📜
เวรฺชกณฺฑวณฺณนา
‘‘เตนาติอาทิปาสฺส, อตฺถํ นานปฺปการโต;
ทสฺสยนฺโต กริสฺสามิ, วินยสฺสตฺถวณฺณน’’นฺติ.
วุตฺตตฺตา เตน สมเยน พุทฺโธ ภควาติอาทีนํ อตฺถวณฺณนํ กริสฺสามิ. เสยฺยถิทํ – เตนาติ อนิยมนิทฺเทสวจนํ. ตสฺส สรูเปน อวุตฺเตนปิ อปรภาเค อตฺถโต สิทฺเธน เยนาติ อิมินา วจเนน ปฏินิทฺเทโส กาตพฺโพ. อปรภาเค หิ วินยปฺตฺติยาจนเหตุภูโต อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปริวิตกฺโก สิทฺโธ. ตสฺมา เยน สมเยน โส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ, เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา เวรฺชายํ วิหรตีติ เอวเมตฺถ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. อยฺหิ สพฺพสฺมิมฺปิ วินเย ยุตฺติ, ยทิทํ ยตฺถ ยตฺถ ‘‘เตนา’’ติ วุจฺจติ ตตฺถ ตตฺถ ปุพฺเพ วา ปจฺฉา วา อตฺถโต สิทฺเธน ‘‘เยนา’’ติ อิมินา วจเนน ปฏินิทฺเทโส กาตพฺโพติ.
ตตฺริทํ มุขมตฺตนิทสฺสนํ – ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทํ ปฺเปสฺสามิ, เยน สุทินฺโน เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวิ; ยสฺมา ปฏิเสวิ, ตสฺมา ปฺเปสฺสามี’’ติ วุตฺตํ โหติ. เอวํ ตาว ปุพฺเพ อตฺถโต สิทฺเธน เยนาติ อิมินา วจเนน ปฏินิทฺเทโส ยุชฺชติ. เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา ราชคเห วิหรติ, เยน สมเยน ธนิโย กุมฺภการปุตฺโต รฺโ ทารูนิ อทินฺนํ อาทิยีติ เอวํ ปจฺฉา อตฺถโต สิทฺเธน เยนาติ อิมินา วจเนน ปฏินิทฺเทโส ยุชฺชตีติ วุตฺโต เตนาติ วจนสฺส อตฺโถ. สมเยนาติ เอตฺถ ปน สมยสทฺโท ตาว –
สมวาเย ¶ ขเณ กาเล, สมูเห เหตุ-ทิฏฺิสุ;
ปฏิลาเภ ปหาเน จ, ปฏิเวเธ จ ทิสฺสติ.
ตถา ¶ หิสฺส – ‘‘อปฺเปว นาม สฺเวปิ อุปสงฺกเมยฺยาม กาลฺจ สมยฺจ อุปาทายา’’ติ (ที. นิ. ๑.๔๔๗) เอวมาทีสุ สมวาโย อตฺโถ. ‘‘เอโกว โข, ภิกฺขเว, ขโณ จ สมโย จ พฺรหฺมจริยวาสายา’’ติ (อ. นิ. ๘.๒๙) เอวมาทีสุ ขโณ. ‘‘อุณฺหสมโย ¶ ปริฬาหสมโย’’ติ (ปาจิ. ๓๕๘) เอวมาทีสุ กาโล. ‘‘มหาสมโย ปวนสฺมิ’’นฺติ เอวมาทีสุ สมูโห. ‘‘สมโยปิ โข เต, ภทฺทาลิ, อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสิ – ‘ภควา โข สาวตฺถิยํ วิหรติ, ภควาปิ มํ ชานิสฺสติ – ภทฺทาลิ นาม ภิกฺขุ สตฺถุสาสเน สิกฺขาย อปริปูรการี’ติ อยมฺปิ โข เต, ภทฺทาลิ, สมโย อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสี’’ติ (ม. นิ. ๒.๑๓๕) เอวมาทีสุ เหตุ. ‘‘เตน โข ปน สมเยน อุคฺคหมาโน ปริพฺพาชโก สมณมุณฺฑิกาปุตฺโต สมยปฺปวาทเก ตินฺทุกาจีเร เอกสาลเก มลฺลิกาย อาราเม ปฏิวสตี’’ติ (ม. นิ. ๒.๒๖๐) เอวมาทีสุ ทิฏฺิ.
‘‘ทิฏฺเ ธมฺเม จ โย อตฺโถ, โย จตฺโถ สมฺปรายิโก;
อตฺถาภิสมยา ธีโร, ปณฺฑิโตติ ปวุจฺจตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๒๙);
เอวมาทีสุ ปฏิลาโภ. ‘‘สมฺมา มานาภิสมยา อนฺตมกาสิ ทุกฺขสฺสา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๘) เอวมาทีสุ ปหานํ. ‘‘ทุกฺขสฺส ปีฬนฏฺโ สงฺขตฏฺโ สนฺตาปฏฺโ วิปริณามฏฺโ อภิสมยฏฺโ’’ติ (ปฏิ. ม. ๒.๘) เอวมาทีสุ ปฏิเวโธ อตฺโถ. อิธ ปนสฺส กาโล อตฺโถ. ตสฺมา เยน กาเลน อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส วินยปฺตฺติยาจนเหตุภูโต ปริวิตกฺโก อุทปาทิ, เตน กาเลนาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
เอตฺถาห – ‘‘อถ กสฺมา ยถา สุตฺตนฺเต ‘เอกํ สมย’นฺติ อุปโยควจเนน นิทฺเทโส กโต, อภิธมฺเม จ ‘ยสฺมึ สมเย กามาวจร’นฺติ ภุมฺมวจเนน, ตถา อกตฺวา อิธ ‘เตน สมเยนา’ติ กรณวจเนน นิทฺเทโส กโต’’ติ? ตตฺถ ตถา, อิธ จ อฺถา อตฺถสมฺภวโต. กถํ? สุตฺตนฺเต ตาว อจฺจนฺตสํโยคตฺโถ สมฺภวติ. ยฺหิ สมยํ ภควา พฺรหฺมชาลาทีนิ สุตฺตนฺตานิ เทเสสิ, อจฺจนฺตเมว ตํ สมยํ กรุณาวิหาเรน วิหาสิ; ตสฺมา ตทตฺถโชตนตฺถํ ตตฺถ อุปโยคนิทฺเทโส กโต. อภิธมฺเม จ อธิกรณตฺโถ ¶ ภาเวนภาวลกฺขณตฺโถ จ สมฺภวติ. อธิกรณฺหิ กาลตฺโถ สมูหตฺโถ จ สมโย, ตตฺถ วุตฺตานํ ผสฺสาทิธมฺมานํ ขณสมวายเหตุสงฺขาตสฺส จ สมยสฺส ภาเวน เตสํ ภาโว ลกฺขิยติ. ตสฺมา ตทตฺถโชตนตฺถํ ตตฺถ ภุมฺมวจเนน นิทฺเทโส กโต. อิธ ปน เหตุอตฺโถ กรณตฺโถ จ สมฺภวติ. โย ¶ หิ โส สิกฺขาปทปฺตฺติสมโย ¶ สาริปุตฺตาทีหิปิ ทุพฺพิฺเยฺโย, เตน สมเยน เหตุภูเตน กรณภูเตน จ สิกฺขาปทานิ ปฺาปยนฺโต สิกฺขาปทปฺตฺติเหตฺุจ อเปกฺขมาโน ภควา ตตฺถ ตตฺถ วิหาสิ; ตสฺมา ตทตฺถโชตนตฺถํ อิธ กรณวจเนน นิทฺเทโส กโตติ เวทิตพฺโพ. โหติ เจตฺถ –
‘‘อุปโยเคน ภุมฺเมน, ตํ ตํ อตฺถมเปกฺขิย;
อฺตฺร สมโย วุตฺโต, กรเณเนว โส อิธา’’ติ.
โปราณา ปน วณฺณยนฺติ – ‘เอกํ สมย’นฺติ วา ‘ยสฺมึ สมเย’ติ วา ‘เตน สมเยนา’ติ วา อภิลาปมตฺตเภโท เอส, สพฺพตฺถ ภุมฺมเมว อตฺโถ’’ติ. ตสฺมา เตสํ ลทฺธิยา ‘‘เตน สมเยนา’’ติ วุตฺเตปิ ‘‘ตสฺมึ สมเย’’ติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
พุทฺโธ ภควาติ อิเมสํ ปทานํ ปรโต อตฺถํ วณฺณยิสฺสาม. เวรฺชายํ วิหรตีติ เอตฺถ ปน เวรฺชาติ อฺตรสฺส นครสฺเสตํ อธิวจนํ, ตสฺสํ เวรฺชายํ; สมีปตฺเถ ภุมฺมวจนํ. วิหรตีติ อวิเสเสน อิริยาปถทิพฺพพฺรหฺมอริยวิหาเรสุ อฺตรวิหารสมงฺคีปริทีปนเมตํ, อิธ ปน านคมนนิสชฺชาสยนปฺปเภเทสุ อิริยาปเถสุ อฺตรอิริยาปถสมาโยคปริทีปนํ, เตน ิโตปิ คจฺฉนฺโตปิ นิสินฺโนปิ สยาโนปิ ภควา วิหรติจฺเจว เวทิตพฺโพ. โส หิ เอกํ อิริยาปถพาธนํ อฺเน อิริยาปเถน วิจฺฉินฺทิตฺวา อปริปตนฺตํ อตฺตภาวํ หรติ ปวตฺเตติ, ตสฺมา ‘‘วิหรตี’’ติ วุจฺจติ.
นเฬรุปุจิมนฺทมูเลติ เอตฺถ นเฬรุ นาม ยกฺโข, ปุจิมนฺโทติ ¶ นิมฺพรุกฺโข, มูลนฺติ สมีปํ. อยฺหิ มูลสทฺโท ‘‘มูลานิ อุทฺธเรยฺย อนฺตมโส อุสีรนาฬิมตฺตานิปี’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๙๕) -อาทีสุ มูลมูเล ทิสฺสติ. ‘‘โลโภ อกุสลมูล’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๓๐๕) -อาทีสุ อสาธารณเหตุมฺหิ. ‘‘ยาว มชฺฌนฺหิเก กาเล ฉายา ผรติ, นิวาเต ปณฺณานิ ปตนฺติ, เอตฺตาวตา รุกฺขมูล’’นฺติอาทีสุ สมีเป. อิธ ปน สมีเป อธิปฺเปโต, ตสฺมา นเฬรุยกฺเขน อธิคฺคหิตสฺส ปุจิมนฺทสฺส สมีเปติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. โส กิร ปุจิมนฺโท รมณีโย ปาสาทิโก อเนเกสํ รุกฺขานํ อาธิปจฺจํ วิย กุรุมาโน ตสฺส นครสฺส อวิทูเร คมนาคมนสมฺปนฺเน าเน อโหสิ. อถ ¶ ภควา เวรฺชํ คนฺตฺวา ปติรูเป าเน วิหรนฺโต ตสฺส รุกฺขสฺส สมีเป เหฏฺาภาเค วิหาสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เวรฺชายํ วิหรติ นเฬรุปุจิมนฺทมูเล’’ติ.
ตตฺถ ¶ สิยา ยทิ ตาว ภควา เวรฺชายํ วิหรติ, ‘‘นเฬรุปุจิมนฺทมูเล’’ติ น วตฺตพฺพํ, อถ ตตฺถ วิหรติ, ‘‘เวรฺชาย’’นฺติ น วตฺตพฺพํ, น หิ สกฺกา อุภยตฺถ เตเนว สมเยน อปุพฺพํ อจริมํ วิหริตุนฺติ? น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ, นนุ อโวจุมฺห ‘‘สมีปตฺเถ ภุมฺมวจน’’นฺติ. ตสฺมา ยถา คงฺคายมุนาทีนํ สมีเป โคยูถานิ จรนฺตานิ ‘‘คงฺคาย จรนฺติ, ยมุนาย จรนฺตี’’ติ วุจฺจนฺติ; เอวมิธาปิ ยทิทํ เวรฺชาย สมีเป นเฬรุปุจิมนฺทมูลํ ตตฺถ วิหรนฺโต วุจฺจติ ‘‘เวรฺชายํ วิหรติ นเฬรุปุจิมนฺทมูเล’’ติ. โคจรคามนิทสฺสนตฺถํ หิสฺส เวรฺชาวจนํ. ปพฺพชิตานุรูปนิวาสนฏฺานนิทสฺสนตฺถํ นเฬรุปุจิมนฺทมูลวจนํ.
ตตฺถ เวรฺชากิตฺตเนน อายสฺมา อุปาลิตฺเถโร ภควโต คหฏฺานุคฺคหกรณํ ทสฺเสติ, นเฬรุปุจิมนฺทมูลกิตฺตเนน ปพฺพชิตานุคฺคหกรณํ, ตถา ปุริเมน ปจฺจยคฺคหณโต อตฺตกิลมถานุโยควิวชฺชนํ, ปจฺฉิเมน วตฺถุกามปฺปหานโต กามสุขลฺลิกานุโยควิวชฺชนุปายทสฺสนํ; ปุริเมน จ ธมฺมเทสนาภิโยคํ, ปจฺฉิเมน วิเวกาธิมุตฺตึ; ปุริเมน กรุณาย อุปคมนํ ¶ , ปจฺฉิเมน ปฺาย อปคมนํ; ปุริเมน สตฺตานํ หิตสุขนิปฺผาทนาธิมุตฺตตํ, ปจฺฉิเมน ปรหิตสุขกรเณ นิรุปเลปนํ; ปุริเมน ธมฺมิกสุขาปริจฺจาคนิมิตฺตํ ผาสุวิหารํ, ปจฺฉิเมน อุตฺตริมนุสฺสธมฺมานุโยคนิมิตฺตํ; ปุริเมน มนุสฺสานํ อุปการพหุลตํ, ปจฺฉิเมน เทวตานํ; ปุริเมน โลเก ชาตสฺส โลเก สํวฑฺฒภาวํ, ปจฺฉิเมน โลเกน อนุปลิตฺตตํ; ปุริเมน ‘‘เอกปุคฺคโล, ภิกฺขเว, โลเก อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํ. กตโม เอกปุคฺคโล? ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๗๐) วจนโต ยทตฺถํ ภควา อุปฺปนฺโน ตทตฺถปรินิปฺผาทนํ, ปจฺฉิเมน ยตฺถ อุปฺปนฺโน ตทนุรูปวิหารํ. ภควา หิ ปมํ ลุมฺพินีวเน, ทุติยํ โพธิมณฺเฑติ โลกิยโลกุตฺตราย อุปฺปตฺติยา วเนเยว อุปฺปนฺโน, เตนสฺส วเนเยว วิหารํ ทสฺเสตีติ เอวมาทินา นเยเนตฺถ อตฺถโยชนา เวทิตพฺพา.
มหตา ¶ ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธินฺติ เอตฺถ มหตาติ คุณมหตฺเตนปิ มหตา; สงฺขฺยามหตฺเตนปิ, โส หิ ภิกฺขุสงฺโฆ คุเณหิปิ มหา อโหสิ, ยสฺมา โย ตตฺถ ปจฺฉิมโก โส โสตาปนฺโน; สงฺขฺยายปิ มหา ปฺจสตสงฺขฺยตฺตา. ภิกฺขูนํ สงฺเฆน ภิกฺขุสงฺเฆน; ทิฏฺิสีลสามฺสงฺขาตสงฺฆาเตน สมณคเณนาติ อตฺโถ. สทฺธินฺติ เอกโต. ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหีติ ปฺจ มตฺตา เอเตสนฺติ ปฺจมตฺตานิ. มตฺตาติ ปมาณํ วุจฺจติ. ตสฺมา ยถา ‘‘โภชเน ¶ มตฺตฺู’’ติ วุตฺเต โภชเน มตฺตํ ชานาติ, ปมาณํ ชานาตีติ อตฺโถ โหติ; เอวมิธาปิ เตสํ ภิกฺขุสตานํ ปฺจ มตฺตา ปฺจปฺปมาณนฺติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ภิกฺขูนํ สตานิ ภิกฺขุสตานิ, เตหิ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ. เอเตน ยํ วุตฺตํ – ‘‘มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธิ’’นฺติ, เอตฺถ ตสฺส มหโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส สงฺขฺยามหตฺตํ ทสฺสิตํ โหติ. ปรโต ปนสฺส ¶ ‘‘นิรพฺพุโท หิ, สาริปุตฺต ภิกฺขุสงฺโฆ นิราทีนโว อปคตกาฬโก สุทฺโธ สาเร ปติฏฺิโต. อิเมสฺหิ, สาริปุตฺต, ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ โย ปจฺฉิมโก โส โสตาปนฺโน’’ติ วจเนน คุณมหตฺตํ อาวิภวิสฺสติ.
อสฺโสสิ โข เวรฺโช พฺราหฺมโณติ อสฺโสสีติ สุณิ อุปลภิ, โสตทฺวารสมฺปตฺตวจนนิคฺโฆสานุสาเรน อฺาสิ. โขติ ปทปูรณมตฺเต อวธารณตฺเถ วา นิปาโต. ตตฺถ อวธารณตฺเถน อสฺโสสิ เอว, นาสฺส โกจิ สวนนฺตราโย อโหสีติ อยมตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปทปูรเณน ปน พฺยฺชนสิลิฏฺตามตฺตเมว. เวรฺชายํ ชาโต, เวรฺชายํ ภโว, เวรฺชา วา อสฺส นิวาโสติ เวรฺโช. มาตาปิตูหิ กตนามวเสน ปนายํ ‘‘อุทโย’’ติ วุจฺจติ. พฺรหฺมํ อณตีติ พฺราหฺมโณ, มนฺเต สชฺฌายตีติ อตฺโถ. อิทเมว หิ ชาติพฺราหฺมณานํ นิรุตฺติวจนํ. อริยา ปน พาหิตปาปตฺตา ‘‘พฺราหฺมณา’’ติ วุจฺจนฺติ.
อิทานิ ยมตฺถํ เวรฺโช พฺราหฺมโณ อสฺโสสิ, ตํ ปกาเสนฺโต สมโณ ขลุ โภ โคตโมติอาทิมาห. ตตฺถ สมิตปาปตฺตา สมโณติ เวทิตพฺโพ. วุตฺตํ เหตํ – ‘‘พาหิตปาโปติ พฺราหฺมโณ (ธ. ป. ๓๘๘), สมิตปาปตฺตา ¶ สมโณติ วุจฺจตี’’ติ (ธ. ป. ๒๖๕). ภควา จ อนุตฺตเรน อริยมคฺเคน สมิตปาโป, เตนสฺส ยถาภุจฺจคุณาธิคตเมตํ นามํ ยทิทํ สมโณติ. ขลูติ อนุสฺสวนตฺเถ นิปาโต. โภติ พฺราหฺมณชาติกานํ ชาติสมุทาคตํ อาลปนมตฺตํ. วุตฺตมฺปิ เหตํ –
‘‘โภวาที นามโส โหติ, สเจ โหติ สกิฺจโน’’ติ. (ธ. ป. ๓๙๖; สุ. นิ. ๖๒๕). โคตโมติ ภควนฺตํ โคตฺตวเสน ปริกิตฺเตติ, ตสฺมา ‘‘สมโณ ขลุ โภ โคตโม’’ติ เอตฺถ สมโณ กิร โภ โคตมโคตฺโตติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. สกฺยปุตฺโตติ อิทํ ปน ภควโต อุจฺจากุลปริทีปนํ. สกฺยกุลา ปพฺพชิโตติ สทฺธาปพฺพชิตภาวปริทีปนํ, เกนจิ ปาริชฺุเน อนภิภูโต อปริกฺขีณํเยว, ตํ กุลํ ปหาย สทฺธาย ปพฺพชิโตติ วุตฺตํ โหติ. ตโต ปรํ วุตฺตตฺถเมว. ตํ โข ปนาติ อิตฺถมฺภูตาขฺยานตฺเถ ¶ อุปโยควจนํ, ตสฺส โข ปน ¶ โภโต โคตมสฺสาติ อตฺโถ. กลฺยาโณติ กลฺยาณคุณสมนฺนาคโต; เสฏฺโติ วุตฺตํ โหติ. กิตฺติสทฺโทติ กิตฺติ เอว, ถุติโฆโส วา.
อิติปิ โส ภควาติอาทีสุ ปน อยํ ตาว โยชนา – โส ภควา อิติปิ อรหํ, อิติปิ สมฺมาสมฺพุทฺโธ…เป… อิติปิ ภควาติ อิมินา จ อิมินา จ การเณนาติ วุตฺตํ โหติ.
อิทานิ วินยธรานํ สุตฺตนฺตนยโกสลฺลตฺถํ วินยสํวณฺณนารมฺเภ พุทฺธคุณปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมิยา กถาย จิตฺตสมฺปหํสนตฺถฺจ เอเตสํ ปทานํ วิตฺถารนเยน วณฺณนํ กริสฺสามิ. ตสฺมา ยํ วุตฺตํ – ‘‘โส ภควา อิติปิ อรห’’นฺติอาทิ; ตตฺถ อารกตฺตา, อรีนํ อรานฺจ หตตฺตา, ปจฺจยาทีนํ อรหตฺตา, ปาปกรเณ รหาภาวาติ อิเมหิ ตาว การเณหิ โส ภควา อรหนฺติ เวทิตพฺโพ. อารกา หิ โส สพฺพกิเลเสหิ สุวิทูรวิทูเร ิโต, มคฺเคน สวาสนานํ กิเลสานํ วิทฺธํสิตตฺตาติ อารกตฺตา อรหํ; เต จาเนน กิเลสารโย มคฺเคน หตาติ อรีนํ หตตฺตาปิ อรหํ. ยฺเจตํ อวิชฺชาภวตณฺหามยนาภิปฺุาทิอภิสงฺขารารํ ชรามรณเนมิ อาสวสมุทยมเยน อกฺเขน วิชฺฌิตฺวา ติภวรเถ สมาโยชิตํ อนาทิกาลปฺปวตฺตํ สํสารจกฺกํ, ตสฺสาเนน โพธิมณฺเฑ ¶ วีริยปาเทหิ สีลปถวิยํ ปติฏฺาย สทฺธาหตฺเถน กมฺมกฺขยกรํ าณผรสุํ คเหตฺวา สพฺเพ อรา หตาติ อรานํ หตตฺตาปิ อรหํ.
อถ วา สํสารจกฺกนฺติ อนมตคฺคสํสารวฏฺฏํ วุจฺจติ, ตสฺส จ อวิชฺชา นาภิ, มูลตฺตา; ชรามรณํ เนมิ, ปริโยสานตฺตา; เสสา ทส ธมฺมา อรา, อวิชฺชามูลกตฺตา ชรามรณปริยนฺตตฺตา จ. ตตฺถ ทุกฺขาทีสุ อฺาณํ อวิชฺชา, กามภเว จ อวิชฺชา กามภเว สงฺขารานํ ปจฺจโย โหติ. รูปภเว อวิชฺชา รูปภเว สงฺขารานํ ปจฺจโย โหติ. อรูปภเว อวิชฺชา อรูปภเว สงฺขารานํ ปจฺจโย โหติ. กามภเว สงฺขารา กามภเว ¶ ปฏิสนฺธิวิฺาณสฺส ปจฺจยา โหนฺติ. เอส นโย อิตเรสุ. กามภเว ปฏิสนฺธิวิฺาณํ กามภเว นามรูปสฺส ปจฺจโย โหติ, ตถา รูปภเว. อรูปภเว นามสฺเสว ปจฺจโย โหติ. กามภเว นามรูปํ กามภเว สฬายตนสฺส ปจฺจโย โหติ. รูปภเว นามรูปํ รูปภเว ติณฺณํ อายตนานํ ปจฺจโย โหติ. อรูปภเว นามํ อรูปภเว เอกสฺสายตนสฺส ปจฺจโย โหติ. กามภเว สฬายตนํ กามภเว ฉพฺพิธสฺส ผสฺสสฺส ปจฺจโย โหติ. รูปภเว ตีณิ อายตนานิ รูปภเว ติณฺณํ ผสฺสานํ; อรูปภเว เอกมายตนํ อรูปภเว เอกสฺส ผสฺสสฺส ปจฺจโย โหติ. กามภเว ฉ ผสฺสา กามภเว ฉนฺนํ เวทนานํ ปจฺจยา โหนฺติ. รูปภเว ตโย ตตฺเถว ¶ ติสฺสนฺนํ; อรูปภเว เอโก ตตฺเถว เอกิสฺสา เวทนาย ปจฺจโย โหติ. กามภเว ฉ เวทนา กามภเว ฉนฺนํ ตณฺหากายานํ ปจฺจยา โหนฺติ. รูปภเว ติสฺโส ตตฺเถว ติณฺณํ; อรูปภเว เอกา เวทนา อรูปภเว เอกสฺส ตณฺหากายสฺส ปจฺจโย โหติ. ตตฺถ ตตฺถ สา สา ตณฺหา ตสฺส ตสฺส อุปาทานสฺส ปจฺจโย; อุปาทานาทโย ภวาทีนํ.
กถํ? อิเธกจฺโจ ‘‘กาเม ปริภฺุชิสฺสามี’’ติ กามุปาทานปจฺจยา กาเยน ทุจฺจริตํ จรติ, วาจาย มนสา ทุจฺจริตํ จรติ; ทุจฺจริตปาริปูริยา อปาเย อุปปชฺชติ. ตตฺถสฺส อุปปตฺติเหตุภูตํ กมฺมํ กมฺมภโว, กมฺมนิพฺพตฺตา ขนฺธา อุปปตฺติภโว, ขนฺธานํ นิพฺพตฺติ ชาติ, ปริปาโก ชรา, เภโท มรณํ.
อปโร ¶ ‘‘สคฺคสมฺปตฺตึ อนุภวิสฺสามี’’ติ ตเถว สุจริตํ จรติ; สุจริตปาริปูริยา สคฺเค อุปปชฺชติ. ตตฺถสฺส อุปปตฺติเหตุภูตํ กมฺมํ กมฺมภโวติ โส เอว นโย.
อปโร ปน ‘‘พฺรหฺมโลกสมฺปตฺตึ อนุภวิสฺสามี’’ติ กามุปาทานปจฺจยา เอว เมตฺตํ ภาเวติ, กรุณํ… มุทิตํ… อุเปกฺขํ ภาเวติ, ภาวนาปาริปูริยา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตติ. ตตฺถสฺส นิพฺพตฺติเหตุภูตํ กมฺมํ กมฺมภโวติ โสเยว นโย.
อปโร ‘‘อรูปวภสมฺปตฺตึ อนุภวิสฺสามี’’ติ ¶ ตเถว อากาสานฺจายตนาทิสมาปตฺติโย ภาเวติ, ภาวนาปาริปูริยา ตตฺถ นิพฺพตฺตติ. ตตฺถสฺส นิพฺพตฺติเหตุภูตํ กมฺมํ กมฺมภโว, กมฺมนิพฺพตฺตา ขนฺธา อุปปตฺติภโว, ขนฺธานํ นิพฺพตฺติ ชาติ, ปริปาโก ชรา, เภโท มรณนฺติ. เอส นโย เสสุปาทานมูลิกาสุปิ โยชนาสุ.
เอวํ ‘‘อยํ อวิชฺชา เหตุ, สงฺขารา เหตุสมุปฺปนฺนา, อุโภเปเต เหตุสมุปฺปนฺนาติ ปจฺจยปริคฺคเห ปฺา ธมฺมฏฺิติาณํ; อตีตมฺปิ อทฺธานํ, อนาคตมฺปิ อทฺธานํ; อวิชฺชา เหตุ, สงฺขารา เหตุสมุปฺปนฺนา, อุโภเปเต เหตุสมุปฺปนฺนาติ ปจฺจยปริคฺคเห ปฺา ธมฺมฏฺิติาณ’’นฺติ เอเตน นเยน สพฺพปทานิ วิตฺถาเรตพฺพานิ. ตตฺถ อวิชฺชา สงฺขารา เอโก สงฺเขโป, วิฺาณ-นามรูป-สฬายตน-ผสฺส-เวทนา เอโก, ตณฺหุปาทานภวา เอโก, ชาติ-ชรา-มรณํ เอโก. ปุริมสงฺเขโป เจตฺถ อตีโต อทฺธา, ทฺเว มชฺฌิมา ปจฺจุปฺปนฺโน, ชาติชรามรณํ อนาคโต. อวิชฺชาสงฺขารคฺคหเณน เจตฺถ ตณฺหุปาทานภวา คหิตาว โหนฺตีติ อิเม ปฺจ ธมฺมา อตีเต กมฺมวฏฺฏํ; วิฺาณาทโย ปฺจ ธมฺมา เอตรหิ วิปากวฏฺฏํ. ตณฺหุปาทานภวคฺคหเณน ¶ อวิชฺชาสงฺขารา คหิตาว โหนฺตีติ อิเม ปฺจ ธมฺมา เอตรหิ กมฺมวฏฺฏํ; ชาติชรามรณาปเทเสน วิฺาณาทีนํ นิทฺทิฏฺตฺตา อิเม ปฺจ ธมฺมา อายตึ วิปากวฏฺฏํ. เต อาการโต วีสติวิธา โหนฺติ. สงฺขารวิฺาณานฺเจตฺถ อนฺตรา เอโก สนฺธิ, เวทนาตณฺหานมนฺตรา เอโก, ภวชาตีนมนฺตรา เอโก. อิติ ภควา เอวํ จตุสงฺเขปํ, ติยทฺธํ, วีสตาการํ, ติสนฺธึ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ สพฺพาการโต ชานาติ ปสฺสติ อฺาติ ปฏิวิชฺฌติ. ตํ าตฏฺเน าณํ, ปชานนฏฺเน ปฺา. เตน วุจฺจติ – ‘‘ปจฺจยปริคฺคเห ปฺา ธมฺมฏฺิติาณ’’นฺติ. อิมินา ธมฺมฏฺิติาเณน ภควา เต ธมฺเม ยถาภูตํ ตฺวา เตสุ ¶ นิพฺพินฺทนฺโต วิรชฺชนฺโต วิมุจฺจนฺโต วุตฺตปฺปการสฺส อิมสฺส สํสารจกฺกสฺส อเร หนิ วิหนิ วิทฺธํเสสิ. เอวมฺปิ อรานํ หตตฺตา อรหํ.
อคฺคทกฺขิเณยฺยตฺตา จ จีวราทิปจฺจเย ¶ อรหติ ปูชาวิเสสฺจ; เตเนว จ อุปฺปนฺเน ตถาคเต เย เกจิ มเหสกฺขา เทวมนุสฺสา น เต อฺตฺถ ปูชํ กโรนฺติ. ตถา หิ พฺรหฺมา สหมฺปติ สิเนรุมตฺเตน รตนทาเมน ตถาคตํ ปูเชสิ, ยถาพลฺจ อฺเปิ เทวา มนุสฺสา จ พิมฺพิสารโกสลราชาทโย. ปรินิพฺพุตมฺปิ จ ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส ฉนฺนวุติโกฏิธนํ วิสชฺเชตฺวา อโสกมหาราชา สกลชมฺพุทีเป จตุราสีติวิหารสหสฺสานิ ปติฏฺาเปสิ. โก ปน วาโท อฺเสํ ปูชาวิเสสานนฺติ! เอวํ ปจฺจยาทีนํ อรหตฺตาปิ อรหํ. ยถา จ โลเก เกจิ ปณฺฑิตมานิโน พาลา อสิโลกภเยน รโห ปาปํ กโรนฺติ; เอวเมส น กทาจิ กโรตีติ ปาปกรเณ รหาภาวโตปิ อรหํ. โหติ เจตฺถ –
‘‘อารกตฺตา หตตฺตา จ, กิเลสารีน โส มุนิ;
หตสํสารจกฺกาโร, ปจฺจยาทีน จารโห;
น รโห กโรติ ปาปานิ, อรหํ เตน วุจฺจตี’’ติ.
สมฺมา สามฺจ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา ปน สมฺมาสมฺพุทฺโธ. ตถา เหส สพฺพธมฺเม สมฺมา สามฺจ พุทฺโธ, อภิฺเยฺเย ธมฺเม อภิฺเยฺยโต พุทฺโธ, ปริฺเยฺเย ธมฺเม ปริฺเยฺยโต, ปหาตพฺเพ ธมฺเม ปหาตพฺพโต, สจฺฉิกาตพฺเพ ธมฺเม สจฺฉิกาตพฺพโต, ภาเวตพฺเพ ธมฺเม ภาเวตพฺพโต. เตเนว จาห –
‘‘อภิฺเยฺยํ ¶ อภิฺาตํ, ภาเวตพฺพฺจ ภาวิตํ;
ปหาตพฺพํ ปหีนํ เม, ตสฺมา พุทฺโธสฺมิ พฺราหฺมณา’’ติ. (ม. นิ. ๒.๓๙๙; สุ. นิ. ๕๖๓);
อปิจ จกฺขุ ทุกฺขสจฺจํ, ตสฺส มูลการณภาเวน ตํสมุฏฺาปิกา ปุริมตณฺหา สมุทยสจฺจํ, อุภินฺนมปฺปวตฺติ นิโรธสจฺจํ, นิโรธปฺปชานนา ปฏิปทา มคฺคสจฺจนฺติ เอวํ เอเกกปทุทฺธาเรนาปิ สพฺพธมฺเม สมฺมา สามฺจ พุทฺโธ. เอส นโย โสต-ฆาน-ชิวฺหา-กายมเนสุปิ. เอเตเนว นเยน รูปาทีนิ ฉ อายตนานิ, จกฺขุวิฺาณาทโย ฉ วิฺาณกายา, จกฺขุสมฺผสฺสาทโย ฉ ผสฺสา, จกฺขุสมฺผสฺสชาทโย ฉ เวทนา, รูปสฺาทโย ฉ สฺา, รูปสฺเจตนาทโย ฉ เจตนา, รูปตณฺหาทโย ฉ ¶ ตณฺหากายา, รูปวิตกฺกาทโย ฉ วิตกฺกา, รูปวิจาราทโย ฉ วิจารา ¶ , รูปกฺขนฺธาทโย ปฺจกฺขนฺธา, ทส กสิณานิ, ทส อนุสฺสติโย, อุทฺธุมาตกสฺาทิวเสน ทส สฺา, เกสาทโย ทฺวตฺตึสาการา, ทฺวาทสายตนานิ, อฏฺารส ธาตุโย, กามภวาทโย นว ภวา, ปมาทีนิ จตฺตาริ ฌานานิ, เมตฺตาภาวนาทโย จตสฺโส อปฺปมฺา, จตสฺโส อรูปสมาปตฺติโย, ปฏิโลมโต ชรามรณาทีนิ, อนุโลมโต อวิชฺชาทีนิ ปฏิจฺจสมุปฺปาทงฺคานิ จ โยเชตพฺพานิ.
ตตฺรายํ เอกปทโยชนา – ‘‘ชรามรณํ ทุกฺขสจฺจํ, ชาติ สมุทยสจฺจํ, อุภินฺนมฺปิ นิสฺสรณํ นิโรธสจฺจํ, นิโรธปฺปชานนา ปฏิปทา มคฺคสจฺจ’’นฺติ. เอวํ เอเกกปทุทฺธาเรน สพฺพธมฺเม สมฺมา สามฺจ พุทฺโธ อนุพุทฺโธ ปฏิวิทฺโธ. เตน วุตฺตํ – สมฺมา สามฺจ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา ปน สมฺมาสมฺพุทฺโธติ.
วิชฺชาหิ ปน จรเณน จ สมฺปนฺนตฺตา วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน; ตตฺถ วิชฺชาติ ติสฺโสปิ วิชฺชา, อฏฺปิ วิชฺชา. ติสฺโส วิชฺชา ภยเภรวสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๓๔ อาทโย) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา, อฏฺ วิชฺชา อมฺพฏฺสุตฺเต (ที. นิ. ๑.๒๗๘ อาทโย). ตตฺร หิ วิปสฺสนาาเณน มโนมยิทฺธิยา จ สห ฉ อภิฺา ปริคฺคเหตฺวา อฏฺ วิชฺชา วุตฺตา. จรณนฺติ สีลสํวโร, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา, โภชเน มตฺตฺุตา, ชาคริยานุโยโค, สตฺต สทฺธมฺมา, จตฺตาริ รูปาวจรชฺฌานานีติ อิเม ปนฺนรส ธมฺมา เวทิตพฺพา. อิเมเยว หิ ปนฺนรส ธมฺมา, ยสฺมา เอเตหิ จรติ อริยสาวโก คจฺฉติ อมตํ ทิสํ ตสฺมา, จรณนฺติ วุตฺตา. ยถาห – ‘‘อิธ, มหานาม, อริยสาวโก สีลวา โหตี’’ติ (ม. นิ. ๒.๒๔) วิตฺถาโร. ภควา อิมาหิ วิชฺชาหิ อิมินา จ จรเณน สมนฺนาคโต, เตน วุจฺจติ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโนติ ¶ . ตตฺถ วิชฺชาสมฺปทา ภควโต สพฺพฺุตํ ปูเรตฺวา ิตา, จรณสมฺปทา มหาการุณิกตํ. โส สพฺพฺุตาย สพฺพสตฺตานํ อตฺถานตฺถํ ตฺวา มหาการุณิกตาย อนตฺถํ ปริวชฺเชตฺวา อตฺเถ นิโยเชติ, ยถา ตํ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน. เตนสฺส สาวกา สุปฺปฏิปนฺนา โหนฺติ โน ทุปฺปฏิปนฺนา, วิชฺชาจรณวิปนฺนานฺหิ สาวกา อตฺตนฺตปาทโย วิย.
โสภนคมนตฺตา, สุนฺทรํ านํ คตตฺตา, สมฺมาคตตฺตา, สมฺมา จ คทตฺตา สุคโต. คมนมฺปิ หิ คตนฺติ วุจฺจติ, ตฺจ ภควโต โสภนํ ปริสุทฺธมนวชฺชํ ¶ . กึ ¶ ปน ตนฺติ? อริยมคฺโค. เตน เหส คมเนน เขมํ ทิสํ อสชฺชมาโน คโตติ โสภนคมนตฺตา สุคโต. สุนฺทรํ เจส านํ คโต อมตํ นิพฺพานนฺติ สุนฺทรํ านํ คตตฺตาปิ สุคโต. สมฺมา จ คโต เตน เตน มคฺเคน ปหีเน กิเลเส ปุน อปจฺจาคจฺฉนฺโต. วุตฺตฺเจตํ – ‘‘โสตาปตฺติมคฺเคน เย กิเลสา ปหีนา, เต กิเลเส น ปุเนติ น ปจฺเจติ น ปจฺจาคจฺฉตีติ สุคโต…เป… อรหตฺตมคฺเคน เย กิเลสา ปหีนา, เต กิเลเส น ปุเนติ น ปจฺเจติ น ปจฺจาคจฺฉตีติ สุคโต’’ติ (มหานิ. ๓๘). สมฺมา วา อาคโต ทีปงฺกรปาทมูลโต ปภุติ ยาว โพธิมณฺโฑ ตาว สมตึสปารมิปูริตาย สมฺมาปฏิปตฺติยา สพฺพโลกสฺส หิตสุขเมว กโรนฺโต สสฺสตํ อุจฺเฉทํ กามสุขํ อตฺตกิลมถนฺติ อิเม จ อนฺเต อนุปคจฺฉนฺโต อาคโตติ สมฺมาคตตฺตาปิ สุคโต. สมฺมา เจส คทติ, ยุตฺตฏฺาเน ยุตฺตเมว วาจํ ภาสตีติ สมฺมา คทตฺตาปิ สุคโต.
ตตฺริทํ สาธกสุตฺตํ – ‘‘ยํ ตถาคโต วาจํ ชานาติ อภูตํ อตจฺฉํ อนตฺถสํหิตํ, สา จ ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปา, น ตํ ตถาคโต วาจํ ภาสติ. ยมฺปิ ตถาคโต วาจํ ชานาติ ภูตํ ตจฺฉํ อนตฺถสํหิตํ, สา จ ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปา, ตมฺปิ ตถาคโต วาจํ น ภาสติ. ยฺจ โข ตถาคโต วาจํ ชานาติ ภูตํ ตจฺฉํ อตฺถสํหิตํ, สา จ ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปา, ตตฺร กาลฺู ตถาคโต โหติ ตสฺสา วาจาย เวยฺยากรณาย. ยํ ตถาคโต วาจํ ชานาติ อภูตํ อตจฺฉํ อนตฺถสํหิตํ, สา จ ปเรสํ ปิยา มนาปา, น ตํ ตถาคโต วาจํ ภาสติ. ยมฺปิ ตถาคโต วาจํ ชานาติ ภูตํ ตจฺฉํ อนตฺถสํหิตํ, สา จ ปเรสํ ปิยา มนาปา, ตมฺปิ ตถาคโต วาจํ น ภาสติ. ยฺจ โข ตถาคโต วาจํ ชานาติ ภูตํ ตจฺฉํ อตฺถสํหิตํ, สา จ ปเรสํ ปิยา มนาปา, ตตฺร กาลฺู ตถาคโต โหติ ตสฺสา วาจาย เวยฺยากรณายา’’ติ (ม. นิ. ๒.๘๖). เอวํ สมฺมา คทตฺตาปิ สุคโตติ เวทิตพฺโพ.
สพฺพถา วิทิตโลกตฺตา ปน โลกวิทู. โส หิ ภควา สภาวโต สมุทยโต นิโรธโต นิโรธูปายโตติ ¶ สพฺพถา โลกํ อเวทิ อฺาสิ ปฏิวิชฺฌิ. ยถาห – ‘‘ยตฺถ โข, อาวุโส, น ชายติ ¶ น ชียติ น มียติ น จวติ น อุปปชฺชติ, นาหํ ตํ คมเนน โลกสฺส ¶ อนฺตํ าเตยฺยํ ทฏฺเยฺยํ ปตฺเตยฺยนฺติ วทามิ; น จาหํ, อาวุโส, อปฺปตฺวาว โลกสฺส อนฺตํ ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยํ วทามิ. อปิ จาหํ, อาวุโส, อิมสฺมึเยว พฺยามมตฺเต กเฬวเร สสฺิมฺหิ สมนเก โลกฺจ ปฺเปมิ โลกสมุทยฺจ โลกนิโรธฺจ โลกนิโรธคามินิฺจ ปฏิปทํ.
‘‘คมเนน น ปตฺตพฺโพ, โลกสฺสนฺโต กุทาจนํ;
น จ อปฺปตฺวา โลกนฺตํ, ทุกฺขา อตฺถิ ปโมจนํ.
‘‘ตสฺมา หเว โลกวิทู สุเมโธ;
โลกนฺตคู วุสิตพฺรหฺมจริโย;
โลกสฺส อนฺตํ สมิตาวิ ตฺวา;
นาสีสตี โลกมิมํ ปรฺจา’’ติ. (อ. นิ. ๔.๔๕; สํ. นิ. ๑.๑๐๗);
อปิจ ตโย โลกา – สงฺขารโลโก, สตฺตโลโก, โอกาสโลโกติ; ตตฺถ ‘‘เอโก โลโก – สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกา’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๒) อาคตฏฺาเน สงฺขารโลโก เวทิตพฺโพ. ‘‘สสฺสโต โลโกติ วา อสสฺสโต โลโกติ วา’’ติ (ที. นิ. ๑.๔๒๑) อาคตฏฺาเน สตฺตโลโก.
