📜

๑๒. สตฺตสติกกฺขนฺธกํ

๑. ปมภาณวาโร

๔๔๖. เตน โข ปน สมเยน วสฺสสตปรินิพฺพุเต ภควติ เวสาลิกา วชฺชิปุตฺตกา ภิกฺขู เวสาลิยํ ทส วตฺถูนิ ทีเปนฺติ – กปฺปติ สิงฺคิโลณกปฺโป, กปฺปติ ทฺวงฺคุลกปฺโป, กปฺปติ คามนฺตรกปฺโป, กปฺปติ อาวาสกปฺโป, กปฺปติ อนุมติกปฺโป, กปฺปติ อาจิณฺณกปฺโป, กปฺปติ อมถิตกปฺโป, กปฺปติ ชโฬคึ ปาตุํ, กปฺปติ อทสกํ นิสีทนํ, กปฺปติ ชาตรูปรชตนฺติ.

เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา ยโส กากณฺฑกปุตฺโต วชฺชีสุ จาริกํ จรมาโน เยน เวสาลี ตทวสริ. ตตฺร สุทํ อายสฺมา ยโส กากณฺฑกปุตฺโต เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลายํ. เตน โข ปน สมเยน เวสาลิกา วชฺชิปุตฺตกา ภิกฺขู ตทหุโปสเถ กํสปาตึ [กํสจาฏึ (สฺยา.)] อุทเกน ปูเรตฺวา มชฺเฌ ภิกฺขุสงฺฆสฺส เปตฺวา อาคตาคเต เวสาลิเก อุปาสเก เอวํ วทนฺติ – ‘‘เทถาวุโส, สงฺฆสฺส กหาปณมฺปิ อฑฺฒมฺปิ ปาทมฺปิ มาสกรูปมฺปิ. ภวิสฺสติ สงฺฆสฺส ปริกฺขาเรน กรณีย’’นฺติ. เอวํ วุตฺเต อายสฺมา ยโส กากณฺฑกปุตฺโต เวสาลิเก อุปาสเก เอตทโวจ – ‘‘มาวุโส, อทตฺถ สงฺฆสฺส กหาปณมฺปิ อฑฺฒมฺปิ ปาทมฺปิ มาสกรูปมฺปิ. น กปฺปติ สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ ชาตรูปรชตํ; น สาทิยนฺติ สมณา สกฺยปุตฺติยา ชาตรูปรชตํ; น ปฏิคฺคณฺหนฺติ สมณา สกฺยปุตฺติยา ชาตรูปรชตํ; นิกฺขิตฺตมณิสุวณฺณา สมณา สกฺยปุตฺติยา อเปตชาตรูปรชตา’’ติ. เอวมฺปิ โข เวสาลิกา อุปาสกา อายสฺมตา ยเสน กากณฺฑกปุตฺเตน วุจฺจมานา อทํสุเยว สงฺฆสฺส กหาปณมฺปิ อฑฺฒมฺปิ ปาทมฺปิ มาสกรูปมฺปิ.

อถ โข เวสาลิกา วชฺชิปุตฺตกา ภิกฺขู ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ตํ หิรฺํ ภิกฺขคฺเคน [ภิกฺขุคฺเคน (สฺยา.)] ปฏิวีสํ [ปฏิวึสํ (สี.), ปฏิวิสํ (สฺยา.)] เปตฺวา ภาเชสุํ. อถ โข เวสาลิกา วชฺชิปุตฺตกา ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ ยสํ กากณฺฑกปุตฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘เอโส เต, อาวุโส ยส, หิรฺสฺส ปฏิวีโส’’ติ. ‘‘นตฺถิ, เม อาวุโส, หิรฺสฺส ปฏิวีโส, นาหํ หิรฺํ สาทิยามี’’ติ. อถ โข เวสาลิกา วชฺชิปุตฺตกา ภิกฺขู – ‘‘อยํ อาวุโส ยโส กากณฺฑกปุตฺโต อุปาสเก สทฺเธ ปสนฺเน อกฺโกสติ, ปริภาสติ, อปฺปสาทํ กโรติ; หนฺทสฺส มยํ ปฏิสารณียกมฺมํ กโรมา’’ติ เต. ตสฺส ปฏิสารณียกมฺมํ อกํสุ. อถ โข อายสฺมา ยโส กากณฺฑกปุตฺโต เวสาลิเก วชฺชิปุตฺตเก ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘ภควตา, อาวุโส, ปฺตฺตํ – ‘ปฏิสารณียกมฺมกตสฺส ภิกฺขุโน อนุทูโต ทาตพฺโพ’ติ. เทถ เม, อาวุโส, อนุทูตํ ภิกฺขุ’’นฺติ.

อถ โข เวสาลิกา วชฺชิปุตฺตกา ภิกฺขู เอกํ ภิกฺขุํ สมฺมนฺนิตฺวา อายสฺมโต ยสสฺส กากณฺฑกปุตฺตสฺส อนุทูตํ อทํสุ. อถ โข อายสฺมา ยโส กากณฺฑกปุตฺโต อนุทูเตน ภิกฺขุนา สทฺธึ เวสาลึ ปวิสิตฺวา เวสาลิเก อุปาสเก เอตทโวจ – ‘‘อหํ กิรายสฺมนฺเต อุปาสเก สทฺเธ ปสนฺเน อกฺโกสามิ, ปริภาสามิ, อปฺปสาทํ กโรมิ; โยหํ อธมฺมํ อธมฺโมติ วทามิ, ธมฺมํ ธมฺโมติ วทามิ, อวินยํ อวินโยติ วทามิ, วินยํ วินโยติ วทามิ.

๔๔๗. ‘‘เอกมิทํ, อาวุโส, สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร โข, อาวุโส, ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – [อ. นิ. ๔.๕๐] ‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, จนฺทิมสูริยานํ อุปกฺกิเลสา, เยหิ อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฏฺา จนฺทิมสูริยา น ตปนฺติ, น ภาสนฺติ, น วิโรจนฺติ. กตเม จตฺตาโร? อพฺภํ, ภิกฺขเว, จนฺทิมสูริยานํ อุปกฺกิเลโส, เยน อุปกฺกิเลเสน อุปกฺกิลิฏฺา จนฺทิมสูริยา น ตปนฺติ, น ภาสนฺติ น วิโรจนฺติ. มหิกา, ภิกฺขเว, จนฺทิมสูริยานํ อุปกฺกิเลโส, เยน อุปกฺกิเลเสน อุปกฺกิลิฏฺา จนฺทิมสูริยา น ตปนฺติ, น ภาสนฺติ, น วิโรจนฺติ, ธูมรโช, ภิกฺขเว, จนฺทิมสูริยานํ อุปกฺกิเลโส, เยน อุปกฺกิเลเสน อุปกฺกิลิฏฺา จนฺทิมสูริยา น ตปนฺติ, น ภาสนฺติ, น วิโรจนฺติ. ราหุ, ภิกฺขเว, อสุรินฺโท จนฺทิมสูริยานํ อุปกฺกิเลโส, เยน อุปกฺกิเลเสน อุปกฺกิลิฏฺา จนฺทิมสูริยา น ตปนฺติ, น ภาสนฺติ, น วิโรจนฺติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, จตฺตาโร จนฺทิมสูริยานํ อุปกฺกิเลสา, เยหิ อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฏฺา จนฺทิมสูริยา น ตปนฺติ, น ภาสนฺติ, น วิโรจนฺติ. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, จตฺตาโรเม สมณพฺราหฺมณานํ อุปกฺกิเลสา, เยหิ อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฏฺา เอเก สมณพฺราหฺมณา น ตปนฺติ, น ภาสนฺติ, น วิโรจนฺติ. กตเม จตฺตาโร? สนฺติ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา สุรํ ปิวนฺติ, เมรยํ ปิวนฺติ, สุราเมรยปานา อปฺปฏิวิรตา – อยํ, ภิกฺขเว, ปโม สมณพฺราหฺมณานํ อุปกฺกิเลโส, เยน อุปกฺกิเลเสน อุปกฺกิลิฏฺา เอเก สมณพฺราหฺมณา น ตปนฺติ, น ภาสนฺติ, น วิโรจนฺติ. ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺติ, เมถุนธมฺมา อปฺปฏิวิรตา – อยํ, ภิกฺขเว, ทุติโย สมณพฺราหฺมณานํ อุปกฺกิเลโส, เยน อุปกฺกิเลเสน อุปกฺกิลิฏฺา เอเก สมณพฺราหฺมณา น ตปนฺติ, น ภาสนฺติ, น วิโรจนฺติ. ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา ชาตรูปรชตํ สาทิยนฺติ, ชาตรูปรชตปฺปฏิคฺคหณา อปฺปฏิวิรตา – อยํ, ภิกฺขเว, ตติโย สมณพฺราหฺมณานํ อุปกฺกิเลโส, เยน อุปกฺกิเลเสน อุปกฺกิลิฏฺา เอเก สมณพฺราหฺมณา น ตปนฺติ, น ภาสนฺติ, น วิโรจนฺติ. ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา มิจฺฉาชีเวน ชีวิตํ กปฺเปนฺติ; มิจฺฉาชีวา อปฺปฏิวิรตา – อยํ, ภิกฺขเว, จตุตฺโถ สมณพฺราหฺมณานํ อุปกฺกิเลโส, เยน อุปกฺกิเลเสน อุปกฺกิลิฏฺา เอเก สมณพฺราหฺมณา น ตปนฺติ, น ภาสนฺติ, น วิโรจนฺติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, จตฺตาโร สมณพฺราหฺมณานํ อุปกฺกิเลสา, เยหิ อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฏฺา เอเก สมณพฺราหฺมณา น ตปนฺติ, น ภาสนฺติ , น วิโรจนฺติ’. ‘‘อิทมโวจาวุโส, ภควา. อิทํ วตฺวาน สุคโต อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –

