📜

๑๐. โกสมฺพกกฺขนฺธโก

๒๗๑. โกสมฺพกวิวาทกถา

๔๕๑. เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา โกสมฺพิยํ วิหรติ โฆสิตาราเม. เตน โข ปน สมเยน อฺตโร ภิกฺขุ อาปตฺตึ อาปนฺโน โหติ. โส ตสฺสา อาปตฺติยา อาปตฺติทิฏฺิ [อาปตฺติทิฏฺี (สี.)] โหติ; อฺเ ภิกฺขู ตสฺสา อาปตฺติยา อนาปตฺติทิฏฺิโน โหนฺติ. โส อปเรน สมเยน ตสฺสา อาปตฺติยา อนา ปตฺติทิฏฺิ โหติ; อฺเ ภิกฺขู ตสฺสา อาปตฺติยา อาปตฺติทิฏฺิโน โหนฺติ. อถ โข เต ภิกฺขู ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจุํ – ‘‘อาปตฺตึ ตฺวํ, อาวุโส, อาปนฺโน, ปสฺสเสตํ อาปตฺติ’’นฺติ? ‘‘นตฺถิ เม, อาวุโส, อาปตฺติ ยมหํ ปสฺเสยฺย’’นฺติ. อถ โข เต ภิกฺขู สามคฺคึ ลภิตฺวา ตํ ภิกฺขุํ อาปตฺติยา อทสฺสเน อุกฺขิปึสุ. โส จ ภิกฺขุ พหุสฺสุโต โหติ อาคตาคโม ธมฺมธโร วินยธโร มาติกาธโร ปณฺฑิโต พฺยตฺโต เมธาวี ลชฺชี กุกฺกุจฺจโก สิกฺขากาโม. อถ โข โส ภิกฺขุ สนฺทิฏฺเ สมฺภตฺเต ภิกฺขู อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจ – ‘‘อนาปตฺติ เอสา, อาวุโส, เนสา อาปตฺติ. อนาปนฺโนมฺหิ, นมฺหิ อาปนฺโน. อนุกฺขิตฺโตมฺหิ, นมฺหิ อุกฺขิตฺโต. อธมฺมิเกนมฺหิ กมฺเมน อุกฺขิตฺโต กุปฺเปน อฏฺานารเหน. โหถ เม อายสฺมนฺโต ธมฺมโต วินยโต ปกฺขา’’ติ. อลภิ โข โส ภิกฺขุ สนฺทิฏฺเ สมฺภตฺเต ภิกฺขู ปกฺเข. ชานปทานมฺปิ สนฺทิฏฺานํ สมฺภตฺตานํ ภิกฺขูนํ สนฺติเก ทูตํ ปาเหสิ – อนาปตฺติ เอสา, อาวุโส, เนสา อาปตฺติ. อนาปนฺโนมฺหิ, นมฺหิ อาปนฺโน. อนุกฺขิตฺโตมฺหิ, นมฺหิ อุกฺขิตฺโต. อธมฺมิเกนมฺหิ กมฺเมน อุกฺขิตฺโต กุปฺเปน อฏฺานารเหน. โหนฺตุ เม อายสฺมนฺโต ธมฺมโต วินยโต ปกฺขา’’ติ. อลภิ โข โส ภิกฺขุ ชานปเทปิ สนฺทิฏฺเ สมฺภตฺเต ภิกฺขู ปกฺเข. อถ โข เต อุกฺขิตฺตานุวตฺตกา ภิกฺขู เยน อุกฺเขปกา ภิกฺขู เตนุปสงฺกมึสุ, อุปสงฺกมิตฺวา อุกฺเขปเก ภิกฺขู เอตทโวจุํ – ‘‘อนาปตฺติ เอสา, อาวุโส, เนสา อาปตฺติ. อนาปนฺโน เอโส ภิกฺขุ, เนโส ภิกฺขุ อาปนฺโน. อนุกฺขิตฺโต เอโส ภิกฺขุ, เนโส ภิกฺขุ อุกฺขิตฺโต . อธมฺมิเกน กมฺเมน อุกฺขิตฺโต กุปฺเปน อฏฺานารเหนา’’ติ. เอวํ วุตฺเต อุกฺเขปกา ภิกฺขู อุกฺขิตฺตานุวตฺตเก ภิกฺขู เอตทโวจุํ – ‘‘อาปตฺติ เอสา อาวุโส, เนสา อนาปตฺติ. อาปนฺโน เอโส ภิกฺขุ, เนโส ภิกฺขุ อนาปนฺโน. อุกฺขิตฺโต เอโส ภิกฺขุ, เนโส ภิกฺขุ อนุกฺขิตฺโต. ธมฺมิเกน กมฺเมน อุกฺขิตฺโต อกุปฺเปน านารเหน. มา โข ตุมฺเห อายสฺมนฺโต เอตํ อุกฺขิตฺตกํ ภิกฺขุํ อนุวตฺติตฺถ อนุปริวาเรถา’’ติ. เอวมฺปิ โข เต อุกฺขิตฺตานุวตฺตกา ภิกฺขู อุกฺเขปเกหิ ภิกฺขูหิ วุจฺจมานา ตเถว ตํ อุกฺขิตฺตกํ ภิกฺขุํ อนุวตฺตึสุ อนุปริวาเรสุํ.

๔๕๒. อถ โข อฺตโร ภิกฺขุ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โส ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิธ, ภนฺเต, อฺตโร ภิกฺขุ อาปตฺตึ อาปนฺโน อโหสิ. โส ตสฺสา อาปตฺติยา อาปตฺติทิฏฺิ อโหสิ, อฺเ ภิกฺขู ตสฺสา อาปตฺติยา อนาปตฺติทิฏฺิโน อเหสุํ. โส อปเรน สมเยน ตสฺสา อาปตฺติยา อนาปตฺติทิฏฺิ อโหสิ, อฺเ ภิกฺขู ตสฺสา อาปตฺติยา อาปตฺติทิฏฺิโน อเหสุํ. อถ โข เต, ภนฺเต, ภิกฺขู ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจุํ – ‘อาปตฺตึ ตฺวํ, อาวุโส, อาปนฺโน, ปสฺสเสตํ อาปตฺติ’นฺติ? ‘‘นตฺถิ เม, อาวุโส, อาปตฺติ ยมหํ ปสฺเสยฺย’’นฺติ. อถ โข เต, ภนฺเต, ภิกฺขู สามคฺคึ ลภิตฺวา ตํ ภิกฺขุํ อาปตฺติยา อทสฺสเน อุกฺขิปึสุ. โส จ, ภนฺเต, ภิกฺขุ พหุสฺสุโต อาคตาคโม ธมฺมธโร วินยธโร มาติกาธโร ปณฺฑิโต พฺยตฺโต เมธาวี ลชฺชี กุกฺกุจฺจโก สิกฺขากาโม. อถ โข โส, ภนฺเต, ภิกฺขุ สนฺทิฏฺเ สมฺภตฺเต ภิกฺขู อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจ – ‘อนาปตฺติ เอสา, อาวุโส; เนสา อาปตฺติ. อนาปนฺโนมฺหิ, นมฺหิ อาปนฺโน. อนุกฺขิตฺโตมฺหิ, นมฺหิ อุกฺขิตฺโต. อธมฺมิเกนมฺหิ กมฺเมน อุกฺขิตฺโต กุปฺเปน อฏฺานารเหน. โหถ เม อายสฺมนฺโต ธมฺมโต วินยโต ปกฺขา’ติ. อลภิ โข โส, ภนฺเต, ภิกฺขุ สนฺทิฏฺเ สมฺภตฺเต ภิกฺขู ปกฺเข. ชานปทานมฺปิ สนฺทิฏฺานํ สมฺภตฺตานํ ภิกฺขูนํ สนฺติเก ทูตํ ปาเหสิ – ‘อนาปตฺติ เอสา, อาวุโส; เนสา อาปตฺติ. อนาปนฺโนมฺหิ, นมฺหิ อาปนฺโน. อนุกฺขิตฺโตมฺหิ, นมฺหิ อุกฺขิตฺโต. อธมฺมิเกนมฺหิ กมฺเมน อุกฺขิตฺโต กุปฺเปน อฏฺานารเหน. โหนฺตุ เม อายสฺมนฺโต ธมฺมโต วินยโต ปกฺขา’ติ. อลภิ โข โส, ภนฺเต, ภิกฺขุ ชานปเทปิ สนฺทิฏฺเ สมฺภตฺเต ภิกฺขู ปกฺเข. อถ โข เต, ภนฺเต, อุกฺขิตฺตานุวตฺตกา ภิกฺขู เยน อุกฺเขปกา ภิกฺขู เตนุปสงฺกมึสุ, อุปสงฺกมิตฺวา อุกฺเขปเก ภิกฺขู เอตทโวจุํ – ‘อนาปตฺติ เอสา, อาวุโส; เนสา อาปตฺติ. อนาปนฺโน เอโส ภิกฺขุ, เนโส ภิกฺขุ อาปนฺโน. อนุกฺขิตฺโต เอโส ภิกฺขุ, เนโส ภิกฺขุ อุกฺขิตฺโต. อธมฺมิเกน กมฺเมน อุกฺขิตฺโต กุปฺเปน อฏฺานารเหนา’ติ. เอวํ วุตฺเต เต, ภนฺเต, อุกฺเขปกา ภิกฺขู อุกฺขิตฺตานุวตฺตเก ภิกฺขู เอตทโวจุํ – ‘อาปตฺติ เอสา, อาวุโส; เนสา อนาปตฺติ. อาปนฺโน เอโส ภิกฺขุ, เนโส ภิกฺขุ อนาปนฺโน. อุกฺขิตฺโต เอโส ภิกฺขุ, เนโส ภิกฺขุ อนุกฺขิตฺโต. ธมฺมิเกน กมฺเมน อุกฺขิตฺโต อกุปฺเปน านารเหน. มา โข ตุมฺเห อายสฺมนฺโต เอตํ อุกฺขิตฺตกํ ภิกฺขุํ อนุวตฺติตฺถ อนุปริวาเรถา’ติ. เอวมฺปิ โข เต, ภนฺเต, อุกฺขิตฺตานุวตฺตกา ภิกฺขู อุกฺเขปเกหิ ภิกฺขูหิ วุจฺจมานา ตเถว ตํ อุกฺขิตฺตกํ ภิกฺขุํ อนุวตฺตนฺติ อนุปริวาเรนฺตี’’ติ.

๔๕๓. อถ โข ภควา ‘ภินฺโน ภิกฺขุสงฺโฆ, ภินฺโน ภิกฺขุสงฺโฆ’ติ – อุฏฺายาสนา เยน อุกฺเขปกา ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ, นิสชฺช โข ภควา อุกฺเขปเก ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘มา โข ตุมฺเห, ภิกฺขเว, ‘ปฏิภาติ โน, ปฏิภาติ โน’ติ ยสฺมึ วา ตสฺมึ วา ภิกฺขุํ อุกฺขิปิตพฺพํ มฺิตฺถ’’.

‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อาปตฺตึ อาปนฺโน โหติ. โส ตสฺสา อาปตฺติยา อนาปตฺติทิฏฺิ โหติ, อฺเ ภิกฺขู ตสฺสา อาปตฺติยา อาปตฺติทิฏฺิโน โหนฺติ . เต เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ตํ ภิกฺขุํ เอวํ ชานนฺติ – ‘อยํ โข อายสฺมา พหุสฺสุโต อาคตาคโม ธมฺมธโร วินยธโร มาติกาธโร ปณฺฑิโต พฺยตฺโต เมธาวี ลชฺชี กุกฺกุจฺจโก สิกฺขากาโม. สเจ มยํ อิมํ ภิกฺขุํ อาปตฺติยา อทสฺสเน อุกฺขิปิสฺสาม, น มยํ อิมินา ภิกฺขุนา สทฺธึ อุโปสถํ กริสฺสาม, วินา อิมินา ภิกฺขุนา อุโปสถํ กริสฺสาม, ภวิสฺสติ สงฺฆสฺส ตโตนิทานํ ภณฺฑนํ กลโห วิคฺคโห วิวาโท สงฺฆเภโท สงฺฆราชิ สงฺฆววตฺถานํ สงฺฆนานากรณ’นฺติ, เภทครุเกหิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ น โส ภิกฺขุ อาปตฺติยา อทสฺสเน อุกฺขิปิตพฺโพ.

‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อาปตฺตึ อาปนฺโน โหติ. โส ตสฺสา อาปตฺติยา อนาปตฺติทิฏฺิ โหติ, อฺเ ภิกฺขู ตสฺสา อาปตฺติยา อาปตฺติทิฏฺิโน โหนฺติ. เต เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ตํ ภิกฺขุํ เอวํ ชานนฺติ – ‘อยํ โข อายสฺมา พหุสฺสุโต อาคตาคโม ธมฺมธโร วินยธโร มาติกาธโร ปณฺฑิโต พฺยตฺโต เมธาวี ลชฺชี กุกฺกุจฺจโก สิกฺขากาโม. สเจ มยํ อิมํ ภิกฺขุํ อาปตฺติยา อทสฺสเน อุกฺขิปิสฺสาม, น มยํ อิมินา ภิกฺขุนา สทฺธึ ปวาเรสฺสาม, วินา อิมินา ภิกฺขุนา ปวาเรสฺสาม. น มยํ อิมินา ภิกฺขุนา สทฺธึ สงฺฆกมฺมํ กริสฺสาม, วินา อิมินา ภิกฺขุนา สงฺฆกมฺมํ กริสฺสาม. น มยํ อิมินา ภิกฺขุนา สทฺธึ อาสเน นิสีทิสฺสาม, วินา อิมินา ภิกฺขุนา อาสเน นิสีทิสฺสาม. น มยํ อิมินา ภิกฺขุนา สทฺธึ ยาคุปาเน นิสีทิสฺสาม, วินา อิมินา ภิกฺขุนา ยาคุปาเน นิสีทิสฺสาม . น มยํ อิมินา ภิกฺขุนา สทฺธึ ภตฺตคฺเค นิสีทิสฺสาม, วินา อิมินา ภิกฺขุนา ภตฺตคฺเค นิสีทิสฺสาม. น มยํ อิมินา ภิกฺขุนา สทฺธึ เอกจฺฉนฺเน วสิสฺสาม, วินา อิมินา ภิกฺขุนา เอกจฺฉนฺเน วสิสฺสาม. น มยํ อิมินา ภิกฺขุนา สทฺธึ ยถาวุฑฺฒํ อภิวาทนํ ปจฺจุฏฺานํ อฺชลิกมฺมํ สามีจิกมฺมํ กริสฺสาม, วินา อิมินา ภิกฺขุนา ยถาวุฑฺฒํ อภิวาทนํ ปจฺจุฏฺานํ อฺชลิกมฺมํ สามีจิกมฺมํ กริสฺสาม. ภวิสฺสติ สงฺฆสฺส ตโตนิทานํ ภณฺฑนํ กลโห วิคฺคโห วิวาโท สงฺฆเภโท สงฺฆราชิ สงฺฆววตฺถานํ สงฺฆนานากรณ’นฺติ, เภทครุเกหิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ น โส ภิกฺขุ อาปตฺติยา อทสฺสเน อุกฺขิปิตพฺโพ’’ติ.

