทสสหสฺสิมฺปิ โลกธาตุํ เอกปชฺโชตํ กาตุํ สกฺโกติ, อตีตํสาทิปฏิจฺฉาทกฺจ ตมํ วิธมติ. เมฆวุฏฺิยา จ สโม สโร นาม นตฺถิ. นที วา หิ โหตุ ตฬากาทีนิ วา, วุฏฺิสโม สโร นาม นตฺถิ. เมฆวุฏฺิยา หิ ปจฺฉินฺนาย มหาสมุทฺเท องฺคุลิปพฺพเตมนมตฺตมฺปิ อุทกํ น โหติ, วุฏฺิยา ปน ปวตฺตมานาย ยาว อาภสฺสรภวนาปิ เอโกทกํ โหติ. ตสฺมา ภควา เทวตาวจนํ ปฏิกฺขิปนวเสน ปฏิคาถํ วทนฺโต ‘‘นตฺถิ อตฺตสมํ เปม’’นฺติอาทิมาห.
กึสูธ ภีตาติ กึ นุ ภีตา. มคฺโค จเนกายตโน ปวุตฺโตติ อฏฺตึสารมฺมณวเสน อเนเกหิ การเณหิ มคฺโค กถิโต, เอวํ สนฺเต กิสฺส ภีตา หุตฺวา อยํ ชนตา ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิโย อคฺคเหสีติ วทติ. ภูริปฺาติ พหุปฺ อุสฺสนฺนปฺ. ปรโลกํ น ภาเยติ อิมสฺมา โลกา ปรโลกํ คจฺฉนฺโต น ภาเยยฺย.
ปณิธายาติ ¶ ¶ เปตฺวา. ฆรมาวสนฺโตติ อนาถปิณฺฑิกาทโย วิย พหฺวนฺนปาเน ฆเร วสนฺโต. สํวิภาคีติ อจฺฉราย คหิตมฺปิ นเขน ผาเลตฺวา ปรสฺส ทตฺวาว ภฺุชนสีโล. วทฺูติ ยาจกานํ ยาจนวเสน วุตฺตวจนฺู, วจนีโย วา. เอตฺถ จ วาจนฺติ จตฺตาริ วจีสุจริตานิ คหิตานิ. มนนฺติ ตีณิ มโนสุจริตานิ. กาเยนาติ ตีณิ กายสุจริตานิ. อิเม ทส กุสลกมฺมปถา ปุพฺพสุทฺธิองฺคํ นาม. ‘‘พหฺวนฺนปานํ ฆรมาวสนฺโต’’ติ อิมินา ยฺอุปกฺขโร คหิโต. สทฺโธติ เอกํ องฺคํ, มุทูติ เอกํ, สํวิภาคีติ เอกํ, วทฺูติ เอกนฺติ อิมานิ จตฺตาริ องฺคานิ สนฺธาย ‘‘เอเตสุ ธมฺเมสุ ิโต จตูสู’’ติ อาห.
อปโร นโย – ‘‘วาจ’’นฺติอาทีนิ ตีณิ องฺคานิ, ‘‘พหฺวนฺนปาน’’นฺติ อิมินา ยฺอุปกฺขโรว คหิโต, ‘‘สทฺโธ มุทุ สํวิภาคี วทฺู’’ติ เอกํ องฺคํ.
อปโร ทุกนโย นาม โหติ – ‘‘วาจํ มนฺจา’’ติ เอกํ องฺคํ, ‘‘กาเยน ปาปานิ อกุพฺพมาโน พหฺวนฺนปานํ ฆรมาวสนฺโต’’ติ เอกํ, ‘‘สทฺโธ มุทู’’ติ เอกํ, ‘‘สํวิภาคี วทฺู’’ติ เอกนฺติ เอเตสุ จตูสุ ธมฺเมสุ ิโต ธมฺเม ิโต นาม โหติ. โส อิโต ปรโลกํ คจฺฉนฺโตน ภายติ.
กายสมาจารมฺปีติอาทิ ปาติโมกฺขสํวรทสฺสนํ. ตตฺถ ทุวิเธนาติ ทฺวิวิเธน, ทฺวีหิ โกฏฺาเสหีติ อตฺโถ. ชฺาติ ชาเนยฺย. สีลกถา จ นาเมสา กมฺมปถวเสน วา ปณฺณตฺติวเสน วา กเถตพฺพา. ตตฺถ กมฺมปถวเสน ตาว กเถนฺเตน อเสวิตพฺพกายสมาจาโร ปาณาติปาตาทินฺนาทานมิจฺฉาจาเรหิ กเถตพฺโพ. ปณฺณตฺติวเสน กายทฺวาเร ปฺตฺตสิกฺขาปทวีติกฺกมวเสน. เสวิตพฺพกายสมาจาโร ปาณาติปาตาทิเวรมณีหิ เจว กายทฺวาเร ปฺตฺตสิกฺขาปทอวีติกฺกเมน จ กเถตพฺโพ.
อเสวิตพฺพวจีสมาจาโร มุสาวาทาทิวจีทุจฺจริเตน เจว วจีทฺวาเร ปฺตฺตสิกฺขาปทวีติกฺกเมน จ กเถตพฺโพ. เสวิตพฺพวจีสมาจาโร มุสาวาทาทิเวรมณีหิ เจว วจีทฺวาเร ปฺตฺตสิกฺขาปทอวีติกฺกเมน จ กเถตพฺโพ.
