📜

๕. จมฺมกฺขนฺธกํ

โสณโกฬิวิสวตฺถุกถาวณฺณนา

๒๔๒. จมฺมกฺขนฺธเก อุณฺณปาวารณนฺติ อุณฺณามยํ ปาวารณํ. วิหารปจฺฉายายนฺติ วิหารปจฺจนฺเต ฉายายํ. วิหารสฺส วฑฺฒมานจฺฉายายนฺติปิ วทนฺติ.

โสณสฺส ปพฺพชฺชากถาวณฺณนา

๒๔๓. สุตฺตตฺโถ ปน สุตฺตวณฺณนาโตเยว คเหตพฺโพติ เอตฺถายํ สุตฺตวณฺณนา. สีตวเนติ (อ. นิ. อฏฺ. ๓.๖.๕๕) เอวํนามเก วเน. ตสฺมึ กิร ปฏิปาฏิยา ปฺจ จงฺกมนสตานิ มาปิตานิ, เตสุ เถโร อตฺตโน สปฺปายํ จงฺกมนํ คเหตฺวา สมณธมฺมํ กโรติ. ตสฺส อารทฺธวีริยสฺส หุตฺวา จงฺกมโต ปาทตลานิ ภิชฺชึสุ, ชาณูหิ จงฺกมโต ชาณุกานิปิ หตฺถตลานิปิ ภิชฺชึสุ, ฉิทฺทานิ อเหสุํ. เอวํ อารทฺธวีริโย วิหรนฺโต โอภาสนิมิตฺตมตฺตกมฺปิ ทสฺเสตุํ นาสกฺขิ. ตสฺส วีริเยน กิลมิตกายสฺส จงฺกมนโกฏิยํ ปาสาณผลเก นิสินฺนสฺส โย วิตกฺโก อุทปาทิ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ โข อายสฺมโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อารทฺธวีริยาติ ปริปุณฺณปคฺคหิตวีริยา. น อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจตีติ ‘‘สเจ อหํ อุคฺฆฏิตฺู วา วิปฺจิตฺู วา เนยฺโย วา, น เม จิตฺตํ น วิมุจฺเจยฺย, อทฺธา ปน ปทปรโม, เยน เม จิตฺตํ น มุจฺจตี’’ติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา ‘‘สํวิชฺชนฺติ โข ปนา’’ติอาทีนิ จินฺเตสิ. ตตฺถ โภคาติ อุปโยคตฺเถ ปจฺจตฺตํ.

ปาตุรโหสีติ เถรสฺส จิตฺตาจารํ ตฺวา ‘‘อยํ โสโณ อชฺช สีตวเน ปธานภูมิยํ นิสินฺโน อิมํ วิตกฺกํ วิตกฺเกติ, คนฺตฺวาสฺส วิตกฺกํ สโหฑฺฒํ คณฺหิตฺวา วีโณปมกมฺมฏฺานํ กเถสฺสามี’’ติ สีตวเน ปาตุรโหสิ. ปฺตฺเต อาสเนติ ปธานิกภิกฺขู อตฺตโน วสนฏฺาเน โอวทิตุํ อาคตสฺส พุทฺธสฺส ภควโต นิสีทนตฺถํ ยถาลาเภน อาสนมฺปิ ปฺเปตฺวาว ปธานํ กโรนฺติ , อฺํ อลภมานา ปุราณปณฺณานิ สงฺฆริตฺวา อุปริ สงฺฆาฏึ ปฺเปนฺติ. เถโรปิ อาสนํ ปฺเปตฺวาว ปธานํ อกาสิ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ปฺตฺเต อาสเน’’ติ.

ตํกึ มฺสีติ สตฺถา ‘‘อิมสฺส ภิกฺขุโน อวเสสกมฺมฏฺาเนน อตฺโถ นตฺถิ, อยํ คนฺธพฺพสิปฺเป เฉโก จิณฺณวสี, อตฺตโน วิสเย กถิยมาเน ขิปฺปเมว สลฺลกฺเขสฺสตี’’ติ วีโณปมํ กเถตุํ ‘‘ตํ กึ มฺสี’’ติอาทิมาห. วีณาย ตนฺติสฺสเร กุสลตา นาม วีณาย วาทนกุสลตา, โส จ ตตฺถ กุสโล. มาตาปิตโร หิสฺส ‘‘อมฺหากํ ปุตฺโต อฺํ สิปฺปํ สิกฺขนฺโต กาเยน กิลมิสฺสติ, อิทํ ปน อาสเน นิสินฺเนเนว สกฺกา อุคฺคณฺหิตุ’’นฺติ คนฺธพฺพสิปฺปเมว อุคฺคณฺหาเปสุํ. ตสฺส –

‘‘สตฺต สรา ตโย คามา, มุจฺฉนา เอกวีสติ;

านา เอกูนปฺาส, อิจฺเจเต สรมณฺฑลา’’ติ. –

อาทิกํ คนฺธพฺพสิปฺปํ สพฺพเมว ปคุณํ อโหสิ. อจฺจายตาติ อติอายตา ขรมุจฺฉนา. สรวตีติ สรสมฺปนฺนา. กมฺมฺาติ กมฺมกฺขมา กมฺมโยคฺคา. อติสิถิลาติ มนฺทมุจฺฉนา. สเม คุเณ ปติฏฺิตาติ มชฺฌิเม สเร เปตฺวา มุจฺฉิตา.

อจฺจารทฺธนฺติ อติคาฬฺหํ. อุทฺธจฺจาย สํวตฺตตีติ อุทฺธตภาวาย สํวตฺตติ. อติลีนนฺติ อติสิถิลํ. โกสชฺชายาติ กุสีตภาวตฺถาย. วีริยสมถํ อธิฏฺาหีติ วีริยสมฺปยุตฺตํ สมถํ อธิฏฺาหิ, วีริยํ สมเถน โยเชหีติ อตฺโถ. อินฺทฺริยานฺจ สมตํ อธิฏฺาหีติ สทฺธาทีนํ อินฺทฺริยานํ สมตํ สมภาวํ อธิฏฺาหิ. ตตฺถ สทฺธํ ปฺาย, ปฺฺจ สทฺธาย, วีริยํ สมาธินา, สมาธิฺจ วีริเยน โยชยตา อินฺทฺริยานํ สมตา อธิฏฺิตา นาม โหติ. สติ ปน สพฺพตฺถิกา, สา สทาปิ พลวตีเยว วฏฺฏติ. ตฺจ ปน เนสํ โยชนาวิธานํ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๖๐-๖๒) อาคตนเยน เวทิตพฺพํ. ตตฺถ จ นิมิตฺตํ คณฺหาหีติ ตสฺมิฺจ สมภาเว สติ เยน อาทาเส มุขพิมฺเพเนว นิมิตฺเตน อุปฺปชฺชิตพฺพํ, ตํ สมถนิมิตฺตํ วิปสฺสนานิมิตฺตํ มคฺคนิมิตฺตํ ผลนิมิตฺตฺจ คณฺห นิพฺพตฺเตหีติ เอวมสฺส สตฺถา อรหตฺเต ปกฺขิปิตฺวา กมฺมฏฺานํ กเถสิ.

