📜
สาสนปฏฺานํ
๘๙. ตตฺถ ¶ อฏฺารส มูลปทา กุหึ ทฏฺพฺพา? สาสนปฏฺาเน. ตตฺถ กตมํ สาสนปฏฺานํ? สํกิเลสภาคิยํ ¶ สุตฺตํ, วาสนาภาคิยํ สุตฺตํ, นิพฺเพธภาคิยํ สุตฺตํ, อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํ, สํกิเลสภาคิยฺจ วาสนาภาคิยฺจ สุตฺตํ, สํกิเลสภาคิยฺจ นิพฺเพธภาคิยฺจ สุตฺตํ, สํกิเลสภาคิยฺจ อเสกฺขภาคิยฺจ สุตฺตํ, สํกิเลสภาคิยฺจ นิพฺเพธภาคิยฺจ อเสกฺขภาคิยฺจ สุตฺตํ, สํกิเลสภาคิยฺจ วาสนาภาคิยฺจ นิพฺเพธภาคิยฺจ สุตฺตํ, วาสนาภาคิยฺจ นิพฺเพธภาคิยฺจ สุตฺตํ, ตณฺหาสํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ, ทิฏฺิสํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ, ทุจฺจริตสํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ, ตณฺหาโวทานภาคิยํ สุตฺตํ, ทิฏฺิโวทานภาคิยํ สุตฺตํ, ทุจฺจริตโวทานภาคิยํ สุตฺตํ.
ตตฺถ สํกิเลโส ติวิโธ – ตณฺหาสํกิเลโส ทิฏฺิสํกิเลโส ทุจฺจริตสํกิเลโส. ตตฺถ ตณฺหาสํกิเลโส สมเถน วิสุชฺฌติ, โส สมโถ สมาธิกฺขนฺโธ. ทิฏฺิสํกิเลโส วิปสฺสนาย วิสุชฺฌติ, สา ¶ วิปสฺสนา ปฺากฺขนฺโธ. ทุจฺจริตสํกิเลโส สุจริเตน วิสุชฺฌติ, ตํ สุจริตํ สีลกฺขนฺโธ. ตสฺส สีเล ปติฏฺิตสฺส ยทิ อาสตฺติ อุปฺปชฺชติ ภเวสุ, เอวํ สายํ สมถวิปสฺสนา ภาวนามยํ ปฺุกฺริยวตฺถุ ภวติ ตตฺรูปปตฺติยา สํวตฺตติ. อิมานิ จตฺตาริ สุตฺตานิ, สาธารณานิ กตานิ อฏฺ ภวนฺติ, ตานิเยว อฏฺ สุตฺตานิ สาธารณานิ กตานิ โสฬส ภวนฺติ.
อิเมหิ โสฬสหิ สุตฺเตหิ ภินฺเนหิ นววิธํ สุตฺตํ ภินฺนํ ภวติ. คาถาย คาถา อนุมินิตพฺพา, เวยฺยากรเณน เวยฺยากรณํ อนุมินิตพฺพํ. สุตฺเตน สุตฺตํ อนุมินิตพฺพํ.
๙๐. ตตฺถ กตมํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ?
‘‘กามนฺธา ชาลสฺฉนฺนา, ตณฺหาฉทนฉาทิตา;
ปมตฺตพนฺธนา ¶ [ปมตฺตพนฺธุนา (อุทา. ๗๔)] พทฺธา, มจฺฉาว กุมินามุเข;
ชรามรณมนฺเวนฺติ, วจฺโฉ ขีรปโกว [ขีรูปโกว (ก.) ปสฺส อุทา. ๖๔] มาตร’’นฺติ.
อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ.
จตฺตาริมานิ ¶ , ภิกฺขเว, อคติคมนานิ. กตมานิ จตฺตาริ? ฉนฺทาคตึ [ฉนฺทา อคตึ (สี. ก.) ปสฺส อ. นิ. ๔.๑๗] คจฺฉติ, โทสาคตึ คจฺฉติ, โมหาคตึ คจฺฉติ, ภยาคตึ คจฺฉติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, จตฺตาริ อคติคมนานิ. อิทมโวจ ภควา, อิทํ วตฺวาน สุคโต, อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
‘‘ฉนฺทา โทสา ภยา โมหา, โย ธมฺมํ อติวตฺตติ;
นิหียติ ตสฺส ยโส, กาฬปกฺเขว จนฺทิมา’’ติ.
อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา, มโนเสฏฺา มโนมยา;
มนสา เจ ปทุฏฺเน, ภาสติ วา กโรติ วา;
ตโต นํ ทุกฺขมนฺเวติ, จกฺกํว วหโต ปท’’นฺติ.
อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘มิทฺธี ¶ [ปสฺส ธ. ป. ๓๒๕] ยทา โหติ มหคฺฆโส จ, นิทฺทายิตา สมฺปริวตฺตสายี;
มหาวราโหว นิวาปปุฏฺโ, ปุนปฺปุนํ คพฺภมุเปติ มนฺโท’’ติ.
อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘อยสาว มลํ สมุฏฺิตํ, ตตุฏฺาย [ตทุฏฺาย (สี.) ปสฺส ธ. ป. ๒๔๐] ตเมว ขาทติ;
เอวํ อติโธนจารินํ, สานิ [ตานิ (สี.) ปสฺส ธ. ป. ๒๔๐] กมฺมานิ นยนฺติ ทุคฺคติ’’นฺติ.
อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘โจโร ¶ ยถา สนฺธิมุเข คหีโต, สกมฺมุนา หฺติ พชฺฌเต จ;
เอวํ อยํ เปจฺจ ปชา ปรตฺถ, สกมฺมุนา หฺติ พชฺฌเต จา’’ติ.
อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘สุขกามานิ ภูตานิ, โย ทณฺเฑน วิหึสติ;
อตฺตโน สุขเมสาโน, เปจฺจ โส น ลภเต [ลเภ (ก.) ปสฺส ธ. ป. ๑๓๑] สุข’’นฺติ.
อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘คุนฺนํ ¶ เจ ตรมานานํ, ชิมฺหํ คจฺฉติ ปุงฺคโว;
สพฺพา ตา ชิมฺหํ คจฺฉนฺติ, เนตฺเต ชิมฺหํ คเต [ชิมฺหคเต (สี. ก.) ปสฺส อ. นิ. ๔.๗๐] สติ.
‘‘เอวเมว มนุสฺเสสุ, โย โหติ เสฏฺสมฺมโต;
โส เจ อธมฺมํ จรติ, ปเคว อิตรา ปชา;
สพฺพํ รฏฺํ ทุกฺขํ เสติ, ราชา เจ โหติ อธมฺมิโก’’ติ.
อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘สุกิจฺฉรูปาวติเม มนุสฺสา, กโรนฺติ ปาปํ อุปธีสุ รตฺตา;
คจฺฉนฺติ เต พหุชนสนฺนิวาสํ, นิรยํ อวีจึ กฏุกํ ภยานก’’นฺติ.
อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘ผลํ ¶ เว [ปสฺส อ. นิ. ๔.๖๘] กทลึ หนฺติ, ผลํ เวฬุํ ผลํ นฬํ;
สกฺกาโร กาปุริสํ หนฺติ, คพฺโภ อสฺสตรึ ยถา’’ติ.
อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘โกธมกฺขครุ ภิกฺขุ, ลาภสกฺการคารโว [ลาภสกฺการการณา (สี. ก.) ปสฺส อ. นิ. ๔.๔๓];
สุเขตฺเต ปูติพีชํว, สทฺธมฺเม น วิรูหตี’’ติ.
อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ.
๙๑. ‘‘อิธาหํ, ภิกฺขเว, เอกจฺจํ ปุคฺคลํ ปทุฏฺจิตฺตํ เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ, (ยถา โข อยํ ปุคฺคโล อิริยติ, ยฺจ ปฏิปทํ ปฏิปนฺโน, ยฺจ มคฺคํ สมารูฬฺโห) ¶ [( ) นตฺถิ อ. นิ. ๑.๔๓-๔๔; อิติวุ. ๒๐]. อิมมฺหิ จายํ สมเย กาลํ กเรยฺย, ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต, เอวํ นิรเย. ตํ กิสฺส เหตุ? จิตฺตํ หิสฺส, ภิกฺขเว, ปทุฏฺํ [ปโทสิตํ (สี. ก.) อ. นิ. ๑.๔๓; อิติวุ. ๒๐ ปสฺสิตพฺพํ], เจโตปโทสเหตุ [จิตฺตปโทสเหตุ (สี. ก.)] โข ปน, ภิกฺขเว, เอวมิเธกจฺเจ สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชนฺตี’’ติ. เอตมตฺถํ ภควา อโวจ, ตตฺเถตํ อิติ วุจฺจติ –
‘‘ปทุฏฺจิตฺตํ ตฺวาน, เอกจฺจํ อิธ ปุคฺคลํ;
เอตมตฺถฺจ พฺยากาสิ, พุทฺโธ [สตฺถา (สี. ก.)] ภิกฺขูน สนฺติเก;
อิมมฺหิ ¶ จายํ สมเย, กาลํ กยิราถ ปุคฺคโล;
นิรยํ อุปปชฺเชยฺย, จิตฺตํ หิสฺส ปทูสิตํ;
เจโตปโทสเหตุ หิ, สตฺตา คจฺฉนฺติ ทุคฺคตึ.
ยถาภตํ นิกฺขิเปยฺย, เอวเมว ตถาวิโธ;
กายสฺส เภทา ทุปฺปฺโ, นิรยํ โสปปชฺชตี’’ติ.
อยมฺปิ อตฺโถ วุตฺโต ภควตา อิติ เม สุตนฺติ.
อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘สเจ ภายถ ทุกฺขสฺส, สเจ โว ทุกฺขมปฺปิยํ;
มากตฺถ ปาปกํ กมฺมํ, อาวิ [อาวี (สี.) ปสฺส อุทา. ๔๔] วา ยทิ วา รโห.
‘‘สเจ ¶ จ ปาปกํ กมฺมํ, กริสฺสถ กโรถ วา;
น โว ทุกฺขา ปมุตฺยตฺถิ, อุเปจฺจปิ ปลายต’’นฺติ.
อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘อธมฺเมน ธนํ ลทฺธา, มุสาวาเทน จูภยํ;
มเมติ พาลา มฺนฺติ, ตํ กถํ นุ ภวิสฺสติ.
‘‘อนฺตรายา สุ ภวิสฺสนฺติ, สมฺภตสฺส วินสฺสติ;
มตา สคฺคํ น คจฺฉนฺติ, นนุ เอตฺตาวตา หตา’’ติ.
อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘กถํ ขณติ อตฺตานํ, กถํ มิตฺเตหิ ชีรติ;
กถํ วิวฏฺฏเต ธมฺมา, กถํ สคฺคํ น คจฺฉติ.
‘‘โลภา ¶ ขณติ อตฺตานํ, ลุทฺโธ มิตฺเตหิ ชีรติ;
โลภา วิวฏฺฏเต ธมฺมา, โลภา สคฺคํ น คจฺฉตี’’ติ.
อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘จรนฺติ พาลา ทุมฺเมธา, อมิตฺเตเนว อตฺตนา;
กโรนฺตา ปาปกํ กมฺมํ, ยํ โหติ กฏุกปฺผลํ [กฏกํ ผลํ (ก.) ปสฺส ธ. ป. ๖๖].
‘‘น ¶ ตํ กมฺมํ กตํ สาธุ, ยํ กตฺวา อนุตปฺปติ;
ยสฺส อสฺสุมุโข โรทํ, วิปากํ ปฏิเสวตี’’ติ.
อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘ทุกฺกรํ ทุตฺติติกฺขฺจ, อพฺยตฺเตน จ [อวิยตฺเตน (สี. ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๑.๑๗] สามฺํ;
พหู หิ ตตฺถ สมฺพาธา, ยตฺถ พาโล วิสีทติ.
‘‘โย หิ อตฺถฺจ ธมฺมฺจ, ภาสมาเน ตถาคเต;
มนํ ปโทสเย พาโล, โมฆํ โข ตสฺส ชีวิตํ.
‘‘เอตฺจาหํ อรหามิ, ทุกฺขฺจ อิโต จ ปาปิยตรํ ภนฺเต;
โย อปฺปเมยฺเยสุ ตถาคเตสุ, จิตฺตํ ปโทเสมิ อวีตราโค’’ติ.
อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘อปฺปเมยฺยํ ¶ ปมินนฺโต, โกธ วิทฺวา วิกปฺปเย;
อปฺปเมยฺยํ ปมายินํ [ปมายนฺตํ (สี. ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๑.๑๗๙], นิวุตํ ตํ มฺเ อกิสฺสว’’นฺติ.
อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘ปุริสสฺส หิ ชาตสฺส, กุารี [กุธารี (ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๑.๑๘๐] ชายเต มุเข;
ยาย ฉินฺทติ อตฺตานํ, พาโล ทุพฺภาสิตํ ภณํ.
‘‘น ¶ หิ สตฺถํ สุนิสิตํ, วิสํ หลาหลํ อิว;
เอวํ วิรทฺธํ ปาเตติ, วาจา ทุพฺภาสิตา ยถา’’ติ.
อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘โย นินฺทิยํ ปสํสติ, ตํ วา นินฺทติ โย ปสํสิโย.
วิจินาติ มุเขน โส กลึ, กลินา เตน สุขํ น วินฺทติ.
‘‘อปฺปมตฺโต อยํ กลิ, โย อกฺเขสุ ธนปราชโย;
สพฺพสฺสาปิ สหาปิ อตฺตนา, อยเมว มหนฺตตโร [มหตฺตโร (ก.) ปสฺส อ. นิ. ๔.๓; สํ. นิ. ๑.๑๘๐] กลิ;
โย สุคเตสุ มนํ ปโทสเย.
‘‘สตํ สหสฺสานํ นิรพฺพุทานํ, ฉตฺตึสตี ปฺจ จ อพฺพุทานิ;
ยมริยครหี ¶ นิรยํ อุเปติ, วาจํ มนฺจ ปณิธาย ปาปก’’นฺติ.
อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘โย โลภคุเณ อนุยุตฺโต, โส วจสา [วจสา จ (ก.) ปสฺส สุ. นิ. ๖๖๘] ปริภาสติ อฺเ;
อสฺสทฺโธ กทริโย [อนริโย (สี. ก.)] อวทฺู, มจฺฉริ เปสุณิยํ อนุยุตฺโต.
‘‘มุขทุคฺค ¶ วิภูต อนริย, ภูนหุ ปาปก ทุกฺกฏการิ;
ปุริสนฺต กลี อวชาตปุตฺต [อวชาตกปุตฺต (สี. ก.) ปสฺส สุ. นิ. ๖๖๙], มา พหุภาณิธ เนรยิโกสิ.
‘‘รชมากิรสี อหิตาย, สนฺเต ครหสิ กิพฺพิสการี;
พหูนิ ทุจฺจริตานิ จริตฺวา, คจฺฉสิ โข ปปตํ จิรรตฺต’’นฺติ.
อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ.
ตตฺถ กตมํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํ?
‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ¶ ธมฺมา, มโนเสฏฺา มโนมยา;
มนสา เจ ปสนฺเนน, ภาสติ วา กโรติ วา;
ตโต นํ สุขมนฺเวติ, ฉายาว อนปายินี’’ติ [อนุปายินีติ (ก.) ปสฺส ธ. ป. ๒].
อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํ.
๙๓. มหานาโม สกฺโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิทํ, ภนฺเต, กปิลวตฺถุ อิทฺธฺเจว ผีตฺจ พาหุชฺํ [พหุชนํ (สี. ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๕.๑๐๑๘] อากิณฺณมนุสฺสํ สมฺพาธพฺยูหํ, โส โข อหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ วา ปยิรุปาสิตฺวา มโนภาวนีเย วา ภิกฺขู สายนฺหสมยํ กปิลวตฺถุํ ปวิสนฺโต ภนฺเตนปิ หตฺถินา สมาคจฺฉามิ, ภนฺเตนปิ อสฺเสน สมาคจฺฉามิ, ภนฺเตนปิ รเถน สมาคจฺฉามิ, ภนฺเตนปิ สกเฏน สมาคจฺฉามิ, ภนฺเตนปิ ปุริเสน สมาคจฺฉามิ, ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, ตสฺมึ สมเย มุสฺสเตว ภควนฺตํ อารพฺภ สติ, มุสฺสติ ธมฺมํ อารพฺภ สติ, มุสฺสติ สงฺฆํ อารพฺภ สติ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอวํ โหติ ‘อิมมฺหิ จาหํ สายนฺหสมเย กาลํ กเรยฺยํ, กา มยฺหํ [มมสฺส (สี. ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๕.๑๐๑๘] คติ, โก อภิสมฺปราโย’’’ติ.
‘‘มา ¶ ภายิ, มหานาม, มา ภายิ, มหานาม, อปาปกํ เต มรณํ ภวิสฺสติ, อปาปิกา [อปาปิกา เต (สี.)] กาลงฺกิริยา. จตูหิ โข, มหานาม, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ¶ อริยสาวโก นิพฺพานนินฺโน โหติ นิพฺพานโปโณ นิพฺพานปพฺภาโร. กตเมหิ จตูหิ? อิธ, มหานาม, อริยสาวโก พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ, อิติปิ โส ภควา อรหํ…เป… พุทฺโธ ภควาติ. ธมฺเม…เป… สงฺเฆ…เป… อริยกนฺเตหิ สีเลหิ สมนฺนาคโต โหติ อขณฺเฑหิ…เป… สมาธิสํวตฺตนิเกหิ. เสยฺยถาปิ, มหานาม, รุกฺโข ปาจีนนินฺโน ปาจีนโปโณ ปาจีนปพฺภาโร, โส มูลจฺฉินฺโน [มูเลหิ ฉินฺโน (สี. ก.)] กตเมน ปปเตยฺยา’’ติ? ‘‘เยน, ภนฺเต, นินฺโน เยน โปโณ เยน ปพฺภาโร’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหานาม, อิเมหิ จตูหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อริยสาวโก นิพฺพานนินฺโน โหติ นิพฺพานโปโณ นิพฺพานปพฺภาโร. มา ภายิ, มหานาม, มา ภายิ, มหานาม, อปาปกํ เต มรณํ ภวิสฺสติ, อปาปิกา กาลงฺกิริยา’’ติ.
อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘สุขกามานิ ภูตานิ, โย ทณฺเฑน น หึสติ;
อตฺตโน สุขเมสาโน, เปจฺจ โส ลภเต สุข’’นฺติ.
อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘คุนฺนฺเจ ¶ ตรมานานํ, อุชุํ คจฺฉติ ปุงฺคโว;
สพฺพา ตา อุชุํ คจฺฉนฺติ, เนตฺเต อุชุํ คเต สติ.
‘‘เอวเมว มนุสฺเสสุ, โย โหติ เสฏฺสมฺมโต;
โส สเจ [โส เจว (สี.) ปสฺส (สี.) ปสฺส อ. นิ. ๔.๗๐] ธมฺมํ จรติ, ปเคว อิตรา ปชา;
สพฺพํ รฏฺํ สุขํ เสติ, ราชา เจ โหติ ธมฺมิโก’’ติ.
อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํ.
๙๔. ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู ภควโต ¶ จีวรกมฺมํ กโรนฺติ ‘‘นิฏฺิตจีวโร ภควา เตมาสจฺจเยน จาริกํ ปกฺกมิสฺสตี’’ติ. เตน โข ปน สมเยน อิสิทตฺตปุราณา ถปตโย สาเกเต [สาธุเก (สํ. นิ. ๕.๑๐๐๒)] ปฏิวสนฺติ เกนจิ เทว กรณีเยน. อสฺโสสุํ โข อิสิทตฺตปุราณา ถปตโย ‘‘สมฺพหุลา กิร ภิกฺขู ภควโต จีวรกมฺมํ กโรนฺติ. นิฏฺิตจีวโร ภควา เตมาสจฺจเยน จาริกํ ปกฺกมิสฺสตี’’ติ.
อถ ¶ โข อิสิทตฺตปุราณา ถปตโย มคฺเค ปุริสํ เปสุํ ‘‘ยทา ตฺวํ อมฺโภ ปุริส ปสฺเสยฺยาสิ ภควนฺตํ อาคจฺฉนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ, อถ อมฺหากํ อาโรเจยฺยาสี’’ติ. ทฺวีหตีหํ ิโต โข โส ปุริโส อทฺทส ภควนฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ, ทิสฺวาน เยน อิสิทตฺตปุราณา ถปตโย เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อิสิทตฺตปุราเณ ถปตโย เอตทโวจ ‘‘อยํ โส ภนฺเต [อยํ ภนฺเต (สี. ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๕.๑๐๐๒] ภควา อาคจฺฉติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ, ยสฺสทานิ กาลํ มฺถา’’ติ.
อถ โข อิสิทตฺตปุราณา ถปตโย เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ภควนฺตํ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺธึสุ. อถ โข ภควา มคฺคา โอกฺกมฺม เยน อฺตรํ รุกฺขมูลํ เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. อิสิทตฺตปุราณา ถปตโย ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ, เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข อิสิทตฺตปุราณา ถปตโย ภควนฺตํ เอตทโวจุํ –
‘‘ยทา มยํ ภนฺเต ภควนฺตํ สุโณม ‘สาวตฺถิยา โกสเลสุ จาริกํ ปกฺกมิสฺสตี’ติ, โหติ โน ตสฺมึ สมเย อนตฺตมนตา โหติ โทมนสฺสํ ‘ทูเร โน ภควา ภวิสฺสตี’ติ. ยทา ปน ¶ มยํ ภนฺเต ภควนฺตํ สุโณม ‘สาวตฺถิยา โกสเลสุ จาริกํ ปกฺกนฺโต’ติ, โหติ โน ตสฺมึ สมเย อนตฺตมนตา โหติ โทมนสฺสํ ‘ทูเร โน ภควา’ติ…เป….
