📜

๒. อุโปสถกฺขนฺธกํ

สนฺนิปาตานุชานนาทิกถาวณฺณนา

๑๓๒. อุโปสถกฺขนฺธเก ตรนฺติ ปฺลวนฺติ เอตฺถ พาลาติ ติตฺถํ. อิโตติ อิมสฺมึ สาสเน ลทฺธิโต. ตํ กเถนฺตีติ ‘‘อิมสฺมึ นาม ทิวเส มุหุตฺเต วา อิทํ กตฺตพฺพ’’นฺติอาทินา กเถนฺติ.

๑๓๔. ‘‘สุณาตุ เม ภนฺเต’’ติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) วิตฺถารโต อาคตเมวาติ น อิธ วิตฺถารยิสฺสาม, อตฺถิเกหิ ปน ตโตเยว คเหตพฺพํ.

๑๓๕. อาปชฺชิตฺวา วา วุฏฺิโตติ เอตฺถ อาโรจิตาปิ อาปตฺติ อสนฺตี นาม โหตีติ เวทิตพฺพํ. เตเนว มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) วุตฺตํ ‘‘ยสฺส ปน เอวํ อนาปนฺนา วา อาปตฺติ อาปชฺชิตฺวา จ ปน วุฏฺิตา วา เทสิตา วา อาโรจิตา วา, ตสฺส สา อาปตฺติ อสนฺตี นาม โหตี’’ติ. มุสาวาโท นาม วจีเภทปจฺจยา โหตีติ อาห ‘‘น มุสาวาทลกฺขเณนา’’ติ. ภควโต ปน วจเนนาติ สมฺปชานมุสาวาเท กึ โหติ? ‘‘ทุกฺกฏํ โหตี’’ติ อิมินา วจเนน. วจีทฺวาเร อกิริยสมุฏฺานา อาปตฺติ โหตีติ ยสฺมา ยสฺส ภิกฺขุโน อธมฺมิกาย ปฏิฺาย ตุณฺหีภูตสฺส นิสินฺนสฺส มโนทฺวาเร อาปตฺติ นาม นตฺถิ, ยสฺมา ปน อาวิ กาตพฺพํ น อาวิ อกาสิ, เตนสฺส วจีทฺวาเร อกิริยสมุฏฺานา อาปตฺติ โหติ.

วาจาติ วาจาย, ย-การโลเปนายํ นิทฺเทโส. เกนจิ มนุเชน วาจาย อนาลปนฺโตติ โยเชตพฺพํ. คิรํ โน จ ปเร ภเณยฺยาติ ‘‘อิเม โสสฺสนฺตี’’ติ ปรปุคฺคเล สนฺธาย สทฺทมฺปิ น นิจฺฉาเรยฺย. อาปชฺเชยฺย วาจสิกนฺติ วาจโต สมุฏฺิตํ อาปตฺตึ อาปชฺเชยฺย.

อนฺตรายกโรติ วิปฺปฏิสารวตฺถุตาย ปาโมชฺชาทิสมฺภวํ นิวาเรตฺวา ปมชฺฌานาทีนํ อธิคมาย อนฺตรายกโร. ตสฺส ภิกฺขุโน ผาสุ โหตีติ อวิปฺปฏิสารมูลกานํ ปาโมชฺชาทีนํ วเสน ตสฺส ภิกฺขุโน สุขา ปฏิปทา สมฺปชฺชตีติ อตฺโถ.

สนฺนิปาตานุชานนาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

สีมานุชานนกถาวณฺณนา

๑๓๘. อิตโรปีติ สุทฺธปํสุปพฺพตาทึ สนฺธาย วทติ. หตฺถิปฺปมาโณ นาม ปพฺพโต เหฏฺิมโกฏิยา อฑฺฒฏฺมรตนุพฺเพโธ. ตสฺมาติ ยสฺมา เอเกน น วฏฺฏติ, ตสฺมา. ทฺวตฺตึสปลคุฬปิณฺฑปฺปมาณตา ถูลตาย คเหตพฺพา, น ตุลคณนาย. อนฺโตสารมิสฺสกานนฺติ อนฺโตสารรุกฺเขหิ มิสฺสกานํ. สูจิทณฺฑกปฺปมาโณติ สีหฬทีเป เลขนทณฺฑปฺปมาโณติ วทนฺติ, โส จ กนิฏฺงฺคุลิปริมาโณติ ทฏฺพฺพํ. เอตนฺติ นวมูลสาขานิคฺคมนํ. ปรภาเค กิตฺเตตุํ วฏฺฏตีติ พหิ นิกฺขมิตฺวา ิเตสุ อฏฺสุ มคฺเคสุ เอกิสฺสา ทิสาย เอกํ, อปราย เอกนฺติ เอวํ จตูสุ าเนสุ กิตฺเตตุํ วฏฺฏติ.

ยตฺถ กตฺถจิ อุตฺตรนฺติยา ภิกฺขุนิยา อนฺตรวาสโก เตมิยตีติ สิกฺขากรณียํ อาคตลกฺขเณน ติมณฺฑลํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา อนฺตรวาสกํ อนุกฺขิปิตฺวา ติตฺเถน วา อติตฺเถน วา อุตฺตรนฺติยา ภิกฺขุนิยา เอกทฺวงฺคุลมตฺตมฺปิ อนฺตรวาสโก เตมิยติ. ภิกฺขุนิยา เอว คหณฺเจตฺถ ภิกฺขุนีวิภงฺเค ภิกฺขุนิยา วเสน นทีลกฺขณสฺส ปาฬิยํ อาคตตฺตา เตเนว นเยน ทสฺสนตฺถํ กตํ. สีมํ พนฺธนฺตานํ นิมิตฺตํ โหตีติ อยํ วุตฺตลกฺขณา นที สมุทฺทํ วา ปวิสตุ ตฬากํ วา, ปภวโต ปฏฺาย นิมิตฺตํ โหติ. อชฺโฌตฺถริตฺวา อาวรณํ ปวตฺตติเยวาติ อาวรณํ อชฺโฌตฺถริตฺวา สนฺทติเยว. อปฺปวตฺตมานาติ อสนฺทมานุทกา. อาวรณฺหิ ปตฺวา นทิยา ยตฺตเก ปเทเส อุทกํ อสนฺทมานํ สนฺติฏฺติ, ตตฺถ นทีนิมิตฺตํ กาตุํ น วฏฺฏติ. อุปริ สนฺทมานฏฺาเนเยว วฏฺฏติ, อสนฺทมานฏฺาเน ปน อุทกนิมิตฺตํ กาตุํ วฏฺฏติ. ิตเมว หิ อุทกนิมิตฺเต วฏฺฏติ, น สนฺทมานํ. เตเนวาห ‘‘ปวตฺตนฏฺาเน นทีนิมิตฺตํ, อปฺปวตฺตนฏฺาเน อุทกนิมิตฺตํกาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. นทึ ภินฺทิตฺวาติ มาติกามุขทฺวาเรน นทีกูลํ ภินฺทิตฺวา. อุกฺเขปิมนฺติ กูปโต วิย อุกฺขิปิตฺวา คเหตพฺพํ.