ตตฺถ จ นิมิตฺตํ อคฺคเหสีติ สมถนิมิตฺตฺจ วิปสฺสนานิมิตฺตฺจ อคฺคเหสิ. เอโกติ อสหาโย. วูปกฏฺโติ วตฺถุกาเมหิ จ กิเลสกาเมหิ จ กาเยน เจว จิตฺเตน จ วูปกฏฺโ. อปฺปมตฺโตติ กมฺมฏฺาเน สตึ อวิชหนฺโต. อาตาปีติ กายิกเจตสิกวีริยาตาเปน อาตาโป. อาตปฺปติ กิเลเสหีติ อาตาโป, วีริยํ. ปหิตตฺโตติ กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขตาย เปสิตตฺโต วิสฺสฏฺอตฺตภาโว, นิพฺพาเน วา เปสิตจิตฺโต. น จิรสฺเสวาติ กมฺมฏฺานารมฺภโต น จิเรเนว. อฺตโรติ เอโก. อรหตนฺติ ภควโต สาวกานํ อรหนฺตานํ อพฺภนฺตโร เอโก มหาสาวโก อโหสีติ อตฺโถ.

๒๔๔. วุสิตวาติ วุตฺถพฺรหฺมจริยวาโส. กตกรณีโยติ จตูหิ มคฺเคหิ กตฺตพฺพํ กตฺวา ิโต. โอหิตภาโรติ ขนฺธภารํ กิเลสภารํ อภิสงฺขารภารฺจ โอตาเรตฺวา ิโต. อนุปฺปตฺตสทตฺโถติ สทตฺโถ วุจฺจติ อรหตฺตํ, ตํ ปตฺโตติ อตฺโถ. ปริกฺขีณภวสํโยชโนติ ขีณภวพนฺธโน. สมฺมทฺา วิมุตฺโตติ สมฺมา เหตุนา การเณน ชานิตฺวา วิมุตฺโต. ฉ านานีติ ฉ การณานิ. อธิมุตฺโต โหตีติ ปฏิวิชฺฌิตฺวา ปจฺจกฺขํ กตฺวา ิโต โหติ. เนกฺขมฺมาธิมุตฺโตติอาทิ สพฺพํ อรหตฺตวเสน วุตฺตํ. อรหตฺตฺหิ สพฺพกิเลเสหิ นิกฺขนฺตตฺตา เนกฺขมฺมํ, เตเหว ปวิวิตฺตตฺตา ปวิเวโก, พฺยาปชฺชาภาวโต อพฺยาปชฺชํ, อุปาทานสฺส ขยนฺเต อุปฺปนฺนตฺตา อุปาทานกฺขโย, ตณฺหาย ขยนฺเต อุปฺปนฺนตฺตา ตณฺหกฺขโย, สมฺโมหาภาวโต อสมฺโมโหติ จ วุจฺจติ.

เกวลํ สทฺธามตฺตกนฺติ ปฏิเวธรหิตํ เกวลํ ปฏิเวธปฺาย อสมฺมิสฺสํ สทฺธามตฺตกํ. ปฏิจยนฺติ ปุนปฺปุนํ กรเณน วฑฺฒึ. วีตราคตฺตาติ มคฺคปฏิเวเธน ราคสฺส วิหตตฺตาเยว เนกฺขมฺมสงฺขาตํ อรหตฺตํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา สจฺฉิกตฺวา ิโต โหติ, ผลสมาปตฺติวิหาเรน วิหรติ, ตนฺนินฺนมานโสเยว โหตีติ อตฺโถ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย.

ลาภสกฺการสิโลกนฺติ จตุปจฺจยลาภฺจ เตสํเยว สุกตภาวฺจ วณฺณภณนฺจ. นิกามยมาโนติ อิจฺฉมาโน ปตฺถยมาโน. ปวิเวกาธิมุตฺโตติ ‘‘ปวิเวเก อธิมุตฺโต อห’’นฺติ เอวํ อรหตฺตํ พฺยากโรตีติ อตฺโถ.

สีลพฺพตปรามาสนฺติ สีลฺจ วตฺจ ปรามสิตฺวา คหิตคฺคหณมตฺตํ. สารโต ปจฺจาคจฺฉนฺโตติ สารภาเวน ชานนฺโต. อพฺยาปชฺชาธิมุตฺโตติ อพฺยาปชฺชํ อรหตฺตํ พฺยากโรติ. อิมินาว นเยน สพฺพวาเรสุ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อปิเจตฺถ ‘‘เนกฺขมฺมาธิมุตฺโตติ อิมสฺมึเยว อรหตฺตํ กถิตํ, เสเสสุ ปฺจสุ นิพฺพาน’’นฺติ เอเก วทนฺติ. อปเร ‘‘อสมฺโมหาธิมุตฺโตติ เอตฺเถว นิพฺพานํ กถิตํ, เสเสสุ อรหตฺต’’นฺติ วทนฺติ. อยํ ปเนตฺถ สาโร – ‘‘สพฺเพสฺเวเวเตสุ อรหตฺตมฺปิ นิพฺพานมฺปิ กถิตเมวาติ.

