📜

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

วินยปิฏเก

ปาราชิกปาฬิ

เวรฺชกณฺฑํ

. เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา เวรฺชายํ วิหรติ นเฬรุปุจิมนฺทมูเล มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ. อสฺโสสิ โข เวรฺโช พฺราหฺมโณ – ‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต เวรฺชายํ วิหรติ นเฬรุปุจิมนฺทมูเล มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ. ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา [ภควาติ (สฺยา.), ที. นิ. ๑.๑๕๗, อพฺภุคฺคตากาเรน ปน สเมติ]. โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณึ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติ. โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ; เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ; สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’’ติ.

. [อิโต ปรํ ยาว ปารา. ๑๕-๑๖ ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามีติ ปาโ อ. นิ. ๘.๑๑] อถ โข เวรฺโช พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ . เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข เวรฺโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, โภ โคตม – ‘น สมโณ โคตโม พฺราหฺมเณ ชิณฺเณ วุฑฺเฒ มหลฺลเก อทฺธคเต วโยอนุปฺปตฺเต อภิวาเทติ วา ปจฺจุฏฺเติ วา อาสเนน วา นิมนฺเตตี’ติ. ตยิทํ, โภ โคตม, ตเถว? น หิ ภวํ โคตโม พฺราหฺมเณ ชิณฺเณ วุฑฺเฒ มหลฺลเก อทฺธคเต วโยอนุปฺปตฺเต อภิวาเทติ วา ปจฺจุฏฺเติ วา อาสเนน วา นิมนฺเตติ? ตยิทํ, โภ โคตม, น สมฺปนฺนเมวา’’ติ.

‘‘นาหํ ตํ, พฺราหฺมณ, ปสฺสามิ สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย ยมหํ อภิวาเทยฺยํ วา ปจฺจุฏฺเยฺยํ วา อาสเนน วา นิมนฺเตยฺยํ. ยฺหิ, พฺราหฺมณ, ตถาคโต อภิวาเทยฺย วา ปจฺจุฏฺเยฺย วา อาสเนน วา นิมนฺเตยฺย, มุทฺธาปิ ตสฺส วิปเตยฺยา’’ติ.

. ‘‘อรสรูโป ภวํ โคตโม’’ติ? ‘‘อตฺถิ ขฺเวส, พฺราหฺมณ, ปริยาโย เยน มํ ปริยาเยน สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘อรสรูโป สมโณ โคตโม’ติ. เย เต, พฺราหฺมณ, รูปรสา สทฺทรสา คนฺธรสา รสรสา โผฏฺพฺพรสา เต ตถาคตสฺส ปหีนา อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา [อนภาวกตา (สี.) อนภาวํคตา (สฺยา.)] อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา. อยํ โข, พฺราหฺมณ, ปริยาโย เยน มํ ปริยาเยน สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘อรสรูโป สมโณ โคตโม’ติ, โน จ โข ยํ ตฺวํ สนฺธาย วเทสี’’ติ.

. ‘‘นิพฺโภโค ภวํ โคตโม’’ติ? ‘‘อตฺถิ ขฺเวส, พฺราหฺมณ, ปริยาโย เยน มํ ปริยาเยน สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘นิพฺโภโค สมโณ โคตโม’ติ. เย เต, พฺราหฺมณ, รูปโภคา สทฺทโภคา คนฺธโภคา รสโภคา โผฏฺพฺพโภคา เต ตถาคตสฺส ปหีนา อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา. อยํ โข, พฺราหฺมณ, ปริยาโย เยน มํ ปริยาเยน สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘นิพฺโภโค สมโณ โคตโม’ติ, โน จ โข ยํ ตฺวํ สนฺธาย วเทสี’’ติ.

. ‘‘อกิริยวาโท ภวํ โคตโม’’ติ? ‘‘อตฺถิ ขฺเวส, พฺราหฺมณ, ปริยาโย เยน มํ ปริยาเยน สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘อกิริยวาโท สมโณ โคตโม’ติ. อหฺหิ, พฺราหฺมณ, อกิริยํ วทามิ กายทุจฺจริตสฺส วจีทุจฺจริตสฺส มโนทุจฺจริตสฺส. อเนกวิหิตานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อกิริยํ วทามิ. อยํ โข, พฺราหฺมณ, ปริยาโย เยน มํ ปริยาเยน สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘อกิริยวาโท สมโณ โคตโม’ติ, โน จ โข ยํ ตฺวํ สนฺธาย วเทสี’’ติ.

