📜

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

วินยปิฏเก

ปาราชิกกณฺฑ-อฏฺกถา (ปโม ภาโค)

คนฺถารมฺภกถา

โย กปฺปโกฏีหิปิ อปฺปเมยฺยํ;

กาลํ กโรนฺโต อติทุกฺกรานิ;

เขทํ คโต โลกหิตาย นาโถ;

นโม มหาการุณิกสฺส ตสฺส.

อสมฺพุธํ พุทฺธนิเสวิตํ ยํ;

ภวาภวํ คจฺฉติ ชีวโลโก;

นโม อวิชฺชาทิกิเลสชาล-

วิทฺธํสิโน ธมฺมวรสฺส ตสฺส.

คุเณหิ โย สีลสมาธิปฺา-

วิมุตฺติาณปฺปภุตีหิ ยุตฺโต;

เขตฺตํ ชนานํ กุสลตฺถิกานํ;

ตมริยสงฺฆํ สิรสา นมามิ.

อิจฺเจวมจฺจนฺตนมสฺสเนยฺยํ;

นมสฺสมาโน รตนตฺตยํ ยํ;

ปุฺาภิสนฺทํ วิปุลํ อลตฺถํ;

ตสฺสานุภาเวน หตนฺตราโย.

ยสฺมึ ิเต สาสนมฏฺิตสฺส;

ปติฏฺิตํ โหติ สุสณฺิตสฺส;

ตํ วณฺณยิสฺสํ วินยํ อมิสฺสํ;

นิสฺสาย ปุพฺพาจริยานุภาวํ.

กามฺจ ปุพฺพาจริยาสเภหิ;

าณมฺพุนิทฺโธตมลาสเวหิ;

วิสุทฺธวิชฺชาปฏิสมฺภิเทหิ ;

สทฺธมฺมสํวณฺณนโกวิเทหิ.

สลฺเลขิเย โนสุลภูปเมหิ;

มหาวิหารสฺส ธชูปเมหิ;

สํวณฺณิโตยํ วินโย นเยหิ;

จิตฺเตหิ สมฺพุทฺธวรนฺวเยหิ.

สํวณฺณนา สีหฬทีปเกน;

วากฺเยน เอสา ปน สงฺขตตฺตา;

กิฺจิ อตฺถํ อภิสมฺภุณาติ;

ทีปนฺตเร ภิกฺขุชนสฺส ยสฺมา.

ตสฺมา อิมํ ปาฬินยานุรูปํ;

สํวณฺณนํ ทานิ สมารภิสฺสํ;

อชฺเฌสนํ พุทฺธสิริวฺหยสฺส;

เถรสฺส สมฺมา สมนุสฺสรนฺโต.

สํวณฺณนํ ตฺจ สมารภนฺโต;

ตสฺสา มหาอฏฺกถํ สรีรํ;

กตฺวา มหาปจฺจริยํ ตเถว;

กุรุนฺทินามาทิสุ วิสฺสุตาสุ.

วินิจฺฉโย อฏฺกถาสุ วุตฺโต;

โย ยุตฺตมตฺถํ อปริจฺจชนฺโต;

ตโตปิ อนฺโตคธเถรวาทํ;

สํวณฺณนํ สมฺม สมารภิสฺสํ.

ตํ เม นิสาเมนฺตุ ปสนฺนจิตฺตา;

เถรา จ ภิกฺขู นวมชฺฌิมา จ;

ธมฺมปฺปทีปสฺส ตถาคตสฺส;

สกฺกจฺจ ธมฺมํ ปติมานยนฺตา.

พุทฺเธน ธมฺโม วินโย จ วุตฺโต;

โย ตสฺส ปุตฺเตหิ ตเถว าโต;

โส เยหิ เตสํ มติมจฺจชนฺตา;

ยสฺมา ปุเร อฏฺกถา อกํสุ.

ตสฺมา หิ ยํ อฏฺกถาสุ วุตฺตํ;

ตํ วชฺชยิตฺวาน ปมาทเลขํ;

สพฺพมฺปิ สิกฺขาสุ สคารวานํ;

ยสฺมา ปมาณํ อิธ ปณฺฑิตานํ.

ตโต จ ภาสนฺตรเมว หิตฺวา;

วิตฺถารมคฺคฺจ สมาสยิตฺวา;

วินิจฺฉยํ สพฺพมเสสยิตฺวา;

ตนฺติกฺกมํ กิฺจิ อโวกฺกมิตฺวา.

สุตฺตนฺติกานํ วจนานมตฺถํ;

สุตฺตานุรูปํ ปริทีปยนฺตี;

ยสฺมา อยํ เหสฺสติ วณฺณนาปิ;

สกฺกจฺจ ตสฺมา อนุสิกฺขิตพฺพาติ.

พาหิรนิทานกถา

ตตฺถ ตํ วณฺณยิสฺสํ วินยนฺติ วุตฺตตฺตา วินโย ตาว ววตฺถเปตพฺโพ. เตเนตํ วุจฺจติ – ‘‘วินโย นาม อิธ สกลํ วินยปิฏกํ อธิปฺเปต’’นฺติ. สํวณฺณนตฺถํ ปนสฺส อยํ มาติกา

วุตฺตํ เยน ยทา ยสฺมา, ธาริตํ เยน จาภตํ;

ยตฺถปฺปติฏฺิตเจตเมตํ วตฺวา วิธึ ตโต.

เตนาติอาทิปาสฺส, อตฺถํ นานปฺปการโต;

ทสฺสยนฺโต กริสฺสามิ, วินยสฺสตฺถวณฺณนนฺติ.

ตตฺถ วุตฺตํ เยน ยทา ยสฺมาติ อิทํ ตาว วจนํ ‘‘เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา เวรฺชายํ วิหรตี’’ติ เอวมาทิวจนํ สนฺธาย วุตฺตํ. อิทฺหิ พุทฺธสฺส ภควโต อตฺตปจฺจกฺขวจนํ น โหติ, ตสฺมา วตฺตพฺพเมตํ ‘‘อิทํ วจนํ เกน วุตฺตํ, กทา วุตฺตํ, กสฺมา จ วุตฺต’’นฺติ? อายสฺมตา อุปาลิตฺเถเรน วุตฺตํ, ตฺจ ปน ปมมหาสงฺคีติกาเล.

ปมมหาสงฺคีติกถา

ปมมหาสงฺคีติ นาม เจสา กิฺจาปิ ปฺจสติกสงฺคีติกฺขนฺธเก วุตฺตา, นิทานโกสลฺลตฺถํ ปน อิธาปิ อิมินา นเยน เวทิตพฺพา. ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนฺหิ อาทึ กตฺวา ยาว สุภทฺทปริพฺพาชกวินยนา กตพุทฺธกิจฺเจ กุสินารายํ อุปวตฺตเน มลฺลานํ สาลวเน ยมกสาลานมนฺตเร วิสาขปุณฺณมทิวเส ปจฺจูสสมเย อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุเต ภควติ โลกนาเถ, ภควโต ปรินิพฺพาเน สนฺนิปติตานํ สตฺตนฺนํ ภิกฺขุสตสหสฺสานํ สงฺฆตฺเถโร อายสฺมา มหากสฺสโป สตฺตาหปรินิพฺพุเต ภควติ, สุภทฺเทน วุฑฺฒปพฺพชิเตน ‘‘อลํ, อาวุโส, มา โสจิตฺถ, มา ปริเทวิตฺถ, สุมุตฺตา มยํ เตน มหาสมเณน; อุปทฺทุตา จ โหม – ‘อิทํ โว กปฺปติ, อิทํ โว น กปฺปตี’ติ! อิทานิ ปน มยํ ยํ อิจฺฉิสฺสาม ตํ กริสฺสาม, ยํ น อิจฺฉิสฺสาม น ตํ กริสฺสามา’’ติ (จูฬว. ๔๓๗; ที. นิ. ๒.๒๓๒) วุตฺตวจนมนุสฺสรนฺโต ‘‘านํ โข ปเนตํ วิชฺชติ ยํ ปาปภิกฺขู อตีตสตฺถุกํ ปาวจนนฺติ มฺมานา ปกฺขํ ลภิตฺวา นจิรสฺเสว สทฺธมฺมํ อนฺตรธาเปยฺยุํ, ยาว จ ธมฺมวินโย ติฏฺติ ตาว อนตีตสตฺถุกเมว ปาวจนํ โหติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –

‘โย โว, อานนฺท, มยา ธมฺโม จ วินโย จ เทสิโต ปฺตฺโต , โส โว มมจฺจเยน สตฺถา’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๖).

‘‘ยํนูนาหํ ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคาเยยฺยํ, ยถยิทํ สาสนํ อทฺธนิยํ อสฺส จิรฏฺิติกํ.

ยํ จาหํ ภควตา –

‘ธาเรสฺสสิ ปน เม ตฺวํ, กสฺสป, สาณานิ ปํสุกูลานิ นิพฺพสนานี’ติ วตฺวา จีวเร สาธารณปริโภเคน เจว,

‘อหํ, ภิกฺขเว, ยาวเท อากงฺขามิ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรามิ; กสฺสโปปิ, ภิกฺขเว, ยาวเท อากงฺขติ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’ติ –

เอวมาทินา นเยน นวานุปุพฺพวิหารฉฬภิฺาปฺปเภเท อุตฺตริมนุสฺสธมฺเม อตฺตนา สมสมฏฺปเนน จ อนุคฺคหิโต, ตสฺส กิมฺํ อาณณฺยํ ภวิสฺสติ; นนุ มํ ภควา ราชา วิย สกกวจอิสฺสริยานุปฺปทาเนน อตฺตโน กุลวํสปฺปติฏฺาปกํ ปุตฺตํ ‘สทฺธมฺมวํสปฺปติฏฺาปโก เม อยํ ภวิสฺสตี’ติ มนฺตฺวา อิมินา อสาธารเณน อนุคฺคเหน อนุคฺคเหสี’’ติ จินฺตยนฺโต ธมฺมวินยสงฺคายนตฺถํ ภิกฺขูนํ อุสฺสาหํ ชเนสิ. ยถาห –

‘‘อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘เอกมิทาหํ, อาวุโส, สมยํ ปาวาย กุสินารํ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหี’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๓๑) สพฺพํ สุภทฺทกณฺฑํ วิตฺถารโต เวทิตพฺพํ.

ตโต ปรํ อาห –

‘‘หนฺท มยํ, อาวุโส, ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคาเยยฺยาม. ปุเร อธมฺโม ทิปฺปติ, ธมฺโม ปฏิพาหิยฺยติ; อวินโย ทิปฺปติ, วินโย ปฏิพาหิยฺยติ. ปุเร อธมฺมวาทิโน พลวนฺโต โหนฺติ, ธมฺมวาทิโน ทุพฺพลา โหนฺติ; อวินยวาทิโน พลวนฺโต โหนฺติ, วินยวาทิโน ทุพฺพลา โหนฺตี’’ติ (จูฬว. ๔๓๗).

ภิกฺขู อาหํสุ – ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, เถโร ภิกฺขู อุจฺจินตู’’ติ. เถโร สกลนวงฺคสตฺถุสาสนปริยตฺติธเร ปุถุชฺชน-โสตาปนฺน-สกทาคามิ-อนาคามิ-สุกฺขวิปสฺสกขีณาสวภิกฺขู อเนกสเต อเนกสหสฺเส จ วชฺเชตฺวา ติปิฏกสพฺพปริยตฺติปฺปเภทธเร ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺเต มหานุภาเว เยภุยฺเยน ภควตา เอตทคฺคํ อาโรปิเต เตวิชฺชาทิเภเท ขีณาสวภิกฺขูเยว เอกูนปฺจสเต ปริคฺคเหสิ. เย สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป เอเกนูนาปฺจอรหนฺตสตานิ อุจฺจินี’’ติ (จูฬว. ๔๓๗).

กิสฺส ปน เถโร เอเกนูนมกาสีติ? อายสฺมโต อานนฺทตฺเถรสฺส โอกาสกรณตฺถํ. เตน หายสฺมตา สหาปิ วินาปิ น สกฺกา ธมฺมสงฺคีติ กาตุํ, โส หายสฺมา เสกฺโข สกรณีโย, ตสฺมา สหาปิ น สกฺกา; ยสฺมา ปนสฺส กิฺจิ ทสพลเทสิตํ สุตฺตเคยฺยาทิกํ ภควโต อสมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ นาม นตฺถิ, ตสฺมา วินาปิ น สกฺกา. ยทิ เอวํ เสกฺโขปิ สมาโน ธมฺมสงฺคีติยา พหุการตฺตา เถเรน อุจฺจินิตพฺโพ อสฺส. อถ กสฺมา น อุจฺจินิโตติ ? ปรูปวาทวิวชฺชนโต. เถโร หิ อายสฺมนฺเต อานนฺเท อติวิย วิสฺสตฺโถ อโหสิ, ตถา หิ นํ สิรสฺมึ ปลิเตสุ ชาเตสุปิ ‘‘น วายํ กุมารโก มตฺตมฺาสี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) กุมารกวาเทน โอวทติ. สกฺยกุลปฺปสุโต จายํ อายสฺมา ตถาคตสฺส ภาตา จูฬปิตุปุตฺโต. ตตฺร หิ ภิกฺขู ฉนฺทาคมนํ วิย มฺมานา ‘‘พหู อเสกฺขปฏิสมฺภิทาปฺปตฺเต ภิกฺขู เปตฺวา อานนฺทํ เสกฺขปฏิสมฺภิทาปฺปตฺตํ เถโร อุจฺจินี’’ติ อุปวเทยฺยุํ, ตํ ปรูปวาทํ ปริวชฺเชนฺโต ‘‘อานนฺทํ วินา สงฺคีติ น สกฺกา กาตุํ, ภิกฺขูนํเยว อนุมติยา คเหสฺสามี’’ติ น อุจฺจินิ.

อถ สยเมว ภิกฺขู อานนฺทสฺสตฺถาย เถรํ ยาจึสุ. ยถาห –

‘‘ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ มหากสฺสปํ เอตทโวจุํ – ‘อยํ, ภนฺเต, อายสฺมา อานนฺโท กิฺจาปิ เสกฺโข อภพฺโพ ฉนฺทา โทสา โมหา ภยา อคตึ คนฺตุํ, พหุ จาเนน ภควโต สนฺติเก ธมฺโม จ วินโย จ ปริยตฺโต; เตน หิ, ภนฺเต, เถโร อายสฺมนฺตมฺปิ อานนฺทํ อุจฺจินตู’ติ. อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมนฺตมฺปิ อานนฺทํ อุจฺจินี’’ติ (จูฬว. ๔๓๗).

เอวํ ภิกฺขูนํ อนุมติยา อุจฺจินิเตน เตนายสฺมตา สทฺธึ ปฺจ เถรสตานิ อเหสุํ.

อถ โข เถรานํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘กตฺถ นุ โข มยํ ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคาเยยฺยามา’’ติ. อถ โข เถรานํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘ราชคหํ โข มหาโคจรํ ปหูตเสนาสนํ, ยํนูน มยํ ราชคเห วสฺสํ วสนฺตา ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคาเยยฺยาม, น อฺเ ภิกฺขู ราชคเห วสฺสํ อุปคจฺเฉยฺยุ’’นฺติ. กสฺมา ปน เนสํ เอตทโหสิ? อิทํ อมฺหากํ ถาวรกมฺมํ, โกจิ วิสภาคปุคฺคโล สงฺฆมชฺฌํ ปวิสิตฺวา อุกฺโกเฏยฺยาติ. อถายสฺมา มหากสฺสโป ตฺติทุติเยน กมฺเมน สาเวสิ, ตํ สงฺคีติกฺขนฺธเก วุตฺตนเยเนว าตพฺพํ.

อถ ตถาคตสฺส ปรินิพฺพานโต สตฺตสุ สาธุกีฬนทิวเสสุ สตฺตสุ จ ธาตุปูชาทิวเสสุ วีติวตฺเตสุ ‘‘อฑฺฒมาโส อติกฺกนฺโต, อิทานิ คิมฺหานํ ทิยฑฺโฒ มาโส เสโส, อุปกฏฺา วสฺสูปนายิกา’’ติ มนฺตฺวา มหากสฺสปตฺเถโร ‘‘ราชคหํ, อาวุโส, คจฺฉามา’’ติ อุปฑฺฒํ ภิกฺขุสงฺฆํ คเหตฺวา เอกํ มคฺคํ คโต. อนุรุทฺธตฺเถโรปิ อุปฑฺฒํ คเหตฺวา เอกํ มคฺคํ คโต. อานนฺทตฺเถโร ปน ภควโต ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต สาวตฺถึ คนฺตฺวา ราชคหํ คนฺตุกาโม เยน สาวตฺถิ เตน จาริกํ ปกฺกามิ. อานนฺทตฺเถเรน คตคตฏฺาเน มหาปริเทโว อโหสิ – ‘‘ภนฺเต อานนฺท, กุหึ สตฺถารํ เปตฺวา อาคโตสี’’ติ . อนุปุพฺเพน ปน สาวตฺถึ อนุปฺปตฺเต เถเร ภควโต ปรินิพฺพานทิวเส วิย มหาปริเทโว อโหสิ.

ตตฺร สุทํ อายสฺมา อานนฺโท อนิจฺจตาทิปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมิยา กถาย ตํ มหาชนํ สฺาเปตฺวา เชตวนํ ปวิสิตฺวา ทสพเลน วสิตคนฺธกุฏิยา ทฺวารํ วิวริตฺวา มฺจปีํ นีหริตฺวา ปปฺโผเฏตฺวา คนฺธกุฏึ สมฺมชฺชิตฺวา มิลาตมาลากจวรํ ฉฑฺเฑตฺวา มฺจปีํ อติหริตฺวา ปุน ยถาาเน เปตฺวา ภควโต ิตกาเล กรณียํ วตฺตํ สพฺพมกาสิ. อถ เถโร ภควโต ปรินิพฺพานโต ปภุติ านนิสชฺชพหุลตฺตา อุสฺสนฺนธาตุกํ กายํ สมสฺสาเสตุํ ทุติยทิวเส ขีรวิเรจนํ ปิวิตฺวา วิหาเรเยว นิสีทิ. ยํ สนฺธาย สุเภน มาณเวน ปหิตํ มาณวกํ เอตทโวจ –

‘‘อกาโล โข, มาณวก, อตฺถิ เม อชฺช เภสชฺชมตฺตา ปีตา, อปฺเปว นาม สฺเวปิ อุปสงฺกเมยฺยามา’’ติ (ที. นิ. ๑.๔๔๗).

ทุติยทิวเส เจตกตฺเถเรน ปจฺฉาสมเณน คนฺตฺวา สุเภน มาณเวน ปุฏฺโ ทีฆนิกาเย สุภสุตฺตํนาม ทสมํ สุตฺตมภาสิ.

อถ เถโร เชตวนวิหาเร ขณฺฑผุลฺลปฺปฏิสงฺขรณํ การาเปตฺวา อุปกฏฺาย วสฺสูปนายิกาย ราชคหํ คโต. ตถา มหากสฺสปตฺเถโร อนุรุทฺธตฺเถโร จ สพฺพํ ภิกฺขุสงฺฆํ คเหตฺวา ราชคหเมว คโต.

เตน โข ปน สมเยน ราชคเห อฏฺารส มหาวิหารา โหนฺติ. เต สพฺเพปิ ฉฑฺฑิตปติตอุกฺลาปา อเหสุํ. ภควโต หิ ปรินิพฺพาเน สพฺเพ ภิกฺขู อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา วิหาเร จ ปริเวเณ จ ฉฑฺเฑตฺวา อคมํสุ. ตตฺถ เถรา ภควโต วจนปูชนตฺถํ ติตฺถิยวาทปริโมจนตฺถฺจ ‘‘ปมํ มาสํ ขณฺฑผุลฺลปฺปฏิสงฺขรณํ กโรมา’’ติ จินฺเตสุํ. ติตฺถิยา หิ เอวํ วเทยฺยุํ – ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส สาวกา สตฺถริ ิเตเยว วิหาเร ปฏิชคฺคึสุ, ปรินิพฺพุเต ฉฑฺเฑสุ’’นฺติ. เตสํ วาทปริโมจนตฺถฺจ จินฺเตสุนฺติ วุตฺตํ โหติ. วุตฺตมฺปิ เหตํ –

‘‘อถ โข เถรานํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘ภควตา โข, อาวุโส, ขณฺฑผุลฺลปฺปฏิสงฺขรณํ วณฺณิตํ. หนฺท มยํ, อาวุโส, ปมํ มาสํ ขณฺฑผุลฺลปฺปฏิสงฺขรณํ กโรม, มชฺฌิมํ มาสํ สนฺนิปติตฺวา ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคายิสฺสามา’’ติ (จูฬว. ๔๓๘).

เต ทุติยทิวเส คนฺตฺวา ราชทฺวาเร อฏฺํสุ. อชาตสตฺตุ ราชา อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต, อาคตตฺถา’’ติ อตฺตนา กตฺตพฺพกิจฺจํ ปฏิปุจฺฉิ. เถรา อฏฺารส มหาวิหารปฏิสงฺขรณตฺถาย หตฺถกมฺมํ ปฏิเวเทสุํ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ ราชา หตฺถกมฺมการเก มนุสฺเส อทาสิ. เถรา ปมํ มาสํ สพฺพวิหาเร ปฏิสงฺขราเปตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ – ‘‘นิฏฺิตํ, มหาราช, วิหารปฏิสงฺขรณํ. อิทานิ ธมฺมวินยสงฺคหํ กโรมา’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต, วิสฺสตฺถา กโรถ. มยฺหํ อาณาจกฺกํ, ตุมฺหากํ ธมฺมจกฺกํ โหตุ. อาณาเปถ, ภนฺเต, กึ กโรมี’’ติ? ‘‘สงฺคหํ กโรนฺตานํ ภิกฺขูนํ สนฺนิสชฺชฏฺานํ, มหาราชา’’ติ. ‘‘กตฺถ กโรมิ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘เวภารปพฺพตปสฺเส สตฺตปณฺณิคุหาทฺวาเร กาตุํ ยุตฺตํ, มหาราชา’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ โข ราชา อชาตสตฺตุ วิสฺสกมฺมุนา นิมฺมิตสทิสํ สุวิภตฺตภิตฺติตฺถมฺภโสปานํ นานาวิธมาลากมฺมลตอากมฺมวิจิตฺตํ อภิภวนฺตมิว ราชภวนวิภูตึ อวหสนฺตมิว เทววิมานสิรึ สิริยา นิเกตมิว เอกนิปาตติตฺถมิว จ เทวมนุสฺสนยนวิหงฺคานํ โลกรามเณยฺยกมิว สมฺปิณฺฑิตํ ทฏฺพฺพสารมณฺฑํ มณฺฑปํ การาเปตฺวา วิวิธกุสุมทาม-โอลมฺพก-วินิคฺคลนฺตจารุวิตานํ รตนวิจิตฺตมณิโกฏฺฏิมตลมิว จ นํ นานาปุปฺผูปหารวิจิตฺตสุปรินิฏฺิตภูมิกมฺมํ พฺรหฺมวิมานสทิสํ อลงฺกริตฺวา ตสฺมึ มหามณฺฑเป ปฺจสตานํ ภิกฺขูนํ อนคฺฆานิ ปฺจ กปฺปิยปจฺจตฺถรณสตานิ ปฺาเปตฺวา ทกฺขิณภาคํ นิสฺสาย อุตฺตราภิมุขํ เถราสนํ มณฺฑปมชฺเฌ ปุรตฺถาภิมุขํ พุทฺธสฺส ภควโต อาสนารหํ ธมฺมาสนํ ปฺาเปตฺวา ทนฺตขจิตํ พีชนิฺเจตฺถ เปตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส อาโรจาเปสิ – ‘‘นิฏฺิตํ, ภนฺเต, มม กิจฺจ’’นฺติ.

ตสฺมึ โข ปน สมเย เอกจฺเจ ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ สนฺธาย เอวมาหํสุ – ‘‘อิมสฺมึ ภิกฺขุสงฺเฆ เอโก ภิกฺขุ วิสฺสคนฺธํ วายนฺโต วิจรตี’’ติ. เถโร ตํ สุตฺวา ‘‘อิมสฺมึ ภิกฺขุสงฺเฆ อฺโ วิสฺสคนฺธํ วายนฺโต วิจรณกภิกฺขุ นาม นตฺถิ, อทฺธา เอเต มํ สนฺธาย วทนฺตี’’ติ สํเวคํ อาปชฺชิ. เอกจฺเจ ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อาหํสุ – ‘‘สฺเว, อาวุโส, สนฺนิปาโต ตฺวฺจ เสกฺโข สกรณีโย, เตน เต น ยุตฺตํ สนฺนิปาตํ คนฺตุํ, อปฺปมตฺโต โหหี’’ติ.

อถ โข อายสฺมา อานนฺโท – ‘‘สฺเว สนฺนิปาโต, น โข ปน เมตํ ปติรูปํ ยฺวาหํ เสกฺโข สมาโน สนฺนิปาตํ คจฺเฉยฺย’’นฺติ พหุเทว รตฺตึ กายคตายสติยา วีตินาเมตฺวา รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ จงฺกมา โอโรหิตฺวา วิหารํ ปวิสิตฺวา ‘‘นิปชฺชิสฺสามี’’ติ กายํ อาวชฺเชสิ. ทฺเว ปาทา ภูมิโต มุตฺตา, อปฺปตฺตฺจ สีสํ พิมฺโพหนํ, เอตสฺมึ อนฺตเร อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจิ. อยฺหิ อายสฺมา จงฺกเมน พหิ วีตินาเมตฺวา วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘นนุ มํ ภควา เอตทโวจ – ‘กตปุฺโสิ ตฺวํ, อานนฺท, ปธานมนุยุฺช; ขิปฺปํ โหหิสิ อนาสโว’ติ (ที. นิ. ๒.๒๐๗). พุทฺธานฺจ กถาโทโส นาม นตฺถิ. มม อจฺจารทฺธํ วีริยํ เตน เม จิตฺตํ อุทฺธจฺจาย สํวตฺตติ. หนฺทาหํ วีริยสมถํ โยเชมี’’ติ จงฺกมา โอโรหิตฺวา ปาทโธวนฏฺาเน ตฺวา ปาเท โธวิตฺวา วิหารํ ปวิสิตฺวา มฺจเก นิสีทิตฺวา ‘‘โถกํ วิสฺสมิสฺสามี’’ติ กายํ มฺจเก อุปนาเมสิ. ทฺเว ปาทา ภูมิโต มุตฺตา, สีสฺจ พิมฺโพหนํ อสมฺปตฺตํ. เอตสฺมึ อนฺตเร อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุตฺตํ, จตุอิริยาปถวิรหิตํ เถรสฺส อรหตฺตํ อโหสิ. เตน อิมสฺมึ สาสเน อนิปนฺโน อนิสินฺโน อฏฺิโต อจงฺกมนฺโต ‘‘โก ภิกฺขุ อรหตฺตํ ปตฺโต’’ติ วุตฺเต ‘‘อานนฺทตฺเถโร’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ.

อถ โข เถรา ภิกฺขู ทุติยทิวเส กตภตฺตกิจฺจา ปตฺตจีวรํ ปฏิสาเมตฺวา ธมฺมสภายํ สนฺนิปติตา. อานนฺทตฺเถโร ปน อตฺตโน อรหตฺตปฺปตฺตึ าเปตุกาโม ภิกฺขูหิ สทฺธึ น คโต. ภิกฺขู ยถาวุฑฺฒํ อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตาสเน นิสีทนฺตา อานนฺทตฺเถรสฺส อาสนํ เปตฺวา นิสินฺนา. ตตฺถ เกหิจิ ‘‘เอตมาสนํ กสฺสา’’ติ วุตฺเต ‘‘อานนฺทตฺเถรสฺสา’’ติ. ‘‘อานนฺโท ปน กุหึ คโต’’ติ? ตสฺมึ สมเย เถโร จินฺเตสิ – ‘‘อิทานิ มยฺหํ คมนกาโล’’ติ. ตโต อตฺตโน อานุภาวํ ทสฺเสนฺโต ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา อตฺตโน อาสเนเยว อตฺตานํ ทสฺเสสิ. อากาเสนาคนฺตฺวา นิสีทีติปิ เอเก.

เอวํ นิสินฺเน ตสฺมึ อายสฺมนฺเต มหากสฺสปตฺเถโร ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อาวุโส, กึ ปมํ สงฺคายาม, ธมฺมํ วา วินยํ วา’’ติ? ภิกฺขู อาหํสุ – ‘‘ภนฺเต มหากสฺสป, วินโย นาม พุทฺธสาสนสฺส อายุ, วินเย ิเต สาสนํ ิตํ โหติ; ตสฺมา ปมํ วินยํ สงฺคายามา’’ติ,. ‘‘กํ ธุรํ กตฺวา’’ติ? ‘‘อายสฺมนฺตํ อุปาลิ’’นฺติ. ‘‘กึ อานนฺโท นปฺปโหตี’’ติ? ‘‘โน นปฺปโหติ; อปิ จ โข ปน สมฺมาสมฺพุทฺโธ ธรมาโนเยว วินยปริยตฺตึ นิสฺสาย อายสฺมนฺตํ อุปาลึ เอตทคฺเค เปสิ – ‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ วินยธรานํ ยทิทํ อุปาลี’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๙, ๒๒๘). ตสฺมา อุปาลิตฺเถรํ ปุจฺฉิตฺวา วินยํ สงฺคายามา’’ติ. ตโต เถโร วินยํ ปุจฺฉนตฺถาย อตฺตนาว อตฺตานํ สมฺมนฺนิ. อุปาลิตฺเถโรปิ วิสฺสชฺชนตฺถาย สมฺมนฺนิ. ตตฺรายํ ปาฬิ –

‘‘อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป สงฺฆํ าเปสิ –

‘‘สุณาตุ เม, อาวุโส, สงฺโฆ. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อุปาลึ วินยํ ปุจฺเฉยฺย’นฺติ.

‘‘อายสฺมาปิ อุปาลิ สงฺฆํ าเปสิ –

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อายสฺมตา มหากสฺสเปน วินยํ ปุฏฺโ วิสฺสชฺเชยฺย’’นฺติ.

เอวํ อตฺตนาว อตฺตานํ สมฺมนฺนิตฺวา อายสฺมา อุปาลิ อุฏฺายาสนา เอกํสํ จีวรํ กตฺวา เถเร ภิกฺขู วนฺทิตฺวา ธมฺมาสเน นิสีทิ, ทนฺตขจิตํ พีชนึ คเหตฺวา. ตโต อายสฺมา มหากสฺสโป เถราสเน นิสีทิตฺวา อายสฺมนฺตํ อุปาลึ วินยํ ปุจฺฉิ – ‘‘ปมํ, อาวุโส อุปาลิ, ปาราชิกํ กตฺถ ปฺตฺต’’นฺติ ? ‘‘เวสาลิยํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กํ อารพฺภา’’ติ? ‘‘สุทินฺนํ กลนฺทปุตฺตํ อารพฺภา’’ติ. ‘‘กิสฺมึ วตฺถุสฺมิ’’นฺติ? ‘‘เมถุนธมฺเม’’ติ.

อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมนฺตํ อุปาลึ ปมสฺส ปาราชิกสฺส วตฺถุมฺปิ ปุจฺฉิ, นิทานมฺปิ ปุจฺฉิ, ปุคฺคลมฺปิ ปุจฺฉิ, ปฺตฺติมฺปิ ปุจฺฉิ, อนุปฺตฺติมฺปิ ปุจฺฉิ, อาปตฺติมฺปิ ปุจฺฉิ, อนาปตฺติมฺปิ ปุจฺฉิ; ยถา จ ปมสฺส ตถา ทุติยสฺส ตถา ตติยสฺส ตถา จตุตฺถสฺส ปาราชิกสฺส วตฺถุมฺปิ ปุจฺฉิ…เป… อนาปตฺติมฺปิ ปุจฺฉิ. ปุฏฺโ ปุฏฺโ อุปาลิตฺเถโร วิสฺสชฺเชสิ. ตโต อิมานิ จตฺตาริ ปาราชิกานิ ‘‘ปาราชิกกณฺฑํ นาม อิท’’นฺติ สงฺคหํ อาโรเปตฺวา เปสุํ. เตรส สงฺฆาทิเสสานิ ‘‘เตรสก’’นฺติ เปสุํ. ทฺเว สิกฺขาปทานิ ‘‘อนิยตานี’’ติ เปสุํ. ตึส สิกฺขาปทานิ ‘‘นิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยานี’’ติ เปสุํ. ทฺเวนวุติ สิกฺขาปทานิ ‘‘ปาจิตฺติยานี’’ติ เปสุํ. จตฺตาริ สิกฺขาปทานิ ‘‘ปาฏิเทสนียานี’’ติ เปสุํ. ปฺจสตฺตติ สิกฺขาปทานิ ‘‘เสขิยานี’’ติ เปสุํ. สตฺต ธมฺเม ‘‘อธิกรณสมถา’’ติ เปสุํ.

เอวํ มหาวิภงฺคํ สงฺคหํ อาโรเปตฺวา ภิกฺขุนีวิภงฺเค อฏฺ สิกฺขาปทานิ ‘‘ปาราชิกกณฺฑํ นาม อิท’’นฺติ เปสุํ. สตฺตรส สิกฺขาปทานิ ‘‘สตฺตรสก’’นฺติ เปสุํ. ตึส สิกฺขาปทานิ ‘‘นิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยานี’’ติ เปสุํ. ฉสฏฺิสตสิกฺขาปทานิ ‘‘ปาจิตฺติยานี’’ติ เปสุํ. อฏฺ สิกฺขาปทานิ ‘‘ปาฏิเทสนียานี’’ติ เปสุํ. ปฺจสตฺตติ สิกฺขาปทานิ ‘‘เสขิยานี’’ติ เปสุํ. สตฺต ธมฺเม ‘‘อธิกรณสมถา’’ติ เปสุํ. เอวํ ภิกฺขุนีวิภงฺคํ สงฺคหํ อาโรเปตฺวา เอเตเนว อุปาเยน ขนฺธกปริวาเรปิ อาโรเปสุํ. เอวเมตํ สอุภโตวิภงฺคขนฺธกปริวารํ วินยปิฏกํ สงฺคหมารูฬฺหํ สพฺพํ มหากสฺสปตฺเถโร ปุจฺฉิ, อุปาลิตฺเถโร วิสฺสชฺเชสิ. ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนปริโยสาเน ปฺจ อรหนฺตสตานิ สงฺคหํ อาโรปิตนเยเนว คณสชฺฌายมกํสุ. วินยสงฺคหาวสาเน อุปาลิตฺเถโร ทนฺตขจิตํ พีชนึ นิกฺขิปิตฺวา ธมฺมาสนา โอโรหิตฺวา วุฑฺเฒ ภิกฺขู วนฺทิตฺวา อตฺตโน ปตฺตาสเน นิสีทิ.

วินยํ สงฺคายิตฺวา ธมฺมํ สงฺคายิตุกาโม อายสฺมา มหากสฺสโป ภิกฺขู ปุจฺฉิ – ‘‘ธมฺมํ สงฺคายนฺเตหิ กํ ปุคฺคลํ ธุรํ กตฺวา ธมฺโม สงฺคายิตพฺโพ’’ติ? ภิกฺขู ‘‘อานนฺทตฺเถรํ ธุรํ กตฺวา’’ติ อาหํสุ.

อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป สงฺฆํ าเปสิ –

‘‘สุณาตุ เม, อาวุโส, สงฺโฆ. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อานนฺทํ ธมฺมํ ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ.

อถ โข อายสฺมา อานนฺโท สงฺฆํ าเปสิ –

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อายสฺมตา มหากสฺสเปน ธมฺมํ ปุฏฺโ วิสฺสชฺเชยฺย’’นฺติ.