ภุสาติ พลวนฺโต ทิพฺพรูปสทิสา. เนวสฺส จิตฺตํ ปริยาทิยนฺตีติ เอตสฺส ขีณาสวสฺส จิตฺตํ คเหตฺวา าตุํ น สกฺโกนฺติ. กิเลสา หิ อุปฺปชฺชมานา จิตฺตํ คณฺหนฺติ นาม. อมิสฺสีกตนฺติ อมิสฺสกตํ. กิเลสา หิ อารมฺมเณน สทฺธึ จิตฺตํ มิสฺสํ กโรนฺติ, เตสํ อภาวา อมิสฺสีกตํ. ิตนฺติ ปติฏฺิตํ. อาเนฺชปฺปตฺตนฺติ อจลนปฺปตฺตํ. วยฺจสฺสานุปสฺสตีติ ตสฺส เจส จิตฺตสฺส อุปฺปาทมฺปิ วยมฺปิ ปสฺสติ. ภุสา วาตวุฏฺีติ พลวา วาตกฺขนฺโธ. เนว นํ สงฺกมฺเปยฺยาติ เอกภาเคน จาเลตุํ น สกฺกุเณยฺย. น สมฺปกมฺเปยฺยาติ ถูณํ วิย สพฺพภาคโต กมฺเปตุํ น สกฺกุเณยฺย. น สมฺปเวเธยฺยาติ เวเธตฺวา ปเวเธตฺวา ปาเตตุํ น สกฺกุเณยฺย.

เนกฺขมฺมํ อธิมุตฺตสฺสาติ อรหตฺตํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา ิตสฺส. เสสปเทสุปิ อรหตฺตเมว กถิตํ. อุปาทานกฺขยสฺส จาติ อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ. อสมฺโมหฺจ เจตโสติ จิตฺตสฺส จ อสมฺโมหํ อธิมุตฺตสฺส. ทิสฺวา อายตนุปฺปาทนฺติ อายตนานํ อุปฺปาทฺจ วยฺจ ทิสฺวา. สมฺมา จิตฺตํ วิมุจฺจตีติ สมฺมา เหตุนา นเยน อิมาย วิปสฺสนาย ปฏิปตฺติยา ผลสมาปตฺติวเสน จิตฺตํ วิมุจฺจติ, นิพฺพานารมฺมเณ อธิมุจฺจติ. อถ วา อิมินา ขีณาสวสฺส ปุพฺพภาคปฏิปทา กถิตา. ตสฺส หิ อายตนุปฺปาทํ ทิสฺวา อิมาย วิปสฺสนาย อธิคตสฺส อริยมคฺคสฺส อานุภาเวน สพฺพกิเลเสหิ สมฺมา จิตฺตํ วิมุจฺจติ. เอวํ ตสฺส สมฺมา วิมุตฺตสฺส…เป… น วิชฺชติ. ตตฺถ สนฺตจิตฺตสฺสาติ นิพฺพุตจิตฺตสฺส. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมว.

โสณสฺส ปพฺพชฺชากถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

สพฺพนีลิกาทิปฏิกฺเขปกถาวณฺณนา

๒๔๖. อทฺทาริฏฺกวณฺณาติ อภินวาริฏฺผลวณฺณา. อุทเกน ตินฺตกากปตฺตวณฺณาติปิ วทนฺติ.

อชฺฌาราเม อุปาหนปฏิกฺเขปกถาวณฺณนา

๒๔๘. อภิชีวนฺติ เอเตนาติ อภิชีวนิกํ. กินฺตํ? สิปฺปํ. เตนาห ‘‘เยน สิปฺเปนา’’ติอาทิ.

กฏฺปาทุกาทิปฏิกฺเขปกถาวณฺณนา

๒๕๑. อุณฺณาหิ กตปาทุกาติ อุณฺณาโลมมยกมฺพเลหิ, อุณฺณาโลเมหิ เอว วา กตปาทุกา. น, ภิกฺขเว, คาวีนํ วิสาเณสุ คเหตพฺพนฺติอาทีสุ ‘‘โมกฺขาธิปฺปาเยน วิสาณาทีสุ คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ.

ยานาทิปฏิกฺเขปกถาวณฺณนา

๒๕๓. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปุริสยุตฺตํ หตฺถวฏฺฏกนฺติ เอตฺถ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปุริสยุตฺตํ, อนุชานามิ, ภิกฺขเว, หตฺถวฏฺฏก’’นฺติ เอวํ ปจฺเจกวากฺยปริสมาปนํ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘ปุริสยุตฺตํ อิตฺถิสารถิ วา…เป… ปุริสา วา, วฏฺฏติเยวา’’ติ. ปีกสิวิกนฺติ ปีกยานํ. ปาฏงฺกินฺติ อนฺโทลิกาเยตํ อธิวจนํ.

อุจฺจาสยนมหาสยนปฏิกฺเขปกถาวณฺณนา

๒๕๔. วาฬรูปานีติ อาหริมานิ วาฬรูปานิ. ‘‘อกปฺปิยรูปากุโล อกปฺปิยมฺโจ ปลฺลงฺโก’’ติ สารสมาเส วุตฺตํ. ‘‘ทีฆโลมโก มหาโกชโวติ จตุรงฺคุลาธิกโลโม กาฬโกชโว. ‘‘จตุรงฺคุลาธิกานิ กิร ตสฺส โลมานี’’ติ วจนโต จตุรงฺคุลโต เหฏฺา วฏฺฏตีติ วทนฺติ. วานจิตฺโร อุณฺณามยตฺถรโณติ ภิตฺติจฺเฉทาทิวเสน วิจิตฺโร อุณฺณามยตฺถรโณ. ฆนปุปฺผโก อุณฺณามยตฺถรโณติ อุณฺณามยโลหิตตฺถรโณ. ปกติตูลิกาติ รุกฺขตูลลตาตูลโปฏกีตูลสงฺขาตานํ ติณฺณํ ตูลานํ อฺตรปุณฺณา ตูลิกา. ‘‘อุทฺทโลมีติ อุภโตทสํ อุณฺณามยตฺถรณํ. เอกนฺตโลมีติ เอกโตทสํ อุณฺณามยตฺถรณ’’นฺติ ทีฆนิกายฏฺกถายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๕) วุตฺตํ, สารสมาเส ปน ‘‘อุทฺทโลมีติ เอกโต อุคฺคตปุปฺผํ. เอกนฺตโลมีติ อุภโต อุคฺคตปุปฺผ’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘โกเสยฺยกฏฺฏิสฺสมยนฺติ โกเสยฺยกสฏมย’’นฺติ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน วุตฺตํ. สุทฺธโกเสยฺยนฺติ รตนปริสิพฺพนรหิตํ. ทีฆนิกายฏฺกถายํ ปเนตฺถ ‘‘เปตฺวา ตูลิกํ สพฺพาเนว โคนกาทีนิ รตนปริสิพฺพิตานิ วฏฺฏนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘เปตฺวา ตูลิก’’นฺติ เอเตน รตนปริสิพฺพนรหิตาปิ ตูลิกา น วฏฺฏตีติ ทีเปติ. ‘‘รตนปริสิพฺพิตานิ วฏฺฏนฺตี’’ติ อิมินา ปน ยานิ รตนปริสิพฺพิตานิ, ตานิ ภูมตฺถรณวเสน ยถานุรูปํ มฺจาทีสุ จ อุปเนตุํ วฏฺฏตีติ ทีปิตนฺติ เวทิตพฺพํ. เอตฺถ จ วินยปริยายํ ปตฺวา ครุเก าตพฺพตฺตา อิธ วุตฺตนเยเนเวตฺถ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ. สุตฺตนฺติกเทสนายํ ปน คหฏฺานมฺปิ วเสน วุตฺตตฺตา เตสํ สงฺคณฺหนตฺถํ ‘‘เปตฺวา ตูลิกํ…เป… วฏฺฏนฺตี’’ติ วุตฺตนฺติ อปเร.