ปริเยสนา ¶ ปน กายวาจาหิ ปริเยสนา เอว, สา กายวจีสมาจารคฺคหเณน คหิตาปิ ยสฺมา อาชีวฏฺมกสีลํ นาม เอตสฺมึเยว ทฺวารทฺวเย อุปฺปชฺชติ, น อากาเส, ตสฺมา ¶ อาชีวฏฺมกสีลทสฺสนตฺถํ วิสุํ วุตฺตา. ตตฺถ นเสวิตพฺพปริเยสนา อนริยปริเยสนาย กเถตพฺพา, เสวิตพฺพปริเยสนา อริยปริเยสนาย. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, อนริยปริเยสนา? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ อตฺตนา ชาติธมฺโม สมาโน ชาติธมฺมํเยว ปริเยสตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๒๗๔). ตถา ‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, อริยปริเยสนา? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ อตฺตนา ชาติธมฺโม สมาโน ชาติธมฺเม อาทีนวํ วิทิตฺวา อชาตํ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นิพฺพานํ ปริเยสตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๒๗๕).
มคฺคานฏฺงฺคิโกติ ชงฺฆมคฺคาทโย วา โหนฺตุ ทฺวาสฏฺิทิฏฺิคตมคฺคา วา, สพฺเพสมฺปิ มคฺคานํ สมฺมาทิฏฺิอาทีหิ อฏฺหิ องฺเคหิ มิจฺฉาทิฏฺิอาทีนํ อฏฺนฺนํ ปาปธมฺมานํ ปหานกโร นิโรธํ อารมฺมณํ กตฺวา จตูสุปิ สจฺเจสุ ทุกฺขปริชานนาทิกิจฺจํ สาธยมาโน อฏฺงฺคิโก มคฺโค เสฏฺโ อุตฺตโม. สจฺจานํ จตุโร ปทาติ ‘‘สจฺจํ ภเณ น กุชฺเฌยฺยา’’ติ (ธ. ป. ๒๒๔) อาคตํ วจีสจฺจํ วา โหตุ, ‘‘สจฺโจ พฺราหฺมโณ, สจฺโจ ขตฺติโย’’ติอาทิเภทํ สมฺมุติสจฺจํ วา, ‘‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๓๓๑; อุทา. ๕๔; มหานิ. ๒๐) ทิฏฺิสจฺจํ วา, ‘‘เอกฺหิ สจฺจํ น ทุติยมตฺถี’’ติ (สุ. นิ. ๘๙๐; มหานิ. ๑๑๙) วุตฺตํ ปรมตฺถสจฺจํ วา โหตุ. สพฺเพสมฺปิ อิเมสํ สจฺจานํ ปริชานิตพฺพฏฺเน ปหาตพฺพฏฺเน สจฺฉิกาตพฺพฏฺเน ภาเวตพฺพฏฺเน เอกปฏิเวธฏฺเน ตถปฏิเวธฏฺเน จ ‘‘ทุกฺขํ อริยสจฺจ’’นฺติอาทโย (มหาว. ๑๔; ที. นิ. ๒.๓๘๗; ม. นิ. ๑.๑๒๐) จตุโร ปทา เสฏฺา นาม. วิราโค เสฏฺโ ธมฺมานนฺติ ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา วา อสงฺขตา วา, วิราโค เตสํ ธมฺมานํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๔; ๕.๓๒; อิติวุ. ๙๐) วจนโต นิพฺพานสงฺขาโต วิราโค สพฺพธมฺมานํ เสฏฺโ. ทฺวิปทานฺจ จกฺขุมาติ สพฺเพสมฺปิ เทวมนุสฺสาทิเภทานํ ทฺวิปทานํ ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมา ภควาว เสฏฺโติ.
อคฺคานีติ อุตฺตมานิ. ยาวตาติ ยตฺตกา. อปทาติ นิปฺปทา อหิมจฺฉาทโย. ทฺวิปทาติ มนุสฺสปกฺขิชาตาทโย. จตุปฺปทาติ หตฺถิอสฺสาทโย ¶ . พหุปฺปทาติ สตปทิอาทโย. รูปิโนติ กามาวจรรูปาวจรสตฺตา. อสฺิโนติ อสฺีภเว นิพฺพตฺตสตฺตา. เนวสฺีนาสฺิโนติ ภวคฺเค นิพฺพตฺตสตฺตา. อคฺคมกฺขายตีติ คุเณหิ อคฺโค อุตฺตโม เสฏฺโ อกฺขายติ.
อสงฺขตานนฺติ นิพฺพานเมว วุตฺตํ. วิราโคติอาทีนิ จ นิพฺพานสฺเสว นามานิ. ตฺหิ อาคมฺม สพฺเพ กิเลสา วิรชฺชนฺติ, สพฺเพ ราคมทาทโย มทา นิมฺมทา โหนฺติ อภาวํ คจฺฉนฺติ ¶ , สพฺพา ปิปาสา วินยํ อุเปนฺติ, สพฺเพ อาลยา สมุคฺฆาตํ คจฺฉนฺติ, วฏฺฏานิ อุปจฺฉิชฺชนฺติ, ตณฺหา ขียติ, สพฺพปริฬาหา วูปสมฺมนฺติ, วฏฺฏทุกฺขํ นิรุชฺฌติ นิพฺพายติ. ตสฺมา ตํ เอตานิ นามานิ ลภตีติ.
ธมฺโม จ กุสลกฺขโตติ ตสฺส สตฺถุโน ธมฺโม จ กุสโล อนวชฺโช, อนวชฺชตฺตา เอว ปฏิปกฺเขหิ ราคาทีหิ กิเลเสหิ สพฺพติตฺถิยวาเทหิ จ อปริกฺขโต. ตานิ ตีณิ วิสิสฺสเรติ เอตานิ ตีณิ รตนานิ โลเก สพฺพรตเนหิ วิสิสฺสนฺติ คุณวเสน สพฺพโลกํ อติเสนฺตีติ อตฺโถ.