‘‘ยาวตา จนฺทิมสูริยา, ปริหรนฺติ ทิสา ภนฺติ วิโรจนา;
ตาว สหสฺสธา โลโก, เอตฺถ เต วตฺตตี วโส’’ติ. (ม. นิ. ๑.๕๐๓) –
อาคตฏฺาเน โอกาสโลโก, ตมฺปิ ภควา สพฺพถา อเวทิ. ตถา หิสฺส – ‘‘เอโก โลโก – สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกา. ทฺเว โลกา – นามฺจ รูปฺจ. ตโย โลกา – ติสฺโส เวทนา. จตฺตาโร โลกา – จตฺตาโร อาหารา. ปฺจ โลกา – ปฺจุปาทานกฺขนฺธา. ฉ โลกา – ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิ. สตฺต โลกา สตฺต วิฺาณฏฺิติโย. อฏฺ โลกา – อฏฺ โลกธมฺมา. นว โลกา – นว สตฺตาวาสา. ทส โลกา – ทสายตนานิ. ทฺวาทส โลกา – ทฺวาทสายตนานิ ¶ . อฏฺารส โลกา – อฏฺารส ธาตุโย’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๒). อยํ สงฺขารโลโกปิ สพฺพถา วิทิโต.
ยสฺมา ¶ ปเนส สพฺเพสมฺปิ สตฺตานํ อาสยํ ชานาติ, อนุสยํ ชานาติ, จริตํ ชานาติ, อธิมุตฺตึ ชานาติ, อปฺปรชกฺเข มหารชกฺเข ติกฺขินฺทฺริเย มุทินฺทฺริเย สฺวากาเร ทฺวากาเร สุวิฺาปเย ทุวิฺาปเย ภพฺเพ อภพฺเพ สตฺเต ชานาติ, ตสฺมาสฺส สตฺตโลโกปิ สพฺพถา วิทิโต. ยถา จ สตฺตโลโก ¶ เอวํ โอกาสโลโกปิ. ตถา เหส เอกํ จกฺกวาฬํ อายามโต จ วิตฺถารโต จ โยชนานํ ทฺวาทส สตสหสฺสานิ ตีณิ สหสฺสานิ จตฺตาริ สตานิ ปฺาสฺจ โยชนานิ. ปริกฺเขปโต –
สพฺพํ สตสหสฺสานิ, ฉตฺตึส ปริมณฺฑลํ;
ทสฺเจว สหสฺสานิ, อฑฺฒุฑฺฒานิ สตานิ จ.
ตตฺถ –
ทุเว สตสหสฺสานิ, จตฺตาริ นหุตานิ จ;
เอตฺตกํ พหลตฺเตน, สงฺขาตายํ วสุนฺธรา.
ตสฺสา เอว สนฺธารกํ –
จตฺตาริ สตสหสฺสานิ, อฏฺเว นหุตานิ จ;
เอตฺตกํ พหลตฺเตน, ชลํ วาเต ปติฏฺิตํ.
ตสฺสาปิ สนฺธารโก –
นวสตสหสฺสานิ, มาลุโต นภมุคฺคโต;
สฏฺิ เจว สหสฺสานิ, เอสา โลกสฺส สณฺิติ.
เอวํ สณฺิเต เจตฺถ โยชนานํ –
จตุราสีติ สหสฺสานิ, อชฺโฌคาฬฺโห มหณฺณเว;
อจฺจุคฺคโต ตาวเทว, สิเนรุปพฺพตุตฺตโม.
ตโต ¶ อุปฑฺฒุปฑฺเฒน, ปมาเณน ยถากฺกมํ;
อชฺโฌคาฬฺหุคฺคตา ทิพฺพา, นานารตนจิตฺติตา.
ยุคนฺธโร อีสธโร, กรวีโก สุทสฺสโน;
เนมินฺธโร วินตโก, อสฺสกณฺโณ คิรี พฺรหา.
เอเต สตฺต มหาเสลา, สิเนรุสฺส สมนฺตโต;
มหาราชานมาวาสา, เทวยกฺขนิเสวิตา.
โยชนานํ ¶ สตานุจฺโจ, หิมวา ปฺจ ปพฺพโต;
โยชนานํ สหสฺสานิ, ตีณิ อายตวิตฺถโต;
จตุราสีติสหสฺเสหิ, กูเฏหิ ปฏิมณฺฑิโต.
ติปฺจโยชนกฺขนฺธ, ปริกฺเขปา นควฺหยา;
ปฺาส โยชนกฺขนฺธ, สาขายามา สมนฺตโต.
สตโยชนวิตฺถิณฺณา, ตาวเทว จ อุคฺคตา;
ชมฺพู ยสฺสานุภาเวน, ชมฺพุทีโป ปกาสิโต.
ทฺเว อสีติ สหสฺสานิ, อชฺโฌคาฬฺโห มหณฺณเว;
อจฺจุคฺคโต ตาวเทว, จกฺกวาฬสิลุจฺจโย;
ปริกฺขิปิตฺวา ตํ สพฺพํ, โลกธาตุมยํ ิโต.
ตตฺถ จนฺทมณฺฑลํ เอกูนปฺาสโยชนํ, สูริยมณฺฑลํ ปฺาสโยชนํ, ตาวตึสภวนํ ทสสหสฺสโยชนํ; ตถา อสุรภวนํ, อวีจิมหานิรโย, ชมฺพุทีโป จ. อปรโคยานํ สตฺตสหสฺสโยชนํ; ตถา ปุพฺพวิเทโห. อุตฺตรกุรุ อฏฺสหสฺสโยชโน, เอกเมโก เจตฺถ มหาทีโป ปฺจสตปฺจสตปริตฺตทีปปริวาโร; ตํ สพฺพมฺปิ เอกํ จกฺกวาฬํ ¶ , เอกา โลกธาตุ, ตทนฺตเรสุ โลกนฺตริกนิรยา. เอวํ อนนฺตานิ จกฺกวาฬานิ อนนฺตา โลกธาตุโย ภควา อนนฺเตน พุทฺธาเณน อเวทิ, อฺาสิ, ปฏิวิชฺฌิ. เอวมสฺส โอกาสโลโกปิ สพฺพถา วิทิโต. เอวมฺปิ สพฺพถา วิทิตโลกตฺตา โลกวิทู.
อตฺตโน ¶ ปน คุเณหิ วิสิฏฺตรสฺส กสฺสจิ อภาวา นตฺถิ เอตสฺส อุตฺตโรติ อนุตฺตโร. ตถา เหส สีลคุเณนาปิ สพฺพํ โลกมภิภวติ, สมาธิ…เป… ปฺา… วิมุตฺติ… วิมุตฺติาณทสฺสนคุเณนาปิ, สีลคุเณนาปิ อสโม อสมสโม อปฺปฏิโม อปฺปฏิภาโค อปฺปฏิปุคฺคโล…เป… วิมุตฺติาณทสฺสนคุเณนาปิ. ยถาห – ‘‘น โข ปนาหํ, ภิกฺขเว, สมนุปสฺสามิ สเทวเก โลเก สมารเก…เป… สเทวมนุสฺสาย อตฺตนา สีลสมฺปนฺนตร’’นฺติ วิตฺถาโร.
เอวํ ¶ อคฺคปฺปสาทสุตฺตาทีนิ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐) ‘‘น เม อาจริโย อตฺถี’’ติอาทิกา คาถาโย (ม. นิ. ๑.๒๘๕; มหาว. ๑๑) จ วิตฺถาเรตพฺพา.
ปุริสทมฺเม สาเรตีติ ปุริสทมฺมสารถิ, ทเมติ วิเนตีติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ ปุริสทมฺมาติ อทนฺตา ทเมตุํ ยุตฺตา ติรจฺฉานปุริสาปิ มนุสฺสปุริสาปิ อมนุสฺสปุริสาปิ. ตถา หิ ภควตา ติรจฺฉานปุริสาปิ อปลาโฬ นาคราชา, จูโฬทโร, มโหทโร, อคฺคิสิโข, ธูมสิโข, ธนปาลโก หตฺถีติ เอวมาทโย ทมิตา, นิพฺพิสา กตา, สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺาปิตา. มนุสฺสปุริสาปิ สจฺจกนิคณฺปุตฺต-อมฺพฏฺมาณว-โปกฺขรสาติ-โสณทณฺฑกูฏทนฺตาทโย. อมนุสฺสปุริสาปิ อาฬวก-สูจิโลม-ขรโลม-ยกฺข-สกฺกเทวราชาทโย ทมิตา วินีตา วิจิตฺเรหิ วินยนูปาเยหิ. ‘‘อหํ โข, เกสิ, ปุริสทมฺมํ สณฺเหนปิ วิเนมิ, ผรุเสนปิ วิเนมิ, สณฺหผรุเสนปิ วิเนมี’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๑๑) อิทฺเจตฺถ สุตฺตํ วิตฺถาเรตพฺพํ. อถ วา วิสุทฺธสีลาทีนํ ปมชฺฌานาทีนิ โสตาปนฺนาทีนฺจ อุตฺตริมคฺคปฏิปทํ อาจิกฺขนฺโต ทนฺเตปิ ทเมติเยว.
อถ วา อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถีติ เอกเมวิทํ อตฺถปทํ ¶ . ภควา หิ ตถา ปุริสทมฺเม สาเรติ, ยถา เอกปลฺลงฺเกเนว นิสินฺนา อฏฺ ทิสา อสชฺชมานา ธาวนฺติ. ตสฺมา ‘‘อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถี’’ติ วุจฺจติ. ‘‘หตฺถิทมเกน, ภิกฺขเว, หตฺถิทมฺโม สาริโต เอกํเยว ทิสํ ธาวตี’’ติ อิทฺเจตฺถ สุตฺตํ (ม. นิ. ๓.๓๑๒) วิตฺถาเรตพฺพํ.
ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหิ ยถารหํ อนุสาสตีติ สตฺถา. อปิจ สตฺถา วิยาติ สตฺถา, ภควา สตฺถวาโห. ‘‘ยถา สตฺถวาโห สตฺเถ กนฺตารํ ตาเรติ, โจรกนฺตารํ ตาเรติ, วาฬกนฺตารํ ตาเรติ, ทุพฺภิกฺขกนฺตารํ ตาเรติ, นิรุทกกนฺตารํ ตาเรติ, อุตฺตาเรติ นิตฺตาเรติ ปตาเรติ ¶ เขมนฺตภูมึ สมฺปาเปติ; เอวเมว ภควา สตฺถา สตฺถวาโห สตฺเต กนฺตารํ ตาเรติ ชาติกนฺตารํ ตาเรตี’’ติอาทินา (มหานิ. ๑๙๐) นิทฺเทสนเยนเปตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
เทวมนุสฺสานนฺติ ¶ ทเอวานฺจ มนุสฺสานฺจ อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสเนตํ วุตฺตํ, ภพฺพปุคฺคลปริจฺเฉทวเสน จ. ภควา ปน ติรจฺฉานคตานมฺปิ อนุสาสนิปฺปทาเนน สตฺถาเยว. เตปิ หิ ภควโต ธมฺมสวเนน อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ ปตฺวา ตาย เอว อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา ทุติเย ตติเย วา อตฺตภาเว มคฺคผลภาคิโน โหนฺติ. มณฺฑูกเทวปุตฺตาทโย เจตฺถ นิทสฺสนํ. ภควติ กิร คคฺคราย โปกฺขรณิยา ตีเร จมฺปานครวาสีนํ ธมฺมํ เทสยมาเน เอโก มณฺฑูโก ภควโต สเร นิมิตฺตํ อคฺคเหสิ. ตํ เอโก วจฺฉปาลโก ทณฺฑโมลุพฺภ ติฏฺนฺโต ตสฺส สีเส สนฺนิรุมฺภิตฺวา อฏฺาสิ. โส ตาวเทว กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน ทฺวาทสโยชนิเก กนกวิมาเน นิพฺพตฺติ. สุตฺตปฺปพุทฺโธ วิย จ ตตฺถ อจฺฉราสงฺฆปริวุตํ อตฺตานํ ทิสฺวา ‘‘อเร, อหมฺปิ นาม อิธ นิพฺพตฺโตสฺมิ! กึ นุ โข กมฺมํ อกาสิ’’นฺติ อาวชฺเชนฺโต นาฺํ กิฺจิ อทฺทส, อฺตฺร ภควโต สเร นิมิตฺตคฺคาหา. โส ¶ ตอาวเทว สห วิมาเนน อาคนฺตฺวา ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทิ. ภควา ชานนฺโตว ปุจฺฉิ –
‘‘โก เม วนฺทติ ปาทานิ, อิทฺธิยา ยสสา ชลํ;
อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, สพฺพา โอภาสยํ ทิสา’’ติ.
‘‘มณฺฑูโกหํ ปุเร อาสึ, อุทเก วาริโคจโร;
ตว ธมฺมํ สุณนฺตสฺส, อวธิ วจฺฉปาลโก’’ติ. (วิ. ว. ๘๕๗-๘๕๘);
ภควา ตสฺส ธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาวสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. เทวปุตฺโตปิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย สิตํ กตฺวา ปกฺกามีติ.
ยํ ปน กิฺจิ อตฺถิ เยฺยํ นาม, ตสฺส สพฺพสฺส พุทฺธตฺตา วิโมกฺขนฺติกาณวเสน พุทฺโธ. ยสฺมา วา จตฺตาริ สจฺจานิ อตฺตนาปิ พุชฺฌิ, อฺเปิ สตฺเต โพเธสิ; ตสฺมา เอวมาทีหิปิ การเณหิ พุทฺโธ. อิมสฺส จตฺถสฺส วิฺาปนตฺถํ ‘‘พุชฺฌิตา สจฺจานีติ พุทฺโธ, โพเธตา ปชายาติ พุทฺโธ’’ติ เอวํ ปวตฺโต สพฺโพปิ นิทฺเทสนโย (มหานิ. ๑๙๒) ปฏิสมฺภิทานโย (ปฏิ. ม. ๑.๑๖๒) วา วิตฺถาเรตพฺโพ.
ภควาติ ¶ อิทํ ปนสฺส คุณวิสิฏฺสตฺตุตฺตมครุคารวาธิวจนํ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘ภควาติ ¶ วจนํ เสฏฺํ, ภควาติ วจนมุตฺตมํ;
ครุ คารวยุตฺโต โส, ภควา เตน วุจฺจตี’’ติ.
จตุพฺพิธฺหิ นามํ – อาวตฺถิกํ, ลิงฺคิกํ, เนมิตฺติกํ, อธิจฺจสมุปฺปนฺนนฺติ. อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ นาม โลกิยโวหาเรน ‘‘ยทิจฺฉก’’นฺติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ ‘‘วจฺโฉ ทมฺโม พลิพทฺโท’’ติ เอวมาทิ อาวตฺถิกํ. ‘‘ทณฺฑี ฉตฺตี สิขี กรี’’ติ เอวมาทิ ลิงฺคิกํ. ‘‘เตวิชฺโช ฉฬภิฺโ’’ติ เอวมาทิ เนมิตฺติกํ. ‘‘สิริวฑฺฒโก ธนวฑฺฒโก’’ติ เอวมาทิ วจนตฺถมนเปกฺขิตฺวา ปวตฺตํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ. อิทํ ปน ภควาติ นามํ เนมิตฺติกํ, น มหามายาย น สุทฺโธทนมหาราเชน น อสีติยา าติสหสฺเสหิ กตํ, น สกฺกสนฺตุสิตาทีหิ เทวตาวิเสเสหิ. วุตฺตฺเหตํ ธมฺมเสนาปตินา – ‘‘ภควาติ เนตํ นามํ มาตรา กตํ…เป… วิโมกฺขนฺติกเมตํ ¶ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ โพธิยา มูเล สห สพฺพฺุตฺาณสฺส ปฏิลาภา สจฺฉิกาปฺตฺติ, ยทิทํ ภควา’’ติ (มหานิ. ๘๔).
ยํคุณเนมิตฺติกฺเจตํ นามํ, เตสํ คุณานํ ปกาสนตฺถํ อิมํ คาถํ วทนฺติ –
‘‘ภคี ภชี ภาคี วิภตฺตวา อิติ;
อกาสิ ภคฺคนฺติ ครูติ ภาคฺยวา;
พหูหิ าเยหิ สุภาวิตตฺตโน;
ภวนฺตโค โส ภควาติ วุจฺจตี’’ติ.
นิทฺเทเส วุตฺตนเยเนว เจตฺถ เตสํ เตสํ ปทานมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
อยํ ปน อปโร นโย –
‘‘ภาคฺยวา ภคฺควา ยุตฺโต, ภเคหิ จ วิภตฺตวา;
ภตฺตวา วนฺตคมโน, ภเวสุ ภควา ตโต’’ติ.
ตตฺถ วณฺณาคโม วณฺณวิปริยโยติ เอตํ นิรุตฺติลกฺขณํ คเหตฺวา สทฺทนเยน วา ปิโสทราทิปกฺเขปลกฺขณํ ¶ คเหตฺวา ยสฺมา โลกิยโลกุตฺตรสุขาภินิพฺพตฺตกํ ทานสีลาทิปารปฺปตฺตํ ภาคฺยมสฺส อตฺถิ, ตสฺมา ‘‘ภาคฺยวา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘ภควา’’ติ วุจฺจตีติ าตพฺพํ. ยสฺมา ปน โลภ-โทส-โมห-วิปรีตมนสิการ-อหิริกาโนตฺตปฺป-โกธูปนาห-มกฺข-ปฬาสอิสฺสา-มจฺฉริย-มายาสาเยฺย-ถมฺภ-สารมฺภ-มานาติมาน-มท-ปมาท-ตณฺหาวิชฺชา ¶ ติวิธากุสลมูล-ทุจฺจริต-สํกิเลส-มล-วิสมสฺา-วิตกฺก-ปปฺจ-จตุพฺพิธวิปริเยสอาสว-คนฺถ-โอฆ-โยคาคติ-ตณฺหุปฺปาทุปาทาน-ปฺจเจโตขีล-วินิพนฺธ-นีวรณาภินนฺทนฉวิวาทมูล-ตณฺหากาย-สตฺตานุสย-อฏฺมิจฺฉตฺต-นวตณฺหามูลก-ทสากุสลกม ทิฏฺิคต-อฏฺสตตณฺหาวิจริตปฺปเภท-สพฺพทรถ-ปริฬาห-กิเลสสตสหสฺสานิ, สงฺเขปโต วา ปฺจ กิเลส-อภิสงฺขารขนฺธมจฺจุ-เทวปุตฺต-มาเร อภฺชิ, ตสฺมา ภคฺคตฺตา เอเตสํ ปริสฺสยานํ ภคฺควาติ วตฺตพฺเพ ภควาติ วุจฺจติ. อาห เจตฺถ –
‘‘ภคฺคราโค ภคฺคโทโส, ภคฺคโมโห อนาสโว;
ภคฺคาสฺส ปาปกา ธมฺมา, ภควา เตน วุจฺจตี’’ติ.
ภาคฺยวนฺตตาย ¶ จสฺส สตปฺุชลกฺขณธรสฺส รูปกายสมฺปตฺติทีปิตา โหติ, ภคฺคโทสตาย ธมฺมกายสมฺปตฺติ. ตถา โลกิยปริกฺขกานํ พหุมตภาโว, คหฏฺปพฺพชิเตหิ อภิคมนียตา, อภิคตานฺจ เนสํ กายจิตฺตทุกฺขาปนยเน ปฏิพลภาโว, อามิสทานธมฺมทาเนหิ อุปการิตา, โลกิยโลกุตฺตรสุเขหิ จ สมฺปโยชนสมตฺถตา ทีปิตา โหติ.
ยสฺมา จ โลเก อิสฺสริย-ธมฺม-ยส-สิรี-กาม-ปยตฺเตสุ ฉสุ ธมฺเมสุ ภคสทฺโท วตฺตติ, ปรมฺจสฺส สกจิตฺเต อิสฺสริยํ, อณิมา ลฆิมาทิกํ วา โลกิยสมฺมตํ สพฺพาการปริปูรํ อตฺถิ ตถา โลกุตฺตโร ธมฺโม โลกตฺตยพฺยาปโก ยถาภุจฺจคุณาธิคโต อติวิย ปริสุทฺโธ ยโส, รูปกายทสฺสนพฺยาวฏชนนยนปฺปสาทชนนสมตฺถา สพฺพาการปริปูรา สพฺพงฺคปจฺจงฺคสิรี, ยํ ยํ เอเตน อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ อตฺตหิตํ ปรหิตํ วา, ตสฺส ตสฺส ตเถว อภินิปฺผนฺนตฺตา อิจฺฉิติจฺฉิ, ตตฺถ นิปฺผตฺติสฺิโต กาโม, สพฺพโลกครุภาวปฺปตฺติเหตุภูโต สมฺมาวายามสงฺขาโต ปยตฺโต จ อตฺถิ; ตสฺมา อิเมหิ ภเคหิ ยุตฺตตฺตาปิ ภคา อสฺส สนฺตีติ อิมินา อตฺเถน ภควาติ วุจฺจติ.
ยสฺมา ปน กุสลาทีหิ เภเทหิ สพฺพธมฺเม, ขนฺธายตน-ธาตุสจฺจ-อินฺทฺริยปฏิจฺจสมุปฺปาทาทีหิ ¶ วา กุสลาทิธมฺเม, ปีฬน-สงฺขต-สนฺตาปวิปริณามฏฺเน วา ทุกฺขมริยสจฺจํ, อายูหน-นิทาน-สํโยค-ปลิโพธฏฺเน สมุทยํ, นิสฺสรณวิเวกาสงฺขต-อมตฏฺเน ¶ นิโรธํ, นิยฺยาน-เหตุ-ทสฺสนาธิปเตยฺยฏฺเน มคฺคํ วิภตฺตวา, วิภชิตฺวา วิวริตฺวา เทสิตวาติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺมา วิภตฺตวาติ วตฺตพฺเพ ภควาติ วุจฺจติ ¶ .
ยสฺมา จ เอส ทิพฺพพฺรหฺมอริยวิหาเร กายจิตฺตอุปธิวิเวเก สฺุตปฺปณิหิตานิมิตฺตวิโมกฺเข อฺเ จ โลกิยโลกุตฺตเร อุตฺตริมนุสฺสธมฺเม ภชิ เสวิ พหุลมกาสิ, ตสฺมา ภตฺตวาติ วตฺตพฺเพ ภควาติ วุจฺจติ.
ยสฺมา ปน ตีสุ ภเวสุ ตณฺหาสงฺขาตํ คมนมเนน วนฺตํ, ตสฺมา ภเวสุ วนฺตคมโนติ วตฺตพฺเพ ภวสทฺทโต ภการํ, คมนสทฺทโต คการํ, วนฺตสทฺทโต วการฺจ ทีฆํ กตฺวา อาทาย ภควาติ วุจฺจติ. ยถา โลเก ‘‘เมหนสฺส ขสฺส มาลา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘เมขลา’’ติ วุจฺจติ.
โส อิมํ โลกนฺติ โส ภควา อิมํ โลกํ. อิทานิ วตฺตพฺพํ นิทสฺเสติ. สเทวกนฺติ สห เทเวหิ สเทวกํ; เอวํ สห มาเรน สมารกํ; สห พฺรหฺมุนา สพฺรหฺมกํ; สห สมณพฺราหฺมเณหิ สสฺสมณพฺราหฺมณึ; ปชาตตฺตา ปชา, ตํ ปชํ; สห เทวมนุสฺเสหิ สเทวมนุสฺสํ. ตตฺถ สเทวกวจเนน ปฺจกามาวจรเทวคฺคหณํ เวทิตพฺพํ, สมารกวจเนน ฉฏฺกามาวจรเทวคฺคหณํ, สพฺรหฺมกวจเนน พฺรหฺมกายิกาทิพฺรหฺมคฺคหณํ, สสฺสมณพฺราหฺมณีวจเนน สาสนสฺส ปจฺจตฺถิกปจฺจามิตฺตสมณพฺราหฺมณคฺคหณํ, สมิตปาป-พาหิตปาป-สมณพฺราหฺมณคฺคหณฺจ, ปชาวจเนน สตฺตโลกคฺคหณํ, สเทวมนุสฺสวจเนน สมฺมุติเทวอวเสสมนุสฺสคฺคหณํ. เอวเมตฺถ ตีหิ ปเทหิ โอกาสโลโก, ทฺวีหิ ปชาวเสน สตฺตโลโก คหิโตติ เวทิตพฺโพ.
อปโร นโย – สเทวกคฺคหเณน อรูปาวจรเทวโลโก คหิโต, สมารกคฺคหเณน ฉกามาวจรเทวโลกา, สพฺรหฺมกคฺคหเณน รูปีพฺรหฺมโลโก, สสฺสมณพฺราหฺมณาทิคฺคหเณน จตุปริสวเสน สมฺมุติเทเวหิ วา สห มนุสฺสโลโก, อวเสสสพฺพสตฺตโลโก วา.
อปิเจตฺถ ¶ สเทวกวจเนน อุกฺกฏฺปริจฺเฉทโต สพฺพสฺสาปิ โลกสฺส สจฺฉิกตภาวํ สาเธนฺโต ตสฺส ภควโต กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต. ตโต เยสํ สิยา – ‘‘มาโร มหานุภาโว ฉกามาวจริสฺสโร วสวตฺตี; กึ โสปิ เอเตน สจฺฉิกโต’’ติ? เตสํ วิมตึ วิธมนฺโต สมารกนฺติ ¶ อพฺภุคฺคโต. เยสํ ปน สิยา – ‘‘พฺรหฺมา มหานุภาโว เอกงฺคุลิยา เอกสฺมึ จกฺกวาฬสหสฺเส ¶ อาโลกํ ผรติ, ทฺวีหิ…เป… ทสหิ องฺคุลีหิ ทสสุ จกฺกวาฬสหสฺเสสุ อาโลกํ ผรติ, อนุตฺตรฺจ ฌานสมาปตฺติสุขํ ปฏิสํเวเทติ, กึ โสปิ สจฺฉิกโต’’ติ? เตสํ วิมตึ วิธมนฺโต สพฺรหฺมกนฺติ อพฺภุคฺคโต. ตโต เยสํ สิยา – ‘‘ปุถูสมณพฺราหฺมณา สาสนปจฺจตฺถิกา, กึ เตปิ สจฺฉิกตา’’ติ? เตสํ วิมตึ วิธมนฺโต สสฺสมณพฺราหฺมณึ ปชนฺติ อพฺภุคฺคโต. เอวํ อุกฺกฏฺุกฺกฏฺานํ สจฺฉิกตภาวํ ปกาเสตฺวา อถ สมฺมุติเทเว อวเสสมนุสฺเส จ อุปาทาย อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสน เสสสตฺตโลกสฺส สจฺฉิกตภาวํ ปกาเสนฺโต สเทวมนุสฺสนฺติ อพฺภุคฺคโต. อยเมตฺถานุสนฺธิกฺกโม.
สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทตีติ เอตฺถ ปน สยนฺติ สามํ, อปรเนยฺโย หุตฺวา; อภิฺาติ อภิฺาย, อธิเกน าเณน ตฺวาติ อตฺโถ. สจฺฉิกตฺวาติ ปจฺจกฺขํ กตฺวา, เอเตน อนุมานาทิปฏิกฺเขโป กโต โหติ. ปเวเทตีติ โพเธติ าเปติ ปกาเสติ. โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ…เป… ปริโยสานกลฺยาณนฺติ โส ภควา สตฺเตสุ การฺุตํ ปฏิจฺจ หิตฺวาปิ อนุตฺตรํ วิเวกสุขํ ธมฺมํ เทเสติ. ตฺจ โข อปฺปํ วา พหุํ วา เทเสนฺโต อาทิกลฺยาณาทิปฺปการเมว เทเสติ.
กถํ? เอกคาถาปิ หิ สมนฺตภทฺรกตฺตา ธมฺมสฺส ปมปาเทน อาทิกลฺยาณา, ทุติยตติยปาเทหิ มชฺเฌกลฺยาณา, ปจฺฉิมปาเทน ปริโยสานกลฺยาณา. เอกานุสนฺธิกํ สุตฺตํ นิทาเนน อาทิกลฺยาณํ, นิคมเนน ปริโยสานกลฺยาณํ, เสเสน มชฺเฌกลฺยาณํ. นานานุสนฺธิกํ สุตฺตํ ปมานุสนฺธินา อาทิกลฺยาณํ, ปจฺฉิเมน ปริโยสานกลฺยาณํ, เสเสหิ มชฺเฌกลฺยาณํ. สกโลปิ สาสนธมฺโม อตฺตโน อตฺถภูเตน สีเลน อาทิกลฺยาโณ, สมถวิปสฺสนามคฺคผเลหิ มชฺเฌกลฺยาโณ, นิพฺพาเนน ปริโยสานกลฺยาโณ. สีลสมาธีหิ วา อาทิกลฺยาโณ, วิปสฺสนามคฺเคหิ มชฺเฌกลฺยาโณ, ผลนิพฺพาเนหิ ปริโยสานกลฺยาโณ ¶ . พุทฺธสุโพธิตาย วา อาทิกลฺยาโณ, ธมฺมสุธมฺมตาย มชฺเฌกลฺยาโณ, สงฺฆสุปฺปฏิปตฺติยา ปริโยสานกลฺยาโณ. ตํ สุตฺวา ตถตฺตาย ปฏิปนฺเนน อธิคนฺตพฺพาย อภิสมฺโพธิยา วา อาทิกลฺยาโณ, ปจฺเจกโพธิยา มชฺเฌกลฺยาโณ, สาวกโพธิยา ปริโยสานกลฺยาโณ. สุยฺยมาโน เจส นีวรณวิกฺขมฺภนโต สวเนนปิ ¶ กลฺยาณเมว อาวหตีติ อาทิกลฺยาโณ, ปฏิปชฺชิยมาโน สมถวิปสฺสนาสุขาวหนโต ปฏิปตฺติยาปิ กลฺยาณเมว อาวหตีติ มชฺเฌกลฺยาโณ, ตถา ปฏิปนฺโน จ ปฏิปตฺติผเล นิฏฺิเต ตาทิภาวาวหนโต ปฏิปตฺติผเลนปิ กลฺยาณเมว อาวหตีติ ปริโยสานกลฺยาโณ. นาถปฺปภวตฺตา จ ปภวสุทฺธิยา อาทิกลฺยาโณ, อตฺถสุทฺธิยา มชฺเฌกลฺยาโณ ¶ , กิจฺจสุทฺธิยา ปริโยสานกลฺยาโณ. ตสฺมา เอโส ภควา อปฺปํ วา พหุํ วา เทเสนฺโต อาทิกลฺยาณาทิปฺปการเมว เทเสตีติ เวทิตพฺโพ.
สาตฺถํ สพฺยฺชนนฺติ เอวมาทีสุ ปน ยสฺมา อิมํ ธมฺมํ เทเสนฺโต สาสนพฺรหฺมจริยํ มคฺคพฺรหฺมจริยฺจ ปกาเสติ, นานานเยหิ ทีเปติ; ตฺจ ยถานุรูปํ อตฺถสมฺปตฺติยา สาตฺถํ, พฺยฺชนสมฺปตฺติยา สพฺยฺชนํ. สงฺกาสนปกาสน-วิวรณ-วิภชน-อุตฺตานีกรณ-ปฺตฺติ-อตฺถปทสมาโยคโต สาตฺถํ, อกฺขรปท-พฺยฺชนาการนิรุตฺตินิทฺเทสสมฺปตฺติยา สพฺยฺชนํ. อตฺถคมฺภีรตา-ปฏิเวธคมฺภีรตาหิ สาตฺถํ, ธมฺมคมฺภีรตาเทสนาคมฺภีรตาหิ สพฺยฺชนํ. อตฺถปฏิภานปฏิสมฺภิทาวิสยโต สาตฺถํ, ธมฺมนิรุตฺติปฏิสมฺภิทาวิสยโต สพฺยฺชนํ. ปณฺฑิตเวทนียโต ปริกฺขกชนปฺปสาทกนฺติ สาตฺถํ, สทฺเธยฺยโต โลกิยชนปฺปสาทกนฺติ สพฺยฺชนํ. คมฺภีราธิปฺปายโต สาตฺถํ, อุตฺตานปทโต สพฺยฺชนํ. อุปเนตพฺพสฺส อภาวโต สกลปริปุณฺณภาเวน เกวลปริปุณฺณํ; อปเนตพฺพสฺส อภาวโต นิทฺโทสภาเวน ปริสุทฺธํ; สิกฺขตฺตยปริคฺคหิตตฺตา พฺรหฺมภูเตหิ เสฏฺเหิ จริตพฺพโต เตสฺจ จริยภาวโต พฺรหฺมจริยํ. ตสฺมา ‘‘สาตฺถํ สพฺยฺชนํ…เป… พฺรหฺมจริยํ ปกาเสตี’’ติ วุจฺจติ.
อปิจ ยสฺมา สนิทานํ สอุปฺปตฺติกฺจ เทเสนฺโต อาทิกลฺยาณํ เทเสติ, เวเนยฺยานํ อนุรูปโต อตฺถสฺส อวิปรีตตาย จ เหตุทาหรณยุตฺตโต จ มชฺเฌกลฺยาณํ, โสตูนํ สทฺธาปฏิลาเภน นิคมเนน ¶ จ ปริโยสานกลฺยาณํ เทเสติ. เอวํ เทเสนฺโต จ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ. ตฺจ ปฏิปตฺติยา อธิคมพฺยตฺติโต สาตฺถํ, ปริยตฺติยา อาคมพฺยตฺติโต สพฺยฺชนํ, สีลาทิปฺจธมฺมกฺขนฺธยุตฺตโต เกวลปริปุณฺณํ, นิรุปกฺกิเลสโต นิตฺถรณตฺถาย ¶ ปวตฺติโต โลกามิสนิรเปกฺขโต จ ปริสุทฺธํ, เสฏฺฏฺเน พฺรหฺมภูตานํ พุทฺธ-ปจฺเจกพุทฺธ-พุทฺธสาวกานํ จริยโต ‘‘พฺรหฺมจริย’’นฺติ วุจฺจติ. ตสฺมาปิ ‘‘โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ…เป… พฺรหฺมจริยํ ปกาเสตี’’ติ วุจฺจติ.
สาธุ โข ปนาติ สุนฺทรํ โข ปน อตฺถาวหํ สุขาวหนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตถารูปานํ อรหตนฺติ ยถารูโป โส ภว โคตโม, เอวรูปานํ ยถาภุจฺจคุณาธิคเมน โลเก อรหนฺโตติ ลทฺธสทฺทานํ อรหตํ. ทสฺสนํ โหตีติ ปสาทโสมฺมานิ อกฺขีนิ อุมฺมีลิตฺวา ‘‘ทสฺสนมตฺตมฺปิ สาธุ โหตี’’ติ เอวํ อชฺฌาสยํ กตฺวา อถ โข เวรฺโช พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ.
๒. เยนาติ ภุมฺมตฺเถ กรณวจนํ. ตสฺมา ยตฺถ ภควา ตตฺถ อุปสงฺกมีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ ¶ . เยน วา การเณน ภควา เทวมนุสฺเสหิ อุปสงฺกมิตพฺโพ, เตน การเณน อุปสงฺกมีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เกน จ การเณน ภควา อุปสงฺกมิตพฺโพ? นานปฺปการคุณวิเสสาธิคมาธิปฺปาเยน, สาทุผลูปโภคาธิปฺปาเยน ทิชคเณหิ นิจฺจผลิตมหารุกฺโข วิย. อุปสงฺกมีติ จ คโตติ วุตฺตํ โหติ. อุปสงฺกมิตฺวาติ อุปสงฺกมนปริโยสานทีปนํ. อถ วา เอวํ คโต ตโต อาสนฺนตรํ านํ ภควโต สมีปสงฺขาตํ คนฺตฺวาติปิ วุตฺตํ โหติ.
ภควตา สทฺธึ สมฺโมทีติ ยถา ขมนียาทีนิ ปุจฺฉนฺโต ภควา เตน, เอวํ โสปิ ภควตา สทฺธึ สมปฺปวตฺตโมโท อโหสิ, สีโตทกํ วิย อุณฺโหทเกน สมฺโมทิตํ เอกีภาวํ อคมาสิ. ยาย จ ‘‘กจฺจิ, โภ, โคตม, ขมนียํ; กจฺจิ ยาปนียํ, กจฺจิ โภโต โคตมสฺส, จ สาวกานฺจ อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหาโร’’ติอาทิกาย กถาย สมฺโมทิ, ตํ ปีติปาโมชฺชสงฺขาตํ สมฺโมทํ ชนนโต สมฺโมทิตุํ ยุตฺตภาวโต จ สมฺโมทนียํ. อตฺถพฺยฺชนมธุรตาย สุจิรมฺปิ กาลํ สาเรตุํ ¶ นิรนฺตรํ ปวตฺเตตุํ อรหรูปโต สริตพฺพภาวโต จ สารณียํ, สุยฺยมานสุขโต วา สมฺโมทนียํ, อนุสฺสริยมานสุขโต ¶ สารณียํ. ตถา พฺยฺชนปริสุทฺธตาย สมฺโมทนียํ, อตฺถปริสุทฺธตาย สารณียนฺติ. เอวํ อเนเกหิ ปริยาเยหิ สมฺโมทนียํ สารณียํ กถํ วีติสาเรตฺวา ปริโยสาเปตฺวา นิฏฺาเปตฺวา เยนตฺเถน อาคโต ตํ ปุจฺฉิตุกาโม เอกมนฺตํ นิสีทิ.
เอกมนฺตนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส ‘‘วิสมํ จนฺทิมสูริยา ปริวตฺตนฺตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๗๐) วิย. ตสฺมา ยถา นิสินฺโน เอกมนฺตํ นิสินฺโน โหติ ตถา นิสีทีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ภุมฺมตฺเถ วา เอตํ อุปโยควจนํ. นิสีทีติ อุปาวิสิ. ปณฺฑิตา หิ ปุริสา ครุฏฺานิยํ อุปสงฺกมิตฺวา อาสนกุสลตาย เอกมนฺตํ นิสีทนฺติ. อยฺจ เตสํ อฺตโร, ตสฺมา เอกมนฺตํ นิสีทิ.
กถํ นิสินฺโน ปน เอกมนฺตํ นิสินฺโน โหตีติ? ฉ นิสชฺชโทเส วชฺเชตฺวา. เสยฺยถิทํ – อติทูรํ, อจฺจาสนฺนํ, อุปริวาตํ, อุนฺนตปฺปเทสํ, อติสมฺมุขํ, อติปจฺฉาติ. อติทูเร นิสินฺโน หิ สเจ กเถตุกาโม โหติ อุจฺจาสทฺเทน กเถตพฺพํ โหติ. อจฺจาสนฺเน นิสินฺโน สงฺฆฏฺฏนํ กโรติ. อุปริวาเต นิสินฺโน สรีรคนฺเธน พาธติ. อุนฺนตปฺปเทเส นิสินฺโน อคารวํ ปกาเสติ. อติสมฺมุขา นิสินฺโน สเจ ทฏฺุกาโม โหติ, จกฺขุนา จกฺขุํ อาหจฺจ ทฏฺพฺพํ โหติ. อติปจฺฉา นิสินฺโน สเจ ทฏฺุกาโม โหติ คีวํ ปสาเรตฺวา ทฏฺพฺพํ โหติ. ตสฺมา ¶ อยมฺปิ เอเต ฉ นิสชฺชโทเส วชฺเชตฺวา นิสีทิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เอกมนฺตํ นิสีที’’ติ.
เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข เวรฺโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจาติ เอตนฺติ อิทานิ วตฺตพฺพมตฺถํ ทสฺเสติ. ทกาโร ปทสนฺธิกโร. อโวจาติ อภาสิ. สุตํ เมตนฺติ สุตํ เม เอตํ, เอตํ มยา สุตนฺติ อิทานิ วตฺตพฺพมตฺถํ ทสฺเสติ. โภ โคตมาติ ภควนฺตํ โคตฺเตน อาลปติ.
อิทานิ ยํ เตน สุตํ – ตํ ทสฺเสนฺโต น สมโณ โคตโมติ เอวมาทิมาห. ตตฺรายํ อนุตฺตานปทวณฺณนา – พฺราหฺมเณติ ชาติพฺราหฺมเณ. ชิณฺเณติ ชชฺชรีภูเต ¶ ชราย ขณฺฑิจฺจาทิภาวํ อาปาทิเต. วุฑฺเฒติ องฺคปจฺจงฺคานํ วุฑฺฒิมริยาทปฺปตฺเต. มหลฺลเกติ ชาติมหลฺลกตาย สมนฺนาคเต, จิรกาลปฺปสุเตติ วุตฺตํ โหติ. อทฺธคเตติ อทฺธานํ คเต ¶ , ทฺเว ตโย ราชปริวฏฺเฏ อตีเตติ อธิปฺปาโย. วโย อนุปฺปตฺเตติ ปจฺฉิมวยํ สมฺปตฺเต, ปจฺฉิมวโย นาม วสฺสสตสฺส ปจฺฉิโม ตติยภาโค.
อปิจ – ชิณฺเณติ โปราเณ, จิรกาลปฺปวตฺตกุลนฺวเยติ วุตฺตํ โหติ. วุฑฺเฒติ สีลาจาราทิคุณวุฑฺฒิยุตฺเต. มหลฺลเกติ วิภวมหตฺตตาย สมนฺนาคเต มหทฺธเน มหาโภเค. อทฺธคเตติ มคฺคปฺปฏิปนฺเน, พฺราหฺมณานํ วตจริยาทิมริยาทํ อวีติกฺกมฺม จรมาเน. วโยอนุปฺปตฺเตติ ชาติวุฑฺฒภาวํ อนฺติมวยํ อนุปฺปตฺเตติ เอวเมตฺถ โยชนา เวทิตพฺพา.
อิทานิ อภิวาเทตีติ เอวมาทีนิ ‘‘น สมโณ โคตโม’’ติ เอตฺถ วุตฺตนกาเรน โยเชตฺวา เอวมตฺถโต เวทิตพฺพานิ – ‘‘น วนฺทติ วา, นาสนา วุฏฺหติ วา, นาปิ ‘อิธ โภนฺโต นิสีทนฺตู’ติ เอวํ อาสเนน วา อุปนิมนฺเตตี’’ติ. เอตฺถ หิ วา สทฺโท วิภาวเน นาม อตฺเถ, ‘‘รูปํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติอาทีสุ วิย. เอวํ วตฺวา อถ อตฺตโน อภิวาทนาทีนิ อกโรนฺตํ ภควนฺตํ ทิสฺวา อาห – ‘‘ตยิทํ โภ โคตม ตเถวา’’ติ. ยํ ตํ มยา สุตํ – ตํ ตเถว, ตํ สวนฺจ เม ทสฺสนฺจ สํสนฺทติ สเมติ, อตฺถโต เอกีภาวํ คจฺฉติ. ‘‘น หิ ภวํ โคตโม…เป… อาสเนน วา นิมนฺเตตี’’ติ เอวํ อตฺตนา สุตํ ทิฏฺเน นิคเมตฺวา นินฺทนฺโต อาห – ‘‘ตยิทํ โภ โคตม น สมฺปนฺนเมวา’’ติ ตํ อภิวาทนาทีนํ อกรณํ น ยุตฺตเมว.