สิงฺฆาฏกสณฺานาติ ติโกณรจฺฉาสณฺานา. มุทิงฺคสณฺานาติ มุทิงฺคเภรี วิย มชฺเฌ วิตฺถตา อุโภสุ โกฏีสุ สงฺโกฏิตา โหติ. อุปจารํ เปตฺวาติ ปจฺฉา สีมํ พนฺธนฺตานํ สีมาย โอกาสํ เปตฺวา. อนฺโตนิมิตฺตคเตหิ ปนาติ เอกสฺส คามสฺส อุปฑฺฒํ อนฺโต กตฺตุกามตาย สติ สพฺเพสํ อาคมเน ปโยชนํ นตฺถีติ กตฺวา วุตฺตํ. อาคนฺตพฺพนฺติ จ สามีจิวเสน วุตฺตํ, นายํ นิยโม ‘‘อาคนฺตพฺพเมวา’’ติ. เตเนวาห ‘‘อาคมนมฺปิ อนาคมนมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ. อพทฺธาย หิ สีมาย นานาคามเขตฺตานํ นานาสีมสภาวตฺตา เตสํ อนาคมเนปิ วคฺคกมฺมํ น โหติ, ตสฺมา อนาคมนมฺปิ วฏฺฏติ. พทฺธาย ปน สีมาย เอกสีมภาวโต ปุน อฺสฺมึ กมฺเม กริยมาเน อนฺโต สีมคเตหิ อาคนฺตพฺพเมวาติ อาห ‘‘อวิปฺปวาสสีมา…เป… อาคนฺตพฺพ’’นฺติ. นิมิตฺตกิตฺตนกาเล อโสธิตายปิ สีมาย เนวตฺถิ โทโส นิมิตฺตกิตฺตนสฺส อปโลกนาทีสุ อฺตราภาวโต.

ภณฺฑุกมฺมาปุจฺฉนํ สนฺธาย ปพฺพชฺชา-คหณํ. สุขกรณตฺถนฺติ สพฺเพสํ สนฺนิปาตนปริสฺสมํ ปหาย อปฺปตเรหิ สุขกรณตฺถํ. เอกวีสติ ภิกฺขู คณฺหาตีติ วีสติวคฺคกรณียปรมตฺตา สงฺฆกมฺมสฺส กมฺมารเหน สทฺธึ เอกวีสติ ภิกฺขู คณฺหาติ. อิทฺจ นิสินฺนานํ วเสน วุตฺตํ. เหฏฺิมนฺตโต หิ ยตฺถ เอกวีสติ ภิกฺขู นิสีทิตุํ สกฺโกนฺติ, ตตฺตเก ปเทเส สีมํ พนฺธิตุํ วฏฺฏติ. น สกฺขิสฺสนฺตีติ อวิปฺปวาสสีมาย พทฺธภาวํ อสลฺลกฺเขตฺวา ‘‘สมานสํวาสกเมว สมูหนิสฺสามา’’ติ วายมนฺตา น สกฺขิสฺสนฺติ. พทฺธาย หิ อวิปฺปวาสสีมาย ตํ อสมูหนิตฺวา ‘‘สมานสํวาสกสีมํ สมูหนิสฺสามา’’ติ กตายปิ กมฺมวาจาย อสมูหตาว โหติ สีมา. ปมฺหิ อวิปฺปวาสํ สมูหนิตฺวา ปจฺฉา สีมา สมูหนิตพฺพา. เอกรตนปฺปมาณา สุวิฺเยฺยตรา โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘เอกรตนปฺปมาณา วฏฺฏตี’’ติ. เอกงฺคุลมตฺตาปิ สีมนฺตริกา วฏฺฏติเยว. ตตฺตเกนปิ หิ สีมา อสมฺภินฺนาว โหติ.

อวเสสนิมิตฺตานีติ มหาสีมาย พาหิรปสฺเส นิมิตฺตานิ. ขณฺฑสีมโต ปฏฺาย พนฺธนํ อาจิณฺณํ, อาจิณฺณกรเณเนว จ สมฺโมโห น โหตีติ อาห ‘‘ขณฺฑสีมโตว ปฏฺาย พนฺธิตพฺพา’’ติ. กุฏิเคเหติ กุฏิฆเร, ภูมิฆเรติ อตฺโถ. อุทุกฺขลนฺติ ขุทฺทกาวาฏํ. นิมิตฺตํ น กาตพฺพนฺติ ตํ ราชึ วา อุทุกฺขลํ วา นิมิตฺตํ น กาตพฺพํ.

เหฏฺาน โอตรตีติ ภิตฺติโต โอรํ นิมิตฺตานิ เปตฺวา กิตฺติตตฺตา เหฏฺา อากาสปฺปเทสํ น โอตรติ. เหฏฺาปิ โอตรตีติ สเจ เหฏฺา อนฺโตภิตฺติยํ เอกวีสติยา ภิกฺขูนํ โอกาโส โหติ, โอตรติ. โอตรมานา จ อุปริสีมปฺปมาเณน น โอตรติ, สมนฺตา ภิตฺติปฺปมาเณน โอตรติ. โอตรณาโนตรณํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ สเจ เหฏฺา เอกวีสติยา ภิกฺขูนํ โอกาโส โหติ, โอตรติ. โน เจ, น โอตรตีติ อธิปฺปาโย. สพฺโพ ปาสาโท สีมฏฺโ โหตีติ อุปริมตเลน สทฺธึ เอกาพทฺธภิตฺติโก วา โหตุ มา วา, สพฺโพปิ ปาสาโท สีมฏฺโว โหติ.

