📜

๗. สงฺฆเภทกกฺขนฺธกํ

๑. ปมภาณวาโร

ฉสกฺยปพฺพชฺชากถา

๓๓๐. เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา อนุปิยายํ วิหรติ, อนุปิยํ นาม มลฺลานํ นิคโม. เตน โข ปน สมเยน อภิฺาตา อภิฺาตา สกฺยกุมารา ภควนฺตํ ปพฺพชิตํ อนุปพฺพชนฺติ. เตน โข ปน สมเยน มหานาโม จ สกฺโก อนุรุทฺโธ จ สกฺโก ทฺเวภาติกา โหนฺติ. อนุรุทฺโธ สกฺโก สุขุมาโล โหติ. ตสฺส ตโย ปาสาทา โหนฺติ – เอโก เหมนฺติโก, เอโก คิมฺหิโก, เอโก วสฺสิโก. โส วสฺสิเก ปาสาเท จตฺตาโร มาเส [วสฺสิเก ปาสาเท วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส (สี.)] นิปฺปุริเสหิ ตูริเยหิ ปริจารยมาโน [ปริจาริยมาโน (ก.)] น เหฏฺาปาสาทํ โอโรหติ. อถ โข มหานามสฺส สกฺกสฺส เอตทโหสิ – ‘‘เอตรหิ โข อภิฺาตา อภิฺาตา สกฺยกุมารา ภควนฺตํ ปพฺพชิตํ อนุปพฺพชนฺติ. อมฺหากฺจ ปน กุลา นตฺถิ โกจิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต. ยํนูนาหํ วา ปพฺพเชยฺยํ, อนุรุทฺโธ วา’’ติ. อถ โข มหานาโม สกฺโก เยน อนุรุทฺโธ สกฺโก เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อนุรุทฺธํ สกฺกํ เอตทโวจ – ‘‘เอตรหิ, ตาต อนุรุทฺธ, อภิฺาตา อภิฺาตา สกฺยกุมารา ภควนฺตํ ปพฺพชิตํ อนุปพฺพชนฺติ. อมฺหากฺจ ปน กุลา นตฺถิ โกจิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต. เตน หิ ตฺวํ วา ปพฺพช, อหํ วา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. ‘‘อหํ โข สุขุมาโล, นาหํ สกฺโกมิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตุํ. ตฺวํ ปพฺพชาหี’’ติ. ‘‘เอหิ โข เต, ตาต อนุรุทฺธ, ฆราวาสตฺถํ อนุสาสิสฺสามิ. ปมํ เขตฺตํ กสาเปตพฺพํ. กสาเปตฺวา วปาเปตพฺพํ. วปาเปตฺวา อุทกํ อภิเนตพฺพํ. อุทกํ อภิเนตฺวา อุทกํ นินฺเนตพฺพํ. อุทกํ นินฺเนตฺวา นิทฺธาเปตพฺพํ. นิทฺธาเปตฺวา [นิฑฺฑเหตพฺพํ, นิฑฺฑเหตฺวา (สี.)] ลวาเปตพฺพํ. ลวาเปตฺวา อุพฺพาหาเปตพฺพํ. อุพฺพาหาเปตฺวา ปุฺชํ การาเปตพฺพํ. ปุฺชํ การาเปตฺวา มทฺทาเปตพฺพํ. มทฺทาเปตฺวา ปลาลานิ อุทฺธราเปตพฺพานิ. ปลาลานิ อุทฺธราเปตฺวา ภุสิกา อุทฺธราเปตพฺพา. ภุสิกํ อุทฺธราเปตฺวา โอปุนาเปตพฺพํ [โอผุนาเปตพฺพํ (สฺยา. ก.), โอผุณาเปตพฺพํ (โยชนา)]. โอปุนาเปตฺวา อติหราเปตพฺพํ. อติหราเปตฺวา อายติมฺปิ วสฺสํ เอวเมว กาตพฺพํ, อายติมฺปิ วสฺสํ เอวเมว กาตพฺพ’’นฺติ. ‘‘น กมฺมา ขียนฺติ? น กมฺมานํ อนฺโต ปฺายติ? กทา กมฺมา ขียิสฺสนฺติ? กทา กมฺมานํ อนฺโต ปฺายิสฺสติ? กทา มยํ อปฺโปสฺสุกฺกา ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตา สมงฺคีภูตา ปริจาเรสฺสามา’’ติ? ‘‘น หิ, ตาต อนุรุทฺธ, กมฺมา ขียนฺติ. น กมฺมานํ อนฺโต ปฺายติ. อขีเณว กมฺเม ปิตโร จ ปิตามหา จ กาลงฺกตา’’ติ. ‘‘เตน หิ ตฺวฺเว ฆราวาสตฺเถน อุปชานาหิ. อหํ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ.

อถ โข อนุรุทฺโธ สกฺโก เยน มาตา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา มาตรํ เอตทโวจ – ‘‘อิจฺฉามหํ, อมฺม, อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตุํ. อนุชานาหิ มํ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติ. เอวํ วุตฺเต อนุรุทฺธสฺส สกฺกสฺส มาตา อนุรุทฺธํ สกฺกํ เอตทโวจ – ‘‘ตุมฺเห โข เม, ตาต อนุรุทฺธ, ทฺเว ปุตฺตา ปิยา มนาปา อปฺปฏิกูลา. มรเณนปิ โว อกามกา วินา ภวิสฺสามิ. กึ ปนาหํ ตุมฺเห ชีวนฺเต อนุชานิสฺสามิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติ? ทุติยมฺปิ โข…เป… ตติยมฺปิ โข อนุรุทฺโธ สกฺโก มาตรํ เอตทโวจ – ‘‘อิจฺฉามหํ, อมฺม, อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตุํ. อนุชานาหิ มํ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติ [อิมสฺส อนนฺตรํ เกสุจิ โปตฺถเกสุ เอวมฺปิ ปาโ ทิสฺสติ –- ‘‘เอวํ วุตฺเต อนุรุทฺธสฺส สกฺกสฺส มาตา เอวมาห ‘สเจ ตาต อนุรุทฺธ ภทฺทิโย สกฺยราชา สกฺยานํ รชฺชํ กาเรติ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ, เอวํ ตฺวมฺปิ ปพฺพชาหี’’’ติ]. เตน โข ปน สมเยน ภทฺทิโย สกฺยราชา สกฺยานํ รชฺชํ กาเรติ. โส จ อนุรุทฺธสฺส สกฺกสฺส สหาโย โหติ. อถ โข อนุรุทฺธสฺส สกฺกสฺส มาตา – ‘อยํ โข ภทฺทิโย สกฺยราชา สกฺยานํ รชฺชํ กาเรติ; อนุรุทฺธสฺส สกฺกสฺส สหาโย; โส น อุสฺสหติ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตุ’นฺติ – อนุรุทฺธํ สกฺกํ เอตทโวจ – ‘‘สเจ, ตาต อนุรุทฺธ, ภทฺทิโย สกฺยราชา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ, เอวํ ตฺวมฺปิ ปพฺพชาหี’’ติ. อถ โข อนุรุทฺโธ สกฺโก เยน ภทฺทิโย สกฺยราชา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภทฺทิยํ สกฺยราชานํ เอตทโวจ – ‘‘มม โข, สมฺม, ปพฺพชฺชา ตว ปฏิพทฺธา’’ติ. ‘‘สเจ เต, สมฺม, ปพฺพชฺชา มม ปฏิพทฺธา วา อปฺปฏิพทฺธา วา สา โหตุ, อหํ ตยา; ยถา สุขํ ปพฺพชาหี’’ติ. ‘‘เอหิ, สมฺม, อุโภ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสามา’’ติ. ‘‘นาหํ, สมฺม, สกฺโกมิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตุนฺติ . ยํ เต สกฺกา อฺํ มยา กาตุํ, กฺยาหํ [ตฺยาหํ (สี. สฺยา.)] กริสฺสามิ. ตฺวํ ปพฺพชาหี’’ติ. ‘‘มาตา โข มํ, สมฺม, เอวมาห – ‘สเจ, ตาต อนุรุทฺธ, ภทฺทิโย สกฺยราชา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ, เอวํ ตฺวมฺปิ ปพฺพชาหี’’’ติ. ‘‘ภาสิตา โข ปน เต, สมฺม, เอสา วาจา. สเจ เต, สมฺม, ปพฺพชฺชา มม ปฏิพทฺธา วา, อปฺปฏิพทฺธา วา สา โหตุ, อหํ ตยา; ยถา สุขํ ปพฺพชาหี’’ติ. ‘‘เอหิ, สมฺม, อุโภ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสามา’’ติ.

เตน โข ปน สมเยน มนุสฺสา สจฺจวาทิโน โหนฺติ, สจฺจปฏิฺา. อถ โข ภทฺทิโย สกฺยราชา อนุรุทฺธํ สกฺกํ เอตทโวจ – ‘‘อาคเมหิ, สมฺม, สตฺตวสฺสานิ. สตฺตนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน อุโภ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสามา’’ติ. ‘‘อติจิรํ, สมฺม, สตฺตวสฺสานิ. นาหํ สกฺโกมิ สตฺตวสฺสานิ อาคเมตุ’’นฺติ. ‘‘อาคเมหิ, สมฺม, ฉวสฺสานิ…เป… ปฺจวสฺสานิ… จตฺตาริ วสฺสานิ… ตีณิ วสฺสานิ… ทฺเว วสฺสานิ… เอกํ วสฺสํ. เอกสฺส วสฺสสฺส อจฺจเยน อุโภ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสามา’’ติ. ‘‘อติจิรํ, สมฺม, เอกวสฺสํ. นาหํ สกฺโกมิ เอกํ วสฺสํ อาคเมตุ’’นฺติ. ‘‘อาคเมหิ, สมฺม, สตฺตมาเส. สตฺตนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน อุโภปิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสามา’’ติ. ‘‘อติจิรํ, สมฺม, สตฺตมาสา. นาหํ สกฺโกมิ สตฺตมาเส อาคเมตุ’’นฺติ. ‘‘อาคเมหิ, สมฺม, ฉ มาเส…เป… ปฺจ มาเส… จตฺตาโร มาเส… ตโย มาเส… ทฺเว มาเส… เอกํ มาสํ… อฑฺฒมาสํ. อฑฺฒมาสสฺส อจฺจเยน อุโภปิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสามา’’ติ. ‘‘อติจิรํ, สมฺม, อฑฺฒมาโส. นาหํ สกฺโกมิ อฑฺฒมาสํ อาคเมตุ’’นฺติ. ‘‘อาคเมหิ, สมฺม, สตฺตาหํ ยาวาหํ ปุตฺเต จ ภาตโร จ รชฺชํ นิยฺยาเทมี’’ติ. ‘‘น จิรํ, สมฺม, สตฺตาโห, อาคเมสฺสามี’’ติ.

๓๓๑. อถ โข ภทฺทิโย จ สกฺยราชา อนุรุทฺโธ จ อานนฺโท จ ภคุ จ กิมิโล จ เทวทตฺโต จ, อุปาลิกปฺปเกน สตฺตมา, ยถา ปุเร จตุรงฺคินิยา เสนาย อุยฺยานภูมึ นิยฺยนฺติ, เอวเมว จตุรงฺคินิยา เสนาย นิยฺยึสุ. เต ทูรํ คนฺตฺวา เสนํ นิวตฺตาเปตฺวา ปรวิสยํ โอกฺกมิตฺวา อาภรณํ โอมุฺจิตฺวา อุตฺตราสงฺเคน ภณฺฑิกํ พนฺธิตฺวา อุปาลึ กปฺปกํ เอตทโวจุํ – ‘‘หนฺท, ภเณ อุปาลิ, นิวตฺตสฺสุ; อลํ เต เอตฺตกํ ชีวิกายา’’ติ. อถ โข อุปาลิสฺส กปฺปกสฺส นิวตฺตนฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘‘จณฺฑา โข สากิยา; อิมินา กุมารา นิปฺปาติตาติ ฆาตาเปยฺยุมฺปิ มํ. อิเม หิ นาม สกฺยกุมารา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสนฺติ. กิมงฺค [กิมงฺค (สี.)] ปนาห’’นฺติ. ภณฺฑิกํ มุฺจิตฺวา ตํ ภณฺฑํ รุกฺเข อาลคฺเคตฺวา ‘โย ปสฺสติ, ทินฺนํเยว หรตู’ติ วตฺวา เยน เต สกฺยกุมารา เตนุปสงฺกมิ. อทฺทสาสุํ โข เต สกฺยกุมารา อุปาลึ กปฺปกํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน อุปาลึ กปฺปกํ เอตทโวจุํ – ‘‘กิสฺส, ภเณ อุปาลิ, นิวตฺเตสี’’ติ? ‘‘อิธ เม, อยฺยปุตฺตา, นิวตฺตนฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘จณฺฑา โข สากิยา; อิมินา กุมารา นิปฺปาติตาติ ฆาตาเปยฺยุมฺปิ มํ. อิเม หิ นาม สกฺยกุมารา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสนฺติ. กิมงฺค ปนาห’นฺติ. โส โข อหํ, อยฺยปุตฺตา, ภณฺฑิกํ มุฺจิตฺวา ตํ ภณฺฑํ รุกฺเข อาลคฺเคตฺวา ‘โย ปสฺสติ, ทินฺนฺเว หรตู’ติ วตฺวา ตโตมฺหิ ปฏินิวตฺโต’’ติ. ‘‘สุฏฺุ, ภเณ อุปาลิ, อกาสิ ยมฺปิ น นิวตฺโต [ยํ นิวตฺโต (สี.), ยํ ปน นิวตฺโต (สฺยา.)]. จณฺฑา โข สากิยา; อิมินา กุมารา นิปฺปาติตาติ ฆาตาเปยฺยุมฺปิ ต’’นฺติ.

อถ โข สกฺยกุมารา อุปาลึ กปฺปกํ อาทาย เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต สกฺยกุมารา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘มยํ, ภนฺเต, สากิยา นาม มานสฺสิโน. อยํ , ภนฺเต, อุปาลิ กปฺปโก อมฺหากํ ทีฆรตฺตํ ปริจารโก. อิมํ ภควา ปมํ ปพฺพาเชตุ. อิมสฺส มยํ อภิวาทนปจฺจุฏฺานอฺชลิกมฺมสามีจิกมฺมํ กริสฺสาม. เอวํ อมฺหากํ สากิยานํ สากิยมาโน นิมฺมานายิสฺสตี’’ติ [นิมฺมาทยิสฺสตีติ (สี.), นิมฺมานิยิสฺสตีติ (สฺยา.)].

อถ โข ภควา อุปาลึ กปฺปกํ ปมํ ปพฺพาเชสิ, ปจฺฉา เต สกฺยกุมาเร. อถ โข อายสฺมา ภทฺทิโย เตเนว อนฺตรวสฺเสน ติสฺโส วิชฺชา สจฺฉากาสิ. อายสฺมา อนุรุทฺโธ ทิพฺพจกฺขุํ อุปฺปาเทสิ. อายสฺมา อานนฺโท โสตาปตฺติผลํ สจฺฉากาสิ. เทวทตฺโต โปถุชฺชนิกํ อิทฺธึ อภินิปฺผาเทสิ.

๓๓๒. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา ภทฺทิโย อรฺคโตปิ รุกฺขมูลคโตปิ สุฺาคารคโตปิ อภิกฺขณํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘‘อโห สุขํ, อโห สุข’’นฺติ. อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อายสฺมา, ภนฺเต, ภทฺทิโย อรฺคโตปิ รุกฺขมูลคโตปิ สุฺาคารคโตปิ อภิกฺขณํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘อโห สุขํ, อโห สุข’นฺติ. นิสฺสํสยํ โข, ภนฺเต, อายสฺมา ภทฺทิโย อนภิรโตว พฺรหฺมจริยํ จรติ. ตํเยว วา ปุริมํ รชฺชสุขํ สมนุสฺสรนฺโต อรฺคโตปิ รุกฺขมูลคโตปิ สุฺาคารคโตปิ อภิกฺขณํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘อโห สุขํ, อโห สุข’’’นฺติ.

