📜
๔. สมถกฺขนฺธกํ
สมฺมุขาวินยกถา
๑๘๖-๑๘๗. สมถกฺขนฺธเก ¶ ¶ – ‘‘อธมฺมวาที ปุคฺคโล’’ติอาทีนิ ฉ มาติกาปทานิ นิกฺขิปิตฺวา ‘‘อธมฺมวาที ปุคฺคโล ธมฺมวาทึ ปุคฺคลํ สฺาเปตี’’ติอาทินา นเยน วิตฺถาโร วุตฺโต. ตตฺถ สฺาเปตีติ การณปติรูปกานิ วตฺวา ปริโตเสตฺวา ชานาเปติ. นิชฺฌาเปตีติ ยถา โส ตํ อตฺถํ นิชฺฌายติ, โอโลเกติ; เอวํ กโรติ. เปกฺขติ อนุเปกฺขตีติ ยถา โส ตํ อตฺถํ เปกฺขติ เจว ปุนปฺปุนฺจ เปกฺขติ; เอวํ กโรติ. ทสฺเสติ อนุทสฺเสตีติ เตสฺเว ปริยายวจนานิ. อธมฺเมน วูปสมฺมตีติ ยสฺมา โส อธมฺมเมว ‘‘อยํ ธมฺโม’’ติอาทินา นเยน โมเหตฺวา ทสฺเสติ, ตสฺมา อธมฺเมน วูปสมฺมติ นาม.
๑๘๘. ธมฺเมน วูปสมฺมตีติ ยสฺมา ธมฺมวาที ธมฺมเมว ‘‘อยํ ธมฺโม’’ติอาทินา นเยน อโมเหตฺวา ทสฺเสติ, ตสฺมา ธมฺเมน วูปสมฺมติ นาม.
สมฺมุขาวินยกถา นิฏฺิตา.
สติวินยกถา
๑๙๕. ปฺจิมานิ ¶ ภิกฺขเว ธมฺมิกานิ สติวินยสฺส ทานานีติ เอตฺถ สุทฺธสฺส อนาปตฺติกสฺส ทานํ เอกํ, อนุวทิตสฺส ทานํ เอกํ, ยาจิตสฺส ทานํ เอกํ, สงฺเฆน ทานํ เอกํ, ธมฺเมน สมคฺคทานํ เอกนฺติ เอวํ ปฺจ. เอตานิ ปน เอเกกองฺควเสน น ลพฺภนฺติ, ตสฺมา ¶ เทสนามตฺตเมเวตํ, ปฺจงฺคสมนฺนาคตํ ปน สติวินยทานํ ธมฺมิกนฺติ อยเมตฺถ อตฺโถ. ตตฺถ จ อนุวทนฺตีติ โจเทนฺติ. เสสํ อุตฺตานเมว. อยํ ปน สติวินโย ขีณาสวสฺเสว ทาตพฺโพ น อฺสฺส, อนฺตมโส อนาคามิโนปิ. โส จ โข อฺเน โจทิยมานสฺเสว, น อโจทิยมานสฺส. ทินฺเน จ ปน ตสฺมึ โจทกสฺส กถา น รุหติ. โจเทนฺโตปิ ‘‘อยํ ขีณาสโว สติวินยลทฺโธ, โก ตุยฺหํ กถํ คเหสฺสตี’’ติ อปสาเทตพฺพตํ อาปชฺชติ.
สติวินยกถา นิฏฺิตา.
อมูฬฺหวินยกถา
๑๙๖. ภาสิตปริกฺกนฺตนฺติ ¶ วาจาย ภาสิตํ กาเยน ปริกฺกนฺตํ; ปริกฺกมิตฺวา กตนฺติ อตฺโถ. สรตายสฺมา เอวรูปึ อาปตฺตึ อาปชฺชิตาติ เอตฺถ สรตุ อายสฺมา เอวรูปึ อาปตฺตึ อาปชฺชิตา; อายสฺมา เอวรูปิยา อาปตฺติยาติ อยมตฺโถ. อาปชฺชิตฺวาติ วา ปาโ, ตสฺสตฺโถ – ปมํ อาปชฺชิตฺวา ปจฺฉา ตํ อาปตฺตึ สรตุ อายสฺมาติ.
อมูฬฺหวินยกถา นิฏฺิตา.