อถ โข อายสฺมา อานนฺโท อุฏฺายาสนา เอกํสํ จีวรํ กตฺวา เถเร ภิกฺขู วนฺทิตฺวา ธมฺมาสเน นิสีทิ ทนฺตขจิตํ พีชนึ คเหตฺวา. อถ มหากสฺสปตฺเถโร อานนฺทตฺเถรํ ธมฺมํ ปุจฺฉิ – ‘‘พฺรหฺมชาลํ, อาวุโส อานนฺท, กตฺถ ภาสิต’’นฺติ? ‘‘อนฺตรา จ, ภนฺเต, ราชคหํ อนฺตรา จ นาฬนฺทํ ราชาคารเก อมฺพลฏฺิกาย’’นฺติ. ‘‘กํ อารพฺภา’’ติ? ‘‘สุปฺปิยฺจ ปริพฺพาชกํ, พฺรหฺมทตฺตฺจ มาณว’’นฺติ. ‘‘กิสฺมึ วตฺถุสฺมิ’’นฺติ? ‘‘วณฺณาวณฺเณ’’ติ. อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ พฺรหฺมชาลสฺส นิทานมฺปิ ปุจฺฉิ, ปุคฺคลมฺปิ ปุจฺฉิ, วตฺถุมฺปิ ปุจฺฉิ. ‘‘สามฺผลํ ปนาวุโส อานนฺท, กตฺถ ภาสิต’’นฺติ? ‘ราชคเห, ภนฺเต, ชีวกมฺพวเน’’ติ. ‘‘เกน สทฺธิ’’นฺติ? ‘‘อชาตสตฺตุนา เวเทหิปุตฺเตน สทฺธิ’’นฺติ. อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ สามฺผลสฺส นิทานมฺปิ ปุจฺฉิ, ปุคฺคลมฺปิ ปุจฺฉิ. เอเตเนว อุปาเยน ปฺจ นิกาเย ปุจฺฉิ.

ปฺจนิกายา นาม – ทีฆนิกาโย, มชฺฌิมนิกาโย, สํยุตฺตนิกาโย, องฺคุตฺตรนิกาโย, ขุทฺทกนิกาโยติ. ตตฺถ ขุทฺทกนิกาโย นาม – จตฺตาโร นิกาเย เปตฺวา, อวเสสํ พุทฺธวจนํ. ตตฺถ วินโย อายสฺมตา อุปาลิตฺเถเรน วิสฺสชฺชิโต, เสสขุทฺทกนิกาโย จตฺตาโร จ นิกายา อานนฺทตฺเถเรน. ตเทตํ สพฺพมฺปิ พุทฺธวจนํ รสวเสน เอกวิธํ, ธมฺมวินยวเสน ทุวิธํ, ปมมชฺฌิมปจฺฉิมวเสน ติวิธํ; ตถา ปิฏกวเสน, นิกายวเสน ปฺจวิธํ, องฺควเสน นววิธํ, ธมฺมกฺขนฺธวเสน จตุราสีติสหสฺสวิธนฺติ เวทิตพฺพํ.

กถํ รสวเสน เอกวิธํ? ยฺหิ ภควตา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา ยาว อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายติ, เอตฺถนฺตเร ปฺจจตฺตาลีสวสฺสานิ เทวมนุสฺสนาคยกฺขาทโย อนุสาสนฺเตน ปจฺจเวกฺขนฺเตน วา วุตฺตํ, สพฺพํ ตํ เอกรสํ วิมุตฺติรสเมว โหติ. เอวํ รสวเสน เอกวิธํ.

กถํ ธมฺมวินยวเสน ทุวิธํ? สพฺพเมว เจตํ ธมฺโม เจว วินโย จาติ สงฺขฺยํ คจฺฉติ. ตตฺถ วินยปิฏกํ วินโย, อวเสสํ พุทฺธวจนํ ธมฺโม; เตเนวาห – ‘‘ยํนูน มยํ, อาวุโส, ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคาเยยฺยามา’’ติ. ‘‘อหํ อุปาลึ วินยํ ปุจฺเฉยฺยํ, อานนฺทํ ธมฺมํ ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ จ เอวํ ธมฺมวินยวเสน ทุวิธํ.

กถํ ปมมชฺฌิมปจฺฉิมวเสน ติวิธํ? สพฺพเมว หิทํ ปมพุทฺธวจนํ, มชฺฌิมพุทฺธวจนํ, ปจฺฉิมพุทฺธวจนนฺติ ติปฺปเภทํ โหติ. ตตฺถ –

‘‘อเนกชาติสํสารํ, สนฺธาวิสฺสํ อนิพฺพิสํ;

คหการํ คเวสนฺโต, ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนํ.

‘‘คหการก ทิฏฺโสิ, ปุน เคหํ น กาหสิ;

สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคา, คหกูฏํ วิสงฺขตํ;

วิสงฺขารคตํ จิตฺตํ, ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ. (ธ. ป. ๑๕๓-๑๕๔);

อิทํ ปมพุทฺธวจนํ.

เกจิ ‘‘ยทา หเว ปาตุภวนฺติ ธมฺมา’’ติ ขนฺธเก อุทานคาถํ อาหุ. เอสา ปน ปาฏิปททิวเส สพฺพฺุภาวปฺปตฺตสฺส โสมนสฺสมยาเณน ปจฺจยาการํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส อุปฺปนฺนา อุทานคาถาติ เวทิตพฺพา.

ยํ ปน ปรินิพฺพานกาเล อภาสิ – ‘‘หนฺท ทานิ, ภิกฺขเว, อามนฺตยามิ โว, วยธมฺมา สงฺขารา, อปฺปมาเทน สมฺปาเทถา’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๘) อิทํ ปจฺฉิมพุทฺธวจนํ.

อุภินฺนมนฺตเร ยํ วุตฺตํ เอตํ มชฺฌิมพุทฺธวจนนฺติ. เอวํ ปมมชฺฌิมปจฺฉิมวเสน ติวิธํ.

กถํ ปิฏกวเสน ติวิธํ? สพฺพมฺปิ เหตํ วินยปิฏกํ สุตฺตนฺตปิฏกํ อภิธมฺมปิฏกนฺติ ติปฺปเภทเมว โหติ. ตตฺถ ปมสงฺคีติยํ สงฺคีตฺจ อสงฺคีตฺจ สพฺพมฺปิ สโมธาเนตฺวา อุภยานิ ปาติโมกฺขานิ, ทฺเว วิภงฺคานิ, ทฺวาวีสติ ขนฺธกานิ, โสฬสปริวาราติ อิทํ วินยปิฏกํ นาม.

พฺรหฺมชาลาทิ จตุตฺตึสสุตฺตสงฺคโห ทีฆนิกาโย, มูลปริยายสุตฺตาทิ ทิยฑฺฒสตทฺเวสุตฺตสงฺคโห มชฺฌิมนิกาโย, โอฆตรณสุตฺตาทิ สตฺตสุตฺตสหสฺส สตฺตสต ทฺวาสฏฺิสุตฺตสงฺคโห สํยุตฺตนิกาโย, จิตฺตปริยาทานสุตฺตาทิ นวสุตฺตสหสฺส ปฺจสต สตฺตปฺาสสุตฺตสงฺคโห องฺคุตฺตรนิกาโย, ขุทฺทกปา-ธมฺมปท-อุทาน-อิติวุตฺตก-สุตฺตนิปาต-วิมานวตฺถุ-เปตวตฺถุ-เถรคาถา-เถรีคาถา-ชาตกนิทฺเทส-ปฏิสมฺภิทา-อปทาน-พุทฺธวํส-จริยาปิฏกวเสน ปนฺนรสปฺปเภโท ขุทฺทกนิกาโยติ อิทํ สุตฺตนฺตปิฏกํ นาม.

ธมฺมสงฺคโห, วิภงฺโค, ธาตุกถา, ปุคฺคลปฺตฺติ, กถาวตฺถุ, ยมกํ, ปฏฺานนฺติ อิทํ อภิธมฺมปิฏกํ นาม. ตตฺถ –

วิวิธวิเสสนยตฺตา , วินยนโต เจว กายวาจานํ;

วินยตฺถวิทูหิ อยํ, วินโย วินโยติ อกฺขาโต.

วิวิธา หิ เอตฺถ ปฺจวิธ ปาติโมกฺขุทฺเทส ปาราชิกาทิ สตฺตอาปตฺติกฺขนฺธมาติกา วิภงฺคาทิปฺปเภทา นยา, วิเสสภูตา จ ทฬฺหีกมฺมสิถิลกรณปฺปโยชนา อนุปฺตฺตินยา , กายิกวาจสิกอชฺฌาจารนิเสธนโต เจส กายํ วาจฺจ วิเนติ, ตสฺมา วิวิธนยตฺตา วิเสสนยตฺตา กายวาจานฺจ วินยนโต ‘‘วินโย’’ติ อกฺขาโต. เตเนตเมตสฺส วจนตฺถโกสลฺลตฺถํ วุตฺตํ –

‘‘วิวิธวิเสสนยตฺตา, วินยนโต เจว กายวาจานํ;

วินยตฺถวิทูหิ อยํ, วินโย วินโยติ อกฺขาโต’’ติ.

อิตรํ ปน –

อตฺถานํ สูจนโต, สุวุตฺตโต สวนโตถ สูทนโต;

สุตฺตาณา สุตฺตสภาคโต จ, สุตฺตนฺติ อกฺขาตํ.

ตฺหิ อตฺตตฺถปรตฺถาทิเภเท อตฺเถ สูเจติ, สุวุตฺตา เจตฺถ อตฺถา เวเนยฺยชฺฌาสยานุโลเมน วุตฺตตฺตา. สวติ เจตํ อตฺเถ สสฺสมิว ผลํ ปสวตีติ วุตฺตํ โหติ. สูทติ เจตํ เธนุวิย ขีรํ, ปคฺฆรตีติ วุตฺตํ โหติ. สุฏฺุ จ เน ตายติ รกฺขตีติ วุตฺตํ โหติ. สุตฺตสภาคฺเจตํ, ยถา หิ ตจฺฉกานํ สุตฺตํ ปมาณํ โหติ; เอวเมตมฺปิ วิฺูนํ. ยถา จ สุตฺเตน สงฺคหิตานิ ปุปฺผานิ น วิกิริยนฺติ น วิทฺธํสิยนฺติ; เอวเมเตน สงฺคหิตา อตฺถา. เตเนตเมตสฺส วจนตฺถโกสลฺลตฺถํ วุตฺตํ –

‘‘อตฺถานํ สูจนโต, สุวุตฺตโต สวนโตถ สูทนโต;

สุตฺตาณา สุตฺตสภาคโต จ, สุตฺตนฺติ อกฺขาต’’นฺติ.

อิตโร ปน –

ยํ เอตฺถ วุฑฺฒิมนฺโต, สลกฺขณา ปูชิตา ปริจฺฉินฺนา;

วุตฺตาธิกา จ ธมฺมา, อภิธมฺโม เตน อกฺขาโต.

อยฺหิ อภิสทฺโท วุฑฺฒิลกฺขณปูชิตปริจฺฉินฺนาธิเกสุ ทิสฺสติ. ตถาเหส – ‘‘พาฬฺหา เม อาวุโส ทุกฺขา เวทนา อภิกฺกมนฺติ โน ปฏิกฺกมนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๓๘๙; สํ. นิ. ๕.๑๙๕) วุฑฺฒิยํ อาคโต. ‘‘ยา ตา รตฺติโย อภิฺาตา อภิลกฺขิตา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๙) ลกฺขเณ. ‘‘ราชาภิราชา มนุชินฺโท’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๓๙๙; สุ. นิ. ๕๕๘) ปูชิเต. ‘‘ปฏิพโล วิเนตุํ อภิธมฺเม อภิวินเย’’ติอาทีสุ (มหาว. ๘๕) ปริจฺฉินฺเน. อฺมฺสงฺกรวิรหิเต ธมฺเม จ วินเย จาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณนา’’ติอาทีสุ (วิ. ว. ๗๕) อธิเก.

เอตฺถ จ ‘‘รูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวติ, เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรตี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๖๐ อาทโย) นเยน วุฑฺฒิมนฺโตปิ ธมฺมา วุตฺตา. ‘‘รูปารมฺมณํ วา สทฺทารมฺมณํ วา’’ติอาทินา นเยน อารมฺมณาทีหิ ลกฺขณียตฺตา สลกฺขณาปิ. ‘‘เสกฺขา ธมฺมา, อเสกฺขา ธมฺมา, โลกุตฺตรา ธมฺมา’’ติอาทินา นเยน ปูชิตาปิ ปูชารหาติ อธิปฺปาโย. ‘‘ผสฺโส โหติ เวทนา โหตี’’ติอาทินา นเยน สภาวปริจฺฉินฺนตฺตา ปริจฺฉินฺนาปิ. ‘‘มหคฺคตา ธมฺมา, อปฺปมาณา ธมฺมา, อนุตฺตรา ธมฺมา’’ติอาทินา นเยน อธิกาปิ ธมฺมา วุตฺตา. เตเนตเมตสฺส วจนตฺถโกสลฺลตฺถํ วุตฺตํ –

‘‘ยํ เอตฺถ วุฑฺฒิมนฺโต, สลกฺขณา ปูชิตา ปริจฺฉินฺนา;

วุตฺตาธิกา จ ธมฺมา, อภิธมฺโม เตน อกฺขาโต’’ติ.

ยํ ปเนตฺถ อวิสิฏฺํ, ตํ –

ปิฏกํ ปิฏกตฺถวิทู, ปริยตฺติพฺภาชนตฺถโต อาหุ;

เตน สโมธาเนตฺวา, ตโยปิ วินยาทโย เยฺยา.

ปริยตฺติปิ หิ ‘‘มา ปิฏกสมฺปทาเนนา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๖๖) ปิฏกนฺติ วุจฺจติ. ‘‘อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย กุทาลปิฏกํ อาทายา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๒๘; อ. นิ. ๓.๗๐) ยํ กิฺจิ ภาชนมฺปิ. ตสฺมา ปิฏกํ ปิฏกตฺถวิทู, ปริยตฺติพฺภาชนตฺถโต อาหุ.

อิทานิ เตน สโมธาเนตฺวา ตโยปิ วินยาทโย เยฺยาติ. เตน เอวํ ทุวิธตฺเถน ปิฏกสทฺเทน สห สมาสํ กตฺวา วินโย จ โส ปิฏกฺจ ปริยตฺติภาวโต ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส ภาชนโต จาติ วินยปิฏกํ, ยถาวุตฺเตเนว นเยน สุตฺตนฺตฺจ ตํ ปิฏกฺจาติ สุตฺตนฺตปิฏกํ, อภิธมฺโม จ โส ปิฏกฺจาติ อภิธมฺมปิฏกนฺติ เอวเมเต ตโยปิ วินยาทโย เยฺยา.

เอวํ ตฺวา จ ปุนปิ เตสฺเวว ปิฏเกสุ นานปฺปการโกสลฺลตฺถํ –

เทสนาสาสนกถา, เภทํ เตสุ ยถารหํ;

สิกฺขาปหานคมฺภีร, ภาวฺจ ปริทีปเย.

ปริยตฺติเภทํ สมฺปตฺตึ, วิปตฺตึ จาปิ ยํ ยหึ;

ปาปุณาติ ยถา ภิกฺขุ, ตมฺปิ สพฺพํ วิภาวเย.

ตตฺรายํ ปริทีปนา วิภาวนา จ, เอตานิ หิ ตีณิ ปิฏกานิ ยถากฺกมํ อาณา โวหาร ปรมตฺถเทสนา ยถาปราธ-ยถานุโลม-ยถาธมฺมสาสนานิ, สํวราสํวรทิฏฺิวินิเวนามรูปปริจฺเฉทกถาติ จ วุจฺจนฺติ.

เอตฺถ หิ วินยปิฏกํ อาณารเหน ภควตา อาณาพาหุลฺลโต เทสิตตฺตา อาณาเทสนา, สุตฺตนฺตปิฏกํ โวหารกุสเลน ภควตา โวหารพาหุลฺลโต เทสิตตฺตา โวหารเทสนา, อภิธมฺมปิฏกํ ปรมตฺถกุสเลน ภควตา ปรมตฺถพาหุลฺลโต เทสิตตฺตา ปรมตฺถเทสนาติ วุจฺจติ.

ตถา ปมํ เย เต ปจุราปราธา สตฺตา เต ยถาปราธํ เอตฺถ สาสิตาติ ยถาปราธสาสนํ, ทุติยํ อเนกชฺฌาสยานุสยจริยาธิมุตฺติกา สตฺตา ยถานุโลมํ เอตฺถ สาสิตาติ ยถานุโลมสาสนํ, ตติยํ ธมฺมปุฺชมตฺเต ‘‘อหํ มมา’’ติ สฺิโน สตฺตา ยถาธมฺมํ เอตฺถ สาสิตาติ ยถาธมฺมสาสนนฺติ วุจฺจติ.

ตถา ปมํ อชฺฌาจารปฏิปกฺขภูโต สํวราสํวโร เอตฺถ กถิโตติ สํวราสํวรกถา, ทุติยํ ทฺวาสฏฺิทิฏฺิปฏิปกฺขภูตา ทิฏฺิวินิเวนา เอตฺถ กถิตาติ ทิฏฺิวินิเวนกถา, ตติยํ ราคาทิปฏิปกฺขภูโต นามรูปปริจฺเฉโท เอตฺถ กถิโตติ นามรูปปริจฺเฉทกถาติ วุจฺจติ.

ตีสุปิ จ เจเตสุ ติสฺโส สิกฺขา, ตีณิ ปหานานิ, จตุพฺพิโธ จ คมฺภีรภาโว เวทิตพฺโพ . ตถา หิ – วินยปิฏเก วิเสเสน อธิสีลสิกฺขา วุตฺตา, สุตฺตนฺตปิฏเก อธิจิตฺตสิกฺขา, อภิธมฺมปิฏเก อธิปฺาสิกฺขา.

วินยปิฏเก จ วีติกฺกมปฺปหานํ กิเลสานํ, วีติกฺกมปฏิปกฺขตฺตา สีลสฺส. สุตฺตนฺตปิฏเก ปริยุฏฺานปฺปหานํ, ปริยุฏฺานปฏิปกฺขตฺตา สมาธิสฺส. อภิธมฺมปิฏเก อนุสยปฺปหานํ อนุสยปฏิปกฺขตฺตา ปฺาย.

ปเม จ ตทงฺคปฺปหานํ กิเลสานํ, อิตเรสุ วิกฺขมฺภนสมุจฺเฉทปฺปหานานิ. ปเม จ ทุจฺจริตสํกิเลสสฺส ปหานํ, อิตเรสุ ตณฺหาทิฏฺิสํกิเลสานํ.

เอกเมกสฺมิฺเจตฺถ จตุพฺพิโธปิ ธมฺมตฺถเทสนาปฏิเวธคมฺภีรภาโว เวทิตพฺโพ. ตตฺถ ธมฺโมติ ปาฬิ. อตฺโถติ ตสฺสาเยวตฺโถ. เทสนาติ ตสฺสา มนสาววตฺถาปิตาย ปาฬิยา เทสนา. ปฏิเวโธติ ปาฬิยา ปาฬิอตฺถสฺส จ ยถาภูตาวโพโธ. ตีสุปิ เจเตสุ เอเต ธมฺมตฺถเทสนาปฏิเวธา ยสฺมา สสาทีหิ วิย มหาสมุทฺโท มนฺทพุทฺธีหิ ทุกฺโขคาหา อลพฺภเนยฺยปติฏฺา จ, ตสฺมา คมฺภีรา. เอวํ เอกเมกสฺมึ เอตฺถ จตุพฺพิโธปิ คมฺภีรภาโว เวทิตพฺโพ.

อปโร นโย – ธมฺโมติ เหตุ. วุตฺตํ เหตํ – ‘‘เหตุมฺหิ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา’’ติ. อตฺโถติ เหตุผลํ. วุตฺตํ เหตํ – ‘‘เหตุผเล าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา’’ติ. เทสนาติ ปฺตฺติ, ยถาธมฺมํ ธมฺมาภิลาโปติ อธิปฺปาโย. ปฏิเวโธติ อภิสมโย, โส จ โลกิยโลกุตฺตโร วิสยโต อสมฺโมหโต จ อตฺถานุรูปํ ธมฺเมสุ, ธมฺมานุรูปํ อตฺเถสุ, ปฺตฺติปถานุรูปํ ปฺตฺตีสุ อวโพโธ.

อิทานิ ยสฺมา เอเตสุ ปิฏเกสุ ยํ ยํ ธมฺมชาตํ วา อตฺถชาตํ วา, ยา จายํ ยถา ยถา าเปตพฺโพ อตฺโถ โสตูนํ าณสฺส อภิมุโข โหติ, ตถา ตถา ตทตฺถโชติกา เทสนา, โย เจตฺถ อวิปรีตาวโพธสงฺขาโต ปฏิเวโธ สพฺพเมตํ อนุปจิตกุสลสมฺภาเรหิ ทุปฺปฺเหิ สสาทีหิ วิย มหาสมุทฺโท ทุกฺโขคาหํ อลพฺภเนยฺยปติฏฺฺจ, ตสฺมา คมฺภีรํ. เอวมฺปิ เอกเมกสฺมึ เอตฺถ จตุพฺพิโธปิ คมฺภีรภาโว เวทิตพฺโพ.

เอตฺตาวตา จ –

‘‘เทสนา-สาสนกถา , เภทํ เตสุ ยถารหํ;

สิกฺขาปหานคมฺภีรภาวฺจ ปริทีปเย’’ติ.

อยํ คาถา วุตฺตตฺถา โหติ.

‘‘ปริยตฺติเภทํ สมฺปตฺตึ, วิปตฺติฺจาปิ ยํ ยหึ;

ปาปุณาติ ยถา ภิกฺขุ, ตมฺปิ สพฺพํ วิภาวเย’’ติ.

เอตฺถ ปน ตีสุ ปิฏเกสุ ติวิโธ ปริยตฺติเภโท ทฏฺพฺโพ. ติสฺโส หิ ปริยตฺติโย – อลคทฺทูปมา, นิสฺสรณตฺถา, ภณฺฑาคาริกปริยตฺตีติ.

ตตฺถ ยา ทุคฺคหิตา อุปารมฺภาทิเหตุ ปริยาปุฏา, อยํ อลคทฺทูปมา. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส อลคทฺทตฺถิโก อลคทฺทคเวสี อลคทฺทปริเยสนํ จรมาโน, โส ปสฺเสยฺย มหนฺตํ อลคทฺทํ. ตเมนํ โภเค วา นงฺคุฏฺเ วา คณฺเหยฺย. ตสฺส โส อลคทฺโท ปฏิปริวตฺติตฺวา หตฺเถ วา พาหาย วา อฺตรสฺมึ วา องฺคปจฺจงฺเค ฑํเสยฺย. โส ตโตนิทานํ มรณํ วา นิคจฺเฉยฺย, มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ. ตํ กิสฺส เหตุ? ทุคฺคหิตตฺตา, ภิกฺขเว, อลคทฺทสฺส. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺเจ โมฆปุริสา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ สุตฺตํ…เป… เวทลฺลํ. เต ตํ ธมฺมํ ปริยาปุณิตฺวา เตสํ ธมฺมานํ ปฺาย อตฺถํ น อุปปริกฺขนฺติ. เตสํ เต ธมฺมา ปฺาย อตฺถํ อนุปปริกฺขตํ น นิชฺฌานํ ขมนฺติ. เต อุปารมฺภานิสํสา เจว ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ อิติวาทปฺปโมกฺขานิสํสา จ. ยสฺส จตฺถาย ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ, ตฺจสฺส อตฺถํ นานุโภนฺติ. เตสํ เต ธมฺมา ทุคฺคหิตา ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ทุคฺคหิตตฺตา, ภิกฺขเว, ธมฺมาน’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๓๘).

ยา ปน สุคฺคหิตา สีลกฺขนฺธาทิปาริปูรึเยว อากงฺขมาเนน ปริยาปุฏา น อุปารมฺภาทิ เหตุ, อยํ นิสฺสรณตฺถา. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘เตสํ เต ธมฺมา สุคฺคหิตา ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? สุคฺคหิตตฺตา, ภิกฺขเว, ธมฺมาน’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๓๙).

ยํ ปน ปริฺาตกฺขนฺโธ ปหีนกิเลโส ภาวิตมคฺโค ปฏิวิทฺธากุปฺโป สจฺฉิกตนิโรโธ ขีณาสโว เกวลํ ปเวณีปาลนตฺถาย วํสานุรกฺขณตฺถาย ปริยาปุณาติ, อยํ ภณฺฑาคาริกปอยตฺตีติ.

วินเย ปน สุปฺปฏิปนฺโน ภิกฺขุ สีลสมฺปตฺตึ นิสฺสาย ติสฺโส วิชฺชา ปาปุณาติ, ตาสํเยว จ ตตฺถ ปเภทวจนโต. สุตฺเต สุปฺปฏิปนฺโน สมาธิสมฺปทํ นิสฺสาย ฉ อภิฺา ปาปุณาติ, ตาสํเยว จ ตตฺถ ปเภทวจนโต. อภิธมฺเม สุปฺปฏิปนฺโน ปฺาสมฺปทํ นิสฺสาย จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา ปาปุณาติ, ตาสฺจ ตตฺเถว ปเภทวจนโต. เอวเมเตสุ สุปฺปฏิปนฺโน ยถากฺกเมน อิมํ วิชฺชาตฺตยฉฬภิฺาจตุปฏิสมฺภิทาเภทํ สมฺปตฺตึ ปาปุณาติ.

วินเย ปน ทุปฺปฏิปนฺโน อนุฺาตสุขสมฺผสฺสอตฺถรณปาวุรณาทิผสฺสสามฺโต ปฏิกฺขิตฺเตสุ อุปาทินฺนผสฺสาทีสุ อนวชฺชสฺี โหติ. วุตฺตมฺปิ เหตํ – ‘‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา, เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’ติ (ปาจิ. ๔๑๗; ม. นิ. ๑.๒๓๔) ตโต ทุสฺสีลภาวํ ปาปุณาติ. สุตฺเต ทุปฺปฏิปนฺโน ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๕) อธิปฺปายํ อชานนฺโต ทุคฺคหิตํ คณฺหาติ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อตฺตนา ทุคฺคหิเตน อมฺเห เจว อพฺภาจิกฺขติ, อตฺตานฺจ ขนติ, พหุฺจ อปุฺํ ปสวตี’’ติ (ปาจิ. ๔๑๗; ม. นิ. ๑.๒๓๖) ตโต มิจฺฉาทิฏฺิตํ ปาปุณาติ. อภิธมฺเม ทุปฺปฏิปนฺโน ธมฺมจินฺตํ อติธาวนฺโต อจินฺเตยฺยานิปิ จินฺเตติ, ตโต จิตฺตกฺเขปํ ปาปุณาติ. วุตฺตํ เหตํ – ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, อจินฺเตยฺยานิ น จินฺเตตพฺพานิ, ยานิ จินฺเตนฺโต อุมฺมาทสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติ (อ. นิ. ๔.๗๗). เอวเมเตสุ ทุปฺปฏิปนฺโน ยถากฺกเมน อิมํ ทุสฺสีลภาวมิจฺฉาทิฏฺิตา จิตฺตกฺเขปเภทํ วิปตฺตึ ปาปุณาตีติ.

เอตฺตาวตา จ –

‘‘ปริยตฺติเภทํ สมฺปตฺตึ, วิปตฺตึ จาปิ ยํ ยหึ;

ปาปุณาติ ยถา ภิกฺขุ, ตมฺปิ สพฺพํ วิภาวเย’’ติ.

อยมฺปิ คาถา วุตฺตตฺถา โหติ. เอวํ นานปฺปการโต ปิฏกานิ ตฺวา เตสํ วเสเนตํ พุทฺธวจนํ ติวิธนฺติ าตพฺพํ.

กถํ นิกายวเสน ปฺจวิธํ? สพฺพเมว เจตํ ทีฆนิกาโย, มชฺฌิมนิกาโย, สํยุตฺตนิกาโย, องฺคุตฺตรนิกาโย, ขุทฺทกนิกาโยติ ปฺจปฺปเภทํ โหติ. ตตฺถ กตโม ทีฆนิกาโย? ติวคฺคสงฺคหานิ พฺรหฺมชาลาทีนิ จตุตฺตึส สุตฺตานิ.

จตุตฺตึเสว สุตฺตนฺตา, ติวคฺโค ยสฺส สงฺคโห;

เอส ทีฆนิกาโยติ, ปโม อนุโลมิโก.

กสฺมา ปเนส ทีฆนิกาโยติ วุจฺจติ? ทีฆปฺปมาณานํ สุตฺตานํ สมูหโต นิวาสโต จ, สมูหนิวาสา หิ นิกาโยติ วุจฺจนฺติ. ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกนิกายมฺปิ สมนุปสฺสามิ เอวํ จิตฺตํ; ยถยิทํ, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคตา ปาณา; โปณิกนิกาโย, จิกฺขลฺลิกนิกาโย’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๐๐) เอวมาทีนิ เจตฺถ สาธกานิ สาสนโต จ โลกโต จ. เอวํ เสสานมฺปิ นิกายภาเว วจนตฺโถ เวทิตพฺโพ.

กตโม มชฺฌิมนิกาโย? มชฺฌิมปฺปมาณานิ ปฺจทสวคฺคสงฺคหานิ มูลปริยายสุตฺตาทีนิ ทิยฑฺฒสตํ ทฺเว จ สุตฺตานิ.

ทิยฑฺฒสตํ สุตฺตนฺตา, ทฺเว จ สุตฺตานิ ยตฺถ โส;

นิกาโย มชฺฌิโม ปฺจ-ทสวคฺคปริคฺคโห.

กตโม สํยุตฺตนิกาโย? เทวตาสํยุตฺตาทิวเสน ิตานิ โอฆตรณาทีนิ สตฺต สุตฺตสหสฺสานิ สตฺต จ สุตฺตสตานิ ทฺวาสฏฺิ จ สุตฺตานิ.

สตฺต สุตฺตสหสฺสานิ, สตฺต สุตฺตสตานิ จ;

ทฺวาสฏฺิ เจว สุตฺตนฺตา, เอโส สํยุตฺตสงฺคโห.

กตโม องฺคุตฺตรนิกาโย? เอเกกองฺคาติเรกวเสน ิตานิ จิตฺตปริยาทานาทีนิ นว สุตฺตสหสฺสานิ ปฺจ สุตฺตสตานิ สตฺตปฺาสฺจ สุตฺตานิ.

นว สุตฺตสหสฺสานิ, ปฺจ สุตฺตสตานิ จ;

สตฺตปฺาส สุตฺตานิ, สงฺขฺยา องฺคุตฺตเร อยํ.

กตโม ขุทฺทกนิกาโย? สกลํ วินยปิฏกํ อภิธมฺมปิฏกํ ขุทฺทกปาาทโย จ ปุพฺเพ นิทสฺสิตา ปนฺนรสเภทา เปตฺวา จตฺตาโร นิกาเย อวเสสํ พุทฺธวจนนฺติ.

เปตฺวา จตุโรเปเต, นิกาเย ทีฆอาทิเก;

ตทฺํ พุทฺธวจนํ, นิกาโย ขุทฺทโก มโตติ.

เอวํ นิกายวเสน ปฺจวิธํ.

กถํ องฺควเสน นววิธํ? สพฺพเมว หิทํ สุตฺตํ, เคยฺยํ, เวยฺยากรณํ, คาถา, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ, ชาตกํ, อพฺภุตธมฺมํ, เวทลฺลนฺติ นวปฺปเภทํ โหติ. ตตฺถ อุภโตวิภงฺคนิทฺเทสขนฺธกปริวารา สุตฺตนิปาเต มงฺคลสุตฺต-รตนสุตฺต-นาลกสุตฺต-ตุวฏฺฏกสุตฺตานิ อฺมฺปิ จ สุตฺตนามกํ ตถาคตวจนํ สุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. สพฺพมฺปิ สคาถกํ สุตฺตํ เคยฺยนฺติ เวทิตพฺพํ. วิเสเสน สํยุตฺตเก สกโลปิ สคาถาวคฺโค, สกลํ อภิธมฺมปิฏกํ, นิคฺคาถกํ สุตฺตํ, ยฺจ อฺมฺปิ อฏฺหิ องฺเคหิ อสงฺคหิตํ พุทฺธวจนํ ตํ เวยฺยากรณนฺติ เวทิตพฺพํ. ธมฺมปทํ, เถรคาถา, เถรีคาถา, สุตฺตนิปาเต โนสุตฺตนามิกา สุทฺธิกคาถา จ คาถาติ เวทิตพฺพา. โสมนสฺสาณมยิกคาถาปฏิสํยุตฺตา ทฺวาสีติ สุตฺตนฺตา อุทานนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘วุตฺตฺเหตํ ภควตา’’ติอาทินยปฺปวตฺตา ทสุตฺตรสตสุตฺตนฺตา อิติวุตฺตกนฺติ เวทิตพฺพํ. อปณฺณกชาตกาทีนิ ปฺาสาธิกานิ ปฺจ ชาตกสตานิ ชาตกนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, อจฺฉริยา อพฺภุตา ธมฺมา อานนฺเท’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๐๙) -อาทินยปฺปวตฺตา สพฺเพปิ อจฺฉริยอพฺภุตธมฺมปฏิสํยุตฺตา สุตฺตนฺตา อพฺภุตธมฺมนฺติ เวทิตพฺพํ. จูฬเวทลฺล-มหาเวทลฺล-สมฺมาทิฏฺิ-สกฺกปฺห-สงฺขารภาชนิย-มหาปุณฺณมสุตฺตาทโย สพฺเพปิ เวทฺจ ตุฏฺิฺจ ลทฺธา ลทฺธา ปุจฺฉิตสุตฺตนฺตา เวทลฺลนฺติ เวทิตพฺพํ. เอวํ องฺควเสน นววิธํ.

กถํ ธมฺมกฺขนฺธวเสน จตุราสีติสหสฺสวิธํ? สพฺพเมว เจตํ พุทฺธวจนํ –

‘‘ทฺวาสีติ พุทฺธโต คณฺหึ, ทฺเว สหสฺสานิ ภิกฺขุโต;

จตุราสีติ สหสฺสานิ, เย เม ธมฺมา ปวตฺติโน’’ติ. (เถรคา. ๑๐๒๗);

เอวํ ปริทีปิตธมฺมกฺขนฺธวเสน จตุราสีติสหสฺสปฺปเภทํ โหติ. ตตฺถ เอกานุสนฺธิกํ สุตฺตํ เอโก ธมฺมกฺขนฺโธ. ยํ อเนกานุสนฺธิกํ ตตฺถ อนุสนฺธิวเสน ธมฺมกฺขนฺธคณนา. คาถาพนฺเธสุ ปฺหาปุจฺฉนํ เอโก ธมฺมกฺขนฺโธ, วิสฺสชฺชนํ เอโก. อภิธมฺเม เอกเมกํ ติก-ทุก-ภาชนํ, เอกเมกฺจ จิตฺตวารภาชนํ, เอโก ธมฺมกฺขนฺโธ. วินเย อตฺถิ วตฺถุ, อตฺถิ มาติกา, อตฺถิ ปทภาชนียํ, อตฺถิ อนฺตราปตฺติ, อตฺถิ อาปตฺติ, อตฺถิ อนาปตฺติ, อตฺถิ ปริจฺเฉโท; ตตฺถ เอกเมโก โกฏฺาโส, เอกเมโก ธมฺมกฺขนฺโธติ เวทิตพฺโพ. เอวํ ธมฺมกฺขนฺธวเสน จตุราสีติสหสฺสวิธํ.