อถ โข ภควา อฺตรํ ภิกฺขุํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, มม วจเนน ภทฺทิยํ ภิกฺขุํ อามนฺเตหิ – ‘สตฺถา ตํ, อาวุโส ภทฺทิย, อามนฺเตตี’’’ติ . ‘‘เอวํ ภนฺเต’’ติ โข โส ภิกฺขุ ภควโต ปฏิสฺสุตฺวา เยนายสฺมา ภทฺทิโย เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ ภทฺทิยํ เอตทโวจ – ‘‘สตฺถา ตํ, อาวุโส ภทฺทิย, อามนฺเตตี’’ติ. ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข อายสฺมา ภทฺทิโย ตสฺส ภิกฺขุโน ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ ภทฺทิยํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภทฺทิย, อรฺคโตปิ รุกฺขมูลคโตปิ สุฺาคารคโตปิ อภิกฺขณํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘อโห สุขํ, อโห สุข’’’นฺติ? ‘‘เอวํ ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ ปน ตฺวํ, ภทฺทิย, อตฺถวสํ สมฺปสฺสมาโน อรฺคโตปิ รุกฺขมูลคโตปิ สุฺาคารคโตปิ อภิกฺขณํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘อโห สุขํ อโห สุข’’’นฺติ? ‘‘ปุพฺเพ เม, ภนฺเต, รฺโ สโตปิ อนฺโตปิ อนฺเตปุเร รกฺขา สุสํวิหิตา โหติ, พหิปิ อนฺเตปุเร รกฺขา สุสํวิหิตา โหติ, อนฺโตปิ นคเร รกฺขา สุสํวิหิตา โหติ, พหิปิ นคเร รกฺขา สุสํวิหิตา โหติ, อนฺโตปิ ชนปเท รกฺขา สุสํวิหิตา โหติ, พหิปิ ชนปเท รกฺขา สุสํวิหิตา โหติ. โส โข อหํ, ภนฺเต, เอวํ รกฺขิโตปิ โคปิโตปิ สนฺโต ภีโต อุพฺพิคฺโค อุสฺสงฺกี อุตฺรสฺโต วิหรามิ. เอตรหิ โข ปน อหํ เอโก, ภนฺเต, อรฺคโตปิ รุกฺขมูลคโตปิ สุฺาคารคโตปิ อภีโต อนุพฺพิคฺโค อนุสฺสงฺกี อนุตฺรสฺโต อปฺโปสฺสุกฺโก ปนฺนโลโม ปรทตฺตวุตฺโต มิคภูเตน เจตสา วิหรามีติ. อิมํ โข อหํ, ภนฺเต, อตฺถวสํ สมฺปสฺสมาโน อรฺคโตปิ รุกฺขมูลคโตปิ สุฺาคารคโตปิ อภิกฺขณํ อุทานํ อุทาเนมิ – ‘อโห สุขํ, อโห สุข’’’นฺติ. อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –

[อุทา. ๒๐] ‘‘ยสฺสนฺตรโต น สนฺติ โกปา, อิติ ภวาภวตฺจ วีติวตฺโต;

ตํ วิคตภยํ สุขึ อโสกํ, เทวา นานุภวนฺติ ทสฺสนายา’’ติ.

เทวทตฺตวตฺถุ

๓๓๓. อถ โข ภควา อนุปิยายํ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน โกสมฺพี เตน จาริกํ ปกฺกามิ. อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน โกสมฺพี ตทวสริ. ตตฺร สุทํ ภควา โกสมฺพิยํ วิหรติ โฆสิตาราเม. อถ โข เทวทตฺตสฺส รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ‘‘กํ นุ โข อหํ ปสาเทยฺยํ, ยสฺมึ เม ปสนฺเน พหุลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ? อถ โข เทวทตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข อชาตสตฺตุ กุมาโร ตรุโณ เจว อายตึ ภทฺโท จ. ยํนูนาหํ อชาตสตฺตุํ กุมารํ ปสาเทยฺยํ. ตสฺมึ เม ปสนฺเน พหุลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ.

อถ โข เทวทตฺโต เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน ราชคหํ เตน ปกฺกามิ. อนุปุพฺเพน เยน ราชคหํ ตทวสริ. อถ โข เทวทตฺโต สกวณฺณํ ปฏิสํหริตฺวา กุมารกวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา อหิเมขลิกาย อชาตสตฺตุสฺส กุมารสฺส อุจฺฉงฺเค [อุจฺจงฺเก (สฺยา.)] ปาตุรโหสิ. อถ โข อชาตสตฺตุ กุมาโร ภีโต อโหสิ, อุพฺพิคฺโค อุสฺสงฺกี อุตฺรสฺโต. อถ โข เทวทตฺโต อชาตสตฺตุํ กุมารํ เอตทโวจ – ‘‘ภายสิ มํ ตฺวํ กุมารา’’ติ? ‘‘อาม, ภายามิ. โกสิ ตฺว’’นฺติ? ‘‘อหํ เทวทตฺโต’’ติ. ‘‘สเจ โข ตฺวํ, ภนฺเต, อยฺโย เทวทตฺโต, อิงฺฆ สเกเนว วณฺเณน ปาตุภวสฺสู’’ติ. อถ โข เทวทตฺโต กุมารกวณฺณํ ปฏิสํหริตฺวา สงฺฆาฏิปตฺตจีวรธโร อชาตสตฺตุสฺส กุมารสฺส ปุรโต อฏฺาสิ. อถ โข อชาตสตฺตุ กุมาโร เทวทตฺตสฺส อิมินา อิทฺธิปาฏิหาริเยน อภิปฺปสนฺโน ปฺจหิ รถสเตหิ สายํ ปาตํ อุปฏฺานํ คจฺฉติ, ปฺจ จ ถาลิปากสตานิ ภตฺตาภิหาโร อภิหรียติ. อถ โข เทวทตฺตสฺส ลาภสกฺการสิโลเกน อภิภูตสฺส ปริยาทินฺนจิตฺตสฺส เอวรูปํ อิจฺฉาคตํ อุปฺปชฺชิ – ‘‘อหํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามี’’ติ . สห จิตฺตุปฺปาทาว เทวทตฺโต ตสฺสา อิทฺธิยา ปริหายิ.

[อ. นิ. ๕.๑๐๐] เตน โข ปน สมเยน กกุโธ นาม โกฬิยปุตฺโต, อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส อุปฏฺาโก, อธุนา กาลงฺกโต อฺตรํ มโนมยํ กายํ อุปปนฺโน. ตสฺส เอวรูโป อตฺตภาวปฺปฏิลาโภ โหติ – เสยฺยถาปิ นาม ทฺเว วา ตีณิ วา มาคธกานิ [มาคธิกานิ (สฺยา.)] คามกฺเขตฺตานิ. โส เตน อตฺตภาวปฺปฏิลาเภน เนว อตฺตานํ น ปรํ พฺยาพาเธติ. อถ โข กกุโธ เทวปุตฺโต เยนายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข กกุโธ เทวปุตฺโต อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ เอตทโวจ – ‘‘เทวทตฺตสฺส, ภนฺเต, ลาภสกฺการสิโลเกน อภิภูตสฺส ปริยาทินฺนจิตฺตสฺส [ปริยาทิณฺณจิตฺตสฺส (ก.)] เอวรูปํ อิจฺฉาคตํ อุปฺปชฺชิ – ‘อหํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามี’ติ. สห จิตฺตุปฺปาทาว ภนฺเต, เทวทตฺโต ตสฺสา อิทฺธิยา ปริหีโน’’ติ. อิทมโวจ กกุโธ เทวปุตฺโต. อิทํ วตฺวา อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถว อนฺตรธายิ.

อถ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ , อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ . เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กกุโธ นาม, ภนฺเต, โกฬิยปุตฺโต มม อุปฏฺาโก อธุนา กาลงฺกโต อฺตรํ มโนมยํ กายํ อุปปนฺโน. ตสฺส เอวรูโป อตฺตภาวปฺปฏิลาโภ – เสยฺยถาปิ นาม ทฺเว วา ตีณิ วา มาคธกานิ คามกฺเขตฺตานิ. โส เตน อตฺตภาวปฺปฏิลาเภน เนว อตฺตานํ น ปรํ พฺยาพาเธติ. อถ โข, ภนฺเต, กกุโธ เทวปุตฺโต เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข, ภนฺเต, กกุโธ เทวปุตฺโต มํ เอตทโวจ – ‘เทวทตฺตสฺส, ภนฺเต, ลาภสกฺการสิโลเกน อภิภูตสฺส ปริยาทินฺนจิตฺตสฺส เอวรูปํ อิจฺฉาคตํ อุปฺปชฺชิ – อหํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามีติ. สห จิตฺตุปฺปาทาว ภนฺเต, เทวทตฺโต ตสฺสา อิทฺธิยา ปริหีโน’ติ. อิทมโวจ, ภนฺเต, กกุโธ เทวปุตฺโต. อิทํ วตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถว อนฺตรธายี’’ติ.

‘‘กึ ปน เต, โมคฺคลฺลาน, กกุโธ เทวปุตฺโต เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิโต? ยํ กิฺจิ กกุโธ เทวปุตฺโต ภาสติ สพฺพํ ตํ ตเถว โหติ, โน อฺถา’’ติ? ‘‘เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิโต จ เม, ภนฺเต, กกุโธ เทวปุตฺโต. ยํ กิฺจิ กกุโธ เทวปุตฺโต ภาสติ สพฺพํ ตํ ตเถว โหติ, โน อฺถา’’ติ. ‘‘รกฺขสฺเสตํ, โมคฺคลฺลาน, วาจํ. รกฺขสฺเสตํ, โมคฺคลฺลาน, วาจํ. อิทานิ โส โมฆปุริโส อตฺตนาว อตฺตานํ ปาตุกริสฺสติ.

ปฺจสตฺถุกถา

๓๓๔. [อ. นิ. ๕.๑๐๐] ‘‘ปฺจิเม , โมคฺคลฺลาน, สตฺถาโร สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม ปฺจ? ‘‘อิธ, โมคฺคลฺลาน, เอกจฺโจ สตฺถา อปริสุทฺธสีโล สมาโน ‘ปริสุทฺธสีโลมฺหี’ติ ปฏิชานาติ ‘ปริสุทฺธํ เม สีลํ ปริโยทาตํ อสํกิลิฏฺ’นฺติ. ตเมนํ สาวกา เอวํ ชานนฺติ – ‘อยํ โข ภวํ สตฺถา อปริสุทฺธสีโล สมาโน ‘ปริสุทฺธสีโลมฺหี’ติ ปฏิชานาติ ‘ปริสุทฺธํ เม สีลํ ปริโยทาตํ อสํกิลิฏฺ’นฺติ จ. มยฺเจว โข ปน คิหีนํ อาโรเจยฺยาม, นาสฺสสฺส มนาปํ. ยํ โข ปนสฺส อมนาปํ, กถํ นํ มยํ เตน สมุทาจเรยฺยาม? สมฺมนฺนติ โข ปน จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรน – ยํ ตุโม กริสฺสติ, ตุโมว เตน ปฺายิสฺสตี’ติ. เอวรูปํ โข, โมคฺคลฺลาน, สตฺถารํ สาวกา สีลโต รกฺขนฺติ; เอวรูโป จ ปน สตฺถา สาวเกหิ สีลโต รกฺขํ ปจฺจาสีสติ [ปจฺจาสึสติ (สี. สฺยา.)].

‘‘ปุน จปรํ, โมคฺคลฺลาน, อิเธกจฺโจ สตฺถา อปริสุทฺธาชีโว สมาโน ‘ปริสุทฺธาชีโวมฺหี’ติ ปฏิชานาติ ‘ปริสุทฺโธ เม อาชีโว ปริโยทาโต อสํกิลิฏฺโ’ติ จ. ตเมนํ สาวกา เอวํ ชานนฺติ – ‘อยํ โข ภวํ สตฺถา อปริสุทฺธาชีโว สมาโน ‘ปริสุทฺธาชีโวมฺหี’ติ ปฏิชานาติ ‘ปริสุทฺโธ เม อาชีโว ปริโยทาโต อสํกิลิฏฺโ’ติ จ. มยฺเจว โข ปน คิหีนํ อาโรเจยฺยาม, นาสฺสสฺส มนาปํ. ยํ โข ปนสฺส อมนาปํ, กถํ น มยํ เตน สมุทาจเรยฺยาม? สมฺมนฺนติ โข ปน จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรน – ยํ ตุโม กริสฺสติ, ตุโมว เตน ปฺายิสฺสตี’ติ. เอวรูปํ โข, โมคฺคลฺลาน, สตฺถารํ สาวกา อาชีวโต รกฺขนฺติ; เอวรูโป จ ปน สตฺถา สาวเกหิ อาชีวโต รกฺขํ ปจฺจาสีสติ.

‘‘ปุน จปรํ, โมคฺคลฺลาน, อิเธกจฺโจ สตฺถา อปริสุทฺธธมฺมเทสโน สมาโน ‘ปริสุทฺธธมฺมเทสโนมฺหี’ติ ปฏิชานาติ ‘ปริสุทฺธา เม ธมฺมเทสนา ปริโยทาตา อสํกิลิฏฺา’ติ จ . ตเมนํ สาวกา เอวํ ชานนฺติ – ‘อยํ โข ภวํ สตฺถา อปริสุทฺธธมฺมเทสโน สมาโน ‘ปริสุทฺธธมฺมเทสโนมฺหี’ติ ปฏิชานาติ ‘ปริสุทฺธา เม ธมฺมเทสนา ปริโยทาตา อสํกิลิฏฺา’ติ จ. มยฺเจว โข ปน คิหีนํ อาโรเจยฺยาม, นาสฺสสฺส มนาปํ. ยํ โข ปนสฺส อมนาปํ, กถํ นํ มยํ เตน สมุทาจเรยฺยาม? สมฺมนฺนติ โข ปน จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรน – ยํ ตุโม กริสฺสติ, ตุโมว เตน ปฺายิสฺสตี’ติ. เอวรูปํ โข, โมคฺคลฺลาน, สตฺถารํ สาวกา ธมฺมเทสนโต รกฺขนฺติ; เอวรูโป จ ปน สตฺถา สาวเกหิ ธมฺมเทสนโต รกฺขํ ปจฺจาสีสติ.

‘‘ปุน จปรํ, โมคฺคลฺลาน, อิเธกจฺโจ สตฺถา อปริสุทฺธเวยฺยากรโณ สมาโน ‘ปริสุทฺธเวยฺยากรโณมฺหี’ติ ปฏิชานาติ ‘ปริสุทฺธํ เม เวยฺยากรณํ ปริโยทาตํ อสํกิลิฏฺ’นฺติ จ. ตเมนํ สาวกา เอวํ ชานนฺติ – ‘อยํ โข ภวํ สตฺถา อปริสุทฺธเวยฺยากรโณ สมาโน ‘ปริสุทฺธเวยฺยากรโณมฺหี’ติ ปฏิชานาติ ‘ปริสุทฺธํ เม เวยฺยากรณํ ปริโยทาตํ อสํกิลิฏฺ’นฺติ จ. มยฺเจว โข ปน คิหีนํ อาโรเจยฺยาม, นาสฺสสฺส มนาปํ. ยํ โข ปนสฺส อมนาปํ, กถํ นํ มยํ เตน สมุทาจเรยฺยาม? สมฺมนฺนติ โข ปน จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรน – ยํ ตุโม กริสฺสติ, ตุโมว เตน ปฺายิสฺสตี’ติ. เอวรูปํ โข, โมคฺคลฺลาน, สตฺถารํ สาวกา เวยฺยากรณโต รกฺขนฺติ; เอวรูโป จ ปน สตฺถา สาวเกหิ เวยฺยากรณโต รกฺขํ ปจฺจาสีสติ.

‘‘ปุน จปรํ, โมคฺคลฺลาน, อิเธกจฺโจ สตฺถา อปริสุทฺธาณทสฺสโน สมาโน ‘ปริสุทฺธาณทสฺสโนมฺหี’ติ ปฏิชานาติ ‘ปริสุทฺธํ เม าณทสฺสนํ ปริโยทาตํ อสํกิลิฏฺ’นฺติ จ. ตเมนํ สาวกา เอวํ ชานนฺติ – ‘อยํ โข ภวํ สตฺถา อปริสุทฺธาณทสฺสโน สมาโน ‘ปริสุทฺธาณทสฺสโนมฺหี’ติ ปฏิชานาติ ‘ปริสุทฺธํ เม าณทสฺสนํ ปริโยทาตํ อสํกิลิฏฺ’นฺติ จ. มยฺเจว โข ปน คิหีนํ อาโรเจยฺยาม, นาสฺสสฺส มนาปํ. ยํ โข ปนสฺส อมนาปํ, กถํ นํ มยํ เตน สมุทาจเรยฺยาม? สมฺมนฺนติ โข ปน จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรน – ยํ ตุโม กริสฺสติ, ตุโมว เตน ปฺายิสฺสตี’ติ. เอวรูปํ โข, โมคฺคลฺลาน, สตฺถารํ สาวกา าณทสฺสนโต รกฺขนฺติ; เอวรูโป จ ปน สตฺถา สาวเกหิ าณทสฺสนโต รกฺขํ ปจฺจาสีสตีติ. อิเม โข, โมคฺคลฺลาน, ปฺจ สตฺถาโร สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ.