สมณปทุมสฺจโย คโณติ ปทุมสทิสานํ อริยสมณานํ สมูหสงฺขาโต คโณ. ปทุมนฺติ หิ ปริปุณฺณสตปตฺตสฺส สโรรุหสฺส นามํ. อริยปุคฺคลา จ สพฺพถาปิ ปริปุณฺณคุณาติ ปทุมสทิสา วุตฺตา. วิทูนํ สกฺกโตติ วิทูหิ ปณฺฑิเตหิ สกฺกโต. นรวรทมโกติ นรวโร จ ปุริสานํ ทมโก นายโก จาติ อตฺโถ. โลกสฺส อุตฺตรีติ โลกสฺส อุปริ ิตานิ, สพฺพโลเก อุตฺตมานีติ อตฺโถ.
นิรุปทาโหติ ราคปริฬาหาทีหิ อนุปทาโห. สจฺจนาโมติ อวิตถนาโม ยถาภุจฺจคุเณหิ อาคตนาโม. สพฺพาภิภูติ สพฺพโลกํ อตฺตโน คุเณหิ อภิภวิตฺวา ิโต. สจฺจธมฺโมติ วฏฺฏโต เอกนฺตนิสฺสรณภาเวน อวิตโถ สห ปริยตฺติยา นววิโธปิ โลกุตฺตรธมฺโม, ตโต เอว นตฺถฺโ ตสฺส อุตฺตรีติ ตสฺส อุตฺตริ อธิกคุโณ อฺโ จ ธมฺโม นตฺถีติ อตฺโถ. อริยสงฺโฆว นิจฺจํ สพฺพกาลํ วิทูหิ สพฺพปณฺฑิเตหิ ปูชิโต.
‘‘เอกายน’’นฺติ ¶ คาถาย เอกายนนฺติ เอกํ มคฺคํ. มคฺคสฺส หิ –
‘‘มคฺโค ปนฺโถ ปโถ ปชฺโช, อฺชสํ วฏุมายนํ;
นาวา อุตฺตรเสตุ จ, กุลฺโล จ ภิสิ สงฺคโม’’ติ. (จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิทฺเทส ๑๐๑) –
พหูนิ นามานิ, สฺวายํ อิธ อยนนาเมน วุตฺโต. ตสฺมา เอกายนนฺติ เอกมคฺคํ, น ทฺเวธาปถภูตนฺติ อตฺโถ. อถ วา เอเกน อยิตพฺพนฺติ เอกายนํ. คณสงฺคณิกํ ปหาย วิเวกฏฺเน ¶ ปวิวิตฺเตน ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ อตฺโถ. อยนฺติ วา เอเตนาติ อยโน, สํสารโต นิพฺพานํ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. เอกสฺส วา สพฺพสตฺตเสฏฺสฺส ภควโต อยโนติ เอกายโน. กิฺจาปิ หิ เตน อฺเปิ อยนฺติ, ตถาปิ ภควโตว โส อยโน, เตน อุปฺปาทิตตฺตา. ยถาห – ‘‘โส หิ, พฺราหฺมณ, ภควา อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตา’’ติอาทิ (ม. นิ. ๓.๗๙). อยตีติ วา อยโน, คจฺฉติ ปวตฺตตีติ อตฺโถ. เอกสฺมึ อิมสฺมึเยว ธมฺมวินเย อยโน, น อฺตฺถาติ เอกายโน. ยถาห – ‘‘อิมสฺมึ โข, สุภทฺท, ธมฺมวินเย อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค อุปลพฺภตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๔). อปิ จ ปุพฺพภาเค นานามุขภาวนาย ปวตฺโตปิ อปรภาเค เอกํ นิพฺพานเมว อยติ คจฺฉตีติ เอกายโน, ตํ เอกายนํ.
ชาติขยนฺตทสฺสีติ ชาติยา ขยสงฺขาโต อนฺโต ชาติขยนฺโต. ชาติยา อจฺจนฺตขยนฺโต นิพฺพานํ, ตํ ปสฺสีติ ชาติขยนฺตทสฺสี. ‘‘มคฺคํ ปชานาติ หิตานุกมฺปี’’ติปิ ปาโ. ตสฺสตฺโถ – วุตฺตปฺปการํ เอกายนสงฺขาตํ มคฺคํ สยมฺภุาเณน ภควา ปชานาติ, ชานนฺโต จ เตน เตน หิเตน สตฺเต อนุกมฺปตีติ. อิทานิ ตสฺส มคฺคสฺส เอกายนภาวํ, ตีสุปิ กาเลสุ เอกนฺตนิยฺยานตฺจ วิภาเวตุํ ‘‘เอเตน มคฺเคน ตรึสุ ปุพฺเพ, ตริสฺสนฺติ เย จ ตรนฺติ โอฆ’’นฺติ อาห. ตสฺสตฺโถ – เย อตีตมทฺธานํ กาโมฆาทิจตุพฺพิธํ โอฆํ ตรึสุ, เย ตํ อนาคตมทฺธานํ ตริสฺสนฺติ, เอตรหิ จ ตรนฺติ, เต สพฺเพ เอเตเนว มคฺเคน, น อฺเนาติ. วิสุทฺธิเปกฺขาติ จตุโรฆนิตฺถรเณน อจฺจนฺตวิสุทฺธึ นิพฺพานํ อเปกฺขนฺตา, ปรินิพฺพายิตุกามาติ อตฺโถ.