‘‘ราคโทสปริกฺลิฏฺา, เอเก สมณพฺราหฺมณา;

อวิชฺชานิวุฏา [อวิชฺชานีวุตา (สฺยา.)] โปสา, ปิยรูปาภินนฺทิโน.

‘‘สุรํ ปิวนฺติ เมรยํ, ปฏิเสวนฺติ เมถุนํ;

รชตํ ชาตรูปฺจ, สาทิยนฺติ อวิทฺทสู.

‘‘มิจฺฉาชีเวน ชีวนฺติ, เอเก สมณพฺราหฺมณา;

เอเต อุปกฺกิเลสา วุตฺตา, พุทฺเธนาทิจฺจพนฺธุนา.

‘‘เยหิ อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฏฺา, เอเก สมณพฺราหฺมณา;

น ตปนฺติ น ภาสนฺติ, อสุทฺธา สรชา มคา.

‘‘อนฺธกาเรน โอนทฺธา, ตณฺหาทาสา สเนตฺติกา;

วฑฺเฒนฺติ กฏสึ โฆรํ, อาทิยนฺติ ปุนพฺภวนฺติ.

‘‘เอวํวาที กิราหํ อายสฺมนฺเต อุปาสเก สทฺเธ ปสนฺเน อกฺโกสามิ, ปริภาสามิ, อปฺปสาทํ กโรมิ; โยหํ อธมฺมํ อธมฺโมติ วทามิ, ธมฺมํ ธมฺโมติ วทามิ, อวินยํ อวินโยติ วทามิ, วินยํ วินโยติ วทามิ.

๔๔๘. [สํ. นิ. ๔.๓๖๒ อิทํ วตฺถุ อาคตํ] ‘‘เอกมิทํ, อาวุโส, สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. เตน โข ปน สมเยน ราชนฺเตปุเร ราชปริสายํ สนฺนิสินฺนานํ สนฺนิปติตานํ อยมนฺตรกถา อุทปาทิ – ‘กปฺปติ สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ ชาตรูปรชตํ; สาทิยนฺติ สมณา สกฺยปุตฺติยา ชาตรูปรชตํ; ปฏิคฺคณฺหนฺติ สมณา สกฺยปุตฺติยา ชาตรูปรชต’นฺติ. เตน โข ปนาวุโส สมเยน, มณิจูฬโก คามณี ตสฺสํ ปริสายํ นิสินฺโน โหติ. อถ โข, อาวุโส, มณิจูฬโก คามณี ตํ ปริสํ เอตทโวจ – ‘มา อยฺยา เอวํ อวจุตฺถ. น กปฺปติ สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ ชาตรูปรชตํ; น สาทิยนฺติ สมณา สกฺยปุตฺติยา ชาตรูปรชตํ; น ปฏิคฺคณฺหนฺติ สมณา สกฺยปุตฺติยา ชาตรูปรชตํ; นิกฺขิตฺตมณิสุวณฺณา สมณา สกฺยปุตฺติยา อเปตชาตรูปรชตา’ติ. อสกฺขิ โข, อาวุโส, มณิจูฬโก คามณี ตํ ปริสํ สฺาเปตุํ.

‘‘อถ โข, อาวุโส, มณิจูฬโก คามณี ตํ ปริสํ สฺาเปตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข, อาวุโส, มณิจูฬโก คามณี ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘อิธ, ภนฺเต, ราชนฺเตปุเร ราชปริสายํ สนฺนิสินฺนานํ สนฺนิปติตานํ อยมนฺตรกถา อุทปาทิ – กปฺปติ สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ ชาตรูปรชตํ; สาทิยนฺติ สมณา สกฺยปุตฺติยา ชาตรูปรชตํ; ปฏิคฺคณฺหนฺติ สมณา สกฺยปุตฺติยา ชาตรูปรชตนฺติ. เอวํ วุตฺเต อหํ ภนฺเต, ตํ ปริสํ เอตทโวจํ – มา อยฺยา เอวํ อวจุตฺถ. น กปฺปติ สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ ชาตรูปรชตํ; น สาทิยนฺติ สมณา สกฺยปุตฺติยา ชาตรูปรชตํ ; น ปฏิคฺคณฺหนฺติ สมณา สกฺยปุตฺติยา ชาตรูปรชตํ; นิกฺขิตฺตมณิสุวณฺณา สมณา สกฺยปุตฺติยา อเปตชาตรูปรชตาติ. อสกฺขึ โข อหํ, ภนฺเต, ตํ ปริสํ สฺาเปตุํ. กจฺจาหํ, ภนฺเต, เอวํ พฺยากรมาโน วุตฺตวาที เจว ภควโต โหมิ, น จ ภควนฺตํ อภูเตน อพฺภาจิกฺขามิ, ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากโรมิ, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุวาโท คารยฺหํ านํ อาคจฺฉตี’ติ? ‘ตคฺฆ ตฺวํ, คามณิ, เอวํ พฺยากรมาโน วุตฺตวาที เจว เม โหสิ; น จ มํ อภูเตน อพฺภาจิกฺขสิ [ปารา. ๕๘๒], ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากโรสิ, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุวาโท คารยฺหํ านํ อาคจฺฉติ. น หิ, คามณิ, กปฺปติ สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ ชาตรูปรชตํ; น สาทิยนฺติ สมณา สกฺยปุตฺติยา ชาตรูปรชตํ; น ปฏิคฺคณฺหนฺติ สมณา สกฺยปุตฺติยา ชาตรูปรชตํ; นิกฺขิตฺตมณิสุวณฺณา สมณา สกฺยปุตฺติยา อเปตชาตรูปรชตา. ยสฺส โข, คามณิ, ชาตรูปรชตํ กปฺปติ, ปฺจปิ ตสฺส กามคุณา กปฺปนฺติ. ยสฺส ปฺจ กามคุณา กปฺปนฺติ เอกํเสเนตํ, คามณิ, ธาเรยฺยาสิ – อสฺสมณธมฺโม อสกฺยปุตฺติยธมฺโมติ. อปิ จาหํ, คามณิ, เอวํ วทามิ ติณํ ติณตฺถิเกน ปริเยสิตพฺพํ; ทารุ ทารุตฺถิเกน ปริเยสิตพฺพํ; สกฏํ สกฏตฺถิเกน ปริเยสิตพฺพํ; ปุริโส ปุริสตฺถิเกน ปริเยสิตพฺโพ. น ตฺเววาหํ, คามณิ, เกนจิ ปริยาเยน ชาตรูปรชตํ สาทิตพฺพํ ปริเยสิตพฺพนฺติ วทามี’ติ.

‘‘เอวํวาที กิราหํ อายสฺมนฺเต อุปาสเก สทฺเธ ปสนฺเน อกฺโกสามิ, ปริภาสามิ, อปฺปสาทํ กโรมิ; โยหํ อธมฺมํ อธมฺโมติ วทามิ, ธมฺมํ ธมฺโมติ วทามิ, อวินยํ อวินโยติ วทามิ, วินยํ วินโยติ วทามิ.

๔๔๙. ‘‘เอกมิทํ, อาวุโส, สมยํ ภควา ราชคเห อายสฺมนฺตํ อุปนนฺทํ สกฺยปุตฺตํ อารพฺภ ชาตรูปรชตํ ปฏิกฺขิปิ, สิกฺขาปทฺจ ปฺเปสิ. เอวํวาที กิราหํ อายสฺมนฺเต อุปาสเก สทฺเธ ปสนฺเน อกฺโกสามิ, ปริภาสามิ, อปฺปสาทํ กโรมิ; โยหํ อธมฺมํ อธมฺโมติ วทามิ, ธมฺมํ ธมฺโมติ วทามิ, อวินยํ อวินโยติ วทามิ, วินยํ วินโยติ วทามี’’ติ.

