📜

๙. จมฺเปยฺยกฺขนฺธกํ

กสฺสปโคตฺตภิกฺขุวตฺถุกถา

๓๘๐. จมฺเปยฺยกฺขนฺธเก คคฺคราย โปกฺขรณิยา ตีเรติ คคฺครานามิกาย อิตฺถิยา การิตโปกฺขรณิยา ตีเร. ตนฺติพทฺโธติ ตสฺมึ อาวาเส กตฺตพฺพตาตนฺติปฏิพทฺโธ. อุสฺสุกฺกมฺปิ อกาสิ ยาคุยาติอาทีสุ มนุสฺเสหิ อาคนฺตุเกสุ อาคเตสุ อาจิกฺเขยฺยาถาติ วุตฺตฏฺาเนเยว อุสฺสุกฺกํ กาตุํ วฏฺฏติ; น อวุตฺตฏฺาเน. คจฺฉ ตฺวํ ภิกฺขูติ สตฺถา ตสฺส ภิกฺขุโน ตตฺเถว เสนาสนํ สปฺปายนฺติ อทฺทส, เตเนวมาห.

๓๘๒. อธมฺเมน วคฺคกมฺมํ กโรนฺตีติอาทีนํ ปรโต ปาฬิยํเยว นานากรณํ อาคมิสฺสติ.

๓๘๕. อฺตฺราปิ ธมฺมา กมฺมํ กโรนฺตีติ อฺตฺราปิ ธมฺมํ กมฺมํ กโรนฺติ, อยเมว วา ปาโ. ภูเตน วตฺถุนา กตํ ธมฺเมน กตํ นาม โหติ, ตถา น กโรนฺตีติ อตฺโถ. อฺตฺราปิ วินยา กมฺมํ, อฺตฺราปิ สตฺถุสาสนา กมฺมนฺติ เอเตสุปิ เอเสว นโย. เอตฺถ ปน วินโยติ โจทนา จ สารณา จ. สตฺถุสาสนนฺติ ตฺติสมฺปทา อนุสฺสาวนสมฺปทา จ; ตาหิ วินา กมฺมํ กโรนฺตีติ อตฺโถ. ปฏิกุฏฺกตนฺติ ปฏิกุฏฺฺเจว กตฺจ; ยํ อฺเสุ ปฏิกฺโกสนฺเตสุ กตํ ตํ ปฏิกุฏฺฺเจว โหติ กตฺจ; ตาทิสมฺปิ กมฺมํ กโรนฺตีติ อตฺโถ.

๓๘๗. ฉยิมานิ ภิกฺขเว กมฺมานิ อธมฺมกมฺมนฺติอาทีสุ ปน ‘‘ธมฺโม’’ติ ปาฬิยา อธิวจนํ. ตสฺมา ยํ ยถาวุตฺตาย ปาฬิยา น กริยติ, ตํ อธมฺมกมฺมนฺติ เวทิตพฺพํ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน ปาฬิยํเยว อาคโต. โส จ โข ตฺติทุติยตฺติจตุตฺถกมฺมานํเยว วเสน. ยสฺมา ปน ตฺติกมฺเม ตฺติทุติยตฺติจตุตฺเถสุ วิย หาปนํ วา อฺถา กรณํ วา นตฺถิ, อปโลกนกมฺมฺจ สาเวตฺวาว กริยติ, ตสฺมา ตานิ ปาฬิยํ น ทสฺสิตานิ, เตสํ สพฺเพสมฺปิ กมฺมานํ วินิจฺฉยํ ปรโต วณฺณยิสฺสาม.

จตุวคฺคกรณาทิกถา

๓๘๘. อิทานิ ยทิทํ ฉฏฺํ ธมฺเมน สมคฺคกมฺมํ นาม, ตํ เยหิ สงฺเฆหิ กาตพฺพํ, เตสํ ปเภทํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปฺจ สงฺฆา’’ติอาทิ วุตฺตํ. กมฺมปฺปตฺโตติ กมฺมํ ปตฺโต, กมฺมยุตฺโต กมฺมารโห; น กิฺจิ กมฺมํ กาตุํ นารหตีติ อตฺโถ.

๓๘๙. จตุวคฺคกรณฺเจ ภิกฺขเว กมฺมํ ภิกฺขุนิจตุตฺโถติอาทิ ปริสโต กมฺมวิปตฺติทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ตตฺถ อุกฺขิตฺตกคฺคหเณน กมฺมนานาสํวาสโก คหิโต, นานาสํวาสกคฺคหเณน ลทฺธินานาสํวาสโก. นานาสีมาย ิตจตุตฺโถติ สีมนฺตริกาย วา พหิสีมาย วา หตฺถปาเส ิเตนาปิ สทฺธึ จตุวคฺโค หุตฺวาติ อตฺโถ.

๓๙๓. ปาริวาสิกจตุตฺโถติอาทิ ปริวาสาทิกมฺมานํเยว ปริสโต วิปตฺติทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, เตสํ วินิจฺฉยํ ปรโต วณฺณยิสฺสาม.

๓๙๔. เอกจฺจสฺส ภิกฺขเว สงฺฆมชฺเฌ ปฏิกฺโกสนา รุหตีติอาทิ ปฏิกุฏฺกตกมฺมสฺส กุปฺปากุปฺปภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ปกตตฺตสฺสาติ อวิปนฺนสีลสฺส ปาราชิกํ อนชฺฌาปนฺนสฺส. อานนฺตริกสฺสาติ อตฺตโน อนนฺตรํ นิสินฺนสฺส.

