📜
๓. วสฺสูปนายิกกฺขนฺธกํ
วสฺสูปนายิกานุชานนกถา
๑๘๔. วสฺสูปนายิกกฺขนฺธเก ¶ ¶ – อปฺตฺโตติ อนนฺุาโต อสํวิหิโต วา. เต อิธ ภิกฺขูติ เต ภิกฺขู, อิธสทฺโท นิปาตมตฺโต. สงฺฆาตํ อาปาเทนฺตาติ วินาสํ อาปาเทนฺตา. สงฺกสายิสฺสนฺตีติ อปฺโปสฺสุกฺกา นิพทฺธวาสํ วสิสฺสนฺติ. สกุนฺตกาติ สกุณา. วสฺสาเน วสฺสํ อุปคนฺตุนฺติ วสฺสานนามเก เตมาเส วสฺสํ อุปคนฺตพฺพนฺติ อตฺโถ. กติ นุ โข วสฺสูปนายิกาติ กติ นุ โข วสฺสูปคมนานิ. อปรชฺชุคตายาติ เอตฺถ อปรชฺชุคตาย อสฺสาติ อปรชฺชุคตา, ตสฺสา อปรชฺชุคตาย; อติกฺกนฺตาย อปรสฺมึ ทิวเสติ อตฺโถ. ทุติยนเยปิ มาโส คตาย อสฺสาติ มาสคตา, ตสฺสา มาสคตาย; อติกฺกนฺตาย มาเส ปริปุณฺเณติ อตฺโถ. ตสฺมา อาสาฬฺหีปุณฺณมาย อนนฺตเร ปาฏิปททิวเส, อาสาฬฺหีปุณฺณมิโต วา อปราย ปุณฺณมาย อนนฺตเร ปาฏิปททิวเสเยว วิหารํ ปฏิชคฺคิตฺวา ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฏฺเปตฺวา สพฺพํ เจติยวนฺทนาทิสามีจิกมฺมํ นิฏฺาเปตฺวา ‘‘อิมสฺมึ วิหาเร อิมํ เตมาสํ วสฺสํ อุเปมี’’ติ สกึ วา ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ วา วาจํ นิจฺฉาเรตฺวา วสฺสํ อุปคนฺตพฺพํ.
วาจํ นิจฺฉาเรตฺวา วสฺสํ อุปคนฺตพฺพํ.
วสฺสาเนจาริกาปฏิกฺเขปาทิกถา
๑๘๕-๖. โย ปกฺกเมยฺยาติ เอตฺถ อนเปกฺขคมเนน วา อฺตฺถ อรุณํ อุฏฺาปเนน วา อาปตฺติ เวทิตพฺพา. โย อติกฺกเมยฺยาติ เอตฺถ วิหารคณนาย อาปตฺติโย เวทิตพฺพา. สเจ หิ ตํ ทิวสํ วิหารสตสฺส อุปจารํ โอกฺกมิตฺวา อติกฺกมติ, สตํ อาปตฺติโย. สเจ ปน วิหารูปจารํ อติกฺกมิตฺวา อฺสฺส วิหารสฺส อุปจารํ อโนกฺกมิตฺวาว นิวตฺตติ, เอกา เอว อาปตฺติ. เกนจิ อนฺตราเยน ปุริมิกํ อนุปคเตน ปจฺฉิมิกา อุปคนฺตพฺพา.
วสฺสํ ¶ อุกฺกฑฺฒิตุกาโมติ วสฺสนามกํ ¶ ปมมาสํ อุกฺกฑฺฒิตุกาโม, สาวณมาสํ อกตฺวา ปุน อาสาฬฺหีมาสเมว กตฺตุกาโมติ อตฺโถ. อาคเม ชุณฺเหติ อาคเม มาเสติ อตฺโถ. อนุชานามิ ภิกฺขเว ราชูนํ อนุวตฺติตุนฺติ เอตฺถ วสฺสุกฺกฑฺฒเน ภิกฺขูนํ กาจิ ปริหานิ นาม นตฺถีติ อนุวตฺติตุํ ¶ อนฺุาตํ, ตสฺมา อฺสฺมิมฺปิ ธมฺมิเก กมฺเม อนุวตฺติตพฺพํ. อธมฺมิเก ปน น กสฺสจิ อนุวตฺติตพฺพํ.