เยภุยฺยสิกากถา
๒๐๒. เยภุยฺยสิกาย วูปสเมตุนฺติ เอตฺถ ยสฺสา กิริยาย ธมฺมวาทิโน พหุตรา, เอสา เยภุยฺยสิกา นาม.
๒๐๔. อธมฺมิกสลากคฺคาเหสุ โอรมตฺตกนฺติ ปริตฺตํ อปฺปมตฺตกํ ภณฺฑนมตฺตเมว. น จ คติคตนฺติ ทฺเว ตโย อาวาเส น คตํ, ตตฺถ ตตฺเถว วา ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ อวินิจฺฉิตํ. น จ สริตสาริตนฺติ ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ เตหิ ภิกฺขูหิ สยํ สริตํ วา อฺเหิ สาริตํ วา น โหติ. ชานาตีติ สลากํ คาเหนฺโต ชานาติ ‘‘อธมฺมวาที พหุตรา’’ติ. อปฺเปว นามาติ อิมินา นีหาเรน สลากาย คาหิยมานาย ‘‘อปิ นาม อธมฺมวาทิโน พหุตรา อสฺสู’’ติ อยมสฺส อชฺฌาสโย โหติ. อปเรสุปิ ทฺวีสุ เอเสว นโย.
อธมฺเมน ¶ คณฺหนฺตีติ ¶ อธมฺมวาทิโน ‘‘เอวํ มยํ พหู ภวิสฺสามา’’ติ ทฺเว ทฺเว สลากาโย คณฺหนฺติ. วคฺคา คณฺหนฺตีติ ทฺเว ธมฺมวาทิโน เอกํ ธมฺมวาทิสลากํ คณฺหนฺติ ‘‘เอวํ ธมฺมวาทิโน น พหู ภวิสฺสนฺตี’’ติ มฺมานา. น จ ยถาทิฏฺิยา คณฺหนฺตีติ ธมฺมวาทิโน หุตฺวา ‘‘พลวปกฺขํ ภชิสฺสามา’’ติ อธมฺมวาทิสลากํ คณฺหนฺติ. ธมฺมิกสลากคฺคาเหสุ อยเมวตฺโถ ปริวตฺเตตฺวา เวทิตพฺโพ. เอวํ สลากํ คาเหตฺวา สเจ พหุตรา ธมฺมวาทิโน โหนฺติ; ยถา เต วทนฺติ, เอวํ ตํ อธิกรณํ วูปสเมตพฺพํ, เอวํ เยภุยฺยสิกาย วูปสนฺตํ โหติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถาโร ปน ปรโตปิ อาคมิสฺสติ.
เยภุยฺยสิกากถา นิฏฺิตา.
ตสฺสปาปิยสิกากถา
๒๐๗. อสุจีติ ¶ อสุจีหิ กายวจีกมฺเมหิ สมนฺนาคโต. อลชฺชีติ สฺจิจฺจ อาปชฺชนาทินา อลชฺชิลกฺขเณน สมนฺนาคโต. สานุวาโทติ สอุปวาโท. อิติ อิเมสฺจ ติณฺณํ องฺคานํ วเสน ตีณิ กรณานิ, สงฺเฆน กรณํ, ธมฺเมน สมคฺเคน กรณนฺติ อิมานิ จ ทฺเวติ ปฺจ ตสฺสปาปิยสิกากมฺมสฺส กรณานิ นาม โหนฺติ. เสสเมตฺถ ตชฺชนียาทีสุ วุตฺตนยเมว. อยํ ปเนตฺถ วจนตฺโถ – อิทฺหิ โย ปาปุสฺสนฺนตาย ปาปิโย ปุคฺคโล, ตสฺส กตฺตพฺพโต ‘‘ตสฺสปาปิยสิกากมฺม’’นฺติ วุจฺจติ.
ตสฺสปาปิยสิกากถา นิฏฺิตา.