‘‘อหํ โข ปน, โมคฺคลฺลาน, ปริสุทฺธสีโล สมาโน ‘ปริสุทฺธสีโลมฺหี’ติ ปฏิชานามิ ‘ปริสุทฺธํ เม สีลํ ปริโยทาตํ อสํกิลิฏฺ’นฺติ จ. น จ มํ สาวกา สีลโต รกฺขนฺติ; น จาหํ สาวเกหิ สีลโต รกฺขํ ปจฺจาสีสามิ. ปริสุทฺธาชีโว สมาโน…เป… ปริสุทฺธธมฺมเทสโน สมาโน…เป… ปริสุทฺธเวยฺยากรโณ สมาโน…เป… ปริสุทฺธาณทสฺสโน สมาโน ‘ปริสุทฺธาณทสฺสโนมฺหี’ติ ปฏิชานามิ ‘ปริสุทฺธํ เม าณทสฺสนํ ปริโยทาตํ อสํกิลิฏฺ’นฺติ จ. น จ มํ สาวกา าณทสฺสนโต รกฺขนฺติ; น จาหํ สาวเกหิ าณทสฺสนโต รกฺขํ ปจฺจาสีสามี’’ติ.

๓๓๕. อถ โข ภควา โกสมฺพิยํ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน ราชคหํ เตน จาริกํ ปกฺกามิ. อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน ราชคหํ ตทวสริ. ตตฺร สุทํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘เทวทตฺตสฺส, ภนฺเต, อชาตสตฺตุ กุมาโร ปฺจหิ รถสเตหิ สายํ ปาตํ อุปฏฺานํ คจฺฉติ; ปฺจ จ ถาลิปากสตานิ ภตฺตาภิหาโร อภิหรียตี’’ติ. ‘‘มา, ภิกฺขเว, เทวทตฺตสฺส ลาภสกฺการสิโลกํ ปิหยิตฺถ. ยาวกีวฺจ, ภิกฺขเว , เทวทตฺตสฺส อชาตสตฺตุ กุมาโร ปฺจหิ รถสเตหิ สายํ ปาตํ อุปฏฺานํ คมิสฺสติ , ปฺจ จ ถาลิปากสตานิ ภตฺตาภิหาโร อภิหรียิสฺสติ, หานิเยว, ภิกฺขเว, เทวทตฺตสฺส ปาฏิกงฺขา กุสเลสุ ธมฺเมสุ, โน วุฑฺฒิ.

‘‘เสยฺยถาปิ , ภิกฺขเว, จณฺฑสฺส กุกฺกุรสฺส นาสาย ปิตฺตํ ภินฺเทยฺยุํ, เอวฺหิ โส, ภิกฺขเว, กุกฺกุโร ภิยฺโยโสมตฺตาย จณฺฑตโร อสฺส, เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ยาวกีวฺจ เทวทตฺตสฺส อชาตสตฺตุ กุมาโร ปฺจหิ รถสเตหิ สายํ ปาตํ อุปฏฺานํ คมิสฺสติ, ปฺจ จ ถาลิปากสตานิ ภตฺตาภิหาโร อภิหรียิสฺสติ, หานิเยว, ภิกฺขเว, เทวทตฺตสฺส ปาฏิกงฺขา กุสเลสุ ธมฺเมสุ, โน วุฑฺฒิ.

[สํ. นิ. ๒.๑๘๔; อ. นิ. ๔.๖๘] ‘‘อตฺตวธาย, ภิกฺขเว, เทวทตฺตสฺส ลาภสกฺการสิโลโก อุทปาทิ, ปราภวาย เทวทตฺตสฺส ลาภสกฺการสิโลโก อุทปาทิ.

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, กทลี อตฺตวธาย ผลํ เทติ, ปราภวาย ผลํ เทติ, เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อตฺตวธาย เทวทตฺตสฺส ลาภสกฺการสิโลโก อุทปาทิ, ปราภวาย เทวทตฺตสฺส ลาภสกฺการสิโลโก อุทปาทิ.

‘‘เสยฺยถาปิ , ภิกฺขเว, เวฬุ อตฺตวธาย ผลํ เทติ, ปราภวาย ผลํ เทติ, เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อตฺตวธาย เทวทตฺตสฺส ลาภสกฺการสิโลโก อุทปาทิ, ปราภวาย เทวทตฺตสฺส ลาภสกฺการสิโลโก อุทปาทิ.

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, นโฬ อตฺตวธาย ผลํ เทติ, ปราภวาย ผลํ เทติ, เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อตฺตวธาย เทวทตฺตสฺส ลาภสกฺการสิโลโก อุทปาทิ, ปราภวาย เทวทตฺตสฺส ลาภสกฺการสิโลโก อุทปาทิ .

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อสฺสตรี อตฺตวธาย คพฺภํ คณฺหาติ, ปราภวาย คพฺภํ คณฺหาติ, เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อตฺตวธาย เทวทตฺตสฺส ลาภสกฺการสิโลโก อุทปาทิ, ปราภวาย เทวทตฺตสฺส ลาภสกฺการสิโลโก อุทปาที’’ติ.

[สํ. นิ. ๑.๑๘๓, ๑.๒.๑๘๔, เนตฺติ. ๙๐] ‘‘ผลํ เว กทลึ หนฺติ, ผลํ เวฬุํ ผลํ นฬํ;

สกฺกาโร กาปุริสํ หนฺติ, คพฺโภ อสฺสตรึ ยถา’’ติ.

ปมภาณวาโร นิฏฺิโต.

๒. ทุติยภาณวาโร

ปกาสนียกมฺมํ

๓๓๖. เตน โข ปน สมเยน ภควา มหติยา ปริสาย ปริวุโต ธมฺมํ เทเสนฺโต นิสินฺโน โหติ สราชิกาย ปริสาย. อถ โข เทวทตฺโต อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ชิณฺโณ ทานิ, ภนฺเต, ภควา วุฑฺโฒ มหลฺลโก อทฺธคโต วโยอนุปฺปตฺโต. อปฺโปสฺสุกฺโก ทานิ, ภนฺเต, ภควา ทิฏฺธมฺมสุขวิหารํ อนุยุตฺโต วิหรตุ, มมํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิสฺสชฺชตุ. อหํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามี’’ติ. ‘‘อลํ, เทวทตฺต, มา เต รุจฺจิ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริตุ’’นฺติ. ทุติยมฺปิ โข เทวทตฺโต…เป… ตติยมฺปิ โข เทวทตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ชิณฺโณ ทานิ, ภนฺเต, ภควา วุฑฺโฒ มหลฺลโก อทฺธคโต วโยอนุปฺปตฺโต. อปฺโปสฺสุกฺโก ทานิ, ภนฺเต, ภควา ทิฏฺธมฺมสุขวิหารํ อนุยุตฺโต วิหรตุ, มมํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิสฺสชฺชตุ. อหํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามี’’ติ. ‘‘สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานานมฺปิ โข อหํ, เทวทตฺต, ภิกฺขุสงฺฆํ น นิสฺสชฺเชยฺยํ , กึ ปน ตุยฺหํ ฉวสฺส เขฬาสกสฺสา’’ติ! อถ โข เทวทตฺโต – สราชิกาย มํ ภควา ปริสาย เขฬาสกวาเทน อปสาเทติ, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนว อุกฺกํสตีติ – กุปิโต อนตฺตมโน ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. อยฺจรหิ เทวทตฺตสฺส ภควติ ปโม อาฆาโต อโหสิ.

อถ โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, สงฺโฆ เทวทตฺตสฺส ราชคเห ปกาสนียํ กมฺมํ กโรตุ – ‘ปุพฺเพ เทวทตฺตสฺส อฺา ปกติ อโหสิ, อิทานิ อฺา ปกติ. ยํ เทวทตฺโต กเรยฺย กาเยน วาจาย, น เตน พุทฺโธ วา ธมฺโม วา สงฺโฆ วา ทฏฺพฺโพ, เทวทตฺโตว เตน ทฏฺพฺโพ’ติ. เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, กาตพฺพํ. พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าเปตพฺโพ –

๓๓๗. ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ สงฺโฆ เทวทตฺตสฺส ราชคเห ปกาสนียํ กมฺมํ กเรยฺย – ‘‘ปุพฺเพ เทวทตฺตสฺส อฺา ปกติ อโหสิ, อิทานิ อฺา ปกติ. ยํ เทวทตฺโต กเรยฺย กาเยน วาจาย, น เตน พุทฺโธ วา ธมฺโม วา สงฺโฆ วา ทฏฺพฺโพ, เทวทตฺโตว เตน ทฏฺพฺโพ’ติ. เอสา ตฺติ.

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ. สงฺโฆ เทวทตฺตสฺส ราชคเห ปกาสนียํ กมฺมํ กโรติ – ‘ปุพฺเพ เทวทตฺตสฺส อฺา ปกติ อโหสิ, อิทานิ อฺา ปกติ. ยํ เทวทตฺโต กเรยฺย กาเยน วาจาย, น เตน พุทฺโธ วา ธมฺโม วา สงฺโฆ วา ทฏฺพฺโพ, เทวทตฺโตว เตน ทฏฺพฺโพ’ติ. ยสฺสายสฺมโต ขมติ เทวทตฺตสฺส ราชคเห ปกาสนียํ กมฺมสฺส กรณํ – ‘ปุพฺเพ เทวทตฺตสฺส อฺา ปกติ อโหสิ, อิทานิ อฺา ปกติ, ยํ เทวทตฺโต กเรยฺย กาเยน วาจาย, น เตน พุทฺโธ วา ธมฺโม วา สงฺโฆ วา ทฏฺพฺโพ, เทวทตฺโตว เตน ทฏฺพฺโพ’ติ – โส ตุณฺหสฺส; ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺย.

‘‘กตํ สงฺเฆน เทวทตฺตสฺส ราชคเห ปกาสนียํ กมฺมํ – ‘ปุพฺเพ เทวทตฺตสฺส อฺา ปกติ อโหสิ, อิทานิ อฺา ปกติ. ยํ เทวทตฺโต กเรยฺย กาเยน วาจาย, น เตน พุทฺโธ วา ธมฺโม วา สงฺโฆ วา ทฏฺพฺโพ, เทวทตฺโตว เตน ทฏฺพฺโพ’ติ. ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติ.

๓๓๘. อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อามนฺเตสิ – ‘‘เตน หิ ตฺวํ, สาริปุตฺต, เทวทตฺตํ ราชคเห ปกาเสหี’’ติ. ‘‘ปุพฺเพ มยา, ภนฺเต, เทวทตฺตสฺส ราชคเห วณฺโณ ภาสิโต – ‘มหิทฺธิโก โคธิปุตฺโต, มหานุภาโว โคธิปุตฺโต’ติ. กถาหํ, ภนฺเต, เทวทตฺตํ ราชคเห ปกาเสมี’’ติ? ‘‘นนุ ตยา, สาริปุตฺต, ภูโตเยว เทวทตฺตสฺส ราชคเห วณฺโณ ภาสิโต – ‘มหิทฺธิโก โคธิปุตฺโต, มหานุภาโว โคธิปุตฺโต’’’ ติ? ‘‘เอวํ ภนฺเต’’ติ. ‘‘เอวเมว โข ตฺวํ, สาริปุตฺต, ภูตํเยว เทวทตฺตํ ราชคเห ปกาเสหี’’ติ. ‘‘เอวํ ภนฺเต’’ติ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ภควโต ปจฺจสฺโสสิ.

อถ โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, สงฺโฆ สาริปุตฺตํ สมฺมนฺนตุ เทวทตฺตํ ราชคเห ปกาเสตุํ – ‘ปุพฺเพ เทวทตฺตสฺส อฺา ปกติ อโหสิ, อิทานิ อฺา ปกติ. ยํ เทวทตฺโต กเรยฺย กาเยน วาจาย, น เตน พุทฺโธ วา ธมฺโม วา สงฺโฆ วา ทฏฺพฺโพ, เทวทตฺโตว เตน ทฏฺพฺโพ’ติ. เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, สมฺมนฺนิตพฺโพ. ปมํ สาริปุตฺโต ยาจิตพฺโพ. ยาจิตฺวา พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าเปตพฺโพ –

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ สมฺมนฺเนยฺย เทวทตฺตํ ราชคเห ปกาเสตุํ – ‘ปุพฺเพ เทวทตฺตสฺส อฺา ปกติ อโหสิ, อิทานิ อฺา ปกติ. ยํ เทวทตฺโต กเรยฺย กาเยน วาจาย, น เตน พุทฺโธ วา ธมฺโม วา สงฺโฆ วา ทฏฺพฺโพ, เทวทตฺโตว เตน ทฏฺพฺโพ’ติ. เอสา ตฺติ.

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ. สงฺโฆ อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ สมฺมนฺนติ เทวทตฺตํ ราชคเห ปกาเสตุํ – ‘ปุพฺเพ เทวทตฺตสฺส อฺา ปกติ อโหสิ, อิทานิ อฺา ปกติ, ยํ เทวทตฺโต กเรยฺย กาเยน วาจาย, น เตน พุทฺโธ วา ธมฺโม วา สงฺโฆ วา ทฏฺพฺโพ, เทวทตฺโตว เตน ทฏฺพฺโพ’ติ. ยสฺสายสฺมโต ขมติ, อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส สมฺมุติ เทวทตฺตํ ราชคเห ปกาเสตุํ – ‘ปุพฺเพ เทวทตฺตสฺส อฺา ปกติ อโหสิ, อิทานิ อฺา ปกติ, ยํ เทวทตฺโต กเรยฺย กาเยน วาจาย, น เตน พุทฺโธ วา ธมฺโม วา สงฺโฆ วา ทฏฺพฺโพ, เทวทตฺโตว เตน ทฏฺพฺโพ’ติ – โส ตุณฺหสฺส; ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺย.

‘‘สมฺมโต สงฺเฆน อายสฺมา สาริปุตฺโต เทวทตฺตํ ราชคเห ปกาเสตุํ – ‘ปุพฺเพ เทวทตฺตสฺส อฺา ปกติ อโหสิ, อิทานิ อฺา ปกติ. ยํ เทวทตฺโต กเรยฺย กาเยน วาจาย, น เตน พุทฺโธ วา ธมฺโม วา สงฺโฆ วา ทฏฺพฺโพ, เทวทตฺโตว เตน ทฏฺพฺโพ’ติ. ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติ.

สมฺมโต จ อายสฺมา สาริปุตฺโต สมฺพหุเลหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ ราชคหํ ปวิสิตฺวา เทวทตฺตํ ราชคเห ปกาเสสิ – ‘‘ปุพฺเพ เทวทตฺตสฺส อฺา ปกติ อโหสิ, อิทานิ อฺา ปกติ. ยํ เทวทตฺโต กเรยฺย กาเยน วาจาย, น เตน พุทฺโธ วา ธมฺโม วา สงฺโฆ วา ทฏฺพฺโพ, เทวทตฺโตว เตน ทฏฺพฺโพ’’ติ. ตตฺถ เย เต มนุสฺสา อสฺสทฺธา อปฺปสนฺนา ทุพฺพุทฺธิโน, เต เอวมาหํสุ – ‘‘อุสูยกา อิเม สมณา สกฺยปุตฺติยา เทวทตฺตสฺส ลาภสกฺการํ อุสูยนฺตี’’ติ. เย ปน เต มนุสฺสา สทฺธา ปสนฺนา ปณฺฑิตา พฺยตฺตา พุทฺธิมนฺโต, เต เอวมาหํสุ – ‘‘น โข อิทํ โอรกํ ภวิสฺสติ ยถา ภควา เทวทตฺตํ ราชคเห ปกาสาเปตี’’ติ.

อชาตสตฺตุกุมารวตฺถุ

๓๓๙. อถ โข เทวทตฺโต เยน อชาตสตฺตุ กุมาโร เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อชาตสตฺตุํ กุมารํ เอตทโวจ – ‘‘ปุพฺเพ โข, กุมาร, มนุสฺสา ทีฆายุกา, เอตรหิ อปฺปายุกา. านํ โข ปเนตํ วิชฺชติ ยํ ตฺวํ กุมาโรว สมาโน กาลํ กเรยฺยาสิ. เตน หิ ตฺวํ, กุมาร, ปิตรํ หนฺตฺวา ราชา โหหิ. อหํ ภควนฺตํ หนฺตฺวา พุทฺโธ ภวิสฺสามี’’ติ.