สตฺตาหกรณียานุชานนกถา
๑๘๗-๘. สตฺตาหกรณีเยสุ – สตฺตาหกรณีเยน คนฺตุนฺติ สตฺตาหพฺภนฺตเร ยํ กตฺตพฺพํ ตํ สตฺตาหกรณียํ, เตน สตฺตาหกรณีเยน กรณภูเตน คนฺตุํ อนุชานามีติ อตฺโถ. ปหิเต คนฺตุนฺติ อิเมหิ สตฺตหิ ภิกฺขุอาทีหิ ทูเต ปหิเตเยว คนฺตุํ อนุชานามีติ อตฺโถ. สตฺตาหํ สนฺนิวตฺโต กาตพฺโพติ สตฺตาเหเยว สนฺนิวตฺติตพฺโพ, อฏฺโม อรุโณ ตตฺเถว น อุฏฺาเปตพฺโพติ อตฺโถ.
ภิกฺขุนิสงฺฆํ อุทฺทิสฺสาติ อิโต ปฏฺาย วจฺจกุฏิ ชนฺตาฆรํ ชนฺตาฆรสาลาติ อิมานิ ตีณิ ปริหีนานิ.
๑๘๙. อุโทสิตาทีนิ อุโทสิตสิกฺขาปทาทีสุ วุตฺตาเนว. รสวตีติ ภตฺตเคหํ วุจฺจติ. วาเรยฺยํ สฺจริตฺตสิกฺขาปเท วุตฺตเมว. ปุรายํ สุตฺตนฺโต ปลุชฺชตีติ ยาว อยํ สุตฺตนฺโต น ปลุชฺชติ, ยาว อยํ สุตฺตนฺโต น วินสฺสติ. อฺตรํ วา ปนสฺส กิจฺจํ โหติ กรณียํ วาติ เอเตน ปริสงฺขตํ ยํกิฺจิ กรณียํ สงฺคหิตํ โหติ. สพฺพตฺถ จ ‘‘อิจฺฉามิ ทานฺจ ทาตุํ ธมฺมฺจ โสตุํ ภิกฺขู จ ปสฺสิตุ’’นฺติ อิมินาว กปฺปิยวจเนน เปสิเต คนฺตพฺพํ, เอเตสํ วา เววจเนน. เปยฺยาลกฺกโม ปน เอวํ เวทิตพฺโพ, ยถา ‘‘อุปาสเกน สงฺฆํ อุทฺทิสฺส วิหาราทโย การาปิตา โหนฺติ, สมฺพหุเล ภิกฺขู อุทฺทิสฺส, เอกํ ภิกฺขุํ อุทฺทิสฺส, ภิกฺขุนิสงฺฆํ อุทฺทิสฺส, สมฺพหุลา ภิกฺขุนิโย, เอกํ ภิกฺขุนึ, สมฺพหุลา สิกฺขมานาโย, เอกํ สิกฺขมานํ, สมฺพหุเล สามเณเร, เอกํ สามเณรํ, สมฺพหุลา สามเณริโย, เอกํ สามเณรึ อุทฺทิสฺส อตฺตโน อตฺถาย นิเวสนํ การาปิตํ โหตี’’ติ วุตฺตํ; เอวเมว ‘‘อุปาสิกาย, ภิกฺขุนา, ภิกฺขุนิยา, สิกฺขมานาย, สามเณเรน, สามเณริยา สงฺฆํ อุทฺทิสฺสา’’ติ สพฺพํ วตฺตพฺพํ. เอเตสุ สตฺตปฺปกาเรสุ กรณีเยสุ ¶ ปหิเต คนฺตพฺพํ.