‘‘ยทา ปน มยํ ภนฺเต ภควนฺตํ สุโณม ‘กาสีสุ มคเธสุ [กาสีหิ มาคเธ (สํ. นิ. ๕.๑๐๐๒)] จาริกํ ปกฺกมิสฺสตี’ติ, โหติ โน ตสฺมึ สมเย อนตฺตมนตา โหติ โทมนสฺสํ ‘ทูเร โน ภควา ภวิสฺสตี’ติ ¶ . ยทา ปน มยํ ภนฺเต ภควนฺตํ สุโณม ‘กาสีสุ มคเธสุ จาริกํ ปกฺกนฺโต’ติ, อนปฺปกา โน ตสฺมึ สมเย อนตฺตมนตา โหติ อนปฺปกํ โทมนสฺสํ ‘ทูเร โน ภควา’ติ.
‘‘ยทา ปน มยํ ภนฺเต ภควนฺตํ สุโณม ‘มคเธสุ กาสีสุ จาริกํ ปกฺกมิสฺสตี’ติ, โหติ โน ตสฺมึ สมเย อตฺตมนตา โหติ โสมนสฺสํ ‘อาสนฺเน โน ภควา ภวิสฺสตี’ติ. ยทา ปน มยํ ภนฺเต ภควนฺตํ สุโณม ‘มคเธสุ กาสีสุ จาริกํ ปกฺกนฺโต’ติ, โหติ โน ¶ ตสฺมึ สมเย อตฺตมนตา โหติ โสมนสฺสํ ‘อาสนฺเน โน ภควา’ติ…เป….
‘‘ยทา ปน มยํ ภนฺเต ภควนฺตํ สุโณม ‘โกสเลสุ สาวตฺถึ [สาวตฺถิยํ (สี. ก.)] จาริกํ ปกฺกมิสฺสตี’ติ. โหติ โน ตสฺมึ สมเย อตฺตมนตา โหติ โสมนสฺสํ ‘อาสนฺเน โน ภควา ภวิสฺสตี’ติ.
‘‘ยทา ปน มยํ ภนฺเต ภควนฺตํ สุโณม ‘สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม’ติ โหติ อนปฺปกา โน ตสฺมึ สมเย อตฺตมนตา, โหติ อนปฺปกํ โสมนสฺสํ ‘อาสนฺเน โน ภควา’’’ติ.
‘‘ตสฺมาติห, ถปตโย, สมฺพาโธ ฆราวาโส รชาปโถ, อพฺโภกาโส ปพฺพชฺชา, อลฺจ ปน โว, ถปตโย, อปฺปมาทายา’’ติ. ‘‘อตฺถิ โข โน, ภนฺเต, เอตมฺหา สมฺพาธา อฺโ สมฺพาโธ สมฺพาธตโร เจว สมฺพาธสงฺขาตตโร จา’’ติ? ‘‘กตโม ปน โว, ถปตโย, เอตมฺหา สมฺพาธา อฺโ สมฺพาโธ สมฺพาธตโร เจว สมฺพาธสงฺขาตตโร จา’’ติ?
‘‘อิธ มยํ, ภนฺเต, ยทา ราชา ปเสนทิ โกสโล อุยฺยานภูมึ นิยฺยาตุกาโม [คนฺตุกาโม (สี. ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๕.๑๐๐๒] โหติ, เย เต รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส นาคา โอปวยฺหา, เต กปฺเปตฺวา ยา ตา รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ปชาปติโย ปิยา มนาปา, ตา [ตาสํ (สี. ก.)] เอกํ ปุรโต เอกํ ปจฺฉโต นิสีทาเปม, ตาสํ โข ปน, ภนฺเต, ภคินีนํ เอวรูโป คนฺโธ โหติ. เสยฺยถาปิ นาม คนฺธกรณฺฑกสฺส ตาวเทว ¶ วิวริยมานสฺส, ยถา ตํ ราชกฺานํ [ราชารเหน (สี. ก.)] คนฺเธน วิภูสิตานํ. ตาสํ โข ปน, ภนฺเต, ภคินีนํ เอวรูโป กายสมฺผสฺโส โหติ, เสยฺยถาปิ นาม ¶ ตูลปิจุโน วา กปฺปาหปิจุโน วา, ยถา ตํ ราชกฺานํ สุเขธิตานํ. ตสฺมึ โข ปน, ภนฺเต, สมเย นาโคปิ รกฺขิตพฺโพ โหติ. ตาปิ ภคินิโย รกฺขิตพฺพา โหติ. อตฺตาปิ รกฺขิตพฺพา โหติ. น โข ปน มยํ, ภนฺเต, อภิชานาม ตาสุ ภคีนิสุ ปาปกํ จิตฺตํ ปฺปาเทนฺตา, อยํ โข โน, ภนฺเต, เอตมฺหา สมฺพาธา อฺโ สมฺพาโธ สมฺพาธตโร เจว สมฺพาธสงฺฆาตตโร จาติ.
‘‘ตสฺมาติห ¶ , ถปตโย, สมฺพาโธ ฆราวาโส รชาปโถ, อพฺโภกาโส ปพฺพชฺชา. อลฺจ ปน โว, ถปตโย, อปฺปมาทาย. จตูหิ โข ถปตโย, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อริยสาวโก โสตาปนฺโน โหติ อวินิปาตธมฺโม นิยโต สมฺโพธิปรายโณ.
‘‘กตเมหิ จตูหิ? อิธ, ถปตโย, สุตวา อริยสาวโก พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ อิติปิ โส ภควา อรหํ…เป… พุทฺโธ ภควาติ, ธมฺเม…เป… สงฺเฆ…เป… วิคตมลมจฺเฉเรน เจตสา อคารํ อชฺฌาวสติ, มุตฺตจาโค ปยตปาณิ โวสฺสคฺครโต ยาจโยโค ทานสํวิภาครโต อปฺปฏิวิภตฺตํ. อิเมหิ โข, ถปตโย, จตูหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อริยสาวโก โสตาปนฺโน โหติ อวินิปาตธมฺโม นิยโต สมฺโพธิปรายโณ.
‘‘ตุมฺเห โข, ถปตโย, พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคตา อิติปิ โส ภควา อรหํ…เป… พุทฺโธ ภควาติ, ธมฺเม…เป… สงฺเฆ…เป… ยํ โข ปน กิฺจิ กุเล เทยฺยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ อปฺปฏิวิภตฺตํ สีลวนฺเตหิ กลฺยาณธมฺเมหิ, ตํ กึ มฺถ, ถปตโย, กติวิธา เต โกสเลสุ มนุสฺสา เย ตุมฺหากํ สมสมา ยทิทํ ทานสํวิภาเคหี’’ติ? ‘‘ลาภา โน, ภนฺเต, สุลทฺธํ โน, ภนฺเต, เยสํ โน ภควา เอวํ ปชานาตี’’ติ.
อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘เอกปุปฺผํ ¶ จชิตฺวาน [ยชิตฺวาน (ก.) ปสฺส เถรคา. ๙๖], สหสฺสํ กปฺปโกฏิโย.
เทเว เจว มนุสฺเส จ, เสเสน ปรินิพฺพุโต’’ติ.
อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘อสฺสตฺเถ ¶ หริโตภาเส, สํวิรูฬฺหมฺหิ ปาทเป;
เอกํ พุทฺธคตํ [พุทฺธกตํ (ก.) ปสฺส เถรคา. ๒๑๗] สฺํ, อลภึตฺถํ [อลภึหํ (สี. ก.)] ปติสฺสโต.
‘‘อชฺช ตึสํ ตโต กปฺปา, นาภิชานามิ ทุคฺคตึ;
ติสฺโส วิชฺชา สจฺฉิกตา, ตสฺสา สฺาย วาสนา’’ติ.
อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘ปิณฺฑาย ¶ โกสลํ ปุรํ, ปาวิสิ อคฺคปุคฺคโล;
อนุกมฺปโก ปุเรภตฺตํ, ตณฺหานิฆาตโก มุนิ.
‘‘ปุริสสฺส วฏํสโก หตฺเถ, สพฺพปุปฺเผหิลงฺกโต;
โส อทฺทสาสิ สมฺพุทฺธํ, ภิกฺขุสงฺฆปุรกฺขตํ.
‘‘ปวิสนฺตํ ราชมคฺเคน, เทวมานุสปูชิตํ;
หฏฺโ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, สมฺพุทฺธมุปสงฺกมิ.
‘‘โส ตํ วฏํสกํ สุรภึ, วณฺณวนฺตํ มโนรมํ;
สมฺพุทฺธสฺสุปนาเมสิ, ปสนฺโน เสหิ ปาณิภิ.
‘‘ตโต อคฺคิสิขา วณฺณา, พุทฺธสฺส ลปนนฺตรา;
สหสฺสรํสิ วิชฺชุริว, โอกฺกา นิกฺขมิ อานนา.
‘‘ปทกฺขิณํ กริตฺวาน, สีเส อาทิจฺจพนฺธุโน;
ติกฺขตฺตุํ ปริวฏฺเฏตฺวา, มุทฺธนนฺตรธายถ.
‘‘อิทํ ทิสฺวา อจฺฉริยํ, อพฺภุตํ โลมหํสนํ;
เอกํสํ จีวรํ กตฺวา, อานนฺโท เอตทพฺรวิ.
‘‘‘โก เหตุ สิตกมฺมสฺส, พฺยากโรหิ มหามุเน;
ธมฺมาโลโก ภวิสฺสติ, กงฺขํ วิตร โน มุเน.
‘‘‘ยสฺส ¶ ตํ สพฺพธมฺเมสุ, สทา าณํ ปวตฺตติ;
กงฺขึ ¶ เวมติกํ เถรํ, อานนฺทํ เอตทพฺรวิ.
‘‘‘โย โส อานนฺท ปุริโส, มยิ จิตฺตํ ปสาทยิ;
จตุราสีติกปฺปานิ, ทุคฺคตึ น คมิสฺสติ.
‘‘‘เทเวสุ เทวโสภคฺคํ, ทิพฺพํ รชฺชํ ปสาสิย;
มนุเชสุ มนุชินฺโท, ราชา รฏฺเ ภวิสฺสติ.
‘‘‘โส จริมํ ปพฺพชิตฺวา, สจฺฉิกตฺวาน [สจฺฉิกตฺวา จ (ก.)] ธมฺมตํ;
ปจฺเจกพุทฺโธ ธุตราโค, วฏํสโก นาม ภวิสฺสติ.
‘‘‘นตฺถิ จิตฺเต [ปสฺส วิ. ว. ๘๐๔] ปสนฺนมฺหิ, อปฺปกา นาม ทกฺขิณา;
ตถาคเต วา สมฺพุทฺเธ, อถ วา ตสฺส สาวเก.
‘‘‘เอวํ ¶ อจินฺติยา [ปสฺส อป. เถร ๑.๑.๘๒] พุทฺธา, พุทฺธธมฺมา อจินฺติยา;
อจินฺติเย ปสนฺนานํ, วิปาโก โหติ อจินฺติโย’’’ติ.
อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํ.
๙๖. ‘‘อิธาหํ, ภิกฺขเว, เอกจฺจํ ปุคฺคลํ ปสนฺนจิตฺตํ เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ ‘‘(ยถา โข อยํ ปุคฺคโล อิริยติ, ยฺจ ปฏิปทํ ปฏิปนฺโน, ยฺจ มคฺคํ สมารูฬฺโห) [( ) นตฺถิ อ. นิ. ๑.๔๓-๔๔; อิติวุ. ๒๑]. อิมมฺหิ จายํ สมเย กาลํ กเรยฺย, ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ สคฺเค. ตํ กิสฺส เหตุ? จิตฺตํ หิสฺส, ภิกฺขเว, ปสนฺนํ, เจโตปสาทเหตุ [จิตฺตปฺปสาทเหตุ (สี. ก.)] โข ปน เอวมิเธกจฺเจ สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺตี’’ติ. เอตมตฺถํ ภควา อโวจ, ตตฺเถตํ อิติ วุจฺจติ –
‘‘ปสนฺนจิตฺตํ ตฺวาน, เอกจฺจํ อิธ ปุคฺคลํ;
เอตมตฺถฺจ พฺยากาสิ, พุทฺโธ [สตฺถา (สี. ก.) ปสฺส อิติวุ. ๒๑] ภิกฺขูน สนฺติเก.
‘‘อิมมฺหิ ¶ จายํ สมเย, กาลํ กยิราถ ปุคฺคโล;
สคฺคมฺหิ อุปปชฺเชยฺย, จิตฺตํ หิสฺส ปสาทิตํ.
‘‘เจโตปสาทเหตุ หิ, สตฺตา คจฺฉนฺติ สุคฺคตึ;
ยถาภตํ นิกฺขิเปยฺย, เอวเมวํ ตถาวิโธ;
กายสฺส เภทา สปฺปฺโ, สคฺคํ โส อุปปชฺชตี’’ติ.
‘‘อยมฺปิ อตฺโถ วุตฺโต ภควตา อิติ เม สุต’’นฺติ.
อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘สุวณฺณจฺฉทนํ ¶ นาวํ, นาริ อารุยฺห ติฏฺสิ;
โอคาหสิ [โอคาหเส (สี. ก.) ปสฺส วิ. ว. ๕๓] โปกฺขรณึ, ปทฺมํ ฉินฺทสิ ปาณินา.
‘‘เกน เต ตาทิโส วณฺโณ, อานุภาโว ชุติ จ เต;
อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนสิจฺฉิตา.
‘‘ปุจฺฉิตา เทวเต สํส, กิสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ;
สา เทวตา อตฺตมนา, เทวราเชน ปุจฺฉิตา.
‘‘ปฺหํ ¶ ปุฏฺา วิยากาสิ, สกฺกสฺส อิติ เม สุตํ;
อทฺธานํ ปฏิปนฺนาหํ, ทิสฺวา ถูปํ มโนรมํ.
‘‘ตตฺถ จิตฺตํ ปสาเทสึ, กสฺสปสฺส ยสสฺสิโน;
ปทฺธปุปฺเผหิ ปูเชสึ, ปสนฺนา เสหิ ตสฺเสว;
กมฺมสฺส ผลํ วิปาโก, เอตาทิสํ กตปฺุา ลภนฺตี’’ติ.
อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘ทานกถา สีลกถา สคฺคกถา ปฺุกถา ปฺุวิปากกถา’’ติ;
อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘อปิจาปิ ¶ ปํสุถูเปสุ อุทฺทิสฺสกเตสุ ทสพลธรานํ ตตฺถปิ การํ กตฺวา สคฺเคสุ นรา ปโมทนฺตี’’ติ.
อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘เทวปุตฺตสรีรวณฺณา, สพฺเพ สุภคสณฺิตี.
อุทเกน ปํสุํ เตเมตฺวา, ถูปํ วฑฺเฒถ กสฺสปํ.
‘‘อยํ สุคตฺเต สุคตสฺส ถูโป, มเหสิโน ทสพลธมฺมธาริโน;
ตสฺมึ [ยสฺมึ (สี.)] อิเม เทวมนุชา ปสนฺนา, การํ กโรนฺตา ชรามรณา ปมุจฺจเร’’ติ.
อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘อุฬารํ วต ตํ อาสิ, ยาหํ ถูปํ มเหสิโน;
อุปฺปลานิ ¶ จ จตฺตาริ, มาลฺจ อภิโรปยึ.
‘‘อชฺช ตึสํ ตโต กปฺปา, นาภิชานามิ ทุคฺคตึ;
วินิปาตํ น คจฺฉามิ, ถูปํ ปูเชตฺว [ปูเชตฺวา (ก.)] สตฺถุโน’’ติ.
อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘พาตฺตึสลกฺขณธรสฺส, วิชิตวิชยสฺส โลกนาถสฺส;
สตสหสฺสํ กปฺเป, มุทิโต ถูปํ อปูเชสิ.
‘‘ยํ ¶ มยา ปสุตํ ปฺุํ, เตน จ ปฺุเน เทว โสภคฺคํ;
รชฺชานิ จ การิตานิ, อนาคนฺตุน วินิปาตํ.
‘‘ยํ จกฺขุ อทนฺตทมกสฺส, สาสเน ปณิหิตํ ตถา;
จิตฺตํ ตํ เม สพฺพํ, ลทฺธํ วิมุตฺตจิตฺตมฺหิ วิธูตลโต’’ติ.
อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘สามากปตฺโถทนมตฺตเมว หิ, ปจฺเจกพุทฺธมฺหิ อทาสิ ทกฺขิณํ.
วิมุตฺตจิตฺเต อขิเล อนาสเว, อรณวิหาริมฺหิ อสงฺคมานเส.
‘‘ตสฺมิฺจ ¶ โอกปฺปยิ ธมฺมมุตฺตมํ, ตสฺมิฺจ ธมฺเม ปณิเธสึ มานสํ;
เอวํ วิหารีหิ เม สงฺคโม สิยา, ภเว กุทาสุปิ จ มา อเปกฺขวา.
‘‘ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากโต อหํ, สหสฺสกฺขตฺตุํ กุรุสูปปชฺชถ [กุรูสูปปชฺชถ (สี.)];
ทีฆายุเกสุ อมเมสุ ปาณิสุ, วิเสสคามีสุ อหีนคามิสุ.
‘‘ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากโต อหํ, สหสฺสกฺขตฺตุํ ติทโสปปชฺชถ;
วิจิตฺรมาลาภรณานุเลปิสุ, วิสิฏฺกายูปคโต ยสสฺสิสุ.
‘‘ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากโต อหํ, วิมุตฺตจิตฺโต อขิโล อนาสโว;
อิเมหิ เม อนฺติมเทหธาริภิ, สมาคโม ¶ อาสิหิ ตาหิ ตาสิหิ.
‘‘ปจฺจกฺขํ ¶ ขฺวิมํ อวจ ตถาคโต ชิโน, สมิชฺฌเต สีลวโต ยทิจฺฉติ;
ยถา ยถา เม มนสา วิจินฺติตํ, ตถา สมิทฺธํ อยมนฺติโม ภโว’’ติ.
อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘เอกตึสมฺหิ กปฺปมฺหิ ชิโน อเนโช, อนนฺตทสฺสี ภควา สิขีติ;
ตสฺสาปิ ราชา ภาตา สิขิทฺเธ [สิขณฺฑิ (สี.)], พุทฺเธ จ ธมฺเม จ อภิปฺปสนฺโน.
‘‘ปรินิพฺพุเต โลกวินายกมฺหิ, ถูปํ สกาสิ วิปุลํ มหนฺตํ;
สมนฺตโต คาวุติกํ มเหสิโน, เทวาติเทวสฺส นรุตฺตมสฺส.
‘‘ตสฺมึ มนุสฺโส พลิมาภิหารี, ปคฺคยฺห ชาติสุมนํ ปหฏฺโ;
วาเตน ปุปฺผํ ปติตสฺส เอกํ, ตาหํ คเหตฺวาน ตสฺเสว ทาสิ.
‘‘โส มํ อโวจาภิปสนฺนจิตฺโต, ตุยฺหเมว เอตํ ปุปฺผํ ททามิ;
ตาหํ คเหตฺวา อภิโรปเยสึ, ปุนปฺปุนํ พุทฺธมนุสฺสรนฺโต.
‘‘อชฺช ¶ ตึสํ ตโต กปฺปา, นาภิชานามิ ทุคฺคตึ;
วินิปาตฺจ น คจฺฉามิ, ถูปปูชายิทํ ผล’’นฺติ.
อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘กปิลํ นาม นครํ, สุวิภตฺตํ มหาปถํ;
อากิณฺณมิทฺธํ ผีตฺจ, พฺรหฺมทตฺตสฺส ราชิโน.
‘‘กุมฺมาสํ ¶ วิกฺกิณึ ตตฺถ, ปฺจาลานํ ปุรุตฺตเม;
โสหํ ¶ อทฺทสึ สมฺพุทฺธํ, อุปริฏฺํ ยสสฺสินํ.
‘‘หฏฺโ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, นิมนฺเตสึ นรุตฺตมํ;
อริฏฺํ ธุวภตฺเตน, ยํ เม เคหมฺหิ วิชฺชถ.
‘‘ตโต จ กตฺติโก ปุณฺโณ [กตฺติกา ปุณฺณา (ก.)], ปุณฺณมาสี อุปฏฺิตา;
นวํ ทุสฺสยุคํ คยฺห, อริฏฺสฺโสปนามยึ.
‘‘ปสนฺนจิตฺตํ ตฺวาน, ปฏิคฺคณฺหิ นรุตฺตโม;
อนุกมฺปโก การุณิโก, ตณฺหานิฆาตโก มุนิ.
‘‘ตาหํ กมฺมํ กริตฺวาน, กลฺยาณํ พุทฺธวณฺณิตํ;
เทเว เจว มนุสฺเส จ, สนฺธาวิตฺวา ตโต จุโต.
‘‘พาราณสิยํ นคเร, เสฏฺิสฺส เอกปุตฺตโก;
อฑฺเฒ กุลสฺมึ อุปฺปชฺชึ, ปาเณหิ จ ปิยตโร.
‘‘ตโต จ วิฺุตํ ปตฺโต, เทวปุตฺเตน โจทิโต;
ปาสาทา โอรูหิตฺวาน, สมฺพุทฺธมุปสงฺกมึ.
‘‘โส เม ธมฺมมเทสยิ, อนุกมฺปาย โคตโม;
ทุกฺขํ ทุกฺขสมุปฺปาทํ, ทุกฺขสฺส จ อติกฺกมํ.
‘‘อริยํ ¶ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ, ทุกฺขูปสมคามินํ;
จตฺตาริ อริยสจฺจานิ, มุนิ ธมฺมมเทสยิ.
‘‘ตสฺสาหํ วจนํ สุตฺวา, วิหรึ สาสเน รโต;
สมถํ ปฏิวิชฺฌาหํ, รตฺตินฺทิวมตนฺทิโต.
‘‘อชฺฌตฺตฺจ พหิทฺธา จ, เย เม วิชฺชึสุ [วิชฺฌึสุ (สี.)] อาสวา;
สพฺเพ อาสุํ สมุจฺฉินฺนา, น จ อุปฺปชฺชเร ปุน.
‘‘ปริยนฺตกตํ ทุกฺขํ, จริโมยํ สมุสฺสโย;
ชาติมรณสํสาโร, นตฺถิทานิ ปุนพฺภโว’’ติ.
อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํ.
๙๙. ตตฺถ ¶ กตมํ นิพฺเพธภาคิยํ สุตฺตํ?
‘‘อุทฺธํ อโธ สพฺพธิ วิปฺปมุตฺโต, อยํ อหสฺมีติ [อยมหมสฺมีติ (สี.) ปสฺส อุทา. ๖๑] อนานุปสฺสี;
เอวํ วิมุตฺโต อุทตาริ โอฆํ, อติณฺณปุพฺพํ อปุนพฺภวายา’’ติ.
อิทํ นิพฺเพธภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘สีลวโต ¶ , อานนฺท, น เจตนา [เจตนาย (อ. นิ. ๑๑.๒)] กรณียา ‘กินฺติ เม อวิปฺปฏิสาโร ชาเยยฺยา’ติ. ธมฺมตา เอสา, อานนฺท, ยํ สีลวโต อวิปฺปฏิสาโร ชาเยยฺย. อวิปฺปฏิสารินา, อานนฺท, น เจตนา กรณียา ‘กินฺติ เม ปาโมชฺชํ ชาเยยฺยา’ติ. ธมฺมตา เอสา, อานนฺท, ยํ อวิปฺปฏิสาริโน ปาโมชฺชํ ชาเยยฺย. ปมุทิเตน, อานนฺท, น เจตนา กรณียา ‘กินฺติ เม ปีติ ชาเยยฺยา’ติ. ธมฺมตา เอสา, อานนฺท, ยํ ปมุทิตสฺส ปีติ ชาเยยฺย. ปีติมนสฺส, อานนฺท, น เจตนา กรณียา ‘กินฺติ เม กาโย ปสฺสมฺเภยฺยา’ติ. ธมฺมตา เอสา, อานนฺท, ยํ ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺเภยฺย. ปสฺสทฺธกายสฺส อานนฺท, น เจตนา กรณียา ‘กินฺตาหํ สุขํ เวทิเยยฺย’นฺติ. ธมฺมตา เอสา, อานนฺท, ยํ ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวทิเยยฺย. สุขิโน อานนฺท, น เจตนา กรณียา ‘กินฺติ เม สมาธิ ชาเยยฺยา’ติ. ธมฺมตา เอสา, อานนฺท, ยํ สุขิโน สมาธิ ชาเยยฺย. สมาหิตสฺส อานนฺท, น เจตนา กรณียา ‘กินฺตาหํ ยถาภูตํ ปชาเนยฺย’นฺติ. ธมฺมตา เอสา, อานนฺท, ยํ สมาหิโต ยถาภูตํ ปชาเนยฺย. ยถาภูตํ ปชานตา ¶ , อานนฺท, น เจตนา กรณียา ‘กินฺติ เม นิพฺพิทา ชาเยยฺยา’ติ. ธมฺมตา เอสา, อานนฺท, ยํ ยถาภูตํ ปชานนฺโต นิพฺพินฺเทยฺย. นิพฺพินฺทนฺเตน, อานนฺท, น เจตนา กรณียา ‘กินฺติ เม วิราโค ชาเยยฺยา’ติ. ธมฺมตา เอสา, อานนฺท, ยํ นิพฺพินฺทนฺโต วิรชฺเชยฺย. วิรชฺชนฺเตน อานนฺท น เจตนา กรณียา ‘กินฺติ เม วิมุตฺติ ชาเยยฺยา’ติ. ธมฺมตา เอสา, อานนฺท, ยํ วิรชฺชนฺโต วิมุจฺเจยฺย. วิมุตฺเตน, อานนฺท, น เจตนา กรณียา ‘กินฺติ เม วิมุตฺติาณทสฺสนํ อุปฺปชฺเชยฺยา’ติ. ธมฺมตา เอสา, อานนฺท, ยํ วิมุตฺตสฺส วิมุตฺติาณทสฺสนํ อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ.
อิทํ นิพฺเพธภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘ยทา ¶ ¶ หเว ปาตุภวนฺติ ธมฺมา, อาตาปิโน ฌายโต พฺราหฺมณสฺส.
อถสฺส กงฺขา วปยนฺติ สพฺพา, ยโต ปชานาติ สเหตุธมฺม’’นฺติ.
อิทํ นิพฺเพธภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘ยทา หเว ปาตุภวนฺติ ธมฺมา, อาตาปิโน ฌายโต พฺราหฺมณสฺส;
อถสฺส กงฺขา วปยนฺติ สพฺพา, ยโต ขยํ ปจฺจยานํ อเวที’’ติ.
อิทํ นิพฺเพธภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘กึนุ [ปสฺส สํ. นิ. ๒.๒๔๓] กุชฺฌสิ มา กุชฺฌิ, อกฺโกโธ ติสฺส เต วรํ;
โกธมานมกฺขวินยตฺถํ หิ, ติสฺส พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ.
อิทํ นิพฺเพธภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘กทาหํ นนฺทํ ปสฺเสยฺยํ, อารฺํ [อรฺํ (ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๒.๒๔๒] ปํสุกูลิกํ;
อฺาตฺุเฉน ยาเปนฺตํ, กาเมสุ อนเปกฺขิน’’นฺติ.
อิทํ นิพฺเพธภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘กึสุ เฉตฺวา สุขํ เสติ, กึสุ เฉตฺวา น โสจติ;
กิสฺสสฺสุ [กิสฺสสฺส (สี. ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๑.๑๘๗] เอกธมฺมสฺส, วธํ โรเจสิ โคตมาติ.
‘‘โกธํ ¶ เฉตฺวา สุขํ เสติ, โกธํ เฉตฺวา น โสจติ;
โกธสฺส วิสมูลสฺส, มธุรคฺคสฺส พฺราหฺมณ;
วธํ อริยา ปสํสนฺติ, ตํ หิ เฉตฺวา น โสจตี’’ติ.
อิทํ นิพฺเพธภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘กึสุ หเน อุปฺปติตํ, กึสุ ชาตํ วิโนทเย;
กิฺจสฺสุ ปชเห ธีโร, กิสฺสาภิสมโย สุโข.
‘‘โกธํ ¶ ¶ หเน อุปฺปติตํ, ราคํ ชาตํ วิโนทเย;
อวิชฺชํ ปชเห ธีโร, สจฺจาภิสมโย สุโข’’ติ.
อิทํ นิพฺเพธภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘สตฺติยา วิย โอมฏฺโ, ฑยฺหมาโนว [ทยฺหมาเนว (ก.) สํ. นิ. ๑.๒๑; เถรคา. ๓๙ ปสฺสิตพฺพํ] มตฺถเก.
กามราคปฺปหานาย, สโต ภิกฺขุ ปริพฺพเช.
‘‘สตฺติยา วิย โอมฏฺโ, ฑยฺหมาโนว มตฺถเก;
สกฺกายทิฏฺิปฺปหานาย, สโต ภิกฺขุ ปริพฺพเช’’ติ.
อิทํ นิพฺเพธภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘สพฺเพ ขยนฺตา นิจยา, ปตนนฺตา สมุสฺสยา;
สพฺเพสํ มรณมาคมฺม, สพฺเพสํ ชีวิตมทฺธุวํ;
เอตํ ภยํ มรเณ [มรณํ (ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๑.๑๐๐] เปกฺขมาโน, ปฺุานิ กยิราถ สุขาวหานิ.
‘‘สพฺเพ ขยนฺตา นิจยา, ปตนนฺตา สมุสฺสยา;
สพฺเพสํ มรณมาคมฺม, สพฺเพสํ ชีวิตมทฺธุวํ;
เอตํ ภยํ มรเณ เปกฺขมาโน, โลกามิสํ ปชเห สนฺติเปกฺโข’’ติ.
อิทํ นิพฺเพธภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘สุขํ ¶ สยนฺติ มุนโย, น เต โสจนฺติ มาวิธ;
เยสํ ฌานรตํ จิตฺตํ, ปฺวา สุสมาหิโต;
อารทฺธวีริโย ปหิตตฺโต, โอฆํ ตรติ ทุตฺตรํ.
‘‘วิรโต กามสฺาย, สพฺพสํโยชนาตีโต [สพฺพสํโยชนาติโค (สี.) ปสฺส สํ. นิ. ๑.๙๖];
นนฺทิภวปริกฺขีโณ [นนฺทีราคปริกฺขีโณ (ก.) สํ. นิ. ๑.๙๖], โส คมฺภีเร น สีทตี’’ติ.
อิทํ นิพฺเพธภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘สทฺทหาโน อรหตํ, ธมฺมํ นิพฺพานปตฺติยา;
สุสฺสูสํ ลภเต ปฺํ, อปฺปมตฺโต วิจกฺขโณ.
ปติรูปการี ¶ ¶ ธุรวา, อุฏฺาตา วินฺทเต ธนํ;
สจฺเจน กิตฺตึ ปปฺโปติ, ททํ มิตฺตานิ คนฺถติ;
อสฺมา โลกา ปรํ โลกํ, เอวํ [สเว (สี.) ปสฺส สํ. นิ. ๑.๒๔๖] เปจฺจ น โสจตี’’ติ.
อิทํ นิพฺเพธภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘สพฺพคนฺถปหีนสฺส, วิปฺปมุตฺตสฺส เต สโต;
สมณสฺส น ตํ สาธุ, ยทฺมนุสาสสีติ.
‘‘เยน เกนจิ วณฺเณน, สํวาโส สกฺก ชายติ;
น ตํ อรหติ สปฺปฺโ, มนสา อนุกมฺปิตุํ [อนนุกมฺปิตํ (สี. ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๑.๒๓๖].
‘‘มนสา เจ ปสนฺเนน, ยทฺมนุสาสติ;
น เตน โหติ สํยุตฺโต, ยานุกมฺปา อนุทฺทยา’’ติ.
อิทํ นิพฺเพธภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘ราโค จ โทโส จ กุโตนิทานา, อรตี รตี [อรติ รติ (ก.) สํ. นิ. ๑.๒๓๗; สุ. นิ. ๒๗๓ ปสฺสิตพฺพํ] โลมหํโส กุโตชา.
กุโต สมุฏฺาย มโนวิตกฺกา, กุมารกา ธงฺกมิโวสฺสชนฺติ.
‘‘ราโค ¶ จ โทโส จ อิโตนิทานา, อรตี รตี โลมหํโส อิโตชา;
อิโต สมุฏฺาย มโนวิตกฺกา, กุมารกา ธงฺกมิโวสฺสชนฺติ.
‘‘สฺเนหชา อตฺตสมฺภูตา, นิคฺโรธสฺเสว ขนฺธชา;
ปุถุ วิสตฺตา กาเมสุ, มาลุวาว วิตตา วเน.
‘‘เย นํ ปชานนฺติ ยโตนิทานํ, เต นํ วิโนเทนฺติ สุโณหิ ยกฺข;
เต ทุตฺตรํ โอฆมิมํ ตรนฺติ, อติณฺณปุพฺพํ อปุนพฺภวายา’’ติ.
อิทํ นิพฺเพธภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘ทุกฺกรํ ¶ ¶ ภควา สุทุกฺกรํ ภควา’’ติ;
‘‘ทุกฺกรํ วาปิ กโรนฺติ, [กามทาติ ภควา]
เสกฺขา สีลสมาหิตา;
ิตตฺตา อนคาริยุเปตสฺส, ตุฏฺิ โหติ สุขาวหา’’ติ.
‘‘ทุลฺลภา [ทุลฺลภํ (สี. ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๑.๘๗] ภควา ยทิทํ ตุฏฺี’’ติ;
‘‘ทุลฺลภํ วาปิ ลภนฺติ, [กามทาติ ภควา]
จิตฺตวูปสเม รตา;
เยสํ ทิวา จ รตฺโต จ, ภาวนาย รโต มโน’’ติ.
‘‘ทุสฺสมาทหํ ภควา ยทิทํ จิตฺต’’นฺติ;
‘‘ทุสฺสมาทหํ วาปิ สมาทหนฺติ, [กามทาติ ภควา]
อินฺทฺริยูปสเม รตา;
เต เฉตฺวา มจฺจุโน ชาลํ, อริยา คจฺฉนฺติ กามทา’’ติ.
‘‘ทุคฺคโม ภควา วิสโม มคฺโค’’ติ;
‘‘ทุคฺคเม ¶ วิสเม วาปิ, อริยา คจฺฉนฺติ กามท [กามทา (ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๑.๘๗];
อนริยา วิสเม มคฺเค, ปปตนฺติ อวํสิรา;
อริยานํ สโม มคฺโค, อริยา หิ วิสเม สมา’’ติ.
อิทํ นิพฺเพธภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘อิทํ หิ [ปสฺส สํ. นิ. ๑.๑๐๑] ตํ เชตวนํ, อิสิสงฺฆนิเสวิตํ.
อาวุตฺถํ ธมฺมราเชน, ปีติสฺชนนํ มม.
‘‘กมฺมํ วิชฺชา จ ธมฺโม จ, สีลํ ชีวิตมุตฺตมํ;
เอเตน มจฺจา สุชฺฌนฺติ, น โคตฺเตน ธเนน วา.
‘‘ตสฺมา หิ ปณฺฑิโต โปโส, สมฺปสฺสํ อตฺถมตฺตโน;
โยนิโส วิจิเน ธมฺมํ, เอวํ ตตฺถ วิสุชฺฌติ.
‘‘สาริปุตฺโตว ¶ ปฺาย, สีเลน อุปสเมน จ;
โยปิ ปารงฺคโต ภิกฺขุ, เอตาวปรโม สิยา’’ติ.
อิทํ นิพฺเพธภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘อตีตํ นานฺวาคเมยฺย, นปฺปฏิกงฺเข อนาคตํ;
ยทตีตํ ปหีนํ [ปหีณํ (สี.) ปสฺส ม. นิ. ๓.๒๗๒] ตํ, อปฺปตฺตฺจ อนาคตํ.
‘‘ปจฺจุปฺปนฺนฺจ ¶ โย ธมฺมํ, ตตฺถ ตตฺถ วิปสฺสติ;
อสํหีรํ อสํกุปฺปํ, ตํ วิทฺวา มนุพฺรูหเย.
‘‘อชฺเชว กิจฺจมาตปฺปํ [กิจฺจํ อาตปฺปํ (สี.)], โก ชฺา มรณํ สุเว;
น หิ โน สงฺครํ เตน, มหาเสเนน มจฺจุนา.
‘‘เอวํ วิหารึ อาตาปึ, อโหรตฺตมตนฺทิตํ;
ตํ เว ‘‘ภทฺเทกรตฺโต’’ติ, สนฺโต อาจิกฺขเต มุนี’’ติ.
อิทํ นิพฺเพธภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘จตฺตาริมานิ ¶ , ภิกฺขเว, สจฺฉิกาตพฺพานิ. กตมานิ จตฺตาริ? อตฺถิ, ภิกฺขเว, ธมฺมา จกฺขุนา ปฺาย จ สจฺฉิกาตพฺพา, อตฺถิ ธมฺมา สติยา ปฺาย จ สจฺฉิกาตพฺพา, อตฺถิ ธมฺมา กาเยน ปฺาย จ สจฺฉิกาตพฺพา, อตฺถิ ธมฺมา ปฺาย เวทิตพฺพา, ปฺาย จ สจฺฉิกาตพฺพา.
‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ธมฺมา จกฺขุนา ปฺาย จ สจฺฉิกาตพฺพา? ทิพฺพจกฺขุ สุวิสุทฺธํ อติกฺกนฺตมานุสกํ จกฺขุนา ปฺาย จ สจฺฉิกาตพฺพํ.
‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ธมฺมา สติยา ปฺาย จ สจฺฉิกาตพฺพา? ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติ สติยา ปฺาย จ สจฺฉิกาตพฺพา.
‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ธมฺมา กาเยน ปฺาย จ สจฺฉิกาตพฺพา? อิทฺธิวิธา นิโรธา กาเยน ปฺาย จ สจฺฉิกาตพฺพา.
‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ธมฺมา ปฺาย เวทิตพฺพา, ปฺาย สจฺฉิกาตพฺพา? อาสวานํ ขเย าณํ ปฺาย เวทิตพฺพํ, ปฺาย จ สจฺฉิกาตพฺพ’’นฺติ.
อิทํ นิพฺเพธภาคิยํ สุตฺตํ.
๑๐๔. ตตฺถ ¶ กตมํ อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํ?
‘‘ยสฺส เสลูปมํ จิตฺตํ, ิตํ นานุปกมฺปติ;
วิรตฺตํ รชนีเยสุ, โกปเนยฺเย น กุปฺปติ;
ยสฺเสวํ ภาวิตํ จิตฺตํ, กุโต นํ [ตํ (อุทา. ๓๔)] ทุกฺขเมสฺสตี’’ติ.
อิทํ ¶ อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํ.
อายสฺมโต จ สาริปุตฺตสฺส จาริกาทสมํ เวยฺยากรณํ กาตพฺพนฺติ.
อิทํ อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘โย ¶ พฺราหฺมโณ พาหิตปาปธมฺโม, นิหุํหุงฺโก [นิหุหุงฺโก (สี.) ปสฺส อุทา. ๔] นิกฺกสาโว ยตตฺโต;
เวทนฺตคู วูสิตพฺรหฺมจริโย, ธมฺเมน โส พฺรหฺมวาทํ วเทยฺย;
ยสฺสุสฺสทา นตฺถิ กุหิฺจิ โลเก’’ติ.
อิทํ อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘พาหิตฺวา ปาปเก ธมฺเม, เย จรนฺติ สทา สตา;
ขีณสํโยชนา พุทฺธา, เต เว โลกสฺมิ [โลกสฺมึ (สี. ก.) ปสฺส อุทา. ๕] พฺราหฺมณา’’ติ.
อิทํ อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘ยตฺถ อาโป จ ปถวี, เตโช วาโย น คาธติ;
น ตตฺถ สุกฺกา โชตนฺติ, อาทิจฺโจ นปฺปกาสติ;
น ตตฺถ จนฺทิมา ภาติ, ตโม ตตฺถ น วิชฺชติ.
‘‘ยทา จ อตฺตนาเวทิ [เวที (สี.) ปสฺส อุทา. ๑๐], มุนิ โมเนน พฺราหฺมโณ;
อถ รูปา อรูปา จ, สุขทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ.
อิทํ อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘ยทา สเกสุ [ปสฺส อุทา. ๗] ธมฺเมสุ, ปารคู โหติ พฺราหฺมโณ;
อถ เอตํ ปิสาจฺจ, ปกฺกุลฺจาติวตฺตตี’’ติ.
อิทํ อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘นาภินนฺทติ ¶ อายนฺตึ [อายนฺตึ นาภินนฺทติ (อุทา. ๘)], ปกฺกมนฺตึ น โสจติ;
สงฺคา สงฺคามชึ มุตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
อิทํ อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘น ¶ อุทเกน สุจี [สุจิ (สี. ก.) ปสฺส อุทา. ๙] โหติ, พหฺเวตฺถ นฺหายตี [นหายติ (สี.)] ชโน;
ยมฺหิ สจฺจฺจ ธมฺโม จ, โส สุจี โส จ พฺราหฺมโณ’’ติ.
อิทํ อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘ยทา ¶ หเว ปาตุภวนฺติ ธมฺมา, อาตาปิโน ฌายโต พฺราหฺมณสฺส;
วิธูปยํ ติฏฺติ มารเสนํ, สูริโยว โอภาสยมนฺตลิกฺข’’นฺติ.
อิทํ อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘สนฺตินฺทฺริยํ ปสฺสถ อิริยมานํ, เตวิชฺชปตฺตํ อปหานธมฺมํ;
สพฺพานิ โยคานิ อุปาติวตฺโต, อกิฺจโน อิริยติ ปํสุกูลิโก.
‘‘ตํ เทวตา สมฺพหุลา อุฬารา, พฺรหฺมวิมานํ อุปสงฺกมิตฺวา;
อาชานิยํ ชาติพลํ นิเสธํ, นิธ นมสฺสนฺติ ปสนฺนจิตฺตา.
‘‘นโม เต ปุริสาชฺ, นโม เต ปุริสุตฺตม;
ยสฺส เต นาภิชานาม, กึ ตฺวํ นิสฺสาย ฌายสี’’ติ.
อิทํ อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘สหายา วติเม ภิกฺขู, จิรรตฺตํ สเมติกา;
สเมติ เนสํ สทฺธมฺโม, ธมฺเม พุทฺธปฺปเวทิเต’’.
‘‘สุวินีตา ¶ กปฺปิเนน, ธมฺเม อริยปฺปเวทิเต;
ธาเรนฺติ อนฺติมํ เทหํ, เชตฺวา มารํ สวาหินิ’’นฺติ [สวาหน’’นฺติ (ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๒.๒๔๖].
อิทํ อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘นยิทํ สิถิลมารพฺภ, นยิทํ อปฺเปน ถามสา;
นิพฺพานํ อธิคนฺตพฺพํ, สพฺพทุกฺขปฺปโมจนํ [สพฺพคนฺตปโมจนํ (ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๒.๒๓๘].
‘‘อยฺจ ¶ ทหโร ภิกฺขุ, อยมุตฺตมปุริโส;
ธาเรติ อนฺติมํ เทหํ, เชตฺวา มารํ สวาหินิ’’นฺติ.
อิทํ อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํ.
‘‘ทุพฺพณฺณโก ลูขจีวโร, โมฆราชา สทา สโต;
ขีณาสโว วิสํยุตฺโต, กตกิจฺโจ อนาสโว.
‘‘เตวิชฺโช ¶ อิทฺธิปฺปตฺโต จ, เจโตปริยโกวิโท [เจโตปริยายโกวิโท (สี.)];
ธาเรติ อนฺติมํ เทหํ, เชตฺวา มารํ สวาหินิ’’นฺติ.
อิทํ อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํ.
๑๐๕. ‘‘ตถาคโต, ภิกฺขเว, อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ รูปสฺส นิพฺพิทา วิราคา นิโรธา อนุปาทา วิมุตฺโต สมฺมาสมฺพุทฺโธติ วุจฺจติ. ภิกฺขุปิ, ภิกฺขเว, ปฺาวิมุตฺโต รูปสฺส นิพฺพิทา วิราคา นิโรธา อนุปาทา วิมุตฺโต ปฺาวิมุตฺโตติ วุจฺจติ.