อถ โข อชาตสตฺตุ กุมาโร – อยฺโย โข เทวทตฺโต มหิทฺธิโก มหานุภาโว, ชาเนยฺยาสิ อยฺโย เทวทตฺโตติ – อูรุยา โปตฺถนิกํ พนฺธิตฺวา ทิวา ทิวสฺส [ทิวา ทิวสสฺส (ก.)] ภีโต อุพฺพิคฺโค อุสฺสงฺกี อุตฺรสฺโต สหสา อนฺเตปุรํ ปาวิสิ. อทฺทสาสุํ โข อนฺเตปุเร อุปจารกา มหามตฺตา อชาตสตฺตุํ กุมารํ ทิวา ทิวสฺส ภีตํ อุพฺพิคฺคํ อุสฺสงฺกึ อุตฺรสฺตํ สหสา อนฺเตปุรํ ปวิสนฺตํ; ทิสฺวาน อคฺคเหสุํ. เต วิจินนฺตา อูรุยา โปตฺถนิกํ พทฺธํ [พนฺธํ (ก.)] ทิสฺวาน อชาตสตฺตุํ กุมารํ เอตทโวจุํ – ‘‘กึ ตฺวํ, กุมาร, กตฺตุกาโมสี’’ติ? ‘‘ปิตรมฺหิ หนฺตุกาโม’’ติ. ‘‘เกนาสิ อุสฺสาหิโต’’ติ? ‘‘อยฺเยน เทวทตฺเตนา’’ติ. เอกจฺเจ มหามตฺตา เอวํ มตึ อกํสุ – ‘‘กุมาโร จ หนฺตพฺโพ, เทวทตฺโต จ, สพฺเพ จ ภิกฺขู หนฺตพฺพา’’ติ. เอกจฺเจ มหามตฺตา เอวํ มตึ อกํสุ – ‘‘น ภิกฺขู หนฺตพฺพา. น ภิกฺขู กิฺจิ อปรชฺฌนฺติ. กุมาโร จ หนฺตพฺโพ, เทวทตฺโต จา’’ติ. เอกจฺเจ มหามตฺตา เอวํ มตึ อกํสุ – ‘‘น กุมาโร จ หนฺตพฺโพ, น เทวทตฺโต. น ภิกฺขู หนฺตพฺพา. รฺโ อาโรเจตพฺพํ. ยถา ราชา วกฺขติ ตถา กริสฺสามา’’ติ.

อถ โข เต มหามตฺตา อชาตสตฺตุํ กุมารํ อาทาย เยน ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร เตนุปสงฺกมึสุ , อุปสงฺกมิตฺวา รฺโ มาคธสฺส เสนิยสฺส พิมฺพิสารสฺส เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ . ‘‘กถํ, ภเณ, มหามตฺเตหิ มติ กตา’’ติ? ‘‘เอกจฺเจ, เทว, มหามตฺตา เอวํ มตึ อกํสุ – ‘กุมาโร จ หนฺตพฺโพ, เทวทตฺโต จ, สพฺเพ จ ภิกฺขู หนฺตพฺพา’ติ. เอกจฺเจ มหามตฺตา เอวํ มตึ อกํสุ – ‘น ภิกฺขู หนฺตพฺพา. น ภิกฺขู กิฺจิ อปรชฺฌนฺติ. กุมาโร จ หนฺตพฺโพ, เทวทตฺโต จา’ติ. เอกจฺเจ มหามตฺตา เอวํ มตึ อกํสุ – ‘น กุมาโร จ หนฺตพฺโพ, น เทวทตฺโต. น ภิกฺขู หนฺตพฺพา. รฺโ อาโรเจตพฺพํ. ยถา ราชา วกฺขติ ตถา กริสฺสามา’’’ติ. ‘‘กึ, ภเณ, กริสฺสติ พุทฺโธ วา ธมฺโม วา สงฺโฆ วา? นนุ ภควตา ปฏิกจฺเจว เทวทตฺโต ราชคเห ปกาสาปิโต – ‘ปุพฺเพ เทวทตฺตสฺส อฺา ปกติ อโหสิ, อิทานิ อฺา ปกติ. ยํ เทวทตฺโต กเรยฺย กาเยน วาจาย, น เตน พุทฺโธ วา ธมฺโม วา สงฺโฆ วา ทฏฺพฺโพ, เทวทตฺโตว เตน ทฏฺพฺโพ’’ติ? ตตฺถ เย เต มหามตฺตา เอวํ มตึ อกํสุ – ‘กุมาโร จ หนฺตพฺโพ เทวทตฺโต จ; สพฺเพ จ ภิกฺขู หนฺตพฺพา’ติ; เต อฏฺาเน อกาสิ. เย เต มหามตฺตา เอวํ มตึ อกํสุ – ‘น ภิกฺขู หนฺตพฺพา; น ภิกฺขู กิฺจิ อปรชฺฌนฺติ; กุมาโร จ หนฺตพฺโพ เทวทตฺโต จา’ติ; เต นีเจ าเน เปสิ. เย เต มหามตฺตา เอวํ มตึ อกํสุ – ‘น กุมาโร จ หนฺตพฺโพ, น เทวทตฺโต; น ภิกฺขู หนฺตพฺพา; รฺโ อาโรเจตพฺพํ; ยถา ราชา วกฺขติ ตถา กริสฺสามา’ติ; เต อุจฺเจ าเน เปสิ. อถ โข ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร อชาตสตฺตุํ กุมารํ เอตทโวจ – ‘‘กิสฺส มํ ตฺวํ, กุมาร, หนฺตุกาโมสี’’ติ? ‘‘รชฺเชนามฺหิ, เทว, อตฺถิโก’’ติ. ‘‘สเจ โข ตฺวํ, กุมาร, รชฺเชน อตฺถิโก, เอตํ เต รชฺช’’นฺติ อชาตสตฺตุสฺส กุมารสฺส รชฺชํ นิยฺยาเทสิ.

อภิมารเปสนํ

๓๔๐. อถ โข เทวทตฺโต เยน อชาตสตฺตุ กุมาโร เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อชาตสตฺตุํ กุมารํ เอตทโวจ – ‘‘ปุริเส, มหาราช, อาณาเปหิ, เย สมณํ โคตมํ ชีวิตา โวโรเปสฺสนฺตี’’ติ. อถ โข อชาตสตฺตุ กุมาโร มนุสฺเส อาณาเปสิ – ‘‘ยถา, ภเณ, อยฺโย เทวทตฺโต อาห ตถา กเรยฺยาถา’’ติ. อถ โข เทวทตฺโต เอกํ ปุริสํ อาณาเปสิ – ‘‘คจฺฉาวุโส, อมุกสฺมึ โอกาเส สมโณ โคตโม วิหรติ. ตํ ชีวิตา โวโรเปตฺวา อิมินา มคฺเคน อาคจฺฉา’’ติ. ตสฺมึ มคฺเค ทฺเว ปุริเส เปสิ – ‘‘โย อิมินา มคฺเคน เอโก ปุริโส อาคจฺฉติ, ตํ ชีวิตา โวโรเปตฺวา อิมินา มคฺเคน อาคจฺฉถา’’ติ. ตสฺมึ มคฺเค จตฺตาโร ปุริเส เปสิ – ‘‘เย อิมินา มคฺเคน ทฺเว ปุริสา อาคจฺฉนฺติ, เต ชีวิตา โวโรเปตฺวา อิมินา มคฺเคน อาคจฺฉถา’’ติ. ตสฺมึ มคฺเค อฏฺ ปุริเส เปสิ – ‘‘เย อิมินา มคฺเคน จตฺตาโร ปุริสา อาคจฺฉนฺติ, เต ชีวิตา โวโรเปตฺวา อิมินา มคฺเคน อาคจฺฉถา’’ติ. ตสฺมึ มคฺเค โสฬส ปุริเส เปสิ – ‘‘เย อิมินา มคฺเคน อฏฺ ปุริสา อาคจฺฉนฺติ, เต ชีวิตา โวโรเปตฺวา อาคจฺฉถา’’ติ.

อถ โข โส เอโก ปุริโส อสิจมฺมํ คเหตฺวา ธนุกลาปํ สนฺนยฺหิตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต อวิทูเร ภีโต อุพฺพิคฺโค อุสฺสงฺกี อุตฺรสฺโต ปตฺถทฺเธน กาเยน อฏฺาสิ. อทฺทสา โข ภควา ตํ ปุริสํ ภีตํ อุพฺพิคฺคํ อุสฺสงฺกึ อุตฺรสฺตํ ปตฺถทฺเธน กาเยน ิตํ. ทิสฺวาน ตํ ปุริสํ เอตทโวจ – ‘‘เอหาวุโส, มา ภายี’’ติ. อถ โข โส ปุริโส อสิจมฺมํ เอกมนฺตํ กริตฺวา ธนุกลาปํ นิกฺขิปิตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อจฺจโย มํ, ภนฺเต, อจฺจคมา ยถาพาลํ ยถามูฬฺหํ ยถาอกุสลํ, โยหํ ทุฏฺจิตฺโต วธกจิตฺโต อิธูปสงฺกนฺโต. ตสฺส เม, ภนฺเต, ภควา อจฺจยํ อจฺจยโต ปฏิคฺคณฺหาตุ อายตึ สํวรายา’’ติ. ‘‘ตคฺฆ ตฺวํ, อาวุโส, อจฺจโย อจฺจคมา ยถาพาลํ ยถามูฬฺหํ ยถาอกุสลํ, ยํ ตฺวํ ทุฏฺจิตฺโต วธกจิตฺโต อิธูปสงฺกนฺโต. ยโต จ โข ตฺวํ, อาวุโส , อจฺจยํ อจฺจยโต ทิสฺวา ยถาธมฺมํ ปฏิกโรสิ, ตํ เต มยํ ปฏิคฺคณฺหาม. วุฑฺฒิ เหสา, อาวุโส, อริยสฺส วินเย – โย อจฺจยํ อจฺจยโต ทิสฺวา ยถาธมฺมํ ปฏิกโรติ, อายตึ สํวรํ อาปชฺชตี’’ติ.

อถ โข ภควา ตสฺส ปุริสสฺส อนุปุพฺพึ กถํ กเถสิ, เสยฺยถิทํ – ทานกถํ สีลกถํ สคฺคกถํ, กามานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ, เนกฺขมฺเม อานิสํสํ ปกาเสสิ. ยทา ตํ ภควา อฺาสิ กลฺลจิตฺตํ, มุทุจิตฺตํ, วินีวรณจิตฺตํ, อุทคฺคจิตฺตํ, ปสนฺนจิตฺตํ, อถ ยา พุทฺธานํ สามุกฺกํสิกา ธมฺมเทสนา ตํ ปกาเสสิ – ทุกฺขํ, สมุทยํ, นิโรธํ, มคฺคํ. เสยฺยถาปิ นาม สุทฺธํ วตฺถํ อปคตกาฬกํ สมฺมเทว รชนํ ปฏิคฺคเหยฺย, เอวเมว ตสฺส ปุริสสฺส ตสฺมึเยว อาสเน วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาทิ – ยํ กิฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺมนฺติ. อถ โข โส ปุริโส ทิฏฺธมฺโม ปตฺตธมฺโม วิทิตธมฺโม ปริโยคาฬฺหธมฺโม ติณฺณวิจิกิจฺโฉ วิคตกถํกโถ เวสารชฺชปฺปตฺโต อปรปฺปจฺจโย สตฺถุสาสเน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต, อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต. เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย – จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ – เอวเมวํ ภควตา อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอสาหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ, ธมฺมฺจ, ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ. อถ โข ภควา ตํ ปุริสํ เอตทโวจ – ‘‘มา โข ตฺวํ, อาวุโส, อิมินา มคฺเคน คจฺฉ, อิมินา มคฺเคน คจฺฉาหี’’ติ อฺเน มคฺเคน อุยฺโยเชสิ.

อถ โข เต ทฺเว ปุริสา – กึ นุ โข โส เอโก ปุริโส จิเรน อาคจฺฉตีติ – ปฏิปถํ คจฺฉนฺตา อทฺทสํสุ ภควนฺตํ อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสินฺนํ. ทิสฺวาน เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เตสํ ภควา อนุปุพฺพึ กถํ กเถสิ…เป… อปรปฺปจฺจยา สตฺถุสาสเน ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต…เป… อุปาสเก โน ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คเต’’ติ. อถ โข ภควา เต ปุริเส เอตทโวจ – ‘‘มา โข ตุมฺเห, อาวุโส, อิมินา มคฺเคน คจฺฉิตฺถ, อิมินา มคฺเคน คจฺฉถา’’ติ อฺเน มคฺเคน อุยฺโยเชสิ.

อถ โข เต จตฺตาโร ปุริสา…เป… อถ โข เต อฏฺ ปุริสา…เป… อถ โข เต โสฬส ปุริสา – กึ นุ โข เต อฏฺ ปุริสา จิเรน อาคจฺฉนฺตีติ – ปฏิปถํ คจฺฉนฺตา อทฺทสาสุํ ภควนฺตํ อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสินฺนํ. ทิสฺวาน เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เตสํ ภควา อนุปุพฺพึ กถํ กเถสิ, เสยฺยถิทํ – ทานกถํ…เป… อปรปฺปจฺจยา สตฺถุสาสเน ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต…เป… อุปาสเก โน ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คเต’’ติ. อถ โข ภควา เต ปุริเส เอตทโวจ – ‘‘มา โข ตุมฺเห, อาวุโส, อิมินา มคฺเคน คจฺฉิตฺถ, อิมินา มคฺเคน คจฺฉถา’’ติ อฺเน มคฺเคน อุยฺโยเชสิ.

อถ โข โส เอโก ปุริโส เยน เทวทตฺโต เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา เทวทตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘นาหํ, ภนฺเต, สกฺโกมิ ตํ ภควนฺตํ ชีวิตา โวโรเปตุํ; มหิทฺธิโก โส ภควา, มหานุภาโว’’ติ. ‘‘อลํ, อาวุโส; มา ตฺวํ สมณํ โคตมํ ชีวิตา โวโรเปสิ. อหเมว สมณํ โคตมํ ชีวิตา โวโรเปสฺสามี’’ติ.

โลหิตุปฺปาทกกมฺมํ

๓๔๑. เตน โข ปน สมเยน ภควา คิชฺฌกูฏสฺส ปพฺพตสฺส ฉายายํ จงฺกมติ. อถ โข เทวทตฺโต คิชฺฌกูฏํ ปพฺพตํ อารุหิตฺวา มหตึ สิลํ ปวิชฺฌิ – อิมาย สมณํ โคตมํ ชีวิตา โวโรเปสฺสามีติ. ทฺเว ปพฺพตกูฏา สมาคนฺตฺวา ตํ สิลํ สมฺปฏิจฺฉึสุ. ตโต ปปติกา อุปฺปติตฺวา ภควโต ปาเท รุหิรํ อุปฺปาเทสิ. อถ โข ภควา อุทฺธํ อุลฺโลเกตฺวา เทวทตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘พหุํ ตยา, โมฆปุริส, อปุฺํ ปสุตํ, ยํ ตฺวํ ทุฏฺจิตฺโต วธกจิตฺโต ตถาคตสฺส รุหิรํ อุปฺปาเทสี’’ติ. อถ โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อิทํ, ภิกฺขเว, เทวทตฺเตน ปมํ อานนฺตริยํ กมฺมํ อุปจิตํ, ยํ ทุฏฺจิตฺเตน วธกจิตฺเตน ตถาคตสฺส รุหิรํ อุปฺปาทิต’’นฺติ.

อสฺโสสุํ โข ภิกฺขู – ‘‘เทวทตฺเตน กิร ภควโต วโธ ปยุตฺโต’’ติ. เต จ ภิกฺขู ภควโต วิหารสฺส ปริโต ปริโต จงฺกมนฺติ อุจฺจาสทฺทา มหาสทฺทา สชฺฌายํ กโรนฺตา, ภควโต รกฺขาวรณคุตฺติยา. อสฺโสสิ โข ภควา อุจฺจาสทฺทํ มหาสทฺทํ สชฺฌายสทฺทํ. สุตฺวาน อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามนฺเตสิ – ‘‘กึ นุ โข โส, อานนฺท, อุจฺจาสทฺโท มหาสทฺโท สชฺฌายสทฺโท’’ติ? ‘‘อสฺโสสุํ โข, ภนฺเต, ภิกฺขู – ‘เทวทตฺเตน กิร ภควโต วโธ ปยุตฺโต’ติ. เต จ [เตธ (สี.)], ภนฺเต, ภิกฺขู ภควโต วิหารสฺส ปริโต ปริโต จงฺกมนฺติ อุจฺจาสทฺทา มหาสทฺทา สชฺฌายํ กโรนฺตา, ภควโต รกฺขาวรณคุตฺติยา. โส เอโส, ภควา, อุจฺจาสทฺโท มหาสทฺโท สชฺฌายสทฺโท’’ติ. ‘‘เตน หานนฺท, มม วจเนน เต ภิกฺขู อามนฺเตหิ – สตฺถา อายสฺมนฺเต อามนฺเตตี’’ติ. ‘‘เอวํ ภนฺเต’’ติ โข อายสฺมา อานนฺโท ภควโต ปฏิสฺสุตฺวา เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา เต ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘สตฺถา อายสฺมนฺเต อามนฺเตตี’’ติ. ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต อานนฺทสฺส ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺเน โข เต ภิกฺขู ภควา เอตทโวจ –

‘‘อฏฺานเมตํ , ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ ปรูปกฺกเมน ตถาคตํ ชีวิตา โวโรเปยฺย. อนุปกฺกเมน, ภิกฺขเว, ตถาคตา ปรินิพฺพายนฺติ.