ปฺจนฺนํอปฺปหิเตปิอนุชานนกถา
๑๙๓. ปฺจนฺนํ ¶ สตฺตาหกรณีเยนาติ เอเตสํ ภิกฺขุอาทีนํ สหธมฺมิกานํ ‘‘คิลานภตฺตํ วา คิลานุปฏฺากภตฺตํ วา เภสชฺชํ วา ปริเยสิสฺสามิ ¶ , ปุจฺฉิสฺสามิ วา, อุปฏฺหิสฺสามิ วา’’ติ เอวมาทินา ปรโต วิตฺถาเรตฺวา ทสฺสิเตน การเณน อปฺปหิเตปิ คนฺตพฺพํ, ปเคว ปหิเต. ภิกฺขุ คิลาโน โหติ, อนภิรติ อุปฺปนฺนา โหติ, กุกฺกุจฺจํ อุปฺปนฺนํ โหติ, ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ โหติ, ครุธมฺมํ อชฺฌาปนฺโน โหติ ปริวาสารโห, มูลาย ปฏิกสฺสนารโห โหติ, มานตฺตารโห, อพฺภานารโห, สงฺโฆ กมฺมํ กตฺตุกาโม โหติ, กตํ วา สงฺเฆน กมฺมํ โหตีติ เอเตหิ ทสหิ การเณหิ ภิกฺขุสฺส สนฺติกํ คนฺตพฺพํ. ภิกฺขุนิยา สนฺติกํ นวหิ การเณหิ คนฺตพฺพํ, สิกฺขมานาย สนฺติกํ ฉหิ – อาทิโต จตูหิ, สิกฺขา กุปฺปิตา โหติ, อุปสมฺปชฺชิตุกามา โหตีติ. สามเณรสฺสาปิ ฉหิ – อาทิโต จตูหิ, วสฺสํ ปุจฺฉิตุกาโม อุปสมฺปชฺชิตุกาโม โหตีติ. สามเณริยา อุปสมฺปทํ อปเนตฺวา สิกฺขาปทํ ทาตุกาโม โหตีติ อิมินา สทฺธึ ปฺจหิ. ปรโต มาตาปิตูนํ อนฺุาตฏฺาเนปิ เอเสว นโย. อนฺธกฏฺกถายํ ปน ‘‘เย มาตาปิตูนํ อุปฏฺากา าตกา วา อฺาตกา วา เตสมฺปิ อปฺปหิเต คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ เนว อฏฺกถายํ, น ปาฬิยา วุตฺตํ, ตสฺมา น คเหตพฺพํ.
ปหิเตเยวอนุชานนกถา
๑๙๙. ภิกฺขุคติโกติ เอกสฺมึ วิหาเร ภิกฺขูหิ สทฺธึ วสนกปุริโส. อุนฺทฺริยตีติ ปลุชฺชติ. ภณฺฑํ เฉทาปิตนฺติ ทพฺพสมฺภารภณฺฑํ เฉทาปิตํ. อาวหาเปยฺยุนฺติ อาหราเปยฺยุํ. ทชฺชาหนฺติ ทชฺเช อหํ. สงฺฆกรณีเยนาติ เอตฺถ ยํกิฺจิ อุโปสถาคาราทีสุ เสนาสเนสุ เจติยฉตฺตเวทิกาทีสุ วา กตฺตพฺพํ, อนฺตมโส ภิกฺขุโน ปุคฺคลิกเสนาสนมฺปิ, สพฺพํ สงฺฆกรณียเมว. ตสฺมา ตสฺส นิปฺผาทนตฺถํ ทพฺพสมฺภาราทีนิ วา อาหริตุํ วฑฺฒกีปฺปภุตีนํ ภตฺตเวตนาทีนิ วา ทาเปตุํ คนฺตพฺพํ.
อยํ ปเนตฺถ ปาฬิมุตฺตกรตฺติจฺเฉทวินิจฺฉโย – ธมฺมสวนตฺถาย อนิมนฺติเตน คนฺตุํ น วฏฺฏติ. สเจ เอกสฺมึ มหาวาเส ปมํเยว กติกา กตา โหติ – ‘‘อสุกทิวสํ นาม สนฺนิปติตพฺพ’’นฺติ ¶ , นิมนฺติโตเยว นาม โหติ, คนฺตุํ วฏฺฏติ. ‘‘ภณฺฑกํ โธวิสฺสามี’’ติ คนฺตุํ น วฏฺฏติ. สเจ ปน ¶ อาจริยุปชฺฌายา ปหิณนฺติ, วฏฺฏติ. นาติทูเร วิหาโร โหติ, ตตฺถ คนฺตฺวา อชฺเชว อาคมิสฺสามีติ สมฺปาปุณิตุํ น สกฺโกติ, วฏฺฏติ. อุทฺเทสปริปุจฺฉาทีนํ อตฺถายปิ ¶ คนฺตุํ น วฏฺฏติ. ‘‘อาจริยํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ ปน คนฺตุํ ลภติ. สเจ ปน นํ อาจริโย ‘‘อชฺช มา คจฺฉา’’ติ วทติ, วฏฺฏติ. อุปฏฺากกุลํ วา าติกุลํ วา ทสฺสนาย คนฺตุํ น ลภตีติ.