๔๕๔. อถ โข ภควา อุกฺเขปกานํ ภิกฺขูนํ เอตมตฺถํ ภาสิตฺวา อุฏฺายาสนา เยน อุกฺขิตฺตานุวตฺตกา ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ, นิสชฺช โข ภควา อุกฺขิตฺตานุวตฺตเก ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘มา โข ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ‘นามฺห อาปนฺนา, นามฺห อาปนฺนา’ติ อาปตฺตึ น ปฏิกาตพฺพํ มฺิตฺถ’’.

‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อาปตฺตึ อาปนฺโน โหติ. โส ตสฺสา อาปตฺติยา อนาปตฺติทิฏฺิ โหติ, อฺเ ภิกฺขู ตสฺสา อาปตฺติยา อาปตฺติทิฏฺิโน โหนฺติ. โส เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เต ภิกฺขู เอวํ ชานาติ – ‘อิเม โข อายสฺมนฺโต [อายสฺมนฺตา (ก.)] พหุสฺสุตา อาคตาคมา ธมฺมธรา วินยธรา มาติกาธรา ปณฺฑิตา พฺยตฺตา เมธาวิโน ลชฺชิโน กุกฺกุจฺจกา สิกฺขากามา, นาลํ มมํ วา การณา อฺเสํ วา การณา ฉนฺทา โทสา โมหา ภยา อคตึ คนฺตุํ. สเจ มํ อิเม ภิกฺขู อาปตฺติยา อทสฺสเน อุกฺขิปิสฺสนฺติ , น มยา สทฺธึ อุโปสถํ กริสฺสนฺติ, วินา มยา อุโปสถํ กริสฺสนฺติ, ภวิสฺสติ สงฺฆสฺส ตโตนิทานํ ภณฺฑนํ กลโห วิคฺคโห วิวาโท สงฺฆเภโท สงฺฆราชิ สงฺฆววตฺถานํ สงฺฆนานากรณ’นฺติ, เภทครุเกน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ปเรสมฺปิ สทฺธาย สา อาปตฺติ เทเสตพฺพา.

‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อาปตฺตึ อาปนฺโน โหติ. โส ตสฺสา อาปตฺติยา อนาปตฺติทิฏฺิ โหติ, อฺเ ภิกฺขู ตสฺสา อาปตฺติยา อาปตฺติทิฏฺิโน โหนฺติ. โส เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เต ภิกฺขู เอวํ ชานาติ – ‘อิเม โข อายสฺมนฺโต พหุสฺสุตา อาคตาคมา ธมฺมธรา วินยธรา มาติกาธรา ปณฺฑิตา พฺยตฺตา เมธาวิโน ลชฺชิโน กุกฺกุจฺจกา สิกฺขากามา, นาลํ มมํ วา การณา อฺเสํ วา การณา ฉนฺทา โทสา โมหา ภยา อคตึ คนฺตุํ. สเจ มํ อิเม ภิกฺขู อาปตฺติยา อทสฺสเน อุกฺขิปิสฺสนฺติ, น มยา สทฺธึ ปวาเรสฺสนฺติ , วินา มยา ปวาเรสฺสนฺติ. น มยา สทฺธึ สงฺฆกมฺมํ กริสฺสนฺติ, วินา มยา สงฺฆกมฺมํ กริสฺสนฺติ. น มยา สทฺธึ อาสเน นิสีทิสฺสนฺติ, วินา มยา อาสเน นิสีทิสฺสนฺติ. น มยา สทฺธึ ยาคุปาเน นิสีทิสฺสนฺติ, วินา มยา ยาคุปาเน นิสีทิสฺสนฺติ. น มยา สทฺธึ ภตฺตคฺเค นิสีทิสฺสนฺติ วินา มยา ภตฺตคฺเค นิสีทิสฺสนฺติ. น มยา สทฺธึ เอกจฺฉนฺเน วสิสฺสนฺติ, วินา มยา เอกจฺฉนฺเน วสิสฺสนฺติ. น มยา สทฺธึ ยถาวุฑฺฒํ อภิวาทนํ ปจฺจุฏฺานํ อฺชลิกมฺมํ สามีจิกมฺมํ กริสฺสนฺติ, วินา มยา ยถาวุฑฺฒํ อภิวาทนํ ปจฺจุฏฺานํ อฺชลิกมฺมํ สามีจิกมฺมํ กริสฺสนฺติ, ภวิสฺสติ สงฺฆสฺส ตโตนิทานํ ภณฺฑนํ กลโห วิคฺคโห วิวาโท สงฺฆเภโท สงฺฆราชิ สงฺฆววตฺถานํ สงฺฆนานากรณ’นฺติ , เภทครุเกน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ปเรสมฺปิ สทฺธาย สา อาปตฺติ เทเสตพฺพา’’ติ. อถ โข ภควา อุกฺขิตฺตานุวตฺตกานํ ภิกฺขูนํ เอตมตฺถํ ภาสิตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ.

๔๕๕. เตน โข ปน สมเยน อุกฺขิตฺตานุวตฺตกา ภิกฺขู ตตฺเถว อนฺโตสีมาย อุโปสถํ กโรนฺติ, สงฺฆกมฺมํ กโรนฺติ. อุกฺเขปกา ปน ภิกฺขู นิสฺสีมํ คนฺตฺวา อุโปสถํ กโรนฺติ, สงฺฆกมฺมํ กโรนฺติ. อถ โข อฺตโร อุกฺเขปโก ภิกฺขุ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โส ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เต, ภนฺเต, อุกฺขิตฺตานุวตฺตกา ภิกฺขู ตตฺเถว อนฺโตสีมาย อุโปสถํ กโรนฺติ, สงฺฆกมฺมํ กโรนฺติ. มยํ ปน อุกฺเขปกา ภิกฺขู นิสฺสีมํ คนฺตฺวา อุโปสถํ กโรม, สงฺฆกมฺมํ กโรมา’’ติ. ‘‘เต เจ, ภิกฺขุ, อุกฺขิตฺตานุวตฺตกา ภิกฺขู ตตฺเถว อนฺโตสีมาย อุโปสถํ กริสฺสนฺติ, สงฺฆกมฺมํ กริสฺสนฺติ, ยถา มยา ตฺติ จ อนุสฺสาวนา จ ปฺตฺตา, เตสํ ตานิ กมฺมานิ ธมฺมิกานิ กมฺมานิ ภวิสฺส’’นฺติ อกุปฺปานิ านารหานิ. ตุมฺเห เจ, ภิกฺขุ, อุกฺเขปกา ภิกฺขู ตตฺเถว อนฺโตสีมาย อุโปสถํ กริสฺสถ, สงฺฆกมฺมํ กริสฺสถ, ยถา มยา ตฺติ จ อนุสฺสาวนา จ ปฺตฺตา, ตุมฺหากมฺปิ ตานิ กมฺมานิ ธมฺมิกานิ กมฺมานิ ภวิสฺสนฺติ อกุปฺปานิ านารหานิ. ตํ กิสฺส เหตุ? นานาสํวาสกา เอเต [เต (สฺยา.)] ภิกฺขู [ภิกฺขุ (สี. สฺยา.)] ตุมฺเหหิ, ตุมฺเห จ เตหิ นานาสํวาสกา.

‘‘ทฺเวมา, ภิกฺขุ, นานาสํวาสกภูมิโย – อตฺตนา วา อตฺตานํ นานาสํวาสกํ กโรติ, สมคฺโค วา นํ สงฺโฆ อุกฺขิปติ อทสฺสเน วา อปฺปฏิกมฺเม วา อปฺปฏินิสฺสคฺเค วา. อิมา โข, ภิกฺขุ, ทฺเว นานาสํวาสกภูมิโย. ทฺเวมา, ภิกฺขุ, สมานสํวาสกภูมิโย – อตฺตนา วา อตฺตานํ สมานสํวาสํ กโรติ, สมคฺโค วา นํ สงฺโฆ อุกฺขิตฺตํ โอสาเรติ อทสฺสเน วา อปฺปฏิกมฺเม วา อปฺปฏินิสฺสคฺเค วา. อิมา โข, ภิกฺขุ, ทฺเว สมานสํวาสกภูมิโย’’ติ.

๔๕๖. เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู ภตฺตคฺเค อนฺตรฆเร ภณฺฑนชาตา กลหชาตา วิวาทาปนฺนา อฺมฺํ อนนุโลมิกํ กายกมฺมํ วจีกมฺมํ อุปทํเสนฺติ, หตฺถปรามาสํ กโรนฺติ. มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถฺหิ นาม สมณา สกฺยปุตฺติยา ภตฺตคฺเค อนฺตรฆเร ภณฺฑนชาตา กลหชาตา วิวาทาปนฺนา อฺมฺํ อนนุโลมิกํ กายกมฺมํ วจีกมฺมํ อุปทํเสสฺสนฺติ, หตฺถปรามาสํ กริสฺสนฺตี’’ติ. อสฺโสสุํ โข ภิกฺขู เตสํ มนุสฺสานํ อุชฺฌายนฺตานํ ขิยฺยนฺตานํ วิปาเจนฺตานํ. เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถฺหิ นาม ภิกฺขู ภตฺตคฺเค อนฺตรฆเร ภณฺฑนชาตา กลหชาตา วิวาทาปนฺนา อฺมฺํ อนนุโลมิกํ กายกมฺมํ วจีกมฺมํ อุปทํเสสฺสนฺติ , หตฺถปรามาสํ กริสฺสนฺตี’’ติ. อถ โข เต ภิกฺขู ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ…เป… ‘‘สจฺจํ กิร, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ภตฺตคฺเค อนฺตรฆเร ภณฺฑนชาตา…เป… หตฺถปรามาสํ กโรนฺตี’’ติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติ. วิครหิ พุทฺโธ ภควา…เป… วิครหิตฺวา ธมฺมึ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภินฺเน, ภิกฺขเว, สงฺเฆ อธมฺมิยายมาเน [อธมฺมิยมาเน (สี. สฺยา. กตฺถจิ) อธมฺมียมาเน (ก.)] อสมฺโมทิกาย วตฺตมานาย [-‘‘อสมฺโมทิกาวตฺตมานาย’’ อิติ อฏฺกถายํ สํวณฺเณตพฺพปาโ] ‘เอตฺตาวตา น อฺมฺํ อนนุโลมิกํ กายกมฺมํ วจีกมฺมํ อุปทํเสสฺสาม, หตฺถปรามาสํ กริสฺสามา’ติ อาสเน นิสีทิตพฺพํ. ภินฺเน, ภิกฺขเว, สงฺเฆ ธมฺมิยายมาเน สมฺโมทิกาย วตฺตมานาย อาสนนฺตริกาย นิสีทิตพฺพ’’นฺติ.

๔๕๗. [ม. นิ. ๓.๒๓๖ โถกํ วิสทิสํ] เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู สงฺฆมชฺเฌ ภณฺฑนชาตา กลหชาตา วิวาทาปนฺนา อฺมฺํ มุขสตฺตีหิ วิตุทนฺตา วิหรนฺติ. เต น สกฺโกนฺติ ตํ อธิกรณํ วูปสเมตุํ. อถ โข อฺตโร ภิกฺขุ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข โส ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิธ, ภนฺเต, ภิกฺขู สงฺฆมชฺเฌ ภณฺฑนชาตา กลหชาตา วิวาทาปนฺนา อฺมฺํ มุขสตฺตีหิ วิตุทนฺตา วิหรนฺติ. เต น สกฺโกนฺติ ตํ อธิกรณํ วูปสเมตุํ. สาธุ, ภนฺเต, ภควา เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน. อถ โข ภควา เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ, นิสชฺช โข ภควา เต ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘อลํ, ภิกฺขเว, มา ภณฺฑนํ มา กลหํ มา วิคฺคหํ มา วิวาท’’นฺติ. เอวํ วุตฺเต อฺตโร อธมฺมวาที ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อาคเมตุ, ภนฺเต, ภควา ธมฺมสฺสามี; อปฺโปสฺสุกฺโก, ภนฺเต, ภควา ทิฏฺธมฺมสุขวิหารมนุยุตฺโต วิหรตุ. มยเมเตน ภณฺฑเนน กลเหน วิคฺคเหน วิวาเทน ปฺายิสฺสามา’’ติ. ทุติยมฺปิ โข ภควา เต ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘อลํ, ภิกฺขเว, มา ภณฺฑนํ มา กลหํ มา วิคฺคหํ มา วิวาท’’นฺติ. ทุติยมฺปิ โข โส อธมฺมวาที ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อาคเมตุ , ภนฺเต, ภควา ธมฺมสฺสามี; อปฺโปสฺสุกฺโก, ภนฺเต , ภควา ทิฏฺธมฺมสุขวิหารมนุยุตฺโต วิหรตุ. มยเมเตน ภณฺฑเนน กลเหน วิคฺคเหน วิวาเทน ปฺายิสฺสามา’’ติ.

โกสมฺพกวิวาทกถา นิฏฺิตา.