อถสฺส ภควา อตฺตุกฺกํสนปรวมฺภนโทสํ อนุปคมฺม กรุณาสีตลหทเยน ตํ อฺาณํ วิธมิตฺวา ¶ ยุตฺตภาวํ ทสฺเสตุกาโม อาห – ‘‘นาหํ ตํ พฺราหฺมณ ¶ …เป… มุทฺธาปิ ตสฺส วิปเตยฺยา’’ติ. ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – ‘‘อหํ, พฺราหฺมณ, อปฺปฏิหเตน สพฺพฺุตฺาณจกฺขุนา โอโลเกนฺโตปิ ตํ ปุคฺคลํ เอตสฺมึ สเทวกาทิเภเท โลเก น ปสฺสามิ, ยมหํ อภิวาเทยฺยํ วา ปจฺจุฏฺเยฺยํ วา อาสเนน วา นิมนฺเตยฺยํ. อนจฺฉริยํ วา เอตํ, ยฺวาหํ อชฺช สพฺพฺุตํ ปตฺโต เอวรูปํ นิปจฺจการารหํ ปุคฺคลํ น ปสฺสามิ. อปิจ โข ยทาปาหํ สมฺปติชาโตว อุตฺตราภิมุโข สตฺตปทวีติหาเรน คนฺตฺวา สกลํ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ โอโลเกสึ; ตทาปิ เอตสฺมึ สเทวกาทิเภเท โลเก ตํ ปุคฺคลํ น ปสฺสามิ, ยมหํ ¶ อภิวาเทยฺยํ วา ปจฺจุฏฺเยฺยํ วา อาสเนน วา นิมนฺเตยฺยํ. อถ โข มํ โสฬสกปฺปสหสฺสายุโก ขีณาสวมหาพฺรหฺมาปิ อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ‘‘ตฺวํ โลเก มหาปุริโส, ตฺวํ สเทวกสฺส โลกสฺส อคฺโค จ เชฏฺโ จ เสฏฺโ จ, นตฺถิ ตยา อุตฺตริตโร’’ติ สฺชาตโสมนสฺโส ปตินาเมสิ; ตทาปิ จาหํ อตฺตนา อุตฺตริตรํ อปสฺสนฺโต อาสภึ วาจํ นิจฺฉาเรสึ – ‘‘อคฺโคหมสฺมิ โลกสฺส, เชฏฺโหมสฺมิ โลกสฺส, เสฏฺโหมสฺมิ โลกสฺสา’’ติ. เอวํ สมฺปติชาตสฺสปิ มยฺหํ อภิวาทนาทิรโห ปุคฺคโล นตฺถิ, สฺวาหํ อิทานิ สพฺพฺุตํ ปตฺโต กํ อภิวาเทยฺยํ วา…เป… อาสเนน วา นิมนฺเตยฺยํ. ตสฺมา ตฺวํ, พฺราหฺมณ, มา ตถาคเต เอวรูปํ นิปจฺจการํ ปตฺถยิตฺถ. ยฺหิ, พฺราหฺมณ, ตถาคโต อภิวาเทยฺย วา…เป… อาสเนน วา นิมนฺเตยฺย, มุทฺธาปิ ตสฺส ปุคฺคลสฺส รตฺติปริโยสาเน ปริปากสิถิลพนฺธนํ วณฺฏา ปวุตฺตตาลผลมิว คีวโต ปจฺฉิชฺชิตฺวา สหสาว ภูมิยํ วิปเตยฺยาติ.
๓. เอวํ วุตฺเตปิ พฺราหฺมโณ ทุปฺปฺตาย ตถาคตสฺส โลเก เชฏฺภาวํ อสลฺลกฺเขนฺโต เกวลํ ตํ วจนํ อสหมาโน อาห – ‘‘อรสรูโป ภวํ โคตโม’’ติ. อยํ กิรสฺส อธิปฺปาโย – ยํ โลเก อภิวาทนปจฺจุฏฺานอฺชลิกมฺมสามีจิกมฺมํ ‘‘สามคฺคิรโส’’ติ วุจฺจติ, ตํ โภโต โคตมสฺส นตฺถิ ¶ , ตสฺมา อรสรูโป ภวํ โคตโม, อรสชาติโก อรสสภาโวติ. อถสฺส ภควา จิตฺตมุทุภาวชนนตฺถํ อุชุวิปจฺจนีกภาวํ ปริหรนฺโต อฺถา ตสฺส วจนสฺสตฺถํ อตฺตนิ สนฺทสฺเสนฺโต ‘‘อตฺถิ ขฺเวส พฺราหฺมณ ปริยาโย’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ ปริยาโยติ การณํ; อยฺหิ ปริยายสทฺโท เทสนา-วาร-การเณสุ วตฺตติ. ‘‘มธุปิณฺฑิกปริยาโยตฺเวว นํ ธาเรหี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๐๕) หิ เอส เทสนายํ วตฺตติ. ‘‘กสฺส นุ โข, อานนฺท, อชฺช ปริยาโย ภิกฺขุนิโย โอวทิตุ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๓๙๘) วาเร. ‘‘สาธุ, ภนฺเต, ภควา อฺํ ปริยายํ อาจิกฺขตุ, ยถายํ ภิกฺขุสงฺโฆ อฺาย สณฺเหยฺยา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๑๖๔) การเณ. สฺวายมิธ การเณ วตฺตติ ¶ . ตสฺมา เอตฺถ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ – อตฺถิ โข, พฺราหฺมณ, เอตํ การณํ; เยน การเณน มํ ‘‘อรสรูโป ¶ ภวํ โคตโม’’ติ วทมาโน ปุคฺคโล สมฺมา วเทยฺย, อวิตถวาทีติ สงฺขฺยํ คจฺเฉยฺย. กตโม ปน โสติ? เย เต พฺราหฺมณ รูปรสา…เป… โผฏฺพฺพรสา เต ตถาคตสฺส ปหีนาติ. กึ วุตฺตํ โหติ? เย เต ชาติวเสน วา อุปปตฺติวเสน วา เสฏฺสมฺมตานมฺปิ ปุถุชฺชนานํ รูปารมฺมณาทีนิ อสฺสาเทนฺตานํ อภินนฺทนฺตานํ รชฺชนฺตานํ อุปฺปชฺชนฺติ กามสุขสฺสาทสงฺขาตา รูปรสสทฺทคนฺธรสโผฏฺพฺพรสา, เย อิมํ โลกํ คีวาย พนฺธิตฺวา วิย อาวิฺฉนฺติ, วตฺถารมฺมณาทิสามคฺคิยฺจ อุปฺปนฺนตฺตา สามคฺคิรสาติ วุจฺจนฺติ, เต สพฺเพปิ ตถาคตสฺส ปหีนาติ. มยฺหํ ปหีนาติ วตฺตพฺเพปิ มมากาเรน อตฺตานํ อนุกฺขิปนฺโต ธมฺมํ เทเสติ. เทสนาวิลาโส วา เอส ภควโต.
ตตฺถ ปหีนาติ จิตฺตสนฺตานโต วิคตา ชหิตา วา. เอตสฺมึ ปนตฺเถ กรเณ สามิวจนํ ทฏฺพฺพํ. อริยมคฺคสตฺเถน อุจฺฉินฺนํ ตณฺหาวิชฺชามยํ มูลเมเตสนฺติ อุจฺฉินฺนมูลา. ตาลวตฺถุ วิย เนสํ วตฺถุ กตนฺติ ตาลาวตฺถุกตา. ยถา หิ ตาลรุกฺขํ สมูลํ ¶ อุทฺธริตฺวา ตสฺส วตฺถุมตฺเต ตสฺมึ ปเทเส กเต น ปุน ตสฺส ตาลสฺส อุปฺปตฺติ ปฺายติ; เอวํ อริยมคฺคสตฺเถน สมูเล รูปาทิรเส อุทฺธริตฺวา เตสํ ปุพฺเพ อุปฺปนฺนปุพฺพภาเวน วตฺถุมตฺเต จิตฺตสนฺตาเน กเต สพฺเพปิ เต ‘‘ตาลาวตฺถุกตา’’ติ วุจฺจนฺติ. อวิรูฬฺหิธมฺมตฺตา วา มตฺถกจฺฉินฺนตาโล วิย กตาติ ตาลาวตฺถุกตา. ยสฺมา ปน เอวํ ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา โหนฺติ, ยถา เนสํ ปจฺฉาภาโว น โหติ, ตถา กตา โหนฺติ; ตสฺมา อาห – ‘‘อนภาวํกตา’’ติ. อยฺเหตฺถ ปทจฺเฉโท – อนุอภาวํ กตา อนภาวํกตาติ. ‘‘อนภาวํ คตา’’ติปิ ปาโ, ตสฺส อนุอภาวํ คตาติ อตฺโถ. ตตฺถ ปทจฺเฉโท อนุอภาวํ คตา อนภาวํ คตาติ, ยถา อนุอจฺฉริยา อนจฺฉริยาติ. อายตึ อนุปฺปาทธมฺมาติ อนาคเต อนุปฺปชฺชนกสภาวา. เย หิ อภาวํ คตา, เต ปุน กถํ อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ? เตนาห – ‘‘อนภาวํ คตา อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา’’ติ.
อยํ โข พฺราหฺมณ ปริยาโยติ อิทํ โข, พฺราหฺมณ, การณํ เยน มํ สมฺมา วทมาโน วเทยฺย ‘‘อรสรูโป สมโณ โคตโม’’ติ. โน จ โข ยํ ตฺวํ สนฺธาย วเทสีติ ยฺจ โข ตฺวํ สนฺธาย วเทสิ, โส ปริยาโย น โหติ. กสฺมา ปน ภควา เอวมาห? นนุ เอวํ วุตฺเต ¶ โย พฺราหฺมเณน วุตฺโต สามคฺคิรโส ตสฺส อตฺตนิ วิชฺชมานตา อนฺุาตา โหตีติ. วุจฺจเต, น โหติ. โย หิ ตํ สามคฺคิรสํ กาตุํ ภพฺโพ หุตฺวา น กโรติ, โส ตทภาเวน อรสรูโปติ วตฺตพฺโพ ภเวยฺย. ภควา ปน อภพฺโพว เอตํ กาตุํ, เตนสฺส กรเณ อภพฺพตํ ปกาเสนฺโต ¶ อาห – ‘‘โน จ โข ยํ ตฺวํ สนฺธาย วเทสี’’ติ. ยํ ปริยายํ สนฺธาย ตฺวํ มํ ‘‘อรสรูโป’’ติ วเทสิ, โส อมฺเหสุ เนว วตฺตพฺโพติ.
๔. เอวํ พฺราหฺมโณ อตฺตนา อธิปฺเปตํ อรสรูปตํ อาโรเปตุํ อสกฺโกนฺโต อถาปรํ นิพฺโภโค ภวํ โคตโมติอาทิมาห. สพฺพปริยาเยสุ เจตฺถ วุตฺตนเยเนว โยชนกฺกมํ วิทิตฺวา ¶ สนฺธาย ภาสิตมตฺตํ เอวํ เวทิตพฺพํ. พฺราหฺมโณ ตเมว วโยวุฑฺฒานํ อภิวาทนกมฺมาทึ โลเก สามคฺคิปริโภโคติ มฺมาโน ตทภาเวน ภควนฺตํ นิพฺโภโคติ อาห. ภควา ปน ยฺวายํ รูปาทีสุ สตฺตานํ ฉนฺทราคปริโภโค ตทภาวํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน อปรมฺปิ ปริยายํ อนุชานาติ.
๕. ปุน พฺราหฺมโณ ยํ โลเก วโยวุฑฺฒานํ อภิวาทนาทิกุลสมุทาจารกมฺมํ โลกิยา กโรนฺติ ตสฺส อกิริยํ สมฺปสฺสมาโน ภควนฺตํ อกิริยวาโทติ อาห. ภควา ปน, ยสฺมา กายทุจฺจริตาทีนํ อกิริยํ วทติ ตสฺมา, ตํ อกิริยวาทํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน อปรมฺปิ ปริยายํ อนุชานาติ. ตตฺถ จ กายทุจฺจริตนฺติ ปาณาติปาต-อทินฺนาทาน-มิจฺฉาจารเจตนา เวทิตพฺพา. วจีทุจฺจริตนฺติ มุสาวาท-ปิสุณวาจา-ผรุสวาจา-สมฺผปฺปลาปเจตนา เวทิตพฺพา. มโนทุจฺจริตนฺติ อภิชฺฌาพฺยาปาทมิจฺฉาทิฏฺิโย เวทิตพฺพา. เปตฺวา เต ธมฺเม, อวเสสา อกุสลา ธมฺมา ‘‘อเนกวิหิตา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา’’ติ เวทิตพฺพา.
๖. ปุน พฺราหฺมโณ ตเมว อภิวาทนาทิกมฺมํ ภควติ อปสฺสนฺโต อิมํ ‘‘อาคมฺม อยํ โลกตนฺติ โลกปเวณี อุจฺฉิชฺชตี’’ติ มฺมาโน ภควนฺตํ อุจฺเฉทวาโทติ อาห. ภควา ปน ยสฺมา อฏฺสุ โลภสหคตจิตฺเตสุ ปฺจกามคุณิกราคสฺส ทฺวีสุ อกุสลจิตฺเตสุ อุปฺปชฺชมานกโทสสฺส จ อนาคามิมคฺเคน อุจฺเฉทํ วทติ. สพฺพากุสลสมฺภวสฺส ปน นิรวเสสสฺส โมหสฺส อรหตฺตมคฺเคน อุจฺเฉทํ วทติ. เปตฺวา เต ตโย, อวเสสานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ยถานุรูปํ จตูหิ มคฺเคหิ ¶ อุจฺเฉทํ วทติ; ตสฺมา ตํ อุจฺเฉทวาทํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน อปรมฺปิ ปริยายํ อนุชานาติ.
๗. ปุน พฺราหฺมโณ ‘‘ชิคุจฺฉติ มฺเ สมโณ โคตโม อิทํ วโยวุฑฺฒานํ อภิวาทนาทิกุลสมุทาจารกมฺมํ, เตน ตํ น กโรตี’’ติ มฺมาโน ภควนฺตํ เชคุจฺฉีติ อาห. ภควา ปน ยสฺมา ชิคุจฺฉติ กายทุจฺจริตาทีหิ; กึ วุตฺตํ โหติ ¶ ? ยฺจ ติวิธํ กายทุจฺจริตํ, ยฺจ จตุพฺพิธํ วจีทุจฺจริตํ, ยฺจ ติวิธํ มโนทุจฺจริตํ, ยา จ เปตฺวา ตานิ ¶ ทุจฺจริตานิ อวเสสานํ ลามกฏฺเน ปาปกานํ อโกสลฺลสมฺภูตฏฺเน อกุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติ สมาปชฺชนา สมงฺคิภาโว, ตํ สพฺพมฺปิ คูถํ วิย มณฺฑนกชาติโย ปุริโส ชิคุจฺฉติ หิรียติ, ตสฺมา ตํ เชคุจฺฉิตํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน อปรมฺปิ ปริยายํ อนุชานาติ. ตตฺถ ‘‘กายทุจฺจริเตนา’’ติ อุปโยคตฺเถ กรณวจนํ ทฏฺพฺพํ.
๘. ปุน พฺราหฺมโณ ตเมว อภิวาทนาทิกมฺมํ ภควติ อปสฺสนฺโต ‘‘อยํ อิมํ โลกเชฏฺกกมฺมํ วิเนติ วินาเสติ, อถ วา ยสฺมา เอตํ สามีจิกมฺมํ น กโรติ ตสฺมา อยํ วิเนตพฺโพ นิคฺคณฺหิตพฺโพ’’ติ มฺมาโน ภควนฺตํ เวนยิโกติ อาห. ตตฺรายํ ปทตฺโถ – วินยตีติ วินโย, วินาเสตีติ วุตฺตํ โหติ. วินโย เอว เวนยิโก, วินยํ วา อรหตีติ เวนยิโก, นิคฺคหํ อรหตีติ วุตฺตํ โหติ. ภควา ปน, ยสฺมา ราคาทีนํ วินยาย วูปสมาย ธมฺมํ เทเสติ, ตสฺมา เวนยิโก โหติ. อยเมว เจตฺถ ปทตฺโถ – วินยาย ธมฺมํ เทเสตีติ เวนยิโก. วิจิตฺรา หิ ตทฺธิตวุตฺติ! สฺวายํ ตํ เวนยิกภาวํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน อปรมฺปิ ปริยายํ อนุชานาติ.
๙. ปุน พฺราหฺมโณ ยสฺมา อภิวาทนาทีนิ สามีจิกมฺมานิ กโรนฺตา วโยวุฑฺเฒ โตเสนฺติ หาเสนฺติ, อกโรนฺตา ปน ตาเปนฺติ วิเหเสนฺติ โทมนสฺสํ เนสํ อุปฺปาเทนฺติ, ภควา จ ตานิ น กโรติ; ตสฺมา ‘‘อยํ วโยวุฑฺเฒ ตปตี’’ติ มฺมาโน สปฺปุริสาจารวิรหิตตฺตา วา ‘‘กปณปุริโส อย’’นฺติ มฺมาโน ภควนฺตํ ตปสฺสีติ อาห. ตตฺรายํ ปทตฺโถ – ตปตีติ ตโป, โรเสติ วิเหเสตีติ วุตฺตํ โหติ, สามีจิกมฺมากรณสฺเสตํ นามํ. ตโป อสฺส อตฺถีติ ตปสฺสี. ทุติเย อตฺถวิกปฺเป พฺยฺชนานิ อวิจาเรตฺวา โลเก กปณปุริโส ‘‘ตปสฺสี’’ติ วุจฺจติ. ภควา ปน เย อกุสลา ธมฺมา โลกํ ตปนโต ตปนียาติ ¶ วุจฺจนฺติ, เตสํ ปหีนตฺตา ยสฺมา ตปสฺสีติ สงฺขฺยํ คโต, ตสฺมา ตํ ตปสฺสิตํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน อปรมฺปิ ปริยายํ อนุชานาติ. ตตฺรายํ ปทตฺโถ – ตปนฺตีติ ตปา, อกุสลธมฺมานเมตํ ¶ อธิวจนํ. วุตฺตมฺปิ เหตํ – ‘‘อิธ ตปฺปติ เปจฺจ ตปฺปตี’’ติ. ตถา เต ตเป อสฺสิ นิรสฺสิ ปหาสิ วิทฺธํเสสีติ ตปสฺสี.
๑๐. ปุน พฺราหฺมโณ ตํ อภิวาทนาทิกมฺมํ เทวโลกคพฺภสมฺปตฺติยา เทวโลกปฏิสนฺธิปฏิลาภาย สํวตฺตตีติ มฺมาโน ภควติ จสฺส อภาวํ ทิสฺวา ภควนฺตํ อปคพฺโภติ อาห. โกธวเสน วา ภควโต มาตุกุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธิคฺคหเณ โทสํ ทสฺเสนฺโตปิ เอวมาห. ตตฺรายํ ปทตฺโถ – คพฺภโต อปคโตติ อปคพฺโภ, อภพฺโพ เทวโลกูปปตฺตึ ปาปุณิตุนฺติ ¶ อธิปฺปาโย. หีโน วา คพฺโภ อสฺสาติ อปคพฺโภ, เทวโลกคพฺภปริพาหิรตฺตา อายตึ หีนคพฺภปฏิลาภภาคีติ, หีโน วาสฺส มาตุกุจฺฉิมฺหิ คพฺภวาโส อโหสีติ อธิปฺปาโย. ภควโต ปน ยสฺมา อายตึ คพฺภเสยฺยา อปคตา, ตสฺมา โส ตํ อปคพฺภตํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน อปรมฺปิ ปริยายํ อนุชานาติ. ตตฺร จ ยสฺส โข พฺราหฺมณ อายตึ คพฺภเสยฺยา ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ ปหีนาติ เอเตสํ ปทานํ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ – พฺราหฺมณ, ยสฺส ปุคฺคลสฺส อนาคเต คพฺภเสยฺยา, ปุนพฺภเว จ อภินิพฺพตฺติ อนุตฺตเรน มคฺเคน วิหตการณตฺตา ปหีนาติ. คพฺภเสยฺยคฺคหเณน เจตฺถ ชลาพุชโยนิ คหิตา. ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติคฺคหเณน อิตรา ติสฺโสปิ.
อปิจ คพฺภสฺส เสยฺยา คพฺภเสยฺยา, ปุนพฺภโว เอว อภินิพฺพตฺติ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ยถา จ วิฺาณฏฺิตีติ วุตฺเตปิ น วิฺาณโต อฺา ิติ อตฺถิ, เอวมิธาปิ น คพฺภโต อฺา เสยฺยาติ เวทิตพฺพา. อภินิพฺพตฺติ จ นาม ยสฺมา ปุนพฺภวภูตาปิ อปุนพฺภวภูตาปิ อตฺถิ, อิธ จ ปุนพฺภวภูตา อธิปฺเปตา. ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘ปุนพฺภโว เอว อภินิพฺพตฺติ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺตี’’ติ.
๑๑. เอวํ อาคตกาลโต ปฏฺาย อรสรูปตาทีหิ อฏฺหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อกฺโกสนฺตมฺปิ พฺราหฺมณํ ภควา ธมฺมิสฺสโร ธมฺมราชา ธมฺมสฺสามี ¶ ตถาคโต อนุกมฺปาย สีตเลเนว จกฺขุนา โอโลเกนฺโต ยํ ธมฺมธาตุํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา เทสนาวิลาสปฺปตฺโต โหติ, ตสฺสา ธมฺมธาตุยา ¶ สุปฺปฏิวิทฺธตฺตา วิคตวลาหเก อนฺตลิกฺเข สมพฺภุคฺคโต ปุณฺณจนฺโท วิย สรทกาเล สูริโย วิย จ พฺราหฺมณสฺส หทยนฺธการํ วิธมนฺโต ตานิเยว อกฺโกสวตฺถูนิ เตน เตน ปริยาเยน อฺถา ทสฺเสตฺวา, ปุนปิ อตฺตโน กรุณาวิปฺผารํ อฏฺหิ โลกธมฺเมหิ อกมฺปิยภาเวน ปฏิลทฺธํ, ตาทิคุณลกฺขณํ ปถวีสมจิตฺตตํ อกุปฺปธมฺมตฺจ ปกาเสนฺโต ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ เกวลํ ปลิตสิรขณฺฑทนฺตวลิตฺตจตาทีหิ อตฺตโน วุฑฺฒภาวํ สฺชานาติ, โน จ โข ชานาติ อตฺตานํ ชาติยา อนุคตํ ชราย อนุสฏํ พฺยาธินา อภิภูตํ มรเณน อพฺภาหตํ วฏฺฏขาณุภูตํ อชฺช มริตฺวา ปุน สฺเวว อุตฺตานสยนทารกภาวคมนียํ. มหนฺเตน โข ปน อุสฺสาเหน มม สนฺติกํ อาคโต, ตทสฺส อาคมนํ สาตฺถกํ โหตู’’ติ จินฺเตตฺวา อิมสฺมึ โลเก อตฺตโน อปฺปฏิสมํ ปุเรชาตภาวํ ทสฺเสนฺโต เสยฺยถาปิ พฺราหฺมณาติอาทินา นเยน พฺราหฺมณสฺส ธมฺมเทสนํ วฑฺเฒสิ.
ตตฺถ เสยฺยถาติ โอปมฺมตฺเถ นิปาโต; ปีติ สมฺภาวนตฺเถ; อุภเยนาปิ ยถา นาม พฺราหฺมณาติ ¶ ทสฺเสติ. กุกฺกุฏิยา อณฺฑานิ อฏฺ วา ทส วา ทฺวาทส วาติ เอตฺถ ปน กิฺจาปิ กุกฺกุฏิยา วุตฺตปฺปการโต อูนาธิกานิปิ อณฺฑานิ โหนฺติ, อถ โข วจนสิลิฏฺตาย เอวํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. เอวฺหิ โลเก สิลิฏฺวจนํ โหติ. ตานสฺสูติ ตานิ อสฺสุ, ภเวยฺยุนฺติ วุตฺตํ โหติ. กุกฺกุฏิยา สมฺมา อธิสยิตานีติ ตาย ชเนตฺติยา กุกฺกุฏิยา ปกฺเข ปสาเรตฺวา เตสํ อุปริ สยนฺติยา สมฺมา อธิสยิตานิ. สมฺมา ปริเสทิตานีติ กาเลน กาลํ อุตุํ คณฺหาเปนฺติยา สุฏฺุ สมนฺตโต เสทิตานิ, อุสฺมีกตานีติ วุตฺตํ โหติ. สมฺมา ปริภาวิตานีติ กาเลน กาลํ สุฏฺุ สมนฺตโต ภาวิตานิ, กุกฺกุฏคนฺธํ คาหาปิตานีติ วุตฺตํ โหติ.
อิทานิ ยสฺมา ตาย กุกฺกุฏิยา เอวํ ตีหิ ปกาเรหิ ตานิ อณฺฑานิ ปริปาลิยมานานิ น ปูตีนิ โหนฺติ. โยปิ เนสํ อลฺลสิเนโห โส ปริยาทานํ คจฺฉติ. กปาลํ ตนุกํ โหติ, ปาทนขสิขา จ มุขตุณฺฑกฺจ ขรํ โหติ, กุกฺกุฏโปตกา ปริปากํ คจฺฉนฺติ, กปาลสฺส ตนุกตฺตา พหิทฺธา ¶ อาโลโก อนฺโต ปฺายติ. อถ เต กุกฺกุฏโปตกา ‘‘จิรํ ¶ วต มยํ สงฺกุฏิตหตฺถปาทา สมฺพาเธ สยิมฺห, อยฺจ พหิ อาโลโก ทิสฺสติ, เอตฺถ ทานิ โน สุขวิหาโร ภวิสฺสตี’’ติ นิกฺขมิตุกามา หุตฺวา กปาลํ ปาเทน ปหรนฺติ, คีวํ ปสาเรนฺติ. ตโต ตํ กปาลํ ทฺเวธา ภิชฺชติ, กุกฺกุฏโปตกา ปกฺเข วิธุนนฺตา ตงฺขณานุรูปํ วิรวนฺตา นิกฺขมนฺติ. เอวํ นิกฺขมนฺตานฺจ เนสํ โย ปมตรํ นิกฺขมติ โส ‘เชฏฺโ’ติ วุจฺจติ. ตสฺมา ภควา ตาย อุปมาย อตฺตโน เชฏฺกภาวํ สาเธตุกาโม พฺราหฺมณํ ปุจฺฉิ – ‘‘โย นุ โข เตสํ กุกฺกุฏจฺฉาปกานํ…เป… กินฺติ สฺวสฺส วจนีโย’’ติ. ตตฺถ กุกฺกุฏจฺฉาปกานนฺติ กุกฺกุฏโปตกานํ. กินฺติ สฺวสฺส วจนีโยติ โส กินฺติ วจนีโย อสฺส, กินฺติ วตฺตพฺโพ ภเวยฺย เชฏฺโ วา กนิฏฺโ วาติ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว.
ตโต พฺราหฺมโณ อาห – ‘‘เชฏฺโติสฺส โภ โคตม วจนีโย’’ติ. โภ, โคตม, โส เชฏฺโ อิติ อสฺส วจนีโย. กสฺมาติ เจ? โส หิ เนสํ เชฏฺโ, ตสฺมา โส เนสํ วุฑฺฒตโรติ อตฺโถ. อถสฺส ภควา โอปมฺมํ สมฺปฏิปาเทนฺโต อาห – ‘‘เอวเมว โข อหํ พฺราหฺมณา’’ติอาทิ. ยถา โส กุกฺกุฏจฺฉาปโก เชฏฺโติ สงฺขฺยํ คจฺฉติ; เอวํ อหมฺปิ อวิชฺชาคตาย ปชาย. อวิชฺชาคตายาติ อวิชฺชา วุจฺจติ อฺาณํ, ตตฺถ คตาย. ปชายาติ สตฺตาธิวจนเมตํ. ตสฺมา เอตฺถ อวิชฺชณฺฑโกสสฺส อนฺโต ปวิฏฺเสุ สตฺเตสูติ เอวํ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อณฺฑภูตายาติ อณฺเฑ ภูตาย ชาตาย สฺชาตาย. ยถา หิ อณฺเฑ นิพฺพตฺตา เอกจฺเจ สตฺตา อณฺฑภูตาติ วุจฺจนฺติ; เอวมยํ สพฺพาปิ ปชา อวิชฺชณฺฑโกเส นิพฺพตฺตตฺตา อณฺฑภูตาติ วุจฺจติ. ปริโยนทฺธายาติ เตน อวิชฺชณฺฑโกเสน สมนฺตโต โอนทฺธาย พทฺธาย เวิตาย ¶ . อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวาติ ตํ อวิชฺชามยํ อณฺฑโกสํ ภินฺทิตฺวา ¶ . เอโกว โลเกติ สกเลปิ โลกสนฺนิวาเส อหเมว เอโก อทุติโย. อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธติ อนุตฺตรนฺติ อุตฺตรวิรหิตํ สพฺพเสฏฺํ. สมฺมาสมฺโพธินฺติ สมฺมา สามฺจ โพธึ; อถ วา ปสตฺถํ สุนฺทรฺจ โพธึ; โพธีติ รุกฺโขปิ มคฺโคปิ สพฺพฺุตฺาณมฺปิ นิพฺพานมฺปิ วุจฺจติ. ‘‘โพธิรุกฺขมูเล ปมาภิสมฺพุทฺโธ’’ติ (มหาว. ๑; อุทา. ๑) จ ‘‘อนฺตรา จ คยํ อนฺตรา จ โพธิ’’นฺติ (มหาว. ๑๑; ม. นิ. ๑.๒๘๕) จ อาคตฏฺาเนสุ หิ รุกฺโข โพธีติ วุจฺจติ. ‘‘โพธิ ¶ วุจฺจติ จตูสุ มคฺเคสุ าณ’’นฺติ (จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๒๑) อาคตฏฺาเน มคฺโค. ‘‘ปปฺโปติ โพธึ วรภูริเมธโส’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๑๗) อาคตฏฺาเน สพฺพฺุตฺาณํ. ‘‘ปตฺวาน โพธึ อมตํ อสงฺขต’’นฺติ อาคตฏฺาเน นิพฺพานํ. อิธ ปน ภควโต อรหตฺตมคฺคาณํ อธิปฺเปตํ. สพฺพฺุตฺาณนฺติปิ วทนฺติ. อฺเสํ อรหตฺตมคฺโค อนุตฺตรา โพธิ โหติ, น โหตีติ? น โหติ. กสฺมา? อสพฺพคุณทายกตฺตา. เตสฺหิ กสฺสจิ อรหตฺตมคฺโค อรหตฺตผลเมว เทติ, กสฺสจิ ติสฺโส วิชฺชา, กสฺสจิ ฉ อภิฺา, กสฺสจิ จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา, กสฺสจิ สาวกปารมิาณํ. ปจฺเจกพุทฺธานมฺปิ ปจฺเจกโพธิาณเมว เทติ. พุทฺธานํ ปน สพฺพคุณสมฺปตฺตึ เทติ, อภิเสโก วิย รฺโ สพฺพโลกิสฺสริยภาวํ. ตสฺมา อฺสฺส กสฺสจิปิ อนุตฺตรา โพธิ น โหตีติ. อภิสมฺพุทฺโธติ อพฺภฺาสึ ปฏิวิชฺฌึ; ปตฺโตมฺหิ อธิคโตมฺหีติ วุตฺตํ โหติ.
อิทานิ ยเทตํ ภควตา ‘‘เอวเมว โข อหํ พฺราหฺมณา’’ติ อาทินา นเยน วุตฺตํ โอปมฺมสมฺปฏิปาทนํ, ตํ เอวมตฺเถน สทฺธึ สํสนฺทิตฺวา เวทิตพฺพํ. ยถา หิ ตสฺสา กุกฺกุฏิยา อตฺตโน อณฺเฑสุ อธิสยนาทิติวิธกิริยากรณํ; เอวํ โพธิปลฺลงฺเก นิสินฺนสฺส โพธิสตฺตภูตสฺส ภควโต อตฺตโน จิตฺตสนฺตาเน อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตาติ ติวิธานุปสฺสนากรณํ. กุกฺกุฏิยา ติวิธกิริยาสมฺปาทเนน อณฺฑานํ อปูติภาโว วิย โพธิสตฺตภูตสฺส ภควโต ติวิธานุปสฺสนาสมฺปาทเนน วิปสฺสนาาณสฺส อปริหานิ. กุกฺกุฏิยา ¶ ติวิธกิริยากรเณน อณฺฑานํ อลฺลสิเนหปริยาทานํ วิย โพธิสตฺตภูตสฺส ภควโต ติวิธานุปสฺสนาสมฺปาทเนน ภวตฺตยานุคตนิกนฺติสิเนหปริยาทานํ. กุกฺกุฏิยา ติวิธกิริยากรเณน อณฺฑกปาลานํ ตนุภาโว วิย โพธิสตฺตภูตสฺส ภควโต ติวิธานุปสฺสนาสมฺปาทเนน อวิชฺชณฺฑโกสสฺส ตนุภาโว. กุกฺกุฏิยา ติวิธกิริยากรเณน กุกฺกุฏจฺฉาปกสฺส ปาทนขสิขาตุณฺฑกานํ ถทฺธขรภาโว วิย โพธิสตฺตภูตสฺส ภควโต ติวิธานุปสฺสนาสมฺปาทเนน วิปสฺสนาาณสฺส ติกฺขขรวิปฺปสนฺนสูรภาโว. กุกฺกุฏิยา ติวิธกิริยากรเณน ¶ กุกฺกุฏจฺฉาปกสฺส ปริปากกาโล วิย โพธิสตฺตภูตสฺส ภควโต ติวิธานุปสฺสนาสมฺปาทเนน วิปสฺสนาาณสฺส ¶ ปริปากกาโล วฑฺฒิตกาโล คพฺภคฺคหณกาโล เวทิตพฺโพ.
ตโต กุกฺกุฏิยา ติวิธกิริยากรเณน กุกฺกุฏจฺฉาปกสฺส ปาทนขสิขาย วา มุขตุณฺฑเกน วา อณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ปกฺเข ปปฺโผเฏตฺวา โสตฺถินา อภินิพฺภิทากาโล วิย โพธิสตฺตภูตสฺส ภควโต ติวิธานุปสฺสนาสมฺปาทเนน วิปสฺสนาาณํ คพฺภํ คณฺหาเปตฺวา อนุปุพฺพาธิคเตน อรหตฺตมคฺเคน อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา อภิฺาปกฺเข ปปฺโผเฏตฺวา โสตฺถินา สกลพุทฺธคุณสจฺฉิกตกาโล เวทิตพฺโพติ.
สฺวาหํ พฺราหฺมณ เชฏฺโ เสฏฺโ โลกสฺสาติ โส อหํ พฺราหฺมณ ยถา เตสํ กุกฺกุฏโปตกานํ ปมตรํ อณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา อภินิพฺภิโท กุกฺกุฏโปตโก เชฏฺโ โหติ; เอวํ อวิชฺชาคตาย ปชาย ตํ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ปมตรํ อริยาย ชาติยา ชาตตฺตา เชฏฺโ วุฑฺฒตโรติ สงฺขฺยํ คโต. สพฺพคุเณหิ ปน อปฺปฏิสมตฺตา เสฏฺโติ.
เอวํ ภควา อตฺตโน อนุตฺตรํ เชฏฺเสฏฺภาวํ พฺราหฺมณสฺส ปกาเสตฺวา อิทานิ ยาย ปฏิปทาย ตํ อธิคโต ตํ ปฏิปทํ ปุพฺพภาคโต ปภุติ ทสฺเสตุํ ‘‘อารทฺธํ โข ปน เม พฺราหฺมณา’’ติอาทิมาห. อิมํ วา ภควโต อนุตฺตรํ ¶ เชฏฺเสฏฺภาวํ สุตฺวา พฺราหฺมณสฺส จิตฺตเมวมุปฺปนฺนํ – ‘‘กาย นุ โข ปฏิปทาย อิมํ ปตฺโต’’ติ. ตสฺส จิตฺตมฺาย ‘‘อิมายาหํ ปฏิปทาย อิมํ อนุตฺตรํ เชฏฺเสฏฺภาวํ ปตฺโต’’ติ ทสฺเสนฺโต เอวมาห. ตตฺถ อารทฺธํ โข ปน เม พฺราหฺมณ วีริยํ อโหสีติ พฺราหฺมณ, น มยา อยํ อนุตฺตโร เชฏฺเสฏฺภาโว กุสีเตน มุฏฺสฺสตินา สารทฺธกาเยน วิกฺขิตฺตจิตฺเตน อธิคโต, อปิจ โข ตทธิคมาย อารทฺธํ โข ปน เม วีริยํ อโหสิ, โพธิมณฺเฑ นิสินฺเนน มยา จตุรงฺคสมนฺนาคตํ วีริยํ อารทฺธํ อโหสิ, ปคฺคหิตํ อสิถิลปฺปวตฺติตนฺติ วุตฺตํ โหติ. อารทฺธตฺตาเยว จ เม ตํ อสลฺลีนํ อโหสิ. น เกวลฺจ วีริยเมว, สติปิ เม อารมฺมณาภิมุขีภาเวน อุปฏฺิตา อโหสิ. อุปฏฺิตตฺตาเยว จ อสมฺมุฏฺา. ปสฺสทฺโธ กาโย อสารทฺโธติ กายจิตฺตปสฺสทฺธิวเสน กาโยปิ เม ปสฺสทฺโธ อโหสิ ¶ . ตตฺถ ยสฺมา นามกาเย ปสฺสทฺเธ รูปกาโยปิ ปสฺสทฺโธเยว โหติ, ตสฺมา นามกาโย รูปกาโยติ อวิเสเสตฺวาว ปสฺสทฺโธ กาโยติ วุตฺตํ. อสารทฺโธติ โส จ โข ปสฺสทฺธตฺตาเยว อสารทฺโธ, วิคตทรโถติ วุตฺตํ โหติ. สมาหิตํ จิตฺตํ เอกคฺคนฺติ จิตฺตมฺปิ เม สมฺมา ¶ อาหิตํ สุฏฺุ ปิตํ อปฺปิตํ วิย อโหสิ; สมาหิตตฺตา เอว จ เอกคฺคํ อจลํ นิปฺผนฺทนนฺติ. เอตฺตาวตา ฌานสฺส ปุพฺพภาคปฏิปทา กถิตา โหติ.
ปมชฺฌานกถา
อิทานิ อิมาย ปฏิปทาย อธิคตํ ปมชฺฌานํ อาทึ กตฺวา วิชฺชตฺตยปริโยสานํ วิเสสํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โส โข อห’’นฺติ อาทิมาห. ตตฺถ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหีติอาทีนํ กิฺจาปิ ‘‘ตตฺถ กตเม กามา? ฉนฺโท กาโม, ราโค กาโม, ฉนฺทราโค กาโม; สงฺกปฺโป กาโม, ราโค กาโม, สงฺกปฺปราโค กาโม – อิเม วุจฺจนฺติ กามา. ตตฺถ กตเม อกุสลา ธมฺมา? กามจฺฉนฺโท…เป… วิจิกิจฺฉา – อิเม วุจฺจนฺติ อกุสลา ธมฺมา. อิติ อิเมหิ จ กาเมหิ อิเมหิ จ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ ¶ วิวิตฺโต โหติ ปวิวิตฺโต, เตน วุจฺจติ – ‘วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหี’’’ติอาทินา (วิภ. ๕๖๔) นเยน วิภงฺเคเยว อตฺโถ วุตฺโต. ตถาปิ อฏฺกถานยํ วินา น สุฏฺุ ปากโฏติ อฏฺกถานเยเนว นํ ปกาสยิสฺสาม.
เสยฺยถิทํ – วิวิจฺเจว กาเมหีติ กาเมหิ วิวิจฺจิตฺวา วินา หุตฺวา อปสกฺเกตฺวา. โย ปนายเมตฺถ เอวกาโร, โส นิยมตฺโถติ เวทิตพฺโพ. ยสฺมา จ นิยมตฺโถ, ตสฺมา ตสฺมึ ปมชฺฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรณสมเย อวิชฺชมานานมฺปิ กามานํ ตสฺส ปมชฺฌานสฺส ปฏิปกฺขภาวํ กามปริจฺจาเคเนว จสฺส อธิคมํ ทีเปติ. กถํ? ‘‘วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติ เอวฺหิ นิยเม กริยมาเน อิทํ ปฺายติ. นูนิมสฺส ฌานสฺส กามา ปฏิปกฺขภูตา, เยสุ สติ อิทํ น ปวตฺตติ, อนฺธกาเร สติ ปทีโป วิย, เตสํ ปริจฺจาเคเนว จสฺส อธิคโม โหติ, โอริมตีรปริจฺจาเคน ปาริมตีรสฺเสว, ตสฺมา นิยมํ กโรตีติ.
ตตฺถ สิยา – ‘‘กสฺมา ปเนส ปุพฺพปเทเยว วุตฺโต น อุตฺตรปเท, กึ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ อวิวิจฺจาปิ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’’ติ? น ¶ โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ. ตนฺนิสฺสรณโต หิ ปุพฺพปเทเอว เอส วุตฺโต. กามธาตุสมติกฺกมนโต หิ กามราคปฏิปกฺขโต จ อิทํ ฌานํ กามานเมว นิสฺสรณํ. ยถาห – ‘‘กามานเมตํ นิสฺสรณํ, ยทิทํ เนกฺขมฺม’’นฺติ (อิติวุ. ๗๒). อุตฺตรปเทปิ ปน ยถา ‘‘อิเธว, ภิกฺขเว, ปโม สมโณ, อิธ ทุติโย สมโณ’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๓๙) เอตฺถ เอวกาโร อาเนตฺวา วุจฺจติ, เอวํ วตฺตพฺโพ. น หิ สกฺกา อิโต อฺเหิปิ นีวรณสงฺขาเตหิ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ อวิวิจฺจ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหริตุํ ¶ . ตสฺมา ‘‘วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺเจว อกุสเลหิ ธมฺเมหี’’ติ เอวํ ปททฺวเยปิ เอส ทฏฺพฺโพ. ปททฺวเยปิ จ กิฺจาปิ ‘‘วิวิจฺจา’’ติ อิมินา สาธารณวจเนน ตทงฺควิเวกาทโย กายวิเวกาทโย จ สพฺเพปิ วิเวกา สงฺคหํ คจฺฉนฺติ. ตถาปิ กายวิเวโก, จิตฺตวิเวโก, วิกฺขมฺภนวิเวโกติ ตโย เอว อิธ ทฏฺพฺพา. ‘‘กาเมหี’’ติ อิมินา ปน ปเทน เย จ นิทฺเทเส ‘‘กตเม วตฺถุกามา มนาปิยา รูปา’’ติอาทินา (มหานิ. ๑; วิภ. ๙๖๔) นเยน วตฺถุกามา วุตฺตา, เย จ ตตฺเถว วิภงฺเค จ ‘‘ฉนฺโท ¶ กาโม’’ติอาทินา (มหานิ. ๑) นเยน กิเลสกามา วุตฺตา, เต สพฺเพปิ สงฺคหิตา อิจฺเจว ทฏฺพฺพา. เอวฺหิ สติ ‘‘วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติ วตฺถุกาเมหิปิ วิวิจฺเจวาติ อตฺโถ ยุชฺชติ. เตน กายวิเวโก วุตฺโต โหติ.
วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหีติ กิเลสกาเมหิ สพฺพากุสเลหิ ธมฺเมหิ วา วิวิจฺจาติ อตฺโถ ยุชฺชติ. เตน จิตฺตวิเวโก วุตฺโต โหติ. ปุริเมน เจตฺถ วตฺถุกาเมหิ วิเวกวจนโตเยว กามสุขปริจฺจาโค, ทุติเยน กิเลสกาเมหิ วิเวกวจนโต เนกฺขมฺมสุขปริคฺคโห วิภาวิโต โหติ. เอวํ วตฺถุกามกิเลสกามวิเวกวจนโตเยว จ เอเตสํ ปเมน สํกิเลสวตฺถุปฺปหานํ, ทุติเยน สํกิเลสปฺปหานํ; ปเมน โลลภาวสฺส เหตุปริจฺจาโค, ทุติเยน พาลภาวสฺส; ปเมน จ ปโยคสุทฺธิ, ทุติเยน อาสยโปสนํ วิภาวิตํ โหตีติ วิฺาตพฺพํ. เอส ตาว นโย ‘‘กาเมหี’’ติ เอตฺถ วุตฺตกาเมสุ วตฺถุกามปกฺเข.
กิเลสกามปกฺเข ปน ฉนฺโทติ จ ราโคติ จ เอวมาทีหิ อเนกเภโท กามจฺฉนฺโทเยว กาโมติ อธิปฺเปโต. โส จ อกุสลปริยาปนฺโนปิ ¶ สมาโน, ‘‘ตตฺถ กตโม กามฉนฺโท กาโม’’ติอาทินา นเยน วิภงฺเค ฌานปฏิปกฺขโต วิสุํ วุตฺโต. กิเลสกามตฺตา วา ปุริมปเท วุตฺโต, อกุสลปริยาปนฺนตฺตา ทุติยปเท. อเนกเภทโต จสฺส กามโตติ อวตฺวา กาเมหีติ วุตฺตํ. อฺเสมฺปิ จ ธมฺมานํ อกุสลภาเว วิชฺชมาเน ‘‘ตตฺถ กตเม อกุสลา ธมฺมา กามจฺฉนฺโท’’ติอาทินา นเยน วิภงฺเค (วิภ. ๕๖๔) อุปริฌานงฺคปจฺจนีกปฏิปกฺขภาวทสฺสนโต นีวรณาเนว วุตฺตานิ. นีวรณานิ หิ ฌานงฺคปจฺจนีกานิ, เตสํ ฌานงฺคาเนว ปฏิปกฺขานิ, วิทฺธํสกานีติ วุตฺตํ โหติ. ตถา หิ ‘‘สมาธิ กามจฺฉนฺทสฺส ปฏิปกฺโข, ปีติ พฺยาปาทสฺส, วิตกฺโก ถินมิทฺธสฺส, สุขํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส, วิจาโร วิจิกิจฺฉายา’’ติ เปฏเก วุตฺตํ.
เอวเมตฺถ ‘‘วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติ อิมินา กามจฺฉนฺทสฺส วิกฺขมฺภนวิเวโก วุตฺโต โหติ. ‘‘วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหี’’ติ อิมินา ปฺจนฺนมฺปิ นีวรณานํ. อคฺคหิตคฺคหเณน ปน ¶ ปเมน กามจฺฉนฺทสฺส, ทุติเยน เสสนีวรณานํ. ตถา ปเมน ตีสุ อกุสลมูเลสุ ปฺจกามคุณเภทวิสยสฺส โลภสฺส, ทุติเยน ¶ อาฆาตวตฺถุเภทาทิวิสยานํ โทสโมหานํ. โอฆาทีสุ วา ธมฺเมสุ ปเมน กาโมฆ-กามโยค-กามาสว-กามุปาทาน-อภิชฺฌากายคนฺถ-กามราค-สํโยชนานํ, ทุติเยน อวเสสโอฆ-โยคาสว-อุปาทาน-คนฺถ-สํโยชนานํ. ปเมน จ ตณฺหาย ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ, ทุติเยน อวิชฺชาย ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ. อปิจ ปเมน โลภสมฺปยุตฺตอฏฺจิตฺตุปฺปาทานํ, ทุติเยน เสสานํ จตุนฺนํ อกุสลจิตฺตุปฺปาทานํ วิกฺขมฺภนวิเวโก วุตฺโต โหตีติ เวทิตพฺโพ. อยํ ตาว ‘‘วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหี’’ติ เอตฺถ อตฺถปฺปกาสนา.
เอตฺตาวตา จ ปมสฺส ฌานสฺส ปหานงฺคํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สมฺปโยคงฺคํ ทสฺเสนฺโต สวิตกฺกํ สวิจารนฺติอาทิมาห. ตตฺถ วิตกฺกนํ วิตกฺโก, อูหนนฺติ วุตฺตํ โหติ. สฺวายํ อารมฺมเณ จิตฺตสฺส อภินิโรปนลกฺขโณ, อาหนนปริยาหนนรโส. ตถา หิ ‘‘เตน โยคาวจโร อารมฺมณํ วิตกฺกาหตํ วิตกฺกปริยาหตํ กโรตี’’ติ วุจฺจติ. อารมฺมเณ จิตฺตสฺส อานยนปจฺจุปฏฺาโน. วิจรณํ วิจาโร, อนุสฺจรณนฺติ ¶ วุตฺตํ โหติ. สฺวายํ อารมฺมณานุมชฺชนลกฺขโณ, ตตฺถ สหชาตานุโยชนรโส, จิตฺตสฺส อนุปฺปพนฺธนปจฺจุปฏฺาโน. สนฺเตปิ จ เนสํ กตฺถจิ อวิปฺปโยเค โอฬาริกฏฺเน ฆณฺฏาภิฆาตสทฺโท วิย เจตโส ปมาภินิปาโต วิตกฺโก, สุขุมฏฺเน อนุรโว วิย อนุปฺปพนฺโธ วิจาโร. วิปฺผารวา เจตฺถ วิตกฺโก ปริปฺผนฺทนภาโว จิตฺตสฺส, อากาเส อุปฺปติตุกามสฺส ปกฺขิโน ปกฺขวิกฺเขโป วิย ปทุมาภิมุขปาโต วิย จ คนฺธานุพนฺธเจตโส ภมรสฺส. สนฺตวุตฺติ วิจาโร นาติปริปฺผนฺทนภาโว จิตฺตสฺส, อากาเส อุปฺปติตสฺส ปกฺขิโน ปกฺขปฺปสารณํ วิย ปริพฺภมนํ วิย จ ปทุมาภิมุขปติตสฺส ภมรสฺส ปทุมสฺส อุปริภาเค. โส ปน เนสํ วิเสโส ปม-ทุติยชฺฌาเนสุ ปากโฏ โหติ. อิติ อิมินา จ วิตกฺเกน อิมินา จ วิจาเรน สห วตฺตติ รุกฺโข วิย ปุปฺเผน จ ผเลน จาติ อิทํ ฌานํ ‘‘สวิตกฺกํ สวิจาร’’นฺติ วุจฺจติ. วิภงฺเค ปน ‘‘อิมินา จ วิตกฺเกน อิมินา จ วิจาเรน อุเปโต โหติ ¶ สมุเปโต’’ติอาทินา (วิภ. ๕๖๕) นเยน ปุคฺคลาธิฏฺานา เทสนา กตา. อตฺโถ ปน ตตฺราปิ เอวเมว ทฏฺพฺโพ.
วิเวกชนฺติ เอตฺถ วิวิตฺติ วิเวโก, นีวรณวิคโมติ อตฺโถ. วิวิตฺโตติ วา วิเวโก, นีวรณวิวิตฺโต ฌานสมฺปยุตฺตธมฺมราสีติ อตฺโถ. ตสฺมา วิเวกา, ตสฺมึ วา วิเวเก ชาตนฺติ วิเวกชํ. ปีติสุขนฺติ เอตฺถ ปินยตีติ ปีติ, สา สมฺปิยายนลกฺขณา กายจิตฺตปีนนรสา ¶ , ผรณรสา วา, โอทคฺยปจฺจุปฏฺานา. สุขนํ สุขํ, สุฏฺุ วา ขาทติ ขนติ จ กายจิตฺตาพาธนฺติ สุขํ, ตํ สาตลกฺขณํ, สมฺปยุตฺตกานํ อุปพฺรูหนรสํ, อนุคฺคหปจฺจุปฏฺานํ. สติปิ จ เนสํ กตฺถจิ อวิปฺปโยเค อิฏฺารมฺมณปฏิลาภตุฏฺิ ปีติ, ปฏิลทฺธรสานุภวนํ สุขํ. ยตฺถ ปีติ ตตฺถ สุขํ, ยตฺถ สุขํ ตตฺถ น นิยมโต ปีติ. สงฺขารกฺขนฺธสงฺคหิตา ปีติ, เวทนากฺขนฺธสงฺคหิตํ สุขํ. กนฺตารขินฺนสฺส วนนฺโตทกทสฺสนสวเนสุ วิย ปีติ, วนจฺฉายปฺปเวสนอุทกปริโภเคสุ วิย สุขํ. ตสฺมึ ตสฺมึ สมเย ปากฏภาวโต เจตํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อยฺจ ปีติ, อิทฺจ สุขํ, อสฺส ฌานสฺส, อสฺมึ วา ฌาเน อตฺถีติ อิทํ ฌานํ ‘‘ปีติสุข’’นฺติ วุจฺจติ.
อถ วา ปีติ จ สุขฺจ ปีติสุขํ, ธมฺมวินยาทโย วิย. วิเวกชํ ปีติสุขมสฺส ฌานสฺส, อสฺมึ วา ฌาเน อตฺถีติ เอวมฺปิ วิเวกชํปีติสุขํ. ยเถว ¶ หิ ฌานํ, เอวํ ปีติสุขํ เปตฺถ วิเวกชเมว โหติ, ตฺจสฺส อตฺถีติ ตสฺมา เอกปเทเนว ‘‘วิเวกชํ ปีติสุข’’นฺติปิ วตฺตุํ ยุชฺชติ. วิภงฺเค ปน ‘‘อิทํ สุขํ อิมาย ปีติยา สหคต’’นฺติอาทินา (วิภ. ๕๖๗) นเยเนตํ วุตฺตํ. อตฺโถ ปน ตตฺราปิ เอวเมว ทฏฺพฺโพ.
ปมนฺติ คณนานุปุพฺพตา ปมํ, อิทํ ปมํ สมาปชฺชตีติปิ ปมํ. ปจฺจนีกธมฺเม ฌาเปตีติ ฌานํ, อิมินา โยคิโน ฌายนฺตีติปิ ฌานํ, ปจฺจนีกธมฺเม ฑหนฺติ โคจรํ วา จินฺเตนฺตีติ อตฺโถ. สยํ วา ตํ ฌายติ อุปนิชฺฌายตีติ ฌานํ, เตเนว อุปนิชฺฌายนลกฺขณนฺติ วุจฺจติ. ตเทตํ อารมฺมณูปนิชฺฌานํ ¶ , ลกฺขณูปนิชฺฌานนฺติ ทุวิธํ โหติ. ตตฺถ อารมฺมณูปนิชฺฌานนฺติ สห อุปจาเรน อฏฺ สมาปตฺติโย วุจฺจนฺติ. กสฺมา? กสิณาทิอารมฺมณูปนิชฺฌายนโต. ลกฺขณูปนิชฺฌานนฺติ วิปสฺสนามคฺคผลานิ วุจฺจนฺติ. กสฺมา? ลกฺขณูปนิชฺฌายนโต. เอตฺถ หิ วิปสฺสนา อนิจฺจลกฺขณาทีนิ อุปนิชฺฌายติ, วิปสฺสนาย อุปนิชฺฌายนกิจฺจํ ปน มคฺเคน สิชฺฌตีติ มคฺโค ลกฺขณูปนิชฺฌานนฺติ วุจฺจติ. ผลํ ปน นิโรธสฺส ตถลกฺขณํ อุปนิชฺฌายตีติ ลกฺขณูปนิชฺฌานนฺติ วุจฺจติ. อิมสฺมึ ปนตฺเถ อารมฺมณูปนิชฺฌานเมว ฌานนฺติ อธิปฺเปตํ.
เอตฺถาห – ‘‘กตมํ ปน ตํ ฌานํ นาม, ยํ สวิตกฺกํ สวิจารํ…เป… ปีติสุขนฺติ เอวํ อปเทสํ อรหตี’’ติ? วุจฺจเต – ยถา สธโน สปริชโนติอาทีสุ เปตฺวา ธนฺจ ปริชนฺจ อฺโ อปเทสารโห โหติ, เอวํ เปตฺวา วิตกฺกาทิธมฺเม อฺํ อปเทสารหํ นตฺถิ. ยถา ปน สรถา สปตฺติ เสนาติ วุตฺเต เสนงฺเคสุเยว เสนาสมฺมุติ, เอวมิธ ปฺจสุ องฺเคสุเยว ¶ ฌานสมฺมุติ เวทิตพฺพา. กตเมสุ ปฺจสุ? วิตกฺโก, วิจาโร, ปีติ, สุขํ, จิตฺเตกคฺคตาติ เอเตสุ. เอตาเนว หิสฺส ‘‘สวิตกฺกํ สวิจาร’’นฺติอาทินา นเยน องฺคภาเวน วุตฺตานิ. อวุตฺตตฺตา เอกคฺคตา องฺคํ น โหตีติ เจ ตฺจ น. กสฺมา? วุตฺตตฺตา เอว. สาปิ หิ วิภงฺเค ‘‘ฌานนฺติ วิตกฺโก วิจาโร ปีติ สุขํ จิตฺตสฺเสกคฺคตา’’ติ เอวํ วุตฺตาเยว. ตสฺมา ยถา สวิตกฺกํ สวิจารนฺติ, เอวํ สจิตฺเตกคฺคตนฺติ อิธ อวุตฺเตปิ อิมินา วิภงฺควจเนน จิตฺเตกคฺคตาปิ องฺคเมวาติ เวทิตพฺพา. เยน หิ อธิปฺปาเยน ภควตา อุทฺเทโส กโต, โส เอว เตน วิภงฺเคปิ ปกาสิโตติ.
อุปสมฺปชฺชาติ ¶ อุปคนฺตฺวา, ปาปุณิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. อุปสมฺปาทยิตฺวา วา, นิปฺผาเทตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. วิภงฺเค ปน ‘‘อุปสมฺปชฺชาติ ปมสฺส ฌานสฺส ลาโภ ปฏิลาโภ ปตฺติ สมฺปตฺติ ผุสนา สมฺผุสนา สจฺฉิกิริยา อุปสมฺปทา’’ติ วุตฺตํ. ตสฺสาปิ เอวเมวตฺโถ เวทิตพฺโพ. วิหาสินฺติ โพธิมณฺเฑ นิสชฺชสงฺขาเตน อิริยาปถวิหาเรน อิติวุตฺตปฺปการฌานสมงฺคี ¶ หุตฺวา อตฺตภาวสฺส อิริยํ วุตฺตึ ปาลนํ ยปนํ ยาปนํ จารํ วิหารํ อภินิปฺผาเทสินฺติ อตฺโถ. วุตฺตฺเหตํ วิภงฺเค – ‘‘วิหรตีติ อิริยติ วตฺตติ ปาเลติ ยเปติ ยาเปติ จรติ วิหรติ, เตน วุจฺจติ วิหรตี’’ติ (วิภ. ๕๑๒).
กึ ปน กตฺวา ภควา อิมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสีติ? กมฺมฏฺานํ ภาเวตฺวา. กตรํ? อานาปานสฺสติกมฺมฏฺานํ. อฺเน ตทตฺถิเกน กึ กาตพฺพนฺติ? อฺเนปิ เอตํ วา กมฺมฏฺานํ ปถวีกสิณาทีนํ วา อฺตรํ ภาเวตพฺพํ. เตสํ ภาวนานโย วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๕๕) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิธ ปน วุจฺจมาเน อติภาริยํ วินยนิทานํ โหติ, ตสฺมา ปาฬิยา อตฺถปฺปกาสนมตฺตเมว กโรมาติ.
ปมชฺฌานกถา นิฏฺิตา.
ทุติยชฺฌานกถา
วิตกฺกวิจารานํ วูปสมาติ วิตกฺกสฺส จ วิจารสฺส จาติ อิเมสํ ทฺวินฺนํ วูปสมา สมติกฺกมา; ทุติยชฺฌานกฺขเณ อปาตุภาวาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ กิฺจาปิ ทุติยชฺฌาเน สพฺเพปิ ปมชฺฌานธมฺมา น สนฺติ, อฺเเยว หิ ปมชฺฌาเน ผสฺสาทโย, อฺเ อิธ; โอฬาริกสฺส ปน โอฬาริกสฺส องฺคสฺส สมติกฺกมา ปมชฺฌานโต ปเรสํ ทุติยชฺฌานาทีนํ อธิคโม ¶ โหตีติ ทีปนตฺถํ ‘‘วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา’’ติ เอวํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อชฺฌตฺตนฺติ อิธ นิยกชฺฌตฺตมธิปฺเปตํ. วิภงฺเค ปน ‘‘อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺต’’นฺติ (วิภ. ๕๗๓) เอตฺตกเมว วุตฺตํ. ยสฺมา ปน นิยกชฺฌตฺตํ อธิปฺเปตํ, ตสฺมา อตฺตนิ ชาตํ อตฺตโน สนฺตาเน นิพฺพตฺตนฺติ อยเมตฺถ อตฺโถ.
สมฺปสาทนนฺติ สมฺปสาทนํ วุจฺจติ สทฺธา. สมฺปสาทนโยคโต ฌานมฺปิ สมฺปสาทนํ, นีลวณฺณโยคโต นีลวตฺถํ วิย. ยสฺมา วา ตํ ฌานํ สมฺปสาทนสมนฺนาคตตฺตา วิตกฺกวิจารกฺโขภวูปสมเนน เจโต สมฺปสาทยติ, ตสฺมาปิ สมฺปสาทนนฺติ วุตฺตํ. อิมสฺมิฺจ อตฺถวิกปฺเป สมฺปสาทนํ เจตโสติ เอวํ ปทสมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. ปุริมสฺมึ ปน อตฺถวิกปฺเป ¶ เจตโสติ เอตํ เอโกทิภาเวน สทฺธึ โยเชตพฺพํ. ตตฺรายํ อตฺถโยชนา – เอโก อุเทตีติ เอโกทิ, วิตกฺกวิจาเรหิ อนชฺฌารูฬฺหตฺตา อคฺโค เสฏฺโ หุตฺวา อุเทตีติ ¶ อตฺโถ. เสฏฺโปิ หิ โลเก เอโกติ วุจฺจติ. วิตกฺกวิจารวิรหโต วา เอโก อสหาโย หุตฺวาติปิ วตฺตุํ วฏฺฏติ. อถ วา สมฺปยุตฺตธมฺเม อุทายตีติ อุทิ, อุฏฺาเปตีติ อตฺโถ. เสฏฺฏฺเน เอโก จ โส อุทิ จาติ เอโกทิ, สมาธิสฺเสตํ อธิวจนํ. อิติ อิมํ เอโกทึ ภาเวติ วฑฺฒยตีติ อิทํ ทุติยชฺฌานํ เอโกทิภาวํ. โส ปนายํ เอโกทิ ยสฺมา เจตโส, น สตฺตสฺส น ชีวสฺส, ตสฺมา เอตํ เจตโส เอโกทิภาวนฺติ วุตฺตํ.
นนุ จายํ สทฺธา ปมชฺฌาเนปิ อตฺถิ, อยฺจ เอโกทินามโก สมาธิ; อถ กสฺมา อิทเมว สมฺปสาทนํ ‘‘เจตโส เอโกทิภาวฺจา’’ติ วุตฺตนฺติ? วุจฺจเต – อทฺุหิ ปมชฺฌานํ วิตกฺกวิจารกฺโขเภน วีจิตรงฺคสมากุลมิว ชลํ น สุปฺปสนฺนํ โหติ, ตสฺมา สติยาปิ สทฺธาย สมฺปสาทนนฺติ น วุตฺตํ. น สุปฺปสนฺนตฺตาเยว เจตฺถ สมาธิปิ น สุฏฺุ ปากโฏ, ตสฺมา เอโกทิภาวนฺติปิ น วุตฺตํ. อิมสฺมึ ปน ฌาเน วิตกฺกวิจารปลิโพธาภาเวน ลทฺโธกาสา พลวตี สทฺธา, พลวสทฺธาสหายปฺปฏิลาเภเนว จ สมาธิปิ ปากโฏ; ตสฺมา อิทเมว เอวํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. วิภงฺเค ปน ‘‘สมฺปสาทนนฺติ ยา สทฺธา สทฺทหนา โอกปฺปนา อภิปฺปสาโท, เจตโส เอโกทิภาวนฺติ ยา จิตฺตสฺส ิติ…เป… สมฺมาสมาธี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ. เอวํ วุตฺเตน ปเนเตน สทฺธึ อยํ อตฺถวณฺณนา ยถา น วิรุชฺฌติ อฺทตฺถุ สํสนฺทติ เจว สเมติ จ เอวํ เวทิตพฺพา.
อวิตกฺกํ อวิจารนฺติ ภาวนาย ปหีนตฺตา เอตสฺมึ เอตสฺส วา วิตกฺโก นตฺถีติ อวิตกฺกํ. อิมินาว นเยน อวิจารํ. วิภงฺเคปิ (วิภ. ๕๗๖) วุตฺตํ ‘‘อิติ อยฺจ วิตกฺโก ¶ อยฺจ วิจาโร สนฺตา โหนฺติ สมิตา วูปสนฺตา อตฺถงฺคตา อพฺภตฺถงฺคตา อปฺปิตา พฺยปฺปิตา โสสิตา วิโสสิตา พฺยนฺตีกตา, เตน วุจฺจติ อวิตกฺกํ อวิจาร’’นฺติ.
เอตฺถาห – นนุ จ ‘‘วิตกฺกวิจารานํ วูปสมาติ อิมินาปิ อยมตฺโถ สิทฺโธ, อถ กสฺมา ปุน วุตฺตํ อวิตกฺกํ อวิจาร’’นฺติ? วุจฺจเต – เอวเมตํ สิทฺโธ วายมตฺโถ, น ปเนตํ ตทตฺถทีปกํ; นนุ อโวจุมฺห – ‘‘โอฬาริกสฺส ปน โอฬาริกสฺส ¶ องฺคสฺส สมติกฺกมา ปมชฺฌานโต ปเรสํ ทุติยชฺฌานาทีนํ ¶ อธิคโม โหตีติ ทีปนตฺถํ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมาติ เอวํ วุตฺต’’นฺติ.
อปิจ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อิทํ สมฺปสาทนํ, น กิเลสกาลุสิยสฺส. วิตกฺกวิจารานฺจ วูปสมา เอโกทิภาวํ น อุปจารชฺฌานมิว นีวรณปฺปหานา, น ปมชฺฌานมิว จ องฺคปาตุภาวาติ เอวํ สมฺปสาทนเอโกทิภาวานํ เหตุปริทีปกมิทํ วจนํ. ตถา วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อิทํ อวิตกฺกอวิจารํ, น ตติยจตุตฺถชฺฌานานิ วิย จกฺขุวิฺาณาทีนิ วิย จ อภาวาติ เอวํ อวิตกฺกอวิจารภาวสฺส เหตุปริทีปกฺจ, น วิตกฺกวิจาราภาวมตฺตปริทีปกํ. วิตกฺกวิจาราภาวมตฺตปริทีปกเมว ปน ‘‘อวิตกฺกํ อวิจาร’’นฺติ อิทํ วจนํ, ตสฺมา ปุริมํ วตฺวาปิ ปุน วตฺตพฺพเมวาติ.
สมาธิชนฺติ ปมชฺฌานสมาธิโต สมฺปยุตฺตสมาธิโต วา ชาตนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ กิฺจาปิ ปมมฺปิ สมฺปยุตฺตสมาธิโต ชาตํ, อถ โข อยเมว ‘‘สมาธี’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหติ วิตกฺกวิจารกฺโขภวิรเหน อติวิย อจลตฺตา สุปฺปสนฺนตฺตา จ. ตสฺมา อิมสฺส วณฺณภณนตฺถํ อิทเมว ‘‘สมาธิช’’นฺติ วุตฺตํ. ปีติสุขนฺติ อิทํ วุตฺตนยเมว.
ทุติยนฺติ คณนานุปุพฺพโต ทุติยํ, อิทํ ทุติยํ สมาปชฺชตีติปิ ทุติยํ. ฌานนฺติ เอตฺถ ปน ยถา ปมชฺฌานํ วิตกฺกาทีหิ ปฺจงฺคิกํ โหติ, เอวมิทํ สมฺปสาทาทีหิ ‘‘จตุรงฺคิก’’นฺติ เวทิตพฺพํ. ยถาห – ‘‘ฌานนฺติ สมฺปสาโท, ปีติ, สุขํ, จิตฺตสฺเสกคฺคตา’’ติ (วิภ. ๕๘๐). ปริยาโยเยว เจโส. สมฺปสาทนํ ปน เปตฺวา นิปฺปริยาเยน ติวงฺคิกเมเวตํ โหติ. ยถาห – ‘‘กตมํ ตสฺมึ สมเย ติวงฺคิกํ ฌานํ โหติ? ปีติ, สุขํ, จิตฺตสฺเสกคฺคตา’’ติ (ธ. ส. ๑๖๑). เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.
ทุติยชฺฌานกถา นิฏฺิตา.
ตติยชฺฌานกถา
ปีติยา ¶ จ วิราคาติ เอตฺถ วุตฺตตฺถาเยว ปีติ. วิราโคติ ตสฺสา ชิคุจฺฉนํ วา สมติกฺกโม วา. อุภินฺนมนฺตรา ‘‘จ’’ สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ, โส ¶ หิ วูปสมํ วา สมฺปิณฺเฑติ วิตกฺกวิจารวูปสมํ วา. ตตฺถ ยทา วูปสมเมว สมฺปิณฺเฑติ, ตทา ปีติยา วิราคา จ, กิฺจ ภิยฺโย วูปสมา จาติ เอวํ โยชนา ¶ เวทิตพฺพา. อิมิสฺสา จ โยชนายํ วิราโค ชิคุจฺฉนตฺโถ โหติ. ตสฺมา ปีติยา ชิคุจฺฉนา จ วูปสมา จาติ อยมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ยทา ปน วิตกฺกวิจารวูปสมํ สมฺปิณฺเฑติ, ตทา ปีติยา จ วิราคา, กิฺจ ภิยฺโย วิตกฺกวิจารานฺจ วูปสมาติ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพา. อิมิสฺสา จ โยชนายํ วิราโค สมติกฺกมนตฺโถ โหติ. ตสฺมา ปีติยา จ สมติกฺกมา, วิตกฺกวิจารานฺจ วูปสมาติ อยมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
กามฺเจเต วิตกฺกวิจารา ทุติยชฺฌาเนเยว วูปสนฺตา อิมสฺส ปน ฌานสฺส มคฺคปริทีปนตฺถํ วณฺณภณนตฺถฺเจตํ วุตฺตํ. ‘‘วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา’’ติ หิ วุตฺเต อิทํ ปฺายติ – ‘‘นูน วิตกฺกวิจารวูปสโม มคฺโค อิมสฺส ฌานสฺสา’’ติ. ยถา จ ตติเย อริยมคฺเค อปฺปหีนานมฺปิ สกฺกายทิฏฺาทีนํ ‘‘ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานา’’ติ (ม. นิ. ๒.๑๓๒) เอวํ ปหานํ วุจฺจมานํ วณฺณภณนํ โหติ ตทธิคมาย อุสฺสุกานํ อุสฺสาหชนกํ; เอวเมวํ อิธ อวูปสนฺตานมฺปิ วิตกฺกวิจารานํ วูปสโม วุจฺจมาโน วณฺณภณนํ โหติ. เตนายมตฺโถ วุตฺโต – ‘‘ปีติยา จ สมติกฺกมา, วิตกฺกวิจารานฺจ วูปสมา’’ติ.
อุเปกฺขโก จ วิหาสินฺติ เอตฺถ อุปปตฺติโต อิกฺขตีติ อุเปกฺขา, สมํ ปสฺสติ, อปกฺขปติตาว หุตฺวา ปสฺสตีติ อตฺโถ. ตาย วิสทาย วิปุลาย ถามคตาย สมนฺนาคตตฺตา ตติยชฺฌานสมงฺคี ‘‘อุเปกฺขโก’’ติ วุจฺจติ. อุเปกฺขา ปน ทสวิธา โหติ – ฉฬงฺคุเปกฺขา, พฺรหฺมวิหารุเปกฺขา, โพชฺฌงฺคุเปกฺขา, วีริยุเปกฺขา, สงฺขารุเปกฺขา, เวทนุเปกฺขา, วิปสฺสนุเปกฺขา, ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขา, ฌานุเปกฺขา, ปาริสุทฺธุเปกฺขาติ. เอวมยํ ทสวิธาปิ ตตฺถ ตตฺถ อาคตนยโต ภูมิปุคฺคลจิตฺตารมฺมณโต, ขนฺธสงฺคห-เอกกฺขณกุสลตฺติกสงฺเขปวเสน จ อฏฺสาลินิยา ธมฺมสงฺคหฏฺกถาย ¶ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา. อิธ ปน วุจฺจมานา วินยนิทานํ อติภาริยํ กโรตีติ น วุตฺตา. ลกฺขณาทิโต ปน อิธ อธิปฺเปตุเปกฺขา มชฺฌตฺตลกฺขณา, อนาโภครสา, อพฺยาปารปจฺจุปฏฺานา, ปีติวิราคปทฏฺานาติ.
เอตฺถาห ¶ – นนุ จายํ อตฺถโต ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาว โหติ, สา จ ปมทุติยชฺฌาเนสุปิ อตฺถิ, ตสฺมา ตตฺราปิ ‘‘อุเปกฺขโก จ วิหาสิ’’นฺติ เอวมยํ วตฺตพฺพา สิยา, สา กสฺมา น วุตฺตาติ? อปริพฺยตฺตกิจฺจโต. อปริพฺยตฺตฺหิ ¶ ตสฺสา ตตฺถ กิจฺจํ, วิตกฺกาทีหิ อภิภูตตฺตา. อิธ ปนายํ วิตกฺกวิจารปีตีหิ อนภิภูตตฺตา อุกฺขิตฺตสิรา วิย หุตฺวา ปริพฺยตฺตกิจฺจา ชาตา, ตสฺมา วุตฺตาติ.
นิฏฺิตา ‘‘อุเปกฺขโก จ วิหาสิ’’นฺติ เอตสฺส สพฺพโส อตฺถวณฺณนา.
อิทานิ สโต จ สมฺปชาโนติ เอตฺถ สรตีติ สโต, สมฺปชานาตีติ สมฺปชาโน. ปุคฺคเลน สติ จ สมฺปชฺฺจ วุตฺตํ. ตตฺถ สรณลกฺขณา สติ, อสมฺมุสฺสนรสา, อารกฺขปจฺจุปฏฺานา; อสมฺโมหลกฺขณํ สมฺปชฺํ, ตีรณรสํ, ปวิจยปจฺจุปฏฺานํ. ตตฺถ กิฺจาปิ อิทํ สติสมฺปชฺํ ปุริมชฺฌาเนสุปิ อตฺถิ, มุฏฺสฺสติสฺส หิ อสมฺปชานสฺส อุปจารชฺฌานมตฺตมฺปิ น สมฺปชฺชติ, ปเคว อปฺปนา; โอฬาริกตฺตา ปน เตสํ ฌานานํ ภูมิยํ วิย ปุริสสฺส จิตฺตสฺส คติ สุขา โหติ, อพฺยตฺตํ ตตฺถ สติสมฺปชฺกิจฺจํ. โอฬาริกงฺคปฺปหาเนน ปน สุขุมตฺตา อิมสฺส ฌานสฺส ปุริสสฺส ขุรธารายํ วิย สติสมฺปชฺกิจฺจปริคฺคหิตาเยว จิตฺตสฺส คติ อิจฺฉิตพฺพาติ อิเธว วุตฺตํ. กิฺจ ภิยฺโย? ยถาปิ เธนุปโค วจฺโฉ เธนุโต อปนีโต อรกฺขิยมาโน ปุนเทว เธนุํ อุปคจฺฉติ; เอวมิทํ ตติยชฺฌานสุขํ ปีติโต อปนีตมฺปิ สติสมฺปชฺารกฺเขน อรกฺขิยมานํ ปุนเทว ปีตึ อุปคจฺเฉยฺย ปีติสมฺปยุตฺตเมว สิยา. สุเข วาปิ สตฺตา รชฺชนฺติ, อิทฺจ อติมธุรํ สุขํ, ตโต ปรํ สุขาภาวา ¶ . สติสมฺปชฺานุภาเวน ปเนตฺถ สุเข อสารชฺชนา โหติ, โน อฺถาติ อิมมฺปิ อตฺถวิเสสํ ทสฺเสตุํ อิทํ อิเธว วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
อิทานิ สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทสินฺติ เอตฺถ กิฺจาปิ ตติยชฺฌานสมงฺคิโน สุขปฺปฏิสํเวทนาโภโค นตฺถิ, เอวํ สนฺเตปิ ยสฺมา ตสฺส นามกาเยน สมฺปยุตฺตํ สุขํ, ยํ วา ตํ นามกายสมฺปยุตฺตํ สุขํ, ตํสมุฏฺาเนนสฺส ยสฺมา อติปณีเตน รูเปน รูปกาโย ผุโฏ, ยสฺส ¶ ผุฏตฺตา ฌานา วุฏฺิโตปิ สุขํ ปฏิสํเวเทยฺย, ตสฺมา เอตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทสิ’’นฺติ อาห.
อิทานิ ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารีติ เอตฺถ ยํฌานเหตุ ยํฌานการณา ตํ ตติยชฺฌานสมงฺคีปุคฺคลํ พุทฺธาทโย อริยา อาจิกฺขนฺติ เทเสนฺติ ปฺเปนฺติ ¶ ปฏฺเปนฺติ วิวรนฺติ วิภชนฺติ อุตฺตานีกโรนฺติ ปกาเสนฺติ, ปสํสนฺตีติ อธิปฺปาโย. กินฺติ? ‘‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’’ติ. ตํ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสินฺติ เอวเมตฺถ โยชนา เวทิตพฺพา.
กสฺมา ปน ตํ เต เอวํ ปสํสนฺตีติ? ปสํสารหโต. อยฺหิ ยสฺมา อติมธุรสุเข สุขปารมิปฺปตฺเตปิ ตติยชฺฌาเน อุเปกฺขโก, น ตตฺถ สุขาภิสงฺเคน อากฑฺฒียติ, ยถา จ ปีติ น อุปฺปชฺชติ; เอวํ อุปฏฺิตสฺสติตาย สติมา. ยสฺมา จ อริยกนฺตํ อริยชนเสวิตเมว จ อสํกิลิฏฺํ สุขํ นามกาเยน ปฏิสํเวเทติ, ตสฺมา ปสํสารโห. อิติ ปสํสารหโต นํ อริยา เต เอวํ ปสํสาเหตุภูเต คุเณ ปกาเสนฺตา ‘‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’’ติ เอวํ ปสํสนฺตีติ เวทิตพฺพํ.
ตติยนฺติ คณนานุปุพฺพโต ตติยํ. อิทํ ตติยํ สมาปชฺชตีติปิ ตติยํ. ฌานนฺติ เอตฺถ จ ยถา ทุติยํ สมฺปสาทาทีหิ จตุรงฺคิกํ; เอวมิทํ อุเปกฺขาทีหิ ปฺจงฺคิกํ. ยถาห – ‘‘ฌานนฺติ อุเปกฺขา สติ สมฺปชฺํ สุขํ จิตฺตสฺส เอกคฺคตา’’ติ (วิภ. ๕๙๑). ปริยาโยเยว เจโส. อุเปกฺขาสติสมฺปชฺานิ ปน เปตฺวา นิปฺปริยาเยน ทุวงฺคิกเมเวตํ โหติ. ยถาห – ‘‘กตมํ ตสฺมึ สมเย ทุวงฺคิกํ ฌานํ โหติ ¶ ? สุขํ, จิตฺตสฺเสกคฺคตา’’ติ (ธ. ส. ๑๖๓). เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.
ตติยชฺฌานกถา นิฏฺิตา.
จตุตฺถชฺฌานกถา
สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานาติ กายิกสุขสฺส จ กายิกทุกฺขสฺส จ ปหานา. ปุพฺเพวาติ ตฺจ โข ปุพฺเพว, น จตุตฺถชฺฌานกฺขเณ ¶ . โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาติ เจตสิกสุขสฺส จ เจตสิกทุกฺขสฺส จาติ อิเมสมฺปิ ทฺวินฺนํ ปุพฺเพว อตฺถงฺคมา ปหานา อิจฺเจว วุตฺตํ โหติ. กทา ปน เนสํ ปหานํ โหติ? จตุนฺนํ ฌานานํ อุปจารกฺขเณ. โสมนสฺสฺหิ จตุตฺถชฺฌานสฺส อุปจารกฺขเณเยว ปหียติ, ทุกฺขโทมนสฺสสุขานิ ปมทุติยตติยานํ อุปจารกฺขเณสุ. เอวเมเตสํ ปหานกฺกเมน อวุตฺตานํ, อินฺทฺริยวิภงฺเค ปน อินฺทฺริยานํ อุทฺเทสกฺกเมเนว อิธาปิ วุตฺตานํ สุขทุกฺขโสมนสฺส โทมนสฺสานํ ปหานํ เวทิตพฺพํ.
ยทิ ¶ ปเนตานิ ตสฺส ตสฺส ฌานสฺสุปจารกฺขเณเยว ปหียนฺติ, อถ กสฺมา ‘‘กตฺถ จุปฺปนฺนํ ทุกฺขินฺทฺริยํ อปริเสสํ นิรุชฺฌติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมชฺฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, เอตฺถุปฺปนฺนํ ทุกฺขินฺทฺริยํ อปริเสสํ นิรุชฺฌติ. กตฺถ จุปฺปนฺนํ โทมนสฺสินฺทฺริยํ… สุขินฺทฺริยํ… โสมนสฺสินฺทฺริยํ อปริเสสํ นิรุชฺฌติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา…เป… จตุตฺถชฺฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, เอตฺถุปฺปนฺนํ โสมนสฺสินฺทฺริยํ อปริเสสํ นิรุชฺฌตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๕๑๐) เอวํ ฌาเนสฺเวว นิโรโธ วุตฺโตติ? อติสยนิโรธตฺตา. อติสยนิโรโธ หิ เนสํ ปมชฺฌานาทีสุ, น นิโรโธเยว; นิโรโธเยว ปน อุปจารกฺขเณ, นาติสยนิโรโธ. ตถา หิ นานาวชฺชเน ปมชฺฌานูปจาเร นิรุทฺธสฺสาปิ ทุกฺขินฺทฺริยสฺส ฑํสมกสาทิสมฺผสฺเสน วา วิสมาสนุปตาเปน วา สิยา อุปฺปตฺติ, น ตฺเวว อนฺโตอปฺปนายํ. อุปจาเร วา นิรุทฺธมฺเปตํ น สุฏฺุ นิรุทฺธํ โหติ; ปฏิปกฺเขน อวิหตตฺตา. อนฺโตอปฺปนายํ ปน ปีติผรเณน สพฺโพ กาโย สุโขกฺกนฺโต โหติ. สุโขกฺกนฺตกายสฺส จ สุฏฺุ นิรุทฺธํ โหติ ทุกฺขินฺทฺริยํ; ปฏิปกฺเขน วิหตตฺตา. นานาวชฺชเน เอว ¶ จ ทุติยชฺฌานูปจาเร ปหีนสฺส โทมนสฺสินฺทฺริยสฺส ยสฺมา เอตํ วิตกฺกวิจารปฺปจฺจเยปิ กายกิลมเถ จิตฺตุปฆาเต จ สติ อุปฺปชฺชติ, วิตกฺกวิจาราภาเว เนว อุปฺปชฺชติ. ยตฺถ ปน อุปฺปชฺชติ ตตฺถ วิตกฺกวิจารภาเว. อปฺปหีนา เอว จ ทุติยชฺฌานูปจาเร วิตกฺกวิจาราติ ตตฺถสฺส สิยา อุปฺปตฺติ; อปฺปหีนปจฺจยตฺตา. น ตฺเวว ทุติยชฺฌาเน; ปหีนปจฺจยตฺตา. ตถา ตติยชฺฌานูปจาเร ปหีนสฺสาปิ สุขินฺทฺริยสฺส ปีติสมุฏฺานปณีตรูปผุฏกายสฺส สิยา อุปฺปตฺติ, น ตฺเวว ตติยชฺฌาเน. ตติยชฺฌาเน หิ สุขสฺส ปจฺจยภูตา ¶ ปีติ สพฺพโส นิรุทฺธาติ. ตถา จตุตฺถชฺฌานูปจาเร ปหีนสฺสาปิ โสมนสฺสินฺทฺริยสฺส อาสนฺนตฺตา, อปฺปนาปฺปตฺตาย อุเปกฺขาย อภาเวน สมฺมา อนติกฺกนฺตตฺตา จ สิยา อุปฺปตฺติ, น ตฺเวว จตุตฺถชฺฌาเน. ตสฺมา เอว จ ‘‘เอตฺถุปฺปนฺนํ ทุกฺขินฺทฺริยํ อปริเสสํ นิรุชฺฌตี’’ติ ตตฺถ ตตฺถ อปริเสสคฺคหณํ กตนฺติ.
เอตฺถาห – ‘‘อเถวํ ตสฺส ตสฺส ฌานสฺสูปจาเร ปหีนาปิ เอตา เวทนา อิธ กสฺมา สมาหรี’’ติ? สุขคฺคหณตฺถํ. ยา หิ อยํ ‘‘อทุกฺขมสุข’’นฺติ เอตฺถ อทุกฺขมสุขา เวทนา วุตฺตา, สา สุขุมา อติทุพฺพิฺเยฺยา น สกฺกา สุเขน คเหตุํ. ตสฺมา ยถา นาม ทุฏฺสฺส ยถา วา ตถา วา อุปสงฺกมิตฺวา คเหตุํ อสกฺกุเณยฺยสฺส โคณสฺส คหณตฺถํ โคโป เอกสฺมึ วเช สพฺเพ คาโว สมาหรติ, อเถเกกํ นีหรนฺโต ปฏิปาฏิยา อาคตํ ‘‘อยํ โส, คณฺหถ น’’นฺติ ตมฺปิ คาหาปยติ; เอวเมว ภควา สุขคฺคหณตฺถํ สพฺพา เอตา สมาหริ. เอวฺหิ ¶ สมาหฏา เอตา ทสฺเสตฺวา ‘‘ยํ เนว สุขํ น ทุกฺขํ น โสมนสฺสํ น โทมนสฺสํ, อยํ อทุกฺขมสุขา เวทนา’’ติ สกฺกา โหติ เอสา คาหยิตุํ.