เอวเมตํ อเภทโต รสวเสน เอกวิธํ, เภทโต ธมฺมวินยาทิวเสน ทุวิธาทิเภทํ พุทฺธวจนํ สงฺคายนฺเตน มหากสฺสปปฺปมุเขน วสีคเณน ‘‘อยํ ธมฺโม, อยํ วินโย; อิทํ ปมพุทฺธวจนํ, อิทํ มชฺฌิมพุทฺธวจนํ, อิทํ ปจฺฉิมพุทฺธวจนํ; อิทํ วินยปิฏกํ, อิทํ สุตฺตนฺตปิฏกํ, อิทํ อภิธมฺมปิฏกํ; อยํ ทีฆนิกาโย…เป… อยํ ขุทฺทกนิกาโย; อิมานิ สุตฺตาทีนิ นวงฺคานิ, อิมานิ จตุราสีติธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานี’’ติ อิมํ ปเภทํ ววตฺถเปตฺวาว สงฺคีตํ. น เกวลฺจ เอตฺตกเมว, อฺมฺปิ อุทฺทานสงฺคห-วคฺคสงฺคหเปยฺยาลสงฺคห-เอกกนิปาต-ทุกนิปาตาทินิปาตสงฺคห-สํยุตฺตสงฺคห-ปณฺณาสสงฺคหาทิอเนกวิธํ ตีสุ ปิฏเกสุ สนฺทิสฺสมานํ สงฺคหปฺปเภทํ ววตฺถเปตฺวาเอว สตฺตหิ มาเสหิ สงฺคีตํ. สงฺคีติปริโยสาเน จสฺส – ‘‘อิทํ มหากสฺสปตฺเถเรน ทสพลสฺส สาสนํ ปฺจวสฺสสหสฺสปริมาณํ กาลํ ปวตฺตนสมตฺถํ กต’’นฺติ สฺชาตปฺปโมทา สาธุการํ วิย ททมานา อยํ มหาปถวี อุทกปริยนฺตํ กตฺวา อเนกปฺปการํ กมฺปิ สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธิ, อเนกานิ จ อจฺฉริยานิ ปาตุรเหสุนฺติ อยํ ปมมหาสงฺคีตินาม. ยา โลเก –

สเตหิ ปฺจหิ กตา, เตน ปฺจสตาติ จ;

เถเรเหว กตตฺตา จ, เถริกาติ ปวุจฺจตีติ.

อิมิสฺสา ปน ปมมหาสงฺคีติยา ปวตฺตมานาย วินยํ ปุจฺฉนฺเตน อายสฺมตา มหากสฺสเปน ‘‘ปมํ, อาวุโส อุปาลิ, ปาราชิกํ กตฺถ ปฺตฺต’’นฺติ เอวมาทิวจนปริโยสาเน ‘‘วตฺถุมฺปิ ปุจฺฉิ, นิทานมฺปิ ปุจฺฉิ, ปุคฺคลมฺปิ ปุจฺฉี’’ติ เอตฺถ นิทาเน ปุจฺฉิเต ตํ นิทานํ อาทิโต ปภุติ วิตฺถาเรตฺวา เยน จ ปฺตฺตํ, ยสฺมา จ ปฺตฺตํ, สพฺพเมตํ กเถตุกาเมน อายสฺมตา อุปาลิตฺเถเรน วุตฺตํ ‘‘เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา เวรฺชายํ วิหรตี’’ติ สพฺพํ วตฺตพฺพํ. เอวมิทํ อายสฺมตา อุปาลิตฺเถเรน วุตฺตํ, ตฺจ ปน ‘‘ปมมหาสงฺคีติกาเล วุตฺต’’นฺติ เวทิตพฺพํ. เอตฺตาวตา จ ‘‘อิทํ วจนํ เกน วุตฺตํ, กทา วุตฺต’’นฺติ เอเตสํ ปทานํ อตฺโถ ปกาสิโต โหติ.

อิทานิ กสฺมา วุตฺตนฺติ เอตฺถ วุจฺจเต, ยสฺมา อยมายสฺมตา มหากสฺสปตฺเถเรน นิทานํ ปุฏฺโ ตสฺมาเนน ตํ นิทานํ อาทิโต ปภุติ วิตฺถาเรตุํ วุตฺตนฺติ. เอวมิทํ อายสฺมตา อุปาลิตฺเถเรน ปมมหาสงฺคีติกาเล วทนฺเตนาปิ อิมินา การเณน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. เอตฺตาวตา จ วุตฺตํ เยน ยทา ยสฺมาติ อิเมสํ มาติกาปทานํ อตฺโถ ปกาสิโต โหติ.

อิทานิ ธาริตํ เยน จาภตํ, ยตฺถปฺปติฏฺิตํ เจตเมตํ วตฺวา วิธึ ตโตติ เอเตสํ อตฺถปฺปกาสนตฺถํ อิทํ วุจฺจติ. ตํ ปเนตํ ‘‘เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา เวรฺชายํ วิหรตี’’ติ เอวมาทิวจนปฏิมณฺฑิตนิทานํ วินยปิฏกํ เกน ธาริตํ, เกนาภตํ, กตฺถ ปติฏฺิตนฺติ? วุจฺจเต – อาทิโต ตาว อิทํ ภควโต สมฺมุขา อายสฺมตา อุปาลิตฺเถเรน ธาริตํ, ตสฺส สมฺมุขโต อปรินิพฺพุเต ตถาคเต ฉฬภิฺาทิเภเทหิ อเนเกหิ ภิกฺขุสหสฺเสหิ ปรินิพฺพุเต ตถาคเต มหากสฺสปปฺปมุเขหิ ธมฺมสงฺคาหกตฺเถเรหิ. เกนาภตนฺติ? ชมฺพุทีเป ตาว อุปาลิตฺเถรมาทึ กตฺวา อาจริยปรมฺปราย ยาว ตติยสงฺคีติ ตาว อาภตํ. ตตฺรายํ อาจริยปรมฺปรา

อุปาลิ ทาสโก เจว, โสณโก สิคฺคโว ตถา;

ติสฺโส โมคฺคลิปุตฺโต จ, ปฺเจเต วิชิตาวิโน.

ปรมฺปราย วินยํ, ทีเป ชมฺพุสิริวฺหเย;

อจฺฉิชฺชมานมาเนสุํ, ตติโย ยาว สงฺคโห.

อายสฺมา หิ อุปาลิ อิมํ วินยวํสํ วินยตนฺตึ วินยปเวณึ ภควโต

สมฺมุขา อุคฺคเหตฺวา พหูนํ ภิกฺขูนํ หทเย ปติฏฺาเปสิ. ตสฺส หายสฺมโต สนฺติเก วินยวํสํ อุคฺคเหตฺวา วินเย ปกตฺุตํ ปตฺเตสุ ปุคฺคเลสุ ปุถุชฺชน-โสตาปนฺน-สกทาคามิ-อนาคามิโน คณนปถํ วีติวตฺตา, ขีณาสวานํ สหสฺสเมกํ อโหสิ. ทาสกตฺเถโรปิ ตสฺเสว สทฺธิวิหาริโก อโหสิ, โส อุปาลิตฺเถรสฺส สมฺมุขา อุคฺคเหตฺวา ตเถว วินยํ วาเจสิ. ตสฺสาปิ อายสฺมโต สนฺติเก อุคฺคเหตฺวา วินเย ปกตฺุตํ ปตฺตา ปุถุชฺชนาทโย คณนปถํ วีติวตฺตา, ขีณาสวานํ สหสฺสเมว อโหสิ. โสณกตฺเถโรปิ ทาสกตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริโก อโหสิ, โสปิ อตฺตโน อุปชฺฌายสฺส ทาสกตฺเถรสฺส สมฺมุขา อุคฺคเหตฺวา ตเถว วินยํ วาเจสิ. ตสฺสาปิ อายสฺมโต สนฺติเก อุคฺคเหตฺวา วินเย ปกตฺุตํ ปตฺตา ปุถุชฺชนาทโย คณนปถํ วีติวตฺตา, ขีณาสวานํ สหสฺสเมว อโหสิ. สิคฺควตฺเถโรปิ โสณกตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริโก อโหสิ, โสปิ อตฺตโน อุปชฺฌายสฺส โสณกตฺเถรสฺส สนฺติเก วินยํ อุคฺคเหตฺวา อรหนฺตสหสฺสสฺส ธุรคฺคาโห อโหสิ. ตสฺส ปนายสฺมโต สนฺติเก อุคฺคเหตฺวา วินเย ปกตฺุตํ ปตฺตา ปุถุชฺชน-โสตาปนฺนสกทาคามิ-อนาคามิโนปิ ขีณาสวาปิ เอตฺตกานิ สตานีติ วา เอตฺตกานิ สหสฺสานีติ วา อปริจฺฉินฺนา อเหสุํ. ตทา กิร ชมฺพุทีเป อติมหาภิกฺขุสมุทาโย อโหสิ. โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถรสฺส ปน อานุภาโว ตติยสงฺคีติยํ ปากโฏ ภวิสฺสติ. เอวมิทํ วินยปิฏกํ ชมฺพุทีเป ตาว อิมาย อาจริยปรมฺปราย ยาว ตติยสงฺคีติ ตาว อาภตนฺติ เวทิตพฺพํ.

ปมมหาสงฺคีติกถา นิฏฺิตา.

ทุติยสงฺคีติกถา

ทุติยสงฺคีติวิชานนตฺถํ ปน อยมนุกฺกโม เวทิตพฺโพ. ยทา หิ –

สงฺคายิตฺวาน สทฺธมฺมํ, โชตยิตฺวา จ สพฺพธิ;

ยาว ชีวิตปริยนฺตํ, ตฺวา ปฺจสตาปิ เต.

ขีณาสวา ชุตีมนฺโต, เถรา กสฺสปอาทโย;

ขีณสฺเนหปทีปาว, นิพฺพายึสุ อนาลยา.

อถานุกฺกเมน คจฺฉนฺเตสุ รตฺตินฺทิเวสุ วสฺสสตปรินิพฺพุเต ภควติ เวสาลิกา วชฺชิปุตฺตกา ภิกฺขู เวสาลิยํ ‘‘กปฺปติ สิงฺคีโลณกปฺโป, กปฺปติ ทฺวงฺคุลกปฺโป, กปฺปติ คามนฺตรกปฺโป, กปฺปติ อาวาสกปฺโป, กปฺปติ อนุมติกปฺโป, กปฺปติ อาจิณฺณกปฺโป, กปฺปติ อมถิตกปฺโป, กปฺปติ ชโฬคึ ปาตุํ, กปฺปติ อทสกํ นิสีทนํ, กปฺปติ ชาตรูปรชต’’นฺติ อิมานิ ทส วตฺถูนิ ทีเปสุํ. เตสํ สุสุนาคปุตฺโต กาฬาโสโก นาม ราชา ปกฺโข อโหสิ.

เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา ยโส กากณฺฑกปุตฺโต วชฺชีสุ จาริกํ จรมาโน ‘‘เวสาลิกา กิร วชฺชิปุตฺตกา ภิกฺขู เวสาลิยํ ทส วตฺถูนิ ทีเปนฺตี’’ติ สุตฺวา ‘‘น โข ปเนตํ ปติรูปํ ยฺวาหํ ทสพลสฺส สาสนวิปตฺตึ สุตฺวา อปฺโปสฺสุกฺโก ภเวยฺยํ. หนฺทาหํ อธมฺมวาทิโน นิคฺคเหตฺวา ธมฺมํ ทีเปมี’’ติ จินฺเตนฺโต เยน เวสาลี ตทวสริ. ตตฺร สุทํ อายสฺมา ยโส กากณฺฑกปุตฺโต เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลายํ.

เตน โข ปน สมเยน เวสาลิกา วชฺชิปุตฺตกา ภิกฺขู ตทหุโปสเถ กํสปาตึ อุทเกน ปูเรตฺวา มชฺเฌ ภิกฺขุสงฺฆสฺส เปตฺวา อาคตาคเต เวสาลิเก อุปาสเก เอวํ วทนฺติ – ‘‘เทถาวุโส, สงฺฆสฺส กหาปณมฺปิ อฑฺฒมฺปิ ปาทมฺปิ มาสกรูปมฺปิ, ภวิสฺสติ สงฺฆสฺส ปริกฺขาเรน กรณีย’’นฺติ สพฺพํ ตาว วตฺตพฺพํ, ยาว ‘‘อิมาย ปน วินยสงฺคีติยา สตฺต ภิกฺขุสตานิ อนูนานิ อนธิกานิ อเหสุํ, ตสฺมา อยํ ทุติยสงฺคีติ สตฺตสติกาติ วุจฺจตี’’ติ.

เอวํ ตสฺมิฺจ สนฺนิปาเต ทฺวาทส ภิกฺขุสตสหสฺสานิ สนฺนิปตึสุ อายสฺมตา ยเสน สมุสฺสาหิตา. เตสํ มชฺเฌ อายสฺมตา เรวเตน ปุฏฺเน สพฺพกามิตฺเถเรน วินยํ วิสฺสชฺเชนฺเตน ตานิ ทส วตฺถูนิ วินิจฺฉิตานิ, อธิกรณํ วูปสมิตํ. อถ เถรา ‘‘ปุน ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคายิสฺสามา’’ติ ติปิฏกธเร ปตฺตปฏิสมฺภิเท สตฺตสเต ภิกฺขู อุจฺจินิตฺวา เวสาลิยํ วาลิการาเม สนฺนิปติตฺวา มหากสฺสปตฺเถเรน สงฺคายิตสทิสเมว สพฺพํ สาสนมลํ โสเธตฺวา ปุน ปิฏกวเสน นิกายวเสน องฺควเสน ธมฺมกฺขนฺธวเสน จ สพฺพํ ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคายึสุ. อยํ สงฺคีติ อฏฺหิ มาเสหิ นิฏฺิตา. ยา โลเก –

สเตหิ สตฺตหิ กตา, เตน สตฺตสตาติ จ;

ปุพฺเพ กตํ อุปาทาย, ทุติยาติ จ วุจฺจตีติ.

สา ปนายํ –

เยหิ เถเรหิ สงฺคีตา, สงฺคีติ เตสุ วิสฺสุตา;

สพฺพกามี จ สาฬฺโห จ, เรวโต ขุชฺชโสภิโต.

ยโส จ สาณสมฺภูโต, เอเต สทฺธิวิหาริกา;

เถรา อานนฺทเถรสฺส, ทิฏฺปุพฺพา ตถาคตํ.

สุมโน วาสภคามี จ, เยฺยา สทฺธิวิหาริกา;

ทฺเว อิเม อนุรุทฺธสฺส, ทิฏฺปุพฺพา ตถาคตํ.

ทุติโย ปน สงฺคีโต, เยหิ เถเรหิ สงฺคโห;

สพฺเพปิ ปนฺนภารา เต, กตกิจฺจา อนาสวาติ.

อยํ ทุติยสงฺคีติ.

เอวมิมํ ทุติยสงฺคีตึ สงฺคายิตฺวา เถรา ‘‘อุปฺปชฺชิสฺสติ นุ โข อนาคเตปิ สาสนสฺส เอวรูปํ อพฺพุท’’นฺติ โอโลกยมานา อิมํ อทฺทสํสุ – ‘‘อิโต วสฺสสตสฺส อุปริ อฏฺารสเม วสฺเส ปาฏลิปุตฺเต ธมฺมาโสโก นาม ราชา อุปฺปชฺชิตฺวา สกลชมฺพุทีเป รชฺชํ กาเรสฺสติ. โส พุทฺธสาสเน ปสีทิตฺวา มหนฺตํ ลาภสกฺการํ ปวตฺตยิสฺสติ. ตโต ติตฺถิยา ลาภสกฺการํ ปตฺถยมานา สาสเน ปพฺพชิตฺวา สกํ สกํ ทิฏฺึ ปริทีเปสฺสนฺติ. เอวํ สาสเน มหนฺตํ อพฺพุทํ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ. อถ เนสํ เอตทโหสิ – ‘‘กินฺนุ โข มยํ เอตสฺมึ อพฺพุเท อุปฺปนฺเน สมฺมุขา ภวิสฺสาม, น ภวิสฺสามา’’ติ. อถ เต สพฺเพว ตทา อตฺตโน อสมฺมุขภาวํ ตฺวา ‘‘โก นุ โข ตํ อธิกรณํ วูปสเมตุํ สมตฺโถ ภวิสฺสตี’’ติ สกลํ มนุสฺสโลกํ ฉกามาวจรเทวโลกฺจ โอโลเกนฺตา น กฺจิ ทิสฺวา พฺรหฺมโลเก ติสฺสํ นาม มหาพฺรหฺมานํ อทฺทสํสุ ปริตฺตายุกํ อุปริพฺรหฺมโลกูปปตฺติยา ภาวิตมคฺคํ. ทิสฺวาน เนสํ เอตทโหสิ – ‘‘สเจ มยํ เอตสฺส พฺรหฺมุโน มนุสฺสโลเก นิพฺพตฺตนตฺถาย อุสฺสาหํ กเรยฺยาม, อทฺธา เอส โมคฺคลิพฺราหฺมณสฺส เคเห ปฏิสนฺธึ คเหสฺสติ. ตโต จ มนฺเตหิ ปโลภิโต นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิสฺสติ. โส เอวํ ปพฺพชิตฺวา สกลํ พุทฺธวจนํ อุคฺคเหตฺวา อธิคตปฏิสมฺภิโท หุตฺวา ติตฺถิเย มทฺทิตฺวา ตํ อธิกรณํ วินิจฺฉิตฺวา สาสนํ ปคฺคณฺหิสฺสตี’’ติ.

เต พฺรหฺมโลกํ คนฺตฺวา ติสฺสํ มหาพฺรหฺมานํ เอตทโวจุํ – ‘‘อิโต วสฺสสตสฺส อุปริ อฏฺารสเม วสฺเส สาสเน มหนฺตํ อพฺพุทํ อุปฺปชฺชิสฺสติ. มยฺจ สกลํ มนุสฺสโลกํ ฉกามาวจรเทวโลกฺจ โอโลกยมานา กฺจิ สาสนํ ปคฺคเหตุํ สมตฺถํ อทิสฺวา พฺรหฺมโลกํ วิจินนฺตา ภวนฺตเมว อทฺทสาม. สาธุ, สปฺปุริส, มนุสฺสโลเก นิพฺพตฺติตฺวา ทสพลสฺส สาสนํ ปคฺคณฺหิตุํ ปฏิฺํ เทหี’’ติ.

เอวํ วุตฺเต มหาพฺรหฺมา, ‘‘อหํ กิร สาสเน อุปฺปนฺนํ อพฺพุทํ โสเธตฺวา สาสนํ ปคฺคเหตุํ สมตฺโถ ภวิสฺสามี’’ติ หฏฺปหฏฺโ อุทคฺคุทคฺโค หุตฺวา, ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ปฏิฺํ อทาสิ. เถรา พฺรหฺมโลเก ตํ กรณียํ ตีเรตฺวา ปุน ปจฺจาคมึสุ.

เตน โข ปน สมเยน สิคฺควตฺเถโร จ จณฺฑวชฺชิตฺเถโร จ ทฺเวปิ นวกา โหนฺติ ทหรภิกฺขู ติปิฏกธรา ปตฺตปฏิสมฺภิทา ขีณาสวา, เต ตํ อธิกรณํ น สมฺปาปุณึสุ. เถรา ‘‘ตุมฺเห, อาวุโส, อมฺหากํ อิมสฺมึ อธิกรเณ โน สหายกา อหุวตฺถ, เตน โว อิทํ ทณฺฑกมฺมํ โหตุ – ‘ติสฺโส นาม พฺรหฺมา โมคฺคลิพฺราหฺมณสฺส เคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิสฺสติ, ตํ ตุมฺหากํ เอโก นีหริตฺวา ปพฺพาเชตุ, เอโก พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหาเปตู’’’ติ วตฺวา สพฺเพปิ ยาวตายุกํ ตฺวา –

สพฺพกามิปฺปภุตโย, เตปิ เถรา มหิทฺธิกา;

อคฺคิกฺขนฺธาว โลกมฺหิ, ชลิตฺวา ปรินิพฺพุตา.

ทุติยํ สงฺคหํ กตฺวา, วิโสเธตฺวาน สาสนํ;

อนาคเตปิ กตฺวาน, เหตุํ สทฺธมฺมสุทฺธิยา.

ขีณาสวา วสิปฺปตฺถา, ปภินฺนปฏิสมฺภิทา;

อนิจฺจตาวสํ เถรา, เตปิ นาม อุปาคตา.

เอวํ อนิจฺจตํ ชมฺมึ, ตฺวา ทุรภิสมฺภวํ;

ตํ ปตฺตุํ วายเม ธีโร, ยํ นิจฺจํ อมตํ ปทนฺติ.

เอตฺตาวตา สพฺพากาเรน ทุติยสงฺคีติวณฺณนา นิฏฺิตา โหติ.

ทุติยสงฺคีติกถา นิฏฺิตา

ตติยสงฺคีติกถา

ติสฺโสปิ โข มหาพฺรหฺมา พฺรหฺมโลกโต จวิตฺวา โมคฺคลิพฺราหฺมณสฺส เคเห ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ. สิคฺควตฺเถโรปิ ตสฺส ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปภุติ สตฺต วสฺสานิ พฺราหฺมณสฺส เคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. เอกทิวสมฺปิ อุฬุงฺกมตฺตํ วา ยาคุํ กฏจฺฉุมตฺตํ วา ภตฺตํ นาลตฺถ. สตฺตนฺนํ ปน วสฺสานํ อจฺจเยน เอกทิวสํ ‘‘อติจฺฉถ, ภนฺเต’’ติ วจนมตฺตํ อลตฺถ. ตํทิวสเมว พฺราหฺมโณปิ พหิทฺธา กิฺจิ กรณียํ กตฺวา อาคจฺฉนฺโต ปฏิปเถ เถรํ ทิสฺวา, ‘‘โภ ปพฺพชิต, อมฺหากํ เคหํ อคมิตฺถา’’ติ อาห. ‘‘อาม, พฺราหฺมณ, อคมิมฺหา’’ติ. ‘‘อปิ กิฺจิ ลภิตฺถา’’ติ? ‘‘อาม, พฺราหฺมณ, ลภิมฺหา’’ติ. โส เคหํ คนฺตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘ตสฺส ปพฺพชิตสฺส กิฺจิ อทตฺถา’’ติ? ‘‘น กิฺจิ อทมฺหา’’ติ. พฺราหฺมโณ ทุติยทิวเส ฆรทฺวาเรเยว นิสีทิ ‘‘อชฺช ปพฺพชิตํ มุสาวาเทน นิคฺคเหสฺสามี’’ติ. เถโร ทุติยทิวเส พฺราหฺมณสฺส ฆรทฺวารํ สมฺปตฺโต. พฺราหฺมโณ เถรํ ทิสฺวาว เอวมาห – ‘‘ตุมฺเห หิยฺโย อมฺหากํ เคเห กิฺจิ อลทฺธาเยว ‘ลภิมฺหา’ติ อโวจุตฺถ. วฏฺฏติ นุ โข ตุมฺหากํ มุสาวาโท’’ติ! เถโร อาห – ‘‘มยํ, พฺราหฺมณ, ตุมฺหากํ เคเห สตฺต วสฺสานิ ‘อติจฺฉถา’ติ วจนมตฺตมฺปิ อลภิตฺวา หิยฺโย ‘อติจฺฉถา’ติ วจนมตฺตํ ลภิมฺห; อเถตํ ปฏิสนฺถารํ อุปาทาย เอวมโวจุมฺหา’’ติ.

พฺราหฺมโณ จินฺเตสิ – ‘‘อิเม ปฏิสนฺถารมตฺตมฺปิ ลภิตฺวา ‘ลภิมฺหา’ติ ปสํสนฺติ, อฺํ กิฺจิ ขาทนียํ โภชนียํ ลภิตฺวา กสฺมา น ปสํสนฺตี’’ติ ปสีทิตฺวา อตฺตโน อตฺถาย ปฏิยาทิตภตฺตโต กฏจฺฉุมตฺตํ ภิกฺขํ ตทุปิยฺจ พฺยฺชนํ ทาเปตฺวา ‘‘อิมํ ภิกฺขํ สพฺพกาลํ ตุมฺเห ลภิสฺสถา’’ติ อาห . โส ปุนทิวสโต ปภุติ อุปสงฺกมนฺตสฺส เถรสฺส อุปสมํ ทิสฺวา ภิยฺโยโสมตฺตาย ปสีทิตฺวา เถรํ นิจฺจกาลํ อตฺตโน ฆเร ภตฺตวิสฺสคฺคกรณตฺถาย ยาจิ. เถโร อธิวาเสตฺวา ทิวเส ทิวเส ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา คจฺฉนฺโต โถกํ โถกํ พุทฺธวจนํ กเถตฺวา คจฺฉติ. โสปิ โข มาณวโก โสฬสวสฺสุทฺเทสิโกเยว ติณฺณํ เวทานํ ปารคู อโหสิ. พฺรหฺมโลกโต อาคตสุทฺธสตฺตสฺส อาสเน วา สยเน วา อฺโ โกจิ นิสชฺชิตา วา นิปชฺชิตา วา นตฺถิ. โส ยทา อาจริยฆรํ คจฺฉติ, ตทาสฺส มฺจปีํ เสเตน วตฺเถน ปฏิจฺฉาเทตฺวา ลคฺเคตฺวา เปนฺติ. เถโร จินฺเตสิ – ‘‘สมโย ทานิ มาณวกํ ปพฺพาเชตุํ, จิรฺจ เม อิธาคจฺฉนฺตสฺส, น จ กาจิ มาณวเกน สทฺธึ กถา อุปฺปชฺชติ. หนฺท ทานิ อิมินา อุปาเยน ปลฺลงฺกํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ เคหํ คนฺตฺวา ยถา ตสฺมึ เคเห เปตฺวา มาณวกสฺส ปลฺลงฺกํ อฺํ น กิฺจิ อาสนํ ทิสฺสติ ตถา อธิฏฺาสิ. พฺราหฺมณสฺส เคหชโน เถรํ ทิสฺวา อฺํ กิฺจิ อาสนํ อปสฺสนฺโต มาณวกสฺส ปลฺลงฺกํ อตฺถริตฺวา เถรสฺส อทาสิ. นิสีทิ เถโร ปลฺลงฺเก. มาณวโกปิ โข ตงฺขณฺเว อาจริยฆรา อาคมฺม เถรํ อตฺตโน ปลฺลงฺเก นิสินฺนํ ทิสฺวา กุปิโต อนตฺตมโน ‘‘โก มม ปลฺลงฺกํ สมณสฺส ปฺเปสี’’ติ อาห.

เถโร ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา วูปสนฺเต มาณวกสฺส จณฺฑิกฺกภาเว เอวมาห – ‘‘กึ ปน ตฺวํ, มาณวก, กิฺจิ มนฺตํ ชานาสี’’ติ? มาณวโก ‘‘โภ ปพฺพชิต, มยิ ทานิ มนฺเต อชานนฺเต อฺเ เก ชานิสฺสนฺตี’’ติ วตฺวา, เถรํ ปุจฺฉิ – ‘‘ตุมฺเห ปน มนฺตํ ชานาถา’’ติ? ‘‘ปุจฺฉ, มาณวก, ปุจฺฉิตฺวา สกฺกา ชานิตุ’’นฺติ. อถ โข มาณวโก ตีสุ เวเทสุ สนิฆณฺฑุเกฏุเภสุ สากฺขรปฺปเภเทสุ อิติหาสปฺจเมสุ ยานิ ยานิ คณฺิฏฺานานิ, เยสํ เยสํ นยํ เนว อตฺตนา ปสฺสติ นาปิสฺส อาจริโย อทฺทส, เตสุ เตสุ เถรํ ปุจฺฉิ. เถโร ‘‘ปกติยาปิ ติณฺณํ เวทานํ ปารคู, อิทานิ ปน ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺโต, เตนสฺส นตฺถิ เตสํ ปฺหานํ วิสฺสชฺชเน ภาโร’’ติ ตาวเทว เต ปฺเห วิสฺสชฺเชตฺวา มาณวกํ อาห – ‘‘มาณวก, อหํ ตยา พหุํ ปุจฺฉิโต; อหมฺปิ ทานิ ตํ เอกํ ปฺหํ ปุจฺฉามิ, พฺยากริสฺสสิ เม’’ติ? ‘‘อาม, โภ ปพฺพชิต, ปุจฺฉ พฺยากริสฺสามี’’ติ. เถโร จิตฺตยมเก อิมํ ปฺหํ ปุจฺฉิ –

‘‘ยสฺส จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ น นิรุชฺฌติ ตสฺส จิตฺตํ นิรุชฺฌิสฺสติ นุปฺปชฺชิสฺสติ; ยสฺส วา ปน จิตฺตํ นิรุชฺฌิสฺสติ นุปฺปชฺชิสฺสติ ตสฺส จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ น นิรุชฺฌตี’’ติ?

มาณโว อุทฺธํ วา อโธ วา หริตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘กึ นาม, โภ ปพฺพชิต, อิท’’นฺติ อาห. ‘‘พุทฺธมนฺโต นามายํ, มาณวา’’ติ. ‘‘สกฺกา ปนายํ, โภ, มยฺหมฺปิ ทาตุ’’นฺติ. ‘‘สกฺกา มาณว, อมฺเหหิ คหิตปพฺพชฺชํ คณฺหนฺตสฺส ทาตุ’’นฺติ. ตโต มาณโว มาตาปิตโร อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘อยํ ปพฺพชิโต พุทฺธมนฺตํ นาม ชานาติ, น จ อตฺตโน สนฺติเก อปพฺพชิตสฺส เทติ, อหํ เอตสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา มนฺตํ อุคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ.

อถสฺส มาตาปิตโร ‘‘ปพฺพชิตฺวาปิ โน ปุตฺโต มนฺเต คณฺหตุ, คเหตฺวา ปุนาคมิสฺสตี’’ติ มฺมานา ‘‘อุคฺคณฺห, ปุตฺตา’’ติ อนุชานึสุ. เถโร ทารกํ ปพฺพาเชตฺวา ทฺวตฺตึสาการกมฺมฏฺานํ ตาว อาจิกฺขิ. โส ตตฺถ ปริกมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตโต เถโร จินฺเตสิ – ‘‘สามเณโร โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิโต, อภพฺโพ ทานิ สาสนโต นิวตฺติตุํ. สเจ ปนสฺสาหํ กมฺมฏฺานํ วฑฺเฒตฺวา กเถยฺยํ, อรหตฺตํ ปาปุเณยฺย, อปฺโปสฺสุกฺโก ภเวยฺย พุทฺธวจนํ คเหตุํ, สมโย ทานิ นํ จณฺฑวชฺชิตฺเถรสฺส สนฺติกํ เปเสตุ’’นฺติ. ตโต อาห – ‘‘เอหิ ตฺวํ, สามเณร, เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺห. มม วจเนน ตฺจ อาโรคฺยํ ปุจฺฉ; เอวฺจ วเทหิ – ‘อุปชฺฌาโย มํ, ภนฺเต, ตุมฺหากํ สนฺติกํ ปหิณี’ติ. ‘โก นาม เต อุปชฺฌาโย’ติ จ วุตฺเต ‘สิคฺควตฺเถโร นาม, ภนฺเต’ติ วเทยฺยาสิ. ‘อหํ โก นามา’ติ วุตฺเต เอวํ วเทยฺยาสิ – ‘มม อุปชฺฌาโย, ภนฺเต, ตุมฺหากํ นามํ ชานาตี’’’ติ.

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข ติสฺโส สามเณโร เถรํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา อนุปุพฺเพน จณฺฑวชฺชิตฺเถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เถโร สามเณรํ ปุจฺฉิ – ‘‘กุโต อาคโตสี’’ติ? ‘‘อุปชฺฌาโย มํ, ภนฺเต, ตุมฺหากํ สนฺติกํ ปหิณี’’ติ. ‘‘โก นาม เต อุปชฺฌาโย’’ติ? ‘‘สิคฺควตฺเถโร นาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อหํ โก นามา’’ติ? ‘‘มม อุปชฺฌาโย, ภนฺเต, ตุมฺหากํ นามํ ชานาตี’’ติ. ‘‘ปตฺตจีวรํ ทานิ ปฏิสาเมหี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ สามเณโร ปตฺตจีวรํ ปฏิสาเมตฺวา ปุนทิวเส ปริเวณํ สมฺมชฺชิตฺวา อุทกทนฺตโปนํ อุปฏฺาเปสิ. เถโร ตสฺส สมฺมชฺชิตฏฺานํ ปุน สมฺมชฺชิ . ตํ อุทกํ ฉฑฺเฑตฺวา อฺํ อุทกํ อาหริ. ตฺจ ทนฺตกฏฺํ อปเนตฺวา อฺํ ทนฺตกฏฺํ คณฺหิ. เอวํ สตฺต ทิวสานิ กตฺวา สตฺตเม ทิวเส ปุน ปุจฺฉิ. สามเณโร ปุนปิ ปุพฺเพ กถิตสทิสเมว กเถสิ. เถโร ‘‘โส วตายํ พฺราหฺมโณ’’ติ สฺชานิตฺวา ‘‘กิมตฺถํ อาคโตสี’’ติ อาห. ‘‘พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหตฺถาย, ภนฺเต’’ติ. เถโร ‘‘อุคฺคณฺห ทานิ, สามเณรา’’ติ วตฺวา ปุน ทิวสโต ปภุติ พุทฺธวจนํ ปฏฺเปสิ. ติสฺโส สามเณโรว หุตฺวา, เปตฺวา วินยปิฏกํ สพฺพํ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิ สทฺธึ อฏฺกถาย. อุปสมฺปนฺนกาเล ปน อวสฺสิโกว สมาโน ติปิฏกธโร อโหสิ. อาจริยุปชฺฌายา โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถรสฺส หตฺเถ สกลํ พุทฺธวจนํ ปติฏฺาเปตฺวา ยาวตายุกํ ตฺวา ปรินิพฺพายึสุ. โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถโรปิ อปเรน สมเยน กมฺมฏฺานํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตปฺปตฺโต พหูนํ ธมฺมวินยํ วาเจสิ.

เตน โข ปน สมเยน พินฺทุสารสฺส รฺโ เอกสตปุตฺตา อเหสุํ. เต สพฺเพ อโสโก อตฺตนา สทฺธึ เอกมาติกํ ติสฺสกุมารํ เปตฺวา ฆาเตสิ. ฆาเตนฺโต จ จตฺตาริ วสฺสานิ อนภิสิตฺโตว รชฺชํ กาเรตฺวา จตุนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน ตถาคตสฺส ปรินิพฺพานโต ทฺวินฺนํ วสฺสสตานํ อุปริ อฏฺารสเม วสฺเส สกลชมฺพุทีเป เอกรชฺชาภิเสกํ ปาปุณิ . อภิเสกานุภาเวน จสฺส อิมา ราชิทฺธิโย อาคตา – มหาปถวิยา เหฏฺา โยชนปฺปมาเณ อาณา ปวตฺตติ; ตถา อุปริ อากาเส อโนตตฺตทหโต อฏฺหิ กาเชหิ โสฬส ปานียฆเฏ ทิวเส ทิวเส เทวตา อาหรนฺติ, ยโต สาสเน อุปฺปนฺนสทฺโธ หุตฺวา อฏฺ ฆเฏ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อทาสิ, ทฺเว ฆเฏ สฏฺิมตฺตานํ ติปิฏกธรภิกฺขูนํ, ทฺเว ฆเฏ อคฺคมเหสิยา อสนฺธิมิตฺตาย, จตฺตาโร ฆเฏ อตฺตนา ปริภุฺชิ; เทวตาเอว หิมวนฺเต นาคลตาทนฺตกฏฺํ นาม อตฺถิ สินิทฺธํ มุทุกํ รสวนฺตํ ตํ ทิวเส ทิวเส อาหรนฺติ, เยน รฺโ จ มเหสิยา จ โสฬสนฺนฺจ นาฏกิตฺถิสหสฺสานํ สฏฺิมตฺตานฺจ ภิกฺขุสหสฺสานํ เทวสิกํ ทนฺตโปนกิจฺจํ นิปฺปชฺชติ. เทวสิกเมว จสฺส เทวตา อคทามลกํ อคทหรีตกํ สุวณฺณวณฺณฺจ คนฺธรสสมฺปนฺนํ อมฺพปกฺกํ อาหรนฺติ. ตถา ฉทฺทนฺตทหโต ปฺจวณฺณนิวาสนปาวุรณํ ปีตกวณฺณหตฺถปุจฺฉนปฏกํ ทิพฺพฺจ ปานกํ อาหรนฺติ. เทวสิกเมว ปนสฺส นฺหานคนฺธํ อนุวิเลปนคนฺธํ ปารุปนตฺถาย อสุตฺตมยิกํ สุมนปุปฺผปฏํ มหารหฺจ อฺชนํ นาคภวนโต นาคราชาโน อาหรนฺติ. ฉทฺทนฺตทเหว อุฏฺิตสฺส สาลิโน นว วาหสหสฺสานิ ทิวเส ทิวเส สุกา อาหรนฺติ. มูสิกา นิตฺถุสกเณ กโรนฺติ, เอโกปิ ขณฺฑตณฺฑุโล น โหติ, รฺโ สพฺพฏฺาเนสุ อยเมว ตณฺฑุโล ปริโภคํ คจฺฉติ. มธุมกฺขิกา มธุํ กโรนฺติ. กมฺมารสาลาสุ อจฺฉา กูฏํ ปหรนฺติ. กรวีกสกุณา อาคนฺตฺวา มธุรสฺสรํ วิกูชนฺตา รฺโ พลิกมฺมํ กโรนฺติ.