๒๗๒. ทีฆาวุวตฺถุ

๔๕๘. อถ โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, พาราณสิยํ [วชิรพุทฺธิฏีกา โอโลเกตพฺพา] พฺรหฺมทตฺโต นาม กาสิราชา อโหสิ อฑฺโฒ มหทฺธโน มหาโภโค มหพฺพโล มหาวาหโน มหาวิชิโต ปริปุณฺณโกสโกฏฺาคาโร. ทีฆีติ นาม โกสลราชา อโหสิ ทลิทฺโท อปฺปธโน อปฺปโภโค อปฺปพโล อปฺปวาหโน อปฺปวิชิโต อปริปุณฺณโกสโกฏฺาคาโร. อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทตฺโต กาสิราชา จตุรงฺคินึ เสนํ สนฺนยฺหิตฺวา ทีฆีตึ โกสลราชานํ อพฺภุยฺยาสิ. อสฺโสสิ โข, ภิกฺขเว, ทีฆีติ โกสลราชา – ‘‘พฺรหฺมทตฺโต กิร กาสิราชา จตุรงฺคินึ เสนํ สนฺนยฺหิตฺวา มมํ อพฺภุยฺยาโต’’ติ. อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆีติสฺส โกสลรฺโ เอตทโหสิ – ‘‘พฺรหฺมทตฺโต โข กาสิราชา อฑฺโฒ มหทฺธโน มหาโภโค มหพฺพโล มหาวาหโน มหาวิชิโต ปริปุณฺณโกสโกฏฺาคาโร, อหํ ปนมฺหิ ทลิทฺโท อปฺปธโน อปฺปโภโค อปฺปพโล อปฺปวาหโน อปฺปวิชิโต อปริปุณฺณโกสโกฏฺาคาโร, นาหํ ปฏิพโล พฺรหฺมทตฺเตน กาสิรฺา เอกสงฺฆาตมฺปิ สหิตุํ. ยํนูนาหํ ปฏิกจฺเจว นครมฺหา นิปฺปเตยฺย’’นฺติ.

อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆีติ โกสลราชา มเหสึ อาทาย ปฏิกจฺเจว นครมฺหา นิปฺปติ. อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทตฺโต กาสิราชา ทีฆีติสฺส โกสลรฺโ พลฺจ วาหนฺจ ชนปทฺจ โกสฺจ โกฏฺาคารฺจ อภิวิชิย อชฺฌาวสติ. อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆีติ โกสลราชา สปชาปติโก เยน วาราณสี เตน ปกฺกามิ. อนุปุพฺเพน เยน พาราณสี ตทวสริ. ตตฺร สุทํ, ภิกฺขเว, ทีฆีติ โกสลราชา สปชาปติโก พาราณสิยํ อฺตรสฺมึ ปจฺจนฺติเม โอกาเส กุมฺภการนิเวสเน อฺาตกเวเสน ปริพฺพาชกจฺฉนฺเนน ปฏิวสติ. อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆีติสฺส โกสลรฺโ มเหสี นจิรสฺเสว คพฺภินี อโหสิ. ตสฺสา เอวรูโป โทหโฬ อุปฺปนฺโน โหติ – ‘‘อิจฺฉติ สูริยสฺส อุคฺคมนกาเล จตุรงฺคินึ เสนํ สนฺนทฺธํ วมฺมิกํ สุภูเม ิตํ ปสฺสิตุํ , ขคฺคานฺจ โธวนํ ปาตุํ’’. อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆีติสฺส โกสลรฺโ มเหสี ทีฆีตึ โกสลราชานํ เอตทโวจ – ‘‘คพฺภินีมฺหิ, เทว. ตสฺสา เม เอวรูโป โทหโฬ อุปฺปนฺโน – อิจฺฉามิ สูริยสฺส อุคฺคมนกาเล จตุรงฺคินึ เสนํ สนฺนทฺธํ วมฺมิกํ [วมฺมิตํ (สี.)] สุภูเม ิตํ ปสฺสิตุํ, ขคฺคานฺจ โธวนํ ปาตุ’’นฺติ. ‘‘กุโต, เทวิ, อมฺหากํ ทุคฺคตานํ จตุรงฺคินี เสนา สนฺนทฺธา วมฺมิกา สุภูเม ิตา, ขคฺคานฺจ โธวนํ ปาตุ’’นฺติ [ขคฺคานฺจ โธวนนฺติ (สี. สฺยา.)] ‘‘สจาหํ, เทว, น ลภิสฺสามิ, มริสฺสามี’’ติ.

๔๕๙. เตน โข ปน สมเยน, พฺรหฺมทตฺตสฺส กาสิรฺโ ปุโรหิโต พฺราหฺมโณ ทีฆีติสฺส โกสลรฺโ สหาโย โหติ . อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆีติ โกสลราชา เยน พฺรหฺมทตฺตสฺส กาสิรฺโ ปุโรหิโต พฺราหฺมโณ เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา พฺรหฺมทตฺตสฺส กาสิรฺโ ปุโรหิตํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ – ‘‘สขี เต, สมฺม, คพฺภินี. ตสฺสา เอวรูโป โทหโฬ อุปฺปนฺโน – อิจฺฉติ สูริยสฺส อุคฺคมนกาเล จตุรงฺคินึ เสนํ สนฺนทฺธํ วมฺมิกํ สุภูเม ิตํ ปสฺสิตุํ, ขคฺคานฺจ โธวนํ ปาตุ’’นฺติ. ‘‘เตน หิ, เทว, มยมฺปิ เทวึ ปสฺสามา’’ติ. อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆีติสฺส โกสลรฺโ มเหสี เยน พฺรหฺมทตฺตสฺส กาสิรฺโ ปุโรหิโต พฺราหฺมโณ เตนุปสงฺกมิ. อทฺทสา โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทตฺตสฺส กาสิรฺโ ปุโรหิโต พฺราหฺมโณ ทีฆีติสฺส โกสลรฺโ มเหสึ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตึ, ทิสฺวาน อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ทีฆีติสฺส โกสลรฺโ มเหสี เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ติกฺขตฺตุํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘‘โกสลราชา วต โภ กุจฺฉิคโต, โกสลราชา วต โภ กุจฺฉิคโต’’ติ. อตฺตมนา [อวิมนา (สี. สฺยา. กตฺถจิ], เทวิ, โหหิ. ลจฺฉสิ สูริยสฺส อุคฺคมนกาเล จตุรงฺคินึ เสนํ สนฺนทฺธํ วมฺมิกํ สุภูเม ิตํ ปสฺสิตุํ, ขคฺคานฺจ โธวนํ ปาตุนฺติ.

อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทตฺตสฺส กาสิรฺโ ปุโรหิโต พฺราหฺมโณ เยน พฺรหฺมทตฺโต กาสิราชา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา พฺรหฺมทตฺตํ กาสิราชานํ เอตทโวจ – ‘‘ตถา, เทว, นิมิตฺตานิ ทิสฺสนฺติ, สฺเว สูริยุคฺคมนกาเล จตุรงฺคินี เสนา สนฺนทฺธา วมฺมิกา สุภูเม ติฏฺตุ, ขคฺคา จ โธวิยนฺตู’’ติ. อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทตฺโต กาสิราชา มนุสฺเส อาณาเปสิ – ‘‘ยถา, ภเณ, ปุโรหิโต พฺราหฺมโณ อาห ตถา กโรถา’’ติ. อลภิ โข, ภิกฺขเว, ทีฆีติสฺส โกสลรฺโ มเหสี สูริยสฺส อุคฺคมนกาเล จตุรงฺคินึ เสนํ สนฺนทฺธํ วมฺมิกํ สุภูเม ิตํ ปสฺสิตุํ, ขคฺคานฺจ โธวนํ ปาตุํ. อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆีติสฺส โกสลรฺโ มเหสี ตสฺส คพฺภสฺส ปริปากมนฺวาย ปุตฺตํ วิชายิ. ตสฺส ทีฆาวูติ นามํ อกํสุ. อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุ กุมาโร นจิรสฺเสว วิฺุตํ ปาปุณิ. อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆีติสฺส โกสลรฺโ เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข พฺรหฺมทตฺโต กาสิราชา พหุโน อมฺหากํ อนตฺถสฺส การโก, อิมินา อมฺหากํ พลฺจ วาหนฺจ ชนปโท จ โกโส จ โกฏฺาคารฺจ อจฺฉินฺนํ, สจายํ อมฺเห ชานิสฺสติ, สพฺเพว ตโย ฆาตาเปสฺสติ, ยํนูนาหํ ทีฆาวุํ กุมารํ พหินคเร วาเสยฺย’’นฺติ. อถ โข ภิกฺขเว ทีฆีติ โกสลราชา ทีฆาวุํ กุมารํ พหินคเร วาเสสิ. อถ โข ภิกฺขเว ทีฆาวุ กุมาโร พหินคเร ปฏิวสนฺโต นจิรสฺเสว สพฺพสิปฺปานิ สิกฺขิ.

๔๖๐. เตน โข ปน สมเยน ทีฆีติสฺส โกสลรฺโ กปฺปโก พฺรหฺมทตฺเต กาสิรฺเ ปฏิวสติ. อทฺทสา โข, ภิกฺขเว, ทีฆีติสฺส โกสลรฺโ กปฺปโก ทีฆีตึ โกสลราชานํ สปชาปติกํ พาราณสิยํ อฺตรสฺมึ ปจฺจนฺติเม โอกาเส กุมฺภการนิเวสเน อฺาตกเวเสน ปริพฺพาชกจฺฉนฺเนน ปฏิวสนฺตํ, ทิสฺวาน เยน พฺรหฺมทตฺโต กาสิราชา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา พฺรหฺมทตฺตํ กาสิราชานํ เอตทโวจ – ‘‘ทีฆีติ, เทว, โกสลราชา สปชาปติโก พาราณสิยํ อฺตรสฺมึ ปจฺจนฺติเม โอกาเส กุมฺภการนิเวสเน อฺาตกเวเสน ปริพฺพาชกจฺฉนฺเนน ปฏิวสตี’’ติ. อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทตฺโต กาสิราชา มนุสฺเส อาณาเปสิ – ‘‘เตน หิ, ภเณ, ทีฆีตึ โกสลราชานํ สปชาปติกํ อาเนถา’’ติ. ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข, ภิกฺขเว, เต มนุสฺสา พฺรหฺมทตฺตสฺส กาสิรฺโ ปฏิสฺสุตฺวา ทีฆีตึ โกสลราชานํ สปชาปติกํ อาเนสุํ. อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทตฺโต กาสิราชา มนุสฺเส อาณาเปสิ – ‘‘เตน หิ, ภเณ, ทีฆีตึ โกสลราชานํ สปชาปติกํ ทฬฺหาย รชฺชุยา ปจฺฉาพาหํ คาฬฺหพนฺธนํ พนฺธิตฺวา ขุรมุณฺฑํ กริตฺวา ขรสฺสเรน ปณเวน รถิกาย รถิกํ สิงฺฆาฏเกน สิงฺฆาฏกํ ปริเนตฺวา ทกฺขิเณน ทฺวาเรน นิกฺขาเมตฺวา ทกฺขิณโต นครสฺส จตุธา ฉินฺทิตฺวา จตุทฺทิสา พิลานิ นิกฺขิปถา’’ติ. ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข, ภิกฺขเว, เต มนุสฺสา พฺรหฺมทตฺตสฺส กาสิรฺโ ปฏิสฺสุตฺวา ทีฆีตึ โกสลราชานํ สปชาปติกํ ทฬฺหาย รชฺชุยา ปจฺฉาพาหํ คาฬฺหพนฺธนํ พนฺธิตฺวา ขุรมุณฺฑํ กริตฺวา ขรสฺสเรน ปณเวน รถิกาย รถิกํ สิงฺฆาฏเกน สิงฺฆาฏกํ ปริเนนฺติ.

อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุสฺส กุมารสฺส เอตทโหสิ – ‘‘จิรํทิฏฺา โข เม มาตาปิตโร. ยํนูนาหํ มาตาปิตโร ปสฺเสยฺย’’นฺติ. อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุ กุมาโร พาราณสึ ปวิสิตฺวา อทฺทส มาตาปิตโร ทฬฺหาย รชฺชุยา ปจฺฉาพาหํ คาฬฺหพนฺธนํ พนฺธิตฺวา ขุรมุณฺฑํ กริตฺวา ขรสฺสเรน ปณเวน รถิกาย รถิกํ สิงฺฆาฏเกน สิงฺฆาฏกํ ปริเนนฺเต, ทิสฺวาน เยน มาตาปิตโร เตนุปสงฺกมิ. อทฺทสา โข, ภิกฺขเว, ทีฆีติ โกสลราชา ทีฆาวุํ กุมารํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ; ทิสฺวาน ทีฆาวุํ กุมารํ เอตทโวจ – ‘‘มา โข ตฺวํ, ตาต ทีฆาวุ, ทีฆํ ปสฺส, มา รสฺสํ. น หิ, ตาต ทีฆาวุ, เวเรน เวรา สมฺมนฺติ; อเวเรน หิ, ตาต ทีฆาวุ, เวรา สมฺมนฺตี’’ติ. เอวํ วุตฺเต, ภิกฺขเว, เต มนุสฺสา ทีฆีตึ โกสลราชานํ เอตทโวจุํ – ‘‘อุมฺมตฺตโก อยํ ทีฆีติ โกสลราชา วิปฺปลปติ. โก อิมสฺส ทีฆาวุ? กํ อยํ เอวมาห – ‘มา โข ตฺวํ, ตาต ทีฆาวุ, ทีฆํ ปสฺส, มา รสฺสํ. น หิ, ตาต ทีฆาวุ, เวเรน เวรา สมฺมนฺติ; อเวเรน หิ, ตาต ทีฆาวุ, เวรา สมฺมนฺตี’’ติ. ‘‘นาหํ, ภเณ, อุมฺมตฺตโก วิปฺปลปามิ, อปิ จ โย วิฺู โส วิภาเวสฺสตี’’ติ. ทุติยมฺปิ โข, ภิกฺขเว…เป… ตติยมฺปิ โข, ภิกฺขเว, ทีฆีติ โกสลราชา ทีฆาวุํ กุมารํ เอตทโวจ – ‘‘มา โข ตฺวํ, ตาต ทีฆาวุ, ทีฆํ ปสฺส, มา รสฺสํ. น หิ, ตาต ทีฆาวุ, เวเรน เวรา สมฺมนฺติ; อเวเรน หิ, ตาต ทีฆาวุ, เวรา สมฺมนฺตี’’ติ. ตติยมฺปิ โข, ภิกฺขเว, เต มนุสฺสา ทีฆีตึ โกสลราชานํ เอตทโวจุํ – ‘‘อุมฺมตฺตโก อยํ ทีฆีติ โกสลราชา วิปฺปลปติ. โก อิมสฺส ทีฆาวุ ? กํ อยํ เอวมาห – มา โข ตฺวํ, ตาต ทีฆาวุ, ทีฆํ ปสฺส, มา รสฺสํ. น หิ, ตาต ทีฆาวุ, เวเรน เวรา สมฺมนฺติ; อเวเรน หิ, ตาต ทีฆาวุ, เวรา สมฺมนฺตี’’ติ. ‘‘นาหํ, ภเณ, อุมฺมตฺตโก วิปฺปลปามิ, อปิ จ โย วิฺู โส วิภาเวสฺสตี’’ติ. อถ โข, ภิกฺขเว, เต มนุสฺสา ทีฆีตึ โกสลราชานํ สปชาปติกํ รถิกาย รถิกํ สิงฺฆาฏเกน สิงฺฆาฏกํ ปริเนตฺวา ทกฺขิเณน ทฺวาเรน นิกฺขาเมตฺวา ทกฺขิณโต นครสฺส จตุธา ฉินฺทิตฺวา จตุทฺทิสา พิลานิ นิกฺขิปิตฺวา คุมฺพํ เปตฺวา ปกฺกมึสุ. อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุ กุมาโร พาราณสึ ปวิสิตฺวา สุรํ นีหริตฺวา คุมฺพิเย ปาเยสิ. ยทา เต มตฺตา อเหสุํ ปติตา, อถ กฏฺานิ สํกฑฺฒิตฺวา จิตกํ กริตฺวา มาตาปิตูนํ สรีรํ จิตกํ อาโรเปตฺวา อคฺคึ ทตฺวา ปฺชลิโก ติกฺขตฺตุํ จิตกํ ปทกฺขิณํ อกาสิ.