. ‘‘อุจฺเฉทวาโท ภวํ โคตโม’’ติ? ‘‘อตฺถิ ขฺเวส, พฺราหฺมณ, ปริยาโย เยน มํ ปริยาเยน สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘อุจฺเฉทวาโท สมโณ โคตโม’ติ. อหฺหิ, พฺราหฺมณ, อุจฺเฉทํ วทามิ ราคสฺส โทสสฺส โมหสฺส. อเนกวิหิตานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อุจฺเฉทํ วทามิ. อยํ โข, พฺราหฺมณ, ปริยาโย เยน มํ ปริยาเยน สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘อุจฺเฉทวาโท สมโณ โคตโม’ติ, โน จ โข ยํ ตฺวํ สนฺธาย วเทสี’’ติ.

. ‘‘เชคุจฺฉี ภวํ โคตโม’’ติ? ‘‘อตฺถิ ขฺเวส, พฺราหฺมณ, ปริยาโย เยน มํ ปริยาเยน สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘เชคุจฺฉี สมโณ โคตโม’ติ. อหฺหิ, พฺราหฺมณ, ชิคุจฺฉามิ กายทุจฺจริเตน วจีทุจฺจริเตน มโนทุจฺจริเตน. อเนกวิหิตานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติยา ชิคุจฺฉามิ. อยํ โข, พฺราหฺมณ, ปริยาโย เยน มํ ปริยาเยน สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘เชคุจฺฉี สมโณ โคตโม’ติ, โน จ โข ยํ ตฺวํ สนฺธาย วเทสี’’ติ.

. ‘‘เวนยิโก ภวํ โคตโม’’ติ? ‘‘อตฺถิ ขฺเวส, พฺราหฺมณ, ปริยาโย เยน มํ ปริยาเยน สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘เวนยิโก สมโณ โคตโม’ติ. อหฺหิ, พฺราหฺมณ, วินยาย ธมฺมํ เทเสมิ ราคสฺส โทสสฺส โมหสฺส. อเนกวิหิตานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ วินยาย ธมฺมํ เทเสมิ. อยํ โข, พฺราหฺมณ, ปริยาโย เยน มํ ปริยาเยน สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘เวนยิโก สมโณ โคตโม’ติ, โน จ โข ยํ ตฺวํ สนฺธาย วเทสี’’ติ.

. ‘‘ตปสฺสี ภวํ โคตโม’’ติ? ‘‘อตฺถิ ขฺเวส, พฺราหฺมณ, ปริยาโย เยน มํ ปริยาเยน สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘ตปสฺสี สมโณ โคตโม’ติ . ตปนียาหํ, พฺราหฺมณ, ปาปเก อกุสเล ธมฺเม วทามิ, กายทุจฺจริตํ วจีทุจฺจริตํ มโนทุจฺจริตํ. ยสฺส โข, พฺราหฺมณ , ตปนียา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา ปหีนา อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา ตมหํ ตปสฺสีติ วทามิ. ตถาคตสฺส โข, พฺราหฺมณ, ตปนียา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา ปหีนา อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา. อยํ โข, พฺราหฺมณ, ปริยาโย เยน มํ ปริยาเยน สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘ตปสฺสี สมโณ โคตโม’ติ, โน จ โข ยํ ตฺวํ สนฺธาย วเทสี’’ติ.

๑๐. ‘‘อปคพฺโภ ภวํ โคตโม’’ติ? ‘‘อตฺถิ ขฺเวส, พฺราหฺมณ, ปริยาโย เยน มํ ปริยาเยน สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘อปคพฺโภ สมโณ โคตโม’ติ. ยสฺส โข, พฺราหฺมณ, อายตึ คพฺภเสยฺยา ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ ปหีนา อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา ตมหํ อปคพฺโภติ วทามิ. ตถาคตสฺส โข, พฺราหฺมณ, อายตึ คพฺภเสยฺยา ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ ปหีนา อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา. อยํ โข, พฺราหฺมณ, ปริยาโย เยน มํ ปริยาเยน สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘อปคพฺโภ สมโณ โคตโม’ติ, โน จ โข ยํ ตฺวํ สนฺธาย วเทสิ’’.