ทฺเวนิสฺสารณาทิกถา

๓๙๕. ทฺเวมา ภิกฺขเว นิสฺสารณาติอาทิ วตฺถุโต กมฺมานํ กุปฺปากุปฺปภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘อปฺปตฺโต นิสฺสารณํ, ตฺเจ สงฺโฆ นิสฺสาเรติ, สุนิสฺสาริโต’’ติ อิทํ ปพฺพาชนียกมฺมํ สนฺธาย วุตฺตํ. ปพฺพาชนียกมฺเมน หิ วิหารโต นิสฺสาเรนฺติ, ตสฺมา ตํ ‘‘นิสฺสารณา’’ติ วุจฺจติ. ตฺเจส ยสฺมา กุลทูสโก น โหติ, ตสฺมา อาเวณิเกน ลกฺขเณน อปฺปตฺโต. ยสฺมา ปนสฺส อากงฺขมาโน สงฺโฆ ปพฺพาชนียกมฺมํ กเรยฺยาติ วุตฺตํ, ตสฺมา สุนิสฺสาริโต โหติ. ตฺเจ สงฺโฆ นิสฺสาเรตีติ สเจ สงฺโฆ ตชฺชนียกมฺมาทิวเสน นิสฺสาเรติ, โส ยสฺมา ตตฺถ ‘‘ติณฺณํ ภิกฺขเว ภิกฺขูนํ อากงฺขมาโน สงฺโฆ ตชฺชนียกมฺมํ กเรยฺย – เอโก ภณฺฑนการโก โหติ กลหการโก วิวาทการโก ภสฺสการโก สงฺเฆ อธิกรณการโก, เอโก พาโล โหติ อพฺยตฺโต อาปตฺติพหุโล อนปทาโน, เอโก คิหิสํสฏฺโ วิหรติ อนนุโลมิเกหิ คิหิสํสคฺเคหี’’ติ (จูฬว. ๓๙๕) เอวํ เอเกเกนปิ องฺเคน นิสฺสารณา อนุฺาตา, ตสฺมา สุนิสฺสาริโต.

๓๙๖. โอสารณาติ ปเวสนา. ตตฺถ ตฺเจ สงฺโฆ โอสาเรตีติ อุปสมฺปทกมฺมวเสน ปเวเสติ. โทสาริโตติ ทุโอสาริโต. สหสฺสกฺขตฺตุมฺปิ อุปสมฺปาทิโต อนุปสมฺปนฺโนว โหติ อาจริยุปชฺฌายา จ สาติสารา, ตถา เสโส การกสงฺโฆ, น โกจิ อาปตฺติโต มุจฺจติ. อิติ อิเม เอกาทส อภพฺพปุคฺคลา โทสาริตา. หตฺถจฺฉินฺนาทโย ปน ทฺวตฺตึส สุโอสาริตา, อุปสมฺปาทิตา อุปสมฺปนฺนาว โหนฺติ, น เต ลพฺภา กิฺจิ วตฺตุํ. อาจริยุปชฺฌายา ปน การกสงฺโฆ จ สาติสารา, น โกจิ อาปตฺติโต มุจฺจติ.

๓๙๗. อิธ ปน ภิกฺขเว ภิกฺขุสฺส น โหติ อาปตฺติ ทฏฺพฺพาติอาทิ อภูตวตฺถุวเสน อธมฺมกมฺมํ, ภูตวตฺถุวเสน ธมฺมกมฺมฺจ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. ตตฺถ ปฏินิสฺสชฺชิตาติ ปฏินิสฺสชฺชิตพฺพา.

อุปาลิปุจฺฉากถา

๔๐๐. อุปาลิปฺเหสุปิ วตฺถุวเสเนว ธมฺมาธมฺมกมฺมํ วิภตฺตํ. ตตฺถ ทฺเว นยา – เอกมูลโก จ ทฺวิมูลโก จ. เอกมูลโก อุตฺตาโนเยว. ทฺวิมูลเก ยถา สติวินโย อมูฬฺหวินเยน สทฺธึ เอกา ปุจฺฉา กตา, เอวํ อมูฬฺหวินยาทโยปิ ตสฺสปาปิยฺยสิกาทีหิ. อวสาเน ปน อุปสมฺปทารหํ อุปสมฺปาเทตีติ เอกเมว ปทํ โหติ. ปรโต ภิกฺขูนมฺปิ สติวินยํ อาทึ กตฺวา เอเกเกน สทฺธึ เสสปทานิ โยเชตพฺพานิ.

ตชฺชนียกมฺมกถา

๔๐๗. อิธ ปน ภิกฺขเว ภิกฺขุ ภณฺฑนการโกติอาทิ ‘‘อธมฺเมนวคฺคํ, อธมฺเมนสมคฺคํ; ธมฺเมนวคฺคํ, ธมฺมปติรูปเกนวคฺคํ, ธมฺมปติรูปเกนสมคฺค’’นฺติ อิเมสํ วเสน จกฺกํ พนฺธิตฺวา ตชฺชนียาทีสุ สตฺตสุ กมฺเมสุ ปฏิปสฺสทฺธีสุ จ วิปตฺติทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ตตฺถ อนปทาโนติ อปทานวิรหิโต. อปทานํ วุจฺจติ ปริจฺเฉโท; อาปตฺติปริจฺเฉทวิรหิโตติ อตฺโถ. ตโต ปรํ ปฏิกุฏฺกตกมฺมปฺปเภทํ ทสฺเสตุํ สาเยว ปาฬิ ‘‘อกตํ กมฺม’’นฺติอาทีหิ สํสนฺทิตฺวา วุตฺตา. ตตฺถ น กิฺจิ ปาฬิอนุสาเรน น สกฺกา วิทิตุํ, ตสฺมา วณฺณนํ น วิตฺถารยิมฺหาติ.

จมฺเปยฺยกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.