อปิจ อทุกฺขมสุขาย เจโตวิมุตฺติยา ปจฺจยทสฺสนตฺถฺจาปิ เอตา วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. สุขปฺปหานาทโย หิ ตสฺสา ปจฺจยา. ยถาห – ‘‘จตฺตาโร โข, อาวุโส, ปจฺจยา อทุกฺขมสุขาย เจโตวิมุตฺติยา สมาปตฺติยา. อิธาวุโส, ภิกฺขุ, สุขสฺส จ ปหานา…เป… จตุตฺถชฺฌานํ ¶ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิเม โข, อาวุโส, จตฺตาโร ปจฺจยา อทุกฺขมสุขาย เจโตวิมุตฺติยา สมาปตฺติยา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๕๘). ยถา วา อฺตฺถ ปหีนาปิ สกฺกายทิฏฺิอาทโย ตติยมคฺคสฺส วณฺณภณนตฺถํ ตตฺถ ปหีนาติ วุตฺตา; เอวํ วณฺณภณนตฺถมฺเปตสฺส ฌานสฺเสตา อิธ วุตฺตาติปิ เวทิตพฺพา. ปจฺจยฆาเตน วา เอตฺถ ราคโทสานํ อติทูรภาวํ ทสฺเสตุมฺเปตา วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. เอตาสุ หิ สุขํ โสมนสฺสสฺส ปจฺจโย, โสมนสฺสํ ราคสฺส, ทุกฺขํ โทมนสฺสสฺส, โทมนสฺสํ โทสสฺส. สุขาทิฆาเตน จ เต สปฺปจฺจยา ราคโทสา หตาติ อติทูเร โหนฺตีติ.
อทุกฺขมสุขนฺติ ทุกฺขาภาเวน อทุกฺขํ, สุขาภาเวน อสุขํ. เอเตเนตฺถ ทุกฺขสุขปฏิปกฺขภูตํ ตติยเวทนํ ทีเปติ, น ทุกฺขสุขาภาวมตฺตํ. ตติยเวทนา นาม – อทุกฺขมสุขา, อุเปกฺขาติปิ วุจฺจติ. สา อิฏฺานิฏฺวิปรีตานุภวนลกฺขณา, มชฺฌตฺตรสา, อวิภูตปจฺจุปฏฺานา, สุขนิโรธปทฏฺานาติ เวทิตพฺพา. อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธินฺติ อุเปกฺขาย ชนิตสติปาริสุทฺธึ. อิมสฺมิฺหิ ฌาเน สุปริสุทฺธา สติ. ยา จ ตสฺสา สติยา ปาริสุทฺธิ, สา อุเปกฺขาย กตา น อฺเน; ตสฺมา เอตํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธินฺติ วุจฺจติ. วิภงฺเคปิ วุตฺตํ – ‘‘อยํ สติ อิมาย อุเปกฺขาย วิสทา โหติ ปริสุทฺธา ปริโยทาตา, เตน วุจฺจติ – ‘อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิ’’’นฺติ (วิภ. ๕๙๗). ยาย จ อุเปกฺขาย เอตฺถ สติยา ปาริสุทฺธิ โหติ, สา อตฺถโต ตตฺรมชฺฌตฺตตา เวทิตพฺพา. น เกวลฺเจตฺถ ตาย สติเยว ปริสุทฺธา, อปิจ โข สพฺเพปิ สมฺปยุตฺตธมฺมา; สติสีเสน ปน เทสนา วุตฺตา.
ตตฺถ ¶ กิฺจาปิ อยํ อุเปกฺขา เหฏฺาปิ ตีสุ ฌาเนสุ วิชฺชติ, ยถา ปน ทิวา สูริยปฺปภาภิภวา โสมฺมภาเวน จ อตฺตโน อุปการกตฺเตน วา สภาคาย รตฺติยา อลาภา ทิวา วิชฺชมานาปิ จนฺทเลขา อปริสุทฺธา โหติ อปริโยทาตา; เอวมยมฺปิ ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาจนฺทเลขา วิตกฺกวิจาราทิปจฺจนีกธมฺมเตชาภิภวา สภาคาย จ อุเปกฺขาเวทนารตฺติยา อลาภา วิชฺชมานาปิ ปมาทิชฺฌานเภเทสุ อปริสุทฺธา ¶ โหติ. ตสฺสา จ ¶ อปริสุทฺธาย ทิวา อปริสุทฺธจนฺทเลขาย ปภา วิย สหชาตาปิ สติอาทโย อปริสุทฺธาว โหนฺติ; ตสฺมา เตสุ เอกมฺปิ ‘‘อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิ’’นฺติ น วุตฺตํ. อิธ ปน วิตกฺกาทิปจฺจนีกธมฺมเตชาภิภวาภาวา สภาคาย จ อุเปกฺขาเวทนารตฺติยา ปฏิลาภา อยํ ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาจนฺทเลขา อติวิย ปริสุทฺธา, ตสฺสา ปริสุทฺธตฺตา ปริสุทฺธจนฺทเลขาย ปภา วิย สหชาตาปิ สติอาทโย ปริสุทฺธา โหนฺติ ปริโยทาตา, ตสฺมา อิทเมว อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธินฺติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
จตุตฺถนฺติ คณนานุปุพฺพโต จตุตฺถํ. อิทํ จตุตฺถํ สมาปชฺชตีติปิ จตุตฺถํ. ฌานนฺติ เอตฺถ ยถา ตติยํ อุเปกฺขาทีหิ ปฺจงฺคิกํ; เอวมิทํ อุเปกฺขาทีหิ ติวงฺคิกํ. ยถาห – ‘‘ฌานนฺติ อุเปกฺขา, สติ จิตฺตสฺเสกคฺคตา’’ติ. ปริยาโย เอว เจโส. เปตฺวา ปน สตึ อุเปกฺเขกคฺคตเมว คเหตฺวา นิปฺปริยาเยน ทุวงฺคิกเมเวตํ โหติ. ยถาห – ‘‘กตมํ ตสฺมึ สมเย ทุวงฺคิกํ ฌานํ โหติ? อุเปกฺขา, จิตฺตสฺเสกคฺคตา’’ติ (ธ. ส. ๑๖๕). เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.
จตุตฺถชฺฌานกถา นิฏฺิตา.
ปุพฺเพนิวาสกถา
๑๒. อิติ อิมานิ จตฺตาริ ฌานานิ เกสฺจิ จิตฺเตกคฺคตตฺถานิ โหนฺติ, เกสฺจิ วิปสฺสนาปาทกานิ, เกสฺจิ อภิฺาปาทกานิ, เกสฺจิ นิโรธปาทกานิ, เกสฺจิ ภโวกฺกมนตฺถานิ. ตตฺถ ขีณาสวานํ จิตฺเตกคฺคตตฺถานิ โหนฺติ, เต หิ สมาปชฺชิตฺวา ‘‘เอกคฺคจิตฺตา สุขํ ทิวสํ วิหริสฺสามา’’ติ ¶ อิจฺเจวํ กสิณปริกมฺมํ กตฺวา อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตนฺติ. เสกฺขปุถุชฺชนานํ ‘‘สมาปตฺติโต วุฏฺาย สมาหิเตน จิตฺเตน วิปสฺสิสฺสามา’’ติ นิพฺพตฺเตนฺตานํ วิปสฺสนาปาทกานิ โหนฺติ. เย ปน อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา อภิฺาปาทกํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา สมาปตฺติโต วุฏฺาย ‘‘เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหตี’’ติ วุตฺตนยา อภิฺาโย ปตฺเถนฺตา นิพฺพตฺเตนฺติ, เตสํ อภิฺาปาทกานิ โหนฺติ. เย ปน อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา ‘‘นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา สตฺตาหํ อจิตฺตกา หุตฺวา ทิฏฺเว ธมฺเม นิโรธํ นิพฺพานํ ปตฺวา สุขํ วิหริสฺสามา’’ติ นิพฺพตฺเตนฺติ, เตสํ นิโรธปาทกานิ ¶ โหนฺติ. เย ปน อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา ‘‘อปริหีนชฺฌานา หุตฺวา พฺรหฺมโลเก อุปฺปชฺชิสฺสามา’’ติ นิพฺพตฺเตนฺติ, เตสํ ภโวกฺกมนตฺถานิ โหนฺติ.
ภควตา ¶ ปนิทํ จตุตฺถชฺฌานํ โพธิรุกฺขมูเล นิพฺพตฺติตํ, ตํ ตสฺส วิปสฺสนาปาทกฺเจว อโหสิ อภิฺาปาทกฺจ นิโรธปาทกฺจ สพฺพกิจฺจสาธกฺจ สพฺพโลกิยโลกุตฺตรคุณทายกนฺติ เวทิตพฺพํ. เยสฺจ คุณานํ ทายกํ อโหสิ, เตสํ เอกเทสํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ โสติ โส อหํ. เอวนฺติ จตุตฺถชฺฌานกฺกมนิทสฺสนเมตํ. อิมินา กเมน จตุตฺถชฺฌานํ ปฏิลภิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. สมาหิเตติ อิมินา จตุตฺถชฺฌานสมาธินา สมาหิเต. ปริสุทฺเธติอาทีสุ ปน อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิภาเวน ปริสุทฺเธ. ปริสุทฺธตฺตาเยว ปริโยทาเต, ปภสฺสเรติ วุตฺตํ โหติ. สุขาทีนํ ปจฺจยานํ ฆาเตน วิหตราคาทิองฺคณตฺตา อนงฺคเณ. อนงฺคณตฺตาเยว จ วิคตูปกฺกิเลเส; องฺคเณน หิ จิตฺตํ อุปกฺกิลิสฺสติ. สุภาวิตตฺตา มุทุภูเต, วสีภาวปฺปตฺเตติ วุตฺตํ โหติ. วเส วตฺตมานฺหิ จิตฺตํ มุทูติ วุจฺจติ. มุทุตฺตาเยว จ กมฺมนิเย, กมฺมกฺขเม กมฺมโยคฺเคติ วุตฺตํ โหติ. มุทุ หิ จิตฺตํ กมฺมนิยํ โหติ สุธนฺตมิว สุวณฺณํ, ตทุภยมฺปิ จ สุภาวิตตฺตา เอว. ยถาห – ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกธมฺมมฺปิ สมนุปสฺสามิ, ยํ เอวํ ภาวิตํ พหุลีกตํ มุทุ จ โหติ กมฺมนิยฺจ, ยถยิทํ, ภิกฺขเว, จิตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑.๒๒).
เอเตสุ ¶ ปริสุทฺธภาวาทีสุ ิตตฺตา ิเต. ิตตฺตาเยว อาเนฺชปฺปตฺเต, อจเล นิริฺชเนติ วุตฺตํ โหติ. มุทุกมฺมฺภาเวน วา อตฺตโน วเส ิตตฺตา ิเต, สทฺธาทีหิ ปริคฺคหิตตฺตา อาเนฺชปฺปตฺเต. สทฺธาปริคฺคหิตฺหิ จิตฺตํ อสฺสทฺธิเยน น อิฺชติ, วีริยปริคฺคหิตํ โกสชฺเชน น อิฺชติ, สติปริคฺคหิตํ ปมาเทน น อิฺชติ, สมาธิปริคฺคหิตํ อุทฺธจฺเจน น อิฺชติ, ปฺาปริคฺคหิตํ อวิชฺชาย น อิฺชติ, โอภาสคตํ กิเลสนฺธกาเรน น อิฺชติ. อิเมหิ ¶ ฉหิ ธมฺเมหิ ปริคฺคหิตํ อาเนฺชปฺปตฺตํ จิตฺตํ โหติ. เอวํ อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ จิตฺตํ อภินีหารกฺขมํ โหติ อภิฺาสจฺฉิกรณียานํ ธมฺมานํ อภิฺาสจฺฉิกิริยาย.
อปโร นโย – จตุตฺถชฺฌานสมาธินา สมาหิเต. นีวรณทูรีภาเวน ปริสุทฺเธ. วิตกฺกาทิสมติกฺกเมน ปริโยทาเต. ฌานปฺปฏิลาภปจฺจยานํ ปาปกานํ อิจฺฉาวจรานํ อภาเวน อนงฺคเณ. อภิชฺฌาทีนํ จิตฺตูปกฺกิเลสานํ วิคเมน วิคตูปกฺกิเลเส. อุภยมฺปิ เจตํ อนงฺคณวตฺถสุตฺตานุสาเรน (ม. นิ. ๑.๕๗ อาทโย) เวทิตพฺพํ. วสิปฺปตฺติยา มุทุภูเต. อิทฺธิปาทภาวูปคเมน กมฺมนิเย. ภาวนาปาริปูริยา ปณีตภาวูปคเมน ิเตอาเนฺชปฺปตฺเต ¶ . ยถา อาเนฺชปฺปตฺตํ โหติ; เอวํ ิเตติ อตฺโถ. เอวมฺปิ อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ จิตฺตํ อภินีหารกฺขมํ โหติ อภิฺาสจฺฉิกรณียานํ ธมฺมานํ อภิฺาสจฺฉิกิริยาย, ปาทกํ ปทฏฺานภูตนฺติ อตฺโถ.
ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณายาติ เอวํ อภิฺาปาทเก ชาเต เอตสฺมึ จิตฺเต ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติมฺหิ ยํ าณํ ตทตฺถาย. ตตฺถ ปุพฺเพนิวาโสติ ปุพฺเพ อตีตชาตีสุ นิวุตฺถกฺขนฺธา. นิวุตฺถาติ อชฺฌาวุตฺถา อนุภูตา อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธา นิวุตฺถธมฺมา วา นิวุตฺถา, โคจรนิวาเสน นิวุตฺถา, อตฺตโน วิฺาเณน วิฺาตา ปริจฺฉินฺนา, ปรวิฺาณวิฺาตาปิ วา ฉินฺนวฏุมกานุสฺสรณาทีสุ. ปุพฺเพนิวาสานุสฺสตีติ ยาย สติยา ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, สา ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติ. าณนฺติ ตาย สติยา สมฺปยุตฺตาณํ. เอวมิมสฺส ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณสฺส อตฺถาย ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณาย เอตสฺส าณสฺส อธิคมาย ปตฺติยาติ วุตฺตํ โหติ. อภินินฺนาเมสินฺติ อภินีหรึ.
โสติ ¶ โส อหํ. อเนกวิหิตนฺติ อเนกวิธํ, อเนเกหิ วา ปกาเรหิ ปวตฺติตํ สํวณฺณิตนฺติ อตฺโถ. ปุพฺเพนิวาสนฺติ สมนนฺตราตีตํ ภวํ อาทึ กตฺวา ตตฺถ ตตฺถ นิวุตฺถสนฺตานํ. อนุสฺสรามีติ ‘‘เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย’’ติ เอวํ ชาติปฏิปาฏิยา อนุคนฺตฺวา อนุคนฺตฺวา สรามิ, อนุเทว วา สรามิ, จิตฺเต ¶ อภินินฺนามิตมตฺเต เอว สรามีติ ทสฺเสติ. ปูริตปารมีนฺหิ มหาปุริสานํ ปริกมฺมกรณํ นตฺถิ, เตน เต จิตฺตํ อภินินฺนาเมตฺวาว สรนฺติ. อาทิกมฺมิกกุลปุตฺตา ปน ปริกมฺมํ กตฺวาว สรนฺติ, ตสฺมา เตสํ วเสน ปริกมฺมํ วตฺตพฺพํ สิยา. ตํ ปน วุจฺจมานํ อติภาริยํ วินยนิทานํ กโรติ, ตสฺมา ตํ น วทาม. อตฺถิเกหิ ปน วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๔๐๒ อาทโย) วุตฺตนเยเนว คเหตพฺพํ. อิธ ปน ปาฬิเมว วณฺณยิสฺสาม.
เสยฺยถิทนฺติ อารทฺธปฺปการทสฺสนตฺเถ นิปาโต. เตเนว ยฺวายํ ปุพฺเพนิวาโส อารทฺโธ, ตสฺส ปการปฺปเภทํ ทสฺเสนฺโต เอกมฺปิ ชาตินฺติอาทิมาห. ตตฺถ เอกมฺปิ ชาตินฺติ เอกมฺปิ ปฏิสนฺธิมูลํ จุติปริโยสานํ เอกภวปริยาปนฺนํ ขนฺธสนฺตานํ. เอส นโย ทฺเวปิ ชาติโยติอาทีสุ. อเนเกปิ สํวฏฺฏกปฺเปติอาทีสุ ปน ปริหายมาโน กปฺโป สํวฏฺฏกปฺโป, วฑฺฒมาโน วิวฏฺฏกปฺโปติ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ จ สํวฏฺเฏน สํวฏฺฏฏฺายี คหิโต โหติ ตมฺมูลกตฺตา. วิวฏฺเฏน จ วิวฏฺฏฏฺายี. เอวฺหิ สติ ยานิ ตานิ ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, กปฺปสฺส อสงฺขฺเยยฺยานิ ¶ . กตมานิ จตฺตาริ? สํวฏฺโฏ สํวฏฺฏฏฺายี, วิวฏฺโฏ วิวฏฺฏฏฺายี’’ติ วุตฺตานิ ตานิ สพฺพานิ ปริคฺคหิตานิ โหนฺติ.
ตตฺถ ตโย สํวฏฺฏา – เตโชสํวฏฺโฏ, อาโปสํวฏฺโฏ, วาโยสํวฏฺโฏติ. ติสฺโส สํวฏฺฏสีมา – อาภสฺสรา, สุภกิณฺหา, เวหปฺผลาติ. ยทา กปฺโป เตเชน สํวฏฺฏติ, อาภสฺสรโต เหฏฺา อคฺคินา ฑยฺหติ. ยทา อุทเกน สํวฏฺฏติ, สุภกิณฺหโต เหฏฺา อุทเกน วิลียติ. ยทา วาเตน สํวฏฺฏติ, เวหปฺผลโต เหฏฺา วาเตน วิทฺธํสิยติ. วิตฺถารโต ปน สทาปิ เอกํ พุทฺธกฺเขตฺตํ วินสฺสติ.
พุทฺธกฺเขตฺตํ นาม ติวิธํ โหติ – ชาติกฺเขตฺตํ, อาณากฺเขตฺตํ, วิสยกฺเขตฺตฺจ. ตตฺถ ชาติกฺเขตฺตํ ทสสหสฺสจกฺกวาฬปริยนฺตํ โหติ, ยํ ตถาคตสฺส ปฏิสนฺธิอาทีสุ กมฺปติ. อาณากฺเขตฺตํ ¶ โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาฬปริยนฺตํ โหติ. ยตฺถ รตนปริตฺตํ, ขนฺธปริตฺตํ, ธชคฺคปริตฺตํ, อาฏานาฏิยปริตฺตํ, โมรปริตฺตนฺติ อิเมสํ ปริตฺตานํ อานุภาโว ปวตฺตติ. วิสยกฺเขตฺตํ ปน อนนฺตํ อปริมาณํ, ‘‘ยํ ¶ ยาวตา วา ปน อากงฺเขยฺยา’’ติ (อ. นิ. ๓.๘๑) วุตฺตํ ยตฺถ ยํ ยํ อากงฺขติ ตํ ตํ อนุสฺสรติ. เอวเมเตสุ ตีสุ พุทฺธกฺเขตฺเตสุ เอกํ อาณากฺเขตฺตํ วินสฺสติ. ตสฺมึ ปน วินสฺสนฺเต ชาติกฺเขตฺตมฺปิ วินฏฺเมว โหติ; วินสฺสนฺตฺจ เอกโตว วินสฺสติ, สณฺหนฺตมฺปิ เอกโตว สณฺหติ. ตสฺส วินาโส จ สณฺหนฺจ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๔๐๔) วุตฺตํ. อตฺถิเกหิ ตโต คเหตพฺพํ.
เย ปเนเต สํวฏฺฏวิวฏฺฏา วุตฺตา, เอเตสุ ภควา โพธิมณฺเฑ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌนตฺถาย นิสินฺโน อเนเกปิ สํวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ วิวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเป สริ. กถํ? ‘‘อมุตฺราสิ’’นฺติอาทินา นเยน. ตตฺถ อมุตฺราสินฺติ อมุมฺหิ สํวฏฺฏกปฺเป อหํ อมุมฺหิ ภเว วา โยนิยา วา คติยา วา วิฺาณฏฺิติยา วา สตฺตาวาเส วา สตฺตนิกาเย วา อโหสึ. เอวํนาโมติ เวสฺสนฺตโร วา โชติปาโล วา. เอวํโคตฺโตติ ภคฺคโว วา โคตโม วา. เอวํวณฺโณติ โอทาโต วา สาโม วา. เอวมาหาโรติ สาลิมํโสทนาหาโร วา ปวตฺตผลโภชโน วา. เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวทีติ อเนกปฺปกาเรน กายิกเจตสิกานํ สามิสนิรามิสาทิปฺปเภทานํ วา สุขทุกฺขานํ ปฏิสํเวที. เอวมายุปริยนฺโตติ เอวํ วสฺสสตปรมายุปริยนฺโต วา จตุราสีติกปฺปสหสฺสปรมายุปริยนฺโต วา.
โส ¶ ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทินฺติ โส อหํ ตโต ภวโต โยนิโต คติโต วิฺาณฏฺิติโต สตฺตาวาสโต สตฺตนิกายโต วา จุโต, ปุน อมุกสฺมึ นาม ภเว โยนิยา คติยา วิฺาณฏฺิติยา สตฺตาวาเส สตฺตนิกาเย วา อุทปาทึ. ตตฺราปาสินฺติ อถ ตตฺราปิ ภเว โยนิยา คติยา วิฺาณฏฺิติยา สตฺตาวาเส สตฺตนิกาเย วา ปุน อโหสึ. เอวํนาโมติอาทิ วุตฺตนยเมว.
อถ วา ยสฺมา อมุตฺราสินฺติ อิทํ อนุปุพฺเพน อาโรหนฺตสฺส ยาวทิจฺฉกํ สรณํ. โส ตโต จุโตติ ปฏินิวตฺตนฺตสฺส ปจฺจเวกฺขณํ. ตสฺมา อิธูปปนฺโนติ อิมิสฺสา อิธูปปตฺติยา อนนฺตรํ อมุตฺร อุทปาทินฺติ ตุสิตภวนํ สนฺธายาหาติ เวทิตพฺพํ. ตตฺราปาสึ เอวํนาโมติ ตตฺราปิ ¶ ตุสิตภวเน ¶ เสตเกตุ นาม เทวปุตฺโต อโหสึ. เอวํโคตฺโตติ ตาหิ เทวตาหิ สทฺธึ เอกโคตฺโต. เอวํวณฺโณติ สุวณฺณวณฺโณ. เอวมาหาโรติ ทิพฺพสุธาหาโร. เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวทีติ เอวํ ทิพฺพสุขปฺปฏิสํเวที. ทุกฺขํ ปน สงฺขารทุกฺขมตฺตเมว. เอวมายุปริยนฺโตติ เอวํ สตฺตปฺาสวสฺสโกฏิสฏฺิวสฺสสตสหสฺสายุปริยนฺโต. โส ตโต จุโตติ โส อหํ ตโต ตุสิตภวนโต จุโต. อิธูปปนฺโนติ อิธ มหามายาย เทวิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺโต.
อิตีติ เอวํ. สาการํ สอุทฺเทสนฺติ นามโคตฺตวเสน สอุทฺเทสํ, วณฺณาทิวเสน สาการํ. นามโคตฺตวเสน หิ สตฺโต ‘‘ทตฺโต, ติสฺโส, โคตโม’’ติ อุทฺทิสียติ; วณฺณาทีหิ โอทาโต, สาโมติ นานตฺตโต ปฺายติ; ตสฺมา นามโคตฺตํ อุทฺเทโส, อิตเร อาการา. กึ ปน พุทฺธาเยว ปุพฺเพนิวาสํ สรนฺตีติ? วุจฺจเต – น พุทฺธาเยว, ปจฺเจกพุทฺธ-พุทฺธสาวก-ติตฺถิยาปิ, โน จ โข อวิเสเสน. ติตฺถิยา หิ จตฺตาลีสํเยว กปฺเป สรนฺติ, น ตโต ปรํ. กสฺมา? ทุพฺพลปฺตฺตา. เตสฺหิ นามรูปปริจฺเฉทวิรหโต ทุพฺพลา ปฺา โหติ. สาวเกสุ ปน อสีติมหาสาวกา กปฺปสตสหสฺสํ สรนฺติ; ทฺเว อคฺคสาวกา เอกมสงฺขฺเยยฺยํ สตสหสฺสฺจ. ปจฺเจกพุทฺธา ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ สตสหสฺสฺจ. เอตฺตโก หิ เตสํ อภินีหาโร. พุทฺธานํ ปน ปริจฺเฉโท นตฺถิ, ยาว อิจฺฉนฺติ ตาว สรนฺติ. ติตฺถิยา จ ขนฺธปฏิปาฏิเมว สรนฺติ. ปฏิปาฏึ มฺุจิตฺวา จุติปฏิสนฺธิวเสน สริตุํ น สกฺโกนฺติ. เตสฺหิ อนฺธานํ วิย อิจฺฉิตปฺปเทโสกฺกมนํ นตฺถิ. สาวกา อุภยถาปิ สรนฺติ; ตถา ปจฺเจกพุทฺธา. พุทฺธา ปน ขนฺธปฏิปาฏิยาปิ จุติปฏิสนฺธิวเสนปิ สีโหกฺกนฺตวเสนปิ อเนกาสุ กปฺปโกฏีสุ เหฏฺา วา อุปริ วา ยํ ยํ านํ อากงฺขนฺติ, ตํ สพฺพํ สรนฺติเยว.
อยํ โข เม พฺราหฺมณาติอาทีสุ เมติ มยา. วิชฺชาติ วิทิตกรณฏฺเน วิชฺชา. กึ วิทิตํ ¶ กโรติ? ปุพฺเพนิวาสํ. อวิชฺชาติ ตสฺเสว ปุพฺเพนิวาสสฺส อวิทิตกรณฏฺเน ตปฺปฏิจฺฉาทกโมโห วุจฺจติ. ตโมติ สฺเวว โมโห ตปฺปฏิจฺฉาทกฏฺเน ¶ ‘‘ตโม’’ติ วุจฺจติ. อาโลโกติ สาเยววิชฺชา โอภาสกรณฏฺเน ‘‘อาโลโก’’ติ วุจฺจติ. เอตฺถ จ วิชฺชา อธิคตาติ อยํ อตฺโถ, เสสํ ปสํสาวจนํ. โยชนา ¶ ปเนตฺถ – อยํ โข เม วิชฺชา อธิคตา, ตสฺส เม อธิคตวิชฺชสฺส อวิชฺชา วิหตา, วินฏฺาติ อตฺโถ. กสฺมา? ยสฺมา วิชฺชา อุปฺปนฺนา. เอส นโย อิตรสฺมิมฺปิ ปททฺวเย.
ยถา ตนฺติ เอตฺถ ยถาติ โอปมฺมตฺเถ. ตนฺติ นิปาโต. สติยา อวิปฺปวาเสน อปฺปมตฺตสฺส. วีริยาตาเปน อาตาปิโน. กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขตาย ปหิตตฺตสฺส, เปสิตจิตฺตสฺสาติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อวิชฺชา วิหฺเยฺย วิชฺชา อุปฺปชฺเชยฺย, ตโม วิหฺเยฺย อาโลโก อุปฺปชฺเชยฺย; เอวเมว มม อวิชฺชา วิหตา วิชฺชา อุปฺปนฺนา, ตโม วิหโต อาโลโก อุปฺปนฺโน. เอตสฺส เม ปธานานุโยคสฺส อนุรูปเมว ผลํ ลทฺธนฺติ.
อยํ โข เม พฺราหฺมณ ปมา อภินิพฺภิทา อโหสิ กุกฺกุฏจฺฉาปกสฺเสว อณฺฑโกสมฺหาติ อยํ โข มม พฺราหฺมณ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณมุขตุณฺฑเกน ปุพฺเพ นิวุตฺถกฺขนฺธปฏิจฺฉาทกํ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ปมา อภินิพฺภิทา ปมา นิกฺขนฺติ ปมา อริยาชาติ อโหสิ, กุกฺกุฏจฺฉาปกสฺเสว มุขตุณฺฑเกน วา ปาทนขสิขาย วา อณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ตมฺหา อณฺฑโกสมฺหา อภินิพฺภิทา นิกฺขนฺติ กุกฺกุฏนิกาเย ปจฺจาชาตีติ.
ปุพฺเพนิวาสกถา นิฏฺิตา.
ทิพฺพจกฺขุาณกถา
๑๓. โสเอวํ…เป… จุตูปปาตาณายาติ จุติยา จ อุปปาเต จ าณาย; เยน าเณน สตฺตานํ จุติ จ อุปปาโต จ ายติ, ตทตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติ. จิตฺตํ อภินินฺนาเมสินฺติ ปริกมฺมจิตฺตํ นีหรึ. โส ทิพฺเพน…เป… ปสฺสามีติ เอตฺถ ปน ปูริตปารมีนํ มหาสตฺตานํ ปริกมฺมกรณํ นตฺถิ. เต หิ จิตฺเต อภินินฺนามิตมตฺเต เอว ทิพฺเพน จกฺขุนา สตฺเต ปสฺสนฺติ, อาทิกมฺมิกกุลปุตฺตา ปน ปริกมฺมํ กตฺวา. ตสฺมา เตสํ วเสน ปริกมฺมํ วตฺตพฺพํ สิยา. ตํ ปน วุจฺจมานํ อติภาริยํ วินยนิทานํ กโรติ; ตสฺมา ตํ ¶ น วทาม. อตฺถิเกหิ ปน วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๔๑๑) วุตฺตนเยน คเหตพฺพํ. อิธ ปน ปาฬิเมว วณฺณยิสฺสาม.
โสติ ¶ โส อหํ. ทิพฺเพนาติอาทีสุ ทิพฺพสทิสตฺตา ทิพฺพํ ¶ . เทวตานฺหิ สุจริตกมฺมนิพฺพตฺตํ ปิตฺตเสมฺหรุหิราทีหิ อปลิพุทฺธํ อุปกฺกิเลสวินิมุตฺตตาย ทูเรปิ อารมฺมณสมฺปฏิจฺฉนสมตฺถํ ทิพฺพํ ปสาทจกฺขุ โหติ. อิทฺจาปิ วีริยภาวนาพลนิพฺพตฺตํ าณจกฺขุ ตาทิสเมวาติ ทิพฺพสทิสตฺตา ทิพฺพํ, ทิพฺพวิหารวเสน ปฏิลทฺธตฺตา อตฺตนา จ ทิพฺพวิหารสนฺนิสฺสิตตฺตาปิ ทิพฺพํ, อาโลกปริคฺคเหน มหาชุติกตฺตาปิ ทิพฺพํ, ติโรกุฏฺฏาทิคตรูปทสฺสเนน มหาคติกตฺตาปิ ทิพฺพํ. ตํ สพฺพํ สทฺทสตฺถานุสาเรน เวทิตพฺพํ. ทสฺสนฏฺเน จกฺขุ. จกฺขุกิจฺจกรเณน จกฺขุมิวาติปิ จกฺขุ. จุตูปปาตทสฺสเนน ทิฏฺิวิสุทฺธิเหตุตฺตา วิสุทฺธํ. โย หิ จุติมตฺตเมว ปสฺสติ น อุปปาตํ, โส อุจฺเฉททิฏฺึ คณฺหาติ. โย อุปปาตมตฺตเมว ปสฺสติ น จุตึ, โส นวสตฺตปาตุภาวทิฏฺึ คณฺหาติ. โย ปน ตทุภยํ ปสฺสติ, โส ยสฺมา ทุวิธมฺปิ ตํ ทิฏฺิคตํ อติวตฺตติ, ตสฺมาสฺส ตํ ทสฺสนํ ทิฏฺิวิสุทฺธิเหตุ โหติ. ตทุภยฺจ ภควา อทฺทส. เตเนตํ วุตฺตํ – ‘‘จุตูปปาตทสฺสเนน ทิฏฺิวิสุทฺธิเหตุตฺตา วิสุทฺธ’’นฺติ.
เอกาทสอุปกฺกิเลสวิรหโต วา วิสุทฺธํ. ภควโต หิ เอกาทสปกฺกิเลสวิรหิตํ ทิพฺพจกฺขุ. ยถาห – ‘‘โส โข อหํ, อนุรุทฺธ, ‘วิจิกิจฺฉา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ อิติ วิทิตฺวา วิจิกิจฺฉํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหึ. อมนสิกาโร…เป… ถินมิทฺธํ… ฉมฺภิตตฺตํ… อุปฺปิลํ… ทุฏฺุลฺลํ… อจฺจารทฺธวีริยํ… อติลีนวีริยํ… อภิชปฺปา… นานตฺตสฺา… ‘อตินิชฺฌายิตตฺตํ รูปานํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ อิติ วิทิตฺวา อตินิชฺฌายิตตฺตํ รูปานํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหึ. โส โข อหํ, อนุรุทฺธ, อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต โอภาสฺหิ โข สฺชานามิ, น จ รูปานิ ปสฺสามิ. รูปานิ หิ โข ปสฺสามิ, น จ โอภาสํ สฺชานามี’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๔๒-๒๔๓) เอวมาทิ. ตเทวํ เอกาทสุปกฺกิเลสวิรหโต ¶ วิสุทฺธํ.
มนุสฺสูปจารํ อติกฺกมิตฺวา รูปทสฺสเนน อติกฺกนฺตมานุสกํ; มานุสกํ วา มํสจกฺขุํ อติกฺกนฺตตฺตา อติกฺกนฺตมานุสกนฺติ เวทิตพฺพํ. เตน ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน.
สตฺเต ¶ ปสฺสามีติ มนุสฺสมํสจกฺขุนา วิย สตฺเต ปสฺสามิ ทกฺขามิ โอโลเกมิ. จวมาเน อุปปชฺชมาเนติ เอตฺถ จุติกฺขเณ วา อุปปตฺติกฺขเณ วา ¶ ทิพฺพจกฺขุนา ทฏฺุํ น สกฺกา, เย ปน อาสนฺนจุติกา อิทานิ จวิสฺสนฺติ เต จวมานา. เย จ คหิตปฏิสนฺธิกา สมฺปตินิพฺพตฺตา วา, เต อุปปชฺชมานาติ อธิปฺเปตา. เต เอวรูเป จวมาเน อุปปชฺชมาเน จ ปสฺสามีติ ทสฺเสติ. หีเนติ โมหนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา หีนานํ ชาติกุลโภคาทีนํ วเสน หีฬิเต โอหีฬิเต อฺุาเต อวฺาเต. ปณีเตติ อโมหนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา ตพฺพิปรีเต. สุวณฺเณติ อโทสนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา อิฏฺกนฺตมนาปวณฺณยุตฺเต. ทุพฺพณฺเณติ โทสนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา อนิฏฺากนฺตอมนาปวณฺณยุตฺเต; อภิรูเป วิรูเปติปิ อตฺโถ. สุคเตติ สุคติคเต, อโลภนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา วา อฑฺเฒ มหทฺธเน. ทุคฺคเตติ ทุคฺคติคเต, โลภนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา วา ทลิทฺเท อปฺปนฺนปาเน. ยถากมฺมูปเคติ ยํ ยํ กมฺมํ อุปจิตํ เตน เตน อุปคเต. ตตฺถ ปุริเมหิ ‘‘จวมาเน’’ติอาทีหิ ทิพฺพจกฺขุกิจฺจํ วุตฺตํ; อิมินา ปน ปเทน ยถากมฺมูปคาณกิจฺจํ.
ตสฺส จ าณสฺส อยมุปฺปตฺติกฺกโม – โส เหฏฺา นิรยาภิมุขํ อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา เนรยิกสตฺเต ปสฺสติ มหนฺตํ ทุกฺขมนุภวมาเน, ตํ ทสฺสนํ ทิพฺพจกฺขุกิจฺจเมว. โส เอวํ มนสิ กโรติ – ‘‘กินฺนุ โข กมฺมํ กตฺวา อิเม สตฺตา เอตํ ทุกฺขมนุภวนฺตี’’ติ? อถสฺส ‘‘อิทํ นาม กตฺวา’’ติ ตํ กมฺมารมฺมณํ าณํ อุปฺปชฺชติ. ตถา อุปริ เทวโลกาภิมุขํ อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา นนฺทนวน-มิสฺสกวน-ผารุสกวนาทีสุ สตฺเต ปสฺสติ มหาสมฺปตฺตึ อนุภวมาเน. ตมฺปิ ทสฺสนํ ทิพฺพจกฺขุกิจฺจเมว. โส เอวํ มนสิ กโรติ – ‘‘กินฺนุ โข กมฺมํ กตฺวา อิเม สตฺตา เอตํ สมฺปตฺตึ อนุภวนฺตี’’ติ? อถสฺส ‘‘อิทํ ¶ นาม กตฺวา’’ติ ตํกมฺมารมฺมณํ าณํ อุปฺปชฺชติ. อิทํ ยถากมฺมูปคาณํ นาม. อิมสฺส วิสุํ ปริกมฺมํ นาม นตฺถิ. ยถา จิมสฺส, เอวํ อนาคตํสาณสฺสปิ. ทิพฺพจกฺขุปาทกาเนว หิ อิมานิ ทิพฺพจกฺขุนา สเหว อิชฺฌนฺติ.
กายทุจฺจริเตนาติอาทีสุ ทุฏฺุ จริตํ ทุฏฺํ วา จริตํ กิเลสปูติกตฺตาติ ทุจฺจริตํ; กาเยน ทุจฺจริตํ, กายโต วา อุปฺปนฺนํ ทุจฺจริตนฺติ กายทุจฺจริตํ. เอวํ วจีมโนทุจฺจริตานิปิ ทฏฺพฺพานิ. สมนฺนาคตาติ สมงฺคีภูตา. อริยานํ อุปวาทกาติ พุทฺธ-ปจฺเจกพุทฺธ-พุทฺธสาวกานํ อริยานํ อนฺตมโส คิหิโสตาปนฺนานมฺปิ อนตฺถกามา หุตฺวา อนฺติมวตฺถุนา ¶ วา คุณปริธํสเนน วา อุปวาทกา; อกฺโกสกา, ครหกาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ ‘‘นตฺถิ อิเมสํ สมณธมฺโม, อสฺสมณา เอเต’’ติ วทนฺโต อนฺติมวตฺถุนา อุปวทติ. ‘‘นตฺถิ อิเมสํ ฌานํ วา วิโมกฺโข วา มคฺโค วา ผลํ วา’’ติ วทนฺโต คุณปริธํสเนน อุปวทตีติ ¶ เวทิตพฺโพ. โส จ ชานํ วา อุปวเทยฺย อชานํ วา, อุภยถาปิ อริยูปวาโทว โหติ. ภาริยํ กมฺมํ สคฺคาวรณํ มคฺคาวรณฺจ, สเตกิจฺฉํ ปน โหติ. ตสฺส จ อาวิภาวตฺถํ อิทํ วตฺถุมุทาหรนฺติ –
‘‘อฺตรสฺมึ กิร คาเม เอโก เถโร จ ทหรภิกฺขุ จ ปิณฺฑาย จรนฺติ. เต ปมฆเรเยว อุฬุงฺกมตฺตํ อุณฺหยาคุํ ลภึสุ. เถรสฺส จ กุจฺฉิวาโต อตฺถิ. โส จินฺเตสิ – ‘อยํ ยาคุ มยฺหํ สปฺปายา, ยาว น สีตลา โหติ ตาว นํ ปิวามี’ติ. โส มนุสฺเสหิ อุมฺมารตฺถาย อาหเฏ ทารุกฺขนฺเธ นิสีทิตฺวา ตํ ปิวิ. อิตโร ตํ ชิคุจฺฉิ – ‘อติจฺฉาโต วตายํ มหลฺลโก อมฺหากํ ลชฺชิตพฺพกํ อกาสี’ติ. เถโร คาเม จริตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา ทหรภิกฺขุํ อาห – ‘อตฺถิ เต, อาวุโส, อิมสฺมึ สาสเน ปติฏฺา’ติ? ‘อาม, ภนฺเต, โสตาปนฺโน อห’นฺติ. ‘เตน หาวุโส, อุปริมคฺคตฺถาย วายามํ มา อกาสิ, ขีณาสโว ตยา อุปวทิโต’ติ. โส ตํ ขมาเปสิ. เตนสฺส ตํ ปากติกํ อโหสิ’’. ตสฺมา โย อฺโปิ อริยํ อุปวทติ, เตน คนฺตฺวา สเจ อตฺตนา วุฑฺฒตโร โหติ, ‘‘อหํ อายสฺมนฺตํ อิทฺจิทฺจ อวจํ, ตํ เม ขมาหี’’ติ ขมาเปตพฺโพ. สเจ นวกตโร โหติ ¶ , วนฺทิตฺวา อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ‘‘อหํ ภนฺเต ตุมฺเห อิทฺจิทฺจ อวจํ, ตํ เม ขมถา’’ติ ขมาเปตพฺโพ. สเจ โส นกฺขมติ ทิสาปกฺกนฺโต วา โหติ, เย ตสฺมึ วิหาเร ภิกฺขู วสนฺติ เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา สเจ อตฺตนา วุฑฺฒตโร โหติ ิตเกเนว, สเจ นวกตโร อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, อสุกํ นาม อายสฺมนฺตํ อิทฺจิทฺจ อวจํ, ขมตุ เม โส อายสฺมา’’ติ เอวํ วทนฺเตน ขมาเปตพฺโพ. สเจ โส ปรินิพฺพุโต โหติ, ปรินิพฺพุตมฺจฏฺานํ คนฺตฺวา ยาว สิวถิกํ คนฺตฺวาปิ ขมาเปตพฺโพ. เอวํ กเต สคฺคาวรณฺจ มคฺคาวรณฺจ น โหติ, ปากติกเมว โหติ.
มิจฺฉาทิฏฺิกาติ วิปรีตทสฺสนา. มิจฺฉาทิฏฺิกมฺมสมาทานาติ มิจฺฉาทิฏฺิวเสน สมาทินฺนนานาวิธกมฺมา, เย จ มิจฺฉาทิฏฺิมูลเกสุ กายกมฺมาทีสุ อฺเปิ ¶ สมาทเปนฺติ. ตตฺถ วจีทุจฺจริตคฺคหเณเนว อริยูปวาเท, มโนทุจฺจริตคฺคหเณน จ มิจฺฉาทิฏฺิยา สงฺคหิตายปิ อิเมสํ ทฺวินฺนํ ปุน วจนํ มหาสาวชฺชภาวทสฺสนตฺถนฺติ เวทิตพฺพํ. มหาสาวชฺโช หิ อริยูปวาโท อานนฺตริยสทิโส. ยถาห – ‘‘เสยฺยถาปิ, สาริปุตฺต, ภิกฺขุ สีลสมฺปนฺโน สมาธิสมฺปนฺโน ปฺาสมฺปนฺโน ทิฏฺเว ธมฺเม อฺํ อาราเธยฺย; เอวํสมฺปทมิทํ, สาริปุตฺต, วทามิ ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฏฺึ อปฺปฏินิสฺสชฺชิตฺวา ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต, เอวํ นิรเย’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๔๙).