๔๖๑. เตน โข ปน สมเยน พฺรหฺมทตฺโต กาสิราชา อุปริปาสาทวรคโต โหติ. อทฺทสา โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทตฺโต กาสิราชา ทีฆาวุํ กุมารํ ปฺชลิกํ ติกฺขตฺตุํ จิตกํ ปทกฺขิณํ กโรนฺตํ, ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ – ‘‘นิสฺสํสยํ โข โส มนุสฺโส ทีฆีติสฺส โกสลรฺโ าติ วา สาโลหิโต วา, อโห เม อนตฺถโต, น หิ นาม เม โกจิ อาโรเจสฺสตี’’ติ. อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุ กุมาโร อรฺํ คนฺตฺวา ยาวทตฺถํ กนฺทิตฺวา โรทิตฺวา ขปฺปํ [พปฺปํ (สี. สฺยา.)] ปุฺฉิตฺวา พาราณสึ ปวิสิตฺวา อนฺเตปุรสฺส สามนฺตา หตฺถิสาลํ คนฺตฺวา หตฺถาจริยํ เอตทโวจ – ‘‘อิจฺฉามหํ, อาจริย, สิปฺปํ สิกฺขิตุ’’นฺติ. ‘‘เตน หิ, ภเณ มาณวก, สิกฺขสฺสู’’ติ. อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุ กุมาโร รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฏฺาย หตฺถิสาลายํ มฺชุนา สเรน คายิ, วีณฺจ วาเทสิ. อสฺโสสิ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทตฺโต กาสิราชา รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฏฺาย หตฺถิสาลายํ มฺชุนา สเรน คีตํ วีณฺจ วาทิตํ, สุตฺวาน มนุสฺเส ปุจฺฉิ – ‘‘โก, ภเณ, รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฏฺาย หตฺถิสาลายํ มฺชุนา สเรน คายิ, วีณฺจ วาเทสี’’ติ? ‘‘อมุกสฺส, เทว, หตฺถาจริยสฺส อนฺเตวาสี มาณวโก รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฏฺาย หตฺถิสาลายํ มฺชุนา สเรน คายิ, วีณฺจ วาเทสี’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภเณ, ตํ มาณวกํ อาเนถา’’ติ. ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข, ภิกฺขเว, เต มนุสฺสา พฺรหฺมทตฺตสฺส กาสิรฺโ ปฏิสฺสุตฺวา ทีฆาวุํ กุมารํ อาเนสุํ. ‘‘ตฺวํ ภเณ มาณวก, รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฏฺาย หตฺถิสาลายํ มฺชุนา สเรน คายิ, วีณฺจ วาเทสี’’ติ? ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ. ‘‘เตน หิ ตฺวํ, ภเณ มาณวก, คายสฺสุ, วีณฺจ วาเทหี’’ติ. ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุ กุมาโร พฺรหฺมทตฺตสฺส กาสิรฺโ ปฏิสฺสุตฺวา อาราธาเปกฺโข มฺชุนา สเรน คายิ , วีณฺจ วาเทสิ. ‘‘ตฺวํ, ภเณ มาณวก, มํ อุปฏฺหา’’ติ. ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุ กุมาโร พฺรหฺมทตฺตสฺส กาสิรฺโ ปจฺจสฺโสสิ. อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุ กุมาโร พฺรหฺมทตฺตสฺส กาสิรฺโ ปุพฺพุฏฺายี อโหสิ ปจฺฉานิปาตี กิงฺการปฏิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาที. อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทตฺโต กาสิราชา ทีฆาวุํ กุมารํ นจิรสฺเสว อพฺภนฺตริเม วิสฺสาสิกฏฺาเน เปสิ.

๔๖๒. อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทตฺโต กาสิราชา ทีฆาวุํ กุมารํ เอตทโวจ – ‘‘เตน หิ, ภเณ มาณวก, รถํ โยเชหิ, มิควํ คมิสฺสามา’’ติ. ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุ กุมาโร พฺรหฺมทตฺตสฺส กาสิรฺโ ปฏิสฺสุตฺวา รถํ โยเชตฺวา พฺรหฺมทตฺตํ กาสิราชานํ เอตทโวจ – ‘‘ยุตฺโต โข เต, เทว, รโถ, ยสฺส ทานิ กาลํ มฺสี’’ติ. อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทตฺโต กาสิราชา รถํ อภิรุหิ. ทีฆาวุ กุมาโร รถํ เปเสสิ. ตถา ตถา รถํ เปเสสิ ยถา ยถา อฺเเนว เสนา อคมาสิ อฺเเนว รโถ. อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทตฺโต กาสิราชา ทูรํ คนฺตฺวา ทีฆาวุํ กุมารํ เอตทโวจ – ‘‘เตน หิ, ภเณ มาณวก, รถํ มุฺจสฺสุ, กิลนฺโตมฺหิ, นิปชฺชิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุ กุมาโร พฺรหฺมทตฺตสฺส กาสิรฺโ ปฏิสฺสุตฺวา รถํ มุฺจิตฺวา ปถวิยํ ปลฺลงฺเกน นิสีทิ. อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทตฺโต กาสิราชา ทีฆาวุสฺส กุมารสฺส อุจฺฉงฺเค สีสํ กตฺวา เสยฺยํ กปฺเปสิ. ตสฺส กิลนฺตสฺส มุหุตฺตเกเนว นิทฺทา โอกฺกมิ. อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุสฺส กุมารสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข พฺรหฺมทตฺโต กาสิราชา พหุโน อมฺหากํ อนตฺถสฺส การโก. อิมินา อมฺหากํ พลฺจ วาหนฺจ ชนปโท จ โกโส จ โกฏฺาคารฺจ อจฺฉินฺนํ. อิมินา จ เม มาตาปิตโร หตา. อยํ ขฺวสฺส กาโล โยหํ เวรํ อปฺเปยฺย’’นฺติ โกสิยา ขคฺคํ นิพฺพาหิ. อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุสฺส กุมารสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ปิตา โข มํ มรณกาเล อวจ ‘มา โข ตฺวํ, ตาต ทีฆาวุ, ทีฆํ ปสฺส, มา รสฺสํ. น หิ, ตาต ทีฆาวุ, เวเรน เวรา สมฺมนฺติ; อเวเรน หิ, ตาต ทีฆาวุ, เวรา สมฺมนฺตี’ติ. น โข เมตํ ปติรูปํ , ยฺวาหํ ปิตุวจนํ อติกฺกเมยฺย’’นฺติ โกสิยา ขคฺคํ ปเวเสสิ. ทุติยมฺปิ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุสฺส กุมารสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข พฺรหฺมทตฺโต กาสิราชา พหุโน อมฺหากํ อนตฺถสฺส การโก, อิมิโน อมฺหากํ พลฺจ วาหนฺจ ชนปโท จ โกโส จ โกฏฺาคารฺจ อจฺฉินฺนํ, อิมินา จ เม มาตาปิตโร หตา, อยํ ขฺวสฺส กาโล โยหํ เวรํ อปฺเปยฺย’’นฺติ โกสิยา ขคฺคํ นิพฺพาหิ. ทุติยมฺปิ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุสฺส กุมารสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ปิตา โข มํ มรณกาเล อวจ ‘มา โข ตฺวํ ตาต ทีฆาวุ, ทีฆํ ปสฺส, มา รสฺสํ, น หิ ตาต ทีฆาวุ เวเรน เวรา สมฺมนฺติ; อเวเรน หิ, ตาต ทีฆาวุ, เวรา สมฺมนฺตี’ติ. น โข เมตํ ปติรูปํ, ยฺวาหํ ปิตุวจนํ อติกฺกเมยฺย’’นฺติ. ปุนเทว โกสิยา ขคฺคํ ปเวเสสิ. ตติยมฺปิ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุสฺส กุมารสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข พฺรหฺมทตฺโต กาสิราชา พหุโน อมฺหากํ อนตฺถสฺส การโก. อิมินา อมฺหากํ พลฺจ วาหนฺจ ชนปโท จ โกโส จ โกฏฺาคารฺจ อจฺฉินฺนํ. อิมินา จ เม มาตาปิตโร หตา. อยํ ขฺวสฺส กาโล โยหํ เวรํ อปฺเปยฺย’’นฺติ โกสิยา ขคฺคํ นิพฺพาหิ. ตติยมฺปิ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุสฺส กุมารสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ปิตา โข มํ มรณกาเล อวจ ‘มา โข ตฺวํ, ตาต ทีฆาวุ, ทีฆํ ปสฺส, มา รสฺสํ. น หิ, ตาต ทีฆาวุ, เวเรน เวรา สมฺมนฺติ; อเวเรน หิ, ตาต ทีฆาวุ, เวรา สมฺมนฺตี’ติ. น โข เมตํ ปติรูปํ, ยฺวาหํ ปิตุวจนํ อติกฺกเมยฺย’’’นฺติ ปุนเทว โกสิยา ขคฺคํ ปเวเสสิ. อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทตฺโต กาสิราชา ภีโต อุพฺพิคฺโค อุสฺสงฺกี อุตฺรสฺโต สหสา วุฏฺาสิ. อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุ กุมาโร พฺรหฺมทตฺตํ กาสิราชานํ เอตทโวจ – ‘‘กิสฺส ตฺวํ , เทว, ภีโต อุพฺพิคฺโค อุสฺสงฺกี อุตฺรสฺโต สหสา วุฏฺาสี’’ติ? อิธ มํ, ภเณ มาณวก, ทีฆีติสฺส โกสลรฺโ ปุตฺโต ทีฆาวุ กุมาโร สุปินนฺเตน ขคฺเคน ปริปาเตสิ. เตนาหํ ภีโต อุพฺพิคฺโค อุสฺสงฺกี อุตฺรสฺโต สหสา วุฏฺาสินฺติ. อถ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุ กุมาโร วาเมน หตฺเถน พฺรหฺมทตฺตสฺส กาสิรฺโ สีสํ ปรามสิตฺวา ทกฺขิเณน หตฺเถน ขคฺคํ นิพฺพาเหตฺวา พฺรหฺมทตฺตํ กาสิราชานํ เอตทโวจ – ‘‘อหํ โข โส, เทว, ทีฆีติสฺส โกสลรฺโ ปุตฺโต ทีฆาวุ กุมาโร. พหุโน ตฺวํ อมฺหากํ อนตฺถสฺส การโก. ตยา อมฺหากํ พลฺจ วาหนฺจ ชนปโท จ โกโส จ โกฏฺาคารฺจ อจฺฉินฺนํ. ตยา จ เม มาตาปิตโร หตา. อยํ ขฺวสฺส กาโล ยฺวาหํ เวรํ อปฺเปยฺย’’นฺติ. อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทตฺโต กาสิราชา ทีฆาวุสฺส กุมารสฺส ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ทีฆาวุํ กุมารํ เอตทโวจ – ‘‘ชีวิตํ เม, ตาต ทีฆาวุ, เทหิ. ชีวิตํ เม, ตาต ทีฆาวุ, เทหี’’ติ. ‘‘กฺยาหํ อุสฺสหามิ เทวสฺส ชีวิตํ ทาตุํ ? เทโว โข เม ชีวิตํ ทเทยฺยา’’ติ. ‘‘เตน หิ, ตาต ทีฆาวุ, ตฺวฺเจว เม ชีวิตํ เทหิ, อหฺจ เต ชีวิตํ ทมฺมี’’ติ. อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทตฺโต จ กาสิราชา ทีฆาวุ จ กุมาโร อฺมฺสฺส ชีวิตํ อทํสุ, ปาณิฺจ อคฺคเหสุํ, สปถฺจ อกํสุ อทฺทูภาย [อทฺรูภาย, อทุพฺภาย (ก.)].

อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทตฺโต กาสิราชา ทีฆาวุํ กุมารํ เอตทโวจ – ‘‘เตน หิ, ตาต ทีฆาวุ, รถํ โยเชหิ , คมิสฺสามา’’ติ. ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข, ภิกฺขเว, ทีฆาวุ กุมาโร พฺรหฺมทตฺตสฺส กาสิรฺโ ปฏิสฺสุตฺวา รถํ โยเชตฺวา พฺรหฺมทตฺตํ กาสิราชานํ เอตทโวจ – ‘‘ยุตฺโต โข เต, เทว, รโถ, ยสฺส ทานิ กาลํ มฺสี’’ติ. อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทตฺโต กาสิราชา รถํ อภิรุหิ. ทีฆาวุ กุมาโร รถํ เปเสสิ. ตถา ตถา รถํ เปเสสิ ยถา ยถา นจิรสฺเสว เสนาย สมาคฺฉิ. อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทตฺโต กาสิราชา พาราณสึ ปวิสิตฺวา อมจฺเจ ปาริสชฺเช สนฺนิปาตาเปตฺวา เอตทโวจ – ‘‘สเจ, ภเณ, ทีฆีติสฺส โกสลรฺโ ปุตฺตํ ทีฆาวุํ กุมารํ ปสฺเสยฺยาถ, กินฺติ นํ กเรยฺยาถา’’ติ? เอกจฺเจ เอวมาหํสุ – ‘‘มยํ, เทว, หตฺเถ ฉินฺเทยฺยาม. มยํ, เทว, ปาเท ฉินฺเทยฺยาม. มยํ, เทว, หตฺถปาเท ฉินฺเทยฺยาม. มยํ, เทว, กณฺเณ ฉินฺเทยฺยาม. มยํ, เทว, นาสํ ฉินฺเทยฺยาม. มยํ, เทว, กณฺณนาสํ ฉินฺเทยฺยาม. มยํ, เทว, สีสํ ฉินฺเทยฺยามา’’ติ. ‘‘อยํ โข, ภเณ, ทีฆีติสฺส โกสลรฺโ ปุตฺโต ทีฆาวุ กุมาโร. นายํ ลพฺภา กิฺจิ กาตุํ. อิมินา จ เม ชีวิตํ ทินฺนํ, มยา จ อิมสฺส ชีวิตํ ทินฺน’’นฺติ.