[จูฬว. ๓๓๔; อ. นิ. ๕.๑๐๐] ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, สตฺถาโร สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม ปฺจ? ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ สตฺถา อปริสุทฺธสีโล สมาโน ‘ปริสุทฺธสีโลมฺหี’ติ ปฏิชานาติ ‘ปริสุทฺธํ เม สีลํ ปริโยทาตํ อสํกิลิฏฺ’นฺติ จ. ตเมนํ สาวกา เอวํ ชานนฺติ – ‘อยํ โข ภวํ สตฺถา อปริสุทฺธสีโล สมาโน ‘ปริสุทฺธสีโลมฺหี’ติ ปฏิชานาติ ‘ปริสุทฺธํ เม สีลํ ปริโยทาตํ อสํกิลิฏฺ’นฺติ จ. มยฺเจว โข ปน คิหีนํ อาโรเจยฺยาม, นาสฺสสฺส มนาปํ. ยํ โข ปนสฺส อมนาปํ, กถํ นํ มยํ เตน สมุทาจเรยฺยาม? สมฺมนฺนติ โข ปน จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรน – ยํ ตุโม กริสฺสติ, ตุโมว เตน ปฺายิสฺสตี’ติ . เอวรูปํ โข, ภิกฺขเว, สตฺถารํ สาวกา สีลโต รกฺขนฺติ; เอวรูโป จ ปน สตฺถา สาวเกหิ สีลโต รกฺขํ ปจฺจาสีสติ.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ สตฺถา อปริสุทฺธอาชีโว สมาโน…เป… อปริสุทฺธธมฺมเทสโน สมาโน…เป… อปริสุทฺธเวยฺยากรโณ สมาโน…เป… อปริสุทฺธาณทสฺสโน สมาโน ‘ปริสุทฺธาณทสฺสโนมฺหี’ติ ปฏิชานาติ ‘ปริสุทฺธํ เม าณทสฺสนํ ปริโยทาตํ อสํกิลิฏฺ’นฺติ จ. ตเมนํ สาวกา เอวํ ชานนฺติ – ‘อยํ โข ภวํ สตฺถา อปริสุทฺธาณทสฺสโน สมาโน ‘ปริสุทฺธาณทสฺสโนมฺหี’ติ ปฏิชานาติ ‘ปริสุทฺธํ เม าณทสฺสนํ ปริโยทาตํ อสํกิลิฏฺ’นฺติ จ. มยฺเจว โข ปน คิหีนํ อาโรเจยฺยาม, นาสฺสสฺส มนาปํ. ยํ โข ปนสฺส อมนาปํ, กถํ น มยํ เตน สมุทาจเรยฺยาม? สมฺมนฺนติ โข ปน จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรน – ยํ ตุโม กริสฺสติ, ตุโมว เตน ปฺายิสฺสตี’ติ. เอวรูปํ โข, ภิกฺขเว, สตฺถารํ สาวกา าณทสฺสนโต รกฺขนฺติ; เอวรูโป จ ปน สตฺถา สาวเกหิ าณทสฺสนโต รกฺขํ ปจฺจาสีสติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ สตฺถาโร สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. ‘‘อหํ โข ปน, ภิกฺขเว, ปริสุทฺธสีโล สมาโน ‘ปริสุทฺธสีโลมฺหี’ติ ปฏิชานามิ ‘ปริสุทฺธํ เม สีลํ ปริโยทาตํ อสํกิลิฏฺ’นฺติ จ. น จ มํ สาวกา สีลโต รกฺขนฺติ; น จาหํ สาวเกหิ สีลโต รกฺขํ ปจฺจาสีสามิ. อหํ โข ปน ภิกฺขเว ปริสุทฺธาชีโว สมาโน…เป… ปริสุทฺธธมฺมเทสโน สมาโน…เป… ปริสุทฺธเวยฺยากรโณ สมาโน…เป… ปริสุทฺธาณทสฺสโน สมาโน ‘‘ปริสุทฺธาณทสฺสโนมฺหี’’ติ ปฏิชานามิ ‘‘ปริสุทฺธํ เม าณทสฺสนํ ปริโยทาตํ อสํกิลิฏฺ’’นฺติ จ, น จ มํ สาวกา าณทสฺสนโต รกฺขนฺติ, น จาหํ สาวเกหิ าณทสฺสนโต รกฺขํ ปจฺจาสีสามิ. ‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ ปรูปกฺกเมน ตถาคตํ ชีวิตา โวโรเปยฺย. อนุปกฺกเมน, ภิกฺขเว, ตถาคตา ปรินิพฺพายนฺติ. คจฺฉถ ตุมฺเห, ภิกฺขเว, ยถาวิหารํ. อรกฺขิยา, ภิกฺขเว, ตถาคตา’’ติ.

นาฬาคิริเปสนํ

๓๔๒. เตน โข ปน สมเยน ราชคเห นาฬาคิริ นาม หตฺถี จณฺโฑ โหติ, มนุสฺสฆาตโก. อถ โข เทวทตฺโต ราชคหํ ปวิสิตฺวา หตฺถิสาลํ คนฺตฺวา หตฺถิภณฺเฑ เอตทโวจ – ‘‘มยํ โข, ภเณ, ราชาตกา นาม ปฏิพลา นีจฏฺานิยํ อุจฺจฏฺาเน เปตุํ, ภตฺตมฺปิ เวตนมฺปิ วฑฺฒาเปตุํ. เตน หิ, ภเณ, ยทา สมโณ โคตโม อิมํ รจฺฉํ ปฏิปนฺโน โหติ, ตทา อิมํ นาฬาคิรึ หตฺถึ มุฺเจตฺวา อิมํ รจฺฉํ ปฏิปาเทถา’’ติ. ‘‘เอวํ ภนฺเต’’ติ โข เต หตฺถิภณฺฑา เทวทตฺตสฺส ปจฺจสฺโสสุํ. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สมฺพหุเลหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อถ โข ภควา ตํ รจฺฉํ ปฏิปชฺชิ. อทฺทสาสุํ โข เต หตฺถิภณฺฑา ภควนฺตํ ตํ รจฺฉํ ปฏิปนฺนํ. ทิสฺวาน นาฬาคิรึ หตฺถึ มุฺจิตฺวา ตํ รจฺฉํ ปฏิปาเทสุํ. อทฺทสา โข นาฬาคิริ หตฺถี ภควนฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน โสณฺฑํ อุสฺสาเปตฺวา ปหฏฺกณฺณวาโล เยน ภควา เตน อภิธาวิ. อทฺทสาสุํ โข เต ภิกฺขู นาฬาคิรึ หตฺถึ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อยํ, ภนฺเต, นาฬาคิริ หตฺถี จณฺโฑ มนุสฺสฆาตโก อิมํ รจฺฉํ ปฏิปนฺโน. ปฏิกฺกมตุ, ภนฺเต, ภควา; ปฏิกฺกมตุ สุคโต’’ติ. ‘‘อาคจฺฉถ, ภิกฺขเว, มา ภายิตฺถ. อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ ปรูปกฺกเมน ตถาคตํ ชีวิตา โวโรเปยฺย. อนุปกฺกเมน, ภิกฺขเว, ตถาคตา ปรินิพฺพายนฺตี’’ติ. ทุติยมฺปิ โข เต ภิกฺขู…เป… ตติยมฺปิ โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อยํ, ภนฺเต, นาฬาคิริ หตฺถี จณฺโฑ มนุสฺสฆาตโก อิมํ รจฺฉํ ปฏิปนฺโน. ปฏิกฺกมตุ, ภนฺเต, ภควา; ปฏิกฺกมตุ สุคโต’’ติ. ‘‘อาคจฺฉถ, ภิกฺขเว, มา ภายิตฺถ. อฏฺานเมตํ , ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ ปรูปกฺกเมน ตถาคตํ ชีวิตา โวโรเปยฺย. อนุปกฺกเมน, ภิกฺขเว, ตถาคตา ปรินิพฺพายนฺตี’’ติ.

เตน โข ปน สมเยน มนุสฺสา ปาสาเทสุปิ หมฺมิเยสุปิ ฉทเนสุปิ อารุฬฺหา อจฺฉนฺติ. ตตฺถ เย เต มนุสฺสา อสฺสทฺธา อปฺปสนฺนา ทุพฺพุทฺธิโน, เต เอวมาหํสุ – ‘‘อภิรูโป วต, โภ [อภิรูโป วต โภ โคตโม (สฺยา. กํ.)], มหาสมโณ นาเคน วิเหียิสฺสตี’’ติ. เย ปน เต มนุสฺสา สทฺธา ปสนฺนา ปณฺฑิตา พฺยตฺตา พุทฺธิมนฺโต, เต เอวมาหํสุ – ‘‘นจิรสฺสํ วต, โภ, นาโค นาเคน สงฺคาเมสฺสตี’’ติ. อถ โข ภควา นาฬาคิรึ หตฺถึ เมตฺเตน จิตฺเตน ผริ. อถ โข นาฬาคิริ หตฺถี ภควโต [ภควตา (สี.)] เมตฺเตน จิตฺเตน ผุฏฺโ [ผุโฏ (ก.)] โสณฺฑํ โอโรเปตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต ปุรโต อฏฺาสิ. อถ โข ภควา ทกฺขิเณน หตฺเถน นาฬาคิริสฺส หตฺถิสฺส กุมฺภํ ปรามสนฺโต นาฬาคิรึ หตฺถึ อิมาหิ คาถาหิ อชฺฌภาสิ –

‘‘มา กุฺชร นาคมาสโท, ทุกฺขฺหิ กุฺชร นาคมาสโท;

น หิ นาคหตสฺส กุฺชร สุคติ, โหติ อิโต ปรํ ยโต.

‘‘มา จ มโท มา จ ปมาโท, น หิ ปมตฺตา สุคตึ วชนฺติ เต;

ตฺวฺเว ตถา กริสฺสสิ, เยน ตฺวํ สุคตึ คมิสฺสสี’’ติ.

อถ โข นาฬาคิริ หตฺถี โสณฺฑาย ภควโต ปาทปํสูนิ คเหตฺวา อุปริมุทฺธนิ อากิริตฺวา ปฏิกุฏิโยว [ปฏิกุฏิโต ปฏิสกฺกิ (สี. สฺยา.)] โอสกฺกิ, ยาว ภควนฺตํ อทฺทกฺขิ. อถ โข นาฬาคิริ หตฺถี หตฺถิสาลํ คนฺตฺวา สเก าเน อฏฺาสิ. ตถา ทนฺโต จ ปน นาฬาคิริ หตฺถี อโหสิ. เตน โข ปน สมเยน มนุสฺสา อิมํ คาถํ คายนฺติ –

[ม. นิ. ๒.๓๕๒; เถรคา. ๘๗๘] ‘‘ทณฺเฑเนเก ทมยนฺติ, องฺกุเสหิ กสาหิ จ;

อทณฺเฑน อสตฺเถน, นาโค ทนฺโต มเหสินา’’ติ.

มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘ยาว ปาโป อยํ เทวทตฺโต, อลกฺขิโก, ยตฺร หิ นาม สมณสฺส โคตมสฺส เอวํมหิทฺธิกสฺส เอวํ มหานุภาวสฺส วธาย ปรกฺกมิสฺสตี’’ติ. เทวทตฺตสฺส ลาภสกฺกาโร ปริหายิ. ภควโต จ ลาภสกฺกาโร อภิวฑฺฒิ.

ปฺจวตฺถุยาจนกถา

๓๔๓. [ปาจิ. ๒๐๙] เตน โข ปน สมเยน เทวทตฺโต ปริหีนลาภสกฺกาโร สปริโส กุเลสุ วิฺาเปตฺวา วิฺาเปตฺวา ภุฺชติ. มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถฺหิ นาม สมณา สกฺยปุตฺติยา กุเลสุ วิฺาเปตฺวา วิฺาเปตฺวา ภุฺชิสฺสนฺติ! กสฺส สมฺปนฺนํ น มนาปํ, กสฺส สาทุํ น รุจฺจตี’’ติ! อสฺโสสุํ โข ภิกฺขู เตสํ มนุสฺสานํ อุชฺฌายนฺตานํ ขิยฺยนฺตานํ วิปาเจนฺตานํ. เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – กถฺหิ นาม เทวทตฺโต สปริโส กุเลสุ วิฺาเปตฺวา วิฺาเปตฺวา ภุฺชิสฺสตี’’ติ! ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ…เป… ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, เทวทตฺต, สปริโส กุเลสุ วิฺาเปตฺวา วิฺาเปตฺวา ภุฺชสี’’ติ? ‘‘สจฺจํ ภควา’’ติ…เป… วิครหิตฺวา…เป… ธมฺมึ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ กุเลสุ ติกโภชนํ ปฺเปสฺสามิ ตโย อตฺถวเส ปฏิจฺจ – ทุมฺมงฺกูนํ ปุคฺคลาน นิคฺคหาย ; เปสลานํ ภิกฺขูนํ ผาสุวิหาราย, มา ปาปิจฺฉา ปกฺขํ นิสฺสาย สงฺฆํ ภินฺเทยฺยุนฺติ; กุลานุทฺทยาย [กุลานุทยตาย (สี. สฺยา.)] จ. คณโภชเน ยถาธมฺโม กาเรตพฺโพ’’ติ.

[ปารา. ๔๐๙] อถ โข เทวทตฺโต เยน โกกาลิโก กฏโมทกติสฺสโก [กฏโมรกติสฺสโก (สี. สฺยา.)] ขณฺฑเทวิยา ปุตฺโต สมุทฺททตฺโต เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา โกกาลิกํ กฏโมทกติสฺสกํ ขณฺฑเทวิยา ปุตฺตํ สมุทฺททตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เอถ, มยํ, อาวุโส, สมณสฺส โคตมสฺส สงฺฆเภทํ กริสฺสาม จกฺกเภท’’นฺติ. เอวํ วุตฺเต โกกาลิโก เทวทตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สมโณ โข, อาวุโส, โคตโม มหิทฺธิโก มหานุภาโว. กถํ มยํ สมณสฺส โคตมสฺส สงฺฆเภทํ กริสฺสาม จกฺกเภท’’นฺติ? ‘‘เอถ, มยํ, อาวุโส, สมณํ โคตมํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺจ วตฺถูนิ ยาจิสฺสาม – ‘ภควา, ภนฺเต, อเนกปริยาเยน อปฺปิจฺฉสฺส สนฺตุฏฺสฺส สลฺเลขสฺส ธุตสฺส ปาสาทิกสฺส อปจยสฺส วีริยารมฺภสฺส วณฺณวาที. อิมานิ, ภนฺเต, ปฺจ วตฺถูนิ อเนกปริยาเยน อปฺปิจฺฉตาย สนฺตุฏฺิยา สลฺเลขาย ธุตตาย ปาสาทิกตาย อปจยาย วีริยารมฺภาย สํวตฺตนฺติ. สาธุ, ภนฺเต, ภิกฺขู ยาวชีวํ อารฺิกา อสฺสุ; โย คามนฺตํ โอสเรยฺย, วชฺชํ นํ ผุเสยฺย. ยาวชีวํ ปิณฺฑปาติกา อสฺสุ; โย นิมนฺตนํ สาทิเยยฺย, วชฺชํ นํ ผุเสยฺย. ยาวชีวํ ปํสุกูลิกา อสฺสุ; โย คหปติจีวรํ สาทิเยยฺย, วชฺชํ นํ ผุเสยฺย. ยาวชีวํ รุกฺขมูลิกา อสฺสุ; โย ฉนฺนํ อุปคจฺเฉยฺย, วชฺชํ นํ ผุเสยฺย. ยาวชีวํ มจฺฉมํสํ น ขาเทยฺยุํ; โย มจฺฉมํสํ ขาเทยฺย, วชฺชํ นํ ผุเสยฺยา’ติ. อิมานิ ปฺจ วตฺถูนิ สมโณ โคตโม นานุชานิสฺสติ. เต มยํ อิเมหิ ปฺจหิ วตฺถูหิ ชนํ สฺาเปสฺสามา’’ติ. ‘‘สกฺกา โข, อาวุโส, อิเมหิ ปฺจหิ วตฺถูหิ สมณสฺส โคตมสฺส สงฺฆเภโท กาตุํ จกฺกเภโท. ลูขปฺปสนฺนา หิ, อาวุโส, มนุสฺสา’’ติ.