ตาลมูลกปพฺพเตติ ตาลมูลสทิเส ปพฺพเต. โส จ เหฏฺา มหนฺโต หุตฺวา อนุปุพฺเพน ตนุโก โหตีติ ทฏฺพฺพํ. ปณวสณฺาโน มชฺเฌ ตนุโก โหติ มูเล อคฺเค จ วิตฺถโต. เหฏฺา วา มชฺเฌ วาติ มุทิงฺคสณฺานสฺส เหฏฺา ปณวสณฺานสฺส มชฺเฌ. อากาสปพฺภารนฺติ ภิตฺติยา อปริกฺขิตฺตปพฺภารํ. อนฺโตเลณํ โหตีติ ปพฺพตสฺส อนฺโต เลณํ โหติ. สีมามาฬเกติ ขณฺฑสีมามาฬเก. มหาสีมํ โสเธตฺวา วา กมฺมํ กาตพฺพนฺติ มหาสีมคตา ภิกฺขู หตฺถปาสํ วา อาเนตพฺพา, สีมโต วา พหิ กาตพฺพาติ อธิปฺปาโย. คณฺิปเทสุ ปน ‘‘มหาสีมคเตหิ ภิกฺขูหิ ตํ สาขํ วา ปาโรหํ วา อนามสิตฺวา าตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย’’ติ วุตฺตํ, ตํ น คเหตพฺพํ. ปุริมนเยปีติ ขณฺฑสีมาย อุฏฺหิตฺวา มหาสีมาย โอณตรุกฺเขปิ. อุกฺขิปาเปตฺวา กาตุํ น วฏฺฏตีติ ขณฺฑสีมาย อนฺโต ิตตฺตา รุกฺขสฺส ตตฺถ ิโต หตฺถปาสํเยว อาเนตพฺโพติ อุกฺขิปาเปตฺวา กาตุํ น วฏฺฏติ.

๑๔๐. ปารยตีติ อชฺโฌตฺถรติ. ปาราติ สีมาเปกฺโข อิตฺถิลิงฺคนิทฺเทโส. อสฺสาติ ภเวยฺย. อิธาธิปฺเปตนาวาย ปมาณํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ยา สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน…เป… ตโย ชเน วหตี’’ติ. อิมินา จ วุตฺตปฺปมาณโต ขุทฺทกา นาวา วิชฺชมานาปิ อิธ อสนฺตปกฺขํ ภชตีติ ทีเปติ. อวสฺสํ ลพฺภเนยฺยา ธุวนาวาว โหตีติ สมฺพนฺโธ. รุกฺขํ ฉินฺทิตฺวา กโตติ ปาเสโส. ปรตีเร สมฺมุขฏฺาเนติ โอริมตีเร สพฺพปริยนฺตนิมิตฺตสฺส สมฺมุขฏฺาเน. สพฺพนิมิตฺตานํ อนฺโต ิเต ภิกฺขู หตฺถปาสคเต กตฺวาติ เอตฺถ สเจ เอกํ คามเขตฺตํ โหติ, อุโภสุ ตีเรสุ สพฺพนิมิตฺตานํ อนฺโต ิเต ภิกฺขู หตฺถปาสคเต กตฺวา สมฺมนฺนิตพฺพา. นานาคามกฺเขตฺตํ เจ, สมานสํวาสกสีมาพนฺธนกาเล อนาคนฺตุมฺปิ วฏฺฏติ. อวิปฺปวาสสีมาสมฺมุติยํ ปน อาคนฺตพฺพเมว. ยสฺมา อุโภสุ ตีเรสุ นิมิตฺตกิตฺตนมตฺเตน ทีปโก สงฺคหิโต นาม น โหติ, ตสฺมา ทีปเกปิ นิมิตฺตานิ วิสุํ กิตฺเตตพฺพาเนวาติ อาห ‘‘ทีปกสฺสโอริมนฺเต จ ปาริมนฺเต จ นิมิตฺตํ กิตฺเตตพฺพ’’นฺติ. ทีปกสิขรนฺติ ทีปกมตฺถกํ. ปพฺพตสณฺานาติ ทีปกสฺส เอกโต อธิกตรตฺตา วุตฺตํ.

สีมานุชานนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อุโปสถาคาราทิกถาวณฺณนา

๑๔๒. วตฺถุวเสน วุตฺตนฺติ ‘‘มยฺจมฺหา อสมฺมตาย ภูมิยา นิสินฺนา ปาติโมกฺขํ อสฺสุมฺหา’’ติ วตฺถุมฺหิ ปาติโมกฺขสวนสฺส อาคตตฺตา วุตฺตํ. อุโปสถปฺปมุขํ นาม อุโปสถาคารสฺส สมฺมุขฏฺานํ. ปาฬิยํ ‘‘ปมํ นิมิตฺตา กิตฺเตตพฺพา’’ติ เอตฺตกเมว วตฺวา สีมาสมฺมุติยํ วิย ‘‘ปพฺพตนิมิตฺตํ ปาสาณนิมิตฺต’’นฺติอาทินา วิเสเสตฺวา นิมิตฺตานํ อทสฺสิตตฺตา ‘‘ขุทฺทกานิ วา…เป… ยานิ กานิจิ นิมิตฺตานี’’ติ วุตฺตํ. กิตฺเตตุํ วฏฺฏตีติ อิมินา สมฺพนฺโธ.