๑๑. ‘‘เสยฺยถาปิ, พฺราหฺมณ, กุกฺกุฏิยา อณฺฑานิ อฏฺ วา ทส วา ทฺวาทส วา. ตานสฺสุ กุกฺกุฏิยา สมฺมา อธิสยิตานิ สมฺมา ปริเสทิตานิ สมฺมา ปริภาวิตานิ. โย นุ โข เตสํ กุกฺกุฏจฺฉาปกานํ ปมตรํ ปาทนขสิขาย วา มุขตุณฺฑเกน วา อณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา โสตฺถินา อภินิพฺภิชฺเชยฺย, กินฺติ สฺวาสฺส วจนีโย – ‘‘เชฏฺโ วา กนิฏฺโ วา’’ติ? ‘‘เชฏฺโติสฺส, โภ โคตม, วจนีโย. โส หิ เนสํ เชฏฺโ โหตี’’ติ. ‘‘เอวเมว โข อหํ, พฺราหฺมณ, อวิชฺชาคตาย ปชาย อณฺฑภูตาย ปริโยนทฺธาย อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา เอโกว โลเก อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ. สฺวาหํ, พฺราหฺมณ, เชฏฺโ เสฏฺโ โลกสฺส’’.

‘‘อารทฺธํ โข ปน เม, พฺราหฺมณ, วีริยํ [วิริยํ (สี. สฺยา.)] อโหสิ อสลฺลีนํ, อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา [อปฺปมุฏฺา (สี. สฺยา.)], ปสฺสทฺโธ กาโย อสารทฺโธ, สมาหิตํ จิตฺตํ เอกคฺคํ. โส โข อหํ, พฺราหฺมณ, วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสึ. วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสึ. ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหาสึ สโต จ สมฺปชาโน, สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทสึ , ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ – ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’ติ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสึ. สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสึ.

๑๒. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสึ. โส อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรามิ , เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย ติสฺโสปิ ชาติโย จตสฺโสปิ ชาติโย ปฺจปิ ชาติโย ทสปิ ชาติโย วีสมฺปิ ชาติโย ตึสมฺปิ ชาติโย จตฺตาลีสมฺปิ ชาติโย ปฺาสมฺปิ ชาติโย ชาติสตมฺปิ, ชาติสหสฺสมฺปิ ชาติสตสหสฺสมฺปิ, อเนเกปิ สํวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ วิวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเป – ‘อมุตฺราสึ เอวํนาโม เอวํโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต; โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทึ; ตตฺราปาสึ เอวํนาโม เอวํโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต; โส ตโต จุโต อิธูปปนฺโนติ. อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรามิ. อยํ โข เม, พฺราหฺมณ, รตฺติยา ปเม ยาเม ปมา วิชฺชา อธิคตา, อวิชฺชา วิหตา, วิชฺชา อุปฺปนฺนา, ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปนฺโน – ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต. อยํ โข เม, พฺราหฺมณ, ปมาภินิพฺภิทา อโหสิ กุกฺกุฏจฺฉาปกสฺเสว อณฺฑโกสมฺหา.

๑๓. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต สตฺตานํ จุตูปปาตาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสึ . โส ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน [อติกฺกนฺตมานุสฺสเกน (ก.)] สตฺเต ปสฺสามิ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ. สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานามิ – ‘อิเม วต โภนฺโต สตฺตา กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา วจีทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา มโนทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อุปวาทกา มิจฺฉาทิฏฺิกา มิจฺฉาทิฏฺิกมฺมสมาทานา; เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนา. อิเม วา ปน โภนฺโต สตฺตา กายสุจริเตน สมนฺนาคตา วจีสุจริเตน สมนฺนาคตา มโนสุจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อนุปวาทกา สมฺมาทิฏฺิกา สมฺมาทิฏฺิกมฺมสมาทานา; เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนา’ติ. อิติ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสามิ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ. สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานามิ. อยํ โข เม, พฺราหฺมณ, รตฺติยา มชฺฌิเม ยาเม ทุติยา วิชฺชา อธิคตา, อวิชฺชา วิหตา, วิชฺชา อุปฺปนฺนา, ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปนฺโน – ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต. อยํ โข เม, พฺราหฺมณ, ทุติยาภินิพฺภิทา อโหสิ กุกฺกุฏจฺฉาปกสฺเสว อณฺฑโกสมฺหา.