อชินจมฺเมหีติ อชินมิคจมฺเมหิ. ตานิ กิร จมฺมานิ สุขุมตรานิ, ตสฺมา ทุปฏฺฏติปฏฺฏานิ กตฺวา สิพฺพนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อชินปเวณี’’ติ. อุตฺตรํ อุปริภาคํ ฉาเทตีติ อุตฺตรจฺฉโท, วิตานํ, ตฺจ โลหิตวิตานํ อิธาธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘อุปริพทฺเธน รตฺตวิตาเนนา’’ติ. ‘‘รตฺตวิตาเนสุ จ กาสาวํ วฏฺฏติ, กุสุมฺภาทิรตฺตเมว น วฏฺฏตี’’ติ คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. มหาอุปธานนฺติ ปมาณาติกฺกนฺตํ อุปธานํ. เอตฺถ จ กิฺจาปิ ทีฆนิกายฏฺกถายํ (ที. นิ อฏฺ. ๑.๑๕) ‘‘อโลหิตกานิ ทฺเวปิ วฏฺฏนฺติเยว, ตโต อุตฺตริ ลภิตฺวา อฺเสํ ทาตพฺพานิ, ทาตุํ อสกฺโกนฺโต มฺเจ ติริยํ อตฺถริตฺวา อุปริ ปจฺจตฺถรณํ ทตฺวา นิปชฺชิตุมฺปิ ลภตี’’ติ อวิเสเสน วุตฺตํ, เสนาสนกฺขนฺธกวณฺณนายํ (จูฬว. อฏฺ. ๒๙๗) ปน ‘‘อคิลานสฺส สีสุปธานฺจ ปาทุปธานฺจาติ ทฺวยเมว วฏฺฏติ, คิลานสฺส พิมฺโพหนานิ สนฺถริตฺวา อุปริ ปจฺจตฺถรณํ ทตฺวา นิปชฺชิตุมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตตฺตา คิลาโนเยว มฺเจ ติริยํ อตฺถริตฺวา นิปชฺชิตุํ ลภตีติ เวทิตพฺพํ.

อุจฺจาสยนมหาสยนปฏิกฺเขปกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

คิหิวิกตานุฺาตาทิกถาวณฺณนา

๒๕๖. อภินิสฺสายนิสีทิตุนฺติ อปสฺสาย นิสีทิตุํ.

โสณกุฏิกณฺณวตฺถุกถาวณฺณนา

๒๕๗. ปปตเก ปพฺพเตติ เอตฺถ ‘‘ปวตฺเต ปพฺพเต’’ติปิ ปนฺติ, ปวตฺตนามเก ปพฺพเตติ อตฺโถ. โสโณ อุปาสโกติอาทีสุ (อุทา. อฏฺ. ๔๖) นาเมน โสโณ นาม, ตีหิ สรณคมเนหิ อุปาสกตฺตปฏิเวทเนน อุปาสโก, โกฏิอคฺฆนกสฺส กณฺณปิฬนฺธนสฺส ธารเณน ‘‘โกฏิกณฺโณ’’ติ จ วตฺตพฺเพ ‘‘กุฏิกณฺโณ’’ติ เอวํ อภิฺาโต, น สุกุมารโสโณติ อธิปฺปาโย. อยฺหิ อายสฺมโต มหากจฺจานสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา สาสเน อภิปฺปสนฺโน สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺิโต ปปตเก ปพฺพเต ฉายูทกสมฺปนฺเน าเน วิหารํ กาเรตฺวา เถรํ ตตฺถ วสาเปตฺวา จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺาติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อายสฺมโต มหากจฺจานสฺส อุปฏฺาโก โหตี’’ติ.

โส กาเลน กาลํ เถรสฺส อุปฏฺานํ คจฺฉติ, เถโร จสฺส ธมฺมํ เทเสติ, เตน สํเวคพหุโล ธมฺมจริยายํ อุสฺสาหชาโต วิหรติ. โส เอกทา สตฺเถน สทฺธึ วาณิชฺชตฺถาย อุชฺเชนึ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค อฏวิยํ สตฺเถ นิวิฏฺเ รตฺติยํ ชนสมฺพาธภเยน เอกมนฺตํ อปกฺกมฺม นิทฺทํ อุปคฺฉิ. สตฺโถ ปจฺจูสเวลายํ อุฏฺาย คโต, น เอโกปิ โสณํ ปโพเธสิ, สพฺเพ วิสฺสริตฺวา อคมึสุ. โส ปภาตาย รตฺติยา ปพุชฺฌิตฺวา อุฏฺาย กฺจิ อปสฺสนฺโต สตฺเถน คตมคฺคํ คเหตฺวา สีฆํ สีฆํ คจฺฉนฺโต เอกํ วฏรุกฺขํ อุปคฺฉิ. ตตฺถ อทฺทส เอกํ มหากายํ วิรูปทสฺสนํ พีภจฺฉํ ปุริสํ อฏฺิโต มุตฺตานิ อตฺตโน มํสานิ สยเมว ขาทนฺตํ, ทิสฺวาน ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ ปุจฺฉิ. เปโตสฺมิ, ภนฺเตติ. กสฺมา เอวํ กโรสีติ? อตฺตโน ปุพฺพกมฺเมนาติ. กึ ปน ตํ กมฺมนฺติ? อหํ ปุพฺเพ ภารุกจฺฉนครวาสี กูฏวาณิโช หุตฺวา ปเรสํ สนฺตกํ วฺเจตฺวา ขาทึ, สมเณ จ ภิกฺขาย อุปคเต ‘‘ตุมฺหากํ มํสํ ขาทถา’’ติ อกฺโกสึ, เตน กมฺเมน เอตรหิ อิมํ ทุกฺขํ อนุภวามีติ. ตํ สุตฺวา โสโณ อติวิย สํเวคํ ปฏิลภิ.