เอวํ วุตฺเต เวสาลิกา อุปาสกา อายสฺมนฺตํ ยสํ กากณฺฑกปุตฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘เอโกว ภนฺเต, อยฺโย ยโส กากณฺฑกปุตฺโต สมโณ สกฺยปุตฺติโย. สพฺเพวิเม อสฺสมณา อสกฺยปุตฺติยา. วสตุ, ภนฺเต, อยฺโย ยโส กากณฺฑกปุตฺโต เวสาลิยํ. มยํ อยฺยสฺส ยสสฺส กากณฺฑกปุตฺตสฺส อุสฺสุกฺกํ กริสฺสาม จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาราน’’นฺติ. อถ โข อายสฺมา ยโส กากณฺฑกปุตฺโต เวสาลิเก อุปาสเก สฺาเปตฺวา อนุทูเตน ภิกฺขุนา สทฺธึ อารามํ อคมาสิ.

อถ โข เวสาลิกา วชฺชิปุตฺตกา ภิกฺขู อนุทูตํ ภิกฺขุํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘ขมาปิตาวุโส, ยเสน กากณฺฑกปุตฺเตน เวสาลิกา อุปาสกา’’ติ ? ‘‘อุปาสเกหิ ปาปิกํ โน, อาวุโส, กตํ. เอโกว ยโส กากณฺฑกปุตฺโต สมโณ สกฺยปุตฺติโย กโต. สพฺเพว มยํ อสฺสมณา อสกฺยปุตฺติยา กตา’’ติ. อถ โข เวสาลิกา วชฺชิปุตฺตกา ภิกฺขู – ‘‘อยํ, อาวุโส, ยโส กากณฺฑกปุตฺโต อมฺเหหิ อสมฺมโต คิหีนํ ปกาเสสิ; หนฺทสฺส มยํ อุกฺเขปนียกมฺมํ กโรมา’’ติ. เต ตสฺส อุกฺเขปนียกมฺมํ กตฺตุกามา สนฺนิปตึสุ. อถ โข อายสฺมา ยโส กากณฺฑกปุตฺโต เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา โกสมฺพิยํ ปจฺจุฏฺาสิ.

๔๕๐. อถ โข อายสฺมา ยโส กากณฺฑกปุตฺโต ปาเวยฺยกานฺจ [ปาเยฺยกานฺจ (สฺยา.)] อวนฺติทกฺขิณาปถกานฺจ ภิกฺขูนํ สนฺติเก ทูตํ ปาเหสิ – ‘‘อาคจฺฉนฺตุ อายสฺมนฺตา; อิมํ อธิกรณํ อาทิยิสฺสาม. ปุเร อธมฺโม ทิปฺปติ, ธมฺโม ปฏิพาหิยฺยติ; อวินโย ทิปฺปติ, วินโย ปฏิพาหิยฺยติ; ปุเร อธมฺมวาทิโน พลวนฺโต โหนฺติ, ธมฺมวาทิโน ทุพฺพลา โหนฺติ; อวินยวาทิโน พลวนฺโต โหนฺติ, วินยวาทิโน ทุพฺพลา โหนฺตี’’ติ.

เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา สมฺภูโต สาณวาสี อโหคงฺเค ปพฺพเต ปฏิวสติ. อถ โข อายสฺมา ยโส กากณฺฑกปุตฺโต เยน อโหคงฺโค ปพฺพโต, เยนายสฺมา สมฺภูโต สาณวาสี เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ สมฺภูตํ สาณวาสึ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา ยโส กากณฺฑกปุตฺโต อายสฺมนฺตํ สมฺภูตํ สาณวาสึ เอตทโวจ – ‘‘อิเม, ภนฺเต, เวสาลิกา วชฺชิปุตฺตกา ภิกฺขู เวสาลิยํ ทส วตฺถูนิ ทีเปนฺติ – กปฺปติ สิงฺคิโลณกปฺโป, กปฺปติ ทฺวงฺคุลกปฺโป, กปฺปติ คามนฺตรกปฺโป, กปฺปติ อาวาสกปฺโป, กปฺปติ อนุมติกปฺโป, กปฺปติ อาจิณฺณกปฺโป, กปฺปติ อมถิตกปฺโป, กปฺปติ ชโฬคึ ปาตุํ, กปฺปติ อทสกํ นิสีทนํ, กปฺปติ ชาตรูปรชตนฺติ. หนฺท มยํ, ภนฺเต, อิมํ อธิกรณํ อาทิยิสฺสาม. ปุเร อธมฺโม ทิปฺปติ, ธมฺโม ปฏิพาหิยฺยติ; อวินโย ทิปฺปติ, วินโย ปฏิพาหิยฺยติ; ปุเร อธมฺมวาทิโน พลวนฺโต โหนฺติ, ธมฺมวาทิโน ทุพฺพลา โหนฺติ; อวินยวาทิโน พลวนฺโต โหนฺติ, วินยวาทิโน ทุพฺพลา โหนฺตี’’ติ. ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข อายสฺมา สมฺภูโต สาณวาสี อายสฺมโต ยสสฺส กากณฺฑกปุตฺตสฺส ปจฺจสฺโสสิ. อถ โข สฏฺิมตฺตา ปาเวยฺยกา ภิกฺขู – สพฺเพ อารฺิกา, สพฺเพ ปิณฺฑปาติกา, สพฺเพ ปํสุกูลิกา, สพฺเพ เตจีวริกา, สพฺเพว อรหนฺโต – อโหคงฺเค ปพฺพเต สนฺนิปตึสุ. อฏฺาสีติมตฺตา อวนฺติทกฺขิณาปถกา ภิกฺขู – อปฺเปกจฺเจ อารฺิกา, อปฺเปกจฺเจ ปิณฺฑปาติกา, อปฺเปกจฺเจ ปํสุกูลิกา, อปฺเปกจฺเจ เตจีวริกา, สพฺเพว อรหนฺโต – อโหคงฺเค ปพฺพเต สนฺนิปตึสุ. อถ โข เถรานํ ภิกฺขูนํ มนฺตยมานานํ เอตทโหสิ – ‘‘อิทํ โข อธิกรณํ กกฺขฬฺจ, วาฬฺจ; กํ นุ โข มยํ ปกฺขํ ลเภยฺยาม, เยน มยํ อิมสฺมึ อธิกรเณ พลวนฺตตรา อสฺสามา’’ติ.

๔๕๑. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา เรวโต โสเรยฺเย ปฏิวสติ – พหุสฺสุโต อาคตาคโม ธมฺมธโร วินยธโร มาติกาธโร ปณฺฑิโต วิยตฺโต เมธาวี ลชฺชี กุกฺกุจฺจโก สิกฺขากาโม. อถ โข เถรานํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข อายสฺมา เรวโต โสเรยฺเย ปฏิวสติ – พหุสฺสุโต อาคตาคโม ธมฺมธโร วินยธโร มาติกาธโร ปณฺฑิโต วิยตฺโต เมธาวี ลชฺชี กุกฺกุจฺจโก สิกฺขากาโม. สเจ มยํ อายสฺมนฺตํ เรวตํ ปกฺขํ ลภิสฺสาม, เอวํ มยํ อิมสฺมึ อธิกรเณ พลวนฺตตรา อสฺสามา’’ติ. อสฺโสสิ โข อายสฺมา เรวโต – ทิพฺพาย โสตธาตุยา วิสุทฺธาย อติกฺกนฺตมานุสิกาย – เถรานํ ภิกฺขูนํ มนฺตยมานานํ. สุตฺวานสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อิทํ โข อธิกรณํ กกฺขฬฺจ วาฬฺจ. น โข เมตํ ปติรูปํ โยหํ เอวรูเป อธิกรเณ โอสกฺเกยฺยํ. อิทานิ จ ปน เต ภิกฺขู อาคจฺฉิสฺสนฺติ. โสหํ เตหิ อากิณฺโณ น ผาสุ คมิสฺสามิ. ยํนูนาหํ ปฏิกจฺเจว คจฺเฉยฺย’’นฺติ. อถ โข อายสฺมา เรวโต โสเรยฺยา สงฺกสฺสํ อคมาสิ.