๑๔. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต อาสวานํ ขยาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสึ. โส ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ; ‘อิเม อาสวา’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ อาสวสมุทโย’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ อาสวนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ อาสวนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ. ตสฺส เม เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ อวิชฺชาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ. วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ อโหสิ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ อพฺภฺาสึ. อยํ โข เม, พฺราหฺมณ, รตฺติยา ปจฺฉิเม ยาเม ตติยา วิชฺชา อธิคตา, อวิชฺชา วิหตา, วิชฺชา อุปฺปนฺนา, ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปนฺโน – ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต. อยํ โข เม, พฺราหฺมณ, ตติยาภินิพฺภิทา อโหสิ – กุกฺกุฏจฺฉาปกสฺเสว อณฺฑโกสมฺหา’’ติ.

๑๕. เอวํ วุตฺเต, เวรฺโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เชฏฺโ ภวํ โคตโม, เสฏฺโ ภวํ โคตโม! อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม!! เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย – จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ, เอวเมวํ โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต . เอสาหํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คตํ. อธิวาเสตุ จ เม ภวํ โคตโม เวรฺชายํ วสฺสาวาสํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา’’ติ. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน. อถ โข เวรฺโช พฺราหฺมโณ ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ.

๑๖. เตน โข ปน สมเยน เวรฺชา ทุพฺภิกฺขา โหติ ทฺวีหิติกา เสตฏฺิกา สลากาวุตฺตา น สุกรา อุฺเฉน ปคฺคเหน ยาเปตุํ. เตน โข ปน สมเยน อุตฺตราปถกา [อุตฺตราหกา (สี.)] อสฺสวาณิชา [อสฺสวณิชา (ก.)] ปฺจมตฺเตหิ อสฺสสเตหิ เวรฺชํ วสฺสาวาสํ อุปคตา โหนฺติ. เตหิ อสฺสมณฺฑลิกาสุ ภิกฺขูนํ ปตฺถปตฺถปุลกํ [ปตฺถปตฺถมูลกํ (ก.)] ปฺตฺตํ โหติ. ภิกฺขู ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เวรฺชํ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา ปิณฺฑํ อลภมานา อสฺสมณฺฑลิกาสุ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปตฺถปตฺถปุลกํ อารามํ อาหริตฺวา อุทุกฺขเล โกฏฺเฏตฺวา โกฏฺเฏตฺวา ปริภุฺชนฺติ. อายสฺมา ปนานนฺโท ปตฺถปุลกํ สิลายํ ปิสิตฺวา ภควโต อุปนาเมติ. ตํ ภควา ปริภุฺชติ.

อสฺโสสิ โข ภควา อุทุกฺขลสทฺทํ. ชานนฺตาปิ ตถาคตา ปุจฺฉนฺติ, ชานนฺตาปิ น ปุจฺฉนฺติ; กาลํ วิทิตฺวา ปุจฺฉนฺติ, กาลํ วิทิตฺวา น ปุจฺฉนฺติ; อตฺถสํหิตํ ตถาคตา ปุจฺฉนฺติ, โน อนตฺถสํหิตํ. อนตฺถสํหิเต เสตุฆาโต ตถาคตานํ. ทฺวีหิ อากาเรหิ พุทฺธา ภควนฺโต ภิกฺขู ปฏิปุจฺฉนฺติ – ธมฺมํ วา เทเสสฺสาม, สาวกานํ วา สิกฺขาปทํ ปฺเปสฺสามาติ [ปฺาเปสฺสามาติ (สี. สฺยา.)]. อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามนฺเตสิ – ‘‘กึ นุ โข โส, อานนฺท, อุทุกฺขลสทฺโท’’ติ? อถ โข อายสฺมา อานนฺโท ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสิ . ‘‘สาธุ สาธุ, อานนฺท! ตุมฺเหหิ, อานนฺท สปฺปุริเสหิ วิชิตํ. ปจฺฉิมา ชนตา สาลิมํโสทนํ อติมฺิสฺสตี’’ติ.