อถ โข เทวทตฺโต สปริโส เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข เทวทตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ภควา, ภนฺเต, อเนกปริยาเยน อปฺปิจฺฉสฺส สนฺตุฏฺสฺส สลฺเลขสฺส ธุตสฺส ปาสาทิกสฺส อปจยสฺส วีริยารมฺภสฺส วณฺณวาที. อิมานิ, ภนฺเต, ปฺจ วตฺถูนิ อเนกปริยาเยน อปฺปิจฺฉตาย สนฺตุฏฺิยา สลฺเลขาย ธุตตาย ปาสาทิกตาย อปจยาย วีริยารมฺภาย สํวตฺตนฺติ. สาธุ, ภนฺเต, ภิกฺขู ยาวชีวํ อารฺิกา อสฺสุ; โย คามนฺตํ โอสเรยฺย, วชฺชํ นํ ผุเสยฺย. ยาวชีวํ ปิณฺฑปาติกา อสฺสุ; โย นิมนฺตนํ สาทิเยยฺย, วชฺชํ นํ ผุเสยฺย. ยาวชีวํ ปํสุกูลิกา อสฺสุ; โย คหปติจีวรํ สาทิเยยฺย, วชฺชํ นํ ผุเสยฺย. ยาวชีวํ รุกฺขมูลิกา อสฺสุ; โย ฉนฺนํ อุปคจฺเฉยฺย, วชฺชํ นํ ผุเสยฺย. ยาวชีวํ มจฺฉมํสํ น ขาเทยฺยุํ; โย มจฺฉมํสํ ขาเทยฺย, วชฺชํ นํ ผุเสยฺยา’’ติ. ‘‘อลํ, เทวทตฺต. โย อิจฺฉติ, อารฺิโก โหตุ; โย อิจฺฉติ, คามนฺเต วิหรตุ. โย อิจฺฉติ, ปิณฺฑปาติโก โหตุ; โย อิจฺฉติ, นิมนฺตนํ สาทิยตุ. โย อิจฺฉติ, ปํสุกูลิโก โหตุ; โย อิจฺฉติ, คหปติจีวรํ สาทิยตุ. อฏฺมาเส โข มยา, เทวทตฺต, รุกฺขมูลเสนาสนํ อนุฺาตํ; ติโกฏิปริสุทฺธํ มจฺฉมํสํ – อทิฏฺํ, อสฺสุตํ, อปริสงฺกิต’’นฺติ. อถ โข เทวทตฺโต – น ภควา อิมานิ ปฺจ วตฺถูนิ อนุชานาตีติ – หฏฺโ อุทคฺโค สปริโส อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ.

อถ โข เทวทตฺโต สปริโส ราชคหํ ปวิสิตฺวา ปฺจหิ วตฺถูหิ ชนํ สฺาเปสิ – ‘‘มยํ, อาวุโส, สมณํ โคตมํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺจ วตฺถูนิ ยาจิมฺหา – ‘ภควา, ภนฺเต, อเนกปริยาเยน อปฺปิจฺฉสฺส…เป… วีริยารมฺภสฺส วณฺณวาที. อิมานิ, ภนฺเต, ปฺจ วตฺถูนิ อเนกปริยาเยน อปฺปิจฺฉตาย…เป… วีริยารมฺภาย สํวตฺตนฺติ. สาธุ, ภนฺเต, ภิกฺขู ยาวชีวํ อารฺิกา อสฺสุ; โย คามนฺตํ โอสเรยฺย, วชฺชํ นํ ผุเสยฺย…เป… ยาวชีวํ มจฺฉมํสํ น ขาเทยฺยุํ; โย มจฺฉมํสํ ขาเทยฺย, วชฺชํ นํ ผุเสยฺยา’ติ. อิมานิ ปฺจ วตฺถูนิ สมโณ โคตโม นานุชานาติ. เต มยํ อิเมหิ ปฺจหิ วตฺถูหิ สมาทาย วตฺตามา’’ติ.

ตตฺถ เย เต มนุสฺสา อสฺสทฺธา อปฺปสนฺนา ทุพฺพุทฺธิโน, เต เอวมาหํสุ – ‘‘อิเม โข สมณา สกฺยปุตฺติยา ธุตา สลฺเลขวุตฺติโน. สมโณ ปน โคตโม พาหุลฺลิโก พาหุลฺลาย เจเตตี’’ติ. เย ปน เต มนุสฺสา สทฺธา ปสนฺนา ปณฺฑิตา พฺยตฺตา พุทฺธิมนฺโต, เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถฺหิ นาม เทวทตฺโต ภควโต สงฺฆเภทาย ปรกฺกมิสฺสติ จกฺกเภทายา’’ติ! อสฺโสสุํ โข ภิกฺขู เตสํ มนุสฺสานํ อุชฺฌายนฺตานํ ขิยฺยนฺตานํ วิปาเจนฺตานํ. เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถฺหิ นาม เทวทตฺโต สงฺฆเภทาย ปรกฺกมิสฺสติ จกฺกเภทายา’’ติ! อถ โข เต ภิกฺขู ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ…เป… ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, เทวทตฺต, สงฺฆเภทาย ปรกฺกมสิ จกฺกเภทายา’’ติ? ‘‘สจฺจํ ภควา’’ติ. ‘‘อลํ, เทวทตฺต. มา เต รุจฺจิ สงฺฆเภโท. ครุโก โข, เทวทตฺต, สงฺฆเภโท. โย โข, เทวทตฺต, สมคฺคํ สงฺฆํ ภินฺทติ, กปฺปฏฺิกํ [กปฺปฏฺิติกํ (สฺยา.)] กิพฺพิสํ ปสวติ, กปฺปํ นิรยมฺหิ ปจฺจติ. โย จ โข, เทวทตฺต, ภินฺนํ สงฺฆํ สมคฺคํ กโรติ, พฺรหฺมํ ปุฺํ ปสวติ, กปฺปํ สคฺคมฺหิ โมทติ. อลํ, เทวทตฺต. มา เต รุจฺจิ สงฺฆเภโท. ครุโก โข, เทวทตฺต, สงฺฆเภโท’’ติ.

[อุทา. ๔๘] อถ โข อายสฺมา อานนฺโท ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อทฺทสา โข เทวทตฺโต อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ ราชคเห ปิณฺฑาย จรนฺตํ. ทิสฺวาน เยนายสฺมา อานนฺโท เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘อชฺชตคฺเคทานาหํ , อาวุโส อานนฺท, อฺตฺเรว ภควตา, อฺตฺเรว ภิกฺขุสงฺฆา, อุโปสถํ กริสฺสามิ สงฺฆกมฺมํ กริสฺสามี’’ติ.

อถ โข อายสฺมา อานนฺโท ราชคเห ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฺปฏิกฺกนฺโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา อานนฺโท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิธาหํ, ภนฺเต, ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสึ. อทฺทสา โข มํ, ภนฺเต, เทวทตฺโต ราชคเห ปิณฺฑาย จรนฺตํ. ทิสฺวาน เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา มํ เอตทโวจ – ‘อชฺชตคฺเคทานาหํ, อาวุโส อานนฺท, อฺตฺเรว ภควตา, อฺตฺเรว ภิกฺขุสงฺฆา, อุโปสถํ กริสฺสามิ สงฺฆกมฺมํ กริสฺสามี’ติ. อชฺชตคฺเค, ภนฺเต, เทวทตฺโต สงฺฆํ ภินฺทิสฺสตี’’ติ. อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –

[อุทา. ๔๘] ‘‘สุกรํ สาธุนา สาธุํ, สาธุํ ปาเปน ทุกฺกรํ;

ปาปํ ปาเปน สุกรํ, ปาปมริเยหิ ทุกฺกร’’นฺติ.

ทุติยภาณวาโร นิฏฺิโต.

๓. ตติยภาณวาโร

สงฺฆเภทกถา

๓๔๔. อถ โข เทวทตฺโต ตทหุโปสเถ อุฏฺายาสนา สลากํ คาเหสิ – ‘‘มยํ, อาวุโส, สมณํ โคตมํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺจ วตฺถูนิ ยาจิมฺหา – ‘ภควา, ภนฺเต, อเนกปริยาเยน อปฺปิจฺฉสฺส…เป… วีริยารมฺภสฺส วณฺณวาที. อิมานิ, ภนฺเต, ปฺจ วตฺถูนิ อเนกปริยาเยน อปฺปิจฺฉตาย…เป… วีริยารมฺภาย สํวตฺตนฺติ. สาธุ, ภนฺเต, ภิกฺขู ยาวชีวํ อารฺิกา อสฺสุ; โย คามนฺตํ โอสเรยฺย, วชฺชํ นํ ผุเสยฺย…เป… ยาวชีวํ มจฺฉมํสํ น ขาเทยฺยุํ; โย มจฺฉมํสํ ขาเทยฺย, วชฺชํ นํ ผุเสยฺยา’ติ. อิมานิ ปฺจ วตฺถูนิ สมโณ โคตโม นานุชานาติ. เต มยํ อิเมหิ ปฺจหิ วตฺถูหิ สมาทาย วตฺตาม. ยสฺสายสฺมโต อิมานิ ปฺจ วตฺถูนิ ขมนฺติ, โส สลากํ คณฺหาตู’’ติ.

เตน โข ปน สมเยน เวสาลิกา วชฺชิปุตฺตกา ปฺจมตฺตานิ ภิกฺขุสตานิ นวกา เจว โหนฺติ อปฺปกตฺุโน จ. เต – ‘อยํ ธมฺโม , อยํ วินโย, อิทํ สตฺถุสาสน’นฺติ – สลากํ คณฺหึสุ. อถ โข เทวทตฺโต สงฺฆํ ภินฺทิตฺวา ปฺจมตฺตานิ ภิกฺขุสตานิ อาทาย เยน คยาสีสํ เตน ปกฺกามิ. อถ โข สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เทวทตฺโต, ภนฺเต, สงฺฆํ ภินฺทิตฺวา ปฺจมตฺตานิ ภิกฺขุสตานิ อาทาย เยน คยาสีสํ เตน ปกฺกนฺโต’’ติ. ‘‘น หิ นาม ตุมฺหากํ, สาริปุตฺตา, เตสุ นวเกสุ ภิกฺขูสุ การุฺมฺปิ ภวิสฺสติ? คจฺฉถ ตุมฺเห, สาริปุตฺตา, ปุรา เต ภิกฺขู อนยพฺยสนํ อาปชฺชนฺตี’’ติ. ‘‘เอวํ ภนฺเต’’ติ โข สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา ภควโต ปฏิสฺสุตฺวา อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เยน คยาสีสํ เตนุปสงฺกมึสุ.

เตน โข ปน สมเยน อฺตโร ภิกฺขุ ภควโต อวิทูเร โรทมาโน ิโต โหติ. อถ โข ภควา ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘กิสฺส ตฺวํ, ภิกฺขุ, โรทสี’’ติ? ‘‘เยปิ เต, ภนฺเต, ภควโต อคฺคสาวกา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา เตปิ เทวทตฺตสฺส สนฺติเก คจฺฉนฺติ เทวทตฺตสฺส ธมฺมํ โรเจนฺตา’’ติ. ‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขุ, อนวกาโส, ยํ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา เทวทตฺตสฺส ธมฺมํ โรเจยฺยุํ, อปิ จ เต คตา ภิกฺขูนํ สฺตฺติยา’’ติ [ภิกฺขุสฺตฺติยาติ (สี. สฺยา.), ภิกฺขู สฺตฺติยา (ก.)].

๓๔๕. เตน โข ปน สมเยน เทวทตฺโต มหติยา ปริสาย ปริวุตฺโต ธมฺมํ เทเสนฺโต นิสินฺโน โหติ. อทฺทสา โข เทวทตฺโต สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเน ทูรโตว อาคจฺฉนฺเต. ทิสฺวาน ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ปสฺสถ, ภิกฺขเว, ยาว สฺวากฺขาโต มยา ธมฺโม, เยปิ เต สมณสฺส โคตมสฺส อคฺคสาวกา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา เตปิ มม สนฺติเก อาคจฺฉนฺติ. มม ธมฺมํ โรเจนฺตา’’ติ. เอวํ วุตฺเต โกกาลิโก เทวทตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘มา, อาวุโส เทวทตฺต, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเน วิสฺสสิ . ปาปิจฺฉา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา , ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คตา’’ติ. ‘‘อลํ, อาวุโส. สฺวาคตํ เตสํ ยโต เม ธมฺมํ โรเจนฺตี’’ติ.

อถ โข เทวทตฺโต อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อุปฑฺฒาสเนน นิมนฺเตสิ – ‘‘เอหาวุโส สาริปุตฺต, อิธ นิสีทาหี’’ติ. ‘‘อลํ อาวุโส’’ติ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต อฺตรํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อายสฺมาปิ โข มหาโมคฺคลฺลาโน อฺตรํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถ โข เทวทตฺโต พหุเทว รตฺตึ ภิกฺขู ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสตฺวา สมาทเปตฺวา สมุตฺเตเชตฺวา สมฺปหํเสตฺวา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อชฺเฌสิ – ‘‘วิคตถินมิทฺโธ โข, อาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุสงฺโฆ. ปฏิภาตุ ตํ, อาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขูนํ ธมฺมี กถา, ปิฏฺิ เม อาคิลายติ, ตมหํ อายมิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต เทวทตฺตสฺส ปจฺจสฺโสสิ. อถ โข เทวทตฺโต จตุคฺคุณํ สงฺฆาฏึ ปฺาเปตฺวา ทกฺขิเณน ปสฺเสน เสยฺยํ กปฺเปสิ. ตสฺส กิลมนฺตสฺส มุฏฺสฺสติสฺส อสมฺปชานสฺส มุหุตฺตเกเนว นิทฺทา โอกฺกมิ.

อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต อาเทสนาปาฏิหาริยานุสาสนิยา ภิกฺขู ธมฺมิยา กถาย โอวทิ อนุสาสิ. อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน อิทฺธิปาฏิหาริยานุสาสนิยา ภิกฺขู ธมฺมิยา กถาย โอวทิ อนุสาสิ. อถ โข เตสํ ภิกฺขูนํ อายสฺมตา สาริปุตฺเตน อาเทสนาปาฏิหาริยานุสาสนิยา อายสฺมตา จ มหาโมคฺคลฺลาเนน อิทฺธิปาฏิหาริยานุสาสนิยา โอวทิยมานานํ อนุสาสิยมานานํ วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาทิ – ยํ กิฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺมนฺติ.

อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘คจฺฉาม มยํ, อาวุโส, ภควโต สนฺติเก. โย ตสฺส ภควโต ธมฺมํ โรเจสิ โส อาคจฺฉตู’’ติ. อถ โข สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา ตานิ ปฺจภิกฺขุสตานิ อาทาย เยน เวฬุวนํ เตนุปสงฺกมึสุ. อถ โข โกกาลิโก เทวทตฺตํ อุฏฺาเปสิ – ‘‘อุฏฺเหิ, อาวุโส เทวทตฺต, นีตา เต ภิกฺขู สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนหิ. นนุ ตฺวํ, อาวุโส เทวทตฺต, มยา วุตฺโต – ‘มา, อาวุโส เทวทตฺต, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเน วิสฺสาสิ. ปาปิจฺฉา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา, ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คตา’’’ติ? อถ โข เทวทตฺตสฺส ตตฺเถว อุณฺหํ โลหิตํ มุขโต อุคฺคฺฉิ.