๔๖๓. อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทตฺโต กาสิราชา ทีฆาวุํ กุมารํ เอตทโวจ – ‘‘ยํ โข เต, ตาต ทีฆาวุ, ปิตา มรณกาเล อวจ ‘มา โข ตฺวํ, ตาต ทีฆาวุ, ทีฆํ ปสฺส, มา รสฺสํ. น หิ, ตาต ทีฆาวุ, เวเรน เวรา สมฺมนฺติ; อเวเรน หิ, ตาต ทีฆาวุ, เวรา สมฺมนฺตี’ติ, กึ เต ปิตา สนฺธาย อวจา’’ติ? ‘‘ยํ โข เม , เทว, ปิตา มรณกาเล อวจ ‘มา ทีฆ’นฺติ มา จิรํ เวรํ อกาสีติ. อิมํ โข เม, เทว, ปิตา มรณกาเล อวจ มา ทีฆนฺติ. ยํ โข เม, เทว, ปิตา มรณกาเล อวจ ‘มา รสฺส’นฺติ มา ขิปฺปํ มิตฺเตหิ ภิชฺชิตฺถา’’ติ. อิมํ โข เม, เทว, ปิตา มรณกาเล อวจ มา รสฺสนฺติ. ยํ โข เม, เทว, ปิตา มรณกาเล อวจ ‘‘น หิ, ตาต ทีฆาวุ, เวเรน เวรา สมฺมนฺติ, อเวเรน หิ, ตาต ทีฆาวุ, เวรา สมฺมนฺตี’’ติ เทเวน เม มาตาปิตโร หตาติ. สจาหํ เทวํ ชีวิตา โวโรเปยฺยํ, เย เทวสฺส อตฺถกามา เต มํ ชีวิตา โวโรเปยฺยุํ, เย เม อตฺถกามา เต เต ชีวิตา โวโรเปยฺยุํ – เอวํ ตํ เวรํ เวเรน น วูปสเมยฺย. อิทานิ จ ปน เม เทเวน ชีวิตํ ทินฺนํ, มยา จ เทวสฺส ชีวิตํ ทินฺนํ. เอวํ ตํ เวรํ อเวเรน วูปสนฺตํ. อิมํ โข เม, เทว, ปิตา มรณกาเล อวจ – น หิ, ตาต ทีฆาวุ, เวเรน เวรา สมฺมนฺติ; อเวเรน หิ , ตาต ทีฆาวุ, เวรา สมฺมนฺตี’’ติ. อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมทตฺโต กาสิราชา – ‘‘อจฺฉริยํ วต โภ! อพฺภุตํ วต โภ! ยาว ปณฺฑิโต อยํ ทีฆาวุ กุมาโร, ยตฺร หิ นาม ปิตุโน สํขิตฺเตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานิสฺสตี’’ติ เปตฺติกํ พลฺจ วาหนฺจ ชนปทฺจ โกสฺจ โกฏฺาคารฺจ ปฏิปาเทสิ, ธีตรฺจ อทาสิ. เตสฺหิ นาม, ภิกฺขเว, ราชูนํ อาทินฺนทณฺฑานํ อาทินฺนสตฺถานํ เอวรูปํ ขนฺติโสรจฺจํ ภวิสฺสติ. อิธ โข ปน ตํ, ภิกฺขเว , โสเภถ ยํ ตุมฺเห เอวํ สฺวากฺขาเต ธมฺมวินเย ปพฺพชิตา สมานา ขมา จ ภเวยฺยาถ โสรตา จาติ? ตติยมฺปิ โข ภควา เต ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘อลํ, ภิกฺขเว, มา ภณฺฑนํ มา กลหํ มา วิคฺคหํ มา วิวาท’’นฺติ. ตติยมฺปิ โข โส อธมฺมวาที ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อาคเมตุ, ภนฺเต, ภควา ธมฺมสฺสามี; อปฺโปสฺสุกฺโก, ภนฺเต, ภควา ทิฏฺธมฺมสุขวิหารมนุยุตฺโต วิหรตุ. มยเมเตน ภณฺฑเนน กลเหน วิคฺคเหน วิวาเทน ปฺายิสฺสามา’’ติ. อถ โข ภควา – ปริยาทินฺนรูปา โข อิเม โมฆปุริสา, นยิเม สุกรา สฺาเปตุนฺติ – อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ.

ทีฆาวุภาณวาโร นิฏฺิโต ปโม.

๔๖๔. [ม. นิ. ๓.๒๓๖] อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย โกสมฺพึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. โกสมฺพิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สงฺฆมชฺเฌ ิตโกว อิมา คาถาโย อภาสิ –

[ม. นิ. ๓.๒๓๗] ‘‘ปุถุสทฺโท สมชโน, น พาโล โกจิ มฺถ;

สงฺฆสฺมึ ภิชฺชมานสฺมึ, นาฺํ ภิยฺโย อมฺรุํ.

[ม. นิ. ๓.๒๓๗] ‘‘ปริมุฏฺา ปณฺฑิตาภาสา, วาจาโคจรภาณิโน;

ยาวิจฺฉนฺติ มุขายามํ, เยน นีตา น ตํ วิทู.

[ม. นิ. ๓.๒๓๗] ‘‘อกฺโกจฺฉิ มํ อวธิ มํ, อชินิ มํ อหาสิ เม;

เย จ ตํ อุปนยฺหนฺติ, เวรํ เตสํ น สมฺมติ.

[ม. นิ. ๓.๒๓๗] ‘‘อกฺโกจฺฉิ มํ อวธิ มํ, อชินิ มํ อหาสิ เม;

เย จ ตํ นุปนยฺหนฺติ, เวรํ เตสูปสมฺมติ.

[ม. นิ. ๓.๒๓๗] ‘‘น หิ เวเรน เวรานิ, สมฺมนฺตีธ กุทาจนํ;

อเวเรน จ สมฺมนฺติ, เอสธมฺโม สนนฺตโน.

[ม. นิ. ๓.๒๓๗] ‘‘ปเร จ น วิชานนฺติ, มยเมตฺถ ยมามเส;

เย จ ตตฺถ วิชานนฺติ, ตโต สมฺมนฺติ เมธคา.

[ม. นิ. ๓.๒๓๗] ‘‘อฏฺิจฺฉินฺนา ปาณหรา, ควาสฺสธนหาริโน;

รฏฺํ วิลุมฺปมานานํ, เตสมฺปิ โหติ สงฺคติ.

‘‘กสฺมา ตุมฺหาก โน สิยา;

[ม. นิ. ๓.๒๓๗] ‘‘สเจ ลเภถ นิปกํ สหายํ;

สทฺธึจรํ สาธุวิหาริ ธีรํ;

อภิภุยฺย สพฺพานิ ปริสฺสยานิ;

จเรยฺย เตนตฺตมโน สตีมา.

[ม. นิ. ๓.๒๓๗] ‘‘โน เจ ลเภถ นิปกํ สหายํ;

สทฺธึ จรํ สาธุวิหาริ ธีรํ;

ราชาว รฏฺํ วิชิตํ ปหาย;

เอโก จเร มาตงฺครฺเว นาโค.

[ม. นิ. ๓.๒๓๗] ‘‘เอกสฺส จริตํ เสยฺโย;

นตฺถิ พาเล สหายตา;

เอโก จเร น จ ปาปานิ กยิรา;

อปฺโปสฺสุกฺโก มาตงฺครฺเว นาโค’’ติ.

ทีฆาวุวตฺถุ นิฏฺิตํ.

๒๗๓. พาลกโลณกคมนกถา

๔๖๕. อถ โข ภควา สงฺฆมชฺเฌ ิตโกว อิมา คาถาโย ภาสิตฺวา เยน พาลกโลณกคาโม [พาลกโลณการคาโม (สี. สฺยา.)] เตนุปสงฺกมิ. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา ภคุ พาลกโลณกคาเม วิหรติ. อทฺทสา โข อายสฺมา ภคุ ภควนฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ, ทิสฺวาน อาสนํ ปฺเปสิ, ปาโททกํ ปาทปีํ ปาทกถลิกํ อุปนิกฺขิปิ, ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ปตฺตจีวรํ ปฏิคฺคเหสิ. นิสีทิ ภควา ปฺตฺเต อาสเน, นิสชฺช โข ภควา ปาเท ปกฺขาเลสิ. อายสฺมาปิ โข ภคุ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ ภคุํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘กจฺจิ, ภิกฺขุ, ขมนียํ; กจฺจิ ยาปนียํ, กจฺจิ ปิณฺฑเกน น กิลมสี’’ติ? ‘‘ขมนียํ, ภควา, ยาปนียํ, ภควา; น จาหํ, ภนฺเต, ปิณฺฑเกน กิลมามี’’ติ. อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ ภคุํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสตฺวา สมาทเปตฺวา สมุตฺเตเชตฺวา สมฺปหํเสตฺวา อุฏฺายาสนา เยน ปาจีนวํสทาโย เตนุปสงฺกมิ.

พาลกโลณกคมนกถา นิฏฺิตา.

๒๗๔. ปาจีนวํสทายคมนกถา

๔๖๖. [ม. นิ. ๑.๓๒๕ อาทโย ปสฺสิตพฺพํ] เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา จ อนุรุทฺโธ อายสฺมา จ นนฺทิโย อายสฺมา จ กิมิโล [กิมฺพิโล (สี. สฺยา.)] ปาจีนวํสทาเย วิหรนฺติ. อทฺทสา โข ทายปาโล ภควนฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ, ทิสฺวาน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘มา, สมณ, เอตํ ทายํ ปาวิสิ. สนฺเตตฺถ ตโย กุลปุตฺตา อตฺตกามรูปา วิหรนฺติ. มา เตสํ อผาสุมกาสี’’ติ. อสฺโสสิ โข อายสฺมา อนุรุทฺโธ ทายปาลสฺส ภควตา สทฺธึ มนฺตยมานสฺส, สุตฺวาน ทายปาลํ เอตทโวจ – ‘‘มาวุโส, ทายปาล, ภควนฺตํ วาเรสิ . สตฺถา โน ภควา อนุปฺปตฺโต’’ติ. อถ โข อายสฺมา อนุรุทฺโธ เยนายสฺมา จ นนฺทิโย อายสฺมา จ กิมิโล เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตฺจ นนฺทิยํ อายสฺมนฺตฺจ กิมิลํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกมถายสฺมนฺโต อภิกฺกมถายสฺมนฺโต, สตฺถา โน ภควา อนุปฺปตฺโต’’ติ. อถ โข อายสฺมา จ อนุรุทฺโธ อายสฺมา จ นนฺทิโย อายสฺมา จ กิมิโล ภควนฺตํ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา เอโก ภควโต ปตฺตจีวรํ ปฏิคฺคเหสิ, เอโก อาสนํ ปฺเปสิ, เอโก ปาโททกํ ปาทปีํ ปาทกถลิกํ อุปนิกฺขิปิ. นิสีทิ ภควา ปฺตฺเต อาสเน , นิสชฺช โข ภควา ปาเท ปกฺขาเลสิ. เตปิ โข อายสฺมนฺโต ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘กจฺจิ โว, อนุรุทฺธา, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนียํ; กจฺจิ ปิณฺฑเกน น กิลมถา’’ติ? ‘‘ขมนียํ ภควา, ยาปนียํ ภควา; น จ มยํ, ภนฺเต, ปิณฺฑเกน กิลมามา’’ติ.

‘‘กจฺจิ ปน โว อนุรุทฺธา สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ขีโรทกีภูตา อฺมฺํ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺตา วิหรถา’’ติ? ‘‘ตคฺฆ มยํ, ภนฺเต, สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ขีโรทกีภูตา อฺมฺํ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺตา วิหรามา’’ติ. ‘‘ยถา กถํ ปน ตุมฺเห, อนุรุทฺธา, สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ขีโรทกีภูตา อฺมฺํ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺตา วิหรถา’’ติ? ‘‘อิธ มยฺหํ, ภนฺเต, เอวํ โหติ – ‘ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม, โยหํ เอวรูเปหิ สพฺรหฺมจารีหิ สทฺธึ วิหรามี’’’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, อิเมสุ อายสฺมนฺเตสุ เมตฺตํ กายกมฺมํ ปจฺจุปฏฺิตํ อาวิ เจว รโห จ; เมตฺตํ วจีกมฺมํ… เมตฺตํ มโนกมฺมํ ปจฺจุปฏฺิตํ อาวิ เจว รโห จ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอวํ โหติ – ‘‘‘ยํนูนาหํ สกํ จิตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา อิเมสํเยว อายสฺมนฺตานํ จิตฺตสฺส วเสน วตฺเตยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ภนฺเต, สกํ จิตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา อิเมสํเยว อายสฺมนฺตานํ จิตฺตสฺส วเสน วตฺตามิ. นานา หิ โข โน, ภนฺเต, กายา, เอกฺจ ปน มฺเ จิตฺต’’นฺติ.