‘‘ตถาคโต, ภิกฺขเว, อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ เวทนาย…เป… สฺาย…เป… สงฺขารานํ…เป… วิฺาณสฺส นิพฺพิทา วิราคา นิโรธา อนุปาทา วิมุตฺโต สมฺมาสมฺพุทฺโธติ วุจฺจติ. ภิกฺขุปิ, ภิกฺขเว, ปฺาวิมุตฺโต วิฺาณสฺส นิพฺพิทา วิราคา นิโรธา อนุปาทา วิมุตฺโต ปฺาวิมุตฺโตติ วุจฺจติ.
‘‘ตตฺร โข, ภิกฺขเว, โก วิเสโส โก อธิปฺปยาโส [อธิปฺปาโย (ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๓.๕๘] กึ นานากรณํ ตถาคตสฺส อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปฺาวิมุตฺเตน ภิกฺขุนาติ? ภควํมูลกา โน, ภนฺเต, ธมฺมา…เป…
‘‘ตถาคโต, ภิกฺขเว, อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตา, อสฺชาตสฺส มคฺคสฺส สฺชเนตา, อนกฺขาตสฺส มคฺคสฺส อกฺขาตา ¶ , มคฺคฺู มคฺควิทู มคฺคโกวิโท, มคฺคานุคา จ, ภิกฺขเว, เอตรหิ สาวกา วิหรนฺติ ปจฺฉาสมนฺนาคตา. อยํ โข, ภิกฺขเว, วิเสโส, อยํ อธิปฺปยาโส, อิทํ นานากรณํ ตถาคตสฺส อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปฺาวิมุตฺเตน ภิกฺขุนา’’ติ.
อิทํ อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํ.
๑๐๖. ตตฺถ กตมํ สํกิเลสภาคิยฺจ วาสนาภาคิยฺจ สุตฺตํ?
‘‘ฉนฺนมติวสฺสติ ¶ [ปสฺส อุทา. ๔๕], วิวฏํ นาติวสฺสติ;
ตสฺมา ฉนฺนํ วิวเรถ, เอวํ ตํ นาติวสฺสตี’’ติ.
‘‘ฉนฺนมติวสฺสตี’’ติ ¶ สํกิเลโส, ‘‘วิวฏํ นาติวสฺสตี’’ติ วาสนา, ‘‘ตสฺมา ฉนฺนํ วิวเรถ, เอวํ ตํ นาติวสฺสตี’’ติ อยํ สํกิเลโส จ วาสนา จ. อิทํ สํกิเลสภาคิยฺจ วาสนาภาคิยฺจ สุตฺตํ.
‘‘จตฺตาโรเม, มหาราช [ภิกฺขเว (อ. นิ. ๔.๘๕)], ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม จตฺตาโร? ตโม ตมปรายโณ ตโม โชติปรายโณ โชติ ตมปรายโณ โชติ โชติปรายโณ’’ติ. ตตฺถ โย จ ปุคฺคโล โชติ ตมปรายโณ โย จ ปุคฺคโล ตโม ตมปรายโณ, อิเม ทฺเว ปุคฺคลา สํกิเลสภาคิยา, โย จ ปุคฺคโล ตโม โชติปรายโณ โย จ ปุคฺคโล โชติ โชติปรายโณ, อิเม ทฺเว ปุคฺคลา วาสนาภาคิยา. อิทํ สํกิเลสภาคิยฺจ วาสนาภาคิยฺจ สุตฺตํ.
ตตฺถ กตมํ สํกิเลสภาคิยฺจ นิพฺเพธภาคิยฺจ สุตฺตํ?
‘‘น ตํ ทฬฺหํ พนฺธนมาหุ ธีรา, ยทายสํ ทารุชปพฺพชฺจ [ทารุชํ ปพฺพชฺจ (สํ. นิ. ๑.๑๒๑)];
สารตฺตรตฺตา มณิกุณฺฑเลสุ, ปุตฺเตสุ ทาเรสุ จ ยา อเปกฺขา’’ติ;
อยํ สํกิเลโส.
‘‘เอตํ ทฬฺหํ พนฺธนมาหุ ธีรา, โอหารินํ สิถิลํ ทุปฺปมฺุจํ;
เอตมฺปิ เฉตฺวาน ปริพฺพชนฺติ, อนเปกฺขิโน กามสุขํ ปหายา’’ติ.
อยํ นิพฺเพโธ ¶ . อิทํ สํกิเลสภาคิยฺจ นิพฺเพธภาคิยฺจ สุตฺตํ.
๑๐๗. ‘‘ยฺจ, ภิกฺขเว, เจเตติ, ยฺจ ปกปฺเปติ, ยฺจ อนุเสติ. อารมฺมณเมตํ โหติ วิฺาณสฺส ิติยา, อารมฺมเณ สติ ปติฏฺา วิฺาณสฺส โหติ, ตสฺมึ ปติฏฺิเต วิฺาเณ วิรูฬฺเห ¶ อายตึ [อายติ (สี. ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๒.๓๘] ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ โหติ, อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติยา สติ อายตึ [อายติ (สี. ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๒.๓๘] ชาติชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา สมฺภวนฺติ, เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหติ.
‘‘โน เจ, ภิกฺขเว, เจเตติ, โน เจ ปกปฺเปติ, อถ เจ อนุเสติ. อารมฺมณเมตํ โหติ วิฺาณสฺส ิติยา, อารมฺมเณ สติ ปติฏฺา วิฺาณสฺส [ตสฺส วิฺาณสฺส (สี. ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๒.๓๘] โหติ, ตสฺมึ ปติฏฺิเต วิฺาเณ วิรูฬฺเห อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ โหติ, อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติยา สติ อายตึ ¶ ชาติชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา สมฺภวนฺติ, เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหตี’’ติ. อยํ สํกิเลโส.
‘‘ยโต จ โข, ภิกฺขเว, โน เจว [จ (สี. ก.)] เจเตติ, โน จ ปกปฺเปติ, โน จ อนุเสติ. อารมฺมณเมตํ น โหติ วิฺาณสฺส ิติยา, อารมฺมเณ อสติ ปติฏฺา วิฺาณสฺส น โหติ, ตสฺมึ อปฺปติฏฺิเต วิฺาเณ อวิรูฬฺเห อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ น โหติ, อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติยา อสติ อายตึ ชาติชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา นิรุชฺฌนฺติ. เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหตี’’ติ, อยํ นิพฺเพโธ. อิทํ สํกิเลสภาคิยฺจ นิพฺเพธภาคิยฺจ สุตฺตํ.
๑๐๘. ตตฺถ กตมํ สํกิเลสภาคิยฺจ อเสกฺขภาคิยฺจ สุตฺตํ?
‘‘‘สมุทฺโท สมุทฺโท’ติ โข, ภิกฺขเว, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน ภาสติ, เนโส, ภิกฺขเว, อริยสฺส วินเย สมุทฺโท, มหา เอโส ภิกฺขเว, อุทกราสิ มหาอุทกณฺณโว. จกฺขุ, ภิกฺขเว, ปุริสสฺส สมุทฺโท, ตสฺส รูปมโย เวโค. อยํ สํกิเลโส.
‘‘โย ¶ ตํ รูปมยํ เวคํ สหติ อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อตริ [อตาริ (สี. ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๔.๒๒๘] จกฺขุสมุทฺทํ สอูมึ สาวฏฺฏํ สคหํ [สคาหํ (สํ. นิ. ๔.๒๒๘)] สรกฺขสํ ¶ ติณฺโณ ปารงฺคโต ถเล ติฏฺติ พฺราหฺมโณ’’ติ. อยํ อเสกฺโข.
‘‘‘โสตํ, ภิกฺขเว…เป… ฆานํ…เป… ชิวฺหา…เป… กาโย…เป… มโน, ภิกฺขเว, ปุริสสฺส สมุทฺโท ตสฺส ธมฺมมโย เวโคติ. อยํ สํกิเลโส.
‘‘โย ตํ ธมฺมมยํ เวคํ สหติ, อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อตริ มโนสมุทฺทํ สอูมึ สาวฏฺฏํ สคหํ สรกฺขสํ ติณฺโณ ปารงฺคโต ถเล ติฏฺติ พฺราหฺมโณ’’ติ. อยํ อเสกฺโข. อิทมโวจ ภควา, อิทํ วตฺวาน สุคโต, อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
‘‘โย อิมํ สมุทฺทํ สคหํ สรกฺขสํ,
สอูมึ สาวฏฺฏํ สภยํ ทุตฺตรํ อจฺจตริ;
ส เวทนฺตคู วุสิตพฺรหฺมจริโย, โลกนฺตคู ปารคโตติ วุจฺจตี’’ติ.
อยํ ¶ อเสกฺโข. อิทํ สํกิเลสภาคิยฺจ อเสกฺขภาคิยฺจ สุตฺตํ.
‘‘ฉยิเม, ภิกฺขเว, พฬิสา โลกสฺมึ อนยาย สตฺตานํ พฺยาพาธาย [วธาย (สํ. นิ. ๔.๒๓๐)] ปาณีนํ. กตเม ฉ? สนฺติ, ภิกฺขเว, จกฺขุวิฺเยฺยา รูปา อิฏฺา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา, ตฺเจ ภิกฺขุ อภินนฺทติ อภิวทติ อชฺโฌสาย ติฏฺติ, อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ คิลิตพฬิโส [คิลพฬิโส (สี. ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๔.๒๓๐] มารสฺส อนยํ อาปนฺโน, พฺยสนํ อาปนฺโน, ยถากามํ กรณีโย ปาปิมโต.
‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, โสตวิฺเยฺยา สทฺทา…เป… ฆานวิฺเยฺยา คนฺธา…เป… ชิวฺหาวิฺเยฺยา รสา…เป… กายวิฺเยฺยา โผฏฺพฺพา…เป… มโนวิฺเยฺยา ธมฺมา อิฏฺา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา, ตฺเจ ภิกฺขุ อภินนฺทติ อภิวทติ ¶ อชฺโฌสาย ติฏฺติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ คิลิตพฬิโส มารสฺส อนยํ อาปนฺโน, พฺยสนํ อาปนฺโน, ยถากามํ กรณีโย [ยถากามกรณีโย (สี.) สํ. นิ. ๔.๒๓๐] ปาปิมโต’’ติ. อยํ สํกิเลโส.
‘‘สนฺติ ¶ จ, ภิกฺขเว, จกฺขุวิฺเยฺยา รูปา อิฏฺา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา, ตฺเจ ภิกฺขุ นาภินนฺทติ นาภิวทติ นาชฺโฌสาย ติฏฺติ, อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น คิลิตพฬิโส มารสฺส, อเภทิ พฬิสํ, ปริเภทิ พฬิสํ, น อนยํ อาปนฺโน, น พฺยสนํ อาปนฺโน, น ยถากามํ กรณีโย ปาปิมโต.
‘‘สนฺติ จ, ภิกฺขเว, โสตวิฺเยฺยา สทฺทา…เป… มโนวิฺเยฺยา ธมฺมา อิฏฺา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา, ตฺเจ ภิกฺขุ นาภินนฺทติ นาภิวทติ, นาชฺโฌสาย ติฏฺติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น คิลิตพฬิโส มารสฺส, อเภทิ พฬิสํ, ปริเภทิ พฬิสํ, น อนยํ อาปนฺโน, น พฺยสนํ อาปนฺโน, น ยถากามํ กรณีโย ปาปิมโต’’ติ. อยํ อเสกฺโข. อิทํ สํกิเลสภาคิยฺจ อเสกฺขภาคิยฺจ สุตฺตํ.
๑๐๙. ตตฺถ กตมํ สํกิเลสภาคิยฺจ นิพฺเพธภาคิยฺจ อเสกฺขภาคิยฺจ สุตฺตํ?
‘‘อยํ โลโก สนฺตาปชาโต, ผสฺสปเรโต โรคํ วทติ อตฺตโต [อตฺตโน (สี. ก.) ปสฺส อุทา. ๓๐];
เยน เยน หิ มฺติ [มฺนฺติ (สี. ก.)], ตโต ตํ โหติ อฺถา.
‘‘อฺถาภาวี ¶ ภวสตฺโต โลโก, ภวปเรโต ภวเมวาภินนฺทติ;
ยทภินนฺทติ ตํ ภยํ;
ยสฺส ภายติ ตํ ทุกฺข’’นฺติ; อยํ สํกิเลโส.
‘‘ภววิปฺปหานาย โข ปนิทํ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ; อยํ นิพฺเพโธ;
‘‘เย ¶ หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา ภเวน ภวสฺส วิปฺปโมกฺขมาหํสุ, สพฺเพ เต ‘อวิปฺปมุตฺตา ภวสฺมา’ติ วทามิ. เย วา ปน เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา วิภเวน ภวสฺส นิสฺสรณมาหํสุ, สพฺเพ เต ‘อนิสฺสฏา ภวสฺมา’ติ วทามิ. อุปธึ [อุปธิ (สี. ก.) ปสฺส อุทา. ๓๐] หิ ปฏิจฺจ ทุกฺขมิทํ สมฺโภตี’’ติ. อยํ สํกิเลโส.
‘‘สพฺพุปาทานกฺขยา ¶ นตฺถิ ทุกฺขสฺส สมฺภโว’’ติ. อยํ นิพฺเพโธ.
‘‘โลกมิมํ ปสฺส, ปุถู อวิชฺชาย ปเรตา ภูตา ภูตรตา, ภวา อปริมุตฺตา, เย หิ เกจิ ภวา สพฺพธิ สพฺพตฺถตาย, สพฺเพ เต ภวา อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา’’ติ. อยํ สํกิเลโส.
‘‘เอวเมตํ ยถาภูตํ, สมฺมปฺปฺาย ปสฺสโต;
ภวตณฺหา ปหียติ, วิภวํ นาภินนฺทติ;
สพฺพโส ตณฺหานํ ขยา, อเสสวิราคนิโรโธ นิพฺพาน’’นฺติ;
อยํ นิพฺเพโธ.
‘‘ตสฺส นิพฺพุตสฺส ภิกฺขุโน, อนุปาทา ปุนพฺภโว น โหติ;
อภิภูโต มาโร วิชิตสงฺคาโม, อุปจฺจคา สพฺพภวานิ ตาที’’ติ.
อยํ อเสกฺโข. อิทํ สํกิเลสภาคิยฺจ นิพฺเพธภาคิยฺจ อเสกฺขภาคิยฺจ สุตฺตํ.
‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว [ปสฺส อ. นิ. ๔.๕], ปุคฺคลา. กตเม จตฺตาโร? อนุโสตคามี ปฏิโสตคามี ิตตฺโต ติณฺโณ ปารงฺคโต ถเล ติฏฺติ พฺราหฺมโณ’’ติ. ตตฺถ โยยํ ปุคฺคโล อนุโสตคามี, อยํ ปุคฺคโล สํกิเลสภาคิโย. ตตฺถ โยยํ ปุคฺคโล ปฏิโสตคามี โย จ ิตตฺโต, อิเม ทฺเว ปุคฺคลา ¶ นิพฺเพธภาคิยา. ตตฺถ ¶ โยยํ ปุคฺคโล ติณฺโณ ปารงฺคโต ถเล ติฏฺติ พฺราหฺมโณ, อยํ อเสกฺโข. อิทํ สํกิเลสภาคิยฺจ นิพฺเพธภาคิยฺจ อเสกฺขภาคิยฺจ สุตฺตํ.
๑๑๐. ตตฺถ กตมํ สํกิเลสภาคิยฺจ วาสนาภาคิยฺจ นิพฺเพธภาคิยฺจ สุตฺตํ?
ฉฬาภิชาติโก อตฺถิ ปุคฺคโล กณฺโห กณฺหาภิชาติโก กณฺหํ ธมฺมํ อภิชายติ, อตฺถิ ปุคฺคโล กณฺโห กณฺหาภิชาติโก สุกฺกํ ธมฺมํ อภิชายติ, อตฺถิ ปุคฺคโล กณฺโห กณฺหาภิชาติโก อกณฺหํ อสุกฺกํ อกณฺหอสุกฺกวิปากํ อจฺจนฺตทิฏฺํ [อนฺตํ นิฏฺํ (สี.)] นิพฺพานํ อาราเธติ, อตฺถิ ¶ ปุคฺคโล สุกฺโก สุกฺกาภิชาติโก กณฺหํ ธมฺมํ อภิชายติ, อตฺถิ ปุคฺคโล สุกฺโก สุกฺกาภิชาติโก สุกฺกํ ธมฺมํ อภิชายติ, อตฺถิ ปุคฺคโล สุกฺโก สุกฺกาภิชาติโก อกณฺหํ อสุกฺกํ อกณฺหอสุกฺกวิปากํ อจฺจนฺตทิฏฺํ นิพฺพานํ อาราเธติ.
ตตฺถ โย จ ปุคฺคโล กณฺโห กณฺหาภิชาติโก กณฺหํ ธมฺมํ อภิชายติ, โย จ ปุคฺคโล สุกฺโก สุกฺกาภิชาติโก กณฺหํ ธมฺมํ อภิชายติ, อิเม ทฺเว ปุคฺคลา สํกิเลสภาคิยา.
ตตฺถ โย จ ปุคฺคโล กณฺโห กณฺหาภิชาติโก สุกฺกํ ธมฺมํ อภิชายติ, โย จ ปุคฺคโล สุกฺโก สุกฺกาภิชาติโก สุกฺกํ ธมฺมํ อภิชายติ, อิเม ทฺเว ปุคฺคลา วาสนาภาคิยา.
ตตฺถ โย จ ปุคฺคโล กณฺโห กณฺหาภิชาติโก อกณฺหํ อสุกฺกํ อกณฺหอสุกฺกวิปากํ อจฺจนฺตทิฏฺํ นิพฺพานํ อาราเธติ, โย จ ปุคฺคโล สุกฺโก สุกฺกาภิชาติโก อกณฺหํ อสุกฺกํ อกณฺหอสุกฺกวิปากํ อจฺจนฺตทิฏฺํ นิพฺพานํ อาราเธติ, อิเม ทฺเว ปุคฺคลา นิพฺเพธภาคิยา, อิทํ สํกิเลสภาคิยฺจ วาสนาภาคิยฺจ นิพฺเพธภาคิยฺจ สุตฺตํ.
‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว [ปสฺส อ. นิ. ๔.๒๓๒-๒๓๓], กมฺมานิ. กตมานิ จตฺตาริ? อตฺถิ ¶ กมฺมํ กณฺหํ กณฺหวิปากํ, อตฺถิ กมฺมํ สุกฺกํ สุกฺกวิปากํ, อตฺถิ กมฺมํ กณฺหสุกฺกํ กณฺหสุกฺกวิปากํ, อตฺถิ กมฺมํ อกณฺหํ อสุกฺกํ อกณฺหอสุกฺกวิปากํ กมฺมุตฺตมํ กมฺมเสฏฺํ กมฺมกฺขยาย สํวตฺตติ’’.
ตตฺถ ¶ ยฺจ กมฺมํ กณฺหํ กณฺหวิปากํ, ยฺจ กมฺมํ กณฺหสุกฺกํ กณฺหสุกฺกวิปากํ, อยํ สํกิเลโส. ยฺจ กมฺมํ สุกฺกํ สุกฺกวิปากํ, อยํ วาสนา. ยฺจ กมฺมํ อกณฺหํ อสุกฺกํ อกณฺหอสุกฺกวิปากํ กมฺมุตฺตมํ กมฺมเสฏฺํ กมฺมกฺขยาย สํวตฺตติ, อยํ นิพฺเพโธ. อิทํ สํกิเลสภาคิยฺจ วาสนาภาคิยฺจ นิพฺเพธภาคิยฺจ สุตฺตํ.
๑๑๑. ตตฺถ กตมํ วาสนาภาคิยฺจ, นิพฺเพธภาคิยฺจ สุตฺตํ?
‘‘ลทฺธาน มานุสตฺตํ ทฺเว, กิจฺจํ อกิจฺจเมว จ;
สุกิจฺจํ เจว ปฺุานิ, สํโยชนวิปฺปหานํ วา’’ติ.
‘‘สุกิจฺจํ ¶ เจว ปฺุานี’’ติ วาสนา. ‘‘สํโยชนวิปฺปหานํ วา’’ติ นิพฺเพโธ.
‘‘ปฺุานิ กริตฺวาน, สคฺคา สคฺคํ วชนฺติ กตปฺุา;
สํโยชนปฺปหานา, ชรามรณา วิปฺปมุจฺจนฺตี’’ติ.
‘‘ปฺุานิ กริตฺวาน, สคฺคา สคฺคํ วชนฺติ กตปฺุา’’ติ วาสนา. ‘‘สํโยชนปฺปหานา ชรามรณา วิปฺปมุจฺจนฺตี’’ติ นิพฺเพโธ. อิทํ วาสนาภาคิยฺจ นิพฺเพธภาคิยฺจ สุตฺตํ.
‘‘ทฺเวมานิ, ภิกฺขเว, ปธานานิ [ปสฺส อ. นิ. ๒.๒]. กตมานิ ทฺเว? โย จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิเตสุ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ ปริจฺจชติ, โย จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิเตสุ สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺโค ตณฺหกฺขโย วิราโค นิโรโธ นิพฺพาน’’นฺติ. ตตฺถ ¶ โย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิเตสุ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ ปริจฺจชติ, อยํ วาสนา.
โย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิเตสุ สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺโค ตณฺหกฺขโย วิราโค นิโรโธ นิพฺพานํ, อยํ นิพฺเพโธ. อิทํ วาสนาภาคิยฺจ นิพฺเพธภาคิยฺจ สุตฺตํ.
ตตฺถ ตณฺหาสํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ ตณฺหาปกฺเขเนว นิทฺทิสิตพฺพํ ตีหิ ตณฺหาหิ – กามตณฺหาย ภวตณฺหาย วิภวตณฺหาย. เยน เยน วา ปน วตฺถุนา อชฺโฌสิตา, เตน เตเนว นิทฺทิสิตพฺพํ, ตสฺสา วิตฺถาโร ฉตฺตึสตณฺหาชาลินิยาวิจริตานิ.