อวิปฺปวาสสีมานุชานนกถาวณฺณนา

๑๔๔. อสฺสาติ ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส. ทฺเวปิ สีมาโยติ ปมํ วุตฺตา อวิปฺปวาสสีมา สมานสํวาสกสีมา จ. น กมฺมวาจํ วคฺคํ กโรนฺตีติ กมฺมวาจํ น ภินฺทนฺติ, กมฺมํ น โกเปนฺตีติ อธิปฺปาโย. เอตฺถาติ ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ เอตฺถ. คามฺจ คามูปจารฺจ น โอตฺถรตีติ ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจา’’ติ วุตฺตตฺตา. สีมาสงฺขฺยเมว คจฺฉตีติ อวิปฺปวาสสีมาสงฺขํ คจฺฉติ. เอกมฺปิ กุลํ ปวิฏฺํ วาติ อภินวกตเคเหสุ สพฺพปมํ เอกมฺปิ กุลํ ปวิฏฺํ อตฺถิ. อคตํ วาติ โปราณกคาเม อฺเสุ เคหานิ ฉฑฺเฑตฺวา คเตสุ เอกมฺปิ กุลํ อคตํ อตฺถิ.

อวิปฺปวาสสีมา น สมูหนฺตพฺพาติ มหาสีมํ สนฺธาย วทติ. นิราสงฺกฏฺาเนสุ ตฺวาติ เจติยงฺคณาทีนํ ขณฺฑสีมาย อโนกาสตฺตา วุตฺตํ. ขณฺฑสีมฺหิ พนฺธนฺตา ตาทิสํ านํ ปหาย อฺสฺมึ วิวิตฺเต โอกาเส พนฺธนฺติ . อปฺเปว นาม สมูหนิตุํ สกฺขิสฺสนฺตีติ อวิปฺปวาสสีมํเยว สมูหนิตุํ สกฺขิสฺสนฺติ, น ขณฺฑสีมํ. ปฏิพนฺธิตุํ ปน น สกฺขิสฺสนฺเตวาติ ขณฺฑสีมาย อฺาตตฺตา น สกฺขิสฺสนฺติ. น สมูหนิตพฺพาติ ขณฺฑสีมํ อชานนฺเตหิ น สมูหนิตพฺพา. อุโปสถสฺส วิสุํ คหิตตฺตา อวเสสกมฺมวเสน สมานสํวาสตา เวทิตพฺพา.

คามสีมาทิกถาวณฺณนา

๑๔๗. อปริจฺฉินฺนายาติ พทฺธสีมาวเสน อกตปริจฺเฉทาย. เยน เกนจิ ขณิตฺวา อกโตติ อนฺตมโส ติรจฺฉาเนนปิ ขณิตฺวา อกโต. ตสฺส อนฺโตหตฺถปาสํ วิชหิตฺวา ิโต กมฺมํ โกเปตีติ อิมินา พหิปริจฺเฉทโต ยตฺถ กตฺถจิ ิโต กมฺมํ น โกเปตีติ ทีเปติ. ยํ ปน วุตฺตํ มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘ปริจฺเฉทพฺภนฺตเร หตฺถปาสํ วิชหิตฺวา ิโตปิ ปริจฺเฉทโต พหิ อฺํ ตตฺตกํเยว ปริจฺเฉทํ อนติกฺกมิตฺวา ิโตปิ กมฺมํ โกเปติ, อิทํ สพฺพอฏฺกถาสุ สนฺนิฏฺาน’’นฺติ, ตตฺถ ‘‘อฺํ ตตฺตกํเยว ปริจฺเฉทํ อนติกฺกมิตฺวา ิโตปิ กมฺมํ โกเปตี’’ติ อิทํ เนว ปาฬิยํ, น อฏฺกถายํ อุปลพฺภติ. ยทิ เจตํ ทฺวินฺนํ สงฺฆานํ วิสุํ อุโปสถาทิกมฺมกรณาธิกาเร วุตฺตตฺตา อุทกุกฺเขปโต พหิ อฺํ อุทกุกฺเขปํ อนติกฺกมิตฺวา อุโปสถาทิกรณตฺถํ ิโต สงฺโฆ สีมาสมฺเภทสมฺภวโต กมฺมํ โกเปตีติ อิมินา อธิปฺปาเยน วุตฺตํ สิยา, เอวํ สติ ยุชฺเชยฺย. เตเนว มาติกาฏฺกถาย ลีนตฺถปฺปกาสนิยํ วุตฺตํ ‘‘อฺํ ตตฺตกํเยว ปริจฺเฉทนฺติ ทุติยํ อุทกุกฺเขปํ อนติกฺกนฺโตปิ โกเปติ. กสฺมา? อตฺตโน อุทกุกฺเขปสีมาย ปเรสํ อุทกุกฺเขปสีมาย อชฺโฌตฺถฏตฺตา สีมาสมฺเภโท โหติ, ตสฺมา โกเปตี’’ติ. ‘‘อิทํ สพฺพอฏฺกถาสุ สนฺนิฏฺาน’’นฺติ จ อิมินา อธิปฺปาเยน วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํ สพฺพาสุปิ อฏฺกถาสุ สีมาสมฺเภทสฺส อนิจฺฉิตตฺตา. เตเนว หิ ‘‘อตฺตโน จ อฺเสฺจ อุทกุกฺเขปปริจฺเฉทสฺส อนฺตรา อฺโ อุทกุกฺเขโป สีมนฺตริกตฺถาย เปตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. อฺเ ปเนตฺถ อฺถาปิ ปปฺเจนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ.

สพฺพตฺถ สงฺโฆ นิสีทตีติ หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา นิสีทติ. อุทกุกฺเขปสีมากมฺมํ นตฺถีติ ยสฺมา สพฺโพปิ นทีปเทโส ภิกฺขูหิ อชฺโฌตฺถโฏ , ตสฺมา สมนฺตโต นทิยา อภาวา อุทกุกฺเขเป ปโยชนํ นตฺถิ. อุทกุกฺเขปปฺปมาณา สีมนฺตริกา สุวิฺเยฺยตรา โหติ, สีมาสมฺเภทสงฺกา น จ สิยาติ สามีจิทสฺสนตฺถํ ‘‘อฺโ อุทกุกฺเขโป สีมนฺตริกตฺถาย เปตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. ยตฺตเกน ปน สีมาสมฺเภโท น โหติ, ตตฺตกํ เปตุํ วฏฺฏติเยว. เตเนวาหุ โปราณา ‘‘ยตฺตเกน สีมาสงฺกโร น โหติ, ตตฺตกมฺปิ เปตุํ วฏฺฏตี’’ติ. อูนกํ ปน น วฏฺฏตีติ อิทมฺปิ อุทกุกฺเขปสีมาย ปริสวเสน วฑฺฒนโต สีมาสมฺเภทสงฺกา สิยาติ ตํนิวารณตฺถเมว วุตฺตํ.