ตโต ปรํ คจฺฉนฺโต มุขโต ปคฺฆริตกาฬโลหิเต ทฺเว เปตทารเก ปสฺสิตฺวา ตเถว ปุจฺฉิ, เตปิสฺส อตฺตโน กมฺมํ กเถสุํ. เต กิร ภารุกจฺฉนคเร ทารกกาเล คนฺธวาณิชฺชาย ชีวิกํ กปฺเปนฺตา อตฺตโน มาตริ ขีณาสเว นิมนฺเตตฺวา โภเชนฺติยา เคหํ คนฺตฺวา ‘‘อมฺหากํ สนฺตกํ กสฺมา สมณานํ เทสิ, ตยา ทินฺนํ โภชนํ ภุฺชนกสมณานํ มุขโต กาฬโลหิตํ ปคฺฆรตู’’ติ อกฺโกสึสุ. เต เตน กมฺเมน นิรเย ปจฺจิตฺวา ตสฺส วิปากาวเสเสน เปตโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา ตทา อิมํ ทุกฺขํ อนุภวนฺติ. ตมฺปิ สุตฺวา โสโณ อติวิย สํเวคชาโต อโหสิ.

โส อุชฺเชนึ คนฺตฺวา ตํ กรณียํ ตีเรตฺวา กุรรฆรํ ปจฺจาคโต เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา กตปฏิสนฺถาโร ตมตฺถํ อาโรเจสิ. เถโรปิสฺส ปวตฺตินิวตฺตีสุ อาทีนวานิสํเส วิภาเวนฺโต ธมฺมํ เทเสสิ. โส เถรํ วนฺทิตฺวา เคหํ คโต สายมาสํ ภุฺชิตฺวา สยนํ อุปคโต โถกํเยว นิทฺทายิตฺวา ปพุชฺฌิตฺวา สยนตเล นิสชฺช ยถาสุตํ ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขิตุํ อารทฺโธ. ตสฺส ตํ ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขโต เต จ เปตตฺตภาเว อนุสฺสรโต สํสารทุกฺขํ อติวิย ภยานกํ หุตฺวา อุปฏฺาสิ, ปพฺพชฺชาย จิตฺตํ นมิ. โส วิภาตาย รตฺติยา สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา เถรํ อุปคนฺตฺวา อตฺตโน อชฺฌาสยํ อาโรเจตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อถ โข โสโณ อุปาสโก…เป… ปพฺพาเชตุ มํ, ภนฺเต, อยฺโย มหากจฺจาโน’’ติ.

ตตฺถ ยถา ยถาติอาทิปทานํ อยํ สงฺเขปตฺโถ – เยน เยน อากาเรน อยฺโย มหากจฺจาโน ธมฺมํ เทเสติ อาจิกฺขติ ปฺเปติ ปฏฺเปติ วิวรติ วิภชติ อุตฺตานึ กโรติ ปกาเสติ, เตน เตน เม อุปปริกฺขโต เอวํ โหติ ‘‘ยเทตํ สิกฺขตฺตยพฺรหฺมจริยํ เอกมฺปิ ทิวสํ อขณฺฑํ กตฺวา จริมกจิตฺตํ ปาเปตพฺพตาย เอกนฺตปริปุณฺณํ, เอกทิวสมฺปิ กิเลสมเลน อมลีนํ กตฺวา จริมกจิตฺตํ ปาเปตพฺพตาย เอกนฺตปริสุทฺธํ, สงฺขลิขิตํ ลิขิตสงฺขสทิสํ โธตสงฺขสปฺปฏิภาคํ จริตพฺพํ, อิทํ น สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา อคารมชฺเฌ วสนฺเตน เอกนฺตปริปุณฺณํ…เป… จริตุ’’นฺติ.

เอวํ อตฺตโน ปริวิตกฺกิตํ โสโณ อุปาสโก เถรสฺส อาโรเจตฺวา ตํ ปฏิปชฺชิตุกาโม ‘‘อิจฺฉามหํ ภนฺเต’’ติอาทิมาห. เถโร ปน ‘‘น ตาวสฺส าณํ ปริปากํ คต’’นฺติ อุปธาเรตฺวา าณปริปากํ อาคมยมาโน ‘‘ทุกฺกรํ โข’’ติอาทินา ปพฺพชฺชาฉนฺทํ นิวาเรสิ. ตตฺถ เอกเสยฺยนฺติ อทุติยเสยฺยํ. เอตฺถ จ เสยฺยาสีเสน ‘‘เอโก ติฏฺติ, เอโก คจฺฉติ, เอโก นิสีทตี’’ติอาทินา นเยน วุตฺตํ จตูสุ อิริยาปเถสุ กายวิเวกํ ทีเปติ, น เอกิกา หุตฺวา สยนมตฺตํ. เอกภตฺตนฺติ ‘‘เอกภตฺติโก โหติ รตฺตูปรโต วิรโต วิกาลโภชนา’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๐, ๑๙๔; ม. นิ. ๑.๒๙๓ อ. นิ. ๓.๗๑) เอวํ วุตฺตํ วิกาลโภชนา วิรตึ สนฺธาย วทติ. พฺรหฺมจริยนฺติ เมถุนวิรติพฺรหฺมจริยํ, สิกฺขตฺตยานุโยคสงฺขาตํ สาสนพฺรหฺมจริยํ วา. อิงฺฆาติ โจทนตฺเถ นิปาโต. ตตฺเถวาติ เคเหเยว. พุทฺธานํ สาสนํ อนุยุฺชาติ นิจฺจสีลอุโปสถสีลนิยมาทิเภทํ ปฺจงฺคํ อฏฺงฺคํ ทสงฺคฺจ สีลํ ตทนุรูปฺจ สมาธิปฺาภาวนํ อนุยุฺช. เอตฺหิ อุปาสเกน ปุพฺพภาเค อนุยุฺชิตพฺพํ พุทฺธสาสนํ นาม. เตนาห ‘‘กาลยุตฺตํ เอกเสยฺยํ เอกภตฺตํ พฺรหฺมจริย’’นฺติ.