ตตฺถ ¶ ทิฏฺิสํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ ทิฏฺิปกฺเขเนว นิทฺทิสิตพฺพํ อุจฺเฉทสสฺสเตน, เยน เยน วา ปน วตฺถุนา ทิฏฺิวเสน อภินิวิสติ ‘‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’’นฺติ, เตน เตเนว นิทฺทิสิตพฺพํ, ตสฺสา วิตฺถาโร ทฺวาสฏฺิทิฏฺิคตานิ.
ตตฺถ ทุจฺจริตสํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ เจตนาย เจตสิกกมฺเมน นิทฺทิสิตพฺพํ ตีหิ ทุจฺจริเตหิ – กายทุจฺจริเตน วจีทุจฺจริเตน มโนทุจฺจริเตน, ตสฺส วิตฺถาโร ทสอกุสลกมฺมปถา.
ตตฺถ ¶ ตณฺหาโวทานภาคิยํ สุตฺตํ สมเถน นิทฺทิสิตพฺพํ, ทิฏฺิโวทานภาคิยํ สุตฺตํ วิปสฺสนา นิทฺทิสิตพฺพํ, ทุจฺจริตโวทานภาคิยํ สุตฺตํ สุจริเตน นิทฺทิสิตพฺพํ. ตีณิ อกุสลมูลานิ. ตํ กิสฺส เหตุ? สํสารสฺส นิพฺพตฺติยา. ตถา นิพฺพตฺเต สํสาเร กายทุจฺจริตํ กายสุจริตํ วจีทุจฺจริตํ วจีสุจริตํ มโนทุจฺจริตํ มโนสุจริตํ อิมินา อสุเภน กมฺมวิปาเกน อิทํ พาลลกฺขณํ นิพฺพตฺตตีติ. อิทํ ¶ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ.
อิมินา สุเภน กมฺมวิปาเกน อิทํ มหาปุริสลกฺขณํ นิพฺพตฺตตีติ. อิทํ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํ.
ตตฺถ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ จตูหิ กิเลสภูมีหิ นิทฺทิสิตพฺพํ – อนุสยภูมิยา ปริยุฏฺานภูมิยา สํโยชนภูมิยา อุปาทานภูมิยา. สานุสยสฺส ปริยุฏฺานํ ชายติ, ปริยุฏฺิโต สํยุชฺชติ, สํยุชฺชนฺโต อุปาทิยติ, อุปาทานปจฺจยา ภโว, ภวปจฺจยา ชาติ, ชาติปจฺจยา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา สมฺภวนฺติ, เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหติ. อิมาหิ จตูหิ กิเลสภูมีหิ สพฺเพ กิเลสา สงฺคหํ สโมสรณํ คจฺฉนฺติ, อิทํ สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ.
วาสนาภาคิยํ สุตฺตํ ตีหิ สุจริเตหิ นิทฺทิสิตพฺพํ, นิพฺเพธภาคิยํ สุตฺตํ จตูหิ สจฺเจหิ นิทฺทิสิตพฺพํ, อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํ ตีหิ ธมฺเมหิ นิทฺทิสิตพฺพํ – พุทฺธธมฺเมหิ ปจฺเจกพุทฺธธมฺเมหิ สาวกภูมิยา. ฌายิวิสเย นิทฺทิสิตพฺพนฺติ.
๑๑๒. ตตฺถ กตเม อฏฺารส มูลปทา? โลกิยํ โลกุตฺตรํ โลกิยฺจ โลกุตฺตรฺจ, สตฺตาธิฏฺานํ ธมฺมาธิฏฺานํ สตฺตาธิฏฺานฺจ ธมฺมาธิฏฺานฺจ, าณํ เยฺยํ าณฺจ เยฺยฺจ, ทสฺสนํ ¶ ภาวนา ทสฺสนฺจ ภาวนา จ, สกวจนํ ปรวจนํ สกวจนฺจ ปรวจนฺจ, วิสชฺชนียํ อวิสชฺชนียํ วิสชฺชนียฺจ อวิสชฺชนียฺจ, กมฺมํ วิปาโก กมฺมฺจ วิปาโก จ, กุสลํ อกุสลํ กุสลฺจ อกุสลฺจ, อนฺุาตํ ปฏิกฺขิตฺตํ อนฺุาตฺจ ปฏิกฺขิตฺตฺจ, ถโว จาติ.
ตตฺถ ¶ กตมํ โลกิยํ?
‘‘น หิ ปาปํ กตํ กมฺมํ, สชฺชุขีรํว มุจฺจติ;
ฑหนฺตํ [ทหนฺตํ (สี. ก.) ปสฺส ธ. ป. ๗๑] พาลมนฺเวติ, ภสฺมจฺฉนฺโนว [ภสฺมาฉนฺโนว (ก.)] ปาวโกติ.
อิทํ ¶ โลกิยํ.
‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, อคติคมนานิ สพฺพํ…เป… นิหียเต ตสฺส ยโส กาฬปกฺเขว จนฺทิมา’’ติ. อิทํ โลกิยํ.
‘‘อฏฺิเม, ภิกฺขเว, โลกธมฺมา [ปสฺส อ. นิ. ๘.๖]. กตเม อฏฺ? ลาโภ อลาโภ, ยโส อยโส, นินฺทา ปสํสา, สุขํ ทุกฺขํ. อิเม โข, ภิกฺขเว, อฏฺ โลกธมฺมา’’ติ. อิทํ โลกิยํ.
ตตฺถ กตมํ โลกุตฺตรํ?
‘‘ยสฺสินฺทฺริยานิ สมถงฺคตานิ [สมถํ คตานิ (สี.) ปสฺส ธ. ป. ๙๔]; อสฺสา ยถา สารถินา สุทนฺตา;
ปหีนมานสฺส อนาสวสฺส, เทวาปิ ตสฺส ปิหยนฺติ ตาทิโน’’ติ.
อิทํ โลกุตฺตรํ.
‘‘ปฺจิมานิ, ภิกฺขเว, อินฺทฺริยานิ โลกุตฺตรานิ. กตมานิ ปฺจ? สทฺธินฺทฺริยํ วีริยินฺทฺริยํ สตินฺทฺริยํ สมาธินฺทฺริยํ ปฺินฺทฺริยํ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจินฺทฺริยานิ โลกุตฺตรานี’’ติ. อิทํ โลกุตฺตรํ.
ตตฺถ กตมํ โลกิยฺจ โลกุตฺตรฺจ?
‘‘ลทฺธาน มานุสตฺตํ ทฺเว, กิจฺจํ อกิจฺจเมว จา’’ติ ทฺเว คาถา. ยํ อิห ‘‘สุกิจฺจํ เจว ¶ ปฺุานี’’ติ จ ‘‘ปฺุานิ กริตฺวาน, สคฺคา สคฺคํ วชนฺติ กตปฺุา’’ติ จ. อิทํ โลกิยํ.
ยํ อิห ‘‘สํโยชนวิปฺปหานํ วา’’ติ จ ‘‘สํโยชนปฺปหานา, ชรามรณา วิปฺปมุจฺจนฺตี’’ติ จ, อิทํ โลกุตฺตรํ. อิทํ โลกิยฺจ โลกุตฺตรฺจ.
‘‘วิฺาเณ ¶ ¶ เจ, ภิกฺขเว, อาหาเร สติ นามรูปสฺส อวกฺกนฺติ โหติ, นามรูปสฺส อวกฺกนฺติยา สติ ปุนพฺภโว โหติ, ปุนพฺภเว สติ ชาติ โหติ, ชาติยา สติ ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา สมฺภวนฺติ. เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว [ปสฺส สํ. นิ. ๒.๕๕], มหารุกฺโข, ตสฺส ยานิ เจว มูลานิ อโธคมานิ ยานิ จ ติริยํ คมานิ, สพฺพานิ ตานิ อุทฺธํ โอชํ อภิหรนฺติ. เอวํ หิ โส, ภิกฺขเว, มหารุกฺโข ตทาหาโร ตทุปาทาโน จิรํ ทีฆมทฺธานํ ติฏฺเยฺย. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, วิฺาเณ อาหาเร สติ นามรูปสฺส อวกฺกนฺติ โหติ สพฺพํ…เป… เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหตี’’ติ. อิทํ โลกิยํ.
‘‘วิฺาเณ เจ, ภิกฺขเว, อาหาเร อสติ นามรูปสฺส อวกฺกนฺติ น โหติ, นามรูปสฺส อวกฺกนฺติยา อสติ ปุนพฺภโว น โหติ, ปุนพฺภเว อสติ ชาติ น โหติ, ชาติยา อสติ ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา นิรุชฺฌนฺติ. เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, มหารุกฺโข อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย กุทฺทาลปิฏกํ [กุทาลปิฏกํ (ก.)] อาทาย, โส ตํ รุกฺขํ มูเล ฉินฺเทยฺย, มูเล [มูลํ (สํ. นิ. ๒.๕๕)] เฉตฺวา ปลิขเณยฺย, ปลิขณิตฺวา มูลานิ อุทฺธเรยฺย อนฺตมโส อุสีรนาฬิมตฺตานิปิ. โส ตํ รุกฺขํ ขณฺฑาขณฺฑิกํ ฉินฺเทยฺย, ขณฺฑาขณฺฑิกํ ฉินฺทิตฺวา [ฉิตฺวา (สี. ก.)] ผาเลยฺย, ผาเลตฺวา สกลิกํ สกลิกํ กเรยฺย, สกลิกํ สกลิกํ กริตฺวา วาตาตเป วิโสเสยฺย, วาตาตเป วิโสเสตฺวา อคฺคินา ฑเหยฺย, อคฺคินา ฑเหตฺวา มสึ กเรยฺย, มสึ กริตฺวา มหาวาเต วา โอผุเนยฺย, นทิยา วา สีฆโสตาย ปวาเหยฺย, เอวํ หิ โส, ภิกฺขเว, มหารุกฺโข อุจฺฉินฺนมูโล อสฺส ตาลาวตฺถุกโต อนภาวํกโต [อนภาวํคโต (สี.)] อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, วิฺาเณ อาหาเร อสติ นามรูปสฺส ¶ อวกฺกนฺติ น โหติ, นามรูปสฺส อวกฺกนฺติยา อสติ สพฺพํ…เป… เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหตี’’ติ. อิทํ โลกุตฺตรํ. อิทํ โลกิยฺจ โลกุตฺตรฺจ.
๑๑๓. ตตฺถ ¶ ¶ กตมํ สตฺตาธิฏฺานํ?
‘‘สพฺพา ทิสา อนุปริคมฺม เจตสา, เนวชฺฌคา ปิยตรมตฺตนา กฺวจิ;
เอวํ ปิโย ปุถุ อตฺตา ปเรสํ, ตสฺมา น หึเส ปรมตฺตกาโม’’ติ [ปรํ อตฺตกาโมติ (สี.) สํ. นิ. ๑.๑๑๙; อุทา. ๔๑ ปสฺสิตพฺพํ].
อิทํ สตฺตาธิฏฺานํ.
‘‘เย เกจิ ภูตา ภวิสฺสนฺติ เย วาปิ [จ (สี. ก.) ปสฺส อุทา. ๔๒], สพฺเพ คมิสฺสนฺติ ปหาย เทหํ;
ตํ สพฺพชานึ กุสโล วิทิตฺวา, อาตาปิโย [อาตาปี โส (สี. ก.) ปสฺส อุทา. ๔๒] พฺรหฺมจริยํ จเรยฺยา’’ติ.
อิทํ สตฺตาธิฏฺานํ.
‘‘สตฺตหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคตํ กลฺยาณมิตฺตํ อปิ วิเวจิยมาเนน ปณามิยมาเนน คเล ปิสนมชฺชมาเนน [คเลปิ ปมชฺชมาเนน (สี.)] ยาวชีวํ น วิชหิตพฺพํ. กตเมหิ สตฺตหิ? ปิโย จ โหติ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จ วตฺตา จ วจนกฺขโม จ คมฺภีรฺจ กถํ กตฺตา โหติ, โน จ อฏฺาเน [น จ อฏฺาเน (สี. ก.) ปสฺส อ. นิ. ๗.๓๗] นิโยเชติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, สตฺตหิ…เป… น วิชหิตพฺพํ. อิทมโวจ ภควา, อิทํ วตฺวาน สุคโต. อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
‘‘ปิโย ครุ ภาวนีโย, วตฺตา จ วจนกฺขโม;
คมฺภีรฺจ กถํ กตฺตา, น จฏฺาเน นิโยชโก;
ตํ มิตฺตํ มิตฺตกาเมน, ยาวชีวมฺปิ เสวิย’’นฺติ.
อิทํ สตฺตาธิฏฺานํ.
ตตฺถ ¶ กตมํ ธมฺมาธิฏฺานํ?
‘‘ยฺจ กามสุขํ โลเก, ยฺจิทํ ทิวิยํ สุขํ;
ตณฺหกฺขยสุขสฺเสเต [ตณฺหกฺขยา สุขสฺเสเต (สี.) ปสฺส อุทา. ๑๒], กลํ นาคฺฆนฺติ โสฬสิ’’นฺติ.
อิทํ ธมฺมาธิฏฺานํ.
‘‘สุสุขํ ¶ [ปสฺส เถรคา. ๒๒๗] วต นิพฺพานํ, สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิตํ;
อโสกํ วิรชํ เขมํ, ยตฺถ ทุกฺขํ นิรุชฺฌตี’’ติ.
อิทํ ธมฺมาธิฏฺานํ.
ตตฺถ ¶ กตมํ สตฺตาธิฏฺานฺจ ธมฺมาธิฏฺานฺจ
‘‘มาตรํ ปิตรํ หนฺตฺวา, ราชาโน ทฺเว จ ขตฺติเย;
รฏฺํ สานุจรํ หนฺตฺวา’’ติ อิทํ ธมฺมาธิฏฺานํ.
‘‘อนีโฆ ยาติ พฺราหฺมโณ’’ติ; อิทํ สตฺตาธิฏฺานํ;
อิทํ สตฺตาธิฏฺานฺจ ธมฺมาธิฏฺานฺจ.
‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, อิทฺธิปาทา [ปสฺส อิทฺธิปาทสํยุตฺเต]. กตเม จตฺตาโร? ฉนฺทสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคโต อิทฺธิปาโท, วีริย…เป… จิตฺต. วีมํสาสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคโต อิทฺธิปาโท’’ติ. อิทํ ธมฺมาธิฏฺานํ.
โส กาเยปิ จิตฺตํ สโมทหติ, จิตฺเตปิ กายํ สโมทหติ, กาเย สุขสฺฺจ ลหุสฺฺจ โอกฺกมิตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิทํ สตฺตาธิฏฺานํ, อิทํ สตฺตาธิฏฺานฺจ ธมฺมาธิฏฺานฺจ.
‘‘ยํ ตํ โลกุตฺตรํ าณํ, สพฺพฺู เยน วุจฺจติ;
น ตสฺส ปริหานตฺถิ, สพฺพกาเล ปวตฺตตี’’ติ.
อิทํ าณํ.
‘‘ปฺา ¶ หิ เสฏฺา โลกสฺมึ, ยายํ นิพฺพานคามินี [นิพฺเพธคามินี (อิติวุ. ๔๑)];
ยาย สมฺมา ปชานาติ, ชาติมรณสงฺขย’’นฺติ.
อิทํ าณํ.
ตตฺถ กตมํ เยฺยํ?
‘‘กิตฺตยิสฺสามิ ¶ เต [โว (สี. ก.) ปสฺส สุ. นิ. ๑๐๗๒] สนฺตึ, [โธตกาติ ภควา,]
ทิฏฺเ ธมฺเม อนีติหํ;
ยํ วิทิตฺวา สโต จรํ, ตเร โลเก วิสตฺติกํ.
‘‘ตฺจาหํ ¶ อภินนฺทามิ, มเหสิ สนฺติมุตฺตมํ;
ยํ วิทิตฺวา สโต จรํ, ตเร โลเก วิสตฺติกํ.
‘‘ยํ กิฺจิ สมฺปชานาสิ, [โธตกาติ ภควา]
อุทฺธํ อโธ ติริยฺจาปิ มชฺเฌ;
เอตํ วิทิตฺวา สงฺโคติ โลเก,
ภวาภวาย มากาสิ ตณฺห’’นฺติ.
อิทํ เยฺยํ.
‘‘จตุนฺนํ, ภิกฺขเว, อริยสจฺจานํ อนนุโพธา อปฺปฏิเวธา เอวมิทํ ทีฆมทฺธานํ สนฺธาวิตํ สํสริตํ มมฺเจว ตุมฺหากฺจ…เป… ตยิทํ, ภิกฺขเว, ทุกฺขํ อริยสจฺจํ อนุพุทฺธํ ปฏิวิทฺธํ, ทุกฺขสมุทยํ [ทุกฺขสมุทโย (สี. ก.) ปสฺส ที. นิ. ๒.๑๕๕] อริยสจฺจํ อนุพุทฺธํ ปฏิวิทฺธํ, ทุกฺขนิโรธํ [ทุกฺขนิโรโธ (สี. ก.)] อริยสจฺจํ อนุพุทฺธํ ปฏิวิทฺธํ, ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา อริยสจฺจํ อนุพุทฺธํ ปฏิวิทฺธํ. อุจฺฉินฺนา ภวตณฺหา, ขีณา ภวเนตฺติ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ. อิทมโวจ ภควา, อิทํ วตฺวาน สุคโต, อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
‘‘จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ, ยถาภูตํ อทสฺสนา;
สํสิตํ [สํสริตํ (สี.)] ทีฆมทฺธานํ, ตาสุ ตาสฺเวว ชาติสุ.
‘‘ตานิ เอตานิ ทิฏฺานิ, ภวเนตฺติ สมูหตา;
อุจฺฉินฺนํ มูลํ ทุกฺขสฺส, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ.
อิทํ ¶ เยฺยํ.
ตตฺถ กตมํ าณฺจ เยฺยฺจ? รูปํ อนิจฺจํ, เวทนา อนิจฺจา, สฺา อนิจฺจา, สงฺขารา อนิจฺจา, วิฺาณํ อนิจฺจนฺติ. อิทํ เยฺยํ.
เอวํ ¶ ชานํ เอวํ ปสฺสํ อริยสาวโก ‘‘รูปํ อนิจฺจ’’นฺติ ปสฺสติ, ‘‘เวทนา อนิจฺจา’’ติ ปสฺสติ, ‘‘สฺํ…เป… สงฺขาเร…เป… วิฺาณํ อนิจฺจ’’นฺติ ปสฺสตีติ. อิทํ าณํ.
โส ปริมุจฺจติ รูเปน, ปริมุจฺจติ เวทนาย, ปริมุจฺจติ สฺาย, ปริมุจฺจติ สงฺขาเรหิ, ปริมุจฺจติ วิฺาณมฺหา, ปริมุจฺจติ ทุกฺขสฺมาติ วทามีติ. อิทํ าณฺจ เยฺยฺจ.
‘‘สพฺเพ ¶ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติ อิทํ เยฺยํ. ‘‘ยทา ปฺาย ปสฺสตี’’ติ อิทํ าณํ. ‘‘อถ นิพฺพินฺทติ ทุกฺเข เอส มคฺโค วิสุทฺธิยา’’ติ อิทํ าณฺจ เยฺยฺจ.
‘‘สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขา’’ติ อิทํ เยฺยํ. ‘‘ยทา ปฺาย ปสฺสตี’’ติ อิทํ าณํ. ‘‘อถ นิพฺพินฺทติ ทุกฺเข เอส มคฺโค วิสุทฺธิยา’’ติ อิทํ าณฺจ เยฺยฺจ.
‘‘สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา’’ติ อิทํ เยฺยํ. ‘‘ยทา ปฺาย ปสฺสตี’’ติ อิทํ าณํ. ‘‘อถ นิพฺพินฺทติ ทุกฺเข เอส มคฺโค วิสุทฺธิยา’’ติ อิทํ าณฺจ เยฺยฺจ.
‘‘เย ¶ หิ เกจิ, โสณ [ปสฺส สํ. นิ. ๓.๔๙], สมณา วา พฺราหฺมณา วา อนิจฺเจน รูเปน ทุกฺเขน วิปริณามธมฺเมน ‘เสยฺโยหมสฺมี’ติ วา สมนุปสฺสนฺติ, ‘สทิโสหมสฺมี’ติ วา สมนุปสฺสนฺติ, ‘หีโนหมสฺมี’ติ วา สมนุปสฺสนฺติ. กิมฺตฺร ยถาภูตสฺส อทสฺสนา. อนิจฺจาย เวทนาย…เป… อนิจฺจาย สฺาย…เป… อนิจฺเจหิ สงฺขาเรหิ…เป… อนิจฺเจน วิฺาเณน ทุกฺเขน วิปริณามธมฺเมน ‘เสยฺโยหมสฺมี’ติ วา สมนุปสฺสนฺติ, ‘สทิโสหมสฺมี’ติ วา สมนุปสฺสนฺติ, ‘หีโนหมสฺมี’ติ วา สมนุปสฺสนฺติ, กิมฺตฺร ยถาภูตสฺส อทสฺสนา’’ติ. อิทํ เยฺยํ.
‘‘เย จ โข เกจิ, โสณ, สมณา วา พฺราหฺมณา วา อนิจฺเจน รูเปน ทุกฺเขน วิปริณามธมฺเมน ‘เสยฺโยหมสฺมี’ติปิ น สมนุปสฺสนฺติ, ‘สทิโสหมสฺมี’ติปิ น สมนุปสฺสนฺติ, ‘หีโนหมสฺมี’ติปิ น สมนุปสฺสนฺติ, กิมฺตฺร ยถาภูตสฺส ทสฺสนา. อนิจฺจาย เวทนาย…เป… อนิจฺจาย สฺาย…เป… อนิจฺเจหิ สงฺขาเรหิ…เป… อนิจฺเจน วิฺาเณน ทุกฺเขน วิปริณามธมฺเมน ‘เสยฺโยหมสฺมี’ติปิ น สมนุปสฺสนฺติ, ‘สทิโสหมสฺมี’ติปิ ¶ น สมนุปสฺสนฺติ, ‘หีโนหมสฺมี’ติปิ น สมนุปสฺสนฺติ, กิมฺตฺร ยถาภูตสฺส ทสฺสนาติ. อิทํ าณํ.