อถ โข เถรา ภิกฺขู โสเรยฺยํ คนฺตฺวา ปุจฺฉึสุ – ‘‘กหํ อายสฺมา เรวโต’’ติ? เต เอวมาหํสุ – ‘‘เอสายสฺมา เรวโต สงฺกสฺสํ คโต’’ติ. อถ โข อายสฺมา เรวโต สงฺกสฺสา กณฺณกุชฺชํ [กนฺนกุชฺชํ (สี.)] อคมาสิ. อถ โข เถรา ภิกฺขู สงฺกสฺสํ คนฺตฺวา ปุจฺฉึสุ – ‘‘กหํ อายสฺมา เรวโต’’ติ? เต เอวมาหํสุ – ‘‘เอสายสฺมา เรวโต กณฺณกุชฺชํ คโต’’ติ. อถ โข อายสฺมา เรวโต กณฺณกุชฺชา อุทุมฺพรํ อคมาสิ. อถ โข เถรา ภิกฺขู กณฺณกุชฺชํ คนฺตฺวา ปุจฺฉึสุ – ‘‘กหํ อายสฺมา เรวโต’’ติ? เต เอวมาหํสุ – ‘‘เอสายสฺมา เรวโต อุทุมฺพรํ คโต’’ติ. อถ โข อายสฺมา เรวโต อุทุมฺพรา อคฺคฬปุรํ อคมาสิ. อถ โข เถรา ภิกฺขู อุทุมฺพรํ คนฺตฺวา ปุจฺฉึสุ – ‘‘กหํ อายสฺมา เรวโต’’ติ? เต เอวมาหํสุ – ‘‘เอสายสฺมา เรวโต อคฺคฬปุรํ คโต’’ติ. อถ โข อายสฺมา เรวโต อคฺคฬปุรา สหชาตึ [สหํชาตึ (ก.)] อคมาสิ. อถ โข เถรา ภิกฺขู อคฺคฬปุรํ คนฺตฺวา ปุจฺฉึสุ – ‘‘กหํ อายสฺมา เรวโต’’ติ? เต เอวมาหํสุ – ‘‘เอสายสฺมา เรวโต สหชาตึ คโต’’ติ. อถ โข เถรา ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ เรวตํ สหชาติยํ สมฺภาเวสุํ.

๔๕๒. อถ โข อายสฺมา สมฺภูโต สาณวาสี อายสฺมนฺตํ ยสํ กากณฺฑกปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อยํ, อาวุโส, อายสฺมา เรวโต พหุสฺสุโต อาคตาคโม ธมฺมธโร วินยธโร มาติกาธโร ปณฺฑิโต วิยตฺโต เมธาวี ลชฺชี กุกฺกุจฺจโก สิกฺขากาโม. สเจ มยํ อายสฺมนฺตํ เรวตํ ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสาม, ปฏิพโล อายสฺมา เรวโต เอเกเนว ปฺเหน สกลมฺปิ รตฺตึ วีตินาเมตุํ. อิทานิ จ ปนายสฺมา เรวโต อนฺเตวาสิกํ [อนฺเตวาสึ (สฺยา.)] สรภาณกํ ภิกฺขุํ อชฺเฌสิสฺสติ. โส ตฺวํ ตสฺส ภิกฺขุโน สรภฺปริโยสาเน อายสฺมนฺตํ เรวตํ อุปสงฺกมิตฺวา อิมานิ ทส วตฺถูนิ ปุจฺเฉยฺยาสี’’ติ. ‘‘เอวํ ภนฺเต’’ติ โข อายสฺมา ยโส กากณฺฑกปุตฺโต อายสฺมโต สมฺภูตสฺส สาณวาสิสฺส ปจฺจสฺโสสิ. อถ โข อายสฺมา เรวโต อนฺเตวาสิกํ สรภาณกํ ภิกฺขุํ อชฺเฌสิ. อถ โข อายสฺมา ยโส กากณฺฑกปุตฺโต ตสฺส ภิกฺขุโน สรภฺปริโยสาเน เยนายสฺมา เรวโต เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ เรวตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา ยโส กากณฺฑกปุตฺโต อายสฺมนฺตํ เรวตํ เอตทโวจ – ‘‘กปฺปติ, ภนฺเต, สิงฺคิโลณกปฺโป’’ติ? ‘‘โก โส, อาวุโส, สิงฺคิโลณกปฺโป’’ติ? ‘‘กปฺปติ, ภนฺเต, สิงฺคินา โลณํ ปริหริตุํ – ยตฺถ อโลณกํ ภวิสฺสติ ตตฺถ ปริภุฺชิสฺสามี’’ติ? ‘‘นาวุโส, กปฺปตี’’ติ. ‘‘กปฺปติ, ภนฺเต, ทฺวงฺคุลกปฺโป’’ติ ? ‘‘โก โส, อาวุโส, ทฺวงฺคุลกปฺโป’’ติ? ‘‘กปฺปติ, ภนฺเต, ทฺวงฺคุลาย ฉายาย วีติวตฺตาย, วิกาเล โภชนํ ภุฺชิตุ’’นฺติ? ‘‘นาวุโส, กปฺปตี’’ติ. ‘‘กปฺปติ, ภนฺเต, คามนฺตรกปฺโป’’ติ? ‘‘โก โส, อาวุโส, คามนฺตรกปฺโป’’ติ? ‘‘กปฺปติ, ภนฺเต – อิทานิ คามนฺตรํ คมิสฺสามีติ – ภุตฺตาวินา ปวาริเตน อนติริตฺตํ โภชนํ ภุฺชิตุ’’นฺติ? ‘‘นาวุโส, กปฺปตี’’ติ. ‘‘กปฺปติ, ภนฺเต, อาวาสกปฺโป’’ติ? ‘‘โก โส, อาวุโส, อาวาสกปฺโป’’ติ? ‘‘กปฺปติ, ภนฺเต, สมฺพหุลา อาวาสา สมานสีมา นานุโปสถํ กาตุ’’นฺติ? ‘‘นาวุโส , กปฺปตี’’ติ. ‘‘กปฺปติ , ภนฺเต, อนุมติกปฺโป’’ติ? ‘‘โก โส, อาวุโส, อนุมติกปฺโป’’ติ? ‘‘กปฺปติ, ภนฺเต, วคฺเคน สงฺเฆน กมฺมํ กาตุํ – อาคเต ภิกฺขู อนุมาเนสฺสามา’’ติ [อนุชานิสฺสามาติ, อนุชาเนสฺสามาติ, อนุมตึ อาเนสฺสามาติ (ก.)]? ‘‘นาวุโส, กปฺปตี’’ติ. ‘‘กปฺปติ, ภนฺเต, อาจิณฺณกปฺโป’’ติ? ‘‘โก โส, อาวุโส, อาจิณฺณกปฺโป’’ติ? ‘‘กปฺปติ, ภนฺเต, อิทํ เม อุปชฺฌาเยน อชฺฌาจิณฺณํ, อิทํ เม อาจริเยน อชฺฌาจิณฺณํ, ตํ อชฺฌาจริตุ’’นฺติ? ‘‘อาจิณฺณกปฺโป โข, อาวุโส, เอกจฺโจ กปฺปติ, เอกจฺโจ น กปฺปตี’’ติ. ‘‘กปฺปติ, ภนฺเต, อมถิตกปฺโป’’ติ? ‘‘โก โส, อาวุโส, อมถิตกปฺโป’’ติ? ‘‘กปฺปติ, ภนฺเต, ยํ ตํ ขีรํ ขีรภาวํ วิชหิตํ, อสมฺปตฺตํ ทธิภาวํ, ตํ ภุตฺตาวินา ปวาริเตน อนติริตฺตํ ปาตุ’’นฺติ? ‘‘นาวุโส, กปฺปตี’’ติ? ‘‘กปฺปติ, ภนฺเต, ชโฬคึ ปาตุ’’นฺติ? ‘‘กา สา, อาวุโส, ชโฬคี’’ติ? ‘‘กปฺปติ, ภนฺเต, ยา สา สุรา อาสุตา, อสมฺปตฺตา มชฺชภาวํ, สา ปาตุ’’นฺติ? ‘‘นาวุโส, กปฺปตี’’ติ. ‘‘กปฺปติ, ภนฺเต, อทสกํ นิสีทน’’นฺติ? ‘‘นาวุโส, กปฺปตี’’ติ. ‘‘กปฺปติ, ภนฺเต, ชาตรูปรชต’’นฺติ? ‘‘นาวุโส, กปฺปตี’’ติ. ‘‘อิเม, ภนฺเต, เวสาลิกา วชฺชิปุตฺตกา ภิกฺขู เวสาลิยํ อิมานิ ทส วตฺถูนิ ทีเปนฺติ. หนฺท มยํ, ภนฺเต, อิมํ อธิกรณํ อาทิยิสฺสาม. ปุเร อธมฺโม ทิปฺปติ, ธมฺโม ปฏิพาหิยฺยติ; อวินโย ทิปฺปติ, วินโย ปฏิพาหิยฺยติ; ปุเร อธมฺมวาทิโน พลวนฺโต โหนฺติ, ธมฺมวาทิโน ทุพฺพลา โหนฺติ; อวินยวาทิโน พลวนฺโต โหนฺติ, วินยวาทิโน ทุพฺพลา โหนฺตี’’ติ. ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข อายสฺมา เรวโต อายสฺมโต ยสสฺส กากณฺฑกปุตฺตสฺส ปจฺจสฺโสสิ.