เอวํ ¶ ทุวิธมฺปิ สาสนปฏฺานํ นานาสุตฺตปทานิ อุทาหรนฺเตน วิภชิตฺวา อิทานิ สํกิเลสภาคิยาทีหิ สํสนฺทิตฺวา ทสฺเสตุํ ปุน ‘‘โลกิยํ สุตฺต’’นฺติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ทสฺสนภาคิเยน จ ภาวนาภาคิเยน จาติ นิพฺเพธภาคิเยน. นิพฺเพธภาคิยเมว หิ ทสฺสนภาคิยํ ภาวนาภาคิยนฺติ ทฺวิธา ภินฺทิตฺวา ทสฺสิตํ. โลกิยฺจ โลกุตฺตรฺจาติ โลกิยํ โลกุตฺตรฺจ สุตฺตํ, สํกิเลสภาคิยาทีหิ ทสฺสนภาคิยาทีหิ จาติ อุภเยหิ นิทฺทิสิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. ยสฺมึ สุตฺเตติอาทิ นิทฺทิสนาการทสฺสนํ. ตตฺถ สํกิเลสภาคิยนฺติ สํกิเลสโกฏฺาสสหิตํ, สํกิเลสตฺถทีปนนฺติ อตฺโถ. เอส นโย เสเสสุปิ.
เอวํ โลกิยตฺติกสฺส สํกิเลสภาคิยาทีหิ จตูหิ ปเทหิ สํสนฺทนํ ทสฺเสตฺวา อิมินา นเยน เสสติกานํ เสสปทานฺจ สํสนฺทนํ สุวิฺเยฺยนฺติ ตํ อนุทฺธริตฺวา สํกิเลสภาคิยาทีนํ ¶ สมติกฺกมนํ ทสฺเสตุํ ‘‘วาสนาภาคิยํ สุตฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยทิปิ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ, วาสนาภาคิยฺจ สุตฺตํ โลกิยเมว. ตถาปิ โลกุตฺตรสุตฺตานิ วิย โลกิยสุตฺตานํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํ สํกิเลสภาคิยสฺส สมติกฺกมาย โหตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘วาสนาภาคิยํ สุตฺตํ สํกิเลสภาคิยสฺส สุตฺตสฺส นิคฺฆาตายา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ นิคฺฆาตายาติ ปหานาย. สุตฺตสีเสน เจตฺถ สุตฺตตฺโถ คหิโตติ ทฏฺพฺพํ. ยสฺมา จ โวทานธมฺมา วิย สํกิเลสธมฺมานํ ทสฺสนภูมิสมติกฺกมเนเนว ภาวนาภูมิ อธิคนฺตพฺพา, ตสฺมา ‘‘ภาวนาภาคิยํ สุตฺตํ ทสฺสนภาคิยสฺส สุตฺตสฺส ปฏินิสฺสคฺคายา’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา ปน อเสกฺขธมฺเมสุ อุปฺปนฺเนสุ มคฺคภาวนากิจฺจํ นาม นตฺถิ. ฌานภาวนาปิ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารตฺถา เอว โหติ, ตสฺมา ‘‘อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํ ภาวนาภาคิยสฺส สุตฺตสฺส ปฏินิสฺสคฺคาย, อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารตฺถ’’นฺติ จ วุตฺตํ.
อิทานิ ติกปเทเหว สํสนฺทิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘โลกุตฺตร’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. เอกพีชินาติอาทีสุ โย โสตาปนฺโน หุตฺวา เอกเมว อตฺตภาวํ ชเนตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณาติ, อยํ เอกพีชี นาม. ยถาห –
‘‘กตโม จ ปุคฺคโล เอกพีชี? อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺโน โหติ อวินิปาตธมฺโม ¶ นิยโต สมฺโพธิปรายโณ. โส เอกํเยว มานุสกํ ภวํ นิพฺพตฺเตตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ. อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล เอกพีชี’’ติ (ปุ. ป. ๓๓).
โย ปน ทฺเว วา ตีณิ วา กุลานิ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ, อยํ โกลํโกโล นาม. ยถาห –
‘‘กตโม จ ปุคฺคโล โกลํโกโล? อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล ติณฺณํ…เป… ปรายโณ. โส ทฺเว วา ตีณิ วา กุลานิ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ. อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล โกลํโกโล’’ติ (ปุ. ป. ๓๒).
ตตฺถ กุลานีติ ภเว. ทฺเว วา ตีณิ วาติ อิทเมตฺถ เทสนามตฺตเมว. ยาว ฉฏฺภวา สํสรนฺโตปิ โกลํโกโล โหติ เอว.
โย ¶ ปน สตฺต ภเว สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ, อยํ สตฺตกฺขตฺตุปรโม นาม. ยถาห –
‘‘กตโม จ ปุคฺคโล สตฺตกฺขตฺตุปรโม? อิเธกจฺโจ…เป… ปรายโณ. โส สตฺตกฺขตฺตุํ เทเว เจว มานุเส จ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ. อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล สตฺตกฺขตฺตุปรโม’’ติ (ปุ. ป. ๓๑).