ติณวตฺถารกาทิกถา
๒๑๒. กกฺขฬตฺตาย วาฬตฺตายาติ กกฺขฬภาวาย เจว วาฬภาวาย จ. เภทายาติ สงฺฆเภทาย. สพฺเพเหว เอกชฺฌนฺติ กสฺสจิ ฉนฺทํ อนาหริตฺวา คิลาเนปิ ตตฺเถว อาเนตฺวา เอกโต สนฺนิปติตพฺพํ. ติณวตฺถารเกน วูปสเมยฺยาติ เอตฺถ อิทํ กมฺมํ ติณวตฺถารกสทิสตฺตา ‘‘ติณวตฺถารโก’’ติ วุตฺตํ. ยถา หิ คูถํ วา มุตฺตํ วา ฆฏฺฏิยมานํ ทุคฺคนฺธตาย พาธติ, ติเณหิ อวตฺถริตฺวา สุปฺปฏิจฺฉาทิตสฺส ปนสฺส โส คนฺโธ น พาธติ; เอวเมว ยํ อธิกรณํ ¶ มูลานุมูลํ คนฺตฺวา วูปสมิยมานํ กกฺขฬตฺตาย วาฬตฺตาย เภทาย สํวตฺตติ, ตํ อิมินา กมฺเมน วูปสนฺตํ คูถํ วิย ติณวตฺถารเกน ปฏิจฺฉนฺนํ ¶ สุวูปสนฺตํ โหตีติ อิทํ กมฺมํ ติณวตฺถารกสทิสตฺตา ‘‘ติณวตฺถารโก’’ติ วุตฺตํ.
๒๑๓. ถุลฺลวชฺชนฺติ ปาราชิกฺเจว สงฺฆาทิเสสฺจ. คิหิปฏิสํยุตฺตนฺติ คิหีนํ หีเนน ขุํสนวมฺภนธมฺมิกปฏิสฺสเวสุ อาปนฺนํ อาปตฺตึ.
๒๑๔. เอวฺจ ปน ภิกฺขเว เต ภิกฺขู ตาหิ อาปตฺตีหิ วุฏฺิตา โหนฺตีติ เอวํ ติณวตฺถารกกมฺมวาจาย กตาย กมฺมวาจาปริโยสาเน ยตฺตกา ตตฺถ สนฺนิปติตา อนฺตมโส สุตฺตาปิ สมาปนฺนาปิ อฺวิหิตาปิ สพฺเพ เต ภิกฺขู ยาว อุปสมฺปทมณฺฑลโต ปฏฺาย ถุลฺลวชฺชฺจ คิหิปฏิสํยุตฺตฺจ เปตฺวา อวเสสา อาปตฺติโย อาปนฺนา, สพฺพาหิ ตาหิ อาปตฺตีหิ วุฏฺิตา โหนฺติ. เย ปน ‘‘น ¶ เมตํ ขมตี’’ติ อฺมฺํ ทิฏฺาวิกมฺมํ กโรนฺติ, เตหิ วา สทฺธึ อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวาปิ ตตฺถ อนาคตา, อาคนฺตฺวา วา ฉนฺทํ ทตฺวา ปริเวณาทีสุ นิสินฺนา, เต อาปตฺตีหิ น วุฏฺหนฺติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เปตฺวา ทิฏฺาวิกมฺมํ เปตฺวา เย น ตตฺถ โหนฺตี’’ติ.
ติณวตฺถารกาทิกถา นิฏฺิตา.
อธิกรณกถา
๒๑๕. ภิกฺขุนีนํ อนุปขชฺชาติ ภิกฺขุนีนํ อนฺโต ปวิสิตฺวา. วิวาทาธิกรณาทีนํ วจนตฺโถ ทุฏฺโทสวณฺณนายํ วุตฺโตเยว. วิปจฺจตาย โวหาโรติ จิตฺตทุกฺขตฺถํ โวหาโร; ผรุสวจนนฺติ อตฺโถ. โย ตตฺถ อนุวาโทติ โย เตสุ อนุวทนฺเตสุ อุปวาโท. อนุวทนาติ อาการนิทสฺสนเมตํ; อุปวทนาติ อตฺโถ. อนุลฺลปนา อนุภณนาติ อุภยํ อนุวทนเววจนมตฺตเมว. อนุสมฺปวงฺกตาติ ปุนปฺปุนํ กายจิตฺตวาจาหิ ตตฺเถว สมฺปวงฺกตา; อนุวทนภาโวติ อตฺโถ. อพฺภุสฺสหนตาติ ‘‘กสฺมา เอวํ น อุปวทิสฺสามิ, อุปวทิสฺสามิเยวา’’ติ อุสฺสาหํ กตฺวา อนุวทนา. อนุพลปฺปทานนฺติ ปุริมวจนสฺส การณํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉิมวจเนน พลปฺปทานํ.