อายสฺมาปิ โข นนฺทิโย…เป… อายสฺมาปิ โข กิมิโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘มยฺหมฺปิ โข, ภนฺเต, เอวํ โหติ – ‘ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม, โยหํ เอวรูเปหิ สพฺรหฺมจารีหิ สทฺธึ วิหรามี’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, อิเมสุ อายสฺมนฺเตสุ เมตฺตํ กายกมฺมํ ปจฺจุปฏฺิตํ อาวิ เจว รโห จ; เมตฺตํ วจีกมฺมํ เมตฺตํ มโนกมฺมํ ปจฺจุปฏฺิตํ อาวิ เจว รโห จ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอวํ โหติ ‘ยํนูนาหํ สกํ จิตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา อิเมสํเยว อายสฺมนฺตานํ จิตฺตสฺส วเสน วตฺเตยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ภนฺเต, สกํ จิตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา อิเมสํเยว อายสฺมนฺตานํ จิตฺตสฺส วเสน วตฺตามิ. นานา หิ โข โน, ภนฺเต, กายา, เอกฺจ ปน มฺเ จิตฺตนฺติ. เอวํ โข มยํ, ภนฺเต, สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ขีโรทกีภูตา อฺมฺํ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺตา วิหรามา’’ติ.

‘‘กจฺจิ ปน โว, อนุรุทฺธา, อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปหิตตฺตา วิหรถา’’ติ? ‘‘ตคฺฆ มยํ, ภนฺเต, อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปหิตตฺตา วิหรามา’’ติ. ‘‘ยถา กถํ ปน ตุมฺเห, อนุรุทฺธา, อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปหิตตฺตา วิหรถา’’ติ? ‘‘อิธ, ภนฺเต, อมฺหากํ โย ปมํ คามโต ปิณฺฑาย ปฏิกฺกมติ โส อาสนํ ปฺเปติ, ปาโททกํ ปาทปีํ ปาทกถลิกํ อุปนิกฺขิปติ, อวกฺการปาตึ โธวิตฺวา อุปฏฺาเปติ, ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฏฺาเปติ. โย ปจฺฉา คามโต ปิณฺฑาย ปฏิกฺกมติ, สเจ โหติ ภุตฺตาวเสโส, สเจ อากงฺขติ ภุฺชติ, โน เจ อากงฺขติ อปฺปหริเต วา ฉฑฺเฑติ. อปฺปาณเก วา อุทเก โอปิลาเปติ. โส อาสนํ อุทฺธรติ , ปาโททกํ ปาทปีํ ปาทกถลิกํ ปฏิสาเมติ, อวกฺการปาตึ โธวิตฺวา ปฏิสาเมติ, ปานียํ ปริโภชนียํ ปฏิสาเมติ, ภตฺตคฺคํ สมฺมชฺชติ. โย ปสฺสติ ปานียฆฏํ วา ปริโภชนียฆฏํ วา วจฺจฆฏํ วา ริตฺตํ ตุจฺฉํ โส อุปฏฺาเปติ. สจสฺส โหติ อวิสยฺหํ, หตฺถวิกาเรน ทุติยํ อามนฺเตตฺวา หตฺถวิลงฺฆเกน อุปฏฺาเปม, น ตฺเวว มยํ, ภนฺเต, ตปฺปจฺจยา วาจํ ภินฺทาม. ปฺจาหิกํ โข ปน มยํ, ภนฺเต, สพฺพรตฺตึ ธมฺมิยา กถาย สนฺนิสีทาม. เอวํ โข มยํ, ภนฺเต, อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปหิตตฺตา วิหรามา’’ติ.

ปาจินวํสทายคมนกถา นิฏฺิตา.

๒๗๕. ปาลิเลยฺยกคมนกถา

๔๖๗. [อุทา. ๓๕ อาทโย โถกํ วิสทิสํ] อถ โข ภควา อายสฺมนฺตฺจ อนุรุทฺธํ อายสฺมนฺตฺจ นนฺทิยํ อายสฺมนฺตฺจ กิมิลํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสตฺวา สมาทเปตฺวา สมุตฺเตเชตฺวา สมฺปหํเสตฺวา อุฏฺายาสนา เยน ปาลิเลยฺยกํ [ปาริเลยฺยกํ (สี. สฺยา.)] เตน จาริกํ ปกฺกามิ. อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน ปาลิเลยฺยกํ ตทวสริ. ตตฺร สุทํ ภควา ปาลิเลยฺยเก วิหรติ รกฺขิตวนสณฺเฑ ภทฺทสาลมูเล. อถ โข ภควโต รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ‘‘อหํ โข ปุพฺเพ อากิณฺโณ น ผาสุ วิหาสึ เตหิ โกสมฺพเกหิ [โกสพฺภิเกหิ (สฺยา.)] ภิกฺขูหิ ภณฺฑนการเกหิ กลหการเกหิ วิวาทการเกหิ ภสฺสการเกหิ สงฺเฆ อธิกรณการเกหิ. โสมฺหิ เอตรหิ เอโก อทุติโย สุขํ ผาสุ วิหรามิ อฺตฺเรว เตหิ โกสมฺพเกหิ ภิกฺขูหิ ภณฺฑนการเกหิ กลหการเกหิ วิวาทการเกหิ ภสฺสการเกหิ สงฺเฆ อธิกรณการเกหี’’ติ.

อฺตโรปิ โข หตฺถินาโค อากิณฺโณ วิหรติ หตฺถีหิ หตฺถินีหิ หตฺถิกฬเภหิ หตฺถิจฺฉาเปหิ, ฉินฺนคฺคานิ เจว ติณานิ ขาทติ, โอภคฺโคภคฺคฺจสฺส สาขาภงฺคํ ขาทนฺติ, อาวิลานิ จ ปานียานิ ปิวติ, โอคาหา จสฺส โอติณฺณสฺส หตฺถินิโย กายํ อุปนิฆํสนฺติโย คจฺฉนฺติ. อถ โข ตสฺส หตฺถินาคสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อหํ โข อากิณฺโณ วิหรามิ หตฺถีหิ หตฺถินีหิ หตฺถิกฬเภหิ หตฺถิจฺฉาเปหิ, ฉินฺนคฺคานิ เจว ติณานิ ขาทามิ, โอภคฺโคภคฺคฺจ เม สาขาภงฺคํ ขาทนฺติ, อาวิลานิ จ ปานียานิ ปิวามิ, โอคาหา จ เม โอติณฺณสฺส หตฺถินิโย กายํ อุปนิฆํสนฺติโย คจฺฉนฺติ. ยํนูนาหํ เอโกว คณสฺมา วูปกฏฺโ วิหเรยฺย’’นฺติ. อถ โข โส หตฺถินาโค ยูถา อปกฺกมฺม เยน ปาลิเลยฺยกํ รกฺขิตวนสณฺโฑ ภทฺทสาลมูลํ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา โสณฺฑาย ภควโต ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฏฺาเปติ, อปฺปหริตฺจ กโรติ. อถ โข ตสฺส หตฺถินาคสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อหํ โข ปุพฺเพ อากิณฺโณ น ผาสุ วิหาสึ หตฺถีหิ หตฺถินีหิ หตฺถิกฬเภหิ หตฺถิจฺฉาเปหิ, ฉินฺนคฺคานิ เจว ติณานิ ขาทึ, โอภคฺโคภคฺคฺจ เม สาขาภงฺคํ ขาทึสุ, อาวิลานิ จ ปานียานิ อปายึ โอคาหา จ เม โอติณฺณสฺส [โอคาหฺจสฺส โอติณฺณสฺส (สฺยา.), โอคาหา จสฺส อุตฺติณฺณสฺส (สี.)] หตฺถินิโย กายํ อุปนิฆํสนฺติโย อคมํสุ. โสมฺหิ เอตรหิ เอโก อทุติโย สุขํ ผาสุ วิหรามิ อฺตฺเรว หตฺถีหิ หตฺถินีหิ หตฺถิกฬเภหิ หตฺถิจฺฉาเปหี’’ติ.

อถ โข ภควา อตฺตโน จ ปวิเวกํ วิทิตฺวา ตสฺส จ หตฺถินาคสฺส เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –

[อุทา. ๓๕] ‘‘เอตํ [เอวํ (ก.)] นาคสฺส นาเคน, อีสาทนฺตสฺส หตฺถิโน;

สเมติ จิตฺตํ จิตฺเตน, ยเทโก รมตี วเน’’ติ.

อถ โข ภควา ปาลิเลยฺยเก ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน สาวตฺถิ เตน จาริกํ ปกฺกามิ. อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน สาวตฺถิ ตทวสริ. ตตฺร สุทํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข โกสมฺพกา อุปาสกา – ‘‘อิเม โข อยฺยา โกสมฺพกา ภิกฺขู พหุโน อมฺหากํ อนตฺถสฺส การกา . อิเมหิ อุพฺพาฬฺโห ภควา ปกฺกนฺโต. หนฺท มยํ อยฺเย โกสมฺพเก ภิกฺขู เนว อภิวาเทยฺยาม, น ปจฺจุฏฺเยฺยาม, น อฺชลิกมฺมํ สามีจิกมฺมํ กเรยฺยาม, น สกฺกเรยฺยาม, น ครุํ กเรยฺยาม, น มาเนยฺยาม, น ภเชยฺยาม, น ปูเชยฺยาม, อุปคตานมฺปิ ปิณฺฑกํ น ทชฺเชยฺยาม – เอวํ อิเม อมฺเหหิ อสกฺกริยมานา อครุกริยมานา อมานิยมานา อภชิยมานา อปูชิยมานา อสกฺการปกตา ปกฺกมิสฺสนฺติ วา วิพฺภมิสฺสนฺติ วา ภควนฺตํ วา ปสาเทสฺสนฺตี’’ติ. อถ โข โกสมฺพกา อุปาสกา โกสมฺพเก ภิกฺขู เนว อภิวาเทสุํ, น ปจฺจุฏฺเสุํ, น อฺชลิกมฺมํ สามีจิกมฺมํ อกํสุ, น สกฺกรึสุ, น ครุํ กรึสุ, น มาเนสุํ, น ภเชสุํ น ปูเชสุํ, อุปคตานมฺปิ ปิณฺฑกํ น อทํสุ. อถ โข โกสมฺพกา ภิกฺขู โกสมฺพเกหิ อุปาสเกหิ อสกฺกริยมานา อครุกริยมานา อมานิยมานา อภชิยมานา อปูชิยมานา อสกฺการปกตา เอวมาหํสุ – ‘‘หนฺท มยํ, อาวุโส, สาวตฺถึ คนฺตฺวา ภควโต สนฺติเก อิมํ อธิกรณํ วูปสเมยฺยามา’’ติ.

ปาลิเลยฺยกคมนกถา นิฏฺิตา.

๒๗๖. อฏฺารสวตฺถุกถา

๔๖๘. อถ โข โกสมฺพกา ภิกฺขู เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน สาวตฺถิ เตนุปสงฺกมึสุ. อสฺโสสิ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต – ‘‘เต กิร โกสมฺพกา ภิกฺขู ภณฺฑนการกา กลหการกา วิวาทการกา ภสฺสการกา สงฺเฆ อธิกรณการกา สาวตฺถึ อาคจฺฉนฺตี’’ติ. อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เต กิร, ภนฺเต, โกสมฺพกา ภิกฺขู ภณฺฑนการกา กลหการกา วิวาทการกา ภสฺสการกา สงฺเฆ อธิกรณการกา สาวตฺถึ อาคจฺฉนฺติ. กถาหํ, ภนฺเต, เตสุ ภิกฺขูสุ ปฏิปชฺชามี’’ติ? ‘‘เตน หิ ตฺวํ, สาริปุตฺต, ยถา ธมฺโม ตถา ติฏฺาหี’’ติ. ‘‘กถาหํ, ภนฺเต, ชาเนยฺยํ ธมฺมํ วา อธมฺมํ วา’’ติ?

อฏฺารสหิ โข, สาริปุตฺต, วตฺถูหิ อธมฺมวาที ชานิตพฺโพ. อิธ, สาริปุตฺต, ภิกฺขุ อธมฺมํ ธมฺโมติ ทีเปติ, ธมฺมํ อธมฺโมติ ทีเปติ; อวินยํ วินโยติ ทีเปติ, วินยํ อวินโยติ ทีเปติ; อภาสิตํ อลปิตํ ตถาคเตน ภาสิตํ ลปิตํ ตถาคเตนาติ ทีเปติ, ภาสิตํ ลปิตํ ตถาคเตน อภาสิตํ อลปิตํ ตถาคเตนาติ ทีเปติ; อนาจิณฺณํ ตถาคเตน อาจิณฺณํ ตถาคเตนาติ ทีเปติ, อาจิณฺณํ ตถาคเตน อนาจิณฺณํ ตถาคเตนาติ ทีเปติ; อปฺตฺตํ ตถาคเตน ปฺตฺตํ ตถาคเตนาติ ทีเปติ, ปฺตฺตํ ตถาคเตน อปฺตฺตํ ตถาคเตนาติ ทีเปติ; อนาปตฺตึ อาปตฺตีติ ทีเปติ, อาปตฺตึ อนาปตฺตีติ ทีเปติ; ลหุกํ อาปตฺตึ ครุกา อาปตฺตีติ ทีเปติ, ครุกํ อาปตฺตึ ลหุกา อาปตฺตีติ ทีเปติ; สาวเสสํ อาปตฺตึ อนวเสสา อาปตฺตีติ ทีเปติ, อนวเสสํ อาปตฺตึ สาวเสสา อาปตฺตีติ ทีเปติ; ทุฏฺุลฺลํ อาปตฺตึ อทุฏฺุลฺลา อาปตฺตีติ ทีเปติ, อทุฏฺุลฺลํ อาปตฺตึ ทุฏฺุลฺลา อาปตฺตีติ ทีเปติ – อิเมหิ โข, สาริปุตฺต, อฏฺารสหิ วตฺถูหิ อธมฺมวาที ชานิตพฺโพ.