อิมาหิ อิทฺธีหิ สมนฺนาคโต ราชา เอกทิวสํ สุวณฺณสงฺขลิกพนฺธนํ เปเสตฺวา จตุนฺนํ พุทฺธานํ อธิคตรูปทสฺสนํ กปฺปายุกํ กาฬํ นาม นาคราชานํ อานยิตฺวา เสตจฺฉตฺตสฺส เหฏฺา มหารเห ปลฺลงฺเก นิสีทาเปตฺวา อเนกสตวณฺเณหิ ชลช ถลชปุปฺเผหิ สุวณฺณปุปฺเผหิ จ ปูชํ กตฺวา สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิเตหิ โสฬสหิ นาฏกิตฺถิสหสฺเสหิ สมนฺตโต ปริกฺขิปิตฺวา ‘‘อนนฺตาณสฺส ตาว เม สทฺธมฺมวรจกฺกวตฺติโน สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส รูปํ อิเมสํ อกฺขีนํ อาปาถํ กโรหี’’ติ วตฺวา เตน นิมฺมิตํ สกลสรีรวิปฺปกิณฺณปุฺปฺปภาวนิพฺพตฺตาสีตานุพฺยฺชนปฏิมณฺฑิตทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณสสฺสิรีกตาย วิกสิตกมลุปฺปลปุณฺฑรีกปฏิมณฺฑิตมิว สลิลตลํ ตาราคณรสฺมิชาลวิสทวิปฺผุริตโสภาสมุชฺชลิตมิว คคนตลํ นีลปีตโลหิตาทิเภทวิจิตฺรวณฺณรํสิวินทฺธพฺยามปฺปภาปริกฺเขปวิลาสิตาย สฺจาปฺปภานุราคอินฺทธนุวิชฺชุลตาปริกฺขิตฺตมิว กนกคิริสิขรํ นานาวิราควิมลเกตุมาลาสมุชฺชลิตจารุมตฺถกโสภํ นยนรสายตนมิว พฺรหฺมเทวมนุชนาคยกฺขคณานํ พุทฺธรูปํ ปสฺสนฺโต สตฺต ทิวสานิ อกฺขิปูชํ นาม อกาสิ.

ราชา กิร อภิเสกํ ปาปุณิตฺวา ตีณิเยว สํวจฺฉรานิ พาหิรกปาสณฺฑํ ปริคฺคณฺหิ. จตุตฺเถ สํวจฺฉเร พุทฺธสาสเน ปสีทิ. ตสฺส กิร ปิตา พินฺทุสาโร พฺราหฺมณภตฺโต อโหสิ, โส พฺราหฺมณานฺจ พฺราหฺมณชาติยปาสณฺฑานฺจ ปณฺฑรงฺคปริพฺพาชกาทีนํ สฏฺิสหสฺสมตฺตานํ นิจฺจภตฺตํ ปฏฺเปสิ. อโสโกปิ ปิตรา ปวตฺติตํ ทานํ อตฺตโน อนฺเตปุเร ตเถว ททมาโน เอกทิวสํ สีหปฺชเร ิโต เต อุปสมปริพาหิเรน อาจาเรน ภุฺชมาเน อสํยตินฺทฺริเย อวินีตอิริยาปเถ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อีทิสํ ทานํ อุปปริกฺขิตฺวา ยุตฺตฏฺาเน ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. เอวํ จินฺเตตฺวา อมจฺเจ อาห – ‘‘คจฺฉถ, ภเณ, อตฺตโน อตฺตโน สาธุสมฺมเต สมณพฺราหฺมเณ อนฺเตปุรํ อติหรถ, ทานํ ทสฺสามา’’ติ. อมจฺจา ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ รฺโ ปฏิสฺสุณิตฺวา เต เต ปณฺฑรงฺคปริพฺพาชกาชีวกนิคณฺาทโย อาเนตฺวา ‘‘อิเม, มหาราช, อมฺหากํ อรหนฺโต’’ติ อาหํสุ.

อถ ราชา อนฺเตปุเร อุจฺจาวจานิ อาสนานิ ปฺเปตฺวา ‘‘อาคจฺฉนฺตู’’ติ วตฺวา อาคตาคเต อาห – ‘‘อตฺตโน อตฺตโน ปติรูเป อาสเน นิสีทถา’’ติ . เตสุ เอกจฺเจ ภทฺทปีเกสุ, เอกจฺเจ ผลกปีเกสุ นิสีทึสุ. เต ทิสฺวา ราชา ‘‘นตฺถิ เนสํ อนฺโต สาโร’’ติ ตฺวา เตสํ อนุรูปํ ขาทนียํ โภชนียํ ทตฺวา อุยฺโยเชสิ.

เอวํ คจฺฉนฺเต กาเล เอกทิวสํ ราชา สีหปฺชเร ิโต อทฺทส นิคฺโรธสามเณรํ ราชงฺคเณน คจฺฉนฺตํ ทนฺตํ คุตฺตํ สนฺตินฺทฺริยํ อิริยาปถสมฺปนฺนํ. โก ปนายํ นิคฺโรโธ นาม? พินฺทุสารรฺโ เชฏฺปุตฺตสฺส สุมนราชกุมารสฺส ปุตฺโต.

ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา

พินฺทุสารรฺโ กิร ทุพฺพลกาเลเยว อโสกกุมาโร อตฺตนา ลทฺธํ อุชฺเชนีรชฺชํ ปหาย อาคนฺตฺวา สพฺพนครํ อตฺตโน หตฺถคตํ กตฺวา สุมนราชกุมารํ อคฺคเหสิ. ตํทิวสเมว สุมนสฺส ราชกุมารสฺส สุมนา นาม เทวี ปริปุณฺณคพฺภา อโหสิ. สา อฺาตกเวเสน นิกฺขมิตฺวา อวิทูเร อฺตรํ จณฺฑาลคามํ สนฺธาย คจฺฉนฺตี เชฏฺกจณฺฑาลสฺส เคหโต อวิทูเร อฺตรสฺมึ นิคฺโรธรุกฺเข อธิวตฺถาย เทวตาย ‘‘อิโต เอหิ, สุมเน’’ติ วทนฺติยา สทฺทํ สุตฺวา ตสฺสา สมีปํ คตา. เทวตา อตฺตโน อานุภาเวน เอกํ สาลํ นิมฺมินิตฺวา ‘‘เอตฺถ วสาหี’’ติ อทาสิ. สา ตํ สาลํ ปาวิสิ. คตทิวเสเยว จ ปุตฺตํ วิชายิ. สา ตสฺส นิคฺโรธเทวตาย ปริคฺคหิตตฺตา ‘‘นิคฺโรโธ’’ ตฺเวว นามํ อกาสิ. เชฏฺกจณฺฑาโล ทิฏฺทิวสโต ปภุติ ตํ อตฺตโน สามิธีตรํ วิย มฺมาโน นิพทฺธวตฺตํ ปฏฺเปสิ. ราชธีตา ตตฺถ สตฺต วสฺสานิ วสิ. นิคฺโรธกุมาโรปิ สตฺตวสฺสิโก ชาโต. ตทา มหาวรุณตฺเถโร นาม เอโก อรหา ทารกสฺส เหตุสมฺปทํ ทิสฺวา รกฺขิตฺวา ตตฺถ วิหรมาโน ‘‘สตฺตวสฺสิโก ทานิ ทารโก, กาโล นํ ปพฺพาเชตุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา ราชธีตาย อาโรจาเปตฺวา นิคฺโรธกุมารํ ปพฺพาเชสิ. กุมาโร ขุรคฺเคเยว อรหตฺตํ ปาปุณิ. โส เอกทิวสํ ปาโตว สรีรํ ชคฺคิตฺวา อาจริยุปชฺฌายวตฺตํ กตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ‘‘มาตุอุปาสิกาย เคหทฺวารํ คจฺฉามี’’ติ นิกฺขมิ. มาตุนิวาสนฏฺานฺจสฺส ทกฺขิณทฺวาเรน นครํ ปวิสิตฺวา นครมชฺเฌน คนฺตฺวา ปาจีนทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา คนฺตพฺพํ โหติ.

เตน จ สมเยน อโสโก ธมฺมราชา ปาจีนทิสาภิมุโข สีหปฺชเร จงฺกมติ. ตงฺขณฺเว นิคฺโรโธ ราชงฺคณํ สมฺปาปุณิ สนฺตินฺทฺริโย สนฺตมานโส ยุคมตฺตํ เปกฺขมาโน. เตน วุตฺตํ – ‘‘เอกทิวสํ ราชา สีหปฺชเร ิโต อทฺทส นิคฺโรธสามเณรํ ราชงฺคเณน คจฺฉนฺตํ ทนฺตํ คุตฺตํ สนฺตินฺทฺริยํ อิริยาปถสมฺปนฺน’’นฺติ. ทิสฺวา ปนสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ ชโน สพฺโพปิ วิกฺขิตฺตจิตฺโต ภนฺตมิคปฺปฏิภาโค. อยํ ปน ทารโก อวิกฺขิตฺตจิตฺโต อติวิย จสฺส อาโลกิตวิโลกิตํ สมิฺชนปสารณฺจ โสภติ. อทฺธา เอตสฺส อพฺภนฺตเร โลกุตฺตรธมฺโม ภวิสฺสตี’’ติ รฺโ สห ทสฺสเนเนว สามเณเร จิตฺตํ ปสีทิ, เปมํ สณฺหิ. กสฺมา? ปุพฺเพ หิ กิร ปุฺกรณกาเล เอส รฺโ เชฏฺภาตา วาณิชโก อโหสิ. วุตฺตมฺปิ เหตํ –

‘‘ปุพฺเพ ว สนฺนิวาเสน, ปจฺจุปฺปนฺนหิเตน วา;

เอวํ ตํ ชายเต เปมํ, อุปฺปลํ ว ยโถทเก’’ติ. (ชา. ๑.๒.๑๗๔);

อถ ราชา สฺชาตเปโม สพหุมาโน ‘‘เอตํ สามเณรํ ปกฺโกสถา’’ติ อมจฺเจ เปเสสิ. ‘‘เต อติจิรายนฺตี’’ติ ปุน ทฺเว ตโย เปเสสิ – ‘‘ตุริตํ อาคจฺฉตู’’ติ. สามเณโร อตฺตโน ปกติยา เอว อคมาสิ. ราชา ปติรูปมาสนํ ตฺวา ‘‘นิสีทถา’’ติ อาห. โส อิโต จิโต จ วิโลเกตฺวา ‘‘นตฺถิ ทานิ อฺเ ภิกฺขู’’ติ สมุสฺสิตเสตจฺฉตฺตํ ราชปลฺลงฺกํ อุปสงฺกมิตฺวา ปตฺตคฺคหณตฺถาย รฺโ อาการํ ทสฺเสสิ. ราชา ตํ ปลฺลงฺกสมีปํ อุปคจฺฉนฺตํเยว ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อชฺเชว ทานิ อยํ สามเณโร อิมสฺส เคหสฺส สามิโก ภวิสฺสตี’’ติ สามเณโร รฺโ หตฺเถ ปตฺตํ ทตฺวา ปลฺลงฺกํ อภิรุหิตฺวา นิสีทิ. ราชา อตฺตโน อตฺถาย สมฺปาทิตํ สพฺพํ ยาคุขชฺชกภตฺตวิกตึ อุปนาเมสิ. สามเณโร อตฺตโน ยาปนียมตฺตกเมว สมฺปฏิจฺฉิ. ภตฺตกิจฺจาวสาเน ราชา อาห – ‘‘สตฺถารา ตุมฺหากํ ทินฺโนวาทํ ชานาถา’’ติ? ‘‘ชานามิ, มหาราช, เอกเทเสนา’’ติ. ‘‘ตาต, มยฺหมฺปิ นํ กเถหี’’ติ. ‘‘สาธุ, มหาราชา’’ติ รฺโ อนุรูปํ ธมฺมปเท อปฺปมาทวคฺคํ อนุโมทนตฺถาย อภาสิ.

ราชา ปน ‘‘อปฺปมาโท อมตปทํ, ปมาโท มจฺจุโน ปท’’นฺติ สุตฺวาว ‘‘อฺาตํ, ตาต, ปริโยสาเปหี’’ติ อาห. อนุโมทนาวสาเน จ ‘‘อฏฺ เต, ตาต, ธุวภตฺตานิ ทมฺมี’’ติ อาห. สามเณโร อาห – ‘‘เอตานิ อหํ อุปชฺฌายสฺส ทมฺมิ, มหาราชา’’ติ. ‘‘โก อยํ, ตาต, อุปชฺฌาโย นามา’’ติ? ‘‘วชฺชาวชฺชํ ทิสฺวา โจเทตา สาเรตา จ, มหาราชา’’ติ. ‘‘อฺานิปิ เต, ตาต, อฏฺ ทมฺมี’’ติ. ‘‘เอตานิ อาจริยสฺส ทมฺมิ, มหาราชา’’ติ. ‘‘โก อยํ, ตาต, อาจริโย นามา’’ติ? ‘‘อิมสฺมึ สาสเน สิกฺขิตพฺพกธมฺเมสุ ปติฏฺาเปตา, มหาราชา’’ติ. ‘‘สาธุ, ตาต, อฺานิปิ เต อฏฺ ทมฺมี’’ติ. ‘‘เอตานิปิ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทมฺมิ, มหาราชา’’ติ. ‘‘โก อยํ, ตาต, ภิกฺขุสงฺโฆ นามา’’ติ? ‘‘ยํ นิสฺสาย , มหาราช, อมฺหากํ อาจริยุปชฺฌายานฺจ มม จ ปพฺพชฺชา จ อุปสมฺปทา จา’’ติ. ราชา ภิยฺโยโส มตฺตาย ตุฏฺจิตฺโต อาห – ‘‘อฺานิปิ เต, ตาต, อฏฺ ทมฺมี’’ติ. สามเณโร ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปุนทิวเส ทฺวตฺตึส ภิกฺขู คเหตฺวา ราชนฺเตปุรํ ปวิสิตฺวา ภตฺตกิจฺจมกาสิ. ราชา ‘‘อฺเปิ ทฺวตฺตึส ภิกฺขู ตุมฺเหหิ สทฺธึ สฺเว ภิกฺขํ คณฺหนฺตู’’ติ เอเตเนว อุปาเยน ทิวเส ทิวเส วฑฺฒาเปนฺโต สฏฺิสหสฺสานํ พฺราหฺมณปริพฺพาชกาทีนํ ภตฺตํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา อนฺโตนิเวสเน สฏฺิสหสฺสานํ ภิกฺขูนํ นิจฺจภตฺตํ ปฏฺเปสิ นิคฺโรธตฺเถเร คเตเนว ปสาเทน. นิคฺโรธตฺเถโรปิ ราชานํ สปริสํ ตีสุ สรเณสุ ปฺจสุ จ สีเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา พุทฺธสาสเน โปถุชฺชนิเกน ปสาเทน อจลปฺปสาทํ กตฺวา ปติฏฺาเปสิ. ปุน ราชา อโสการามํ นาม มหาวิหารํ กาเรตฺวา สฏฺิสหสฺสานํ ภิกฺขูนํ นิจฺจภตฺตํ ปฏฺเปสิ. สกลชมฺพุทีเป จตุราสีติยา นครสหสฺเสสุ จตุราสีติวิหารสหสฺสานิ การาเปสิ จตุราสีติสหสฺสเจติยปฏิมณฺฑิตานิ ธมฺเมเนว, โน อธมฺเมน.

เอกทิวสํ กิร ราชา อโสการาเม มหาทานํ ทตฺวา สฏฺิสหสฺสภิกฺขุสงฺฆสฺส มชฺเฌ นิสชฺช สงฺฆํ จตูหิ ปจฺจเยหิ ปวาเรตฺวา อิมํ ปฺหํ ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, ภควตา เทสิตธมฺโม นาม กิตฺตโก โหตี’’ติ? ‘‘องฺคโต, มหาราช, นวงฺคานิ, ขนฺธโต จตุราสีติธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานี’’ติ. ราชา ธมฺเม ปสีทิตฺวา ‘‘เอเกกํ ธมฺมกฺขนฺธํ เอเกกวิหาเรน ปูเชสฺสามี’’ติ เอกทิวสเมว ฉนฺนวุติโกฏิธนํ วิสชฺเชตฺวา อมจฺเจ อาณาเปสิ – ‘‘เอถ, ภเณ, เอกเมกสฺมึ นคเร เอกเมกํ วิหารํ การาเปนฺตา จตุราสีติยา นครสหสฺเสสุ จตุราสีติวิหารสหสฺสานิ การาเปถา’’ติ. สยฺจ อโสการาเม อโสกมหาวิหารตฺถาย กมฺมํ ปฏฺเปสิ. สงฺโฆ อินฺทคุตฺตตฺเถรํ นาม มหิทฺธิกํ มหานุภาวํ ขีณาสวํ นวกมฺมาธิฏฺายกํ อทาสิ. เถโร ยํ ยํ น นิฏฺาติ ตํ ตํ อตฺตโน อานุภาเวน นิฏฺาเปสิ. เอวมฺปิ ตีหิ สํวจฺฉเรหิ วิหารกมฺมํ นิฏฺาเปสิ. เอกทิวสเมว สพฺพนคเรหิ ปณฺณานิ อาคมึสุ.

อมจฺจา รฺโ อาโรเจสุํ – ‘‘นิฏฺิตานิ, เทว, จตุราสีติวิหารสหสฺสานี’’ติ. ราชา นคเร เภรึ จราเปสิ – ‘‘อิโต สตฺตนฺนํ ทิวสานํ อจฺจเยน วิหารมโห ภวิสฺสติ. สพฺเพ อฏฺ สีลงฺคานิ สมาทิยิตฺวา อนฺโตนคเร จ พหินคเร จ วิหารมหํ ปฏิยาเทนฺตู’’ติ. ตโต สตฺตนฺนํ ทิวสานํ อจฺจเยน สพฺพาลงฺการวิภูสิตาย อเนกสตสหสฺสสงฺขฺยาย จตุรงฺคินิยา เสนาย ปริวุโต เทวโลเก อมรวติยา ราชธานิยา สิริโต อธิกตรสสฺสิรีกํ วิย นครํ กาตุกาเมน อุสฺสาหชาเตน มหาชเนน อลงฺกตปฏิยตฺตํ นครํ อนุวิจรนฺโต วิหารํ คนฺตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส มชฺเฌ อฏฺาสิ.

ตสฺมิฺจ ขเณ สนฺนิปติตา อสีติ ภิกฺขุโกฏิโย อเหสุํ, ภิกฺขุนีนฺจ ฉนฺนวุติสตสหสฺสานิ. ตตฺถ ขีณาสวภิกฺขูเยว สตสหสฺสสงฺขฺยา อเหสุํ. เตสํ เอตทโหสิ – ‘‘สเจ ราชา อตฺตโน อธิการํ อนวเสสํ ปสฺเสยฺย อติวิย พุทฺธสาสเน ปสีเทยฺยา’’ติ. ตโต โลกวิวรณํ นาม ปาฏิหาริยํ อกํสุ. ราชา อโสการาเม ิโตว จตุทฺทิสา อนุวิโลเกนฺโต สมนฺตโต สมุทฺทปริยนฺตํ ชมฺพุทีปํ ปสฺสติ จตุราสีติฺจ วิหารสหสฺสานิ อุฬาราย วิหารมหปูชาย วิโรจมานานิ. โส ตํ วิภูตึ ปสฺสมาโน อุฬาเรน ปีติปาโมชฺเชน สมนฺนาคโต ‘‘อตฺถิ ปน อฺสฺสปิ กสฺสจิ เอวรูปํ ปีติปาโมชฺชํ อุปฺปนฺนปุพฺพ’’นฺติ จินฺเตนฺโต ภิกฺขุสงฺฆํ ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ โลกนาถสฺส ทสพลสฺส สาสเน โก มหาปริจฺจาคํ ปริจฺจชิ. กสฺส ปริจฺจาโค มหนฺโตติ? ภิกฺขุสงฺโฆ โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถรสฺส ภารํ อกาสิ. เถโร อาห – ‘‘มหาราช, ทสพลสฺส สาสเน ปจฺจยทายโก นาม ตยา สทิโส ธรมาเนปิ ตถาคเต น โกจิ อโหสิ, ตเวว ปริจฺจาโค มหา’’ติ. ราชา เถรสฺส วจนํ สุตฺวา อุฬาเรน ปีติปาโมชฺเชน นิรนฺตรํ ผุฏฺสรีโร หุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘นตฺถิ กิร มยา สทิโส ปจฺจยทายโก, มยฺหํ กิร ปริจฺจาโค มหา, อหํ กิร เทยฺยธมฺเมน สาสนํ ปคฺคณฺหามิ. กึ ปนาหํ เอวํ สติ สาสนสฺส ทายาโท โหมิ, น โหมี’’ติ. ตโต ภิกฺขุสงฺฆํ ปุจฺฉิ – ‘‘ภวามิ นุ โข อหํ, ภนฺเต, สาสนสฺส ทายาโท’’ติ?

ตโต โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถโร รฺโ อิทํ วจนํ สุตฺวา ราชปุตฺตสฺส มหินฺทสฺส อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ สมฺปสฺสมาโน ‘‘สเจ อยํ กุมาโร ปพฺพชิสฺสติ สาสนสฺส อติวิย วุฑฺฒิ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ราชานํ เอตทโวจ – ‘‘น โข, มหาราช, เอตฺตาวตา สาสนสฺส ทายาโท โหติ; อปิจ โข ปจฺจยทายโกติ วา อุปฏฺาโกติ วา สงฺขฺยํ คจฺฉติ. โยปิ หิ, มหาราช, ปถวิโต ยาว พฺรหฺมโลกปริมาณํ ปจฺจยราสึ ทเทยฺย โสปิ ‘สาสเน ทายาโท’ติ สงฺขฺยํ น คจฺฉตี’’ติ. ‘‘อถ กถํ จรหิ, ภนฺเต, สาสนสฺส ทายาโท โหตี’’ติ? ‘‘โย หิ โกจิ, มหาราช, อฑฺโฒ วา ทลิทฺโท วา อตฺตโน โอรสํ ปุตฺตํ ปพฺพาเชติ – อยํ วุจฺจติ, มหาราช, ทายาโท สาสนสฺสา’’ติ.

เอวํ วุตฺเต อโสโก ราชา ‘‘อหํ กิร เอวรูปํ ปริจฺจาคํ กตฺวาปิ เนว สาสนสฺส ทายาทภาวํ ปตฺโต’’ติ สาสเน ทายาทภาวํ ปตฺถยมาโน อิโต จิโต จ วิโลเกตฺวา อทฺทส มหินฺทกุมารํ อวิทูเร ิตํ. ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ – ‘‘กิฺจาปิ อหํ อิมํ กุมารํ ติสฺสกุมารสฺส ปพฺพชิตกาลโต ปภุติ โอปรชฺเช เปตุกาโม, อถ โข โอปรชฺชโตปิ ปพฺพชฺชาว อุตฺตมา’’ติ. ตโต กุมารํ อาห – ‘‘สกฺขสิ ตฺวํ, ตาต, ปพฺพชิตุ’’นฺติ? กุมาโร ปกติยาปิ ติสฺสกุมารสฺส ปพฺพชิตกาลโต ปภุติ ปพฺพชิตุกาโมว รฺโ วจนํ สุตฺวา อติวิย ปาโมชฺชชาโต หุตฺวา อาห – ‘‘ปพฺพชามิ, เทว, มํ ปพฺพาเชตฺวา ตุมฺเห สาสนทายาทา โหถา’’ติ.

เตน จ สมเยน ราชธีตา สงฺฆมิตฺตาปิ ตสฺมึเยว าเน ิตา โหติ. ตสฺสา จ สามิโก อคฺคิพฺรหฺมา นาม กุมาโร ยุวราเชน ติสฺสกุมาเรน สทฺธึ ปพฺพชิโต โหติ. ราชา ตํ ทิสฺวา อาห – ‘‘ตฺวมฺปิ, อมฺม, ปพฺพชิตุํ สกฺขสี’’ติ? ‘‘สาธุ, ตาต, สกฺโกมี’’ติ. ราชา ปุตฺตานํ มนํ ลภิตฺวา ปหฏฺจิตฺโต ภิกฺขุสงฺฆํ เอตทโวจ – ‘‘ภนฺเต, อิเม ทารเก ปพฺพาเชตฺวา มํ สาสเน ทายาทํ กโรถา’’ติ. สงฺโฆ รฺโ วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา กุมารํ โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถเรน อุปชฺฌาเยน มหาเทวตฺเถเรน จ อาจริเยน ปพฺพาเชสิ. มชฺฌนฺติกตฺเถเรน อาจริเยน อุปสมฺปาเทสิ. ตทา กิร กุมาโร ปริปุณฺณวีสติวสฺโสว โหติ. โส ตสฺมึเยว อุปสมฺปทสีมมณฺฑเล สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. สงฺฆมิตฺตายปิ ราชธีตาย อาจริยา อายุปาลิตฺเถรี นาม, อุปชฺฌายา ปน ธมฺมปาลิตฺเถรี นาม อโหสิ. ตทา สงฺฆมิตฺตา อฏฺารสวสฺสา โหติ. ตํ ปพฺพชิตมตฺตํ ตสฺมึเยว สีมมณฺฑเล สิกฺขาย ปติฏฺาเปสุํ. อุภินฺนํ ปพฺพชิตกาเล ราชา ฉพฺพสฺสาภิเสโก โหติ.

อถ มหินฺทตฺเถโร อุปสมฺปนฺนกาลโต ปภุติ อตฺตโน อุปชฺฌายสฺเสว สนฺติเก ธมฺมฺจ วินยฺจ ปริยาปุณนฺโต ทฺเวปิ สงฺคีติโย อารูฬฺหํ ติปิฏกสงฺคหิตํ สาฏฺกถํ สพฺพํ เถรวาทํ ติณฺณํ วสฺสานํ อพฺภนฺตเร อุคฺคเหตฺวา อตฺตโน อุปชฺฌายสฺส อนฺเตวาสิกานํ สหสฺสมตฺตานํ ภิกฺขูนํ ปาโมกฺโข อโหสิ. ตทา อโสโก ธมฺมราชา นววสฺสาภิเสโก โหติ. รฺโ ปน อฏฺวสฺสาภิเสกกาเลเยว โกนฺตปุตฺตติสฺสตฺเถโร พฺยาธิปฏิกมฺมตฺถํ ภิกฺขาจารวตฺเตน อาหิณฺฑนฺโต ปสตมตฺตํ สปฺปึ อลภิตฺวา พฺยาธิพเลน ปริกฺขีณายุสงฺขาโร ภิกฺขุสงฺฆํ อปฺปมาเทน โอวทิตฺวา อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายิ. ราชา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา เถรสฺส สกฺการํ กตฺวา ‘‘มยิ นาม รชฺชํ กาเรนฺเต เอวํ ภิกฺขูนํ ปจฺจยา ทุลฺลภา’’ติ นครสฺส จตูสุ ทฺวาเรสุ โปกฺขรณิโย การาเปตฺวา เภสชฺชสฺส ปูราเปตฺวา ทาเปสิ.

เตน กิร สมเยน ปาฏลิปุตฺตสฺส จตูสุ ทฺวาเรสุ จตฺตาริ สตสหสฺสานิ, สภายํ สตสหสฺสนฺติ ทิวเส ทิวเส ปฺจสตสหสฺสานิ รฺโ อุปฺปชฺชนฺติ. ตโต ราชา นิคฺโรธตฺเถรสฺส เทวสิกํ สตสหสฺสํ วิสชฺเชสิ. พุทฺธสฺส เจติเย คนฺธมาลาทีหิ ปูชนตฺถาย สตสหสฺสํ . ธมฺมสฺส สตสหสฺสํ, ตํ ธมฺมธรานํ พหุสฺสุตานํ จตุปจฺจยตฺถาย อุปนียติ. สงฺฆสฺส สตสหสฺสํ, จตูสุ ทฺวาเรสุ เภสชฺชตฺถาย สตสหสฺสํ. เอวํ สาสเน อุฬาโร ลาภสกฺกาโร นิพฺพตฺติ.

ติตฺถิยา ปริหีนลาภสกฺการา อนฺตมโส ฆาสจฺฉาทนมฺปิ อลภนฺตา ลาภสกฺการํ ปตฺถยมานา สาสเน ปพฺพชิตฺวา สกานิ สกานิ ทิฏฺิคตานิ ‘‘อยํ ธมฺโม, อยํ วินโย’’ติ ทีเปนฺติ. ปพฺพชฺชํ อลภมานาปิ สยเมว มุณฺเฑตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา วิหาเรสุ วิจรนฺตา อุโปสถมฺปิ ปวารณมฺปิ สงฺฆกมฺมมฺปิ คณกมฺมมฺปิ ปวิสนฺติ. ภิกฺขู เตหิ สทฺธึ อุโปสถํ น กโรนฺติ. ตทา โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถโร ‘‘อุปฺปนฺนํ ทานิ อิทํ อธิกรณํ, ตํ นจิรสฺเสว กกฺขฬํ ภวิสฺสติ. น โข ปเนตํ สกฺกา อิเมสํ มชฺเฌ วสนฺเตน วูปสเมตุ’’นฺติ มหินฺทตฺเถรสฺส คณํ นียฺยาเตตฺวา อตฺตนา ผาสุวิหาเรน วิหริตุกาโม อโหคงฺคปพฺพตํ อคมาสิ. เตปิ โข ติตฺถิยา ภิกฺขุสงฺเฆน ธมฺเมน วินเยน สตฺถุสาสเนน นิคฺคยฺหมานาปิ ธมฺมวินยานุโลมาย ปฏิปตฺติยา อสณฺหนฺตา อเนกรูปํ สาสนสฺส อพฺพุทฺจ มลฺจ กณฺฏกฺจ สมุฏฺาเปสุํ. เกจิ อคฺคึ ปริจรนฺติ, เกจิ ปฺจาตเปน ตาเปนฺติ, เกจิ อาทิจฺจํ อนุปริวตฺตนฺติ, เกจิ ‘‘ธมฺมฺจ วินยฺจ โวภินฺทิสฺสามา’’ติ ปคฺคณฺหึสุ. ตทา ภิกฺขุสงฺโฆ น เตหิ สทฺธึ อุโปสถํ วา ปวารณํ วา อกาสิ. อโสการาเม สตฺตวสฺสานิ อุโปสโถ อุปจฺฉิชฺชิ. รฺโปิ เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. ราชา เอกํ อมจฺจํ อาณาเปสิ – ‘‘วิหารํ คนฺตฺวา อธิกรณํ วูปสเมตฺวา อุโปสถํ การาเปหี’’ติ. อมจฺโจ ราชานํ ปฏิปุจฺฉิตุํ อวิสหนฺโต อฺเ อมจฺเจ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘ราชา มํ ‘วิหารํ คนฺตฺวา อธิกรณํ วูปสเมตฺวา อุโปสถํ การาเปหี’ติ ปหิณิ. กถํ นุ โข อธิกรณํ วูปสมฺมตี’’ติ? เต อาหํสุ – ‘‘มยํ เอวํ สลฺลกฺเขม – ‘ยถา นาม ปจฺจนฺตํ วูปสเมนฺตา โจเร ฆาเตนฺติ, เอวเมว เย อุโปสถํ น กโรนฺติ, เต มาเรตุกาโม ราชา ภวิสฺสตี’’’ติ. อถ โส อมจฺโจ วิหารํ คนฺตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาเตตฺวา อาห – ‘‘อหํ รฺา ‘อุโปสถํ การาเปหี’ติ เปสิโต. กโรถ ทานิ, ภนฺเต, อุโปสถ’’นฺติ. ภิกฺขู ‘‘น มยํ ติตฺถิเยหิ สทฺธึ อุโปสถํ กโรมา’’ติ อาหํสุ. อถ อมจฺโจ เถราสนโต ปฏฺาย อสินา สีสานิ ปาเตตุํ อารทฺโธ.

อทฺทสา โข ติสฺสตฺเถโร ตํ อมจฺจํ ตถา วิปฺปฏิปนฺนํ. ติสฺสตฺเถโร นาม น โย วา โส วา, รฺโ เอกมาติโก ภาตา ติสฺสกุมาโร นาม, ตํ กิร ราชา ปตฺตาภิเสโก โอปรชฺเช เปสิ. โส เอกทิวสํ วนจารํ คโต อทฺทส มหนฺตํ มิคสงฺฆํ จิตฺตกีฬาย กีฬนฺตํ. ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อิเม ตาว ติณภกฺขา มิคา เอวํ กีฬนฺติ, อิเม ปน สมณา ราชกุเล ปณีตานิ โภชนานิ ภุฺชิตฺวา มุทุกาสุ เสยฺยาสุ สยมานา กึ นาม กีฬิตํ น กีฬิสฺสนฺตี’’ติ! โส ตโต อาคนฺตฺวา อิมํ อตฺตโน วิตกฺกํ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ‘‘อฏฺาเน กุกฺกุจฺจายิตํ กุมาเรน! หนฺท, นํ เอวํ สฺาเปสฺสามี’’ติ เอกทิวสํ เกนจิ การเณน กุทฺโธ วิย หุตฺวา ‘‘เอหิ สตฺตทิวเสน รชฺชํ สมฺปฏิจฺฉ, ตโต ตํ ฆาเตสฺสามี’’ติ มรณภเยน ตชฺเชตฺวา ตมตฺถํ สฺาเปสิ. โส กิร กุมาโร ‘‘สตฺตเม มํ ทิวเส มาเรสฺสตี’’ติ น จิตฺตรูปํ นฺหายิ, น ภุฺชิ, น สุปิ, อติวิย ลูขสรีโร อโหสิ. ตโต นํ ราชา ปุจฺฉิ – ‘‘กิสฺส ตฺวํ เอวรูโป ชาโต’’ติ? ‘‘มรณภเยน, เทวา’’ติ. ‘‘อเร, ตฺวํ นาม ปริจฺฉินฺนมรณํ สมฺปสฺสมาโน วิสฺสตฺโถ น กีฬสิ? ภิกฺขู อสฺสาสปสฺสาสนิพทฺธํ มรณํ เปกฺขมานา กถํ กีฬิสฺสนฺตี’’ติ! ตโต ปภุติ กุมาโร สาสเน ปสีทิ.