ปมภาณวาโร นิฏฺิโต.

๒. ทุติยภาณวาโร

๔๕๓. อสฺโสสุํ โข เวสาลิกา วชฺชิปุตฺตกา ภิกฺขู – ‘‘ยโส กิร กากณฺฑกปุตฺโต อิทํ อธิกรณํ อาทิยิตุกาโม ปกฺขํ ปริเยสติ, ลภติ จ กิร ปกฺข’’นฺติ. อถ โข เวสาลิกานํ วชฺชิปุตฺตกานํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘อิทํ โข อธิกรณํ กกฺขฬฺจ วาฬฺจ. กํ นุ โข มยํ ปกฺขํ ลเภยฺยาม, เยน มยํ อิมสฺมึ อธิกรเณ พลวนฺตตรา อสฺสามา’’ติ.

อถ โข เวสาลิกานํ วชฺชิปุตฺตกานํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข อายสฺมา เรวโต พหุสฺสุโต อาคตาคโม ธมฺมธโร วินยธโร มาติกาธโร ปณฺฑิโต วิยตฺโต เมธาวี ลชฺชี กุกฺกุจฺจโก สิกฺขากาโม. สเจ มยํ อายสฺมนฺตํ เรวตํ ปกฺขํ ลเภยฺยาม, เอวํ มยํ อิมสฺมึ อธิกรเณ พลวนฺตตรา อสฺสามา’’ติ.

อถ โข เวสาลิกา วชฺชิปุตฺตกา ภิกฺขู ปหูตํ สามณกํ ปริกฺขารํ ปฏิยาเทสุํ – ปตฺตมฺปิ, จีวรมฺปิ, นิสีทนมฺปิ, สูจิฆรมฺปิ, กายพนฺธนมฺปิ, ปริสฺสาวนมฺปิ, ธมฺมกรณมฺปิ. อถ โข เวสาลิกา วชฺชิปุตฺตกา ภิกฺขู ตํ สามณกํ ปริกฺขารํ อาทาย นาวาย สหชาตึ อุชฺชวึสุ; นาวาย ปจฺโจโรหิตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ภตฺตวิสฺสคฺคํ กโรนฺติ. อถ โข อายสฺมโต สาฬฺหสฺส รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ‘‘เก นุ โข ธมฺมวาทิโน – ปาจีนกา วา ภิกฺขู, ปาเวยฺยกา วา’’ติ? อถ โข อายสฺมโต สาฬฺหสฺส, ธมฺมฺจ วินยฺจ เจตสา ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส, เอตทโหสิ – ‘‘อธมฺมวาทิโน ปาจีนกา ภิกฺขู, ธมฺมวาทิโน ปาเวยฺยกา [ปาเยฺยกา (สฺยา.)] ภิกฺขู’’ติ.

อถ โข อฺตรา สุทฺธาวาสกายิกา เทวตา อายสฺมโต สาฬฺหสฺส เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมฺมิฺเชยฺย, เอวเมว สุทฺธาวาเสสุ เทเวสุ อนฺตรหิตา – อายสฺมโต สาฬฺหสฺส สมฺมุเข ปาตุรโหสิ. อถ โข สา เทวตา อายสฺมนฺตํ สาฬฺหํ เอตทโวจ – ‘‘สาธุ, ภนฺเต สาฬฺห, อธมฺมวาที ปาจีนกา ภิกฺขู, ธมฺมวาที ปาเวยฺยกา ภิกฺขู. เตน หิ, ภนฺเต สาฬฺห, ยถาธมฺโม ตถา ติฏฺาหี’’ติ. ‘‘ปุพฺเพปิ จาหํ, เทวเต, เอตรหิ จ ยถาธมฺโม ตถา ิโต ; อปิ จาหํ น ตาว ทิฏฺึ อาวิ กโรมิ, อปฺเปว นาม มํ อิมสฺมึ อธิกรเณ สมฺมนฺเนยฺยา’’ติ.

๔๕๔. อถ โข เวสาลิกา วชฺชิปุตฺตกา ภิกฺขู ตํ สามณกํ ปริกฺขารํ อาทาย เยนายสฺมา เรวโต เตนุปสงฺกมึสุ, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ เรวตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ปฏิคฺคณฺหาตุ, ภนฺเต, เถโร สามณกํ ปริกฺขารํ – ปตฺตมฺปิ, จีวรมฺปิ, นิสีทนมฺปิ, สูจิฆรมฺปิ, กายพนฺธนมฺปิ, ปริสฺสาวนมฺปิ, ธมฺมกรณมฺปี’’ติ. ‘‘อลํ, อาวุโส, ปริปุณฺณํ เม ปตฺตจีวร’’นฺติ น อิจฺฉิ ปฏิคฺคเหตุํ.

เตน โข ปน สมเยน อุตฺตโร นาม ภิกฺขุ วีสติวสฺโส อายสฺมโต เรวตสฺส อุปฏฺาโก โหติ. อถ โข เวสาลิกา วชฺชิปุตฺตกา ภิกฺขู เยนายสฺมา อุตฺตโร เตนุปสงฺกมึสุ, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อุตฺตรํ เอตทโวจุํ – ‘‘ปฏิคฺคณฺหาตุ อายสฺมา อุตฺตโร สามณกํ ปริกฺขารํ – ปตฺตมฺปิ, จีวรมฺปิ, นิสีทนมฺปิ, สูจิฆรมฺปิ, กายพนฺธนมฺปิ, ปริสฺสาวนมฺปิ, ธมฺมกรณมฺปี’’ติ. ‘‘อลํ, อาวุโส, ปริปุณฺณํ เม ปตฺตจีวร’’นฺติ น อิจฺฉิ ปฏิคฺคเหตุํ. ‘‘มนุสฺสา โข, อาวุโส อุตฺตร, ภควโต สามณกํ ปริกฺขารํ อุปนาเมนฺติ. สเจ ภควา ปฏิคฺคณฺหาติ, เตเนว เต อตฺตมนา โหนฺติ. โน เจ ภควา ปฏิคฺคณฺหาติ, อายสฺมโต [อายสฺมโต จ (สฺยา.)] อานนฺทสฺส อุปนาเมนฺติ – ปฏิคฺคณฺหาตุ, ภนฺเต, เถโร สามณกํ ปริกฺขารํ. ยถา ภควตา ปฏิคฺคหิโต, เอวเมว โส ภวิสฺสตีติ. ปฏิคฺคณฺหาตุ อายสฺมา อุตฺตโร สามณกํ ปริกฺขารํ. ยถา เถเรน ปฏิคฺคหิโต, เอวเมว โส ภวิสฺสตี’’ติ. อถ โข อายสฺมา อุตฺตโร เวสาลิเกหิ วชฺชิปุตฺเตหิ ภิกฺขูหิ นิปฺปีฬิยมาโน เอกํ จีวรํ อคฺคเหสิ. ‘‘วเทยฺยาถ, อาวุโส, เยน อตฺโถ’’ติ. ‘‘เอตฺตกํ อายสฺมา อุตฺตโร เถรํ วเทตุ; เอตฺตกฺจ, ภนฺเต, เถโร สงฺฆมชฺเฌ วเทตุ – ‘ปุรตฺถิเมสุ ชนปเทสุ พุทฺธา ภควนฺโต อุปฺปชฺชนฺติ. ธมฺมวาที ปาจีนกา ภิกฺขู, อธมฺมวาที ปาเวยฺยกา ภิกฺขู’’’ติ. ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข อายสฺมา อุตฺตโร เวสาลิกานํ วชฺชิปุตฺตกานํ ภิกฺขูนํ ปฏิสฺสุตฺวา เยนายสฺมา เรวโต เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ เรวตํ เอตทโวจ – ‘‘เอตฺตกํ, ภนฺเต, เถโร สงฺฆมชฺเฌ วเทตุ – ‘ปุรตฺถิเมสุ ชนปเทสุ พุทฺธา ภควนฺโต อุปฺปชฺชนฺติ . ธมฺมวาที ปาจีนกา ภิกฺขู, อธมฺมวาที ปาเวยฺยกา ภิกฺขู’’’ติ. ‘‘อธมฺเม มํ ตฺวํ, ภิกฺขุ, นิโยเชสี’’ติ เถโร อายสฺมนฺตํ อุตฺตรํ ปณาเมสิ.