กิจฺจยตา ¶ กรณียตาติ เอตฺถ กิจฺจเมว กิจฺจยํ, กิจฺจยสฺส ภาโว กิจฺจยตา, กรณียสฺส ภาโว กรณียตา; อุภยมฺเปตํ ¶ สงฺฆกมฺมสฺเสว อธิวจนํ. อปโลกนกมฺมนฺติอาทิ ปน ตสฺเสว ปเภทวจนํ. ตตฺถ อปโลกนกมฺมํ นาม สีมฏฺกสงฺฆํ โสเธตฺวา ฉนฺทารหานํ ฉนฺทํ อาหริตฺวา สมคฺคสฺส สงฺฆสฺส อนุมติยา ติกฺขตฺตุํ สาเวตฺวา กตฺตพฺพกมฺมํ. ตฺติกมฺมํ นาม วุตฺตนเยเนว สมคฺคสฺส สงฺฆสฺส อนุมติยา เอกาย ตฺติยา กตฺตพฺพกมฺมํ. ตฺติทุติยกมฺมํ นาม วุตฺตนเยเนว สมคฺคสฺส สงฺฆสฺส อนุมติยา เอกาย ตฺติยา เอกาย จ อนุสฺสาวนายาติ เอวํ ตฺติทุติยาย อนุสฺสาวนาย กตฺตพฺพกมฺมํ. ตฺติจตุตฺถกมฺมํ นาม วุตฺตนเยเนว สมคฺคสฺส สงฺฆสฺส อนุมติยา เอกาย ตฺติยา ตีหิ จ อนุสฺสาวนาหีติ เอวํ ตฺติจตุตฺถาหิ ตีหิ อนุสฺสาวนาหิ กตฺตพฺพกมฺมํ.
ตตฺถ อปโลกนกมฺมํ อปโลเกตฺวาว กาตพฺพํ, ตฺติกมฺมาทิวเสน น กาตพฺพํ. ตฺติกมฺมมฺปิ เอกํ ตฺตึ เปตฺวาว กาตพฺพํ, อปโลกนกมฺมาทิวเสน น กาตพฺพํ. ตฺติทุติยกมฺมํ ปน อปโลเกตฺวา กตฺตพฺพมฺปิ อตฺถิ, อกตฺตพฺพมฺปิ อตฺถิ. ตตฺถ สีมาสมฺมุติ สีมาสมูหนนํ กถินทานํ กถินุพฺภาโร ¶ กุฏิวตฺถุเทสนา วิหารวตฺถุเทสนาติ อิมานิ ฉ กมฺมานิ ครุกานิ, อปโลเกตฺวา กาตุํ น วฏฺฏนฺติ. ตฺติทุติยกมฺมวาจํ สาเวตฺวาว กาตพฺพานิ. อวเสสา เตรส สมฺมุติโย เสนาสนคฺคาหกมตกจีวรทานาทิสมฺมุติโย จาติ เอวรูปานิ ลหุกกมฺมานิ อปโลเกตฺวาปิ กาตุํ วฏฺฏนฺติ. ตฺติกมฺมตฺติจตุตฺถกมฺมวเสน ปน น กาตพฺพเมว. ตฺติจตุตฺถกมฺมํ ตฺติฺจ ติสฺโส จ กมฺมวาจาโย สาเวตฺวาว กาตพฺพํ, อปโลกนกมฺมาทิวเสน น กาตพฺพนฺติ อยเมตฺถ สงฺเขโป.
วิตฺถารโต ปน อิมานิ จตฺตาริ กมฺมานิ ‘‘กติหากาเรหิ วิปชฺชนฺตี’’ติอาทินา นเยน ปริวาราวสาเน กมฺมวคฺเค เอเตสํ วินิจฺฉโย อาคโตเยว. ยํ ปน ตตฺถ อนุตฺตานํ, ตํ กมฺมวคฺเคเยว วณฺณยิสฺสาม. เอวฺหิ สติ น อฏฺาเน วณฺณนา ภวิสฺสติ, อาทิโต ปฏฺาย จ ¶ ตสฺส ตสฺส กมฺมสฺส วิฺาตตฺตา สุวิฺเยฺโย ภวิสฺสติ.
๒๑๖. วิวาทาธิกรณสฺส กึ มูลนฺติอาทีนิ ปาฬิวเสเนว เวทิตพฺพานิ.