อนฺตราเยอนาปตฺติวสฺสจฺเฉทกถา
๒๐๑. เยน คาโม เตน คนฺตุนฺติอาทีสุ สเจ คาโม อวิทูรํ คโต โหติ, ตตฺถ ปิณฺฑาย จริตฺวา วิหารเมว อาคนฺตฺวา วสิตพฺพํ. สเจ ทูรํ คโต, สตฺตาหวาเรน อรุโณ อุฏฺาเปตพฺโพ. น สกฺกา เจ โหติ, ตตฺเรว สภาคฏฺาเน วสิตพฺพํ. สเจ มนุสฺสา ยถาปวตฺตานิ สลากภตฺตาทีนิ เทนฺติ, ‘‘น มยํ ตสฺมึ วิหาเร วสิมฺหา’’ติ วตฺตพฺพา. ‘‘มยํ วิหารสฺส วา ปาสาทสฺส วา น เทม, ตุมฺหากํ เทม, ยตฺถ กตฺถจิ วสิตฺวา ภฺุชถา’’ติ วุตฺเต ปน ยถาสุขํ ภฺุชิตพฺพํ, เตสํเยว ตํ ปาปุณาติ. ‘‘ตุมฺหากํ วสนฏฺาเน ปาปุณาเปตฺวา ภฺุชถา’’ติ วุตฺเต ปน ยตฺถ วสนฺติ, ตตฺถ เนตฺวา วสฺสคฺเคน ปาปุณาเปตฺวา ภฺุชิตพฺพํ.
สเจ ปวาริตกาเล วสฺสาวาสิกํ เทนฺติ, ยทิ สตฺตาหวาเรน อรุณํ อุฏฺาปยึสุ, คเหตพฺพํ. ฉินฺนวสฺเสหิ ปน ‘‘น มยํ ตตฺถ วสิมฺห, ฉินฺนวสฺสา มย’’นฺติ วตฺตพฺพํ. ยทิ ‘‘เยสํ อมฺหากํ เสนาสนํ ปาปิตํ, เต คณฺหนฺตู’’ติ วทนฺติ, คเหตพฺพํ. ยํ ปน วิหาเร อุปนิกฺขิตฺตกํ มา วินสฺสีติ อิธ อาหฏํ จีวราทิเวภงฺคิยภณฺฑํ, ตํ ตตฺเถว คนฺตฺวา อปโลเกตฺวา ภาเชตพฺพํ. ‘‘อิโต อยฺยานํ จตฺตาโร ปจฺจเย เทถา’’ติ กปฺปิยการกานํ ทินฺเน เขตฺตวตฺถุอาทิเก ตตฺรุปฺปาเทปิ เอเสว นโย. สงฺฆิกฺหิ เวภงฺคิยภณฺฑํ อนฺโตวิหาเร วา พหิสีมาย วา โหตุ, พหิสีมาย ิตานํ อปโลเกตฺวา ภาเชตุํ ¶ น วฏฺฏติ. อุภยตฺถ ิตมฺปิ ปน อนฺโตสีมาย ิตานํ อปโลเกตฺวา ภาเชตุํ วฏฺฏติเยว.
สงฺฆเภเทอนาปตฺติวสฺสจฺเฉทกถา
๒๐๒. สงฺโฆ ¶ ภินฺโนติ เอตฺถ ภินฺเน สงฺเฆ คนฺตฺวา กรณียํ นตฺถิ, โย ปน ‘‘ภิชฺชิสฺสตี’’ติ อาสงฺกิโต, ตํ สนฺธาย ‘‘ภินฺโน’’ติ วุตฺตํ. สมฺพหุลาหิ ภิกฺขุนีหิ สงฺโฆ ภินฺโนติ เอตฺถ น ภิกฺขุนีหิ สงฺโฆ ภินฺโนติ ทฏฺพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘น โข อุปาลิ ภิกฺขุนี สงฺฆํ ภินฺทตี’’ติ. เอตา ปน นิสฺสาย อนุพลํ กตฺวา ยํ สงฺฆํ ‘‘ภิกฺขู ภินฺเทยฺยุ’’นฺติ อาสงฺกา โหติ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ.
วชาทีสุวสฺสูปคมนกถา
๒๐๓. วโชติ ¶ โคปาลกานํ นิวาสฏฺานํ. เยน วโชติ เอตฺถ วเชน สทฺธึ คตสฺส วสฺสจฺเฉเท อนาปตฺติ.