คจฺฉนฺติยาปน นาวาย กาตุํ น วฏฺฏตีติ เอตฺถ อุทกุกฺเขปมนติกฺกมิตฺวา ปริวตฺตมานาย กาตุํ วฏฺฏตีติ เวทิตพฺพํ. สีมํ วา โสเธตฺวาติ เอตฺถ สีมโสธนํ นาม คามสีมาทีสุ ิตานํ หตฺถปาสานยนาทิ. ‘‘นทึ วินาเสตฺวา ตฬากํ กโรนฺตี’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวติ ‘‘เหฏฺา ปาฬิ พทฺธา’’ติ, เหฏฺานทึ อาวริตฺวา ปาฬิ พทฺธาติ อตฺโถ. ฉฑฺฑิตโมทกนฺติ ตฬากรกฺขณตฺถํ เอกมนฺเตน ฉฑฺฑิตมุทกํ. เทเว อวสฺสนฺเตติ ทุพฺพุฏฺิกาเล วสฺสาเนปิ เทเว อวสฺสนฺเต. อุปฺปติตฺวาติ อุตฺตริตฺวา. คามนิคมสีมํ โอตฺถริตฺวา ปวตฺตตีติ วุตฺตปฺปกาเร วสฺสกาเล จตฺตาโร มาเส อพฺโพจฺฉินฺนา ปวตฺตติ. วิหารสีมนฺติ พทฺธสีมํ สนฺธาย วทติ.

อคมนปเถติ ยตฺถ ตทเหว คนฺตฺวา ปจฺจาคนฺตุํ น สกฺกา โหติ, ตาทิเส ปเทเส อรฺสีมาสงฺขเมว คจฺฉตีติ สตฺตพฺภนฺตรสีมํ สนฺธาย วทติ. เตสนฺติ มจฺฉพนฺธานํ. คมนปริยนฺตสฺส โอรโตติ คมนปริยนฺตสฺส โอริมภาเค ทีปกํ ปพฺพตฺจ สนฺธาย วุตฺตํ, น สมุทฺทปฺปเทสํ.

๑๔๘. สํสฏฺวิฏปาติ อิมินา อฺมฺสฺส อาสนฺนตํ ทีเปติ. พทฺธา โหตีติ ปจฺฉิมทิสาภาเค สีมํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตสฺสา ปเทสนฺติ ยตฺถ ตฺวา ภิกฺขูหิ กมฺมํ กาตุํ สกฺกา โหติ, ตาทิสํ ปเทสํ. ยตฺถ ปน ิเตหิ กมฺมํ กาตุํ น สกฺกา โหติ, ตาทิสํ ปเทสํ อนฺโตกริตฺวา พนฺธนฺตา สีมาย สีมํ สมฺภินฺทนฺติ นาม. ทฺวินฺนํ สีมานํ นิมิตฺตํ โหตีติ นิมิตฺตสฺส สีมโต พาหิรตฺตา สีมาสมฺเภโท น โหตีติ วุตฺตํ. สีมาสงฺกรํ กโรตีติ วฑฺฒิตฺวา สีมปฺปเทสํ ปวิฏฺเ ทฺวินฺนํ สีมานํ คตฏฺานสฺส ทุวิฺเยฺยตฺตา วุตฺตํ, น ปน ตตฺถ กมฺมํ กาตุํ น วฏฺฏตีติ ทสฺสนตฺถํ. น หิ สีมา ตตฺตเกน อสีมา โหติ, ทฺเว ปน สีมา ปจฺฉา วฑฺฒิเตน รุกฺเขน อชฺโฌตฺถฏตฺตา เอกาพทฺธา โหนฺติ, ตสฺมา เอกตฺถ ตฺวา กมฺมํ กโรนฺเตหิ อิตรํ โสเธตฺวา กาตพฺพํ.

คามสีมาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อุโปสถเภทาทิกถาวณฺณนา

๑๔๙. อธมฺเมน วคฺคํ อุโปสถกมฺมนฺติ เอตฺถ ยตฺถ จตฺตาโร วสนฺติ, ตตฺถ ปาติโมกฺขุทฺเทโส อนุฺาโต. ยตฺถ ทฺเว วา ตโย วา วสนฺติ, ตตฺถ ปาริสุทฺธิอุโปสโถ. อิธ ปน ตถา อกตฺวา จตุนฺนํ วสนฏฺาเน ปาริสุทฺธิอุโปสถสฺส กตตฺตา ติณฺณํ วสนฏฺาเน จ ปาติโมกฺขสฺส อุทฺทิฏฺตฺตา ‘‘อธมฺเมนา’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา สพฺเพว น สนฺนิปตึสุ, ฉนฺทปาริสุทฺธิ จ สงฺฆมชฺฌํเยว อาคจฺฉติ, น คณมชฺฌํ, ตสฺมา ‘‘วคฺค’’นฺติ วุตฺตํ.

ปาติโมกฺขุทฺเทสกถาวณฺณนา

๑๕๐. เอวเมตํ ธารยามีติ ‘‘สุตา โข ปนายสฺมนฺเตหี’’ติ เอตฺถ ‘‘เอวเมตํ ธารยามี’’ติ วตฺวา ‘‘อุทฺทิฏฺํ โข อายสฺมนฺโต นิทานํ, สุตา โข ปนายสฺมนฺเตหิ จตฺตาโร ปาราชิกา ธมฺมา’’ติ วตฺตพฺพํ. เตเนว มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘ตตฺถายสฺมนฺเต ปุจฺฉามิ กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา, ทุติยมฺปิ ปุจฺฉามิ…เป… ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามีติ วตฺวา ‘อุทฺทิฏฺํ โข อายสฺมนฺโต นิทาน’นฺติอาทินา นเยน อวเสเส สุเตน สาวิเต อุทฺทิฏฺโ โหตี’’ติ วุตฺตํ. สุเตนาติ สุตปเทน. สวรภยนฺติ วนจรกภยํ. เตนาห ‘‘อฏวิมนุสฺสภย’’นฺติ. ‘‘อวเสสํ สุเตน สาเวตพฺพ’’นฺติ วจนโต นิทานุทฺเทเส อนิฏฺิเต สุเตน สาเวตพฺพํ นาม นตฺถีติ อาห ‘‘ทุติยาทีสุ อุทฺเทเสสู’’ติ. อุทฺทิฏฺอุทฺเทสาเปกฺขฺหิ อวเสสคฺคหณํ, ตสฺมา นิทาเน อุทฺทิฏฺเ ปาราชิกุทฺเทสาทีสุ ยสฺมึ วิปฺปกเต อนฺตราโย อุปฺปชฺชติ, เตน สทฺธึ อวเสสํ สุเตน สาเวตพฺพํ.