อถ โข สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิสุํ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สาธุ, ภนฺเต , เภทกานุวตฺตกา ภิกฺขู ปุน อุปสมฺปชฺเชยฺยุ’’นฺติ. ‘‘อลํ, สาริปุตฺต. มา เต รุจฺจิ เภทกานุวตฺตกานํ ภิกฺขูนํ ปุน อุปสมฺปทา. เตน หิ ตฺวํ, สาริปุตฺต, เภทกานุวตฺตเก ภิกฺขู ถุลฺลจฺจยํ เทสาเปหิ. กถํ ปน เต, สาริปุตฺต, เทวทตฺโต ปฏิปชฺชี’’ติ? ‘‘ยเถว, ภนฺเต, ภควา พหุเทว รตฺตึ ภิกฺขู ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสตฺวา สมาทเปตฺวา สมุตฺเตเชตฺวา สมฺปหํเสตฺวา มํ อชฺเฌสติ – ‘วิคตถินมิทฺโธ โข , สาริปุตฺต, ภิกฺขุสงฺโฆ; ปฏิภาตุ ตํ, สาริปุตฺต, ภิกฺขูนํ ธมฺมี กถา, ปิฏฺิ เม อาคิลายติ, ตมหํ อายมิสฺสามี’ติ, เอวเมว โข, ภนฺเต, เทวทตฺโต ปฏิปชฺชี’’ติ.

๓๔๖. อถ โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, อรฺายตเน มหาสรสี. ตํ นาคา อุปนิสฺสาย วิหรึสุ. เต ตํ สรสึ โอคาเหตฺวา, โสณฺฑาย ภิสมุฬาลํ อพฺพุหิตฺวา, สุวิกฺขาลิตํ วิกฺขาเลตฺวา, อกทฺทมํ สงฺขาทิตฺวา, อชฺโฌหรนฺติ. เตสํ ตํ วณฺณาย เจว โหติ, พลาย จ. น จ ตโตนิทานํ มรณํ วา นิคจฺฉนฺติ, มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ. เตสํเยว โข ปน, ภิกฺขเว, มหานาคานํ อนุสิกฺขมานา ตรุณา ภิงฺกจฺฉาปา. เต ตํ สรสึ โอคาเหตฺวา, โสณฺฑาย ภิสมุฬาลํ อพฺพุหิตฺวา, น สุวิกฺขาลิตํ วิกฺขาเลตฺวา, สกทฺทมํ สงฺขาทิตฺวา, อชฺโฌหรนฺติ. เตสํ ตํ เนว วณฺณาย โหติ, น พลาย. ตโตนิทานฺจ มรณํ วา นิคจฺฉนฺติ, มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, เทวทตฺโต มมานุกฺรุพฺพํ [มมานุกุพฺพํ (สี. สฺยา.)] กปโณ มริสฺสตีติ.

‘‘มหาวราหสฺส มหึ วิกฺรุพฺพโต [วิกุพฺพโต (สี. สฺยา.)], ภิสํ ฆสานสฺส [ฆสมานสฺส (ก.)] นทีสุ ชคฺคโต;

ภิงฺโกว ปงฺกํ อภิภกฺขยิตฺวา, มมานุกฺรุพฺพํ กปโณ มริสฺสตี’’ติ.

๓๔๗. [อ. นิ. ๘.๑๖] ‘‘อฏฺหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ทูเตยฺยํ คนฺตุมรหติ. กตเมหิ อฏฺหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โสตา จ โหติ, สาเวตา จ, อุคฺคเหตา จ, ธาเรตา จ, วิฺาตา จ, วิฺาเปตา จ, กุสโล จ สหิตาสหิตสฺส, โน จ กลหการโก – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, อฏฺหงฺเคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ทูเตยฺยํ คนฺตุมรหติ.

[อ. นิ. ๘.๑๖] ‘‘อฏฺหิ , ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต สาริปุตฺโต ทูเตยฺยํ คนฺตุมรหติ. กตเมหิ อฏฺหิ? อิธ, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต โสตา จ โหติ, สาเวตา จ, อุคฺคเหตา จ, ธาเรตา จ, วิฺาตา จ, วิฺาเปตา จ, กุสโล จ สหิตาสหิตสฺส, โน จ กลหการโก – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, อฏฺหงฺเคหิ สมนฺนาคโต สาริปุตฺโต ทูเตยฺยํ คนฺตุมรหตีติ.

[อ. นิ. ๘.๑๖] ‘‘โย เว น พฺยถติ [พฺยาธติ (สี. สฺยา.)] ปตฺวา, ปริสํ อุคฺควาทินึ;

น จ หาเปติ วจนํ, น จ ฉาเทติ สาสนํ.

‘‘อสนฺทิทฺโธ จ อกฺขาติ [อกฺขาตา (ก.)], ปุจฺฉิโต จ น กุปฺปติ;

ส เว ตาทิสโก ภิกฺขุ, ทูเตยฺยํ คนฺตุมรหตี’’ติ.

๓๔๘. [อ. นิ. ๘.๗] ‘‘อฏฺหิ, ภิกฺขเว, อสทฺธมฺเมหิ อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต เทวทตฺโต อาปายิโก เนรยิโก กปฺปฏฺโ อเตกิจฺโฉ. กตเมหิ อฏฺหิ ? ลาเภน, ภิกฺขเว, อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต เทวทตฺโต อาปายิโก เนรยิโก กปฺปฏฺโ อเตกิจฺโฉ; อลาเภน, ภิกฺขเว…เป… ยเสน, ภิกฺขเว…เป… อยเสน, ภิกฺขเว…เป… สกฺกาเรน, ภิกฺขเว…เป… อสกฺกาเรน, ภิกฺขเว…เป… ปาปิจฺฉตาย, ภิกฺขเว…เป… ปาปมิตฺตตาย ภิกฺขเว, อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต เทวทตฺโต อาปายิโก เนรยิโก กปฺปฏฺโ อเตกิจฺโฉ – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, อฏฺหิ อสทฺธมฺเมหิ อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต เทวทตฺโต อาปายิโก เนรยิโก กปฺปฏฺโ อเตกิจฺโฉ.

๓๔๙. ‘‘สาธุ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุปฺปนฺนํ ลาภํ อภิภุยฺย อภิภุยฺย วิหเรยฺย, อุปฺปนฺนํ อลาภํ…เป… อุปฺปนฺนํ ยสํ… อุปฺปนฺนํ อยสํ… อุปฺปนฺนํ สกฺการํ… อุปฺปนฺนํ อสกฺการํ… อุปฺปนฺนํ ปาปิจฺฉตํ… อุปฺปนฺนํ ปาปมิตฺตตํ อภิภุยฺย อภิภุยฺย วิหเรยฺย. กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺถวสํ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺนํ ลาภํ อภิภุยฺย อภิภุยฺย วิหเรยฺย, อุปฺปนฺนํ อลาภํ…เป… อุปฺปนฺนํ ยสํ… อุปฺปนฺนํ อยสํ… อุปฺปนฺนํ สกฺการํ… อุปฺปนฺนํ อสกฺการํ… อุปฺปนฺนํ ปาปิจฺฉตํ… อุปฺปนฺนํ ปาปมิตฺตตํ อภิภุยฺย อภิภุยฺย วิหเรยฺย? ยํ หิสฺส, ภิกฺขเว, อุปฺปนฺนํ ลาภํ อนภิภุยฺย วิหรโต อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, อุปฺปนฺนํ ลาภํ อภิภุยฺย อภิภุยฺย วิหรโต เอวํสเต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ. ยํ หิสฺส, ภิกฺขเว, อุปฺปนฺนํ อลาภํ…เป… อุปฺปนฺนํ ยสํ… อุปฺปนฺนํ อยสํ… อุปฺปนฺนํ สกฺการํ… อุปฺปนฺนํ อสกฺการํ… อุปฺปนฺนํ ปาปิจฺฉตํ… อุปฺปนฺนํ ปาปมิตฺตตํ อนภิภุยฺย วิหรโต อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, อุปฺปนฺนํ ปาปมิตฺตตํ อภิภุยฺย อภิภุยฺย วิหรโต เอวํสเต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ. อิทํ โข, ภิกฺขเว, อตฺถวสํ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺนํ ลาภํ อภิภุยฺย อภิภุยฺย วิหเรยฺย, อุปฺปนฺนํ อลาภํ…เป… อุปฺปนฺนํ ยสํ… อุปฺปนฺนํ อยสํ… อุปฺปนฺนํ สกฺการํ… อุปฺปนฺนํ อสกฺการํ… อุปฺปนฺนํ ปาปิจฺฉตํ… อุปฺปนฺนํ ปาปมิตฺตตํ อภิภุยฺย อภิภุยฺย วิหเรยฺย. ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, อุปฺปนฺนํ ลาภํ อภิภุยฺย อภิภุยฺย วิหริสฺสาม, อุปฺปนฺนํ อลาภํ…เป… อุปฺปนฺนํ ยสํ… อุปฺปนฺนํ อยสํ… อุปฺปนฺนํ สกฺการํ… อุปฺปนฺนํ อสกฺการํ… อุปฺปนฺนํ ปาปิจฺฉตํ… อุปฺปนฺนํ ปาปมิตฺตตํ อภิภุยฺย อภิภุยฺย วิหริสฺสามาติ; เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพนฺติ.

๓๕๐. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, อสทฺธมฺเมหิ อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต เทวทตฺโต อาปายิโก เนรยิโก กปฺปฏฺโ อเตกิจฺโฉ. กตเมหิ ตีหิ? ปาปิจฺฉตา, ปาปมิตฺตตา, โอรมตฺตเกน วิเสสาธิคเมน อนฺตรา โวสานํ อาปาทิ – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ อสทฺธมฺเมหิ อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต เทวทตฺโต อาปายิโก เนรยิโก กปฺปฏฺโ อเตกิจฺโฉติ.

‘‘มา ชาตุ โกจิ โลกสฺมึ, ปาปิจฺโฉ อุทปชฺชถ;

ตทมินาปิ ชานาถ, ปาปิจฺฉานํ ยถาคติ.

‘‘ปณฺฑิโตติ สมฺาโต, ภาวิตตฺโตติ สมฺมโต;

ชลํว ยสสา อฏฺา, เทวทตฺโตติ เม สุตํ.

‘‘โส ปมาทํ อนุจิณฺโณ, อาสชฺช นํ ตถาคตํ;

อวีจินิรยํ ปตฺโต, จตุทฺวารํ ภยานกํ.

‘‘อทุฏฺสฺส หิ โย ทุพฺเภ, ปาปกมฺมํ อกฺรุพฺพโต;

ตเมว ปาปํ ผุสติ, ทุฏฺจิตฺตํ อนาทรํ.

‘‘สมุทฺทํ วิสกุมฺเภน, โย มฺเยฺย ปทูสิตุํ [ปทุสฺสิตุํ (ก.)];

น โส เตน ปทูเสยฺย, เภสฺมา หิ อุทธี มหา.

‘‘เอวเมว ตถาคตํ, โย วาเทนุปหึสติ;

สมคฺคตํ [สมฺมาคตํ (สี.), สมคตํ (สฺยา.)] สนฺตจิตฺตํ, วาโท ตมฺหิ น รูหติ.

‘‘ตาทิสํ มิตฺตํ กฺรุพฺเพถ [กุพฺเพถ (สี. สฺยา.)], ตฺจ เสเวถ ปณฺฑิโต;

ยสฺส มคฺคานุโค ภิกฺขุ, ขยํ ทุกฺขสฺส ปาปุเณ’’ติ.

อุปาลิปฺหา

๓๕๑. อถ โข อายสฺมา อุปาลิ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา อุปาลิ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สงฺฆราชิ สงฺฆราชีติ, ภนฺเต, วุจฺจติ. กิตฺตาวตา นุ โข, ภนฺเต, สงฺฆราชิ โหติ, โน จ สงฺฆเภโท? กิตฺตาวตา จ ปน สงฺฆราชิ เจว โหติ สงฺฆเภโท จา’’ติ?

‘‘เอกโต , อุปาลิ, เอโก โหติ, เอกโต ทฺเว, จตุตฺโถ อนุสฺสาเวติ, สลากํ คาเหติ – ‘อยํ ธมฺโม, อยํ วินโย, อิทํ สตฺถุสาสนํ, อิมํ คณฺหถ, อิมํ โรเจถา’ติ. เอวมฺปิ โข, อุปาลิ, สงฺฆราชิ โหติ, โน จ สงฺฆเภโท. เอกโต, อุปาลิ, ทฺเว โหนฺติ, เอกโต ทฺเว, ปฺจโม อนุสฺสาเวติ, สลากํ คาเหติ – ‘อยํ ธมฺโม, อยํ วินโย, อิทํ สตฺถุสาสนํ, อิมํ คณฺหถ, อิมํ โรเจถา’ติ. เอวมฺปิ โข, อุปาลิ, สงฺฆราชิ โหติ, โน จ สงฺฆเภโท. เอกโต, อุปาลิ, ทฺเว โหนฺติ, เอกโต ตโย, ฉฏฺโ อนุสฺสาเวติ, สลากํ คาเหติ – ‘อยํ ธมฺโม, อยํ วินโย, อิทํ สตฺถุสาสนํ, อิมํ คณฺหถ, อิมํ โรเจถา’ติ. เอวมฺปิ โข, อุปาลิ, สงฺฆราชิ โหติ, โน จ สงฺฆเภโท . เอกโต, อุปาลิ, ตโย โหนฺติ, เอกโต ตโย, สตฺตโม อนุสฺสาเวติ, สลากํ คาเหติ – ‘อยํ ธมฺโม, อยํ วินโย, อิทํ สตฺถุสาสนํ, อิมํ คณฺหถ, อิมํ โรเจถา’ติ. เอวมฺปิ โข, อุปาลิ, สงฺฆราชิ โหติ, โน จ สงฺฆเภโท. เอกโต, อุปาลิ, ตโย โหนฺติ, เอกโต จตฺตาโร, อฏฺโม อนุสฺสาเวติ, สลากํ คาเหติ – ‘อยํ ธมฺโม, อยํ วินโย, อิทํ สตฺถุสาสนํ, อิมํ คณฺหถ, อิมํ โรเจถา’ติ. เอวมฺปิ โข, อุปาลิ, สงฺฆราชิ โหติ, โน จ สงฺฆเภโท. เอกโต, อุปาลิ, จตฺตาโร โหนฺติ, เอกโต จตฺตาโร, นวโม อนุสฺสาเวติ, สลากํ คาเหติ – ‘อยํ ธมฺโม, อยํ วินโย, อิทํ สตฺถุสาสนํ, อิมํ คณฺหถ, อิมํ โรเจถา’ติ . เอวํ โข, อุปาลิ, สงฺฆราชิ เจว โหติ สงฺฆเภโท จ. นวนฺนํ วา, อุปาลิ, อติเรกนวนฺนํ วา สงฺฆราชิ เจว โหติ สงฺฆเภโท จ. น โข, อุปาลิ, ภิกฺขุนี สงฺฆํ ภินฺทติ, อปิ จ เภทาย ปรกฺกมติ, น สิกฺขมานา สงฺฆํ ภินฺทติ…เป… น สามเณโร สงฺฆํ ภินฺทติ, น สามเณรี สงฺฆํ ภินฺทติ, น อุปาสโก สงฺฆํ ภินฺทติ, น อุปาสิกา สงฺฆํ ภินฺทติ, อปิ จ เภทาย ปรกฺกมติ. ภิกฺขุ โข, อุปาลิ, ปกตตฺโต, สมานสํวาสโก, สมานสีมายํ ิโต, สงฺฆํ ภินฺทตี’’ติ.

๓๕๒. [อ. นิ. ๑๐.๓๗] ‘‘สงฺฆเภโท สงฺฆเภโทติ, ภนฺเต, วุจฺจติ. กิตฺตาวตา นุ โข, ภนฺเต, สงฺโฆ ภินฺโน โหตี’’ติ?