ตตฺถ กาลยุตฺตนฺติ จาตุทฺทสีปฺจทฺทสีอฏฺมีปาฏิหาริกปกฺขสงฺขาเตน กาเลน ยุตฺตํ, ยถาวุตฺตกาเล วา ตุยฺหํ อนุยุฺชนฺตสฺส ยุตฺตํ ปติรูปํ สกฺกุเณยฺยํ, น สพฺพกาลํ สพฺพนฺติ อธิปฺปาโย . สพฺพเมตํ าณสฺส อปริปกฺกตฺตา ตสฺส กามานํ ทุปฺปหานตาย สมฺมา ปฏิปตฺติยํ โยคฺยํ การาเปตุํ วทติ, น ปพฺพชฺชาฉนฺทํ นิวาเรตุํ. ปพฺพชฺชาภิสงฺขาโรติ ปพฺพชิตุํ อารมฺโภ อุสฺสาโห. ปฏิปฺปสฺสมฺภีติ อินฺทฺริยานํ อปริปกฺกตฺตา สํเวคสฺส จ นาติติกฺขภาวโต วูปสมิ. กิฺจาปิ ปฏิปฺปสฺสมฺภิ, เถเรน วุตฺตวิธึ ปน อนุติฏฺนฺโต กาเลน กาลํ เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ปยิรุปาสนฺโต ธมฺมํ สุณาติ. ตสฺส วุตฺตนเยเนว ทุติยมฺปิ ปพฺพชฺชาย จิตฺตํ อุปฺปชฺชิ, เถรสฺส จ อาโรเจสิ, ทุติยมฺปิ เถโร ปฏิกฺขิปิ. ตติยวาเร ปน าณสฺส ปริปกฺกภาวํ ตฺวา ‘‘อิทานิ นํ ปพฺพาเชตุํ กาโล’’ติ เถโร ปพฺพาเชสิ, ปพฺพชิตฺจ ตํ ตีณิ สํวจฺฉรานิ อติกฺกมิตฺวา คณํ ปริเยสิตฺวา อุปสมฺปาเทสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ทุติยมฺปิ โข โสโณ…เป… อุปสมฺปาเทสี’’ติ.

ตตฺถ อปฺปภิกฺขุโกติ กติปยภิกฺขุโก. ตทา กิร ภิกฺขู เยภุยฺเยน มชฺฌิมเทเสเยว วสึสุ, ตสฺมา ตตฺถ กติปยา เอว อเหสุํ . เต จ เอกสฺมึ คาเม เอโก, เอกสฺมึ นิคเม ทฺเวติ เอวํ วิสุํ วิสุํ วสึสุ. กิจฺเฉนาติ ทุกฺเขน. กสิเรนาติ อายาเสน. ตโต ตโตติ ตสฺมา ตสฺมา คามนิคมาทิโต. เถเรน หิ กติปเย ภิกฺขู อาเนตฺวา อฺเสุ อานียมาเนสุ ปุพฺเพ อานีตา เกนจิเทว กรณีเยน ปกฺกมึสุ, กฺจิ กาลํ อาคเมตฺวา ปุน เตสุ อานียมาเนสุ อิตเร ปกฺกมึสุ. เอวํ ปุนปฺปุนํ อานยเนน สนฺนิปาโต จิเรเนว อโหสิ. เถโรปิ ตทา เอกวิหารี อโหสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘ติณฺณํ วสฺสานํ…เป… สนฺนิปาตาเปตฺวา’’ติ.

วสฺสํวุตฺถสฺสาติ วสฺสํ อุปคนฺตฺวา วุสิตวโต. เอทิโส จ เอทิโส จาติ เอวรูโป จ เอวรูโป จ. ‘‘เอวรูปาย นาม รูปกายสมฺปตฺติยา สมนฺนาคโต, เอวรูปาย ธมฺมกายสมฺปตฺติยา สมนฺนาคโต’’ติ สุโตเยว เม โส ภควา. น จ มยา สมฺมุขา ทิฏฺโติ เอตฺถ ปน ปุถุชฺชนสทฺธาย เอว อายสฺมา โสโณ ภควนฺตํ ทฏฺุกาโม อโหสิ. อปรภาเค ปน สตฺถารา สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยํ วสิตฺวา ปจฺจูสสมยํ อชฺฌิฏฺโ โสฬส อฏฺกวคฺคิยานิ สตฺถุ สมฺมุขา อฏฺึ กตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพํ เจตสา สมนฺนาหริตฺวา อตฺถธมฺมปฏิสํเวที หุตฺวา ภณนฺโต ธมฺมุปสฺหิตปาโมชฺชาทิมุเขน สมาหิโต สรภฺปริโยสาเน วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา สงฺขาเร สมฺมสนฺโต อนุปุพฺเพน อรหตฺตํ ปาปุณิ. เอตทตฺถเมว หิสฺส ภควตา อตฺตนา สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยํ วาโส อาณตฺโตติ วทนฺติ.

เกจิ ปนาหุ ‘‘น จ มยา สมฺมุขา ทิฏฺโติ อิทํ รูปกายทสฺสนเมว สนฺธาย วุตฺตํ. อายสฺมา หิ โสโณ ปพฺพชิตฺวา เถรสฺส สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต อนุปสมฺปนฺโนว โสตาปนฺโน หุตฺวา อุปสมฺปชฺชิตฺวา ‘อุปาสกาปิ โสตาปนฺนา โหนฺติ, อหมฺปิ โสตาปนฺโน, กิเมตฺถ จิตฺต’นฺติ อุปริมคฺคตฺถาย วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อนฺโตวสฺเสเยว ฉฬภิฺโ หุตฺวา วิสุทฺธิปวารณาย ปวาเรสิ. อริยสจฺจทสฺสเนน ภควโต ธมฺมกาโย ทิฏฺโ นาม โหติ. วุตฺตฺเหตํ ‘โย โข, วกฺกลิ, ธมฺมํ ปสฺสติ, โส มํ ปสฺสตี’ติ (สํ. นิ. ๓.๘๗). ตสฺมาสฺส ธมฺมกายทสฺสนํ ปเคว สิทฺธํ, ปวาเรตฺวา ปน รูปกายํ ทฏฺุกาโม อโหสี’’ติ.