โก ปน เตสํ เอตํ ปเภทํ นิยเมตีติ? เกจิ ตาว ‘‘ปุพฺพเหตุ นิยเมตี’’ติ วทนฺติ. เกจิ ‘‘ปมมคฺโค’’, เกจิ ‘‘อุปริ ตโย มคฺคา’’. เกจิ ‘‘ติณฺณํ มคฺคานํ วิปสฺสนา’’ติ. ตตฺถ ปุพฺพเหตุ นิยเมตีติ วาเท ปมมคฺคสฺส อุปนิสฺสโย กโต นาม โหติ. อุปริ ตโย มคฺคา นิรุปนิสฺสยา อุปฺปนฺนาติ อาปชฺชติ. ปมมคฺโค นิยเมตีติ วาเท อุปริ ติณฺณํ มคฺคานํ นิรตฺถกตา อาปชฺชติ. อุปริ ตโย มคฺคา นิยเมนฺตีติ วาเท ‘‘ปมมคฺเค อนุปฺปนฺเน เอว อุปริ ตโย มคฺคา อุปฺปนฺนา’’ติ อาปชฺชติ. วิปสฺสนา นิยเมตีติ วาโท ปน ยุชฺชติ. สเจ หิ อุปริ ติณฺณํ มคฺคานํ วิปสฺสนา พลวตี โหติ, เอกพีชี นาม โหติ. ตโต มนฺทตรา โกลํโกโล. ตโต มนฺทตรา สตฺตกฺขตฺตุปรโมติ. เอตฺถ จ โย มนุสฺเสสุ เอว สตฺตกฺขตฺตุํ สํสริตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณาติ, โย จ ¶ เทเวสุเยว สตฺตกฺขตฺตุํ สํสริตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณาติ, อิเม น อิธาธิปฺเปตา. โย ปน กาเลน เทเวสุ, กาเลน มนุสฺเสสูติ โวมิสฺสกนเยน สํสริตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณาติ, โส อิธาธิปฺเปโต. ตสฺมา ‘‘สตฺตกฺขตฺตุปรโม’’ติ อิทํ อิธฏฺกโวกิณฺณวฏฺฏชฺฌาสยสฺส วเสน เวทิตพฺพํ. วฏฺฏชฺฌาสโย หิ อาทิโต ปฏฺาย ฉ เทวโลเก โสเธตฺวา อกนิฏฺเ ตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสติ.
ตตฺถ โย สทฺธํ ธุรํ กตฺวา โสตาปตฺติมคฺคํ นิพฺพตฺเตติ, โส มคฺคกฺขเณ สทฺธานุสารี นาม โหติ. ผลกฺขเณ ปน สทฺธาวิมุตฺโต นาม หุตฺวา วุตฺตนเยน เอกพีชิอาทิเภโท โหติ. โย ปน ปฺํ ธุรํ กตฺวา โสตาปตฺติมคฺคํ นิพฺพตฺเตติ, โส มคฺคกฺขเณ ธมฺมานุสารี นาม. ผลกฺขเณ ปน ทิฏฺิปฺปตฺโต นาม หุตฺวา เอกพีชิอาทิเภโท โหติ. อิทฺจ อฏฺนฺนํ วิโมกฺขานํ อลาภิโน วเสน วุตฺตํ. ลาภี ปน ผลกฺขเณ กายสกฺขี นาม โหติ. ตตฺถ เย สทฺธาวิมุตฺตทิฏฺิปฺปตฺตกายสกฺขินามกา ตโย โสตาปนฺนา, เต เอกพีชิอาทีหิ ตีเหว สงฺคเหตฺวา วุตฺตํ – ‘‘ปฺจหิ ปุคฺคเลหิ นิทฺทิสิตพฺพํ เอกพีชินา…เป… ธมฺมานุสารินา’’ติ, เอวํ ปฺจหิ.
ทฺวาทสหิ ¶ ปุคฺคเลหีติ สกทาคามิมคฺคฏฺโ, สกทาคามี, อนาคามิมคฺคฏฺโ, อเภเทน อนาคามี, อนฺตราปรินิพฺพายิอาทโย ปฺจ, สทฺธาวิมุตฺตทิฏฺิปฺปตฺตกายสกฺขิโน ตโยติ เภเทน อฏฺาติ, เอวํ ทฺวาทสหิ. ตตฺถ หิ โย อวิหาทีสุ ตตฺถ ตตฺถ อายุเวมชฺฌํ อปฺปตฺวา ปรินิพฺพายติ, อยํ อนฺตราปรินิพฺพายี. โย ปน อายุเวมชฺฌํ อติกฺกมิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณาติ, อยํ อุปหจฺจปรินิพฺพายี. ตถา โย อวิหาทีสุ อุปปนฺโน อสงฺขาเรน อปฺปโยเคน อรหตฺตํ อธิคจฺฉติ, อยํ อสงฺขารปรินิพฺพายี. โย ปน สสงฺขาเรน สปฺปโยเคน อรหตฺตํ อธิคจฺฉติ, อยํ สสงฺขารปรินิพฺพายี. อุทฺธํ อุปรูปริ พฺรหฺมโลเก อุปปตฺติโสโต เอตสฺสาติ อุทฺธํโสโต. ปฏิสนฺธิวเสน อกนิฏฺเ คจฺฉตีติ อกนิฏฺคามี.