๒๒๐. ‘‘วิวาทาธิกรณํ ¶ สิยา กุสล’’นฺติอาทีสุ เยน วิวทนฺติ, โส จิตฺตุปฺปาโท วิวาโท, สมเถหิ จ อธิกรณียตาย อธิกรณนฺติ เอวมาทินา นเยน อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
๒๒๒. อาปตฺตาธิกรณํ สิยา อกุสลํ สิยา อพฺยากตํ, นตฺถิ อาปตฺตาธิกรณํ กุสลนฺติ เอตฺถ สนฺธาย ภาสิตวเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ยสฺมิฺหิ ปถวิขณนาทิเก อาปตฺตาธิกรเณ กุสลจิตฺตํ องฺคํ โหติ, ตสฺมึ สติ น สกฺกา วตฺตุํ ‘‘นตฺถิ อาปตฺตาธิกรณํ กุสล’’นฺติ, ตสฺมา นยิทํ องฺคปฺปโหนกจิตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ. อิทํ ปน สนฺธาย วุตฺตํ. ยํ ตาว อาปตฺตาธิกรณํ โลกวชฺชํ, ตํ เอกนฺตโต อกุสลเมว, ตตฺถ ‘‘สิยา อกุสล’’นฺติ วิกปฺโป นตฺถิ. ยํ ปน ปณฺณตฺติวชฺชํ, ตํ ยสฺมา สฺจิจฺจ ‘‘อิมํ อาปตฺตึ วีติกฺกมามี’’ติ วีติกฺกมนฺตสฺเสว อกุสลํ โหติ, อสฺจิจฺจ ปน กิฺจิ อชานนฺตสฺส สหเสยฺยาทิวเสน อาปชฺชโต อพฺยากตํ โหติ, ตสฺมา ตตฺถ สฺจิจฺจาสฺจิจฺจวเสน อิมํ วิกปฺปภาวํ ¶ สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ – ‘‘อาปตฺตาธิกรณํ สิยา อกุสลํ, สิยา อพฺยากตํ, นตฺถิ อาปตฺตาธิกรณํ กุสล’’นฺติ.
สเจ ปน ‘‘ยํ กุสลจิตฺโต อาปชฺชติ, อิทํ วุจฺจติ อาปตฺตาธิกรณํ กุสล’’นฺติ วเทยฺย, อจิตฺตกานํ ปน เอฬกโลมปทโสธมฺมาทิสมุฏฺานานมฺปิ กุสลจิตฺตํ อาปชฺเชยฺย, น จ ตตฺถ วิชฺชมานมฺปิ กุสลจิตฺตํ อาปตฺติยา องฺคํ. กายวจีวิฺตฺติวเสน ปน จลิตปฺปวตฺตานํ กายวาจานํ อฺตรเมว องฺคํ, ตฺจ รูปกฺขนฺธปริยาปนฺนตฺตา อพฺยากตนฺติ.
ยํ ชานนฺโตติอาทิมฺหิ ปน อยมตฺโถ – ยํ จิตฺตํ อาปตฺติยา องฺคํ โหติ, เตน วตฺถุํ ชานนฺโต ‘‘อิทํ วีติกฺกมามี’’ติ จ วีติกฺกมากาเรน สทฺธึ ชานนฺโต สฺชานนฺโต วีติกฺกมเจตนาวเสน เจเตตฺวา ปกปฺเปตฺวา อุปกฺกมวเสน มทฺทนฺโต อภิวิตริตฺวา นิราสงฺกจิตฺตํ เปเสตฺวา ยํ อาปตฺตาธิกรณํ วีติกฺกมํ อาปชฺชติ, ตสฺส เอวํ วีติกฺกมโต ¶ โย วีติกฺกโม, อิทํ วุจฺจติ ‘‘อาปตฺตาธิกรณํ อกุสล’’นฺติ.
อพฺยากตวาเรปิ ยํ จิตฺตํ อาปตฺติยา องฺคํ โหติ, ตสฺส อภาเวน อชานนฺโต วีติกฺกมากาเรน จ สทฺธึ อชานนฺโต อสฺชานนฺโต อาปตฺติองฺคภูตาย วีติกฺกมเจตนาย อภาเวน อเจเตตฺวา สฺจิจฺจ มทฺทนสฺส อภาเวน อนภิวิตริตฺวา นิราสงฺกจิตฺตํ อเปเสตฺวา ยํ ¶ อาปตฺตาธิกรณํ วีติกฺกมํ อาปชฺชติ, ตสฺส เอวํ วีติกฺกมโต โย วีติกฺกโม, อิทํ วุจฺจติ ‘‘อาปตฺตาธิกรณํ อพฺยากต’’นฺติ.