ปาสาทิกนฺติอาทิปทานํ อตฺโถ อฏฺกถายเมว วุตฺโต. ตตฺถ วิสูกายิกวิปฺผนฺทิตานนฺติ ปฏิปกฺขภูตานํ ทิฏฺิจิตฺตวิปฺผนฺทิตานนฺติ อตฺโถ. ปาสาทิกนฺติ (อุทา. อฏฺ. ๑๐) วา ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณอสีติอนุพฺยฺชนพฺยามปฺปภาเกตุมาลาลงฺกตาย สมนฺตปาสาทิกาย อตฺตโน สรีรปฺปภาย สมฺปตฺติยา รูปกายทสฺสนพฺยาวฏสฺส ชนสฺส สพฺพภาคโต ปสาทาวหํ. ปสาทนียนฺติ ทสพลจตุเวสารชฺชฉอสาธารณาณอฏฺารสอาเวณิกพุทฺธธมฺมปฺปภุติอปริมาณคุณคณสมนฺนาคตาย ธมฺมกายสมฺปตฺติยา ปริกฺขกชนสฺส ปสาทนียํ ปสีทิตพฺพยุตฺตํ ปสาทกํ วา. สนฺตินฺทฺริยนฺติ จกฺขาทิปฺจินฺทฺริยโลลตาวิคเมน วูปสนฺตปฺจินฺทฺริยํ. สนฺตมานสนฺติ ฉฏฺสฺส มนินฺทฺริยสฺส นิพฺพิเสวนภาวูปคมเนน วูปสนฺตมานสํ. อุตฺตมทมถสมถํ อนุปฺปตฺตนฺติ โลกุตฺตรปฺาวิมุตฺติเจโตวิมุตฺติสงฺขาตํ อุตฺตมํ ทมถํ สมถฺจ อนุปฺปตฺวา อธิคนฺตฺวา ิตํ. ทนฺตนฺติ สุปริสุทฺธกายสมาจารตาย หตฺถปาทกุกฺกุจฺจาภาวโต ทวาทิอภาวโต จ กาเยน ทนฺตํ. คุตฺตนฺติ สุปริสุทฺธวจีสมาจารตาย นิรตฺถกวาจาภาวโต รวาทิอภาวโต จ วาจาย คุตฺตํ. ยตินฺทฺริยนฺติ สุปริสุทฺธมโนสมาจารตาย อริยิทฺธิโยเคน อพฺยาวฏอปฺปฏิสงฺขุเปกฺขาภาวโต จ มนินฺทฺริยวเสน ยตินฺทฺริยํ. นาคนฺติ ฉนฺทาทิวเสน อคมนโต, ปหีนานํ ราคาทิกิเลสานํ อปุนาคมนโต อปจฺจาคมนโต กสฺสจิปิ อาคุสฺส สพฺพถาปิ อกรณโต, ปุนพฺภวสฺส จ อคมนโตติ อิเมหิ การเณหิ นาคํ. เอตฺถ จ ‘‘ปาสาทิก’’นฺติ อิมินา รูปกาเยน ภควโต ปมาณภูตตํ ทีเปติ, ‘‘ปสาทนีย’’นฺติ อิมินา ธมฺมกาเยน. ‘‘สนฺตินฺทฺริย’’นฺติอาทินา เสเสหิ ปมาณภูตตํ ทีเปติ, เตน จตุปฺปมาณิเก โลกสนฺนิวาเส อนวเสสโต สตฺตานํ ภควโต ปมาณภาโว ปกาสิโตติ เวทิตพฺโพ. เอกวิหาเรติ เอกคนฺธกุฏิยํ. คนฺธกุฏิ หิ อิธ ‘‘วิหาโร’’ติ อธิปฺเปโต. วตฺถุนฺติ วสิตุํ.

๒๕๘. อชฺโฌกาเส วีตินาเมตฺวาติ (อุทา. อฏฺ. ๔๖) อชฺโฌกาเส นิสชฺชาย วีตินาเมตฺวา. ‘‘ยสฺมา ภควา อายสฺมโต โสณสฺส สมาปตฺติสมาปชฺชเนน ปฏิสนฺถารํ กโรนฺโต สาวกสาธารณา สพฺพา สมาปตฺติโย อนุโลมปฏิโลมํ สมาปชฺชนฺโต พหุเทว รตฺตึ อชฺโฌกาเส นิสชฺชาย วีตินาเมตฺวา ปาเท ปกฺขาเลตฺวา วิหารํ ปาวิสิ, ตสฺมา อายสฺมาปิ โสโณ ภควโต อธิปฺปายํ ตฺวา ตทนุรูปํ สพฺพา ตา สมาปตฺติโย สมาปชฺชนฺโต พหุเทว รตฺตึ อชฺโฌกาเส นิสชฺชาย วีตินาเมตฺวา ปาเท ปกฺขาเลตฺวา วิหารํ ปาวิสี’’ติ เกจิ วทนฺติ. ปวิสิตฺวา จ ภควตา อนุฺาโต จีวรํ ติโรกรณียํ กตฺวาปิ ภควโต ปาทปสฺเส นิสชฺชาย วีตินาเมสิ. อชฺเฌสีติ อาณาเปสิ. ปฏิภาตุ ตํ ภิกฺขุ ธมฺโม ภาสิตุนฺติ ภิกฺขุ ตุยฺหํ ธมฺโม ภาสิตุํ อุปฏฺาตุ าณมุขํ อาคจฺฉตุ, ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ ภณาหีติ อตฺโถ.