โส ปุน เอกทิวสํ มิควํ นิกฺขมิตฺวา อรฺเ อนุวิจรมาโน อทฺทส โยนกมหาธมฺมรกฺขิตตฺเถรํ อฺตเรน หตฺถินาเคน สาลสาขํ คเหตฺวา พีชิยมานํ นิสินฺนํ. ทิสฺวา ปาโมชฺชชาโต จินฺเตสิ – ‘‘กทา นุ โข อหมฺปิ อยํ มหาเถโร วิย ปพฺพเชยฺยํ! สิยา นุ โข โส ทิวโส’’ติ. เถโร ตสฺสาสยํ วิทิตฺวา ตสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว อากาเส อุปฺปติตฺวา อโสการาเม โปกฺขรณิยา อุทกตเล ตฺวา จีวรฺจ อุตฺตราสงฺคฺจ อากาเส ลคฺเคตฺวา นฺหายิตุํ อารทฺโธ.

กุมาโร เถรสฺสานุภาวํ ทิสฺวา อติวิย ปสนฺโน ‘‘อชฺเชว ปพฺพชิสฺสามี’’ติ นิวตฺติตฺวา รฺโ อาโรเจสิ – ‘‘ปพฺพชิสฺสามหํ, เทวา’’ติ. ราชา อเนกปฺปการํ ยาจิตฺวาปิ ตํ นิวตฺเตตุํ อสกฺโกนฺโต อโสการามคมนียมคฺคํ อลงฺการาเปตฺวา กุมารํ ฉณเวสํ คาหาเปตฺวา อลงฺกตาย เสนาย ปริวาราเปตฺวา วิหารํ เนสิ. ‘‘ยุวราชา กิร ปพฺพชิสฺสตี’’ติ สุตฺวา พหู ภิกฺขู ปตฺตจีวรานิ ปฏิยาเทสุํ. กุมาโร ปธานฆรํ คนฺตฺวา มหาธมฺมรกฺขิตตฺเถรสฺเสว สนฺติเก ปพฺพชิ สทฺธึ ปุริสสตสหสฺเสน. กุมารสฺส ปน อนุปพฺพชิตานํ คณนปริจฺเฉโท นตฺถิ. กุมาโร รฺโ จตุวสฺสาภิเสกกาเล ปพฺพชิโต. อถฺโปิ รฺโ ภาคิเนยฺโย สงฺฆมิตฺตาย สามิโก อคฺคิพฺรหฺมา นาม กุมาโร อตฺถิ. สงฺฆมิตฺตา ตํ ปฏิจฺจ เอกเมว ปุตฺตํ วิชายิ. โสปิ ‘‘ยุวราชา ปพฺพชิโต’’ติ สุตฺวา ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา – ‘‘อหมฺปิ, เทว, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ ยาจิ. ‘‘ปพฺพช, ตาตา’’ติ จ รฺา อนุฺาโต ตํทิวสเมว ปพฺพชิ.

เอวํ อนุปพฺพชิโต, อุฬารวิภเวน ขตฺติยชเนน;

รฺโ กนิฏฺภาตา, ติสฺสตฺเถโรติ วิฺเยฺโย.

โส ตํ อมจฺจํ ตถา วิปฺปฏิปนฺนํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘น ราชา เถเร มาราเปตุํ ปหิเณยฺย; อทฺธา อิมสฺเสเวตํ อมจฺจสฺส ทุคฺคหิตํ ภวิสฺสตี’’ติ คนฺตฺวา สยํ ตสฺส อาสนฺเน อาสเน นิสีทิ. โส เถรํ สฺชานิตฺวา สตฺถํ นิปาเตตุํ อวิสหนฺโต คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสิ – ‘‘อหํ, เทว, อุโปสถํ กาตุํ อนิจฺฉนฺตานํ เอตฺตกานํ นาม ภิกฺขูนํ สีสานิ ปาเตสึ; อถ อยฺยสฺส ติสฺสตฺเถรสฺส ปฏิปาฏิ สมฺปตฺตา, กินฺติ กโรมี’’ติ? ราชา สุตฺวาว – ‘‘อเร! กึ ปน, ตฺวํ, มยา ภิกฺขู ฆาเตตุํ เปสิโต’’ติ ตาวเทว สรีเร อุปฺปนฺนทาโห หุตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา เถเร ภิกฺขู ปุจฺฉิ – ‘‘อยํ, ภนฺเต, อมจฺโจ มยา อนาณตฺโตว เอวํ อกาสิ, กสฺส นุ โข อิมินา ปาเปน ภวิตพฺพ’’นฺติ? เอกจฺเจ เถรา, ‘‘อยํ ตว วจเนน อกาสิ, ตุยฺเหตํ ปาป’’นฺติ อาหํสุ. เอกจฺเจ ‘‘อุภินฺนมฺปิ โว เอตํ ปาป’’นฺติ อาหํสุ. เอกจฺเจ เอวมาหํสุ – ‘‘กึ ปน เต, มหาราช, อตฺถิ จิตฺตํ ‘อยํ คนฺตฺวา ภิกฺขู ฆาเตตู’’’ติ? ‘‘นตฺถิ, ภนฺเต, กุสลาธิปฺปาโย อหํ เปเสสึ – ‘สมคฺโค ภิกฺขุสงฺโฆ อุโปสถํ กโรตู’’’ติ. ‘‘สเจ ตฺวํ กุสลาธิปฺปาโย, นตฺถิ ตุยฺหํ ปาปํ, อมจฺจสฺเสเวตํ ปาป’’นฺติ. ราชา ทฺเวฬฺหกชาโต อาห – ‘‘อตฺถิ นุ โข, ภนฺเต, โกจิ ภิกฺขุ มเมตํ ทฺเวฬฺหกํ ฉินฺทิตฺวา สาสนํ ปคฺคเหตุํ สมตฺโถ’’ติ? ‘‘อตฺถิ, มหาราช, โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถโร นาม, โส เต อิมํ ทฺเวฬฺหกํ ฉินฺทิตฺวา สาสนํ ปคฺคณฺหิตุํ สมตฺโถ’’ติ. ราชา ตทเหว จตฺตาโร ธมฺมกถิเก เอเกกภิกฺขุสหสฺสปริวาเร, จตฺตาโร จ อมจฺเจ เอเกกปุริสสหสฺสปริวาเร ‘‘เถรํ คณฺหิตฺวา อาคจฺฉถา’’ติ เปเสสิ. เต คนฺตฺวา ‘‘ราชา ปกฺโกสตี’’ติ อาหํสุ. เถโร นาคจฺฉิ . ทุติยมฺปิ โข ราชา อฏฺ ธมฺมกถิเก, อฏฺ จ อมจฺเจ สหสฺสสหสฺสปริวาเรเยว เปเสสิ – ‘‘‘ราชา, ภนฺเต, ปกฺโกสตี’ติ วตฺวา คณฺหิตฺวาว อาคจฺฉถา’’ติ. เต ตเถว อาหํสุ. ทุติยมฺปิ เถโร นาคจฺฉิ. ราชา เถเร ปุจฺฉิ – ‘‘อหํ, ภนฺเต, ทฺวิกฺขตฺตุํ ปหิณึ; กสฺมา เถโร นาคจฺฉตี’’ติ? ‘‘‘ราชา ปกฺโกสตี’ติ วุตฺตตฺตา, มหาราช, นาคจฺฉติ. เอวํ ปน วุตฺเต อาคจฺเฉยฺย ‘สาสนํ, ภนฺเต, โอสีทติ, อมฺหากํ สาสนํ ปคฺคหตฺถาย สหายกา โหถา’’’ติ. อถ ราชา ตถา วตฺวา โสฬส ธมฺมกถิเก, โสฬส จ อมจฺเจ สหสฺสสหสฺสปริวาเร เปเสสิ. ภิกฺขู จ ปฏิปุจฺฉิ – ‘‘มหลฺลโก นุ โข, ภนฺเต, เถโร ทหโร นุ โข’’ติ? ‘‘มหลฺลโก, มหาราชา’’ติ. ‘‘วยฺหํ วา สิวิกํ วา อภิรุหิสฺสติ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘นาภิรุหิสฺสติ, มหาราชา’’ติ. ‘‘กุหึ, ภนฺเต, เถโร วสตี’’ติ? ‘‘อุปริ คงฺคาย, มหาราชา’’ติ. ราชา อาห – ‘‘เตน หิ, ภเณ, นาวาสงฺฆาฏํ พนฺธิตฺวา ตตฺเถว เถรํ นิสีทาเปตฺวา ทฺวีสุปิ ตีเรสุ อารกฺขํ สํวิธาย เถรํ อาเนถา’’ติ. ภิกฺขู จ อมจฺจา จ เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา รฺโ สาสนํ อาโรเจสุํ.

เถโร สุตฺวา ‘‘ยํ โข อหํ มูลโต ปฏฺาย สาสนํ ปคฺคณฺหิสฺสามีติ ปพฺพชิโตมฺหิ. อยํ ทานิ เม โส กาโล อนุปฺปตฺโต’’ติ จมฺมขณฺฑํ คณฺหิตฺวาว อุฏฺหิ. อถ ‘‘เถโร สฺเว ปาฏลิปุตฺตํ สมฺปาปุณิสฺสตี’’ติ รตฺติภาเค ราชา สุปินํ อทฺทส. เอวรูโป สุปิโน อโหสิ – ‘‘สพฺพเสโต หตฺถินาโค อาคนฺตฺวา ราชานํ สีสโต ปฏฺาย ปรามสิตฺวา ทกฺขิณหตฺเถ อคฺคเหสี’’ติ. ปุนทิวเส ราชา สุปินชฺฌายเก ปุจฺฉิ – ‘‘มยา เอวรูโป สุปิโน ทิฏฺโ, กึ เม ภวิสฺสตี’’ติ? เอโก ตํ, ‘‘มหาราช, สมณนาโค ทกฺขิณหตฺเถ คณฺหิสฺสตี’’ติ. อถ ราชา ตาวเทว ‘‘เถโร อาคโต’’ติ สุตฺวา คงฺคาตีรํ คนฺตฺวา นทึ โอตริตฺวา อพฺภุคฺคจฺฉนฺโต ชาณุมตฺเต อุทเก เถรํ สมฺปาปุณิตฺวา เถรสฺส นาวาโต โอตรนฺตสฺส หตฺถํ อทาสิ. เถโร ราชานํ ทกฺขิณหตฺเถ อคฺคเหสิ. ตํ ทิสฺวา อสิคฺคาหา ‘‘เถรสฺส สีสํ ปาเตสฺสามา’’ติ โกสโต อสึ อพฺพาหึสุ. กสฺมา? เอตํ กิร จาริตฺตํ ราชกุเลสุ – ‘‘โย ราชานํ หตฺเถ คณฺหติ ตสฺส อสินา สีสํ ปาเตตพฺพ’’นฺติ. ราชา ฉายํเยว ทิสฺวา อาห – ‘‘ปุพฺเพปิ อหํ ภิกฺขูสุ วิรทฺธการณา อสฺสาทํ น วินฺทามิ, มา โข เถเร วิรชฺฌิตฺถา’’ติ. เถโร ปน กสฺมา ราชานํ หตฺเถ อคฺคเหสีติ? ยสฺมา รฺา ปฺหํ ปุจฺฉนตฺถาย ปกฺโกสาปิโต ตสฺมา ‘‘อนฺเตวาสิโก เม อย’’นฺติ อคฺคเหสิ.

ราชา เถรํ อตฺตโน อุยฺยานํ เนตฺวา พาหิรโต ติกฺขตฺตุํ ปริวาราเปตฺวา อารกฺขํ เปตฺวา สยเมว เถรสฺส ปาเท โธวิตฺวา เตเลน มกฺเขตฺวา เถรสฺส สนฺติเก นิสีทิตฺวา ‘‘ปฏิพโล นุ โข เถโร มม กงฺขํ ฉินฺทิตฺวา อุปฺปนฺนํ อธิกรณํ วูปสเมตฺวา สาสนํ ปคฺคณฺหิตุ’’นฺติ วีมํสนตฺถาย ‘‘อหํ, ภนฺเต, เอกํ ปาฏิหาริยํ ทฏฺุกาโม’’ติ อาห. ‘‘กตรํ ปาฏิหาริยํ ทฏฺุกาโมสิ, มหาราชา’’ติ? ‘‘ปถวีกมฺปนํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สกลปถวีกมฺปนํ ทฏฺุกาโมสิ, มหาราช, ปเทสปถวีกมฺปน’’นฺติ? ‘‘กตรํ ปเนตฺถ, ภนฺเต, ทุกฺกร’’นฺติ? ‘‘กึ นุ โข, มหาราช, กํสปาติยา อุทกปุณฺณาย สพฺพํ อุทกํ กมฺเปตุํ ทุกฺกรํ; อุทาหุ อุปฑฺฒ’’นฺติ? ‘‘อุปฑฺฒํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ปเทสปถวีกมฺปนํ ทุกฺกร’’นฺติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, ปเทสปถวีกมฺปนํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เตน หิ, มหาราช, สมนฺตโต โยชเน ปุรตฺถิมาย ทิสาย เอเกน จกฺเกน สีมํ อกฺกมิตฺวา รโถ ติฏฺตุ; ทกฺขิณาย ทิสาย ทฺวีหิ ปาเทหิ สีมํ อกฺกมิตฺวา อสฺโส ติฏฺตุ; ปจฺฉิมาย ทิสาย เอเกน ปาเทน สีมํ อกฺกมิตฺวา ปุริโส ติฏฺตุ; อุตฺตราย ทิสาย อุปฑฺฒภาเคน สีมํ อกฺกมิตฺวา เอกา อุทกปาติ ติฏฺตู’’ติ. ราชา ตถา การาเปสิ. เถโร อภิฺาปาทกํ จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺาย ‘‘ราชา ปสฺสตู’’ติ โยชนปฺปมาณปถวีจลนํ อธิฏฺหิ. ปุรตฺถิมาย ทิสาย รถสฺส อนฺโตสีมาย ิโต ปาโทว จลิ, อิตโร น จลิ. เอวํ ทกฺขิณปจฺฉิมทิสาสุ อสฺสปุริสานํ อนฺโตสีมาย ิตปาทาเยว จลึสุ, อุปฑฺฒุปฑฺฒํ สรีรฺจ. อุตฺตรทิสาย อุทกปาติยาปิ อนฺโตสีมาย ิตํ อุปฑฺฒภาคคตเมว อุทกํ จลิ, อวเสสํ นิจฺจลมโหสีติ. ราชา ตํ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ‘‘สกฺขติ ทานิ เถโร สาสนํ ปคฺคณฺหิตุ’’นฺติ นิฏฺํ คนฺตฺวา อตฺตโน กุกฺกุจฺจํ ปุจฺฉิ – ‘‘อหํ, ภนฺเต, เอกํ อมจฺจํ ‘วิหารํ คนฺตฺวา อธิกรณํ วูปสเมตฺวา อุโปสถํ การาเปหี’ติ ปหิณึ, โส วิหารํ คนฺตฺวา เอตฺตเก ภิกฺขู ชีวิตา โวโรเปสิ, เอตํ ปาปํ กสฺส โหตี’’ติ?

‘‘กึ ปน เต, มหาราช, อตฺถิ จิตฺตํ ‘อยํ วิหารํ คนฺตฺวา ภิกฺขู ฆาเตตู’’’ติ? ‘‘นตฺถิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สเจ เต, มหาราช, นตฺถิ เอวรูปํ จิตฺตํ, นตฺถิ ตุยฺหํ ปาป’’นฺติ. อถ เถโร ราชานํ เอตมตฺถํ อิมินา สุตฺเตน สฺาเปสิ – ‘‘เจตนาหํ, ภิกฺขเว, กมฺมํ วทามิ. เจตยิตฺวา กมฺมํ กโรติ – กาเยน วาจาย มนสา’’ติ (อ. นิ. ๖.๖๓).

ตเมวตฺถํ ปริทีเปตุํ ติตฺติรชาตกํ (ชา. ๑.๔.๗๕) อาหริ – ‘‘อตีเต, มหาราช, ทีปกติตฺติโร ตาปสํ ปุจฺฉิ –

‘าตโก โน นิสินฺโนติ, พหุ อาคจฺฉตี ชโน;

ปฏิจฺจ กมฺมํ ผุสติ, ตสฺมึ เม สงฺกเต มโน’ติ.

ตาปโส อาห – ‘อตฺถิ ปน เต จิตฺตํ มม สทฺเทน จ รูปทสฺสเนน จ อาคนฺตฺวา เอเต ปกฺขิโน พชฺฌนฺตุ วา หฺนฺตุ วา’ติ? ‘นตฺถิ, ภนฺเต’ติ ติตฺติโร อาห. ตโต นํ ตาปโส สฺาเปสิ – ‘สเจ เต นตฺถิ จิตฺตํ, นตฺถิ ปาปํ; เจตยนฺตเมว หิ ปาปํ ผุสติ, นาเจตยนฺตํ.

‘น ปฏิจฺจ กมฺมํ ผุสติ, มโน เจ นปฺปทุสฺสติ;

อปฺโปสฺสุกฺกสฺส ภทฺรสฺส, น ปาปมุปลิมฺปตี’’’ติ.

เอวํ เถโร ราชานํ สฺาเปตฺวา ตตฺเถว ราชุยฺยาเน สตฺต ทิวสานิ วสนฺโต ราชานํ สมยํ อุคฺคณฺหาเปสิ. ราชา สตฺตเม ทิวเส อโสการาเม ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาตาเปตฺวา สาณิปาการํ ปริกฺขิปาเปตฺวา สาณิปาการนฺตเร นิสินฺโน เอกลทฺธิเก เอกลทฺธิเก ภิกฺขู เอกโต เอกโต การาเปตฺวา เอกเมกํ ภิกฺขุสมูหํ ปกฺโกสาเปตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘กึวาที สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ? ตโตสสฺสตวาทิโน ‘‘สสฺสตวาที’’ติ อาหํสุ. เอกจฺจสสฺสติกา…เป… อนฺตานนฺติกา… อมราวิกฺเขปิกา… อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกา… สฺีวาทา… อสฺีวาทา… เนวสฺีนาสฺีวาทา … อุจฺเฉทวาทา… ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาทา ‘‘ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาที’’ติ อาหํสุ. ราชา ปมเมว สมยสฺส อุคฺคหิตตฺตา ‘‘นยิเม ภิกฺขู, อฺติตฺถิยา อิเม’’ติ ตฺวา เตสํ เสตกานิ วตฺถานิ ทตฺวา อุปฺปพฺพาเชสิ. เต สพฺเพปิ สฏฺิสหสฺสา อเหสุํ.

อถฺเ ภิกฺขู ปกฺโกสาเปตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘กึวาที, ภนฺเต, สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ? ‘‘วิภชฺชวาที, มหาราชา’’ติ. เอวํ วุตฺเต ราชา เถรํ ปุจฺฉิ – ‘‘วิภชฺชวาที, ภนฺเต, สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ? ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ตโต ราชา ‘‘สุทฺธํ ทานิ, ภนฺเต, สาสนํ; กโรตุ ภิกฺขุสงฺโฆ อุโปสถ’’นฺติ อารกฺขํ ทตฺวา นครํ ปาวิสิ.

สมคฺโค สงฺโฆ สนฺนิปติตฺวา อุโปสถํ อกาสิ. ตสฺมึ สนฺนิปาเต สฏฺิ ภิกฺขุสตสหสฺสานิ อเหสุํ. ตสฺมึ สมาคเม โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถโร ปรปฺปวาทํ มทฺทมาโน กถาวตฺถุปฺปกรณํ อภาสิ. ตโต สฏฺิสตสหสฺสสงฺขฺเยสุ ภิกฺขูสุ อุจฺจินิตฺวา ติปิฏกปริยตฺติธรานํ ปภินฺนปฏิสมฺภิทานํ เตวิชฺชาทิเภทานํ ภิกฺขูนํ สหสฺสเมกํ คเหตฺวา ยถา มหากสฺสปตฺเถโร จ กากณฺฑกปุตฺโต ยสตฺเถโร จ ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคายึสุ; เอวเมว ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคายนฺโต สพฺพํ สาสนมลํ วิโสเธตฺวา ตติยสงฺคีตึ อกาสิ. สงฺคีติปริโยสาเน อเนกปฺปการํ ปถวี อกมฺปิตฺถ. อยํ สงฺคีติ นวหิ มาเสหิ นิฏฺิตา. ยา โลเก –

กตา ภิกฺขุสหสฺเสน, ตสฺมา สหสฺสิกาติ จ;

ปุริมา ทฺเว อุปาทาย, ตติยาติ จ วุจฺจตีติ.

อยํ ตติยสงฺคีติ.

เอตฺตาวตา จ ‘‘เกนาภต’’นฺติ เอตสฺส ปฺหสฺส วิสฺสชฺชนตฺถํ ยํ อโวจุมฺห – ‘‘ชมฺพุทีเป ตาว อุปาลิตฺเถรมาทึ กตฺวา อาจริยปรมฺปราย ยาว ตติยสงฺคีติ ตาว อาภตํ. ตตฺรายํ อาจริยปรมฺปรา

‘‘อุปาลิ ทาสโก เจว, โสณโก สิคฺคโว ตถา;

ติสฺโส โมคฺคลิปุตฺโต จ, ปฺเจเต วิชิตาวิโน.

‘‘ปรมฺปราย วินยํ, ทีเป ชมฺพุสิริวฺหเย;

อจฺฉิชฺชมานมาเนสุํ, ตติโย ยาว สงฺคโห’’ติ.

ตสฺสตฺโถ ปกาสิโตว โหติ.

ตติยสงฺคหโต ปน อุทฺธํ อิมํ ทีปํ มหินฺทาทีหิ อาภตํ. มหินฺทโต อุคฺคเหตฺวา กฺจิ กาลํ อริฏฺตฺเถราทีหิ อาภตํ. ตโต ยาวชฺชตนา เตสํเยว อนฺเตวาสิกปรมฺปรภูตาย อาจริยปรมฺปราย อาภตนฺติ เวทิตพฺพํ. ยถาหุ โปราณา –

‘‘ตโต มหินฺโท อิฏฺฏิโย, อุตฺติโย สมฺพโล ตถา;

ภทฺทนาโม จ ปณฺฑิโต.

‘‘เอเต นาคา มหาปฺา, ชมฺพุทีปา อิธาคตา;

วินยํ เต วาจยึสุ, ปิฏกํ ตมฺพปณฺณิยา.

‘‘นิกาเย ปฺจ วาเจสุํ, สตฺต เจว ปกรเณ;

ตโต อริฏฺโ เมธาวี, ติสฺสทตฺโต จ ปณฺฑิโต.

‘‘วิสารโท กาฬสุมโน, เถโร จ ทีฆนามโก;

ทีฆสุมโน จ ปณฺฑิโต.

‘‘ปุนเทว กาฬสุมโน, นาคตฺเถโร จ พุทฺธรกฺขิโต;

ติสฺสตฺเถโร จ เมธาวี, เทวตฺเถโร จ ปณฺฑิโต.

‘‘ปุนเทว สุมโน เมธาวี, วินเย จ วิสารโท;

พหุสฺสุโต จูฬนาโค, คโชว ทุปฺปธํสิโย.

‘‘ธมฺมปาลิตนาโม จ, โรหเณ สาธุปูชิโต;

ตสฺส สิสฺโส มหาปฺโ, เขมนาโม ติเปฏโก.

‘‘ทีเป ตารกราชาว, ปฺาย อติโรจถ;

อุปติสฺโส จ เมธาวี, ผุสฺสเทโว มหากถี.

‘‘ปุนเทว สุมโน เมธาวี, ปุปฺผนาโม พหุสฺสุโต;

มหากถี มหาสิโว, ปิฏเก สพฺพตฺถ โกวิโท.

‘‘ปุนเทว อุปาลิ เมธาวี, วินเย จ วิสารโท;

มหานาโค มหาปฺโ, สทฺธมฺมวํสโกวิโท.

‘‘ปุนเทว อภโย เมธาวี, ปิฏเก สพฺพตฺถ โกวิโท;

ติสฺสตฺเถโร จ เมธาวี, วินเย จ วิสารโท.

‘‘ตสฺส สิสฺโส มหาปฺโ, ปุปฺผนาโม พหุสฺสุโต;

สาสนํ อนุรกฺขนฺโต, ชมฺพุทีเป ปติฏฺิโต.

‘‘จูฬาภโย จ เมธาวี, วินเย จ วิสารโท;

ติสฺสตฺเถโร จ เมธาวี, สทฺธมฺมวํสโกวิโท.

‘‘จูฬเทโว จ เมธาวี, วินเย จ วิสารโท;

สิวตฺเถโร จ เมธาวี, วินเย สพฺพตฺถ โกวิโท.

‘‘เอเต นาคา มหาปฺา, วินยฺู มคฺคโกวิทา;

วินยํ ทีเป ปกาเสสุํ, ปิฏกํ ตมฺพปณฺณิยา’’ติ.

ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถโร กิร อิมํ ตติยธมฺมสงฺคีตึ กตฺวา เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘กตฺถ นุ โข อนาคเต สาสนํ สุปฺปติฏฺิตํ ภเวยฺยา’’ติ? อถสฺส อุปปริกฺขโต เอตทโหสิ – ‘‘ปจฺจนฺติเมสุ โข ชนปเทสุ สุปฺปติฏฺิตํ ภวิสฺสตี’’ติ. โส เตสํ เตสํ ภิกฺขูนํ ภารํ กตฺวา เต เต ภิกฺขู ตตฺถ ตตฺถ เปเสสิ. มชฺฌนฺติกตฺเถรํ กสฺมีรคนฺธารรฏฺํ เปเสสิ – ‘‘ตฺวํ เอตํ รฏฺํ คนฺตฺวา เอตฺถ สาสนํ ปติฏฺาเปหี’’ติ. มหาเทวตฺเถรํ ตเถว วตฺวา มหึสกมณฺฑลํ เปเสสิ. รกฺขิตตฺเถรํ วนวาสึ. โยนกธมฺมรกฺขิตตฺเถรํ อปรนฺตกํ. มหาธมฺมรกฺขิตตฺเถรํ มหารฏฺํ. มหารกฺขิตตฺเถรํ โยนกโลกํ. มชฺฌิมตฺเถรํ หิมวนฺตเทสภาคํ. โสณตฺเถรฺจ อุตฺตรตฺเถรฺจ สุวณฺณภูมึ. อตฺตโน สทฺธิวิหาริกํ มหินฺทตฺเถรํ อิฏฺฏิยตฺเถเรน อุตฺติยตฺเถเรน สมฺพลตฺเถเรน ภทฺทสาลตฺเถเรน จ สทฺธึ ตมฺพปณฺณิทีปํ เปเสสิ – ‘‘ตุมฺเห ตมฺพปณฺณิทีปํ คนฺตฺวา เอตฺถ สาสนํ ปติฏฺาเปถา’’ติ. สพฺเพปิ ตํ ตํ ทิสาภาคํ คจฺฉนฺตา อตฺตปฺจมา อคมํสุ ‘‘ปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ ปฺจวคฺโค คโณ อลํ อุปสมฺปทกมฺมายา’’ติ มฺมานา.

เตน โข ปน สมเยน กสฺมีรคนฺธารรฏฺเ สสฺสปากสมเย อรวาโฬ นาม นาคราชา กรกวสฺสํ นาม วสฺสาเปตฺวา สสฺสํ หราเปตฺวา มหาสมุทฺทํ ปาเปติ. มชฺฌนฺติกตฺเถโร ปน ปาฏลิปุตฺตโต เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา หิมวติ อรวาฬทหสฺส อุปริ โอตริตฺวา อรวาฬทหปิฏฺิยํ จงฺกมติปิ ติฏฺติปิ นิสีทติปิ เสยฺยมฺปิ กปฺเปติ. นาคมาณวกา ตํ ทิสฺวา อรวาฬสฺส นาคราชสฺส อาโรเจสุํ – ‘‘มหาราช, เอโก ฉินฺนภินฺนปฏธโร ภณฺฑุ กาสาววสโน อมฺหากํ อุทกํ ทูเสตี’’ติ. นาคราชา ตาวเทว โกธาภิภูโต นิกฺขมิตฺวา เถรํ ทิสฺวา มกฺขํ อสหมาโน อนฺตลิกฺเข อเนกานิ ภึสนกานิ นิมฺมินิ. ตโต ตโต ภุสา วาตา วายนฺติ, รุกฺขา ฉิชฺชนฺติ, ปพฺพตกูฏานิ ปตนฺติ, เมฆา คชฺชนฺติ, วิชฺชุลตา นิจฺฉรนฺติ, อสนิโย ผลนฺติ, ภินฺนํ วิย คคนตลํ อุทกํ ปคฺฆรติ. ภยานกรูปา นาคกุมารา สนฺนิปตนฺติ. สยมฺปิ ธูมายติ, ปชฺชลติ, ปหรณวุฏฺิโย วิสฺสชฺเชติ. ‘‘โก อยํ มุณฺฑโก ฉินฺนภินฺนปฏธโร’’ติอาทีหิ ผรุสวจเนหิ เถรํ สนฺตชฺเชสิ. ‘‘เอถ คณฺหถ หนถ นิทฺธมถ อิมํ สมณ’’นฺติ นาคพลํ อาณาเปสิ. เถโร สพฺพํ ตํ ภึสนกํ อตฺตโน อิทฺธิพเลน ปฏิพาหิตฺวา นาคราชานํ อาห –

‘‘สเทวโกปิ เจ โลโก, อาคนฺตฺวา ตาสเยยฺย มํ;

น เม ปฏิพโล อสฺส, ชเนตุํ ภยเภรวํ.

‘‘สเจปิ ตฺวํ มหึ สพฺพํ, สสมุทฺทํ สปพฺพตํ;

อุกฺขิปิตฺวา มหานาค, ขิเปยฺยาสิ มมูปริ.

‘‘เนว เม สกฺกุเณยฺยาสิ, ชเนตุํ ภยเภรวํ;

อฺทตฺถุ ตเววสฺส, วิฆาโต อุรคาธิปา’’ติ.

เอวํ วุตฺเต นาคราชา วิหตานุภาโว นิปฺผลวายาโม ทุกฺขี ทุมฺมโน อโหสิ. ตํ เถโร ตงฺขณานุรูปาย ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสตฺวา สมาทเปตฺวา สมุตฺเตเชตฺวา สมฺปหํเสตฺวา ตีสุ สรเณสุ ปฺจสุ จ สีเลสุ ปติฏฺาเปสิ สทฺธึ จตุราสีติยา นาคสหสฺเสหิ. อฺเปิ พหู หิมวนฺตวาสิโน ยกฺขา จ คนฺธพฺพา จ กุมฺภณฺฑา จ เถรสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺหึสุ. ปฺจโกปิ ยกฺโข สทฺธึ ภริยาย ยกฺขินิยา ปฺจหิ จ ปุตฺตสเตหิ ปเม ผเล ปติฏฺิโต. อถายสฺมา มชฺฌนฺติกตฺเถโร สพฺเพปิ นาคยกฺขรกฺขเส อามนฺเตตฺวา เอวมาห –

‘‘มา ทานิ โกธํ ชนยิตฺถ, อิโต อุทฺธํ ยถา ปุเร;

สสฺสฆาตฺจ มา กตฺถ, สุขกามา หิ ปาณิโน;

กโรถ เมตฺตํ สตฺเตสุ, วสนฺตุ มนุชา สุข’’นฺติ.

เต สพฺเพปิ ‘‘สาธุ ภนฺเต’’ติ เถรสฺส ปฏิสฺสุณิตฺวา ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชึสุ. ตํทิวสเมว จ นาคราชสฺส ปูชาสมโย โหติ. อถ นาคราชา อตฺตโน รตนมยํ ปลฺลงฺกํ อาหราเปตฺวา เถรสฺส ปฺเปสิ. นิสีทิ เถโร ปลฺลงฺเก. นาคราชาปิ เถรํ พีชยมาโน สมีเป อฏฺาสิ. ตสฺมึ ขเณ กสฺมีรคนฺธารรฏฺวาสิโน อาคนฺตฺวา เถรํ ทิสฺวา ‘‘อมฺหากํ นาคราชโตปิ เถโร มหิทฺธิกตโร’’ติ เถรเมว วนฺทิตฺวา นิสินฺนา. เถโร เตสํ อาสีวิโสปมสุตฺตํ กเถสิ . สุตฺตปริโยสาเน อสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ, กุลสตสหสฺสํ ปพฺพชิ. ตโต ปภุติ จ กสฺมีรคนฺธารา ยาวชฺชตนา กาสาวปชฺโชตา อิสิวาตปฏิวาตา เอว.

คนฺตฺวา กสฺมีรคนฺธารํ, อิสิ มชฺฌนฺติโก ตทา;

ทุฏฺํ นาคํ ปสาเทตฺวา, โมเจสิ พนฺธนา พหูติ.

มหาเทวตฺเถโรปิ มหึสกมณฺฑลํ คนฺตฺวา เทวทูตสุตฺตํ กเถสิ. สุตฺตปริโยสาเน จตฺตาลีส ปาณสหสฺสานิ ธมฺมจกฺขุํ ปฏิลภึสุ, จตฺตาลีสํเยว ปาณสหสฺสานิ ปพฺพชึสุ.

คนฺตฺวาน รฏฺํ มหึสํ, มหาเทโว มหิทฺธิโก;

โจเทตฺวา เทวทูเตหิ, โมเจสิ พนฺธนา พหูติ.

รกฺขิตตฺเถโร ปน วนวาสึ คนฺตฺวา อากาเส ตฺวา อนมตคฺคปริยายกถาย วนวาสิเก ปสาเทสิ. กถาปริโยสาเน ปนสฺส สฏฺิสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. สตฺตติสหสฺสมตฺตา ปพฺพชึสุ, ปฺจวิหารสตานิ ปติฏฺหึสุ. เอวํ โส ตตฺถ สาสนํ ปติฏฺาเปสิ.

คนฺตฺวาน รกฺขิตตฺเถโร, วนวาสึ มหิทฺธิโก;

อนฺตลิกฺเข ิโต ตตฺถ, เทเสสิ อนมตคฺคิยนฺติ.

โยนกธมฺมรกฺขิตตฺเถโรปิ อปรนฺตกํ คนฺตฺวา อคฺคิกฺขนฺโธปมสุตฺตนฺตกถาย อปรนฺตเก ปสาเทตฺวา สตฺตติ ปาณสหสฺสานิ ธมฺมามตํ ปาเยสิ. ขตฺติยกุลโต เอว ปุริสสหสฺสานิ ปพฺพชึสุ, สมธิกานิ จ ฉ อิตฺถิสหสฺสานิ. เอวํ โส ตตฺถ สาสนํ ปติฏฺาเปสิ.

อปรนฺตํ วิคาหิตฺวา, โยนโก ธมฺมรกฺขิโต;

อคฺคิกฺขนฺโธปเมเนตฺถ, ปสาเทสิ ชเน พหูติ.

มหาธมฺมรกฺขิตตฺเถโร ปน มหารฏฺํ คนฺตฺวา มหานารทกสฺสปชาตกกถาย มหารฏฺเก ปสาเทตฺวา จตุราสีติ ปาณสหสฺสานิ มคฺคผเลสุ ปติฏฺาเปสิ. เตรสสหสฺสานิ ปพฺพชึสุ. เอวํ โส ตตฺถ สาสนํ ปติฏฺาเปสิ.

มหารฏฺํ อิสิ คนฺตฺวา, โส มหาธมฺมรกฺขิโต;

ชาตกํ กถยิตฺวาน, ปสาเทสิ มหาชนนฺติ.

มหารกฺขิตตฺเถโรปิ โยนกรฏฺํ คนฺตฺวา กาฬการามสุตฺตนฺตกถาย โยนกโลกํ ปสาเทตฺวา สตฺตติสหสฺสาธิกสฺส ปาณสตสหสฺสสฺส มคฺคผลาลงฺการํ อทาสิ. สนฺติเก จสฺส ทสสหสฺสานิ ปพฺพชึสุ. เอวํ โสปิ ตตฺถ สาสนํ ปติฏฺาเปสิ.

โยนรฏฺํ ตทา คนฺตฺวา, โส มหารกฺขิโต อิสิ;

กาฬการามสุตฺเตน เต ปสาเทสิ โยนเกติ.