อุปกฏฺายาติ อาสนฺนาย. สตฺเถ วสฺสํ อุปคนฺตุนฺติ เอตฺถ วสฺสูปนายิกทิวเส เตน ภิกฺขุนา อุปาสกา วตฺตพฺพา ‘‘กุฏิกา ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ. สเจ กริตฺวา เทนฺติ, ตตฺถ ปวิสิตฺวา ‘‘อิธ วสฺสํ อุเปมี’’ติ ติกฺขตฺตุํ วตฺตพฺพํ. โน เจ เทนฺติ, สาลาสงฺเขเปน ิตสกฏสฺส เหฏฺา อุปคนฺตพฺพํ. ตมฺปิ อลภนฺเตน อาลโย กาตพฺโพ. สตฺเถ ปน วสฺสํ อุปคนฺตุํ น วฏฺฏติ. อาลโย นาม ‘‘อิธ วสฺสํ วสิสฺสามี’’ติ จิตฺตุปฺปาทมตฺตํ. สเจ มคฺคปฺปฏิปนฺเนเยว สตฺเถ ปวารณทิวโส โหติ, ตตฺเถว ปวาเรตพฺพํ. อถ สตฺโถ อนฺโตวสฺเสเยว ภิกฺขุนา ปตฺถิตฏฺานํ ปตฺวา อติกฺกมติ, ปตฺถิตฏฺาเน วสิตฺวา ตตฺถ ภิกฺขูหิ สทฺธึ ปวาเรตพฺพํ. อถาปิ สตฺโถ อนฺโตวสฺเสเยว อนฺตรา เอกสฺมึ คาเม ติฏฺติ วา วิปฺปกิรติ วา, ตสฺมึเยว คาเม ภิกฺขูหิ สทฺธึ วสิตฺวา ปวาเรตพฺพํ, อปวาเรตฺวา ตโต ปรํ คนฺตุํ น วฏฺฏติ.
นาวายํ วสฺสํ อุปคจฺฉนฺเตนาปิ กุฏิยํเยว อุปคนฺตพฺพํ. ปริเยสิตฺวา อลภนฺเตน อาลโย กาตพฺโพ. สเจ อนฺโตเตมาสํ นาวา สมุทฺเทเยว โหติ, ตตฺเถว ปวาเรตพฺพํ. อถ นาวา กูลํ ลภติ, อยฺจ ปรโต คนฺตุกาโม โหติ, คนฺตุํ น วฏฺฏติ. นาวาย ลทฺธคาเมเยว วสิตฺวา ภิกฺขูหิ สทฺธึ ปวาเรตพฺพํ. สเจปิ นาวา อนุตีรเมว อฺตฺถ คจฺฉติ, ภิกฺขุ จ ปมํ ลทฺธคาเมเยว วสิตุกาโม, นาวา คจฺฉตุ ภิกฺขุนา ตตฺเถว วสิตฺวา ภิกฺขูหิ สทฺธึ ปวาเรตพฺพํ ¶ .
อิติ ¶ วเช สตฺเถ นาวายนฺติ ตีสุ าเนสุ นตฺถิ วสฺสจฺเฉเท อาปตฺติ, ปวาเรตฺุจ ลภติ. ปุริเมสุ ปน ‘‘วาเฬหิ อุพฺพาฬฺหา โหนฺตี’’ติอาทีสุ สงฺฆเภทปริยนฺเตสุ วตฺถูสุ เกวลํ อนาปตฺติ โหติ, ปวาเรตุํ ปน น ลภติ.