๑๗. อถ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน [มหาโมคฺคลาโน (ก.)] เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เอตรหิ, ภนฺเต, เวรฺชา ทุพฺภิกฺขา ทฺวีหิติกา เสตฏฺิกา สลากาวุตฺตา. น สุกรา อุฺเฉน ปคฺคเหน ยาเปตุํ. อิมิสฺสา, ภนฺเต, มหาปถวิยา เหฏฺิมตลํ สมฺปนฺนํ – เสยฺยถาปิ ขุทฺทมธุํ อนีลกํ เอวมสฺสาทํ. สาธาหํ, ภนฺเต, ปถวึ ปริวตฺเตยฺยํ. ภิกฺขู ปปฺปฏโกชํ ปริภุฺชิสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘เย ปน เต, โมคฺคลฺลาน, ปถวินิสฺสิตา ปาณา เต กถํ กริสฺสสี’’ติ? ‘‘เอกาหํ, ภนฺเต, ปาณึ อภินิมฺมินิสฺสามิ – เสยฺยถาปิ มหาปถวี. เย ปถวินิสฺสิตา ปาณา เต ตตฺถ สงฺกาเมสฺสามิ. เอเกน หตฺเถน ปถวึ ปริวตฺเตสฺสามี’’ติ. ‘‘อลํ, โมคฺคลฺลาน, มา เต รุจฺจิ ปถวึ ปริวตฺเตตุํ. วิปลฺลาสมฺปิ สตฺตา ปฏิลเภยฺยุ’’นฺติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต, สพฺโพ ภิกฺขุสงฺโฆ อุตฺตรกุรุํ ปิณฺฑาย คจฺเฉยฺยา’’ติ. ‘‘อลํ, โมคฺคลฺลาน, มา เต รุจฺจิ สพฺพสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส อุตฺตรกุรุํ ปิณฺฑาย คมน’’นฺติ.

๑๘. อถ โข อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ‘‘กตเมสานํ โข พุทฺธานํ ภควนฺตานํ พฺรหฺมจริยํ น จิรฏฺิติกํ อโหสิ; กตเมสานํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ พฺรหฺมจริยํ จิรฏฺิติกํ อโหสี’’ติ? อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต สายนฺหสมยํ [สายณฺหสมยํ (สี.)] ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิธ มยฺหํ, ภนฺเต, รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ‘กตเมสานํ โข พุทฺธานํ ภควนฺตานํ พฺรหฺมจริยํ น จิรฏฺิติกํ อโหสิ, กตเมสานํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ พฺรหฺมจริยํ จิรฏฺิติกํ อโหสี’ติ. ‘กตเมสานํ นุ โข, ภนฺเต, พุทฺธานํ ภควนฺตานํ พฺรหฺมจริยํ น จิรฏฺิติกํ อโหสิ, กตเมสานํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ พฺรหฺมจริยํ จิรฏฺิติกํ อโหสี’’’ติ?

‘‘ภควโต จ, สาริปุตฺต, วิปสฺสิสฺส ภควโต จ สิขิสฺส ภควโต จ เวสฺสภุสฺส พฺรหฺมจริยํ น จิรฏฺิติกํ อโหสิ. ภควโต จ, สาริปุตฺต, กกุสนฺธสฺส ภควโต จ โกณาคมนสฺส ภควโต จ กสฺสปสฺส พฺรหฺมจริยํ จิรฏฺิติกํ อโหสี’’ติ.

๑๙. ‘‘โก นุ โข , ภนฺเต, เหตุ โก ปจฺจโย, เยน ภควโต จ วิปสฺสิสฺส ภควโต จ สิขิสฺส ภควโต จ เวสฺสภุสฺส พฺรหฺมจริยํ น จิรฏฺิติกํ อโหสี’’ติ? ‘‘ภควา จ, สาริปุตฺต, วิปสฺสี ภควา จ สิขี ภควา จ เวสฺสภู กิลาสุโน อเหสุํ สาวกานํ วิตฺถาเรน ธมฺมํ เทเสตุํ. อปฺปกฺจ เนสํ อโหสิ สุตฺตํ เคยฺยํ เวยฺยากรณํ คาถา อุทานํ อิติวุตฺตกํ ชาตกํ อพฺภุตธมฺมํ เวทลฺลํ. อปฺตฺตํ สาวกานํ สิกฺขาปทํ. อนุทฺทิฏฺํ ปาติโมกฺขํ. เตสํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ อนฺตรธาเนน พุทฺธานุพุทฺธานํ สาวกานํ อนฺตรธาเนน เย เต ปจฺฉิมา สาวกา นานานามา นานาโคตฺตา นานาชจฺจา นานากุลา ปพฺพชิตา เต ตํ พฺรหฺมจริยํ ขิปฺปฺเว อนฺตรธาเปสุํ. เสยฺยถาปิ, สาริปุตฺต, นานาปุปฺผานิ ผลเก นิกฺขิตฺตานิ สุตฺเตน อสงฺคหิตานิ ตานิ วาโต วิกิรติ วิธมติ วิทฺธํเสติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ยถา ตํ สุตฺเตน อสงฺคหิตตฺตา. เอวเมว โข, สาริปุตฺต, เตสํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ อนฺตรธาเนน พุทฺธานุพุทฺธานํ สาวกานํ อนฺตรธาเนน เย เต ปจฺฉิมา สาวกา นานานามา นานาโคตฺตา นานาชจฺจา นานากุลา ปพฺพชิตา เต ตํ พฺรหฺมจริยํ ขิปฺปฺเว อนฺตรธาเปสุํ.