อถ โข เวสาลิกา วชฺชิปุตฺตกา ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ อุตฺตรํ เอตทโวจุํ – ‘‘กึ, อาวุโส อุตฺตร, เถโร อาหา’’ติ? ‘‘ปาปิกํ โน, อาวุโส, กตํ. ‘อธมฺเม มํ ตฺวํ, ภิกฺขุ, นิโยเชสี’’’ติ เถโร มํ ปณาเมสีติ. ‘‘นนุ ตฺวํ, อาวุโส [อาวุโส อุตฺตร (สฺยา. กํ.)], วุฑฺโฒ วีสติวสฺโสสี’’ติ? ‘‘อามาวุโส, อปิ จ มยํ ครุนิสฺสยํ คณฺหามา’’ติ.

๔๕๕. อถ โข สงฺโฆ ตํ อธิกรณํ วินิจฺฉินิตุกาโม สนฺนิปติ. อถ โข อายสฺมา เรวโต สงฺฆํ าเปสิ –

‘‘สุณาตุ เม, อาวุโส, สงฺโฆ. สเจ มยํ อิมํ อธิกรณํ อิธ วูปสเมสฺสาม, สิยาปิ มูลาทายกา [มูลทายกา (สี.)] ภิกฺขู ปุนกมฺมาย อุกฺโกเฏยฺยุํ. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, ยตฺเถวิมํ อธิกรณํ สมุปฺปนฺนํ, สงฺโฆ ตตฺเถวิมํ อธิกรณํ วูปสเมยฺยา’’ติ.

อถ โข เถรา ภิกฺขู เวสาลึ อคมํสุ – ตํ อธิกรณํ วินิจฺฉินิตุกามา.

เตน โข ปน สมเยน สพฺพกามี นาม ปถพฺยา สงฺฆตฺเถโร วีสวสฺสสติโก อุปสมฺปทาย, อายสฺมโต อานนฺทสฺส สทฺธิวิหาริโก, เวสาลิยํ ปฏิวสติ. อถ โข อายสฺมา เรวโต อายสฺมนฺตํ สมฺภูตํ สาณวาสึ เอตทโวจ – ‘‘อหํ, อาวุโส, ยสฺมึ วิหาเร สพฺพกามี เถโร วิหรติ, ตํ วิหารํ อุปคจฺฉามิ. โส ตฺวํ กาลสฺเสว อายสฺมนฺตํ สพฺพกามึ อุปสงฺกมิตฺวา อิมานิ ทส วตฺถูนิ ปุจฺเฉยฺยาสี’’ติ.

‘‘เอวํ ภนฺเต’’ติ โข อายสฺมา สมฺภูโต สาณวาสี อายสฺมโต เรวตสฺส ปจฺจสฺโสสิ. อถ โข อายสฺมา เรวโต, ยสฺมึ วิหาเร สพฺพกามี เถโร วิหรติ, ตํ วิหารํ อุปคจฺฉิ. คพฺเภ อายสฺมโต สพฺพกามิสฺส เสนาสนํ ปฺตฺตํ โหติ, คพฺภปฺปมุเข อายสฺมโต เรวตสฺส. อถ โข อายสฺมา เรวโต – อยํ เถโร มหลฺลโก น นิปชฺชตีติ – น เสยฺยํ กปฺเปสิ. อายสฺมา สพฺพกามี – อยํ ภิกฺขุ อาคนฺตุโก กิลนฺโต น นิปชฺชตีติ – น เสยฺยํ กปฺเปสิ. อถ โข อายสฺมา สพฺพกามี รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฏฺาย อายสฺมนฺตํ เรวตํ เอตทโวจ – ‘‘กตเมน ตฺวํ ภูมิ วิหาเรน เอตรหิ พหุลํ วิหรสี’’ติ? ‘‘เมตฺตาวิหาเรน โข อหํ , ภนฺเต, เอตรหิ พหุลํ วิหรามี’’ติ. ‘‘กุลฺลกวิหาเรน กิร ตฺวํ ภูมิ เอตรหิ พหุลํ วิหรสิ . กุลฺลกวิหาโร เอโส [เหโส (สฺยา.)] ภูมิ ยทิทํ เมตฺตา’’ติ. ‘‘ปุพฺเพปิ เม, ภนฺเต, คิหิภูตสฺส อาจิณฺณา เมตฺตา. เตนาหํ เอตรหิปิ เมตฺตาวิหาเรน พหุลํ วิหรามิ, อปิ จ โข มยา จิรปฺปตฺตํ อรหตฺต’’นฺติ. ‘‘เถโร ปน, ภนฺเต, กตเมน วิหาเรน เอตรหิ พหุลํ วิหรตี’’ติ? ‘‘สุฺตาวิหาเรน โข อหํ ภูมิ เอตรหิ พหุลํ วิหรามี’’ติ. ‘‘มหาปุริสวิหาเรน กิร, ภนฺเต, เถโร เอตรหิ พหุลํ วิหรติ. มหาปุริสวิหาโร เอโส, ภนฺเต, ยทิทํ สุฺตา’’ติ. ‘‘ปุพฺเพปิ เม ภูมิ คิหิภูตสฺส อาจิณฺณา สุฺตา. เตนาหํ เอตรหิปิ สุฺตาวิหาเรน พหุลํ วิหรามิ, อปิ จ มยา จิรปฺปตฺตํ อรหตฺต’’นฺติ. อยฺจรหิ เถรานํ ภิกฺขูนํ อนฺตรากถา วิปฺปกตา, อถายสฺมา สมฺภูโต สาณวาสี ตสฺมึ อนุปฺปตฺโต โหติ. อถ โข อายสฺมา สมฺภูโต สาณวาสี เยนายสฺมา สพฺพกามี เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ สพฺพกามึ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา สมฺภูโต สาณวาสี อายสฺมนฺตํ สพฺพกามึ เอตทโวจ – ‘‘อิเม, ภนฺเต, เวสาลิกา วชฺชิปุตฺตกา ภิกฺขู เวสาลิยํ ทส วตฺถูนิ ทีเปนฺติ – กปฺปติ สิงฺคิโลณกปฺโป, กปฺปติ ทฺวงฺคุลกปฺโป, กปฺปติ คามนฺตรกปฺโป, กปฺปติ อาวาสกปฺโป, กปฺปติ อนุมติกปฺโป, กปฺปติ อาจิณฺณกปฺโป, กปฺปติ อมถิตกปฺโป, กปฺปติ ชโฬคึ , ปาตุํ กปฺปติ อทสกํ นิสีทนํ, กปฺปติ ชาตรูปรชตนฺติ. เถเรน, ภนฺเต, อุปชฺฌายสฺส มูเล พหุธมฺโม จ วินโย จ ปริยตฺโต. เถรสฺส ภนฺเต, ธมฺมฺจ วินยฺจ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส กถํ โหติ? เก นุ โข ธมฺมวาทิโน – ปาจีนกา วา ภิกฺขู, ปาเวยฺยกา วา’’ติ? ‘‘ตยาปิ โข, อาวุโส, อุปชฺฌายสฺส มูเล พหุ ธมฺโม จ วินโย จ ปริยตฺโต. ตุยฺหํ ปน, อาวุโส, ธมฺมฺจ วินยฺจ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส กถํ โหติ? เก นุ โข ธมฺมวาทิโน – ปาจีนกา วา ภิกฺขู, ปาเวยฺยกา วา’’ติ? ‘‘มยฺหํ โข, ภนฺเต, ธมฺมฺจ วินยฺจ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส เอวํ โหติ – อธมฺมวาที ปาจีนกา ภิกฺขู, ธมฺมวาที ปาเวยฺยกา ภิกฺขูติ; อปิ จาหํ น ตาว ทิฏฺึ อาวิ กโรมิ, อปฺเปว นาม มํ อิมสฺมึ อธิกรเณ สมฺมนฺเนยฺยา’’ติ. ‘‘มยฺหมฺปิ โข, อาวุโส, ธมฺมฺจ วินยฺจ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส เอวํ โหติ – อธมฺมวาที ปาจีนกา ภิกฺขู, ธมฺมวาที ปาเวยฺยกา ภิกฺขูติ; อปิ จาหํ น ตาว ทิฏฺึ อาวิ กโรมิ, อปฺเปว นาม มํ อิมสฺมึ อธิกรเณ สมฺมนฺเนยฺยา’’ติ.