๒๐๔. น ภิกฺขเว รุกฺขสุสิเรติ เอตฺถ สุทฺเธ รุกฺขสุสิเรเยว น วฏฺฏติ; มหนฺตสฺส ปน รุกฺขสุสิรสฺส อนฺโต ปทรจฺฉทนํ กุฏิกํ กตฺวา ปวิสนทฺวารํ โยเชตฺวา อุปคนฺตุํ วฏฺฏติ. รูกฺขํ ฉินฺทิตฺวา ขาณุกมตฺถเก ปทรจฺฉทนํ กุฏิกํ กตฺวาปิ วฏฺฏติเยว. รุกฺขวิฏภิยาติ ¶ เอตฺถาปิ สุทฺเธ วิฏปมตฺเต น วฏฺฏติ. มหาวิฏเป ปน อฏฺฏกํ พนฺธิตฺวา ตตฺถ ปทรจฺฉทนํ กุฏิกํ กตฺวา อุปคนฺตพฺพํ. อเสนาสนิเกนาติ ยสฺส ปฺจนฺนํ ฉทนานํ อฺตเรน ฉนฺนํ โยชิตทฺวารพนฺธนํ เสนาสนํ นตฺถิ, เตน น อุปคนฺตพฺพํ. น ภิกฺขเว ฉวกุฏิกายนฺติ ฉวกุฏิกา นาม ฏงฺกิตมฺจาทิเภทา กุฏิ, ตตฺถ อุปคนฺตุํ น วฏฺฏติ. สุสาเน ปน อฺํ กุฏิกํ กตฺวา อุปคนฺตุํ วฏฺฏติ. น ภิกฺขเว ฉตฺเตติ เอตฺถาปิ จตูสุ ถมฺเภสุ ฉตฺตํ เปตฺวา อาวรณํ กตฺวา ทฺวารํ โยเชตฺวา อุปคนฺตุํ วฏฺฏติ, ฉตฺตกุฏิกา นาเมสา โหติ. จาฏิยาติ เอตฺถาปิ มหนฺเตน กปลฺเลน ฉตฺเต วุตฺตนเยน กุฏึ กตฺวา อุปคนฺตุํ วฏฺฏติ.
อธมฺมิกกติกาทิกถา
๒๐๕. เอวรูปา กติกาติ เอตฺถ อฺาปิ ยา อีทิสี อธมฺมิกา กติกา โหติ, สา น กาตพฺพาติ อตฺโถ. ตสฺสา ลกฺขณํ มหาวิภงฺเค วุตฺตํ.
๒๐๗-๘. ปฏิสฺสเว จ อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ เอตฺถ น เกวลํ ‘‘อิมํ เตมาสํ อิธ วสฺสํ วสถา’’ติ เอตสฺเสว ปฏิสฺสเว อาปตฺติ, ‘‘อิมํ เตมาสํ ภิกฺขํ คณฺหถ, อุโภปิ มยํ อิธ วสฺสํ วสิสฺสาม, เอกโต อุทฺทิสาเปสฺสามา’’ติ ¶ เอวมาทินาปิ ตสฺส ตสฺส ปฏิสฺสเว ทุกฺกฏํ. ตฺจ โข ปมํ สุทฺธจิตฺตสฺส ปจฺฉา วิสํวาทนปจฺจยา, ปมมฺปิ อสุทฺธจิตฺตสฺส ปน ปฏิสฺสเว ปาจิตฺติยํ, วิสํวาทเน ทุกฺกฏนฺติ ปาจิตฺติเยน สทฺธึ ทุกฺกฏํ ยุชฺชติ.
โส ¶ ตทเหว อกรณีโยติอาทีสุ สเจ วสฺสํ อนุปคนฺตฺวา วา ปกฺกมติ, อุปคนฺตฺวา วา สตฺตาหํ พหิทฺธา วีตินาเมติ, ปุริมิกา จ น ปฺายติ, ปฏิสฺสเว จ อาปตฺติ. วสฺสํ อุปคนฺตฺวา ปน อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา ตทเหว สตฺตาหกรณีเยน ปกฺกมนฺตสฺสาปิ อนฺโตสตฺตาเห นิวตฺตนฺตสฺส อนาปตฺติ, โก ปน วาโท ทฺวีหตีหํ วสิตฺวา อนฺโตสตฺตาเห นิวตฺตนฺตสฺส. ทฺวีหตีหํ วสิตฺวาติ เอตฺถาปิ นิรเปกฺเขเนว อุปจาราติกฺกเม วสฺสจฺเฉโท เวทิตพฺโพ. สเจ อิธ วสิสฺสามีติ อาลโย อตฺถิ, อสติยา ปน วสฺสํ น อุเปติ, คหิตเสนาสนํ สุคฺคหิตํ, ฉินฺนวสฺโส น โหติ, ปวาเรตุํ ลภติเยว.
สตฺตาหํ อนาคตาย ปวารณายาติ เอตฺถ นวมิโต ปฏฺาย คนฺตุํ วฏฺฏติ, อาคจฺฉตุ วา มา วา, อนาปตฺติ. เสสํ อุตฺตานเมวาติ.
วสฺสูปนายิกกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.