‘‘อกิลาสุโน จ เต ภควนฺโต อเหสุํ สาวเก เจตสา เจโต ปริจฺจ โอวทิตุํ. ภูตปุพฺพํ, สาริปุตฺต, เวสฺสภู ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อฺตรสฺมึ ภึสนเก [ภีสนเก (ก.)] วนสณฺเฑ สหสฺสํ ภิกฺขุสงฺฆํ เจตสา เจโต ปริจฺจ โอวทติ อนุสาสติ – ‘เอวํ วิตกฺเกถ, มา เอวํ วิตกฺกยิตฺถ; เอวํ มนสิกโรถ, มา เอวํ มนสากตฺถ [มนสากริตฺถ (ก.)]; อิทํ ปชหถ, อิทํ อุปสมฺปชฺช วิหรถา’ติ. อถ โข, สาริปุตฺต, ตสฺส ภิกฺขุสหสฺสสฺส เวสฺสภุนา ภควตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน เอวํ โอวทิยมานานํ เอวํ อนุสาสิยมานานํ อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตานิ วิมุจฺจึสุ. ตตฺร สุทํ, สาริปุตฺต, ภึสนกสฺส วนสณฺฑสฺส ภึสนกตสฺมึ โหติ – โย โกจิ อวีตราโค ตํ วนสณฺฑํ ปวิสติ, เยภุยฺเยน โลมานิ หํสนฺติ. อยํ โข, สาริปุตฺต, เหตุ อยํ ปจฺจโย เยน ภควโต จ วิปสฺสิสฺส ภควโต จ สิขิสฺส ภควโต จ เวสฺสภุสฺส พฺรหฺมจริยํ น จิรฏฺิติกํ อโหสี’’ติ.

๒๐. ‘‘โก ปน, ภนฺเต, เหตุ โก ปจฺจโย เยน ภควโต จ กกุสนฺธสฺส ภควโต จ โกณาคมนสฺส ภควโต จ กสฺสปสฺส พฺรหฺมจริยํ จิรฏฺิติกํ อโหสี’’ติ? ‘‘ภควา จ, สาริปุตฺต, กกุสนฺโธ ภควา จ โกณาคมโน ภควา จ กสฺสโป อกิลาสุโน อเหสุํ สาวกานํ วิตฺถาเรน ธมฺมํ เทเสตุํ. พหุฺจ เนสํ อโหสิ สุตฺตํ เคยฺยํ เวยฺยากรณํ คาถา อุทานํ อิติวุตฺตกํ ชาตกํ อพฺภุตธมฺมํ เวทลฺลํ, ปฺตฺตํ สาวกานํ สิกฺขาปทํ, อุทฺทิฏฺํ ปาติโมกฺขํ. เตสํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ อนฺตรธาเนน พุทฺธานุพุทฺธานํ สาวกานํ อนฺตรธาเนน เย เต ปจฺฉิมา สาวกา นานานามา นานาโคตฺตา นานาชจฺจา นานากุลา ปพฺพชิตา เต ตํ พฺรหฺมจริยํ จิรํ ทีฆมทฺธานํ เปสุํ. เสยฺยถาปิ, สาริปุตฺต, นานาปุปฺผานิ ผลเก นิกฺขิตฺตานิ สุตฺเตน สุสงฺคหิตานิ ตานิ วาโต น วิกิรติ น วิธมติ น วิทฺธํเสติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ยถา ตํ สุตฺเตน สุสงฺคหิตตฺตา. เอวเมว โข, สาริปุตฺต, เตสํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ อนฺตรธาเนน พุทฺธานุพุทฺธานํ สาวกานํ อนฺตรธาเนน เย เต ปจฺฉิมา สาวกา นานานามา นานาโคตฺตา นานาชจฺจา นานากุลา ปพฺพชิตา เต ตํ พฺรหฺมจริยํ จิรํ ทีฆมทฺธานํ เปสุํ. อยํ โข, สาริปุตฺต, เหตุ อยํ ปจฺจโย เยน ภควโต จ กกุสนฺธสฺส ภควโต จ โกณาคมนสฺส ภควโต จ กสฺสปสฺส พฺรหฺมจริยํ จิรฏฺิติกํ อโหสี’’ติ.