มิจฺฉาทิฏฺิโต ¶ จ มหาสาวชฺชตรํ นาม อฺํ นตฺถิ. ยถาห – ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกธมฺมมฺปิ สมนุปสฺสามิ, เอวํ มหาสาวชฺชตรํ, ยถยิทํ, มิจฺฉาทิฏฺิ. มิจฺฉาทิฏฺิปรมานิ, ภิกฺขเว, วชฺชานี’’ติ (อ. นิ. ๑.๓๑๐).
กายสฺส เภทาติ อุปาทินฺนกฺขนฺธปริจฺจาคา. ปรํ มรณาติ ตทนนฺตรํ อภินิพฺพตฺตกฺขนฺธคฺคหเณ. อถวา กายสฺส เภทาติ ชีวิตินฺทฺริยสฺสุปจฺเฉทา. ปรํ มรณาติ จุติจิตฺตโต อุทฺธํ. อปายนฺติ เอวมาทิ สพฺพํ นิรยเววจนํ. นิรโย หิ สคฺคโมกฺขเหตุภูตา ปฺุสมฺมตา อยา อเปตตฺตา, สุขานํ ¶ วา อายสฺส อภาวา อปาโย. ทุกฺขสฺส คติ ปฏิสรณนฺติ ทุคฺคติ; โทสพหุลตาย วา ทุฏฺเน กมฺมุนา นิพฺพตฺตา คตีติ ทุคฺคติ. วิวสา นิปตนฺติ เอตฺถ ทุกฺกฏการิโนติ วินิปาโต; วินสฺสนฺตา วา เอตฺถ นิปตนฺติ สมฺภิชฺชมานงฺคปจฺจงฺคาติ วินิปาโต. นตฺถิ เอตฺถ อสฺสาทสฺิโต อโยติ นิรโย.
อถ วา อปายคฺคหเณน ติรจฺฉานโยนึ ทีเปติ. ติรจฺฉานโยนิ หิ อปาโย, สุคติยา อเปตตฺตา; น ทุคฺคติ, มเหสกฺขานํ นาคราชาทีนํ สมฺภวโต. ทุคฺคติคฺคหเณน เปตฺติวิสยํ ทีเปติ. โส หิ อปาโย เจว ทุคฺคติ จ สุคติโต อเปตตฺตา, ทุกฺขสฺส จ คติภูตตฺตา; น ตุ วินิปาโต อสุรสทิสํ อวินิปติตตฺตา. เปตมหิทฺธิกานฺหิ วิมานานิปิ นิพฺพตฺตนฺติ. วินิปาตคฺคหเณน อสุรกายํ ทีเปติ. โส หิ ยถาวุตฺเตนตฺเถน อปาโย เจว ทุคฺคติ จ สพฺพสมุสฺสเยหิ จ วินิปติตตฺตา วินิปาโตติ วุจฺจติ. นิรยคฺคหเณน อวีจิ-อาทิอเนกปฺปการํ นิรยเมว ทีเปติ. อุปปนฺนาติ อุปคตา, ตตฺถ อภินิพฺพตฺตาติ อธิปฺปาโย. วุตฺตวิปริยาเยน สุกฺกปกฺโข เวทิตพฺโพ.
อยํ ¶ ปน วิเสโส – เอตฺถ สุคติคฺคหเณน มนุสฺสคติปิ สงฺคยฺหติ. สคฺคคฺคหเณน เทวคติเยว. ตตฺถ สุนฺทรา คตีติ สุคติ. รูปาทิวิสเยหิ สุฏฺุ อคฺโคติ สคฺโค. โส สพฺโพปิ ลุชฺชนปลุชฺชนฏฺเน โลโกติ อยํ วจนตฺโถ. วิชฺชาติ ทิพฺพจกฺขุาณวิชฺชา. อวิชฺชาติ สตฺตานํ จุติปฏิสนฺธิปฏิจฺฉาทิกา อวิชฺชา. เสสํ วุตฺตนยเมว. อยเมว เหตฺถ วิเสโส – ยถา ปุพฺเพนิวาสกถายํ ‘‘ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณมุขตุณฺฑเกน ปุพฺเพนิวุตฺถกฺขนฺธปอจฺฉาทกํ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา’’ติ วุตฺตํ; เอวมิธ ‘‘จุตูปปาตาณมุขตุณฺฑเกน จุตูปปาตปฏิจฺฉาทกํ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา’’ติ วตฺตพฺพนฺติ.
ทิพฺพจกฺขุาณกถา นิฏฺิตา.
อาสวกฺขยาณกถา
๑๔. โส ¶ เอวํ สมาหิเต จิตฺเตติ อิธ วิปสฺสนาปาทกํ จตุตฺถชฺฌานจิตฺตํ เวทิตพฺพํ. อาสวานํ ขยาณายาติ อรหตฺตมคฺคาณตฺถาย. อรหตฺตมคฺโค หิ อาสววินาสนโต อาสวานํ ขโยติ วุจฺจติ. ตตฺร เจตํ าณํ ตปฺปริยาปนฺนตฺตาติ ¶ . จิตฺตํ อภินินฺนาเมสินฺติ วิปสฺสนาจิตฺตํ อภินีหรึ. โส อิทํ ทุกฺขนฺติ เอวมาทีสุ ‘‘เอตฺตกํ ทุกฺขํ, น อิโต ภิยฺโย’’ติ สพฺพมฺปิ ทุกฺขสจฺจํ สรสลกฺขณปฏิเวเธน ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ ชานึ ปฏิวิชฺฌึ. ตสฺส จ ทุกฺขสฺส นิพฺพตฺติกํ ตณฺหํ ‘‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’’ติ, ตทุภยมฺปิ ยํ านํ ปตฺวา นิรุชฺฌติ ตํ เตสํ อปฺปวตฺตึ นิพฺพานํ ‘‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’’ติ, ตสฺส จ สมฺปาปกํ อริยมคฺคํ ‘‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’’ติ สรสลกฺขณปฏิเวเธน ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ ชานึ ปฏิวิชฺฌินฺติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
เอวํ สรูปโต สจฺจานิ ทสฺเสตฺวา อิทานิ กิเลสวเสน ปริยายโต ทสฺเสนฺโต ‘‘อิเม อาสวา’’ติอาทิมาห. ตสฺส เม เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโตติ ตสฺส มยฺหํ เอวํ ชานนฺตสฺส เอวํ ปสฺสนฺตสฺส สห วิปสฺสนาย โกฏิปฺปตฺตํ มคฺคํ กเถติ. กามาสวาติ กามาสวโต. วิมุจฺจิตฺถาติ อิมินา ผลกฺขณํ ทสฺเสติ. มคฺคกฺขเณ หิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, ผลกฺขเณ วิมุตฺตํ โหติ. วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณนฺติ อิมินา ปจฺจเวกฺขณาณํ ¶ ทสฺเสติ. ขีณา ชาตีติอาทีหิ ตสฺส ภูมึ. เตน หิ าเณน ภควา ปจฺจเวกฺขนฺโต ‘‘ขีณา ชาตี’’ติอาทีนิ อพฺภฺาสึ. กตมา ปน ภควโต ชาติ ขีณา, กถฺจ นํ อพฺภฺาสีติ? วุจฺจเต – น ตาวสฺส อตีตา ชาติ ขีณา, ปุพฺเพว ขีณตฺตา; น อนาคตา, อนาคเต วายามาภาวโต; น ปจฺจุปฺปนฺนา, วิชฺชมานตฺตา. ยา ปน มคฺคสฺส อภาวิตตฺตา อุปฺปชฺเชยฺย เอกจตุปฺจโวการภเวสุ เอกจตุปฺจกฺขนฺธปฺปเภทา ชาติ, สา มคฺคสฺส ภาวิตตฺตา อนุปฺปาทธมฺมตํ อาปชฺชเนน ขีณา; ตํ โส มคฺคภาวนาย ปหีนกิเลเส ปจฺจเวกฺขิตฺวา ‘‘กิเลสาภาเว วิชฺชมานมฺปิ กมฺมํ อายตึ อปฺปฏิสนฺธิกํ โหตี’’ติ ชานนฺโต อพฺภฺาสึ.
วุสิตนฺติ วุตฺถํ ปริวุตฺถํ, กตํ จริตํ นิฏฺิตนฺติ อตฺโถ. พฺรหฺมจริยนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยํ, ปุถุชฺชนกลฺยาณเกน หิ สทฺธึ สตฺต เสกฺขา พฺรหฺมจริยวาสํ วสนฺติ นาม, ขีณาสโว วุตฺถวาโส. ตสฺมา ภควา อตฺตโน พฺรหฺมจริยวาสํ ปจฺจเวกฺขนฺโต ‘‘วุสิตํ พฺรหฺมจริย’’นฺติ อพฺภฺาสึ. กตํ กรณียนฺติ จตูสุ สจฺเจสุ จตูหิ มคฺเคหิ ปริฺาปหานสจฺฉิกิริยาภาวนาภิสมยวเสน ¶ โสฬสวิธมฺปิ กิจฺจํ นิฏฺาปิตนฺติ อตฺโถ ¶ . ปุถุชฺชนกลฺยาณกาทโย หิ เอตํ กิจฺจํ กโรนฺติ, ขีณาสโว กตกรณีโย. ตสฺมา ภควา อตฺตโน กรณียํ ปจฺจเวกฺขนฺโต ‘‘กตํ กรณีย’’นฺติ อพฺภฺาสึ. นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ อิทานิ ปุน อิตฺถภาวาย เอวํ โสฬสกิจฺจภาวาย กิเลสกฺขยาย วา มคฺคภาวนากิจฺจํ เม นตฺถีติ อพฺภฺาสึ.
อิทานิ เอวํ ปจฺจเวกฺขณาณปริคฺคหิตํ ตํ อาสวานํ ขยาณาธิคมํ พฺราหฺมณสฺส ทสฺเสนฺโต อยํ โข เม พฺราหฺมณาติอาทิมาห. ตตฺถ วิชฺชาติ อรหตฺตมคฺคาณวิชฺชา. อวิชฺชาติ จตุสจฺจปฏิจฺฉาทิกา อวิชฺชา. เสสํ วุตฺตนยเมว. อยํ ปน วิเสโส – อยํ โข เม พฺราหฺมณ ตติยา อภินิพฺภิทา อโหสีติ เอตฺถ อยํ โข มม พฺราหฺมณ อาสวานํ ขยาณมุขตุณฺฑเกน จตุสจฺจปฏิจฺฉาทกํ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ตติยา อภินิพฺภิทา ตติยา นิกฺขนฺติ ตติยา อริยชาติ อโหสิ, กุกฺกุฏจฺฉาปกสฺเสว มุขตุณฺฑเกน วา ปาทนขสิขาย วา อณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ตมฺหา อณฺฑโกสมฺหา อภินิพฺภิทา นิกฺขนฺติ กุกฺกุฏนิกาเย ปจฺจาชาตีติ.
เอตฺตาวตา ¶ กึ ทสฺเสตีติ? โส หิ พฺราหฺมณ กุกฺกุฏจฺฉาปโก อณฺฑโกสํ
ปทาเลตฺวา ตโต นิกฺขมนฺโต สกิเมว ชายติ, อหํ ปน ปุพฺเพ-นิวุตฺถกฺขนฺธปฏิจฺฉาทกํ อวิชฺชณฺฑโกสํ ภินฺทิตฺวา ปมํ ตาว ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณวิชฺชาย ชาโต, ตโต สตฺตานํ จุติปฏิสนฺธิปฏิจฺฉาทกํ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ทุติยํ ทิพฺพจกฺขุาณวิชฺชาย ชาโต, ปุน จตุสจฺจปฏิจฺฉาทกํ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ตติยํ อาสวานํ ขยาณวิชฺชาย ชาโต; เอวํ ตีหิ วิชฺชาหิ ติกฺขตฺตุํ ชาโต. สา จ เม ชาติ อริยา สุปริสุทฺธาติ อิทํ ทสฺเสสิ. เอวํ ทสฺเสนฺโต จ ปุพฺเพนิวาสาเณน อตีตํสาณํ, ทิพฺพจกฺขุนา ปจฺจุปฺปนฺนานาคตํสาณํ, อาสวกฺขเยน สกลโลกิยโลกุตฺตรคุณนฺติ เอวํ ตีหิ วิชฺชาหิ สพฺเพปิ สพฺพฺุคุเณ ปกาเสตฺวา อตฺตโน อริยาย ชาติยา เชฏฺเสฏฺภาวํ พฺราหฺมณสฺส ทสฺเสสีติ.
อาสวกฺขยาณกถา นิฏฺิตา.
เทสนานุโมทนกถา
๑๕. เอวํ ¶ วุตฺเต เวรฺโช พฺราหฺมโณติ เอวํ ภควตา โลกานุกมฺปเกน พฺราหฺมณํ อนุกมฺปมาเนน วินิคูหิตพฺเพปิ อตฺตโน อริยาย ชาติยา เชฏฺเสฏฺภาเว วิชฺชตฺตยปกาสิกาย ¶ ธมฺมเทสนาย วุตฺเต ปีติวิปฺผารปริปุณฺณคตฺตจิตฺโต เวรฺโช พฺราหฺมโณ ตํ ภควโต อริยาย ชาติยา เชฏฺเสฏฺภาวํ วิทิตฺวา ‘‘อีทิสํ นามาหํ สพฺพโลกเชฏฺเสฏฺํ สพฺพคุณสมนฺนาคตํ สพฺพฺุํ ‘อฺเสํ อภิวาทนาทิกมฺมํ น กโรตี’ติ อวจํ – ‘ธีรตฺถุ วตเร อฺาณ’’’นฺติ อตฺตานํ ครหิตฺวา ‘‘อยํ ทานิ โลเก อริยาย ชาติยา ปุเรชาตฏฺเน เชฏฺโ, สพฺพคุเณหิ อปฺปฏิสมฏฺเน เสฏฺโ’’ติ นิฏฺํ คนฺตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เชฏฺโ ภวํ โคตโม เสฏฺโ ภวํ โคตโม’’ติ. เอวฺจ ปน วตฺวา ปุน ตํ ภควโต ธมฺมเทสนํ อพฺภนุโมทมาโน ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตมา’’ติอาทิมาห.
ตตฺถายํ อภิกฺกนฺตสทฺโท ขยสุนฺทราภิรูปอพฺภนุโมทเนสุ ทิสฺสติ. ‘‘อภิกฺกนฺตา, ภนฺเต, รตฺติ; นิกฺขนฺโต ปโม ยาโม, จิรนิสินฺโน ภิกฺขุสงฺโฆ’’ติอาทีสุ ¶ (อ. นิ. ๘.๒๐) หิ ขเย ทิสฺสติ. ‘‘อยํ เม ปุคฺคโล ขมติ, อิเมสํ จตุนฺนํ ปุคฺคลานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๐๐) สุนฺทเร.
‘‘โก เม วนฺทติ ปาทานิ, อิทฺธิยา ยสสา ชลํ;
อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, สพฺพา โอภาสยํ ทิสา’’ติ. –
อาทีสุ (วิ. ว. ๘๕๗) อภิรูเป. ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๕๐) อพฺภนุโมทเน. อิธาปิ อพฺภนุโมทเนเยว. ยสฺมา จ อพฺภนุโมทเน, ตสฺมา ‘‘สาธุ สาธุ, โภ โคตมา’’ติ วุตฺตํ โหตีติ เวทิตพฺพํ.
‘‘ภเย โกเธ ปสํสายํ, ตุริเต โกตูหลจฺฉเร;
หาเส โสเก ปสาเท จ, กเร อาเมฑิตํ พุโธ’’ติ.
อิมินา จ ลกฺขเณน อิธ ปสาทวเสน ปสํสาวเสน จายํ ทฺวิกฺขตฺตุํ วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.
อถ วา อภิกฺกนฺตนฺติ อติอิฏฺํ อติมนาปํ อติสุนฺทรนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ เอเกน อภิกฺกนฺตสทฺเทน เทสนํ โถเมติ, เอเกน อตฺตโน ปสาทํ. อยฺหิ เอตฺถ อธิปฺปาโย – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, ยทิทํ โภโต โคตมสฺส ธมฺมเทสนา, อภิกฺกนฺตํ ยทิทํ โภโต โคตมสฺส ธมฺมเทสนํ อาคมฺม มม ปสาโท’’ติ. ภควโตเยว วา วจนํ ทฺเว ¶ ทฺเว อตฺเถ สนฺธาย โถเมติ ¶ – โภโต โคตมสฺส วจนํ อภิกฺกนฺตํ โทสนาสนโต อภิกฺกนฺตํ คุณาธิคมนโต, ตถา สทฺธาชนนโต ปฺาชนนโต, สาตฺถโต สพฺยฺชนโต, อุตฺตานปทโต คมฺภีรตฺถโต, กณฺณสุขโต หทยงฺคมโต, อนตฺตุกฺกํสนโต อปรวมฺภนโต, กรุณาสีตลโต ปฺาวทาตโต, อปาถรมณียโต วิมทฺทกฺขมโต, สุยฺยมานสุขโต วีมํสิยมานหิตโตติ เอวมาทีหิ โยเชตพฺพํ.
ตโต ปรมฺปิ จตูหิ อุปมาหิ เทสนํเยว โถเมติ. ตตฺถ นิกฺกุชฺชิตนฺติ อโธมุขปิตํ, เหฏฺามุขชาตํ วา. อุกฺกุชฺเชยฺยาติ อุปริมุขํ กเรยฺย. ปฏิจฺฉนฺนนฺติ ติณปณฺณาทิปฏิจฺฉาทิตํ. วิวเรยฺยาติ อุคฺฆาเฏยฺย. มูฬฺหสฺสาติ ทิสามูฬฺหสฺส. มคฺคํ อาจิกฺเขยฺยาติ หตฺเถ คเหตฺวา เอส มคฺโคติ ¶ วเทยฺย. อนฺธกาเรติ กาฬปกฺขจาตุทฺทสี อฑฺฒรตฺต-ฆนวนสณฺฑ-เมฆปฏเลหิ จตุรงฺเค ตมสิ. อยํ ตาว อนุตฺตานปทตฺโถ. อยํ ปน อธิปฺปายโยชนา – ยถา โกจิ นิกฺกุชฺชิตํ อุกฺกุชฺเชยฺย, เอวํ สทฺธมฺมวิมุขํ อสทฺธมฺเม ปติฏฺิตํ มํ อสทฺธมฺมา วุฏฺาเปนฺเตน; ยถา ปฏิจฺฉนฺนํ วิวเรยฺย, เอวํ กสฺสปสฺส ภควโต สาสนนฺตรธานา ปภุติ มิจฺฉาทิฏฺิคหนปฏิจฺฉนฺนํ สาสนํ วิวรนฺเตน; ยถา มูฬฺหสฺส มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, เอวํ กุมฺมคฺคมิจฺฉามคฺคปฺปฏิปนฺนสฺส เม สคฺคโมกฺขมคฺคํ อาจิกฺขนฺเตน; ยถา อนฺธกาเร เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย, เอวํ โมหนฺธกาเร นิมุคฺคสฺส เม พุทฺธาทิรตนตฺตยรูปานิ อปสฺสโต ตปฺปฏิจฺฉาทกโมหนฺธการวิทฺธํสกเทสนาปชฺโชตํ ธาเรนฺเตน, มยฺหํ โภตา โคตเมน เอเตหิ ปริยาเยหิ ปกาสิตตฺตา อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโตติ.
เทสนานุโมทนกถา นิฏฺิตา.
ปสนฺนาการกถา
เอวํ เทสนํ โถเมตฺวา อิมาย เทสนาย รตนตฺตเย ปสนฺนจิตฺโต ปสนฺนาการํ กโรนฺโต ‘‘เอสาห’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ เอสาหนฺติ เอโส อหํ. ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามีติ ภวนฺตํ โคตมํ สรณนฺติ คจฺฉามิ; ภวํ เม โคตโม สรณํ, ปรายณํ, อฆสฺส ตาตา, หิตสฺส จ วิธาตาติ อิมินา อธิปฺปาเยน ภวนฺตํ โคตมํ คจฺฉามิ ภชามิ เสวามิ ปยิรุปาสามิ ¶ , เอวํ วา ชานามิ พุชฺฌามีติ. เยสฺหิ ธาตูนํ คติอตฺโถ, พุทฺธิปิ เตสํ อตฺโถ; ตสฺมา ‘‘คจฺฉามี’’ติ อิมสฺส ชานามิ พุชฺฌามีติ อยมฺปิ อตฺโถ วุตฺโต. ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจาติ เอตฺถ ปน อธิคตมคฺเค สจฺฉิกตนิโรเธ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน จ จตูสุ อปาเยสุ อปตมาเน ¶ ธาเรตีติ ธมฺโม; โส อตฺถโต อริยมคฺโค เจว นิพฺพานฺจ. วุตฺตํ เหตํ – ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๔) วิตฺถาโร. น เกวลฺจ อริยมคฺโค เจว นิพฺพานฺจ, อปิ จ โข อริยผเลหิ สทฺธึ ปริยตฺติธมฺโมปิ. วุตฺตมฺปิ เหตํ ฉตฺตมาณวกวิมาเน –
‘‘ราควิราคมเนชมโสกํ, ธมฺมมสงฺขตมปฺปฏิกูลํ;
มธุรมิมํ ปคุณํ สุวิภตฺตํ, ธมฺมมิมํ สรณตฺถมุเปหี’’ติ. (วิ. ว. ๘๘๗);
เอตฺถ หิ ราควิราโคติ มคฺโค กถิโต. อเนชมโสกนฺติ ผลํ. ธมฺมมสงฺขตนฺติ นิพฺพานํ. อปฺปฏิกูลํ มธุรมิมํ ปคุณํ สุวิภตฺตนฺติ ปิฏกตฺตเยน วิภตฺตา ¶ สพฺพธมฺมกฺขนฺธาติ. ทิฏฺิสีลสงฺฆาเตน สํหโตติ สงฺโฆ, โส อตฺถโต อฏฺอริยปุคฺคลสมูโห. วุตฺตฺเหตํ ตสฺมึเยว วิมาเน –
‘‘ยตฺถ จ ทินฺนมหปฺผลมาหุ, จตูสุ สุจีสุ ปุริสยุเคสุ;
อฏฺ จ ปุคฺคลธมฺมทสา เต, สงฺฆมิมํ สรณตฺถมุเปหี’’ติ. (วิ. ว. ๘๘๘);
ภิกฺขูนํ สงฺโฆ ภิกฺขุสงฺโฆ. เอตฺตาวตา จ พฺราหฺมโณ ตีณิ สรณคมนานิ ปฏิเวเทสิ.
ปสนฺนาการกถา นิฏฺิตา.
สรณคมนกถา
อิทานิ เตสฺเวว ตีสุ สรณคมเนสุ โกสลฺลตฺถํ สรณํ, สรณคมนํ, โย สรณํ คจฺฉติ,
สรณคมนปฺปเภโท, สรณคมนผลํ, สํกิเลโส, เภโทติ อยํ วิธิ เวทิ ตพฺโพ. โส ปน อิธ วุจฺจมาโน อติภาริยํ วินยนิทานํ กโรตีติ น วุตฺโต. อตฺถิเกหิ ปน ปปฺจสูทนิยํ วา มชฺฌิมฏฺกถายํ ภยเภรวสุตฺตวณฺณนโต (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๕๖) สุมงฺคลวิลาสินิยํ วา ทีฆนิกายฏฺกถายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๒๕๐) สรณวณฺณนโต คเหตพฺโพติ.
สรณคมนกถา นิฏฺิตา.
อุปาสกตฺตปฏิเวทนากถา
อุปาสกํ ¶ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตูติ มํ ภวํ โคตโม ‘‘อุปาสโก อย’’นฺติ เอวํ ธาเรตูติ อตฺโถ. อุปาสกวิธิโกสลฺลตฺถํ ปเนตฺถ โก อุปาสโก, กสฺมา ¶ อุปาสโกติ วุจฺจติ, กิมสฺส สีลํ, โก อาชีโว, กา วิปตฺติ, กา สมฺปตฺตีติ อิทํ ปกิณฺณกํ เวทิตพฺพํ. ตํ อติภาริยกรณโต อิธ น วิภตฺตํ, อตฺถิเกหิ ปน ปปฺจสูทนิยํ มชฺฌิมฏฺกถายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๕๖) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อชฺชตคฺเคติ เอตฺถ อยํ อคฺคสทฺโท อาทิโกฏิโกฏฺาสเสฏฺเสุ ทิสฺสติ. ‘‘อชฺชตคฺเค, สมฺม โทวาริก, อาวรามิ ทฺวารํ นิคณฺานํ นิคณฺีน’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๗๐) หิ อาทิมฺหิ ทิสฺสติ. ‘‘เตเนว องฺคุลคฺเคน ตํ องฺคุลคฺคํ ปรามเสยฺย (กถา. ๔๔๑), อุจฺฉคฺคํ เวฬคฺค’’นฺติอาทีสุ โกฏิยํ. ‘‘อมฺพิลคฺคํ วา มธุรคฺคํ วา ติตฺตกคฺคํ วา (สํ. นิ. ๕.๓๗๔) อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วิหารคฺเคน วา ปริเวณคฺเคน วา ภาเชตุ’’นฺติอาทีสุ (จูฬว. ๓๑๘) โกฏฺาเส. ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, สตฺตา อปทา วา ทฺวิปทา วา…เป… ตถาคโต เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๓๔) เสฏฺเ. อิธ ปนายํ อาทิมฺหิ ทฏฺพฺโพ. ตสฺมา อชฺชตคฺเคติ อชฺชตํ อาทึ กตฺวาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อชฺชตนฺติ อชฺชภาวนฺติ วุตฺตํ โหติ. อชฺชทคฺเค อิจฺเจว วา ¶ ปาโ, ทกาโร ปทสนฺธิกโร, อชฺช อคฺคํ กตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ปาณุเปตนฺติ ปาเณหิ อุเปตํ, ยาว เม ชีวิตํ ปวตฺตติ, ตาว อุเปตํ อนฺสตฺถุกํ ตีหิ สรณคมเนหิ สรณคตํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ ชานาตุ, อหฺหิ สเจปิ เม ติขิเณน อสินา สีสํ ฉินฺเทยฺยุํ, เนว พุทฺธํ ‘‘น พุทฺโธ’’ติ วา, ธมฺมํ ‘‘น ธมฺโม’’ติ วา, สงฺฆํ ‘‘น สงฺโฆ’’ติ วา วเทยฺยนฺติ. เอตฺถ จ พฺราหฺมโณ ปาณุเปตํ สรณคตนฺติ ปุน สรณคมนํ วทนฺโต อตฺตสนฺนิยฺยาตนํ ปกาเสตีติ เวทิตพฺโพ.
เอวํ อตฺตานํ นิยฺยาเตตฺวา ภควนฺตํ สปริสํ อุปฏฺาตุกาโม อาห – ‘‘อธิวาเสตุ จ เม ภวํ โคตโม เวรฺชายํ วสฺสาวาสํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา’’ติ. กึ วุตฺตํ โหติ – อุปาสกฺจ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ, อธิวาเสตุ จ เม เวรฺชายํ วสฺสาวาสํ, ตโย มาเส เวรฺชํ อุปนิสฺสาย มม อนุคฺคหตฺถํ วาสํ สมฺปฏิจฺฉตูติ. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวนาติ อถสฺส วจนํ สุตฺวา ภควา กายงฺคํ วา วาจงฺคํ วา อโจเปตฺวา อพฺภนฺตเรเยว ขนฺตึ จาเรตฺวา ตุณฺหีภาเวน อธิวาเสสิ; พฺราหฺมณสฺส อนุคฺคหตฺถํ มนสาว สมฺปฏิจฺฉีติ ¶ วุตฺตํ โหติ.
อถโข เวรฺโช พฺราหฺมโณ ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวาติ อถ เวรฺโช พฺราหฺมโณ สเจ เม ¶ สมโณ โคตโม นาธิวาเสยฺย, กาเยน วา วาจาย วา ปฏิกฺขิเปยฺย. ยสฺมา ปน อปฺปฏิกฺขิปิตฺวา อพฺภนฺตเร ขนฺตึ ธาเรสิ, ตสฺมา เม มนสาว อธิวาเสสีติ เอวํ อาการสลฺลกฺขณกุสลตาย ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา, อตฺตโน นิสินฺนาสนโต วุฏฺาย จตูสุ ทิสาสุ ภควนฺตํ สกฺกจฺจํ วนฺทิตฺวา ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา อาคตกาลโต ปภุติ ชาติมหลฺลกพฺราหฺมณานํ อภิวาทนาทีนิ น กโรตีติ วิครหิตฺวาปิ อิทานิ วิฺาตพุทฺธคุโณ กาเยน วาจาย มนสา จ อเนกกฺขตฺตุํ วนฺทนฺโตปิ อติตฺโตเยว หุตฺวา ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ อฺชลึ ปคฺคยฺห สิรสฺมึ ปติฏฺาเปตฺวา ยาว ทสฺสนวิสโย ตาว ปฏิมุโขเยว อปกฺกมิตฺวา ทสฺสนวิสยํ วิชหนฏฺาเน วนฺทิตฺวา ปกฺกามิ.
อุปาสกตฺตปฏิเวทนากถา นิฏฺิตา.
ทุพฺภิกฺขกถา
๑๖. เตน โข ปน สมเยน เวรฺชา ทุพฺภิกฺขา โหตีติ ยสฺมึ สมเย เวรฺเชน พฺราหฺมเณน ภควา เวรฺชํ อุปนิสฺสาย วสฺสาวาสํ ยาจิโต ¶ , เตน สมเยน เวรฺชา ทุพฺภิกฺขา โหติ. ทุพฺภิกฺขาติ ทุลฺลภภิกฺขา; สา ปน ทุลฺลภภิกฺขตา ยตฺถ มนุสฺสา อสฺสทฺธา โหนฺติ อปฺปสนฺนา, ตตฺถ สุสสฺสกาเลปิ อติสมคฺเฆปิ ปุพฺพณฺณาปรณฺเณ โหติ. เวรฺชายํ ปน ยสฺมา น ตถา อโหสิ, อปิจ โข ทุสสฺสตาย ฉาตกโทเสน อโหสิ ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ทฺวีหิติกาติอาทิมาห. ตตฺถ ทฺวีหิติกาติ ทฺวิธา ปวตฺตอีหิติกา. อีหิตํ นาม อิริยา ทฺวิธา ปวตฺตา – จิตฺตอิริยา, จิตฺตอีหา. ‘‘เอตฺถ ลจฺฉาม นุ โข กิฺจิ ภิกฺขมานา น ลจฺฉามา’’ติ, ‘‘ชีวิตุํ วา สกฺขิสฺสาม นุ โข โน’’ติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย.
อถ วา ทฺวีหิติกาติ ทุชฺชีวิกา, อีหิตํ อีหา อิริยนํ ปวตฺตนํ ชีวิตนฺติอาทีนิ ปทานิ เอกตฺถานิ. ตสฺมา ทุกฺเขน อีหิตํ เอตฺถ ปวตฺตตีติ ทฺวีหิติกาติ อยเมตฺถ ¶ ปทตฺโถ. เสตฏฺิกาติ เสตกานิ อฏฺีนิ เอตฺถาติ เสตฏฺิกา. ทิวสมฺปิ ยาจิตฺวา กิฺจิ อลทฺธา มตานํ กปณมนุสฺสานํ อหิจฺฉตฺตกวณฺเณหิ อฏฺีหิ ตตฺร ตตฺร ปริกิณฺณาติ วุตฺตํ โหติ. เสตฏฺฏิกาติปิ ปาโ. ตสฺสตฺโถ – เสตา อฏฺฏิ เอตฺถาติ เสตฏฺฏิกา. อฏฺฏีติ อาตุรตา พฺยาธิ โรโค. ตตฺถ จ สสฺสานํ คพฺภคฺคหณกาเล เสตกโรเคน อุปหตเมว ปจฺฉินฺนขีรํ อคฺคหิตตณฺฑุลํ ปณฺฑรปณฺฑรํ สาลิสีสํ วา ยวโคธูมสีสํ วา นิกฺขมติ, ตสฺมา ‘‘เสตฏฺฏิกา’’ติ วุจฺจติ.
วปฺปกาเล ¶ สุฏฺุ อภิสงฺขริตฺวาปิ วุตฺตสสฺสํ ตตฺถ สลากา เอว สมฺปชฺชตีติ สลากาวุตฺตา; สลากาย วา ตตฺถ ชีวิตํ ปวตฺเตนฺตีติ สลากาวุตฺตา. กึ วุตฺตํ โหติ? ตตฺถ กิร ธฺวิกฺกยกานํ สนฺติกํ กยเกสุ คเตสุ ทุพฺพลมนุสฺเส อภิภวิตฺวา พลวมนุสฺสาว ธฺํ กิณิตฺวา คจฺฉนฺติ. ทุพฺพลมนุสฺสา อลภมานา มหาสทฺทํ กโรนฺติ. ธฺวิกฺกยกา ‘‘สพฺเพสํ สงฺคหํ กริสฺสามา’’ติ ธฺกรณฏฺาเน ธฺมาปกํ นิสีทาเปตฺวา เอกปสฺเส วณฺณชฺฌกฺขํ นิสีทาเปสุํ. ธฺตฺถิกา วณฺณชฺฌกฺขสฺส สนฺติกํ คจฺฉนฺติ. โส อาคตปฏิปาฏิยา มูลํ คเหตฺวา ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส เอตฺตกํ ทาตพฺพ’’นฺติ สลากํ ลิขิตฺวา เทติ, เต ตํ คเหตฺวา ธฺมาปกสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ทินฺนปฏิปาฏิยา ธฺํ คณฺหนฺติ. เอวํ สลากาย ตตฺถ ชีวิตํ ปวตฺเตนฺตีติ สลากาวุตฺตา.
น ¶ สุกรา อฺุเฉน ปคฺคเหน ยาเปตุนฺติ ปคฺคเหน โย อฺุโฉ, เตน ยาเปตุํ น สุกรา. ปตฺตํ คเหตฺวา ยํ อริยา อฺุฉํ กโรนฺติ, ภิกฺขาจริยํ จรนฺติ, เตน อฺุเฉน ยาเปตุํ น สุกราติ วุตฺตํ โหติ. ตทา กิร ตตฺถ สตฺตฏฺคาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา เอกทิวสมฺปิ ยาปนมตฺตํ น ลภนฺติ.
เตน โข ปน สมเยน อุตฺตราปถกา อสฺสวาณิชา…เป… อสฺโสสิ โข ภควา อุทุกฺขลสทฺทนฺติ – เตนาติ ยสฺมึ สมเย ภควา เวรฺชํ อุปนิสฺสาย วสฺสาวาสํ อุปคโต เตน สมเยน. อุตฺตราปถวาสิกา อุตฺตราปถโต วา อาคตตฺตา เอวํ ลทฺธโวหารา อสฺสวาณิชา อุตฺตราปเถ อสฺสานํ อุฏฺานฏฺาเน ¶ ปฺจ อสฺสสตานิ คเหตฺวา ทิคุณํ ติคุณํ ลาภํ ปตฺถยมานา เทสนฺตรํ คจฺฉนฺตา เตหิ อตฺตโน วิกฺกายิกภณฺฑภูเตหิ ปฺจมตฺเตหิ อสฺสสเตหิ เวรฺชํ วสฺสาวาสํ อุปคตา โหนฺติ. กสฺมา? น หิ สกฺกา ตสฺมึ เทเส วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส อทฺธานํ ปฏิปชฺชิตุํ. อุปคจฺฉนฺตา จ พหินคเร อุทเกน อนชฺโฌตฺถรณีเย าเน อตฺตโน จ วาสาคารานิ อสฺสานฺจ มนฺทิรํ การาเปตฺวา วติยา ปริกฺขิปึสุ. ตานิ เตสํ วสนฏฺานานิ ‘‘อสฺสมณฺฑลิกาโย’’ติ ปฺายึสุ. เตนาห – ‘‘เตหิ อสฺสมณฺฑลิกาสุ ภิกฺขูนํ ปตฺถปตฺถปุลกํ ปฺตฺตํ โหตี’’ติ. ปตฺถปตฺถปุลกนฺติ เอกเมกสฺส ภิกฺขุโน ปตฺถปตฺถปมาณํ ปุลกํ. ปตฺโถ นาม นาฬิมตฺตํ โหติ, เอกสฺส ปุริสสฺส อลํ ยาปนาย. วุตฺตมฺปิ เหตํ – ‘‘ปตฺโถทโน นาลมยํ ทุวินฺน’’นฺติ (ชา. ๒.๒๑.๑๙๒). ปุลกํ นาม นิตฺถุสํ กตฺวา อุสฺเสเทตฺวา คหิตยวตณฺฑุลา วุจฺจนฺติ. ยทิ หิ สถุสา โหนฺติ, ปาณกา วิชฺฌนฺติ, อทฺธานกฺขมา น โหนฺติ. ตสฺมา เต วาณิชา อทฺธานกฺขมํ กตฺวา ยวตณฺฑุลมาทาย อทฺธานํ ปฏิปชฺชนฺติ ¶ ‘‘ยตฺถ อสฺสานํ ขาทนียํ ติณํ ทุลฺลภํ ภวิสฺสติ, ตตฺเถตํ อสฺสภตฺตํ ภวิสฺสตี’’ติ.
กสฺมา ปน เตหิ ตํ ภิกฺขูนํ ปฺตฺตนฺติ? วุจฺจเต – ‘‘น หิ เต ทกฺขิณาปถมนุสฺสา วิย อสฺสทฺธา อปฺปสนฺนา, เต ปน สทฺธา ปสนฺนา พุทฺธมามกา, ธมฺมมามกา, สงฺฆมามกา; เต ปุพฺพณฺหสมยํ เกนจิเทว กรณีเยน นครํ ปวิสนฺตา ทฺเว ตโย ทิวเส อทฺทสํสุ สตฺตฏฺ ภิกฺขู สุนิวตฺเถ สุปารุเต ¶ อิริยาปถสมฺปนฺเน สกลมฺปิ นครํ ปิณฺฑาย จริตฺวา กิฺจิ อลภมาเน. ทิสฺวาน เนสํ เอตทโหสิ – ‘‘อยฺยา อิมํ นครํ อุปนิสฺสาย วสฺสํ อุปคตา; ฉาตกฺจ วตฺตติ, น จ กิฺจิ ลภนฺติ, อติวิย กิลมนฺติ. มยฺจมฺห อาคนฺตุกา, น สกฺโกม เนสํ เทวสิกํ ยาคฺุจ ภตฺตฺจ ปฏิยาเทตุํ. อมฺหากํ ปน อสฺสา สายฺจ ปาโต จ ทฺวิกฺขตฺตุํ ภตฺตํ ลภนฺติ. ยํนูน มยํ เอกเมกสฺส อสฺสสฺส ปาตราสภตฺตโต เอกเมกสฺส ภิกฺขุโน ปตฺถปตฺถปุลกํ ทเทยฺยาม. เอวํ อยฺยา จ น กิลมิสฺสนฺติ ¶ , อสฺสา จ ยาเปสฺสนฺตี’’ติ. เต ภิกฺขูนํ สนฺติกํ คนฺตฺวา เอตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห ปตฺถปตฺถปุลกํ ปฏิคฺคเหตฺวา ยํ วา ตํ วา กตฺวา ปริภฺุชถา’’ติ ยาจิตฺวา เทวสิกํ ปตฺถปตฺถปุลกํ ปฺเปสุํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เตหิ อสฺสมณฺฑลิกาสุ ภิกฺขูนํ ปตฺถปตฺถปุลกํ ปฺตฺตํ โหตี’’ติ.
ปฺตฺตนฺติ นิจฺจภตฺตสงฺเขเปน ปิตํ. อิทานิ ภิกฺขู ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวาติอาทีสุ ปุพฺพณฺหสมยนฺติ ทิวสสฺส ปุพฺพภาคสมยํ, ปุพฺพณฺหสมเยติ อตฺโถ. ปุพฺพณฺเห วา สมยํ ปุพฺพณฺหสมยํ, ปุพฺพณฺเห เอกํ ขณนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอวํ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํ ลพฺภติ. นิวาเสตฺวาติ ปริทหิตฺวา, วิหารนิวาสนปริวตฺตนวเสเนตํ เวทิตพฺพํ. น หิ เต ตโต ปุพฺเพ อนิวตฺถา อเหสุํ. ปตฺตจีวรมาทายาติ ปตฺตํ หตฺเถหิ จีวรํ กาเยน อาทิยิตฺวา สมฺปฏิจฺฉาเทตฺวา, ธาเรตฺวาติ อตฺโถ. เยน วา เตน วา หิ ปกาเรน คณฺหนฺตา อาทายอิจฺเจว วุจฺจนฺติ, ยถา ‘‘สมาทาเยว ปกฺกมตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๑). ปิณฺฑํ อลภมานาติ สกลมฺปิ เวรฺชํ จริตฺวา ติฏฺตุ ปิณฺโฑ, อนฺตมโส ‘‘อติจฺฉถา’’ติ วาจมฺปิ อลภมานา.
ปตฺถปตฺถปุลกํ อารามํ อาหริตฺวาติ คตคตฏฺาเน ลทฺธํ เอกเมกํ ปตฺถปตฺถปุลกํ คเหตฺวา อารามํ เนตฺวา. อุทุกฺขเล โกฏฺเฏตฺวา โกฏฺเฏตฺวา ปริภฺุชนฺตีติ เถรานํ โกจิ กปฺปิยการโก นตฺถิ, โย เนสํ ตํ คเหตฺวา ยาคุํ วา ภตฺตํ วา ปเจยฺย. สามมฺปิ ปจนํ สมณสารุปฺปํ น โหติ น จ วฏฺฏติ. เต เอวํ โน สลฺลหุกวุตฺติตา จ ภวิสฺสติ, สามปากปริโมจนฺจาติ อฏฺ อฏฺ ¶ ชนา วา ทส ทส ชนา วา เอกโต หุตฺวา อุทุกฺขเล โกฏฺเฏตฺวา โกฏฺเฏตฺวา สกํ สกํ ปฏิวีสํ อุทเกน เตเมตฺวา ปริภฺุชนฺติ. เอวํ ปริภฺุชิตฺวา อปฺโปสฺสุกฺกา สมณธมฺมํ กโรนฺติ ¶ . ภควโต ปน เต อสฺสวาณิชา ปตฺถปุลกฺจ เทนฺติ, ตทุปิยฺจ สปฺปิมธุสกฺกรํ. ตํ อายสฺมา อานนฺโท อาหริตฺวา สิลายํ ปิสติ. ปฺุวตา ปณฺฑิตปุริเสน กตํ มนาปเมว โหติ. อถ นํ ปิสิตฺวา สปฺปิอาทีหิ สมฺมา โยเชตฺวา ภควโต ¶ อุปนาเมสิ. อเถตฺถ เทวตา ทิพฺโพชํ ปกฺขิปนฺติ. ตํ ภควา ปริภฺุชติ. ปริภฺุชิตฺวา ผลสมาปตฺติยา กาลํ อตินาเมติ. น ตโต ปฏฺาย ปิณฺฑาย จรติ.