‘‘อิธุปาลิ, ภิกฺขู อธมฺมํ ธมฺโมติ ทีเปนฺติ, ธมฺมํ อธมฺโมติ ทีเปนฺติ, อวินยํ วินโยติ ทีเปนฺติ, วินยํ อวินโยติ ทีเปนฺติ, อภาสิตํ อลปิตํ ตถาคเตน ภาสิตํ ลปิตํ ตถาคเตนาติ ทีเปนฺติ, ภาสิตํ ลปิตํ ตถาคเตน อภาสิตํ อลปิตํ ตถาคเตนาติ ทีเปนฺติ, อนาจิณฺณํ ตถาคเตน อาจิณฺณํ ตถาคเตนาติ ทีเปนฺติ, อาจิณฺณํ ตถาคเตน อนาจิณฺณํ ตถาคเตนาติ ทีเปนฺติ, อปฺตฺตํ ตถาคเตน ปฺตฺตํ ตถาคเตนาติ ทีเปนฺติ, ปฺตฺตํ ตถาคเตน อปฺตฺตํ ตถาคเตนาติ ทีเปนฺติ, อนาปตฺตึ อาปตฺตีติ ทีเปนฺติ, อาปตฺตึ อนาปตฺตีติ ทีเปนฺติ, ลหุกํ อาปตฺตึ ครุกา อาปตฺตีติ ทีเปนฺติ, ครุกํ อาปตฺตึ ลหุกา อาปตฺตีติ ทีเปนฺติ, สาวเสสํ อาปตฺตึ อนวเสสา อาปตฺตีติ ทีเปนฺติ, อนวเสสํ อาปตฺตึ สาวเสสา อาปตฺตีติ ทีเปนฺติ, ทุฏฺุลฺลํ อาปตฺตึ อทุฏฺุลา อาปตฺตีติ ทีเปนฺติ, อทุฏฺุลฺลํ อาปตฺตึ ทุฏฺุลฺลา อาปตฺตีติ ทีเปนฺติ. เต อิเมหิ อฏฺารสหิ วตฺถูหิ อปกสฺสนฺติ, อวปกสฺสนฺติ, อาเวนึ [อาเวณิ (สี.), อาเวณิกํ (สฺยา.)] อุโปสถํ กโรนฺติ, อาเวนึ ปวารณํ กโรนฺติ, อาเวนึ สงฺฆกมฺมํ กโรนฺติ. เอตฺตาวตา โข, อุปาลิ, สงฺโฆ ภินฺโน โหตี’’ติ.

๓๕๓. [ อ. นิ. ๑๐.๓๗] ‘‘สงฺฆสามคฺคี สงฺฆสามคฺคีติ, ภนฺเต, วุจฺจติ. กิตฺตาวตา นุ โข, ภนฺเต, สงฺโฆ สมคฺโค โหตี’’ติ? ‘‘อิธุปาลิ, ภิกฺขู อธมฺมํ อธมฺโมติ ทีเปนฺติ, ธมฺมํ ธมฺโมติ ทีเปนฺติ, อวินยํ อวินโยติ ทีเปนฺติ, วินยํ วินโยติ ทีเปนฺติ, อภาสิตํ อลปิตํ ตถาคเตน อภาสิตํ อลปิตํ ตถาคเตนาติ ทีเปนฺติ, ภาสิตํ ลปิตํ ตถาคเตน ภาสิตํ ลปิตํ ตถาคเตนาติ ทีเปนฺติ, อนาจิณฺณํ ตถาคเตน อนาจิณฺณํ ตถาคเตนาติ ทีเปนฺติ, อาจิณฺณํ ตถาคเตน อาจิณฺณํ ตถาคเตนาติ ทีเปนฺติ, อปฺตฺตํ ตถาคเตน อปฺตฺตํ ตถาคเตนาติ ทีเปนฺติ, ปฺตฺตํ ตถาคเตน ปฺตฺตํ ตถาคเตนาติ ทีเปนฺติ, อนาปตฺตึ อนาปตฺตีติ ทีเปนฺติ, อาปตฺตึ อาปตฺตีติ ทีเปนฺติ, ลหุกํ อาปตฺตึ ลหุกา อาปตฺตีติ ทีเปนฺติ, ครุกํ อาปตฺตึ ครุกา อาปตฺตีติ ทีเปนฺติ, สาวเสสํ อาปตฺตึ สาวเสสา อาปตฺตีติ ทีเปนฺติ, อนวเสสํ อาปตฺตึ อนวเสสา อาปตฺตีติ ทีเปนฺติ , ทุฏฺุลฺลํ อาปตฺตึ ทุฏฺุลฺลา อาปตฺตีติ ทีเปนฺติ, อทุฏฺุลฺลํ อาปตฺตึ อทุฏฺุลฺลา อาปตฺตีติ ทีเปนฺติ. เต อิเมหิ อฏฺารสหิ วตฺถูหิ น อปกสฺสนฺติ, น อวปกสฺสนฺติ, น อาเวนึ อุโปสถํ กโรนฺติ, น อาเวนึ ปวารณํ กโรนฺติ, น อาเวนึ สงฺฆกมฺมํ กโรนฺติ. เอตฺตาวตา โข, อุปาลิ, สงฺโฆ สมคฺโค โหตี’’ติ.

๓๕๔. ‘‘สมคฺคํ ปน, ภนฺเต, สงฺฆํ ภินฺทิตฺวา กึ โส ปสวตี’’ติ? ‘‘สมคฺคํ โข, อุปาลิ, สงฺฆํ ภินฺทิตฺวา กปฺปฏฺิกํ กิพฺพิสํ ปสวติ, กปฺปํ นิรยมฺหิ ปจฺจตี’’ติ.

[อิติวุ. ๑๘; อ. นิ. ๑๐.๓๙] ‘‘อาปายิโก เนรยิโก, กปฺปฏฺโ สงฺฆเภทโก;

วคฺครโต อธมฺมฏฺโ, โยคกฺเขมา ปธํสติ;

สงฺฆํ สมคฺคํ ภินฺทิตฺวา, กปฺปํ นิรยมฺหิ ปจฺจตี’’ติ.

‘‘ภินฺนํ ปน, ภนฺเต, สงฺฆํ สมคฺคํ กตฺวา กึ โส ปสวตี’’ติ? ‘‘ภินฺนํ โข, อุปาลิ, สงฺฆํ สมคฺคํ กตฺวา พฺรหฺมํ ปุฺํ ปสวติ, กปฺปํ สคฺคมฺหิ โมทตี’’ติ.

[อิตฺติวุ. ๑๘; อ. นิ. ๑๐.๔๐] ‘‘สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคี, สมคฺคานฺจ อนุคฺคโห;

สมคฺครโต ธมฺมฏฺโ, โยคกฺเขมา น ธํสติ;

สงฺฆํ สมคฺคํ กตฺวาน, กปฺปํ สคฺคมฺหิ โมทตี’’ติ.

๓๕๕. [ปริ. ๔๕๙] ‘‘สิยา นุ โข, ภนฺเต, สงฺฆเภทโก อาปายิโก, เนรยิโก, กปฺปฏฺโ, อเตกิจฺโฉ’’ติ? ‘‘สิยา, อุปาลิ, สงฺฆเภทโก อาปายิโก, เนรยิโก, กปฺปฏฺโ, อเตกิจฺโฉ’’ติ.

[ปริ. ๔๕๙] ‘‘สิยา [สิยา นุ โข (สฺยา. กํ.)] ปน, ภนฺเต, สงฺฆเภทโก น อาปายิโก, น เนรยิโก, น กปฺปฏฺโ, น อเตกิจฺโฉ’’ติ? ‘‘สิยา, อุปาลิ, สงฺฆเภทโก น อาปายิโก, น เนรยิโก, น กปฺปฏฺโ, น อเตกิจฺโฉ’’ติ.

‘‘กตโม ปน, ภนฺเต, สงฺฆเภทโก อาปายิโก, เนรยิโก, กปฺปฏฺโ, อเตกิจฺโฉ’’ติ? ‘‘อิธุปาลิ, ภิกฺขุ อธมฺมํ ธมฺโมติ ทีเปติ. ตสฺมึ อธมฺมทิฏฺิ, เภเท อธมฺมทิฏฺิ, วินิธาย ทิฏฺึ, วินิธาย ขนฺตึ, วินิธาย รุจึ, วินิธาย ภาวํ, อนุสฺสาเวติ, สลากํ คาเหติ – ‘อยํ ธมฺโม, อยํ วินโย, อิทํ สตฺถุสาสนํ, อิมํ คณฺหถ, อิมํ โรเจถา’ติ. อยมฺปิ โข, อุปาลิ, สงฺฆเภทโก อาปายิโก, เนรยิโก, กปฺปฏฺโ, อเตกิจฺโฉ.

‘‘ปุน จปรํ, อุปาลิ, ภิกฺขุ อธมฺมํ ธมฺโมติ ทีเปติ. ตสฺมึ อธมฺมทิฏฺิ, เภเท ธมฺมทิฏฺิ, วินิธาย ทิฏฺึ, วินิธาย ขนฺตึ, วินิธาย รุจึ, วินิธาย ภาวํ, อนุสฺสาเวติ, สลากํ คาเหติ – ‘อยํ ธมฺโม, อยํ วินโย, อิทํ สตฺถุสาสนํ, อิมํ คณฺหถ, อิมํ โรเจถา’ติ. อยมฺปิ โข, อุปาลิ, สงฺฆเภทโก อาปายิโก, เนรยิโก, กปฺปฏฺโ, อเตกิจฺโฉ.

‘‘ปุน จปรํ, อุปาลิ, ภิกฺขุ อธมฺมํ ธมฺโมติ ทีเปติ. ตสฺมึ อธมฺมทิฏฺิ, เภเท เวมติโก, วินิธาย ทิฏฺึ, วินิธาย ขนฺตึ, วินิธาย รุจึ, วินิธาย ภาวํ, อนุสฺสาเวติ, สลากํ คาเหติ – ‘อยํ ธมฺโม, อยํ วินโย, อิทํ สตฺถุสาสนํ, อิมํ คณฺหถ, อิมํ โรเจถา’ติ. อยมฺปิ โข, อุปาลิ, สงฺฆเภทโก อาปายิโก, เนรยิโก, กปฺปฏฺโ, อเตกิจฺโฉ.

‘‘ปุน จปรํ, อุปาลิ, ภิกฺขุ อธมฺมํ ธมฺโมติ ทีเปติ. ตสฺมึ ธมฺมทิฏฺิ, เภเท อธมฺมทิฏฺิ…เป… (ตสฺมึ ธมฺมทิฏฺิ เภเท ธมฺมทิฏฺิ) [( ) สฺยามโปตฺถเก นตฺถิ, วิมติวิโนทนีฏีกาย สเมติ]. ตสฺมึ ธมฺมทิฏฺิ เภเท เวมติโก. ตสฺมึ เวมติโก เภเท อธมฺมทิฏฺิ. ตสฺมึ เวมติโก เภเท ธมฺมทิฏฺิ. ตสฺมึ เวมติโก เภเท เวมติโก วินิธาย ทิฏฺึ, วินิธาย ขนฺตึ, วินิธาย รุจึ, วินิธาย ภาวํ, อนุสฺสาเวติ, สลากํ คาเหติ – ‘อยํ ธมฺโม, อยํ วินโย, อิทํ สตฺถุสาสนํ, อิมํ คณฺหถ, อิมํ โรเจถา’ติ. อยมฺปิ โข, อุปาลิ, สงฺฆเภทโก อาปายิโก, เนรยิโก, กปฺปฏฺโ, อเตกิจฺโฉ.

‘‘ปุน จปรํ, อุปาลิ, ภิกฺขุ ธมฺมํ อธมฺโมติ ทีเปติ…เป… อวินยํ วินโยติ ทีเปติ… วินยํ อวินโยติ ทีเปติ… อภาสิตํ อลปิตํ ตถาคเตน ภาสิตํ ลปิตํ ตถาคเตนาติ ทีเปติ… ภาสิตํ ลปิตํ ตถาคเตน อภาสิตํ อลปิตํ ตถาคเตนาติ ทีเปติ… อนาจิณฺณํ ตถาคเตน อาจิณฺณํ ตถาคเตนาติ ทีเปติ… อาจิณฺณํ ตถาคเตน อนาจิณฺณํ ตถาคเตนาติ ทีเปติ… อปฺตฺตํ ตถาคเตน ปฺตฺตํ ตถาคเตนาติ ทีเปติ… ปฺตฺตํ ตถาคเตน อปฺตฺตํ ตถาคเตนาติ ทีเปติ… อนาปตฺตึ อาปตฺตีติ ทีเปติ… อาปตฺตึ อนาปตฺตีติ ทีเปติ… ลหุกํ อาปตฺตึ ครุกา อาปตฺตีติ ทีเปติ… ครุกํ อาปตฺตึ ลหุกา อาปตฺตีติ ทีเปติ… สาวเสสํ อาปตฺตึ อนวเสสา อาปตฺตีติ ทีเปติ… อนวเสสํ อาปตฺตึ สาวเสสา อาปตฺตีติ ทีเปติ… ทุฏฺุลฺลํ อาปตฺตึ อทุฏฺุลฺลา อาปตฺตีติ ทีเปติ… อทุฏฺุลฺลํ อาปตฺตึ ทุฏฺุลฺลา อาปตฺตีติ ทีเปติ… ตสฺมึ อธมฺมทิฏฺิ, เภเท อธมฺมทิฏฺิ…เป… ตสฺมึ อธมฺมทิฏฺิ, เภเท ธมฺมทิฏฺิ … ตสฺมึ อธมฺมทิฏฺิ, เภเท เวมติโก… ตสฺมึ ธมฺมทิฏฺิ, เภเท อธมฺมทิฏฺิ… (ตสฺมึ ธมฺมทิฏฺิ, เภเท ธมฺมทิฏฺิ) [( ) สฺยามโปตฺถเก นตฺถิ] … ตสฺมึ ธมฺมทิฏฺิ, เภเท เวมติโก… ตสฺมึ เวมติโก, เภเท อธมฺมทิฏฺิ… ตสฺมึ เวมติโก, เภเท ธมฺมทิฏฺิ… ตสฺมึ เวมติโก, เภเท เวมติโก, วินิธาย ทิฏฺึ, วินิธาย ขนฺตึ, วินิธาย รุจึ, วินิธาย ภาวํ, อนุสฺสาเวติ, สลากํ คาเหติ – ‘อยํ ธมฺโม, อยํ วินโย, อิทํ สตฺถุสาสนํ, อิมํ คณฺหถ, อิมํ โรเจถา’ติ. อยมฺปิ โข, อุปาลิ, สงฺฆเภทโก อาปายิโก, เนรยิโก, กปฺปฏฺโ, อเตกิจฺโฉ’’ติ.

‘‘กตโม ปน, ภนฺเต, สงฺฆเภทโก น อาปายิโก, น เนรยิโก, น กปฺปฏฺโ , น อเตกิจฺโฉ’’ติ? ‘‘อิธุปาลิ, ภิกฺขุ อธมฺมํ ธมฺโมติ ทีเปติ. ตสฺมึ ธมฺมทิฏฺิ, เภเท ธมฺมทิฏฺิ , อวินิธาย ทิฏฺึ, อวินิธาย ขนฺตึ, อวินิธาย รุจึ, อวินิธาย ภาวํ, อนุสฺสาเวติ, สลากํ คาเหติ – ‘อยํ ธมฺโม, อยํ วินโย, อิทํ สตฺถุสาสนํ, อิมํ คณฺหถ, อิมํ โรเจถา’ติ. อยมฺปิ โข, อุปาลิ, สงฺฆเภทโก น อาปายิโก, น เนรยิโก, น กปฺปฏฺโ, น อเตกิจฺโฉ.

‘‘ปุน จปรํ, อุปาลิ, ภิกฺขุ ธมฺมํ อธมฺโมติ ทีเปติ…เป… ทุฏฺุลฺลํ อาปตฺตึ อทุฏฺุลฺลา อาปตฺตีติ ทีเปติ. ตสฺมึ ธมฺมทิฏฺิ, เภเท ธมฺมทิฏฺิ, อวินิธาย ทิฏฺึ, อวินิธาย ขนฺตึ, อวินิธาย รุจึ, อวินิธาย ภาวํ, อนุสฺสาเวติ, สลากํ คาเหติ – ‘อยํ ธมฺโม, อยํ วินโย, อิทํ สตฺถุสาสนํ, อิมํ คณฺหถ, อิมํ โรเจถา’ติ. อยมฺปิ โข , อุปาลิ, สงฺฆเภทโก น อาปายิโก, น เนรยิโก, น กปฺปฏฺโ, น อเตกิจฺโฉ’’ติ.

ตติยภาณวาโร นิฏฺิโต.

สงฺฆเภทกกฺขนฺธโก สตฺตโม.

ตสฺสุทฺทานํ –

อนุปิเย อภิฺาตา, สุขุมาโล น อิจฺฉติ;

กสา วปา อภิ นินฺเน, นิทฺธา ลาเว จ อุพฺพเห.

ปุฺชมทฺทปลาลฺจ, ภุสโอผุณนีหเร;

อายติมฺปิ น ขียนฺติ, ปิตโร จ ปิตามหา.

ภทฺทิโย อนุรุทฺโธ จ, อานนฺโท ภคุ กิมิโล;

สกฺยมาโน จ โกสมฺพึ, ปริหายิ กกุเธน จ.

ปกาเสสิ ปิตุโน จ, ปุริเส สิลํ นาฬาคิรึ;

ติกปฺจครุโก โข, ภินฺทิ ถุลฺลจฺจเยน จ;

ตโย อฏฺ ปุน ตีณิ, ราชิ เภทา สิยา นุ โขติ.

สงฺฆเภทกกฺขนฺธกํ นิฏฺิตํ.