ตตฺถ อตฺถิ อุทฺธํโสโต อกนิฏฺคามี อตฺถิ อุทฺธํโสโต น อกนิฏฺคามี, อตฺถิ น อุทฺธํโสโต อกนิฏฺคามี อตฺถิ น อุทฺธํโสโต น อกนิฏฺคามีติ. ตตฺถ โย อิธ อนาคามิผลํ ปตฺวา อวิหาทีสุ นิพฺพตฺโต ¶ ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา อุปรูปริ นิพฺพตฺติตฺวา อกนิฏฺํ ปาปุณาติ, อยํ อุทฺธํโสโต อกนิฏฺคามี นาม. โย ปน อวิหาทีสุ นิพฺพตฺโต ตตฺเถว อปรินิพฺพายิตฺวา อกนิฏฺมฺปิ อปฺปตฺวา อุปรูปริ พฺรหฺมโลเก ปรินิพฺพายติ, อยํ อุทฺธํโสโต น อกนิฏฺคามี นาม. โย อิโต จวิตฺวา อกนิฏฺเเยว นิพฺพตฺตติ, อยํ น อุทฺธํโสโต อกนิฏฺคามี นาม. โย ปน อวิหาทีสุ จตูสุ อฺตรสฺมึ นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺเถว ปรินิพฺพายติ, อยํ น อุทฺธํโสโต น อกนิฏฺคามี นาม. สทฺธาวิมุตฺตาทโย วุตฺตวิภาคาเยว.
นวหิ ปุคฺคเลหีติ เอตฺถ อฏฺนฺนํ วิโมกฺขานํ อลาภี อรหา ปฺาวิมุตฺโต นาม. เตสํ ปน ลาภี วิกฺขมฺภนสมุจฺเฉทวิโมกฺขวเสน อุโภหิ ภาเคหิ รูปกายนามกายสงฺขาตโต อุภโต ภาคโต วิมุตฺตตฺตา อุภโตภาควิมุตฺโต นาม. สมสีสินาติ เอตฺถ ติวิโธ สมสีสี – อิริยาปถสมสีสี, โรคสมสีสี, ชีวิตสมสีสีติ.
ตตฺร โย านาทีสุ อิริยาปเถสุ เยเนว อิริยาปเถน สมนฺนาคโต หุตฺวา วิปสฺสนํ อารภติ, เตเนว อิริยาปเถน อรหตฺตํ ปตฺวา ปรินิพฺพายติ, อยํ อิริยาปถสมสีสี นาม. โย ปน เอกํ โรคํ ปตฺวา อนฺโตโรเค เอว วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา เตเนว โรเคน ปรินิพฺพายติ, อยํ โรคสมสีสี นาม. ปลิโพธสีสํ ตณฺหา, พนฺธนสีสํ มาโน, ปรามาสสีสํ ทิฏฺิ, วิกฺเขปสีสํ อุทฺธจฺจํ, กิเลสสีสํ อวิชฺชา, อธิโมกฺขสีสํ สทฺธา, ปคฺคหสีสํ วีริยํ, อุปฏฺานสีสํ สติ, อวิกฺเขปสีสํ สมาธิ, ทสฺสนสีสํ ปฺา, ปวตฺตสีสํ ¶ ชีวิตินฺทฺริยํ, โคจรสีสํ วิโมกฺโข, สงฺขารสีสํ นิโรโธติ เตรสสุ สีเสสุ กิเลสสีสํ อวิชฺชํ อรหตฺตมคฺโค ปริยาทิยติ, ปวตฺตสีสํ ชีวิตินฺทฺริยํ จุติจิตฺตํ ปริยาทิยติ. ตตฺถ อวิชฺชาปริยาทายกํ จิตฺตํ ชีวิตินฺทฺริยํ ปริยาทาตุํ น สกฺโกติ. ชีวิตินฺทฺริยปริยาทายกํ อวิชฺชํ ปริยาทาตุํ น สกฺโกติ. อฺํ อวิชฺชาปริยาทายกํ จิตฺตํ, อฺํ ชีวิตินฺทฺริยปริยาทายกํ. ยสฺส เจตํ สีสทฺวยํ สมํ ปริยาทานํ คจฺฉติ, โส ชีวิตสมสีสี นาม.
กถํ ¶ ปนิทํ สมํ โหตีติ? วารสมตาย. ยสฺมิฺหิ วาเร มคฺควุฏฺานํ โหติ, โสตาปตฺติมคฺเค ปฺจ ปจฺจเวกฺขณานิ, สกทาคามิมคฺเค ปฺจ, อนาคามิมคฺเค ปฺจ, อรหตฺตมคฺเค จตฺตารีติ เอกูนวีสติเม ปจฺจเวกฺขณาเณ ปติฏฺาย ภวงฺคํ โอตริตฺวา ปรินิพฺพายโต อิมาย วารสมตาย อิทํ อุภยสีสปริยาทานมฺปิ สมํ โหติ นาม. เตนายํ ปุคฺคโล ‘‘ชีวิตสมสีสี’’ติ วุจฺจติ, อยเมว อิธาธิปฺเปโต. เอวํ สฺุตวิมุตฺตาทโย ตโย สทฺธาวิมุตฺโต ปฺาวิมุตฺโต อุภโตภาควิมุตฺโต สมสีสีติ สตฺต สาวกา อรหนฺโต, ปจฺเจกพุทฺโธ, สมฺมาสมฺพุทฺโธติ อิเมหิ นวหิ ปุคฺคเลหิ อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํ นิทฺทิสิตพฺพํ.
ราคจริโตติ ราคสหิตํ จริตํ เอตสฺสาติ ราคจริโต. ราเคน วา จริโต ปวตฺติโต ราคจริโต, ราคชฺฌาสโย ราคาธิโกติ อตฺโถ. เอส นโย เสเสสุปิ. ราคมุเข ิโตติ ราคปริยุฏฺาเน ิโต, ปริยุฏฺิตราโคติ อตฺโถ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย.