๒๒๔. อยํ วิวาโท โน อธิกรณนฺติอาทีสุ สมเถหิ อธิกรณียตาย อภาวโต โนอธิกรณนฺติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อธิกรณกถา นิฏฺิตา.
อธิกรณวูปสมนสมถกถา
๒๒๘. ยาวติกา จ ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตาติ เอตฺถ จตุวคฺคกรเณ กมฺเม จตฺตาโร, ปฺจวคฺคกรเณ ปฺจ, ทสวคฺคกรเณ ทส, วีสติวคฺคกรเณ วีสติ ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตาติ เวทิตพฺพา.
๒๓๐. สุปริคฺคหิตนฺติ ¶ สุฏฺุ ปริคฺคหิตํ กตฺวา สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ. สมฺปฏิจฺฉิตฺวา จ ปน ‘‘อชฺช ภณฺฑกํ โธวาม, อชฺช ปตฺตํ ปจาม, อชฺเชโก ปลิโพโธ อตฺถี’’ติ มานนิคฺคหตฺถาย กติปาหํ อติกฺกาเมตพฺพํ.
๒๓๑. อนนฺตานิ เจว ภสฺสานิ ชายนฺตีติ อปริมาณานิ อิโต จิโต จ วจนานิ อุปฺปชฺชนฺติ. ‘‘ภาสานี’’ติปิ ปาโ, อยเมวตฺโถ. อุพฺพาหิกาย สมฺมนฺนิตพฺโพติ อปโลเกตฺวา วา สมฺมนฺนิตพฺโพ ปรโต วุตฺตาย ตฺติทุติยาย วา กมฺมวาจาย. เอวํ สมฺมเตหิ ปน ภิกฺขูหิ วิสุํ วา นิสีทิตฺวา ตสฺสาเยว วา ปริสาย ‘‘อฺเหิ อสมฺมเตหิ น กิฺจิ กเถตพฺพ’’นฺติ สาเวตฺวา ตํ อธิกรณํ วินิจฺฉิตพฺพํ.
๒๓๓. ตตฺราสฺสาติ ตสฺสํ ปริสติ ภเวยฺย. เนว สุตฺตํ อาคตนฺติ น มาติกา อาคตา. โน สุตฺตวิภงฺโคติ วินโยปิ น ปคุโณ. พฺยฺชนจฺฉายาย อตฺถํ ปฏิพาหตีติ พฺยฺชนมตฺตเมว คเหตฺวา อตฺถํ ปฏิเสเธติ. ชาตรูปรชตเขตฺตวตฺถุปฏิคฺคหณาทีสุ วินยธเรหิ ภิกฺขูหิ อาปตฺติยา การิยมาเน ทิสฺวา ‘‘กึ อิเม อาปตฺติยา กาเรถ, ‘นนุ ชาตรูปรชตปฏิคฺคหณา ¶ ปฏิวิรโต โหตี’ติ เอวํ สุตฺเต ปฏิวิรติมตฺตเมว วุตฺตํ, นตฺถิ เอตฺถ อาปตฺตี’’ติ วทติ. อปโร ¶ ธมฺมกถิโก สุตฺตสฺส อาคตตฺตา โอลมฺเพตฺวา นิวาเสนฺตานํ อาปตฺติยา อาโรปิยมานาย ‘‘กึ อิเมสํ อาปตฺตึ โรเปถ, ‘นนุ ปริมณฺฑลํ นิวาเสสฺสามีติ สิกฺขา กรณียา’ติ เอวํ สิกฺขากรณมตฺตเมเวตฺถ วุตฺตํ, นตฺถิ เอตฺถ อาปตฺตี’’ติ วทติ.
๒๓๔. ยถา พหุตรา ภิกฺขูติ เอตฺถ เอเกนปิ อธิกา พหุตราว โก ปน วาโท ทฺวีหิ ตีหีติ.
อธิกรณวูปสมนสมถกถา นิฏฺิตา.