กึ ปนานนฺทตฺเถโร ตทา ภควโต อุปฏฺาโก โหตีติ? โหติ, โน จ โข อุปฏฺากฏฺานํ ลทฺธา. ภควโต หิ ปมโพธิยํ วีสติวสฺสนฺตเร นิพทฺธุปฏฺาโก นาม นตฺถิ. กทาจิ นาคสมาลตฺเถโร ภควนฺตํ อุปฏฺาสิ, กทาจิ นาคิตตฺเถโร, กทาจิ เมฆิยตฺเถโร, กทาจิ อุปวาณตฺเถโร, กทาจิ สาคตตฺเถโร, กทาจิ สุนกฺขตฺโต ลิจฺฉวิปุตฺโต. เต อตฺตโน รุจิยา อุปฏฺหิตฺวา ยทา อิจฺฉนฺติ ตทา ปกฺกมนฺติ. อานนฺทตฺเถโร เตสุ เตสุ อุปฏฺหนฺเตสุ อปฺโปสฺสุกฺโก โหติ, ปกฺกนฺเตสุ สยเมว วตฺตปฏิปตฺตึ กโรติ. ภควาปิ กิฺจาปิ เม าติเสฏฺโ อุปฏฺากฏฺานํ น ตาว ลภติ, อถ โข เอวรูเปสุ าเนสุ อยเมว ปติรูโปติ อธิวาเสสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อายสฺมา ปนานนฺโท ปตฺถปุลกํ สิลายํ ปิสิตฺวา ภควโต อุปนาเมสิ, ตํ ภควา ปริภฺุชตี’’ติ.
นนุ จ มนุสฺสา ทุพฺภิกฺขกาเล อติวิย อุสฺสาหชาตา ปฺุานิ กโรนฺติ, อตฺตนา อภฺุชิตฺวาปิ ภิกฺขูนํ ทาตพฺพํ มฺนฺติ. เต ตทา กสฺมา กฏจฺฉุภิกฺขมฺปิ น อทํสุ? อยฺจ เวรฺโช พฺราหฺมโณ มหตา อุสฺสาเหน ภควนฺตํ วสฺสาวาสํ ยาจิ, โส กสฺมา ภควโต อตฺถิภาวมฺปิ น ชานาตีติ? วุจฺจเต – มาราวฏฺฏนาย. เวรฺชฺหิ พฺราหฺมณํ ภควโต สนฺติกา ปกฺกนฺตมตฺตเมว สกลฺจ นครํ สมนฺตา จ โยชนมตฺตํ ยตฺถ สกฺกา ปุเรภตฺตํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺจาคนฺตุํ, ตํ สพฺพํ มาโร อาวฏฺเฏตฺวา โมเหตฺวา สพฺเพสํ อสลฺลกฺขณภาวํ กตฺวา ปกฺกามิ. ตสฺมา น โกจิ อนฺตมโส สามีจิกมฺมมฺปิ กตฺตพฺพํ มฺิตฺถ.
กึ ¶ ปน ภควาปิ มาราวฏฺฏนํ อชานิตฺวาว ตตฺถ วสฺสํ อุปคโตติ? โน อชานิตฺวา. อถ กสฺมา จมฺปา-สาวตฺถิ-ราชคหาทีนํ อฺตรสฺมึ น อุปคโตติ? ติฏฺนฺตุ จมฺปา-สาวตฺถิ-ราชคหาทีนิ, สเจปิ ภควา ตสฺมึ สํวจฺฉเร ¶ อุตฺตรกุรุํ วา ติทสปุรํ วา คนฺตฺวา วสฺสํ อุปคจฺเฉยฺย, ตมฺปิ มาโร อาวฏฺเฏยฺย. โส กิร ตํ สํวจฺฉรํ อติวิย อาฆาเตน ¶ ปริยุฏฺิตจิตฺโต อโหสิ. อิธ ปน ภควา อิมํ อติเรกการณํ อทฺทส – ‘‘อสฺสวาณิชา ภิกฺขูนํ สงฺคหํ กริสฺสนฺตี’’ติ. ตสฺมา เวรฺชายเมว วสฺสํ อุปคจฺฉิ.
กึ ปน มาโร วาณิชเก อาวฏฺเฏตุํ น สกฺโกตีติ? โน น สกฺโกติ, เต ปน อาวฏฺฏิตปริโยสาเน อาคมึสุ. ปฏินิวตฺติตฺวา กสฺมา น อาวฏฺเฏตีติ? อวิสหตาย. น หิ โส ตถาคตสฺส อภิหฏภิกฺขาย นิพทฺธทานสฺส อปฺปิตวตฺตสฺส อนฺตรายํ กาตุํ วิสหติ. จตุนฺนฺหิ น สกฺกา อนฺตราโย กาตุํ. กตเมสํ จตุนฺนํ? ตถาคตสฺส อภิหฏภิกฺขาสงฺเขเปน วา นิพทฺธทานสฺส อปฺปิตวตฺตสงฺเขเปน วา ปริจฺจตฺตานํ จตุนฺนํ ปจฺจยานํ น สกฺกา เกนจิ อนฺตราโย กาตุํ. พุทฺธานํ ชีวิตสฺส น สกฺกา เกนจิ อนฺตราโย กาตุํ. อสีติยา อนุพฺยฺชนานํ พฺยามปฺปภาย วา น สกฺกา เกนจิ อนฺตราโย กาตุํ. จนฺทิมสูริยเทวพฺรหฺมานมฺปิ หิ ปภา ตถาคตสฺส อนุพฺยฺชนพฺยามปฺปภาปฺปเทสํ ปตฺวา วิหตานุภาวา โหนฺติ. พุทฺธานํ สพฺพฺุตฺาณสฺส น สกฺกา เกนจิ อนฺตราโย กาตุนฺติ อิเมสํ จตุนฺนํ น สกฺกา เกนจิ อนฺตราโย กาตุํ. ตสฺมา มาเรน อกตนฺตรายํ ภิกฺขํ ภควา สสาวกสงฺโฆ ตทา ปริภฺุชตีติ เวทิตพฺโพ.
เอวํ ปริภฺุชนฺโต จ เอกทิวสํ อสฺโสสิ โข ภควา อุทุกฺขลสทฺทนฺติ ภควา ปตฺถปตฺถปุลกํ โกฏฺเฏนฺตานํ ภิกฺขูนํ มุสลสงฺฆฏฺฏชนิตํ อุทุกฺขลสทฺทํ สุณิ. ตโต ปรํ ชานนฺตาปิ ตถาคตาติ เอวมาทิ ยํ ปรโต ‘‘กินฺนุ โข โส, อานนฺท, อุทุกฺขลสทฺโท’’ติ ปุจฺฉิ, ตสฺส ปริหารทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ตตฺรายํ สงฺเขปวณฺณนา – ตถาคตา นาม ชานนฺตาปิ สเจ ตาทิสํ ปุจฺฉาการณํ โหติ, ปุจฺฉนฺติ. สเจ ปน ตาทิสํ ปุจฺฉาการณํ นตฺถิ, ชานนฺตาปิ ¶ น ปุจฺฉนฺติ. ยสฺมา ปน พุทฺธานํ อชานนํ นาม นตฺถิ, ตสฺมา อชานนฺตาปีติ น วุตฺตํ. กาลํ วิทิตฺวา ปุจฺฉนฺตีติ สเจ ตสฺสา ปุจฺฉาย โส กาโล โหติ, เอวํ ตํ กาลํ วิทิตฺวา ปุจฺฉนฺติ; สเจ น โหติ ¶ , เอวมฺปิ กาลํ วิทิตฺวาว น ปุจฺฉนฺติ. เอวํ ปุจฺฉนฺตาปิ จ อตฺถสํหิตํ ตถาคตา ปุจฺฉนฺติ, ยํ อตฺถนิสฺสิตํ การณนิสฺสิตํ, ตเทว ปุจฺฉนฺติ, โน อนตฺถสํหิตํ. กสฺมา? ยสฺมา อนตฺถสํหิเต เสตุฆาโต ตถาคตานํ. เสตุ วุจฺจติ มคฺโค, มคฺเคเนว ตาทิสสฺส วจนสฺส ฆาโต, สมุจฺเฉโทติ วุตฺตํ โหติ.
อิทานิ อตฺถสํหิตนฺติ เอตฺถ ยํ อตฺถสนฺนิสฺสิตํ วจนํ ตถาคตา ปุจฺฉนฺติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ทฺวีหากาเรหี’’ติ อาทิมาห. ตตฺถ อากาเรหีติ การเณหิ. ธมฺมํ วา เทเสสฺสามาติ อฏฺุปฺปตฺติยุตฺตํ สุตฺตํ วา ปุพฺพจริตการณยุตฺตํ ชาตกํ วา กถยิสฺสาม. สาวกานํ วา สิกฺขาปทํ ¶ ปฺเปสฺสามาติ สาวกานํ วา ตาย ปุจฺฉาย วีติกฺกมํ ปากฏํ กตฺวา ครุกํ วา ลหุกํ วา สิกฺขาปทํ ปฺเปสฺสาม อาณํ เปสฺสามาติ.
อถ โข ภควา…เป… เอตมตฺถํ อาโรเจสีติ เอตฺถ นตฺถิ กิฺจิ วตฺตพฺพํ. ปุพฺเพ วุตฺตเมว หิ ภิกฺขูนํ ปตฺถปตฺถปุลกปฏิลาภํ สลฺลหุกวุตฺติตํ สามปากปริโมจนฺจ อาโรเจนฺโต เอตมตฺถํ อาโรเจสีติ วุจฺจติ. ‘‘สาธุสาธุ, อานนฺทา’’ติ อิทํ ปน ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ สมฺปหํเสนฺโต อาห. สาธุการํ ปน ทตฺวา ทฺวีสุ อากาเรสุ เอกํ คเหตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อาห – ‘‘ตุมฺเหหิ, อานนฺท, สปฺปุริเสหิ วิชิตํ, ปจฺฉิมา ชนตา สาลิมํโสทนํ อติมฺิสฺสตี’’ติ. ตตฺรายมธิปฺปาโย – ตุมฺเหหิ, อานนฺท, สปฺปุริเสหิ เอวํ ทุพฺภิกฺเข ทุลฺลภปิณฺเฑ อิมาย สลฺลหุกวุตฺติตาย อิมินา จ สลฺเลเขน วิชิตํ. กึ วิชิตนฺติ? ทุพฺภิกฺขํ วิชิตํ, โลโภ วิชิโต, อิจฺฉาจาโร วิชิโต. กถํ? ‘‘อยํ เวรฺชา ทุพฺภิกฺขา, สมนฺตโต ปน อนนฺตรา คามนิคมา ผลภารนมิตสสฺสา สุภิกฺขา สุลภปิณฺฑา. เอวํ สนฺเตปิ ภควา อิเธว อมฺเห นิคฺคณฺหิตฺวา วสตี’’ติ เอกภิกฺขุสฺสปิ จินฺตา วา วิฆาโต วา นตฺถิ. เอวํ ตาว ทุพฺภิกฺขํ วิชิตํ อภิภูตํ อตฺตโน วเส วตฺติตํ.
กถํ โลโภ วิชิโต? ‘‘อยํ เวรฺชา ทุพฺภิกฺขา, สมนฺตโต ปน อนนฺตรา คามนิคมา ผลภารนมิตสสฺสา สุภิกฺขา สุลภปิณฺฑา ¶ . หนฺท มยํ ตตฺถ คนฺตฺวา ปริภฺุชิสฺสามา’’ติ โลภวเสน เอกภิกฺขุนาปิ รตฺติจฺเฉโท วา ‘‘ปจฺฉิมิกาย ตตฺถ วสฺสํ อุปคจฺฉามา’’ติ วสฺสจฺเฉโท วา น กโต. เอวํ โลโภ วิชิโต.
กถํ ¶ อิจฺฉาจาโร วิชิโต? อยํ เวรฺชา ทุพฺภิกฺขา, อิเม จ มนุสฺสา อมฺเห ทฺเว ตโย มาเส วสนฺเตปิ น กิสฺมิฺจิ มฺนฺติ. ยํนูน มยํ คุณวาณิชฺชํ กตฺวา ‘‘อสุโก ภิกฺขุ ปมสฺส ฌานสฺส ลาภี…เป… อสุโก ฉฬภิฺโติ เอวํ มนุสฺสานํ อฺมฺํ ปกาเสตฺวา กุจฺฉึ ปฏิชคฺคิตฺวา ปจฺฉา สีลํ อธิฏฺเหยฺยามา’’ติ เอกภิกฺขุนาปิ เอวรูปา อิจฺฉา น อุปฺปาทิตา. เอวํ อิจฺฉาจาโร วิชิโต อภิภูโต อตฺตโน วเส วตฺติโตติ.
อนาคเต ปน ปจฺฉิมา ชนตา วิหาเร นิสินฺนา อปฺปกสิเรเนว ลภิตฺวาปิ ‘‘กึ อิทํ อุตฺตณฺฑุลํ อติกิลินฺนํ อโลณํ อติโลณํ อนมฺพิลํ อจฺจมฺพิลํ, โก อิมินา อตฺโถ’’ติ อาทินา นเยน สาลิมํโสทนํ อติมฺิสฺสติ, โอฺาตํ อวฺาตํ กริสฺสติ. อถ วา ชนปโท ¶ นาม น สพฺพกาลํ ทุพฺภิกฺโข โหติ. เอกทา ทุพฺภิกฺโข โหติ, เอกทา สุภิกฺโข โหติ. สฺวายํ ยทา สุภิกฺโข ภวิสฺสติ, ตทา ตุมฺหากํ สปฺปุริสานํ อิมาย ปฏิปตฺติยา ปสนฺนา มนุสฺสา ภิกฺขูนํ ยาคุขชฺชกาทิปฺปเภเทน อเนกปฺปการํ สาลิวิกตึ มํโสทนฺจ ทาตพฺพํ มฺิสฺสนฺติ. ตํ ตุมฺเห นิสฺสาย อุปฺปนฺนํ สกฺการํ ตุมฺหากํ สพฺรหฺมจารีสงฺขาตา ปจฺฉิมา ชนตา ตุมฺหากํ อนฺตเร นิสีทิตฺวา อนุภวมานาว อติมฺิสฺสติ, ตปฺปจฺจยํ มานฺจ โอมานฺจ กริสฺสติ. กถํ? กสฺมา เอตฺตกํ ปกฺกํ, กึ ตุมฺหากํ ภาชนานิ นตฺถิ, ยตฺถ อตฺตโน สนฺตกํ ปกฺขิปิตฺวา เปยฺยาถาติ.
ทุพฺภิกฺขกถา นิฏฺิตา.
มหาโมคฺคลฺลานสฺสสีหนาทกถา
๑๗. อถ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโนติอาทีสุ อายสฺมาติ ปิยวจนเมตํ, ครุคารวสปฺปติสฺสาธิวจนเมตํ. มหาโมคฺคลฺลาโนติ มหา จ โส คุณมหนฺตตาย โมคฺคลฺลาโน จ โคตฺเตนาติ มหาโมคฺคลฺลาโน. เอตทโวจาติ เอตํ อโวจ. อิทานิ วตฺตพฺพํ ‘‘เอตรหิ ภนฺเต’’ติอาทิวจนํ ทสฺเสติ. กสฺมา อโวจ? เถโร กิร ปพฺพชิตฺวา สตฺตเม ทิวเส สาวกปารมิาณสฺส ¶ มตฺถกํ ปตฺโต, สตฺถาราปิ มหิทฺธิกตาย เอตทคฺเค ปิโต. โส ตํ อตฺตโน มหิทฺธิกตํ นิสฺสาย จินฺเตสิ – ‘‘อยํ เวรฺชา ทุพฺภิกฺขา, ภิกฺขู จ กิลมนฺติ, ยํนูนาหํ ปถวึ ปริวตฺเตตฺวา ภิกฺขู ปปฺปฏโกชํ โภเชยฺย’’นฺติ. อถสฺส ¶ เอตทโหสิ – ‘‘สเจ ปนาหํ ภควโต สนฺติเก วิหรนฺโต ภควนฺตํ อยาจิตฺวา เอวํ กเรยฺยํ, น เมตํ อสฺส ปติรูปํ; ยุคคฺคาโห วิย ภควตา สทฺธึ กโต ภเวยฺยา’’ติ. ตสฺมา ยาจิตุกาโม อาคนฺตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ.
เหฏฺิมตลํ สมฺปนฺนนฺติ ปถวิยา กิร เหฏฺิมตเล ปถวิมณฺโฑ ปถโวโช ปถวิ-ปปฺปฏโก อตฺถิ, ตํ สนฺธาย วทติ. ตตฺถ สมฺปนฺนนฺติ มธุรํ, สาทุรสนฺติ อตฺโถ. ยเถว หิ ‘‘ตตฺรสฺส รุกฺโข สมฺปนฺนผโล จ อุปปนฺนผโล จา’’ติ (ม. นิ. ๒.๔๘) เอตฺถ มธุรผโลติ อตฺโถ; เอวมิธาปิ สมฺปนฺนนฺติ มธุรํ สาทุรสนฺติ เวทิตพฺพํ. เสยฺยถาปิ ขุทฺทมธุํ อนีฬกนฺติ อิทํ ปนสฺส มธุรตาย โอปมฺมนิทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ขุทฺทมธุนฺติ ขุทฺทกมกฺขิกาหิ กตมธุ. อนีฬกนฺติ นิมฺมกฺขิกํ นิมฺมกฺขิกณฺฑกํ ปริสุทฺธํ. เอตํ กิร มธุ สพฺพมธูหิ อคฺคฺจ เสฏฺฺจ สุรสฺจ โอชวนฺตฺจ. เตนาห – ‘‘เสยฺยถาปิ ขุทฺทมธุํ อนีฬกํ เอวมสฺสาท’’นฺติ.
สาธาหํ ¶ , ภนฺเตติ สาธุ อหํ, ภนฺเต. เอตฺถ สาธูติ อายาจนวจนเมตํ. ปถวิปริวตฺตนํ อายาจนฺโต หิ เถโร ภควนฺตํ เอวมาห. ปริวตฺเตยฺยนฺติ อุกฺกุชฺเชยฺยํ, เหฏฺิมตลํ อุปริมํ กเรยฺยํ. กสฺมา? เอวฺหิ กเต สุเขน ภิกฺขู ปปฺปฏโกชํ ปถวิมณฺฑํ ปริภฺุชิสฺสนฺตีติ. อถ ภควา อนนฺุาตุกาโมปิ เถรํ สีหนาทํ นทาเปตุํ ปุจฺฉิ – ‘‘เย ปน เต, โมคฺคลฺลาน, ปถวินิสฺสิตา ปาณา เต กถํ กริสฺสสี’’ติ. เย ปถวินิสฺสิตา คามนิคมาทีสุ ปาณา, เต ปถวิยา ปริวตฺติยมานาย อากาเส ¶ สณฺาตุํ อสกฺโกนฺเต กถํ กริสฺสสิ, กตฺถ เปสฺสสีติ? อถ เถโร ภควตา เอตทคฺเค ปิตภาวานุรูปํ อตฺตโน อิทฺธานุภาวํ ปกาเสนฺโต ‘‘เอกาหํ, ภนฺเต’’ติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ – เอกํ อหํ ภนฺเต หตฺถํ ยถา อยํ มหาปถวี เอวํ อภินิมฺมินิสฺสามิ, ปถวิสทิสํ กริสฺสามิ. เอวํ กตฺวา เย ปถวินิสฺสิตา ปาณา เต เอกสฺมึ หตฺถตเล ิเต ปาเณ ตโต ทุติยหตฺถตเล สงฺกาเมนฺโต วิย ตตฺถ สงฺกาเมสฺสามีติ.
อถสฺส ภควา อายาจนํ ปฏิกฺขิปนฺโต ‘‘อลํ โมคฺคลฺลานา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อลนฺติ ปฏิกฺเขปวจนํ. วิปลฺลาสมฺปิ สตฺตา ปฏิลเภยฺยุนฺติ วิปรีตคฺคาหมฺปิ สตฺตา สมฺปาปุเณยฺยุํ. กถํ? อยํ นุ โข ปถวี ¶ , อุทาหุ น อยนฺติ. อถ วา อมฺหากํ นุ โข อยํ คาโม, อุทาหุ อฺเส’’นฺติ. เอวํ นิคมชนปทเขตฺตารามาทีสุ. น วา เอส วิปลฺลาโส, อจินฺเตยฺโย หิ อิทฺธิมโต อิทฺธิวิสโย. เอวํ ปน วิปลฺลาสํ ปฏิลเภยฺยุํ – อิทํ ทุพฺภิกฺขํ นาม น อิทานิเยว โหติ, อนาคเตปิ ภวิสฺสติ. ตทา ภิกฺขู ตาทิสํ อิทฺธิมนฺตํ สพฺรหฺมจารึ กุโต ลภิสฺสนฺติ? เต โสตาปนฺน-สกทาคามิ-อนาคามิ-สุกฺขวิปสฺสก-ฌานลาภิ-ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺตขีณาสวาปิ สมานา อิทฺธิพลาภาวา ปรกุลานิ ปิณฺฑาย อุปสงฺกมิสฺสนฺติ. ตตฺร มนุสฺสานํ เอวํ ภวิสฺสติ – ‘‘พุทฺธกาเล ภิกฺขู สิกฺขาสุ ปริปูรการิโน อเหสุํ. เต คุเณ นิพฺพตฺเตตฺวา ทุพฺภิกฺขกาเล ปถวึ ปริวตฺเตตฺวา ปปฺปฏโกชํ ปริภฺุชึสุ. อิทานิ ปน สิกฺขาย ปริปูรการิโน นตฺถิ. ยทิ สิยุํ, ตเถว กเรยฺยุํ. น อมฺหากํ ยํ กิฺจิ ปกฺกํ วา อามํ วา ขาทิตุํ ทเทยฺยุ’’นฺติ. เอวํ เตสุเยว อริยปุคฺคเลสุ ‘‘นตฺถิ อริยปุคฺคลา’’ติ อิมํ วิปลฺลาสํ ปฏิลเภยฺยุํ. วิปลฺลาสวเสน จ อริเย ครหนฺตา อุปวทนฺตา อปายุปคา ภเวยฺยุํ. ตสฺมา มา เต รุจฺจิ ปถวึ ปริวตฺเตตุนฺติ.
อถ เถโร อิมํ ยาจนํ อลภมาโน อฺํ ยาจนฺโต ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติอาทิมาห. ตมฺปิสฺส ภควา ปฏิกฺขิปนฺโต ‘‘อลํ ¶ โมคฺคลฺลานา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ กิฺจาปิ น วุตฺตํ ‘‘วิปลฺลาสมฺปิ สตฺตา ปฏิลเภยฺยุ’’นฺติ, อถ โข ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว คเหตพฺพํ; อตฺโถปิ จสฺส วุตฺตสทิสเมว เวทิตพฺโพ. ยทิ ปน ภควา อนุชาเนยฺย, เถโร กึ กเรยฺยาติ? มหาสมุทฺทํ เอเกน ¶ ปทวีติหาเรน อติกฺกมิตพฺพํ มาติกามตฺตํ อธิฏฺหิตฺวา นเฬรุปุจิมนฺทโต อุตฺตรกุรุอภิมุขํ มคฺคํ นีหริตฺวา อุตฺตรกุรุํ คมนาคมนสมฺปนฺเน าเน กตฺวา ทสฺเสยฺย, ยถา ภิกฺขู โคจรคามํ วิย ยถาสุขํ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา นิกฺขเมยฺยุนฺติ.
นิฏฺิตา มหาโมคฺคลฺลานสฺส สีหนาทกถา.
วินยปฺตฺติยาจนกถาวณฺณนา
๑๘. อิทานิ อายสฺมา อุปาลิ วินยปฺตฺติยา มูลโต ปภุติ นิทานํ ทสฺเสตุํ สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สิกฺขาปทปฏิสํยุตฺตํ วิตกฺกุปฺปาทํ ทสฺเสนฺโต ¶ ‘‘อถ โข อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺสา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ รโหคตสฺสาติ รหสิ คตสฺส. ปฏิสลฺลีนสฺสาติ สลฺลีนสฺส เอกีภาวํ คตสฺส. กตเมสานนฺติ อตีเตสุ วิปสฺสีอาทีสุ พุทฺเธสุ กตเมสํ. จิรํ อสฺส ิติ, จิรา วา อสฺส ิตีติ จิรฏฺิติกํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานปทตฺถเมว.
กึ ปน เถโร อิมํ อตฺตโน ปริวิตกฺกํ สยํ วินิจฺฉินิตุํ น สกฺโกตีติ? วุจฺจเต – สกฺโกติ จ น สกฺโกติ จ. อยฺหิ อิเมสํ นาม พุทฺธานํ สาสนํ น จิรฏฺิติกํ อโหสิ, อิเมสํ จิรฏฺิติกนฺติ เอตฺตกํ สกฺโกติ วินิจฺฉินิตุํ. อิมินา ปน การเณน น จิรฏฺิติกํ อโหสิ, อิมินา จิรฏฺิติกนฺติ เอตํ น สกฺโกติ. มหาปทุมตฺเถโร ปนาห – ‘‘เอตมฺปิ โสฬสวิธาย ปฺาย มตฺถกํ ปตฺตสฺส อคฺคสาวกสฺส น ภาริยํ, สมฺมาสมฺพุทฺเธน ปน สทฺธึ เอกฏฺาเน วสนฺตสฺส สยํ วินิจฺฉยกรณํ ตุลํ ฉฑฺเฑตฺวา หตฺเถน ตุลนสทิสํ โหตีติ ภควนฺตํเยว อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉี’’ติ. อถสฺส ภควา ตํ วิสฺสชฺเชนฺโต ‘‘ภควโต จ สาริปุตฺต วิปสฺสิสฺสา’’ติอาทิมาห. ตํ อุตฺตานตฺถเมว.
๑๙. ปุน เถโร การณํ ปุจฺฉนฺโต โก นุ โข, ภนฺเต, เหตูติอาทิมาห. ตตฺถ โก นุ โข ภนฺเตติ การณปุจฺฉา ¶ , ตสฺส กตโม นุ โข ภนฺเตติ อตฺโถ. เหตุ ปจฺจโยติ อุภยเมตํ การณาธิวจนํ; การณฺหิ ยสฺมา เตน ตสฺส ผลํ หิโนติ ปวตฺตติ, ตสฺมา เหตูติ วุจฺจติ. ยสฺมา ตํ ปฏิจฺจ เอติ ปวตฺตติ, ตสฺมา ปจฺจโยติ วุจฺจติ. เอวํ อตฺถโต เอกมฺปิ โวหารวเสน จ วจนสิลิฏฺตาย จ ตตฺร ตตฺร เอตํ อุภยมฺปิ วุจฺจติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมว.
อิทานิ ¶ ตํ เหตฺุจ ปจฺจยฺจ ทสฺเสตุํ ‘‘ภควา จ สาริปุตฺต วิปสฺสี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ กิลาสุโน อเหสุนฺติ น อาลสิยกิลาสุโน, น หิ พุทฺธานํ อาลสิยํ วา โอสนฺนวีริยตา วา อตฺถิ. พุทฺธา หิ เอกสฺส วา ทฺวินฺนํ วา สกลจกฺกวาฬสฺส วา ธมฺมํ เทเสนฺตา สมเกเนว อุสฺสาเหน ธมฺมํ เทเสนฺติ, น ปริสาย อปฺปภาวํ ทิสฺวา โอสนฺนวีริยา โหนฺติ, นาปิ มหนฺตภาวํ ทิสฺวา อุสฺสนฺนวีริยา. ยถา หิ สีโห มิคราชา สตฺตนฺนํ ทิวสานํ อจฺจเยน โคจราย ปกฺกนฺโต ขุทฺทเก วา มหนฺเต วา ¶ ปาเณ เอกสทิเสเนว เวเคน ธาวติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘‘มา เม ชโว ปริหายี’’ติ. เอวํ พุทฺธา อปฺปกาย วา มหติยา วา ปริสาย สมเกเนว อุสฺสาเหน ธมฺมํ เทเสนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘‘มา โน ธมฺมครุตา ปริหายี’’ติ. ธมฺมครุโน หิ พุทฺธา ธมฺมคารวาติ.
ยถา ปน อมฺหากํ ภควา มหาสมุทฺทํ ปูรยมาโน วิย วิตฺถาเรน ธมฺมํ เทเสสิ, เอวํ เต น เทเสสุํ. กสฺมา? สตฺตานํ อปฺปรชกฺขตาย. เตสํ กิร กาเล ทีฆายุกา สตฺตา อปฺปรชกฺขา อเหสุํ. เต จตุสจฺจปฏิสํยุตฺตํ เอกคาถมฺปิ สุตฺวา ธมฺมํ อภิสเมนฺติ, ตสฺมา น วิตฺถาเรน ธมฺมํ เทเสสุํ. เตเนว การเณน อปฺปกฺจ เนสํ อโหสิ สุตฺตํ…เป… เวทลฺลนฺติ. ตตฺถ สุตฺตาทีนํ นานตฺตํ ปมสงฺคีติวณฺณนายํ วุตฺตเมว.
อปฺตฺตํสาวกานํ สิกฺขาปทนฺติ สาวกานํ นิทฺโทสตาย โทสานุรูปโต ปฺเปตพฺพํ สตฺตาปตฺติกฺขนฺธวเสน อาณาสิกฺขาปทํ อปฺตฺตํ. อนุทฺทิฏฺํ ¶ ปาติโมกฺขนฺติ อนฺวทฺธมาสํ อาณาปาติโมกฺขํ อนุทฺทิฏฺํ อโหสิ. โอวาทปาติโมกฺขเมว เต อุทฺทิสึสุ; ตมฺปิ จ โน อนฺวทฺธมาสํ. ตถา หิ วิปสฺสี ภควา ฉนฺนํ ฉนฺนํ วสฺสานํ สกึ สกึ โอวาทปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ; ตฺจ โข สามํเยว. สาวกา ปนสฺส อตฺตโน อตฺตโน วสนฏฺาเนสุ น อุทฺทิสึสุ. สกลชมฺพุทีเป เอกสฺมึเยว าเน พนฺธุมติยา ราชธานิยา เขเม มิคทาเย วิปสฺสิสฺส ภควโต วสนฏฺาเน สพฺโพปิ ภิกฺขุสงฺโฆ อุโปสถํ อกาสิ. ตฺจ โข สงฺฆุโปสถเมว; น คณุโปสถํ, น ปุคฺคลุโปสถํ, น ปาริสุทฺธิอุโปสถํ, น อธิฏฺานุโปสถํ.
ตทา กิร ชมฺพุทีเป จตุราสีติวิหารสหสฺสานิ โหนฺติ. เอกเมกสฺมึ วิหาเร อพฺโพกิณฺณานิ ทสปิ วีสติปิ ภิกฺขุสหสฺสานิ วสนฺติ, ภิยฺโยปิ วสนฺติ. อุโปสถาโรจิกา เทวตา ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา อาโรเจนฺติ – ‘‘มาริสา, เอกํ วสฺสํ อติกฺกนฺตํ, ทฺเว ตีณิ จตฺตาริ ปฺจ วสฺสานิ อติกฺกนฺตานิ, อิทํ ฉฏฺํ วสฺสํ, อาคามินิยา ปุณฺณมาสิยา พุทฺธทสฺสนตฺถํ อุโปสถกรณตฺถฺจ คนฺตพฺพํ! สมฺปตฺโต โว สนฺนิปาตกาโล’’ติ. ตโต ¶ สานุภาวา ภิกฺขู อตฺตโน อตฺตโน อานุภาเวน คจฺฉนฺติ, อิตเร เทวตานุภาเวน. กถํ? เต กิร ภิกฺขู ปาจีนสมุทฺทนฺเต วา ปจฺฉิมอุตฺตรทกฺขิณสมุทฺทนฺเต วา ิตา คมิยวตฺตํ ปูเรตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ‘‘คจฺฉามา’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทนฺติ; สห จิตฺตุปฺปาทา อุโปสถคฺคํ คตาว ¶ โหนฺติ. เต วิปสฺสึ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อภิวาเทตฺวา นิสีทนฺติ. ภควาปิ สนฺนิสินฺนาย ปริสาย อิมํ โอวาทปาติโมกฺขํ อุทฺทิสติ.
‘‘ขนฺตี ปรมํ ตโป ติติกฺขา;
นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา;
น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี;
น สมโณ โหติ ปรํ วิเหยนฺโต.
‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณํ, กุสลสฺส อุปสมฺปทา;
สจิตฺตปริโยทปนํ, เอตํ พุทฺธาน สาสนํ.
‘‘อนุปวาโท ¶ อนุปฆาโต, ปาติโมกฺเข จ สํวโร;
มตฺตฺุตา จ ภตฺตสฺมึ, ปนฺตฺจ สยนาสนํ;
อธิจิตฺเต จ อาโยโค, เอตํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ. (ที. นิ. ๒.๙๐; ธ. ป. ๑๘๓-๑๘๕);
เอเตเนว อุปาเยน อิตเรสมฺปิ พุทฺธานํ ปาติโมกฺขุทฺเทโส เวทิตพฺโพ. สพฺพพุทฺธานฺหิ อิมา ติสฺโสว โอวาทปาติโมกฺขคาถาโย โหนฺติ. ตา ทีฆายุกพุทฺธานํ ยาว สาสนปริยนฺตา อุทฺเทสมาคจฺฉนฺติ; อปฺปายุกพุทฺธานํ ปมโพธิยํเยว. สิกฺขาปทปฺตฺติกาลโต ปน ปภุติ อาณาปาติโมกฺขเมว อุทฺทิสียติ. ตฺจ โข ภิกฺขู เอว อุทฺทิสนฺติ, น พุทฺธา. ตสฺมา อมฺหากมฺปิ ภควา ปมโพธิยํ วีสติวสฺสมตฺตเมว อิทํ โอวาทปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ. อเถกทิวสํ ปุพฺพาราเม มิคารมาตุปาสาเท นิสินฺโน ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘น ทานาหํ, ภิกฺขเว, อิโต ปรํ อุโปสถํ กริสฺสามิ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามิ, ตุมฺเหว ทานิ ภิกฺขเว อิโต ปรํ อุโปสถํ กเรยฺยาถ, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยาถ. อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส ยํ ตถาคโต อปริสุทฺธาย ปริสาย อุโปสถํ กเรยฺย, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยา’’ติ (จูฬว. ๓๘๖). ตโต ปฏฺาย ภิกฺขู อาณาปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺติ. อิทํ อาณาปาติโมกฺขํ เตสํ อนุทฺทิฏฺํ อโหสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อนุทฺทิฏฺํ ปาติโมกฺข’’นฺติ.
เตสํ ¶ พุทฺธานนฺติ เตสํ วิปสฺสีอาทีนํ ติณฺณํ พุทฺธานํ. อนฺตรธาเนนาติ ขนฺธนฺตรธาเนน; ปรินิพฺพาเนนาติ วุตฺตํ โหติ. พุทฺธานุพุทฺธานนฺติ เย เตสํ พุทฺธานํ อนุพุทฺธา สมฺมุขสาวกา เตสฺจ ขนฺธนฺตรธาเนน. เย เต ปจฺฉิมา สาวกาติ ¶ เย เตสํ สมฺมุขสาวกานํ สนฺติเก ปพฺพชิตา ปจฺฉิมา สาวกา. นานานามาติ ‘‘พุทฺธรกฺขิโต, ธมฺมรกฺขิโต’’ติอาทิ นามวเสน วิวิธนามา. นานาโคตฺตาติ ‘‘โคตโม, โมคฺคลฺลาโน’’ติอาทิ โคตฺตวเสน วิวิธโคตฺตา. นานาชจฺจาติ ‘‘ขตฺติโย, พฺราหฺมโณ’’ติอาทิชาติวเสน นานาชจฺจา. นานากุลา ปพฺพชิตาติ ขตฺติยกุลาทิวเส เนว อุจฺจนีจอุฬารุฬารโภคาทิกุลวเสน วา วิวิธกุลา นิกฺขมฺม ปพฺพชิตา.
เตตํ พฺรหฺมจริยนฺติ เต ปจฺฉิมา สาวกา ¶ ยสฺมา เอกนามา เอกโคตฺตา เอกชาติกา เอกกุลา ปพฺพชิตา ‘‘อมฺหากํ สาสนํ ตนฺติ ปเวณี’’ติ อตฺตโน ภารํ กตฺวา พฺรหฺมจริยํ รกฺขนฺติ, จิรํ ปริยตฺติธมฺมํ ปริหรนฺติ. อิเม จ ตาทิสา น โหนฺติ. ตสฺมา อฺมฺํ วิเหเนฺตา วิโลมํ คณฺหนฺตา ‘‘อสุโก เถโร ชานิสฺสติ, อสุโก เถโร ชานิสฺสตี’’ติ สิถิลํ กโรนฺตา ตํ พฺรหฺมจริยํ ขิปฺปฺเว อนฺตรธาเปสุํ, สงฺคหํ อาโรเปตฺวา น รกฺขึสุ. เสยฺยถาปีติ ตสฺสตฺถสฺส โอปมฺมนิทสฺสนํ. วิกิรตีติ วิกฺขิปติ. วิธมตีติ านนฺตรํ เนติ. วิทฺธํเสตีติ ิตฏฺานโต อปเนติ. ยถา ตํ สุตฺเตน อสงฺคหิตตฺตาติ ยถา สุตฺเตน อสงฺคหิตตฺตา อคนฺถิตตฺตา อพทฺธตฺตา เอวํ วิกิรติ ยถา สุตฺเตน อสงฺคหิตานิ วิกิริยนฺติ, เอวํ วิกิรตีติ วุตฺตํ โหติ. เอวเมว โขติ โอปมฺมสมฺปฏิปาทนํ. อนฺตรธาเปสุนฺติ วคฺคสงฺคห-ปณฺณาสสงฺคหาทีหิ อสงฺคณฺหนฺตา ยํ ยํ อตฺตโน รุจฺจติ, ตํ ตเทว คเหตฺวา เสสํ วินาเสสุํ อทสฺสนํ นยึสุ.
อกิลาสุโน จ เต ภควนฺโต อเหสุํ สาวเก เจตสา เจโต ปริจฺจ โอวทิตุนฺติ อปิจ สาริปุตฺต เต พุทฺธา อตฺตโน เจตสา สาวกานํ เจโต ปริจฺจ ปริจฺฉินฺทิตฺวา โอวทิตุํ อกิลาสุโน อเหสุํ, ปรจิตฺตํ ตฺวา อนุสาสนึ น ภาริยโต น ปปฺจโต อทฺทสํสุ. ภูตปุพฺพํ สาริปุตฺตาติอาทิ เตสํ อกิลาสุภาวปฺปกาสนตฺถํ วุตฺตํ. ภึสนเกติ ภยานเก ภยชนนเก. เอวํ วิตกฺเกถาติ เนกฺขมฺมวิตกฺกาทโย ตโย วิตกฺเก วิตกฺเกถ. มา เอวํ วิตกฺกยิตฺถาติ กามวิตกฺกาทโย ตโย อกุสลวิตกฺเก มา วิตกฺกยิตฺถ. เอวํ มนสิ กโรถาติ ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา อสุภ’’นฺติ มนสิ กโรถ. มา เอวํ มนสา ¶ กตฺถาติ ‘‘นิจฺจํ สุขํ อตฺตา สุภ’’นฺติ มา มนสิ อกริตฺถ. อิทํ ปชหถาติ อกุสลํ ปชหถ. อิทํ อุปสมฺปชฺช วิหรถาติ กุสลํ อุปสมฺปชฺช ปฏิลภิตฺวา นิปฺผาเทตฺวา วิหรถ.
อนุปาทาย ¶ ¶ อาสเวหิ จิตฺตานิ วิมุจฺจึสูติ อคฺคเหตฺวา วิมุจฺจึสุ. เตสฺหิ จิตฺตานิ เยหิ อาสเวหิ วิมุจฺจึสุ, น เต ตานิ คเหตฺวา วิมุจฺจึสุ. อนุปฺปาทนิโรเธน ปน นิรุชฺฌมานา อคฺคเหตฺวา วิมุจฺจึสุ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตานิ วิมุจฺจึสู’’ติ. สพฺเพปิ เต อรหตฺตํ ปตฺวา สูริยรสฺมิสมฺผุฏฺมิว ปทุมวนํ วิกสิตจิตฺตา อเหสุํ. ตตฺร สุทํ สาริปุตฺต ภึสนกสฺส วนสณฺฑสฺส ภึสนกตสฺมึ โหตีติ ตตฺราติ ปุริมวจนาเปกฺขํ; สุทนฺติ ปทปูรณมตฺเต นิปาโต; สาริปุตฺตาติ อาลปนํ. อยํ ปเนตฺถ อตฺถโยชนา – ตตฺราติ ยํ วุตฺตํ ‘‘อฺตรสฺมึ ภึสนเก วนสณฺเฑ’’ติ, ตตฺร โย โส ภึสนโกติ วนสณฺโฑ วุตฺโต, ตสฺส ภึสนกสฺส วนสณฺฑสฺส ภึสนกตสฺมึ โหติ, ภึสนกิริยาย โหตีติ อตฺโถ. กึ โหติ? อิทํ โหติ – โย โกจิ อวีตราโค…เป… โลมานิ หํสนฺตีติ.
อถ วา ตตฺราติ สามิอตฺเถ ภุมฺมํ. สุอิติ นิปาโต; ‘‘กึ สุ นาม เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๖๙) วิย. อิทนฺติ อธิปฺเปตมตฺถํ ปจฺจกฺขํ วิย กตฺวา ทสฺสนวจนํ. สุอิทนฺติ สุทํ, สนฺธิวเสน อิการโลโป เวทิตพฺโพ. ‘‘จกฺขุนฺทฺริยํ, อิตฺถินฺทฺริยํ, อนฺาตฺสฺสามีตินฺทฺริยํ (วิภ. ๒๑๙), ‘‘กึ สูธ วิตฺต’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๗๓, ๒๔๖; สุ. นิ. ๑๘๓) วิย. อยํ ปเนตฺถ อตฺถโยชนา – ตสฺส สาริปุตฺต ภึสนกสฺส วนสณฺฑสฺส ภึสนกตสฺมึ อิทํสุ โหติ. ภึสนกตสฺมินฺติ ภึสนกภาเวติ อตฺโถ. เอกสฺส ตการสฺส โลโป ทฏฺพฺโพ. ภึสนกตฺตสฺมินฺติเยว วา ปาโ. ‘‘ภึสนกตาย’’ อิติ วา วตฺตพฺเพ ลิงฺควิปลฺลาโส กโต. นิมิตฺตตฺเถ เจตํ ภุมฺมวจนํ, ตสฺมา เอวํ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ – ภึสนกภาเว อิทํสุ โหติ, ภึสนกภาวนิมิตฺตํ ภึสนกภาวเหตุ ภึสนกภาวปจฺจยา อิทํสุ โหติ. โย โกจิ อวีตราโค ตํ วนสณฺฑํ ปวิสติ, เยภุยฺเยน โลมานิ หํสนฺตีติ พหุตรานิ โลมานิ หํสนฺติ อุทฺธํ มุขานิ สูจิสทิสานิ กณฺฏกสทิสานิ จ หุตฺวา ติฏฺนฺติ, อปฺปานิ น หํสนฺติ. พหุตรานํ วา สตฺตานํ หํสนฺติ. อปฺปกานํ อติสูรปุริสานํ น หํสนฺติ.