อิทํ าณฺจ เยฺยฺจ.
ตตฺถ กตมํ ทสฺสนํ?
‘‘เย อริยสจฺจานิ วิภาวยนฺติ, คมฺภีรปฺเน สุเทสิตานิ.
กิฺจาปิ เต โหนฺติ ภุสํ ปมตฺตา [ภุสปฺปมตฺตา (สี.) ปสฺส ขุ. ปา. ๖๐๙], น เต ภวํ อฏฺมมาทิยนฺตี’’ติ.
อิทํ ทสฺสนํ.
‘‘ยถินฺทขีโล ¶ ปถวิสฺสิโต สิยา, จตุพฺภิ วาเตหิ อสมฺปกมฺปิโย;
ตถูปมํ ¶ สปฺปุริสํ วทามิ, โย อริยสจฺจานิ อเวจฺจ ปสฺสตี’’ติ.
อิทํ ทสฺสนํ.
‘‘จตูหิ, ภิกฺขเว, โสตาปตฺติยงฺเคหิ สมนฺนาคโต อริยสาวโก อากงฺขมาโน อตฺตนาว อตฺตานํ พฺยากเรยฺย ‘ขีณนิรโยมฺหิ, ขีณติรจฺฉานโยนิ, ขีณเปตฺติวิสโย, ขีณาปายทุคฺคติวินิปาโต, โสตาปนฺโนหมสฺมิ อวินิปาตธมฺโม นิยโต สมฺโพธิปรายโณ, สตฺตกฺขตฺตุปรมํ [สตฺตกฺขตฺตุปรโม (สี.)] เทเว จ มนุสฺเส จ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสามี’ติ. กตเมหิ จตูหิ? อิธ, ภิกฺขเว, อริยสาวกสฺส ตถาคเต สทฺธา นิวิฏฺา ปติฏฺิตา วิรูฬฺหา มูลชาตา อสํหาริยา สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมึ สห ธมฺเมน, ธมฺเม โข ปน นิฏฺํ คโต โหติ, สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม สนฺทิฏฺิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิฺูหิ, ยทิทํ มทนิมฺมทโน…เป… นิโรโธ นิพฺพานํ, สห ธมฺมิยา โข ปนสฺส โหนฺติ อิฏฺา กนฺตา ปิยา มนาปา คิหี เจว ปพฺพชิตา จ. อริยกนฺเตหิ โข ปน สีเลหิ สมนฺนาคโต โหติ อขณฺเฑหิ อจฺฉิทฺเทหิ อสพเลหิ อกมฺมาเสหิ ภุชิสฺเสหิ วิฺุปฺปสฏฺเหิ อปรามฏฺเหิ สมาธิสํวตฺตนิเกหิ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, จตูหิ โสตาปตฺติยงฺเคหิ สมนฺนาคโต อริยสาวโก อากงฺขมาโน อตฺตนาว อตฺตานํ พฺยากเรยฺย ‘ขีณนิรโยมฺหิ, ขีณติรจฺฉานโยนิ, ขีณเปตฺติวิสโย, ขีณาปายทุคฺคติวินิปาโต, โสตาปนฺโนหมสฺมิ อวินิปาตธมฺโม ¶ นิยโต สมฺโพธิปรายโณ, สตฺตกฺขตฺตุปรมํ เทเว จ มนุสฺเส จ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสามี’’’ติ.
อิทํ ¶ ทสฺสนํ.
ตตฺถ ¶ กตมา ภาวนา?
‘‘ยสฺสินฺทฺริยานิ ภาวิตานิ [สุภาวิตานิ (สี. ก.) ปสฺส สุ. นิ. ๕๑๒], อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา จ สพฺพโลเก;
นิพฺพิชฺฌ อิมํ ปรฺจ โลกํ, กาลํ กงฺขติ ภาวิโต สทนฺโต’’ติ.
อยํ ภาวนา.
‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, ธมฺมปทานิ [ปสฺส อ. นิ. ๔.๒๙]. กตมานิ จตฺตาริ? อนภิชฺฌา ธมฺมปทํ, อพฺยาปาโท ธมฺมปทํ, สมฺมาสติ ธมฺมปทํ, สมฺมาสมาธิ ธมฺมปทํ, อิมานิ โข, ภิกฺขเว, จตฺตาริ ธมฺมปทานี’’ติ. อยํ ภาวนา.
ตตฺถ กตมํ ทสฺสนฺจ ภาวนา จ? ‘‘ปฺจ ฉินฺเท ปฺจ ชเห’’ติ อิทํ ทสฺสนํ. ‘‘ปฺจ จุตฺตริ ภาวเย. ปฺจ สงฺคาติโค ภิกฺขุ, โอฆติณฺโณติ วุจฺจตี’’ติ อยํ ภาวนา. อิทํ ทสฺสนฺจ ภาวนา จ.
‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, อินฺทฺริยานิ [ปสฺส สํ. นิ. ๕.๔๙๓]. กตมานิ ตีณิ, อนฺาตฺสฺสามีตินฺทฺริยํ อฺินฺทฺริยํ อฺาตาวินฺทฺริยํ. กตมฺจ, ภิกฺขเว, อนฺาตฺสฺสามีตินฺทฺริยํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อนภิสเมตสฺส ทุกฺขสฺส อริยสจฺจสฺส อภิสมยาย ฉนฺทํ ชเนติ วายมติ วีริยํ อารภติ จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ ปทหติ, อนภิสเมตสฺส ทุกฺขสมุทยสฺส ¶ อริยสจฺจสฺส…เป… ทุกฺขนิโรธสฺส…เป… ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฏิปทาย อริยสจฺจสฺส อภิสมยาย ฉนฺทํ ชเนติ วายมติ วีริยํ อารภติ จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ ปทหติ. อิทํ, ภิกฺขเว, อนฺาตฺสฺสามีตินฺทฺริย’’นฺติ. อิทํ ทสฺสนํ.
‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, อฺินฺทฺริยํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ…เป… ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. อิทํ, ภิกฺขเว, อฺินฺทฺริยํ.
‘‘กตมฺจ ¶ , ภิกฺขเว, อฺาตาวินฺทฺริยํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ, ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ ¶ นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาติ. อิทํ, ภิกฺขเว, อฺาตาวินฺทฺริย’’นฺติ. อยํ ภาวนา.
อิทํ ทสฺสนฺจ ภาวนา จ.
‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณํ, กุสลสฺส อุปสมฺปทา;
สจิตฺตปริโยทาปนํ, เอตํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ.
อิทํ สกวจนํ.
‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, พาลสฺส พาลลกฺขณานิ พาลนิมิตฺตานิ พาลาปทานานิ, เยหิ พาลํ พาโลติ ปเร สฺชานนฺติ. กตมานิ ตีณิ? พาโล, ภิกฺขเว, ทุจฺจินฺติตจินฺตี จ โหติ, ทุพฺภาสิตภาสี จ โหติ, ทุกฺกฏกมฺมการี [ทุกฺกตกมฺมการี (สี.) ม. นิ. ๓.๒๔๖; อ. นิ. ๓.๓ ปสฺสิตพฺพํ] จ โหติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ พาลสฺส พาลลกฺขณานิ พาลนิมิตฺตานิ พาลาปทานานิ.
‘‘ตีณิมานิ ¶ , ภิกฺขเว, ปณฺฑิตสฺส ปณฺฑิตลกฺขณานิ ปณฺฑิตนิมิตฺตานิ ปณฺฑิตาปทานานิ, เยหิ ปณฺฑิตํ ปณฺฑิโตติ ปเร สฺชานนฺติ. กตมานิ ตีณิ? ปณฺฑิโต, ภิกฺขเว, สุจินฺติตจินฺตี จ โหติ, สุภาสิตภาสี จ โหติ, สุกตกมฺมการี จ โหติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ ปณฺฑิตสฺส ปณฺฑิตลกฺขณานิ ปณฺฑิตนิมิตฺตานิ ปณฺฑิตาปทานานี’’ติ.
อิทํ สกวจนํ.
ตตฺถ กตมํ ปรวจนํ?
‘‘ปถวีสโม นตฺถิ วิตฺถโต, นินฺโน ปาตาลสโม น วิชฺชติ;
เมรุสโม นตฺถิ อุนฺนโต, จกฺกวตฺติสทิโส นตฺถิ โปริโส’’ติ.
อิทํ ปรวจนํ.
‘‘‘โหตุ ¶ , เทวานมินฺท, สุภาสิเตน ชโยติ. โหตุ, เวปจิตฺติ สุภาสิเตน ชโยติ. ภณ, เวปจิตฺติ, คาถ’นฺติ. อถ โข, ภิกฺขเว, เวปจิตฺติ อสุรินฺโท อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘ภิยฺโย ¶ พาลา ปภิชฺเชยฺยุํ [ปกุชฺเฌยฺยุํ (สี. ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๑.๒๕๑], โน จสฺส ปฏิเสธโก;
ตสฺมา ภุเสน ทณฺเฑน, ธีโร พาลํ นิเสธเย’’ติ.
‘‘ภาสิตาย โข ปน, ภิกฺขเว, เวปจิตฺตินา อสุรินฺเทน คาถาย อสุรา อนุโมทึสุ, เทวา ตุณฺหี อเหสุํ. อถ โข, ภิกฺขเว, เวปจิตฺติ อสุรินฺโท สกฺกํ เทวานมินฺทํ เอตทโวจ ‘ภณ, เทวานมินฺท, คาถ’นฺติ. เอวํ วุตฺเต, ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘เอตเทว อหํ มฺเ, พาลสฺส ปฏิเสธนํ;
ปรํ สงฺกุปิตํ ตฺวา, โย สโต อุปสมฺมตี’’ติ.
‘‘ภาสิตาย โข ปน, ภิกฺขเว, สกฺเกน เทวานมินฺเทน คาถาย เทวา อนุโมทึสุ, อสุรา ตุณฺหี อเหสุํ. อถ โข, ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท เวปจิตฺตึ อสุรินฺทํ เอตทโวจ ‘ภณ, เวปจิตฺติ, คาถ’นฺติ. เอวํ วุตฺเต, ภิกฺขเว, เวปจิตฺติ อสุรินฺโท อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘เอตเทว ¶ ติติกฺขาย, วชฺชํ ปสฺสามิ วาสว;
ยทา นํ มฺติ [มฺตี (สี.) ปสฺส สํ. นิ. ๑.๒๕๑] พาโล, ภยา มฺยายํ ติติกฺขติ;
อชฺฌารุหติ ทุมฺเมโธ, โคว ภิยฺโย ปลายิน’’นฺติ.
‘‘ภาสิตาย โข ปน, ภิกฺขเว, เวปจิตฺตินา อสุรินฺเทน คาถาย อสุรา อนุโมทึสุ, เทวา ตุณฺหี อเหสุํ. อถ โข เวปจิตฺติ อสุรินฺโท สกฺกํ เทวานมินฺทํ เอตทโวจ ‘ภณ, เทวานมินฺท, คาถ’นฺติ. เอวํ วุตฺเต, ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘กามํ มฺตุ วา มา วา, ภยา มฺยายํ ติติกฺขติ;
สทตฺถปรมา อตฺถา, ขนฺตา ภิยฺโย น วิชฺชติ.
‘‘โย ¶ หเว พลวา สนฺโต, ทุพฺพลสฺส ติติกฺขติ;
ตมาหุ ปรมํ ขนฺตึ, นิจฺจํ ขมติ ทุพฺพโล.
‘‘อพลํ ตํ พลํ อาหุ, ยสฺส พาลพลํ พลํ;
พลสฺส ธมฺมคุตฺตสฺส, ปฏิวตฺตา น วิชฺชติ.
‘‘ตสฺเสว เตน ปาปิโย, โย กุทฺธํ ปฏิกุชฺฌติ;
กุทฺธํ อปฺปฏิกุชฺฌนฺโต, สงฺคามํ เชติ ทุชฺชยํ.
‘‘อุภินฺนมตฺถํ ¶ จรติ, อตฺตโน จ ปรสฺส จ;
ปรํ สงฺกุปิตํ ตฺวา, โย สโต อุปสมฺมติ.
‘‘อุภินฺนํ ติกิจฺฉนฺตานํ, อตฺตโน จ ปรสฺส จ;
ชนา มฺนฺติ พาโลติ, เย ธมฺมสฺส อโกวิทา’’ติ.
‘‘ภาสิตาสุ โข ปน, ภิกฺขเว, สกฺเกน เทวานมินฺเทน คาถาสุ เทวา อนุโมทึสุ, อสุรา ตุณฺหี อเหสุ’’นฺติ. อิทํ ปรวจนํ.
๑๑๗. ตตฺถ กตมํ สกวจนฺจ ปรวจนฺจ?
ยฺจ ปตฺตํ ยฺจ ปตฺตพฺพํ อุภยเมตํ รชานุกิณฺณํ อาตุรสฺสานุสิกฺขโต. เย จ สิกฺขาสารา สีลํ วตํ ชีวิตํ พฺรหฺมจริยํ อุปฏฺานสารา, อยเมโก อนฺโต. เย จ เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน ‘‘นตฺถิ กาเมสุ โทโส’’ติ, อยํ ทุติโย ¶ อนฺโต. อิจฺเจเต อุโภ อนฺตา กฏสิวฑฺฒนา กฏสิโย ทิฏฺึ วฑฺเฒนฺติ. เอเต อุโภ อนฺเต อนภิฺาย โอลียนฺติ เอเก อติธาวนฺติ เอเกติ. อิทํ ปรวจนํ.
เย จ โข เต อุโภ อนฺเต อภิฺาย ตตฺร จ น อเหสุํ, เตน จ อมฺึสุ, วฏฺฏํ เตสํ นตฺถิ ปฺาปนายาติ. อิทํ สกวจนํ. อยํ อุทาโน สกวจนฺจ ปรวจนฺจ.
ราชา ปเสนทิ [ปสฺเสนทิ (ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๑.๑๑๓] โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – อิธ มยฺหํ, ภนฺเต, รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส ¶ เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ ‘‘เกสํ นุ โข ปิโย อตฺตา, เกสํ อปฺปิโย อตฺตา’’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอตทโหสิ ‘‘เย จ โข เกจิ กาเยน ทุจฺจริตํ จรนฺติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรนฺติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรนฺติ, เตสํ อปฺปิโย อตฺตา. กิฺจาปิ เต เอวํ วเทยฺยุํ ‘ปิโย โน อตฺตา’ติ, อถ โข เตสํ อปฺปิโย อตฺตา. ตํ กิสฺส เหตุ? ยํ หิ อปฺปิโย อปฺปิยสฺส กเรยฺย, ตํ เต อตฺตนาว อตฺตโน กโรนฺติ, ตสฺมา เตสํ อปฺปิโย อตฺตา. เย จ โข เกจิ กาเยน สุจริตํ จรนฺติ, วาจาย สุจริตํ จรนฺติ, มนสา สุจริตํ จรนฺติ, เตสํ ปิโย อตฺตา. กิฺจาปิ เต เอวํ วเทยฺยุํ ‘อปฺปิโย โน อตฺตา’ติ, อถ โข เตสํ ปิโย อตฺตา. ตํ กิสฺส เหตุ? ยํ หิ ปิโย ปิยสฺส กเรยฺย ¶ . ตํ เต อตฺตนาว อตฺตโน กโรนฺติ. ตสฺมา เตสํ ปิโย อตฺตา’’ติ.
‘‘เอวเมตํ, มหาราช, เอวเมตํ, มหาราช, เย หิ เกจิ, มหาราช, กาเยน ทุจฺจริตํ จรนฺติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรนฺติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรนฺติ ตสฺมา เตสํ อปฺปิโย อตฺตา. กิฺจาปิ เต เอวํ วเทยฺยุํ ‘ปิโย โน อตฺตา’ติ, อถ โข เตสํ อปฺปิโย อตฺตา. ตํ กิสฺส เหตุ? ยํ หิ, มหาราช, อปฺปิโย อปฺปิยสฺส กเรยฺย, ตํ เต อตฺตนาว อตฺตโน กโรนฺติ, ตสฺมา เตสํ อปฺปิโย อตฺตา. เย จ โข เกจิ มหาราช กาเยน สุจริตํ จรนฺติ, วาจาย สุจริตํ จรนฺติ, มนสา สุจริตํ จรนฺติ, เตสํ ปิโย อตฺตา. กิฺจาปิ เต เอวํ วเทยฺยุํ ‘อปฺปิโย โน อตฺตา’ติ, อถ โข เตสํ ปิโย อตฺตา. ตํ ¶ กิสฺส เหตุ? ยํ หิ, มหาราช, ปิโย ปิยสฺส กเรยฺย, ตํ เต อตฺตนาว อตฺตโน กโรนฺติ, ตสฺมา เตสํ ปิโย อตฺตาติ. อิทมโวจ ภควา…เป… สตฺถา –
‘‘อตฺตานฺเจ ปิยํ ชฺา, น นํ ปาเปน สํยุเช;
น หิ ตํ สุลภํ โหติ, สุขํ ทุกฺกฏการินา.
‘‘อนฺตเกนาธิปนฺนสฺส [มรเณนาภิภูตสฺส (ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๑.๑๑๕], ชหโต มานุสํ ภวํ;
กึ หิ ตสฺส สกํ โหติ, กิฺจ อาทาย คจฺฉติ;
กิฺจสฺส อนุคํ โหติ, ฉายาว อนปายินี.
‘‘อุโภ ปฺฺุจ ปาปฺจ, ยํ มจฺโจ กุรุเต อิธ;
ตฺหิ ตสฺส สกํ โหติ, ตํว อาทาย คจฺฉติ;
ตํวสฺส อนุคํ โหติ, ฉายาว อนปายินี.
‘‘ตสฺมา ¶ กเรยฺย กลฺยาณํ, นิจยํ สมฺปรายิกํ;
ปฺุานิ ปรโลกสฺมึ, ปติฏฺา โหนฺติ ปาณิน’’นฺติ.
อิทํ สุตฺตํ ปรวจนํ. อนุคีติ สกวจนํ. อิทํ สกวจนฺจ ปรวจนฺจ.
ปฺเห ปุจฺฉิเต อิทํ อภิฺเยฺยํ, อิทํ ปริฺเยฺยํ, อิทํ ปหาตพฺพํ, อิทํ ภาเวตพฺพํ, อิทํ สจฺฉิกาตพฺพํ, อิเม ธมฺมา เอวํคหิตา อิทํ ผลํ นิพฺพตฺตยนฺติ. เตสํ ¶ เอวํคหิตานํ อยมตฺโถ อิติ อิทํ วิสชฺชนียํ. ‘‘อุฬาโร พุทฺโธ ภควา’’ติ พุทฺธอุฬารตํ ธมฺมสฺวากฺขาตตํ สงฺฆสุปฺปฏิปตฺติฺจ เอกํเสเนว นิทฺทิเส. ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติ ‘‘สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขา’’ติ ‘‘สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา’’ติ เอกํเสเนว นิทฺทิเส. ยํ วา ปนฺมฺปิ เอวํ ชาติยํ. อิทํ วิสชฺชนียํ.
ตตฺถ ¶ กตมํ อวิสชฺชนียํ?
‘‘อากงฺขโต เต นรทมฺมสารถิ [นรทมฺมสารถี (สี.)], เทวา มนุสฺสา มนสา วิจินฺติตํ;
สพฺเพ น ชฺา กสิณาปิ ปาณิโน, สนฺตํ สมาธึ อรณํ นิเสวโต;
กินฺตํ ภควา อากงฺขตี’’ติ.
อิทํ อวิสชฺชนียํ.
เอตฺตโก ภควา สีลกฺขนฺเธ สมาธิกฺขนฺเธ ปฺากฺขนฺเธ วิมุตฺติกฺขนฺเธ วิมุตฺติาณทสฺสนกฺขนฺเธ อิริยายํ ปภาเว หิเตสิตายํ กรุณายํ อิทฺธิยนฺติ. อิทํ อวิสชฺชนียํ.
‘‘ตถาคตสฺส, ภิกฺขเว, อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส โลเก อุปฺปาทา ติณฺณํ รตนานํ อุปฺปาโท พุทฺธรตนสฺส ธมฺมรตนสฺส สงฺฆรตนสฺส’’. กึ ปมาณานิ ตีณิ รตนานีติ? อิทํ อวิสชฺชนียํ.
พุทฺธวิสโย อวิสชฺชนีโย. ปุคฺคลปโรปรฺุตา อวิสชฺชนียา. ‘‘ปุพฺพา, ภิกฺขเว, โกฏิ ¶ น ปฺายติ อวิชฺชานีวรณานํ สตฺตานํ ตณฺหาสํโยชนานํ สกึ นิรยํ สกึ ติรจฺฉานโยนึ สกึ เปตฺติวิสยํ สกึ อสุรโยนึ สกึ เทเว สกึ มนุสฺเส สนฺธาวิตํ สํสริตํ’’. กตมา ปุพฺพา โกฏีติ อวิสชฺชนียํ. น ปฺายตีติ สาวกานํ าณเวกลฺเลน. ทุวิธา พุทฺธานํ ภควนฺตานํ เทสนา อตฺตูปนายิกา จ ปรูปนายิกา จ. น ปฺายตีติ ปรูปนายิกา. นตฺถิ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ อวิชานนาติ [อปฺปชานนาติ (สี.)] อตฺตูปนายิกา. ยถา ภควา โกกาลิกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ อฺตรํ ภิกฺขุํ เอวมาห –
‘‘เสยฺยถาปิ ¶ ¶ , ภิกฺขุ, วีสติขาริโก โกสลโก ติลวาโห…เป… น ตฺเวว เอโก อพฺพุโท นิรโย. เสยฺยถาปิ ภิกฺขุ, วีสติ อพฺพุทา นิรยา, เอวเมโก นิรพฺพุโท นิรโย [นิรพฺพุทนิรโย (สํ. นิ. ๑.๑๘๑)]. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ นิรพฺพุทา นิรยา, เอวเมโก อพโพ นิรโย. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ อพพา นิรยา, เอวเมโก อฏโฏ นิรโย. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ อฏฏา นิรยา, เอวเมโก อหโห นิรโย. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ อหหา นิรยา, เอวเมโก กุมุโท นิรโย. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ กุมุทา นิรยา, เอวเมโก โสคนฺธิโก นิรโย. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ โสคนฺธิกา นิรยา, เอวเมโก อุปฺปลโก นิรโย [อุปฺปลนิรโย (สํ. นิ. ๑.๑๘๑)]. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ อุปฺปลกา นิรยา, เอวเมโก ปุณฺฑรีโก นิรโย. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ ปุณฺฑรีกา นิรยา, เอวเมโก ปทุโม นิรโย. ปทุเม ปน, ภิกฺขุ, นิรเย โกกาลิโก ภิกฺขุ อุปปนฺโน สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนสุ จิตฺตํ อาฆาเตตฺวา’’ติ. ยํ วา ปน กิฺจิ ภควา อาห ‘‘อยํ อปฺปเมยฺโย อสงฺขฺเยโย’’ติ. สพฺพํ ตํ อวิสชฺชนียํ. อิทํ อวิสชฺชนียํ.