มชฺฌิมตฺเถโร ปน กสฺสปโคตฺตตฺเถเรน อฬกเทวตฺเถเรน ทุนฺทุภิสฺสรตฺเถเรน มหาเทวตฺเถเรน จ สทฺธึ หิมวนฺตเทสภาคํ คนฺตฺวา ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตนฺตกถาย ตํ เทสํ ปสาเทตฺวา อสีติปาณโกฏิโย มคฺคผลรตนานิ ปฏิลาเภสิ. ปฺจปิ จ เถรา ปฺจ รฏฺานิ ปสาเทสุํ. เอกเมกสฺส สนฺติเก สตสหสฺสมตฺตา ปพฺพชึสุ. เอวํ เต ตตฺถ สาสนํ ปติฏฺาเปสุํ.

คนฺตฺวาน มชฺฌิมตฺเถโร, หิมวนฺตํ ปสาทยิ;

ยกฺขเสนํ ปกาเสนฺโต, ธมฺมจกฺกปวตฺตนนฺติ.

โสณตฺเถโรปิ สทฺธึ อุตฺตรตฺเถเรน สุวณฺณภูมึ อคมาสิ. เตน จ สมเยน ตตฺถ เอกา รกฺขสี สมุทฺทโต นิกฺขมิตฺวา ราชกุเล ชาเต ชาเต ทารเก ขาทติ. ตํทิวสเมว จ ราชกุเล เอโก ทารโก ชาโต โหติ. มนุสฺสา เถรํ ทิสฺวา ‘‘รกฺขสานํ สหายโก เอโส’’ติ มฺมานา อาวุธานิ คเหตฺวา เถรํ ปหริตุกามา อาคจฺฉนฺติ. เถโร ‘‘กึ ตุมฺเห อาวุธหตฺถา อาคจฺฉถา’’ติ อาห. เต อาหํสุ – ‘‘ราชกุเล ชาเต ชาเต ทารเก รกฺขสา ขาทนฺติ, เตสํ ตุมฺเห สหายกา’’ติ. เถโร ‘‘น มยํ รกฺขสานํ สหายกา, สมณา นาม มยํ วิรตา ปาณาติปาตา…เป… วิรตา มชฺชปานา เอกภตฺติกา สีลวนฺโต กลฺยาณธมฺมา’’ติ อาห. ตสฺมึเยว จ ขเณ สา รกฺขสี สปริวารา สมุทฺทโต นิกฺขมิ ‘‘ราชกุเล ทารโก ชาโต ตํ ขาทิสฺสามี’’ติ. มนุสฺสา ตํ ทิสฺวา ‘‘เอสา, ภนฺเต, รกฺขสี อาคจฺฉตี’’ติ ภีตา วิรวึสุ. เถโร รกฺขเสหิ ทิคุเณ อตฺตภาเว นิมฺมินิตฺวา เตหิ อตฺตภาเวหิ ตํ รกฺขสึ สปริสํ มชฺเฌ กตฺวา อุโภสุ ปสฺเสสุ ปริกฺขิปิ . ตสฺสา สปริสาย เอตทโหสิ – ‘‘อทฺธา อิเมหิ อิทํ านํ ลทฺธํ ภวิสฺสติ. มยํ ปน อิเมสํ ภกฺขา ภวิสฺสามา’’ติ. สพฺเพ รกฺขสา ภีตา เวคสา ปลายึสุ. เถโรปิ เต ยาว อทสฺสนํ ตาว ปลาเปตฺวา ทีปสฺส สมนฺตโต รกฺขํ เปสิ. ตสฺมิฺจ สมเย สนฺนิปติตํ มหาชนกายํ พฺรหฺมชาลสุตฺตนฺตกถาย ปสาเทตฺวา สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺาเปสิ. สฏฺิสหสฺสานํ ปเนตฺถ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. กุลทารกานํ อฑฺฒุฑฺฒานิ สหสฺสานิ ปพฺพชึสุ, กุลธีตานํ ทิยฑฺฒสหสฺสํ. เอวํ โส ตตฺถ สาสนํ ปติฏฺาเปสิ. ตโต ปภุติ ราชกุเล ชาตทารกานํ โสณุตฺตรนามเมว กโรนฺติ.

สุวณฺณภูมึ คนฺตฺวาน, โสณุตฺตรา มหิทฺธิกา;

ปิสาเจ นิทฺธเมตฺวาน, พฺรหฺมชาลํ อเทสิสุนฺติ.

มหินฺทตฺเถโร ปน ‘‘ตมฺพปณฺณิทีปํ คนฺตฺวา สาสนํ ปติฏฺาเปหี’’ติ อุปชฺฌาเยน จ ภิกฺขุสงฺเฆน จ อชฺฌิฏฺโ จินฺเตสิ – ‘‘กาโล นุ โข เม ตมฺพปณฺณิทีปํ คนฺตุํ โน’’ติ. อถสฺส วีมํสโต ‘‘น ตาว กาโล’’ติ อโหสิ. กึ ปนสฺส ทิสฺวา เอตทโหสิ? มุฏสิวรฺโ มหลฺลกภาวํ. ตโต จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ราชา มหลฺลโก, น สกฺกา อิมํ คณฺหิตฺวา สาสนํ ปคฺคเหตุํ. อิทานิ ปนสฺส ปุตฺโต เทวานํปิยติสฺโส รชฺชํ กาเรสฺสติ. ตํ คณฺหิตฺวา สกฺกา ภวิสฺสติ สาสนํ ปคฺคเหตุํ. หนฺท ยาว โส สมโย อาคจฺฉติ, ตาว าตเก โอโลเกม. ปุน ทานิ มยํ อิมํ ชนปทํ อาคจฺเฉยฺยาม วา น วา’’ติ. โส เอวํ จินฺเตตฺวา อุปชฺฌายฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ วนฺทิตฺวา อโสการามโต นิกฺขมฺม เตหิ อิฏฺฏิยาทีหิ จตูหิ เถเรหิ สงฺฆมิตฺตาย ปุตฺเตน สุมนสามเณเรน ภณฺฑุเกน จ อุปาสเกน สทฺธึ ราชคหนครปริวตฺตเกน ทกฺขิณาคิริชนปเท จาริกํ จรมาโน าตเก โอโลเกนฺโต ฉ มาเส อติกฺกาเมสิ. อถานุปุพฺเพน มาตุ นิเวสนฏฺานํ เวทิสนครํ นาม สมฺปตฺโต. อโสโก กิร กุมารกาเล ชนปทํ ลภิตฺวา อุชฺเชนึ คจฺฉนฺโต เวทิสนครํ ปตฺวา เวทิสเสฏฺิสฺส ธีตรํ อคฺคเหสิ. สา ตํทิวสเมว คพฺภํ คณฺหิตฺวา อุชฺเชนิยํ มหินฺทกุมารํ วิชายิ. กุมารสฺส จุทฺทสวสฺสกาเล ราชา อภิเสกํ ปาปุณิ. สา ตสฺส มาตา เตน สมเยน าติฆเร วสติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถานุปุพฺเพน มาตุ นิเวสนฏฺานํ เวฏิสนครํ นาม สมฺปตฺโต’’ติ.

สมฺปตฺตฺจ ปน เถรํ ทิสฺวา เถรมาตา เทวี ปาเทสุ สิรสา วนฺทิตฺวา ภิกฺขํ ทตฺวา เถรํ อตฺตนา กตํ เวทิสคิริมหาวิหารํ นาม อาโรเปสิ. เถโร ตสฺมึ วิหาเร นิสินฺโน จินฺเตสิ – ‘‘อมฺหากํ อิธ กตฺตพฺพกิจฺจํ นิฏฺิตํ, สมโย นุ โข อิทานิ ลงฺกาทีปํ คนฺตุ’’นฺติ. ตโต จินฺเตสิ – ‘‘อนุภวตุ ตาว เม ปิตรา เปสิตํ อภิเสกํ เทวานํปิยติสฺโส, รตนตฺตยคุณฺจ สุณาตุ, ฉณตฺถฺจ นครโต นิกฺขมิตฺวา มิสฺสกปพฺพตํ อภิรุหตุ, ตทา ตํ ตตฺถ ทกฺขิสฺสามา’’ติ. อถาปรํ เอกมาสํ ตตฺเถว วาสํ กปฺเปสิ. มาสาติกฺกเมน จ เชฏฺมูลมาสปุณฺณมายํ อุโปสถทิวเส สนฺนิปติตา สพฺเพปิ – ‘‘กาโล นุ โข อมฺหากํ ตมฺพปณฺณิทีปํ คมนาย, อุทาหุ โน’’ติ มนฺตยึสุ. เตนาหุ โปราณา –

‘‘มหินฺโท นาม นาเมน, สงฺฆตฺเถโร ตทา อหุ;

อิฏฺฏิโย อุตฺติโย เถโร, ภทฺทสาโล จ สมฺพโล.

‘‘สามเณโร จ สุมโน, ฉฬภิฺโ มหิทฺธิโก;

ภณฺฑุโก สตฺตโม เตสํ, ทิฏฺสจฺโจ อุปาสโก;

อิติ เหเต มหานาคา, มนฺตยึสุ รโหคตา’’ติ.

ตทา สกฺโก เทวานมินฺโท มหินฺทตฺเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจ – ‘‘กาลงฺกโต, ภนฺเต, มุฏสิวราชา; อิทานิ เทวานํปิยติสฺสมหาราชา รชฺชํ กาเรติ. สมฺมาสมฺพุทฺเธน จ ตุมฺเห พฺยากตา – ‘อนาคเต มหินฺโท นาม ภิกฺขุ ตมฺพปณฺณิทีปํ ปสาเทสฺสตี’ติ. ตสฺมาติห โว, ภนฺเต, กาโล ทีปวรํ คมนาย; อหมฺปิ โว สหาโย ภวิสฺสามี’’ติ. กสฺมา ปน สกฺโก เอวมาห? ภควา กิรสฺส โพธิมูเลเยว พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกตฺวา อนาคเต อิมสฺส ทีปสฺส สมฺปตฺตึ ทิสฺวา เอตมตฺถํ อาโรเจสิ – ‘‘ตทา ตฺวมฺปิ สหาโย ภเวยฺยาสี’’ติ จ อาณาเปสิ. ตสฺมา เอวมาห. เถโร ตสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อตฺตสตฺตโม เวฏิสกปพฺพตา เวหาสํ อุปฺปติตฺวา อนุราธปุรสฺส ปุรตฺถิมทิสาย มิสฺสกปพฺพเต ปติฏฺหิ. ยํ ปเนตรหิ ‘‘เจติยปพฺพโต’’ติปิ สฺชานนฺติ. เตนาหุ โปราณา –

‘‘เวฏิสคิริมฺหิ ราชคเห, วสิตฺวา ตึสรตฺติโย;

กาโลว คมนสฺสาติ, คจฺฉาม ทีปมุตฺตมํ.

‘‘ปฬีนา ชมฺพุทีปา เต, หํสราชาว อมฺพเร;

เอวมุปฺปติตา เถรา, นิปตึสุ นคุตฺตเม.

‘‘ปุรโต ปุรเสฏฺสฺส, ปพฺพเต เมฆสนฺนิเภ;

ปตึสุ สีลกูฏมฺหิ, หํสาว นคมุทฺธนี’’ติ.

เอวํ อิฏฺฏิยาทีหิ สทฺธึ อาคนฺตฺวา ปติฏฺหนฺโต จ อายสฺมา มหินฺทตฺเถโร สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปรินิพฺพานโต ทฺวินฺนํ วสฺสสตานํ อุปริ ฉตฺตึสติเม วสฺเส อิมสฺมึ ทีเป ปติฏฺหีติ เวทิตพฺโพ. อชาตสตฺตุสฺส หิ อฏฺเม วสฺเส สมฺมาสมฺพุทฺโธ ปรินิพฺพายิ. ตสฺมึเยว วสฺเส สีหกุมารสฺส ปุตฺโต ตมฺพปณฺณิทีปสฺส อาทิราชา วิชยกุมาโร อิมํ ทีปมาคนฺตฺวา มนุสฺสาวาสํ อกาสิ. ชมฺพุทีเป อุทยภทฺทสฺส จุทฺทสเม วสฺเส อิธ วิชโย กาลมกาสิ. อุทยภทฺทสฺส ปฺจทสเม วสฺเส ปณฺฑุวาสุเทโว นาม อิมสฺมึ ทีเป รชฺชํ ปาปุณิ. ตตฺถ นาคทาสกรฺโ วีสติเม วสฺเส อิธ ปณฺฑุวาสุเทโว กาลมกาสิ. ตสฺมึเยว จ วสฺเส อภโย นาม ราชกุมาโร อิมสฺมึ ทีเป รชฺชํ ปาปุณิ. ตตฺถ สุสุนาครฺโ สตฺตรสเม วสฺเส อิธ อภยรฺโ วีสติวสฺสานิ ปริปูรึสุ. อถ อภยสฺส วีสติเม วสฺเส ปณฺฑุกาภโย นาม ทามริโก รชฺชํ อคฺคเหสิ. ตตฺถ กาฬาโสกสฺส โสฬสเม วสฺเส อิธ ปณฺฑุกสฺส สตฺตรสวสฺสานิ ปริปูรึสุ. ตานิ เหฏฺา เอเกน วสฺเสน สห อฏฺารส โหนฺติ. ตตฺถ จนฺทคุตฺตสฺส จุทฺทสเม วสฺเส อิธ ปณฺฑุกาภโย กาลมกาสิ. มุฏสิวราชา รชฺชํ ปาปุณิ. ตตฺถ อโสกธมฺมราชสฺส สตฺตรสเม วสฺเส อิธ มุฏสิวราชา กาลมกาสิ. เทวานมฺปิยติสฺโส รชฺชํ ปาปุณิ. ปรินิพฺพุเต จ สมฺมาสมฺพุทฺเธ อชาตสตฺตุ จตุวีสติ วสฺสานิ รชฺชํ กาเรสิ. อุทยภทฺโท โสฬส, อนุรุทฺโธ จ มุณฺโฑ จ อฏฺ, นาคทาสโก จตุวีสติ, สุสุนาโค อฏฺารส, ตสฺเสว ปุตฺโต กาฬาโสโก อฏฺวีสติ, ตโต ตสฺส ปุตฺตกา ทส ภาตุกราชาโน ทฺเววีสติ วสฺสานิ รชฺชํ กาเรสุํ. เตสํ ปจฺฉโต นว นนฺทา ทฺเววีสติเมว, จนฺทคุตฺโต จตุวีสติ, พินฺทุสาโร อฏฺวีสติ . ตสฺสาวสาเน อโสโก รชฺชํ ปาปุณิ. ตสฺส ปุเร อภิเสกา จตฺตาริ อภิเสกโต อฏฺารสเม วสฺเส อิมสฺมึ ทีเป มหินฺทตฺเถโร ปติฏฺิโต. เอวเมเตน ราชวํสานุสาเรน เวทิตพฺพเมตํ – ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปรินิพฺพานโต ทฺวินฺนํ วสฺสสตานํ อุปริ ฉตฺตึสติเม วสฺเส อิมสฺมึ ทีเป ปติฏฺหี’’ติ.

ตสฺมิฺจ ทิวเส ตมฺพปณฺณิทีเป เชฏฺมูลนกฺขตฺตํ นาม โหติ. ราชา นกฺขตฺตํ โฆสาเปตฺวา ‘‘ฉณํ กโรถา’’ติ อมจฺเจ จ อาณาเปตฺวา จตฺตาลีสปุริสสหสฺสปริวาโร นครมฺหา นิกฺขมิตฺวา เยน มิสฺสกปพฺพโต เตน ปายาสิ มิควํ กีฬิตุกาโม. อถ ตสฺมึ ปพฺพเต อธิวตฺถา เอกา เทวตา ‘‘รฺโ เถเร ทสฺเสสฺสามี’’ติ โรหิตมิครูปํ คเหตฺวา อวิทูเร ติณปณฺณานิ ขาทมานา วิย จรติ. ราชา ตํ ทิสฺวา ‘‘อยุตฺตํ ทานิ ปมตฺตํ วิชฺฌิตุ’’นฺติ ชิยํ โผเฏสิ. มิโค อมฺพตฺถลมคฺคํ คเหตฺวา ปลายิตุํ อารภิ. ราชา ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺธนฺโต อมฺพตฺถลเมว อภิรุหิ. มิโคปิ เถรานํ อวิทูเร อนฺตรธายิ. มหินฺทตฺเถโร ราชานํ อวิทูเร อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มมํเยว ราชา ปสฺสตุ, มา อิตเร’’ติ อธิฏฺหิตฺวา ‘‘ติสฺส, ติสฺส, อิโต เอหี’’ติ อาห. ราชา สุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อิมสฺมึ ทีเป ชาโต มํ ‘ติสฺสา’ติ นามํ คเหตฺวา อาลปิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. อยํ ปน ฉินฺนภินฺนปฏธโร ภณฺฑุ กาสาววสโน มํ นาเมน อาลปติ, โก นุ โข อยํ ภวิสฺสติ มนุสฺโส วา อมนุสฺโส วา’’ติ? เถโร อาห –

‘‘สมณา มยํ มหาราช, ธมฺมราชสฺส สาวกา;

ตเวว อนุกมฺปาย, ชมฺพุทีปา อิธาคตา’’ติ.

เตน จ สมเยน เทวานมฺปิยติสฺสมหาราชา จ อโสกธมฺมราชา จ อทิฏฺสหายกา โหนฺติ. เทวานมฺปิยติสฺสมหาราชสฺส จ ปุฺานุภาเวน ฉาตปพฺพตปาเท เอกมฺหิ เวฬุคุมฺเพ ติสฺโส เวฬุยฏฺิโย รถยฏฺิปฺปมาณา อุปฺปชฺชึสุ – เอกา ลตายฏฺิ นาม, เอกา ปุปฺผยฏฺิ นาม, เอกา สกุณยฏฺิ นาม. ตาสุ ลตายฏฺิ รชตวณฺณา โหติ, ตํ อลงฺกริตฺวา อุปฺปนฺนลตา กฺจนวณฺณา ขายติ. ปุปฺผยฏฺิยํ ปน นีลปีตโลหิโตทาตกาฬวณฺณานิ ปุปฺผานิ สุวิภตฺตวณฺฏปตฺตกิฺชกฺขานิ หุตฺวา ขายนฺติ. สกุณยฏฺิยํ หํสกุกฺกุฏชีวชีวกาทโย สกุณา นานปฺปการานิ จ จตุปฺปทานิ สชีวานิ วิย ขายนฺติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ทีปวํเส

‘‘ฉาตปพฺพตปาทมฺหิ , เวฬุยฏฺี ตโย อหุ;

เสตา รชตยฏฺีว, ลตา กฺจนสนฺนิภา.

‘‘นีลาทิ ยาทิสํ ปุปฺผํ, ปุปฺผยฏฺิมฺหิ ตาทิสํ;

สกุณา สกุณยฏฺิมฺหิ, สรูเปเนว สณฺิตา’’ติ.

สมุทฺทโตปิสฺส มุตฺตามณิเวฬุริยาทิ อเนกวิหิตํ รตนํ อุปฺปชฺชิ. ตมฺพปณฺณิยํ ปน อฏฺ มุตฺตา อุปฺปชฺชึสุ – หยมุตฺตา, คชมุตฺตา, รถมุตฺตา, อามลกมุตฺตา, วลยมุตฺตา, องฺคุลิเวกมุตฺตา, กกุธผลมุตฺตา, ปากติกมุตฺตาติ. โส ตา จ ยฏฺิโย ตา จ มุตฺตา อฺฺจ พหุํ รตนํ อโสกสฺส ธมฺมรฺโ ปณฺณาการตฺถาย เปเสสิ. อโสโก ปสีทิตฺวา ตสฺส ปฺจ ราชกกุธภณฺฑานิ ปหิณิ – ฉตฺตํ, จามรํ, ขคฺคํ, โมฬึ, รตนปาทุกํ, อฺฺจ อภิเสกตฺถาย พหุวิธํ ปณฺณาการํ; เสยฺยถิทํ – สงฺขํ, คงฺโคทกํ, วฑฺฒมานํ, วฏํสกํ, ภิงฺคารํ, นนฺทิยาวฏฺฏํ, สิวิกํ, กฺํ, กฏจฺฉุํ, อโธวิมํ ทุสฺสยุคํ, หตฺถปุฺฉนํ, หริจนฺทนํ, อรุณวณฺณมตฺติกํ, อฺชนํ, หรีตกํ, อามลกนฺติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ทีปวํเส

‘‘วาลพีชนิมุณฺหีสํ, ฉตฺตํ ขคฺคฺจ ปาทุกํ;

เวนํ สารปามงฺคํ, ภิงฺคารํ นนฺทิวฏฺฏกํ.

‘‘สิวิกํ สงฺขํ วฏํสฺจ, อโธวิมํ วตฺถโกฏิกํ;

โสวณฺณปาตึ กฏจฺฉุํ, มหคฺฆํ หตฺถปุฺฉนํ.

‘‘อโนตตฺโตทกํ กฺํ, อุตฺตมํ หริจนฺทนํ;

อรุณวณฺณมตฺติกํ , อฺชนํ นาคมาหฏํ.

‘‘หรีตกํ อามลกํ, มหคฺฆํ อมโตสธํ;

สฏฺิวาหสตํ สาลึ, สุคนฺธํ สุวกาหฏํ;

ปุฺกมฺมาภินิพฺพตฺตํ, ปาเหสิ อโสกวฺหโย’’ติ.

น เกวลฺเจตํ อามิสปณฺณาการํ, อิมํ กิร ธมฺมปณฺณาการมฺปิ เปเสสิ –

‘‘อหํ พุทฺธฺจ ธมฺมฺจ, สงฺฆฺจ สรณํ คโต;

อุปาสกตฺตํ เทเสสึ, สกฺยปุตฺตสฺส สาสเน.

‘‘อิเมสุ ตีสุ วตฺถูสุ, อุตฺตเม ชินสาสเน;

ตฺวมฺปิ จิตฺตํ ปสาเทหิ, สทฺธา สรณมุเปหี’’ติ.

สฺวายํ ราชา ตํ ทิวสํ อโสกรฺา เปสิเตน อภิเสเกน เอกมาสาภิสิตฺโต โหติ.

วิสาขปุณฺณมายํ หิสฺส อภิเสกมกํสุ. โส อจิรสฺสุตํ – ตํ สาสนปฺปวตฺตึ อนุสฺสรมาโน ตํ เถรสฺส ‘‘สมณา มยํ มหาราช ธมฺมราชสฺส สาวกา’’ติ วจนํ สุตฺวา ‘‘อยฺยา นุ โข อาคตา’’ติ ตาวเทว อาวุธํ นิกฺขิปิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ สมฺโมทนียํ กถํ กถยมาโน. ยถาห –

‘‘อาวุธํ นิกฺขิปิตฺวาน, เอกมนฺตํ อุปาวิสิ;

นิสชฺช ราชา สมฺโมทิ, พหุํ อตฺถูปสฺหิต’’นฺติ.

สมฺโมทนียกถฺจ กุรุมาเนเยว ตสฺมึ ตานิปิ จตฺตาลีสปุริสสหสฺสานิ อาคนฺตฺวา สมฺปริวาเรสุํ. ตทา เถโร อิตเรปิ ฉ ชเน ทสฺเสสิ. ราชา ทิสฺวา ‘‘อิเม กทา อาคตา’’ติ อาห . ‘‘มยา สทฺธึเยว, มหาราชา’’ติ. ‘‘อิทานิ ปน ชมฺพุทีเป อฺเปิ เอวรูปา สมณา สนฺตี’’ติ? ‘‘สนฺติ, มหาราช; เอตรหิ ชมฺพุทีโป กาสาวปชฺโชโต อิสิวาตปฏิวาโต. ตสฺมึ –

‘‘เตวิชฺชา อิทฺธิปตฺตา จ, เจโตปริยายโกวิทา;

ขีณาสวา อรหนฺโต, พหู พุทฺธสฺส สาวกาติ.

‘‘ภนฺเต, เกน อาคตตฺถา’’ติ? ‘‘เนว, มหาราช, อุทเกน น ถเลนา’’ติ. ‘‘ราชา อากาเสน อาคตา’’ติ อฺาสิ. เถโร ‘‘อตฺถิ นุ โข รฺโ ปฺาเวยตฺติย’’นฺติ วีมํสนตฺถาย อาสนฺนํ อมฺพรุกฺขํ อารพฺภ ปฺหํ ปุจฺฉิ – ‘‘กึ นาโม อยํ, มหาราช, รุกฺโข’’ติ? ‘‘อมฺพรุกฺโข นาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อิมํ ปน, มหาราช, อมฺพํ มุฺจิตฺวา อฺโ อมฺโพ อตฺถิ, นตฺถี’’ติ? ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต, อฺเปิ พหู อมฺพรุกฺขา’’ติ. ‘‘อิมฺจ อมฺพํ เต จ อมฺเพ มุฺจิตฺวา อตฺถิ นุ โข, มหาราช, อฺเ รุกฺขา’’ติ? ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต, เต ปน น อมฺพรุกฺขา’’ติ. ‘‘อฺเ อมฺเพ จ อนมฺเพ จ มุฺจิตฺวา อตฺถิ ปน อฺโ รุกฺโข’’ติ? ‘‘อยเมว, ภนฺเต, อมฺพรุกฺโข’’ติ. ‘‘สาธุ, มหาราช, ปณฺฑิโตสิ. อตฺถิ ปน เต, มหาราช, าตกา’’ติ? ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต, พหู ชนา’’ติ. ‘‘เต มุฺจิตฺวา อฺเ เกจิ อฺาตกาปิ อตฺถิ, มหาราชา’’ติ? ‘‘อฺาตกา, ภนฺเต, าตเกหิ พหุตรา’’ติ. ‘‘ตว าตเก จ อฺาตเก จ มุฺจิตฺวา อตฺถฺโ โกจิ, มหาราชา’’ติ ? ‘‘อหเมว, อฺาตโก’’ติ. อถ เถโร ‘‘ปณฺฑิโต ราชา สกฺขิสฺสติ ธมฺมํ อฺาตุ’’นฺติ จูฬหตฺถิปโทปมสุตฺตํ กเถสิ. กถาปริโยสาเน ราชา ตีสุ สรเณสุ ปติฏฺหิ สทฺธึ จตฺตาลีสาย ปาณสหสฺเสหิ.

ตํ ขณฺเว จ รฺโ ภตฺตํ อาหริยิตฺถ . ราชา จ สุตฺตนฺตํ สุณนฺโต เอว อฺาสิ – ‘‘น อิเมสํ อิมสฺมึ กาเล โภชนํ กปฺปตี’’ติ. ‘‘อปุจฺฉิตฺวา ปน ภุฺชิตุํ อยุตฺต’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘ภุฺชิสฺสถ, ภนฺเต’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘น, มหาราช, อมฺหากํ อิมสฺมึ กาเล โภชนํ กปฺปตี’’ติ. ‘‘กสฺมึ กาเล, ภนฺเต, กปฺปตี’’ติ? ‘‘อรุณุคฺคมนโต ปฏฺาย ยาว มชฺฌนฺหิกสมยา, มหาราชา’’ติ. ‘‘คจฺฉาม, ภนฺเต, นคร’’นฺติ? ‘‘อลํ, มหาราช, อิเธว วสิสฺสามา’’ติ. ‘‘สเจ, ภนฺเต, ตุมฺเห วสถ, อยํ ทารโก อาคจฺฉตู’’ติ. ‘‘มหาราช, อยํ ทารโก อาคตผโล วิฺาตสาสโน ปพฺพชฺชาเปกฺโข อิทานิ ปพฺพชิสฺสตี’’ติ. ราชา ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, สฺเว รถํ เปเสสฺสามิ; ตํ อภิรุหิตฺวา อาคจฺเฉยฺยาถา’’ติ วตฺวา วนฺทิตฺวา ปกฺกามิ.

เถโร อจิรปกฺกนฺตสฺส รฺโ สุมนสามเณรํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, สุมน, ธมฺมสวนสฺส กาลํ โฆเสหี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, กิตฺตกํ านํ สาเวนฺโต โฆเสมี’’ติ? ‘‘สกลํ ตมฺพปณฺณิทีป’’นฺติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ สามเณโร อภิฺาปาทกํ จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย อธิฏฺหิตฺวา สมาหิเตน จิตฺเตน สกลํ ตมฺพปณฺณิทีปํ สาเวนฺโต ติกฺขตฺตุํ ธมฺมสวนสฺส กาลํ โฆเสสิ. ราชา ตํ สทฺทํ สุตฺวา เถรานํ สนฺติกํ เปเสสิ – ‘‘กึ, ภนฺเต, อตฺถิ โกจิ อุปทฺทโว’’ติ. ‘‘นตฺถมฺหากํ โกจิ อุปทฺทโว, ธมฺมสวนสฺส กาลํ โฆสาปยิมฺห พุทฺธวจนํ กเถตุกามมฺหา’’ติ . ตฺจ ปน สามเณรสฺส สทฺทํ สุตฺวา ภุมฺมา เทวตา สทฺทมนุสฺสาเวสุํ. เอเตนุปาเยน ยาว พฺรหฺมโลกา สทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉิ. เตน สทฺเทน มหา เทวตาสนฺนิปาโต อโหสิ. เถโร มหนฺตํ เทวตาสนฺนิปาตํ ทิสฺวา สมจิตฺตสุตฺตนฺตํ กเถสิ. กถาปริโยสาเน อสงฺขฺเยยฺยานํ เทวตานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. พหู นาคา จ สุปณฺณา จ สรเณสุ ปติฏฺหึสุ. ยาทิโสว สาริปุตฺตตฺเถรสฺส อิมํ สุตฺตนฺตํ กถยโต เทวตาสนฺนิปาโต อโหสิ, ตาทิโส มหินฺทตฺเถรสฺสาปิ ชาโต. อถ ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ราชา เถรานํ รถํ เปเสสิ. สารถี รถํ เอกมนฺเต เปตฺวา เถรานํ อาโรเจสิ – ‘‘อาคโต, ภนฺเต, รโถ; อภิรุหถ คจฺฉิสฺสามา’’ติ. เถรา ‘‘น มยํ รถํ อภิรุหาม; คจฺฉ ตฺวํ, ปจฺฉา มยํ อาคจฺฉิสฺสามา’’ติ วตฺวา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา อนุราธปุรสฺส ปุรตฺถิมทิสายํ ปมกเจติยฏฺาเน โอตรึสุ. ตฺหิ เจติยํ เถเรหิ ปมํ โอติณฺณฏฺาเน กตตฺตาเยว ‘‘ปมกเจติย’’นฺติ วุจฺจติ.

ราชาปิ สารถึ เปเสตฺวา ‘‘อนฺโตนิเวสเน มณฺฑปํ ปฏิยาเทถา’’ติ อมจฺเจ อาณาเปสิ. ตาวเทว สพฺเพ หฏฺตุฏฺา อติวิย ปาสาทิกํ มณฺฑปํ ปฏิยาเทสุํ. ปุน ราชา จินฺเตสิ – ‘‘หิยฺโย เถโร สีลกฺขนฺธํ กถยมาโน ‘อุจฺจาสยนมหาสยนํ น กปฺปตี’ติ อาห; ‘นิสีทิสฺสนฺติ นุ โข อยฺยา อาสเนสุ, น นิสีทิสฺสนฺตี’’’ติ? ตสฺเสวํ จินฺตยนฺตสฺเสว โส สารถิ นครทฺวารํ สมฺปตฺโต. ตโต อทฺทส เถเร ปมตรํ อาคนฺตฺวา กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา จีวรํ ปารุปนฺเต. ทิสฺวา อติวิย ปสนฺนจิตฺโต หุตฺวา อาคนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสิ – ‘‘อาคตา, เทว, เถรา’’ติ. ราชา ‘‘รถํ อารูฬฺหา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘น อารูฬฺหา, เทว, อปิ จ มม ปจฺฉโต นิกฺขมิตฺวา ปมตรํ อาคนฺตฺวา ปาจีนทฺวาเร ิตา’’ติ. ราชา ‘‘รถมฺปิ นาภิรูหึสู’’ติ สุตฺวา ‘‘น ทานิ อยฺยา อุจฺจาสยนมหาสยนํ สาทิยิสฺสนฺตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘เตน หิ, ภเณ, เถรานํ ภูมตฺถรณสงฺเขเปน อาสนานิ ปฺเปถา’’ติ วตฺวา ปฏิปถํ อคมาสิ. อมจฺจา ปถวิยํ ตฏฺฏิกํ ปฺเปตฺวา อุปริ โกชวกาทีนิ จิตฺตตฺถรณานิ ปฺเปสุํ. อุปฺปาตปากา ทิสฺวา ‘‘คหิตา ทานิ อิเมหิ ปถวี, อิเม ตมฺพปณฺณิทีปสฺส สามิกา ภวิสฺสนฺตี’’ติ พฺยากรึสุ. ราชาปิ คนฺตฺวา เถเร วนฺทิตฺวา มหินฺทตฺเถรสฺส หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา มหติยา ปูชาย จ สกฺกาเรน จ เถเร นครํ ปเวเสตฺวา อนฺโตนิเวสนํ ปเวเสสิ. เถโร อาสนปฺตฺตึ ทิสฺวา ‘‘อมฺหากํ สาสนํ สกลลงฺกาทีเป ปถวี วิย ปตฺถฏํ นิจฺจลฺจ หุตฺวา ปติฏฺหิสฺสตี’’ติ จินฺเตนฺโต นิสีทิ. ราชา เถเร ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปตฺวา สมฺปวาเรตฺวา ‘‘อนุฬาเทวีปมุขานิ ปฺจ อิตฺถิสตานิ เถรานํ อภิวาทนํ ปูชาสกฺการฺจ กโรนฺตู’’ติ ปกฺโกสาเปตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เถโร ภตฺตกิจฺจาวสาเน รฺโ สปริชนสฺส ธมฺมรตนวสฺสํ วสฺเสนฺโต เปตวตฺถุํวิมานวตฺถุํ สจฺจสํยุตฺตฺจ กเถสิ. ตํ เถรสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ตานิ ปฺจปิ อิตฺถิสตานิ โสตาปตฺติผลํ สจฺฉากํสุ.

เยปิ เต มนุสฺสา ปุริมทิวเส มิสฺสกปพฺพเต เถเร อทฺทสํสุ, เต เตสุ เตสุ าเนสุ เถรานํ คุเณ กเถนฺติ. เตสํ สุตฺวา มหาชนกาโย ราชงฺคเณ สนฺนิปติตฺวา มหาสทฺทํ อกาสิ. ราชา ‘‘กึ เอโส สทฺโท’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘นาครา, เทว, ‘เถเร ทฏฺุํ น ลภามา’ติ วิรวนฺตี’’ติ. ราชา ‘‘สเจ อิธ ปวิสิสฺสนฺติ, โอกาโส น ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘คจฺฉถ, ภเณ, หตฺถิสาลํ ปฏิชคฺคิตฺวา วาลุกํ อากิริตฺวา ปฺจวณฺณานิ ปุปฺผานิ วิกิริตฺวา เจลวิตานํ พนฺธิตฺวา มงฺคลหตฺถิฏฺาเน เถรานํ อาสนานิ ปฺเปถา’’ติ อาห. อมจฺจา ตถา อกํสุ. เถโร ตตฺถ คนฺตฺวา นิสีทิตฺวา เทวทูตสุตฺตนฺตํ กเถสิ. กถาปริโยสาเน ปาณสหสฺสํ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตโต ‘‘หตฺถิสาลา อติสมฺพาธา’’ติ ทกฺขิณทฺวาเร นนฺทนวนุยฺยาเน อาสนํ ปฺเปสุํ. เถโร ตตฺถ นิสีทิตฺวา อาสีวิโสปมสุตฺตํ กเถสิ. ตมฺปิ สุตฺวา ปาณสหสฺสํ โสตาปตฺติผลํ ปฏิลภิ.