๔๕๖. อถ โข สงฺโฆ ตํ อธิกรณํ วินิจฺฉินิตุกาโม สนฺนิปติ. ตสฺมึ โข ปน อธิกรเณ วินิจฺฉิยมาเน อนคฺคานิ เจว ภสฺสานิ ชายนฺติ, น เจกสฺส ภาสิตสฺส อตฺโถ วิฺายติ. อถ โข อายสฺมา เรวโต สงฺฆํ าเปสิ –

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ. อมฺหากํ อิมสฺมึ อธิกรเณ วินิจฺฉิยมาเน อนคฺคานิ เจว ภสฺสานิ ชายนฺติ, น เจกสฺส ภาสิตสฺส อตฺโถ วิฺายติ. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิมํ อธิกรณํ อุพฺพาหิกาย วูปสเมยฺยา’’ติ. สงฺโฆ จตฺตาโร ปาจีนเก ภิกฺขู, จตฺตาโร ปาเวยฺยเก ภิกฺขู อุจฺจินิ. ปาจีนกานํ ภิกฺขูนํ – อายสฺมนฺตฺจ สพฺพกามึ, อายสฺมนฺตฺจ สาฬฺหํ, อายสฺมนฺตฺจ ขุชฺชโสภิตํ, อายสฺมนฺตฺจ วาสภคามิกํ; ปาเวยฺยกานํ ภิกฺขูนํ – อายสฺมนฺตฺจ เรวตํ, อายสฺมนฺตฺจ สมฺภูตํ สาณวาสึ, อายสฺมนฺตฺจ ยสํ กากณฺฑกปุตฺตํ, อายสฺมนฺตฺจ สุมนนฺติ. อถ โข อายสฺมา เรวโต สงฺฆํ าเปสิ –

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ. อมฺหากํ อิมสฺมึ อธิกรเณ วินิจฺฉิยมาเน อนคฺคานิ เจว ภสฺสานิ ชายนฺติ, น เจกสฺส ภาสิตสฺส อตฺโถ วิฺายติ. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ จตฺตาโร ปาจีนเก ภิกฺขู, จตฺตาโร ปาเวยฺยเก ภิกฺขู สมฺมนฺเนยฺย อุพฺพาหิกาย อิมํ อธิกรณํ วูปสเมตุํ. เอสา ตฺติ.

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ. อมฺหากํ อิมสฺมึ อธิกรเณ วินิจฺฉิยมาเน อนคฺคานิ เจว ภสฺสานิ ชายนฺติ, น เจกสฺส ภาสิตสฺส อตฺโถ วิฺายติ. สงฺโฆ จตฺตาโร ปาจีนเก ภิกฺขู, จตฺตาโร ปาเวยฺยเก ภิกฺขู สมฺมนฺนติ อุพฺพาหิกาย อิมํ อธิกรณํ วูปสเมตุํ. ยสฺสายสฺมโต ขมติ จตุนฺนํ ปาจีนกานํ ภิกฺขูนํ, จตุนฺนํ ปาเวยฺยกานํ ภิกฺขูนํ สมฺมุติ, อุพฺพาหิกาย อิมํ อธิกรณํ วูปสเมตุํ , โส ตุณฺหสฺส; ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺย.

‘‘สมฺมตา สงฺเฆน จตฺตาโร ปาจีนกา ภิกฺขู, จตฺตาโร ปาเวยฺยกา ภิกฺขู, อุพฺพาหิกาย อิมํ อธิกรณํ วูปสเมตุํ. ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติ.

เตน โข ปน สมเยน อชิโต นาม ภิกฺขุ ทสวสฺโส สงฺฆสฺส ปาติโมกฺขุทฺเทสโก โหติ. อถ โข สงฺโฆ อายสฺมนฺตมฺปิ อชิตํ สมฺมนฺนติ – เถรานํ ภิกฺขูนํ อาสนปฺาปกํ. อถ โข เถรานํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘กตฺถ นุ โข มยํ อิมํ อธิกรณํ วูปสเมยฺยามา’’ติ? อถ โข เถรานํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข วาลิการาโม รมณีโย อปฺปสทฺโท อปฺปนิคฺโฆโส. ยํนูน มยํ วาลิการาเม อิมํ อธิกรณํ วูปสเมยฺยามา’’ติ.

๔๕๗. อถ โข เถรา ภิกฺขู วาลิการามํ อคมํสุ – ตํ อธิกรณํ วินิจฺฉินิตุกามา. อถ โข อายสฺมา เรวโต สงฺฆํ าเปสิ –

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อายสฺมนฺตํ สพฺพกามึ วินยํ ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ.

อายสฺมา สพฺพกามี สงฺฆํ าเปสิ –

‘‘สุณาตุ เม, อาวุโส, สงฺโฆ. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ เรวเตน วินยํ ปุฏฺโ วิสฺสชฺเชยฺย’’นฺติ.

อถ โข อายสฺมา เรวโต อายสฺมนฺตํ สพฺพกามึ เอตทโวจ – ‘‘กปฺปติ, ภนฺเต, สิงฺคิโลณกปฺโป’’ติ? ‘‘โก โส, อาวุโส, สิงฺคิโลณกปฺโป’’ติ? ‘‘กปฺปติ, ภนฺเต, สิงฺคินา โลณํ ปริหริตุํ – ยตฺถ อโลณกํ ภวิสฺสติ ตตฺถ ปริภุฺชิสฺสามา’’ติ? ‘‘นาวุโส, กปฺปตี’’ติ. [ปาจิ. ๒๕๔ อาทโย] ‘‘กตฺถ ปฏิกฺขิตฺต’’นฺติ? ‘‘สาวตฺถิยํ, สุตฺตวิภงฺเค’’ติ. ‘‘กึ อาปชฺชตี’’ติ? ‘‘สนฺนิธิการกโภชเน ปาจิตฺติย’’นฺติ.

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ. อิทํ ปมํ วตฺถุ สงฺเฆน วินิจฺฉิตํ. อิติปิทํ วตฺถุ อุทฺธมฺมํ, อุพฺพินยํ, อปคตสตฺถุสาสนํ. อิทํ ปมํ สลากํ นิกฺขิปามิ’’.

‘‘กปฺปติ, ภนฺเต, ทฺวงฺคุลกปฺโป’’ติ? ‘‘โก โส, อาวุโส, ทฺวงฺคุลกปฺโป’’ติ? ‘‘กปฺปติ, ภนฺเต, ทฺวงฺคุลาย ฉายาย วีติวตฺตาย วิกาเล โภชนํ ภุฺชิตุ’’นฺติ ? ‘‘นาวุโส, กปฺปตี’’ติ [ปาจิ. ๒๔๕]. ‘‘กตฺถ ปฏิกฺขิตฺต’’นฺติ? ‘‘ราชคเห, สุตฺตวิภงฺเค’’ติ. ‘‘กึ อาปชฺชตี’’ติ? วิกาลโภชเน ปาจิตฺติย’’นฺติ.

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ. อิทํ ทุติยํ วตฺถุ สงฺเฆน วินิจฺฉิตํ. อิติปิทํ วตฺถุ อุทฺธมฺมํ, อุพฺพินยํ, อปคตสตฺถุสาสนํ. อิทํ ทุติยํ สลากํ นิกฺขิปามิ’’.

‘‘กปฺปติ, ภนฺเต, คามนฺตรกปฺโป’’ติ? ‘‘โก โส, อาวุโส, คามนฺตรกปฺโป’’ติ? ‘‘กปฺปติ, ภนฺเต – อิทานิ คามนฺตรํ คมิสฺสามีติ – ภุตฺตาวินา ปวาริเตน อนติริตฺตํ โภชนํ ภุฺชิตุ’’นฺติ? ‘‘นาวุโส, กปฺปตี’’ติ [ปาจิ. ๒๓๔]. ‘‘กตฺถ ปฏิกฺขิตฺต’’นฺติ? ‘‘สาวตฺถิยํ, สุตฺตวิภงฺเค’’ติ. ‘‘กึ อาปชฺชตี’’ติ? ‘‘อนติริตฺตโภชเน ปาจิตฺติย’’นฺติ.

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ. อิทํ ตติยํ วตฺถุ สงฺเฆน วินิจฺฉิตํ. อิติปิทํ วตฺถุ อุทฺธมฺมํ, อุพฺพินยํ, อปคตสตฺถุสาสนํ. อิทํ ตติยํ สลากํ นิกฺขิปามิ’’.

‘‘กปฺปติ , ภนฺเต, อาวาสกปฺโป’’ติ? ‘‘โก โส, อาวุโส, อาวาสกปฺโป’’ติ? ‘‘กปฺปติ ภนฺเต, สมฺพหุลา อาวาสา สมานสีมา นานุโปสถํ กาตุ’’นฺติ. ‘‘นาวุโส, กปฺปตี’’ติ [มหาว. ๑๔๑ อาทโย]. ‘‘กตฺถ ปฏิกฺขิตฺต’’นฺติ? ‘‘ราชคเห, อุโปสถสํยุตฺเต’’ติ. ‘‘กึ อาปชฺชตี’’ติ? ‘‘วินยาติสาเร ทุกฺกฏ’’นฺติ.

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ. อิทํ จตุตฺถํ วตฺถุ สงฺเฆน วินิจฺฉิตํ. อิติปิทํ วตฺถุ อุทฺธมฺมํ, อุพฺพินยํ, อปคตสตฺถุสาสนํ. อิทํ จตุตฺถํ สลากํ นิกฺขิปามิ’’.