๑๑๙. ตตฺถ กตมํ วิสชฺชนียฺจ อวิสชฺชนียฺจ, ยทา โส อุปโก อาชีวโก ภควนฺตํ อาห ‘‘กุหึ, อาวุโส โคตม, คมิสฺสสี’’ติ. ภควา อาห –
‘‘พาราณสึ คมิสฺสามิ, อหํ ตํ อมตทุนฺทุภึ;
ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตตุํ, โลเก อปฺปฏิวตฺติย’’นฺติ.
อุปโก อาชีวโก อาห ‘‘‘ชิโน’ติ โข อาวุโส, โภ โคตม, ปฏิชานาสี’’ติ. ภควา อาห –
‘‘มาทิสา ¶ เว ชินา [ชินา เว มาทิสา (สี. ก.) ปสฺส ม. นิ. ๒.๓๔๑] โหนฺติ, เย ปตฺตา อาสวกฺขยํ;
ชิตา เม ปาปกา ธมฺมา, ตสฺมาหํ อุปกา ชิโน’’ติ.
กถํ ชิโน เกน ชิโนติ วิสชฺชนียํ. กตโม ชิโนติ อวิสชฺชนียํ. กตโม อาสวกฺขโย, ราคกฺขโย โทสกฺขโย โมหกฺขโยติ วิสชฺชนียํ. กิตฺตโก อาสวกฺขโยติ อวิสชฺชนียํ. อิทํ ¶ วิสชฺชนียฺจ อวิสชฺชนียฺจ.
อตฺถิ ¶ ตถาคโตติ วิสชฺชนียํ. อตฺถิ รูปนฺติ วิสชฺชนียํ. รูปํ ตถาคโตติ อวิสชฺชนียํ. รูปวา ตถาคโตติ อวิสชฺชนียํ. รูเป ตถาคโตติ อวิสชฺชนียํ. ตถาคเต รูปนฺติ อวิสชฺชนียํ. เอวํ อตฺถิ เวทนา…เป… สฺา…เป… สงฺขารา…เป… อตฺถิ วิฺาณนฺติ วิสชฺชนียํ. วิฺาณํ ตถาคโตติ อวิสชฺชนียํ. วิฺาณวา ตถาคโตติ อวิสชฺชนียํ. วิฺาเณ ตถาคโตติ อวิสชฺชนียํ. ตถาคเต วิฺาณนฺติ อวิสชฺชนียํ. อฺตฺร รูเปน ตถาคโตติ อวิสชฺชนียํ. อฺตฺร เวทนาย…เป… สฺาย…เป… สงฺขาเรหิ…เป… วิฺาเณน ตถาคโตติ อวิสชฺชนียํ. อยํ โส ตถาคโต อรูปโก…เป… อเวทนโก…เป… อสฺโก…เป… อสงฺขารโก…เป… อวิฺาณโกติ อวิสชฺชนียํ. อิทํ วิสชฺชนียฺจ อวิสชฺชนียฺจ.
ปสฺสติ ภควา ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต จวมาเน อุปปชฺชมาเน เอวํ สพฺพํ…เป… ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาตีติ วิสชฺชนียํ. กตเม สตฺตา, กตโม ตถาคโตติ อวิสชฺชนียํ. อิทํ วิสชฺชนียฺจ อวิสชฺชนียฺจ.
อตฺถิ ตถาคโตติ วิสชฺชนียํ. อตฺถิ ตถาคโต ปรํ มรณาติ อวิสชฺชนียํ. อิทํ วิสชฺชนียฺจ อวิสชฺชนียฺจ.
‘‘อนฺตเกนาธิปนฺนสฺส ¶ , ชหโต มานุสํ ภวํ;
กึ หิ ตสฺส สกํ โหติ, กิฺจ อาทาย คจฺฉติ;
กิฺจสฺส อนุคํ โหติ, ฉายาว อนปายินี.
‘‘อุโภ ปฺฺุจ ปาปฺจ, ยํ มจฺโจ กุรุเต อิธ;
ตฺหิ ตสฺส สกํ โหติ, ตํว [ตฺจ (สี. ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๑.๑๑๕] อาทาย คจฺฉติ;
ตํวสฺส อนุคํ โหติ, ฉายาว อนปายินี’’ติ.
อิทํ กมฺมํ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, พาลํ ปีสมารูฬฺหํ วา มฺจสมารูฬฺหํ ¶ วา ฉมายํ [ฉมาย (สี. ก.) ปสฺส ม. นิ. ๓.๒๔๘] วา เสมานํ ยานิสฺส ปุพฺเพ ปาปกานิ กมฺมานิ กตานิ กาเยน ทุจฺจริตานิ วาจาย ทุจฺจริตานิ มนสา ทุจฺจริตานิ, ตานิสฺส ตมฺหิ สมเย โอลมฺพนฺติ อชฺโฌลมฺพนฺติ ¶ อภิปฺปลมฺพนฺติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, มหตํ ปพฺพตกูฏานํ ฉายา สายนฺหสมยํ ปถวิยํ โอลมฺพนฺติ อชฺโฌลมฺพนฺติ อภิปฺปลมฺพนฺติ. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, พาลํ ปีสมารูฬฺหํ วา มฺจสมารูฬฺหํ วา ฉมายํ วา เสมานํ ยานิสฺส ปุพฺเพ ปาปกานิ กมฺมานิ กตานิ กาเยน ทุจฺจริตานิ วาจาย ทุจฺจริตานิ มนสา ทุจฺจริตานิ, ตานิสฺส ตมฺหิ สมเย โอลมฺพนฺติ อชฺโฌลมฺพนฺติ อภิปฺปลมฺพนฺติ. ตตฺร, ภิกฺขเว, พาลสฺส เอวํ โหติ ‘อกตํ วต เม กลฺยาณํ, อกตํ กุสลํ, อกตํ ภีรุตฺตาณํ. กตํ ปาปํ, กตํ ลุทฺทํ, กตํ กิพฺพิสํ, ยาวตา โภ อกตกลฺยาณานํ อกตกุสลานํ อกตภีรุตฺตาณานํ กตปาปานํ กตลุทฺทานํ กตกิพฺพิสานํ คติ, ตํ คตึ เปจฺจ คจฺฉามี’ติ, โส โสจติ กิลมติ ปริเทวติ อุรตฺตาฬึ กนฺทติ สมฺโมหํ อาปชฺชตี’’ติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตํ ปีสมารูฬฺหํ วา มฺจสมารูฬฺหํ วา ฉมายํ วา เสมานํ ยานิสฺส ปุพฺเพ กลฺยาณานิ กมฺมานิ กตานิ กาเยน สุจริตานิ วาจาย สุจริตานิ มนสา สุจริตานิ, ตานิสฺส ตมฺหิ สมเย โอลมฺพนฺติ อชฺโฌลมฺพนฺติ อภิปฺปลมฺพนฺติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, มหตํ ปพฺพตกูฏานํ ฉายา สายนฺหสมยํ ปถวิยํ โอลมฺพนฺติ อชฺโฌลมฺพนฺติ อภิปฺปลมฺพนฺติ. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตํ ปีสมารูฬฺหํ วา มฺจสมารูฬฺหํ วา ฉมายํ วา เสมานํ ยานิสฺส ปุพฺเพ กลฺยาณานิ กมฺมานิ กตานิ กาเยน สุจริตานิ วาจาย สุจริตานิ มนสา สุจริตานิ, ตานิสฺส ตมฺหิ สมเย โอลมฺพนฺติ อชฺโฌลมฺพนฺติ อภิปฺปลมฺพนฺติ. ตตฺร, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตสฺส ‘เอวํ โหติ อกตํ วต เม ปาปํ ¶ , อกตํ ลุทฺทํ, อกตํ กิพฺพิสํ. กตํ กลฺยาณํ, กตํ กุสลํ, กตํ ภีรุตฺตาณํ, ยาวตา โภ อกตปาปานํ ¶ อกตลุทฺทานํ อกตกิพฺพิสานํ กตกลฺยาณานํ กตกุสลานํ กตภีรุตฺตาณานํ คติ, ตํ คตึ เปจฺจ คจฺฉามี’ติ, โส น โสจติ น กิลมติ น ปริเทวติ น อุรตฺตาฬึ กนฺทติ น สมฺโมหํ อาปชฺชติ, ‘กตํ เม ปฺุํ, อกตํ ปาปํ, ยา ภวิสฺสติ คติ อกตปาปสฺส อกตลุทฺทสฺส อกตกิพฺพิสสฺส กตปฺุสฺส กตกุสลสฺส กตภีรุตฺตาณสฺส, ตํ เปจฺจ ภเว คตึ ปจฺจนุภวิสฺสามี’ติ วิปฺปฏิสาโร น ชายติ. อวิปฺปฏิสาริโน โข, ภิกฺขเว, อิตฺถิยา วา ปุริสสฺส วา คิหิโน วา ปพฺพชิตสฺส วา ภทฺทกํ มรณํ ภทฺทิกา กาลงฺกิริยาติ วทามี’’ติ. อิทํ กมฺมํ.
‘‘ตีณิมานิ ¶ , ภิกฺขเว, ทุจฺจริตานิ. กตมานิ ตีณิ, กายทุจฺจริตํ วจีทุจฺจริตํ มโนทุจฺจริตํ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ ทุจฺจริตานิ. ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, สุจริตานิ. กตมานิ ตีณิ? กายสุจริตํ วจีสุจริตํ มโนสุจริตํ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ สุจริตานิ. อิทํ กมฺมํ.
ตตฺถ กตโม วิปาโก?
‘‘ลาภา โว, ภิกฺขเว, สุลทฺธํ โว, ภิกฺขเว, ขโณ โว, ภิกฺขเว, ปฏิลทฺโธ พฺรหฺมจริยวาสาย. ทิฏฺา มยา, ภิกฺขเว, ฉ ผสฺสายตนิกา นาม นิรยา. ตตฺถ ยํ กิฺจิ จกฺขุนา รูปํ ปสฺสติ อนิฏฺรูปํเยว ปสฺสติ, โน อิฏฺรูปํ. อกนฺตรูปํเยว ปสฺสติ, โน กนฺตรูปํ. อมนาปรูปํเยว ปสฺสติ, โน มนาปรูปํ.
ยํ กิฺจิ โสเตน สทฺทํ สุณาติ…เป… ฆาเนน…เป… ชิวฺหาย…เป… กาเยน…เป… ยํ กิฺจิ มนสา ธมฺมํ วิชานาติ อนิฏฺธมฺมํเยว วิชานาติ, โน อิฏฺธมฺมํ. อกนฺตธมฺมํเยว วิชานาติ, โน กนฺตธมฺมํ. อมนาปธมฺมํเยว วิชานาติ, โน มนาปธมฺมํ. ลาภา โว, ภิกฺขเว, สุลทฺธํ โว, ภิกฺขเว, ขโณ โว, ภิกฺขเว, ปฏิลทฺโธ ¶ พฺรหฺมจริยวาสาย.
‘‘ทิฏฺา มยา, ภิกฺขเว, ฉ ผสฺสายตนิกา นาม สคฺคา. ตตฺถ ยํ กิฺจิ จกฺขุนา รูปํ ปสฺสติ อิฏฺรูปํเยว ปสฺสติ, โน อนิฏฺรูปํ. กนฺตรูปํเยว ปสฺสติ, โน อกนฺตรูปํ. มนาปรูปํเยว ปสฺสติ, โน อมนาปรูปํ. ยํ กิฺจิ โสเตน สทฺทํ สุณาติ…เป… ฆาเนน ¶ …เป… ชิวฺหาย…เป… กาเยน…เป… มนสา ธมฺมํ วิชานาติ อิฏฺธมฺมํเยว วิชานาติ, โน อนิฏฺธมฺมํ. กนฺตธมฺมํเยว วิชานาติ, โน อกนฺตธมฺมํ. มนาปธมฺมํเยว วิชานาติ, โน อมนาปธมฺมํ. ลาภา โว, ภิกฺขเว, สุลทฺธํ โว, ภิกฺขเว, ขโณ โว, ภิกฺขเว, ปฏิลทฺโธ พฺรหฺมจริยวาสายา’’ติ. อยํ วิปาโก.
‘‘สฏฺิวสฺสสหสฺสานิ, ปริปุณฺณานิ สพฺพโส;
นิรเย ปจฺจมานานํ [ปจฺจมานสฺส (ก.) ปสฺส เป. ว. ๘๐๒], กทา อนฺโต ภวิสฺสติ.
‘‘นตฺถิ อนฺโต กุโต อนฺโต, น อนฺโต ปฏิทิสฺสติ [ปติทิสฺสติ (สี.) ชา. ๑.๔.๕๕];
ตทา หิ ปกตํ ปาปํ, ตุยฺหํ มยฺหฺจ มาริสา’’ติ.
อยํ วิปาโก.
๑๒๑. ตตฺถ ¶ กตมํ กมฺมฺจ วิปาโก จ?
‘‘อธมฺมจารี หิ นโร ปมตฺโต, ยหึ ยหึ คจฺฉติ ทุคฺคตึ โย;
โส นํ อธมฺโม จริโต หนาติ, สยํ คหีโต ยถา กณฺหสปฺโป.
‘‘น หิ [ปสฺส เถรคา. ๓๐๔] ธมฺโม อธมฺโม จ, อุโภ สมวิปากิโน;
อธมฺโม นิรยํ เนติ, ธมฺโม ปาเปติ สุคฺคติ’’นฺติ.
อิทํ กมฺมฺจ วิปาโก จ.
‘‘มา, ภิกฺขเว, ปฺุานํ ภายิตฺถ, สุขสฺเสตํ, ภิกฺขเว, อธิวจนํ อิฏฺสฺส กนฺตสฺส ปิยสฺส มนาปสฺส ยทิทํ ¶ ปฺุานิ. อภิชานามิ โข ปนาหํ, ภิกฺขเว, ทีฆรตฺตํ กตานํ ปฺุานํ อิฏฺํ [ทีฆรตฺตํ อิฏฺํ (สี. ก.) ปสฺส อิติวุ. ๒๒] กนฺตํ ปิยํ มนาปํ วิปากํ ปจฺจนุภูตํ, สตฺต วสฺสานิ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวตฺวา สตฺต สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเป น อิมํ [น ยิมํ (อิติวุ. ๒๒)] โลกํ ปุนราคมาสึ. สํวฏฺฏมาเน สุทาหํ, ภิกฺขเว, กปฺเป อาภสฺสรูปโค โหมิ. วิวฏฺฏมาเน กปฺเป สฺุํ พฺรหฺมวิมานํ อุปปชฺชามิ. ตตฺร สุทาหํ [สุทํ (อิติวุ. ๒๒)], ภิกฺขเว, พฺรหฺมา โหมิ มหาพฺรหฺมา อภิภู อนภิภูโต อฺทตฺถุทโส วสวตฺตี. ฉตฺตึสกฺขตฺตุํ โข ปนาหํ, ภิกฺขเว, สกฺโก อโหสึ เทวานมินฺโท, อเนกสตกฺขตฺตุํ ราชา อโหสึ จกฺกวตฺตี [จกฺกวตฺติ (ก.)] ธมฺมิโก ธมฺมราชา จาตุรนฺโต วิชิตาวี ชนปทตฺถาวริยปฺปตฺโต สตฺตรตนสมนฺนาคโต, โก ปน วาโท ปเทสรชฺชสฺส? ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสิ ‘กิสฺส นุ โข เม อิทํ กมฺมสฺส ¶ ผลํ, กิสฺส กมฺมสฺส วิปาโก, เยนาหํ เอตรหิ เอวํมหิทฺธิโก เอวํมหานุภาโว’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสิ ‘ติณฺณํ โข เม อิทํ กมฺมานํ ผลํ, ติณฺณํ กมฺมานํ วิปาโก. เยนาหํ เอตรหิ เอวํมหิทฺธิโก เอวํมหานุภาโว’ติ. เสยฺยถิทํ, ทานสฺส ทมสฺส สํยมสฺสา’’ติ. ตตฺถ ยฺจ ทานํ โย จ ทโม โย จ สํยโม, อิทํ กมฺมํ. โย ตปฺปจฺจยา วิปาโก ปจฺจนุภูโต, อยํ วิปาโก. ตถา จูฬกมฺมวิภงฺโค วตฺตพฺโพ.
ยํ ¶ สุภสฺส มาณวสฺส โตเทยฺยปุตฺตสฺส เทสิตํ. ตตฺถ เย ธมฺมา อปฺปายุกทีฆายุกตาย สํวตฺตนฺติ พหฺวาพาธอปฺปาพาธตาย อปฺเปสกฺขมเหสกฺขตาย ทุพฺพณฺณสุวณฺณตาย นีจกุลิกอุจฺจกุลิกตาย อปฺปโภคมหาโภคตาย ทุปฺปฺปฺวนฺตตาย จ ¶ สํวตฺตนฺติ, อิทํ กมฺมํ. ยา ตตฺถ อปฺปายุกทีฆายุกตา…เป… ทุปฺปฺปฺวนฺตตา, อยํ วิปาโก. อิทํ กมฺมฺจ วิปาโก จ.
‘‘วาจานุรกฺขี มนสา สุสํวุโต, กาเยน จ นากุสลํ กยิรา [อกุสลํ น กยิรา (สี.) ปสฺส ธ. ป. ๒๘๑];
เอเต ตโย กมฺมปเถ วิโสธเย, อาราธเย มคฺคมิสิปฺปเวทิต’’นฺติ.
อิทํ กุสลํ.
‘‘ยสฺส กาเยน วาจาย, มนสา นตฺถิ ทุกฺกฏํ;
สํวุตํ ตีหิ าเนหิ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
อิทํ กุสลํ.
‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, กุสลมูลานิ. กตมานิ ตีณิ? อโลโภ กุสลมูลํ, อโทโส กุสลมูลํ, อโมโห กุสลมูลํ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ กุสลมูลานิ. อิทํ กุสลํ. ‘‘วิชฺชา, ภิกฺขเว [วิชฺชา จ โข ภิกฺขเว (สํยุตฺตนิกาเย)], ปุพฺพงฺคมา กุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติยา อนุเทว [อนฺวเทว (สี. ก.), สฺยาทิกณฺเฑ (โมคฺคลฺลาเน) ๑๑ สุตฺตํ ปสฺสิตพฺพํ] หิรี โอตฺตปฺปฺจา’’ติ. อิทํ กุสลํ.
ตตฺถ กตมํ อกุสลํ?
‘‘ยสฺส ¶ อจฺจนฺต ทุสฺสีลฺยํ, มาลุวา สาลมิโวตฺถตํ;
กโรติ โส ตถตฺตานํ, ยถา นํ อิจฺฉตี ทิโส’’ติ.
อิทํ อกุสลํ.
‘‘อตฺตนา หิ กตํ ปาปํ, อตฺตชํ อตฺตสมฺภวํ;
อภิมตฺถติ [อภิมนฺถติ (สี.) ปสฺส ธ. ป. ๑๖๑] ทุมฺเมธํ, วชิรํวสฺมมยํ มณิ’’นฺติ.
อิทํ อกุสลํ.
‘‘ทส ¶ ¶ กมฺมปเถ นิเสวิย, อกุสลากุสเลหิ วิวชฺชิตา;
ครหา จ ภวนฺติ เทวเต, พาลมตี นิรเยสุ ปจฺจเร’’ติ.
อิทํ อกุสลํ.
‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, อกุสลมูลานิ [ปสฺส อ. นิ. ๓.๗๐], กตมานิ ตีณิ? โลโภ อกุสลมูลํ, โทโส อกุสลมูลํ, โมโห อกุสลมูลํ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ อกุสลมูลานิ’’. อิทํ อกุสลํ.
ตตฺถ กตมํ กุสลฺจ อกุสลฺจ?
‘‘ยาทิสํ [สํ. นิ. ๑.๒๕๖] วปเต พีชํ, ตาทิสํ หรเต ผลํ;
กลฺยาณการี กลฺยาณํ, ปาปการี จ ปาปก’’นฺติ.
ตตฺถ ยํ อาห ‘‘กลฺยาณการี กลฺยาณ’’นฺติ, อิทํ กุสลํ. ยํ อาห ‘‘ปาปการี จ ปาปก’’นฺติ, อิทํ อกุสลํ. อิทํ กุสลฺจ อกุสลฺจ.
‘‘สุเภน กมฺเมน วชนฺติ สุคฺคตึ, อปายภูมึ อสุเภน กมฺมุนา;
ขยา จ กมฺมสฺส วิมุตฺตเจตโส, นิพฺพนฺติ เต โชติริวินฺธนกฺขยา’’.
ตตฺถ ยํ อาห ‘‘สุเภน กมฺเมน วชนฺติ สุคฺคติ’’นฺติ, อิทํ กุสลํ. ยํ อาห ‘‘อปายภูมึ อสุเภน กมฺมุนา’’ติ, อิทํ อกุสลํ. อิทํ กุสลฺจ อกุสลฺจ.