๒๑. อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เอตสฺส, ภควา, กาโล! เอตสฺส, สุคต, กาโล! ยํ ภควา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺเปยฺย [ปฺาเปยฺย (สี. สฺยา.)], อุทฺทิเสยฺย ปาติโมกฺขํ, ยถยิทํ พฺรหฺมจริยํ อทฺธนิยํ อสฺส จิรฏฺิติก’’นฺติ. ‘‘อาคเมหิ ตฺวํ, สาริปุตฺต ! อาคเมหิ ตฺวํ, สาริปุตฺต! ตถาคโตว ตตฺถ กาลํ ชานิสฺสติ. น ตาว, สาริปุตฺต, สตฺถา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺเปติ อุทฺทิสติ [น อุทฺทิสติ (สี.)] ปาติโมกฺขํ ยาว น อิเธกจฺเจ อาสวฏฺานียา ธมฺมา สงฺเฆ ปาตุภวนฺติ. ยโต จ โข, สาริปุตฺต, อิเธกจฺเจ อาสวฏฺานียา ธมฺมา สงฺเฆ ปาตุภวนฺติ, อถ สตฺถา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺเปติ อุทฺทิสฺสติ ปาติโมกฺขํ เตสํเยว อาสวฏฺานียานํ ธมฺมานํ ปฏิฆาตาย. น ตาว, สาริปุตฺต, อิเธกจฺเจ อาสวฏฺานียา ธมฺมา สงฺเฆ ปาตุภวนฺติ ยาว น สงฺโฆ รตฺตฺุมหตฺตํ ปตฺโต โหติ. ยโต จ โข, สาริปุตฺต, สงฺโฆ รตฺตฺุมหตฺตํ ปตฺโต โหติ อถ อิเธกจฺเจ อาสวฏฺานียา ธมฺมา สงฺเฆ ปาตุภวนฺติ, อถ, สตฺถา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺเปติ อุทฺทิสติ ปาติโมกฺขํ เตสํเยว อาสวฏฺานียานํ ธมฺมานํ ปฏิฆาตาย. น ตาว, สาริปุตฺต, อิเธกจฺเจ อาสวฏฺานียา ธมฺมา สงฺเฆ ปาตุภวนฺติ, ยาว น สงฺโฆ เวปุลฺลมหตฺตํ ปตฺโต โหติ. ยโต จ โข, สาริปุตฺต, สงฺโฆ เวปุลฺลมหตฺตํ ปตฺโต โหติ, อถ อิเธกจฺเจ อาสวฏฺานียา ธมฺมา สงฺเฆ ปาตุภวนฺติ, อถ สตฺถา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺเปติ อุทฺทิสติ ปาติโมกฺขํ เตสํเยว อาสวฏฺานียานํ ธมฺมานํ ปฏิฆาตาย. น ตาว, สาริปุตฺต, อิเธกจฺเจ อาสวฏฺานียา ธมฺมา สงฺเฆ ปาตุภวนฺติ, ยาว น สงฺโฆ ลาภคฺคมหตฺตํ ปตฺโต โหติ. ยโต จ โข, สาริปุตฺต, สงฺโฆ ลาภคฺคมหตฺตํ ปตฺโต โหติ, อถ อิเธกจฺเจ อาสวฏฺานียา ธมฺมา สงฺเฆ ปาตุภวนฺติ, อถ สตฺถา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺเปติ อุทฺทิสติ ปาติโมกฺขํ เตสํเยว อาสวฏฺานียานํ ธมฺมานํ ปฏิฆาตาย. น ตาว, สาริปุตฺต, อิเธกจฺเจ อาสวฏฺานียา ธมฺมา สงฺเฆ ปาตุภวนฺติ, ยาว น สงฺโฆ พาหุสจฺจมหตฺตํ ปตฺโต โหติ. ยโต จ โข, สาริปุตฺต, สงฺโฆ พาหุสจฺจมหตฺตํ ปตฺโต โหติ, อถ อิเธกจฺเจ อาสวฏฺานียา ธมฺมา สงฺเฆ ปาตุภวนฺติ, อถ สตฺถา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺเปติ อุทฺทิสติ ปาติโมกฺขํ เตสํเยว อาสวฏฺานียานํ ธมฺมานํ ปฏิฆาตาย. นิรพฺพุโท หิ, สาริปุตฺต, ภิกฺขุสงฺโฆ นิราทีนโว อปคตกาฬโก สุทฺโธ สาเร ปติฏฺิโต. อิเมสฺหิ, สาริปุตฺต, ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ โย ปจฺฉิมโก ภิกฺขุ โส โสตาปนฺโน อวินิปาตธมฺโม นิยโต สมฺโพธิปรายโณ’’ติ.