ตีหิปิวิธีหีติ โอสารณกถนสรภฺเหิ. เอตฺถ จ อตฺถํ ภณิตุกามตาย สุตฺตสฺส โอสารณา โอสารณํ นาม. ตสฺเสว อตฺถปฺปกาสนา กถนํ นาม. สุตฺตสฺส ตทตฺถสฺส วา สเรน ภณนํ สรภฺํ นาม. สชฺฌายํ อธิฏฺหิตฺวาติ ‘‘สชฺฌายํ กโรมี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา. โอสาเรตฺวา ปน กเถนฺเตนาติ ปมํ อุสฺสาเรตฺวา ปจฺฉา อตฺถํ กเถนฺเตน. มนุสฺสานํ ปน ‘‘ภณาหี’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏตีติ เอตฺถ อุจฺจตเร นิสินฺเนนปิ มนุสฺสานํ ภณาหีติ วิเสเสตฺวาเยว วตฺตุํ วฏฺฏติ, อวิเสเสตฺวา ปน น วฏฺฏติ. สชฺฌายํ กโรนฺเตนาติ ยตฺถ กตฺถจิ นิสีทิตฺวา สชฺฌายํ กโรนฺเตน. เถโรติ โย โกจิ อตฺตนา วุฑฺฒตโร. เอกํ อาปุจฺฉิตฺวาติ เอกํ วุฑฺฒตรํ อาปุจฺฉิตฺวา. อปโร อาคจฺฉตีติ อปโร ตโตปิ วุฑฺฒตโร อาคจฺฉติ.

ปาติโมกฺขุทฺเทสกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปาติโมกฺขุทฺเทสกอชฺเฌสนาทิกถาวณฺณนา

๑๕๕. โจทนาวตฺถุ นาม เอกํ นครํ. สงฺฆอุโปสถาทิเภเทน นววิธนฺติ สงฺเฆ อุโปสโถ คเณ อุโปสโถ ปุคฺคเล อุโปสโถติ เอวํ การกวเสน ตโย, สุตฺตุทฺเทโส ปาริสุทฺธิอุโปสโถ อธิฏฺานุโปสโถติ เอวํ กตฺตพฺพาการวเสน ตโย, จาตุทฺทสิโก ปนฺนรสิโก สามคฺคีอุโปสโถติ เอวํ ทิวสวเสน ตโยติ นววิธํ. จตุพฺพิธํ อุโปสถกมฺมนฺติ อธมฺเมน วคฺคํ อุโปสถกมฺมํ, อธมฺเมน สมคฺคํ อุโปสถกมฺมํ, ธมฺเมน วคฺคํ อุโปสถกมฺมํ, ธมฺเมน สมคฺคํ อุโปสถกมฺมนฺติ เอวํ จตุพฺพิธมฺปิ อุโปสถกมฺมํ. ทุวิธํ ปาติโมกฺขนฺติ ภิกฺขุปาติโมกฺขํ ภิกฺขุนีปาติโมกฺขนฺติ ทุวิธํ ปาติโมกฺขํ. นววิธํ ปาติโมกฺขุทฺเทสนฺติ ภิกฺขูนํ ปฺจ อุทฺเทสา, ภิกฺขุนีนํ เปตฺวา อนิยตุทฺเทสํ อวเสสา จตฺตาโรติ นววิธํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ.

ปกฺขคณนาทิอุคฺคหณานุชานนกถาวณฺณนา

๑๕๘-๑๖๑. สมนฺนาหรถาติ สลฺลกฺเขถ. ปริเยสิตพฺพานีติ ภิกฺขาจาเรน ปริเยสิตพฺพานิ.

ทิสํคมิกาทิวตฺถุกถาวณฺณนา

๑๖๓. อุตุวสฺเสเยวาติ เหมนฺตคิมฺเหสุเยว.

ปาริสุทฺธิทานกถาวณฺณนา

๑๖๔. เยน เกนจิ องฺคปจฺจงฺเคน วิฺาเปตีติ มนสา จินฺเตตฺวา หตฺถปฺปโยคาทินา เยน เกนจิ วิฺาเปติ. สงฺโฆ นปฺปโหตีติ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ อนฺตรา หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา ปฏิปาฏิยา าตุํ นปฺปโหติ. อิตรา ปน พิฬาลสงฺขลิกปาริสุทฺธิ นามาติ เอตฺถ เกจิ วทนฺติ ‘‘พิฬาลสงฺขลิกา พทฺธาว โหติ อนฺโตเคเห เอว สมฺปโยชนตฺตา, ยถา สา น กตฺถจิ คจฺฉติ, ตถา สาปิ น คจฺฉตีติ อธิปฺปาโย. อิตรถา วิเสสนํ นิรตฺถกํ โหตี’’ติ. อปเร ปน ‘‘ยถา พหูหิ มนุสฺเสหิ เอกสฺส พิฬาลสฺส อตฺตโน อตฺตโน สงฺขลิกา คีวาย อาพทฺธา พิฬาเล คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺติ อาพทฺธตฺตา, น อฺสฺมึ พิฬาเล คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺติ อนาพทฺธตฺตา, เอวเมวสฺส ภิกฺขุสฺส พหูหิ สงฺขลิกสทิสา ฉนฺทปาริสุทฺธิ ทินฺนา, สา ตสฺมึ ภิกฺขุสฺมึ คจฺฉนฺเต คจฺฉติ ตสฺมึ สงฺขลิกา วิย อาพทฺธตฺตา, น อฺสฺมึ อนาพทฺธตฺตา’’ติ วทนฺติ. สพฺพมฺเปตํ น สารโต ปจฺเจตพฺพํ. อยํ ปเนตฺถ สาโร – ยถา สงฺขลิกาย ปมวลยํ ทุติยํเยว วลยํ ปาปุณาติ, น ตติยํ, เอวมยมฺปิ ปาริสุทฺธิทายเกน ยสฺส ทินฺนา, ตโต อฺตฺถ น คจฺฉตีติ สงฺขลิกสทิสตฺตา ‘‘พิฬาลสงฺขลิกา’’ติ วุตฺตา. พิฬาลสงฺขลิกคหณฺเจตฺถ ยาสํ กาสฺจิ สงฺขลิกานํ อุปลกฺขณมตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