๑๒๓. ตตฺถ ¶ กตมํ อนฺุาตํ?
‘‘ยถาปิ ภมโร ปุปฺผํ, วณฺณคนฺธมเหยํ [วณฺณคนฺธํ อเหยํ (สี.) ปสฺส ธ. ป. ๔๙];
ปเลติ [ปเฬติ (ก.)] รสมาทาย, เอวํ คาเม มุนี จเร’’ติ.
อิทํ อนฺุาตํ.
‘‘ตีณิมานิ ¶ ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ กรณียานิ. กตมานิ ตีณิ, อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปนฺโน อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ, กายกมฺมวจีกมฺเมน สมนฺนาคโต กุสเลน ปริสุทฺธาชีโว. อารทฺธวีริโย โข ปน โหติ ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย กุสลานํ ธมฺมานํ ภาวนาย สจฺฉิกิริยาย. ปฺวา โข ปน โหติ อุทยตฺถคามินิยา ปฺาย สมนฺนาคโต อริยาย นิพฺเพธิกาย สมฺมา ทุกฺขกฺขยคามินิยา. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ตีณิ กรณียานี’’ติ. อิทํ อนฺุาตํ.
‘‘ทสยิเม [ทส อิเม (สี. ก.) ปสฺส อ. นิ. ๑๐.๔๘], ภิกฺขเว, ธมฺมา ปพฺพชิเตน อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพา. กตเม ทส? ‘เววณฺณิยมฺหิ อชฺฌุปคโต’ติ ปพฺพชิเตน อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ…เป… อิเม โข ภิกฺขเว ทส ธมฺมา ปพฺพชิเตน อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพา’’ติ. อิทํ อนฺุาตํ.
‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, กรณียานิ. กตมานิ ตีณิ? กายสุจริตํ วจีสุจริตํ มโนสุจริตนฺติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ กรณียานี’’ติ. อิทํ อนฺุาตํ.
ตตฺถ กตมํ ปฏิกฺขิตฺตํ?
‘‘นตฺถิ ปุตฺตสมํ เปมํ, นตฺถิ โคสมิตํ [โคณสมํ (ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๑.๑๓] ธนํ;
นตฺถิ สูริยสมา [สุริยสมา (สี.)] อาภา, สมุทฺทปรมา สรา’’ติ.
ภควา อาห –
‘‘นตฺถิ ¶ อตฺตสมํ เปมํ, นตฺถิ ธฺสมํ ธนํ;
นตฺถิ ปฺาสมา อาภา, วุฏฺิเวปรมา สรา’’ติ.
เอตฺถ ยํ ปุริมกํ, อิทํ ปฏิกฺขิตฺตํ.
‘‘ตีณิมานิ ¶ , ภิกฺขเวऋ อกรณียานิ. กตมานิ ตีณิ? กายทุจฺจริตํ วจีทุจฺจริตํ มโนทุจฺจริตนฺติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ อกรณียานี’’ติ. อิทํ ปฏิกฺขิตฺตํ.
๑๒๔. ตตฺถ ¶ กตมํ อนฺุาตฺจ ปฏิกฺขิตฺตฺจ?
‘‘กึสูธ ภีตา ชนตา อเนกา, มคฺโค จเนกายตโน ปวุตฺโต [จเนกายตนปฺปวุตฺตา (สํ. นิ. ๑.๗๕)];
ปุจฺฉามิ ตํ โคตม ภูริปฺ, กิสฺมึ ิโต ปรโลกํ น ภาเยติ.
‘‘วาจํ มนฺจ ปณิธาย สมฺมา, กาเยน ปาปานิ อกุพฺพมาโน;
พหฺวนฺนปานํ ฆรมาวสนฺโต, สทฺโธ มุทู สํวิภาคี วทฺู;
เอเตสุ ธมฺเมสุ ิโต จตูสุ, ธมฺเม ิโต ปรโลกํ น ภาเย’’ติ.
ตตฺถ ยํ อาห ‘‘วาจํ มนฺจ ปณิธาย สมฺมา’’ติ, อิทํ อนฺุาตํ. ‘‘กาเยน ปาปานิ อกุพฺพมาโน’’ติ, อิทํ ปฏิกฺขิตฺตํ. ‘‘พหฺวนฺนปานํ ฆรมาวสนฺโต, สทฺโธ มุทู สํวิภาคี วทฺู. เอเตสุ ธมฺเมสุ ิโต จตูสุ, ธมฺเม ิโต ปรโลกํ น ภาเย’’ติ, อิทํ อนฺุาตํ. อิทํ อนฺุาตฺจ ปฏิกฺขิตฺตฺจ.
‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณํ, กุสลสฺส อุปสมฺปทา;
สจิตฺตปริโยทาปนํ, เอตํ พุทฺธานสาสนํ’’.
ตตฺถ ยํ อาห ‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณ’’นฺติ, อิทํ ปฏิกฺขิตฺตํ, ยํ อาห ‘‘กุสลสฺส อุปสมฺปทา’’ติ, อิทํ อนฺุาตํ. อิทํ อนฺุาตฺจ ปฏิกฺขิตฺตฺจ.
‘‘กายสมาจารมฺปาหํ, เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปิ. วจีสมาจารมฺปาหํ ¶ , เทวานมินฺท ¶ , ทุวิเธน วทามิ เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปิ. มโนสมาจารมฺปาหํ เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ…เป… ปริเยสนมฺปาหํ, เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปิ’’.
‘‘กายสมาจารมฺปาหํ, เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิฺเจตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ. ยถารูปฺจ โข กายสมาจารํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, เอวรูโป กายสมาจาโร น เสวิตพฺโพ. ตตฺถ ยํ ชฺา กายสมาจารํ ¶ ‘‘อิมํ [อิทํ (ก.) ปสฺส ที. นิ. ๒.๓๖๔] โข เม กายสมาจารํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’’ติ, เอวรูโป กายสมาจาโร เสวิตพฺโพ. ‘‘กายสมาจารมฺปาหํ เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’’ติ อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ. ‘‘วจีสมาจารํ…เป… ‘‘ปริเยสนมฺปาหํ, เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิฺเจตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ. ยถารูปฺจ โข ปริเยสนํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, เอวรูปา ปริเยสนา น เสวิตพฺพา. ตตฺถ ยํ ชฺา ปริเยสนํ ‘‘อิมํ โข เม ปริเยสนํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’’ติ, เอวรูปา ปริเยสนา เสวิตพฺพา. ‘‘ปริเยสนมฺปาหํ, เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’’ติ อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ.
ตตฺถ ยํ อาห ‘‘เสวิตพฺพมฺปี’’ติ, อิทํ อนฺุาตํ. ยํ อาห ‘‘น เสวิตพฺพมฺปี’’ติ, อิทํ ปฏิกฺขิตฺตํ. อิทํ อนฺุาตฺจ ปฏิกฺขิตฺตฺจ.
๑๗๐. ตตฺถ ¶ กตโม ถโว?
‘‘มคฺคานฏฺงฺคิโก [ปสฺส ธ. ป. ๒๗๓] เสฏฺโ, สจฺจานํ จตุโร ปทา;
วิราโค เสฏฺโ ธมฺมานํ, ทฺวิปทานฺจ จกฺขุมา’’ติ.
อยํ ถโว.
‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, อคฺคานิ. กตมานิ ตีณิ? ยาวตา, ภิกฺขเว, สตฺตา อปทา วา ทฺวิปทา วา จตุปฺปทา วา พหุปฺปทา วา รูปิโน วา อรูปิโน วา สฺิโน วา อสฺิโน วา เนวสฺีนาสฺิโน วา, ตถาคโต เตสํ อคฺคมกฺขายติ เสฏฺมกฺขายติ ปวรมกฺขายติ ¶ , ยทิทํ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ. ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ [อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๘๑ ปสฺสิตพฺพํ] ปณฺณตฺติสงฺขตานํ วา อสงฺขตานํ วา, วิราโค เตสํ ธมฺมานํ อคฺคมกฺขายติ เสฏฺมกฺขายติ ปวรมกฺขายติ, ยทิทํ มทนิมฺมทโน…เป… นิโรโธ นิพฺพานํ. ยาวตา, ภิกฺขเว, สงฺฆานํ ปณฺณตฺติ คณานํ ปณฺณตฺติ มหาชนสนฺนิปาตานํ ปณฺณตฺติ, ตถาคตสาวกสงฺโฆ เตสํ อคฺคมกฺขายติ เสฏฺมกฺขายติ ปวรมกฺขายติ, ยทิทํ จตฺตาริ ปุริสยุคานิ อฏฺ ปุริสปุคฺคลา…เป… ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺสาติ.
‘‘สพฺพโลกุตฺตโร ¶ สตฺถา, ธมฺโม จ กุสลกฺขโต [กุสลมกฺขโต (ก.)];
คโณ จ นรสีหสฺส, ตานิ ตีณิ วิสฺสิสฺสเร.
‘‘สมณปทุมสฺจโย คโณ, ธมฺมวโร จ วิทูนํ สกฺกโต;
นรวรทมโก จ จกฺขุมา, ตานิ ตีณิ โลกสฺส อุตฺตริ.
‘‘สตฺถา จ อปฺปฏิสโม, ธมฺโม จ สพฺโพ นิรุปทาโห;
อริโย จ คณวโร, ตานิ ¶ ขลุ วิสฺสิสฺสเร ตีณิ.
‘‘สจฺจนาโม ชิโน เขโม สพฺพาภิภู, สจฺจธมฺโม นตฺถฺโ ตสฺส อุตฺตริ;
อริยสงฺโฆ นิจฺจํ วิฺูนํ ปูชิโต, ตานิ ตีณิ โลกสฺส อุตฺตริ.
‘‘เอกายนํ ชาติขยนฺตทสฺสี, มคฺคํ ปชานาติ หิตานุกมฺปี;
เอเตน มคฺเคน ตรึสุ ปุพฺเพ, ตริสฺสนฺติ เย จ [เย จาปิ (สี. ก.) ปสฺส สํ. นิ. ๕.๓๘๔] ตรนฺติ โอฆํ.
‘‘ตํ ตาทิสํ เทวมนุสฺสเสฏฺํ;
สตฺตา นมสฺสนฺติ วิสุทฺธิเปกฺขา’’ติ.
อยํ ถโวติ.
ตตฺถ โลกิยํ สุตฺตํ ทฺวีหิ สุตฺเตหิ นิทฺทิสิตพฺพํ สํกิเลสภาคิเยน จ วาสนาภาคิเยน จ. โลกุตฺตรํปิ สุตฺตํ ตีหิ สุตฺเตหิ นิทฺทิสิตพฺพํ ทสฺสนภาคิเยน จ ภาวนาภาคิเยน จ อเสกฺขภาคิเยน จ. โลกิยฺจ โลกุตฺตรฺจ. ยสฺมึ สุตฺเต ยํ ยํ ปทํ ทิสฺสติ สํกิเลสภาคิยํ วา วาสนาภาคิยํ วา, เตน เตน โลกิยนฺติ นิทฺทิสิตพฺพํ, ทสฺสนภาคิยํ วา ¶ ภาวนาภาคิยํ วา อเสกฺขภาคิยํ วา ยํ ยํ ปทํ ทิสฺสติ เตน เตน โลกุตฺตรนฺติ นิทฺทิสิตพฺพํ.
วาสนาภาคิยํ ¶ สุตฺตํ สํกิเลสภาคิยสฺส สุตฺตสฺส นิคฺฆาตาย, ทสฺสนภาคิยํ สุตฺตํ วาสนาภาคิยสฺส สุตฺตสฺส นิคฺฆาตาย, ภาวนาภาคิยํ สุตฺตํ ทสฺสนภาคิยสฺส สุตฺตสฺส ปฏินิสฺสคฺคาย, อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํ ภาวนาภาคิยสฺส สุตฺตสฺส ปฏินิสฺสคฺคาย, อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารตฺถํ.
โลกุตฺตรํ สุตฺตํ สตฺตาธิฏฺานํ ฉพฺพีสติยา ปุคฺคเลหิ นิทฺทิสิตพฺพํ, เต ตีหิ สุตฺเตหิ สมนฺเวสิตพฺพา ทสฺสนภาคิเยน ภาวนาภาคิเยน อเสกฺขภาคิเยน จาติ.
ตตฺถ ทสฺสนภาคิยํ สุตฺตํ ปฺจหิ ปุคฺคเลหิ นิทฺทิสิตพฺพํ เอกพีชินา โกลํโกเลน สตฺตกฺขตฺตุปรเมน สทฺธานุสารินา ธมฺมานุสารินา จาติ, ทสฺสนภาคิยํ สุตฺตํ อิเมหิ ปฺจหิ ปุคฺคเลหิ นิทฺทิสิตพฺพํ. ภาวนาภาคิยํ สุตฺตํ ทฺวาทสหิ ปุคฺคเลหิ นิทฺทิสิตพฺพํ สกทาคามิผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺเนน, สกทาคามินา, อนาคามิผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺเนน, อนาคามินา ¶ , อนฺตรา ปรินิพฺพายินา, อุปหจฺจ ปรินิพฺพายินา, อสงฺขารปรินิพฺพายินา, สสงฺขารปรินิพฺพายินา, อุทฺธํโสเตน อกนิฏฺคามินา, สทฺธาวิมุตฺเตน, ทิฏฺิปฺปตฺเตน, กายสกฺขินา จาติ, ภาวนาภาคิยํ สุตฺตํ อิเมหิ ทฺวาทสหิ ปุคฺคเลหิ นิทฺทิสิตพฺพํ. อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํ นวหิ ปุคฺคเลหิ นิทฺทิสิตพฺพํ สทฺธาวิมุตฺเตน, ปฺาวิมุตฺเตน, สฺุตวิมุตฺเตน, อนิมิตฺตวิมุตฺเตน, อปฺปณิหิตวิมุตฺเตน, อุภโตภาควิมุตฺเตน สมสีสินา ปจฺเจกพุทฺธสมฺมาสมฺพุทฺเธหิ จาติ, อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํ อิเมหิ นวหิ ปุคฺคเลหิ นิทฺทิสิตพฺพํ. เอวํ โลกุตฺตรํ สุตฺตํ สตฺตาธิฏฺานํ อิเมหิ ฉพฺพีสติยา ปุคฺคเลหิ นิทฺทิสิตพฺพํ.
โลกิยํ สุตฺตํ สตฺตาธิฏฺานํ เอกูนวีสติยา ปุคฺคเลหิ นิทฺทิสิตพฺพํ. เต จริเตหิ นิทฺทิฏฺา สมนฺเวสิตพฺพา เกจิ ราคจริตา, เกจิ โทสจริตา, เกจิ โมหจริตา, เกจิ ราคจริตา จ โทสจริตา จ, เกจิ ราคจริตา จ โมหจริตา จ, เกจิ โทสจริตา จ โมหจริตา จ, เกจิ ราคจริตา จ โทสจริตา จ โมหจริตา จ, ราคมุเข ิโต ราคจริโต, ราคมุเข ิโต โทสจริโต, ราคมุเข ิโต โมหจริโต, ราคมุเข ิโต ราคจริโต จ โทสจริโต จ โมหจริโต จ, โทสมุเข ิโต โทสจริโต, โทสมุเข ิโต โมหจริโต, โทสมุเข ิโต ราคจริโต, โทสมุเข ิโต ราคจริโต จ โทสจริโต ¶ จ โมหจริโต ¶ จ, โมหมุเข ิโต โมหจริโต, โมหมุเข ิโต ราคจริโต โมหมุเข ิโต โทสจริโต, โมหมุเข ิโต ราคจริโต จ โทสจริโต จ โมหจริโต จาติ, โลกิยํ สุตฺตํ สตฺตาธิฏฺานํ อิเมหิ เอกูนวีสติยา ปุคฺคเลหิ นิทฺทิสิตพฺพํ.
วาสนาภาคิยํ สุตฺตํ สีลวนฺเตหิ นิทฺทิสิตพฺพํ, เต สีลวนฺโต ¶ ปฺจ ปุคฺคลา ปกติสีลํ สมาทานสีลํ จิตฺตปฺปสาโท สมโถ วิปสฺสนา จาติ, วาสนาภาคิยํ สุตฺตํ อิเมหิ ปฺจหิ ปุคฺคเลหิ นิทฺทิสิตพฺพํ.
โลกุตฺตรํ สุตฺตํ ธมฺมาธิฏฺานํ ตีหิ สุตฺเตหิ นิทฺทิสิตพฺพํ ทสฺสนภาคิเยน ภาวนาภาคิเยน อเสกฺขภาคิเยน จ.
โลกิยฺจ โลกุตฺตรฺจ สตฺตาธิฏฺานฺจ ธมฺมาธิฏฺานฺจ อุภเยน นิทฺทิสิตพฺพํ, าณํ ปฺาย นิทฺทิสิตพฺพํ ปฺินฺทฺริเยน ปฺาพเลน อธิปฺาสิกฺขาย ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺเคน สมฺมาทิฏฺิยา ตีรณาย สนฺตีรณาย ธมฺเม าเณน อนฺวเย าเณน ขเย าเณน อนุปฺปาเท าเณน อนฺาตฺสฺสามีตินฺทฺริเยน อฺินฺทฺริเยน อฺาตาวินฺทฺริเยน จกฺขุนา วิชฺชาย พุทฺธิยา ภูริยา เมธาย, ยํ ยํ วา ปน ลพฺภติ, เตน เตน ปฺาธิวจเนน นิทฺทิสิตพฺพํ.
เยฺยํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺเนหิ อชฺฌตฺติกพาหิเรหิ หีนปฺปณีเตหิ ทูรสนฺติเกหิ สงฺขตาสงฺขเตหิ กุสลากุสลาพฺยากเตหิ สงฺเขปโต วา ฉหิ อารมฺมเณหิ นิทฺทิสิตพฺพํ. าณฺจ เยฺยฺจ ตทุภเยน นิทฺทิสิตพฺพํ, ปฺาปิ อารมฺมณภูตา เยฺยํ, ยํ กิฺจิ อารมฺมณภูตํ อชฺฌตฺติกํ วา พาหิรํ วา, สพฺพํ ตํ สงฺขเตน อสงฺขเตน จ นิทฺทิสิตพฺพํ.
ทสฺสนํ ภาวนา [ทสฺสนา ภาวนา (สี.)] สกวจนํ ปรวจนํ วิสชฺชนียํ อวิสชฺชนียํ กมฺมํ วิปาโกติ สพฺพตฺถ ตทุภยํ สุตฺเต ยถา นิทฺทิฏฺํ, ตถา อุปธารยิตฺวา ลพฺภมานโต นิทฺทิสิตพฺพํ, ยํ วา ปน กิฺจิ ภควา อฺตรวจนํ ภาสติ, สพฺพํ ตํ ยถานิทฺทิฏฺํ ธารยิตพฺพํ.
ทุวิโธ เหตุ ยฺจ กมฺมํ เย จ กิเลสา, สมุทโย กิเลสา. ตตฺถ ¶ กิเลสา สํกิเลสภาคิเยน สุตฺเตน นิทฺทิสิตพฺพา. สมุทโย สํกิเลสภาคิเยน ¶ จ วาสนาภาคิเยน จ สุตฺเตน นิทฺทิสิตพฺโพ. ตตฺถ กุสลํ จตูหิ สุตฺเตหิ นิทฺทิสิตพฺพํ วาสนาภาคิเยน ทสฺสนภาคิเยน ภาวนาภาคิเยน อเสกฺขภาคิเยน จ. อกุสลํ สํกิเลสภาคิเยน สุตฺเตน นิทฺทิสิตพฺพํ ¶ . กุสลฺจ อกุสลฺจ ตทุภเยน [ตทุภเยหิ (สี.)] นิทฺทิสิตพฺพํ. อนฺุาตํ ภควโต อนฺุาตาย นิทฺทิสิตพฺพํ, ตํ ปฺจวิธํ สํวโร ปหานํ ภาวนา สจฺฉิกิริยา กปฺปิยานุโลโมติ, ยํ ทิสฺสติ ตาสุ ตาสุ ภูมีสุ, ตํ กปฺปิยานุโลเมน นิทฺทิสิตพฺพํ. ปฏิกฺขิตฺตํ ภควตา ปฏิกฺขิตฺตการเณน นิทฺทิสิตพฺพํ. อนฺุาตฺจ ปฏิกฺขิตฺตฺจ ตทุภเยน นิทฺทิสิตพฺพํ. ถโว ปสํสาย นิทฺทิสิตพฺโพ. โส ปฺจวิเธน เวทิตพฺโพ ภควโต ธมฺมสฺส อริยสงฺฆสฺส อริยธมฺมานํ สิกฺขาย โลกิยคุณสมฺปตฺติยาติ. เอวํ ถโว ปฺจวิเธน นิทฺทิสิตพฺโพ.
อินฺทฺริยภูมิ นวหิ ปเทหิ นิทฺทิสิตพฺพา, กิเลสภูมิ นวหิ ปเทหิ นิทฺทิสิตพฺพา, เอวเมตานิ อฏฺารส ปทานิ โหนฺติ นว ปทานิ กุสลานิ นว ปทานิ อกุสลานีติ, ตถาหิ วุตฺตํ ‘‘อฏฺารส มูลปทา กุหึ ทฏฺพฺพา, สาสนปฺปฏฺาเน’’ติ. เตนาห อายสฺมา มหากจฺจายโน –
‘‘นวหิ จ ปเทหิ กุสลา, นวหิ จ ยุชฺชนฺติ อกุสลปฺปกฺขา;
เอเต ขลุ มูลปทา, ภวนฺติ อฏฺารส ปทานี’’ติ.
นิยุตฺตํ สาสนปฺปฏฺานํ.
เอตฺตาวตา ¶ สมตฺตา เนตฺติ ยา อายสฺมตา มหากจฺจายเนน ภาสิตา ภควตา อนุโมทิตา มูลสงฺคีติยํ สงฺคีตาติ.
เนตฺติปฺปกรณํ นิฏฺิตํ.