วาสนาภาคิยํ สุตฺตนฺติ โลกิยํ สตฺตาธิฏฺานํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํ. โลกิยํ สตฺตาธิฏฺานํ สํกิเลสภาคิยฺหิ สุตฺตํ ราคจริเตหิ ปุคฺคเลหิ นิทฺทิฏฺํ. ตตฺถ ‘‘โลกิยํ, สตฺตาธิฏฺาน’’นฺติ ปททฺวยํ อนุวตฺตมานํ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘วาสนาภาคิย’’นฺติ. สีลวนฺเตหีติ สีลวนฺตาทีหิ ปุคฺคเลหิ. ปกติสีลนฺติอาทิ เยหิ สมนฺนาคตา, เต ปุคฺคลา. เตสํ ทสฺสเนน ปุคฺคลานํ อุปลกฺขณํ. อถ วา ธมฺมาธิฏฺานํ ปกติสีลาทิวเสน, สตฺตาธิฏฺานํ ปกติสีลวนฺตาทิวเสน เวทิตพฺพนฺติ อิมสฺส นยสฺส ทสฺสนตฺถํ ‘‘สีลวนฺเตหิ นิทฺทิสิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ‘‘ปกติสีล’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตํ ปกติสีลาทีนํ ปฺจนฺนํ เอว คหณํ นิทสฺสนมตฺตํ, ปตฺติทานอพฺภนุโมทนธมฺมสฺสวนเทสนาทิฏฺิชุกมฺมาทีนมฺปิ เจตฺถ สมฺภวโต. เตสมฺปิ วา เอตฺเถว สงฺคเหตฺวา ทสฺสนตฺถํ ‘‘ปฺจา’’ติ วุตฺตํ.
ตตฺถ ¶ ปกติสีลนฺติ สมฺปตฺตวิรติสีลํ. จิตฺตปฺปสาโทติ กมฺมผลสทฺธา รตนตฺตยสทฺธา จ. าณํ ปฺาย นิทฺทิสิตพฺพนฺติ ยสฺมึ สุตฺเต ปฺา อาคตา, ตํ สุตฺตํ าณนฺติ นิทฺทิสิตพฺพํ. น เกวลํ ปฺาปริยาเยเนว, อถ โข ปฺินฺทฺริยาทิปริยาเยนปิ ยตฺถ ปฺา อาคตา, ตํ สุตฺตํ าณนฺติ นิทฺทิสิตพฺพนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปฺินฺทฺริเยนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตสฺสตฺโถ – เหฏฺา วุตฺโต เอว. ยํ วา ปนาติอาทีสุ ยํ วา อฺํ กิฺจิ ปฺาย อธิวจนํ. สพฺพํ ตํ ยตฺถ กตฺถจิ สุตฺเต อาคตํ, ตํ สุตฺตํ าณนฺติ นิทฺทิสิตพฺพนฺติ อตฺโถ.
อชฺฌตฺติกพาหิเรหีติ ¶ ยสฺมึ สุตฺเต อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิ, พาหิรานิ จ อายตนานิ อาคตานิ, ตํ สุตฺตํ เตหิ อายตเนหิ าณํ เยฺยนฺติ นิทฺทิสิตพฺพํ. ปฺาปิ อารมฺมณภูตา เยฺยนฺติ เยฺยโต วิสุํ กตฺวา ปฺา วุตฺตา. ตถา หิ ปฺา าณนฺตรสฺส อารมฺมณนฺติ กตฺถจิ สุตฺเต เยฺยภาเวนปิ วุจฺจติ. ยํ กิฺจิ อารมฺมณภูตนฺติ ยํ กิฺจิ าณสฺส วิสยภูตํ รูปาทิ. อชฺฌตฺติกํ วา พาหิรํ วาติ วา-สทฺเทน โอฬาริกาทึ สงฺคณฺหาติ. สพฺพํ ตํ สงฺขเตน อสงฺขเตน จาติ สพฺพํ ตํ ยถาสมฺภวํ สงฺขตภาเวน อสงฺขตภาเวน จ เยฺยนฺติ นิทฺทิสิตพฺพํ. เยฺยธมฺมวเสน หิ เยฺยสุตฺตํ เยฺยนฺติ วุจฺจตีติ.
ยํ วา ปน กิฺจิ ภควา อฺตรวจนํ ภาสตีติ โลกิยโลกุตฺตราทิสุตฺเตสุ เอกสฺมึ สุตฺเต ทฺเว. เตสุ ยํ วา ปน กิฺจิ อฺตรวจนํ เอกสฺเสว กถนํ ภาสติ นิทฺทิสติ. สพฺพํ ตํ ยถานิทฺทิฏฺํ ธารยิตพฺพนฺติ ตํ ยถา สพฺพํ สุตฺตํ โลกิยาทีสุ ยทิ อฺตรวเสน, อถ อุภยวเสน ยถา ยถา นิทฺทิฏฺํ, ตถา ตถา คเหตพฺพํ, ตํ ตํ ปธานภาเวน นิทฺทิสิตพฺพนฺติ อตฺโถ.