เอวํ อาคตทิวสโต ทุติยทิวเส อฑฺฒเตยฺยสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. เถรสฺส นนฺทนวเน อาคตาคตาหิ กุลิตฺถีหิ กุลสุณฺหาหิ กุลกุมารีหิ สทฺธึ สมฺโมทมานสฺเสว สายนฺหสมโย ชาโต. เถโร กาลํ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘คจฺฉาม ทานิ มิสฺสกปพฺพต’’นฺติ อุฏฺหิ. อมจฺจา – ‘‘กตฺถ, ภนฺเต, คจฺฉถา’’ติ? ‘‘อมฺหากํ นิวาสนฏฺาน’’นฺติ. เต รฺโ สํวิทิตํ กตฺวา ราชานุมเตน อาหํสุ – ‘‘อกาโล, ภนฺเต, อิทานิ ตตฺถ คนฺตุํ; อิทเมว นนฺทนวนุยฺยานํ อยฺยานํ อาวาสฏฺานํ โหตู’’ติ. ‘‘อลํ, คจฺฉามา’’ติ. ปุน รฺโ วจเนนาหํสุ – ‘‘ราชา, ภนฺเต, อาห – ‘เอตํ เมฆวนํ นาม อุยฺยานํ มม ปิตุ สนฺตกํ นครโต นาติทูรํ นาจฺจาสนฺนํ คมนาคมนสมฺปนฺนํ, เอตฺถ เถรา วาสํ กปฺเปนฺตู’’’ติ. วสึสุ เถรา เมฆวเน อุยฺยาเน.

ราชาปิ โข ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน เถรสฺส สมีปํ คนฺตฺวา สุขสยิตภาวํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘กปฺปติ, ภนฺเต, ภิกฺขุสงฺฆสฺส อาราโม’’ติ ปุจฺฉิ. เถโร ‘‘กปฺปติ, มหาราชา’’ติ วตฺวา อิมํ สุตฺตํ อาหริ – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อาราม’’นฺติ. ราชา ตุฏฺโ สุวณฺณภิงฺคารํ คเหตฺวา เถรสฺส หตฺเถ อุทกํ ปาเตตฺวา มหาเมฆวนุยฺยานํ อทาสิ. สห อุทกปาเตน ปถวี กมฺปิ. อยํ มหาวิหาเร ปโม ปถวีกมฺโป อโหสิ. ราชา ภีโต เถรํ ปุจฺฉิ – ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, ปถวี กมฺปตี’’ติ? ‘‘มา ภายิ, มหาราช, อิมสฺมึ ทีเป ทสพลสฺส สาสนํ ปติฏฺหิสฺสติ; อิทฺจ ปมํ วิหารฏฺานํ ภวิสฺสติ, ตสฺเสตํ ปุพฺพนิมิตฺต’’นฺติ. ราชา ภิยฺโยโสมตฺตาย ปสีทิ. เถโร ปุนทิวเสปิ ราชเคเหเยว ภุฺชิตฺวา นนฺทนวเน อนมตคฺคิยานิ กเถสิ. ปุนทิวเส อคฺคิกฺขนฺโธปมสุตฺตํ กเถสิ. เอเตเนวุปาเยน สตฺต ทิวสานิ กเถสิ. เทสนาปริโยสาเน อฑฺฒนวมานํ ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. ตโต ปฏฺาย จ นนฺทนวนํ สาสนสฺส โชติปาตุภาวฏฺานนฺติ กตฺวา ‘‘โชติวน’’นฺติ นามํ ลภิ. สตฺตเม ปน ทิวเส เถรา อนฺเตปุเร รฺโ อปฺปมาทสุตฺตํ กถยิตฺวา เจติยคิริเมว อคมํสุ.

อถ โข ราชา อมจฺเจ ปุจฺฉิ – ‘‘เถโร, อมฺเห คาฬฺเหน โอวาเทน โอวทติ; คจฺเฉยฺย นุ โข’’ติ? อมจฺจา ‘‘ตุมฺเหหิ, เทว, เถโร อยาจิโต สยเมว อาคโต; ตสฺมา ตสฺส อนาปุจฺฉาว คมนมฺปิ ภเวยฺยา’’ติ อาหํสุ. ตโต ราชา รถํ อภิรุหิตฺวา ทฺเว จ เทวิโย อาโรเปตฺวา เจติยคิรึ อคมาสิ มหฺจราชานุภาเวน. คนฺตฺวา เทวิโย เอกมนฺตํ อปกฺกมาเปตฺวา สยเมว เถรานํ สมีปํ อุปสงฺกมนฺโต อติวิย กิลนฺตรูโป หุตฺวา อุปสงฺกมิ. ตโต นํ เถโร อาห – ‘‘กสฺมา ตฺวํ, มหาราช, เอวํ กิลมมาโน อาคโต’’ติ? ‘‘‘ตุมฺเห มม คาฬฺหํ โอวาทํ ทตฺวา อิทานิ คนฺตุกามา นุ โข’ติ ชานนตฺถํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘น มยํ, มหาราช, คนฺตุกามา; อปิจ วสฺสูปนายิกกาโล นามายํ มหาราช, ตตฺร สมเณน วสฺสูปนายิกฏฺานํ าตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ตํทิวสเมว อริฏฺโ นาม อมจฺโจ ปฺจปณฺณาสาย เชฏฺกนิฏฺภาตุเกหิ สทฺธึ รฺโ สมีเป ิโต อาห – ‘‘อิจฺฉามหํ, เทว, เถรานํ สนฺติเก ปพฺพชิตุ’’นฺติ. ‘‘สาธุ, ภเณ, ปพฺพชสฺสู’’ติ ราชา อนุชานิตฺวา เถรํ สมฺปฏิจฺฉาเปสิ. เถโร ตทเหว ปพฺพาเชสิ. สพฺเพ ขุรคฺเคเยว อรหตฺตํ ปาปุณึสุ.

ราชาปิ โข ตงฺขเณเยว กณฺฏเกน เจติยงฺคณํ ปริกฺขิปิตฺวา ทฺวาสฏฺิยา เลเณสุ กมฺมํ ปฏฺเปตฺวา นครเมว อคมาสิ. เตปิ เถรา ทสภาติกสมากุลํ ราชกุลํ ปสาเทตฺวา มหาชนํ โอวทมานา เจติยคิริมฺหิ วสฺสํ วสึสุ. ตทาปิ เจติยคิริมฺหิ ปมํ วสฺสํ อุปคตา ทฺวาสฏฺิ อรหนฺโต อเหสุํ. อถายสฺมา มหามหินฺโท วุตฺถวสฺโส ปวาเรตฺวา กตฺติกปุณฺณมายํ อุโปสถทิวเส ราชานํ เอตทโวจ – ‘‘มหาราช, อมฺเหหิ จิรทิฏฺโ สมฺมาสมฺพุทฺโธ, อนาถวาสํ วสิมฺห, อิจฺฉาม มยํ ชมฺพุทีปํ คนฺตุ’’นฺติ. ราชา อาห – ‘‘อหํ, ภนฺเต, ตุมฺเห จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหามิ, อยฺจ มหาชโน ตุมฺเห นิสฺสาย ตีสุ สรเณสุ ปติฏฺิโต, กสฺมา ตุมฺเห อุกฺกณฺิตตฺถา’’ติ? ‘‘จิรทิฏฺโ โน, มหาราช, สมฺมาสมฺพุทฺโธ, อภิวาทนปจฺจุฏฺานอฺชลิกมฺมสามีจิกมฺมกรณฏฺานํ นตฺถิ, เตนมฺห อุกฺกณฺิตา’’ติ. ‘‘นนุ, ภนฺเต, ตุมฺเห อโวจุตฺถ – ‘ปรินิพฺพุโต สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’’ติ. ‘‘กิฺจาปิ, มหาราช, ปรินิพฺพุโต; อถ ขฺวสฺส สรีรธาตุโย ติฏฺนฺตี’’ติ. ‘‘อฺาตํ, ภนฺเต, ถูปปติฏฺานํ ตุมฺเห อากงฺขถาติ. กโรมิ , ภนฺเต, ถูปํ, ภูมิภาคํ ทานิ วิจินาถ; อปิจ, ภนฺเต, ธาตุโย กุโต ลจฺฉามา’’ติ? ‘‘สุมเนน สทฺธึ มนฺเตหิ, มหาราชา’’ติ.

‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ ราชา สุมนํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘กุโต ทานิ, ภนฺเต, ธาตุโย ลจฺฉามา’’ติ? สุมโน อาห – ‘‘อปฺโปสฺสุกฺโก ตฺวํ, มหาราช, วีถิโย โสธาเปตฺวา ธชปฏากปุณฺณฆฏาทีหิ อลงฺการาเปตฺวา สปริชโน อุโปสถํ สมาทิยิตฺวา สพฺพตาฬาวจเร อุปฏฺาเปตฺวา มงฺคลหตฺถึ สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตํ การาเปตฺวา อุปริ จสฺส เสตจฺฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา สายนฺหสมเย มหานาควนุยฺยานาภิมุโข ยาหิ. อทฺธา ตสฺมึ าเน ธาตุโย ลจฺฉสี’’ติ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. เถรา เจติยคิริเมว อคมํสุ. ตตฺรายสฺมา มหินฺทตฺเถโร สุมนสามเณรํ อาห – ‘‘คจฺฉ ตฺวํ, สามเณร, ชมฺพุทีเป ตว อยฺยกํ อโสกํ ธมฺมราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน เอวํ วเทหิ – ‘สหาโย โว, มหาราช, เทวานมฺปิยติสฺโส พุทฺธสาสเน ปสนฺโน ถูปํ ปติฏฺาเปตุกาโม, ตุมฺหากํ กิร หตฺเถ ธาตุ อตฺถิ ตํ เม เทถา’ติ. ตํ คเหตฺวา สกฺกํ เทวราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วเทหิ – ‘ตุมฺหากํ กิร, มหาราช, หตฺเถ ทฺเว ธาตุโย อตฺถิ – ทกฺขิณทาา จ ทกฺขิณกฺขกฺจ; ตโต ตุมฺเห ทกฺขิณทาํ ปูเชถ, ทกฺขิณกฺขกํ ปน มยฺหํ เทถา’ติ. เอวฺจ นํ วเทหิ – ‘กสฺมา ตฺวํ, มหาราช, อมฺเห ตมฺพปณฺณิทีปํ ปหิณิตฺวา ปมชฺชสี’’’ติ?

‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ โข สุมโน เถรสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตาวเทว ปตฺตจีวรมาทาย เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปาฏลิปุตฺตทฺวาเร โอรุยฺห รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา เอตมตฺถํ อาโรเจสิ. ราชา ตุฏฺโ สามเณรสฺส หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา คนฺเธหิ อุพฺพฏฺเฏตฺวา วรมุตฺตสทิสานํ ธาตูนํ ปูเรตฺวา อทาสิ. โส ตํ คเหตฺวา สกฺกํ เทวราชานํ อุปสงฺกมิ. สกฺโก เทวราชา สามเณรํ ทิสฺวาว ‘‘กึ, ภนฺเต สุมน, อาหิณฺฑสี’’ติ อาห. ‘‘ตฺวํ, มหาราช, อมฺเห ตมฺพปณฺณิทีปํ เปเสตฺวา กสฺมา ปมชฺชสี’’ติ? ‘‘นปฺปมชฺชามิ, ภนฺเต, วเทหิ – ‘กึ กโรมี’’’ติ? ‘‘ตุมฺหากํ กิร หตฺเถ ทฺเว ธาตุโย อตฺถิ – ทกฺขิณทาา จ ทกฺขิณกฺขกฺจ; ตโต ตุมฺเห ทกฺขิณทาํ ปูเชถ, ทกฺขิณกฺขกํ ปน มยฺหํ เทถา’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ โข สกฺโก เทวานมินฺโท โยชนปฺปมาณํ มณิถูปํ อุคฺฆาเฏตฺวา ทกฺขิณกฺขกธาตุํ นีหริตฺวา สุมนสฺส อทาสิ. โส ตํ คเหตฺวา เจติยคิริมฺหิเยว ปติฏฺาสิ.

อถ โข มหินฺทปมุขา สพฺเพปิ เต มหานาคา อโสกธมฺมราเชน ทินฺนธาตุโย เจติยคิริมฺหิเยว ปติฏฺาเปตฺวา ทกฺขิณกฺขกํ อาทาย วฑฺฒมานกจฺฉายาย มหานาควนุยฺยานมคมํสุ . ราชาปิ โข สุมเนน วุตฺตปฺปการํ ปูชาสกฺการํ กตฺวา หตฺถิกฺขนฺธวรคโต สยํ มงฺคลหตฺถิมตฺถเก เสตจฺฉตฺตํ ธารยมาโน มหานาควนํ สมฺปาปุณิ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘สเจ อยํ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ธาตุ, ฉตฺตํ อปนมตุ, มงฺคลหตฺถี ชณฺณุเกหิ ภูมิยํ ปติฏฺหตุ, ธาตุจงฺโกฏกํ มยฺหํ มตฺถเก ปติฏฺาตู’’ติ. สห รฺโ จิตฺตุปฺปาเทน ฉตฺตํ อปนมิ, หตฺถี ชณฺณุเกหิ ปติฏฺหิ, ธาตุจงฺโกฏกํ รฺโ มตฺถเก ปติฏฺหิ. ราชา อมเตเนว อภิสิตฺตคตฺโต วิย ปรเมน ปีติปาโมชฺเชน สมนฺนาคโต หุตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘ธาตุํ, ภนฺเต, กึ กโรมา’’ติ? ‘‘หตฺถิกุมฺภมฺหิเยว ตาว, มหาราช, เปหี’’ติ. ราชา ธาตุจงฺโกฏกํ คเหตฺวา หตฺถิกุมฺเภ เปสิ. ปมุทิโต นาโค โกฺจนาทํ นทิ. มหาเมโฆ อุฏฺหิตฺวา โปกฺขรวสฺสํ วสฺสิ. อุทกปริยนฺตํ กตฺวา มหาภูมิจาโล อโหสิ. ‘‘ปจฺจนฺเตปิ นาม สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ธาตุ ปติฏฺหิสฺสตี’’ติ เทวมนุสฺสา ปโมทึสุ. เอวํ อิทฺธานุภาวสิริยา เทวมนุสฺสานํ ปีตึ ชนยนฺโต –

ปุณฺณมายํ มหาวีโร, จาตุมาสินิยา อิธ;

อาคนฺตฺวา เทวโลกมฺหา, หตฺถิกุมฺเภ ปติฏฺิโตติ.

อถสฺส โส หตฺถินาโค อเนกตาฬาวจรปริวาริโต อติวิย อุฬาเรน ปูชาสกฺกาเรน สกฺกริยมาโน ปจฺฉิมทิสาภิมุโขว หุตฺวา, อปสกฺกนฺโต ยาว นครสฺส ปุรตฺถิมทฺวารํ ตาว คนฺตฺวา ปุรตฺถิเมน ทฺวาเรน นครํ ปวิสิตฺวา สกลนาคเรน อุฬาราย ปูชาย กรียมานาย ทกฺขิณทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา ถูปารามสฺส ปจฺฉิมทิสาภาเค มเหชวตฺถุ นาม กิร อตฺถิ, ตตฺถ คนฺตฺวา ปุน ถูปารามาภิมุโขเยว ปฏินิวตฺติ. เตน จ สมเยน ถูปาราเม ปุริมกานํ ติณฺณํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ ปริโภคเจติยฏฺานํ โหติ.

อตีเต กิร อยํ ทีโป โอชทีโป นาม อโหสิ, ราชา อภโย นาม, นครํ อภยปุรํ นาม, เจติยปพฺพโต เทวกูฏปพฺพโต นาม, ถูปาราโม ปฏิยาราโม นาม. เตน โข ปน สมเยน กกุสนฺโธ ภควา โลเก อุปฺปนฺโน โหติ. ตสฺส สาวโก มหาเทโว นาม เถโร ภิกฺขุสหสฺเสน สทฺธึ เทวกูเฏ ปติฏฺาสิ, มหินฺทตฺเถโร วิย เจติยปพฺพเต. เตน โข ปน สมเยน โอชทีเป สตฺตา ปชฺชรเกน อนยพฺยสนํ อาปชฺชนฺติ. อทฺทสา โข กกุสนฺโธ ภควา พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โอโลเกนฺโต เต สตฺเต อนยพฺยสนมาปชฺชนฺเต. ทิสฺวา จตฺตาลีสาย ภิกฺขุสหสฺเสหิ ปริวุโต อคมาสิ. ตสฺสานุภาเวน ตาวเทว ปชฺชรโก วูปสนฺโต. โรเค วูปสนฺเต ภควา ธมฺมํ เทเสสิ. จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. ภควา ธมกรณํ ทตฺวา ปกฺกามิ. ตํ อนฺโต ปกฺขิปิตฺวา ปฏิยาราเม เจติยํ อกํสุ. มหาเทโว ทีปํ อนุสาสนฺโต วิหาสิ.

โกณาคมนสฺส ปน ภควโต กาเล อยํ ทีโป วรทีโป นาม อโหสิ, ราชา สเมณฺฑี นาม, นครํ วฑฺฒมานํ นาม , ปพฺพโต สุวณฺณกูโฏ นาม. เตน โข ปน สมเยน วรทีเป ทุพฺพุฏฺิกา โหติ ทุพฺภิกฺขํ ทุสฺสสฺสํ. สตฺตา ฉาตกโรเคน อนยพฺยสนํ อาปชฺชนฺติ. อทฺทสา โข โกณาคมโน ภควา พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โอโลเกนฺโต เต สตฺเต อนยพฺยสนํ อาปชฺชนฺเต. ทิสฺวา ตึสภิกฺขุสหสฺสปริวุโต อคมาสิ. พุทฺธานุภาเวน เทโว สมฺมาธารํ อนุปฺปเวจฺฉิ. สุภิกฺขํ อโหสิ. ภควา ธมฺมํ เทเสสิ. จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. ภควา ภิกฺขุสหสฺสปริวารํ มหาสุมนํ นาม เถรํ ทีเป เปตฺวา กายพนฺธนํ ทตฺวา ปกฺกามิ. ตํ อนฺโต ปกฺขิปิตฺวา เจติยํ อกํสุ.

กสฺสปสฺส ปน ภควโต กาเล อยํ ทีโป มณฺฑทีโป นาม อโหสิ, ราชา ชยนฺโต นาม, นครํ วิสาลํ นาม, ปพฺพโต สุภกูโฏ นาม . เตน โข ปน สมเยน มณฺฑทีเป มหาวิวาโท โหติ. พหู สตฺตา กลหวิคฺคหชาตา อนยพฺยสนํ อาปชฺชนฺติ. อทฺทสา โข กสฺสโป ภควา พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โอโลเกนฺโต เต สตฺเต อนยพฺยสนํ อาปชฺชนฺเต. ทิสฺวา วีสติภิกฺขุสหสฺสปริวุโต อาคนฺตฺวา วิวาทํ วูปสเมตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. ภควา ภิกฺขุสหสฺสปริวารํ สพฺพนนฺทํ นาม เถรํ ทีเป ปติฏฺาเปตฺวา อุทกสาฏกํ ทตฺวา ปกฺกามิ. ตํ อนฺโต ปกฺขิปิตฺวา เจติยํ อกํสุ. เอวํ ถูปาราเม ปุริมกานํ ติณฺณํ พุทฺธานํ เจติยานิ ปติฏฺหึสุ. ตานิ สาสนนฺตรธาเนน นสฺสนฺติ, านมตฺตํ อวสิสฺสติ. ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘เตน จ สมเยน ถูปาราเม ปุริมกานํ ติณฺณํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ ปริโภคเจติยฏฺานํ โหตี’’ติ. ตเทตํ วินฏฺเสุ เจติเยสุ เทวตานุภาเวน กณฺฏกสมากิณฺณสาเขหิ นานาคจฺเฉหิ ปริวุตํ ติฏฺติ – ‘‘มา นํ โกจิ อุจฺฉิฏฺาสุจิมลกจวเรหิ ปทูเสสี’’ติ.

อถ ขฺวสฺส หตฺถิโน ปุรโต ปุรโต คนฺตฺวา ราชปุริสา สพฺพคจฺเฉ ฉินฺทิตฺวา ภูมึ โสเธตฺวา ตํ หตฺถตลสทิสํ อกํสุ. หตฺถินาโค คนฺตฺวา ตํ านํ ปุรโต กตฺวา ตสฺส ปจฺฉิมทิสาภาเค โพธิรุกฺขฏฺาเน อฏฺาสิ. อถสฺส มตฺถกโต ธาตุํ โอโรเปตุํ อารภึสุ. นาโค โอโรเปตุํ น เทติ. ราชา เถรํ ปุจฺฉิ – ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, นาโค ธาตุํ โอโรเปตุํ น เทตี’’ติ? ‘‘อารูฬฺหํ, มหาราช, โอโรเปตุํ น วฏฺฏตี’’ติ. ตสฺมิฺจ กาเล อภยวาปิยา อุทกํ ฉินฺนํ โหติ. สมนฺตา ภูมิ ผลิตา โหติ, สุอุทฺธรา มตฺติกาปิณฺฑา. ตโต มหาชโน สีฆํ สีฆํ มตฺติกํ อาหริตฺวา หตฺถิกุมฺภปฺปมาณํ วตฺถุมกาสิ. ตาวเทว จ ถูปกรณตฺถํ อิฏฺกา กาตุํ อารภึสุ. น ยาว อิฏฺกา ปรินิฏฺนฺติ ตาว หตฺถินาโค กติปาหํ ทิวา โพธิรุกฺขฏฺาเน หตฺถิสาลายํ ติฏฺติ, รตฺตึ ถูปปติฏฺานภูมึ ปริยายติ. อถ วตฺถุํ จินาเปตฺวา ราชา เถรํ ปุจฺฉิ – ‘‘กีทิโส, ภนฺเต, ถูโป กาตพฺโพ’’ติ? ‘‘วีหิราสิสทิโส, มหาราชา’’ติ.

‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ ราชา ชงฺฆปฺปมาณํ ถูปํ จินาเปตฺวา ธาตุโอโรปนตฺถาย มหาสกฺการํ กาเรสิ. สกลนครฺจ ชนปโท จ ธาตุมหทสฺสนตฺถํ สนฺนิปติ. สนฺนิปติเต จ ปน ตสฺมึ มหาชนกาเย ทสพลสฺส ธาตุ หตฺถิกุมฺภโต สตฺตตาลปฺปมาณํ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ยมกปาฏิหาริยํ ทสฺเสสิ. เตหิ เตหิ ธาตุปฺปเทเสหิ ฉนฺนํ วณฺณานํ อุทกธารา จ อคฺคิกฺขนฺธา จ ปวตฺตนฺติ, สาวตฺถิยํ กณฺฑมฺพมูเล ภควตา ทสฺสิตปาฏิหาริยสทิสเมว ปาฏิหาริยํ อโหสิ. ตฺจ โข เนว เถรานุภาเวน, น เทวตานุภาเวน; อปิจ โข พุทฺธานุภาเวเนว. ภควา กิร ธรมาโนว อธิฏฺาสิ – ‘‘มยิ ปรินิพฺพุเต ตมฺพปณฺณิทีเป อนุราธปุรสฺส ทกฺขิณทิสาภาเค ปุริมกานํ ติณฺณํ พุทฺธานํ ปริโภคเจติยฏฺาเน มม ทกฺขิณกฺขกธาตุ ปติฏฺานทิวเส ยมกปาฏิหาริยํ โหตู’’ติ.

‘‘เอวํ อจินฺติยา พุทฺธา, พุทฺธธมฺมา อจินฺติยา;

อจินฺติเย ปสนฺนานํ, วิปาโก โหติ อจินฺติโย’’ติ. (อป. เถร ๑.๑.๘๒);

สมฺมาสมฺพุทฺโธ กิร อิมํ ทีปํ ธรมานกาเลปิ ติกฺขตฺตุํ อาคมาสิ. ปมํ – ยกฺขทมนตฺถํ เอกโกว อาคนฺตฺวา ยกฺเข ทเมตฺวา ‘‘มยิ ปรินิพฺพุเต อิมสฺมึ ทีเป สาสนํ ปติฏฺหิสฺสตี’’ติ ตมฺพปณฺณิทีเป รกฺขํ กโรนฺโต ติกฺขตฺตุํ ทีปํ อาวิชฺชิ. ทุติยํ – มาตุลภาคิเนยฺยานํ นาคราชูนํ ทมนตฺถาย เอกโกว อาคนฺตฺวา เต ทเมตฺวา อคมาสิ. ตติยํ – ปฺจภิกฺขุสตปริวาโร อาคนฺตฺวา มหาเจติยฏฺาเน จ ถูปารามเจติยฏฺาเน จ มหาโพธิปติฏฺิตฏฺาเน จ มหิยงฺคณเจติยฏฺาเน จ มุติยงฺคณเจติยฏฺาเน จ ทีฆวาปิเจติยฏฺาเน จ กลฺยาณิยเจติยฏฺาเน จ นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา นิสีทิ. อิทมสฺส จตุตฺถํ ธาตุสรีเรน อาคมนํ.

ธาตุสรีรโต จ ปนสฺส นิกฺขนฺตอุทกผุสิเตหิ สกลตมฺพปณฺณิตเล น โกจิ อผุฏฺโกาโส นาม อโหสิ. เอวมสฺส ตํ ธาตุสรีรํ อุทกผุสิเตหิ ตมฺพปณฺณิตลสฺส ปริฬาหํ วูปสเมตฺวา มหาชนสฺส ปาฏิหาริยํ ทสฺเสตฺวา โอตริตฺวา รฺโ มตฺถเก ปติฏฺาสิ . ราชา สผลํ มนุสฺสปฏิลาภํ มฺมาโน มหนฺตํ สกฺการํ กริตฺวา ธาตุํ ปติฏฺาเปสิ. สห ธาตุปติฏฺาปเนน มหาภูมิจาโล อโหสิ. ตสฺมิฺจ ปน ธาตุปาฏิหาริเย จิตฺตํ ปสาเทตฺวา รฺโ ภาตา อภโย นาม ราชกุมาโร ปุริสสหสฺเสน สทฺธึ ปพฺพชิ. เจตรฏฺคามโต ปฺจ ทารกสตานิ ปพฺพชึสุ, ตถา ทฺวารมณฺฑลาทีหิ คามเกหิ นิกฺขมิตฺวา ปฺจปฺจ ทารกสตานิ สพฺพานิปิ อนฺโตนครโต จ พหินครโต จ ปพฺพชิตานิ ตึสภิกฺขุสหสฺสานิ อเหสุํ. นิฏฺิเต ปน ถูปสฺมึ ราชา จ ราชภาติกา จ เทวิโย จ เทวนาคยกฺขานมฺปิ วิมฺหยกรํ ปจฺเจกํ ปจฺเจกํ ปูชํ อกํสุ. นิฏฺิตาย ปน ธาตุปูชาย ปติฏฺิเต ธาตุวเร มหินฺทตฺเถโร เมฆวนุยฺยานเมว คนฺตฺวา วาสํ กปฺเปสิ.

ตสฺมึ โข ปน สมเย อนุฬา เทวี ปพฺพชิตุกามา หุตฺวา รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ตสฺสา วจนํ สุตฺวา เถรํ เอตทโวจ – ‘‘อนุฬา, ภนฺเต, เทวี ปพฺพชิตุกามา, ปพฺพาเชถ น’’นฺติ. ‘‘น, มหาราช, อมฺหากํ มาตุคามํ ปพฺพาเชตุํ กปฺปติ. ปาฏลิปุตฺเต ปน มยฺหํ ภคินี สงฺฆมิตฺตตฺเถรี นาม อตฺถิ, ตํ ปกฺโกสาเปหิ. อิมสฺมิฺจ ปน, มหาราช, ทีเป ปุริมกานํ ติณฺณํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ โพธิ ปติฏฺาสิ. อมฺหากมฺปิ ภควโต สรสรํสิชาลวิสฺสชฺชนเกน โพธินา อิธ ปติฏฺาตพฺพํ, ตสฺมา ตถา สาสนํ ปหิเณยฺยาสิ ยถา สงฺฆมิตฺตา โพธึ คเหตฺวา อาคจฺเฉยฺยา’’ติ.

‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ ราชา เถรสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อมจฺเจหิ สทฺธึ มนฺเตนฺโต อริฏฺํ นาม อตฺตโน ภาคิเนยฺยํ อาห – ‘‘สกฺขิสฺสสิ ตฺวํ, ตาต, ปาฏลิปุตฺตํ คนฺตฺวา มหาโพธินา สทฺธึ อยฺยํ สงฺฆมิตฺตตฺเถรึ อาเนตุ’’นฺติ? ‘‘สกฺขิสฺสามิ, เทว, สเจ เม ปพฺพชฺชํ อนุชานิสฺสสี’’ติ. ‘‘คจฺฉ, ตาต , เถรึ อาเนตฺวา ปพฺพชาหี’’ติ. โส รฺโ จ เถรสฺส จ สาสนํ คเหตฺวา เถรสฺส อธิฏฺานวเสน เอกทิวเสเนว ชมฺพุโกลปฏฺฏนํ คนฺตฺวา นาวํ อภิรุหิตฺวา สมุทฺทํ อติกฺกมิตฺวา ปาฏลิปุตฺตเมว อคมาสิ. อนุฬาปิ โข เทวี ปฺจหิ กฺาสเตหิ ปฺจหิ จ อนฺเตปุริกาสเตหิ สทฺธึ ทส สีลานิ สมาทิยิตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา นครสฺส เอกเทเส อุปสฺสยํ การาเปตฺวา นิวาสํ กปฺเปสิ. อริฏฺโปิ ตํทิวสเมว รฺโ สาสนํ อปฺเปสิ, เอวฺจ อโวจ – ‘‘ปุตฺโต เต, เทว, มหินฺทตฺเถโร เอวมาห – ‘สหายกสฺส กิร เต เทวานมฺปิยติสฺสสฺส รฺโ ภาตุ ชายา อนุฬา นาม เทวี ปพฺพชิตุกามา , ตํ ปพฺพาเชตุํ อยฺยํ สงฺฆมิตฺตตฺเถรึ ปหิณถ, อยฺยาเยว จ สทฺธึ มหาโพธิ’’’นฺติ. เถรสฺส สาสนํ อาโรเจตฺวา สงฺฆมิตฺตตฺเถรึ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห – ‘‘อยฺเย, ตุมฺหากํ ภาตา มหินฺทตฺเถโร มํ ตุมฺหากํ สนฺติกํ เปเสสิ, เทวานมฺปิยติสฺสสฺส รฺโ ภาตุ ชายา อนุฬา นาม เทวี ปฺจหิ กฺาสเตหิ, ปฺจหิ จ อนฺเตปุริกาสเตหิ สทฺธึ ปพฺพชิตุกามา, ตํ กิร อาคนฺตฺวา ปพฺพาเชถา’’ติ. สา ตาวเทว ตุริตตุริตา รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา เอวมาห – ‘‘มหาราช, มยฺหํ ภาตา มหินฺทตฺเถโร เอวํ ปหิณิ, ‘รฺโ กิร ภาตุ ชายา อนุฬา นาม เทวี ปฺจหิ กฺาสเตหิ ปฺจหิ จ อนฺเตปุริกาสเตหิ สทฺธึ ปพฺพชิตุกามา มยฺหํ อาคมนํ อุทิกฺขติ’. คจฺฉามหํ, มหาราช, ตมฺพปณฺณิทีป’’นฺติ.

ราชา อาห – ‘‘อมฺม, ปุตฺโตปิ เม มหินฺทตฺเถโร นตฺตา จ เม สุมนสามเณโร มํ ฉินฺนหตฺถํ วิย กโรนฺตา ตมฺพปณฺณิทีปํ คตา. ตสฺส มยฺหํ เตปิ อปสฺสนฺตสฺส อุปฺปนฺโน โสโก ตว มุขํ ปสฺสนฺตสฺส วูปสมฺมติ! อลํ, อมฺม, มา ตฺวํ อคมาสี’’ติ. ‘‘ภาริยํ เม, มหาราช, ภาตุ วจนํ; อนุฬาปิ ขตฺติยา อิตฺถิสหสฺสปริวุตา ปพฺพชฺชาปุเรกฺขารา มํ ปฏิมาเนติ; คจฺฉามหํ, มหาราชา’’ติ. ‘‘เตน หิ, อมฺม, มหาโพธึ คเหตฺวา คจฺฉาหี’’ติ. กุโต รฺโ มหาโพธิ? ราชา กิร ตโต ปุพฺเพ เอว ธาตุคฺคหณตฺถาย อนาคเต สุมเน ลงฺกาทีปํ มหาโพธึ เปเสตุกาโม, ‘‘กถํ นุ โข อสตฺถฆาตารหํ มหาโพธึ เปเสสฺสามี’’ติ อุปายํ อปสฺสนฺโต มหาเทวํ นาม อมจฺจํ ปุจฺฉิ. โส อาห – ‘‘สนฺติ, เทว, พหู ปณฺฑิตา ภิกฺขู’’ติ. ตํ สุตฺวา ราชา ภิกฺขุสงฺฆสฺส ภตฺตํ ปฏิยาเทตฺวา ภตฺตกิจฺจาวสาเน สงฺฆํ ปุจฺฉิ – ‘‘คนฺตพฺพํ นุ โข, ภนฺเต, ภควโต มหาโพธินา ลงฺกาทีปํ โน’’ติ? สงฺโฆ โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถรสฺส ภารํ อกาสิ.

เถโร ‘‘คนฺตพฺพํ, มหาราช, มหาโพธินา ลงฺกาทีป’’นฺติ วตฺวา ภควโต ปฺจมหาอธิฏฺานานิ กเถสิ. กตมานิ ปฺจ? ภควา กิร มหาปรินิพฺพานมฺเจ นิปนฺโน ลงฺกาทีเป มหาโพธิปติฏฺาปนตฺถาย ‘‘อโสกมหาราชา มหาโพธิคฺคหณตฺถํ คมิสฺสติ, ตทา มหาโพธิสฺส ทกฺขิณสาขา สยเมว ฉิชฺชิตฺวา สุวณฺณกฏาเห ปติฏฺาตู’’ติ อธิฏฺาสิ – อิทเมกมธิฏฺานํ.

ตตฺถ ปติฏฺานกาเล จ ‘‘มหาโพธิ หิมวลาหกคพฺภํ ปวิสิตฺวา ปติฏฺาตู’’ติ อธิฏฺาสิ – อิทํ ทุติยมธิฏฺานํ.

‘‘สตฺตเม ทิวเส หิมวลาหกคพฺภโต โอรุยฺห สุวณฺณกฏาเห ปติฏฺหนฺโต ปตฺเตหิ จ ผเลหิ จ ฉพฺพณฺณรํสิโย มุฺจตู’’ติ อธิฏฺาสิ – อิทํ ตติยมธิฏฺานํ.

‘‘ถูปาราเม ทกฺขิณกฺขกธาตุ เจติยมฺหิ ปติฏฺานทิวเส ยมกปาฏิหาริยํ กโรตู’’ติ อธิฏฺาสิ – อิทํ จตุตฺถํ อธิฏฺานํ.

ลงฺกาทีปมฺหิเยว เม โทณมตฺตา ธาตุโย มหาเจติยมฺหิ ปติฏฺานกาเล พุทฺธเวสํ คเหตฺวา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ยมกปาฏิหาริยํ กโรนฺตู’’ติ อธิฏฺาสิ – อิทํ ปฺจมํ อธิฏฺานนฺติ.