ฉนฺททานกถาวณฺณนา

๑๖๕. ‘‘สนฺติ สงฺฆสฺส กรณียานี’’ติ วตฺตพฺเพ วจนวิปลฺลาเสน ‘‘กรณีย’’นฺติ วุตฺตํ. ตสฺส สมฺมุติทานกิจฺจํ นตฺถิ. ‘‘หตฺถปาสํ อาเนตพฺโพเยวา’’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ.

สงฺฆุโปสถาทิกถาวณฺณนา

๑๖๘. สงฺฆสนฺนิปาตโต ปมํ กาตพฺพํ ปุพฺพกรณนฺติ วุตฺตํ, ปุพฺพกรณโต ปจฺฉา กาตพฺพมฺปิ อุโปสถกมฺมโต ปมํ กาตพฺพตฺตา ปุพฺพกิจฺจนฺติ วุตฺตํ. อุภยมฺปิ เจตํ อุโปสถกมฺมโต ปมํ กตฺตพฺพตฺตา กตฺถจิ ปุพฺพกิจฺจมิจฺเจว โวหรียติ ‘‘กึ สงฺฆสฺส ปุพฺพกิจฺจ’’นฺติอาทีสุ วิย.

อุโปสโถติ ตีสุ อุโปสถทิวเสสุ อฺตรทิวโส. ตสฺมิฺหิ สติ อิทํ สงฺฆสฺส อุโปสถกมฺมํ ปตฺตกลฺลํ นาม โหติ, นาสติ. ยถาห ‘‘น จ, ภิกฺขเว, อนุโปสเถ อุโปสโถ กาตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๑๘๓). ยาวติกา จ ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตาติ ยตฺตกา ภิกฺขู ตสฺส อุโปสถกมฺมสฺส ปตฺตา ยุตฺตา อนุรูปา สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน จตฺตาโร ภิกฺขู ปกตตฺตา, เต จ โข หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา เอกสีมายํ ิตา. สภาคาปตฺติโย จ น วิชฺชนฺตีติ เอตฺถ ยํ สพฺโพ สงฺโฆ วิกาลโภชนาทินา สภาควตฺถุนา ลหุกาปตฺตึ อาปชฺชติ, เอวรูปา ‘‘วตฺถุสภาคา’’ติ วุจฺจนฺติ. เอตาสุ หิ อวิชฺชมานาสุ วิสภาคาสุ วิชฺชมานาสุปิ ปตฺตกลฺลํ โหติเยว.

วชฺชนียา จ ปุคฺคลา ตสฺมึ น โหนฺตีติ ‘‘น, ภิกฺขเว, สคหฏฺาย ปริสายา’’ติ (มหาว. ๑๕๔) วจนโต คหฏฺโ, ‘‘น, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนิยา นิสินฺนปริสาย ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพ’’นฺติอาทินา (มหาว. ๑๘๓) นเยน วุตฺตา ภิกฺขุนี สิกฺขมานา สามเณโร สามเณรี สิกฺขาปจฺจกฺขาตโก อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนโก อาปตฺติยา อทสฺสเน อุกฺขิตฺตโก อาปตฺติยา อปฺปฏิกมฺเม อุกฺขิตฺตโก ปาปิกาย ทิฏฺิยา อปฺปฏินิสฺสคฺเค อุกฺขิตฺตโก ปณฺฑโก เถยฺยสํวาสโก ติตฺถิยปกฺกนฺตโก ติรจฺฉานคโต มาตุฆาตโก ปิตุฆาตโก อรหนฺตฆาตโก ภิกฺขุนีทูสโก สงฺฆเภทโก โลหิตุปฺปาทโก อุภโตพฺยฺชนโกติ อิเม วีสติ จาติ เอกวีสติ ปุคฺคลา วชฺชนียา นาม, เต หตฺถปาสโต พหิกรณวเสน วชฺเชตพฺพา. เอเตสุ หิ ติวิเธ อุกฺขิตฺตเก สติ อุโปสถํ กโรนฺโต สงฺโฆ ปาจิตฺติยํ อาปชฺชติ, เสเสสุ ทุกฺกฏํ. เอตฺถ จ ติรจฺฉานคโตติ ยสฺส อุปสมฺปทา ปฏิกฺขิตฺตา, โสว อธิปฺเปโต, ติตฺถิยา คหฏฺเเนว สงฺคหิตา. เอเตปิ หิ วชฺชนียา. เอวํ ปตฺตกลฺลํ อิเมหิ จตูหิ องฺเคหิ สงฺคหิตนฺติ เวทิตพฺพํ.

อชฺช เม อุโปสโถ ปนฺนรโสติปีติ ปิ-สทฺเทน ปาฬิยํ อาคตนเยเนว ‘‘อชฺช เม อุโปสโถ’’ติปิ วตฺตุํ วฏฺฏตีติ ทีเปติ. มาติกาฏฺกถายํ (กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ปน ‘‘อชฺช เม อุโปสโถ จาตุทฺทโสติ วา ปนฺนรโสติ วา วตฺวา อธิฏฺามีติ วตฺตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.

สงฺฆุโปสถาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อาปตฺติปฏิกมฺมวิธิกถาวณฺณนา

๑๖๙. นนุ จ ‘‘น, ภิกฺขเว, สาปตฺติเกน อุโปสโถ กาตพฺโพ, โย กเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ เอวํ สาปตฺติกสฺส อุโปสถกรเณ วิสุํ ปฺตฺตา อาปตฺติ น ทิสฺสติ, ตสฺมา ภควตา ปฺตฺตํ ‘‘น สาปตฺติเกน อุโปสโถ กาตพฺโพ’’ติ อิทํ กสฺมา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ยสฺส สิยา อาปตฺติ…เป… ปฺตฺตํ โหตีติ เวทิตพฺพ’’นฺติ. กิฺจาปิ วิสุํ ปฺตฺตา อาปตฺติ น ทิสฺสติ, อถ โข ‘‘ยสฺส สิยา อาปตฺติ, โส อาวิกเรยฺยา’’ติอาทึ วทนฺเตน อตฺถโต ปฺตฺตาเยวาติ อธิปฺปาโย.

ปาริสุทฺธิทานปฺาปเนน จาติ อิมินาว ‘‘สาปตฺติเกน ปาริสุทฺธิปิ น ทาตพฺพา’’ติ ทีปิตํ โหติ. น หิ สาปตฺติโก สมาโน ‘‘ปาริสุทฺธึ ทมฺมิ, ปาริสุทฺธึ เม หร, ปาริสุทฺธึ เม อาโรเจหี’’ติ วตฺตุมรหติ. ตสฺมา ปาริสุทฺธึ เทนฺเตน ปมํ สนฺตี อาปตฺติ เทเสตพฺพา ‘‘อหํ, อาวุโส, อิตฺถนฺนามาย อาปตฺติยา เวมติโก, ยทา นิพฺเพมติโก ภวิสฺสามิ, ตทา ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสามี’’ติ วตฺวา อุโปสโถ กาตพฺโพ. ‘‘ปาติโมกฺขํ โสตพฺพ’’นฺติ วจนโต ยาว นิพฺเพมติโก น โหติ, ตาว สภาคาปตฺตึ ปฏิคฺคเหตุํ น ลภติ, อฺเสฺจ กมฺมานํ ปริสุทฺโธ นาม โหติ. ‘‘ปุน นิพฺเพมติโก หุตฺวา เทเสตพฺพํ น จา’’ติ เนว ปาฬิยํ น อฏฺกถายํ อตฺถิ, เทสิเต ปน โทโส นตฺถิ. ‘‘อิโต วุฏฺหิตฺวา ปฏิกริสฺสามีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย’’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. ยถา สพฺโพ สงฺโฆ สภาคาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ‘‘สุณาตุ เม ภนฺเต, สงฺโฆ…เป… ปฏิกริสฺสตี’’ติ ตฺตึ เปตฺวา อุโปสถํ กาตุํ ลภติ, เอวํ ตีหิ ‘‘สุณนฺตุ เม อายสฺมนฺตา, อิเม ภิกฺขู สภาคํ อาปตฺตึ อาปนฺนา. ยทา อฺํ ภิกฺขุํ สุทฺธํ อนาปตฺติกํ ปสฺสิสฺสนฺติ, ตทา ตสฺส สนฺติเก ตํ อาปตฺตึ ปฏิกริสฺสนฺตี’’ติ คณตฺตึ เปตฺวา, ทฺวีหิ อฺมฺํ อาโรเจตฺวา อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏติ. เอเกนปิ ‘‘ปริสุทฺธํ ลภิตฺวา ปฏิกริสฺสามี’’ติ อาโภคํ กตฺวา กาตุํ วฏฺฏตีติ จ วทนฺติ.

อาปตฺติปฏิกมฺมวิธิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ลิงฺคาทิทสฺสนกถาวณฺณนา

๑๗๙. อาจารสณฺานนฺติ อาจารสณฺิติ. อากรียติ ปกาสียติ เอเตนาติ อากาโร. ลีนํ คมยติ โพเธตีติ ลิงฺคํ. นิมิยนฺติ ปริจฺฉิชฺช ายนฺติ เอเตนาติ นิมิตฺตํ. อุทฺทิสียนฺติ อปทิสียนฺติ เอเตนาติ อุทฺเทโส. ‘‘อมฺหากํ อิท’’นฺติ อฺาตํ อวิทิตนฺติ อฺาตกํ. ตฺจ อตฺถโต ปรสนฺตกํเยวาติ อาห ‘‘อฺเสํ สนฺตก’’นฺติ.

๑๘๐. นานาสํวาสกภาวนฺติ ลทฺธินานาสํวาสกภาวํ. ตสฺส อภิภโว นาม เตสํ ลทฺธิวิสฺสชฺชาปนนฺติ อาห ‘‘ตํ ทิฏฺึ น นิสฺสชฺชาเปนฺตีติ อตฺโถ’’ติ.

นคนฺตพฺพคนฺตพฺพวารกถาวณฺณนา

๑๘๑. อุโปสถาธิฏฺานตฺถํ สีมาปิ นทีปิ น คนฺตพฺพาติ ครุกํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ วิสฺสชฺเชตฺวา ลหุกสฺส อกตฺตพฺพตฺตา วุตฺตํ. อารฺเกนาปิ ภิกฺขุนาติ เอกจาริเกน อารฺกภิกฺขุนา, ยตฺถ วา สงฺฆปโหนกา ภิกฺขู น สนฺติ, ตาทิเส อรฺเ วสนฺเตน. ตตฺถ อุโปสถํ กตฺวาว คนฺตพฺพนฺติ ตสฺส วสนฏฺาเน สงฺฆุโปสถสฺส อปฺปวตฺตนโต วุตฺตํ. อุโปสถนฺตราโยติ อตฺตโน อุโปสถนฺตราโย.

วชฺชนียปุคฺคลสนฺทสฺสนกถาวณฺณนา

๑๘๓. หตฺถปาสุปคมนเมวปมาณนฺติ ภิกฺขุนีอาทโย ิตา วา โหนฺตุ นิสินฺนา วา, เตสํ หตฺถปาสุปคมนเมว อาปตฺติยา ปมาณนฺติ อธิปฺปาโย, ตสฺมา เอกสีมายมฺปิ หตฺถปาสํ ชหาเปตฺวา อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.

อุโปสถกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.