กิเลสสหิตฺเว กมฺมํ วิปากสฺส เหตุ, น อิตรนฺติ วุตฺตํ ‘‘ทุวิโธ เหตุ ยฺจ กมฺมํ เย จ กิเลสา’’ติ. สมุทโย กิเลสาติ เอตฺถ ‘‘สมุทโย’’ติ เอเตน สมุทยปกฺขิยา วุตฺตา. ‘‘กิเลสา’’ติ จ กิเลสวนฺโต, สํกิลิฏฺาติ อตฺโถ. ยํ ทิสฺสตีติ ยํ ยํ ทิสฺสติ. ตาสุ ตาสุ ภูมีสูติ ปุถุชฺชนภูมิอาทีสุ. กปฺปิยานุโลเมนาติ กปฺปิเยน จ กปฺปิยานุโลเมน จ. ตตฺถ กปฺปิยํ ปาฬิยํ สรูปโต วุตฺตํ, กปฺปิยานุโลมํ มหาปเทสวเสน นยโต ทสฺสิตํ. ปฏิกฺขิตฺตการเณนาติ เยน การเณน ภควตา ยํ ปฏิกฺขิตฺตํ, เตน การเณน ตํ นิทฺทิสิตพฺพํ. เอกนฺเตน สราคาทิสํวตฺตนเมว หิ ภควตา ปฏิกฺขิตฺตํ, ตํ สราคาย สํวตฺตนาทิการเณน นิทฺทิสิตพฺพํ ¶ . ธมฺมสฺสาติ อสงฺขตธมฺมสฺส. อริยธมฺมานนฺติ มคฺคผลธมฺมานํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
เอตฺถ จ ยถา สํกิเลสภาคิยาทีนํ อฺมฺํ สํสคฺคโต อเนกวิโธ ปฏฺานเภโท อิจฺฉิโต, เอวํ โลกิยสตฺตาธิฏฺานาทิสํสคฺคโตปิ อเนกวิโธ ปฏฺานเภโท สมฺภวติ. ปาฬิยํ ปน อุภยตฺถาปิ เอกเทสทสฺสนวเสน อาคตตฺตา นยทสฺสนนฺติ เวทิตพฺพํ. สกฺกา หิ อิมินา ¶ นเยน วิฺุนา เต นิทฺธาเรตุนฺติ. ยถา จ สํกิเลสภาคิยาทีนํ โลกิยาทีนฺจ วิสุํ วิสุํ สํสคฺคเภทวเสน อยํ ปฏฺานเภโท อเนกวิโธ ลพฺภติ, เอวํ อุภเยสมฺปิ สํสคฺควเสน อยํ นโย ยถารหํ ลพฺภเตว. ลพฺภติ หิ โลกิยํ สุตฺตํ กิฺจิ สํกิเลสภาคิยํ, กิฺจิ วาสนาภาคิยํ. ตถา โลกุตฺตรํ สุตฺตํ กิฺจิ นิพฺเพธภาคิยํ, กิฺจิ อเสกฺขภาคิยนฺติ. เสเสสุปิ เอเสว นโย.
เอวํ โสฬสวิเธ ปฏฺาเน อฏฺวีสติวิธํ ปฏฺานํ ปกฺขิปิตฺวา, อฏฺวีสติวิเธ จ ปฏฺาเน โสฬสวิธํ ปกฺขิปิตฺวา ยถารหํ ทุกติกาทิเภเทน สมฺภวโต ปฏฺานวิภาโค เวทิตพฺโพ, โส จ โข ตีสุ ปิฏเกสุ ลพฺภมานสฺส สุตฺตปทสฺส วเสน. ยสฺมา ปน ตานิ ตานิ สุตฺตปทานิ อุทาหรณวเสน นิทฺธาเรตฺวา อิมสฺมึ อตฺเถ วิตฺถาริยมาเน อติปปฺโจ โหติ, อติภาริยา จ เนตฺติสํวณฺณนา, สกฺกา จ อิมินา นเยน วิฺุนา อยมตฺโถ วิฺาตุํ, ตสฺมา น ตํ วิตฺถารยิมฺห. เตเนว หิ ปาฬิยํ อฺมฺสํสคฺควเสน ปฏฺานวิภาโค เอกเทเสเนว ทสฺสิโต, น นิปฺปเทสโตติ.
สาสนปฏฺานวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิคมนกถา
เอตฺตาวตา ¶ จ –
หาเร นเย จ ปฏฺาเน, สุวิสุทฺธวินิจฺฉยํ;
วิภชนฺโต นวงฺคสฺส, สาสนสฺสตฺถวณฺณนํ.
เนตฺติปฺปกรณํ ธีโร, คมฺภีรํ นิปุณฺจ ยํ;
อเทสยิ มหาเถโร, มหากจฺจายโน วสี.
สทฺธมฺมาวตรฏฺาเน, ปฏฺฏเน นาคสวฺหเย;
ธมฺมาโสกมหาราช-วิหาเร วสตา มยา.
จิรฏฺิตตฺถํ ยา ตสฺส, อารทฺธา อตฺถวณฺณนา;
อุทาหรณสุตฺตานํ, ลกฺขณานฺจ สพฺพโส.
อตฺถํ ¶ ปกาสยนฺตี สา, อนากุลวินิจฺฉยา;
สมตฺตา สตฺตวีสาย, ปาฬิยา ภาณวารโต.
อิติ ตํ สงฺขโรนฺเตน, ยํ ตํ อธิคตํ มยา;
ปฺุํ ตสฺสานุภาเวน, โลกนาถสฺส สาสนํ.
โอคาเหตฺวา วิสุทฺธาย, สีลาทิปฏิปตฺติยา;
สพฺเพปิ เทหิโน โหนฺตุ, วิมุตฺติรสภาคิโน.
จิรํ ¶ ติฏฺตุ โลกสฺมึ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาสนํ;
ตสฺมึ สคารวา นิจฺจํ, โหนฺตุ สพฺเพปิ ปาณิโน.
สมฺมา วสฺสตุ กาเลน, เทโวปิ ชคตีปติ;
สทฺธมฺมนิรโต โลกํ, ธมฺเมเนว ปสาสตูติ.
อิติ พทรติตฺถวิหารวาสินา อาจริยธมฺมปาเลน กตา
เนตฺติปฺปกรณสฺส อตฺถสํวณฺณนา สมตฺตาติ.
เนตฺติปฺปกรณ-อฏฺกถา นิฏฺิตา.