ราชา อิมานิ ปฺจ มหาอธิฏฺานานิ สุตฺวา ปสนฺนจิตฺโต ปาฏลิปุตฺตโต ยาว มหาโพธิ ตาว มคฺคํ ปฏิชคฺคาเปตฺวา สุวณฺณกฏาหตฺถาย พหุํ สุวณฺณํ นีหราเปสิ. ตาวเทว จ รฺโ จิตฺตํ ตฺวา วิสฺสกมฺมเทวปุตฺโต กมฺมารวณฺณํ นิมฺมินิตฺวา ปุรโต อฏฺาสิ. ราชา ตํ ทิสฺวา ‘‘ตาต, อิมํ สุวณฺณํ คเหตฺวา กฏาหํ กโรหี’’ติ อาห. ‘‘ปมาณํ, เทว, ชานาถา’’ติ? ‘‘ตฺวเมว, ตาต, ตฺวา กโรหี’’ติ. ‘‘สาธุ, เทว, กริสฺสามี’’ติ สุวณฺณํ คเหตฺวา อตฺตโน อานุภาเวน หตฺเถน ปริมชฺชิตฺวา สุวณฺณกฏาหํ นิมฺมินิ นวหตฺถปริกฺเขปํ ปฺจหตฺถุพฺเพธํ ติหตฺถวิกฺขมฺภํ อฏฺงฺคุลพหลํ หตฺถิโสณฺฑปฺปมาณมุขวฏฺฏึ. อถ ราชา สตฺตโยชนายามาย ติโยชนวิตฺถาราย มหติยา เสนาย ปาฏลิปุตฺตโต นิกฺขมิตฺวา อริยสงฺฆมาทาย มหาโพธิสมีปํ อคมาสิ. เสนา สมุสฺสิตธชปฏากํ นานารตนวิจิตฺตํ อเนกาลงฺการปอมณฺฑิตํ นานาวิธกุสุมสมากิณฺณํ อเนกตูริยสงฺฆุฏฺํ มหาโพธึ ปริกฺขิปิ. ราชา สหสฺสมตฺเต คณปาโมกฺเข มหาเถเร คเหตฺวา สกลชมฺพุทีเป ปตฺตาภิเสกานํ ราชูนํ สหสฺเสน อตฺตานฺจ มหาโพธิฺจ ปริวาราเปตฺวา มหาโพธิมูเล ตฺวา มหาโพธึ อุลฺโลเกสิ. มหาโพธิสฺส ขนฺธฺจ ทกฺขิณมหาสาขาย จตุหตฺถปฺปมาณปฺปเทสฺจ เปตฺวา อวเสสํ อทสฺสนํ อคมาสิ.

ราชา ตํ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา อุปฺปนฺนปีติปาโมชฺโช ‘‘อหํ, ภนฺเต, อิมํ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ตุฏฺโ มหาโพธึ สกลชมฺพุทีปรชฺเชน ปูเชมี’’ติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส วตฺวา อภิเสกํ อทาสิ. ตโต ปุปฺผคนฺธาทีหิ ปูเชตฺวา ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา อฏฺสุ าเนสุ วนฺทิตฺวา อุฏฺาย อฺชลึ ปคฺคยฺห ตฺวา สจฺจวจนกิริยาย โพธึ คณฺหิตุกาโม ภูมิโต ยาว มหาโพธิสฺส ทกฺขิณสาขา ตาว อุจฺจํ กตฺวา ปิตสฺส สพฺพรตนมยปีสฺส อุปริ สุวณฺณกฏาหํ ปาเปตฺวา รตนปีํ อารุยฺห สุวณฺณตุลิกํ คเหตฺวา มโนสิลาย เลขํ กตฺวา ‘‘ยทิ มหาโพธินา ลงฺกาทีเป ปติฏฺาตพฺพํ, ยทิ จาหํ พุทฺธสาสเน นิพฺเพมติโก ภเวยฺยํ, มหาโพธิ สยเมว อิมสฺมึ สุวณฺณกฏาเห โอรุยฺห ปติฏฺาตู’’ติ สจฺจวจนกิริยมกาสิ. สห สจฺจกิริยาย โพธิสาขา มโนสิลาย ปริจฺฉินฺนฏฺาเน ฉิชฺชิตฺวา คนฺธกลลปูรสฺส สุวณฺณกฏาหสฺส อุปริ อฏฺาสิ. ตสฺส อุพฺเพเธน ทสหตฺโถ ขนฺโธ โหติ จตุหตฺถา ปฺจ มหาสาขา ปฺจหิเยว ผเลหิ ปฏิมณฺฑิตา, ขุทฺทกสาขานํ ปน สหสฺสํ. อถ ราชา มูลเลขาย อุปริ ติวงฺคุลปฺปเทเส อฺํ เลขํ ปริจฺฉินฺทิ. ตโต ตาวเทว ปุปฺผุฬกา หุตฺวา ทส มหามูลานิ นิกฺขมึสุ. ปุน อุปรูปริ ติวงฺคุเล ติวงฺคุเล อฺา นว เลขา ปริจฺฉินฺทิ. ตาหิปิ ทส ทส ปุปฺผุฬกา หุตฺวา นวุติ มูลานิ นิกฺขมึสุ. ปมกา ทส มหามูลา จตุรงฺคุลมตฺตํ นิกฺขนฺตา. อิตเรปิ ควกฺขชาลสทิสํ อนุสิพฺพนฺตา นิกฺขนฺตา. เอตฺตกํ ปาฏิหาริยํ ราชา รตนปีมตฺถเก ิโตเยว ทิสฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห มหานาทํ นทิ. อเนกานิ ภิกฺขุสหสฺสานิ สาธุการมกํสุ. สกลราชเสนา อุนฺนาทินี อโหสิ. เจลุกฺเขปสตสหสฺสานิ ปวตฺตยึสุ. ภูมฏฺกเทเว อาทึ กตฺวา ยาว พฺรหฺมกายิกา เทวา ตาว สาธุการํ ปวตฺตยึสุ. รฺโ อิมํ ปาฏิหาริยํ ปสฺสนฺตสฺส ปีติยา นิรนฺตรํ ผุฏสรีรสฺส อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ิตสฺเสว มหาโพธิ มูลสเตน สุวณฺณกฏาเห ปติฏฺาสิ. ทส มหามูลานิ สุวณฺณกฏาหตลํ อาหจฺจ อฏฺํสุ. อวเสสานิ นวุติ ขุทฺทกมูลานิ อนุปุพฺเพน วฑฺฒนกานิ หุตฺวา คนฺธกลเล โอรุยฺห ิตานิ.

เอวํ สุวณฺณกฏาเห ปติฏฺิตมตฺเต มหาโพธิมฺหิ มหาปถวี จลิ. อากาเส เทวทุนฺทุภิโย ผลึสุ. ปพฺพตานํ นจฺเจหิ เทวานํ สาธุกาเรหิ ยกฺขานํ หิงฺกาเรหิ อสุรานํ ถุติชปฺเปหิ พฺรหฺมานํ อปฺโผฏเนหิ เมฆานํ คชฺชิเตหิ จตุปฺปทานํ รเวหิ ปกฺขีนํ รุเตหิ สพฺพตาฬาวจรานํ สกสกปฏิภาเนหิ ปถวีตลโต ยาว พฺรหฺมโลกา ตาว เอกโกลาหลํ เอกนินฺนาทํ อโหสิ. ปฺจสุ สาขาสุ ผลโต ผลโต ฉพฺพณฺณรํสิโย นิกฺขมิตฺวา สกลจกฺกวาฬํ รตนโคปานสีวินทฺธํ วิย กุรุมานา ยาว พฺรหฺมโลกา อพฺภุคฺคจฺฉึสุ. ตํ ขณโต จ ปน ปภุติ สตฺต ทิวสานิ มหาโพธิ หิมวลาหกคพฺภํ ปวิสิตฺวา อฏฺาสิ. น โกจิ มหาโพธึ ปสฺสติ. ราชา รตนปีโต โอรุยฺห สตฺต ทิวสานิ มหาโพธิปูชํ กาเรสิ. สตฺตเม ทิวเส สพฺพทิสาหิ หิมา จ ฉพฺพณฺณรํสิโย จ อาวตฺติตฺวา มหาโพธิเมว ปวิสึสุ. วิคตหิมวลาหเก วิปฺปสนฺเน จกฺกวาฬคพฺเภ มหาโพธิ ปริปุณฺณขนฺธสาขาปสาโข ปฺจผลปฏิมณฺฑิโต สุวณฺณกฏาเห ปติฏฺิโตว ปฺายิตฺถ. ราชา มหาโพธึ ทิสฺวา เตหิ ปาฏิหาริเยหิ สฺชาตปีติปาโมชฺโช ‘‘สกลชมฺพุทีปรชฺเชน ตรุณมหาโพธึ ปูเชสฺสามี’’ติ อภิเสกํ ทตฺวา สตฺต ทิวสานิ มหาโพธิฏฺาเนเยว อฏฺาสิ.

มหาโพธิ ปุพฺพกตฺติกปวารณาทิวเส สายนฺหสมเย ปมํ สุวณฺณกฏาเห ปติฏฺหิ. ตโต หิมคพฺภสตฺตาหํ อภิเสกสตฺตาหฺจ วีตินาเมตฺวา กาฬปกฺขสฺส อุโปสถทิวเส ราชา เอกทิวเสเนว ปาฏลิปุตฺตํ ปวิสิตฺวา กตฺติกชุณฺหปกฺขสฺส ปาฏิปททิวเส มหาโพธึ ปาจีนมหาสาลมูเล เปสิ. สุวณฺณกฏาเห ปติฏฺิตทิวสโต สตฺตรสเม ทิวเส มหาโพธิสฺส อภินวงฺกุรา ปาตุรเหสุํ. เต ทิสฺวาปิ ปสนฺโน ราชา ปุน มหาโพธึ รชฺเชน ปูเชนฺโต สกลชมฺพุทีปาภิเสกมทาสิ. ตทา สุมนสามเณโร กตฺติกปุณฺณมทิวเส ธาตุคฺคหณตฺถํ คโต มหาโพธิสฺส กตฺติกฉณปูชํ อทฺทส. เอวํ มหาโพธิมณฺฑโต อาเนตฺวา ปาฏลิปุตฺเต ปิตํ มหาโพธึ สนฺธาย อาห – ‘‘เตน หิ, อมฺม, มหาโพธึ คเหตฺวา คจฺฉาหี’’ติ. สา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ.

ราชา มหาโพธิรกฺขณตฺถาย อฏฺารส เทวตากุลานิ, อฏฺ อมจฺจกุลานิ, อฏฺ พฺราหฺมณกุลานิ, อฏฺ กุฏุมฺพิยกุลานิ, อฏฺ โคปกกุลานิ, อฏฺ ตรจฺฉกุลานิ, อฏฺ จ กาลิงฺคกุลานิ ทตฺวา อุทกสิฺจนตฺถาย จ อฏฺ สุวณฺณฆเฏ, อฏฺ จ รชตฆเฏ ทตฺวา อิมินา ปริวาเรน มหาโพธึ คงฺคาย นาวํ อาโรเปตฺวา สยมฺปิ นครโต นิกฺขมิตฺวา วิชฺฌาฏวึ สมติกฺกมฺม อนุปุพฺเพน สตฺตหิ ทิวเสหิ ตามลิตฺตึ อนุปฺปตฺโต. อนฺตรามคฺเค เทวนาคมนุสฺสา อุฬารํ มหาโพธิปูชํ อกํสุ. ราชาปิ สมุทฺทตีเร สตฺต ทิวสานิ มหาโพธึ เปตฺวา สกลชมฺพุทีปมหารชฺชํ อทาสิ. อิทมสฺส ตติยํ ชมฺพุทีปรชฺชสมฺปทานํ โหติ.

เอวํ มหารชฺเชน ปูเชตฺวา มาคสิรมาสสฺส ปมปาฏิปททิวเส อโสโก ธมฺมราชา มหาโพธึ อุกฺขิปิตฺวา คลปฺปมาณํ อุทกํ โอรุยฺห นาวายํ ปติฏฺาเปตฺวา สงฺฆมิตฺตตฺเถริมฺปิ สปริวารํ นาวํ อาโรเปตฺวา อริฏฺํ อมจฺจํ เอตทโวจ – ‘‘อหํ, ตาต, มหาโพธึ ติกฺขตฺตุํ สกลชมฺพุทีปรชฺเชน ปูเชตฺวา คลปฺปมาณํ อุทกํ โอรุยฺห มม สหายกสฺส เปเสสึ, โสปิ เอวเมว มหาโพธึ ปูเชตู’’ติ. เอวํ สหายกสฺส สาสนํ ทตฺวา ‘‘คจฺฉติ วตเร, ทสพลสฺส สรสรํสิชาลํ วิมุฺจนฺโต มหาโพธิรุกฺโข’’ติ วนฺทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา อสฺสูนิ ปวตฺตยมาโน อฏฺาสิ. สาปิ โข มหาโพธิสมารูฬฺหา นาวา ปสฺสโต ปสฺสโต มหาราชสฺส มหาสมุทฺทตลํ ปกฺขนฺตา. มหาสมุทฺเทปิ สมนฺตา โยชนํ วีจิโย วูปสนฺตา; ปฺจ วณฺณานิ ปทุมานิ ปุปฺผิตานิ; อนฺตลิกฺเข ทิพฺพานิ ตูริยานิ ปวชฺชึสุ; อากาเส ชลชถลชรุกฺขาทิสนฺนิสฺสิตาหิ เทวตาหิ ปวตฺติตา อติวิย อุฬารา ปูชา อโหสิ. สงฺฆมิตฺตตฺเถรีปิ สุปณฺณรูเปน มหาสมุทฺเท นาคกุลานิ สนฺตาเสสิ. เต จ อุตฺรสฺตรูปา นาคา อาคนฺตฺวา ตํ วิภูตึ ปสฺสิตฺวา เถรึ ยาจิตฺวา มหาโพธึ นาคภวนํ อติหริตฺวา สตฺต ทิวสานิ นาครชฺเชน ปูเชตฺวา ปุน นาวายํ ปติฏฺาเปสุํ. ตํทิวสเมว นาวา ชมฺพุโกลปฏฺฏนํ อคมาสิ. อโสกมหาราชาปิ มหาโพธิวิโยคทุกฺขิโต กนฺทิตฺวา โรทิตฺวา ยาว ทสฺสนวิสยํ โอโลเกตฺวา ปฏินิวตฺติ.

เทวานมฺปิยติสฺโส มหาราชาปิ โข สุมนสามเณรสฺส วจเนน มาคสิรมาสสฺส ปมปาฏิปททิวสโต ปภุติ อุตฺตรทฺวารโต ปฏฺาย ยาว ชมฺพุโกลปฏฺฏนํ ตาว มคฺคํ โสธาเปตฺวา อลงฺการาเปตฺวา นครโต นิกฺขมนทิวเส อุตฺตรทฺวารสมีเป สมุทฺทสาลวตฺถุสฺมึ ิโตเยว ตาย วิภูติยา มหาสมุทฺเท อาคจฺฉนฺตํเยว มหาโพธึ เถรสฺส อานุภาเวน ทิสฺวา ตุฏฺมานโส นิกฺขมิตฺวา สพฺพํ มคฺคํ ปฺจวณฺเณหิ ปุปฺเผหิ โอกิราเปนฺโต อนฺตรนฺตเร ปุปฺผอคฺฆิยานิ เปนฺโต เอกาเหเนว ชมฺพุโกลปฏฺฏนํ คนฺตฺวา สพฺพตาฬาวจรปริวุโต ปุปฺผธูมคนฺธวาสาทีหิ ปูชยมาโน คลปฺปมาณํ อุทกํ โอรุยฺห ‘‘อาคโต วตเร, ทสพลสฺส สรสรํสิชาลวิสฺสชฺชนโก มหาโพธิรุกฺโข’’ติ ปสนฺนจิตฺโต มหาโพธึ อุกฺขิปิตฺวา อุตฺตมงฺเค สิรสฺมึ ปติฏฺาเปตฺวา มหาโพธึ ปริวาเรตฺวา อาคเตหิ โสฬสหิ ชาติสมฺปนฺนกุเลหิ สทฺธึ สมุทฺทโต ปจฺจุตฺตริตฺวา สมุทฺทตีเร มหาโพธึ เปตฺวา ตีณิ ทิวสานิ สกลตมฺพปณฺณิทีปรชฺเชน ปูเชสิ, โสฬสนฺนํ ชาติสมฺปนฺนกุลานํ รชฺชํ วิจาเรสิ. อถ จตุตฺเถ ทิวเส มหาโพธึ อาทาย อุฬารํ ปูชํ กุรุมาโน อนุปุพฺเพน อนุราธปุรํ สมฺปตฺโต. อนุราธปุเรปิ มหาสกฺการํ กตฺวา จาตุทฺทสีทิวเส วฑฺฒมานกจฺฉายาย มหาโพธึ อุตฺตรทฺวาเรน ปเวเสตฺวา นครมชฺเฌน อติหรนฺโต ทกฺขิณทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา ทกฺขิณทฺวารโต ปฺจธนุสติเก าเน ยตฺถ อมฺหากํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา นิสีทิ, ปุริมกา จ ตโย สมฺมาสมฺพุทฺธา สมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา นิสีทึสุ, ยตฺถ กกุสนฺธสฺส ภควโต มหาสิรีสโพธิ, โกนาคมนสฺส ภควโต อุทุมฺพรโพธิ, กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส จ นิคฺโรธโพธิ ปติฏฺาสิ, ตสฺมึ มหาเมฆวนุยฺยานสฺส ติลกภูเต สุมนสามเณรสฺส วจเนน ปมเมว กตภูมิปริกมฺเม ราชวตฺถุทฺวารโกฏฺกฏฺาเน มหาโพธึ ปติฏฺาเปสิ.

กถํ? ตานิ กิร โพธึ ปริวาเรตฺวา อาคตานิ โสฬส ชาติสมฺปนฺนกุลานิ ราชเวสํ คณฺหึสุ. ราชา โทวาริกเวสํ คณฺหิ. โสฬส กุลานิ มหาโพธึ คเหตฺวา โอโรปยึสุ. มหาโพธิ เตสํ หตฺถโต มุตฺตสมนนฺตรเมว อสีติหตฺถปฺปมาณํ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ฉพฺพณฺณรํสิโย มุฺจิ. รํสิโย สกลทีปํ ปตฺถริตฺวา อุปริ พฺรหฺมโลกํ อาหจฺจ อฏฺํสุ. มหาโพธิปาฏิหาริยํ ทิสฺวา สฺชาตปฺปสาทานิ ทสปุริสสหสฺสานิ อนุปุพฺพวิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา ปพฺพชึสุ. ยาว สูริยตฺถงฺคมา มหาโพธิ อนฺตลิกฺเข อฏฺาสิ. อตฺถงฺคมิเต ปน สูริเย โรหิณินกฺขตฺเตน ปถวิยํ ปติฏฺาสิ. สห โพธิปติฏฺานา อุทกปริยนฺตํ กตฺวา มหาปถวี อกมฺปิ. ปติฏฺหิตฺวา จ ปน มหาโพธิ สตฺต ทิวสานิ หิมคพฺเภ สนฺนิสีทิ. โลกสฺส อทสฺสนํ อคมาสิ. สตฺตเม ทิวเส วิคตวลาหกํ นภํ อโหสิ. ฉพฺพณฺณรํสิโย ชลนฺตา วิปฺผุรนฺตา นิจฺฉรึสุ. มหาโพธิสฺส ขนฺโธ จ สาขาโย จ ปตฺตานิ จ ปฺจ ผลานิ จ ทสฺสึสุ. มหินฺทตฺเถโร จ สงฺฆมิตฺตตฺเถรี จ ราชา จ สปริวารา มหาโพธิฏฺานเมว อคมํสุ. เยภุยฺเยน จ สพฺเพ ทีปวาสิโน สนฺนิปตึสุ. เตสํ ปสฺสนฺตานํเยว อุตฺตรสาขโต เอกํ ผลํ ปจฺจิตฺวา สาขโต มุจฺจิ. เถโร หตฺถํ อุปนาเมสิ. ผลํ เถรสฺส หตฺเถ ปติฏฺาสิ. ตํ เถโร ‘‘โรปย, มหาราชา’’ติ รฺโ อทาสิ. ราชา คเหตฺวา สุวณฺณกฏาเห มธุรปํสุํ อากิริตฺวา คนฺธกลลํ ปูเรตฺวา โรเปตฺวา มหาโพธิอาสนฺนฏฺาเน เปสิ. สพฺเพสํ ปสฺสนฺตานํเยว จตุหตฺถปฺปมาณา อฏฺ ตรุณโพธิรุกฺขา อุฏฺหึสุ. ราชา ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา อฏฺ ตรุณโพธิรุกฺเข เสตจฺฉตฺเตน ปูเชตฺวา อภิเสกํ อทาสิ. ตโต เอกํ โพธิรุกฺขํ อาคมนกาเล มหาโพธินา ปมปติฏฺิโตกาเส ชมฺพุโกลปฏฺฏเน โรปยึสุ, เอกํ ตวกฺกพฺราหฺมณสฺส คามทฺวาเร, เอกํ ถูปาราเม, เอกํ อิสฺสรนิมฺมานวิหาเร, เอกํ ปมเจติยฏฺาเน, เอกํ เจติยปพฺพเต, เอกํ โรหณชนปทมฺหิ กาชรคาเม, เอกํ โรหณชนปทมฺหิเยว จนฺทนคาเม. อิตเรสํ จตุนฺนํ ผลานํ พีเชหิ ชาเต ทฺวตฺตึส โพธิตรุเณ โยชนิยอาราเมสุ ปติฏฺาเปสุํ.

เอวํ ปุตฺตนตฺตุปรมฺปราย สมนฺตา ทีปวาสีนํ หิตาย สุขาย ปติฏฺิเต ทสพลสฺส ธมฺมธชภูเต มหาโพธิมฺหิ อนุฬา เทวี ปฺจหิ กฺาสเตหิ ปฺจหิ จ อนฺเตปุริกาสเตหีติ มาตุคามสหสฺเสน สทฺธึ สงฺฆมิตฺตตฺเถริยา สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา นจิรสฺเสว สปริวารา อรหตฺเต ปติฏฺาสิ. อริฏฺโปิ โข รฺโ ภาคิเนยฺโย ปฺจหิ ปุริสสเตหิ สทฺธึ เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา นจิรสฺเสว สปริวาโร อรหตฺเต ปติฏฺาสิ.

อเถกทิวสํ ราชา มหาโพธึ วนฺทิตฺวา เถเรน สทฺธึ ถูปารามํ คจฺฉติ. ตสฺส โลหปาสาทฏฺานํ สมฺปตฺตสฺส ปุริสา ปุปฺผานิ อภิหรึสุ. ราชา เถรสฺส ปุปฺผานิ อทาสิ. เถโร ปุปฺเผหิ โลหปาสาทฏฺานํ ปูเชสิ. ปุปฺเผสุ ภูมิยํ ปติตมตฺเตสุ มหาภูมิจาโล อโหสิ. ราชา ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, ภูมิ จลิตา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อิสฺมึ, มหาราช, โอกาเส สงฺฆสฺส อนาคเต อุโปสถาคารํ ภวิสฺสติ, ตสฺเสตํ ปุพฺพนิมิตฺต’’นฺติ.

ราชา ปุน เถเรน สทฺธึ คจฺฉนฺโต อมฺพงฺคณฏฺานํ ปตฺโต. ตตฺถสฺส วณฺณคนฺธสมฺปนฺนํ อติมธุรรสํ เอกํ อมฺพปกฺกํ อาหรียิตฺถ. ราชา ตํ เถรสฺส ปริโภคตฺถาย อทาสิ. เถโร ตตฺเถว ปริภุฺชิตฺวา ‘‘อิทํ เอตฺเถว โรเปถา’’ติ อาห. ราชา ตํ อมฺพฏฺึ คเหตฺวา ตตฺเถว โรเปตฺวา อุทกํ อาสิฺจิ. สห อมฺพพีชโรปเนน ปถวี อกมฺปิ. ราชา ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, ปถวี กมฺปิตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อิมสฺมึ, มหาราช, โอกาเส สงฺฆสฺส อนาคเต ‘อมฺพงฺคณํ’ นาม สนฺนิปาตฏฺานํ ภวิสฺสติ, ตสฺเสตํ ปุพฺพนิมิตฺต’’นฺติ.

ราชา ตตฺถ อฏฺ ปุปฺผมุฏฺิโย โอกิริตฺวา วนฺทิตฺวา ปุน เถเรน สทฺธึ คจฺฉนฺโต มหาเจติยฏฺานํ ปตฺโต. ตตฺถสฺส ปุริสา จมฺปกปุปฺผานิ อภิหรึสุ. ตานิ ราชา เถรสฺส อทาสิ. เถโร มหาเจติยฏฺานํ ปุปฺเผหิ ปูเชตฺวา วนฺทิ. ตาวเทว มหาปถวี สงฺกมฺปิ. ราชา ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, ปถวี กมฺปิตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อิมสฺมึ, มหาราช, โอกาเส อนาคเต พุทฺธสฺส ภควโต อสทิโส มหาถูโป ภวิสฺสติ, ตสฺเสตํ ปุพฺพนิมิตฺต’’นฺติ. ‘‘อหเมว กโรมิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อลํ, มหาราช, ตุมฺหากํ อฺํ พหุกมฺมํ อตฺถิ, ตุมฺหากํ ปน นตฺตา ทุฏฺคามณี อภโย นาม กาเรสฺสตี’’ติ. อถ ราชา ‘‘สเจ, ภนฺเต, มยฺหํ นตฺตา กริสฺสติ, กตํเยว มยา’’ติ ทฺวาทสหตฺถํ ปาสาณตฺถมฺภํ อาหราเปตฺวา ‘‘เทวานมฺปิยติสฺสสฺส รฺโ นตฺตา ทุฏฺคามณี อภโย นาม อิมสฺมึ ปเทเส ถูปํ กโรตู’’ติ อกฺขรานิ ลิขาเปตฺวา ปติฏฺาเปตฺวา วนฺทิตฺวา เถรํ ปุจฺฉิ – ‘‘ปติฏฺิตํ นุ โข, ภนฺเต, ตมฺพปณฺณิทีเป สาสน’’นฺติ? ‘‘ปติฏฺิตํ, มหาราช, สาสนํ; มูลานิ ปนสฺส น ตาว โอตรนฺตี’’ติ. ‘‘กทา ปน, ภนฺเต มูลานิ โอติณฺณานิ นาม ภวิสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘ยทา, มหาราช, ตมฺพปณฺณิทีปกานํ มาตาปิตูนํ ตมฺพปณฺณิทีเป ชาโต ทารโก ตมฺพปณฺณิทีเป ปพฺพชิตฺวา ตมฺพปณฺณิทีปมฺหิเยว วินยํ อุคฺคเหตฺวา ตมฺพปณฺณิทีเป วาเจสฺสติ, ตทา สาสนสฺส มูลานิ โอติณฺณานิ นาม ภวิสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘อตฺถิ ปน, ภนฺเต, เอทิโส ภิกฺขู’’ติ? ‘‘อตฺถิ, มหาราช, มหาอริฏฺโ ภิกฺขุ ปฏิพโล เอตสฺมึ กมฺเม’’ติ. ‘‘มยา เอตฺถ, ภนฺเต, กึ กตฺตพฺพ’’นฺติ? ‘‘มณฺฑปํ, มหาราช, กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ ราชา เมฆวณฺณาภยสฺส อมจฺจสฺส ปริเวณฏฺาเน มหาสงฺคีติกาเล อชาตสตฺตุมหาราเชน กตมณฺฑปปฺปการํ ราชานุภาเวน มณฺฑปํ กาเรตฺวา สพฺพตาฬาวจเร สกสกสิปฺเปสุ ปโยเชตฺวา ‘‘สาสนสฺส มูลานิ โอตรนฺตานิ ปสฺสิสฺสามี’’ติ อเนกปุริสสหสฺสปริวุโต ถูปารามํ อนุปฺปตฺโต.

เตน โข ปน สมเยน ถูปาราเม อฏฺสฏฺิ ภิกฺขุสหสฺสานิ สนฺนิปตึสุ. มหามหินฺทตฺเถรสฺส อาสนํ ทกฺขิณาภิมุขํ ปฺตฺตํ โหติ. มหาอริฏฺตฺเถรสฺส ธมฺมาสนํ อุตฺตราภิมุขํ ปฺตฺตํ โหติ. อถ โข มหาอริฏฺตฺเถโร มหินฺทตฺเถเรน อชฺฌิฏฺโ อตฺตโน อนุรูเปน ปตฺตานุกฺกเมน ธมฺมาสเน นิสีทิ. มหินฺทตฺเถรปมุขา อฏฺสฏฺิ มหาเถรา ธมฺมาสนํ ปริวาเรตฺวา นิสีทึสุ. รฺโปิ กนิฏฺภาตา มตฺตาภยตฺเถโร นาม ‘‘ธุรคฺคาโห หุตฺวา วินยํ อุคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ มหาอริฏฺตฺเถรสฺส ธมฺมาสนเมว ปริวาเรตฺวา นิสีทิ. อวเสสาปิ ภิกฺขู สราชิกา จ ปริสา อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตาสเน นิสีทึสุ.

อถายสฺมา มหาอริฏฺตฺเถโร เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา เวรฺชายํ วิหรติ นเฬรุปุจิมนฺทมูเลติ วินยนิทานํ อภาสิ. ภาสิเต จ ปนายสฺมตา อริฏฺตฺเถเรน วินยนิทาเน อากาสํ มหาวิรวํ รวิ. อกาลวิชฺชุลตา นิจฺฉรึสุ. เทวตา สาธุการํ อทํสุ. มหาปถวี อุทกปริยนฺตํ กตฺวา สงฺกมฺปิ. เอวํ อเนเกสุ ปาฏิหาริเยสุ วตฺตมาเนสุ อายสฺมา อริฏฺตฺเถโร มหามหินฺทปมุเขหิ อฏฺสฏฺิยา ปจฺเจกคณีหิ ขีณาสวมหาเถเรหิ ตทฺเหิ จ อฏฺสฏฺิภิกฺขุสหสฺเสหิ ปริวุโต ปมกตฺติกปวารณาทิวเส ถูปารามวิหารมชฺเฌ สตฺถุ กรุณาคุณทีปกํ ภควโต อนุสิฏฺิกรานํ กายกมฺมวจีกมฺมวิปฺผนฺทิตวินยนํ วินยปิฏกํ ปกาเสสิ. ปกาเสตฺวา จ ยาวตายุกํ ติฏฺมาโน พหูนํ วาเจตฺวา พหูนํ หทเย ปติฏฺาเปตฺวา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ. เตปิ โข มหามหินฺทปฺปมุขา ตสฺมึ สมาคเม –

‘‘อฏฺสฏฺิ มหาเถรา, ธุรคฺคาหา สมาคตา;

ปจฺเจกคณิโน สพฺเพ, ธมฺมราชสฺส สาวกา.

‘‘ขีณาสวา วสิปฺปตฺตา, เตวิชฺชา อิทฺธิโกวิทา;

อุตฺตมตฺถมภิฺาย, อนุสาสึสุ ราชิโน.

‘‘อาโลกํ ทสฺสยิตฺวาน, โอภาเสตฺวา มหึ อิมํ;

ชลิตฺวา อคฺคิกฺขนฺธาว, นิพฺพายึสุ มเหสโย’’.

เตสํ ปรินิพฺพานโต อปรภาเค อฺเปิ เตสํ เถรานํ อนฺเตวาสิกา ติสฺสทตฺตกาฬสุมน-ทีฆสุมนาทโย จ มหาอริฏฺตฺเถรสฺส อนฺเตวาสิกา, อนฺเตวาสิกานํ อนฺเตวาสิกา จาติ เอวํ ปุพฺเพ วุตฺตปฺปการา อาจริยปรมฺปรา อิมํ วินยปิฏกํ ยาวชฺชตนา อาเนสุํ. เตน วุตฺตํ –

‘‘ตติยสงฺคหโต ปน อุทฺธํ อิมํ ทีปํ มหินฺทาทีหิ อาภตํ, มหินฺทโต อุคฺคเหตฺวา กฺจิ กาลํ อริฏฺตฺเถราทีหิ อาภตํ, ตโต ยาวชฺชตนา เตสํเยว อนฺเตวาสิกปรมฺปรภูตาย อาจริยปรมฺปราย อาภต’’นฺติ.

กตฺถ ปติฏฺิตนฺติ? เยสํ ปาฬิโต จ อตฺถโต จ อนูนํ วตฺตติ, มณิฆเฏ ปกฺขิตฺตเตลมิว อีสกมฺปิ น ปคฺฆรติ, เอวรูเปสุ อธิมตฺตสติ-คติ-ธิติ-มนฺเตสุ ลชฺชีสุ กุกฺกุจฺจเกสุ สิกฺขากาเมสุ ปุคฺคเลสุ ปติฏฺิตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตสฺมา วินยปติฏฺาปนตฺถํ วินยปริยตฺติยา อานิสํสํ สลฺลกฺเขตฺวา สิกฺขากาเมน ภิกฺขุนา วินโย ปริยาปุณิตพฺโพ.

ตตฺรายํ วินยปริยตฺติยา อานิสํโส – วินยปริยตฺติกุสโล หิ ปุคฺคโล สาสเน ปฏิลทฺธสทฺธานํ กุลปุตฺตานํ มาตาปิตุฏฺานิโย โหติ, ตทายตฺตา หิ เนสํ ปพฺพชฺชา อุปสมฺปทา วตฺตานุวตฺตปฏิปตฺติ อาจารโคจรกุสลตา. อปิ จสฺส วินยปริยตฺตึ นิสฺสาย อตฺตโน สีลกฺขนฺโธ สุคุตฺโต โหติ สุรกฺขิโต; กุกฺกุจฺจปกตานํ ภิกฺขูนํ ปฏิสรณํ โหติ; วิสารโท สงฺฆมชฺเฌ โวหรติ; ปจฺจตฺถิเก สหธมฺเมน สุนิคฺคหิตํ นิคฺคณฺหาติ; สทฺธมฺมฏฺิติยา ปฏิปนฺโน โหติ. เตนาห ภควา – ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อานิสํสา วินยธเร ปุคฺคเล; อตฺตโน สีลกฺขนฺโธ สุคุตฺโต โหติ สุรกฺขิโต…เป… สทฺธมฺมฏฺิติยา ปฏิปนฺโน โหตี’’ติ (ปริ. ๓๒๕).

เย จาปิ สํวรมูลกา กุสลา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา, วินยธโร ปุคฺคโล เตสํ ทายาโท; วินยมูลกตฺตา เตสํ ธมฺมานํ. วุตฺตมฺปิ เหตํ ภควตา – ‘‘วินโย สํวรตฺถาย, สํวโร อวิปฺปฏิสารตฺถาย, อวิปฺปฏิสาโร ปาโมชฺชตฺถาย, ปาโมชฺชํ ปีตตฺถาย, ปีติ ปสฺสทฺธตฺถาย, ปสฺสทฺธิ สุขตฺถาย, สุขํ สมาธตฺถาย, สมาธิ ยถาภูตาณทสฺสนตฺถาย, ยถาภูตาณทสฺสนํ นิพฺพิทตฺถาย, นิพฺพิทา วิราคตฺถาย, วิราโค วิมุตฺตตฺถาย , วิมุตฺติ วิมุตฺติาณทสฺสนตฺถาย, วิมุตฺติาณทสฺสนํ อนุปาทาปรินิพฺพานตฺถาย. เอตทตฺถา กถา, เอตทตฺถา มนฺตนา, เอตทตฺถา อุปนิสา, เอตทตฺถํ โสตาวธานํ – ยทิทํ อนุปาทาจิตฺตสฺส วิโมกฺโข’’ติ (ปริ. ๓๖๖). ตสฺมา วินยปริยตฺติยา อาโยโค กรณีโยติ.

เอตฺตาวตา จ ยา สา วินยสํวณฺณนตฺถํ มาติกา ปิตา ตตฺถ –

‘‘วุตฺตํ เยน ยทา ยสฺมา, ธาริตํ เยน จาภตํ;

ยตฺถปฺปติฏฺิตํ เจตเมตํ, วตฺวา วิธึ ตโต’’ติ.

อิมิสฺสา ตาว คาถาย อตฺโถ ปกาสิโต วินยสฺส จ พาหิรนิทานวณฺณนา ยถาธิปฺปายํ สํวณฺณิตา โหตีติ.

ตติยสงฺคีติกถา นิฏฺิตา.

พาหิรนิทานกถา นิฏฺิตา.