อฏฺารสหิ จ โข, สาริปุตฺต, วตฺถูหิ ธมฺมวาที ชานิตพฺโพ. อิธ, สาริปุตฺต, ภิกฺขุ อธมฺมํ อธมฺโมติ ทีเปติ, ธมฺมํ ธมฺโมติ ทีเปติ; อวินยํ อวินโยติ ทีเปติ, วินยํ วินโยติ ทีเปติ; อภาสิตํ อลปิตํ ตถาคเตน อภาสิตํ อลปิตํ ตถาคเตนาติ ทีเปติ, ภาสิตํ ลปิตํ ตถาคเตน ภาสิตํ ลปิตํ ตถาคเตนาติ ทีเปติ; อนาจิณฺณํ ตถาคเตน อนาจิณฺณํ ตถาคเตนาติ ทีเปติ, อาจิณฺณํ ตถาคเตน อาจิณฺณํ ตถาคเตนาติ ทีเปติ; อปฺตฺตํ ตถาคเตน อปฺตฺตํ ตถาคเตนาติ ทีเปติ, ปฺตฺตํ ตถาคเตน ปฺตฺตํ ตถาคเตนาติ ทีเปติ ; อนาปตฺตึ อนาปตฺตีติ ทีเปติ, อาปตฺตึ อาปตฺตีติ ทีเปติ; ลหุกํ อาปตฺตึ ลหุกา อาปตฺตีติ ทีเปติ, ครุกํ อาปตฺตึ ครุกา อาปตฺตีติ ทีเปติ; สาวเสสํ อาปตฺตึ สาวเสสา อาปตฺตีติ ทีเปติ, อนวเสสํ อาปตฺตึ อนวเสสา อาปตฺตีติ ทีเปติ; ทุฏฺุลฺลํ อาปตฺตึ ทุฏฺุลฺลา อาปตฺตีติ ทีเปติ, อทุฏฺุลฺลํ อาปตฺตึ อทุฏฺุลฺลา อาปตฺตีติ ทีเปติ – อิเมหิ โข, สาริปุตฺต, อฏฺารสหิ วตฺถูหิ ธมฺมวาที ชานิตพฺโพติ.

๔๖๙. อสฺโสสิ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน…เป… อสฺโสสิ โข อายสฺมา มหากสฺสโป… อสฺโสสิ โข อายสฺมา มหากจฺจาโน… อสฺโสสิ โข อายสฺมา มหาโกฏฺิโก … อสฺโสสิ โข อายสฺมา มหากปฺปิโน… อสฺโสสิ โข อายสฺมา มหาจุนฺโท… อสฺโสสิ โข อายสฺมา อนุรุทฺโธ… อสฺโสสิ โข อายสฺมา เรวโต … อสฺโสสิ โข อายสฺมา อุปาลิ… อสฺโสสิ โข อายสฺมา อานนฺโท… อสฺโสสิ โข อายสฺมา ราหุโล – ‘‘เต กิร โกสมฺพกา ภิกฺขู ภณฺฑนการกา กลหการกา วิวาทการกา ภสฺสการกา สงฺเฆ อธิกรณการกา สาวตฺถึ อาคจฺฉนฺตี’’ติ. อถ โข อายสฺมา ราหุโล เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา ราหุโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เต กิร, ภนฺเต, โกสมฺพกา ภิกฺขู ภณฺฑนการกา กลหการกา วิวาทการกา ภสฺสการกา สงฺเฆ อธิกรณการกา สาวตฺถึ อาคจฺฉนฺติ. กถาหํ, ภนฺเต, เตสุ ภิกฺขูสุ ปฏิปชฺชามี’’ติ? ‘‘เตน หิ ตฺวํ, ราหุล, ยถา ธมฺโม ตถา ติฏฺาหี’’ติ. ‘‘กถาหํ, ภนฺเต, ชาเนยฺยํ ธมฺมํ วา อธมฺมํ วา’’ติ?

อฏฺารสหิ โข, ราหุล, วตฺถูหิ อธมฺมวาที ชานิตพฺโพ. อิธ, ราหุล, ภิกฺขุ อธมฺมํ ธมฺโมติ ทีเปติ, ธมฺมํ อธมฺโมติ ทีเปติ; อวินยํ วินโยติ ทีเปติ, วินยํ อวินโยติ ทีเปติ; อภาสิตํ อลปิตํ ตถาคเตน ภาสิตํ ลปิตํ ตถาคเตนาติ ทีเปติ, ภาสิตํ ลปิตํ ตถาคเตน อภาสิตํ อลปิตํ ตถาคเตนาติ ทีเปติ; อนาจิณฺณํ ตถาคเตน อาจิณฺณํ ตถาคเตนาติ ทีเปติ, อาจิณฺณํ ตถาคเตน อนาจิณฺณํ ตถาคเตนาติ ทีเปติ; อปฺตฺตํ ตถาคเตน ปฺตฺตํ ตถาคเตนาติ ทีเปติ, ปฺตฺตํ ตถาคเตน อปฺตฺตํ ตถาคเตนาติ ทีเปติ; อนาปตฺตึ อาปตฺตีติ ทีเปติ, อาปตฺตึ อนาปตฺตีติ ทีเปติ; ลหุกํ อาปตฺตึ ครุกา อาปตฺตีติ ทีเปติ, ครุกํ อาปตฺตึ ลหุกา อาปตฺตีติ ทีเปติ; สาวเสสํ อาปตฺตึ อนวเสสา อาปตฺตีติ ทีเปติ, อนวเสสํ อาปตฺตึ สาวเสสา อาปตฺตีติ ทีเปติ; ทุฏฺุลฺลํ อาปตฺตึ อทุฏฺุลฺลา อาปตฺตีติ ทีเปติ, อทุฏฺุลฺลํ อาปตฺตึ ทุฏฺุลฺลา อาปตฺตีติ ทีเปติ – อิเมหิ โข, ราหุล, อฏฺารสหิ วตฺถูหิ อธมฺมวาที ชานิตพฺโพ.

อฏฺารสหิ จ โข, ราหุล, วตฺถูหิ ธมฺมวาที ชานิตพฺโพ. อิธ, ราหุล, ภิกฺขุ อธมฺมํ อธมฺโมติ ทีเปติ, ธมฺมํ ธมฺโมติ ทีเปติ; อวินยํ อวินโยติ ทีเปติ, วินยํ วินโยติ ทีเปติ; อภาสิตํ อลปิตํ ตถาคเตน อภาสิตํ อลปิตํ ตถาคเตนาติ ทีเปติ, ภาสิตํ ลปิตํ ตถาคเตน ภาสิตํ ลปิตํ ตถาคเตนาติ ทีเปติ; อนาจิณฺณํ ตถาคเตน อนาจิณฺณํ ตถาคเตนาติ ทีเปติ, อาจิณฺณํ ตถาคเตน อาจิณฺณํ ตถาคเตนาติ ทีเปติ; อปฺตฺตํ ตถาคเตน อปฺตฺตํ ตถาคเตนาติ ทีเปติ, ปฺตฺตํ ตถาคเตน ปฺตฺตํ ตถาคเตนาติ ทีเปติ; อนาปตฺตึ อนาปตฺตีติ ทีเปติ, อาปตฺตึ อาปตฺตีติ ทีเปติ; ลหุกํ อาปตฺตึ ลหุกา อาปตฺตีติ ทีเปติ, ครุกํ อาปตฺตึ ครุกา อาปตฺตีติ ทีเปติ; สาวเสสํ อาปตฺตึ สาวเสสา อาปตฺตีติ ทีเปติ, อนวเสสํ อาปตฺตึ อนวเสสา อาปตฺตีติ ทีเปติ; ทุฏฺุลฺลํ อาปตฺตึ ทุฏฺุลฺลา อาปตฺตีติ ทีเปติ, อทุฏฺุลฺลํ อาปตฺตึ อทุฏฺุลฺลา อาปตฺตีติ ทีเปติ – อิเมหิ โข, ราหุล, อฏฺารสหิ วตฺถูหิ ธมฺมวาที ชานิตพฺโพติ.

๔๗๐. อสฺโสสิ โข มหาปชาปติ [มหาปชาปตี (สี. สฺยา.)] โคตมี – ‘‘เต กิร โกสมฺพกา ภิกฺขู ภณฺฑนการกา กลหการกา วิวาทการกา ภสฺสการกา สงฺเฆ อธิกรณการกา สาวตฺถึ อาคจฺฉนฺตี’’ติ. อถ โข มหาปชาปติ โคตมี เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิตา โข มหาปชาปติ โคตมี ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เต กิร, ภนฺเต, โกสมฺพกา ภิกฺขู ภณฺฑนการกา กลหการกา วิวาทการกา ภสฺสการกา สงฺเฆ อธิกรณการกา สาวตฺถึ อาคจฺฉนฺติ. กถาหํ, ภนฺเต, เตสุ ภิกฺขูสุ ปฏิปชฺชามี’’ติ? ‘‘เตน หิ ตฺวํ, โคตมิ, อุภยตฺถ ธมฺมํ สุณ. อุภยตฺถ ธมฺมํ สุตฺวา เย ตตฺถ ภิกฺขู ธมฺมวาทิโน เตสํ ทิฏฺิฺจ ขนฺติฺจ รุจิฺจ อาทายฺจ โรเจหิ. ยฺจ กิฺจิ ภิกฺขุนิสงฺเฆน ภิกฺขุสงฺฆโต ปจฺจาสีสิตพฺพํ สพฺพํ ตํ ธมฺมวาทิโตว ปจฺจาสีสิตพฺพ’’นฺติ.

๔๗๑. อสฺโสสิ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ – ‘‘เต กิร โกสมฺพกา ภิกฺขู ภณฺฑนการกา กลหการกา วิวาทการกา ภสฺสการกา สงฺเฆ อธิกรณการกา สาวตฺถึ อาคจฺฉนฺตี’’ติ. อถ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เต กิร, ภนฺเต, โกสมฺพกา ภิกฺขู ภณฺฑนการกา กลหการกา วิวาทการกา ภสฺสการกา สงฺเฆ อธิกรณการกา สาวตฺถึ อาคจฺฉนฺติ. กถาหํ, ภนฺเต, เตสุ ภิกฺขูสุ ปฏิปชฺชามี’’ติ? ‘‘เตน หิ ตฺวํ, คหปติ, อุภยตฺถ ทานํ เทหิ. อุภยตฺถ ทานํ ทตฺวา อุภยตฺถ ธมฺมํ สุณ. อุภยตฺถ ธมฺมํ สุตฺวา เย ตตฺถ ภิกฺขู ธมฺมวาทิโน เตสํ ทิฏฺิฺจ ขนฺติฺจ รุจิฺจ อาทายฺจ โรเจหี’’ติ.

๔๗๒. อสฺโสสิ โข วิสาขา มิคารมาตา – ‘‘เต กิร โกสมฺพกา ภิกฺขู ภณฺฑนการกา กลหการกา วิวาทการกา ภสฺสการกา สงฺเฆ อธิกรณการกา สาวตฺถึ อาคจฺฉนฺตี’’ติ . อถ โข วิสาขา มิคารมาตา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข วิสาขา มิคารมาตา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เต กิร, ภนฺเต, โกสมฺพกา ภิกฺขู ภณฺฑนการกา กลหการกา วิวาทการกา ภสฺสการกา สงฺเฆ อธิกรณการกา สาวตฺถึ อาคจฺฉนฺติ. กถาหํ, ภนฺเต, เตสุ ภิกฺขูสุ ปฏิปชฺชามี’’ติ? ‘‘เตน หิ ตฺวํ, วิสาเข, อุภยตฺถ ทานํ เทหิ. อุภยตฺถ ทานํ ทตฺวา อุภยตฺถ ธมฺมํ สุณ. อุภยตฺถ ธมฺมํ สุตฺวา เย ตตฺถ ภิกฺขู ธมฺมวาทิโน เตสํ ทิฏฺิฺจ ขนฺติฺจ รุจิฺจ อาทายฺจ โรเจหี’’ติ.

๔๗๓. อถ โข โกสมฺพกา ภิกฺขู อนุปุพฺเพน เยน สาวตฺถิ ตทวสรุํ. อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เต กิร, ภนฺเต, โกสมฺพกา ภิกฺขู ภณฺฑนการกา กลหการกา วิวาทการกา ภสฺสการกา สงฺเฆ อธิกรณการกา สาวตฺถึ อนุปฺปตฺตา. กถํ นุ โข, ภนฺเต, เตสุ ภิกฺขูสุ เสนาสเน [เสนาสเนสุ (ก.), เสนาสนํ (สฺยา.)] ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ? ‘‘เตน หิ, สาริปุตฺต, วิวิตฺตํ เสนาสนํ ทาตพฺพ’’นฺติ. ‘‘สเจ ปน, ภนฺเต, วิวิตฺตํ น โหติ, กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ? ‘‘เตน หิ, สาริปุตฺต, วิวิตฺตํ กตฺวาปิ ทาตพฺพํ, น ตฺเววาหํ, สาริปุตฺต, เกนจิ ปริยาเยน วุฑฺฒตรสฺส ภิกฺขุโน เสนาสนํ ปฏิพาหิตพฺพนฺติ วทามิ. โย ปฏิพาเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ.

‘‘อามิเส ปน, ภนฺเต, กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ? ‘‘อามิสํ โข, สาริปุตฺต, สพฺเพสํ สมกํ ภาเชตพฺพ’’นฺติ.

อฏฺารสวตฺถุกถา นิฏฺิตา.

๒๗๗. โอสารณานุชานนา

๔๗๔. อถ โข ตสฺส อุกฺขิตฺตกสฺส ภิกฺขุโน ธมฺมฺจ วินยฺจ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อาปตฺติ เอสา, เนสา อนาปตฺติ. อาปนฺโนมฺหิ, นมฺหิ อนาปนฺโน. อุกฺขิตฺโตมฺหิ, นมฺหิ อนุกฺขิตฺโต. ธมฺมิเกนมฺหิ กมฺเมน อุกฺขิตฺโต อกุปฺเปน านารเหนา’’ติ. อถ โข โส อุกฺขิตฺตโก ภิกฺขุ เยน อุกฺขิตฺตานุวตฺตกา ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อุกฺขิตฺตานุวตฺตเก ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘อาปตฺติ เอสา, อาวุโส; เนสา อนาปตฺติ. อาปนฺโนมฺหิ, นมฺหิ อนาปนฺโน. อุกฺขิตฺโตมฺหิ, นมฺหิ อนุกฺขิตฺโต. ธมฺมิเกนมฺหิ กมฺเมน อุกฺขิตฺโต อกุปฺเปน านารเหน. เอถ มํ อายสฺมนฺโต โอสาเรถา’’ติ. อถ โข เต อุกฺขิตฺตานุวตฺตกา ภิกฺขู ตํ อุกฺขิตฺตกํ ภิกฺขุํ อาทาย เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อยํ, ภนฺเต, อุกฺขิตฺตโก ภิกฺขุ เอวมาห – ‘อาปตฺติ เอสา , อาวุโส; เนสา อนาปตฺติ. อาปนฺโนมฺหิ, นมฺหิ อนาปนฺโน. อุกฺขิตฺโตมฺหิ, นมฺหิ อนุกฺขิตฺโต. ธมฺมิเกนมฺหิ กมฺเมน อุกฺขิตฺโต อกุปฺเปน านารเหน. เอถ มํ อายสฺมนฺโต โอสาเรถา’ติ. กถํ นุ โข, ภนฺเต, ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ? ‘‘อาปตฺติ เอสา, ภิกฺขเว; เนสา อนาปตฺติ. อาปนฺโน เอโส ภิกฺขุ, เนโส ภิกฺขุ อนาปนฺโน. อุกฺขิตฺโต เอโส ภิกฺขุ, เนโส ภิกฺขุ อนุกฺขิตฺโต . ธมฺมิเกน กมฺเมน อุกฺขิตฺโต อกุปฺเปน านารเหน. ยโต จ โข โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อาปนฺโน จ อุกฺขิตฺโต จ ปสฺสติ จ, เตน หิ, ภิกฺขเว, ตํ ภิกฺขุํ โอสาเรถา’’ติ.