ติวิธสลากคฺคาหกถา
๒๓๕. สฺตฺติยาติ สฺาปนตฺถาย. คูฬฺหกนฺติอาทีสุ อลชฺชุสฺสนฺนาย ปริสาย คูฬฺหโก สลากคฺคาโห กาตพฺโพ, ลชฺชุสฺสนฺนาย ปริสาย วิวฏโก, พาลุสฺสนฺนาย สกณฺณชปฺปโก. วณฺณาวณฺณาโย กตฺวาติ ธมฺมวาทีนฺจ อธมฺมวาทีนฺจ สลากาโย นิมิตฺตสฺํ อาโรเปตฺวา อฺมฺํ วิสภาคา กาตพฺพา. ตโต ตา สพฺพาปิ จีวรโภเค ¶ กตฺวา วุตฺตนเยน คาเหตพฺพา. ทุคฺคโหติ ปจฺจุกฺกฑฺฒิตพฺพนฺติ ‘‘ทุคฺคหิตา สลากาโย’’ติ วตฺวา ปุน คเหตฺวา ยาวตติยํ คาเหตพฺพา. สุคฺคโหติ สาเวตพฺพนฺติ เอกสฺมิมฺปิ ธมฺมวาทิมฺหิ อติเรกชาเต ‘‘สุคฺคหิตา สลากาโย’’ติ สาเวตพฺพํ. ยถา จ เต ธมฺมวาทิโน วทนฺติ ตถา ตํ อธิกรณํ วูปสเมตพฺพนฺติ. อถ ยาวตติยมฺปิ อธมฺมวาทิโนว พหุตรา โหนฺติ, อชฺช ‘‘อกาโล, สฺเว ชานิสฺสามา’’ติ วุฏฺหิตฺวา อลชฺชีนํ ปกฺขเภทตฺถาย ธมฺมวาทิปกฺขํ ปริเยสิตฺวา ปุนทิวเส สลากคฺคาโห กาตพฺโพ. อยํ คูฬฺหโก สลากคฺคาโห.
สกณฺณชปฺปเก ปน คหิเต วตฺตพฺโพติ เอตฺถ สเจ สงฺฆตฺเถโร อธมฺมวาทิสลากํ คณฺหาติ, โส เอวํ อวโพเธตพฺโพ – ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห มหลฺลกา วโยอนุปฺปตฺตา, ตุมฺหากํ เอตํ น ยุตฺตํ, อยํ ปน ธมฺมวาทิสลากา’’ติ อสฺส อิตรา สลากา ทสฺเสตพฺพา. สเจ โส ตํ คณฺหาติ, ทาตพฺพา. อถ เนว อวพุชฺฌติ, ตโต ‘‘มา กสฺสจิ อาโรเจหี’’ติ วตฺตพฺโพ. เสสํ วุตฺตนยเมว. วิวฏโก วิวฏตฺโถเยว.
ติวิธสลากคฺคาหกถา นิฏฺิตา.
ตสฺสปาปิยสิกาวินยกถา
๒๓๘. ปาราชิกสามนฺตํ ¶ ¶ วาติ เอตฺถ เมถุนธมฺเม ปาราชิกสามนฺตํ นาม ทุกฺกฏํ โหติ. อทินฺนาทานาทีสุ ถุลฺลจฺจยํ. นิพฺเพเนฺตนฺติ ‘‘น สรามี’’ติ วจเนน นิพฺเพยมานํ. อติเวเตีติ ‘‘อิงฺฆายสฺมา’’ติอาทิวจเนหิ อติเวิยติ. สรามิ โข อหํ อาวุโสติ ปาราชิกปฏิจฺฉาทนตฺถาย เอวํ ปฏิชานาติ. ปุน เตน อติเวิยมาโน ‘‘สรามิ โข’’ติ ปฏิฺํ ทตฺวา ‘‘อิทานิ มํ นาเสสฺสนฺตี’’ติ ภเยน ‘‘ทวาย เม’’ติอาทิมาห. เอตสฺส ตสฺสปาปิยสิกากมฺมํ กาตพฺพํ. สเจ สีลวา ภวิสฺสติ, วตฺตํ ปริปูเรตฺวา ปฏิปฺปสฺสทฺธึ ลภติ, โน เจ ตถา นาสิตโกว ภวิสฺสติ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.
ตสฺสปาปิยสิกาวินยกถา นิฏฺิตา.
สมถกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.