‘‘กปฺปติ, ภนฺเต, อนุมติกปฺโป’’ติ? ‘‘โก โส, อาวุโส, อนุมติกปฺโป’’ติ? ‘‘กปฺปติ, ภนฺเต, วคฺเคน สงฺเฆน กมฺมํ กาตุํ – อาคเต ภิกฺขู อนุมาเนสฺสามา’’ติ? ‘‘นาวุโส, กปฺปตี’’ติ [มหาว. ๓๘๓ อาทโย]. ‘‘กตฺถ ปฏิกฺขิตฺต’’นฺติ? ‘‘จมฺเปยฺยเก, วินยวตฺถุสฺมิ’’นฺติ. ‘‘กึ อาปชฺชตี’’ติ? ‘‘วินยาติสาเร ทุกฺกฏ’’นฺติ.

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ. อิทํ ปฺจมํ วตฺถุ สงฺเฆน วินิจฺฉิตํ. อิติปิทํ วตฺถุ อุทฺธมฺมํ, อุพฺพินยํ, อปคตสตฺถุสาสนํ. อิทํ ปฺจมํ สลากํ นิกฺขิปามิ’’.

‘‘กปฺปติ, ภนฺเต, อาจิณฺณกปฺโป’’ติ? ‘‘โก โส, อาวุโส, อาจิณฺณกปฺโป’’ติ? ‘‘กปฺปติ, ภนฺเต – อิทํ เม อุปชฺฌาเยน อชฺฌาจิณฺณํ, อิทํ เม อาจริเยน อชฺฌาจิณฺณํ – ตํ อชฺฌาจริตุ’’นฺติ? ‘‘อาจิณฺณกปฺโป โข, อาวุโส, เอกจฺโจ กปฺปติ, เอกจฺโจ น กปฺปตี’’ติ.

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ. อิทํ ฉฏฺํ วตฺถุ สงฺเฆน วินิจฺฉิตํ . อิติปิทํ วตฺถุ อุทฺธมฺมํ, อุพฺพินยํ, อปคตสตฺถุสาสนํ. อิทํ ฉฏฺํ สลากํ นิกฺขิปามิ’’.

‘‘กปฺปติ , ภนฺเต, อมถิตกปฺโป’’ติ? ‘‘โก โส, อาวุโส, อมถิตกปฺโป’’ติ? ‘‘กปฺปติ, ภนฺเต, ยํ ตํ ขีรํ ขีรภาวํ วิชหิตํ, อสมฺปตฺตํ ทธิภาวํ, ตํ ภุตฺตาวินา ปวาริเตน อนติริตฺตํ ปาตุ’’นฺติ? ‘‘นาวุโส, กปฺปตี’’ติ [ปาจิ. ๒๓๔]. ‘‘กตฺถ ปฏิกฺขิตฺต’’นฺติ? ‘‘สาวตฺถิยํ, สุตฺตวิภงฺเค’’ติ. ‘‘กึ อาปชฺชตี’’ติ? ‘‘อนติริตฺตโภชเน ปาจิตฺติย’’นฺติ.

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ. อิทํ สตฺตมํ วตฺถุ สงฺเฆน วินิจฺฉิตํ. อิติปิทํ วตฺถุ อุทฺธมฺมํ, อุพฺพินยํ, อปคตสตฺถุสาสนํ. อิทํ สตฺตมํ สลากํ นิกฺขิปามิ’’.

‘‘กปฺปติ, ภนฺเต, ชโฬคึ ปาตุ’’นฺติ? ‘‘กา สา, อาวุโส, ชโฬคี’’ติ? ‘‘กปฺปติ, ภนฺเต, ยา สา สุรา อาสุตา อสมฺปตฺตา มชฺชภาวํ, สา ปาตุ’’นฺติ? ‘‘นาวุโส, กปฺปตี’’ติ [ปาจิ. ๓๒๖]. ‘‘กตฺถ ปฏิกฺขิตฺต’’นฺติ? ‘‘โกสมฺพิยํ, สุตฺตวิภงฺเค’’ติ. ‘‘กึ อาปชฺชตี’’ติ. ‘‘สุราเมรยปาเน ปาจิตฺติย’’นฺติ.

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ. อิทํ อฏฺมํ วตฺถุ สงฺเฆน วินิจฺฉิตํ. อิติปิทํ วตฺถุ อุทฺธมฺมํ, อุพฺพินยํ, อปคตสตฺถุสาสนํ. อิทํ อฏฺมํ สลากํ นิกฺขิปามิ’’.

‘‘กปฺปติ, ภนฺเต, อทสกํ นิสีทน’’นฺติ? ‘‘นาวุโส, กปฺปตี’’ติ [ปาจิ. ๕๓๑ อาทโย]. ‘‘กตฺถ ปฏิกฺขิตฺต’’นฺติ? ‘‘สาวตฺถิยํ, สุตฺตวิภงฺเค’’ติ. ‘‘กึ อาปชฺชตี’’ติ? ‘‘เฉทนเก ปาจิตฺติย’’นฺติ.

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ. อิทํ นวมํ วตฺถุ สงฺเฆน วินิจฺฉิตํ. อิติปิทํ วตฺถุ อุทฺธมฺมํ, อุพฺพินยํ, อปคตสตฺถุสาสนํ. อิทํ นวมํ สลากํ นิกฺขิปามิ’’.

‘‘กปฺปติ, ภนฺเต, ชาตรูปรชต’’นฺติ? ‘‘นาวุโส, กปฺปตี’’ติ [ปารา. ๕๘๐ อาทโย]. ‘‘กตฺถ ปฏิกฺขิตฺต’’นฺติ. ‘‘ราชคเห, สุตฺตวิภงฺเค’’ติ. ‘‘กึ อาปชฺชตี’’ติ? ‘‘ชาตรูปรชตปฏิคฺคหเณ ปาจิตฺติย’’นฺติ.

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ. อิทํ ทสมํ วตฺถุ สงฺเฆน วินิจฺฉิตํ. อิติปิทํ วตฺถุ อุทฺธมฺมํ, อุพฺพินยํ, อปคตสตฺถุสาสนํ. อิทํ ทสมํ สลากํ นิกฺขิปามิ.

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ. อิมานิ ทส วตฺถูนิ สงฺเฆน วินิจฺฉิตานิ. อิติปิมานิ ทสวตฺถูนิ อุทฺธมฺมานิ, อุพฺพินยานิ, อปคตสตฺถุสาสนานี’’ติ.

๔๕๘. ‘‘นิหตเมตํ, อาวุโส, อธิกรณํ, สนฺตํ วูปสนฺตํ สุวูปสนฺตํ. อปิ จ มํ ตฺวํ, อาวุโส, สงฺฆมชฺเฌปิ อิมานิ ทส วตฺถูนิ ปุจฺเฉยฺยาสิ – เตสํ ภิกฺขูนํ สฺตฺติยา’’ติ. อถ โข อายสฺมา เรวโต อายสฺมนฺตํ สพฺพกามึ สงฺฆมชฺเฌปิ อิมานิ ทส วตฺถูนิ ปุจฺฉิ. ปุฏฺโ ปุฏฺโ อายสฺมา สพฺพกามี วิสฺสชฺเชสิ. อิมาย โข ปน วินยสงฺคีติยา สตฺต ภิกฺขุสตานิ อนูนานิ อนธิกานิ อเหสุํ, ตสฺมายํ วินยสงฺคีติ ‘‘สตฺตสติกา’’ติ วุจฺจตีติ.

ทุติยภาณวาโร นิฏฺิโต.

สตฺตสติกกฺขนฺธโก ทฺวาทสโม.

อิมมฺหิ ขนฺธเก วตฺถู ปฺจวีสติ.

ตสฺสุทฺทานํ –

ทส วตฺถูนิ ปูเรตฺวา, กมฺมํ ทูเตน ปาวิสิ;

จตฺตาโร ปุน รูปฺจ, โกสมฺพิ จ ปาเวยฺยโก.

มคฺโค โสเรยฺยํ สงฺกสฺสํ, กณฺณกุชฺชํ อุทุมฺพรํ;

สหชาติ จ มชฺเฌสิ, อสฺโสสิ กํ นุ โข มยํ.

ปตฺตนาวาย อุชฺชวิ, รโหสิ อุปนามยํ [ทูรโตปิ อุทปาทิ (ก.)];

ครุ [ทารุณํ (สฺยา.)] สงฺโฆ จ เวสาลึ, เมตฺตา สงฺโฆ อุพฺพาหิกาติ.

สตฺตสติกกฺขนฺธโก นิฏฺิโต.

จูฬวคฺโค [จุลฺลวคฺโค (สี.)] นิฏฺิโต.

จูฬวคฺคปาฬิ นิฏฺิตา.