โอสารณานุชานนา นิฏฺิตา.

๒๗๘. สงฺฆสามคฺคีกถา

๔๗๕. อถ โข เต อุกฺขิตฺตานุวตฺตกา ภิกฺขู ตํ อุกฺขิตฺตกํ ภิกฺขุํ โอสาเรตฺวา เยน อุกฺเขปกา ภิกฺขู เตนุปสงฺกมึสุ, อุปสงฺกมิตฺวา อุกฺเขปเก ภิกฺขู เอตทโวจุํ – ‘‘ยสฺมึ, อาวุโส, วตฺถุสฺมึ อโหสิ สงฺฆสฺส ภณฺฑนํ กลโห วิคฺคโห วิวาโท สงฺฆเภโท สงฺฆราชิ สงฺฆววตฺถานํ สงฺฆนานากรณํ , โส เอโส ภิกฺขุ อาปนฺโน จ อุกฺขิตฺโต จ ปสฺสิ [ปสฺสี (อิติปิ)] จ โอสาริโต จ. หนฺท มยํ, อาวุโส, ตสฺส วตฺถุสฺส วูปสมาย สงฺฆสามคฺคึ กโรมา’’ติ.

อถ โข เต อุกฺเขปกา ภิกฺขู เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘เต, ภนฺเต, อุกฺขิตฺตานุวตฺตกา ภิกฺขู เอวมาหํสุ – ‘ยสฺมึ, อาวุโส, วตฺถุสฺมึ อโหสิ สงฺฆสฺส ภณฺฑนํ กลโห วิคฺคโห วิวาโท สงฺฆเภโท สงฺฆราชิ สงฺฆววตฺถานํ สงฺฆนานากรณํ, โส เอโส ภิกฺขุ อาปนฺโน จ อุกฺขิตฺโต จ ปสฺสิ จ โอสาริโต จ. หนฺท มยํ, อาวุโส, ตสฺส วตฺถุสฺส วูปสมาย สงฺฆสามคฺคึ กโรมา’ติ. กถํ นุ โข, ภนฺเต, ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ? ยโต จ โข โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อาปนฺโน จ อุกฺขิตฺโต จ ปสฺสิ จ โอสาริโต จ, เตน หิ, ภิกฺขเว, สงฺโฆ ตสฺส วตฺถุสฺส วูปสมาย สงฺฆสามคฺคึ กโรตุ. เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, กาตพฺพา. สพฺเพเหว เอกชฺฌํ สนฺนิปติตพฺพํ คิลาเนหิ จ อคิลาเนหิ จ. น เกหิจิ ฉนฺโท ทาตพฺโพ. สนฺนิปติตฺวา พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าเปตพฺโพ –

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ. ยสฺมึ วตฺถุสฺมึ อโหสิ สงฺฆสฺส ภณฺฑนํ กลโห วิคฺคโห วิวาโท สงฺฆเภโท สงฺฆราชิ สงฺฆววตฺถานํ สงฺฆนานากรณํ, โส เอโส ภิกฺขุ อาปนฺโน จ อุกฺขิตฺโต จ ปสฺสิ จ โอสาริโต จ. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ ตสฺส วตฺถุสฺส วูปสมาย สงฺฆสามคฺคึ กเรยฺย. เอสา ตฺติ.

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ. ยสฺมึ วตฺถุสฺมึ อโหสิ สงฺฆสฺส ภณฺฑนํ กลโห วิคฺคโห วิวาโท สงฺฆเภโท สงฺฆราชิ สงฺฆววตฺถานํ สงฺฆนานากรณํ, โส เอโส ภิกฺขุ อาปนฺโน จ อุกฺขิตฺโต จ ปสฺสิ จ โอสาริโต จ. สงฺโฆ ตสฺส วตฺถุสฺส วูปสมาย สงฺฆสามคฺคึ กโรติ. ยสฺสายสฺมโต ขมติ ตสฺส วตฺถุสฺส วูปสมาย สงฺฆสามคฺคิยา กรณํ, โส ตุณฺหสฺส, ยสฺส นกฺขมติ โส ภาเสยฺย.

‘‘กตา สงฺเฆน ตสฺส วตฺถุสฺส วูปสมาย สงฺฆสามคฺคี. นิหโต สงฺฆเภโท, นิหตา สงฺฆราชิ, นิหตํ สงฺฆววตฺถานํ, นิหตํ สงฺฆนานากรณํ. ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติ.

ตาวเทว อุโปสโถ กาตพฺโพ, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพนฺติ.

สงฺฆสามคฺคีกถา นิฏฺิตา.

๒๗๙. อุปาลิสงฺฆสามคฺคีปุจฺฉา

๔๗๖. อถ โข อายสฺมา อุปาลิ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา อุปาลิ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ยสฺมึ, ภนฺเต, วตฺถุสฺมึ โหติ สงฺฆสฺส ภณฺฑนํ กลโห วิคฺคโห วิวาโท สงฺฆเภโท สงฺฆราชิ สงฺฆววตฺถานํ สงฺฆนานากรณํ, สงฺโฆ ตํ วตฺถุํ อวินิจฺฉินิตฺวา อมูลา มูลํ คนฺตฺวา สงฺฆสามคฺคึ กโรติ, ธมฺมิกา นุ โข สา, ภนฺเต, สงฺฆสามคฺคี’’ติ? ‘‘ยสฺมึ , อุปาลิ, วตฺถุสฺมึ โหติ สงฺฆสฺส ภณฺฑนํ กลโห วิคฺคโห วิวาโท สงฺฆเภโท สงฺฆราชิ สงฺฆววตฺถานํ สงฺฆนานากรณํ, สงฺโฆ ตํ วตฺถุํ อวินิจฺฉินิตฺวา อมูลา มูลํ คนฺตฺวา สงฺฆสามคฺคึ กโรติ, อธมฺมิกา สา, อุปาลิ, สงฺฆสามคฺคี’’ติ.

‘‘ยสฺมึ ปน, ภนฺเต, วตฺถุสฺมึ โหติ สงฺฆสฺส ภณฺฑนํ กลโห วิคฺคโห วิวาโท สงฺฆเภโท สงฺฆราชิ สงฺฆววตฺถานํ สงฺฆนานากรณํ, สงฺโฆ ตํ วตฺถุํ วินิจฺฉินิตฺวา มูลา มูลํ คนฺตฺวา สงฺฆสามคฺคึ กโรติ, ธมฺมิกา นุ โข สา, ภนฺเต, สงฺฆสามคฺคี’’ติ? ‘‘ยสฺมึ, อุปาลิ, วตฺถุสฺมึ โหติ สงฺฆสฺส ภณฺฑนํ กลโห วิคฺคโห วิวาโท สงฺฆเภโท สงฺฆราชิ สงฺฆววตฺถานํ สงฺฆนานากรณํ, สงฺโฆ ตํ วตฺถุํ วินิจฺฉินิตฺวา มูลา มูลํ คนฺตฺวา สงฺฆสามคฺคึ กโรติ, ธมฺมิกา สา, อุปาลิ, สงฺฆสามคฺคี’’ติ.

‘‘กติ นุ โข, ภนฺเต, สงฺฆสามคฺคิโย’’ติ? ‘‘ทฺเวมา, อุปาลิ, สงฺฆสามคฺคิโย – อตฺถุปาลิ, สงฺฆสามคฺคี อตฺถาเปตา พฺยฺชนุเปตา; อตฺถุปาลิ, สงฺฆสามคฺคี อตฺถุเปตา จ พฺยฺชนุเปตา จ. กตมา จ, อุปาลิ, สงฺฆสามคฺคี อตฺถาเปตา พฺยฺชนุเปตา? ยสฺมึ, อุปาลิ, วตฺถุสฺมึ โหติ สงฺฆสฺส ภณฺฑนํ กลโห วิคฺคโห วิวาโท สงฺฆเภโท สงฺฆราชิ สงฺฆววตฺถานํ สงฺฆนานากรณํ, สงฺโฆ ตํ วตฺถุํ อวินิจฺฉินิตฺวา อมูลา มูลํ คนฺตฺวา สงฺฆสามคฺคึ กโรติ, อยํ วุจฺจติ, อุปาลิ, สงฺฆสามคฺคี อตฺถาเปตา พฺยฺชนุเปตา. กตมา จ, อุปาลิ, สงฺฆสามคฺคี อตฺถุเปตา จ พฺยฺชนุเปตา จ? ยสฺมึ, อุปาลิ, วตฺถุสฺมึ โหติ สงฺฆสฺส ภณฺฑนํ กลโห วิคฺคโห วิวาโท สงฺฆเภโท สงฺฆราชิ สงฺฆววตฺถานํ สงฺฆนานากรณํ, สงฺโฆ ตํ วตฺถุํ วินิจฺฉินิตฺวา มูลา มูลํ คนฺตฺวา สงฺฆสามคฺคึ กโรติ, อยํ วุจฺจติ, อุปาลิ, สงฺฆสามคฺคี อตฺถุเปตา จ พฺยฺชนุเปตา จ. อิมา โข, อุปาลิ, ทฺเว สงฺฆสามคฺคิโย’’ติ.

๔๗๗. อถ โข อายสฺมา อุปาลิ อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –

‘‘สงฺฆสฺส กิจฺเจสุ จ มนฺตนาสุ จ;

อตฺเถสุ ชาเตสุ วินิจฺฉเยสุ จ;

กถํปกาโรธ นโร มหตฺถิโก;

ภิกฺขุ กถํ โหติธ ปคฺคหารโหติ.

‘‘อนานุวชฺโช ปเมน สีลโต;

อเวกฺขิตาจาโร สุสํวุตินฺทฺริโย;

ปจฺจตฺถิกา นูปวทนฺติ ธมฺมโต;

น หิสฺส ตํ โหติ วเทยฺยุ เยน นํ.

‘‘โส ตาทิโส สีลวิสุทฺธิยา ิโต;

วิสารโท โหติ วิสยฺห ภาสติ;

นจฺฉมฺภติ ปริสคโต น เวธติ;

อตฺถํ น หาเปติ อนุยฺยุตํ ภณํ.

‘‘ตเถว ปฺหํ ปริสาสุ ปุจฺฉิโต;

น เจว ปชฺฌายติ น มงฺกุ โหติ;

โส กาลาคตํ พฺยากรณารหํ วโจ;

รฺเชติ วิฺูปริสํ วิจกฺขโณ.

‘‘สคารโว วุฑฺฒตเรสุ ภิกฺขุสุ;

อาเจรกมฺหิ จ สเก วิสารโท;

อลํ ปเมตุํ ปคุโณ กเถตเว;

ปจฺจตฺถิกานฺจ วิรทฺธิโกวิโท.

‘‘ปจฺจตฺถิกา เยน วชนฺติ นิคฺคหํ;

มหาชโน สฺปนฺจ คจฺฉติ;

สกฺจ อาทายมยํ น ริฺจติ;

วิยากรํ [โส พฺยากรํ (สี.), เวยฺยากรํ (สฺยา.)] ปฺหมนูปฆาติกํ.

‘‘ทูเตยฺยกมฺเมสุ อลํ สมุคฺคโห;

สงฺฆสฺส กิจฺเจสุ จ อาหุ นํ ยถา;

กรํ วโจ ภิกฺขุคเณน เปสิโต;

อหํ กโรมีติ น เตน มฺติ.

‘‘อาปชฺชติ ยาวตเกสุ วตฺถุสุ;

อาปตฺติยา โหติ ยถา จ วุฏฺิติ;

เอเต วิภงฺคา อุภยสฺส สฺวาคตา;

อาปตฺติ วุฏฺานปทสฺส โกวิโท.

‘‘นิสฺสารณํ คจฺฉติ ยานิ จาจรํ;

นิสฺสาริโต โหติ ยถา จ วตฺตนา [วตฺถุนา (สี. สฺยา.)];

โอสารณํ ตํวุสิตสฺส ชนฺตุโน;

เอตมฺปิ ชานาติ วิภงฺคโกวิโท.

‘‘สคารโว วุฑฺฒตเรสุ ภิกฺขุสุ;

นเวสุ เถเรสุ จ มชฺฌิเมสุ จ;

มหาชนสฺสตฺถจโรธ ปณฺฑิโต;

โส ตาทิโส ภิกฺขุ อิธ ปคฺคหารโห’’ติ.

อุปาลิสงฺฆสามคฺคีปุจฺฉา นิฏฺิตา.

โกสมฺพกกฺขนฺธโก ทสโม.

๒๘๐. ตสฺสุทฺทานํ

โกสมฺพิยํ ชินวโร, วิวาทาปตฺติทสฺสเน;

นุกฺขิเปยฺย ยสฺมึ ตสฺมึ, สทฺธายาปตฺติ เทสเย.

อนฺโตสีมายํ ตตฺเถว, พาลกฺเจว วํสทา;

ปาลิเลยฺยา จ สาวตฺถิ, สาริปุตฺโต จ โกลิโต.

มหากสฺสปกจฺจานา, โกฏฺิโก กปฺปิเนน จ;

มหาจุนฺโท จ อนุรุทฺโธ, เรวโต อุปาลิ จุโภ.

อานนฺโท ราหุโล เจว, โคตมีนาถปิณฺฑิโก;

เสนาสนํ วิวิตฺตฺจ, อามิสํ สมกมฺปิ จ.

น เกหิ ฉนฺโท ทาตพฺโพ, อุปาลิปริปุจฺฉิโต;

อนานุวชฺโช สีเลน, สามคฺคี ชินสาสเนติ.

โกสมฺพกกฺขนฺธโก นิฏฺิโต.

มหาวคฺคปาฬิ นิฏฺิตา.