อิทานิ ¶ ¶ อยํ โข, สาริปุตฺต, เหตูติอาทิ นิคมนํ. ยฺเจตฺถ อนฺตรนฺตรา น วุตฺตํ, ตํ อุตฺตานตฺถเมว. ตสฺมา ปาฬิกฺกเมเนว เวทิตพฺพํ. ยํ ปน วุตฺตํ น จิรฏฺิติกํ อโหสีติ, ตํ ปุริสยุควเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. วสฺสคณนาย หิ วิปสฺสิสฺส ภควโต อสีติวสฺสสหสฺสานิ อายุ, สมฺมุขสาวกานมฺปิสฺส ตตฺตกเมว. เอวมสฺส ยฺวายํ สพฺพปจฺฉิมโก สาวโก, เตน สห ฆเฏตฺวา สตสหสฺสํ สฏฺิมตฺตานิ จ วสฺสสหสฺสานิ พฺรหฺมจริยํ ¶ อฏฺาสิ. ปุริสยุควเสน ปน ยุคปรมฺปราย อาคนฺตฺวา ทฺเวเยว ปุริสยุคานิ อฏฺาสิ. ตสฺมา น จิรฏฺิติกนฺติ วุตฺตํ. สิขิสฺส ปน ภควโต สตฺตติวสฺสสหสฺสานิ อายุ. สมฺมุขสาวกานมฺปิสฺส ตตฺตกเมว. เวสฺสภุสฺส ภควโต สฏฺิวสฺสสหสฺสานิ อายุ. สมฺมุขสาวกานมฺปิสฺส ตตฺตกเมว. เอวํ เตสมฺปิ เย สพฺพปจฺฉิมกา สาวกา เตหิ สห ฆเฏตฺวา สตสหสฺสโต อุทฺธํ จตฺตาลีสมตฺตานิ วีสติมตฺตานิ จ วสฺสสหสฺสานิ พฺรหฺมจริยํ อฏฺาสิ. ปุริสยุควเสน ปน ยุคปรมฺปราย อาคนฺตฺวา ทฺเว ทฺเวเยว ปุริสยุคานิ อฏฺาสิ. ตสฺมา น จิรฏฺิติกนฺติ วุตฺตํ.
๒๐. เอวํ อายสฺมา สาริปุตฺโต ติณฺณํ พุทฺธานํ พฺรหฺมจริยสฺส น จิรฏฺิติการณํ สุตฺวา อิตเรสํ ติณฺณํ พฺรหฺมจริยสฺส จิรฏฺิติการณํ โสตุกาโม ปุน ภควนฺตํ ‘‘โก ปน ภนฺเต เหตู’’ติ อาทินา นเยน ปุจฺฉิ. ภควาปิสฺส พฺยากาสิ. ตํ สพฺพํ วุตฺตปฏิปกฺขวเสน เวทิตพฺพํ. จิรฏฺิติกภาเวปิ เจตฺถ เตสํ พุทฺธานํ อายุปริมาณโตปิ ปุริสยุคโตปิ อุภยถา จิรฏฺิติกตา เวทิตพฺพา. กกุสนฺธสฺส หิ ภควโต จตฺตาลีสวสฺสสหสฺสานิ อายุ, โกณาคมนสฺส ภควโต ตึสวสฺสสหสฺสานิ, กสฺสปสฺส ภควโต วีสติวสฺสสหสฺสานิ; สมฺมุขสาวกานมฺปิ เนสํ ตตฺตกเมว. พหูนิ จ เนสํ สาวกยุคานิ ปรมฺปราย พฺรหฺมจริยํ ปวตฺเตสุํ. เอวํ เตสํ อายุปริมาณโตปิ สาวกยุคโตปิ อุภยถา พฺรหฺมจริยํ จิรฏฺิติกํ อโหสิ.
อมฺหากํ ปน ภควโต กสฺสปสฺส ภควโต อุปฑฺฒายุกปฺปมาเณ ทสวสฺสสหสฺสายุกกาเล ¶ อุปฺปชฺชิตพฺพํ สิยา. ตํ อสมฺภุณนฺเตน ปฺจวสฺสสหสฺสายุกกาเล, เอกวสฺสสหสฺสายุกกาเล, ปฺจวสฺสสตายุกกาเลปิ วา อุปฺปชฺชิตพฺพํ สิยา. ยสฺมา ปนสฺส พุทฺธตฺตการเก ธมฺเม เอสนฺตสฺส ปริเยสนฺตสฺส าณํ ปริปาเจนฺตสฺส คพฺภํ คณฺหาเปนฺตสฺส วสฺสสตายุกกาเล ¶ าณํ ปริปากมคมาสิ. ตสฺมา อติปริตฺตายุกกาเล อุปฺปนฺโน. เตนสฺส สาวกปรมฺปราวเสน จิรฏฺิติกมฺปิ พฺรหฺมจริยํ อายุปริมาณวเสน วสฺสคณนาย นจิรฏฺิติกเมวาติ วตฺตุํ วฏฺฏติ.
๒๑. อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโตติ โก อนุสนฺธิ? เอวํ ติณฺณํ พุทฺธานํ พฺรหฺมจริยสฺส จิรฏฺิติการณํ สุตฺวา สิกฺขาปทปฺตฺติเยว จิรฏฺิติกภาวเหตูติ นิฏฺํ คนฺตฺวา ภควโตปิ พฺรหฺมจริยสฺส จิรฏฺิติกภาวํ อิจฺฉนฺโต อายสฺมา สาริปุตฺโต ภควนฺตํ สิกฺขาปทปฺตฺตึ ยาจิ. ตสฺสา ยาจนวิธิทสฺสนตฺถเมตํ วุตฺตํ – อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต อุฏฺายาสนา ¶ …เป… จิรฏฺิติกนฺติ. ตตฺถ อทฺธนิยนฺติ อทฺธานกฺขมํ; ทีฆกาลิกนฺติ วุตฺตํ โหติ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว.
อถสฺส ภควา ‘‘น ตาวายํ สิกฺขาปทปฺตฺติกาโล’’ติ ปกาเสนฺโต ‘‘อาคเมหิ ตฺวํ สาริปุตฺตา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อาคเมหิ ตฺวนฺติ ติฏฺ ตาว ตฺวํ; อธิวาเสหิ ตาว ตฺวนฺติ วุตฺตํ โหติ. อาทรตฺถวเสเนเวตฺถ ทฺวิกฺขตฺตุํ วุตฺตํ. เอเตน ภควา สิกฺขาปทปฺตฺติยา สาวกานํ วิสยภาวํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘พุทฺธวิสโยว สิกฺขาปทปฺตฺตี’’ติ อาวิกโรนฺโต ‘‘ตถาคโต วา’’ติอาทิมาห. เอตฺถ จ ตตฺถาติ สิกฺขาปทปฺตฺติยาจนาเปกฺขํ ภุมฺมวจนํ. ตตฺรายํ โยชนา – ยํ วุตฺตํ ‘‘สิกฺขาปทํ ปฺเปยฺยา’’ติ, ตตฺถ ตสฺสา สิกฺขาปทปฺตฺติยา ตถาคโตเยว กาลํ ชานิสฺสตีติ. เอวํ วตฺวา อกาลํ ตาว ทสฺเสตุํ ‘‘น ตาว สาริปุตฺตา’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ อาสวา ติฏฺนฺติ เอเตสูติ อาสวฏฺานียา. เยสุ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกา ทุกฺขาสวา กิเลสาสวา จ ปรูปวาทวิปฺปฏิสารวธพนฺธนาทโย เจว อปายทุกฺขวิเสสภูตา จ อาสวา ติฏฺนฺติเยว, ยสฺมา เนสํ ¶ เต การณํ โหนฺตีติ อตฺโถ. เต อาสวฏฺานียา วีติกฺกมธมฺมา ยาว น สงฺเฆ ปาตุภวนฺติ, น ตาว สตฺถา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺเปตีติ อยเมตฺถ โยชนา. ยทิ หิ ปฺเปยฺย, ปรูปวาทา ปรูปารมฺภา ครหโทสา น ปริมุจฺเจยฺย.
กถํ? ปฺเปนฺเตน หิ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสเวยฺยา’’ติอาทิ สพฺพํ ปฺเปตพฺพํ ภเวยฺย. อทิสฺวาว วีติกฺกมโทสํ อิมํ ปฺตฺตึ ตฺวา ¶ ปเร เอวํ อุปวาทฺจ อุปารมฺภฺจ ครหฺจ ปวตฺเตยฺยุํ – ‘‘กถฺหิ นาม สมโณ โคตโม ภิกฺขุสงฺโฆ เม อนฺวายิโก วจนกโรติ เอตฺตาวตา สิกฺขาปเทหิ ปลิเวเสฺสติ, ปาราชิกํ ปฺเปสฺสติ? นนุ อิเม กุลปุตฺตา มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ มหนฺตฺจ าติปริวฏฺฏํ หตฺถคตานิ จ รชฺชานิปิ ปหาย ปพฺพชิตา, ฆาสจฺฉาทนปรมตาย สนฺตุฏฺา, สิกฺขาย ติพฺพคารวา, กาเย จ ชีวิเต จ นิรเปกฺขา วิหรนฺติ. เตสุ นาม โก โลกามิสภูตํ เมถุนํ วา ปฏิเสวิสฺสติ, ปรภณฺฑํ วา หริสฺสติ, ปรสฺส วา อิฏฺํ กนฺตํ อติมธุรํ ชีวิตํ อุปจฺฉินฺทิสฺสติ, อภูตคุณกถาย วา ชีวิตํ กปฺเปสฺสติ! นนุ ปาราชิเก อปฺตฺเตปิ ปพฺพชฺชาสงฺเขเปเนเวตํ ปากฏํ กต’’นฺติ. ตถาคตสฺส จ ถามฺจ พลฺจ สตฺตา น ชาเนยฺยุํ. ปฺตฺตมฺปิ สิกฺขาปทํ กุปฺเปยฺย, น ยถาาเน ติฏฺเยฺย. เสยฺยถาปิ นาม อกุสโล เวชฺโช กฺจิ อนุปฺปนฺนคณฺฑํ ปุริสํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘เอหิ โภ ปุริส, อิมสฺมึ เต สรีรปฺปเทเส มหาคณฺโฑ อุปฺปชฺชิตฺวา อนยพฺยสนํ ¶ ปาเปสฺสติ, ปฏิกจฺเจว นํ ติกิจฺฉาเปหี’’ติ วตฺวา ‘‘สาธาจริย, ตฺวํเยว นํ ติกิจฺฉสฺสู’’ติ วุตฺโต ตสฺส อโรคํ สรีรปฺปเทสํ ผาเลตฺวา โลหิตํ นีหริตฺวา อาเลปนพนฺธนโธวนาทีหิ ตํ ปเทสํ สฺฉวึ กตฺวา ตํ ปุริสํ วเทยฺย – ‘‘มหาโรโค เต มยา ติกิจฺฉิโต, เทหิ เม เทยฺยธมฺม’’นฺติ. โส ตํ ‘‘กิมยํ พาลเวชฺโช วทติ? กตโร กิร เม อิมินา โรโค ติกิจฺฉิโต? นนุ เม อยํ ทุกฺขฺจ ชเนติ, โลหิตกฺขยฺจ มํ ปาเปตี’’ติ เอวํ อุปวเทยฺย เจว อุปารมฺเภยฺย ¶ จ ครเหยฺย จ, น จสฺส คุณํ ชาเนยฺย. เอวเมว ยทิ อนุปฺปนฺเน วีติกฺกมโทเส สตฺถา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺเปยฺย, ปรูปวาทาทีหิ จ น ปริมุจฺเจยฺย, น จสฺส ถามํ วา พลํ วา สตฺตา ชาเนยฺยุํ, ปฺตฺตมฺปิ สิกฺขาปทํ กุปฺเปยฺย, น ยถาาเน ติฏฺเยฺย. ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘น ตาว สาริปุตฺต สตฺถา สาวกานํ…เป… ปาตุภวนฺตี’’ติ.
เอวํ อกาลํ ทสฺเสตฺวา ปุน กาลํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยโต จ โข สาริปุตฺตา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยโตติ ยทา; ยสฺมึ กาเลติ วุตฺตํ โหติ. เสสํ วุตฺตานุสาเรเนว เวทิตพฺพํ. อยํ วา เหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ยสฺมึ สมเย ‘‘อาสวฏฺานียา ธมฺมา’’ติ สงฺขฺยํ คตา วีติกฺกมโทสา สงฺเฆ ปาตุภวนฺติ, ตทา สตฺถา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺเปติ, อุทฺทิสติ ปาติโมกฺขํ. กสฺมา? เตสํเยว ‘‘อาสวฏฺานียา ธมฺมา’’ติ สงฺขฺยํ ¶ คตานํ วีติกฺกมโทสานํ ปฏิฆาตาย. เอวํ ปฺเปนฺโต ยถา นาม กุสโล เวชฺโช อุปฺปนฺนํ คณฺฑํ ผาลนเลปนพนฺธนโธวนาทีหิ ติกิจฺฉนฺโต โรคํ วูปสเมตฺวา สฺฉวึ กตฺวา น ตฺเวว อุปวาทาทิรโห โหติ, สเก จ อาจริยเก วิทิตานุภาโว หุตฺวา สกฺการํ ปาปุณาติ; เอวํ น จ อุปวาทาทิรโห โหติ, สเก จ สพฺพฺุวิสเย วิทิตานุภาโว หุตฺวา สกฺการํ ปาปุณาติ. ตฺจสฺส สิกฺขาปทํ อกุปฺปํ โหติ, ยถาาเน ติฏฺตีติ.
เอวํ อาสวฏฺานียานํ ธมฺมานํ อนุปฺปตฺตึ สิกฺขาปทปฺตฺติยา อกาลํ อุปฺปตฺติฺจ กาลนฺติ วตฺวา อิทานิ เตสํ ธมฺมานํ อนุปฺปตฺติกาลฺจ อุปฺปตฺติกาลฺจ ทสฺเสตุํ ‘‘น ตาว สาริปุตฺต อิเธกจฺเจ’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อุตฺตานตฺถานิ ปทานิ ปาฬิวเสเนว เวทิตพฺพานิ. อยํ ปน อนุตฺตานปทวณฺณนา – รตฺติโย ชานนฺตีติ รตฺตฺู, อตฺตโน ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย พหุกา รตฺติโย ชานนฺติ, จิรปพฺพชิตาติ วุตฺตํ โหติ. รตฺตฺูหิ มหตฺตํ รตฺตฺุมหตฺตํ; จิรปพฺพชิเตหิ มหนฺตภาวนฺติ อตฺโถ. ตตฺร รตฺตฺุมหตฺตํ ปตฺเต สงฺเฆ ¶ อุปเสนํ วงฺคนฺตปุตฺตํ อารพฺภ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. โส หายสฺมา อูนทสวสฺเส ภิกฺขู อุปสมฺปาเทนฺเต ทิสฺวา เอกวสฺโส สทฺธิวิหาริกํ อุปสมฺปาเทสิ. อถ ภควา สิกฺขาปทํ ปฺเปสิ – ‘‘น, ภิกฺขเว ¶ , อูนทสวสฺเสน อุปสมฺปาเทตพฺโพ. โย อุปสมฺปาเทยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๗๕). เอวํ ปฺตฺเต สิกฺขาปเท ปุน ภิกฺขู ‘‘ทสวสฺสามฺห ทสวสฺสามฺหา’’ติ พาลา อพฺยตฺตา อุปสมฺปาเทนฺติ. อถ ภควา อปรมฺปิ สิกฺขาปทํ ปฺาเปสิ – ‘‘น, ภิกฺขเว, พาเลน อพฺยตฺเตน อุปสมฺปาเทตพฺโพ. โย อุปสมฺปาเทยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน ทสวสฺเสน วา อติเรกทสวสฺเสน วา อุปสมฺปาเทตุ’’นฺติ (มหาว. ๗๖) รตฺตฺุมหตฺตํ ปตฺตกาเล ทฺเว สิกฺขาปทานิ ปฺตฺตานิ.
เวปุลฺลมหตฺตนฺติ วิปุลภาเวน มหตฺตํ. สงฺโฆ หิ ยาว น เถรนวมชฺฌิมานํ วเสน เวปุลฺลมหตฺตํ ปตฺโต โหติ, ตาว เสนาสนานิ ปโหนฺติ. สาสเน เอกจฺเจ อาสวฏฺานียา ธมฺมา น อุปฺปชฺชนฺติ. เวปุลฺลมหตฺตํ ปน ปตฺเต เต อุปฺปชฺชนฺติ. อถ สตฺถา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺเปติ. ตตฺถ เวปุลฺลมหตฺตํ ปตฺเต สงฺเฆ ปฺตฺตสิกฺขาปทานิ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ อนุปสมฺปนฺเนน อุตฺตริ ทิรตฺตติรตฺตํ สหเสยฺยํ กปฺเปยฺย, ปาจิตฺติยํ’’ ¶ (ปาจิ. ๕๑); ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนี อนุวสฺสํ วุฏฺาเปยฺย, ปาจิตฺติยํ’’ (ปาจิ. ๑๑๗๑); ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนี เอกํ วสฺสํ ทฺเว วุฏฺาเปยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๑๑๗๕) อิมินา นเยน เวทิตพฺพานิ.
ลาภคฺคมหตฺตนฺติ ลาภสฺส อคฺคมหตฺตํ; โย ลาภสฺส อคฺโค อุตฺตโม มหนฺตภาโว, ตํ ปตฺโต โหตีติ อตฺโถ. ลาเภน วา อคฺคมหตฺตมฺปิ, ลาเภน เสฏฺตฺตฺจ มหนฺตตฺตฺจ ปตฺโตติ อตฺโถ. สงฺโฆ หิ ยาว น ลาภคฺคมหตฺตํ ปตฺโต โหติ, ตาว น ลาภํ ปฏิจฺจ อาสวฏฺานียา ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ. ปตฺเต ปน อุปฺปชฺชนฺติ, อถ สตฺถา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺเปติ ¶ – ‘‘โย ปน ภิกฺขุ อเจลกสฺส วา ปริพฺพาชกสฺส วา ปริพฺพาชิกาย วา สหตฺถา ขาทนียํ วา โภชนียํ วา ทเทยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๒๗๐). อิทฺหิ ลาภคฺคมหตฺตํ ปตฺเต สงฺเฆ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ.
พาหุสจฺจมหตฺตนฺติ พาหุสจฺจสฺส มหนฺตภาวํ. สงฺโฆ หิ ยาว น พาหุสจฺจมหตฺตํ ปตฺโต โหติ, ตาว น อาสวฏฺานียา ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ. พาหุสจฺจมหตฺตํ ปตฺเต ปน ยสฺมา เอกมฺปิ นิกายํ, ทฺเวปิ…เป… ปฺจปิ นิกาเย อุคฺคเหตฺวา อโยนิโส อุมฺมุชฺชมานา ปุคฺคลา รเสน รสํ สํสนฺทิตฺวา อุทฺธมฺมํ อุพฺพินยํ สตฺถุสาสนํ ทีเปนฺติ. อถ สตฺถา ‘‘โย ปน ภิกฺขุ เอวํ วเทยฺย – ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ…เป… สมณุทฺเทโสปิ เจ เอวํ วเทยฺยา’’ติอาทินา (ปาจิ. ๔๑๘) นเยน สิกฺขาปทํ ปฺเปตีติ.
เอวํ ¶ ภควา อาสวฏฺานียานํ ธมฺมานํ อนุปฺปตฺติกาลฺจ อุปฺปตฺติกาลฺจ ทสฺเสตฺวา ตสฺมึ สมเย สพฺพโสปิ เตสํ อภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘นิรพฺพุโท หิ สาริปุตฺตา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ นิรพฺพุโทติ อพฺพุทวิรหิโต; อพฺพุทา วุจฺจนฺติ โจรา, นิจฺโจโรติ อตฺโถ. โจราติ จ อิมสฺมึ อตฺเถ ทุสฺสีลาว อธิปฺเปตา. เต หิ อสฺสมณาว หุตฺวา สมณปฏิฺตาย ปเรสํ ปจฺจเย โจเรนฺติ. ตสฺมา นิรพฺพุโทติ นิจฺโจโร, นิทฺทุสฺสีโลติ วุตฺตํ โหติ. นิราทีนโวติ นิรุปทฺทโว นิรุปสคฺโค; ทุสฺสีลาทีนวรหิโตเยวาติ วุตฺตํ โหติ. อปคตกาฬโกติ กาฬกา วุจฺจนฺติ ทุสฺสีลาเยว; เต หิ สุวณฺณวณฺณาปิ สมานา กาฬกธมฺมโยคา กาฬกาตฺเวว เวทิตพฺพา. เตสํ อภาวา อปคตกาฬโก ¶ . อปหตกาฬโกติปิ ปาโ. สุทฺโธติ อปคตกาฬกตฺตาเยว สุทฺโธ ปริโยทาโต ปภสฺสโร. สาเร ปติฏฺิโตติ สาโร วุจฺจนฺติ สีล-สมาธิ-ปฺาวิมุตฺติ-วิมุตฺติาณทสฺสนคุณา, ตสฺมึ สาเร ปติฏฺิตตฺตา สาเร ปติฏฺิโต.
เอวํ สาเร ปติฏฺิตภาวํ วตฺวา ปุน โส จสฺส สาเร ปติฏฺิตภาโว เอวํ เวทิตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต อิเมสฺหิ สาริปุตฺตาติ อาทิมาห. ตตฺรายํ สงฺเขปวณฺณนา – ยานิมานิ เวรฺชายํ ¶ วสฺสาวาสํ อุปคตานิ ปฺจ ภิกฺขุสตานิ, อิเมสํ โย คุณวเสน ปจฺฉิมโก สพฺพปริตฺตคุโณ ภิกฺขุ, โส โสตาปนฺโน. โสตาปนฺโนติ โสตํ อาปนฺโน; โสโตติ จ มคฺคสฺเสตํ อธิวจนํ. โสตาปนฺโนติ เตน สมนฺนาคตสฺส ปุคฺคลสฺส. ยถาห –
‘‘โสโต โสโตติ หิทํ, สาริปุตฺต, วุจฺจติ; กตโม นุ โข, สาริปุตฺต, โสโตติ? อยเมว หิ, ภนฺเต, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฏฺิ…เป… สมฺมาสมาธี’’ติ. ‘‘โสตาปนฺโน โสตาปนฺโนติ หิทํ, สาริปุตฺต, วุจฺจติ; กตโม นุ โข, สาริปุตฺต, โสตาปนฺโน’’ติ? ‘‘โย หิ, ภนฺเต, อิมินา อริเยน อฏฺงฺคิเกน มคฺเคน สมนฺนาคโต, อยํ วุจฺจติ – โสตาปนฺโน. โสยมายสฺมา เอวํนาโม เอวํโคตฺโต’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๐๑). อิธ ปน มคฺเคน ผลสฺส นามํ ทินฺนํ. ตสฺมา ผลฏฺโ ‘‘โสตาปนฺโน’’ติ เวทิตพฺโพ.
อวินิปาตธมฺโมติ วินิปาเตตีติ วินิปาโต; นาสฺส วินิปาโต ธมฺโมติ อวินิปาตธมฺโม, น อตฺตานํ อปาเยสุ วินิปาตนสภาโวติ วุตฺตํ โหติ. กสฺมา? เย ธมฺมา อปายคมนียา, เตสํ ปริกฺขยา. วินิปตนํ วา วินิปาโต, นาสฺส วินิปาโต ธมฺโมติ อวินิปาตธมฺโม, อปาเยสุ วินิปาตนสภาโว อสฺส นตฺถีติ วุตฺตํ โหติ. สมฺมตฺตนิยาเมน มคฺเคน ¶ นิยตตฺตา นิยโต. สมฺโพธิ ปรํ อยนํ ปรา คติ อสฺสาติ สมฺโพธิปรายโณ. อุปริ มคฺคตฺตยํ อวสฺสํ สมฺปาปโกติ อตฺโถ. กสฺมา? ปฏิลทฺธปมมคฺคตฺตาติ.
วินยปฺตฺติยาจนกถา นิฏฺิตา.
พุทฺธาจิณฺณกถา
๒๒. เอวํ ธมฺมเสนาปตึ สฺาเปตฺวา เวรฺชายํ ตํ วสฺสาวาสํ วีตินาเมตฺวา วุตฺถวสฺโส มหาปวารณาย ปวาเรตฺวา อถ โข ภควา ¶ อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามนฺเตสิ. อามนฺเตสีติ อาลปิ อภาสิ สมฺโพเธสิ. กินฺติ? อาจิณฺณํ โข ปเนตนฺติ เอวมาทิ. อาจิณฺณนฺติ จริตํ วตฺตํ อนุธมฺมตา. ตํ โข ปเนตํ อาจิณฺณํ ทุวิธํ โหติ – พุทฺธาจิณฺณํ, สาวกาจิณฺณนฺติ. กตมํ พุทฺธาจิณฺณํ? อิทํ ตาว เอกํ – เยหิ นิมนฺติตา วสฺสํ วสนฺติ, น เต อนปโลเกตฺวา อนาปุจฺฉิตฺวา ชนปทจาริกํ ปกฺกมนฺติ. สาวกา ปน อปโลเกตฺวา วา อนปโลเกตฺวา วา ยถาสุขํ ปกฺกมนฺติ.
อปรมฺปิ พุทฺธาจิณฺณํ – วุตฺถวสฺสา ปวาเรตฺวา ชนสงฺคหตฺถาย ชนปทจาริกํ ปกฺกมนฺติเยว. ชนปทจาริกํ จรนฺตา จ มหามณฺฑลํ มชฺฌิมมณฺฑลํ อนฺติมมณฺฑลนฺติ อิเมสํ ติณฺณํ มณฺฑลานํ อฺตรสฺมึ มณฺฑเล ¶ จรนฺติ. ตตฺถ มหามณฺฑลํ นวโยชนสติกํ, มชฺฌิมมณฺฑลํ ฉโยชนสติกํ, อนฺติมมณฺฑลํ ติโยชนสติกํ. ยทา มหามณฺฑเล จาริกํ จริตุกามา โหนฺติ, ตทา มหาปวารณาย ปวาเรตฺวา ปาฏิปททิวเส มหาภิกฺขุสงฺฆปริวารา นิกฺขมิตฺวา คามนิคมาทีสุ มหาชนํ อามิสปฏิคฺคเหน อนุคฺคณฺหนฺตา ธมฺมทาเนน จสฺส วิวฏฺฏุปนิสฺสิตํ กุสลํ วฑฺเฒนฺตา นวหิ มาเสหิ ชนปทจาริกํ ปริโยสาเปนฺติ. สเจ ปน อนฺโตวสฺเส ภิกฺขูนํ สมถวิปสฺสนา ตรุณา โหนฺติ, มหาปวารณาย อปฺปวาเรตฺวา ปวารณาสงฺคหํ ทตฺวา กตฺติกปุณฺณมายํ ปวาเรตฺวา มาคสิรสฺส ปมทิวเส มหาภิกฺขุสงฺฆปริวารา นิกฺขมิตฺวา วุตฺตนเยเนว มชฺฌิมมณฺฑเล อฏฺหิ มาเสหิ จาริกํ ปริโยสาเปนฺติ. สเจ ปน เนสํ วุตฺถวสฺสานํ อปริปากินฺทฺริยา เวเนยฺยสตฺตา โหนฺติ, เตสํ อินฺทฺริยปริปากํ อาคเมนฺตา มาคสิรมาสมฺปิ ตตฺเถว วสิตฺวา ผุสฺสมาสสฺส ปมทิวเส มหาภิกฺขุสงฺฆปริวารา นิกฺขมิตฺวา วุตฺตนเยเนว อนฺติมมณฺฑเล สตฺตหิ มาเสหิ จาริกํ ปริโยสาเปนฺติ. เตสุ จ มณฺฑเลสุ ยตฺถ กตฺถจิ วิจรนฺตาปิ เต เต สตฺเต กิเลเสหิ วิโยเชนฺตา ¶ โสตาปตฺติผลาทีหิ ปโยเชนฺตา เวเนยฺยวเสเนว นานาวณฺณานิ ปุปฺผานิ โอจินนฺตา วิย จรนฺติ.
อปรมฺปิ พุทฺธานํ อาจิณฺณํ – เทวสิกํ ปจฺจูสสมเย สนฺตํ สุขํ นิพฺพานารมฺมณํ กตฺวา ผลสมาปตฺติสมาปชฺชนํ, ผลสมาปตฺติยา วุฏฺหิตฺวา เทวสิกํ มหากรุณาสมาปตฺติยา สมาปชฺชนํ, ตโต วุฏฺหิตฺวา ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ โพธเนยฺยสตฺตสมวโลกนํ.
อปรมฺปิ ¶ พุทฺธานํ อาจิณฺณํ – อาคนฺตุเกหิ สทฺธึ ปมตรํ ปฏิสนฺถารกรณํ, อฏฺุปฺปตฺติวเสน ธมฺมเทสนา, โอติณฺเณ โทเส สิกฺขาปทปฺาปนนฺติ อิทํ พุทฺธาจิณฺณํ.
กตมํ สาวกาจิณฺณํ? พุทฺธสฺส ภควโต กาเล ทฺวิกฺขตฺตุํ สนฺนิปาโต ปุเร วสฺสูปนายิกาย จ กมฺมฏฺานคฺคหณตฺถํ, วุตฺถวสฺสานฺจ อธิคตคุณาโรจนตฺถํ อุปริ กมฺมฏฺานคฺคหณตฺถฺจ ¶ . อิทํ สาวกาจิณฺณํ. อิธ ปน พุทฺธาจิณฺณํ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘อาจิณฺณํ โข ปเนตํ, อานนฺท, ตถาคตาน’’นฺติ.
อายามาติ อาคจฺฉ ยาม. อปโลเกสฺสามาติ จาริกํ จรณตฺถาย อาปุจฺฉิสฺสาม. เอวนฺติ สมฺปฏิจฺฉนตฺเถ นิปาโต. ภนฺเตติ คารวาธิวจนเมตํ; สตฺถุโน ปฏิวจนทานนฺติปิ วฏฺฏติ. ภควโต ปจฺจสฺโสสีติ ภควโต วจนํ ปฏิอสฺโสสิ, อภิมุโข หุตฺวา สุณิ สมฺปฏิจฺฉิ. เอวนฺติ อิมินา วจเนน ปฏิคฺคเหสีติ วุตฺตํ โหติ.
อถ โข ภควา นิวาเสตฺวาติ อิธ ปุพฺพณฺหสมยนฺติ วา สายนฺหสมยนฺติ วา น วุตฺตํ. เอวํ สนฺเตปิ ภควา กตภตฺตกิจฺโจ มชฺฌนฺหิกํ วีตินาเมตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ ปจฺฉาสมณํ กตฺวา นครทฺวารโต ปฏฺาย นครวีถิโย สุวณฺณรสปิฺชราหิ รํสีหิ สมุชฺโชตยมาโน เยน เวรฺชสฺส พฺราหฺมณสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ. ฆรทฺวาเร ิตมตฺตเมว จสฺส ภควนฺตํ ทิสฺวา ปริชโน อาโรเจสิ. พฺราหฺมโณ สตึ ปฏิลภิตฺวา สํเวคชาโต สหสา วุฏฺาย มหารหํ อาสนํ ปฺเปตฺวา ภควนฺตํ ปจฺจุคฺคมฺม ‘‘อิโต, ภควา, อุปสงฺกมตู’’ติ อาห. ภควา อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. อถ โข เวรฺโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ อุปนิสีทิตุกาโม อตฺตนา ิตปเทสโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ. อิโต ปรํ อุตฺตานตฺถเมว.
ยํ ปน พฺราหฺมโณ อาห – ‘‘อปิจ โย เทยฺยธมฺโม, โส น ทินฺโน’’ติ. ตตฺรายมธิปฺปาโย ¶ – มยา นิมนฺติตานํ วสฺสํวุตฺถานํ ตุมฺหากํ เตมาสํ ทิวเส ทิวเส ปาโต ยาคุขชฺชกํ, มชฺฌนฺหิเก ขาทนียโภชนียํ, สายนฺเห อเนกวิธ ปานวิกติ คนฺธปุปฺผาทีหิ ปูชาสกฺกาโรติ เอวมาทิโก โย เทยฺยธมฺโม ทาตพฺโพ อสฺส, โส น ทินฺโนติ. ตฺจ โข โน อสนฺตนฺติ เอตฺถ ปน ลิงฺควิปลฺลาโส เวทิตพฺโพ. โส จ โข เทยฺยธมฺโม อมฺหากํ โน อสนฺโตติ อยฺเหตฺถ อตฺโถ. อถ ¶ วา ยํ ทานวตฺถุํ มยํ ตุมฺหากํ ทเทยฺยาม, ตฺจ โข โน อสนฺตนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
โนปิอทาตุกมฺยตาติ อทาตุกามตาปิ ¶ โน นตฺถิ, ยถา ปหูตวิตฺตูปกรณานํ มจฺฉรีนํ. ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา พหุกิจฺจา ฆราวาสาติ ตตฺรายํ โยชนา – ยสฺมา พหุกิจฺจา ฆราวาสา, ตสฺมา เอตฺถ สนฺเตปิ เทยฺยธมฺเม ทาตุกมฺยตาย จ ตํ กุโต ลพฺภา กุโต ตํ สกฺกา ลทฺธุํ, ยํ มยํ ตุมฺหากํ เทยฺยธมฺมํ ทเทยฺยามาติ ฆราวาสํ ครหนฺโต อาห. โส กิร มาเรน อาวฏฺฏิตภาวํ น ชานาติ, ‘‘ฆราวาสปลิโพเธน เม สติสมฺโมโส ชาโต’’ติ มฺิ, ตสฺมา เอวมาห. อปิจ – ตํ กุเตตฺถ ลพฺภาติ อิมสฺมึ เตมาสพฺภนฺตเร ยมหํ ตุมฺหากํ ทเทยฺยํ, ตํ กุโต ลพฺภา? พหุกิจฺจา หิ ฆราวาสาติ เอวเมตฺถ โยชนา เวทิตพฺพา.
อถ พฺราหฺมโณ ‘‘ยํนูนาหํ ยํ เม ตีหิ มาเสหิ ทาตพฺพํ สิยา, ตํ สพฺพํ เอกทิวเสเนว ทเทยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา อธิวาเสตุ เม ภวํ โคตโมติอาทิมาห. ตตฺถ สฺวาตนายาติ ยํ เม ตุมฺเหสุ สกฺการํ กโรโต สฺเว ภวิสฺสติ ปฺฺุเจว ปีติปาโมชฺชฺจ, ตทตฺถาย. อถ ตถาคโต ‘‘สเจ อหํ นาธิวาเสยฺยํ, ‘อยํ เตมาสํ กิฺจิ อลทฺธา กุปิโต มฺเ, เตน เม ยาจิยมาโน เอกภตฺตมฺปิ น ปฏิคฺคณฺหาติ, นตฺถิ อิมสฺมึ อธิวาสนขนฺติ, อสพฺพฺู อย’นฺติ เอวํ พฺราหฺมโณ จ เวรฺชาวาสิโน จ ครหิตฺวา พหุํ อปฺุํ ปสเวยฺยุํ, ตํ เตสํ มา อโหสี’’ติ เตสํ อนุกมฺปาย อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน.
อธิวาเสตฺวา จ อถ โข ภควา เวรฺชํ พฺราหฺมณํ ‘‘อลํ ฆราวาสปลิโพธจินฺตายา’’ติ สฺาเปตฺวา ตงฺขณานุรูปาย ธมฺมิยา กถาย ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกํ อตฺถํ สนฺทสฺเสตฺวา กุสเล ธมฺเม สมาทเปตฺวา คณฺหาเปตฺวา ตตฺถ จ นํ สมุตฺเตเชตฺวา สอุสฺสาหํ กตฺวา ตาย สอุสฺสาหตาย อฺเหิ จ วิชฺชมานคุเณหิ สมฺปหํเสตฺวา ธมฺมรตนวสฺสํ วสฺเสตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. ปกฺกนฺเต จ ปน ภควติ เวรฺโช พฺราหฺมโณ ปุตฺตทารํ อามนฺเตสิ – ‘‘มยํ, ภเณ, ภควนฺตํ เตมาสํ นิมนฺเตตฺวา เอกทิวสํ เอกภตฺตมฺปิ นาทมฺห. หนฺท, ทานิ ตถา ทานํ ปฏิยาเทถ ยถา เตมาสิโกปิ เทยฺยธมฺโม สฺเว เอกทิวเสเนว ¶ ทาตุํ สกฺกา โหตี’’ติ. ตโต ปณีตํ ¶ ทานํ ปฏิยาทาเปตฺวา ¶ ยํ ทิวสํ ภควา นิมนฺติโต, ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน อาสนฏฺานํ อลงฺการาเปตฺวา มหารหานิ อาสนานิ ปฺเปตฺวา คนฺธธูมวาสกุสุมวิจิตฺรํ มหาปูชํ สชฺเชตฺวา ภควโต กาลํ อาโรจาเปสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข เวรฺโช พฺราหฺมโณ ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน…เป… นิฏฺิตํ ภตฺต’’นฺติ.
๒๓. ภควา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ตตฺถ อคมาสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ภควา…เป… นิสีทิ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา’’ติ. อถ โข เวรฺโช พฺราหฺมโณ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆนฺติ พุทฺธปฺปมุขนฺติ พุทฺธปริณายกํ; พุทฺธํ สงฺฆตฺเถรํ กตฺวา นิสินฺนนฺติ วุตฺตํ โหติ. ปณีเตนาติ อุตฺตเมน. สหตฺถาติ สหตฺเถน. สนฺตปฺเปตฺวาติ สุฏฺุ ตปฺเปตฺวา, ปริปุณฺณํ สุหิตํ ยาวทตฺถํ กตฺวา. สมฺปวาเรตฺวาติ สุฏฺุ ปวาเรตฺวา ‘อล’นฺติ หตฺถสฺาย มุขสฺาย วจีเภเทน จ ปฏิกฺขิปาเปตฺวา. ภุตฺตาวินฺติ ภุตฺตวนฺตํ. โอนีตปตฺตปาณินฺติ ปตฺตโต โอนีตปาณึ; อปนีตหตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติ. ติจีวเรน อจฺฉาเทสีติ ติจีวรํ ภควโต อทาสิ. อิทํ ปน โวหารวจนมตฺตํ โหติ ‘‘ติจีวเรน อจฺฉาเทสี’’ติ, ตสฺมิฺจ ติจีวเร เอกเมโก สาฏโก สหสฺสํ อคฺฆติ. อิติ พฺราหฺมโณ ภควโต ติสหสฺสคฺฆนกํ ติจีวรมทาสิ อุตฺตมํ กาสิกวตฺถสทิสํ. เอกเมกฺจ ภิกฺขุํ เอกเมเกน ทุสฺสยุเคนาติ เอกเมเกน ทุสฺสยุคเฬน. ตตฺร เอกสาฏโก ปฺจสตานิ อคฺฆติ. เอวํ ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ ปฺจสตสหสฺสคฺฆนกานิ ทุสฺสานิ อทาสิ. พฺราหฺมโณ เอตฺตกมฺปิ ทตฺวา อตุฏฺโ ปุน สตฺตฏฺสหสฺสคฺฆนเก อเนกรตฺตกมฺพเล จ ปฏฺฏุณฺณปตฺตปเฏ จ ผาเลตฺวา ผาเลตฺวา อาโยคอํสพทฺธกกายพนฺธนปริสฺสาวนาทีนํ อตฺถาย อทาสิ. สตปากสหสฺสปากานฺจ เภสชฺชเตลานํ ตุมฺพานิ ปูเรตฺวา เอกเมกสฺส ภิกฺขุโน อพฺภฺชนตฺถาย สหสฺสคฺฆนกํ เตลมทาสิ. กึ พหุนา, จตูสุ ปจฺจเยสุ น โกจิ ปริกฺขาโร สมณปริโภโค ¶ อทินฺโน นาม อโหสิ. ปาฬิยํ ปน จีวรมตฺตเมว วุตฺตํ.
เอวํ มหายาคํ ยชิตฺวา สปุตฺตทารํ วนฺทิตฺวา นิสินฺนํ อถ โข ภควา เวรฺชํ พฺราหฺมณํ เตมาสํ มาราวฏฺฏเนน ธมฺมสวนามตรสปริโภคปริหีนํ เอกทิวเสเนว ธมฺมามตวสฺสํ วสฺเสตฺวา ปุริปุณฺณสงฺกปฺปํ กุรุมาโน ธมฺมิยา ¶ กถาย สนฺทสฺเสตฺวา…เป… อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. พฺราหฺมโณปิ สปุตฺตทาโร ภควนฺตฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ วนฺทิตฺวา ‘‘ปุนปิ, ภนฺเต, อมฺหากํ อนุคฺคหํ กเรยฺยาถา’’ติ เอวมาทีนิ วทนฺโต อนุพนฺธิตฺวา อสฺสูนิ ปวตฺตยมาโน นิวตฺติ.
อถ โข ภควา เวรฺชายํ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวาติ ยถาชฺฌาสยํ ยถารุจิตํ วาสํ วสิตฺวา เวรฺชาย นิกฺขมิตฺวา มหามณฺฑเล จาริกาย จรณกาเล คนฺตพฺพํ พุทฺธวีถิ ปหาย ทุพฺภิกฺขโทเสน ¶ กิลนฺตํ ภิกฺขุสงฺฆํ อุชุนาว มคฺเคน คเหตฺวา คนฺตุกาโม โสเรยฺยาทีนิ อนุปคมฺม ปยาคปติฏฺานํ คนฺตฺวา ตตฺถ คงฺคํ นทึ อุตฺตริตฺวา เยน พาราณสี ตทวสริ. เตน อวสริ ตทวสริ. ตตฺราปิ ยถาชฺฌาสยํ วิหริตฺวา เวสาลึ อคมาสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อนุปคมฺม โสเรยฺยํ…เป… เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลาย’’นฺติ.
พุทฺธาจิณฺณกถา นิฏฺิตา.
สมนฺตปาสาทิกาย วินยสํวณฺณนาย
เวรฺชกณฺฑวณฺณนา นิฏฺิตา.
ตตฺริทํ สมนฺตปาสาทิกาย สมนฺตปาสาทิกตฺตสฺมึ –
อาจริยปรมฺปรโต, นิทานวตฺถุปฺปเภททีปนโต;
ปรสมยวิวชฺชนโต, สกสมยวิสุทฺธิโต เจว.
พฺยฺชนปริโสธนโต, ปทตฺถโต ปาฬิโยชนกฺกมโต;
สิกฺขาปทนิจฺฉยโต, วิภงฺคนยเภททสฺสนโต.
สมฺปสฺสตํ น ทิสฺสติ, กิฺจิ อปาสาทิกํ ยโต เอตฺถ;
วิฺูนมยํ ตสฺมา, สมนฺตปาสาทิกาตฺเวว.
สํวณฺณนา ¶ ปวตฺตา, วินยสฺส วิเนยฺยทมนกุสเลน;
วุตฺตสฺส โลกนาเถน, โลกมนุกมฺปมาเนนาติ.
เวรฺชกณฺฑวณฺณนา นิฏฺิตา.