สพฺพาเนว อฏฺกวคฺคิกานีติ อฏฺกวคฺคภูตานิ กามสุตฺตาทีนิ (มหานิ. ๑) โสฬส สุตฺตานิ. สเรน อภาสีติ สุตฺตุสฺสารณสเรน อภาสิ, สรภฺวเสน กเถสีติ อตฺโถ. สรภฺปริโยสาเนติ อุสฺสารณาวสาเน. สุคฺคหิตานีติ สมฺมา อุคฺคหิตานิ. สุมนสิกตานีติ สุฏฺุ มนสิ กตานิ. เอกจฺโจ อุคฺคหณกาเล สมฺมา อุคฺคเหตฺวาปิ ปจฺฉา สชฺฌายาทิวเสน มนสิกรณกาเล พฺยฺชนานิ วา มิจฺฉา โรเปติ, ปทปจฺจาภฏฺํ วา กโรติ, น เอวมยํ. อิมินา ปน สมฺมเทว ยถุคฺคหิตํ มนสิ กตานิ. เตน วุตฺตํ ‘‘สุมนสิกตานีติ สุฏฺุ มนสิ กตานี’’ติ. สูปธาริตานีติ อตฺถโตปิ สุฏฺุ อุปธาริตานิ. อตฺเถ หิ สุฏฺุ อุปธาริเต สกฺกา ปาฬิ สมฺมา อุสฺสาเรตุํ. กลฺยาณิยาปิ วาจาย สมนฺนาคโตติ สิถิลธนิตาทีนํ ยถาวิธานํ วจเนน ปริมณฺฑลปทพฺยฺชนาย โปริยา วาจาย สมนฺนาคโต. วิสฺสฏฺายาติ วิมุตฺตาย. เอเตนสฺส วิมุตฺตวาทิตํ ทสฺเสติ. อเนลคลายาติ เอลํ วุจฺจติ โทโส, ตํ น ปคฺฆรตีติ อเนลคลา, ตาย นิทฺโทสายาติ อตฺโถ. อถ วา อเนลคลายาติ อเนลาย จ อคลาย จ, นิทฺโทสาย อคลิตปทพฺยฺชนาย อปริหีนปทพฺยฺชนายาติ อตฺโถ. ตถา หิ นํ ภควา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ กลฺยาณวากฺกรณานํ ยทิทํ โสโณ กุฏิกณฺโณ’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๙๘, ๒๐๖) เอตทคฺเค เปสิ. อตฺถสฺส วิฺาปนิยาติ ยถาธิปฺเปตํ อตฺถํ าเปตุํ สมตฺถาย.

กติวสฺโสติ โส กิร มชฺฌิมวยสฺส ตติเย โกฏฺาเส ิโต อากปฺปสมฺปนฺโน จ ปเรสํ จิรตรปพฺพชิโต วิย ขายติ. ตํ สนฺธาย ภควา ปุจฺฉีติ เกจิ, ตํ อการณํ. เอวํ สนฺตํ สมาธิสุขํ อนุภวิตุํ ยุตฺโต, เอตฺตกํ กาลํ กสฺมา ปมาทํ อาปนฺโนสีติ ปน อนุยุฺชิตุํ สตฺถา ‘‘กติวสฺโสสี’’ติ ตํ ปุจฺฉิ. เตเนวาห ‘‘กิสฺส ปน ตฺวํ ภิกฺขุ เอวํ จิรํ อกาสี’’ติ. ตตฺถ กิสฺสาติ กึการณา. เอวํ จิรํ อกาสีติ เอวํ จิรายิ, เกน การเณน เอวํ จิรกาลํ ปพฺพชฺชํ อนุปคนฺตฺวา อคารมชฺเฌ วสีติ อตฺโถ. จิรํ ทิฏฺโ เมติ จิเรน จิรกาเลน มยา ทิฏฺโ. กาเมสูติ วตฺถุกาเมสุ กิเลสกาเมสุ จ. อาทีนโวติ โทโส. อปิจาติ กาเมสุ อาทีนเว เกนจิ ปกาเรน ทิฏฺเปิ น ตาวาหํ ฆราวาสโต นิกฺขมิตุํ อสกฺขึ. กสฺมา? สมฺพาโธ ฆราวาโส, อุจฺจาวเจหิ กิจฺจกรณีเยหิ สมุปพฺยูฬฺโห อคาริยภาโว. เตเนวาห ‘‘พหุกิจฺโจ พหุกรณีโย’’ติ.

เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ กาเมสุ ยถาภูตํ อาทีนวทสฺสิโน จิตฺตํ จิรายิตฺวาปิ ฆราวาเส น ปกฺขนฺทติ, อฺทตฺถุ ปทุมปลาเส อุทกพินฺทุ วิย วินิวตฺตติเยวาติ เอตมตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ ปวตฺตึ นิวตฺติฺจ สมฺมเทว ชานนฺโต ปวตฺติยํ ตํนิมิตฺเต จ น กทาจิปิ รมตีติ อิทมตฺถทีปกํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.

ตตฺถ ทิสฺวา อาทีนวํ โลเกติ สพฺพสฺมิมฺปิ สงฺขารโลเก ‘‘อนิจฺโจ ทุกฺโข วิปริณามธมฺโม’’ติอาทีนวํ โทสํ ปฺาจกฺขุนา ปสฺสิตฺวา. เอเตน วิปสฺสนาจาโร กถิโต. ตฺวา ธมฺมํ นิรูปธินฺติ สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺคตฺตา นิรุปธึ นิพฺพานธมฺมํ ยถาภูตํ ตฺวา, นิสฺสรณวิเวกาสงฺขตามตสภาวโต มคฺคาเณน ปฏิวิชฺฌิตฺวา. ‘‘ทิสฺวา ตฺวา’’ติ อิเมสํ ปทานํ ‘‘ฆตํ ปิวิตฺวา พลํ โหติ, สีหํ ทิสฺวา ภยํ โหติ, ปฺาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๗๑) วิย เหตุอตฺถตา ทฏฺพฺพา. อริโย น รมตี ปาเปติ กิเลเสหิ อารกตฺตา อริโย สปฺปุริโส อณุมตฺเตปิ ปาเป น รมติ. กสฺมา? ปาเป น รมตี สุจีติ สุวิสุทฺธกายสมาจาราทิตาย สุจิ สุทฺธปุคฺคโล ราชหํโส วิย อุจฺจารฏฺาเน ปาเป สํกิลิฏฺธมฺเม น รมติ นาภินนฺทติ. ‘‘ปาโป น รมตี สุจิ’’นฺติปิ ปาโ, ตสฺสตฺโถ – ปาโป ปุคฺคโล สุจึ อนวชฺชํ โวทานธมฺมํ น รมติ, อฺทตฺถุ คามสูกราทโย วิย อุจฺจารฏฺานํ อสุจึ สํกิเลสธมฺมํเยว รมตีติ ปฏิปกฺขโต เทสนํ ปริวตฺเตติ.

โสณกุฏิกณฺณวตฺถุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒๕๙. กาฬสีโหติ กาฬมุขวานรชาติ. เสสเมตฺถ ปาฬิโต อฏฺกถาโต จ สุวิฺเยฺยเมวาติ.

จมฺมกฺขนฺธกวณฺณนา นิฏฺิตา.