๒๒. อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามนฺเตสิ – ‘‘อาจิณฺณํ โข ปเนตํ, อานนฺท, ตถาคตานํ เยหิ นิมนฺติตา วสฺสํ วสนฺติ, น เต อนปโลเกตฺวา ชนปทจาริกํ ปกฺกมนฺติ. อายามานนฺท, เวรฺชํ พฺราหฺมณํ อปโลเกสฺสามา’’ติ. ‘‘เอวํ ภนฺเต’’ติ โข อายสฺมา อานนฺโท ภควโต ปจฺจสฺโสสิ. อถ โข ภควา นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อายสฺมตา อานนฺเทน ปจฺฉาสมเณน เยน เวรฺชสฺส พฺราหฺมณสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. อถ โข เวรฺโช พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข เวรฺชํ พฺราหฺมณํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘นิมนฺติตมฺห ตยา, พฺราหฺมณ , วสฺสํวุฏฺา [วสฺสํวุตฺถา (สี. สฺยา. ก.)], อปโลเกม ตํ, อิจฺฉาม มยํ ชนปทจาริกํ ปกฺกมิตุ’’นฺติ. ‘‘สจฺจํ, โภ โคตม, นิมนฺติตตฺถ มยา วสฺสํวุฏฺา; อปิ จ, โย เทยฺยธมฺโม โส น ทินฺโน. ตฺจ โข โน อสนฺตํ, โนปิ อทาตุกมฺยตา, ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา พหุกิจฺจา ฆราวาสา พหุกรณียา. อธิวาเสตุ เม ภวํ โคตโม สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา’’ติ. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน. อถ โข ภควา เวรฺชํ พฺราหฺมณํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสตฺวา สมาทเปตฺวา สมุตฺเตเชตฺวา สมฺปหํเสตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. อถ โข เวรฺโช พฺราหฺมโณ ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน สเก นิเวสเน ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฏิยาทาเปตฺวา ภควโต กาลํ อาโรจาเปสิ – ‘‘กาโล, โภ โคตม, นิฏฺิตํ ภตฺต’’นฺติ.

๒๓. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน เวรฺชสฺส พฺราหฺมณสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน. อถ โข เวรฺโช พฺราหฺมโณ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปตฺวา สมฺปวาเรตฺวา ภควนฺตํ ภุตฺตาวึ โอนีตปตฺตปาณึ [โอณีตปตฺตปาณึ (ก.)] ติจีวเรน อจฺฉาเทสิ, เอกเมกฺจ ภิกฺขุํ เอกเมเกน ทุสฺสยุเคน อจฺฉาเทสิ. อถ โข ภควา เวรฺชํ พฺราหฺมณํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสตฺวา สมาทเปตฺวา สมุตฺเตเชตฺวา สมฺปหํเสตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. อถ โข ภควา เวรฺชายํ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา อนุปคมฺม โสเรยฺยํ สงฺกสฺสํ กณฺณกุชฺชํ เยน ปยาคปติฏฺานํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปยาคปติฏฺาเน คงฺคํ นทึ อุตฺตริตฺวา เยน พาราณสี ตทวสริ. อถ โข ภควา พาราณสิยํ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน เวสาลี เตน จาริกํ ปกฺกามิ. อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน เวสาลี ตทวสริ. ตตฺร สุทํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลายนฺติ.

เวรฺชภาณวาโร นิฏฺิโต.